[แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55  (อ่าน 316743 ครั้ง)

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
เคยคิดว่าคุณสุภาพงษ์ไม่ค่อยก้าวหน้าเรื่องรุกจีบคุณพนิตสักเท่าไร
แต่ได้อ่านตอนนี้แล้ว ขอเปลี่ยนความคิด คุณน้องโจ เธอรุกเงียบ และ คืบหน้าอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง
คาดว่ากว่าคุณพนิตจะรู้ตัว คุณโจก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปซะแล้ว เนียนค่ะ.. เนียน ...  :give2:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
:-[ มาดูเค้าจีบกัน  :-[

ตรงนี้นิดนึงจ้า
ผมก็ได้มาปั่นเรือเป็ดตอนอายุสี่สิบห้า โดยมีคนปั่นเป็นเพื่อนอายุสามสิบสี่ ศิริรวมอายุสองคนรวมกันก็แปดสิบเก้าพอดี >> เจ็ดสิบเก้ารึเปล่า

อ่านตอนแรกไม่เห็นอายุคุณพนิต เอา 89-34= ตกใจคุณพนิตห้าสิบห้ารึนี่  o22

ฮ่าๆ ในที่สุดก็มีคนทักจนได้ บวกผิดจริงค่ะ เพิ่งนึกได้หลังอัพไปแล้ว เดี๋ยวแก้ให้นะคะ^^

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
อร๊ายยยยยยยย

ไปเดทกันที่สวนสัตว์แถมยังมีจับมือเดินอีกต่างหาก

ตอนปั่นเรือเป็ดลุ้น โจให้บอกความรู้สึกกับพี่นิต  สุดท้ายก็แป่ววววว

แต่ไม่เป็นไรโอกาสหน้ายังมี   :o8:    :o8:   :o8:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
น่าจะแย่จริง ๆ นั่นล่ะคุณนิต ^///^

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

เนียนน มาแบบเนียนเลยนะคุณโจ
เรียกชื่อกันแล้ว จั๊กกะจี้หัวใจดีจัง
แอบลุ้นแบบเงียบ เนียนๆอย่างเขามั่ง
+1 ให้นะคะ

ออฟไลน์ pak_kikkok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
ฮ่าาาาาาาาาา หลังจากคุณพนิตใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมานานนับสิบปี :m15:
ตอนนี้ก็กลายเป็นว่าชีวิตอันแสนเรียบง่ายและสงบสุขของคุณพนิตจะเลือนหายไปตั้งแต่คุณสุภาพงษ์เข้ามาเลยนะคะเนี่ย
ไม่ไหวแล้ว อ๊ายยยย น่ารัก!
ฮ่าฮ่า ปกติอยู่บ้าน หยิบอะไรได้ก็ใส่อันนั้นไม่ใช่เร้อออ วันนี้มาแปลก แต่งตัวซะงามปานจะไปออกงาน ฮ่าฮ่า><(แซวๆ)

ก็น้าาาา มีอีกคนอยู่ด้วยนี่นา เนอะเอิ้กๆๆ สุดท้ายก็ตกลงปลงใจไปเที่ยวสวนสัตว์
โอ๊ะ มาน่ารัก! อ่านตอนนี้ บิดไปบิดมาจนตัวจะเ็นเกลียวแล้วล่ะค่ะ

กั้งมาทีไร เป็นเรื่องทุกที ฮ่าฮ่า แอบชอบเวลาโจโกรธเหมือนกันนะ
เพราะเป็นอารมณ์ที่ไม่ค่อยได้เห็นจากโจเท่าไหร่ฮ่าฮ่า
แต่เวลาโจอยู่กับพี่นิตก็น้า...ปากไม่พูดแต่มือนี่ถึงตลอด ฮ่าาา o13

มีแอบเนียนจับมือพี่นิตตลอดเวลาอ่ะโจอ่ะ!!!><
แต่พี่นิตเองก็เนียนให้เค้าจับอยู่ได้นานสองนานเนอะ!(แรงพอกัน..ว่าง่ายๆ ฮ่าฮ่า)

โอ๊ยยย น่ารักไม่ทนแล้วล่ะค่ะคู่นี้ :serius2:

ปล.จริงๆแล้วพี่นิตไม่น่าจะระวังเนื้อระวังตัวขนาดนั้นเล้ยยยย
โจชวนขึ้นห้องก็ขึ้นเลยสิ...จะห่วงทำไมก็ผู้ชายเหมือนกัน ฮ่าาาา(กรี๊ดดดดดด) :really2: (โดนพี่นิตกระโดดถีบขาคู่) :z6:
แต่พี่นิตจะถีบไหวเหรอ แรงวิ่งจะมีหรือเปล่า? :beat:


ปล.ของ ปล. คุณสุภาพงษ์นี่ก็ตรงไม่ไหวจะเคลียร์...ก็นะ..ยอมรับเลยว่าตัวเองเป็นเกย์ ฮ่าฮ่า
ที่ไม่แต่งงานสักทีก็คงรอพี่นิตอยู่ล่ะม้างงงงงงงงงงงงงง อิอิ


สุดท้าย..โกรธตัวเอง เมื่อวานก็เข้ามาเช็คเรื่องนี้ แต่ทำไมมองไม่เห็นว่าคุณ juon มาอัพแล้ว..ฮือฮือฮืออออ :sad4:
แต่มาช้าดีกว่าไม่มานะคะ...คอยดูจะเข้ามาเช็คเรื่องนี้ทุกวันเล้ยยย!!!


เป็นกำลังใจให้กับคนที่บ้าน้ำท่วมเช่นกันค่า


จุดธูปรอเรื่องนี้ต่อไป :call:

RanJeri

  • บุคคลทั่วไป
ฮิ้ววววววววว น้องโจแอบเนียนจับมือพี่พินิตมาแต่เด็กแล้วนี่เอง
ตอนนี้ก็เลยเนียนจับมือบ่อย :laugh: :laugh:

lunar

  • บุคคลทั่วไป
อ่านรวดเดียวจบ 6 ตอน
ทั้งๆ ที่เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรตื่นเต้น หวือหวา
เรื่อยๆ มาเรียงๆแต่อ่านแล้ว....

มีความสุขมากกกกก อ่านไป ยิ้มไป
อารมณ์ประมาณอ่านไป ดูดหวานเย็นไปด้วย


 :call: :call: :call:

 :pig4:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
ใครเป็นพี่นิตไม่ใจแกว่งก็แปลกไปแล้วโดนหนุ่มโจยิ้มหวานจ๊อยใส่ ใจละลายละค๊า

MM.Dog

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ว...ว...ว...
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คืบหน้าไปไว.....เท่าเต่าคลาน!!!

คุณสุภาพงษ์เค้ารุกได้หนักแน่นจริง ๆ แต่คุณพนิตเธอก็แสนจะอ่อนเดียงสา
ขนาดคุณากรมาช่วยเร่งปฏิกิริยาแล้ว  มันก็ยังไม่ไปถึงไหนสักเท่าไรเลย
แต่งานนี้  คุณากรเป็นยอดคุณเพื่อนเลยค่ะ  กด like!!!

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
** ยังคงเป็นผู้อพยพเป็นสัปดาห์ที่สาม ได้เห็นภาพบ้านแล้ว.... เฮ้ย เข้าในบ้านแค่ใต้เข่า (ผู้ใดแอดเฟสบุ๊กข้าพเจ้า อัญเชิญไปดูเอาไว้เตรียมใจได้)

ตอนนี้คุณพนิตไม่ได้ลุยน้ำล่ะ... แต่... แอร๋ยยย ไปอ่านเองล่ะกานนนน   :-[ (อากาศบ้านนี้ร้อน... เก้าอี้ก็ไม่ถนัด ไหล่จะพัง ลุ้นแต่ข่าวน้ำท่วม สมองไม่สามารถเขียนเรื่องซับซ้อนใดๆ ได้ในขณะนี้<<แปลว่าเรื่องอื่นรอไปก่อนนั้นแล... :o8:

----------------------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่7
   ภาพรอยยิ้มของสุภาพงษ์ประทับใจผมก็จริง เรื่องที่เขาชวนไปเที่ยวสวนสัตว์ก็ทำเอาผมมีความสุขไม่น้อย แต่ทุกข์กองใหญ่รอผมอยู่ เพราะพอตื่นขึ้นมาเห็นกระดาษที่คาอยู่ในเครื่องพิมพ์ดีด ที่เพิ่งมีเนื้อหาแค่สี่บรรทัด ผมก็แทบจะยกมือตบหน้าผาก
   โยนเรื่องสวนสัตว์กับรอยยิ้มของสุภาพงษ์ทิ้งไปก่อนแล้วกัน เพราะเท่าที่จำได้ กำหนดส่งต้นฉบับของตอนนี้เหลืออีกไม่กี่วันเองนี่นา...
   แล้วผมจะอ้างได้ไหม ว่าที่ส่งต้นฉบับช้า เพราะมัวแต่ไปเที่ยวกับบรรณาธิการน่ะ....
   อืม.. ผมไม่รู้หรอกว่าสุภาพงษ์จะยอมให้ผมอ้างรึเปล่า แต่โชคดีที่ผมยังมีจิตสำนึกพอ ไม่ได้แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน เพราะอย่างนั้น ต้นฉบับพ่อกระแตรอบนี้ ผมต้องพยายามส่งให้ตรงตามกำหนดให้จงได้
   กำหนดส่งต้นฉบับเรื่องนี้ของผมคือวันที่แปดละยี่สิบของทุกเดือน ยกเว้นเดือนกุมภาพันธ์กับธันวาคมที่อาจจะต้องเลื่อนส่งท้ายเดือนให้เร็วหน่อย ซึ่งสองเดือนที่ว่านั้นก็ยังมาไม่ถึง เพราะผมเพิ่งเริ่มทำงานกับสุภาพงษ์เดือนสาม และตอนนี้ก็ยังไม่สิ้นปี แต่ถึงไม่เร่งส่ง ตอนนี้ผมก็แทบจะคิดเรื่องส่งไม่ทันแล้ว
   ผมเดินไปหยิบปฏิทินมา เพื่อจะทำเครื่องหมายวันส่งต้นฉบับเอาไว้เป็นการเตือนตัวเอง รอบนี้ตรงกับวันศุกร์ ผมวงแล้วก็ตั้งเอาไว้ที่โต๊ะพิมพ์ดีด เพื่อจะได้กระตุ้นตัวเอง จากนั้นก็พยายามเพ่งสมาธิกับกระดาษในเครื่องพิมพ์ดีด ที่เพิ่งมีเนื้อหาอยู่แค่สี่บรรทัด
   แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังนึกเรื่องพ่อกระแตไม่ออก เพราะพอนึกทีไร ใจผมมันพาลจะนึกไปถึงรอยยิ้มของสุภาพงษ์ทุกที อืม... นี่ถ้าผมเขียนต้นฉบับส่งเขาไม่ทัน ผมก็อยากจะโทษว่าเป็นความผิดของเขาขึ้นมาแล้วล่ะ ผมนั่งอยู่พัก ท่าทางจะไม่ได้เรื่อง เลยลองลุกขึ้นเดินไปเดินมาบ้าง ตอนที่เดินผ่านโต๊ะวางโทรศัพท์ก็เห็นโทรศัพท์มือถือที่เขาซื้อให้วางเอาไว้พอดี อืม... สุภาพงษ์บอกว่าจะมาชาร์ตแบ็ตเตอรี่ให้ช่วงวันศุกร์นี่นา
   วันศุกร์!
   ผมเข้าใจความหมายของคำว่า “ตั้งใจจะมาอยู่แล้ว” ของสุภาพงษ์ได้ในวินาทีนั้นเอง จริงสิ วันนั้นมันวันส่งต้นฉบับของผมนี่นา เขาคงแน่ใจว่าผมคงส่งต้นฉบับเลทอีกแน่ๆ ถึงได้พูดแบบนั้นออกมา
   ทำไงได้ เขาเป็นบรรณาธิการ ผมเป็นนักเขียนที่เขียนเรื่องให้เขานี่ ความสัมพันธ์ควรจะเป็นยังไง ตัวผมที่อายุปาไปตั้งสี่สิบห้าควรจะรู้ดีกว่าใครอยู่แล้ว
   พอรู้ว่าสุภาพงษ์จะมาเพราะต้นฉบับ สมองผมก็เลิกคิดถึงเรื่องรอยยิ้มของเขาได้ทันทีทันใด หลังจากเดินออกไปดูนั่นดูนี่ในสวนได้สักพัก เรื่องของพ่อกระแตก็ค่อยๆ ไหลเข้ามาในหัวของผม ผมรีบเดินกลับเข้าไปบ้าน ตรงไปยังเครื่องพิมพ์ดีด จัดการพิมพ์เนื้อหาต่อจากของเดิมที่ค้างไว้
   พ่อกระแตตัดสินใจหอบลูกเมียหนีออกจากบ้านหลังนั้นแล้ว....
   ดูซิว่าถ้าผมมีต้นฉบับส่งก่อนวันศุกร์ สุภาพงษ์ยังจะอยากมาบ้านผมอยู่อีกไหม.....
------------------------------------------------
   เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจในรอบหลายเดือน ไม่ต้องรอให้ถึงวันศุกร์ ผมก็มีต้นฉบับตอนล่าสุด เสร็จพร้อมจะส่งเรียบร้อยแล้ว แถมยังพิมพ์เนื้อหาของตอนต่อไปรอไว้อีกหลายหน้าด้วย ดังนั้น พอถึงวันพฤหัสฯ ผมก็ตัดสินใจว่าจะจับรถ เอาต้นฉบับไปส่งที่สำนักพิมพ์
   แต่ตอนที่กำลังจะปิดประตูบ้าน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมเลยต้องผละมือจากกุญแจบ้าน เดินเข้าไปรับโทรศัพท์ พลางนึกสงสัยว่า ใครหนอโทรมา
   “ขอสายคุณพนิตครับ”
   เสียงฟังดูคุ้นๆ เหมือนกัน แต่ผมนึกไม่ออกว่าเสียงใคร ก็เลยถามกลับไป “พูดสายอยู่ครับ ใครหรือ?”
   “ผมกั้งนะครับคุณพนิต น้องที่เคยหอมแก้มคุณวันก่อนนะ”
   อืม.... เขาไม่ต้องใช้ประโยคขยายความขนาดนี้ผมก็พอจะนึกหน้าเขาออกแล้วล่ะ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร เขาก็พูดขึ้นต่อ “คุณพนิต วันนี้คุณพนิตไม่มีธุระอะไรใช่ไหมครับ?”
   ผมมองซองใส่ต้นฉบับในมือ แล้วตอบเขาไป “ผมว่าจะไปส่งต้นฉบับน่ะ”
   “งั้นดีเลยครับ” เสียงปลายสายพูดตอบเร็วปรื๋อ “คุณพนิตรออยู่ที่บ้านนะครับ เดี๋ยวผมไปรับ เอามือถือที่ไอ้โจซื้อให้กับสายชาร์ตใส่กระเป๋าเตรียมไว้ด้วยนะ”
   “หา?” ผมร้องออกไปด้วยความงุนงง ได้ยินเสียงทางนั้นพูดต่อ “ตามนั้นแหละครับคุณพนิต แต่งตัวหล่อๆ นะครับ เดี๋ยวอีกยี่สิบนาทีผมคงถึงบ้านคุณ”
   พูดจบแล้วเขาก็วางสาย ทิ้งให้ผมนั่งอึ้งๆ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เพราะมือถือที่สุภาพงษ์ซื้อให้วางอยู่ตรงโต๊ะวางโทรศัพท์อยู่แล้ว ผมเลยหยิบขึ้นมา แล้วเดินไปหยิบสายชาร์ต จากนั้นก็เดินไปรื้อเอาถุงผ้าที่พับเก็บอยู่ในตู้เผื่อใช้ใส่ของอะไรออกมา ใส่ทั้งซองต้นฉบับและโทรศัพท์มือถือพร้อมสายชาร์ตลงไปในนั้น   ผมเก็บของเตรียมใส่ถุงผ้าเสร็จ ก็เดินมานั่งตรงเก้าอี้ยาว พลางนึกว่าทำไมคุณากรถึงโทรมาแบบนี้นะ หรือว่าจะวางแผนอะไรกับสุภาพงษ์อีก แต่ผมจะไปส่งต้นฉบับที่สำนักงานเขาอยู่แล้ว เขาจะลำบากให้คุณากรมารับผมทำไม ผมนั่งนึกๆ อยู่สักพัก ก็เห็นว่าท่าจะไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรแน่ๆ เลยหยิบรีโมทขึ้นมากดเปิดโทรทัศน์ดูพลางๆ เอาเถอะ เวลาส่งต้นฉบับมันพรุ่งนี้ ผมยังไม่รีบร้อนจะไปอะไรหรอก
   นั่งดูโทรทัศน์อยู่เพลินๆ เสียงบีบแตรรถก็ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก คิ้วขมวดเข้าหากันทันที ก่อนจะเดินไปดูตรงประตูบ้าน
   “คุณพนิต!” ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนสวมแว่นตากันแดดทรงวัยรุ่น ยืนโบกมือให้ผมอยู่หน้าบ้าน ตอนแรกผมยังนึกสงสัยว่าเจ้าหมอนี่เป็นใครกัน แต่พอเขาถอดแว่นออก ผมก็แทบจะร้องอ๋อทันที
   “รอเดี๋ยวนะ คุณกั้ง” ผมตะโกนตอบไป ก่อนจะเดินไปปิดโทรทัศน์ แล้วหยิบถุงผ้า ล็อกกุญแจบ้าน แล้วเดินไปหาเขา พอเห็นผมเดินไป คุณากรก็พูดขึ้นมาทันที “แหม.. ผมคิดว่าคุณพนิตจะชวนผมเข้าไปในบ้านซะอีก”
   ผมขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ “อ้าว ไหนคุณว่าจะมารับผมไง?”
   “ครับๆ” อีกฝ่ายตอบยิ้มๆ “ไว้วันหลังก็ได้ ขึ้นรถเถอะครับ”
   ผมมองหน้าเขาอยู่พัก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจก้าวขึ้นรถ “มีเรื่องอะไรน่ะ คุณกั้ง”
   คุณากรตอบผมยิ้มๆ “เดี๋ยวก็รู้ครับ คุณพนิต”
   ความจริงแล้วผมกับคุณากรไม่ได้สนิทอะไรกันมาก ผมเคยเจอเขาแค่สองครั้ง คราวแรกเขาเอาหนังสือของสุภาพงษ์มาขอลายเซนผม คราวก่อนเขาก็มาขอหอมแก้มผมอีก คราวนี้เขาโทรมาบอกให้ผมเตรียมนั้นเตรียมนี่ แล้วก็ไม่บอกผมอีกว่าจะพาไปไหน พูดให้ตรงแล้วสิ่งที่เขาทำอยู่นี่ค่อนข้างจะเสียมารยาทกับผมมากเลยล่ะ แต่เพราะผมไม่ค่อยสนิทกับเขา ก็เลยไม่อยากจะติงอะไร อีกอย่าง ท่าทางร่าเริงของเขาก็ทำเอาผมติไม่ออก เอาเถอะ เขาคงไม่หลอกผมไปทำอะไรบ้าๆ หรอก ผมอายุปูนนี้ สมบัติอะไรก็ไม่ค่อยมี ใครจะอยากพาไปทำอะไรนักหนา
   
   คุณากรขับรถมาจอดที่คอนโดฯแห่งหนึ่ง ผมมองแล้วก็รู้สึกคุ้นๆ เลยถามเขาออกไป “นี่คอนโดฯของสุภาพงษ์นี่”
   “ครับ แหม... คุณพนิตจำได้ด้วยหรือครับ โจมันคงดีใจแน่ๆ” คุณากรหันมาพูดตอบผมหน้าระรื่น ผมจ้องหน้าเขา แล้วพูดตอบไป “คุณกั้ง ผมกำลังจะไปส่งต้นฉบับที่สำนักงานของเขาอยู่แล้ว คุณพาผมมาที่นี่ทำไมน่ะ”
   “คุณพนิตกำลังจะออกไปหาไอ้โจหรือครับ?!” คุณากรพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจเกินเหตุ ผมเลยต้องตีหน้าเครียดใส่เขา “ผมจะไปส่งต้นฉบับเขา พรุ่งนี้ก็ถึงกำหนดแล้ว ผมไม่ได้จะไปหาเขา แค่จะไปส่งต้นฉบับ”
   “ครับๆ” คุณากรพูด แต่ก็ดูไม่ได้ทุกข์ไม่ได้ร้อนอะไรกับท่าทางขึงขังของผมเลย เขาจอดรถแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออก จากนั้นก็หันมาพูดอีก “ไปกันเถอะครับ ไปส่งต้นฉบับกัน”
   แล้วคุณากรก็ลงจากรถ ผมเลยต้องลงจากรถด้วย ทั้งๆ ที่ยังรู้สึกหงุดหงิดกับพฤติกรรมของเขาอยู่ จากนั้นเขาก็พาผมขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน
   เดี๋ยวก่อนสิ!!
   “คุณกั้ง” ผมพูดทันที พอเห็นเขาพามาที่ลิฟต์ “นี่อย่าบอกนะว่าคุณจะพาผมไปส่งต้นฉบับที่ห้องเขาน่ะ”
   “ก็อย่างนั้นแหละครับ” คุณากรตอบผมยิ้มๆ แต่ผมไม่ยิ้มด้วย ตีหน้าบึ้งใส่เขาไปอีกหนหนึ่ง “นี่ คุณกั้ง ผมไม่ได้มีหน้าที่จะต้องมาส่งต้นฉบับให้เขาดูถึงห้องหรอกนะ พวกคุณจะเล่นอะไรกัน หัดเห็นหัวผู้ใหญ่บ้างสิ ผมกลับล่ะ”
   พูดจบผมก็หันหน้า แล้วเดินออกมาทันที ผมว่านี่มันเกินไปแล้วล่ะ สองคนนี่วางแผนอะไรกันผมไม่รู้หรอก แต่จู่ๆ ก็พาผมมาส่งฉบับให้กับสุภาพงษ์ถึงห้อง นี่เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน เป็นแค่บรรณาธิการแล้วจะมีสิทธิ์ทำกับผมขนาดนี้หรือไง
   ผมจะกลับไปดูสัญญาว่าเหลือกับเขาอีกกี่เดือนกี่ตอน จะได้หาทางย้ายสำนักพิมพ์สักที!
   “เดี๋ยวก่อนครับ!” คุณากรเรียกผมเสียงหลง แต่ผมโมโหเกินกว่าจะหันไปมองหน้าเขาแล้วล่ะ ผมตั้งใจจะเดินออกมาทั้งอย่างนั้น แต่กลับถูกเขาฉวยมือเอาไว้ แถมดึงก็ไม่ออกซะด้วยสิ สุดท้ายผมก็ต้องหันหน้ากลับไป “อะไรอีกล่ะ?”
   คุณากรทำหน้าหงอยมองผม แล้วพูดเสียงเศร้า “ผมขอโทษนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น”
   ผมเขม่นตามองเขา เจ้าตัวช้อนตาจ้องตอบผม ทำท่าอ้อนซะด้วย อืม.... ทำกับผมแบบนี้ อ้อนไปผมก็ไม่ใจอ่อนหรอก พวกเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนี่…
   “ไม่ต้องส่งต้นฉบับก็ได้ครับ ผมแค่อยากให้คุณมาดูไอ้โจเฉยๆ มันไม่สบายหนักน่ะครับ ไม่ ผมเลยคิดว่าถ้าพาคุณมาแล้ว มันอาจจะดีขึ้นก็ได้”
   “เขาไม่สบายหรือ?” ผมถามออกไปอย่างลืมตัว “เป็นอะไรน่ะ”
   “ขึ้นไปดูก่อนเถอะครับ” คุณากรพูดด้วยสีหน้าจริงจัง จนผมอดใจหายไปด้วยไม่ได้ จากนั้นเขาก็จูงผมเข้าลิฟต์
--------------------------------------------
   ห้องของสุภาพงษ์อยู่ชั้นสิบเอ็ด เลขที่ห้องอะไรผมไม่เปิดเผยแล้วกัน เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา คุณากรพาผมมาถึงแล้ว แทนที่จะเคาะประตู กลับล้วงกุญแจขึ้นมาไขห้องเข้าไป จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่า พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันรึเปล่า เพราะคราวที่แล้วผมก็เจอคุณากรที่คอนโดฯของสุภาพงษ์ครั้งหนึ่งแล้ว แถมเหมือนเขาจะไปช่วยแต่งตัวให้สุภาพงษ์ในห้องด้วย
   “คุณกั้ง คุณกับสุภาพงษ์ พักอยู่ที่นี่ด้วยกันหรือ?”
   คุณากรที่กำลังปิดกุญแจอยู่ หันมามองผม ยิ้มพลางสั่นศีรษะ “เดี๋ยวนี้ไม่แล้วล่ะครับ”
   “อ้อ..” ผมส่งเสียงออกไป นึกในใจว่า ก่อนหน้านี้เขาคงจะอยู่ด้วยกันล่ะมั้ง อืม... ท่าทางพวกเขาสนิทกันดี คงเคยเป็นรูมเมทกันมาก่อนนั่นแหละ จากนั้นคุณากรก็ผลักประตูเข้าไป
   ห้องของสุภาพงษ์กว้างอยู่พอสมควร ผมเคยไปคอนโดฯของเพื่อนมาบ้าง เลยพอรู้ว่าเป็นแบบห้องแยก มีเคาน์เตอร์ครัวอยู่ด้านหน้า แล้วก็มีโซฟา จากนั้นก็เป็นประตูห้อง... อืม ห้องเขาไม่ได้รกอะไรหรอก มีแต่หนังสือวางอยู่เป็นแถวๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นนิตยาสารในเครือของเขานั่นแหละ
   สุภาพงษ์นอนอยู่ที่โซฟา พอได้ยินเสียงเปิดประตูก็ส่งเสียงเหมือนคนคัดจมูก “มาทำไมอีกน่ะ”
   คุณากรทำหน้าบึ้งนิดๆ แล้วตอบเสียงขึ้นจมูก “เอายาวิเศษมาส่ง ลืมตามาดูหน่อยสิ”
   “อืม...” อีกฝ่ายส่งเสียงอย่างรำคาญ ก่อนจะผงกหัวขึ้นมา ลืมตามองหน่อยหนึ่ง จากนั้นก็ลุกพรวดพราดขึ้นมาอย่างกับถูกน้ำร้อนลวก
   “พี่นิต!?” สุภาพงษ์เรียกชื่อผมเสียงหลง ผมมองหน้าเขา เห็นอยู่ว่าแดงจัดเลย ท่าทางเขาจะไม่สบายจริงๆ น่ะแหละ
   “เห็นว่าไม่สบาย เป็นหวัดหรือ?” ผมถามออกไป เพราะได้ยินเสียงเขาอู้อี้กว่าปกติ สุภาพงษ์มองผมตาค้างอยู่พักใหญ่ ถึงพอจะพูดออกมาได้ “พี่นิตมาได้ไงน่ะครับ กั้งไปรับมาหรือ?”
   “อืม...” ผมตอบเขาไป สุภาพงษ์กะพริบตาปริบๆ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ก็จามฟืดออกมา
   “ขอโทษนะครับ” เขาพูด พลางเอามือป้องจมูก แล้วรีบเดินหายเข้าไปในห้อง จากนั้นก็กลับออกมาพร้อมผ้าขนหนูเช็ดหน้าผืนหนึ่ง “พี่นิตอย่าเข้ามาใกล้นะครับ เดี๋ยวจะติดหวัด”
   ผมเห็นสภาพเขาแล้ว คงยืนดูห่างๆ ไม่ได้หรอก เลยก้าวเท้าเข้าไปใกล้ ยกมือขึ้นแตะดูว่าเขาไข้ขึ้นสูงมากรึเปล่า อืม... ตัวเขาร้อนจี๋ขนาดนี้ คงไม่ใช่อาการหวัดธรรมดาแล้วล่ะมั้ง
   “สุภาพงษ์ ไปหาหมอหรือยังน่ะ” ผมถามเขาหลังจากนั้น สุภาพงษ์มองหน้าผม แล้วพยักหน้า “หาแล้วล่ะครับ เมื่อเช้านี้เอง ผมฉีดยาแล้ว พรุ่งนี้คงพอจะทุเลา..” พูดไม่ทันจบดีเขาก็จามอีก ดีที่ยกผ้าปิดจมูกเอาไว้ทัน จากนั้นเขาก็หันมาพูดกับผมทั้งๆ ที่ยังปิดจมูกด้วยผ้าเช็ดหน้าอยู่ “พี่นิตกลับไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวจะติดหวัดเอา”
   เฮ้อ... นี่ถ้าเขาจะพูดแบบนี้ล่ะก็ เขาก็ควรจะห้ามคุณากรไม่ให้ไปรับผมมาตั้งแต่แรกสิ อืม.. หรือเขาจะมีคุณากรคอยดูแลอยู่แล้วนะ
   ผมคิดแล้วก็เลยหันกลับไปมองพ่อหนุ่มคนนั้น ปรากฏว่าเขาหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมมองอยู่พัก ก็ต้องส่งเสียงเรียกไป “คุณกั้ง ไปไหนแล้วน่ะ”
   “เข้าห้องน้ำครับ” เสียงคุณากรดังออกมาจากประตูอีกฟากหนึ่ง ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วหันมาหาสุภาพงษ์อีกครั้ง
   “งั้นก็พักผ่อนเยอะๆ แล้วกัน ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องต้นฉบับหรอกนะ ผมเขียนเสร็จแล้ว” ผมว่า เพราะไม่อยากให้เขาถ่อสังขารทั้งที่ไข้หนักแบบนี้ไปทวงต้นฉบับถึงบ้านผม สุภาพงษ์เม้มริมฝีปากหน่อยๆ “งั้นหรือครับ...”
   ผมมองหน้าเขา รู้สึกแปลกใจอยู่พอสมควร ความจริงเขาควรจะทำหน้าดีใจสิ ที่ได้ยินว่าผมเขียนต้นฉบับเสร็จ ไหงดันทำหน้าเหมือนผิดหวังที่ได้ยินแบบนั้นล่ะ หรือเขามีปัญหาอะไรกับต้นฉบับของผมคราวที่แล้วรึเปล่า แต่ถ้ามี ก็น่าจะบอกแล้วสิ... ไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ
   สุภาพงษ์เม้มปากอยู่สักพัก ก็เงยหน้าขึ้นมามองผม “พี่นิต พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปเอาต้นฉบับแล้วกันนะครับ”
   ผมยิ้มให้เขา “ไม่ต้องหรอก ผมเอามาด้วยแล้วล่ะ ตอนแรกกะว่าจะเอาไปส่งที่สำนักงาน พอดีว่าคุณกั้งโทรมาก่อนน่ะ”
   “เขาบอกหรือครับว่าผมไม่สบาย?” สุภาพงษ์ถามต่อ ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง อันที่จริงคุณากรเพิ่งบอกผมตอนที่มาถึงคอนโดฯนี่เอง แต่เอาน่ะ เขาก็บอกผมล่ะ
   “อืม”
   สุภาพงษ์เบิ่งตามองผม จากนั้นก็ขยับตัวขึ้นมา แต่ยังไม่ทันพูดอะไร ก็จามออกมาอีก ผมเลยดันตัวเขาให้นอนลงไปเหมือนเดิม
   “สุภาพงษ์ ผมว่าคุณพักผ่อนเถอะ”
   เขาช้อนตามองผม พูดทั้งๆ ที่ยังมีผ้าเช็ดหน้าปิดปากปิดจมูกอยู่อีกแล้ว “พี่นิต.....”
   ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรมากกว่าเรียกชื่อผมรึเปล่านะ แต่ผมไม่ทันได้ยินเสียงเขาหรอก เพราะเสียงของคุณกรดังแทรกขึ้นแทน “คุณพนิต ผมไปก่อนนะ”
   ผมหันขวับกลับไปหาเจ้าของเสียงทันที “ไปไหนน่ะ?”
   “ทำงานสิครับ นี่ผมโดดงานมานะเนี่ย” คุณากรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะหยิบกุญแจขึ้นมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ “ผมวางกุญแจไว้ตรงนี้นะครับ ไปนะ”
   เขาพูดแล้วรีบเดินออกจากประตูไปเร็วปรื๋อ จนผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ พอเห็นว่าวิ่งไล่ตามเขาออกไปก็คงจะไม่เหมาะ เลยหันกลับมาหาสุภาพงษ์แทน
   ตอนผมหันกลับมา ตาของสุภาพงษ์ก็ปิดไปแล้ว ผมเลยยกมือขึ้นอังหน้าผากเขาเบาๆ ตัวเขายังร้อนจี๋อยู่เลย ท่าทางจะเพลียเพราะพิษไข้ ถึงเขาจะบอกว่าไปหาหมอมา ฉีดยาแล้ว แต่ปล่อยให้ตัวร้อนแบบนี้ไม่ดีหรอก ผมเลยถือวิสาสะเดินเข้าห้องน้ำในห้องเขา เห็นมีกะละมังใบเล็กๆ อยู่ใบหนึ่ง จึงเอามารองน้ำ แล้วถือออกมา โชคดีที่ผมพกผ้าเช็ดหน้าติดตัวมาด้วย แถมยังไม่ได้ใช้ เลยพอจะเอามาชุบน้ำ เช็ดตัวลดอาการไข้ให้สุภาพงษ์ได้บ้าง
   พอผมแตะผ้าตรงหน้าผาก เขาก็สะดุ้งแล้วลืมตาขึ้นมองทันที “พี่นิต...”
   ผมยิ้มให้เขา แล้วพูดปลอบ “ผมจะเช็ดตัวให้ คุณจะได้สบายขึ้น”
   สุภาพงษ์มองหน้าผมอยู่พัก ก็พยักหน้า ผมเลยเริ่มเช็ดตัวเขา ตัวเขาร้อนมากจริงๆ นั่นแหละ ผมเช็ดหน้าเขาแล้ว ก็เลยมาเช็ดแขนด้วย โชคดีที่เขาใส่เสื้อยืดแขนสั้น ผมเลยพอจะเช็ดตามแขนกับข้อพับเขาได้บ้าง เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นสุภาพงษ์หลับไปแล้ว ผมเลยเอาน้ำไปเท ล้างกะละมัง ซักผ้าเช็ดหน้า ผึ่งเอาไว้แถวๆ อ้างล้างหน้า แล้วก็ถือวิสาสะ เข้าไปหยิบผ้าห่มในห้องนอนของเขา มาคลุมตัวเขาเอาไว้ จากนั้นก็เปิดหน้าต่าง เปิดพัดลมเบาๆ พอให้อากาศได้ถ่ายเทบ้าง
   คอนโดฯของสุภาพงษ์ไม่แคบไม่กว้าง คนเดียวอยู่สบาย สองคนก็พอจะอยู่ได้ ตอนเข้าไปเอาน้ำในห้องน้ำ ผมเห็นตรงที่เสียบแปรงสีฟันตรงอ่างล้างหน้ามีแปรงสีฟันเสียบอยู่อันเดียว บางทีเขาอาจจะพักอยู่คนเดียวก็ได้ น่าสงสารจัง เวลาไม่สบายหนักๆ แล้วอยู่คนเดียวนี่มันเหงานะ ถึงผมจะไม่ป่วยมาหลายปีแล้ว แต่ก็พอเข้าใจความรู้สึกของคนที่อยู่คนเดียวเวลาไม่สบายหรอก
   ผมจัดการอะไรเสร็จ ก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา เห็นว่าเที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว เลยตัดสินใจว่าจะลงไปหาอะไรทานเป็นมื้อเที่ยงเสียหน่อย เขาไข้ขนาดนั้นคงไม่ละเมอตกจากโซฟาระหว่างที่ผมลงไปทานข้าวหรอกนะ
------------------------------------------
   โชคดีที่คอนโดฯเขาอยู่ใกล้ๆ กับห้างฯ ผมทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารแถวนั้นเสร็จแล้ว ก็เลยพาตัวเองฝ่าอากาศเย็นๆ ของห้างฯ เพื่อไปหาซื้อของเพื่อทำกับข้าวเผื่อสุภาพงษ์ กว่าจะกลับมาถึงห้องเขาก็เกือบบ่ายสองเข้าไปแล้ว พอไขกุญแจเปิดประตูเข้าไป ผมก็ต้องเลิกคิ้วนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าสุภาพงษ์ตื่นแล้ว และกำลังนั่งอ่านอะไรซักอย่างอยู่ พอผมเดินเข้าไป เขาก็หันมาทันที
   “พี่นิต... ขอบคุณนะครับ” สุภาพงษ์พูด แล้วยิ้มนิดๆ ตามความสามารถในการยิ้มปกติของเขา ผมมองหน้าเขา แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “ดีขึ้นแล้วหรือ?”
   “พอส่างไข้แล้วล่ะครับ” เขาตอบผม แล้วก็รีบเดินเข้ามาหา “พี่นิตซื้อของมาหรือครับ?”
   “อืม... ว่าจะเอามาทำข้าวต้มให้คุณน่ะ” ผมตอบเขาไป สุภาพงษ์มองผมแล้วเม้มปากนิดๆ “ขอบคุณนะครับ... เรียกผมว่าโจก็ได้”
   “เอ้อ... อืม...” ให้ตายสิ นี่เขายังอยากให้ผมเรียกชื่อเล่นอีกเหรอเนี่ย แต่ผมไม่คุ้นปากเอาเสียเลย ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร เขาก็ยื่นมาช่วยผมถือถุงข้าวของพวกนั้น แถมคว้าเอามือผมไปด้วย ผมเลยเงยหน้ามองเขา
   “ผมล้างมือแล้วล่ะ” สุภาพงษ์ตอบผมด้วยสีหน้าจริงจังตามแบบปกติของเขาเป๊ะ เอ่อ... ผมไม่ได้ข้องใจเรื่องเขาล้างมือหรือยังหรอก แต่ข้องใจเรื่องชอบฉวยโอกาสจับมือของเขานี่แหละ แต่สุดท้ายผมก็ยังอ้าปากพูดเรื่องนี้กับเขาไม่ออกสักที เขาจับมือผมพร้อมถุงอยู่พัก ก็ยกถุงไปตั้งที่เคาน์เตอร์ครัว ผมเลยพอจะอ้าปากออกมาได้
   “พี่นิต... พ่อกระแตจะทิ้งบ้านหลังนั้นไปจริงๆ หรือครับ?”
   ผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เพราะยังไม่ได้จะได้ออกเสียง สุภาพงษ์ก็หันมา แล้วชิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้นอีกแล้ว ผมกะพริบตาปริบๆ อยู่พัก ถึงจะพอเข้าใจว่าเขาพูดเรื่องอะไร
   “อ่านต้นฉบับแล้วหรือ?”
   “ครับ” สุภาพงษ์พยักหน้ายอมรับ แล้วพูดออกมาอีก “ขอโทษนะครับ พอดีผมตื่นมาแล้วเห็นมันอยู่ในถุงบนโต๊ะ ก็เลยถือวิสาสะหยิบขึ้นมาอ่าน ไม่โกรธนะครับ”
   ผมสั่นศีรษะ แล้วหัวเราะออกมา “มันเป็นหน้าที่ของคุณอยู่แล้วนี่ แต่ไม่สบายอยู่ ก็อย่าเพิ่งโหมอะไรเลยนะ ไว้ดีขึ้นแล้วค่อยอ่านอีกทีก็ได้”
   “พี่นิต...” เขาเรียกชื่อผม แล้วช้อนตาขึ้นมอง เอาล่ะ ผมรู้ว่าเขาไม่สบาย และเพิ่งจะสร่างไข้ เพราะงั้น กรุณาอย่าวิจารณ์ต้นฉบับผมระหว่างที่ไข้เลยนะพ่อคุณ ผมไม่อยากเสียเซลฟ์เพราะคนไม่สบายน่ะ รอเขาปกติดีค่อยวิจารณ์ผมจะรับได้มากกว่า ผมเตรียมขยับปากจะพูดกับเขาต่อ
   “ผมไม่ได้อ่านเพราะมันเป็นหน้าที่หรอกครับ”
   เอาล่ะ เขาแย่งผมพูดอีกแล้ว ผมเลยได้แต่ยิ้มให้เขา “อืม ผมรู้ คุณจะทานอะไรก่อนไหมล่ะ เดี๋ยวผมทำให้”
   สุภาพงษ์มองหน้าผมอยู่พัก ก็พยักหน้า “ผมไม่ค่อยหิวหรอก พี่ไม่ต้องรีบทำก็ได้”
   “อืม... งั้นเดี๋ยวต้มข้าวต้มให้ก็แล้วกัน” ผมว่า เพราะเห็นตรงเคาน์เตอร์ครัวเขามีเครื่องดูดควันกับเตาไฟฟ้าอยู่ สุภาพงษ์เลยเปิดตู้ครัว หยิบหม้อใบเล็กๆ มาให้ผม
   “สุ... อืม... โจ ปกติทำกับข้าวทานเองบ่อยมั้ย?” ผมถามออกไปเพราะเห็นว่าเขามีหม้อด้วย คิดว่ามีแต่ปิ่นโตสแตนเลสที่คว่ำอยู่พวกนั้นเสียอีก
   “เปล่าครับ... พอดีเคยมีคนมาทำให้น่ะ”
   “อ้อ..” ผมส่งเสียง แล้วถามออกไป “แม่คุณหรือ...”
   “.................” เขาเงียบไป ผมเลยพยักหน้า “แฟนล่ะสิ”
   “เลิกกันนานแล้วล่ะครับ” สุภาพงษ์รีบพูดต่อทันที ผมอึ้งไปหน่อย เพราะไม่คิดว่าจะไปสะกิดเรื่องเก่าของเขา เลยพูดตอบกลับไป “โทษทีนะ”
   “ไม่ใช่ความผิดพี่นิตหรอกครับ” สุภาพงษ์รีบพูดทันที ทำเอาผมต้องหันหน้ากลับมา ท่าทางเขาคงเข้าใจผิดไปแล้วล่ะ “เปล่า ผมหมายถึง ผมไม่ตั้งใจจะถามถึงเรื่องในอดีตของคุณน่ะ”
   “.....................” สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ “พี่นิต... ชีวิตนี้ ผมชอบพี่แค่คนเดียว”
   ผมเกือบจะทำหม้อที่ถืออยู่หล่น ดีที่คว้าเอาไว้ทัน ผมรีบวางหม้อลงบนเคาน์เตอร์ ตวงข้าวใส่ลงไป เอาน้ำล้างหน่อย แล้วก็เอาวางบนเตา “สุภาพงษ์ เตานี่เปิดยังไงน่ะ?”
   “พี่นิต.....” ได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อผม จากนั้นก็เห็นเขายื่นมือมากดปุ่มบนเตา ผมเห็นเขากดแล้วยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เลยถามออกไป “แค่นี้หรือ?”
   สุภาพงษ์ไม่ได้ตอบผม แต่กลับเลื่อนมือมาโอบเอวผมเอาไว้ ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก ยังไม่ทันจะหันหน้าไปว่าอะไรเขา สุภาพงษ์ก็ซบหน้าลงมาด้านหลังผม “พี่นิต.......”
   ผมรู้สึกว่าหน้าผากเขาที่ซบลงมาบนไหล่ผมร้อนจัด เลยพูดออกไปอย่างเป็นห่วง “ไข้อีกแล้วหรือ?”
   ตัวเขาสั่นหน่อยๆ แต่ก็กอดผมไว้แบบนั้น ไม่ยอมพูดอะไรเลย ผมเองไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เลยได้แต่ยืนนิ่งๆ แล้วยกมือมาปีบมือเขาเบาๆ “โจ... ไปนอนพักก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ช่วยเช็ดตัวให้”
   สุภาพงษ์กอดผมแน่นขึ้น ได้ยินเขาพูดเสียงพร่า “พี่นิต...”
   ผมลูบมือเขา แล้วพูดต่อ “ไปพักเถอะนะ”
   สุภาพงษ์ยังคงยืนนิ่ง ผมเลยค่อยๆ แกะมือเขาออก แล้วหันกลับมา สุภาพงษ์หน้าแดงก่ำ พอเห็นว่าผมหันมา เขาก็รีบก้มหน้าลง ผมเห็นตาเขาแดงๆ ด้วย หรือว่าเขาจะร้องไห้?!
   “โจ...”
   สุภาพงษ์สะดุ้งเฮือก ตอนที่มือผมแตะแก้มเขา ผมน่ะ แค่จะดูว่าเขาร้องไห้หรือว่าคัดจมูกกันแน่ แต่เขาสิ พอสะดุ้งแล้วก็จับมือข้างนั้นของผมไว้แน่นเลย เราต่างคนต่างก็เลยยืนนิ่ง ผมนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี ส่วนเขา... ปกติก็ไม่ค่อยจะพูดอะไรอยู่แล้ว
   “พี่นิต...” ในที่สุดสุภาพงษ์ก็พูดออกมาก่อน เสียงของเขาพร่า ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมองผม ผมเห็นว่านอกจากตาเขาจะแดงแล้ว เหมือนจะมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่ด้วย ใจผมมันเกิดเสียวแปลบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ผมยกมืออีกข้างจับไหล่เขาเบาๆ พยายามยิ้มแล้วพูดปลอบ “ไปไหวไหม ให้พี่ช่วยพยุงนะ”
   สุภาพงษ์มองหน้าผมด้วยดวงตาชื้นๆ ของเขาอยู่พัก ก็พยักหน้า อันที่จริงแล้วผมน่ะ ตัวเล็กกว่าเขาพอสมควรเลยล่ะ ไอ้ที่พูดว่าจะพยุงน่ะ ถ้าเขายอมให้ผมพยุงจริง คงกลายเป็นผมได้ลากเขาไปแน่ แต่โชคดีที่สุภาพงษ์ยังเดินไหว ผมเลยจูงมือเขา พาเดินไปที่โซฟาแทน หลังจากจัดการให้เขานอนลงเรียบร้อยแล้ว ผมก็อังมือตรงหน้าผากเขาอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดหน้ากับกะละมังใส่น้ำออกมา
   สุภาพงษ์นอนนิ่งๆ ให้ผมเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ แต่สายตาจ้องผมอยู่ตลอด จนผมเกิดอาการกลัวสายตาเขาขึ้นมา เลยเฉมองไปทางอื่นเสีย เช็ดไปได้ครึ่งหนึ่ง ผมก็ได้ยินเสียงน้ำเดือด ตายล่ะ ผมต้มข้าวไว้นี่นา
   ผมเลยรีบผลุนผลันไปเปิดฝาหม้อข้าว แล้วใช้ทัพพีคนข้าวหน่อย โชคดีที่ยังไม่ไหม้ติดหม้อ คนข้าวเสร็จ ผมก็มองหาปุ่มหรี่ไฟ ขณะที่กำลังเงอะๆ งะๆ หาอยู่ว่ามันหรี่ตรงไหน มือเรียวสวยข้างหนึ่งก็ยื่นมาช่วยกดปุ่มให้ จากนั้นก็ขยับมากอดเอวผม
   “พี่นิต... ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ” เขาพูด และซบหน้าลงบนหลังผมอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เลยได้แต่ยืนมองหม้อข้าวตรงหน้าเดือดปุดๆ ตัวเขาก็ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่แล้ว ปล่อยให้เขากอดจากด้านหลังแบบนี้ ผมคงไม่ติดหวัดเขาหรอก....
   ผมวางมือลงบนหลังมือของเขาเบาๆ
--------------------------------------------
   
** ไม่คิดเลยว่าจะเขียนอะไรได้เลี่ยนขนาดนี้นะเนี่ยยยยย สงสัยเพราะเป็นคนแก่แน่ๆ (ม่ายยย ไม่จริง!!!! o22)

ออฟไลน์ ณยฎา

  • ขอเพียงมีเธออยู่คู่ฉัน แม้นหลับก็มิฝันถึงสิ่งใด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-3
โจหึกเหิมมาก ได้คลอเคลียแล้ว ^^

ออฟไลน์ kissme

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 457
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
โอ๊ยยยย.................ลุ้นเหนื่อย
ชีวิตนี้สั้นนัก อย่าปล่อยเวลาให้มันผ่านเลยไป
กล้า ๆ หน่อยนะจ๊ะโจ  สู้สู้

ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
สองคนนี้ ยังไงกันนี่ o22

แต่น่าร๊ากกกก :o8: ขอบคุณมากค่ะ

เอาใจช่วยให้ผ่านวิกฤตน้ำไปได้นะคะ

alterlyx

  • บุคคลทั่วไป
อ่านที่คุณ juon ทิ้งท้ายไว้ แล้วไม่รู้ว่าตัวเองแก่ด้วยรึปล่าว ... ถึงได้รู้สึกว่าความสัมพันธ์เนิบช้าแบบนี้ มัน"น่ารัก"ซะจริงๆ  :-[

+1

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
โจจัดหนักไปเลย อ้อนให้เต็มที่ ก็เราเป็นคนป่วยนี่น่า 555

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
มันเป็นคู่ที่ออกแนวเคะพอกันนะคะ
เผลอๆ ดูน้องโจจะสาวกว่าอีก 555

ออฟไลน์ Heisei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
บทนี้จ่ายค่าตัวพี่โจไม่ครบหรือเปล่า  ทำไมพี่โจได้พูดแต่คำว่า "พี่นิต" เนี่ย   o18
"ไข้"นี่ทำให้"อะไรๆ"มันคืบหน้าไปเยอะเลยนะ  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
คุณโจอ้อนน่ารักจังเลย ปลื้ม><

ออฟไลน์ PoP~Pu

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-5
แม้สุภาพงษ์จะพูดแค่ว่าพี่นิตๆ
แต่อะไรๆมันก็คืบหน้าไปอีกนิดแล้ว วู้ววๆๆ ลุ้นกับคู่นี้จริงๆ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
คุณพนิตนี่ท่าจะไม่แก่ธรรมดานะ  น่าจะเก่าแก่เลยล่ะ  เพราะจุดติดยากเหลือเกิน  เริ่มเห็นใจโจละ

- คราส -

  • บุคคลทั่วไป
ผมไม่ได้ข้องใจเรื่องเขาล้างมือหรือยังหรอก แต่ข้องใจเรื่องชอบฉวยโอกาสจับมือของเขานี่แหละ
555 พี่นิตเริ่มรู้ตัว
ดูเหมือนคนแก่คิดมากนะนี่

อ้อนเข้าไปโจ รุกอีก  :-[

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
เป็นตอนเฉื่อย ๆ ที่น่ารัก และอบอุ่นเหลือเกิน  :-[
คุณสุภาพงษ์ตอนเป็นไข้เนี่ย อ้อนกระจาย โมเอะมาก ๆ  (ตอนปรกติ พยายามเม้มตลอด )
ทำท่าน้อยใจ น้ำตาคลอเบ้า เล่นเอาคุณพนิตเจ็บแปล๊บที่ใจเลยทีเดียว
คุณพนิตก็เหมือนกันเป็นซะขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมรับ  "ซึน" จริง ๆ เนอะ... :z3:


คันจัง

  • บุคคลทั่วไป
น้องโจ เอะอะก็จับมือ พี่นิต น๊าาา
มีความหลังฝังใจกับมือพี่นิตรึเปล่าหว่า??

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
บร๊ะ!! อีกนิดนึงงงงงงงงงงงงง
คุณพนิตเข้าใจโจซักทีเถอะค่า สงสารจะแย่แล้วเนี่ย

mamaUM

  • บุคคลทั่วไป
โว้ววววว  สุดยอดไปเลยค๊าาาาา  ><

ไม่รู้ทำไม ชอบมาก ๆ เลยอะ ^^

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
โจป่วยแล้วอ้อนใหญ่ น่ารักวะ  :o8: :o8:

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
ชอบมากตอนนี้ หวานละมุนกำลังพอดี
แต่โจพูดมากกว่านี้ก็ได้นะ ฮ่าๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด