[แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55  (อ่าน 316621 ครั้ง)

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
มาอ่านเป็นกำลังให้คนแต่งจ้า

รักตอนเด็กของคุณ บก.เป็นใครกันนะ

อยากรู้มากมาย

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
อ้อมโลกไม่ได้เมียนะคร้าาาาา บก.

ออฟไลน์ Pepor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-3
อ่ะอ่ะ เรื่องใหม่
ไม่ไหวเลยนะคุณสุภาพงษ์ กว่าจะพูดรู้เรื่อง สงสัยคุณพนิตก็หง่อมกว่านี้พอดีหรอก กล้ากล้าและเร็วๆหน่อย ถ้าริจะจีบคนแก่เนี่ย

ออฟไลน์ Heisei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ชอบทั้งคู่เลย  ซึนได้ใจสุดๆ
ถ้าวัยรุ่นใจเร็ว วัยแก่...เอ๊ย! วัยมากประสบการณ์ก็เลยต้องค่อยเป็นค่อยไปสินะ

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
ชอบตอนแรกจัง ที่บรรยายฉากบ้านคุณพนิตน่ะค่ะ อ่านแล้วให้ความรู้สึกละเมียดละไม รื่นรมย์ สงบสุขดีแท้
จะให้คุณสุภาพงษ์รีบ ๆ จีบคุณพนิตให้รู้เรื่องรู้ราว ด้วยว่า เกรงใครจะคว้าไปรับประทาน คงใช้ไม่ได้ในเคสนี้
เพราะ คุณพนิตอยู่รอดปลอดภัยมาจนรุ่นนี้แล้ว( หมายถึง ยังโสด) คงไม่ต้องกลัวใครมาแย่ง
แต่รีบ ๆ หน่อยก็ดี อายุอานามมิใช่น้อย ประเดี๋ยวจะแก่เกิน....แกง  :m12:

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
อะไรจะมีอุปสรรคขนาดน๊านนนนน
ไม่ใช่คุณสุภาพงษ์แอบรักคุณพนิตตั้งแต่เด็ก :m26:

zhiki

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มรีบน..


แสดงให้เหนถึงฝีมือ หรือแสดงให้เหนถึงตัวเลขอายุคนเขียน กร๊ากกกกกกก


ล้อเล่นนะครับ~ กอดเจ๊ :กอด1:

ออฟไลน์ ชินจัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :o8:

กว่าจะรู้ว่ารักคงอีกหลายบท

ปากแข็งกันทั้งคู่ แต่น่ารักจัง

 :pig4:

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
โธ่สงสัยรักสมัยเด็กก็คุณพนิตนั่นแหละบอกให้มองคนใหม่ซะงั้น

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่3

   ผมเขียนต้นฉบับเรื่อง “เด็กหญิงน้อยในเมืองใหญ่” ตอนที่หกเสร็จก่อนกำหนดถึงห้าวัน ความจริงก็อยากให้สุภาพงษ์มาเอาต้นฉบับด้วยตัวเองที่บ้านอยู่หรอก เพราะอยากจะมองหน้าเขาอีก แต่ก็นั่นแหละ หนังหน้าผมยังพอมียางอยู่ ระลึกรู้ได้ว่าขืนให้เขามาทวงอีก มันคงจะน่าเกลียดแล้วล่ะ ดังนั้นวันนี้ผมจึงออกจากบ้านแต่เช้า พร้อมกับซองใส่ต้นฉบับ ขึ้นรถเมล์เพื่อไปสำนักงานของเขา
   สำนักงานของสุภาพงษ์อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมมาก แต่ถ้าขึ้นรถเมล์ต้องสองต่อ เพราะอ้อมไปอ้อมมา อยู่มานานก็แบบนี้แหละ ถนนหนทางเท่าเดิม แต่รถเพิ่มขึ้น สุดท้ายเลยต้องทำวันเวย์ ไอ้ที่เคยใกล้มันก็กลายเป็นไกลไป แต่ผมชอบนั่งรถเมล์นะ ได้มองนั่นมองนี่ข้างทางแล้วมันเกิดแรงบันดาลใจดี
   ผมนั่งรถเมล์เพลินๆ มาถึงหน้าสำนักงานเขาก็ใกล้เที่ยงแล้ว กะว่าส่งต้นฉบับเสร็จคงจะแวะทานอาหารแถวนี้ล่ะ สำนักงานของสุภาพงษ์เป็นอาคารพานิชย์สองชั้น ไม่หรูไม่หราหรอก เพราะสำนักพิมพ์เขาไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แล้วก็ไม่ได้ทำโรงพิมพ์พ่วง แค่สองห้องสองชั้นก็พอถมถืด จำได้ว่ามีพนักงานอยู่สักสิบยี่สิบคนล่ะมั้ง ผมว่าแค่สิบยี่สิบคนนี่ก็คงพอจะทำให้สุภาพงษ์ปวดหัวแล้วล่ะ เพราะงั้น รอบนี้ผมหยุดทำตัวเป็นภาระเขาสักงวดหนึ่งก็แล้วกัน
   “อ้าว สวัสดีค่ะคุณพนิต”
   พอผมเปิดประตูเข้าไป พวกเด็กๆ ในสำนักงานก็ยกมือไหว้ผมตามมารยาท
   “คุณสุภาพงษ์ติดคุยธุระกับแขกอยู่น่ะค่ะ” เด็กคนหนึ่งตอบผม ผมพยักหน้า “ไม่เป็นไร ผมมาส่งต้นฉบับน่ะ”
   เด็กอีกคนที่เป็นฝ่ายธุรการเลยมารับซองใส่ต้นฉบับจากผม ผมเลยให้ถุงใส่ขนมที่แวะซื้อตอนรอต่อรถเมล์ไปด้วย บอกว่าแบ่งๆ กันทาน จากนั้นก็หันหน้า เตรียมจะออกไปหาอะไรทานมื้อเที่ยง
   แต่ยังไม่ทันจะได้เดินพ้นประตู เสียงหนึ่งก็ดังมาด้านหลัง “คุณครับ รอก่อน” พอหันกลับไปก็เห็นชายหนุ่ม อายุสักสามสิบต้นๆ ล่ะมั้ง สวมเสื้อผ้าดูจะตามแฟชั่นอยู่พอสมควรเลยล่ะ แต่ก็ยังไม่ดูน่าเกลียดเกินรับได้เท่าไหร่ ผมเขม่นมองหน้าเขา แน่ใจว่าไม่เคยรู้จักแน่ๆ หรือจะเป็นพนักงานใหม่ที่สุภาพงษ์รับเข้ามา
   “คุณพนิตใช่ไหมครับ?” เขาถามขณะเดินเข้ามาหาผม ผมพยักหน้า “ครับ มีธุระอะไรหรือ”
   “อ้อ คือผมเป็นเพื่อนของสุภาพงษ์ ชื่อคุณากรน่ะครับ เรียกผมว่ากั้งก็ได้ ผมเป็นแฟนงานเขียนคุณด้วยน่ะครับ”
   “อ้อ...”
   “ผมชอบเรื่อง “ทุ่งนาฝัน” ของคุณมากเลยล่ะ เรื่องเด็กหญิงพิมชนกผมก็ชอบนะครับ” เขาพูด พลางทำหน้าชื่นชมจริงๆ พลอยทำเอาผมตื่นเต้นไปด้วย
   “อืม ดีจริงที่คุณชอบ แต่ผมว่าเรื่องทุ่งนาฝันผมยังเขียนไม่ดีเท่าไหร่”
   “นักเขียนก็ชอบพูดแบบนี้กันทุกคนล่ะครับ” คุณากรพูดแล้วยิ้มจนเห็นฟันเรียงสวย เออ ผมเพิ่งเห็นว่าเขาก็เป็นผู้ชายอีกคนที่หน้าตาดีเหมือนกันนะเนี่ย ถึงจะคนละแบบกับสุภาพงษ์ แต่ก็คือดูดีนั่นแหละ ที่สำคัญ ท่าทางจะพูดเก่งเสียด้วย
   “จะออกไปทานข้าวรึเปล่าครับเนี่ย?” เขาทักต่อเหมือนนึกขึ้นได้ ผมพยักหน้า
   “งั้น... ถ้าไม่รบกวน ผมไปทานด้วยได้ไหมครับ จะได้คุยกับคุณเรื่องงานเขียนด้วย นี่ผมเหน็บรวมเล่มของคุณมาด้วยนะเนี่ย ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอตัวจริง” เขาพูด แล้วเปิดกระเป๋าสะพายใบเล็กที่พกมา หยิบหนังสือรวมเล่มของผมเล่มหนึ่งขึ้นมา ท่าทางกระตือรือร้นของเขาพลอยทำให้ผมตื่นเต้นไปด้วย เลยเผลอตกปากรับคำไป “อืม.. ไปทานด้วยกันก็ได้”
   เขายิ้มกว้าง ดูน่ารักจริงๆ นั่นล่ะ จากนั้นเราสองคนก็เดินออกไปนอกสำนักงาน ระหว่างทางเขาพูดจ้อตลอดทาง ทำเอาผมพลอยพูดเยอะไปด้วย เอาเถอะ อันที่จริงผมก็ไม่ใช่คนอมดอกพิกุลอะไรหรอก แต่ที่น่าสงสัยคือ คนพูดเยอะแบบนี้ เป็นเพื่อนกับคนที่กลัวดอกพิกุลจะร่วงอย่างสุภาพงษ์หรือเนี่ย อืม... ที่จริงมันคงเป็นความสมดุลของธรรมชาติล่ะมั้ง เกิดสุภาพงษ์มีเพื่อนเงียบๆ หมด ผมว่าเขาคงได้ใบ้กินสักวัน
   คุณากรชวนผมมานั่งร้านอาหารติดแอร์ใกล้ๆ กัน ที่จริงผมไม่ค่อยชอบห้องแอร์หรอก แต่เห็นว่าเป็นคนเพิ่งรู้จัก แถมอากาศด้านนอกก็ร้อนอบอ้าว เลยตามใจเขาไป เราสั่งอาหารกัน จากนั้นเขาก็คุยเรื่องหนังสือผมต่อ แหม... ก็ไม่ใช่ว่าผมเพิ่งเจอแฟนนิยายครั้งแรกหรอกนะ แต่แฟนนิยายที่กระตือรือร้นแบบนี้ เจอที่ไหนมันก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอยู่ตลอดนั่นแหละ แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะได้เจอกันง่ายๆ ด้วย เพราะแฟนนิยายมักไม่ค่อยจะรู้จักตัวจริงนักเขียน ส่วนนักเขียนก็คงไม่ออกมาหาแฟนนิยายหรอก ยิ่งรุ่นผมแล้ว ส่วนใหญ่ก็เขียนอยู่กับบ้าน ไม่ก็ออกสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนฝูงเท่านั้นแหละ
   ขณะที่เขากำลังจะเอาหนังสือให้ผมเซ็นชื่อ ใครคนหนึ่งก็เปิดประตูร้านเข้ามา “กั้ง! คุณพนิต!”
   ผมเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นสุภาพงษ์เดินหน้าตึงเข้ามา แล้วยกมือไหว้ผม “สวัสดีครับ ขอโทษนะครับ เขารบกวนคุณใช่มั้ย?”
   เออ ตั้งแต่เจอเขามานะ ผมเพิ่งเคยเห็นเขาพูดเร็วขนาดนี้นี่แหละ แต่เพื่อนเขาพูดเร็วกว่าอีก “โจ มาๆ มากินข้าวกัน น้องๆ ขอเมนูอีกที่” พูดจบก็ลุกขึ้น ลากสุภาพงษ์ให้นั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง แล้วเจ้าตัวก็ขยับไปนั่งเก้าอี้อีกตัว สุภาพงษ์ที่ถูกดึงให้นั่งเลยนั่งตรงข้ามกับผมพอดี
   “อืม.. สวัสดี” ผมเพิ่งมีโอกาสจะได้เอ่ยทักเขา จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ”
   สุภาพงษ์มีสีหน้าอ้ำๆ อึ้งๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่สุดท้ายก็ยอมรับเมนูจากพนักงาน แต่แทนที่เขาจะสั่งอาหาร เขากลับเงยหน้าขึ้นถามผม “คุณพนิต กั้งไม่ได้พูดอะไรไม่ดีกับคุณใช่ไหมครับ?”
   ผมทำหน้างงทันที “ไม่นี่ เขาคุยสนุกดีนะ” ผมว่า คุณากรรีบส่งเสียงเห็นด้วยทันที “อืม โจนี่สันหลังหวะจริง ฉันยังไม่ได้พูดอะไรถึงนายหรอกน่า”
   สุภาพงษ์ทำหน้ายุ่งยากใจ เออ ผมเพิ่งเห็นเขาแสดงสีหน้าอย่างจริงๆ จังๆ ก็วันนี้นี่แหละ ปกติเขาก็หน้าตาดีนะ แต่พอทำหน้าแบบนี้แล้วมันก็ดูน่าสนใจดีเหมือนกัน ยังไม่ทันที่สุภาพงษ์จะพูดอะไร คุณากรก็พูดขึ้นอีก
   “นี่ สั่งอาหารสิ เพิ่งมาก็รีบๆ หน่อย นั่งใบ้อยู่ได้ เดี๋ยวก็ทิ้งให้กินคนเดียวหรอก”
   ผมเกือบหลุดขำนะ ท่าทางสองคนนี่จะสนิทกันอยู่ สุภาพงษ์เหลือบตามองผม จากนั้นก็สั่งอาหาร
   “คุณพนิตครับ มีไอ้โจเป็นบก.เนี่ย รำคาญมันบ้างรึเปล่าครับ?” คุณากรเปิดประเด็นระหว่างที่สุภาพงษ์รออาหาร ผมหันไปมองเขา จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ก็ไม่เท่าไหร่หรอก เขาไม่มีอะไรมาก”
   “กั้ง!” สุภาพงษ์ส่งเสียงแทรกขึ้นมา คนถูกเรียกยักไหล่ “อะไร? ฉันถามคุณพนิต ไม่ได้ถามนาย คุณพนิต ถามอีกอย่างสิครับ”
   “อะไรล่ะ?”
   “สมตินะครับสมติ” คุณากรว่า “สมติว่าถ้ามีตัวละครตัวหนึ่ง ชื่อคุณจ.ก็แล้วกัน คุณจ.เนี่ย บังเอิญบังเอิญว่าไปหลงรักคนข้างบ้านช่วงสมัยเด็กๆ แต่แบบว่าตอนนั้นยังไม่รู้ว่าแอบชอบเขา พอโตขึ้นมา คุณจ. ก็ไปเป็นแฟนกับอีกคน แต่พอคบๆ กันไป ก็บอกเลิกแฟนเพราะบังเอิญได้เจอกับคนข้างบ้านอีก แล้วเพิ่งรู้ว่าชอบมาก คุณพนิตว่าไอ้คุณจ.นี่ น่าถีบไหมครับ?”
   “เอ่อ... มันก็แล้วแต่บริบทของเรื่องน่ะนะ” ผมตอบไป เพราะไม่แน่ใจว่าเขากำลังปรึกษาเรื่องพล็อตนิยายรึเปล่า พอเหลือบมองไปก็เห็นสุภาพงษ์ถลึงตาใส่เพื่อนอยู่ แหม... เรื่องแค่นี้เอง ถึงผมจะเป็นนักเขียนในสังกัดเขาตอนนี้ ก็ไม่เห็นจะต้องหวงกันขนาดนี้เลย
   “กั้ง พอเถอะ รบกวนคุณพนิตนะ” สุภาพงษ์พูดออกมาในที่สุด นั่น... มาเกรงใจแทนผมอีกแล้ว เขาไม่ชอบพูด ก็อย่าไปเหมาว่าคนอื่นจะต้องไม่ชอบพูดอย่างตัวเองด้วยสิ แต่เขาสองคนเป็นเพื่อนกัน ผมจึงทำได้แค่นั่งฟัง แล้วก็ตอบคำถาม
   คุณากรไม่สนใจคำห้ามของเพื่อน หันมาจ้อกับผมต่อ “งั้นผมสมมติต่อนะครับ ไอ้คุณจ.เลิกกับแฟนแล้ว แทนที่จะจีบคนข้างบ้านอย่างจริงๆ จังๆ ดันทำอ้ำๆ อึ้งๆ กลัวว่าเขาจะรู้ กลัวว่าเขาจะเกลียด คุณพนิตว่าไอ้หมอนี่มันน่าถีบรึยังครับ?”
   “เอ่อ..” ผมส่งเสียงในคออย่างไร้ความหมาย “ผมไม่ค่อยถนัดนิยายรักหรอกนะ แต่ผมว่าพล็อตแบบนี้เขียนลำบากอยู่นะ แล้วคนข้างบ้านเขารู้รึเปล่าล่ะ”
   “ไม่รู้น่ะสิครับ” คุณากรตอบ “คุณว่าเรื่องนี้ต้องมีตัวช่วยมั้ย?”
   “ถ้าเขาไม่ยอมพูดเองก็คงต้องมีตัวช่วยนะ แต่ทางที่ดี ผมว่าให้ตัวละครเอกเป็นฝ่ายแสดงความรู้สึกเองมันจะกินใจคนอ่านกว่าให้ตัวละครอื่นมาพูดแทนน่ะ”
   “โอ้โห คุณพนิตเยี่ยมไปเลยครับ” คุณากรพูดต่อ “แต่ถ้าตัวเอกไม่ยอมพูดเองสักทีล่ะครับ”
   “เรื่องมันก็ไม่จบน่ะสิ” ผมตอบพลางหัวเราะ “ถ้ามาพูดเพราะเพื่อนพูดให้ก่อนนี่ โดยส่วนตัวผมว่าไม่ดีเลยล่ะ มันดูว่าตัวละครไม่ค่อยมีพัฒนาการน่ะ แต่มันก็แล้วแต่คุณล่ะนะ ผมก็แค่ให้คำแนะนำ”
   “ฟังไว้นะโจ” คุณากรหันไปหาเพื่อน สุภาพงษ์ทำหน้ายุ่ง “พอเถอะน่า”
   ผมมองเขาทั้งคู่ จากนั้นก็หัวเราะออกมาอีก “จะเขียนนิยายกันหรือ?”
   “มันน่ะครับ” คุณากรรีบชี้ไปทางสุภาพงษ์ อีกคนรีบพูดปฏิเสธ “เปล่าครับ ผมไม่ได้เขียน”
   ผมฟังแล้วก็กะพริบตาปริบๆ เออ เอาเข้าไป เล่นอะไรของเขากันนะคู่นี้ แต่ก่อนที่จะมีใครพูดอะไร อาหารของสุภาพงษ์ก็มาพอดี เจ้าตัวรีบพูด แบบที่ไม่ค่อยจะได้ทำนัก “ทานอาหารกันต่อเถอะครับ เดี๋ยวจะไม่อร่อย นายก็ด้วย กั้ง”
   “เออ รู้ล่ะน่า...” คุณากรตอบ จากนั้นเราสามคนก็ทานอาหารกันเงียบๆ สุภาพงษ์มาทานทีหลังสุด แต่ยังเสร็จก่อนผมที่มาถึงก่อน อันที่จริงผมไม่ใช่คนทานอาหารช้าอะไรมาก แต่อาหารร้านนี้ก็ไม่ค่อยจะถูกปากผมเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้นจะกินทิ้งขว้างก็เสียด้าย สุดท้ายผมก็พยายามจะทานเข้าไปจนหมด เล่นเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน
   เพราะอายุมากที่สุด แล้วนี่ก็เป็นการมาทานอาหารด้วยกันโดยบังเอิญ ผมเลยเรียกพนักงานมาคิดราคาค่าอาหาร และหันไปเอ็ดสุภาพงษ์ที่ทำท่าจะควักกระเป๋าจ่าย “ไม่ต้องจ่ายหรอก เก็บกระเป๋าเถอะ”
   สุภาพงษ์ทำท่าอ้ำๆ อึ้งๆ แต่พอเห็นผมจ้องจริงจังเขาก็ยอมเก็บกระเป๋าสตางค์ไป ถึงเขาจะเป็นนายจ้างผม แต่ผมแก่กว่าเขาเป็นสิบปี และไม่ได้จนไส้แห้งอะไรที่จะต้องให้เขามาเลี้ยงข้าวอีก คราวที่แล้วผมยอมเพราะเห็นว่าเขารู้สึกติดค้างเรื่องข้าวที่บ้าน แต่มื้อนี้น่ะ ถ้าเขายังพยายามจะจ่ายเงินอีก ผมว่าเขาไม่รู้ธรรมเนียมสังคมแล้วล่ะ
   ระหว่างรอเงินทอน คุณากรก็หยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋า “คุณพนิตครับ ขอลายเซนหน่อยสิครับ”
   ผมรับหนังสือมา ขณะที่เปิดหน้าแรก เสียงของสุภาพงษ์ก็ดังขึ้น “อ๊ะ หนังสือ?!”
   “เออ จริงสิ” คุณากรพูด จากนั้นก็หันมาหาผม “ขอหนังสือคืนแป๊บหนึ่งนะครับ”
   ผมมองเขางงๆ แต่ก็ยอมคืนให้ เขารับหนังสือไป แล้วยัดใส่มือสุภาพงษ์ “โจ ขอเองเลย ไหนๆ นี่ก็หนังสือนายอยู่แล้ว ขอโทษจริงๆ นะครับ คุณพนิต นี่ไม่ใช่หนังสือผมหรอก ผมจิ๊กเขามา กะว่าจะแฮ๊ปเอาลายเซ็นคุณไปนอนกอด แต่ว่า ไหนๆ เจ้าของก็มาเองแล้ว ผมให้เขาขอเองแล้วกัน”
   ผมฟังอย่างงงๆ อยู่สักหน่อย ขณะที่สุภาพงษ์มีสีหน้าลำบากใจ “ผม...”
   เออ ที่จริงก็ไม่อยากจะคิดอะไรที่มันทำร้ายความรู้สึกตัวเองหรอกนะ แต่บรรณาธิการบางคนก็ซื้องานเขียนเก่าๆ ของนักเขียนมาเพื่อพิจารณาผลงานเหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็ควรจะเป็นแบบนั้นแหละ หนังสืออาจจะของสุภาพงษ์ก็จริง แต่เขาคงไม่อยากได้ลายเซ็นผมนักหรอก ไม่งั้นขอไปตั้งแต่เริ่มทำสัญญาแล้ว อันที่จริงเขาไม่เคยแสดงอาการสนอกสนใจอะไรนิยายผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็คงเห็นว่ามันเข้ากับหนังสือเขาเท่านั้นล่ะมั้ง
   “ไม่เป็นไร ไม่ต้องก็ได้” ผมตอบ พยายามทำใจให้กว้างเข้าไว้ “ผมเข้าใจ คุณสุภาพงษ์ ไม่ต้องทำเพราะเกรงใจผมหรอก”
   “มะ..ไม่ใช่นะครับ” สุภาพงษ์พูดออกมา จากนั้นก็เม้มปาก หน้าดูลำบากใจสุดๆ จริงๆ ผมมองเขาแล้วไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงดี ขณะที่กำลังอ้ำๆ อึ้งๆ กันอยู่ คุณากรก็พูดขึ้น “ผมไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะ” จากนั้นก็เดินออกไป ทิ้งผมกับสุภาพงษ์ให้นั่งทำหน้าไม่ถูกกันอยู่สองคน
   ผมมองชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้า เขาดูมีสีหน้าลำบากใจอย่างที่สุด กะอีแค่เพื่อนขอให้ขอลายเซ็นผมนี่ มันลำบากใจเขาขนาดนี้เลยเหรอ? หรือเขากำลังรู้สึกขัดแย้งระหว่างความรู้สึกกับมารยาทอยู่นะ ผมตัดสินใจพูดตรงๆ กับเขา
   “เอาน่า คุณสุภาพงษ์ ผมรู้ว่าคุณต้องซื้อมาอ่านด้วยความจำเป็น ไม่อยากได้ก็ไม่อยากได้ ผมไม่ถืออะไรหรอก ไม่ต้องทำหน้าคิดมากแบบนั้น”
   “เปล่า... ผม...” สุภาพงษ์อ้ำๆ อึ้งๆ จากนั้นผมก็เห็นว่าหน้าเขาเริ่มจะแดงเหมือนคนกำลังกลั้นใจอะไรสักอย่าง เฮ้ย เรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะต้องอะไรมากมายขนาดนี้เลย อายุก็ไม่น้อยแล้วนะ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองผม “เซ็นให้ผมหน่อยนะครับ”
   ผมรับหนังสือที่เขายื่นมา ด้วยความรู้สึกแปลกๆ สุภาพงษ์ก้มหน้างุด ผมเห็นหูของเขาแดงก่ำ เออ ตั้งแต่เป็นนักเขียนมา ผมไม่เคยเจอใครขอลายเซ็นประหลาดได้เท่าเขาเลยนะ จำได้ว่ามีนักอ่านหญิงคนหนึ่ง สมัยสักเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว โดนเพื่อนผลักเข้ามาขอลายเซ็นผมในงานเปิดตัวหนังสือ แล้วก็พูดเขินๆ ว่าเอาชื่อตัวละครผมไปตั้งชื่อลูก แต่อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าสุภาพงษ์จะเขิน หรือว่าอะไรกันแน่ บางทีเขาอาจจะพยายามรักษาหน้าผมอย่างจำใจสุดๆ อยู่ก็ได้
   แต่เพราะเห็นเขาเป็นขนาดนี้ ผมเลยจำต้องเซ็นหนังสือให้เขา เออ เป็นการเซ็นหนังสือด้วยความรู้สึกแปลกที่สุดในชีวิตผมเลยล่ะ
   “ผมไม่ได้เขียนชื่อคุณลงไปนะ เผื่อจะเอาไปขายต่อ” ผมพูด หลังจากเซ็นให้เขาแล้ว สุภาพงษ์เงยหน้าขึ้นมา จากนั้นก็พูดเสียงเบา “ผมไม่ขายหรอก”
   “..............”
   แล้วเขาก็ยื่นมือมารับหนังสือไป ไอ้นิสัยชอบรับของเกินของเขานี่แก้ไม่หายจริงๆ นะ เขาทาบมือลงบนมือผมอีกแล้ว แต่คราวนี้ดูนานกว่าปกติ จนผมคิดว่าเขาตั้งใจจะจับมือผมรึเปล่า
   “มาล่ะ” เสียงที่ดังแทรกเข้ามาทำเอาพวกเราสะดุ้งโหยง สุภาพงษ์รีบหดมือกลับไปทันที ส่วนผมก็ได้แต่นั่งอึ้ง มือยังค้างอยู่นะ แต่หนังสือไปอยู่ที่เขาแล้ว ได้ยินเสียงเดิมพูดต่อ “อ้าวตาย ฉันมาตรงจังหวะเสียได้”
   คุณากรเดินกลับมานั่ง แล้วหันมาถามผม “คุณพนิตอยากไปเยี่ยมบ้านโจรึเปล่าครับ?”
   “?”
   “กั้ง!” สุภาพงษ์หันมาเรียกเพื่อนเสียงเข้ม “หยุดพูดอะไรเลอะเทอะใส่คุณพนิตซะทีเถอะ”
   “เลอะเทอะอะไรกันเล่า เออ ลืมไป อันนี้ต้องให้นายพูดเอง โอ๊ย แล้วเมื่อไหร่จะพูดกันล่ะ”
   ผมมองสองคนแบบงงๆ ไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดเรื่องอะไรกันอยู่ พอดีกับที่พนักงานเอาเงินทอนมาให้พอดี นับเงินทอนเรียบร้อยแล้ว ผมก็หันไปพูดกับสองคนที่นั่งอยู่ “ไปกันเถอะ”
--------------------------------------------------
   เราสามคนเดินออกมาด้านนอกร้านอาหาร คุณากรคุยจ้ออยู่ข้างผม ส่วนสุภาพงษ์ เดินเงียบๆ ตามมาด้านหลัง ผมว่าเขาน่ะ นอกจากจะพูดไม่เก่งแล้ว ยังพยายามจะเก็บความรู้สึกสุดๆ เลยด้วย ดูอย่างที่เขาขอลายเซ็นผมเมื่อตะกี้สิ เป็นคนธรรมดาเขาไม่รักษามารยาทกันขนาดนั้นหรอก เฮ้อ... พิลึกคนจริงๆ
   ตอนแรกคุณากรอาสาจะไปส่งผม แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ บอกให้สุภาพงษ์ไปส่งผมแทน ผมยังไม่รู้ว่าสองคนนี้เล่นอะไรกันอยู่ แต่สุภาพงษ์มีงานต้องทำ ผมเลยบอกว่าจะกลับเอง คุณากรก็เลยอาสาไปเรียกรถเมล์ให้ผม ขณะที่ผมกำลังจะเดินตามเขาไป มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็วิ่งสวนมาบนทางเท้า
   “คุณพนิต!”
   ผมเกือบจะร้องเหวอออกมา ใจเต้นตึกๆ ตักๆ คิดว่าจะโดนรถเฉี่ยวซะแล้ว ดีที่สุภาพงษ์คว้าตัวผมไว้ทัน
   “ไม่เป็นอะไรนะครับ” ผมได้ยินเสียงเขาถามมาจากด้านหลัง เลยพยักหน้า “อืม ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะ”
   “เป็นอะไรรึเปล่า!” คุณากรที่เดินไปก่อนก็หันกลับมามองอย่างตกใจเหมือนกัน แต่พอมองได้สักพัก เขาก็ยิ้มออกมา “โจ...”
   ผมรู้สึกเหมือนสุภาพงษ์สะดุ้งเฮือก จากนั้นก็ปล่อยตัวผม เออ ผมเลยเพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่าโดนเขากอดอยู่ มัวแต่ตกใจจนลืมไปเลย
   “ขอโทษนะครับ” เขาพูดหลังจากนั้น ผมจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง แล้วตอบกลับไป “ไม่เป็นไรหรอก”
   เผอิญว่ารถเมล์ผ่านมาพอดี ผมเลยบอกลาเขาสั้นๆ แล้วรีบเดินจ้ำไปขึ้นรถ แต่แล้วสุภาพงษ์ก็ยึดมือผมเอาไว้ “คุณพนิต”
   ผมตกใจคิดว่าเขามีเรื่องอะไรอีก เลยหันกลับมา สุภาพงษ์เม้มปาก แล้วยืนนิ่ง ผมเลยต้องรีบพูดขึ้น “มีอะไร ผมจะไปขึ้นรถ”
   “เอ่อ....” ระหว่างที่เขากำลังอ้ำๆ อึ้งๆ รถเมล์ก็ออกตัวไปพอดี ผมล่ะนึกโมโหเขาขึ้นมาตะหงิดๆ แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร สุภาพงษ์ก็พูดออกมาได้เสียที “ให้ผมไปส่งคุณนะ”
-------------------------------------------------
   ผมได้นั่งรถของสุภาพงษ์เป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งแรกน่ะผมง่วง แต่ครั้งนี้จะบอกว่าผมงงก็คงไม่ผิด เขาเป็นอะไรของเขานะ ทำท่าแปลกๆ ตั้งแต่อยู่ในร้านอาหารแล้ว แถมยังทำผมพลาดรถ เจ้าคุณากรก็ชิงลากลับไปโดยไม่พูดอะไรถึงเพื่อนอีก สุดท้ายผมเลยต้องให้สุภาพงษ์ไปส่ง เพราะสีหน้าจริงจังของเขานั่นแหละ
   ปกติเขาเป็นคนหน้าตายนะ แต่วันนี้ ผมว่าเขาแสดงสีหน้าอะไรให้ผมเห็นเยอะมากเลยล่ะ
   ผมหันหน้าไปมองเขาที่กำลังขับรถอยู่ ก่อนจะถามออกไป “คุณสุภาพงษ์ วันนี้คุณเป็นอะไรน่ะ?”
   “ไว้ถึงบ้านคุณก่อนก็แล้วกันครับ” เขาตอบ ผมเห็นมือเขากำพวงมาลัยแน่นตอนพูด เลยไม่กล้าถามอะไรอีก เพราะไม่รู้ว่าเขากำลังรู้สึกหรือคิดอะไรกันแน่ ได้แต่นั่งมองนั่นมองนี่อยู่ในรถของเขา เฮ้อ... ไม่รู้สิ รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย
   เพราะช่วงบ่ายไม่ค่อยจะมีรถ สิบห้านาทีผมก็เลยมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง สุภาพงษ์จอดรถ แล้วเดินตามผมเข้ามาในบ้าน ผมก็จัดแจงให้เขานั่งตรงเก้าอี้ยาวที่ใช้รับแขก เอาน้ำมาให้ จากนั้นก็นั่งลงตรงเก้าอี้อีกตัวซึ่งอยู่ใกล้กัน
   “.............................”
   ความเงียบเข้าครอบครองบ้านผมทันที ทั้งๆ ที่มีคนนั่งอยู่ ความจริงผมเปิดประตูให้เขาเข้ามา เพราะคิดว่าเขาอาจจะมีเรื่องอยากพูด แต่พอนั่งกันเรียบร้อยแล้ว ผมกลับไม่รู้ว่าจะเริ่มถามอะไรเขา แล้วเขาอยากจะพูดอะไรรึเปล่าผมยังไม่รู้เลย และถ้าจะพูด ก็ไม่รู้ว่าเขาจะพูดเรื่องอะไร ผมก็เลยได้แต่นั่งเงียบ เขาเองก็นั่งเงียบ เรานั่งเงียบกันอยู่นานมาก ผมเห็นเขาขยับปากหลายครั้ง แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาเสียที หน้าเขาน่ะน่ามองอยู่หรอก แต่บรรยากาศแบบนี้ ผมมองไปก็ไม่รู้สึกสบายใจเท่าไหร่
   ดังนั้นผมก็เลยลุกขึ้น กะว่าจะไปหยิบขนมผิงที่อยู่ในโหลใกล้โต๊ะพิมพ์ดีดมาวางให้ทานเล่น เผื่อเขาจะผ่อนคลายขึ้นบ้าง แต่ก็ถูกเรียกเอาไว้ก่อน “คุณพนิต”
   ผมหันกลับมามองเขา ไหนๆ เขาก็พูดออกมาแล้ว ถึงจะแค่เรียกชื่อผมก็เถอะ ผมเลยเปลี่ยนใจ นั่งลงเหมือนเดิม
   “มีอะไรล่ะ?” ผมถือโอกาสถามไปทันที เพราะปล่อยให้เขานั่งเงียบต่อไปก็รู้สึกเสียเวล่ำเวลาพิกล สุภาพงษ์เม้มปาก จากนั้นก็พูดออกมาต่อ “จำเรื่องที่ผมเล่าให้ฟังวันก่อนได้รึเปล่าครับ?”
   “...............” ผมก็ไม่อยากจะหักหน้าเขาหรอกนะ แต่เขาเล่าเรื่องอะไรให้ผมฟังกันล่ะ หลังจากเงียบไปนาน ผมก็ยอมจะรับความจริงออกไป “ผมลืมแล้วล่ะ”
   “.......................”
   ผมเห็นเขาขบริมฝีปาก คนอายุสามสิบสี่กัดปากนี่แปลกอยู่นะ โดยเฉพาะบุคลิกอย่างเขา ถือว่าแปลกมากเลยล่ะ ผมมองแล้วก็พลอยรู้สึกแปลกๆ ไปด้วย เขากัดปากแล้วก็หันมามองหน้าผม “ผมเคยชอบพี่ที่อยู่ข้างบ้านตอนสมัยเด็กๆ ”
   “อ้อ..” ผมร้องอย่างนึกขึ้นได้ เหมือนว่าเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังแล้ว เมื่อคราวไปทานอาหารครั้งก่อน
   “เขาเป็นคนใจดี ชอบเล่นกับเด็กๆ เล่านิทานเก่งด้วย”
   “อืม....”
   “พอย้ายบ้านแล้ว ผมก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย”
   “อ้อ...” ผมร้อง รอจะฟังตอนต่อ สุภาพงษ์เงียบไปอีกพักใหญ่ เหมือนกำลังคิดมากอีกแล้ว ผมเห็นว่าวันนี้เขาทำท่าแปลกมาทั้งวัน ก็เลยกลั้นใจ ถามออกไปอีก “แล้วไงต่อ”
   “แต่ผมเผอิญได้เจอเขาอีก... เขา... เขาเหมือนเดิมเลย ดูมีอายุขึ้นหน่อยหนึ่ง แต่... เหมือนเดิมเลยน่ะ”
   “อืม...”
   “แล้วผมก็เลย... รู้ว่าชอบเขาจริงๆ ชอบมากๆ เลย” เขาตอบ จากนั้นก็เงยหน้ามามองผม “คุณพนิต ผมน่ะ ไม่เคยคิดเลยนะว่าตัวเองจะชอบใครจนพูดไม่ออกตอนอายุสามสิบสี่”
   ผมแอบนึกแย้งเขาในใจหน่อยๆ นะ ผมว่าเขาน่ะพูดไม่ออกมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ
   พอเห็นเขาเงียบไปอีก ผมก็จำต้องพูดออกมา “คุณสุภาพงษ์ ผมน่ะไม่ค่อยจะเข้าใจความรู้สึกคุณเท่าไหร่หรอกนะ แต่ว่า ถ้าชอบอย่างจริงๆ จังๆ ก็ควรจะบอกเขาไปนะ ถ้าคุณพูดไม่ออกแล้วมาทำท่าแปลกๆ ใส่คนอื่นแบบนี้ คนอื่นเขาก็พลอยไม่สบายใจไปกับคุณด้วยน่ะ”
   “ครับ.....” สุภาพงษ์พูด จากนั้นก็หันมามองผมอีก “แต่ผมกลัว... ผมกลัวว่าเขาจะไม่ชอบผมน่ะสิ”
   ผมยิ้มให้เขา “นี่... เรื่องรักน่ะ มันไม่ใช่ว่าจะต้องรอให้เขารักตอบถึงจะบอกหรอกนะ คุณไม่บอกเขา แล้วจะรู้ได้ไงว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบคุณล่ะ”
   “เขาทำท่าทางเหมือนไม่ชอบผมน่ะ” สุภาพงษ์ตอบ ผมมองเขาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เจ้าหมอนี่อายุสามสิบกว่าจริงๆ เหรอเนี่ย พูดซะผมคิดว่าเป็นเด็กอายุสิบเจ็ดสิบแปดไปแอบหลงรักผู้หญิงที่ไหนเลย
   “งั้นคุณก็ตัดใจสิ ถ้าคิดว่าเขาไม่ชอบขนาดนั้นน่ะ ทรมานตัวเองแบบนี้จะได้อะไร คนรอบๆ ตัวเขาไม่สบายใจนะ ผมเองก็ไม่ชอบที่คุณเป็นแบบนี้เลย”
   “คุณพนิต พูดจริงๆ หรือครับ?..........” เขาเรียกชื่อผม แล้วจ้องหน้าผมอยู่นาน จนผมชักรู้สึกใจเต้นขึ้นมา... จากนั้นก็บอกสมองตัวเองไม่ให้คิดอะไรบ้าๆ นี่มันเรื่องจริง ไม่ใช่นิยายนะ หยุดคิดอะไรเลอะเทอะสักทีเถอะ
   “อืม...”
   สุภาพงษ์เงียบไปอีกพัก ทำเอาผมรู้สึกหูอื้อ แล้วเขาก็พูดออกมา “ผมเคยอยู่บ้านเช่าแถวนี้ เมื่อสักยี่สิบปีก่อนน่ะ....”
   “?!”
   “ผมเคยเข้ามาเล่นที่บ้านคุณ จำได้ว่าตอนนั้นยังเป็นบ้านไม้อยู่เลย”
   “.......................................”
   “คุณเคยเล่านิทานให้ผมฟังด้วย ผมชอบมากๆ เลยนะ”
   “........................................................”
   “ผมเคยเห็นเครื่องพิมพ์ดีดตัวเก่าที่รุ่นพี่คุณให้มาด้วยล่ะ คุณเล่าให้ผมฟังว่าแบบนั้น”
   “........................................................................”
   “ผมรู้ว่าคุณจำผมไม่ได้เลย”
   ผมรู้สึกตาพร่า หูดังวิ้งๆ ไปชั่วขณะ จะมองหน้าเขาก็มองไม่ชัดแล้ว ตะกี้เขาพูดอะไรบ้างนะ?!
   “คุณพนิต!!”
   ผมได้ยินเสียงอุทานเรียกชื่อตัวเองเป็นอย่างสุดท้าย
------------------------------------------------------------------
** แอร๋ยยยย ยอมรับเลยว่าเรื่องนี้ก็เขียนยากอยู่นะ!!

ตอนแรกคิดว่าจะเขียนชิลๆ ตัวเอกเฉื่อยๆ เฉื่อยทั้งคู่ เพราะไอ้เฉื่อยทั้งคู่นี้แหละ มันเลยยาก!!! ฮ่าๆๆๆ

เพิ่งเคยเขียนคู่ที่เคะอายุเยอะ แล้วเมะก็ดันอาุยุเยอะเหมือนกัน (แต่ก็ยังน้อยกว่าเคะอยู่ดี) แล้วแบบ มุขอื่นก็เ่ล่นไปเรื่องอื่นหมดแล้วน่ะ (โดยเฉพาะเรื่องบันได... นายนพรัตน์เอามุขไปใช้แบบหมดก๊อกหมดเปลือก)

แล้วคาแรคเตอร์คุณสุภาพงษ์ก็......... ฮ่าๆๆ ไม่ไหวล่ะ ซึนจริง อายุ34แล้วนะพ่อคุณ!! (เพราะมันซึน แถมอายุตั้ง34นี่แหละ เลยยาก คนเขียนยังอายุไม่ถึงนะก๊ะ :o8:)

ไปตวจ.สัปดาห์นึงนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
บอกแล้วววววววววว
เป็นลมไปแล้ว

กร๊ากกกกกกกกกกกกกก ปฐมพยาบาลเลยค่ะ
แหมๆ มันก็น่าตกใจ  ยังไงซะก็อายุไม่น้อยแล้วค่อยๆ ดูแลกันไปเน้อ

ออฟไลน์ Forget_Me_Not

  • ความศรัทธา ความหวัง และรักแท้ ™
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-13
 :-[ ถึงอายุเยอะกันแต่ก็น่ารัก

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
คุณพนิต เป็นลมไปแล้วอะ 555555

- คราส -

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ murasakisama

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-4
:o8: เขินและขำ

เห็นด้วยนะแต่เราขำมากกกกกกว่าเขินอะ :laugh: :laugh: :laugh:

zhiki

  • บุคคลทั่วไป
555 น่ารัก......สารภาพออกมาแร้ววววววว ฮิ๊วววว

สนุกมากครับ ขอบคุณครับ~

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
บอกไปแล้วววว  และคุณพนิตก็ถึงกับหูอื้อตาลายกันทีเดียว
งั้น  ตอนต่อไปเพื่อให้สัมฤทธิ์ผลก็ต้องจับกดละ  ฮี่ ฮี่ ฮี่

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
อีกนิด..จะได้บอกแล้ว ไม่รู้จะมีอะไรมาขัดจังหวะอีกรึป่าว
คุณเพื่อนกั๊งทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ ไม่งั้นคงนิ่งกันไปอีกนาน

อันนี้พิมพ์ตกคะ
สมตินะครับสมติ” คุณากรว่า “สมติว่าถ้ามีตัวละครตัวหนึ่ง
“คุณพนิตครับ ขอลายเซนหน่อยสิครับ”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
น่ารักจนลืมนึกถึงอายุไปเลย  :laugh:

ออฟไลน์ irksome

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ปกติไม่เคยคิดว่าจะอ่านแนวประมาณนี้เลย
แต่พอมาอ่านเรื่องบันไดรักฯกับเรื่องนี้ แล้วต้องเปลี่ยนความคิด มันน่ารวั๊กอ้ะ!! ><

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
ส่งคุณพนิตเข้าตรวจหัวใจด่วน
เพราะแค่เริ่มต้นก็จะเป็นลมซะแล้ว

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ว่าแต่พนิตฟื้นขึ้นมาจะจำได้ไหม
ว่าสุภาพงษ์สารภาพอะไรไปบ้าง

ออฟไลน์ Lilyrum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
เป็นรักที่ลึกซึ้งมากจริงๆ  o13

คนเขียนจะหายไปตั้งหนึ่งอาทิตย์! ไม่นะะะะ  :serius2:  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ ooopimmyooo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
ในที่สุดก็บอกซะทีนะคุณสุภาพงษ์

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
เป็นคนพูดไม่เก่งแบบสุดยอดจริงๆ ^^"
แต่บทจะพูดเยอะขึ้นมา ก็ทำเอาคุณพนิตหน้ามืดเลยมั้งเนี่ย 5555+

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
คุณบก.พูดออกมาแล้วเย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แล้วทำไมคุณพนิตถึงวูบไปล่ะ

ยังไม่ถึงจุดไลแม็กเลยอ่ะ

สงสัยเลือดสูบฉีดไม่ทันแล้วคุณ บก.จะทำไงล่ะทีนี้  คริคริ
 

ออฟไลน์ PoP~Pu

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-5
ความจริงเราก็พอรู้ตัวนะว่าชอบโอจิค่อนแนวชอบคนแก่ มากกว่าโชตะแนวเด็กๆอยู่นิดๆ
แต่พออ่านนิยายของคุณจูออนหลายๆเรื่องแล้วเนี่ย
รู้สึกว่าต่อมโอจิค่อนของอิช้านนน!ระเบิดบรึ้มมม!!!
กรี๊ดดด ชอบคนแก่เข้าเต็มรัก ฮ่าๆๆ :impress2:
คุณพนิตเป็นลมไปแล้ววว จะฮาดีมั้ยเนี่ย :laugh:



ออฟไลน์ MiU

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
กรี๊ดดดด เรื่องใหม่ !! เริ่มเรื่องมาก็เอาแต่จ้องกันไปจ้องกันมาเลยนะ คุณโจกล้า ๆ กลัว ๆ อย่างนี้จะรอดไหมเนี่ย  :z3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด