พิมพ์หน้านี้ - [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: juon ที่ 21-09-2011 17:20:43

หัวข้อ: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 21-09-2011 17:20:43
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 21-09-2011 17:27:36
** หนีความจริงอีกแล้วล่ะ!! (โดนคนอ่านโบก :beat:)
แบบว่าข้าพเจ้าเขียนเรื่องผีเสื้อเดี่ยวๆ ไม่ไหวจริงๆ (ยิ่งต้องทำต้นฉบับสายลับสำหรับรวมเล่มพ่วงด้วยเนี่ย นรกชัดๆ เลยนะ :sad4:)

สุดท้าย ข้าพเจ้าก็หนีความจริงอีกแล้วล่ะ!! (หนีจนนกยูงแดงจบไปเรื่องหนึ่งแล้ว หล่อนยังจะเอาอีกเร้ออออ :angry2:)

เรื่องนี้เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับนักเขียนรุ่นเดอะ (45เดอะมั้ย?) กับบก.หนุ่ม?(34) ว่าด้วยสองหนุ่มซึนต่างวัย(เรอะ?) ที่ต่างคนต่างซึน... (โอ๊ย มึนค่ะ!! :really2:)

ยังไงก็ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ส่วนเรื่องเดิม ขอบคุณที่ติดตามเหมือนกันค่ะ (แต่ห้ามทวงค่ะ ห้ามทวง!!)

----------------------------------------


Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่1

   “สายคุณสุภาพงษ์ครับ” ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ พลางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เมฆฝนเริ่มตั้งเค้าเข้ามาแล้ว แต่กระดาษที่สอดอยู่ในเครื่องพิมพ์ดีดตรงหน้ายังคงว่างเปล่าปราศจากตัวอักษร สักพัก เสียงปลายสายก็ตอบกลับมา “คุณสุภาพงษ์ออกไปธุระค่ะ จะฝากโน้ตไว้รึเปล่าคะ?”
   “อ้อ ครับ” ผมกรอกเสียงลงไป “ช่วยบอกเขาว่า ต้นฉบับของสัปดาห์นี้ผมส่งไม่ทันนะครับ”
   “เอ๋?” เสียงปลายสายซึ่งเป็นของเลขาหน้าห้องสุภาพงษ์ดังลอดหูโทรศัพท์ออกมา “คุณพนิตหรือคะ คุณสุภาพงษ์เพิ่งบอกว่าจะออกไปหาคุณเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ อีกสักพักคงถึงมั้งคะ... โทรมาเลี่ยงตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะคะ”
   “เอ้อ...” ผมลากเสียงค้างอย่างไร้ความหมาย “งั้นคุณอรนภาช่วยโทรบอกเขาหน่อยได้ไหมครับ แบบว่ามีงานด่วนที่บริษัทอะไรแบบนั้น ให้เขารีบกลับด่วนๆ น่ะครับ”
   อรนภาหัวเราะออกมา “คุณพนิตคะ มุขนั้นคุณสุภาพงษ์เขาไม่หลงกลแล้วล่ะค่ะ คุณพนิตหาข้อแก้ตัวเองนะคะ ดูเวลาแล้ว ดิฉันว่าคุณสุภาพงษ์คงใกล้ไปถึงแล้วล่ะค่ะ”
   ผมกะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรตอบไปดี ขณะที่ยังนั่งอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่กับโทรศัพท์และกระดาษเปล่าในเครื่องพิมพ์ดีด เสียงออดหน้าบ้านที่ดังขึ้นก็ทำเอาผมสะดุ้ง
   “แค่นี้ก่อนนะครับ” ผมพูด แล้ววางสายโทรศัพท์ จากนั้นรีบปั้นหน้าอิดโรยไปเปิดประตูบ้าน
----------------------------------------------
   “สวัสดีครับ” คนที่มากดออดประตูยกมือขึ้นไหว้ผมตามมารยาท เขาชื่อสุภาพงษ์ เป็นหัวหน้าบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ที่ผมทำงานให้อยู่ในตอนนี้ ปีนี้คงอายุสักสามสิบสี่ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพิมพ์สายเส้นเล็กๆ ตามยาวสีดำ กับกางเกงยีนส์สีเข้ม อายุรุ่นเขา ใส่อะไรแบบนี้ก็ดูไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ ที่ด้านหลังเป็นรถเก๋งโตโยต้าสีขาว สีที่ดูแลยากที่สุดแต่เขาก็ล้างเสียวาววับทุกที ผมยกมือไหว้ตอบเป็นพิธี
   “ผมไม่ค่อยสบาย คุณมีธุระอะไรหรือ?” ผมรีบตอบไป แล้วตีสีหน้าป่วยไข้เต็มที่ ขณะเปิดประตูให้เขาเข้ามา สุภาพงษ์เป็นคนรูปร่างสูงโปร่ง ตัดผมเป็นระเบียบเรียบร้อยดี เขาเดินผ่านประตูรั้วเข้ามาแล้วก็ยกมือแตะหน้าผากผม ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก
   “ก็ไม่เห็นมีไข้นี่ครับ” สุภาพงษ์ตอบ ผมขมวดคิ้วมองเขา แค่นเสียงออกไป “ผมเพิ่งส่างไข้เมื่อตะกี้ แล้ววันหลังจะแตะตัวผมช่วยขออนุญาตก่อนเถอะ”
   “ขอโทษนะครับ” สุภาพงษ์พูด แต่ก็นั่นแหละ ฝันไปเถอะว่าเขาจะบอกอะไรผมก่อน ยิ่งโดยเฉพาะวันใกล้ส่งต้นฉบับแบบนี้ เขาคงจะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าผมจะมีแรงปั่นต้นฉบับส่งเขาได้ทันปิดเล่ม แต่ถ้าเป็นวันปกติ ไม่ใช่ช่วงใกล้ส่งงาน เขาไม่เคยเยี่ยมหน้ามาด้วยซ้ำ เรื่องทำอะไรไม่เคารพผู้ใหญ่แบบนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พอผมไปที่บริษัทเขาทีไร เขาจะต้อนรับผมอย่างกับญาติผู้ใหญ่ เรียกว่าเคารพกันสุดๆ แต่ถ้าวันใกล้ส่งต้นฉบับล่ะก็ กลับกันเลยล่ะ
   “ต้นฉบับล่ะครับ ถึงไหนแล้ว?” สุภาพงษ์เอ่ยถามตั้งแต่ยังไม่เข้ามาในตัวบ้าน ผมทำหน้ารำคาญอย่างที่สุด “ผมไม่สบาย คุณไม่เห็นหรือ?”
   “ครับ แต่ผมอยากเห็นต้นฉบับ” เขายืนยัน พร้อมสีหน้าเรียบเฉยอย่างปกติ ผมนึกสงสัยตัวเองว่าทำไมถึงไม่ยอมนั่งเงียบๆ อยู่ในบ้าน ปล่อยให้เขากดออดจนเลิกไปเองนะ แต่ก็นั่นแหละ ผมเกลียดเสียงออด มีครั้งหนึ่งเขากดจนผมแทบประสาท เหลือสัญญากับเขาอีกกี่เดือนนะเนี่ย หมดสัญญานี้แล้ว ผมควรย้ายสำนักพิมพ์ได้แล้วล่ะมั้ง
   “ยังไม่เสร็จเลยน่ะ” ผมตัดสินใจตอบไปตามความจริง อาชีพของผมคือนักเขียนนิยายครับ เขียนมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น ถึงไม่ดังเป็นพลุแตก ถูกเอาเรื่องไปทำเป็นบทภาพยนตร์ แต่ก็พอจะมีชื่อเสียงอยู่ในระดับหนึ่ง นิยายที่ผมเขียนส่วนใหญ่จะเป็นแนวความรักในครอบครัว บางทีก็เป็นนิยายแนวปรัชญาไปเลยก็มี เรื่องนิยายรักๆ ใคร่ๆ ไม่ใช่สิ่งถนัดของผม แล้วพอดีกับว่าสำนักพิมพ์ของสุภาพงษ์ทำหนังสือเกี่ยวกับครอบครัวเป็นหลัก เลยมาติดต่อให้ผมช่วยเขียนเรื่องลงให้ ตอนแรกๆ ก็พอจะส่งต้นฉบับตรงตามกำหนดอยู่หรอก แต่เขียนติดกันไปนานๆ เริ่มคิดเรื่องไม่ออกเหมือนกัน ซึ่งก็ไม่ได้เป็นกับเขาเจ้าแรก นักเขียนทุกคนก็ต้องมีช่วงเวลาแบบผมทั้งนั้นแหละ ติดแต่สุภาพงษ์เป็นบรรณาธิการที่ทวงต้นฉบับได้เก่งจนน่าตกใจ เขาไม่ให้คนโทรมาจิก ไม่โทรมากดดันด้วยถ้อยคำแดกดันที่ชวนให้ปาโทรศัพท์ทิ้ง แต่จะมาด้วยตัวเองแบบเงียบๆ ใช้ความเงียบและสุภาพกดดันผมแทน มันอาจจะไม่บาดใจ แต่ก็ทำให้ผมอึดอัดเหมือนกันนั่นแหละ
   “ครับ” สุภาพพงษ์พูดเสียงเรียบ “เขียนไปได้กี่หน้าแล้วล่ะครับ”
   “เจ็ดหน้า” ผมตอบ หลังจากเดินไปรินน้ำมาให้เขาแล้ว “เหลือช่วงสุดท้ายยังคิดไม่ออก”
   “ขอบคุณครับ” สุภาพงษ์กล่าวขณะรับแก้วน้ำ แล้วมองหน้าผม “ขอผมดูที่เขียนเสร็จแล้วได้ไหม?”
   พอเห็นผมนิ่ง สุภาพงษ์ก็วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ แล้วผุดลุกขึ้น ทำให้ผมต้องพลอยลุกขึ้นไปด้วย “เดี๋ยวผมหยิบให้แล้วกัน คุณขับรถมาเหนื่อยๆ ก็ทานน้ำเสียหน่อยเถอะ” ผมว่า เขาพยักหน้า แล้วยอมนั่งลงในที่สุด ส่วนผมก็จำต้องลากเท้าไปตรงโต๊ะที่มีเครื่องพิมพ์ดีดวางอยู่ ยกตุ๊กตาเรซิ่นรูปสุนัขพันธุ์ชิสุที่ใช้ทับกระดาษออก แล้วหยิบกระดาษปึกที่วางอยู่ด้านล่างขึ้นมา
   “เมื่อไหร่คุณพนิตจะเปลี่ยนไปใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ล่ะครับ” เสียงของสุภาพงษ์ดังขึ้นด้านหลังของผม แทบจะชิดใบหู ผมสะดุ้งเฮือก เกือบจะปล่อยต้นฉบับร่วงลงบนพื้น ด้วยความตกใจ ผมหันมาเอ็ดเขา “คุณสุภาพงษ์ วันหลังให้ซุ่มให้เสียงหน่อยสิ นี่ถ้าเกิดผมเป็นโรคหัวใจขึ้นมา จะแย่เอานะ”
   “ขอโทษครับ” เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเคย จากนั้นก็ยื่นมือมารับต้นฉบับไปจากมือผม เรียกว่าดึงไปจากมือผมเลยมากกว่า เขาทาบมือลงบนมือผม แล้วดึงไปทั้งอย่างนั้นเลย กลัวผมจะเม้มต้นฉบับหรือไงนะ
   “ถ้าคุณพนิตเปลี่ยนมาใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการพิมพ์ต้นฉบับ คุณจะมีเวลาเขียนมากกว่านี้นะครับ” สุภาพงษ์พูดหลังจากหยิบต้นฉลับไปจากมือผมแล้ว ผมสั่นศีรษะ “ไม่เอาล่ะ ผมแพ้แสงจากจอมัน อีกอย่าง วันมันก็เพิ่มมาแค่วันสองวันเองนี่”
   สุภาพงษ์มองต้นฉบับในมือแล้วพยักหน้า “ขอผมอ่านได้ไหมครับ”
   “เอาสิ” ผมว่า เขาเป็นบรรณาธิการ ยังไงก็ต้องอ่านอยู่แล้ว จะอ่านต่อหน้าหรือลับหลังผม ก็ไม่ต่างกันนั่นแหละ อ่านตรงนี้ก็ดีเหมือนกัน ถ้าจะแก้อะไรผมจะได้แก้ได้เลยทันที
   ความจริงมีน้อยบริษัทที่บรรณาธิการจะมาตรวจและทวงต้นฉบับเองอย่างนี้ ว่าไปแล้วสุภาพงษ์เป็นคนมีความรับผิดชอบสูง ผมนี่สิแย่ ที่เขียนงานเสร็จไม่ทันส่งให้เขา
   แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ก็มันคิดไม่ออกนี่นา
   พอเห็นสุภาพงษ์เดินไปนั่งอ่านต้นฉบับตรงเก้าอี้ยาวที่ใช้สำหรับรับแขก ผมก็เลยนั่งปุลงหน้าเครื่องพิมพ์ดีด มองดูกระดาษเปล่าที่สอดอยู่ด้านใน โดยที่ยังคิดอะไรไม่ออกเช่นเดิม
   เฮ้อ.... เจ้ากระแตที่ไต่เถาไม้อยู่ด้านนอกหน้าต่างนั่นกำลังจะไปไหนกันนะ....
   ผมนั่งดูกระแตตัวใหญ่ สีออกน้ำตาลดำซึ่งกำลังปีนขึ้นปีนลงเถาไม้เลื้อยซึ่งพันสูงขึ้นไปบนต้นมะเฟืองซึ่งปลูกอยู่ข้างบ้าน ผมอยู่บ้านหลังนี้มาเท่าอายุของผมเองนี่แหละ พอดีว่าพ่อแม่ผมมีลูกแค่สองคน ผมเป็นลูกคนโต และน้องสาวก็แต่งงานออกไปตั้งแต่อายุยี่สิบสาม ผมเลยอยู่บ้านหลังนี้มาโดยตลอด เรียกว่าต้นไม้บางต้นก็แก่กว่าผมเสียอีก แต่ต้นมะเฟืองนี่ผมปลูกเมื่อสักยี่สิบกว่าปีก่อนล่ะมั้ง ตอนนี้มันก็ต้นใหญ่ เป็นบ้านของพวกกระรอกกระแต และนกสารพัดชนิดไปเรียบร้อย
   “คุณพนิต”
   เสียงเรียกชื่อทำเอาผมสะดุ้งเฮือก พอหันไปก็เห็นสุภาพงษ์เดินเข้ามา ในมือเขาถือกระดาษต้นฉบับ สีหน้าเรียบเฉยอีกเช่นเคย “กำลังสนุกเลยนี่ครับ ยังคิดไม่ออกหรือ?”
   ที่จริงถ้าเขาทำหน้าตื่นเต้นสนใจอีกสักหน่อย ผมอาจจะมีกำลังใจเขียนขึ้นบ้างก็ได้ แต่นี่เขาทำหน้าตาย เหมือนพูดตามมารยาทเพื่อกดดันให้ผมเขียนต่อมากกว่า ผมสั่นศีรษะ บอกเขาไปตามความจริง “ยังคิดไม่ออกหรอก เลื่อนไปเป็นสัปดาห์หน้าได้มั้ย?”
   ผมต้องส่งต้นฉบับเขาเรื่องละสองครั้งต่อเดือน ตีว่าเท่ากับมีเวลาเขียนตอนหนึ่งสองสัปดาห์ แต่ตอนนี้ผมเขียนให้เขาอยู่สองเรื่อง ถึงเรื่องหนึ่งจะส่งแค่เดือนละครั้งเพราะเป็นตอนยาวก็เถอะ ตีว่าผมแทบจะต้องส่งต้นฉบับทุกสัปดาห์นั่นแหละ
สุภาพงษ์มองหน้าผม จากนั้นก็พูดเสียงเรียบเหมือนเดิม
   “อีกแค่หน้าเดียวเองนี่ครับ”
   ผมมองหน้าเขา อยากจะพูดออกไปจริงๆ ว่า ถึงจะบรรทัดเดียว ถ้าคิดไม่ออก มันก็คือเขียนไม่ได้นั่นแหละ แล้วนี่มันก็งานที่ต้องตีพิมพ์เลย เกิดเขียนอะไรผิดพลาด มันก็จะวุ่นวายกันไปทั้งเรื่อง
   ในที่สุดผมก็ถอนหายใจเฮือก ตอบเขาออกไป “ขออีกสักสามชั่วโมงแล้วกัน”
   สุภาพงษ์มองหน้าผม ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาเรือนงามในมือ จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ตกลงครับ”
   ผมรู้ ว่าถ้าผมส่งต้นฉบับเลท มันจะพลอยทำให้หนังสือทั้งเล่มเลทไปด้วย อีกอย่าง เหลืองานแค่หน้าเดียว ผมคงยกเมฆอะไรมาอ้างส่งเขาในรอบถัดไปไม่ได้ นี่ถ้าเขาไม่ได้มาดูเอง ผมก็พอจะโมเมไปได้นั่นแหละ
   ผมหันกลับไปจ้องกระดาษเปล่าในเครื่องพิมพ์ดีดอีกครั้ง ยังมองไม่เห็นว่าจะต้องเขียนประโยคต่อไปยังไง แต่กลับเห็นรอยยิ้มที่สุภาพงษ์ยิ้มให้ผมเมื่อครู่
   ความจริงแล้วเขาเป็นคนที่ยิ้มน่ารักพอดูเชียวล่ะ ติดแต่เขายิ้มเพราะผมบอกว่าอีกสามชั่วโมงนี่แหละ...
   ผมวางมือบนแป้นแคร่ แต่ก็ยังไม่กดอะไรลงไป นั่งอยู่ได้สักพัก ผมก็เรียกหาเขา “คุณสุภาพงษ์ ขอต้นฉบับที่เหลือก่อนสิ”
   “ครับ” เขาพูดเสียงเฉยเช่นเคย จากนั้นก็เอาต้นฉบับมาคืนให้ผม ผมเปิดดูตั้งแต่หน้าแรก ใช้เวลาอ่านอยู่ราวๆ สักสิบนาที จากนั้นก็หันกลับมามองกระดาษเปล่าบนเครื่องพิมพ์ดีดต่อ
   คำว่า “คิดไม่ออก” นี่เป็นปัญหายิ่งใหญ่ในชีวิตนักเขียนจริงๆ
   ผมมองกระดาษ มองต้นไม้นอกหน้าต่าง จากนั้นก็หันไปมองชายหนุ่มอายุสามสิบสี่ที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ยาว
   สุภาพงษ์กำลังอ่านหนังสือที่สอดเอาไว้ใต้โต๊ะรับแขก ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นหนังสือของเขาที่ให้ผมตามธรรมเนียมที่ต้องให้นักเขียนนั่นแหละ ผมทำงานกับเขามาได้หกเดือนแล้ว ตอนนี้หนังสือที่วางอยู่ตรงนั้นก็มีแต่หนังสือเขา จะมีพวกรีดเดอร์ไดเจส ปนอยู่บ้างล่ะมั้ง แต่ส่วนใหญ่มันจะอยู่ในห้องน้ำล่ะ บ้านผมแทบจะมีหนังสือวางอยู่ทุกที่ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นงานแปล งานของนักเขียนไทยมีบ้าง แต่ก็น้อยคนที่ผมจะติดตาม
   กระดาษบนเครื่องพิมพ์ดีดของผมยังคงขาวสะอาด ผมเงยหน้ามองนาฬิกาแขวนผนัง สิบโมงครึ่งแล้ว... นี่ผมอ้างช่วงเที่ยงว่าพักทานข้าวอีกชั่วโมงได้ไหมนะ
   ผมถอนหายใจเฮือกอีก ยังคงไม่รู้ว่าจะเริ่มพิมพ์อะไรลงบนกระดาษสีขาวแผ่นนั้น ไล่มองดูนกดูสัตว์เล็กๆ ที่วิ่งวุ่นวายอยู่บนต้นไม้นอกหน้าต่างอีกครั้ง จากนั้นสายตาผมก็เบนกลับไปหาเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ...
   สุภาพงษ์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ท่าเดิม เขาเป็นคนที่ทำอะไรได้เป๊ะตามระเบียบจริงๆ เสื้อก็รีดเรียบร้อย หน้าตาก็หมดจด อืม... เขาเป็นผู้ชายหน้าตาดีพอสมควรเลยล่ะ ตาเรียว ขนตายาว คิ้วเรียงได้รูปสวย จมูกก็โด่งกำลังดี ริมฝีปากก็บางพอสวย
   ผมมองแล้วก็ถอนหายใจอีก
   ถ้าไม่ติดว่าเขากำลังมาทวงต้นฉบับผมอยู่ ได้มองเขาแบบนี้ก็พอจะทำให้หัวใจที่โรยราลงไปทุกทีของผมพอจะสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง
   ปีนี้ ผมอยู่ดูโลกมาใกล้จะครบสี่สิบห้าปีเต็มแก่แล้ว เรียกว่าเต็มแก่จริงๆ ตอนอายุสี่สิบยังไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่พอมันผ่านมาเรื่อยๆ อะไรที่เคยเรียบอยู่ มันก็เริ่มจะมีร่องขึ้นมาบ้างแล้ว ถึงจะหน่อยเดียวมันก็มีนั่นแหละ ผมยังไม่มีลูกมีเมีย แต่ก็ไม่หน้าด้านพอจะประกาศตัวว่าเป็นพวกไม้ป่าเดียวกันหรอก ความจริงแล้วผมก็แค่ชอบมองเท่านั้นแหละ เพียงแต่จะรู้สึกพอใจเวลาได้ดูผู้ชายหน้าตาดีๆ มากกว่าผู้หญิงอยู่สักหน่อยหนึ่ง
   เฮ้อ... ยังคิดไม่ออกเลย.........
   ผมมองกระดาษเปล่าอีกครั้ง เรื่องที่ผมเขียนอยู่ตอนนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวกระแตน้อยในสวน ซึ่งก็อาศัยไอเดียจากบรรยากาศนอกหน้าต่างนั่นแหละ ตอนที่กำลังเขียนอยู่ พ่อกระแตกำลังเผชิญปัญหาใหญ่ เพราะเจ้าของสวนจะตัดต้นไม้ออก เพื่อต่อเติมบ้านเพิ่ม ต้องเลือกเอาระหว่าง พาครอบครัวหนีไปหาต้นไม้อื่นอยู่ หรือจะพยายามทำให้เจ้าของบ้านเปลี่ยนใจไม่ตัดต้นไม้
   ผมไม่ใช่พ่อกระแต แต่เป็นคนเขียน ใจจริงผมอยากเลือกข้อหลัง ติดแต่ฝ่ายหนึ่งเป็นกระแต อีกฝ่ายเป็นคน ผมยังนึกไม่ออกว่าจะให้พ่อกระแตน้อยทำอะไร ถึงพอจะทำให้คนเป็นเจ้าของบ้านเปลี่ยนใจไม่ตัดต้นไม้ต้นนั้น ผมเองก็ไม่เข้าใจอารมณ์ของคนจะตัดต้นไม้เสียด้วยสิ เพราะเป็นผม ผมคงจะตัดไม่ลงหรอก เขียวชอุ่มแถมให้ร่มเงาขนาดนี้ แต่ก็นะ เรื่องมันจะต้องมีจุดตื่นเต้นบ้าง
   ผมกะพริบตาปริบๆ มองกระดาษเปล่า จากนั้นก็หันหน้าไป
   “คุณสุภาพงษ์ ขอผมถามอะไรสักหน่อยสิ”
   “ครับ” สุภาพงษ์ตอบเสียงเรียบไร้อารมณ์ แล้วเงยหน้าขึ้นมองผม หน้าเขาหล่อหมดจดจริงๆ นั่นแหละ ผมอึ้งไปพัก ถึงพอจะนึกคำถามได้
   “คุณเห็นต้นไม้นอกบ้านผมมั้ย?”
   “ครับ”
   “ถ้าคุณต้องต่อเติมบ้าน คุณจะทำไงกับต้นไม้ต้นนั้นน่ะ”
   ใบหน้าเรียบเฉยของเขาปรากฏรอยยิ้มอีกครั้ง ผมใจเต้นตุบๆ เขาคงพอจะเดาออกหรอก ว่าผมกำลังตันอย่างหนัก จนต้องมาถามหาทางออกกับเขา ก็เขาอ่านต้นฉบับไปแล้วนี่ รอยยิ้มของเขาทำเอาผมรู้สึกเสียหน้าอย่างบอกไม่ถูก
   “เป็นผมผมจะล้อมเอานะ” เขาตอบ “เดี๋ยวนี้ต้นไม้ใหญ่เป็นที่ต้องการของตลาดแต่งสวนนะครับ ถ้ามีเงินสักหน่อยก็จ้างรถมาขุดขึ้นไปทั้งรากเลย เอาไปล้อมเอา แล้วค่อยปลูก อย่างที่ขายอยู่ตามจตุจักรนั่นแหละครับ”
   “อ้อ....” ผมร้องออกมา และนึกขึ้นได้ถึงต้นไม้ใหญ่ๆ ที่รากถูกหุ้มด้วยพลาสติกซาเลนสีดำบ้างสีเขียวบ้างพวกนั้น นึกแล้วก็น่าสงสารต้นไม้พวกนั้นจริงๆ
   “ขอบใจ”
   ผมหันกลับไปมองกระดาษเปล่าในเครื่องพิมพ์ดีดอีกรอบ เห็นหน้าพ่อกระแตลอยมาแล้ว จากนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะแป้นพิมพ์ ผสมกับเสียงตอกของจานพิมพ์ดังแต๊กๆ
   เวลาคิดเรื่องออกมันก็เหมือนผีสิง เวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ตัวเลย ผมจบบรรทัดสุดท้ายเรียบร้อย พอเงยดูนาฬิกาก็เป็นเวลาบ่ายกว่าไปแล้ว ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทันคิดอะไร สุภาพงษ์ก็เดินเข้ามา “เสร็จแล้วหรือครับ?”
   “อืม” ผมส่งเสียง และบิดลูกกลิ้งเพื่อดึงกระดาษให้เขา เออ เขาคงรอว่าเมื่อไหร่เสียงแป้นพิมพ์ดีดของผมจะเงียบล่ะมั้ง พอเงียบปุ๊บ ก็เดินมาหาทันที หรือว่าเขาจะรีบนะ มันก็น่าจะใช่อยู่หรอก เขามาทวงต้นฉบับตั้งแต่เก้าโมงกว่าแล้ว นี่ปาเข้าไปบ่าย ใครมันจะว่างมานั่งบ้านคนอื่นทั้งวันกันล่ะ งานที่บริษัทเขาก็คงมีต้องทำอีกนั่นแหละ
   “คราวหน้าผมจะพยายามเขียนให้ทันส่งก็แล้วกัน คุณไม่ต้องลำบากมาเองหรอก” ผมบอกเขา สุภาพงษ์เงยหน้าขึ้นมองผม ก่อนจะสั่นศีรษะ “ไม่เป็นไรหรอกครับ มาเองดีกว่า”
   “...................” ผมมองหน้าเขา พลางนึกว่าผมเพิ่งส่งต้นฉบับเลทแค่สองสามครั้ง เขาก็มองผมเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบรึเปล่านะ ถึงได้พูดออกมาแบบนี้ ผมนึกหงุดหงิดใจขึ้นมาที่ต้องมาโดนเด็กรุ่นน้องแก่กว่ากันเป็นสิบปีดูถูก แต่ก็นั่นแหละ ตอนนี้เขาเป็นเจ้านายผม แล้วผมก็ผิดเองที่ส่งงานเลท งวดหน้าผมคงต้องพยายามให้มากกว่านี้
   แต่เรื่องคิดไม่ออกนี่มันไม่เข้าใครออกใครหรอกนะ ไม่มาลองเป็นนักเขียนเองคงไม่รู้
   สุภาพงษ์รับต้นฉบับไปแล้วก็ยืนอ่านตรงนั้น ผมรู้สึกอิหลักอิเหลื่อขึ้นมา เลยบอกเขาให้ไปนั่งตรงเก้าอี้ยาว จากนั้นตัวเองก็เดินไปที่โต๊ะทานข้าว ถ้าเขายังมีเวลาอ่านหน้าสุดท้าย ก็คงพอจะมีเวลาทานข้าวล่ะมั้ง เป็นต้นเหตุให้เขาเลยเวลาอาหารเที่ยงแบบนี้ ผมก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน
   ผมเอื้อมมือไปเปิดฝาชี ในนั้นมีแกงเหลืองกับปลาทอดเหลืออยู่หน่อยๆ ข้าวในหม้อก็หายไปครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะผมไม่คิดว่าจะมีใครมาบ้านวันนี้ ก็เลยไม่ได้ทำอะไรเผื่อไว้เลย
   “คุณสุภาพงษ์ รีบรึเปล่า?”
   “ทำไมหรือครับ?” เขาเงยหน้าจากต้นฉบับขึ้นมองผม ผมมองหน้าเขา แล้วก็พูดออกมา “อยู่ทานข้าวกันก่อนไหมล่ะ เดี๋ยวผมจะทำกับข้าวเผื่อ”
   สุภาพงษ์เงียบไปพัก ทำเอาผมคิดว่าเขาเกรงใจผมรึเปล่านะ บางทีเขาอาจจะมีธุระรีบอยู่ก็ได้ แต่เพื่อความแน่ใจ และไม่เสียเวลา เขาคงต้องรีบอ่านต้นฉบับเพื่อให้ผมแก้ในทันที พอคิดได้แบบนั้นผมก็พูดออกไปต่อ
   “ผมเห็นคุณยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงน่ะ แต่ถ้ารีบก็ไม่เป็นไรหรอก”
   เขาเงียบไปอีกอึดใจ ในที่สุดก็พูดออกมา “ไม่เป็นไรหรอกครับ รบกวนเปล่าๆ เดี๋ยวผมไปทานข้างนอกก็ได้”
   “อืม..” ผมพยักหน้า ความจริงก็ไม่ได้รบกวนอะไรผมมากหรอก ถ้าเทียบกับการทวงต้นฉบับน่ะนะ แต่คนรุ่นเขา อาจจะไม่ถูกปากกับอาหารพื้นๆ อย่างที่ผมทำทานเองก็ได้ แล้วถ้าเกิดไม่ถูกปากขึ้นมา เขาก็คงต้องกล้ำกลืนลงไปเพราะเกรงใจผม ไอ้ผมเองก็ไม่ใช่ว่าจะมีฝีมือทำอาหารดีเด่อะไร พอทำเลี้ยงตัวไปวันๆ เท่านั้นแหละ
   กระเพาะผมเริ่มส่งเสียง หลังจากลืมมันไปนาน ผมก็เริ่มรู้ว่าผมเองก็หิวขึ้นมาแล้ว แต่ครั้นจะนั่งทานข้าวต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ มันก็ดูจะเสียมารยาทอยู่ ดังนั้นผมเลยเดินเลียบออกไปที่ประตูหน้าบ้าน ใจคิดว่าจะไปพ่นน้ำกล้วยไม้ที่อยู่ตรงชายคาเสียหน่อย ถ้าบ้านผมจะเต็มไปด้วยต้นไม้ ร่มรื่นอยู่พอสมควร แต่อากาศเดี๋ยวนี้ประมาทไม่ได้ นี่ยังไม่ทันเข้าช่วงหน้าร้อนดี ยังพอมีฝนบ้าง ต้นกล้วยไม้บางต้นก็แสดงอาการขาดน้ำให้ผมเห็นบ้างแล้ว
   ผมตั้งใจจะไปดูกล้วยไม้ แต่พอเดินผ่านเก้าอี้ยาวที่เขานั่งอยู่ ก็อดจะเหลือบมองเขาไม่ได้
   ผมของเขาดำสนิท ขนาดนั่งอ่านหนังสือยังนั่งตัวตรงแด่ว ดูเรียบร้อยไปทุกกระเบียดนิ้วจริงๆ ผมชักเริ่มคิดว่า ถ้าเอาเขาใส่ไปเป็นตัวละครในนิยายอาจจะสนุกดีก็ได้ ติดแต่ว่าตอนนี้ผมเขียนนิยายส่งเขาอยู่สำนักพิมพ์เดียว ขืนเขียนตัวเขาลงไปด้วย ถูกจับได้แล้วมันจะมองหน้ากันไม่ติดน่ะสิ
   ขณะที่ผมกำลังคิดนั่นคิดนี่ ตาสีดำคู่นั้นก็เงยขึ้นมา และประสานกับตาของผมเข้าอย่างจัง
   ผมอึ้งไปชั่วขณะ.....
   ทำงานให้สำนักพิมพ์ของเขามาหกเดือน เจอเขามาก็หลายครั้ง เขาเองก็มาบ้านผมครั้งที่สามแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมสบตาตรงๆ กับเขา แถมยัง..........
   “ต้นฉบับมีปัญหาอะไรรึเปล่า?” ผมพูดเสียงขรึม กะว่ายังไงๆ ก็ต้องทำให้เขาเข้าใจไว้ก่อนว่าผมกำลังจ้องเขาเพราะสงสัยเรื่องต้นฉบับ พอเห็นเขาทำหน้าแปลก ผมก็รีบพูดสำทับ “ผมเห็นคุณทำหน้ายุ่งตอนอ่าน ถ้ามีปัญหาก็บอกเถอะ ผมจะได้รีบแก้”
   ความจริงผมว่าเขาไม่ได้ทำหน้ายุ่งหรอก แต่ใครมันจะไปรู้ตัวเองกันล่ะ คนเราเวลาอ่านหนังสือทำหน้าแปลกๆ โดยที่ไม่รู้ตัวทั้งนั้นแหละ
   ผมปั้นหน้าขรึม ขณะที่สุภาพงษ์ดูจะยังงงๆ อยู่ สุดท้ายเขาก็พูดออกมา “เปล่าครับ”
   ไม่มีความเห็นอะไรตามมาอีกหลังจากนั้น นอกจากเรื่องทวงต้นฉบับแล้ว สุภาพงษ์ไม่ค่อยจะพูดอะไรอีก ผมคิดว่าเขาอาจจะเป็นพวกไม่ชอบพูดอะไรที่ไม่เป็นสาระก็ได้ อืม.. ก็น่าอยู่หรอก เขาทำงานตรงแด่วเป็นไม้บรรทัดขนาดนี้ นิสัยก็สมควรจะต้องเป็นแบบนั้นแหละ
   จ้องกันอยู่พัก ผมก็เป็นฝ่ายเบือนหน้าก่อน เพราะขี้เกียจมองดวงตาที่เหมือนเม็ดนิลของเขา เขาคิดอะไรผมขี้เกียจจะเดา ให้ต้นฉบับผมไม่มีปัญหาก็พอแล้ว
   ในที่สุดผมก็ได้ออกมาดูกล้วยไม้ตรงชายคาอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ตอนแรก ขณะที่กำลังมองระหว่างเมฆฝนและกระบอกฉีดน้ำ ว่าควรจะรอน้ำจากเทวดาหรือว่าช่วยเหลือตัวเองก่อนดี สุภาพงษ์ก็เดินออกมาจากตัวบ้าน “คุณพนิต... ไม่ทานข้าวหรือครับ”
   “ยังไม่หิวน่ะ” ผมตอบอย่างรักษามารยาท ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงน่ะหิวจนแสบไส้แล้ว สุภาพงษ์มองหน้าผมอยู่พัก ผมรู้สึกเหมือนเขาลังเลจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็พยักหน้า “ครับ งั้นผมกลับนะครับ”
   “อืม” ผมส่งเสียงในลำคอ นึกดีใจว่าในที่สุดจะได้ทานข้าวเสียที แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเดินพ้นชายคา ฝนก็เทกระหน่ำลงมาแบบไม่มีการอารัมภบทหรืออะไรทั้งนั้น ฝนเม็ดใหญ่หล่นปุๆ ลงมา จนสุภาพงษ์ต้องถอยกลับเข้ามาในตัวบ้าน
   “เปียกรึเปล่า?” ผมถามเขา สุภาพงษ์หันกลับมา เสื้อเชิ้ตของเขามีรอยหยดน้ำฝนเป็นหย่อมๆ ผมตัดสินใจ ให้เขากลับเข้าไปในบ้านอีกรอบ
-------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 21-09-2011 17:33:51
   “เช็ดตัวก่อนแล้วกัน เดี๋ยวจะเป็นหวัดน่ะ” ผมพูดพลางส่งผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ให้เขา สุภาพงษ์ยื่นมือมารับผ้าพร้อมมือผมไปด้วย ไอ้นิสัยชอบรับเกินของเขานี่คงไม่ใช่จะเฉพาะต้นฉบับเสียแล้วล่ะมั้ง แต่เพราะท่าทางนิ่งๆ และขรึมสุดๆ ของเขา ผมเลยไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรออกไปดี อีกอย่าง ก็ไม่ได้เหมือนว่าเขาตั้งใจจะจับหรืออะไร คล้ายๆ กับว่ามือมันบังเอิญเลยมาโดนด้วยความเคยชินมากกว่า ผมว่าถ้าจะหาความไม่เนี๊ยบในตัวเขานะ ก็ตอนที่ยื่นมือมารับของนี่แหละ
   “คุณสุภาพงษ์ เวลาคุณรับของน่ะ รับถึงมือแบบนี้ตลอดเลยหรือ?” ในที่สุด ผมก็อดถามออกมาไม่ได้ เขามองหน้าผม จากนั้นก็พูดออกมา “ขอโทษนะครับ”
   เจอประโยคตอบไปแบบนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อดี จะเทศนาเขา มันก็ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น
   ฝนตกหนักมากเสียจนกระเซ็นมาถึงหน้าต่าง ผมจำต้องรีบไปปิดก่อนจะสาดโดนพื้นเปียก สุภาพงษ์เลยเดินมาช่วยปิดด้วย เสียงฝนดังจนหูอื้อ ผมปิดหน้าต่างเสร็จแล้ว ก็หันมามองเขา ก่อนจะนึกได้ว่าทั้งผมทั้งเขายังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงกันเลย เขาเองก็หันมามองผมเหมือนกัน ท่ามกลางเสียงฝนกระหน่ำ ผมจึงพูดออกไป
   “ทานข้าวที่นี่ก็แล้วกัน ฝนตกหนักๆ แบบนี้ ขับรถออกไปอันตราย”
   “ครับ” สุภาพงษ์ตกลงในที่สุด เพราะฝนมันตกหนักจริงๆ นั่นแหละ ผมเดินไปหลังบ้าน เปิดตู้เย็น มองหาวัตถุดิบมาทำกับข้าวให้เขา โชคดีมีหมูหมักเอาไว้อยู่ แล้วยังมีคะน้าที่เก็บเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานเหลืออยู่ ผมเลยตั้งหม้อหุงข้าวใหม่ แล้วก็ทำหมูทอดกระเทียมพริกไทย กับผัดผักคะน้าน้ำมันหอยให้เขาทาน
   ระหว่างที่ผมทำกับข้าว สุภาพงษ์มาถามว่าช่วยอะไรได้บ้าง ถามด้วยสีหน้าเฉยๆ ของเขานั่นแหละ ผมดูแล้วไม่เหลืออะไรให้เขาช่วย เลยบอกให้เขาไปนั่งอ่านหนังสือรอไปก่อน จากนั้นเขาก็เดินหายกลับเข้าบ้านไป แต่ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่านะ เหมือนว่าเขาจะเดินวนเวียนอยู่แถวๆ ประตูครัวนั่นล่ะ อาจจะหิวจริงๆ ก็ได้
   เรานั่งทานข้าวกันท่ามกลางเสียงฝนตกจั๊กๆ สุภาพงษ์ทานข้าวเรียบร้อยสมกับบุคลิกของเขานั่นล่ะ เขาก้มหน้าก้มตาทานอย่างคนหิวจัดที่พยายามจะรักษามารยาท ตอนแรกผมเองก็หิวเหมือนเขานั่นล่ะ แต่พอทานไปได้สามสี่คำ เงยหน้าขึ้นเห็นหน้าเขากำลังทานอย่างตั้งใจ ตาผมก็ดันไปเกาะติดอยู่กับหน้าเขาเสียอย่างนั้น
   สุภาพงษ์เป็นคนหน้าตาดีจริงๆ นั่นล่ะ นี่ถ้าเขามานั่งให้ผมมองเฉยๆ แบบนี้ทุกวันคงเจริญหูเจริญตาดี แต่เผอิญว่าเขาเป็นบรรณาธิการ แล้วที่มาก็เพราะต้นฉบับที่ส่งเลทของผม ดังนั้น ต่อให้เขาหน้าตาดีกว่านี้อีกสิบเท่า ผมมองให้ตายก็รู้สึกสบายใจไม่ได้หรอก
   ฝนซาตอนที่เรากำลังจะทานข้าวเสร็จพอดี เขารู้มารยาทอยู่ พอทานเสร็จก็ช่วยเก็บถ้วยเก็บชามไปล้าง ผมเลยปั้นหน้าขึงขัง ไปดูเขาล้างจาน ประหนึ่งเป็นบรรณาธิการมาทวงต้นฉบับอย่างไรอย่างนั้น อยากจะแกล้งเขาน่ะส่วนหนึ่ง แต่ก็อยากมองเขาเวลาล้างจานด้วยเหมือนกัน
   สุภาพงษ์แขนยาวขายาว สามสิบสี่รูปร่างยังดีอยู่ เอ่อ... ถึงผมจะสี่สิบห้า ก็อย่าคิดว่าอ้วนแผละเป็นขุนช้างอะไรแบบนั้น ถ้าอ้วนแบบขุนช้างแล้วมีเงินใช้ไม่ต้องมานั่งเขียนนิยายให้โดนทวงแบบนี้ ผมก็ยอมนะ
   ประเด็นคือผมไม่อ้วน แต่ก็ไม่ได้หุ่นดี หุ่นผมมันประมาณพวกนักเขียนทั่วไป คือผอม พยายามมองโลกในแง่ดีว่า ผอมก็ดี จะได้ไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่บ่อยๆ แต่เวลาเพื่อนฝูงเจอหน้าทีไร มักจะทักว่า ถ้าไม่กินให้อ้วนบ้าง ระวังตีนกามันจะโผล่ขึ้นมาเร็วนะ เจอแบบนี้บางทีผมก็จุก แต่ผมเช็กแล้ว ตีนกาผมกับตีนกาพวกมัน ขึ้นมาพอๆ กันนั่นแหละ เผลอๆ ผมจะมีน้อยกว่าด้วยซ้ำ เพื่อนอีกคนบอกว่า เพราะผมทานอาหารถูกสุขลักษณะล่ะมั้ง
   ผักหญ้าข้างบ้านนี่ล่ะ ยอดยาดี และประหยัดเป็นที่สุด
   กว่าสุภาพงษ์จะล้างจานเสร็จ ฝนก็หยุดตกพอดี ผมที่ดูจนอิ่มอกอิ่มใจแล้วเลยอารมณ์ดีพอจะเดินไปส่งเขาขึ้นรถ จากนั้นก็ยืนมองโตโยต้าสีขาวคันนั้นขับหายไป
----------------------------------------------------------------------
   ต้องขอบคุณความขยันทวงของสุภาพงษ์ หนังสือปิดเล่มได้ทันเวลาพอดี คราวนี้ก็ถึงเวลาผมคิดเรื่องสำหรับส่งในอีกสองสัปดาห์ถัดไปแล้ว
   เดือนนี้อากาศยังไม่ร้อนเท่าไหร่ แค่พัดลมเบอร์ต่ำๆ ก็พอจะทำให้ผมสามารถนั่งพิมพ์ต้นฉบับต่อไปได้โดยไม่ทุกข์ไม่ร้อน เพราะบริเวณรอบๆ บ้านมีแต่ต้นไม้ใหญ่ บ้านผมพอถึงหน้าร้อนทีไร มักจะอากาศเย็นกว่าบ้านอื่นในละแวกเดียวกันทุกครั้ง ซึ่งความจริงแล้ว สมัยก่อน บ้านแถวนี้ก็ร่มรื่นแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ แต่พอเวลาผ่านไป เปลี่ยนมือบ้าง ลูกหลานต้องการปรับปรุงบ้าง บางบ้านถอนต้นไม้ออก สร้างตึก ต่อเติมบ้านใหม่ พวกสัตว์เล็กๆ ทั้งนกทั้งกระรอกกระแตมันไม่มีที่อยู่ ก็เลยอพยพกันมาอยู่บ้านผมหมดล่ะมั้ง ตอนนี้บ้านผมนอกจากจะร่มแล้ว ยังเป็นที่อยู่ของสารพัดสิงห์สาราสัตว์อีกด้วย
   บนกระดาษในเครื่องพิมพ์ดีด มีตัวอักษรอยู่ราวๆ สองสามบรรทัดแล้ว ความจริงไม่ใช่ว่าผมจะต่อต้านเทคโนโลยีอะไร น้องสาวผมเคยเอาเครื่องคอมพิวเตอร์ของหลานที่ตกรุ่นแล้วมาให้ เพราะเห็นว่าผมแค่พิมพ์งานคงไม่ต้องใช้สเป็กอะไรมาก ซึ่งก็จริง แต่ปัญหาคือผมรู้สึกว่าเมื่อยตาเวลาจ้องจอภาพ สุดท้ายก็เลยหันกลับมาใช้เครื่องพิมพ์ดีดเหมือนเดิม คอมพิวเตอร์ตัวนั้นก็บริจาคให้มูลนิธิไป
   สมัยก่อนตอนเริ่มเขียนนิยายแรกๆ ผมเขียนลงในสมุด ต่อมาก็พัฒนาเป็นเครื่องพิมพ์ดีด เพราะทางสำนักพิมพ์ขอร้องมา เนื่องจากไม่สะดวกในการแกะลายมือ อันที่จริงลายมือผมก็ไม่ได้แย่อะไร เพียงแต่บางทีพอคิดเรื่องออก มันก็ต้องรีบเขียน พอเขียนมันก็หวัด พอหวัดแล้ว จะกลับมาคัดให้มันสวยลงกระดาษใหม่ มันก็จะพาลส่งไม่ทันเอา ยังจำได้เลยว่าเครื่องพิมพ์ดีดตัวแรก เป็นของรุ่นพี่ที่รู้จักกันบริจาคให้มา แป้นติดอยู่บ่อยๆ แต่ก็พอจะใช้ได้ หลังจากนั้นพอมีเงินก็เอาไปซ่อม แล้วก็ใช้เรื่อยมา จนกระทั่งพังจนซ่อมไม่ได้แล้วนั่นแหละ ถึงได้ซื้อตัวใหม่กับเขาเสียที ตัวเดิมก็บริจาคให้พิพิธภัณฑ์ไป เพราะมาอยู่บ้านผมก็คงไม่มีใครแวะมาดูเท่าไหร่
   ผมนั่งคิดเรื่องอยู่หน้าเครื่องพิมพ์ดีด ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะติดกับหน้าต่าง สายลมเอื่อยๆ ยามบ่ายพัดมาพอให้รู้สึกสบาย มารู้สึกตัวอีกทีว่าเผลอหลับก็ตอนสะดุ้งเพราะเกือบตกเก้าอี้น่ะแหละ
   ผมกะพริบตาปริบๆ หลังจากแน่ใจว่าไล่ความง่วงไปไม่ไหวแน่ และยังอีกหลายวันว่าจะถึงกำหนดส่งต้นฉบับ จึงพาตัวเองมางีบหลับตรงเก้าอี้ยาวที่ใช้รับแขก
   บ้านผมมีบริเวณอยู่ แต่ตัวบ้านค่อนข้างจะเล็ก สมัยก่อนตอนมีกันครบครอบครัวก็ใช้ลานบ้านทำนั่นทำนี่ พอเหลือผมตัวคนเดียว ลานบ้านก็กลายเป็นที่ปลูกต้นไม้ไป ที่ใช้อยู่จริงๆ ก็คือส่วนของตัวบ้านที่เป็นไม้กึ่งปูน ซึ่งผมสร้างขึ้นใหม่โดยอาศัยไม้จากบ้านหลังเดิม และเงินทุนจากเพื่อนฝูงที่ขอยืมมาในสมัยนั้น ก็สักเกือบยี่สิบปีได้แล้วล่ะมั้ง ตอนนี้ก็เริ่มเก่าไปตามเวลา แต่สภาพยังสมบูรณ์ดีอยู่
   ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มๆ หลับ ก็ต้องสะดุ้งตื่น เมื่อได้ยินเสียงเรียกแว่วๆ
   “ลุง! ลุงอยู่มั้ยครับ”
   ผมกะพริบตาอยู่พักหนึ่ง พลางหรี่ตาผ่านประตูมุ้งลวดออกไปยังประตูรั้ว ที่ด้านนอกประตู เด็กผู้ชายอายุหกเจ็ดขวบสองสามคนยืนออกันอยู่ ได้ยินเสียงตัวเองตะโกนกลับไป “อยู่ รอเดี๋ยวนะ”
   จากนั้นก็กุลีกุจอไปล้างหน้า แล้วออกไปเปิดประตูให้เด็กพวกนั้น
   ถัดจากบ้านผมไปไม่เยอะเท่าไหร่ เป็นตึกแถวให้เช่า เปิดให้เช่ามาตั้งแต่สมัยผมยังหนุ่มๆ ซ่อมและต่อเติมไปก็หลายรอบแล้ว ปัจจุบันก็ยังมีคนมาขอเช่าอยู่ เจ้าเด็กพวกนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกคนในบ้านเช่าน่ะแหละ เห็นบ้านผมดูร่มรื่นดีล่ะมั้ง เลยชอบมาเล่นกัน เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว แล้วผมเองก็ชอบเวลามีเด็กๆ มาเล่นที่บ้าน ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานแล้วมันทำให้ผมรู้สึกสดชื่นดีน่ะ
   “ลุงครับ แม่ผมทำมาเผื่อ”
   เจ้าเด็กน้อยคนหนึ่งที่รู้สึกจะชื่อว่าปอนด์ยื่นถ้วยใบหนึ่งมาให้ผม ด้านในเป็นต้มข่าไก่ดูน่าอร่อย ผมบอกขอบใจ จากนั้นก็รับถ้วยมาจากเขา หายเข้าไปในบ้านเพื่อถ่ายต้มข่าไก่ในถ้วยใส่ถ้วยตัวเอง จากนั้นก็ล้างถ้วย แล้วเอาออกมาคืน
   “นี่ เดี๋ยวขากลับฝากน้ำเต้าไปให้แม่ด้วยสิ มันกำลังออกงามเลย เดี๋ยวลุงเก็บไว้ให้”
“ครับ” เจ้าเด็กน้อยรับปากอย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะขอผมไปเล่นตรงต้นก้ามปูต้นใหญ่ที่ด้านล่างมีบริเวณพอสมควร กิ่งบางกิ่งของพวกมันผูกชิงช้าเอาไว้ สมัยก่อนผมกับน้องเล่น พอผมโตขึ้น ก็ให้เด็กแถวนี้เล่นกันต่อ ชิงช้าน่ะเปลี่ยนเชือกเปลี่ยนกระดานไปหลายรอบแล้ว แต่กิ่งที่แขวนก็ยังใช้กิ่งเดิม แถมแข็งแรงขึ้นทุกปีด้วย ด้านล่างต้นไม้ นอกจากชิงช้าแล้ว ผมยังวางม้านั่งและโต๊ะหินเอาไว้ เผื่อเพื่อนฝูงมาแล้วจะได้ตากบรรยากาศบ้านสวนกลางเมือง ระลึกอดีตเก่าๆ
พวกเด็กๆ เริ่มเล่นชิงช้ากัน บางคนก็เล่นวิ่งไล่จับกัน ส่งเสียงโหวกเหวกไปหมด ผมเดินไปตรงสวนครัวเล็กๆ ด้านหลัง แล้วเด็ดน้ำเต้าที่กำลังสุกได้ที่สองลูก เพื่อจะเอาไปฝากเจ้าของต้มข่า พอดีตอนหันหน้ากลับมา เห็นกอต้นกล้วยกำลังออกใบสวย คงเพราะได้น้ำฝนเมื่อวันก่อน ผมเอาน้ำเต้าไปวางตรงโต๊ะเล็กหน้าบ้าน แล้วหยิบมีดออกมาจากครัว ตรงไปที่ต้นกล้วย แล้วฟันก้านใบมันลงมาสามสี่ใบ จากนั้นก็เอามีดเฉือนใบออก บากโคนนิดหน่อย จากนั้นก็จับหัก สักพัก ในมือผมก็มีม้าก้านกล้วยสามตัว พร้อมจะเอาไปเป็นอุปกรณ์เสริมการเล่นของเจ้าเด็กพวกนั้นแล้ว
“อะไรน่ะลุง” เด็กคนหนึ่งถาม เมื่อเห็นผมเดินออกมาพร้อมก้านกล้วยสามอันในมือ
“ม้าก้านกล้วย” ผมว่า “เคยเห็นรึเปล่า?”
“เคยเห็นในหนังสือ” เด็กผู้ชายอีกคนตะโกนตอบมา แล้วผละจากชิงช้า ตรงมาหาผมทันที “ลุงทำมาเหรอ โห.. ขอผมนะ”
“ขอผมด้วย”
ปรากฏว่าม้าก้านกล้วยของผมได้รับความนิยมดีเกินคาด ผมเลยต้องไปตัดใบกล้วยมาอีก จนได้กันครบทุกคนนั่นแหละ
พวกเด็กๆ เล่นกันเสียงดังโหวกเหวก ฟังดูมีชีวิตชีวาดี แต่เสียงดังขนาดนี้ ผมคงเขียนนิยายต่อไม่ได้หรอก ก็เลยออกมาเดินดูนั่นดูนี่ ใส่ปุ๋ยต้นไม้บ้าง ตัดกิ่งบ้าง รดน้ำบ้าง พลางคอยดูว่าเจ้าเด็กพวกนี้จะเล่นอะไรหวาดเสียวจนดูอันตรายเกินไปรึเปล่า
ฟังดูเหมือนบ้านผมจะเป็นบ้านนอก หรือว่าอาจจะยังไม่ได้รับการพัฒนา แต่บ้านผมอยู่ในเมืองน่ะ กรุงเทพฯนี่เอง อยู่ในย่านชุมชนเก่า สมัยก่อนเป็นสวนเยอะ เวลาผ่านไป อะไรๆ มันก็เปลี่ยนตาม ถึงสมัยนี้เหลือบ้านร่มๆ มีต้นไม้แบบผมอยู่ไม่กี่หลังแล้ว มีของผมหลังหนึ่ง แล้วของพี่สองคนที่ทำไร่ส้มอยู่ซอยถัดไป
เจ้าเด็กพวกนี้ แรกๆ มาก็ทโมนน่าดู มาขโมยเด็ดดอกไม้บ้างอะไรบ้าง ผมเลยเปิดบ้านให้เข้ามาเล่น จากนั้นก็ค่อยๆ สอนกันไป เด็กๆ น่ะสอนง่ายหรอก พูดอะไรให้ได้ยินได้ฟังบ่อยๆ เดี๋ยวก็เชื่อและก็ทำตามแล้ว จะสอนอะไรก็สอนกันเสียแต่อายุยังน้อยนี่แหละ
ความจริงผมเองก็ชอบเลี้ยงเด็กนะ น้องสาวยังเอาหลานมาฝากให้ผมเลี้ยงอยู่หลายปีเลย แต่ผมไม่ยักคิดจะอยากมีลูกเป็นของตัวเองสักที คงเพราะไม่แน่ใจว่าจะดูแลแม่เด็กได้ตลอดรอดฝั่งล่ะมั้ง
ก็ชีวิตผมมันเอื่อยเฉื่อยไปวันๆ แบบนี้ เลี้ยงตัวเองมาได้ก็เป็นบุญถมถืดแล้ว
แถมผมยังไม่เคยเจอใครถูกใจขนาดอยากแต่งงานด้วยสักคน อย่างมากก็แค่ชอบมองเท่านั้นแหละ

ขณะที่ผมกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ในสวนหลังบ้าน ท่ามกลางเสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวกเด็กๆ เจ้าเด็กคนหนึ่งก็วิ่งมาหาผม “ลุง มีคนมาหาแน่ะ”
“ใครน่ะ” ผมถามกลับไป
“ไม่รู้จักเหมือนกัน เป็นผู้ชายสูงๆ ขับรถสีขาวมาน่ะ”
“หืม?” ผมมองเด็ก พลางพูดตอบ “นี่ เวลาพูดกับผู้ใหญ่น่ะ ต้องมีครับด้วยรู้มั้ย?”
“ครับ” เจ้าเด็กน้อยตอบ “ผมไม่เคยเห็นหน้าเขาน่ะ เลยบอกให้รอด้านหน้าก่อน แม่ผมบอกว่าคนแปลกหน้าเดี๋ยวนี้อันตราย แต่เขาบอกว่ามาหาเจ้าของบ้าน คงจะเป็นลุงน่ะ..อ้อ ครับ”
“อ้อ เดี๋ยวลุงออกไปดูแล้วกัน” ผมว่า แล้วเอาบัวรดน้ำไปแขวนเก็บ จากนั้นก็เดินตรงไปที่ประตูรั้ว

“สวัสดีครับ” คนที่ยืนหน้าประตูรั้วพูดและยกมือไหว้ทันทีที่เห็นหน้าผม ผมอึ้งไปหน่อยหนึ่ง ถึงขั้นอยากเดินกลับไปเปิดปฏิทินในบ้านว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่กันแน่
“เอ่อ.. สวัสดี มีอะไรหรือ?” ผมถามกลับ พลางนึกสงสัยว่ามีเหตุอะไรทำให้สุภาพงษ์มาปราฏกตัวที่บ้านผมวันนี้ แถมยังเป็นช่วงเย็นอีก ปกติเขาจะมาวันใกล้ส่งต้นฉบับ และจะมาตั้งแต่ช่วงเช้า
หรือว่าต้นฉบับจะมีปัญหา แต่หนังสือมันออกไปแล้วนี่นา ฉบับพิพม์จริงเพิ่งส่งมาถึงมือผมเมื่อวานนี้เอง
“ผมอยากชวนคุณพนิตไปทานข้าวน่ะครับ” สุภาพงษ์ตอบ ผมเกือบจะร้องหาออกไป เพราะตกใจคิดว่าฟังอะไรผิด เขาว่าไงนะ ทานข้าว? หรือจะบอกเลิกสัญญาผมกลางคัน? เคยมีกรณีแบบนี้เหมือนกัน ที่เจ้าของสำนักพิมพ์หรือบรรณาธิการชวนผมไปทานข้าว แล้วจบลงด้วยการแก้ไขสัญญาหรือบอกยกเลิกอะไรทำนองนั้น
ผมจ้องเขาเขม็ง ก่อนจะพูดตอบไป “มีอะไรพูดกันที่นี่ก็ได้ ไม่ต้องเสียเงินเสียทองขนาดนั้นหรอก ผมไม่ใช่คนคุยยากอะไร”
สุภาพงษ์ดูจะอึ้งไปอยู่เหมือนกัน คงไม่คิดว่าผมจะพูดออกมาตรงๆ แบบนี้ล่ะมั้ง ผมรอเขาพยักหน้า จะได้บอกให้เด็กๆ พวกนี้กลับบ้านไปก่อน ระหว่างที่ผมคุยธุระกับเขา
“คุณพนิตครับ ผมไม่ได้มีธุระอะไร...” สุภาพงษ์เงียบไปพัก แล้วก็พูดออกมา “ผมแค่อยากเลี้ยงตอบแทนค่าที่คุณทำอาหารให้ผมทานวันก่อน”
“อ้อ...” ผมหน้าแตกสนิท นึกไม่ถึงว่าเขาจะมีจิตสำนึกมากมายขนาดนี้ เขาคงพูดถึงอาหารมื้อจำเป็นที่ผมทำให้เขาเมื่อคราวฝนตกวันนั้นล่ะมั้ง
ผมปั้นหน้าขรึม รุ่นนี้แล้ว ผมไม่มีอาการเคอะเขินหรืออะไรออกไปให้ยิ่งเสียหน้ามากกว่าเดิมหรอก
“ไม่เป็นไร เรื่องนิดหน่อยเท่านั้นเอง” ผมตอบเขา พยายามแสดงบทผู้ใหญ่ใจกว้างเต็มที่ ที่จริงผมก็ใจกว้างอยู่แล้วนะ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะมาชวนผมทานข้าว เพราะอยากจะตอบแทนมื้ออาหารเท่านั้นแหละ
สุภาพงษ์นิ่งไปอีกพัก ในที่สุดก็พูดออกมา “ไม่สะดวกหรือครับ?”
ผมอึ้งไปบ้าง สะดวกมั้ยน่ะเหรอ ถ้าเขาไปรับไปส่งผมถึงที่ผมก็สะดวกทั้งนั้นแหละ เพราะปกติผมไปไหนมาไหนก็ขี่จักรยาน ไม่ก็นั่งรถเมล์เอา แบบนั้นผมยังไม่คิดว่าไม่สะดวกเลย เพียงแต่...
“ผมว่ามันเรื่องเล็กน้อยนะ คุณสุภาพงษ์ คุณไม่ต้องเก็บเอาไปคิดให้มากนักหรอก ข้าวแค่มื้อเดียวเอง”
สุภาพงษ์นิ่งไปอีก หน้าเขาก็เฉยเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ผมว่าผมเห็นเขาเม้มปากนิดๆ นะ บางทีอาจจะรู้สึกเสียความมั่นใจล่ะมั้ง ไม่รู้จะคิดมากอะไรนักหนา กับแค่ข้าวมือเดียวเท่านั้นเอง เขาอายุสามสิบสี่แล้ว อาจจะดูเป็นผู้ใหญ่ในสายตาหลายคน แต่ในสายตาผม เขาก็เป็นเด็กคนหนึ่งนั่นแหละ
“อืม... จะไปทานที่ไหนล่ะ?” ผมถามกลับไป ใจตกลงว่าจะไปทานข้าวกับเขาล่ะ ไหนๆ เขาก็ตั้งใจมาชวนขนาดนี้แล้ว แต่จะตกลงเลยก็ใช่ที่ มันก็ต้องมีถามรายละเอียดกันพอเป็นพิธีสักหน่อย
“คุณพนิตอยากทานที่ไหนล่ะครับ?” สุภาพงษ์พูดตอบทันที ถ้าผมฟังไม่ผิด ผมว่าน้ำเสียงเขาดูดีใจอยู่นะ แต่ผมอาจจะฟังผิดก็ได้ เพราะหน้าเขาเฉยสนิทเหมือนเดิม
“คุณไม่ได้คิดที่ไว้แล้วหรือไง?”
“คุณพนิตเลือกเถอะครับ”
ผมมองเขางงๆ ปกติจะชวนใครไปทานข้าว มันก็ต้องนึกที่ไว้แล้วสิ ไม่ใช่มาบอกให้คนถูกชวนนึกที่แบบนี้ ยิ่งโดยเฉพาะชวนผู้ใหญ่อย่างผมด้วยแล้ว เขาควรจะมีมารยาทมากกว่านี้หน่อย
“ถ้ามันฉุกละหุกขนาดนี้ล่ะก็ ไม่ต้องลำบากหรอกนะ คุณสุภาพงษ์ ผมคิดว่ารบกวนเปล่าๆ ”
สุภาพงษ์เม้มปาก คราวนี้เขาเม้มให้ผมเห็นจริงๆ ผมถึงกับกะพริบตาปริบๆ แล้วนึกว่าเขาใช่สุภาพงษ์คนเดียวกับที่มาทวงต้นฉบับผมแน่หรือ?
“ขอโทษนะครับ งั้น ผมลานะครับ”
“อืม..” ผมพยักหน้า และยกมือไหว้ตอบเขา ยังงงๆ อยู่เหมือนกัน เขามา บอกว่าจะชวนผมไปทานข้าว แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้เตรียมอะไร พอโดนผมตอกหน่อยหนึ่ง ก็รีบลากลับไปเลย เป็นอะไรของเขานะ เห็นมาหลายเดือนไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้นะเนี่ย
---------------------------------
   สุภาพงษ์กลับไปแล้ว พวกเด็กๆ ก็ยังเล่นกันที่บ้านผมต่อจนใกล้ค่ำ ผมจึงต้องบอกให้กลับบ้านกลับช่องกัน บางคนก็พ่อแม่มาตามเองเลย ผมไม่ลืมเก็บผักเก็บหญ้าที่ปลูกเอาไว้ฝากพ่อฝากแม่เด็กพวกนั้นเผื่อจะเอาไปทำนั่นทำนี่ด้วย
   จัดการเก็บกวาดลานที่พวกเด็กๆ ใช้เล่นเสร็จ ฟ้าก็มืดสนิทพอดี ผมเข้าบ้านไปอาบน้ำ ทานข้าวต้มรองท้องก่อนนอนชามหนึ่ง แล้วนั่งปุลงหน้าเครื่องพิมพ์ดีด จากนั้นก็เริ่มพิมพ์ต้นฉบับต่อ
   ระหว่างที่กำลังอินจัดจนน้ำตาแทบร่วง ในตอนที่เด็กหญิงพิมชนกกำลังจะต้องจากบ้านหลังเก่าไปอยู่กับย่า เพราะหนี้สินที่พ่อก่อไว้ทำให้บ้านต้องถูกยึด จู่ๆ เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น ผมสะดุ้งเฮือก แทบจะอุทานออกมา ก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์ด้วยอาการอารมณ์เสียอยู่พอสมควร
   “สวัสดีครับ” ผมกรอกเสียงลงไป พลางคิดว่าใครก็ตามที่โทรมา ถ้าเป็นธุระไม่ได้เรื่องล่ะก็ ผมจะด่าให้เช็ดเลย
   “สวัสดีครับคุณพนิต ผมสุภาพงษ์นะครับ” ปลายสายตอบกลับมา ผมถึงกับกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว สุภาพงษ์? คราวนี้อะไรอีกล่ะ ปกติเขาไม่เคยโทรหาผมหรอก ขนาดบ้านผมเขายังมาถูกโดยไม่เคยโทรถามเลย วันนี้นึกอะไรจู่ๆ ถึงโทรมานะ ตอนเย็นก็มาหนหนึ่งแล้วไม่ใช่หรือไง
   “มีธุระอะไรน่ะ ผมกำลังเขียนต้นฉบับอยู่” ไม่ใช่ว่าผมอ้างเพื่อให้ตัวเองดูขยันนะ เพราะผมกำลังเขียนต้นฉบับอยู่จริงๆ อย่างลื่นไหลเสียด้วย ถ้ามันเกิดขาดตอนและติดขัดไป ก็โทษเขาได้เลย
สุภาพงษ์เงียบไปพัก สงสัยจะอึ้งที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้ผมต้องลุกจากเครื่องพิมพ์ดีดออกมา ผมก็รอฟังว่าเขาจะพูดเรื่องอะไรแน่ อึ้งไปพักเดียว ทางนั้นก็พูดตอบกลับมา “วันพฤหัสฯนี้ไปทานข้าวเย็นกับผมนะครับ ผมจะขับรถไปรับ”
“เรื่องนี้อีกแล้วหรือ?” ผมถามกลับไป ได้ยินทางนั้นตอบกลับมาทันควัน เหมือนว่าเตรียมตัวเอาไว้แล้ว “ครับ มานะครับ”
“อืม..” ผมส่งเสียง พลางนึกประหลาดใจกับความตั้งอกตั้งใจแบบแปลกๆ ของเขา
“ก็ได้ เลือกที่ไว้แล้วยัง?”
“ครับ เรียบร้อย”
“อืม...” ผมไม่รู้จะพูดอะไรอีก เขาเองก็คงไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกันล่ะมั้ง เราสองคนเงียบไปสักพัก สุดท้ายเขาก็พูดตอบมา “งั้นแค่นี้นะครับ”
“อืม” จากนั้นผมก็วางสาย แล้วถอนหายใจเฮือก

กะอีแค่กับข้าวมื้อเดียว มันจะอะไรกันนักหนานะ....
ไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ
-------------------------------------------------------
**แอบกรี๊ดคุณพนิต ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใส่แว่น ไม่น่ารักอย่างคุณไพฑูรย์ แถมแอบหื่นนิดๆ โรคจิตหน่อยๆ แต่ไม่ขนาดหงคงฉ่วย แต่แอบกรี๊ดอ่ะ สงสัยเพราะเราหัวอกเดียวกันกับคุณพนิต :o8: (โดนคนอ่านกระทืบทันใด!! :z6:)

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: วิหคท่องนภา ที่ 21-09-2011 18:01:13
กรี๊ดดดดด!!!  เล่นตัวซะ 5555+   ตอนแรกสงสารที่โดนเด็กแอบแต๊ะอั๋ง   แต่ตอนนี้สงสารคุณ บก.แทนแล้วล่ะค่ะ โดนผู้ใหญ่ว่าบ่อยจริงจริ๊ง
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Lilyrum ที่ 21-09-2011 18:05:07
น่าสนุกมากๆเลยค่ะ

มาอัพต่อเร็วๆน้า  :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 21-09-2011 18:24:32
กริ๊ดดดดดดดดดดดด หนุ่มเคะรุ่นลุง(ที่จริงก็ลุงทั้งคู่)
ชอบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 21-09-2011 18:37:43
 :impress2: กรี๊ดด้วยคน
แอบสงสารคุณ บก
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 21-09-2011 18:53:45
กรี๊ดดดดดดดดดดด เรื่องใหม่ของคุณ Juon แปะก่อนอ่าน เดี๋ยวกลับมาเม้นค๊า
รัก(เกือบ)ต่างวัย  :m3: คุณนักเขียนก็แอบมองเค้า คุณบก.ก็แอบจับมือ ถือว่าเสมอกันเนอะ
เด็กเค้ามาชวนไปกินข้าวคุณลุงก็ตัดเค้าซะ ดีน่ะคุณสุภาพงษ์ไม่ถอดใจไปซะก่อน

อันนี้คาดว่าพิมพ์ตกนะคะ
ฝนตกหนักมากเสียจนกระเซนมาถึงหน้าต่าง
เปิดตูเย็น
ใส่ปู๋ยต้นไม้บ้าง
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: meawza ที่ 21-09-2011 19:36:17
คุณ บก. พยายามเข้าน่ะค่ะ !!! o13
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 21-09-2011 20:18:47
โหะโหะ แบบนี้เราชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 21-09-2011 20:57:14
บก.ขยันชวนคุณพนิตไปทานข้าวมันต้องมีอะไรแหงมๆ   :impress2:    :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 21-09-2011 21:13:14
กรี๊ดดดดดดดดด
ให้คอแตก  :laugh:
ชอบจริงชอบจังที่นายเอกอายุมากๆเนี่ย
แต่ตอนนี้รู้สึกสงสารสุภาพงษ์เล็กน้อย
ว่าแต่ตั้งชื่อเชยได้ใจจริงๆ ทำให้เข้าถึงความแก่ของตัวละคร :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 21-09-2011 21:17:01
กรี๊ดดดดดดดดด
ให้คอแตก  :laugh:
ชอบจริงชอบจังที่นายเอกอายุมากๆเนี่ย
แต่ตอนนี้รู้สึกสงสารสุภาพงษ์เล็กน้อย
ว่าแต่ตั้งชื่อเชยได้ใจจริงๆ ทำให้เข้าถึงความแก่ของตัวละคร :z2:

ถนัดอะไรแบบนี้ค่ะ (ภูมิใจดีไหมเนี่ย=[]=!!)

ปล. คอมเม้นต์คำผิดของคุณnorillinแก้ให้เรียบร้อยแล้วนะคะ^^ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Goldfishmaron ที่ 22-09-2011 01:19:48
ชะๆ มีหญ้าแก่มาให้เคี้ยวเล่นอีกแล้ว o13
มิพลาดๆ
 
+1เป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: zhiki ที่ 22-09-2011 01:34:56
แก่อีกแล้ว.................  :a5:


เจ๊ก็แก่ๆตลอดอ่ะ  :laugh: เขียนเด็กๆไม่ได้มันสวนกับอายุจริง  o18



จิ้มครับ +1ด้วยๆ มาม่ะ กอดเจ๊  :กอด1:

ชอบครับ ชอบบ  :-[ ชอบคาแรกเตอร์สุภาพงษ์.. แต่คาแร็กเตอร์พนิต .... คุ้นๆเลยเนอะ  o22
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: reborn23 ที่ 22-09-2011 01:42:31
 :-[
อารมณ์แบบบ้านๆ  เหมือนผู้ใหญ่ดุเด็กๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 22-09-2011 02:35:29
ตามมา*กรี๊ดดด*ด้วยคนค่ะ
โฮกกก เคะสว. อีกแล้ว
โดนใจอย่างจัง ชอบนักแลแนวเคะแก่(ประสบการณ์) กร๊ากกกก

คิดถึงพี่ไพกับคงฉ่วยจัง จ๊วบๆ (พูดถึงเฉยๆจ้า ไม่ได้มีนัยสำคัญ กรั่กๆๆ)
ส่วนเรื่องผีเสื้อขอมีเวลาว่างเยอะๆหน่อย จะตามโลดเลยจ้า

เป็นกำลังใจให้ต่อไปค่ะ
(ท่องในใจ : ไม่ทวง ไม่ทวง ฮ่าๆๆๆ)
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-09-2011 10:38:22
เมื่อก่อนไม่ค่อยนิยมคนมีอายุเท่าไรนัก อ่านแล้วไม่ค่อยเร้าใจเลย  แต่พอได้มาอ่านเรื่องของคุณ juon  กลายเป็นตกหลุมรักคนแก่ซะแล้วเรา เพิ่งรู้ว่า คนแก่ก็น่ารัก  :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 22-09-2011 11:37:52
** เราเข็ดแล้วกับการเขียนตอนหนึ่งเกือบยี่สิบหน้าอย่างเรื่องผีเสื้อ ดังนั้น เอาตอนนึงสั้นๆ ก็พอ ฮ่าๆๆ (ที่จริงไม่ีมีอะไรจะเขียนก็บอกมาเหอะหล่อนเอ๊ยยย :angry2:)
---------------------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่2

   เวลาที่เขียนเรื่องออกไหลลื่น เรื่องกินเรื่องนอนนี่ผมแทบจะลืมไปเลยล่ะ เข้าทำนอง จิตอยู่เหนือกายจริงๆ แต่อย่าหมายว่าจิตอยู่เหนือกายแล้วกายจะไม่ประท้วงอะไร เพราะผมก็ไม่ใช่คนหนุ่มๆ แล้ว เพลินเพลินกับการเขียนต้นฉบับจนแทบลืมหลับลืมนอนขนาดนี้ พอล่วงเข้าวันที่สาม ร่ายกายมันก็เริ่มจะประท้วงแล้วเหมือนกัน
   วันนี้ผมตื่นเช้ามาด้วยอาการปวดหัวตึ๊บ สุดท้ายก็จำต้องนอนต่อและตื่นสายโด่ง ลงมาชั้นล่างก็มึนจนแทบทำกับข้าวไม่ไหว สุดท้ายก็ได้แกงจืดตำลึง ที่ดึงใบของมันมาจากชายคาข้างบ้านหม้อหนึ่ง พอทานข้าวแล้วก็ค่อยรู้สึกยังชั่วหน่อย
   เรื่องมันมีอยู่ในหัวหรอกนะ แต่พิมพ์ด้วยสภาพแบบนี้คงจะเรียบเรียงออกมาเป็นตัวหนังสือสวยงามไม่ได้แน่ๆ
   ดังนั้น พอทานข้าวและเก็บจานเสร็จแล้ว ผมก็ออกไปเดินยืดเส้นยืดสายผ่อนคลายตัวเองสักหน่อย ผมรู้ตัวนะ ว่านี่มันเลยวัยจะทำงานหามรุ่งหามค่ำแล้ว แต่พอคิดเรื่องออกทีไร มันก็เผลอตัวทุกที วันหลังคงต้องตั้งนาฬิกาเสียแล้วล่ะ แต่ถ้าตั้งแล้วเรื่องมันสะดุดก็คงจะหงุดหงิดอยู่เหมือนกัน เอาล่ะ วันนี้ผมพักให้เต็มที่ดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ตื่นขึ้นมาเขียนต่อได้อย่างสะดวกใจ
   ผมเดินรอบบ้านรอบหนึ่ง แล้วก็กลับมาเปิดดูโทรทัศน์ ดูพวกสารคดีที่มากับเคเบิล จำได้ว่ากำลังดูสารคดีเกี่ยวกับสิงโตอยู่ แต่มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นนั่นแหละ
   ผมสะดุ้งเฮือก หันซ้ายหันขวา ถึงได้รู้ว่าเป็นช่วงเย็นแล้ว เงยมองนาฬิกาก็สี่โมงพอดี โทรศัพท์เจ้ากรรมยังคงแผดเสียงลั่น ผมลุกจากเก้าอี้ยาว ตรงไปรับมันอย่างคนยังไม่ตื่นนอนดี
   “สวัสดีครับ”
   “คุณพนิต เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” เสียงปลายสายดูคุ้นหู แต่ผมไม่แน่ใจว่าใครกันแน่ เลยกรอกเสียงกลับไป “นั่นใครครับ”
   “สุภาพงษ์ครับ”
   “อ่อ” ผมร้องออกไป “อืม... ผมหลับอยู่น่ะ”
   “ขอโทษนะครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนเจือความรู้สึกผิดอยู่สักหน่อย ไม่สิ ผมว่าเขารู้สึกผิดเลยล่ะ ตลกดีเหมือนกัน เวลาคุยกับเขาตรงๆ ผมจับความรู้สึกเขาไม่ค่อยได้ คงเพราะหน้าเขานิ่งมากล่ะมั้ง ผมกรอกเสียงกลับไป “ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ มีธุระอะไรล่ะ?”
   “ผมมารับคุณไปทานข้าวน่ะครับ”
   “?” ผมขมวดคิ้วอย่างงุนงง จากนั้นถึงพอจะนึกเรื่องราวออกได้ “ขอโทษทีนะ พอดีผมมัวแต่เขียนต้นฉบับจนลืมไปสนิทเลยล่ะ คุณอยู่ไหนแล้ว?”
   “หน้าบ้านครับ ผมเรียกอยู่นาน ไม่เห็นมีเสียงตอบ เห็นทีวีเปิดอยู่ เลยกลัวว่าคุณจะเป็นอะไร”
   “อ้อ ผมแค่เผลอหลับไปน่ะ” ผมตอบ รู้สึกแปลกใจดีเหมือนกัน วันนี้ดูเขาพูดมากผิดปกติ สงสัยเพราะคุยโทรศัพท์กันด้วยล่ะมั้ง จากนั้นผมถึงเบือนหน้าออกไปมองผ่านประตูมุ้งลวด สุภาพงษ์ยืนอยู่หน้าประตูรั้ว มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีส้มอ่อน ซึ่งดูแปลกตาอยู่พอสมควร เพราะปกติเขาจะใส่ทีพื้นๆ กว่านี้ ผมถึงกับต้องกะพริบตาซ้ำ เพราะคิดว่าอาจจะเพราะแสงอาทิตย์ยามเย็นก็ได้ที่ทำให้ผมเห็นสีเสื้อเขาเป็นแบบนั้น แต่เขาใส่เสื้อสีส้มอ่อนมาจริงๆ นั่นแหละ เออ แปลกจริงๆ
   “เดี๋ยวผมเดินออกไปเปิดประตูให้ วางสายนะ”
   “ครับ”
   ผมวางโทรศัพท์ แล้วเดินไปเปิดประตูรั้วให้เขา สุภาพงษ์มีสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม เออ ถ้าไม่เห็นเขาคุยโทรศัพท์จะๆ ผมไม่เชื่อแน่ว่าใช่คนเดียวกัน เขาหน้าเฉย แต่งตัวเนี๊ยบ ถึงจะสีแปลกตาไปหน่อย ก็ดูดี อืม.. เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีจริงๆ นั่นล่ะ
   “คุณพนิต?”
   ผมสะดุ้งเฮือก รู้สึกตัวขึ้นมาทันทีว่าเผลอจ้องหน้าเขาเพลินไปแล้ว เขามองผมด้วยสีหน้าเรียบเฉยแบบนั้นแหละ แต่คงจะสงสัยอยู่เหมือนกันมั้ง ไม่รู้สิ ผมดูสีหน้าเขาไม่ออกหรอก
   “อืม วันนี้คุณใส่เสื้อสีแปลกดีนะ” ผมพูด ตีสีหน้าจริงจังว่าแปลกใจสุดๆ เข้าสู้ เขามองผม จากนั้นก็มองเสื้อตัวเอง “ไม่ดีหรือครับ?”
   “ก็ไม่เชิงหรอก แค่แปลกน่ะ” ผมว่า แล้วทำท่าเป็นพินิจพิเคราะห์เสื้อของเขาอย่างจริงๆ จังๆ สุภาพงษ์ขยับตัวอย่างอึดอัด สงสัยว่าผมจะทำให้เขาเสียความมั่นใจล่ะมั้ง
   “คุณพนิต”
   “หืม?”
   “จะไปหรือยังครับ?”
   ผมมองเขา แล้วกะพริบตาปริบๆ “อืม... ผมเปลี่ยนเสื้อแป๊บหนึ่งแล้วกัน”
   “ครับ” เขาตอบ เรายืนมองหน้ากันอีกครู่หนึ่ง ผมเกิดกลัวสายตาตัวเองจะแสดงความรู้สึกให้เขาเห็นมากจนเกินไป ก็เลยยอมเข้าบ้านมาเปลี่ยนเสื้อในที่สุด
   เสื้อในตู้ผมมีไม่มาก แต่ไหนแต่ไร ผมไม่เคยสนใจตัวเองอยู่แล้ว ว่าจะต้องดูดีเลิศประเสริฐศรีอยู่เหนือคนอื่น ผมไม่ใช่คนหน้าตาดี แค่พอไปวัดไปวาได้ แล้วก็ไม่ใช่ชายเจ้าสำอาง กระทั่งตอนหนุ่มๆ ก็เถอะ ในเมื่อเสื้อตัวไหนก็เหมือนกัน ผมเลยหยิบเสื้อคอโปโลสีเทาออกมาตัวหนึ่ง ห้านาทีผ่านไป ผมก็พร้อมจะไปทานข้าวเย็นกับสุภาพงษ์แล้ว
   “คุณพนิต” สุภาพงษ์เรียกชื่อทันทีที่เห็นผมเดินลงมา ผมมองหน้าเขา เขาก็มองหน้าผม ขยับปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ หันหน้าแล้วเดินออกไปที่ประตู
   เขาไม่ได้พูดอะไรหรอก แต่ผมชักรู้สึกสงสัยว่าเขาอยากจะพูดอะไรตอนเห็นผมเดินลงมากันแน่
   “คุณสุภาพงษ์ ตะกี้คุณจะพูดอะไรหรือ?” ผมถาม หลังจากเปิดประตูเข้ามานั่งในรถของเขาแล้ว เขาหันมามองหน้าผม “อะไรหรือครับ”
   ผมนิ่งไปอึดใจ แล้วก็พูดออกมา “เปล่า ไม่มีอะไร ว่าแต่จะไปทานที่ไหนล่ะ?”
   สุภาพงษ์พูดชื่อร้านอาหารออกมา แต่ร้านอาหารในกรุงเทพฯมีเป็นร้อย รวมปริมณฑลเข้าไปอีก คนอย่างผมถึงจะเป็นนักเขียน แต่ก็ไม่มีปัญญาจะจำชื่อร้านอาหารทั้งหมดนี้ได้หรอก เอาว่าร้านที่เขาบอกชื่อผมไม่รู้จักก็แล้วกัน แต่ก็ดี เผื่อผมจะมีฉากเขียนนิยายเพิ่มบ้าง
   สุภาพงษ์ค่อยๆ ขับรถออกจากถนนแคบๆ ในซอยบ้านผม ไปสู่ถนนใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ร่วมงานกัน ที่ผมได้นั่งรถเขา เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรหรอก เพราะสุภาพงษ์ขับรถนิ่มมาก ซึ่งก็ดูจะตรงกับนิสัยของเขาดี ไอ้ผมที่นั่งแต่รถเมล์รถแท็กซี่มาตลอดชีวิต เจอรถขับนิ่มๆ แบบนี้มันก็เลยพาลจะหลับเอาน่ะ ยิ่งเขาเปิดเพลงรุ่นผมยังหนุ่มคลอเบาๆ แบบนี้ ประกอบกับอาการพักผ่อนน้อยในหลายวันที่ผ่านมา ผมถึงกับเผลอตัวหลับไปในรถเขาจริงๆ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงเขาเรียกนั่นแหละ
   “คุณพนิต”
   ผมพยายามปรือตาขึ้นมาอย่างคนง่วงนอน ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าอยู่ที่ไหน แต่พอเห็นภาพตรงหน้าก็ทำเอาผมต้องผงะตัวตามสัญชาตญาณ เอ่อ... ผมคิดไปเองรึเปล่านะ ตะกี้เหมือนว่าคนที่เรียกชื่อผมจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมตกใจเลยล่ะ
   “เมื่อคืนนอนไม่พอหรือครับ” ผู้ชายหน้าตาหมดจดที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับเอ่ยถามผมด้วยสีหน้านิ่งสนิท ผมมองหน้าเขา และรู้สึกตัวขึ้นมาว่าอยู่บนรถของสุภาพงษ์ ความจริงมาเผลอหลับในรถของคนที่จะสนิทก็ไม่สนิท แถมยังเป็นเจ้านาย แล้วก็เด็กกว่าขนาดนี้ พูดไปแล้วมันก็น่าอายสำหรับคนอายุเท่าผมเหมือนกันนะ แต่ภาพที่เห็นตอนตื่นเมื่อครู่ ทำเอาผมตกใจจนลืมอายไปสนิทเลยล่ะ ผมมองเขาอีกครั้ง สุภาพงษ์นั่งเรียบร้อยอยู่ตรงที่นั่งคนขับ อืม.. ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้
   “จะกลับไปพักก่อนรึเปล่าครับ” เขาถาม ผมมองหน้าเขา แล้วสั่นศีรษะ “ไม่ต้องหรอก ออกมาแล้วนี่”
   สุภาพงษ์มองหน้าผมอยู่พัก จากนั้นก็พยักหน้า เออ พิลึกคนจริงๆ อุตส่าห์มาถึงนี่แล้ว ยังจะถามว่าผมจะกลับมั้ย ถ้าผมไม่ไหวจริงไม่ถ่อมากับเขาหรอก ขี้เกรงใจไม่เข้าเรื่องจริงๆ ทีไอ้เรื่องที่ควรเกรงใจล่ะไม่เคยทำจริงๆ สักที
   ผมเผลอหลับในรถของสุภาพงษ์ มาตื่นอีกทีก็โพล้เพล้แล้ว แสงสีส้มแดงอาบท้องฟ้ากำลังสวย สุภาพงษ์เดินนำผมเข้าไปในร้านอาหาร ซึ่งดูจะเป็นแบบโอเพ่นแอร์ พอผมเดินผ่านซุ้มประตูเข้าไป ถึงได้รู้ว่าเป็นร้านอาหารที่อยู่ติดแม่น้ำ ดูจากทัศนียภาพฝั่งตรงข้ามที่เริ่มกลายเป็นสีเทาขมุกขมัวแล้ว ผมก็พอจะเดาได้ว่าคงเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาแน่ๆ
   ร้านตกแต่งแปลกตาดี เหมือนจะเป็นบรรยากาศเก่าๆ แต่ก็ไม่เชิงว่าจะเก่าเสียทีเดียว แปลกๆ แต่ก็ดูไม่ขัดหูขัดตาอะไรหรอก ผมไม่ใช่นักตกแต่งหรือออกแบบ ดังนั้นขอแค่ให้มันไม่น่าเกลียดจนเกินไปก็พอแล้ว
   สุภาพงษ์พาผมเดินผ่านโต๊ะอาหารหลายสิบโต๊ะ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง มีคนนั่งทานอาหารกันอยู่พอสมควร ลมเย็นๆ ที่พัดมาจากแม่น้ำก็ทำเอาผมรู้สึกสบายตัวดี
   ในที่สุดเขาก็นำผมมาถึงซุ้มเล็กๆ ที่มีโต๊ะอาหารตัวใหญ่ตัวหนึ่งตั้งอยู่ สุภาพงษ์เดินไปที่โต๊ะ จากนั้นก็หันมาหาผม แล้วเลื่อนเก้าอี้ให้ “เชิญครับ”
   ผมแอบอึ้งนิดๆ เออ รู้หรอกว่าเขาเชิญมาทานข้าวเพราะเกรงใจที่ผมทำกับข้าวให้เขาทานเมื่อคราวก่อน แต่... พอต้องมานั่งเผชิญหน้ากับเขานอกสถานที่แบบนี้ ผมก็แอบรู้สึกเขินอยู่เหมือนกัน คงต้องพยายามระวังสายตาไม่ให้จ้องเขาจนน่าเกลียดแล้วสิ
   สุภาพงษ์นั่งลงตรงเก้าอี้ตรงข้ามผม โอย คราวนี้เห็นหน้าเขาจะๆ ชัดเจนเลยล่ะ รูปหน้าเอย คิ้วเอย ปลายคางเอย ทำไมมันหมดจดน่ามองแบบนี้นะ เขาหยิบเมนูมาเปิด ขณะที่ผมนั่งจ้องหน้าเขาแบบลืมอายไปชั่วขณะ
   “คุณพนิตไม่สั่งอะไรหรือครับ?” สุภาพงษ์เงยหน้าขึ้นมองผม แต่อย่าคิดว่าผมจะพลาด ผมกางเมนูมารอท่าไว้แล้ว พอเขาเงยหน้ามา ผมก็รีบก้มหน้างุด ทำเป็นจ้องเมนูอย่างจริงๆ จังๆ สักพักก็พูดออกมา “อืม.. เอาแกงส้มปลากะพงก็แล้วกัน”
   “ครับ” สุภาพงษ์รับคำเสียงเรียบ ผมรออยู่ว่าเมื่อไหร่เขาจะก้มหน้ามองเมนู จะได้แอบมองหน้าเขาอีก สุภาพงษ์หน้าตาดีจริงๆ นะ ไม่รู้ว่าเขาแต่งงานแล้วหรือยัง นี่ถ้าแต่งงานแล้ว ยังต้องเจียดเวลามาทวงต้นฉบับผมอีกนี่ ผมคงทำบาปมากแน่ๆ
   “จะสั่งอะไรเพิ่มอีกมั้ยครับ?” เขาถาม หลังจากเห็นผมเอาแต่ก้มมองเมนู เออ ผมไม่รู้จะสั่งอะไรแล้วล่ะ ปกติผมทานข้าวมีกับแค่อย่างสองอย่างเอง เขาน่ะสั่งไปตั้งสองอย่างแล้ว รวมของผมก็สาม ผมไม่สั่งอะไรเพิ่มดีกว่า
   “คุณจะสั่งอะไรก็สั่งเถอะ ผมทานไม่เยอะ”
   “ครับ” เขาตอบ จากนั้นก็บอกพนักงานจดรายการอาหารว่าพอแล้ว คราวนี้ไม่มีเมนูบังหน้า ผมเลยต้องหาเป้าหมายอย่างอื่นเพื่อมองแทนเขา ไอ้ครั้นจะก้มมองจานบนโต๊ะก็ดูจะทุเรศไป เขาอาจจะมองผมว่ากำลังหิวจัดก็ได้ ดังนั้นผมจึงมองออกไปยังท้องน้ำเจ้าพระยาที่กำลังสะท้อนแสงไฟจากสิ่งปลูกสร้างด้านข้างเป็นประกายระยับในความมืดยามหัวค่ำ
   อืม... มองแล้วนึกถึงสมัยก่อนยังไงก็ไม่รู้สิ ตอนนั้นมันไม่มีอะไรเลอะเทอะระเกะระกะขนาดนี้ เรื่องหน้าลองเขียนชีวิตของเด็กที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดีไหมนะ ฉากชวนกันกระโดดสะพานเล่นน้ำกันคงดูน่ารักดี
   “คุณพนิตครับ”
   ผมสะดุ้งโหยง เพราะกำลังจินตนาการถึงชีวิตริมน้ำสมัยโบราณอย่างบรรเจิดอยู่ดีๆ ก็มาถูกเรียกขัดจังหวะความคิดเสียได้ พอเบือนหน้ากลับมามองก็เห็นสุภาพงษ์นั่งหน้าตายเช่นเคย
   “มีอะไรหรือ?” ผมถาม เพราะเห็นเขาไม่พูดอะไรต่อ สุภาพงษ์เงียบไปอีกพัก จากนั้นก็พูดต่อได้เสียที “ต้นฉบับถึงไหนแล้วครับ?”
   “.................” ผมอึ้งไปชั่วขณะ ความจริงก็น่าจะคิดได้อยู่แล้ว ว่าระหว่างเขากับผม จะคุยอะไรกัน คงไม่พ้นเรื่องต้นฉบับนี่แหละ เขาอาจจะอยากชวนผมคุย แล้วก็กระตุ้นผมไปในตัวก็ได้
   “ก็ ใกล้เสร็จแล้วล่ะ พอดีวันนี้มึนนิดหน่อย เลยไม่ได้เขียนต่อ ผมส่งทันตามกำหนดแน่”
   “ครับ... ยังไงก็ระวังสุขภาพด้วยนะครับ” เขาตอบกลับมาด้วยสีหน้าเฉยสนิท ผมชักนึกเซ็งว่าเขาไม่ต้องเอาคำพูดตามมารยาทมาประกอบกับสีหน้าแบบนี้ก็ได้ ดูแล้วมันชวนละเหี่ยใจพิกล เมื่อไหร่เขาจะหันไปสนใจอย่างอื่นแล้วปล่อยให้ผมมองหน้าเขาสักทีนะ
   ฟ้ามืดแล้ว ไฟในร้านอาหารก็เปิดสว่าง ตรงซุ้มที่ผมนั่งกับเขาก็เปิดไฟ เป็นไฟสีส้มอ่อน แสงนวลตา พอทาบลงบนใบหน้าหมดจดนั่นแล้ว ดูน่ามองเข้าไปอีก
   สุภาพงษ์นั่งอยู่ตรงข้ามผม อาหารยังไม่มา แต่เขาเริ่มมองจานแล้วล่ะ ผมนึกขำ อายุตั้งสามสิบสี่แล้ว ยังมานั่งมองจานต่อหน้าผู้ใหญ่อีก จริงๆ เขาก้มมองจานก็ดี เพราะผมจะได้มองหน้าเขาได้ แต่เห็นแล้วผมก็อดปากไม่ได้อีกนั่นแหละ
   “คุณสุภาพงษ์ หิวมากหรือ?”
   “?” เขาเงยหน้าขึ้นมองผม ผมปั้นหน้าขรึมไม่ทัน ก็เลยยิ้มไปตามเรื่อง เพราะไงมองหน้าเขาผมก็มีความสุขอยู่แล้ว และนี่ผมก็ตั้งใจแซวเขาด้วยน่ะ “ก็ผมเห็นคุณมองแต่จาน”
   สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ “เปล่าครับ”
   “อ้อ...” ผมลากเสียง ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะสุภาพงษ์เลิกมองจานแล้ว หันมาจ้องหน้าผมแทน เจอแบบนี้ผมอยากจะขอโทษเขากลับจริงๆ ช่วยกลับไปมองจานต่อเถอะนะพ่อคุณ ไอ้ที่ทักตะกี้ถือว่าลมพัดก็แล้วกัน
   แต่เขาไม่ใช่เพื่อนสนิทผม แล้วถึงเป็นเพื่อนสนิท ก็ใช่ว่าผมจะพูดออกไปได้จริงๆ เสียหน่อย
   ขืนให้เขารู้ว่าผมชอบมองเขาแบบนี้ เดี๋ยวได้เข้าหน้ากันไม่ติดพอดี
   “คุณพนิตครับ”
   “หืม?”
   “ชอบสีเทาหรือครับ?”
   “เอ๋?” ผมมองหน้าเขาอย่างงุนงง สุภาพงษ์มองผม จากนั้นก็พูดต่อ “ผมเห็นคุณชอบใส่เสื้อสีเทาน่ะ”
   ผมก้มลงมองเสื้อตัวเอง แล้วก็ร้องออกมา “อ้อ... อืม..”
   เพิ่งมานึกได้เหมือนกันว่าในตู้เสื้อผ้าผมมีเสื้อสีเทาเยอะมาก ทำไมน่ะรึ ผมว่าสีมันดูหมองดีน่ะ แบบว่าเก่าตั้งแต่ซื้อมาแล้ว ซักให้ตายก็ไม่ดูเก่าไปกว่านี้หรอก จะใส่สีเข้ม เวลาไปไหนมาไหนตอนมืดๆ รถรามันจะมองไม่เห็นเอา เดี๋ยวจะกลายเป็นคนทับใต้ล้อรถ สรุปแล้วสีเทานี้แหละ สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับผมแล้ว
   สุภาพงษ์กะพริบตาปริบๆ ทำท่าจะอ้าปากพูดอะไร แต่ก็ถูกขัดจังหวะจากอาหารที่บริกรยกมาเสิร์ฟเสียก่อน
   เราสองคนนั่งทานอาหารกันเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรอีก แน่ล่ะ ผมน่ะไม่มีอะไรจะพูดกับเขาอยู่แล้ว ส่วนเขา ไม่พูดน่ะดีที่สุด เพราะอ้าปากออกมาก็คงมีแต่คำว่าต้นฉบับเต็มไปหมด
   ผมฉวยโอกาสระหว่างมื้ออาหารแอบมองหน้าสุภาพงษ์อีกแล้ว เขาหล่อดีจริงๆ ผมเริ่มคิดว่าปล่อยให้เขามาทวงต้นฉบับบ้างเดือนละครั้งก็น่าจะดี จะได้มีโอกาสมองหน้าเขาบ่อยๆ เอาจริงก็รู้สึกผิดๆ เหมือนกันนะเนี่ย เหมือนผมดูโรคจิตๆ ยังไงไม่รู้ นี่ถ้าเขามีลูกเมียแล้ว ผมคงต้องรู้สึกผิดมากกว่านี้แน่ๆ แต่ยังไม่ได้ถามเขาเลยว่ามีลูกเมียแล้วหรือยัง
   “คุณสุภาพงษ์”
   เขาเงยหน้าจากจานอาหารขึ้นมองผม  “ครับ?”
   “คุณแต่งงานหรือยังน่ะ?”
   “ยังครับ” เขาตอบ ผมพยักหน้า รู้สึกโล่งใจอยู่หน่อยหนึ่ง ขณะที่กำลังจะก้มหน้าทานอาหารต่อ ทางนั้นก็พูดขึ้น “ถามทำไมหรือครับ?”
   “เปล่า แค่อยากรู้น่ะ” ผมตอบ แล้วตักข้าวใส่ปาก ขณะที่กำลังนึกว่า กับข้าวร้านนี้อร่อยดี วันหลังคงต้องชวนเพื่อนฝูงมาทานบ้างซะแล้ว สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นต่อ
   “คุณพนิตครับ ที่จริงผมมีคนที่ชอบอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเล่าให้คุณฟังจะดีรึเปล่า?”
   ผมเงยหน้ามองเขา อึ้งไปหน่อยหนึ่ง คือไม่ใช่ว่าอึ้งที่เขามีคนที่ชอบอยู่นะ แต่อึ้งที่คนอย่างเขามาพูดเรื่องนี้กับผม อึ้งได้แว้บเดียวเท่านั้นแหละ ความอยากรู้อยากเห็นก็ผุดตามขึ้นมาเป็นดอกเห็ด
   ผมขยับตัวอย่างตั้งใจ มองหน้าสุภาพงษ์ พลางนึกว่า ดีล่ะ นี่อาจจะเป็นแรงบัลดาลใจใหม่ในนิยายของผมก็ได้ คิดได้ดังนั้นแล้ว ผมก็ตอบกลับไป “อืม.. เล่ามาสิ”
   สุภาพงษ์นิ่งไปพัก จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องของตัวเอง
   “สมัยก่อน ตอนผมเด็กๆ ผมกับเพื่อนชอบไปวิ่งเล่นในสวนบ้านข้างๆ ”
   “อืม...”
   “เจ้าของสวนเป็นคุณลุงกับคุณป้า ใจดีมาก ลูกชายกับลูกสาวเขาแก่กว่าพวกผมหลายปี แต่ก็มาเล่นเป็นเพื่อนพวกผมบ่อยๆ บางทีก็มาเล่านิทานให้ผมฟังด้วย”
   “อืม....” ผมส่งเสียง และนั่งรอให้เขาเล่าต่อ แต่เหมือนสุภาพงษ์จะลังเล สงสัยนึกไม่ออก หรือไม่รู้จะเริ่มยังไงดี ประกอบกับผมเผอิญรู้สึกปวดเบาขึ้นมากะทันหัน พอเห็นเขาไม่มีวี่แววจะเล่าต่อ ให้เซ้าซี้ก็ไม่ใช่วิสัย ผมเลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
   ห้องน้ำอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ แต่กว้างอย่างกับห้องรับแขก ถึงอย่างนั้นก็สวยล่ะนะ ไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้เป็นฉากอะไรได้รึเปล่า ผมทำธุระเรียบร้อย ก็เดินกลับออกมา พลางนึกว่าไม่รู้สุภาพงษ์จะอยากเล่าเรื่องของเขาต่อรึเปล่า เขาไปชอบใครกันนะ ลูกสาวคนข้างบ้านล่ะมั้ง อืม ชอบมาตั้งแต่เด็กๆ..... ดูจะเป็นคนฝังจิตฝังใจจริงๆ นะเนี่ย
   ผมนึกเพลินๆ ของผมขณะเดินไปที่โต๊ะ แล้วก็ขนลุกซู่ เมื่อเห็นแก้วใส่ดอกกุหลาบวางอยู่บนโต๊ะ จำได้ว่าตอนก่อนจะลุกไปไม่มีอะไรแบบนี้นี่นา ผมหันไปมองสุภาพงษ์ทันที
   “กุหลาบใครน่ะ?”
   “ผมขอเขามาน่ะครับ อยากจะให้โต๊ะมีสีสันหน่อย”
   ผมมองกุหลาบในแก้ว กุหลาบกลีบซ้อน อย่างสวยเลยล่ะ มองแล้วไม่น่าจะขอกันได้ในร้านอาหารนะเนี่ย ผมเลยหันหน้ามามองเขา หน้าเขานิ่งสนิทเหมือนเดิม ทำเอาผมพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน
   ช่างเถอะ เขาอยากจะทำอะไรมันก็เรื่องของเขา หน้าเขานิ่งขนาดนี้ ผมเดาอะไรไปก็ป่วยการเปล่าๆ
   ผมนั่งลงตรงข้ามเขา หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม ก็หวังว่าเขาจะเล่าต่อหรอกนะ แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าเขาจะเล่ารึเปล่า บางทีเขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ ครั้นจะถามเอง ก็ดูจะให้ความสนใจจนเกินไป
   “คุณพนิต ที่ผมเล่าตะกี้น่ะ” เขาพูดออกมาหลังจากนั้นสักพัก ผมรออยู่แล้วก็เลยพยักหน้าออกไป “อืม.. เล่าต่อสิ”
   “ครับ..” เขาส่งเสียง แล้วเม้มปากนิดๆ เหมือนยังชั่งใจอยู่อีกหน่อย ขณะที่กำลังจะอ้าปากเล่า โทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดันส่งเสียงขึ้นมา
   “ขอโทษนะครับ” สุภาพงษ์พูด และรีบรับโทรศัพท์ ผมโบกมืออย่างไม่ถือสา ก่อนจะทานอาหารต่อ
   ปรากฏว่าเหมือนโทรศัพท์ที่เข้ามาจะเป็นธุระสำคัญ สุภาพงษ์นั่งคุยอยู่ได้แว้บเดียวก็ขอตัวออกไปคุยนอกโต๊ะ ผมก็พยักหน้า ปล่อยให้เขาจัดการธุระตัวเองไป
   ทานจนหมดจานแล้ว เขาก็ยังไม่กลับมา ผมกวาดตามองอาหารที่เหลือบนโต๊ะ พลางนึกเสียดาย หันไปก็เห็นสุภาพงษ์กำลังคุยโทรศัพท์หน้าเครียด เฮ้อ... เป็นนักธุรกิจก็วุ่นวายแบบนี้แหละนะ
   ผมเริ่มเก็บจานวางซ้อนกันฆ่าเวลา อะไรที่จานใกล้หมดหรือหมดแล้วก็เก็บรวมๆ กันไว้ พนักงานจะได้สะดวกตอนเก็บ กว่าที่สุภาพงษ์จะกลับมา จานเปล่าบนโต๊ะก็ถูกเก็บไปหมดแล้ว เหลือแต่จานที่ยังมีเยอะ กับดอกกุหลาบดอกใหญ่ดอกนั้นแหละ
   “ขอโทษจริงๆ นะครับ” เขาว่า ผมโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ เอาเถอะ ที่จริงทิ้งผู้ใหญ่ที่เชิญมาให้นั่งอยู่คนเดียวแบบนี้มันก็น่าเกลียดนะ แต่ผมเข้าใจว่ามันคงเป็นธุระสำคัญ คนอย่างเขาคงไม่คุยโทรศัพท์พร่ำเพรื่อ
   สุภาพงษ์คุยโทรศัพท์แล้วกลับมานั่ง ก็มีท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดวิสัย ผมเลยถามออกไป “มีเรื่องด่วนต้องไปหรือไง จะเก็บโต๊ะเลยก็ได้นะ ผมไม่ทานอะไรแล้ว”
   “อืม.... ขอโทษด้วยนะครับ” เขาพูดอีก สีหน้าดูร้อนใจจริงๆ ผมพยักหน้าอีก “ไม่เป็นไรหรอก”
   จากนั้นเขาก็เรียกพนักงานมาเก็บค่าอาหาร ผมเลยลุกออกมาก่อน เดินไปรอเขาที่หน้าร้าน และถือโอกาสสอบถามทางมาด้วยรถเมล์กับพนักงานที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์เสียเลย คราวหน้าจะได้ชวนเพื่อนฝูงแวะมาบ้าง
   “คุณพนิตครับ” สุภาพงษ์เรียกชื่อผม ขณะเดินจ้ำออกมาจากร้าน ผมมองเขา แล้วก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นว่าเขาหยิบดอกกุหลาบสีแดงดอกนั้นติดมือกลับมาด้วย แต่ก็นะ เขาเป็นคนสั่งมานี่นา ดอกมันก็สวย จะเอากลับบ้านก็ไม่แปลก
   “จะกลับหรือยังน่ะ” ผมถามตามประสา ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่ามันได้เวลาแล้วล่ะ เขาพยักหน้า จากนั้นก็พาผมกลับไปขึ้นรถ
   ขากลับผมไม่หลับแล้วล่ะ มัวแต่มองหน้าเขาเพลินสลับกับกุหลาบสีแดงดอกนั้น ไม่รู้ว่าอะไรดลใจผม ก่อนจะลงจากรถ ผมก็พูดกับเขาไปว่า
   “คุณสุภาพงษ์ เรื่องรักสมัยเด็กน่ะ เป็นไปได้ก็ไม่ต้องไปจริงจังกับมันนักหรอก คุณลองมองหาคนใหม่ๆ ไว้ดีกว่านะ เวลาผ่านไป อะไรๆ มันก็เปลี่ยนตามทั้งนั้นแหละ”
   สุภาพงษ์มองหน้าผมอึ้งๆ จากนั้นก็เรียกชื่อผมออกมา “คุณพนิต...”
   “ขับรถกลับดีๆ ล่ะ แล้วก็ขอบใจมากที่เลี้ยงข้าว” ผมตอบ แล้วเดินเข้าบ้าน สักพักก็ได้ยินเสียงเขาแล่นรถออกไป ผมเผลอถอนหายใจเฮือก
   ผมคิดอะไรของผมอยู่กันนะ ถึงเขาไม่มีคนที่ชอบเลย ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหันมาชอบผมสักหน่อย
   ผมก็แค่ อยากจะได้มองหน้าเขาไปจนกระทั่งหมดสัญญาเท่านั้นแหละ
----------------------------------------------------------
**ทำไมไม่รู้ รักคุณพนิตจัง ถึงจะแอบสงสารคุณสุภาพงษ์อยู่นิดๆ หน่อยๆ แต่ฮาคุณพนิตมากกว่า แบบว่า เป็นจอมคิดเองเออเองจริงๆ นะเนี่ย :o8: ส่วนคุณสุภาพงษ์ก็.... จะอ้อมค้อมไปไหนคะ ฮ่าๆๆๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 22-09-2011 11:54:04
ลำดับอารมณ์ตอนอ่าน
เขิินนิดๆ>>อมยิ้ม>>สงสารคุณสุภา  :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: pmnet ที่ 22-09-2011 12:00:00
อ่านไป......ยิ้มไป
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 22-09-2011 12:12:35
แววแห้วมาเยือนคุณสุภา (สำนวนนี้น่าจะเหมาะกับวัยคุณพนิด)
คนอายุไม่น้อยแล้ว ยังอ้อมไปอ้อมมา กว่าจะคุยกันรู้เรื่องไม่ปาไป ห้าสิบเหรอเนี่ย
ลงไม้ลงมือไปเลย


อ๊ะไม่ได้ ผิดคอนเซปต์ ซึนฯ
อ๊ากกกกกกกกกกก อึดอัด
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก1(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)20/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 22-09-2011 12:30:33
กรี้ด เรื่องใหม่   สว. อีกแล้ว   แต่คู่นี้ห่างกันแค่สิบกว่าปี ไม่เยอะเท่าไหร่ ช่องว่างไม่เยอะๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 22-09-2011 12:33:11
ไม่ใจเลยอ่ะคุณสุภา  ตีกรรเชียงรอบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ อยู่นั่นแหละ  เมื่อไหร่จะเข้าประเด็นซักที
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: reborn23 ที่ 22-09-2011 12:35:15
 :a5:
ความสัมพันธ์กระดึบได้แค่คืบ  สรุปยังไม่ก้าวหน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 22-09-2011 13:47:28
กริ้ดดดดดดดดดด ชอบเรื่องแบบนี้อะ ซึนเจอซึน กร้ากกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 22-09-2011 14:15:07
ลุ้นว่าเมื่อใหร่สองคนนี้จะคุยกันรู้เรื่องเสียที
น่าลุ้น
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: zhiki ที่ 22-09-2011 16:43:38
เหนด้วยครับ ซึน เจอ ซึน 555
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 22-09-2011 18:41:30
ทั้งคู่ต่างหน้านิ่ง แต่ในใจของแต่ละฝ่ายคงจะอยู่ไม่เป็นสุข
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 22-09-2011 19:08:49
** หนีความจริงอีกแล้วล่ะ!! (โดนคนอ่านโบก :beat:)

ดีใจจังค่ะที่คุณหนีความจริงอีกแล้ว  เพราะนั่นหมายความว่าพวกเราจะมีเรื่องใหม่ให้อ่านอีกแล้วเช่นกัน 555
เรื่องนี้ก็น่ารักเหมือนเดิม  แสดงให้เห็นฝีมือของคนแต่งเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 22-09-2011 21:10:48
มาอ่านเป็นกำลังให้คนแต่งจ้า

รักตอนเด็กของคุณ บก.เป็นใครกันนะ

อยากรู้มากมาย
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 22-09-2011 22:27:20
อ้อมโลกไม่ได้เมียนะคร้าาาาา บก.
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 22-09-2011 22:43:36
อ่ะอ่ะ เรื่องใหม่
ไม่ไหวเลยนะคุณสุภาพงษ์ กว่าจะพูดรู้เรื่อง สงสัยคุณพนิตก็หง่อมกว่านี้พอดีหรอก กล้ากล้าและเร็วๆหน่อย ถ้าริจะจีบคนแก่เนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 22-09-2011 23:21:01
ชอบทั้งคู่เลย  ซึนได้ใจสุดๆ
ถ้าวัยรุ่นใจเร็ว วัยแก่...เอ๊ย! วัยมากประสบการณ์ก็เลยต้องค่อยเป็นค่อยไปสินะ
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 23-09-2011 01:20:32
ชอบตอนแรกจัง ที่บรรยายฉากบ้านคุณพนิตน่ะค่ะ อ่านแล้วให้ความรู้สึกละเมียดละไม รื่นรมย์ สงบสุขดีแท้
จะให้คุณสุภาพงษ์รีบ ๆ จีบคุณพนิตให้รู้เรื่องรู้ราว ด้วยว่า เกรงใครจะคว้าไปรับประทาน คงใช้ไม่ได้ในเคสนี้
เพราะ คุณพนิตอยู่รอดปลอดภัยมาจนรุ่นนี้แล้ว( หมายถึง ยังโสด) คงไม่ต้องกลัวใครมาแย่ง
แต่รีบ ๆ หน่อยก็ดี อายุอานามมิใช่น้อย ประเดี๋ยวจะแก่เกิน....แกง  :m12:
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 23-09-2011 02:27:27
อะไรจะมีอุปสรรคขนาดน๊านนนนน
ไม่ใช่คุณสุภาพงษ์แอบรักคุณพนิตตั้งแต่เด็ก :m26:
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: zhiki ที่ 23-09-2011 02:35:42
จิ้มรีบน..


แสดงให้เหนถึงฝีมือ หรือแสดงให้เหนถึงตัวเลขอายุคนเขียน กร๊ากกกกกกก


ล้อเล่นนะครับ~ กอดเจ๊ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจัง ที่ 23-09-2011 04:11:13
 :o8:

กว่าจะรู้ว่ารักคงอีกหลายบท

ปากแข็งกันทั้งคู่ แต่น่ารักจัง

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 23-09-2011 05:29:48
โธ่สงสัยรักสมัยเด็กก็คุณพนิตนั่นแหละบอกให้มองคนใหม่ซะงั้น
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก2(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)22/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 23-09-2011 08:06:59
Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่3

   ผมเขียนต้นฉบับเรื่อง “เด็กหญิงน้อยในเมืองใหญ่” ตอนที่หกเสร็จก่อนกำหนดถึงห้าวัน ความจริงก็อยากให้สุภาพงษ์มาเอาต้นฉบับด้วยตัวเองที่บ้านอยู่หรอก เพราะอยากจะมองหน้าเขาอีก แต่ก็นั่นแหละ หนังหน้าผมยังพอมียางอยู่ ระลึกรู้ได้ว่าขืนให้เขามาทวงอีก มันคงจะน่าเกลียดแล้วล่ะ ดังนั้นวันนี้ผมจึงออกจากบ้านแต่เช้า พร้อมกับซองใส่ต้นฉบับ ขึ้นรถเมล์เพื่อไปสำนักงานของเขา
   สำนักงานของสุภาพงษ์อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมมาก แต่ถ้าขึ้นรถเมล์ต้องสองต่อ เพราะอ้อมไปอ้อมมา อยู่มานานก็แบบนี้แหละ ถนนหนทางเท่าเดิม แต่รถเพิ่มขึ้น สุดท้ายเลยต้องทำวันเวย์ ไอ้ที่เคยใกล้มันก็กลายเป็นไกลไป แต่ผมชอบนั่งรถเมล์นะ ได้มองนั่นมองนี่ข้างทางแล้วมันเกิดแรงบันดาลใจดี
   ผมนั่งรถเมล์เพลินๆ มาถึงหน้าสำนักงานเขาก็ใกล้เที่ยงแล้ว กะว่าส่งต้นฉบับเสร็จคงจะแวะทานอาหารแถวนี้ล่ะ สำนักงานของสุภาพงษ์เป็นอาคารพานิชย์สองชั้น ไม่หรูไม่หราหรอก เพราะสำนักพิมพ์เขาไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แล้วก็ไม่ได้ทำโรงพิมพ์พ่วง แค่สองห้องสองชั้นก็พอถมถืด จำได้ว่ามีพนักงานอยู่สักสิบยี่สิบคนล่ะมั้ง ผมว่าแค่สิบยี่สิบคนนี่ก็คงพอจะทำให้สุภาพงษ์ปวดหัวแล้วล่ะ เพราะงั้น รอบนี้ผมหยุดทำตัวเป็นภาระเขาสักงวดหนึ่งก็แล้วกัน
   “อ้าว สวัสดีค่ะคุณพนิต”
   พอผมเปิดประตูเข้าไป พวกเด็กๆ ในสำนักงานก็ยกมือไหว้ผมตามมารยาท
   “คุณสุภาพงษ์ติดคุยธุระกับแขกอยู่น่ะค่ะ” เด็กคนหนึ่งตอบผม ผมพยักหน้า “ไม่เป็นไร ผมมาส่งต้นฉบับน่ะ”
   เด็กอีกคนที่เป็นฝ่ายธุรการเลยมารับซองใส่ต้นฉบับจากผม ผมเลยให้ถุงใส่ขนมที่แวะซื้อตอนรอต่อรถเมล์ไปด้วย บอกว่าแบ่งๆ กันทาน จากนั้นก็หันหน้า เตรียมจะออกไปหาอะไรทานมื้อเที่ยง
   แต่ยังไม่ทันจะได้เดินพ้นประตู เสียงหนึ่งก็ดังมาด้านหลัง “คุณครับ รอก่อน” พอหันกลับไปก็เห็นชายหนุ่ม อายุสักสามสิบต้นๆ ล่ะมั้ง สวมเสื้อผ้าดูจะตามแฟชั่นอยู่พอสมควรเลยล่ะ แต่ก็ยังไม่ดูน่าเกลียดเกินรับได้เท่าไหร่ ผมเขม่นมองหน้าเขา แน่ใจว่าไม่เคยรู้จักแน่ๆ หรือจะเป็นพนักงานใหม่ที่สุภาพงษ์รับเข้ามา
   “คุณพนิตใช่ไหมครับ?” เขาถามขณะเดินเข้ามาหาผม ผมพยักหน้า “ครับ มีธุระอะไรหรือ”
   “อ้อ คือผมเป็นเพื่อนของสุภาพงษ์ ชื่อคุณากรน่ะครับ เรียกผมว่ากั้งก็ได้ ผมเป็นแฟนงานเขียนคุณด้วยน่ะครับ”
   “อ้อ...”
   “ผมชอบเรื่อง “ทุ่งนาฝัน” ของคุณมากเลยล่ะ เรื่องเด็กหญิงพิมชนกผมก็ชอบนะครับ” เขาพูด พลางทำหน้าชื่นชมจริงๆ พลอยทำเอาผมตื่นเต้นไปด้วย
   “อืม ดีจริงที่คุณชอบ แต่ผมว่าเรื่องทุ่งนาฝันผมยังเขียนไม่ดีเท่าไหร่”
   “นักเขียนก็ชอบพูดแบบนี้กันทุกคนล่ะครับ” คุณากรพูดแล้วยิ้มจนเห็นฟันเรียงสวย เออ ผมเพิ่งเห็นว่าเขาก็เป็นผู้ชายอีกคนที่หน้าตาดีเหมือนกันนะเนี่ย ถึงจะคนละแบบกับสุภาพงษ์ แต่ก็คือดูดีนั่นแหละ ที่สำคัญ ท่าทางจะพูดเก่งเสียด้วย
   “จะออกไปทานข้าวรึเปล่าครับเนี่ย?” เขาทักต่อเหมือนนึกขึ้นได้ ผมพยักหน้า
   “งั้น... ถ้าไม่รบกวน ผมไปทานด้วยได้ไหมครับ จะได้คุยกับคุณเรื่องงานเขียนด้วย นี่ผมเหน็บรวมเล่มของคุณมาด้วยนะเนี่ย ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอตัวจริง” เขาพูด แล้วเปิดกระเป๋าสะพายใบเล็กที่พกมา หยิบหนังสือรวมเล่มของผมเล่มหนึ่งขึ้นมา ท่าทางกระตือรือร้นของเขาพลอยทำให้ผมตื่นเต้นไปด้วย เลยเผลอตกปากรับคำไป “อืม.. ไปทานด้วยกันก็ได้”
   เขายิ้มกว้าง ดูน่ารักจริงๆ นั่นล่ะ จากนั้นเราสองคนก็เดินออกไปนอกสำนักงาน ระหว่างทางเขาพูดจ้อตลอดทาง ทำเอาผมพลอยพูดเยอะไปด้วย เอาเถอะ อันที่จริงผมก็ไม่ใช่คนอมดอกพิกุลอะไรหรอก แต่ที่น่าสงสัยคือ คนพูดเยอะแบบนี้ เป็นเพื่อนกับคนที่กลัวดอกพิกุลจะร่วงอย่างสุภาพงษ์หรือเนี่ย อืม... ที่จริงมันคงเป็นความสมดุลของธรรมชาติล่ะมั้ง เกิดสุภาพงษ์มีเพื่อนเงียบๆ หมด ผมว่าเขาคงได้ใบ้กินสักวัน
   คุณากรชวนผมมานั่งร้านอาหารติดแอร์ใกล้ๆ กัน ที่จริงผมไม่ค่อยชอบห้องแอร์หรอก แต่เห็นว่าเป็นคนเพิ่งรู้จัก แถมอากาศด้านนอกก็ร้อนอบอ้าว เลยตามใจเขาไป เราสั่งอาหารกัน จากนั้นเขาก็คุยเรื่องหนังสือผมต่อ แหม... ก็ไม่ใช่ว่าผมเพิ่งเจอแฟนนิยายครั้งแรกหรอกนะ แต่แฟนนิยายที่กระตือรือร้นแบบนี้ เจอที่ไหนมันก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอยู่ตลอดนั่นแหละ แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะได้เจอกันง่ายๆ ด้วย เพราะแฟนนิยายมักไม่ค่อยจะรู้จักตัวจริงนักเขียน ส่วนนักเขียนก็คงไม่ออกมาหาแฟนนิยายหรอก ยิ่งรุ่นผมแล้ว ส่วนใหญ่ก็เขียนอยู่กับบ้าน ไม่ก็ออกสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนฝูงเท่านั้นแหละ
   ขณะที่เขากำลังจะเอาหนังสือให้ผมเซ็นชื่อ ใครคนหนึ่งก็เปิดประตูร้านเข้ามา “กั้ง! คุณพนิต!”
   ผมเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นสุภาพงษ์เดินหน้าตึงเข้ามา แล้วยกมือไหว้ผม “สวัสดีครับ ขอโทษนะครับ เขารบกวนคุณใช่มั้ย?”
   เออ ตั้งแต่เจอเขามานะ ผมเพิ่งเคยเห็นเขาพูดเร็วขนาดนี้นี่แหละ แต่เพื่อนเขาพูดเร็วกว่าอีก “โจ มาๆ มากินข้าวกัน น้องๆ ขอเมนูอีกที่” พูดจบก็ลุกขึ้น ลากสุภาพงษ์ให้นั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง แล้วเจ้าตัวก็ขยับไปนั่งเก้าอี้อีกตัว สุภาพงษ์ที่ถูกดึงให้นั่งเลยนั่งตรงข้ามกับผมพอดี
   “อืม.. สวัสดี” ผมเพิ่งมีโอกาสจะได้เอ่ยทักเขา จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ”
   สุภาพงษ์มีสีหน้าอ้ำๆ อึ้งๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่สุดท้ายก็ยอมรับเมนูจากพนักงาน แต่แทนที่เขาจะสั่งอาหาร เขากลับเงยหน้าขึ้นถามผม “คุณพนิต กั้งไม่ได้พูดอะไรไม่ดีกับคุณใช่ไหมครับ?”
   ผมทำหน้างงทันที “ไม่นี่ เขาคุยสนุกดีนะ” ผมว่า คุณากรรีบส่งเสียงเห็นด้วยทันที “อืม โจนี่สันหลังหวะจริง ฉันยังไม่ได้พูดอะไรถึงนายหรอกน่า”
   สุภาพงษ์ทำหน้ายุ่งยากใจ เออ ผมเพิ่งเห็นเขาแสดงสีหน้าอย่างจริงๆ จังๆ ก็วันนี้นี่แหละ ปกติเขาก็หน้าตาดีนะ แต่พอทำหน้าแบบนี้แล้วมันก็ดูน่าสนใจดีเหมือนกัน ยังไม่ทันที่สุภาพงษ์จะพูดอะไร คุณากรก็พูดขึ้นอีก
   “นี่ สั่งอาหารสิ เพิ่งมาก็รีบๆ หน่อย นั่งใบ้อยู่ได้ เดี๋ยวก็ทิ้งให้กินคนเดียวหรอก”
   ผมเกือบหลุดขำนะ ท่าทางสองคนนี่จะสนิทกันอยู่ สุภาพงษ์เหลือบตามองผม จากนั้นก็สั่งอาหาร
   “คุณพนิตครับ มีไอ้โจเป็นบก.เนี่ย รำคาญมันบ้างรึเปล่าครับ?” คุณากรเปิดประเด็นระหว่างที่สุภาพงษ์รออาหาร ผมหันไปมองเขา จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ก็ไม่เท่าไหร่หรอก เขาไม่มีอะไรมาก”
   “กั้ง!” สุภาพงษ์ส่งเสียงแทรกขึ้นมา คนถูกเรียกยักไหล่ “อะไร? ฉันถามคุณพนิต ไม่ได้ถามนาย คุณพนิต ถามอีกอย่างสิครับ”
   “อะไรล่ะ?”
   “สมตินะครับสมติ” คุณากรว่า “สมติว่าถ้ามีตัวละครตัวหนึ่ง ชื่อคุณจ.ก็แล้วกัน คุณจ.เนี่ย บังเอิญบังเอิญว่าไปหลงรักคนข้างบ้านช่วงสมัยเด็กๆ แต่แบบว่าตอนนั้นยังไม่รู้ว่าแอบชอบเขา พอโตขึ้นมา คุณจ. ก็ไปเป็นแฟนกับอีกคน แต่พอคบๆ กันไป ก็บอกเลิกแฟนเพราะบังเอิญได้เจอกับคนข้างบ้านอีก แล้วเพิ่งรู้ว่าชอบมาก คุณพนิตว่าไอ้คุณจ.นี่ น่าถีบไหมครับ?”
   “เอ่อ... มันก็แล้วแต่บริบทของเรื่องน่ะนะ” ผมตอบไป เพราะไม่แน่ใจว่าเขากำลังปรึกษาเรื่องพล็อตนิยายรึเปล่า พอเหลือบมองไปก็เห็นสุภาพงษ์ถลึงตาใส่เพื่อนอยู่ แหม... เรื่องแค่นี้เอง ถึงผมจะเป็นนักเขียนในสังกัดเขาตอนนี้ ก็ไม่เห็นจะต้องหวงกันขนาดนี้เลย
   “กั้ง พอเถอะ รบกวนคุณพนิตนะ” สุภาพงษ์พูดออกมาในที่สุด นั่น... มาเกรงใจแทนผมอีกแล้ว เขาไม่ชอบพูด ก็อย่าไปเหมาว่าคนอื่นจะต้องไม่ชอบพูดอย่างตัวเองด้วยสิ แต่เขาสองคนเป็นเพื่อนกัน ผมจึงทำได้แค่นั่งฟัง แล้วก็ตอบคำถาม
   คุณากรไม่สนใจคำห้ามของเพื่อน หันมาจ้อกับผมต่อ “งั้นผมสมมติต่อนะครับ ไอ้คุณจ.เลิกกับแฟนแล้ว แทนที่จะจีบคนข้างบ้านอย่างจริงๆ จังๆ ดันทำอ้ำๆ อึ้งๆ กลัวว่าเขาจะรู้ กลัวว่าเขาจะเกลียด คุณพนิตว่าไอ้หมอนี่มันน่าถีบรึยังครับ?”
   “เอ่อ..” ผมส่งเสียงในคออย่างไร้ความหมาย “ผมไม่ค่อยถนัดนิยายรักหรอกนะ แต่ผมว่าพล็อตแบบนี้เขียนลำบากอยู่นะ แล้วคนข้างบ้านเขารู้รึเปล่าล่ะ”
   “ไม่รู้น่ะสิครับ” คุณากรตอบ “คุณว่าเรื่องนี้ต้องมีตัวช่วยมั้ย?”
   “ถ้าเขาไม่ยอมพูดเองก็คงต้องมีตัวช่วยนะ แต่ทางที่ดี ผมว่าให้ตัวละครเอกเป็นฝ่ายแสดงความรู้สึกเองมันจะกินใจคนอ่านกว่าให้ตัวละครอื่นมาพูดแทนน่ะ”
   “โอ้โห คุณพนิตเยี่ยมไปเลยครับ” คุณากรพูดต่อ “แต่ถ้าตัวเอกไม่ยอมพูดเองสักทีล่ะครับ”
   “เรื่องมันก็ไม่จบน่ะสิ” ผมตอบพลางหัวเราะ “ถ้ามาพูดเพราะเพื่อนพูดให้ก่อนนี่ โดยส่วนตัวผมว่าไม่ดีเลยล่ะ มันดูว่าตัวละครไม่ค่อยมีพัฒนาการน่ะ แต่มันก็แล้วแต่คุณล่ะนะ ผมก็แค่ให้คำแนะนำ”
   “ฟังไว้นะโจ” คุณากรหันไปหาเพื่อน สุภาพงษ์ทำหน้ายุ่ง “พอเถอะน่า”
   ผมมองเขาทั้งคู่ จากนั้นก็หัวเราะออกมาอีก “จะเขียนนิยายกันหรือ?”
   “มันน่ะครับ” คุณากรรีบชี้ไปทางสุภาพงษ์ อีกคนรีบพูดปฏิเสธ “เปล่าครับ ผมไม่ได้เขียน”
   ผมฟังแล้วก็กะพริบตาปริบๆ เออ เอาเข้าไป เล่นอะไรของเขากันนะคู่นี้ แต่ก่อนที่จะมีใครพูดอะไร อาหารของสุภาพงษ์ก็มาพอดี เจ้าตัวรีบพูด แบบที่ไม่ค่อยจะได้ทำนัก “ทานอาหารกันต่อเถอะครับ เดี๋ยวจะไม่อร่อย นายก็ด้วย กั้ง”
   “เออ รู้ล่ะน่า...” คุณากรตอบ จากนั้นเราสามคนก็ทานอาหารกันเงียบๆ สุภาพงษ์มาทานทีหลังสุด แต่ยังเสร็จก่อนผมที่มาถึงก่อน อันที่จริงผมไม่ใช่คนทานอาหารช้าอะไรมาก แต่อาหารร้านนี้ก็ไม่ค่อยจะถูกปากผมเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้นจะกินทิ้งขว้างก็เสียด้าย สุดท้ายผมก็พยายามจะทานเข้าไปจนหมด เล่นเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน
   เพราะอายุมากที่สุด แล้วนี่ก็เป็นการมาทานอาหารด้วยกันโดยบังเอิญ ผมเลยเรียกพนักงานมาคิดราคาค่าอาหาร และหันไปเอ็ดสุภาพงษ์ที่ทำท่าจะควักกระเป๋าจ่าย “ไม่ต้องจ่ายหรอก เก็บกระเป๋าเถอะ”
   สุภาพงษ์ทำท่าอ้ำๆ อึ้งๆ แต่พอเห็นผมจ้องจริงจังเขาก็ยอมเก็บกระเป๋าสตางค์ไป ถึงเขาจะเป็นนายจ้างผม แต่ผมแก่กว่าเขาเป็นสิบปี และไม่ได้จนไส้แห้งอะไรที่จะต้องให้เขามาเลี้ยงข้าวอีก คราวที่แล้วผมยอมเพราะเห็นว่าเขารู้สึกติดค้างเรื่องข้าวที่บ้าน แต่มื้อนี้น่ะ ถ้าเขายังพยายามจะจ่ายเงินอีก ผมว่าเขาไม่รู้ธรรมเนียมสังคมแล้วล่ะ
   ระหว่างรอเงินทอน คุณากรก็หยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋า “คุณพนิตครับ ขอลายเซนหน่อยสิครับ”
   ผมรับหนังสือมา ขณะที่เปิดหน้าแรก เสียงของสุภาพงษ์ก็ดังขึ้น “อ๊ะ หนังสือ?!”
   “เออ จริงสิ” คุณากรพูด จากนั้นก็หันมาหาผม “ขอหนังสือคืนแป๊บหนึ่งนะครับ”
   ผมมองเขางงๆ แต่ก็ยอมคืนให้ เขารับหนังสือไป แล้วยัดใส่มือสุภาพงษ์ “โจ ขอเองเลย ไหนๆ นี่ก็หนังสือนายอยู่แล้ว ขอโทษจริงๆ นะครับ คุณพนิต นี่ไม่ใช่หนังสือผมหรอก ผมจิ๊กเขามา กะว่าจะแฮ๊ปเอาลายเซ็นคุณไปนอนกอด แต่ว่า ไหนๆ เจ้าของก็มาเองแล้ว ผมให้เขาขอเองแล้วกัน”
   ผมฟังอย่างงงๆ อยู่สักหน่อย ขณะที่สุภาพงษ์มีสีหน้าลำบากใจ “ผม...”
   เออ ที่จริงก็ไม่อยากจะคิดอะไรที่มันทำร้ายความรู้สึกตัวเองหรอกนะ แต่บรรณาธิการบางคนก็ซื้องานเขียนเก่าๆ ของนักเขียนมาเพื่อพิจารณาผลงานเหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็ควรจะเป็นแบบนั้นแหละ หนังสืออาจจะของสุภาพงษ์ก็จริง แต่เขาคงไม่อยากได้ลายเซ็นผมนักหรอก ไม่งั้นขอไปตั้งแต่เริ่มทำสัญญาแล้ว อันที่จริงเขาไม่เคยแสดงอาการสนอกสนใจอะไรนิยายผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็คงเห็นว่ามันเข้ากับหนังสือเขาเท่านั้นล่ะมั้ง
   “ไม่เป็นไร ไม่ต้องก็ได้” ผมตอบ พยายามทำใจให้กว้างเข้าไว้ “ผมเข้าใจ คุณสุภาพงษ์ ไม่ต้องทำเพราะเกรงใจผมหรอก”
   “มะ..ไม่ใช่นะครับ” สุภาพงษ์พูดออกมา จากนั้นก็เม้มปาก หน้าดูลำบากใจสุดๆ จริงๆ ผมมองเขาแล้วไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงดี ขณะที่กำลังอ้ำๆ อึ้งๆ กันอยู่ คุณากรก็พูดขึ้น “ผมไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะ” จากนั้นก็เดินออกไป ทิ้งผมกับสุภาพงษ์ให้นั่งทำหน้าไม่ถูกกันอยู่สองคน
   ผมมองชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้า เขาดูมีสีหน้าลำบากใจอย่างที่สุด กะอีแค่เพื่อนขอให้ขอลายเซ็นผมนี่ มันลำบากใจเขาขนาดนี้เลยเหรอ? หรือเขากำลังรู้สึกขัดแย้งระหว่างความรู้สึกกับมารยาทอยู่นะ ผมตัดสินใจพูดตรงๆ กับเขา
   “เอาน่า คุณสุภาพงษ์ ผมรู้ว่าคุณต้องซื้อมาอ่านด้วยความจำเป็น ไม่อยากได้ก็ไม่อยากได้ ผมไม่ถืออะไรหรอก ไม่ต้องทำหน้าคิดมากแบบนั้น”
   “เปล่า... ผม...” สุภาพงษ์อ้ำๆ อึ้งๆ จากนั้นผมก็เห็นว่าหน้าเขาเริ่มจะแดงเหมือนคนกำลังกลั้นใจอะไรสักอย่าง เฮ้ย เรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะต้องอะไรมากมายขนาดนี้เลย อายุก็ไม่น้อยแล้วนะ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองผม “เซ็นให้ผมหน่อยนะครับ”
   ผมรับหนังสือที่เขายื่นมา ด้วยความรู้สึกแปลกๆ สุภาพงษ์ก้มหน้างุด ผมเห็นหูของเขาแดงก่ำ เออ ตั้งแต่เป็นนักเขียนมา ผมไม่เคยเจอใครขอลายเซ็นประหลาดได้เท่าเขาเลยนะ จำได้ว่ามีนักอ่านหญิงคนหนึ่ง สมัยสักเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว โดนเพื่อนผลักเข้ามาขอลายเซ็นผมในงานเปิดตัวหนังสือ แล้วก็พูดเขินๆ ว่าเอาชื่อตัวละครผมไปตั้งชื่อลูก แต่อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าสุภาพงษ์จะเขิน หรือว่าอะไรกันแน่ บางทีเขาอาจจะพยายามรักษาหน้าผมอย่างจำใจสุดๆ อยู่ก็ได้
   แต่เพราะเห็นเขาเป็นขนาดนี้ ผมเลยจำต้องเซ็นหนังสือให้เขา เออ เป็นการเซ็นหนังสือด้วยความรู้สึกแปลกที่สุดในชีวิตผมเลยล่ะ
   “ผมไม่ได้เขียนชื่อคุณลงไปนะ เผื่อจะเอาไปขายต่อ” ผมพูด หลังจากเซ็นให้เขาแล้ว สุภาพงษ์เงยหน้าขึ้นมา จากนั้นก็พูดเสียงเบา “ผมไม่ขายหรอก”
   “..............”
   แล้วเขาก็ยื่นมือมารับหนังสือไป ไอ้นิสัยชอบรับของเกินของเขานี่แก้ไม่หายจริงๆ นะ เขาทาบมือลงบนมือผมอีกแล้ว แต่คราวนี้ดูนานกว่าปกติ จนผมคิดว่าเขาตั้งใจจะจับมือผมรึเปล่า
   “มาล่ะ” เสียงที่ดังแทรกเข้ามาทำเอาพวกเราสะดุ้งโหยง สุภาพงษ์รีบหดมือกลับไปทันที ส่วนผมก็ได้แต่นั่งอึ้ง มือยังค้างอยู่นะ แต่หนังสือไปอยู่ที่เขาแล้ว ได้ยินเสียงเดิมพูดต่อ “อ้าวตาย ฉันมาตรงจังหวะเสียได้”
   คุณากรเดินกลับมานั่ง แล้วหันมาถามผม “คุณพนิตอยากไปเยี่ยมบ้านโจรึเปล่าครับ?”
   “?”
   “กั้ง!” สุภาพงษ์หันมาเรียกเพื่อนเสียงเข้ม “หยุดพูดอะไรเลอะเทอะใส่คุณพนิตซะทีเถอะ”
   “เลอะเทอะอะไรกันเล่า เออ ลืมไป อันนี้ต้องให้นายพูดเอง โอ๊ย แล้วเมื่อไหร่จะพูดกันล่ะ”
   ผมมองสองคนแบบงงๆ ไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดเรื่องอะไรกันอยู่ พอดีกับที่พนักงานเอาเงินทอนมาให้พอดี นับเงินทอนเรียบร้อยแล้ว ผมก็หันไปพูดกับสองคนที่นั่งอยู่ “ไปกันเถอะ”
--------------------------------------------------
   เราสามคนเดินออกมาด้านนอกร้านอาหาร คุณากรคุยจ้ออยู่ข้างผม ส่วนสุภาพงษ์ เดินเงียบๆ ตามมาด้านหลัง ผมว่าเขาน่ะ นอกจากจะพูดไม่เก่งแล้ว ยังพยายามจะเก็บความรู้สึกสุดๆ เลยด้วย ดูอย่างที่เขาขอลายเซ็นผมเมื่อตะกี้สิ เป็นคนธรรมดาเขาไม่รักษามารยาทกันขนาดนั้นหรอก เฮ้อ... พิลึกคนจริงๆ
   ตอนแรกคุณากรอาสาจะไปส่งผม แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ บอกให้สุภาพงษ์ไปส่งผมแทน ผมยังไม่รู้ว่าสองคนนี้เล่นอะไรกันอยู่ แต่สุภาพงษ์มีงานต้องทำ ผมเลยบอกว่าจะกลับเอง คุณากรก็เลยอาสาไปเรียกรถเมล์ให้ผม ขณะที่ผมกำลังจะเดินตามเขาไป มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็วิ่งสวนมาบนทางเท้า
   “คุณพนิต!”
   ผมเกือบจะร้องเหวอออกมา ใจเต้นตึกๆ ตักๆ คิดว่าจะโดนรถเฉี่ยวซะแล้ว ดีที่สุภาพงษ์คว้าตัวผมไว้ทัน
   “ไม่เป็นอะไรนะครับ” ผมได้ยินเสียงเขาถามมาจากด้านหลัง เลยพยักหน้า “อืม ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะ”
   “เป็นอะไรรึเปล่า!” คุณากรที่เดินไปก่อนก็หันกลับมามองอย่างตกใจเหมือนกัน แต่พอมองได้สักพัก เขาก็ยิ้มออกมา “โจ...”
   ผมรู้สึกเหมือนสุภาพงษ์สะดุ้งเฮือก จากนั้นก็ปล่อยตัวผม เออ ผมเลยเพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่าโดนเขากอดอยู่ มัวแต่ตกใจจนลืมไปเลย
   “ขอโทษนะครับ” เขาพูดหลังจากนั้น ผมจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง แล้วตอบกลับไป “ไม่เป็นไรหรอก”
   เผอิญว่ารถเมล์ผ่านมาพอดี ผมเลยบอกลาเขาสั้นๆ แล้วรีบเดินจ้ำไปขึ้นรถ แต่แล้วสุภาพงษ์ก็ยึดมือผมเอาไว้ “คุณพนิต”
   ผมตกใจคิดว่าเขามีเรื่องอะไรอีก เลยหันกลับมา สุภาพงษ์เม้มปาก แล้วยืนนิ่ง ผมเลยต้องรีบพูดขึ้น “มีอะไร ผมจะไปขึ้นรถ”
   “เอ่อ....” ระหว่างที่เขากำลังอ้ำๆ อึ้งๆ รถเมล์ก็ออกตัวไปพอดี ผมล่ะนึกโมโหเขาขึ้นมาตะหงิดๆ แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร สุภาพงษ์ก็พูดออกมาได้เสียที “ให้ผมไปส่งคุณนะ”
-------------------------------------------------
   ผมได้นั่งรถของสุภาพงษ์เป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งแรกน่ะผมง่วง แต่ครั้งนี้จะบอกว่าผมงงก็คงไม่ผิด เขาเป็นอะไรของเขานะ ทำท่าแปลกๆ ตั้งแต่อยู่ในร้านอาหารแล้ว แถมยังทำผมพลาดรถ เจ้าคุณากรก็ชิงลากลับไปโดยไม่พูดอะไรถึงเพื่อนอีก สุดท้ายผมเลยต้องให้สุภาพงษ์ไปส่ง เพราะสีหน้าจริงจังของเขานั่นแหละ
   ปกติเขาเป็นคนหน้าตายนะ แต่วันนี้ ผมว่าเขาแสดงสีหน้าอะไรให้ผมเห็นเยอะมากเลยล่ะ
   ผมหันหน้าไปมองเขาที่กำลังขับรถอยู่ ก่อนจะถามออกไป “คุณสุภาพงษ์ วันนี้คุณเป็นอะไรน่ะ?”
   “ไว้ถึงบ้านคุณก่อนก็แล้วกันครับ” เขาตอบ ผมเห็นมือเขากำพวงมาลัยแน่นตอนพูด เลยไม่กล้าถามอะไรอีก เพราะไม่รู้ว่าเขากำลังรู้สึกหรือคิดอะไรกันแน่ ได้แต่นั่งมองนั่นมองนี่อยู่ในรถของเขา เฮ้อ... ไม่รู้สิ รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย
   เพราะช่วงบ่ายไม่ค่อยจะมีรถ สิบห้านาทีผมก็เลยมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง สุภาพงษ์จอดรถ แล้วเดินตามผมเข้ามาในบ้าน ผมก็จัดแจงให้เขานั่งตรงเก้าอี้ยาวที่ใช้รับแขก เอาน้ำมาให้ จากนั้นก็นั่งลงตรงเก้าอี้อีกตัวซึ่งอยู่ใกล้กัน
   “.............................”
   ความเงียบเข้าครอบครองบ้านผมทันที ทั้งๆ ที่มีคนนั่งอยู่ ความจริงผมเปิดประตูให้เขาเข้ามา เพราะคิดว่าเขาอาจจะมีเรื่องอยากพูด แต่พอนั่งกันเรียบร้อยแล้ว ผมกลับไม่รู้ว่าจะเริ่มถามอะไรเขา แล้วเขาอยากจะพูดอะไรรึเปล่าผมยังไม่รู้เลย และถ้าจะพูด ก็ไม่รู้ว่าเขาจะพูดเรื่องอะไร ผมก็เลยได้แต่นั่งเงียบ เขาเองก็นั่งเงียบ เรานั่งเงียบกันอยู่นานมาก ผมเห็นเขาขยับปากหลายครั้ง แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาเสียที หน้าเขาน่ะน่ามองอยู่หรอก แต่บรรยากาศแบบนี้ ผมมองไปก็ไม่รู้สึกสบายใจเท่าไหร่
   ดังนั้นผมก็เลยลุกขึ้น กะว่าจะไปหยิบขนมผิงที่อยู่ในโหลใกล้โต๊ะพิมพ์ดีดมาวางให้ทานเล่น เผื่อเขาจะผ่อนคลายขึ้นบ้าง แต่ก็ถูกเรียกเอาไว้ก่อน “คุณพนิต”
   ผมหันกลับมามองเขา ไหนๆ เขาก็พูดออกมาแล้ว ถึงจะแค่เรียกชื่อผมก็เถอะ ผมเลยเปลี่ยนใจ นั่งลงเหมือนเดิม
   “มีอะไรล่ะ?” ผมถือโอกาสถามไปทันที เพราะปล่อยให้เขานั่งเงียบต่อไปก็รู้สึกเสียเวล่ำเวลาพิกล สุภาพงษ์เม้มปาก จากนั้นก็พูดออกมาต่อ “จำเรื่องที่ผมเล่าให้ฟังวันก่อนได้รึเปล่าครับ?”
   “...............” ผมก็ไม่อยากจะหักหน้าเขาหรอกนะ แต่เขาเล่าเรื่องอะไรให้ผมฟังกันล่ะ หลังจากเงียบไปนาน ผมก็ยอมจะรับความจริงออกไป “ผมลืมแล้วล่ะ”
   “.......................”
   ผมเห็นเขาขบริมฝีปาก คนอายุสามสิบสี่กัดปากนี่แปลกอยู่นะ โดยเฉพาะบุคลิกอย่างเขา ถือว่าแปลกมากเลยล่ะ ผมมองแล้วก็พลอยรู้สึกแปลกๆ ไปด้วย เขากัดปากแล้วก็หันมามองหน้าผม “ผมเคยชอบพี่ที่อยู่ข้างบ้านตอนสมัยเด็กๆ ”
   “อ้อ..” ผมร้องอย่างนึกขึ้นได้ เหมือนว่าเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังแล้ว เมื่อคราวไปทานอาหารครั้งก่อน
   “เขาเป็นคนใจดี ชอบเล่นกับเด็กๆ เล่านิทานเก่งด้วย”
   “อืม....”
   “พอย้ายบ้านแล้ว ผมก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย”
   “อ้อ...” ผมร้อง รอจะฟังตอนต่อ สุภาพงษ์เงียบไปอีกพักใหญ่ เหมือนกำลังคิดมากอีกแล้ว ผมเห็นว่าวันนี้เขาทำท่าแปลกมาทั้งวัน ก็เลยกลั้นใจ ถามออกไปอีก “แล้วไงต่อ”
   “แต่ผมเผอิญได้เจอเขาอีก... เขา... เขาเหมือนเดิมเลย ดูมีอายุขึ้นหน่อยหนึ่ง แต่... เหมือนเดิมเลยน่ะ”
   “อืม...”
   “แล้วผมก็เลย... รู้ว่าชอบเขาจริงๆ ชอบมากๆ เลย” เขาตอบ จากนั้นก็เงยหน้ามามองผม “คุณพนิต ผมน่ะ ไม่เคยคิดเลยนะว่าตัวเองจะชอบใครจนพูดไม่ออกตอนอายุสามสิบสี่”
   ผมแอบนึกแย้งเขาในใจหน่อยๆ นะ ผมว่าเขาน่ะพูดไม่ออกมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ
   พอเห็นเขาเงียบไปอีก ผมก็จำต้องพูดออกมา “คุณสุภาพงษ์ ผมน่ะไม่ค่อยจะเข้าใจความรู้สึกคุณเท่าไหร่หรอกนะ แต่ว่า ถ้าชอบอย่างจริงๆ จังๆ ก็ควรจะบอกเขาไปนะ ถ้าคุณพูดไม่ออกแล้วมาทำท่าแปลกๆ ใส่คนอื่นแบบนี้ คนอื่นเขาก็พลอยไม่สบายใจไปกับคุณด้วยน่ะ”
   “ครับ.....” สุภาพงษ์พูด จากนั้นก็หันมามองผมอีก “แต่ผมกลัว... ผมกลัวว่าเขาจะไม่ชอบผมน่ะสิ”
   ผมยิ้มให้เขา “นี่... เรื่องรักน่ะ มันไม่ใช่ว่าจะต้องรอให้เขารักตอบถึงจะบอกหรอกนะ คุณไม่บอกเขา แล้วจะรู้ได้ไงว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบคุณล่ะ”
   “เขาทำท่าทางเหมือนไม่ชอบผมน่ะ” สุภาพงษ์ตอบ ผมมองเขาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เจ้าหมอนี่อายุสามสิบกว่าจริงๆ เหรอเนี่ย พูดซะผมคิดว่าเป็นเด็กอายุสิบเจ็ดสิบแปดไปแอบหลงรักผู้หญิงที่ไหนเลย
   “งั้นคุณก็ตัดใจสิ ถ้าคิดว่าเขาไม่ชอบขนาดนั้นน่ะ ทรมานตัวเองแบบนี้จะได้อะไร คนรอบๆ ตัวเขาไม่สบายใจนะ ผมเองก็ไม่ชอบที่คุณเป็นแบบนี้เลย”
   “คุณพนิต พูดจริงๆ หรือครับ?..........” เขาเรียกชื่อผม แล้วจ้องหน้าผมอยู่นาน จนผมชักรู้สึกใจเต้นขึ้นมา... จากนั้นก็บอกสมองตัวเองไม่ให้คิดอะไรบ้าๆ นี่มันเรื่องจริง ไม่ใช่นิยายนะ หยุดคิดอะไรเลอะเทอะสักทีเถอะ
   “อืม...”
   สุภาพงษ์เงียบไปอีกพัก ทำเอาผมรู้สึกหูอื้อ แล้วเขาก็พูดออกมา “ผมเคยอยู่บ้านเช่าแถวนี้ เมื่อสักยี่สิบปีก่อนน่ะ....”
   “?!”
   “ผมเคยเข้ามาเล่นที่บ้านคุณ จำได้ว่าตอนนั้นยังเป็นบ้านไม้อยู่เลย”
   “.......................................”
   “คุณเคยเล่านิทานให้ผมฟังด้วย ผมชอบมากๆ เลยนะ”
   “........................................................”
   “ผมเคยเห็นเครื่องพิมพ์ดีดตัวเก่าที่รุ่นพี่คุณให้มาด้วยล่ะ คุณเล่าให้ผมฟังว่าแบบนั้น”
   “........................................................................”
   “ผมรู้ว่าคุณจำผมไม่ได้เลย”
   ผมรู้สึกตาพร่า หูดังวิ้งๆ ไปชั่วขณะ จะมองหน้าเขาก็มองไม่ชัดแล้ว ตะกี้เขาพูดอะไรบ้างนะ?!
   “คุณพนิต!!”
   ผมได้ยินเสียงอุทานเรียกชื่อตัวเองเป็นอย่างสุดท้าย
------------------------------------------------------------------
** แอร๋ยยยย ยอมรับเลยว่าเรื่องนี้ก็เขียนยากอยู่นะ!!

ตอนแรกคิดว่าจะเขียนชิลๆ ตัวเอกเฉื่อยๆ เฉื่อยทั้งคู่ เพราะไอ้เฉื่อยทั้งคู่นี้แหละ มันเลยยาก!!! ฮ่าๆๆๆ

เพิ่งเคยเขียนคู่ที่เคะอายุเยอะ แล้วเมะก็ดันอาุยุเยอะเหมือนกัน (แต่ก็ยังน้อยกว่าเคะอยู่ดี) แล้วแบบ มุขอื่นก็เ่ล่นไปเรื่องอื่นหมดแล้วน่ะ (โดยเฉพาะเรื่องบันได... นายนพรัตน์เอามุขไปใช้แบบหมดก๊อกหมดเปลือก)

แล้วคาแรคเตอร์คุณสุภาพงษ์ก็......... ฮ่าๆๆ ไม่ไหวล่ะ ซึนจริง อายุ34แล้วนะพ่อคุณ!! (เพราะมันซึน แถมอายุตั้ง34นี่แหละ เลยยาก คนเขียนยังอายุไม่ถึงนะก๊ะ :o8:)

ไปตวจ.สัปดาห์นึงนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 23-09-2011 09:15:53
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 23-09-2011 09:25:56
บอกแล้วววววววววว
เป็นลมไปแล้ว

กร๊ากกกกกกกกกกกกกก ปฐมพยาบาลเลยค่ะ
แหมๆ มันก็น่าตกใจ  ยังไงซะก็อายุไม่น้อยแล้วค่อยๆ ดูแลกันไปเน้อ
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Forget_Me_Not ที่ 23-09-2011 09:34:43
 :-[ ถึงอายุเยอะกันแต่ก็น่ารัก
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 23-09-2011 10:01:56
เป็นลมซะแล้ว 55555
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 23-09-2011 10:12:31
คุณพนิต เป็นลมไปแล้วอะ 555555
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 23-09-2011 10:15:33
 :o8: เขินและขำ
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 23-09-2011 13:26:25
:o8: เขินและขำ

เห็นด้วยนะแต่เราขำมากกกกกกว่าเขินอะ :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: zhiki ที่ 23-09-2011 14:08:55
555 น่ารัก......สารภาพออกมาแร้ววววววว ฮิ๊วววว

สนุกมากครับ ขอบคุณครับ~
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 23-09-2011 14:55:30
บอกไปแล้วววว  และคุณพนิตก็ถึงกับหูอื้อตาลายกันทีเดียว
งั้น  ตอนต่อไปเพื่อให้สัมฤทธิ์ผลก็ต้องจับกดละ  ฮี่ ฮี่ ฮี่
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 23-09-2011 15:10:36
อีกนิด..จะได้บอกแล้ว ไม่รู้จะมีอะไรมาขัดจังหวะอีกรึป่าว
คุณเพื่อนกั๊งทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ ไม่งั้นคงนิ่งกันไปอีกนาน

อันนี้พิมพ์ตกคะ
สมตินะครับสมติ” คุณากรว่า “สมติว่าถ้ามีตัวละครตัวหนึ่ง
“คุณพนิตครับ ขอลายเซนหน่อยสิครับ”
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 23-09-2011 15:38:12
น่ารักจนลืมนึกถึงอายุไปเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: irksome ที่ 23-09-2011 16:28:02
ปกติไม่เคยคิดว่าจะอ่านแนวประมาณนี้เลย
แต่พอมาอ่านเรื่องบันไดรักฯกับเรื่องนี้ แล้วต้องเปลี่ยนความคิด มันน่ารวั๊กอ้ะ!! ><
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 23-09-2011 17:00:16
ส่งคุณพนิตเข้าตรวจหัวใจด่วน
เพราะแค่เริ่มต้นก็จะเป็นลมซะแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 23-09-2011 18:54:14
ว่าแต่พนิตฟื้นขึ้นมาจะจำได้ไหม
ว่าสุภาพงษ์สารภาพอะไรไปบ้าง
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Lilyrum ที่ 23-09-2011 19:05:17
เป็นรักที่ลึกซึ้งมากจริงๆ  o13

คนเขียนจะหายไปตั้งหนึ่งอาทิตย์! ไม่นะะะะ  :serius2:  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 23-09-2011 20:38:43
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
ในที่สุดก็บอกซะทีนะคุณสุภาพงษ์
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 23-09-2011 21:10:48
เป็นคนพูดไม่เก่งแบบสุดยอดจริงๆ ^^"
แต่บทจะพูดเยอะขึ้นมา ก็ทำเอาคุณพนิตหน้ามืดเลยมั้งเนี่ย 5555+
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 23-09-2011 21:16:47
คุณบก.พูดออกมาแล้วเย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แล้วทำไมคุณพนิตถึงวูบไปล่ะ

ยังไม่ถึงจุดไลแม็กเลยอ่ะ

สงสัยเลือดสูบฉีดไม่ทันแล้วคุณ บก.จะทำไงล่ะทีนี้  คริคริ
 
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 23-09-2011 23:07:56
ความจริงเราก็พอรู้ตัวนะว่าชอบโอจิค่อนแนวชอบคนแก่ มากกว่าโชตะแนวเด็กๆอยู่นิดๆ
แต่พออ่านนิยายของคุณจูออนหลายๆเรื่องแล้วเนี่ย
รู้สึกว่าต่อมโอจิค่อนของอิช้านนน!ระเบิดบรึ้มมม!!!
กรี๊ดดด ชอบคนแก่เข้าเต็มรัก ฮ่าๆๆ :impress2:
คุณพนิตเป็นลมไปแล้ววว จะฮาดีมั้ยเนี่ย :laugh:


หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiU ที่ 23-09-2011 23:17:15
กรี๊ดดดด เรื่องใหม่ !! เริ่มเรื่องมาก็เอาแต่จ้องกันไปจ้องกันมาเลยนะ คุณโจกล้า ๆ กลัว ๆ อย่างนี้จะรอดไหมเนี่ย  :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: วิหคท่องนภา ที่ 23-09-2011 23:30:48
 :laugh:กว่าจะพูดได้ คุณลุงแทบจะคั้นคอ พอพูดทีก็๋มาเป็นคอมโบเลย :m20: โอ้ย คุณโจน่ารัก!
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 24-09-2011 08:15:16
แอร๊ยยยย
คุณพนิตแล้วอะไำรต่อค๊าาาา  :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 24-09-2011 12:52:17
ช่างซึนกันทั้งสองหนุ่ม (?)  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: lunarinthesky ที่ 24-09-2011 16:30:29
อยากรู้ว่า คนเงียบๆ เวลาได้เป็นแฟนแล้วจะยังเงียบอยู่รึเปล่า
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 24-09-2011 23:30:09
พึ่งเหนเรื่องนี้

แหม่

คงไม่ใช่ว่าเปนลมเปนแล้งนะ

รุสึกเหมือนเรื่องนี้เปนปัจจบันส่วนเรื่องที่แล้วเปนอดีตของคนแต่งเรย อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: reborn23 ที่ 25-09-2011 00:25:31
 :a5:
ตายแล้ว 
ใครก็ได้เอายาหอม ยาลม ยาอม ยาหม่อง มาให้คุณพนิตที 
คุณพนิตเป็นลมไปแล้ว o2
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจัง ที่ 25-09-2011 00:57:15
 :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 25-09-2011 05:11:23
คุณโจ รีบรับผิดชอบโดยด่วน
ไปทำเขาเป็นลมเนี่ย ผิดผีอย่างแรงงง  ฮ่าๅ
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: flawless ที่ 25-09-2011 09:46:21
น่ารักดีค่ะ เอื่อยๆ เรื่อยๆ อ่านไปยิ้มไปกับความ
เรื่อยเฉื่อยของคุณสุภาพงษ์ ฮาๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: tay028643904 ที่ 25-09-2011 15:15:11
ติดตามน่ะค้ะ><"
รอลุ้นน่ะเนี่ย ลุงจ่ะตอบยังไงน้ะ??
ลุงหัวใจจ่ะวายใหมเนี่ย??




ขอบคุนค้ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่อง...]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 30-09-2011 15:40:16
กลับมาแล้วค่ะ แต่... พอดีจำวันปิดรวมเล่มสายลับผิด = ต้องรีบปั่นอย่างเร่งด่วน (เพราะยังไม่ได้ทำเลยสักตัว)

แปลว่า จะดองต่อไปนะคะ ขออภัยด้วยก่ะ TAT
หัวข้อ: Re: [เรื่องดองเค็ม!]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 30-09-2011 18:13:48
ลุงพนิตเจอหนุ่มโจบอกรัก ก็เป็นลมเป็นแล้งซะแล้ว 5555
ปล. ปร้าเพิ่งได้อ่าน ก็เจอโหลดองซะแล้ว คึคึคึ
หัวข้อ: Re: [เรื่องดองเค็ม!]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 30-09-2011 19:05:11
เปนกำลังใจให้คนแต่งปั่นงานเสดเรวไว

:) ตีพุงรอ
หัวข้อ: Re: [เรื่องดองเค็ม!]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: CHADMM ที่ 30-09-2011 19:56:28
อ๋าาาา  คุณพนิษเป็นลมไปซะงั้นอะ  ฮ่าๆ 

รีบมาต่อน้าา  กำลังสนุกเลยค่า ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องดองเค็ม!]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 30-09-2011 20:21:07
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 :serius2:    :serius2:     :serius2:    :serius2:

ไม่อยากอ่านแบบดอง  มันเสียสุขภาพ(จิต)

 :z3:     :z3:    :z3:   :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องดองเค็ม!]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 30-09-2011 20:49:01
**โอ๊ย ฮ่าๆ มีมาลงจนได้ ทั้งๆ ที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะดองเค็มตามอีกเรื่องไปแล้วแท้ๆ  :o8:

แบบว่าเขียนเอาไว้ก่อนจะไปตจว.เกือบจะจบตอนแล้วล่ะ แล้วบังเอิญ... แก้สายลับไปครึ่งวันสองตอนรวด (เริ่มเกิดอาการขาดออกซิเจน :really2:) ก็เลยเปิดมาลองเีขียนต่อ (แบบมึนๆ)

เขียนแล้วรู้สึกว่า คู่นี้ชิล ถึง ชิลที่สุด ทั้งชิลทั้งเฉื่อยทั้งคู่แบบนี้ มันจะมีอะไรตื่นเต้นมั้ยเนี่ยยย (เขียนไปนึกถึงฉากเวลาอย่างว่าของคุณพนิตไป... ไม่รู้ว่ามันจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้รึเปล่านะเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆ)
---------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่4

   ชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย และนิยายก็ไม่ใช่ชีวิตจริง
   นั่นคือสิ่งที่รุ่นพี่คนหนึ่งบอกผม ในตอนที่ผมเริ่มต้นคิดจะเขียนนิยาย ผมมาเข้าใจได้หลังจากนั้นไม่นาน นิยายอาจจะคล้ายชีวิตจริง แต่จะเป็นชีวิตจริงไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะชีวิตจริงมักมีสิ่งไม่คาดฝันมากกว่านิยายเสมอ แล้วก็มักจะไม่ได้มีบทสรุปงดงามสวยหรูอย่างในนิยายด้วย และชีวิตจริงบางทีก็อาจจะคล้ายนิยาย เพียงแต่ว่านิยายกำหนดได้ และตอนจบก็ควรจะต้องสวยงาม เนื่องจากชีวิตจริงมันโหดร้ายพออยู่แล้ว
   ผมระลึกถึงประโยคนี้เสมอมา งานเขียนของผมทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเศร้าเคล้าน้ำตา อาศัยปูมชีวิตของคนจริงๆ มาเขียนขนาดไหน ตอนสุดท้ายผมจะพยายามทำให้มันจบอย่างสวยงามเสมอ เพื่อให้มันติดตราตรึงใจคนอ่าน ให้เขาได้รับความอิ่มอกอิ่มใจที่อาจจะหาไม่ได้ในชีวิตจริงๆ
   ผมว่านิยายเป็นงานศิลปะ ที่ใช้ปลอบประโลม และยกระดับจิตใจของคนอ่าน
   แต่ที่แน่ๆ ชีวิตจริงจะไม่มีทางเป็นเหมือนในนิยายไปได้อย่างเด็ดขาด
------------------------------------------------
   ผมลืมตาตื่นขึ้นมา รู้สึกเบลอๆ ในหัว พอเห็นเพด้านไม้ด้านบน ถึงนึกได้ว่าน่าจะนอนอยู่บนเก้าอี้ยาวตรงส่วนที่ใช้รับแขก อืม... แล้วทำไมผมถึงมานอนอยู่แบบนี้นะ?
   ลืมตาได้สักพัก ผมถึงได้กลิ่นคล้ายๆ ยาดมที่จมูก พอขยับตัว เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “คุณพนิต”
   ผมกะพริบตาปริบๆ สมองยังงงๆ อยู่ จะลุกร่างกายก็ดันไม่มีแรงไปเสียดื้อๆ ผมเห็นใครคนหนึ่งตรงเข้ามาประคองผมเอาไว้ หน้าเขาหมดจด หล่อเนี๊ยบดีจริงๆ ได้ยินเสียงเขาถามผม “เป็นไงบ้างครับ รู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”
   ผมมองเขาอยู่พัก ถึงเรียกชื่อเขาออกมาได้ “สุภาพงษ์”
   “ครับ”
   “อืม.... เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” ผมถามเขา พลางพยายามลำดับความคิด จำได้ว่าผมเอาต้นฉบับไปส่งเขาที่สำนักงาน แล้วขากลับมาเหตุให้ต้องกลับมาด้วยกัน จากนั้นก็...
   “คุณเป็นลมน่ะครับ” เขาตอบ จากนั้นก็ช่วยขยับตัวผมให้ลุกขึ้นมานั่ง ผมมองหน้าเขา กะพริบตาซ้ำอีกหลายรอบ “ว่าไงนะ?!”
   “คุณ... เป็นลมไปน่ะครับ” เขาตอบซ้ำ คราวนี้ผมมองหน้าเขาเหมือนคนไม่เคยเจอกันมาก่อน
   “ผมเป็นลม... ได้ยังไงน่ะ?” ผมถามเขา พลางนึกย้อนกลับไป สุภาพงษ์ทำหน้ายุ่งยากใจเต็มที่ “ไม่ทราบเหมือนกันครับ.....”
   ผมกะพริบตาอย่างงงๆ อยู่อีกพัก ถึงจะพอพูดออกมาได้ “สงสัยเพราะอายุมากแล้วล่ะมั้ง”
   สุภาพงษ์เม้มปาก ทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไร ผมเงยมองนาฬิกา โอ๊ย ตายล่ะ สี่โมงเข้าไปแล้วหรือนี่ จำได้ว่าตอนมาถึงบ้านสักบ่ายสองเองนี่ ผมก้มลงมองเขา ถึงเพิ่งเห็นว่าเขานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผมเลย หน้าตาหมดจดน่ามองจริงๆ นะ แต่............
   “สี่โมงแล้ว คุณสุภาพงษ์ รีบกลับบ้านเถอะ เดี๋ยวรถจะติดมาก” ผมว่า เพราะแถวบ้านผม พอถึงช่วงเวลาไปทำงานและเลิกงานทีไร รถจะติดตะพึดตะพือขึ้นมาทันที ก็คงเป็นธรรมดาของถนนเส้นเล็กๆ ที่อยู่ในเมืองนั่นล่ะ
   “คุณพนิต....” สุภาพงษ์เรียกชื่อผม แล้วมองด้วยแววตาตื่นๆ นิดหน่อย อายุตั้งสามสิบสี่แล้ว จะมาทำหน้าตื่นอะไรอย่างนี้อีก ผมเลยยิ้มให้เขาไป “ผมไม่เป็นไรหรอก คุณไม่ต้องเป็นห่วงแล้วล่ะ”
   ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมเม้มปาก คราวนี้เขาเม้มปากให้ผมเห็นจริงๆ นะ ไม่ใช่แค่ว่าเม้มหน่อยๆ จากนั้นก็เลื่อนมือมาจับมือผมไว้
   ผมใจเต้นตึกๆ ขึ้นมาทันที
   เขาจับมือผมไว้อยู่พัก บีบเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะพูดอะไรดี ได้แต่มองหน้าเขาจากมุมที่สูงกว่า ทั้งผม ทั้งคิ้ว สันจมูก ขนตา... หมดจดจริงๆ
   แต่...
   “งั้น... ผมกลับนะครับ” ในที่สุดเขาก็พูดออกมา ผมพยักหน้า สุภาพงษ์ยังกุมมือผมไว้อีกพัก ตอนที่เขาผละมือออกไป ผมรู้สึกถึงความชื้นในมือของผมเลย
   สุภาพงษ์เดินกลับไปขึ้นรถยนต์สีขาวของตัวเอง ผมเดินตามออกมาส่งเขาที่หน้าประตูรั้ว ก่อนจะเข้ารถ เขาหันกลับมามองผมอีกรอบ ด้วยสีหน้าที่จะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะบึ้งก็ไม่บึ้ง เหมือนบอกไม่ถูกว่าจะเลือกข้อไหนกันแน่ เขามองแบบนั้นอยู่พัก จนผมต้องบอกเขาไปว่าช้ารถจะติด นั่นแหละเขาถึงได้ยอมขึ้นรถและขับออกไป
---------------------------------------------
   ผมส่งสุภาพงษ์เสร็จแล้ว แทนที่จะเดินกลับเข้าบ้าน ก็ตัดสินใจเดินไปที่ต้นก้ามปูซึ่งมีชิงช้าผูกอยู่ จากนั้นก็หย่อนก้นลงบนชิงช้าตัวหนึ่ง ที่จริงมันเป็นชิงช้าที่ผูกเอาไว้ให้เด็กๆ มาเล่นกัน แต่มันก็กว้างพอจะให้ผู้ใหญ่ตัวผอมๆ สักคนนั่งได้ เผอิญว่าผมผอมพอจะทำแบบนั้น แต่ถ้าเพื่อนบางคนที่หุ่นเป็นขุนช้างทำท่าว่าจะนั่งล่ะก็ ผมจะรีบไล่เขาไปนั่งที่ม้านั่งหินทันที
   ผมไกวชิงช้าเบาๆ จากนั้นก็ถอนหายใจเฮือก....
   เรื่องที่วันนี้มัน..........
   ผมหลับตาลง ถอนหายใจออกมาอีก นึกถึงคำพูดที่สุภาพงษ์พูดกับผม ก่อนที่ผมจะหมดสติไป..
   น่าอายจริงๆ
   อยู่มาสี่สิบห้าปีแล้ว ช่วงวัยรุ่นก็เคยคิดหรอกนะ ว่าอยากจะมีความรักกับเขาบ้าง ปัญหาคือผมจีบใครไม่ค่อยเก่ง แถม.. ไม่รู้จะมีปัญญาให้ความสนใจเขาได้เพียงพอรึเปล่า สุดท้ายก็ไม่เคยรักกับใครเลย ตอนนั้นเคยแอบๆ คิดว่าถ้ามีคนมาบอกรักคงน่าตื่นเต้นน่าดู เคยลงมือเขียนเป็นนิยายด้วย แต่ก็เขียนไม่จบ ผมไม่ถนัดเรื่องรัก ไม่ถนัดเลยสักนิด
   ที่สำคัญ ผมไม่รู้ว่ามันจะมาเกิดกับผมในวันหนึ่งตอนที่อายุสี่สิบห้าเข้าไปแล้ว
   ผมเหม่อมองไปยังต้นกล้วยไม้ที่แขวนอยู่ตรงชายคาบ้าน มองไปที่ประตูรั้วซึ่งมีต้นมะขามปลูกอัดกันแน่น เป็นรั้วกินได้ภายในตัว เลยออกไปจากบ้านผมอีกสี่ห้าหลัง คือที่ตั้งของบ้านเช่า หลายสิบปีมาแล้วที่มีเด็กๆ จากที่นั่นมาเล่นที่บ้านผม...
   หลายสิบปีมาแล้วจริงๆ
   ลมพัดมาทำให้ใบของต้นก้ามปูและต้นไม้อื่นๆ ที่ปลูกเอาไว้ส่งเสียงยวบยาบ ผมไกวชิงช้าเบาๆ พลางนึกถึงเรื่องเก่าๆ
   ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว........
   เวลามันผ่านมานานมากจริงๆ นับแล้วช่วงนั้นผมคงอายุสักยี่สิบต้นๆ เพิ่งจะเรียนจบมหาวิทยาลัยล่ะมั้ง ช่วงนั้นแถวนี้ยังเป็นสวนอยู่ มีเด็กที่เป็นลูกสวนข้างบ้านมาเล่นบ้างแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ก็โตๆ กันหมดแล้ว ที่มีมาบ่อยๆ ก็คงจะเป็นเด็กที่อยู่บ้านเช่านั่นแหละ
   ผมนึกย้อนกลับไปในอดีตที่เลือนรางเหมือนภาพฝัน หลายเรื่องนึกออก หลายเรื่องก็นึกไม่ออกแล้ว ช่วงนั้นผมคงเริ่มต้นเขียนนิยายอย่างจริงๆ จังๆ แล้ว เพราะความหนุ่ม และร้อนวิชา ในหัวคงมีพล็อตเอาไว้สารพัด จำได้ว่าเคยยัดเยียดให้น้องสาวอ่านเรื่องที่เขียนอยู่พักหนึ่ง บางทีก็ให้พ่อแม่ช่วยอ่าน จากนั้นใครสักคนก็แนะนำให้ผมลองเล่าเป็นนิทานให้พวกเด็กๆ ที่มาเล่นที่บ้านฟัง ตอนแรกผมก็แอบเขินๆ นิดหน่อย แต่พอลองเข้าครั้งหนึ่ง ดูเหมือนเด็กๆ จะติดใจ วันต่อมาก็มาให้เล่าอีก กลายเป็นติดนิทานผมจนต้องมาฟังทุกวันเสียอย่างนั้น
   ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว.......
   จำได้ว่าเด็กที่มามีตั้งแต่สองสามขวบที่พี่จูงมาบ้าน ไปจนถึงอายุสิบกว่าขวบแล้วก็มี พอมาอยู่รวมกันแล้ว พ่อแม่ผมในสมัยนั้นก็เลยให้พวกที่โตกว่าคอยดูพวกน้องๆ ผมที่อยู่บ้านตลอด ก็เลยมีหน้าที่ดูแลเด็กพวกนั้นอีกที เพราะน้องสาวยังเรียนมหาวิทยาลัย ต้องท่องหนังสือบ้าง ทำงานบ้าง ไม่ค่อยจะมีเวลาเท่าไหร่
   มานึกๆ ดูแล้ว ในบรรดาเด็กพวกนั้น เห็นจะมีเด็กอยู่คนหนึ่งล่ะมั้งที่ไม่ค่อยพูด รู้สึกจะอายุสักสิบสี่สิบห้าแล้วเหมือนกัน เขามักจะมานั่งดูคนอื่นเล่นเงียบๆ บางทีก็ไปช่วยพ่อแม่ผมตัดกิ่งต้นไม้ในสวน คงเพราะเขาอายุมากที่สุดในกลุ่มล่ะมั้ง ก็เลยไม่ค่อยอยากจะเล่นแล้ว เห็นว่ามาเป็นเพื่อนเด็กอีกห้องหนึ่งเฉยๆ หลังๆ ผมเลยชวนเขามาเป็นพี่เลี้ยงช่วยดูเด็กๆ พวกนั้นด้วย เขาชื่ออะไร ผมจำไม่ได้แล้วล่ะ จำได้แค่ว่า บางทีเวลานั่งกันอยู่ตรงชานบ้าน คอยดูเด็กเล็กๆ ที่เล่นกันอยู่ ผมเล่าพล็อตนิยายของตัวเองให้เขาฟังอยู่บ่อยๆ เขาก็แค่พยักหน้า แต่จะหันมามองผมทันทีที่ผมไม่ยอมเล่าต่อ
   เขาเป็นคนเงียบๆ เงียบมากจริงๆ
   ผมไม่รู้ว่านั่นจะใช่คนเดียวกับคนที่เป็นบรรณาธิการของผมตอนนึ้รึเปล่า
   ผมไม่รู้จริงๆ.............
   ลมพัดมาเบาๆ ผมกลับจากอดีตแสนนาน แล้วนึกไปถึงคำพูดของคุณากรที่พูดกับผมในร้านอาหาร เขาพูดเหมือนกำลังปรึกษาเรื่องพล็อตนิยาย ผมก็ตอบเขาไปตามประสานักเขียน
   แต่เผอิญว่าท่าทางเรื่องที่เขาพูดอาจจะไม่ใช่แค่พล็อตนิยายก็ได้
   ผมถอนหายใจอีกครั้ง....
   เรื่องนี้มันกะทันหันเกินไป ผมไม่กล้าคิดแล้วก็สรุปเอาเอง มัน... ดูสับสนแบบแปลกๆ บางทีนี่อาจจะเป็นการเข้าใจผิด มันอาจจะเป็นความคลาดเคลื่อนอะไรสักอย่างก็ได้
   ผมเหม่อมองไปในหมู่ไม้เบื้องหน้า... ได้ยินเสียงนกกำลังทยอยกันกลับรังของมันแล้ว และเสียงการจารจรที่ดังห่างออกไป
   ในฐานะนักเขียน ผมกำหนดทุกสิ่งทุกอย่างในนิยายที่เขียนได้ แต่ในฐานะของคนธรรมดาคนหนึ่ง ผมไม่สามารถกำหนดอะไรได้เลย
   กระทั่งความรู้สึกของตัวเอง............
---------------------------------------------------------------
   “เด็กหญิงน้อยในเมืองใหญ่” ตอนที่หกตีพิมพ์แล้ว แทรกอยู่ในนิตยาสารสำหรับคนมีครอบครัวซึ่งออกทุกสี่สิบห้าวัน ผมเพิ่งได้รับหนังสือที่ไปรษณีย์มาส่งที่หน้าบ้านเมื่อเช้านี้เอง เรื่องราวของเด็กหญิงพิมชนกยังมีอยู่ในหัวผมอีกเยอะ แต่เรื่องของพ่อกระแตนี่สิ
   กระดาษที่สอดอยู่ในเครื่องพิมพ์ดีดมีตัวอักษรอยู่แค่บรรทัดหนึ่ง เป็นชื่อเรื่องกับเลขตอน ที่เหลือยังว่างเปล่าขาวสะอาดอยู่เลย
   ผมมองปฏิทิน ยังเหลือเวลาอีกสักสิบวัน กว่าจะถึงกำหนดส่ง ผมเลยตัดสินใจว่าจะออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกเสียหน่อย ไม่ใช่ว่าผมหาเรื่องอู้นะ แต่คิดไม่ออกแบบนี้ นั่งอยู่บ้านไปก็ไม่ช่วยอะไร เพราะอย่างนั้น สู้ออกไปดูอะไรต่อมิอะไรนอกบ้านดีกว่า เผื่อว่าจะเกิดไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมาได้บ้าง
   ผมออกจากบ้านไปที่ป้ายรถเมล์ ใจยังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ไหน แต่ไม่อยากจะเข้าเมือง เพราะในเมืองมีแต่ตึก แทบจะไม่ค่อยเกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องที่ผมเขียนอยู่เลย พอดีกับว่ารถเมล์สายที่จะไปนครปฐมวิ่งผ่านมาพอดี ผมเลยโบกเรียก
   สุดท้ายผมก็พบตัวเองมาอยู่ที่ตลาดดอนหวาย เผอิญว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ รถเลยแน่นเป็นพิเศษ แต่ผมนั่งรถประจำทางมา เลยสะดวกโยธิน ลงรถแล้วเดินเข้าตลาดใกล้กว่าพวกพารถมาด้วยซ้ำ
   ผมไม่มีรถ เรื่องขับรถเลยไม่ต้องพูดถึง ไม่คิดจะขับมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะว่าให้ขับก็คงชน ผมยิ่งเหม่อๆ ชอบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ แถมยังชอบมองข้างทางที่ไม่ใช่ถนนอีก น้องสาวเคยให้ผมลองขับหนหนึ่ง จากนั้นก็สั่งห้ามผมยุ่งกับรถเด็ดขาด เพราะเกือบจะพุ่งไปชนประตูรั้วคนข้างบ้าน เนื่องจากผมมัวแต่มองนกสีฟ้าๆ ที่มันกำลังบินขึ้นมาจากต้นมะขามต้นใหญ่แถวนั้น ถึงจะไม่ห้าม ผมก็ไม่คิดจะขับอยู่แล้วล่ะ
   ดอนหวายมีขนมแบบที่หาทานในเมืองไม่ได้เยอะอยู่พอสมควร กว่าผมจะได้ลงเอยมื้อหลัก ก็อิ่มขนมจนแทบจะใส่ข้าวคลุกกะปิที่สั่งมาเข้าท้องไม่ไหว ข้าวอร่อย แต่ขนมอืดท้อง กว่าจะทานหมด คนที่มาขอยืมโต๊ะนั่งด้วยก็ลุกไปสักสามคนได้แล้วล่ะมั้ง ผมนึกดีใจที่ไม่มีใครมาด้วย ไม่งั้นท่าทางผมจะกลายเป็นภาระเขาแน่ อืม... ผมเป็นพวกเรื่อยๆ เฉื่อยๆ แบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วน่ะ สมัยเรียนยังโดนเพื่อนวงแดงชื่อไว้เลยว่า ถ้ารีบล่ะก็ อย่าเอาไอ้พนิตไปเข้ากลุ่มเด็ดขาด
   ก็ผมรู้สึกว่าถ้ารีบแล้วมันจะเก็บรายละเอียดอะไรได้ไม่ค่อยจะครบ แล้วก็ไม่ได้สิ่งที่ดีที่สุดนี่นา
   สงสัยเพราะอย่างนี้ พ่อกระแตถึงไม่ไปถึงไหนสักที ตอนที่แล้วให้เจ้าของบ้านล้อมต้นไม้ไว้ แต่ไม่ได้บอกคนอ่านนะว่าจะย้ายไปปลูกที่ไหน พ่อกระแตเองก็ไม่รู้หรอก หอบลูกหอบเมียซัดเซพเนจรไปอยู่บนต้นมะขามแทน แต่มะขามไม่อร่อยเท่ามะเฟือง แถมยังมีนกเจ้าถิ่นอยู่ แล้วเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อไปดีนะ
   ระหว่างที่ผมทานข้าวอยู่ ก็เห็นมีให้ล่องเรือชมแม่น้ำ เลยตัดสินใจว่าเดี๋ยวทานหมดแล้ว จะไปนั่งเรือเล่นก็แล้วกัน เผอิญโชคดี ว่ามีเจ้าหนุ่มคนหนึ่งเหมาเรือแล้วยังว่างอีกที่พอดี แล้วเห็นว่าผมมาคนเดียว เลยให้ไปนั่งด้วย ผมเลยได้นั่งเรือแบบไม่ต้องรอคิวนาน
   น้ำที่ดอนหวายยังดีอยู่ ลมก็กำลังเย็นสบาย แต่ขึ้นเรือไปแล้วผมยังเจออะไรที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นอีก
   “พนิต พนิตใช่มั้ย?” ผู้ชายรูปร่างอ้วนท้วนคนหนึ่งเดินเข้ามาทักผม ตอนที่กำลังจะเดินไปขึ้นเรือ ท่าทางมีเงินมีทองอยู่พอสมควร ดูจากเสื้อผ้าและทองที่สวมอยู่บนคอบนนิ้วล่ะนะ ผมเขม่นมอง ก่อนจะโพล่งออกมา “วิชัย!”
   “พนิตจริงๆ ด้วย” เขาพูดและยิ้มจนตาหยี เขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของผม สนิทกันพอสมควรเลยล่ะ จำได้ว่าเรียนเศรษฐศาสตร์เก่งมาก เพราะบ้านเขาเป็นคนจีน ค้าขายอยู่แล้ว เหมือนจะขายข้าวสารล่ะมั้ง ผมดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า เลยถามไป “เป็นไงบ้าง ไม่เจอกันนานมากๆ เลย”
   “นานจริงๆ ไปๆ ขึ้นเรือเถอะ จะได้คุยกันยาวๆ ”
---------------------------------------------------
   ผมขึ้นเรือไปก็ได้คุยกับวิชัยยาว เลยรู้ว่าเขามาเปิดโรงสีอยู่ที่นครปฐม ตอนนี้เลยกลายเป็นเถ้าแก่โรงสีไปแล้ว วันนี้พอดีแวะมาเที่ยวกับครอบครัว และว่าที่ลูกเขยคนใหม่ ผมเลยได้รับไหว้ทั้งลูกสาว และลูกชายเขาอีกคน ซึ่งกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสอง แล้วก็บรรดาญาติๆ แถมด้วยว่าที่ลูกเขยเขาอีกคน อายุสักสามสิบกว่าๆ ได้ หน้าตาธรรมดา แต่ท่าทางเอางานเอาการน่าดู พอแนะนำกันเสร็จแล้ว เขาก็หันมาขอความเห็นเรื่องลูกเขยกับผม จากนั้นเราก็คุยกันเรื่องเก่าๆ สมัยเรียน เขาหัวเราะชอบใจ ในตอนที่รู้ว่าผมยังเขียนนิยายอยู่ แล้วบอกว่าผมนี่เอาจริงเอาจังกับอาชีพนี้จริงๆ ถามว่าหนังสือที่ผมเขียนอยู่ตอนนี้ชื่อหนังสืออะไร จะได้ไปหามาอ่าน ผมเลยบอกชื่อหนังสือเขาไป บอกอีกว่าอาจจะเหมาะกับคนกำลังสร้างครอบครัวก็ได้ ถือโอกาสโฆษณาหนังสือตัวเองไปในตัวเลย
   คุยไปคุยมา สรุปแล้ววันนั้นผมก็ได้ไปนอนค้างบ้านวิชัย บ้านเขาใหญ่นะ เป็นดึกปูน ตอนแรกเขาจะให้ผมนอนห้องแอร์ แต่ผมบอกว่าผมแพ้แอร์ ก็เลยย้ายกันมานอนด้านล่าง กางมุ้งเอา คุยกันถึงเรื่องสมัยเรียนจนดึกนั่นแหละ เลยหลับกันได้
   เช้าวันรุ่งขึ้น วิชัยก็พาผมดูโรงสีช่วงเช้า จากนั้นเราก็ไปพระปฐมเจดีย์กัน พอดีว่าลูกชายเขาจะกลับมหาวิทยาลัยพรุ่งนี้ ก็เลยมาเป็นคนขับรถให้ คนแก่สองคนเลยได้คุยกันเต็มที่ระหว่างนั่งรถ พอไหว้พระปฐมเจดีย์เสร็จแล้ว ก็แวะทานอาหารกันแถวนั้น แล้วไปเที่ยวพระราชวังสนามจันทร์กันต่อ
   สรุปแล้วผมก็ค้างบ้านเพื่อนเก่าอีกหนึ่งคืน เพราะเขาบอกว่าลูกชายกลับกรุงเทพฯพรุ่งนี้ จะได้เลยไปส่งผมเลย ผมก็ไม่รีบไม่ร้อนอะไรอยู่แล้ว บอกเขาว่าผมติดรถไปก็ได้ไม่ต้องไปส่งหรอก เดี๋ยวเข้ากรุงเทพฯแล้วผมต่อรถกลับบ้านเอง เพื่อนผมก็ไม่ยอม จะให้ลูกชายมาส่งผมให้จงได้ ตลกดี คุยกันอย่างกับจะทะเลาะ แค่เรื่องให้ลูกมาส่ง สุดท้ายลูกชายเขาเลยมายุติปัญหา บอกว่าเดี๋ยวเขาจะขับรถไปส่งผม เพราะว่าจะแวะไปหาเพื่อนใกล้ๆ พอดี นั่นแหละเลยทำให้คนอายุสี่สิบกว่าสองคนเลิกเถียงกันได้
----------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องดองเค็ม!]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก3(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะTAT)P2:23/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 30-09-2011 20:56:19
   ผมบอกให้ลูกชายของวิชัยส่งผมตรงถนนใหญ่ เพราะเข้าซอยมาก็เอารถออกลำบาก อีกอย่างซอยไม่ลึก ผมเดินไม่นานก็ถึงบ้าน
   ผมไม่อยู่บ้านหลายวัน แต่ต้นกล้วยไม้ที่ชายคายังสภาพดีอยู่ แสดงว่าคนข้างบ้านที่มักจะเดินผ่านบ้านผมบ่อยๆ คงรู้แล้วว่าผมไม่อยู่ เลยแวะเข้ามารดน้ำให้ ผมไม่เคยล็อกประตูรั้วนะ แค่คล้องสายยูเอาไว้เฉยๆ เพื่อนบ้านคนนี้เป็นคนละแวกนี้แหละ รู้จักกันมานานแล้ว เป็นที่รู้กันว่าถ้าวันไหนเห็นไฟบ้านผมปิดสนิท แปลว่าผมไปค้างข้างนอก ซึ่งผมก็มักจะออกไปค้างโดยไม่ได้บอกล่วงหน้ากับใครอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน เขาก็มาช่วยรดน้ำต้นไม้ให้ บางทีก็ใช้ให้ลูกมาบ้าง ผมเลยไปไหนมาไหนอย่างสบายใจโดยไม่ต้องกลัวว่าต้นไม้เล็กๆ จะเหี่ยวตาย ว่าแล้วก็หิ้วขนมที่ซื้อมาไปฝากเขาดีกว่า
   พอเห็นหน้าผม เพื่อนบ้านคนนั้นก็ทักขึ้นทันที “พนิต เมื่อวานมีคนมาหาน่ะ ฉันก็บอกแล้วล่ะว่าคุณอาจจะออกไปค้างข้างนอก เขาก็ทำท่าร้อนใจน่าดู ถามเอาจริงๆ จังๆ ว่าคุณไปไหน ฉันก็เลยบอกว่าไม่รู้สิ เพราะปกติคุณไปไหนก็ไม่ค่อยบอกใครอยู่แล้ว เขาเลยฝากบอกว่า ถ้าคุณมาแล้ว ให้บอกคุณให้โทรกลับหาเขาด้วย”
   ผมนึกงง ไม่คิดว่าจะมีใครต้องการตามตัวผมด่วนขนาดนั้น “เขาชื่ออะไรล่ะ”
   “สุภาพงษ์” เพื่อนบ้านคนนั้นตอบ แล้วรับขนมที่ผมซื้อมาให้ “เออ ขอบใจนะ วันหลังไม่ต้องก็ได้ คนกันเองทั้งนั้น”
   “ไม่เป็นไรหรอก” ผมว่า เราคุยนั่นคุยนี่กันอีกพัก เขาก็กำชับให้ผมกลับมาโทรศัพท์ เพราะดูว่าคนชื่อสุภาพงษ์จะร้อนใจกับการหายไปของผมมากจริงๆ
   ผมนึกแปลกใจ ความจริงเพื่อนหลายคนก็บอกให้ผมซื้อโทรศัพท์มือถือเสียที จะได้ตามตัวกันสะดวกๆ แต่ผมขี้เกียจถูกตามตัวแบบกะทันหัน สมัยก่อนมีแต่โทรศัพท์บ้านก็อยู่กันได้ สมัยนี้มันก็อยู่ได้เหมือนกันนั่นล่ะ ผมอยู่มาโดยไม่เคยใช้โทรศัพท์มือถือ แล้วไม่คิดจะหามาใช้ด้วยซ้ำ เครื่องที่น้องสาวเอามาให้บังคับใช้ก็ลืมชาร์ตแบ็ตจนแบ็ตเสื่อม ก็เลยไม่มีใครมาบังคับผมใช้โทรศัพท์มือถืออีกเลย
   ว่าแต่สุภาพงษ์มีธุระอะไรกันนะ เรื่องก่อนหน้าก็พิมพ์ไปแล้วนี่นา..
   “ขอสายคุณสุภาพงษ์ครับ” ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ เพื่อนบ้านอุตส่าห์กำชับมาขนาดนั้น ผมโทรหาเขาก่อนจะกวาดบ้านก็ได้ เผื่อว่าจะเป็นเรื่องสำคัญ
   “คุณสุภาพงษ์คุยธุระอยู่ค่ะ” เสียงเลขาฯปลายสายตอบผม “นั่นคุณพนิตรึเปล่าคะ?”
   “ครับ”
   “ตายแล้วคุณพนิต อยู่ไหนคะเนี่ย?” อรนภาถามผมทันที ผมเลยตอบเธอไป “อยู่บ้านแล้วครับ”
   ได้ยินเธอถอนหายใจเฮือก “คุณพนิตหายไปไหนหลายวันคะเนี่ย คุณสุภาพงษ์ไม่รู้จะธุระอะไรกับคุณค่ะ พอแวะไปหาคุณที่บ้านแล้วเห็นคุณไม่อยู่ติดกันสองวัน เขาก็ทำท่าจะไปแจ้งความ ฉันเลยบอกเขาว่าตอนมาเขียนเรื่องให้เราใหม่ๆ คุณก็เคยหายไปแบบนี้เหมือนกัน”
   “ผมไปค้างบ้านเพื่อนมาน่ะ” ผมตอบไป นึกตกใจเหมือนกันว่าสุภาพงษ์ถึงกับจะไปแจ้งตำรวจเลยเหรอ เขามีธุระอะไรกับผมกันแน่เนี่ย
   “คุณพนิตอยู่บ้านทั้งวันรึเปล่าคะ วันนี้?”
   “อืม..ครับ คิดว่านะครับ”
   “ค่ะ งั้นเดี๋ยวฉันจะบอกคุณสุภาพงษ์ให้นะคะ เขาจะได้เลิกวิตกจริตสักที ที่จริงวันหลังคุณโทรเข้าเบอร์มือถือเขาเลยก็ได้ค่ะ”
   “อ้อ โทรเข้าสำนักงานมันประหยัดกว่าน่ะ ผมใช้โทรศัพท์บ้าน” ผมตอบไป ได้ยินเสียงปลายสายตอบกลับมา “อืม... ค่ะ งั้นเดี๋ยวฉันบอกคุณสุภาพงษ์ให้นะคะ”
   “ครับ” ผมว่า แล้วก็วางสาย พลางนึกสงสัยว่าสุภาพงษ์มีธุระอะไรกับผมกันแน่ คงไม่ใช่คิดว่าผมจะเบี้ยวหนีหายไปเพราะเรื่องต้นฉบับหรอกนะ
------------------------------------------
   “คุณพนิตครับ!” เสียงตะโกนเรียกจากหน้าประตูบ้านทำเอาผมที่กำลังนั่งดูหนังทางช่องเคเบิลอยู่เพลินๆ สะดุ้งเฮือก พอมองออกไปก็เห็นสุภาพงษ์ยืนอยู่แล้ว
   อืม.. หน้าตาดีกว่าพระเอกหนังที่ผมกำลังดูอยู่เสียอีก
   เขายกมือไหว้ผมตามมารยาทตอนที่ผมเดินออกไปเปิดประตูให้ ผมยกมือรับไหว้เขา แล้วก็เห็นเขายิ้มออกมา “คุณกลับมาแล้ว..”
   “อืม... ผมไปบ้านเพื่อนน่ะ” ผมบอกเขาไป สุภาพงษ์พยักหน้า จากนั้นก็เดินเข้าบ้านมา
   “คุณพนิตไม่คิดจะพกโทรศัพท์มือถือเลยหรือครับ” เขาถาม เมื่อเข้ามานั่งในบ้านแล้ว ผมสั่นศีรษะ “ไม่เอาล่ะ ผมรำคาญน่ะ”
   สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ “แต่พกไว้บ้างก็ดีนะครับ เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน”
   ผมมองเขา อยากจะพูดออกไปจริงๆ ว่าเหตุฉุกเฉินที่ว่าน่ะ คือการทวงต้นฉบับใช่ไหมล่ะ แต่จิตสำนึกผมยังทำงานดีอยู่ เลยพูดยิ้มๆ ตอบเขาไป “นี่ คุณสุภาพงษ์ สมัยก่อนไม่มีโทรศัพท์มือถือก็ยังอยู่กันได้เลย ผมไม่พกก็ไม่เป็นไรหรอก”
   “แต่คุณอายุเยอะแล้วนะครับ” เขาพูด แล้วเงยหน้ามองผม “หายไปหลายวันแบบนี้ ผม... เป็นห่วงนะ”
   ความจริงผมอยากจะเถียงอยู่หรอกว่าสี่สิบห้าน่ะยังไม่เยอะเท่าไหร่ เทียบกับนักการเมืองแล้วยังถือว่าเด็กๆ อยู่เลย แต่ก็นะ... เห็นเขาทำหน้าตอนพูดว่าเป็นห่วงแล้ว ผมก็พูดตอบแบบนั้นไปไม่ออกเหมือนกัน
   “คุณพนิตครับ... พกโทรศัพท์เถอะนะครับ ผมขอร้องล่ะ” สุภาพงษ์พูดต่อหลังจากนั้น ผมมองหน้าเขา ให้เป็นให้ตายผมก็ไม่พกเด็ดขาด ไอ้เครื่องมือรบกวนความเป็นส่วนตัวแบบนั้นน่ะ ผมพูดตอบเขาไป “มันไม่ใช่สิ่งจำเป็นอะไรหรอกนะ จริงสิ คุณมาหาผม มีธุระอะไรล่ะ” ผมได้ที หาช่องเปลี่ยนเรื่องทันที เพราะกลัวจะต้องมาอารมณ์เสียเรื่องโทรศัพท์กับเขา เผลอๆ จะโดนเขาใช้หน้านิ่งๆ ล่อให้ยอมพกโทรศัพท์น่ะสิ
   สุภาพงษ์มองผม แล้วขบปากนิดๆ เอ่อ... เดี๋ยวนะ จำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยทำท่าแบบนี้ให้ผมเห็นนี่นา.... เขาเป็นคนหน้าตาดี ติดแต่ว่าหน้านิ่งไปหน่อย แต่พอขบปากนิดๆ แบบนี้ก็........
   “คุณพนิต ไปซื้อโทรศัพท์มือถือกันเถอะครับ”
   สุภาพงษ์ถึงกับไม่ตอบคำถามผม และลากเข้าเรื่องเก่าดื้อๆ ผมมองเขาอย่างอึ้งๆ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรตอบ เขาก็พูดขึ้นอีก “ไม่ต้องกังวลเรื่องชาร์ตแบ็ตหรอกนะครับ ผมจะจัดการให้”
------------------------------------------
   ท้ายที่สุดผมก็ถูกสีหน้าและท่าทางจริงจังของสุภาพงษ์ล่อลวงจนต้องมายืนอยู่ที่ร้านขายโทรศัพท์มือถือซึ่งอยู่ในห้างฯ ให้ตายสิ ผมน่ะ ไม่ถนัดกับอากาศที่ถูกปรับจนเย็นแบบนี้เลย ยืนมองตู้ใส่โทรศัพท์ไปกอดอกไป ท่าทางเหมือนครูใหญ่ตรวจแถวเด็กนักเรียนไม่มีผิด แต่ผมไม่ได้ตรวจแถวผู้ค้าโทรศัพท์หรอกนะ ผมหนาวเลยต้องกอดตัวเองเอาไว้น่ะ
   สุภาพงษ์ยืนอยู่ข้างๆ ผม หน้าเขาหล่อหมดจดเหมือนเคย กระทั่งกำลังก้มมองดูโทรศัพท์ในตู้แบบนี้ ผมยังรู้สึกว่าเขาดูดีมากเลย ถ้าไม่หนาวจนตัวสั่น กับต้องมาเลือกเจ้าเครื่องมือรบกวนความเป็นส่วนตัวนี่ ผมคงมีความสุขกับการมองหน้าเขามากกว่านี้
   “คุณพนิต ผมว่าเอารุ่นนี้ดีไหมครับ?” สุภาพงษ์ชี้โทรศัพท์เครื่องหนึ่งในตู้ ผมกำลังมองหน้าเขาเพลินๆ เลยไม่ทันได้ฟัง จนเขาเงยหน้าขึ้นมานั่นแหละ ถึงได้รู้สึกตัว
   “อ้อ... อืม.. ไหนล่ะ?” ผมทำเป็นตาไม่ดีขึ้นมากะทันหัน ทั้งๆ ที่ขนาดตัวอักษรพิมพ์ดีดตัวเล็กๆ ผมก็ยังอ่านได้แบบไม่มีปัญหา ไม่เคยต้องพึ่งแว่นหรืออะไรเลย แต่เพราะกลัวเขาจับได้ว่าแอบมองอยู่ เลยต้องทำตาหรี่ๆ มองโทรศัพท์ในตู้ตามเขาไป
   สุภาพงษ์มอหน้าผมพลางกะพริบตาปริบๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร หันไปบอกพนักงานให้หยิบโทรศัพท์ที่เป็นรุ่นตัวโชว์มาให้ผมดู ผมวางแผนในใจไว้แล้วว่าจะบ่นและติทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้าเครื่องมือรบกวนความเป็นส่วนตัวพวกนี้ เขาจะได้เลิกตื้อผมให้ซื้อสักที
   “อืม.. จอเล็กขนาดนี้ ผมจะมองเห็นตัวเลขได้ไง” ผมเริ่มเอ่ยปากติตามเรื่อง หลังจากได้เห็นตัวเครื่องแล้ว พนักงานขายซึ่งเป็นผู้หญิงก็ดี รีบหยิบอีกเครื่องที่มีตัวเลขตัวใหญ่มาให้ผม โดยที่สุภาพงษ์ยังไม่ทันได้พูดด้วยซ้ำ เอาล่ะสิ ผมรู้หรอกว่าเขาพูดไม่เก่ง ไม่ทันผมแน่ แต่พนักงานขายนี่สิ ผมจะพูดแข่งกับเธอทันไหมเนี่ย
   ผมพยายามหาข้อติโทรศัพท์อีกหลายเครื่อง อ้างว่ารำคาญเสียงบ้างล่ะ เครื่องใหญ่ไปบ้างล่ะ สุภาพงษ์น่ะ แทบไม่ได้พูดอะไรสักคำ นอกจากพยักหน้า แล้วเหลือบมามองผมเป็นระยะๆ เหมือนพยายามจะใช้ความอดทนกับผมอย่างเต็มที่ แต่พนักงานขายนี่สิ อดทนยิ่งกว่า สรรค์หาโทรศัพท์มาให้ผมดูจนแทบจะหมดร้าน สุดท้ายผมก็หาข้อติต่อไม่ออก อืม... ถึงผมจะแก่ แต่ยางอายและความเกรงใจของผมยังพอจะมีเหลืออยู่ล่ะนะ ในเมื่อเถียงไม่ออกแล้ว ผมคงต้องยอมรับเป็นเจ้าของไอ้เจ้าเครื่องมือรบกวนความเป็นส่วนตัวเครื่องนี้ แต่ผมยังมีไม้ตายสุดท้ายอยู่
   “คุณสุภาพงษ์ ถ้ามันแพงเกินไปก็ไม่ต้องหรอก ผมไม่อยากขอขึ้นค่าต้นฉบับกับคุณน่ะ”
   ผมไม่เคยซื้อโทรศัพท์มือถือ หรือตามข่าวเจ้าอุปกรณ์พวกนี้ก็จริง แต่พอรู้หรอกว่าไอ้เครื่องที่พนักงานหยิบมา ราคามันคงไม่น้อยแน่ๆ
   สุภาพงษ์หันมามองหน้าผม แล้วยิ้มนิดๆ “ไม่เป็นไรหรอกครับ ต้นเดือนหน้าผมตั้งใจจะปรับขึ้นค่าต้นฉบับคุณอยู่แล้วน่ะ”
   ผมมองเขา แล้วกะพริบตาปริบๆ เขาก็เลยอาศัยจังหวะนั่น ยื่นบัตรเครดิตการ์ดให้กับพนักงาน โดยไม่ถามราคาสักคำ ผมเห็นแล้วก็อดไม่ได้ ต้องเอ็ดออกไป “คุณสุภาพงษ์ ทำไมไม่ถามราคาก่อนน่ะ”
   “ผมกลัวคุณจะไม่ยอมพกไว้น่ะครับ” เขาตอบผมสั้นๆ ด้วยสีหน้าจริงจังเป็นที่สุด ผมมองหน้าเขาอึ้งๆ และให้รู้สึกตัวว่าไม่น่าพลาดท่ามากับเขาเลย
   ให้ตายสิ ใครใช้ให้เขาหน้าตาดีจนผมถอนสายตาไม่ได้ขนาดนี้ล่ะ....
-------------------------------------------
   ในที่สุดสุภาพงษ์ก็ประสบผลสำเร็จในการทำให้ผมผู้ซึ่งไม่เคยยอมจะพกโทรศัพท์มือถือมาเลยตลอดหลายปีตั้งแต่มันเริ่มมีขายอย่างแพร่หลายต้องมีมันเอาไว้ในครอบครองจนได้
   ขากลับผมทั้งหนาวทั้งงงตัวเอง ว่ายอมจะพกไอ้อุปกรณ์รบกวนความเป็นส่วนตัวนี้ไว้กับตัวได้ยังไง สุภาพงษ์เดินอยู่ข้างๆ ผม ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่านะ เหมือนเขาพยายามให้ชิดผม เห็นว่าผมหนาวหรือกลัวผมจะเอาโทรศัพท์มือถือไปทิ้งก็ไม่รู้ ผมเองก็ขี้เกียจจะเดาจุดประสงค์จากสีหน้านิ่งๆ ของเขาด้วย อยู่ต่อหน้าเขาแบบนี้ ผมคงไม่ไร้มารยาทพอจะเอาโทรศัพท์ที่เขาซื้อให้ทิ้งหรอก แล้วถ้าเขากลัวว่าผมจะหนาวจริง ผมก็ไม่กล้าให้เขากอดอยู่ดี...
   ผมอายคนเป็นเหมือนกันนะ... แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาอยากจะกอดผมจริงๆ รึเปล่า

   “คุณพนิตครับ เวลารับสายกดปุ่มสีเขียวๆ ตรงนี้นะครับ” สุภาพงษ์พยายามจะสอนผมใช้โทรศัพท์มือถือต่อจากพนักงานที่ร้าน ในตอนที่มาส่งผมที่บ้านแล้ว เขานั่งอยู่ข้างผม บอกให้ผมดูโทรศัพท์ที่ซื้อผม แต่ผมอยากดูหน้าเขามากกว่านะ เอาเถอะ เขาจริงจังกับโทรศัพท์ก็ดีแล้ว ผมจะได้แอบมองหน้าเขาได้
   เฮ้อ.... นี่ถ้าเขามาแค่ให้ผมมองหน้าทุกวันก็คงจะดีหรอก
   ตอนที่ผมกำลังมองขนตาเขาเพลินๆ สุภาพงษ์ก็หันหน้ากลับมา “คุณพนิต”
   “หืม?!” ผมรีบปั้นหน้าขรึมทันที ก่อนจะพูดตอบเขา “มีอะไรหรือ?”
   “ลองกดดูหน่อยสิครับ” เขาพูดพลางยื่นโทรศัพท์เครื่องนั้นมาให้ผม ผมรังเกียจเจ้าเครื่องมือนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยทำท่ายึกๆ ยักๆ ไม่อยากจะรับมา พร้อมกับคิดหาข้ออ้างที่ดูสุภาพพอที่จะให้เขาเอามันกลับไป ขณะที่ผมกำลังเค้นสมองหาเหตุผลอยู่นั้นเอง โทรศัพท์ก็ถูกวางลงบนมือของผม พร้อมกับอุ้งมืออุ่นๆ ที่แนบเข้ามา
   “เวลาออกไปไหน ช่วยพกไว้ด้วยนะครับ” เขาพูดเสียงเรียบ แล้วช้อนตาขึ้นมองผม ผมถึงขั้นเกือบลืมหายใจ รู้แล้วล่ะว่าเขาหล่อ รู้แล้วล่ะว่าเขานิสัยดี รู้ด้วยว่าตัวเองชอบมองหน้าเขาขนาดไหน แล้วก็.... คิดว่ารู้นะว่าเขาคิดอะไรกับผมอยู่
   “อืม..” ผมส่งเสียงในคออย่างไม่ค่อยจะให้ความสำคัญนัก ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น มือของสุภาพงษ์ยังกุมมือผมเอาไว้แน่น เออ... เขาน่ะพูดไม่เก่งก็จริง แต่จับมือเก่งนะ เผลอไม่ได้ เขาต้องหาจังหวะจับมือผมทุกที ตอนนี้ผมเริ่มแน่ใจแล้วล่ะว่าเขาจงใจจะจับมือผม ปัญหาคือ ก่อนหน้านี้เวลาถูกเขาจับมือ ผมมักจะไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้ออกจะแย่สักหน่อย เพราะพอถูกเขาจับแบบนี้แล้ว หัวใจผมดันเต้นแรงขึ้นมาน่ะสิ
   ทั้งๆ ที่ผมอายุสี่สิบห้าแล้วแท้ๆ.....
   “คุณพนิต”
   ผมหันหน้ามาตามเสียงเรียก และเกือบผงะ เมื่อพบว่าหน้าเขายื่นเข้ามาใกล้มาก จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ผมว่าปลายจมูกของเราแตะกันด้วยนะ
   เพราะหัวใจผมเต้นแรงมากจนน่ากลัว ผมเลยรีบพูดออกไป “คุณสุภาพงษ์ กลับบ้านได้แล้วล่ะ ค่ำแล้ว เดี๋ยวรถจะติด”
   สุภาพงษ์มองหน้าผมอยู่พัก เขาเม้มริมฝีปากเป็นเส้นบาง จนผมต้องรีบเบือนหน้าหนีอีกรอบ เพราะกลัวว่าจะแสดงสายตาหน้าอายในเขาเห็น จากนั้นก็ได้ยินเสียงเขาพูดเรียบๆ “ครับ ผมไปนะครับ แล้วจะมาชาร์ตแบ็ตเตอรีให้นะครับ”
   “อืม” ผมส่งเสียงไปตามเรื่อง และรู้สึกโล่งใจตอนที่เขาผละมือออก
   สุภาพงษ์รูปร่างสูงโปร่ง หุ่นก็กำลังดี ไม่หนาไม่บางจนเกินไป เขาดูดีทุกอย่างนั่นล่ะ... ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเคยอยู่บ้านเช่าแถวนี้
   ผมเดินออกมาส่งเขาที่หน้าประตูรั้วบ้าน และนึกว่าคงต้องหาจังหวะถามเรื่องราวของเขาเพิ่มเติมอีกสักหน่อย
   แต่คงจะต้องเป็นจังหวะที่เขาไม่ได้จับมือผม แล้วผมเองก็ไม่เผลอมองเขาจนลืมคิดเรื่องอื่นล่ะนะ....
--------------------------------------------
**ปล. จบตอนนี้แล้วคาดว่าจะหายยาวจริงๆ อย่างต่ำสักหนึ่งสัปดาห์นะคะ เพราะคงต้องไปปั่นสายลับอย่างจริงๆ จังๆ แล้วล่ะ!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 30-09-2011 21:20:15
คุณพนิตระลึกถึงอดีตได้ลางๆ
แต่เหมือนแอบมีใจให้นิดๆแล้วล่ะค่ะ

เอาใจช่วยคุณ JUON ให้ทำภารกิจสายลับเสร็จโดยไวนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-09-2011 22:07:34
คิวต่อจากสายลับ  คงเป็นนกยูงแดงนะ โหะ โหะ โหะ  กดดันกันต่อไป
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 30-09-2011 23:13:49
กรี๊ด อ่านเรื่องนี้ด้วยคน
ชอบคุณสุภาพงษ์จัง ชื่อ เชยได้อีกนะ 555
รีบๆลุกคุณพนิตเร็ว
555 สงสาร เห็นเอาแต่เงียบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 30-09-2011 23:19:09
5555+ คราวนี้เลยมีข้ออ้างมาที่บ้านทุกวันแล้ว  :mc4:
มาช่วยชาร์จแบตมือถือ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 30-09-2011 23:30:48
ยอมใช้มือถือแล้ว เริ่มมีอะไรคืบหน้า รึเปล่า? ฮ่าๆ
พยายามเข้านะคุณสุภาพงษ์
หาเรื่องมาชาร์ตแบตทุกวันไปเลย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 30-09-2011 23:38:01
เอ่อ ซื่อบื้อขนาดนี้ได้เปนแบบคุณกระรอกแน่เลย


ฮืออออออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 30-09-2011 23:42:17
คืบหน้าจิ๊ดเดียวเองอ่ะ เฮ้ออออรุกมากๆหน่อยสิ บก. เอาให้หวานจ๋อยไปเลย หึหึ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 30-09-2011 23:48:04
ย้ายบ้านมาคอยชาร์ตมือถือเลยสุภาพงษ์

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อยู่บ้านเดียวกันมือถือไม่ต้องก็ได้มั้ง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 30-09-2011 23:57:01
ลุ้นแทนคุณสุภาพงษ์ =.=
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 01-10-2011 00:30:18
กำลังลุ้นเลยอ่าาาาาา

สงสัยจะอีกนานเนอะ...เฮ้อ ~
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 01-10-2011 00:31:48
ชอบแนวนี้จังเลย ><
คนมีอายุนี่อ่านกี่ทีก็ชื่นใจ ฮ้า~
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 01-10-2011 00:48:20
'เขาพูดไม่เก่ง แต่จับมือเก่งนะ' ...กร๊ากกกกก
ปากไม่ว่า แต่มือไปแล้วนะคุณสุภาพงษ์ ฮุๆ

คู่นี้เค้าไปแบบกระดื๊บกระดื๊บจริงๆนั่นแล
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: bluerose ที่ 01-10-2011 01:46:20
สนุกมากเลยค่ะ ชอบจังเลย ซึนๆอึนๆกันไปตามเรื่อง ที่เค้าก็รักของเค้าเนอะ >//<
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 02-10-2011 21:20:00
อย่างนี้ต้องมีคู่แข่ง จะได้เร่งให้อะไรเร็วขึ้น ^________________^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: reborn23 ที่ 02-10-2011 22:40:45
 :เฮ้อ:
ความสัมพันธ์ยังไม่คืบหน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: CHADMM ที่ 02-10-2011 22:43:07
เมื่อไหร่คู่นี้เค้าจะได้กุ๊กกิ๊กกันอ่ัะ   :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 02-10-2011 22:47:13
อ่านแล้ว ชอบความเรื่อย ๆ ชิลล์ ๆ ในการใช้ชีวิตของคุณพนิตจังเลยค่ะ
แต่ถ้าเป็นเรื่องรักแล้ว คงยอมให้คุณพนิตชิลล์แบบนี้ไม่ได้ ( อายุเยอะแล้วนะ มัวแต่ชิลล์จะเหลืออะไร )
ต้องให้คุณสุภาพงษ์รีบเข้าหา ตอนนี้เนียนจับมือ + ได้ข้ออ้างไปชาร์ทโทรศัพท์มือถือให้ที่บ้าน
ก็ถือว่ามีพัฒนาการขึ้นมาหน่อย สู้ต่อไป...คุณสุภาพงษ์ !!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 02-10-2011 23:01:11
คุณพนิต คิดในใจเก่งจริงๆ
แล้วเมื่อไหร่สองคนนี้จะได้คุยกันให้เข้าใจซะที
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 02-10-2011 23:42:13
มารอ อยากอ่านๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 03-10-2011 11:50:39
คุณพนิตเปลี่ยนไปเล็กๆ
สงสัยเริ่มชอบคุณสุภาแล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 03-10-2011 13:13:19
อยากได้คนมาช่วยชาร์ตแบตฯ บ้างจัง  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 03-10-2011 14:23:44
เมื่อไรจะได้....รักกันเสียทีนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 03-10-2011 14:45:52
ตอนนี้คอมเสีย+ป่วยค่ะ ทุกท่าน เพราะงั้นทุกเรื่องจะยังดองไม่มีกำหนดต่อไปนะคะTAT
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 03-10-2011 15:09:38
ตอนนี้คอมเสีย+ป่วยค่ะ ทุกท่าน เพราะงั้นทุกเรื่องจะยังดองไม่มีกำหนดต่อไปนะคะTAT
เศร้าอ่าT^T
อยากอ่านๆๆๆ
คอมเสียนี่สุดวิสัย แต่เรื่องป่วย ขอให้หายไวๆนะ :L2:
******************
ดิทคำผิด
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 11-10-2011 19:56:28
** หนีน้ำท่วมจากนนทบุรี มาอยู่บนเขาชั่วคราวค่ะ...

ใครรอสายลับเล่ม7อยู่ คาดว่าถ้าไม่มีปัญหาน้ำท่วมจนกลับเข้านนฯไม่ได้ น่าจะส่งได้ตามกำหนดนะคะ...

นั่งมึนกลางสวน เขียนเรื่องเฉื่อยๆ นี้ออกมาได้อีกตอนล่ะค่ะ (แบบเฉื่อยๆ และออกทะเลจริงๆ)
--------------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่5
   วันนี้ระหว่างที่ผมกำลังนั่งนึกเรื่องพ่อกระแตอยู่ รถเก๋งฮอนด้าสีเทาคันหนึ่งก็แล่นมาจอดหน้าบ้านผม สักพักเด็กผู้หญิงอายุสักสิบเจ็ดสิบแปดคนหนึ่งก็ก้าวลงมาจากรถ
   “ลุงนิตคะ!”
   ผมรีบลุกจากเก้าอี้หน้าเครื่องพิมพ์ดีด ตรงไปที่ประตูรั้วทันที เด็กผู้หญิงคนนั้นพอเห็นผมก็ยิ้มกว้าง แล้วยกมือไหว้ทันที “ลุงนิต สวัสดีค่ะ”
   “อืม สวัสดี” ผมยกมือรับไหว้ ผู้หญิงอายุสักสี่สิบกว่าอีกคนก้าวเท้าลงมาจากรถ “พี่นิต เป็นไงบ้างคะ”
   “ก็ดี เข้ามาก่อนสิ” ผมตอบ เธอชื่อพิไลลักษณ์ เป็นน้องสาวผมเอง ส่วนเด็กผู้หญิงที่เดินเข้ามาทันทีที่ผมเปิดประตูรั้วคือหลานสาวคนโตของผมเอง ชื่อพรรณแพรว ชื่อนี้ผมเป็นคนตั้งให้ด้วยล่ะ
   “นึกไงแวะมาหาพี่ล่ะ” ผมเอ่ยทักน้องสาว เพราะปกติถ้าจะแวะมา พิไลลักษณ์มักจะโทรเข้ามาหาผมที่บ้านก่อน น้องสาวผมตอบยิ้มๆ “จะแวะไปรับพี่ศุภชัยที่สุวรรรณภูมิน่ะค่ะ แต่พอดีเครื่องมันดีเลย์ ก็เลยแวะมาหาพี่ก่อน”
   ศุภชัยคือชื่อน้องเขยผมเอง เป็นคนเอาการเอางาน อยู่ไม่ค่อยติดบ้าน เพราะทำงานเกี่ยวกับการนำเข้า ต้องบินไปนั่นไปนี่บ่อย เขานั่งเครื่องบินเยอะจนสะสมไมล์แลกตั๋วฟรี พาลูกพาเมียไปเที่ยวต่างประเทศได้ปีหนึ่งหลายหนเลยทีเดียว ถึงเขาจะไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่ก็ดูจะดูแลเอาใจใส่น้องสาวผมดี แต่งงานกันมาเกือบยี่สิบปี ยังไม่มีปัญหาทะเลาะอะไรกันใหญ่โตกันเลยสักครั้งเดียว ผมเลยพลอยดีใจไปกับน้องสาวของผมด้วยที่ได้สามีดี แล้วก็ดีใจกับตัวเองที่ได้น้องเขยดีๆ แบบเขาด้วย
   “ลุงนิตคะ แพรวมีข่าวดีจะบอกด้วยล่ะคะ” พรรณแพรวพูดกับผมระหว่างที่เดินเข้ามาในตัวบ้าน ผมหันไปมองหลานสาว “ข่าวดีอะไรล่ะ?”
   หลานสาวผมยิ้มน่ารัก แล้วตอบออกมา “แพรวกำลังจะได้เป็นรุ่นน้องลุงนิตล่ะค่ะ”
   ผมทำตาโต “ประกาศผลสอบเอ็นฯแล้วหรือ?”
   “ค่ะ” หลานสาวผมตอบ แล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “แพรวสอบติดล่ะค่ะ จะได้เป็นรุ่นน้องลุงแล้ว”
   ผมเงยหน้าขึ้นมองน้องสาวที่เดินมาด้วยกัน พิไลลักษณ์ยิ้มแล้วพยักหน้า “แพรวจะได้เป็นรุ่นน้องพี่นิตแล้วนะคะ”
   ผมหันกลับไปมองหลานสาวที่กำลังยิ้มกว้าง แล้วยกมือลูบศีรษะ “เก่งจริงหลานลุง”
   “กะมาเซอร์ไพรส์ลุงเลยนะคะเนี่ย” พรรณแพรวตอบผม ผมหัวเราะชอบใจ “ลุงดีใจจริงๆ เอางี้สิ เดี๋ยวรับคุณพ่อแล้ว ไปเลี้ยงฉลองกัน เดี๋ยวลุงเลี้ยงเอง”
   “เย้! ที่ไหนดีคะ?” หลานสาวถามผมเสียงแจ๋ว ผมนิ่งไปพัก ก็นึกถึงร้านอาหารที่สุภาพงษ์พาผมไปวันก่อนขึ้นมาได้ ผมเลยตอบหลานไป
   “แล้วพี่นิตไม่ติดเขียนต้นฉบับหรือคะ?” น้องสาวผมถามหลังจากนั้น ผมหันไปมองต้นฉบับที่อยู่ในเครื่องพิมพ์ดีด แล้วสั่นศีรษะ “ไม่เป็นไร ยังเหลือออีกหลายวันน่ะ”
   อันที่จริงแล้วคือยังเหลือเวลาอีกสักห้าวันเห็นจะได้ แต่ว่าผมยังนึกเรื่องไม่ออก นั่งไปก็ไม่รู้ว่าจะเขียนต่อได้รึเปล่า แล้วหลานสาวผมสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกันแบบนี้ ผมต้องเลือกออกไปเลี้ยงฉลองหลานอยู่แล้วล่ะ
   “งั้นลุงนิตไปด้วยกันเลยไหมคะ รับคุณพ่อแล้วจะได้เลยไปร้านอาหารเลย” พรรณแพรวเสนอ ผมพยักหน้ารับทันที จากนั้นก็แต่งตัวเตรียมพร้อมไปเลี้ยงฉลองหลาน แล้วติดรถน้องสาวไปที่สนามบิน
--------------------------------------------------------
   ศุภชัยเดินลากกระเป๋ามาตามทางเดินในสนามบิน พอเห็นผมก็ยกมือไหว้ทันที “พี่นิต เป็นไงบ้างครับเนี่ย”
   “สบายดี” ผมพูดและยกมือรับไหว้ ศุภชัยเป็นรุ่นพี่น้องผมปีหนึ่ง แต่ก็ยังเป็นรุ่นน้องผมล่ะ สองคนนี่อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันมาก่อน แต่คนละมหาวิทยาลัยกับผมนะ พรรณแพรววิ่งไปรับถุงสองสามใบจากพ่อ แล้วพูดขึ้นบ้าง “ลุงนิตจะพาแพรวไปเลี้ยงฉลองล่ะค่ะ แพรวจะได้เป็นรุ่นน้องลุงนิตแล้ว”
   “อื้อหือ หนีไปเป็นรุ่นน้องลุงนิตซะแล้ว ไม่ยอมเป็นรุ่นน้องพ่อกับแม่นะเนี่ย” ศุภชัยพูด ได้ยินเสียงน้องสาวผมพูดเสริมต่อ “ไม่รู้ว่าเรียนจบมาแล้วจะเป็นนักเขียนแบบพี่นิตรึเปล่านะคะ”
   “เป็นนักเขียนไส้แห้งนะ ดูลุงสิ ผอมเอาๆ จนจะเป็นกุ้งแห้งอยู่แล้ว” ผมว่า พลางทำหน้าขึงขัง ชี้ให้หลานดูหุ่นตัวเอง หลานสาวผมหัวเราะ แล้วพูดขึ้นบ้าง “อย่างลุงนิตเรียกว่าหุ่นดีนะคะ ดูพ่อหนูสิ หุ่นอาเสี่ยแล้ว พ่อคะ เดี๋ยวนี้เขารณรงค์ลดอ้วนแล้วนะคะ”
   ศุภชัยที่โดนพาดพิงกะพริบตาปริบๆ แล้วพูดแก้เก้อ “ลุงเขาผอมไปต่างหาก วัยพ่อต้องหุ่นแบบนี้แหละ” พูดพลางตบพุงน้อยๆ แข่งกับผม น้องสาวผมเลยพูดขึ้นบ้าง “หุ่นยังไง ขอให้ไม่มีโรคก็พอแล้วล่ะค่ะ คุณเองก็ระวังๆ ไว้หน่อยดีกว่า ลูกพูดเพราะเป็นห่วงนะคะ”
   “จ้าๆ” ศุภชัยว่า แล้วหันมาหาผม “พี่นิตบอกว่าไส้แห้ง แล้วแบบนี้จะเลี้ยงฉลองหลานไหวหรือครับเนี่ย”
   ผมทำหน้าขึงขังตอบเขา “ไส้แห้งไม่ใช่ว่ากระเป๋าแห้งสักหน่อย หลานคนเดียว ทำไมพี่จะเลี้ยงไม่ได้ แต่เลี้ยงพ่อหลานนี่สิ พี่ชักไม่ค่อยจะแน่ใจว่าจะเลี้ยงไหวหรือเปล่า”
   ศุภชัยทำคิ้วย่น ส่วนน้องสาวกับหลานผมหัวเราะออกมา เราเดินกันไปคุยกันไปจนถึงรถ
   
   ที่ร้านอาหาร ผมฟังพรรณแพรวเล่าเรื่องการเตรียมตัวสอบ แล้วก็ตอบคำถามเรื่องการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย ซึ่งข้อนี้ผมก็ตอบไปกันตัวเองไป เพราะประสบการณ์ของผมมันก็ตั้งยี่สิบกว่าปีมาแล้ว สมัยนี้มันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปเยอะแล้วก็ได้
   คุยกันไปได้สักพัก พรรณแพรวก็พูดถึงเรื่องหนังสือของผม
   “ลุงนิตคะ เพื่อนแพรวฝากมาขอลายเซ็นลุงด้วยล่ะค่ะ” เธอพูด แล้วหยิบหนังสือรวมเล่มเรื่องล่าสุดของผมขึ้นมา “ของบิ๋มเพื่อนแพรวเองนะ นี่ฝีมือแพรวแนะนำนะคะเนี่ย บิ๋มฝากมาบอกลุงด้วยล่ะค่ะ ว่าลุงน่าจะลองเขียนนิยายรักดูบ้าง เพราะภาษาลุงสวยดี จะได้แข่งกับนิยายวัยรุ่นสมัยนี้น่ะค่ะ”
   ผมรับหนังสือมา แล้วหัวเราะ “อืม ลุงไม่ถนัดเขียนนิยายรักหรอก แต่ดีใจนะที่คนรุ่นแพรวอ่านงานของลุงด้วย”
   หลานผมทำตาโต “โห... มีคนสนใจงานลุงเยอะออกนะคะ แต่ลุงไม่ค่อยรวมเล่มนี่สิ จะซื้อแมกกาซีนมาอ่านเป็นตอนๆ ก็ไม่ไหวอ่ะค่ะ พวกหนูยังไม่มีลูกนี่คะ” พรรณแพรวพูดแล้วหยุดไปหน่อยหนึ่ง “ลุงบอกที่สำนักพิมพ์ไม่ได้หรือคะ ว่าช่วยทำเป็นรวมเล่มด้วย จะได้ขายลูกค้ากลุ่มอื่นได้ด้วยไงคะ”
   ผมยิ้มให้หลานอย่างเอ็นดู “ไว้เดี๋ยวจะบอกน้องที่สำนักพิมพ์ให้แล้วกันนะ แต่ลุงไม่รับประกันหรอกนะว่าเขาจะทำรวมเล่ม เขาขายแค่หนังสือที่มีอยู่ก็กำไรเยอะแล้วน่ะ”
   พรรณแพรวทำหน้ายู่ “งั้นลุงก็รวมเล่มเองเลยสิคะ หนูเห็นเดี๋ยวนี้มีโรงพิมพ์ที่พิมพ์ตามจำนวนเยอะหรอกค่ะ”
   ผมได้แต่หัวเราะ เซ็นหนังสือแล้วส่งให้หลานสาว เจ้าตัวคงไม่รู้หรอก ว่าการออกรวมเล่มมันยากเย็นขนาดไหน นอกจากจะต้องเขียนให้จบแล้ว ยอดขายก็เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าสำนักพิมพ์ดูแล้วว่าไม่คุ้ม เขาก็ไม่ทำออกมาเป็นรวมเล่มหรอก ยิ่งโดยเฉพาะนิยายที่แทรกอยู่ในนิตยาสารรายปักษ์สำหรับครอบครัวแบบนี้ ผมคิดว่าที่ผมมีรวมเล่มออกมาได้ตั้งหลายเรื่องนี่ถือเป็นเรื่องโชคดีมากแล้วล่ะ เพราะปกติไม่ค่อยมีใครเขาตามซื้อรวมเล่มนิยายที่ลงแบบนี้หรอก
   เราคุยกันอยู่จนถึงราวๆ สามทุ่ม ถึงจะได้กลับออกมาจากร้านอาหาร ครอบครัวน้องสาวผมขับรถมาส่งถึงบ้าน แต่พอใกล้ๆ จะถึง ผมก็เห็นรถเก๋งโตโยต้าสีขาวคันหนึ่งจอดอยู่
---------------------------------------------
   “คุณพนิต!” ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาที่แม้จะมีแค่ไฟสลัวๆ ของแสงไฟตรงเสาไฟฟ้าสาธารณะ และไฟจากรถส่อง ก็พอจะมองรู้ว่าดีไม่หยอก เอ่ยเรียกชื่อทันทีที่เห็นผมลงจากรถ ผมมองหน้าเขา แล้วเอ่ยทักอย่างแปลกใจ “คุณสุภาพงษ์ มีธุระอะไรหรือครับ?”
   สุภาพงษ์ทำหน้าอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนไม่รู้จะพูดอะไร หลานสาวผมที่เดินออกมาด้วยก็เลยกระซิบถาม “ใครน่ะคะ ลุงนิต”
   “บก.นิตยาสารที่ลุงเขียนเรื่องให้อยู่น่ะ” ผมตอบหลานสาวไป พรรณแพรวทำตาโต “ดูเด็กจังค่ะ” เธอพูด แล้วหันไปยกมือไหว้เขา ผมเลยจำต้องแนะนำให้สุภาพงษ์รู้จักด้วย
   “นี่หลานผม ชื่อแพรว ส่วนนั่นน้องสาวกับน้องเขยผม” ผมหันไปทางน้องสาวที่เพิ่งเปิดประตูรถออกมา และน้องเขยที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย ก่อนจะพูดต่อ “นี่คุณสุภาพงษ์ บก.พี่ตอนนี้”
   น้องสาวผมพยักหน้า ในขณะที่สุภาพงษ์ยกมือขึ้นไหว้ “สวัสดีครับ ขอโทษนะครับที่มารบกวน”
   “อืม..” ผมครางในคอ “มีเรื่องอะไรล่ะ?”
   “ครับ..” สุภาพงษ์พูด แต่ก็ไม่มีอะไรอีก ได้แต่ยืนอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่แบบนั้น น้องสาวผมเห็นท่าทางว่าอาจจะเป็นธุระสำคัญ เลยขอตัวกลับก่อน พอรถฮอนด้าสีเทาแล่นออกไปแล้ว ก็เหลือผม เขา และรถโตโยต้าสีขาวคันนั้น ผมเห็นว่าดึกแล้ว จะคุยกันนอกบ้านก็กะไร เลยชวนเขาเข้าไปในบ้าน
   “มีเรื่องอะไรก็ไปคุยกันข้างในแล้วกัน” ผมพูด แล้วเปิดประตูบ้าน พลางคิดว่าสุภาพงษ์มีธุระอะไรกันนะ เขาเดินตามหลังผมมาเงียบๆ พอเข้ามาในตัวบ้าน เปิดไฟเปิดอะไรแล้ว ผมก็หันมาพูดกับเขา “มีธุระอะไรล่ะ?”
   สุภาพงษ์มองหน้าผม เม้มปากหน่อยๆ ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าหน้าตาเขาดูเปลี้ยๆ พิกล เลยรีบถามต่อ “ไม่สบายหรือ?”
   “เปล่าครับ” เขาตอบออกมาในที่สุด “ผมมาหาคุณตั้งแต่ตอนเย็น ไม่เห็นอยู่บ้าน โทรเข้าโทรศัพท์มือถือก็ปิด ผมก็เลย....”
   “หืม?” ผมมองหน้าเขาทันที “คุณมาหาผมตั้งแต่ตอนเย็น?” ผมว่า แล้วหันไปมองนาฬิกา “อย่าบอกนะว่า.. รออยู่จนถึงป่านนี้น่ะ?!”
   “ครับ” สุภาพงษ์ตอบออกมา แล้วพูดต่อ “ผมมาชาร์ตแบ็ตเตอรี่โทรศัพท์ให้คุณน่ะครับ”
   ผมเกือบร้องออกมา ลืมไปเลยว่าเมื่อสักสามสี่วันก่อน เขาบังคับซื้อโทรศัพท์มือถือให้ผมเครื่องหนึ่ง ด้วยความกลัวว่ามันจะส่งเสียงร้องน่ารำคาญ ผมเลยเอาไปวางไว้ให้ห่างจากโต๊ะพิมพ์ดีด ไม่นึกว่าเขาจะตามมาชาร์ตแบ็ตฯโทรศัพท์ให้อย่างที่พูดเอาไว้วันนั้น ผมคิดว่าเขาพูดเล่นเสียอีก
   ขณะที่ผมกำลังนึกว่าจะพูดกับเขายังไงดี สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นอีก “โทรศัพท์ล่ะครับ?”
   ผมอึ้งไปพักหนึ่ง ความทรงจำสุดท้ายของผมเกี่ยวกับเจ้าเครื่องมือรบกวนความเป็นส่วนตัวนั่นคือ วางมันเอาไว้ให้ไกลจากหูที่สุด ปัญหาคือ ผมเองก็จำไม่ได้แล้วว่าวางมันเอาไว้ตรงไหน…..
   พอเห็นผมเงียบ สุภาพงษ์ก็หน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด อืม... ปกติเขาหน้านิ่งนะ เวลาหน้าเจื่อน คิ้วเขาจะตกลงหน่อยๆ ปากเม้มนิดๆ ตาก็เรื้อๆ ขึ้นมา
   “ทิ้งไปแล้วหรือครับ” เขาพูด แล้วช้อนตาขึ้นมองผม แย่ล่ะสิ ผมเผลอมองหน้าเขาตาค้างอีกแล้ว พอเห็นว่าเขามองขึ้นมา ผมเลยต้องรีบตีหน้าจริงจังทันที “เปล่า พอดีผมเห็นว่ามันราคาแพงอยู่ ก็เลยเอาไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยแล้ว”
   “!” สุภาพงษ์เงยหน้าขึ้นมองผม ด้วยสีหน้างุนงงอย่างเห็นได้ชัด “ที่ปลอดภัย?”
   ไม่บ่อยนักหรอกที่สุภาพงษ์จะทวนคำพูดผมทันควันแบบนี้ แล้วก็ดันทวนคำพูดที่ผมพูดออกไปแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอดเสียด้วยสิ
   ผมอับจนคำพูดไปชั่วขณะ ตอนนั้นเองที่สุภาพงษ์พูดขึ้นต่อ “เอ่อ.... โทรศัพท์พกไว้กับตัวก็ได้ครับคุณพนิต ไม่ต้องเก็บรักษาขนาดนั้นหรอก”
   ข้อนั้นผมรู้ล่ะ แต่ครั้นจะหันมาบอกเขา มันก็จะกลายเป็นการกลืนน้ำลายตัวเองที่พูดออกไปตะกี้อีก ให้ตายสิ ทำไมผมไม่คิดข้อแก้ตัวอะไรที่มันฟังดูเข้าท่ากว่านี้หน่อยนะ
   ผมปั้นหน้าขรึม กลั้นใจพูดต่อ “พกของแพงไว้กับตัวแบบนั้น อันตรายจะตาย ผมเก็บไว้น่ะดีแล้วล่ะ”
   สุภาพงษ์มองหน้าผม ทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็พูดไม่ออก เราอึ้งกันไปอีกสักพัก ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ “เก็บไว้ตรงไหนน่ะครับ?”
   ผมมองหน้าเขา นึกสงสัยว่าทำไมเขาไม่ยอมแพ้เสียที ผมบอกว่าเก็บดีแล้วก็ควรจะกลับบ้านไปได้แล้วสิ ไม่ใช่มาทู่ซี้ถามผมอยู่แบบนี้ นี่ผมอุตส่าห์ตอบเพื่อรักษาน้ำใจเขานะ ไม่บอกว่าลืมไปแล้วก็ดีแค่ไหน เขาควรจะหยุดถามได้แล้วล่ะ
   “ผมเก็บไว้ดีที่สุดแล้วล่ะ” ผมตัดสินใจตอบเขา และรู้สึกว่าทำตัวงี่เง่าสิ้นดี สุภาพงษ์มองผม จากนั้นก็พูดขึ้นต่อ “แต่ผมอยากให้คุณพกเอาไว้นะครับ... ช่วยกรุณาพกไว้ด้วยเถอะครับ”
   “อืม” ผมส่งเสียงในคอ ภาวนาให้เขากลับบ้านไปเสียที เดี๋ยวผมจะได้มีเวลาหาไอ้เจ้าเครื่องรบกวนความเป็นส่วนตัวนั่น เขาจะได้เลิกห่วง แต่สุภาพงษ์พูดแล้วยังยืนนิ่ง ผมเลยต้องพูดต่อ “กลับบ้านเถอะ เดี๋ยวผมจะพกเอาไว้กับตัวแล้วกัน”
   สุภาพงษ์มองหน้าผม เออ เขาหล่อ ผมรู้แล้วเขาหล่อ แต่ช่วยหยุดมองหน้าผมแล้วกลับบ้านไปเสียทีเถอะ จะมองหน้าผมทำไมบ่อยๆ นะ
   เขามองอยู่สักพักก็พูดออกมา “คุณพนิตทิ้งไปแล้วใช่ไหมครับ?” พูดจบก็เม้มริมฝีปาก จากนั้นก็หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง “ผมขอโทษที่รบกวนนะครับ”
   ไม่รู้ทำไม พอเห็นเขาทำท่าแบบนั้น หัวใจผมก็หล่นวาบทันที หลุดปากพูดออกไป “เดี๋ยวก่อน”
   สุภาพงษ์หันกลับมามองหน้าผม มองด้วยหน้าหล่อๆ ของเขานั่นแหละ แล้วก็ไม่พูดอะไรด้วยนะ เดือดร้อนผมต้องพูดต่อ “ผมไม่ได้ทิ้งโทรศัพท์คุณหรอก แค่จำไม่ได้ว่าวางเอาไว้ตรงไหนเฉยๆ”
   ท้ายที่สุดผมก็ต้องยอมรับออกไปตรงๆ คิดอยู่นะว่าเขาต้องทำหน้าเสียใจแน่ๆ ที่ผมลืมแบบนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าเขายิ้มออกมา สุภาพงษ์ยิ้มล่ะ พอผมพูดจบปุ๊บ เขาก็ยิ้มออกมาเลย
“งั้น... มาช่วยกันหาเถอะครับ” เขาพูด แล้วเดินเข้ามาหาผม “คราวที่แล้วตอนซื้อมา ผมเห็นคุณวางเอาไว้ใกล้ๆ โต๊ะรับแขก เดี๋ยวไปลองหาให้นะครับ”
“อืม” ผมจำใจต้องพยักหน้ารับออกไป เขามองหน้าผม ยิ้มบางๆ บนหน้า หล่อจริงๆ ให้ตายสิ
ไม่รู้ว่าเผลอมองหน้าเขาอยู่นานเท่าไหร่ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เขาหันกลับ แล้วเดินไปตรงโต๊ะรับแขกนั่นแหละ
“เดี๋ยวผมจะดูในตู้ให้แล้วกัน” ผมพูดออกไปอย่างคนที่ไม่รู้ว่าจะแก้เกี้ยวอย่างไรดี เขาหันมามองผม แล้วยิ้มอีก “ครับ”
สุภาพงษ์ตัวสูงมาก สูงสักร้อยแปดสิบร้อยเก้าสิบเห็นจะได้ แต่ด้วยหุ่นของเขา พอมองรวมๆ กันแล้วก็กำลังพอดี ไม่ดูสูงโย่ง ตอนเขาก้มลงหาโทรศัพท์บนโต๊ะรับแขก ทั้งไหล่ทั้งสะโพกของเขาก็สมส่วนกำลังดี ผมมองเพลินๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นมา “ไม่มีนะครับ คุณพนิต”
“อ้อ.. เอ้อ” ผมนึกด่าตัวเองที่เผลอมองเขาจนไม่เป็นอันทำอะไรอีกแล้ว รีบส่งเสียงงึมงำออกไป พอเห็นเขายังมองนิ่ง ก็ต้องพูดขึ้นต่อ “อาจจะอยู่ในตู้ก็ได้มั้ง”
พูดจบผมก็รีบหันหน้าหนีเขาไปอีกทาง โชคดีมีตู้ติดผนังที่เอาไว้ใส่ของอยู่พอดี ผมเลยพอจะหาอะไรเนียนกลบพฤติกรรมน่าอายของตัวเองได้ ผมลากเก้าอี้ไม้ตรงโต๊ะพิมพ์ดีดมา แล้วต่อเพื่อปีนไปดูตรงตู้พวกนั้น อันที่จริงก็ไม่นึกว่าตัวเองจะอุตริเอาโทรศัพท์มือถือมาไว้อะไรบนนี้หรอก แต่ก็นะ ผมพูดไปแล้วว่าตู้ ก็ต้องทำให้มันสมจริงสมจังหน่อยล่ะ ได้ยินเสียงสุภาพงษ์พูดออกมา “ระวังนะครับ”
ผมส่งเสียงในคอตามเรื่อง แล้วปีนเก้าอี้ขึ้นไปดูในตู้ อืม... โทรศัพท์น่ะไม่มีหรอก แต่มีหนังสือเก็บเอาไว้เพียบเลย กองนั้นตั้งแต่สมัยผมเขียนเมื่อสักสิบกว่าปีที่แล้วล่ะมั้ง อีกกองก็เก่ากว่านั้นอีก มองไปมองมาก็เห็นหนังสือปกหนาเล่มสีเขียวที่ไม่ได้เขียนสันเอาไว้เล่มหนึ่ง นึกขึ้นมาได้ว่ารู้สึกจะเป็นนิยายแปลที่ชอบมากเล่มหนึ่ง ถึงขั้นลงทุนเอาไปทำปกแข็งเก็บเอาไว้ นานแล้วที่ไม่ได้หยิบมาอ่าน
พอนึกได้อย่างนั้นผมก็เลยเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมา เผอิญมันซ้อนอยู่เกือบจะใต้สุด จะเอาออกมาก็ต้องออกแรงดึงพอสมควร ผมเอื้อมๆ ดึงๆ อยู่พักก็เอามันออกมาได้สำเร็จ แต่ตอนที่จะหยิบออกมา ก็ดันหลุดมือ ผมเลยเอื้อมไปคว้าหนังสือเอาไว้ ทันใดนั้นเองเก้าอี้ที่ผมยืนอยู่ก็เกิดเสียหลัก เอียงวูบลงทันที
“คุณพนิต!”
ผมได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเรียกชื่อผม ขณะที่ผมเอื้อมมือคว้าหนังสือที่กำลังจะหล่นเอาไว้กลางอากาศ พลางคิดว่าคราวนี้ถ้าไม่ขาหักก็คงเจ็บหนัก ผมไม่ทันจะอ้าปากร้องด้วยซ้ำตอนที่หล่นลงมาบนพื้น แต่ขาหมดไม่หักล่ะ ร่างกายผมไม่มีอะไรบุบสลายเลย เพราะสุภาพงษ์รับผมเอาไว้ทันพอดี
“คุณพนิต!!”
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก4(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P3:30/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 11-10-2011 19:59:12
ผมใจเต้นตึกๆ กอดหนังสือเล่มนั้นเอาไว้แน่น ยังตกใจไม่หาย ผมเห็นอกเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนของสุภาพงษ์ รู้สึกถึงลำแขนของเขาที่รับผมเอาไว้ รู้สึกด้วยว่าเขาเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ดูจากอาการหายใจหอบของเขานะ
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” เขาขยับตัวออกหน่อย แล้วก้มหน้าลงมาถามผม ผมสั่นศีรษะ ตกใจจนพูดไม่ออก สุภาพงษ์มองแล้วดึงตัวผมเข้าไปกอดอีก “โชคดีจัง”
ผมเองก็นึกเห็นด้วยกับเขาหรอกว่าโชคดีจริงๆ เพราะถ้าเขารับผมไม่ทัน ผมคงต้องเจ็บหนักแน่ๆ แต่ว่า... ถูกเขากอดแบบนี้ มันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือกัน เหมือนว่าเขาจะแนบหน้าเข้ากับศีรษะผมด้วยล่ะ
“ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะ” ผมว่า แล้วก็ถือโอกาสผลักเขาออกเนียนๆ สุภาพงษ์มองหน้าผมอึ้งๆ แต่ก็ยอมถอยออกไปโดยดี ผมมองเขา จากนั้นจึงค่อยนึกถึงหนังสือในมือขึ้นมาได้ จึงก้มลงดู โชคดีจริงๆ ที่ไม่มีอะไรบุบสลาย หนังสือเก่าสักสามสิบปีได้แล้วมั้งเนี่ย
“คุณพนิตครับ...”
ผมสะดุ้งเฮือก จากนั้นก็รีบปิดหนังสือ เงยขึ้นไปก็เห็นสุภาพงษ์กำลังมองลงมาอยู่ เอาล่ะ ถึงเขาจะหน้านิ่งขนาดไหน แต่ตอนนี้ผมว่าเขากำลังไม่พอใจหรือไม่ก็งงอยู่พอสมควรเลยล่ะ มันก็น่าอยู่ เขากำลังพยายามหาโทรศัพท์ ผมที่ทำเนียนปีนขึ้นไปหาบนตู้ หล่นลงมาให้เขาช่วยอุ้มเอาไว้ก็แล้ว ยังจะมายืนอ่านหนังสืออีก
“นิยายเก่าสมัยผมเด็กๆ น่ะ” ผมว่า แล้วเดินเอาหนังสือไปวางตรงโต๊ะพิมพ์ดีด จากนั้นก็หันมามองหน้าเขา “ในตู้ก็ไม่มีนะ”
“ครับ” สุภาพงษ์รับคำผมเรียบๆ จากนั้นก็พูดขึ้นต่อ “ถ้าจะหาที่สูงๆ บอกผมนะครับ เดี๋ยวผมปีนให้”
“อืมๆ” ผมส่งเสียงในคอ จากนั้นเราก็สาละวนช่วยกันหาโทรศัพท์มือถือกันอีกพักใหญ่ ผมนึกสงสัยตัวเองว่าทำไมจะต้องมาตามหาไอ้เครื่องมือรบกวนความเป็นส่วนตัวตอนดึกๆ แบบนี้ด้วย ครั้นจะไปหาใกล้ๆ สุภาพงษ์ ก็กลัวว่าจะเผลอมองหน้าเขาอีก เกิดโดนเขาจับได้ขึ้นมาสักวัน คงไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปซุกไว้ไหน นึกแล้วผมนี่เหมือนตาแก่โรคจิตเข้าไปทุกที แอบมองเขาอยู่ได้... ไม่รู้สิ ผมชอบมองของผมเฉยๆ ผมไม่อยากได้อย่างอื่นจากเขาเลย... จริงๆ นะ
ก็แค่ชอบมองหน้าเขาตอนที่เขาไม่รู้ตัวเฉยๆ น่ะ
“คุณพนิตครับ พอนึกออกไหมครับ ว่าเอาโทรศัพท์ไปตรงไหนบ้าง” สุภาพงษ์ถามออกมา หลังจากหากันไปพักใหญ่แล้ว ผมยกมือขึ้นปาดเหงื่อ พลางสั่นศีรษะ “ไม่รู้สิ ผมนึกไม่ออกเลย”
สุภาพงษ์มองหน้าผม จากนั้นก็จับมือผมเอาไว้ บีบเบาๆ “ไปนั่งแล้วค่อยๆ นึกกันเถอะครับ”
ผมเงยหน้ามองเขา อยากจะพูดอยู่หรอก เรื่องจับมือโดยไม่ขออนุญาตน่ะ แต่... พอเงยหน้าขึ้นไปแล้ว เจอเขากำลังมองอยู่ ด้วยสีหน้าจริงจังขนาดนั้น สมองผมก็เกิดตื้อขึ้นมากะทันหัน ปากก็ขยับไปออกชั่วคราว สุดท้ายก็ถูกเขาจูงมือไปนั่งตรงเก้าอี้ยาวจนได้ ผมเลยจำต้องทำเป็นนั่งนึกว่าวางโทรศัพท์เอาไว้ตรงไหน ทั้งๆ ที่ใจยังเต้นตึกๆ อยู่เลย ก็เขาดันจับมือผมเอาไว้ไม่ปล่อยนี่สิ...
   “พอนึกออกไหมครับ?” สุภาพงษ์ถามหลังจากเห็นผมนั่งเงียบ ผมล่ะอยากจะหันไปบอกเขาจริงว่า เอามือออกไปจากมือผมเสียที ผมจะได้นึกอะไรออกบ้าง แต่พอหันไปเห็นหน้าเขา สมองผมก็หยุดทำงานเพราะหน้าหล่อๆ ของเขาอีกแล้ว
   บ้าจริงเชียว!
   “คุณพนิต...” สุภาพงษ์เรียกชื่อผมอีก แล้วก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ โอ๊ย ตายแล้ว ใกล้เกินไปแล้วนะผมว่า แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ หน้าตาเขาดีก็จริง ผมชอบมองก็จริง แต่แบบนี้.......
   “โทรศัพท์หาดูมั้ย!?” ผมโพล่งออกมา เพราะคิดขึ้นได้ว่า ไอ้เจ้าเครื่องมือรบกวนความเป็นส่วนตัวนี่มันโทรเข้าแล้วจะส่งเสียงนี่นา ถ้าได้ยินเสียง ก็คงพอจะหาเจอล่ะมั้ง หน้าของสุภาพงษ์ขยับถอยออกไปหน่อยหนึ่ง ได้ยินเสียงเขาพูดตอบ “แต่ผมลองโทรแล้ว เหมือนว่าแบ็ตมันจะหมดนะครับ”
   “ไม่เป็นไร ลองโทรดู โทรศัพท์ผมก็ได้” ผมพูดเร็วปรื๋อ แล้วรีบฉวยจังหวะนั้น เดินดุ่มๆ ไปที่โทรศัพท์บ้านที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กใกล้กับประตูครัวทันที
   ผมยังรู้สึกชื้นตรงมือที่เขาจับอยู่เลย ตอนที่เดินออกมา
   “สุภาพงษ์” ผมเรียกชื่อเขา ทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะวางโทรศัพท์ ได้ยินเสียงสุภาพงษ์พูดตอบ “อะไรหรือครับ?”
   ผมหันไปหาเขา แล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ชูโทรศัพท์มือถือในมือให้เขาดู “ผมเจอแล้วล่ะ วางอยู่ตรงโทรศัพท์นี่เอง”
   สุภาพงษ์เดินเข้ามาหาผม แล้วยิ้มบางๆ บนหน้า เล่นเอาหัวใจผมเต้นตึกๆ ผมเลยต้องรีบพูดออกไปอีก “สงสัยผมจะคิดว่า วางไว้ใกล้กันจะได้รับง่ายๆ ล่ะมั้ง”
   “อืม.. ดีแล้วล่ะครับที่เจอ” สุภาพงษ์ว่า จากนั้นก็ยื่นมือมารับโทรศัพท์... พร้อมกับมือผม เออ ผมว่าคราวนี้ชัดเลย เขาชอบเนียนจับมือผมจริงๆ ด้วย แต่... ผมดันนึกไม่ออกว่าจะต่อว่าเขาเรื่องนี้ยังไงนี่สิ...
   “จริงสิ ต้องชาร์ตแบ็ตใช่มั้ย?” ผมรีบพูดออกมา เพราะกลัวจะพูดอะไรไม่ออก แล้วถูกเขาทำอะไรมากกว่าจับมือ สุภาพงษ์มองหน้าผม แล้วพยักหน้า ผมเลยรีบดึงมือออก แล้วหันหลังกลับไป หยิบกล่องใส่โทรศัพท์ซึ่งวางอยู่ตรงชั้นใต้โต๊ะเล็ก หยิบสายชาร์ตแบ็ตเตอรี่ออกมา แล้วรีบยัดใส่มือเขา แต่เขาก็ยังไม่วาย... จับมือผมเอาไว้อีกตั้งพักหนึ่งแน่ะ
   “สุภาพงษ์ แบ็ตมันหมดอยู่นะ” ผมพูดออกมาในที่สุด เพราะเขาเล่นยืนจับมือผมนิ่งๆ ไม่ยอมปล่อยสักที สุภาพงษ์มองหน้าผม แล้วก็ยอมปล่อยมือในที่สุด ผมล่ะแทบจะถอนหายใจออกมาเลย ถ้าไม่เกรงใจเขานะ
   พอสุภาพงษ์เดินไปเสียบสายชาร์ตโทรศัพท์ ผมก็เลยนั่งปุลงบนเก้าอี้ ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ พอเงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาก็เกือบอุทานออกมาด้วยความตกใจ
   ตายล่ะ นี่ใกล้จะเที่ยงคืนแล้วหรือเนี่ย ไม่รู้เลยว่าใช้เวลาหาโทรศัพท์ไปนานขนาดนี้ มิน่าล่ะ เริ่มรู้สึกง่วงๆ ขึ้นมาแล้ว
   ผมหันไปมองสุภาพงษ์ที่เพิ่งเสียบสายชาร์ตแบ็ตเตอรี่โทรศัพท์เสร็จ แล้วหลุดปากพูดออกไป “คุณสุภาพงษ์ ดึกแล้ว ถ้าไม่ลำบาก จะค้างที่นี่ก็ได้นะ”
   สุภาพงษ์หันมามองหน้าผม ผมเห็นเขาเม้มปากจนเป็นเส้นบาง ถ้าไม่คิดไปเองนะ ผมว่าเขากลั้นยิ้มอยู่นะ ไม่รู้ทำไม พอนึกแบบนั้นแล้วผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาเลยล่ะ
   นี่ผมพลาดไปแล้วรึเปล่านะ
   “ขอบคุณนะครับ” สุภาพงษ์พูดเรียบๆ จากนั้นเราก็สองคนก็เงียบกันไปพักหนึ่ง ไหนๆ ผมเองก็หลุดปากชวนเขาไปแล้ว คงต้องทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีเสียหน่อย
   เอาน่า... ก็แค่ให้เขานอนค้าง เพราะมันดึกมากเท่านั้นแหละ
   “ขึ้นไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน เดี๋ยวผมหยิบผ้าเช็ดตัวให้” ผมว่า เพราะชั้นหนึ่งผมมีแต่ห้องส้วม ห้องอาบน้ำแยกไปด้านบนต่างหาก อาบแล้วน้ำก็จะไหลลงท่อ ไปตามราง ลงไปตามร่องน้ำที่ผมขุดเอาไว้ ผมจะได้รดน้ำต้นไม้ได้ทุกวันโดยไม่ต้องแบกน้ำหนักๆ ไงล่ะ
   สุภาพงษ์พยักหน้า เขารอจนผมปิดประตูบ้านเสร็จ แล้วเดินตามผมขึ้นไปชั้นบน ผมหยิบผ้าเช็ดตัวให้เขาผืนหนึ่ง
   “คุณพนิตอาบก่อนก็ได้ครับ” เขาว่า ตอนที่ยื่นมือมารับผ้าเช็ดตัว ดีนะคราวนี้เขาไม่ฉวยโอกาสจับมือผมอีก ผมเลยพอจะพูดตอบเขาแบบคนปกติธรรมดาได้ “ไม่เป็นไร อาบก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจะได้เตรียมเสื้อเตรียมที่นอนไว้ให้”
   “ขอบคุณนะครับ” เขาพูด แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป ผมมองตามหลังเขา จากนั้นก็หันไปมองหาเสื้อผ้าและเครื่องนอนในตู้
   ที่จริงชั้นบนมีห้องว่างอีกห้อง มีเตียงนอนอยู่ ผมเอาไว้เผื่อว่าจะมีใครมาค้างที่บ้าน แต่หลังๆ นี้ไม่ค่อยมีใครมา หนังสือที่ผมซื้อก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นที่เก็บหนังสือไปแล้ว นี่ถ้ารู้ล่วงหน้า ผมก็พอจะทำความสะอาดห้องไว้ให้เขาทันหรอก แต่ดึกขนาดนี้แล้ว จะทำความสะอาดแบบลวกๆ ให้เขาเข้าไปนอนก็กระไร
   ผมหันมองเตียงตัวเอง อืม... มันก็กว้างอยู่นะ แต่.... ให้เขานอนด้วยคงไม่เหมาะ จะให้ไปนอนเก้าอี้ยาวด้านล่างก็น่าเกลียด มีที่ว่างๆ อยู่ข้างเตียงผม หรือว่าจะให้เขาปูผ้านอนตรงนี้ดีนะ... แต่ก็คงไม่เหมาะอีกล่ะมั้ง ผมชวนเขาค้าง จะให้เขานอนที่พื้นได้ไง
   สุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจไปเปิดห้องอีกห้องที่มีเตียง พยายามจะหยิบกองหนังสือที่กองสุมกันอยู่ไปวางรวมๆ กันไว้ไม่ให้เกะกะ หยิบไม้กวาดมากวาดฝุ่นไปจามไป เพราะไม่ได้เปิดใช้มานานมากแล้ว ระหว่างที่มัวแต่จาม เสียงเรียกก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง
   “คุณพนิต”
   ผมหันไปมอง แล้วก็เกือบจะลืมกะพริบตา สุภาพงษ์ยืนอยู่ตรงประตู ท่อนล่างนุ่งผ้าเช็ดตัว ท่อนบนเขาเอาเสื้อตัวเดิมมาคลุมเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ติดกระดุมหรืออะไร ผมเลยได้เห็นทั้งหน้าอกแน่นๆ ของเขา หน้าท้องตึงเปรี๊ยะ โอย... หุ่นเขาดีจริงๆ นะเนี่ย แต่ไม่ต้องเอามาโชว์ให้ผมเห็นก็ได้
   เดี๋ยวก็ความดันขึ้นตายกันพอดี
   “เอ่อ... มีกางเกงตัวใหญ่ๆ ไหมครับ?” สุภาพงษ์ถามออกมาด้วยสีหน้าแปลกๆ สงสัยว่าจะเห็นผมยืนอึ้งๆ อยู่ ผมจามอีกฟืด ถึงพอจะรู้สึกตัวขึ้นมาได้
   “อ้อ... อืม เดี๋ยวผมไปหาให้แล้วกัน” ผมว่า แล้วรีบวางไม้กวาด เดินออกจากห้องไปทันที เพราะกลัวว่าจะทำหน้าตาน่าเกลียดให้เขาได้เห็น แต่ตอนเดินผ่าน สายตาผมก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองร่างเปลือยของเขา
   ทั้งขาวทั้งหุ่นดีจริงๆ นะเนี่ย....
   “คุณพนิต...”
   ผมสะดุ้งเฮือก ได้สติขึ้นมาทันที เลยทำเป็นกระแอมขึ้นมา แล้วตีหน้าขรึม พูดตอบเขาไป “ผมกำลังคิดว่า จะมีกางเกงตัวใหญ่พอจะให้คุณใส่ได้รึเปล่า”
   สุภาพงษ์มีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที “เอ่อ... งั้นผมใส่กางเกงตัวเดิมก็ได้ครับ”
   ผมรีบสั่นศีรษะ “น่าจะมีแหละ เดี๋ยวผมหาให้ก่อนแล้วกัน”
   จากนั้นผมก็เดินกลับมาที่ห้อง ค้นตู้เสื้อผ้าอย่างจริงๆ จังๆ ในที่สุดก็ได้กางเกงแพรสีเขียวเข้มที่เพื่อนคนหนึ่งลืมทิ้งเอาไว้ คาดว่าเขาน่าจะพอใส่ได้ล่ะ ผมหยิบเสื้อยืดตัวใหญ่ที่สุดในตู้ให้เขาอีกตัว แล้วเตรียมจะไปกวาดพื้นอีกห้องต่อ แต่สุภาพงษ์เรียกผมเอาไว้
   “คุณพนิต ผมนอนที่พื้นก็ได้ครับ คุณจะได้ไม่ต้องลำบากไปเก็บห้อง”
   “อ้อ.... อืม” ผมส่งเสียงในคอ พยายามสูดหายใจอย่างเนียนๆ เพื่อไม่ให้น้ำมูกใสๆ ที่เกิดจากอาการจามไหลออกมาให้เขาเห็น รอจนเขาเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง ผมถึงได้ไปหยิบทิชชู่ตรงหัวเตียงมาสั่งออกทีหนึ่ง
   เขาอาสาจะนอนพื้นเองก็ดี เพราะผมก็เหนื่อยจะจามแล้วเหมือนกัน
   สุภาพงษ์เดินออกมาจากห้องน้ำ ในตอนที่ผมกำลังรื้อเอาผ้านวมออกมาจากตู้ เขารีบตรงมาช่วยรับผ้านวมจากผม แต่พอผมหันไปมองเขานะ แทบจะหยุดหายใจเลยล่ะ
   ผมจำได้ว่าเอาเสื้อให้เขาแล้ว แต่ไหงเขาออกมาไม่ใส่เสื้อล่ะ?!
   “คุณพนิต?!” สุภาพงษ์เรียกชื่อผม ด้วยน้ำเสียงที่แสดงให้เห็นได้ชัดว่าแปลกใจ เออ ผมคงทำหน้าแปลกๆ ให้เขาเห็นเข้าจนได้ แต่เขาไม่ใส่เสื้อ โชว์ทั้งหัวไหล่ แผงอก หน้าท้อง ให้ผมเห็นเต็มๆ ตา แบบนี้ผมไม่ทำหน้าแปลกเลยก็ยากแล้วล่ะ ผมเงยหน้ามองเขา แล้วถามออกไป “ทำไมไม่ใส่เสื้อล่ะ?”
   สุภาพงษ์มีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที “ผมใส่แล้ว แต่มันคับเกินไป ก็เลยถอดออกครับ... งั้นเดี๋ยวผมใส่เสื้อเชิ้ตตัวเดิมก็ได้”
   ผมรู้สึกอยากเป็นลมขึ้นมา ไม่รู้จะโทษใครดี เสื้อผมตัวเล็กเกินไป เขาเลยต้องถอดออก หุ่นเขาก็ดีนะ แบบนี้ให้ผมมองทั้งวันก็ยังได้ แต่.... ผมจะไปมองเขาแบบนั้นได้ไง น่าอายจะตายชัก ถึงอย่างนั้น ให้เขาใส่เสื้อตัวเดิมนอนมันก็สกปรกมาทั้งวันแล้ว
   “เดี๋ยวนะ ผมจะลองหาเสื้อตัวใหม่ให้คุณ” ผมว่า แล้วค้นตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง ได้เสื้อเชิ้ตมาตัวหนึ่ง พอเอาให้เขาใส่ ก็อย่างกับผู้ใหญ่ใส่เสื้อเด็ก ผมทำหน้าคิดไม่ตก สักพักก็ได้ยินเขาพูดอีก “ไม่เป็นไรครับ ผมใส่เสื้อตัวเดิมก็ได้”
   “เสื้อตัวเดิมใส่มาทั้งวันแล้ว” ผมว่า แล้วนิ่งไปอีก สุดท้ายก็ต้องยอมพูดออกไป “แต่เอาเถอะ คุณใส่ไปก่อนแล้วกัน ดีกว่าเป็นหวัด”
   สุภาพงษ์พยักหน้า แล้วเดินไปหยิบเสื้อที่แขวนอยู่มาใส่ โอ้โห... แผ่นหลังเปลือยด้านหลังเขาก็ดูดีนะ ผมมองจนเขาใส่เสื้อนั่นแหละ ถึงได้หันไปมองอย่างอื่นได้
   กว่าจะได้นอนจริงๆ ก็เกือบจะตีหนึ่งเข้าไปแล้ว เขาปูผ้านอนข้างเตียงผมนี่แหละ ใส่เสื้อเชิ้ตตัวเดิม แต่กางเกงแพรน่ะของเพื่อนผม
   ทั้งๆ ที่ดึกขนาดนี้แล้ว ผมดันนอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมาในความมืดอยู่พัก ก็ได้ยินเสียงเรียกของสุภาพงษ์อีก
   “คุณพนิต นอนหรือยังครับ?”
   “อืม.. ยัง”
   เขาเงียบไปพัก แล้วพูดต่อ “ผมเรียกคุณว่าพี่นิตเหมือนเมื่อก่อนได้มั้ย?”
   “......................”
   “คุณพนิต......?”
   “อืม.. ก็ได้” ผมตอบออกไป เพราะไม่รู้ว่าจะห้ามไม่ให้เขาเรียกเพราะอะไร ได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อผม
   “พี่นิต.... ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
   ไม่รู้สินะ... เวลาผมเห็นหน้าเขา ผมเดาอารมณ์ของเขาจากสีหน้าไม่ออกเลย ตอนนี้ผมนอนอยู่บนเตียง เขานอนบนพื้นด้านล่าง พูดคำว่าราตรีสวัสดิ์กับผม ผมได้ยินแค่เสียงของเขาเท่านั้น แต่ผมกลับรู้สึกว่า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึก
   นี่ผมใจร้ายเกินไปหรือเปล่านะ ที่ปล่อยให้เขานอนอยู่ที่พื้นแบบนั้น....
-------------------------------------------------------
** แอร๋ยย คุณพนิตตต พี่นิตตต ลุงนิตตต :-[ต (เวิ้นเว้อไปแล้วว :really2:)

นั่งเขียนเรื่องนี้ไปพลาง ดูข่าวน้ำท่วมไปพลาง จะพาคุณพนิตไปลุยน้ำท่วมทุกทีสิน่าาาา :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 11-10-2011 20:36:25
กรี๊ดดดดด
คุณพนิตมีเริ่มมีอาการแฮะ  น้ำลายสอเชียวเวลาเห็นกล้ามเป็นมัดๆ
สงสัยไปกระตุ้นสิ่งที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นมา คริคริ
บก.หนุ่มเริ่มรุกคืบทีละนิดแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-10-2011 21:01:39
เฒ่าลามกนะเนี่ยะ  พี่นิตน่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 11-10-2011 21:08:53
โหยยยยยยยยยย  คุณสุภาพงษ์รุกสุด ๆ ไปเลย
คุณพนิตเธอก็ชิลล์แบบเอาจริงเอาจังมาก

เรื่องนี้น่ารักมากมายค่ะ
สถานการณ์ใกล้เคียงกับคุณนพ+คุณไพฑูรย์  แต่เป็นอารมณ์ที่แตกต่าง   o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 11-10-2011 21:21:01
อร๊ายยยยยยยยย

เริ่มขยับระยะห่างจากคุณพนิต  มาเป็น  พี่พนิตแล้ว

ลุ้นต่อไปว่าคุณ บก.จะได้ขยับมานอนเตียงหรือเปล่า  คริคริ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 11-10-2011 21:30:12
ทำไมไม่ขึ้นไปนอนด้วยกัน...ห๊าาาา !!!!!
แล้วแบบนี้จะอีกกี่ปีเนี่ย  :serius2:
คนอ่านเหนื่อยจะเชียร์ 5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 11-10-2011 22:14:39
คุณพนิตจะช้าอยู่ใย
หลงเด็กซะขนาดนนี้แล้วรวบหัวรวบหางไปเลยค่า!!~ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 11-10-2011 23:25:23
เรื่องนี้จะลุ้นให้เขาหวานกันโจ่งแจ้งเห็นจะยากแฮะ ก็ต่างสงวนท่าทีกันจัง
อยากให้สุภาพงษ์เจ้าเล่ห์มากกว่านี้จัง เพราะให้คนแก่เผยความในใจคงรอจนแก่แน่ๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 12-10-2011 01:58:02
โอ๊ยยยยยยยยยย เลือดโอจิค่อนพลุ่งพล่านนนนนน
คุณพี่นิต
โอ๊ยยยยยย อยากกริ๊ดให้สลบไม่รู้จะเลือกสิงใครดีระหว่างสุภาพงษ์กับคุณพนิต
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 12-10-2011 09:58:21
อยากให้คุณสุภาพงษ์รู้จังว่า คุณพนิตคิดอะไรเวลาที่มองตัวเอง  :laugh:  :laugh:

ชอบคุณพนิตอะ ฮาดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 12-10-2011 18:41:09
คุณพนิตน่ารักจังเลย แอบมองเขาตั้งหลายรอบ กิ๊วๆ ><
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 12-10-2011 19:33:36
ปล่อยไว้ทำไมค๊าาาาาคุณพนิ๊ตตตตตตต
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 12-10-2011 21:47:47
เริ่มเป็นห่วงคุณพนิตแล้วสิ อยู่กับสุภาพงษ์บ่อยๆแล้วเลือดกำเดาจะพุ่งปรี๊ดดดดดดด :pighaun:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 12-10-2011 22:43:42
  “ทิ้งไปแล้วหรือครับ” เขาพูด แล้วช้อนตาขึ้นมองผม แย่ล่ะสิ ผมเผลอมองหน้าเขาตาค้างอีกแล้ว
> ขำคุณพนิตตรงช่วงนี้
ส่วนตอนอื่น :-[ คุณพนิต
คุณสุภาเนียนมากก รู้สึกว่าคุณสุภาเจ้าเล่ห์อะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 13-10-2011 00:00:28
แหมเรียกพี่นิต เนียนเชียวน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 13-10-2011 05:09:19
คุณนิตคิดหนักเลยนะเนี่ย แบบว่าชอบมอง แต่ถึงขั้นให้เปิดใจมันคงทำให้ลุงป๊อดไม่หยอก >_<
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 13-10-2011 12:46:24
น่ารักอ้ะะ ... น่ารักมากๆทั้ง 2 คนเลย >__<
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: j_world ที่ 13-10-2011 14:38:44
อุอุ
เห็นชื่อคุณjuon ที่ไหน
ก็ต้องตามมาอ่านเรื่องค่ะ
เพราะชอบภาษา และการใช้ถ้อยคำบรรยาย รวมทั้งพล็อตเรื่องด้วยค่ะ :3123:


ตอนแรกอ่านชื่อเรื่อง จะงงๆอยู่หลายวิ  บกvsนักเขียน "บก" อะไรฟระ "บนบก"รึ??
สักพักก็อ๋อ   บ.ก. อักษรย่อของ  บรรณาธิการ   =   บ.ก. ค่ะ ไม่ใช่ บก หรือ บก.
อิอิ..แต่สารภาพว่าพึ่งรู้เหมือนกันว่าย่อไงจะถูก เลยต้องไปเช็คดู

จะคอยเป็นกำลังใจให้ทั้งเรื่องนี้และเรื่องต่อๆไปค่ะ
ถึงจะไม่ได้เข้ามาเม้นท์แต่ก้ตามอ่านตลอดค่ะ
  :L1::กอด1: :L1:


หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บกvsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 13-10-2011 16:02:08
อุอุ
เห็นชื่อคุณjuon ที่ไหน
ก็ต้องตามมาอ่านเรื่องค่ะ
เพราะชอบภาษา และการใช้ถ้อยคำบรรยาย รวมทั้งพล็อตเรื่องด้วยค่ะ :3123:


ตอนแรกอ่านชื่อเรื่อง จะงงๆอยู่หลายวิ  บกvsนักเขียน "บก" อะไรฟระ "บนบก"รึ??
สักพักก็อ๋อ   บ.ก. อักษรย่อของ  บรรณาธิการ   =   บ.ก. ค่ะ ไม่ใช่ บก หรือ บก.
อิอิ..แต่สารภาพว่าพึ่งรู้เหมือนกันว่าย่อไงจะถูก เลยต้องไปเช็คดู

จะคอยเป็นกำลังใจให้ทั้งเรื่องนี้และเรื่องต่อๆไปค่ะ
ถึงจะไม่ได้เข้ามาเม้นท์แต่ก้ตามอ่านตลอดค่ะ
  :L1::กอด1: :L1:




ขอบคุณมากค่ะ จัดการแก้ให้แล้วนะคะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 13-10-2011 16:36:31
จิ้มๆๆๆคุณ juon

อ่านะ มีของสวยๆงามๆมาให้มอง ก็ต้องมองเป็นธรรมดา เนาะลุงพนิตเนาัะ ไม่เห็นหื่นเลย  :laugh3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: pak_kikkok ที่ 18-10-2011 01:44:25
โอยยยยยยยยยย ไล่อ่านตอนเดียวห้าตอนรวด! แบบบนอนสต๊อปเพราะสต๊อปไม่ได้จริงๆค่ะ!
เรื่องนี้ตอนแรกที่อ่านก็คิดอยู่ในใจลึกๆว่า...คุณพนิตมีส่วนคล้ายคงฉ่วยเพราะชอบแอบมองเมะเนี่ยแหล่ะค่า
ฮ่าฮ่า
แล้วก็แอบคิดเล็กๆว่า คุณพนิตคงชอบมองคนหล่อแบบไม่ได้คิดอะไรก็คนมันหล่อจะไม่ให้มองก็เสียดายของแย่เนอะคะ

แต่ตอนนี่เนี่ย..ไม่ไหวจะเคลียร์ฮ่าฮ่า คุณพนิตหื่นออกนอกหน้ามากอ่ะค่ะ ก๊ากกกก
เอะอะมองเอะอะมองงงง สติหลุดเป็นพักๆแถมอายุอานามก็มาก เลือดลมวิ่งที ความดันจะขึ้นเอา
เป็นห๊วงงงเปนห่วงเคะอายุเยอะจริงๆค่ะงานนี้
เพราะคุณสุภาพงษ์เองก็น้าาาาา ทำอะไรไม่ได้...คิดเล้ยยว่าทำคนอายุเยอะใจคอไม่ดี หายใจไม่ทั่วท้อง
นอนก็นอนไม่หลับ(เอ๊ะหรือโรคชราถามหาแล้ว? ก๊ากกก)

แต่เป็นอะไรที่กรี๊ดมากๆเลยค่ะ

ชอบเรื่องนี้มากเลยยย อ่านแล้วอมยิ้มตลอด แอบมีทุบคอมบ้างเล็กน้อยพอเป็นกระสัย
ฮ่าฮ่าฮ่า
ขอบคุณสำหรับฟิคชั่นสนุกๆนะคะ

(ปล.รอรวมเล่มคงฉ่วยกับเผิงๆอยู่นะค้าา)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจัง ที่ 18-10-2011 03:06:13
 :t3:

มารอคุณพนิตกับคุณสุภาพงษ์
^___^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 18-10-2011 12:24:02
มารอด้วยคน^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 18-10-2011 17:08:39
ยิ่งใกล้กัน ยิ่งหั่นไหว อ๊ายยยยยยย
ตอนนี้คุณพนิตหวั่นไหวไปมากมาย
ถ้าคุณสุภาพงษ์รู้เข้า คงได้ย้ายมาอยู่บ้านข้างๆกันเลยละมั้งเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 18-10-2011 21:10:54
กนิ๊ด คุณนิต เริ่มเเล้วๆ ออกอาการเเล้ว

ชอบเคะอายุเยอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: pak_kikkok ที่ 20-10-2011 17:33:51
มารอคุณพนิตนะค้าาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก5(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P4:11/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 21-10-2011 13:54:07
มาต่อทีเถอะคนเขียน :m15:
คิดถึงมากมาย :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 21-10-2011 21:48:41
** อุ.. เข็นตอนใหม่มาลงแล้วค่ะ พร้อมข่าวที่ว่า น้ำที่บ้านนนท์ตอนนี้เริ่มเข้าบ้านแล้ว และไม่รู้ว่าจะขึ้นสูงขนาดไหน... เอาล่ะ ถึงเวลาีนี้คงได้แต่ปลงแล้ว.... เป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังจะท่วมและถูกท่วมไปแล้วนะคะ ใครที่อึดอัดใจ ว่าเมื่อไหร่จะท่วม อย่าร้อนใจไปค่ะ เพราะคราวนี้ท่วมนานแน่นอน...
--------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่6
   “พี่นิต”
   ผมหันไปมอง เห็นเด็กผู้ชายหน้าตาเรียบๆ คนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน จากนั้นก็ได้ยินเสียงแม่ดังขึ้นต่อ “พี่นิตเขียนหนังสืออยู่จ้า มีอะไรหรือ?”
   เด็กผู้ชายคนนั้นเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมา “คุณป้าครับ ผมจะย้ายออกวันพรุ่งนี้แล้วครับ ผมอยากมาบอกลาพี่นิต”
   “อ้อ” แม่ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะตะโกนเรียกผม “นิต น้องจะย้ายไปที่อื่นแล้วแน่ะ ออกมาลาน้องหน่อยสิ”
   ผมเลยต้องวางมือจากดินสอและสมุด เดินออกมานอกบ้าน “จะย้ายไปไหนหรือ?”
   “รังสิตมั้งครับ” เด็กคนนั้นตอบผม ผมส่งเสียงอืมในลำคอ “รังสิต ไกลเหมือนกันนี่”
   “ครับ... พ่อผมซื้อบ้านแถวนั้น”
   “อื้อ ก็ดีแล้วล่ะ ไปอยู่บ้านกว้างๆ สบายกว่า” ผมว่า “แล้วโรงเรียนล่ะ หาได้แล้วยัง?”
   “ครับ สอบได้โรงเรียนแถวนั้นล่ะครับ” เด็กคนนั้นตอบผม ผมยิ้มให้เขา “งั้นก็ดีเลย ว่างๆ ก็แวะมาเยี่ยมพี่บ้างนะ”
   “พี่นิต...” เด็กคนนั้นเรียกชื่อแล้วมองหน้าผม “ผมไม่อยากย้ายบ้านเลย... ผมอยากมาฟังนิทานพี่อีก”
   ผมปลอบเขายิ้มๆ “นี่ อ่านหนังสือคล่องอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง รออ่านเป็นเล่มเลยสิ อีกหน่อยพี่คงได้เขียนลงหนังสือแล้ว”
   เขามองหน้าผมอยู่พัก แล้วพยักหน้า “ครับ... พี่นิต”
   “หืม?”
   “ผมขอจับมือพี่หน่อยได้มั้ย?”
   “ทำไมล่ะ?”
   “ผม..... ผมอยากลองจับมือนักเขียนดูน่ะ”
   ผมหัวเราะ จากนั้นก็ยื่นมือให้เขาจับ เด็กผู้ชายคนนั้นจับมือผมแน่น ก่อนจะบอกลาผมอีกครั้ง “ผมไปก่อนนะครับพี่นิต... ผมไปก่อนนะครับ”
   “อืม.. โชคดีนะ” ผมโบกมือลาเด็กคนนั้น มองดูเขาเดินกลับบ้านไป...
   เด็กคนนั้นชื่ออะไรแล้วนะ.......
-------------------------------------------------
   ผมลืมตาตื่นมา ก็พบว่าห้องสว่างโร่แล้ว อืม... สงสัยเพราะเมื่อคืนนอนดึกไปแน่ๆ พอหันดูนาฬิกาตรงหัวเตียงก็เห็นเข็มสั้นชี้ที่เลขเก้าเข้าไปแล้ว เลยรีบลงจากเตียง พับผ้าห่ม แล้วหยิบผ้าคลุมเตียงขึ้นมาคลุมเอาไว้ นั่นแหละ ถึงได้มองเห็นว่ามีกองผ้านวมกับหมอน พับเรียบร้อย วางอยู่ตรงที่ว่างข้างเตียง อืม... เมื่อคืนผมให้สุภาพงษ์ค้างที่นี่นี่นา....
   ตายล่ะสิ ผมเป็นเจ้าบ้านแท้ๆ ดันตื่นสายซะเอง น่าเกลียดจริงเชียว
   ผมรีบเดินจ้ำไปชะโงกดูรถหน้าบ้าน เพราะไม่รู้ว่าสุภาพงษ์กลับไปแล้วหรือยัง ขณะที่กำลังชะเง้อมองหลังคารถคันสีขาวของเขา ประตูก็ถูกเปิดผลัวะเข้ามา
   “พี่นิต”
   ผมสะดุ้งนิดหน่อย ก่อนจะหันหน้าไปมองเขา เห็นเขาสวมเสื้อผ้าชุดเดิมกับของเมื่อวาน คงจะอาบน้ำใหม่แล้วมั้ง โอ๊ยตาย นี่ผมนอนหลับไม่รู้เรื่องขนาดนี้เลยหรือนี่
   “เอ่อ...” ผมส่งเสียงออกไปอย่างไร้ความหาย พลางนึกว่าควรจะปั้นหน้าพูดกับเขาอย่างไรดี สุภาพงษ์ยืนมองผมครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้ามา “เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือครับ?”
   “อ้อ เปล่า” ผมตอบไป โธ่เอ๋ย ผมควรจะถามเขาแท้ๆ ว่าเมื่อคืนนอนหลับไหม แต่เห็นเขาตื่นก่อนแบบนี้ ผมถามไม่ออกเหมือนกัน บางทีเขาอาจจะนอนไม่สบายเลยตื่นแต่เช้าก็ได้
   ผมยืนอึ้งอยู่พัก ถึงพอจะนึกคำพูดมาคุยกับเขาได้ “คุณสุภาพงษ์ เดี๋ยวผมลงไปเปิดประตูบ้านให้แล้วกัน คุณจะกลับเลย หรือว่าจะทานข้าวก่อนล่ะ?”
   สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ แล้วพูดตอบผม “ผมออกไปซื้อข้าวมาแล้วล่ะครับ เห็นว่าพี่นิตหลับสนิท ก็เลยเอากุญแจไปเปิดบ้านเอง ขอโทษด้วยนะครับ”
   โอ๊ยตาย! เขารอจนหิว จนออกไปซื้อข้าวมาเรียบร้อยแล้วรึนี่ ผมล่ะอยากจะเอาหน้าทิ่มเข้าไปในเสาบ้านจริงๆ ผมรีบยกมือห้ามเขา “ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมตื่นสายเอง ขอโทษทีนะ”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ” สุภาพงษ์พูดขึ้นมา “พี่นิตจะอาบน้ำก่อนรึเปล่าครับ”
   เอ่อ... เอาล่ะ ถึงผมจะตื่นสาย ถึงเขาจะซื้ออาหารมาเตรียมไว้แล้ว และถึงผมจะไม่ได้สนใจภาพพจน์ตัวเองมาก แต่ให้ลงไปทานข้าวกับเขาทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำแปรงฟันอย่างนี้น่ะ ผมไม่หน้าหนาขนาดนั้นหรอก ผมเลยบอกเขาว่าจะอาบน้ำ ให้เขาลงไปทานก่อนได้ตามสบาย สุภาพงษ์มองหน้าผมพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า แล้วเดินลงชั้นล่างไป ผมเลยรีบคว้าผ้าเช็ดตัว เดินเข้าห้องน้ำไปทันที
   ผมอาบน้ำเสร็จ ก็เดินไปหยิบเสื้อที่ตู้ วันนี้ไม่รู้นึกอะไรขึ้นมา เกิดเบื่อเสื้อผ้าสีเทาๆ ขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมเลยมองหาอยู่พัก ก็ได้เสื้อผ้าฝ้ายสีเหลืองอ่อนตัวหนึ่งซึ่งซื้อมาจากเชียงใหม่เมื่อนานแล้ว ปกติผมไม่ค่อยได้ใส่หรอก จะใส่ก็ใส่ไปงานแต่งงานบ้าง งานเลี้ยงบ้าง เพื่อให้ไม่ดูโทรมเกินไปนัก
   ผมใส่เสื้อสีเหลืองตัวนั้น กับกางเกงขายาวสีน้ำตาลอีกตัวหนึ่ง จากนั้นก็เดินลงมาด้านล่าง สุภาพงษ์นั่งรออยู่ที่โต๊ะทานข้าวแล้ว ดูเหมือนเขาจะซื้อกับข้าวมาสามสี่อย่าง เยอะจริง ทานแค่สองคนเท่านั้นเอง พอเห็นผมเขาก็รีบตักข้าวในหม้อใส่จานให้ ควันยังกรุ่นอยู่เลย
   “พี่นิต ผมขอถือวิสาสะยืมใช้หม้อหุงข้าวหน่อยนะครับ” เขาพูด สงสัยเพราะเห็นผมทำหน้าแปลกๆ ล่ะมั้ง เปล่าหรอก ผมกำลังนึกอายตัวเองที่นอนจนเขาต้องซื้อกับข้าว รื้อหม้อข้าวมาหุงรอแบบนี้
   “ไม่เป็นไรหรอก” ผมพูดตอบไป แล้วก็นึกไม่ออกว่าควรจะพูดอะไรต่อ ก็เลยนั่งปุลงบนเก้าอี้ มองจานข้าวที่เขาหยิบมาวางให้ มือเขาเรียวสวยจริง เฮ้อ... นี่ผมยังมีอารมณ์มาพิจารณามือของเขาอีกหรือนี่
   “ขอโทษด้วยนะที่ทำให้คุณต้องลำบากขนาดนี้” ผมพูดพลางเงยหน้าขึ้นมองเขา เพราะไม่อยากนั่งเงียบ ทานอาหารที่เขาซื้อมาให้ มันดูเหมือนผมเป็นเจ้าบ้านที่ไม่มีความรับผิดชอบเสียจริงๆ
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเองต่างหากที่รบกวนพี่” สุภาพงษ์ตอบผม แล้วยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ผมมองแล้วดันใจเต้นตึกๆ จนต้องทำเป็นไอออกมา เพราะกลัวจะหน้าแดงให้เขาเห็น ที่จริงอายุปูนผมไม่น่าจะหน้าแดงได้แล้ว แต่บังเอิญผมรู้สึกร้อนที่หน้าขึ้นมา ไม่เอาล่ะผมไม่เสี่ยงให้เขาเห็นอะไรน่าอายแบบนั้นหรอก ดังนั้นผมจึงไอ แล้วก็ได้ไอสมใจอยากซะด้วย เพราะพอทำเป็นไอไปได้สักพัก ก็ดันสำลักน้ำลายเอาจริงๆ
   “พี่นิต!” ผมได้ยินเสียงสุภาพงษ์เรียก แล้วก็รู้สึกว่าเขาวิ่งมาประคองผมไว้ ขณะที่ผมไอจนตัวโยน จนกลัวว่าจะตกเอ้าอี้เลยคว้าแขนของเขาเอาไว้ ผมไออยู่สักพักจึงพอจะสงบลงได้ ไอจนน้ำหูน้ำตาไหลไปหมด ขณะที่กำลังสูดหายใจเฮือกๆ ผ้าเช็ดหน้าสีขาวผืนหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าผม ผมที่ยังมึนๆ อยู่เลยไม่ทันได้รับไว้ จากนั้นผ้าเช็ดนั้นผืนเดิมก็ซับลงบนหางตาที่มีน้ำตาไหลออกมาของผมเบาๆ
   ผมสะดุ้งเฮือก เบือนหน้าไปมองเขาทันที หน้าของสุภาพงษ์อยู่ใกล้มาก ผมไม่รู้ว่าเพราะเขาตั้งใจจะขยับเข้ามาเพื่อซับหน้าผมหรืออะไรกันแน่ แต่ผมว่าหน้าเขายื่นเข้ามาใกล้เกินไปแล้วล่ะ
   “พี่นิต...”
   ผมรีบดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากมือเขา แล้วซับหน้าตัวเองเป็นการใหญ่ จากนั้นก็รีบพูดขึ้น “โทษที... ขอบใจนะ”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ” สุภาพงษ์พูด แล้วถามต่อ “พี่นิตไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ”
   “อืม..” ผมส่งเสียงในคอ พลางขยับตัวเพื่อจะได้นั่งให้ถนัดขึ้น ยังไม่ทันนึกว่าจะทำอย่างไรกับผ้าเช็ดหน้าที่เขายื่นให้ สุภาพงษ์ก็ยื่นมือมาหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น แล้วแถมมือผมไปด้วย เจอแบบนี้ผมเลยต้องรีบพูดออกไปทันที “คุณสุภาพงษ์ เดี๋ยวผมซักให้ก็แล้วกัน”
    “ครับ” เขารับปาก แต่ก็ยังจับผ้าเช็ดหน้าพร้อมมือผมเอาไว้แบบนั้น ผมรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ถึงเขาจะดูดีไปทุกส่วน กระทั่งจับมือผมไว้แบบนี้ ผมก็นึกเรื่องจะไปต่อว่าเขาไม่ออก แต่ก็ใช่ว่าผมจะชอบให้เขาทำแบบนี้หรอกนะ
   สุภาพงษ์มองผมด้วยดวงตาสีดำสนิท จากนั้นก็พูดต่อ “เรียกผมว่าโจก็ได้ครับ พี่นิต”
    ใจผมเต้นแรง ก็รู้อยู่หรอกว่าเขาชื่อเล่นชื่อโจ ฟังจากที่เพื่อนเขาเรียกวันก่อนน่ะนะ แต่จะให้ผมเรียกเขาว่าโจมันก็....
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้วผมอาจจะเคยเรียกเขาแบบนี้ก็เถอะ
   “ทานข้าวเถอะ มันจะเย็นหมดแล้ว ทานเสร็จแล้วคุณจะได้รีบไปทำงาน” ผมพูดออกมา สุภาพงษ์ชะงักไปหน่อยหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ครับ”
   จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งเก้าอี้ข้างผม ผมเลยหันหน้าไป แล้วจัดแจงตักข้าวทานทันที เรานั่งทานอาหารกันเงียบๆ ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า แต่รู้สึกว่าบรรยากาศมันกดดันพิกลๆ เลยชวนเขาพูดต่อ “คุณซื้อกับข้าวร้านไหนน่ะ?”
   “ด้านหน้าซอยครับ” เขาตอบผม ผมน่ะเงยหน้ามองเขาตอนพูดด้วยความเคยชิน แต่พอเห็นเขามองกลับมา ผมก็ต้องกะพริบตาปริบๆ อีกแล้ว เขามองผม จากนั้นก็เม้มปากเป็นเส้นบาง จากนั้นผมก็เห็นว่ามุมปากเขายกขึ้นมาหน่อยหนึ่ง
   นี่เขากำลังกลั้นยิ้มอยู่รึเปล่านะเนี่ย?! แล้วทำไมเขาถึงต้องกลั้นยิ้มด้วยล่ะ
   เพราะไม่เคยเดาอะไรจากสีหน้าเขาออกมาตั้งนานแล้ว ผมจึงใช้วิธีเดิม คือก้มลงมองจาน ทำทีว่ากำลังสนใจอาหารพวกนี้เสียเต็มประดา ช่วยไม่ได้นี่ ผมเป็นนักเขียนนิยาย ไม่ใช่นักทายใจสักหน่อย อีกอย่าง ท่าทางของเขา สิ่งที่เขาทำกับผม คำพูดที่เขาเคยพูด ทั้งอายุและหน้าที่การงาน ตำแหน่งของผมกับเขา ผมวางตัวกับเขาไม่ถูกหรอก เพราะงั้น ถ้าเลี่ยงอะไรได้ ผมก็จะเลี่ยงล่ะ
   แต่ผมก็อดมองหน้าหล่อๆ ของเขาไม่ได้สักที
   “พี่นิต” สุภาพงษ์เรียกผม ขณะที่ผมเหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง เพราะดันนึกอยากรู้ว่าเขาทำหน้าอย่างไรต่อกันแน่ หน้าเขาก็นิ่งสนิทเหมือนเดิมล่ะ แต่คำถามนี่สิ...
   “จะออกไปข้างนอกหรือครับ?”
   ผมอึ้งไปนิด แล้วสั่นศีรษะ เขามองผมอยู่พัก จากนั้นก็พูดออกมา “ผมเห็นพี่นิตแต่งตัวแบบนี้ นึกว่าจะออกไปข้างนอกซะอีก”
   ผมเลยนึกถึงเสื้อที่ตัวเองใส่ลงมาได้ เออ.. ผมแต่งตัวเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอกจริงๆ นั่นล่ะ ทำอย่างกับว่าจะออกไปงานสำคัญด้วยนะ แค่ใส่ลงมาทานข้าวกับเขาเท่านั้นเอง
   “ที่จริงผมกะว่าจะออกไปบ้านเพื่อนน่ะ แต่คิดอีกที ไม่ไปแล้วดีกว่า” ผมพูดแก้เก้อไปเรื่อย เนื่องจากไม่อยากให้เขามองว่าผมแต่งตัวดี เพราะมีเขามาทานอาหารที่บ้าน อืม.. ก่อนหน้านี้เขาชวนผมไป ผมยังไม่นึกจะแต่งตัวดีขนาดนี้เลย ไม่รู้ทำไม วันนี้ผมถึงนึกเบื่อเสื้อสีเทาในตู้ขึ้นมาดื้อๆ
   หวังว่าเขาคงไม่เข้าใจผมผิดนะ
   สุภาพงษ์เงียบไปพัก แล้วถามอีก “งั้น... ไปกับผมนะครับ”
   ผมมองหน้าเขาอึ้งๆ คิดด้วยซ้ำว่าคงฟังผิด นี่เขากำลังจะชวนผมไปเที่ยวงั้นหรือ?!
   “จะไปที่ไหนน่ะ?” ผมหลุดปากถามออกไป เขามองหน้าผม จากนั้นก็พูดต่อ “ไปเขาดินกันไหมครับ ใกล้ๆ เผื่อพี่นิตจะได้พล็อตเรื่องอะไรบ้าง”
   อันที่จริงผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการจับสัตว์ใส่กรงขังเอาไว้เท่าไหร่หรอกนะ เพราะมันดูทรมานยังไงพิกล แต่ก็ยอมรับเหมือนกันว่า ถ้าไม่มีสวนสัตว์ ผมคงไม่ได้เห็นพวกสัตว์แปลกๆ ตัวเป็นๆ ไม่แน่นะ ผมไปแล้ว อาจจะได้พล็อตเรื่องพ่อกระแตต่อก็ได้ พอนึกแบบนั้นแล้ว ผมก็รีบตกลงทันที “เอาสิ”
   สุภาพงษ์มองหน้าผม จากนั้นก็ยิ้มออกมา ผมที่ถูกรอยยิ้มของเขาเล่นงานอย่างไม่ทันให้ตั้งตัวเลยได้แต่มองอึ้งๆ พอรู้สึกตัวก็ทำเป็นจ้องเขาเขม็ง แล้วพูดกลบเกลื่อนไป “แต่ผมว่า คุณควรกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”
   รอยยิ้มของสุภาพงษ์เลือนไปหน่อยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับหายไปเลยทีเดียว ได้ยินเสียงเขาพูดตอบผม “ครับ เดี๋ยวผมแวะระหว่างทางก็ได้ ยังไงก็ผ่านอยู่แล้วครับ”
-----------------------------------------
   ท้ายที่สุด ก่อนจะได้ไปเขาดิน ผมก็ได้มาที่คอนโดฯของสุภาพงษ์ก่อน เพราะรอยยิ้มของเขาแท้ๆ เชียว
   คอนโดฯที่เขาอาศัย อยู่ห่างจากสำนักงานเขาไม่มากเท่าไหร่ เขาจอดรถแล้วก็ชวนผมขึ้นไปที่ห้อง แต่ผมบอกเขาขอรอที่ล็อบบีดีกว่า อืม... ผมไม่อยากขึ้นไปห้องเขาแค่สองคนน่ะ เมื่อคืนเขานอนห้องเดียวกับผมก็จริง แต่นั่นมันที่บ้านผม เอาล่ะ ไม่รู้ว่าเขาคิดกับผมถึงไหนนะ แต่ผมไม่เสี่ยงเข้าห้องเขาแค่สองต่อสองเด็ดขาด ถึงผมไม่ได้รูปร่างหน้าตาดี อายุก็ตั้งเยอะ พูดให้ถูกแล้วก็เรียกว่าไม่เหลือจุดน่าพิสมัยแล้ว แต่อะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอนนักหรอก เพราะงั้น ผมเลือกปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า
   สุภาพงษ์ยอมให้ผมรออยู่ที่ล็อบบีแต่โดยดี ระหว่างที่รอเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมก็หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน เพิ่งอ่านพาดหัวข่าวไปได้สองสามข่าว เสียงใครคนหนึ่งก็ทักขึ้น “คุณพนิต?!”
   ผมเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง ยืนยิ้มอยู่ พอเห็นสายตาผมเขาก็พูดต่อ “ผม.. คุณากร กั้งไงครับ”
   “อ้อ คุณกั้ง” ผมว่า แล้วนึกได้ทันทีว่าเป็นเพื่อนของสุภาพงษ์ที่เจอกันเมื่อวันก่อน คุณากรมองหน้าผม แล้วถามอย่างสงสัยปนตื่นเต้น “คุณพนิตมาที่นี่ได้ไงครับ โจมันนัดมาหรือครับ?”
   “เปล่า เขาแวะมาเปลี่ยนเสื้อน่ะ”
   สีหน้าของคุณากรดูตื่นเต้นกว่าเดิม “เปลี่ยนเสื้อ? เกิดอะไรขึ้นน่ะครับ? มีใครทำอะไรหกใส่เสื้อเขาหรือไง?”
   “เมื่อคืนเขาไปค้างที่บ้านผมน่ะ” ผมตอบ แต่พอเห็นสีหน้าตกใจสุดๆ ของคุณากร เลยต้องรีบพูดต่อ “เขาไปช่วยผมหาของ กว่าจะเจอมันก็ดึกแล้ว ผมเลยให้เขานอนค้าง”
   “อ้อ” คุณากรร้องออกมาทันที ทำหน้าโล่งใจไปได้สักสามวิฯ ก็ตีหน้าตกใจต่อ “แค่นั้นหรือครับ? นอนค้างเฉยๆ หรือ?”
   ผมพยักหน้า “อืม... เขาไม่ได้ถือโอกาสทวงต้นฉบับผมหรอกนะ”
   “โธ่....” คุณากรครางออกมา จากนั้นก็พูดต่อ “ไอ้โจอยู่บนห้องใช่ไหมครับ งั้นเดี๋ยวผมมานะครับ”
   พูดจบก็รีบเดินเข้าลิฟต์ไป ผมมองตามหลังเขา แล้วนึกแปลกใจขึ้นมา ท่าทางสองคนนี่จะมีเรื่องอะไรกันอยู่นะเนี่ย
-----------------------------------------
   “พี่นิต”
   ผมเงยหน้าจากหนังสือนิตยาสาร แล้วก็อึ้งไปพักใหญ่ สุภาพงษ์เดินออกมาจากลิตฟ์ ไม่รู้ว่าเขาอาบน้ำใหม่รึเปล่านะ แต่ผมน่ะแต่งซะหล่อเชียว แถมแต่งตัวดีเวอร์ อย่างกับดาราจะไปออกงาน มากกว่าจะไปเดินสวนสัตว์ดุสิตกับนักเขียนแก่ๆ อย่างผม
   “ขอโทษนะครับที่ต้องให้รอนานขนาดนี้” เขาพูด พร้อมกับสีหน้าสำนึกผิดแบบมองออก ถึงผมจะอ่านหนังสือพิมพ์จบไปสองฉบับ นิตยาสารอีกหนึ่งเล่ม เพราะรอเขาเปลี่ยนเสื้อ แต่พอเห็นเขาทำหน้าแบบนี้ ผมก็เคืองไม่ลงหรอก เลยได้แต่โบกมือแล้วสั่นศีรษะ “ไม่เป็นไร”
   สุภาพงษ์ทำหน้าเลิกๆ ลั่กๆ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ อีกเสียงหนึ่งก็พูดแทรกขึ้น “คุณพนิต ไอ้โจหล่อไหมครับ ฝีมือผมนะเนี่ย”
   คุณากรเดินออกมาจากลิฟต์อีกตัว ด้วยสีหน้าภูมิใจเสียเต็มประดา ผมมองเขา สลับกับมองสุภาพงษ์ สุภาพงษ์เลยรีบพูดขึ้นอีก “พี่นิต ขอโทษด้วยนะครับ กั้งมันชอบเล่นอะไรบ้าๆ แบบนี้แหละครับ”
   “อืม...” ผมครางอยู่ในคอ แล้วพูดต่อ “ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ เขาช่วยคุณแต่งตัวหรือ ผมว่าดูดีจนไม่น่าจะไปเดินสวนสัตว์เขาดินแล้วล่ะ”
   สุภาพงษ์มีสีหน้าเลิกลั่กกว่าเดิม ขณะที่คุณากรหัวเราะชอบใจ “แล้วคุณพนิตว่าไปเดินที่ไหนดีครับ”
   ผมตอบไปแบบลืมคิด “แฟชั่นโชว์”
   คุณากรหัวเราะดังกว่าเดิม ขณะที่สุภาพงษ์มีสีหน้าลำบากใจอย่างที่สุด อะไรกันนะ หล่อซะขนาดนี้ ยังจะทำหน้าไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ได้ ผมเลยพูดออกไปอีก “คุณสุภาพงษ์ ผมว่าคุณเจียดเวลาทวงต้นฉบับผม ไปประกวดนายแบบ อาจจะรุ่งก็ได้นะ”
   สุภาพงษ์ตีหน้ายุ่ง คุณากรเลยพูดแทรกอีก “อายุไอ้โจเกินนานแล้วล่ะครับ นี่ถ้ามันเชื่อผมแต่แรก ไปเป็นนายแบบนะ รุ่งไปนานแล้ว”
   “อืม” ผมพยักหน้าเห็นด้วย แต่สุภาพงษ์กลับสั่นศีรษะ “ไม่ดีหรอกครับ ผมเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว”
   “อ้อ ใช่ๆ” คุณากรรีบพูดสนับสนุนทันที เปลี่ยนฝ่ายเร็วดีจริงๆ ด้วย “นี่ถ้านายไปเดินแบบนะ คงไม่ได้เจอกับพี่ชายในฝันของนายหรอก”
   สุภาพงษ์หันไปมองเพื่อน ขณะที่ผมทวนคำอย่างงงๆ “พี่ชายในฝัน?”
   คุณากรหันมายิ้มให้ผมจนเห็นฟันเรียงสวย “ก็คุณพนิตไงครับ”
   “กั้ง!” สุภาพงษ์เรียกชื่อเพื่อนเสียงดัง แต่คนถูกเรียกทำเป็นไม่ได้ยิน ยังคงพูดกับผมต่อ “ผมไปก่อนนะครับ คุณพนิต จะพาไอ้โจไปเที่ยวสวนสัตว์ หรือพาไปเดินแบบ เลือกเอาเลยนะครับ แต่อย่าทิ้งมันก็พอ เดี๋ยวมันจะงอแงหาคุณอีก”
   “กั้ง! พอเถอะ หยุดพูดอะไรบ้าๆ ที” สุภาพงษ์เอ็ดเพื่อน คุณากรเลยหันไปมอง แล้วฉีกยิ้มอีก “โจ ดูไว้นะ” เขาพูด จากนั้นก็หันกลับมาหาผม
   “คุณพนิต ผมขอหอมแก้มคุณหน่อยสิ เอาแบบดาราน่ะครับ คราวที่แล้วผมยังไม่ได้ลายเซ็นคุณเลย วันนี้ผมก็ไม่ได้หยิบหนังสือคุณติดตัวมาด้วย ขอหอมแก้มตัวจริงคุณก่อนแล้วกันนะ”
   ผมยังไม่ทันได้พูดอะไร คุณากรก็ก้มลงมา หอมแก้มผมดังฟอด จากนั้นก็ทำหน้าดีใจเต็มที่ “ขอบคุณนะครับ คุณพนิต ผมไปก่อนนะ แล้วไว้เจอกันครับ” เขาพูดเร็วปรื๋อ แล้วเดินตัวปลิวออกไป ปล่อยให้ผมนั่งอึ้งๆ
   ปกติมีแต่ดาราที่ถูกหอมแก้มนี่นา แถมส่วนใหญ่เป็นดาราชายวัยรุ่น ที่มักจะถูกสาวใหญ่หอมซะด้วย แต่ผมดันเป็นนักเขียนวัยกลางคน ที่ถูกเด็กรุ่นน้องเป็นสิบปีขอหอมแก้ม... นึกแล้วก็จั๊กจี้แปลกๆ แหะ
   “สุภาพงษ์ เพื่อนคุณนี่แปลกดีนะ” ผมพูดออกมา เพราะไม่รู้จะแก้เก้อเรื่องถูกขอหอมแก้มยังไงดี ได้ยินเสียงสุภาพงษ์ตอบตึงๆ “อืม... ครับ”
   ผมเลยหันไปมองเขา เห็นเขาตีหน้าบึ้งยิ่งกว่าตอนมารอต้นฉบับผมอีก เอ่อ... ปกติเขาตีหน้านิ่งอย่างเดียว ไม่เคยตีหน้าบึ้งกับผมหรอก รู้สึกว่านี่จะเป็นครั้งแรก แต่เขาไม่ได้ตีหน้าบึ้งใส่ผมนะ เหมือนจะบึ้งใส่เพื่อนเขาที่เพิ่งออกไปน่ะ
   เอ่อ... ผมที่เป็นคนถูกหอมแก้มยังไม่ได้คิดอะไรเลยแท้ๆ ทำไมเขาถึงต้องทำหน้าโมโหขนาดนี้นะ
   “นี่... จะไปหรือยังน่ะ?” ผมถามออกไปเพราะไม่อยากเห็นเขาตีหน้าบึ้งแบบนั้นนานๆ สุภาพงษ์หันหน้ามองผม จากนั้นก็พูดออกมา “ให้ผมไปเปลี่ยนเสื้อก่อนดีไหมครับ?”
   โถ... หล่อขนาดนี้แล้ว ยังจะต้องเปลี่ยนอะไรอีกล่ะ ผมยิ้ม แล้วตอบเขาไป “ไม่เป็นไรหรอก คุณดูดีอยู่แล้วล่ะ”
   สุภาพงษ์มองหน้าผม ก้มมองตัวเอง แล้วเงยหน้ามองผมอีกรอบ จากนั้นก็ถามออกมา “จริงๆ นะครับ”
   “อืม” ผมพยักหน้า แล้วยิ้มให้เขาอีกรอบ “จะไปที่อื่นแทนสวนสัตว์รึเปล่าล่ะ?”
   เขาสั่นศีรษะ “ไม่ครับ ไปกันเถอะครับ”
----------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 21-10-2011 21:51:18
   วันอาทิตย์สวนสัตว์คนเยอะอยู่พอสมควร อันที่จริงแล้วสุภาพงษ์เองก็ไม่ได้แต่งตัวเวอร์อะไรมากหรอก อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้สวมสูทผูกไท แค่ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนลายทางขาวพับแขนขึ้น แล้วก็กางเกงยีนส์สีสนิมเหล็กอีกตัวเท่านั้นเอง ผมว่าแต่งแบบนี้แล้ว อายุเขาดูลดไปเยอะเลยล่ะ มองผ่านๆ คิดว่าเด็กอายุยี่สิบปลายๆ นะเนี่ย แต่เขาแต่งตัวแบบนี้ก็ดี เพราะคนเยอะแบบนี้ ผมจะได้มองหาเขาเจอได้ง่ายๆ หน่อย
   ผมไม่ได้มาสวนสัตว์ดุสิตนานแล้ว นอกจากภาพตรงกำแพงที่เปลี่ยนใหม่ ท่าทางจะมีสัตว์เพิ่มมาอีกเยอะเหมือนกัน
   “สุภาพงษ์ ไปทางนั้นกันเถอะ ผมจะไปดูแพนด้าแดง” ผมว่า เพราะเห็นป้ายชี้บอกว่ามีเจ้าสัตว์หน้าตาน่ารักเหมือนหมีปนแมวมีปานสีดำอยู่ตรงตาอย่างไรอย่างนั้น
   “ครับ” สุภาพงษ์รับคำ พวกเราเลยเดินกันไปตามป้าย เจ้าแพนด้าแดงที่ว่าอยู่กรงด้านล่าง ติดแอร์ซะด้วย เห็นว่ามาจากจีน ตอนผมไปถึงมีเด็กๆ สองสามคนยืนดูกับผู้ปกครอง ผมหันไปมองคนเดินด้วย นึกเสียดายอยู่เหมือนกัน ความจริงผมน่าจะชวนเด็กๆ แถวบ้านมาด้วย จะได้เหมาะสมกับอายุหน่อย อืม... ผมว่าสุภาพงษ์โตเกินไปที่จะมาเที่ยวสวนสัตว์กับผมแล้วล่ะ
   ขณะที่ผมกำลังนึกว่าคราวหน้าคงต้องหาเวลาพาเด็กๆ แถวบ้านมาเที่ยวบ้าง แต่คิดอีกที พ่อแม่เขาก็มีอยู่แล้ว คงจะพาลูกมาเที่ยวเองบ้างล่ะ สุภาพงษ์ก็หันหน้ากลับมา จากนั้นก็ยิ้มนิดๆ
   ผมเห็นแล้วก็ต้องรีบย้ายสายตาจากหน้าเขา ไปมองหาแพนด้าแดงที่อยู่ในตู้กระจกอย่างเร่งด่วน โชคดีจริงๆ ที่มันเกาะอยู่บนท่อนไผ่ห่างจากผมไปไม่เยอะนี่เอง ท่าทางมันจะหลับอยู่
   ผมทำเป็นก้มอ่านป้ายอธิบายถึงที่มา อาหารที่กิน ลักษณะนิสัยของเจ้าสัตว์ขนปุยน่ารักตัวนี้ พลางคิดว่า มันจะเหงาบ้างรึเปล่านะ ที่ต้องเดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอน มาอยู่ห้องแอร์ในประเทศที่ไม่รู้จักแบบนี้ แต่เห็นท่ามันกอดท่อนไผ่หลับแล้ว บางทีมันอาจจะไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนเท่าไหร่ก็ได้
   สุภาพงษ์ขยับมายืนใกล้ผมหลังจากนั้นสักพัก ขยับเข้ามาใกล้จนแทบจะโอบตัวผมไว้ ผมเลยยืนรอ เผื่อว่าเขาจะพูดอะไรบ้าง แต่จนผมอ่านแผ่นป้ายนั้นจบไปสองรอบ เงยดูแพนด้าอีกหลายครั้ง เขาก็ไม่ยอมพูดอะไร สุดท้ายผมจึงต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นจนได้
   “เดินไปทางโน้นกันเถอะ” ผมว่า แล้วเดินนำเขาไป สุภาพงษ์เดินตามผมมาติดๆ ระหว่างนั้นเราก็สวนกับกลุ่มคนจำนวนมากพอสมควร อาจจะเป็นคณะทัวร์ก็ได้ ผมกลัวจะพลัดหลงกับเขาเลยรีบหันซ้ายหันขวา ระหว่างนั้นเองที่มือข้างหนึ่งยื่นมาคว้ามือของผมไว้
   “พี่นิต ไปทางโน้นกันเถอะครับ คนไม่ค่อยเยอะ” สุภาพงษ์พูดแล้วจูงผมแยกไปอีกทางหนึ่ง ตรงนั้นเป็นกรงนก ผมไม่อยากดูนกแต่จำต้องเดินตามเขาไป เพราะเขาจับมือผมไว้... เขาจับมือผมแบบไม่ไถ่ไม่ถามอีกแล้วล่ะ แถมไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยซะด้วย
   อืม... แต่คนมันเยอะนี่นะ จับมือกันไว้ก็ดี จะได้ไม่ต้องหลงแล้วมาหากันตอนหลัง คงลำบากน่าดู
   ดังนั้นผมจึงปล่อยให้เขาจับมือไว้แบบนั้น ไว้เขาอยากปล่อยเมื่อไหร่ก็ค่อยปล่อยแล้วกัน
   สุภาพงษ์พาผมเดินผ่านกลุ่มคน ผ่านม่านโซ่เหล็ก เข้ามาในกรงนกขนาดใหญ่ ผมว่าผมเห็นไก่ป่าเดินผ่านไปด้วยนะ ที่จริงพอเข้ามาในนี้ก็รู้สึกเย็นดี เพราะมีต้นไม้ขึ้นอยู่ครึ้มไปหมดล่ะมั้ง
   พอดีในกรงนกส่วนนี้ไม่มีคน ผมเลยยังไม่รู้สึกอะไรกับมือที่จับกันอยู่ เราเดินตามทางไปเรื่อยๆ ได้เห็นทั้งนกทั้งไก่ป่า มีทั้งเดินอยู่ตรงพงไม้ด้านข้าง หรือกระทั่งบินผ่านหน้าไปเลยก็มี
   ผมเดินจับมือกับเขาจนกระทั่งออกมาจากกรงนก บังเอิญตอนแหวกม่านโซ่เหล็กออกไป มีเด็กผู้หญิงอายุสักสามสี่ขวบวิ่งพุ่งตรงเข้ามาแล้วทำท่าจะหกล้มเพราะสะดุดบันได ผมเลยรีบยื่นมือไปคว้าตัวเอาไว้
   “ไม่เป็นไรนะ” ผมพูดปลอบเด็กหญิงที่ยังทำท่างงๆ อยู่ สักพักก็เห็นแม่เขาวิ่งตามเข้ามา แล้วบอกของคุณและขอโทษขอโพยผมเป็นการใหญ่ ผมก็บอกไม่เป็นไร จากนั้นพวกเราก็เดินออกมาต่อที่ส่วนจัดแสดงนกฟลามิงโก ผมก็ชักรู้สึกเมื่อยขึ้นมา พอดีกับเห็นป้ายว่ามีโชว์นกแก้วแสนรู้ เลยหันไปชวนสุภาพงษ์อีก “เข้าไปดูโชว์นกกันเถอะ”
   สุภาพงษ์พยักหน้า แล้วเดินตามผมไป อืม.. เขาไม่ได้จับมือผมแล้วล่ะ ดีเหมือนกัน เพราะให้เขาจับมือ ผมรู้สึกเหมือนเป็นคนแก่อายุหกสิบเจ็ดสิบที่ต้องมีลูกหลานจูงมือเวลาเดินไปไหนมาไหนยังไม่รู้
   นกแก้วที่เอามาโชว์แสนรู้จริงๆ แรกๆ ยังไม่เท่าไหร่นะ หลังๆ นี่ ทำเอาคนอย่างผมพลอยตื่นตาตื่นใจไปด้วย จนกระทั่งต้องควักเงินออกมาจ่ายเป็นค่าทิปให้นกตอนจบโชว์ แหม.. แต่นกมันฉลาดจริงๆ นี่นา แอบนึกอยากจะเลี้ยงไว้ที่บ้านสักตัวนะเนี่ย แต่ผมเกิดนึกได้ว่า เจ้านกพวกนี้เวลาร้องแล้วเสียงดังหนวกหูน่าดู นอกจากอาจจะเป็นที่รำคาญของเพื่อนบ้านแล้ว อาจจะกลายเป็นการกวนประสาทผมเวลาเขียนหนังสือด้วย เพราะฉะนั้น ผมฝากไว้ที่สวนสัตว์ก่อนก็แล้วกัน ไม่เปลืองค่าเลี้ยง ไม่หนวกหู ไว้ผมอยากดูอีกเมื่อไหร่ ค่อยมาก็ได้ แบบนี้สะดวกและเข้าท่ากว่าเยอะเลย
   สุภาพงษ์นั่งเงียบอยู่ข้างผมระหว่างดูโชว์นก ตอนแรกๆ ผมก็ชวนเขาคุยบ้างหรอก แต่เห็นเขาไม่ค่อยคุยอะไรตอบ หลังๆ เลยหันไปให้ความสนใจกับนกแทน อืม.. เจ้านกพวกนั้นดูจะดึงสายตาผมจากเขาได้ดีมาก แต่พอออกจากลานแสดงโชว์ ผมก็เผลอหันไปมองเขาอีกแล้ว เผอิญจริง ที่เขาก็หันมาหาผมพอดี
   เราสองคนกะพริบตาปริบๆ ผมกำลังจะอ้าปากพูด แต่เหลือเชื่อ เขาดันออกเสียงมาได้ก่อน “พี่นิต... โชว์สนุกนะครับ”
   “อือ” ผมได้แต่ส่งเสียงตอบไป พลางนึกว่าผมบอกเขาว่าสนุกตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว เขาเพิ่งจะรับรู้หรือไงนะ สุภาพงษ์เงียบไปพักหนึ่ง ก็พูดขึ้นต่อ “เพื่อนผมบอกว่าที่สิงคโปร์ยังสู้ที่นี่ไม่ได้เลย”
   “อืม.. ผมว่าคนไทยเก่งที่สุดอยู่แล้วล่ะ” ผมตอบ “ไปดูอะไรกันไกลๆ ถึงต่างประเทศ แค่เมืองไทยก็มีให้ดูสารพัดแล้ว”
   “ครับ” เขาพยักหน้า แล้วยิ้มนิดๆ อืม... เขาเป็นโรคริมฝีปากยกได้ไม่เกินห้ามิลฯหรือไงนะ จะยิ้มก็ช่วยยิ้มให้กว้างกว่านี้หน่อยสิ แต่ผมอยากขอไว้อย่าง ยิ้มแล้วไม่ต้องหันมามองผม เพราะผมอยากมองหน้าเขาตอนยิ้ม ไม่ได้อยากมองตอนเขายิ้มให้ผมน่ะ
   ผมกลัวเขาจะเห็นสายตาผม เดี๋ยวจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่
   เนื่องจากขอให้เขาเลิกยิ้มให้ผมไม่ได้ ดังนั้น.. ผมเลยต้องพยายามหาประเด็นอื่นมาหยุดรอยยิ้มและสายตาเดาไม่ได้ของเขา เผอิญว่าท้องมันร้องขึ้นมาพอดี ผมเลยทำเนียนถามเขาไป “กี่โมงแล้วน่ะ?”
   เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู แล้วตอบผม “จะบ่ายแล้วครับ ทานข้าวกันไหมครับ?”
   ผมรีบพยักหน้าทันที จากนั้นก็นำผมมาจนถึงร้านขายไก่ทอดยี่ห้อฝรั่ง แย่ล่ะสิ.. ผมทานไอ้ของพวกนี้ไม่เป็นเสียด้วย พอเห็นว่าเขาทำท่าจะเดินดิ่งเข้าไป ผมก็รีบดึงเสื้อเขาไว้ “สุภาพงษ์ ร้านอื่นไม่มีหรือ?”
   เขาหันกลับมา มองผมอยู่พัก จากนั้นก็พูดขึ้นต่อ “เหมือนจะมีโรงอาหารอยู่อีกที่มั้งครับ เดี๋ยวลองเดินหาดูก็แล้วกัน”
   ผมยอมหิ้วท้องหิวๆ เดินตามหาอาหารอย่างอื่นกับเขา เพราะกลัวว่านอกจากจะเสียค่าอาหารแพง ยังจะทานไม่เป็นอีกด้วย โชคดีว่ามีเพิงขายพวกข้าวผัดอยู่ห่างไปไม่มาก ผมเลยได้ทานอาหารราคาประหยัด และยังทานได้ไม่ลำบากใจอีกด้วย
   สุภาพงษ์ทานเสร็จก่อนผม ผมเห็นแล้วล่ะว่าเขาวางช้อนส้อม ทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง แต่พอผมเงยขึ้นมอง เจ้ากาสีดำตัวหนึ่งก็บินโฉบลงมา แล้วจิกเศษอาหารในกล่องข้าวของเขาอย่างไม่เกรงใจว่ามีมนุษย์สองคนนั่งจ้องอยู่ เราสองคนมองเจ้ากาตัวนั้นอึ้งๆ ก่อนที่สุภาพงษ์จะยกมือไล่มันออกไป
   “คุ้นคนดีนะ” ผมออกความเห็น เขามองผม แล้วพูดต่อ “ครับ คุ้นมากเลย”
   ยังไม่ทันขาดคำ มันก็บินกลับมาอีก คราวนี้หันมาเล่นงานจานผมที่ยังทานไม่เสร็จ สุภาพงษ์รีบยกมือปัดเป็นพัลวัน พลางทำหน้าโมโหนกซะด้วย ผมเลยพูดบอกเขาไป “ไม่เป็นไรหรอก ผมทานจะเสร็จแล้วน่ะ”
   “อือ ครับ” สุภาพงษ์ผงกศีรษะ จากนั้นก็เม้มปากเป็นเส้นบางอีก ผมว่าเขาคงนึกอยากจะพูดอะไรแน่ๆ เลยนั่งรอฟัง สักพักเขาก็พูดออกมาจริงๆ “พี่นิต... ไปปั่นเรือเป็ดกันนะ”
   ผมเกือบจะหลุดปากไปแล้วว่า อายุรุ่นเขากับผม ไม่น่าเล่นปั่นเรือเป็ดกันแล้วล่ะ แต่เพราะเห็นเขาทำหน้าจริงจังอย่างกับจะชวนผมไปขับเรือรบ ผมเลยเผลอพยักหน้าไป “อืม ไปสิ”
-------------------------------------------------------
   และแล้ว ผมก็ได้มาปั่นเรือเป็ดตอนอายุสี่สิบห้า โดยมีคนปั่นเป็นเพื่อนอายุสามสิบสี่ ศิริรวมอายุสองคนรวมกันก็เจ็ดสิบเก้าพอดี เลขสวยเสียไม่มีล่ะ ผมแทบจะมั่นใจเลยว่า ไม่มีเรือลำไหนในบริเวณนี้ จะสู้อายุพวกเราสองคนได้อีก ต่อให้เป็นคู่พ่อลูกหรือสามีภรรยาก็เถอะ เพราะลำผมน่ะ รุ่นพ่อกับรุ่นลุงเลยล่ะ
   เริ่มปั่นมาได้หน่อย ผมก็เห็นพ่อลูกคู่หนึ่ง ปั่นเรือเป็ดกันอยู่ คนพ่อน่ะอายุพอๆ กับคนนั่งข้างผมเลยล่ะ อดไม่ได้ต้องหันมาคุยกับเขา “สุภาพงษ์ นี่ถ้าคุณแต่งงานนะ ลูกคุณต้องโตพอจะมาปั่นเรือเป็ดเล่นกับคุณได้แน่”
   สุภาพงษ์มองผม จากนั้นก็พูดตอบ “ผมแต่งงานไม่ได้หรอกครับ”
   “อ้าว ทำไมล่ะ?” ผมถามอย่างแปลกใจ เขามองผมอีกสักพัก จากนั้นก็เม้มปาก “กฎหมายไทยยังไม่รองรับการแต่งงานแบบผมน่ะครับ”
   “เอ๋?” ผมยังสงสัยต่อ อย่างคนไม่ได้นึกเอะใจอะไร “ไม่รองรับอะไรน่ะ?”
   สุภาพงษ์มองหน้าผม จากนั้นก็สูดหายใจลึก “ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับการแต่งงานของเพศเดียวกันน่ะ”
   ผมเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง รีบพยักหน้าทันที “อืม... คนเพศเดียวกันแต่งงานกันไม่ได้หรอก”
   “พี่นิต....”
   โอย... ผมล่ะเสียดายจริงๆ ที่เขาเป็นเกย์ หน้าตาอย่างเขาถ้ามีภรรยา ต่อให้หน้าตาไม่ดีเท่าไหร่ ก็น่าจะมีลูกน่ารักๆ ออกมาล่ะนะ ปัญหาคือเขาเป็นเกย์ แล้วต้นเหตุที่ทำให้เขาเป็นน่ะ... อาจจะเป็นผมก็ได้
   แค่นึกก็รู้สึกผิดขึ้นมาแล้ว
   ขณะที่กำลังนึกว่า ผมควรจะทำใจกับเรื่องนี้ยังไงดี สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นต่อ “พี่นิตครับ”
   “หืม?”
   “เรียกผมว่าโจเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้หรือครับ”
   เอ่อ... สารภาพตามตรงเลยนะ ผมจำไม่ได้หรอกว่าเคยเรียกเขาแบบนั้น แต่อันทีจริงถึงจำไม่ได้ ผมก็เอามาเป็นข้ออ้างในการจะเรียกชื่อเต็มเขา ทั้งๆ ที่เขาขอให้เรียกชื่อเล่นถึงสองครั้งไม่ได้หรอก ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมกลับรู้สึกว่าถ้าเรียกออกไปแล้ว มันอาจจะเกิดเรื่องเข้าใจผิดทางความรู้สึกกันก็ได้
   “อืม... ผมไม่ถนัดน่ะ” ผมตอบไป เขามองหน้าผม ทำหน้าเหมือนเสียใจนิดๆ เอาล่ะสิ... เขาน่ะไม่ค่อยแสดงอาการทางสีหน้าแบบชัดเจนหรอกนะ แต่แค่นิดๆ ก็ทำเอาผมใจอ่อนยวบอีกแล้ว
   “อืม.. โจ”
   “ครับ” เขารีบรับคำแล้วยิ้มให้ผมทันที นั่นไงล่ะ เขายิ้มแล้วหล่อมากจริงๆ ด้วย แต่เขาดันยิ้มให้ผม แล้วผมจะแอบมองโดยไม่ให้เขารู้ตัวได้ยังไงล่ะ
   โอ๊ย ใจผมเต้นแรงอีกแล้ว....
   “พี่นิต...” เขาเรียกชื่อผม ผมเลยรีบก้มหน้าหลบ จากนั้นเขาก็ยื่นมือมา จับมือผมที่วางอยู่ข้างตัว ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นจนหูอื้อ เขาจับมือผมไว้อยู่พัก ก่อนจะค่อยๆ ผละออกไป ผมเลยเงยหน้าขึ้นมองเขา
   สุภาพงษ์ก้มหน้างุด เม้มปากหน่อยๆ แต่หน้าเขาน่ะ ผมว่าสีแดงเลยล่ะ ยิ่งทำเอาผมพลอยใจเต้นแรงเข้าไปอีก แต่ว่าเราปั่นเรือเป็ดกันอยู่ พอเขาก้มมองพื้นเรือแบบนี้ ผมคงใจเต้นมองเขานานๆ ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเรือมันจะไปชนเอาตลิ่ง หรือลำอื่นเอาน่ะสิ พอนึกขึ้นได้ ผมก็รีบเงยหน้าขึ้นทันที พอดีกับเห็นตลิ่งอยู่ตรงหน้า ผมเลยรีบเลื่อนมือไปขยับหางเสือเรือ เพราะกลัวมันจะชนตลิ่งเอา สุภาพงษ์ก็คงเงยหน้าขึ้นมาแล้วคิดเหมือนกันกับผมล่ะมั้ง แต่เผอิญผมจับคันขยับหางเสือได้ก่อน มือของเขาเลยจับลงบนมือผมอีกที
   “พี่นิต ปั่นถอยหลังเถอะครับ!” สุภาพงษ์พูดออกมา ขณะที่ผมเห็นแล้วว่าท่าทางจะชนแน่ๆ เราสองคนช่วยกันปั่นถอยหลังเต็มที่ สุดท้ายก็พ้นตลิ่งออกมาจนได้ เขากับผมหันมองหน้ากัน จากนั้นเราก็หัวเราะออกมา เออ... ผมเพิ่งเห็นเขาหัวเราะนี่ล่ะ เขาหัวเราะแล้วดูมีเสน่ห์ขึ้นอีกจมเลย
   เฮ้อ... เป็นไปได้ก็อยากเห็นเขาหัวเราะอีกบ่อยๆ นะเนี่ย
   เราปั่นเรือเป็ดกันเสร็จก็เดินดูสัตว์ตรงนั้นตรงนี้จนเกือบๆ สี่โมง ผมก็ชวนเขากลับ เราแวะทานอาหารกันระหว่างทาง แล้วเขาก็มาส่งผมที่บ้าน
   “โจ วันนี้ขอบใจนะ” ผมพูดหลังจากลงจากรถเขาแล้ว สุภาพงษ์พยักหน้า จากนั้นก็ยิ้มอีก “ไม่เป็นไรครับ พี่นิต”
   ผมมองรอยยิ้มของเขาอย่างอึ้งๆ อยู่พัก ก็พูดตอบไป “ขับรถกลับดีๆ นะ”
   “ครับ” เขารับคำ จากนั้นก็พูดขึ้นอีก “เดี๋ยวศุกร์ที่จะถึง ผมจะมาช่วยชาร์ตแบ็ตโทรศัพท์นะครับ”
   ผมเพิ่งนึกถึงเจ้าเครื่องมือรบกวนความเป็นส่วนตัวที่เขาซื้อมาให้เมื่อคราวก่อน ซึ่งเป็นชนวนเหตุให้เขาต้องมาค้างที่บ้านผมได้ เลยรีบพูดออกไป “ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงผมก็ตั้งใจจะมาอยู่แล้ว” เขาตอบผมด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่สุด เจอแบบนี้ผมเลยไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่พยักหน้าตอบไป
   สุภาพงษ์ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสวย เขาบอกสวัสดีผม จากนั้นก็ขับรถออกไป
   ผมยืนอยู่หน้าประตู ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านของเพื่อนบ้าน แต่สิ่งที่ผมเห็นคือรอยยิ้มพิมพ์ใจของเขา
   โอย... ท่าทางผมจะแย่ซะแล้วสิ
-------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: meawza ที่ 21-10-2011 22:16:27
อ่านแล้วเขินแทนคุณพี่นิตเลยน่ะเนี่ย
พ่อโจก็ อ้ำๆอึ้งๆ แต่ปากน่ะ
แต่มือนี่จับเอาจับเอา หึหึ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 21-10-2011 22:17:53
พี่นิต  กะ  น้องโจ  ฮิ้วววววคืบหน้าอีกหน่อยหล่ะ
เชียร์นะน้องโจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 21-10-2011 22:19:41
 :really2:โอ๊ยยย..............ลุ้นจนเหนื่อย
ช่างเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ดีแท้นะพ่อหนุ่ม  แล้วจะได้......กันไหมนี่  :เฮ้อ:!!!!

เราก็จะรอแต่ไป :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 21-10-2011 22:34:30
อ่านไปลุ้นไป กลัวว่าพี่นิตจะเขินจนตกน้ำ 555+
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 21-10-2011 22:50:57
อ่านเเล้วกลัวพี่นิตเขินจนเป็นลม
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 21-10-2011 22:54:11
ชอบเรื่องนี้มากกกกก คุณพนิตน่ารักอ่ะ! คนอาไร้ ทำมึนเรื่อยเลย ฮ่าๆ จะดูว่าจะทำมึนไปอีกสักเท่าไหร่ โดนรุกคืบเข้ามาเรื่อยแล้วน้อ :o8:

ขอบคุณคุณจูออนนะคะ ชอบผลงานคุณตั้งแต่สแตร์แล้ว แล้วก็ตามไปเม้นให้คงฉ่วย ปรากฏเล้าล่ม หายไปเลย ยาวด้วย  :sad4:

ไม่เป็นไร มาโผล่เรื่องนี้แทน ตอนนี้กลั้นยิ้มไม่ไหว น่ารักจริงๆค่ะ แล้วมาต่อไวๆนะคะ :L2:

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: กระต่ายชมจันทร์ ที่ 21-10-2011 22:54:26
รู้สึกหัวใจทำงานหนักแทนคนแก่จังเลยค่ะ 555+

เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ แต่ก็อบอุ่นดีค่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 21-10-2011 22:56:21
จีบคนแก่นี่ลำบากเนอะ  รุกแรงก็ไม่ได้  เดี๋ยวหัวใจวาย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 21-10-2011 23:52:14
ค่อยไปทีละนิดๆ แต่น่ารักอะ น่ารักมากกก
อร๊ายยยลุ้นกับความสัมพันธ์คู่นี้สุดๆ
ปล.ชอบตรงโรคริมฝีปากยกได้ไม่เกินห้ามิลฯ ฮาาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 21-10-2011 23:53:58
ก้าวหน้าไปอีกนิด แบบกระดึ๊บๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 22-10-2011 00:05:16
รู้สึกเหมือนคุณพนิตเลี้ยงหมาน้อยเลยน้า

พอให้ของ หรือเล่นด้วยก็ดีใจ

พอไม่สนใจก็หง่อยๆ

อย่าแกล้งคุณโจมากซิค่า :impress3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 22-10-2011 01:03:42
อ่านไปก็ยิ่งรู้ว่าคุณโจน่ารักน่าหยิกมากมาย ขี้อายมาเชีียว
ส่วนคุณพนิตก็ขี้แกล้ง...ล่ะมั้ง ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 22-10-2011 01:24:32
ออกแนวกระดึ้บๆจนโดนขโมยหอมแก้มไปแล้ว= =

เหอๆ

อยากอ่านผีเสื้อต่อจังค่า

/โดนเตะข้อหานอกเรื่อง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจัง ที่ 22-10-2011 02:41:05
 :n1:

ค่อยๆจีบ ค่อยๆรักกันเนอะ

คุณพนิตช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 22-10-2011 09:14:36
ฮุ ฮุ รุ่นนี้เค้าไปเดทกันที่เขาดิน น่ารักจริง
น้องโจค่อยคืบจริงๆ ระวังพี่นิตจะหง่อมก่อนได้รักกันนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 22-10-2011 11:50:18
ชอบที่คุณสุภาพงษ์เรียกคุณพนิตว่าพี่นิต น่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 22-10-2011 12:20:08
 :-[ มาดูเค้าจีบกัน  :-[

ตรงนี้นิดนึงจ้า
ผมก็ได้มาปั่นเรือเป็ดตอนอายุสี่สิบห้า โดยมีคนปั่นเป็นเพื่อนอายุสามสิบสี่ ศิริรวมอายุสองคนรวมกันก็แปดสิบเก้าพอดี >> เจ็ดสิบเก้ารึเปล่า

อ่านตอนแรกไม่เห็นอายุคุณพนิต เอา 89-34= ตกใจคุณพนิตห้าสิบห้ารึนี่  o22
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 22-10-2011 14:28:28
คุณพนิตกำลังมีความรักหรือเปล่า เลยชักอยากจะใส่เสื้อมีสีสันขึ้นมาบ้าง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 22-10-2011 15:38:10
ฮิ้ววววววววววววววววววววววววววววววว
มีเดทกันด้วยแหละ   กรี้ดๆๆๆ เขินแทนทั้งพี่นิต ทั้งโจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 22-10-2011 18:58:47
เคยคิดว่าคุณสุภาพงษ์ไม่ค่อยก้าวหน้าเรื่องรุกจีบคุณพนิตสักเท่าไร
แต่ได้อ่านตอนนี้แล้ว ขอเปลี่ยนความคิด คุณน้องโจ เธอรุกเงียบ และ คืบหน้าอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง
คาดว่ากว่าคุณพนิตจะรู้ตัว คุณโจก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปซะแล้ว เนียนค่ะ.. เนียน ...  :give2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 22-10-2011 19:00:33
:-[ มาดูเค้าจีบกัน  :-[

ตรงนี้นิดนึงจ้า
ผมก็ได้มาปั่นเรือเป็ดตอนอายุสี่สิบห้า โดยมีคนปั่นเป็นเพื่อนอายุสามสิบสี่ ศิริรวมอายุสองคนรวมกันก็แปดสิบเก้าพอดี >> เจ็ดสิบเก้ารึเปล่า

อ่านตอนแรกไม่เห็นอายุคุณพนิต เอา 89-34= ตกใจคุณพนิตห้าสิบห้ารึนี่  o22

ฮ่าๆ ในที่สุดก็มีคนทักจนได้ บวกผิดจริงค่ะ เพิ่งนึกได้หลังอัพไปแล้ว เดี๋ยวแก้ให้นะคะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 22-10-2011 20:13:21
อร๊ายยยยยยยย

ไปเดทกันที่สวนสัตว์แถมยังมีจับมือเดินอีกต่างหาก

ตอนปั่นเรือเป็ดลุ้น โจให้บอกความรู้สึกกับพี่นิต  สุดท้ายก็แป่ววววว

แต่ไม่เป็นไรโอกาสหน้ายังมี   :o8:    :o8:   :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 22-10-2011 21:36:37
 เดทกันที่สวนสัตว์ :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 23-10-2011 09:50:39
น่ารักทั้งคู่จริงๆ :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 23-10-2011 14:14:35
น่าจะแย่จริง ๆ นั่นล่ะคุณนิต ^///^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 23-10-2011 14:28:07

เนียนน มาแบบเนียนเลยนะคุณโจ
เรียกชื่อกันแล้ว จั๊กกะจี้หัวใจดีจัง
แอบลุ้นแบบเงียบ เนียนๆอย่างเขามั่ง
+1 ให้นะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: pak_kikkok ที่ 23-10-2011 14:30:45
ฮ่าาาาาาาาาา หลังจากคุณพนิตใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมานานนับสิบปี :m15:
ตอนนี้ก็กลายเป็นว่าชีวิตอันแสนเรียบง่ายและสงบสุขของคุณพนิตจะเลือนหายไปตั้งแต่คุณสุภาพงษ์เข้ามาเลยนะคะเนี่ย
ไม่ไหวแล้ว อ๊ายยยย น่ารัก!
ฮ่าฮ่า ปกติอยู่บ้าน หยิบอะไรได้ก็ใส่อันนั้นไม่ใช่เร้อออ วันนี้มาแปลก แต่งตัวซะงามปานจะไปออกงาน ฮ่าฮ่า><(แซวๆ)

ก็น้าาาา มีอีกคนอยู่ด้วยนี่นา เนอะเอิ้กๆๆ สุดท้ายก็ตกลงปลงใจไปเที่ยวสวนสัตว์
โอ๊ะ มาน่ารัก! อ่านตอนนี้ บิดไปบิดมาจนตัวจะเ็นเกลียวแล้วล่ะค่ะ

กั้งมาทีไร เป็นเรื่องทุกที ฮ่าฮ่า แอบชอบเวลาโจโกรธเหมือนกันนะ
เพราะเป็นอารมณ์ที่ไม่ค่อยได้เห็นจากโจเท่าไหร่ฮ่าฮ่า
แต่เวลาโจอยู่กับพี่นิตก็น้า...ปากไม่พูดแต่มือนี่ถึงตลอด ฮ่าาา o13

มีแอบเนียนจับมือพี่นิตตลอดเวลาอ่ะโจอ่ะ!!!><
แต่พี่นิตเองก็เนียนให้เค้าจับอยู่ได้นานสองนานเนอะ!(แรงพอกัน..ว่าง่ายๆ ฮ่าฮ่า)

โอ๊ยยย น่ารักไม่ทนแล้วล่ะค่ะคู่นี้ :serius2:

ปล.จริงๆแล้วพี่นิตไม่น่าจะระวังเนื้อระวังตัวขนาดนั้นเล้ยยยย
โจชวนขึ้นห้องก็ขึ้นเลยสิ...จะห่วงทำไมก็ผู้ชายเหมือนกัน ฮ่าาาา(กรี๊ดดดดดด) :really2: (โดนพี่นิตกระโดดถีบขาคู่) :z6:
แต่พี่นิตจะถีบไหวเหรอ แรงวิ่งจะมีหรือเปล่า? :beat:


ปล.ของ ปล. คุณสุภาพงษ์นี่ก็ตรงไม่ไหวจะเคลียร์...ก็นะ..ยอมรับเลยว่าตัวเองเป็นเกย์ ฮ่าฮ่า
ที่ไม่แต่งงานสักทีก็คงรอพี่นิตอยู่ล่ะม้างงงงงงงงงงงงงง อิอิ


สุดท้าย..โกรธตัวเอง เมื่อวานก็เข้ามาเช็คเรื่องนี้ แต่ทำไมมองไม่เห็นว่าคุณ juon มาอัพแล้ว..ฮือฮือฮืออออ :sad4:
แต่มาช้าดีกว่าไม่มานะคะ...คอยดูจะเข้ามาเช็คเรื่องนี้ทุกวันเล้ยยย!!!


เป็นกำลังใจให้กับคนที่บ้าน้ำท่วมเช่นกันค่า


จุดธูปรอเรื่องนี้ต่อไป :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 24-10-2011 01:42:00
ฮิ้ววววววววว น้องโจแอบเนียนจับมือพี่พินิตมาแต่เด็กแล้วนี่เอง
ตอนนี้ก็เลยเนียนจับมือบ่อย :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: lunar ที่ 24-10-2011 10:56:31
อ่านรวดเดียวจบ 6 ตอน
ทั้งๆ ที่เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรตื่นเต้น หวือหวา
เรื่อยๆ มาเรียงๆแต่อ่านแล้ว....

มีความสุขมากกกกก อ่านไป ยิ้มไป
อารมณ์ประมาณอ่านไป ดูดหวานเย็นไปด้วย

 :call: :call: :call:

 :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 24-10-2011 15:12:07
ใครเป็นพี่นิตไม่ใจแกว่งก็แปลกไปแล้วโดนหนุ่มโจยิ้มหวานจ๊อยใส่ ใจละลายละค๊า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 25-10-2011 19:47:47
โอ้ว...ว...ว...
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คืบหน้าไปไว.....เท่าเต่าคลาน!!!

คุณสุภาพงษ์เค้ารุกได้หนักแน่นจริง ๆ แต่คุณพนิตเธอก็แสนจะอ่อนเดียงสา
ขนาดคุณากรมาช่วยเร่งปฏิกิริยาแล้ว  มันก็ยังไม่ไปถึงไหนสักเท่าไรเลย
แต่งานนี้  คุณากรเป็นยอดคุณเพื่อนเลยค่ะ  กด like!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก6(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P5:21/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 30-10-2011 21:22:20
** ยังคงเป็นผู้อพยพเป็นสัปดาห์ที่สาม ได้เห็นภาพบ้านแล้ว.... เฮ้ย เข้าในบ้านแค่ใต้เข่า (ผู้ใดแอดเฟสบุ๊กข้าพเจ้า อัญเชิญไปดูเอาไว้เตรียมใจได้)

ตอนนี้คุณพนิตไม่ได้ลุยน้ำล่ะ... แต่... แอร๋ยยย ไปอ่านเองล่ะกานนนน   :-[ (อากาศบ้านนี้ร้อน... เก้าอี้ก็ไม่ถนัด ไหล่จะพัง ลุ้นแต่ข่าวน้ำท่วม สมองไม่สามารถเขียนเรื่องซับซ้อนใดๆ ได้ในขณะนี้<<แปลว่าเรื่องอื่นรอไปก่อนนั้นแล... :o8:

----------------------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่7
   ภาพรอยยิ้มของสุภาพงษ์ประทับใจผมก็จริง เรื่องที่เขาชวนไปเที่ยวสวนสัตว์ก็ทำเอาผมมีความสุขไม่น้อย แต่ทุกข์กองใหญ่รอผมอยู่ เพราะพอตื่นขึ้นมาเห็นกระดาษที่คาอยู่ในเครื่องพิมพ์ดีด ที่เพิ่งมีเนื้อหาแค่สี่บรรทัด ผมก็แทบจะยกมือตบหน้าผาก
   โยนเรื่องสวนสัตว์กับรอยยิ้มของสุภาพงษ์ทิ้งไปก่อนแล้วกัน เพราะเท่าที่จำได้ กำหนดส่งต้นฉบับของตอนนี้เหลืออีกไม่กี่วันเองนี่นา...
   แล้วผมจะอ้างได้ไหม ว่าที่ส่งต้นฉบับช้า เพราะมัวแต่ไปเที่ยวกับบรรณาธิการน่ะ....
   อืม.. ผมไม่รู้หรอกว่าสุภาพงษ์จะยอมให้ผมอ้างรึเปล่า แต่โชคดีที่ผมยังมีจิตสำนึกพอ ไม่ได้แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน เพราะอย่างนั้น ต้นฉบับพ่อกระแตรอบนี้ ผมต้องพยายามส่งให้ตรงตามกำหนดให้จงได้
   กำหนดส่งต้นฉบับเรื่องนี้ของผมคือวันที่แปดละยี่สิบของทุกเดือน ยกเว้นเดือนกุมภาพันธ์กับธันวาคมที่อาจจะต้องเลื่อนส่งท้ายเดือนให้เร็วหน่อย ซึ่งสองเดือนที่ว่านั้นก็ยังมาไม่ถึง เพราะผมเพิ่งเริ่มทำงานกับสุภาพงษ์เดือนสาม และตอนนี้ก็ยังไม่สิ้นปี แต่ถึงไม่เร่งส่ง ตอนนี้ผมก็แทบจะคิดเรื่องส่งไม่ทันแล้ว
   ผมเดินไปหยิบปฏิทินมา เพื่อจะทำเครื่องหมายวันส่งต้นฉบับเอาไว้เป็นการเตือนตัวเอง รอบนี้ตรงกับวันศุกร์ ผมวงแล้วก็ตั้งเอาไว้ที่โต๊ะพิมพ์ดีด เพื่อจะได้กระตุ้นตัวเอง จากนั้นก็พยายามเพ่งสมาธิกับกระดาษในเครื่องพิมพ์ดีด ที่เพิ่งมีเนื้อหาอยู่แค่สี่บรรทัด
   แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังนึกเรื่องพ่อกระแตไม่ออก เพราะพอนึกทีไร ใจผมมันพาลจะนึกไปถึงรอยยิ้มของสุภาพงษ์ทุกที อืม... นี่ถ้าผมเขียนต้นฉบับส่งเขาไม่ทัน ผมก็อยากจะโทษว่าเป็นความผิดของเขาขึ้นมาแล้วล่ะ ผมนั่งอยู่พัก ท่าทางจะไม่ได้เรื่อง เลยลองลุกขึ้นเดินไปเดินมาบ้าง ตอนที่เดินผ่านโต๊ะวางโทรศัพท์ก็เห็นโทรศัพท์มือถือที่เขาซื้อให้วางเอาไว้พอดี อืม... สุภาพงษ์บอกว่าจะมาชาร์ตแบ็ตเตอรี่ให้ช่วงวันศุกร์นี่นา
   วันศุกร์!
   ผมเข้าใจความหมายของคำว่า “ตั้งใจจะมาอยู่แล้ว” ของสุภาพงษ์ได้ในวินาทีนั้นเอง จริงสิ วันนั้นมันวันส่งต้นฉบับของผมนี่นา เขาคงแน่ใจว่าผมคงส่งต้นฉบับเลทอีกแน่ๆ ถึงได้พูดแบบนั้นออกมา
   ทำไงได้ เขาเป็นบรรณาธิการ ผมเป็นนักเขียนที่เขียนเรื่องให้เขานี่ ความสัมพันธ์ควรจะเป็นยังไง ตัวผมที่อายุปาไปตั้งสี่สิบห้าควรจะรู้ดีกว่าใครอยู่แล้ว
   พอรู้ว่าสุภาพงษ์จะมาเพราะต้นฉบับ สมองผมก็เลิกคิดถึงเรื่องรอยยิ้มของเขาได้ทันทีทันใด หลังจากเดินออกไปดูนั่นดูนี่ในสวนได้สักพัก เรื่องของพ่อกระแตก็ค่อยๆ ไหลเข้ามาในหัวของผม ผมรีบเดินกลับเข้าไปบ้าน ตรงไปยังเครื่องพิมพ์ดีด จัดการพิมพ์เนื้อหาต่อจากของเดิมที่ค้างไว้
   พ่อกระแตตัดสินใจหอบลูกเมียหนีออกจากบ้านหลังนั้นแล้ว....
   ดูซิว่าถ้าผมมีต้นฉบับส่งก่อนวันศุกร์ สุภาพงษ์ยังจะอยากมาบ้านผมอยู่อีกไหม.....
------------------------------------------------
   เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจในรอบหลายเดือน ไม่ต้องรอให้ถึงวันศุกร์ ผมก็มีต้นฉบับตอนล่าสุด เสร็จพร้อมจะส่งเรียบร้อยแล้ว แถมยังพิมพ์เนื้อหาของตอนต่อไปรอไว้อีกหลายหน้าด้วย ดังนั้น พอถึงวันพฤหัสฯ ผมก็ตัดสินใจว่าจะจับรถ เอาต้นฉบับไปส่งที่สำนักพิมพ์
   แต่ตอนที่กำลังจะปิดประตูบ้าน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมเลยต้องผละมือจากกุญแจบ้าน เดินเข้าไปรับโทรศัพท์ พลางนึกสงสัยว่า ใครหนอโทรมา
   “ขอสายคุณพนิตครับ”
   เสียงฟังดูคุ้นๆ เหมือนกัน แต่ผมนึกไม่ออกว่าเสียงใคร ก็เลยถามกลับไป “พูดสายอยู่ครับ ใครหรือ?”
   “ผมกั้งนะครับคุณพนิต น้องที่เคยหอมแก้มคุณวันก่อนนะ”
   อืม.... เขาไม่ต้องใช้ประโยคขยายความขนาดนี้ผมก็พอจะนึกหน้าเขาออกแล้วล่ะ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร เขาก็พูดขึ้นต่อ “คุณพนิต วันนี้คุณพนิตไม่มีธุระอะไรใช่ไหมครับ?”
   ผมมองซองใส่ต้นฉบับในมือ แล้วตอบเขาไป “ผมว่าจะไปส่งต้นฉบับน่ะ”
   “งั้นดีเลยครับ” เสียงปลายสายพูดตอบเร็วปรื๋อ “คุณพนิตรออยู่ที่บ้านนะครับ เดี๋ยวผมไปรับ เอามือถือที่ไอ้โจซื้อให้กับสายชาร์ตใส่กระเป๋าเตรียมไว้ด้วยนะ”
   “หา?” ผมร้องออกไปด้วยความงุนงง ได้ยินเสียงทางนั้นพูดต่อ “ตามนั้นแหละครับคุณพนิต แต่งตัวหล่อๆ นะครับ เดี๋ยวอีกยี่สิบนาทีผมคงถึงบ้านคุณ”
   พูดจบแล้วเขาก็วางสาย ทิ้งให้ผมนั่งอึ้งๆ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เพราะมือถือที่สุภาพงษ์ซื้อให้วางอยู่ตรงโต๊ะวางโทรศัพท์อยู่แล้ว ผมเลยหยิบขึ้นมา แล้วเดินไปหยิบสายชาร์ต จากนั้นก็เดินไปรื้อเอาถุงผ้าที่พับเก็บอยู่ในตู้เผื่อใช้ใส่ของอะไรออกมา ใส่ทั้งซองต้นฉบับและโทรศัพท์มือถือพร้อมสายชาร์ตลงไปในนั้น   ผมเก็บของเตรียมใส่ถุงผ้าเสร็จ ก็เดินมานั่งตรงเก้าอี้ยาว พลางนึกว่าทำไมคุณากรถึงโทรมาแบบนี้นะ หรือว่าจะวางแผนอะไรกับสุภาพงษ์อีก แต่ผมจะไปส่งต้นฉบับที่สำนักงานเขาอยู่แล้ว เขาจะลำบากให้คุณากรมารับผมทำไม ผมนั่งนึกๆ อยู่สักพัก ก็เห็นว่าท่าจะไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรแน่ๆ เลยหยิบรีโมทขึ้นมากดเปิดโทรทัศน์ดูพลางๆ เอาเถอะ เวลาส่งต้นฉบับมันพรุ่งนี้ ผมยังไม่รีบร้อนจะไปอะไรหรอก
   นั่งดูโทรทัศน์อยู่เพลินๆ เสียงบีบแตรรถก็ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก คิ้วขมวดเข้าหากันทันที ก่อนจะเดินไปดูตรงประตูบ้าน
   “คุณพนิต!” ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนสวมแว่นตากันแดดทรงวัยรุ่น ยืนโบกมือให้ผมอยู่หน้าบ้าน ตอนแรกผมยังนึกสงสัยว่าเจ้าหมอนี่เป็นใครกัน แต่พอเขาถอดแว่นออก ผมก็แทบจะร้องอ๋อทันที
   “รอเดี๋ยวนะ คุณกั้ง” ผมตะโกนตอบไป ก่อนจะเดินไปปิดโทรทัศน์ แล้วหยิบถุงผ้า ล็อกกุญแจบ้าน แล้วเดินไปหาเขา พอเห็นผมเดินไป คุณากรก็พูดขึ้นมาทันที “แหม.. ผมคิดว่าคุณพนิตจะชวนผมเข้าไปในบ้านซะอีก”
   ผมขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ “อ้าว ไหนคุณว่าจะมารับผมไง?”
   “ครับๆ” อีกฝ่ายตอบยิ้มๆ “ไว้วันหลังก็ได้ ขึ้นรถเถอะครับ”
   ผมมองหน้าเขาอยู่พัก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจก้าวขึ้นรถ “มีเรื่องอะไรน่ะ คุณกั้ง”
   คุณากรตอบผมยิ้มๆ “เดี๋ยวก็รู้ครับ คุณพนิต”
   ความจริงแล้วผมกับคุณากรไม่ได้สนิทอะไรกันมาก ผมเคยเจอเขาแค่สองครั้ง คราวแรกเขาเอาหนังสือของสุภาพงษ์มาขอลายเซนผม คราวก่อนเขาก็มาขอหอมแก้มผมอีก คราวนี้เขาโทรมาบอกให้ผมเตรียมนั้นเตรียมนี่ แล้วก็ไม่บอกผมอีกว่าจะพาไปไหน พูดให้ตรงแล้วสิ่งที่เขาทำอยู่นี่ค่อนข้างจะเสียมารยาทกับผมมากเลยล่ะ แต่เพราะผมไม่ค่อยสนิทกับเขา ก็เลยไม่อยากจะติงอะไร อีกอย่าง ท่าทางร่าเริงของเขาก็ทำเอาผมติไม่ออก เอาเถอะ เขาคงไม่หลอกผมไปทำอะไรบ้าๆ หรอก ผมอายุปูนนี้ สมบัติอะไรก็ไม่ค่อยมี ใครจะอยากพาไปทำอะไรนักหนา
   
   คุณากรขับรถมาจอดที่คอนโดฯแห่งหนึ่ง ผมมองแล้วก็รู้สึกคุ้นๆ เลยถามเขาออกไป “นี่คอนโดฯของสุภาพงษ์นี่”
   “ครับ แหม... คุณพนิตจำได้ด้วยหรือครับ โจมันคงดีใจแน่ๆ” คุณากรหันมาพูดตอบผมหน้าระรื่น ผมจ้องหน้าเขา แล้วพูดตอบไป “คุณกั้ง ผมกำลังจะไปส่งต้นฉบับที่สำนักงานของเขาอยู่แล้ว คุณพาผมมาที่นี่ทำไมน่ะ”
   “คุณพนิตกำลังจะออกไปหาไอ้โจหรือครับ?!” คุณากรพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจเกินเหตุ ผมเลยต้องตีหน้าเครียดใส่เขา “ผมจะไปส่งต้นฉบับเขา พรุ่งนี้ก็ถึงกำหนดแล้ว ผมไม่ได้จะไปหาเขา แค่จะไปส่งต้นฉบับ”
   “ครับๆ” คุณากรพูด แต่ก็ดูไม่ได้ทุกข์ไม่ได้ร้อนอะไรกับท่าทางขึงขังของผมเลย เขาจอดรถแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออก จากนั้นก็หันมาพูดอีก “ไปกันเถอะครับ ไปส่งต้นฉบับกัน”
   แล้วคุณากรก็ลงจากรถ ผมเลยต้องลงจากรถด้วย ทั้งๆ ที่ยังรู้สึกหงุดหงิดกับพฤติกรรมของเขาอยู่ จากนั้นเขาก็พาผมขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน
   เดี๋ยวก่อนสิ!!
   “คุณกั้ง” ผมพูดทันที พอเห็นเขาพามาที่ลิฟต์ “นี่อย่าบอกนะว่าคุณจะพาผมไปส่งต้นฉบับที่ห้องเขาน่ะ”
   “ก็อย่างนั้นแหละครับ” คุณากรตอบผมยิ้มๆ แต่ผมไม่ยิ้มด้วย ตีหน้าบึ้งใส่เขาไปอีกหนหนึ่ง “นี่ คุณกั้ง ผมไม่ได้มีหน้าที่จะต้องมาส่งต้นฉบับให้เขาดูถึงห้องหรอกนะ พวกคุณจะเล่นอะไรกัน หัดเห็นหัวผู้ใหญ่บ้างสิ ผมกลับล่ะ”
   พูดจบผมก็หันหน้า แล้วเดินออกมาทันที ผมว่านี่มันเกินไปแล้วล่ะ สองคนนี่วางแผนอะไรกันผมไม่รู้หรอก แต่จู่ๆ ก็พาผมมาส่งฉบับให้กับสุภาพงษ์ถึงห้อง นี่เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน เป็นแค่บรรณาธิการแล้วจะมีสิทธิ์ทำกับผมขนาดนี้หรือไง
   ผมจะกลับไปดูสัญญาว่าเหลือกับเขาอีกกี่เดือนกี่ตอน จะได้หาทางย้ายสำนักพิมพ์สักที!
   “เดี๋ยวก่อนครับ!” คุณากรเรียกผมเสียงหลง แต่ผมโมโหเกินกว่าจะหันไปมองหน้าเขาแล้วล่ะ ผมตั้งใจจะเดินออกมาทั้งอย่างนั้น แต่กลับถูกเขาฉวยมือเอาไว้ แถมดึงก็ไม่ออกซะด้วยสิ สุดท้ายผมก็ต้องหันหน้ากลับไป “อะไรอีกล่ะ?”
   คุณากรทำหน้าหงอยมองผม แล้วพูดเสียงเศร้า “ผมขอโทษนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น”
   ผมเขม่นตามองเขา เจ้าตัวช้อนตาจ้องตอบผม ทำท่าอ้อนซะด้วย อืม.... ทำกับผมแบบนี้ อ้อนไปผมก็ไม่ใจอ่อนหรอก พวกเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนี่…
   “ไม่ต้องส่งต้นฉบับก็ได้ครับ ผมแค่อยากให้คุณมาดูไอ้โจเฉยๆ มันไม่สบายหนักน่ะครับ ไม่ ผมเลยคิดว่าถ้าพาคุณมาแล้ว มันอาจจะดีขึ้นก็ได้”
   “เขาไม่สบายหรือ?” ผมถามออกไปอย่างลืมตัว “เป็นอะไรน่ะ”
   “ขึ้นไปดูก่อนเถอะครับ” คุณากรพูดด้วยสีหน้าจริงจัง จนผมอดใจหายไปด้วยไม่ได้ จากนั้นเขาก็จูงผมเข้าลิฟต์
--------------------------------------------
   ห้องของสุภาพงษ์อยู่ชั้นสิบเอ็ด เลขที่ห้องอะไรผมไม่เปิดเผยแล้วกัน เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา คุณากรพาผมมาถึงแล้ว แทนที่จะเคาะประตู กลับล้วงกุญแจขึ้นมาไขห้องเข้าไป จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่า พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันรึเปล่า เพราะคราวที่แล้วผมก็เจอคุณากรที่คอนโดฯของสุภาพงษ์ครั้งหนึ่งแล้ว แถมเหมือนเขาจะไปช่วยแต่งตัวให้สุภาพงษ์ในห้องด้วย
   “คุณกั้ง คุณกับสุภาพงษ์ พักอยู่ที่นี่ด้วยกันหรือ?”
   คุณากรที่กำลังปิดกุญแจอยู่ หันมามองผม ยิ้มพลางสั่นศีรษะ “เดี๋ยวนี้ไม่แล้วล่ะครับ”
   “อ้อ..” ผมส่งเสียงออกไป นึกในใจว่า ก่อนหน้านี้เขาคงจะอยู่ด้วยกันล่ะมั้ง อืม... ท่าทางพวกเขาสนิทกันดี คงเคยเป็นรูมเมทกันมาก่อนนั่นแหละ จากนั้นคุณากรก็ผลักประตูเข้าไป
   ห้องของสุภาพงษ์กว้างอยู่พอสมควร ผมเคยไปคอนโดฯของเพื่อนมาบ้าง เลยพอรู้ว่าเป็นแบบห้องแยก มีเคาน์เตอร์ครัวอยู่ด้านหน้า แล้วก็มีโซฟา จากนั้นก็เป็นประตูห้อง... อืม ห้องเขาไม่ได้รกอะไรหรอก มีแต่หนังสือวางอยู่เป็นแถวๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นนิตยาสารในเครือของเขานั่นแหละ
   สุภาพงษ์นอนอยู่ที่โซฟา พอได้ยินเสียงเปิดประตูก็ส่งเสียงเหมือนคนคัดจมูก “มาทำไมอีกน่ะ”
   คุณากรทำหน้าบึ้งนิดๆ แล้วตอบเสียงขึ้นจมูก “เอายาวิเศษมาส่ง ลืมตามาดูหน่อยสิ”
   “อืม...” อีกฝ่ายส่งเสียงอย่างรำคาญ ก่อนจะผงกหัวขึ้นมา ลืมตามองหน่อยหนึ่ง จากนั้นก็ลุกพรวดพราดขึ้นมาอย่างกับถูกน้ำร้อนลวก
   “พี่นิต!?” สุภาพงษ์เรียกชื่อผมเสียงหลง ผมมองหน้าเขา เห็นอยู่ว่าแดงจัดเลย ท่าทางเขาจะไม่สบายจริงๆ น่ะแหละ
   “เห็นว่าไม่สบาย เป็นหวัดหรือ?” ผมถามออกไป เพราะได้ยินเสียงเขาอู้อี้กว่าปกติ สุภาพงษ์มองผมตาค้างอยู่พักใหญ่ ถึงพอจะพูดออกมาได้ “พี่นิตมาได้ไงน่ะครับ กั้งไปรับมาหรือ?”
   “อืม...” ผมตอบเขาไป สุภาพงษ์กะพริบตาปริบๆ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ก็จามฟืดออกมา
   “ขอโทษนะครับ” เขาพูด พลางเอามือป้องจมูก แล้วรีบเดินหายเข้าไปในห้อง จากนั้นก็กลับออกมาพร้อมผ้าขนหนูเช็ดหน้าผืนหนึ่ง “พี่นิตอย่าเข้ามาใกล้นะครับ เดี๋ยวจะติดหวัด”
   ผมเห็นสภาพเขาแล้ว คงยืนดูห่างๆ ไม่ได้หรอก เลยก้าวเท้าเข้าไปใกล้ ยกมือขึ้นแตะดูว่าเขาไข้ขึ้นสูงมากรึเปล่า อืม... ตัวเขาร้อนจี๋ขนาดนี้ คงไม่ใช่อาการหวัดธรรมดาแล้วล่ะมั้ง
   “สุภาพงษ์ ไปหาหมอหรือยังน่ะ” ผมถามเขาหลังจากนั้น สุภาพงษ์มองหน้าผม แล้วพยักหน้า “หาแล้วล่ะครับ เมื่อเช้านี้เอง ผมฉีดยาแล้ว พรุ่งนี้คงพอจะทุเลา..” พูดไม่ทันจบดีเขาก็จามอีก ดีที่ยกผ้าปิดจมูกเอาไว้ทัน จากนั้นเขาก็หันมาพูดกับผมทั้งๆ ที่ยังปิดจมูกด้วยผ้าเช็ดหน้าอยู่ “พี่นิตกลับไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวจะติดหวัดเอา”
   เฮ้อ... นี่ถ้าเขาจะพูดแบบนี้ล่ะก็ เขาก็ควรจะห้ามคุณากรไม่ให้ไปรับผมมาตั้งแต่แรกสิ อืม.. หรือเขาจะมีคุณากรคอยดูแลอยู่แล้วนะ
   ผมคิดแล้วก็เลยหันกลับไปมองพ่อหนุ่มคนนั้น ปรากฏว่าเขาหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมมองอยู่พัก ก็ต้องส่งเสียงเรียกไป “คุณกั้ง ไปไหนแล้วน่ะ”
   “เข้าห้องน้ำครับ” เสียงคุณากรดังออกมาจากประตูอีกฟากหนึ่ง ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วหันมาหาสุภาพงษ์อีกครั้ง
   “งั้นก็พักผ่อนเยอะๆ แล้วกัน ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องต้นฉบับหรอกนะ ผมเขียนเสร็จแล้ว” ผมว่า เพราะไม่อยากให้เขาถ่อสังขารทั้งที่ไข้หนักแบบนี้ไปทวงต้นฉบับถึงบ้านผม สุภาพงษ์เม้มริมฝีปากหน่อยๆ “งั้นหรือครับ...”
   ผมมองหน้าเขา รู้สึกแปลกใจอยู่พอสมควร ความจริงเขาควรจะทำหน้าดีใจสิ ที่ได้ยินว่าผมเขียนต้นฉบับเสร็จ ไหงดันทำหน้าเหมือนผิดหวังที่ได้ยินแบบนั้นล่ะ หรือเขามีปัญหาอะไรกับต้นฉบับของผมคราวที่แล้วรึเปล่า แต่ถ้ามี ก็น่าจะบอกแล้วสิ... ไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ
   สุภาพงษ์เม้มปากอยู่สักพัก ก็เงยหน้าขึ้นมามองผม “พี่นิต พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปเอาต้นฉบับแล้วกันนะครับ”
   ผมยิ้มให้เขา “ไม่ต้องหรอก ผมเอามาด้วยแล้วล่ะ ตอนแรกกะว่าจะเอาไปส่งที่สำนักงาน พอดีว่าคุณกั้งโทรมาก่อนน่ะ”
   “เขาบอกหรือครับว่าผมไม่สบาย?” สุภาพงษ์ถามต่อ ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง อันที่จริงคุณากรเพิ่งบอกผมตอนที่มาถึงคอนโดฯนี่เอง แต่เอาน่ะ เขาก็บอกผมล่ะ
   “อืม”
   สุภาพงษ์เบิ่งตามองผม จากนั้นก็ขยับตัวขึ้นมา แต่ยังไม่ทันพูดอะไร ก็จามออกมาอีก ผมเลยดันตัวเขาให้นอนลงไปเหมือนเดิม
   “สุภาพงษ์ ผมว่าคุณพักผ่อนเถอะ”
   เขาช้อนตามองผม พูดทั้งๆ ที่ยังมีผ้าเช็ดหน้าปิดปากปิดจมูกอยู่อีกแล้ว “พี่นิต.....”
   ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรมากกว่าเรียกชื่อผมรึเปล่านะ แต่ผมไม่ทันได้ยินเสียงเขาหรอก เพราะเสียงของคุณกรดังแทรกขึ้นแทน “คุณพนิต ผมไปก่อนนะ”
   ผมหันขวับกลับไปหาเจ้าของเสียงทันที “ไปไหนน่ะ?”
   “ทำงานสิครับ นี่ผมโดดงานมานะเนี่ย” คุณากรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะหยิบกุญแจขึ้นมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ “ผมวางกุญแจไว้ตรงนี้นะครับ ไปนะ”
   เขาพูดแล้วรีบเดินออกจากประตูไปเร็วปรื๋อ จนผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ พอเห็นว่าวิ่งไล่ตามเขาออกไปก็คงจะไม่เหมาะ เลยหันกลับมาหาสุภาพงษ์แทน
   ตอนผมหันกลับมา ตาของสุภาพงษ์ก็ปิดไปแล้ว ผมเลยยกมือขึ้นอังหน้าผากเขาเบาๆ ตัวเขายังร้อนจี๋อยู่เลย ท่าทางจะเพลียเพราะพิษไข้ ถึงเขาจะบอกว่าไปหาหมอมา ฉีดยาแล้ว แต่ปล่อยให้ตัวร้อนแบบนี้ไม่ดีหรอก ผมเลยถือวิสาสะเดินเข้าห้องน้ำในห้องเขา เห็นมีกะละมังใบเล็กๆ อยู่ใบหนึ่ง จึงเอามารองน้ำ แล้วถือออกมา โชคดีที่ผมพกผ้าเช็ดหน้าติดตัวมาด้วย แถมยังไม่ได้ใช้ เลยพอจะเอามาชุบน้ำ เช็ดตัวลดอาการไข้ให้สุภาพงษ์ได้บ้าง
   พอผมแตะผ้าตรงหน้าผาก เขาก็สะดุ้งแล้วลืมตาขึ้นมองทันที “พี่นิต...”
   ผมยิ้มให้เขา แล้วพูดปลอบ “ผมจะเช็ดตัวให้ คุณจะได้สบายขึ้น”
   สุภาพงษ์มองหน้าผมอยู่พัก ก็พยักหน้า ผมเลยเริ่มเช็ดตัวเขา ตัวเขาร้อนมากจริงๆ นั่นแหละ ผมเช็ดหน้าเขาแล้ว ก็เลยมาเช็ดแขนด้วย โชคดีที่เขาใส่เสื้อยืดแขนสั้น ผมเลยพอจะเช็ดตามแขนกับข้อพับเขาได้บ้าง เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นสุภาพงษ์หลับไปแล้ว ผมเลยเอาน้ำไปเท ล้างกะละมัง ซักผ้าเช็ดหน้า ผึ่งเอาไว้แถวๆ อ้างล้างหน้า แล้วก็ถือวิสาสะ เข้าไปหยิบผ้าห่มในห้องนอนของเขา มาคลุมตัวเขาเอาไว้ จากนั้นก็เปิดหน้าต่าง เปิดพัดลมเบาๆ พอให้อากาศได้ถ่ายเทบ้าง
   คอนโดฯของสุภาพงษ์ไม่แคบไม่กว้าง คนเดียวอยู่สบาย สองคนก็พอจะอยู่ได้ ตอนเข้าไปเอาน้ำในห้องน้ำ ผมเห็นตรงที่เสียบแปรงสีฟันตรงอ่างล้างหน้ามีแปรงสีฟันเสียบอยู่อันเดียว บางทีเขาอาจจะพักอยู่คนเดียวก็ได้ น่าสงสารจัง เวลาไม่สบายหนักๆ แล้วอยู่คนเดียวนี่มันเหงานะ ถึงผมจะไม่ป่วยมาหลายปีแล้ว แต่ก็พอเข้าใจความรู้สึกของคนที่อยู่คนเดียวเวลาไม่สบายหรอก
   ผมจัดการอะไรเสร็จ ก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา เห็นว่าเที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว เลยตัดสินใจว่าจะลงไปหาอะไรทานเป็นมื้อเที่ยงเสียหน่อย เขาไข้ขนาดนั้นคงไม่ละเมอตกจากโซฟาระหว่างที่ผมลงไปทานข้าวหรอกนะ
------------------------------------------
   โชคดีที่คอนโดฯเขาอยู่ใกล้ๆ กับห้างฯ ผมทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารแถวนั้นเสร็จแล้ว ก็เลยพาตัวเองฝ่าอากาศเย็นๆ ของห้างฯ เพื่อไปหาซื้อของเพื่อทำกับข้าวเผื่อสุภาพงษ์ กว่าจะกลับมาถึงห้องเขาก็เกือบบ่ายสองเข้าไปแล้ว พอไขกุญแจเปิดประตูเข้าไป ผมก็ต้องเลิกคิ้วนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าสุภาพงษ์ตื่นแล้ว และกำลังนั่งอ่านอะไรซักอย่างอยู่ พอผมเดินเข้าไป เขาก็หันมาทันที
   “พี่นิต... ขอบคุณนะครับ” สุภาพงษ์พูด แล้วยิ้มนิดๆ ตามความสามารถในการยิ้มปกติของเขา ผมมองหน้าเขา แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “ดีขึ้นแล้วหรือ?”
   “พอส่างไข้แล้วล่ะครับ” เขาตอบผม แล้วก็รีบเดินเข้ามาหา “พี่นิตซื้อของมาหรือครับ?”
   “อืม... ว่าจะเอามาทำข้าวต้มให้คุณน่ะ” ผมตอบเขาไป สุภาพงษ์มองผมแล้วเม้มปากนิดๆ “ขอบคุณนะครับ... เรียกผมว่าโจก็ได้”
   “เอ้อ... อืม...” ให้ตายสิ นี่เขายังอยากให้ผมเรียกชื่อเล่นอีกเหรอเนี่ย แต่ผมไม่คุ้นปากเอาเสียเลย ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร เขาก็ยื่นมาช่วยผมถือถุงข้าวของพวกนั้น แถมคว้าเอามือผมไปด้วย ผมเลยเงยหน้ามองเขา
   “ผมล้างมือแล้วล่ะ” สุภาพงษ์ตอบผมด้วยสีหน้าจริงจังตามแบบปกติของเขาเป๊ะ เอ่อ... ผมไม่ได้ข้องใจเรื่องเขาล้างมือหรือยังหรอก แต่ข้องใจเรื่องชอบฉวยโอกาสจับมือของเขานี่แหละ แต่สุดท้ายผมก็ยังอ้าปากพูดเรื่องนี้กับเขาไม่ออกสักที เขาจับมือผมพร้อมถุงอยู่พัก ก็ยกถุงไปตั้งที่เคาน์เตอร์ครัว ผมเลยพอจะอ้าปากออกมาได้
   “พี่นิต... พ่อกระแตจะทิ้งบ้านหลังนั้นไปจริงๆ หรือครับ?”
   ผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เพราะยังไม่ได้จะได้ออกเสียง สุภาพงษ์ก็หันมา แล้วชิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้นอีกแล้ว ผมกะพริบตาปริบๆ อยู่พัก ถึงจะพอเข้าใจว่าเขาพูดเรื่องอะไร
   “อ่านต้นฉบับแล้วหรือ?”
   “ครับ” สุภาพงษ์พยักหน้ายอมรับ แล้วพูดออกมาอีก “ขอโทษนะครับ พอดีผมตื่นมาแล้วเห็นมันอยู่ในถุงบนโต๊ะ ก็เลยถือวิสาสะหยิบขึ้นมาอ่าน ไม่โกรธนะครับ”
   ผมสั่นศีรษะ แล้วหัวเราะออกมา “มันเป็นหน้าที่ของคุณอยู่แล้วนี่ แต่ไม่สบายอยู่ ก็อย่าเพิ่งโหมอะไรเลยนะ ไว้ดีขึ้นแล้วค่อยอ่านอีกทีก็ได้”
   “พี่นิต...” เขาเรียกชื่อผม แล้วช้อนตาขึ้นมอง เอาล่ะ ผมรู้ว่าเขาไม่สบาย และเพิ่งจะสร่างไข้ เพราะงั้น กรุณาอย่าวิจารณ์ต้นฉบับผมระหว่างที่ไข้เลยนะพ่อคุณ ผมไม่อยากเสียเซลฟ์เพราะคนไม่สบายน่ะ รอเขาปกติดีค่อยวิจารณ์ผมจะรับได้มากกว่า ผมเตรียมขยับปากจะพูดกับเขาต่อ
   “ผมไม่ได้อ่านเพราะมันเป็นหน้าที่หรอกครับ”
   เอาล่ะ เขาแย่งผมพูดอีกแล้ว ผมเลยได้แต่ยิ้มให้เขา “อืม ผมรู้ คุณจะทานอะไรก่อนไหมล่ะ เดี๋ยวผมทำให้”
   สุภาพงษ์มองหน้าผมอยู่พัก ก็พยักหน้า “ผมไม่ค่อยหิวหรอก พี่ไม่ต้องรีบทำก็ได้”
   “อืม... งั้นเดี๋ยวต้มข้าวต้มให้ก็แล้วกัน” ผมว่า เพราะเห็นตรงเคาน์เตอร์ครัวเขามีเครื่องดูดควันกับเตาไฟฟ้าอยู่ สุภาพงษ์เลยเปิดตู้ครัว หยิบหม้อใบเล็กๆ มาให้ผม
   “สุ... อืม... โจ ปกติทำกับข้าวทานเองบ่อยมั้ย?” ผมถามออกไปเพราะเห็นว่าเขามีหม้อด้วย คิดว่ามีแต่ปิ่นโตสแตนเลสที่คว่ำอยู่พวกนั้นเสียอีก
   “เปล่าครับ... พอดีเคยมีคนมาทำให้น่ะ”
   “อ้อ..” ผมส่งเสียง แล้วถามออกไป “แม่คุณหรือ...”
   “.................” เขาเงียบไป ผมเลยพยักหน้า “แฟนล่ะสิ”
   “เลิกกันนานแล้วล่ะครับ” สุภาพงษ์รีบพูดต่อทันที ผมอึ้งไปหน่อย เพราะไม่คิดว่าจะไปสะกิดเรื่องเก่าของเขา เลยพูดตอบกลับไป “โทษทีนะ”
   “ไม่ใช่ความผิดพี่นิตหรอกครับ” สุภาพงษ์รีบพูดทันที ทำเอาผมต้องหันหน้ากลับมา ท่าทางเขาคงเข้าใจผิดไปแล้วล่ะ “เปล่า ผมหมายถึง ผมไม่ตั้งใจจะถามถึงเรื่องในอดีตของคุณน่ะ”
   “.....................” สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ “พี่นิต... ชีวิตนี้ ผมชอบพี่แค่คนเดียว”
   ผมเกือบจะทำหม้อที่ถืออยู่หล่น ดีที่คว้าเอาไว้ทัน ผมรีบวางหม้อลงบนเคาน์เตอร์ ตวงข้าวใส่ลงไป เอาน้ำล้างหน่อย แล้วก็เอาวางบนเตา “สุภาพงษ์ เตานี่เปิดยังไงน่ะ?”
   “พี่นิต.....” ได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อผม จากนั้นก็เห็นเขายื่นมือมากดปุ่มบนเตา ผมเห็นเขากดแล้วยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เลยถามออกไป “แค่นี้หรือ?”
   สุภาพงษ์ไม่ได้ตอบผม แต่กลับเลื่อนมือมาโอบเอวผมเอาไว้ ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก ยังไม่ทันจะหันหน้าไปว่าอะไรเขา สุภาพงษ์ก็ซบหน้าลงมาด้านหลังผม “พี่นิต.......”
   ผมรู้สึกว่าหน้าผากเขาที่ซบลงมาบนไหล่ผมร้อนจัด เลยพูดออกไปอย่างเป็นห่วง “ไข้อีกแล้วหรือ?”
   ตัวเขาสั่นหน่อยๆ แต่ก็กอดผมไว้แบบนั้น ไม่ยอมพูดอะไรเลย ผมเองไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เลยได้แต่ยืนนิ่งๆ แล้วยกมือมาปีบมือเขาเบาๆ “โจ... ไปนอนพักก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ช่วยเช็ดตัวให้”
   สุภาพงษ์กอดผมแน่นขึ้น ได้ยินเขาพูดเสียงพร่า “พี่นิต...”
   ผมลูบมือเขา แล้วพูดต่อ “ไปพักเถอะนะ”
   สุภาพงษ์ยังคงยืนนิ่ง ผมเลยค่อยๆ แกะมือเขาออก แล้วหันกลับมา สุภาพงษ์หน้าแดงก่ำ พอเห็นว่าผมหันมา เขาก็รีบก้มหน้าลง ผมเห็นตาเขาแดงๆ ด้วย หรือว่าเขาจะร้องไห้?!
   “โจ...”
   สุภาพงษ์สะดุ้งเฮือก ตอนที่มือผมแตะแก้มเขา ผมน่ะ แค่จะดูว่าเขาร้องไห้หรือว่าคัดจมูกกันแน่ แต่เขาสิ พอสะดุ้งแล้วก็จับมือข้างนั้นของผมไว้แน่นเลย เราต่างคนต่างก็เลยยืนนิ่ง ผมนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี ส่วนเขา... ปกติก็ไม่ค่อยจะพูดอะไรอยู่แล้ว
   “พี่นิต...” ในที่สุดสุภาพงษ์ก็พูดออกมาก่อน เสียงของเขาพร่า ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมองผม ผมเห็นว่านอกจากตาเขาจะแดงแล้ว เหมือนจะมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่ด้วย ใจผมมันเกิดเสียวแปลบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ผมยกมืออีกข้างจับไหล่เขาเบาๆ พยายามยิ้มแล้วพูดปลอบ “ไปไหวไหม ให้พี่ช่วยพยุงนะ”
   สุภาพงษ์มองหน้าผมด้วยดวงตาชื้นๆ ของเขาอยู่พัก ก็พยักหน้า อันที่จริงแล้วผมน่ะ ตัวเล็กกว่าเขาพอสมควรเลยล่ะ ไอ้ที่พูดว่าจะพยุงน่ะ ถ้าเขายอมให้ผมพยุงจริง คงกลายเป็นผมได้ลากเขาไปแน่ แต่โชคดีที่สุภาพงษ์ยังเดินไหว ผมเลยจูงมือเขา พาเดินไปที่โซฟาแทน หลังจากจัดการให้เขานอนลงเรียบร้อยแล้ว ผมก็อังมือตรงหน้าผากเขาอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดหน้ากับกะละมังใส่น้ำออกมา
   สุภาพงษ์นอนนิ่งๆ ให้ผมเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ แต่สายตาจ้องผมอยู่ตลอด จนผมเกิดอาการกลัวสายตาเขาขึ้นมา เลยเฉมองไปทางอื่นเสีย เช็ดไปได้ครึ่งหนึ่ง ผมก็ได้ยินเสียงน้ำเดือด ตายล่ะ ผมต้มข้าวไว้นี่นา
   ผมเลยรีบผลุนผลันไปเปิดฝาหม้อข้าว แล้วใช้ทัพพีคนข้าวหน่อย โชคดีที่ยังไม่ไหม้ติดหม้อ คนข้าวเสร็จ ผมก็มองหาปุ่มหรี่ไฟ ขณะที่กำลังเงอะๆ งะๆ หาอยู่ว่ามันหรี่ตรงไหน มือเรียวสวยข้างหนึ่งก็ยื่นมาช่วยกดปุ่มให้ จากนั้นก็ขยับมากอดเอวผม
   “พี่นิต... ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ” เขาพูด และซบหน้าลงบนหลังผมอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เลยได้แต่ยืนมองหม้อข้าวตรงหน้าเดือดปุดๆ ตัวเขาก็ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่แล้ว ปล่อยให้เขากอดจากด้านหลังแบบนี้ ผมคงไม่ติดหวัดเขาหรอก....
   ผมวางมือลงบนหลังมือของเขาเบาๆ
--------------------------------------------
   
** ไม่คิดเลยว่าจะเขียนอะไรได้เลี่ยนขนาดนี้นะเนี่ยยยยย สงสัยเพราะเป็นคนแก่แน่ๆ (ม่ายยย ไม่จริง!!!! o22)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 30-10-2011 21:42:31
โจหึกเหิมมาก ได้คลอเคลียแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 30-10-2011 21:58:15
โอ๊ยยยย.................ลุ้นเหนื่อย
ชีวิตนี้สั้นนัก อย่าปล่อยเวลาให้มันผ่านเลยไป
กล้า ๆ หน่อยนะจ๊ะโจ  สู้สู้
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 30-10-2011 22:02:20
สองคนนี้ ยังไงกันนี่ o22

แต่น่าร๊ากกกก :o8: ขอบคุณมากค่ะ

เอาใจช่วยให้ผ่านวิกฤตน้ำไปได้นะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 30-10-2011 22:06:53
อ่านที่คุณ juon ทิ้งท้ายไว้ แล้วไม่รู้ว่าตัวเองแก่ด้วยรึปล่าว ... ถึงได้รู้สึกว่าความสัมพันธ์เนิบช้าแบบนี้ มัน"น่ารัก"ซะจริงๆ  :-[

+1
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 30-10-2011 22:16:30
โจจัดหนักไปเลย อ้อนให้เต็มที่ ก็เราเป็นคนป่วยนี่น่า 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 30-10-2011 22:17:58
มันเป็นคู่ที่ออกแนวเคะพอกันนะคะ
เผลอๆ ดูน้องโจจะสาวกว่าอีก 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 30-10-2011 22:24:47
บทนี้จ่ายค่าตัวพี่โจไม่ครบหรือเปล่า  ทำไมพี่โจได้พูดแต่คำว่า "พี่นิต" เนี่ย   o18
"ไข้"นี่ทำให้"อะไรๆ"มันคืบหน้าไปเยอะเลยนะ  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 30-10-2011 22:37:37
คุณโจอ้อนน่ารักจังเลย ปลื้ม><
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 30-10-2011 23:11:39
แม้สุภาพงษ์จะพูดแค่ว่าพี่นิตๆ
แต่อะไรๆมันก็คืบหน้าไปอีกนิดแล้ว วู้ววๆๆ ลุ้นกับคู่นี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-10-2011 23:19:01
คุณพนิตนี่ท่าจะไม่แก่ธรรมดานะ  น่าจะเก่าแก่เลยล่ะ  เพราะจุดติดยากเหลือเกิน  เริ่มเห็นใจโจละ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 30-10-2011 23:35:30
ผมไม่ได้ข้องใจเรื่องเขาล้างมือหรือยังหรอก แต่ข้องใจเรื่องชอบฉวยโอกาสจับมือของเขานี่แหละ
555 พี่นิตเริ่มรู้ตัว
ดูเหมือนคนแก่คิดมากนะนี่

อ้อนเข้าไปโจ รุกอีก  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 30-10-2011 23:47:01
เป็นตอนเฉื่อย ๆ ที่น่ารัก และอบอุ่นเหลือเกิน  :-[
คุณสุภาพงษ์ตอนเป็นไข้เนี่ย อ้อนกระจาย โมเอะมาก ๆ  (ตอนปรกติ พยายามเม้มตลอด )
ทำท่าน้อยใจ น้ำตาคลอเบ้า เล่นเอาคุณพนิตเจ็บแปล๊บที่ใจเลยทีเดียว
คุณพนิตก็เหมือนกันเป็นซะขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมรับ  "ซึน" จริง ๆ เนอะ... :z3:

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: คันจัง ที่ 31-10-2011 00:03:02
น้องโจ เอะอะก็จับมือ พี่นิต น๊าาา
มีความหลังฝังใจกับมือพี่นิตรึเปล่าหว่า??
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 31-10-2011 00:23:53
บร๊ะ!! อีกนิดนึงงงงงงงงงงงงง
คุณพนิตเข้าใจโจซักทีเถอะค่า สงสารจะแย่แล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: mamaUM ที่ 31-10-2011 00:29:54
โว้ววววว  สุดยอดไปเลยค๊าาาาา  ><

ไม่รู้ทำไม ชอบมาก ๆ เลยอะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 31-10-2011 02:26:55
โจป่วยแล้วอ้อนใหญ่ น่ารักวะ  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 31-10-2011 03:58:14
ชอบมากตอนนี้ หวานละมุนกำลังพอดี
แต่โจพูดมากกว่านี้ก็ได้นะ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: pmnet ที่ 31-10-2011 11:17:26
โจ นายกล้าม๊ากก o13   คุณพินิตนี่กังวลเรื่องช่องว่างระหว่างวัยมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 31-10-2011 11:46:55
โจ ป่วยครั้งนี้อ้อนพี่นิตให้สุดๆ เลยนะ พี่นิตจะได้เกทเร็วขึ้น 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 31-10-2011 13:50:43
อ้อนจังน๊าาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 31-10-2011 15:05:13
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ของคุณjuon วันนี้เอง
เห็นบุคลิกของสุภาพงษ์แล้วคิดถึงคุณไพฑูรย์จัง
เพราะมีหลายส่วนที่คล้ายกัน โดยเฉพาะความเนี้ยบ
ดืค่ะ ความรักระหว่างคนค่อนข้างสูงอายุ กับคนที่อยู่ในวัยกลางคน
อาจจะดูเรียบๆเรื่อยๆ แต่ภายใต้ความเรียบเรื่อย ก็มีอะไรให้ใจเต้นตึ้กตั้กๆได้เหมือนกันนะคะ
โดยเฉพาะตอนล่าสุดนี่ เหมือนจะเจือด้วยรสหวาน และความรู้สึกซึ้งนิดๆด้วยแหละ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 31-10-2011 15:37:50
อ่านไปลุ้นไปใจแทบขาด  :z3:  :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 31-10-2011 20:44:34
“พี่นิต... ชีวิตนี้ ผมชอบพี่แค่คนเดียว”

เจอประโยคนี้เข้าไปพี่นิตเป็นอันไปไม่ถูกเลยนะ  คริคริ

แหม  คุณโจ  ให้สถานการณ์ตอนไม่สบายนี้เป็นประโยชน์เลยนะ

มีอ้อนด้วยอ่ะ  แถมได้กอดพี่นิตตั้ง 2 ครั้งแน่ะ  ถือว่าคุ้มนะ   :o8:    :o8:   :o8:

ตอนเป็นปกติคงทำแบบนี้ไม่ได้แน่  คริคริ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 31-10-2011 21:56:54
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วให้ความรู้สึกนุ่มนวลอ่อนหวานแบบผู้ใหญ่มากค่ะ เรื่อยๆ ละมุนละไม ไม่เร่าร้อน แต่อ่อนหวาน ใสเย็นชื่นใจ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 01-11-2011 15:21:44
โจกลายเป็นลูกแมวน้อยไปซะแล้ว
อ้อนพี่นิตน่าดูเลย ><

คุณพนิตขา โจเขาก็อ้อนน่ารักเสียขนาดนี้แล้ว
รับใจเขาสักทีเถอะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 01-11-2011 19:53:41
สุดยอดมากค่ะ  คุณโจขา........
เจ็บไข้คราวนี้ได้ทีรุกคืบอย่างเป็นทางการแล้ว

แล้วตกลงว่าคุณกั้งเธอเป็นแฟนเก่าของคุณโจใช่มั้ยคะ
อย่างนี้ต้องยกนิ้วให้เลยนะ  ที่ยอมเป็นกามเทพให้สองหนุ่ม (?) แบบนี้
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 01-11-2011 20:09:50
หรือแท้จริงแล้วที่ไม่รุกซะทีเป็นเพราะสุพาพงษ์เป็นเคะกันแน่!!

ไหนๆก้ะไหนๆ...

โจอ่อยขนาดนี้ พี่นิตกดเลยค่ะ!
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 01-11-2011 20:22:12
อนึ่ง....เดาว่าโจกับกั้งต้องเปนแฟนกันมาก่อนแน่ๆ

+ตากั้งไม่น่าเปนเคะ

= ตาโจเป็นเคะ

แอร้ยยย ช่างเปนสมการที่น่าจิ้นเสียนี่กระไร

ถึงบก.คนนี้จะสุงกว่าหน่อยแต่ก้ะไม่เปนอุปสรรคทางราบนะค้าาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: pak_kikkok ที่ 01-11-2011 22:34:30
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
โอยย ไม่ไหวคค่ะ ตอนนี้อ่านไป อยากจะดิ้นไปพลาง
กั้งนี้ก็เป็นพ่อสื่อชั้นดีมากเลยค่ะ ฮ่าฮ่า
เอายาวิเศษมาให้โจถึงที่
สุภาพงษ์เองก็เถอะนะ แหม ป่วยหน่อย พูดแต่พี่นิต พี่นิต อยู่นั่นเองงแหล่ะ
ถือว่าคุณพนิตเก่งมากที่ทนลูกอ้อนโจได้เนี่ย อ๊ากกกกไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆค่ะงานนี้!!

ตอนแรกเนียนจับมือ ต่อมาขอเนียนกอด ไม่ไหวแล้วๆๆๆๆ
เมื่อไหร่คุณพนิตจะใจอ่อนเนี่ย อ๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-11-2011 16:34:59
Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่8
   โจ.....
   ผมจำไม่ได้จริงๆ ว่าเคยเรียกเขาชื่อนี้เมื่อนานมาแล้วรึเปล่า จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วของเขาเป็นแบบไหน เขาใช่เด็กที่เคยมาเล่นที่บ้านผมจริงๆ หรือ
   โจ........
   ผมเหลือบมองขนคิ้วหนาๆ ของผู้ชายอายุสามสิบเศษที่นั่งทานข้าวต้มอยู่บนโซฟาข้างๆ ผม เลยลงไปหน่อยก็เห็นแพขนตายาวสวยเชียว อืม... สันจมูกก็โด่งดี ให้ตายสิ นึกหน้าเขาตอนเด็กๆ ไม่ออกเลย ทำไมจู่ๆ เขาถึงได้กลายมาเป็นบรรณาธิการสำนักพิมพ์นะ
   “โจ...” ผมเรียกชื่อเขา สุภาพงษ์เงยหน้าจากถ้วยข้าวต้มขึ้นมองผม “ครับ?”
   “ทำไม จู่ๆ ถึงมาทำอาชีพนี้ล่ะ?”
   “?” สุภาพงษ์เลิกคิ้วมองผม ตาเขาดูง่วงๆ หน่อย คงเพราะอาการไข้ ท่าทางจะงงว่าผมถามเรื่องอะไร ผมเลยต้องพูดซ้ำอีก “ทำไมถึงได้มาทำหนังสือล่ะ?”
   สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ มองผมพักหนึ่ง แล้วถึงตอบออกมา “เพราะพี่นิตน่ะครับ”
   ดีนะที่ผมกลืนข้าวต้มไปหมดแล้วถึงค่อยถาม ไม่งั้นได้พ่นข้าวต้มใส่เขาแน่ ผมจ้องหน้าเขากลับ แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไร สุภาพงษ์ก็พูดต่อ “ผมอยากเจอพี่นิตน่ะ”
   ผมกะพริบตามองเขาปริบๆ แล้วหัวเราะออกมา “อยากเจอไปหาที่บ้านก็ได้ แบบนี้อยากเป็นบ.ก.พี่ล่ะสิ”
   สุภาพงษ์จ้องหน้าผม เม้มปากนิดๆ อีก “ไม่เป็นบ.ก.ก็ไปได้หรือครับ?”
   “อืม..” ผมพยักหน้า “ก็ไหนบอกเคยอยู่แถวนั้นไง”
   สุภาพงษ์เม้มปากอีก.. ไม่สิ ผมว่าเขายิ้มนะ แต่ยิ้มแบบยกปากนิดๆ แล้วมันดันเหมือนเม้มปากเอาน่ะสิ
   “ไปหาเมื่อไหร่ก็ได้ใช่ไหมครับ?”
   เอ่อ... เดี๋ยวนะ นี่ผมว่าเราไปกันผิดประเด็นแล้วล่ะ ผมตั้งใจจะถามว่าทำไมเขาถึงได้เลือกมาทำหนังสือ ไงมันคล้ายๆ กับว่ากลายเป็นผมชวนเขาไปบ้านแทนล่ะเนี่ย ผมรีบปั้นหน้าจริงจังตอบโต้เขาไป “ไปเวลาจำเป็นเถอะ พี่ไม่ชอบให้ใครรบกวน”
   สุภาพงษ์หยุดเม้มปากทันที เขากะพริบตามองผมอยู่อีกพัก ก่อนจะพยักหน้าหน่อยๆ “ครับ...”
   “อืม” ผมส่งเสียงในลำคออย่างไร้ความหมาย ก่อนจะก้มหน้าทานข้าวต้มต่อ เราทานกันเงียบๆ สักพัก สุภาพงษ์ก็ผุดลุกขึ้น “พี่นิต เดี๋ยวผมล้างถ้วยให้นะ”
   ผมเงยหน้ามองเขา แล้วพูดออกไป “ไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องก็ได้”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ” เขาตอบผม จากนั้นก็ยืนรออยู่แบบนั้น จนผมรู้สึกอึดอัดขึ้นมา เลยพูดออกไปอีก “โจ.. ไม่ต้องยืนรอแบบนั้นก็ได้ พี่ยังทานไม่หมด”
   สุภาพงษ์ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่อีกพัก สุดท้ายก็นั่งลงเหมือนเดิม “พี่นิต....”
   ผมหันไปมองเขา “นี่ ไม่สบายก็ไปนอนพักเถอะน่า ในห้องนอนก็ได้ เดี๋ยวพี่จัดการตรงนี้ให้”
   สุภาพงษ์มองหน้าผม เม้มริมฝีปากล่างนิดๆ “ผมอยู่ใกล้ๆ พี่ได้ไหม?”
   ผมถึงกับยกช้อนค้าง ไม่รู้จะตอบเขาว่าอะไร เลยได้แต่ยิ้มๆ สุภาพงษ์เม้มปากอยู่พัก ก็ค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ ไม่รู้ทำไม ผมดันใจเต้นตึกๆ ก็เลยหันไปมองถ้วยข้าวต้มแทน
   โชคดีที่สุภาพงษ์ไม่ได้ขยับมาใกล้ขนาดไหล่ชนกัน พอเห็นว่าเขานั่งนิ่งๆ แล้ว ผมเลยมีอารมณ์จะทานข้าวต้มถ้วยนั้นจนหมด แล้วลุกขึ้นพร้อมหยิบถ้วยของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะไปด้วย สุภาพงษ์เห็นแล้วก็รีบฉวยถ้วยพร้อมมือผมเอาไว้ทันที
   “ผมล้างเอง” เขาว่า ผมเลยหันมองหน้าเขา แล้วเริ่มนับในใจ
   หนึ่ง... สอง.... สาม.... สี่.... ห้า.....
   เขาจับมือผมไว้ประมาณห้าวิฯล่ะมั้ง ถึงได้ยอมเอาถ้วยพวกนั้นจากมือผมไปล้าง ผมสงสัยจริงๆ ว่าทำไมเขาไม่เอามือผมไปล้างด้วยเสียเลย ชอบฉวยโอกาสจับมือผมแบบนี้หวังผลอะไรรึเปล่า... เขาไม่กลัวถูกผมเอ็ดบ้างหรือไงนะ
   สุภาพงษ์ยืนล้างชามอยู่หน้าอ่างในบริเวณครัวของเขา พอมายืนล้างอยู่ในครัวสมัยใหม่แบบนี้แล้ว ผมก็นึกว่าดูฉากหนึ่งของหนังฉายหลังข่าวอยู่ อืม... แต่ปกติไม่มีพระเอกเรื่องไหนยืนล้างถ้วยล้างชามอย่างนี้หรอกมั้ง ถึงหน้าตาเขาจะเหมือนพระเอกหนังก็เถอะ
   ผมยืนมองสุภาพงษ์ล้างจานเฉยๆ ก็เกิดรู้สึกอายตัวเองขึ้นมา เลยพยายามถอนสายตาจากเขาหันไปมองอย่างอื่นบ้าง พอดีหันไปเห็นต้นฉบับตัวเองสอดซองวางอยู่บนโต๊ะ ผมเลยหยิบขึ้นมา พลางนึกว่าตัวเองตั้งใจจะเอาต้นฉบับไปส่งก่อนกำหนดแท้ๆ แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าผมมาเฝ้าไข้เขาเสียได้ แต่ก็นะ เห็นเขาป่วยแบบนี้ จะทิ้งให้อยู่คนเดียวผมก็ทำไม่ลง
   ขณะที่ผมกำลังนึกว่าเดี๋ยวถ้าเขานอนแล้วผมจะกลับไปดูบ้านก่อน แล้วค่อยกลับมาอีกที หรือว่าจะทำยังไงต่อดี เสียงของสุภาพงษ์ก็ดังขึ้น “ต้นฉบับมีอะไรหรือครับ?”
   “อ้อ เปล่า” ผมพูด เพราะนึกได้ว่ามือถือต้นฉบับอยู่ สุภาพงษ์ขยับตัวเข้ามาใกล้อีก ผมรู้สึกว่าเขาขยับเข้ามาใกล้ไปแล้ว เลยรีบพูดต่อ “โจ... พักผ่อนเถอะ จะได้หายไวๆ”
   “ครับ” สุภาพงษ์รับคำ แต่กลับยืนนิ่งๆ สักพัก ก็พูดออกมา “พี่นิต...”
   “มีอะไรล่ะ” ผมถามออกไป สุภาพงษ์ช้อนตาขึ้นมองผม เม้มปากนิดๆ จากนั้นก็ยื่นมือมาจับมือผมเอาไว้ แล้วก้มหน้างุด ผมมองเขา รออยู่ว่านายคนนี้จะพูดอะไรประกอบท่าทางที่ทำอยู่
   “พี่อยู่เป็นเพื่อนผมได้มั้ย...?” เขาพูด พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองผมอีก ผมเผลอสบตาสีดำคู่นั้นของเขาอย่างจัง เล่นเอาอึ้งไปพักใหญ่ รู้สึกเหมือนสุภาพงษ์จะบีบมือผมแน่นขึ้น อืม.... ผมเข้าใจว่าไม่มีใครอยากนอนป่วยอยู่คนเดียวหรอก แต่ว่า เขาจะให้ผมอยู่เป็นเพื่อนเขาที่นี่ทั้งคืนเลยหรือไง ผมเองก็มีบ้านช่องต้องกลับ มีข้าวมีแกงที่ทำเอาไว้เมื่อเช้าต้องเอาไปอุ่นหรือเก็บเข้าตู้เย็นเหมือนกันนะ คิดได้อย่างนั้น ผมเลยปั้นหน้ายิ้ม เตรียมจะปลอบเขาและบอกให้เข้าใจความจำเป็นของผม
   ผมแค่จะออกมาส่งต้นฉบับ และเผอิญถูกพาตัวมาที่นี่ ไม่ได้ตั้งใจจะมาเฝ้าไข้ใกล้ชิดเขาสักหน่อย
   “...................” ปรากฏว่าผมไม่ได้พูดอะไรหรอก เพราะระหว่างที่ผมกำลังนึก สุภาพงษ์ก็ซบหน้าลงบนไหล่ผม โดยที่ยังจับมือผมไว้แบบนั้น หน้าผากเขาร้อนจี๋อีกแล้วล่ะ ผมว่าเขาควรทานยาลดไข้ แล้วพักผ่อนล่ะ
   “พักผ่อนเถอะ” ผมพูดกับเขา เหมือนจะได้ผล สุภาพงษ์ปล่อยมือที่จับมือผมเอาไว้...... แล้วขยับมาโอบตัวผมเอาไว้แทน... เอาล่ะ ท่าทางเขาจะลืมแล้วว่ากลัวผมจะติดหวัด ผมเลยพูดเตือนสติเขาไป “โจ เป็นหวัดอยู่นะ”
   เขายังกอดผมอยู่แบบนั้นสักพัก ถึงยอมเงยหน้าขึ้นมา “ขอโทษนะครับ”
   ผมพยักหน้า ที่จริงก็ไม่ได้จะถือโทษโกรธอะไรเขาหรอก อีกอย่าง เขาก็ไม่ได้ทำผิดอะไร แค่ทำสิ่งที่ทำให้ผมทำตัวไม่ค่อยถูกเท่านั้นเอง
   สุภาพงษ์ไม่ได้กอดผมแล้ว แต่ยังยืนนิ่งๆ ไม่ขยับไปไหน ผมเลยต้องจับมือเขา แล้วจูงมาที่โซฟา เพื่อที่จะให้เขานอนพักรอไข้ลด สุภาพงษ์ก็ว่าง่าย นั่งปุลงบนโซฟา แต่กลับจับมือผมแน่นไม่ยอมปล่อย เอ่อ... ผมพลาดเองแหละที่เผลอไปจับมือเขา ลืมไปเลยว่าปกติเขาก็จับไม่ค่อยปล่อยอยู่แล้ว
   ผมไม่รู้จะทำไง เพราะจะดึงมือออกก็น่าเกลียด เลยจำต้องนั่งลงข้างๆ เขา พอผมนั่งแล้ว สุภาพงษ์ก็พูดขึ้น “พี่นิต... ผมนอนนะ....”
   “อืม..” ผมพยักหน้า เพราะตั้งใจจะพาเขามานอนพักอยู่แล้ว สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ แล้วค่อยๆ เอนตัวลง วางศีรษะลงบนตักผม... เอ่อ... เดี๋ยวนะ... ที่บอกว่านอนตะกี้น่ะ นอนแบบนี้เหรอเนี่ย?!
   สุภาพงษ์นอนลงแล้วก็ช้อนตาขึ้นมองผม พอดีกับที่ผมมองลงไปเหมือนกัน เราสบตากันแวบหนึ่ง แล้วเขาก็เป็นฝ่ายหลบสายตาก่อน
   แต่ผมสิ ใจเต้นตึกๆ ขึ้นมาเลย.....
   สุภาพงษ์นอนหนุนตักผมอยู่ อันที่จริงมันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรหรอก เพียงแต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยจะเหมาะเท่าไหร่ เลยเตรียมจะเรียกให้เขาลุกขึ้น
   “โจ” ผมเรียกชื่อเขา ด้วยน้ำเสียงไม่ดังไม่เบาจนเกินไปนัก หวังจะให้เขาลืมตาขึ้น เผื่อจะรู้สึกเกรงใจผมหน่อย แต่เรียกแล้วก็เห็นเขายังหลับตาเฉย ผมเลยลองเรียกอีก “โจ..”
   ดวงตาของสุภาพงษ์หลับสนิท ขนตาเป็นแพยาวของเขาปรกอยู่บนเปลือกตาล่าง แก้มและปากของเขาเป็นสีแดงนิดๆ คงเพราะพิษไข้ ผมมานึกได้ว่าบางทีเขาอาจจะหลับไปแล้วก็ได้ เลยไม่กล้าเรียกอีก
   สุภาพงษ์เป็นคนรูปร่างหน้าตาดี ปกติเวลาเขาเผลอ ผมก็ชอบแอบมองเขาอยู่แล้ว ไม่รู้ผมควรดีใจหรือเปล่า ที่ตอนนี้มีโอกาสได้มองเขาใกล้ๆ มองชัดๆ โดยที่เขาคงจะไม่รู้ตัวว่าผมมองเขาอยู่
   สายลมยามบ่ายพัดลอดหน้าต่างกระจกที่เปิดแง้มไว้หน่อยๆ เข้ามาเอื่อยๆ พาเอาไอร้อนเข้ามาด้วย โชคดีที่ยังมีพัดลมตั้งพื้นแบบแนวตั้งเปิดอยู่อีกตัวหนึ่ง เลยไม่ค่อยจะร้อนอะไรเท่าไหร่ ผมไม่รู้ว่าปกติสุภาพงษ์เปิดแอร์รึเปล่า แต่เป็นหวัดแบบนี้อยู่ในห้องแอร์ไม่ดีแน่ นอกจากจะแพร่เชื้อได้ง่ายแล้ว เผลอๆ จะไข้หนักกว่าเดิม เพราะอากาศเย็นอีก ดังนั้น พอเห็นเขาเริ่มเหงื่อซึมๆ ผมก็เอื้อมมือไปหยิบซองใส่ต้นฉบับที่วางอยู่ตรงโต๊ะใกล้มือ มาพัดให้เขาเบาๆ แล้วก็ยกมือขึ้นปัดปอยผมให้เขาหน่อย
   เห็นเขานอนไข้ไม่สบายคนเดียวแบบนี้ ผมก็นึกสงสารขึ้นมา ความจริงเขาน่าจะหาคนรู้ใจมาอยู่ด้วย แทนที่จะมาหวังอะไรที่เป็นไปไม่ได้จากคนอย่างผม
   เขาจะชอบผมเพราะอะไรผมไม่รู้ แต่จะให้ผมเป็นอะไรที่เกินกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้กับเขา ผมคงเป็นไม่ไหว
   จริงอยู่ว่าผมยังโสด จริงอยู่ที่ผมอาจจะชอบมองผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แต่ผมไม่เคยคิดหรอกว่าตัวเองจะใช้ชีวิตร่วมกันกับผู้ชายได้ เอาเข้าจริงคือผมไม่แน่ใจเลยว่าจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกับใครได้
   ผมพอใจกับชีวิตชายโสดแสนอิสระของผมมาหลายสิบปี และยังไม่อยากจะไปจับคู่ตุนาหงันกับใคร ถึงแม้ว่าผมจะชอบมองเขาเอามากๆ ก็เถอะ
   ผมแค่ชอบมอง ก็เท่านั้นเอง....
   ผมปล่อยให้สุภาพงษ์นอนหนุนตักอยู่พักใหญ่ ก็จำต้องลุกออก เพราะถูกนอนทับแบบนี้นานๆ เหน็บมันเริ่มจะกินขาเอาแล้ว ผมค่อยๆ ช้อนศีรษะเขาออก แล้วหยิบหมอนอิงมาหนุนไว้แทน  จากนั้นก็ค่อยไถลตัวลงมายืนขาตรงพื้น ดีที่เขาหลับสนิทเพราะพิษไข้ ท่าทางจะไม่รู้สึกอะไรเลย ผมยืดขาจนเลือดลมไหลเวียนดีแล้ว ก็หันมองเขาอีก เห็นเขานอนขาพาดอยู่กับที่เท้าแขนของโซฟา ก็เลยลุกขึ้น ค่อยๆ ดึงตัวเขาให้นอนดีๆ อืม... ผมพลาดเองแหละที่พาเขามานอนตรงนี้ ตัวเขายาวกว่าโซฟาซะอีก รู้งี้พาไปที่เตียงก็ดีหรอก
   แต่เขาหลับแล้ว จะให้ปลุกไปนอนที่เตียงตอนนี้คงไม่ได้ ผมเลยพยายามจัดท่าทางที่คิดว่าน่าจะสบายที่สุดสำหรับตัวสูงๆ ของเขา แล้วก็เอาผ้าห่มมาคลุมหน้าอกไว้ ขยับพัดลมให้เข้าที่เข้าทางอีกหน่อย เขาคงจะได้พักผ่อนเต็มที่ล่ะ
   ผมจัดการให้เขานอนเรียบร้อยแล้วก็เกิดอาการว่างงาน จะกลับบ้านตอนนี้ก็กลับไม่ลง เลยพยายามมองหาอะไรทำฆ่าเวลาไปพลางๆ
   อย่างที่บอกไว้แล้วว่าห้องของสุภาพงษ์ไม่รก และไม่ค่อยจะมีของอะไรเท่าไหร่ ยกเว้นแต่พวกหนังสือนิตยาสารที่วางกองกันอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นหนังสือในเครือสำนักพิมพ์ของเขาทั้งนั้นแหละ จะว่าไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกของผมเหมือนกัน ที่ได้มาบ้านของบรรณาธิการ เพราะปกติบรรณาธิการมักจะไปบ้านผมตลอด ไม่ก็นัดเจอกันนอกสถานที่ มานึกดูแล้วก็ตลกดี ผมพยายามเขียนต้นฉบับให้เสร็จก่อนเวลา เพื่อจะดูว่าเขายังอยากจะไปบ้านผมรึเปล่า แต่สุดท้ายก็ดันกลายเป็นว่าผมต้องมานั่งเฝ้าไข้เขาแทน... แล้วก็ได้รู้ด้วยว่า ต่อให้ไม่มีต้นฉบับ เขาก็น่าจะยังอยากไปหาผมที่บ้าน
   ผมควรจะทำตัวยังไงดี......
   เพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง ผมเลยเดินไปเดินมาอยู่ในห้องเขา อย่างกับชะมดเช็ด จะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ส่วนใหญ่ก็เป็นหนังสือที่ผมได้รับเป็นอภินันทนาการจากการเป็นนักเขียนให้เขาอยู่แล้ว หนังสือพวกเนชันแนลจีโอกราฟฟิกที่พอมีให้เห็น หรือพวกต่วยตูน ผมก็รับเป็นประจำ เห็นปกก็นึกถึงเนื้อหาด้านในออก
   ผมเดินมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย ก็บังเอิญเห็นกรอบรูปหลายกรอบวางอยู่ตรงชั้นโชว์ ถัดจากเคาน์เตอร์ครัวมาหน่อย มันถูกวางปนๆ กับพวกตุ๊กตาหรือของที่ระลึกเล็กๆ เลยเดินเข้าไปดู หลายรูปเป็นรูปถ่ายตัวเขา คงถ่ายเมื่อไม่นานมานี้แหละ ถ่ายกับเพื่อนบ้าง ลูกน้องที่ทำงานบ้าง บางรูปก็เหมือนถ่ายในงานรับรางวัลอะไรบางอย่าง ถัดไปหลังๆ รูปเก่าสักหน่อย ท่าทางจะเป็นรูปครอบครัวของเขา แต่ไม่ยักจะมีผู้ชายแฮะ ผมเห็นมีผู้หญิงพอจะมีอายุหน่อยสองคน ท่าทางเหมือนเป็นพี่น้องกันมากกว่าแม่ลูก แล้วก็เด็กผู้ชายอายุสักสิบสามสิบสี่คนหนึ่ง หน้าตาคุ้นๆ อยู่เหมือนกัน อืม...
   ผมมองรูปถ่ายเก่าๆ รูปนั้น เที่ยบกับรูปถ่ายที่เพิ่งถ่าย เอาล่ะ ผมรู้แล้วว่าทำไมผมถึงจำเขาไม่ได้ เวลายี่สิบปี เด็กผู้ชายอายุสิบสามสิบสี่กลายเป็นหนุ่มใหญ่วัยสามสิบสี่ อะไรๆ มันก็เปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกิน เมื่อก่อนเขายังตัวเล็กนิดเดียวอยู่เลย ผอมด้วย ตอนถ่ายรูปกับแม่และอีกคนอาจจะเป็นน้า ก็ยังก้มหน้าไม่กล้ามองกล้องเลย เขาคงจะขี้อายอยู่นะ
   ผมดูรูปถ่ายได้พัก ก็เกิดเบื่อขึ้นมาอีก หันไปก็เห็นเขายังหลับอยู่ ดูนาฬิกาก็เพิ่งบ่ายสองกว่า ผมเลยตัดสินใจว่าจะกลับบ้านก่อน เพราะเป็นห่วงกับข้าวกับปลาที่ทำไว้เมื่อเช้า ขืนปล่อยทิ้งไว้ คงจะบูดหมดแน่ๆ
---------------------------------------------
   ผมกลับบ้านไป เก็บกับข้าวกับปลา แล้วก็แวะเด็ดผักเด็ดหญ้าข้างบ้าน ติดไม้ติดมือกลับไปทำมื้อเย็นให้สุภาพงษ์ต่อ แล้วก็เตรียมเสื้อผ้าไปเปลี่ยนด้วย เพราะมันใกล้ได้เวลารถติดเต็มที ขืนนั่งรถเมล์ไป อาจจะไปถึงตอนค่ำก็ได้ ผมเลยเรียกแท็กซี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี เพื่อกลับไปที่คอนโดฯของสุภาพงษ์
   ผมไปถึงหน้าประตูห้องเขาก็ล้วงเอากุญแจที่คุณากรทิ้งไว้ออกมาไข เพราะไม่อยากเคาะ กลัวจะไปปลุกให้เขาตื่น ปรากฏว่า พอผมเปิดประตูเข้าไป สุภาพงษ์ก็ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัวแล้ว
   “ไปซื้อของมาหรือครับ?” เขาถาม พร้อมกับยิ้มกว้างเสียจนทำเอาผมเกือบไม่ได้ยินที่เขาพูดเลย จำได้ว่า ตั้งแต่เริ่มเขียนเรื่องให้เขา ผมเคยเห็นเขายิ้มกว้างขนาดนี้แค่สองครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง แต่ละครั้งทำเอาแทบหยุดหายใจจริงๆ เพราะเขายิ้มจนเห็นฟันสวย แถมตายังเยิ้มอีกต่างหาก
   ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าอย่างไรออกไป รู้ตัวอีกทีตอนที่เขาเดินเข้ามาใกล้ “ผมช่วยถือนะครับ”
   ผมสะดุ้งเฮือก เกือบจะปล่อยของทั้งหมดหลุดมือ ดีที่สุภาพงษ์ขยับมารับไว้ได้ทัน ผมเห็นอกเสื้อของเขา ขยับเข้ามาใกล้แทบจะชิดหน้า พอเงยขึ้นไปก็เห็นรอยยิ้มเขาเต็มๆ
   อาการตาพร่าเข้ามาแวะทักผมทันทีทันใด
   “พี่นิต!” สุภาพงษ์ร้อง น้ำเสียงฟังดูตกใจ อืม... มันก็น่าตกใจอยู่หรอก ต่อให้เป็นคนเฉื่อยแฉะหรือนิ่งกว่านี้ ก็สมควรจะตกใจล่ะ เพราะผมที่ยืนอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็เกิดหน้าคะมำ ล้มทิ่มใส่เขาเฉยเลย ดีนะที่เขาตกใจอย่างเดียว ไม่ขยับตัวหลบด้วย ไม่งั้นผมคงได้ล้มฟาดพื้นแน่
   “หน้ามืดเหรอ.. ผมพาไปที่โซฟานะ” สุภาพงษ์พูดเร็วปรื๋อ แล้วทำท่าจะพาตัวผมไป ผมเลยรีบยึดไหล่เขาไว้ เงยหน้าขึ้นเพื่อจะบอกเขาว่า ผมไม่ได้หน้ามืด แค่วูบนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่พอเงยขึ้นไปเห็นหน้าเขาที่มองลงมา ผมถึงรู้ว่าผมหน้ามืดจริงๆ น่ะแหละ
   “พี่นิต!!”
   สุภาพงษ์สมควรตกใจซ้ำสอง เพราะคราวนี้ผมถึงกับเข่าอ่อน ไม่ใช่แค่เอาหน้าซบอกเขาแล้ว เข่ามันพาลจะไปซบพื้นด้วยน่ะสิ ผมเลยคว้าแขนเขาเอาไว้แน่น เพราะกลัวว่าขืนปล่อยให้ล้มลงไปแบบนี้ จะเจ็บหนักเอา จากนั้นก็....
   เอาล่ะ ผมรู้ว่าผมน่ะผอม ผอมจนนั่งชิงช้าไกวใต้กิ่งฉำฉาที่บ้านตัวเองได้ แต่ผมไม่เคยคิดหรอกนะว่าจะผอมขนาดมีใครมาอุ้มได้ ประเด็นคือ ตอนนี้สุภาพงษ์กำลังอุ้มผมอยู่
   โอย... ตาผมพร่าอีกแล้ว!
    ระยะทางจากหน้าห้องไปที่โซฟาไม่ไกลหรอก แต่ผมรู้สึกอย่างกับเป็นปีๆ เกิดมาไม่เคยถูกใครอุ้มซะด้วย ก็ลูกผู้ชาย พ่อแม่เขาก็อุ้มตอนแบเบาะเท่านั้นแหละ
   หัวใจผมเต้นตึกๆ พยายามบอกตัวเองให้หายใจลึกๆ เข้าไว้ เขาก็แค่หวังดี ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เขาก็แค่ยิ้ม ยิ้มจนใจผมเต้นแรงเกินไปเท่านั้นเอง..
   ทำใจดีๆ ไว้พนิต...
   ในที่สุด สุภาพงษ์ก็อุ้มผมมาถึงโซฟาจนได้ ผมโล่งใจจริงๆ ที่ในที่สุดเขาก็วางผมลง จะได้เลิกใจเต้นไปกับแผงอกแผงไหล่ของเขาสักที ระหว่างที่ผมหอบหายใจเฮือกๆ สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นอย่างร้อนใจ “ทำใจดีๆ ไว้นะครับพี่นิต”
   ผมน่ะ พยายามทำใจดีๆ อยู่หรอก แต่เขาสิ พูดแล้วแทนที่จะออกไปห่างๆ ผม ดันเลื่อนมือมาปลดกระดุมเสื้อผมซะงั้น เล่นเอาผมแทบหน้ามืดซ้ำสอง
   “โจ!” ผมโพล่ง พยายามยกมือขึ้นปัดมือเขาออก แต่ก็แค่นึกเท่านั้นแหละ เพราะมือผมมันไม่มีเรี่ยวมีแรงเอาเสียเลย ได้แต่นอนใจเต้นตุบๆ ดูสุภาพงษ์ปลดกระดุมเสื้อผมออก
   นี่ผมหน้ามืดอยู่นะ เขาคิดจะทำอะไรของเขากันแน่เนี่ย!!
   ขณะที่ผมกำลังเขม็งเคร่งเครียด กล้ามเนื้อบนหน้าเต้นตุ๊บๆ เพราะมือของเขาที่กำลังปลดกระดุมผมอยู่ จู่ๆ สุภาพงษ์ก็ผละออกไป หยิบอะไรบางอย่าง จากนั้นก็เอามาจ่อที่จมูกผม
   กลิ่นหอมของพิมเสนทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นทันที ค่อยมีสติคิดขึ้นมาได้หน่อยว่า เขาคงพยายามคลายเสื้อผ้าเพื่อให้ผมรู้สึกสบายตัวขึ้น
   สุภาพงษ์เอาพิมเสนจ่อจมูกผมอยู่พัก ก็เริ่มขยับมือนวดแขนนวดขาผมตามเรื่อง ตอนแรกๆ ผมก็รู้สึกจั๊กจี๋อยู่หรอก เลยขยับตัวยุกๆ ยิกๆ แต่พอปล่อยให้เขานวดไปเรื่อยๆ ชักรู้สึกสบายดีเหมือนกัน เอียงหน้าไปดูก็เห็นสุภาพงษ์ก้มหน้าก้มตานวดอย่างจริงๆ จังๆ ผมเลยยิ้มออกไปอย่างเอ็นดู พอดีกับที่เขาเงยหน้าขึ้นมา
   ดวงตาสีดำของเขาหยีขึ้นนิดๆ พร้อมกับริมฝีปากที่ระบายรอยยิ้มออกมา
   วินาทีนั้นผมรู้สึกเลยว่าเขาน่ารักจริงๆ
   “โจ...”
   “ครับ....” สุภาพงษ์ส่งเสียงแล้วขยับหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้จนผมรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆ ของเขา รู้สึกถึงปลายจมูกของเราที่แตะกันเบาๆ
   แย่ล่ะสิ!
   “ไม่ต้องแล้วล่ะ!” ผมรีบพูด ก่อนที่เขาจะขยับเข้ามาใกล้มากกว่านั้น สุภาพงษ์ถอยออกไปหน่อยหนึ่ง แล้วเม้มริมฝีปากเป็นเส้นบ้าง “พี่นิต.....”
   “พี่ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ขอบใจนะ” ผมพูดต่อ สุภาพงษ์กัดริมฝีปากล่างนิดๆ แล้วขยับเข้ามาอีก คราวนี้ผมไม่รอให้ปลายจมูกแตะกันหรอก เพราะดูจากความเร็วในการขยับของเขาแล้ว ต้องไม่ใช่แค่แตะปลายจมูกแน่ๆ เลยรีบยกมือปิดปากเขาไว้ “เป็นหวัดอยู่นะ”
   สุภาพงษ์สูดหายใจลึก ช้อนตาขึ้นมอง จากนั้นก็ขยับมือมาจับมือของผมข้างที่ปิดปากของเขาเอาไว้ แล้วแนบแก้มลงไป
   “พี่นิต... พรุ่งนี้ไปตรวจสุขภาพเถอะครับ” สุภาพงษ์พูดหลังจากแนบหน้าลงบนแก้มของผมพักใหญ่ จนผมรู้แล้วว่าไข้เขาลดลงพอสมควรแล้ว พอได้ยินประโยคที่เขาพูด ผมก็ขมวดคิ้วทันที “ไปทำไมน่ะ”
   “ก็พี่หน้ามืดบ่อย ผมว่าตรวจหน่อยเถอะครับ เผื่อจะมีปัญหาเรื่องหัวใจ” เขาตอบผม ผมถึงกับอึ้งไปหน่อยหนึ่ง
มีปัญหาเรื่องหัวใจ?!
เอาล่ะ ปีนี้ผมอายุสี่สิบห้า นับแล้วถือว่าเข้าข่ายมีความเสี่ยงต้องตรวจสุขภาพประจำทุกปีอยู่แล้วล่ะ จำได้ว่าผลตรวจตอนต้นปีก็ปกติ ทั้งความดัน เบาหวาน เก๊า ไม่เคยมีมากวนใจผม เรื่องโรคกระเพาะ โรคปอด โรคไตก็ไม่มี สุขภาพผมปกติทุกอย่าง จู่ๆ จะมามีปัญหาเรื่องหัวใจได้ยังไงล่ะ?
“พี่เพิ่งตรวจไปช่วงต้นปีนี้เอง ไม่มีโรคหัวใจอะไรหรอก” ผมตอบเขาไป สุภาพงษ์มองผมแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “เช็กอีกทีเถอะครับ พี่นิตเป็นลมมาครั้งหนึ่งแล้วนะครับ วันนี้ก็หน้ามืดอีก ถ้าเกิดเป็นตอนอยู่คนเดียวมันอันตรายนะครับ”
ผมเกือบพูดออกไปแล้วว่า คนที่ทำให้ผมหน้ามืดเป็นลมน่ะ คือคนที่กำลังพูดกับผมอยู่นี่ล่ะ แต่เพราะเห็นแก่กุศลเจตนาของเขา ผมเลยพยายามจะยิ้ม แล้วพูดออกไป “ผมไม่เป็นอะไรหรอก อย่าเป็นห่วงเลย”
สุภาพงษ์เม้มปากอีก จากนั้นก็บีบมือผมแน่น “ไปเช็กสักหน่อยเถอะนะครับ ผมออกค่าตรวจให้เอง”
“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง” ผมตอบอย่างมีน้ำโห บอกว่าไม่เป็นก็ไม่เป็นสิฟะ เจ้าเด็กนี่นี่!
“ถ้าพี่เป็น พี่ตายไปนานแล้วล่ะ”
สุภาพงษ์ทะลึ่งตัวขึ้นมาทันที ก่อนจะคว้าตัวผมเข้าไปกอดอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว “ห้ามพูดว่าตายนะครับพี่นิต”
ผมที่ถูกกอดกะทันหัน ถึงกับอึ้งกิมกี่ โวยวายอะไรต่อไปไม่ถูก ได้แต่นอนนิ่งๆ ให้เขากอดไว้ ได้ยินเสียงสุภาพงษ์พูดอีก “สัญญาสิครับว่าจะไม่พูดว่าตาย สัญญานะครับ”
ผมรู้สึกว่าอ้อมกอดของเขาแน่นขึ้น ตัวของเขาอุ่นจัด น้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก จากนั้นจู่ๆ น้ำตาผมก็ไหลออกมา คงเพราะนึกไม่ถึงว่าเขาจะห่วงผมมากขนาดนี้ล่ะมั้ง
“พี่นิต....” สุภาพงษ์เรียกชื่อผม จากนั้นก็ค่อยขยับออก ผมเลยรีบก้มหลบเพราะกลัวว่าเขาจะเห็นน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ตั้งใจ แต่ก็ไม่พ้นสายตาของเขาจนได้
“พี่ร้องไห้เหรอ?!”
ผมสั่นศีรษะ พยายามจะขยับตัวหนี แต่ก็ถูกมือของเขาจับหน้าเอาไว้ โธ่... จะดูอะไรให้ได้ในเวลาแบบนี้เล่า ไม่เคยรู้มารยาทหรือไงว่าไม่ควรจะดูน้ำตาของคนอื่นน่ะ
สุดท้ายผมเลยต้องหันกลับมามองเขา ทั้งๆ ที่ยังแน่ใจว่าบนหน้าต้องมีรอยน้ำตาเหลืออยู่แน่ๆ พอสุภาพงษ์เห็นหน้าผมก็ทำหน้าสลด “พี่นิต...”
“อืม...”
“พี่เกลียดผมขนาดนี้เลยเหรอ?”
ผมอึ้งไปหน่อย ด้วยไม่คิดว่าท่าทางประกอบน้ำตาโดยบังเอิญของผม จะไปทำให้เขาเกิดคิดอะไรแบบนั้นขึ้นมาได้ พอเห็นเขาทำหน้าเศร้า ผมเลยรีบพูดออกไป “เปล่า พี่แค่ไม่นึกว่า เธอจะห่วงพี่ขนาดนั้น”
ผมเห็นเขาเงยหน้าขึ้นมา มองผมด้วยสายตางุนงงหน่อยๆ สักพักก็ยิ้มออกมา
เออ... นี่แหละ สาเหตุที่ทำให้ผมหน้ามืด
หลังจากที่แสดงความดีใจผ่านรอยยิ้มที่ไม่มีเหนียมของเขาเรียบร้อยแล้ว สุภาพงษ์ก็ยิ้มเล็กๆ อีกหลายครั้ง พาลเอาผมจะวูบอีกรอบ ชักรู้สึกแล้วว่า นอนนิ่งให้เขารุกต่อแบบนี้ ไม่ผมเป็นลมซ้ำอีก ก็คงต้องเสียพื้นที่ความรู้สึกในใจบางส่วนให้เขาแน่ๆ
พอคิดแบบนั้นได้ ผมเลยยันตัวลุกขึ้นทันที “เดี๋ยวพี่ทำมื้อเย็นให้ทานแล้วกัน จะได้ทานยา”
สุภาพงษ์ช้อนตามองผมอีก จากนั้นก็ยิ้มบางๆ บนใบหน้า ผมเลยต้องรีบเบือนสายตาไปทางอื่น เพราะกลัวจะหน้ามืด กลัวจะวูบอีก กลัวว่าต้องไปตรวจโรคหัวใจ
กลัวจะเสียหัวใจให้รอยยิ้มอย่างคนขี้อายของเขา
----------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก7(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P6:30/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-11-2011 16:38:27
   มื้อเย็นของพวกเราในวันนั้น เป็นข้าวต้มที่เหลือจากช่วงกลางวัน เอามาทรงเครื่องด้วยฟักที่ผมเก็บมาจากบ้าน ตุ๋นกับไข่ รสชาติก็อร่อยใชได้ อันนี้ผมชมของผมเองนะ เพราะสุภาพงษ์ไม่ได้พูดอะไร เห็นก้มหน้าก้มตาทานจนหมดอย่างเดียว ไม่ยอมพูดอะไรสักอย่าง แต่เพราะทานจนเกลี้ยง ผมเลยพอจะอนุมานได้ว่า มันคงจะอร่อยถูกปากเขาอยู่เหมือนกัน ทานเสร็จแล้วเขาก็อาสาล้างถ้วยชามให้เหมือนช่วงกลางวัน ผมเห็นว่าท่าทางเขาดีขึ้นมากแล้ว เลยไม่ได้ห้ามอะไร ปล่อยเขาล้างไปตามเรื่อง ส่วนตัวผมก็เดินมาเปิดโทรทัศน์ เพื่อดูข่าวภาคค่ำ
   สุภาพงษ์เดินมานั่งข้างผมหลังจากนั้นไม่นานนัก พอดีเห็นมีข่าวนักเรียนตีกัน ผมเลยชวนเขาคุยตามประสา “เจ้าเด็กพวกนี้มันตีกันแรงขึ้นทุกทีนะ สมัยก่อนยังไม่มีเอาปงเอาปืนมายิงกันขนาดนี้ นี่ไปโดนเอาคนที่ไม่รู้เรื่องตายด้วย ไม่รู้จักคิดกันหรือไงนะ”
   “ครับ” สุภาพงษ์พูดออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็เงียบไม่มีอะไรเพิ่มเติมอีก เจอแบบนี้ผมก็ไปต่อไม่ออก ได้แต่หันกลับไปนั่งจ้องโทรทัศน์ สักพักก็มีข่าวแม่ใจยักษ์ทิ้งลูกลงชักโครกอีก ผมอดไม่ได้ต้องบ่นออกมา
   “อีกแล้ว ผู้หญิงสมัยนี้นี่ ทำไมใจหินกันแบบนี้นะ ผู้ชายก็เหมือนกัน ทำอะไรไม่รับผิดชอบเอาซะเลย สงสารเด็กที่เกิดมาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เรียนสูงไปก็ไม่ได้ทำให้จิตสำนึกดีขึ้นมาเลย พวกนี้นี่ รักสนุกกันลูกเดียวจริงๆ”
   “..........................”
   ผมหันไปมองสุภาพงษ์ ก็เห็นเขามองผมอยู่ พอผมหันไปก็หลบสายตาทันที “อืม.. ครับ.....”
   แล้วก็แค่นั้นแหละ เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ.... เอาล่ะ ผมยอมรับ ปกติผมอยู่บ้านคนเดียว ดูข่าวดูอะไรก็ไม่ได้บ่นบ้ากับตัวเองคนเดียวแบบนี้หรอก แต่ถ้าไปดูอะไรกับเพื่อนกับฝูง มันก็ต้องมีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบ้างใช่ไหมล่ะ? ไม่ใช่ว่านั่งเงียบเป็นเป่าสากแบบนี้...
   หรือว่านี่จะเป็นเพราะช่องว่างระหว่างวัยนะ..............?
   ผมหันไปมองสุภาพงษ์อีกครั้ง ก็เห็นเขาจ้องโทรทัศน์อย่างจริงๆ จังๆ จะว่าไปแล้ว เขาอายุห่างกับผมสักสิบกว่าปีได้ แต่นับตามวัย เขาก็เข้าวัยผู้ใหญ่แล้วล่ะ ความคิดความอ่านอะไรไม่น่าจะห่างไกลกันมากเท่าไหร่ แต่คงเพราะนิสัยเงียบๆ ของเขาล่ะมั้ง ปกติชวนคุยธรรมดาก็แทบจะไม่พูดอะไรอยู่แล้ว มาเจอผมชวนบ่นแบบนี้ก็คงจะตอบโต้ได้แค่นั้นแหละ แต่ผมสิ... รู้สึกเหมือนพูดกับฝากับโซฟายังไงไม่รู้ แบบนี้ผมกลับไปดูโทรทัศน์ที่บ้านคนเดียวก็ได้ จะมีคนนั่งดูข้างๆ ไปทำไมกัน
   แต่เผอิญนี่ไม่ใช่บ้านผม และผมยังไม่คิดจะกลับเพราะเหตุผลแค่นี้ ผมเลยทำเป็นลืมไปว่ามีคนนั่งอยู่ข้างๆ แล้วเสพข่าวจากโทรทัศน์อย่างจริงๆ จังๆ เอาไว้เป็นข้อมูลไว้คุยกับเพื่อนกับฝูง
   นั่งดูเงียบๆ กันได้สักพัก ผมก็รู้สึกว่าสุภาพงษ์ขยับเข้ามาใกล้ ผมเลยขยับหนี พอเขาขยับมือมาจะจับมือผม ผมก็ดึงออก ในเมื่อเขาไม่พูดกับผม ผมก็ไม่คุยภาษากายกับเขาหรอก
หัดจับไม้จับมือกับโซฟาซะบ้าง จะได้รู้ว่าคุยกับฝาเป็นยังไง
พอจับมือผมไม่ได้ นั่งใกล้ผมก็ขยับหนี สุภาพงษ์ถึงรู้ว่าต้องเปิดปากบ้าง “พี่นิต....”
“อืม” ผมส่งเสียงในคอ พลางทำท่าสนใจข่าวเศรษฐกิจในจอเสียเต็มประดา แต่หูน่ะ เงี่ยฟังอยู่ว่าเขาจะพูดอะไรต่ออีก
“ผมขอโทษ...”
แน่ะ... ประโยคนี้อีกแล้ว นี่เขาคิดว่าคำขอโทษเป็นใบเบิกทางหรือไงนะ ผมหันหน้ากลับไปหาเขา “ขอโทษเรื่องอะไรน่ะ?”
สุภาพงษ์ทำหน้าอ้ำๆ อึ้งๆ สุดท้ายก็ตอบออกมา “พี่นิตโกรธผมเรื่องอะไรครับ?”
ผมถลึงตาใส่เขา “ไม่ได้โกรธอะไรนี่”
คิ้วของสุภาพงษ์ขมวดเข้าหากันหน่อยๆ “แต่พี่นิตทำท่าทางเหมือนโกรธนี่ครับ”
“อ้อ....” ผมลากเสียง “งั้นเธอก็น่าจะรู้ ว่าพี่โกรธอะไร”
สุภาพงษ์ขบริมฝีปากล่างอีก หลังจากขมวดคิ้วอยู่พัก ก็พูดออกมา “ผมไม่รู้ พี่นิตบอกผมเถอะครับ ผมจะได้แก้ไข”
ผมมองหน้าเขา สูดหายใจลึก แล้วระบายออกมาแรงๆ “ช่างมันเถอะ”
ว่าแล้วก็ลุกขึ้นทั้งอย่างนั้น ไม่รู้สิ ไม่ใช่กงการอะไรที่ผมจะต้องอธิบายให้เขาฟังนี่ สุภาพงษ์ลุกขึ้นตามผมมา
“พี่นิต!”
ไม่พูดเปล่า ยื่นมือมาคว้าแขนผมเอาไว้ด้วย ผมเลยสะบัดแขนออก แต่คราวนี้เขาไม่ยอมปล่อย จับแน่นเลย
“อะไรอีกล่ะ?” ผมหันกลับมาถามเขาในที่สุด เห็นสุภาพงษ์ยืนกัดปาก คิ้วย่นนิดๆ เรายืนกันแบบนั้นอยู่พัก อารมณ์ผมก็พอจะเย็นลงได้ ในเมื่อเขายังไม่ยอมพูดอะไรเหมือนเดิม ผมพูดเองก็แล้วกัน
“ช่างมันเถอะ พี่จะถือว่ามันเป็นนิสัยส่วนตัวของเธอแล้วกัน”
“พี่นิต” สุภาพงษ์เรียกชื่อผมอีก คราวนี้เขามีอย่างอื่นพูดต่อด้วย “พี่บอกผมเถอะ ผมรู้ว่าผมนิสัยไม่ดี พี่บอกผมนะ ผมจะได้แก้ไข”
นี่ถ้าเขาเป็นเด็กอายุสักเจ็ดแปดขวบ หรือสักสิบสี่สิบห้า ผมจะบอกเขาหรอก ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ไม่ดีเลย แต่นี่เขาอายุสามสิบสี่เข้าไปแล้ว ผมพูดไปก็เท่านั้นแหละ สามสิบสี่ปี ใครมันจะไปแก้นิสัยของตัวเองได้ ขนาดผมแก่กว่าเขายังแก้นิสัยเสียตัวเองไม่ได้เลย อีกอย่าง เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องแก้เพื่อผมด้วย
“โจ...” ผมเรียกชื่อเขา สูดหายใจอยู่อีกหลายครั้ง ถึงพอจะพูดตอบเขาได้ “พี่ว่าโจเลิกหวังอะไรจากพี่จะดีกว่า”
ดวงตาของสุภาพงษ์เบิ่งขึ้นหน่อยหนึ่ง “ผมไม่ได้หวังอะไรนะ”
“อืม..” ผมครางในคอ จ้องหน้าเขากลับ “พี่ว่าเราเป็นแค่บรรณาธิการกับนักเขียนแหละดีแล้ว พี่มีหน้าที่เขียนงานให้โจ โจก็เช็กงานพี่ เราไม่ต้องรู้จักอะไรกันมากกว่านี้หรอก”
สุภาพงษ์มองผมตาค้าง ผมเห็นเขาขยับปากเหมือนจะพูดอะไรอยู่หลายครั้ง แต่กลายเป็นว่า น้ำตาหยดหนึ่งร่วงออกมาจากตาเขาแทน
ผมกลืนน้ำลาย บอกไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่ สุภาพงษ์ยืนจ้องผมเงียบๆ น้ำตาอีกหลายหยดไหลออกมาหลังจากนั้น
ผมเบือนหน้าหนี แล้วดึงแขนออก สูดหายใจลึกอีกครั้ง ก่อนจะพูดออกมา “พี่กลับนะ”
-------------------------------------
   โชคดีที่ช่วงหัวค่ำ รถแถวนั้นไม่ค่อยติดแล้ว ผมเลยนั่งรถเมล์กลับมาถึงบ้านโดยใช้เวลาสักสิบห้านาทีเห็นจะได้ ตลอดทางผมรู้สึกแปลบๆ ในอก คงเพราะน้ำตาของสุภาพงษ์ล่ะมั้ง
   เกิดมาผมไม่เคยคิดเลยว่า ตัวเองจะเป็นสาเหตุให้ผู้ชายคนหนึ่งต้องร้องไห้
   ความผิดของผมหรืออย่างไรกันนะ.........?
   ผมไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆ ว่าสุภาพงษ์จะชอบผม ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เขาจะชอบผมตั้งแต่สมัยเด็กๆ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เขาคิดแบบนั้น แล้วก็ไม่พร้อมจะรับความรู้สึกแบบนั้นจากเขาด้วย
   ผมอาจจะปฏิเสธเขาช้าไปสักหน่อย แต่นี่คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
   ถึงผมจะชอบมองหน้าเขา แต่เขาคงไม่ใช่คนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจแน่ๆ
   ผมถอนหายใจเฮือก ถอดเสื้อออก เตรียมตัวจะอาบน้ำเข้านอน ถึงเพิ่งรู้ว่าหยิบกุญแจห้องของเขาติดมาด้วย แถมยังลืมถุงใส่เสื้อผ้าไว้ที่ห้องของเขาอีก
   เอาน่ะ ไว้หลังจากนี้ พออะไรๆ มันเข้าที่เข้าทางแล้ว ค่อยไปขอคืนก็ได้ กุญแจก็เดี๋ยวค่อยนั่งรถกลับไปฝากไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์คอนโดฯเขาพรุ่งนี้
   ผมคงทำได้ดีที่สุดเท่านี้แหละ
   อาบน้ำแปรงฟันเสร็จแล้ว ผมก็เดินเข้าห้องนอน นึกดีใจว่ายังไม่ดึกเท่าไหร่ พรุ่งนี้ผมคงตื่นเช้าพอจะรีบเอากุญแจห้องไปคืนตรงเคาน์เตอร์ด้านหน้าก่อนที่สุภาพงษ์จะไปทำงานได้ แต่เขาคงจะมีอีกดอกหนึ่งล่ะมั้ง ก็ดอกนี้คุณากรเป็นคนทิ้งเอาไว้นี่นา
   พอนึกถึงคุณากรแล้ว ผมก็ถอนหายใจอีก นี่ถ้าเขากับสุภาพงษ์เคยเป็นแฟนกัน เขาก็ดูน่าสงสารอยู่นะ ที่ต้องมาเลิกกับแฟนเพราะผม จำได้ว่าตอนเจอกันครั้งแรก เขาเคยเล่าเรื่องทำนองว่าแฟนเก่าทิ้งไปเพราะไปเจอคนข้างบ้านที่แอบชอบมานาน ไม่รู้สิ ผมรู้สึกผิดขึ้นมาเลยล่ะ ถ้านั่นเป็นเรื่องราวของเขาจริงๆ
   ผมว่าคุณากรคงเข้ากับสุภาพงษ์ได้ดีกว่าผม พวกเขารู้จักกันมานาน อาจจะเคยเป็นแฟนกันมาก่อนด้วยซ้ำ ตอนที่สุภาพงษ์ป่วย ควรจะได้คนอย่างคุณากรมาคอยอยู่เป็นเพื่อน แทนที่จะมาพยายามให้ผมที่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเป็นพิเศษช่วยดูแล....
   ท่าทางคุณากรคงจะเข้าใจผิดไปล่ะมั้ง ว่าถ้าพาผมไปแล้ว สุภาพงษ์คงจะหายไวขึ้น
   ผมนึกถึงภาพน้ำตาของสุภาพงษ์ตอนที่ออกมาแล้ว ก็บอกกับตัวเองว่า เขาคงไม่หายไวแน่ๆ และคงจะหายช้าเพราะผมด้วย
   แต่ผมไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ภาวนาในใจ ให้เขาหายในที่สุด
   หายได้โดยไม่ต้องมีผม
--------------------------------------------------
*** ฮืออออ :o12: ตอนที่เริ่มเขียนตอนนี้ ยังไม่คิดเลยนะว่าจะจบตอนได้ดราม่าขนาดนี้เนี่ย.... ถึงจะวางแผนไว้แล้วว่าเรื่องนี้จะต้องมีดราม่าระหว่างนิสัยของสุภาพงษ์และคุณพนิต แต่ก็ไม่นึกว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้นะเนี่ย..!! (อ้อ เรอะ!! ได้ยินว่าไม่มีอะไรจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอฟ่ะ นี่มันล่อมาตั้งตอน8แล้วนะ!!!!!)

เขียนไปเขียนมา อยากจะบอกว่า เรื่องนี้ผิดที่สุภาพงษ์คนเดียวเลย นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นนพรัตน์นะ คุณพนิตเสร็จไปแล้ว... แต่... ก็สงสารนายโจแหะ... ไม่รู้จิ๊ 8ตอนนี่ นายโจโดนพี่นิตทำร้ายจิตใจแบบไม่รู้ตัวตลอดเลย :sad4:

สงสารก็สงสาร หมั่นไส้ก็หมั่นไส้นายโจนะเนี่ย.... แต่คาดว่า จบตอนนี้แล้ว คนอ่านคงหมั่นไส้คุณพนิต แช่งให้กอดคานตายไปทั้งแบบนี้แน่ๆ เลย....

อย่าเกลียดคุณพนิตเลยน๊าาาา :sad4: คุณพนิตแกแค่รักโลกส่วนตัวของแก่มากกว่าคุณบ.ก.เท่านั้นเอง (ปกป้องกันสุดๆ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 04-11-2011 17:03:57
พี่นิตใจร้ายยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 04-11-2011 17:07:37
(me/เอามือตบหน้าผากตัวเอง แปะ!!)
ไม่รู้จะเห็นใจใครดี ระหว่างคุณนักเขียนกับคุณบ.ก.
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 04-11-2011 17:12:05
กรี๊ดดดด อ่านตอนแรกๆอิชั้นก็กรี๊ดกร๊าดอยู่หรอกนะ
ก็แหมมโจเล่นรุกเร็วถ้าป่วยแล้วมีอะไรคืบหน้าขนาดนี้ก็อยากให้ป่วยบ่อยๆ ฮ่าๆ
แถมฮาที่ความหล่อของโจเล่นทำเอาคุณพนิตจะเป็นลม หล่อจนตาพร่าาาาเลยทีเดียว
แต่มันไม่จบเพียงเท่านี้!ตอนนี้มันมีอะไรมากกว่าทที่คิด! กรี๊ดดดมีระเบิดทิ้งไว้ตอนจบ!
คุณจูออนมาต่อเร็วๆเลยสงสารหนูโจ :dont2:
คุณพนิตทำหนูโจร้องไห้เค้าโป้งแล้ว!! :a14:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 04-11-2011 17:50:28
 :o211:
โจ นายมันรุกช้าเกินไปแล้ว
ดูเหมือคุณพนิตจะรักคานยิ่งชีพนะ :haun5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 04-11-2011 18:18:15
ง่า...จะบอกว่าเข้าใจนะ  แบบนิสัยเข้ากันไม่ได้  แม้ว่าเค้าจะเป็นคนดีขนาดไหน แต่สุดท้ายแล้วความสัมพันธ์มันก็จะจบอยู่แค่ที่ระดับนึง มากกว่านี้ไปไม่ได้  เหมือนกับ"เคมีมันไม่ตรง" อะไรทำนองนั้น

จะน่าสงสารก็ตรงสุภาพงษ์...  รักพี่นิตซะขนาดนั้น  แล้วจะทำไงดีเนี่ยยย :sad4:

ปล. พี่นิตนี่ก็นะ  แค่เด็กยิ้มแค่เนี้ย เป็นลม  อย่างนี้ถ้าตอน :oo1:...ไม่ช๊อคตายเลยเร๊อะ!! :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: pixie ที่ 04-11-2011 18:27:30
อ่าา หลังจากซุ่มมานาน เพิ่งจะมาเม้น เมื่อเร็วๆนี้เพิ่งมีโอกาสตามอ่านงานเขียนหลายๆ เรื่องของคุณจูออน ต้องยอมรับว่าเป็นคนที่เขียนนิยายได้สนุกมากกก แล้วก็เขียนจบไม่ค่อยทิ้งเรื่องด้วย(ตรงนี้ต้องขอชื่นชมจากใจ) โดยส่วนตัวชอบเรื่อง stair กับ deep blue red sky มากค่ะ แล้วก็มาจนเรื่องนี้ ปกติก็เฉยๆกระเดียดไปทางแหยงนิดๆกับเรื่องพวกลุงๆนะ จนตอนนี้งงว่า เราเป็นสายโอจิเต็มขั้นตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า(ตั้งแต่แรกเจอคุณไพ?) สำหรับตอนนี้ พี่นิตทำร้ายจิตใจโจตลอดเลยน๊าา ตาโจก็เฉื่อยตลอด จับกด(?)เลยซิคะ อย่างไปเกร็ง ฮ่าๆๆ   พล่ามยาวและไปดีกว่า เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 04-11-2011 18:56:08
คุณพินิตใจร้าย
น้องโจออกจะรักพี่มาก
ให้โอกาสหัวใจตัวเองซักหน่อยน๊าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 04-11-2011 19:56:35
สมควรไปตรวจร่างกายอย่างแรง  แค่โจยิ้มก็เป็นลมซะแล้ว 
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: irksome ที่ 04-11-2011 20:42:47
"หัดจับไม้จับมือกับโซฟาซะบ้าง จะได้รู้ว่าคุยกับฝาเป็นยังไง"
โอยยยยย ตอนนี้ฮามาก  :laugh: ไม่ไหวอ่ะ ชอบบบบบ 5555555555

แงงง ตอนนี้คุณพนิตใจร้ายอ่ะ สงสารโจ
แต่โจก็ไม่ทำไรให้มันเคลียร์ๆเองนิเนอะ มัวแต่ไม่ค่อยพูด
เอาใจช่วยให้สองคนนี้เจ้าใจกันไวๆ  :n1: แฮ่
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 04-11-2011 20:47:37
 :fire:ถ้าคุยกับโจมันยากนักก็กดเลยเด้พี่นิต!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-11-2011 20:56:25
ม่ายยยยยยยยย เราไม่เห็นใจโจ เพราะโจที่มองคุณพนิตมานานมาก
น่าจะหัดใช้โอกาสที่ได้มาในการเข้าใจมากกว่านี้สิ
เค้ามาบ้านแล้วยังจะนั่งนิ่งอยู่ได้


แห้วก็สมควรแระ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 04-11-2011 21:12:22
เมื่อไหร่จะรู้ตัว เฮ้อ!!
รู้ใจตัวเองสักทีซิพี่นิต  กล้า ๆ หน่อยก่อนจะสายเกิน หึ.........งอนแทนโจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 04-11-2011 21:19:57
พี่นิตใจแข็งจัง 

สงสาร บ.ก. อ่ะ  แอบรักพี่นิตมานาน  แต่พี่นิตมาพูดแบบนี้

มันก็ต้องมีเสียใจบ้างไรบ้างเป็นเรื่องธรรมดา   :o12:    :o12:   :o12:

อย่างไงก็เจช่วย บ.ก. ให้เอาชนะใจพี่นิตให้ได้และยอมรับความรักของ บ.ก. 

สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆคร้า บ.ก. 
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: pak_kikkok ที่ 04-11-2011 21:33:18
ตอนนี้ถึงจะดราม่า แต่คุณพนิตก็แอบทำฮาไปหลายดอก... :z2:


เป้นบุคคลที่ประมาณว่าคิดเองเออเอง...โกรธเองอะไรเองหายโกรธเองทำใจได้เอง อยู่คนเดียว
โจน้อยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พลอยไม่เข้าใจ ฮ่าาา :serius2:

คุณพนิตโลกส่วนตัวสุงจริงอะไรจริง.. แต่ก็หวังให้โจเข้าไปบ้างได้สักนิดก็ยังดีอ่าน้าาา

ใจจริงแอบนึกว่าตอนนี้คุณพนิตจะโดนกดซะแล้วววว ฮ่าา(ได้แต่แอบหวัง คึคึคึ) :impress3:

แต่สุดท้าย กลายเป้นโจเสร็จคุณพนิตแทน(?) ฮ่าาาาา หัวใจน่ะค่ะ...สลายราบคาบเลยงานนี้
คุณพนิตใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยย  :o12:

แบบหักดิบกันดื้อๆแบบนี้ โจร้องไห้ก็ไม่หวั่นด้วยนะ..ปัดมือออกกลับบ้านเฉยเลย
ฮืออออออออออออออออออออออออ :sad4:

ทำไมคุณพนิตใจร้ายแบบเน้! :fire: ถึงไม่อยากโกรธคุณพนิต แล้วก็ไม่ได้อยากแช่งให้คุณพนิตขึ้นคาน(เพราะถ้าคุณพนิตขึ้นคาน เดี๋ยวโจก็ไม่ได้คุณพนิตเป็นแฟน)ก็เถอะ :m31:
แต่แหม่ๆๆๆๆ เล่นทำร้ายจิตใจคนหนุ่มขนาดนั้น ฮืออออออออออ :o12:


เวลาเข้ามาเช้คแล้วเห้นเรื่องนี้อัพทีไร ใจเต้นตึกตักเหมือนสาวน้อย..ทั้งที่อายุอานามก็มากโข ฮ่าฮ่าาาา :o8:


มารอลุ้นว่าเมื่อไหร่คุณพนิตจะเสร็จโจ ฮ่าาาา :haun4:
(ไม่รอใจอ่อนแล้วค่ะงานนี้ รอเสร็จโจลูกเดียว) o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 04-11-2011 21:37:52
เข้าใจคุณพนิตนะ คนที่อยู่เป็นโสดมานานนี่ ก็สี่สิบอัพแหละ
ความรู้สึกอิสระ มันอยู่ในเม็ดเลือดทุกเม็ดนะ อิ อิเว่อร์ไปปะ
ยิ่งคนที่มีโลกส่วนตัวสูงนี่ จะคิดเยอะเลยแหละ ถ้าเขารู้สึกว่า
มีใครสักคนกำลังก้าวเข้ามาในโลกของเขา โดยที่เขายังไม่ได้รู้สึกลึกซึ้งอะไรด้วย
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: คันจัง ที่ 04-11-2011 21:39:22
เย้ๆๆ เรื่องเฉื่อยๆ แต่อัพเรื่อยๆ มาแล้ววว  o13
พี่นิต: รู้งี้พาไปเตียงดีกว่า  :-[
คนเขียนน่าจะให้พนิตพาโจไปที่เตียงนะคะ  :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 04-11-2011 21:49:00
คุณพนิตใจร้ายจังเลยอะ โจร้องไห้เลย ผู้ชายไม่ร้องไห้ง่าย ๆ หรอกนะ เฮ้อ  :m15:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 04-11-2011 22:34:42
บทโศกมาจนได้
แต่ไม่เป็นไร เชื่อว่าพอคุณพนิตเข้าใจ
ว่าทำไมน้องโจถึงได้รักมากมายขนาดนี้
ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นเอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 04-11-2011 22:52:38
พี่นิตใจร้าย มาเหมือนให้ความหวังแล้วก็ทิ้งไป โจจะแก้เเกมยังไงดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 05-11-2011 02:14:49
 :sad4: อ่านช่วงแรกๆของตอนี้รู้สึกว่า
"ตอนนี้มันหวานจังหน้า"
แต่ ซักพักมันชักจะ "ดาร์ค"แว๊กกกกกกกกก
เด่วแบนคุณพนิตเลยนิ
แกล้งน้องโจอยู่ได้ ชิๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: kururu ที่ 05-11-2011 09:34:13
พี่นิต! ทำม๊ายยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 05-11-2011 10:17:15
อ้าวววววว  พี่นิต แค่โจไม่สนองตอบ กับบทสนทนา ถึงกับตัดเยื่อใยกันเลยหรือ
สงสารโจที่สุด
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 06-11-2011 21:44:07
ตอนแรก  :-[

ตอนสุดท้าย  :a5:

น้ำตาลหมด ความหวานหดหาย

ฮือๆ พี่นิต ทำม้ายยยย ทำน้องโจได้ลงคอ น้องแค่มนุษยสัมพันธ์ติดลบนิดหน่อยเอง แต่น้องเค้าจริงใจนะ อย่าใจร้ายกับน้องโจนักสิ  :sad4:

มาต่อไวๆนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 06-11-2011 22:05:24
สงสารโจมากกก
คุณพนิตใจร้าย 
โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยนะ  คนอ่านยังอยากได้โจเลย หุหุ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 06-11-2011 23:32:54
 :o12: พี่นิตใจร้าย

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 07-11-2011 02:00:32
ตอนแรกยิ้มหน้าบานเบอะเลยค่ะ
โจน่ารักมากกกกกก อ้อนคุณพนิตได้น่ารักสุดๆ
ใช้โอกาสของการเป็นคนป่วยได้อย่างคุ้มค่ามาก  o13

แต่  o22

คุณพนิต ทามมายยยยย :serius2: 
น้องโจผิดตรงไหน ช่องว่างระหว่างวัยพี่นิตคิดไปเองทั้งนั้น
พี่นิตปิดกั้นตัวเองเกินไปนะคะ รักโลกส่วนตัวแต่ก็ต้องลองเปิดใจให้ใครบ้างสิ
ฮื้อออ  เนี่ย มาบอกโจแบบนี้ คนอ่านช้ำใจค่ะ
เดี๋ยวจะแกล้งอัดวิดีโอตอนโจยิ้ม ไปเปิดฉายอยู่หน้าบ้าน เอาให้คุณพนิตหน้ามืดบ่อยๆเลย
ฮึ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 07-11-2011 11:38:23
ถ้าเปลี่ยนคุณพนิตเป็น "คงฉ่วย"คุญน้องโจเสร็จไปตั้งแต่ตอนมาทวงต้นฉบับ
แต่แรกแล้ว ฮึ่ยๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 08-11-2011 13:15:01
พี่นิตใจแข็งจริงๆเลย :serius2:

โจจัดการ :oo1: เร็วๆเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 08-11-2011 19:26:35
เข้าใจคุณพนิตนะ เป็นใครเจออย่างโจเข้าไปก็อึดอัด
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 08-11-2011 20:31:51
ใจร้ายอ่ะ ใจร้ายมากๆ  :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-11-2011 12:28:48
**ในที่สุด ก็เขียนจบไปอีกตอนจนได้ เฮ!! :mc4:

แล้วก็ยังคงสถานะผู้อพยพมาเดือนกว่าอย่างเหนียวแน่น (ไม่ได้กลับไปดูบ้านเลยสักครั้้ง บ้านจ๋า :sad4:)

โว้ย ท่วมนานจนชักเครียด (เพราะพิมพ์หนังสือก็ไปเอาไม่ได้ เอามาได้ก็ส่งไม่ได้ น่าเครียดมั้ย?!)

เพราะงั้น... มาอ่านอะไรเฉื่อยๆ กันเถอะ!! (มันมาลงตรงนี้ได้ไงล่ะเนี่ย??!! :a5:)
---------------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่9

   เพราะเมื่อคืนผมมัวแต่นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เช้าวันต่อมาพอลืมตาขึ้นมองนาฬิกาก็เห็นว่าเข็มยาวชี้ที่เลขสิบเข้าไปแล้ว พอเห็นว่าตื่นสายขนาดนี้ ผมก็แทบจะกระโดดลงมาจากเตียง รีบลงไปล้างหน้าแปรงฟัน รดน้ำต้นกล้วยไม้ที่อยู่หน้าบ้าน แล้วปั่นจักรยานออกไปทานข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆ พอกลับมาถึงบ้าน ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์แผดเสียงลั่นออกมาจากด้านใน ผมเลยต้องรีบไขกุญแจ วิ่งเข้าไปรับโทรศัพท์ โดยทิ้งทั้งจักรยานและประตูรั้ว ให้เปิดอ้าไว้อย่างนั้น   
   “สวัสดีค่ะคุณพนิต อรนภานะคะ วันนี้คุณพนิตจะเข้ามาส่งต้นฉบับเองรึเปล่าคะ”
   ผมกะพริบตาปริบๆ อยู่พัก ถึงนึกได้ว่าเป็นสายเลขาฯของสุภาพงษ์ที่สำนักงาน “อืม เปล่า ผมส่งไปแล้วน่ะ”
   “เอ๋ ส่งไปรษณีย์มาหรือคะ?” เสียงอรนภาตอนกลับมา ผมเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “เปล่า ผมเอาไปให้คุณสุภาพงษ์เมื่อวานน่ะ เขายังไม่ได้เข้าไปหรือ?”
   “คุณสุภาพงษ์เธอไม่สบายค่ะ เมื่อเช้าเพิ่งโทรมาบอกว่าวันนี้เข้าออฟฟิศไม่ไหว ว่าแต่เมื่อวานคุณพนิตเอาต้นฉบับไปส่งให้ที่ห้องเลยเหรอคะ”
   “อืม........” ผมคราง ชักรู้สึกว่า ผมพูดอะไรที่ฟังดูไม่เหมาะสมไปรึเปล่านะ “พอดีมันมีเหตุนิดหน่อยน่ะ ที่จริงผมตั้งใจจะไปส่งที่ออฟฟิศ แต่พอดีเพื่อนเขาแวะมาหาผมที่บ้าน ก็เลยถือโอกาสแวะไปเยี่ยมไข้เขาด้วยเลยน่ะ”
   “อ๋อ ค่ะ อาการเขาเป็นไงบ้างคะ เมื่อเช้าท่าทางเสียงเขาดูแย่มากเลยค่ะ”
   “............” ผมนิ่งไปพักหนึ่ง ถึงพอจะหาคำพูดตอบอรนภาไปได้ “ก็ไข้นั่นแหละ พักผ่อนวันสองวันก็น่าจะหาย”
   “อืม.. ค่ะ ยังไงคุณพนิตเองก็ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ”
   “ครับ” ผมตอบ จากนั้นเธอก็วางสายไป ทิ้งให้ผมยืนนิ่งอยู่หน้าโทรศัพท์
   สุภาพงษ์........
   เมื่อวานผมเขียนต้นฉบับเสร็จก่อนเวลา เลยตั้งใจจะไปส่งให้เขาที่สำนักงาน แต่กลับถูกเจ้าคุณากรหลอกพาไปเยี่ยมไข้เขาเสียได้ ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะอยู่เฝ้าไข้เขาสักคืนหรอก เพราะเห็นว่าอยู่คนเดียวไม่มีใคร แต่ก็ดันมาอารมณ์เสียเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องจนได้
   ที่จริงเขาก็แค่คนที่ไม่ค่อยพูด แถมก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน ที่ผมทำลงไปเมื่อวาน ถือว่าใจร้ายเกินไปรึเปล่านะ...?
   พอมานึกย้อนถึงน้ำตาของเขาก่อนที่ผมจะออกจากห้องแล้ว ก็รู้สึกขึ้นมาจริงๆ นั่นล่ะ ว่าผมอาจจะทำเกินไปหน่อย อย่างน้อย บอกเขาแบบนั้นแล้ว ก็น่าจะหาใครไปอยู่ปลอบใจเขาบ้าง ไม่ใช่ว่าทิ้งเขาออกมาแบบนั้น แต่จนใจที่ผมไม่มีเบอร์ของคุณากร แล้วก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อเขาอย่างไรดี จะโทรกลับไปถามสุภาพงษ์ว่าเป็นไงบ้างก็น่าเกลียด
   ผมวนเวียนคิดเรื่องนี้จนดึก ถึงได้ตื่นซะสายโด่งแบบนี้ไงล่ะ แถมตื่นมาแล้วก็ได้รู้อีกว่าเขาไปทำงานไม่ไหว
   เพราะผมรึเปล่านะ.....
   “ลุงนิต!”
   ผมสะดุ้งโหยง เงยหน้ามองออกไป ก็เห็นเด็กผู้ชายอายุสักเจ็ดแปดขวบสองคนมายืนหน้าตื่นอยู่ตรงหน้าบ้าน ท่าทางจะเห็นว่ามีจักรยานล้มอยู่เลยดูจะตกใจใหญ่ คงคิดว่าผมเป็นอะไรล่ะมั้ง
   “ลุงนิต” เจ้าเด็กสองคนนั้นทำท่าจะเดินเข้ามาตามหาผมถึงบ้าน ผมเลยต้องรีบออกไปก่อน “มีอะไรกันเหรอ?”
   “ตกใจหมดเลย คิดว่าลุงเป็นอะไรไปแล้ว เห็นรถล้มอยู่หน้าบ้าน” หนึ่งในนั้นตอบ ผมจำได้ว่าเป็นสองพี่น้องจากบ้านเช่าที่เข้ามาเล่นบ้านผมบ่อยๆ ย้ายมาอยู่แถวนี้ได้สักเกือบครึ่งปีแล้วมั้ง
   “อ้อ ลุงรีบเข้าไปรับโทรศัพท์น่ะ มีเรื่องอะไรล่ะ?” ผมถามต่อ เจ้าเด็กสองคนนั้นมองหน้าผมอยู่พัก แล้วเม้มปากนิดๆ “แม่บอกให้มาลาน่ะครับ พรุ่งนี้พวกผมจะย้ายออกแล้ว ไปแต่เช้าเลย”
   “อืม..” ผมส่งเสียงในคอ มองหน้าเด็กทั้งสอง “เก็บของเสร็จหรือยังล่ะ?”
   “ยังครับ เดี๋ยวต้องไปช่วยแม่เก็บของต่อ” คนน้องตอบ แล้วเดินมาหาผม “ลุง ผมไปแล้วลุงจะคิดถึงผมมั้ย?”
   ผมเผลอหัวเราะออกมา แล้วก็เลยย่อตัวลงนั่ง ยกมือลูบศีรษะเจ้าเด็กคนนั้นอย่างเอ็นดู “คิดถึงสิ”
   “งั้นผมย้ายมาอยู่กับลุงได้มั้ย ผมไม่อยากย้ายบ้านเลย” เด็กคนน้องพูดต่อ ได้ยินคนพี่เอ็ดขึ้น “ไม่ได้นะ แม่บอกว่าอย่ามารบกวนลุงนิตบ่อยๆ เกรงใจลุงนิตบ้าง”
   “ลุงนิตใจดี ลุงนิตไม่ว่าหรอก” คนน้องตอบ แล้วหันหน้ามาหาผม “ลุงนิตให้ผมอยู่ด้วยนะ”
   “มาอยู่กับลุงแล้วไม่คิดถึงพี่ถึงพ่อแม่หรือไงน่ะ” ผมตอบกลับไป เจ้าเด็กน้อยทำท่าคิดหนัก ผมเลยพูดต่อ “นี่... เดี๋ยวสักพักก็ได้เจอกันอีกนั่นแหละ ไว้โตขึ้น ค่อยกลับมาหาลุงก็ได้ ลุงไม่หนีไปไหนหรอก”
   “แต่ผมไม่อยากย้ายบ้านนี่นา”
   “ทำไมล่ะ บ้านใหม่ไม่น่าอยู่หรือไง?” ผมถามเล่นๆ เจ้าเด็กน้อยทำหน้ายู่ “ไม่รู้ ผมชอบแถวนี้มากกว่า อยู่ที่นี่มาเล่นกับเพื่อนที่บ้านลุงได้นี่นา บ้านใหม่ผมไม่มีที่แบบนี้หรอก”
   “อ้อ... งั้นไว้ช่วงปิดเทอมก็ค่อยขอพ่อแม่มาเที่ยวสิ หัดขึ้นรถเมล์กันเป็นแล้วไม่ใช่หรือ? หรือว่าจะย้ายไปต่างจังหวัด”
   “อือ ครับ แต่แม่บอกว่า นั่งรถมาหาลุงได้” คนพี่ตอบ แล้วหันไปหาน้อง “โก้กลับได้แล้ว เดี๋ยวแม่ว่านะ”
   พอเห็นเจ้าคนน้องทำท่ายึกยักไม่ยอมกลับ ผมเลยต้องตะล่อมต่อ “กลับบ้านไปช่วยแม่เก็บของก่อนนะ ไว้เดี๋ยวปิดเทอมถ้าโก้มา ลุงจะทำชิงช้าใหม่เอาไว้ให้นั่งเลย”
   “จริงนะครับ” เจ้าเด็กน้อยทำตาโต ผมพยักหน้า “อืม รับรองว่านั่งได้หลายคน ทนกว่าอันนี้แน่ๆ เพราะงั้น กลับบ้านไปช่วยแม่เก็บของก่อน อย่าดื้อนะ ไม่งั้นลุงไม่ให้กลับมาแล้วนะ”
   เด็กคนน้องเงียบไปพัก สุดท้ายก็พยักหน้า ยอมกลับไปแต่โดยดี ผมมองสองคนเดินกลับไปที่บ้าน แล้วก็นึกขึ้นมาว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ มีเด็กๆ แวะเวียนมาอยู่แถวนี้มากมายเหลือเกิน มาเล่นที่บ้านผมก็เยอะ แต่น้อยคนหรอกที่จะกลับมาเยี่ยมที่นี่อีกครั้ง บางคนเจอกันก็จำกันไม่ได้เสียแล้ว
   อย่างสุภาพงษ์ไง....
   ผมปิดประตูรั้ว เข็นจักรยานกลับเข้ามาในบ้าน นึกไปก็น่าแปลกใจเหมือนกัน ทำไมสุภาพงษ์ถึงไม่บอกผมแต่แรกนะว่าเคยอยู่ใกล้บ้านกัน เขาคงจำผมได้หรอก เพราะเขามาบ้านผมถูกโดยไม่ต้องถามทางเลยสักคำ ตอนนั้นผมยังนึกอยู่เลยว่าเขาเก่งจริงๆ ที่มาถึงที่นี่ได้ นี่ถ้าเคยมาเล่นที่บ้านก็น่าจะทักทายกันหน่อย ไม่ใช่มาบอกผมตอนหลังแบบนี้
   แถมมาบอกในลักษณะนั้นอีก...
   พอคิดว่าตัวเองถึงกับเป็นลมล้มตึงลงไปเพราะคำพูดของเขาวันนั้น ผมก็เกิดอาการหน้าร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ แก่ขนาดนี้แล้ว ทำไมผมถึงยังใจเต้นกับเรื่องพวกนี้อีกนะ คงเพราะผมไม่เคยคิดถึงมาก่อน นึกไม่ถึงด้วยว่ามันจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง
   แต่ผมไม่รู้สึกดีใจเลย ตกใจเสียมากกว่า
   จู่ๆ บรรณาธิการของตัวเองก็มาบอกว่าเคยอยู่ข้างบ้าน แถมยัง........ ใครจะดีใจผมไม่รู้ แต่ผมไม่ดีใจแน่ ถึงแม้ผมจะยอมรับว่าชอบมองหน้าเขาเอามากๆ ก็เถอะนะ
   สุภาพงษ์เป็นบรรณาธิการผม เด็กกว่าผมตั้งสิบกว่าปี แถมเป็นผู้ชาย แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ผมรู้สึกตกใจได้แล้วล่ะ แล้วต่อให้เขาเป็นผู้หญิง ผมก็คงไม่ปลื้มอะไร เพราะคิดว่าไม่มีปัญญาจะเลี้ยงไหวแน่
   ผมว่าผมใช้ชีวิตคู่กับใครไม่ไหวหรอก.... แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว...
   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งเฮือก รีบเดินจ้ำๆ เข้าไปรับโทรศัพท์ทันที พลางนึกว่าใครโทรมานักหนานะ
   “อ้าว คุณพนิตอยู่เหรอครับ?!” ปลายเสียงทักขึ้นอย่างแปลกใจทันทีที่ผมกรอกเสียงลงไป ผมสิควรจะแปลกใจมากกว่า โทรมาเองแล้วมาพูดแบบนี้ได้ไงน่ะ
   “ใครครับ” ผมถามเสียงเข้ม นึกว่าถ้าเป็นพวกโทรศัพท์ป่วนเมืองล่ะก็จะเทศนาสั่งสอนสักยกหนึ่ง ได้ยินเสียงปลายสายตอบเร็วทันใจ “กั้งครับ คุณพนิตไม่ได้อยู่กับไอ้โจเหรอครับ?”
   “เปล่า” ผมตอบ พลางนึกว่าเขาจะถามทำไมนะ ในเมื่อที่โทรเข้ามาก็โทรศัพท์บ้าน ถ้าผมอยู่กับสุภาพงษ์แล้วผมจะรับโทรศัพท์เขาได้ยังไง “ผมกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
   “ห๊ะ!!” คุณากรร้องเสียงดังอย่างไม่เกรงใจคนปลายสายอย่างผม “คุณพนิตทิ้งมันให้อยู่คนเดียวหรือครับ?!”
   “อืม” ผมส่งเสียงตอบกลับไปอย่างรำคาญ แล้วก็พูดต่อ “คุณกั้ง ผมว่าคุณแวะไปดูเขาหน่อยก็ดีนะ เขาอยู่คนเดียวน่ะ”
   “โธ่...” คุณากรส่งเสียงครางกลับมา “ก็แล้วทำไมคุณพนิตไม่อยู่เป็นเพื่อนเขาล่ะครับ”
   ผมเงียบไปเสีย เพราะขี้เกียจเล่าเรื่องที่หงุดหงิดเขาเมื่อวาน คุณากรเห็นผมเงียบไปพักใหญ่ ก็เลยพูดต่อ “งั้นเดี่ยวผมแวะไปก็ได้... ไอ้โจนะ ไอ้โจ...” ได้ยินเสียงเขาบ่นกระปอดกระแปดออกมาอีกสองสามคำ ก่อนจะวางโทรศัพท์ไป ผมถอนหายใจเฮือก นึกดีใจว่าในที่สุดสุภาพงษ์คงมีใครไปดูแลอาการสักที ไม่รู้ว่าอาการเขาหนักขนาดไหน หวังว่าคงไม่เป็นอะไรมากนะ
   ผมวางโทรศัพท์แล้ว ก็เดินมาเปิดโทรทัศน์ ดูนั่นดูนี่ไปตามเรื่อง ผมเพิ่งส่งตอนล่าสุดไปเมื่อวาน ยังอีกหลายวันกว่าจะถึงกำหนดของอีกเรื่อง แล้วที่สำคัญ คนมาทวงต้นฉบับผมป่วย คงไม่มีใครมาเร่งผมในช่วงนี้หรอก
   ไม่รู้ว่าป่านนี้คุณากรไปถึงห้องของสุภาพงษ์รึยังนะ... แล้วสุภาพงษ์จะเป็นอะไรมากรึเปล่า ไม่ใช่ว่าโดนผมพูดเมื่อวานแล้วเขาจะป่วยหนักจนลุกไม่ขึ้นหรอกนะ แต่เห็นยังโทรไปลางานได้ ก็น่าจะยังไม่หนักเท่าไหร่ล่ะมั้ง
   หวังว่าคุณากรคงจะดูแลเขาได้นะ....
   ผมดูโทรทัศน์ไปได้พัก ก็รู้สึกเบื่อ เลยปิด แล้วก็ว่าจะไปนั่งคิดเรื่องที่หน้าเครื่องพิมพ์ต่อ เรื่องของเด็กหญิงพิมชนกคิดไม่ยากอยู่แล้ว เขียนเสร็จก่อนก็ดี สุภาพงษ์จะได้ไม่ต้องลำบากมาตามทวงอีก
   ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้าง จะไปหาหมอหรือยังนะ
   กระดาษบนเครื่องพิมพ์ดีดน่ะเป็นหัวเรื่องของเด็กหญิงพิมชนก แต่ในหัวผมดันมีแต่เรื่องของสุภาพงษ์เต็มไปหมด ให้ตายสิ ทำไมผมถึงปากหนักไม่ขอเบอร์โทรของคุณากรมานะ จะได้โทรถามเขาได้ว่าสุภาพงษ์เป็นยังไงบ้าง
   พอเห็นท่าว่าเรื่องเด็กหญิงพิมชนกจะกลายเป็นเรื่องของนายสุภาพงษ์ไป ผมเลยผละจากเครื่องพิมพ์ดีด กลับมาดูโทรทัศน์ต่อ แต่ยังไม่ทันจะหยิบรีโมทฯมากดเปลี่ยนช่อง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก ผมรีบวางรีโมทฯแล้วตรงไปรับทันที
   “คุณพนิตครับ ผมกั้งนะครับ คุณพนิตมีหยิบกุญแจที่ผมให้กลับบ้านรึเปล่าครับ” เสียงปลายสายพูดเร็วปรื๋อ ทำเอาผมต้องจับต้นชนปลายอยู่พักใหญ่ “หมายถึงกุญแจห้องของสุภาพงษ์หรือ?”
   “ครับ ผมอยู่หน้าห้องมันแล้ว แต่ไม่มีกุญแจไขเข้าไป เรียกมันก็ไม่เปิด สงสัยนอนอยู่มั้ง คุณพนิตมีหยิบไปรึเปล่าครับ”
   “อืม” ผมตอบกลับไป ได้ยินเสียงเขาพูดอีก “งั้นรีบมาเลยนะครับ เพราะผมเองก็ต้องรีบไปทำงานเหมือนกัน”
   “เอ่อ... หา?!” ผมอุทานออกไปด้วยความงุนงง คุณากรกรอกเสียงกลับมาอีก “ผมไปทำงานก่อนนะครับคุณพนิต แวะมาดูไอ้โจด้วยนะครับ เผื่อมันตายจะได้เรียกป่อเต็กตึ้ง”
   “อย่าพูดอะไรบ้าๆ แบบนั้นนะ” ผมเอ็ดเขาไป จู่ๆ มาพูดเรื่องตายได้ไงน่ะ ได้ยินเสียงคุณากรตอบกลับมา “ครับๆ มานะครับคุณพนิต อย่าทิ้งโจมันไว้คนเดียวนะครับ มันชอบคุณพนิตมากเลยนะ”
   ผมอ้าปากพะงาบๆ อยู่พัก ถึงพอจะกรอกเสียงตอบลงไปได้ “อืม”
   “งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ” คุณากรพูด แล้ววางสายไป ผมมองนาฬิกา เห็นว่าใกล้เที่ยงแล้ว แดดกำลังร้อนได้ที่ จะให้ออกไปข้างนอกก็ดูจะฝืนสังขารพอควร แต่ว่าเมื่อเช้าผมทานข้าวสาย แล้วสุภาพงษ์ก็ดูท่าทางจะป่วยหนัก แถมยังอยู่คนเดียว....
-------------------------------------
   ท้ายที่สุด ผมก็ยอมจะฝ่าแดดออกมาเรียกรถแท็กซี่ เพื่อกลับไปดูอาการของสุภาพงษ์ที่คอนโดฯอีกครั้ง ให้ตายสิ เขาทำให้ผมต้องนั่งแท็กซี่สองวันติดกันแล้วนะ
   ผมมาถึงคอนโดฯของสุภาพงษ์ประมาณบ่ายๆ เห็นมีขนมปังขายอยู่ตรงใกล้ๆ ทางเข้า เลยซื้อติดไม้ติดมือขึ้นไป เผื่อว่าเขาจะหิว เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาการเขาเป็นอะไรขนาดไหนแล้ว เผื่อไว้ก่อนก็คงไม่เสียหายอะไร
   ถึงหน้าประตู ผมยกมือเคาะเบาๆ พอเห็นว่าไม่มีเสียงตอบรับ หรือใครมาเปิดประตูสักที ก็เลยค่อยหยิบกุญแจมาไขเข้าไป
   ห้องของสุภาพงษ์ยังดูเป็นปกติเหมือนเมื่อวาน เพียงแต่โต๊ะรับแขกดูโล่งขึ้นหน่อย และไม่มีเจ้าของห้องนอนอยู่ตรงโซฟาแล้ว ผมก้มลงไปดูชั้นวางรองเท้าก็เห็นยังอยู่ครบคู่ดี เลยถือวิสาสะเดินไปเปิดประตูห้องนอนของเขา
   เฮ้อ... เขากำลังนอนหลับอยู่จริงๆ ด้วย เสื้อผ้าก็ยังเป็นของเมื่อวานตอนที่ผมออกมา ท่าทางเขาคงจะยังไม่ได้อาบน้ำ
   ผมถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ ถึงได้เห็นว่า เขานอนกอดอะไรอยู่ด้วย ไม่ใช่หมอนข้าง เหมือนเป็นถุงผ้าอะไรสักอย่าง วินาทีต่อมาผมถึงจำได้ว่าเป็นถุงใส่เสื้อผ้าของผมเอง
   “..............................”
   ผมบอกความรู้สึกไม่ถูก อธิบายไม่ได้หรอกว่ามันเป็นยังไง ตอนที่เห็นว่าเขากอดถุงใส่เสื้อผ้าผมอยู่ พอเงยหน้าขึ้นไปหน่อย ก็เห็นตรงหัวเตียงมีซองใส่ต้นฉบับวางเอาไว้
   อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนเขานอนพร้อมกับของพวกนี้........
   ผมค่อยๆ นั่งลงบนเตียงข้างเขา หน้าตาเขาดูแย่กว่าเมื่อวานเสียอีก ผมเห็นมือตัวเองสั่น ตอนที่ยกไปแตะหน้าผากเขา พอแตะโดน ผมถึงกับสะดุ้ง เพราะตัวเขาร้อนจี๋ แบบนี้ผมว่าอาการเขาไม่ธรรดมาแล้วล่ะ
“โจ..” ผมเรียกชื่อเขา แล้วลองเขย่าตัวเขาดู แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะรู้สึกตัวเลย แบบนี้ปล่อยไว้เฉยๆ ไม่ดีแน่ ผมรีบเดินไปหยิบอ่างใส่น้ำ กับผ้ามาช่วยเช็ดตัวเขา แต่ตัวเขาร้อนจัดขนาดนี้ เช็ดแค่หน้าผากคงไม่พอแน่ ผมเลยจำต้องจัดการพลิกตัวเขาให้หงายขึ้นมาก่อน สุภาพงษ์ก็ตัวหนักจริงๆ กว่าผมจะพลิกตัวเขาได้ก็เล่นเอาเหนื่อย แถมพลิกขึ้นมาแล้วยังกอดถุงใส่เสื้อผมแน่นไม่ยอมปล่อยอีกต่างหาก นี่ขนาดไม่รู้สึกตัวนะเนี่ย
เพราะต้องการจะเช็ดตัวเขาด้วย ผมเลยต้องดึงถุงใบนั้นออก ถุงก็ของผม เสื้อก็ของผมแท้ๆ แต่เขาดันจับเสียแน่น ตอนแรกว่าจะค่อยๆ ดึงออกก็ไม่ไหว เลยต้องง้างออกมาแทน
“อื้อ!!” พอดึงถุงใส่เสื้อผ้าออกมาได้ สุภาพงษ์ก็เริ่มส่งเสียงทันที แถมคว้ามือออกมาอย่างกับว่าผมจะขโมยของเขาอย่างนั้นแหละ “พี่นิต อย่าไปนะ”
ผมชะงักกึก มือเขาที่คว้ามั่วๆ มาก็เลยคว้าทั้งแขนทั้งถุงที่อยู่ในมือผม คว้าได้แล้วเขาก็เอาไปกอดแน่น “พี่นิต...”
“............” เอาล่ะ ผมตั้งใจจะเช็ดตัวลดความร้อนให้เขา เพราะงั้น ถูกเขากอดมือแน่นแบบนี้ไม่เข้าท่าแน่ๆ ไข้เขายังสูงอยู่ ปล่อยให้เพ้อไปคงจะเป็นอันตราย ผมเลยพยายามจะดึงมือออก แต่สุภาพงษ์นอกจากตัวใหญ่แล้วแรงยังเยอะอีกต่างหาก ขนาดว่าป่วยนะเนี่ย ผมดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออก แถมเหมือนเขาจับแน่นขึ้นด้วย ผมไม่รู้จะทำไง เลยก้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ ลองพูดกับเขาดู “โจ พี่นิตเองนะ... โจปล่อยพี่ก่อน พี่จะได้เช็ดตัวให้”
สุภาพงษ์สั่นศีรษะแบบไม่ค่อยจะได้สติ จากนั้นก็ยิ่งกอดถุงเสื้อผ้าพร้อมมือผมแน่นกว่าเดิม ผมไม่รู้จะทำไง เลยต้องใช้อีกมือไปคว้าผ้ากับอ่างมาช่วยเช็ดตัวให้เขา เพราะมีอยู่มือเดียว น้ำเลยกระเซ็นเปียกเตียงไปหลายรอย ถ้าเขาตื่นมาแล้วจะโทษใครเรื่องนี้ ก็คงต้องโทษตัวเองนั่นแหละ ทำตัวเป็นเด็กติดมือพ่อติดมือแม่ไปได้
ผมเริ่มเช็ดจากหน้าเขาก่อน แต่เพราะถูกจับมืออยู่ ท่ามันเลยไม่ค่อยจะสวยเท่าไหร่ จะนั่งก็ไม่นั่ง จะนอนก็ไม่นอน เอื้อมๆ แบบแปลกๆ แต่เอาน่ะ ไม่มีใครเข้ามาเห็นหรอก แล้วผมก็ทำไปด้วยความหวังดีอย่างที่สุด เพราะงั้น ถึงหน้าเขาจะเปียกสักหน่อย เสื้อเขาจะเลอะน้ำ เตียงเขาจะเปียกเป็นหย่อมๆ เขาก็ไม่มีสิทธิ์จะมาว่าอะไรผมหลังจากนี้
   สุภาพงษ์สะดุ้งหน่อยตอนที่ผมแตะผ้าลงบนตัวเขา แต่ก็ไม่ได้ดิ้นไม่ได้โวยวายอะไร ผมเลยเช็ดตัวเขาต่อ เพราะตัวเขาร้อนจัด เช็ดไปได้รอบหนึ่งก็ต้องเอาผ้าไปล้างน้ำ ดีที่พอเช็ดแล้วท่าทางเขาจะรู้สึกสบายขึ้น เลยยอมคลายมือออกหน่อย ผมเลยขยับได้ถนัดขึ้น ผมล้างผ้าเสร็จแล้วก็หันกลับมาเช็ดหน้าเขาต่อ
   เฮ้อ... เขาก็หน้าตาดีหรอกนะ... นิสัยก็พอจะใช้ได้ ไม่น่ามาฝังใจอยู่แบบนี้เลย
   ผมเช็ดหน้าพลางมองคางได้รูปของเขาเพลินๆ จู่ๆ เขาก็ปล่อยมือผม ผมเลยขยับมือออกมาเตรียมจะปลดกระดุมเสื้อเขาออก จะได้เช็ดเนื้อเช็ดตัวด้านในให้ แต่ยังไม่ทันได้ปลดกระดุมเขาสักเม็ด ผมก็มีอันต้องสะดุ้ง เมื่อรู้สึกว่าเอวถูกมืออุ่นจัดคู่หนึ่งจับเอาไว้ พอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นสุภาพงษ์กำลังมองผมอยู่ ตาสีดำของเขาดูทั้งตกใจ ทั้งงุนงง แต่ผมสิ อึ้งกว่าเขาอีก
   “พี่นิต!”
   ผมคิดอยู่หรอกว่าเขาคงตกใจแน่ ที่จู่ๆ ก็มีใครคนอื่นมาเช็ดตัวให้ แถมท่าทางที่ผมเช็ดตัวเขาอยู่ก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่... อย่างที่บอกนั่นแหละ เพราะเขาจับมือผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ผมเลยขยับตัวไม่ค่อยสะดวก ตัวเขาก็สูงกว่าผม ดังนั้นผมเลยต้องแนบตัวลงไปบนตัวเขาเพื่อจะเช็ดตัวให้ ก็บอกแล้วว่าท่าทางมันน่าเกลียด แต่ผมไม่คิดว่าจะมีใครเห็นนี่นา
   “เอ่อ...” ผมเปล่งเสียงในคอแก้เก้ออย่างไร้ความหมาย กะว่าจะยิ้มให้เขาสักหน่อย แล้วอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ สุภาพงษ์ก็รวบเอวผมไว้แน่น จนหน้าผมซุกลงบนซอกคอของเขา อืม... เหมือนตัวเขาจะเย็นลงหน่อยแล้วล่ะมั้ง ที่ผมเช็ดตัวไปตะกี้คงได้ผลบ้างล่ะ
   ผมพยายามจะยันตัวลุกขึ้น เพราะเชื่อแน่ว่าท่าทางที่เป็นอยู่ตอนนี้คงน่าเกลียดอย่างที่สุดแน่ๆ แต่สุภาพงษ์ก็กอดแน่นซะเหลือเกิน อย่างกับกลัวผมจะลอยไปไหนงั้นแหละ ผมเลยได้แต่เงยหน้าขึ้นมา แล้วก็เห็นสายตาสีดำสนิทของเขาที่เบือนกลับมามองพอดี
   “พี่นิต”
   “เอ้อ.. โจ คือพี่...” ผมเตรียมจะบอกเขาว่า ผมกำลังพยายามจะเช็ดตัวลดไข้เขาอยู่ แต่ยังไม่ทันได้พูด สุภาพงษ์ขยับมือขึ้นมาตรงหลังผม แล้วรวบตัวผมเข้าไปอีก หน้าผมเลยซุกไปที่ซอกคอของเขาอีกแล้ว ได้ยินสุภาพงษ์พูดเสียงพร่า
   “ผมรักพี่นะ ผมรักพี่ที่สุดเลย”
   ผมอ้าปากพะงาบๆ นึกไม่ออกว่าควรจะพูดอะไรตอบเขาไป แน่นอนว่าผมยังไม่ทันคิดออก ก็ได้ยินเสียงเขาพูดต่ออีก “อย่าไปไหนเลยนะ อย่าทิ้งผมไปเลยนะ”
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก8(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P7:4/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-11-2011 12:32:43
   “...................” ผมอึ้งไปพัก สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา แล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะเขา “พี่อยู่นี่แล้วไง”
   สุภาพงษ์ยังกอดผมแน่นอยู่พัก สุดท้ายก็ยอมคลายอ้อมแขนออก ผมเลยยันตัวลุกขึ้นมาได้ พอเห็นผมเงยหน้า เขาก็รีบยุดมือผมไว้ “อย่าทิ้งผมนะ”
   ผมมองดูดวงตาสีดำคู่นั้นของเขา ดวงตาที่ผมมักจะพยายามหลบเลี่ยงอยู่หลายครั้ง แล้วยิ้มให้เขาไป “พี่ไม่ไปไหนหรอก พี่จะเช็ดตัวให้ โจไม่สบายอยู่นะ”
   สุภาพงษ์กะพริบตามองอยู่อีกพักใหญ่ “พี่นิตไม่หนีผมนะ”
   “อืม”
   นั่นแหละ เขาถึงยอมปล่อยมือผมออก แต่ก็ขับมาจับขากางเกงผมไว้แทน ผมถอนหายใจแล้วยิ้มให้เขาอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมไปหยิบผ้าที่หล่นอยู่แถวนั้นขึ้นมา โชคดีที่อ่างไม่คว่ำ มีน้ำหกนิดหน่อยแต่ยังพอจะใช้เช็ดตัวเขาต่อได้ ผมเลื่อนอ่างเข้ามา ชุบผ้าลงไป บิดแล้วหันไปพูดกับเขาต่อ “โจ พี่ถอดเสื้อเธอนะ จะได้เช็ดตัวได้”
   สุภาพงษ์พยักหน้าหน่อยๆ ผมเลยเลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเขาออก เช็ดไปตามซอกคอซอกแขนของเขาเพื่อลดความร้อน พอถอดเสื้อออกแล้ว ผมถึงคิดได้ว่าน่าจะให้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเลย เพราะตัวนี้ใส่มาตั้งแต่เมื่อวาน เริ่มจะมีกลิ่นมีอะไรบ้างแล้วล่ะ
   “โจ พี่ว่าเปลี่ยนเสื้อดีกว่านะ เดี๋ยวพี่ไปหยิบตัวใหม่ให้” ผมพูด และขยับตัวจะลงจากเตียงไปหยิบเสื้อตัวใหม่มาให้เขา แต่ก็ถูกยึดข้อมือไว้อีก พอหันหน้าไปก็เห็นสุภาพงษ์ทำหน้าน่าสงสาร ผมเลยก้มลงไป แล้วลูบศีรษะเขาเบาๆ “พี่ไปหยิบเสื้อ ใกล้ๆ นี่เอง ไม่ได้ไปไหนหรอก”
   เขามองผม ยังคงจับมือผมแน่น สักพักก็พูดออกมา “เดี๋ยวผมเปลี่ยนเอง”
   จากนั้นสุภาพงษ์ก็พยายามจะลุกขึ้น ผมเลยช่วยประคองเขา พอลุกขึ้นมาได้ เขาก็จับมือผมแน่น ทำท่าจะพาเดินเข้าห้องน้ำไปทั้งแบบนั้น ผมเลยต้องพูดขึ้นอีก “โจ หยิบเสื้อผ้าใหม่ก่อนสิ”
   สุภาพงษ์มีสีหน้างุนงงอย่างเห็นได้ชัด คงเพราะยังไม่สร่างไข้ดี แต่สักพักก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อนอนออกมาชุดหนึ่ง โดยที่มืออีกข้างยังจับเอาไว้แน่น ท่าทางเขาจะกลัวผมหนีหายไปจริงๆ พอเดินมาถึงหน้าห้องน้ำ ผมก็หยุด เพื่อจะรอให้เขาเข้าไปเปลี่ยนเสื้อ สุภาพงษ์หันมามองหน้าผม “พี่นิต...”
   “เข้าไปเถอะ เดี๋ยวพี่รอ” ผมว่า และรอให้เขาปล่อยมือแล้วเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียที แต่สุภาพงษ์ก็ไม่ยอมปล่อย ยืนนิ่งๆ เหมือนจะรอผมเดินนำเข้าห้องน้ำไปก่อน ผมมองเขาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “พี่ไม่หนีไปไหนหรอก”
   สุภาพงษ์เม้มริมฝีปากเป็นเส้นบาง แล้วหันหน้ามาพูดกับผม “พี่นิตเข้าไปกับผมนะ”
   เอ่อ... ให้ตายสิ เขาคิดว่าตัวเองอายุเท่าไหร่กันนะ โตจนเป็นพ่อคนได้แล้ว ยังจะให้คนอื่นตามไปเปลี่ยนเสื้อด้วยในห้องน้ำอีก
   ผมจ้องหน้าเขา เตรียมจะอ้าปากบอกให้เขารู้ตัว แต่พอเห็นสายตาเซื่องๆ ที่มองมา คงเพราะพิษไข้ด้วยล่ะมั้ง ผมเลยพาลพูดไม่ออก สุดท้ายก็เผลอพยักหน้าออกไปแทน สุภาพงษ์เม้มปากอีกครั้ง แล้วจูงผมเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็เริ่มถอดเสื้อผ้า
   เฮ้ย! เดี๋ยวสิ!
   ผมถึงกับเกือบลืมหายใจ ก็รู้อยู่หรอกว่าเขาหุ่นดี จำได้ว่าไปค้างบ้านคราวก่อน ก็ทำเอาผมมองตาค้างมาแล้ว แต่นี่ไม่ใช่เวลามาดูอะไรแบบนี้ เขาไม่สบายอยู่ เมื่อไม่กี่นาทีก่อนผมยังพยายามจะให้เขาถอดเสื้อผ้าออกมาเปลี่ยน  ผมไม่ได้คิดอะไรหรอกนะ แต่ว่า ทำไมพอเห็นเขาก้มลงถอดเสื้อเอง ลมหายใจผมถึงได้ติดขัดขึ้นมาก็ไม่รู้ ขนาดว่ากระดุมพวกนั้นผมเป็นคนปลดออกเองนะเนี่ย
   สุภาพงษ์ถอดเสื้อออกแล้ว ก็เตรียมจะถอดกางเกง ผมรู้สึกเลยว่าถ้าขืนดูต่อไป ผมคงได้เป็นลมหน้ามืดแน่ๆ คราวนี้ไม่รู้ว่าใครจะช่วยใครได้แล้ว คนหนึ่งก็ป่วย อีกคนก็เป็นลม จะพากันล่มไปหมดน่ะสิ คิดได้ดังนั้น ก่อนที่จะหูอื้อตาลายไปมากกว่านี้ ผมเลยรีบหันหน้าเข้าหาประตูห้องน้ำแทนเสีย แล้วรอว่าเมื่อไหร่สุภาพงษ์จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสักที
   เวลาผ่านไปสักพัก ผมชักเมื่อย มองแต่ประตูห้องน้ำจนแทบจะจำตำหนิได้หมดอยู่แล้ว เลยต้องอ้าปากพูดขึ้นมา “โจ เสร็จหรือยังน่ะ”
   “อือ... ครับ” เขาตอบผมเสียงอู้อี้ คงเพราะกำลังคัดจมูกล่ะมั้ง ผมเลยหันหน้าไปมอง เห็นเขากำลังเดินเข้ามาพอดี หน้าตาเขาดีขึ้นกว่าตะกี้หน่อยหนึ่งมั้ง แต่กระดุมเสื้อนอนเขาสิ ติดผิดมาแต่ไกลเลย
   “โจ....” ผมยังไม่ทันจะได้อ้าปากบอกเขาเรื่องติดกระดุมผิด สุภาพงษ์ก็ยื่นมือมา ดึงตัวผมเข้าไปกอดอีกแล้ว คราวนี้เหมือนเขาจะเอาหน้ามาซุกไว้ตรงคอผมด้วยล่ะ
   ใจมันเต้นตึกๆ ขึ้นมาอีกแล้วสิ
   “พี่นิต..” เขาเรียกชื่อผม แล้วกอดผมแน่นขึ้น ผมไม่รู้จะทำได้ ก็เลยยกมือขึ้นกอดตอบเขาเบาๆ “ไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย?”
   สุภาพงษ์เบียดศีรษะเข้ากับแก้มผม ตัวเขายังร้อนอยู่นะ ผมว่าเขาไข้หนักพอสมควรเลยล่ะ “โจ... ออกไปหาหมออีกครั้งนะ”
   สุภาพงษ์สั่นศีรษะทั้งอย่างนั้น เขายังกอดผมไม่ปล่อย “ผมไม่เป็นไรหรอก พี่นิตอย่าทิ้งผมไปเลยนะ”
   ผมถอนหายใจออกมา “นี่ พี่ไม่ทิ้งไปไหนหรอก ไปหาหมอหน่อยเถอะนะ เธอไข้ขึ้นสูง พี่เป็นห่วง”
   สุภาพงษ์ยอมคลายอ้อมกอดลงหน่อยหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วเม้มปากเป็นเส้นตรง ผมเลยพูดต่อ “ไปเถอะ เดี๋ยวพี่จะไปด้วย”
   หลังจากมองผมอยู่อีกพัก เขาก็ยอมพยักหน้า
-----------------------------------------------
   ผมจูงมือสุภาพงษ์ไปหาหมอที่คลินิกใกล้ๆ แถวนั้น อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าผมตั้งใจจะจูงมืออะไรเขาหรอก แต่เพราะเขาจับไม่ยอมปล่อย อย่างกับลูกติดผมงั้นแหละ ผมเลยจำต้องจูงมือเขาออกมาทั้งแบบนั้น ท่ามกลางสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา
   อืม... ดีนะที่ผมมีอายุแล้ว เลยพอจะเชิดหน้าเดิน ทำนองว่าจูงน้องจูงนุ่งแทนได้ นี่ถ้าอายุเท่ากัน ให้ตายผมก็ไม่ยอมจับมือเดินกับเขาแบบนี้แน่ แล้วก็เพราะเขาป่วยอยู่ด้วยล่ะ
   หมอที่คลินิกบอกว่า สุภาพงษ์ป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดา แต่ที่ไข้สูงอาจจะเพราะพักผ่อนไม่พอ เลยไม่ได้ให้ยาเพิ่มมาจากก่อนหน้านี้ แต่กำชับให้พักผ่อนมากขึ้น
   ขากลับมาโชคดีหน่อย สุภาพงษ์ไม่จับมือผมแล้ว แต่เปลี่ยนมาเดินใกล้ๆ แล้วจับชายเสื้อผมไว้หน่อยๆ แทน ท่าจะกลัวผมหนีกลับไปแบบเมื่อวานล่ะมั้งเนี่ย มานึกดูแล้ว คนที่ทำให้เขาพักผ่อนไม่พอ อาจจะเป็นผมก็ได้
   ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเขานอนร้องไห้กับเสื้อผ้าและต้นฉบับผมด้วยรึเปล่า....
   “โจ... ทานอะไรก่อนไหมล่ะ?” ผมเอ่ยปากชวน เพราะเห็นว่าร้านแผงลอยที่ขายข้าวต้มที่ตอนขามากำลังจัดร้านอยู่ เปิดขายแล้ว สุภาพงษ์เงียบไปพัก ก็พยักหน้า เราสองคนเลยเดินไปสั่งข้าวต้มกับกับสองสามอย่างมานั่งทานกัน ระหว่างทานอยู่เขาก็เริ่มพูดบ้าง
   “พี่นิต เมื่อวานผมขอโทษนะ”
   ผมมองหน้าเขา แล้วยิ้มตอบ “ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษหรอก”
   “................” เขาเม้มปากเป็นเส้นบาง จากนั้นก็พูดต่อ “พี่อย่าเกลียดผมนะ”
   ผมกะพริบตาปริบๆ สุดท้ายก็ถอนหายใจเฮือก ยิ้มให้เขาอีกครั้ง “พี่ไม่เกลียดโจหรอก อย่าคิดมากเลย”
   ดวงตาสีดำคู่นั้นมองผมอยู่นาน ท้ายที่สุดเจ้าตัวก็พยักหน้า “อือ... ถ้าผมทำอะไรให้รำคาญ พี่บอกผมนะ”
   “อืม”
   “อย่าทิ้งผมไปแบบเมื่อวานนะ”
   “อืม...”
   “ผมชอบพี่มากนะ”
   ดีที่ผมกลืนข้าวต้มลงไปแล้ว ไม่งั้นได้พ่นออกมาแน่ๆ ผมหันกลับมาจ้องสุภาพงษ์อีกครั้ง เห็นเขาทำหน้าหงอยทันที จ้องได้สักพัก ผมจึงถามบ้าง “โจ... ทำไมตอนเจอกันครั้งแรก โจไม่บอกพี่เรื่องที่เคยอยู่แถวบ้านล่ะ?”
   สุภาพงษ์เม้มปาก แล้วหลุบตาลงต่ำ “ผมพูดไม่ออก”
   ผมฟังแล้วก็ต้องนิ่วหน้า เขาพูดไม่ออกเรื่องที่เคยอยู่บ้านใกล้ผม แต่สามารถเจรจาตกลงเรื่องที่ให้ผมไปเขียนเรื่องให้ได้ แบบนี้มันจะฟังขึ้นได้ไง
   “นี่... โจมาถึงบ้านพี่ ชวนพี่ให้มาเขียนเรื่องลงหนังสือให้ แต่โจไม่บอกพี่สักคำว่าเคยอยู่บ้านใกล้กัน แล้วเพิ่งมาบอกตอนหลังแบบนี้ พี่ก็งงกับโจเหมือนกันนะ”
   สุภาพงษ์เม้มปากแน่น จากนั้นก็ช้อนตาขึ้นมองผม “ก็ผม... ผม..... ผมพูดไม่ออกหรอก จะให้ผมบอกเหรอ ว่าผมชอบพี่ตั้งแต่อยู่ข้างบ้านแล้ว”
   ผมไม่สำลักข้าวต้ม แต่เกือบสำลักน้ำลายตัวเอง ดีนะที่เขาพูดไม่ดัง แล้วไม่มีโต๊ะไหนนั่งอยู่ข้างๆ แถมเสียงรถก็พอจะดังกลบเสียงเขาได้ เพราะงั้น ผมแน่ใจว่านอกจากผมแล้ว คงไม่มีใครได้ยินที่เขาพูดหรอก
   “ทานข้าวเถอะ เดี๋ยวค่อยไปคุยกันต่อบนห้อง” ผมบอกเขา เพราะกลัวว่าสุภาพงษ์จะพูดอะไรที่ชวนให้ผมต้องมุดหน้าลงกับทางเท้าออกมาอีก เขาหน้าแดงนิดๆ เม้มปากหน่อยๆ แต่ก็ยอมก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้มแต่โดยดี ผมเลยก้มหน้าก้มตาทานด้วย
   เฮ่อ... นี่ผมแค่อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงไม่บอกว่าเคยรู้จักผม ไม่ได้อยากจะรู้ว่าเขาคิดอะไรกับผมเสียหน่อย นี่เขาพูดความรู้สึกอื่นกับผมไม่เป็นแล้วหรือไงนะ........
   ทานข้าวเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินกลับห้อง คราวนี้สุภาพงษ์จับเสื้อผมแน่นกว่าเดิน เรียกว่าถ้าเขาจับผมอุ้มได้ คงจะอุ้มเลยล่ะ ท่าทางกลัวผมหนีกลับมากจริงๆ ผมเลยเดินรอๆ เขาหน่อย กลัวว่าเขาจะเผลออุ้มผมจริงๆ คราวนี้ผมคงวางหน้าเหมือนถูกน้องชายอุ้มไม่ได้หรอกนะ แค่จับชายเสื้อนี่ก็ทำเอาผมตากหน้าพอแล้วล่ะ ยังดีที่ตอนขึ้นลิฟต์ มีคนอื่นขึ้นมาด้วย ไม่งั้นเขาคงจะจับมือผมอีกมั้ง แต่เอาเถอะ สุดท้ายผมก็พาเขาไปหาหมอแล้วกลับมาที่ห้องได้สำเร็จล่ะ
   “โจ...” ผมเรียกเขาตอนที่เราเข้าไปในห้องกันแล้ว กะจะบอกว่าให้เขาไปอาบน้ำสักรอบก่อน เพราะเห็นว่ามีเครื่องทำน้ำอุ่นอยู่ สุภาพงษ์หันหน้ามาหาผมทันที แล้วคว้ามือผมขึ้นมาจับ โดยที่ผมยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ
   “พี่นิต... ขอบคุณนะครับ” เขาพูด แล้วเม้มปากเป็นเส้นบาง จนผมพอจะสังเกตได้ว่าเขากำลังยิ้มอยู่
   เอ้อ.. ให้ตายสิ ผมล่ะพูดเรื่องจะให้เขาไปอาบน้ำก่อนไม่ออกเลย
----------------------------------------------
**เหมือนเรื่องนี้จะยาวกว่าที่คิดเอาไว้ล่ะ (ไม่น่าเชื่อ เพิ่งมารู้ว่า เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา!!!<<โดนโบก :z6:)

สงสัยโจคงอยากจะป่วยแบบนี้ไปอีกนานล่ะ อิอิ :laugh:

***แอบคิดว่าเรื่องนี้เขียนแล้วหลุดๆ เยอะแฮะ.... (แต่เรื่องมันก็หลวมๆ อยู่แล้วเหมือนกัน เง้ออออ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 15-11-2011 12:51:43
พี่นิตเริ่มจะจนมุมกับความรู้สึกของตัวเองแล้ว :m1:
คุณโจก็ช่างอ้อน น่ารักจัง :m3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: คันจัง ที่ 15-11-2011 12:54:43
เย้ๆ ในที่สุดก็มาต่อแล้ววววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 15-11-2011 13:14:57
เย้ มาต่อแล้วววว

ตอนนี้พี่นิตก็โดนอ้อนซะ บทเดียวนี่โดนอ้อนซะยาว ท่าจะรอดยากแล้วล่ะพี่นิต o3

คุณพนิตก็นะ ขำตอนโดนจูงมือ กับตอนคิดว่าจะโดนอุ้ม แหม่ น่ารักจริงเชียว

ว่าแต่ในอดีตเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าน้อออ

เอ้อ ตอนที่กั้งโทรหาคุณพนิตอะค่ะ  ที่บอก "คุณพนิตมีหยิบกุญแจ..." กับข้างล่างถัดลงมาอีกหน่อยคำเดียวกัน น่าจะเป็น มีกุญแจ หรือไม่ก็ ได้หยิบกุญแจ มากกว่ามั้ยคะ

ขอบคุณมากค่า มาต่อไวๆนะคะ

เป็นกำลังใจให้เรื่องน้ำท่วม ขอให้น้ำลดได้กลับบ้านไวๆนะคะ เครียดมากๆก็มาต่อนิยายคลายเครียดไงคะ o18 สู้ๆน้า  :กอด1:

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: pak_kikkok ที่ 15-11-2011 13:43:52
อ้างถึง
ผมว่าผมใช้ชีวิตคู่กับใครไม่ไหวหรอก.... แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว...

โอ้ววววว ตบเข่าดังฉาด!!! :laugh3: ให้มันได้อย่างนี้สิ.....ปมเรื่องมาแล้วๆๆๆ อยากรู้จังเลยว่าครั้งเดียวครั้งนั้น....มันครั้งไหนกันหรือคุณพนิต!

คึคึคึ

อยากจะกรีดร้องดังๆมากๆเลยค่ะ วันนี้ไปบ่นไว้ที่บล็อคคุณju-on แล้วก็ได้อ่านตอนที่ 9 แล้วจริงๆ  :call:
โฮกกมากเลยล่ะค่ะ กรี๊ดดดดด

ขอบคุณมากๆเลยนะค้า :3123:

เข้าเรื่องบ้างดีกว่า
ท่าทางว่าโจป่วยคราวนี้จะป่วยนานเลยนะคะ ฮ่าฮ่า เพราะป่วยตั้งแต่ตอนแปด ตอนเก้าก็ยังป่วย ดูท่าว่าจะลากยาวไปถึงตอนสิบสองเลยหรือเลป่าคะ? ฮ่าฮ่ :impress:า (เวอร์ละ)
ไม่หรอกค่าาาา อยกให้โจป่วยนานนนนนนนนนนนๆๆๆๆๆ เพราะว่าโจป่วยแบบนี้อ้อนคุณพนิตได้แบบนอนสต๊อปเลยอ่า
แล้วดูเหมือนว่าคุณพนิตเองก็จะใจอ่อนลงเรื่อยๆ และเรื่อยขึ้นทุกทีสิน้า


ขอบอกตามตรงว่าตอนนี้เป็นอะไรที่แบบว่า ถ้าคุณพนิตยังใจแข็งนะคะ...คงแนะนำให้ลุงไปบวช ฮ่าฮ่า
ก็ขึ้นมาเห็นโจนอนกอดถุงเสื้อผ้าตัวเองอยู่ :man1: แบบนั้น....ไม่ให้คิดไกลก็บ้าแล้ว! ไม่เขินก็บ้าแล้ว
แต่บอกตามตรงว่าตรงใจจริงๆไม่คิดว่าโจจะละเมอเพ้อพกได้มากขนาดนี้
อย่างว่าอาจจะเป็นไข้ด้วย...กายป่วย ใจป่วย...เลยมีผลออกมาเป็นอย่างโจนี่แหล่ะค่ะ
ฮ่าฮ่าาาาาาาา

แล้วตอนนี้ก็นะ...จำได้ว่าตอนที่แล้วโจป่วยแล้วพูดมาก...อะไรก็พี่นิตครับพี่นิตครับ....
แต่คราวนี้มาไข้หนักกว่าเดิม...ปากบอก ชอบพี่นิตมากๆเลยนะครับ..ชอบอย่างนู้นอย่างนี้...อย่าหนีไปนะครับ อย่าทิ้งผมนะครับ...
โอ๊ยยยยยยย เขินแทนคุณพนิตจริงๆค่ะให้ตาายยยย

สภาพคุณพนิตเลยอยากเอาหน้าซุกทางเท้า..แบบเน้! :z3: คึคึคึ


แต่คุณพนิตคะ...คนป่วยนะคะคนป่วย คุณพนิตยังมีกะจิตกะใจไปแอบมองหุ่นล่ำๆเค้าอีกนะคะนั่น...ก๊ากกกกกก :-[

ก่อนหน้านี้ก็นั่งไล่อ่านเรื่องนี้ใหม่อีกรอบ...อ่านไปถึงตอนห้า ก็กลับไปดูคอมเม้นท์ในบล็อคคุณ ju-on บอกว่าวันนี้จะมาลงเรื่องนี้ได้ ก็เลยแอบขออ่านต่อ....แบบไม่คิดว่าจะมาต่อเลย ฮ่าฮ่า
อยากจะร้องกรี๊ดดังๆจริงๆค่ะงานนี้

ขอบคุณมากๆเลยนะค้าที่มาต่อเรื่องนี้ ฮือออออ ต่อชีวิตไปได้อีกหลายวัน



ปล.กำลังงงๆ กับถุงเสื้อผ้าคุณพนิตที่โจกอด...ว่าถุงผ้าคุณพนิตเอามาตอนไหน เดี๋ยวต้องกลับไปอ่านตอนที่แล้วใหม่ก่อน..เหมือนจะลืมอะไรไปแน่ๆเลย
(ตายแล้ว..อายุก้ยังไม่เท่าคุณพนิตแต่ขี้หลงขี้ลืมเป้นคุณพนิตไปแล้วอ่ะ :z2:!)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 15-11-2011 14:05:44
สงสารก็สงสารนายโจ แต่ก็เข้าใจคุณพณิตนะ อยู่กับคนเงียบเป็นเป่าสากอย่างนั้นเป็นใครก็อึดอัด เฮ้อออ ยืดยาดเป็นหอยทากซะจริงนะนายโจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 15-11-2011 14:41:36
ท่าทางคุณ JuoN จะชอบคู่ที่อายุต่างกันเยอะๆแฮะ  แบบ..สิบปีขึ้นไปไรเงี้ย 5555

และดูจะเป็นนายเอกแก่กว่าซะด้วย 
ตั้งแต่คงฉ่วย  คุณไพฑูรย์  ลุงนิตอีก พี่ฟ้าด้วยมั้ยเนี่ย..55
แต่ก็ยังสู้เรเธียร์ไม่ได้เนอะ  แก่กว่า สองพันแปดร้อย นี่...เป็นอะไรที่สุดยอดมั่กๆ

ยังไงก็ยังมีคู่ที่ไล่เลี่ยกันอยุนาา  เนอะ  หุหุ

+1 ให้ตามที่บอกไว้แล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 15-11-2011 15:29:45
ยังสงสารน้องโจอยู่ แต่ที่ติดใจก็คือประโยคนี้ !!! ".... แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว..."

กริ้ดดดดดดดดดดดดดด มันคืออะไรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 15-11-2011 19:29:44
โจน่าสงสาร  คุณพนิตก็ใจแข็งเกิ๊นนน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 15-11-2011 19:43:27
เหมือนคุณสุภาพงษ์จะยึดติดอยู่กับความทรงจำในอดีตที่มีแต่คุณพนิตอย่างไงไม่รู้
แบบว่า ฝังอกฝังใจ มากกว่า แอบรักเฉยๆ อ่ะนะ... ทำไมหนอ ???
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 15-11-2011 19:59:52
อ่านโจแล้วนึกถึงน้องหมาตัวโตๆ  :man1:

พี่นิตดูจะเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ

 :กอด1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 15-11-2011 22:01:29
เหมือนคุณพนิตจะมีความหลังฝังใจเลยไม่คิดจะรักโจอีกเลย  ว่าแต่เรื่องนี้พระเอกเฉื่อยจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 15-11-2011 22:30:42
ป่วยอีกนานๆเลยนะ ชอบโมเม้นต์นี้จัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 15-11-2011 22:53:12
โอมมม ขอให้คุณพนิตใจอ่อนซะทีๆๆ :amen:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 15-11-2011 23:07:25
   ผมว่าผมใช้ชีวิตคู่กับใครไม่ไหวหรอก.... แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว...
จากข้อความนี้แสดงว่าคุณพนิตเคยใช้ชีวิตคู่กับบางคนมาก่อน และเป็นชีวิตคู่ที่ไม่น่าประทับใจใช่ปะคะ
เอ่อ ไม่รู้จะพูดว่าไง คนอ่านน่ะสงสารโจจะแย่ แต่คุณพนิตยังคิดไม่ตกอยู่นะคะว่าจะสนองความต้องการของโจได้ไหม
คงมีเรื่องฝังใจไม่ดีในชีวิตคู่กระมัง
มาลุ้นกันต่อว่าคุณพนิตจะใจอ่อนไหม
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 15-11-2011 23:39:46
น้องโจ สู้ สู้ คุณผนิตเริ่ม??ใจอ่อนนิดนึงแล้ว  :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 15-11-2011 23:44:38
โจป่วยแบบนี้ทำให้แสดงความรู้สึกของตัวเองให้พี่พนิตรู้ว่า

"โจรักพี่นิตคนเดียวมาตลอด"

ชอบอ่ะชอบ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนมาลงตอนใหม่เรื่อยๆ  เพราะยากอ่านมาก     :กอด1:    :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 16-11-2011 00:26:53
โจหายป่วยเมื่อเมื่อใหร่ต้องหัดพูดให้เยอะๆ นะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 16-11-2011 00:59:09
โจหายป่วยเมื่อเมื่อใหร่ต้องหัดพูดให้เยอะๆ นะ

ใช่เลยๆ ถูกใจอ่ะ ฮา +1 โลด 55+
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 16-11-2011 01:18:21
โจ อ้อนเข้าไปอ้อนเยอะๆ พี่นิตต้องใจอ่อนเข้าซักวันละน๊า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 16-11-2011 09:44:06
เฉื่อยสมชื่อ...ทำไมความสัมพันธ์มันแทบจะไม่พัฒนาเลยเนี่ย
เอาเถอะ...แค่คุณพนิตไม่หนีไปไหนก็น่าจะโอแล้วสำหรับโจตอนนี้
ต่อไปก็พูดเยอะ ๆ หน่อยละกัน แต่พอจะจับทางได้แล้วว่าโจเม้มปากทีไรแปลว่ากำลังยิ้มอยู่  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 16-11-2011 13:59:13
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆรอตอนต่อไปนะจ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-11-2011 21:15:09
คนป่วยคนนี้ขี้อ้อนมากเลยนะ น่ารักจัง พี่นิตไม่นึกรักน้องเขาบ้างหรือค่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 17-11-2011 00:01:36
รุกเลยๆๆๆ

น่ารักขนาดนี้มันต้องรุก

อย่าให้เด็กเค้ามาข่มเราได้ ว้ากกกกกกกกกก

(บ้าไปแล้ว แต่อย่างให้ลุงแกรุกจริงๆนะ 55 )
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 17-11-2011 02:19:45
เพิ่งเห็นเรื่องนี้ของคุณ juon ค่ะ  :a5: คุณพนิตตอนแรกนึกว่าจะไม่แข็งเท่าไร ที่ไหนได้
ยากจนหืดขึ้นคอยิ่งกว่าคุณไพฑูรย์ซะอีก :z3:
โจสู้ๆ นะจ๊ะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 17-11-2011 20:26:19
พี่นิตเคยไปใช้ชีวิตคู่กับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ คะ???
แล้วแบบนี้โจจะเอาชนะอุปสรรค (ทั้งนิสัยตัวเอง และโลกส่วนตัวของพี่นิต) ได้รึเปล่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: zhiki ที่ 17-11-2011 23:14:28
อ่าว ตอนเก้าแล้ว!!! โอ้ พลาดไปกี่ตอนแล้วเนี่ยยยยย -0-

เจ๊คร้าบ บันไซสามหน!
ขอบคุณที่ชี้แนะเรื่องเคะแก่ มาอ่านเรื่องเจ๊นี่ช่วยได้เยอะ เพราะคนแก่เขียนมักได้อรรถรสมากกว่าเปนไหนๆ กร๊ากกกกกกก

เจ๊เปนแรงบันดาลใจชั้นหนึ่งของผมจริงๆ~
รับผมเปนลูกศิษย์ลูกหาทีเถิ๊ด ย่าทวด 555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 18-11-2011 15:52:34
โจอ้อนเก่งมาก
ให้อารมณ์ลูกหมาขี้อ้อนจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 20-11-2011 15:57:19
** ยังคงเป็นเรื่องเดียวที่เขียนสะดวกตอนนี้...(แต่คงจะมึนๆ ไปบ้าง ตามสภาพแวดล้อมและสถาการณ์ไม่ปกติ =[]=)

อนึ่ง เรื่องนี้เหมือนว่าแต่ละตอนจะไม่ไปถึงไหน จริงๆ เพราะตอนนึงสั้น เทียบแล้ว10ตอนเรื่องนี้จะเท่าเรื่องอื่นประมาณ5ตอนเท่านั้น เพราะงั้น... อย่าไปนึกว่าเรื่องมันไปอย่างช้าๆ แค่เลขตอนมันเยอะเท่านั้นเอง (ยังกล้ามาแก้ตัว... แหม.. ก็บอกแล้วว่าเรื่องมันเฉื่อย)

---------------------------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่10
   ผมไม่เคยใช้ชีวิตคู่ ไม่เคยแต่งงาน ไม่เคยมีแฟน แต่ผมเคย.. เคยชอบใครคนหนึ่ง เขาเป็นคนหน้าตาดี นิสัยใจกว้าง คุยสนุก ผมเคยชอบมองหน้าเขา คุยกับเขา คิดเอาว่าถ้าได้เห็นหน้าเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็คงดี
   ถึงอย่างนั้น พอเอาเข้าจริงแล้ว..............
-------------------------------------------------
   “โจ..” ในที่สุดผมก็ได้สติจากรอยยิ้มที่สังเกตยากที่สุดของสุภาพงษ์ ให้ตายสิ ผมนี่ก็จริงๆ เลย เผลอไปกับรอยยิ้มยากๆ ของเขาจนได้ ดีนะที่เขาคงยังไม่ทันได้สังเกตหรอก
   “?” สุภาพงษ์มองหน้าผม เบิ่งตาขึ้นหน่อยๆ อืม.. เขาหน้าตาดีจริงๆ นั่นแหละ ยิ่งพอไม่สบายแล้วตาเซื่องๆ นี่ เล่นเอาผมแทบจะไปต่อไม่เป็นเลย แต่เอาน่ะ ผมอายุปูนนี้แล้ว และเขาก็ป่วย นี่ไม่ใช่เวลาจะมาพิจารณาความหล่อของเขาหรอก
   “อาบน้ำไหวไหม? ไม่ได้อาบน้ำมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่ ถ้าไหวพี่ว่าอาบสักหน่อยดีกว่า เครื่องทำน้ำอุ่นก็มีไม่ใช่หรือ?”
   สุภาพงษ์ดูจะอึ้งอยู่นิดๆ สักพักก็พูดออกมา “พี่นิตจะกลับหรือครับ?”
   ผมบอกให้เขาไปอาบน้ำ ยังไม่ได้บอกว่าจะกลับสักหน่อย ทำไมเขาถึงถามแบบนี้นะ สมองมีปัญหาระหว่างไข้หรือไงล่ะเนี่ย
   “เปล่า พี่แค่อยากให้โจอาบน้ำ จะได้ล้างเหงื่อล้างอะไรออกไปบ้าง ตะกี้เช็ดตัวก็ยังไม่ทั่วเลย”
   สุภาพงษ์กลับมาเม้มปากอีก ผมเห็นว่าหน้าเขาแดงนิดๆ หรือว่าเกิดไข้ขึ้นอีกแล้ว
   “โจ...”
   “ครับ”
   “มีไข้อีกหรือ?”
   “........................” พอเห็นเขาเงียบ แต่หน้าแดงเอาๆ ผมเลยอดไม่ได้ ต้องยื่นมือไปแตะหน้าผากเขา โอ้โห ร้อนจี๋เลย ผมเลยรีบจูงมือเขามานั่งตรงโซฟาทันที “คราวหลังถ้าไข้ขึ้นสูงก็บอกกันหน่อยสิ”
   “ครับ” สุภาพงษ์พยักหน้า แล้วจับมือผมไว้แน่น ขณะที่นั่งลง “พี่นิตจะอยู่กับผมใช่มั้ย?”
   เพราะเห็นว่าเขาไข้หนัก ผมเลยตอบไปอย่างไม่คิดอะไร “อือ ไข้ขนาดนี้ปล่อยทิ้งไว้คนเดียวไม่ได้หรอก”
   สุภาพงษ์เม้มปากอีกครั้ง จากนั้นก็ลุกขึ้นจากโซฟา “งั้นผมไปอาบน้ำนะ”
   “ไหวหรือไงน่ะ” ผมถามเขาอย่างเป็นห่วง สุภาพงษ์พยักหน้า “ไหวครับ พี่นิตอย่าหนีผมไปไหนนะ”
   “ไม่ไปไหนหรอกน่า” ผมพูดกับเขาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “จะให้พี่ไปอาบด้วยเลยมั้ย?”
   ที่จริงผมแค่พูดเล่น ไม่ได้หวังจะประชดอะไรเขาหรอก นึกว่าเขาอายุตั้งสามสิบสี่แล้ว ยังจะมางอแงเป็นเด็กๆ ไปได้ แต่สุภาพงษ์นี่สิ ดันเม้มปากนิดๆ แล้วพยักหน้า
   เอ่อ... นี่เขาพยักหน้าเพราะพิษไข้ใช่มั้ย?
   ระหว่างที่ผมกำลังอึ้งกับการพยักหน้าของเขา สุภาพงษ์ก็ฉวยจังหวะจูงมือผมไปห้องน้ำ ให้ตายสิ นี่เขาอยากให้ผมอาบน้ำกับเขาจริงๆ เหรอเนี่ย
   ผมเงยหน้ามองเขา ขณะที่สุภาพงษ์ปิดประตูห้องน้ำดังกึก
   “โจ........” ผมเรียกชื่อเขา กะจะพูดอะไรซักอย่างเพื่อดึงตัวเองออกจากสภาพน่ากระอั่กกระอ่วนแบบนี้ แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่ากระดุมเสื้อของเขายังติดผิดอยู่เลย ตายล่ะ นี่ผมพาเขาออกไปทั้งๆ ที่ยังติดกระดุมผิดแบบนี้เหรอเนี่ย ผมนี่สะเพร่าจริงๆ เลย
   สุภาพงษ์สะดุ้งตัวหน่อยๆ ตอนที่ผมยื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อ ผมเลยบอกเขาไป “ติดกระดุมผิดน่ะ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
   “อ้อ ครับ” เขาพูด แล้วหน้าแดงอีก ผมว่าคราวนี้เขาน่าจะอายมากกว่าไข้ล่ะมั้ง แน่ล่ะ ผมพาเขาออกไปเดินตะลอนๆ หาหมอ แล้วยังพาไปทานข้าว ทั้งๆ ที่ติดกระดุมผิดแบบนี้ เขาป่วยอาจจะไม่ทันสังเกต แต่ผมที่ปกติดี และสังเกตแล้วแต่ลืมบอกนี่สิ เฮ่อ... นึกแล้วอนาถตัวเองจริงๆ
   ผมปลดกระดุมเสื้อเขาด้วยความอายตัวเองมาจนถึงเม็ดสุดท้าย มือของสุภาพงษ์ก็เลื่อนมาจับมือผมเอาไว้ ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรต่อ เขาก็จับมือผมให้ช่วยถอดเสื้อเขาออก
   โอ๊ย แย่แล้ว!!
   ผมแทบจะหน้ามืดลมจับ ตอนที่เห็นกล้ามอกกล้ามท้องของเขา แถมมือยังโดนผิวแน่นๆ ของเขาด้วย อันที่จริงหุ่นของสุภาพงษ์ก็ไม่ถึงขนาดมีกล้ามเป็นมัดๆ อย่างพวกนักเล่นกล้ามหรอก เขามีกล้ามเนื้อพอสวย น่ามองจริงๆ
   แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมามองร่างกายของเขานะ!!
   ผมบอกตัวเองให้ตั้งสติ แค่เผลอยอมเข้ามาห้องน้ำกับเขาก็แย่มากแล้ว เขาน่ะป่วย ส่วนผมปกติ ผมควรจะมีสติมากกว่านี้สิ แต่ขณะที่ผมกำลังตั้งสติอย่างเอาเป็นเอาตาย สุภาพงษ์ก็ยื่นมือเข้ามา ปลดกระดุมเสื้อผมออกบ้าง
   “!!” ผมสะดุ้งเฮือก พลอยทำเอาสุภาพงษ์ไปด้วย เราเงยขึ้นมองหน้ากัน ผมที่รู้สึกว่าตัวเองใกล้แย่เต็มที่แล้ว เลยรีบชิงพูดขึ้นก่อน “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้ดีกว่า”
   สุภาพงษ์ทำหน้าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็พยักหน้า แล้วก็ผละออกไป ผมเกือบจะถอนหายใจออกมาอยู่แล้ว แต่พอเห็นเขาหยิบผ้าเช็ดตัวมานุ่ง แล้วเริ่มถอดกางเกง หัวใจผมก็เต้นตุบๆ อย่างห้ามไม่อยู่
   นี่ถ้าเกิดเขานุ่งผ้าเช็ดตัวไม่แน่นล่ะก็.... ผมก็จะได้เห็นหมดเลยน่ะสิ!!
   ผมรีบหันหน้าหนีไปอีกทาง ก่อนจะตั้งสติไม่อยู่ไปมากกว่านี้ พอเห็นกระเบื้องห้องน้ำตรงผนังอีกด้านแล้วจิตใจพลอยสงบขึ้นมาหน่อย บอกตัวเองให้สูดหายใจลึกๆ เข้าไว้ มันก็ร่างกายคนเหมือนกันนั่นแหละ ของเขากับของผม มันก็ประเภทเดียวกัน เสียแต่ว่าผมไม่มีกล้ามเนื้อกับหน้าตาหล่อๆ ให้มองกระจกได้ทุกวันแบบเขา ก็แค่นั้นเอง
   ถ้าเขาเป็นผู้หญิงสิ ผมควรจะต้องคิดมาก แต่นี่เขาเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย เพราะอย่างนั้นแล้ว.....
   “พี่นิต”
   ผมที่ตั้งสติได้แล้ว หันกลับไปมองสุภาพงษ์ตามเสียงเรียก แล้วก็ได้เห็นเขากะพริบตาปริบๆ ทำหน้าลำบากใจพิกล “ผมรบกวนพี่มากรึเปล่า”
   “เปล่าๆ” ผมรีบตอบไป ที่จริงเขาก็ไม่ได้รบกวนอะไรผม แค่ทำให้ผมลำบากใจเท่านั้นแหละ ผมเบือนสายตาจากหุ่นสวยๆ ของเขา ไปที่อ่างอาบน้ำ แล้วพูดต่อ “โจนั่งที่ขอบอ่างก็ได้ พื้นจะได้ไม่เปียก”
   “ครับ..” สุภาพงษ์พยักหน้าอย่างว่าง่าย แล้วเดินไปนั่งตรงขอบอ่าง หย่อนขาลงไปด้านในแล้วหันหลังให้ผม เฮ่อ... หลังเขาขาวจัง ไม่ค่อยได้ทำอะไรตากแดดล่ะมั้งเนี่ย
   ผมเอื้อมมือหยิบผ้าผืนเดิมที่ตากอยู่ตรงราวพาดผ้าเช็ดตัว แล้วก็เอาอ่างรองน้ำมาวางใกล้ๆ จากนั้นก็เริ่มเช็ดตัวให้เขา สุภาพงษ์นั่งนิ่งๆ ให้ผมเช็ดตัว พอถึงตามข้อพับก็ยกแขนให้อย่างไม่ต้องบอก ในห้องเลยมีแต่เสียงผ้าจุ่มน้ำดังจ๋อมแจ๋ม จนผมรู้สึกว่าควรจะชวนคุยบ้าง เพราะบรรยากาศมันดูเงียบๆ ยังไงพิกล
   “โจไปติดหวัดมาจากไหนน่ะ?”
   “น้องที่ออฟฟิศมั้งครับ” สุภาพงษ์ตอบผม ผมพยักหน้า “อืม มันอยู่ในห้องแอร์นี่นะ เชื้อมันเลยแพร่กันได้ง่ายๆ”
   “ครับ ผมว่าจะติดเครื่องฟอกอากาศ”
   “ก็ดีนะ” ผมว่า และนึกถึงโฆษณาเครื่องฟอกอากาศในโทรทัศน์ “แต่ยังไงก็หันไปเปิดหน้าต่างบ้างดีกว่า ผมว่าธรรมชาติดีที่สุด”
   “ครับ” เขารับคำ แล้วเงียบไปพักหนึ่ง “ผมว่าบ้านแบบของพี่นิตสบาย”
   “อือ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยทันที “แต่คนเดี๋ยวนี้ไม่อยู่บ้านสวนแล้ว หนีมาอยู่คอนโดกันหมด”
   “ก็เดี๋ยวนี้มันไม่มีที่แล้วนี่ครับ คนมันก็มากขึ้น”
   “เขาเลยมากว้านซื้อที่สวนไปสร้างคอนโดไง” ผมตอบไป ได้ยินเสียงสุภาพงษ์ถามขึ้น “มีใครจะไปซื้อที่บ้านพี่นิตหรือครับ?!”
   “ยัง แต่ถ้าประกาศขายคงมีคนรีบตะครุบหรอก” ผมว่า พลางถอนหายใจเฮือก “พูดไปแล้วก็เสียดายด้านไม้นะ”
   “พี่นิตจะขายบ้านหรือครับ?”
   “เปล่า แค่คิดว่าถ้าพี่ไม่อยู่แล้ว มันก็คงไม่เหลือน่ะ”
   “............”
   ผมนึกได้เลยพูดออกไปอีก “ช่างมันเถอะ พี่ก็คิดไปเรื่อยแหละ เริ่มอายุมากแล้วก็งี้ อย่าไปใส่ใจเลยนะ”
   สุภาพงษ์เงยหน้าขึ้นมามองผม ด้วยสายตาที่แสดงความรู้สึกอะไรบางอย่าง ผมขี้เกียจสบตาเขาเลยเปลี่ยนเรื่องพูด “ดีขึ้นหรือยังล่ะ?”
   “ครับ” เขาพยักหน้า แล้วทำท่าจะพูดอะไรต่อ ผมเลยชิงตัดหน้าก่อน “งั้นก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ จะได้พักผ่อนตามที่หมอบอก เดี๋ยวมันจะหายช้า”
   ผมพูด แล้วเอาอ่างใบเล็กกับผ้าไปล้าง สุภาพงษ์ลุกขึ้นจากขอบอ่าง แล้วเดินมาหาผม “ขอบคุณนะครับ แล้วพี่นิตล่ะครับ?”
   “พี่ว่าจะอาบน้ำสักหน่อย เธอเปลี่ยนเสื้อแล้วเข้านอนไปเลยก็ได้ พี่ไม่ขโมยหยิบอะไรหรอก”
   สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ แล้วพูดขึ้นอีก “พี่นิตจะค้างใช่ไหมครับ งั้นเดี๋ยวผมไปหยิบถุงเสื้อผ้าให้นะครับ”
   ผมชะงักไปหน่อยหนึ่ง เพราะนึกได้ว่าเมื่อเช้าเขานอนกอดถุงเสื้อผ้าถุงนั้นของผมไว้นี่ เขาจำได้รึเปล่านะ ขนาดผมเป็นคนเห็น ยังอายแทนเลย
   สุภาพงษ์พูดแล้วก็เดินออกไปจากห้องน้ำ ผมเลยหยิบไม้ถูพื้นที่แขวนอยู่มาเช็ดรอยน้ำหยดพลางๆ สักพักเขาก็กลับเข้ามาพร้อมถุงใส่เสื้อผ้าของผม ในสภาพสวมชุดนอนเรียบร้อย ผมก็จริงๆ เลย อดปากไม่ได้ ต้องพูดแซวเขาไป
   “โจ.. เมื่อเช้าโจกอดถุงเสื้อพี่แน่นเลยนะ รู้สึกตัวรึเปล่าน่ะ?”
   สุภาพงษ์ชะงักไปหน่อยหนึ่ง จากนั้นก็หน้าแดงขึ้นมาทันตาเห็น เออ เขาไม่รู้ตัวจริงๆ ด้วย
   “ขะ.. ขอโทษนะครับ” เขาพูดตะกุกตะกัก แล้วก็รีบหันหน้า เดินหนีเข้าห้องนอนไปเลย ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
   ทำตัวอย่างกับเด็กวัยรุ่นแอบชอบสาวที่ไหนแน่ะ อายุตั้งสามสิบสี่แล้วแท้ๆ
   แต่ผมก็ขำเขาได้แว้บเดียว เพราะนึกขึ้นมาได้อีกว่า เขาไม่ได้ไปแอบชอบสาวที่ไหนหรอก ที่เขาบอกชอบๆ อยู่ทุกวันนี้น่ะ....
   สงสัยมันจะเป็นโรคติดต่อ เพราะผมเองก็ต้องรีบหันหน้า เข้าห้องน้ำไปเหมือนกัน
------------------------------------------------
   ผมอาบน้ำเสร็จแล้วก็เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า แวะมาหวีผมที่หน้ากระจกหน่อยหนึ่ง แน่นอนว่าผมส่องกระจกไม่นาน เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีอะไรน่าดูสักอย่าง เห็นหน้าตัวเองในกระจกมาสี่สิบห้าปีแล้ว ผมขี้เกียจจะมองแล้วล่ะ เอาแค่ไปวัดแล้วพระไม่ไล่ ออกถนนแล้วคนไม่แตกตื่นก็พอแล้ว
   จัดการตัวเองเสร็จ ผมก็ออกมาจากห้องน้ำ เดินไปที่ประตูห้องนอนของสุภาพงษ์ กะจะไปดูว่าเขาหลับหรือยัง แล้วค่อยไปดูโทรทัศน์ต่อ เพราะมันเพิ่งสองทุ่ม ยังไม่ถึงเวลานอนผมเลย แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นสุภาพงษ์นั่งอยู่บนเตียงอีกฟากหนึ่ง ท่าทางเหมือนกำลังสัปหงกอยู่ ผมอดไม่ได้ต้องทักไปอีก “นี่ โจ... นอนได้แล้วล่ะ นั่งหลับอยู่ทำไมน่ะ”
   เขาสะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นมาทันที พอหันมาเห็นผมก็หน้าแดงอีกแล้ว
   นี่เขาอายเพราะถูกผมทักเรื่องนั่งหลับเหรอเนี่ย
   “คะ.. ครับ” สุภาพงษ์ตะกุกตะกักพูดขึ้น แต่ก็ยังไม่ยอมนอนสักที ทำท่าอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนจะพูดอะไรอีก ตอนแรกผมก็เดาไม่ได้หรอกว่าเขาจะพูดอะไร แต่พอเห็นเขามองไปตรงที่ว่างอีกข้างซึ่งมีหมอนวางอยู่อีกใบก็พอจะเข้าใจได้
   “พี่นิต เข้านอนกันเถอะครับ”
   ผมน่ะ กำลังจะอ้าปากบอกเขาไปว่า เดี๋ยวผมจะออกไปนอนโซฟา เพราะเห็นแล้วว่าเขาเตรียมเตียงอีกฟากไว้ให้ เอ่อ... ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจอะไรเขานะ แต่ผมกลัวใจตัวเองน่ะ
   กลัวว่าจะเป็นลมไปทั้งๆ ที่นอนอยู่ คราวนี้อะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้ สุภาพงษ์ก็ป่วย เขาจะพาผมไปโรงพยาบาลไหวไหมล่ะนั่น
   “พี่นิต...”
   แย่ล่ะสิผม จะพูดก็พูดไม่ทันเขา แถมพอเห็นตาเซื่องๆ ของเขาที่มองมาอย่างกับว่าถ้าผมปฏิเสธล่ะก็เขาคงร้องไห้ เล่นเอาผมพูดไม่ออกเลย พูดไม่ออกไม่ว่า... ขาผมดันก้าวไปที่เตียงโดยอัตโนมัติด้วยนี่สิ... เอาน่ะ เตียงเขาก็กว้าง ฟูกเขาก็ไม่ได้นิ่มมาก ดีกว่าผมไปนอนปวดเอวอยู่ตรงโฟซาเป็นไหนๆ อีกอย่างเขาก็ป่วยอยู่ คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก
   “ล็อกประตูเรียบร้อยดีหรือยังน่ะ” ผมถามด้วยความเคยชิน ขณะนั่งลงบนเตียง เตรียมจะนอนเป็นเพื่อนเขา เพราะก่อนนอนก็ต้องตรวจสอบความปลอดภัยภายในบ้านก่อน ขโมยขโจรเดี๋ยวนี้ชุมจะตายไป
   “ครับ ผมล็อกเรียบร้อยแล้วล่ะ” สุภาพงษ์ตอบแล้วเม้มปากนิดๆ หน้าแดงกว่าเดิมอีก เดี๋ยวก่อนสิ นี่ผมถามเขาเพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยนะ เขาคิดอะไรของเขากันแน่เนี่ย
   ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากพูดอะไร สุภาพงษ์ก็แย่งผมพูดอีกแล้ว “ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่นิต”
   “เอ่อ... ราตรีสวัสดิ์” ผมที่ถูกแย่งพูด เจอประโยคนี้เข้าไปไม่รู้จะว่าไง เลยได้แต่ตอบกลับเขาไปตามมารยาท จากนั้นก็เห็นเขาเอื้อมมือไปปิดไฟ
   !!
   เอาล่ะ.. ผมไม่ได้กลัวความมืดหรือว่ากลัวนอนผิดที่ผิดทาง หรือผิดถิ่นหรอกนะ บ้านเพื่อนผมก็ไปค้างบ่อย นอนตัวติดกันคุยเรื่องเดิมๆ ประจำ แต่ว่า... ไม่เคยมีใครที่ปิดไฟแล้วยื่นมือมาคว้าเอวผมไว้แบบนี้หรอก
   แย่แล้ว!!
   ผมเกือบร้องออกมา ตอนที่สุภาพงษ์ยื่นมือมาคว้าเอว แล้วดึงตัวผมเข้าไปกอด หัวใจผมเต้นตึกๆ เลย ตอนที่เขาซุกหน้าลงตรงซอกคอผม ลมหายใจเขาอุ่นมาก อุ่นจนผมขนลุกไปทั้งตัว เขาคิดจะทำอะไรผมน่ะ ไม่สบายอยู่ไม่ใช่รึไง
   หัวใจผมเต้นจนแทบจะหลุดออกมา จะผลักเขาออกตัวมันก็แข็งไปหมด ขนาดจะพูดยังพูดไม่ออกเลย ได้แต่นอนนิ่งๆ ให้เขากอดไว้ ภาวนาไม่ให้ตัวเองเป็นลมเป็นแล้งหรือหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ผมยังมีต้นไม้ต้องกลับไปรดน้ำ ยังมีพล็อตนิยายที่ยังไม่ได้เขียนอีกหลายเรื่อง ยังไม่ได้เห็นหน้าหลานตอนรับปริญญาเลย หลานผมเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยได้แท้ๆ
   ผมยังไม่อยากตาย เพราะถูกบรรณาธิการตัวเองกอดแล้วทำอะไรบนเตียงหรอกนะ แค่คิดก็อายจนแทบจะมุดหน้าลงท่อระบายน้ำแล้ว
   เสียแต่ท่อระบายน้ำที่อยู่ใกล้ๆ มันยังห่างเตียงไปอีกหลายเมตร แล้วผมเป็นคนธรรมดา คงมุดท่อไม่ไหวหรอก ผมจึงเร่งบอกตัวเองให้ตั้งสติ บางทีผมอาจจะคิดมากไปเองก็ใจ
   ใจเย็นๆ ไว้พนิต อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้สิ.. เขายังไม่ได้ทำอะไรนอกลู่นอกทางเสียหน่อย
   พอใจเริ่มสงบ ผมก็ได้เห็นว่า สุภาพงษ์ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการกอดผม เขากอดผมไว้เฉยๆ แล้วก็แค่เอาหน้ามาซุกคอผมไว้ มันก็แค่กอดธรรมดานั่นแหละ ทำเอาผมใจหายใจคว่ำหมดเลย
   คิดได้แบบนั้นแล้ว ผมก็หายเกร็ง เลิกจิตตก เข้าใจแล้วว่าสุภาพงค์คงแค่อยากกอดผม ทำนองเดียวกับเด็กที่ไม่สบายคนอื่นๆ นั่นแหละ แต่ผิดที่เขาเป็นเด็กอายุสามสิบสี่แล้ว ถึงอย่างนั้นก็คงอยากมีคนอยู่ใกล้ๆ เวลาไม่สบายไม่ต่างกันล่ะมั้ง ผมถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก แล้วยกมือขึ้นลูบหลังเขาเบาๆ
   “นอนเถอะนะ จะได้หายไวๆ”
   สุภาพงษ์กอดผมแน่นกว่าเดิม ก่อนจะได้ยินเสียงเขากระซิบ “ครับ”
---------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 20-11-2011 15:59:17
   อย่างที่บอกไปแล้วว่าผมไม่เคยใช้ชีวิตคู่ แน่นอนว่าตอนเด็กๆ ผมกับน้องสาวไม่เคยนอนกอดกัน แล้วโตมาจนถึงอายุสี่สิบห้า ผมก็ไม่เคยนอนกอดใครมาก่อน กระทั่งหลานตัวเอง ถึงผมจะเคยเลี้ยงเธอตอนเด็กๆ ก็ตาม
   เพราะงั้น การให้สุภาพงษ์กอดนอนแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผมเคยชินแน่ๆ เวลาผ่านไปสักพัก ผมชักรู้สึกอึดอัด คิดไปเรื่อยว่าจะติดหวัดเขารึเปล่านะ คิดกระทั่งว่าถ้าเผลอหลับไปแบบนี้ ผมจะปวดเอวมั้ย จะหายใจออกมั้ย
   นอนคิดไปได้สักพักชักจะเมื่อย ไอ้แขนที่โอบหลังเขาเมื่อตะกี้นั่นแหละ ตัวเขาเล็กๆ เสียที่ไหน โอบนานๆ เหน็บมันชักจะกินแขนผมเหมือนกัน ผมเลยดึงแขนกลับเบาๆ แล้วเอามาซุกไว้ตรงอกแทน
   ตัวเขาอุ่น แขนเขาก็หนัก ผมนอนไม่สบายหรอก ไม่สบายสักนิดเลย....

   “......................”
   ผมขยับตัว เพราะรู้สึกจั๊กจี๋ เหมือนมีใครเอาอะไรมาดุนตรงแก้ม พลางคิดว่า แมวตัวไหนหลุดเข้ามาในห้องผมกันนะ แต่ผมทำห้องนอนใหม่มาตั้งหลายสิบปีแล้ว ประตูก็ปิดมิดชิดดีทุกคืน ไม่น่าจะมีแมวที่ไหนหลุดเข้ามาแล้วล่ะ
   “?!”
   อะไรบางอย่างยังดุนแก้มผมไม่เลิก รู้สึกว่าไม่น่าจะใช่แมวแล้วล่ะ เพราะที่โดนแก้มผมไม่ใช่ขนนิ่มๆ แต่ก็ไม่แข็งมาก บอกไม่ถูกว่าเป็นอะไร แต่คงเป็นสิ่งมีชีวิตนี่ล่ะ เพราะอุ่นๆ ด้วย ผมขยับหนีอย่างไม่ค่อยจะได้สตินัก เพราะมันเริ่มไถลมาใกล้ๆ หูผม จั๊กจี๋น่ะ มีอะไรไม่รู้มาคลอไปเคลียมาอยู่ตรงหน้าตรงหูแบบนี้
   ตัวอะไรก็ไม่รู้นะเนี่ย ซนชะมัดเลย
   พอผมหันหน้าหนี ความรู้สึกนั้นก็หายไปพักหนึ่ง จากนั้นผมก็รู้สึกหนักๆ ที่ตัว เหมือนมีใครมาทับไว้
   อืม... ผมโดนผีอำหรือไงนะ
   แต่ถ้าเป็นผีอำ ก็คงไม่อำแรงมาก เพราะผมแค่รู้สึกหนักๆ ไม่ได้ถึงขั้นหายใจไม่ออกอะไร สักพักผมก็รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างเลื่อนเข้าไปใต้เสื้อ
   งูเข้ามาในห้องผมหรือไงนะ?!
   ผมไม่เคยถูกงูเลื้อยผ่านตัว แต่ก็คิดว่าถ้าเป็นงูจริงๆ มันควรจะให้ความรู้สึกสาก แล้วก็เย็นกว่านี้ เพราะมันเป็นสัตว์เลือดเย็นนี่ แต่ที่ผมรู้สึกกลับอุ่นๆ แถมไม่สากสักนิด
   ตัวอะไรกันนะเนี่ย....
   อะไรบางอย่างนั้นเลื้อยขึ้นมาตามท้อง เลยขึ้นมาถึงหน้าอกผม เลื้อยได้น่าเกลียดจริงๆ เล่นเอาผมขนลุกขนพองไปหมดเลย นี่ถ้าเป็นผู้หญิงคงคิดว่าโดนลวนลามแล้วล่ะ เพราะเลื้อยวนอยู่แถวหน้าอกผมอยู่ได้ เห็นเป็นที่เลื้อยเล่นหรือไง
   ปล่อยให้เลื้อยไปนานๆ ผมชักเสียว ก็มันอุ่นๆ แถมเลื้อยแปลกๆ เลื้อยขึ้นเลี้อยลงแบบนี้ ไม่น่าใช่งู แต่ไม่รู้ตัวอะไรเหมือนกัน ผมเลยขยับตัวหนี แล้วตัวอะไรก่อนหน้านี้ก็มาดุนแถวแก้มผมอีก
   เอ๊ะ นี่มันตัวอะไรกันนะเนี่ย
   ผมยังไม่ทันรื้อข้อมูลเก่าๆ ในหัวออกมาประเมินว่าไอ้ตัวที่ทั้งเลื้อยทั้งดุนแก้มผมอยู่ มันคือตัวอะไรกันแน่ ท้องน้อยผมก็ร้อนวูบ
   เอาแล้วไง! ผมดันมาตื่นเต้นเพราะตัวประหลาดในฝัน แถมดันเป็นตอนอายุสี่สิบห้าเหรอเนี่ย รู้ถึงไหนอายถึงนั่นแน่ๆ
   สรุปแล้วผมก็ไม่ได้นึกว่าตัวอะไร เพราะมันทั้งดุนแก้ม ทั้งเลื้อยไปคลอเคลียที่หว่างขาผมจนสมองผมหยุดทำงานไปเลย รู้แต่ตัวเบาจนเหมือนขึ้นสวรรค์ จากนั้นก็เหมือนมีอะไรมาดุนที่ปาก
   นี่ผมฝันอะไรของผมกันแน่นะ......?
---------------------------------
   ...................
   ผมปรือตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก พอปรับสายตาได้ก็เพิ่งเห็นว่ามีใครนอนอยู่ข้างๆ ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก แทบจะร้องออกมาเลยทีเดียว
   นี่ใครมานอนในห้องผมเนี่ย?!
   ด้วยความตกใจ ผมเอื้อมมือไปควานหาไม้ตะพดที่ซ่อนไว้ตรงตู้หัวเตียง กะเอามาฟาดเพื่อป้องกันตัว แต่พอเอื้อมไปเจอหัวเตียงที่เป็นเบาะหนังนิ่มๆ ผมถึงระลึกได้ว่า เมื่อวานผมไม่ได้นอนที่ห้องตัวเอง แต่มานอนเฝ้าไข้สุภาพงษ์ที่ห้องต่างหาก แล้วที่นอนอยู่ข้างๆ ผมนี่....
   สุภาพงษ์นอนอยู่ข้างๆ ผม ก่ายมือข้างหนึ่งมากอดเอวผมไว้หลวมๆ คับคล้ายคับคลาเหมือนกันว่าเมื่อคืนเขากอดผมนอนทั้งอย่างนี้ ท่าทางจะหลับสนิทเลย คงเพราะพิษไข้ล่ะมั้ง เขาไม่สบายอยู่นี่นา
   ผมยกมือขึ้นแตะหน้าผากเขา พบว่าไข้ลดแล้ว เลยเสยผมที่ปรกหน้าอยู่ออกให้เขาหน่อย หน้าเขาได้รูปดีจริงๆ ขนานนอนจมหมอนอยู่ครึ่งหนึ่ง แค่แพขนตากับจมูกโด่งเป็นสันยังดูดีเลย
   ผมมองซะจนอิ่ม นี่ถ้าผมเป็นจิตรกรคงขอเขาเป็นแบบวาดรูปแน่ แต่ผมดันเป็นนักประพันธ์ ไม่เอาอ่าวด้านวาดรูปเสียเลย แล้วผมก็ไม่กล้าจะเขียนเรื่องเขาด้วย อายน่ะ กลัวว่าจะเข้าตัว
   ก็นะ... ถ้าเขียนเขาเป็นพระเอก ผมไม่รู้ว่าจะให้ใครเป็นนางเอกดีนี่นา ยังไม่รู้เลยว่านางเอกแบบไหนที่จะเหมาะกับพระเอกอย่างเขา
   ยิ่งถ้าให้เขาเลือกเอง ยิ่งลืมไปได้เลย ผมว่านางเอกที่เขาเลือกไม่เหมาะกับเรื่องเขาแน่ๆ
   สุดท้ายผมก็คิดได้ว่า ควรจะระดมสมองไปกับการคิดเรื่องพ่อกระแตดีกว่า เพราะชักจะเขียนส่งไม่ทันทุกทีทุกที แต่เอาน่ะ ยังมีพล็อตค้างอยู่หน่อยหนึ่ง กลับบ้านไปพิมพ์ต๊อกๆ แต๊กๆ สักสองสามวัน คงทันส่งแหละ ที่สำคัญบรรณาธิการผมป่วยอยู่ ไม่แน่นะ เขาอาจจะต้องเลื่อนพิมพ์นิยายผมไปเป็นฉบับหน้าก็ได้ ยกเว้นเสียแต่เขาจะใช้รองบรรณาธิการช่วยตรวจแทน
   ผมนั่งคิดอะไรเพลินๆ ตาก็มองสำรวจห้องเขาไปทั่วตามประสาคนว่าง ห้องนอนเขาก็มีตู้เก็บหนังสือเหมือนกัน คราวนี้ไม่ใช่นิตยาสารในเครือเขาแล้วล่ะ แต่เห็นหนังสือ มีทั้งเล่มใหญ่เล่มเล็ก หนาบ้างบางบ้าง บางเล่มก็เป็นปกแข็งหุ้มกระดาษจั่วปัง สภาพดูเก่าพอสมควร ผมมองๆ ไปแล้วก็สะดุดอยู่ตรงสันหนังสือชุดหนึ่ง ที่เขาเก็บเอาไว้ตรงตู้ใกล้ๆ หัวนอน เป็นตู้กระจก อยู่ชั้นกลางๆ ล่ะ สันดูคุ้นตาผม.. พอจ้องดีๆ ถึงจะนึกออก นั่นมันรวมเล่มผมนี่นา เขาซื้อไว้เยอะขนาดนี้เลยหรือเนี่ย?
   อย่างที่เคยเล่าไปแล้วว่าผมมีรวมเล่มไม่มาก แถมออกกับหลายสำนักพิมพ์ เล่มแรกออกเมื่อยี่สิบปีก่อนเห็นจะได้ แต่ดูจากสันหนังสือพวกนั้น ผมว่าเขามีตั้งแต่เล่มแรกที่ผมออกเลยล่ะ
   ใจผมเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่รู้ว่าเขาเพิ่งซื้อหนังสือพวกนี้มาดูงานผม หรือว่าซื้อมาแต่แรกเลยนะ ด้วยความสงสัย ผมเลยค่อยๆ ดึงแขนเขาออก แล้วไถลตัวลงจากเตียง ไปดูหนังสือพวกนั้นให้ชัดๆ ถือวิสาสะขนาดเปิดตู้หนังสือเขาออก แล้วเปิดเล่มดูเลยล่ะ
   ดีนะที่เขายังหลับอยู่...
   ผมรู้หรอกว่าเปิดตู้หนังสือในห้องนอนคนอื่นมันน่าเกลียด แต่ผมอยากรู้นี่นา... พอเปิดมาหน้าแรก ก็เห็นลายมือเขียนชื่อสุภาพงษ์เอาไว้ แล้วลงวันที่ด้านล่าง.... ดูจากปีแล้วน่าจะเป็นช่วงที่ผมออกรวมเล่มครั้งแรก พอพลิกหน้าต่อไปดูครั้งที่พิมพ์ก็พบว่าเป็นครั้งแรกจริงๆ
   งั้นเขาก็ตามงานผมมานานแล้วน่ะสิ....
   ผมเกิดนึกเขินขึ้นมา อย่างที่คนอายุสี่สิบห้าไม่ควรเป็น ไม่รู้สิ จู่ๆ ได้มารู้ว่าบรรณาธิการตัวเอง เคยเป็นเด็กที่อยู่ใกล้บ้านกันมาก่อน แถมเคยมาฟังผมเล่านั่นเล่านี่ตั้งแต่ผมกระแดะจะเป็นนักเขียนใหม่ๆ เขาคงจำความบ้าๆ บอๆ ของผมสมัยนั้นได้บ้างหรอกมั้ง พอมานึกว่าเขามาขอผมเขียนเรื่องทั้งๆ ที่มีข้อมูลแบบนี้อยู่ในหัว ผมไม่เขินเลยก็บ้าแล้วล่ะ
   ถึงสุภาพงษ์จะยังหลับอยู่ แต่ผมไม่กล้าหยิบเล่มอื่นออกมาดูอีก กลัวเขาตื่นมาแล้วเห็นผมยิ้มหน้าบานอยู่หน้าตู้หนังสือเขา แล้วถือรวมเล่มตัวเองอยู่ในมือ คราวนี้ต่อให้เป็นอุโมงค์ระบายน้ำของกทม. คงไม่พอให้ผมเอาหน้ามุดแล้ว
   ผมรีบเก็บหนังสือ ปิดตู้ เตรียมจะหาอย่างอื่นทำ แต่พอหันมาก็เห็นสุภาพงษ์ลุกขึ้นนั่งแล้ว แถมกำลังมองมาทางผมด้วยสีหน้าที่ถ้าเห็นบ่อยๆ ก็คงรู้ว่าเขายิ้มอยู่
   “..................”
   ต่อให้เป็นสุดยอดนักแต่งเรื่อง เจอแบบนี้ผมว่าใครคงนึกคำแก้ตัวไม่ทันหรอก เพราะงั้น สิ่งที่ผมทำคือ เดินทื่อๆ หนีเข้าห้องน้ำไปเลย
   ขอผมใช้ห้องน้ำเป็นที่กบดานแทนอุโมงค์กทม.สักพักเถอะ

   พอปิดประตูห้องน้ำได้ ผมต้องใช้เวลาอีกพักเพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นในจังหวะปกติ ก่อนจะคว้าแปรงกับยาสีฟันมาจัดการแปรงฟันเสีย เพื่อไม่ให้เขารู้ว่าผมเดินหนี... เอาน่า เขาคงรู้หรอก แต่ให้ผมยืนเฉยๆ เดี๋ยวมันจะยิ่งคิดมากกว่าเดิมน่ะสิ
   คราวนี้เกิดเป็นลมเป็นแล้งคนเดียวในห้องน้ำเพราะถูกเขาจับได้ว่าแอบปลื้มที่เขาซื้องานผมอ่าน ผมไม่รู้ว่าต่อไปนี้ผมจะสู้หน้าเขายังไงดี
   เพราะงั้น สู้ทำเป็นลืมๆ ไปซะ แปรงฟัน อาบน้ำแล้วออกไปตีหน้าปกติกับเขาดีกว่า
   ผมแปรงฟันเสร็จ ก็รีบไปอาบน้ำ ล้างหัวให้มันโล่งๆ แล้วก็มายืนหน้ากระจก พยายามจะสะกดจิตตัวเองว่าให้ทำหน้านิ่งๆ ไว้ ตอนออกจากห้องน้ำไป ทำว่าเราไม่รู้สึกอะไร ไม่ได้อะไรกับเขาเลยสักนิด
   แต่ให้ตายสิ ทำไมผมถึงหลบสายตาตัวเองในกระจกบ่อยนักก็ไม่รู้
   สุดท้าย พอเห็นว่าแผนบังคับให้ตัวเองตีสีหน้านิ่งๆ ท่าทางจะไม่ได้ผล ผมเลยคิดว่า ถ้าออกไปแล้วจะชวนเขาคุยนั่นคุยนี่ เอาให้เขาลืมเรื่องที่เห็นตะกี้ไปเลย ช่วยไม่ได้นี่ ผมไม่ใช่คนหน้านิ่งอย่างเขาสักหน่อย เอาวิธีที่ผมถนัดนี่แหละ คงพอกู้หน้ากลับมาได้บ้างหรอก
   คิดได้แล้วผมก็จัดการเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดของเมื่อวาน แล้วเอาชุดนอนกับผ้าเช็ดตัวเก็บใส่ถุง เตรียมจะเอากลับไปซักที่บ้าน จากนั้นก็เดินออกมา เตรียมหาเรื่องชวนคุยกับเขาเต็มที่ พอเห็นว่าเขายังนั่งอยู่ที่เตียง ผมเลยรีบทักไป
   “ดีขึ้นมั้ย?”
   “ครับ” สุภาพงษ์พยักหน้า แล้วเม้มปากนิดๆ เอาล่ะ คราวผมไม่ชะงักกับรอยยิ้มแบบสังเกตยากของเขาหรอก เขาอย่ามาแย่งผมพูดก็พอ
   “อืม.... งั้นก็ดีแล้วล่ะ เห็นเมื่อเช้าหลับสนิทเลย เมื่อคืนไข้ขึ้นสูงนี่นะ”
   “ครับ”
   “ถ้าดีขึ้นแล้ว ก็ไปอาบน้ำอาบท่าเถอะ เดี๋ยวพี่ทำมื้อเช้าให้”
   “ครับ..” สุภาพงษ์พยักหน้า เก็บที่นอน แล้วเดินไปห้องน้ำอย่างว่าง่าย ผมเพิ่งเห็นข้อดีเรื่องพูดน้อยของเขาก็วันนี้นี่แหละ ดีแล้วที่เขาไม่พูดอะไรออกมา ไม่งั้นนะ... ผมได้ไปทำหน้าใหม่แน่ๆ
   ผมเปิดตู้เย็น มองหาของที่จะมาทำเป็นมื้อเช้า สุดท้ายก็ตกลงกับตัวเองว่าจะทำข้าวผัด เพราะมีแฮมกับไข่อยู่ แล้วก็จะใช้ฟักที่ยังเหลืออีกครึ่งลูกทำแกงจืดเอาไว้กินแกล้ม ต้มกับซีอิ้วเปล่าๆ ไม่มีกระดูกหมูก็คงพอไหว ผมเลยจัดการหุงข้าว หั่นเครื่องปรุงและต้มน้ำรอไว้ ต้มแกงจืดก่อนแล้วค่อยผัดข้าวตามทีเดียว
   สุภาพงษ์ออกมาจากห้องน้ำหลังจากนั้นสักพัก เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว หน้าตาดูสดใสกว่าเมื่อวานเยอะเลย
   “พี่นิต...” เขาเรียกชื่อผม แล้วเดินเข้ามาใกล้ ผมเลยต้องหาเรื่องคุยทันที “พี่จะทำข้าวผัดแฮมกับแกงจืดไข้น้ำให้ทานแล้วกันนะ”
   “ครับ” เขาว่า แล้วก็ยื่นมือมากอดเอวผมเอาไว้อีก เออ... ผมลืมไป เขาไม่ค่อยพูดหรอก แต่ชอบใช้ภาษากายมากกว่า ทำไงดีล่ะผม...
   “เมื่อคืนพี่นิตหลับสบายรึเปล่าครับ” ระหว่างที่ผมกำลังชะงักเพราะการกอดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ของเขา สุภาพงษ์ก็อ้าปากขึ้นมาจนได้ ดีแล้วที่เป็นคำถามธรรมดา ผมเลยตอบไปอย่างสะดวกใจ “อืม ก็พอจะหลับอยู่นะ ถึงจะฝันแปลกๆ ไปหน่อยก็เถอะ”
   อันที่จริงผมก็จำไม่ได้ว่าฝันอะไร รู้แต่ว่าแปลกแล้วก็รู้สึกดีพิลึก ตื่นมาตัวเบาๆ หัวโล่งๆ จนมาโดนเขาจับได้ตรงอ่านหนังสือนั่นแหละ สุภาพงษ์เงียบไปพักหนึ่ง แล้วก้มหน้ามาใกล้ๆ หูผม “พี่นิต อย่าไปนอนค้างเตียงเดียวกับใครอีกนะครับ ผมเป็นห่วง”
   “ห่วงอะไรเล่า พี่ไปค้างออกบ่อยไป” ผมตอบอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะรู้สึกบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา ไอ้มือเขาที่กอดเอวผมอยู่น่ะ มันรู้สึกคุ้นๆ อย่างกับเคยลูบตัวผมด้วยเลย..
   หรือว่า.......!!
   ผมรีบหันกลับไปมองหน้าเขา เห็นสุภาพงษ์เม้มปากอีกแล้ว เขาเม้มปากนิดๆ แก้มแดงแจ๋ จากนั้นก็ยื่นหน้ามาใกล้ หอมแก้มผมดังฟอด
   ผมเพิ่งมาเข้าใจอาการพูดไม่ออกก็คราวนี้แหละ!!
--------------------------------------------
** อยากบอกว่า เขียนเรื่องนี้ทีไร มัน......... :haun4: ทั้งๆ ที่เรื่องมันไม่ได้มีฉากหวือหวาอะไรเลยแท้ๆ แต่ว่าความดันมันจะขึ้น (โอ๊ย เป็นลมตามคุณพนิต)

บางทีก็รู้สึกว่าโจติงต๊อง บางทีก็รู้สึกว่าคุณพนิตติงต๊อง สรุปแล้วคนเขียนติงต๊องแน่ๆ (โอ๊ยยย แอบเครียดนิดๆ ที่เขียนคนอายุ30-40ออกมาเป็นเด็กแรกรัก แต่ว่า... ฉากมันชวนให้ความดันขึ้นนนน ไม่รู้จะทำไง แต่ถ้ามันติงต๊องขนาดรับไม่ได้ขอให้บอกนะคะ เพราะคนเขียนอายุยังไม่ถึง เขียนไปตามที่นึกได้เอาเอง..)

แต่มัน......... :haun4: จริงๆ นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 20-11-2011 16:13:39
คุณพนิตถึงขนาดมีไม้ตะพดอยู่ใต้เตียงเลยเรอะ ทำตัวแก่สุดๆเลยอ่ะลุง555

ปล.คุณjuonเขียนแนวแก่ๆขึ้นนะเนี่ย แก่ทีไร แฟนคลับตรึม555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 20-11-2011 16:16:58
อ่านแล้วเขินนน หน้าแดงหูเหอแดงหมด

โจ พี่นิต ทำอะไรก๊านนนน อ๊ายยยย :m25:

แต่ฮาพี่นิต เอะอะก็จะเป็นลม ต้องหัดไว้นะ ต่อไปจะได้ชิน  o18

ขอบคุณค่ะ เรื่องนี้เรื่อยๆเฉื่อยๆ แต่มีความสุขนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: lookfa ที่ 20-11-2011 16:20:38
 :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 20-11-2011 16:30:13
ตามอ่านคุณพนิตตลอดแต่ไม่ค่อยได้มาเม้นท์ให้ ไม่โกรธกันนะ :z6:
 อ่านแล้วหัวใจจะหยุดเต้นไม่กล้่าอ่านบรรทัดต่อไป ก้อมันเขินแทนคุณพนิตนิ  สงสัยจะรู้แล้วว่าเมื่อคืนถูกโจลวนลาม :a5:
ตอนหน้าจะเป็นไง อยากรู้จัง ต่อไวๆๆนะ รออยู่จร้า o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 20-11-2011 16:44:58
อ๊ายยย  เขิล ><'
ชอบเรื่องนี้จัง หวานๆเรื่อยๆ
โจนี่แอบร้ายนะ :haun4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 20-11-2011 17:09:55
หึ หึ คุณพนิตอายุสี่สิบอัพยังขี้เซาขนาดที่ "ฝันแปล๊กแปลก" จน "โจเป็นห่วง"
คุณjuonคะ ถึงจะอายุ30-40อัพ แต่ถ้าเกิดมีดอกรักบานในหัวใจล่ะก็
(ยิ่งถ้าไม่เคยรู้สึกรักใคร่แบบจริงๆจังๆกับใครมาก่อนด้วย)
จะมีอาการไม่แตกต่างจากวัยรุ่นริแรกรักเหมือนกันนะคะ คอนเฟิร์ม
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: pmnet ที่ 20-11-2011 17:17:02
ขำพี่นิต จะเป็นลมท่าเดียว ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 20-11-2011 17:29:43
พี่นิต "ตัวเบา" เลยนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 20-11-2011 17:33:19
โอ้ย ขำ  :laugh: ถ้าถึงฉากนั้นจริง ๆ คุณพนิตจะเป็นลมเอากลางคันมั้ยน๊อ น้องโจเตรียมหาวิธีแก้ไว้ด้วยนะจ๊ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 20-11-2011 17:38:30
 :haun4: โอ๊ยยยยยย คุณพินิตโดนน้องโจจัดการแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 20-11-2011 17:41:43
อ่านเรื่องนี้แล้วมันเขินๆ  บางที่ก็มียิ้มแก้มปริ  หุบไม่ลงบ้างอ่ะ 

ทั้งๆ ที่เรื่องมันก็ไม่ได้มีอะไรที่ชวนให้เสียเลือด  แต่ว่ามันทำให้ความดันขึ้นมาง่ายๆเลย

เลยทำให้มีอาการเป็นลมหน้ามืดตามคุณพนิตเลยอ่ะ 

เขินอ่ะ  ที่พี่นิตโดนลักหลับ  คุณ บ.ก. ก็ร้ายเหมือนกันนะ 

เริ่มกล้าที่จะจับมือ  จูงมือ  โอบกอด และหอมแก้ม  อร๊ายยยยยยย   :-[   :-[   :-[ 

ชอบคนเขียนเรื่องนี้อ่ะ กดเป็ดให้ทุกตอนเลย   :กอด1:    :กอด1:   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 20-11-2011 17:48:48
 นี่ถ้าเกิดเขานุ่งผ้าเช็ดตัวไม่แน่นล่ะก็.... ผมก็จะได้เห็นหมดเลยน่ะสิ!!
พี่นิตคิดอะไร  :m20:

เรื่องนี้ทำให้ขำและเขินได้ตลอด
พี่นิตคิดเยอะมาก แล้วดูคุณพี่เขาสังเกตโจแต่ละอย่าง  :z1:  :o8:
เชียร์โจให้รุกอีก ดูท่าทางลุ้นฝั่งพี่นิตจะไม่ไหว กลัวพี่แกเป็นลมตาย
พี่นิตฝันแปลกจริงๆ อย่าไปฝันอย่างนี้ตอนไปค้างกับคนอื่นล่ะ

ขอบคุณและรอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก9(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P8:15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 20-11-2011 18:13:56
ท่าทางคุณ JuoN จะชอบคู่ที่อายุต่างกันเยอะๆแฮะ  แบบ..สิบปีขึ้นไปไรเงี้ย 5555

และดูจะเป็นนายเอกแก่กว่าซะด้วย 
ตั้งแต่คงฉ่วย  คุณไพฑูรย์  ลุงนิตอีก พี่ฟ้าด้วยมั้ยเนี่ย..55
แต่ก็ยังสู้เรเธียร์ไม่ได้เนอะ  แก่กว่า สองพันแปดร้อย นี่...เป็นอะไรที่สุดยอดมั่กๆ

ยังไงก็ยังมีคู่ที่ไล่เลี่ยกันอยุนาา  เนอะ  หุหุ

+1 ให้ตามที่บอกไว้แล้วนะคะ

กดไลท์แรงๆตรง "สู้เรเธียร์ไม่ได้เนอะ" คู่นี้เค้าน่ารักเนอะ :o8:

(เอ๊ะ ผิดประเด็นไปหน่อย จะเม้นคู่ลุงนิตต่างหาก)
เหมือนลุงนิตจะแอบคิดมาก...โธ่น้องโจก็ขี้อาย(?) อยากรู็อะไรลุงนิตก็ถามน้องสิคะ..อย่าคิดเอง

ปล. โจตกลงลักหลับลุงไปแล้วใช้ม๊า  แอร๊ยยยย (จิ้นไปดาวอังคาร)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Anonymus ที่ 20-11-2011 18:18:48
โจเอ๊ย คราวหน้า แนะนำให้ลักหลับไปเลย ท่าทางขี้เซาขนาดนี้ ไม่มีทางรู้ตัวง่ายๆหรอก

กดแล้วค่อยขอแต่งทีหลังก็ได้นะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 20-11-2011 18:28:37
คนป่วยเลื้อยคนเฝ้าไข้"เบาๆ" :)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 20-11-2011 18:56:31
พี่นิตจะเป็นลม แต่เราหุบยิ้มไม่ได้อ่ะ   :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 20-11-2011 18:58:10
น่ารักอะ คุณพนิตเขินน่ารักดี
ฮ่าๆ อ่านไปยิ้มไป
ความดันจะขึ้นเหมือนคนแต่ง
โอยยย ไอ้คู่นี้จะน่ารักไปไหน
เขินแทนคุณนิตแทนเบาเบา >//////////<

+1 ให้คะ รออ่านตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 20-11-2011 19:22:29
ทำอะไรกันบนเตียงอ่ะ :m25:
เห็นแบบนี้คุณโจนี่ก็ใช่ย่อยนะ :m3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 20-11-2011 19:59:58
พี่นิต ปล่อยเลยตามเลยเท๊อะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: zhai ที่ 20-11-2011 20:12:36
อ่านรวดเดียวเลย

อ่านไปยิ้มไป  บรรยายได้น่ารัก ขำ + ฮา :jul3:
ทำไมพี่นิต ถึงได้ต้องทรมานตัวเองซะขนาดนั้นน่ะ
เป็นลมแล้วลมเล่า ถ้าโจจับได้ว่าเป็นเพราะลมรัก
รับรอง ไม่พลาดแน่ (ไม่พลาเสียน้องเอกให้น้องโจ)

ชอบพี่นิตจังเลยอ๊ะ
คำนิยามของพี่นิตต้อง " น่าร๊ากกกอ๊ะ"



หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-11-2011 21:14:27
แก่แต่อายุเฟ้ย   แต่ประสบกา(ม)รณ์อ่อน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 20-11-2011 21:19:49
แก่แต่อายุเฟ้ย   แต่ประสบกา(ม)รณ์อ่อน

อยากกดไลค์ รวมถึงสำนวน "ตัวเบา"ด้วย

(เอ๊ะ เรื่องนี้ตกลงใครเขียนอ่ะ)

ปล.สถานะคนเขียน Out of order.ไปด้วยอีกคน... ไม่ไหวจะเคลียร์แล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: zitronen-tee ที่ 20-11-2011 21:49:58
ลุงนิตโดนลักหลับแล้วยังไม่รู้ตัวอีกนะ เขินแทนเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: zomtum ที่ 20-11-2011 22:24:40
 :-[ :-[ :-[   อุ้ย ยเขิล ล 55  อ่านไป ยิ้มไป

ฮี่ๆๆ ชอบเรื่องแน ว ว นี้อ๊า 

ฮี่ๆๆ พี่นิตต จ่ะน่ารักไปไหน น น :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: pak_kikkok ที่ 20-11-2011 22:39:41
มือไม้สั่นไปหมดเลยล่ะค่ะ เดี่ยวกลับมาเม้นท์นะคะ



มาแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววว โอ๊ยยยยยยยยยยย กรี๊ดดดด อยากรีดร้องที่สุดในสามดลกสำหรับตอนนี้
โจทำอะไรน่ะ โจทำอาร๊ายยยย ให้พี่นิตฝันแปลกๆแบบนั้นล่ะ???

ตอนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนโจเป็นเสือร้ายในคราบลูกแกะเชื่องๆยังไงไม่รู้สิคะ(เกาหัวแบบงงๆ)
เหมือนจะซือนะ…แต่แอบร้ายไม่เบานะพ่อคุณ
เหมือนจะห่วงจะหวงพี่ยิตนะคะ….แต่…ทำอะไรน่ะ! ฮ่าฮ่าฮ่าา

ทำเป็นถามว่าเมื่อคืนพี่นิตหลับสบายหรือเปล่า… แถมยังหวงไม่อยากให้พี่นิตไปนอนเตียงเดียวกันกับคนอื่นอีกด้วย เพราะรู้อยู่เต้มอกหรือเปล่าว่าพี่นิตหลับสนิทมากกก หลับลึก แบบฝันไม่ยอมตื่นเลยด้วย
ฝันว่าโดนงูเลื้อยงูรัด… โถ ท่าจะเจอเนื้อคู่เอาตอนแก่ ฮ่าฮ่า มาฝันว่าโดนงูเลื้อยงูรัด เอาตอนนี้มานอนเตียงเดียวกันกับโจ

ดูท่าว่างูตัวนั้นจะชื่อ “โจ” ซะล่ะม้างงงงงงงงงงงงง

แล้วดูท่าว่าพี่นิตจะรู้ตัว…เอาเมื่อสายซะด้วยสิคะฮ่าฮ่า โอ๊ย ยิ่งอ่านก็ยิ่งฮากับไอ้ความที่ชอบคิดเองเออเองของคุณพนิตๆจริงๆ

ฝันไปได้ไงว่าโดนงู้เลื้อยตัว….ก๊ากกกก ฮาไม่ไหวไหวแล้ว!!!!

เหมือนพออ่านจบตอนนี้ แล้วจะวนเวียนแต่เรื่องงูเลื้อยงูรัดคุณพนิต(เพราะะรู้เต็มอกว่างูตัวนั้นชื่ออะไร)
เลยต้องยกเรื่องงูเลื้อยมาพูดก่อน
แต่จริงๆแล้ว…ตอนแรก อยากจะแซวคุณพนิตอย่างเยอะเลยล่ะค่ะ
ฮ่าฮ่า จำได้ว่า ว่าเคยแซวไปแล้วหนหนึ่ง แต่คราวนี้ขอจัดหนักเลยล่ะค่ะ เพราะอาการของคุณพนิตนี่ไม่ไหวจริงๆ
ฮ่าฮ่า ความคิดคุณพนิตนี่หื่นมาก….(แต่โจหื่นด้วยการกระทำ) ฮ่าฮ่า เขาเป็นไข้อยู่ ก็แอบมองเขาอยุ่นั่นแหล่ะ
สนใจก็ยอมรับมาเห๊ออออ ไม่ต้องชักแม่น้ำสิบแปดสายมาเป็นข้ออ้างนุ่นนี่นั่น เล้ยยยยย

มองเขาทีก็จะเป็นลม…แต่แปลกแฮะ ตอนโดนงูเลื้อยบนตัวไม่ยักกะจะอยากเป็นลมเหมือนตอนเห็นหุ่นงามๆของโจ(ยังไม่เลิกแซว)

แสดงว่าถ้างูเลื้อยตอนที่คุณพนิตไม่ได้หลับ…คุณพนิตอาจจะไม่เป็นลมก็ได้นะคะ ฮ่าฮ่า ท่าทางยังไหวดีนี่ คึคึคึ
(แต่ทางที่ดีต้องหาอะไรมาปิดตาตอนโจเลื้อย…เอ้ย ตอนงูเลื้อย เพราะถ้าเกิดคุณพนิตเห็นหุ่นของงูอาจจะเป็นลมก่อนได้ ก๊ากกกก)

โอ๊ยยย ตอนนี้มันฮาได้ใจสิ้นดี ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆ
โจเจ้าเล่ห์ไม่เบาเลยนะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
พอได้เลื้อยพี่นิตหน่อยตื่นมาหายไข้เลย…ท่าทางจะได้ยาดี คึคึคึ

โอ๊ยยยยยยยยอยากอ่านตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว><
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 20-11-2011 23:08:06
กรี๊ดดดด อ้ากกก ว้ากกก กร๊าซซ !!~~
ยิ่งอ่านยิ่งชอบบ เขินนจนจะคลั่ง
คุณพนิตฮาอะ คิดนู่นคิดนี่ ฮ่าๆ
ไปเรื่อยๆเฉื่อยอย่างนี้ก็ดีค่ะ เพลินดี ฮ่าๆ
โอยยยคุณจูออนทำเราคลั่งโอจิคอนเป็นบ้าเป็นหลังแล้วเนี่ย!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 21-11-2011 00:34:35
แอบเขินแทนทั้งคู่นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 21-11-2011 00:53:40
โฮ้ยยยย
โจสั่งไข้ได้ใช่มั้ยเนี่ย จะให้ขึ้นตอนไหน ลดตอนไหน
แอบร้ายด้วยนะ ไปเลื้อยคนหลับได้ยังไงกัน(แต่ก็เลยรู้เลยว่าคุณพนิตขี้เซามากอ่ะ ><)
เลยชักสงสัยว่าตกลงแล้วน้องโจใสซื่อจริงมั้ยคะ
ไอ้ที่เรียก พี่นิตอย่างนั้น อ้อนพี่นิตอย่างนี้ จะเชื่อได้ม้ายยยยยย
อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 21-11-2011 01:26:37
ตอนคุณพนิตตื่น มีสติ คุณสุภาพงษ์ไม่ยักกล้าทำ แค่เนียนแตะนิด จับหน่อย ไม่ค่อยยอมพูด เม้มปากตลอด
แต่พอเห็นคุณพนิตนอนหลับอยู่ในอ้อมแขน คุณสุภาพงษ์เลยอดใจไม่ไหวใช่ไหมน่ะ ?
เลยเผลอพิสูจน์ว่าได้นอนกอดคนที่หลงรักตัวเป็น ๆ ( คุณพนิตก็หลับได้ลึกมากจริง ๆ )
แอบคิดว่า ถ้าตื่นมาในช่วงนั้น น้องโจจะสานต่อจนจบกระบวนการ หรือ พี่นิตจะเป็นลมล้มพับไปก่อนกันล่ะเนี่ย ?
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: fayala ที่ 22-11-2011 00:04:03
อ่านตอนแรกๆ แล้วแอบคิดว่า กว่าจะได้เห็น NC คู่นี้ คงปาไปตอนที่ 60 กว่าๆ นู่นเลย เฉื่อยเกิ๊นนน..

แต่พอมาเห็นตอนที่ 9 แล้วมัน.. มัน.. มัน.. อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย..!! >.<
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 22-11-2011 16:17:51



   อ๊ากกกกกกกกกกกก น่ารักสุดๆเลยอ่าคู่นี้
   แอบกุ๊กกิ๊กกันได้ไม่เกรงใจอายุเลย
   เอ๊ะ!! หรือนี่คือเกรงใจแล้วหว่า
   ถ้าไม่เกรงใจต้องยิ่งกว่านี้



หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-11-2011 17:59:35
กรี๊ดดดดด สัตว์ประหลาดแอบทำร้ายร่างกาย ลุงนิต อะ ทำไงดี  :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: tay028643904 ที่ 23-11-2011 18:21:50
เฮือก ก กกก!
วูบ.....จะเป็นลมตาพี่นิต -,.-

เสียเลือดมาก :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: zomtum ที่ 23-11-2011 19:40:11
เข้ามาอ่านไปอีกรอบ บ 555  คิดถึง ง :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ยิ่ง อ่านก่อยิ่งเขิล ล  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ลุงนิต ตตน่าร๊ากกกง้า า า า   :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: mommamjingjing ที่ 24-11-2011 00:10:12
 :pighaun: :pighaun: :haun4: :haun4:
อะโจหื่นด้วยร่างกาย
ลุงนิตหื่นด้วยความคิด
เคมีเข้ากันมากกกกกกกกกกกกกก
 :z1: :m25: :jul1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 24-11-2011 22:36:09
คิดถึงพี่นิตกับน้องโจ :impress3:

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 24-11-2011 23:02:05
ตายๆถูกลักหลับยังไม่รู้ตัวอีก ดีนะน้องโจไม่กดไปด้วยเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 26-11-2011 10:23:40
คิดถึงลุงนิต  =////=
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: pak_kikkok ที่ 26-11-2011 22:27:09
มาดัน รอคอยเรื่องนี้ ฮืออออออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: zomtum ที่ 27-11-2011 03:22:34
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

คถ.  นะ  ลุงนิต  โจ ด้วย ย ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: tay028643904 ที่ 28-11-2011 22:14:42
รอลุงอยู่น้ะ...
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 29-11-2011 19:25:55
คอมเสียค่ะ ยังไม่มีกำหนดว่าจะใช้ได้เมื่อไหร่ เพราะบริษัทที่รับเคลมเมนบอร์ดปิดหนีน้ำท่วม เปิดวันที่5ค่ะ และยังไม่รู้ว่าจะมีของให้ได้เมื่อไหร่นะคะ^^ ดังนั้น ยังงดลงทุกเรื่องไม่มีกำหนดค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 29-11-2011 19:41:33
 :m17: อยากอ่าน แต่ก็รอได้ :m1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 29-11-2011 20:03:30
โอ้........เศร้า
แต่จะเฝ้ารออย่างมีความหวังโดยไม่เรียกร้องต่อไปค่ะ
ขอบคุณที่มาแจ้งให้ทราบนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: lookfa ที่ 06-12-2011 17:37:57
เฉื่อยถึงไหนแล้วค่ะ

รอๆๆ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: zomtum ที่ 06-12-2011 20:46:11
 :sad4: :sad4:

ง้าา า  จริงง หรอฮับ บ

แต่ว่า ไงไง ก้อจ่ะรอนะ  o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก10(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P9:20/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 07-12-2011 21:34:44
กลับมาแล้วค่ะ หลังจากล้างบ้านอยู่อาทิตย์กว่า และได้รู้ว่าต้องรอเคลมเมนบอร์ด3อาทิตย์!!

ปีใหม่ ตายพอดี ต้นฉบับนิยายรอพิมพ์อีกตั้ง3เล่ม ยอมถอยบอร์ดใหม่อีกตัว โฮ :impress3:

ว่าแล้วก็พาคุณพนิตมาเยี่ยมท่านผู้อ่านดีกว่า อ๊ายย

**ตอนนี้เปิดมาอ่านเพื่อจะต่อเรื่องแล้ว แอร๋ยมากกก :-[

----------------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่11

   อาการพูดไม่ออกในโลกนี้มีหลายกรณี
   หลักๆ ที่ได้ยินกันบ่อยๆ คือ ดีใจจนพูดไม่ออก... ตกใจจนพูดไม่ออก...
   กรณีของสุภาพงษ์ เขาเคยบอกผมว่าชอบจนพูดไม่ออก......
   ส่วนกรณีของผม............
   ผมพูดไม่ออก!! จะให้ผมบอกว่าอะไรดี!!
------------------------------------
   “พี่นิต...” สุภาพงษ์เรียกชื่อผม ทำหน้าเป็นห่วงนิดๆ แน่นอนว่าเขาทำหน้าแบบนี้หลังจากหอมแก้มผมไปได้สักพักแล้ว และเห็นว่าผมยืนนิ่งล่ะมั้ง
   อันที่จริงผมกำลังปลุกปลอบใจตัวเองไม่ได้เป็นลมล้มคว่ำไปต่างหาก
   เป็นลมต่อหน้าเขาหลายๆ ครั้งมันก็น่าอายนะ แต่ตอนนี้น่าอายอย่างเดียวคงน้อยไป ผมชักไม่แน่ใจความปลอดภัยร่างกายตัวเองระหว่างที่หมดสติเสียแล้วสิ
   เมื่อคืนขนาดผมแค่หลับนะนั่น....
   แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน บางทีเหตุการณ์มันอาจจะประจวบเหมาะก็ได้ ผมแค่ฝันแปลก แล้วตื่นมาเผอิญเจอเขาทำท่าทางแปลกๆ เลยพาลจะเอาไปผสมรวมกัน
   เขายิ้ม แล้วหอมแก้มผม... ก็แค่หอมแก้มน่ะ
   ผมพยายามปลอบใจตัวเองเต็มที่ แต่ไม่รู้จะตีสีหน้ายังไงให้เขาที่ยืนหน้าแดง แถมยังกอดเอวผมอยู่แบบนี้ดี เลยเผลอปล่อยให้เขากอดแบบนั้นอยู่เป็นนานสองนาน จนสุภาพงษ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกนั่นล่ะ
   “เออ.. ข้าวสุกแล้วน่ะ” ผมโพล่งออกมา เพราะเห็นหม้อข้าวที่วางอยู่ด้านหลังเขาเริ่มมีไอน้ำพวยออกมาแล้ว สุภาพงษ์ชะงักหน่อยหนึ่ง ผมเลยรีบฉวยโอกาสพูดต่อ “ไปซุยข้าวในหม้อทีสิ เดี๋ยวพี่จะได้ผัดง่ายๆ”
   สุภาพงษ์กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก “ครับ”
   ผมล่ะแทบจะถอนหายใจออกมาเลย ตอนที่เขายกมือออกไปแล้ว น่ากลัวจริงๆ ผมเพิ่งรู้นี่เองว่า เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่มือไวเป็นบ้าเลย ให้ตายสิ นี่เขาคิดอะไรกับผมบ้างเนี่ย
   สุภาพงษ์เดินไปที่หม้อหุงข้าวให้ผมโล่งใจได้แวบหนึ่ง เขาก็หันกลับมาหาผม “พี่นิต มันยังไม่สุกนะครับ"
   “อ้อ อืม..” ผมส่งเสียงไปตามเรื่อง เพราะเห็นแล้วล่ะว่าไอแบบนั้นมันแค่กำลังเดือด ยังไม่สุกหรอก แต่ทำไงได้ เขาเล่นกอดเอวผมไว้ หอมแก้มผม แถมยังทำเอาผมคิดมากเรื่องฝันเมื่อคืน ผมไม่รู้จะหาอะไรมาช่วยขัดจังหวะแล้วนี่
   “งั้นผมไปจัดโต๊ะพลางๆ นะครับ” จู่ๆ สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นต่อ ผมพยักหน้า แต่พอเงยไปมองหน้า ก็เห็นเขายิ้มที่มุมปากนิดๆ ไม่รู้สิ ผมเกิดนึกอยากเอาหม้อข้าวครอบหัวเขาจริงๆ
   เขาหล่อนะ ยิ้มนิดๆ ก็ดูดี แต่ช่วยยิ้มโดยที่ไม่ต้องมองมาทางผมได้มั้ย!? ผมกลัวตัวเองหัวใจจะวายเอา ผมแค่ชอบมอง ชอบมองเฉยๆ ไม่เคยนึกอยากได้มาไว้กับตัวหรอก
เพราะงั้น ช่วยหยุดยิ้มแล้วเลิกคิดอะไรแบบนั้นกับผมสักที!!
สุภาพงษ์เดินจากเคาน์เตอร์ครัวไปที่โต๊ะรับแขกหน้าโทรทัศน์ของเขาเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ผมที่ยืนบ่นบ้าอยู่กับตัวเอง แน่นอนว่าผมพูดกับเขาอย่างที่ผมคิดไม่ได้หรอก และถึงผมจะพูด ก็ไม่แน่ว่าจะเปลี่ยนความคิดเขาได้ ดีไม่ดีเขาอาจจะไข้กลับมาอีก เดี๋ยวจะพาลเดือดร้อนกันไปเปล่าๆ
เอาล่ะ ในฐานะผู้ใหญ่กว่า ผมจะอดทนกับเขาไปสักพักแล้วกัน กลัวลูกน้องที่สำนักงานเขาเดือดร้อน เพราะเจ้านายมัวแต่สำออยป่วยเป็นไข้ใจอยู่น่ะ
ผมยืนมองแกงจืดเดือดในเตา รอข้าวสุก พลางคิดอะไรฆ่าเวลาไปเรื่อย ตอนแรกว่าจะนึกเรื่องพ่อกระแตต่อ ว่าพ่อกระแตพาครอบครัวหนีออกจากบ้านหลังเดิมแล้วจะไปอยู่ที่ไหนดี แล้วจะให้เจอกับเพื่อนใหม่เพิ่มดีมั้ย แต่ถ้าใส่อะไรเยอะไป เดี๋ยวเรื่องมันจะจบยาก ผมเริ่มลังเลแล้วล่ะว่า ตอนจบจะให้พ่อกระแตได้กลับมาที่บ้านหลังเดิม หรือว่าไปอยู่ที่อื่นเลยดี
ยืนมองแกงจืดเดือดไปได้สักพัก ตาผมก็เหล่ไปมองสุภาพงษ์อย่างกับมีแม่เหล็กดูด เอาน่ะ ผมก็แค่จะดูว่าเขาทำอะไรอยู่เท่านั้นเอง เพราะโต๊ะตรงนั้นก็ไม่ใช่ว่ามีอะไรให้จัดนักหรอก
มองไปก็เห็นเขากำลังเก็บนิตยาสารที่วางกองอยู่มุมหนึ่งของโต๊ะ คงกะจะเอาไปสอดเก็บไว้ใต้โต๊ะล่ะมั้ง แต่แทนที่จะก้มหน้าลงมองนิตยาสาร เขาดันเหลือบมองผมแทนนี่สิ
ผมว่าเราสบตากันนะ ผมเลยรีบหลบสายตากลับมา แล้วก็ได้ยินเสียงเขาทำหนังสือหล่นหลายเล่มเชียว
ก็สมควรหรอก เก็บหนังสือแต่ตาดูอย่างอื่น มันก็ควรจะทำร่วงนั่นแหละ
พอเห็นเขาทำหนังสือหล่นแบบนั้น ผมจึงเบี่ยงประเด็นจากหม้อแกงจืด หันมาเอาเรื่องกับหม้อหุงข้าวแทน….
รีบๆ สุกสักทีสิ ผมจะได้มีอะไรทำ ตามันจะได้ไม่เหลือบไปมองเขาอีก
รู้หรอกว่าเขาน่ามองกว่าข้าวสวยหุงใหม่ๆ แต่ผมกลัวว่ามองบ่อยๆ แล้วเกิดเขาจับได้ มันจะเป็นเรื่องน่ะสิ นี่ขนาดว่าเขายังจับไม่ได้นะเนี่ย เพราะงั้น ผมจ้องหม้อหุงข้าวต่อไปดีกว่า

   ทั้งๆ ที่ผมหมายมั่นปั้นมือ ว่าจะจ้องหม้อหุงข้าวแทนบรรณาธิการที่เคยเป็นเด็กข้างบ้านแท้ๆ แต่พอข้าวสุกได้สักพัก สุภาพงษ์ก็เดินเข้ามา ดึงสายตาผมจากหม้อข้าวได้ภายในรัศมีสองเมตร จากนั้นก็เปิดฝาหม้อหุงข้าวออก
   “ผมซุยข้าวให้นะครับ พี่จะได้ผัดได้ง่ายๆ”
ไอน้ำจากหม้อข้าวลอยผ่านหน้าเขาไประหว่างที่พูด ข้าวในหม้อสุกแล้วล่ะ แล้วผมก็ได้รู้จริงๆ ว่าหน้าเขาน่ามองกว่าข้าวสุกในหม้อ
   เอาหน้าเขามาผัดแทนข้าวได้ไหม ผมจะได้เลิกมองตาค้างสักที
    แต่หน้าสุภาพงษ์ไม่ใช่เต้าหู้ และผมก็ไม่ได้อยากเอาหน้าเขามาผัดจริงๆ ดังนั้น ผมเลยบอกตัวเองให้ถอนสายตาจากหน้าเขา แล้วหันไปตั้งกระทะ เตรียมผัดข้าว จะได้ทานอาหารเช้าแล้วกลับบ้านเสียที
   พอเอากระเทียมลงผัด กลิ่นมันก็ชวนให้หิวดีจริงๆ ผมเจียวกระเทียมพอหอมแล้วก็เอาแฮมลงผัดต่อ จากนั้นถึงค่อยเอาข้าวที่สุภาพงษ์ซุยให้ตามลงไปเป็นอย่างสุดท้าย แล้วปรุงรส ดมกลิ่นแล้วมันก็คงจะอร่อยนั่นแหละ แต่เพื่อความแน่ใจ ผมหันไปหยิบช้อนมาคันหนึ่ง แล้วตักข้าวผัดเป็นคำเล็กๆ ส่งให้สุภาพงษ์ซึ่งเดินป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ “ลองชิมหน่อยสิ ว่าได้รึยัง?”
   สุภาพงษ์ชะงักไปหน่อยหนึ่ง จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้ามา ทำท่าจะอ้าปาก ผมเลยรีบพูดต่อ “ร้อนนะ”
   เขาชะงักอีก จากนั้นก็ห่อปาก เป่าข้าวผัดในช้อนเบาๆ ไม่รู้ทำไม ผมว่าเขาทำแล้วน่ารักดี เหมือนเด็กๆ เลย สงสัยเพราะเขาหน้าตาดีอยู่แล้วมั้ง ทำอะไรเลยดูดีไปหมด.......
   เอาอีกแล้วสิผม.... จริงๆ เลย เห็นคนหน้าตาดีหน่อยล่ะ เป็นแบบนี้ทุกที ไม่รู้จักเข็ดไม่รู้จักหลาบบ้างหรือไงนะเนี่ย...
   “อืม... ได้แล้วนะครับพี่นิต ผมว่าเค็มไปนิด แต่ทานกับแกงจืดก็น่าจะพอดีเลย” สุภาพงษ์ออกความเห็นหลังจากกลืนข้าวผัดคำนั้นลงคอแล้ว ผมเลิกคิ้วนิดๆ แล้วใช้ตะหลิวตักข้าวผัดมาชิมบ้าง... รสชาติก็ปกติดีนี่ หรือว่าผมทานเค็มเกินไปนะ?!
   “พี่เพิ่มหวานอีกนิดแล้วกัน” ผมว่า แล้วหยิบกระปุกน้ำตาลเล็กๆ ที่วางอยู่มา สุภาพงษ์รีบพูดขึ้นทันที “ไม่ต้องหรอกครับ ผมว่าได้แล้วล่ะ”
   ผมมองหน้าเขา “ทานได้แน่นะ”
   “ครับ” สุภาพงษ์พยักหน้าหงึกๆ ผมมองอีกพัก ถึงได้เก็บกระปุกน้ำตาล ช่างมันแล้วกัน กระเพาะเขานี่ ในเมื่อเขาบอกว่าทานได้ ก็ตามใจเขาแล้วกัน
   ผมผัดข้าวผัดเสร็จก็ตักใส่จาน โดยมีสุภาพงษ์ช่วยตักแกงจืดใส่ถ้วย แล้วยกไปทานกันตรงโต๊ะหน้าโทรทัศน์เหมือนเมื่อวาน พอหย่อนก้นลงไปบนโซฟาเรียบร้อย สุภาพงษ์ก็รีบขยับมานั่งเบียดผม
   “ขอบคุณนะครับ ทานข้าวกันเถอะ”
   ผมเหลือบตามองเขาหน่อยๆ
   นี่ถ้าหน้าตาไม่ดีจริง ผมด่าเขาว่าโรคจิตไปแล้วนะเนี่ย มาคอยกระแซะแต๊ะอั๋งคนแก่อายุตั้งสี่สิบห้าอย่างผมอยู่ได้ คนดีๆ มีตั้งเยอะ มองไม่เป็นแล้วหรือไง
   เขาฝังจิตฝังใจอะไรกับผมนักนะ....
   “โจ..” ทานกันไปได้สักพัก ผมก็ตัดสินใจชวนเขาคุยก่อน “ตอนนั้นโจเคยบอกพี่ว่าย้ายไปอยู่รังสิตใช่มั้ย? แล้วเป็นไงบ้างล่ะ?”
   สุภาพงษ์หันมามองผมด้วยสีหน้าที่พอจะมองออกว่าแปลกใจ ก่อนกลืนข้าวแล้วพูดตอบ “พี่นิตจำได้หรือครับ?”
   “อืม” ผมพยักหน้า “พอจะนึกได้ลางๆ น่ะ เรื่องมันตั้งยี่สิบกว่าปีมาแล้วนี่”
   สุภาพงษ์กะพริบตาครั้งสองครั้ง แล้วถามออกมาบ้าง “พี่นิตนึกออกตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะครับ?”
   “ก็... ตอนที่โจบอกว่าเคยอยู่ใกล้บ้านน่ะ แต่พี่ไม่ค่อยแน่ใจหรอก มีเด็กๆ มาเล่นที่บ้านพี่เยอะแยะไป”
   “ครับ... ผมเห็นแล้วล่ะ ก็พี่นิตใจดีนี่ครับ” เขาพูด แล้วยิ้มนิดๆ “พี่นิตน่ะน่ารักมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
   ผมเกือบสำลักข้าว ดีนะที่กลืนลงไปแล้ว พอตั้งสติได้ก็รีบลากเขาเข้าเรื่องทันที “อ้อ... แล้วย้ายไปเป็นไงบ้างล่ะ”
   “ก็ดีครับ บ้านผมอยู่ติดถนนน่ะ แม่กับน้าผมพอเลิกงานก็มาเปิดขายขนมต่อ รายได้ดีพอใช้เลยครับ หลังเลิกเรียนผมก็มาช่วยขาย หลังๆ เปิดขายวันหยุดด้วย จนพอส่งผมเรียนมหาวิทยาลัยได้น่ะครับ”
   “อ้อ...” ผมร้อง ฟังจากที่เขาเล่าแล้ว เหมือนว่าชีวิตเขาค่อนข้างลำบากเหมือนกันนะเนี่ย คงไม่ได้มีกินมีใช้มาแต่เกิดหรอก นั่นสินะ ถ้าเขามีเงิน เขาจะมาเช่าบ้านแถวนั้นทำไมล่ะ อีกอย่าง ท่าทางพ่อเขาจะเสียหรือไม่ก็ทิ้งไปล่ะมั้ง ไม่เห็นเขาพูดถึงเลย รูปถ่ายที่ผมเห็นก็มีแต่แม่กับน้า
   “แล้วไปไงมาไงถึงมาจับงานทำหนังสือล่ะ?” ผมถามต่อ เขามองหน้าผม แล้วเม้มปากนิดๆ “เพราะพี่นิตน่ะครับ”
   “...............” ผมกะพริบตาปริบๆ นึกในใจว่าไม่น่าไปถามอะไรเขาเลย เขาตอบอะไรก็วนเวียนมาเข้าเรื่องนี้ทุกที แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร เนื่องจากยังคิดไม่ออก สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นต่อ “ผมชอบงานพี่นิตมาตั้งแต่ฟังพี่เล่าตอนเด็กๆ แล้วล่ะ”
   “?!”
   “เรื่องที่พี่เล่าสนุกดี ตอนผมเห็นรวมเล่มพี่วางขายบนแผงร้านหนังสือแถวบ้าน ผมตื่นเต้นมากเลย เก็บเงินค่าขนมอยู่ตั้งหลายวัน ถึงพอซื้อหนังสือ ตอนนั้นคิดเลยว่าสักวัน ผมจะเอาไปให้พี่เซ็นเป็นที่ระลึก”
   ผมขมวดคิ้วอย่างงงๆ “แล้วทำไมไม่เอามาล่ะ?”
   “มันไกลน่ะครับ” สุภาพงษ์ตอบ “ผมต้องช่วยแม่กับน้าขายของตอนเย็นกับวันหยุด ไม่ค่อยได้ไปไหนหรอก แต่ก็พยายามจะไปดูที่ร้านหนังสือตลอดเลย อยากจะซื้อนิตยาสารที่พี่ลงเรื่องนะ แต่เงินไม่พอ ผมเลยไปยืนอ่านที่ร้านแทน เจ้าของร้านก็ใจดีให้ผมยืนอ่าน”
   “อ้อ... ดีจัง” ผมว่า รู้สึกใจเต้นตึกๆ พิกล สุภาพงษ์มองหน้าผม แล้วพูดต่อ
   “ตอนพรายบุปผาตาย ผมไปชะเง้อรอเล่มใหม่ที่ร้านตั้งแต่เช้าเลยล่ะ แบบว่าอยากจะอ่านต่อ ผมยังจำได้อยู่เลย”
   “อืม... เรื่องนั้นมีตัวละครตายเยอะน่ะ” ผมว่า รู้สึกเขินอยู่พอสมควรเลยล่ะ ที่ได้มารู้ว่าเขาเป็นแฟนผลงานตัวยงของผมขนาดนี้ พรายบุปผาที่เป็นตัวละครในเรื่องนครพฤกษชาตินี่ ผมแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เขายังจำได้เลย
   “พี่นิตเป็นอะไรน่ะครับ?!” สุภาพงษ์หันกลับมาถาม สงสัยเขาจะเห็นว่าจู่ๆ ผมก็ยกมือขึ้นปิดปากล่ะมั้ง ก็ผมกลัวนี่ กลัวเขาจะเห็นว่าผมยิ้มไม่หุบ เดี๋ยวเขาจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่
   ผมไม่ได้หลงตัวเองนะ ผมแค่ดีใจน่ะ แต่ไม่อยากแสดงให้เขารู้เท่านั้นเอง
   “เปล่า” ผมตอบไปทั้งๆ ที่มือปิดปากอยู่ “พี่แค่คิดว่ามีอะไรติดปากอยู่น่ะ”
   “ข้าวมั้งครับ” สุภาพงษ์ว่า แล้วขยับมาใกล้ “ผมปัดให้ไหม?”
   “ไม่เป็นไร” ผมรีบปฏิเสธทันที พลางนึกทุเรศตัวเองที่ต้องมาโกหกให้ภาพพจน์ดูเป็นคนทานอะไรเลอะเทอะไปได้ “พี่ว่าหลุดแล้วล่ะ”
   พูดแล้วก็พยายามปั้นหน้านิ่งเต็มที่ ก่อนจะลดมือลง “อืม... นี่ไม่ใช่ว่าแค้นนิยายพี่ แล้วเลยฝังใจ อยากจะมาเป็นบรรณาธิการพี่หรอกนะ?”
   “เปล่าครับ” สุภาพงษ์รีบปฏิเสธทันที เขาเหลือบมองผมหน่อยหนึ่ง แล้วสูดหายใจ “ผมอยากเจอพี่นิตน่ะ เลยคิดว่าถ้าเรียนทางวารสาร สักวันคงจะได้เจอพี่อีก”
   ผมเผลอหัวเราะออกมา “โจอยากเจอพี่ทำไมไม่ไปหาที่บ้านเลยล่ะ ต้องมาลำบากลำบนเรียน พี่ว่าโจต้องแอบแค้นพี่แน่ๆ” ผมแซว สุภาพงษ์ก้มหน้างุด “ผมไม่ได้แค้นนะครับ แต่ถ้าไปเฉยๆ ผมไม่รู้จะหาเรื่องอะไรคุยกับพี่นี่... ผม... ผมคิดว่า ถ้าทำงานด้านนี้ สักวันผมจะได้ไปเชิญพี่มาเขียนเรื่อง แล้วผม....”
   “......................” สุภาพงษ์พูดไม่ออก ผมเองก็อ้าปากไม่ออกเหมือนกัน เพราะเขาดันหยุดพูดแล้วหันหน้ามา จับมือผมเอาไว้ หน้าแดงแจ๋เป็นแตงโมผ่าซีกเลย “ผม... ผมจะจีบพี่น่ะ”
   ผมน่ะ อายุตั้งสี่สิบห้าแล้ว ผ่านโลกมาเยอะแล้วล่ะ อย่างน้อยก็เข้าวัยกลางคนแล้ว รู้อยู่เต็มอกว่าไม่ควรจะทำท่าอะไรน่าเกลียดเหมือนเด็กวัยรุ่นแล้วล่ะ แต่สี่สิบห้าปีของผม เพิ่งมีเขาคนแรกนี่แหละ ที่บอกว่าชอบผม ที่บอกว่าจะจีบผม
   ผม.........
   ทั้งบทสวดมนต์ ทั้งคำพระสอน ผมรีบขุดมาท่องเอาไว้ในหัว เพื่อลดอาการร้อนวาบบนหน้าลง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะสุดท้าย หน้าผมก็ร้อนเห่อไปจนถึงใบหู อยากจะเอามือมาปิดเอาไว้หรอก แต่มือผมก็ดันถูกเขาจับไว้อีก
   ทำไงดีล่ะทีนี้........
   ขณะที่ผมกำลังวุ่นวายใจอยู่กับอาการร้อนวาบบนหน้า สุภาพงษ์ก็เบิ่งตาขึ้นหน่อยหนึ่ง ก่อนจะเม้มปาก จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
   !!
   ผมสะดุ้ง เพราะปลายจมูกของเขาที่แตะเข้ามา มองไปก็เห็นสุภาพงษ์หน้าแดงจัด ผมคิดเลยว่าแย่แน่ๆ ไม่ผมก็เขา ใครสักคนต้องป่วยหนักหลังจากนี้แบบไม่ต้องเดา เพราะทั้งมือผม มือเขา ร้อนพอๆ กันหมดแล้ว
   ถ้าไม่รีบผละออกไปล่ะก็........
   !!!
   ผมตั้งใจจะขยับหนีนะ แต่ดันดึงมือไม่ออก มันร้อนวาบไปหมดเลย แล้วเขาก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้อีก
   เขาคิดจะทำอะไรกันน่ะ
   !!!!!!!!!!!
   ทั้งผมและสุภาพงษ์สะดุ้งสุดตัว เมื่อเสียงอะไรบางอย่างสั่นกระแทกโต๊ะดังครืดๆ สุภาพงษ์ทำหน้าเลิ่กลั่ก ขณะที่ผมรีบดึงมือออก “เสียงอะไรน่ะ”
   “ทะ... โทรศัพท์” สุภาพงษ์ตอบผมด้วยสีหน้าอึ้งๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงโต๊ะมากดรับ “สวัสดีครับ”
   ผมเห็นว่าเขาคุยโทรศัพท์ เลยหันหน้าออกมาเสีย นึกโล่งใจที่มีโทรศัพท์มาช่วย ขนาดยกมือขึ้นทาบอกยังรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงอยู่เลย ดีนะที่ผมไม่เป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน เผลอไม่ได้จริงๆ นะเนี่ย
   สุภาพงษ์คุยโทรศัพท์ได้พักหนึ่งก็วางสาย “พี่นิต... ขอโทษนะครับ”
   ผมพยายามไม่ตีความเอาเองว่าเขาขอโทษเรื่องอะไร แล้วหันกลับไปหาเขา “อาจารีย์โทรมาล่ะสิ เจ้านายขาดงานไปสองวันแล้ว คนที่สำนักพิมพ์คงเป็นห่วงหรอก”
   สุภาพงษ์มีสีหน้าอึกอัก แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับ “ครับ เธอโทรมาถามอาการว่าเป็นไงบ้าง”
   “แล้วเป็นไงบ้างล่ะ” ผมถามแหย่ไป ได้ยินหรอกที่เขาพูดกับเลขาฯน่ะ แต่ว่าอยากจะฟังจากปากเขาอีกที สุภาพงษ์กะพริบตาปริบๆ “ก็ดีขึ้นแล้วล่ะครับ แต่ผมอยากหยุดพักต่ออีกสักวัน”
   “อืม... งั้นเหรอ ดีขึ้นขนาดนั้นก็ดีแล้วล่ะ พี่จะได้กลับบ้าน” ผมพูดตอบ แล้วปั้นสีหน้าจริงจัง “พี่รู้สึกปวดเอวนิดหน่อย บางทีอาจจะไม่ชินที่นอนก็ได้ แถมเมื่อคืนก็ฝันแปลกๆ”
   “....................” ผู้ชายอายุสามสิบสี่ตรงหน้าผมปิดปากสนิท ตาเบิ่งนิดๆ แต่แก้มแดงเห่อเชียว อยากรู้นัก เขาจะงัดอะไรมาใช้แก้ตัวในสภาพนี้อีก
   สุภาพงษ์นั่งอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่สักพัก ก็พูดออกมาเสียงเบา “ก็พี่นิตน่ารัก..... วันนี้อย่าเพิ่งกลับเลยนะครับ”
   ผมกลืนน้ำลายพร้อมข้าวในคอลงไปดังเฮือก ดีที่ไม่สูดอากาศตามเข้าไปด้วย ไม่งั้นได้สำลักออกมาแน่ๆ สองประโยคของเขา ทำเอาประโยคเป็นชุดของผมพังพินาศไม่เป็นท่า
   แน่นอนว่าถ้าให้แข่งกันจริงๆ เขาพูดไม่ทันผมหรอก แต่ประเด็นคือ ปากเขาอ้าไม่ทัน แต่มือเขาถึงก่อนทุกที แล้วตอนนี้มือเขาก็เลื่อนมาจับมือผมไว้อีกแล้ว
   “ค้างกับผมอีกสักคืนนะครับ ผมรับรอง จะไม่ทำให้พี่นิตฝันแปลกๆ แล้ว”
   โอ๊ย ทำไมไม่รู้ หัวใจผมเต้นตึกๆ ขึ้นมาอีกแล้ว เพราะคำพูดของเขาแท้ๆ ผมล่ะไม่อยากจะจำเลยว่าฝันอะไรเมื่อคืน แต่สรุปว่าเขาเป็นคนทำให้ผมฝันเหรอเนี่ย
   แล้วใครจะไปกล้านอนค้างกันล่ะ
   “พะ... พี่ว่าพี่กลับดีกว่า” ผมตะกุกตะกักพูดออกไป พยายามจะดึงมือออก แต่สุภาพงษ์ก็จับแน่นเชียว นี่มือเขาทากาวหรือไงนะ
   สุภาพงษ์จับมือผมแน่น แต่ไม่ยอมพูดอะไร เอาแต่ช้อนตามองผม ทำหน้าเซื่องๆ แถมจมูกแดงๆ อย่าบอกนะว่าเขาไข้ขื้นอีกแล้วน่ะ
   “พี่นิต....”
   ผมมองผู้ชายตรงหน้า รู้สึกสงสัยขึ้นมาจริงๆ ว่าเขาใช่คุณสุภาพงษ์ที่มาติดต่อให้ผมเขียนเรื่องให้เมื่อต้นปีจริงๆ หรือ ตอนนั้นท่าทางเขาเป็นงานเป็นการกว่านี้ ไม่สิ... เท่าที่จำได้ เขาขับรถมาที่บ้านผม เรียกผมว่าคุณพนิต แล้วก็มาคุยกับผมที่บ้าน พูดกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจังพ่วงด้วยหน้าตาหล่อๆ จนผมยอมตกลงเซ็นสัญญากับเขา   จะว่าไปตอนนั้น เขาขอจับมือผมก่อนกลับด้วยล่ะมั้ง
   ผมมองเข้าไปในดวงตาสีดำที่ช้อนมองมา พลางนึกว่า นานแล้วรึเปล่าที่เขามองผมแบบนี้ ก่อนที่เขาจะย้ายบ้านไป เขาขอจับมือผม... แล้วมองผมด้วยสายแต่แบบนี้รึเปล่านะ...?
   “อย่าเพิ่งกลับเลยนะ.... ให้ผมได้อยู่กับพี่อีกสักวัน... นะครับ”
   “......................” เจอแบบนี้ ผมก็พูดอะไรต่อไม่ออก สุดท้ายก็เผลอพยักหน้าอีกจนได้ จากนั้นก็เห็นริมฝีปากของเขากระตุกขึ้นหน่อยๆ ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างจนเห็นฟันซี่ขาวสวย
   โอ๊ย!! ผมชิ่งเป็นลมตอนนี้จะเป็นอะไรไหมเนี่ย?!
   “พี่นิต!!”
   ผมไม่ไหวจริงๆ ล่ะ เห็นเขายิ้มทีไร หัวใจมันเต้นแรง ตามันพร่าทุกที แต่เพราะเขาจับมือผมอยู่ แทนที่จะปล่อยให้ผมจะล้มหงายหลัง เขาก็ดึงตัวผมให้เซไปซบอกเขาแทน
   โอ๊ย ผมจะตายมั้ย?!
   “ทำใจดีๆ ไว้นะครับ” สุภาพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงเจือความตกใจจนรู้สึกได้ แล้วลูบหลังผมใหญ่ แบบนี้ผมทำใจดีๆ แบบเขาว่าไม่ลงหรอก มีแต่จะใจเต้นแรงมากกว่าเดิมน่ะสิ
   อกเขาทั้งหนา ทั้งแน่นขนาดนี้ ผมจะทำใจดีๆ ได้ยังไงล่ะ!! ยิ่งพอนึกถึงภาพเขาตอนเปลือยท่อนบนแล้ว หัวใจผมแทบจะกระดอนออกมา นี่ผมจินตนาการอะไรให้มันดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือไง
   ขณะที่ผมหัวใจเต้นตึกๆ เพราะมัวแต่คิดนั่นคิดนี่ สุภาพงษ์ก็จับตัวผม กดลงบนโซฟา
   !!
   ผมคว้าแขนของสุภาพงษ์เอาไว้ด้วยความตกใจ ทางเขาเองก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน “พี่นิต เป็นอะไรน่ะครับ?”
   ผมกะพริบตามองเขาปริบๆ แล้วสั่นศีรษะ สุภาพงษ์มองผมด้วยสีหน้าไม่เชื่อถือ จากนั้นก็พูดออกมาอีก “ผมไปหยิบยาดมมาให้นะ”
   คราวนี้ผมรีบพยักหน้า จุดประสงค์ไม่ใช่อะไร แค่อยากให้เขาไปให้พ้นจากตัว จะได้สงบจิตสงบใจ บอกหัวใจตัวเองให้เต้นช้าลงได้สักที
   สุภาพงษ์ผละออกไปหลังจากนั้น ผมเลยถอนหายใจเฮือกอย่างลืมเกรงใจ แล้วยกมือขึ้นลูบอกตัวเอง
   ใจเย็นๆ หน่อยสิ พนิต มันก็แค่ยิ้มน่ะ ก็แค่ยิ้มเท่านั้นเอง
   ยาดมมาถึงปลายจมูกผมหลังจากนั้นสักพัก นึกแล้วก็น่าเกลียดจริงๆ ผมหน้ามืดต่อหน้าเขากี่รอบแล้วนะเนี่ย ไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไง คงเห็นว่าผมชักแก่ สู้สังขารไม่ไหวแล้วล่ะมั้ง
   ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้เลิกคิดอะไรบ้าๆ กับร่างกายผมสักที ผมอายุปูนนี้แล้วนะ จะมาฟิตเหมือนวัยรุ่นมันไม่ไหวหรอก
   “ดีขึ้นรึเปล่าครับ?” สุภาพงษ์ถามหลังจากให้ผมดมยาดมแล้วนวดแขนขาผมเบาๆ ไม่รู้สิ พอไม่เห็นหน้าเขาแล้ว ผมรู้สึกดีขึ้นนะ ถึงมือเขาจะช่วยนวดแขนนวดขาผมอยู่ก็เถอะ ไม่เห็นหน้าเขา หัวใจผมก็ไม่เต้นผิดจังหวะ พอถูกนวดตัวด้วย ผมถึงกับเคลิ้มเลยล่ะ         
   “พี่นิต?”
   ผมสะดุ้ง แล้วค่อยหันมาพยักหน้า เพื่อให้เขารู้ว่าดีขึ้นแล้ว สุภาพงษ์นั่งอยู่ตรงพื้นข้างโซฟา ผมว่าตำแหน่งเดียวกับเมื่อวานซืนนี้เลยล่ะ นี่ผมมาทำท่าจะเป็นลมในห้องเขารอบที่สองแล้วนะเนี่ย
   สุภาพงษ์มองหน้าผมอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดออกมาอีก “พี่นิตเป็นลมบ่อยนะครับ”
   “อะ... อืม” ผมไม่รู้จะตอบยังไง เลยได้แต่ส่งเสียงในคอออกไป “สงสัยเพราะพี่อายุเยอะแล้วมั้ง”
   คนนั่งอยู่ข้างผมเม้มปากนิดๆ “พี่นิตเป็นลมเพราะผมรึเปล่า?”
   “...................”
   “พี่นิตชอบผมมั้ย..?”
   ผมนอนนิ่งๆ ไม่ไหวอีก ไม่ใช่ว่าเขาแสดงท่าทางอะไรกับผมหรอกนะ เขาแค่ถาม ถามด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่เขาทำอยู่เป็นประจำนั่นแหละ แต่หน้าผมนี่สิ ไม่รู้ว่าจะตีสีหน้าแบบไหนตอบเขา สุดท้ายผมเลยจำต้องพลิกตัวหันมามองพนักพิงโซฟาแทน
   เขาเกิดนึกอะไรถึงถามแบบนั้นออกมานะ หรือเพราะสังเกตเห็นแล้วว่าผมชอบเป็นลมเวลาเห็นเขายิ้มทุกที
   โอ๊ย หน้าผม จะเอาไปซุกไว้ที่ไหนดีเนี่ย!!
   ผมนอนตะแคงมองโซฟาอยู่พักหนึ่ง ก็ต้องสะดุ้งเฮือก เพราะสุภาพงษ์เลื่อนมือเข้ามา กอดเอวผมเอาไว้ แล้วแนบใบหน้าลงบนหลังของผม
   ผมสูดหายใจลึก รออยู่ว่าเขาทำแบบนี้แล้วจะพูดอะไรอีก แต่รออยู่พักใหญ่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร เขาแค่กอดผมจากด้านหลังเงียบๆ ในที่สุดผมก็ถอนหายใจ ยกมือขึ้นจับแขนเขาเอาไว้
   ผมอยู่ดูอาการใจเขาอีกสักคืนก็ได้
----------------------------------------
**อยากจะร้องว่า "อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย" :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: zhai ที่ 07-12-2011 21:54:22
อ่านไปไม่รู้ว่าจะสงสารใครดีระหว่างโจกะพี่นิต
พี่นิตก็ลมขึ้นเอาขึ้นเอา เจอหนุ่มโจยิ้มที กอดที
ส่วนโจไม่รู้ว่าพี่นิตคิดยังไง เฮ้อ....
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 07-12-2011 22:02:34
อย่างฮาเลยอ่ะ  ตอนที่คุณพนิตสวดมนต์ทำใจ  กลัวตกหลุมรักโจล่ะสิ
แล้วไอ้อาการหน้ามืดเพราะโจหล่อเนี่ยะ  จะให้โจเข้าใจว่ายังงัย
พอดีเรื่องนี้เขียนมาในมุมมองของคุณพนิตคนเดียว
ไม่แน่ว่าถ้าเขียนในมุมมองของโจ  อาจมาในแนวที่ว่าคุณพนิตเป็นลมบ่อย ๆ ก็เพราะสังขารก็ได้  5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 07-12-2011 22:06:05
แอร๊ยยยยยพี่พนิตเป็นลมอีกแล้ว น้องโจก็นะคืนนี่้จะทำให้พี่นิตฝันแปลกๆอีกรึเปล่าาาาาหึหึ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 07-12-2011 22:09:11
คุณนิตแค่เห็นโจยิ้ม ก็เป็นลมแล้ว
แบบนี้ตอนเข้าด้ายเข้าเข็ม จะรอดไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: bluerose ที่ 07-12-2011 22:14:22
ก็อยากจะร้องว่า อร๊ายยยยย เหมือนกันค่ะ วู้ววว สองคนนี้เค้ารุกไปข้างหน้ากันเยอะแล้วนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 07-12-2011 22:17:38
อร๊ายยยย ไม่ไหวแล้วค่ะ จะระเบิดบึ้มอยู่แล้ว  :m25:

เห่อร้อนหน้าไปหมดเลย พี่นิตน้องโจ โอ๊ย จะละลาย

แต่ฮาพี่นิตมาก ท่าไม้ตาย ชิ่งเป็นลมด้วยความเร็วแสง ฮ่าๆ แต่สุดท้ายก็ไม่รอดอยู่ดี

ชอบมากๆ ไม่รู้จะบอกว่าตรงไหนเพราะชอบไปหมด ดีใจจริงๆที่มาต่อ เดี๋ยวจะวกไปอ่านใหม่ ตอนต่อไปก็มาเร็วๆนะคะรออยู่

คุณจูออนสู้ๆ :ped149:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 07-12-2011 22:50:34
สงสารคนแก่จัง เป็นลมได้เป็นลมดี 
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: zitronen-tee ที่ 07-12-2011 23:10:23
อรั๊ย อ่านแล้วเขินจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 07-12-2011 23:36:03
พี่นิตอยู่กับโจจะยิ้มแก้มแตกก็ต้องเอามือปิดปาก แต่เราไม่ต้องเพราะอยู่คนเดียว ฮะๆ
ไม่ไหวนะคุณพนิต ไหนว่าร่างกายแข็งแรงอ่ะ หน้ามืดบ่อยเกินไปแล้ว(และโจก็เดาถูกเกินไปแล้ว)

โจรับรองว่าจะไม่ทำให้ฝันแปลกๆเพราะถึงเวลานั้นคุณพนิตคงจะยังไม่หลับแล้วใช่ไหมล่ะ
><
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: emoemo ที่ 07-12-2011 23:49:06
นายโจ ไม่ค่อยพูด แต่มือเนี่ยย จัดหนักตลอดนะจ๊ะ 555
สงสารพี่พนิตจัง แพ้ตั้งแต่รอยยิ้มเนี่ย สงสัยนายโจคงจะได้แต่ในฝันเเน่เลย
เพราะความจริง พี่นิตชิงเป็นลมคลอดด กร๊ากกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 07-12-2011 23:59:12
อ่านตอนนี้แล้วใจเต้นตึกตักดีจังเลย
สงสัยจังว่าโจจะมีโอกาสได้กอดรวบพี่นิดอย่างลึกซึ้งตรึงใจกับเขาบ้างไหมเนี่ย
ไม่นับแบบพรายผ้าห่มนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 08-12-2011 00:01:20
ขอร่วม "อร๊าย ยยย ยย !!!!!" ด้วยคนนะค่ะ  :o8:
โดยเฉพาะ  “ค้างกับผมอีกสักคืนนะครับ ผมรับรอง จะไม่ทำให้พี่นิตฝันแปลกๆ แล้ว”
รับรอง รับรองว่าไม่ใช่แค่ฝัน เพราะ น้องโจจะทำให้เป็นเรื่องจริงแบบพิสูจน์ได้ใช่ไหม ?

ตอนนี้คุณโจเยอะนะค่ะ เยอะนะ ทำเอาพี่นิตเป็นลมอีกแล้ว (ท่าทางต้องมียาดม ยาหอมใกล้มือทุกสถานการณ์  :m23: )
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: กระต่ายชมจันทร์ ที่ 08-12-2011 00:30:19
อร๊ายด้วยคนค่า!!!!

นี่แค่ยิ้มนะ แล้วถ้า...(เว้นไว้ในฐานที่เข้าใจกัน)จะขนาดไหนเนี่ย

คืบหน้าอีกนิด อิๆ น่าร้าก~

ว่าแต่นิตยาสารเหรอคะ? เอ น่าจะนิตยสารรึเปล่าคะ?
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 08-12-2011 00:35:59
อ่านมาถึงตรงนี้ก็จิ้นฉากไม่ออกจริงๆด้วยแหละ
55555555555555555555555555555555   :really2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 08-12-2011 00:45:46
ตายๆ สักวันจะเป็นลม ช๊อคเข้าโรงบาลมั้ยเนี้ย อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 08-12-2011 01:07:26
โจน่ารักมากเลยนะวันนี้ ถ้าเป็นคุณพนิตคงอดเอ็นดูไม่ได้แน่ๆ
คนอะไรน่ารักแปลกๆ ทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 08-12-2011 01:37:01
ขนาดยังไปไม่ถึงไหนนะเีนี่ย แค่รอยยิ้มก็จะเป็นลมละ  :jul3:

มากกว่านี้กลัวจะโดนหามส่งโรงบาลจัง  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 08-12-2011 01:38:48
จะสงสารคุณนิตดีไหมอ่ะที่ถูกน้องโจรุกคืบเหลือเกิน 5555 อิจฉาคุณนิต
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 08-12-2011 04:38:43
ถึงเวลาพี่โจจะรุกเต็มขั้นแล้ล่ะค้าาา อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: pmnet ที่ 08-12-2011 10:22:39
 คนนึงขี้อายแต่มือไวใจกล้า อีกคนก็สังขารไม่เที่ยง เอะอะ เป็นลม

 ชอบความรัก ชอบความใส่ใจที่สุภาพงษ์มีให้พี่นิต

 สุดท้าย ชอบนักเขียน เขียนได้ น่ารัก น่าอ่าน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 08-12-2011 10:27:25
 :m20: ขำความคิดพี่นิต
โจพูดน้อย แต่ดูพูดแต่ละอย่าง

“ก็พี่นิตน่ารัก..... วันนี้อย่าเพิ่งกลับเลยนะครับ”
 “ค้างกับผมอีกสักคืนนะครับ ผมรับรอง จะไม่ทำให้พี่นิตฝันแปลกๆ แล้ว”
“พี่นิตเป็นลมเพราะผมรึเปล่า?”

 :-[
ชอบประโยคสุดท้ายของตอน
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 08-12-2011 13:25:45
ขอ อร๊ายยยยยยยย!!!~ ด้วยคนนน
เขินนนอะ ไม่รู้ทำไมอ่านเรื่องนี้แล้วเขินตาม ฮ่าๆ
ยิ้มแก้มจะแตกแล้ว ฮ่าๆๆ
คุณพนิตรั่วขึ้นทุกทีๆ ฮาไม่ไหวแล้ว
เรื่อยๆเฉื่อยๆกระชุ่มกระชวยหัวใจดีแท้ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: twenty8 ที่ 08-12-2011 13:45:12
คนอ่านนี่ยิ้มแก้มจะแตกอยู่แล้วค่ะ
ทั้งเขินทั้งจะเป็นลม เพราะลุ้นทุกการกระทำของโจ
ส่งยาดมมาทางนี้ที ทำเขินได้ตลอดเวลา
จะเป็นลม ฮ่าา

 :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 08-12-2011 18:00:31
ขอร้องอร๊าย..ย เป็นเพื่อน อะไรจะน่ารักน่าชังขนาดนี้ หวังว่าคืนนี้ น้องโจคงเผด็จศึกนะ 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 08-12-2011 19:45:56
พี่นิตอยู่ดูอาการใจคุณ บ.ก.อีกสักคืน

คราวนี้คงไม่ได้แค่ฝันอาจจะเจอของจริงเลยเป็นไง

 :z1:    :z1:    :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 08-12-2011 20:37:12
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
โจน่ารัก คุณพนิตก็น่ารัก
ชอบอ่ะ เขิน><'
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 08-12-2011 21:20:51
พี่นิตเนี่ยไม่ไหวน้า
เอะอ่ะ จะเป็นลมท่าเดียว
น้องโจจะได้แอ้มพี่นิตมั๊ยเนี่ย :m20: :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 08-12-2011 22:45:23
 :jul1: จมกองเลือดตัวเองตาย

แอร๊ยยยย....แบบว่า น่ารักอ่ะ!!!!!
โอ้ยย เขิน...เขินอะไรก็ไม่รู้ สรุปว่าเขิน <<<< ชักพูดไม่รู้เรื่อง

ปล.คิดถึงพี่นิตจังเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 08-12-2011 23:45:27
อร๊ายยยยยยยยยยยยย

ไม่ไหวแล้วน่ารักทั้งสองคนเลย  พี่นิตก็นะ เป็นลมบ่อยไปมั๊ยค่ะ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 09-12-2011 12:20:11
มีความรักตอนแก่ก็ต้องเป็นอย่างนี้แหละน๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 09-12-2011 13:31:11
คุณโจรุกถูกใจมาก o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 09-12-2011 16:35:13


 

   นักเขียนของเราโดนรุกหนักซะแล้ว
   คนแก่สร้างภูมิต้านทานไม่ทันเลยนะ!!




หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 09-12-2011 20:33:06
คุณพนิตต้องเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้น่ะ   :impress2:
เพราะน้องโจมือไวไวมั่กๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-12-2011 21:02:37
กว่าเรื่องนี้จะจบ พี่นิต จะเป็นหัวใจวายก่อนหรือเปล่านะ 555555  โจ สู้ๆ พยายามเข้านะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: 1st prince ที่ 09-12-2011 22:49:40
อ่านแล้วหุบยิ้มไม่ได้ ดึกแล้วคืนนี้คงนอนหลับฝันดีแน่เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 09-12-2011 23:02:33
พี่นิตฮา+น่ารักจริงๆ  :-[

ดีใจจังที่โจรุกบ้างแล้ว พี่นิตก็ใจอ่อนเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: zomtum ที่ 10-12-2011 13:14:58
โว้ว ว ว ววพี่นิต อ่ า าา  :-[ :-[ :-[

อิอิ น่ารักๆๆๆ เป็นลมบ่อยๆๆเด๋วให้โจ มัดมือชกเลยนี่ 555

 o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 14-12-2011 03:05:36
อ่านแล้วเขิน  :-[
น่ารักทั้งคู่เลยอ่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจัง ที่ 14-12-2011 04:19:11
 :serius2:

ง่า นึกว่าตอนใหม่มาแล้ว

กระซิกๆ   :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก11(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P11:7/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 16-12-2011 21:31:06
**สุดท้ายก็มาลงเรื่องนี้ต่ออีกจนได้... ทั้งๆ ที่ผีเสื้อดองมาจะสองเดือนแล้ว

ไอ้ที่เคยบอกว่าจะได้อ่านกันก่อนปีใหม่ อาจจะต้องคิดอีกที (โดนตบ :beat:)

เอาว่าอ่านพี่นิตน้องโจ(?)ไปก่อนแล้วกันน๊า
----------------------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่12

   สุภาพงษ์เป็นคนหน้าตาดี หน้าตาดีมากจริงๆ มากเสียจนผมชักกลัวใจตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เขาสบตาผม หรือหันมายิ้มให้ หัวใจผมมันพาลจะกระเด้งออกมาทุกที
   เผอิญว่าตอนนี้เขากำลังทำทั้งสองอย่างที่ว่ามานั้นอยู่ด้วยน่ะสิ
   ผมกับสุภาพงษ์หันกลับมาทานอาหารเช้ากันต่อ หลังจากเจอเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่พาลจะทำให้ผมเกือบเป็นลมเป็นแล้งไปกลางคัน พอหอมแก้มผม ทำผมเอาหน้าซุกกับพนักพิงโซฟาได้สำเร็จแล้ว สุภาพงษ์ก็ตั้งหน้าตั้งตาทานข้าวผัดที่ผมทำให้ แล้วเหลือบมองผมเป็นระยะ ผมเห็นหรอกนะว่าเขาแอบยิ้มอยู่ด้วยน่ะ เพราะผมเองก็เหลือบมองเขาอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน
   ให้ตายสิ ผมกับเขาจะเหลือบมองกันไปกันมาทำไมนะ!
   “โจ” ในที่สุด ผมก็ทนกับอาการเหลือบมองกันไปมองกันมาไม่ไหว หันหน้าไปหาเขา แล้วถามขึ้น “พี่ถามจริงๆ เถอะ โจเคยจีบใครมาก่อนหน้านี้รึเปล่า?”
   สุภาพงษ์กะพริบตา หน้าแดงนิดๆ “ทำไมหรือครับ? ผมทำอะไรไม่เหมาะเหรอ?”
   ผมล่ะอยากจะพูดออกไปจริงๆ ว่า ทุกอย่างที่ทำน่ะแหละ ติดแต่สีหน้าเอาจริงเอาจังของเขากับแก้มแดงๆ ทำเอาผมพูดไม่ออก เลยต้องหาคำพูดอะไรที่พอจะพูดออกมาได้แทน “ก็ไม่เชิงหรอก พี่แค่สงสัยน่ะ.. กับนายกั้ง ไม่ได้จีบหรือไง?”
   สุภาพงษ์ดูจะอึ้งๆ ไปหน่อยเมื่อได้ยินชื่อคุณากร สักพักเขาก็ตอบผม “เอ่อ... ก็ไม่เชิงหรอกครับ พอดีเขาชอบงานของพี่นิตเหมือนกัน ก็เลยพอจะคุยกันได้อยู่”
   ผมเลิกคิ้วขึ้นทันที “งั้นที่ว่าเขาเป็นแฟนผลงานพี่ก็ไม่ได้โกหกสินะ”
   อีกฝ่ายพยักหน้า “ครับ เขาเป็นแฟนผลงานพี่นิตตัวยงเหมือนกัน เขาดู... เอ่อ... ทำให้ผมนึกถึงพี่นิตตอนสมัยหนุ่มๆ นิดหนึ่งด้วยน่ะ ผมเลย....” สุภาพงษ์หยุดไปหน่อยหนึ่ง แล้วช้อนตามองผมอีกครั้ง “แต่พอเจอพี่ ผมเลยรู้ว่า ผมชอบพี่”
   “.....................” เอาล่ะ ผมควรจะบอกตัวเองให้เรียนรู้เอาไว้ได้แล้วว่า อย่าได้ถามอะไรนายคนนี้ เพราะถามเรื่องอะไรไป สุดท้ายมันจะวกมาตรงนี้ทุกที ผมแค่อยากคุยเรื่องเขาน่ะ ไม่ได้อยากถามเรื่องตัวเอง เขาช่วยตอบให้มันพ้นๆ จากนี้ไม่ได้แล้วหรือไงนะ
   “โจ... พี่แค่ถามเฉยๆ โจไม่ต้องวกมาเรื่องนี้ก็ได้” ผมว่า คราวนี้สุภาพงษ์หลบตาลงหน่อยหนึ่ง เหมือนว่าจะหน้าสลดลงล่ะ “ขอโทษครับ”
   ผมมองหน้าเขา แล้วพูดขึ้นต่อ “ก่อนหน้านี้ก็อยู่ที่นี่กับนายกั้งด้วยสิ เห็นเขามีกุญแจห้องด้วยนี่”
   “ครับ..”
   “แล้วไปเลิกกันตอนไหนล่ะ อย่าบอกนะว่าตอนเจอพี่น่ะ?”
   คราวนี้สุภาพงษ์เงียบไปเลย ผมเองก็ชักรู้สึกไม่ค่อยดี เหมือนเป็นต้นเหตุให้คนเลิกกัน แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เลยหันไปหาจานชามที่วางอยู่บนโต๊ะ กะว่าเก็บไปล้างคงพอจะนึกอะไรออก
   พอเห็นผมเริ่มเก็บจาน สุภาพงษ์ก็อ้าปากออกทันที “ผมล้างให้ครับ” ว่าแล้วเขาก็รีบเก็บจานชามพวกนั้นทั้งหมดไปล้างทันที ทิ้งให้ผมนั่งอึ้งๆ หาอะไรทำไม่ได้อยู่คนเดียว สุดท้ายก็เลยได้แต่นั่งมองเขาล้างจานเงียบๆ
   อืม... เขาหน้าตาดีจริงๆ นะเนี่ย ดีจนน่าโมโหเลยล่ะ
   ผมมองผู้ชายที่หน้าตาอย่างกับพระเอกหนังยืนล้างจานอยู่ในฉากเก่าเหมือนเมื่อสองวันก่อน แล้วก็นึกอายตัวเองขึ้นมาที่คอยแต่จ้องเอาๆ อยู่ได้ ดีนะที่เขามัวแต่มองจานอยู่ เลยไม่ได้สังเกตเห็นสายตาผม แต่ผมกลัวจะถูกเขาจับได้อีก เลยพยายามหาอย่างอื่นมองแทน มองไปมองมาก็เห็นรูปถ่ายบนชั้นโชว์เลยนึกขึ้นได้
   “โจ... ในรูปนี่ แม่กับน้าใช่มั้ย? ตอนนี้เป็นไงบ้างล่ะ ย้ายไปอยู่ไหนแล้ว” ผมถาม สุภาพงษ์เงยหน้าขึ้นมอง แล้วตอบเสียงเรียบๆ “แม่ผมเสียไปแล้วน่ะครับ น้าเลยย้ายไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด”
   “.......................” ผมอึ้งไปอีก เพราะขาดการติดต่อไปนาน ก็เลยไม่รู้ว่าแม่ของเขาเสียไปแล้ว ได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไป “เหรอ... เสียใจด้วยนะ”
   “ไม่เป็นไรหรอกครั้ง แม่เขาเสียไปตั้งหลายปีแล้ว ผมทำใจได้นานแล้วล่ะ” สุภาพงษ์ตอบผม ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลยได้แต่ยิ้มให้เขาไป แล้วก็ได้รอยยิ้มเขาตอบกลับมาอีกจนได้ แม้จะแทบมองไม่ออกว่ายิ้มเลยก็เถอะ
   เฮ่อ.... เขาน่ะ แค่ยกมุมปากขึ้นนิดๆ แท้ๆ แต่ผมนี่สิ ปากมันพาลจะฉีกยิ้มตอบกลับไปท่าเดียวเลย แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ดีแน่
   ผมรีบชักมุมปากลง เปลี่ยนเป็นตีหน้าขรึม แล้วถามเขาเสียงเรียบๆ บ้าง “พี่ถามจริงๆ เถอะ โจยิ้มได้แค่นั้นหรือไงน่ะ”
   สุภาพงษ์ทำหน้าอึ้งๆ ตอบผมตะกุกตะกัก “ผมยิ้มไม่เก่งน่ะ”
   ผมนึกสะใจที่เห็นเขาทำหน้าแบบนั้น เขาทำผมใจเต้นมามากพอแล้ว ได้เวลาผมเอาคืนบ้างล่ะ ขณะที่นึกกระหยิ่มใจ สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นต่อ “พี่นิตชอบคนยิ้มเก่งๆ หรือ?”
   ผมยังไม่ทันตอบ ก็เห็นเขาเม้มปากนิดๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ยิ้มกว้างขึ้นมา
   โอ๊ย ผมไม่ได้ชอบคนยิ้มเก่ง ไม่ได้ชอบเลยสักนิด เพราะงั้น... หยุดยิ้มได้แล้วล่ะ
   “พี่นิต...” สุภาพงษ์หยุดยิ้มแล้วเรียกผม ก่อนที่ผมจะมีอันหน้ามืดลมจับไปอีกรอบ น่าอายจริงๆ แค่เห็นเขายิ้ม ใจผมก็เต้นตึกๆ จะยิ้มตอบก็ไม่กล้า พยายามจะตีหน้าตาย เลือดลมมันก็แล่นขึ้นมาจุก ทำท่าจะหน้ามืดให้ได้ทุกที ขณะที่นึกโล่งใจที่เขาหยุดยิ้ม สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นต่อ “ผมจะพยายามหัดยิ้มนะ พี่นิตจะได้.... ชอบผมบ้าง”
   “.................” ผมเข้าใจคำว่าอายจนอยากจะเอาหน้ามุดดินก็เพราะเขานี่แหละ แต่ตอนนี้ผมอยู่บนคอนโดฯ ไม่มีดินให้ผมมุดหรอก ที่ใกล้ที่สุดคือโซฟาที่มีหมอนอิงวางอยู่ มองแล้วอยากเอาหน้าเข้าไปซุกจริงๆ แต่ว่าขืนทำลงไปมีหวัง ยิ่งน่าอายกว่าเดิมแน่
   ในเมื่อเลือกอะไรไม่ได้สักอย่าง ผมเลยหันหน้าไปมองหน้าต่างเสียเลย ด้านนอกยังแดดดีอยู่ คงสักบ่ายได้แล้ว..... อืม... นี่ผมต้องอยู่กับเขาจนกระทั่งถึงพรุ่งนี้เช้าหรือนี่... นี่มันเพิ่งบ่ายเองนะ....!!
   “โจ พี่ว่าจะกลับบ้านก่อนน่ะ เดี๋ยวค่ำๆ ค่อยแวะมาอีกที” ผมหันไปพูดกับเขา ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่อยู่กับมนุษย์ที่ดึงดูดสายตาผมขนาดนี้สองต่อสองจนถึงคืนนี้เด็ดขาด นึกดูสิ เหลืออีกกี่ชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานอน ที่ผมสัญญาคือสัญญาว่าจะค้างเป็นเพื่อนเขา ไม่ได้สัญญาว่าจะอยู่กับเขาสองต่อสองทั้งวันเสียหน่อย ไม่ไหวล่ะ ถ้าต้องอยู่กับเขา ได้เห็นรอยยิ้มที่เขาหันมายิ้มให้ผมตลอด ผมว่าผมต้องความดันขึ้นจนเป็นเรื่องแน่ๆ ขอผมกลับไปสงบสติอารมณ์ที่บ้านสักพักก็แล้วกัน ไม่แน่นะ ผมกลับแล้ว เขาอาจจะเกรงใจไม่อยากให้ผมมาค้างก็ได้ ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่ฝันแปลกๆ
   สุภาพงษ์หน้าเจื่อนลงทันที เขาตะกุกตะกักพูดขึ้นอีก “พี่นิต... ผมทำอะไรไม่ถูกใจอีกหรือครับ บอกผมเถอะครับ ผมจะได้แก้ไข”
   ผมอ้าปาก แต่ไม่ได้พูดอะไร จะบอกว่าเพราะเขาเอาแต่ยิ้มให้ผมก็ใช่ที่ เขาก็แค่ยิ้มน่ะ แต่ผมออกอาการของผมเอง โทษเขาได้ยังไง พอเห็นผมเงียบ สุภาพงษ์ยิ่งหน้าซีดกว่าเดิม “ผะ... ผมขอโทษ ผมจะไม่เซ้าซี้พี่นิตแล้วล่ะ”
   เห็นเขาหน้าซีดแบบนี้ ผมก็นึกสงสารอยู่นะ เอาเข้าจริงมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาเลย ผมแค่บอกว่าอยากกลับบ้าน เขาคงคิดว่าผมโกรธอีกแล้ว ผมควรอธิบายให้เขาฟังว่ายังไงดี
   ขณะที่ผมนึกคำพูดอยู่ สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นอีก “พี่นิตจะดูโทรทัศน์มั้ย? มีช่องหนังกับสารคดีอยู่นะครับ เดี๋ยวผมเปิดให้แล้วกันนะ”
   ผมพยักหน้าไป เพราะนึกหาคำพูดคั่นเวลาอยู่พอดี สุภาพงษ์กุลีกุจอมาเปิดโทรทัศน์ให้ พอดีผมเห็นช่องหนึ่งฉายภาพยนตร์เก่าที่เคยนึกอยากดู เลยบอกเขาไป จากนั้นเราก็นั่งลงบนโซฟาคนละฝั่ง เขาไม่ขยับเข้ามาเบียดผมเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ดีเหมือนกัน ผมจะได้มีสมาธิกับภาพยนตร์
   เรื่องที่ฉายอยู่เป็นเรื่องของผู้ชายที่เผอิญมีแฟนเป็นโรคความจำเสื่อม พอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นก็จำอะไรไม่ได้เลย ที่น่าสนใจคือวิธีที่พระเอกงัดมาใช้จีบนางเอกในทุกวันที่ตื่นมานี่แหละ ผมดูไปเพลินๆ หันมาอีกทีก็เห็นสุภาพงษ์นั่งยิ้มให้จออยู่ข้างๆ สงสัยเขาจะชอบเหมือนกันล่ะมั้ง พอจบเรื่อง ผมก็หันไปคุยกับเขา “สนุกดีนะ โจเคยดูหรือยังน่ะ?”
   “เคยดูแล้วครับ” เขาตอบผม แล้วยิ้มนิดๆ “ผมชอบนะ”
   “อืม.. พี่ก็ชอบ” ผมว่า แล้วยิ้มตอบเขา สุภาพงษ์ยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด แหม... เขาหล่อกว่าพระเอกหนังรักเมื่อตะกี้เยอะอยู่แล้ว ยิ้มอีกยิ่งน่ามองขึ้นจมเลย
   ผมเผลอยิ้มตอบเขาอีก แถมคงมองเขาตาเยิ้มด้วยล่ะมั้ง สงสัยเพราะอารมณ์ภาพยนตร์มันพาไปแน่ๆ สุภาพงษ์ขยับเข้ามาใกล้ เขายิ้มกว้างจนตาหยี น่ารักจริงๆ ผมเห็นทั้งปลายจมูกโด่งๆ ขนตายาวสวยของเขา รวมถึงดวงตาสีดำสนิทที่จ้องตรงมาด้วยล่ะ อืม.. ผมว่ามันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้วนะ
   !!
   มันเกิดขึ้นชั่วเสี้ยววินาทีจริงๆ ผมรู้สึกหัวใจตัวเองเต้นดังตึก ตอนที่ริมฝีปากเขาแตะริมฝีปากผมเบาๆ แล้วก็เต้นถี่ขึ้นหลังจากนั้น ทั้งๆ ที่ช่วงเวลาการสัมผัสมันสั้นมากแท้ๆ
   สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ แก้มงี้แดงเห่อเชียว แต่ผมสิ ท่าทางแย่กว่า เพราะใจเต้นๆ ตึกๆ จนน่ากลัวเลยล่ะ สักพักก็ได้ยินเสียงเขาพูดขึ้น “พี่นิต... ชอบผมสักนิดนะ ผมอยากจีบพี่ อยากได้พี่เป็นแฟนน่ะ”
   โอ๊ย บ้าจริงๆ เลย! ดินก็ไม่มีให้ผมมุดแล้ว หมอนก็ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ที่อยู่ตรงหน้าผมมีแต่อกแน่นๆ ของเขาเท่านั้นแหละ ผมควรจะทำยังไงดี จะเป็นลมอีกก็คงไม่ไหวแล้ว เล่นมุกเดิมซ้ำๆ มันก็....
   !!!
   สุภาพงษ์ท่าทางจะตกใจ เพราะตัวเขาผงะไปหน่อยหนึ่ง ตอนที่ผมกระแทกศีรษะเข้าใส่หน้าอกเขา ก็ผมไม่รู้จะทำยังไงนี่นา เอาหน้าซุกอกเขาแล้ว ผมจึงแค่นเสียงออกมา “ห้ามเข้าใจผิดนะ พี่แค่เมื่อยคอเฉยๆ”
   ผู้ชายอกแน่นๆ ตรงหน้าผมชะงักไปพัก สุดท้ายก็ส่งเสียงออกมาเบาๆ “ครับ” จากนั้นก็ยกมือขึ้นมา โอบบ่าผมไว้เบาๆ
   ผมไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจอย่างที่ผมอยากให้เขาใจรึเปล่า แต่ผมไปต่อไม่เป็นแล้วจริงๆ ได้แต่ซบหน้านิ่งๆ กับอกเขาแบบนั้น แล้วหลับตาลง นึกถอนใจกับตัวเอง
   นี่ถ้าผมกับเขาอายุสักยี่สิบพอๆ กัน เจอกันในช่วงเวลาที่ผมยังละอ่อน ยังมีความฝันเพ้อๆ อยู่ ผมคงพอจะตอบรับคำขอของเขาได้หรอก.....
   แต่ว่า.... เรื่องบางเรื่องผมมีบทเรียนมาแล้ว......
   ผม...................
-----------------------------------------
   อกของสุภาพงษ์ทั้งกว้างทั้งใหญ่ แถมอุ่นดีจริงๆ ผมกะว่าจะซุกหน้าหนีอายสักครู่จะผละออก ดันเคลิ้ม ซุกเพลินจนรู้ตัวอีกทีก็นอนอิงเขาไปแล้ว สุภาพงษ์เองก็โอบผมไว้ซะแน่นหนา อย่างกับไม่อยากให้ผมลุกขึ้นเลย ที่จริงแล้ว ซุกอกเขาแบบนี้ผมก็รู้สึกดีอยู่ แต่ซุกไปนานๆ ต่อมอายของผมก็เริ่มกลับมาทำงานแล้วเหมือนกัน ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้เดี๋ยวเขาจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ ผมคงต้องรีบหาข้ออ้างผละออกแล้วล่ะ
   “โจ....”
   “ครับ?”
   “โจไม่ไปทำงานแบบนี้ แล้วต้นฉบับพี่ล่ะ?”
   สุภาพงษ์ชะงักไปหน่อยหนึ่ง ผมนึกในใจว่า ท่าทางเขาจะลืมซะละมั้ง ว่าต้นฉบับผมอยู่กับตัวเขาน่ะ หนังสือเหลืออีกสองวันจะปิดเล่มแล้ว เขาลืมแบบนี้ จะมาโทษผมว่าส่งเลทไม่ได้หรอกนะ
   ระหว่างที่ผมกำลังนึกติงความเลินเล่อของเขาอยู่ สุภาพงษ์ก็พูดออกมา “แฟกซ์ไปที่ออฟฟิศตั้งแต่วันที่พี่กลับบ้านแล้วล่ะครับ... อืม ผมว่าจะพูดเรื่องต้นฉบับกับพี่พอดี”
   ความจริงผมตั้งใจว่าจะเอาเรื่องต้นฉบับมาเป็นข้ออ้างให้เขาลุกก่อน แต่พอฟังมาถึงตรงนี้แล้ว กลายเป็นผมนี่แหละที่ต้องลุกก่อน
   “เรื่องอะไรล่ะ?” ผมว่า แล้วลุกพรวดขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจแขนเขาที่กอดอยู่ อืม... เกือบลืมไปเลยว่าเขาเป็นบรรณาธิการผม เป็นนายจ้างผม ถึงจะน่าชื่นชมที่เขารับผิดชอบงาน แต่ระหว่างเขากับผม มันก็คือความเป็นนายจ้างลูกจ้างนั่นแหละ ถ้าเขาเกิดไม่อยากจ้างผมต่อ หรือผมเกิดอยากเปลี่ยนสำนักพิมพ์ เรื่องของเรามันก็คงจบล่ะมั้ง
   เฮ่อ.....
   “พี่นิต?” เขาเรียกผม ผมผงกศีรษะหน่อยๆ แล้วกลับนั่งตรงโซฟา สูดหายใจอีกเฮือก แล้วหันไปมองหน้าเขา “ต้นฉบับพี่มีปัญหาใช่มั้ย?”
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ” สุภาพงษ์ตอบด้วยสีหน้าลำบากใจ ผมมองแล้วก็ถอนหายใจอีก “ไม่เป็นไรหรอก พูดมาเถอะ จะได้แก้ทัน ยังไงก็เหลือสัญญาอีกไม่กี่เดือนแล้วนี่”
ผู้ชายตรงหน้าผมเม้มปากหน่อยๆ “ผมจะคุยเรื่องสัญญานี่แหละครับ”
ผมตีหน้านิ่งฟังเขา เอาล่ะ มันคงถึงเวลาจะต้องคุยเรื่องนี้สักทีแล้ว ดีเหมือนกัน ผมก็เล็งๆ อยู่ว่าจะย้ายสำนักพิมพ์ เพราะพักนี้บรรณาธิการคนนี้ของผมชักทำอะไรล่วงละเมิดอาณาเขตส่วนตัวผมเยอะเกินไปแล้ว ทำเอาผมใจสั่นไปหมด ไม่แน่ว่าปล่อยไปเรื่อยๆ ผมคงได้เขียนนิยายเรื่องเขาเข้าสักวัน
สุภาพงษ์เงียบไปอีกพัก ก็พูดขึ้นต่อ “สัญญาเดิมพี่นิตเซ็นว่าจะเขียนเรื่องให้ผมหนึ่งปี หรือไม่ก็จบเรื่องก่อน แต่ว่านี่มันก็เก้าเดือนแล้ว ผมยังไม่เห็นวี่แววว่าจะจบสักเรื่อง ก็เลยว่าจะเซ็นสัญญาต่อ”
ผมพูดตอบเขาไป “ไม่เป็นไรหรอก อีกสามเดือนพี่จบทัน วางโครงไว้หมดแล้วล่ะ เหลือแต่เก็บรายละเอียด พี่อาจจะเขียนแถมให้หน่อย ไม่เป็นไรหรอก”
สุภาพงษ์มองผม ถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมอยากเซ็นต่อ จะได้รึเปล่าครับ”
“............” ผมอึ้งกับสีหน้าจริงจังที่เห็นประจำของเขาอยู่พัก แล้วพูดตอบไป “พี่ยังคิดเรื่องอื่นไม่ออกเลย พักไว้ก่อนแล้วกัน”
ผมคิดไม่ออกจริงๆ นะ เพราะเห็นหน้าเขานี่แหละ สุภาพงษ์มีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาหน่อยหนึ่ง “ไม่เป็นไรหรอกครับ เขียนเรื่องเดิมต่อก็ได้ ผมอยากให้พี่เขียนต่อ”
“แต่มันจะจบแล้วนะ”
เขาเงียบไปอีก ก่อนจะสูดหายใจลึกบ้าง “ไม่เป็นไรครับ เซ็นกับผมเถอะ พี่เขียนเรื่องอื่นต่อก็ได้”
ผมหัวเราะออกมา “นี่โจไม่กะจะให้พี่ไปเขียนให้ที่อื่นเลยหรือไง”
เขาพยักหน้าทันที แล้วตอบผมด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่สุด “ผมอยากให้พี่เขียนให้ผมคนเดียว”
   ผมมองเขาอึ้งๆ สุภาพงษ์ทำท่าเหมือนคิดขึ้นได้ว่าพูดอะไรไม่สมควรออกไป เลยรีบพูดต่อ “ขอโทษนะครับ คือ... ผมอยากเป็นคนแรกที่ได้อ่านงานพี่.. ผมอยากเป็นคนพิเศษของพี่บ้าง...”
   ให้ตายสิ นี่ขนาดคุยกันเรื่องงาน เขายังวกกลับมาเรื่องนี้ได้ ผมว่าเขาอาจจะไม่พูดมาก แต่พูดเก่งคงใช่เลยล่ะ ไม่งั้นคงไม่อัดผมจุกทุกครั้งแบบนี้หรอก
   “นะครับ.. พี่นิต..”
   ผมรีบโบกมือก่อนที่ตัวเองจะเผลอพยักหน้าออกไปง่ายๆ “ขอพี่คิดก่อนแล้วกัน ไว้เดี๋ยวใกล้ๆ พี่จะบอกอีกที”
   ดีแล้วล่ะที่ผมตอบแล้วไม่หันไปมองหน้าเขา เพราะแค่เหลือบดูก็ยังเห็นเลยว่าเขายิ้มอยู่ ยิ้มเยอะซะด้วยนะ กำลังหัดยิ้มอยู่ล่ะสิ
   สงสัยผมคงต้องรีบหัดทำหน้าตายบ้างแล้วล่ะ
-------------------------------------------------
   ในที่สุด หลังจากทานอาหารเย็น และใช้เวลาไปกับโทรทัศน์จนถึงสี่ทุ่ม ก็ได้เวลานอนสักที ไอ้ผมน่ะ ยังสนุกค้างกับรายการเกมโชว์ญี่ปุ่นที่เรียกเสียงหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งอยู่เลย พอปิดโทรทัศน์แล้วก็เลยเผลอคุยกับสุภาพงษ์ยาวมาจนถึงเตียงนอน กระทั่งหัวถึงหมอนแล้วยังคุยกันอยู่เลย ส่วนใหญ่เป็นผมพูดอยู่คนเดียวด้วยน่ะ เพราะสุภาพงษ์เอาแต่พยักหน้า แล้วยิ้มบ้างตอบบ้าง อืม... เขาพูดน้อย พูดไม่เก่ง แต่เก่งเรื่องพูดให้ผมจุกล่ะมั้งเนี่ย
   เอาล่ะ ผมยอมพูดคนเดียว ดีกว่าถูกเขาพูดหรือทำอะไรให้จุก เดี๋ยวผมจะชวนคุยจนเขาหลับเลย จะได้เป็นหลักประกันว่า คืนนี้ผมจะไม่ฝันแปลกๆ อีก
   สุภาพงษ์นอนแล้วก็ขยับเข้ามา เอาศีรษะมาเกยไว้ข้างๆ ไหล่ผม ทำแบบนี้แล้วดูเขาเหมือนเด็กๆ เลย แต่ผมก็ยังอุตส่าห์นึกห่วงว่าขาเขาจะพ้นขอบเตียงไปรึเปล่า เลยหันไปถาม “โจขยับขึ้นมาอีกก็ได้ ขาจะได้ไม่เลยเตียง”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ มันพอดีน่ะ” เขาตอบ ผมมองเขาแล้วก็อดพูดต่อไม่ได้อีก “โจนอนแบบนี้ เหมือนกับเด็กๆ เลย พี่ต้องเล่านิทานกล่อมด้วยมั้ยเนี่ย?”
   ผมน่ะแค่จะแซวเขาเล่น แต่เขาสิ พยักหน้า แล้วพูดกับผมด้วยสายตาจริงๆ จังๆ อีกแล้ว “ครับ พี่นิตเล่าเถอะ ผมอยากฟัง”
   ผมอึ้งไปหน่อยหนึ่ง เพราะนึกไม่ถึงว่าต้องมาเล่านิทานให้คนอายุสามสิบสี่ฟัง เขาซุกหน้าเข้ามาอีก แล้วยื่นมือมาจับมือผมไว้ “เล่าเรื่องพ่อกระแตต่อก็ได้ครับ ผมอ่านแล้วค้างอยู่เลย”
   ผมมองเขา สุดท้ายก็ตัดสินใจเล่าเรื่องพ่อกระแตที่คิดเอาไว้แล้วบ้างนิดหน่อยในหัวไป สุภาพงษ์ฟังแล้วก็พยักหน้าบ้าง ถามผมบ้าง ถามตรงจุดที่ผมคิดไม่ออกนั่นแหละ เล่าไปได้สักพัก ก็กลายเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดในการเขียนเรื่องไป สุดท้ายผมเลยได้รายละเอียดเรื่องเพิ่ม แล้วเลยเล่าต่อ เล่าไปจนเกือบเที่ยงคืนได้ล่ะมั้ง ผมรู้สึกว่าเขาเงียบไปนาน ก้มลงมองก็เห็นว่าเขาหลับไปเสียแล้ว เออ ในที่สุดเขาก็หลับไปจนได้
   ผมมองแพขนตายาวของเขา มองสันจมูกโด่งๆ นั้นอยู่พัก แล้วอดไม่ได้ ต้องขยับหน้าเข้าไปใกล้ แล้วจูบหน้าผากเขาเบาๆ ทีหนึ่ง
   เอาน่า ทีเขายังจูบผมตอนเผลอเลย ผมแค่จูบหน้าผากเขาคงไม่น่าเกลียดอะไรหรอก
---------------------------------------------------------
*** กรี๊ด เราว่า ในที่สุด ดอกรักในใจของพี่นิตก็พอจะเริ่มงอกบ้างแล้วล่ะมั้งงงง

นั่งเขียนเรื่องนี้ไป ฟังเพลง "อยากเรียกว่าแฟน"ของบี้ไป ยิ่งกว่าตอน In love กับแฟนอีก (อ้อ แน่นอน ฉันinกับนิยายมากกว่ามาแต่ไหนแต่ไร)

เขียนไปแล้วเขิน+สงสารโจอยู่คนเดียว โอ๊ยยย อาการหนักจริงๆ นะเนี่ย ฮ่าๆๆ

(ส่วนพี่นิต ต้องฟังเพลงหยุด ของบัวชมพูนะคะ จะตรงมากมาย ฮ่าๆ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P1:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 16-12-2011 21:44:32
ตอนแรกว่าจะสงสารพี่นิตที่โดนรอยยิ้มแล้วหัวใจทำงานหนัก แต่ตอนนี้อิจฉาพี่นิตแทนล่ะแอบจุ๊บเหม่งน้องโจได้ไง ^^ น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P1:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 16-12-2011 21:50:48
โอย พี่นิต ขนาดนี้แล้วยังจะปากแข็งอยู่เรอะ

และแล้วดอกไม้ก็ผลิบาน :L1:

ดีจังได้อ่านก่อนนอน มีความสุขละ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P1:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 16-12-2011 22:15:55
หวานนนนนมากกกกกพี่นิต โจลุยเต็มสูบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P1:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 16-12-2011 22:57:44
น้องโจค่ะ พี่นิตไม่เล่นด้วย
หันมา ซบ อก ป้านี่มา ป้าชอบ
ป้านอ่านแล้วป้าอยากลากน้องโจกลับบ้าน เอิกๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P1:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 16-12-2011 23:22:06
เพี๊ยงงงงงงงง สุภาพงษ์รู้สึกตัว!!  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P1:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 16-12-2011 23:32:48
ในที่สุดๆๆๆ

อ้ายยย

เขินพี่นิตอ่ะ

จุ้บแล้ววว

อยากให้ลุงเป็นรุกมั่งเรื่องที่แล้วลุงเป็นรับแล้ว จะได้สลับๆกัน อิอิ

รอผีเสื้ออยุ่นะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P1:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 16-12-2011 23:46:02
กรี๊ดดดด คุณพนิตเริ่มหลงโจหนักขึ้นแล้วว
มีจุ๊บก่อนนอนด้วย อ้ากกเขินน ก่อนหน้านี้โจก้ขโมยจูบคุณพนิตไปแล้วด้วย อ้ากกเขิน10เท่า
คือคู่นี้ทำอะไรนิดหน่อยเราก็กรี๊ดแล้ว คลั่งและลุ้นไปกับคู่นี้มากฮ่าๆ  :m3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P1:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 17-12-2011 00:55:09
อ้ากกกกกกกกกกก....เขิน :o8:
ยิ้มแก้มจะแตกแล้ว ...นะ น่ารักอ่ะโจ -////-

ประเด็นคือ...คืนนี้พี่นิตจะฝันอะไร? (ฮา)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P1:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 17-12-2011 02:15:59
คืนนี้หรือใกล้รุ่ง พี่นิตจะฝันอะไรแปลกๆเสียวๆอีกมั้ยหนอ ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P1:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 17-12-2011 03:00:50
อ่านตอนนี้แล้วแบบ แอบอุดปากกรี๊ดกร๊าดอยู่คนเดียว
มันน่ารักมากค่ะ โจก็นะ มันให้อารมณ์สาวน้อยมากเลยแต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่น่ะ
ชอบโจแบบนี้จังเลย  ทำเองเขินเอง
><

พี่นิตทำอะไรน่ะ เห็นนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P1:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 17-12-2011 14:36:29
*** กรี๊ด เราว่า ในที่สุด ดอกรักในใจของพี่นิตก็พอจะเริ่มงอกบ้างแล้วล่ะมั้งงงง

อิฉันว่ามันงอกนานจนผลิดอกจะเริ่มบานแล้วแหละค่ะ
แต่แกปลูกแอบๆไว้ที่สวนหลังบ้านในมุมลี้ลับนิดนึง ก็แกเขินไง มาเริ่มปลูกเอาปูนนี้
แล้วตอนนี้มันแอบไม่อยู่แล้วไง เพราะต้นรักได้เติบโตสูงพ้นรั้วออกมาแล้วให้เห็นแล้ว :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P1:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 17-12-2011 17:42:25
คุณโจรุกหนักแล้ว :laugh:
คุณนิตต้องเป็นลมบ่อยๆแน่เลย ต้องพกยาดมไว้นะ o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P1:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 17-12-2011 22:00:27
อร๊ายยยยยยยยยยยย    :-[   :-[

พี่นิตเริ่มกล้าขึ้นมานิดหนึ่งแล้วด้วยการจูบหน้าผากคุณ บ.ก. 

ไม่รู้ว่า บ.ก. แกล้งหลับหรือเปล่า ถ้าแกล้งหลับคงยิ้มถูกใจที่พี่นิตจูบหน้าผากราตรีสวัสดิ์แน่  คริคริ   :o8:   :o8:

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P1:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 18-12-2011 12:54:28
คืบหน้าไปอีกนิดเพราะพี่นิตรุกเอง :laugh:
ถ้าโจรู้?? คงปลื้มหน้าดู :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P1:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 19-12-2011 12:54:31
 :-[  ค่อยๆคืบจริงๆเลยนะคู่นี้
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P1:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 19-12-2011 13:33:30
แหมคุณพนิตช่างกล้าทำนะ (แอบหวานแบบซึนๆ นะเนี่ย)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P16:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: A_ay ที่ 19-12-2011 20:18:09
ยิ้มแก้มตุ่ยตลอดเลย

รู้สึกตื่นเต้นแบบพี่นิตทุกครั้งเล้ยยย


อ๊ายย
เขินนน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P16:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 19-12-2011 21:58:20
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เขิลลลลลล  ><'
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P16:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 20-12-2011 14:56:37
 :-[  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P16:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: zomtum ที่ 20-12-2011 18:48:45
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P16:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 21-12-2011 00:24:43
คุณนิตขนาดสี่สิบกว่าต่อมเขินก็ยังทำงานได้ดีจังนะ :impress2:
และอาจจะดีมากเกินไปด้วยซ้ำ :o8:
ระวังหัวใจวายนะ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P16:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: aoommy ที่ 22-12-2011 00:48:14
เป็นเรื่องที่น่ารักที่สุดที่เคยได้อ่านเลยค่ะ มันละมุนละไมเหลือเกิน o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P16:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 23-12-2011 19:12:08
Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่13
   ผมนอนหลับสนิท รู้สึกว่าจะไม่ฝันอะไรเลยด้วยซ้ำ สุภาพงษ์เปิดหน้าต่างเอาไว้ ลมเลยโกรกเข้ามา เพราะห้องของเขาอยู่สูง ผมที่นอนเบียดอยู่บนที่นอนเขาเลยพอจะนอนหลับสบาย เนื่องด้วยมีทั้งพัดลมและแอร์ธรรมชาติคอยช่วย ท้ายที่สุดก็ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนตะวันจับขอบฟ้าพอดี
   กะพริบตาเพื่อให้ชินกับแสงสว่างได้สักพัก ผมถึงได้เห็นว่าสุภาพงษ์นอนอยู่ข้างๆ และกำลังมองผมอยู่ ดวงตาสีดำสนิทสะท้อนประกายเชื่อมแสงอรุณตอนเช้า ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากเข้าไปอีก อืม... โชคดีจริงๆ ที่ผมได้เห็นของเจริญหูเจริญตาเป็นอย่างแรกในการรับวันใหม่
   ผมเผลอจ้องเขาเพราะยังไม่หายง่วงดีอยู่ได้ไม่นาน สุภาพงษ์ก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบเบาๆ “อรุณสวัสดิ์นะครับพี่นิต”
   “อืม....” ผมส่งเสียงในคอ กำลังจะบอกเขาว่า ขอบคุณที่ไม่ทำอะไรให้ผมฝันแปลกๆ แต่ยังไม่ทันจะได้พูด สุภาพงษ์ก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้อีก จนผมรู้สึกว่าริมฝีปากของเราแตะกัน
   !!!
   ผู้ชายหน้าตาหล่อกว่าพระเอกละครหลังข่าวบางช่องขบริมฝีปากบน แก้มแดงนิดๆ ขณะใช้ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองผม ผมน่ะเพิ่งตื่น ยังไม่ทันหายงัวเงียก็โดนเขาเล่นงานแบบนี้ ผมควรจะทำอย่างไรดี แต่ที่แน่ๆ หัวใจผมมันเต้นแรงอีกแล้ว นี่เขาจะบริหารหัวใจผมตั้งแต่เช้าเลยหรือไง
   พอเห็นผมไม่หือไม่อือ สุภาพงษ์ก็ขยับหน้าเข้ามาอีก คราวนี้ชัดเลยว่าเขาตั้งใจจะจูบผมแน่นอน เพราะเขาเบียดริมฝีปากเข้ามาชิดกว่าเดิม นานกว่าเดิม แถมดูดปากผมนิดๆ ด้วย ผมกลัวหัวใจจะวายตาย เลยรีบผลักเขาออก สุภาพงษ์เองท่าทางจะตกใจอยู่เหมือนกัน ที่จู่ๆ ก็ถูกผลักแบบนั้น พอเห็นหน้าตื่นๆ ของเขาแล้ว ผมอดสงสารไม่ได้ เลยรีบพูดออกไป “ไม่รีบไปอาบน้ำ เดี๋ยวจะไปทำงานสายนะ”
   สุภาพงษ์มองหน้าผมอยู่พัก แล้วเม้มริมฝีปากนิดๆ “ครับ งั้นผมไปอาบน้ำนะ”
   ผมรีบพยักหน้า แต่เขายังอุตส่าห์คว้ามือของผมไปบีบเล่นอยู่ครั้งสองครั้ง ถึงได้ยอมลุกไปอาบน้ำ นี่เขาไม่รู้เลยหรือไง ว่าเกือบทำผมหน้ามืดอีกแล้ว
   หัวใจผมเต้นตุบๆ จนแทบจะกระดอนออกมา พอได้ยินเสียงเขาปิดประตูห้อง ผมก็รีบเอาหน้าซุกกับหมอนบนเตียงทันที
   โอ๊ย ไม่ไหวแล้วผม แบบนี้มัน........
   หน้าผมร้อนวาบไปหมด ร้อนไปจนถึงหู ลามมาจนถึงคอด้วย ร้อนไปทั้งตัวเลย บ้าจริงเชียว ผมโดนเขาจูบจนได้
   เกิดมาสี่สิบห้าปี ผมไม่เคยจูบกับใครเลย ผมไม่เคยรู้หรอกว่ารสจูบเป็นยังไง มีคนบอกว่าหวาน แต่ผมรู้ว่านั่นเป็นเพียงภาษากวีที่ใช้บรรยายความรู้สึกเท่านั้น... ส่วนความรู้สึกผมตอนนี้.........
   ผมถูกเขาจูบไปสามครั้งแล้ว... นี่ผมต้องนับเรื่องที่ถูกดุนปากในฝันคืนนั้นด้วยรึเปล่า
   โอ๊ย!! ไม่ไหวนะ ถูกจูบไปตั้งหลายครั้ง ผมแทบจะไม่ทันได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
   ผม.........
   “พี่นิต เป็นอะไรหรือครับ?”
   ผมสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงทักทุ้มๆ แต่ไม่กล้าเอาหน้าออกจากหมอน รู้อยู่หรอกว่าต้องทำท่าน่าเกลียดแน่ๆ แต่ว่า ผมยังเอาหน้าออกไปตอนนี้ไม่ได้หรอก ไม่งั้นผมไม่มีหน้าเหลือแน่นอน
   “ไม่สบายหรือครับ?”
   ผมได้ยินเสียงสุภาพงษ์ถาม รู้สึกด้วยว่าเขาขึ้นมาบนเตียง โอ๊ย ไม่นะ ไม่ต้องมาสนใจผมหรอก ขอผมซุกหน้าอยู่แบบนี้สักพัก เดี๋ยวมันก็หายเองแหละ
   “พี่นิต เป็นอะไรน่ะครับ”
   เสียงของเขาใกล้หูผมน่าดู แถมมือเขายังมาจับที่ไหล่ผมอีก ผมเลยกลั้นใจ หน้าผมเป็นไงไม่รู้หรอก แต่ขืนยังซุกหมอนต่อไป ผมอาจจะหมดทางหนีจริงๆ ก็ได้ ผมตัดสินใจเงยหน้าขึ้นจากหมอน กะว่าจะรีบลุก แล้วพุ่งเข้าห้องน้ำไปเลย แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็สบตาเขาเข้าอย่างจัง
   โอ๊ย แย่แล้ว!!
   สุภาพงษ์มองผมด้วยสายตาตื่นๆ นิดๆ คงเห็นแล้วล่ะสิกว่าหน้าผมไม่ปกติ นี่ถ้าผมมีผดผื่นขึ้นเต็มหน้า คงจะหาข้อแก้ตัวได้หรอก แต่ผดคงไม่ขึ้นตอนนี้ ที่เขาเห็นคงเป็นสีแดงจากสารพัดเส้นเลือดฝอยที่สูบฉีดอยู่บนหน้าผมล่ะมั้ง
   “พี่นิต!” เขาเรียกชื่อผม จะทักอะไรผมอีกล่ะเนี่ย ผมล่ะอยากจะวิ่งหนีเข้าห้องน้ำจริงๆ ติดแต่ไหล่โดนมือเขาจับเอาไว้นี่แหละ
   จะจับตัวกันไปถึงไหนกันนะนี่
   ผมเพ่งสายตาสำรวจเขาอีกรอบ กะว่าจะหาเรื่องไล่เขาออกไปก่อน แต่พอเห็นตัวเขาเท่านั้นแหละ ผมรู้เลยว่าความดันมันยิ่งพุ่งกว่าเดิม เพราะเขาดัน..... ไม่ใส่เสื้อน่ะสิ... ก็รู้อยู่หรอกว่าเพิ่งอาบน้ำ แต่ใส่เสื้อผ้าออกมาให้มันเรียบร้อยก่อนไม่ได้หรือไง ทั้งกล้ามอก ทั้งแผงไหล่แน่นๆ ก็เลยโชว์หราต่อหน้าผม ผมควรจะดีใจดีไหมเนี่ย หุ่นเขาก็ดี ผิวเขาก็ขาว หน้าเขาก็หล่อ มานั่งเปลือยอกให้ผมมองแบบนี้...
   !!
   จู่ๆ สุภาพงษ์ก็ทำหน้าตกใจกว่าเดิม ก่อนจะพรวดพราดเข้ามาจับหน้าผมเอาไว้ ผมงี้ยิ่งใจเต้นหนักเข้าไปอีก จนได้ยินเขาพูดเสียงร้อนใจ “เงยหน้าไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปหาน้ำแข็งให้นะ”
   “?!” ผมงงกับประโยคคำพูดของเขา เลยถามออกไป “เอาน้ำแข็งมาทำไมน่ะ?”
   “พี่นิตเลือดกำเดาไหลน่ะครับ เดี๋ยวผมหยิบน้ำแข็งให้ เงยหน้าเอาไว้นะ”
   หา!!! ผมเนี่ยนะ เลือดกำเดาไหล!!!!???
   พอสุภาพงษ์ลุกไปแล้ว ผมถึงมีแก่ใจยกมือมาจับจมูก แล้วก็เห็นจริงๆ นั่นล่ะว่ามีเลือดอกมา ทุเรศจริงๆ นี่ผมตื่นเต้นเพราะเขาจนเลือดกำเดาไหลเลยหรือนี่ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ทำตัวอย่างกับตาเฒ่าจอมหื่นมองสาวๆ แล้วความดันขึ้นจนเลือดกำเดาพุ่งงั้นล่ะ
   ผมรู้สึกรับตัวเองไม่ได้จริงๆ วันหน้าวันหลัง ผมจะไม่ยอมมาค้างห้องสองต่อสองกับเขาอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นร่างกายผมมีหวังได้ผิดปกติไปจริงๆ แน่ แค่ได้เจอหน้าหล่อๆ หุ่นสวยๆ แล้วก็ถูกเขาจูบกับหอมแก้ม
   ก็แค่จูบ... กับหอมแก้ม... เท่านั้นเอง......
   แต่นี่มันจูบแรกของผมเลยนะ!!!!!
   โชคดีที่สุภาพงษ์เอาน้ำแข็งมาเบนความสนใจก่อนที่ผมจะจินตนาการอะไรไปมากกว่านั้น เขาห่อน้ำแข็งใส่ในผ้าเช็ดหน้า แล้วโปะเอาไว้ตรงดั้งจมูกผม แล้วเอากระดาษทิชชู่มาซับเลือดที่เปรอะตรงจมูก ตอนนี้ผมรู้สึกถึงกลิ่นเลือดที่กำลังไหลลงคอ โอย... ผมเคยเลือดกำเดาไหลตอนเด็กๆ ไม่นึกเลยว่าจะมาไหลอีกทีตอนแก่กลางคนเข้าไปแล้ว แถมสาเหตุก็.......... รู้ถึงไหนอายถึงนั่นแน่ๆ
   พอเหลือบไปเห็นว่าต้นแขนเขายังขาวจั๊วะไม่มีอะไรบัง ผมเลยรีบพูดทั้งๆ ที่ยังเงยหน้าและมีน้ำแข็งโปะอยู่แบบนั้น “โจไปใส่เสื้อผ้าก่อนเถอะ พี่จัดการตัวเองได้”
   สุภาพงษ์ดูรีๆ รอๆ อยู่พัก นี่เขาคิดจะนั่งโชว์หุ่นให้ผมดูหรือไงนะ ขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากพูดรอบสอง เขาก็ลุกออกไป เฮ่อ... เกือบไปแล้วผม ดีนะที่เงยหน้าอยู่ ขืนเห็นเต็มตาอีกรอบ สงสัยผมต้องเอาผ้าห่มมาซับเลือดกำเดาแน่ๆ เลย
   โอ๊ย น่าเกลียดจริงๆ!!
   “เป็นไงบ้างครับ” สุภาพงษ์เดินกลับเข้ามา หลังจากไปใส่เสื้อผ้าแล้ว พอเห็นแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวลายทางสีฟ้าเส้นเล็กๆ ที่แขนของเขา ผมเลยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาอีกหลายเปราะ พูดตอบเขาไป “ดีขึ้นแล้วล่ะ เลือดน่าจะหยุดไหลแล้ว”
   “งั้นเช็ดหน้าหน่อยนะครับ” เขาพูด แล้วหยิบทิชชู่มาซับหน้าผมอีก ผมเลยก้มหน้าลงมา ตั้งใจจะหยิบทิชชู่มาเช็ดเอง แต่ดันหยิบมือเขามาด้วยน่ะสิ
   พอมองตรงไปเห็นเจ้าของมือทำหน้าวิตกจริตอย่างเห็นได้ชัด ผมก็อดจะพูดปลอบไม่ได้ “พี่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำแล้วกัน โจจะได้รีบไปทำงาน”
   สุภาพงษ์ทำหน้าลำบากใจ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “พี่นิตไม่เป็นไรแน่นะครับ ผมเข้าไปเป็นเพื่อนมั้ย?”
   พอเห็นผมทำหน้าเหวอ ผู้ชายรูปหล่อตรงหน้าเลยรีบพูดต่อ “คือเผื่อว่าพี่นิตจะเป็นลมหรืออะไรจะได้ช่วยทัน... งั้น... พี่นิตไม่ต้องล็อกประตูห้องน้ำนะครับ”
   “อืม..” ผมส่งเสียงตอบไป พยายามจะไม่คิดว่าเขาอยากดูผมอาบน้ำรึเปล่า ผมมันอายุตั้งปูนนี้แล้ว เขาคงถามเพราะความเป็นห่วงมากกว่า นึกไปก็น่าเกลียดจริงๆ ทำตัวแย่ซะจนเขากลัวว่าจะเป็นอะไรไปในห้องน้ำ ผมนี่ไม่ไหวเลย เฮ่อ.... ไปตรวจสุขภาพอีกรอบดีกว่ามั้ง
   ผมลุกจากเตียง หยิบเสื้อที่แขวนไว้แล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำ โดยมีสุภาพงษ์คอยเดินใกล้ๆ อย่างกับกลัวว่าผมจะเสียหลักหน้าทิ่มระหว่างทางไปห้องน้ำที่ระยะทางไม่น่าจะเกินสี่เมตร อืม... นี่ถ้าผมเป็นเด็กๆ ฟันธงได้เลยว่าเขาคงอุ้มผมไปอาบน้ำแล้วล่ะ
   แต่ผมไม่ใช่เด็ก แถมแก่กว่าเขาเป็นสิบปี เพราะงั้นผมไม่ต้องพึ่งเขาในการอาบน้ำหรอก ผมเดินเข้าห้องน้ำ โดยเปิดประตูแง้มๆ เอาไว้ รักษาน้ำใจเขาหน่อยน่ะ เขาอุตส่าห์เป็นห่วงแล้ว เปิดแง้มๆ ไว้ เขาคงไม่แอบดูหรอก
   พอเข้ามาในห้องน้ำแล้ว ผมถึงเพิ่งเห็นสภาพตัวเองในกระจก โห... ท่าทางเลือดจะออกเยอะอยู่นะ เพราะยังมีคราบติดอยู่ตรงร่องจมูก คิดแล้วมันน่าขายหน้าจริงๆ ผมรีบเปิดก๊อก วักน้ำล้างหน้าก่อน แล้วค่อยหยิบแปรงมาแปรงฟัน พอบ้วนน้ำก็เห็นคราบเลือดหลุดออกมาด้วย ผมควรต้องไปตรวจสุขภาพแล้วล่ะ ไว้ค่อยจองคิวไว้ล่วงหน้าดีกว่า ขี้เกียจไปนั่งรอที่โรงพยาบาล
   ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว ผมก็ถอดเสื้อผ้าออก ตรงไปอาบน้ำ ล้างตัวล้างหัว เผื่อว่าจะล้างอายได้บ้าง แต่คงยากหรอก ผมเลยบอกตัวเองให้ทำเป็นลืมๆ อาบน้ำฟอกสบู่เรียบร้อย ผมก็หยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดแล้วสวมเสื้อผ้าชุดเดิมกับวันที่มา ก่อนจะตีหน้านิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ
   อย่างที่คิด สุภาพงษ์ยืนเฝ้าผมอยู่หน้าห้องน้ำ พอเห็นผมเดินออกมา เขาก็กะพริบตาปริบๆ “พี่นิต...”
   “หืม?”
   “ขอโทษนะ” เขาว่า พลางเดินเข้ามาใกล้ แล้วยกแขนเสื้อข้างหนึ่งเช็ดแถวใบหูผม ผมเงยมองหน้าเขาอึ้งๆ แล้วก็ได้ยินเสียงเขาพูดออกมา “มีฟองติดอยู่น่ะครับ”
   “อะ.. อ้อ ขอบใจนะ” ผมว่า รู้สึกอายขึ้นมาทันที ผมยิ่งเป็นพวกไม่ค่อยชอบสำรวจตัวเองในกระจกหลังอาบน้ำอย่างละเอียดซะด้วยสิ พอไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรแก้เขิน ผมเลยหันไปจับปกคอเสื้อเขาขยับบ้าง
   “เรียบร้อย” ผมว่า หลังจากแก้เขินด้วยการจับปกเสื้อเชิ้ตเขาขยับไปขยับมาเรียบร้อยแล้ว สุภาพงษ์มองผมแล้วเม้มปากนิดๆ จากนั้นก็ยื่นมือมาจับมือผมเอาไว้ “ขอบคุณนะครับ”
   ผมเกือบจะพยักหน้าอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าเขายกมือผมขึ้น แล้วเอาไปแนบที่ปากเขาเบาๆ.... เอ่อ.... เขาไม่กลัวผมเลือดกำเดาทะลักอีกหรือไง หรือว่าเขาไม่รู้? นี่ผมควรจะบอกให้เขารู้สาเหตุรึเปล่านะเนี่ย??
   แต่ผมไม่กล้าพูดหรอก ให้ตายผมก็ไม่พูดเด็ดขาด เพราะงั้น ผมเลยต้องรีบหาอย่างอื่นมาเบนประเด็นตัวเองแทน
   “โจจะทานข้าวเช้ารึเปล่า?”
   “พี่นิตจะทำให้หรือครับ” เขาถามกลับมาเร็วทันใจ ผมกะพริบตาปริบๆ แล้วถามเขากลับ “กี่โมงแล้วล่ะ”
   “เจ็ดโมงสิบนาทีครับ” สุภาพงษ์ตอบ หลังจากยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ผมอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่พัก ก็ถามเขาต่อ “โจเข้างานกี่โมงน่ะ”
   “เก้าโมงครับ ถ้าพี่นิตจะทำข้าวเช้า น่าจะทันนะครับ”
   แน่ะ.... รีบพูดเชียวนะ ไม่อยากเข้าข้างตัวเองนักหรอกว่าเขาติดใจกับข้าวฝีมือผม หรือว่าอยากอยู่กับผมนานๆ กันแน่ แต่สรุปแล้วว่าอันไหนมันก็ทำผมใจเต้นแรงทั้งนั้นแหละ ผมเลยรีบดึงมือออก แล้วเดินปลีกออกมา “งั้นโจลงไปซื้อขนมปังมาก็แล้วกัน พี่ว่าหุงข้าวไม่ทันหรอก เดี๋ยวพี่จะผัดไส้แซนวิชรอไว้ จะได้ไม่เสียเวลา”
   “ครับ พี่นิตจะซื้ออะไรเพิ่มนอกจากขนมปังรึเปล่าครับ?” สุภาพงษ์ถามอีก ผมรู้สึกล่ะว่าเขาเดินตามหลังผมมา นี่ผมพูดกับเขาโดยไม่หันกลับไปมองเลยนะ ก็นึกอยู่หรอกว่าอาจจะเสียมารยาท แต่กลัวหันไปมองแล้วใจมันจะเต้นแรงกว่าเดิมน่ะสิ
   ผมเดินมาเปิดตู้เย็น มองๆ ของแล้วก็หันกลับไปพูดกับเขา “ไม่ต้องหรอก แค่นี้พอแล้วล่ะ”
   “ครับ” สุภาพงษ์พูด แล้วก็ยิ้ม คราวนี้เขาไม่ยิ้มนิดๆ ที่มุมปากแล้ว แต่ก็ไม่ได้ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวจั๊วะ เขายิ้ม ยิ้มพอประมาณ แบบว่ายิ้มประมาณนายแบบ แน่ะ.. แอบมีลักยิ้มด้วยนะ ผมเพิ่งสังเกต โอย... ผมว่าเขาหล่อเกินเหตุแล้วล่ะ รีบๆ ลงไปซื้อขนมปังได้แล้วมั้งเนี่ย อย่ามายิ้มเขย่าหัวใจผมอยู่แบบนี้เลย
   โชคดีที่ไม่ต้องรอให้ผมเอ่ยปากไล่ หรือว่าเป็นลมเป็นแล้ง หรือว่าเลือดกำเดาพุ่งกลางคัน สุภาพงษ์ยิ้มแล้วก็หันตัว เดินออกจากห้องไป ผมเลยกลับมามีสมาธิกับการคิดไส้แซนวิชของผมต่อ
   ให้ตายสิ ผมว่าสุขภาพผมอาจจะไม่ได้มีปัญหา แต่อาจจะมีปัญหาเวลาเจอเขาก็ได้
   ผมรื้อตู้เย็นของสุภาพงษ์ แล้วก็เลยไปดูพวกของกระป๋องในตู้แขวนบนเตา สุดท้ายก็ได้ถั่วลันเตากระป๋องมาผัดกับแฮม แค่นี้ก็คงพอทำไส้แซนวิชตอนเช้าสำหรับสองคนล่ะ

   ตอนผมกำลังเทไส้แซนวิชที่ผัดเสร็จแล้วลงในจาน สุภาพงษ์ก็เปิดประตูเข้ามาพอดี มือเขาหิ้วถุงใส่ขนมปังมาถุงหนึ่ง ส่วนหน้าก็.... ไม่ได้มีเหงื่ออะไรหรอก แต่มุมตอนที่เขาเปิดประตูเข้ามา... เอิ่ม... มันดูดีจริงๆ นี่ถ้าผมเป็นนักวาดภาพ ผมต้องวาดภาพนี้ของเขาเก็บไว้แน่
   สุภาพงษ์ซื้อขนมปังมาแล้ว ก็รีบเดินมาช่วยผมเทไส้แซนวิช อันที่จริงมันก็ไม่ได้เยอะแยะอะไร ทำไมต้องทำท่าเหมือนกับว่าผมกำลังเทของหนักด้วยนะ โอบซะอย่างกับจะเทผมลงไปด้วยงั้นแหละ ผมกลัวโดนเขาเทลงจานไปพร้อมกับไส้แซนวิช เลยรีบพูดขึ้นทันที “โจแกะขนมปังออกมาสิ จะได้ใส่ไส้”
   สุภาพงษ์ขยับไปแกะขนมปังอย่างว่าง่าย จากนั้นเราสองคนก็ช่วยกันเอาไส้ที่ผัดแล้วแปะลงบนขนมปัง ผมใช้คำว่าแปะ ไม่ผิดหรอก เพราะมันจะทาก็ทาไม่ได้ จะราดก็ราดไม่ได้ ต้องแปะๆ ลงไป แล้วเอาขนมปังอีกแผ่นปิดทับอีกที ทำไปได้สี่คู่ ไส้ก็หมด สุภาพงษ์เลยชวนผมไปนั่งทานหน้าโทรทัศน์ พวกเราทานแซนวิชไป ดูข่าวภาคเช้าไป เสร็จแล้วสุภาพงษ์ก็อุตส่าห์เก็บกระทะที่ผมใช้ไปล้างอีก กว่าจะออกมาจากห้องก็เก้าโมงพอดี
   “โจไปทำงานเถอะ เดี๋ยวพี่นั่งรถเมล์กลับ” ผมพูด เมื่อเห็นเขาทำท่าจะขับรถไปส่งผมอีก สุภาพงษ์อึ้งไปสักพัก ก็พูดออกมา “ครับ พี่นิต... นั่งรถกลับดีๆ นะครับ”
   ผมพยักหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้เดินต่อ มือเขาก็ยื่นมาจับมือผมไว้ จากนั้นก็ยัดอะไรบางอย่างลงมา ผมเงยหน้ามองเขา
   “กุญแจห้องผม พี่นิตเก็บไว้นะ” สุภาพงษ์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง ผมเลยเผลอกำกุญแจเอาไว้แน่นเลย จนได้ยินเสียงเขาพูดต่อ “ผมไปนะครับ พี่นิต ไว้เจอกันนะ”
   “อืม..” ผมส่งเสียงในคออย่างงงๆ ไม่หาย แล้วเดินออกมาพร้อมกับกุญแจห้องของสุภาพงษ์
-----------------------------------------------------------
   ผมกลับมาถึงบ้านสักเกือบๆ เที่ยงแล้ว กลับมายังเห็นต้นกล้วยไม้หน้าบ้านเขียวดีไม่มีเหี่ยว เลยเดินไปบอกขอบคุณคนข้างบ้านหน่อย ค่าที่มาช่วยดูแลต้นไม้ระหว่างที่ผมไม่กลับบ้าน แล้วถึงได้เปิดประตูบ้านเข้าไปสักที แต่ยังไม่ทันที่ผมจะรื้อเสื้อผ้าไปซัก เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น
   “พนิตอยู่มั้ย?”
   “ครับ ใครครับ” ผมกรอกเสียงลงไป ได้ยินเสียงปลายสายตอบกลับมา “อื้อ เราสมพงษ์เองนะ วันอาทิตย์นี้พนิตว่างมั้ย วิศิษฐ์มันจัดงานเลี้ยงรุ่นน่ะ ที่โรงแรมA ตอนทุ่มหนึ่ง พนิตสนใจจะไปรึเปล่า?”
    ผมตาโตพอได้ยินว่าเป็นงานเลี้ยงรุ่น “ใครไปบ้างน่ะ”
   “หลายคนอยู่ วิชัยก็จะไปด้วย นายเพิ่งเจอมันไปวันก่อนใช่ไหมล่ะ”
   “อือ” ผมกรอกเสียงกลับไป ได้ยินสมพงษ์พูดต่อ “กลุ่มนายสมัยเรียนก็มาหลายคนนะ พวกประกิต ภุชงค์ก็ไป นายจะไปรึเปล่าล่ะ”
   “อืม.. ไปสิ” ผมว่า พลางนึกถึงหน้าเพื่อนเก่า ที่บางคนก็ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว “โรงแรมA ก็ไม่ไกลเท่าไหร่ ห้องอะไรน่ะ”
   สมพงษ์บอกชื่อห้องผม แล้วกำชับอีก “มาให้ได้นะพนิต นานๆ เจอกันที”
   “อือ” ผมส่งเสียงกลับไป เราคุยนั่นคุยนี่กันอยู่สักพัก ก็วางโทรศัพท์ ผมเลยเดินไปอาบน้ำต่อ เพราะใส่เสื้อตัวเดิมกลับมา อาบน้ำแล้วก็เอาเสื้อผ้าใส่ถังซัก กวาดบ้าน ถูบ้าน กว่าจะเสร็จก็เที่ยงกว่าพอดี กับข้าวไม่ได้ทำ เลยปั่นจักรยานฝ่าแดดร้อนไปทานอาหารเที่ยงตรงร้านตามสั่งใกล้ๆ แทน
   ทานข้าวเสร็จผมก็ยืนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้กับพี่ที่ร้านขายข้าว เกือบๆ บ่ายสอง ถึงได้ปั่นจักรยานกลับมาที่บ้าน ตั้งใจว่าวันนี้จะเขียนต้นฉบับพ่อกระแตต่อให้จบอีกสักหน้า แต่ว่าเพราะเพิ่งฝ่าแดดร้อนมา แถมข้าวที่ทานเข้าไปก็ยังตุงๆ ท้อง เลยว่าจะนั่งพักสักหน่อย ไปๆ มาๆ เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นอีกทีตอนได้ยินเสียงเรียกที่หน้าบ้านนั่นแหละ
   “ลุงนิต ลุงนิตอยู่มั้ยครับ?”
   ผมกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเดินไปชะโงกที่ประตูบ้าน พอเห็นว่าเป็นเด็กที่มาเล่นที่บ้านบ่อยๆ ก็เลยออกไปเปิดรั้วให้ เจ้าเด็กน้อยสี่ห้าคน หญิงบ้างชายบ้างยกมือไหว้กันใหญ่ แล้วก็ถามตามประสา “ลุงไปเที่ยวมาเหรอครับ ไม่เห็นอยู่บ้านตั้งหลายวัน”
   “อืม ไปบ้านเพื่อนมาน่ะ” ผมตอบพวกเด็กๆ ไป แล้วก็โดนถามต่อประสาเด็กอยากรู้อยากเห็น “ที่ไหนครับ ต่างจังหวัดหรือ แล้วสนุกมั้ย ผมอยากไปเที่ยวบ้าง”
   “ไปคุยธุระกันน่ะ ไม่สนุกหรอก” ผมตอบเขา เจ้าเด็กน้อยรีบพยักหน้า “อือ ธุระของผู้ใหญ่มีแต่เรื่องเครียดๆ นี่”
   ผมได้แต่หัวเราะ แล้วพวกเด็กๆ ก็ขอผมเข้าไปเล่นตรงสวนในบ้าน ผมเลยเดินไปดูนาฬิกา ถึงเพิ่งรู้ว่าบ่ายสี่โมงกว่าเข้าไปแล้ว พวกเด็กๆ เล่นกันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวแบบนี้ผมเขียนต้นฉบับไม่ได้แน่ ก็เลยไปหยิบกรรไกรตัดกิ่งมาเล็มกิ่งไม้แทน เล็มๆ ไปได้สักพัก ก็นึกว่าน่าจะเอากิ่งต้นไม้ที่ตัดมาปักชำเอาไว้ เผื่อไปฝากขายที่ร้านตรงหน้าซอยได้ ก็ขายคนแถวนี้นี่แหละ มีทั้งกิ่งโมก กิ่งเฟื่องฟ้า ขายกันถูกๆ เอาไปปลูกเล่นๆ เก็บเงินเอาไว้จ่ายค่าน้ำค่าไฟก็พอได้อยู่
   พอคิดได้แบบนั้นแล้ว ผมเลยเดินไปหยิบถุงดำกับจอบมา ขุดดินแถวโคนต้นไผ่มุมสวนมาได้กองหนึ่ง เอามานั่งกรอกใส่ถุง แล้วเอากิ่งไม้ที่ตัดมาเล็มๆ ตัดจนขนาดพอสมควร แล้วปักเอาไว้ ผมขายเล่นๆ ไม่ใช้ปุ๋ย ไม่ใช้ยาหรอก แช่กิ่งก็ยังไม่แช่เลย ปักๆ ไปแบบนี้ รดน้ำทุกวัน เดี๋ยวมันก็แตกตาเขียวออกมาเอง ขายไม่ได้ก็แจก ไม่ก็ปลูกมันต่อที่บ้านนี่แหละ พอตกกลางคืนก็หอมฟุ้งไปหมด ทั้งกลิ่นดอกแก้ว ดอกโมก ลืมไป ยังมีกระดังงาลนไฟกับมะลิวัลย์อีก แต่พวกนั้นเป็นไม้เถา ผมเลยขี้เกียจเพาะ เพราะไม่อยากเสียเวลาทำร้านให้มันไต่ แค่ที่มีอยู่ก็แทบจะคลุมต้นมะไฟผมตายอยู่แล้ว
   ผมนั่งเอากิ่งไม้ลงถุงเพาะอยู่ได้สักพัก เจ้าพวกเด็กๆ ก็วิ่งมาถามกันใหญ่ สงสัยจะเบื่อเล่นไล่จับแล้ว ผมเลยสอนให้พวกเขาปลูกต้นไม้ซะเลย จากนั้นก็ให้ลองตักน้ำมารดเอง สุดท้ายผมเลยได้พวกเด็กๆ ช่วยกันหิ้วถังน้ำใบเล็กๆ ไปรดน้ำต้นไม้ในสวนให้ รดบ้างเล่นบ้างว่ากันไป ผมก็ดูแลไม่ให้เลอะเทอะมาก จนสักหกโมง ผมเลยให้พวกเด็กๆ กลับ เพราะค่ำแล้วยุงมาก เดี๋ยวจะไม่สบายกัน
   ตอนที่เดินมาส่งพวกเด็กๆ ตรงรั้วบ้าน ผมเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ที่เห็นรถยนต์สีขาวจอดอยู่ ส่วนเจ้าของ ยืนชะเง้ออยู่ตรงประตูรั้วพอดี พอเห็นผม เขาก็ยิ้มออกมา
   อืม.... ผมเพิ่งเห็นคนที่หล่อจนน่าโมโหก็เขานี่แหละ…………. ไม่ได้โมโหตัวเขาหรอก แต่โมโหที่เขาหล่อจนผมมองตาค้างทุกที
   “ลุงนิต เพื่อนเหรอครับ” เจ้าพวกเด็กๆ หันมาถามผม ผมพยักหน้า “อืม เพื่อนน่ะ”
   “มาคุยธุระเหรอ มาเย็นจังเลย หรือว่าจะมาพาลุงนิตไปทานข้าว”
   ผมยังไม่ทันได้ตอบ เจ้าเด็กอีกคนก็พูดขึ้นมา “อ๋อ พี่คนนี้ ที่มาวันก่อนใช่มั้ยลุง หล่ออย่างกับดาราหนังแน่ะ”
   ผมล่ะอยากจะเอ็ดให้เด็กมันเงียบจริงๆ ติดแต่เดินมาใกล้จนสุภาพงษ์เอ่ยปากทักขึ้นก่อน “สวัสดีครับพี่นิต”
   ผมยกมือรับไหว้เขา จากนั้นก็แนะนำให้พวกเด็กๆ ไหว้ด้วย “นี่พี่โจ เคยมาเล่นแถวนี้เหมือนพวกเธอนั่นแหละ”
   เด็กๆ ยกมือไหว้อย่างว่าง่าย จากนั้นใครสักคนก็ถามขึ้น “พี่เคยมาเล่นที่บ้านลุงนิตตอนเด็กๆ เหรอ? ตอนหนุ่มๆ ลุงนิตหล่อไหม?”
   ผมล่ะอยากตีปากเด็กจริงๆ ถามอะไรไม่เข้าเรื่อง ติดแต่ว่านี่ไม่ใช่ลูกหลานผม ตีไปเดี๋ยวพ่อแม่เขาจะมาเอาเรื่องแทน มันจะยุ่งไปกันใหญ่ ได้ยินเสียงสุภาพงษ์ตอบกลับมา
   “อืม... พี่นิตตอนหนุ่มๆ หล่อมากเลยล่ะ ใจดีที่สุดด้วย”
   ผมนึกอยากตีปากสุภาพงษ์แทน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องอีกล่ะ สุดท้ายก็เลยเสไปไล่พวกเด็กๆ กลับบ้านแทน “เอ้า กลับบ้านกันได้แล้ว พ่อแม่รอทานข้าวอยู่นะ”
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก12(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P16:16/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 23-12-2011 19:14:19
   เจ้าพวกเด็กๆ รีบกุลีกุจอออกจากรั้วบ้านผมอย่างกับผึ้งแตกรัง บางคนวิ่งไล่กันอีก ผมเลยต้องเอ็ดไป “อย่าวิ่งไล่กันแบบนั้น มันอันตรายนะ”
   “ผมไปแล้วนะ ลุงนิต ลุงจะได้กินข้าว” เด็กอีกคนตะโกนมาจากไหนไม่รู้ ผมมองพวกเด็กๆ วิ่งกลับบ้านไป โชคดีที่ซอยนี้ไม่ค่อยมีรถวิ่ง แล้วถึงมีก็วิ่งไม่เร็ว เพราะแคบน่าดู พอพวกเด็กๆ ไปกันหมดแล้ว ผมถึงได้หันกลับมามองผู้ชายที่เคยมาเล่นที่บ้านผมเหมือนกัน
   สุภาพงษ์ยืนยิ้มๆ อยู่ตรงประตูรั้ว มองไม่ค่อยออกหรอกว่าเขายิ้ม แต่เพราะผมสังเกตเขาบ่อยล่ะมั้ง พอเห็นปากเขายกขึ้นนิดๆ เลยรู้ว่าเขายิ้มอยู่ เหมือนสุภาพงษ์จะมองพวกเด็กๆ เหมือนกัน สักพักเขาก็หันหน้ามาหาผม “พี่นิตน่าจะเปิดเนสเซอรี่นะครับ”
   “ไม่เอาหรอก” ผมปฏิเสธทันที “เปิดเนสเซอรี่ แล้วพี่จะเอาเวลาที่ไหนไปเขียนนิยายล่ะ”
   “อืม.. ก็จริงครับ” สุภาพงษ์พยักหน้า แล้วเม้มปากนิดๆ “ถ้าผมมีลูกได้ พี่นิตจะแต่งงานกับผมมั้ย?”
   ผมเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง รีบหันไปมองหน้าเขา “โจจะเล่นตลกอะไรน่ะ โจเป็นผู้ชายนะ แล้วพี่ก็ไม่คิดอยากจะแต่งงานกับผู้หญิงหรอก”
   ผมเห็นนะ ว่าตอนแรกน่ะเขาเม้มปากอยู่ แต่ตอนนี้.... เขายิ้มแล้วล่ะ เขาค่อยๆ ยิ้ม ยิ้มไม่มากหรอก แต่ก็เห็นว่ายิ้มอยู่ ยิ้มทำไมน่ะ หรือว่า...
   “พี่นิตไม่ชอบผู้หญิงหรือครับ?”
   “.............” ผมอึ้งไปอีก ไม่นึกว่าจะขุดหลุมดักตัวเอง เลยต้องรีบหาอะไรมาเบนประเด็นเป็นการใหญ่ เพราะเขาพูดแล้วก็ยิ้มเหมือนรู้ทัน เดี๋ยวเถอะ นี่ถ้าตัวเล็กๆ จะจับดึงปากให้เข็ดเลย
“ก็ไม่เชิงหรอก โจมาหาพี่ทำไมน่ะ?” ผมได้ทีรีบเปลี่ยนเรื่อง สุภาพงษ์หยุดยิ้ม มองผมแล้วกะพริบตาปริบๆ “ผมมาชาร์ตแบ็ตโทรศัพท์มือถือให้พี่น่ะ”
   “?!”
   “พี่นิตลืมชาร์ตอีกแล้วใช่ไหมล่ะครับ”
   ผมมองเขา แล้วหัวเราะออกมาหน่อยหนึ่ง “อืม... พอโจพูดเลยนึกได้น่ะ ที่จริงพี่เอาใส่กระเป๋าจะเอาไปชาร์ตที่ห้องโจตั้งแต่วันก่อนแล้ว แต่ลืมไปเลย”
   สุภาพงษ์มองผม แล้วก็ยิ้มออกมาอีก อืม...... เขามีลักยิ้มจริงๆ ด้วย จะมีเสน่ห์อะไรกันนักกันหนานะเนี่ย แค่หน้าหล่อๆ ยังไม่พออีกหรือไง
   “งั้น... เดี๋ยวผมเข้าไปชาร์ตให้นะ”
   ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เลยได้แต่พยักหน้า แล้วเปิดประตูให้เขาเข้าบ้านไป

   “พี่นิตทานข้าวหรือยังครับ?” สุภาพงษ์ถามผมหลังจากเข้ามาในบ้านแล้ว ผมเอื้อมมือไปเปิดไฟทั้งหน้าบ้านในบ้าน เพราะฟ้าเริ่มมืดลงทุกที ก่อนจะตอบเขาไป “ยัง โจล่ะ?”
   “ยังเหมือนกันครับ” เขาตอบ แล้วเม้มปากนิดๆ “ที่จริงผมซื้อกับข้าวมาแล้ว... ทานด้วยกันไหมครับ?”
   “..............” ผมเพิ่งเห็นว่าเขาหิ้วถุงอะไรพะรุงพะรังมาด้วย ที่แท้ซื้อกับข้าวมานี่เอง ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นต่อ
   “พี่นิตอุตส่าห์ไปดูแลผม ให้ผมเลี้ยงข้าวพี่นิตสักมื้อเถอะ”
   เดี๋ยวนะ... เดี๋ยวก่อน!! ผมว่ามันชักแปลกๆ นะ เขาจะเลี้ยงข้าวผม แต่ซื้อมาทานที่บ้านผม... นี่ตกลงเขาอยากทานข้าวที่บ้านผมแล้วหาข้ออ้างรึเปล่าเนี่ย?!
   “พี่นิต....?”
   ผมกะพริบตาปริบๆ มองผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาเอาการ เออ เอาการจริงๆ ทำเอาผมอาการหนักเลย ผมมองเขาอยู่พัก ก็ยังไม่รู้ว่าจะตอบอะไร ครั้นจะบอกว่าได้ก็เหมือนให้ท่า ไอ้จะบอกว่าไม่ได้มันก็ไม่ใช่ที่ อืม.. ที่จริงผมอาจจะคิดมากของผมเองก็ได้ แค่ตกลงทานข้าวที่เขาซื้อมา มันให้ท่าตรงไหนกันล่ะ ก่อนหน้านี้ผมก็ไปค้างกับเขามาแล้ว แถม... ยังถูกเขาจูบมาแล้ว
   โอ๊ย บ้าจริง ทำไมถึงต้องคิดเรื่องนั้นตอนนี้ด้วยนะเนี่ย!!
   “พี่เป็นอะไรครับ?!” สุภาพงษ์ถามเสียงแปลก แล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ เออ ถึงไม่มีกระจกส่อง ผมก็พอจะนึกสภาพตัวเองออกหรอก หน้าผมต้องแดงมากแน่ๆ มันน่าตบตัวเองจริงๆ ดันมานึกถึงเรื่องไม่เข้าท่าเอาตอนนี้ พอเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ ผมกลัวเลือดที่ฉีดไปที่หน้ามันจะแออัดจนออกจมูกแบบเมื่อเช้าอีก ก็เลยรีบพูดออกไป “พี่กำลังคิดนิยายอยู่น่ะ”
   “?!” สุภาพงษ์มองผมแล้วเบิ่งตานิดๆ ท่าทางจะแปลกใจอยู่ แต่ผมไม่รอให้เขาพูดอะไรแทรกหรอก กลัวว่าจะเถียงไม่ออกอีกน่ะ เพราะงั้น ผมเลยพูดแบบแทบจะไม่ใช่สมองคิด
“เวลาพี่กำลังคิดพล็อตเรื่อง หน้ามันจะเป็นแบบนี้แหละ” ผมแถสุดชีวิต ขนาดไม่ต้องรอมานึกตอนหลัง แค่พูดออกไปก็ยังรู้สึกเลยว่าคิดได้ยังไง สุภาพงษ์มองหน้าผมงงๆ แล้วก็พยักหน้า “งะ... งั้นหรือครับ งั้น... ผมเอากับข้าวไปถ่ายใส่จานนะ”
   ผมพยักหน้าหงึกๆ ลืมไปสนิทเลยว่ากำลังชั่งใจอยู่เรื่องจะให้เขาทานข้าวที่บ้าน จนสุภาพงษ์เดินไปถ่ายกับข้าวแล้วนั่นแหละ ผมถึงเพิ่งจะมานึกออก แต่คงสายไปสนิท ผมเลยสูดหายใจ บอกตัวเองให้ทำใจดีๆ ไว้ อย่าไปนึกถึงเรื่องไม่เป็นเรื่อง อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดล่ะนะ เขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่... ไม่นึกถึงจะดีกว่า เดี๋ยวมันจะพาให้ความดันขึ้นเอาน่ะ
   “โจ พี่ไม่ได้หุงข้าวไว้นะ” ผมหันไปพูดกับเขา หลังจากสงบจิตสงบใจ และนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ไม่ได้หุงข้าวเอาไว้เลย สุภาพงษ์หันมามองหน้าผม แล้วตอบกลับ “ผมซื้อมาเผื่อแล้วล่ะ เห็นว่าไม่ได้บอกพี่นิตล่วงหน้า เลยกลัวข้าวไม่พอ พี่นิตมาดูสิครับว่าพอทานรึเปล่า จะได้ออกไปซื้อเพิ่ม”
    ผมเลยเดินไปดูข้าวเปล่าที่เขาซื้อมา อืม... เยอะอยู่นะ ผมว่าพอเลยล่ะ ดูจากปริมาณที่เขาทานระหว่างที่ผมไปค้างที่ห้อง น่าจะไม่ต้องซื้อหรอก
   “อืม... แค่นี้น่าจะพอมั้ง” ผมตอบ แล้วเลยช่วยเขาถ่ายกับข้าวจากถุงลงถ้วยลงจาน เอาเถอะ มีเขามาทานข้าวเป็นเพื่อนก็ดีเหมือนกัน ได้ทานข้าวกับคนหน้าตาดี แถมทานฟรีอย่างนี้ ไม่เห็นจะมีตรงไหนไม่ดีนี่นา
   สุดท้าย ผมก็ได้นั่งทานข้าวที่สุภาพงษ์ซื้อมาในบ้านของตัวเอง ทานไปเปิดโทรทัศน์ไปนั่นล่ะ นั่งทานกันไปได้สักพัก ผมก็ชวนเขาคุย “เป็นไงบ้างล่ะ ที่ออฟฟิศวันนี้นะ ไม่ได้ไปหลายวัน วุ่นวายเลยสิ”
   “ก็ไม่เชิงหรอกครับ ผมแค่ต้องเช็กงานที่ค้างมาจากวันก่อน เอ่อ... จริงสิครับพี่นิต ปลายเดือนหน้าจะมีงานหนังสือแล้ว พี่นิตจะไปแจกลายเซนที่บูทของสำนักพิมพ์เรารึเปล่าครับ?”
   ผมเลิกคิ้วขึ้นหน่อยหนึ่ง แล้วเพิ่งนึกได้ว่าใกล้ปลายปีแล้วนี่นา จำได้ว่างานหนังสือตอนนั้นผมมัวแต่ซื้อหนังสือเพลินจนลืมแวะไปที่บูท มารู้ตัวอีกทีก็ตอนเอาต้นฉบับไปส่งในอีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลังนั่นแหละ คราวนี้ที่จริงผมควรจะแวะไปให้กำลังใจน้องๆ หน่อย แต่พูดขนาดให้ไปแจกลายเซ็นมันก็น่าอายนะ ก็ผมยังไม่ได้ออกรวมเล่มกับเขาเลยสักเล่มนี่นา
   “พี่ว่าไม่ต้องหรอก ก็พี่ยังไม่ได้ออกรวมเล่มกับสำนักพิมพ์โจนี่นา ถ้าโจอยากได้ลายเซ็นพี่ โจก็หอบหนังสือมาขอเลยสิ” ผมได้ทีแหย่เขาไปด้วยในตัว สุภาพงษ์จ้องผม ดูอึ้งๆ แล้วจากนั้นก็หน้าแดงวาบขึ้นมา
   ได้เวลาผมเอาคืนบ้างล่ะ
   ผมนึกกระหยิ่มยิ้มย่องได้ไม่นาน ก็มีอันต้องเขินเอง เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าเขาหน้าแดงเพราะอะไร ก็ยังจะไปแหย่เขาอีก ผมนี่ก็นะ..... คิดอะไรกับเขาอยู่กันแน่นะเนี่ย
   “แล้วพี่นิตจะแวะไปดูที่บูทหน่อยไหมครับ?” เขาถามต่อ ดูสิ หน้าแดงแว้บเดียวก็หายแล้ว เก็บความรู้สึกเก่งจริง ไม่เลือดกำเดาไหลแบบผมบ้างก็แล้วไป ผมตอบเขา “ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจจะแวะไปก็ได้มั้ง โจไปรึเปล่าล่ะ?”
   “ไปครับ งั้นไปด้วยกันนะครับ ผมจะได้แวะมารับ”
   ผมรีบโบกมือทันที “ไม่ต้องๆ ไว้ใกล้ๆ เดี๋ยวพี่ไปเอง พี่อาจจะแวะไปแป๊บเดียว ไปเป็นกำลังใจให้น้องๆ หน่อยน่ะ”
   สุภาพงษ์มองผมสักพัก ก็พยักหน้า “ครับ แล้ว... วันอาทิตย์นี้พี่นิตว่างรึเปล่าครับ?”
   “ทำไมล่ะ?” ผมถาม นึกว่าเขาจะมีงานอะไรให้ทำอีก สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ เหมือนพยายามรวบรวมความกล้าอยู่ แล้วพูดออกมา “ไปเที่ยวอยุธยากับผมมั้ย?”
   ผมเลิกคิ้วมองเขาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะพูดออกมา “โจอยากไปหรือ?”
   “ครับ.. พี่นิตไปนะ”
   “พี่มีนัดเลี้ยงรุ่นกับเพื่อนแล้วน่ะ”
   “..................”
   “เพื่อนพี่เพิ่งโทรมาชวนเมื่อกลางวันนี้เอง”
   สุภาพงษ์กะพริบตาปริบๆ อยู่พักใหญ่ๆ ถึงส่งเสียงออกมาได้ “อ้อ... ครับ”
   ผมมองหน้าเขา ถอนหายใจ แล้วพูดยิ้มๆ “เอาไว้วันหลังแล้วกันนะ”
   “ครับ” เขาพูด จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อ... อืม.... นี่ผมไปทำลายความหวังอะไรของเขารึเปล่านะ แต่เพื่อนผมนัดผมก่อนนี่นา...
--------------------------------------------   
   สุภาพงษ์ทานข้าวเสร็จแล้วก็เก็บถ้วยชามไปล้าง คราวนี้ผมคงให้เขาล้างคนเดียวไม่ได้ เพราะกับข้าวเขาเป็นคนซื้อมา ผมให้แค่สถานที่ ท้ายที่สุดเราสองคนเลยยืนเบียดกันอยู่หน้าอ่างล้างจาน คนหนึ่งล้างน้ำยา อีกคนหนึ่งล้างน้ำเปล่า ทำเหมือนไปล้างจานงานวัด ทั้งๆ ที่จานชามรวมกันไม่ถึงสิบใบด้วยซ้ำ คิดแล้วก็ตลกดีเหมือนกัน
   สุภาพงษ์ล้างจานเรียบร้อยแล้วก็ทำท่าจะเปิดก๊อกล้างมือ ผมเลยรีบดันกะละมังที่ใส่น้ำล้างน้ำสุดท้ายให้เขา “ล้างในนี้ก็ได้ จะได้ประหยัดน้ำ”
   เขามองผมนิดหนึ่ง แล้วก็จุ่มมือลงไปในกะละมัง ผมเลยหันไปหยิบผ้าเช็ดมือมาให้เขา สุภาพงษ์ล้างมือเสร็จก็หยิบผ้าเช็ดมือไปเช็ด.... พร้อมกับมือผมด้วย
   อืม.... ผมว่านิสัยรับของติดมือของเขาคงจะแก้ไม่หายแล้วล่ะ
   ผู้ชายหน้าคม พูดน้อย หุ่นดีตรงหน้าผม กำลังเช็ดมือพร้อมกับบีบมือผมไปด้วย นี่ตกลงเขาจะเช็ดมือตัวเอง หรือเช็ดมือผมกันแน่นะ เช็ดไปสักพัก เขาก็ดึงผ้าออก เหลือแต่มือผมแทน จากนั้นก็กำเอาไว้
   เอ่อ.... ผมไม่รู้จะบรรยายไงน่ะ... เอาว่าเขาจับมือผมเอาไว้แบบนั้น สักพักก็ยิ้มออกมา “พี่นิต เสาร์หน้า พี่ไปเที่ยวกับผมได้มั้ย ไปแค่สองคนนะ ผมอยากไปกับพี่”
   ผมใจเต้นตึกๆ เกือบจะตอบรับเขาไปแล้วเชียว แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ถ้าเกิดมีเหตุฉุกเฉินอะไรให้ผมต้องบอกเลิกนัดเขากลางคัน มันอาจจะทำให้เสียความรู้สึกก็ได้ เลยพูดตอบเขาไป “เดี๋ยวใกล้ๆ พี่จะบอกแล้วกัน”
   สุภาพงษ์หน้าม้านไปนิดๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร ได้แต่พยักหน้า ผมเห็นแบบนั้นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ผมไม่ชอบนัดล่วงหน้านานๆ ด้วยสิ ยกเว้นว่าจะเป็นเรื่องงาน นี่มันนัดเที่ยว เกิดวันเสาร์ผมเปลี่ยนใจอยากไปหาเพื่อนฝูง จะทำยังไงล่ะ ให้ผมต้องขัดใจตัวเองไปเที่ยวมันก็ใช่ที่
   “โจ... ถ้าไงลองชวนคนอื่นแทนก็ได้นะ” ผมพูด เพราะไม่อยากเห็นเขาทำหน้าผิดหวัง สุภาพงษ์มองผมอีกครั้ง แล้วพูดช้าๆ “ผมไม่ชวนใครหรอก ผมอยากไปกับพี่คนเดียว”
   วินาทีนั้นผมนึกสะท้อนใจกับความรู้สึกที่สื่อออกมาจากดวงตาสีดำสนิทของเขา ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงฝังใจกับผมนัก เขาคงไม่รู้ว่าคนอย่างผมมันมีบางส่วนบิดๆ เบี้ยวๆ จนไม่อยากจะให้ใครเห็น คนอย่างผมอาจจะดูดีถ้ารู้จักกันเพียงผิวๆ เขาอาจจะคิดว่าชอบผม ทนผมได้ แต่ผมไม่แน่ใจว่าผมจะทนเขาได้ หากได้อยู่ใกล้ชิดกันจริงๆ
   คนเราทุกคนมีส่วนขาดๆ เกินๆ กันทั้งนั้น คนที่ชอบใช่ว่าจะเป็นคนที่ใช่ เขาฝังใจกับผม ชอบผม ส่วนผม... อาจจะชอบเขาอยู่บางส่วน แต่ผมแน่ใจว่าความชอบพวกนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ผมกับเขาไปด้วยกันได้ การอยู่ใกล้ชิดกันมันเป็นการเปิดโลกส่วนตัวให้คนอื่นเข้ามา ผมไม่รู้เขาพร้อมรึเปล่า แต่ผมยังไม่พร้อม และผมก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยง....
   ผมอยู่มาจนอายุขนาดนี้แล้ว... ผมคงอยู่ต่อไปได้เรื่อยๆ
   ผมรักตัวเอง รักโลกส่วนตัวของผม และผมไม่กล้าให้ใครเข้ามา แล้วเผลอทำลายมันทิ้งอีกแล้ว
   ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตามเถอะ.....
   “งั้นเดี๋ยววันศุกร์ ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน” ผมได้ยินเสียงตัวเองตอบเขาไป สุภาพงษ์กะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็ยิ้มออกมา
   อืม... เขาหล่อจริงๆ นะ
   ผมยิ้มตอบเขา แล้วรู้สึกว่าตัวเองช่างเห็นแก่ตัวจริงๆ ผมรู้อยู่เต็มอกว่าคงคบกับเขาแบบนั้นไม่ได้ ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้แบบนั้น แต่ผมก็ทำใจตัดเยื่อใยกับเขาไม่ได้เสียที พอเห็นเขาทำหน้าเศร้าแล้วผมก็ใจหล่นวูบ พอเห็นเขายิ้มแล้วก็ใจเต้นตึกๆ แย่จริงๆ หัวใจผมชักจะมีปัญหาใหญ่แล้ว
   คงต้องไปเช็กอีกสักที
   สุภาพงษ์ยิ้มแล้วก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เล่นเอาผมใจเต้นตึกๆ ลืมตัวผวากอดเขาด้วย เรากอดกันแบบนั้นสักพัก ก็ได้ยินเสียงเขากระซิบที่ข้างหู “พี่นิต ผมรักพี่นะ รักมากๆ เลย”
   หัวใจผมเต้นแรงจนตัวแทบสั่น ตัวเขาใหญ่ หนา อุ่น ผมกอดเขาแน่นอีก แต่อ้าปากพูดอะไรไม่ออกสักคำ นอกจากน้ำตาที่ไหลหยดออกมาอย่างไม่รู้ตัว
   บางทีผมก็นึกอยากลืมๆ ไม่อยากจะคิดอะไรมาก อยากจะพยักหน้า ตอบรับคำบอกรักของเขาไป อยากกอดเขา อยากอยู่ใกล้ๆ เขา อยากมองหน้าเขาทุกวัน อยากตื่นมาได้เจอรอยยิ้มของเขา ได้ยินเขาพูดอรุณสวัสดิ์
   ไม่อยากจะเป็นลม หรือเลือดกำเดาทะลัก เพราะต้องข่มความรู้สึกที่มีต่อเขาเอาไว้อีกแล้ว...
   แต่ผม....................
   “พี่นิต?” สุภาพงษ์เรียกชื่อผม คงรู้สึกล่ะมั้งว่าผมเงียบไปนาน ผมไม่กล้าพูดอะไรตอบเขา ได้แต่กอดเขาไว้แน่น กลัวเขาจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นน้ำตาของผม ผมอธิบายสาเหตุให้เขาฟังไม่ได้หรอก และคงปล่อยให้เขาตีความไปเองไม่ได้ด้วย สุภาพงษ์ชะงักหน่อยหนึ่ง แล้วยกมือลูบหลังผมเบาๆ ผมซบหน้าลงกับไหล่เขา อาศัยจังหวะนั้นแอบเช็ดน้ำตาของตัวเอง พอแน่ใจว่าสีหน้าคงเป็นปกติแล้ว ผมถึงเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วยิ้มออกมา
   “โจกลับคอนโดได้แล้วล่ะ เดี๋ยวจะดึก”
   สุภาพงษ์มองหน้าผม เบิ่งตานิดๆ ขยับปากทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจพยักหน้าแทน ผมเลยผละออกมา เดินไปที่ประตู เตรียมจะส่งเขากลับ พอหันกลับไปก็เห็นสุภาพงษ์ยืนรีๆ รอๆ เหมือนหาอะไร สักพักเขาก็ถามออกมา “พี่นิตครับ โทรศัพท์ล่ะครับ ผมยังไม่ได้เสียบสายชาร์ตแบ็ตให้เลย”
   ผมชะงักอย่างคนเพิ่งนึกได้ แล้วเลยรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนชั้นอย่างดิบดีให้เขาพร้อมกับสายชาร์ต สุภาพงษ์รับไปแล้วเสียบเข้ากับปลั๊กไฟใกล้ๆ กับโต๊ะรับแขก แล้ววางโทรศัพท์เอาไว้
   “เดี๋ยวก่อนนอนพี่นิตดูนะครับว่าไฟตรงแบ็ตมันหยุดขยับหรือยัง ถ้าหยุดขยับแล้วก็ถอดปลั๊กเลยนะครับ ผมเปิดเครื่องไว้ให้แล้ว ไปไหนอย่าลืมพกไปนะ”
   ผมยืนฟังเขาพูดจ้อยๆ อย่างที่ไม่ค่อยจะได้ยิน แล้วรู้สึกว่าเขาดูมีความสุข คงเพราะได้กอดผมล่ะมั้ง
   สุภาพงษ์เสียบโทรศัพท์เสร็จแล้ว จึงเดินไปที่ประตูบ้าน ผมก็เดินตามไปส่งเขาถึงประตูรั้ว ก่อนจะออกประตูไป เขาหันมาจับมือผมเอาไว้ แล้วบีบเบาๆ “พี่นิต ผมกลับนะครับ ดูแลตัวเองด้วยนะ”
   “อืม... ขับรถดีๆ ล่ะ” ผมตอบเขา บีบมือเขาเบาๆ สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ กว่าเขาจะยอมปล่อยมือ ผมว่าเหงื่อเราสองคนออกจนชุ่มเลยล่ะ ผมมองเขาขับรถออกไป แล้วถอนหายใจเฮือก...
   หรือผมจะเปลี่ยนใจ ไปเที่ยวอยุธยากับเขาแทนไปงานเลี้ยงรุ่นดีนะเนี่ย....
-----------------------------------------------
**ตอนนี้คุณพนิตแอบสับสน (อาจจะไม่แอบ สับสนอย่างแรง :a5:)

เรารู้สึกถึงความดราม่า(อีกแล้ว) ที่จริงปมของคุณพนิตมันแรงกว่าคุณไพฑูรย์เยอะ เพราะคุณพนิตอาร์ต!!? o22 (ไม่อาร์ตแกคงไม่เป็นลมแถมเลือดกำเดาพุ่งแบบนี้)

กำลังดั้นด้นเข้าสู่หัวเลี้ยวหัวต่อ ที่จะทำให้คุณพนิตรับโจเข้ามาเป็นหนึ่งในโลกส่วนตัวของตัวเองสักที (ไม่สิ โจเป็นโลกส่วนตัวของพี่นิตตลอดแหละ รอแต่เมื่อไหร่พี่นิตจะยอมกลายเป็นโลกส่วนตัวของโจบ้าง อั้ยย :z1:)

ปล. ถ้าเราเป็นนายโจ เราเครียดแน่ๆ... ดูสิ ว่าที่แฟนทำไม.... อาการหนักแบบนี้ (คิดเองเออเองเสร็จเลยว่าเป็น"ว่าที่"555+ :laugh:)

ปล.2 รู้สึกมากขึ้นว่า คุณพนิตเป็นสุดยอดมนุษย์คิดเองเออเองจริงๆ!! (แถมเป็นจอมเนียน... แถ... นายโจก็คงน้องๆ กัน เพราะเนียน และแถจับมือได้ตลอด  :m20:)

แอบแวะมาแปะรูปเงียบๆ

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/-01.jpg)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: irksome ที่ 23-12-2011 19:33:25
คุณพนิตต้องมีอดีตฝังใจอะไรแน่ๆ
ฝังใจกับเพื่อนร่วมรุ่นด้วยแน่เลย ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นไอ่แก้พุงโตหัวล้านรึยัง :laugh:
หรือไม่แน่ อาจจะเป็นหนุ่มใหญ่วัยกระชากอยู่ โจระวังคู่แข่งให้ดีๆนะ   o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 23-12-2011 19:34:52
คุณนิตเขินน่ารักเนอะ เขินแต่ละทีทำเอาคุณโจใจหายใจคว่ำหมด :laugh:
อยากรู้เรื่องรักๆในอดีตของคุณนิตจัง o18
คุณโจขยันรุกเข้า สู้ๆ o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 23-12-2011 20:18:03
ถ้าเราเป็นโจ เราจะปล้ำเสียเลย ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 23-12-2011 20:30:36
ขำคุณพนิตที่เลือดกำเดาชอบกระฉูดตอนตื่นเต้นนี่แหละ 
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 23-12-2011 20:32:36
อาการหนักนะนั้น
ถึงกับเลือดกระฉูด :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 23-12-2011 20:54:55
พี่นิตก็ออกจะหลงไหลโจเอาการอยู่นะ
แค่ตอนนี้ตอนเดียวก็นับคำชมว่าหล่อ หน้าตาดี ดูดี หุ่นดี ฯลฯ ไม่ถ้วนเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 23-12-2011 21:15:51
ฮาพี่นิตอะ เวลาเขิน เวลาแถ อยากหยิกแก้ม ฮ่าๆ

ว่าแต่ปมอะไรของพี่นิตน้า โจสู้ๆ

ดีใจจังได้อ่านก่อนนอน ตอนใหม่ก็มาเร็วๆนะคะ  :impress2:

รอเสมอ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 23-12-2011 21:26:09
อดีตของคุณพนิตคืออะไรกันน กลิ่นดราม่าลอยมานิดๆแล้ว ฮ่าๆ
คุณพนิตรั่วจริงๆ เป็นลมว่าหนักแล้วนี่เลือดกำเดาไหลเลย ฮ่าๆ
โอ๊ยยย ชอบคนแก่!!!~~~~
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 23-12-2011 21:34:14
พี่พนิตตตตตตตอย่าสับสนมากสิสงสารน้องโจ  :m15:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 23-12-2011 22:54:02
แปะโป้งจ้าขอไปเล่นเกมก่อน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 23-12-2011 23:13:37
จะจีบคุณพนิตทั้งที ต้องเหนื่อยหน่อยนะโจ
พยายามเข้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 23-12-2011 23:42:36
เอาใจช่วยโจนะ สู้ๆ  :angry2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 23-12-2011 23:46:55
พีนิตก็ชวนคุณ บ.ก.ไปงานเลี้ยงรุ่นก็สิ้นเรื่อง

เพื่อเป็นการเปิดตัวว่าที่แฟนไปในตัวเลยอ่ะ  คริคริ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: zomtum ที่ 24-12-2011 00:01:31
 :m20: :m20: :m20: :haun4: :haun4: :haun4:
 ฮาเลือดกำเดามากกกกก  5555

 ไม่ไหวๆๆ  อิอิ  รักโจ พี่นิตจ้าา า :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 24-12-2011 00:06:15
คราวนี้คุณพนิตถึงกับเลือดเดาไหล กว่าจะจบเรื่อง คงได้มีหามส่งโรงพยาบาลกันบ้างล่ะ  :m29:

คนที่เคยอยู่คนเดียวชิลล์ ๆ มาได้ตั้งครึ่งค่อนของชีวิต ไม่ได้โหยหาใครเคียงข้าง ไม่ได้รอคอยเนื้อคู่ฟ้าบันดาลอะไร
จนมีโลกส่วนตัว (ความเป็นส่วนตัว) สูงมาก ๆ ค่อนข้างตามใจตัวเอง ทำอะไรตามอารมณ์อย่างคุณพนิต
คงจะกลัวกับการที่ใครจะเข้ามาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวแห่งนี้พอสมควร ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง
ถึงจะหวั่นไหวกับโจขนาดไหน แต่จุดนี้ก็ใช่ว่าน้องโจจะผ่านกันได้ง่าย ๆ นะเนี่ย... :m21:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 24-12-2011 00:28:26
เรื่องเจ้าชายจอมอสูรจะดองเหรอ :o11:
รออ่านเรื่องนั้นอยู่ :monkeysad:
ไปต่อให้หน่อยนะ o1
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 24-12-2011 05:51:42
เรื่องเจ้าชายจอมอสูรจะดองเหรอ :o11:
รออ่านเรื่องนั้นอยู่ :monkeysad:
ไปต่อให้หน่อยนะ o1

จะต่อหลังปีใหม่ค่า ขอเคลียร์หนังสือรวมเล่มก่อนนะค้า^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 24-12-2011 11:54:18
 :m20: พี่นิตคิดเยอะเหมือนเดิม
โจจะคิดยังไงกับอาการของพี่นิตนะ
 โจสู้ๆ
:pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 24-12-2011 13:40:53
โล่งใจที่คืนนี้พี่นิตนอนแล้วไม่ฝัน  :laugh:
โจเดี๋ยวนี้รุกเอาๆนะจ๊ะ คราวนี้เลือดกำเดาไหลเลย
คุณพนิตนี่น้าาา :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 24-12-2011 13:52:34
ถ้าเป็นพี่นิตก็คงหัวใจจะวายวันละหลายเหมือนกันละ 555 ก็น้องโจเค้าทั้งหล่อ ทั้งหน้าดี น้องโจสู้ๆ เนียนเท่านั้นที่จะครองโลก
แอบเห็นด้วยกับ คห. บน ลุ้นให้พี่นิตชวนน้องโจไปงานเลี้ยงรุ่นด้วย เปิดตัวๆ คิคิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 24-12-2011 14:27:35
-^-

พี่นิตทำไมขยันทำร้านน้ำใจโจจังเลยๆๆๆๆๆๆ

สงสารนะรู้มั๊ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 24-12-2011 15:31:42



    รู้สึกเหมือนคนแก่กว่าโดนหลอกล่อให้ตกหลุมลึกลงไปเรื่อยๆยังไงก็ไม่รู้





หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 24-12-2011 22:09:07
ชื่อเพื่อนคุณพนิตแต่ละคนเนี่ย...บ่งบอกอายุอานามจริงๆเลยค่ะ
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 26-12-2011 14:18:48
Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่14
   สุดท้ายวันอาทิตย์ผมก็มางานเลี้ยงรุ่นตามกำหนดนัดเดิม ตอนทุ่มกว่าๆ ก็มีคนมากันพอสมควรแล้ว เพื่อนบางคนผมไม่ได้เจอตั้งแต่สมัยเรียนจบ เจออีกทีแทบจำไม่ได้ บางคนอ้วนแถมหัวล้านอย่างกับขุนช้างแน่ะ อายุเพิ่งสี่สิบห้ากันแท้ๆ แต่ผมจะแซวก็แซวไม่ได้นาน เพราะพอแซวไปได้สักพัก เพื่อนๆ จะหันมารุมผมแทนว่าเขียนนิยายจนไส้แห้ง ก็เลยผอมเป็นกุ้งแบบนี้ อืม... ไม่มีคนผอมมาเป็นพวกผมบ้างก็แล้วไป เดี๋ยวผมไปดึงสสส.มาเป็นพวกแล้วจะหนาว เขารณรงค์ลดอ้วนกันอยู่ เจ้าพวกนี้ไม่อินเทรนด์บ้างเลย
   ผมนั่งลงตรงโต๊ะที่มีที่ว่างเหลืออยู่อีกสองสามที่ เพราะเป็นโต๊ะที่มีเพื่อนในกลุ่มเดียวกันอยู่เยอะ คุยไปสักพัก อาหารก็เริ่มมาเสิร์ฟ เสิร์ฟพร้อมเหล้าเบียร์ตามระเบียบ แต่ผมถือคติมาแต่ไหนแต่ไร ว่าของมึนเมาทำให้ขนาดสติ ขนาดปกติผมก็แทบจะคุมสติตัวเองไม่ค่อยอยู่อยู่แล้ว ขืนดื่มไอ้ของพวกนี้เข้าไป มีหวังเพื่อนได้เลิกคบผมแน่ เคยดื่มครั้งหนึ่งตอนเข้าปีหนึ่ง ตื่นเช้ามาเพื่อนๆ รุมด่าผมใหญ่ บอกว่าผมเพ้อเจ้ออยู่ทั้งคืนจนเพื่อนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน ใครทำท่าหลับก็ปลุกขึ้นมานั่งฟังเรื่องที่คิดไว้ในหัว แหม.. มานึกถึงตอนนี้ยังอาย ผมน่ะจำไม่ได้สักอย่างว่าเล่าเรื่องอะไร ส่วนเพื่อนก็ไม่ได้ตั้งใจฟัง เพราะเมากันหมด สรุปแล้วดื่มของพวกนี้ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรจริงๆ ดังนั้น เพื่อนๆ ดื่มเหล้า ส่วนผม ยกน้ำเปล่าชนแก้วตามระเบียบ ไม่ดื่มเหล้า เพื่อนฝูงก็ไม่เลิกคบหรอก ผมการันตีได้
   ขณะที่กำลังนั่งคุยถึงเรื่องธุรกิจแพปลาของเพื่อนคนหนึ่ง ใครบางคนก็เดินมานั่งข้างผม ผมน่ะกำลังจะหันไปมอง แต่เพื่อนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยทักขึ้นก่อน “นั่นภูมิวัฒน์รึเปล่า? อ้า ใช่จริงๆ ด้วย”
   ผมขนลุกขึ้นมาทันที หน้าที่กำลังจะหันไปมองมีอันชะงักไปกะทันหัน
   ภูมิวัฒน์..............
   “พนิต...” ได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อผม เสียงเขาดูทุ่มลงอีก ส่วนหน้าตา.....
   ก่อนที่ผมจะได้เงยขึ้นไป เขาก็ทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างๆ ผม เอ่อ......... ผมอธิบายก่อนดีกว่า ผมกับภูมิวัฒน์เคยเป็นรูมเมทกัน ผมกับเขาจับคู่เป็นรูมเมทกันจนถึงปีสามเทอมหนึ่ง แต่หลังจากนั้น........
   ผมกะพริบตา มองผู้ชายอายุสี่สิบห้าที่เพิ่งมานั่งข้างๆ สารภาพตามตรง ผมลืมเขาไปนานแล้วล่ะ ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าตอนอายุเท่านี้เขาจะหน้าตายังไง แต่ตอนเขาอายุสิบปลายๆ ถึงยี่สิบต้นๆ น่ะ เขา... หน้าตาดีมากเลยล่ะ... นี่ผมไม่ได้ชมของผมเองนะ เขาเคยได้เป็นเดือนคณะด้วย สาวๆ รุ่นเดียวกันรวมถึงรุ่นน้องที่เข้ามาตอนหลังนี่กรี๊ดกร๊าสเขากันใหญ่เลยล่ะ สมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ แถมสาวๆ หนุ่มๆ ก็ยังไม่ใจกล้าหน้าหนาแบบสมัยนี้ จะจีบใครอย่างเก่งเลยก็ส่งจดหมายรักให้กัน ในฐานะที่ผมเป็นรูมเมทกับภูมิวัฒน์ ผมเลยกลายเป็นบุรุษไปรษณีย์ต้องรับส่งจดหมายรักให้เขาไปโดยปริยาย แต่ก็นะ ไม่เคยเห็นเขาตอบจดหมายใครกลับสักคน ขนาดผมอุตส่าห์เชียร์ว่าบางคนน่ารักสุดๆ เขายังไม่ยอมตอบเลย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน
   “ภูมิ...” ผมได้ยินเสียงตัวเองเรียกชื่อเขา แล้วก็ได้ยินเสียงเพื่อนๆ ทักขึ้นอีก “นายเองก็ไม่ค่อยเปลี่ยนเลยนะเนี่ย แข่งกับพนิตล่ะสิ”
   เออ... ผมนึกเห็นด้วยกับคำพูดเพื่อนจริงๆ ภูมิวัฒน์แทบไม่มีอะไรเปลี่ยน เขาสูง หุ่นแบบนักกีฬา หน้าตาเริ่มมีริ้วรอยตามวัยแล้ว แต่เขาก็ดูดีนะ เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนมา รีดเรียบกริบเหมือนเคย อืม... ผ่านไปตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว เขายังดูเนี๊ยบเหมือนเดิมจริงๆ แถมยัง.... หล่อเหมือนเดิม.........
   “พนิต...?” ภูมิวัฒน์เรียกชื่อผมอีก สงสัยเพราะเห็นผมมัวแต่อ้าปากค้าง ตะลึงกับความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของเขาล่ะมั้ง ผมกะพริบตา พยายามจะพูดอะไรสักอย่างกับเขา แต่เสียงมันไม่ยอมออกไปสักที สุดท้ายเลยได้แต่ยิ้ม แล้วหันกลับมามองจานข้าวตรงหน้า สูดหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่ง ถึงพูดออกมาได้ “อืม... ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ ด้วย”
   ไม่รู้ผมพูดอะไรผิดกาลเทศะ เพราะจู่ๆ โต๊ะเงียบไป แต่ประมาณชั่วอึดใจเท่านั้น แล้วเพื่อนอีกคนก็ชวนคุยต่อ
   ผมถึงได้รู้ว่าภูมิวัฒน์รับราชการอยู่กระทรวงศึกษาธิการ พวกเราแซวเขาหลายอย่างถึงเรื่องระบบการศึกษา ผมก็อยากแซวนะ เพราะกว่าพรรณแพรวหลานผมจะได้สอบปีที่แล้ว วุ่นวายไปหมด แต่มีเพื่อนช่วยแซวแทน แล้วเขาก็ตอบแล้ว ผมก็เลยได้แต่นั่งเงียบ หัวเราะบ้างอะไรบ้างตามเรื่องไป แต่ไม่ได้หันไปมองเขาเลย ไม่รู้สิ... ผม.........
   “แล้วพนิตล่ะ เขียนนิยายไปถึงไหนแล้ว” จู่ๆ ภูมิวัฒน์ก็หันมาถามผม ผมกำลังเคี้ยวกุ้งทอดอยู่ เลยไม่ทันตอบเขาในทันที รอจนกลืนกุ้งลงไป ผมก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ ออกมา “ก็อย่างนั้นแหละ นายไม่สนใจอยู่แล้วนี่ จะถามทำไมน่ะ”
   คราวนี้โต๊ะทั้งโต๊ะเงียบไปในทันที ผมกะพริบตาปริบๆ รู้ตัวว่าคงพูดอะไรไม่เหมาะออกไป ก็เลยรีบพูดต่อ “โทษที เราไปห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะ”
   ผมไม่รอมองหน้าเพื่อนว่าจะพยักหน้าหรืออะไร พอพูดจบแล้วผมก็รีบลุก เหมือนจะชนกับภูมิวัฒน์หน่อยหนึ่งด้วยมั้ง ผมพูดขอโทษเขาเร็วปรื๋อ แล้วเดินฉับๆ ออกมาจากโต๊ะ
   แย่จัง... ผมนี่ไม่ไหวเลย ยังจะผูกใจเจ็บเขาอยู่อีก ทั้งๆ ที่เรื่องมันผ่านมานานแล้วแท้ๆ แถมเขาก็ไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไร
   ก็แค่..... เขาไม่รู้ว่าเรื่องที่พูดมันทำร้ายความรู้สึกผมล่ะมั้ง
   ผมเดินมาถึงห้องน้ำ เปิดก๊อก วักน้ำขึ้นมาล้างหน้า มองตัวเองในกระจก แล้วพยายามจะปรับความเข้าใจเสียใหม่ว่า เรื่องมันก็ตั้งยี่สิบกว่าปีมาแล้ว และเขาก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ผมควรเลิกโกรธเขาได้แล้ว
   ขณะที่ผมบอกตัวเองว่า เดี๋ยวพอกลับไปถึงโต๊ะจะยิ้มให้เขา แล้วพูดแซวเรื่องที่ทำงานเขาต่อ ให้เขาได้รู้ว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไร ภูมิวัฒน์ก็เดินเข้ามาในห้องน้ำ ผมเห็นเขาผ่านกระจกเงาที่กำลังมองอยู่ เขาเดินเข้ามาข้างผม และเหมือนจะมองผมด้วยเหมือนกัน
   เราสบตากันผ่านกระจกเงา เขา... แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยจริงๆ ยังดูดีอย่างที่คนแบบเขาตอนอายุสี่สิบห้าสมควรเป็น ผมสูดหายใจลึก เพราะตั้งใจแล้วว่าจะหันไปพูดกับเขาอย่างที่เพื่อนปกติสมควรทำกัน แต่ยังไม่ทันได้หันหน้าไป เขาก็พูดขึ้นมาก่อน “พนิต”
   “อะ... อืม?” ผมหันหน้าไป ก็เห็นเขากำลังมองมาอยู่ ตาเขาออกสีน้ำตาลนิดๆ ตอนที่เขาเขาอ้าปากทำท่าจะพูดอะไร พอดีว่ามีแขกจากอีกห้องเดินเข้ามาพอดี ผมเลยได้โอกาส พูดออกไปก่อน “เรากลับไปที่โต๊ะก่อนนะ”
   เหมือนเขาจะทำหน้าอึ้งๆ นิดๆ แต่ผมเดินออกมาก่อน เพราะเกรงใจคนที่กำลังเข้าห้องน้ำอยู่ ไม่อยากจะยืนคุยแย่งอากาศอันน้อยนิดในห้องน้ำน่ะ เดินออกมาได้สี่ห้าก้าว ก็ได้ยินเสียงเขาเรียกผมอีก “พนิต คุยกับเราก่อนได้มั้ย?”
   “อ้อ... อืม” ผมส่งเสียงออกไปโดยไม่ได้หันกลับไปมอง แล้วก็เลยพูดขึ้นต่อ “ไปคุยกันที่โต๊ะก็ได้”
   ภูมิวัฒน์เงียบไปพัก ระหว่างนั้นเขาเร่งเดินมาจนทันผม ก่อนจะพูดอีก “คุยกันเป็นการส่วนตัวได้มั้ย แถวนี้ก็ได้”
   ผมเกิดขนลุกขึ้นมาอีก อ้าปากจะตอบเขาก็นึกคำพูดไม่ออก แต่ท่าทางภูมิวัฒน์จะไม่ยอมรอให้ผมคิดคำพูดอะไร เขาดึงมือผม แล้วจูงไปที่มุมมุมหนึ่ง ผมเลยต้องเดินตามไป นึกฉุนนิดหน่อยที่ต้องมาถูกเขาลากมือเป็นเด็กๆ ทั้งๆ ที่อายุก็ปาเข้าไปค่อนคนแล้ว ก็เลยพูดกระแทกเสียงออกไปอย่างไม่ตั้งใจ “มีอะไรอีกล่ะ?”
   ภูมิวัฒน์กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะพูดออกมา “นายโกรธอะไรเราน่ะ?”
   ผมกะพริบตาปริบๆ บ้าง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเผลอทำท่ากระฟัดกระเฟียดใส่เขาอีกแล้ว เออ ผมนี่จริงๆ เลย เรื่องมันตั้งยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ตั้งใจก็ตั้งใจแล้วว่าจะคุยกับเขาเหมือนปกติ แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็มาอารมณ์นี้อีกแล้ว สงสัยเพราะผมไม่ได้เตรียมใจว่าจะมาเจอเขามาก่อนล่ะมั้ง บอกตรงๆ ว่าผมลืมเขาแล้ว ผมลืมไปเลยว่าเคยมีเขาอยู่ แต่พอได้เจอหน้าเขา ความทรงจำของผมมันเลยย้อนกลับไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนล่ะมั้ง เพราะเขาดูไม่ค่อยเปลี่ยน.... เหมือนเวลาของผมกับเขาหยุดไว้ตั้งแต่วันนั้นตั้งนานแล้ว
   “ปะ... เปล่า” ผมตอบเขา แล้วพยายามจะยิ้มออกมา “นายมีเรื่องอะไรจะพูดกับเราล่ะ?”
   “...............” ภูมิวัฒน์เงียบไปพักหนึ่ง ในที่สุดก็พูดต่อได้ “เรา... อยากพูดหลายเรื่องเลยล่ะ... พนิต นายโกรธเราเลยย้ายหอหนีเราไปใช่มั้ย?”
   ผมกะพริบตามองเขาอีก แล้วพูดไปหัวเราะไป “ก็บอกแล้วว่าเราอยากได้สมาธิคิดทีสีท ปีสี่เรียนหนัก นายบอกเองนี่นา”
   “............” เขาเงียบไปอีก ก่อนจะพูดออกมา “บอกเราได้มั้ย นายโกรธเราเรื่องอะไร?”
   “เปล่า.. ไม่มีนะ”
   “พนิต..”
   “หืม?”
   “นายอายุสี่สิบห้าแล้วนะ อย่าทำตัวเหมือนเด็กๆ สิ บอกเราเถอะ นายโกรธอะไรเรา?”
   ที่จริงผมตกลงกับตัวเองไว้แล้ว ว่าเรื่องมันผ่านมาตั้งยี่สิบกว่าปี ผมก็อายุตั้งเยอะแล้ว ควรเลิกโกรธเขาไปได้แล้วล่ะ แต่พอเจอเขาพูดแบบนี้ ผมห้ามอารมณ์ตัวเองไม่ได้จริงๆ
   “เราโกรธเพราะนายพูดแบบนี้กับเรานี่แหละ!”
   “!?” ภูมิวัฒน์ดูอึ้งๆ ไปหน่อย ส่วนผมก็ได้สติ เลยรีบพูดต่อทันที “ช่างมันเถอะ ก็จริงแหละ เราอายุตั้งสี่สิบห้าแล้ว ยังทำตัวแบบนี้อีก ขอโทษนะ”
   เขาเงียบไปสักพัก “อืม.. นายนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ อายุปูนนี้แล้วแท้ๆ นี่ปกติโมโหใส่คนอื่นแบบนี้ด้วยรึเปล่าน่ะ?”
   ผมรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรเข้ามาจุกที่คอกะทันหัน เอ่อ.... ที่จริงมันก็ตั้งยี่สิบกว่าปีมาแล้ว แถมผมก็อายุเยอะแล้ว มันไม่ควรจะมีอาการแบบนี้แล้วล่ะ หรือว่าเพราะตั้งแต่ตอนนั้น ผมไม่ได้บอกสาเหตุที่แท้จริงกับเขาไปนะ พอเขาพูดอะไรแบบนี้ มันเลยเหมือนเสี้ยนที่ย้อนกลับมาทิ่มผมอีก
   ผมเม้มปาก สุดท้ายก็พูดตอบเขาไป “เปล่า...”
   “พนิต?!”
   ผมกะพริบตาปริบๆ ไม่ไหวแล้วจริงๆ นะ เขาน่ะ ใจร้ายโดยไม่รู้ตัวเกินไปแล้วล่ะ นี่ถ้าเขาหัวล้าน อ้วนฉุ ผมคงทำใจได้ง่ายกว่านี้ คงพอจะคุยกับเขา แซวเขาเรื่องหุ่น เรื่องาน ทำใจคุยกับเขาเหมือนเพื่อนเก่า คงพอจะทำใจอะไรได้บ้าง แต่เขาดัน... หล่อเหมือนเดิม........ ผมเลย..........
   พอเห็นเขาขยับเข้ามา ทำท่าเหมือนจะจับหน้าผม ผมเลยขยับหนี แล้วพูดออกไป “โทษที ไม่รู้อะไรมันบินเข้าตาน่ะ”
   ที่จริงมันเป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเอาซะเลย นี่มันในโรงแรม มันจะมีแมลงอะไรมาบินเข้าตาผมได้ล่ะ แต่ผมนึกข้อแก้ตัวดีกว่านี้ไม่ออกแล้ว ก็น้ำตามันไหลออกมาขนาดนี้ จะให้ผมบอกเขาหรือ.. บอกเขาหรือว่าผม............
   ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา แล้วพูดต่อ “เรา... เราไปล้างตาแป๊บหนึ่งนะ” จากนั้นผมก็หันหลัง เดินกลับไปที่ห้องน้ำทันที แต่ผมไม่ได้ตรงไปที่อ่างหรอก ผมตรงไปที่ห้องสุขา แล้วก็ปิดประตู คือ... ผมไม่อยากให้ใครเห็นน่ะ ว่าผมร้องไห้ไปล้างหน้าไป... มันคงไม่น่าดูเท่าไหร่หรอก
   ผมปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา พลางนึกด่าตัวเอง ทำไมต้องมาเป็นอาการแบบนี้ต่อหน้าเขาด้วยนะ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นผมยังไม่เคยมีอาการแบบนี้เลยแท้ๆ ตอนที่เขาเจอผมในห้องเรียน ถามผมถึงเรื่องที่ผมขอย้ายหอพัก ผมยังตอบเขาด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง ว่าอยากได้สมาธิคิดทีสิท ผมไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าเขา กระทั่งตอนที่อยู่ห้องเดียวกัน ผมยังแอบร้องไห้คนเดียวกับหมอนเงียบๆ ไม่เคยแสดงอะไรให้เขารู้เลย
   เขาคงไม่รู้ว่าผมเคยชอบเขามาก ผมเคยมีความสุขที่ได้ตื่นเช้ามาเห็นหน้าเขาทุกวัน ชอบที่จะเล่านั่นเล่านี่ให้เขาฟัง เล่านิยายที่ผมคิดไว้โดยแอบเอาเขามาเป็นตัวเอกให้เขารู้ แต่เขาคงรำคาญ รำคาญผม ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาเริ่มใช้คำพูดแดกดันโดยไม่รู้ตัวกับผม ไม่สิ เขาเป็นคนพูดแบบนั้นอยู่แต่แรกแล้ว แต่ผมก็ยังชอบที่จะได้อยู่ใกล้ๆ เขา จนวันนั้น วันที่เขาพูดใส่หน้าผม
   “พนิต หยุดเพ้อเจ้อถึงนิยายของนายสักทีเถอะ เรารำคาญ”
   เขาแค่อาจจะอยากให้ผมพูดเรื่องอื่นบ้าง แต่ผม.... ผมพูดอะไรกับเขาไม่ออกอีกเลย... ผม...
   เขาไม่ได้ตั้งใจ ผมรู้... เขาแค่หวังดี เตือนผมไม่ให้เพ้อเจ้อ
   เขาดีทุกอย่าง แต่ผม.....
   
   หลังจากวันนั้น ผมไม่รู้สึกมีความสุขเวลาได้มองหน้าเขาอีก แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรที่รังเกียจผมเลย แต่ผมกลับรู้สึกอึดอัดอยู่ลึกๆ ผมรู้ว่าเขาอดทนกับผม ผมรู้ว่าเขาเป็นคนใจดี แต่ผมคงทนให้เขาทนผมไม่ไหวแล้วพูดออกมาแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว
   ผมแยกตัวเองออกมา หาข้ออ้างที่ฟังดูน่าชื่นชม แต่อันที่จริงแล้ว ผมแค่เพียงพยายามจะเอาเขาออกไปจากโลกส่วนตัวของผม พยายามจะกอบกู้โลกส่วนตัวที่ผมบังเอิญรับเขาเข้ามา แล้วเขาก็บังเอิญทำลายมันไปอย่างไม่ตั้งใจ
   แต่ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอีกยี่สิบกว่าปีต่อมา ผมต้องมาเจอเขา ในสภาพที่เราต่างแทบจะไม่เปลี่ยนกันไปเลย แค่ประโยคคำพูดสองสามคำ เขาก็ขุดเอาซากความเสียหายที่ผมฝังเอาไว้อย่างที่ขึ้นมาแสดงต่อหน้าผมโดยที่เขาไม่รู้ตัว ผมถึงได้รู้ รู้ว่าผมไม่ได้ลืม ผมจำได้ทุกอย่าง ผมโกรธ ผมโมโห... และผมเสียใจ
   เสียใจที่ผมยังไม่ลืมเรื่องที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำพวกนั้นลงไปได้เสียที
   ทั้งๆ ที่ผมควรจะพูดกับเขาให้ดีกว่านี้แท้ๆ

   ผมยืนร้องไห้เงียบๆ สักพัก ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เลยนึกขึ้นได้ว่าอาจจะรบกวนการทำธุระส่วนตัวของใครอยู่ เลยรีบเช็ดน้ำตา แล้วเปิดประตูห้องสุขาออกมา ตรงไปที่อ่างล้างหน้า วักน้ำล้างสักหน่อย พอล้างหน้าเสร็จ ก็หันไปเห็นภูมิวัฒน์ยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ
   “พนิต... ออกไปคุยกันต่อข้างนอกนะ”
-------------------------------------
   ด้านนอกโรงแรมไม่มีอะไร แม้กระทั่งสวนหย่อม เพราะเป็นโรงแรมในเมือง ภูมิวัฒน์พาผมเดินผ่านประตูโรงแรมออกมา แล้วเดินวกเข้าไปในที่จอดรถ ผมเลยต้องถามเขา “จะไปคุยกันที่ไหนน่ะ?”
   “รถเรา” เขาตอบผม แล้วพูดต่อ “เผื่อมีอะไร นายจะได้ไม่ต้องอายคนมาก”
   ผมหยุดเดินขึ้นมาดื้อๆ ภูมิวัฒน์หันมามองผม จากนั้นก็ยื่นมือมาดึงแขนผมไป “ไปเถอะ เราว่าวันนี้เรากับนายต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
   สุดท้ายผมก็ต้องเข้ามานั่งในรถเขา ภูมิวัฒน์เปิดประตูให้ผมนั่งเบาะหลัง ส่วนเขาไขกุญแจรถแล้วเปิดแอร์ จากนั้นก็เปิดประตูเข้ามานั่งข้างผมที่เบาะหลัง “พนิต... บอกเราสิ นายรู้สึกยังไงกับเรากันแน่?”
   ผมอึ้งไปนิดๆ แล้วก็ขืนหัวเราะออกมา “อืม... เราว่านายไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”
   “.............” ภูมิวัฒน์นิ่งไปพักเหมือนกำลังชั่งใจอะไรสักอย่าง จากนั้นก็พูดออกมา “นายโกรธเราใช่มั้ย?”
   “เปล่า?”
   “นายโกรธเรา... เรารู้ ไม่งั้นนายจะย้ายหอทำไม นายบอกเราตามตรงเถอะ เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว เราไม่อยากให้นายผูกใจเจ็บโดยที่ไม่ยอมให้โอกาสเราแก้ตัวหรือขอโทษเลย บอกเราเถอะ”
   ผมสูดหายใจลึก “ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรหรอก เราคิดมากของเราเองน่ะ”
   “อืม... นายคิดมากเรื่องอะไรล่ะ?”
   “................” ผมไม่รู้จะตอบเขาว่าไง เลยได้แต่ยิ้มๆ “ช่างมันเถอะ เรากลับไปในงานดีกว่า เพื่อนๆ รอแล้วล่ะ”
   พูดจบผมก็ทำท่าจะเปิดประตูรถออกไป แต่กลับถูกเขายุดมือไว้ก่อน “นายโกรธเรื่องที่เราว่านิยายของนายใช่มั้ย?”
   ผมนิ่งไปพัก สุดท้ายก็ส่งเสียงออกมา “อืม...”
   “รู้รึเปล่าว่าทำไมเราถึงพูดใส่นายไปแบบนั้น”
   “อืม... เรารู้ ว่าเราน่ารำคาญ” ผมพูดตอบเขาไป แล้วรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกตรงคอ หน้าของภูมิวัฒน์จู่ๆ มันก็พร่าเสียอย่างนั้น ผมก็เลยต้องรีบกะพริบตาเพื่อไล่ม่านน้ำตาที่ทำท่าจะก่อตัวขึ้นออกไปก่อน
   “นายไม่ต้องขอโทษเราหรอก นายไม่ได้ทำผิดอะไร”
   มือของภูมิวัฒน์ที่จับอยู่บีบแน่นขึ้นจนผมรู้สึกได้ “พนิต... เราชอบนายนะ”
   ผมเกือบจะร้อง”หา?!”ออกไป แต่ท่าทางผมคงอึ้งจนขากรรไกรค้าง ไม่สามารถขยับได้กะทันหัน เลยได้แต่จ้องหน้าเขา แล้วถามตัวเองว่าฟังอะไรผิดไปรึเปล่า..
   ภูมิวัฒน์ดูท่าทางจะลำบากใจเมื่อเห็นสีหน้าผม แต่ก็เหมือนว่าเขาตัดสินใจลงไปแล้วล่ะมั้ง เลยพูดให้ผมได้ยินอีกครั้ง “เราชอบนาย ชอบนายตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้ว”
   “?!”
   “เราตั้งใจชวนนายมาเป็นรูมเมท เราอยากอยู่ใกล้ๆ นาย”
   ผมหูอื้อกะทันหัน ชักสงสัยแล้วว่านี่ผมฝันหรืออะไรกันแน่ ภูมิวัฒน์คนนั้นน่ะนะ บอกว่าชอบผม?!
   “นายไม่เชื่อเราใช่มั้ย?” เขาพูดเหมือนอ่านใจผมออก จากนั้นก็ยิ้มออกมาหน่อยๆ “เราพลาดเองที่ไม่เคยบอกนายเลยสักครั้ง เรากลัวว่าถ้าพูดไปแล้วนายไม่ได้คิดเหมือนเรา นายอาจจะหนีจากเราไป”
   “......................” ผมอ้าปาก แต่ไม่มีเสียง เออ... ผมไม่เชื่อเขาหรอก เขาพูดอะไรของเขาน่ะ ดื่มมากไปเลยเมารึเปล่า แต่ภูมิวัฒน์ก็ยังพูดต่อ
   “รู้ไหม เวลาที่นายเอาจดหมายรักของคนอื่นมาให้เรา เราแอบหวังทุกที แอบหวังจะเห็นลายมือนายในกองจดหมายพวกนั้น เวลานายถามว่าเราทำไมไม่ตอบจดหมายบ้าง เราอยากจะบอกนายจริงๆ ว่าถ้านายเป็นคนเขียนเราจะตอบ”
   “...........................” ผมเป็นใบ้ไปอย่างสิ้นเชิง ได้แต่มองหน้าเขา ฟังเขาพูด ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขารู้สึกกับผมแบบนั้น ก็เขา.... เขาไม่เคยแสดงออกให้ผมรู้เลยนี่นา
   ภูมิวัฒน์นิ่งไปพัก เขาบีบมือผมแน่นอีก แล้วพูดต่อ “เวลาที่นายเล่านิยายที่นายคิดให้เราฟัง เราอิจฉาตัวละครในนิยายของนายจริงๆ นายดูมีความสุขเวลาพูดถึง มันอาจจะฟังดูตลกนะพนิต ตอนนั้นเราอิจฉาตัวละครในนิยายของนาย เราอิจฉาที่นายสนใจมโนภาพพวกนั้นมากกว่าเรา เราเลยพูดกับนายแบบนั้น แค่อยากให้นายหันมาสนใจเราบ้าง แต่สุดท้าย...” เสียงเขาพร่าไปกะทันหัน พอๆ กับสายตาของผม เราเงียบกันอยู่พักใหญ่ ได้ยินแต่เสียงรถบางคันในลานจอดรถที่แล่นออกไป มือของเขาบีบแน่นขึ้นอีก
   “เราเพิ่งมารู้เอาตอนสายว่านายไม่ได้คุยกับเราด้วยรอยยิ้ม ไม่หันกลับมามองเราอีกแล้ว คำขอโทษของเรา นายก็ไม่รับรู้มันแล้ว เราทำให้นายเดินจากเราไป โดยที่เราไม่เคยพูดให้นายรู้ถึงความรู้สึกของเราเลยสักครั้ง”
   ผมสูดหายใจลึก ทั้งหัวทั้งอกตื้อไปหมด นี่มันอะไรกันน่ะ เขาคิดกับผมแบบนี้หรือ ที่เขาพูดแบบนั้น ก็เพราะว่าเขาชอบผมหรือ?
   “พนิต... เราไม่ขอให้นายยกโทษให้เราหรอกนะ แต่ตอบคำถามเราสักคำถามได้ไหม?” ภูมิวัฒน์พูดออกมา หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ท่าทางเขาเองก็คงสะเทือนใจไม่แพ้ผม เพราะเขาสูดหายใจลึกอยู่หลายครั้งเหมือนกัน ผมพยักหน้า จากนั้นเขาก็เริ่มคำถาม
   “ตอบเราตรงๆ นะ นายเคยชอบเราบ้างไหม?”
   หัวใจผมเต้นตึกๆ จนได้ยินสะเทือนมาถึงหู แต่ก็แค่สองถึงสามครั้งเท่านั้น จากนั้นความเงียบก็เข้ามาแทน ผมเม้มริมฝีปาก สูดหายใจสลับกับถอนหายใจอยู่หลายครั้ง พยายามจะหาคำพูดที่เข้าท่าที่สุดเพื่อตอบคำถามเขา
   ภูมิวัฒน์นั่งเงียบๆ รอคำตอบจากผมอย่างอดทน โดยที่ยังจับมือผมเอาไว้อยู่ จำได้ว่าสมัยเรียน เขาเคยจับมือผมแบบนี้ ตอนที่ผมไม่สบาย นับแล้วเขาก็เป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของผม....
   เพื่อนที่ดี.........
   “ถ้าเราไม่ชอบนาย... เราคงไม่โกรธนายนานขนาดนี้หรอก” ผมได้ยินเสียงตัวเองพูดตอบไป จากนั้นก็รู้สึกอย่างชัดเจนว่าน้ำตามันร่วงผล็อยลงบนตัก ภูมิวัฒน์ขยับเข้ามาใกล้ผม ท่าทางเขาดูตื่นเต้น “พนิต... นายเอง ก็คิดเหมือนกันหรือ? นาย... ก็ชอบเราเหมือนกันสินะ”
   ผมยิ้มออกมา ไอ้น้ำตาที่มันไหลไปแล้วก็ช่างมันแล้วกัน “อืม... แต่ว่า... ถ้าให้เราเลือกระหว่างพระเอกนิยายของเรากับนาย เราขอเลือกพระเอกนิยายดีกว่า.... เพราะงั้น.... เราไม่โกรธนายแล้วล่ะ”
   เขามองผมอึ้งๆ ผมเองก็มองตอบเขา ผมว่าเราทั้งคู่อึ้งไม่แพ้กันนั่นล่ะ ผมอึ้งเพราะเพิ่งรู้ว่าเขาชอบผม และเพิ่งตัดสินใจได้เหมือนกันว่า ถ้าเขาต้องการจะให้ผมสนใจเขามากกว่านิยายล่ะก็.. ผมคงจะชอบตอบเขาไม่ไหว เขาเองก็คงอึ้งกับคำตอบของผมเหมือนกัน
   ตลกดี เราสองคนมาถามและตอบคำถามที่ควรจะถามกันตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีที่แล้วเอาป่านนี้ แต่ว่าผลลัพธ์ดูจะไม่ต่างไปเลย
   ในที่สุด ภูมิวัฒน์ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “เราเอาชนะพระเอกนิยายของนายไม่ได้จริงๆ แต่ช่างเถอะ เรารู้อยู่แล้วล่ะ ยังไงนายก็รักโลกส่วนตัวของนายที่สุด”
   “อืม... ขอโทษด้วยนะ” ผมได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไป น่าแปลกจริงๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เขาพยายามมาขอโทษผมแท้ๆ แต่ผมกลับยกโทษเรื่องที่เขาทำร้ายจิตใจผมไม่ได้ พอถึงตอนนี้ ผมกลับรู้สึกผิดต่อเขา ผมไม่นึกโกรธเขาแล้ว แค่สงสารชะตากรรมของเราสองคน ที่บังเอิญทำให้เขาต้องมาชอบคนอย่างผม และมันก็แย่ที่คนอย่างผมคงสละโลกส่วนตัวให้เขาไม่ได้ทั้งใบ กระทั่งส่วนหนึ่งของมันผมก็หักใจทำลายให้เขาไม่ได้ แม้ว่าผมจะชอบเขามากก็ตาม
   คงเพราะผมรักโลกส่วนตัวมากที่สุดอย่างที่เขาว่าจริงๆ....
   “นี่ พนิต” ภูมิวัฒน์เรียกผมหลังจากพวกเราเงียบกันไปพักใหญ่ ผมเงยหน้ามองเขา “มีอะไรล่ะ?”
   “เดี๋ยวกลับเข้าไปในงานแล้ว นายร้องคาราโอเกะกับเราสักเพลงสิ”
   ผมหัวเราะออกมา “ทำไมจู่ๆ ถึงชวนร้องคาราโอเกะล่ะ?”
   “เราอยากแน่ใจว่านายไม่โกรธเราแล้ว นายกับเราไม่เคยทำอะไรร่วมกันมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว แล้วคงไม่ได้มีโอกาสจะมาทำอะไรด้วยกันเท่าไหร่แล้ว เพราะงั้น.. ร้องคาราโอะเกะกับเราสักเพลงก็แล้วกัน”
   ผมมองเขา แล้วถามอีก “เพลงอะไรล่ะ?”
   เขาตอบผมยิ้มๆ “อุบไว้ก่อน รับรองว่านายร้องได้แน่ๆ”
------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 26-12-2011 14:23:21
   พอกลับไปถึงห้องจัดเลี้ยง ภูมิวัฒน์ก็จัดการลากผมไปขึ้นเวทีร้องคาราโอเกะอย่างที่พูดเอาไว้ทันที พอเขาเลือกเพลงมา ผมถึงขั้นขนลุก แต่จะหันไปด่าเขาก็ใช่ที่ เพราะเพื่อนๆ ฟังอยู่ พอขึ้นทำนองน่ะ ผมร้องเป็นหรอก แต่ว่าทำไมเขาถึงต้องชวนผมมาร้องคู่หลังเราปรับความเข้าใจกันได้แล้วด้วยนะ
   พอทำนองขึ้นสักพัก ภูมิวัฒน์ก็เริ่มร้อง…

   “แอบมองไปเจอ
ฉับพลันนั้นเธอก็เหม่อมองสบสายตา
เธอต้องอุราให้ฉันคิดรัก
เธอในแรกเราพบกัน
ใจตรงกับใจ สายตาที่บอก
คิดยืนยันแอบรักเมื่อวันก่อน
เกิดเป็นความรัก ความรักเมื่อแรกเจอ
จิตใจละเมอติดยังฝังตรึง
ความรักมันเรียกร้อง
ทุกเวลาให้ฝันถึงวันก่อน
อยากบอกเธอ รักครั้งแรก
จากวันเป็นเดือน
จิตยังฝังเตือนให้แอบพะวงถึงเธอ
ไม่กล้าเสนอว่ารัก
เธอเปี่ยมล้นจนเต็มหัวใจ
วันคืนผ่านไป หัวใจจะบอก
รักจำนรรแต่ฉันไม่กล้าเอ่ย
เกิดเป็นความรัก
ความรักเมื่อแรกเจอ
จิตใจละเมอคิดยังฝังตรึง
ความรักมันเรียกร้อง
ทุกเวลาให้ฝันถึงวันก่อน
อยากบอกเธอ รักครั้งแรก
หวั่นใจเพียงใดไม่กล้า
เผยคำพร่ำเอ่ยสุนทรวจี
อัดอั้นเต็มทีจึงลองถาม
นิดว่าเธอรักใครหรือยัง
คำเดียวที่คอย หวังเธอจะบอก
รักเช่นกันต่างรักเมื่อวันก่อน
เกิดเป็นความรัก
ความรักเมื่อแรกเจอ
จิตใจละเมอคิดยังฝังตรึง
ความรักมันเรียกร้อง
ทุกเวลาให้ฝันถึงวันก่อน
อยากบอกเธอ รักครั้งแรก”

ไหนๆ ก็รับปากเขาแล้ว แล้วทักษะร้องเพลงผมก็ใช่ว่าแย่ ในเมื่อเขากล้าร้อง ผมก็กล้าร้องเหมือนกัน พอจบเพลง ภูมิวัฒน์ก็เลือกเพลงต่อโดยไม่ถามผม คราวนี้เป็นเพลงรอยเท้าบนผืนทราย จากนั้นก็ต่อด้วยปราสาททราย แรกๆ เพื่อนเอาดอกไม้ในโต๊ะมาให้ หลังๆ เริ่มตะโกนแซวกันนิดๆ หน่อยๆ พอร้องปราสาททรายจบ ก็มีคนมาขอผลัด เพราะติว่าพวกผมร้องเพลงกันเศร้าลงเรื่อยๆ เราเลยกลับมานั่งที่โต๊ะ
คราวนี้บรรยากาศในโต๊ะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมเริ่มแซวภูมิวัฒน์ เราคุยกันสารพัดเรื่อง จนผมมารู้สึกตัวอีกที ตอนที่เพื่อนอีกคนทักผมว่าโทรศัพท์เข้า ผมยังงงอยู่ได้อีกพัก ถึงนึกได้ว่าพกโทรศัพท์มือถือมา กว่าจะได้กดรับ ผมคิดว่าคนโทรมาคงจะวางสายไปแล้วล่ะ
“สวัสดีครับ” ผมกรอกเสียงลงไป กลั้นใจว่าคงไม่ได้รับเสียงตรู๊ดๆ อย่างอาการของสายที่ถูกตัดไปเป็นเสียงตอบกลับมา
“ครับ พี่นิตอยู่ไหนแล้วครับ?” เสียงปลายสายทำเอาผมเลิกคิ้วหน่อยๆ ก่อนจะนึกได้ว่ามีคนเดียวที่รู้เบอร์โทรศัพท์เครื่องนี้นี่นา เลยตอบเขากลับไป “ยังอยู่ที่งาน โจมีอะไรหรือ?”
“อืม พี่นิตจะกลับหรือยังครับ? พอดีผมออกมาธุระนอกบ้าน ถ้าพี่จะกลับเดี๋ยวผมจะได้แวะไปรับ”
ผมหัวเราะออกมา “โจผ่านรึไงน่ะ รู้หรือว่าพี่มางานแถวไหน”
“แถวไหนล่ะครับ”
ผมบอกสถานที่เขาไป ได้ยินสุภาพงษ์ตอบกลับมาทันใจ “อืม... ใกล้ๆ นี้เอง ผมอยู่...”
พอได้ยินเขาบอกว่าธุระอยู่แถวไหน ผมก็หันไปถามเวลากับเพื่อนทันที จากนั้นก็พูดกรอกโทรศัพท์ “งั้นโจจะแวะเข้ามากี่โมงล่ะ”
“สักสี่ทุ่มครึ่งน่ะครับ พี่นิตจะกลับหรือยังครับ”
“อืม.. ก็ได้ สี่ทุ่มครึ่ง” ผมว่า แล้ววางสายไป พอวางเสร็จเพื่อนๆ ก็แซวกันใหญ่
“ไหนพนิตบอกว่าไม่พกโทรศัพท์มือถือไง แล้วตะกี้อะไรน่ะ”
“บ.ก.ซื้อให้น่ะ” ผมตอบเพื่อนไป แน่นอนว่าได้รับเสียงแซวกลับมาทันควัน “เอาไว้ทวงงานล่ะสิ แล้วนี่ที่โทรมาตะกี้น่ะบ.ก.รึเปล่าน่ะ? อย่าบอกนะว่านายอู้ส่งงานจนเขาต้องโทรตามดึกป่านนี้น่ะ”
“เปล่า” ผมตอบ “คือเขาโทรมาถามเฉยๆ ว่าจะกลับด้วยกันรึเปล่า เห็นว่าทำธุระอยู่แถวนี้น่ะ”
“บ.ก.นายทำธุระดึกจังเลยนะ... สนิทกันเหรอ?”
“ก็ทำนองนั้น เคยเป็นเด็กข้างบ้านกันมาก่อนน่ะ”
“อ้าว... ฮ่ะๆ โลกกลมดีนะ”
ผมได้แต่หัวเราะตอบไป ได้ยินเสียงภูมิวัฒน์กระซิบข้างๆ “พนิต เดี๋ยวเราออกไปส่งนายนะ”
ผมหันไปมองเขา แล้วพยักหน้างงๆ “อืม”
-------------------------------------------
   พอใกล้ๆ สี่ทุ่มครึ่ง ผมก็ขอตัวออกมา ภูมิวัฒน์เดินตามมาส่ง ระหว่างทางเขาก็พูดขึ้น “พนิต... บ.ก.น่ะ ผู้ชายสินะ?”
   “อืม”
   “อายุเท่าไหร่แล้ว?”
   “สามสิบสี่”
   “อืม....” ภูมิวัฒน์เงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็ถามต่อ “เขาจีบนายอยู่รึเปล่า?”
   ผมเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง “ทำไมถามแบบนั้นน่ะ”
   อดีตรูมเมทผมเลิกคิ้ว แล้วยิ้มหน่อยๆ “ก็นายยังดูดีอยู่เลย ไม่มีใครจีบสิแปลก”
   ผมมองเขาอึ้งๆ เห็นเขาขยับปากพูดอีก “ทำหน้าแบบนั้นอีกแล้ว นี่ ยิ้มหน่อยสิ เวลานายยิ้มน่ะ โลกสดใสสุดๆ เลยนะ”
   ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบเขา “นี่นายจะพูดอะไรกันแน่น่ะ”
   ภูมิวัฒน์ทำหน้าลำบากใจ “พนิต... นายน่ะ คิดยังไงกับบ.ก.คนนั้นล่ะ ถ้าไม่ตกลงปลงใจกับเขาล่ะก็ อย่าไปผูกสัมพันธ์อะไรด้วยมากเลยนะ ไม่ต้องให้เขาซื้อโทรศัพท์ให้ หรือมารับมาส่งก็ได้ นี่ไม่ใช่ว่าอะไรนายนะ เราสงสารน้องเขาน่ะ กลัวเขาจะอกหักเพราะนายรักโลกส่วนตัวมากไปอีก”
   ผมอึ้งไปอีก เอ่อ... นี่เขาหลอกด่าผมรึเปล่านะเนี่ย พอเห็นผมทำหน้าอึ้ง ภูมิวัฒน์เลยรีบพูดอีก “เอาน่าๆ ขอโทษด้วยนะที่พูดอะไรไม่ดีอีกแล้ว ก็เรามันคนขี้อิจฉานี่นา”
   ผมเลิกคิ้วมองเขา ตั้งใจว่าจะตอกเขาให้ได้สักครั้ง เลยพูดออกไป “อืม.. เดี๋ยวนี้นายหันมาอิจฉาคนมากกว่านิยายแล้วรึเนี่ย”
   ภูมิวัฒน์หัวเราะ “เราอิจฉาไปหมดแหละ อะไรที่นายมองน่ะ เพียงแต่นายไม่ได้สังเกตเท่านั้นเอง”
   “..................”
   จากนั้นเขาก็ยกมือมาตบไหล่ผมเบาๆ “เราอยากให้นายหาใครเอาไว้ใกล้ๆ คอยดูแลสักคน อายุเราก็เยอะๆ กันแล้ว อยู่คนเดียวเหงานะ”
   “มันไม่เหงาขนาดนั้นหรอกน่า พูดดีไปเถอะ นายเองก็ยังไม่แต่งงานไม่ใช่หรือไง?”
   ภูมิวัฒน์ไม่ตอบอะไรผม ได้แต่หัวเราะเบาๆ ก่อนที่รถเก๋งสีขาวจะแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าประตูโรงแรม เจ้าเพื่อนผมเลยผลักไหล่ผมเบาๆ “ขอบคุณ แล้วก็ขอโทษ โชคดีนะ”
   ผมหันไปมองเขา แล้วพูดตอบไป “ขอโทษนะ โชคดีเหมือนกัน”
   จากนั้นก็เดินลงไปที่รถ ที่จริงมันมีเด็กที่ทำหน้าที่เปิดประตูให้แขกเวลาจะขึ้นรถ แต่ว่าคงไม่ได้มาทำหน้าที่เปิดประตูรถเก๋งสีขาวที่เพิ่งมาจอด เพราะเจ้าของรถจอดแล้วก็รีบออกมาเปิดประตูให้ผมทันที แหม... เขาเป็นเด็กเปิดประตูรถที่หล่อไปแล้วล่ะ
   พอเข้ามานั่งในรถ รัดเข็มขัดเรียบร้อย สุภาพงษ์ก็หันมาถามผม “งานเลี้ยงรุ่นเป็นไงบ้างครับ?”
   “ก็สนุกดี” ผมตอบ พลางมองแสงไฟจากป้ายนีออนวิบๆ วับๆ ตามทางที่รถแล่นผ่าน พวกเรานั่งเงียบๆ กันได้สักพัก สุภาพงษ์ก็เอื้อมมือไปเปิดวิทยุ เสียงเพลงที่ดังขึ้นทำเอาผมขนลุก
แอบมองไปเจอ
ฉับพลันนั้นเธอก็เหม่อมองสบสายตา
เธอต้องอุราให้ฉันคิดรัก
เธอในแรกเราพบกัน
ใจตรงกับใจ สายตาที่บอก
คิดยืนยันแอบรักเมื่อวันก่อน…….
ผมหันไปมองสุภาพงษ์ เห็นเขาเม้มปากนิดๆ “เพลงเพราะนะครับ”
ผมถลึงตาจ้องเจ้าเครื่องเล่นวิทยุเขาแทบทะลุ ก่อนจะถามออกไป “นี่เทปหรือวิทยุน่ะ”
“วิทยุครับ” สุภาพงษ์ตอบผมด้วยน้ำเสียงงงๆ คงจะงงกับผมที่อุตส่าห์เค้นเสียงรอดไรฟัน เพื่อจะถามเรื่องแค่นี้ล่ะมั้ง แต่ผมกันไว้ก่อน ไม่ไหวนะ คืนเดียวเจอทั้งของเก่าของใหม่ เดี๋ยวผมก็หัวใจวายตายพอดี
เพลงรักครั้งแรกจบไป มีเสียงดีเจพูด ผมเลยค่อยชื้นใจว่าเป็นวิทยุจริงๆ แล้วสักพัก เพลงแฟนฉันก็ขึ้นต่อ
“นี่มันรายการเพลงวงชาตรีหรือไง” ผมอดถามออกมาไม่ได้ ได้ยินเสียงสุภาพงษ์ตอบผม “ไม่มั้งครับ มีคนขอไปเขาก็เลยเปิดนี่ เพลงนี้ผมก็ชอบนะ”
“เกิดทันหรือไง?” ผมย้อนเขาไป คนขับรถรูปหล่อของผมตอบทันควัน “ทันสิครับ ก็ตอนนั้นผมอยู่ประถม หลังจากนั้นลิฟท์กับออยก็เอามาร้องอีกที”
“อ้อ” ผมส่งเสียงในคอ นึกออกลางๆ ถึงนักร้องวัยรุ่นช่วงยุคเพลงสตริง อืม.. สองคนนั้นก็ร้องเพลงใช้ได้เหมือนกัน นั่งฟังไปได้สักพัก ผมก็หันไปถามเขาอีก “โจ... พี่ถามหน่อยนะ โจขี้หึงมั้ย?”
ผมว่าสุภาพงษ์ชะงักไปหน่อยหนึ่งเหมือนกันนะ แต่ดีที่ไม่ขนาดเหยียบเบรกจนหน้าทิ่ม เขาค่อยๆ ชะลอรถเข้าข้างทาง แล้วหันมาถามผมด้วยสีหน้าตื่นเต้น “พี่นิต... จะให้ผมหึงได้หรือครับ?”
นี่ถ้าผมเป็นนักมวย คงเซแซดๆ เพราะโดนหมัดแยบแบบไม่ทันตั้งตัวแล้วล่ะ ดีที่ผมเป็นนักเขียนนิยาย เลยมีอาการแค่เกือบสำลักน้ำลายเท่านั้น
“เปล่า... ถามดูน่ะ”
“อืม...” คราวนี้ผู้ชายรูปหล่อ กระทั่งมีแค่แสงจากไฟเสาไฟฟ้ายังดูดีทำหน้าใช้ความคิด ก่อนจะตอบออกมา “ที่จริงผมว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคลนะ คือ.. ถ้าแค่มองหรือว่าแอบปลื้ม ผมไม่ว่าอะไรหรอก แต่ถ้าจะเปลี่ยนใจก็ต้องบอก... ผมไม่ชอบคนขี้หึงไม่มีเหตุผลเหมือนกัน”
“อืม...” ผมครางในคอ สุภาพงษ์พูดขึ้นอีก “แต่ถ้ามีใครมาลวนลามแฟนผม ผมต่อยเลยนะ เข้าโรงพักค่อยว่ากันอีกที”
ผมอึ้งไปนิด “เคยมีใครมาลวนลามนายกั้งหรือไง?”
“เปล่าครับ” เขาพูด แล้วหันมามองผม ตอนแรกผมยังไม่คิดอะไร แต่พอเขามองเงียบๆ นานเข้า เลยชักรู้สึกเหมือนกัน “นี่ ไม่มีใครลวนลามคนแก่อย่างพี่หรอก”
สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ จากนั้นก็ยิ้มออกมา โอ๊ย เขาช่วยกลับไปยิ้มแบบสังเกตไม่ออกเหมือนเดิมทีเถอะ เรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะต้องยิ้มโจ่งแจ้งแบบนี้เลย
นั่งโมโหรอยยิ้มเขา แต่ตายังจ้องไม่กะพริบอยู่ได้พัก สุภาพงษ์ก็ขยับปากพูดต่อ “พี่นิต..”
“อะไรอีกล่ะ?”
“เป็นแฟนผมเถอะ ผมไม่ขี้หึง...”
ผมรีบหันไปดูไฟตรงถนน ว่ายังติดอยู่รึเปล่า ก่อนจะพูดออกไปโดยไม่หันกลับไปมองหน้าเขา “รีบกลับเถอะ พี่ง่วงแล้ว”
สุภาพงษ์ส่งเสียงอืม ก่อนจะออกรถ ในที่สุด หลังจากจ้องไฟข้างถนนจนเกือบจะเรียกได้ว่าเมารถ ผมก็กลับถึงบ้านเสียที
สุภาพงษ์เข้ามาส่งผมถึงในบ้าน อืม... แถมดูจะอ้อยๆ อิ่งๆ ด้วยล่ะมั้ง ดึกแล้วแท้ๆ ยังไม่รีบกลับบ้านอีก แอบหวังให้ผมชวนค้างที่บ้านหรือไง?
“โจ.. กลับบ้านได้แล้วล่ะ” ผมแกล้งไล่เขา หลังจากเห็นว่าเขาทำท่าจะเนียน ถ้าผมไม่ไล่คงไม่กลับ ไม่เกรงใจผมจะอาบน้ำ จะไปนอนบ้างหรือไงนะ สุภาพงษ์ทำหน้าอึ้งๆ แต่ก็พยักหน้า “ครับ... ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
พูดจบก็ทำท่าจะเดินออกไป ผมนี่ก็แปลกคนจริงๆ เพิ่งจะออกปากไล่เขากลายๆ แต่พอหันไปดูนาฬิกา เห็นว่าจะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว ปากมันเลยอ้าออกไปอีก
“แต่ว่าดึกแล้วนะ โจขับรถกลับไหวรึเปล่า จะค้างที่นี่ก็ได้นะ”
สุภาพงษ์หันหน้ากลับมาทันที ผมเห็นนะว่าเขาเม้มปากอีกแล้ว “งั้น.. รบกวนด้วยนะครับ”
อืม... ชักสงสัยขึ้นมาแล้วสิ ก่อนหน้านี้เวลาเขากลับดึกๆ ต้องแวะนอนปั้มรึเปล่านะ แต่ผมถือคติ ไม่ประมาทเอาไว้ก่อน ขืนไล่สุภาพงษ์กลับแล้ว เขาไปโดนดักปล้นดักจี้กลางทาง ผมคงรู้สึกผิด เพราะงั้น.... ถ้าเขาอยากค้างให้เขาค้างไปแล้วกัน
-------------------------------------------
**อยากจะร้องว่า "พี่นิต!!" (ดูไร้เหตุผลจริงๆ!!) แบบว่า พี่ินิตเสน่ห์แรงไปแล้ว ล้อมรอบด้วยคนหล่อ.. แต่พี่นิตไม่ตกลงปลงใจสักคน ดันชอบมอง แล้วรักกับนิยายตัวเอง :man1: (ให้มันได้อย่างนี้สิคะ พี่นิต! :เฮ้อ:!)

ที่จริงตอนนี้ท่านผู้อ่านอ่านจบอาจจะรู้สึกว่า ทำไมคุณพี่ภูมิบทมันเด่นจังฟร้า!!! เหมือนมันจะติดเป็นนิสัยแล้วว่า บรรดาเคะสูงวัย(แต่หน้าเอ๊าะ?!)จะต้องมีอดีต โดยส่วนตัวเราไม่ชอบอดีตที่เลวร้ายแบบ หาดีไม่ได้ (โดยเฉพาะคนที่เป็นคนทำให้เลวร้าย<<ยกเว้นกรณีคงฉ่วย แต่... เห่ยอิงก็มีปมส่วนตัวอยู่เหมือนกัน<<ก็ร้ายหลับหูหลับตาอยู่ดีนั่นล่ะ)

เรื่องของคุณภูมิกับคุณพนิต เราว่ามันเป็นโศกนาฏกรรมความรักที่จุดจบสวยงามดี (จริงๆ นะคะ!!) โดยเฉพาะช็อตที่คุณภูมิสารภาพว่า เวลาพนิตเอาจม.มาให้ อยากเปิดอ่านแล้วเห็นลายมือพนิต ทำเอาเราอยากหยิบไปเขียนเรื่องสั้นจริงๆ (ให้มันจบแบบแฮปปี้ คงน่ารักพิลึก<<<คนอย่างแกเขียนอะไรแบบนั้นได้ด้วยเร้อออ)

ความรักของคุณพนิตกับคุณภูมิ เป็นความรักอย่างที่รักกันทั้งคู่ แต่ไม่เข้าใจ ถึงอย่างนั้น เข้าใจก็ใช่ว่าจะไปกันได้ เพราะว่าเส้นความเป็นส่วนตัวและการต้องการก้าวล่วงของทั้งคู่มันสุดขั้วเกินไป

ทีนี้ก็เลยได้เห็นข้อดีของนายโจ.. นายโจมีท่าเด็ด เอาไว้ดอดเข้าไปในหัวใจพี่นิตแล้ว

จะเป็นยังไง ติดตามกันต่อไปนะคะ

ขอบคุณค่ะ :L2:

***แปะเพลง รักครั้งแรกที่พี่นิตร้องกับพี่ภูิมิไว้หน่อย ฮ่าๆ พลงนี้เนื้อหาโดนโจหน่อยหนึ่ง แต่ถ้าของโจ มันต้องพ่วงด้วยแฟนฉัน ถูกต้องที่สุด(<<เมื่อไหร่จะมีวันนั้นล่ะโจ) ส่วนของพี่ภูมิ ตามด้วยรอยเท้าบนพื้นทราย กับปราสาททราย ดูเหมาะดี (จริงๆ น่าจะมีอย่างอื่นที่เหมาะกว่า แต่หาไม่ทันแระ ไม่งั้นเดี๋ยวฟังเพลงเพลิน ไม่ได้อัพวันนี้ ฮ่าๆ)

http://www.youtube.com/watch?v=UsZbh6hdU5Y
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก13(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P13:23/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 26-12-2011 14:38:01
เหนรูปนี้แล้วหมดหวังจะเชียร์ให้ลุงรุกเลยจริงๆTT
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 26-12-2011 15:35:10
ปมลุงพนิตมาไวไปไวมาก

ขอให้ลุงภูมิสุดหล่อได้เจอคนดีๆค่ะ

่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าความแตกต่างก็ไม่ได้ทำให้ลงตัวเสมอไป

ไหนๆอารมณ์ก็พีคแล้ว ลุงเมื่ไหร่อะรับรักตาโจน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 26-12-2011 16:28:15
อยากรู้จริงคนเขียนเรื่องนี้อายูเท่าไหร่
แต่งเรื่องผู้สูงอายุ(รึเปล่า)ได้รื่นซะจริง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 26-12-2011 17:29:19
อยากรู้จริงคนเขียนเรื่องนี้อายูเท่าไหร่
แต่งเรื่องผู้สูงอายุ(รึเปล่า)ได้รื่นซะจริง

ประโยคทำร้ายจิตใจ... เห็นตัวจริงแล้วจะอึ้ง อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 26-12-2011 17:46:46
P'jo suu suu na khaa~~!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 26-12-2011 17:57:14
 :serius2:  อิจฉาพี่นิตนะ อายุแค่สี่สิบห้าเอ๊งงง
มีคนเคยรักเก่าโผล่เข้ามาในวงจรชีวิตรักซะแล้ว
ถ้าโจร้เรื่องจะเป็นยังไงเนี่ย
แต่ว่าก็ว่าเถอะนะ อย่างโจดีกว่า
เหมียวน้อยกระชุ่มกระชวยหัวใจ  อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 26-12-2011 18:21:38
พี่นิตเสน่ห์แรงนี่นา :-[
เมื่อไหร่จะคบกันเสียทีน้อ o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 26-12-2011 18:33:57
เพลงรักครั้งแรก วงชาตรี โจ เกิดทัน เพราะอายุสามสิบสี่แล้ว
แต่FCของคุณjuonหลายๆคนในเล้าที่ติดตามนิยายอยู่ จะเกิดทันไหมเนี่ย อิ อิ
เห็นใจบรรดาหนูเล็กเด็กทั้งหลายจริงๆ อิ อิ
โจ..คืนนี้รุกเลยเด้อโจขอเชียร์เต็มที่  :ped149:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 26-12-2011 18:52:07
พี่นิตเลือดพุ่ง :laugh:

แต่เริ่มใจอ่อนแล้วใช่มั้ย :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 26-12-2011 19:14:56
พี่นิต เสน่หแรงจริงๆ :o8:

แต่คุณภูมินี่ก็กระไร รอจนผ่านมายี่สิบปีถึงเพิ่งเปิดปาก ถ้ามีลูกก็เก็บไว้ใช้ได้แล้วนะเนี่ย

แตไม่เป็นไร เพราะพระเอกเรื่องนี้คือน้องโจ ฮ่าๆ :laugh:

ตอนหน้ารอดูฝีมือโจนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: A_ay ที่ 26-12-2011 19:22:08
อ๊ายยย
พี่นิตตตตตตต

น้องโจไม่ขี้หึงจริงๆน้า

 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 26-12-2011 19:35:04
ชักเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหลงคารมพระเอกซะแล้ว   o22
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 26-12-2011 19:57:54
ปล้ำเลยคืนนี้ พี่นิตหัวช้า ปล้ำก่อนแล้วค่อยอธิบายเราว่าจะเข้าใจกว่า

บางครั้งคำพูด ก้ไม่ได้ทำให้เข้าใจไปกว่าการกระทำ ฉะนั้น ปล้ำซะ !!!  :z1:  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 26-12-2011 20:30:10
โถคุณภูมิ  :เฮ้อ:

(แยกให้คุณภูมิไปเป็นพระเอกอีกเรื่อง :z2:)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 26-12-2011 20:33:31
“เป็นแฟนผมเถอะ ผมไม่ขี้หึง...”

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย

คุณบ.ก.เล่นชวนพี่นิตอย่างงี้บอกได้คำเดียวละลายเป็นน้ำไปแล้วอ่ะ

หุหุ  มีการชวนนอนที่บ้านเป็นครั้งที่สองแล้วอ่ะ 

โอกาศเริ่มมาหาคุณ บ.ก.แล้ว  พยายามต่อไป  สู้ๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 26-12-2011 20:52:49
พี่นิต เมื่อไรจะใจอ่อนซะที เคลียร์กะอดีตอันขมขื่นไปแล้ว ก็เริ่มต้นใหม่กะน้องโจเถอะ
น้องโจแสนดี เป็นแฟนผลงานมาตั้งแต่เด็ก รับรองไม่ขี้หึงนิยายแน่ๆ รับรัเหอะน้า

ส่วนน้องโจ คืนนี้บุกเหอะ ขืนรออีก เดี๋ยวพี่นิตแก่เกินนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 26-12-2011 20:56:54
เห็นเพลงประกอบแล้ว ขำก๊าก
คนอ่านที่รุ่นเด็กๆ คงต้องกดฟังเพลงไปด้วย
ดูเหมือนว่าโจจะมีเครดิตมากขึ้นแล้วน๊า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 26-12-2011 21:14:31
แอบเห็นใจคุณภูมินิด ๆ นะ โอกาส คือ สิ่งที่เอาคืนไม่ได้ พลาดแล้ว พลาดเลยจริง ๆ  :เฮ้อ:
ถ้าพี่แกมีลูกตื้อ ตามจิกไม่ปล่อย(?) ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อน ทุกวันนี้จะเป็นไงหนอ ???
แต่อาการหวงโลกส่วนตัวของคุณพนิตเป็นมาตั้งแต่หนุ่ม ๆ ยิ่งแก่คงยิ่งหนัก  :m23:
แต่ด้วยน้องโจมีความพยายาม(ตื้อ)และทุ่มทุนสร้างมากกว่าคุณภูมิหลายเท่านัก (เท่าที่ดู ๆ )
น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน จะอะไรกับคุณพนิตที่หวั่นไหวกับคุณโจ (โดยเฉพาะความหล่อ  :o8:)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 26-12-2011 22:44:42
อร๊ายยย หนูโจขอเป็นฟนขนาดนั้นแล้วว พี่นิตตตตตอย่าตีเนียนสิคะ  :z3:
ลุ้นแทบตาย พี่นิตอาร์ตอะ โลกส่วนตัวสูง หนูโจข้ามกำแพงไปให้ได้นะลูกกกก
เป็นกำลังใจให้ จากแม่ยกหนูโจ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 26-12-2011 23:24:46
อ่านมาถึงตอนขอเป็นแฟนนี่ฮาเลยอ่ะ 555 น้องโจนี่อึนดีแท้ เอิ้กๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 27-12-2011 01:37:29
อูยยยยยยยยยยย
พี่นิตจ๋า ยอมๆๆๆ (ลากยาวไปอีก 3 หน้ากระดาษ) น้องโจเค้าเถอะน่านะ
จะได้มีคนมาดูแลหัวใจ...เนอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 27-12-2011 10:07:55
นึกว่าโจจะได้คู่แข่งเพิ่มมาซะอีก แต่นะแค่เอาชนะพี่นิตที่ใจแข็งแบบแปลกๆก็หนักพอแล้วเนาะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: zomtum ที่ 27-12-2011 21:02:27
พี่นิต ตก๊ากกก  น่ารักอ้า า :-[ :-[ :-[


โจไม่หึงหรอก คิคิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 27-12-2011 23:02:45
พี่นิต อย่าตีลูกเนียนเงียบสิ น้องโจบอกว่า รัก แถมไม่ขี้หึงด้วยน๊า ถ้าพี่นิตไม่ตอบจะยุน้องโจปล้ำเลยนิ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 27-12-2011 23:05:58
เอาอีก เอาอีก กำลังมันส์ๆเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 27-12-2011 23:18:19
พี่นิตอายุเยอะแล้วก็จริง แต่เสน่ห์ยังแรงอยู่ อิอิ

น้องโจรุกเยอะ ๆ เลยน๊า ดูท่าพี่นิตเสียหลักเยอะแล้วแหละ 55+
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 27-12-2011 23:21:46
"ถ้าให้เราเลือกระหว่างพระเอกนิยายของเรากับนาย เราขอเลือกพระเอกนิยายดีกว่า"

คุณพนิตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตต
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ชอบประโยคนี้มากฮ่ะ  o13
นิยายสำคัญที่สุดฮ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 28-12-2011 00:39:19
น่ารักที่สวดดดดดดดดดดด !
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 28-12-2011 01:08:47
เห็นชื่อคนเขียนก็ตามมาอ่าน คุณพนิตน่ารักคนละแบบกับคุณไพฯ
ชอบแนวนี้  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 29-12-2011 20:46:19
ประโยคทำร้ายจิตใจ... เห็นตัวจริงแล้วจะอึ้ง อิอิ
ไอ้ที่ว่าเห็นตัวจริงแล้วจะอึ้ง เนี่ย 
ใช่สำเนาถูกต้องหงคงฉ่วยมาอ่ะเปล่า

แบบหน้ายังเอ๊าะ  แต่อายุ....ปู๊น ปู๊น ^^ o18 o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 30-12-2011 17:57:24




   โห ความหลังฝังใจ
   แต่โกรธกันมาฟรีๆ 20 ปีแค่เรื่องไม่ยอมเปิดอกคุยกันอ่านะ
   ว่าแต่ว่านายเอกของเราก็นิสัยเด็กจริงๆนั่นล่ะ
   ทำให้เหล่าคนแอบมองต้องเป็นห่วงอยู่เรื่อย



หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 01-01-2012 09:32:06
สวัสดีปีใหม่ค่าาา :mc3: ขอให้เป็นปีที่ดีและมีความสุข สุขภาพแข็งแรงนะคะ


แต่ว่าตอนนี้...

คิดถึงพี่นิตกับน้องโจแล้วค่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-01-2012 14:39:59
แว้บมาสวัสดีปีใหม่ค่ะ....

แต่ยังไม่มีตอนใหม่นะคะ แหะๆ :o8:

มีการ์ตูนมาให้อ่านกันแทนค่ะ

------------------------------------------------
**ของขวัญปีใหม่ที่โจอยากได้จากพี่นิต**

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/out%20of%20order/comic-outoforder.jpg)

ตกลง... พี่นิตตื่นเต้นจนเป็นลม หรือสลบเพราะกลิ่นปากโจกันแน่ (ว้าย ขอโทษค่า แซวเล่นน๊า :impress2:)

ใจจริงพี่นิตอาจจะเขินมากๆ ก็ได้........ (หรือว่าเพราะมัวแต่จินตนาการกันแน่!!)

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/out%20of%20order/kiss.jpg)

Kiss สิ Kiss เลย!! (ได้ยินว่าโจทำไปหลายรอบแล้ว จนพี่นิตเลือดกำเดาพุ่ง!!!!!!)

ีปีใหม่ ขอให้ตั้งใจทำสิ่งๆ ดีๆ เพื่อให้เกิดความดีงามในชีวิต และขอให้เชื่อในเหตุและผลนะคะ

สวัสดีปีใหม่ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-01-2012 15:09:22

น่ารักดี

จะตามอ่านเรื่อยๆ นะ
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 04-01-2012 15:12:32
นึกว่าเอาตอนใหม่มาด้วย ฮิฮิ แอบฮา พี่นิต เป็นลม น่ารักอ่ะ สงสารโจ จะมีเมียแก่ ก็หายาบำรุงพี่แกหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 05-01-2012 18:12:21
น่ารักจังเลย :o8:
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 05-01-2012 18:26:29
น่ารักค่ะ :o8: ว่าแต่ทำไมพี่นิตมีริ้วรอยด้วยอะคะ เด่นชัดที่มุมปาก o22 พี่นิตยังไม่แก่ซะหน่อย :-[

นั่งรอตอนต่อไป :amen:
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: pmnet ที่ 05-01-2012 18:27:24

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/out%20of%20order/comic-outoforder.jpg)

การ์ตูนน่ารัก มาก ชอบเรื่องนี้มากๆผ่อนคลายสุดๆ
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-01-2012 15:15:21
**ตอนใหม่มาแล้วค่ะ^^
------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่15

   สงสัยเพราะยังคึกจากงานเลี้ยงรุ่น ห้าทุ่มแล้วผมยังไม่ยักจะรู้สึกง่วง นี่ถ้ามีไมค์อยู่ใกล้ๆ แล้วมีทำนองขึ้น ผมคงคว้ามาร้องเพลงแล้ว แต่บังเอิญบ้านผมไม่มีทั้งคาราโอเกะ และโฮมเธียร์เตอร์ แถมบรรยากาศก็เงียบสนิท มีแค่เสียงลมพัดใบไม้ไหวยวบยาบบ้างในบางครั้ง ดังนั้น สิ่งที่ผมทำคือยืนจ้องที่นอน ระหว่างที่รอสุภาพงษ์อาบน้ำอยู่
   อันที่จริงผมเปิดอีกห้องให้เขานอนก็ได้ แต่ก็นะ ผมขี้เกียจไปสูดฝุ่นกลางดึก ใช่ว่ายังคึกอยากร้องคาราโอเกะแล้วมันจะทดแทนด้วยการดมฝุ่นแทนได้สักหน่อย อีกอย่าง คราวก่อนไปห้องเขา สุภาพงษ์ก็อุตส่าห์ให้ผมนอนเตียง แล้วผมจะไล่เขาลงไปนอนบนพื้นได้ยังไง แต่ปัญหาคือ ถ้าให้เขานอนเตียงเดียวกับผม มันจะเกิดอะไรพิเรนๆ ขึ้นอีกรึเปล่าน่ะสิ
   ผมยังจำฝันประหลาดวันนั้นได้อยู่เลย
   ผมยืนจดๆ จ้องๆ เตียงกับพื้น พลางนึกสงสัยตัวเองว่าทำไมไม่อยู่ร้องคาราโอเกะกับเพื่อนต่อ เอาเถอะ ผมยิ่งอยู่ดึก มันก็ยิ่งกลับลำบาก เดี๋ยวเกินโดนปล้นโดนจี้กลางทางขึ้นมามันจะแย่เอา ถึงคนอย่างผมจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่สมัยนี้มันเชื่อได้ที่ไหนล่ะ
   “พี่นิต?”
   ผมสะดุ้งโหยง หันไปก็เห็นสุภาพงษ์เดินเข้าห้องมาแล้ว พร้อมกับผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่ที่คอ คราวนี้ดีหน่อย เขาใส่เสื้อผ้าออกมาเรียบร้อยตามคำกำชับของผม ไม่ไหวล่ะ ผมไม่อยากเลือดกำเดาพุ่งต่อหน้าเขาซ้ำอีกครั้งหรอกนะ แต่ว่า... ขนาดเขาใส่เสื้อผ้าแล้ว ผมยังมองเห็นรูปร่างดีๆ ของเขาเลย ท่าทางเสื้อมันจะตัวเล็กไปแน่ๆ
   “มะ... มีอะไรหรือครับ?” สุภาพงษ์ถามขึ้น สงสัยคงเห็นผมจดๆ จ้องๆ เขาอยู่นานล่ะมั้ง ผมทำเป็นกระแอมแล้วพูดออกไป “ไม่มีอะไรหรอก พี่กำลังคิดว่า โจตัวใหญ่ขนาดนี้ จะให้ไปนอนที่ไหนดี”
   ผู้ชายรูปร่างดี ที่ขนาดใส่เสื้อผ้าที่ไม่เข้ากับตัวเองสักนิดตรงหน้าผม มีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที “ผมนอนที่พื้นก็ได้”
   คำพูดและท่าทางของเขาทำเอาผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันใด อันที่จริงผมแค่หาข้ออ้างแก้ตัวเรื่องมองเขาตาค้าง ไม่ได้คิดจะไล่เขาไปนอนที่พื้นจริงๆ หรอก
   “โจนอนบนเตียงเถอะ”
   “แล้วพี่นิตล่ะครับ?”
   “..................” เออ.... ผมลืมคิดไปสนิท ให้เขานอนเตียง แล้วผมจะไปนอนที่ไหนดี จะนอนเตียงเดียวกันมันก็.....
   ระหว่างที่ผมกำลังคิดหาทางออก สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นต่อ “นอนด้วยกันนะ”
   ผมเงยหน้าขึ้นมาทันที แล้วก็เห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ “นอนด้วยกันนะครับ เบียดๆ กันก็ได้ นะ....”
   ผมชักนึกสงสัยว่าตกลงนี่มันเตียงใครกันแน่ แต่ก่อนที่ผมจะได้อ้าปากพูดอะไร มือของสุภาพงษ์ก็เลื่อนมาโอบเอวผมเอาไว้ ให้ตายสิ เขามือไวจนน่าตีให้มือหักจริงๆ แต่ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะอาจจะโดนแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย หรือถ้าพูดให้ตรงความจริงกว่านั้น ผมคงไม่มีปัญญาจะตีเขาให้มือหักหรอก แค่ตีธรรมดาผมยังตีไม่ลงเลย
   ดังนั้น สิ่งที่ผมทำคือ รีบพูดเรื่องอื่น ก่อนที่จะโดนมือเขาแย่งบทพูดไปจนหมด
   “พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”” ผมพูดเร็วปรื๋อ ก่อนจะชิงจังหวะ ชิ่งหนีจากมือเขา เดินออกจากห้องเข้าห้องน้ำไป โอ๊ย เผลอเป็นไม่ได้เลยนะเนี่ย เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้แล้วหัวใจผมจะวายเอา ชอบมาจับมาลูบอยู่ได้ พิศวาสอะไรผมนักหนาก็ไม่รู้
   ผมถอดเสื้อออก เตรียมจะอาบน้ำ แต่พอเดินผ่านกระจกก็ต้องหยุดมองตัวเองหน่อยหนึ่ง ไม่ใช่ว่าผมเกิดหลงรูปอะไรเอาตอนสี่สิบห้านะ แต่สงสัยขึ้นมาว่าสุภาพงษ์เห็นดีเห็นงามอะไรในตัวผม ถึงได้ฝังใจนัก แต่ผมมองได้แว้บเดียวก็แทบจะรีบเอาผ้าดำมาคลุมกระจก โห... อย่าให้มองซ้ำสอง ผู้ชายอะไร ทั้งผอมทั้งแห้ง ผมก็ยาวเพราะไม่ได้ตัดมาเป็นเดือนๆ ผิวก็ใช่ว่าจะตึงเหมือนตอนหนุ่มๆ แล้ว หน้าตายิ่งไม่ต้องพูด นี่สุภาพงษ์มีปัญหาด้านสายตาหรือไงนะ หรือว่าเขาไม่เข้าใจว่าอะไรน่ามองน่าจับกันแน่
   ผมรีบเดินออกจากกระจก เพราะกลัวเห็นภาพชวนฝันร้ายรอบสอง ตรงไปเปิดฝักบัว อาบน้ำล้างตัวให้สะอาด เตรียมจะเข้านอน เอาเถอะ ถึงผมจะผอม ท่าทางโทรมๆ จนเพื่อนฝูงแซวว่าไส้แห้ง แต่คืนนี้ผมมีคนหุ่นดีมานอนใกล้ๆ คงพอจะทำให้หลับฝันดีได้อยู่หรอก ถ้าเขาไม่ทำให้ผมฝันแปลกๆ อีกน่ะนะ
   เพราะไม่เข้าใจว่าสุภาพงษ์คิดยังไงถึงมาติดใจคนอย่างผม สุดท้ายผมเลยเลิกคิด หันไปมุ่งมั่นกับการฟอกสบู่ขัดขี้ไคลฆ่าเวลาเพราะยังไม่ง่วง กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็กินเวลานานโข ที่จริงก็ตั้งใจว่าจะรอให้เขาหลับไปก่อนด้วยแหละ จะได้ไม่แอบทำอะไรผมกลางดึก
   ผมปิดฝักบัว เดินออกมาเตรียมจะหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหัวให้แห้ง แต่พอเอื้อมไปที่ราวพาดผ้า ก็มีอันต้องสะท้านไขสันหลัง เพราะสิ่งที่ผมคว้าได้คือความว่างเปล่า
   เดี๋ยวสิ!
   ผมหันไปมองราวพาดผ้าเช็ดตัวอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แล้วก็เห็นว่ามันไม่มีอะไรพาดหรือแขวนอยู่จริงๆ ผมนึกทบทวนกับตัวเอง เมื่อตะกี้นี้ผมรีบปลีกตัวหนีจากมือสุภาพงษ์มาที่ห้องน้ำ คงจะลืมหยิบผ้าเช็ดตัวมาด้วยแน่ๆ จนใจที่มารู้ตัวเอาตอนอาบน้ำเสร็จแล้ว
   เนื่องจากห้องน้ำผมไม่ได้อยู่ในห้องนอน จะเข้าออกต้องเปิดประตูออกมาตรงทางเดินระหว่างห้องก่อน ครั้นผมจะตะโกนเรียกสุภาพงษ์ให้หยิบผ้าเช็ดตัวให้ก็ใช่ที่ เกิดเขาหลับไปแล้วมันจะน่าเกลียดเอาเปล่าๆ แต่ไอ้ครั้นจะใช้เสื้อผ้าตัวเดิมมาเช็ดแทนไปก่อนก็ยังไงอยู่ อุตส่าห์อาบน้ำอย่างดีทั้งที ดันต้องมาเช็ดกับเสื้อเปื้อนเหงื่ออีก
   สุดท้ายผมเลยตัดสินใจว่าจะเดินออกจากห้องน้ำไปทั้งอย่างนี้ก่อน แล้วแง้มประตูดูว่าสุภาพงษ์นอนแล้วหรือยัง ถ้าเขายังไม่นอนก็ค่อยใช้ให้เขาหยิบผ้าเช็ดตัวให้ เพราะในบ้านไม่มีคนอื่นแล้ว ผมเดินแก้ผ้าตรงทางเดินระหว่างห้องคงไม่มีใครเห็นหรอก
   ผมเลยเปิดประตูห้องน้ำ เดินออกมาแง้มประตูทั้งแบบนั้น พอแง้มประตูไปก็เห็นว่าไฟหัวนอนเปิดอยู่ สุภาพงษ์คงจะนอนไปแล้ว เลยปิดไฟดวงใหญ่ แล้วเปิดดวงนี้เอาไว้ให้ผมแทน ก็ดี ผมย่องเข้าไปเช็ดตัวใส่เสื้อทั้งมืดๆ แบบนี้ดีกว่า ไม่มีใครเห็นแน่นอน
   คิดได้ดังนั้น ผมเลยรีบเปิดประตู เดินย่องๆ ไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดแบบไม่กลัวสายตาใคร เพราะคนที่น่าจะมีโอกาสมองที่สุดก็หลับไปแล้ว แถมไฟสลัวแบบนี้ ถึงเขางัวเงียตื่นมาก็คงไม่ทันสังเกตหรอก
   ผมเช็ดตัวเสร็จก็รื้อเสื้อนอนออกมาจากตู้ สวมแล้วก็เดินมาตรงที่นอน ค่อยๆ ปีนขึ้นไปนอนแล้วเอื้อมมือไปปิดสวิตช์โคมไฟ
   เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แถมยังมีอารมณ์คึกคักจากงานเลี้ยงรุ่นอยู่ ผมเลยใช้ความตื่นตัวช่วงก่อนนอนไปกับการคิดถึงพล็อตนิยายที่กำลังจะต้องเขียน  กำลังนอนคิดถึงเรื่องพ่อกระแตเพลินๆ ก็มีอันต้องสะดุ้ง เพราะรู้สึกเหมือนมีใครเอามือมาจับที่เอว ผมนึกถึงสุภาพงษ์ทันที
   นี่เขาไม่ได้หลับไปแล้วหรอกรึ?
   ผมรีบหันไปมอง แล้วก็เห็นว่าเขากำลังมองมาทางผมอยู่ ท่าทางเหมือนจะตกใจนิดๆ คงคิดไม่ถึงล่ะสิว่าผมจะหันมาน่ะ
“พี่นิตยังไม่นอนหรือครับ?” สุภาพงษ์พูดเสียงเบา แต่ก็ฟังออกหรอกว่าแปลกใจ ผมนึกอยากหยิกเขาขึ้นมาจริงๆ นะ นี่กะแอบจะทำอะไรผมตอนหลับอีกแล้วสิ “โจคิดจะทำอะไรพี่อีกล่ะ?”
   สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ ในความมืด ผมเดาเอานะว่าเขาเม้มปาก มันมืด ผมมองอะไรไม่ค่อยเห็นหรอก เขาก็คงมองไม่ชัดเหมือนกันนั่นล่ะ พอเห็นเขาเงียบไปนาน ไม่ยอมพูดอะไรสักที ผมเลยต้องพูดขึ้นอีก “ห้ามทำอะไรแปลกๆ นะ ไม่งั้นพี่จะไล่ไปนอนที่พื้น”
   เหมือนได้ยินเสียงเขาสูดหายใจลึก จากนั้นก็พูดออกมาได้เสียที “งั้น... ผมไปนอนที่พื้นนะครับ”
   “?!” ผมเขม่นมองเขา แต่ว่าสุภาพงษ์ลุกขึ้นจากเตียงแล้ว ผมเลยโพล่งออกไป “จะไปนอนพื้นทำไมน่ะ?”
   สุภาพงษ์หันกลับมามองผม เพราะความมืดทำให้ผมมองไม่เห็นว่าเขามองผมด้วยสายตาอย่างไร เลยพูดอีก “นอนเถอะ พี่พูดเล่น ถ้าโจอยากกอดก็กอดแล้วกัน”
   เหมือนได้ยินเสียงเขาสูดหายใจอีก “พี่นิต... ไม่โกรธผมนะ?”
   ผมไม่รู้ว่าจะโกรธเขาเรื่องอะไร เลยส่งเสียงตอบไป “อืม”
   สุภาพงษ์เลยล้มตัวลงนอนตามเดิม แล้วดึงตัวผมเข้าไปกอด อืม... นี่เขาเห็นผมเป็นตุ๊กตาหมีหรือไงนะ
   อันที่จริงถ้าเขาจะแค่กอดผม ผมคงไม่คิดจะเอาเรื่องอะไรเขาหรอก แต่สุภาพงษ์กอดผมได้แป๊บเดียว ก็เริ่มจะลูบมือไปตามตัวผม ผมว่ามันแปลกๆ แล้วล่ะ เลยพูดออกไปอีก “โจจะทำอะไรน่ะ?”
   เขาชะงักไปหน่อยหนึ่ง แต่ยังไม่ตอบผมในทันที ถึงอย่างนั้นผมก็พอจะเดาได้แล้วว่าเขาจะทำอะไร เพราะเขาหายใจแรงมาก แถมมือที่ลูบก็ไม่ใช่ว่าลูบหลังลูบไหล่ แต่ลูบเอวแถมเริ่มลามปามมาที่ก้นแล้ว ผมอ้าปาก เตรียมจะเอ็ดเขา แต่ก็ต้องสะดุ้ง เมื่อถูกเขารวบตัวเข้าไปอีก จนขาอ่อนผมชนกับอะไรบางอย่าง
   “พี่นิต” สุภาพงษ์เรียกผมเสียงแห้ง ขณะที่ผมกำลังตัวแข็งทื่อ เพราะสิ่งที่ดุนขาอ่อนผมอยู่
   อย่าบอกนะว่าเขา...?!!
   “โจ!” ผมโพล่งชื่อเขาออกไป ในตอนที่เขาขยับตัวเข้ามาเบียดผมอีก เขาหอบหายใจแรงจนผมรู้สึกได้ว่าตัวเขาสั่นนิดๆ ที่สำคัญ... ตรงนั้นของเขามัน....
   ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยนอนกับเขามาแล้ว จำได้ว่านอกจากทำให้ผมฝันแปลกครั้งนั้น อีกวันต่อมาเขาก็ไม่มีอาการอะไรอีก แค่ตื่นมาตอนเช้าแล้วขโมยจูบผม แต่ว่าตอนนี้.....
   !!
   สุภาพงษ์ขยับตัวเข้ามาใกล้ ก่อนจะแนบริมฝีปากเข้ามาบนริมฝีปากของผม ผมตกใจเลยรีบผลักเขาออก “ไม่ได้นะ!!”
   ผู้ชายตัวใหญ่ที่กอดผมไว้ชะงักไปอีก ก่อนจะพูดเสียงพร่า “ให้ผมเถอะ”
   จากนั้นเขาก็กดแขนสองข้างผมแนบกับเตียง ก้มลงแล้วจูบซอกคอจนผมขนลุก เดี๋ยวก่อนนะ!! นี่มันไม่ใช่ละครหลังข่าวที่ต้องมีฉากพระเอกปลุกปล้ำนางเอกบนเตียงสักหน่อย แล้วผมก็ไม่ใช่นางเอกหนัง แถมนี่ไม่ใช่การแสดง ผมปล่อยให้ตัวเองถูกบรรณาธิการขืนใจบนเตียงในบ้านไม่ได้หรอก ดังนั้นผมเลยทั้งดิ้นทั้งเตะ เห็นผมผอมแห้งแบบนี้อย่าคิดว่าผมไม่มีแรงนะ
   ดิ้นขลุกขลักได้ไม่นาน สุภาพงษ์ก็ยอมปล่อยผมแต่โดยดี ผมเลยรีบยันตัวลุกขึ้นมานั่ง เตรียมจะอ้าปากว่าเขา โทษฐานทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ แต่พอเงยมาเห็นเขากำลังหอบ แถมทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้ เสียงผมมันดันหายลงไปในคอกะทันหัน
   สุภาพงษ์ยกมือขึ้นลูบหน้า ก่อนจะสูดหายใจลึก “ขอโทษ...”
   เสียงเขาพร่าจนผมใจหายวาบ กำลังจะอ้าปากบอกเขาว่าไม่เป็นไร สุภาพงษ์ก็ลุกพรวดขึ้นก่อน
   “จะไปไหนน่ะ?!” ผมโพล่ง เมื่อเห็นว่าเขาลุกแล้วก็เดินตรงไปที่ประตู สุภาพงษ์พูดโดยไม่หันมามองผม “กลับบ้านครับ”
   “เดี๋ยวสิ” ผมพูด แล้วลุกตามเขาไป เพราะท่าทางเหมือนเขาจะออกจากห้องไปจริงๆ
   “กลับป่านนี้มันอันตรายนะ” ผมพูด แล้วเอื้อมมือไปดึงแขนเขาไว้ สุภาพงษ์หันกลับมาทันที “พี่นิตอยากโดนผมข่มขืนเหรอ?”
   ผมอึ้งสนิท เพราะไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะพูดประโยคแบบนี้ออกมา สุภาพงษ์มองผม แล้วขบริมฝีปากล่าง “ขอโทษนะครับพี่นิต ผมคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว ให้ผมกลับไปสงบสติอารมณ์ที่บ้านเถอะ”
   ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรออกไป ในแสงสลัวๆ ผมเห็นหน้าเขา เห็นว่าเขากำลังพยายามอดทนกับอารมณ์ของตัวเองอยู่ ผมไม่อยากโดนเขาข่มขืน แต่ก็ไม่อยากให้เขากลับไปทั้งแบบนี้....
   “พี่นิต.... ปล่อยผมเถอะครับ”
   ผมเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือออกจากแขนของเขา เราเงียบกันไปพักใหญ่ แล้วสุภาพงษ์ก็พูดออกมา “ถ้าพี่ไม่ปล่อย อย่าดิ้นอีกนะครับ”
   ผมสะดุ้งเฮือก ตอนที่เขายื่นมือมารวบตัวผมเข้าไปกอด แล้วจูบซอกคอผมทั้งอย่างนั้น ด้วยความตกใจ ผมยกมือขึ้นผลักเขา
   !!
   สุภาพงษ์เงยหน้ามองผมอีกครั้ง ด้วยสายตาอึดอัดจนผมรู้สึกได้ ผมรู้หรอกว่าเขากำลังใช้ความอดทนกับผมอย่างเต็มที่ แต่เขาจะรู้ไหมว่าหัวใจผมมันเต้นจนจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว
   “ช้าๆ หน่อย... พี่ไม่เคย” ผมได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไป จากนั้นก็เห็นเขาเบิ่งตาขึ้นมานิดๆ แล้วเม้มปาก ก่อนจะกอดผมแน่น
   “พี่นิต” เสียงเขาพร่า แต่ทำเอาผมตัวสั่นไปหมด ทำไงดีล่ะ ผมไม่เคยกับเรื่องพวกนี้ ไม่เคยคิดด้วยว่าจะเกิดกับตัวเอง ไม่คิดด้วยว่าจะเกิดวันนี้ นาทีนี้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้ แค่ไม่อยากให้เขากลับไปในสภาพแบบนั้น…
   สุภาพงษ์กอดผมครู่หนึ่งก็ผละออก แล้วแนบริมฝีปากลงมาบนริมฝีปากผม ผมไม่เคยถูกใครจูบนอกจากเขา ไม่เคยจูบกับใครคนอื่น ไม่มีประสบการณ์ว่าพอเอาปากแตะกันแล้วต้องทำยังไงต่ออีก ที่ผมทำคือปิดปากแน่นด้วยความเกร็ง ปล่อยให้เขาดูดริมฝีปากของผมเบาๆ พร้อมกับหัวใจที่เต้นตึกๆ
   ดูดริมฝีปากผมได้สักพัก สุภาพงษ์ก็ขยับมือขึ้นมาขยี้ริมฝีปากผมเบาๆ “อ้าปากหน่อยสิครับ”
   ผมนึกไปถึงฉากบรรยายในบทความเชิงอิโรติกที่เคยอ่านในหนังสือประเภทปลุกใจเสือป่าสมัยหนุ่มๆ จึงคิดไปว่าเขาจะให้ผมอ้าปากเพื่อทำออรัลให้เขารึเปล่า เลยยิ่งปิดปากแน่นกว่าเดิม แล้วสั่นศีรษะอย่างเอาเป็นเอาตาย
   สุภาพงษ์มีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะถามเสียงแห้ง “ทำไมล่ะครับ”
   ผมกลัวจะถูกเขาจับง้างปาก เลยขยับถอยออกมาหน่อยหนึ่ง “พี่ไม่เคยทำ ทำไม่ไหวหรอก”
   ผู้ชายรูปหล่อตรงหน้าผมเบิ่งตานิดๆ แล้วยิ้มออกมา บ้าจริง ทำไมเขาต้องยิ้มด้วยล่ะ ผมพูดอะไรผิดหรือไง หรือว่าเขาคิดบ้าๆ กับผมอยู่
   ขณะที่ผมกำลังนึกโมโหรอยยิ้มของเขา สุภาพงษ์ก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบเบาๆ “พี่นิตไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีอะไรหรอก”
   ผมไม่เชื่อเด็ดขาด เอาไอ้นั่นใส่ในปากมันจะไม่น่ากลัวได้ไง แน่จริงเขาทำให้ผมดูก่อนสิ
   แต่ผมยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไร สุภาพงษ์ก็ชิงปิดปากผมด้วยริมฝีปากเขาอีกแล้ว นี่คิดว่าปากผมเป็นลูกอมหรือไงนะ ดูดอยู่ได้
   เขาดูดปากผมได้พัก ก็ยกมือขึ้นบีบกรามผมเบาๆ ผมถึงเพิ่งนึกได้ว่าเขาอาจจะอยากให้ผมอ้าปากเพื่อจะจูบ แปลว่าเขาจะเอาลิ้นใส่เข้ามาในปากผมหรือเนี่ย!!??
   เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าจูบมีหลายแบบ แบบที่ใช้ลิ้นล้วงเข้าไปในปากก็มี แต่... มันจะรู้สึกดีได้หรือไงนะ อีกอย่าง ผมกลัวเผลอกัดลิ้นเขา ทีนี้คงกลายเป็นเรื่องแน่ๆ
   เพราะมัวแต่คิดสารพัด ผมเลยไม่กล้าจะอ้าปากสักที ทั้งๆ ที่ถูกบีบกรามอยู่ สุภาพงษ์เลยค่อยๆ ใช้ลิ้นดุนฟันผม แล้วก็ออกแรงบีบอีก คราวนี้ผมอยากกัดลิ้นเขาจริงๆ นะ เพราะเขาบีบแรงขึ้น จนผมแทบน้ำตาร่วง เลยต้องอ้าปากให้เขาไป
   !!
   ฟันของเราสองคนกระทบกันดังกึก ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก ดีนะที่ไม่โดนปากด้วย ไม่งั้นปากแตกแน่ๆ ขณะที่ผมยังไม่หายตกใจดี ก็รู้สึกถึงปลายลิ้นของเขาที่ขยับเข้ามา ผมรีบเอามือจับไหล่เขาไว้ ไม่ใช่อะไรหรอก กลัวหน้ามืดไปกลางทางน่ะ ก็ผมไม่เคยมีประสบการณ์นี่นา
   ลิ้นของสุภาพงษ์แทรกเข้ามาลึกขึ้นเรื่อยๆ ผมกลัวจะกัดลิ้นเขาเลยอ้าปากกว้างอีก คราวนี้เลยเหมือนเปิดทางสะดวกให้เขาเลย
   “อื้อ!!” ผมได้ยินเสียงตัวเองครางออกมา คิดว่าจะหายใจไม่ออกน่ะ แบบว่า... อธิบายยังไงดี เขาเล่นจูบเอาๆ ไม่ยอมให้ผมพักบ้างเลย หัวใจผมก็เต้นตึกๆ จนหูอื้อหมดแล้ว
   ก่อนที่ผมจะหายใจไม่ออกตาย สุภาพงษ์ก็ยอมเอาปากกับลิ้นออกไปเสียที ผมหอบแฮ่กๆ ขณะที่เขาก้มลงจูบแก้มผมอีกสองสามครั้ง ก่อนจะเคล้าริมฝีปากกับผมอีกรอบ คราวนี้เขาไม่เอาลิ้นล้วงเข้ามาเยอะแล้ว ผมเลยกล้าจะลองใช้ลิ้นตอบโต้เขาบ้าง
   เราจูบกันอีกพักใหญ่ ผมแทบไม่ได้คิดอะไรนอกจากรู้สึกถึงลิ้นที่เกี่ยวกันไปมา บ้าจัง นี่มันแค่จูบเองนะ
   “พี่นิต” สุภาพงษ์เรียกชื่อผมเสียงพร่า ก่อนจะเม้มปากหน่อยๆ ผมเป็นตาเขาเป็นประกายในความมืด ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อมือของเขาล้วงเข้ามาในอกเสื้อผม
   “โจ!!”
   เขาจูบผมอีกครั้ง กลืนคำพูดผมไปจนหมด และเริ่มลูบไล้ร่างกายผมอย่างจริงๆ จังๆ ที่จริงระหว่างที่จูบกันเมื่อครู่ เขาก็ลูบจนผมร้อนไปหมดแล้ว แต่ยังไม่ถึงกับล้วงเข้ามาในเสื้อแบบนี้ ผมตกใจเลยจับไหล่เขาแน่น ไม่อยากจะจินตนาการว่าเขาตั้งใจจะทำอะไรผมกันแน่
   สุภาพงษ์ทั้งจูบทั้งลูบผมอยู่พักใหญ่ เล่นเสียเข่าผมแทบอ่อน แถมยังเบียดส่วนนั้นของเขาเข้ามาชนขาอ่อนผมเป็นระยะ อย่างกับตั้งใจจะบอกให้ผมรู้กลายๆ ว่าเขาอยากจะทำอะไรงั้นแหละ ไม่เกรงใจ หรือกลัวว่าผมจะเป็นลมเป็นแล้งไปบ้างเลยหรือไงนะ
   ขณะที่ผมใจเต้นตึกๆ ทำท่าจะหน้ามืดเพราะถูกเขาจูบเขาลูบ แถมยังถูกตรงนั้นเบียด สุภาพงษ์ก็ผละตัวออก แต่อย่านึกว่าเขาจะไปนอนดีๆ หรืออะไร เพราะเขาขยับออกแล้วก็ช้อนตัวผมขึ้นจากพื้นโดยไม่บอกอะไรให้ผมได้เตรียมตัวสักคำ
   โอ๊ย!! ผมถูกเขาอุ้มอีกแล้ว
   ผมรีบกอดคอเขาไว้แน่น เพราะว่ากลัวตก พอเงยขึ้นไปก็เห็นเขากำลังก้มลงมองผมอยู่ แถมยังทำท่าเหมือนยิ้มนิดๆ ด้วย ผมงี้ใจเต้นแรงหนักเข้าไปอีก เขาจะอุ้มผมแล้วยิ้มทำไมนะ แล้วคิดจะอุ้มผมไปไหนน่ะ คงไม่ใช่ว่าจะอุ้มไปที่เตียง แล้ว............. หรอกนะ
   จู่ๆ หน้าผมก็ร้อนเห่อขึ้นมา จะจ้องหน้าเขาต่อก็ไม่ไหว ใจมันเต้นตึกๆ เหมือนจะกระเด็นออกมาอยู่แล้ว จะกระโดดลงก็กลัวจะหล่นหลังกระแทกพื้น สุดท้ายก็กลั้นใจหันหน้าซุกอกเขาแทน ไม่รู้ว่าจะช่วยให้หายอายหรือจะน่าอายกว่าเดิมกันนะเนี่ย แต่ก็ดีกว่าจ้องตาเขาล่ะ
   ผมเอาหน้าซุกอกแน่นๆ ของสุภาพงษ์ได้ไม่นาน ก็มีอันต้องเกือบร้องเหวอออกมา เมื่อถูกเขาวางลงบนเตียง เดี๋ยวสิ เขาเอาจริงเรอะ อุ้มมาที่เตียงแบบนี้ เขาคงไม่ใช่พาผมมานอนเฉยๆ หรอกใช่ไหม ไม่เอานะ ผมไม่ไหวหรอก อายุก็ปูนนี้เข้าไปแล้ว
   ผมเงยหน้าขึ้นมองสุภาพงษ์อีกครั้ง แล้วก็เห็นว่าเขาจ้องผมอยู่ แถมเม้มปากแน่นเลย เขาหล่อนะ หุ่นก็ดี  ผมเคยเห็นเขาถอดเสื้อไม่กี่ครั้ง แต่จำติดตาเลยล่ะว่าอกเขาสวย ผิวเขาขาว แต่ว่า...
   “เดี๋ยวนะโจ!” ผมโพล่ง ตอนที่เห็นเขาปีนเตียงขึ้นมาคร่อมตัวผม และทำท่าว่าจะปลดกระดุมเสื้อของผมออก สุภาพงษ์เลิกคิ้วขึ้นหน่อยหนึ่ง แล้วพูดออกมา “ทำไมครับ?”
   “เอ่อ....” ผมส่งเสียงออกมาอย่างไร้ความหมาย จุดประสงค์ก็แค่อยากถ่วงเวลาเพื่อคิดหาทางเอาตัวรอดในสภาวะแบบนี้ เข้าใจหรอกนะว่าอารมณ์ผู้ชาย เวลามันขึ้นแล้วใช่ว่าจะกล่อมให้ลงกันง่ายๆ แถมมาถึงขั้นนี้ ผมว่าเขาไม่ยอมปล่อยผมไปโดยดีแน่ แต่ถ้าหักหาญกันมากไป เดี๋ยวเขาจะหนีกลับบ้านอีก... อืม... ปัญหานี้แก้ยากจริงๆ นะเนี่ย
   ระหว่างที่ผมกำลังคิด สุภาพงษ์ก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อผมออก ผมเลยไม่เป็นอันได้คิดอะไร ต้องรีบโพล่งออกไปอีก “อย่าถอดนะ!”
   คราวนี้สุภาพงษ์เลิกคิ้วขึ้นอีกครั้ง แล้วถามผมเสียงแปลก “ทำไมล่ะครับ?”
   ผมมองหน้าเขา ก่อนจะสั่นศีรษะดิกๆ “อย่าดีกว่า หุ่นพี่ไม่น่าดูหรอก”
   “ไม่เป็นไรครับ ผมชอบ”
   คำตอบของเขาทำเอาผมแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองจริงๆ แต่ว่าผมปล่อยให้เขาถอดไม่ได้จริงๆ ใช่ว่าผมหวงตัวอะไรนะ แต่... แต่ผมกลัวของผม... ผมไม่เคยนี่นา
   “โจ... ใจเย็นๆ ก่อนนะ” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมเขา พร้อมกับเอามือปิดอกเสื้อของตัวเองไปด้วย สุภาพงษ์ชะงักมืออีก แล้วก้มหน้าลงมาใกล้ “พี่นิตไม่ต้องกลัวนะ ผมจะค่อยๆ ทำ ไม่เจ็บมากหรอก”
   โอ๊ย! ผมล่ะเกือบจะหน้ามืด ไม่นะ ผมไม่สนใจหรอกว่ามันจะเจ็บหรือไม่เจ็บ เขาจะค่อยๆ หรือไม่ค่อย ผมยังไม่พร้อมน่ะ ผมยังไม่ได้เตรียมใจมา ผมกลัวจะทำอะไรน่าเกลียด กลัวมันจะล่มกลางทาง กลัวจะทำให้เขาไม่พอใจ กลัวจะหัวใจวายตายน่ะ อีกอย่าง ถ้าผมเกิดมีอะไรกับเขา เรื่องหลังจากนี้จะเป็นยังไงล่ะ ผมยังไม่เคยบอกเลย ว่าจะตกลงปลงใจกับเขา
   พอผมเงียบ มือของสุภาพงษ์ก็ขยับอีกแล้ว เขาอยู่นิ่งๆ ไม่เป็นหรือไงนะ ชอบจับนั่นจับนี่จริงๆ ผมไม่รู้จะทำไงเลยต้องพูดออกไปอีก “เดี๋ยวนะ ขอพี่ทำใจก่อน”
   ผู้ชายอกแน่นที่อยู่เหนือตัวผมยอมหยุดมือแต่โดยดี ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายจ้องผมด้วยสายตาที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคิดอะไรอยู่ ผมจึงไม่กล้าสบตากับเขา เลยหันไปมองผ้าปูเตียงที่อยู่ข้างๆ แทน
   เอาไงดีล่ะผม....
   ผมมองผ้าปูเตียงอยู่พักใหญ่ แต่ก็ยังนึกอะไรไม่ออก ในสมองมีแต่เรื่องบ้าๆ เต็มไปหมด จนสุภาพงษ์โน้มหน้าลงมาใกล้ แล้วจูบแก้มผมเบาๆ
   นี่ถ้ายืนอยู่ผมว่าผมวูบแล้วล่ะ
   ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีรึเปล่า ที่เผอิญตอนนี้ผมนอนราบอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือหัวใจผมเต้นรัวเป็นกลอง ตัวก็ร้อนวูบขึ้นมาอีกแล้ว สุภาพงษ์จูบแก้มผมแล้ว ก็เลื่อนมือมาลูบอกผม ผมเลยรีบจับมือเขาเอาไว้ “โจ!”
   “ครับ?”
   “พี่จะเป็นลม”
   “?!” สุภาพงษ์มีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด “พี่นิตไหวรึเปล่าครับ”
   ผมได้โอกาส รีบสั่นศีรษะทันที ผู้ชายรูปหล่ออย่างกับพระเอกหนังตรงหน้าผมหน้าสลดลงหน่อยหนึ่ง ก่อนจะเม้มปากแน่น ผมเห็นเขาทำหน้าอึดอัดแบบนั้นแล้วก็นึกสงสารขึ้นมา แต่จะทำไงล่ะ ก็ผมไม่อยากจะมีอะไรกับเขาโดยที่ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนนี่นา
   “เอ่อ....” ผมได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไปอีกครั้ง “พี่ว่า.... เราสองคน... เอ่อ..... คือ.... ทำอะไรแบบที่ไม่ต้องสอดเข้ามาทางก้นได้มั้ย?”
   “....................”
   ผมล่ะอยากเอาหน้ามุดดินจริงๆ บ้าเอ๊ย ถามอะไรออกไปน่ะ น่าเกลียดสุดๆ ยิ่งพอเห็นเขาเบิ่งตานิดๆ แบบนั้นแล้ว ผมเดาไม่ออกเลยว่าเขารู้สึกยังไงกันแน่ แย่จริงผม ไม่ไหวแล้วล่ะ ผมทำทุเรศอีกแล้วสิเนี่ย
   ผมไม่กล้าสบตาเขาต่อ แต่แค่หันหาผ้าปูคงยังไม่พอ ผมเลยพยายามจะเอาหน้ามุดลงไปบนเตียง เรียกว่าถ้าใช้มือตะกุยเตียงแล้วขุดมันเป็นรูได้ ตัวผมคงจะมุดลงไปได้แล้วล่ะ
   ขณะที่ผมพยายามจะมุดหน้าลงกับเตียงแทบตาย สุภาพงษ์ก็ยื่นมือมาจับไหล่ผมไว้ “พี่นิตกลัวหรือครับ?”
   ผมกำผ้าปูที่นอนแน่น ตอบเขาไปเสียงอู้อี้ เพราะเอาหน้าซุกเตียงอยู่ “อื้อ”
   เหมือนได้ยินเสียงเขาถอนหายใจ จากนั้นก็ยื่นมือมาโอบหลังมือผมที่ขย้ำผ้าปูเตียงอยู่ “ไม่เป็นไรนะ ผมไม่สอดเข้าไปก็ได้ พี่นิตหันมาหน่อยสิครับ”
   ผมเหลือบตากลับไปมอง แล้วเห็นว่าเขากำลังยิ้มบางๆ อยู่ หัวใจผมเต้นแรงอีกแล้ว ผมไม่กล้าหันกลับไปมองเขาหรอก ผมกลัว... กลัวจะเป็นลมไปจริงๆ น่ะ
   พอผมไม่ยอมหันหน้า สุภาพงษ์ก็ก้มลงจูบแก้มผม แล้วสอดมือเข้ามาระหว่างนิ้ว ดึงมือผมออกจากผ้าปูที่นอน แล้วเอาไปแนบอกเขาไว้แทน
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก14(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P14:26/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-01-2012 15:18:07
   โอ๊ย! ผมรู้สึกชัดเลยว่าตัวเขาอุ่น แถมอกเขาก็แน่นจริงๆ
   เอามือผมไปแนบอกแล้ว สุภาพงษ์ก็จัดการจับตัวผมพลิกกลับขึ้นมา คราวนี้ผมเลยต้องหันมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่เต็มใจสักนิด เขาคร่อมอยู่เหนือตัวผม กำลังจ้องผมอยู่ ด้วยสายตาที่ผมไม่อยากเดา พร้อมกับใบหน้าหล่อๆ ของเขา ดีนะที่เขายังใส่เสื้ออยู่ ขืนเขาถอดเสื้ออีก ผมตายแน่ๆ เลย
   เพราะกลัวที่จะสบตากับเขานานๆ ผมเลยเลื่อนมามองคอเขาในความมืด จากนั้นก็เลื่อนลงมามองอกเสื้อ อืม... นี่ขนาดมืดนะเนี่ย ผมยังจะอุตส่าห์มองเห็นอีกว่ากล้ามอกเขาแน่นนาดู โอ๊ยตาย! ผมหยุดคิดอะไรแบบนี้สักพักไม่ได้หรือไงนะ
   ระหว่างที่ผมนึกแช่งด่ามโนภาพของตัวเอง สุภาพงษ์ก็จัดแจง ยกมือผมไปลูบอกเขาอย่างกับจะแกล้ง ไม่ต้องมีของจริงมาประกอบ ผมก็คิดของผมไปถึงไหนต่อไหนแล้ว นี่เขายังจะให้ผมลูบอีก เกิดผมเลือดกำเดาทะลักขึ้นมา ใครมันจะมารับผิดชอบล่ะ นี่ถ้าเขาจะรังเกียจผมเพราะท่าทางทุเรศๆ ของผมล่ะก็ ผมก็อยากจะให้เขารู้เหมือนกันว่าก็เพราะเขานี่แหละ แต่มาคิดอีกที อย่าเลยดีกว่า มันคงยิ่งประจานความทุเรศของผมให้เขารู้ไปเสียเปล่าๆ ทางที่ดีผมควรตั้งสติ สงบจิตสงบใจ แล้วพยายามผ่านสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ไปก่อนก็แล้วกัน
   สุภาพงษ์จับมือผมลูบอกตัวเองอยู่พัก ก็เลื่อนมือมาลูบผมบ้าง ผมเลยได้แต่เอามือดันอกเขาไว้เบาๆ พร้อมกับสะดุ้งตัวหน่อยๆ ตอนที่เขาสอดมือเข้ามาในเสื้อ มือของสุภาพงษ์อุ่นจนเกือบร้อน เขาเริ่มลูบอกผมเบาๆ ใช้นิ้วขยี้ยอดอกผม แล้วก็เริ่มขยำไปขยำมาจนผมขนลุกไปหมด ยิ่งพอเห็นสีหน้าที่ดูจะพออกพอใจเงียบๆ ของเขาด้วยแล้ว ผมแทบจะหนีบขาตัวเองไม่ทัน กลัวเขาจะเห็นว่าผมตื่นเต้นไปกับเขาด้วยน่ะ
   มือของสุภาพงษ์ลูบตัวผมอยู่ ริมฝีปากเขาก็ค่อยๆ จูบแก้มผม ไล่ลงมาตามปลายคาง ซอกคอ ต่ำลงจนถึงปกคอเสื้อ จากนั้นเขาก็เลิกเสื้อผมขึ้น จูบลงบนยอดอกผม ผมสะดุ้งเฮือก มือจิกลงบนไหล่เขาอย่างลืมตัว
   บ้าจัง นี่ผมถูกดูดตรงนี้ก็รู้สึกดีกับเขาด้วยหรือเนี่ย
   ผมเม้มปากแน่น กลัวว่าจะส่งเสียงน่าเกลียดออกไป เลยกลายเป็นได้ยินเสียงตัวเองหายใจฟืดฟาดแทน
   ดูดอกผมเล่นอยู่พัก ผู้ชายร่างดีที่คร่อมอยู่เหนือตัวผมก็เลื่อนริมฝีปากต่ำลงไปอีก พาเอาความดันผมวูบตามไปด้วย เดี๋ยวนะ มันต่ำเกินไปแล้ว!!
   ผมรีบเอามือลงไปปิดหว่างขาตัวเองเอาไว้ทันที ไม่ไหวล่ะ ขืนให้เขารู้ว่าตรงนั้นผมตื่นอยู่ ได้เป็นเรื่องแน่ๆ แต่สุภาพงษ์มือไวใช่เล่น ผมน่ะเอามือปิดทันหรอก แต่มือเขาก็จับหมับลงบนมือผมเหมือนกัน พอเงยหน้าก็เห็นว่าเขาเม้มปากนิดๆ อีกแล้ว
   “พี่นิต.... เขินเหรอครับ” เขาพูดเสียงเบา ก่อนจะสูดหายใจลึก แล้วขยับมาจูบแก้มผม จากนั้นก็ค่อยๆ สอดมือเข้าไประหว่างมือผม แล้วแตะส่วนนั้นจนได้ ผมอายจนต้องหันหน้าไปซุกกับผ้าปูเตียงอีกรอบ นี่ถ้าผมดึงหมอนมาปิดไว้ มันจะน่าเกลียดมากมั้ยนะ...
   สุภาพงษ์คลึงเคล้นหว่างขาผมโดยใช้มือผมร่วมด้วย ผมว่าเขารู้แล้วล่ะว่าผมตื่นเต้นเพราะสิ่งที่เขาทำ เขาคลำไปพลางจูบผมไปพลาง สักพักก็ค่อยๆ แนบตัวเข้ามาชิดอีก ก่อนจะดึงมือผมออกหน่อยหนึ่ง แล้วสอดส่วนที่เขาใช้ดุนขาผมจนสะดุ้งหลายครั้งเข้ามาระหว่างอุ้งมือของเราสองคน
   ผมได้ยินเสียงเขาสูดหายใจลึก ขณะค่อยๆ จับมือผมกำรอบส่วนอ่อนไหวของเราทั้งคู่ ผมเองก็ต้องสูดหายใจหลายครั้งเหมือนกัน เพราะกลัวจะเป็นลมเป็นแล้งไประหว่างทาง ไม่น่าเชื่อเลยว่าผมกับเขากำลังทำแบบนี้กันอยู่ สุภาพงษ์จับมือผมรูดส่วนนั้นของเราสองคนขึ้นๆ ลงๆ เสียงหอบหายใจ และลมหายใจอุ่นๆ ของเขา ทำเอาผมตัวสั่น ใจเต้นตึกตัก อุ้งมือของเขาที่แนบอยู่บนหลังมือผมพาให้ตัวอุ่นวาบ ความวาบหวามที่เราสองคนสร้างร่วมกันยกสติผมจนลอยล่อง ความรู้สึกสุขสมอย่างที่ผมไม่เคยรู้สึกมานานค่อยๆ เอ่อท้นจนทะลัก
   ผมตวัดมืออีกข้างกอดไหล่เขาไว้แน่น ได้ยินเสียงตัวเองครางฮือ เอวกระตุกกึกๆ รู้สึกได้ถึงของเหลวขุ่นข้นที่ทะลักออกมา สุภาพงษ์ก้มลงจูบผมด้วยลมหายใจปั่นป่วน และบังคับผมขยับมือต่อ ความซ่านเสียวเกินระดับทำให้ผมระงับเสียงครางไว้ไม่อยู่ ได้แต่จิกเล็บลงบนหลังเขา แล้วครางฮืออย่างขาดสติ จนกระทั่งรู้สึกถึงของเหลวอุ่นร้อนที่รดราดลงบนท้องน้อยของผม
   สุภาพงษ์ตัวสั่นสะท้านในตอนที่ดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่น ผมตวัดมือกอดตอบเขาไป เราสองคนหอบหายใจอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันพักใหญ่ ก่อนจะจูบกันอีกครั้ง ผมพิงศีรษะเข้ากับอกอุ่นๆ ของเขา แล้วค่อยๆ ผล็อยหลับไป
------------------------------------------
   หลายคนคงเคยคิดว่า สักวันหนึ่ง อยากจะทำให้ความฝันเป็นจริงสักครั้ง ผมเองก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน ผมเป็นนักคว้าฝัน ตามไล่ล่าฝันตัวเองมายาวนานเป็นค่อนชีวิต แต่วันนี้เป็นวันแรก ที่ผมชักอยากให้ความจริงกลายเป็นความฝัน... อันที่จริงผมก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า นี่เป็นเรื่องจริงหรือแค่ความฝันของผมกันแน่.....
   “อรุณสวัสดิ์ครับพี่นิต”
   ผมปรือตาตื่นมา ยังไม่ทับมองอะไรได้ชัดดี ก็รู้สึกเหมือนมีใครมาดุนปาก อืม... มีคนมาจูบปากผมนั่นแหละ พอกะพริบตาอีกครั้งสองครั้งก็เห็นคนหน้าตาดี กำลังคลี่รอยยิ้มพิมพ์ใจอยู่บนหน้า ผมถึงกับถามตัวเองขึ้นมาในใจ ว่านี่ตกลงผมตื่นมาในความฝันรึเปล่า จนเขาขยับแขนเข้ามากอดผมหลวมๆ แล้วพูดต่อ “พี่นิตจะตื่นหรือยังครับ? ออกไปทานข้าวข้างนอกด้วยกันมั้ย?”
   ผมกะพริบตาปริบๆ พยายามระลึกชาติว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ เมื่อคืนนี้ผมกับเขา..... เราก็แค่......
   จู่ๆ ผมก็รู้สึกร้อนวาบขึ้นมาบนหน้า ที่จริงเมื่อคืนก็ไม่ได้มีอะไรมาก ผมกับสุภาพงษ์แค่... เอ่อ.... ช่วยกันช่วยตัวเอง... แค่ช่วยกันช่วยตัวเองเท่านั้นเอง
   ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาราวกับพระเอกหนังไทยขยับเข้ามาใกล้ แล้วหอมแก้มเสียงดังฟอด เล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก รีบหันไปมองเขา
   “ตื่นเถอะครับพี่นิต สายแล้วนะ”
   ผมกะพริบตาอีก ก่อนจะหันไปมองนาฬิกา อืม... ก็แค่แปดโมงเช้าเองนี่นา มันก็สายจริงหรอก แต่ว่าผมไม่ได้รีบไปไหนนี่
   “โจ...” ผมเรียกชื่อเขา พอเห็นเขามองผมตาเซื่องแล้วก็อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่า เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นมากกว่าแค่การ ”ช่วยกันช่วยตัวเอง” รึเปล่านะ?
   “อืม...” ผมส่งเสียงต่อแบบไร้ความหมาย พอเห็นหน้าเขาแล้วก็รู้สึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างผิดไป อะไรกันนะ... เรื่องเมื่อคืนรึเปล่า...? หรือว่าเป็นเรื่องอื่น
   “เออ นี่โจไม่ไปทำงานหรือไง?!” ผมโพล่งออกมาอย่างนึกขึ้นได้  ผมทำงานที่บ้านจนชิน แต่สุภาพงษ์ต้องเข้าออฟฟิศทุกวันนี่นา แล้วเมื่อวานวันอาทิตย์ วันนี้ก็วันจันทร์น่ะสิ!
   “ไปครับ” เขาตอบผม แล้วพูดต่อ “แต่ผมรอพี่นิตตื่นก่อนน่ะ... ไม่อยากทิ้งพี่ไว้คนเดียว”
   “อืม... พี่ก็อยู่คนเดียวอยู่แล้วนี่” ผมตอบเขาไปอย่างไม่คิดอะไร “รีบไปอาบน้ำเถอะ สายแล้วนะ”
   สุภาพงษ์เม้มปาก ทำท่ารีๆ รอๆ อยู่พัก สุดท้ายก็ยอมลุกออกจากผ้าห่ม พอผ้าห่มพ้นจากตัวเขาเท่านั้นล่ะ ผมแทบลมจับ ท่อนบนของเขาใส่เสื้อเรียบร้อยดีนะ แต่ท่อนล่างนี่สิ!!
   สุภาพงษ์ลุกแล้วก็ยังยืนอยู่อีกพัก อย่างกับจะอวดของดีให้ผมเห็น เขากลัวผมจะมองไม่ชัดหรือไง ถึงเมื่อคืนจะมืดขนาดไหน ผมก็ไม่เคยคิดอยากจะมองของเขาหรอก แต่... ก้นเขาแน่นดีจริงๆ ขาอ่อนก็สวย ตรงนั้นก็...........
   ผมมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่เขาหยิบกางเกงขึ้นมาสวม แล้วหันมาพูดกับผมอีกครั้ง “งั้นผมไปอาบน้ำนะครับ”
   ผมพยักหน้าอึ้งๆ จนเขาปิดประตูแล้วนั่นแหละ ผมถึงรีบเอาหน้าซุกหมอน อยากจะตบตัวเองหลายๆ ครั้งจริงเชียว เมื่อกี้เขาเห็นสายตาผมรึเปล่านะ ถ้าเห็นแล้วจะเข้าใจว่าอะไรน่ะ?!
   ผมซุกหน้าลงกับหมอนได้แป๊บเดียว ก็เพิ่งระลึกรู้ตัวว่า ตัวเองก็ไม่ได้สวมท่อนล่างเหมือนกัน บ้าจัง เมื่อคืนเขาถอดออกไปเลยหรือ?! ผมใจเต้นตึกๆ ขณะที่นึกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาทั้งจูบ ทั้งกอดผม แถมเรายังจับตรงนั้นของกันและกันอีก อืม... เมื่อคืนผมทำอะไรน่าเกลียดไปบ้างเนี่ย
   ยิ่งนึกผมยิ่งรู้สึกว่า แค่หมอนอย่างเดียวอาจจะไม่พอให้ผมเอาหน้าซุก นี่ผมปล่อยตัวปล่อยใจขนาดนั้นได้ยังไง สุภาพงษ์ก็เหมือนกันล่ะ อะไรจะมาของขึ้นเอาตอนนั้นเล่า นอนก็นอนไปแล้วไม่ใช่หรือไง ไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ นะ แล้วนี่ผมจะเอายังไงต่อไปดีล่ะ เกินเลยมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาคงไม่มองผมเป็นนักเขียนในสังกัด หรือว่าพี่ชายข้างบ้านอีกแล้วล่ะ ทำยังไงดี ผมไม่รู้เลยว่าจะรับมือกับความสัมพันธ์ที่ลักๆ ลั่นๆ นี้ยังไงดี
   ระหว่างที่ผมกำลังคิดนั่นคิดนี่วุ่นวาย สุภาพงษ์ก็เปิดประตูเข้ามา ผมรีบยกศีรษะขึ้น เพราะกลัวจะทำท่าน่าเกลียดให้เขาเห็นอีก ผู้ชายหุ่นดีคนนั้นเดินเข้ามาในสภาพอาบน้ำเปลี่ยนไปใส่ชุดเดิม และพาดผ้าเช็ดตัวไว้บนบ่า หล่อจนน่าโมโหจริงๆ
   “พี่นิตจะไปอาบน้ำเลยมั้ยครับ?” สุภาพงษ์ถาม ผมมองเขา แล้วพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้ลุกออกจากที่นอนในทันที ทำไมน่ะรึ? ก็กางเกงนอนผมมันไม่ได้อยู่ใต้ผ้าห่มด้วยน่ะสิ หลังจากใช้เท้าควานหาอยู่สักพัก ผมก็พูดขึ้นบ้าง “โจ... เห็นกางเกงนอนพี่มั้ย?”
   สุภาพงษ์กำลังพาดผ้าเช็ดตัวลงบนราวพอดี ตอนที่ผมถาม เขาหันกลับมา หน้าแดงนิดๆ แล้วเดินมาหยิบกางเกงนอนที่หล่นอยู่ปลายเตียงให้ผม ผมยื่นมือไปรับ ที่จริงต้องพูดว่าขอบใจเขาด้วย แต่ว่า เพราะเห็นเขาทำหน้าแดง แถมเม้มปากนิดๆ เลยพาลให้ผมพูดไม่ออกไปด้วย ทำหน้าแบบนั้น คิดอะไรกันน่ะ คิดถึงเรื่องเมื่อคืนรึเปล่านะ
   “โจหันหน้าไปทางอื่นเลยนะ ห้ามมอง” ผมหันมาขู่เขา แทนที่จะพูดขอบใจ เพราะเกิดรู้สึกอายขึ้นมา เขาอาจจะใส่กางเกงนอนต่อหน้าผมได้ แต่ผมทำไม่ลงหรอก หน้าผมยังมียางอยู่น่ะ สุภาพงษ์ดูจะอึ้งนิดๆ แต่ก็ยอมหันหน้าไปหาผนัง ผมรีบซุกกางเกงเข้ามาใส่ในผ้าห่ม ชนิดว่าต่อให้เขาหันมาก็ไม่เห็นหรอก อย่าว่าผมอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ เมื่อคืนมันมืด เขาคงไม่เห็นอะไร เพราะงั้น ก็อย่าให้เขาเห็นเลยจะดีกว่า กลัวเขาทำหน้าเสียใจที่ทำอะไรอย่างนั้นลงไปกับคนแบบผมน่ะ
   ผมใส่กางเกงแล้ว ก็ลงจากเตียง เตรียมจะไปอาบน้ำ ขณะจะเดินออกประตู สุภาพงษ์ก็เดินเข้ามาหา
   “พี่นิต ผ้าเช็ดตัวครับ” เขาพูด แล้วยื่นผ้าเช็ดตัวให้ผม ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าทำท่าจะลืมผ้าเช็ดตัวอีกแล้ว รับมา แล้วบอกขอบใจเขาไป สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ จากนั้นก็พูดขึ้นต่อ “พี่อย่าไปลืมผ้าเช็ดตัวแบบนี้ที่บ้านคนอื่นนะ”
   ผมหัวเราะขึ้นมา “พี่ไม่ลืมหรอก ลืมก็ตะโกนเรียกเอาก็ได้”
   “อืม.... อย่าเดินแก้ผ้าออกมาอีกนะครับ”
   “....................” ผมจ้องหน้าเขาเขม็ง ผู้ชายหน้าตาดี หุ่นสวยตรงหน้าผมมีสีหน้าลำบากใจ ขณะพูดประโยคต่อมา “ผมเป็นห่วงนะ”
   “...............................................” ผมทนมองหน้าเขาต่อไม่ไหว เพราะยางอายมันทะลักออกมาจนหน้าแทบไหม้ เลยรีบเปิดประตู เดินจ้ำออกมาทันที บ้าเอ๊ย อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนตอนที่ผมย่องเข้ามาน่ะ เขาตื่นอยู่ ที่ของขึ้นกลางดึกเพราะเห็นผมแก้ผ้าเหรอเนี่ย?!
   ผมอาบน้ำอย่างไม่ค่อยเป็นสุขนัก แต่พออาบเสร็จก็ไม่อยากออกจากห้องน้ำอีก กลัวน่ะ กลัวเดินออกไปเจอสุภาพงษ์ กลัวจะเห็นสายตาเขา โอ๊ย นี่เมื่อคืนผมแก้ผ้าต่อหน้าเขาไปเหรอเนี่ย จะบ้าตาย ผมจะเอาหน้าไปซุกไว้ไหนดี
   ผมยืนจดๆ จ้องๆ กับประตู พยายามปลอบใจตัวเองไปต่างๆ นาๆ เพื่อให้กล้าเดินออกไปด้านนอก แล้วทำหน้าเฉยๆ ตอนเจอสุภาพงษ์ เอาน่า.... ตะกี้เขายังใส่กางเกงให้ผมดูอย่างไม่อายเลย แล้วผมจะอายเขาทำไมล่ะ....
   ถึงจะนึกแบบนั้น แต่พอเปิดประตูออกมาจริงๆ ผมก็อดใจเต้นตึกๆ ไม่ได้ ยิ่งพอเข้าห้องไปแล้วเจอเขายืนอยู่ ใจผมยิ่งเต้นแรง
   “พี่นิตรีบเปลี่ยนเสื้อเถอะครับ”
   แทนที่ผมจะเป็นฝ่ายพูด เขาดันชิงพูดขึ้นก่อน ผมมองหน้าเขา จะอ้าปากพูดก็พูดไม่ออก สุดท้ายเลยเดินเงอะๆ งะๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งแบบนั้น
   แต่แน่นอนว่าผมไม่กล้าหน้าด้านขนาดปลดผ้าเช็ดตัวออก แล้วสาธิตวิธีการใส่เสื้อผ้าต่อหน้าเขาหรอก ถึงเขาจะกล้าใส่กางเกงโดยโชว์ก้นให้ผมดู แต่ก้นเขาสวยนี่ นอกจากอนาจารแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีให้ติ แต่ผมนี่สิ นอกจากจะโดนข้อหาอนาจาร อาจจะโดนข้อหามลพิษทางสายตาด้วย ดังนั้น ผมเลยหันไปหาเขา “โจหันหน้าไปหาผนังนะ พี่จะเปลี่ยนเสื้อ”
   สุภาพงษ์พยักหน้าแล้วหันเข้าหาผนังอย่างว่าง่าย ผมรีบหยิบชั้นในมาเปลี่ยน รื้อเสื้อรื้อกางเกงออกมาสวม แล้วค่อยปลดผ้าเช็ดตัวออกตอนหลัง คราวนี้ผมรอบคอบ ต่อให้เขาแอบหันกลับมาก็ไม่มีทางได้เห็นอะไรผมหรอก
   ผมเตรียมจะเอาผ้าเช็ดตัวกลับไปพาดไว้ที่ราว แล้วก็มีอันต้องสะดุ้ง เมื่อหันกลับไปพบสุภาพงษ์เดินเข้ามาพอดี
   !!
   ผู้ชายหน้าตาดี ซึ่งตอนนี้เป็นบรรณาธิการคนปัจจุบันของผม อ้าแขนกอดผมไว้หลวมๆ แล้วจูบหน้าผากผมเบาๆ “ไปทานข้าวกันนะครับ”
   ผมอุ่นวาบไปทั้งตัว รู้สึกอย่างกับฝัน เขากอดผมไว้อีกพัก จากนั้นก็จูงผมออกจากห้อง
   อืม... ผมชักสงสัยแล้วสิว่าเมื่อคืนใครเสียตัวให้ใครกันแน่.....
----------------------------------------------------
   สุดท้ายผมกับสุภาพงษ์ก็เดินออกมาทานอาหารกันที่ร้านตามสั่งใกล้ๆ บ้านผม เพราะขืนออกไปป่านนี้ รถก็ติดอยู่ดี อีกอย่าง ผมไม่ได้ไปทำงานกับเขา แค่หลวมตัวมาทานข้าวกับเขานี่ก็ถือว่าเกินภารกิจผมมากแล้ว ผู้ชายรูปหล่อตรงหน้าผมสั่งผัดซีอิ้ว ขณะที่ผมสั่งข้าวราดคะน้าน้ำมันหอย แบบนี้ค่อยดูเป็นชีวิตจริงหน่อย นี่ถ้าเป็นในละคร คนหน้าตาดีอย่างเขาคงไม่มานั่งกินผัดซีอิ้วแน่ๆ
   สุภาพงษ์ดูมีความสุขเป็นพิเศษ ระหว่างรออาหาร เขาเหลือบมองผม แล้วเม้มปากนิดๆ ทำเอาผมต้องรีบหาหัวข้อมาคุยกับเขา เพราะกลัวใครผ่านมาเห็นจะหาว่าเขาสติไม่เต็ม มานั่งเม้มปากมองคนมีอายุอย่างผมอยู่ได้
   “โจ แล้วนี่ไปทำงานสาย ไม่เป็นไรเหรอ?”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมโทรบอกน้องที่ออฟฟิศไว้แล้ว” เขาตอบ ผมขมวดคิ้วหน่อยๆ “ไปสายบ่อยๆ ไม่ดีนะ อีกหน่อยเดี๋ยวเด็กมันก็สายตามหรอก”
   “ครับ” เขาพยักหน้า “ถ้าวันนี้เป็นวันหยุดก็ดีสิ”
   “ขี้เกียจไม่ดีนะโจ” ผมว่า เขารีบสั่นศีรษะ “เปล่าครับ แค่คิดว่าคงไม่ต้องรีบไปทำงานน่ะ จะได้ชวนพี่นิตไปเที่ยวบ้าง”
   ผมเกือบสำลักน้ำ ดีที่กลืนลงไปแล้ว “ไปเที่ยวชวนวันหยุดก็ได้”
   “ครับ” เขาพยักหน้าอีก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมนึกถึงเรื่องที่เขาชวนไปอยุธยาวันก่อน ก็เลยพูดขึ้นบ้าง “โจยังอยากไปอยุทธยาอยู่รึเปล่า?”
   สุภาพงษ์เบิ่งตานิดๆ แล้วพยักหน้า “พี่นิตจะไปหรือครับ?”
   “อืม... เสาร์อาทิตย์นี้พอว่างอยู่นะ” ผมตอบเขาไป สุภาพงษ์ยิ้มออกมาหน่อยๆ “งั้น... วันเสาร์ตอนเช้าผมมารับพี่นะ”
   “อ้อ... เออ.....” ผมพยักหน้าไปอย่างงงๆ ตัวเอง ว่าจู่ๆ เป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนเขาไปเที่ยวก่อนได้ยังไง แต่พอเห็นเขายิ้มดีใจ ผมก็พาลรู้สึกดีใจไปด้วย
   สรุปแล้ว ใครเสียตัวให้ใครกันแน่นะเนี่ย......
--------------------------------------------------
**โอ๊ย ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่เค๊ยไม่เคย เขียนฉากที่กินเนื้อหาไปทั้งตอนขนาดนี้ (แถมไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่างหาก สมเป็นพี่นิต!!!) อนึ่ง รู้สึกเลยว่าการบรรยายฉากโดยใช้พี่นิตบรรยายเป็นอะไรที่เขียนยากลำบากเป็นยิ่งนัก ใช้คำซ้ำบ่อยโคตร (ไว้เดี๋ยวค่อยแก้ตอนรวมเล่มอีกที นี่อ่านจนตาเปื่อยล่ะ)

ตอนเขียนก็ตื่นเต้น (ฮ่าๆ ทำเหมือนไม่เคยเขียน) ตื่นเต้นว่าพี่นิตจะเป็นลมกลางทางรึเปล่า แอบเปลี่ยนเนื้อหาไปมาหนสองหน แต่เห็นว่าพี่นิตเป็นลมไปหลายรอบแล้ว รอบนี้ให้ตั้งสติได้ก่อนแล้วกัน ก๊ากกก

มีฉากฮาๆ หลายฉากที่เขียนไปอยากจะต่อท้ายแซวพี่นิต (ตัวอย่าง... พี่นิตกระมิดกระเมี้ยนเปลี่ยนเสื้อมาก หารู้ไม่ โจเห็นไปถึงไหนต่อไหนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว พี่นิตจะอายทำไม ฮ่าๆ :laugh:)

เขียนไปเขียนมา รู้สึกว่าพี่นิตเป็นนายเอกที่โก๊ะอย่างรุนแรง (ตามประสาคนที่อยู่กับตัวเองมานาน มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก)

แต่ก็รักพี่นิตนะคะ :กอด1: (พักนี้อะไรๆ ก็พี่นิต ฮ่าๆ<<อาการหนักจริงๆ)

ปล.มีคนเสนอให้ลองทำโหวตอายุคนเขียน ใจร้ายจริงๆ เราว่าทำโหวตอายุคนอ่านดีกว่า น่าสนุกดี

สนใจจะลองกดโหวตกันไหมคะ อิอิ :-[
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 06-01-2012 16:06:18
ลุ้นฉากเอ็นซีเรื่องนี้ที่สุดในชีวิตแล้ว กริ้ดดดดดดด พี่นิตยังรอดอยู่เลย อ้ากกกกก

แต่ก็นะ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปก็แล้วกัน เดี่ยวพี่นิตเป็นลม กร้ากกก
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 06-01-2012 16:26:10
พี่นิตทั้งฮา ทั้งน่ารักโคตรๆ ถ้าเค้าเป็นโจ พี่นิตไม่รอดแน่ๆ ทำตัวน่าจับฟัดมาก  :o8:  :-[
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 06-01-2012 17:19:07
ลุ้นจริงๆ กลัวพี่นิตเป็นลมกลางคัน  :laugh:
และขอกรี๊ดให้กับประโยคนี้ดังๆ  “ช้าๆ หน่อย... พี่ไม่เคย”  กี๊สสสสสสสสสสส  :-[
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 06-01-2012 17:31:38
พี่นิตน่ารักมากกกกกกกกกกกกกแบบนี้โจก็ทั้งรักทั้งหลงแย่
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Anonymus ที่ 06-01-2012 17:39:55
จะ...ใจร้าย อย่ามาว่าพี่นิตเค้าโก๊ะนะ  พี่นิตแค่เบลอไปหน่อยเท่านั้นเอง แบบว่าคนมันไม่เคย อยู่ดีๆมีหนุ่มหล่อล่ำกล้ามโตๆมานัวเนีย มันก็อดตกใจไม่ได้แค่นั้น

แน่จริงลองปล้ำดูอีกสักหนสองหนสิ :o8: ขี้คร้านจะได้ตาค้างกับลีลาเร้าใจของพี่นิตไปตามๆกัน (มันจะหวังมั้ยพี่นิต)
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 06-01-2012 17:41:36
 :-[  :m20:  :-[
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 06-01-2012 17:52:28
แทนที่จะได้ตื่นเต้นกับฉากที่คุณนิตจะโดน... :m10:
ดันฮาแทนซะงั้นอ่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-01-2012 18:05:00
คืบหน้าไปมากแล้ว(สำหรับคู่นี้)
อีกนิดเดียวสู้เค้านะโจ

เชียร์ให้พี่นิตเลิกมึนซะทีสงสารโจ นี่ก็อดทนมากเกินคนปกติแล้วนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 06-01-2012 18:25:11
 :m25: อนิจจังวัฏสังขารา สังขารพี่นิตย่อมไม่เที่ยง = =

อ่านแล้วมันได้อารมณ์ยังไม่เค๊ยไม่เคยยยยยจริงๆนะเนี่ย

พี่นิ๊ตตตตตตต~

ปล.โหวตอายุคนเขียนน่าสนใจกว่าค่ะ!
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 06-01-2012 18:39:27
กรี๊ดดดดดดดดดโจหื่น
(แต่หื่นกว่านี้จะดีมักๆแม่ยกตรึม)
อิอิ เพราะเรามันหื่น :o8:
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 06-01-2012 18:58:59
อ่านแล้วรู้สึกดี..พี่นิตอายุ45 แล้วยังซิง :impress2:
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 06-01-2012 19:10:17
พี่นิตโดนจนได้อิอิ

ฮามากอ่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: soullve ที่ 06-01-2012 19:44:25
พี่นิตน่ารัก
เกือบเป็นลมไปกับพี่นิตแล้ว
เดี๋ยวนี้โจรุกเอาๆ
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 06-01-2012 20:09:47
แค่พี่นิตเปลือยแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อใส่เสื้อผ้าในห้องที่มืด

คุณบ.ก กก้ตาดีเกิน  มองเห็นรูปร่างพี่นิตในความมืด  จนเกิดอาการหื่น   หึหึ :z1:    :z1:

สรุปแล้ว ใครเสียตัวให้ใครกันแน่นะเนี่ย...... 

เจ่ว่าพี่นิตไม่รอดจาก บ.ก.โจแน่นอน 

เพราะความสัมพันธ์ของทั้งสองมันใกล้จะให้เลือดเลือดเข้ามาทุกทีแล้วอ่ะ   :กอด1:   :กอด1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-01-2012 20:14:14
แค่พี่นิตเปลือยแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อใส่เสื้อผ้าในห้องที่มืด

คุณบ.ก กก้ตาดีเกิน  มองเห็นรูปร่างพี่นิตในความมืด  จนเกิดอาการหื่น   หึหึ :z1:    :z1:

สรุปแล้ว ใครเสียตัวให้ใครกันแน่นะเนี่ย...... 

เจ่ว่าพี่นิตไม่รอดจาก บ.ก.โจแน่นอน 

เพราะความสัมพันธ์ของทั้งสองมันใกล้จะให้เลือดเลือดเข้ามาทุกทีแล้วอ่ะ   :กอด1:   :กอด1:  :กอด1:

ห้องตอนนั้นไม่ได้มืดนะคะ เพราะมีโคมไฟหัวเตียงเปิดอยู่ ภาพที่โจเห็นเลย... อิโรติกน่าดู (สำหรับโจนะ ฮ่าๆๆ :laugh:ๆ)
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 06-01-2012 20:15:23
พี่นิตท่าจะยังคาใจไม่เลิกนะ   :m20:
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 06-01-2012 20:40:41
ลุ้นแทนโจจนเหนื่อย พี่นิตคิดมากจริ๊ง  :jul3:
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-01-2012 21:02:54
โถ ๆ ๆ ๆ ไม่น่าปล่อยให้รอดไปได้ เสียดายโอกาสจัง  หุ หุ หุ
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 06-01-2012 21:06:34
อ่านไปลุ้นไป ฮ่าๆ พี่นิต จะโกรธมั้ยคะถ้าบอกว่าแทนที่จะหวานอายม้วนต้วน เรากลับหัวเราะกับอาการของพี่นิตมากๆ เลย  :laugh:

พี่นิตน่ารัก :-[

โจก็อดทนสุดยอด o13
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-01-2012 21:09:00
อ่านไปลุ้นไป ฮ่าๆ พี่นิต จะโกรธมั้ยคะถ้าบอกว่าแทนที่จะหวานอายม้วนต้วน เรากลับหัวเราะกับอาการของพี่นิตมากๆ เลย  :laugh:

พี่นิตน่ารัก :-[

โจก็อดทนสุดยอด o13

เป็นไปตามความตั้งใจของคนเขียนอยู่แล้วค่ะ (เรื่องนี้ไม่เคยเน้นหวานเลยค่ะ ฮาตลอด ฮ่าๆ)
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 06-01-2012 21:24:30
ถ้าโจต้องใช้เวลาอีกนานกว่าพี่นิตจะพร้อม
ถ้าเกิดตายคาอกขึ้นมาจะยุ่ง :z1:
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 06-01-2012 21:51:43
พี่นิตน่ารักมาก :m3: น่ารักมากจริงๆ
เกือบเสียตัวให้โจซะแล้ว :o8:
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 06-01-2012 22:00:20
อร๊ายยยย พี่นิต 55555555 จนได้ซินะ

ตอนนี้เป็นอีกตอนที่น่ารักมากๆ ขอบคุณมากนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: zomtum ที่ 06-01-2012 22:36:43
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:

โอ้ยๆๆๆ  พี่นิต น่ารักไม่ไหวแว้วววววว
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 06-01-2012 22:43:33
คุณพนิต ทำให้เราอ่านไปยิ้มไปกับความโก๊ะแบบน่ารักๆของแกน่ะ
ขณะเดียวกันก็อยากให้กำลังใจโจว่า "ใจเย็นๆนะจ๊ะโจ" คนเขาไม่เคย และเขาก็อยู่ในวัยนี้
แล้วการดำเนินชีวิตที่ผ่านมาของเขา ก็ไม่ได้โลดโผนโจนทะยานไปกับเรื่องรักๆใคร่ๆ
เรื่อง :oo1:นี้พนิตเขาอ่อนจ้ะ ก็ค่อยเป็นค่อยไปล่ะกัน คริ คริ
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 06-01-2012 23:02:06
พี่นิตแก้ผ้าน้องโจเห็นเลยสะกดโจน้อยไม่อยู่นั่นเองงงง 555
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 06-01-2012 23:13:26
น้องโจมือไวมาก :laugh:
พี่นิตอีกไม่นานแล้ว ใจอ่อนขนาดนี้

แต่อ่านๆแล้วคุณพนิตไม่มั่นใจในตัวเองมากๆเลย
มีผช. หล่อๆมาชอบตั้งหลายคนต้องดูดีสิ
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 06-01-2012 23:29:29
แค่คืนเดียว ความสัมพันธ์ไปไกลแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว  :-[
เหตุเกิดเพราะพี่นิตลืมผ้าเช็ดตัว น้องโจเลยหน้ามืด ของขึ้น แทบยั้งไม่อยู่
อ่านไปก็แอบห่วง แอบกังวลไป กลัวพี่นิตจะหัวใจวาย ตายคาอกโจ
ต้องรอลุ้นในรอบปฏิบัติการจริง(?) อีกที ว่าพี่นิตจะเป็นลม เป็นแล้งกลางคันรึเปล่าหนอ ?
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 06-01-2012 23:38:41
หนูอายุ สิบแปด นิดๆ คะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 07-01-2012 01:16:00
มันควรจะหื่นป่ะ...?

ทำไมอ่านไปขำไปอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
(หื่นสำหรับคุณพนิตแล้วมั้งเนี่ย)
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: aoommy ที่ 07-01-2012 10:50:54
น่ารัก อ่านแล้วรู้สึกดี แบบนี้มันน่าจำ ตรึงใจมากกว่าหื่นๆอีก :-[ พี่นิตมั่นใจในตัวเองหน่อยน้า
หัวข้อ: Re: [อัพรูปp15]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 07-01-2012 11:23:13
แวะมาอัพการ์ตูน เอิ๊ก~

ตอนที่แ้้ล้วรู้สึกว่ามีหลายอย่างน่ากัด ทั้งพี่นิตทั้งนายโจ...

วรั้ยยยย~

จริงๆ พี่นิตน่ารักนะคะ  :-[

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/out%20of%20order/1.jpg)

งานนี้ ช่องที่2 นายโจควรกำเดาพุ่งแทนคุณพนิตเป็นอย่างยิ่ง (แน่นอน เพราะคนเขียนจะพุ่งก่อนแล้ว ฮ่าๆ :pighaun:)

น่าสงสารคุณบ.ก.จริงๆ นะเนี่ย ฮ่าๆ :m20:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 07-01-2012 11:34:17
สุโค่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: aoommy ที่ 07-01-2012 11:41:35
พี่นิตเซ็กซี่จริ๊ง :haun4: โจโคตรอดทนเลย
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-01-2012 12:12:02
เป็นฉาก nc ที่ฮามากเลยอะ แถมยังต้องลุ้นว่า พี่นิตของโจ จะเป็นลมอีกหรือเปล่า 5555555
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 07-01-2012 12:14:58

   แหมๆๆ อ่านตอนนี้แล้วลุ้นจริงๆ
   ลุ้นว่าท่านพี่ที่เคารพจะหลบจะเลี่ยงอีท่าไหนน่ะ
   แล้วก็หลบสำเร็จด้วยนี่
   เอ. . . พูดว่าหลบสำเร็จนี่ถูกรึเปล่านะ ชักไม่แน่ใจซะละ -*-



หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 07-01-2012 17:29:13
รูปน่ารักมากกก :-[
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 07-01-2012 18:03:59
  :jul3:  :jul3:  :jul3:  :jul3:
ถึงมันจะไม่ เอ็นซี จนถึงที่สุดแต่คนอ่าน อ่านแล้ว...วี้ดวิ้วว...มาก(บรรยายภาษาคนไม่ออกเลย)
สมกับเป็นพี่นิตจริงๆนะตอนนี้  จนไม่รู้จะอิจฉารึสงสารโจดี(ฮา)
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 07-01-2012 18:22:21
อุ๊ย เพิ่งเห็นว่ามีการ์ตูนช่องใหม่

ชอบบบ น่ารักทั้งคู่เลย

นายโจช่องที่สองช่างหล่อเหลา  :impress2:
ส่วนพี่นิตตัวเล็กๆ นี่ฮามากค่ะ :laugh3:

ชอบตอนนี้มากๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 08-01-2012 01:47:37
พี่นิต อร๊ายยยยยยย อะไรจะอินโนเซ้นขนาดนั้นอ่ะพี่
น่ารักชะมัดเลย  :-[

ตกลงตอนนี้เราเป็นอะไรกันแล้วเนี่ย
ยอมๆเด็กมันไปเถอะพี่ คึคึ

โจเห็นหงิมๆนะ ร้ายใช่ย่อยนะ  :m25:

รอตอนต่อไปไม่ไหวร้าวววว  :z10:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 08-01-2012 09:33:16
ในการ์ตูนพี่พนิตก็ยังดูซื่อ สวนโจเนี้ยคิดไม่ดีกับพี่พนิตตล๊อด ตลอด :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 08-01-2012 16:42:12
เอร๊ยยย พัฒนาไปไกลแล้วคู่นี้
แต่ไปแบบมึนๆฮ่าๆ
พี่นิตฮาามากก
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 08-01-2012 17:32:52
สนุกมากค่ะ
เป็นความรักที่อบอุ่นดีนะคะ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 09-01-2012 00:39:33
แอบลุ้นไปกับคุณพนิตนะคะเนี่ย  กลัวจะเป็นลมไปอีกไม่อย่างนั้นก็อาจเลือดกำเดาไหล
ฮ่าๆ

โจร้ายอ่ะ  ไม่สอดก็ได้
โอยย เขินค่ะ เป็นฉากที่อ่านแล้วเขินกับความโก๊ะของคุณพนิต
มันน่ารักอย่างมว้ากกกกกก
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 09-01-2012 09:43:24
ชอบช่องที่ 2 ...

ฮาาาาา
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 09-01-2012 21:32:47
ลุ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ลุงน่ารักมากอะ อย่างฮ่าเลยอะ มีข้อแก้ตัวให้ตัวเองตลอด อยากให้เข้าอยู่ใกล้ ๆ เหมือนกันก็บอกมาเหอะ แหมมมมมม ทำเป็นดึกแล้ว กิ้ววววววววววววววว ก๊ากกกกกกกกกกกกกก  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 10-01-2012 00:41:41
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
ทำไมพี่นิตใจร้ายกับน้องโจจังเลยล้าาาา
อดแอ้มเลยอ่ะ
ไม่เป็นไรนะโจ คราวหน้าเอาใหม่
อ่อยยยยย  เขินนะ   ><
ยังน่ารักเหมือนเดิมนะะะ ^^
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine538 ที่ 10-01-2012 13:00:57
เป็นนักอ่านหน้าใหม่สำหรับเรื่องนี้ค่ะ

ตามอยู่ 2 วัน ทันแระ :o8:

พี่นิตน่ารักมาก ซึนแบบเกินเยียวยา ส่วนน้องโจก็นะ... คนหนุ่มรักแรง ชีวิตจริงจะมีแบบนี้มั้ยเนี่ย

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 10-01-2012 13:27:50
555 พี่นิตเล่นเราขำจนปวดแก้ม
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 10-01-2012 16:15:34
 :jul3: ขำกลิ้งจนเกือบปล่อยกร๊ากออกมากลางที่ทำงานตอนที่พี่นิตบอกว่า "พี่จะเป็นลม" มันให้อารมณ์คนแก่ม้ากกเลย ฮ่าๆๆๆ
แต่ว่าท่าทางคุณน้องโจเชี่ยวมากค่ะ คิดว่าพี่นิตคงไม่รอดในเร็ววันนี้แน่นอน :impress2:

ว่าแต่ว่า45นี่ไม่ได้แก่ไรมากมายนะขอบอก ยังหนุ่มอยู่เลยยย


ชอบมากค่ะอ่านไปยิ้มไปตลอด รออ่านตอนต่อไปคร่า o13
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 10-01-2012 20:51:57
อิอิ ในที่สุดพี่นิตก็เสร็จนายโจจนได้  :o8:
อ่านแล้วเหมือนพี่นิตแอบยั่วโจเลยอ่ะ เลยโดนน้องโจเขมือบเลย แม้จะยังไม่ถึงที่สุดก็เหอะ   :laugh:
ว่าแต่มาถึงขั้นนี้แล้วยอมเป็นแฟนนน้องโจหรือยังคะ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 11-01-2012 21:28:43
อ่านไปลุ้นไป กลัวพ่ี่นิตจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน  :laugh:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก15(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P15:6/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 16-01-2012 23:13:58
Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่16
   “พี่นิต”
   ผมได้ยินเสียงลมหายใจของเขาขาดเป็นห้วงๆ ดวงตาสีดำของเขาเป็นประกายวาว จ้องมาที่ผมด้วยหน้าตาหมดจด หล่ออย่างกับเจ้าชายในฝัน จากนั้นเขาก็ขยับเข้ามาใกล้ ถอดเสื้อผ้าออก จับมือผมลูบไล้ผิวกายเขา ผมร้อนวาบไปทั้งตัว ผิวเขาตึงแน่น เรียบน่าจับ กล้ามเนื้อก็กำลังสวย แล้วเขาก็ขยับตัวเข้ามาอีก ก้มลงพ่นลมหายใจรดหูผมจนขนลุกซู่ ก่อนจะกระซิบเบาๆ
   “ผมใส่เข้าไปนะ”
   !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
   
   ผมทะลึ่งตัวพรวดขึ้นมา ก่อนจะต้องรีบเอาหัวทิ่มลงไปบนหมอนเหมือนเดิม เพราะเกิดอาการหน้ามืดกะทันหันเนื่องจากลุกเร็วเกินไป
   เดี๋ยวสิ! ตะกี้มันอะไรกันน่ะ?
   ระหว่างที่รอให้ความดันเข้าที่เข้าทาง ผมก็หันไปมองข้างๆ ถึงพอจะรู้สึกตัวอย่างจริงๆ จังๆ สักทีว่าอยู่บนเตียงนอนที่ห้อง แล้วก็ไม่มีใครอีก มีแต่ผม ผ้าแพรที่ห่มนอน หมอนหนุนที่ก็ลืมตากมาสองสัปดาห์แล้ว อืม... ตะกี้ทำไมจู่ๆ ผมลุกพรวดขึ้นมาอย่างนั้นล่ะ?
   ผมคิดว่าอาจจะเพราะฝันร้าย แต่ว่า... ฝันว่าอะไรผมดันนึกไม่ออกซะแล้วสิ รู้แต่ว่าให้ความรู้สึกแย่ชะมัดเลย ฝันอะไรของผมนะ ถึงกระทั่งลุกพรวดจนหน้ามืดแบบนั้น
   พอเห็นว่าน่าจะพอลุกได้แล้ว ผมจึงค่อยๆ ตะแคงข้าง ไถลตัวลงมาจากเตียง พับผ้าห่มวางบนหมอน แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าน่าจะเอาหมอนไปตากได้แล้ว เลยถอดปลอกหมอนออก ดึงผ้าปูที่นอนออกมา แล้วก็เอาหมอนที่ถอดปลอกแล้วไปตากตรงระเบียง ก่อนจะหยิบกองปลอกหมอนและผ้าปูลงมาใส่ถังซักผ้าด้านล่าง
   วันนี้ท้องฟ้าดูสดใส ผมทานข้าวเช้าแล้วนึกครึ้มใจว่าคืนนี้หมอนผมคงหอมแดด แดดขนาดนี้รับรองว่าตัวเรือดตัวไร และสิ่งมีชีวิตอีกสารพัดที่ชอบแฝงเร้นตัวอยู่ในหมอนต้องอพยพถอยทัพออกไปแน่
   ทานข้าวเสร็จ ผ้าปูที่นอนก็ปั่นแห้งพร้อมตากพอดี ผมเลยหาผ้ามาเช็ดราวที่เป็นเชือกไนล่อนขึงด้านหลังเสียหน่อย เพราะปกติไม่ค่อยได้ใช้ เดี๋ยวคราบฝุ่นมันจะติดไปบนผ้าปูที่นอนซักใหม่ จากนั้นก็ค่อยเอาผ้าที่ซักแล้วมาตาก อืม... น้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นนี้หอมดีจริงๆ
   ผมยืนดูผ้าปูสีขาวที่อดีตเคยเป็นสีฟ้าอ่อน แต่ถูกกาลเวลากัดกร่อนจนสีเปลี่ยนไปแล้ว ปลิวพะเยิบพะยาบตามแรงลมอ่อนๆ พลางคิดว่า ผ้าปูผืนนี้มันเก่าเกินไปรึเปล่านะ
   อืม... จำได้ว่าเมื่อวันก่อนที่สุภาพงษ์มานอนค้างที่บ้าน ผมก็ปูผ้าปูผืนนี้ เออ... ใช่... ผมกับเขา เอ่อ.... ทำอะไรที่คนอายุรุ่นเราไม่น่าทำกันแล้วบนเตียงของผม โอ๊ย ให้ตายสิ ทำไมผมคิดถึงเรื่องนี้อีกแล้วนะ อุตส่าห์ทำเป็นลืมๆ ไปได้ตั้งวันสองวันแล้วแท้ๆ เอาน่ะ มันก็แค่การช่วยเหลือให้ร่างกายได้ระบายของเหลวคัดคั่งออกไปเท่านั้นแหละ ผมจะเก็บมาติดใจอะไรนักหนา
   แค่ช่วยกันช่วยตัวเอง ไม่ได้หมายความว่าผมจะตกลงปลงใจกับเขาแล้วสักหน่อย
   ถึงงั้นก็เถอะ ไม่รู้ว่าเขาจะมองผมยังไงบ้างนะเนี่ย ไหนจะแก้ผ้าออกมาจากห้องน้ำเอย... ทำแบบนั้นกับเขาเอย โอ๊ย แย่ๆๆ แล้วผมก็ดันชวนเขาไปเที่ยวเสาร์อาทิตย์นี้อีก ตอนนั้นผมคิดอะไรกันอยู่นะเนี่ย
   หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ เลย...
   เรื่องเริ่มแค่ผมซักผ้าปูที่นอน แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นเรื่องการหาเหตุผลมาเลื่อนนัดผัดผ่อนการไปเที่ยวกับสุภาพงษ์ได้ยังไงก็ไม่รู้ จนสิบโมงครึ่งเข้าไปแล้ว กระดาษบนแคร่พิมพ์ผมยังไม่มีอะไรคืบหน้าไปสักเท่าไหร่ ในหัวเริ่มคิดวนๆ เวียนๆ ว่าจะบ่ายเบี่ยงเรื่องไปเที่ยวที่เผลอหลุดปากชวนเขาไปได้ยังไง คือ... กลัวน่ะ... กลัวเกิดเหตุซ้ำรอยแบบคืนนั้นอีก ไม่ใช่ว่าผมจะลืมผ้าเช็ดตัวแล้วแก้ผ้าโทงๆ ออกมาหรอกนะ แต่ถ้าเกิดไปด้วยกันแล้วเขาหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ล่ะ?
   เหวอ!! แค่คิดผมก็แทบจะโทรไปบอกเลิกนัดเขาแล้วนะเนี่ย แต่ว่าถ้าสรุปเอาเองแบบนั้นมันก็ดูจะไม่ยุติธรรมกับเขาเกินไปหน่อย ก่อนหน้านี้ผมไปนอนห้องเขา ก็ยังไม่เห็นเขาทำอะไรเกินเลยขนาดนี้ อืม.... แบบนี้ผมระวังตัวเองไว้ก่อนดีกว่า จะได้ไม่ไปสะกิดอะไรให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้อีก
   หึย! เขาพิศวาสอะไรผมนักนะเนี่ย
   เพราะไม่เข้าใจรสนิยมของสุภาพงษ์แม้แต่นิดเดียว ผมเลยไม่กล้าจินตนาการอะไรอีก เพราะกลัวจะเผลอหลุดปากด่าเขาว่าโรคจิตไปสักวัน อืม... ผู้ชายหุ่นดีๆ วัยเดียวกันก็มีตั้งเยอะตั้งแยะนะเนี่ย นี่ถ้าไม่ใช่เพราะผมเป็นต้นเหตุล่ะก็ ผมว่าเขาโดนเล่นของแน่ๆ
   ระหว่างที่ผมกำลังคิดบ้าบอกับตัวเองอยู่ เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น เล่นเอาผมสะดุ้งแทบจะร้องออกมา รีบกุลีกุจอไปรับทันที
   “สวัสดีครับ”
   “พนิต นี่เราเอง ภูมินะ”
   “อ้าว ภูมิ มีธุระอะไรน่ะ ไม่ทำงานหรือไง?”
   “เปล่า พอดีวันนี้มีสัมนาน่ะ แล้วมันน่าเบื่อเลยขอกลับก่อนน่ะ เราแวะไปเยี่ยมนายที่บ้านได้รึเปล่า?”
   พอฟังเขาบอกว่าอยู่แถวไหน ผมก็รีบตอบกลับไปทันที “มาสิ ใกล้ๆ นี่เอง” จากนั้นผมก็บอกทางเขา ภูมิวัฒน์ส่งเสียงตอบรับกลับมา จากนั้นก็วางสายไป
   เพราะว่าจะมีเพื่อนมาที่บ้าน แล้วไหนๆ ก็คิดนิยายไม่ออกอยู่แล้ว ผมเลยไปหยิบไม้กวาดมาจัดการกวาดบ้านอีกสักรอบ เป็นการฆ่าเวลา พอกวาดบ้านเสร็จ รถของภูมิวัฒน์ก็มาจอดหน้าบ้านผมพอดี
   “พนิต!” เขาลงจากรถแล้วตะโกนเรียกชื่อผมเสียงดัง ผมเลยรีบเก็บไม้กวาดกับที่โกย ออกไปเปิดประตูรับเขา
   ภูมิวัฒน์ตัดผมสั้นเรียบร้อย วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนแถบขาว ใส่ไว้ในกางเกงซะด้วย สงสัยตอนสัมมนาเขาจะใส่สูท เพราะเห็นกระดุมเสื้อเชิ้ตก็ติดถึงข้อมือ ที่ปลอดออกก็คงเป็นกระดุมเม็ดบนล่ะมั้ง เห็นเลยว่าหุ่นเขายังฟิตดีอยู่ แหม.... หล่อตั้งแต่หนุ่ม จนมีอายุแล้วก็ยังดูดีอยู่เลย
   “เข้ามาก่อนสิ” ผมพูด แล้วเปิดประตูรั้วให้ ภูมิวัฒน์เดินเข้ามา มองซ้ายมองขวา แล้วหันมาพูดกับผม “เพิ่งเคยมาบ้านพนิตครั้งแรกนะเนี่ย”
   “อือ... หายากมั้ย?”
   “ไม่ยาก พอได้ยินว่าเป็นบ้านสวนกลางเมือง เลยคิดว่าน่าจะหาง่ายอยู่น่ะ แล้วนี่พนิตอยู่คนเดียวเหรอ?”
   “อืม” ผมตอบ แล้วเปิดประตูเข้าไปในตัวบ้าน ภูมิวัฒน์เดินตามเข้ามา “อืม... บ้านก็กว้างอยู่นะ เราคิดว่าพนิตอยู่กับน้องที่มารับวันนั้นซะอีก”
   “หา?!” ผมหันไปมองหน้าเขา “น้องคนไหนน่ะ?”
   “ก็บ.ก.ที่มารับพนิตวันนั้นไง”
   ผมเกือบพ่นน้ำลายออกมา “บ้าเรอะภูมิ ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ”
   “ก็... เห็นพนิตท่าทางจะชอบเขานี่นา” ภูมิวัฒน์ออกความเห็น แล้วยิ้ม “ปกติพนิตไม่ชอบเครื่องมือสื่อสารไม่ใช่เหรอ ขนาดพกโทรศัพท์ที่เขาซื้อให้ไว้ เราว่าพนิตรู้สึกกับเขาไม่ธรรมดาแล้วล่ะ”
   ผมอึ้งไปหน่อยหนึ่ง ก่อนจะถามเขากลับไป “ภูมิมาเยี่ยมเราหรือมาหาเรื่องเราน่ะ”
   ภูมิวัฒน์หัวเราะชอบใจ “พนิตเขินล่ะสิ แล้วตกลงปลงใจกับเขาหรือยังน่ะ?”
   ผมชักฉุนเพื่อน ถึงจะเข้าใจนิสัยพูดตรงๆ ของเขาก็เถอะ แต่หมอนี่ไม่จำหรือไงนะ ว่าเพราะไอ้นิสัยพูดตรงๆ ของเขานี่แหละ ที่ทำให้เรามองหน้ากันไม่ติดมาตั้งเป็นยี่สิบปี
   “ภูมิคุยเรื่องอื่นที่มันเป็นสาระกว่านี้หน่อยเถอะ” ผมว่า เพราะขี้เกียจฟังคำถามแสลงหู ที่แค่ถามตัวเองผมยังไม่อยากถาม แล้วทำไมจะต้องมาฟังคนอื่นถามด้วย ภูมิวัฒน์เงียบไปพักหนึ่ง
   “พนิตอยู่บ้านนี้แต่เกิดเลยเหรอ?”
   “อืม...”
   “งี้แสดงว่ามีรูปถ่ายสมัยเด็กๆ เก็บไว้ด้วยล่ะสิ” เขาว่า คราวนี้ผมหันมาหัวเราะบ้าง “อะไรน่ะ จู่ๆ ก็อยากดูรูปถ่ายสมัยเด็กขึ้นมาหรือ? นายไปสัมมนาอะไรมาเนี่ย?”
   “การปฏิรูปการศึกษา” ภูมิวัฒน์ตอบ แล้วทำหน้าละเหี่ยใจทันที “งี่เง่าไร้สาระเหมือนเคยนั่นแหละ ขี้เกียจอยู่ฟังเลยบอกว่าเพื่อนไม่สบายหนัก เดี๋ยวค่อยให้เลขาสรุปให้ทีหลัง”
   “โห... ทำงานนี้นี่เอง มิน่าล่ะ กระทรวงถึงไม่ก้าวหน้าสักที” ผมแซวเขา ภูมิวัฒน์ทำหน้านิ่ว “อยากให้นายไปนั่งทำงานแบบฉันสักวันจริงๆ ชีวิตนักเขียนนิยายนี่ดูสบายดีนะ อยู่บ้านทั้งวันเลยล่ะสิ”
   “อือ”
   “เออ ไหนๆ ก็มาแล้ว ขอดูรูปถ่ายสมัยเด็กๆ หน่อยสิ”
   ผมเลิกคิ้วมองเขา แล้วพูดปนขำ “อะไรกัน โดดงานแถมแก่จนจะมีหลานอยู่แล้ว ยังจะมาขอดูรูปตอนเด็กๆ อีก”
   “ช่วยไม่ได้ ฉันยังไม่มีลูกนี่นา จะมีหลานได้ไง” ภูมิวัฒน์ตอบผมหน้าซื่อ “หรือนายมีแล้ว?”
   “ยังเหมือนกัน” ผมตอบเขา จากนั้นก็เดินไปรื้ออัลบั้มรูปถ่ายที่อยู่ในลิ้นชักออกมา สักพักก็ได้ยินเสียงเขาถามอีก “พนิต แก้วน้ำอยู่ไหนน่ะ”
   ผมลืมสนิทว่าต้องยกน้ำมารับแขก เลยรีบวางมือจากลิ้นชัก จะไปหยิบแก้วให้เขา แต่ก็ถูกห้ามไว้อีก “นี่ บอกมาเถอะน่า เดี๋ยวฉันไปหยิบเอง เรื่องแค่นี้ไม่ต้องทำเหมือนเป็นแขกหรอก”
   “อืม... อยู่ตรงชั้นหลังบ้านน่ะ น้ำมีในตู้เย็น เทได้เลยน่ะ”
   “อื้อ นายหารูปถ่ายต่อไปเถอะ” เขาว่า จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงหยิบแก้วที่หลังบ้าน แล้วก็เสียงเปิดตู้เย็น อืม... ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงได้อยากจะดูรูปถ่ายสมัยเด็กๆ ของผมนักนะ ผมรื้อๆ เจออัลบั้มหนึ่ง เก่าเก็บจนแทบจะเปิดไม่ขึ้นอยู่แล้ว เป็นรูปถ่ายรวมๆ มีรูปแม่ผมด้วย รูปขาวดำทั้งนั้นน่ะ
   “เอ้า” ผมหยิบอัลบั้มส่งให้เขาที่เดินผ่านมาพอดี ภูมิวัฒน์รับไปแล้วชะโงกหน้ามาดูในลิ้นชัก “รูปสมัยเรียนมีรึเปล่า”
   “มี” คราวนี้ผมตอบชัดเจน ก่อนจะรื้อออกมาอีกสองสามอัลบั้ม “มีรูปนายด้วยล่ะ” ผมพูดกับเขา “แต่เราแอบเอาไว้ลึกเลย โมโหนายน่ะ”
   “อืม.... ช่างเรื่องเก่าๆ เถอะน่า” เขาว่า แล้วรับอัลบั้มรูปทั้งหมดไป
“ไหนๆ ขอดูหน่อยซิ เด็กชายพนิตหน้าตายังไง” ภูมิวัฒน์พูด ก่อนจะเอาอัลบั้มรูปพวกนั้นไปเปิดดูที่โต๊ะรับแขก ผมเดินตามไปแล้วหัวเราะ “ทำเป็นมาดูหน้าหลานไปได้ ตอนเด็กๆ ใครมันก็ขี้เหร่ทั้งนั้นแหละ”
   “ก็ไม่นะ” เขาว่า ขณะพลิกดูรูปถ่าย “นี่น้องสาวพนิตสินะ ตอนเด็กๆ น่ารักดี”
   ผมพยักหน้าทันที ก่อนจะพูดเสริมต่อ “น้องเราน่ารักมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
   “นี่พนิตไม่เคยอ้วนกับเขาเลยหรือ?” ภูมิวัฒน์ถามต่อ หลังจากดูไปได้สักพัก ผมสั่นศีรษะ “ไม่เคยเลยน่ะ มีน้ำหนักขึ้นอยู่ช่วงหนึ่ง” ผมว่า แล้วขยับไปช่วยเปิดอัลบั้มรูปให้เขา “นี่ไง ตอนอยู่ม.ปลายน่ะ อ้วนมาหน่อยหนึ่ง”
   “โหย.. อย่างนี้น่ะเขาเรียกว่ากุ้งแห้งเยอรมัน” ภูมิวัฒน์แซวผม ผมหัวเราะชอบใจ “กุ้งแห้งเยอรมันก็ดีนะ จะได้ไปอังกฤษไง”
   “แล้วก็ถูกอังกฤษเตะกลับมาใช่ไหมล่ะ?”
   จากนั้นเราก็เริ่มต่อกลอนที่เคยเล่นสมัยเด็กกัน ต่อไปได้สักสี่ห้ากลอน ผมก็ขำจนนึกต่อไม่ออก “โอ๊ย ภูมิ ขอเถอะ พอเห็นหน้านายรุ่นนี้ต่อกลอนแบบนั้นแล้ว เรานึกอะไรไม่ออกเลยน่ะ”
   “อะไรกัน นายก็รุ่นเดียวกับเรานั่นแหละ ทำมาว่าเราไปได้”
   ผมขำไม่หยุด ไม่ใช่อะไรหรอก ภูมิวัฒน์ถึงจะอายุเยอะแล้ว แต่ยังหน้าตาดีในแบบคนมีอายุอยู่นะ พอเห็นเขาใช้หน้าหล่อๆ แบบนั้นมาพูดกลอนด้นสมัยเด็กๆ แล้วมันไม่เข้ากันสุดๆ จนน่าขำเลยน่ะ
   “เอ้าๆ หัวเราะให้พอ” เขาพูดกระแทกเสียงนิดๆ แล้วยกมือผลักผมเบาๆ ผมหัวเราะใหญ่ ขำจนลงไปนอนพิงกับเก้าอี้ “โอ๊ย ขำ เดี๋ยวนะ ขอเราพักหายใจแป๊บหนึ่ง”
   ภูมิวัฒน์เหลือบตามามองผมที่นอนพิงกับเก้าอี้ยาวหน่อยๆ แล้วพูดยิ้มๆ “พนิตอย่าไปนอนแบบนี้ให้น้องเค้าเห็นนะ ถ้ายังไม่ตกลงปลงใจกันน่ะ”
   “?” ผมหยุดหัวเราะ เงยมองเขาทันที ภูมิวัฒน์พูดต่อ “แล้วรูปถ่ายพวกนี้น่ะ เก็บดีๆ เลยนะ ถ้าน้องเขายังไม่เคยดูก็อย่าให้ดูเลย”
   “นี่จะพูดอะไรกันแน่น่ะ ภูมิ” ผมถามเขา ยันตัวลุกขึ้นมา ภูมิวัฒน์ยิ้มนิดๆ “เราห่วงน้องเขาน่ะ กลัวน้องเขาตกหลุมรักนายจนโงหัวไม่ขึ้น ถ้าไม่ตกลงปลงใจก็อย่าให้ท่าเขามากเลย สงสารเขาเถอะ”
   ผมนิ่วหน้า อารมณ์ที่ดีๆ อยู่เมื่อตะกี้หายวับไปเหมือนถูกเช็ด “เราไม่ได้ให้ท่านะ!”
   “อืม...” อดีตรูมเมทผมพยักหน้า “แต่ที่พนิตทำอยู่ เราว่า สำหรับน้องเขา มันก็เหมือนให้ท่านั่นแหละ ถ้าไม่คิดอะไรก็อย่าทำใจดีเกินหน้าที่กับเขาเลยนะ”
   ผมมองหน้าภูมิวัฒน์ จากนั้นก็ถอนหายใจเฮือก “ภูมิ... เราไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง”
   “?” เขาเลิกคิ้วมองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ ผมมองเขาอยู่พัก ก็ตัดสินใจพูดต่อ “นี่เห็นว่านายเคยเป็นรูมเมทเรา แถม... ท่าทางจะเป็นเกย์ด้วยหรอกนะ ถึงบอกนะ”
   ภูมิวัฒน์หัวเราะออกมา “ไม่ใช่ท่าทางหรอก เราเป็นเกย์เลยล่ะ”
   ผมอึ้งไปหน่อยหนึ่ง “ระ... เหรอ...”
   “อืม... พนิตดูไม่ออกเลยเหรอ?”
   ผมสั่นหัวดิก ภูมิวัฒน์ยิ้มอีก “อืม... เราไม่แปลกใจนะ เพราะกระทั่งตัวนายเอง นายยังไม่รู้ตัวเลย”
   “นี่ หลอกด่าอะไรเราอีกน่ะ” ผมถามเสียงเขียว เพื่อนผมรีบสั่นศีรษะ แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด ทั้งๆ ที่ยังหัวเราะอยู่ “นายจะบอกอะไรเราน่ะ?”
   “ไม่บอกแล้ว” ผมเมินใส่เขา ค่าที่ชอบแกล้งหลอกด่าผมดีนัก ภูมิวัฒน์ทำหน้าเจื่อนๆ อย่างที่ไม่เข้ากับบุคลิกเขาเลยสักนิด แล้วถามผมเสียงอ่อน “ไม่บอกจริงเหรอ?”
   ผมล่ะไม่รู้จะโกรธหรืออะไรเขาดี อายุก็ไม่ใช่สิบเก้ายี่สิบแล้ว ยังจะมาทำท่าเด็กๆ อยู่อีก หน้าตาเขาก็ดูดีแบบคนมีอายุ หยุดทำอะไรไม่เข้ากับหน้าแบบนี้สักทีได้ไหมเนี่ย เดี๋ยวผมก็ขำกลิ้งอีกหรอก
   “บอกหน่อยเถอะ นะ...”
   พอเห็นเขาทำหน้าแล้วเสียงอ้อนๆ แบบนั้น ผมอดไม่ได้จริงๆ ต้องขำออกมา “โอ๊ย ขอเหอะภูมิ อย่าทำหน้าแบบนี้อีกนะ ฮ่ะๆ”
   “หนอย ขำได้ขำดีจริงนะ หน้าเรามันมีปัญหาอะไรน่ะ”
   ผมตอบไม่ออก เพราะพอเขาทำหน้าโกรธหลอกๆ แบบนั้นแล้วก็ยิ่งขำหนักเข้าไปอีก สงสัยภูมิวัฒน์จะทนหมั่นไส้ผมไม่ไหว เลยขยับมือมาจักจี้เอวผมต่อ “งั้นจะให้หัวเราะให้พอเลย”
   ความจริงผมก็ไม่ใช่คนบ้าจี้อะไรนักหรอก ถ้าอยู่เฉยๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอกำลังขำอยู่แบบนี้ แล้วถูกเขาทำแบบนั้น อาการบ้าจี้มันเลยออกมา ผมดิ้นพลางหัวเราะพลางจนหน้าดำหน้าแดง “โอ๊ย ภูมิ ไม่เอานะ ฮ่าๆๆๆ โอ๊ย ฮ่าๆๆ”
   ภูมิวัฒน์จี้เอวผมอย่างกับคับแค้นกันมานานปี นี่เขากะจะให้ผมหัวเราะจนขาดใจตายเลยหรือไง ขณะที่กำลังหัวเราะน้ำตาเล็ดน้ำตาร่วง จู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนมีใครเข้ามาในบ้าน จากนั้นก็...
   พลั่ก!!!
   มันเกิดขึ้นเร็วมากจริงๆ ผมยังหัวเราะอยู่เลยตอนที่เพื่อนผมถูกดึงตัวออกไป จากนั้นก็เห็นเขากระเด็นไปที่พื้น เพราะถูกใครบางคนต่อย พอเงยหน้าขึ้นไป ก็เห็นคนที่ไม่คิดว่าจะมาปรากฏตัวอยู่ได้ในเวลาแบบนี้
   สุภาพงษ์!!
   ผมตกใจจนพูดไม่ออก แต่พอเห็นเขาเอื้อมมือไปกระชากคอเสื้อภูมิวัฒน์ขึ้นมา แล้วเงื้อหมัดอีก ผมก็รีบวิ่งเข้าไปขวางกลางทันที “หยุดนะ!!” จากนั้นเราก็ยื้อยุดกันอยู่พักหนึ่ง ผมรู้สึกเหมือนถูกเหวี่ยง สุภาพงษ์แรงเยอะมาก แถมภูมิวัฒน์เองก็ดูจะโมโหสุดๆ ที่ถูกต่อย ก็เลยพยายามจะเงื้อหมัดเข้าใส่ จนผมต้องร้องขึ้น “หยุดนะ!! หยุด!!”
   ผมทั้งถีบทั้งผลักสู้แรงกันจนพอจะแยกสองคนนั่นออกมาได้ พอเงยหน้าก็เห็นสุภาพงษ์หน้าแดงก่ำ ท่าทางโกรธจัด เขาถลึงตามองผม ขบกรามจนเป็นสันนูน ก่อนจะโพล่งออกมา “พี่นิตจะให้ท่ากับทุกคนเลยใช่มั้ย?!”
   ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรแทงทะลุอก ถึงกับลืมหายใจไปกะทันหัน
   เพี๊ยะ!!!!
   เสียงฝ่ามือกระทบกับใบหน้าดังชัดเสียดเข้ามาในหู เขาเซถอยหลังไปหน่อยหนึ่ง แก้มเห่อเป็นปื้นขึ้นมา ผมเจ็บแปลบตรงมือขวาที่ใช้ตบเขา แต่.... ผมไม่รู้สึกอะไรมากนักหรอก
   เพราะหัวใจที่เต้นอยู่ในอกผมมันเจ็บกว่านั้นอีกหลายเท่า
   “พี่นิต!”
   ผมกำมือแน่น รู้สึกปวดแปลบที่หน้าอกเหมือนจะฉีกออก ตามันพร่าเพราะม่านน้ำที่เอ่อทะลักออกมา ได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไป “ออกไป...”
   “พี่...”
   “ออกไป!!” ผมตวาดลั่น “ออกไปให้พ้น!”
   สุภาพงษ์หันหน้ามา ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ผมไม่อยากฟัง ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ไม่อยากเห็นเขาอีกแล้ว
   “ออกไป!!” ผมยื่นมือไปผลักเขาอย่างแรง สุภาพงษ์เซถลาตามแรงผลัก “พี่นิต ผม!”
   ผมผลักเขาสุดแรง จนภูมิวัฒน์ต้องเข้ามาดึงแขนผมไว้ ขณะที่สุภาพงษ์เซไปชนบานประตูที่เปิดอ้าอยู่
   “ไปให้พ้น แล้วไม่ต้องมาเห็นหน้ากันอีก!”
   “!!!!”
   ผมมองหน้าสุภาพงษ์ไม่ชัด อันที่จริงแล้ว ผมแทบไม่รู้สึกอะไรเลย นอกจากอาการปวดแน่นในอก เขาค่อยๆ หันหลัง แล้วเดินออกไป ผมได้ยินเสียงปิดประตูรถ ได้ยินเสียงรถแล่นออกไป
   “พนิต!”
   ผมปวดหัวใจจนชาขึ้นมาถึงหน้า ปวดจนมองไม่เห็นอะไร เจ็บเหมือนหัวใจถูกกระชากออกเป็นชิ้นๆ
   ผม...............
---------------------------------------------------------------
   ครั้งหนึ่งในชีวิต ผมเคยเสียใจกับคำพูดของรูมเมทตัวเอง จนต้องมานอนร้องไห้คนเดียวบนเตียง ตอนนั้นหัวใจผมเจ็บแปล๊บๆ เสียใจ แต่ก็พอเข้าใจอยู่ว่าสิ่งที่ผมทำมันงี่เง่า ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกเคืองเขามาได้ตั้งเป็นยี่สิบปี
   นั่นก็เพราะ... ผมชอบเขาเอามากๆ การที่ถูกคนที่ชอบทำร้ายจิตใจ มันเจ็บปวดมากเสียกว่าถูกทำร้ายโดยคนที่เกลียดเสียอีก
   แต่ผมไม่เคยคิดเลย ว่าจะมีอีกครั้ง ที่ผมจะต้องเจ็บปวดเพราะเรื่องแบบนี้อีกครั้ง ซ้ำยังรุนแรงกว่าเดิมอีกไม่รู้กี่สิบเท่า
   ผม.... พลาดไปแล้วใช่มั้ย.......?
   
   “..........................” ผมลืมตาขึ้นมา เห็นฝ้าเพดานลายดอกไม้ ที่โดนแสงแดดอ่อนๆ ย้อมจนเป็นสีเหลืองอ่อน อืม.. ที่บ้านผมไม่มีฝ้าลายๆ แบบนี้นี่นา... จากนั้นผมก็ได้กลิ่นเหมือนน้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้ตามโรงพยาบาล
   นี่ผมอยู่ที่โรงพยาบาลเหรอ?
   ขณะที่กำลังกะพริบตาปริบๆ แล้วหันมองนั่นมองนี่ เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองอยู่ในที่แบบไหนกันแน่ ประตูแบบบานสวิงก็ถูกเปิดเข้ามา
   “พนิต ฟื้นแล้วเหรอ? ดีจัง” ภูมิวัฒน์เอ่ยปากทัก แล้วเดินเข้ามาหาผม ที่ปากเขามีรอยช้ำรอยใหญ่พอสมควร เลยถามเขาอย่างเป็นห่วง “หน้าเป็นไงบ้างน่ะ?”
   “ก็นิดหน่อย ฟันไม่หัก แค่ปากแตกน่ะ” เขาตอบผม แล้วพูดต่อทันที “นายห่วงตัวเองก่อนเถอะ เสียใจจนเป็นลมแบบนี้น่ะ ไม่ค่อยดีแล้วนะ”
   ผมกะพริบตาซ้ำๆ หลายครั้ง แต่พอพบว่าไม่สามารถจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ก็ต้องต้องแค่นหัวเราะออกมาแทน “เหรอ... ขนาดนั้นเลยเหรอ”
   ภูมิวัฒน์เงียบไปบ้าง รอจนผมน้ำตาหยุดไหล เขาเลยพูดต่อ “หมอบอกว่านายต้องออกกำลังกายบ้าง หัวใจจะได้แข็งแรงขึ้น”
   “อืม....” ผมส่งเสียงในลำคออย่างไม่อยากจะสนใจอะไรนัก ภูมิวัฒน์เดินเข้ามาใกล้ แล้วยกมือลูบศีรษะผม เขาไม่ได้พูดอะไร แค่ลูบแล้วมองผมเฉยๆ แต่กลับทำให้น้ำตาผมไหลไม่หยุด ผมจับมือเขาเอาไว้แน่น
   เราสองคนยืนเงียบๆ กันแบบนั้นสักพัก ผมปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบๆ ขณะรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ในอก ภูมิวัฒน์ยกมือเช็ดน้ำตาให้ผมเป็นระยะ จากนั้นเขาก็ขยับออก ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เตียง
   “พนิต”
   “อืม” ผมส่งเสียง แต่ไม่ได้หันไปมองหน้า ได้ยินเสียงภูมิวัฒน์พูดต่อ “ชอบเขาใช่มั้ย?”
   น้ำตาผมไหลออกมาอีก ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจ “งั้นเราตามเขามานะ”
   ผมรีบสั่นศีรษะ พยายามเค้นเสียงบอกเพื่อนไป “ไม่ต้องหรอก”
   “ทำไมล่ะ?”
   “เรา... เกลียดเขาแล้ว”
   “พนิต!”
   ผมหลับตา เริ่มรู้สึกรำคาญน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด “พาเราไปส่งที่บ้านทีสิ”
   “...........”
   “เราอยากกลับบ้านแล้วน่ะ”
   “คุยกับเขาหน่อยไม่ดีเหรอ” ภูมิวัฒน์พูดขึ้นอีก ผมสั่นศีรษะ “ไม่ต้องหรอก เรารู้แล้วล่ะ ว่าเขามองเรายังไง”
   “พนิต.. นี่มันแค่เรื่องเข้าใจผิดนะ”
   ผมสั่นศีรษะอีก “ไม่ใช่หรอก... เรา.... ใจง่ายเองแหละ”
   “?!”
   “ถ้านายไม่อยากไปส่งเราตอนนี้ ขอเราอยู่เงียบๆ สักพักได้มั้ย?” ผมพูด เพราะชักรู้สึกว่าคงจะห้ามน้ำตาไม่อยู่แน่ๆ ภูมิวัฒน์นั่งนิ่งอยู่พัก สุดท้ายก็ลุกออกไปโดยไม่พูดอะไร พอได้ยินเสียงปิดประตู ผมก็ยกมือปิดหน้า น้ำตาไหลทะลักออกมา แทบจะกลั้นเสียงร้องเอาไว้ไม่อยู่
   เขาคงเห็นผมง่าย เห็นผมทำอะไรกับใครก็ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดออกมา แค่เพราะผมถูกเขาจับ ถูกเขาลูบ ก็ยอมโอนอ่อน ยอมให้เขาจับแล้วจับอีก เขาคงเห็นว่าผมเป็นแบบนั้น
   มันไม่ใช่ความผิดเขาหรอก
   เขาคงไม่รู้จริงๆ ว่าที่ผมยอมให้เขาจับ ที่ผมยอมให้เขาจูบ ผมสั่นแค่ไหน หัวใจผมเต้นแรงแค่ไหน...
   เขาอาจจะไม่ใช่รักแรกของผม แต่เขาเป็นจูบแรกของผม เป็นการสัมผัสอย่างลึกซึ้งครั้งแรกของผม
   เขาได้ครั้งแรกจากทั้งชีวิตของผม แต่.... มันไม่มีค่าอะไรในสายตาเขาเลยสักนิด
   ผมปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้ม....
   ต่อไปนี้... ผมจะไม่ยอมให้ใครได้จูบผมอีกแล้ว ผมจะไม่ยอมให้ใครได้แตะผมอีกแล้ว ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายผมอย่างไม่ตั้งใจแบบนี้อีก
   ผมจะไม่เผลอให้หัวใจกับใครอีกแล้ว.....
--------------------------------------------
   หลังจากหมอมาตรวจอาการผมอีกครั้งในช่วงค่ำ ก็ลงความเห็นว่าควรจะพักต่ออีกสักหน่อย แล้วฉีดยาให้ผมอีกเข็ม ผมล่ะทุเรศตัวเองจริงๆ ที่ต้องมาถูกจับฉีดยาระงับประสาทแบบนี้ ภูมิวัฒน์ตั้งใจจะอยู่เฝ้าผม แต่ผมบอกให้เขากลับไปก่อน เพราะถึงจะเป็นโรงพยาบาลเอกชน ก็ใช่ว่าจะมีเตียงมีหมอนนอนสบายสำหรับคนเฝ้าไข้ อีกอย่าง ผมก็ไม่เป็นอะไรมาก
   เราเถียงกันสักพัก ผมชักรู้สึกมึนๆ เพราะฤทธิ์ยา เขาเลยยอมกลับไป จากนั้นผมก็หลับไม่ได้สติ
   คืนนั้นผมฝัน ฝันว่าตัวเองกำลังนั่งก่ออิฐถือปูน ซ่อมผนังห้องบิดๆ เบี้ยวๆ ที่พังอย่างกับถูกแผ่นดินไหว พร้อมสึนามิถล่มพร้อมกัน ทุกอย่างพังพินาศไม่มีชิ้นดี จากนั้น ผมก็เห็นใครสักคนเดินเข้ามาใกล้
   “พี่นิต... ผมขอโทษ”
   ผมไม่เห็นหรอกว่าเขาเป็นใคร ไม่รูด้วยซ้ำว่าเขาขอโทษเพราะอะไร ที่ผมทำคือ เรียงอิฐให้สูงขึ้น ฉาบปูนให้หนาขึ้น
   โลกของผมมันไม่กว้างและแข็งแรงพอจะรับใครเข้ามาอีกแล้ว
----------------------------------------------
** เริ่มต้นด้วยความฮา... ลงท้ายด้วยน้ำตาจริงๆ!!! :sad4:

เขียนไปปวดอกแปลบๆ เพราะนอกจากจะเศร้ากับคุณพนิตแล้ว ยังรู้(อีกนะ) ว่าโจคงจะเสียใจไม่แพ้กัน

คำพูดเป็นสิ่งที่เรียกคืนไม่ได้ โจคงนึกด่าตัวเองเป็นล้านครั้ง ว่าไม่น่าพูดออกไปอย่างนั้นเลย (แต่ก็สายไปแล้ว)

น่าเสียดายที่ไม่น่าจะมีพาร์ตความรู้สึกของนายโจสำหรับช่วงนี้ (ที่จริงอยากเขียน แต่นึกไม่ออกว่าจะแทรกยังไง เล่นมุกเดียวกับนพรัตน์ก็ไม่อยากทำแล้ว ไม่ชอบเล่นมุกซ้ำบ่อยๆ ฮ่าๆ)

ที่จริงก็รู้สึกว่าพี่นิตออกจะเห็นแก่(ความรู้สึก)ตัวเองอยู่สักหน่อย(ถึงมาก) แต่เพราะพี่นิตอาร์ต เลยให้อภัย (ง่ายๆ งี้เลย!! :angry2:)

แถมรูป (ที่ไม่ค่อยเข้ากับเนื้อหาตอนนี้)

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/out%20of%20order/d0b2984a.jpg)

นี่คงเป็นความฝันของทั้งโจและพี่นิต(?) แต่ว่า... มันคงเป็นฝันที่ห่างไกลไปอีกหลายหมื่นปีแสง

อืม.... เรารู้สึกมีความสุขในความทุกข์ยังไงพิกล... ช่วงเวลานี้ช่างเจ็บปวดยิ่งนัก (โดนคนอ่านตบ :beat: อินังโรคจิตนี่ ชอบSMเร้อออ)

ขอให้ทุกท่านนอนหลับฝันดี..... เพราะคนเขียนติดภาระกิจ อาจจะไม่่ว่างมาเีีขียนตอนต่อให้ได้อ่านกันไวๆ

แต่ก็จะพยายามน๊า อืดมาม่ากันไปก่อนแล้วกัน อิิอิ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 16-01-2012 23:30:37
 :monkeysad:
ฤทธิ์รักแรงหึงทำเอาปวดใจปวดตับปวดม้าม สรุป ปวดไปทั้งตัวเลย
ปล. อย่าหายไปนานนะคะ เพราะมาม่าอืด จะกินไม่อร่อย
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 16-01-2012 23:48:18
 :m15: สงสารพี่นิต
นายโจจะทำไงต่อล่ะทีนี้  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 17-01-2012 00:10:08
ไม่รู้ไม่ชี้ไม่สนใจโจ
เราเข้าข้างพี่นิต(เคะสูงอายุของช้านนนนนนนนนนนนนนนนน)

อยากตบโจอีกซักสิบรอบแทนพี่นิต ของขึ้นเฟ้ย
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 17-01-2012 00:21:46
สงสารโจง่ะ ก็ชอบพี่นิตมากก็ต้องหวงมาก และก็คิดมากด้วย
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 17-01-2012 00:46:49
ความจริงตอนนี้ควรจะเศร้านะ
แต่เราดันมาฮาตอนเป็นลมซะงั้น 555+

รอตอนต่อไปปปป
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 17-01-2012 00:51:56
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยมัวๆก่อนนอนเลยชั้น
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 17-01-2012 01:11:25
พี่นิตติสแตกอีกแล้วว

กำแพงฐานไม่ดีโดนลมหน่อยๆก็พังแล้ว

หวังว่านายโจจะไม่ติสแตกอีกคนนะ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: zomtum ที่ 17-01-2012 01:44:58
โว้วววว เศร้า า :m15: :m15: :m15:

เง้ออ  กะลังฟังเพลงเศร้า อินเลยคร่าา  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 17-01-2012 01:55:42
 :m15: โจแค่ใจร้อนไปหน่อยเอง
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 17-01-2012 04:34:20
Sweet waan lek lek nor~hu hu hu..
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: pigrabbit ที่ 17-01-2012 06:10:09
 :monkeysad: ตอนแรกก็ยิ้มแย้มแจ่มใสกันดี
โจไม่น่าเลยนะ พี่นิตโกรธแล้ว  :z6:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 17-01-2012 09:47:20
โลกของผมมันไม่กว้างและแข็งแรงพอจะรับใครเข้ามาอีกแล้ว

เจ็บกับประโยคนี้มาก
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 17-01-2012 09:56:53
 :a5: ขี้ใจน้อยจริงพี่นิต งี้น้องโจก็แย่เลยสิ อะเฮ้อ~
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 17-01-2012 10:01:00
นายโจปากเสียอะ หึงแรงเกิ๊นนนน ไม่ถามไถ่ให้ดีก่อน เฮ้อ :z3:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 17-01-2012 11:19:31
 :monkeysad: :monkeysad:
ทำไมมันเศร้าแบบนี้ล่ะ ,,
ประโยคที่ทำน้ำตาร่วง คือ ตอนสุดท้ายที่พี่นิต บอกว่า โลกของผมไม่พร้อมะรับใครเข้ามา
ฮือออออออ
แม่มมมม คุณสุภาพงษ์ ไม่ใช่วัยรุ่นนะ ทำไมใจร้อนจัง
แล้วไปพูดแบบนั้น เป็นเราเราก็โกรธอ่ะ
ดูถูกกันชัดๆเลยเว้ย!!!!!!!
 :z3:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 17-01-2012 11:34:11
 :a5:

แอร๊ยยส์พี่นิต สร้างกำแพงอีกแล้วว กีสส
น้องโจหาค้อนปอนด์มาถือไว้ประจำตัวเถอะ

กีสสส เครียด
 :o12:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 17-01-2012 11:54:57
ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ
ทำไมโจพุดแบบนั้นล่ะ พี่นิต :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 17-01-2012 12:05:48
ตอนนี้คู่รักเรื่อยๆมาเรียงๆถึงจุดพีคคค
นิ่งๆอย่างโจ พอระเบิดนี่เละกันเป็นแถบๆ ปากไวไปแล้วหนูโจ  :เฮ้อ:
พี่นิตเริ่มก่อกำแพงตัวเองให้หนาขึ้นอีกแล้ว
กรี๊ดดดแม่ยกหนูโจจะเป็นลม กว่าจะทลายกำแพงได้แต่ละทีลุ้นแทบตาย


//แม่ยกหนูโจ เตรียมส่งขีปนาวุธไปให้หนูโจถล่มกำแพง  :laugh:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 17-01-2012 16:41:49
 :o12: อยากจะวิ่งหนีความจริงอันแสนโหดร้าย!

ฮือออ ตอนแรกก้เปิดมาอย่างอาจริงๆนั่นแหล่ะค่ะ แอบเฝ้าฝันว่าพี่นิตจะได้ไปอยุธยากับโจนะคะ อยากอ่าน ทริปหวานๆ
ของคุณพนิต กับ นาย สุภาพงษ์เลยอ่าาาาา แต่ทว่า ทว่า!!!!! :sad11: เกิดเหตุร้าวฉ้านภายในครอบครัวเสียแล้ว
ทริปฮันนีมูนเลยเป็นอันต้องล่ม(หรือเปล่า)...อ๊ากกกก

แต่ไม่โกรธคุณภูมิค่ะ ฮ่าาาาาา o18 (แต่แอบขอเอามีดจี้เอาไว้)
เพราะว่าคุณภูมิกับคุณพนิต เล่นกันแบบเพื่อนมากเลย(เข้าข้างๆ)
แต่นายโจเข้าใจผิดเอง(ตอนนี้เข้าข้างคุณพนิตเต็มที่ โกรธนายโจซะอย่างนั้น)
อีกอย่าง ขอ แซวคุณภูมิ ตอนที่คุณภูมิ บอกว่าไม่ให้คุณพนิต นอนอิงแอบแนบซบกับโซฟา หัวร่องอขิง ได้มั๊ยคะ
เพราะบอกว่าการกระทำแบบนี้เป็นการให้ท่า....อิอิอิ...
ไอ้ตอนที่เห็นคุณพนิตทำท่าทางแบบนี้ คุณภูมิก็จิ้นใช่มั๊ยล่า! ฮ่าฮ่า

แต่สรุปว่าการกระทำทั้งหมดเป็นธรรมชาติของคุณพนิตค่ะ ทำอะไรไม่เค้ยยยยไม่เคยรู้ตัวเลย ว่าหนุ่มใหญ่หนุ่มน้อย หลงจนจะโงหัวไม่ขึ้นแล้ววว


อ่า...เหมือนเม้นท์ไม่ตรงเรื่องที่ตั้งใจว่าจะพูดตั้งแต่ตอนแรก..-"-

เพราะตอนแรกกะแซวพี่นิตเรื่อง เป็นลม ฮ่าฮ่า เป็นมุกประจำตัวพี่นิตมากเลยล่ะค่ะ
และเหมาะกับคุณพนิตมากๆด้วย ฮ่าฮ่า
เปิดเรื่องมา ก็ฮาเพราะคุณพนิตเป็นพวกของโบราณที่สุดแสนจะวิตกจริตนี่แหล่ะค่ะ คิดเองเออเอง ตอบเอง
ประสาทเอง..วุ่นวายเอง...แล้วก็โกรธตัวเองได้เองด้วย นับถือค่ะนับถือ :call:

แถมยังมามีเรื่องปัญหาครอบครัวอีก คราวนี้พี่นิตไปเหมาปูนมาโบกตึกสูง จนนายโจต้องไปหัดเป็นตีนแมวค่ะ
จะได้มาปีนตึกหาคุณพนิตได้
ตอนท้ายคุณพนิตเล่นก่อร่างสร้างตึก โบกปูนเอง ฉาบเองทาสีเอง(ขอสีม่วงๆนะคะ)...ดีไม่ดีจะตอกเสาเข็มเอา"คาน"มาพาดไว้เองอีกต่างหากค่ะ

แต่...โกรธโจ...อ่ะ :fire:
มาว่าคุณพนิตให้ท่าคนอื่น...
แหม่ๆ แต่ละครั้งที่ตัวเองของขึ้นอ่ะ พี่นิตไม่ได้ให้ท่่าเลยนะคะ!!!
อย่างครั้งแรก ที่โดนคุณชายโจลักหลับ...คุณพนิตให้ท่าตรงไหน? มานอนเฝ้าไข้ด้วยเฉยๆ เพราะโจขอร้องเองด้วยนะ
ครั้งที่สอง...พี่นิตเค้าลืมผ้าเช็ดตัว...เลยเดินโทงๆมาเปลี่ยนเสื้อผ้า...พี่นิตไม่ได้ตั้งใจเลยนะ!(เข้าข้างสุดๆ ก๊ากกกกก :-[)

แล้วคราวนี้แค่คุณภูมิเล่นกุ๊กกิ๊กกับคุณพนิต นิดหน่อย(?) นายโจอาละวาดซะละ อั๊ยๆๆๆๆ


แต่บอกตามตรงว่าเป็นคนที่ชอบโมเม้นท์ พระเอก หึงนายเอก แล้วต่อยตัวชั่ว(เฮ้ย คุณภูมิไม่ใช่ตัวชั่วนะ!) แล้วนายเอกพยายามเข้ามาห้าม  :o8: อ๊ายยยย โมเม้นท์นี้ นายโจเป็นพระเอ๊กกกก พระเอก(ชม แต่ โกรธ หมายความว่าไงเนี่ย? :z3:)


อ่อ!!!!!! พูดไปพูดมาเดี่ยวลืมพูดเรื่องพี่นิตยอมรับแล้วว่าชอบโจ!
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ช่างเป็นการยอมรับที่แบบว่า ไม่ได้น่าดีใจเล้ยยย
แต่อย่างน้อย ปัญหาร้าวฉ้านก็ทำให้พี่นิตยอมรับใจตัวเองว่ารู้สึกชอบนายโจสินะคะ อ๊ากกกกก
อยากให้นายโจมาได้ยิน...กรี๊ดๆๆๆๆๆ
โจคะ รีบมาง้อพี่นิตนะคะ เดี๋ยวพี่นิตเค้าจะมีเวลาไปตอกเสาเข็มเอาคานมาพาด...
เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้พี่นิตเอาคานมาพาด โจจต้องรีบมาปรับความเข้าใจกับคุณพนิตนะคะ!


ปล. งานนี้ขอให้กั้งมาเอี่ยว
ปล2. งานนี้ก็ขอให้คุณภูมิมาเอี่ยวด้วย
ปล3. กั้งกับคุณภูมิจะได้มาเอี่ยวกันเอง ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก o13



ติดตามเรื่องนี้เสมอค่ะ

ปล สุดท้าย. ตามมาในเล้าเป็ดแล้วนะค้า
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 17-01-2012 19:58:27
กลับมาหวานๆสวีทกันเหมือนเดิมเร็วๆน๊า
คนอ่านหัวใจอ่อนแอ อยากได้ความหวาน
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 17-01-2012 20:15:11
งานเข้าน้องโจ ถ้ากว่าจะง้อได้น่าจะนานอักโข
ขอใหพี่นิตเอาทรายน้ำท่วมมาก่อกำแพงแล้วกัน มันจะได้ไม่แข็งแรงนัก
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 17-01-2012 20:17:20
เม้นไม่ออกเลยโกรธน้องโจ หน้าตีปากนัก
กว่าจะทำให้พี่พนิตออกจากเปลือกหอยของตัวเองมาได้ ครั้งนี้คงอยากจะออกมาง่ายๆ มาง้อพี่นิตเลยนะ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 17-01-2012 20:34:58
บรรยายภาพคุณพนิตก่อกำแพง(ในใจ)ได้เห็นภาพจริง ๆ  :เฮ้อ:
คราวก่อนคุณพนิตโกรธคุณภูมิไป 20 ปี คราวนี้จะโกรธคุณสุภาพงษ์ 20 ปี เหมือนกันรึเปล่า ?
คุณสุภาพงษ์(จะ)ตายเพราะปาก เนื่องจาก คำว่า "ให้ท่า" แท้ ๆ

แอบคิดว่า คุณภูมิกับคุณกั้ง น่าจะเข้ากันได้ดีเหมือนกันนะ จัดให้เจอกันหน่อยสิค่ะ... :m13:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 17-01-2012 20:44:24
สมกับที่รอคอยเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 17-01-2012 21:29:03
ฮือออ :o12:

อยากจะเข้าข้างพี่นิต แต่ก็อดสงสารน้องโจไม่ได้

ไม่ได้ตั้งใจ แต่พอมันออกไปแล้ว เรียกกลับคืนมาไม่ได้จริงๆ

สุดท้าย สงสารตัวเอง :sad4:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 17-01-2012 22:24:31
อ่านไปด้วยความหวั่นใจว่าภูมิพัฒน์จะเข้ามาทำใหเกิดความร้าวฉานระหว่างเรา
แล้วมันก็เป็นจริง
โอ๊ยยยยยย
ถึงแม้ว่าจะเป็นทั้งๆที่ไม่ตั้งใจก็เถอะนะ แต่ก็อด โอ๊ยยยย ไม่ได้อยู่ดี
ถ้าจะหาสาเหตุของปัญหาครั้งนี้คิดว่าคงมาจากโจซะส่วนใหญ่ หุนหันพลันแล่นอย่างกับอะไรดี
ทั้งๆที่ปกติโจออกจะเป็นคนขี้อายมากไม่ใช่หรือไงเวลาอยู่กับพี่นิตน่ะ
แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้โมโหขนาดนี้ ทั้งที่พี่นิตห้ามแต่ก็ไม่ฟัง
เฮ้ออออ จะว่าทำตัวเองได้ไหมล่ะโจ
มาขอโทษพี่นิตให้ได้ ให้ไวเลยนะ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 17-01-2012 22:40:52
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

ตอนแรกนึกว่าจะสนุก ชีวิตพี่นิตเริ่มมีชีวิตชีวาที่ไหนได้ ตอนท้ายดันมีแต่น้ำตา แถมถ้าพี่นิตปิดตายตัวเองแบบนั้น แย่แน่อะ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 17-01-2012 22:53:17
ไม่เอา ๆ พี่นิตอย่าฉาบกำแพงปูนน๊า กว่าน้องโจจะทลายได้ ฮือ ๆ ไม่มาม่าได้มั้ยเรื่อยนี้ อ่านมาม่ามาหลายเรื่องแล้ว แง ๆ  :m15:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 17-01-2012 23:50:39
หึงแรงจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 18-01-2012 07:25:35
** ได้มาต่อไวกว่าที่คิด (ตอนแรกคิดว่าสักวันศุกร์) ดีใจกับนักอ่านทุกท่านด้วยค่า (ฮ่าๆ ที่จริงหลังจากบทดราม่า อิฉันมักจะคิดตอนต่อไปออกมาได้อย่างรวดเร็ว~ เป็นอะไรที่ชอบเขียนจริงๆ เลยนะเนี่ยย<<โดนเตะ)

ต่อเลยค่า
--------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่17
   ภูมิวัฒน์อุตส่าห์ลางานช่วงเช้ามารับผมกลับบ้าน ผมรู้สึกซึ้งน้ำใจเขาจริงๆ แต่ก็ไม่ลืมถามเขาว่าบอกเรื่องนี้กับใครไปบ้าง เพราะไม่อยากให้คนที่บ้านเป็นห่วง ผมแค่เสียใจกับเรื่องงี่เง่า ซึ่งอีกไม่นานก็คงจะเลือนหายไปกับกาลเวลา ภูมิวัฒน์ทำหน้าลำบากใจแปลกๆ แต่สุดท้ายก็สั่นศีรษะ ผมเลยพอโล่งใจอยู่บ้าง
   อดีตรูมเมทผมมาส่งที่บ้าน แล้วก็ชวนผมทานข้าวเช้า สงสัยกลัวว่าผมจะเสียใจจนไม่เป็นอันกินอันนอน ผมเลยต้องพยายามทำท่าให้เขาเห็นว่าผมทำใจได้แล้ว ดังนั้นกว่าจะทานข้าวหมดชาม ก็เล่นเอาผมพะอืดพะอมจนแทบจะขย้อนของเก่าทิ้งออกมา พอเห็นว่าเขายังรีๆ รอๆ ทำท่าเหมือนถ้าไม่อยู่แล้วผมจะมีอันเป็นลมพับไปอีก ผมเลยต้องทำเป็นบอกเขาว่า ผมมีงานนิยายจะต้องรีบส่ง ถ้าเขายังอยู่ผมจะไม่มีสมาธิเขียน ย้ำให้ดูหนักแน่นด้วยการไปนั่งปุหน้าเครื่องพิมพ์ดีด แล้วทิ่มเป๊าะๆ แป๊ะๆ ลงไป นั่นและ ภูมิวัฒน์ถึงยอมกลับไปได้
   พอเขากลับไปแล้ว ผมก็ดึงกระดาษต้นฉบับที่อยู่ในแคร่พิมพ์ออกมา เอาลิควิดมาลบไอ้ที่พิมพ์ๆ ไป หวังว่าน้องๆ ที่สำนักพิมพ์คงจะไม่ลำบากกับการอ่านตัวหนังสือที่พิมพ์ทับลงไปบนลิควิดหรอกนะ ก็ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วนี่นา...
   ผมเอาลิควิดป้ายต้นฉบับแล้วก็นั่งโบกๆ รอให้มันแห้ง แต่น้ำตาผมดันไหลออกมาอีก อืม... น่ารำคาญตัวเองจริงๆ จะอะไรกันนักกันหนา ก็แค่ทำพูดไม่ได้ตั้งใจแต่ส่อความรู้สึกจริงๆ ของคนคนเดียวเท่านั้นเอง

ก็แค่บรรณาธิการคนหนึ่ง

ก็แค่เด็กที่เคยอยู่ข้างบ้าน

 

ก็แค่คนหน้าตาดีที่เข้ามาทำให้ใจผมหวั่นไหว




ก็แค่คนที่เป็นจูบแรก




ก็แค่คนที่เป็น







ครั้งแรก……….



   ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเอง ให้ตายสิ ยิ่งคิดยิ่งน้ำตาไหล ผมควรหยุดคิดเรื่องเขา แล้วหันมาให้ความสนใจกับเนื้อหาที่จะต้องลงในกระดาษแผ่นนี้ดีกว่า ยังมีพ่อกระแต มีเด็กหญิงพิมชนกรอคอยผมอยู่ แม้ว่าตอนนี้ทั้งพ่อกระแตและเด็กหญิงพิมชนก กำลังเผชิญมรสุมเลวร้ายในชีวิตอยู่ แต่ก็ยังมีผม ที่พอจะช่วยให้ทั้งคู่ผ่านพ้นมรสุมชีวิตครั้งนี้ไปได้ ผมนึกถึงจดหมายที่แฟนนิยายเคยเขียนมาเล่าความรู้สึกเวลาอ่านเรื่องจบให้ผมฟัง ว่าเรื่องที่ผมเขียนทำให้เขามีกำลังใจในการสู้ชีวิต ก็ทำให้ผมรู้สึกฮึดขึ้นมา
   ผมเอากระดาษต้นฉบับแผ่นเดิมสอดเข้าไปในแคร่พิมพ์ ขณะที่กำลังเค้นสมอง ระดมทุกเซลล์เพื่อมาแก้ไขปัญหาให้พ่อกระแต เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น ผมสะดุ้งเฮือก รีบกุลีกุจอไปรับโทรศัพท์ พลางคิดว่าใครหนอช่างโทรมาในเวลาแบบนี้พอดี
   “คุณพนิตคะ คุณสุภาพงษ์อยู่กับคุณรึเปล่าคะ?”
   เสียงพูดสายเป็นเสียงผู้หญิง ผมใช้เวลาสองสามวิฯถึงพอนึกออกว่าเป็นเสียงอรนภา เลขาฯของสุภาพงษ์ เลยตอบกลับไป “เปล่า เขาไม่อยู่หรอก”
   “เหรอคะ... เอ.....” หล่อนนิ่งไปพักหนึ่ง “เมื่อว่าเขาบอกว่าจะรับคุณไปทานข้าวเที่ยง เขาบอกอะไรคุณอีกรึเปล่าคะ?”
   ผมเพิ่งรู้ว่าที่สุภาพงษ์โผล่มาเมื่อวานเพราะจะมาพาผมไปทานข้าว แต่เรื่องมันดันเลยเถิดไปกว่านั้นเยอะแล้วล่ะ “เปล่า เขามีปัญหาอะไรหรือ?”
   “คือ... เขาหายไปเลยน่ะค่ะ วันนี้ก็ไม่เข้าออฟฟิศ โทรไปก็ปิดเครื่อง คุณพนิตไม่เจอเขาเลยหรือคะ?”
   ผมกะพริบตาปริบๆ “เขา... หายไปหรือ?”
   “ค่ะ” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร้อนใจขึ้นมาจริงๆ “งั้นเดี๋ยวดิฉันลองโทรเช็กไปที่คอนโดฯกับโรงพยาบาลดูดีกว่า แค่นี้ก่อนนะคะ”
   “อะ... อื้ม” ผมตอบกลับไป จากนั้นก็พูดต่ออย่างนึกขึ้นได้ “ถ้าไงโทรบอกผมด้ว..”
   ท่าทางอรนภาจะไม่ได้ยินประโยคสุดท้ายที่ผมจะพูด เธอเลยวางสายไปก่อน ผมอึ้งไปพัก
   สุภาพงษ์หายไป?!
   จู่ๆ ผมก็นึกถึงตอนที่ผลักเขาออกจากบ้าน เขาขยับปาก ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร.. แต่ผมไม่ได้ยิน ไม่สิ เขายังไม่ทันได้พูด ก็ถูกผมไล่
   เมื่อวานผมโมโหเขามากจริงๆ แค่นึกถึงก็ยังรู้สึกปวดหนึบๆ ที่หน้าอกอยู่ แต่พอได้ยินว่าเขาหายไป...
   บ้าจัง ปกติเขาขับรถคนเดียวด้วยนี่นา!
   ผมชักเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข เรื่องพ่อกระแตก็คิดไม่ออกขึ้นมาตะหงิดๆ ปกติก็คิดไม่ค่อยออกอยู่แล้วแท้ๆ มาเจอเรื่องแบบนี้เข้าไปอีก
   เขาหายไปไหนกันนะ
   ผมนึกไปถึงตอนที่เขานอนร้องไห้กอดเสื้อผมไว้ ตอนที่ผมทิ้งเขาไว้ที่ห้องวันนั้น เห็นเขาเงียบๆ แต่ที่จริงแล้วก็ฟูมฟายไม่ใช่เล่นเหมือนกัน แถมเรื่องเมื่อวานนี้ก็........
   ผมร้อนใจจนนั่งไม่ติดที่แล้วจริงๆ ต้องรีบเปิดโทรทัศน์ ดูว่ามีข่าวรถชนอะไรหลุดมาบ้างมั้ย แต่เปิดช่องไหนก็เจอแต่รายการวาไรตี้ สุดท้ายผมเลยออกไปที่ร้านตามสั่งในซอย ไปขอดูหนังสือพิมพ์ว่ามีข่าวรถชนอะไรของเมื่อวานนี้บ้างมั้ย เปิดหาข่าวไป ใจเต้นตึกๆ ไป กลัวจริงๆ กลัวจะเจอข่าวว่าเป็นเขา จนคนที่ร้านข้าวถามผมว่ามีอะไร ผมไม่กล้าตอบเขาไปตรงๆ เลยบอกว่าเป็นห่วงเพื่อนเฉยๆ
   เปิดหาจนหมดฉบับ ผมไม่เห็นชื่อเขาเลย ไม่รู้ว่าพลาดหลงหูหลงตา หรือว่าไม่มี แต่ผมก็โล่งใจหน่อยหนึ่ง จากนั้นก็เดินกลับมาบ้าน กดโทรศัพท์โทรไปที่ออฟฟิศเขาอีกครั้ง
   “คุณอรนภา เจอสุภาพงษ์มั้ย?”
   “อ้อ.. คุณพนิตหรือคะ ดิฉันลองโทรไปที่คอนโดฯเขาแล้ว เห็นว่าเขาเพิ่งกลับไปช่วงเช้า ท่าทาง.... ไม่ค่อยดีอยู่นะคะ เหมือนไปมีเรื่องกับใครมาเลย เห็นว่าหน้าช้ำๆ ด้วยน่ะค่ะ”
   “...........” ผมอึ้งไป เพราะนึกได้ว่าเมื่อวานตบเขาไปแรงมากเหมือนกัน ได้ยินเสียงอรนภาพูดต่อ “ดิฉันเป็นห่วงเขาจัง แต่ว่า... ไม่รู้จะทำยังไงน่ะค่ะ เขาเป็นคนไม่ค่อยพูดเสียด้วย ไม่รู้ว่าเมื่อวานนี้เกิดเรื่องอะไรร้ายแรงกับเขารึเปล่า”
   ผมเม้มปากอย่างครุ่นคิด “เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูเขาหน่อยแล้วกัน”
   “จริงเหรอคะ?” อรนภาอุทานออกมา “ขอบคุณนะคะคุณพนิต ฝากหน่อยนะคะ ดิฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ห้องไหน ยังไงถ้ามีเรื่องล่ะก็ รีบโทรมาเลยนะคะ จะได้ช่วยๆ กัน”
   “อืม” ผมตอบรับ แล้ววางสายไป ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ กับกุญแจห้องที่เขาเคยให้ไว้
   หวังว่าเขาคงไม่ทำอะไรบ้าๆ ลงไปแล้วหรอกนะ
--------------------------------------
   ผมนั่งแท็กซี่มาที่คอนโดฯของสุภาพงษ์ พลางคิดว่าถ้าเกิดเขาเป็นอะไรไป ผมควรจะทำยังไง เลยรีบกดเบอร์ศูนย์นเรนทรเตรียมไว้ เอาน่ะ แต่ก็ยังไม่แน่นักหรอกว่าเขาจะยังอยู่ที่ห้อง แล้วเมื่อวานเขาหายไปไหนนะ ถึงกลับห้องเอาตอนเช้าน่ะ ไม่ใช่ว่าแอบไปเมาที่ไหนหรอกนะ
   ผมเคาะประตูห้องเขาพลางนึกสภาพเขาเมาแประเดินมาเปิดประตูแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมา ถ้าเขาถึงกับเมาไม่ได้สติแบบนั้น ก็เป็นผู้ชายที่แย่มากๆ แล้วล่ะ ยังดีนะว่ากลับมาที่คอนโดฯถูก ไม่ถูกรถชนอะไรกลางทาง แย่จริงๆ เลยนะเนี่ย
   เคาะอยู่สักพัก ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบ ผมเลยลองเรียกเขาดู “โจ”
   “...........”
   “โจ!” ผมลองเรียกดังขึ้น แต่ก็ยังไร้วี่แววอะไรเหมือนเดิม บางทีเขาอาจจะเมาหลับไปแล้ว นี่ก็จะเที่ยงอยู่แล้วนี่นะ คิดได้ดังนั้น ผมเลยหยิบกุญแจขึ้นมา ไขประตูเข้าไป
   สิ่งแรกที่ผมเห็นคือ รองเท้าของเขาที่ถอดกองเอาไว้สะเปะสะปะจนผมแทบจะสะดุด พอมองต่อไปอีกนิดก็เห็นแก้วน้ำที่เหลือน้ำอยู่ครึ่งแก้ว กับกระบอกน้ำที่เปิดฝาทิ้งไว้อยู่ เลยไปหน่อยก็เห็นเขานอนพับอยู่ที่โซฟา เมาหมดสภาพอย่างที่ผมคิดไม่มีผิด
   ผมนึกฉุนเขาหน่อยๆ แต่ก็อดเดินเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ เพราะเขานอนพาดลงบนโซฟา แขนตกลงข้างหนึ่ง คอก็พับอยู่ จนผมนึกกลัวว่าเขาอาจจะไม่แค่เมาธรรมดา เขาอาจจะกินยาอะไรเข้าไปด้วยก็ได้
   ไม่นะ!
   พอผมเดินเข้าไปใกล้ ถึงเห็นว่าเขาไม่ได้เมา เพราะตัวไม่มีกลิ่นเหล้าเลย มีกลิ่นเหงื่อนิดหน่อย หน้าเขาซีดจัด แถมเหงื่อออกเต็มไปหมด.... ก็เขานอนทั้งๆ ที่ไม่ได้เปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศเลยนี่นา ผมรีบเดินไปเปิดหน้าต่าง เปิดพัดลมตั้งพื้น แล้วเข้ามาดูอาการเขาอีกครั้ง
   หน้าเขาซีดจริงๆ แก้มข้างที่โดนผมตบก็กลายเป็นสีม่วงช้ำแล้ว แถมตาเขาก็บวมมาก เหมือนเพิ่งร้องไห้หนักๆ มา ผมเห็นแล้วก็อดปวดอกไม่ได้ นี่เขาหายไปร้องไห้ที่ไหนมาทั้งคืนนะ
   ผมหันมองไปรอบๆ ห้อง นอกจากแก้วน้ำกับกระบอกน้ำที่เปิดทิ้งไว้ ก็ไม่เห็นว่าเขาหยิบจับอะไรอีก เหมือนเขาจะดื่มน้ำ แต่ทานยาอะไรไปด้วยรึเปล่านะเนี่ย
   พอคิดว่าเขาอาจจะกินยาฆ่าตัวตาย ผมเลยต้องเดินมาดูที่ถังขยะ ดูว่ามีซองยาหรืออะไรบ้างมั้ย พอไม่เห็นก็เลยเดินไปดูที่ห้องน้ำ แต่.. ถ้ากินโซดาไฟ เขาน่าจะอาเจียนออกมาแล้วนี่นา สุดท้าย ผมเลยกลับไปดูเขาต่อ เมื่อวานไม่ทันสังเกตหรอกว่าเขาใส่เสื้อผ้าแบบไหน แต่คงไม่ได้เปลี่ยนแน่ๆ
   ผมมองๆ อยู่พัก ก็ตัดสินใจไปหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ ขยับตัวให้เขานอนสบายขึ้น ก่อนจะกดโทรศัพท์หาอรนภา “คุณอร ผมเจอสุภาพงษ์แล้วนะ เขาไม่สบายน่ะ”
   “อ้อ... เป็นอะไรมากรึเปล่าคะ?” ปลายสายถามผม ผมมองเขา สักพักก็ตอบคำถามไป “ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าร้ายแรงเดี๋ยวผมจะโทรบอกอีกทีนะ”
   “ค่ะ จะให้ใครไปช่วยดูรึเปล่าคะ?”
   “ไม่ต้องหรอก” ผมว่า เธอบอกขอบคุณผมหลายครั้ง จากนั้นก็วางสายไป ผมหันกลับไปมองสุภาพงษ์อีกครั้ง แล้วถอนหายใจเฮือก
   ให้ตายสิ เมื่อวานเขาไปอาละวาดถึงบ้านผม ต่อยเพื่อนผมเสียหน้าคว่ำ แถมด่าผมแบบนั้นอีก
   ไหนเขาบอกว่าไม่ขี้หึงไงล่ะ
   ผมนึกอยากตีเขาให้ร้องโอ๊ย เพราะเขาพูดอะไรแบบนั้นออกไป ผมเลยต้องเสียใจขนาดเป็นลมหามส่งโรงพยาบาล เขาคิดอะไรของเขาอยู่นะ ทำไมถึงพูดใส่ผมแบบนั้น เขาคงเห็นว่าผมง่ายล่ะสิ บ้าจริง แล้วทำไมผมจะต้องมาดูอาการคนปากเสียแถมใจร้ายอย่างเขาด้วยนะ
   ผมลุกพรวดขึ้น เตรียมจะออกจากห้อง เห็นแบบนี้เขาคงไม่เป็นอะไรมากหรอก ทิ้งไว้คงไม่น่าจะไปคิดสั้นที่ไหน แต่พอผมทำท่าจะหันหลัง ก็ได้ยินเสียงเขาเรียกออกมา “พี่นิต”
   ผมตัวแข็งทื่อ ใจที่น่าจะชาไปแล้วเต้นตึกๆ ไม่ใช่ว่าตื่นเต้นดีใจที่ได้ยินเสียงเขาเรียกนะ แต่นึกทุเรศตัวเองที่ดันถ่อมาเยี่ยมเขา แล้วยังให้เขาจับได้อีก ผมไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้ว ไม่รู้สึกอะไรกับคนที่ทำร้ายความรู้สึกผมอย่างเขาเลยสักนิด
   “ผมขอโทษ...” เขาพูดเสียงพร่า เหอะ! มาขอโทษตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะ ความรู้สึกมันเสียไปแล้วแก้คืนไม่ได้หรอกนะ ผมยืนขบฟันกรอดๆ ฮึดฮัดอยู่พัก ก็คิดว่าควรหันไปด่าเขาให้รู้แล้วรู้เรื่อง เมื่อวานผมโกรธจัดเลยได้แค่ไล่ แต่วันนี้แหละ ผมจะด่าเขา เอาให้เขารู้ว่าผมไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด จากนั้นก็จะได้เลิกวุ่นวายกับเขาสักที
   แต่พอหันหน้ากลับไป ผมถึงเห็นว่าเขาไม่ได้มองผมอยู่
   “ขอโทษนะ ผมขอโทษ” สุภาพงษ์พูดเสียงพร่า น้ำตาไหลอาบแก้ม แต่เขาไม่ได้มองผม... เขาไม่ได้มองใครทั้งนั้น เขาหลับตา แล้วพูดคำพวกนั้นออกมา
   เขากำลังเพ้ออยู่เหรอ?...
   “ขอโทษ... ขอโทษ” เขาครางทั้งน้ำตา แล้วยกมือคว้าสะเปะสะปะไปในอากาศ “ผมขอโทษ...”
   ผมไม่เคยเห็นคนละเมอ ไม่เคยเห็นคนเพ้อกระทั่งต้องนอนละเมอมาก่อน แต่ท่าทางของสุภาพงษ์ทำเอาผมเจ็บจี๊ดที่อก
   เขายกมือคว้าอากาศอย่างคนไม่ได้สติ แล้วครางเสียงสั่นพร่า “ผมขอโทษ.. ฮือ.... ผมขอโทษ... ผมขอโทษ.....”
   คนที่เขาควรจะต้องขอโทษควรเป็นผมซึ่งยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้ในฝันเขา แบบนั้นเขาพูดขอโทษสักกี่ล้านครั้งก็ไม่มีทางที่จะถูกยกโทษให้หรอก บ้าจริงเชียว!
   ผมยืนตัวสั่น ตามันเริ่มพร่าๆ เพราะน้ำที่ซึมออกมา มองเขาคว้าความว่างเปล่าแบบนั้นนานๆ ผมชักทนไม่ไหว เลยเดินไปหาเขา ตั้งใจจะปลุกเขาให้ตื่น ให้ลืมตาขึ้นมา ดูว่าผมอยู่ตรงนี้ ผมนี่ที่เขาควรจะขอโทษ แต่พอเดินไปใกล้ มือของสุภาพงษ์ก็หล่นลงมา ก่อนที่เขาจะกอดตัวเองไว้แน่น
   “พี่นิต... พี่นิต......”
   ผมกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ จะอ้าปากพูดก็พูดไม่ออก จะจับลงไปบนตัวเขาก็ไม่รู้ว่าจะจับไปเพื่ออะไร ได้แต่นั่งลง ซบหน้าลงข้างๆ โซฟา ฟังเขาเรียกชื่อผมในฝันด้วยน้ำเสียงปวดร้าว
   “พี่นิต... ผมขอโทษ ผมขอโทษนะ ผมขอโทษ”
   ผมทนไม่ไหว ต้องเงยหน้าขึ้น แล้วไหล่เขาเอาไว้ “โจ... พี่อยู่ตรงนี้”
   สุภาพงษ์หน้าซีดจัด เหงื่อออกเต็มไปหมด เขาหลับตา ขมวดคิ้วด้วยท่าทางน่าสงสาร แล้วพึมพำคำพูดออกมาอย่างไม่ได้สติ “พี่นิต ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ”
   ได้ยินเสียงเขาครางฮือ อกผมแน่นไปหมด สุดท้ายต้องจับมือเขามากำไว้ แล้วเรียกชื่อเขาทั้งน้ำตา “โจ”
   สุภาพงษ์สะดุ้งตัวเฮือก จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมา พอเห็นผมเขาก็กะพริบตาปริบๆ หนสองคน ก่อนจะคว้าตัวผมไปกอดแน่น
   “ขอโทษ” เขาโพล่งออกมา ก่อนจะสะอื้นจนตัวสั่น บ้าจริง อายุปูนนี้แล้วแท้ๆ โตขนาดนี้แล้วแท้ๆ ยังจะ... ยังจะมาร้องไห้แบบนี้อยู่อีก
   แต่ผมพูดว่าอะไรเขาไม่ได้ เพราะผมที่อายุมากกว่าเขาตั้งเยอะ กำลังน้ำตาไหลพรากๆ อย่างห้ามอาการตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน
   บ้าจริงเชียว
   สุภาพงษ์กอดผมแล้วร้องไห้อยู่แบบนั้น ส่วนผมก็พูดอะไรไม่ออก บอกไม่ได้ด้วยว่าจะยกโทษให้เขาหรือเปล่า แค่รู้สึกปวดอกแปลบๆ น้ำตาไหลไม่หยุดเท่านั้นเอง
   สุภาพงษ์สะอื้นอยู่พักใหญ่ ก็ทำท่าเหมือนรู้สึกตัวขึ้นมาเสียที เขาปล่อยผม แล้วยันตัวขึ้นมาอย่างเงอะๆ งะๆ สภาพดูไม่ได้เอาเสียเลย หัวก็ยุ่ง หน้าก็โทรม น้ำหูน้ำตาเลอะเทอะไปหมด เขายกมือเช็ดหน้า แล้วถามผมเสียงแปร่ง “พี่นิต... พี่นิต เป็นไงบ้าง”
   ถามมาได้ ผมก็เสียใจน่ะสิ แต่ว่า... ตอนนี้เขาควรจะสนใจสภาพตัวเองมากกว่า
   “โจไม่ต้องร้องไห้ขนาดนี้หรอก” ผมพูด พยายามจะทำเป็นผงเข้าตา ก่อนจะพูดต่อ “มาเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะ”
   “.................” สุภาพงษ์มองหน้าผม น้ำตาไหลหยดออกมาอาบแก้มอีก ให้ตายสิ เขาหยุดทำหน้าน่าสงสารขนาดนี้ทีเถอะ นี่ยังเอาไปจากผมไม่พออีกหรือไง
   ผมตั้งใจแล้วว่าจะด่าเขา ให้เขาเข้าใจว่าผมไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด ต่อให้เขามาทำท่าขอความเห็นใจแบบนี้จากผม ก็อย่าคิดว่าผมจะยกโทษให้ง่ายๆ
   สุภาพงษ์เม้มริมฝีปาก เหมือนพยายามจะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา แต่มันก็ยังไหลออกมาอยู่ดีนั่นล่ะ ให้ตายสิ เขาขี้แยมาตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
   “ผมขอโทษ” เขาพูดเสียงเครืออีกครั้ง แย่งบทผมอีกแล้ว ผมสิ ผมสิจะต้องพูด พูดว่าเขาที่ทำร้ายจิตใจผม จากนั้นเขาก็ดึงมือผมไปจับ เหอะ! จับผมอีกแล้ว นึกว่าผมง่ายหรือไง
   ผมชักมือกลับ ถลึงตาใส่เขา “ไม่ต้องมาจับพี่”
   สุภาพงษ์ทำหน้าอึ้ง หึ! มาอึ้งอะไร ไม่คิดล่ะสิว่าผมจะทำแบบนี้ ก่อนหน้านี้ที่ยอมให้เขาจับน่ะ...
   “ถ้าโจคิดว่าพี่ง่ายกับใครไปทั่ว โจไม่ต้องมายุ่งกับพี่หรอก”
   ผู้ชายตรงหน้าผมเบิ่งตากว้าง แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร หรือแทนที่เขาจะอ้าปากพูดอะไรก่อนบ้าง สุภาพงษ์ก็คว้าตัวผมไปกอดอีก
   “ขอโทษ... ผมไม่ได้ตั้งใจ”
   เอ้อเรอะ!! ไม่ได้ตั้งใจแต่เจตนาลึกๆ อยู่ในใจใช่ไหมล่ะ! ผมพยายามจะผลักเขาออก “โจพอเถอะ แค่นี้พี่ก็เห็นแล้วล่ะว่าโจมองพี่ยังไง”
   “พี่นิต!” เขาเรียกชื่อผมเสียงพร่า แต่ไม่ยอมปล่อยผมสักที ผมทั้งผลักทั้งตีเขาแล้ว เขาก็ยังกอดแน่น “ผมขอโทษนะ ผม... ผมคิดว่าพี่จะให้ผมทำแบบนั้นกับพี่ได้คนเดียว..”
   “แบบไหน?!” ผมกระชากเสียงถามเขาทันที สุภาพงษ์อึ้งไปชั่วครู่หนึ่ง “ก็... แบบ...”
   “เล่นจี้เอวกันโจเคยทำด้วยหรือไง!!”









**********************

ขออภัยที่เข้ามาแก้โดนพลการ  แต่คิดว่าถ้าตอนนี้ได้จัดหน้าแบบนี้  อ่านถึงตอนนั้น  คงได้น้ำตาหยด อิอิ

เจ้สอง
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก16(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P17:16/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 18-01-2012 07:30:37
   “!!!!???” คราวนี้เขาขยับหน้าหันมามองผมทันที “อะไรนะครับ เล่นจี้เอว?”
   “เออ!” ผมพูดกระแทกเสียงใส่หน้า “พี่เล่นกับเพื่อน มันไปโดนส่วนไหนโจไม่ทราบ”
   “ตะ... แต่พี่นิตเล่นกับเพื่อน มันดู....” เขาตะกุกตะกัก “ดูอย่างกับเขาจะกดพี่นิตบนเก้าอี้แน่ะ”
   “บ้าเรอะ!!” ผมตาวาดแว้ด “คนหัวเราะจะตายแล้ว โจเห็นเป็นงั้นได้ไง สมองโจคิดอะไรอยู่น่ะ!!”
   “ขอโทษนะครับ!” เขาโพล่งออกมาอีก “ผมขอโทษ ตะ... แต่ แต่พี่นิตอย่าไปเล่นแบบนี้กับคนอื่นอีกได้ไหม?”
   “นี่!” ผมขึ้นเสียงอีก “ชีวิตพี่นะ พี่จะเล่นอะไรกับใครมันก็เรื่องของพี่ โจมีสิทธิ์อะไรมาสั่งห้ามพี่น่ะ!!”
   สุภาพงษ์ดูอึ้งๆ ไปอีก แต่ผมเนี่ย เดือดปุดๆ เลย นี่ชีวิตผมนะ เขาเจ้ากี้เจ้าการมาสั่งโน่นสั่งนี่ได้ไง
   “ตะ... แต่” สุภาพงษ์ตะกุกตะกักขึ้นมาอีก เหอะ! จะแต่อะไรอีกล่ะ พูดม้าๆ ล่ะก็ ผมจะด่าให้น้ำตาร่วงหนักกว่านี้เลย
   “แต่พี่นิตชอบผมคนเดียวใช่มั้ย?”
   “!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ผมถลึงตามองเขา นี่เขานึกบ้าอะไรพูดแบบนี้ออกมาน่ะ เขาทำผมเจ็บแทบตาย ทำผมปวดอกแทบตาย ยังจะ... ยังจะกล้ามาพูดแบบนี้ใส่ผมอีก
   “พี่นิตอย่าเกลียดผมนะ”
   นั่น ผมยังไม่ทันได้อ้าปาก เขาก็แย่งพูดอีกแล้ว ผมทนไม่ไหว ต้องทุบเขาไป “เด็กบ้า!”
   เขากอดผมแน่นกว่าเดิม “ชอบผมนะ”
   โอ๊ย!! นี่เขาร้องไห้จนสติเลอะเลือนหรือไง เขาทำกับผมขนาดนี้ ยังจะให้ผมชอบเขาอีกเหรอ ผมทุบหลังเขาอีกหลายครั้ง ดึงปึ๊กๆ เลย
   “พี่ไม่ชอบ ไม่ชอบหรอก ไม่ชอบเด็กปากร้ายนิสัยเสียแบบนี้หรอก”
   สุภาพงษ์กอดผมแน่นจนแทบหายใจไม่ออก นี่กะจะเอาให้ตับไตไส้พุงผมทะลักออกมาเลยหรือไงน่ะ!
   “ขอโทษนะครับ ผมจะไม่ปากร้าย ผมจะไม่นิสัยเสียกับพี่นิตอีกแล้ว”
   ผมฮึดใจ ทุบเขาแรงๆ อีกที “พี่ไม่เชื่อหรอก โจเคยบอกพี่ว่าไม่ขี้หึง โจยังขี้หึงเลย”
   ผู้ชายตัวใหญ่ที่ทำท่าเหมือนจะรัดผมจนตับหลุดออกมาชะงักไปหน่อยหนึ่ง เหอะ! นั่นไงล่ะ รู้ตัวแล้วล่ะสิว่าพูดเรื่องโกหกใส่ผมน่ะ ผมได้ทีรีบพูดต่อ “คิดจะมาเป็นแฟนพี่ ถ้ายังรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ล่ะก็ ไม่ต้องมายุ่งหรอก”
   “............................”
   “อุ๊!” ผมต้องอุทานออกมา เพราะเขารัดแน่นยิ่งกว่าเดิมอีก จากนั้นก็พูดตะกุกตะกัก “ถะ... ถ้ารับได้... พี่นิตให้ผมเป็นแฟนนะ นะ”
   ผมถูกกอดจนพูดไม่ออก ต้องออกแรงผลักเขาเป็นการใหญ่ “เด็กบ้า ปล่อยพี่นะ จะฆ่ากันหรือไง”
   “พี่นิต” เขาพูดเสียงตื่นเต้น “ให้ผมเป็นแฟนนะ ผม... ผมจะไม่โมโหพี่แล้ว ผมขอโทษนะ”
   ผมทุบเขาป้าบใหญ่ เสียงดังดี แต่ผมเจ็บมือชะมัดเลย “ไม่ พี่ไม่เชื่อโจแล้ว พี่ไม่อยากเสียใจอีกแล้ว”
   สุภาพงษ์อึ้งไปอีก สักพักก็พูดออกมา “พี่นิต... ขอโอกาสผมอีกครั้งเถอะ”
   “ไม่!”
   “..............”
   “โจทนได้หรือไง พี่ไม่มีเวลามาดูแลโจ ไม่มีเวลามาใส่ใจโจอย่างที่คนเป็นแฟนกันเขาทำหรอกนะ พี่จะคุยเล่นกับเพื่อน จะไปค้างบ้านใคร พี่ไม่บอกโจหรอกนะ พี่อยากทำอะไรพี่ก็ทำ พี่ไม่อยู่ตัวติดกับโจยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอก”
   “ตะ... แต่พี่นิตจะไม่ทำอะไรกับคนอื่นอย่างที่ทำกับผมใช่มั้ย?” สุภาพงษ์พูด แล้วเงยหน้ามามองผม เลยโดนผมตบอีกที คราวนี้ผมเล็งดี ตบอีกข้าง แก้มเขาจะได้ช้ำพอกัน
   “ถ้าคิดว่าพี่ง่ายขนาดนั้นล่ะก็ เลิกยุ่งกับพี่เถอะ เราจะได้ไม่ต้องเสียน้ำตาอีก”
   ผู้ชายตัวใหญ่ที่โดนตบจนแก้มอีกข้างเห่อขึ้นมา สั่นศีรษะดิกๆ “ผมขอโทษนะครับ ขอโทษนะ”
   ผมหันหน้าไปทางอื่นเสีย เพราะผลักก็แล้ว ตีก็แล้ว ตบก็แล้ว เขาไม่ยอมปล่อยผมสักที ให้ตายสิ จะยึดอะไรผมนักหนานะ
   “ให้โอกาสผมอีกครั้งนะ”
   “......................”
   “นะครับ... ชีวิตนี้ผมรักพี่ได้คนเดียวจริงๆ”
   ผมตัวสั่นนิดๆ บ้าจริง อย่ามาพูดอะไรน้ำเน่าแบบนี้กับผมได้มั้ยเล่า!
   “ถ้าโจทำนิสัยแบบนี้อีก ไม่ต้องกลับมาให้พี่เห็นหน้าแล้วนะ พี่ไม่ให้อภัยโจแล้ว”
   สุภาพงษ์ทำหน้าตื่นๆ ก่อนจะเม้มปาก แล้วพยักหน้า “ครับ ผม... ผม.... ผม.....”
   เขาพูดเป็นติดอ่างอยู่พักใหญ่ หน้าแดงจัดเลย ผมรออยู่ว่าเขาจะพูดอะไร แต่ดูเหมือนเขาจะพูดไม่ออกสักที เลยเปลี่ยนเป็นดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้ง
   “พี่นิต... ขอบคุณนะ... ขอบคุณ”
   “..............” บ้าจัง ผมน่ะเป็นฝ่ายถูกกระทำแท้ๆ โดนเขาด่า โดนเขาดูถูก แถมยังโดนเขาหลอกล่อจนต้องมายอมตกลงพูดอะไรแบบนี้อีก แต่ไม่รู้ทำไม พอเห็นเขาทำท่าดีใจกับคำพูดของผมขนาดนี้ ผมอดสะท้อนใจขึ้นมาไม่ได้
   นี่ถ้าผมเป็นคนนอก แล้วเห็นเขามาหลงชอบอะไรคนแบบผมล่ะก็ ผมยุให้เขาเลิกยุ่งไปแล้วล่ะ
   เขา... เขาจะทนผมได้จริงๆ เหรอ นิสัยแบบผม ท่าทางแบบผม... เขาจะไหวเหรอ.... แล้วผมจะทนเขาไหวมั้ย ถ้าเขาทำแบบนั้นอีกล่ะ ผมคง....
   จู่ๆ น้ำตาผมก็ร่วงผล็อยออกมาอีก บ้าจริง! ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ เมื่อคืนผมอุตส่าห์บอกตัวเองเสียดิบดี ว่าต่อไปนี้จะไม่ให้ใครเข้ามาทำผมเจ็บอีก ผมอุตส่าห์ก่อกำแพงเสียดิบดี กะว่าไงๆ ก็จะไม่ยอมอีกแล้ว แต่....... แต่แค่เจอเขาร้องไห้ แค่เจอเขาอ้อนแค่นี้ ผมก็..........
   “โจ... อย่าทำแบบเมื่อวานกับพี่อีกนะ” บ้าเอ๊ย ทำไมผมต้องพูดแล้วน้ำตาไหลขนาดนี้ด้วยนะ สุภาพงษ์เงยหน้าขึ้นมา พอเห็นหน้าผมเขาก็น้ำตาร่วง แล้วรีบกอดผมอีก “ผมขอโทษ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ผมจะไม่ทำอะไรให้พี่เสียใจอีกแล้ว”
   ผมน้ำตาไหลอีก นี่เขาเก่งเรื่องทำใหผมขี้แยไปตามเขาด้วยหรือไง เขากอดผมสักพัก ก็พูดออกมา “พี่นิต.... ตกลงเป็นแฟนผมนะ”
   “ไม่!”
   “..........”
   “ขนาดพี่ไม่เป็นแฟนโจ พี่ยังเจ็บขนาดนี้เลย ถ้าพี่เป็น...”
   “..............”
   “พี่ไม่เป็นหรอก”
   “ตะ... แต่พี่ยังชอบผมอยู่ใช่มั้ย?”
   “?!” อะไรน่ะ ทำไมถึงต้องใช้คำว่ายังชอบด้วยล่ะ หมายความว่าไง หมายความว่าก่อนหน้านี้เขารู้ว่าผมเคยชอบขางั้นเรอะ!?
   ผมยังไม่ทันได้อ้าปาก สุภาพงษ์ก็กอดผมแน่นขึ้นอีก “ไม่เป็นไร ให้พี่นิตชอบผมก็พอ”
   “ไอ้!” นานๆ ผมอยากจะด่าคนด้วยคำไม่สุภาพนะเนี่ย แต่โอ๊ย! เขากอดแน่นอย่างกับจะรัดผมให้ตาย นี่ผมโทรเรียกศูนย์นเรนทรหรือป่อเต๊กตึ๊งให้เขาคีมตัดเหล็กมางัดแขนเขาออกได้มั้ย ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองแรงมากอย่างกับอะไร
   โชคดีที่ก่อนผมจะขาดอากาศตาย เขาก็ยอมคลายวงแขนออกเสียที ก่อนจะขยับมามองผมด้วยหน้าโทรมๆ ขอบตาบวมๆ แก้มช้ำๆ สองข้าง ด้วยสายตาที่แสดงอาการดีใจอย่างปิดไม่อยู่
   “พี่นิต... ผมรักพี่นะ รักพี่คนเดียว”
   ผมไม่รู้จะทำไงแล้ว จะเอาหน้าซุกไหล่เขาก็ไม่ทัน จะหนีออกจากวงแขนเขาก็งัดไม่ออกสักที จนเขา... เขาขยับมาจูบผม
   นี่ผมง่ายอีกรึเปล่านะ
   “โจ...” ผมพูด หลังจากเขาผละริมฝีปากออก คราวนี้เขาแค่เม้มลงมาเบาๆ ไม่ได้ใช้ลิ้นหรืออะไรอย่างคราวก่อนแล้ว
   “ครับ”
   “พี่เคยจูบกับโจคนเดียวนะ... พี่จะไม่จูบกับคนอื่นอีกแล้ว”
   “............”
   “เรื่องวันนั้น ก็ครั้งแรกของพี่นะ พี่ไม่มีครั้งที่สองกับใครอีกแล้ว”
   “....................”
   “พี่ไม่ใจง่ายกับใครหรอกนะ”
   สุภาพงษ์เม้มปาก ดึงผมไปกอดอีก “ขอบคุณนะพี่นิต ผมรู้แล้ว ผมขอโทษจริงๆ ผมรู้แล้วว่าพี่ชอบผม ผม.... ผม........”
   จากนั้นเขาก็หอมแก้มผม จูบปากผมเบาๆ อีกครั้ง ผมล่ะแทบน้ำตาร่วงออกมา
   ไม่ใช่ว่าดีใจอะไรหรอกนะ ผมเสียใจน่ะ เสียใจที่กำแพงที่ผมอุตส่าห์ก่อไว้อย่างดี มันไม่ได้ช่วยกั้นเขาได้เลย ไม่รู้เขามุดรอยแยกเข้ามาในกำแพงใจผมตั้งแต่เมื่อไหร่ บ้าจัง นี่ผมไม่รู้ตัวเลยว่าเขากลายมาเป็นส่วนหนึ่งในโลกบิดๆ เบี้ยวๆ ของผมแล้ว
   เขาจะทำลายโลกเบี้ยวๆ ของผมอีกรึเปล่า ผมไม่รู้ คำพูดของเขาเชื่อได้แค่ไหน ผมไม่รู้เลย แล้วผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เขาจะทนอยู่ในโลกเบี้ยวๆ ของผมได้อีกนานแค่ไหน เขาจะมั่นคงกับคำพูดของตัวเองไปนานขนาดไหน
   ถ้าวันหนึ่งเขาเกิดทนผมไม่ได้ หรือผมทนเขาไม่ได้ล่ะ?!
   ผมขยับตัวมามองหน้าเขาชัดๆ อืม... โทรมจริงๆ เลยนะ ถ้าไม่อคติก็คงพอรู้ว่าเขาคงเสียใจไม่แพ้ผม บ้าจริงเชียว แบบนี้ผมคงจะไล่เขาออกจากใจไปไม่ได้ง่ายๆ แน่ๆ แต่ถ้าจะให้เขาเข้ามาลึกเกินไปมันก็เสี่ยง...
   เพราะงั้น.... ลองทอดเวลาออกไปหน่อยแล้วกัน ดูอาการของเราไปอีกสักระยะ ดูว่ามันจะไปในแนวทางไหนกันแน่ แล้วถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ก็ค่อย.....
   ผมยกมือขึ้นปัดผมเขาออก เช็ดน้ำตาให้เขา ลูบแก้มเขาที่โดนผมตบ สุภาพงษ์เงยหน้ามองผม ก่อนจะพูดเสียงพร่า “พี่นิต...”
   ผมหลับตา จากนั้นเขาก็จูบมาอีกครั้ง
   บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องราวที่มีผมกับเขาเป็นตัวเอก เราสองคนผลัดกันเขียนเรื่องคนละบท ไม่รู้ว่าตอนจบเขาจะได้เป็นพระเอกหรือผู้ร้าย แล้วก็ไม่รู้ว่าผมจะได้ครองตำแหน่งอะไร
   ผมเดาไม่ออกว่าเรื่องนี้จะจบยังไง จะสุขหรือจะเศร้า จะโศกจะเหงา หรือจะตื่นเต้นสดใส
   แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจเท่าไหร่ เพราะเรื่องนี้เริ่มต้นเมื่อตอนไหน ผมเองก็ยังไม่รู้เลย บางทีมันอาจจะไปต่อเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันจบสิ้นก็ได้
   ก็นี่มันเรื่องราวชีวิตผมกับเขา ไม่ใช่เรื่องราวในนิยายนี่นา...
   ตอนจบจะเป็นยังไง คงต้องรอให้ผมกับเขาช่วยกันเขียนต่อไปล่ะมั้ง
----------------------------------------

** เอ่อ.... พอเขียนถึงตอนนี้แล้ว พอลงประโยคสุดท้ายปุ๊บ คำว่า "จบ" มันก็โผล่มาในหัวเราะทันที จนอยากจะ... อยากจะพิมพ์ลงไปท้ายตอนจริงๆ ว่า"จบ" แต่!! ถ้าเราพิมพ์ลงไปล่ะก็ จะต้องถูกคนอ่านกระทืบแน่ๆ เลย :a5: (อ้อ! รู้ตัวนี่!!!)

งั้น... ยังไม่จบก็แล้วกัน (แหะๆ)

อันที่จริงเรื่องนี้เริ่มต้นแบบหลวมๆ ถือว่าเป็นนิยายที่เราทำโครงไว้หลวมมาก-มากที่สุด (น่าเสียใจและเพลียใจจริงๆ) ตอนแรกคิดว่าคงไม่ยาวมาก เพราะเรื่องไม่มีอะไร หลวมโพรก ก็แค่นายซึนสองคนมาเจอกัน สุดท้ายเดี๋ยวก็(น่าจะ)รักกัน แต่ทว่า!! เรื่องราวมันดันยืนยาวกว่าที่เราคาดเอาไว้!!! เพราะความหลวม(ของโครงเรื่อง) และความอายุมากของคุณพนิตแท้ๆ!! เออ ของนายโจด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆ ลืมไปเลยว่าความสัมพันธ์เฉื่อยๆ แบบนี้มันต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ (นั่นแปลว่าใช้จำนวนหน้าเข้าช่วยนั่นเอง!!)

แล้วคนอย่างพี่นิตก็ใช่ว่าจะมีบทสรุปอะไรตายตัวกับเขา แต่... แต่...... แต่เราก็ได้เขียนฉากธรรมดาที่สุด ที่ยังอึ้งตัวเองว่าเขียนลงไปได้ยังไงในบทที่16

อันที่จริงไม่ใช่คนที่ชอบเขียนดราม่าที่มีการเข้าใจผิดระหว่างพระเอกนางเอกเนื่องจากมีมือที่สามมาเกี่ยวข้อง ทำนองว่าทำท่าให้ชวนเข้าใจผิดแบบ.... ละครไทยอย่างนี้มาก่อนเลย (ช็อกกับตัวเองสุดๆ o22)

แต่เนื่องจาก... เนื่องจาก..... เนื่องจาก!!! เนื่องจากเราอยากเห็นดราม่า (โห...) และ เราอยากปล่อยบทให้คุณภูมิ กับนายกั้ง (อ้าว ไหนบทนายกั้งวะ... ลืมแล้ว ฮ่าๆ) เราก็เลย... ก็เลยจัดไป (เพราะจะทำให้พิศดารแบบเรื่องอื่นมันก็Epic อลังการ ไม่เข้ากับเนื้อหามากไป เอาวะ ขอธรรมดาสักเรื่องก็ได้ (โอ๊ย ช็อก... ช็อกค่ะช็อก!!)

สรุป... สรุปว่ายังไม่จบ ฮ่าๆๆๆ

ส่วนใคร ที่ลุ้นจะหาพระเอกให้นายกั้ง กับหานายเอกให้คุณภูมิ มีลุ้น!!(แต่อาจจะเรื่องอื่น)

แอบคิดเนื้อเรื่องคู่นี้ไว้นิดๆ แระ รับรองไม่ธรรมดา ฮ่าๆๆๆๆ :laugh: (หัวเราะเสียสติ)

ส่วนพี่นิต กับนายโจ.... ปัดมดๆๆๆๆ โอ๊ย มดกัด (อันที่จริงแรกเริ่มเดิมที ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมีดราม่ารุนแรงขนาดนี้นะเนี่ย แต่ว่า... ก็เขียนไปแล้วน่ะนะ แหะๆ)

โอย.. แลดูเพ้อเจ้อ ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ^^

****ต่ออีกนิด... สงสารพี่นิตอ่ะ... อุตส่าห์ก่อกำแพง ทำ่่ท่าจะพาดคาน... คาดไม่ถึง โจไม่ต้องฝ่ากำแพงแล้ว เพราะเข้ามาเรียบร้อยแล้ว โถ... พี่นิต เหนื่อยฟรีเลยอ๊า แพ้ใจโจไปนานแล้ว ไม่รู้ตัว!! :-[

ดังนั้น นายโจ ถ้าไม่รักษาน้ำใจพี่นิตอีกล่ะก็ แกตายแน่ ฉันจะเด้งแกออกจากตำแหน่งพระเอก ยกคานมาหามพี่นิตแทน.. ให้พี่นิตนั่งคานสมใจ แล้วให้นายโจน้ำตาตกใน (พร้อมคนอ่าน<<โดนเตะ :z6:) โจจ๋า รักถนอมพี่นิตให้มากกว่านี้อีกนะจ้ะ.. เพราะอย่างพี่นิต ไม่มีขายแล้วนะ เพราะเป็นของเออเร่อ หายากหาเย็น ได้ยากได้เย็น ได้มาแล้วต้องรักษาดีๆ เพราะพังง่าย เนื่องจากมีอายุการใช้งานมานานแล้ว (แต่เรื่องอย่างนั้น ยังใหม่อยู่ ว๊ายย โจอ๊ะ!!<<อีนี่เป็นอะไรมากไหม)

 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 18-01-2012 08:25:57
ดีใจจริงๆ ที่มาต่อ ขอบคุณมากๆ ที่ไม่ให้เขาดราม่ากันต่อ  :กอด1:

พออ่านใกล้จะสุด เริ่มตัวเกร็ง เฮ้ยๆ อย่าบอกนะจะจบน่ะ รูปประโยคชักทะแม่งๆ สุดท้ายโล่งใจที่ยังไม่จบมาก อยากอ่านเรื่องนี้อีกนาน อยากเห็นพี่นิตโก๊ะๆ กับนายโจมาดแบดบอย!! ฮ่าๆ เอาเป็นว่าอยากอ่านต่อค่ะ ^^

อันนี้

 “บ้าเรอะ!!” ผมตาวาดแว๊ด “คนหัวเราจะตายแล้ว โจเห็นเป็นงั้นได้ไง สมองโจคิดอะไรอยู่น่ะ!!”

ตวาดแว้ด และ หัวเราะจะ ใช่มั้ยคะ

แล้วก็

โจจ๋า รักถนอมพี่นิตให้มากกว่านี้อีกนะจ้ะ.. เพราะอย่างพี่นิต ไม่มีขายแล้วนะ เพราะเป็นของเออเร่อ หายากหาเย็น ได้ยากได้เย็น ได้มาแล้วต้องรักษาดีๆ เพราะพังง่าย เนื่องจากมีอายุการใช้งานมานานแล้ว (แต่เรื่องอย่างนั้น ยังใหม่อยู่ ว๊ายย โจอ๊ะ!!<<อีนี่เป็นอะไรมากไหม)

เออเร่อ = urror = ผิดพลาด >> พี่นิตเป็นของผิดพลาด :jul3:

แซวเล่นนะคะ จะได้จิ้มมั้ยลุ้นๆ :z13:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Anonymus ที่ 18-01-2012 08:27:27
อ้างถึง
** เอ่อ.... พอเขียนถึงตอนนี้แล้ว พอลงประโยคสุดท้ายปุ๊บ คำว่า "จบ" มันก็โผล่มาในหัวเราะทันที จนอยากจะ... อยากจะพิมพ์ลงไปท้ายตอนจริงๆ ว่า"จบ" แต่!! ถ้าเราพิมพ์ลงไปล่ะก็ จะต้องถูกคนอ่านกระทืบแน่ๆ เลย :a5:  (อ้อ! รู้ตัวนี่!!!)

คิดเหมือนกันเลยค่ะ แต่ถ้าจบดื้อๆแบบนี้ คงมีการนอยด์กันกระจาย เพราะพี่นิตยังไม่โดนกดเลย

อุ๊บ! พูดอะไรออกไป (เขาเลยรู้กันหมดว่ารออะไรอยู่ แหะๆ)
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 18-01-2012 09:16:29
อยากดูวันที่เข้าใจกันจริงจังซะที
ตอนนี้มันแบบเริ่มต้นจะปรับตัวเข้าหาอีกฝ่าย ถึงจะรักแล้วแต่ยังไม่เห็นเข้าใจกันซะที
ลุ้นจนรอยย่นจะขึ้นบนหน้าผากแล้วค่า
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 18-01-2012 09:57:44
จบตอนนี้ละโดนแน่  :z6: อุ๊ยลืมตัว มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 18-01-2012 10:03:37
โฮ้วววววววววววววว
คุณพนิตใจร้ายจัง ทุบโจจนช้ำไปหมดแล้ว
โจก็อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ สงสารคนมีอายุเค้าบ้าง
ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 18-01-2012 11:09:12
ว่ากันตามตรง...เอาท์ออฟออร์เดอร์มันทั้งสองคน ทั้งพี่นิตทั้งโจ
หาซื้อก็ซื้อไม่ได้...จะขายก็ของดันหมด :laugh:

โอ๊ย ดีใจมากเลยค่ะไม่คิดว่าจะได้อ่านคุณพนิตเร็วแบบนี้ เพราะเมื่อวานยังเพิ่งอ่านตอนที่แล้วไปอยู่เลย อ๊าย
มันน่าดีใจยิ่งนัก (ขอนอกเรื่อง ระบายความฟินของตัวเองก่อนค่ะ ฮ่าฮ่า)


ตอนนี้ไม่มีอะไรจะแซว
เพราะพอดีว่าคุณพนิตไม่ได้จบวิศวะโยธา ก่อร่างสร้างตึก ก่อกำแพง(เมืองจีน) ทั้งที เลยไม่ค่อยได้มาตรฐาน
ไร้การผ่านคิวซี...เพราะฉะนั้น มันจะมีรูรั่ว รอยแตก รอยแยก จนคนตัวใหญ่ๆอย่างนายโจเล็ดลอดเข้ามาได้
ก็ถือว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรนะคะ
ถ้าเกิดพี่นิตจบวิศวะจริงๆ แล้ว นายโจยังรอดกำแพงอิฐที่พี่นิตก่อมาได้...หนูจะไปฟ้องปวีณา!
เฮ้ย ไม่ใช่! ไปฟ้อง สคบ. (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) แต่ พี่นิตอาจจะมี สคบ. ไม่เหมือนคนอื่น

สคบ. = สุภาพงษ์คนบ้า~~~

(ก๊ากกกก ยังจะเล่น)


กลับเข้าเรื่องดีกว่า...นั่งเลยป้ายมานาน
ตอนนี้ น้ำตาไหลพรากๆตามคุณพนิตเลยค่ะ
ยิ่งตอนที่พี่นิตเข้ามาเห็นสภาพโจ นอนแหม็บไร้สติสตางค์อยู่กับโซฟา
เวลามีปัญหาพี่นิตชอบใช้มุกเป็นลม แต่พอโจเจอปัญหาบ้าง โจก็ใช้มุกป่วย เข้ากั๊นนนนเข้ากัน
แนะนำถ้าสองคนนี้แต่งงานกัน ควรสร้างเรือนหอเป็นโรงพยาบาลค่ะ ก๊ากกกกก
เผื่อพี่นิตเป็นลมก็แอดมิตเลย...ถ้าโจป่วยก็ไปจองเตียงใน รพ. ข้างๆพี่นิตอีกที คงเข้าท่าแฮะ!

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก


นั่นไง...เลยป้ายอีกละ..
นอกจาก นายโจ และ พี่นิต จะเอาท์ออฟออร์เดอร์
คนอ่านยังชอบนั่งเลยป้ายตลอด ก๊ากกก ว่าจะเม้นท์เข้าเนื้อเรื่อง แต่ไหงจบประโยคไปโผล่เรื่องโรงพยาบาล-"-

นั่งแท๊กซี่วนกลับมาใหม่(เปลืองเงินเยอะนะเนี่ย)

ตอนนี้เห้นใจทั้งโจ ทั้ง คุณพนิตเลยล่ะค่ะ
พี่นิตว่าใจแข็ง...แข็งจริง พอเจอโจ ก็แข็งจริง....แข็งยวบยาบเลยล่ะค่ะก๊ากกกกกกก o22
ชอบตอนที่สองคนนี้ง้อกันมาก มันไม่มีอารมณ์งุ้งงิ้งง้องแง้ง แบบเด็กๆเลย เค้าง้อกันได้แบบผู้ใหญ่มากเลยอ่าค่ะ
ไม่ใช่แบบ ตัวเอง ง้อแล้วน้า...ไม่ๆ เค้าไม่หายงอน อะไรเทือกนี้ ไม่มีการตีแป๊ะๆ บอกให้รู้ว่าไม่พอใจ
เพราะพี่นิตของเรานั้นไซร้ ฟาดโจอย่างกับตบวอลเลย์บอล...
คนนะคะพี่นิต ไม่ใช้ลูกวอลเลย์ ตบข้างนึงบวมไปละ เล็งตบอีกข้าง หวังดีกะให้บวมเท่ากันว่างั้น? ฮ่าาา
โจเองก็พอกัน พี่นิตเค้าไม่ได้ตัวใหญ่ถึกทึน นะค้า กอดที เดี่ยวกระดูกกระเดี้ยวหักขึ้นมา ได้หามส่งโรงบาลอีกนะ(วนกลับมาที่โรงบาลอีกครั้ง ก๊ากกกกก)

รัดอยู่นั่นเองพี่นิตน่ะ...สงสัยชาติที่แล้วนายโจเกิดเป็นงู...ชอบรัดพี่นิตจริงๆ ก๊ากกกกก :laugh:

อ้างถึง
   “พี่เคยจูบกับโจคนเดียวนะ... พี่จะไม่จูบกับคนอื่นอีกแล้ว”
   “............”
   “เรื่องวันนั้น ก็ครั้งแรกของพี่นะ พี่ไม่มีครั้งที่สองกับใครอีกแล้ว”
   “....................”
   “พี่ไม่ใจง่ายกับใครหรอกนะ”

ขอเลย ประโยคเด็ด แบบเด็ดสุดๆ อ่านประโยคนี้แล้วโลกก็พลันกลายเป็นสีชมพู๊วววววววววววว :-[

เฮ้อออ เกิดเป็นนายโจนี่มันน่าอิจฉาจริงๆเลยน้าาาาาา
(จากคนที่แอบชอบคุณพนิตมาเนิ่นนานนนนนนนนน)


ปล. ติดตามเรื่องนี้เสมอคะ...ถึงจะบอกว่าเรื่องนี้เรื่อยๆหลวมๆ แต่คนอ่านก็ติดตามเรื่องนี้มาตลอด แบบตื่นเต้นทุกครั้งที่เห็นเรื่องนี้อัพค่ะ

ปล2. ตอนนี้เพื่อนๆในกลุ่ม ถามถึง "คุณพนิต" ทุกวันเลยค่ะ....ถามว่า "คุณพนิตนี่ใครวะ? เห็นพูดถึงตลอดเลย"
ก็ทำได้แค่ตอบไปว่า คุณพนิตเป็นนักเขียน....ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :laugh:
(เพราะบ่นทั้งใน เฟส ทั้งในทวิตเตอร์ ทั้งบ่นจากปากเองเลย พอพูดถึงปุ๊บ ทุกคนก็จะถามเลย เออ เห็นแกพูดถึงบ่อยๆ คุณพนิตเป้นใครวะ? ฮ่าฮ่า รักคุณพนิตมากกกกก)

ปล3. ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้มากๆเลยนะค้า...ขอบคุณสำหรับนิยายทุกเรื่องของคุณจูออนเลยค่ะ!

ปล4. ตอนนี้แอบหวังว่าจะเห็นกั้งอยู่กับโจนะเนี่ย (บ้า! จะให้เกิดเรื่องดราม่าอีกเรอะ!) :z6:

ปล5. รอเรื่องของกั้งกับคุณภูมิอยู่นะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 18-01-2012 11:35:02
ค่อยยังชั่ว โจทลายกำแพงได้  :m4:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 18-01-2012 13:11:01
คู่นี้ยังต้องปรับตัวกันอีกเยอะะะเลย
เพราะพี่นิตแกอาร์ตตต น้องโจก็แอบติสท์อีก

เห็นด้วยกับคุณ ryoko_chan สงสัยสองคนนี้ต้องไปปลูกเรือนหอข้างรพ.นะ
กร๊ากกกกก

ดีใจที่เรื่องยังไม่จบนะคะ ยังอยากอ่านคู่นี้ไปอีกนานๆ อยากคอยช่วยลุ้นช่วยกันเป็นลมไปกับพี่นิตต่อไป
ถ้ามาจบเอาตอนนี้ต้องรู้สึกว่ายังไม่ฟินแน่ๆเลย
(ตอนอ่านมาถึงวรรคท้ายๆนี่กลัวเกือบตายว่าจะจบแล้วเรอะ แบบไม่มีสัญญาณอ่ะ! =[]=)
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 18-01-2012 14:02:52
อ่านๆลงมากลัวจะจบแค่นี้เหมือนกันดีนะ ที่ยังมีต่อ ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 18-01-2012 14:18:44
แอบรู้สึกว่าพี่นิตใจอ่อนง่ายไปหน่อย
อาจมีโกรธหรือมีงอนไอีกนิด เพราะคำพูดของโจมันก็ดูร้ายแรงพออยู่
แต่โจก็อ้อนซะ ฮึ้ย น่ารักมากอ่ะ
ลูกหมาขี้อ้อนกลับมาแล้ว
เย้
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 18-01-2012 15:01:34
ดีแล้วค่ะ อย่าพึ่งจบเลยน๊า อยากอ่านไปเรื่อย ๆ ^^ :3123:

หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 18-01-2012 15:11:48
คิดอยู่ว่า พี่นิต โกรธคราวนี้ นายโจตั้งใช้เวลาง้อนานแน่ๆ
แต่ที่ไหนได้ขณะที่พี่นิตก่อกำแพง นายโจก็ยืนมองพี่นิตก่อกำแพงอยู่ข้างหลังนั่นเอง(คือนายโจมันมายืนอยู่ในกำแพงนานแล้ว) แต่พี่นิตไม่รู้ตัวนั่นเอง  อะนะตามประสานายเอกผู้จิตใจดีและอ่อนต่อโลก

ปล.นายเอกของคุณภูมิก็นายกั้งไง น่ารักดีออก
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 18-01-2012 15:38:04
เรื่องราวของทั้งคู่ถึงแม้ว่าจะดูเรื่อยๆ แต่มันก็กินใจมากเหมือนกัน
โดยเฉพาะสองตอนหลังนี้บีบหัวใจมากมาย
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 18-01-2012 16:25:10
เหมือนจะเป็นตอนจบ แต่ยังไม่จบก็ดีแล้ว :laugh:
อยากให้มดมาขึ้นพี่นิตกับคุณโจ หุหุ o18
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 18-01-2012 17:02:46
นึกว่าจะจบซะอีก ตกใจหมดเลย

อยากรู้ว่าต่อไป บทละครชีวิตของนักเขียนคนนี้จะเป็นยังไง แล้วคุณภูมิอีกล่ะ รายนั้นน่าสงสารนะ
ชอบเขามาตั้งหลายปี แต่ไม่ได้ครอบครอง จะมีใครมาช่วยดามหัวใจหนุ่มใหญ่คนนี้ไหมเนี้ย ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 18-01-2012 18:30:11
ดีใจจริงๆ ที่มาต่อ ขอบคุณมากๆ ที่ไม่ให้เขาดราม่ากันต่อ  :กอด1:

พออ่านใกล้จะสุด เริ่มตัวเกร็ง เฮ้ยๆ อย่าบอกนะจะจบน่ะ รูปประโยคชักทะแม่งๆ สุดท้ายโล่งใจที่ยังไม่จบมาก อยากอ่านเรื่องนี้อีกนาน อยากเห็นพี่นิตโก๊ะๆ กับนายโจมาดแบดบอย!! ฮ่าๆ เอาเป็นว่าอยากอ่านต่อค่ะ ^^

อันนี้

 “บ้าเรอะ!!” ผมตาวาดแว๊ด “คนหัวเราจะตายแล้ว โจเห็นเป็นงั้นได้ไง สมองโจคิดอะไรอยู่น่ะ!!”

ตวาดแว้ด และ หัวเราะจะ ใช่มั้ยคะ

แล้วก็

โจจ๋า รักถนอมพี่นิตให้มากกว่านี้อีกนะจ้ะ.. เพราะอย่างพี่นิต ไม่มีขายแล้วนะ เพราะเป็นของเออเร่อ หายากหาเย็น ได้ยากได้เย็น ได้มาแล้วต้องรักษาดีๆ เพราะพังง่าย เนื่องจากมีอายุการใช้งานมานานแล้ว (แต่เรื่องอย่างนั้น ยังใหม่อยู่ ว๊ายย โจอ๊ะ!!<<อีนี่เป็นอะไรมากไหม)

เออเร่อ = urror = ผิดพลาด >> พี่นิตเป็นของผิดพลาด :jul3:

แซวเล่นนะคะ จะได้จิ้มมั้ยลุ้นๆ :z13:

แก้คำผิดให้แล้วนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 18-01-2012 19:39:47
อ๊ายยยยย อยากอ่านเรื่องกั้งกับคุณภูมิ  :o8:

หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 18-01-2012 20:26:49
เข้าใจกันแล้ว โอ๊ย ดีใจสุดๆ นายโจก็สมควรให้พี่นิตตีให้น้วมนั้นแหละ แลกกับการโดนโกรธนานๆ เนอะ
ขอความผิดครั้งนี้เป็นครูนะน้องโจ ยังอยากเห็นพี่นิตได้รับบ้างอย่างครั้งแรกอ่ะน้อง
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 18-01-2012 20:48:58
อาจตอนนี้แทนที่จะรู้สึกดราม่า  เรากับรู้สึกว่ามันหวานมากกว่าค่ะ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 18-01-2012 21:22:06
ฮู่ววว :เฮ้อ:
ลุ้นกันใจหายใจคว่ำกับหนุ่มซึนคู่นี้จริงๆ

กำแพงของพี่นิตต้องแข็งแรงมาก(เพราะน้องโจมาช่วยก่อ)
....ตอนฝันว่าก่อกำแพงนี่ เหมือนจะลืมอัญเชิญโจออกไปสินะ ( :beat: น้องโจเป็นคนนะยะ! // โดน fcน้องโจ ตบ)
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine538 ที่ 18-01-2012 21:37:03
ข้อดีของการมาอ่านวันนี้คือ ได้อ่าน 2 ตอนรวด
ตอนแรกน้ำตาร่วง ไว้อาลัยให้น้องโจ น้องเม้มปาก ไม่พูดไม่จามาเกือบทั้งเรื่อง พอบทจะพูดออกมา ... ลงหลุมซะงั้น :a5:

ยังอึ้งๆ กับชะตากรรมของพี่นิตอยู่ ก็เจอตอน 2 พอดี
โชคดีมากที่เจอมาม่าและซดหมดภายในเวลาชั่วโมงเดียว :laugh:

แต่หนทางยังอีกยาวไกล คราวนี้น้องโจอาจโชคดี แต่ถ้ามีแบบนี้อีก ... :fire:

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 18-01-2012 21:43:42
คุณพนิตโกรธง่าย หายเร็วกว่าที่คิดนะ (นึกว่าจะงอนไปสัก 10 ปี ) อาจจะเป็นเพราะวัยที่มากขึ้นด้วยกระมั้ง ?
จริง ๆ คนใจอ่อนอย่างคุณพนิต เจอกับ คนที่อ้อนสะบัดแบบคุณสุภาพงษ์ ก็เหมาะสมกันดีออก  :-[

เราอ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่า ภายใต้ความ art ที่ชอบทำอะไรตามอารมณ์ของคุณพนิตเนี่ย คือ ความเป็นเคะราชินีนี่น่า... :m26:
 
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 18-01-2012 22:06:18
ใจหายแว๊บ ๆ ๆ นึกว่าจะจบจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 18-01-2012 22:34:23
เหมือนเจอคำแปลกๆแต่หาไม่เจอแลัว

คำว่า"ทำ"มันน่าจะเป็นคำอื่น

รู้แล้วรู้เรื่องน่าจะเป็นรู้รอด

นึกว่าพี่นิดจะใจแข็งนานกว่านี้

แต่ก็นะ

ตาโจน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 18-01-2012 22:58:20
เอ่อ อ่านมาเหมือนจะจบเลย แต่ดีใจจังที่ยังไม่จบ จะได้ตามอ่านความซึนของพี่นิตต่ออีก
ฮึฮึ ว่าแต่โจ  ได้โอกาสแล้ว คงไม่ทำให้เสียไปอีกนะ ไม่งั้นล่ะก็  o18
กำแพงพี่นิตต้องทำจากทรายที่ลืมผสมปูนแน่ๆ เพราะเจอน้องน้ำ(ตา)จากโจก็พังทลายแล้ว
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 19-01-2012 20:38:24
   ผมเดาไม่ออกว่าเรื่องนี้จะจบยังไง จะสุขหรือจะเศร้า จะโศกจะเหงา หรือจะตื่นเต้นสดใส
   แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจเท่าไหร่ เพราะเรื่องนี้เริ่มต้นเมื่อตอนไหน ผมเองก็ยังไม่รู้เลย บางทีมันอาจจะไปต่อเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันจบสิ้นก็ได้
   ก็นี่มันเรื่องราวชีวิตผมกับเขา ไม่ใช่เรื่องราวในนิยายนี่นา...
   ตอนจบจะเป็นยังไง คงต้องรอให้ผมกับเขาช่วยกันเขียนต่อไปล่ะมั้ง

ว่ากันตามตรง  อ่านตอนนี้แล้วก็คิดว่าจบได้เหมือนกันนะคะ
อารมณ์ประมาณว่าไปคิดกันต่อเอาเองเถอะว่าทั้งคู่จะเป็นอย่างไรต่อไป 
แต่ยังไม่จบก็ดีค่ะ  เพราะหลงรักเรื่องเฉื่อย ๆ เรื่องนี้เข้าเต็มเปาซะแล้ว
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 19-01-2012 21:32:30
พออ่านถึงบรรทัดสุดท้าย
ก็แอบคิดเหมือนกัน ว่าใช้ภาษาเหมือนจะจบแล้ว
แต่ก็อยากอ่านต่อ
แบบ อยากให้ตัวละครยังเดินต่อไป ยังอยากเห็นพัฒนาการอะไรงี้
^^
ยังรออ่านอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 19-01-2012 22:49:39
ปรับอารมณ์ไม่ทันเลยทีเดียว

น้ำตากำลังซึมๆ แล้วก็...หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง...

เราผิดปกติหรือคนคนเขียนผิดปกติกันล่ะ
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 20-01-2012 00:19:15
ชอบคำบรรยายความคิดของพี่นิตตอนท้ายจัง
 :n1:
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 26-01-2012 08:01:07
** มาต่อแล้วค่า~ (หลังจากกระอักกับต้นฉบับสายลับที่ต้องแก้กะทันหัน ฮื้อออ :sad4:)
---------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่18
   สุภาพงษ์ดูจะดีใจอกดีใจ จนไม่ยอมหลับยอมนอน ทั้งที่สภาพหน้าตาของเขามันสุดแสนจะทรุดโทรม ทั้งแก้มช้ำสองข้างเพราะถูกตบ ตาก็บวมเป่ง แถมท่าทางเห็นชัดว่าอดหลับอดนอนมาทั้งคืน จนผมทนไม่ไหว ต้องไล่เขาไปจัดการตัวเอง
   “ถ้ายังไม่อยากนอน โจไปอาบน้ำเถอะ มอมแมมไปทั้งตัวแล้ว”
   “คะ.. ครับ” เขาพูดตะกุกตะกัก ท่าทางจะเจ็บปาก แต่ก็เห็นนะว่าขนาดเจ็บปากอยู่ยังอุตส่าห์เม้มปากนิดๆ เหมือนกลั้นยิ้มอยู่ตลอดเวลา ผมเลยพูดไปอีก “ถ้าจะยิ้มก็ยิ้มไปเถอะ กั๊กทำไมน่ะ”
   ผู้ชายหน้าตาหล่อ แต่ตอนนี้โทรมสนิทตรงหน้าผมทำหน้าเลิกๆ ลั่กๆ จากนั้นก็ยิ้มออกมา เอาล่ะ.. ผมลืมบอกว่าให้เขาไปยิ้มไกลๆ สายตาผมหน่อย เพราะเดี๋ยวผมจะหัวใจวายตายเอา
   นี่ขนาดเขาโทรมสุดๆ แล้วนะ
   “โจไปอาบน้ำเลยนะ” ผมไล่ เพราะเขายิ้มแล้วก็เดินมากอดผมอีก แบบนี้เมื่อไหร่เขาจะได้ไปอาบน้ำสักทีล่ะ สุภาพงษ์อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่อีกพัก ถึงพอจะพยักหน้าได้ “ครับ”
   จากนั้นเขาก็เดินเข้าห้องน้ำไปได้เสียที ผมถึงกับถอนหายใจออกมา แล้วก็ถือวิสาสะเปิดประตูห้องนอนเข้าไปเตรียมที่นอนให้เขา เพราะรู้แน่ว่ายังไงเขาก็ต้องนอนพัก เพราะท่าทางอิดโรยขนาดนั้น คงทำหน้ายิ้มๆ กับผมได้ไม่นานแน่
   พอเห็นที่นอนเขายังเก็บเรียบร้อย ผมก็นึกสงสัยว่าเมื่อวานเขาหายไปฟูมฟายที่ไหน ดีนะที่ยังกลับมาคอนโดฯได้โดยไม่เกิดอะไรขึ้นกลางทาง บ้าจริง เขาควรจะรู้จักควบคุมตัวเองมากกว่านี้นะเนี่ย...
   แต่ผมจะพูดอะไรได้ล่ะ ในเมื่อเมื่อวานผมยังโกรธเขาซะจนไล่ตะเพิดไม่ฟังอะไรเลย ซึ่งที่จริงแล้วมันก็สมควรที่ผมจะโกรธนั่นแหละ ก็เขาเล่นเปิดประตูบ้านผมเข้ามา ชกเพื่อนผม ด่าผมอีก แบบนี้ผมไม่โกรธก็บ้าแล้ว
   เพราะงั้น ที่ผมโกรธเขาไม่แปลกหรอก เขานั่นแหละ ควรจะหัดตั้งสติแล้วดูอะไรเสียบ้าง
   ทำอย่างกับผมจับคู่ตุนาหงันกับเขาเรียบร้อยแล้ว มาทำเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมไปได้
   เขาทึกทักเอาเองเกินไปแล้วล่ะ
   คิดแล้วผมก็รู้สึกเดือดปุดๆ ขึ้นมา ผมยังไม่เคยบอกตกลงปลงใจกับเขาสักคำ เขามาทำแบบนี้กับผมได้ไง เดี๋ยวคอยดูนะ ออกมาผมจะด่าให้เช็ด แต่พอเห็นเขาเดินเข้ามาในห้องนอน พร้อมกับเสื้อนอนลายแถบ แล้วมองผมด้วยสายตาเหมือนเด็กกำลังรอผู้ใหญ่ปูที่นอนให้ ประกอบกับแก้มช้ำๆ และขอบตาบวมๆ ของเขา อารมณ์เดือดๆ ของผมก็ลดดีกรีลงไปได้หน่อยหนึ่ง แถมคำด่าที่เตรียมไว้ก็หายแว้บไปอย่างกับไม่เคยมีอยู่ในหัวมาก่อน เหลือแค่ทำพูดพื้นๆ ไว้ให้เขา
   “โจ วันหน้าวันหลังน่ะ จะทำอะไรดูให้ดีก่อนนะ อย่าไปอาละวาดต่อยใครโดยไม่ถามเหตุผลเหมือนเมื่อวานนี้อีกล่ะ ดีนะที่พี่ภูมิเขาไม่เอาเรื่องอะไร ไม่งั้นล่ะแย่แน่ๆ” ผมพูด ขณะที่เขาเดินมาที่เตียง สุภาพงษ์กะพริบตามองผมปริบๆ ก่อนจะพยักหน้า “ครับ ผมขอโทษด้วยจริงๆ เรื่องเขา ผมคุยกับเขาแล้วล่ะ”
   “อืม...” ผมส่งเสียงพร้อมพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็นึกเอะใจขึ้นมา “ไปคุยกันตอนไหนน่ะ?!”
   “ก็... ที่โรงพยาบาลน่ะครับ” ผู้ชายแก้มช้ำตรงหน้าผมพูดต่อ “พี่ภูมิเขาโทรหาผมตอนส่งพี่ถึงโรงพยาบาลแล้วน่ะ คงค้นจากมือถือเอาน่ะครับ ผมเลยรีบขับรถไป แล้วก็ได้เจอเขาน่ะ”
   “อะ... เหรอ” ผมอึ้งไปหน่อย ไม่คิดว่าภูมิวัฒน์จะโทรตามสุภาพงษ์ด้วย แล้วพวกเขาคุยอะไรกันบ้างน่ะ
   “เขาเล่าให้โจฟังว่ายังไงน่ะ” ผมถาม พลางนึกหวั่นใจว่าเจ้าเพื่อนบ้าแอบเผาอะไรผมให้นายคนนี้ฟังรึเปล่า สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ ด้วยสีหน้ารู้สึกผิดอย่างสุดซึ้ง
   “เขาบอกผมว่า ท่าทางพี่นิตจะชอบผมมาก เพราะโกรธจนเป็นลม ถ้าไม่ชอบจริงๆ คงไม่เป็นขนาดนี้”
   “!?” ผมหน้าตึงขึ้นมาทันที ที่จริงตอนแรกคิดว่าคงหน้าแดงก่อน แต่ว่าในเวลานี้ผมจะมัวมาเขินไม่ได้ นี่ภูมิวัฒน์กล้าพูดแทนผมได้ยังไง ตัวผมเองยังไม่เคยอ้าปากสักคำ ผมนึกโมโหเพื่อนขึ้นมาทันที
สุภาพงษ์เหมือนจะรู้ตัวว่าเล่าละเอียดเกินไป เลยรีบพูดอีก “พี่ภูมิบอกว่า ให้ผมรีบหาทางขอโทษพี่นิต เพราะพี่นิตโกรธแรง แล้วก็ง้อยากมาก”
อืม เรื่องนี้เขาพูดถูกเผง เพราะผมโกรธเขามาราธอนมาได้ตั้งยี่สิบกว่าปี แต่... แบบนี้ผมก็เสียหน้าแล้วล่ะสิ ก็ผมเล่นอ่อนให้สุภาพงษ์ตั้งแต่ยังไม่ทันข้ามวัน
ผมหันกลับไปถลึงตาใส่ผู้ชายรูปหล่อตรงหน้าผมทันที อยากจะบอกให้เขารู้ไว้หน่อย ว่าผมยังไม่หายโกรธง่ายๆ หรอก
สุภาพงษ์กะพริบตาปริบๆ ท่าทางเหมือนรู้ตัวว่าพูดไม่ถูกใจผม เลยรีบพูดอีก “คือ... ผมตั้งใจจะรอพี่นิตตื่น แล้วค่อยขอโทษ แต่หมอเตือนว่าถ้าเกิดพี่ตื่นมาแล้วเจอเรื่องกระทบกระเทือนใจอีกจะยิ่งมีปัญหา ผมไม่รู้จะทำยังไง จะรอพี่ตื่นผมก็กลัวพี่โมโหอีก จะกลับบ้านไปนอนผมก็กลับไม่ลง ผมเลย...” เขาเว้นจังหวะหายใจหน่อยหนึ่ง “เลยนั่งร้องไห้อยู่ที่โรงพยาบาลน่ะ”
“?!!!” ผมนึกภาพผู้ชายอายุสามสิบสี่ ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ แล้ว แต่งตัวแบบคนทำงาน นั่งฟูมฟายอยู่ตรงเก้าอี้ผู้ป่วยแล้วให้ต้องขมวดคิ้ว “โจไม่อายคนหรือไงน่ะ?!”
“อะ... อายสิครับ” เขาตอบด้วยอาการหน้าแดงจัด สงสัยกำลังอินกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา เออ เขาเป็นคนอ่อนไหวจริงๆ ด้วย เห็นภายนอกดูนิ่งๆ คิดว่าจะหนักแน่นนะเนี่ย อืม... อันที่จริงเขาก็แสดงให้ผมเห็นหลายครั้งแล้วล่ะ ว่าเขาเป็นคนอ่อนไหว เผอิญผมชอบคิดว่าตัวเองอ่อนไหวกว่าใครเพื่อน เลยมองคนอื่นว่าต้องมั่นคงเป็นหินผาไปเสียทุกที
“ผมไม่รู้จะทำไง หยุดร้องก็ไม่ได้ เลยเข้ามาร้องไห้ในห้องพี่นิตแทน”
“.................”
“แต่ผมเอาผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าเอาไว้ ไม่ได้ยินเสียงหรอก”
ผมล่ะอยากจะบ้าตายจริงๆ สรุปว่าเมื่อคืนเขานั่งร้องไห้อยู่ที่ห้องผม แล้วใช่เขารึเปล่าน่ะ ที่พูดขอโทษผมในฝัน?
“แล้ว....โจมีพูดอะไรกับพี่บ้างรึเปล่า?” ผมถาม เพราะตั้งใจจะรู้ให้ได้ว่าตกลงผมเพ้อไปเองหรือเป็นเสียงเขากันแน่ จะได้วัดระดับความเพ้อที่ผมมีต่อเขาได้ถูกด้วยน่ะ สุภาพงษ์พยักหน้า “อือ... ผมบอกขอโทษพี่นิตไป คิดเอาเองว่าพี่ได้ยินแล้วพอตื่นมาอาจจะโกรธผมน้อยลง ผมขอโทษนะ”
เห็นท่าทางสำนึกผิดอย่างกับคนจะโดนโทษประหารของเขาแล้ว ไม่รู้ผมจะเหลือความโกรธไว้กู้หน้าตัวเองอีกกี่ชั้น แต่ก็ยังสู้อุตส่าห์ปั้นหน้าจริงจังเต็มที่ พูดตอบเขาไป “วันหน้าวันหลังน่ะ จะพูดจะทำอะไร หัดคิดก่อนนะ ปกติพี่เห็นโจไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว ไม่น่าจะเป็นคนปากพล่อยแบบนี้”
“ขอโทษนะครับ” สุภาพงษ์พูดประโยคเดิม แล้วยืนหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเหมือนรอรับโทษอยู่ อืม... แก้มเขากลายเป็นสีม่วงข้างหนึ่งแล้ว อีกข้างแดงอยู่ คิดว่าอีกไม่นานจะเปลี่ยนสีตามไป ตาบวมน้อยลงหน่อยหนึ่ง แต่ก็ยังบวมอยู่ดีล่ะ มีแค่ผมที่หวีเรียบร้อย และเนื้อตัวที่สะอาดสะอ้านขึ้นหรอก เห็นสภาพเขาแล้ว ยังเหลือส่วนไหนให้ผมลงโทษได้บ้างเนี่ย
“โจไปนอนเถอะ” ผมว่า แต่พอเห็นเขายังทำท่าลังๆ เลๆ ก็เลยต้องพูดต่อ “เดี๋ยวพี่จะได้เอาน้ำแข็งมาโปะแผลที่ปากให้”
คราวนี้สุภาพงษ์พยักหน้าแล้วปีนขึ้นเตียงไปอย่างว่าง่ายทันที เออ.... ทำไมต้องรอให้ผมพูดประโยคสองด้วยนะเนี่ย ผมเดินไปหยิบผ้าขนหนู แล้วเปิดตู้เย็นเทน้ำแข็งออกมา พอกลับมาที่ห้องนอน ก็เห็นเขาหลับไปเรียบร้อยแล้ว อืม... คงจะเหนื่อยแล้วก็ง่วงมากสินะ ผมค่อยๆ นั่งลงบนเตียงข้างๆ เขา แล้วก็เอาน้ำแข็งที่ห่อใส่ผ้าอยู่โปะลงไปอย่างเบามือที่สุด ดูเขาจะหลับสนิท เลยไม่สะดุ้งหรืออะไรเลย ผมมองแล้วก็อดลบมือลงไปบนศีรษะเขาไม่ได้
จริงๆ เลยน้า....
นั่งเอาน้ำแข็งโปะแผล แล้วมองหน้าโทรมๆ ของเขาได้พักหนึ่ง เสียงเคาะประตูก็ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก ผมนั่งนิ่ง เงี่ยหูฟังให้ดีอีกที เผื่อว่าจะเป็นเสียงเคาะห้องข้างๆ แล้วมันก็ดังอีก คราวนี้ชัดเจนเลยว่าเคาะประตูห้องสุภาพงษ์แน่ๆ ผมรีบเดินไปดูที่ประตู โดยเอาน้ำแข็งใส่ถ้วยไว้ก่อน
ปรากฏว่าพอมองผ่านตาแมวก็เห็นคุณากรกำลังยืนหน้ามึนอยู่ ผมนึกวาบอยู่ในใจทันที หรือว่าเขามาเพราะเรื่องสุภาพงษ์?!
ตายล่ะ นี่ถ้าเขามาเห็นว่าผมอยู่ห้องเดียวกับแฟนเก่าเขาสองต่อสอง มันจะกลายเป็นเรื่องรึเปล่าเนี่ย
ก๊อกๆๆๆ!
เสียงเคาะประตูดังถี่ยิบ บ่งบอกถึงความเร่งร้อนของคนเคาะ ทำให้ผมต้องกลั้นใจเปิดประตูไป พลางคิดข้อแก้ตัวเอาไว้ว่าผมแค่แวะมาดูอาการ เพราะเขาไม่ยอมเข้าออฟฟิศจนลูกน้องเป็นห่วง แต่พอเปิดประตูมาเจอกันจริงๆ ผมกลับอึ้งกว่านั้น
“คุณพนิตอยู่นี่จริงๆ ด้วย” คุณากรโพล่ง แล้วยิ้มอย่างดีใจ ผิดกับที่ผมคาดว่า แต่ที่ผิดคาดยิ่งกว่าคือคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาต่างหาก
“พนิตมาหาน้องเขาจริงๆ หรือนี่?!” ภูมิวัฒน์พูด แต่ผมสิ อยากพูดมากกว่า เขาโผล่มาอยู่นี่ได้ไง
“นี่นายไม่ทำงานทำการหรือไงน่ะ?” ผมถามเขาเสียงเครียด เนื่องจากยังมีคดีความที่เขาไปพูดโมเมเอาเองให้สุภาพงษ์ฟัง ดูท่าภูมิวัฒน์ยังไม่รู้สึกตัว เลยตอบผมด้วยท่าทางตื่นเต้น “เราเป็นห่วง เลยลางานช่วงเช้าไปดูนายที่บ้าน ปรากฏว่าแทนที่จะเจอนาย เราเจอน้องคนนี้หน้าบ้านนายแทน เห็นเขาบอกว่าจะไปขอให้นายช่วยอะไรบางอย่าง ฉันเลยเล่าให้ฟังว่าเมื่อวานนายมีเรื่องกับบ.ก. เขาเลยคิดว่านายอาจจะอยู่ที่นี่ก็ได้”
ผมถลึงตามองเพื่อน นี่เขามีนิสัยชอบเล่าเรื่องส่วนตัวของผมให้คนอื่นฟังตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อืม.. แต่เรื่องที่ผมทะเลาะกับสุภาพงษ์ ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องลับเฉพาะเท่าไหร่ ยกเว้นว่าเขาจะเล่าเหตุผลให้ฟังด้วยน่ะนะ
“ภูมิ เล่าให้น้องเขาฟังว่าไงน่ะ?”  ผมเค้นถามเพื่อน ขณะยังยืนจังก้าหน้าประตูไม่ยอมปล่อยให้ใครเข้าไปง่ายๆ ภูมิวัฒน์ทำหน้าหนักอกหนักใจ “เล่าแค่ว่าทะเลาะกันน่ะ”
ผมหันไปมองคุณากร เพื่อดูว่าภูมิวัฒน์พูดจริงหรือแอบเนียนไปครึ่งหนึ่ง แล้วพบว่า ตอนนี้เขาหยุดยิ้มดีใจแล้ว “คุณพนิต ไอ้โจตายหรือยังครับ ถ้ายังไม่ตาย ขอผมดูหน้ามันหน่อย นี่มันทิ้งงานที่ผมอุตส่าห์ขอให้ช่วยแล้วหายหัวไปเลยตั้งแต่เมื่อวาน โทรศัพท์ก็ไม่ยอมเปิด ถึงจะทะเลาะกับคุณพนิตมันก็ควรมีสติกว่านี้นะครับ”
ผมเห็นด้วยกับคำพูดของเขา แต่พอเห็นสีหน้าประหนึ่งจะฆ่าจะแกงก็ต้องรีบพูดยั้งไป “เขาหลับอยู่น่ะ”
“?!”
“เอ่อ... คุณกั้ง คุณโจเขาคงไม่ได้นอนเลยน่ะ ตั้งแต่เมื่อวาน”
คุณากรขมวดคิ้วมุ่น สงสัยจะคาดไม่ถึงว่าเรื่องจะร้ายแรง เขาเงยหน้ามองผม “เรื่องมันเป็นไงมาไงน่ะครับ ไม่ใช่ว่ามันแค่ทำคุณพนิตอารมณ์เสียเหรอ”
ผมเห็นท่าว่าจะต้องคุยกันนาน เลยให้เขาสองคนเข้าห้องมาก่อน พอเข้ามาในห้องได้ คุณากรก็ตรงไปยังห้องนอนของสุภาพงษ์ทันที แบบไม่รอให้ผมพูดอะไร พอเขาเปิดประตูผลัวะเข้าไป ก็ขึ้นเสียงอย่างคนอารมณ์เสียสุดๆ
“ไอ้โจ!! เฮ้ย!” คุณากรร้องเสียงหลง จากนั้นก็พรวดพราดเข้าไปในห้อง สักพักก็เดินออกมา “คุณพนิต ไอ้โจไปโดนใครอัดมาครับเนี่ย”
ผมกำลังจะอ้าปากเอาเรื่องกับภูมิวัฒน์ ค่าที่เขาปากสว่าง คิดเองเออเองแล้วหาว่าผมคิด ไปพูดได้ไงว่าผมชอบสุภาพงษ์ พอเห็นคุณากรถามแบบนั้น แทนที่ผมจะได้ตอบ ภูมิวัฒน์กลับถามออกมาอีก “พนิตซ้อมเขาซ้ำหรือ?”
โอ้โห.. ถ้าพูดแล้วทำได้ ผมอยากซ้อมภูมิวัฒน์นี่แหละคนแรก ผมตอบพวกเขาสองคนไป “เปล่า”
“อ้าว... แล้วไหงโจมันโทรมแบบนี้ล่ะครับ ท่าทางอย่างกับไปชกกับใครมา”
คราวนี้ภูมิวัฒน์หัวเราะแย่งบทผมอีก “พนิตมือหนักน่ะ ตบน้องเขาอีกแล้วหรือ?”
ผมหันไปถลึงตาใส่เพื่อน แต่พูดอะไรไม่ออก ได้ยินเสียงคุณากรพูดอึ้งๆ “โห... ทะเลาะกันแรงเลยนะเนี่ย คุณพนิตมือหนักจัง นี่ตบหรือครับ ผมคิดว่าต่อย เขาฟันหักบ้างรึเปล่าเนี่ย?”
เออ ผมลืมสนิท แต่ไม่เห็นสุภาพงษ์บอกเลยนี่ว่าฟันหัก แล้วผมแค่ตบ ไม่น่าจะตบแรงจนฟันร่วงได้หรอก คิดได้แบบนั้นเลยตอบเขาไป “ไม่หรอกมั้ง ไม่เห็นเขาพูดถึงเลย”
คุณากรมองผมตาปริบๆ “แล้ว... นี่มันถูกตบจนสลบหรือว่ามันหลับไปเองครับเนี่ย”
“หลับเองสิ” ผมชักมีโมโหกับรูปประโยคคำถามของเขา คุณากรพยักหน้า ท่าทางตื่นๆ พิกล หรือเขาคิดว่าผมซ้อมสุภาพงษ์จนสลบนะ จะบ้าเรอะ ผมตัวแค่นี้ จะเอาแรงที่ไหนมาซ้อมเขา นี่ถ้าเขาอยากตบผมกลับ ผมคงปลิวติดฝาไปแล้วล่ะ
“คุณพนิตน่ากลัวจริงๆ” เขาพึมพำ เอาล่ะ ผมจะถือว่าไม่ได้ยินก็แล้วกัน โชคดีที่คุณากรมีมารยาทพอ เลยไม่ถามเซ้าซี้ว่าผมกับสุภาพงษ์ทะเลาะอะไร ก็ดีแล้วล่ะ เพราะถึงถาม ผมก็ไม่ตอบหรอก มีแต่จะตะเพิดเขาออกไปอีกคนน่ะสิ
เราสามคนยืนเงียบเหมือนไม่มีอะไรจะพูดอยู่พักใหญ่ ท้ายที่สุดคนพูดกลับเป็นคนที่ดูจะไม่น่าพูดออกมาที่สุด
“ตกลงคุณกั้งมีธุระอะไรกับคุณโจเหรอ?”
“เออ ใช่!!” คุณากรโพล่งออกมาอย่างนึกขึ้นได้ แล้วถามผมทันที “คุณพนิตครับ ก่อนโจมันหลับ มันฝากซองอะไรเอาไว้รึเปล่าครับ?”
ผมเลิกคิ้ว “ไม่เห็นมีนี่”
คราวนี้หน้าของคุณากรนิ่วลงทันที “ไม่ได้ฝากอะไรไว้เลยหรือครับ?”
ผมพยักหน้า เขาทำหน้าคิดหนัก ก่อนจะพูดออกมา “ขอโทษนะครับ ขอผมค้นห้องหน่อยนะ” ไม่รอให้ใครพูดอะไร คุณากรตรงไปค้นตามตู้ ตามลิ้นชักที่พอจะเปิดได้ทันที ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน เพราะเขาเป็นแฟนเก่า แถมก่อนหน้านี้ก็ถือกุญแจห้องนี้ตลอด เขาจะขออนุญาตทำไมนะ ก็ผมไม่ใช่เจ้าของห้องเสียหน่อย
แต่ภูมิวัฒน์ดูจะไม่เข้าใจนัก เลยพูดออกไป “ค้นห้องเขาแบบนี้ เจ้าตัวตื่นมาไม่โกรธเอารึ?”
“ช่วยไม่ได้นี่ครับ” คุณากรตอบ พร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาค้น แต่เขาค้นแล้วก็เก็บเรียบร้อยนะ ดูแล้วไม่ใช่การรื้อค้นหรอก แค่หาของอยู่มากกว่า ผมสงสัยเลยถามไปบ้าง “หาอะไรน่ะ คุณกั้ง?”
หัวข้อ: Re: [อัพการ์ตูนp16]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก17(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P18:18/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 26-01-2012 08:04:15
“อ้อ.. ซองน่ะครับ คือผมฝากโจหาข้อมูลบางอย่างมาให้”
“?!”
สุดท้ายคุณากรก็ยอมแพ้ ปิดลิ้นชักตู้ที่อยู่มุมโซฟา แล้วเดินมาหาพวกผม “พอดีผมทำงานเป็นนักข่าวน่ะ เลยฝากเขาช่วยหาข้อมูลให้” เขาพูดพลางหรี่ตามองภูมิวัฒน์อย่างมีนัยน์ ผมหันไปมอง แล้วก็เห็นว่าเพื่อนสวมชุดเหมือนพนักงานบริษัท ท่าทางคุณากรอาจจะยังไม่รู้ว่าหมอนี่ทำงานอะไร เลยแกล้งพูดไป “เออ ทำข่าวไอ้หมอนี่ด้วยสิ ว่ากินสินบาทคาดสินบนเท่าไหร่ ดูว่างๆ เช้าชามเย็นชาม สมเป็นข้าราชการเลย”
คุณากรเลิกคิ้วหน่อยๆ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงเพื่อนผมก็ดังขึ้นก่อน
“โห.. พนิต ถ้าไม่ติดว่าเคยเป็นรูมเมทกัน เราฟ้องนายข้อหาหมิ่นประมาทแล้วนะเนี่ย” ภูมิวัฒน์พูดด้วยสีหน้ากึ่งเล่นกึ่งจริง แต่ผมน่ะ พูดอย่างเอาจริงเอาจังเลยล่ะ “เราก็อยากจะฟ้องนายเหมือนกัน ข้อหาชอบตัดสินใจแทนเราแล้วพูดมั่วๆ”
คราวนี้เขาทำหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะถามกลับ “เราตัดสินใจแทนนายเรื่องอะไรน่ะ”
“ก็เรื่องที่นายบอกโจว่าเราชอ....” ผมพูดค้าง เพราะนึกขึ้นได้ว่ามีคนอื่นยืนอยู่ด้วย แต่ภูมิวัฒน์ดูจะไม่คิดอะไรแบบนั้น เขาหัวเราะออกมา แล้วพูดเสียงดัง “เราพูดอะไรกัน นายพยักหน้ายอมรับเองนะ เรื่องนี้จะมาโทษเราไม่ได้หรอก”
“แต่นายพูด” ผมยังเอาเรื่องเขาต่อ อดีตรูมเมทผมทำหน้าซื่อจนน่าหมั่นไส้ “เปล่า เขาเล่าให้นายฟังว่าไงล่ะ”
“เขาบอกว่าเราชอ....” ผมพูดไม่ได้อีก เพราะติดเรื่องคุณากรยืนอยู่ พอหันไปก็เห็นเขาทำตาเป็นประกาย แล้วยกมือปิดหู “คุณพนิตพูดเถอะ ผมไม่ได้ยิน ไม่ได้ยินอะไรเลย”
ผมนึกอยากจับสองคนนี่โยนลงนอกหน้าต่างไปเลย พอหาเหตุเอาเรื่องไม่ได้ เพราะอายคน อายปากตัวเองด้วย ผมเลยเสไปพูดเรื่องอื่นแทน “แล้วนี่ไม่ทำงานทำการหรือไง?”
“ทำสิ” เพื่อนผมตอบ ขณะที่นายกั้งทำเสียงเหมือนเสียดายที่ไม่ได้ยินผมพูดอะไร ผมหันไปค้อนใส่เขาทีหนึ่ง แล้วพูดกับเพื่อนอีก “จะไปทำกี่โมงกันล่ะ จะบ่ายแล้วนะ”
“หา?!” เขาทำหน้าตกใจ แบบที่รู้อยู่แล้วว่าไม่ได้ตกใจจริงๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา “ที่จริงลามาครึ่งวัน แต่ลาอีกครึ่งวันก็พอได้ เดี๋ยวใส่ว่าญาติไม่สบาย ต้องมาดูแลด่วน”
“โห............ สมเป็นข้าราชการจริงๆ” ผมลากเสียง เขาทำหน้าเขินนิดๆ “ไม่เอาน่า พนิต นี่เราอุตส่าห์เป็นห่วงนะเนี่ย มามองเหมือนเราเป็นเจ้าพ่อค้ายาเสพติดไปได้”
“เพราะกระทรวงศึกษามีข้าราชการแบบนายแน่ๆ มันเลยโย้ๆ เย้ๆ ไม่เป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้” ผมแขวะ เขาทำหน้าปฏิเสธถึงที่สุด “ไม่ใช่เราหรอก... ไว้พนิตอยากเขียนนิยายเกี่ยวกับเรื่องคอรัปชั่นในวงราชการเมื่อไหร่ ค่อยปรึกษาเราแล้วกัน”
“ทำไม เป็นโต้โผใหญ่หรือไง” ผมว่า แล้วพูดต่อ “ไม่เอาหรอก เรากลัวโดนนายฆ่าปิดปาก”
ภูมิวัฒน์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ขณะที่คุณากรพูดขึ้นบ้าง “แต่ผมอยากเขียนนะ ถ้าคุณยังไม่ทานมื้อเที่ยง เราไปทานด้วยกันไหมล่ะครับ ผมอยากลองทำข่าวข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการดูบ้าง”
ภูมิวัฒน์เหล่มองคนพูด แล้วตอบยิ้มๆ “เอาบัตรนักข่าวมารึเปล่าล่ะ ถ้าเอามาก็เอามาดูก่อนว่าจะให้ข่าวอะไรได้บ้าง ค่าข่าวผมแพงนะ”
“นี่! นายเป็นพวกหากินกับอะไรแบบนี้หรือไง?” ผมเอ็ดเขา ภูมิวัฒน์หัวเราะอีก “เปล่าๆ พนิตจะไปทานด้วยกันไหมล่ะ?”
ผมมองหน้าเพื่อน พลางคิดว่าไหนๆ สุภาพงษ์ก็หลับไปแล้ว แถมผมยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลย จะปฏิเสธไปทำไม ดีไม่ดีผมอาจจะบังคับให้ไอ้หมอนี่ช่วยขับรถกลับไปส่งที่บ้านด้วย จะได้ไม่ต้องเปลืองค่ารถเอง คิดแล้วผมก็พยักหน้าทันที จากนั้นเราสามคนก็เดินลงไปทานข้าวด้านล่าง โดนทิ้งสุภาพงษ์ไว้อย่างนั้น
-----------------------------------------
   ดูเหมือนภูมิวัฒน์กับคุณากรจะเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย จนผมอดคิดไม่ได้ว่า เจ้าสองคนนี่เคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า ทั้งคู่ผลัดกันเล่าเรื่องฉาวๆ ในวงการอย่างสนุกปาก นี่เพื่อนผมไม่กลัวถูกเก็บบ้างหรือไง หรือเพราะมั่นใจว่าแต่งแบบนี้ไม่มีใครรู้แน่นอนว่ารับราชการ แต่ดูพวกเขาคุยกันแล้ว ท่าทางจะมีอะไรในใจทั้งคู่ ปล่อยให้ไปลับลวงพรางกันสองคนแล้วกัน เรื่องแบบนี้ผมไม่ถนัดหรอก
   กว่าจะทานข้าวเสร็จ ผมแทบจะไปเขียนนิยายคอรัปชั่นได้ ดีหน่อยที่ผมไม่ค่อยมีหัวทางนี้ เรื่องเลยไม่ไหลไปไหน พอจ่ายเงินลุกจากโต๊ะ ผมก็หันไปหาเพื่อนเก่า “ภูมิ ไม่รีบไปทำงานใช่มั้ย?”
   เขาเลิกคิ้ว แล้วมองผม “อือ ทำไมหรือ?”
   “ไปส่งเราที่บ้านหน่อยสิ”
   ยังไม่ทันที่ภูมิวัฒน์จะตอบ คุณากรก็ส่งเสียงขึ้นมา “ไม่ได้นะครับ คุณพนิตจะทิ้งโจไว้แบบนี้เหรอ?”
   ผมนิ่วหน้า “เขาไม่เป็นอะไรหรอกน่า แค่นอนน้อยเฉยๆ”
   คุณากรทำหน้าไม่เห็นด้วย “ไม่ได้นะครับ มันบอบช้ำขนาดนั้น ถ้าไม่มีคุณพนิตคอยอยู่เยียวยาล่ะก็ มันต้องช้ำในตายแน่ๆ คุณพนิตจะใจร้าย ดูมันตรอมใจตายได้ลงคอเหรอครับ?”
   ผมว่าคุณากรไม่น่าเป็นนักข่าวแล้วนะ ถ้าเขาไปเป็นนักเขียนนิยายน้ำเน่าคงรุ่ง ผมตอบเขาไป “ไม่เอาล่ะ พี่มีต้นฉบับจะต้องไปพิมพ์ต่อ”
   “แต่บ.ก.ป่วยนี่ครับ มีต้นฉบับ แต่ไม่มีบ.ก.ตรวจ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรไม่ใช่หรือครับ?”
   ผมตอบคำถามเขาอย่างอดทน “มีบ.ก.คนอื่นอีก ไม่รู้จักคำว่ากองบ.ก.หรือไง?”
   คุณากรทำหน้าซื่อจนหน้ามั่นไส้ ผมอดไม่ได้เลยต้องพูดอีก “ถ้าเป็นห่วงก็อยู่ดูแลเองสิ”
   “ทำไมต้องผมล่ะ?”
   “ก็เคยเป็นแฟนกันไม่ใช่หรือไง”
   “โห... เรื่องตั้งสิบกว่าปีแล้ว ยังจะให้ผมไปดูแลมันอีกเหรอครับ?”
   “?!” ผมหันไปมองเขาอึ้งๆ คราวนี้คุณากรยิ้มนิดๆ “อย่าบอกนะว่าคุณพนิตหึง”
   “หา?!” ผมร้องออกไป “หึงเหิงอะไรกันเล่า”
   คนพูดหัวเราะคิกคัก “แหม... ก็เห็นไล่ผมไปดูไอ้โจ คิดว่าคุณพนิตจะหึงนี่ครับ ไม่ต้องหึงนะครับ ผมเลิกกับมันตั้งนานแล้ว เพราะมันแกะคุณจากใจไม่ออกเสียที แถมไม่ยอมให้ใครทำหน้าที่แทนด้วย เพราะงั้นนะ คุณพนิต คุณเป็นคนเดียวในโลกที่จะเยียวยาแผลใจมันได้” เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนฟังนิยายน้ำเน่าอยู่
   “เอาล่ะ พอๆ ผมจะกลับบ้าน” ผมพูดเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปหาภูมิวัฒน์ “จะไปส่งเรารึเปล่า?”
   เพื่อนผมทำท่าอึกๆ อักๆ ก่อนจะพยักหน้า “อืม ไปส่งก็ไปส่ง”
   “ถ้าไม่อยากส่งก็บอก” ผมชักฉุน เพราะเพิ่งโดนนายคุณากรเล่นงานมา เพื่อนกันยังจะทำท่าลังๆ เลๆ แบบนี้อีก คราวนี้ภูมิวัฒน์รีบลนลานตอบ “ไปส่งๆ แหม.. อย่าขี้งอนนักซี่”
   ผมไม่พูดอะไร แต่เดินฉับๆ ออกไป เขาเลยต้องเดินตามมาด้วย ได้ยินเสียงคุณากรพูดอึ้งๆ “งั้นก็... สวัสดี... เดินทางดีๆ นะครับ”
   เดินกันมาได้สักพัก ภูมิวัฒน์ก็ถามขึ้นอีก “พนิต จะกลับจริงๆ หรือ?”
   “อืม” ผมตอบเขา แล้วถามต่อ “ไหนรถล่ะ?”
   “จอดอยู่ตรงโน้นน่ะ” เขาชี้มือไป แล้วถามผมอีก “ไม่ใช่ว่ากลับไปถึงแล้วนั่งรถกลับมาอีกนา”
   “...................”
   “ไม่ห่วงน้องเขาเหรอ?”
   “..................................”
   “นี่ กั้งขึ้นรถไปแล้วน่ะ นายเดินกลับไปก็ไม่มีใครเห็นหรอก”
   ผมล่ะเบื่อนิสัยรู้มากของเขาจริงๆ
   “บอกว่าจะกลับก็จะกลับสิ ถามมากทำไมน่ะ”
   ภูมิวัฒน์หัวเราะอีก ก่อนจะกดรีโมทฯเปิดประตู ผมเลยมุดไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ รัดเข็มขัดนิรภัย เขามุดตามเข้ามา แล้วสตาร์ตรถ จากนั้นก็ขับออกไปบนถนน
   
   “พนิต ที่จริงเราแอบอิจฉาน้องโจอยู่หน่อยๆ เหมือนกันนะ” ภูมิวัฒน์พูด ตอนที่เลี้ยวรถเข้าซอยบ้านผมแล้ว ผมหันไปมองเขา “นายจะอิจฉาเรื่องอะไรน่ะ”
   ผู้ชายที่ดูดีแม้วัยจะเยอะแล้วซึ่งขับรถอยู่หัวเราะ “บอกตรงๆ นะ หลังงานเลี้ยงรุ่น เราแอบหวังจะคืนดีกับนายหน่อยๆ”
   “?!”
   “นายเป็นผู้ชายคนเดียวที่เรายังรู้สึกชอบมากๆ อยู่จนถึงทุกวันนี้นะ”
   ผมว่าเพื่อนผมไม่ได้หัวกระแทกอะไรระหว่างขับรถนะเนี่ย เลยถามเขาไป “ตอนทานข้าว มีใครให้วางยาอะไรนายรึเปล่านะ”
   ภูมิวัฒน์หัวเราะร่วน ก่อนจะจอดรถหน้าบ้านผม แล้วหันหน้ามาถาม “เรายังหวังจะคืนดีกับนายได้อีกมั้ย?”
   “ถ้าเรื่องที่โกรธน่ะ ยกโทษให้แล้วล่ะ” ผมว่า แล้วขยับไปเปิดประตูรถ “ขอบใจที่มาส่งนะ”
   “อืม ไม่เป็นไรหรอก” เขาตอบงึมงำ จากนั้นก็ยื่นมือมาคว้ามือผมไว้ ผมเลยหันไปมองเขาทันที “ยังชอบเราอยู่อีกรึเปล่า?”
   “.....................”
   “กลับมาคบกันได้มั้ย? คบกันแบบแฟนน่ะ ไม่ใช่แค่เพื่อน”
   “.................” ผมอึ้งไปหน่อย ก่อนจะพยายามดึงมือออก “เราว่าระหว่างเรากับนาย เป็นเพื่อนกันดีกว่า”
   “.............................”
   “หรือว่าไม่อยากจะรู้จักกันแล้ว?”
   “เปล่า” เขาตอบทันที แล้วยิ้มฝืนๆ “เราพูดช้าไปเยอะเลยสินะ”
   “ยี่สิบกว่าปี” ผมตอบแบบไม่ไว้หน้าเขา ภูมิวัฒน์หน้าเจื่อนนิดๆ “เหรอ... ฮ่ะๆ ยังโกรธอยู่อีกเหรอ?”
   ผมไม่ได้ตอบ เพียงแต่จ้องหน้าเขากลับ สักพัก ภูมิวัฒน์ก็ถอนหายใจ แล้วยิ้มออกมา “ที่จริงเราน่าจะรู้สึกตัวตั้งแต่เห็นพนิตยอมพกโทรศัพท์แล้วล่ะ”
   ผมนึกคันปากขึ้นมา เลยพูดตอบเขาไป “ก็เห็นนายเชียร์จริงๆ ให้เรารีบตัดสินใจ อย่าไปทำร้ายใครอีก จำที่ตัวเองพูดไม่ได้หรือไง?”
   ผู้ชายมีอายุแต่ยังดูดีตรงหน้าผมหัวเราะเฝื่อน “อืม... เพราะเราหวังลมๆ แล้งๆ เองแหละ เราอยากให้พนิตตัดสินใจสักอย่าง ถ้าไม่อยากไปกับน้องเขา เราจะได้เข้าแทนไง”
   “?!”
   “แต่สงสัยพนิตจะตัดสินใจได้นานแล้วล่ะ”
   “บ้าเรอะ!” ผมเอ็ดเขาไป แล้วรู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างจริงๆ จังๆ เขาพูดบ้าอะไรเนี่ย
   ภูมิวัฒน์ไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ เขาจับแน่นอีก “งั้นให้เราจูบสักหนได้รึเปล่า?”
   ผมบอกตัวเองให้ตั้งสติ แล้วตอบเขาไปเสียงเรียบ “ภูมิอยากถูกตบอีกคนรึไง?”
   ภูมิวัฒน์อึ้งไปหน่อย แล้วถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ยอมปล่อยมือผม ผมเลยลงจากรถ แล้วพูดกับเขา “ขับรถกลับดีๆ ล่ะ แล้วก็... ขอบใจ.... ขอโทษด้วยนะ...”
   “ไม่เป็นไรหรอก” ภูมิวัฒน์ตอบ จากนั้นก็ยิ้มกว้างให้ผม “ดูแลตัวเองดีๆ นะ”
   พอเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรแล้ว ผมก็เลยปิดประตูรถ แล้วเดินเข้าบ้านไป ภูมิวัฒน์ออกรถหลังจากนั้นสักพัก ผมถอนหายใจเฮือก
   เพื่อนผมคิดบ้าอะไรอยู่นะ มาพูดเอาป่านนี้ เขาเองก็น่าจะรู้ว่าสายไปแล้วไม่ใช่หรือไง...
   ถึงเขาจะเป็นคนแรกที่ผมยอมรับกับปากว่าชอบ แต่... เขาไม่ใช่คนที่ผมอยากคิดตกลงปลงใจด้วยหรอก
   เกือบเสียเพื่อนแล้วมั้ยล่ะ!!
   ผมเดินจ้ำๆ เข้าไปในตัวบ้าน วางของอะไรแล้วก็หยิบมีดยาวออกมาจากครัว เดินลงไปที่สวนหลังบ้าน ซึ่งปลูกพวกพืชหัวกับผักสวนครัวบางอย่างเอาไว้ ตัดตะไคร้ออกมาสี่ห้าต้น แล้วหยิบเสียมไปขุดหัวไพลมาได้อีกสองหัวใหญ่ เป็นโชคดีที่มะกรูดที่ปลูกอยู่มีลูกสุกกำลังดีอีกสองลูก ก็เลยเด็ดติดมือมาด้วย จากนั้นผมก็เอาทั้งหมดกลับเข้าบ้าน แล้วขึ้นไปหาผ้าเช็ดหน้าเก่าๆ ในตู้ออกมาสองสามผืน
   ผมล้างแล้วหั่นสิ่งที่ผมเอามาจากส่วนหลังบ้านทั้งหมดจนละเอียด กลิ่นหอมจากน้ำมันระเหยของทั้งผิวมะกรูด และหัวไพลตลบอบอวลไปทั่ว จากนั้นผมก็แบ่งทั้งหมดเป็นสามกอง เอาใส่ผ้าเช็ดหน้า แล้วหยิบเชือกมัดของมารัดปากไว้ ก่อนจะเอาใส่ถุง
   เพราะไม่แน่ใจว่าที่ห้องของสุภาพงษ์จะมีหม้อนึ่งรึเปล่า ผมเลยหยิบซึ้งอันเล็กที่น้องสาวเคยซื้อมาไว้นึ่งขนมเล่นใส่ถุงผ้าไปด้วย ก่อนจะเดินไปหยิบของใช้จำเป็นอีกสองสามอย่าง รวมถึงเสื้อผ้าอีกชุด เตรียมของเสร็จแล้ว ผมก็ยัดทุกอย่างใส่ถุง ปิดบ้าน เดินไปโบกรถเมล์ที่หน้าซอย
   หวังว่าภูมิวัฒน์คงไม่ได้ซุ่มรถ ดูพฤติกรรมผมอยู่หรอกนะ ถ้าทำ ผมว่าผมควรพิจารณาตำแหน่งเพื่อนของเขาได้แล้วล่ะ
   ผมลงรถเมล์ แล้วเดินหิ้วถุงผ้ากลับขึ้นไปบนคอนโดฯของสุภาพงษ์อีกครั้ง พอเข้าไปก็เห็นว่าเขายังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง หน้าตาอย่างกับไปถูกใครอัดมาจริงๆ ทั้งที่ผมแค่ตบเขาไปสองหนเท่านั้น
   ผมมองอยู่พัก แล้วก็เลยเดินไปที่เตา หยิบหม้อมาต้มน้ำ แล้วก็นึกดีใจที่หยิบซึ้งมาด้วย เพราะห้องเขาไม่มีจริงๆ ผมวางลูกประคบที่ทำมาเองใส่ลงในซึ้ง แล้วปิดฝา จากนั้นก็เดินไปดูอาการเขาอีกรอบ
   เขาดูโทรมสุดๆ จริงๆ นะเนี่ย
   ผมอดไม่ได้ต้องถอนหายใจออกมา จะโทษใครดีล่ะ โทษเขาที่ปากพล่อยจนทำให้ผมเผลอลงไม้ลงมือได้รึเปล่านะ? แล้วแบบนี้จะถือว่าผมลงมือเกินกว่าเหตุรึเปล่า นึกหน้าคุณากรตอนเห็นเพื่อนแล้วพูดออกมาว่าถูกซ้อม ทำเอาผมไปไม่เป็นเหมือนกัน ผมว่ามือผมก็ไม่ได้หนักมาก....
   แต่สภาพเขาดูแย่จริงๆ นั่นแหละ
   ผมปล่อยให้น้ำเดือดอยู่สักพัก ถึงปิดเตา แล้วสวมถุงมือทำครัว หยิบลูกประคบห่อผ้าพออุ่น เอาไปประคบแก้มช้ำๆ ของผู้ชายตัวใหญ่ที่นอนอยู่ในห้อง
   เขาหลับสนิทเหมือนเดิม ไม่สะดุ้งอะไรเลยด้วยซ้ำตอนที่ผมแตะลูกประคบลงไปบนใบหน้าเขา ผมอดลูบศีรษะเขาอีกครั้งด้วยความสงสารไม่ได้
   แต่... อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าผมอะไรกับเขานะ ผมแค่พยายามทำลายหลักฐาน... ขืนถ้าปล่อยให้เขาเอาหน้าบวมๆ แบบนี้ไปที่ออฟฟิศพรุ่งนี้ คนจะได้ถามกันให้ขวักน่ะสิ แล้วผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะตอบยังไง เพราะงั้น เพื่อความอุ่นใจ ผมรีบทำลายหลักฐานก่อนดีกว่า เดี๋ยวเกิดวันหลังไปที่ออฟฟิศ แล้วมีคนพูดว่าผมมือหนักเป็นยักษ์เป็นมารขึ้นมาล่ะก็ ผมได้ทำหน้าไม่ถูกแน่ๆ
   อีกอย่าง... ผมชอบดูหน้าสุภาพงษ์ตอนเกลี้ยงๆ มากกว่า... ก็แค่นั้นเอง
----------------------------------------------
   ผมผลัดลูกประคบมาประคบหน้าเขาจนเมื่อย เลยผละออกมา ถือวิสาสะเปิดโทรทัศน์ดูนั่นดูนี่ นั่งเขียนนิยายที่จะต้องส่งเขาตอนต่อไป แล้วก็แวะลงไปทานข้าว
   นี่ถ้าเขารู้ว่าต้นฉบับนิยายตอนใหม่ ผมเขียนในห้องเขา เขาจะดีใจรึเปล่านะ? แต่ว่า ผมไม่บอกเขาหรอก
   จากนั้นผมก็กลับขึ้นมา นึ่งลูกประคบ ประคมแก้มเขาอีกรอบ แล้วกลับมานั่งเขียนนิยายต่อ จนสักสามทุ่ม ผมเลยอาบน้ำ เตรียมจะเข้านอน
   เขายังหลับไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม เฮ่อ.... ผมนี่ก็จริงๆ เลยนะ รู้อยู่หรอกว่าเขาน่าจะหลับยาวไปจนถึงเช้า ก็ยังอุตส่าห์หอบเสื้อหอบผ้ามาค้างด้วยอีก ท่าทางผมจะขี้กังวลเพราะอายุซะแล้ว
   ผมปิดไฟ แล้วปีนขึ้นเตียง ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ พยายามขยับตัวชิดขอบเตียงมากที่สุด
   พรุ่งนี้ผมจะตื่นแต่เช้า แล้วรีบแว้บกลับบ้าน เขาคงไม่รู้หรอกว่าผมแวะมา...
   ผมแค่มาทำลายหลักฐานน่ะ...
----------------------------------------------
   
***ตอนนี้... อิจฉาโจ มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

โอ๊ย พี่นิตอ๊ะ พี่นิตอ๊ะ พี่นิตอ๊ะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!  :-[ (เริ่มพูดไม่เป็นภาษามนุษย์)

ตอนนี้นายกั้งกับคุณภูมิมีบทนิดหน่อย ฮ่าๆๆ เรื่องคู่นี้ยังเป็นโปรเจคระยะยาวนะคะ อาจจะเขียนหรือไม่เขียนก็ได้ ดูตามอารมณ์

แต่คุณภูมิแอบน่าสงสาร ที่จริงคุณภูมิหวังมาคืนดีตั้งแต่แวะมาจี๋เอวคุณพนิตแล้วล่ะ แต่ก็อย่างทีุ่คุณพนิตว่า... บอกช้าไปยี่สิบกว่าปี

คุณภูมิเลยอดเลย

ไม่เป็นไรนะคะ เด็กๆ รุ่นใหม่ยังมี ไม่อาร์ตเท่าคุณพนิต แต่ก็เร้าใจนะค้า~

ปล. ไม่แน่นะ... งานนี้โจหายแล้ว อาจจะอยากถูกตบซ้ำอีกก็ได้ ชอบให้พี่นิตมาทำลายหลักฐาน ฮ่าๆๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 26-01-2012 09:05:46
ระวังนะดึกๆโจจะตื่นขึ้นมากินตับ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-01-2012 09:13:18
คุณพนิตออกแนวไม่ค่อยรับรู้ความรู้สึกของชายอื่นซักเท่าไหร่
เหมือนกับว่าตัวเองก็อายุขนาดนี้แล้ว  ผ่านวัยรักหวือหวาแล้ว
คงไม่มีใครมารักแล้วแบบนี้หรือเปล่า เลยไม่ค่อยรู้ว่าใครคิดอะไรกับตัวเอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 26-01-2012 09:21:41
คู่นี้เราคงไม่มีหวังได้ยินคำบอกรักจากปากแน่เลย

ดูแต่การกระทำไปแล้วกัน

พี่นิตทำให้ขนาดนี้ ไม่รักก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: pmnet ที่ 26-01-2012 09:45:40
พินิต น่ารักที่ซู๊ดดด
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 26-01-2012 09:46:46
ระวังตกดึกนะจ๊ะพี่นิต ทำลายหลักฐานไม่ทันหรอก 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 26-01-2012 09:57:35
ขำความซึนของพี่นิตจริงๆ 555  ตอนนี้ค่าตัวโจน้อยเหรอ  หลับอย่างเดียวเลย

โอ๋ๆๆๆ คุณภูมิไม่ต้องเสียใจ  นี่ไงน้องกั้ง สดใสร่าเริง แถมดูเคมีเข้ากั๊นเข้ากัน  :o9:

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 26-01-2012 10:32:40
ขำความซึนของพี่นิตจริงๆ 555  ตอนนี้ค่าตัวโจน้อยเหรอ  หลับอย่างเดียวเลย

โอ๋ๆๆๆ คุณภูมิไม่ต้องเสียใจ  นี่ไงน้องกั้ง สดใสร่าเริง แถมดูเคมีเข้ากั๊นเข้ากัน  :o9:

ฮ่าาาาา แอบมาเห็นด้วยค่ะ ท่าทางค่าตัวจะน้อยจริงๆ แต่เดี๊ยวกลับมาเม้นท์ใหม่นะคะ
พอดีอ่านในมือถือ มันเมนท์ไม่มัน ฮ่าาา
จับคอมก่อนจะมาเม้นท์อีกนะคะ



มาดิทแล้วค่ะ

ขอบอกตามตรงว่าตอนนี้รู้สึกว่าคุภูมิวัฒน์หน้ามึนเล็น้อยถึงปานกลาง ฮ่าาาาาาาาา
แอบคิดว่าคุณภูมิจะวางมือแล้วนะคะเนีย ถึงขั้นลงทุนโทรตามนายดโมาเฝ้าพนิตเนี่ย
แต่ไหงได้...พอคุณพนิตพลาดสายตาจากนายโจก็หันมารุกอีกแล้วว กรี๊ด!!!
ดีนะคะ ที่คุณพนิตสวย(?)แล้วดุ ฮ่าาา เลยทำให้คุณภูมิก็จ๋อยไปตามระเบียบ
แหม เข้าใจนะคะว่าเป็นคนพูดตรงทำจริง
แต่มาพูดในสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ไหว...ดีขนาดไหนคุณพนิตไม่วิ่งกลับเข้าไปเอาไม้ตะพดมาไล่ตะเพิดเพื่อนสนิท(สมัยก่อน) ที่จู่ๆมาขอจูบเนี่ย (พูดเองเขินเอง...คุณภูมิหน้ามึนได้ใจมากอ่ะ! ชอบบบบ)
แหมๆ ถ้าคุณภูมิ รู้ว่า คุณพนิตเคยพูดอะไรกับนายโจไว้..เรื่องครั้งแรก เรื่องจูบแรก..และจะทำกับโจคนเดียวเนี่ย
คุณภูมิคงลงไปแดดิ้นกับพื้นกันเลยทีเดียว..


ตัวทำให้รสชาติของตอนนี้มีสีสันอีกหนึ่ง คือ คุณคุณากร...หรือ กั้ง แฟนเก่าของนายโจ
โห เข้ามาทีมีหลายบทบาท ไม่ว่าจะบทบาทแฟนเก่านายโจ...บทบาทเพื่อนสนิทนายโจ...บทบาทที่สามารถทำให้คุณพนิตถลึงตา คิดอกุศลอยู่ในใจ ยกตัวอย่างเช่น อยากโยนออกนอกคอนโดไปเลย บทบาทฮาๆที่ทำให้คุณพนิตฮาด้วยไม่ออก อย่างเช่น...คิดว่าโจสลบเพราะโดนพี่นิตตบตี...

โอ๊ยยยยยย กั้งนี้เป็นบุคคลที่สุดแสนอันตรายของพี่นนิตจริงๆสินะคะงานนี้ ฮ่าฮ่า
แต่มีคนมาคอยจับทางปลาไหลของพี่นิต และอีกคนคอยดักทางปลาไหลของพี่นิต ร่วมกันนถึงสองคนแบบนี้
นายโจก็รุ่งสิคะงานนี้
ถึงแม้ว่าคนจับทางปลาไหลได้ หนึ่งในนั้น หวังจะงาบพี่นิตอยู่ก็ตามที
แต่รู้น่า ว่าคุณภูมิเค้าเป็นคนดี............(????)


ตอนนี้โจบทน้อย แอบเห็นด้วยที่ว่า สงสัยตอนนี้คุณจูออนจ่ายค่าตัวโจน้อย
เปิดเรื่องมาก็ "ครับ พี่นิต" นิดๆหน่อยพอเป็นพิธี แถมด้วยการยิ้มพิมพ์ใจพี่นิตอีกหนึ่งดอก แล้วหลับยาวววว
เห็นหลับยาวทั้งวันแบบนี้...กลางดึกมา อย่่ามาทำพี่นิตฝันแปลกๆนะ!

เพราะทางที่ดี ควรปลุกขึ้นมาแล้วอ้างว่าฝันแปลกๆด้วยกันเลยดีกว่า (อ๊ายยยยยย)

ตอนทที่อ่านถึงตอนที่คุณพนิตกลับบ้าน..แอบสงสัยอยู่เเหมือนกันค่ะ ว่าคุณพนิตจะทำอะไร
จะเขียยนนิยายต่อ หรือ จะกลับไปหาโจเลย

แต่ที่ร้ายกาจกว่านั้น คือหาสมุนไพรไปทำลูกประคบ อ๊ายยยยย
ยิ่งเห็นก้ยิ่งอิจฉานายโจ...ถ้าได้พี่นิตเป็นแฟนเนี่ย สุขสบายไปทั้งชาติ ทำอาหารก็เก่ง
แถมยังเป็นหมอยาสมุนไพรอีกด้วย(แต่งตั้งตำแหน่งนี้ให้เลย อิอิ)

ว่าแต่ตอนนี้คุณพนิตกับโจยังไม่เป็นแฟนกันสินะคะ...
อ่ายังไม่เป็นก็ยังไม่เป็น (อุตส่าห์ทำใจเชื่อกับคำพูดของคุณพนิตนะคะเนี่ย อ๊ายยย ><)

ยังไม่เป็นก็ดีค่ะ ขนาดยังไม่เป็นยังคอยดูแลเฝ้าไข้แบบถึงเนื้อถึงตัว
แต่ถ้าเป็นแฟนกันแล้ว...จะถึงไหนล่ะคะเนี่ย?? อ๊ายยยยยยย


ติดตามเรื่องนี้เสมอค่ะ สู้ๆนะค้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 26-01-2012 10:50:12
พี่นิตซึนๆ...น่ารัก :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 26-01-2012 11:02:10
กรี๊ดดดดดดดดด
มันเขินมากจริงๆ งื้ออออ
อะไรยังไง ไม่ทนนะคะ
แต่คุณวัฒน์ รู้ใจพี่นิต จริงๆเลย
แต่ช้าไป 20 ปีจริงๆนะะ
เหอะๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 26-01-2012 11:11:58
ไม่ต้องบอกรักก็ได้

แค่ดูแลกันไปนานๆอย่างนี้ก็พอแล้ว  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 26-01-2012 11:24:14
อ่านแล้วอิ๊อ๊างมากเลยตอนนี้

เพี้ยงง คุณพนิตตื่นไม่ทัน กลายเป็นหมอนข้าง

อิอิ :m13:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-01-2012 11:39:04
ตอนล่าสุดนี้ตลกมากเลย  5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 26-01-2012 12:31:14
คุณพนิตนะคุณพนิต จะพูดออกตัวอะไรนักหนาคะ ตอนนี้คุณพูดออกตัวตลอดตอนเลยนะคะ
แค่คุณทำตามความรู้สึกห่วงหาอาทรโจแค่เนียะ ไม่มีใครเขาว่าหรอกค่ะ
แน่ะไม่ต้องมาถลึงตาใส่กลบเกลื่อนความเขินเลยจ้า
กั้งกับคุณภูมิวัฒน์ จะมีโอกาสปิ๊งกันปะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 26-01-2012 14:12:51
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 26-01-2012 14:16:50
คุณพนิตออกแนวไม่ค่อยรับรู้ความรู้สึกของชายอื่นซักเท่าไหร่
เหมือนกับว่าตัวเองก็อายุขนาดนี้แล้ว  ผ่านวัยรักหวือหวาแล้ว
คงไม่มีใครมารักแล้วแบบนี้หรือเปล่า เลยไม่ค่อยรู้ว่าใครคิดอะไรกับตัวเอง
คุณพนิตเป็นคนไม่สนใจโลกค่ะ ออกแนว สนใจแต่(สิ่งที่)ตัวเองชอบ เลยไม่มีทางคิดหรอกว่าคนอื่นจะชอบตัวเอง..

พี่นิตแกอาจจะจิ้นได้ แต่แกคงไม่ปักใจเชื่อเด็ดขาด (ตามประสาคนผ่านอะไรมามากแล้ว??)

แต่คนชอบแกเยอะเหมือนกันแหะ ฮ่าๆ

คุณพนิตนะคุณพนิต จะพูดออกตัวอะไรนักหนาคะ ตอนนี้คุณพูดออกตัวตลอดตอนเลยนะคะ
แค่คุณทำตามความรู้สึกห่วงหาอาทรโจแค่เนียะ ไม่มีใครเขาว่าหรอกค่ะ
แน่ะไม่ต้องมาถลึงตาใส่กลบเกลื่อนความเขินเลยจ้า
กั้งกับคุณภูมิวัฒน์ จะมีโอกาสปิ๊งกันปะคะ

ตอนนี้มีแต่คุณพนิตแล้วล่ะค่ะ ที่พยายามกันตัวเองอยู่คนเดียว..

คนอื่นเค้ารู้ไต๋กันหมดแล้ว (กระทั่งนายโจ?!)

ปล. กั้งกับคุณภูมิ มีโอกาสปิ๊งกันค่ะ แต่เนื้อหาของคู่นี้ ถ้าเีขียน มันคงเป็นแนว "ลับ ลวง พราง" อยู่สักหน่อยค่ะ ฮ่าๆ เนื้อหาคงไม่ธรรมดาอย่างคุณพนิตแน่ๆ (ดูจากนิสัยของทั้งคู่+คนเขียน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 26-01-2012 17:03:36
อยากให้โจตื่นมาเร็ว ๆ จะได้เห็นพี่นิตตอนนอน ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่โดนตบจนบวมช้ำและกันเนอะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 26-01-2012 17:31:18
กิ้ววววววววววว พี่นิตน่ารักอะ ฮ่าๆ  ๆ ๆ ๆๆ ๆ ๆ ๆ

เข้าใจกันได้แบบนี้ก็หายห่วงแล้วล่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 26-01-2012 18:13:49
คุณพนิตากแข็งงงง!!! ฮาาาาา มาทำลายหลักฐานคิดได้~
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 26-01-2012 19:07:14
ฮาตรงที่ถ้าโจจะเอาคืน พี่นิตคงจะปลิวติดฝาอ่ะ :laugh:
บรรยายซะเห็นภาพเลย
ตอนนี้พี่นิตแอบซึนเล็กๆนะ :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 26-01-2012 20:07:14
 :jul3: พี่นิตช่างทำลายหลักฐานได้....เอ่อ.....นั่นแหละ
อ่านไปแล้วไม่รู้จะอิจฉารึสงสารน้องโจดีน่ะตอนนี้(ฮา)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 26-01-2012 20:15:59
กิ๊บกิ้วๆๆๆๆๆๆๆ แหม่ความรักของคนสูงวัยนี่มันก็วาบหวามดีเหมือนกันนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 26-01-2012 20:22:30
มาทำลายหลักฐาน?? :laugh:
มาบ่อยๆน่ะ เพราะโจคงชอบ



หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 26-01-2012 20:23:58
พี่นิตก็ซึนไม่แพ้ใครเหมือนกันนะ 555 แค่มาทำลายหลักฐาน เชื่อก็ได้ค๊า ไม่ได้มาดูแลน้องโจเนอะ
พี่ภูมิกับนายกั้งจะมีอิอะกันไหมเนี๊ย ดูเข้าขากันเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 26-01-2012 21:00:19
ท่าทางจะมีคู่พระรองเกิดใหม่มาอีกหนึ่งคู่นะค่ะเนี่ย


หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 26-01-2012 21:02:30
ช่องว่างระหว่างวัยมันห่างมาก
นิสัยใจคอ ความคิด ประสบการณ์เลยต่างกันมาก
สิ่งเดียวที่โจมีคือรักแรกรักเดียวนี่แหละ สลัดไม่หลุด
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 26-01-2012 22:37:58
พี่นิตสายเอสรึเปล่าเนี่ยเลย่นายโจซะช้ำเลย

แต่นายเอกคุณจูออนหลายเรื่องก็โหดๆกว่าพระเอกทั้งนั้นนี่นะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 27-01-2012 00:18:36
ระวังโจจะตื่นขึ้นมาสร้างหลักฐานบนตัวพี่นิตนะคะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 27-01-2012 02:21:16
เริ่มหวาดหวั่นกับอนาคตโจ ยังไม่เริ่มต้น ก็น่วมทั้งตัวขนาดนี้แล้ว  o22

ฮาตอนกั้งเข้ามาเจอโจแล้วโหวกเหวกโวยวาย ส่วนพี่นิตก็เขม่นในใจเงียบๆ มีแบคกราวน์เป็นภาพโจนอนพะงาบๆ อยู่ นึกภาพตามแล้วอดยิ้มไม่ได้ คุณจูออนไม่สนใจอยากวาดการ์ตูนตอนนี้หรอคะ คงน่ารักดีเนอะ :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 27-01-2012 05:53:30
(-""-) ah~lun taeb yae kha,,kwaa ja kawjai kan nor...
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: nicepooh ที่ 27-01-2012 15:28:39
อ่านไปก็กรี๊ด ๆ ในใจไป อึดอัดใจแทนคุณพนิตจริง ๆ แต่มุมแอบหวานก็ใช่่ย่อยนะเนี่ย อิอิ รีบมาต่อให้ไว ๆ นะค้าบ อยากอ่านแล้ว  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 27-01-2012 15:49:30
**ตอนนี้มาไวผิดคาด (แน่นอนว่าแลกด้วยการดองสายลับที่ใกล้ต้องปิดเล่มต่อเนื่อง และเสื้อคุณเพื่อน ซึ่งเหลือส่วนประกอบอีกนิดหน่อยก็เสร็จ แต่ก็ยังไม่เสร็จ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก :serius2:)

พยายามจะหาเพลงมาประกอบตอนนี้ แต่.... หาไม่เจอ นึกไม่ออกว่าเพลงไหนจะเนื้อหาตรงใจพี่นิตตอนนี้

รู้แต่ พี่นิตน่ารักจังเลยยยยยย :-[ (อาการหนักนะเนี่ย.. เรา...= =")

-------------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่19
   คืนนั้นผมฝันร้าย ฝันว่าโดนผีอำ เพราะหลับไปได้สักพัก ตัวก็หนักๆ เหมือนมีอะไรมาทับเอาไว้ ผมจะดิ้นก็ดิ้นไม่ได้ จะร้องก็ร้องไม่ออก เลยได้แต่ครางอือๆ อาๆ หวังว่าผีจะเมตตา หยุดอำผมสักที เพราะพรุ่งนี้ผมจะต้องตื่นเช้า เจ้าผีเหมือนจะเห็นใจผมนิดหน่อย ตอนแรกผมถูกอำจนหายใจไม่ออก พอทำท่าวิงวอนในความฝันออกไป น้ำหนักที่กดลงบนตัวผมเลยลดลงไปหน่อยหนึ่ง พอให้ผมหายใจหายคอได้ บ้าจัง นี่ผีลงโทษผมเพราะลงไม้ลงมือหนักไปรึเปล่านะ? หรือบางทีอาจจะเพราะผมนอนผิดที่ก็ได้ แต่... ห้องสุภาพงษ์ผมเคยมาค้างสองสามคืนแล้วนี่นา... ทำไมถึงมาโดนผีอำเอาวันนี้ล่ะ..
   หรือว่า?!!
   ผมงัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างยากลำบาก เพราะนอนไม่ค่อยสนิทนัก แต่พอเห็นว่าท้องฟ้ายังดูสลัวๆ อยู่ก็พอจะนึกโล่งใจขึ้นมา เมื่อคืนท่าทางผมจะฝันร้าย จำไม่ค่อยได้แล้ว รู้แต่นอนไม่สบายเลย แต่ว่ายังตื่นเช้าอยู่ แบบนี้คงพอจะกลับบ้านทันก่อนที่สุภาพงษ์จะตื่นหรอก
   อืม.. เผลอๆ อาจจะทันทำมื้อเช้าเผื่อไว้ให้เขาด้วย... เขาคงไม่สงสัยหรอกว่าผมมาค้าง อาจจะเข้าใจว่าผมแวะมาตอนเช้าก็ได้
   พอคิดดังนั้นแล้วผมก็พลิกตัวตะแคงไปด้านข้าง เพื่อจะดูว่าอาการคนถูกผมตบเป็นอย่างไรบ้าง
   !?
   ไม่มี!?
   เดี๋ยวนะ เมื่อคืนผมแน่ใจว่าสุภาพงษ์นอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ ผมนี่นา
   ผมกะพริบตาปริบๆ พยายามไล่ความง่วงออกจากร่างกาย พลางเขม่นมองที่ว่างข้างเตียงอีกครั้ง เผื่อว่าอาจจะมืดจนมองผิด หรือยังไม่ตื่นเต็มตาดี แต่ว่า... ข้างตัวผมไม่มีใครแล้ว แถมผ้าห่มก็.... ย้ายมาห่มไว้ที่ผมหมด...
   ไม่จริงน่า!!!
   ผมยันตัวลุกขึ้น แล้วให้รู้สึกวูบในหัว คงเพราะลุกเร็วไปแน่ๆ ขณะที่ผมกำลังนึกตกใจ ประตูห้องก็เปิดแง้มออก แสงไฟสีนวลที่ติดอยู่ระหว่างทางเชื่อมไปห้องน้ำลอดเข้ามา พร้อมกับเงาร่างใครคนหนึ่ง
   “อ้าว.. พี่นิตตื่นแล้วหรือครับ อรุณสวัสดิ์ครับ” เสียงทุ้มๆ เอ่ยทัก จากนั้นก็เดินเข้ามาในห้อง ผมไม่ทันเห็นหน้าเขาหรอก เพราะตามันพร่ากะทันหัน สงสัยจะลุกเร็วไปจริงๆ
   “!!” ใครคนนั้นถลันมาคว้าตัวผมไว้ โอ๊ย จะตกใจอะไรนัก ผมแค่หน้ามืด เลยฟุบ ฟุบลงบนเตียง บนหมอนด้วยนะ ไม่ได้ไปฟุบบนพื้นซีเมนต์ที่ไหน เขาทำอย่างกับผมล้มลงกลางถนนงั้นแหละ
   “พี่นิตเป็นอะไรรึเปล่าครับ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย ผมไม่กล้าหันไปมองเขา เพราะสัมผัสได้ว่าเขาคงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แล้วก็ยังไม่ได้สวมอะไร
   “หน้ามืดน่ะ” ผมตอบ แล้วพยายามจะเอาหน้ามุดหมอน บ้าจริง! ผมวางแผนว่าจะแอบกลับไปก่อนแท้ๆ แต่เขาดันตื่นซะแล้ว ทำไงดีล่ะผม
   สุภาพงษ์รีบวางผมลงบนเตียง จับตัวผมหงายขึ้น ดึงหมอนออก แล้วม้วนผ้าห่มมารองขาผมไว้แทน จากนั้นก็จับมือผมไว้ “ทำใจดีๆ นะครับ หายใจลึกๆ”
   ผมเห็นท่าทางเอาจริงเอาจังของเขาแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “พี่แค่ลุกเร็วไปน่ะ ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก”
   คนที่นั่งอยู่ข้างผมเม้มปากนิดๆ ในความมืด ก่อนจะดึงมือผมไปจูบเบาๆ
   เออ แต่ผมจะเป็นลมจริงๆ ก็เพราะเขานี่แหละ
   ระหว่างที่ผมใจเต้นตึกๆ สุภาพงษ์ก็พูดออกมา “ขอบคุณนะครับ”
   “หืม?”
   ผู้ชายตัวใหญ่ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จและยังไม่สวมเสื้อผ้า ดึงมือผมไปจูบอีกครั้ง แล้วยกขึ้นแนบแก้ม “ขอบคุณที่มาดูแลผมนะ”
   “?!” ผมนึกหวั่นใจขึ้นมา เลยโพล่งถามออกไป “โจตื่นนานรึยัง?”
   “สักพักแล้วล่ะครับ” เขาคลี่ยิ้มอ่อนโยนท่ามกลางแสงสลัวยามเช้า “ที่จริงผมตื่นมาแล้วรอบหนึ่งเมื่อคืน พอเห็นว่าพี่นิตหลับอยู่ข้างๆ เลยคิดว่าฝันไปแน่ๆ แต่ว่า... ผมไม่ได้ฝัน พี่นิตค้างกับผมจริงๆ”
   เขาพูดแล้วกุมมือผมแน่น ใจผมเต้นดังกว่าเดิม ได้ยินเสียงตัวเองตะกุกตะกักถามเขาไป “มะ... เมื่อคืนโจมีทำอะไรพี่รึเปล่า?”
   สุภาพงษ์สะดุ้งหน่อยหนึ่ง มือเขาที่จับมือผมไว้ร้อนวาบขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะตอบ “ผม.. เอ่อ... แอบกอดพี่นิตไว้น่ะ ขอโทษนะครับ ผมทำให้พี่นิตอึดอัดใช่มั้ย?”
   มากเลยล่ะ........ ผมตอบในใจ แล้วให้นึกได้ว่า เจ้าหมอนี่เองที่เป็นสาเหตุให้ผมหลับไม่สนิท
   “โจกอดพี่หรือล้มทับพี่น่ะ” ผมถามเขา เพราะนึกขึ้นมาอีกว่า ก่อนหน้านี้เขาก็เคยกอดผม ไม่เห็นจะรู้สึกอึดอัดขนาดนี้ ผู้ชายตัวใหญ่ตรงหน้าผมตัวร้อนกว่าเดิม “แค่กอดเฉยๆ ครับ”
   “พูดจริงนะ?”
   ผู้ชายตัวใหญ่ตรงหน้าผมเม้มปากนิดๆ จากนั้นแทนที่จะพูดอะไรก่อน ดันทะลึ่งทิ้งตัวลงมาทับผมไว้ ทำเอาผมร้องเหวอ จากนั้นเขาก็กอดผมเอาไว้แน่น
   “ผมรักพี่นิตมากเลย”
   โอ๊ย นี่เขาช่วยตอบอะไรให้มันเป็นคำพูดแทนการกระทำหน่อยไม่ได้หรือไงนะ ไม่ต้องสาธิตเหตุการณ์จริงให้ผมดูขนาดนี้ก็ได้ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอตุส่าห์กอดตอบเขาไปพอเป็นพิธี แล้วแค่นเสียง “โจ พี่หนัก”
   สุภาพงษ์ชะงักไปหน่อย แต่ก็ยอมลุกจากตัวผมโดยดี เออ ถ้าลุกช้ากว่านี้ ผมคงแบนติดเตียงเลยล่ะ เขาเห็นผมเป็นกล้วยปิ้งหรือไง ทับอยู่ได้
   “เมื่อคืนโจนอนทับพี่แบบนี้เหรอ?”
   ผู้ชายคนเดิมอึกอักอีก “ขอโทษนะครับ... ที่จริงผมกอดเฉยๆ แต่รู้ตัวอีกทีก็ทับพี่ไปแล้ว”
   “?!”
   “แต่พอรู้ตัวผมก็รีบลุกเลยนะ เห็นพี่นิตครางอือๆ เหมือนอึดอัดมาก”
   แน่สิ ตัวหนักอย่างกับอะไร!!
   ผมมองหน้าเขา พอดีกับว่าท้องฟ้าด้านนอกสว่างขึ้นมาแล้ว สายตาเลยเหลือบไปเห็นแผงอกเปลือยของเขาเข้า
   โอ๊ย!! ผมควรบอกเขาไหม ว่าหยุดเปลือยต่อหน้าผมที ผมจะความดันขึ้นตายเพราะกล้ามแน่นๆ ของเขานี่แหละ
   “โจ”
   “ครับ?”
   “ไปใส่เสื้อผ้าไป”
   “.................................”
   “.............................................”
   “พี่นิตไม่ชอบให้ผมถอดเสื้อเหรอ?”
   โห..... ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาอีก ใครบ้ามันจะชอบมองคนถอดเสื้อ เอ่อ... ที่จริงมันก็น่ามองหรอกนะ... แต่... แบบนี้มันใกล้เกินไป เป็นส่วนตัวเกินไปแล้ว นี่ถ้าเขาถ่ายแบบลงหนังสือผมคงมองได้สบายใจ เอ๊ะ ไม่สิ ถ้าเขาไปถ่ายแบบลงหนังสือจริงล่ะก็... ผมคงโมโหนะ...
   ระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับหุ่นเขา สุภาพงษ์ก็ดึงมือผมไปจูบอีก... จูบเปล่าๆ ยังพอทน แต่นี่เขาจูบแล้วอ้าปากเลียนิ้วผมด้วย ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก “นิ้วพี่ไม่ใช่ไอติมนะ”
   คนตรงหน้าผมไม่ตอบอะไร ใช้แค่แววตาเซื่องสนิทมองผม ตาเขาเป็นประกายนิดๆ คงเพราะแสงแดดยามเช้าที่ส่องเข้ามาในห้องสะท้อนเข้าให้ล่ะมั้ง ผมใจเต้นตึกๆ ขณะที่เขาเลียนิ้วผมอีกครั้ง
   !!!!!!!!
   ผมสะดุ้งหน่อยหนึ่ง เพราะเขาเลียนิ้วผมแล้ว ก็จับมือผม เลื่อนไปแตะหน้าอกเขา ตัวเขาร้อนชะมัด สงสัยความร้อนมันจะถ่ายเทผ่านมือผมมา หน้าผมเลยพลอยร้อนไปด้วยแล้ว
   สุภาพงษ์เอามือผมไปแตะหน้าอกเขาแล้ว ก็มองผมตาเชื่อม ให้ตายสิ หัวใจผมเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาเสียให้ได้ จากนั้น เขาก็ไล้มือผมไปตามช่วงเอว ผ่านหน้าท้องแน่นๆ จนแตะเข้ากับขอบผ้าเช็ดตัว ทำเอาเลือดลมผมตีกลับจนแทบจะหน้ามืดทั้งๆ ที่ยังนอนหนุนขาสูงอยู่แบบนั้น
   “โจ!!!”
   “...............” คราวนี้เขาไม่ตอบผมแล้ว แต่ค่อยๆ จับมือผมล้วงเข้าไปในขอบผ้าเช็ดตัว เอาล่ะสิ เขาจะทำอะไรน่ะ... จะให้ผมแก้ผ้าเขาหรือไง ไม่ได้นะ แบบนี้แย่แน่ๆ!!!
   “แก้มเป็นไงบ้าง” ผมโพล่งถาม คราวนี้เขาชะงักไปหน่อย ผมไม่รอให้เสียโอกาส รีบดึงมือกลับมาทันที แล้วพูดเร็วปรื๋อ “เมื่อวานแก้มโจช้ำมากนะ ตอนนี้เป็นไงบ้างน่ะ”
   ผมกลัวไม่สมเหตุสมผลพอ เลยยกมือจับหน้าเขาไว้เบาๆ สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ “ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะครับ”
   “อ้อ... เหรอ” ผมรีบพูดต่ออย่างกับคนกลัวว่าถ้าช้าจะอดพูด “พี่ทำลูกประคบมาให้น่ะ โจเห็นแล้วยัง?”
   “............”
   “เดี๋ยวพี่ออกไปอุ่นให้นะ จะได้ประคบต่อ” ผมพูดอีก พยายามตั้งสติเต็มที่ พลางคิดว่าถ้าเขายังไม่ลุก จะงัดไม้ไหมมาใช้อีกดี
   สุภาพงษ์นิ่งไปสักพัก ก็ถอนหายใจออกมา แล้วก้มลงจูบหน้าผากผม “พี่นิตไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
   ผมยังอึ้งๆ ที่ถูกเขาจูบหน้าผากเหมือนเด็กๆ กำลังจะพูดตอบโต้ออกไป ผู้ชายพูดน้อยตรงหน้าผม ก็ดันแย่งพูดทันอีก
   “ถ้าพี่นิตไม่ไป... ผมจะจัดการพี่นิตนะ”
   “!!!!!!!!!!!” ผมรีบผลักเขาออก แล้วไถลลงจากเตียงทันที “เด็กบ้า!” จากนั้นก็เดินงุดๆ ไปที่ห้องน้ำ โดยไม่ได้หันกลับไปมองอีก
   กลัวน่ะ กลัวจะเห็นหน้าเขา เขาทำหน้าแบบไหนผมก็กลัวทั้งนั้นแหละ
   ใจผมเต้นแรงขนาดนี้ จะไม่ให้กลัวได้ไงล่ะ
--------------------------------------------
   โชคดีคราวนี้ผมไม่ลืมผ้าเช็ดตัว เพราะพาดเตรียมพร้อมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เนื่องจากวางแผนว่าจะรีบกลับไปตอนเช้า แต่แผนผมก็ดันพังไม่เป็นท่า เพราะคนที่คิดว่าน่าจะหลับเป็นตายดันตื่นมากลางดึก แล้วก็กอดผมไว้ด้วยท่าทางพิลึกๆ จนผมแทบจะหายใจไม่ออกตาย เออ... เอาไงเอากัน ไหนๆ มันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ผมพยายามปิดบังขนาดไหน คงปิดไม่อยู่แล้วล่ะ
   ปัญหาคือ ต่อให้ผมไม่มีเหลี่ยมอะไรให้ลับแล้ว ใจผมก็ยังไม่พร้อมอยู่ดี
   ผู้ชายรูปหล่อ ที่ผมแอบมองอยู่หลายเดือน มาสารภาพว่าตกหลุมรักผมมาตั้งนานนม แถม... นิสัยเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีอะไร แค่พูดน้อยไปหน่อย กับปากไวในเรื่องไม่สมควร ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ใจผมมันดันเต้นแรงกับเขาไปทุกที ทั้งๆ ที่พยายามจะปิดบังสารพัดวิธีแล้ว แต่ก็ดูจะปิดไว้ไม่อยู่
   แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ผมก็ยังไม่กล้าเปิดเผยออกมาทั้งหมดหรอก ใครไม่เป็นผมคงไม่รู้ ผมที่ใช้ชีวิตอยู่กับตัวเองมาเป็นค่อนศตวรรษ ทำอะไรตามใจตัวเองมาโดยตลอด เคยฝังใจกับแผลที่เพื่อนซึ่งผมแอบชอบสร้างไว้อย่างไม่ตั้งใจ ตอนนี้กลับต้องมาเผชิญหน้ากับความรักที่สำหรับตัวผมแล้ว มันค่อนข้างกะทันหัน ผมตั้งตัวไม่ทัน บอกตัวเองไม่ได้ว่าจะรับมือยังไงดี ผมไม่มีประสบการณ์ ผมไม่เชี่ยวชาญด้านนี้ ผมกลัวถ้าตกลงใจเร็วเกินไป แล้วมันไม่ราบรื่นแล้วล่ะก็ ผมคงจะเจ็บหนัก
   ผมมันคนเห็นแก่ตัว รักโลกส่วนตัวของตัวเองยิ่งกว่าอะไร แต่ก็ยังไม่วายแอบเก็บต้นรักที่ได้รับกะทันหันนี้มาใส่เอาไว้ด้วย
   ไม่รู้ว่าต้นรักต้นนี้มันแอบมาขึ้นในหัวใจผมเมื่อไหร่ แต่มันคงจะขึ้นสูงและต้นใหญ่มากแล้วล่ะ ผมไม่กล้ามองหรอก ผมกลัว แค่เห็นเงาของมัน ผมก็หวั่นใจแล้ว
   มันชักจะใหญ่คับใจผมเข้าทุกที ผมกลัวมันจะกินหัวใจผมเข้าไปหมด แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งมันตายลง... ผมจะทำยังไง
   ผมพยายาม พยายามจะไม่รดน้ำ ไม่บำรุงอะไรต้นรักต้นนี้ แต่มันก็ยังโตเอาๆ บ้าจริงเชียว โตจนผมจะปิดไว้ไม่อยู่แล้ว
   แต่ผมก็ยังกลัว...
   ผมกลัวมากจริงๆ............
   “พี่นิตครับ”
   ผมสะดุ้งเฮือก ได้สติขึ้นมาทันที เลยรีบปิดฝักบัว เพื่อฟังว่าคนด้านนอกห้องน้ำจะพูดอะไร
   “พี่นิตอยากทานอะไรครับ เดี๋ยวผมจะได้ทำเผื่อ”
   “?!”
   “พี่นิต?”
   พอเห็นน้ำเสียงเขาเป็นกังวล ผมเลยรีบตอบไป เพราะกลัวว่าเขาจะพังประตูเข้ามา “อ้อ.. อะไรก็ได้ โจจะทำกับข้าวเหรอ?”
   “ครับ พี่นิตไม่เป็นอะไรนะครับ?” เขาถาม สงสัยเพราะเห็นผมเปิดฝักบัวทิ้งไว้ล่ะมั้ง ผมนึกอายตัวเองที่ผลาญทรัพยากรอันมีค่าไปอย่างไร้ประโยชน์ เพราะมัวแต่คิดเรื่องไร้สาระ เลยตอบเขาไป “เปล่าๆ พี่จะอาบน้ำเสร็จล่ะ เดี๋ยวออกไปช่วยแล้วกันนะ”
   จากนั้นผมก็รีบถูสบู่ ล้างตัวแล้วเช็ดจนแห้ง ใส่เสื้อผ้าตัวเมื่อวานออกมาจากห้องน้ำ พอเดินออกไปก็เห็นสุภาพงษ์ยืนหันหน้าเข้าหาเตา หันหลังให้ผมอยู่ ท่าทางจะทำกับข้าวจริงๆ เลยเดินเข้าไปหา
   “โจทำกับข้าวเป็นหรือ?”
   “พอเป็นนิดหน่อยครับ” เขาตอบแล้วหันหน้ามามองผม อืม... แก้มเขาดีกว่าเมื่อวานเยอะล่ะ แต่ยังมีรอยช้ำเห็นได้อยู่ ผมเห็นแล้วนึกได้ เลยถามเขาไป “แล้วนี่โจไม่ไปทำงานเหรอ?”
   “ผมโทรไปบอกคุณอรนภาแล้วครับ ว่าขอหยุดอีกวัน ท่าทางเธอจะเป็นห่วงผมอยู่” สุภาพงษ์ตอบผม “ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ลำบากกันไปหมดเลย”
   “อืม...” ผมส่งเสียง แล้วถามเขาอีก “โจหยุดบ่อยนะเนี่ย”
   เขานิ่งไปพักหนึ่ง “ขอโทษครับ”
   แต่อันที่จริง สาเหตุที่ทำให้เขาหยุดงานส่วนใหญ่ เหมือนจะเป็นผมด้วยมั้ง ไม่สิ เขาทำตัวเองต่างหาก ผมแค่แวะมาดูตามประสาคนคุ้นเคยเท่านั้นแหละ
   ผมมองแผ่นหลังกว้างๆ เขาแล้วก็ตัดสินใจว่าจะปล่อยให้เขาแสดงฝีมือทำครัวบ้าง เพราะเขากินฝีมือผมมาหลายมื้อแล้ว แต่ผมยังไม่เคยลองฝีมือเขาเลย คิดดังนั้นแล้วผมเลยเดินไปนั่งที่โซฟา
   “เออ จริงสิ โจเปิดโทรศัพท์แล้วยัง?” ผมถาม เพราะเห็นโทรศัพท์ของตัวเองวางอยู่บนโต๊ะ เลยนึกได้ สุภาพงษ์ตอบผมเสียงงึมงำ “ค่อยเปิดพรุ่งนี้ครับ”
   “?!” ผมหันไปมองเขาทันที “ทำไมล่ะ?”
   “ไม่อยากถูกรบกวนความเป็นส่วนตัวน่ะครับ” เขาตอบ พลางขยับตะหลิวด้วยท่าทางคล่องแคล่วพอดู ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ นี่เขายืมคำพูดใครมานะเนี่ย ฟังดูคุ้นๆ
   “ท่าทางโจทำครัวคล่องนี่นา ทำไมครั้งแรกที่พี่มาที่ห้อง โจถึงบอกว่าแฟนเก่าชอบทำครัวล่ะ?” ผมถาม เพราะนึกได้ว่าเขาไม่เคยพูดมาก่อนว่าทำอาหารเป็น สุภาพงษ์ตอบทันใจ “กั้งชอบทำน่ะครับ วันดีคืนดีเขาก็แวะมาทำให้ผมทาน ผมพอทำเองได้ แต่ไม่ชอบทำเฉยๆ น่ะ”
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก18(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P19:26/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 27-01-2012 15:59:34
   “อ้อ...” ผมส่งเสียง แบบยังงงๆ อยู่นิดหน่อย “แล้วทำไมวันนี้เกิดอยากทำล่ะ”
   “เพราะพี่นิตน่ะครับ” คำตอบเขาทำให้ผมนิ่วหน้า “พี่ทำกับข้าวไม่ถูกปากโจเหรอ?”
   สุภาพงษ์หันหน้ามามองผมทันที ก่อนจะพูดเร็วปรื๋อ “ไม่ใช่นะครับ ผมแค่อยากทำให้พี่นิตทานบ้าง... ผมชอบกับข้าวฝีมือพี่นะ”
   “ไม่อร่อยก็บอกเถอะน่า พี่ไม่ได้ทำเก่งอะไร” ผมว่า คราวนี้เขาตอบเสียงร้อนรน “อร่อยสิครับ พี่นิตทำอร่อยนะ แต่ว่า... ผมอยากทำ... อยากทำอาหารให้คนที่ชอบบ้าง”
   ผมเกือบสำลักน้ำลายออกมา เลยรีบถามคำถาม เพื่อตัดคำพูดของเขา ที่อาจจะหลุดออกมาทำเอาผมสำลักอีก “แล้วแต่ก่อนโจทำให้ใครทานน่ะ”
   “แม่กับน้าครับ”
   ผมเริ่มได้กลิ่นหอมๆ ท่าทางเขาจะทำข้าวผัด อาจจะเป็นข้าวผัดเปรี้ยวหวาน เพราะได้กลิ่นเหมือนสัปปะรด นี่เขาไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่นะ?
   “โจซื้อกับข้าวเตรียมไว้เหรอ?”
   “ลงไปซื้อตอนเช้ามืดนะครับ เห็นพี่นิตหลับอยู่ ก็เลยคิดว่าน่าจะเตรียมอะไรไว้ให้พี่นิตทาน แต่ว่าพี่นิตตื่นมาก่อน เลยอดเซอร์ไพรส์เลย”
   ‘แค่เธอตื่นก่อนพี่ก็ตกใจแทบแย่แล้วล่ะ’ ผมนึกในใจ พลางมองผู้ชายรูปหล่อที่แก้มยังช้ำอยู่นิดๆ ทำครัว อืม.... เขาดูดีจริงๆ นะเนี่ย วันนี้ถ้าประคบต่อสักหน่อย พรุ่งนี้น่าจะหายแล้วล่ะ.. ผมนี่ก็ทำลายหลักฐานเก่งเหมือนกัน เสียอย่างเดียว ถูกเขาจับได้กลางคันเสียก่อน แบบนี้จะเรียกว่าเก่งหรือไม่เก่งกันแน่นะเนี่ย
   เพราะเห็นแล้วว่าจ้องเขาไป สมองมีแต่จะคิดฟุ้งซ่าน ผมเลยหันไปให้ความสนใจกับอย่างอื่นแทน เริ่มแรกก็คือเปิดโทรทัศน์ แต่ดูได้ไม่ถึงห้านาทีก็ต้องรีบปิด ไม่มีรายการอะไรถูกใจผมสักอย่าง ช่วงเช้าวันธรรมดาก็แบบนี้แหละ มีแต่รายการข่าว ฟังแล้วก็รู้สึกเครียดขึ้นมา คือไม่ใช่ว่าผมปิดโลกไม่รับรู้อะไรนะ ที่จริงผมอ่านข่าวหนังสือพิมพ์แทบทุกวัน ถึงจะไปยืมอ่านที่ร้านตามสั่งใกล้บ้านก็เถอะ ผมว่าตัวหนังสือมันละมุนละม่อมกว่าฟังเสียงกับดูภาพนะ แถมบางอย่าง ผมดูแล้วอารมณ์เสีย อารมณ์เสียแล้วมันก็พาให้คิดนิยายไม่ออกด้วย สุดท้ายมันก็กระเทือนกับงานผม เพราะงั้น... ผมปิดดีกว่า
   พอผมปิดโทรทัศน์ มื้อเช้าก็ถูกเอามาวางตรงหน้าผมพอดี โดยพ่อครัวจำเป็นแถมรูปหล่ออย่างกับพระเอกหนัง นี่ถ้าผมไม่ตั้งตัวไว้ก่อน มีหวังได้มองตาค้างจริงๆ แน่
   สุภาพงษ์นั่งลงข้างๆ แล้วขยับมาใกล้ผม แน่ะ... เมื่อคืนกับเมื่อเช้ายังใกล้ไม่พออีกหรือไง.....
   ผู้ชายรูปหล่อที่แก้มยังมีรอยช้ำนิดๆ ขยับมาใกล้แล้วก็ชม้อยตามองผม จากนั้นก็เม้มปาก แต่ไม่ยอมแตะข้าวในจานตัวเองสักที ผมกลัวตัวเองอดปากไม่ไหว แขวะอะไรเขาแล้วจะเข้าตัวอีก เลยรีบตักข้าวขึ้นมาทานก่อน
   “เป็นไงบ้างครับ” เขาถาม เมื่อเห็นว่าผมตักข้าวฝีมือเขาเข้าปากไปแล้ว ผมเคี้ยวจนละเอียด กลืนลงไปจนเกลี้ยง แล้วหันหน้าไปตอบเขา “อร่อยดี โจก็ทำกับข้าวเก่งเหมือนกันนะ”
   คนตรงหน้าผมเม้มปาก ตาเป็นประกายเลย จากนั้นก็ขยับเข้ามาอีก “ผมดีใจจัง”
   ผมถอยออกมาหน่อย เพราะรู้สึกเหมือนเขาจ้องจะกินผมมากกว่ากินข้าวแล้ว “โจ.. ทานข้าวเถอะ เดี๋ยวจะเย็นหมด”
   สุภาพงษ์ชะงักไปหน่อย แต่ก็ยอมก้มลงทานข้าวแต่โดยดี ผมแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารฝีมือเขา
   เขาทำอร่อยจริงๆ นะ ไม่เกี่ยวกับว่าเพราะหน้าตาหรอก
   เราทานข้าวเช้ากันเงียบๆ มีแค่เสียงพัดลมครางหึ่งๆ กับเสียงเครื่องยนต์จากรถบนถนนด้านล่างซึ่งดังแว่วขึ้นมาตามช่องหน้าต่างที่เปิดอยู่ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกถึงไออุ่นและเสียงลมหายใจของเขา สงสัยเพราะเราจะนั่งติดกันเกินไปล่ะมั้ง
   ทานเสร็จผมก็หยิบจานตัวเองไปล้าง สุภาพงษ์พูดขึ้นมาทันที “ไม่ต้องครับพี่นิต เดี๋ยวผมล้างให้” จากนั้นเขาก็ฉวยจานจากมือผม แล้วเดินดิ่งไปที่อ่างล้างจาน ผมหัวเราะเบาๆ “โจกลัวพี่แย่งงานทำหรือไง?”
   “ปะ... เปล่าครับ” เขาตอบ แล้วหน้าแดงนิดๆ “เห็นว่าเมื่อวานพี่นิตอุตส่าห์ไปทำลูกประคบมาประคบปากให้ผมน่ะ”
   “อืม” ผมตอบ แล้วนึกขึ้นได้ว่าต้องประคบให้เขาต่อ เลยเดินไปหยิบหม้อมาใส่น้ำเพิ่ม แล้วเปิดเตาเพื่อนึ่งให้มันร้อน
   “นี่ถ้าเปิดไว้ตั้งแต่ตะกี้ก็ร้อนทันแล้ว” ผมแอบบ่นหน่อยๆ เพราะเสียดายเวลา สุภาพงษ์ที่เพิ่งคว่ำจานเสร็จ รีบหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดมือ จากนั้นก็ขยับมาโอบเอวผมไว้ “ไม่เป็นไรครับ รอก็ได้”
   ผมขยับหน่อยหนึ่ง พลางคิดว่านิสัยมือถึงก่อนปากของเขาท่าจะแก้ไม่หายจริงๆ แค่รอน้ำเดือด ทำไมต้องมากอดผมไว้ด้วยนะ
   “พี่นิต...”
   “หืม?” ผมหันไป แล้วก็ต้องผงะ เพราะเขายื่นหน้าเข้ามาจบเกือบจะชนกัน เพราะคิดว่าเขาคงมีเจตนาอยู่ที่ปาก ผมเลยรีบชิงใช้มันก่อน “โจ เจ็บมากมั้ย แก้มน่ะ”
   สุภาพงษ์อึ้งไปนิดๆ แล้วสั่นศีรษะ
   “งั้น... พี่ตบซ้ำอีกดีมั้ย” ผมพูดล้อเขา หนุ่มรูปหล่อตรงหน้าผมหน้าตื่นขึ้นมาอีกนิด จากนั้นก็เม้มปาก “ตบแล้วพี่นิตจะทำลูกประคบมาให้ผมอีกมั้ย”
   “เหอะ ไม่ทำมาให้แล้วล่ะ” ผมว่า แล้วรีบหันหน้าหนี กลัวจะโดนเขาชิงปิดปากด้วยอย่างอื่นแทนคำพูดน่ะ สุภาพงษ์กอดผมแน่นอีก “งั้น ผมเจ็บครับ พี่นิตอย่าตบผมอีกเลยนะ”
   “ถ้าโจทำตัวไม่ดีกับพี่อีกล่ะก็ พี่ตบไม่เลี้ยงแน่”
   “................”
   “ไม่มาโอ๋แบบนี้ด้วย”
   เขากอดผมแน่นกว่าเดิม “ผมไม่ทำแล้วล่ะ ไม่อยากถูกพี่นิตโกรธแล้ว”
   “อืม ดีแล้วล่ะ” ผมส่งเสียง แล้วยกมือขึ้นลูบมือเขาที่กอดเอวผมอยู่เบาๆ “พี่ก็ไม่อยากเป็นลมเพราะโจอีกแล้ว”
   ได้ยินเสียงสุภาพงษ์สูดหายใจลึก จากนั้น ริมฝีปากอุ่นๆ ของเขาก็แนบเข้ากับแก้มผมเบาๆ ผมร้อนวาบไปทั้งตัว
   “พี่นิต” เขากระซิบเสียงแผ่ว แล้วขบติ่งหูผมเบาๆ ผมสะท้านตัวเฮือก แทบจะครางออกไป โชคดีที่น้ำเดือดพอดี ผมเลยหาจังหวะพูดออกมาได้ “น้ำเดือดแล้วน่ะ”
   “ครับ” ผู้ชายด้านหลังส่งเสียงงึมงำในคอ แล้วจูบแก้มผมอีกรอบ ไม่มีวี่แววว่าจะปล่อยผมแต่อย่างไร ผมกลั้นใจ ยอมให้เขาจูบอย่างนั้นอยู่พัก ก็พูดออกมาอีก “โจไปนั่งที่โซฟานะ เดี๋ยวจะได้ประคบหน้าต่อ”
   สุภาพงษ์กอดผมต่ออีกสองสามอึดใจ ก็พยักหน้า แล้วพูดออกมา “งั้นผมช่วยยกไปนะ”
   เขาคลายวงแขนออก แล้วหยิบถุงมือมาสวมเพื่อยกหม้อออกจากเตา ผมเลยหยิบจานมารองให้ จากนั้นเราก็เดินไปที่โซฟา สุภาพงษ์วางหม้อนึ่งลง แล้วนั่ง ผมเลยหยิบลูกประคบด้านในออกมา ห่อผ้าพออุ่น แล้วค่อยๆ ประคบแก้มให้เขา ระหว่างนั้น สุภาพงษ์ก็ยื่นมือมาโอบเอวผมไว้
   ไม่มีใครพูดอะไรอีก แต่ใจผมเต้นตึกๆ บ้าจริง ผมตั้งใจแค่ว่าจะมาแอบประคบให้เขาตอนหลับ พอเขาตื่นมาจะได้รู้สึกแปลกใจว่าทำไมแก้มหายช้ำแล้ว ไม่นึกไม่ฝันว่าจะต้องมาประคบให้เขาต่อตอนเขาตื่นแบบนี้ แถม... เขาจะเอามือโอบเอวผมไว้ทำไมนะ ที่วางที่อื่นไม่มีแล้วหรือไง
   ประคบไปได้สักพัก สุภาพงษ์ก็พูดออกมา “พี่นิต นั่งตักผมมั้ย?”
   ผมยังไม่ได้ตอบหรือทำท่าอะไรตอบรับคำถามเขาเลยสักอย่าง สุภาพงษ์ก็ดันรวบเอวผมจนลงไปนั่งบนตักเขาจนได้ ผมถลึงตาใส่เขาหน่อย ให้เขารู้ว่าผมไม่เต็มใจ แต่พอเห็นรอยยิ้มนิดๆ บนหน้าเขา ตาผมมันก็พาลจะหลบลงพื้นเอาดื้อๆ พอดีว่าแถวนี้ไม่มีพื้นให้ผมมอง มีแต่ตัวล่ำๆ ของเขาน่ะ
   จากนั้นเขาก็ขยับหน้าเข้ามา ทำท่าจะทำอะไรกับแก้มหรือปากผมอีก ผมเลยเอาลูกประคบขยี้แก้มเขาเสียเลย คราวนี้ผู้ชายตัวใหญ่ที่ให้ผมนั่งตักสะดุ้งเฮือก แล้วร้อง”อ๊ะ”ออกมา
   “เหอะ!” ผมแค่นเสียง นึกสมน้ำหน้าเขา แต่พอเห็นเขาทำหน้าเจื่อน ก็อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ “เจ็บเหรอ?”
   “เปล่า ตกใจน่ะครับ” สุภาพงษ์ตอบ แล้วขยับมือมาจับมือผมไว้ “พี่นิตมือหนักจริงด้วย”
   ผมล่ะอยากจะขยี้ซ้ำอีกทีจริงๆ แต่ก็นึกได้ว่าเดี๋ยวแก้มเขาจะยิ่งช้ำกว่าเดิม เลยแค่นเสียบตอบเขาไป “พี่มือหนักแน่ ถ้าโจยังอยู่ไม่นิ่งแบบนี้ล่ะก็”
   คราวนี้สุภาพงษ์ยอมนั่งนิ่งๆ ให้ผมประคบแก้มเขาแต่โดยดี ไม่ทำมือไม้ซุกซนแบบตะกี้แล้ว ผมเลยช่วยรักษาน้ำใจเขาหน่อย ค่าที่เชื่อฟัง เลยยอมนั่งตักเขาแล้วช่วยประคบให้ทั้งแบบนั้น
   สุภาพงษ์หลุบตาลงต่ำ ตอนที่ผมประคบให้ ดีเหมือนกัน ผมจะได้มองหน้าเขาได้โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะเห็นสายตาตัวเอง ระหว่างที่กำลังเพลินกับการมองสันกรามสวยๆ ของเขา เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ทั้งผมและสุภาพงษ์สะดุ้งเฮือก ผมรีบลุกจากตักเขาทันที
   “พะ.. พี่ไปเปิดให้นะ” ผมตะกุกตะกักด้วยความตกใจนิดๆ แล้วทำท่าจะผลุนผลันไปเปิดประตูห้อง แต่สุภาพงษ์ยึดมือผมไว้ “ไม่ต้องครับ พี่นิตนั่งเถอะ ผมเปิดเอง”
   ผมมองเขา แล้วพยักหน้าหงึกๆ นึกอายขึ้นมาว่าเขาเป็นเจ้าของห้อง แถมยังตื่นอยู่ แต่ผมดันจะทะลึ่งไปเปิดประตูเองซะแล้ว ผมนี่ไม่ไหวเลยจริงๆ
   เหมือนสุภาพงษ์มีสีหน้าไม่สบอารมณ์พอสมควร ไม่รู้ว่าเพราะผมออกตัวจะเปิดห้องแทนเขา หรือว่าเพราะถูกเสียงเคาะขัดจังหวะกันแน่ เขาแทบจะจับผมให้นั่งบนโซฟา แล้วก้าวยาวๆ ไปเปิดประตู
   “ไอ้โจ!!!” เสียงของคุณากรดังเข้ามาก่อนที่ผมจะได้เห็นตัวเขาเสียอีก สุภาพงษ์เปิดประตูแง้มไว้ แต่ไม่ได้ก้าวออกไปนอกห้อง แล้วก็ไม่ได้เปิดให้คนด้านนอกเข้ามา ผมได้ยินเสียงคุณากรพูดต่อ “ตื่นแล้วไม่รู้จักหัดเปิดโทรศัพท์วะ!”
   “ขอโทษที” ผู้ชายตัวใหญ่ที่ยังยืนขวางประตูตอบเสียงเรียบ ได้ยินเสียงคนด้านนอกขึ้นเสียงสูง “ไม่ต้องมาขอโทษเลย ของที่ฝากหาให้ล่ะ อย่าบอกนะว่าลืม”
   “เปล่า” สุภาพงษ์ตอบ แล้วพูดต่อ “โทษทีนะ เดี๋ยวหยิบมาให้แล้วกัน รอตรงนี้นะ”
   “เฮ้! ห้องมีพญานาคอยู่หรือไงนะ คนกันเองแท้ๆ วันนี้ดันมาบอกให้รอนอกห้อง” คุณากรโวยอีก ได้ยินเสียงสุภาพงษ์ตอบไป “ขอร้องล่ะครับคุณกั้ง ช่วยรอข้างนอกได้มั้ย ผมกำลังมีช่วงเวลาส่วนตัวน่ะ”
   “ห๊ะ!” คุณากรร้อง ผมเองก็เกือบร้องออกไปด้วย อะไรคือช่วงเวลาส่วนตัวน่ะ เขาพูดงี้หมายความว่าไง?!
   จากนั้นสุภาพงษ์ก็เดินเข้ามาในห้อง หยิบกระเป๋าสตางค์ แล้วล้วงกระดาษที่พับไว้เป็นแผ่นเล็กๆ ขึ้นมา ก่อนจะเดินไปที่หน้าประตูอีกครั้ง คราวนี้ผมฟังไม่ออกแล้วว่าคุณากรพูดอะไร เพราะเหมือนเขาจะลดเสียงเป็นเสียงกระซิบ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า เขากำลังพูดถึง “ช่วงเวลาส่วนตัว” ที่สุภาพงษ์ว่าตะกี้รึเปล่า แต่ทำไมเขาต้องลดเสียงลงด้วยนะ หรือว่าเขาจะรู้ว่าผมอยู่ หรือว่านั่นจะหมายถึงผม?!
   ผมชักร้อนตัวนั่งไม่ติด อยากจะออกไปอธิบายว่าผมแค่มาดูแลเขา ค่าที่ทำเขาเจ็บหนักเกินกว่าเหตุ ไม่สิ ผมแค่ไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนมือไม้หนักเหมือนยักษ์เหมือนมารต่างหากล่ะ แล้วเจ้าคนต้นเหตุที่ทำให้ผมคิดแบบนี้ ก็คือคุณากรที่ยืนกระซิบกระซาบอยู่นอกประตูนั่นแหละ
   ไม่ได้ ผมปล่อยให้เขาคิดเองเออเองไม่ได้เด็ดขาด
   “โจ” ผมเรียกผู้ชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ ระหว่างเดินเข้าไปหา สุภาพงษ์หันกลับมามองผม ตามด้วยหน้าของนายคุณากรที่ชะเง้อมา “ว้าว คุณพนิต ยอดไปเลยครับ ผมอิจฉาโจจริงๆ นะเนี่ย”
   ผมอ้าปากค้าง ไอ้คำที่นึกจะมาพูดหลุดหายเข้าไปในคอหมด นี่เขาคุยกันว่าอะไรน่ะ?
   “นี่ถ้าผมโดนคุณพนิตตบ คุณพนิตจะมาดูแลผมบ้างไหมเน้อ” คุณากรรำพึง แล้วหรี่ตามองผม ผมเลยถลึงตาใส่เขาไป พยายามนึกหาคำพูดที่เหมาะสมตอบโต้ ขณะที่สุภาพงษ์มีสีหน้าลำบากใจ แต่ก็โดนคุณากรชิงพูดขึ้นอีกจนได้ “คุณพนิตครับ วันหลังตบอีกสิครับ ตบโจนะ มันคงชอบ โดนตบแล้วมีคุณพนิตมาดูแลขนาดนี้เนี่ย”
   “กั้ง!” สุภาพงษ์พูดขึ้นอย่างทนไม่ได้ “ไหนบอกว่ารีบเขียนข่าวไง”
   “เออ!” คุณากรทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ “ให้ตายสิ เพราะนายนั่นแหละ เอาแต่ปิดโทรศัพท์ บ้าจริงเชียว ดีนะที่ยังโชคดี มีอย่างอื่นให้เขียนแก้ขัดไปก่อน” เขาบ่น จากนั้นก็หันมาหาผม “ต้องขอบคุณคุณพนิตเลยนะครับ ผมเลยได้รู้จักกับคุณภูมิวัฒน์จริงๆ สักที คราวนี้ผมได้แหล่งข่าวสำคัญอีกคนแล้ว ว่าแต่... คุณพนิตเส้นให้ผมหน่อยสิ พี่ภูมิเขาเล่นตัวเวลาให้ข่าวมากเลย”
   ผมถลึงตาใส่เขาแทนคำตอบ พลางนึกว่าภูมิวัฒน์เล่นตัวตรงไหน วันนั้นก็คุยกันสารพัดเรื่อง เพื่อนผมพูดจนน้ำลายแทบแตกฟอง
พอเห็นว่าบรรยากาศชักไม่เป็นใจ คุณากรก็รีบหลบฉาก ปลีกตัวออกไปทันที “งั้น... ผมไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวโดนเจ้านายด่า โจ... ดีใจด้วยนะ” เขาว่า แล้วยื่นมือมาตบแก้มอดีตแฟนเบาๆ ก่อนจะเดินฉับๆ ออกไป สุภาพงษ์รีบปิดประตูทันที
   “ขอโทษแทนกั้งด้วยนะครับ เขาออกจะ... เอ่อ.... เป็นคนแบบนี้แหละ”
   “อืม” ผมพยักหน้า แล้วถอนหายใจเฮือก “ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือหรอก”
   สุภาพงษ์นิ่งไปอีก ผมเลยตบไหล่เขา “นี่... ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ เขาก็ดูร่าเริงดีออก โจยังเคยชอบเลยไม่ใช่หรือไง?”
   “เปล่า” เขาปฏิเสธทันที “คนที่ผมชอบมีแต่พี่นิตคนเดียว”
   ผมเงยหน้ามองเขา แล้วถอนใจอีก “นี่ ไม่ต้องพูดเอาใจพี่ขนาดนี้ก็ได้ ถ้าไม่เคยชอบ แล้วโจจะคบเป็นแฟนกับเขาหรือ?”
   สุภาพงษ์เม้มปากหน่อยๆ “เพราะเขาคล้ายๆ พี่น่ะ”
   “................” ผมเลิกคิ้ว “คล้ายตรงไหนน่ะ?”
   สุภาพงษ์แก้มแดงนิดๆ “เขาคุยเก่ง แล้วก็หน้าตาน่ารักคล้ายๆ พี่น่ะ” พอเห็นผมนิ่ง เขาก็ทำหน้ากระอักกระอ่วน “คือ... ผมก็คิดว่าชอบเขานะ จนผมเจอพี่อีกครั้ง ผมเลยรู้ว่าผมชอบใคร”
   เออ จริงด้วยสิ ผมเป็นต้นเหตุให้พวกเขาเลิกกันตั้งแต่ตอนไหนนะ ตอนแรกคิดว่าเป็นตอนที่สุภาพงษ์มาขอผมให้เซ็นสัญญาเขียนเรื่องให้เขา แต่คุณากรเคยบอกว่าเลิกกันไปเป็นสิบปีแล้ว สรุปว่าผมไปทำให้ความรักคนอื่นเขาแตกหักตอนไหนนะเนี่ย
   “โจเลิกกับกั้งเมื่อไหร่น่ะ”
   “ตอนอยู่ปีสี่ครับ” ผู้ชายตัวใหญ่ตรงหน้าตอบผม “วันนั้นผมกับเขาไปงานเปิดตัวหนังสือของพี่นิต... หนังสือเรื่องเสียงกระซิบจากห้วงน้ำไกลโพ้นไงครับ”
   ผมเลิกคิ้ว แล้วนึกย้อน “นั่นมันตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไงน่ะ?”
   “ครับ... สักสิบกว่าปีแล้วล่ะ” เขาตอบ ผมมองอึ้งๆ เออ.. ผมเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ตอนนั้นบ.ก.ที่ผมเขียนเรื่องให้ เป็นคนรู้จักกันกับน้าชาย ก็เลยสนับสนุนงานผมน่าดู ถึงกับจัดงานเปิดตัวหนังสือให้ผมเลย แต่ก็นะ หนังสือเล่มนั้นยอดขายดีจริงๆ เป็นหลายๆ เล่มที่ยอดสูงเป็นประวัติการณ์ของผมเลย นึกแล้วก็เสียใจอยู่เหมือนกัน ที่เขาด่วนลาโลกไปก่อน ไม่งั้นผมคงได้เขียนงานกับเขายาว เพราะบ.ก.คนใหม่ไม่ค่อยอยากได้งานสไตล์ผมเท่าไหร่ ผมเลยต้องย้ายสำนักพิมพ์
   “แต่พี่ไม่เห็นโจเลยนี่” ผมว่า เพราะงานนั้นมีคนมาขอลายเซ็นผมหลายคน แต่กลับไม่มีความทรงจำว่าเจอสุภาพงษ์อยู่เลยสักกระผีกเดียว
   “ผมไม่ได้ไปหาพี่หรอก มัวแต่เขินน่ะ” สุภาพงษ์ตอบ แล้วเม้มปาก “ตอนนั้นผมเขินพี่จนไม่เป็นอันทำอะไรเลย กั้งเลยเอาหนังสือผมไปขอลายเซ็นให้”
   “?” ผมนึกทบทวน วันนั้นมีคนเอาหนังสือมาขอลายเซ็นเยอะ แต่คนที่หยิบหนังสือมาสองเล่มเหมือนจะมีแค่คนเดียว เออ เหมือนจะจำได้ลางๆ ว่าเป็นนักศึกษา ท่าทางน่ารักคนหนึ่ง เข้ามาขอลายเซ็น บอกว่าเพื่อนอาย ไม่กล้ามาขอ ตกลงนั่นคุณากรหรอกเหรอ?
   ผมมองสุภาพงษ์อีกครั้ง แล้วก็เห็นว่าเขาหน้าแดงจัด “ผมขอโทษนะ แต่ว่า พี่นิตน่ารักมากจริงๆ ผมกลัวว่าถ้าเข้าไปขอลายเซ็นจะเผลอทำอะไรไม่ดีลงไป”
   “จะทำอะไรล่ะ” ผมถามเขา และรู้สึกขำขึ้นมา เขาจะทำอะไรผมกลางงานน่ะ ท่าทางอ้ำๆ อึ้งๆ แบบนี้จะทำอะไรได้
สุภาพงษ์เม้มปาก จากนั้นก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด แล้วจูบแก้มผมอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว “กลัวว่าจะเผลอทำแบบนี้ลงไปน่ะ”
ผมหน้าเห่อวาบ บ้าแล้ว เกิดเขาไปกอดผมกลางงานแบบนี้ อย่าคิดเลยว่าผมจะยอมให้เขากอด ผมคงได้กระทืบเขาตายคางานแน่ๆ
สุภาพงษ์ซุกหน้าลงกับไหล่ผม แล้วกระซิบเบาๆ “หลังวันนั้นผมก็ฝันถึงพี่นิตหลายคืนเลยนะ ฝันว่าได้กอดพี่ไว้แบบนี้....”
   ผมผลักเขาออก เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา เขาเป็นผู้ชาย แถมเป็นเกย์ ไม่มีทางฝันว่ากอดผมไว้เฉยๆ แค่นี้แน่
   สุภาพงษ์เซถอยหลังไปนิดๆ จากนั้นก็ยื่นมือมาจับตัวผมไปกอดอีก “ผมรักพี่คนเดียว พี่นิตเชื่อผมมั้ย?”
   “.........................”
   “ผมคิดถึงพี่ ผมแอบชอบพี่ แอบมองพี่ เขินจนพูดอะไรไม่ออก แต่อยากจะได้เจอพี่ อยากอยู่ใกล้ๆ พี่ ผมต้องปั้นหน้าตายไปขอพี่ให้มาเขียนเรื่อง ผมอยากกอดพี่ใจจะขาด อยากบอกรักพี่ แต่ผมกลัวพี่เกลียดผม ผมแค่อยากให้พี่รู้ว่า... ผมรักพี่ ผมรักพี่แค่คนเดียว” สุภาพงษ์พูดยืดยาว พลางหอบหายใจด้วยใบหน้าแดงจัด จากนั้นก็กอดผมแน่นอีก
   “พี่ไม่ต้องคบผมอย่างที่คนเป็นแฟนปกติเขาทำกันก็ได้ แค่ให้ผมเป็นคนพิเศษของพี่ ผมไม่หวังเข้าไปแทนที่ส่วนไหนของชีวิตพี่ทั้งนั้น แค่ให้ผมอยู่ในสายตาพี่บ้างก็พอ”
   เหอะ.... เขาไม่รู้ตัวหรือไง ว่าอยู่ในสายตาผมมานานแล้ว.... เอาน่ะ อาจจะไม่ได้อยู่ตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อน แต่ตอนนี้นอกจากเขา ผมก็แทบจะไม่ได้มองคนอื่นแล้ว
   บ้าจริงเชียว
   “พี่นิต?!” สุภาพงษ์ร้องเสียงแปลก คงเพราะผมเอาศีรษะกระแทกอกเขาล่ะมั้ง ผมยื่นแขนโอบเอวแน่นๆ ของเขาเอาไว้ ไม่ได้คิดอยากแข่งรัดแข่งกอดกับเขาหรอกนะ ผมทำไปเพราะอยากทำน่ะ
   “โจ.... พี่ไม่อยากเสียน้ำตาเพราะโจอีกแล้วนะ”
   “............”
   “พี่ไม่รู้หรอกว่าโจจะทำตามที่พูดได้จริงหรือเปล่า”
   “................”
   “แต่ว่า....” ผมค้างคำพูดไว้แค่นั้น เพราะรู้สึกขืนขึ้นมาที่คอ แถม... อะไรที่ตามันก็พร่าไปหมด เพราะไอ้น้ำใสๆ ที่ดันไหลออกมาอีกแล้วแท้ๆ สุภาพงษ์ขยับตัวหนีผมหน่อย ผมก็รีบขยับตาม นึกในใจว่าให้ตายก็จะไม่ยอมให้เขาเห็นเด็ดขาด แต่ขนาดผมสู้อุตส่าห์ยอมให้อกเขาเป็นที่กำบังแล้ว เขายังเอามือมาจับไหล่ผมไว้ แล้วดูหน้าผมจนได้
   “พี่นิต...?!” เขาเรียกชื่อผม ผมหลุบตาลงต่ำ เม้มปากนิดๆ นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร แล้วก็คงพูดไม่ออกด้วย จากนั้นสุภาพงษ์ก็ขยับหน้าเข้ามา กระซิบเบาๆ ใกล้ริมฝีปากผม
   “ผมรักพี่นะ”
   ผมหลับตาลง ปล่อยให้เขาแนบริมฝีปากลงมา จากนั้นก็เลื่อนแขนไปกอดเขาไว้
   เขาคอยแอบมาดอดรดน้ำต้นรักในหัวใจที่ผมพยายามทิ้งๆ ขว้างๆ จนมันต้นสูงออกดอกสะพรั่ง ต่อให้ผมไม่อยากหันมอง ไม่อยากยอมรับ... ก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
   เมล็ดรักของเขา ที่ผมเผลอเก็บมาไว้ในใจอย่างไม่รู้ตัว ได้ผลิบานจนผมไม่อาจจะซ่อนเอาไว้ได้อีกแล้ว
-------------------------------------------
**ต้นรักในใจพี่นิตออกดอกสะพรั่ง... บานจนทะลักออกมาแล้ว อ๊ายยย อิจฉาโจ....

ต้นรักที่โจอุตส่าห์ปลูกอย่างยากลำบาก(?) กลายเป็นต้นออกดอกบานแล้ว

รอบนี้นายกั้งมาผิดคิวไปเยอะ ฮ่าๆๆๆ คนกำลังมีความรักนะกั้ง.... มาขัดจังหวะนี่ มุกไหนก็แถต่อไปรอดหรอก อิอิ o18

ทางที่ดี กั้งควรพยายามไปหลอกล่อหาข่าวกับพี่ภูมิเอง อย่าได้ใช้พี่นิตเป็นเหยื่อล่อเด็ดขาด เพราะนอกจากพี่ภูมิ(อาจจะ)งับไปแบบไม่เอามาส่งคืนแล้ว อาจจะโดนแฟนเก่าอย่างโจตามฆ่าด้วยก็ได้ (ขนาดน้าน)

น่าลองเขียนตอนสั้นๆ ของกั้งกับคุณภูมิสักตอนนะเนี่ย (เผื่อจะไม่ได้เขียนเป็นเรื่องยาว ฮ่ะๆ)

ปล. เหมือนจะรู้สึกว่ามีเพลงที่อารมณ์คล้ายๆ คุณพนิตตอนนี้ แต่หาไม่เจออออ วอนนักอ่าน ถ้าพอนึกออก สงเคราะห์คนเขียน เอาไว้ประกอบการจิ้นด้วยนะคะ (เล่นกันงี้เลยค่ะ)

ปล.2 โจ โจร้ายมากค่ะ แอบซุ่ม โอ๊ย โจอ่ะ :o8: พี่นิต ห้ามให้ทันนะ โจเชื่อฟัง แต่ถ้าไม่ห้ามล่ะก็.... อ๊ายยยย :-[

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า^^ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-01-2012 16:51:21
โออออออ เหนื่อยแหะกว่าจะลุ้นพี่นิตได้เนี่ย น้องโจก็น้าาาามือไวจริงเชียว ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 27-01-2012 17:02:30
อ่านตอนนี้แล้วได้แต่ตะโกน  น่ารัก อ่ะๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 27-01-2012 17:05:29
กรี๊ดดดดแปะไว้ก่อนเหมือนเดิมค่ะ อ่าในมือถืออีกแล้วว


มาดิทละค้าาาาาาาา

โอ๊ยยยยยยยยย! ตอนนี้มดกัด นี้ขนาดหวานพอดิบพอดี มีเคล้าน้ำตาบ้างพอเป็นน้ำจิ้ม ก็ยังรู้สึกว่า
มดแดงมดดำมดม่วง เดินแถวกันมาทำรังที่คอนโดนายโจกันถ้วนหน้า อาจจะเพราะ มีความหวานมากเกินไปหน่อย
จนเหล่ามดทั้งหลาย นอกจากจะมาทำรังแล้วยังเกิดอาการ อยากไปไต่ตอมนายโจ อยากไปกัด รอยยิ้ม สายตา และมืออันแสนซุกซนที่หาเรื่อง สกินชิพกับพี่นิตตลอดเวลา
ไหนจะมือ ที่คอยโอบพี่นิตให้เข้าหาอกแน่นๆตลอด...แต่ตอนนี้แอบมีมากกว่าโอบกอดนิดหน่อย
อ๊ายยยยยย ชอบมุกที่นายโจ เอามือพี่นิตไปจับตัวเองจริงๆเลยค่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งหยากกรี๊ด อ๊ากกกกก
นี่ถ้าพี่นิตตั้งสติไม่ได้ ฟันธงได้เลยว่า มือพี่นิตคงไปอยุ่ใต้ผ้าขนหนูที่ตาโจพันเอวไว้แน่ๆ (ที่จริงก็เข้าไปอยู่แล้วไม่ใช่รึ?)
อ๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (กดซาวน์เอฟเฟ็คแบบรัวเร็ว)

ตอนนี้ตาโจรุกได้ใจมากกกกกก ก่อนหน้านี้ รุกได้แค่คำว่า "ผมรักพี่นิตครับ" กับ อาการมือไวกว่าปาก แถมเร็วยิ่งกว่าความเร็วแสง.......หลังๆมาก รุก หอม รุกจูบ...รุกเอามือชาวบ้านมาป้วนเปี้ยนบนตัว ตัวเอง
ชักร้ายไปแล้วนะคะคุณสุภาพงษ์!!!

พี่นิตก็ยังคงเส้นคงวาค่ะงานนี้ ฮ่าาา เนียนตลอด...ไหลไป...ไหลไป...เมื่อไหร่โจจะจับอยู่หมัดสักทีคะเนี่ย
ตอนนี้ทั้งขำคุณพนิต ทั้งขำโจ แต่ก็อดสงสารทั้งสองไม่ได้พอๆกัน แต่เห็นใจคนละเรื่อง
เห็นใจพี่นิตเรื่อง...อายุ เลือดลมไม่ค่อยดี..เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งเพราะโจรุกหนัก ก็คงต้องไปเช่าบ้านอยู่ข้างโรงพยาบลาล
เห็นใจโจในเรื่อง..จะรุกๆ..รุกๆๆ จะได้อยู่ละๆๆ พี่นิตเปลี่ยนเรื่องตลอด..เห็นถอนหายใจทิ้งขว้างเป็นว่าเล่นเลยนะคะ
ฮ่าาาาาาาาา
โอียยย ยิ่งพูดก็ยิ่งขำ...ขำจนจะเป็นประสาทแล้วค่ะตอนนี้ ฮ่าฮ่า

แถมหวานๆไปสักพัก รักดันสะดุดเพราะมีเสียงเคาะประตูนี่แหล่ะ
นายกั้งเข้ามาได้จังหวะ...การที่เข้ามาของกั้งจังหวะนี้...แอบเห็นใจคุณพนิตค่ะ ฮ่าาาาาา(อ้าว ไม่ใช่โจหรอกรึ?)
ก็ถึงโจจะโมโหเพราะโดนขัดความสุข และเวลาส่วนตั๊ววววว ส่วนตัวที่ได้อยุ่กับพี่นิต
แต่เอาเข้าจริงๆ..พี่นิตกำลังเคลิ้มนะคะนั่น ฮ่าาาาาาา ถึงไม่แสดงออกแต่เค้ารู้นะ! ได้นั่งตักโจ ได้ประคบแก้มช้ำโจ ได้มองโจใกล้ๆ...รู้นะ...ว่าคิด...อ๊ากกกกก ก๊ากๆๆๆๆ

ตอนนี้มันครทุกรสจริงๆล่ะค่ะ แถม เรื่องราวความหลังก็ค่อยๆเปิดเผยด้วย
ตาโจนี่ยังไงก็เป็นโจ...ไม่พูด..แถมยังขี้เขิน ตั้งแต่หนุ่มยันแก่ เฮ้ย! ถ้า โจเรียกแก่...พี่นิตคงต้องเรียกว่าวัยรุ่นล่ะม้างงงงงงงงง วัยรุ่นใหญ่! ก๊ากกกก
ตอนแรกกะเล่น วัยแรกแย้ม...แย้มฝาโลง..แต่ถ้าว่าเล่นอย่างนี้จริง คงโดนพี่นิตเอาไม้ตะพดหวดหัวค่ะ ไม่ดีๆๆ เลยไม่เล่น (แต่ที่พูดมาก็เหมือนเล่นกรายๆละล่ะ ก๊ากกก)
เพราะถ้าเราโดนพี่นิตเอาไม้ตีหัว หัวช้ำหัวโน ขนาดไหน พี่นิตก็ไม่ใจดียอมทำลูกประคบมาประคบให้ถึงตักแบบนี้หร๊อกกก

อิอิ





"มันชักจะใหญ่คับใจผมเข้าทุกที ผมกลัวมันจะกินหัวใจผมเข้าไปหมด"
เอ่อ พี่นิตคะ ต้นรักนะคะ..ไม่ใช่ปอบ ถึงจะอยากกัดกินหัวใจพี่นิตน่ะค่ะ ก๊ากกกก

ส่วนเรื่อง "ต้นรัก" ของนายโจ ที่แอบมาหว่านเมล็ด เอาไว้ในใจพี่นิต...แถมยังแอบลักลอบเข้ามาดูแลรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย จนโตวันโตคืนในใจของพี่นิตนั้น..ท่าทางจะเป็น "ต้นโพธิ์" แล้วไม่ใช่ ต้นโพธิ์ ธรรมดาด้วยนะคะ...

แต่เป็นต้น โพธิ์แดง ค่ะ!(โพแดง)

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
(วิ่งมาเล่นมุกควายพ้องเสียงแต่ไม่พ้องรูป และไม่มีทีท่าว่าความหมายจะพ้อง...ด้วย -"-...)

แนะนำให้วิ่งไปเปิดสำรับไพ่แล้ว มองดูว่า ต้นโพธิ์แดงที่โจหว่านไว้ เป็นหน้าตาอย่างไร><

ติดตามเรื่องนี้เสมอค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

ปล. ว่าโจขี้แย..พี่นิตก็ขี้แยตามละ..สงสัยงานแต่งงานคู่นี้คงต้องเตรียมเครื่องดูดน้ำ ที่ใช้ดูดน้ำเมื่อชวงที่ กทม. น้ำท่วมมาช่วยดูดออกซะล่ะมั้งคะ ก๊ากกกกกกก o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: eaey ที่ 27-01-2012 17:15:39
เมื่อไหร่โจจะได้ :oo1:พี่นิตเนี่ย อึ๊ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 27-01-2012 17:35:46
 :impress2: ลุ้นเหมือนกัน อยู่ใกล้กันขนาดนี้เมื่อไหร่จะ...แอร๊ยยย  ลงเอยกันเสียที
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 27-01-2012 18:04:48
คิดจะปลูกต้นรักอีกกอ เกรงว่าหนอรักนั้นไม่ยืน




แหม ช่างเหมาะกับพี่นิต
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: aoommy ที่ 27-01-2012 18:28:35
น่าร๊ากที่สุด ปล่อยให้หัวใจมันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะพี่นิต ค่อยๆเรียนรู้กันไป ขอบคุณคนเขียนนะคะ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 27-01-2012 18:40:54
เพลงเจ้าสาวที่กลัวฝนหรือได้หรือเปล่า
สองคนนี้เวลาเขาสวีทกันรู้สึกจั๊กกะเดียมยังไงไม่รู้ :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ระริน ที่ 27-01-2012 18:49:54
แหมมมม  ถ้าเป็นเรานะ เจอคนที่เพอเฟ็กซ์ และรักเราขนาดนี้ กระโดดใส่เลยค่ะ ล่ามโซ่ไม่ให้หนีอีกต่างหาก อายุเป็นเพียงตัวเลข หน้าเด็กซะอย่างกลัวอะไร
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 27-01-2012 18:58:53
ดีจังมาต่อไว  :L2:

ในที่สุด  :-[

โจเป็นพระเอก อ้อนนิดออดหน่อยก็ปลื้ม แต่ถ้าเรื่องนี้โจไม่ใช่พระเอกนี่ นิสัยแบบนี้ คงน่ากลัวมิใช่น้อย

ประโยคนี้
สุภาพงษ์แก้มแดงนิดๆ “เขาคุณเก่ง แล้วก็หน้าตาน่ารักคล้ายๆ พี่น่ะ” พอเห็นผมนิ่ง เขาก็ทำหน้ากระอักกระอ่วน “คือ... ผมก็คิดว่าชอบเขานะ จนผมเจอพี่อีกครั้ง ผมเลยรู้ว่าผมชอบใคร”
แปลว่าอะไรน้อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 27-01-2012 19:50:50
โอยยยย น่ารักจิงๆๆๆๆๆ
พี่นิตเริ่มใจอ่อนมากแล้วนะเนี่ยยย
ส่วนโจ...รุกเข้าๆ อิๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine538 ที่ 27-01-2012 20:07:07
หลังจากที่ผ่านดราม่า (แบบสายฟ้าแลบ) มาแล้ว ทำให้รู้ว่า

1. พี่นิต มือหนักมาก เลี่ยงได้โปรดเลี่ยง หลบได้โปรดหลบ  :z6: (เจอพี่นิตกระโดดถีบ)

2. พี่นิต มีความรู้เรื่องโบราณๆ เยอะมาก ทำลูกประคบได้เองด้วย เปิดสปาได้เลยนะ หุหุ

3. พี่นิต เป็นอาชญากรไม่ได้ เพราะทำลายหลักฐานไม่หมด 555

4. น้องโจ มือไวใจเร็ว ปากหนักแต่ปากเสีย ....มากถึงมากที่สุด

5. น้องโจ รู้ว่าพี่นิตแพ้ลูกอ้อน ... (พี่นิตโปรดระวังตัวไว้ให้ดี)

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 27-01-2012 20:13:50
ดีจังมาต่อไว  :L2:

ในที่สุด  :-[

โจเป็นพระเอก อ้อนนิดออดหน่อยก็ปลื้ม แต่ถ้าเรื่องนี้โจไม่ใช่พระเอกนี่ นิสัยแบบนี้ คงน่ากลัวมิใช่น้อย

ประโยคนี้
สุภาพงษ์แก้มแดงนิดๆ “เขาคุณเก่ง แล้วก็หน้าตาน่ารักคล้ายๆ พี่น่ะ” พอเห็นผมนิ่ง เขาก็ทำหน้ากระอักกระอ่วน “คือ... ผมก็คิดว่าชอบเขานะ จนผมเจอพี่อีกครั้ง ผมเลยรู้ว่าผมชอบใคร”
แปลว่าอะไรน้อ

พิมพ์ผิดค่ะ... ชัดเจน จริงๆ ตองเป็น "เขาคุยเก่ง" ฮ่าๆๆ แก้ให้แล้วนะคะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 27-01-2012 20:17:07
ลุ้นเรื่องนี้มาก ๆ ว่าน้องโจจะเผด็จศึกพี่นิตยังไง 5555+

ตอนนี้รู้สึกว่าหวานแหววมาก ๆ ดีจัง ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 27-01-2012 20:26:27
โจขี้อ้อนเกิ๊นนน
พี่นิตก็ยอมๆโจไปเหอะนะ คนอ่านรออยู่  :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 27-01-2012 20:32:46
น้องโจนะเป็นคนพิเศษสุดๆของสุดๆ ของพี่นิตอยู่แล้ว แค่พี่นิตไม่ยอมปริปากบอก เพราะกลัวหัวใจจะวาย 5555
แต่น้องโจแค่รุก ได้คืบจะเอาศอกกับพี่นิตไปเรื่อยๆ ยังวันได้พิชิตพี่นิตแน่ๆ คิคิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 27-01-2012 21:08:59
ตอนนี้ต้นรักก็ออกดอกผลิบานกระจัดกระจาย
แล้วเมื่อไหร่หนอที่จะได้ระเบิดบึ้มมมมม กลายเป็นโกโกครั้นซ์  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 27-01-2012 21:14:16
ตอนหน้านะโจนะ  ทำท่ามาหลายตอนละ  เอาจริง ๆ ซะทีเถอะ  คนอ่านรออยู่เนี่ยะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 27-01-2012 21:19:16
ตอนนี้หวานมากๆ  :-[ กิ๊สๆ

ร่วมหอลงโรงเถอะ :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 27-01-2012 21:23:52
อ่านตอนนี้แล้วจักกะจี้หัวใจ  :-[ 
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: pmnet ที่ 27-01-2012 21:43:26
โจ นายมันเสือชัดๆ สนุกมากเลย  ไม่มีประโยคไหนที่ไม่ชอบ แต่จะท้อตอน พินิตเป็นลมซะหลายตอน ฮ่าๆ โจจะแก้ไม่ให้พินิตลมจับได้หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 27-01-2012 21:44:59
โจเนี่ยะ ทำก่อนพูดนะ
55555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 27-01-2012 22:36:06
ฮิ้ววววว ดอกรักบานสะพรั่งงงงง~  :m3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 27-01-2012 22:49:52
อ่านแล้วอารมณ์ประมาณ....

น้องโจ - หมาป่าห่มหนังลูกแกะน้อยๆน่ารัก
พี่นิต - แพะอารมณ์บูดและถีบหนัก..ที่เสียรู้ลูกแกะ(?)ซะแล้ว(ฮา)

ปล.น่าลุ้นนายกั้งเหมือนกันน้า~ :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 27-01-2012 23:14:53
คุณพนิตรักโจไปเต็ม ๆ หัวใจ แบบปฏิเสธไม่ได้อีกแล้ว แค่ไม่มั่นใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน (ตามประสาคนโสดจนเคยตัว )
ประหม่าและเก้อเขินเวลาชิดใกล้ ซึ่งอันนี้คงต้องใช้เวลาเพื่อให้เกิดความคุ้นชิน (ก็พี่นิตไม่เค้ย...ไม่เคย..  :o8:)
สรุป แม้โจจะเห็นปลายทางแต่มีเป้าหมายที่รับประทานยากขนาดนี้ ก็ต้องใช้ความพยายามอีกเยอะ...

รอเรื่องของคุณภูมิ-น้องกั้ง จะเรื่องสั้น เรื่องยาว เราก็จะรอ  :กอด1: 
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 28-01-2012 11:35:33
เข้าหอโลด o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 28-01-2012 22:14:30
อุแหม่แหมรักกันหวานชื่นเหลือหลาย

ว่าปต่กั้งให้โจหาข่าวอะไรให้หนอ

ดูลึกชับอ้ะ

อยากรุ้

แอบเห็นคอมเม้นข้างบนแวบๆ

โห่ ยาวได้ใจข้าน้อยคารวะหนึ่งจอกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-01-2012 22:47:33

น่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 29-01-2012 01:18:55
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
สองคนนี้เขาคุยเรื่องอะไรกัน ทำไมเราเขินขนาดนี้

ลูกหมาโจขี้อ้อนน่าดู แถมยังมือไวมากๆ
ตอนนี้ตอนเดียวพี่นิตเสียไปหลายจูบ หลายกอดเลยนะเนี่ย

ชอบต้นรักต้นนี้มาก ขนาดคนเขามาแอบรดน้ำมันยังโตได้จนจะคับใจ
พี่นิตก็ช่วยกันรด ช่วยกันดูแลไปเลย มันจะได้ยิ่งโต
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก19(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P20:27/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 30-01-2012 20:33:33
*** ไม่ใช่ตอนต่อนะคะ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเนื้อเรื่อง

เป็นฟิกที่คนเขียนเขียนเอง....

คั่นเวลา ฮ่าๆ จู่ๆ ก็อยากเขียนให้คุณพนิตเป็นกินรน นายโจเป็นพรานป่า นายกั้งเป็นพรานเพื่อนนายโจ ส่วนคุณภูมิเป็นคนธรรพ์ เพื่อนกินนรพนิตอีกที

เราเข้าป่าหิมพานต์กันเถอะ ฮ่าๆๆๆ o18 (โดนคนอ่านเตะ :z6:)

----------------------------------------

Fic Out of order.
กินนรและพรานไพร

ณ ป่าหิมพานต์อันเลื่องชื่อ (?)
   พรานหนุ่มน้อย(?)หน้ามน นามว่าโจ(?) ที่รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลาพอจะส่งไปแข่งประกวดนายแบบที่เขาพระสุเมรุแข่งกับพวกคนธรรพ์ได้ กำลังเดินเที่ยวมองหาผลหมากรากไม้แปลกๆ เพื่อเอาไปขายตลาดในเมือง แต่เผอิญเพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์น้ำจากแม่น้ำบนเขาพระสุเมรุไหลหลากเข้าท่วมป่าหิมพานต์ จนพืชพรรณต่างๆ พากันอพยพลี้ภัยไปงอกใหม่ที่เขาเหลียงซานจนหมด ช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงอพยพกลับ เลยไม่ค่อยมีพืชอะไรให้หาไปขายมากนัก
   ด้วยเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้นายพรานหนุ่มน้อย (?) ต้องเดินดั้นด้นเข้าไปในป่าลึกกว่าที่เคยเดิน เพื่อเสาะหาสินค้ามีมูลค่าไปปล่อยในตลาดมืด (เฮ้ย!) ระหว่างที่กำลังก้มๆ เงยๆ มองหาของป่า หูของเขาก็ได้ยินเสียงน้ำดังจ๋อมแจ๋ม
   เฮ้ย!! หรือว่ามีน้ำป่าไหลหลากอีก!!!!
   พรานโจใจหายวาบ ไหนรับฐาลสารขันย้ำนักย้ำหนา ว่ารอบหน้าจะเอาน้ำจากเขาพระสุเมรุอยุ่แน่นอน ไหงผ่านไปไม่กี่เพลา น้ำมาอีกแล้วล่ะ?!!
   แต่ด้วยสัญชาตญาณความเป็นพราน(มีจริงเรอะ?) พอได้ยินเสียงซ้ำอีกครั้ง นายพรานหนุ่มจึงรู้ว่า นี่ไม่ใช่เสียงน้ำป่า แต่เป็นเสียงน้ำในลำธารต่างหาก แต่ว่าเสียงแบบนี้คงไม่ใช่แค่เสียงน้ำไหลธรรมดา มันต้องมีตัวอะไรอยู่ในน้ำด้วยแน่ๆ ฟังจากเสียงแล้ว คงไม่ใช่ปลาบึกยักษ์หรอก
   ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พรานโจเลยเดินย่องไปตามเสียงที่ได้ยิน พอก้าวพ้นดงไม้ใหญ่ที่กำลังฟื้นตัวจากการต้องแช่น้ำท่วมสองเดือน ก็พบสระน้ำขนาดใหญ่ คั่นอยู่ระหว่างลำธาร น้ำในลำธารใสจนเห็นปลาตัวเล็กตัวน้อยว่ายอยู่ ในลำธารไม่มีพืชน้ำ แต่กลับมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้หัวใจพรานหนุ่มเต้นแรงจนแทบกระดอนออกมา
   จ๋อม!
   ใครบางคนกำลังแหวกว่ายอยู่ในลำธารใส พรานหนุ่มแทบหยุดหายใจ ตอนที่ร่างนั้นโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ผิวขาวจัดราวหยวกที่มีหยดน้ำเกาะพราวสะท้อนกับแสงแดดที่ส่องลอดร่มไม้ลงมา เป็นประกายระยับ เรือนผมสีดำสนิท ร่างนั้นหันหลังให้ แต่ก็พอจะมองออกว่าผอมเพรียว ซ้ำช่วงล่างยังแน่นน่าจับ... เอ๊ะ แต่นี่มันผู้ชายนี่นา...!!?!!
   จ๋อม...!
   เสียงน้ำกระเพื่อม พร้อมกับดวงหน้าที่เบือนกลับมา หัวใจนายพรานหนุ่มเต้นตึกๆ ทั้งปากทั้งคางมนได้รูป ดวงตาสีดำเป็นประกายเชื่อมแสง ถึงจะดูมีอายุแล้ว แต่แบบนี้มันน่ารักสุดๆ ไปเลย
   ไม่รู้กามเทพบินมาตั้งแต่ตอนไหน ยามนี้ได้แผลงศรรักปักอกพรานโจจนทะลุ น่าเสียดาย ศรกลับไม่แผลงไปโดนผู้ที่กำลังว่ายน้ำอยู่ในสระด้วย จะเห็นได้จากร่างนั้นยังคงแหวกว่ายน้ำอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกแอบมองอยู่
   พรานโจมัวแต่มองร่างในน้ำอย่างตื่นตะลึง ลืมนึกเลยว่าไม่น่ามีมนุษย์คนไหนเข้ามาว่ายเล่นในสระกลางป่าแบบนี้ จวบจนกระทั่งร่างผอมบางนั้นก้าวเท้าขึ้นจากสระ สวมเสื้อผ้าพร้อมปีกหางที่วางเอาไว้ตรงโคนต้นไทรใกล้ๆ โผบินขึ้นไปในอากาศ พรานหนุ่มจึงได้สติ
   นั่นมันกินนรนี่นา!!
    ร่างสูงใหญ่ก้าวเท้าออกไปด้วยความตื่นเต้น แต่ก็ไม่ทันจะเรียกกินนรตัวนั้นเอาไว้ ไม่สิ ถ้ารู้ว่ามีคนอยู่ตรงนี้ล่ะก็ กินนรตัวนั้นคงบินหนีไปนานแล้วล่ะ
   หัวใจพรานหนุ่มหล่นวูบ กินนรอาศัยอยู่เชิงเขาพระสุเมรุ ซึ่งลึกเกินกว่าที่มนุษย์อย่างเขาจะดั้นด้นเข้าไปได้ แล้วจะทำอย่างไรดี ถ้าต้องการจะพบกินนรตัวนั้นอีกครั้ง
   ถ้าหากว่ามารอที่สระนี้ล่ะ?
   นายพรานหนุ่มตั้งใจแน่วแน่ ทำแผนที่และจุดสังเกตเพื่อมาที่สระแห่งนี้ หากคราวหน้ามีโอกาสได้พบเจออีก แสดงว่าตัวเขาคงมีวาสนากับกินนรตนนั้นเหมือนกัน ถึงจะเป็นกินนรก็ไม่เกี่ยง เพราะศรรักมันปักอกไปแล้ว จะถอนอย่างไรก็คงถอนไม่ออก
---------------------------------
   หลังจากนั้นอีกสองวัน พรานโจกลับเข้าป่าอีกครั้ง คราวนี้จุดประสงค์คือไปยังสระน้ำที่ได้พบกับกินนรปริศนาวันก่อน คราวนี้เขาเตรียมพร้อม ทั้งเสบียงและกล้องส่องทางไกล(?) กะว่าถ้าไม่เจอจะรออยู่สักสองคืน แม้การค้างคืนในป่าหิมพานต์จะอันตรายมาก แต่การต้องนอนเปล่าเปลี่ยวอยู่ที่บ้านมันหว้าเหว่ใจเกินจะทน
   พรานหนุ่มรูปหล่อเตรียมอุปกรณ์เรียบร้อย ก็ออกเดินทางบุกป่าฝ่าดง ตามแผนที่และสัญลักษณ์ที่ได้ทำไว้ เพื่อกลับไปยังสระน้ำนั้นอีกครั้ง จนเวลาสาย เขาก็ไปถึงยังสระน้ำดังกล่าว แต่กลับไร้วี่แววของผู้ใดอยู่ที่นั่น มีเพียงสระน้ำใสสะอาด และเหล่าปลาเล็กปลาน้อยที่ว่ายไล่กันอยู่
   ถึงกระนั่นพรานน้อย(?)ก็ยังคอยอย่างอดทน
   หลังจากรอคอยจนแทบจะงีบหลับ เพราะความเงียบสงบในบริเวณดังกล่าว เสียงกระพือปีกในอากาศก็ดังขึ้นไกลๆ นายพรานหนุ่มตื่นตัวทันที เขาเข้าหลบในพุ่มไม้ และสอดสายตา มองหาว่าจะมีใครลงมาที่สระแห่งนี้บ้างไหม
   พึ่บ!!
   กินนรตัวหนึ่งร่อนลงที่ลานกว้างข้างสระ เล่นเอาหัวใจพรานหนุ่มเต้นรัวเป็นกลองยาว ใช่กินนรตนวันก่อนจริงๆ สองวันที่ผ่านมาเข้าเฝ้าจินตนาการถึงใบหน้าและรูปทรงองเอวจากความทรงจำที่ได้เห็นในครั้งแรก แต่พอได้มาเจอของจริง จินตนการก่อนหน้าถึงกับดูไร้สีสันไปเลย
   กินนรมีอายุ(?) ผลัดเสื้อผ้าและถอดปีกหากออก ก่อนจะหย่อนตัวลงไปแหวกว่ายในสระ
   อากาศรอบๆ เย็นสบาย เพราะมีทั้งต้นไม้ใหญ่ และสระน้ำ แต่พรานหนุ่มนามว่าโจกลับเหงื่อแตกซิก ขณะจ้องมองกินนรที่กำลังแหวกว่ายน้ำในสระตนนั้นผ่านกล้องส่องทางไกลที่เตรียมมา
   ทั้งรูปหน้า ช่วงคอ แผงอก ปั้นเอว เวลาขยับว่ายในน้ำช่างยั่วเย้าเสียนี่กระไร แค่มองเฉยๆ ยังรู้สึกดีขนาดนี้ ถ้าได้สัมผัสล่ะก็....
   พรานหนุ่มแทบจะโยนกล้องทิ้ง แล้ววิ่งเข้าไปแหวกว่ายกับกินนรตนนั้น เผื่อจะได้โอกาสสัมผัสเนื้อตัวบ้าง แต่ก็ระลึกได้ว่า ขืนทำแบบนั้น อย่าว่าแต่ได้ว่ายน้ำด้วย วันหน้าวันหลังคงไม่มีโอกาสได้พบเห็นอีก เพราะกินนรคงจะบินหนีไปด้วยความตระหนก แล้วคงไม่กลับมาที่นี่อีกเลย
   พอคิดว่าจะไม่ได้เจออีก อาการกระสันอยากชิดใกล้ของพรานหนุ่มก็ลดน้อยลงทันที
   ไม่เป็นไรหรอก ถึงไม่มีวาสนาจะได้อยู่เคียงคู่ ขอให้ได้แอบมองอยู่อย่างนี้ก็พอ
   พรานน้อยแอบดูกินนร(แก่ๆ?)อาบน้ำอย่างเต็มอิ่ม รอจนกินนรตัวนั้นบินจากสระ แล้วจึงค่อยเดินทางกลับ หัวใจเต็มไปด้วยความอิ่มเอม ขอเพียงได้ยลโฉมก็นับว่ามีความสุขเพียงพอ
--------------------------------------
   เนื่องจากติดภารกิจ ต้องไปช่วยงานเพื่อนบ้าน กว่าที่พรานโจจะได้กลับไปที่สระแห่งนั้นอีกครั้ง เวลาก็ผ่านไปเกือบสัปดาห์แล้ว ในหัวใจของพรานหนุ่มมีแต่ภาพของกินนรตนนั้น ไม่รู้ว่าป่านนี้จะยังไปว่ายน้ำที่สระนั้นอยู่อีกมั้ย บางทีอาจจะเปลี่ยนสระไปแล้วก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจะทำอย่างไรดี ไม่เจอแค่เจ็ดวันก็แทบจะคลั่งตายแล้ว ถ้าไม่ได้เห็นหน้าอีกเลยล่ะ
   นายพรานหนุ่มคิดไปแล้วรู้สึกกลัดกลุ้มในจิตใจ ยิ่งพอไปถึงสระไม่เห็นใครยิ่งว้าวุ่น แต่พอสักพักก็ได้ยินเสียงกระพือปีก หัวใจที่กำลังวุ่นวายก็พองตัวขึ้นแทบจะในทันที
   ช่างงามเสียเหลือเกิน
   ยังคงเป็นกินนรตนเดิม และมาเพียงผู้เดียว พรานหนุ่มชักสงสัยว่า หรือกินนรตนนี้จะถูกลงโทษอะไรบางอย่าง จึงต้องมาเล่นน้ำอย่างเดียวดายเช่นนี้ แต่ทว่า แอบมองมาสองวันแล้ว ไม่เห็นว่ากินนรที่ตนหลงรักมีสีหน้าวิตกทุกข์ใจแต่อย่างใด หรือจะเป็นกินนรรักสันโดษ แล้วยังไม่มีคู่
   ยังไม่มีคู่....!!!
   หัวใจพรานหนุ่มเต้นแรง หรือตนอาจมีวาสนาได้เคียงคู่กับกินนรตนนี้ แต่คิดอีกทีก็มองไม่เห็นว่าจะมีทางเป็นไปได้ ทั้งเพศ ทั้งฐานะมันช่างห่างไกลความจริงเสียเหลือเกิน เอาเถอะ แค่ขอให้ได้แอบมองอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็พอ แค่ได้มองก็มีความสุขแล้ว
   วันนี้กินนรตนนั้นแหวกว่ายน้ำตามปกติ แต่เพราะกอบัวที่ริมสระกำลังผลิดอกบานสวย ร่างเพรียวบางจึงว่ายเข้ามา ดอมดมดอกบัวใหญ่น้อย ก่อนจะเด็ดติดมือไปสองสามดอก แล้วขึ้นจากสระ บินกลับที่พักไป
   หัวใจของพรานหนุ่มเต้นแรงขึ้นอีกหลายเท่า ดูท่ากินนรตนนี้จะชอบดอกไม้ หากวันหลังตนพกดอกไม้มาวางไว้ คงจะได้เห็นสีหน้าพออกพอใจเป็นแน่
------------------------------------------------
   พรานโจกลับบ้านไป ก็จัดแจงทำแปลงปลูกดอกไม้ เลือกเฟ้นเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ที่สวยงามแปลกตา แต่ดอกอะไรเล่าจะแปลกตาสำหรับชนในป่าหิมพานต์ หลังจากเลือกอยู่นาน สุดท้ายก็ต้องจำใจชื่อดอกดาวกระจายมาปลูก เพราะเงินที่มีติดตัวอยู่ไม่มีพอจะไปซื้อดอกไม้อย่างอื่น ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่พรานหนุ่มก็ไม่ย่อท้อ ลงมือพรวนดิน รดน้ำ และให้ปุ๋ยอย่างเอาใจใส่ หวังว่าวันหนึ่งเมื่อมันออกดอก จะได้เป็นไปเป็นกำๆ วางไว้ที่ข้างสระ
   ระหว่างนั้นเอง เพื่อนบ้านที่ชื่อกั้งซึ่งเป็นพรานด้วยกัน เป็นพฤติกรรมผิดไปจากปกติของเพื่อน ก็เลยเดินเข้ามาถาม
   “เจ้าจะปลูกอะไรน่ะ?”
   “ดอกดาวกระจาย” พรานโจตอบ พรานกั้งถึงกับเลิกคิ้วเหมือนว่าตัวเองฟังผิด ก่อนจะถามอีก “จะปลูกไปทำไมกัน?”
   พรานโจหน้าแดงด้วยความขวยเขิน “ข้าจะปลูกไปให้คนรัก”
   คราวนี้พรานกั้งสำลักน้ำลายทันที “ว่าไงนะ คนรัก หน้าอย่างเจ้าเนี่ยนะ มีคนรัก” เว้นจังหวะไปพักหนึ่ง พรานกั้งก็พูดขึ้นอีก “หน้าตาเจ้าก็ดีอยู่หรอก เสียแต่ทำนิสัยอ้ำๆ อึ้งๆ แถมพักนี้ยังชอบแอบเข้าป่าไปคนเดียว ของเขิงก็ไม่เอามาขาย เฮ้ย อย่าบอกนะว่า..... ไปหลงรักกับนางพรายในป่าเข้าน่ะ โอ๊ย ตายๆๆๆ เสียชื่อพรานหมด”
   เพื่อนบ้านสรุปเองเออเองเสร็จ ไม่เปิดโอกาสให้พรานหนุ่มพูดน้อยอย่างโจพูดเลย ถึงอย่างนั้นพรานหนุ่มรูปหล่อก็ไม่ว่าอะไร ตั้งหน้าตั้งตาปลูกดอกไม้ต่อไปอย่างมีความสุข เพราะคาดหวังสีหน้าตื่นเต้นดีใจของกินนรมีอายุตนนั้น
   “ท่าจะบ้า” พรานกั้งว่า แล้วตัดสินใจปลีกตัวออกไป เพราะเห็นแล้วว่าอยู่ต่อก็คงต้องเป็นฝ่ายพูดอยู่คนเดียวแน่นอน
----------------------------------------------
   ระหว่างนั้นพรานโจเข้าป่าไปอีกหลายครั้ง ทั้งนี้เพื่อหาของป่ามาประทังชีวิต ถ้าวันไหนหาของได้พอ ก็จะรีบแวะไปยังสระน้ำที่กินนรตนนั้นลงมาเล่นน้ำด้วย แล้วก็มักได้เจอแทบทุกครั้ง จนเคลิ้มคิดไปว่าอาจจะเป็นวาสนาชักนำก็ได้
   ยิ่งได้เห็นมากเท่าไร ยิ่งรู้สึกหลงรักมากเท่านั้น
   จนถึงตอนนี้ ไม่ต้องหลับตา นายพรานหนุ่มก็แทบจะจินตนาการทุกทรวดทรงองเอวของกินนรตนนั้นออก เสียแต่ยังไม่รู้ว่าชื่ออะไร ถึงไม่มีโอกาสได้พูดคุย แต่อยากจะรู้ชื่อไว้สักหน่อย จะได้เอาไว้เรียกในความฝัน ความฝันหวานหยดที่ตนได้ลงไปหยอกล้อกินนรตนนั้นในสระ ได้โอบเอวบางๆ ได้ลูบสะโพกแน่นๆ ซ้ำยังได้เชยปรางอุ่นให้วาบหวามใจด้วย
   ถึงแม้ตื่นมาจะพบว่าเป็นเพียงหมอนข้างก็ตามที
   ในที่สุด ดอกดาวกระจายที่ปลูกไว้ก็ออกดอกเสียที แต่ออกมาเป็นดอกเล็กๆ แค่ดอกเดียว เล่นเอาพรานหนุ่มในแป้ว แต่เอาเถอะ ยังมีที่ตูมอยู่อีกเยอะ เอาดอกนี้ไปให้ก่อน ลองเชิงว่าฝ่ายนั้นเห็นแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างใด
   
   วันนี้พรานหนุ่มจึงดั้นด้นเข้าป่าไปแต่เช้า พร้อมห่อดอกไม้ ซึ่งมีแค่ดอกดาวกระจายดอกเล็กๆ ดอกเดียว แต่พรานโจก็ประคับประคองมันราวกับของมีค่าหาประมาณไม่ได้ จนในที่สุดก็ลุถึงสระน้ำใส นายพรานหนุ่มค่อยๆ แกะห่อดอกไม้ออก และพบว่ามันยังสดดี จากนั้นเขาก็วางดอกไม้ดอกนั้นเอาไว้ตรงลานฝั่งตรงข้าม ใกล้ๆ กับที่ตนใช้เป็นที่ซุ่มดู กะว่าถ้ากินนรตนนั้นเห็น ตัวเองคงมีโอกาสได้มองสีหน้าชัดๆ
   พอได้ยินเสียงกระพือปีกดังแว่วมาในอากาศ พรานหนุ่มก็รีบหลบเข้าที่ซ่อนทันที
   กินนรตนเดิมลงมาเล่นน้ำอีกแล้ว ยังคงน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน น่าสงสัยที่ยังไม่มีคู่ครอง หรือบางทีอาจจะเป็นหม้ายก็ได้ แต่เอาเถอะ ไม่ว่าอย่างไร มาให้ยลโฉมแบบนี้บ่อยๆ พรานโจก็พอใจแล้ว
   แต่วันนี้เป้าหมายสายตาของพรานหนุ่ม นอกจากจะอยู่ที่กินนรมีอายุ(?)ตนนั้นแล้ว ยังอยู่ที่ดอกดาวกระจายที่วางอยู่บนขอบสระอีกด้วย หัวใจของพรานโจกระดอนอยู่ในอกด้วยความตื่นเต้น ตอนที่กินนรตนนั้นว่ายเข้ามาใกล้ แต่พอเหลือบเห็นดอกไม้สีเหลืองอร่ามวางอยู่ ร่างผอมบางก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง
   “ใครน่ะ?”
   เสียงพูดดังสะท้อนเข้าไปในหัวใจของพรานหนุ่ม ช่างไพเราะเหลือเกิน อยากจะให้มาเรียกอยู่ทุกเช้าเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าตอบไป ด้วยกลัวว่าจะทำกินนรตนนั้นหนีเตลิด
   กินนรมีอายุ(?)ถามหาเจ้าของดอกไม้ อยู่อีกสองครั้ง พอไม่ได้เสียงตอบ ก็ค่อยๆ เอื้อมมือมาหยิบดอกดาวกระจายดอกนั้นไป
   หัวใจของพรานหนุ่มเต้นแรงด้วยความยินดีทันที
   ได้เห็นสีหน้าแสดงความประหลาดใจของกินนรตนนั้น แล้วยังได้เห็นรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก แทบทำเอาพรานโจลงไปนอนดิ้นด้วยพิษรักแพร่กระจายไปทั่วอก จากนั้น กินนรรูปงาม(?) ก็ค่อยๆ ขดก้านของดอกดาวกระจาย ทำเป็นวงแหวน แล้วสวมเอาไว้ตรงนิ้วนางด้านซ้าย ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออย่างไร แต่เล่นเอาพรานโจแทบจะร้องไห้ด้วยความตื้นตัน ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า จะสามารถเอาดอกดาวกระจายดอกเดียว มาขอหมั้นกินนรได้
   แต่ก็แค่ฝันเท่านั้นแหละ
    กินนรตนนั้นก็แค่ทำไปตามความสนุก คงนึกว่ามีกินนรตนอื่นมาวางทิ้งเอาไว้ ถึงอย่างนั้นแล้ว หัวใจของพรานหนุ่มก็อดเต้นแรงด้วยความดีใจไม่ได้อยู่ดี แค่กินนรตนนั้นรับดอกไม้ เขาก็ดีใจมากแล้ว ยิ่งพอเห็นว่าเอาไปทำเครื่องประดับ คนปลูกยิ่งดีใจขึ้นไปอีก
   พอได้แหวนที่ทำจากดอกดาวเรืองแล้ว กินนรตนนั้นก็ขึ้นจากสระ บินกลับทีพักไป พร้อมกับพาหัวใจพรานหนุ่มโบยบินไปด้วย
--------------------------------------
   หลังจากนั้น พรานหนุ่มก็ได้ความคิด พอดอกดาวกระจายบานเมื่อไหร่ จะเอามาถักเป็นสร้อยข้อมือบ้าง สร้อยคอบ้าง หวังเรียกร้องความสนใจจากกินนรตนนั้น ซึ่งก็เหมือนจะได้ผล เพราะกินนรมีอายุ(?)ดูสนอกสนใจ และเอาไปลองใส่เล่นทุกครั้ง ท่าทางน่ารักจนแทบอยากจะกระโจนเข้าไปจับไว้ ไม่อยากให้บินกลับไปที่พักเลย
   พรานโจมีความสุขอยู่กับการประดิษฐ์เครื่องประดับจากดอกดาวกระจาย จนเพื่อนบ้านอดไม่ได้ ต้องเดินเข้ามาถาม
   “นี่ เห็นทำอยู่หลายวันแล้วนะ เอาไปให้ใครที่ไหนน่ะ”
   “ให้คนรัก” พรานหนุ่มพูด แล้วหน้าแดงจัด ที่จริงยังไม่รู้เลยว่าจะรักเขารึเปล่า แถมไม่ใช่คนด้วยซ้ำ แต่เขาก็โมเมเป็นคนรักไปเรียกร้อยแล้ว พรานกั้งฟังแล้วก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
   “คนรักที่ไหน ข้าเห็นเจ้าเอาแต่เข้าป่า หรือเจ้าถูกผีพรายล่อลวงเอา ต้องใช่แน่ๆ แบบนี้ต้องทำพิธีปัดเป่าอาคมแล้ว”
   จากนั้นก็เดินเข้ามา ทำท่าจะลากตัวออกไป เลยถูกอีกฝ่ายเอามือไม้ปัดป้องเป็นพัลวัน “ไม่ใช่ผีพราย ข้าแอบชอบกินนรตนหนึ่งอยู่ต่างหาก”
   “หา!?” พรานกั้งร้องเสียงหลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น “เจ้าพูดจริงๆ หรือ ไปเจอที่ไหนน่ะ แต่เอ๊ะ กินนรมันตัวผู้นี่? ดูผิดรึเปล่า?”
   “ไม่ผิดหรอก” พรานโจตอบ แล้วหน้าแดงอีก “ตัวผู้ก็น่ารักจนหลงรักไปหมดหัวใจเลยแหละ” พอพูดถึงก็ทำหน้าเคลิ้มจนเพื่อนรู้สึกสยอง
   “นี่! ไปเจอที่ไหนน่ะ?”
   “ในสระ”
   “หืม? อย่าบอกนะว่าไปแอบดูเขาอาบน้ำน่ะ?!”
   อีกฝ่ายไม่ตอบ ได้แต่หน้าแดงอยู่อย่างนั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะ “เจ้านี่ลามกชะมัด ไปแอบดูกินนรอาบน้ำได้ เออ แล้วนี่ก็ร้อยดอกไม้ไปจีบเขาล่ะสิ เป็นไงบ้างล่ะ เขาสนมากมั้ย?”
   “อือ เขาชอบนะ” พรานโจตอบด้วยสีหน้ามีความสุข “ยิ้มทุกครั้งที่เห็นเลยล่ะ”
   “อ้อ... แล้วทำไมไม่ชวนเขามานี่เลยล่ะ กินนรถอดปีกถอดหางแล้วก็เหมือนคนธรรมดานี่นา”
   “เอ่อ...” อีกฝ่ายอึกอัก “เขายังไม่เคยเห็นหน้าข้าเลยน่ะ”
   “ห๊า!!” พรานกั้งร้องเสียงหลง “อะไรนะ ยังไม่เคยเห็นหน้า แล้วที่เจ้าร้อยดอกไม้ไปตั้งเยอะตั้งแยะนี่ล่ะ อย่าบอกนะว่าไปวางเอาไว้เฉยๆ”
   “อือ”
   “โอ๊ยย ทึ่มจริงๆ เลย!!” เพื่อนพรานพูดออกมาอย่างทนไม่ได้ “อุตส่าห์ร้อยดอกไม้ไปตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วเขาก็ชอบด้วยไม่ใช่หรือไง เขาไม่เคยถามหาเจ้าของดอกไม้เลยหรือ?”
   “ถาม” พรานโจตอบ จากนั้นก็โดนเพื่อนฟาดไหล่ดังป้าบ “ถ้าไปอีกคราวนี้น่ะ ตอบเขาไปเลย กลัวอะไรเล่า”
   “กลัวเขาหนีหายไปน่ะ” อีกฝ่ายตอบ แล้วทำหน้าเศร้า “ถ้าเขาหนีไป ข้าคงจะเสียใจไปจนวันตายแน่”
   “บ้าเรอะ เขาชอบดอกไม้เจ้าใช่ไหมล่ะ เขาคงอยากเจอตัวเจ้าน่ะ นี่... เขาคงไม่คิดว่าเป็นกินนรด้วยกันเอามาวางไว้หรอก อีกอย่าง หน้าตาเจ้าก็เข้าที ข้าว่าต่อให้เป็นกินนรก็ไม่น่าจะปฏิเสธลงนะ”
   “แต่ว่า...” พรานโจพูดอย่างลังเล “ถ้าเกิดเขาเจอข้าแล้วหนีไปล่ะ ไม่เอาดีกว่า ไม่ออกไปหรอก”
   “โอ๊ยยย” พรานกั้งร้องอย่างขัดใจ ก่อนจะพูดออกมา “แค่ไม่ให้หนีไปไหนก็พอใช่ไหมล่ะ?”
   “?!”
   “จะไปอีกเมื่อไหร่?”
   “วันนี้”
   “งั้นไปด้วย”
   “หา?!”
   “ไม่ไปแอบดูกินนรอาบน้ำหรอกน่า จะไปช่วยให้ความรักเจ้าสมหวังน่ะ”
   “ข้าว่าอย่าดีกว่า” พรานโจพูด แต่แล้วกลับโดนเพื่อนกระชากคอเสื้อ “กล้าปฏิเสธความหวังดีหรือไง นี่ ข้าไม่ทำเขาหนีไปหรอก สาบานได้ ถ้าทำเขาหนีไปล่ะก็ ข้าจะดั้นด้นเข้าไปตามหาเขาให้เจ้าเลย”
   “ไม่เอา” อีกฝ่ายพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ตอนนี้ข้ามีความสุขดีอยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องลำบากหรอก ข้าไม่อยากเสียเพื่อน”
   พรานกั้งมีสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยอมรามือไป “ตามใจ อยากแอบรักเขาไปจนแก่ก็เชิญ” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินจากไป ทิ้งพรานโจให้วุ่นอยู่กับการถักมงกุฎดอกไม้ต่อ
-------------------------------
   วันนี้ท้องฟ้าครึ้มฝนนิดหน่อย พรานโจดั้นด้นเข้าป่าไปยังสระน้ำอีกครั้ง วางมงกุฎดอกดาวกระจายสีทองอร่ามเอาไว้ตรงขอบสระเหมือนเดิม แล้วเฝ้ารอให้กินนรตนนั้นมาหยิบไป
   เสียงกระพือปีกดังในอากาศ นายพรานหนุ่มรีบหลบเข้าที่ซ่อนอย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้เขากลับต้องขมวดคิ้ว เพราะกินนรไม่ได้มาตนเดียว เหมือนจะมีคนธรรพ์มาด้วยอีกตนหนึ่ง ท่าทางมีอายุแล้ว แต่รูปหล่อไม่เบาเลยทีเดียว และท่าทางจะสนิทกันมากเสียด้วย เพราะพอมาถึงก็ช่วยถอดปีกถอดหางให้ เห็นแล้วก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาในตาทันที
   “นี่ไง วันนี้ก็มีอีกแล้วล่ะ?” กินนรตนั้นพูด พลางแหวกว่ายสายน้ำเข้ามายังมงกุฎดอกดาวกระจายที่วางอยู่ตรงขอบสระ เจ้าคนธรรพ์ตนนั้นเลิกคิ้วหน่อยๆ แล้วถามออกมา “ใครเอามาวางไว้น่ะ”
   “ไม่รู้เหมือนกัน” อีกฝ่ายตอบ จากนั้นก็หยิบมงกุฎมาลูบๆ คลำๆ “ท่าทางตั้งใจทำมากนะ อาจจะเป็นฝีมือพวกพรายก็ได้ พวกนั้นชอบไปขโมยข้าวของจากมนุษย์มาทำของเล่น”
   “ไม่ใช่หรอกมั้ง ถ้าเป็นฝีมือพวกพรายจริง ทำไมต้องเอามาวางไว้ตรงนี้ทุกวันด้วยล่ะ สระนี้มีแต่เจ้ามาเล่นอยู่ตนเดียวไม่ใช่หรือไง?”
   “...................” อีกฝ่ายนิ่งไปทันที “งั้น.... เป็นฝีมือมนุษย์จริงๆ เหรอ? ถ้าอย่างนั้น ทำไมเวลาข้าถามหา เขาถึงไม่ยอมออกมาล่ะ ถ้าจะมวางกับดักอะไรล่ะก็ น่าจะรีบหลอกล่อให้ข้าไปติดกับสิ นี่แค่เอาดอกไม้มาวาง ข้าหยิบมาเล่นตั้งหลายวันแล้ว ไม่เห็นมีอะไรเลย”
   คนธรรพ์ตนนั้นยกมือลูบคางอย่างครุ่นคิด “เขาอาจจะอยากจีบเจ้าก็ได้นะ”
   “หา?!” กินนรร้องออกมา “เป็นไปไม่ได้หรอก ใกล้ๆ แถวนี้ไม่มีนายพรานผู้หญิงหรอกนะ”
   “ก็ไม่ได้พูดถึงพรานหญิงนี่ ข้าหมายถึงผู้ชายน่ะ”
   “บ้า!” อีกฝ่ายโพล่งทันที “พูดอะไรน่าเกลียดชะมัด ผู้ชายจะมาจีบข้าได้ยังไง ข้าก็เป็นตัวผู้นะ”
   “นี่... ขนาดกินนรเองยังมีที่ชอบตัวผู้ด้วยกันเลยไม่ใช่หรือไง” คนธรรพ์ว่า คราวนี้กินนรขึ้นเสียงทันที “อย่าไปเหมารวมกับคนธรรพ์อย่างพวกเจ้านะ เราไม่รักมั่วแบบพวกเจ้าหรอก”
   คนธรรพ์กะพริบตาอย่างอดทน “เอาล่ะ ข้าจะไม่บอกหัวหน้าแล้วกัน ว่าเจ้าพูดจาหมิ่นเกียรติพวกเราอีกแล้ว แต่ว่านะ ชายรักชายมันก็มีอยู่นะ พนิต”
   หัวใจพรานหนุ่มเต้นตึกๆ นั่นชื่อกินนรตนนั้นหรือ... พนิต... นิต.... ได้เอาไปเรียกในฝันคงน่ารักดี
   ขณะที่กำลังจินตนาการถึงภาพความฝันแสนหวานอยู่ เสียงของกินนรตนนั้นก็ดังขึ้น
   “งั้นต่อไปข้าจะไม่มาที่สระนี้แล้ว”
   หัวใจของพรานหนุ่มเหมือนถูกบีบให้หยุดเต้นทันที
   ตะกี้เขาว่าไงนะ?!
   “อ้าว ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ” คนธรรพ์ถามต่อ กินนรพนิตยกมือลูบหน้า “ก็ไม่อยากถูกมนุษย์ผู้ชายจีบนี่”
   ผู้ได้ฟังหัวเราะออกมา “ถึงขนาดจะย้ายที่อาบน้ำเลยเหรอ? แต่เขาอุตส่าห์ปลูกดอกไม้ แล้วถักมาให้เจ้าทุกวันแบบนี้ เขาคงชอบเจ้ามากอยู่นะ ใจคอจะตัดรอนเขาแบบนี้เลยหรือ?”
   “แล้วจะให้ข้าทำยังไงล่ะ?” อีกฝ่ายตอบ “เขาเป็นใครก็ไม่รู้ หน้าตาข้าก็ไม่เคยเห็น ถ้าจีบข้าก็น่าจะแสดงตัวสิ แต่ว่าข้าคงจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ไม่ได้หรอก เพราะงั้น ข้าไปเองดีกว่า เขาจะได้ตัดใจได้”
   “คิดแทนคนอื่นอีกแล้ว” คนธรรพ์พึมพำ “น่าสงสารเขานะ เอางี้สิ เจ้าบอกเขาหน่อย เขาจะได้ไม่ต้องบากปั่นเข้ามาเก้อ เขียนสารทิ้งเอาไว้ เขาอ่านแล้วจะได้ไม่ต้องเข้ามาอีก”
   “อืม... ฟังดูเข้าท่าดี งั้น ข้าเขียนเลยดีกว่า” พูดจบก็ว่ายไปเด็ดใบโพธิ์มาเพื่อจะเขียนข้อความ ฝ่ายพรานโจที่นั่งแอบอยู่ ได้ยินทุกถ้อยคำก็แทบจะร้องไห้ออกมา
   ไม่เอานะ ไม่อยากให้กินนรตนนี้ย้ายที่อาบน้ำไปไหน เขาแค่อยากเจอทุกวัน แค่อยากจะมองเท่านั้น แต่ว่าจะให้วิ่งออกไปทั้งแบบนี้ กินนรตนนั้นคงตกใจแล้วบินหนีไปจริงๆ แน่ แต่ถ้าปล่อยไว้คงไม่ได้เจอกันอีก
   แล้วจะทำยังไงดี
   ระหว่างที่กำลังว้าวุ่นใจจนน้ำตาแทบไหล เสียงของกินนรตนนั้นก็ดังขึ้นอีก “อืม... ข้าเกิดเห็นใจเขาขึ้นมานิดหน่อย ข้าจะเขียนทิ้งเอาไว้แล้วกันว่าพรุ่งนี้ข้าจะมาเป็นวันสุดท้าย ให้เขาแสดงตัวออกมา ยังไงเขาก็คงตามข้าไม่ได้อยู่แล้ว ข้าอยากเห็นหน้ามนุษย์ที่อุตส่าห์ทำของพวกนี้มาน่ะ”
   คนธรรพ์ยิ้มที่มุมปาก “ก็เป็นซะอย่างนี้แหละนะ เอาเถอะ พรุ่งนี้เจ้ามาตนเดียวนะ ข้าต้องไปธุระกับหัวหน้า”
   “อืม ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ชวนเจ้ามาออกความเห็นน่ะ” กินนรพูด ก่อนจะวางสารเอาไว้ ตรงที่เคยวางมงกุฎดอกไม้ ก่อนจะก้าวขึ้นจากสระ
   “นี่ จะเอาดอกไม้กลับไปด้วยหรือไง?” คนธรรพ์ถาม เมื่อเห็นอีกฝ่ายถือมงกุฎดอกไม้ไว้แนบอก กินนรเลิกคิ้ว “ก็มันสวยดีนี่ เขาอุตส่าห์ทำมา จะทิ้งก็น่าเสียดายใช่ไหมล่ะ”
   ได้ยินคนธรรพ์หัวเราะหึๆ ก่อนจะช่วยอีกฝ่ายใส่ปีกใส่หาง แล้วบินกลับไปด้วยกัน
   พรานโจรอเวลาสักพัก ก็ค่อยๆ ย่องไปหยิบสารใบไม้นั้นขึ้นมาอ่านด้วยมือสั่นเทา
   
ถึงเจ้ามนุษย์ที่ข้าไม่เคยเห็นหน้า
   ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ แต่ข้าไม่ชอบเลยที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่เดาเหตุผลไม่ออกเช่นนี้ ถ้าเจ้าอยากจะคุยกับข้า พรุ่งนี้พอข้าเรียกจงแสดงตัวออกมา
   บอกกับเจ้าไว้ก่อน ข้าไม่ชอบมนุษย์ผู้ชาย ถ้าเจ้าเป็นผู้ชายล่ะก็... ข้าจะบินหนีไปเสีย เจ้าจะได้เลิกว้าวุ่นกับข้าอีก

   น้ำอุ่นๆ ไหลหยดลงมาบนสารใบไม้ พรานหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตา
   ผิดอะไรหรือที่เขาเป็นผู้ชาย ผิดอะไรหรือถ้าเขาอยากจะรัก
   เขาแค่อยากแอบมอง อยากเห็นฝ่ายนั้นมีความสุข
   พรุ่งนี้... ถึงเขาแสดงตัว ฝ่ายนั้นก็คงจากไปอยู่ดี
   ความรักข้างเดียวที่แสนสุขของเขากำลังจะจบสิ้นแล้วหรือ.....
-----------------------------------------------

**ฟิกช่างดราม่ากว่าเนื้อหาจริง (เฮือก!!) เขียนออกมาอย่างกับพาร์ตความรู้สึกนายโจ (ฮา~) โจแอบลามกอ่ะ ชอบดูพี่นิตอาบน้ำอ่ะเดะ เอากล้องไปส่องเลยทีเดียว (ก๊ากกก)

แอบรู้สึกสงสารนายโจจริงจัง รักอ้ำอึ้งกระทั่้งในฟิก โจเอ๊ย ขนาดพระสุธนมีพรานบุญมาช่วย ยังต้องง้อนางกินรีแทบตาย เรื่องนี้พรานโจไม่ใช่พระสุทน แต่มีนายกั้งมาช่วย กระนั้นจะง้อกินรนพี่นิตได้ขนาดไหนหนอ...

โปรดติดตามตอนต่อไป (โว้ยย ยาวอีกแล้วอ๊ะ)

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 30-01-2012 20:56:09
ง่ะ ฟิคคั่นเวลา ยังมาทำให้ค้างอีกอ่ะ งอล 55+
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 30-01-2012 21:01:38
คุณ Juon โปรดกลับมาเถอะ  :a5:
ท่าจะเครียดกับนิยายเรื่องโน้น ที่คุณก็รู้ว่าเรื่องอะไรที่มันไม่เสร็จซักที :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 30-01-2012 21:03:51
คุณ Juon โปรดกลับมาเถอะ  :a5:
ท่าจะเครียดกับนิยายเรื่องโน้น ที่คุณก็รู้ว่าเรื่องอะไรที่มันไม่เสร็จซักที :z3:

แทงใจดำเป็นที่สุด อีกสองตอนจะกลับนะคะ ไม่ไหวแหล่ว... มัน... มันเลวร้ายมากเลยจอร์จ!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 30-01-2012 21:20:18
กินรนใจร้ายย

โจกลายร่างเป็นพรานแล้วก็ยังช้าเหมือนเต่าคือเดิมเนะ :m16:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 30-01-2012 21:28:39
ดูเหมือนโจทั้งในภาคนายพรานก็ดี ภาคบรรณาธิการหนังสือก็ดี ช่างขาดความกล้าเหมือนกันเดี๊ยะเลย
โจเอ๋ยเคยได้ยินไหม...
   "...อันของสูงแม้ปองต้องจิต ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้หรือ
ไม่ใช่ของตลาดที่อาจซื้อ หรือแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม
   ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง คงชวดดวงบุปผชาตสะอาดหอม
ดูแต่ภุมรินเที่ยวบินดอม จึงได้ออมโอบกลิ่นสุมาลี"

 *กินรนตัวหนึ่งร่อนลงที่ลานกว้างข้างสระ *กินรนอาศัยอยู่เชิงเขาพระสุเมรุ
คุณjuonคะ เกรงว่าคุจะเขียนคำที่ดิฉันกาเครื่องหมาย*ข้างบนนี้นี้คลาดเคลื่อนค่ะ
เขียน*กินนร* แบบนี้ค่ะ
และขออนุญาตแก้คำให้อีกนะคะ
ซ้ำยังได้เชย*ปรางค์อุ่นให้วาบหวามใจด้วย
ปรางค์ = สถาปัตยกรรมที่มียอดสูงขึ้นไป มีรูปทรงคล้ายฝักข้าวโพดฯ
ปราง =  แก้ม
เขียน*สานทิ้งเอาไว้
สาน = ใช้เส้นตอกขัดกันทำให้เกิดลายฯ
สาร = จดหมาย หนังสือ ถ้อยคำ ฯลฯ

ป.ล. อยากจะโกรธคุณjuonเหลือเกิน คำก็กินนรมีอายุ สองคำก็กินนรสูงวัย สามคำก็กินนรแก่
       ขอซื้อได้ปะคำนี้ อ่านแล้วบาดใจจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 30-01-2012 21:29:39
สงสารพรานโจดีมั้ยเนี่ย
เดี๋ยวไม่ใช่ว่าคราวหน้าไปเอาแหมาเหวี่ยงใส่กินรนพนิตนะ ฮ่าๆ
(บ่วงไม่ไหว เพราะกินรนตนนี้อายุเยอะแล้ว อาจจะแก่?กล้ามาก)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 30-01-2012 21:30:18
ฮาค่ะ ฮาาา โอ้วววว จากที่อยู่บ้านสวนของคุณพนิต และคอนโดของนายโจมานาน
ตอนนี้คุณจูออน ก็พา FC เข้าสู่ป่าหิมพานต์ซะแล้ววววว
ตระการตาด้วยหมู่แมกไม้ สดชื่นไปกับดอกไม้นานาพรรณ...และกระสัน..เอ้ย! และธารน้ำที่สวยราวกับอยู่ในความฝันยังติดตรึงใจ
(ใจใครไม่รู้...รู้แต่กินรนติดอยู่ในใจนายพรายเต็มๆ)

นอกจากจะเป็นฟิคชั่นที่อ้างอิงมาจากตำนาน...ยังมีการแอบพาดพิงปถึงรัฐบาลสารขัน(?)ด้วย!!!!
ฮ่าาาาาาาาาาา (ว่าแล้วก็รีบเปลี่ยนประเด็น)

ไม่คิดว่าฟิคชั่นพาร์ทนี้นอกจากจะเขียนมาเสียดสีความรู้สึกที่แท้จริงของนายโจ...ยังเสียดสีไปถึงรัฐบาลสารขันอีกด้วย
แน่นอนจริงๆ!!!
(ไหนบอกว่าจะเปลี่ยนเรื่องไง ทำไมวกกลับมาที่รัฐบาลสารขันอีกละ!)

งั้นเปลี่ยนประเด็น..

เป็นประเด็นของตัวกินรน
ตอนแรกๆก็ "กินรนมีอายุ(?) " อยู่ดีๆ..แต่ไหงจู่ๆกลับแปรเปลี่ยนเป็น "กินรน(แก่ๆ?)" ด๊ายยยยย
อั๊ยย่ะ!!!!!! ให้มันได้อย่างนี้สิ ฮ่าฮ่าาาาาาา :-[

แต่แอบชอบนายพรานหนุ่มน้อยยยยย (อะไรที่ว่าน้อยอ่ะ?...อายุก็ไม่น้อยนะ..ตัวก็ไม่น้อย..แล้วอะไรอ่ะที่ว่าน้อย..หนุ่มเหลือน้อย...หรือไอ้นั่นน้อย?....น่ะๆคิดอะไร..ไอ้นั่น ก็ นิ้วก้อยงายยยยย ฮ่าฮ่า)

ลองกลับไปอ่านคอมเม้นท์ตัวเอง...รู้สึกวันนี้จะเมา...(เมาน้ำเต้าหู้? พิมพ์เม้นท์ไป กระดกน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องไปพลางๆ)

ชอบบบบบบบบบบบ นายพรานโจ ทำเครื่องประดับจากดอกดาวกระจายไปให้กินรนแก่ๆทุกวันเลยยย(โดนพี่นิตตบ :fcuk:)
แหม่ๆ ทำเป็นรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้...อย่างกินรนที่ชื่อพนิต พรายสาวพรายหญิงที่ไหนจะมาจีบบบบ
หุ่นอย่างนี้ เอวอย่างนี้ ผิวขาวอย่างนี้ อายุมากๆอย่างนี้...จะมีก็แต่นายพรานโจคนเดียวนั่นแหล่ะที่โดนกามเทพเล่นงาน
อั๊ยยยยยยยยย :impress2:

ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

จะมีตอนต่อไปอยุ่ใช่มั๊ยคะ???

ติดตามรอค่ะ
(ว่าแล้วก็ซัดน้ำเต้าหู้ต่อ)

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 30-01-2012 21:31:03
แอบมองตั้งหลายหน  ยังไม่ทำไรอีก ฮ่วยยย...บ่ได้ดั่งใจ :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 30-01-2012 21:46:03
ดูเหมือนโจทั้งในภาคนายพรานก็ดี ภาคบรรณาธิการหนังสือก็ดี ช่างขาดความกล้าเหมือนกันเดี๊ยะเลย
โจเอ๋ยเคยได้ยินไหม...
   "...อันของสูงแม้ปองต้องจิต ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้หรือ
ไม่ใช่ของตลาดที่อาจซื้อ หรือแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม
   ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง คงชวดดวงบุปผชาตสะอาดหอม
ดูแต่ภุมรินเที่ยวบินดอม จึงได้ออมโอบกลิ่นสุมาลี"

 *กินรนตัวหนึ่งร่อนลงที่ลานกว้างข้างสระ *กินรนอาศัยอยู่เชิงเขาพระสุเมรุ
คุณjuonคะ เกรงว่าคุจะเขียนคำที่ดิฉันกาเครื่องหมาย*ข้างบนนี้นี้คลาดเคลื่อนค่ะ
เขียน*กินนร* แบบนี้ค่ะ
และขออนุญาตแก้คำให้อีกนะคะ
ซ้ำยังได้เชย*ปรางค์อุ่นให้วาบหวามใจด้วย
ปรางค์ = สถาปัตยกรรมที่มียอดสูงขึ้นไป มีรูปทรงคล้ายฝักข้าวโพดฯ
ปราง =  แก้ม
เขียน*สานทิ้งเอาไว้
สาน = ใช้เส้นตอกขัดกันทำให้เกิดลายฯ
สาร = จดหมาย หนังสือ ถ้อยคำ ฯลฯ

ป.ล. อยากจะโกรธคุณjuonเหลือเกิน คำก็กินนรมีอายุ สองคำก็กินนรสูงวัย สามคำก็กินนรแก่
       ขอซื้อได้ปะคำนี้ อ่านแล้วบาดใจจัง


กระโดดจูบคุณyayee2 (แต่โดนคุณyayee2ถีบออกมา เพราะบังอาจพิมพ์คำต้องห้าม เฮือก!!

ผิดกันระดับชาติเลยทีเดียว (ขออภัยจริงๆ ค่ะ เป็นความมึนของคนเขียนล้วนๆ <<หนังสือก็มี แต่มันเพิ่งไปคุ้ยมา<<โดนกระทืบ)

ส่วนอันของสูงแม้ปองต้องจิต... แต่โจไม่คิดปีนป่าย.... ชาติหน้าบ่ายๆ ก็คงไม่ได้หรอก

ไม่เป็นไร เก็บไว้ปีน(เกลียว)ตอนหน้า

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ จู๊บบบบบบบบบบบบบ :man1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 30-01-2012 22:17:49
"กินรนมีอายุ(?)  "กินรน(แก่ๆ?)" ทำมั้ยอ่านไปก็ขำไปกับคำในวงเล็บ?? :laugh:

คุณพินิตอย่าโกรธเค้าน๊าาาาาาาาา :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 30-01-2012 22:58:48
ฮาดีอะ รออ่านต่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 30-01-2012 23:28:06
ย้ำเหลือเกินนะ
ไอ้คำว่ามีอายุน่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 31-01-2012 05:01:29
(-///-) sweet waan lek lek na kha nia,,,,hu hu hu...
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 31-01-2012 07:04:55
นี่ถ้ากินนรตัวนี้นามว่า "หงคงฉ่วย" คนแต่งกับคนอ่าน คงโดนฟาดด้วยปีก ดับคาคอมพ์
โทษฐานใช้วาจาสามหาว เรียกสรรพนาม มีอายุ แทนตัวท่าน 555

จริงๆ อยากให้เพิ่ม หงคงฉ่วย มาเป็นกินนร ตัวเพื่อน  แล้วให้ลู่อี้เผิงมาเป็นเพื่อนพรานด้วยอีกคน  ท่าทางงานนี้จะมันส์ ไม่รู้ลืม 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 31-01-2012 07:09:15
นี่ถ้ากินนรตัวนี้นามว่า "หงคงฉ่วย" คนแต่งกับคนอ่าน คงโดนฟาดด้วยปีก ดับคาคอมพ์
โทษฐานใช้วาจาสามหาว เรียกสรรพนาม มีอายุ แทนตัวท่าน 555

จริงๆ อยากให้เพิ่ม หงคงฉ่วย มาเป็นกินนร ตัวเพื่อน  แล้วให้ลู่อี้เผิงมาเป็นเพื่อนพรานด้วยอีกคน  ท่าทางงานนี้จะมันส์ ไม่รู้ลืม 555


คาดว่านายพรานจะโดนเล่นงานกันยกก๊วน ไม่น่าเหลือรอดสักคน ฮ่าๆ (อาจเหลือนายกั้ง เพราะไม่ถูกสเป็กก๋งก๋ง แต่โจไม่เหลือแน่!!)

ปล. ก๋งก๋งเป็นกินนรไม่ได้หรอกค่ะ อย่างก๋งก๋งเห็นสมควรให้เป็นพญาครุฑ (แว๊กกก)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine538 ที่ 31-01-2012 07:24:40
พี่นิต ป ป เป็น กินนร (แก่ๆ) !!!!
น้องโจ ป ป เป็น นายพรานถ้ำมอง !!!
 :z6: (โดนพี่นิต กับ น้องโจ รุมถีบ)

อ่านแล้วถึงกับฮาพรวดออกมาเลยทีเดียว

รออ่านตอนต่อไปค่ะ (น้องโจ สู้สู้ นะลูก 555)  :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 31-01-2012 07:41:19
กินนรฉบับสูงอายุ?
จะเท่าไหร่กันเชียว ยังไงก็แก่ตัวช้ากว่ามนุษย์ปกติล่ะกัน
(โหมด รักเคะสูงอายุ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 31-01-2012 11:43:25
คั่นเวลาได้น่าอ่านมาก ๆ น้องโจก็น่าสงสารเหมือนเดิม 555+
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 31-01-2012 13:42:55
พรานโจรักจริงหวังแต่งมากอะ แต่แอบลามกนะจ๊ะ มีพกกล้องมาส่องเขาอาบน้ำด้วย ฮ่าๆ ๆ  ๆ ๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 31-01-2012 15:56:21
**โอ๊ย มาไร้สาระต่อให้มันจบๆ แล้วค่ะ

สรุปว่าเป็น "กินนร"นะคะ คนเขียนผิดระดับประเทศจริงๆ ฮ่าๆๆๆ

---------------------------------------

   รุ่งเช้า นายพรานหนุ่มเข้าป่าไปอย่างสะลึมสะลือ เพราะนอนไม่ค่อยหลับ ถึงอย่างนั้นก็อุตส่าห์แต่งเนื้อแต่งตัวเต็มที่ เพราะกลัวว่าหากแต่งตัวไม่ดี กินนรตนนั้นเห็นแล้วจะบินหนีไปเลย ไม่ปล่อยให้ตนได้สนทนาด้วยสักคำสองคำ สักคำสองคำเท่านั้น ให้ได้เป็นความทรงจำที่สวยงามในชีวิต
   ให้ได้ประดับลงไปในความรักที่งอกเงยอยู่ในใจเขาเพียงข้างเดียว และกำลังจะตายอย่างเดียวดายในไม่ช้านี้
   พรานโจเดินดุ่มๆ เข้าป่า ด้วยจิตใจว้าวุ่น จึงไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนแอบสะกดรอยตามมา
--------------------------------------
   แสงตะวันส่องลอดเงาไม้ด้านบนลงมาเป็นลำแสงบางๆ สระน้ำยังคงใสสะอาด แต่ในสระไม่ได้มีเพียงน้ำใสและกอบัวเท่านั้น ร่างเพียวขาวสะอาดกำลังแหวกว่ายอยู่ในสระนั้น เพียงแค่เห็น หัวใจของพรานหนุ่มก็เต้นแรงขึ้นทันที เขารีบสาวเท้าก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว

   กินนรพนิตรู้สึกฉงนใจอยู่สักหน่อย ปกติเวลาตนมาถึง ก็จะมีดอกไม้วางรอไว้แล้ว แต่วันนี้กลับไร้วี่แวว เอาเถอะ สารที่เขียนไว้เมื่อวานหายไปแล้ว ฝ่ายนั้นคงได้อ่านแล้วคิดได้เสียที แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายสอดส่ายสายตามองหา เผื่อว่าจะมีดอกไม้วางอยู่ที่ไหนสักแห่ง
   อืม... ที่จริงแล้วก็อยากจะเห็นหน้าคนที่เอาดอกไม้มาวางเหมือนกัน ไม่แน่นักหรอก บางทีอาจจะเป็นสาวงามก็ได้ สาวๆ เดี๋ยวนี้เก่งออกจะตายไป เมื่อสองวันก่อน นางกินรีตนหนึ่งยังถีบพญาครุฑที่เข้ามาเกาะแกะเสียจนหน้าแหกเลย

   หัวใจของพรานหนุ่มเต้นรัวเป็นจังหวะกลอง ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะออกไปให้กินนรตนนั้นเห็นตัว แต่พอเอาเข้าจริงๆ ขาสองข้างกลับก้าวไปไม่ออก แค่ได้เห็นหน้าก็อยากจะหยุดเวลาเอาไว้แล้ว อยากจะมองให้นานที่สุด ก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีกเลย
   ขอเวลาให้เขาอีกสักนิดก็ยังดี
   กินนรตนนั้นยังคงแหวกว่ายอยู่ในสระ พลางมองหาสิ่งแปลกปลอมที่น่าจะแอบซ่อนอยู่ คนเอาดอกไม้มาวางเป็นใครกันนะ วันนี้จะมาอีกหรือเปล่า? หรือจะถอยไปแล้ว เพราะว่าสารที่เราเขียนไว้เมื่อวานนี้ อืม... เช่นนี้เราก็คงไม่ได้เห็นหน้าคนผู้นั้นเลยน่ะสิ
   ระหว่างที่กำลังคิดจินตนาการถึงโฉมหน้าของผู้เอาดอกไม้มาวาง ว่าอาจจะเป็นสาวงามจากเมืองไหน จู่ๆ กินนรก็สะดุ้งเฮือก เมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรมารัดที่ขา
   “นี่มัน!!” กินนรตนนั้นร้องอุทานด้วยความตกใจ นาคจากไหนก็ไม่รู้ กำลังเลื้อยรัดร่างกายของตนอยู่ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเจอนาคที่นี่นี่นา
   อันที่จริงแล้ว ลำพังกำลังของกินรน สามารถเอาชนะนาคตนเล็กๆ แบบนี้ได้สบาย เสียแต่ตอนนี้ร่างกายท่อนล่างเป็นเพียงแต่เท้าเปลือยๆ ไม่มีเล็บไม่มีเดือยเอาไว้ต่อกรกับนาคได้เลย ถึงแม้จะสลัดหลุด แต่นาคก็ยังเลื้อยเข้ามารัดเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว เล่นเอากินนรตนนั้นสับสนจนทำอะไรไม่ถูก จึงโดนนาครัดสูงขึ้นมาเรื่อยๆ ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่าง ร่วงหล่นลงมาในสระ
   พรานโจแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเห็นนาคที่นี่มาก่อน แล้วมันโผล่มาได้ยังไงกัน ปัญหาคือตอนนี้นาคตนนั้นกำลังรัดกินนรที่เขาหลงรักอยู่ รัดจากขาลามมาถึงโคนขาอ่อน เกี่ยวพันเอาอวัยวะสงวนเข้าไปด้วย กำลังจะรัดไปถึงหน้าอกอยู่แล้ว บ้าจริง! นาคลามกแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้แล้วล่ะ
   นายพรานหนุ่มกระโจนลงไปในสระอย่างลืมตัว หมายเพียงว่าจะไปสังหารนาคตนนั้นให้ตายคาที่ ค่าที่บังอาจแตะต้องเรือนร่างที่ควรจะรักษาเอาไว้ไม่ให้มีร่องรอยใด
   ระหว่างที่กำลังว้าวุ่นอยู่กับการดึงนาคออกจากตัว ซึ่งก็ไม่มีวี่แววว่าจะดึงออกไปได้ง่ายๆ มีแต่ยิ่งรัดสูงขึ้นมาเรื่อยๆ รัดแล้วยังทำลามกจนแข้งขาอ่อนไปหมด ขณะที่นึกเสียใจว่าคงต้องมาตายเพราะถูกนาครัดจนจมน้ำ มือของใครบางคนก็ยื่นมารั้งตัวเขา ก่อนจะกระชากนาคตนนั้นออกไป
   !!!!!!!!!!!!!
   ด้วยอารามความโมโห และหึง(?) พรานโจจับนาคตนนั้นฉีกเป็นสองท่อน ฟาดเข้ากับโขดหินจนแน่นิ่ง ก่อนจะจับโยนออกไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเป็นที่สุด ทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่อาจพ้นสายตาของกินนรตนนั้นไปได้
   ยักษ์!!??
   นอกจากยักษ์แล้ว ยังไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตชนิดไหนฉีกนาคออกเป็นสองท่อนได้ด้วยมือเปล่า กินนรพนิตพิศมองร่างที่อยู่ตรงหน้า ร่างกายสูงใหญ่ เสื้อผ้าที่พอเปียกน้ำแล้วก็ยิ่งเน้นให้เห็นกล้ามเนื้อแน่นๆ ด้านใน พอเงยขึ้นมองหน้าก็ต้องสะดุ้งเฮือก
   ยักษ์จากที่ใด ไฉนรูปงามปานนี้ ทั้งคิ้ว คาง ปาก ดูรับกันได้รูปไปหมด ผิวออกแทนนิดๆ ยิ่งดูน่าหลงใหล ไม่นึกเลยว่าจะมียักษ์รูปงามแบบนี้อยู่
   ขณะที่กำลังเหม่อมองอย่างตกตะลึง ร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งจะซัดนาคทิ้งไป ก็หันกลับมา แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย “เป็นอะไรมากหรือไม่?”
   ศรรักที่ก่อนหน้านี้ปักติดอกนายพรานหนุ่มมาเนิ่นนาน พอได้สบตากันเป็นครั้งแรก ก็กระเด็นไปปักอกกินนรตนนั้นอย่างรวดเร็ว เล่นเอาอีกฝ่ายเข่าอ่อน ล้มซบลงไปกับแผ่นอกกว้างอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่
   !!!
   พรานหนุ่มรีบโอบประคองร่างนั้นไว้แนบอกด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะกระซิบถาม “ตกใจมากหรือ?”
   “อืม” กินนรตนนั้นส่งเสียงในคอ ก่อนจะหน้าแดงด้วยความขวยเขิน เมื่อพบกว่าตนเองกำลังซบอกชายแปลกหน้าอยู่
   “จะ... เจ้าเป็นผู้ใด” พอรู้สึกตัว ร่างผอมบางก็รีบผละออก แม้จะรู้สึกแปลกใจที่ยักษ์ไม่น่าจะกลิ่นตัวอ่อนขนาดนี้ แต่ยักษ์อย่างไรก็คือยักษ์ อาจจะหวังจับตนฉีกกินเป็นอาหารก็ได้ ถอยห่างไว้ก่อนเป็นดี
   พรานหนุ่มยื่นมือไปรั้งแขนของอีกฝ่ายไว้ด้วยสัญชาตญาณ ก่อนจะตะกุกตะกักพูดไป “ขะ.. ข้าเป็นพรานอยู่แถวนี้”
   กินนรสะดุ้งวาบ “จะ... เจ้าเป็นมนุษย์หรือ?”
   ฝ่ายนั้นพยักหน้า ทำเอากินนรขมวดคิ้ว ก่อนจะมองสำรวจร่างตรงหน้าใหม่... อืม... ร่างกายก็สูงใหญ่ผิดมนุษย์ทั่วไปพอสมควร แต่ท่าทางไม่เหมือนยักษ์เสียทีเดียว แถมยังรูปงามจนนึกหาผู้ใดมาเปรียบไม่ออก นี่ใช่มนุษย์ทั่วไปจริงหรือ?
   “เจ้าอยู่ที่ไหน?”
   “หมู่บ้านด้านนอก”
   “เข้ามาทำอะไรที่นี่”
   คราวนี้พรานหนุ่มหน้าแดงขึ้นมา ขยับมือไปกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้ “ข้ามาหาท่าน”
   “?”
   “ข้าหลงชอบท่าน แอบมองท่านมานานแล้ว”
   “?!” กินนรตนนั้นเบิ่งตามองร่างตรงหน้าอีกครั้ง “อย่าบอกนะว่าเจ้า... คือคนที่เอาดอกไม้มาวางบ่อยๆ”

   “อืม” พรานหนุ่มพยักหน้าตอบ “ท่านชอบไหม? ถ้าชอบอย่าไปไหนเลยนะ ข้าแค่อยากเห็นท่านมีความสุข ไม่ได้หวังอะไรจากท่านเลย”
   ศรรักปักลึกกว่าเดิม กินนรตนนั้นถึงกับหน้าแดงไปถึงใบหู “เจ้ามาซุ่มอยู่ตั้งแต่เมื่อใด”
   “สักพักแล้ว”
   “มาซุ่มแบบนี้ทุกครั้งหรือไม่?”
   “อืม...”
   “แอบดูข้าอาบน้ำหรือ?”
   คราวนี้ฝ่ายพรานหนุ่มยิ่งหน้าแดงจัดเข้าไปอีก ได้ยินเสียงอีกฝ่ายพูดเคืองๆ “ลามก”
   เพราะกลัวกินนรจะหนีไป พรานโจเลยรีบโอบเอวของอีกฝ่ายเข้ามาแนบตัว “ข้าขอโทษ ข้าหลงรักท่านมาเนิ่นนานแล้ว”
   กินนรตนนั้นดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนด้วยความอับอาย “จะบ้าเรอะ! ข้าเป็นตัวผู้ เจ้าเป็นผู้ชาย จะมาหลงรักกันได้ไง”
   พรานหนุ่มไม่ยอมปล่อยง่ายๆ เหมือนทำตัวเป็นนาคซะเองแล้ว กินนรดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด “เป็นชายแล้วอย่างไร ข้าชอบท่าน ได้เจอท่านแล้วมีความสุข มันผิดมาหรือ? ท่านเล่า จะปฏิเสธเพียงเพราะข้าเป็นชายหรืออย่างไร?”
   “หึ! เราเพิ่งเคยเห็นเจ้า หากตอบตกลงไปสิแปลก” อีกฝ่ายกล่าว พลางผลักไสร่างนั้นเป็นการใหญ่ “ปล่อยเรานะ จะฆ่าเราหรือ?”
   พรานโจใจหายวาบ กลัวก็กลัวว่าจะทำกินนรได้รับบาดเจ็บ แต่อีกใจก็กลัวว่าปล่อยไปแล้วอีกฝ่ายจะไปลับ ไม่กลับมาเลย ดังนั้นจึงคลายอ้อมแขนออกหน่อยหนึ่ง แต่ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ “อย่าไปเลยนะ”
   กินนรสะดุ้ง เพราะฝ่ายนั้นขยับหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจรดกัน
   “ให้เราได้คุยกันอีก ให้ข้าได้เอาดอกไม้มาให้ท่านอีก ให้เราได้เจอกันไปสักพัก ถ้าท่านไม่ชอบข้าจริงๆ ข้าจะได้ตัดใจ”
   พูดไปแต่ในใจหวังจะยืดเวลาไปเรื่อยๆ ขอแค่กินนรตนนี้ตกลง เขาจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายไป
   กินนรหน้าแดงจัดไปจนถึงใบหู เจ้านี่เป็นลูกยักษ์หรือไร ไฉนแรงมากจริงๆ แรงมากไม่พอ หน้าตาก็หล่อเหลา ร่างกายก็กำยำแข็งแรง แค่อยู่ใกล้ๆ ไม่ต้องหายใจรดก็แทบเข่าอ่อน แบบนี้ท่าทางจะไม่ดีแน่ๆ
   “เรา... เราไม่ชอบเจ้าหรอก” กินนรตอบ แต่กลับไม่อาจขยับตัวหนีอ้อมแขนที่โอบไว้หลวมๆ นั้นได้ ได้ยินเสียงอีกฝ่ายกระซิบแผ่ว “ทำไมเล่า ข้าไม่ดีตรงไหนหรือ?”
   “.........................”
   พรานโจเห็นกินนรหน้าแดงจัดก็อดใจเต้นแรงกว่าเดิมไม่ได้ แถมพวงแก้มเรื่อนั้นเหมือนในฝันไม่ผิด ระหว่างรอฟังคำตอบก็อดใจตัวเองไม่ไหว แนบจูบลงไปครั้งหนึ่ง
   จูบเบาๆ ที่แก้มกลับทำเอากินนรตนนั้นสั่นสะท้าน แข้งขาอ่อนจนล้มซบกับอกกว้างอีกรอบ “อ๊ะ...”
   ด้วยความตกใจ สองแขนอ้าผวากอดร่างสูงใหญ่เอาไว้ ร่างกายที่แนบชิดกันพลันร้อนวูบวาบ พรานหนุ่มได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรง เขาก้มหน้าลงใกล้กินนรตนนั้นอีก
   “ข้ารักท่านนะ”
   ความจริงกินนรตั้งใจจะขยับตัวหนี แต่เอาเข้าจริงร่างกายกลับอ่อนปวกเปียก จนฝ่ายนั้นแนบจูบลงมาบนแก้มอีกครั้ง ความอุ่นร้อนแผ่วาบไปทั้งตัว แทบจะละลายกระดูกกระเดี้ยวได้ สองแขนตะกายกอดร่างสูงใหญ่แน่นอีก
   สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เลือดของพรานหนุ่มสูบฉีดไปทั้งตัว ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีโอกาสได้ตระกองกอดกินนรในความฝันเอาไว้แบบนี้ ได้เกี้ยวพาฯในสระน้ำใสที่เฝ้ามาแอบมองบ่อยครั้ง ยิ่งพอเห็นอีกฝ่ายเผยอปากด้วยใบหน้าแดงจัดแล้ว ชายหนุ่มก็เริ่มควบคุมตนเองไม่อยู่ เขาค่อยๆ แนบริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากนั้น แล้วดูดดึงมันอย่างอ่อนโยนอย่างที่เคยทำในฝัน   กินนรตนนั้นร้องครางอยู่ในคอลึกๆ ฟังดูน่าหลงใหลมากจริงๆ
   เสียงน้ำดังจ๋อมแจ๋ม ขณะที่สองร่างกระหวัดรัดกันแนบแน่น มือใหญ่โลมลูบสะโพก พลางฝังจูบลงบนซอกคอขาวจัด เสียงครางต่ำๆ ยิ่งเร้าอารมณ์อย่างร้ายกาจ กินนรถูกเล้าโลมจนเลือดในกายฉีดพล่าน ผิวกลายเป็นสีชมพูเรื่อ สองตาฉ่ำเยิ้ม ขยับมือลูบไล้แผ่นหลังกว้างอย่างหลงใหล
   ริมฝีปากสองคู่ขยับมาบรรจบกันอีกรอบ ต่างฝ่ายต่างดูดเม้มกันและกันอย่างหิวกระหาย ขณะที่กำลังพลอดรักกันอย่างดูดดื่ม เสียงกระแอมไอของใครบางคนก็ดังขึ้น
   “อะแฮ่ม!”
   สองร่างรีบผละออกจากกันเหมือนมีอะไรมาผลัก พอหันหน้ากลับไปก็เห็นคนธรรพ์ตนหนึ่งยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่
   “ภูมิ!”
   ผู้ยืนอยู่พยักหน้า แล้วพูดด้วยท่าทางตกใจไม่หาย “อุตส่าห์รีบแวะมาดู กลัวว่าจะพลั้งมือฆ่าใครอีก ไม่นึกเลย เจ้ากลับมีรักดูดดื่มภายในชั่วข้ามวันเสียแล้ว”
   กินนรหน้าแดงจัด “ไร้มารยาท มาซุ่มดูอยู่ตั้งแต่เมื่อใด”
   “ไม่นานหรอก” อีกฝ่ายตอบ พลางยิ้มเจื่อนๆ “ถ้ามาช้ากว่านี้อีกนิด สงสัยจะไม่ทัน”
   ไม่ทันอะไรน่ะ?! กินนรนึกสงสัย ก่อนจะหน้าแดงกว่าเดิมเมื่อระลึกได้ว่า เมื่อครู่ตนกำลังทำอะไรอยู่ ถ้าไม่ได้ยินเสียงกระแอมล่ะก็..........
   “เฮ้ย!” คนธรรพ์ร้องด้วยความตกใจ เมื่อกินนรวักน้ำสาดด้วยความโมโห “ข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมา เจ้าเพื่อนชั่ว!”
   คนธรรพ์ได้ยินก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังเขินอย่างหนัก เขาพลาดเองที่มาผิดเวลาแบบนี้ แต่ทำไงได้ ก็มันไม่อยากเห็นฉากบาดตาบาดใจมากไปกว่านี้นี่นา
   “ใจเย็นพนิต เจ้าทำตัวดุแบบนี้ เดี๋ยวมนุษย์นั่นก็ผละหนีไปหรอก”
   กินนรได้ยินแล้วก็ชะงักกึกทันที ก่อนจะหันไปมองพรานหนุ่ม และเห็นว่าอีกฝ่ายหน้าแดงจัด “ข้าไม่หนีหรอก ท่านนั่นแหละ มาขัดจังหวะคนอื่นเขาทำไม”
   คนธรรพ์ถึงกับนิ่วหน้า “เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่... คนเขาหวังดี ไม่อยากให้ทำบัดสีบัดเถลิงกลางป่า ยังจะมาว่าอีก”
   สองร่างที่อยู่ในน้ำหน้าแดงวาบ ขณะที่คนธรรพ์นึกแย้งคำพูดตัวเองอยู่ในใจ
   ถ้าสลับตัวกันนะ รับรองข้าไม่หยุดกลางคันแน่ เจ้าหมอนี่ว่าง่ายชะมัดเลย
   กินนรเงยหน้ามองเพื่อน พอเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ก็พอเดาได้ว่าคิดอะไรอยู่
   “ภูมิ”
   “หืม?”
   “คิดทุเรศอะไรอยู่น่ะ?”
   “เปล่า” อีกฝ่ายตอบหน้าซื่อ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนถามมีสีหน้าวางใจแต่อย่างใด กินนรหันหน้ามาหาพรานหนุ่มที่ยืนอึ้งเพราะถูกขัดจังหวะอยู่
   “ขอโทษนะ ข้าคงต้องไปแล้วล่ะ” พูดพลางยกมือขึ้นลูบอกหนุ่มน้อยเบาๆ “พรุ่งนี้เจ้าจะมาอีกมั้ย?”
   นายพรานหนุ่มจับมือนั้นไว้อย่างตื่นเต้น ก่อนจะพยักหน้า “ถ้าท่านมา ข้ามา”
   กินนรพยักหน้าอายๆ “อืม... งั้น... ข้าจะมาเจอเจ้าที่นี่แล้วกัน”
   พรานหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองขึ้นสวรรค์ อดไม่ได้ต้องรั้งตัวกินนรเข้ามากอด อย่างไม่อายสายตาคนธรรพ์ที่ยืนมองอยู่ “ข้ารักท่านนะ รักท่านที่สุดเลย”
   กินนรหน้าแดง ยกมือผลักไสอีกฝ่ายเบาๆ “คำรักไฉนเจ้าพูดง่ายนัก”
   “เพราะข้ารักท่านหมดหัวใจ รักจนเก็บงำเอาไว้ไม่อยู่แล้ว”
   ผู้ได้ฟังหน้าแดงกว่าเดิม “ปากดีจริงๆ อยากรู้ว่าเจอกันบ่อยๆ เจ้าจะกลืนคำพูดกลับหรือไม่”
   พรานหนุ่มตอบยิ้มๆ “ถ้าท่านอยากรู้ ข้าพร้อมสนอง ข้าจะมาเจอท่านทุกวัน เผื่อบางที... ท่านอาจจะชอบข้าบ้าง”
   “หึ!” กินนรแค่นเสียง ก่อนจะผลักอกเขาเบาๆ “ข้าต้องไปแล้ว”
   พรานหนุ่มไม่อยากจะปล่อยมือเลย แต่เมื่อเห็นสีหน้าอึดอัดคับข้องของอีกฝ่ายก็จำต้องคลายวงแขนออก
   “พรุ่งนี้ท่านจะมาอีกใช่ไหม?” เขาถาม ขณะมองอีกฝ่ายสวมปีกหางโดยกันคนธรรพ์ให้ออกไปห่างๆ ท่าจะโมโหจริงๆ จัดการตัวเองเสร็จก็ยกขาเตะอีกฝ่ายทีหนึ่ง คนธรรพ์ถึงกับหน้าเสีย เพราะถูกเดือยอัดเข้าที่ขาเต็มๆ ดีที่หนังเหนียวเพราะอยู่มานาน เลยไม่มีแผล มีแค่รอยช้ำนิดๆ กินนรตนนั้นพูดโดยไม่หันกลับมามอง “เจอกันพรุ่งนี้”
   จากนั้นก็โผบินออกไป คนธรรพ์รีบตามไปติดๆ “พนิต รอด้วย ข้าขอโทษ”
   ทิ้งพรานหนุ่มเอาไว้กลางสระ พร้อมกับรสสัมผัสที่ยังค้างคาในอารมณ์
-------------------------------------------
   “หน้าระรื่นเชียวนะ” พรานกั้งที่นั่งหน้าหงิกอยู่บนแคร่หน้าบ้านเอ่ยทัก ทันทีที่เห็นเพื่อนเดินออกมาจากป่า พรานโจพยายามหุบยิ้ม ได้ยินเสียงอีกฝ่ายถามอีก “สมรักแล้วล่ะสิ ทำในน้ำเป็นไง?”
   “เฮ้ย!” อีกฝ่ายขึ้นเสียงใส่ทันที “ทำในน้ำอะไรเล่า!”
   “อ้าว ก็เห็นเจ้ากับกินนรตนนั้นกอดรัดกันในสระ ท่าทางจะสมหวังกันทั้งคู่แน่ๆ ตกลงไม่ได้ทำอะไรกันรึ?”
   พรานโจเลยเล่าเรื่องที่คนธรรพ์มาขัดจังหวะให้ฟัง ก่อนจะถามกลับ “เจ้าพูดอย่างกับอยู่ที่นั่นด้วยงั้นแหละ”
   คนเป็นเพื่อนพยักหน้าอย่างไม่ปิดบัง “แน่นอน ข้าแอบตามเจ้าเข้าไป ไปเพื่อช่วยเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ”
   คนฟังทำหน้าไม่เข้าใจ จนอีกฝ่ายหยิบบ่วงรูปนาคที่ขาดครึ่งออกมา “นี่! เห็นทีต้องเชื่อเรื่องที่คนเก่าคนแก่เขาเล่าบ้างแล้วล่ะว่าเจ้าเป็นลูกยักษ์กับคนธรรพ์คลอดทิ้งไว้ คนอะไร ฉีกนาคออกเป็นสองท่อนได้”
   “ดะ.. เดี๋ยวก่อน” อีกฝ่ายรีบพูดแทรก “อย่าบอกนะว่า นาคตัวนั้นน่ะ...?”
   “อืม บ่วงน่ะ” พรานกั้งพูด “อุตส่าห์ไปขอเช่ามาให้เจ้าเลยนะ ใครบ้ามันจะไปคิดว่าเจ้าจะแรงยักษ์ขนาดนี้” พูดพลางหันมาถลึงตาใส่ “เจ้าสมรักเพราะข้าช่วย เพราะงั้น เจ้าต้องมาทำงานชดใช้ค่าบ่วงนี้ด้วย”
   ถึงพรานโจจะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่พอเห็นว่าข้าวของเพื่อนเสียหาย ก็เต็มใจจะช่วย อีกอย่าง ตอนนี้กำลังอารมณ์ดี ให้ช่วยอะไรก็จะช่วยทั้งนั้น
   “ได้ ข้าจะจ่ายค่าเสียหายให้เจ้าเอง”
   “ดี พรุ่งนี้ไปช่วยข้าขายของ”
   “แต่พรุ่งนี้ต้องไปพบกินนรพนิตก่อน”
   “..............”
   “มะรืนแล้วกัน”
   “แล้วถ้าเขานัดเจอมะรืนอีกล่ะ?”
   “.......................”
   “โจ.........”
   “มะรืนๆ ข้าจะบอกเขาว่ามะรืนไม่ว่าง เขางคงไม่หนีไปไหนหรอก”
   “อืม... สาธุ ขอให้ทำจริงเถอะ” พรานกั้งว่า จากนั้นทั้งคู่ก็แยกย้ายกันเข้าบ้าน
----------------------------------------
   คืนนั้นพรานโจฝันดี ฝันว่าได้กินนรตนนั้นมานอนข้าง ได้กอดได้จูบ และทำสารพัดอย่างที่เคยฝันเอาไว้ก่อนหน้านี้ แล้วพอตื่นมาก็ได้ฟังเสียงในตอนเช้าด้วย
   แถมยังอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวันอย่างกับเป็นความจริงแน่ะ...


   หลังจากนั้นสองวัน พรานกั้งก็ได้คนมาช่วยขายของเพิ่ม
   “เราชื่อพนิต” ชายวัยกลางคนท่าทางสะโอดสะองพูด ขณะออกมาจากบ้านพรานโจ โดยมีเจ้าของบ้านเดินตามไม่ห่าง พร้อมส่งสายตารักใคร่ ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
   พรานกั้งไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี ที่มีคนมาช่วยขายของเพิ่ม เอาน่ะ... อย่างน้อย ถ้าเกิดเจ้ากินนรนี่ไม่อยากกลับที่พัก อาจจะขอปีกขอหางมาขายได้ คราวนี้คงกำไรอื้อ
   แต่ขณะที่กำลังจะออกไปขายของด้วยกัน ชายวัยกลางคนท่าทางเจ้าสำอาง แถมหล่อทุกกระเบียดก็เดินเข้ามา
   “ขอโทษนะ ขอข้าไปด้วยคนสิ ข้าชื่อภูมิ”
   “กั้ง เอาไปเลย” โจรีบผลักภาระให้เพื่อนทันที พรานกั้งเลยต้องรับดูแลคนธรรพ์ที่ตามออกมาดูแลกินนรตนนั้นอีกที
   อืม.... ไว้โจเผลอเมื่อไหร่ เขาจะจับทั้งกินนร ทั้งคนธรรพ์ เอาไปเปิดหมวกของแปลก คงจะได้กำไรบานเบอะแน่ๆ
   แต่ก่อนหน้านั้น.... ขอขายของเอาเงินไปใช้ค่าบ่วงนาคก่อนก็แล้วกัน
----------------------------------------------
(จบ)
**งานนี้โจสมรักเพราะเพื่อนและนาค(?)ช่วย... แต่ของจริงโจจะสมรักด้วยตัวเองไหวไหม (เออ แต่ก่อนหน้านี้เพื่อนก็ช่วยดันกันทุกทิศทุกทาง)

แล้วฉากสวีทกิ๊บกิ้วของพี่นิตและนายโจแม้จะเป็นฟิกก็ยังมีตัวมารมาขัดขวางอยู่ดี (น่าสงสารคุณภูมิเนอะ?!)

เนื่องจากขายคำต้องห้ามให้คุณyayee2ไปหมดแล้ว (โดนคุึณyayee2เตะกระเด็นไปนอกโลก) ตอนนี้เลยเหลือแต่คำว่า "หนังเหนียว" เอาไว้ให้พี่ภูมิแทน (<<ยังจะเล่น)

ฟิกหมดแล้วนะคะ พร้อมสายลับเล่ม8ที่แก้เนื้อหาเสร็จแล้ว เหลือแต่จัดหน้า แต่... อย่าคิดว่าเคราะห์กรรมจะหมดไป เพราะยังเหลือเล่มพิเศษที่ยังเขียนไม่จบอีก

อ๊ากกกกกกกกก :z3:

ลาตายถึงปลายก.พ.เลยค่ะ ดองสิ้นทุกสิ่งอันจนกว่าสายลับจะเสร็จนะคะ :z10:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก(บ.ก.vsนักเขียน:แก่อีกแล้วล่ะ)P21:30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 31-01-2012 16:05:04
ขณะที่รอเราจะนั่งเล็มคุณพนิตไปพลาง
กว่าจะหมดก็คงได้อ่านสายลับพอดี


หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 31-01-2012 16:26:12
555555555 high of imagination na kha khun!!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 31-01-2012 16:32:22
ต่อจากสายลับ ก็ถึงคิว "หงคงฉ่วย"  หุ หุ หุ  กดดันกันต่อปายยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 31-01-2012 18:16:50
ต่อจากสายลับ ก็ถึงคิว "หงคงฉ่วย"  หุ หุ หุ  กดดันกันต่อปายยยย

คิวคุณไพฑูรย์ก่อนค่ะพี่.... ใจเย็นๆ หงคงฉ่วยราวๆ กลางปีค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 31-01-2012 18:41:34
เป็นเรื่องคั่นเวลาที่น่าอ่านจิงๆ แต่ขอเรื่องหลักด้วยได้ปะ??
น้าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 31-01-2012 19:08:47
จะเป็นกินนรหรือคุณพินิตของแท้ต้องเป็นลมบ่อยๆ แล้วต้องใจอ่อนกับพราน(โจ)ด้วย :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 31-01-2012 19:12:53
กินนรพนิตเนี่ยน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 31-01-2012 20:38:22
โจ ซาดิสม์!!! ฮ่าฮ่าาาาาาา
เห็นพี่นิตโดนลวนลามไม่ได้ เอิ้กๆๆๆ เข้าไปฉีกนาคเลยอ่ะ โฮ้ววว เก่งมากๆเลยค่ะ
ตบมือแปะๆๆ

ตอนนี้ถ้าไม่ได้กั้งช่วย ความรักของ กินนร กับ นายพรานจะบังเกิดมั๊ยคะเนี่ยยยย อ๊ายยย

แต่เคืองคุณภูมิอ่ะ!!! มาขัดจังหวะได้ยังไง!
โฮ่่่ๆๆๆ นายพรานกับ กินนร กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลยอ่าาาาา


อ๊ายยย ฟิคชั่นที่อ่านแล้วอารมณ์ดี๊ดี อิอิ

รอตอนต่อไปของคุณพนิตกับโจเหมือนเดิมค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 31-01-2012 20:47:44
เราไม่กลัวJuon ดองหรอก เดี๋ยวก็ต้องกลับมาเขียนต่อเพราะนิสัยคล้ายกัน
เวลาจะทำงานจำเป็นและสำคัญอะไรซักอย่าง มันต้องเบี่ยงความสนใจไปทำอันที่สำคัญน้อยกว่าก่อนทุกที่
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 31-01-2012 21:02:26
พรานโจนี่จะน่ารักไปไหนเนี่ย
พรานที่ไหนเค้าแอบดูอย่างเดียว
เค้าต้องจับกลับบ้านสิ!!

แอบเคืองคนธรรพ์ภูมิ
ขัดจังหวะทั้งพรานทั้งกินนร ทั้งคนอ่าน  :z3:

อ่านฟิคไปเขินไป
กินนรคงจะสวยน่าดู อยากไปแอบดูบ้าง  :haun4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 31-01-2012 21:29:00
ยี่ห้อพนิตนี่ไม่ว่าจะอยู่ในร่างไหนๆ เจอจูบโจเข้าไปก็วิงเวียนคล้ายจะเป็นลมอยู่ร่ำไป
วันหลังเจอกินนรแล้วอยากรู้ว่าชื่อพนิตหรือเปล่าต้องเอาหน้ากากโจมาใส่ ถ้าเป็นลมก็คงใช่ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 31-01-2012 21:32:00
อ่านตอนที่19 นึกถึงเพลงของพี่นิตเป็นเพลง  จะรักฉันถึงเมื่อไหร่(แอน ธิติมา)
ไม่รู้ว่าเราเข้าใจความรู้สึกของพี่นิตถูกหรือป่าว :m23:
เเถมเพลงของนายโจ เรานึกถึงเพลง ฝากไว้ในใจเธอ(3dc) :m13:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 31-01-2012 21:55:46
อ่านไปรู้สึกว่าโจนี่ก็ฮาดีเหมือนกัน :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 31-01-2012 21:57:43
ฟิคนี้โจดูกล้าขึ้นเยอะเลย แถมพี่นิตก็ดูจะไม่เป็นลมง่ายด้วย :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: pak_kikkok ที่ 31-01-2012 22:48:32
หลงรักพรานโจ ฮ่ าา
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 01-02-2012 03:48:32
ตาโจมือไวกว่าปากเหมือนเดิม


พี่นิตก็เปนขี้ผึ้งลนไฟเช่นเดิม หึๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 01-02-2012 06:39:56
แล้วกินนรพนิต ไม่เลือดกำเดาไหล หรือ เป็นลม หรือ ตอนอิ๊อ๊ะ กับ นายพรานโจอ่า 555

เหมือนพรานกั้งจะได้คู่คุณภูมิไปในตัวด้วยนะเนี่ย  ถ้าได้เรื่องของคู่นี้มาคั่นเวลาสักเรื่อง
คงน่ารัก น่าเอ็นดู มาก

แฟนคลับ กั้ง+ภูมิ ยกธงสะบัด ขอเรื่องของคู่นี้สักตอน 2 ตอนนะค่ะ 

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 01-02-2012 07:01:20
แล้วกินนรพนิต ไม่เลือดกำเดาไหล หรือ เป็นลม หรือ ตอนอิ๊อ๊ะ กับ นายพรานโจอ่า 555

เหมือนพรานกั้งจะได้คู่คุณภูมิไปในตัวด้วยนะเนี่ย  ถ้าได้เรื่องของคู่นี้มาคั่นเวลาสักเรื่อง
คงน่ารัก น่าเอ็นดู มาก

แฟนคลับ กั้ง+ภูมิ ยกธงสะบัด ขอเรื่องของคู่นี้สักตอน 2 ตอนนะค่ะ 



้เรื่องคู่นี้ ลับลวงพราง น่าดูนะคะ (ถ้าเขียนคู่นี้ล่ะก็ น่าจะเป็นคู่แรกในประวัติศาสตร์การเขียนของเรา ที่นายเอกและพระเอก ไม่ซิงทั้งคู่ ฮ่าๆๆๆ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 01-02-2012 09:41:10
พรานโจน่ารักจริงๆ อีตาภูมิไม่น่ามาขัดเลย :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 01-02-2012 10:24:18
ยังอุตส่าห์มีคำว่าหนังเหนียวโผล่มาจนได้ 5555

อยากให้มีตอนต่อมากๆ เลยค่า ชอบๆๆๆๆ  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 01-02-2012 11:27:08
ขำอ่ะตอนพิเศษ ขอให้โจสมหวังโดยเร็วเหมือนฟิค
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 01-02-2012 12:20:52
้เรื่องคู่นี้ ลับลวงพราง น่าดูนะคะ (ถ้าเขียนคู่นี้ล่ะก็ น่าจะเป็นคู่แรกในประวัติศาสตร์การเขียนของเรา ที่นายเอกและพระเอก ไม่ซิงทั้งคู่ ฮ่าๆๆๆ)

ให้มันได้อย่างนี้สิคะ...มันถึงจะสมน้ำสมเนื้อ!!!!!! o13
อยากได้สักตอนสองตอนเลยล่ะค่ะ พอพูดมาอย่างนี้...แอบจิ้นไปถึง ถ้าสองคนนี้มีอะไรกัน มันจะเด็ด(ด้านไหน?) แค่ไหน ฮ่าฮ่า



เอ๊ะๆๆ แอบลืมไปเลย อย่างหงคงฉ่วย กับ เผิงๆ ก็ไม่ซิงทั้งคู่ไม่ใช่หรือ? เอ๊ะ? หรือว่า สำหรับเผิงๆแล้วซิง(ถ้าเทียบว่าไม่เคยมีอะไรกันกับผู้ชาย อ๊ายยยยย)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine538 ที่ 01-02-2012 16:20:31
นี่ถ้าไม่มี บ่วงนาค ของพรานน้องกั้ง พรานน้องโจจะได้ขยับเข้าไปใกล้กินนรพี่พนิตป่ะเนี่ย  :เฮ้อ:

แต่... พอได้โอกาส พรานน้องโจก็ฉวยโอกาสโดยพลัน ...ให้มันได้งั้นสิ !!!

กินนรพี่พนิต คงต้องเตรียมยาดม ยาอม ยาหม่อง เอาไว้บรรเทาอาการวิงเวียนหน้ามืดแล้วแหละ เล่นเข่าอ่อนซะขนาดนั้น  :laugh:

รออ่านเสมอค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 02-02-2012 05:15:43
บางทีแอบคิดว่าที่เรื่องผีเสื้อไม่ค่อยเดินนี่เป็นเพราะทชชี่กามตายด้านรึเปล่านะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 02-02-2012 06:30:16
บางทีแอบคิดว่าที่เรื่องผีเสื้อไม่ค่อยเดินนี่เป็นเพราะทชชี่กามตายด้านรึเปล่านะ

เปล่าจ้า เรื่องมันเขียนยากน่ะ ปมเยอะ ฮ่าๆๆๆๆๆ (รีบออกตัวทันใด ฮ่าๆ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: MM.Dog ที่ 02-02-2012 20:21:59
เห็นคุณพนิตผ่านสายตาโจ  หลังจากที่เห็นโจผ่านสายตาคุณพนิตมานาน
คุณพนิตดูดีเวอร์เลยสินะคะ 
ที่สำคัญ...พรานโจใน Fic ชอบมาแอบดูกินนรพนิตอาบน้ำ
งั้นในเรื่องปกติที่คุณพนิตหันมาเจอโจมองอยู่บ่อยๆ ก็แสดงว่าโจตาทิพย์  สแกนเนื้อแท้คุณพนิตทะลุเสื้อผ้าเรอะ!!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 02-02-2012 21:57:39
ถ้า Fic ไม่ได้ตัดจบภายในสองตอน เนื้อเรื่องคงจะยาวไม่แพ้เรื่องหลักเป็นแน่ เพราะ พี่นิตกับน้องโจยังคงเรื่อย ๆ เช่นเดิม   
โจตกหลุมรักพี่นิต ชนิดหัวปักหัวปำตาม concept กล้าคิด จินตนาการในใจแต่ยังไม่กล้าแตะพี่นิตจริง ๆ (อีกแล้ว)
ส่วนพี่นิต ถึงจะหวั่นไหว วูบวาบ หลงรูปโจไปเต็ม ๆ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้กินง่าย ๆ (ตามเคย)
แถมดูไปดูมาเผลอ ๆ จะยาวกว่า เพราะ คุณภูมิมีจุดยืนชัดเจน คิดจะแย่งพี่นิตเต็มที่ ( ตัวอุปสรรคชิ้นใหญ่มาก )
แม้จะเป็นแค่ Fic โจก็ไม่ได้สมรส สมรัก สมหวังกับพี่นิตง่าย ๆ เนอะ...  :m23:

เรื่องของคุณภูมิ-น้องกั้ง จะซิง ไม่ซิง ไม่สำคัญ ที่น่าสนใจกว่า คือ คู่นี้น่าจะแซ่บ(?)มิใช่น้อย  :o9:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 05-02-2012 16:46:04
ตกไปอยู่หน้า 4 แล้วนะ พี่พนิตมาต่อเรื่องสักนิดเถอะค่ะ คิดถึงไม่ไหวจะเคลียร์
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 05-02-2012 18:00:12
ตามมาอ่านตอนพิเศษภาคพิศดารของเรื่องนี้

อ่านแล้วรู้สึกว่า คุณจูออนน่าจะกำลังเครียดจริงๆ :laugh: แซวเล่นนะคะ :กอด1:

เพราะภาคนี้สองตอนจบ พรานโจจะมามัวเขินขี้อาย กินนรพนิตจะมามัวใจแข็งมากไม่ได้  o18

พอดีเห็นในครึ่งแรกค่ะ

พอได้แหวนที่ทำจากดอกดาวเรืองแล้ว กินนรตนนั้นก็ขึ้นจากสระ บินกลับทีพักไป พร้อมกับพาหัวใจพรานหนุ่มโบยบินไปด้วย

ดอกดาวกระจายที่ปลูกไว้โดนเสกกลายเป็นดอกดาวเรืองเรียบร้อยแล้ว


รอพี่นิตกับน้องโจนะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 05-02-2012 18:35:11
กรี๊ดดดดดดด
เค้าชอบฟิค  เค้าชอบแบบนี้ อ๊าาาา
เค้าจะเอาแบบนี้อีก
จะเอาๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  :impress2: :impress2: :impress2:

//โดนตบ ><
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 05-02-2012 20:44:38
ไปต่างจังหวัดและติดงานรวมเล่มค่ะ...

คงยังไม่ได้อัพเร็วๆ นี้นะคะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 07-02-2012 02:19:05

ดัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 07-02-2012 18:02:17
คุณพนิตชวนน้องโจไปเที่ยววิมานด้วยหรือไงค่ะ ถึงหายแซ่บไปแบบนี้
คิดถึงแล้วนะ  คุณพนิตพากลับมาสระอโนดาษได้แล้วมั้งค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก-ฟิก2(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P21:31/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 14-02-2012 05:45:18
** เอาคุณพนิตมาส่งค่ะ

พอดีติดงานรวมเล่ม และเผชิญปัญหาส่วนตัวกะทันหัน พี่นิตเลยแอบหนีไปเที่ยวนานค่ะ แหะๆ

---------------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่20

            ถึงผมจะยอมรับว่าปิดบังต้นรักต้นใหญ่ที่สุภาพงษ์แอบมาปลูกไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าผมจะเคยชินกับมันนะ

            ดังนั้น พอสุภาพงษ์ทำท่าจะผลักผมลงบนโซฟา ผมจึงรีบพูดออกตัวทันที “โจ พี่ต้องกลับบ้านแล้วล่ะ”

            สุภาพงษ์เลิกคิ้วขึ้นหน่อยหนึ่ง “ทำไมล่ะครับ?”

            ผมนึกหาข้ออ้างเอาอย่างปัจจุบันทันด่วน เพื่อพาตัวเองให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่ยังไม่ได้เตรียมใจรองรับ “เออ พี่วางกับข้าวทิ้งไว้น่ะ สงสัยจะบูดหมดแล้ว ทิ้งไว้นานๆ เดี๋ยวแมลงสาบกับหนูมันจะแวะมาเยี่ยมบ้านเอา”

            ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง และมั่นใจว่าข้ออ้างของผมมีน้ำหนักพอที่จะทำให้เขาปล่อยผมกลับบ้าน สุภาพงษ์อึ้งไปสักพัก

            “งั้น... เดี๋ยวตอนเย็นผมไปส่งพี่นะครับ”

            “.......”

            “อยู่กับผมก่อนเถอะนะ” เขาพูด พลางทำหน้าอ้อนอย่างที่ผมไม่ค่อยได้เห็น ไม่สิ ผมว่าผมเริ่มเห็นบ่อยแล้วล่ะ หลังจากเขาถูกผมตบนะ แย่ล่ะสิ ผมยิ่งใจอ่อนกับเขาที่ชอบทำหน้าแบบนี้อยู่

            อืม.. เอาเถอะ ขนาดเขาทำหน้านิ่งๆ ผมยังจะใจอ่อนกับเขาจนยวบมาขนาดนี้เลย นับประสาอะไรกับเวลาเขาทำหน้าอ้อน....

            แต่ขืนปล่อยให้เขาอ้อนต่อไปแบบนี้ ผมมีหวังพลาดท่าเข้าสักวันแน่นอน

            “ก็ได้ แต่พอเย็นโจต้องไปส่งพี่นะ ไม่งั้นพี่จะกลับเอง” ผมยื่นคำขาดให้เขา ผู้ชายรูปหล่อที่ยังมีรอยช้ำตรงแก้มนิดๆ พยักหน้า ผมอดที่จะยกมือลูบแก้มเขาไม่ได้

            “โจฟันหักรึเปล่า?” ผมถาม เพราะนึกถึงข้อสังเกตของคุณากรขึ้นมา สุภาพงษ์เลิกคิ้วขึ้นหน่อยหนึ่ง “ไม่มีนี่ครับ ทำไมเหรอ?”

            “เปล่า พี่กลัวโจโดนตบฟันหักน่ะ เดี๋ยวจะต้องเสียค่าหมอกับค่าทำขวัญอีก”

            “พี่นิตไม่ได้มือหนักขนาดนั้นหรอกครับ” เขาว่า ไม่รู้ว่าพยายามจะปลอบผมรึเปล่า เลยได้แต่พยักหน้า “ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วล่ะ”

            “ผมห่วงพี่นิตมากกว่า” ผู้ชายรูปหล่อที่กอดผมอยู่พูด ก่อนจะอาศัยทีเผลอ หลอกล่อผมให้นั่งลงบนโซฟาจนได้... แถมไม่ได้นั่งบนโซฟาธรรมดานะ นั่งบนโซฟาที่มีตักเขารองอยู่อีกชั้นน่ะ

            “ไปตรวจสุขภาพอีกสักหนเถอะนะครับ” สุภาพงษ์พูดต่อ ผมเลยย่นคิ้วหน่อยๆ “พี่เพิ่งไปตรวจมาตอนต้นปี”

            “นี่มันปลายปีแล้วนะครับ ไปตรวจอีกครั้งเถอะ เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนก็ได้”

            พอเห็นสีหน้าจริงจังของเขา ผมก็จำต้องรับปากไปอย่างเสียไม่ได้ “อืม... เดี๋ยวพี่ค่อยไป โจทำงานเถอะ ไม่ต้องไปเป็นเพื่อนหรอก”

            อันที่จริง พักนี้ผมหน้ามืดบ่อยมาก สาเหตุหลักๆ ก็มาจากผู้ชายที่ผมนั่งตักอยู่นี่แหละ เขาจะรู้ตัวรึเปล่าว่าเป็นคนทำให้หัวใจผมเต้นผิดจังหวะ แต่ผมไม่บอกเขาหรอก กลัวเขาจะกังวลน่ะ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะผมตื่นเต้นเกินไปก็ได้

            แค่ได้เห็นหน้าเขา ถูกเขายิ้มให้ ผมก็ใจเต้นตึกๆ หัวใจเจ้ากรรมของผมมันแพ้เขามานานชาติแล้ว ทั้งๆ ที่ผมไม่อยากยอมรับเลยสักนิด

            และผมก็ยังไม่อยากยอมรับต่อไปอีกสักพัก เพราะผมกลัวจะแพ้เข้าจริงๆ สักวัน

            ผมอยากรอดูก่อน รอดูว่าผมกับเขาจะเดินไปด้วยกันได้ รอดูว่าผมจะทนเขาได้มั้ย... แค่รักคงไม่พอสำหรับคนวัยผมแล้ว ผมอยู่มานาน ชีวิตประกอบด้วยหลายสิ่งหลายอย่าง จะอาศัยความรักอย่างเดียวมาประคับประคองชีวิตคู่คงไม่ได้หรอก

            เพราะงั้น ผมขอทดลองอยู่ใกล้ๆ เขาไปก่อนแล้วกัน

           

“.........................”

ความเงียบเกิดขึ้นในห้องชั่วอึดใจ ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังสบตากับสุภาพงษ์อยู่ ดวงตาเขาดำสนิท เซื่อง และเหมือนกำลังจะสื่ออะไรบางอย่างกับผม แต่ผมไม่ใช่นักอ่านแววตา ผมคงระบุอะไรชัดไม่ได้

รู้แต่ พอสบตากันแล้ว หัวใจผมเต้นตึกๆ เหมือนมีวงกลองยาวอยู่ข้างในเลยทีเดียว

!!!!!!

ผมสะดุ้งเฮือก เพราะสุภาพงษ์อาศัยทีเผลอ ที่ผมมัวแต่จ้องตาเขาจนมึน แอบหอมแก้มผมอีกแล้ว เขานี่จอมฉวยโอกาสจริงด้วย

เพี้ยะ!

พอรู้สึกตัว ผมก็ยกมือตีไหล่เขาทันที ไม่รู้หรอกว่าตีแรงรึเปล่า แต่เห็นเขาสะดุ้งโหยงเลยน่ะ

“เจ็บเหรอ?” ผมถามออกไป ผู้ชายรูปหล่อตรงหน้าผมกะพริบตาสองสามครั้ง จากนั้นก็สั่นศีรษะ “เปล่าครับ ตกใจน่ะ”

“พี่ก็ตกใจ” ผมว่า แล้วยกมือลูบแก้ม ถึงไม่ใช่การหอมแก้มครั้งแรก แต่จู่ๆ มาฉวยโอกาสหอมกันแบบนี้ ผมตกใจเหมือนกันนะ บรรยากาศยิ่งเป็นใจอยู่ด้วย

สุภาพงษ์ยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก แล้วกระซิบเบาๆ “พี่นิตน่ารักจัง”

วงกลองยาวในหัวใจผมแทบจะแปรสภาพเป็นขบวนแห่ในบัดดล

“โจ!” ผมเรียกชื่อเขา อาศัยจังหวะที่เขาชะงัก แล้วมองผมอย่างสงสัย มองหาตัวช่วยใกล้มือทันที โชคดีที่เหลือบไปเห็นสมุดโน้ตที่ใช้จดพล็อตเรื่องวางอยู่ตรงมุมโต๊ะ ผมเลยรีบคว้ามาขวางระหว่างเราสองคนเอาไว้ ราวกับมันเป็นผ้ายันต์กันภัยก็ไม่ปาน

“ลองอ่านตอนใหม่ของพี่หน่อยสิ”

สุภาพงษ์เลิกคิ้วนิดๆ แต่ก็ยอมจะยื่นมือออกมารับสมุดโน้ตเก่าๆ เล่มนั้น ไปพร้อมๆ กับมือผม...

เอ่อ.... ผมควรทำตัวให้เคยชินกับนิสัยรับของติดมือของเขาแล้วสินะ

“พี่นิตลายมือสวยนะครับ” เขาพูด ขณะเปิดหน้าที่ผมคั่นเอาไว้ออกอ่าน ผมเลยฉวยโอกาสแอบมองหน้าเขา อยากจะสังเกตดีๆ ว่าเวลาเขาอ่านนิยายผม เขาทำหน้าแบบไหนกันแน่

สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ ตอนอ่านต้นฉบับที่เป็นลายมือของผม ท่าทางตั้งอกตั้งใจน่าดู หน้าเขาที่ปกติก็ดูดีทุกมุมอยู่แล้ว พอทำท่าขรึมแบบนี้ก็เลยดูน่ามองเข้าไปอีก คนอะไรไม่รู้ ดูดีทุกท่าจริงๆ

ผมมองเพลิน จนเขาเงยหน้าขึ้นมานั่นแหละ เพื่อแก้เก้อ ผมเลยรีบถามเขาไป “เป็นไงมั่ง?”

สุภาพงษ์มีสีหน้าลำบากใจ หรือตอนใหม่ผมจะมีปัญหาอีก แต่นี่เป็นฉบับร่าง เขาจะติก็รีบติ ผมจะได้รีบแก้

“เอ่อ.... มีแค่นี้หรือครับ?” นั่นคือคำแรกที่เขาพูดออกมา ผมโล่งอกไปนิด เลยพยักหน้าไป “อืม มีแค่นี้แหละ”

“เพิ่งเขียนหรือครับ?”

“อืม เมื่อวานนี้น่ะ”

“ที่ห้องผมเหรอ?”

“อืม.......” เอาล่ะสิ... อันที่จริงผมไม่อยากบอกให้เขารู้เลยว่าผมมาเขียนต้นฉบับที่นี่ กลัวเขาจะรู้ว่าผมมาอยู่นานแล้ว ผมตั้งใจจะแอบกลับไปตอนเช้า อย่างที่ว่า ผมแค่มาทำลายหลักฐาน แต่เขาดันตื่นมาก่อน ผมเลยถูกจับได้ก็เท่านั้นเอง

พลาดซ้ำพลาดซากจริงๆ ผม

ผู้ชายรูปหล่อ หุ่นดีที่นั่งข้างผมคลี่ยิ้มออกมา เล่นเอาวงกลองยาวที่เพิ่งยกขบวนกลับไป รีบวกกลับมาใหม่ อูย... จะยิ้มก็ไม่บอกให้ผมตั้งตัวบ้างเลย ดีนะที่ผมพอมีภูมิต้านทานนิดหน่อยแล้ว เลยไม่เห็นเดือนเห็นดาวมาลอยตรงหน้าเหมือนครั้งก่อนๆ

แต่ให้นั่งเงียบๆ รอเขาพูดก่อน ผมกลัวจะเจอคำพูดพิฆาต ทำเอาหน้ามืดอีก เลยรีบชิงพูดไประหว่างที่เขายังอ้าปากไม่ออกนี่แหละ “พี่ว่าจะให้ลูกกระแตตัวกลางหล่นลงจากรถ โจว่ามันจะเศร้าไปมั้ย?”

“พี่นิตจะให้ตายหรือครับ?” เขาถาม ผมครางในคออย่างใช้ความคิด “ที่จริงก็ไม่อยากให้ตายหรอก แต่ว่าหล่นจากรถมันก็ดูจะรอดยากอยู่นะ”

สุภาพงษ์เม้มปาก “ถ้าให้ตาย คนอ่านจะเสียใจเอานะครับ ยังไงให้หายไปก่อนดีไหมครับ? แล้วค่อยมาเจอกันตอนหลัง”

            “อืม ก็คิดว่าอย่างนั้นแหละ ลูกกระแตตัวกลางน่ารักซะด้วย แต่พี่อยากให้มันมีการสูญเสียไปตลอดการเดินทาง ให้มันดูสิ้นหวังอย่างที่สุด แล้วค่อยให้ทั้งหมดกลับมาเจอกันในตอนท้ายๆ ดีมั้ย?”

            บรรณาธิการคนปัจจุบันของผมกะพริบตาอีก ก่อนจะยิ้มออกมา “พี่นิตชอบเขียนดราม่าจัง”

            ผมไม่รู้ว่าเขาจะชมหรือแอบเหน็บ เลยทำหน้าไม่ถูก แต่คงไม่ได้ตีหน้ายิ้มแน่นอน สุภาพงษ์เหมือนจะรู้ตัว เลยพูดต่อ “ไม่เป็นไรครับ ผมเชื่อมือพี่นิต เขียนเถอะครับ แต่ขอจบดีๆ นะครับ เวลาอ่านจบจะได้รู้สึกมีความสุขไปด้วย”

            “เรื่องนี้พี่ตั้งใจจบดีอยู่แล้ว” ผมว่า หลังจากนั้นก็เริ่มสาธยายเนื้อหาต่อไปให้เขาฟัง พอผมเล่าจบ เขาก็ช่วยเสริมบ้าง ติบ้าง เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเห็นเขานั่งฟังนิ่งๆ เขาจำได้แทบทุกประโยคคำพูดของผม.. คราวนี้ใจผมไม่ได้มีวงกลองยาวแล้วล่ะ แต่เหมือนมีฆ้องใบเล็กๆ อยู่ข้างใน ตีทีหนึ่ง ดังสะท้อนจนก้องไปหมด ทำเอาหัวใจผมพองเลยทีเดียว

            นี่ถ้าได้เขาไปอยู่ใกล้ๆ ไว้คอยปรึกษาเวลานึกพล็อตไม่ออกน่าจะดี

            “โจ...”

            “ครับ?”

            “ว่างๆ ไปนั่งคุยกับพี่ที่บ้านบ้างสิ เผื่อพี่อยากคุยเรื่องพล็อต” เอาล่ะ ผมพูดออกไปจนได้ ก็แค่อยากหาคนคุยเรื่องพล็อตน่ะ พักหลังๆ พอเขียนนิยายไปนานๆ ผมเริ่มจะปรึกษาเนื้อเรื่องกับตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องไปง้อคนอื่นให้มานั่งฟัง แต่พอได้คุยกับเขาหลายๆ ครั้ง ผมว่ามันดีกว่าที่ผมนั่งปรึกษากับตัวเองนะ อีกอย่าง เขาเป็นบรรณาธิการ เรียกไปคุยด้วยแต่เริ่มเลยก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องแก้อะไรมาก อืม... คิดๆ แล้วผมมีแต่ได้กับได้จริงๆ เสียอย่างเดียว เขาจะว่างไปบ่อยๆ รึเปล่าน่ะ

            สุภาพงษ์เบิ่งตานิดๆ จากนั้นก็เม้มปาก “ได้เหรอครับ ผมไปบ่อยๆ ไม่รบกวนพี่นะ?”

            เอ่อ.... บ่อยไปมันก็รบกวนเหมือนกันนะ... ผมชักลังเล อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าผมต้องการจะพล่ามสิ่งที่คิดเอาไว้ในหัวตลอดสักหน่อย พอผมเงียบ สุภาพงษ์ก็อ้าปากพูดขึ้นอีก

            “เอางี้มั้ยครับ ถ้าพี่นิตอยากคุย โทรมาหาผม เดี๋ยวผมจะไปหาพี่ถึงบ้านเลย”

            ผมมองหน้าเขา แล้วก็พูดขึ้นมา “จริงสิ แบบนั้นก็ได้ แต่ว่าโจไม่ต้องมาหาพี่ถึงบ้านหรอก เสียเวลาทำงาน” ผมว่า เพราะเรื่องแค่นี้โทรศัพท์เอาก็ได้ ผมแค่อยากพูด อยากเล่า แล้วก็อยากได้คำแนะนำเท่านั้นเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ใบหน้าที่ท่าทางมาเป็นส่วนประกอบ เหมือนสุภาพงษ์มีสีหน้าผิดหวังหน่อยๆ

            “งั้นตอนเย็น เลิกงานแล้วผมไปนั่งคุยบ้านพี่นิตนะ”

            “อืม...” ผมพยักหน้า แล้วก็นึกเอะใจขึ้นมาได้ “แต่ไม่ต้องมาทุกวันหรอก”

            “ทำไมล่ะครับ?”

            “....................” ผมอึ้งไปพัก... จะบอกว่ามารบกวนการทำงาน... ปกติผมก็ทำงานช่วงเช้า เย็นๆ ผมก็ออกมารดน้ำต้นไม้แล้ว เขามาก็ไม่ถือว่ารบกวนหรอก ดีซะอีกจะได้คุยกัน แต่... ถ้ามาทุกวัน... แล้วผมอยู่บ้านคนเดียว.... เขาจะมานานมั้ย มาแล้วคุยเฉยๆ มั้ย เกิดวันไหนผมนึกเรื่องคุยไม่ออก จะได้ทำอย่างอื่นกันรึเปล่า อยู่กันสองต่อสองแบบนั้น......

            “ผมไปทุกวันได้ไหมครับ ไปช่วยพี่นิตรดน้ำต้นไม้ก็ได้ ยังไงเลิกงานผมว่างอยู่แล้ว จะได้ทานข้าวด้วยกันเลย” ผู้ชายรูปหล่อพูดน้อย แต่พอได้ทีก็พูดเป็นต่อยหอย พูดจ้อยๆ ยิงผมแทบพรุน ทำเอาคนเบนประเด็นเก่งแบบผม อึ้งกิมกี่ไปพักหนึ่ง

            “นะครับ...”

            แน่ะ... ทำมาอ้อนอีก ผมตบโดนเส้นอะไรเขารึเปล่า ถึงฟื้นมาอ้อนเอาๆ แบบนี้

            “ไปแค่ทานข้าวเหรอ?” ผมถาม หวังได้ยินว่าเขาจะสาบทสาบานว่าจะไม่ทำอะไรมากกว่านี้ สุภาพงษ์เลิกคิ้วขึ้นหน่อยหนึ่ง แล้วเม้มปากอีก “พี่นิตอยากให้ทำอย่างอื่นมากกว่าทานข้าวเหรอ?”

            “.................” เอาแล้วไง เขาทำท่าส่อเจตนาไม่ดีจริงๆ ด้วย ผมเลยต้องรีบพูดต่อทันทีที่ตั้งตัวได้ “พี่อยากได้คนคุยด้วย อยากได้คำแนะนำเรื่อง จะได้ไม่ต้องแก้ ถ้าโจอยากมาทานข้าวด้วยก็มา แต่ห้ามทำอย่างอื่น”

            “ทำไมล่ะครับ?”

            “พี่กลัว”

            “......................”

            “................................”

            จู่ๆ สุภาพงษ์ก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดแบบคนที่อดกลั้นอะไรสักอย่างไม่ไหว ทำเอาผมเกือบร้องเหวอออกมา จากนั้นเขาก็ฉวยโอกาสหอมแก้มผมอีก ทำเอาผมขนลุกเกรียวไปทั้งตัว

            “โจ!”

            “ครับ?”

            “..............” ผมพูดไม่ออก เพราะพอเรียกแล้วก็เผลอหันไปมองหน้าเขาตามสัญชาตญาณ แล้วก็โดนเขาใช้ความหล่อสะกดจนขยับปากไม่ได้ จากนั้น เขาก็ขยับตัวเข้ามา เอาริมฝีปากตัวเองสะกดริมฝีปากผมต่อ

            ไม่นะ!!! ผมพลาดอีกแล้ว

            คราวนี้อย่าว่าแต่วงกลองยาว หัวใจผมเต้นแรงขนาดที่ว่าคงเอาไปประชันกับวงออเครสตร้าได้ เพราะสุภาพงษ์ จูบ จูบ แล้วก็จูบ จนมือไม้ผมอ่อน จะผลักก็ผลักไม่ไหว จะดิ้นก็ดิ้นไม่ออก ได้แต่เงยหน้าให้เขาจูบอยู่แบบนั้น

            ตอนแรกรู้สึกแค่ลิ้น ต่อมาก็รู้สึกว่ามือเขาเริ่มลูบตัวผมแล้ว

            โอ๊ยแย่แล้ว! ผมต้องรีบหาทางออกจากสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ให้ได้อย่างไวที่สุดเลย

            ผมพยายามยกมือผลักผู้ชายตัวใหญ่ตรงหน้าออก แต่ที่เกิดขึ้นคือ มือผมไปลูบหน้าอกเขา โอ๊ย แน่นจัง กล้ามเป็นมัดๆ เลย ผมเคยเห็นของจริงครั้งสองครั้ง ยังจำได้เลยว่าขาวและแน่นขนาดไหน แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมานึกถึงอะไรแบบนั้นนี่นา!!!

            “โจ!” ผมอาศัยจังหวะ ที่เขาขยับริมฝีปากออก เรียกชื่อเขา นี่ผมถึงกับเลือกจะพูดก่อนหายใจเลยนะเนี่ย ผลคือสงสัยเขาจะไม่ได้ยิน เพราะเสียงผมเบาเกินไป เพราะเรียกได้ไม่ทันขาดคำ เขาก็เลื่อนริมฝีปากมาปิดปากผมไว้อีก

            โอ๊ย! จะตายแล้ว...

            บ้าจริง จำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาเพิ่งเกลี้ยกล่อมให้ผมไปตรวจสุขภาพอยู่หยกๆ ไปๆ มาๆ ไหงทำอะไรไม่ห่วงสุขภาพผมบ้างเลย เขาจะเอายังไงกับผมแน่ หรือเขาไม่รู้ว่าเวลาทำแบบนี้แล้ว หัวใจผมมันจะหลุดออกมาเอาง่ายๆ ไม่กลัวว่าผมจะหน้ามืดกลางทางหรือไง

            ตกลงเขาห่วงผมจริงๆ รึเปล่าเนี่ย?!

            เอาล่ะ ผมคงจะไปเปิดดูหัวใจสุภาพงษ์ไม่ได้หรอกว่า เขาห่วงผมแบบไหน ยังไง แต่ที่แน่ๆ ผมห่วงตัวเองนะ และแน่ใจด้วยว่าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ มีหวัง... ผมเสร็จแน่!

            ไม่เอานะ ผมยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมา ยังไม่ได้ตกลงปลงใจกับเขาถึงขั้นนี้ แม้ว่าเราสองคนจะเคย เอ่อ.... ผลัดกันช่วยตัวเองมาก่อน แต่นั่นมันเรื่องสุดวิสัย เหมือนเวลาคนจมน้ำต้องช่วยผายปอดก่อนนั่นแหละ เพราะงั้น เขาจะมาข้ามขั้นตอนนี้ไม่ได้ ยังไงผมก็ไม่ยอมเด็ดขาด

            ปัญหาคือ ใจผมไม่ยอม แต่ตัวผมอ่อนปวกเปียก อย่างกับยอมเขาไปแล้ว โอ๊ย ไหนว่าจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าวไง นี่ใครเป็นนายใครกันแน่นะเนี่ย

            ผมชักนึกฉุนตัวเอง แต่ก็ไม่มีสมาธิจะมาฉุนนาน เพราะสุภาพงษ์จูบแล้ว ลูบแล้ว ก็กดตัวผมลงกับโซฟา อันที่จริงจะเรียกว่ากดก็ไม่ได้ เรียกว่าเขายอมให้ผมนอนแต่โดยดีมากกว่า เพราะผมตัวอ่อนจนซบเขาไปตั้งนานแล้ว

            โอ๊ย!! ไม่ไหวนะเนี่ย ฉุกเฉินสุดๆ แล้วผม

            ผมพยายามหาตัวช่วยสุดชีวิต จะอ้าปากบอกว่าผมหน้ามืด เขาก็ไม่เปิดโอกาส เอาปากปิดปากผมตลอดเลย จะผลักเขาออกก็.... ทำไม่ได้ตั้งแต่ถูกจูบแล้ว เอาไงดี ผมจะเอาไงดี....

            ทันใดนั้นเองสายตาผมก็เหลือบไปเห็นเลขบนหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ บอกเวลาสิบหกนาฬิกาพอดี ผมเลยรีบยกมือตีไหล่เขาเป็นการใหญ่ ได้ผลแฮะ สุภาพงษ์ชะงัก แล้วยอมผละริมฝีปากออก

            “พี่นิตเขินน่ารักจัง” เขากระซิบ แล้วจับแขนผมกดลงกับโซฟา ผมสั่นศีรษะดิกๆ ไม่ได้การล่ะ ผมต้องเรียกสติเขากลับมาก่อนจะเตลิดไปมากกว่านี้

            “โจ! สี่โมงแล้วนะ!”

            สุภาพงษ์ไม่เอาปากปิดปากผมแล้วก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหยุดอยู่เฉยๆ เพราะพอจับมือผมกดลงบนโซฟาแล้ว เขาก็เริ่มจูบซอกคอผม แถมกัดเบาๆ อีกต่างหาก ดูท่าทางไม่ให้ความสนใจกับคำพูดผมเลยสักนิด

            “พี่จะต้องกลับบ้านแล้วนะ!” ผมพูดอีกครั้ง แต่พยางค์สุดท้ายหายลงไปในคอครึ่งหนึ่ง เพราะเขาเลียตรงหูผมพอดี สุภาพงษ์ขบติ่งหูผมเบาๆ แล้วกระซิบตอบ “ครับ เดี๋ยวผมจะพาพี่นิตไปส่ง”

            เดี๋ยวอะไรน่ะ?! ไปตอนนี้เลยไม่ได้หรือไง!!!

            พอเขาเริ่มลูบคลำหนักเข้า ผมเลยต้องกลั้นใจพูดออกไป “โจ พี่ยังไม่ได้ไปตรวจสุขภาพนะ!”

            ผู้ชายรูปหล่อที่คลอเคลียคอผมอยู่ชะงักไปหน่อยหนึ่ง ผมรีบอาศัยจังหวะนั้น พูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังทันที “พี่ยังไม่ได้เช็กหัวใจเลย เกิดเป็นอะไรขึ้นมา โจจะทำยังไง”

            คราวนี้เขานิ่งสนิท อึ้งไปเป็นนาน ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ “ครับ....”

            ผมไม่รอช้า รีบพาตัวเองออกจากสถานการณ์คับขันทันที ตอนนี้อะไรเป็นอะไรไม่รู้ล่ะ ขอผมเอาตัวเองรอดไว้ก่อน เพื่อจะเขียนนิยายต่อ ผมไม่ยอมตายคาอกสุภาพงษ์แน่ แม้ว่าอกเขาจะแน่น หน้าเขาจะหล่อ แถม... เทคนิคเวลาจูบ... ก็น่าจะดีล่ะมั้ง ไม่งั้นจะทำผมเคลิ้มขนาดนี้ได้ไง

            แต่... พอหันไปเห็นเขาทำหน้าเศร้า เหมือนคนทำอะไรผิดกาลเทศะ ผมก็อดใจอ่อนไม่ได้

            “โจ..” ผมเรียก แล้วเอามือแตะหน้าเขา สุภาพงษ์สะดุ้งหน่อยหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผม เราสบตากันอยู่พัก แต่ไม่มีใครพูดอะไร

            ไม่รู้สิ ผมสงสารเขานะ แต่สงสารตัวเองมากกว่า ผมยังไม่พร้อม แม้ว่าเขาจะพร้อมอยู่ตลอดเวลาก็ตาม เขาไม่มาเป็นผม เขาไม่รู้หรอกว่ามันตื่นเต้นขนาดไหน ผมยังต้องการเวลาเตรียมตัว และอยากได้ความแน่ใจมากกว่านี้

            ครั้งแรกที่ผมเก็บไว้ตั้งสี่สิบห้าปี จะมาให้เขาครอบครองทีเดียวหลายๆ อย่างไม่ได้หรอก

            “ใจเย็นๆ กับพี่หน่อยนะ”

            สุภาพงษ์สูดหายใจลึก จากนั้นก็ยกมือมาจับมือผมไว้ “ครับ” เขาเอาแก้มที่มีรอยช้ำแนบมือผมไว้ แล้วหลับตาลง เฮ่อ... เห็นแล้วใจมันอ่อนยวบๆ จริงๆ นะเนี่ย

            แต่ผมจะมาโอนอ่อนให้เขาก่อนถึงเวลาอันควรไม่ได้ ดังนั้น.....

            !?

            สุภาพงษ์เงยหน้าขึ้นมองผม เบิ่งตานิดๆ ด้วยความตกใจ เขาจะตกใจอะไรนักหนา ผมก็แค่.... เอาปากแตะปากเขาหน่อยหนึ่ง ก็แค่นั้นเอง ทีเขาเอาปากปิดปากผมแถมล้วงลิ้นเข้ามา คิดว่าผมไม่ตกใจหรือไง แต่เพราะกลัวว่าเขาจะเอาคืนด้วยการทำแบบก่อนหน้านี้ ผมเลยรีบพูดต่อทันที

            “ไปส่งพี่กลับบ้านหน่อยสิ”

            สุภาพงษ์อ้าปากนิดๆ แล้วทำท่าจะขยับหน้าเข้ามา ผมเลยรีบใช้มืออีกข้างปิดปากเขาไว้ “โจสัญญาแล้วนี่ ว่าจะไปส่งพี่ตอนเย็น จะเบี้ยวพี่เหรอ?”

            สุภาพงษ์นิ่งไปพัก เพราะปากเขาโดนผมเอามือปิดไว้ เขาเลยใช้แขนดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้แทน

            ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจ กะว่าถ้าเขากอดนานไป ผมจะได้ตบไหล่บอก กลัวเขาจะกอดจนลืมไปส่งผมน่ะ

            พอนับถึงสิบสอง สุภาพงษ์ก็ยอมคลายวงแขน

            “พี่นิต..”

            “หืม?”

            “พรุ่งนี้ไปอยุธยากับผมนะ”

            “?!” ผมเลิกคิ้วด้วยความงุนงง อะไรน่ะ จู่ๆ ก็มาชวนผมไปอยุธยา แต่เดี๋ยวก่อน.... เหมือนผมจะเคยตกลงกับเขาว่าจะไปเที่ยวด้วยนี่นา ตกลงมันพรุ่งนี้แล้วหรือ?

            “ไปนะครับ” บรรณาธิการรูปหล่อของผมอ้อนต่อ นี่เขายังกลัวว่าผมจะงอนจนไม่ยอมไปหรือไงน่ะ ถ้าผมงอนนะ ผมไม่มานั่งกับเขาแบบนี้หรอก แต่พอเห็นเขาทำท่าอ้อนแบบนี้ ผมเล่นตัวต่ออีกนิดดีกว่า

            “อืม... พี่ไม่รู้จะไปทำอะไรนี่”

            “แต่พี่นิตตกลงว่าจะไปแล้วนี่ครับ”

            “เปลี่ยนใจไม่ไปได้รึเปล่า?”

            ผู้ชายตัวใหญ่ตรงหน้าผมเม้มปากนิดๆ “ยังโกรธผมอยู่หรือ?”

            “อืม...”

            “.............”

            “ถ้าโจรีบไปส่งพี่ที่บ้าน แล้วเอาถ้วยเอาจานกับข้าวบูดๆ ของพี่ไปล้าง พี่อาจจะยอมไปกับโจก็ได้” ผมแกล้งพูด แต่เขารีบพยักหน้ารับทันที “ครับ”

            “...................” เอ่อ... ทำไมเขาต้องทำท่าทางจริงจังขนาดนี้ด้วย ผมอดไม่ได้ ต้องพูดต่อ “พี่ล้อเล่นน่ะ ไปส่งพี่ที่บ้านเถอะ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยนัดเจอกัน โจจะได้ไม่ต้องขับรถเข้าไป”

            อันที่จริงผมกลัวว่าถ้าบอกให้เขาขับรถไปรับผมพรุ่งนี้ เขาจะดันพูดออกมาอีกว่า ให้ผมกลับมาค้างกับเขาซะเลย ไม่ก็ขอเขาค้างที่นั่นซะเลย ไม่เอานะ... อยู่กันสองต่อสองมันหวิวๆ ผมกลัวจะพลาดท่าเขาสักที

            พักนี้หัวใจผมยิ่งอ่อนแออยู่ด้วย

            “ก็ได้ครับ แต่ผมไปช่วยพี่นิตเก็บบ้านดีกว่า พี่นิตอุตส่าห์มาดูแลผมหลายวันเลยนี่ครับ” สุภาพงษ์พูดอีก สุดท้ายผมก็เลยต้องพยักหน้า

            เอาเถอะ ดีเหมือนกัน ผมไม่ต้องล้างจานเอง จะได้มีเวลาแอบดูหน้าหล่อๆ ของเขาเวลาก้มหน้าก้มตาล้างจาน ไม่แน่นะ ผมอาจจะอยากได้เขาไปล้างจานประจำที่บ้านเลยก็ได้

            แหม... คิดอะไรไม่อายคนจริงๆ ผม

----------------------------------------------
** เขียนมาถึงตอนนี้ รู้สึกว่า พี่นิตเนี่ยยย เป็นจอมกั๊กเลยล่ะ ฮ่าๆๆ :laugh: ไม่ไอ้นั่น ไม่ไอ้นี่ แต่... ขอกั๊กไว้ก่อน ต๊ายยยย (พี่นิตอย่าทำแบบนี้นะคะ สงสารน้องนุ่งบ้าง น้องจะเป็นโรคหัวใจตายเพราะพี่นิตนี่ล่ะค่ะ ฮ่าๆ)

ถ้าเป็นคุณไพฑูรย์ อาจจะนั่งหยิ่งๆ อย่างราชินี แต่พี่นิต.... แอบหยอดแอบยั่ว (จะรู้ตัวรึเปล่าคุณพี่) จนเรารู้สึกว่า สุภาพงษ์เนี่ย อดทนกว่าโทชิเอะอีก (แน่นอน เพราะนายโจมีจิตพิศวาสพี่นิตมาแต่แรก ต่างกับโทชิเอะ... ที่พิสวาสมาโกโตะ<<ไม่ใช่ล่ะ)

กรี๊ดดด ระหว่างโจกับคนอ่าน ใครจะหัวใจวายตายก่อนเนี่ย

พี่นิต : แล้วพี่ล่ะ ทำไมไม่มีใครสงสารหัวใจพี่บ้าง!!

คนเขียน : สงสารแล้วค่ะ ไม่งั้น.. ให้พี่นิตเสร็จโจไปแล้วนะเนี่ย ดร๊าฟก่อนหน้านี่พี่นิตยวบๆ นอนระทวยรอโจเลยนะคะ เพราะรักพี่นิต เลยต้องลบเขียนใหม่ไงคะ!!

พี่นิต : ......................

โจ+คนอ่าน // วิ่งมาไล่กระทืบอิฉัน :z6:

อ๊ากกก ขออนุญาตวิ่งหนีฝ่าเท้า ไปทำรูปประกอบต่อล่ะนะคะ  :z10:

ฝากพี่นิตตัวน้อยๆ ไว้ในอ้อมใจของทุกคนด้วยค่ะ (อารมณ์ไหนเนี่ยฉัน!!)

ปล. ลองเว้นบรรทัดแบบนี้ อ่านง่ายขึ้นรึเปล่าคะ?
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ิbenejeng ที่ 14-02-2012 08:17:12
พี่นิตสุดสุดอ่ะ    ไม่ยอมสักที
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 14-02-2012 10:41:01
ลุ้นจนเหนื่อยแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: aoommy ที่ 14-02-2012 10:50:05
พี่นิตจ๋า :impress2: สงสารคนอ่านบ้างเหอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 14-02-2012 11:15:37
ค่ะอ่านง่ายขึ้นค่ะ

พี่นิ๊ตตตตตต!!โอ๊ยยยลุ้นจนตัวเกรง เอาตัวรอดเป็นเลิศ ฮ่าๆ
คราวหน้าไปเที่ยวด้วยกันแล้ว งานนี้ต้องมีอะไรสนุกๆรออยู่แน่เลย หุหุ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 14-02-2012 11:24:39
คุณพนิตตรวจสุขภาพก่อนก็ดีนะ  กลัวว่าซั่มกันครั้งแรกก็จะตายคาอกโจซะก่อน
จากนิยายรัก  สนุกสนาน  เดี๋ยวจะกลายเป็นนิยายฆาตกรรมไป
ตรวจสุขภาพเสร็จก็นั่นกันเลยนะ  อุ๊บ  พูดอะไรออกไปเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 14-02-2012 14:08:15
โจเก่งมากเลยค่ะ นับถือ โค้งคำนับ คาราวะ ทำทุกอย่างเลยที่เป็นการกระทำที่แสดงออกมาว่าซูฮก ฮ่าาา
พี่นิตนี่ก็ไม่ยอมเลยน้าาาาา
สำหรับตอนนี้..โจมีโอกาสไม่รู้กี่ครั้งแต่พี่นิตก็ทำพังไม่เป็นท่าทุกทีสิน่าา
โฮ้วววววว พี่นิตก็เนียนเปลี่ยนเรื่องเก่งจริงๆเล้ยยยไม่ไหวๆๆ ฮ่าฮ่า

สงสารตาโจสุดหัวใจเลยยย
ดีใจมากๆเลยค่า ที่ตอนนี้มาอัพต้อนรับวาเลนไทน์ อ๊ายยยยย
แล้วแถม ทั้งโจทั้งพี่นิตก็หวานกันในห้องแบบสองต่อสอง ไม่ต้องเกรงใจใคร
ดีขนาดไหนที่ไม่มีใครมาขัดด้วย ฮ่าฮ่า

เป็นการอยู่กันตามลำพังที่น่าลุ้นมากค่ะ..แต่ลุ้นไม่ขึ้นสักทีเล้ยยยยย
โจรุกเอาๆ พี่นิตก็หนีเอาๆ พอกันทั้งคู่เล้ยยยยยยย
น่าจับพี่นิตมาตีก้นจริงๆ โจออกจะดีขนาดนั้น หล่อขนาดนี้ แมถยังเป็นคนที่พูดคุยได้ทุกเรื่องโดยเฉพาะนิยายที่พี่นิตเขียนเอง

ตอน โมเม้นท์ ที่คุณพนิตกับโจนั่งคุยกันเรื่องนิยายตอนต่อไปของพี่นิต เป็นโมเม้นท์อะไรที่ชอบมากๆเลยล่ะค่ะ
บางทีความรู้สึกแบบนี้มันแบบ นี่แหล่ะความสุขท่ามกลางความรักเล็กๆ
แค่คุยกันรู้เรื่อง และสนใจในเรื่องเดียวกัน ก็พอจะทำให้อะไรๆสวยงามได้ไม่ยาก
เหมือนเคยได้ยินมาเยอะ ว่าผู้ชายที่คุยกันรู้เรื่อง คุยเรื่องเดียวกันได้
ก็คงจะเป็นตามแบบคุณพนิตกับโจเลยนะคะ ฮ่าฮ่า

แต่ฮาพี่นิต ถามอะไรไม่ได้ดูความหมายเลย ฮ่าฮ่า
“ไปแค่ทานข้าวเหรอ?”
โอ้ว! ถ้าหนูเป็นโจ หนูก็คิดเถอะค่ะ ว่าถามแบบนี้แสดงว่าไม่อยากให้ทำแค่ทานข้าว ฮ่าฮ่าา
แต่ก็นะ..รดน้ำต้นไม้ เก็บกวาดบ้านไง…ไม่ใช่ว่าโจจะทำอย่างอื่นไม่เป้นนอกจาก ทานข้าวกับจับพี่นิตจูบสักหน่อย
(ได้ข่าวว่าตอนนี้..พอหมดเรื่องคุย ตาโจก็หาเรื่องหอมแก้ม หาเรื่องจูบพี่นิตได้ตลอดเลย)

อ๊ายยย ขอให้การไปอยุธยาครั้งนี้ พี่นิตยอมโจด้วยเถอะ!
แค่คิดสภาพหลังจากนั้นแล้ว…… ฮ่าฮ่าฮ่า

สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะคุณจูออน^^

ปล. อยากเป็นโซฟาในห้องโจจัง ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 14-02-2012 14:21:58
ตลกดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 14-02-2012 14:23:55
พี่นิตน่ารักและแอบฮาด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 14-02-2012 14:31:02
พี่นิต แก่แล้ว...ยอมๆเค้าไปเหอะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 14-02-2012 14:45:25
ใช่เลยค่ะคุณพนิตเนี่ยไม่รู้ว่ารู้ตัวหรือไม่ว่าตัวเองน่ะกำลังยั่วโจอยู่นะ
ก็แบบปล่อยๆกั๊กๆนั่นแหละเท่ากับยั่วน่ะคุณพนิต
ถ้าเราเป็นโจคงได้ทึ้งผมตัวเองจนหัวล้านแน่ 5 5 5
พราะอารมณ์กำลังไต่สูงขึ้นไปทีละนิดๆๆๆทีไร
ก็เป็นอันว่าโดนคุณพนิตเธอหักมุมปั๊บ ร่วงตุ๊บทุกที
ไอ้เราคนอ่านนี่ละมั้งจะหัวใจวายก่อน อิ อิ อิ

ปล. ลองเว้นบรรทัดแบบนี้ อ่านง่ายขึ้นรึเปล่าคะ?
ปล. ค่ะถูกใจค่ะ ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 14-02-2012 14:53:38
ที่โจจะไปช่วยเก็บบ้านนี่กะว่าจะถ่วงเวลาให้ได้อยู่บ้านพี่นิตนานๆ จนค่ำมืด แล้วก็ขอค้างด้วยอีกรึเปล่า  :laugh:

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 14-02-2012 14:59:29
เห็นใจโจมากกว่าเห็นใจพี่นิต :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 14-02-2012 15:19:43
เอาดร๊าฟก่อนหน้านี้คืนมาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ก็สงสารโจอยู่เหมือนกันนะ แบบว่าหลยทีแล้วยังไม่ได้สักทีเนี่ย
แต่แหมม พี่นิตเขาก็ต้องตรวจสุขภาพบ้างอะไรบ้าง
โจอาจเซ็งว่าไม่น่าพูดแบบนี้ แต่มันก็สายไปเสียแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 14-02-2012 16:20:59
โอ๊ยยยยคุณขาาาา เก็บจิ้นมาสี่สิกว่าปีแล้วจะเอาเข้าเมรุรึไงค่ะ
ขัดใจจริงเชียว ยอมๆโจไปเถ๊อะ สงสารหนุ่มๆเค้ามั่งสิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine538 ที่ 14-02-2012 16:42:41
อุตส่าห์มาต่อวันวาเลนไทน์ น้องโจก็ยังไม่ได้อะไรจากพี่นิตเหมือนเดิม 555  :z6: (โดนโจกระโดดถีบ)

ไม่เป็นไร เราเข้าใจพี่นิตนะ เก็บมาตั้งเกือบครึ่งร้อยปีขนาดนี้ จะปล่อยของง่ายๆ ได้ไง  :z6: (คราวนี้พี่นิตกระโดดถีบ)

ไว้ลุ้นต่อที่อยุธยาละกัน เผื่อกรุงเก่าจะทำให้น้องโจสมหวัง

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 14-02-2012 20:22:55
คนอ่านมันลุ้นแทบจะต้องไปตรวจหัวใจแทนพี่นิตแล้ว o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 14-02-2012 20:55:25
P'nit kha kon aan loon jon ok ja taek taai yuu laew na kha phii,,,songsaan p'jo baang arai baang ter khaa....
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 14-02-2012 21:28:01
คนหนุ่มต้องใจร้อนเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
นาทีนี้โจอยากได้พี่นิตใจจะขาด
แต่พี่นิตเข้าวัยกลางคนแล้วก็เลยกังวลไปหน่อย
อยากจะบอกพี่นิตว่ากล้าๆหน่อยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 14-02-2012 21:41:17
คุณพินิตแอบจุ๊บนิดเดียว แต่น้องโจจะทนไม่ไหวน๊า :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ai_Rong_Kun ที่ 14-02-2012 22:19:35
เล่นจูบเอาจูบเอาแบบนี้ คนแก่หัวใจจะวายเอาเน้อ เฮ้อ... ยาดมอยู่ไหน??
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 14-02-2012 22:49:56
พี่นิตยอมๆไปเหอะ????? ไม่เสียหายหรอกกกก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
ตอนนี้ก็....ค้างอีกละ....
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 15-02-2012 00:26:09
ลุ้นจนแทบตบโต๊ะ กร้ากกกกก สงสัยน้องโจถ้าจะจับพี่นิตกด ต้องไปที่โรงพยาบาลแล้วมั้ง

เกิดหน้ามืดขึ้นมา จะได้ส่งไอซียูทัน อิอิ

ว่าแล้วก็ลุ้นตอนต่อไป  o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: maxsextex ที่ 15-02-2012 01:07:35
ยิ้ม แก้มแทบบานอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: pdolphin ที่ 15-02-2012 13:03:28
พี่นิต โคตร ซึน 

อ่านมาหลายเรื่อง ไม่มีเรื่องไหนที่ ซึน ได้ขนาดนี้

คนอ่านบิดผ้าห่มกระจุยไปหลายผืนละ

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 15-02-2012 16:26:52
มาฮาพี่นิต :m20:

เว้นแล้วอ่านง่ายค่ะ แต่เอ ตอนนี้ถึงเว้นแล้วก็สั้นกว่าตอนก่อนๆ อีกคะ o22

:L2: วันวาเลนไทน์
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 15-02-2012 17:20:02
ลุ้นจนเหนื่อย & ละเหี่ยใจ  พี่นิต เมื่อไหร่จะยวบๆ ยาบๆ น้องจริงๆจังๆ หล่ะค่ะ
เล่นเอาล่อ เอาเถิดแบบนี้ น้องนุ่งแฟนคลับ หัวใจจะวาย พาลจะบาปนะค่ะ พี่นิต...ต

น้องโจคงต้องร้องเพลงรักแล้วรอหน่อย อีกสัก 2-3 ปี ถึงจะได้แอ้มพี่นิตแล้วมั้ง
ก็พี่ท่านเล่นใจแข็งมาก...กกก  แบบนี้  ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 16-02-2012 00:36:49
นึกถึงโฆษณาของ สสส. ที่ว่า "รักจริง รอได้" (เพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องใหญ่ )
แม้กลุ่มเป้าหมายของแคมเปญนี้ จะมิใช่คนวัย พี่นิต-น้องโจ แต่อย่างใด เอาเถอะนะ รักจริง...(โจ)ต้องรอ(พี่นิต)ได้
แต่พี่นิตอย่าให้โจรอนานจนเกินไปนัก ไม่ใช่กลัวว่า โจจะเปลี่ยนใจเป็นอื่น แต่เกรงว่า พี่นิตจะแก่เกินแกงซะมากกว่า  :m23:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 16-02-2012 01:26:33
เว้นบรรทัดแบบนี้ แจ่มแจ๋วเลยค่ะ
อ่านแล้วไม่หัวใจวายเหมือนพี่นิต
คือมันเหนื่อยค่ะ
พี่นิตกั๊กจริงๆ ด้วยค่ะ แม้จะชอบเขามาก แต่ก็ยังสงวนทีท่า
คงอีกนานนะคะ กว่าจะยอมน้องโจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 16-02-2012 09:22:53
โฮ่ พี่นิตอ่ะไม่ใจเลย 
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 22-02-2012 22:56:14
อ่านทันแล้ว โหยยย เหนื่อยมาก เหนื่อยกับความซึนของคุณพนิตจริงๆ แต่ก็ฮาดีนะคะ จะติดตามต่อค่าาาาาา ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 23-02-2012 23:18:13
คิดถึงพี่นิต  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 24-02-2012 23:20:34
มาดันกระทู้รอตอน 21 อย่างใจจดจ่อ อ๊ายยยยยยยยย ลุ้น! :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจัง ที่ 25-02-2012 00:16:17
ตอนที่ 21 จงมา !!!

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 25-02-2012 16:56:41
**พาพี่นิตที่รักมาส่งค่ะ :L2: (อูวว... กำลังจะพ้นมรสุมสายลับ เหลือแค่งานเก็บนิดๆ)

--------------------------------------------
 Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่21
            เคยเป็นไหมครับ บางที... เขียนอะไรไปเรื่อยๆ มันจะมีช่วงที่นึกไม่ออก ผมน่ะเป็นบ่อยเลยล่ะ ก็ผมเขียนนิยายนี่นา นักเขียนนิยายไม่ได้นึกเรื่องออกตลอดเวลาหรอก ไม่งั้นจะมีคนทวงต้นฉบับไว้ทำไมล่ะ

            แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้ ไม่ใช่การถูกทวงต้นฉบับ ไม่ใช่ว่าผมคิดนิยายไม่ออก

ผมคิดทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ต่างหาก

            “โจ...” ผมเรียกชื่อผู้ชายรูปหล่อที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ในสวนของผม อืม.. ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้ทำผิดสัญญาอะไรหรอก เขามาส่งผมที่บ้านตอนเย็นตามสัญญา แถมยังช่วยเก็บล้างกับข้าวบูดๆ บนโต๊ะ ที่พอเปิดประตูบ้านก็ได้กลิ่นทันทีจนสะอาด แล้วก็มายืนรดน้ำต้นไม้ให้ผมอีก เรียกว่าแย่งงานผมทำแทบหมดเลยทีเดียว

“มีอะไรหรือครับ?” เขาหันมาถามผม ผมปั้นหน้าเคร่ง แต่ในหัวยังนึกคำพูดดีๆ ไม่ออก

เอาล่ะ ผมจำได้ว่าเคยตกปากรับคำว่าจะไปเที่ยวอยุธยากับเขา แต่ว่า... มาคิดๆ ดูอีกที... ไปกับเขาสองคน อะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้ เกิดเขาพาผมไปแล้วไม่ยอมเอามาส่งกลับล่ะ? เกิดว่าเขาหาเรื่องค้าง เลือกโรงแรมที่มีแต่เตียงคู่ขึ้นมา แล้วถ้าผมต้องนอนเตียงเดียวกับเขาทั้งคืน เจอสถานการณ์แบบนั้น ผมหมดข้ออ้างแน่นอน... หรือว่านี่เป็นแผนที่สุภาพงษ์วางเอาไว้!

“พี่นิต?” สุภาพงษ์เรียกผม สงสัยเพราะเห็นว่าผมเรียกเขาแล้วก็ยืนอึ้งเอง เดี๋ยวนะ ขอเวลาผมคิดคำพูดสักครู่...

“อยุธยาพรุ่งนี้น่ะ ชวนกั้งไปด้วยสิ”

“?” ผู้ชายหน้าตาระดับเดียวกับพระเอกละครดังหลังข่าวเลิกคิ้วขึ้นหน่อยหนึ่ง “ทำไมล่ะครับ?”

“ก็... ไปเที่ยวกันหลายๆ คนสนุกดี” ผมว่า แล้วรีบสาธยายเหตุผลต่อ “ไปกันสองคน เกิดพี่หลับ แล้วใครจะชวนโจคุยระหว่างทางล่ะ แถม.. ไปกันหลายๆ คน จะได้มีคนช่วยถ่ายรูปด้วย เวลาทานข้าว แย่งกันทานก็อร่อยนะ”

สุภาพงษ์มองผมตาปริบๆ ก่อนจะพูดเสียงอ่อน “พี่นิตไม่อยากไปกับผมเหรอ?”

ผมรีบสั่นศีรษะ “เปล่า พี่แค่คิดว่าไปกันหลายคนสนุกดี อืม... พี่โทรชวนภูมิด้วยดีกว่า”

ผู้ชายตัวใหญ่ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ ชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะยอมพยักหน้า “ก็ได้ครับ”

ผมนึกดีใจ เลยรีบพูดอีก “งั้นเดี๋ยวพี่โทรชวนภูมิ โจโทรชวนกั้งนะ แล้วเราค่อยออกไปทานมื้อเย็นกัน พี่เลี้ยงเอง”

สุภาพงษ์ยิ้มนิดๆ จากนั้นก็พยักหน้า ผมเลยรีบแจ้นเข้าไปโทรศัทพ์ในบ้านทันที

 

“ภูมิ นี่เราเอง พนิตนะ”

“อ้าว.. พนิต มีอะไรน่ะ” เพื่อนผมกรอกเสียงตอบกลับมา อันที่จริงผมชวนคนอื่นก็ได้ แต่เกรงใจสุภาพงษ์ เขาไม่รู้จักเพื่อนคนอื่นของผม แต่เขารู้จักภูมิวัฒน์ แถมยังเคยต่อยหมอนี่อีกด้วย นี่ถ้าไปด้วยกันเขาคงเกรงใจบ้าง ไม่น่าทำผิดซ้ำซากหรอก

“พรุ่งนี้ภูมิว่างรึเปล่า?”

ภูมิวัฒน์นิ่งไปพักหนึ่ง แล้วถามกลับมา “มีอะไรล่ะ?”

“เราจะชวนไปเที่ยวอยุธยา”

คราวนี้เขาตอบกลับมาเร็วทันใจ “ว่าง พนิตจะให้เราไปรับกี่โมง?”

“อืม...” คราวนี้ถึงคิวผมต้องนึกบ้าง “เจ็ดโมงมั้ง รถภูมิกับรถโจ รถใครนั่งได้เยอะกว่ากันน่ะ”

“หา?!” ภูมิวัฒน์ร้องเสียงแปลก “เดี๋ยวนะพนิต ไปกับใครน่ะ กับน้องโจเหรอ?”

“อืม.. ไปกันหลายๆ คนไง” ผมตอบ “เรากับภูมิก็ไม่ได้เที่ยวด้วยกันมานานแล้วนะ”

“...................”

“ภูมิ?”

“พนิต... เลือกมา จะไปกับน้องโจหรือไปกับเรา”

ผมอึ้งไปหน่อยหนึ่ง เพื่อนผมจะมามุกไหนอีกล่ะ “ก็ไปด้วยกันไง เราจะไปกับโจสองคนมันก็ไม่ค่อยดีใช่ไหมล่ะ ภูมิไปด้วยกันสิ”

“..................” เพื่อนผมเงียบไปอีก สักพักก็ครางออกมา “พนิต... ตกลงพนิตปลงใจกับน้องโจจริงๆ รึเปล่าน่ะ ไปเที่ยวกันก็ต้องไปแค่สองคนสิ เราไม่ไปนะ ยกเว้นพนิตจะไปกับเราสองคนเหมือนกัน”

ผมล่ะนึกอยากยกมือตบกะโหลกเพื่อนจริงๆ ถ้าอยู่ใกล้ๆ ผมจัดการไปแล้วนะเนี่ย “แล้วทำไมต้องไปกันสองคนล่ะ?”

ได้ยินเสียงเพื่อนสูดหายใจลึก “พนิต... แฟนกันไปเที่ยวด้วยกัน มันก็ต้องไปแค่สองคนสิ”

“เฮ้ย ยังไม่ใช่แฟนนะ” ผมว่า พลางนึกตกใจ นี่ผมกับสุภาพงษ์ยังไม่ใช่แฟนกันนะ ผมแค่คบหาดูใจกับเขาเฉยๆ

“ไม่ใช่แฟนแล้วเป็นอะไรน่ะ?”

“เป็น............” ผมตอบไม่ออก จะให้ใช้ศัพท์วัยรุ่นก็ดูจะฉาบฉวยไป ผมไม่ได้คบกับเขาเล่นๆ แบบนั้น แต่ก็ยังไม่ตกลงเป็นแฟนเหมือนกัน สุดท้ายผมเลยตอบเขาไปตามตรง “ภูมิ ไปเป็นกันชนให้เราหน่อยนะ เรากลัวโจจะแอบวางแผนทำมิดีมิร้าย”

“...................”

“ไปได้มั้ย?”

“ถ้าเราไป พนิตให้เราจุ๊บทีนะ”

            “บ้าเรอะ!” ผมตวาดเพื่อนทางโทรศัพท์ “อายุสี่สิบกว่าเข้าไปแล้วนะ มาจุ๊บอะไรเล่า”

            “งั้นไม่ไป”

            “เออ ไม่ไปก็ไม่ไป” ผมชักมีน้ำโห จะให้ไปเป็นกันชนให้ ไอ้หมอนี่ดันจะมาชนผมเอง หาคนอื่นก็ได้ แต่พอจะวางโทรศัพท์ เขาก็รีบพูดขึ้นอีก “ล้อเล่น เราไปก็ได้ พรุ่งนี้กี่โมงน่ะ? ไปรถเราได้มั้ย เกรงใจน้องมัน”

            นี่ล่ะเพื่อนผม พอทำท่าไม่สนใจ รีบมาง้อเชียว ผมหมั่นไส้ เลยตอกไปดอกหนึ่ง “ไหนว่าจะไปต้องไปกันสองคนไง”

            “โธ่... พนิต... อย่างอนนะ... ตกลงจะให้เราไปเป็นกันชนให้อีกไหม?”

            “อืมๆ” ผมรีบตอบตกลง เพราะกลัวเขาจะชิ่งหนีไปอีก ภูมิวัฒน์ยิ่งเอาแน่เอานอนไม่ได้อยู่ ไม่สิ เขารู้เส้นผมดีต่างหาก เกิดเล่นตัวมากๆ เดี๋ยวเขาชิ่งหนีไปจริง ผมนี่แหละจะซวย

            “งั้น... เจอกันที่ไหน”

            “บ้านเราแล้วกัน เดี๋ยวเรื่องรถ เราคุยกับโจอีกที”

            “ก็ได้... ไงก็โทรบอกเรานะ”

            “อืม” ผมตอบ แล้ววางสาย พอดีกับที่สุภาพงษ์เดินเข้ามาในบ้าน

            “พี่ภูมิไปรึเปล่าครับ?”

            “ไป” ผมตอบทันที “ภูมิฝากมาถามว่า โจไปรถเขาได้มั้ย?”

            “รถพี่ภูมิเก่าแล้วนะ” สุภาพงษ์ออกความเห็น ก่อนจะพูดต่อ “เดี๋ยวผมโทรคุยกับพี่เขาอีกทีดีกว่า”

            นั่น.... พูดเหมือนรู้จักกันดิบดีเลย เขาแค่เคยคุยกับภูมิวัฒน์ตอนที่มีเรื่องต่อยกันแค่นั้นเองไม่ใช่หรือ?

            “แล้วกั้งไปรึเปล่า?”

            “ขานั้นชวนอะไรไปหมดล่ะครับ” สุภาพงษ์ตอบผม จากนั้นก็กดโทรศัพท์ “ผมคุยกับพี่ภูมิแป๊บหนึ่งนะครับ พี่นิตจะทานอะไรครับ เลือกร้านเลย เดี๋ยวนั่งรถผมไป”

            ผมกำลังจะอ้าปากบอก ว่าจะไปร้านใกล้ๆ นี่แหละ แต่เพราะสุภาพงษ์กดโทรศัพท์ แล้วเดินเลี่ยงไปทางอื่น ผมเลยได้แต่ยืนมองเขาคุยโทรศัพท์ตาปริบๆ อืม... หลังเขากว้างดีจริงๆ ใส่เสื้อเชิ้ต ยกโทรศัพท์แนบหูแบบนี้ เสื้อมันเลยแนบเนื้อเขา อืม.... ทั้งตึงทั้งแน่นขนาดนี้ เห็นแล้วอยากดีดชะมัด คงดังเพี๊ยะๆ เลยนะเนี่ย

ผมมัวแต่มองแผ่นหลังล่ำๆ ของสุภาพงษ์ เลยไม่ได้สนใจว่าเขาพูดอะไรกับภูมิวัฒน์ อันที่จริงผมไม่มีนิสัยแอบฟังใครคุยธุระ และสุภาพงษ์เองก็พูดเบาจนผมขี้เกียจเงี่ยหูฟัง เขาจะคุยอะไรกันก็ช่างเถอะ มีทั้งคุณากร ทั้งภูมิวัฒน์ไปด้วย ก็เหมือนผมมีข้ออ้าง ยังพอจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือสุภาพงษ์ได้แน่ๆ

            อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าเขาจะฆ่าจะแกงอะไรผมหรอกนะ แต่ผมยังไม่พร้อม เขาเล่นรุกเอาๆ แบบนี้ ผมก็ต้องหาอะไรมาป้องกันตัวบ้าง...

            เขาแค่สามสิบสี่ แต่ผมสี่สิบห้าแล้ว... เขายังอยู่ในวัยหนุ่ม แต่ผมไม่ใช่แล้วล่ะ...

            ขอเวลาผมอีกสักพักก็แล้วกัน

-----------------------------------------

            ผมมองรถเก๋งสีขาวของสุภาพงษ์วิ่งหายลับออกไป พลางถอนหายใจเฮือก นึกดีใจที่เขาไม่อ้าปากขอค้างหรืออะไรแบบนั้น ก็แค่มาช่วยผมเก็บบ้าน รดน้ำต้นไม้ ทานข้าว แล้วกลับไปอย่างที่ผมหวัง แต่ไม่รู้สิ ทำไมใจผมมันเกิดรู้สึกหวิวๆ ขึ้นมา สงสัยเพราะอยู่กับเขาหลายวันล่ะมั้ง พอเขาไปแล้วก็เหงาอยู่นิดๆ เหมือนกัน

            เอาน่ะ ผมอยู่มาตั้งปูนนี้แล้ว เรื่องเหงาแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมก็ได้พบเขาอยู่ดี

            ผมเดินกลับเข้าบ้าน เงยหน้ามองนาฬิกา ยังไม่ดึกเท่าไหร่ แต่ถ้าให้เขียนนิยายตอนนี้สงสัยกว่าผมจะต่อเนื้อหาได้ คงดึก ดังนั้นผมจึงเดินไปเดินมาอยู่รอบสองรอบ แล้วคิดขึ้นว่าน่าจะเตรียมอะไรไปทานรองท้องบนรถพรุ่งนี้ ไปกันตั้งสี่คน ก่อนเจ็ดโมง นอกจากร้านสะดวกซื้อ คงยังไม่มีร้านอาหารอะไรเปิดนักหรอก

            คิดดังนั้นแล้วผมเลยไปเปิดตู้เย็น มองไปมองมาก็ได้ความคิดว่าน่าจะทำข้าวผัดไป ทานง่าย ไม่เสียเร็ว หุงข้าวรอไว้คืนนี้ แล้วผัดพรุ่งนี้เช้าน่าจะทัน

            ผมเลยจัดแจ้งตั้งหม้อข้าว แล้วรื้อปิ่นโตออกมาจากตู้ อืม... ปกติใช้ใส่ของไปวัด แต่นานๆ เอาไปเที่ยวบ้างก็ได้ เที่ยวครั้งล่าสุดของผมที่ต้องหิ้วปิ่นโตไปด้วยก็คงสมัยเป็นเด็กๆ โน่นล่ะมั้ง

            ผมเผลอนึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ สมัยผมยังเป็นเด็กชายพนิต รู้สึกวันนั้นจะไปเที่ยวทะเลกัน แม่ทำกับข้าวใส่ปิ่นโต ให้ผมกับน้องช่วยหิ้วนั่นหิ้วนี่ นั่งรถประจำทางกันไป แล้วต้องไปโบกรถคนแถวนั้นอีก ลำบากไม่เหมือนสมัยนี้ แต่ก็สนุกดี

            ผมยิ้มกับตัวเอง พลางเลือกวัตถุดิบทำข้าวผัดในตู้เย็นมาไว้รวมกัน พรุ่งนี้จะได้หยิบมาจัดการได้เลย

            คราวนี้ผมคงไม่ได้หิ้วปิ่นโตไปทานข้าวริมทะเล สุภาพงษ์อยากไปอยุธยา เขาคงอยากไปดูโบราณสถาน แต่คงจะทานข้าวที่นั่นไม่ได้ อืม.. อาจจะต้องทานบนรถกันก็ได้นะ.. อืม... แล้วสุภาพงษ์ที่เป็นคนขับรถจะทานยังไงล่ะ? ผมต้องป้อนเขารึเปล่า? แต่ไม่เอาดีกว่า คุณากรกับภูมิวัฒน์ก็ไป ขืนผมนั่งป้อนข้าวสุภาพงษ์คงน่าเกลียด ให้เขาจอดข้างทางแล้วทานดีกว่า

            ผมเตรียมของทำข้าวผัดแล้วก็ไปอาบน้ำ ตอนหยิบเสื้อนอนออกมา นึกได้ว่าต้องเตรียมเสื้อใส่ไปพรุ่งนี้ด้วย เอาเสื้อแบบไหนดีนะเนี่ย

            ผมมองดูในตู้เสื้อผ้า ใจจริงอยากใส่สีเทา แต่พรุ่งนี้ไปกันหลายคน แถมเป็นวันหยุด ผมใส่สีเทามันจะดูหม่นไปรึเปล่านะ งั้นเอาสีน้ำตาล... ก็ดูจะหลวมไปอีก มีสีขาวอยู่ เอาสีขาวดีกว่า เดินตากแดดจะได้ไม่ดูดแสงอาทิตย์ด้วย

            เสื้อในตู้ผมมีไม่เยอะ แต่พอเลือกได้แล้วเงยหน้ามองนาฬิกาอีกที ก็สี่ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว ตายล่ะ นี่ผมเลือกเสื้อนานขนาดนั้นเลยเหรอ ผมรีบหยิบมาแขวนไว้หน้าตู้ แล้วลงไปปิดบ้าน ก่อนจะเข้านอน โดยไม่ลืมตั้งนาฬิกาปลุกกันพลาด

            ผมอุตส่าห์เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ตื่นไม่ทันก็เสียดายเวลาแย่สิ

-----------------------------------------

            ผมลุกขึ้นมาตั้งแต่ตีห้า โดยไม่ต้องรอให้นาฬิกาปลุก ก็บอกแล้วว่ากันพลาด ปกติผมตื่นเช้าอยู่แล้ว เพราะงั้น พอหกโมงกว่าๆ ข้าวผัดสารพัดผักของผมก็อยู่ในปิ่นโตเรียบร้อย แต่ผมยังไม่รีบซ้อนกันแล้วเอาใส่เถาหรอก รอให้เย็นอีกหน่อยก็ได้ ระหว่างรอข้าวผัดเย็น ผมก็เลยไปอาบน้ำ พอเดินออกมาก็ได้ยินคนมาเรียกที่หน้าประตู ผมรีบนุ่งผ้าเช็ดตัวแล้วหยิบเสื้อตัวใหญ่ๆ ใส่ทับ ก่อนจะออกไปดู

            “พนิต!”

            ฟังเสียงก็รู้แล้วล่ะว่าไม่ใช่สุภาพงษ์ แต่ผมไม่คิดว่าภูมิวัฒน์จะมาเช้าขนาดนี้ ผมเลยต้องออกไปเปิดประตูให้เขาในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวกับเสื้อตัวใหญ่ ภูมิวัฒน์เข้ามาแล้วมองผมขึ้นๆ ลงๆ “อย่าบอกนะว่าพนิตจะใส่ชุดนี้ไป?”

            “ตลกไปล่ะภูมิ” ผมว่า “เราเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ภูมิมาเร็วไปนะ นั่งรอก่อนแล้วกัน”

            “อืม ก็เช้าๆ รถไม่ติดน่ะ แท็กซี่ขับเร็ว ก็มาถึงก่อน นี่เรามาถึงคนแรกเลยใช่มั้ย?”

            “อือ” ผมพยักหน้า “เพราะงั้น ห้ามรื้ออะไรในบ้านเราเล่นนะ เราไปเปลี่ยนเสื้อ เดี๋ยวลงมา”

            ภูมิวัฒน์หัวเราะออกมา “พนิตไม่ต้องเปลี่ยนหรอก ไปทั้งชุดแบบนี้แหละ รับรอง น้องโจต้องดีใจแน่ๆ”

            “.................” ผมถลึงตามองเพื่อน “ภูมิอยากมีปากไว้กินข้าวอีกมั้ย?”

            คราวนี้เพื่อนรูปหล่อของผมรีบยกมือเป็นเชิงขอโทษทันที “ล้อเล่นน่า จะไปเปลี่ยนเสื้อก็ไปเถอะ เดี๋ยวเรานั่งรอรับแขกให้ ใครมาบ้างนะ?”

            “โจกับกั้ง”

            “อ้อ... น้องนักข่าวจอมตื้อคนนั้นเอง ฮะๆ” เพื่อนผมพูดพลางหัวเราะ ผมอดไม่ได้ต้องถามเขาไป “ทำไม? มีอะไรกับน้องเขาเหรอ?”

            “เปล่าๆ” ภูมิวัฒน์สั่นศีรษะ “พนิตไปเปลี่ยนเสื้อเถอะ เอาหล่อๆ นะ อยากเห็นเพื่อนพนิตแต่งหล่อบ้าง”

            “เอาแบบไปวัดพระไม่ไล่แล้วกัน” ผมว่า แล้วรีบชิ่งเดินหนีขึ้นไปชั้นบน เพราะกลัวจะเจอภูมิวัฒน์ทิ่มกับหอกปากอีก แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงเขาแซวอยู่ดี

            “เอาแบบที่น้องโจเห็นแล้วกระโจนเข้าใส่เลยนะ”

            อืม... นี่ถ้าผมยกราวบันไดขว้างใส่เขาได้ ผมทำไปแล้วนะเนี่ย พูดอะไรน่าเกลียดจริงๆ

            ผมหยิบเสื้อที่เลือกไว้เมื่อคืนขึ้นมาสวม แล้วไปส่องกระจก อันที่จริงก็ไม่ได้อยากจะหล่ออะไรนักหนาหรอก แค่อยากรู้ว่าสุภาพงษ์เห็นแล้วจะเลี้ยวรถกลับรึเปล่า อืม.... ผมว่ามันก็พอดูได้นะ ผมอาจจะไม่หล่อเท่าภูมิวัฒน์ แต่ไปไหนยังไม่เคยมีใครไล่ ใส่แบบนี้ก็พอจะได้แหละ เสื้อผมก็ไม่ใหญ่ไม่เล็ก คอก็ไม่ลึก แขนสั้นปกติ.. สุภาพงษ์เห็นแล้วคงไม่กระโจนเข้าใส่หรอก... บ้าจริง ภูมิวัฒน์พูดอย่างกับเขาเป็นเสือหรืออะไรงั้นแหละ เขาก็แค่คนมือไวกว่าปกติ.... ชอบจับเนื้อต้องตัวผมเท่านั้นเอง

            ก็เพราะว่าเขามือไวนี่แหละ ผมถึงต้องตามตัวภูมิวัฒน์มา ดีนะที่เพื่อนผมแค่ปากไว ไม่ได้มือไว เอามากันท่าคนมือไว้แต่ปากหนักนี่แหละ น่าจะเหมาะกันที่สุด

            ขณะที่ผมคิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย ก็ได้ยินเสียงภูมิวัฒน์ตะโกนขึ้นมา “พนิต น้องโจมาแล้วนะ เจ้าสาวแต่งตัวเสร็จรึงยัง?”

            ผมล่ะอยากเอาตู้เสื้อผ้าทุ่มภูมิวัฒน์ เจ้าสาวอะไรน่ะ ข้างผมมีแต่ผมที่แต่งตัวอยู่ เขาช่วยปากไวดูกาลเทศะหน่อยได้มั้ย เดี๋ยวผมก็ไล่กลับบ้านหรอก

            “จะเสร็จแล้ว ไม่มีเจ้าสาวหรอก” ผมตะโกนกลับไป พลางนึกแปลกใจว่าสุภาพงษ์มาถึงแล้วจริงหรือ ทำไมไม่ได้ยินเสียงรถเลยล่ะ ผมเลยชะโงกไปดูที่หน้าต่าง แล้วเห็นว่ารถเขาจอดอยู่หน้าบ้านแล้วจริงๆ

            โอย.. ไม่ไหวเลยผม มัวแต่คิดอะไรฟุ้งซ่านจนไม่ได้ยินกระทั่งเสียงรถจอด แต่เสียงเครื่องรถเขาก็เบาอยู่นะ รถเขาเครื่องเบาเอง ไม่ใช่เพราะผมมัวแต่คิดถึงเขาจนหูไม่ได้ยินอะไรหรอก

            “สวัสดีครับ” สุภาพงษ์กับคุณากรยกมือไหว้ผม ทันทีที่ผมเดินลงมาจากบันได ทำอย่างกับผมเป็นครูใหญ่ กำลังเดินมาตรวจแถวงั้นแหละ ผมยกมือรับไหว้ แล้วมองด้วยสายตาอึ้งๆ

            ไม่ได้อึ้งว่าสองคนนี้ไหว้ผมอย่างกับเป็นครูใหญ่หรอกนะ แต่อึ้งกับ.. เอ่อ... ผู้ชายรูปหล่อสามคนที่อยู่ในบ้านผมต่างหาก

            ที่จริงภูมิวัฒน์มาถึงบ้านผมก่อน แต่เพราะดันปากเสียตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าบ้านดี ผมเลยหมดอารมณ์จะชมความหล่อของเขา วันนี้เขาใส่เสื้อโปโลสีเทาอมเขียวตุ่นๆ หน่อย เขาใส่สีตุ่นนะ แต่พอบวกเข้ากับรูปหน้า หุ่น ทรงผมแล้ว ดูดีกว่าผมใส่สีชมพูซะอีก อืม... คนหน้าตาดีนี่ใส่สีอะไรก็ดูดีไปหมดจริงๆ

            ส่วนคุณากร เขาใส่เสื้อยืดสีส้ม กับเสื้อเชิ้ตตัวสั้นๆ สีชมพู กางเกงยีสน์สีฟ้า สีตัดกันสุดๆ แต่.. พออยู่บนตัวเขา ผมกลับนึกถึงหนังสือแฟชั่นวัยรุ่น หน้าตาเขาหล่อแบบน่ารักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่งแบบนี้เลยเหมือนเด็กอายุยี่สิบกว่าๆ ทั้งๆ ที่ผมจำได้ว่าเขากับสุภาพงษ์รุ่นเดียวกัน แหม... แต่งมาเหมือนข่มคนอายุเยอะอย่างผมเลยนะเนี่ย

            เอาเถอะ ผมมันปูนนี้แล้ว แต่งสีสดใสก็ใจไม่สู้ หุ่นก็ไม่ดี หน้าก็ไม่หล่ออย่างภูมิวัฒน์ แต่ผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้คุณากรนี่สิ.. เขาสวมแค่เสื้อยืดสีขาวธรรมดา กับเชิ้ตสีฟ้าอ่อนอีกตัวหนึ่ง แต่ทำไมถึงดูดีนักก็ไม่รู้ สุภาพงษ์ใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้นแหละ ทั้งหน้าเอย คางเอง คิ้วเอย จมูกเลย ผมมองทุกส่วนได้ไม่เบื่อจริงๆ นะเนี่ย อยากรู้ว่าตอนเขาอายุสี่สิบ จะยังรักษาความดูดีเอาไว้ได้อย่างภูมิวัฒน์รึเปล่า แต่ตอนเขาสี่สิบ ผมคงห้าสิบกว่าแล้ว... โอย ไม่อยากจิตนาการถึงสภาพตัวเองตอนนั้นจริงๆ นะเนี่ย

            “พนิต?”

            เสียงเรียกของภูมิวัฒน์ทำให้ผมรู้สึกตัว ตายล่ะ นี่ผมเผลอมองสุภาพงษ์ตาค้างอีกแล้วเหรอเนี่ย

            พอรู้ว่าเผลอแสดงท่าทางน่าเกลียดออกไป ผมเลยแกล้งตีหน้าจริงจัง แล้วถือโอกาสกวาดตาดูเขาชัดๆ เสียเลย “แต่งมาอย่างกับจะไปถ่ายแบบแน่ะ”

            สุภาพงษ์ทำหน้างงๆ ในขณะที่ภูมิวัฒน์ขำพรืด “อะไรน่ะ พนิตอยากถ่ายแบบน้องโจเหรอ มีกล้องมั้ย? เปิดห้องถ่ายเลยสิ สองต่อสองนะ รับรองน้องโจให้ถ่ายทุกส่วนแน่ๆ”

            ผมถลึงตาใส่เพื่อน นึกเสียใจว่าน่าจะตบภูมิวัฒน์ให้พูดไม่ได้เสียตั้งแต่ตอนมา แต่เพราะพอเหลือบมาเห็นสุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ ผมเลยอ้าปากพูดอะไรไม่ออก เขาใช้ดวงตาสีดำสนิทมองผม แล้วพูดเสียงค่อย “ไม่เหมาะหรือครับ?”

            เอ่อ... เหมาะสมทุกอย่างเลยต่างหากล่ะ ที่เขาแต่งไม่ต่างจากคนทั่วไป ถ้าจะบอกว่าไม่เหมาะล่ะก็ คุณากรสิหนัก สีอย่างกับลูกกวาด แต่นั่นแหละ เขาหน้าตาดี ท่าทางน่ารัก ใส่แล้วเหมือนนายแบบมากกว่าคนบ้า ส่วนผม.... เดินกับพวกเขาสามคน สงสัยกลายเป็นคุณพ่อ เอาน่า พ่อก็พ่อ ผมก็แก่จนเป็นพ่อคนได้อยู่แล้ว มีลูกอายุเยอะๆ คอยดูแลก็ไม่เห็นเสียหายอะไรนี่

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก20(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P23:14/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 25-02-2012 16:58:07
            “เปล่า ดูดีแล้วล่ะ” ผมตัดสินใจเปลี่ยนประเด็น “ขอโทษที่ทำให้รอนะ เดี๋ยวพี่เอาปิ่นโตใส่เถาแป๊บหนึ่ง ไปที่รถเลยก็ได้”

            “ถ้าปิ่นโตล่ะก็ เราใส่เถาให้แล้วล่ะ อยู่นี่” ภูมิวัฒน์พูด แล้วยกเถาปิ่นโตข้างตัวให้ผมดู ผมมองเขาอึ้งๆ “อ้อ... เหรอ.... ขอบใจนะ”

            “รู้อยู่หรอกว่าพนิตต้องทำอะไรไว้ให้ทานแน่ๆ เราเลยไม่ทานอะไรมาไง ไปที่รถเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา” เพื่อนผมพูด พลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำออกไป ทำตัวเหมือนเป็นหัวหน้าทริปซะไม่มี คนอื่นๆ ก็เลยต้องเดินตามเขาไปด้วย เหลือผมรั้งท้ายเพราะต้องปิดประตูบ้าน

            “ตกลงใครขับรถ” ผมปิดบ้านแล้วก็หันไปถามเพื่อน เพราะนึกหมั่นไส้ท่าทางของเขา ภูมิวัฒน์คงรู้ตัว เลยหันมาตอบผมยิ้มๆ “รถน้องโจ ก็ต้องให้น้องโจขับสิ”

            “อ้อ...” ผมลากเสียง แต่ก็ขี้เกียจจะพูดอะไรให้อายเด็ก เลยเดินตามไป แต่พอเห็นภูมิวัฒน์เปิดประตูด้านหลังรถ ผมก็อดไม่ได้ต้องถามออกไปอีก “อ้าว ไม่นั่งเบาะหน้าเหรอ?”

            เพื่อนรูปหล่อของผมสั่นศีรษะ” ไม่ได้ขับ จะไปนั่งเบาะหน้าทำไม”

            “อ้าว ก็เบาะข้างคนขับไง”

            “โหย... อันนั้นน่ะมีคนนั่งแล้ว”

            ผมคิดขึ้นมาได้ทันทีว่าต้องเป็นคุณากรแน่ๆ เลยพยักหน้า “อืม งั้นเราไปนั่งอีกฝั่งก็ได้”

            แต่พอเดินอ้อมไป คุณากรเพิ่งปิดประตูด้านหลังพอดี... เอ่อ... เดี๋ยวสิ ที่มันเหลืออยู่แต่เบาะหน้าแล้วนี่... ตกลงคนนั่งต้องเป็นผมเหรอ

            เพราะเกรงใจที่เห็นทุกคนเข้ารถไปหมดแล้ว ผมเลยต้องเปิดประตูเข้าไปนั่งอย่างเสียไม่ได้ ที่จริงปกติถ้ามาด้วยกัน ผมก็นั่งเบาะนี้อยู่แล้ว แต่วันนี้เห็นว่ามีคนอื่นมาด้วย เลยอยากจะไปนั่งเบาะหลัง ไม่รู้สิ... นั่งคู่กับสุภาพงษ์ให้คนอื่นเห็น... ผมเขินน่ะ....

            พอออกรถมาได้สักพัก ระหว่างที่ผมกำลังแอบมองคนขับเพลินๆ เสียงของภูมิวัฒน์ก็ดังขึ้นอีก “น้องโจ หิวมั้ย?”

            ผมนึกขึ้นมาได้ทันที ว่าสุภาพงษ์น่าจะยังไม่ได้ทานมื้อเช้า เลยพูดเสริมไป “ถ้าหิว แวะปั้มทานข้าวกันก่อนไหม?”

            “ไม่ต้องแวะปั้มหรอกครับ” เสียงคุณากรแทรกขึ้นมา “ทานบนรถเลยก็ได้”

            ผมทำหน้าอึ้งๆ “แต่... แล้วโจจะทานยังไงล่ะ เขาขับรถอยู่นะ”

            “พนิตก็ป้อนไง” เพื่อนผมพูดต่อทันที จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงเขาแกะเถาปิ่นโต

            “โหย.. ข้าวฝีมือพนิต ไม่ได้กินนานมาก” เขาว่า “นึกถึงสมัยเรียนนะ พนิตชอบทำกับข้าวมาฝากเวลากลับมาจากบ้านทุกทีเลย”

            ผมนึกหมั่นไส้เขา... เขาควรรู้ตัวว่าที่ผมทำกับข้าวไปให้เขาน่ะ เพราะผมแอบปลื้มเขาอยู่ แต่ไอ้หมอนี่มันพวกหัวไวแต่รู้ตัวช้า ปล่อยไปก่อนแล้วกัน รอให้ได้จังหวะ เดี๋ยวผมจะตอกให้หน้าหงายเลย

            “อือหือ... ได้คุณพนิตเป็นรูมเมทนี่ดีจัง สมัยผมเรียนนะ ไม่มีใครทำให้ผมทานหรอก มีแต่ผมเนี่ยต้องทำไปให้” คุณากรพูดขึ้นบ้าง ผมพยักหน้าเห็นด้วย “บางคนสักแต่กินอย่างเดียว ไม่เคยรู้เลยว่าคนเขาทำไปให้ด้วยใจ”

            ได้ยินเสียงภูมิวัฒน์สำลัก ขณะที่สุภาพงษ์ซึ่งขับรถอยู่พูดขึ้นมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ออกรถ “ผมรู้นะครับ”

            ผมเกือบสำลักน้ำลายตัวเองตามภูมิวัฒน์ไปอีกคน ผมแค่อยากตอกหน้าเพื่อนผม ไม่ได้ต้องการให้เขาตอบ แต่... บางทีเขาอาจจะตอบคุณากรก็ได้

            “.............................”

            ผมรอให้คุณากรตอบกลับ แต่เห็นเขาเงียบ สุภาพงษ์ก็เงียบ มีแต่ภูมิวัฒน์ยังสำลักไม่เลิก ผมเลยต้องถามไป “ภูมิ น้ำมั้ย?”

            “ไม่ต้อง” เขาตอบ จากนั้นก็ไออีกสองสามครั้ง “พนิตนี่ถนัดหลอกด่าคนจริงๆ”

            ผมใช้ความเงียบยอมรับทันที ได้ยินเสียงภูมิวัฒน์พูดอีก “แล้วนี่จะไม่ป้อนข้าวน้องโจหรือไง?”

            “?!” ผมหันไปมองเพื่อนทันที เห็นเขายกขวดน้ำขึ้นมาดื่ม มือถือปิ่นโตใบหนึ่งอยู่ ส่วนคุณากรกำลังจัดแจงแยกอีกสามใบออกมา

            “คุณพนิต..” คุณากรเรียกผม แล้วยื่นปิ่นโตมาให้ใบหนึ่ง “เดี๋ยวถ้าใบนี้หมดแล้วไม่พอ ค่อยเพิ่มอีกใบนะครับ โจมันกินจุอยู่”

            ผมกะพริบตาปริบๆ แต่เพราะกลัวข้าวจะหก เลยรีบรับปิ่นโตมาก่อน “ภูมิทานเสร็จแล้วมาเปลี่ยนมือกับโจก็ได้นี่ โจจะได้ไปนั่งทานดีๆ”

            “โห... ทำไมพนิตใจร้ายแบบนี้ ป้อนน้องหน่อยไม่ได้หรือไงน่ะ?” เพื่อนผมพูด แล้วมองผมประหนึ่งเห็นยักษ์เห็นมาร ผมหันไปถลึงตาใส่เขา “ก็กลัวป้อนแล้วโจไม่มีสมาธิขับรถ”

            “ไม่เป็นไรครับ ผมขับได้” คราวนี้สุภาพงษ์พูดขึ้นมาบ้าง ผมเลยหันกลับมามองเขา “โจหิวแล้วหรือ?”

            “ครับ” เขาพยักหน้า ผมลังเลขึ้นมา ด้านหลังคนหนึ่งเป็นรูมเมทผม ไอ้คนนั้นน่ะไม่เท่าไหร่ แต่อีกคนเป็นแฟนเก่าเขา ผมจะมาป้อนข้าวแฟนเก่าให้เขาดู มันจะดีเหรอ...

            ขณะที่ผมกำลังนึกว่าจะทำยังไงดี เสียงของคุณากรก็ดังขึ้น “คุณพนิตไม่ต้องอายนะครับ ผมกับพี่ภูมิจะปิดตาไว้ รับรองไม่เห็นแน่นอน”

            “กั้งบาดตาขนาดนั้นเลยเหรอ?” ผมถามด้วยความตกใจ แต่พอหันไปมองก็เห็นเขากับภูมิวัฒน์กำลังตั้งหน้าตั้งตาทานข้าวกันอยู่

            “เปล่าครับ..” คุณากรพูด แล้วเงยหน้าจากปิ่นโต “ก็เห็นคุณพนิตไม่ยอมป้อนเสียที ผมน่ะไม่บาดตาอะไรหรอก แต่โจมันอาจจะใกล้หิวไส้ขาดแล้วก็ได้นะ ถ้าคุณพนิตมันรีบป้อนข้าวมัน เดี๋ยวมันหน้ามืดระหว่างขับรถนะครับ”

            “พนิตจะใจร้ายขนาดปล่อยให้น้องนุ่งหิวแล้วตัวเองนั่งกินคนเดียวเลยเหรอ” ภูมิวัฒน์พูดเสริมด้วยสีหน้าจริงจัง จนผมอยากจะเอาปิ่นโตเขวี้ยงใส่หน้าเขา แต่... ผมเก็บอาการได้ อีกอย่าง ก็แค่ป้อนข้าว คงไม่น่าเกลียดอะไรเท่าไหร่หรอก

            คิดได้ดังนั้น ผมจึงหันกลับมา ตักข้าวผัดมาพอดีคำ แล้วค่อยๆ ป้อน โดยระวังไม่ให้เขาต้องหันมาก

            “ทานได้มั้ย?” ผมถาม หลังเห็นคนขับเคี้ยวตุ้ยๆ สุภาพงษ์พยักหน้า “อร่อยครับ กำลังดีเลย”

            ผมแอบดีใจนิดๆ แต่ก็กลัวเขาจะพูดเอาใจ เลยตักมาทานเองบ้าง อืม... ผมเป็นคนทำ ก็ต้องทำรสชาติที่ผมทานได้อยู่แล้วนี่นา

            “โจ... ถ้าไม่อร่อยไม่ต้องฝืนนะ พี่อยากให้พูดจริงๆ”

            “อร่อยจริงๆ นะครับ” เขาว่า ได้ยินเสียงคุณากรพูดแทรก “คุณพนิตครับ ที่โจมันกินไม่ได้ คงเป็นก้อนหิน อิฐ ปูนเท่านั้นล่ะครับ ตั้งแต่รู้จักมา ผมยังไม่เคยเห็นมันบ่นว่าไม่อร่อยเลยสักครั้ง”

            “แต่ข้าวผัดพี่นิตอร่อยนะ” สุภาพงษ์แย้งขึ้นมาทันที เขาไม่ต้องพูดเพิ่มก็มีคนช่วยสนับสนุน

“ข้าวผัดพนิตอร่อยจริงๆ นะ” ภูมิวัฒน์พูด ผมล่ะนึกดีใจที่มีเพื่อนไม่เสียแรงทำกับข้าว แต่ก็ดีใจได้แป๊บเดียว “โดยเฉพาะ ถ้ามีพนิตอยู่ในปิ่นโตด้วย รับรอง น้องโจกินถึงเช้าแน่ๆ”

ผมอยากเอาปิ่นโตขว้างหน้าภูมิวัฒน์จริงๆ “คนนะ ไม่ใช่หมู จะไปอยู่ในปิ่นโตได้ไง”

“อืม..” เพื่อนผมทำหน้าคิดหนัก “ไม่อยู่ในปิ่นโตก็ได้ อยู่ในอ่าง อยู่บนเตียง”

“ภูมิ!” ผมเอ็ดเพื่อน “อยากทานข้าวแบบเจ็บตัวหรือไง!”

ภูมิวัฒน์ทำท่ากลัวลนลาน ขณะที่คุณากรหัวเราะ “พี่ภูมินี่พูดเก่งจริงๆ ด้วย”

ผมได้แต่นั่งเงียบๆ เพราะระลึกได้ว่า ไม่ควรว่าเพื่อนต่อหน้าเด็ก แต่ให้เงียบแล้วเห็นเขาทำหน้าสนุกแบบนี้ เดี๋ยวผมจะทนไม่ไหว เอาปิ่นโตปาหน้าเขาขึ้นมา คงแย่กว่าว่าเขาต่อหน้าเด็กอีก ดังนั้น ผมจึงหันหน้ากลับมาจะป้อนข้าวสุภาพงษ์ต่อ

            แต่พอเห็นเขากำลังเม้มปาก แถมแก้มแดงนิดๆ ผมอกปากไม่ไหวจริงๆ “โจ! ห้ามคิดอะไรบ้าๆ นะ”

            “ปะ... เปล่าครับ” สุภาพงษ์ตอบผม แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้แก้ตัวอะไรเพิ่ม คุณากรก็พูดแทรกขึ้นมา “คุณพนิตก็อย่าปล่อยให้โจได้แต่คิดสิครับ ให้มันทำจริงๆ ไปเลย”

            ผมล่ะอยากเอาปิ่นโตปาทั้งคุณากรกับภูมิวัฒน์จริงๆ ผมตั้งใจชวนคนอื่นมาเพื่อเป็นกันชนให้ผม ไม่ใช่มาเสี้ยมกันแบบนี้

            หลังจากพบแล้วว่า สองคนที่ชวนมา ท่าทางพึ่งไม่ได้ ผมเลยหันไปพึ่งช้อนพึ่งปิ่นโตในมือแทน ให้สุภาพงษ์ตั้งใจเคี้ยวข้าว เขาคงไม่มีเวลามาคิดอะไรบ้าๆ กับผมแน่

            ตัดเสียงคุยเกี่ยวกับเรื่องคอรัปชั่นที่ผมไม่รู้เรื่องด้านหลังออกไป ผู้ชายที่กำลังมองถนน มือจับพวงมาลัยคนนี้ดูดีจริงๆ นั่งดูเขาเคี้ยวตุ้ยๆ ท่าทางน่าอร่อยแล้ว คนทำอย่างผมก็ปลื้มได้แบบไม่ต้องมีใครมายอ

            ผมป้อนไปมองเขาไปเพลินๆ เผอิญป้อนพลาดไปนิด ข้าวเลยร่วงไปที่ตักเขา ด้วยความตกใจ กลัวว่ามันจะเลอะเบาะ ผมเลยคว้ามือไปตามสัญาชาตญาณ สุภาพงษ์สะดุ้งเฮือก เหยียบเบรกรถทันที

            “โอ๊ย!” ทั้งผม ภูมิวัฒน์ และคุณากรร้องขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่คุณากรจะโวยวายออกมา “เหยียบเบรกทำไมน่ะ?!”

            ความจริงสุภาพงษ์เป็นคนขับรถนิ่มมาก เบรกทีไม่มีกระตุก เขาขับรถดีเลยล่ะ แต่ที่เขาเบรกตะกี้นี่น่ะ.....

            “.................” ผู้ชายรูปหล่อที่มือยังกำพวงมาลัยอยู่หน้าแดงก่ำ ผมก็หน้าแดงเหมือนกัน... คือ เอ่อ... ผมแค่ตั้งใจจะคว้าข้าวที่ร่วงลงไป แต่เผอิญมือมัน...

            “เฮ้ย! ไอ้คุณโจ... ไข้ขึ้นเรอะ?!” คุณากรโพล่งออกมา ก่อนจะยื่นหน้ามาที่เบาะหน้า “เป็นอะไรน่ะ เกิดช็อกความน่ารักของคุณพนิตขึ้นมากะทันหันหรือไง?”

            ยังไม่ทันที่สุภาพงษ์จะได้ตอบอะไร ภูมิวัฒน์ก็พูดขึ้นอีก “เอารถเข้าข้างทางก่อนแล้วกัน พี่กลัวรถคันหลังขับตามมาแล้วจะชนเอา”

            สุภาพงษ์ค่อยๆ เคลื่อนรถเข้าข้างทางทั้งๆ ที่หน้ายังแดงไม่หาย ส่วนผมน่ะหรือ... ไม่รู้จะพูดอะไรเลยล่ะ...

            ผมคว้าพลาด... คว้าพลาดแค่นั้นเอง

            “ตกลงเป็นอะไรน่ะโจ?” คุณากรไล่เบี้ยต่อ หลังจากเอารถเข้าข้างทางแล้ว ขณะที่ภูมิวัฒน์เองก็ดูสงสัยไม่แพ้กัน “พนิตทำอะไรน้องเขาน่ะ”

            “.....................” ผมพูดไม่ออก ขณะที่สุภาพงษ์ก็ดูจะอ้ำๆ อึ้งๆ พอเห็นว่าเขาคงพูดไม่ได้แน่ ผมเลยกลั้นใจพูดแทน “พอดีเราทำข้าวหก”

            “แล้ว...?” สองคนด้านหลังถามขึ้นพร้อมกัน แถมทำหน้าอย่างกับคนรอซื้อนิยายตอนใหม่

            “เราเลยเผลอคว้ามือไปหยิบ กลัวมันจะเลอะเบาะ แต่.. พอดีมันร่วงไปบนตักโจ...”

            “..............................” คุณากรกับภูมิวัฒน์มองหน้าผมอึ้งๆ จากนั้นคุณากรก็โพล่งออกมา “คุณพนิตเลยคว้าน้องชายไอ้โจแทนข้าว?!”

            ผมไม่รู้จะตอบอะไร เลยได้แต่พยักหน้าไป

            “.......................................................................” ทั้งคุณากรและภูมิวัฒน์เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่ต่างคนต่างก็หัวเราะออกมา

            “ตาย ผมเป็นไอ้โจผมก็เบรก พี่นิตกำแรงมั้ย?”

            ใครมันจะไปรู้เล่า แล้วผมจะไปตอบเขาทำไมล่ะ!

            “โจ... ดีมั้ย?” คุณากรเปลี่ยนเป้าหมายไปถามสุภาพงษ์ ผมเลยเงยหน้ามองเขาบ้าง สุภาพงษ์หน้าแดงจัด ได้แต่เม้มริมฝีปาก แต่ไม่ยอมพูดอะไร

            ตกลงมันดีหรือไม่ดีล่ะ?!

            “มันคงเจ็บนะ” ภูมิวัฒน์พูดออกมาแก้สถานการณ์ได้ทัน ก่อนจะหันมาจ้องผมอย่างจริงจัง “วันหลังพนิตห้ามไปคว้าน้องชายใครแบบนี้อีกนะ”

            ผมอยากยกมือต่อยดั้งเขาก็วินาทีนี้แหละ “บ้าเรอะ เราไม่ไปจับของใครมั่วๆ หรอก”

            “แปลว่าตั้งใจจับของโจใช่ไหมล่ะครับ” คุณากรพูดขึ้นต่อทันที ผมหันไปถลึงตามองเขา แล้วคิดว่าถ้ามีแบบนี้อีกสองสามประโยค ผมคงได้ต่อยคนแน่ๆ ดีที่ภุมิวัฒน์พูดแก้ลำทัน

            “เราหมายถึง พนิตไม่ต้องไปคว้าอะไรตอนที่คนเขาขับรถหรอก มันอันตราย ดีนะที่ไม่มีรถตามหลัง”

            “อือ...” แบบนี้ค่อยดูเป็นผู้ใหญ่อายุสี่สิบห้าหน่อย ผมพยักหน้ารับผิดแต่โดยดี “ขอโทษนะ”

            “อืม... ไม่เป็นไรหรอก” เขาพูด แล้วหันไปพูดกับสุภาพงษ์ “น้องโจเปลี่ยนมือกับพี่แล้วกัน ไปพักฟื้นร่างกายเบาะหลังก่อนนะ”

            สุภาพงษ์นิ่งไปพัก ก่อนจะพยักหน้า เอ่อ... ผมจับของเขาแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?

            พอเห็นผู้ชายรูปหล่อหน้าแดงไม่หาย แถมเดินคู้ตัวออกจากรถ ผมเลยยิ่งรู้สึกผิดหนัก

            “โจ... พี่ขอโทษนะ” ผมพูด ขณะที่เขาย้ายมานั่งเบาะหลัง สุภาพงษ์พยายามจะยิ้มให้ผม “ไม่เป็นไรครับ”

            “................” ผมมองเขา แล้วตัดสินใจพูดออกมา “พี่ไปนั่งด้วยมั้ย?”

            คราวนี้สุภาพงษ์หน้าแดงกว่าเดิม “เอ่อ.... ไม่ต้องหรอกครับ”

            “..............” ปกติเขาจะหาทางอยู่ใกล้ผมตลอดนี่นา หรือเขาจะโกรธผมนะ

            “โจ... พี่ขอโทษแล้วนะ”

            “ครับ...”

            “ให้พี่ไปนั่งด้วยได้ไหม?”

            สุภาพงษ์ทำหน้าปั้นยาก เขาหันไปหาคุณากร จากนั้นนายคุณากรก็พูดราวกับสื่อสารทางโทรจิตกันได้

            “คุณพนิตอย่าเพิ่งมานั่งข้างมันเลยครับ ไอ้โจมันไม่ได้เจ็บหรอก มันกำลังของขึ้น เกิดคุณพนิตมานั่งใกล้ๆ อีก ระวังมันจะกินคุณพนิตแทนข้าวนะครับ”

            “?!” ผมมองหน้าสุภาพงษ์ เห็นเขาหน้าแดงจัดกว่าเดิม เลยรีบหันหน้ากลับมาจ้องถนนทันที!

            งานนี้ผมไม่ผิดนะ! ผมแค่คว้าพลาด คว้าพลาดเท่านั้นเอง!!!!!

-------------------------------------------
*** โอ๊ย แทบจะลืมไปแล้วว่าพี่นิตอายุเท่าไหร่!!!~~ :-[

ฮ่าๆ ที่จริงแล้ว ตั้งใจว่าตอนนี้ต้องไปให้ถึงอยุธยา ดร๊าฟเดิมนี่ทำท่าจะหยุดที่ร้านอาหาร เลยลบ แต่ก็ไปไม่ถึง หยุดแ่ค่ในรถ... อีเว้นท์ระหว่างพี่นิตกับน้องโจเยอะจริงๆ โดยเฉพาะ เมื่อพี่นิตลากกันชนสองคนที่.. ดูแล้วเป็นพวกเสี้ยมทั้งนั้น ฮ่าๆๆๆ พี่นิตจะเข้าตัวเพราะมัวแต่คิดพึ่งคนอื่นนี่แหละ

งานนี้โจไร้บทพูดตามเคย... ตรงคอนเซป ปากหนัก มือไว้ ใจ.. รักพี่นิตคนเดียว (โหย... เล่นไปได้)

ตอนแรกตั้งใจว่า อีกสักสองตอน จะจบเรื่องนี้ แต่ดูจากทริปอยุธยานี้แล้ว ท่าทางต้องเพิ่มตอนแหะ...

เรื่องนี้มันยืดได้อย่างน่ากลัวจริงๆ นะเนี่ย=[]=!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 25-02-2012 17:50:27
ฮ่าๆๆ เอาสองคนนั้นมาช่วยเป็นกันชน
แต่เหมือนว่าคุณพนิตจะแย่เพราะสองคนนี้นะ เสี้ยมกันสุดๆ
ตอนนี้ฮาาาาและน่ารักมากกก ฮ่าๆ
จะจบแล้วหรอไม่นะ! หลงรักคุณพนิตหัวปักหัวปำเลยตอนนี้ ไม่อยากให้จบบบบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 25-02-2012 17:51:08
5555555 kon kae kor mii hua jai nii naa,,tae khuu nii narak yang ka khuu noom noom loei na kha...hu hu
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 25-02-2012 18:29:02
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกโถ่ๆๆๆๆ
น้องข้าวหกใส่ ตกใจกันหมดเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 25-02-2012 19:03:00
พี่นิตเหมือนสาวพรหมจรรย์เลย :o8:
แล้วยังไปจับของโจเขาอีกเนอะพี่นิต :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 25-02-2012 19:18:05
คุณพนิตวางแผนการหาตัวช่วยไปเที่ยวด้วยซะดิบดี
ปรากฎว่ามีแต่คนแปรพักตร์
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: aoommy ที่ 25-02-2012 19:30:22
พี่นิตน่ารักมาก ไร้เดียงสาหน่อยๆ เหมือนลูกแกะในดงหมาป่าเลยอ่ะ
อุตสาห์เอาเค้ามาเป็นกันชน จะรอดไหมน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: aozakub ที่ 25-02-2012 19:30:47
lo6
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: pnatbutter ที่ 25-02-2012 19:38:53
พี่นิต อึนตลอดอะ 55555+
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 25-02-2012 19:45:56
:laugh:

ทริปฮาเฮ

และ

สองคู่ชูชื่น
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 25-02-2012 20:19:51
สงสารโจว่ะ  ของขึ้นในรถซะด้วย  จะช่วยตัวเองยังงัยไหววะเนี่ยะ  5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: irksome ที่ 25-02-2012 20:24:06
น่ารักมากมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 25-02-2012 20:30:04
คุณพนิตจะรักนวลสงวนตัวไปถึงไหนจ๊ะ
แม้ๆๆ ทำตัวเป็นสาวน้อยยุค50-60ปีย้อนหลังไปได้
จะไปเที่ยวกับชายหนุ่มที่เขาชอบเรา และเราพึงใจเขา ก็ต้องมีเพื่อนสาวไปเป็นกันชน
เพี้ยะ ! (เสียงดิฉันตบเข่าตัวเองค่ะ) เป็นเราหน่อยไม่ได้ อยู่มาตั้ง40กว่าๆแบบนี้
วันนั้นจะขอไปแค่สองต่อสอง และต้องให้มีได้เสียกันวันน้นเลยแหละ 555
"...เห็นโลกมาแล้วช่วงหนึ่ง ต้องเรียนให้ซึ้งถึงช่วงต่อไป..."
     ขณะอ่านไอ้เราก็นั่งดูดนมไปด้วย อ่านมาถึงตอนคุณนิตคว้าพลาด
เกิดอาการขำพรืด และพ่นนมออกทั้งทางปากและจมูก เลอะไปหมดเลยอ้ะ
งานนี้จะโทษใครดีคะเนี่ย 
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 25-02-2012 20:40:23
     ขณะอ่านไอ้เราก็นั่งดูดนมไปด้วย อ่านมาถึงตอนคุณนิตคว้าพลาด
เกิดอาการขำพรืด และพ่นนมออกทั้งทางปากและจมูก เลอะไปหมดเลยอ้ะ
งานนี้จะโทษใครดีคะเนี่ย 

โทษพี่นิตค่ะ...!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

(หนูไม่เกี่ยวนะค้าาา)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 25-02-2012 20:59:33
แหม อย่ารีบจบเร็วเลยค่ะ

ชอบความไม่เดียงสาของพี่นิตจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 25-02-2012 21:08:26
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่า พนิต กับเพื่อน ไม่ใช่อายุสี่สิบห้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 25-02-2012 21:19:18
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่า พนิต กับเพื่อน ไม่ใช่อายุสี่สิบห้า


อันนี้ที่จริงปีนเกลียวเขียน ไม่เคยอายุ45เหมือนกัน

แต่เอาประสบการณ์จากลุงๆ (ที่ดูจะเกิน45กันมานาน) เวลาเขาอยู่กับรุ่นเดียวกัน ซี้ๆ กัน เขาก็เป็นคล้ายๆ เราๆ นะคะ... คือ.. แซวกันบ้าง อะไรบ้าง (แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอาวุโสน้อยกว่าก็ ผู้ใหญ้ ผู้ใหญ่)

ขออภัยในความไม่สมเหตุสมผล แต่มันลุมาถึงขั้นนี้แล้ว... จะพยายามให้มันเข้าที่เข้าทางขึ้นนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 25-02-2012 21:24:47
กรี๊ดดด
พี่นิตลามกกกกกกก
อ่านตอนนี้แล้วเห็นหน้าตำลึงสุกของทั้งคุ่ชัดแจ๋วเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 25-02-2012 21:48:19
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย น้องโจ เมื่อไหร่จะได้กินพี่นิตนะ พี่เค้าหัวช้าจริงๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 25-02-2012 22:04:29
กร๊ากกกกกกกกกกกก

พี่นิตคว้าข้าวพลาดทันไปคว้าน้องชายคุณ บ.ก.

หึหึ  งานนี้คุณ บก.เลยของขึ้น   :haun4:    :haun4:   :haun4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 25-02-2012 22:35:01
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คว้าพลาดแบบนี้บ่อยๆ ไม่ดีนะพี่นิต
คว้าแบบตั้งใจไปเลยพี่!  :beat:<<พี่นิตตบ
อ๊ะ...แต่ต้องตอนน้องโจไม่ขับรถนะคะ ฮี่ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 25-02-2012 23:09:09
แว๊กกกกก พี่พนิตไปคว้าตอนอยู่กัน 2 คนสิค้าาาาา รับรองตอนนั้นน้องโจเค้าไม่โกรธพี่นิตหรอกและจะได้เอา "ลง" ด้วย หึหึ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 25-02-2012 23:23:53
ยังดีน้าเป็นข้าวผัด หยิบๆ จับๆ ได้ แต่ถ้าเป็นน้ำแกงนี่สงสัยต้องเช็ดกันนาน 555+

ตอนนี้น่ารักมากมาย XD
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 26-02-2012 00:11:34
คุณพินิตพลาดเสียแล้ว แทนที่จะเป็นก้าง :laugh:

ตอนนี้ขำจริงจัง คุณพินิตจะรอดมั้ย

แต่จบแล้วเหรอยังไม่อยากให้จบเลย :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 26-02-2012 00:32:12
พี่พนิตเป็นช่างเหรออออออ
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยยยยยยย!!!
สงสารน้องโจ อ่ะ อยากไปกัน สองคน ก็ไม่ได้ไป
นี่ยังมาของขึ้น แบบไม่ได้ตั้งใจ
อั้ยย่ะ
 เหอะๆ ++
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: A_ay ที่ 26-02-2012 00:43:02
พี่นิตน่ารักมากกกกก

อายุปูนนี้แล้วยังขี้อายเหมือกันเนาะ   :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 26-02-2012 02:36:45
โอยยย พี่นิตน่ารักโคตรๆ  สงสารโจสุดๆ ยิ่งพี่นิตทำตัวน่ารักโจยิ่งน่าสงสาร ของได้ขึ้นกันอีกหลายรอบแน่โจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 26-02-2012 08:21:53
พี่พนิตคิดผิดจริงๆคะที่ชวนสองคนนั้นมาเป็นตัวช่วย มาช่วยแซวกันมากกว่า 5555
ไม่ได้ตั้งใจคว้าผิดซะหน่อยเนอะพี่พนิต แต่น้องโจจะไหวไหมทริปอยุธยา ตบะจะแตกก่อนน๊า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 26-02-2012 09:56:16
ตามอ่านจนทันแล้ว ฮุๆ ตอนคว้าพลาดนี่ฮาจริงๆ พี่นิตน่ารักมาก แต่แอบสงสารโจ 
ภูมิ กับ กั้งก็ขยันแซวจริงจัง แต่อ่านแล้วช้อบ ชอบ น่ารักดีค่ะ ฮ่าๆ
+1 นะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 26-02-2012 11:00:46
"อืม.... ทั้งตึงทั้งแน่นขนาดนี้ เห็นแล้วอยากดีดชะมัด คงดังเพี๊ยะๆ เลยนะเนี่ย"

ที่จริงก็พอจะรับรู้มานานแล้วนะคะว่าพี่นิตโรคจิตชอบแอบมองโจ แต่ครั้งนี้ถึงขนาดอย่างตีอยากดีด
นี่ก็ไมไหวนะคะ พอเห็นพี่นิตบรรยายโจด้วยประโยคนี้ ทำให้คนอ่านจินตนาการไปถึงว่าพี่นิต ถือแส้ และเทียนไขในมือ
ส่วนโจถูกถอดท่อนบน แล้วถูกพี่นิตเอาแส้ตีเพี๊ยะๆให้หน้าท้องแกร่ง กับหลังอันกำยำของโจ
ฮ่าาาาาาา ลุคนี้ จิ้นขึ้นด้วยแฮะ!!!(รู้สึกว่าจริงๆแล้วตัวเองโรคจิตกว่าคุณพนิตอีก ฮ่าา)

ตอนนี้มันวุ่นวะวุ่นวานจริงๆสิน่า ที่จริงจะไปสองคนดีๆ อาจจะเสี่ยงต่อการเสียตัวบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง(?)
แต่ก็ไม่ได้มีคู่หูดูโอ้ ที่ไม่รู้ว่าไปสู่ชู้กันตอนไหน ถึงได้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย อย่างคุณภูมิกับคุณกั้ง ที่ใครพูดอะไรขึ้นที อีกคนก็เสริมได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ
จนแอบคิดไปว่า ถ้าสองคนนี้ยังพูดแซวพี่นิตไม่เลิก ปิ่นโตถาดที่พี่นิตถืออยู่ในมือ มันจะลอยไปคว่ำอยู่นหัวใครสักคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง ย่างที่พี่นิตเค้านึกจริงๆเสียล่ะมั้งคะ ฮ่าฮ่า

แต่ชอบคุณภูมิ ฮ่าาาา โอ้ยยย น่ารักๆ ทำเอาคุณพนิต เส้นเสียทุกครั้งที่เจอ
ไหนจะเจ้าสาวเอย..ไหนจะแซวนู่นนี่นั่นคู่กับกั้งเอยยย

พี่นิตของขึ้นทุกทีสิน่า (แต่ไม่ได้ของขึ้นเหมือนโจนะคะ! ก๊ากกก)

จะว่าไปแล้ว...เหมือนๆว่าทั้งคุณภูมิกับกั้งจะเหมาะสมกันดีนะคะ..ความไวของปากก็สูสี แถมเรื่องพูดแบบไม่ดูกาลเทศะก็ดูเหมือนว่าจะพอๆกัน ช่างเหมาะสมกันอย่างกับ กิ่งทองใบหยก..(ที่จริงอยากเปรียบอีกแบบ แต่แลดูจะแรงไป เดี๋ยวรอวีรกรรมของคู่นี้ออีกก่อน ฮ่าฮ่า)

กลับมาที่บ้านพี่นิตก่อนออกรถอีกสักหน่อย
ช่างน่าอิจฉาชีวิตอย่างคุณพนิต ที่มีหนุ่มหล่อ ถึงสามคนไปเที่ยวอยุธยาด้วย ฮ่าฮ่า
แหม พอแต่งตัวเสร็จ แล้วลงมาข้างล่างทำตาค้างเพราะความหล่อของสามหนุ่ม นี่ก็เป้นอีกโมเม้นท์ที่ชื่นชอบ
เพราะพี่นิตก็ยังเป็นพี่นิต เห็นคนหล่อไม่ได้ ตาค้างแบบไม่รู้สึกตัวทุกที


ตอนที่อ่านถึงตอนป้อนข้าว กว่าพี่นิตจะป้อนข้าวให้โจกินได้ ก็รู้สึกว่ามันวุ่นวาย(เพราะไอ้คนนั่งเบาะหลัง) แล้วนะคะ
แต่พอได้ป้อนจริงๆทำไม๊ มันถึงวายวอดไปเสียได้
เพราะข้าวตักบนตักแท้ๆ

พี่นิตคะ แน่ใจนะคะ ว่าตั้งใจจะเก็บเศษข้าวจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะเก็บอย่างอื่นแน่นะ! ทำไมมันถึงได้คว้าโดนเป้าซะขนาดนั้น
บอกว่าคว้าพลาดๆ แต่มือคว้าตรง"เป้า" เลยนะคะ ไม่เห็นจะพลาดตรงไหนเลยยยยย
เพราะถ้าคว้าพลาดจริงๆต้องไม่คว้าถูกเป้าหรอกใช่มั๊ยล่ะคะ? (เล่นมุกเองยังจะงงๆเองเลยนะคะเนี่ย ฮ่าาาา เฟมือนเวลายิงธนู ถ้ายิงพลาดก็ไม่ถูกเป้า แต่ถ้ายิงแม่น ก็ต้องถูกเป้า..นี่แหล่ะค่ะมุกที่อยากนำเสนอ ซึ่ง..เป็นมุกที่พิการมาก...พิการตั้งแต่กำเนิดเลย ก๊ากกก แต่ยังกล้าเล่น-"-)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: kururu ที่ 26-02-2012 11:23:40
โอ้ยยยย พี่นิ๊ตตตตตต  ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 26-02-2012 12:22:03
กร๊ากกกกกก ฮาพี่นิตอ่ะ  :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 26-02-2012 15:16:10
โจโดนพี่นิตทำให้ของขึ้นกลางทางแบบนี้...น่าสงสารจัง  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 26-02-2012 15:53:53
อ่านตอนนี้แล้วฮาไม่ไหวจริง ๆ  :laugh:
ก็อะไรที่พี่นิตคิด มันไม่ได้อย่างที่พี่นิตหวังเลยนี่ค่ะ ( แถวบ้าน เรียก ผิดแผน )
ทั้งคนที่ให้มาเป็นกันชน เอาเข้าจริงทั้งตบ ทั้งชง แทบจะมัดพี่นิตแล้วส่งให้โจก็ไม่ปาน
ส่วนข้าวผัด ก็ไม่แคล้วต้องเป็นคนป้อนโจซะจริง ๆ ( ส่งเสริม และ สนับสนุนโดย กันชนกิตติมาศักดิ์ )

ที่สุด ๆ คงเป็นการคว้าพลาด(อย่างใหญ่หลวง) ที่อ่านยังไง ๆ ก็ไม่ไหวจะเคลียร์  :m20:
ยังดีที่โจน้อยแค่ของขึ้น(?)เลยแค่เบรครถหัวทิ่มหัวตำ ขืนโจน้อยเจ็บจริง อะไรจริง คงได้มี Drift กันบ้างล่ะ...!!!
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 26-02-2012 20:13:02
ตายๆๆๆ ไปจับของเค้าได้ยังไง
รับผิดชอบโจซะเดี๋ยวนี้เลยนะพี่นิต  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 26-02-2012 21:32:13
555 พี่นิต ตลกมาก ยอมๆน้องไปเหอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 26-02-2012 21:55:18
กริ้ดดดดดดดด เป็นการพลาดที่น้องโจต้องชอบมากแน่ ๆ กร้ากกกกก
แต่ถ้าให้ดี อยู่สองต่อสองดีกว่านะ อิอิ
ลุ้นต่อไปเรื่องนี้ ลุ้นนานดีจริง ๆ 55+ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 26-02-2012 22:02:47
ลงไปนอนดีดดิ้นเพราะคุณพนิต
อะไรจะขนาดนั้น โอยยย ดีนะที่ไม่เกิดอะไรขึ้น(นอกจากโจ)
คุณเพื่อนทั้งสองยกนิ้วไปเลย เพื่อนแบบนี้ชอบ
นี่แค่ระหว่าเดินทางไปถ้าหากว่าถึงอยุธยาแล้วมันจะเป็นยังไงน้ออออออ

:haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 27-02-2012 04:38:22
โจเราถึงกับไปต่อไม่ไหวเลย แหมๆๆๆ แค่เจอพี่นิต....นิดหน่อยๆเอง นะโจ
ของขึ้นซะั แล้ว  ถ้ามากกว่านี้  .....หึหึ

พี่นิตมีหวังถูกจับกินกลางรถแน่ๆ 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Kee ที่ 27-02-2012 10:17:31
น่าสงสารโจจริงๆๆ :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-03-2012 10:13:31
พาคุณพนิตที่รักกลับมาส่งอีกครั้งแล้วค่ะ :L2:

ที่จริงตั้งใจว่า ไม่ตอนนี้ ก็ตอนหน้าจะจบ.. แต่ เอิ่ม... ตอนหน้าจะจบมั้ยเนี่ย ฮ่าๆๆ มันชักงอก...= ="

พี่นิตอ่ะ!!!!!!!!!!!!!! :a5:

----------------------------------------------------

 Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่22
            ผมนั่งหน้ามึนอยู่เบาะหน้าของรถ โดยมีภูมิวัฒน์เป็นคนขับ สาเหตุที่ต้องนั่งทำหน้าเหมือนจะไปฆ่าใครแบบนี้ ไม่ใช่อะไร ผมกลัวเพื่อนปากไวจะแซวอะไรอีก แค่นี้ผมก็อายจนแทบจะเอาหน้าซุกล้อรถอยู่แล้ว

            ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ ผมแค่กลัวข้าวมันหล่นเลอะเบาะ ใครจะไปนึกว่าจะคว้าลงไปตรงนั้นของเขาพอดีล่ะ!!!

            ของสุภาพงษ์ไซส์ไหนผมไม่รู้ แต่ใหญ่กว่าผมแน่นอน เพราะเขาเคยให้ผมจับตอนที่... เอ่อ... ผลัดกันช่วยตัวเองคราวที่แล้ว ว่าแต่ ผมจะนึกทำไมเนี่ย!!!!

            “พนิต ป้อนข้าวเราหน่อย” จู่ๆ ภูมิวัฒน์ก็พูดขึ้น ผมหันหน้าไปเพราะคิดว่าฟังผิด เห็นเขายังมองถนน ถือพวงมาลัย ขับรถอย่างปกติ ขณะกำลังจะหันไปมองทางบ้าง เพื่อนรูปหล่อของผมก็พูดซ้ำ “ป้อนข้าวเราหน่อย เรายังไม่อิ่มเลย”

            ผมจ้องหน้าภูมิวัฒน์เหมือนคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เขาละเมออยู่รึเปล่านะ จู่ๆ จะให้ผมมาป้อนข้าวเขา แฟนกันรึก็ไม่ใช่ ทำมาอ้อนเป็นเด็กๆ อยู่ได้ ที่จริงถ้ามันมีเหตุสุดวิสัยผมก็ทำให้ได้หรอก แค่ป้อนข้าวเพื่อนมันจะเป็นจะตายอะไร แต่... สุภาพงษ์นั่งอยู่เบาะหลัง เขาไม่กลัวโดนต่อยตอนขับรถหรือไงนะ

            ขณะที่ผมจะอ้าปาก คุณากรก็ชิงพูดขึ้นก่อน “พี่ภูมิครับ จะทำอะไร เกรงใจโจมันบ้างเถอะ ขืนคุณพนิตป้อนข้าวพี่ภูมิจริง ไอ้โจมีหวังพุ่งไปหักคอพี่ภูมิแน่”

            “กั้ง!” สุภาพงษ์ส่งเสียงขึ้นบ้าง แต่ก็พูดอะไรไม่ทันคุณากรตามเคย “พี่ภูมิ ผมรู้นะ พี่แอบชอบคุณพนิตอยู่ใช่ไหมล่ะ?”

            “ไม่ได้แอบ พี่ชอบของพี่มานานแล้ว” เพื่อนผมตอบตรงดีจริงๆ แต่เดี๋ยว ถึงปากสุภาพงษ์จะบอกผมว่าไม่ขี้หึง แต่ผมจำได้ คราวก่อนเขาเคยต่อยภูมิวัฒน์จนหน้าคว่ำเพราะเล่นจั๊กจี๋กับผมในบ้านมาแล้ว แล้วไอ้หมอนี่ก็ยังจะทำล้อเล่นอีก เดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก

            ขณะที่ผมอ้าปากจะเตือนเขา ภูมิวัฒน์ก็พูดต่ออีก “นี่ถ้าน้องโจไม่ยอมจัดการพนิตให้เด็ดขาดเร็วๆ นี้ พี่จะจัดการเองแล้วนะ”

            “เฮ้ย!” ผมโพล่ง แต่ที่ได้ยินดันไม่ใช่เสียงผมน่ะสิ

            สุภาพงษ์ทะลึ่งพรวดมาระหว่างเบาะด้านหน้า จนคุณากรต้องรีบดึงไว้ “โจ ใจเย็น!”

            ผู้ชายที่แทบไม่ได้พูดเลยตั้งแต่ออกรถมา พูดโดยพยายามจะกดเสียงเอาไว้ให้มากที่สุด “พี่ภูมิ... ห้ามมาล้อเล่นกันแบบนี้นะ”

            นั่นไง... ผมว่าแล้ว ไหนเขาบอกว่าไม่ขี้หึงไงล่ะ... แต่ก็นะ ไอ้เพื่อนผมมันวอนหาเรื่องเหมือนกันล่ะ.. อืม... ชักหวั่นแล้วสิ ตกลงวันนี้จะไปถึงอยุธยารึเปลานะ...

            “เออ พี่ล้อเล่น” ภูมิวัฒน์พูดหน้าตาเฉย “ตกลงหายของขึ้นหรือยัง? จะได้ให้กลับมาขับรถต่อ พี่หิวข้าว ยังกินค้างอยู่เลย”

            “.......................” สุภาพงษ์อึ้งสนิท ขณะที่คุณากรร้องขึ้น “อ๋อ! ที่แท้พี่ภูมิใช้แผนเอาความหึงมาบังความหื่นนี่เอง ล้ำลึก!”

            ผมมองหน้าสุภาพงษ์กับภูมิวัฒน์สลับกัน ภูมิวัฒน์ทำหน้านิ่งๆ ดูดีตามแบบฉบับของเขา เออ เขาดูดีหมดแหละ ยกเว้นเวลาอ้าปากพูด พูดที.. อยากจะเอาเปลือกทุเรียนอุดปากจริงๆ ส่วนสุภาพงษ์ก็... หน้าอึ้งตามระเบียบ.. ปกติเขาก็พูดไม่เก่งอยู่แล้ว จะมาทันฝีปากคนอย่างภูมิวัฒน์ได้ไง แต่ก็นะ...เขาไม่หน้าแดงแล้วล่ะ หายแล้วมั้ง... ผมควรจะภูมิใจที่มีเพื่อนฉลาดดีมั้ยเนี่ย? ตอนแรกคิดว่าจะต้องไปแวะเอาออกที่ปั้มแล้วสิ เขาเป็นมากรึเปล่าไม่รู้ ผมเคยเป็นมากสมัยหนุ่มๆ มันคัดจนเจ็บ สุดท้ายต้องเอาออกเอง อืม... ผมเอาออกเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว จนมาเจอสุภาพงษ์นี่แหละ

            โอ๊ย มาคิดอะไรเรื่องนี้บนรถนะผม เดี๋ยวก็ของขึ้นตามเขาไปอีกคนหรอก

            สุภาพงษ์เงียบไปสักพัก ก็พูดออกมา “เดี๋ยวพี่ภูมิผลัดมือกับผมก็ได้ครับ ผมจะได้ทานข้าวต่อ”

            “..................”

            อืม.... สุภาพงษ์ไม่ค่อยพูดก็จริง แต่พูดทีนึงก็.... เล่นเอาผมจุกทุกที นี่เขาหัดพูดอะไรให้พ้นๆ ผมไม่ได้หรือไงนะ ได้ยินเสียงไอ้เพื่อนตัวแสบผมหัวเราะเบาๆ

            “คราวนี้น้องโจห้ามทำข้าวหกอีกนะ พี่กลัวพนิตคว้าพลาดแล้วจะเป็นเรื่องใหญ่”

            ผมถลึงตาใส่เพื่อน ขณะที่สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ

            เหอะ ให้ข้าวหกทั้งปิ่นโต ผมก็ไม่หยิบแล้วล่ะ!!

            สุดท้าย สุภาพงษ์ก็กลับมาขับรถตามเดิม ผมเลยได้ป้อนข้าวที่เหลือให้เขาต่อ คราวนี้ระวังแล้ว ไม่กล้าคว้าอะไร กลัวพลาดอีก ส่วนภูมิวัฒน์ ท่าทางมีเรื่องคาใจบางอย่างกับคุณากรจริงๆ ขนาดผมฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ยังรู้เลยว่า เขาคุยเรื่องลับกันอยู่ เจ้าพวกนี้ชอบลับลวงพรางจริงๆ เลย

----------------------------------------

            ในที่สุดก็เข้าเขตอยุธยา ผมเริ่มเห็นซากเจดีเก่าประปรายอยู่ข้างทาง เลยหันไปถามสุภาพงษ์ “โจจะไปตรงไหนของอยุธยาน่ะ?”

            “พระราชวังโบราณใกล้วัดพระศรีสรรเพชญ์ครับ” เขาตอบ ผมพยักหน้า “โจจะไปถ่ายรูปเหรอ?”

            คนขับรถรูปหล่อของผมนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดเบาๆ “ไว้ถึงแล้วผมนะบอกพี่นิตนะ”

            อะไรเนี่ย หัดลับลวงพรางอีกคนแล้วหรือไง แค่ไอ้สองคนข้างหลังที่คุยกันอย่างกับใช้รหัสลับผมก็เวียนหัวล่ะ ยังมาเจอสุภาพงษ์ที่ไม่ค่อยจะพูดแล้วดันกั๊กแบบนี้อีก ผมคงต้องนั่งอมน้ำลายเป็นเพื่อนเขา

            อืม... งั้นผมเอาเวลาไปคิดพล็อตต่อดีกว่า

            ที่จริงผมชอบคิดพล็อตนอกสถานที่พอสมควร พอได้เห็นอะไรๆ ที่ต่างไปจากบ้านตัวเองแล้ว มันมักจะมีไอเดียใหม่ๆ ผุดขึ้นเสมอ

            แต่ว่า.. พอเห็นซากเมืองเก่าที่ผ่านไปแล้ว ผมดันนึกถึงพล็อตนิยายเรื่องหนึ่งที่เคยคิดอยากเขียนสมัยหนุ่มๆ ตอนที่ผมมาเที่ยวที่นี่กับเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัย แน่นอนว่ามีภูมิวัฒน์อยู่ด้วย

            นิยายรักที่ผมเคยอยากเขียน... แต่ก็เขียนไม่สำเร็จเพราะโดนรูมเมทตัวดีพูดจาทำร้ายจิตใจจนผมช็อกนี่แหละ

            นึกแล้วยังแค้นไม่หายนะเนี่ย

            ผมหันไปมองภูมิวัฒน์ เห็นเขาทำหน้าอมภูมิคุยกับคุณากรอยู่ อีกคนก็ดูจะรู้ไต๋พอกัน ทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยถามจ้อยๆ แต่ถามแต่ละอย่าง อย่าว่าแต่ภูมิวัฒน์ ถ้าเป็นผม ผมก็ไม่ตอบ.. เอาเถอะ เขาคงคุยกันเองรู้เรื่องกว่าคุยกับผม ภูมิวัฒน์เป็นคนชอบอะไรที่ยืนพื้นอยู่บนความเป็นจริง สมัยเรียนเขาเป็นคนที่พอถึงร้านหนังสือก็เลือกหยิบตำรา ไม่ก็หนังสือประสบการณ์ชีวิตก่อน ต่างจากผมที่ไปทีไร ตรงรี่ไปชั้นนิยายทุกที

            ผมควรรู้ตั้งนานแล้วว่าเขากับผมเข้ากันไม่ได้ แต่เพราะเขาคุยเก่ง ผมเลยชอบพูดเรื่องที่คิดให้เขาฟัง...

            มานึกๆ ดู เขาคงทำถูกแล้วล่ะที่ตวาดผมวันนั้น ถ้าเกิดเขากับผมคบกันจริง ไม่แน่นะ... ผมอาจจะเจ็บกว่านี้ก็ได้ เพราะเขาคงทนคบผมได้ไม่นานหรอก

            แต่ทำไมเรื่องมันผ่านไปตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว ไอ้หมอนี่เพิ่งจะกลับมาทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยผมตอนนี้ล่ะ... เจ้าภูมิวัฒน์วางแผนอะไรกันนะเนี่ย แต่บอกไว้ก่อนเลย ให้ตายผมก็ไม่ชอบเขาแล้วล่ะ ผมกำลังดูใจกับคนใหม่แล้ว.... ที่สำคัญ เขาชอบนิยายผมด้วย ถึงเขาจะพูดไม่เก่ง แต่... เขาคุยเรื่องนิยายกับผมรู้เรื่อง แค่นี้ก็พอแล้ว ผมมีความสุขเวลาได้คุยเรื่องนิยายกับเขานะ

            “....................”

            ผมหันหน้าไปมองสุภาพงษ์ที่กำลังขับรถอยู่ จู่ๆ ก็นึกอยากกอดเขาขึ้นมา... นี่ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย อยากให้เขาของขึ้นกลางทางรึไง

            ไม่ไหวล่ะ ผมควรหันไปมองข้างทาง แล้วหาพล็อตเขียนเรื่องพ่อกระแตต่อดีกว่า..

----------------------------------------------

            กว่าจะถึงวังโบราณ ผมว่าสองคนข้างหลังคุยกันน้ำลายแห้งแล้วล่ะ ใครจะได้อะไรจากใครนี่เดาไม่ออกเลย ส่วนผม ได้รายละเอียดเรื่องลูกกระแตหล่นจากรถแล้ว เลยหยิบสมุดมาจดยิกๆ ในรถกันลืม แต่เพราะรถวิ่งอยู่ ต่อให้สุภาพงษ์ขับรถนิ่มยังไง ผมก็ยังรู้สึกมึนอยู่ดี ตอนที่เขาจอดรถเสร็จ หัวผมก็ปวดตึบๆ แล้ว

            “พี่นิตเมารถหรือครับ?” สุภาพงษ์ถาม เมื่อเห็นผมลงจากรถแล้วเอามือนวดขมับเป็นการใหญ่ ผมพยักหน้า “อืม... สงสัยพี่เขียนหนังสือในรถมั้ง”

            ผู้ชายหน้าตาหล่อ รูปร่างสมบูรณ์แบบ ชนิดที่ต่อให้ไม่ใส่อะไรเลยก็คงดูดีสุดๆ รีบเดินเข้ามาหาผม จากนั้น... ก็ยื่นยาดมมาให้

            อืม... ที่จริงในกระเป๋าผ้าของผมมียาดมอยู่เหมือนกัน แต่ไหนๆ เขายื่นมาแล้ว ผมก็ต้องดมตามมารยาท อืม... โล่งหัวดีจริงๆ แต่....

            “โจติดยาดมด้วยเหรอ?” ผมถามหลังจากหยิบน้ำมันกวางลุ้งในกระเป๋าขึ้นมานวดศีรษะ คือ.. อันที่จริงผมก็ไม่ได้อายุมากขนาดต้องมียาดมติดตัวนะ แต่เพราะหลังๆ ผมชักหน้ามืดบ่อย โดยเฉพาะเวลาอยู่กับสุภาพงษ์ มาเที่ยวคราวนี้ผมเลยเตรียมไว้ เอาล่ะ ผมเตรียมเพราะมีเหตุผล แต่สุภาพงษ์นี่สิ สุขภาพก็ดี อายุก็ยังไม่มาก ไม่น่าจะพกยาดมติดตัวนี่นา

            “เปล่าครับ” สุภาพงษ์ตอบผม “ผมพกเผื่อพี่นิตหน้ามืดน่ะ”

            “.........................” ผมอึ้ง แต่ภูมิวัฒน์กับคุณากรหัวเราะก๊าก

            “พนิต นายทำตัวแก่ขนาดน้องนุ่งต้องพกยาดมเตรียมไว้เลยเหรอ?!” อดีตรูมเมทที่ผมชวนมาเป็นกันชนแซวผมอีก ผมว่าผมน่าจะไล่เขากลับบ้านตั้งแต่มาได้กลางทางแล้วล่ะ เรียกมาไม่คุ้มค่าโทรศัพท์จริงๆ นะเนี่ย

            ขณะที่ผมตีหน้าเมินใส่เพื่อน คุณากรก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “โจ... ถึงเวลาแบบนั้นน่ะ.. หยิบมาให้คุณพนิตดมให้ทันนะ”

            โอ๊ย เด็กสมัยนี้นี่ มันจะเกินไปแล้วนะ ผมทำหน้าบึ้งใส่คุณากร “คุณกั้ง ล้อเล่นให้มันมีขอบเขตหน่อยนะ”

            คราวนี้คุณากรเงียบเสียงลงทันที ภูมิวัฒน์กะพริบตาหน่อยๆ แล้วทำเนียนหันไปทางอื่น กลัวจะโดนผมเล่นงานด้วยสินะ ผมถอนหายใจ ขณะที่กำลังคิดว่าจะพูดอะไรให้บรรยากาศมันลดความตึงเครียดที่ก่อตัวขึ้นอย่างกะทันหันเพราะความเก็บกดในใจผมดี สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นเบาๆ

            “พี่นิต เราไปกันเถอะครับ”

            จากนั้นเขาก็ฉวยมือผม แล้วจูงออกไปทันที เอ่อ... รู้หรอกว่าเขาชอบจับนั่นจับนี่ผม แต่ช่วยสนใจสายตาคนอื่นบ้างได้มั้ย?!!!

            ผมอายแสนอาย แต่จะสะบัดมือหนี สุภาพงษ์ก็จับแน่นเหลือเกิน จะให้หยุดแล้วกระชากออกแบบในละครหลังข่าว ก็เกรงว่าจะน่าอายกว่าเก่า ถึงสุภาพงษ์จะหล่อกว่าพระเอกละคร แต่ผมไม่ได้สวยแบบนางเอกนี่... เอาล่ะ ไหนๆ มันก็มาถึงขึ้นนี้แล้ว ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้คงไม่เป็นไหรหรอก ผมไม่ใช่คนแถวนี้... ไม่มีใครรู้จักผมแน่...

            พอเห็นผมไม่หือไม่อือ สุภาพงษ์ก็เนียน จับมือผมเดินเอื่อยโดยไม่สนใจอีกสองคนด้านหลัง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเดินตามมารึเปล่า ผมไม่กล้าหันไปมองน่ะ กลัวเห็นสายตาเย้ยหยัน ถึงผมจะทำหน้าด้านเดินให้สุภาพงษ์จูงได้ แต่ถ้าเกิดเห็นสายตาอย่างนั้นล่ะก็ ผมคงต้องรีบเอาหน้ามุดพื้นแน่ๆ เพราะงั้น... ผมมองแค่ผู้ชายรูปหล่อที่เดินนำหน้าผมก็พอ

            เดินไปได้สักพัก สุภาพงษ์ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “พี่นิตครับ ตอนผมไปเล่นบ้านพี่นิต พี่นิตเคยเล่านิยายรักให้ผมฟังเรื่องหนึ่ง พี่นิตยังจำได้มั้ย?”

            “?!” ผมหันไปมองหน้าเขา เรากำลังเดินอยู่ใกล้ๆ กับฐานอิฐของพระราชวังสรรเพชรปราสาทเดิม ซึ่งตอนนี้เหลือแต่ฐานกับตอเสาเก่าๆ แต่ครั้งหนึ่ง ผมเคยมาเที่ยวที่นี่แล้วจิตนาการถึงเรื่องราวความรักระหว่างกรมวังหนุ่มรูปหล่อ กับนางสนองพระโอษฐ์สาวที่เคยเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กกันมาก่อน แต่พอถวายตัวเข้าวังก็แทบไม่ได้เจอกันอีกเลย แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้เขียนเรื่องนี้เป็นเรื่องเป็นราว เพราะถูกภูมิวัฒน์ตวาดใส่ก่อนนั่นแหละ

            “นิยายเรื่องนั้นพี่ลืมไปแล้วล่ะ” ผมตอบเขาตามตรง คือ... ก็ใช่ว่าลืมจนเกลี้ยงหรอกนะ แต่ไม่อยากจะจำแล้ว แค่นึกก็รู้สึกไม่ดี สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ

            “เหรอครับ... แต่ผมชอบมากเลยนะ”

            “.....................”

            “พี่นิตไม่คิดจะเขียนต่อหรือครับ?”

            ผมสั่นศีรษะทันที “ไม่ล่ะ พี่ไม่มีอารมณ์จะเขียน”

ผมขี้เกียจบอกว่าเพราะเพื่อนตัวดีที่ผมมาพามานั่นล่ะ สุภาพงษ์นิ่งไปอีก พอเห็นเขาเงียบ ผมเลยยิ้มให้หน่อยหนึ่ง “โทษทีนะ พี่ไม่ถนัดเขียนเรื่องรักๆ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ...” เขาพูด “เพราะพี่นิตเคยเสียใจเรื่องความรักใช่ไหมล่ะ ผมเข้าใจครับ”

            “..............................”

            “แล้ว.... เอ่อ.... พี่นิตพอจะอ่านนิยายของคนเพิ่งหัดเขียนได้ไหมครับ?”

            ผมเลิกคิ้วหน่อยหนึ่ง หรือสุภาพงษ์จะเปิดรับสมัครนักเขียนนิยายหน้าใหม่ จะเอาผมไปเป็นคนช่วยคัดเลือก ผมก็ไม่ว่าหรอกนะ ดีเสียอีก จะได้ดูแววเด็กใหม่ๆ ด้วย

            “ได้ โจจะให้พี่ไปช่วยอ่านนิยายคัดเลือกเหรอ?”

            “เปล่าครับ” เขาตอบ แล้วทำหน้าแบบที่ผมอธิบายไม่ถูก เหมือนจะอึ้งๆ เขินๆ อธิบายยากจริงๆ ต้องมาเห็นเองน่ะ

            เราเงียบกันไปสักพัก สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นต่อ “ไปเดินเล่นรอบๆ กันเถอะครับ”

 

            สุดท้าย ผมก็ได้เดินเล่นรอบพระราชวังโบราณ เพื่อย้อนอดีตที่ผมเคยมากับเพื่อนสมัยเรียน กับเด็กที่อายุน้อยกว่าผมเป็นสิบปี อืม.... ไม่รู้สิ ถึงผมจะเคยคิดนิยายรักได้ตอนมาที่นี่ แต่ตอนนี้ ผมคิดอะไรไม่ออกเลย นอกจากหันไปมองหน้าคนที่จับมือผมอยู่

            เขาหล่อและนิสัยดีพอจะเป็นพระเอก แต่ผมดันไม่กล้าเขียนตัวนางเอก... น่าตลกดีจริงๆ ทั้งๆ ที่ตอนนั้น ผมกล้าเขียนตัวผมเป็นนางเอก ภูมิวัฒน์เป็นพระเอกแท้ๆ แต่ตอนนี้...

            ผมมีพระเอกอยู่ข้างๆ แต่ผมดันไม่กล้า.....

            ความเพ้อฝันของผมหายไปเยอะแล้ว ผมคงอายุมากแล้วจริงๆ....

            ถึงอย่างนั้น.... มือที่จับผมเอาไว้... ไม่ใช่ความเพ้อฝัน.... ไม่รู้ว่าหลังจากนี้หนึ่งวัน สองวัน สามสัปดาห์ สี่สัปดาห์ หนึ่งเดือน หนึ่งปี เขายังอยากจะเดินจับมือผมแบบนี้อีกรึเปล่า....

            ผมไม่รู้ว่าอนาคตจะไปในทิศทางไหน อดีตแสนดี มักจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดเสมอตอนที่มันแปรเปลี่ยน ผมควรเสี่ยงมั้ย? ผมควรจะเดินหน้าต่อมั้ย?.. กับเขา... คนที่เดินจับมือผมตอนนี้

            “..........................” จู่ๆ สุภาพงษ์ก็หันมา แล้วยิ้มบางๆ ให้ผม หัวใจผมเต้นอึงในอก ถึงผมจะพยายามบอกตัวเองว่า ผมอยากทอดเวลา ไม่อยากจะให้ความรักครั้งนี้มันหวือหวามาก ไม่อยากจะทุ่มลงไปให้ทั้งใจ แต่.... หัวใจเจ้ากรรมของผมคงจะไม่เชื่อฟังผมเท่าไหร่แล้ว แค่เห็นเขายิ้ม มันก็เต้นแรง แค่เขาเข้ามาใกล้ มันก็แทบจะกระดอนออกมา

            ไม่รู้ว่าผมจะฝืนต้านไปได้อีกสักกี่น้ำ

            “โจ.....”

            “ครับ?”

            ผมนิ่งไปพัก นึกไม่ออกแล้วว่าจะพูดอะไรกับเขา มีแค่ความรู้สึกที่เต้นอึงอยู่ในห้องหัวใจเล็กๆ สี่ห้อง ผมเลือกคำพูดที่จะมาอธิบายมันให้ไม่น่าเกลียดและไม่เสียเชิงไม่ออกจริงๆ ได้แต่มองหน้าเขา บีบมือเขา

            เรื่องนี้เขาเป็นพระเอก เหลือแต่ผม... ที่ยังไม่กล้ากำหนดฐานะตัวเองสักที.......

            ก็ผม........... ผม.............

            “พนิต!” “โจ!” เสียงของใครสองคนเรียกชื่อผมกับสุภาพงษ์พร้อมกัน พอหันไปก็เห็นภูมิวัฒน์กับคุณากรเดินโบกมือหยอยๆ ผมรีบดึงมือออกจากมือของสุภาพงษ์ทันที แล้วตีหน้าขรึม “หายไปไหนกันมาน่ะ?!”

            ภูมิวัฒน์หรี่ตามองผมเหมือนเพิ่งเคยเห็นหน้ากันวินาทีนี้ แล้วพูดเสียงน้อยใจนิดๆ “นายที่ทิ้งเพื่อนไว้แล้วไปกับเด็กๆ กล้าพูดแบบนี้กับคนแสนดีที่อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนแบบเราเหรอเนี่ย”

            โอ๊ย ผมนึกสงสัยขึ้นมาตะหงิดๆ ตกลงไอ้หมอนี่มันรับราชการ แล้วอายุเท่าผมจริงๆ เหรอเนี่ย!?

            ขณะที่ผมเบิ่งตาจ้องภูมิวัฒน์กลับเหมือนคนไม่เคยรู้จักกัน คุณากรก็หัวเราะขึ้นมา “ฮะๆ พี่ภูมิครับ คุณพนิตเขาโดนพญาช้างสารแบบโจลากตัวไปนะครับ แบบนั้นใครจะไปขัดได้”

            เออ เขาพูดถูก สุภาพงษ์แรงเยอะ ผมขัดไม่ได้หรอก แต่... ผมไม่ได้โดนเขาลากตัวไปนะ ผมสมัครใจไปเองต่างหาก ซึ่งเรื่องนี้ ผมไม่บอกใครหรอก อายคนน่ะ.... เพราะงั้น ถ้าเขาจะเข้าใจว่าผมถูกสุภาพงษ์ลากตัวไป ก็ให้เขาเข้าใจแบบนั้นแหละ ผมเข้าใจถูกเองคนเดียวก็พอแล้ว...

            สุภาพงษ์ทำหน้าอ้ำๆ อึ้งๆ “เอ่อ.... อยากจะไปที่อื่นกันรึเปล่าครับ?”

            ไม่รู้ว่าเขาถามใคร แต่คุณากรรีบพูดขึ้นมาคนแรกทันที “ตลาดน้ำอโยธยา ฉันอยากไปถ่ายรูป”

            พูดจบก็ยกกล้องที่ห้อยคอขึ้นมาถ่ายพวกผมหน้าตาเฉย แบบไม่ให้สัญญาณ ไม่ให้อะไรทั้งนั้น ผมทำหน้าอึ้งๆ ขณะที่สุภาพงษ์หน้านิ่งแบบปกติ เลยไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไง คุณากรถ่ายไปแล้วรูปหนึ่ง เห็นผมยังยืนเฉยๆ เลยถ่ายอีก คราวนี้ผมอดไม่ได้ ต้องพูดขึ้น “คุณกั้ง จะถ่ายรูปก็บอกกันหน่อยสิ”

            “ใช่ๆ พนิตจะได้เก๊กหน้าหล่อๆ ให้ถ่ายไง” ภูมิวัฒน์พูดต่อ ผมหันไปค้อนเขานิดหนึ่ง เขาช่วยหัดเงียบหน่อยไม่ได้หรือไง พูดแซวเป็นเด็กๆ ไปได้ คุณากรสั่นศีรษะ “ไม่เอาล่ะ ผมชอบถ่ายหน้าธรรมชาติ มันให้อารมณ์ดีนะ ดูสิ... รูปน่ารักดีนะครับ”

            เขาว่า แล้วเดินเข้ามา ขยับจอแอลซีดีของกล้องให้ผมกับสุภาพงษ์ดู

            อืม.... คนข้างๆ ผมหล่อทุกมุมจริงๆ ส่วนอีกคน ใครน่ะ?!

            “คุณกั้ง ลบเดี๋ยวนี้เลยนะ” ผมพูด รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา คุณากรรีบยกกล้องหนี “ลบทำไมล่ะครับคุณพนิต น่ารักดีออก”

            น่ารักอะไรกัน น่าเกลียดน่ะสิไม่ว่า! ผมจ้องหน้าเขา จากนั้นภูมิวัฒน์ก็พูดขึ้นอีก “ไหนๆ ถ่ายอะไรติดน่ะ ทำไมพนิตต้องทำท่าเขินขนาดนั้นด้วย”

            “..................” เห็นแล้วเงียบไว้บ้างก็ได้ จะอธิบายหน้าผมทำไมเนี่ย

            “ไม่ให้พี่ภูมิดูหรอกครับ เดี๋ยวจะเปลี่ยนใจ นึกอยากกลับไปหาคุณพนิตขึ้นมาจริงๆ”

            “โห.... พี่ไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก” เขาตอบ แต่ผมมั่นใจ เขาโกหกแน่นอน หน้ามันฟ้องชัดๆ คุณากรยิ้มที่มุมปากนิดๆ “ให้ดูก็ได้ แต่พี่ภูมิต้องเล่าเรื่องที่ผมถามให้ฟังก่อน”

            คราวนี้ได้เวลาภูมิวัฒน์ทำหน้าเหมือนเห็นคนไม่รู้จักใส่คุณากรบ้าง ก่อนที่ตัวเขาจะหัวเราะออกมาเอง “งั้นไม่ดูก็ได้ ตื้อจริงๆ นะเนี่ย”

            “ผมเป็นนักข่าว ก็ต้องตื้อสิ ไม่ตื้อจะทำงานมาถึงตอนนี้ได้ไง” เขาพูดยิ้มๆ ผมกับสุภาพงษ์มองหน้ากัน ก่อนที่ผมจะตัดสินใจพูดขึ้นเอง “ถ้าจะไปตลาดอโยธยา ก็รีบไปกันเถอะ จะได้มีเวลาเดินนานๆ”

--------------------------------------------------

            ผมไม่ได้มาตลาดน้ำอโยธยาเป็นครั้งแรก เห็นผมทำงานกับบ้านแบบนี้ ผมเที่ยวบ่อยกว่าคนทำงานมีเงินเดือนซะอีก แต่ดูท่าภูมิวัฒน์จะไม่เคยมา เลยมีอาการสนอกสนใจสภาพแวดล้อมต่างๆ เป็นพิเศษ แต่ไม่รู้เขาทำเพราะอยากจะเปลี่ยนเรื่องคุยกับคุณากรรึเปล่า

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก21(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P24:25/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-03-2012 10:15:17
            ขณะที่เพื่อนผมพยายามจะคุยนั่นคุยนี่ไปเรื่อยกับคนที่มาด้วยกัน สุภาพงษ์ที่อยู่ใกล้ผมก็เอาแต่เงียบเหมือนเดิม พยักหน้าบ้าง ยิ้มแบบสังเกตยากบ้างตามประสา ถึงอย่างนั้น เขาก็อุตส่าห์เดินโอบตัวผมแบบเนียนๆ นี่กลัวว่าผมจะถูกใครชนล้มคว่ำหรือไงนะ ผมไม่ได้บอบบางขนาดนั้นหรอก แต่... ก็ขอรับความหวังดีไว้แล้วกัน

            “โจ... ห่อหมกเจ้านั้นอร่อยนะ” เพราะมัวแต่ป้อนข้าวสุภาพงษ์ในรถ ผมเลยไม่ค่อยได้ทานเองเท่าไหร่ พอเดินดูของไปสักพัก ชักจะหิว เลยพยายามหาบทพูดเหมาะๆ เพื่อจะหาอะไรทาน สุภาพงษ์มองผม แล้วพยักหน้า “พี่นิตจะทานหรือครับ?”

            ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร ภูมิวัฒน์ก็ชิงพูดขึ้นมาเหมือนกำลังหันเรด้าจับสัญญาณได้ก็ไม่ปาน “เออ พนิตหิวแล้วสินะ งั้นไปซื้ออะไรมานั่งทานกันเถอะ เราก็หิวแล้วเหมือนกัน”

            ผมเห็นคุณากรหรี่ตามองเขา จากนั้นก็ยิ้มนิดๆ “พี่ภูมิจะทานอะไรล่ะครับ ไปซื้อด้วยกันมั้ย? ผมอยากทานไข่ทรงเครื่องเจ้าโน้น ไปกันเถอะครับ”

            จากนั้นเขาก็ดึงมือเพื่อนผมไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมหันไปมองหน้าสุภาพงษ์ เห็นเขาทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจ “กั้งก็แบบนี้แหละครับ ลองอยากจะรู้อะไรจากใคร เขาไม่ปล่อยง่ายๆ หรอก”

            ผมพยักหน้า แล้วนึกขำ ว่าภูมิวัฒน์คงได้เจอดีก็คราวนี้แหละ

            “โจ... พี่อยากทานผัดไทยด้วย ไปดูทางโน้นกันนะ” ไหนๆ เขาก็อยู่ใกล้ตัวผมแค่นี้ ผมชวนเขาไปดีกว่า ไม่น่าเกลียด แถมได้คนช่วยยกข้าวด้วย สุภาพงษ์พยักหน้าอย่างว่าง่ายตามเคย แหม... หล่อจนน่าเลี้ยงข้าวจริงๆ นะเนี่ย

 

            แน่นอนว่าผมเป็นขาชิม มาคราวที่แล้วผมชิมไปหลายอย่าง ร้านไหนที่ไม่อร่อย ผมรีบจำเอาไว้แล้วเดินเลี่ยงทันที เพราะอย่างนั้น อาหารที่ผมสั่งมา จึงเรียกได้ว่าผ่านการคัดกรองแล้ว เลยเป็นอานิสงส์ให้ภูมิวัฒน์ ซึ่งเหมือนจะซื้อตะพึดเพราะอยากเปลี่ยนเรื่อง มีทางเลือกมากขึ้น จากอาหารสุ่มซื้อของตัวเอง

            เราทานไปคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ใจหนึ่งผมอยากช่วยเพื่อน เลยชวนคุยเรื่องเก่าๆ แต่คุณากรก็พูดเก่งจริงๆ ยังวกกลับมาเรื่องที่เป็นประเด็นได้แบบไม่น่าเกลียด ผมล่ะนับถือความสามารถด้านการพูดของเขาจริงๆ

            “พี่ถามหน่อยนะ ตอนกั้งกับโจเป็นแฟนกัน กั้งจีบโจก่อนใช่มั้ย?”

            “โหย... คุณพนิตครับ อย่างไอ้โจน่ะเหรอครับ จะมีปัญญาจีบใคร” คุณากรพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะทำหน้านึกขึ้นได้ “เออ จริง มีปัญญาจีบอยู่คนหนึ่ง” เขาพูด แล้วหรี่ตามองมาทางผม ผมรีบตีหน้าขรึม รีบวกเข้าเรื่องเดิมก่อนจะโดนคุณากรพูดจี้ใจดำ “แล้วจีบยากมั้ย เขาไม่ค่อยพูดนี่”

            คุณากรยิ้มจนเห็นฟันเขี้ยวนิดๆ ดูเจ้าเล่ห์แสนกลจริงๆ “ไม่ยากครับ... เผอิญผมกับมันชอบนิยายของคุณพนิตเหมือนกัน เลยคุยกันถูกคออยู่.... ที่จริงผมพึ่งบารมีคุณพนิตจีบไอ้โจนะเนี่ย”

            “กั้ง!” สุภาพงษ์เอ็ดเพื่อน “เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงแล้วล่ะ”

            “อะไรกันเล่า” คุณากรทำหน้าเคืองๆ “คุณพนิตถามเองนะ สงสัยอยากจะเรียนรู้วิธีจีบคนพูดน้อยอย่างนายล่ะมั้ง”

            “บ้าเรอะ” ผมเอ็ดบ้าง ใครอยากจะไปจีบสุภาพงษ์กัน มีแต่เขานั่นแหละจีบผม สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ จากนั้นก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก นี่เขาคิดอะไรในหัวแล้วไม่ยอมพูดออกมาอีกล่ะเนี่ย

            “ฮ่าๆ น้องโจนี่ตลกดีนะ” ภูมิวัฒน์พูดขึ้นบ้าง “แต่พี่ก็เข้าใจนะ กั้งพูดมากเป็นต่อยหอยอย่างกับนักต้มตุ๋นแบบนี้ เป็นใครก็ต้องหลงกลเท่านั้นแหละ”

            คุณากรยิ้มกว้าง แต่ตาไม่ยักจะยิ้มด้วย พลางหันไปมองภูมิวัฒน์ “พี่ภูมิไม่คิดจะหลงกลบ้างหรือไงครับ?”

            ภูมิวัฒน์ทำหน้าซื่อ “ไม่ล่ะ พี่ไม่อยากเสียคนตอนแก่”

            ผมกับสุภาพงษ์มองหน้ากันอีก ก่อนที่สุภาพงษ์จะพูดขึ้นในที่สุด “กั้ง ฉันเข้าใจว่านายอยากได้ข่าว แต่เพลาๆ ลงหน่อยก็ได้ ชวนมาเที่ยวนะ”

            “เอาน่า... นี่ก็เที่ยวเหมือนกัน” คุณากรพูดอย่างอารมณ์ดี “พี่ภูมิครับ ไปนั่งช้างกันไหม ผมออกค่านั่งให้”

            ภูมิวัฒน์สั่นศีรษะ “ไม่เอา พี่ไม่ชอบช้าง”

            “งั้นนั่งเรือ”

            “พี่ไม่ชอบน้ำ”

            ผมขำพรวดออกมา “คุณกั้ง อย่าไปตื้อภูมิมากๆ นะ เดี๋ยวมันจะตวาดเอา ถ้าอยากนั่งช้างล่ะก็ พี่นั่งเป็นเพื่อนมั้ยล่ะ?!”

            คุณากรหันมาตอบผมด้วยสีหน้าเกรงใจเป็นที่สุด “ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่อยากโดนโจกระทืบ”

            “.......”

            “แต่เราอยากนั่ง พนิตนั่งกับเรานะ” คนไม่กลัวตายที่เหมือนลืมไปแล้วว่าตะกี้พูดอะไรพูดแทรกขึ้นทันที ผมหรี่ตามองเขา ขณะที่คุณากรพูดต่ออย่างที่คิดเอาไว้ “ไหนพี่ภูมิบอกว่าไม่ชอบช้าง”

            “ก็ไม่ชอบ”

            “แล้วไหงบอกอยากนั่งล่ะครับ”

            “ก็ไม่ได้บอกว่าไม่อยากนั่งนี่...”

            เอาล่ะ ผมว่าถ้าปล่อยไป ผมคงถูกลากเข้าสงครามน้ำลายแน่ๆ เลยรีบตัดบท “ไปดูการแสดงฝั่งโน้นดีกว่า”

---------------------------------------

            พวกเราสี่คนออกจากตลาดน้ำตอนสักสี่โมงกว่าเห็นจะได้ ที่จริงผมเร่งให้ออกมาตั้งแต่บ่ายสามแล้วล่ะ เพราะกลัวจะถึงบ้านดึก แต่ภูมิวัฒน์กับคุณากรดันอ้อยอิ่งเดินดูนั่นดูนี่ไม่ยอมกลับเสียที ไหนตอนบ่ายเห็นกลัวคุณากรถามเหมือนอะไร พอตกเย็นก็เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยอีกแล้ว ผมล่ะไม่เข้าใจเพื่อนผมจริงๆ

            ออกมาจากตลาดน้ำ แทนที่จะรีบกลับ ภูมิวัฒน์ดันชวนเที่ยวต่ออีก โดยให้เหตุผลว่า

            “ทำงานเจ็ดวัน ไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยว ได้ออกมาทั้งที ก็ต้องเที่ยวให้คุ้มสิ”

            ผมดูจากสภาพแล้ว ไม่เห็นว่าเขาจะทำงานเจ็ดวันตรงไหน จะทำเต็มห้าวันตามเวลาราชการรึเปล่ายังไม่แน่ใจเลย แต่เพราะสุภาพงษ์กับคุณากรเห็นด้วย ผมเลยไม่อยากจะพูดอะไรมาก ขอแค่อย่าให้ดึกเกินไปก็พอ

            สุภาพงษ์ก็ใจดี เห็นว่าเวลาเหลือไม่มาก เลยอาสาว่าจะขับรถตระเวนให้ภูมิวัฒน์ได้ชมตัวเมืองอยุธยาสักรอบ แล้วค่อยกลับ ปรากฏว่าจู่ๆ คุณากรก็บอกว่าอยากจะถ่ายรูปตะวันตกดินที่วัดพระศรีสรรเพชญ์อีก ทำไปทำมา... ตอนขึ้นรถอีกที ฟ้าก็มืดแล้ว

            “อืม.... ได้ยินว่าที่นี่มีตลาดกลางคืน ใหญ่ด้วย ไปทานมื้อค่ำกันเถอะ” ภูมิวัฒน์พูดขึ้นตอนอยู่ในรถ ผมเหลือบมองนาฬิกา แล้วพูดตอบไป “แต่มันค่ำแล้วนะภูมิ ขากลับมันจะดึกเอานะ”

            “กลับไม่ทันก็ค้างสิครับ โรงแรมในอยุธยามีตั้งเยอะตั้งแยะ” คุณากรพูด ผมกะพริบตาปริบๆ

            “นั่นสิ ไม่ทันก็ค้าง ไม่เห็นจะต้องซีเรียสเลย ปกติพนิตก็ชอบนอนค้างที่อื่นบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ?” เพื่อนผมพูดแบบรู้ทันอีกแล้ว ถูกหรอก ผมน่ะติดนิสัย ค่ำไหนนอนนั่นมาแต่สมัยไหนแล้ว แต่ทว่า... ผมจะไม่มีปัญหาอะไรเลย ถ้าไม่ได้มากับสุภาพงษ์

            ผมกลัวต้องค้างห้องเดียวกับเขาน่ะ แต่... เอา ผมเหน็บภูมิวัฒน์มาด้วยนี่นา ไอ้เพื่อนผมจะมีประโยชน์ก็ตอนนี้แหละ

            “งั้น โจติดธุระรึเปล่า?” ผมหันไปถามคนขับรถ สุภาพงษ์สั่นศีรษะ “เปล่าครับ ถ้าจะค้างก็ค้างเถอะครับ”

            “อืม..” ผมส่งเสียงในคอ ก่อนจะพยักหน้า “ค้างก็ค้างแล้วกัน ไหนๆ ก็มาถึงตอนนี้แล้ว”

 

            ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลข้างต้น พอทานข้าวกันเสร็จ แล้วเดินทัวร์ตลาดกันสักครึ่งชั่วโมง คณะสี่คนของเราก็ขับรถตระเวนหาโรงแรมเพื่อจะค้างคืน ในที่สุดก็ตัดสินใจเลี้ยวเข้าโรงแรมระดับสี่ดาว ที่ภูมิวัฒน์อ้างว่าเคยมาประชุม และพนักงานบริการดี

            ไหนเขาว่าไม่เคยมาอยุธยาไง... โกหกอีกแล้วสิเนี่ย

            “เรามาประชุมต่างหาก ไม่ได้มาเที่ยวสักหน่อย” เพื่อนผมแก้ตัวอย่างรู้ทันหลังจากเปิดห้องแล้ว

            โชคดีจริงๆ ห้องมีทั้งเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ ผมเลยเลือกห้องเตียงเดี่ยว ซึ่งสุภาพงษ์ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ภูมิวัฒน์นี่สิ จองห้องเตียงคู่เลย แล้วหันมาหาผม “คืนนี้พนิตนอนกับเรานะ”

            “...............” ผมมองเพื่อน “ไม่เอา เราไม่นอนเตียงเดียวกับภูมิหรอก”

            “สมัยก่อนยังนอนด้วยกันเลย”

            “นั่นมันเตียงสองชั้น”

            “ไม่เอาน่า หรือพนิตจะนอนกับน้องโจ”

            “..............................”

            พอเห็นภูมิวัฒน์ยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก ผมเลยนึกหมั่นไส้ขึ้นมา เอาเถอะ แม้สมัยเรียน ผมจะเคยมุดไปนอนเตียงล่างกับเขา แต่เวลามันผ่านมานานมากแล้ว อีกอย่าง เขาดันทำท่าเหมือนมีจุดประสงค์ไม่ดีกับผม แทนสุภาพงษ์ไปเสียได้ รู้งี้ไม่ชวนมาก็ดีหรอก จริงๆ เลยนะ ไอ้เพื่อนคนนี้นี่

            “โจ... ไปห้องกันเถอะ” ผมตัดบท ภูมิวัฒน์อยากเลือกเตียงคู่ ก็ให้คุณากรจัดการไปแล้วกัน ก็ใครใช้ให้เขาทำตัวกวนประสาทผมกันล่ะ

 

            เตียงในห้องเป็นเตียงแยก ผมสบายใจเป็นที่สุด และถึงไม่ได้เตรียมชุดเปลี่ยนมา แต่โรงแรมมีเสื้อคลุมให้ ผมใส่เสื้อคลุมนอนน่าจะไม่มีปัญหาอะไร ดีกว่าใส่เสื้อเลอะเหงื่อตัวเดิมนอนเป็นไหนๆ

            ดังนั้น ผมจึงอาบน้ำอุ่นจนพอใจ แล้วห่อเสื้อคลุมเดินออกมา ถึงอย่างนั้นพอเจออากาศที่ปรับแล้วด้านนอก ฟันของผมก็สั่นจนกระทบกันทันที

            “โจ เพิ่มแอร์หน่อยสิ พี่หนาว”

            สุภาพงษ์มองหน้าผม แล้วพยักหน้า ก่อนจะเดินไปปิดตัวปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นอีก

            “ผมอาบน้ำก่อนนะครับ ถ้าพี่นิตง่วง ปิดไฟนอนได้เลยนะ”

            ผมพยักหน้า แล้วมุดเข้าผ้าห่มทันที โอย... ผมไม่ถูกกับเครื่องปรับอากาศเลย ให้ตายสิ หนาวก็หนาว แสบจมูกก็แสบ ผมจะนอนหลับรึเปล่านะเนี่ย...

            จนสุภาพงษ์ออกมาจากห้องน้ำแล้ว ผมยังข่มตาหลับไม่ได้เสียที ได้แต่นอนยุกๆ ยิกๆ อยู่ใต้ผ้าห่ม จนได้ยินเสียงเขาถามขึ้น “พี่นิตนอนไม่สบายเหรอครับ?”

            “อืม.. พี่หนาว ปิดแอร์ได้มั้ย?”

            “ปิดก็ร้อนสิครับ”

            เออ จริง จะเปิดกระจกอย่างเดียวก็ไม่มีพัดลมอีก ผมอาจจะทนได้ แต่สุภาพงษ์นี่สิ ถ้าเขาต้องมาทนร้อนเพราะความเอาแต่ใจของผมคงไม่ดีแน่....

            “พี่นิตหนาวมากรึเปล่าครับ ขอผ้าห่มเพิ่มมั้ย?”

            “ก็ได้” ผมว่า สุภาพงษ์เลยโทรศัพท์ไปขอผ้าห่มเพิ่มอีกผืน แหม.. นึกไปก็ทุเรศตัวเองจริงๆ ทำเหมือนมาอยู่ที่ไซบีเรียไปได้ แต่ผมแพ้แอร์จริงๆ นะ สู้ไม่ไหวหรอก

            ผมหันไปมองสุภาพงษ์ เห็นเขาสวมเสื้อคลุมอาบน้ำเหมือนกัน โอย... เห็นแผงอกกำยำของเขาแพลมออกมานิดๆ ด้วย ทั้งหล่อทั้งหุ่นดีจริงๆ นะเนี่ย ผมอดไม่ได้ต้องถามเขาไป “โจไม่หนาวหรือไง?”

            “เปล่านี่ครับ” เขาหันมาตอบผม “พี่นิตผอมเกินไป เลยหนาวง่ายมั้ง”

            ผมพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นเราก็เงียบกันไปพักใหญ่ จนพนักงานโรงแรมเอาผ้าห่มอีกฝืนมาส่งให้

            เอาล่ะ... ได้ผ้าห่มอีกผืน น่าจะดีขึ้น.... ดีขึ้นจริงๆ นะ!

            ผมคิดว่าอีกสักพักคงหลับ เลยบอกให้สุภาพงษ์ปิดไฟหัวเตียงเลย แต่เขาบอกว่าอยากจะเขียนอะไรบางอย่างก่อนนอน ผมเลยปิดไฟหัวเตียงเฉพาะเตียงของตัวเองแทน..

            ผ้าห่มสองผืน อุ่นใช้ได้... แต่... ชักจะอุ่นจนร้อนไปล่ะมั้งเนี่ย...

            สุดท้ายผมก็ยังนอนไม่หลับ เอาผ้าห่มออกชั้นหนึ่ง ก็หนาว พอห่มสองชั้นก็ร้อน จะเอาไงกันนะ ร่างกายผม สงสัยสุภาพงษ์ที่เขียนอะไรอยู่ คงรำคาญเสียงขยับตัวยุกยิกของผมเต็มที เลยถามอีก “นอนไม่ได้เหรอครับ?”

            “อืม... ไม่พอดีเลยน่ะ” ผมตอบไปอย่างจนปัญญา “ห่มชั้นเดียวก็หนาว สองชั้นก็ร้อน”

            “............................”

            “..................................”

            “พี่นิตมานอนกับผมมั้ย?”

            “?”

            “นอนด้วยกันเฉยๆ น่ะครับ อาจจะอุ่นพอดีก็ได้ ผมไม่ทำอะไรพี่นิตหรอก”

            “..................” จู่ๆ ผมก็ร้อนวาบขึ้นมาตามหน้า เออ.. ผมกลัวเขาทำอะไรนี่แหละ ถึงได้ไม่อยากจะค้าง ไม่อยากจะร่วมเตียงด้วย แต่เขากลับมาเสนอผมแบบนี้... ผม.....

            “ไม่ดีกว่า... พี่เกรงใจ”

            “แต่พี่นิตนอนไม่สบายนี่ครับ ลองดูก่อนก็ได้”

            “โจไม่ทำอะไรพี่แน่นะ?”

            สุภาพงษ์หันมองผม แล้วยิ้มหน่อยๆ “ถ้าผมตั้งใจจะทำอะไรพี่นิตจริงๆ ผมทำไปตั้งนานแล้วครับ ในเมื่อพี่นิตไม่พร้อม ผมก็ไม่อยากฝืนใจพี่นิตหรอก”

            “.....................” ผมมองหน้าเขาอยู่พัก จากนั้นก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียง

            “พี่นอนใกล้ๆ โจไม่เป็นอะไรแน่นะ?”

            “หืม?”

            ผมหน้าร้อนนิดๆ “คือ... โจจะไม่ของขึ้นกลางทางแบบคืนวันนั้นนะ”

            สุภาพงษ์หน้าแดงขึ้นมา “พี่นิตอย่าพูดถึงเลยครับ ผมอุตส่าห์ไม่นึกแล้ว”

            ผมมองหน้าเขา แล้วให้เขินหนักกว่าเดิม “พี่กลับไปนอนที่เตียงดีกว่า”

            ผู้ชายรูปหล่อที่นั่งอยู่บนเตียงรีบดึงมือผมทันที “นอนกับผมเถอะ”

            จากนั้น ผมก็หงายหลังร่วงลงไปบนตักเขา ตัวเขาอุ่นดีจริงๆ ด้วย สุภาพงษ์โอบแขนกอดผมเอาไว้

            “อุ่นขึ้นไหมครับ?”

            “อืม...”

            “พี่นิต...” เขาเรียกชื่อผม เว้นจังหวะไปหน่อยหนึ่ง “คืนนี้ให้ผมนอนกอดพี่แบบนี้เถอะ”

            “...................”

            “................................”

            ผมเงยหน้าขึ้นมองสุภาพงษ์ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขามองลงมาพอดี ตาของเราสองคนเลยประสานกันอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนที่ผมจะเผลอตัว ยอมให้เขาจูบอีกครั้ง

            ไหนเขาบอกว่าจะไม่ทำอะไรไงล่ะ?!

            สุภาพงษ์เคล้าริมฝีปากผมเบาๆ อยู่พักหนึ่ง จึงถอนออก ก่อนจะกระซิบข้างหู “นอนกันเถอะครับ”

            ผมเกิดนึกอะไรขึ้นมาไม่รู้ เลยยื่นมือไปแตะตรงใต้สายรัดเสื้อคลุมเขาเบาๆ ได้ยินเสียงผู้ชายรูปหล่อร้อง “อ๊ะ” แล้วรีบฉวยมือผมไว้ทันที

            “พี่นิต!!”

            “โจมีอารมณ์อีกแล้วนี่” ผมพูด แล้วตีหน้าบึ้งนิดๆ ใส่เขา สุภาพงษ์ทำหน้าปั้นยาก “ผม....”

            “ไหนโจบอกจะไม่ทำอะไรพี่ไง”

            หน้าเขายุ่งกว่าเดิม “ผมไม่ทำอะไรพี่หรอกครับ แต่ผมห้ามไม่ให้มันแข็งไม่ได้หรอก”

            “แล้วโจจะทำไง?”

            “เดี๋ยวผมเอาผ้าห่มขวางไว้”

            ผมเกือบหลุดขำออกมา เลยยกมือลูบหน้าเขาเบาๆ แล้วถอนหายใจอย่างเอ็นดู “เอาออกก็ได้ เดี๋ยวพี่ช่วย”

            “?!”

            “ตอนกลางวันโจยังไม่ได้เอาออกเลยไม่ใช่เหรอ?”

            หน้าของสุภาพงษ์แดงจัดกว่าเดิม “พี่นิตจะให้ผมทำเหรอ?”

            “................” ผมหันหน้าไปทางอื่น “กลางวันพี่ก็ผิดอยู่ส่วนหนึ่งเหมือนกัน”

            ท่าทางหมือนสุภาพงษ์จะคุมอารมณ์ตัวเองไม่ไหว เขาก้มลง กัดหูผมเบาๆ หายใจแรงจนผมสะดุ้ง “พี่นิต”

            ผมจับแขนเขาไว้ รีบพูดก่อนที่จะพูดไม่ออก “แต่โจห้ามใส่เข้ามานะ พี่ยังไม่พร้อม”

            ได้ยินเสียงเขางึมงำอยู่ด้านหลัง ก่อนจะดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้ง แล้วกดผมลงบนเตียง

            หัวใจผมเต้นแรงเป็นรัวกลอง ตอนที่เขาดึงเสื้อคลุมอาบน้ำของผมออก ไฟหัวนอนยังเปิดอยู่ เขาเห็นผมทุกสัดส่วนแน่ๆ เขาจะชอบมั้ย จะรังเกียจร่างกายผมมั้ย มันไม่หนุ่มไม่แน่น ไม่ตึงเหมือนตอนสมัยอายุน้อยแล้ว

            ผมอดใจไม่ไหว ต้องเหลือบตามองหน้าเขาให้รู้แน่ แล้วก็ต้องใจเต้นกว่าเดิม เมื่อเห็นดวงตาดำสนิทของเขากำลังจ้องมองร่างกายผมอย่างตั้งใจ ก่อนจะลูบมือไปตามส่วนต่างๆ ด้วยอาการแสดงความต้องการอย่างเห็นได้ชัด มือเขาร้อนผ่าวเหมือนเหล็กอังไฟ พลอยทำให้ตัวผมร้อนวูบวาบไปด้วย

            สุภาพงษ์ลูบมือพลางซุกหน้าลงบนซอกคอผม เม้มจูบจนผมขนลุก เสียงลมหายใจรุนแรงของเขาพลอยทำให้ผมหายใจปั่นป่วนไปด้วย ทุกส่วนของร่างกายที่ถูกเขาสัมผัสร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ผมตะกายกอดเขาบนเตียงแคบๆ เราจูบกันอีกครั้ง ลึกซึ้ง รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า ผมแทบจะหายใจไม่ทัน

            หลังจากเคล้าลิ้นกันจนพอใจแล้ว สุภาพงษ์ก็เลื่อนหน้าลงต่ำ จูบเม้มไปตามซอกคอ เนินอก ใช้ลิ้นวนเวียนอยู่บนยอดอกผมเป็นนานสองนาน ทำเอาผมซ่านไปทั้งตัว

            จากนั้นเขาก็เลื่อนศีรษะลงต่ำไปเรื่อยๆ จนผมรู้สึกว่าริมฝีปากเขาแตะกับส่วนนั้นของผม

            “โจ! อย่า! สกปรกนะ!” ผมสะดุ้งเฮือก ตอนที่ส่วนนั้นของผมผลุบเข้าไปในปากเขา ดะ.. เดี๋ยว! แบบนี้มัน....

            “อ๊า!” ผมร้องเสียงน่าเกลียดมาก เพราะเขาเคล้าลิ้นแถมดูดตรงนั้นผมแบบไม่เกรงใจ จนผมเสียวไปถึงสันหลัง บ้าจริง แบบนี้ดีกว่าผมใช้มือทำเองเป็นสิบๆ เท่า แต่... อา... เดี๋ยวก่อน เร่งมากๆ ผมไม่อึดเหมือนสมัยก่อนแล้วนะ มันจะ...

            ผมผงกศีรษะ ตั้งใจจะผลักเขาออก แต่ความซ่านเสียวที่กำลังดำเนินอยู่ ทำให้ผมหมดเรี่ยวหมดแรง พอผงกศีรษะขึ้นมาแล้ว ก็ได้แค่ใช้มือจับศีรษะเขาไว้ ก่อนจะกระแทกตัวลงอีกครั้ง สันหลังผมสะท้านครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนว่าสิ่งที่เก็บอยู่ข้างในพร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ

            “อื้อ!!” ผมพยายามยกมือปิดปาก แต่ก็ส่งเสียงออกมาอยู่ดี สมองผมเบาหวิว ร่างกายท่อนล่างกระตุกกึกๆ รู้สึกเลยว่ามันไม่ได้พุ่งไปเลอะเทอะตรงไหน เพราะมันยังอยู่ในปากของสุภาพงษ์อยู่เลย

            ผมนอนสิ้นเรี่ยวแรงอยู่บนเตียง ขณะที่สุภาพงษ์ยังวนเวียนอยู่ตรงหว่างขา เขาเลียตรงนั้นผมซ้ำอีกครั้งสองครั้ง จนผมสะดุ้งหลังกระแทกเบาะ จากนั้นก็เลียสูงขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ปากผม เราเคล้าจูบกันอีกครั้ง ผมรู้สึกถึงรสชาติเฝื่อนๆ ของตัวเอง จากนั้น เขาก็จับตัวผมแล้วพลิกลงกับเตียง

            “!!!!!!!!!!!!!” ผมขนสันหลังลุกเกรียว ตอนที่เขายกสะโพกผมสูงขึ้น แล้วป้วนเปี้ยนมือไปรอบๆ

            “โจ... ห้ามใส่นะ” ผมพยายามบอกเขาเสียงพร่า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสุภาพงษ์จะได้ยินรึเปล่า เขาลูบมือไปตามสะโพกของผม อ้าปากกัดจนผมเจ็บนิดๆ แล้วใช้มือขยี้เบาๆ จากนั้นเขาก็จับขาผมให้ชิดกัน แล้วขยับตัว สอดตรงนั้นเข้ามาในระหว่างขาของผม

            ทั้งร้อนทั้งแข็งจนผมสะดุ้งอีกรอบ

            สุภาพงษ์ขยับตัวมากอดเอวผมไว้จากด้านหลัง ส่วนนั้นของเขาสอดเข้ามาแนบกับส่วนของผมที่ยังแข็งตัวอยู่พอดี ได้ยินเสียงเขาหายใจหอบอยู่หลังหูนี่เอง จากนั้นเขาก็เริ่มขยับ โดยใช้มือข้างหนึ่ง กุมทั้งของเขาและผมเอาไว้

            “อ๊ะ!” แรงกระแทกด้านหลังทำเอาผมตาพร่า เขาไม่ได้สอดเข้ามาในตัวผมก็จริง แต่ลักษณะการขยับเอวคงใกล้เคียงสถานการณ์จริงเข้าไปทุกที ผมสะท้านสันหลังวาบครั้งแล้วครั้งเล่า รู้สึกตื่นเต้นไปกับจังหวะการขยับตัว สัมผัสจากกล้ามเนื้อแน่นๆ ที่แนบตัวผมอยู่

            หัวใจผมเต้นแรงแทบจะกระดอนออกมา.... ทั้งๆ ที่นี่เป็นแค่การเสียดสีภายนอกเท่านั้นเอง

            ผมกำผ้าปูที่นอนด้วยความตื่นเต้น ส่งเสียงครางต่ำๆ ในลำคออย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ สัมผัสของเขาเร้าอารมณ์จนสติผมเตลิด รับรู้แต่รสชาติความสุขตรงหว่างขาที่เขาปรนเปรอเข้ามา

            !!!

            ผมทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง เหลือส่วนสะโพกที่ยังยกสูงอยู่ เพราะสุภาพงษ์จับเอาไว้ ของเหลวขุ่นข้นในตัวผมหยดลงบนเตียง พร้อมกับของสุภาพงษ์ ซึ่งข้นและเยิ้มกว่าอย่างเห็นได้ชัด... นี่เขาเสร็จพร้อมผมหรือ?

            เราหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนอยู่บนเตียงแคบ สุภาพงษ์ช้อนตัวผมให้พลิกกลับมานอนหงายอีกครั้ง แล้วก้มลงจูบผม ซุกตัวลงข้างๆ โอบแขนกอดผมไว้หลวมๆ

            ผมเอนศีรษะพิงอกเขาอย่างประคองสติไม่ค่อยอยู่ ความสุขสมจากจากสัมผัสภายนอกทำหัวผมเบาหวิว รู้สึกถึงแต่กลิ่นอายบางๆ จากร่างกำยำที่นอนแนบอยุ่ข้างๆ ลมหายใจอุ่นๆ สัมผัสอ่อนโยนจากวงแขนที่โอบตัวผมไว้

            บ้าจริงเชียว ที่จริงแล้วผมตั้งใจจะมาให้เขากอดแก้หนาวแท้ๆ แต่ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ก็ไม่รู้.......

            แบบนี้รึเปล่านะ ที่เขาเรียก หนาวเนื้อห่มเนื้อ จึงหายหนาว

------------------------------------------------

**  อ๊ากก อยากบอกว่า รู้สึกเหมือนตอนนี้พี่นิตหลุดๆ แล้วน้องโจก็... ว่าง่ายจริงๆ ฮ่าๆ ไอ้ฉากหวิวๆ ตอนท้ายๆ ที่จริงไม่ได้อยู่ในแพลนที่คิดจะเขียนตอนแรก แต่... ไม่รู้ทำไม มีจนได้ เพราะอารมณ์พี่นิตกับโจพาไปแน่ๆ เลย!!!! ลองอ่านซ้ำอยู่สองรอบ คิดว่าพอกล้อมแกล้ม ไม่น่าหลุดมาก (ไม่งั้นก็หมายถึงสติเราหลุดแทน..)

โอย งานท่วมหัว จะพาตัวไม่รอด ฮ่าๆ ที่จริงเราไม่ได้เขียนนิยายอย่างเดียวนะคะ ยังรับจ๊อบอื่นๆ อีกสองสามจ๊อบ พอดีจ๊อบที่ว่า มันใกล้ถึงกำหนดเข้ามาแล้ว กร๊าสสส (อยากจะขอให้มีสัปดาห์ละสิบวัน จะได้มีเวลาพักบ้างไรบ้าง<<จะได้พักจริงเดะ?!)

โอ๊ย พี่นิต พี่นิต ฮ่าๆๆๆ เมื่อไหร่พี่นิตจะยอม ก๊ากกกกก :laugh:

ปล. คุณภูมิกับตากั้ง แอบโผล่มาแย่งซีนนิดๆ แต่สงสัยโดนฉากสุดท้ายของตอนกลบหมดแน่ๆ เลย ฮ่าๆๆๆ

พี่นิต!!! ไม่ไหวนะ จะให้โจไปแข่งอดทนกับโทชิเอะหรือไงคะ?!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 06-03-2012 11:05:23
 :m25:

เกิดเป็นโจก็ทรมานเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 06-03-2012 11:12:00
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด

น่ารักไปไหนเีนี่ยๆๆๆๆ ตอบฉากหวิวตอนจบอะ นึกว่าจะไม่รอดแล้วซะอีก

โจ น่ารักจริงๆเลยอะ นึกว่าสติจะหลุดแล้วนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 06-03-2012 11:21:06
พี่นิตมาไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ ขนลุก ขนพองไปหมด อร๊าย...ย
ไ่ม่เสียหลายที่ลงทุนไปทวงเรื่องนี้ ที่ทู้กระบอกปืน แบบหวั่นๆว่าจะโดนปืนยิงแสกหน้า555

เมื่อไหร่จะ....คิดแล้วก็ปลง ได้แค่นี้พี่นิตไม่เป็นลมเป็นแล้ง ก็นับว่าเก่งแล้ว

ว่าแต่ีัมันจะจบได้ใน 1-2 ตอนเหรอ ยังไม่เห็นเค้าลางเลยว่าจะ happy ending ได้ไง
ก็ยังมึน+อึนกันอยู่เลย ต่อไปอีกนิดก็ได้นะค่ะ .....แฟนคลับไม่รีบให้จบ ^^
 :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-03-2012 11:34:53
คุณพนิตยอมโจเหอะ
เราสงสารโจนะ

อดทนมาได้ขนาดนี้ก็เหนือมนุษย์แล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 06-03-2012 11:46:44
ต้องขอบคุณอารมณ์คุณพนิตกับน้องโจจริงๆ ที่ทำให้เราได้พบกับฉากแบบนี้
โดยคุณพนิตกับโจเป็นผู้แสดงนำ อิ อิ  อิ เป็นไงคะคุณพนิต.....
เห็นไหมว่าถ้าเราไม่คิดกลัวคิดกังวล แล้วไม่ต่อต้านกับอารมณ์ต้องการของตัวเอง
คุณพนิตก็ไปได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่หน้ามืดเป็นลมแหละ
แล้วคุณพนิตกกล้าปฏิเสธไหมว่า คราวนี้คุณพนิตไม่มีความสุขน่ะ
ดังนั้นคุณควรปล่อยอารมณ์ไปตามความพอใจและความต้องการเหอะ หุ หุ หุ
(ของแบบนี้ถ้าได้ลองแล้วจะติดใจ อยากลองอยากลิ้มอีกหนาคุณพนิต อิ อิ อิ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-03-2012 12:20:42
เมื่อไหร่จะยอมโจซักที  สงสารโจแล้วน๊าาาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 06-03-2012 13:51:14
ถือเป็นรางวัลเล็กๆ ค่าขับรถ ใช่มั้ย?  o4
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 06-03-2012 14:08:41
โอ้โหย สำนวนภาษากินขาดจริงๆ ค่ะ
อ่านแล้วเห็นภาพ เข้าใจบุคคลิกนิสัยตัวละคร
อยากเขียนให้ได้แบบนี้บ้าง ต้องอ่านเยอะๆ ใช่ไหมค่ะ
คนเขียนงานเยอะ เข้าใจจริงๆ ค่ะ
แต่ยังมาต่อนิยายให้เราได้อ่านกัน ขอบคุณมากเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 06-03-2012 14:24:18
พี่พนิตไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ยอมโจไปเถอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 06-03-2012 14:31:17
 :-[ เขิลลลล
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: ระริน ที่ 06-03-2012 14:45:05
โอย  เราเป็นคนอ่าน ยังอ่านไป เขิลไปเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 06-03-2012 14:51:49
ตายละคุณพนิตนี่ไปเชิญชวนเขาเองนะ
โอยยย เขินนนนนน
โจจ๋า คนอ่านคนนี้ขอยาดมที่เตรียมไว้ด่วน
จะเป็นลมเพราะคุณพนิตคนเดียวเลย
การกระทำของโจและคุณพนิตตอนท้ายทำเอาเราอึ้งปนเขินไปเลย

กั้งจอมตื๊อน่ารักดี แบบนี้่ทางคุณภูมิคงจะไม่เหงาหรอกเนอะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 06-03-2012 14:56:36
 :o8: พี่นิตติดเรทเสียแลว้
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 06-03-2012 16:23:27
กรี๊ด ที่ว่านักเขียนใหม่นั่นคงเป็นน้องโจชิมิคะ?
แต่ที่กรี๊ดกว่า พี่นิตเคยมุดไปนอนเตียงล่างกับคุณภูมิ ตายๆๆๆ ถ้าโจรู้ขึ้นมาจะมีรายการหึงย้อนหลังไหมล่ะนั่น
แต่คงไม่ล่ะ ไม่อยู่แล้ว ก็แหมน้องโจเล่นล้ำหน้าอาคุณพี่ภูมิไปหลายล้านปีแสง
กรี๊ด กรี๊ดอีกซักที เอาให้คอแหบแห้ง มีความรู้สึกว่าบทนี้พี่นิตช่างยั่วยวนและแสนเซ็กกุซี่ =.,=
อร๊าง แผ่นหลังสะท้านเฮือกๆ สยิวกิ๊ว หวิวๆ กันเลยทีเดียว
ฝากบอกโจด้วยว่าค่อยๆ แทะเล็มพี่นิตแบบนี้ก็ได้ฟีลไปอีกแบบนะคะ เห็นความก้าวหน้าชัดดี...เอ๊ะ? ความก้าวหน้าอะไรกันเน่อ เหอะ =.,= (ซับกำเดา ซับๆ)

*คำผิดเล็กน้อยค่ะ
เจดี-เจดีย์ วัดพระศรีสรรเพชร-วัดพระศรีสรรเพชญ์ ตามา-ตามมา

รอตอนต่อไปนะคะ ♥
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 06-03-2012 16:47:11
อ้ากกกกเขินนน
พี่นิตๆๆๆๆโอ๊ยพูดไรไม่ออก เรียกได้แต่ชื่อพี่นิตอย่างเดียว คุณพนิตทำเค้าเขินนน :o8: ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-03-2012 16:51:31
กรี๊ด ที่ว่านักเขียนใหม่นั่นคงเป็นน้องโจชิมิคะ?
แต่ที่กรี๊ดกว่า พี่นิตเคยมุดไปนอนเตียงล่างกับคุณภูมิ ตายๆๆๆ ถ้าโจรู้ขึ้นมาจะมีรายการหึงย้อนหลังไหมล่ะนั่น
แต่คงไม่ล่ะ ไม่อยู่แล้ว ก็แหมน้องโจเล่นล้ำหน้าอาคุณพี่ภูมิไปหลายล้านปีแสง
กรี๊ด กรี๊ดอีกซักที เอาให้คอแหบแห้ง มีความรู้สึกว่าบทนี้พี่นิตช่างยั่วยวนและแสนเซ็กกุซี่ =.,=
อร๊าง แผ่นหลังสะท้านเฮือกๆ สยิวกิ๊ว หวิวๆ กันเลยทีเดียว
ฝากบอกโจด้วยว่าค่อยๆ แทะเล็มพี่นิตแบบนี้ก็ได้ฟีลไปอีกแบบนะคะ เห็นความก้าวหน้าชัดดี...เอ๊ะ? ความก้าวหน้าอะไรกันเน่อ เหอะ =.,= (ซับกำเดา ซับๆ)

*คำผิดเล็กน้อยค่ะ
เจดี-เจดีย์ วัดพระศรีสรรเพชร-วัดพระศรีสรรเพชญ์ ตามา-ตามมา

รอตอนต่อไปนะคะ ♥

แก้คำผิดให้แล้วนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 06-03-2012 19:27:19
เป็นตอนตามน้ำที่ชอบจริงๆ นานทีคุณนิตจะเริ่มก่อน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 06-03-2012 19:43:28
โจไม่ได้จิ้มน้า
แต่ได้สี   :pighaun:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: aoommy ที่ 06-03-2012 20:19:28
ตอนนี้ พี่นิตออกแนวยั่วนิดหนึ่งนะเนี่ย น่าร๊ากจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 06-03-2012 21:22:23
โอ้  :m25:

ว่าจะแซวภูมิกับกั้งซะหน่อย

ตอนท้ายคุณพนิตเล่นเอาเราลืมเลยว่าจะแซวอะไร ฮ่าๆ

ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 06-03-2012 21:53:12
น้องโจสู้ สู้  :mc4: :mc4:

อีกไม่นานพี่พนิตต้องใจอ่อนแน่นอน (นี้ยังไม่ใจอ่อนอีกเหรอ???)

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: jaijaY ที่ 06-03-2012 22:18:17
อ่านแล้วเขินแทนพี่นิต หน้าร้อนเห่อขึ้นมาเลยทีเดียว...  :o8:  :-[  o18

เป็นกำลังใจให้ให้พี่นิต น้องโจ และคนเขียนด้วยนะคะ  :กอด1:

ปล. รักเรื่องนี้พอๆกับนงยูงแดงเลย... ไม่อยากให้รีบจบเลยค่ะ ยืดได้เต็มที่นะคะ คนอ่านก็ยังอยากอ่านอีกเรื่อยๆค่ะ ^^  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 06-03-2012 22:47:55
ห้องนี้หวิวแล้วแต่รอลุ้นห้องข้างๆว่าพี่ภูมิจะกินเด็กไหม
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 06-03-2012 23:31:00
เดินเข้าไปตบไหล่น้องโจ ปลอบใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 07-03-2012 00:24:51
เริ่มพัฒนาไปทีละนิดๆ ซักวันพี่นิตคงยอมแบบเต็มรูปแบบ  :o8: สู้ๆ นะโจ
พี่นิตก็ท่าทางจะเริ่มปรับตัวได้แล้ว ไม่ยักกะเป็นลมอย่างที่คาดเดาไว้  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 07-03-2012 01:19:11
อืม...มาถึงจุดนี้ พี่นิตคงคิดได้ว่า ไม่น่าชวนบรรดากันชน(กิตติมาศักดิ์) มาให้ไร้ประโยชน์
เพราะ ไง ๆ พี่นิตกับโจ ก็ลงเอยกันบนเตียง พร้อมกิจกรรมที่มากกว่านอน(?) อยู่ดีแหละ
แม้วันนี้จะผิดแผนไปเยอะ(มาก) แต่ก็ทำให้พี่นิตปล่อยตัว(?) และเปิดใจให้โจมากขึ้น กำไรคนอ่านแท้ ๆ เชียว  :o8:

ป.ล.แอบอยากไปสอดแนบห้องคุณภูมิ-น้องกั้ง จะมี something ลับ ลวง พราง กันบ้างไหมหนอ ???   :interest: 
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 07-03-2012 05:34:33
P'nit kor yorm p'jo dai laew na kha,,mai songsaan phii khaw mang reu kha,,hu hu hu...
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 07-03-2012 08:57:06
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คิดจะสอยคนแก่ลงจากคาน ต้องหัดพากพายาดมยาหม่อง  :-[
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เป็นพร๊อบประกอบฉากที่น่ารักน่าเอ็นดูมากกกก รู้สึกอยากพกยาดมไว้สักอันเผื่อคุณพนิตอยากมาดมยาดมที่เราพกบ้าง
(แต่คงโดนโจต่อยหน้าแหกก่อน-"-)

ตอนนี้เป็นตอนที่วุ่นวะวุ่นวาย จะหกคะมำล้มหน้าคว่ำไม่ต่างจากตอนที่แล้วเลยล่ะค่ะ
ถึงตอนที่แล้วจะวุ่นวายเรื่องคว้าพลาด
แต่ตอนนี้ก็วุ่นวายเพราะปากของคุณภูมิ และคุณกั้ง (ทั้งที่ตอนนี้แล้ว ความรา้ยกาจและความไวก็ไม่ได้ต่างจากตอนนี้เท่าไหร่)
มันวุ่นวายเพราะคุณภูมิกะกั้ง กิ๊กกั๊กอะไรกันอยู่สองคนมากกว่า ฮ่าฮ่า
แถมยังวางแผนหลอกล่อ จนคุณพนิตยอมค้างคืนด้วยอีกแน่ะ อ๊ายยยย

เมื่อฉากที่โจจูงมือคุณพนิตเดินดูรอบโบราณสถาน
ไม่แน่ใจว่าที่จูงที่จับ เพราะหวง หรือ กลัวคนอื่นเค้าจะเข้าใจผิดว่าคุณพนิตเป็นสิ่งประดับโบราณสถานแห่งนั้นไปหรือเปล่าคะ?
(โดนพี่นิตโบก!) :beat:

แหม่ ก็เป็นอีกโมเม้นท์ที่น่ารักกกกกกก จริงๆนี่คะ ฮ่าฮ่า จูงพี่นิตไป ยิ้มบางๆให้ไป..เดินเที่ยวไป ประหนึ่งฉากในเอ็มวีเพลงรักสักเพลง
ที่มีโจเป็นพระเอก และมีพี่นิตที่ตัวประกอบฉาก
ที่มันมีความฮามากจากช็อตที่กั้งถ่ายรูปแล้ว พี่นิตขอดูรูปแล้วบ่นในใจว่า
อืม.... คนข้างๆ ผมหล่อทุกมุมจริงๆ ส่วนอีกคน ใครน่ะ?!
นั่นสิคะ คนที่ยืนอยู่ข้างโจ มันใคร๊????? แค่สิ่งประกอบฉาก? ใช่มั๊ยคะ? ฮ่าาาาาาาาา
พี่นิตเอ้ยยยยยยยยยย โจเค้าคงหล่อเกินไปจริงๆนั่นแหล่ะค่ะ
แต่แหม่ พี่นิตไม่หล่อ แต่เร้าใจโจนะคะ เพราะฉะนั้น วางใจเถอะค่ะ คนหล่อๆอย่างโจเลยหลงแต่คุณพนิตคนเดียว อิอิ
(ถึงพี่นิตไม่หล่อแต่พี่นิตน่ารักน้า ไม่งั้น สองหนุ่มหล่อจะมะรุมมะตุ้มรุมจีบให้เสียแรงทำไม อิอิ :impress2:)


มาถึงฉากบนเตียง!!!
ฮ่าฮ่า ภูมิใจที่จะเล่าถึงฉากนี้เป็นอย่างมาก...

ฉากที่....

ที่..
ที่...
คุณพนิต...






วุ่นวายอยู่กับผ่าห่ม สองผืน ><
พอห่มสองชั้นก็ร้อน พอห่มชั้นเดียวก็หนาว

เราเป็นบ๊อยยยบ่อยค่ะ มันเลยเป็นอารมณ์แบบฮาฉากนี้
เพราะไอ้ความรู้สึกนี้มันน่ารำคาญจริงๆนะคะขอบอก...เข้าใจอารมณ์คุณพนิตเลยล่ะค่ะ มันฮาได้ใจจริงๆ
ไอ้อาการหัวฟัดหัวเหวี่ยง เพราะชั้นของผ้าห่มเนีย เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ไม่พอดีมันเอาซะเลยยยยย

จนสุดท้ายก็ได้ไปนอนในอ้อมออกโจซะได้ อ๊ายยยยย เขิน
แหม่ แต่ซูฮกความอดทนของโจจริงๆนะคะ..และยกนิ้วใหกับความพยายามหาท่าแปลกๆใหม่ๆ เพื่อไม่ใส่เข้าไปในตัวพี่นิต

แหม่ๆๆ ก็เขาห้ามขนาดนั้น ใส่เข้าไปจริง โดนพี่นิตถีบยอดอกแน่! แต่ถ้าถึงคราวนั้นจริงๆพี่นิตจะมีแรงถีบโจเร๊อออออ (ทำสายตากรุ้มกริ่ม><)

อ๊ายยยยยยยยยยย


พี่นิตอ๊ะ!!!!!(โวยวายยยยยยย)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 07-03-2012 10:50:36
น้องโจมาถูกทางละพี่พนิตค่อยๆ ปลดปล่อยตัวเองออกจากกรอบแล้ว
สงสัยครั้งนี้พี่พนิตจะแข็งแรงขึ้น ไม่เป็นลมด้วย ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: pak_kikkok ที่ 10-03-2012 21:16:56
โอ้ยย  อ่านตอนท้ายๆ นึกว่าพี่นิตจะเสร็จโจไปซะละ

โจเอ๋ยยย ถ้าขนาดนี้ก็ปล้ำไปเลยก็ได้อ่ะ 5555

แต่ก็แอบสงสารพี่นิตนะค่ะ  พี่นิตคงยังไม่พร้อม 555 โอ้ยขำพี่แกจริงๆอ่ะ

ไม่ไหวๆ พี่นิตหัวใจจะวายรึเปล่าอ่ะ อ้ายย เขินแทน โจใจเย็นหน่อยนะค่ะ

ให้เวลาพี่นิตทำใจนิดหนึ่ง คริๆ ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 11-03-2012 04:09:16
ชอบเรื่องนี้(พูดอีกแล้ว)  สงสัยจะเปลี่ยนแนวมาชอบลุง(//โดนตบ)ก็คราวนี้แหละ
ท่านjuon นี่ชักจูงเก่งนะ
ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine538 ที่ 12-03-2012 08:45:47
พี่นิตน่ะนะ ...ทำตัวเองตลอดเลย 555

แต่ถึงการมาเที่ยวพร้อมตัวป่วนทั้งสองวันนี้จะวุ่นวายอะไรแค่ไหน สุดท้ายน้องโจของเราก็ยังได้กำไรนิดๆ หน่อยๆ ไปอยู่ดี  :z6: (ตรงไหน !!!  พี่นิตถีบ)

พี่นิตเอ๊ย พี่นิต... ทำใจซะเถอะ นี่น้องโจยอมให้สุดๆ แล้วนะเนี่ย :laugh:

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 18-03-2012 10:02:51
ยอมเสียแต่โดยดีเถิดท่านพนิต

(กรี้ดๆๆๆๆ อ่านไปกรีดร้องไปจนแม่ต้องเข้ามาด่า ฮ่าๆๆๆ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Lilyrum ที่ 18-03-2012 13:07:30
พี่พนิตตต  :angry2:
ใจอ่อนสักทีเถอะ  :z3:
คนอ่านจะหัวใจวายอยู่แล้ววว  :haun4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจัง ที่ 21-03-2012 02:31:28
แวะกระทู้นี้ทุกวันเลย

รอพี่นิตกะโจ ภูมิกะกั้งนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 21-03-2012 04:58:16
ตามมาดันค่ะ  ไม่เจอกันนานแล้วนะ คิดถึงจัง คุณพนิต+น้องโจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 22-03-2012 13:24:51
ยังรออยู่นะคะพี่จู :call:


 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-03-2012 15:48:30

อร๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงค์
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 23-03-2012 16:18:55
กลับตจว.ค่ะ พี่นิตจะมาต่อสักช่วงกลางๆ เดือนหน้าเป็นอย่างช้านะคะ ตอนนี้กำลังมันส์กับมือปืนค่ะ

(โดนคนอ่านยิงแสกกลางหน้าผาก!!!)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจัง ที่ 23-03-2012 18:09:04
ง่ะ เดือนหน้า !!!

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 23-03-2012 18:27:21
กรี๊ดดด กลางเดือนหน้า จิเป็นลม o2
ถ้ากลางเดือนหน้ากลับมาแล้วพี่นิตไม่เสร็จน้องโจมีเคืองนะคะ!  :a14: ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 23-03-2012 18:42:57
คิดถึง คิดถึงคุณพินิตน้องโจ อีกครึ่งเดือนทำได้แต่ร๊อ รอ :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 24-03-2012 15:10:53
กลางเดือนหน้า :z3:
ไว้จะขโมยปืนจากพี่เกรียงมาซุ่มไว้แถวนี้บ้าง o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจัง ที่ 04-04-2012 00:09:43
 :o12:
เข้ามาขุดกระทู้
ด้วยความคิดถึงคนเขียน คนอ่าน และนักแสดงนำ

รออ่านอย่างใจจดใจจ่อนะคะ ^^
 :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: 1st prince ที่ 09-04-2012 07:38:47
มาไว ๆ นะ

 :call: :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 09-04-2012 10:10:44
คิดถึงคุณพนิตจังเลย >__<
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 09-04-2012 10:36:28
คิดถึงพี่นิต กับโจแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 11-04-2012 07:01:05
ลืมพี่นิตแล้วหรือยังคะแฟน (เลียนแบบทำนองเพลงสุรพล!!)

พาพี่นิตกลับมาส่งหลังจากพาไปเที่ยวอยุธยานานนับเดือนแล้วค่ะ (โดนคนอ่านเตะ)

ช่วงนี้เหมือนมีงานกองสุมๆ แล้วเหมือนมีภาวะเครียดที่หาสาเหตุไม่ได้ เลยไม่ค่อยได้เขียนอะไรเลยค่ะ

แต่ยังไงจะรีบทยอยเขียนเรื่องที่ค้างอยู่ให้นะคะ^^

-------------------------------------------------


 Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่23

   ตัวของสุภาพงษ์อุ่น.. อุ่นสบายดีจริงๆ
   
ผมผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าฟ้าสว่างแล้ว ที่สำคัญ ตื่นมาก็เห็นแผงอกกำยำเป็นสิ่งแรกรับยามเช้า เล่นเอาหัวใจผมเต้นอึงเพราะเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาทันที

   อกของสุภาพงษ์ขาวเกลี้ยง เลยขึ้นไปหน่อยก็เห็นคอแน่นๆ ของเขา ผมอดใจไม่ไหว เผลอยกมือลูบเบาๆ
   !!

   ที่สะดุ้งไม่ใช่คนถูกลูบ แต่เป็นผมนี่แหละ เพราะพอผมเอามือแตะแผ่นอกเขา มือของสุภาพงษ์ก็ขยับมารวบมือผมไว้อย่างกับตำรวจจับผู้ร้าย จากนั้นก็กดมือผมแนบอกเขาทันที ผมเลยเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ

   โอ๊ย เขาตื่นอยู่หรอกเหรอเนี่ย

   พอเห็นแววตาเชื่อมแสงของสุภาพงษ์ที่กำลังมองมาทางผมอยู่ ผมก็แทบจะเอาหน้ามุดเตียง บ้าจริงเชียว เขาตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่ส่งเสียงให้ผมรู้บ้าง ปล่อยให้ผม....... ให้ผม.....

   ขณะที่ผมนึกว่าจะแก้ตัวกับสิ่งที่เพิ่งทำไปอย่างไรดี สุภาพงษ์ก็ขยับหน้าเข้ามา แล้วแนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากผม

   หัวใจผมเต้นระรัวอย่างกับจังหวะกลองสะบัดชัย

   ผมรีบผลักเขาออก เพราะกลัวเป็นลมเป็นแล้งไปกลางทางอีก แต่คงเพราะสุภาพงษ์ตัวหนาเกินไป แทนที่เขาจะกระเด็น ดันกลายเป็นผมที่ทำท่าจะหงายหลังตกเตียงแทน ลืมไปเลย นี่มันเตียงเดี่ยว ผู้ชายโตเต็มที่สองคนมานอนเบียดกันได้นี่ก็ถือว่าแออัดสุดๆ แล้วล่ะ

   !!!!

   แต่ก่อนที่ผมจะลังกาหลังลงจากเตียง สุภาพงษ์ก็ยื่นแขนมารวบตัวผมเอาไว้ จากนั้นก็รั้งเข้าไปกดไว้แนบฟูก

   เดี๋ยว! นี่มันเช้าแล้วนะ!!

   ผมดิ้นขลุกขลักอยู่บนเตียง จำได้ว่าตอนเขาเริ่มจูบผม แค่จูบเบาๆ เองนี่ แต่ทำไมพอผมทำท่าจะตกเตียง แล้วได้เขาช่วยไว้ เขาถึงยิ่งจูบผมแรงกว่าเดิมล่ะ ไอ้ท่าตกเตียงของผมมันทำให้เขาอารมณ์ขึ้นหรือไงเนี่ย?!

   สุภาพงษ์ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ผมหายใจหายคอ จูบปิดปากผมแน่น จากนั้นก็แนบตัวลงมา โอ๊ย เขาแข็งอีกแล้ว คนหนุ่มนี่ฟิตได้ตลอดเวลาจริงๆ นะเนี่ย

   แต่ผมไม่ฟิตสู้เขา ผมไม่ไหวแน่ถ้าเขาจะทำอะไรผมตอนนี้ บ้าจริงเชียว เมื่อคืนอุตส่าห์รู้สึกดีด้วยแล้วแท้ๆ ที่เขาทนได้ขนาดนั้น แต่พอมาถึงเช้าก็ดูจะทนไม่ได้ซะล่ะ

   นี่เขาหื่นหน้ามืดจนไม่นึกว่าผมจะเป็นตายร้ายดีแล้วหรือไงนะ

   “พี่นิต......”

   เขาผละริมฝีปากออกหน่อยหนึ่ง แล้วกระซิบเรียกชื่อผมเสียงพร่า ตัวเขาร้อนจัด ขณะที่ขยับริมฝีปากลงไล้ซอกคอผมเขาๆ ผมสะดุ้งเฮือก รีบตะโกนออกไป “โจ แปรงฟันก่อน!”

   !?

   สุภาพงษ์ชะงักกึก ผมเลยรีบอาศัยจังหวะนั้น ผลักเขาออก แต่ตัวเขาหนักอย่างกับท่อนซุง ผมผลักเต็มแรงก็สะเทือนแค่นิดเดียว พอเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นเขากำลังมองผมอยู่ หน้าแดงแจ๋เชียว

   ผมมองหน้าเขา จากนั้นก็ยกมือฟาดแขนเขาเต็มแรง คราวนี้ผู้ชายร่างใหญ่อกแน่นที่คร่อมตัวผมอยู่สะดุ้งเฮือก

   “อ๊ะ!”

   ผมเลยหยิกซ้ำไปอีกทีหนึ่ง ได้ยินเสียงสุภาพงษ์ร้องออกมา “โอ๊ย! พี่นิตทำอะไรครับ”

   “โจนั่นแหละ จะทำอะไรพี่!” ผมได้ทีพูดใส่เขาไปเต็มๆ สุภาพงษ์ทำหน้าอึ้งๆ “ผม....”

   “จะให้พี่ตายคาเตียงเลยหรือไง!”

   หน้าเขาแดงจัดกว่าเดิม “ผมเปล่า”

   “แล้วนี่อะไร?!” ผมว่า แล้วมองต่ำลอดช่องว่างระหว่างเราสองคนลงไป หน้าของสุภาพงษ์ยิ่งแดงเข้าไปอีก เขากัดริมฝีปากเหมือนคนพยายามกลั้นอารมณ์เต็มที่

   “ก็พี่นิตยั่ว...”

   “หา!” ผมร้องเสียงหลง สุภาพงษ์เม้มปากแน่น จากนั้นก็เลื่อนมือไปจับหว่างขาผม ถึงคราวผมสะดุ้งบ้าง

   “อ๊ะ!”

   เขาบดจูบลงมาบนริมฝีปากผมอีกครั้ง เคล้าลิ้นแรงจนผมขนลุก อุ้งมือเขาร้อนจัด ขยับรูดส่วนนั้นของผมขึ้นลง จนมันคัดขึ้นมา โอย.. เขาจะฆ่าผม เขาต้องอยากฆ่าผมแน่ๆ

   ใจผมฮึดฮัดขัดขืนเต็มที่ เพราะกลัวจะตายคาอกเขา แต่ตัวผมกลับอ่อนยวบๆ ยิ่งพอเขารูดส่วนนั้นมากเข้า ขาผมก็อ้าออกอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่

   ความจริงที่เขาทำเมื่อคืนก็ไม่เลว แต่ผมไม่แน่ใจว่า เขาจะหยุดได้แบบเมื่อคืนรึเปล่านี่สิ

   ได้ยินเสียงสุภาพงษ์หอบหายใจถี่ จากนั้นอะไรบางอย่างที่ร้อนจัดก็ขยับมาชนกับด้านหลังของผม เล่นเอาขนหัวผมลุกเกรียว

   “โจ!”

   สุภาพงษ์ปิดปากผมด้วยจูบอีกครั้ง ก่อนจะจ่อส่วนนั้นประชิดด้านหลังของผมอย่างไม่เกรงใจ หัวใจผมเต้นรัวถี่ มือจับไหล่เขาไว้แน่น

   ตาย ผมต้องตายแน่ๆ

   เขาจับขาผมอ้าออกอีก แล้วถูปลายส่วนนั้นเข้ากับด้านหลังผมจนแฉะ ขณะที่อีกมือก็จับของผมรูดขึ้นลงจนเยิ้มไม่แพ้กัน ผมหอบหายใจ แอ่นสะโพกให้เขาอย่างลืมตัว

   !!!!!!!!!!!!!!

   เสียงโทรศัพท์ของโรงแรมที่ดังลั่นขึ้นมา ทำให้ผมกับสุภาพงษ์สะดุ้งจนตัวโยน ผมรีบผลักเขาออกตามสัญชาตญาณ แล้วตะกายไปรับโทรศัพท์ด้วยหัวใจที่ยังเต้นระรัวไม่หาย

   เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นนะเนี่ย!

   “พนิต! ตื่นหรือยัง?”


   ปลายสายเป็นเสียงที่ผมคุ้นเป็นอย่างดี ผมรีบกรอกเสียงตอบไปทั้งที่ยังหอบอยู่ “อือ มีอะไรเหรอ?”

   เหมือนภูมิวัฒน์จะอึ้งไปแว้บหนึ่ง จากนั้นก็พูดเร็วปรื๋อ “พนิตมาช่วยเราหน่อย น้องกั้งจะจัดการเราแล้ว!”

   “หา!” ผมร้อง ได้ยินเสียงภูมิวัฒน์พูดอีก “เร็วๆ นะพนิต พนิตต้องช่วยเรานะ โอ๊ย! นี่ไง กั้งจะฆ่าเราแล้ว”

   ได้ยินเสียงคุณากรโวยวายแว่วๆ อยู่ไกลๆ “พี่ภูมิ หยุดขี้โกงได้แล้ว พี่แพ้ก็ต้องยอมรับกติกาสิ!”

   ผมไม่รู้หรอกว่าสองคนนั้นมีเรื่องอะไรกัน แต่เพราะอยากเอาตัวออกจากสถานการณ์ที่แสนหมิ่นเหม่ซึ่งกำลังดำเนินอยู่ เลยรีบเอออวยทำเสียงเป็นห่วงตามภูมิวัฒน์ไปทันที “เออๆ เราจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ภูมิอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ!”

   จากนั้นผมก็หันไปพูดกับสุภาพงษ์ ทั้งๆ ที่ยังกำหูโทรศัพท์แน่น “โจ พี่ต้องไปช่วยเพื่อนก่อน เพื่อนพี่ท่าจะแย่แล้ว”

   “?!” สุภาพงษ์ทำหน้าอึ้ง “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”

   “ภูมิกำลังจะโดนกั้งฆ่า” ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แต่สภาพที่คุยกับเขาน่ะ อย่าให้บรรยาย... สุภาพงษ์เปลือยทั้งตัว นั่งคร่อมผมอยู่ ส่วนผมจะนอนราบก็ไม่ใช่ จะนอนตะแคงก็ไม่เชิง เปลือยพอกับเขา แถมของขึ้นกันทั้งคู่ สุภาพงษ์ทำท่าเหมือนจะขยับปากพูดอยู่สองสามวิฯ ก่อนจะอ้าปากออกมาจริงๆ “กั้งเนี่ยนะครับ จะฆ่าพี่ภูมิ?”

   เอาล่ะ ผมไม่รู้หรอกว่าคุณากรจะฆ่าภูมิวัฒน์อย่างที่เจ้าตัวอ้างมาจริงๆ รึเปล่า แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ในเมื่อมีโอกาสที่ใครอาจจะตั้งใจหยิบยื่นมาให้ผมคว้าเพื่อเอาตัวรอด ผมก็ขอคว้าก่อนล่ะ

   “ภูมิ เดี๋ยวเราไปหานะ” ผมพูด จากนั้นก็รีบฉวยจังหวะไถลตัวลงจากเตียง สุภาพงษ์ยื่นมือมาตะปบเอวผมไว้ “พี่นิต!”

   ผมที่ยังกำหูโทรศัพท์แน่น ทั้งๆ ที่อีกฟากเหมือนจะถูกบังคับให้วางไปแล้ว รีบทำหน้าตื่น พูดกรอกหูโทรศัพท์เปล่าๆ ต่อ “หา! อะไรนะ ให้รีบไปเลยเหรอ?! ได้ๆ”

   “โจ พี่ต้องรีบไปช่วยเพื่อนก่อน” ผมอ้างทันที แล้วขยับตัวหนีมือเขาออกมาทั้งที่ยังล่อนจ้อนนั่นแหละ สุภาพงษ์อ้าปากเหมือนจะพูดอะไร จากนั้นก็ลุกตาม

   “ผมไปด้วยนะ”

   ผมส่งเสียง ‘อือ’ ในคอ ขณะตรงไปหยิบเสื้อผ้าที่พาดอยู่ในห้องน้ำมาสวม ให้ตายสิ ยังใจเต้นไม่หายเลย ตะกี้นี้เกือบไปแล้วไหมล่ะ!

-------------------------------------------

   ในที่สุดผมก็มายืนอยู่หน้าห้องของภูมิวัฒน์ โดยมีสุภาพงษ์เดินตามมาติดๆ ผมยกมือเคาะประตู แล้วเรียกเสียงดัง “ภูมิ!”

   ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ด้านหลัง จากนั้นประตูก็เปิดออกมา

   !!!!!!!!!!!!

   สุภาพงษ์ยื่นมือไปดึงประตูให้ปิดดังปึง ขณะที่ผมยืนอึ้ง

   เดี๋ยวนะ ตะกี้มันอะไรกันน่ะ!!!

   “พนิต ปิดทำไม โอ๊ย! ช่วยเราด้วย!” ผมได้ยินเสียงภูมิวัฒน์โวยวายอยู่หลังประตู แต่.. เมื่อตะกี้น่ะ ผมเห็นเขาไม่ใส่เสื้อ แถมเหมือนกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกับคุณากรอยู่ หรือว่า...!!!

   ผมรีบตรงไปบิดลูกบิดทันที

   “พี่นิตจะทำอะไรครับ?!” สุภาพงษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ถามขึ้น เมื่อเห็นผมออกแรงบิดลูกบิดที่ล็อกอัตโนมัติอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมพูดด้วยความตกใจ “ช่วยเพื่อนพี่น่ะสิ! ไม่เห็นเหรอ เขาจะถูกข่มขืนน่ะ”

   “?!”

   ผมไม่สนอาการเงียบแบบอึ้งๆ ของสุภาพงษ์ ออกแรงทั้งบิดลูกบิด แล้วก็เคาะประตู “ภูมิ!”

   จากนั้นประตูก็เปิดออกมาอีกครั้ง ผมรีบมุดเข้าไปทันที

   “ภูมิเป็นอะไรรึเปล่า?!” ผมตรงเข้าไปหาเพื่อนที่ท่อนล่างมีชุดคลุมอาบน้ำพันปิดไว้อย่างลวกๆ ดูผ่านๆ ก็รู้ว่าหยิบมาพันกันอุดจาด ภูมิวัฒน์มองหน้าผมอึ้งๆ จากนั้นก็ถามกลับ “พนิตเจ็บมากมั้ย?”

   “?!” ผมมองหน้าเพื่อน พลอยอึ้งไปด้วย “เจ็บอะไรน่ะ?”

   “ด้านหลังไง ครั้งแรกไม่ใช่... โอ๊ย!” ภูมิวัฒน์พูดไม่ทันจบ เพราะถูกผมยกขาเตะหน้าแข้งเต็มแรง เจ้าเพื่อนบ้าผมคิดอะไรเนี่ย!!

   “ภูมิ! อย่าบอกนะว่าโทรมาหาเราเพราะจะถามเรื่องนี้!” ผมใส่อย่างมีอารมณ์ บ้าจริง เขาพูดอะไรออกมาน่ะ แอบฟังห้องผมอยู่หรือไง แต่ห้องผมกับห้องเขาอยู่เยื้องกัน ถ้าไม่มาเอาหูแนบหน้าประตู ไม่มีทางได้ยินเด็ดขาด หรือภูมิวัฒน์แอบฟังผม แต่หมอนี่ไม่เคยมีนิสัยแบบนี้มาก่อนนี่นา

   “ก็เห็นเสียงพนิตหอบๆ ในโทรศัพท์ เราเลยคิดว่า... กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่” เพื่อนสุดหล่อผมช่วยแถลงไขข้อสงสัยในใจผม แต่เล่นเอาหูผมร้อนจี๋ บ้าจริง เขาจิตนาการอะไรจากเสียงผมน่ะ ที่ผมหอบเพราะ......

   “ห๊ะ! อะไรนะ!! พี่ภูมิโทรไปขัดจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มของโจกับคุณพนิตเหรอครับเนี่ย!!” คุณากรร้องขึ้นบ้าง พลางหันมามองผม มองเลยไปที่สุภาพงษ์ ก่อนจะหันมามองภูมิวัฒน์อย่างตำหนิ “พี่ทำบาปมากนะรู้ไหม กว่าโจมันจะมาได้ถึงขั้นนี้ ผมเข็นมันมาตั้งหลายปี พี่ต้องรับผิดชอบนะ”

   ภูมิวัฒน์ทำหน้าเหวอๆ แต่ผมสิ เหวอกว่า ไอ้เจ้าพวกนี้คุยกันเรื่องอะไรเนี่ย

   “เอ่อ...” ผมได้แต่ส่งเสียงในลำคออย่างไร้ความหมาย ขณะมองเพื่อนตัวเองกับเพื่อนของบ.ก.ยืนถลึงตาจ้องหน้ากันอย่างกับไก่ชน เดี๋ยวนะ.. ผมโดนภูมิวัฒน์โทรเรียกมา แล้วก็เห็นสองคนนี่เปลือยกันอยู่ในห้อง แต่ไหงเรื่องมันมาลงที่ผมได้อีกล่ะ

   “พี่นิต กลับกันเถอะครับ” สุภาพงษ์พูด แล้วฉวยมือผม ทำท่าจะพากลับออกไปทางประตู ผมกะพริบตาอึ้งๆ ขณะที่คุณากรพูดขึ้นอีก “คุณพนิตกลับไปทำต่อเถอะครับ เดี๋ยวผมดูแลพี่ภูมิเอง”

นี่มันผิดประเด็นกันไปใหญ่แล้ว!

“เดี๋ยวนะคุณกั้ง” ในที่สุดผมก็พูดออกมาได้เสียที “ผมมานี่เพราะเพื่อนผม แล้วนี่พวกนายสองคนทำอะไรกัน?”

   ผมหันไปหาเพื่อน แล้วมองต่ำผ่านอกเปลือยๆ ของเขาลงไปที่เสื้อคลุมอาบน้ำ เอาล่ะ ภูมิวัฒน์หุ่นดี ผมยอมรับ ผมเองก็ชอบมอง แต่ตอนนี้ผมรู้สึกสงสัยมากกว่า เพราะพอหันไปทางคุณากร ก็สภาพไม่ต่างกัน แถม... หุ่นก็ดีพอๆ กันเลย โอย ตาย... นี่ถ้าสุภาพงษ์เปลือยมาอีกคนนะ ผมตายแน่

   “ตกลงทำอะไรกันน่ะกั้ง?”
   พอมีสุภาพงษ์ช่วยเสริมอีกแรง เจ้าสองคนนั่นถึงพอเข้าใจสภาพของตัวเองขึ้นมาบ้าง ภูมิวัฒน์ทำเป็นปั้นหน้าขรึม ขณะที่คุณากรยืดอกแล้วพูดออกมา

   “พวกเรากำลังเล่นเกมกันอยู่”

   “หา?!” ทั้งผมและสุภาพงษ์ร้องขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย จากนั้นภูมิวัฒน์ก็พูดแทรกขึ้นบ้าง

   “ไม่ใช่ เรากำลังโดนน้องกั้งโกงต่างหาก”

   “พี่ภูมินั่นแหละโกง” คุณากรสวนทันที “ตอนแรกบอกว่าถ้าผมชนะจะยอมบอกเรื่องที่ผมถาม แล้วไหงพอผมชนะจริงๆ พี่ถึงไม่ยอมบอก”

   “ก็พี่บอกไม่ได้” ภูมิวัฒน์ตอบ ผมเห็นคุณากรขมวดคิ้ว จากนั้นก็ตรงเข้ามาหาเพื่อนผม แล้วเอื้อมมือไปดึงเสื้อคลุมอาบน้ำที่นุ่งอยู่ออก

   “งั้นพี่ภูมิอย่าหวังได้ออกจากห้องนี้เลย ยังไงผมก็จะต้องรู้ให้ได้!”

   ภูมิวัฒน์กระโดดหนี ท่าทางดูไม่จืดเลยสำหรับคนอายุรุ่นเดียวกับผม จากกนั้นก็ร้องโวยวายขึ้นต่อ “พนิต โจ ช่วยเราด้วย กั้งจะฆ่าเราแล้ว”

   ผมไม่รู้จะช่วยยังไงดี เลยคิดจะอ้าปากห้าม แต่พอดีมือของคุณากรเอื้อมถึงเสื้อคลุมอาบน้ำที่พันเอวภูมิวัฒน์เสียก่อน

   !!

   โอ๊ยตายแล้ว! ผมเป็นรูมเมทกับภูมิวัฒน์มาตั้งหลายปี ยังไม่เคยเห็นของเขาเต็มสองตาขนาดนี้เลย สี่สิบห้าแล้วก็ยังไม่เหี่ยวไม่ฝ่อเท่าไหร่ ขนาดมาตรฐาน ใหญ่กว่าผมนิดหนึ่ง

   !!!!!!!

   ผมเกือบร้องเหวอออกมา เพราะจู่ๆ สุภาพงษ์ก็ยื่นมือมาปิดตาผมเอาไว้

   “โจทำอะไรน่ะ?!” ผมพูดในความมืด พร้อมกับยกมือขึ้นแกะมือเขา แต่เขาปิดแน่น ไม่ยอมให้ผมแกะออก

   “โอ๊ย โจกลัวพี่นิตเห็นของพี่ภูมิแล้วใจแตกแหงเลย แต่ของโจใหญ่กว่านะ” ได้ยินเสียงคุณากรพูดขึ้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงภูมิวัฒน์ตามมาติดๆ “เฮ้ย ของพี่จะเล็กกว่าของน้องโจได้ไง! กั้งดูผิดรึเปล่า?”

   “ดูไม่ผิดหรอกครับ ไม่เชื่อให้โจถอดให้ดูเลยมั้ยล่ะ?”

   เดี๋ยว! แล้วทำไมมันกลายเป็นเรื่องวัดขนาดกันไปได้ล่ะเนี่ย ได้ยินเสียงภูมิวัฒน์พูดขึ้นอีก “โจถอดเลยมา พี่ไม่ยอมแพ้เรื่องนี้ของโจแน่”

   โอ๊ย นี่เพื่อนผมอายุสิบห้าหรือไง แก่รุ่นเดียวกันแล้ว ยังจะมาเอาชนะเรื่องแบบนี้กันอีก ผมทนไม่ไหว เลยต้องพูดแทรกออกไป

   “ภูมิจะบ้าเหรอ ปูนนี้แล้ว จะมาข่งมาแข่งอะไรเรื่องแบบนี้เล่า อายเด็กบ้างเถอะ”

   “โห... งั้นพนิตตอบมาเลยนะ ว่าของเรากับของโจ ของใครใหญ่กว่า”

   หา! ไหงเรื่องมันมาลงที่ผมได้ล่ะ!

   ขณะที่ผมกำลังนึกประดิษฐ์คำพูดเพื่อจัดการกับปัญหาตรงหน้าแบบมองไม่เห็น เสียงคุณากรก็ดังขึ้น

   “คุณพนิตเงียบแบบนี้ เกรงใจพี่ภูมิใช่มั้ยล่ะครับ แหม... ก็คุณพนิตเพิ่งได้ลองเมื่อคืนนี่นา”

   เฮ้ย เดี๋ยวนะ ใครได้ลองอะไรเมื่อคืน?!

   “กั้ง!”

   ก่อนที่ผมจะได้อ้าปาก สุภาพงษ์ก็ชิงพูดขึ้นก่อน อา... ในที่สุดก็ได้ยินเสียงเขาเสียที

   “หยุดพูดลามกได้แล้ว แล้วก็เลิกเล่นแผลงๆ ด้วย ไปใส่เสื้อผ้าไป”

   “โหย... อะไรกันเนี่ย สมหวังแล้วทิ้งเพื่อนหรือไง ทำไมนายไม่ช่วยฉันจัดการกับพี่ภูมิบ้าง ถ้าได้พี่ภูมิมาเป็นสายข่าวนะ รับรองว่านายจะเหนื่อยน้อยกว่านี้”

   หา.. นี่เขาคุยอะไรกันน่ะ แล้วเดี๋ยวก่อน ที่คุณากรทำทั้งหมดเนี่ย เพื่อจะให้ภูมิวัฒน์เป็นสายข่าวให้เหรอ?

   ผมพยายามดึงมือของสุภาพงษ์ออก แต่ก็ไม่เป็นผล เลยต้องพูดทั้งๆ ที่ยังมองไม่เห็นอะไร “โอ๊ย ปล่อยพี่นะ สายข่าวอะไรเขาขอกันแบบนี้เล่า”

   “ใช่ๆ” ภูมิวัฒน์ผสมโรงทันที “กั้งใช้วิธีทารุณพี่แบบนี้ นอกจากจะไม่ได้พี่เป็นสายข่าวแล้ว อาจจะทำให้พนิตเปลี่ยนใจกลับมาอยู่กับพี่ด้วยก็ได้นะ”

   โหย... อยากจะเตะปากเพื่อนจริงๆ ผมอุตส่าห์ช่วยทั้งที ทำไมดันขุดหลุมฝังตัวเองอีก

   บรรยากาศในห้องเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นเสียงสุภาพงษ์ก็ดังขึ้น “พี่ภูมิกับกั้งไปใส่เสื้อผ้าก่อนเถอะครับ แล้วค่อยมาคุยกันอีกที”

   “..................”

   “...............................”

   เอาล่ะ ไม่มีใครพูดอะไร แล้วเมื่อไหร่เขาจะเลิกปิดตาผมสักทีล่ะเนี่ย สักพักผมก็ได้ยินเสียงรูดซิป เสียงสวมเสื้อ ในที่สุดสุภาพงษ์ก็ยอมปล่อยมือออกจากหน้าผมเสียที
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก22(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P25:6/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 11-04-2012 07:12:27
   ระหว่างที่ผมใช้เวลาปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่าง สุภาพงษ์ก็พูดขึ้นต่อ “สองคนจะเช็กเอาท์เลยมั้ยครับ?”

   “หา?!” ทั้งภูมิวัฒน์และคุณากรร้องขึ้นพร้อมกัน “จะกลับเลยเหรอ?”

   “ก็ไม่มีธุระอะไรแล้วนี่ครับ” สุภาพงษ์พูดต่อ ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่านะ แต่เหมือนเสียงเขากระด้างกว่าปกติพิกล สองคนที่เหลือเงียบไปพัก ในที่สุดคุณากรก็พูดออกมา “ก็ได้... นายพาคุณพนิตลงไปก่อนแล้วกัน”

   “อืม” เขาตอบ จากนั้นก็กึ่งโอบกึ่งดันตัวผมออกมาจากห้อง โดยที่ผมยังไม่ทันหายตาพร่าดี ผมเลยต้องพูดขึ้นต่อ “เดี๋ยวสิ พี่ยังไม่ได้คุยกับภูมิเลย”

   “พี่นิตจะคุยอะไรกับพี่ภูมิอีกครับ” สุภาพงษ์พูดตอบผม น้ำเสียงเขากระด้างขึ้นจริงๆ นั่นแหละ ระหว่างที่ผมกำลังอึ้ง ก็ได้ยินเสียงภูมิวัฒน์พูดขึ้นต่อ “ไม่เป็นไรหรอกพนิต เราขอโทษแล้วกัน”

   “?!” ยังไม่ทันที่ผมจะหันไปถามว่าภูมิวัฒน์ขอโทษทำไม สุภาพงษ์ก็ดึงผมออกมาจากห้องเสียก่อน แต่แทนที่เขาจะตรงลงลิฟต์ไปเลย กลับเดินมาที่ห้องอีกครั้ง แล้วไขประตูเข้าไป

-----------------------------------------------------------

   “โจลืมของเหรอ?” ผมถาม เพราะงงว่าทำไมเขาถึงไม่ลงไปชั้นล่างเลย ก็ไหนบอกให้คุณากรกับภูมิวัฒน์เช็กเอาท์ไปแล้วไง สุภาพงษ์หันมาทางผม ก่อนจะสั่นศีรษะ “เปล่าครับ”

   จากนั้นเขาก็ขยับมาใกล้ผม แล้วปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกทีละเม็ด ผมอดไม่ได้ต้องถามออกไป “โจจะทำอะไรน่ะ?”

   เขาไม่ตอบ แต่ใช้ตัวบังผมไว้กับผนัง แล้วถอดเสื้อออก เผยแผงอกขาวแน่นให้ผมดูเต็มตา เล่นเอาหัวใจผมเต้นแรงไปหมด เท่านั้นยังไม่พอ เขายังขยับมือลงไปปลดเข็มขัดออก ผมเลยต้องรีบดึงมือเขาไว้ “ไม่ต้องแล้ว!”

   สุภาพงษ์มองหน้าผม แล้วเม้มปากนิดๆ “ทำไมล่ะครับ?”

   ผมมองหน้าเขา พูดด้วยหัวใจสั่นตึกๆ “เดี๋ยวพี่เป็นลม”

   “.....................” เขาเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้ “ทำไมถึงเป็นลมล่ะครับ?”

   โอย.... ของแบบนี้มันบอกสาเหตุได้ที่ไหนกันล่ะ ผมตัดสินใจหันหน้าหนีไปทางอื่นเสีย แต่เขาก็ยังขยับตามมา แถมเอามือผมไปจับหน้าอกเขาอีก

   “ผมน่าเกลียดรึเปล่า?”

   ผมสั่นศีรษะ ได้ยินเสียงเขาพูดอีก “งั้นหันมามองหน่อยสิครับ”

   ผมจำต้องเบือนหน้ากลับไปหาเขา แล้วเจอะเข้ากับดวงตาสีดำสนิทที่มองมาพอดี หัวใจผมเต้นแรงปานจะหลุดออกมาจากอก

   “พี่นิต” สุภาพงษ์กระซิบเสียงแผ่ว “รู้มั้ยครับ เวลาผมได้อยู่ใกล้ๆ พี่ หัวใจผมเต้นแรงขนาดไหน”

   เขาพูด พลางเลื่อนมือผมไปแนบอกด้านซ้าย จนผมรู้สึกจังหวะที่เต้นอึงอยู่ในอกเขา มันสะท้อนผ่านมือมาจนถึงหัวใจอีกดวงที่เต้นอยู่ในอกผม

   “โจ...” ผมเรียกชื่อเขา จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงมืออีกข้างของเขาเข้ามาแนบอกซ้ายของผมบ้าง จากนั้นก็พูดเบาๆ “รู้หรือยัง ทำไมพี่ถึงเป็นลมทุกที”

   มือของสุภาพงษ์ทาบลงบนอกผม เหนือหัวใจที่กำลังเต้นระรัวดวงนั้นพอดี ผมสัมผัสได้ถึงหัวใจของเขาที่เต้นถี่ขึ้น และแทบจะพร้อมกัน หัวใจของผมก็พลอยเต้นถี่ตามเขาไปด้วย เราแนบมือลงบนหัวใจของแต่ละฝ่ายแบบนั้นอยู่สักพัก สุภาพงษ์ก็ยิ้มออกมา

   “พี่นิตกับผมใจตรงกันเลย”

   ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลยได้แต่ก้มหน้าหนี ผู้ชายรูปหล่อขยับเข้ามาใกล้อีก แล้วจูบหน้าผากผม “ผมรักพี่นิตนะครับ รักที่สุดเลย”

   หัวใจผมเต้นแรงยิ่งกว่าเดิมจนต้องเอนศีรษะพิงกับอกเขา พอดีกับตำแหน่งเดิมที่เขาเอามือผมแนบไว้พอดี ผมเลยได้ยินเสียงหัวใจของเขาด้วย

   ตึก ตึก ตึก..

   ไม่รู้มาก่อนเลยว่า เสียงหัวใจเต้นของคนคนหนึ่ง จะพลอยทำให้เสียงหัวใจของอีกคนหนึ่งเต้นแรงไปด้วย

   นี่หรือคืออานุภาพของสิ่งที่เรียกว่าความรัก

---------------------------------------------

   ตอนที่ผมกับสุภาพงษ์ลงมา ภูมิวัฒน์กับคุณากรก็นั่งรออยู่ตรงล็อบบีเรียบร้อยแล้ว แต่แทนที่จะอ่านหนังสือพิมพ์รอหรือทำอะไรอย่างที่คนอายุสามสิบสี่สิบทำกัน สองคนนั้นกลับนั่งสัปหงกอย่างกับคนอดหลับอดนอนมาทั้งคืน ทั้งๆ ที่เวลาก็ตั้งสิบเอ็ดโมงกว่าแล้วแท้ๆ และพอถูกปลุก ภูมิวัฒน์เพื่อนผมก็ค่อนแคะขึ้นทันที

   “ไปทำอะไรกันนานสองนานน่ะหืม? ทิ้งเพื่อนให้รอจนหลับแล้วเนี่ย”

   ผมขี้เกียจต่อปากต่อคำ เลยชวนเขาไปทานข้าว เพื่อนรูปหล่อของผมพยักหน้า ก่อนจะอ้าปากหาวอย่างไม่เกรงใจ ขณะที่คุณากรเองก็สภาพไม่ต่างกันนัก ชวนให้สงสัยว่าเมื่อคืนสองคนนี้ทำอะไรกันแน่

   “เมื่อคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอนหรือไง?” ผมถามออกมาในช่วงที่กำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ในศูนย์อาหารของโรงแรม ภูมิวัฒน์พยักหน้าเหนื่อยๆ “อืม.. น้องกั้งกวนจนไม่ได้นอนทั้งคืนเลยน่ะ ตื้อจริงๆ”

   ผมเห็นสภาพเพื่อนแล้วก็นึกสงสาร เลยหันไปหาคุณากร “คุณกั้ง แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”

   คุณากรยักไหล่ด้วยสีหน้าง่วงงุนไม่แพ้กัน “ไม่เกินไปหรอกครับ ก็พี่ภูมิหาเรื่องก่อนนี่ บอกว่าคืนนี้มาเล่นเกมแข่งกัน ผมก็เลยตกลง แค่เล่นยาวไปหน่อยเท่านั้นเอง”

   ภูมิวัฒน์ทำหน้าเซ็งๆ แต่ไม่พูดอะไร ผมเลยขี้เกียจถามต่อ เพราะสุดท้ายก็คงไม่เข้าใจสิ่งที่สองคนนี้สื่อสารกันอยู่ดี เขาจะทำอะไรก็ปล่อยไปแล้วกัน อย่างภูมิวัฒน์คงเอาตัวรอดเองได้หรอก

   “แต่คุณพนิตนี่อึดใช่ย่อยนะครับเนี่ย... ครั้งแรกก็เดินปร๋อเลย” คุณากรพูดขึ้นต่อ คราวนี้ผมหันไปมองเขา แล้วขมวดคิ้ว “อะไรน่ะคุณกั้ง?”

   “อ้าว.. ก็เมื่อคืน...!” เขาพูดไม่ทันจบก็ถูกสุภาพงษ์ใช้ศอกถองสีข้าง จนผมที่เป็นคนเห็นยังเจ็บแทน คุณากรรีบหุบปาก แล้วหันไปค้อนคนถองทีหนึ่ง ขณะที่ภูมิวัฒน์หัวเราะหึๆ ในคออย่างสะใจ ผมมองแล้วก็นึกละเหี่ยใจอยู่หน่อยๆ

   รู้งี้มากับสุภาพงษ์สองคนก็ดีหรอก ชวนเจ้าพวกนี้มาแทบจะไม่มีผลอะไร ไม่สิ... อาจจะมีอยู่หน่อยหนึ่ง นี่ถ้าภูมิวัฒน์ไม่โทรศัพท์เข้ามาตอนนั้นล่ะก็... ผมคง.......

   พอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ภูมิวัฒน์จะโทรศัพท์เข้ามาแล้ว ผมก็รู้สึกอายตัวเองจริงๆ แต่ไม่รู้จะแก้อายยังไง เลยได้แต่ก้มหน้างุดๆ ทานข้าวเงียบๆ โดยไม่สบตากับใครเลย พอทานเสร็จ ช่วงที่เดินมาขึ้นรถ ภูมิวัฒน์ก็อาศัยจังหวะที่สุภาพงษ์หันไปคุยกับคุณากร เดินเข้ามาพูดกับผม

   “พนิต... กล้าๆ หน่อยสิ มาถึงขั้นนี้แล้วนะ”

   ผมหันไปมองเขางงๆ ขณะที่เจ้าเพื่อนผมยิ้มพลางถอนหายใจ “กับน้องโจน่ะ คบกันแบบเปิดเผยได้แล้ว ไม่ต้องกลัวสายตาใครหรอก เดี๋ยวนี้สังคมเปิดกว้างขึ้นแล้วล่ะ”

   ผมมองเขาอึ้งๆ ก่อนจะตะกุกตะกักพูดออกไป “บะ.. บ้าน่ะ”

   ภูมิวัฒน์ถอนหายใจอีก “ไม่ต้องเขินหรอกน่า นายก็หน้าตาน่ารัก เดินคู่กันกับน้องโจ เข้ากันจะตาย”

   “เหอะ!” ผมแค่นเสียง นึกสงสัยว่าเพื่อนผมไปกินอะไรผิดสำแดงมารึเปล่า “เดินคู่กันก็ได้เหมือนพ่อลูกน่ะสิ”

   คนถูกย้อนหัวเราะออกมา “พ่อน้องโจไม่หน้าตาหนุ่มเฟี้ยวขนาดนี้หรอก นายมีรอยย่นเท่าคนอายุหกสิบแล้วหรือไง?”

   “บ้า! จะไปมีเยอะขนาดนั้นได้ไง” ผมว่า ภูมิวัฒน์หัวเราะอีก “ใช่ไหมล่ะ แล้วมันจะเหมือนพ่อลูกได้ไง มั่นใจหน่อยสิ กั้งเล่าให้เราฟังแล้ว เรื่องน้องเขาน่ะ ดูเขาฝังใจกับนายมากเลยนะ แล้วนายเองก็ดูจะมีใจให้เขาด้วย เราไม่อยากให้นายทำพลาดแบบที่เราเคยทำน่ะ”

   ผมหันหน้าไปมองเขา แล้วเห็นสายตาที่มองมาอย่างจริงจังเหมือนกับเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน

   “พนิต เมื่อก่อนตอนเรียน นายเคยพยายามจะใกล้ชิดเรา แต่เรากลับทำเฉยๆ ใส่นาย เพราะเรากลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวว่าถ้าตอบรับแล้ว ทุกอย่างจะไปไม่รอด และสุดท้าย เราก็ทำให้นายต้องจากไป โดยที่ยังไม่เคยได้รับรู้รสชาติความสุขของการตอบรับความรู้สึกของนายเลยแม้แต่วันเดียว เราไม่อยากให้นายมานึกเสียใจตอนหลังเหมือนอย่างที่เราเป็น”

   “..................” ผมมองเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน แล้วห่างหายกันไปเพราะเรื่องบาดหมางเพราะคำพูดที่กระทบกระเทือนความรู้สึก

   ถูกอย่างที่เขาพูด ครั้งหนึ่งผมเคยแอบทุ่มเททุกอย่างให้เขา เคยคิดอยากจะอยู่ใกล้ๆ เคยนึกอยากเจอหน้าเขาทุกวัน อยากตื่นมาแล้วมีเขาอยู่ข้างหมอน แต่ทว่า.... ผมกับเขา ไม่เคยมีวันนั้นร่วมกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่เขาเอง ก็รู้สึกแบบเดียวกับผมแท้ๆ แต่กลับมาบอกผมเมื่อเวลาผ่านมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว

   ผมถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง พร้อมกับยิ้ม แล้วยกมือตบไหล่ภูมิวัฒน์เบาๆ “อืม... เข้าใจล่ะ.. ขอบใจ แล้วก็... ขอโทษด้วยนะ”

   “ไม่เป็นไรหรอก” เขาพูด จากนั้นก็ปลีกตัวแยกไปอีกทาง จังหวะเดียวกับที่สุภาพงษ์เดินเข้ามาพอดี

   “พี่ภูมิบ่นเรื่องกั้งหรือครับ?” เขาถาม ผมเลยเนียนพยักหน้าไป สุภาพงษ์ทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจ “ผมขอโทษด้วยนะครับ”

   “ไม่เป็นไร พี่เป็นคนเสนอให้ชวนมาเองนี่ แล้วภูมิวัฒน์ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากหรอก”

   สุภาพงษ์มองผมด้วยสีหน้านิ่งๆ จากนั้นก็พูดออกมา “ผมไปขอโทษพี่ภูมิดีกว่า”

   ผมมองไล่หลังสุภาพงษ์ที่กำลังเดินไปหาภูมิวัฒน์ แล้วถอนหายใจออกมา

---------------------------------------

   ภูมิวัฒน์กับคุณากรหลับสนิทมาตลอดทางกลับจากอยุธยา ขนาดหลับจนหัวโขกกันแล้วก็ยังไม่รู้สึก เห็นแล้วก็ไม่รู้ว่าจะสงสารหรืออะไรดี พอจอมจ้อสองคนหลับ รถเลยเงียบสนิท ไม่มีใครคอยกัดคอยกวนเหมือนขามา ผมที่ตั้งใจจะตื่นเป็นเพื่อนสุภาพงษ์ก็ผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีตอนถึงบ้านแล้วนั่นแหละ

   พอมาถึงล้างหน้าล้างตา ดื่มน้ำแล้ว ภูมิวัฒน์ก็เรียกแท็กซี่กลับ ส่วนคุณากร ตอนแรกตั้งใจจะกลับกับสุภาพงษ์เหมือนอย่างขามา แต่พอภูมิวัฒน์คล้อยหลังไปได้ไม่ถึงสิบห้านาที ก็ตัดสินใจจับแท็กซี่กลับ ไม่รู้ว่าจะตามไปตอแยเพื่อนผมต่อรึเปล่า โดนนักข่าวตามตื้อนี่น่ากลัวจริงๆ

   สรุปแล้วสุดท้ายเลยเหลือผมกับสุภาพงษ์นั่งอยู่ในบ้านสองคน

   “โจจะกลับคอนโดเลย หรือว่าจะทานอะไรก่อนล่ะ?” ผมถาม เพราะเห็นว่าจะบ่ายสี่แล้ว สุภาพงษ์มองหน้าผม แล้วพูดตอบ “พี่นิตจะไปทานด้วยกันไหมครับ?”

   “อืม” ผมพยักหน้า “ร้านไหนดีล่ะ? หน้าซอยมั้ย หรือโจมีร้านอื่นเสนอ?”

   สุภาพงษ์นิ่งนึกไปพักหนึ่ง “ร้านหน้าซอยก็ได้ครับ”

   จากนั้นเราสองคนเลยเดินทอดน่องไปที่ร้านอาหารตามสั่ง โดยทิ้งรถเอาไว้ที่ประตูหน้าบ้าน ระหว่างทางผมหันไปหาเขา

   “โจ... วันไหนเบื่อๆ น่ะ มาทานข้าวบ้านพี่ก็ได้”

   “...........” เขาหันมา แล้วกะพริบตาปริบๆ “ได้เหรอครับ?”

   “อืม...” ผมพยักหน้า “ถ้าเหงาจะมาก็ได้ โจอยู่คนเดียว พี่ก็อยู่คนเดียว มานั่งเป็นเพื่อนกันบ้าง ไม่เป็นไรหรอก”

   “ไม่รบกวนสมาธิพี่นิตเขียนนิยายหรือครับ?”

   “ไม่เป็นไร”

   สุภาพงษ์คลี่ยิ้มออกมา “ขอบคุณนะครับพี่นิต”

   ผมมองแล้วใจเต้นตึกๆ สะกดหัวใจอยู่นาน กว่าจะยิ้มตอบเขาออกไปได้

   ผมไม่อยากสำนึกได้ตอนสายอย่างภูมิวัฒน์ แล้วก็ไม่อยากให้สุภาพงษ์รู้สึกอย่างผมในอดีต แต่อายุผมมากแล้ว ผมคงรีบคงเร่งอะไรไม่ได้ ถึงอย่างนั้น... หากผมลองขยับความสัมพันธ์กับเขาอย่างทีละเล็กละน้อยแบบนี้ อาจจะเป็นการดีที่สุดก็ได้

   สักวันหนึ่ง เมื่อทุกอย่างพร้อม ผมจะใช้ชีวิตคู่กับเขา ตอบสนองเสียงเรียกร้องของหัวใจของเราที่เต้นไปด้วยความรู้สึกเดียวกัน

-----------------------------------------------------
**โอ๊ย เขิน เขินแทนพี่นิต ฮ่าๆๆๆๆ งานนี้พี่ภูมิท้ายๆ ดูพระเอกสุดๆ ส่วนพระเอกของเราบทน้อยเหมือนเดิม

แอบรู้สึกว่า พี่ภูมิตอนนี้เด็กมาก ทำอะไรกันกับกั้งน่ะ โอ๊ย คู่นี้ดูประสาทๆ ฮ่าๆ

ส่วนพี่นิต.... อ๊ากกก  ฮ่าๆๆ เป็นนายเอกที่มีฉากหวิวๆ เยอะมาก แต่ไม่เคยมีของจริงกับเขาสักที (กระทั่งตอนนี้เกือบจะเสียหนุ่มอยู่แล้ว ยังมีเสียงโทรศัพท์จากเพื่อนเลิฟมาช่วยเอาไว้อีก ฮ่าๆ งานนี้ไม่รู้ใครช่วยใครกันแน่)

แอบมีฉากนายโจหึงพี่นิต เพราะพี่นิตคงถลึงตามองหุ่นเพื่อนและเพื่อนของโจแบบไม่มีเหนียมไม่มีอาย ฮ่าๆๆๆ (โดยที่พี่แกคงไม่รู้ตัว ก๊ากกก)

สรุป... งานนี่คุณพนิตหื่นสุดนี่เอง (แต่เป็นหื่นทางสายตา ไม่กล้าแสดงออกจากการกระทำและคำพูด ถึงอย่างนั้นโจก็ดูออกนะคะ ก๊ากก)

แอบมีฉากหวานๆ อย่างจับหัวใจ ที่เรายังไม่นึกว่าตัวเองจะเขียนอะไรแบบนี้ออกมาได้ โอ๊ยย นี่ช้านทำอะไรลงไป

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 11-04-2012 09:09:34
น้ำตาลทะลักค่ะ อ้าปากน้ำตาลก็ร่วงกราวลงมาเลยอ่า อ่านคู่นี้แล้วพาลจะเป็นเบาหวาน
สภาพตอนนี้ก็เหมือนเบาหวานขึ้นตา มองอะไรก็หวาน
ฉากนี้จะหวิวก็หวิว หวานก็หวาน ฮาอีกต่างหาก ครบเครื่องค่ะ
พี่ภูมิกับกั้งเขาเล่นเกมอะไรก๊านนน ปอก(ลอก)เสื้อผ้าตามหาความลับเรอะ!!
ฮาคุณภูมิ เรื่องวัดขนาด แลดูจริงจังมาก
น้องโจหึงจัด เสียงกระด้างเชียวแต่แหม ตอนนี้คงเสียงอ่อนแล้วล่ะก็พี่นิตยอมอ่อนลงให้ขนาดนี้
แถมตอนนี้พี่นิตยั่ว พี่นิตอาจจะงงว่าตัวเองไปยั่วตอนไหน แต่ยืนยันว่าพี่นิตน่ะยั่วจริงๆ ค่ะ
เป็นประเภทที่ยั่วแบบเป็นธรรมชาติและอัตโนมัติชนิดที่ตัวเองไม่รู้ตัวซะด้วย
โฮ่ยยยยย สูดหายใจ หายใจเข้า หายใจออก รู้สึกตอนนี้มันเขินจนหายใจผิดจังหวะ
ตื่นเต้นไปกับทั้งคู่ ตึก ตึก ตึก กรี๊ดดดดดดดด >///<

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 11-04-2012 10:09:53
ฮาพี่นิต  อ่านไปก็ขำไป :m20: :m20: :m20:

 :L2: :L2:  ส่วนนี้ให้คนเขียวนะคะ ><
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: aoommy ที่ 11-04-2012 10:16:02
โถ่ พี่นิตรอดได้หวุดหวิดเลยนะ น่าร๊ากจริงๆ โจนี่หลงและรักพี่นิตมากเลยนะ แต่แหมโอกาสสามรอบแล้วนะ พลาดตลอดๆ
เอาน่า สักวันพี่นิตคงยอมเองแหละเนอะ กั้งภูมิ คู่นี้น่ารักดีแหะ แบบเซียนตัดเซียน รู้ทันกันตลอด
ขอบคุณคนเขียนที่เข้ามาต่อเรื่อยๆ ตอนเห็นว่าอัพ กรี๊ดลั่นห้องเลยอ่ะ แบบว่าดีใจมาก o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 11-04-2012 11:00:24
วิ่งมาเม้นท์ในนี้ให้ด้วย ดันกระทู้ๆๆๆ แล้วก็วิ่งมาให้เป็ดด้วยยย:-[


ไม่ไหวแล้วววว ไม่ไหวแล้วค่ะ!!! พี่นิต พี่นิต พี่นิต!!!
อ๊ากกก ทึ้งหัวตัวเองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน(เมื่อก่อนทึ้งซอฟท์ๆ แต่วันนี้ ตอนนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ)
ทึ้งไปทึ้งมาก็แทบอยากจะเอื้อมมือไปทึ้งหัวพี่นิตด้วย! (โดนโจเหล่..แถมกำหมัดกร๊อบๆ)

พี่นิตอ๊าาาาาาา คราวนี้จะเข้าได้เข้าเข็มแล้ว เผลอตัวเผลอใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..ด้วยสินะคะ!
แต่ก็นะ คนจะยังไม่ได้ก็ยังไม่ได้อยู่วันยังค่ำ(สงสารตาโจ) โดนตาภูมิขัดจนได้
ตอนนี้มันวุ่นวายเหลือจะคณานับกันเลยทีเดียว
วุ่นวายที่หนึ่งคือ คุณภูมิโทรมาขัดจังหวะการเข้าด้ายเข้าเข็มของพี่นิตกับโจ
วุ่นวายที่สองคือ กั้งกับคุณภูมิ กำลังจะได้เสียกัน? ("ได้"มีชีวิต กับ"เสีย"ชีวิต) พี่นิตก็เข้าไปขัดเค้าอีก ขนาดโจ ปิดประตูให้อีกรอบแล้วนะนั่น
วุ่นวายที่สามคือผ้าคุณภูมิหลุด ลำบากโจต้องงรีบปิดตาเดี๋วพี่นิตเลือดกำเดาไหลเป็นลมเป็นแล้งไปจะแย่เอา

โอ๊ยยย ตอนนี้มันวุ่นวายได้โล่ พี่นิตเองก็หื่นได้โล่
ว่าก็ว่า โจเค้าหื่นนะ..แต่หื่นกับพี่นิตคนเดียว

แต่พี่นิตเนี่ย..หื่นตั้งแต่เช้าเห็นอกโจก็อยากลูบอยากคลำ(อ๊ายยย><) พอมาเห็นสภาพของกั้งกะคุณภูมิที่เหลือเสื้อผ้าบนตัวแบบหมิ่นเหม่ ก็มองตาลุกวาว จนโจหึงเลยต้องรีบปิดตาเอาไว้อีก
พี่นิตหื่นจริงๆนั่นแหล่ะค่ะ!!! ฮ่าฮ่า โอ๊ยยฮาพี่นิต

ตอนที่สงครามในห้องของกั้งกับถูมิวัฒน์สงบแล้วตาโจลากพี่นิตเข้าห้องอีก..
แอบหวังเล็กๆว่าโจจะพาพี่นิตไปทำมิดีมิร้ายนะคะนั่น ฮ่าาา
สุดท้าย แค่ฟังเสียงจังหวะหัวใจของกันและกัน อ๊ายยยยโรแมนติก
แต่จริงๆ ตอนโจปลดกระดุมเสื้อ แถมจะปลดเข็มขัดเนี่ย..โจเนี่ยก็ห่ามเนอะ..กั้งท้าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่หน่อย จะมาอวดให้พี่นิตดูเลยทีเดียวจะได้เทียบกันได้แบบจะจะ หรือจ๊ะ? ว่าใครใหญ่กว่ากัน...แหม พ่อคุณ คุณพนิตเค้ายังไม่แก่จนสมองเลอะเลือนน้า(โดนพี่นิตโบก) เมื่อเช้าก่อนพี่นิตเค้าเห็นของคุณภูมิเค้าก็เห็นของเธออีกรอบแล้วล่ะ ไม่นับเมื่อคืน และไม่นับเมื่อคืนก่อนๆๆๆๆๆๆๆ อ๊ายยยย (เขินนนนนนนน)

ฉากพี่นิตซบอกโจ..ฮื้ออออออออออออออออออออออ อยากซบบ้าง (โดนพี่นิตเอามือดันหัว)
แล้วพอกลับบ้านมานะ  โหวววววววว พูดแต่ละอย่างเข้าทางโจทั้งนั้น ทั้งกินข้าวด้วย ทั้งให้มาอยู่ด้วย โอ๊ยย
อย่างนี้ตาโจไม่ไหวจะขับรถมาบ้านพี่นิตทุกเย็นเหรอค๊าาาาา
เนี่ยเพราะได้พี่ภูมิเค้าสวิซต์สติพี่นิตเลยนะคะ โจเลยจะได้มากินข้าวกับพี่นิตตลอดที่ใจคิดถึง ฮ่าฮ่า

ปล.อยากรู้จังว่าโจไปขอโทษพี่ภูมิว่าอะไร คึคึคึ(ยิ้มเจ้าเล่...รู้สึกว่าโจคงไม่ได้ไปพูดกับคุณภูมิเรื่องกั้งยังไงไม่รู้สิคะ ฮ่าฮ่า)

ปล. ที่ 2 . ขอบคุณมากๆเลยนะค้าที่ตอนนี้มันยังไม่จบ..ไม่งั้นใจขาดตายแน่เลยเพราะยังต้อง
การได้รับความรักจากคุณพนิต และจากโจอยู่อีกนานนนนแสนนานนนนนนนนนน

จุ๊บๆ เป็นกำลังใจให้คุณจูออนค่า!! (ถือพู่เชียร์ข้างสนาม)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 11-04-2012 11:01:07
อั้ยย่ะ!!!
พี่นิตคลาดอีกละะะ คุณสุภาพงษ์ก็เกือบละะะ
เมื่อไหร่จะพร้อมล่ะคะะะ
หนูรออยู่ (เกี่ยวอะไร) 55555
คิดถึงคนเขียนมากๆ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: Kee ที่ 11-04-2012 11:43:04
ชอบซีนที่ใจเต้นตรงกันมาก
มันดูโรแมนติกสุดสุดเลย   :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 11-04-2012 13:59:41
พี่นิตหวิดเสียตัวหลายรอบมากเลย :z3: เมื่อไหร่จะเสียล่ะ :z1:
ตอนนี้โจดูแบ๊วๆน่ารักยังไงไม่รู้ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine538 ที่ 11-04-2012 14:06:21
พี่นิตแอบมาเงียบๆ  :a5:

งวดนี้ไม่รู้จะอารมณ์ไหนดี ฮาพี่นิต สงสารน้องโจ หมั่นไส้พี่ภูมิกับน้องกั้ง  :z6: (แกก็เลือกซักอย่างสิ คนเขียนโดดถีบ)

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 11-04-2012 14:20:54
โห!!!!  -o-   ไรเนี๊ยพี่นิตยังบริสุทธิ์อีกหรอ   เซ็ง ง ง    หมั่นไส้ภูมิกั้งที่สุด  ขัดจังหวะเลยนะ

โจนิต น่ารักมาก ก ก ก
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 11-04-2012 16:20:43
หายไปนานเลยน้า
คิดถึงพี่นิตจะแย่
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 11-04-2012 19:51:07
กรีดร้อง ......กลับมาได้ซะทีนะพี่นิต + น้องโจ
แถมกลับมาด้วยความอลังการ  เอาแผ่นดินไหว 8.6 ริกเตอร์มาฝากด้วย 555

น่ารักจริงๆเลยค่ะ  ดีแล้วที่พี่นิตยังไม่เสียหนุ่ม  เก็บไว้นานๆ นะดีแล้ว
เผลอเป็นลมเป็นแล้งไป  น้องโจจะตกใจเอา .....555

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 11-04-2012 20:10:56
พี่นิตรอดน้ำมือน้องโจได้อีกแล้ว
วัยรุ่นเซ็ง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 11-04-2012 20:11:52
กรี๊ดด อีกนิดเดียวเองอะพี่นิตตต ยังอุตส่ารอดไปได้อีก :m16:
ลุ้นให้พี่นิตเสียตัวมาก กร๊ากก
"สักวันหนึ่ง เมื่อทุกอย่างพร้อม ผมจะใช้ชีวิตคู่กับเขา
ตอบสนองเสียงเรียกร้องของหัวใจของเราที่เต้นไปด้วยความรู้สึกเดียวกัน"
   
:-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 11-04-2012 20:19:26
พี่นิตเหมือนสาวน้อยริรักเลยอ่ะ คิดมากคิดมาย สะระตะเต็มไปหมด สงสารพี่โจบ้างเถอะค่ะ เค้ารอพี่นิตมาตั้งหลายปีนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 12-04-2012 00:01:59
หายไปนาน แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะคุณนิต เริ่มยกสะพานลงให้โจเดินข้ามมาแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 12-04-2012 01:06:02
คุณพนิตเกือบเสีย virgin ที่เก็บมา 45 ปี แบบฉิวเฉียดเป็นที่สุด  :m23:
แต่ในที่สุดก็รอดมือโจไปได้อีกครั้ง (ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด)
เพราะ กันชนกิตติมาศักดิ์(เพิ่งจะ)ทำหน้าที่ได้สมกับเป็น กันชัน ตามที่รับมอบหมายมาแต่แรก ( จริง ๆ ไม่ต้อง จะดีกว่า )
สงสารโจเหมือนกันนะ กว่าจะถึงวันได้แอ้ม จะต้องแห้วซักกี่รอบล่ะเนี่ย ?

คุณภูมิ-น้องกั้ง โหมเล่นอะไรกันทั้งคืน? ไม่เป็นอันหลับ อันนอน ผ้าผ่อนกระจุยกระจาย  :o9:   
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 12-04-2012 01:10:26
(แหวกว่ายออกจากกองน้ำตาลมาเม้น)
หวานๆ เย็นๆ สไตล์พี่นิตจริงๆ   ยังไงก็ถนอมพี่นิตหน่อยนะน้องโจ...รุ่นนี้ท่าทางอะไหล่จะหายากมาก  :z6: <<แม่ยกกระทืบ
พี่ภูมิกับน้องกั้ง...(เอ๊ะ หรือว่า น้องกั้งกับพี่ภูมิ?) คู่นี้จะมี ซัมติง กับเขาบ้างไหมเนี่ย?
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 12-04-2012 02:10:31
กรี๊ด พี่นิตเปิดใจแล้ว
 :o8:
ปลื้มปริ่มใจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 12-04-2012 23:42:21
พี่นิต ชีวิตมันสั้นน้า :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 16-04-2012 02:41:11
โฮก ในที่สุดก็อ่านหมด อั่ก พี่นิตสุดยอด อั่ก เราเป็นสายโอจิคะ โอย พี่นิตอ่ะ น่ารักเป็นบ้า แถมยั่วสุดๆ อ๊าค โจจงอดใจไม่ไหวเสียที!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 16-04-2012 09:53:34
โจ พลาดอีกแล้วๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 22-04-2012 16:35:12
พี่นิต หลังๆนี่ยั่วเก่งจัง สงสารโจบ้างนะ ความอดทนเริ่มน้อยลงๆล่ะ



ปล. แอบไปทวงรวมเล่มนกยูงที่ทู้น้นมาค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 22-04-2012 16:38:27
มารอพี่นิต 
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 22-04-2012 19:24:02
พี่นิตค๊า พี่แขวนพระรอดเหรอคะ เก็บไว้ที่ไหนคะหนูขอยึดไว้ชั่วคราว เพราะน้องโจค้างอีกแล้ว 55555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจัง ที่ 12-05-2012 21:31:39
 :m7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: 1st prince ที่ 16-05-2012 22:06:28
ได้โปรด อัพสักหน่อยเถอด


 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: aiwjun ที่ 16-05-2012 22:20:01
อ๊า ย ย ย  ....อยากอ่านตอนต่อไปแล้วป่านนี้พี่นิตเป็นเช่นไรบ้าง    :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 16-05-2012 23:18:33
คุณนิตหายไปไหนน้าาา

 :call: :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 17-05-2012 20:59:39
หายไปนานคิดถึงจังเลยยยยยยยยยยยยยยย :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 20-05-2012 11:06:51
ดัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: 1st prince ที่ 27-05-2012 22:44:49
อยากอ่านมาก

//กรีดร้องวันละ 3 เวลา  :serius2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: jaijaY ที่ 27-05-2012 22:53:02
คิดถึงพี่นิตกับน้องโจด้วยคนค่ะ หายไปนานจังเลยน้าาาา ~~
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 31-05-2012 14:07:57
ขอเวลาเคลียร์งานก่อนนะคะ

น่าจะได้อ่านตอนใหม่กันภายในเดือน6นี้ค่ะ^^

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 31-05-2012 14:16:51
จะรอนะคะพี่จู

ป.ล.จะรอฉากคุณ บ.ก.หื่นกว่านี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 31-05-2012 22:41:26
รอคอยเสมอจ้า^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 01-06-2012 19:56:16
ตามอ่านทันแล้ววววววววว
พี่นิตกับน้องโจน่ารักที่สุดดดดดดดดดด  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 17-06-2012 14:35:04
 Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่24 (จบ)

            ทริปไปอยุธยาแบบมึนๆ งงๆ ของผมจบลงอย่างสวัสดิภาพ ผมยังคงรักษาสิ่งที่เก็บเอาไว้มาได้ตั้งสี่สิบห้าปีได้ตลอดรอดฝั่ง ความจริงมันก็เป็นแค่การเที่ยวอย่างธรรมดา ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ทว่า....

           

“.............................” ผมนั่งมองส่วนว่างเปล่าราวสิบบรรทัดสุดท้ายบนกระดาษที่สอดอยู่ในแคร่พิมพ์อย่างคนคิดไม่ตกมาราวครึ่งศตวรรษ อันที่จริงแล้วกำหนดส่งต้นฉบับของผมตอนนี้เหลืออีกสามวัน ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะผมเขียนเรื่องส่วนใหญ่เอาไว้ในสมุดจดพล็อตตั้งแต่ไปค้างที่คอนโดฯของสุภาพษ์แล้ว ถึงอย่างนั้น พอกลับมาจากอยุธยา แทนที่ผมจะปิดต้นฉบับที่เหลืออีกแค่ไม่กี่บรรทัดได้โดยไว กลับกลายเป็นว่า ผมใช้เวลาสี่วันหมดไปกับการนั่งมองกระดาษเปล่าในช่วงสุดท้ายของตอน โดยไม่ได้พิมพ์อะไรลงไปเลยแม้แต่ตัวเดียว เพราะอะไรน่ะหรือ....

            ?!

            เสียงรถยนต์ที่แล่นผ่านหน้าบ้านทำเอาผมสะดุ้ง และชะเง้อมองออกไปโดยอัตโนมัติ พอไม่เห็นว่ามีรถยนต์คันสีขาวมาจอดหน้าบ้าน ผมก็ลงมานั่งปุบนเก้าอี้หน้าเครื่องพิมพ์ต่อ ให้ตายสิ ผมต้องคอยชะเง้อมองรถทุกคันที่แล่นผ่านหน้าบ้าน เป็นแบบนี้มาสี่วันแล้ว ตั้งแต่กลับจากอยุธยาวันนั้น

            แต่ไม่เคยมีรถยนต์คันสีขาวที่มีผู้ชายรูปหล่อเป็นคนขับ มาหยุดจอดที่หน้าบ้านผมเลย...

            สุภาพงษ์มาส่งผมที่บ้าน ทานอาหารเย็นกับผม แล้วก็ลากลับไป จากนั้นก็ไม่โผล่มาที่บ้านผมอีกเลย ทั้งๆ ทีผมเองก็อนุญาตแล้วว่า ให้เขามาที่บ้านผมได้ ถ้าเขาอยากมา

            หรือว่าเขาไม่อยากมาบ้านผมแล้วนะ?!

            ผมคิดไม่ตก ไม่รู้สิ อันที่จริงมันไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ควรเก็บเอามาใส่ใจอะไรเลย สุภาพงษ์อาจจะไม่ว่างมาหาผมก็ได้ ก็เขามีงานต้องทำหลายอย่าง ไหนจะจัดการงานที่สำนักพิมพ์ ไหนจะต้องหาข่าวให้แฟนเก่าเขา ผมคงรู้สึกไปเองว่าเขาอยากจะมาหาผมอยู่ตลอด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปกติเขาก็จะมาหาผมเฉพาะช่วงที่ใกล้ส่งต้นฉบับเท่านั้น... แค่เกือบสัปดาห์ละครั้งเท่านั้นเอง

            แต่ว่านี่มันสี่วันเข้าไปแล้วนะ.....?!

            ผมเพียรบอกตัวเองให้พยายามคิดเนื้อหาช่วงจบของพ่อกระแตตอนล่าสุดได้แล้ว แต่สมองก็ยังนึกวนเวียนไปถึงเรื่องสุภาพงษ์อยู่ดี นี่ผมเป็นอะไรไปนะ กระวนกระวายแค่เพราะเขาไม่มาหา ทั้งๆ ที่ผมออกปากไปแล้วแท้ๆ ว่าจะมาหาเมื่อไหร่ก็ได้ เขาคงไม่ว่าง เขาคงติดงาน แต่... โทรหาผมบ้างก็ยังดี

            ไม่รู้ว่าผมละสายตาจากแป้นพิมพ์ดีดและกระดาษที่อยู่ในแคร่พิมพ์ ไปจ้องอยู่ที่โทรศัพท์บ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ บางทีผมควรจะโทรหาเขา... แต่จะโทรไปเพื่ออะไรกันล่ะ.... บอกให้เขามาหาผมหรือ?

            นี่ผมเป็นอะไรไปแล้วนะเนี่ย?!!

            ผมรีบละสายตาจากโทรศัพท์บ้านกลับมายังแป้นพิมพ์ดีดโดยไว พอเห็นว่ามองกระดาษเปล่าต่อไปคงไม่ช่วยอะไรแน่ เลยหยิบต้นฉบับที่พิมพ์เสร็จไปก่อนหน้านี้ขึ้นมาอ่านใหม่ซ้ำอีกครั้ง ถึงอย่างนั้น พอรู้สึกตัวอีกที กระดาษต้นฉบับยังอยู่ในมือผม แต่สายตาผมมองไปที่โทรศัพท์อีกแล้ว

            แย่แล้ว กำหนดส่งเหลืออีกแค่ไม่กี่วันเอง... ผมควรทำไงดีนะ?

            ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเดินไปที่โทรศัพท์ เพราะคิดแล้วว่าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ผมต้องส่งต้นฉบับไม่ทันแน่ๆ เพราะฉะนั้นผมควรจะโทรหาสุภาพงษ์ บอกเขาว่าผมอาจจะส่งต้นฉบับของตอนนี้ไม่ทัน... สาเหตุก็เพราะ.........

            ผมเปิดสมุดโทรศัพท์ ตั้งใจจะหาเบอร์โทรศัพท์มือถือของสุภาพงษ์ เพราะปกติผมโทรเข้าไปที่สำนักพิมพ์ตลอด หลังจากเปิดจนหมดเล่ม พลิกแล้วพลิกอีก ผมจึงค้นพบว่า ผมไม่ได้จดเบอร์โทรศัพท์มือถือของสุภาพงษ์เอาไว้เลย

            เอาไงดีล่ะผม.. โทรเข้าออฟฟิศไปบอกอรนภาดีมั้ย ว่ารอบนี้ผมของดส่งต้นฉบับ ทำแบบที่เคยทำทุกครั้ง อรนภาคงรู้หรอกว่าผมไม่สะดวกส่งต้นฉบับจริงๆ

            แต่ขณะที่ผมกำลังจะกดโทรศัพท์เพื่อโทรไปที่สำนักพิมพ์ สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือที่วางสงบนิ่งอยู่บนโต๊ะใกล้กัน

            อืม... จำได้ว่าสุภาพงษ์เคยโทรเข้าโทรศัพท์เครื่องนี้นี่นา เห็นว่าโทรศัพท์มือถือจะจำเบอร์โทรเข้าออกได้ งั้นผมลองใช้โทรศัพท์มือถือโทรหาเขาดีกว่า

            ผมเปลี่ยนใจวางโทรศัพท์บ้านแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแทน พยายามกดปุ่มนั้นปุ่มนี้อยู่นานก็ไม่เห็นอะไรปรากฏขึ้นบนหน้าจอเสียที เห็นคนขายบอกว่าเดี๋ยวนี้โทรศัพท์มือถือพอไม่ใช้งาน หน้าจอจะปิดเองเพื่อประหยัดแบ็ตเตอรี่ เวลาจะใช้ก็ต้องกดปุ่มปลดล็อก แต่ผมกดแล้ว ทำไมไม่มีอะไรสว่างขึ้นมา หรือว่าผมจำผิดปุ่มกันนะ?

            ขณะที่ผมกำลังตั้งหน้าตั้งตาเปิดโทรศัพท์มือถืออย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงใครบางคนก็ดังขึ้นตรงหน้าประตูรั้วบ้าน

            “พี่นิตครับ!”

            ผมสะดุ้งเฮือก แทบทำโทรศัพท์หลุดมือ พอตั้งสติได้ก็วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ แล้วรีบกุลีกุจอออกมาเปิดประตูรั้วทันที

            “สวัสดีครับ” ผู้ชายรูปหล่อที่ไม่ได้เห็นหน้ามาตั้งสี่วันยกมือไหว้ผม แล้วยิ้มชนิดยากจะสังเกตเห็นตามแบบของเขา ผมมัวแต่ดีใจเลยเผลอตัวพูดออกไป

            “พี่กำลังจะโทรหาโจเลย หายไปไหนมาตั้งสี่วันเนี่ย”

            สุภาพงษ์เบิ่งตาขึ้นนิดๆ เขาหน้าตาดี ทำอะไรก็ดูดีทั้งนั้นแหละ จากนั้นเขาก็พูดออกมา “พี่นิตอยากเจอผมหรือครับ?”

            ผมกะพริบตา รู้สึกตัวขึ้นมาเสียทีว่าพลาดท่าอีกจนได้ หัวใจเต้นตึกๆ อย่างห้ามไม่อยู่ เลยรีบจูงมือเขาเข้าบ้าน ผู้ชายรูปหล่อตัวใหญ่คนนั้นเดินตามผมมาอย่างว่าง่าย แถมรีบจับมือผมแน่นอีกต่างหาก

            เอ่อ... ผมพลาดอีกแล้วสินะเนี่ย?!

------------------------------------

            พอเข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้ว ผมก็รีบไปรินน้ำมาให้เขา แล้วถามแก้เก้อไปว่า “แล้วโจมาหาพี่ทำไมน่ะ กำหนดส่งต้นฉบับยังเหลืออีกตั้งสามวันแน่ะ”

            สุภาพงษ์รับแก้วน้ำพ่วงมือผมอีกเช่นเคย เขาช้อนตามองผม แล้วจับแก้วพร้อมมือผมไว้แน่น “ก็พี่นิตบอกว่า ให้ผมมาหาเมื่อไหร่ก็ได้”

            เฮ้ย! ผมพูดแบบนั้นกับเขาจริงๆ หรือ? จำได้ว่าผมพูดไปทำนอง ‘ถ้าเขาว่างหรือเบื่อ จะมาหาผมก็ได้’ นี่นา? หรือว่าเขาเบื่อ?

            พอเห็นผมเงียบ สุภาพงษ์เลยพูดต่อ “พี่นิตอยากเจอผมไม่ใช่เหรอครับ?”

            เดี๋ยวนะ ใครอยากเจอ?! ผมเกือบจะพูดออกไปแล้ว ดีที่นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที ผมโพล่งออกไปอย่างคนลืมตัวว่าอยากเจอเขา และสี่วันที่ผ่านมา ผมก็ไม่มีอันได้ทำอะไรเพราะมัวแต่เงี่ยหูฟังเสียงรถเขา

            โอ๊ย! นี่ผมเป็นอะไรไปแล้วนะเนี่ย

            สุภาพงษ์วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ขยับสองมือมาจับมือผมเอาไว้เต็มๆ “นั่งก่อนสิครับ”

            เดี๋ยวนะ นี่มันบ้านผม ผมสิต้องเชิญให้เขานั่ง แต่... เขาก็นั่งอยู่แล้ว แถมเขาแค่ออกแรงดึงนิดๆ ผมก็ขาอ่อนยวบ ลงไปนั่งข้างเขาเสียง่ายๆ เท่านั้นไม่พอ ดึงผมให้นั่งบนเก้าอี้รับแขกในบ้านของตัวเองเรียบร้อย สุภาพงษ์ก็ขยับมือมาโอบเอวผมไว้อย่างกับคนรักกันแน่ะ

            เล่นเอาหัวใจผมเต้นดังจนหูอื้อไปหมดเลยล่ะ

            “พี่นิต” สุภาพงษ์กระซิบ แล้วขยับหน้าเข้ามาใกล้หน้าผม ผมกลัวหน้ามืดเพราะระยะใกล้ชิด เลยรีบเอื้อมมือไปคว้าแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะมาขวางไว้ “โจ ดื่มน้ำก่อนสิ!”

            สุภาพงษ์กะพริบตาปริบๆ มองผ่านแก้วน้ำมายังผม จากนั้นก็ยกมือขึ้นรับมือผมพร้อมแก้วน้ำไปดื่มพอเป็นพิธี แหม... คนอะไร ขนาดตอนดื่มน้ำยังดูดีเลย

            พอดื่มน้ำเสร็จ เขาก็จัดแจ้งเอาแก้ววางไว้จนเกือบจะสุดขอบโต๊ะอีกฝั่ง แล้วดึงผมไปนั่งบนตัก เดี๋ยวนะ! นี่ผมไม่ใช่เด็กๆ ที่จะมาร้องโยเยขอนั่งตักคุณพ่อนะเนี่ย เขาจะให้ผมนั่งตักไปทำไมกัน

            ขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากบอกเขา สุภาพงษ์ก็ขยับหน้าเข้ามา แล้วแย่งผมพูดได้อย่างไม่น่าเชื่อ

            “พี่นิตคิดถึงผมใช่มั้ยครับ?”

            ผมอ้าปากค้าง คือกำลังนึกจะตอบคำถามเขาอยู่นะ แต่สุภาพงษ์สิ ไม่ให้โอกาสผมแก้ตัวบ้างเลย พอผมอ้าปากค้างได้สักสองวิฯ เขาก็รีบขยับปากมาปิดปากผมไว้

            โอ๊ยตายแล้ว! ผมอยากจะเป็นลมตอนนี้จริงๆ นะเนี่ย

            ผมรีบยกมือขึ้น ตั้งใจว่าจะผลักสุภาพงษ์ออก แต่เพราะเขาตัวใหญ่ไปแน่ๆ แทนที่จะผลัก ผมเลยทำได้แค่เอามือยันอกเขาไว้แทน ยันไว้นานๆ มือมันชักเมื่อย ผมเลยแอบพักเอาไว้บนไหล่เขาชั่วคราว

            แหม... ก็ไหล่เขากว้างขนาดนี้ ผมวางมือไว้ไม่หนักหนาสาหัสเท่าไหร่หรอก

            สงสัยสุภาพงษ์จะเข้าใจว่าผมเมื่อยจริงๆ จูบผมได้สักพัก เขาก็รีบกดผมให้นอนลงบนเก้าอี้ เอาล่ะ ผมอาจจะเกือบหน้ามืดก่อนหน้านี้ แต่ไอ้การที่เขากดผมให้นอนลงแบบนี้ ใช่ว่าจะทำให้ผมหายหน้ามืดหรอกนะ

            แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอามือออกจากไหล่เขา สุภาพงษ์ก็ขยับเข้ามาใกล้ จูบผมซ้ำอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มล้วงมือเข้ามาในอกเสื้อผม

            เดี๋ยวนะ! ตกลงนี่เขามาหาผมทำไมเนี่ย?!

            ผมเริ่มดิ้นทันที ให้ตายสิ! เขาฉวยโอกาสชะมัด แค่เข้าบ้านมา ดื่มน้ำไปแค่อึกเดียว ก็ทำท่าจะจับผมกดกับเก้าอี้ยาวเสียล่ะ อายุก็ตั้งเยอะแล้ว ทำไมไม่รู้จักยับยั้งอารมณ์บ้างนะ

            พอผมเริ่มดิ้น สุภาพงษ์ก็ขยับออกอย่างคนเพิ่งรู้สึกตัว ก่อนจะพูดก้บผมด้วยหน้าแดงจัด “ขะ.. ขอโทษครับ!”

            เห็นเขาพูดแล้วทำหน้าตาสำนึกผิดเสียขนาดนั้น ผมที่ง้างมืออ้าปาก เตรียมจะตบเขาสักเพี้ยะ แล้วค่อยด่าเขาสักคำ ก็มีอันมือไม้อ่อน ปากอ้าไม่ออกไปเสียเฉยๆ เราสองคนมองหน้ากันในสภาพคนหนึ่งนอนคร่อมอีกคนอยู่บนเก้าอี้ยาวด้วยความกระอักกระอ่วนอยู่นาน ในที่สุด สุภาพงษ์ก็เป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน

            “เอ่อ... โทรศัพท์พี่นิตอยู่ไหนเหรอครับ?”

            เขาเปิดช่องให้แบบนี้ ผมไม่พลาดที่จะรีบฉวยไว้ “อยู่บนโต๊ะ” จากนั้นผมก็รีบไถลตัวออกมาจากสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที พลางยกมือทาบอกตัวเอง

            เกือบไปอีกแล้วไหมล่ะ!

            ผมเดินงุดๆ ไปหยิบโทรศัพท์ แล้วรีบพูดเพื่อเบนประเด็นต่อทันที “โจดูให้พี่หน่อยสิ พี่พยายามเปิดมันมาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ทำไมเปิดไม่ติดก็ไม่รู้”

            สุภาพงษ์รับโทรศัพท์พร้อมมือผมอีกเช่นเคย จากนั้นเขาก็เอาไปกดอยู่ครั้งสองครั้ง แล้วเงยหน้าขึ้นมา “แบ็ตหมดครับ ผมตั้งใจจะมาชาร์ตให้พี่นิตพอดี”

            “อ้อเหรอ” ผมรีบพยักหน้า แต่นึกแอบเขินอยู่ในใจ บ้าจริง แบ็ตเตอรี่หมด.. ดีนะที่เขามาเสียก่อน ไม่งั้นอีกสักพักผมอาจจะเอาไปให้ที่ร้านดู ถ้าไปเพราะแค่แบ็ตหมดแบบนี้ อายเด็กที่ร้านแน่ๆ

            “พี่นิตจะโทรเข้าเบอร์มือถือผมหรือครับ?” ผู้ชายรูปหล่อถาม ขณะที่ก้มลงเสียบสายโทรศัพท์ให้ผม ผมพยักหน้า แล้วพูดแก้ตัวทันที “พี่จะโทรบอกโจว่า พี่อาจจะส่งต้นฉบับพ่อกระแตของรอบนี้ไม่ทันนะ”

            “อ้าว ทำไมล่ะครับ?” คราวนี้สุภาพงษ์หันมามองผมด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่คนซึ่งมีอาชีพบรรณาธิการอย่างเขาทำทันที

            “ก็พี่เขียนไม่ออก”

            “แต่พี่นิตเขียนจะจบตอนแล้วนี่ครับ” เขาว่า ผมทำหน้าลำบากใจ “พี่เขียนตอนจบไม่ได้สักทีน่ะ”

            สุภาพงษ์มีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที “พี่นิตมีเรื่องอะไรกังวลใจรึเปล่าครับ? ก่อนหน้านี้เห็นพี่นิตบอกว่าตอนนี้เสร็จทันแน่นอนนี่ครับ”

            ผมมองหน้าเขา ไม่รู้จะโมโหหรืออะไรดี ผมรู้ว่าผมบอกไปแบบนั้น ก็ตอนนั้นผมมั่นใจจริงๆ ว่ามันจะเสร็จทัน ผมเขียนเอาไว้ตั้งเยอะแล้วแท้ๆ แต่เขาจะรู้ไหมล่ะ ก็เพราะผมมัวแต่รอให้เขามาหาตั้งหลายวัน เลยไม่มีสมาธิจะเขียนตอนจบเสียที พอจะเขียนทีไร ความคิดผมก็วกไปนึกถึงเสียงของเขา หน้าของเขา รอยยิ้มและลมหายใจเวลาที่เขาขยับเข้ามาใกล้ผม ยังไม่นับสัมผัสน่าอายที่เขาทำกับผมอีกหลายต่อหลายครั้ง

            แล้วแบบนี้ผมจะมีสมาธิเขียนได้ยังไงล่ะ!!

            “พี่นิตไม่สบายเหรอครับ?” จู่ๆ สุภาพงษ์ก็ทักขึ้น ผมมองหน้าเขา แล้วร้องออกไปอย่างแปลกใจ “หา?”

            “ก็พี่นิตดูหน้าแดงๆ เป็นไข้รึเปล่าครับ?”

            ผมยกมือจับหน้าตัวเอง ก็รู้สึกว่าร้อนจริงๆ แต่ผมไม่เจ็บคอ ไม่มีอาการจะแสดงให้เห็นว่าเป็นไข้ก่อนหน้านี้เลยนี่นา

            “เอ.... พี่ไม่รู้สึกว่าจะป่วยเลยนะ” ผมพูดหลังจากจับหน้าตัวเองได้สักพัก สุภาพงษ์มองผม แล้วพูดตอบ “อืม... หน้าพี่นิตหายแดงแล้วครับ....... บางที.......”

            เขาทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อ.. แต่ก็ดันเงียบไปเฉยๆ ผมเลยต้องถาม “บางทีอะไรน่ะ?”

            สุภาพงษ์ทำหน้าเหมือนลำบากใจจะพูด แต่พอเห็นผมจ้องอย่างจริงจัง เขาเลยจำต้องพูดออกมา “คือผมคิดว่า หรือบางทีพี่นิตอาจจะเขิน”

            “หา?!” คราวนี้ผมร้องเสียงหลง “พี่จะเขินทำไมน่ะ?”

            “ก็พี่นิตเพิ่ง....” บรรณาธิการรูปหล่อของผมพูดค้าง แล้วก็หน้าแดงขึ้นมาเอง “ก็พี่นิตเพิ่ง... เพิ่งถูกผมจูบบนเก้าอี้นี่ครับ”

            !!!

            ผมไม่รู้จะทำไง เลยยกมือตีไหล่เขาดังเพี๊ยะ “ทะลึ่งไปแล้ว พี่ไม่ได้เขินเรื่องนั้นสักหน่อย”

            “?” สุภาพงษ์ทำหน้าแปลกใจ แล้วถามต่อ “แต่ว่า.... ปกติพี่นิตจะเขินนี่ครับ”

            โอ๊ย! เป็นใครใครมันก็เขินทั้งนั้นแหละ จู่ๆ มาถูกบรรณาธิการตัวเองจูบถึงบ้าน ใครมันจะหน้าด้านทำเฉยๆ ได้ล่ะ แต่ที่ผมเขินเมื่อตะกี้น่ะ มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจูบผมบนเตียงจริงๆ นะ

            ผม....

            “พี่นิต” สุภาพงษ์ขยับเข้ามา แล้วตวัดแขนโอบผมไว้อีกครั้ง “หรือว่าพี่นิตคิดถึงผมจนเขียนเรื่องไม่ออก”

            “!!!” ผมทนไม่ไหว ต้องตีแขนเขาแรงๆ

            “โอ๊ย!” ผู้ชายหน้าตาดี หุ่นชวนฝันที่อ้าแขนกอดผมไว้สะดุ้ง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยผมง่ายๆ แต่อย่างใด ได้ยินเสียงเขาพูดขึ้นต่อ “พี่นิตคิดถึงผมใช่ไหมครับ?”

            “โจปล่อยพี่นะ!” ผมรีบตวาดใส่เขา ผลักไสเป็นการใหญ่ แต่เหมือนยิ่งผลัก แขนเขาจะยิ่งรัดแน่นขึ้น นี่เขาฟังภาษาคนไม่เข้าใจหรือไงนะ “ปล่อยนะ!”

            สุภาพงษ์ตระกองกอดผมเอาไว้ เหมือนคนกลัวนกปีกหักที่ตกลงมาจากต้นไม้จะบินหนีไปไหน จากนั้นก็ดันผมให้กลับไปนั่งที่เก้าอี้ แล้วพูดด้วยเสียงตื่นเต้นไม่สมกับหน้านิ่งๆ ของเขาเลย

            “ขอโทษนะครับ ที่ผมหายไปหลายวัน”

            อ้อ รู้ตัวเหมือนกันนี่

            ผมหยุดผลักไสเขา แล้วหันหน้ากลับมามอง “โจเงียบไปไหนตั้งหลายวันน่ะ? งานที่ออฟฟิศยุ่งหรือ?”

            “ก็ไม่เชิงครับ” บ.ก.หนุ่มของผมตอบ แล้วทำท่าเขินๆ แบบที่สังเกตอยากอย่างที่เขาชอบทำประจำนั่นล่ะ จากนั้นก็พูดต่อ “ผมมีอะไรอยากให้พี่นิตอ่าน”

            ว่าแล้วเขาก็เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเอกสารที่หิ้วเข้ามาซึ่งวางอยู่บนโต๊ะรับแขกมาเปิด แล้วหยิบกระดาษออกมาสี่ห้าแผ่น

            “รบกวนพี่นิตช่วยอ่านหน่อยได้มั้ยครับ?”

            ผมเลิกคิ้ว รู้สึกแปลกใจขึ้นมาจริงๆ นี่ตกลงเขาไม่ได้มาทวงต้นฉบับ หรือมาหาเรื่องถึงเนื้อถึงตัวผม แต่กลับเอาอะไรมาให้ผมอ่านหรือนี่ ผมยื่นมือไปรับมา พอเห็นหัวข้อก็เลิกคิ้วมองเขา แต่ถูกเขาชิงพูดขึ้นก่อน

            “พี่นิตอ่านก่อนนะครับ อย่าเพิ่งพูดอะไรนะ”

            เห็นเขาทำหน้าทั้งเขิน ทั้งดูตื่นเต้นขนาดนั้น ผมก็ขัดเขาไม่ลง เลยก้มหน้าก้มตาอ่านกระดาษสี่ห้าแผ่นที่เขาหยิบมาให้อย่างตั้งใจ

            กระดาษพวกนั้นถูกเขียนด้วยลายมือไม่ใช่ตัวพิมพ์ ท่าทางเหมือนถูกคัดขึ้นใหม่ ตัวหนังสือเป็นระเบียบเรียบร้อยดี ตอนแรกคิดว่าเป็นกระดาษถ่ายเอกสารธรรมดาเสียอีก แต่พอดูชัดๆ เป็นกระดาษพิมพ์ลายบางๆ สีครีมอ่อนๆ มีกลิ่นหอมนิดๆ ด้วยแน่ะ นี่เขาคิดจะหว่านเสน่ห์ให้ผมผ่านกระดาษหรือไงนะ

            แต่เขาคงไม่รู้หรอก แค่นี้ผมก็แอบหลงเขาจะแย่แล้ว เขาไม่ต้องใช้กระดาษอบน้ำหอมให้ผม ผมก็ใจเต้นทุกทีที่เห็นเขาอยู่แล้วล่ะ

            เนื้อความในกระดาษชุดนั้นมีอยู่ว่า

หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก23(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P27:11/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 17-06-2012 14:36:38
            “ถึงคุณพนิตที่รัก”

            “ตอนผมเด็กๆ ผมเคยย้ายมาอยู่บ้านเช่าในแถบชานเมืองของกรุงเทพฯ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นสวนผลไม้อยู่ ใกล้กับบ้านเช่ามาผมมาเช่าอาศัยอยู่กับแม่ มีบ้านสวนของลุงกับป้าคู่หนึ่ง ทั้งสองคนใจดีมาก อนุญาตให้เด็กๆ อย่างพวกเราเข้าไปวิ่งเล่นในสวนได้ โดยมีข้อแม้ว่าห้ามเข้าไปเกินเขตที่กั้นไว้ เพราะเดี๋ยวมืดค่ำจะหากันลำบาก ไปเล่นกันทีไร คุณป้าก็มักจะมีผลไม้ฝากติดไม้ติดมือพวกผมกลับมาที่บ้านด้วย สำหรับผมแล้วมันเป็นความทรงจำที่แสนประทับใจที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตของผมเลยก็ว่าได้”

            “ลุงกับป้าเจ้าของสวน มีลูกชายกับลูกสาวสองคน อายุเยอะกว่าผมทั้งคู่ ลูกชายเรียนจบมาได้สักปีสองปีแล้ว ส่วนลูกสาวเหมือนว่ากำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายพอดี ดังนั้นพอไปเล่นที่บ้านสวนนั้นทีไร ผมจึงได้เจอพี่ชายที่เรียนจบแล้วอยู่เสมอๆ เขาตัวผอมๆ สูงๆ ไว้ผมยาวประบ่านิดๆ ผิวออกขาวเหมือนคนไม่ค่อยออกแดด ได้ยินคุณป้าเล่าว่า ลูกชายแกคนนี้เป็นนักเขียน เวลาพวกผมไปเล่นที่บ้าน พี่ชายคนนี้จะออกมานั่งดูพวกผมเล่นตรงชานบ้าน บางทีก็ออกมาช่วยลุงกับป้ารดน้ำต้นไม้ หรือตัดกิ่งไม้ ผมเห็นแล้วก็รู้สึกว่า พวกผมมารบกวนสมาธิการเขียนนิยายของพี่เขารึเปล่า เพราะเห็นว่านักเขียนชอบที่เงียบๆ วันหนึ่ง ตอนที่พี่เขากับลุงมาซ่อมชิงช้าที่แขวนอยู่กับกิ่งต้นไม้ใหญ่ในสวนที่เริ่มผุเพราะกาลเวลา ผมเลยถามพี่เขาไปว่าพวกผมมารบกวนรึเปล่า พี่เขาก็ยิ้ม แล้วบอกว่าเปล่า พี่ชอบ เด็กๆ มาเล่นกันที่บ้านดูแล้วสดชื่นดี เอาไปเป็นพล็อตเขียนนิยายได้ด้วย ผมเลยพูดออกไปว่า อยากอ่านนิยายที่เขาเขียนจัง”

            “พี่เขาทำหน้าเขินนิดๆ แล้วบอกว่าพี่ก็กำลังหาคนช่วยอ่านอยู่ เพราะจะส่งให้สำนักพิมพ์พิจารณา ถ้าผมอยากอ่านเดี๋ยวจะเอามาให้อ่าน จากนั้นเขาก็เดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน แล้วหยิบกระดาษที่มีตัวพิมพ์ดีดเรียงกันด้านในมาให้ผม แล้วบอกว่า นี่ล่ะนิยายตอนแรกที่พี่จะส่ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับรุขเทวดาน้อยในต้นโมก กับเด็กผู้ชายข้างหน้าต่าง ผมฟังแค่หัวข้อเรื่องก็รู้สึกสนใจขึ้นมาจริงๆ ผมชอบอ่านหนังสือนะ อ่านที่ห้องสมุดจนจะหมดแล้ว พอพี่ชายบอกว่าอยากจะให้ผมลองอ่านนิยายที่เขียน ผมก็ดีใจมาก คิดตอนนั้นว่าถ้าต่อไปพี่เขาได้กลายเป็นนักเขียนจริงๆ ผมจะมาขอลายเซ็น”

            “พี่เขาเขียนนิยายสนุกจริงๆ ผมเพิ่งเคยอ่านนิยายแฟนตาซีที่เขียนโดยคนไทยแล้วสนุกขนาดนี้เป็นครั้งแรก คือไม่ใช่ว่าคนอื่นเขียนไม่ดีนะ แต่ว่าของพี่เขาอ่านง่าย สนุกมากด้วย อ่านแล้วติดเลย หลังจากนั้นวันไหน ถ้าผมเลิกเรียนเร็ว ผมจะมาหาพี่เขาที่บ้าน เพื่อมาอ่านนิยายตอนใหม่ของเขา พี่ชายก็ดูจะชอบที่มีคนติดนิยาย บอกผมว่าเดี๋ยวได้พิมพ์เป็นเล่มแล้วจะซื้อให้ผมฟรีเล่มหนึ่ง ผมเลยบอกว่าไม่เป็นไร เพราะผมตั้งใจจะซื้ออยู่แล้ว ให้พี่ได้รวมเล่มเถอะ ผมจะรีบซื้อเลย”

            “บางทีพี่เขาพิมพ์ให้ผมอ่านไม่ทัน ก็เล่าปากเปล่าให้ผมฟังเลยก็มี ท่าทางเขามีความสุขเวลาได้เล่าเรื่องที่เขาคิดไว้ในหัว ผมเองก็มีความสุขเหมือนกัน เพราะเรื่องที่เขาเล่าออกมาสนุกมาก อยากให้เขาเขียนออกมาไวๆ อยากอ่านนิยายของเขา ผมว่านิยายเขาสนุก อีกไม่นานเขาคงได้เป็นนักเขียนดังแน่ แต่แล้วก่อนหน้าที่ผมจะได้รู้ว่างานเขาจะได้ตีพิมพ์หรือไม่ ผมก็มีอันต้องย้ายบ้านตามแม่ไปอีกครั้ง”

            “ย้ายไปบ้านใหม่มีเรื่องต้องทำเยอะแยะ อีกอย่างผมก็ขึ้นม.ปลาย เรียนหนักขึ้น ไม่ค่อยมีเวลาไปเล่นสนุกแล้ว แต่เวลาเดินผ่านร้านหนังสือ ผมยังแอบหวังจะได้เห็นเรื่องที่พี่ชายคนนั้นเล่าให้ผมฟัง ได้ขึ้นแผงหนังสือกับเขาบ้าง เวลาผ่านไป ในที่สุด ผมก็ได้เห็นหนังสือที่มีชื่อเรื่องคล้ายๆ กับที่พี่ชายให้ผมอ่าน และพอเปิดดูด้านใน ก็พบว่าเป็นเรื่องเดียวกันจริงๆ ผมดีใจมาก เพราะรู้ว่าพี่ชายได้เป็นนักเขียนกับเขาจริงๆ แล้ว เลยยอมตัดใจแคะกระปุกออมสินที่สะสมเอาไว้หลายปี เพื่อเอาเงินมาซื้อหนังสือ และตั้งใจว่าจะนั่งรถไปขอลายเซ็นพี่เขาที่บ้าน”

            “แต่สุดท้าย จนผมเรียนจบม.ปลาย ก็ไม่ได้นั่งรถมาขอลายเซ็นพี่ชายคนนั้นสักที หลังจากนั้นเขามีงานออกมาอีกหลายเรื่อง ผมก็ตามซื้อทุกเรื่อง พยายามจะซื้อตั้งแต่วันแรกที่วางแผง มีพลาดไปบ้างเหมือนกัน เพราะสถานทางการเงินของบ้านผมตอนนั้นไม่ค่อยดี แต่สุดท้ายผมก็ซื้อมาจนครบทุกเรื่อง ตั้งใจว่าทำงานหาเงินได้เองเมื่อไหร่ จะไปหาพี่เขา เอาหนังสือทั้งหมดนี้ไปขอลายเซ็นอย่างที่ตั้งใจไว้เสียที”

            “ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้คณะนิเทศศาสตร์ ตอนนั้นผมได้เจอกับเพื่อนอีกคนซึ่งอยู่คณะเดียวกัน เขาชอบงานของพี่ชายเหมือนผม เราคุยกันถูกคอมาก จนในที่สุดก็คบเป็นแฟนกัน หลังจากนั้นตอนอยู่สักปีสี่ ผมก็ได้ข่าวมาว่าพี่ชายคนนั้นมีงานเปิดตัวหนังสือ และจะแจกลายเซ็นในงานด้วย ผมกับเพื่อนเลยหอบหนังสือไปที่งาน หวังว่าจะได้ขอลายเซ็นพี่เขาเสียที”

            “พี่ชายคนนั้นดูเหมือนเดิมแทบไม่เปลี่ยน ผอมเหมือนเดิม แต่คงจะเตี้ยกว่าผมแล้ว ผมไม่รู้ว่าเขาจะจำผมได้ไหม ผมไม่ได้เจอเขานานมาก เจอครั้งสุดท้ายผมเพิ่งเป็นนาย แต่ตอนนี้ผมอายุเกินยี่สิบแล้ว ตัวก็ใหญ่ สูงด้วย ความทรงจำเดิมที่ผมจำได้คือพี่เขาเขียนนิยายสนุก เล่าเรื่องเก่ง แต่ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่า พอเห็นเขาอีกครั้ง หัวใจผมกลับเต้นแรงจนเกือบคุมไม่ได้ เขาเหมือนเดิม ยิ้มเหมือนเดิม พูดเหมือนเดิม แต่ใจผมสั่น ผมแอบมองเขาจากเก้าอี้แถวหลัง ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผมจะใจเต้นแรงกับนักเขียนในดวงใจของผมได้ขนาดนี้ แรงขนาดที่ผมไม่กล้าจะเอาหนังสือไปให้เขาเซ็นอย่างที่เคยตั้งใจไว้ ผมกลัวตัวเองเผลอกอดเขาไป กลัวจะเผลอพูดออกไปแบบคนรักษาสติไม่ได้ เลยต้องฝากแฟนที่ไปด้วยกันไปขอให้แทน”

            “แรกๆ ผมแค่คิดว่าผมตื่นเต้นเพราะพี่ชายเป็นนักเขียนในดวงใจผม และผมเป็นคนที่ได้อ่านนิยายของพี่ก่อนได้ตีพิมพ์ แต่ว่าหลังจากวันนั้น ผมคิดถึงหน้าพี่ทุกวัน บางวันผมฝันว่าได้กอดพี่เอาไว้ บางทีก็ฝันน่าเกลียดกว่านั้น ผมรู้ตัวแล้วว่าผมไม่ได้ปลื้มพี่เฉพาะแค่ในฐานะนักเขียน แต่ผม... ผมคงหลงรักพี่อย่างไม่รู้ตัว ผมลบภาพพี่ออกจากหัวไม่ได้เลย ผมคิดถึงหน้าพี่ คิดถึงรอยยิ้มพี่ คิดถึงเสียงพูดเสียงหัวเราะของพี่ คิดถึงวันเวลาเก่าๆ ที่ผมเคยไปบ้านพี่ ให้พี่เล่านิยายให้ฟัง แต่ไม่รู้ว่าพี่จะจำผมได้รึเปล่า”

            “พอเรียนจบ ผมก็ตั้งใจจะทำงานในวงการงานพิมพ์ แรกๆ ก็ไปสมัครเป็นผู้ช่วยฝ่ายธุรการ แล้วก็ศึกษาต่อด้านอักษรศาสตร์ ตอนหลังก็ได้เลื่อนมาเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการ เพราะเจ้าของสำนักพิมพ์ตอนนั้นชอบความเห็นของผมตอนเข้าประชุม หลังจากนั้นผมก็ทำงานเก็บเงินมาเรื่อยๆ หวังในใจว่าสักวันจะได้เจอกับพี่อีกครั้ง ในฐานะของคนในวงการเดียวกัน”

            “สุดท้ายพอเก็บเงินและประสบการณ์มาได้เกือบสิบปี ผมก็ตัดสินใจเปิดสำนักพิมพ์ ตอนแรกว่าจะไปติดต่อให้พี่ชายคนนั้นมาเขียนเรื่องให้ แต่ก็กลัวว่าจะไม่มีเงินพอจ่ายค่าลิขสิทธิ์ เลยลองเปิดดูสักพัก พอเห็นว่าสำนักพิมพ์มีกำไรพอสมควรแล้ว ผมเลยเริ่มหาทางติดต่อพี่ชายคนนั้นเพื่อให้มาเขียนเรื่องให้”

            “หลังจากงานแจกลายเซ็นวันนั้น ผมไม่ได้เจอพี่เขาอีกเลยถึงสิบกว่าปี เพราะฉะนั้น พอรู้ว่าพี่ยอมจะตกลงเจรจาทำสัญญากับผมที่บ้าน ผมเลยตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้ไปบ้านพี่ชายคนนั้นมาเป็นยี่สิบปีแล้ว สภาพจะเป็นยังไงบ้าง แล้วคุณลุงคุณป้าจะยังอยู่ไหม ถ้าเจอแล้วจำผมได้คงดี แต่ก็กลัวว่าพี่อาจจะไม่เซ็นสัญญากับผมถ้าจำผมได้ เพราะผมเคยเป็นเด็กข้างบ้านพี่ เคยไปฟังพี่เล่านิยาย จู่ๆ จะมากลายเป็นบรรณาธิการของพี่ พี่อาจจะรู้สึกกระอักกระอ่วนก็ได้”

            “ผมคิดไปต่างๆ นานา ตอนแรกเกือบจะให้คนอื่นไปแทนแล้ว แต่คิดอีกที ผมตั้งใจมาเป็นสิบปี ว่าวันหนึ่งจะชวนพี่มาเขียนเรื่องให้ ผมมาถอยเอาตอนนี้คงเสียเปล่า เลยกลั้นใจไปบ้านพี่ ทั้งๆ ที่ไม่เคยไปมาตั้งยี่สิบปีแล้ว”

            “บ้านหลังนั้นเปลี่ยนไปมาก สวนก็เล็กลงแล้ว บ้านก็ต่อเติมใหม่ ตอนผมจอดรถที่หน้าบ้าน ผมบอกตัวเองให้พยายามสงบเข้าไว้ ผมซื้อของฝากมาเยอะ ถ้าเจอคุณลุงกับคุณป้าผมจะแนะนำตัวเอง ท่านคงเมตตาเอ็นดูผม พี่ก็อาจจะไม่รังเกียจผมเท่าไหร่”

            “แต่แล้วก็เป็นพี่ที่มาเปิดประตูบ้าน ท่าทางจำผมไม่ได้เลย เห็นพี่ทำท่าทางเป็นคนอื่นแบบนั้น ผมเลยทำตัวไม่ถูก ของที่ซื้อไว้ก็ต้องตั้งไว้ในรถ เพราะไม่รู้จะเริ่มอธิบายยังไง คิดเอาว่าเดี๋ยวเจอคุณลุงกับคุณป้าแล้วผมค่อยออกมาหยิบก็คงไม่น่าเกลียด แต่พอเข้าไปในบ้านพี่ ผมถึงได้รู้ว่าคุณลุงกับคุณป้าเสียไปแล้ว น้องสาวพี่ก็แต่งงานแล้ว ตอนนี้เหลือพี่อยู่บ้านหลังนี้แค่คนเดียว”

            “แล้วพี่ก็รินน้ำมาให้ผม พูดกับผมเหมือนนักเขียนคนอื่นๆ ที่ผมเคยไปติดต่อ ผมที่พูดไม่ค่อยเก่งอยู่แล้วเกือบจะพูดไม่ออกเลย พี่จำผมไม่ได้จริงๆ ผมจำต้องเก็บคำพูดที่คิดจะมาพูดกับพี่ตั้งหลายสิบปีเอาไว้ในใจอีกครั้ง แล้วเจรจาทำสัญญากับพี่เหมือนกับนักเขียนคนอื่นๆ ทั้งๆ ที่ใจผมเรียกร้องมากกว่านั้น”

            “หลังจากนั้นผมก็พยายามหาเรื่องมาหาพี่ที่บ้านตลอด ด้วยหวังว่าจะได้คุยกับพี่ ได้มองหน้าพี่บ้าง... เวลาได้ยินพี่โทรไปที่สำนักงาน ว่าจะส่งต้นฉบับช้า ผมแอบดีใจลึกๆ เพราะจะได้หาข้ออ้างมาที่บ้านพี่ ผมชอบมองพี่เวลานั่งอยู่ตรงเครื่องพิมพ์ดีด ฟังเสียงแป้นพิมพ์กระทบกับแคร่พิมพ์ ผมว่ามันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ผู้ชายคนหนึ่งกับเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องหนึ่ง สามารถร้อยเรียงตัวหนังสือออกมาเป็นเรื่องราวที่สุดสนุกไม่รู้จบ ผมแอบเลียนแบบสำนวนของพี่ หวังว่าพี่คงไม่โกรธผม”

            “ผมอาจจะพูดไม่เก่ง เขียนหนังสือก็คงสนุกสู้นักเขียนนิยายไม่ได้ เรื่องที่ผมเขียนอาจจะดูไม่ตื่นเต้น แต่ผมไม่รู้จะบอกความในใจที่เก็บมาเป็นสิบๆ ปีให้พี่รู้อย่างไรดี ผมอยากบอกว่าผมรักพี่ รักนิยายของพี่ รักสิ่งที่พี่คิดอยู่ในหัว รักทุกอย่างที่เป็นพี่ ผมไม่สนใจว่าพี่จะอายุเท่าไหร่ จะหน้าตายังไง ผมรักพี่ ชอบพี่ อยากอยู่ใกล้ๆ พี่ อยากเป็นคนแรกที่ได้อ่านนิยายของพี่ ผมเป็นแฟนหนังสือของพี่ และผมก็อยากเป็นแฟนพี่ด้วย ผมพยายามเขียนถ้อยคำพวกนี้ออกมาเป็นตัวหนังสือ เพราะคิดว่ามันคงดูจริงใจกว่าคำพูดตะกุกตะกักของผม แต่ผมอยากให้พี่รู้ ถึงผมจะพูดไม่เก่ง และอาจจะปากไวไปบ้าง แต่ทุกคำที่ผมพูดและเขียน เป็นความจริงในใจผม ผมแอบรักพี่มานาน พี่เป็นคนในดวงใจผม และจะอยู่ในนั้นตลอดไป...”

“สุภาพงษ์ (โจ) น้องชายข้างบ้านที่เคยไปนั่งฟังพี่เล่านิยายทุกวัน”

            ผมนั่งอยู่นาน กว่าจะทำใจเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายรูปหล่อตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ได้ พอหันไปก็เห็นเขาหน้าแดงจัด ขบปากนิดๆ “พี่นิตว่าไงครับ?”

            ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นอึงอยู่ในอก ที่จริงมันเต้นดังตั้งแต่เริ่มอ่านกระดาษที่เขาส่งให้แล้ว

            “พี่ว่ามันเป็นจดหมายนะ”

            “ครับ....”

            “จดหมายจากแฟนนิยาย....”

            “ครับ..............”

            ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เลยเอาหัวกระแทกอกเขาแล้วก็ค้างไว้แบบนั้นแก้อาย “โจไม่เขินบ้างหรือไงเนี่ย?!”

            “ขะ... เขินสิครับ” เขาว่า แล้วรีบกอดผมเอาไว้ การกระทำช่างขัดกับคำพูดจริงๆ นะเนี่ย แต่ผมเขิน ผมขอเอาหน้ามุดอกเขาแทนแผ่นดินก่อนแล้วกัน

            “พะ... พี่นิตจะรับรักผมมั้ย?”

            “................” ผมได้แต่อ้าปากค้าง ไม่รู้จะตอบยังไง ได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองเต้นแรงจนน่ากลัว เขาจะคาดคั้นคำตอบกับผมให้ได้เลยใช่ไหมนี่?! เขาจะรู้ไหม ผมตอบไม่ออก ผม.... ผมจะตอบยังไงดี.....

            “พี่นิต....”

            เอาล่ะ ก่อนที่หัวใจผมจะเต้นผิดจังหวะจนต้องสามส่งโรงพยาบาล ผมรีบจัดการทำให้เขาหยุดพูดก่อนดีกว่า

            “โจ... พี่.....” พอเงยมาเห็นหน้าเขา เห็นสายตาของเขา คำพูดของผมก็พลันหายเข้าไปในคอเสียดื้อๆ ผมตั้งใจจะบอกเขาว่า หยุดตื้อผมได้แล้ว พอถึงเวลาเมื่อไหร่ ผมจะบอกเอง แต่ผมคงไม่บอก เพราะผมใจไม่ด้านพอ ผมอาย เขาจะเข้าใจไหม ผมทั้งอายทั้งกลัว จะให้ผมพูดไปได้ยังไง แต่เพราะดวงตาที่มองมาอย่างตั้งใจของเขา และหน้าตาจริงจังของเขา เลยทำให้ผมเผลอตัว....

            “...............................”

            ผมไม่รู้หรอกว่าผมพูดอะไรออกไปรึเปล่า แต่ผมรู้แค่ว่าผมแนบริมฝีปากของตัวเองเข้ากับริมฝีปากของเขา พยายามจะส่งกระแสจิตผ่านปลายลิ้นที่ค่อยๆ สัมผัสกันของเราให้เขาได้รู้ความในใจผม ไม่รู้ว่าจะสมกับที่เขาตั้งความหวังเอาไว้หรือเปล่า ผมพูดและเขียนได้ทุกอย่าง ยกเว้นความในใจของตัวเอง คงเพราะผมอยู่ตัวคนเดียวมานานเกินไป ผมยังหวั่นใจกับการเข้ามาของใครสักคน ผมยังไม่อยากจะยอมพลีให้เขาทุกอย่างในตอนนี้ เพราะฉะนั้น ขอผมกั๊กไว้อีกนิด เก็บไว้อีกหน่อย แล้วค่อยๆ ทยอยให้เขาไปเรื่อยๆ

            ก็หวังว่าตอนที่ผมให้เขาไปหมดทุกอย่างแล้ว เขาคงไม่หนีจากผมไปไหน

            หรือว่าผมจะเก็บเอาไว้ตลอดดี... เขาจะได้อยู่กับผมแบบนี้ตลอดไป

--------------------------------------------------
(จบ)

กรี๊ดดด!!!!!!!!!!!!!! หลังจากหายไป2เดือนค่ะ ฮ่าๆๆ (อ้าว เรื่องนี้ดองนานกว่ามือปืนเหรอเนี่ย อิฉันนับคิวผิด!!!<<ยังจะมีหน้ามาพูดอีก :fire:)

สองเดือนผ่านไป... กลับมาด้วยคำว่า.. "จบ" (โดนคนอ่านทุกคนรุมกระทืบจนทะุลุไปถึงแอสการ์ด<<ยังจะแถไปได้ :beat:)

อย่าเพิ่งคิดว่าตาฝาด อย่าเพิ่งคิดว่าตัดจบ เพราะเรื่องนี้ "จบจริง!!" หลังจากที่ตัดสินใจจะจบมาตั้งแต่ตอนที่21-22 แต่ก็ลากยาวมรถึงตอนนี้จนได้ (ทำให้นึกหวั่นใจว่าจำนวนหน้าตอนรวมเล่มอาจจะพุ่งจนต้องแยกออกเป็น2เล่มแทนที่จะเป็นหนึ่งเล่มอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก<<คนอ่าน : ไม่อยากฟังโว้ย!!!)

ทุกคนใจเย็นๆ นะคะ เรารู้ว่าคุณพนิตน่ารัก.. และยังสดซิงกระทั่งบรรทัดสุดท้าย (อยากจะกราบประโยคตอนจบที่พี่นิตคิดจริงๆ มันเป็นตอนจบที่แม้กระทั้งอิฉันก็ยังคาดไม่ถึงมาก่อน โอ๊ย คุณพนิตตต คุณพนิตตตต!!!!!! :call:)

อันที่จริงเรื่องนี้มันเริ่มอย่างเรื่อยๆ เฉื่อยๆ และเฉื่อยมาโดยตลอด เฉื่อยจนกระทั่งเราเองยังสงสัยว่า มันมาได้ไงถึงตอนที่20กว่า แต่ทุกตอนพี่นิตช่างน่ารัก จนไม่อยากให้ลื่นหายไปไหน (คนหรือสบู่?) กระนั่น ขืนเรายังเขียนชิลๆ ต่อไป คาดว่านอกจาก2เดือนจะลงได้1ตอนแล้ว มันอาจจะไม่มีวันจบไปตลอดชาติ!!!

เพราะงั้นค่ะ!!! เพราะงั้นเลยต้องจบตรงนี้ที่นี่เลยค่ะ!!! (โดนสกายคิกกลางอากาศ :z6:)

ส่วนตอนที่เหลือ อย่างเช่น งานหนังสือ หรืออะไรก็ตามแต่ที่เราอาจจะนึกได้หลังจากนี้ ก็คงจะไปอยู่ในรวมเล่มค่ะ

อนึ่ง.. รวมไปถึง.... ฉากที่ทุกคนตั้งตารอของเรื่องนี้

อันว่าพี่นิตจะรักษาความซิงของเขาไปได้ตลอดรอดฝั่งอย่างที่ตั้งใจไว้หรือไม่ หรือจะล้มพับกลางทาง หรือต้องไปทำตามคำแนะนำของแพทย์ (อะไรเนี่ย??) ทั้งหมดนี่ก็จะเป็นตอนที่ลงเฉพาะในรวมเล่มค่ะ^v^ (ยิ้มหน้าซื่อ)

กำหนดการรวมเล่มของเรื่องนี้ อาจจะอยู่ที่ปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้าค่ะ (ดูความสะดวกก่อนค่ะ เพราะตามคิวคือน่าจะต่อจากนกยูงแดง แต่ว่าอาจจะมีเหตุอื่นมาแทรกก็ได้)

ขอบคุณที่ให้การติดตามมาจนถึงบรรทัดนี้ค่ะ

Ju~oN

ปล. สงสัยโจอาจจะต้องเปลี่ยนคำนำหน้าจดหมายใหม่.. เป็น "คุณพนิตที่กั๊ก" แทน "คุณพนิตที่รัก" ฮ่าๆๆๆ (ว้าย แต่ยังไงโจก็รักใช่มั้ยล่า~~~ :impress2:X
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 17-06-2012 15:05:50
อะ อะ อัพแล้ว-0-

มาพร้อมตอนจบซะด้วย
คุณพนิตน่ารักตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ
เขินนนนนนนนนนนนนนนน ><
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: ryoko_chan ที่ 17-06-2012 15:24:28
"คุณพนิต...ขี้กั๊ก..."

สงสัยพี่นิตจะเก็บความซิง ไว้ชิงโชคซะล่ะมั้งคะงานนี้
ประมาณว่าใครเก็บได้นานที่สุดอาจจะได้รางวัลใหญ่ เป็นบ้านเดี่ยวใจกลางเมือง พร้อมผู้ชายหน้าตาดี นามว่าโจ...อะไรทำนองนี้
ฮ่าาาาาาาา ฝันเฟื่อง-"-

ฮื้ออออออออออออออออออออ ถึงพี่นิตจะยังซิง
แต่ตอนนี้มันก็หวานจนบรรยายไม่ถูกเลยนะคะ
นั่นสินะคะ พี่นิตขาเก็บไว้นานเลยก็ได้ค่ะ หลอกให้เด็กมันอยากอยู่อย่างนั้นแหล่ะค่ะ
จะได้กลายเป็นลูกไก่ในกำมือพี่นิต ว่านอนสอนง่าย เลี้ยงก็เชื่อง...ไม่มีใครจะไปน่ารักมากกว่าโจแล้วล่ะค่ะ
แค่จูบหวานๆสักจูบหนึ่งจากพี่นิต โจเค้าก็ฝันหวานไปสามวันสิบวันแล้วล่ะค่ะ

แต่งานนี้ต้องบอกว่าพี่นิตเป็นเอามากจริงๆ ฮ่าฮ่า
สับสนในตัวเองแบบบอกไม่ถูก คนอ่านก็ชักจะสับสน งง งวย ตามพี่นิตไปติดๆ
ก็รู้นะคะว่าหลงโจ แต่คราวนี้ ชะเง้อคอรอรถเก๋งสีขาวจนไม่เป็นอันเขียนนิยายนี่ก็ไม่ไหว

คุยกับคุณคนแต่งมากๆคนรู้สึกขำทุกครั้งที่เจอประโยคไหนที่
มีลักษณะทำนองใกล้เคียงกัน มันแบบ ใช่เลยอ้ะ!!!
พี่นิตก็น่ารัก คนเขียนก็น่ารักขนาดนี้ คนอ่านก็ติดงอมแงมล่ะค่ะ><

กลับไปที่จดหมายบอกรักของคุณโจโจ้...(ขอเรียกอย่างนี้เพราะเกิดอาการหมั่นไส้แบบไร้สาเหตุ เอ๊า?)
ฮ่าาาาาาาาา ล้อเล่นล่ะค่ะ
ก็แหม่...คุณพนิตที่รัก..ฮื้อ...ถ้าลองมีคนมาพูด คุณพริ้มที่รัก ใกล้ๆเป็นหนูหนูคงใช้มือหรือไม่ก็เท้ายันก่อนเป็นอันดับแรก
โทษฐานที่ทำให้ขนลุกขนพองในยามวิกาล(?) ฮ่าาา เริ่มไร้สาระเข้าไปทุกที

แต่เป็นโจ...ให้อภัยค่ะ แค่หน้าตาก็ผ่านแล้ว...(หลายมาตรฐานจริงๆเธอคนนี้ ก๊ากๆ)

ให้อารมณ์โจพาหนูนั่งไทมืแมชชีนที่ไปยืมมาจากโดราเอม่อน ย้อนกลับไปสมัยหนังยังเป็นสีน้ำตาลหม่นๆแล้วต้องพากษ์เสียงเอานะ่ค่ะ
มันให้ฟีลนั้นจริงๆนะคะกับคำว่า "คุณพนิตที่รัก" เนี่ย...จะว่าหมั่นไส้ก็หมั่นไส้ไอ้ประโยคนี้เนี่ย
แต่ถ้าถามว่าเขินมั๊ย?

เขินมากกกกกกกกกกกกกกกก

 :-[

ไม่ไหวจริงๆมานั่งเขียนบอกความในใจคนแก่อ่ะ!
แล้วดูคนแก่ก็ ซึ๊นนนนนซึน...โหววววววววววววว กว่าจะยอมรับรักคุณสุภาพงษ์ได้
ก็ได้ลวนลามซึ่งกันและกันไปหลายรอบแล้ว...โฮ่ๆ

แหม่ แค่ได้เสียกันเพิ่มมาอีกนิดนึงไม่เสียหลายยยย
เอาเป็นว่าชิงโชคได้รางวัลเมื่อไหร่(ที่เคยกล่าวเอาไว้ข้างต้น) ก็สละความซิงเลยนะคะ!
คราวนี้ไม่ได้สงสารโจ แต่สงสารพี่นิต เดี๋ยวสนิมเกาะแล้วใช้งานไม่ได้ขึ้นมาแย่เลย เดี๋ยวได้ซิงทั้งชาตินะคะ (หือ??)

ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

ชอบตอนนี้จริงเล้ยยยยยย><

ติดตามรอค่าาาาาา ท้ายปีเลยเหรอเนี่ยยยยยย แต่ไม่เป้นไรค่ะรอได้ ไม่ว่าจะปีหน้าก็รอได้ค่ะ..เดี๋ยวนี้เวลามันผ่านไปเร็ว
อิอิ ยังจำความรู้สึกตอนแรกที่อ่านเรื่องนี้ครั้งแรกได้อยู่เลยค่ะ รู้สึกจะสักเกือบๆปลายปีที่แล้ว
เพราะรู้สึกว่าจะมาอ่านเรื่องนี้เอาก็ตอนที่ ผ่านไปได้สัก สองสามตอนแล้ว (หรือเปล่า?) น่าจะใช่ๆ

อ่ากลับไปดู อ่านทีเดียวห้าตอนรวดต่างหาก แถมตอนนั้นยังแอบใช้ยูสเพื่อนเม้นท์อยู่เลย ฮ่าฮ่า

จะว่าไปแล้วนะคะ...ถ้าลองเอาอายุของตัวละครในนิยายคุณจูออนมารวมกัน
หนูว่าย้อนเวลากลับไปสมัยสุโขทัยได้ไม่ยากเลยนะคะ ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆแบบเรื่อยๆ เปื่อยๆ สบายๆ มีใจเต้นบ้าง(ตามจังหวะหัวใจของพี่นิต)
อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขจริงๆค่ะ!
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 17-06-2012 15:41:24
จบแล้ว พี่นิตก็มีพัฒนาน่ะเนี้ย มีทั้งจะโทรหาก่อน แถมเริ่มจูบก่อนอีกต่างหาก :laugh:

พี่นิต เขียนไม่ออกพูดไม่เป็นก็ใช้ภาษากายก็ได้น่ะ  :-[

ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: bluerose ที่ 17-06-2012 16:08:47
จบซะแล้ว ขอบคุณมากนะค่ะ ที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้ขึ้นมาให้อ่าน เป็นเรื่องเรื่อยๆ ที่ประทับใจมากจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 17-06-2012 16:16:53
ไม่ได้ดูชื่อตอน เห็นแต่วันที่อัพเดท พอเจอคำว่าจบนี่เหวอไปเลยแฮะ

จบแล้ว o22

ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว

อ่านตอนนี้แล้วก็เปรียบเทียบคุณพนิตกับคุณไพฑูรย์อยู่ อ่านไปพยายามหาจุดแตกต่างระหว่างสองคนนี้เพราะความสูงวัยของทั้งคู่มันทำเค้าสับสนอยู่เรื่อย :o8: ..กำลังอ่านบันไดเล่มสองอยู่น่ะค่ะ ยังไม่จบเลย เดี๋ยวจบแล้วจะมาเล่าความรู้สึกให้ฟังนะคะ แอบแซว เล่มหนึ่งเนื้อเรื่องหลักน้อยกว่าบันทึกนายนพรัตน์กับตอนพิเศษอีกง่ะ

กลับมาที่คุณพนิตใหม่ จนจบเรื่องคุณพนิตก็ยังรักนวลได้ตั้งแต่ต้นยันจบ เอะใจกลับไปอ่านชื่อเรื่อง โถ นายโจเอ๋ย สงสัยจะไม่สะดวกจริงๆล่ะจ้ะพ่อคุณ  :laugh:

ขอบคุณค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 17-06-2012 18:15:27
เอ้อะะ

จบแบบนี้สมกับเป็นคุณพนิตจริงๆ

แหม่ อ่านมาทั้งเรื่องไม่ใช่แค่โจคนเดียวแล้วมั้งที่มือไว

เพราะพี่นิตก็...ไวเหมือนกัน

หุๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 17-06-2012 18:55:57
เป็นตอนจบ ที่ตัดฉับๆๆๆ จริงๆๆ แต่ไม่เป็นไรรอเล่ิมรวมได้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

อ่านไปอ่านมากลายเป็นว่าตอนนี้เริ่มหลงรักคนแก่แล้วซิ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 17-06-2012 19:12:54
อ่านเจอคำว่า จบ มันยัง งงๆ
เลยออกไปหน้าแรกแล้วเข้ามาใหม่

ก็จบจริงๆ นี่

จบแล้วเหรอ จบแบบคนอ่านคนนี้ยัง งงๆ
เด่วขอไปซัดมาม่าต้มยำกุ้งให้สมองปรี๊ดก่อนแล้วมาอ่านใหม่ดีกว่า

มัน อึ้งๆ งงๆ บอกไม่ถูกอ่ะ ว่า จบ จริงๆ แล้วเหรอ เอ๊ะ !!!


หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 17-06-2012 19:26:24
แอบช็อคเบา ๆ ที่เปิดมาเจ๊อะกับคำว่าจบ !!!

แต่จบได้สมกับเป็นพี่นิตจริง ๆ
เรื่องนี้ใส ๆ เรื่อย ๆแต่น่ารักมากกกก

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 17-06-2012 19:51:44
อืม จบ อืมๆๆ ห๊ะ!!!!

(ตอนอ่านอารมณ์นี้จริงๆ นะพี่จู)

อยากกรีดร้อง อยากให้พี่นิตมีอายุยืนยาวกว่านี้ (เอ๊ะ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 17-06-2012 21:12:43
กลับมาแล้ว :mc4:
จบแล้ว :z3:
กลับมาพร้อมคำว่า "จบ" นี่รู้สึกมึนงงสุดขีด :laugh:
พี่นิตทำร้ายจิตใจนักอ่านอย่างจัง :a5:
พี่เก็บความซิงมาตั้งสี่สิบกว่าปี  o13
ขอให้เสร็จโจ :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 17-06-2012 21:17:55
ดันมาหยุดตรงจุ๊บพอดี  :m16: พี่นิตจะลังเลอาไร้ แค่ปล่อยไปตามหัวจายยยก็แค่นั้นอ่ะ  :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine538 ที่ 17-06-2012 21:19:17
เห็นพี่นิตอัพแล้วแทบกรีดร้อง

แต่พอเห็นคำว่า จบ ก็แทบโหยหวน ม่ายยยยยยยยยยย :a5:

ตอนแรกไม่อยากอ่านเลย กลัวจบจริงๆ  :z6: (แล้วแกจะกลัวไปทำไมฟระ !!  คนเขียนโดดถีบ)

พออ่านแล้ว ...ดีใจที่ได้อ่าน ตอนนี้น่ารักสุดยอด พี่นิตไม่ไหวแล้ว ฮา!!!!

ตอนนี้เพิ่งกลางปี รอปลายปีถึงจะได้อ่านเล่มพร้อมตอนพิเศษใช่มั้ย ใช่มั้ย ใช่มั้ยยยยยยย

ใช่ก็ใช่ เราจะรอรูปเล่มนะคะ  :call:

ขอบคุณสำหรับเรื่องใสๆ ที่แสนน่ารักค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 17-06-2012 21:37:07
จบด้วยการสารภาพรักที่แสนน่ารักโดยที่พี่นิตไม่เป็นลม  อิ อิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 17-06-2012 22:01:59
จบเลยเหรอ กริ้ดดดด ไม่จริงงงงง
 :z3: :z3: :z3:
แถมพี่นิดโดนน้องโจหม่ำอยู่ในหนังสือเท่านั้น ฮือ ๆ น้ำตาไหล TT^TT
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 17-06-2012 22:03:10
จบซะแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: coffin ที่ 18-06-2012 03:28:30
ปลื้มเรื่องนี้มากๆๆๆๆ อร๊ายยยยชอบบบบ
ขอบคุนคนแต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: jaijaY ที่ 20-06-2012 22:22:57
กรี๊ดดด ปลื้มปริ่มมากค่ะ พี่นิตกับน้องโจน่ารักจริงๆ อ่านไปเขินไปชอบมากๆๆ
ถ้าเรื่องนี้รวมเล่มเมื่อไหร่อย่าลืมส่งข่าวนะคะ จะรอตอนพิเศษอีก  :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Popori ที่ 21-06-2012 19:20:03
ชอบนิยายแนวนี้มากค่ะ

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 21-06-2012 22:27:01
โจ ทำสำเร็จแล้วไปกว่าครึ่ง
เหลือแค่คุณพนิตมอบตัวให้
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Rina ที่ 22-06-2012 14:22:59
ว้า จบแล้วหอคะ สนุกมากๆเลย
ว่าแต่อยากรู้เรื่องของกั้งกับภูมิจังเลยว่าจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 22-06-2012 17:23:50
ทำใจหายมึนได้สักพัก ค่อยๆเริ่มอ่านใหม่ให้มันต่อเนื่อง  เฮ้อ ยังทำใจรับตอนจบฉับ !!! ไม่ค่อยได้จริงๆ ค่ะ
แต่ก็สนุกมากอีกเรื่อง  ขอบคุณนะค่ะ

ตอนพิเศษถ้าลงได้ก็ดีสิค่ะ  มีแต่ในหนังสือสงสัยจะอดอ่านแน่เรา T^T
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 22-06-2012 22:02:38
ขอบคุณนะคะ สนุกค่ะ ชอบมาก ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 22-06-2012 22:17:47
 :z3: :z3:จบแล้วจริงๆเหรอ??

ความรู้สึกมันยังค้างๆๆๆอยู่เลยอ่า โอ้ววมึน o22
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 23-06-2012 01:33:21
 :L2:นางเอกช้านนนนนนนนนนนน ยังซิงจริงๆด้วย
ปล.อย่าให้พี่ไกรวุฒิของเค้า ซิงจนจบนะ (ข้ามเรื่องมาเลย)
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 23-06-2012 01:41:18
อ่อยยยยยย
พี่นิตอ้ะ
ไม่ฟิตเลย กร๊ากกกกกกกก
น้องโจโอเคนะ?
จบแบบน่ารักๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 23-06-2012 08:13:42
ถ้าไม่ใช่พี่พนิตทำไม่ได้นะเนี๊ย 555 บริสุทธิ์ผุดผ่องตั้งแต่เริ่มเรื่องจนจบเรื่อง แต่หัวใจพี่พี่พนิตแข็งแรงขึ้นโดนสารภาพรักซะหวานจากน้องโจแล้วไม่เป็นลงไปซะก่อน  สุดท้ายนี้น้องโจคะ สู้ๆ ค้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: aezac ที่ 23-06-2012 09:21:00
 o13 o13 o13

สุโค่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 23-06-2012 15:21:02
ตกใจที่อยู่ๆเรื่องนี้มาอยู่ในห้องนี้!
จบตอนไหนเนี่ย!!
จบซะแล้วพี่นิต พี่นิตของน้อง~
"คุณพนิตที่กั๊ก"  ฮาาา
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักๆนะคะ
ฮืออ จบแล้วอะ ชอบคนแก่ จะหาคนแกอ่านได้ที่ไหนอีก อะฮึกๆ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 24-06-2012 19:04:22
อ่านจบแล้ว
น่ารักมากกกกกก ><
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆนะคะ
^__________________^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 25-06-2012 20:29:00
ขอบคุณคะ คุณคนเขียนเค้าบอกเรื่องเฉื่อยๆ
แต่ความหวานนี้ไม่เฉื่อยเลย
หวานตั้งแต่ต้นจนจบ น่ารักมากคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 25-06-2012 22:51:01
จบได้น่ารักมากจริงๆค่ะ  o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 04-07-2012 11:27:41
น่ารักกกกกกก พี่นิตเขินแล้วมุดอกแบบนี้โจก็ชอบสิคะ  :o8:
ส่วนความซิงของพี่นิต จะเก็บไว้ได้นานแค่ไหนเชียว อิอิ
ถึงจะจบแล้ว แต่พี่นิตกับโจก็ยังน่ารักอยู่ดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: sinyou ที่ 29-07-2012 18:46:24
น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: wews ที่ 04-11-2012 20:00:56
อ่านไปอมยิ้มไป :-[
คุณพนิตน่ารักสุดๆ
 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 05-11-2012 03:54:37
เป็นแนวเรื่อยๆ ที่น่ารัก ทำเอาแฟนโออิคอนใจละลาย ฮาพนิตไม่ไหวแล้ว ส่วนคู่กั้งกับภูมิก็น่าลุ้นชะมัด
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 05-11-2012 20:34:46
อ่านแล้ว อบอุ่นที่หัวใจจริงๆค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 09-11-2012 20:46:31
เรื่องราวที่เรื่อยๆ สนุกและเพลินดีคะ ชอบ
บางทีรู้สึกว่าทำไมพี่นิต กับน้องโจไม่ทันใจเลย
แต่ก็มีเหตุผลมาอธิบายได้

พระเอก นายเอกเป็นผู้ใหญ่แล้วจินตนาการยากเหมือนกันคะ

ขอบคุณคะ สำหรับงานเขียนดีๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 13-11-2012 22:28:20
อ่านจบแล้วค่า o13 o13

นาย บก. คุณโจเนี่ย มั่นคงดีเนอะ

แต่คุณนักเขียน พี่นิต จะว่าซึน?? อืม...
ก็ยอมรับกับตัวเองอ่ะว่าชอบเขา แต่ชอบทำให้โจใจคอไม่ดี

พี่นิตเขายอมแล้วก็ดูแลกันให้ดีนะคุณโจ :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: yakkaru ที่ 17-11-2012 22:23:35
เรื่องนี้สนุกค่ะ ตามอ่านตาแฉะ เห็นพล็อตลุงๆ เลยเข้ามาอ่านค่ะ แล้วพอเห็นชื่อคนเขียน ก็ อ่าว คนเดียวกะที่แต่งนกยูงแดงนี่หว่า
ชอบทั้งเรื่องนั้นและเรื่องนี้เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: lazat.mchub ที่ 10-12-2012 11:39:04
ชอบคนแบบโจ อยากเจอแบบนี้ในชีวิตจริง  :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 13-12-2012 15:31:56
>__<โอ้ย...คันๆ คันหัวใจขยุ้กขยิ้กเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: ปุยหมาม่วง ที่ 21-12-2012 20:12:37
พี่นิตน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกก ชอบตั้งแต่ตอนแรกๆแล้ว รู้สึกว่าเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆพี่นิตก็ยิ่งน่ารักขึ้นทุกตอน

โจก็น่ารัก แต่นาทีนี้ หลงพี่นิต>.<

รวมเล่มแล้วส่งข่าวด้วยนะค้า กลัวพลาดจังเลย


ดีใจที่พี่นิตยังไม่เสียซิง เพราะหวังเหลือเกินว่าพี่นิตจะเสียซิงแบบยินยอมพร้อมใจ ไม่ใช่เสียเพราะไหลไปตามอารมณ์และห้ามใจไม่อยู่ ถ้าเป็นแบบนั้นดูไมน่าปลื้มใจเท่าไหร่ และพี่นิตเองก็คงไม่ปลื้มเท่าไหร่ด้วย สู้ให้น้องโจได้พี่นิตมาแบบเจ้าของเต็มใจให้ จงใจจะมอบให้แบบนั้นน่ารักน่าประทับใจกว่า

ว่าไปแล้วโจนี่หื่นมากเลยนะ เผลอจับเผลอจูบเผลอเป็นลูบตลอด 555555

พี่นิตน่ารัก เอร๊ว~~~~!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: chiji ที่ 19-01-2013 19:27:48
แล้วเมื่อไหร่เนี่ยที่โจจะสมหวัง :haun4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 20-01-2013 18:59:08
 :pig4:

ชอบมากค่ะ  อ่านแล้วอบอุ่นดี  :m1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 23-01-2013 13:33:23
เพิ่งมาเห็นตอนจบ
คู่นี้รักกันอบอุ่นดี
ซึ้งจดหมายน้องโจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 17-04-2013 17:11:42
 o13 เรื่องนี้สนุกไม่แพ้เรื่อง stair จริงๆๆ กรี้ซซซซ หวานมาก อบอุ่นมากก ฟินนนน :ling1:

ตอนนี้เลยกลายเป็นคนชอบอ่านนายเอกแก่กว่าพระเอกแล้ว กร้าซซซ   :hao7:

สุดยอดจริงๆค่า  :hao5:

ปล.รอคู่ภูมิ กั้งอยู่นะค้าาาาา :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 31-05-2013 12:37:34
คุณพนิตกับคุณสุภาพงษ์น่ารักจัง

ดูเรื่อยๆแต่หวานมากกกก อบอุ่นสุดๆอะ

ยิ่งตอนจดหมายนี้นะ อ๊ายยยยยย หวานเวอร์น่ารักมากๆๆๆ

แต่คุณสุภาพงษ์คะ คุณมือไวขั้นเซียนมากเลยนะ 555

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: babimild1985 ที่ 27-06-2013 03:08:04
ชอบจังเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: มาโซซายตี้ ที่ 09-07-2013 22:15:54
เป็น45+34=79 ที่ลงตัว และน่ารักมาก
อ่านไปยิ้มไป กัดนิ้วไป
ลุ้นตัวโก่ง กลัวพี่นิตจะหัวใจล้มเหลว คาอกแน่นๆ ของน้องโจ 555
ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 01-10-2013 15:05:09
สนุกมากกก
ติดใจผลงานของคุณนักเขียนคนนี้ซะแล้วว

ตอนนี้กำลังอ่าน คงฉ่วย อยู่ แต่ยังไม่จบเลย
ยาวเวอร์ เรื่องของรูฟัสด้วยย ไม่จบอีกเช่นกัน
อ่านเรื่อยๆ สนุกมาก -//-
สนุกทุกเรื่องค่ะ

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ออกมานะคะ
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: up2goo ที่ 03-10-2013 19:13:54
ฮาพี่นิตมากกกกกก
นอกจากนามสกุล "มโนแจ่ม" แล้ว
ยังชอบคิดว่าตัวเองแก่อีกแหน่ะ
เอะอะเป็นลม เห็นอกแน่นๆหน่อยหน้ามืด
เผลอๆมีกำเดาไหล ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 23-01-2014 19:37:09
555++  พี่นิตเป็นนายเอกที่ฮามากๆอ่ะ บอกเลย
ส่วนน้องโจก็ต้องยกตำแหน่งนี้ให้ "พระเอกอดทนยอดเยี่ยม"
แน่นอน ตำแหน่งนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆ

ขอบคุณจูออน สำหรับเรื่องดีๆเรื่องนี้ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 26-02-2014 22:02:06
สนุกมาก ๆ เลยค่ะ   :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 16-03-2014 15:08:54
น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: ^^KENTA^^ ที่ 19-03-2014 06:40:38
เรื่องนี้น่ารักมากเลยครับ>_<
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 08-04-2014 10:55:13
เป็นอีกเรื่องของคุณ juon ที่นายเอกอายุเยอะกว่า แต่ก็สนุกทุกเรื่อง
รู้สึกว่าโจใจเย็นจริง ๆ เป็นเราจับกดคุณพนิตไปนานแล้ว   :laugh:
สงสัยเราจะแก่เข้าขั้นแล้ว เรื่องไหนที่เคะอายุเยอะจะรี่เข้าไปอ่านทุกที
ตกลงหนังสือออกหรือยัง อยากอ่านตอนที่รอคอย :haun4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 08-04-2014 21:13:55
หนังสือยังไม่ออกค่า ถ้าออกแล้วจะรีบแจ้งเลยค่า^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: tpaibull ที่ 08-04-2014 22:38:18
เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ชอบมากๆ เห็นมาตอบกระทู้เลยเข้ามาดู นึกว่าจะลงตอนพิเศษให้ซะอีก
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 17-04-2014 21:25:46
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: ckk ที่ 07-05-2014 18:40:19
สนุกมากเลยค่ะ
อ่านไปยิ้มไป :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: comai0618 ที่ 27-05-2014 07:48:42
เป็นนิยายที่น่ารักมากกกกกก
ไม่รู้ทำไมถึงหลงรัก"เคะมีอายุ(?)"อย่างคุณพนิตโดยไม่รู้ตัวเลย :o8:
อ่านไปยิ้มไป เขินไป ฮาไป 55555
สุดท้ายโจก็ยังไม่สมหวังสินะ.
 เอาใจช่วยในตอนพิเศษให้คุณพนิตยอมใจอ่อนสักทีนะคะ อิอิ
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 07-06-2014 12:07:55
จบแล้วป้านิตก็ยังไม่ให้น้องเปิดซิง 55555555555
สงสารโจนิดหน่อย อิอ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 24-10-2014 16:09:09
มาตามอ่านผลงาน คุณ JUON เรื่องนี้เรื่อยๆสมชื่อเรื่องดี แต่น่ารักมากเลยค่าาา

นี้ยังอ่านไม่จบนะเนี่ย มาบอกว่าอยากให้มีเด็กอย่างโจมาชอบบ้าง ดูน่ารักแบบเงียบๆดี ต้องคอยเดา
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Nutaro0330 ที่ 27-12-2014 14:29:26
น่ารักมากคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-12-2014 10:37:05
อ่านแล้วให้ความรู้สึกเหมือนคนอายุสิบเจ็ดสิบแปด เขินอายมวนต้วนเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 30-12-2014 23:11:05
ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จนจบก็คิดว่าคุ้มแล้วชีวิตหนึ่ง
เป็นเรื่องเรื่อยๆที่อ่านแล้วเพลินเพลินไปกับมันมาก

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 05-01-2015 22:56:13
สวัสดีค่าคุณ juon
ได้อ่านผลงานของคุณอีกครั้งหนึ่งแล้ว ก็ประทับใจจริงๆ
ชอบเวลาที่คุณบรรยายเรื่องๆนึงออกมา มันน่าอ่านมากจริงๆค่ะ
ชอบความน่ารักของคุณพนิตกับโจมากๆๆๆ นับถือโจเลยเรื่องความมั่นคง
ชอบเวลาโจร้องไห้จะเป็นจะตายเพราะทำพนิตโกรธ
มันทำให้เห็นเลยว่าคนๆนึงรักอีกคนได้มากขนาดไหน
ขอบคุณที่สละเวลาแต่งเรื่องนี้ขึ้นมานะคะ
คุณทำให้คนอ่านคนนี้มีเวลาดีๆหลายวันเลย  :mew3:
ชอบผลงานของคุณทุกๆ เรื่อง และอยากจะสนับสนุนทุกเรื่องเลยค่ะ
ขอบคุณมากๆนะคะ
จะคิดถึงตัวละครเรื่องนี้ตลอดไป
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: duaenmaysa ที่ 18-01-2015 22:50:11
เป็นครั้งที่สองที่อ่านเรื่องนี้และยังเป็นครั้งที่สองที่ตกหลุมรักคุณนิดและน้องโจซ้ำๆ

คุณนิดเป็นคนที่มีเสน่ห์มากๆแม้ว่าจะไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเสน่ห์ของตัวเองทำเอาหลายคนตกหลุมรักฝังจิตฝังใจมาได้ยี่สิบกว่าปี
ความอาร์ตของคุณนิดสมกับที่ตัวเป็นนักเขียน ดูเป็นความอาร์ตแบบอึนๆมึนๆเนียนๆ
ซึ่งความอาร์ตที่เป็นเอกลักษณ์นี้ทำให้เรายิ้มได้ทุกครั้งที่อ่าน
รักเหลือเกินความเปิ่นในขณะเดียวกันก็วางท่าไว้ตัวในความอาวุโสกว่าแต่ในใจคุณนิดกลับจินตนาการบรรเจิดไปแล้ว
ด้วยความช่างฝันแบบนี้ถึงได้ไม่เคยสัมผัสของจริงซักที น้องโจก็จัดการพาคุณนิดเธอลองของจริงซะนะจะได้หยุดจิ้นเอาเอง หุหุหุ :hao3:


ส่วนน้องโจ ช่วงนี่เทรนด์กินเด็กมาแรงคงไม่ต้องบอกว่ายิ่งอ่านยิ่งม้วนหนัาม้วนหลังทำสะพานโค้ง
พูดน้อยแต่มือมาไม้นี่มาเต็ม ไม่ได้กลัวผู้อาวุโสจะหน้ามืดเป็นลมด้วยรอยยิ้มและซิกส์แพ็คแน่นๆอันน่าขบเคี่ยวเคี้ยวฟันเลยแม้แต่น้อย
คนอาไร้ขนาดขี้หึง  ขี้แยยังน่ารักน่าชัง รูัสึกเหมือนเห็นลูกหมาน้อยๆจ้องมองตาแป๋วกระดิกหางระริกระรี้ตามเจ้าของอย่างคุณนิด
โถ  พ่อคุณ  ช่างน่ารักน่าดูเอ็น เย้ยยย! เอ็นดู!! :hao6:


คุณภูมิ....ตัวละครที่รักที่สุดในเรื่อง  ถึงจะไม่สมหวังแต่ก็ถือว่าจบแฮปปี้นะคะ
เรื่องราวของคุณนิดและคุณภูมิถือเป็นโศกนาฏกรรมความรักที่สวยงามมาก
การที่ต่างก็ฝังจิตฝังใจในกันและกันมาตลอดถึงยี่สิบปีมันเนิ่นนานเสียจนอยากจะถามว่าทำไมถึงปล่อยให้เวลาเดินมาจนถึงป่านนี้ :เฮ้อ:
จนถึงเวลาที่ทั้งสองก็มิอาจหวนกลับมาสานสัมพันธ์ดีๆแก่กันและกันให้มากกว่าเพื่อน

อาจเพราะลึกๆเราหลงรักความรักของทั้งคู่มากกว่าความรักของโจ เพราะมันเป็นบิทเทอร์สวีทที่ขมปนหวาน
แต่อย่างไรก็ตามก็ทราบดีว่า....ถึงคนทั้งสองจะคืนดีกันก่อนนี้หรือได้คบหากัน
ความรักคุณนิดและคุณภูมิคงไม่ตราตรึงใจเท่านี้เลย นั่นเพราะความแตกต่างกันของทั้งคู่

โลกของคุณนิดนั้นยิ่งใหญ่ทว่าเล็กแคบ แข็งแกร่งทว่าเปราะบาง
เคยอ่านคอมเม้นท์ที่ว่าเพราะคุณนิดไม่ได้จบวิศวะมากำแพงของคุณนิดถึงได้ไม่ผ่านสคบ.
เห็นจะเป็นเรื่องจริง เพราะกำแพงใจของคุณนิดมีรูโหว่เต็มไปหมด
ในขณะที่โจพยายามที่จะเล็ดรอดเข้ามาทีละน้อยละนิด
เห็นทีคุณภูมิจะพังกำแพงเข้ามาแล้วครอบครองโลกทั้งใบของคุณนิดไว้แทนก็เป็นได้
ดังนั้นมิตรภาพจึงเป็นความสัมพันธ์ที่ตอบโจทย์ของคนทั้งคู่ได้ดีที่สุดแล้ว :กอด1:


และยังคงรอคอยเรื่องของคุณภูมิกับกั้งต่อนะคะ ถึงจะนานแค่ไหน มาเป็นเรื่องสั้นก็ดี
เรื่องยาวนี่กระโดดดีใจเลยเชียว อย่าให้คุณภูมิช้ำใจนานเลยค่ะพาน้องกั้งมาดามใจเสียดีๆ o18


และสุดท้ายนี้ขอบคุณนักเขียนที่เขียนนิยายดีๆที่อบอุ่นละมุนละไมเรื่องนี้ขึ้นมา
ทำให้เรายิ้มหัวเราะเอ็นดูและหลงรักในทุกๆตัวละคร เป็นนิยายน้ำดีที่ควรค่าต่อการแนะนำและตกหลุมรักอีกครั้งจริงๆค่ะ
 :กอด1: :L2: :3123: :L1:


หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 21-01-2015 13:56:20
 :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 24-01-2015 14:41:01
อ่านจบแล้ว น่ารัก อบอุ่น มีความสุข  พนิต กับ สุภาพงษ์ น่ารักมาก ๆ ครับ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 15-02-2015 19:21:56

ขอบคุณ คุณ Juon ที่มามอบเรื่องรักดีๆ ซึนๆ ซึ้งๆ ของ พี่พนิต น้องโจ

ในวันแห่งความรัก ปีนี้


 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven



//แอบทำให้เรามโนเหมือนกันว่าไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้คนเดียว 
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 19-03-2015 15:06:50
อ่านกี่รอบก็ละมุนนนนนนนนน ขอบคุณค่ะสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: lollita ที่ 19-03-2015 15:49:23
 :impress: ไม่ต้องมีคำบรรยายใดใดสักคำให้ลึกกกกซึ้งงงง ให้รู้ว่านิยายเรื่องนี้สนุก><ดีเท่านี้พอ 
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 24-04-2015 21:20:13
 :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: lnwboomgo ที่ 09-05-2015 16:07:28
 :-[ซึนทั้งคู่เลย  อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 10-05-2015 20:56:16
กรี๊ด...อ่านรอบที่3แล้วนะเนี่ย รักกันนานนะคะ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพรชไปเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: jbook ที่ 28-01-2016 11:25:24
 :mew1: ขอบคุณมากค่ะ :)

สนุกมากๆเลย ยิ่งอ่านยิ่งเขิน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเฉื่อยๆ]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบ(บ.ก.vsนักเขียน-แก่อีกแล้ว)P28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-02-2016 14:56:46
แจ้งเปิดจองค่ะ

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/out_ps1_zpsatolsonq.jpg)

เปิดจอง Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก 2เล่มจบ + เล่มแถม + Box set. (เฉพาะรอบจองเท่านั้น)

จำนวนจำกัดที่300ชุด

สั่งจองถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 นี้เท่านั้นค่ะ

รายละเอียดการสั่งจอง

https://www.facebook.com/Hybrid.Publishing/

ขอบคุณค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 12-03-2016 09:46:29
น่าสนใจค่ะ เราเจอคุณช้าไป
 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 13-03-2016 22:47:58
ผ่านมากี่ปีแล้วคะเนี่ย พึ่งได้เข้ามาอ่าน
ละมุนละไมมากกกก ชอบมาก
หลงรักเลยจริงๆ ตัดฉับเลยฮืออออออ
เรารู้สึกผูกพันอ่ะ ทำใจไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Haruya ที่ 25-03-2016 09:07:51
"สุดท้ายผมจะพยายามทำให้มันจบอย่างสวยงามเสมอ เพื่อให้มันติดตราตรึงใจคนอ่าน ให้เขาได้รับความอิ่มอกอิ่มใจที่อาจจะหาไม่ได้ในชีวิตจริงๆ"

ชอบประโยคนี้ค่ะ คิดเหมือนกันเลย
โดยส่วนตัวเลยชอบอ่านนิยายที่จบแล้วมีความสุข เพราะตัวเองเป้นคนอิน
ถ้าจบเศร้าเนี่ย เราหงอยไปอีก 2--3 วันแน่ๆ
ขอบคุณนะคะ

หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 17-05-2016 00:35:45
:)

เก็บใส่ลิสต์ นิยายดีที่จะบอกต่อเพื่อนๆ ทั้งภาษาทั้งลูกเล่น มุก บรรยากาศ คาแรกเตอร์ กลมกล่อมมากค่ะ อิ่มมาก
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: repilca ที่ 17-06-2016 04:38:49
ชอบเรื่องนี้  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: nalavanh ที่ 17-09-2016 20:13:54
 o13
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: en foo ที่ 22-09-2016 14:37:14
เข้ามาอ่านอีกครั้ง ก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมคือ ฟินนนนนเจ้าค่าา
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 22-10-2016 23:53:12
สนุกมากค่า ชอบที่เขียนแล้วคุณพนิตมีความแก่จริง
อย่างบางทีใครทำอะไรเกินขอบเขต แกก็มีดุ
แบบผู้ใหญ่ปรามเด็ก
แต่พอโจทำหวานใส่ นี่เขินเอาๆเป็นเด็กๆเลย 555
ยกให้เป็น1ในนิยายในดวงใจเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 30-11-2016 02:45:47
 :L2: กลับมาอ่านอีกรอบด้วยความคิดถึงค่ะ
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 24-12-2016 22:14:22
เป็นคนแก่ที่น่ารักมาก ให้ตายเถอะ โอ้ยยยย ฮืออออ คุณพนิต ดีต่อใจมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 26-12-2016 03:27:04
 :sad4:  :sad4:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงในเงามืด ที่ 26-12-2016 18:33:44
พนิตคือเคะชราผู้โรคจิต555 น่ารักค่ะน่ารัก
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: สุปราณี บริสุทธิ์ ที่ 27-07-2017 16:25:46
 o13 o13
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 24-09-2017 23:41:52
แวะกลับมาอ่านเรื่องนี้อีกรอบ  ครั้งนี้รอบที่เท่าไหร่ละนะ  ความเล่นตัวของพี่นิตทำให้เราอึดอัดจัง แต่หัวใจเราอบอุ่นนะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 09-08-2019 09:47:49
ขอบคุณค่าาา กลับมาอ่านกี่ครั้งก็ยังประทับใจไม่ลืม :mew1:
หัวข้อ: Re: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: reginasorn ที่ 15-08-2020 22:09:29
 :katai2-1: :katai2-1: