หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ผมก็กลับไปเรียนตามปกติ ส่วนฮักแพทย์บอกว่าเขาความจำเสื่อมทำอะไรเองไม่ได้เหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แม้กระทั่งการตอบสนองก็ยังช้ากว่าคนปกติ แพทย์บอกว่าถ้าโชคดีอาจจะเป็นชั่วคราวหากโชคร้ายก็จะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต มันเป็นเรื่องที่ผมกลัว ถ้าหากฮักจะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตมันก็เป็นความผิดของผมล้วนๆ
ผมตั้งใจจะไปลากไอ้มิวสิกตัวต้นเหตุมาสั่งสอนมันให้เข็ดหลาบแต่ไอ้บ้านั้นกลับหายตัวไปตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ผมพยายามไปหาที่โรงเรียนของมันคนที่พอรู้จักก็บอกว่ามันย้ายโรงเรียนไปแล้วและไม่มีใครรู้ว่ามันย้ายไปที่ไหน อะไรกัน เจ้าบ้ามิวสิกหนีไปได้เร็วจริงๆ! ผมทั้งหงุดหงิดและโมโหตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรไอ้สารเลวมิวสิกได้
ผมมาเยี่ยมฮักทุกๆ วันก่อนจะไปเยี่ยมผมก็ซื้อดอกไม้ติดมือไปด้วยเสมอ ดอกไม้สวยๆ อาจจะทำให้ฮักอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างก็ได้ ผมมาเยี่ยมฮักทีไรก็มักจะมาคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้เขาฟังแต่ฮักก็ไม่แม้จะมองหน้าผมหรือพูดด้วย เขาแค่นอนกะพริบตาทอดมองไปไกลแสนไกล บางครั้งผมก็รู้สึกหนักอึ้งและกดดันเป็นอย่างมาก ผมเสียใจที่ทำให้ฮักต้องเป็นแบบนี้ เพราะผมเขาถึงได้เป็นแบบนี้ ผมพยายามทำทุกอย่างที่คิดว่าจะทำให้ฮักจำอะไรได้บ้าง ทั้งผมและพวกพี่ๆ ต่างพยายามกันสุดความสามารถแต่มันกลับไม่มีวี่แววที่ฮักจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
สามอาทิตย์ต่อไปอาการบาดเจ็บภายนอกของฮักก็หายเป็นปกติเหลือแค่แผลผ่าตัดที่หัว อาการของเขาไม่มีอะไรเพิ่มเติมนอกจากความจำเสื่อมและเคลื่อนไหวร่างกายช้า พี่ยิ้มและผู้ปกครองของฮักตัดใจเรื่องที่จะทำให้ความทรงจำของฮักกลับมาเหมือนเดิมแล้วและพวกเขาก็มุ่งมั่นให้ฮักทำกายภาพบำบัดแทน แต่สำหรับผม ผมยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก! ยังไงฮักก็ต้องจำได้แน่นอน ไม่ว่ามันจะนานเป็นเดือน สองเดือนหรืออาจจะเป็นปีก็ตาม!
จะหนึ่งเดือนแล้วที่ฮักความจำเสื่อมและผมก็มาเยี่ยมเขาเหมือนเดิมที่เคยทำ ผมซื้อดอกกุหลาบสีแดงสดมาหนึ่งช่อ ในห้องไม่มีใครอยู่นอกจากฮักที่นอนหลับอยู่บนเตียง เสียงเพลงจากเครื่องเล่นดังคลอเบาๆ สงสัยจะเป็นพี่ยิ้มที่เปิดทิ้งไว้ ผมวางช่อกุหลาบไว้บนโต๊ะแล้วเดินมาปรับเตียงให้สูงขึ้นเพื่อให้ตัวฮักลุกขึ้นนั่ง เขาหันมามองผมด้วยสายตาไร้ความรู้สึกเหมือนเดิมผมส่งยิ้มให้เขา
“วันนี้กูก็มาอีกแล้วนะ เฮ้อ ข้างนอกน่ะโคตรร้อนเลยวะกว่าจะเดินมาถึงเนี่ยแทบจะละลายกองไปกับพื้น ทั้งๆ เดือนนี้มันไม่ใช่ฤดูร้อนสักหน่อย ให้ตาย นี่ถ้าเป็นช่วงเมษามันจะร้อนขนาดไหนกัน?”ผมเริ่มบ่นพึมเหมือนๆ ทุกวันที่จะหาเรื่องมาพูด ฮักมองหน้าผมเหมือนกำลังบอกว่า ‘ไอ้บ้านี่มันมาอีกแล้ว’ ผมหัวเราะเบาๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างเตียง
“นี่ใกล้จะแอดเข้ามหาลัยแล้วนะ ช่วงนี้กูก็ต้องเรียนพิเศษเพื่อเตรียมตัวสอบ เฮ้ มึงทายสิว่ากูจะสอบเข้าคณะไหน หึๆ มึงทายไม่ถูกล่ะสิ กูจะบอกให้ล่ะกัน กูจะสอบเข้าคณะสถาปัตย์วะ ทำไมน่ะเหรอ? ง่ายๆ ก็เพราะไอ้สตางค์มันจะเข้าคณะนี้ไงล่ะ กูจะเกาะมันไปเรียน ฮ่าๆๆๆ! ไอ้ฮักอย่ามัวแต่นอนอยู่นี่สิวะ เดี๋ยวมึงจะตามกูไม่ทันนะโว้ย สอบเข้าไม่ได้กูช่วยมึงไม่ได้น่า”ผมพูดไปมองไอ้ฮักไป หือ? ดูเหมือนเจ้านี่จะหันมามองผมระหว่างที่ผมกำลังพูดด้วยแหละครับ แถมยังแสดงความแปลกอกแปลกใจอย่างชัดเจน อ่า นี่คงจะเป็นสัญญาณที่ดีแน่ๆ! ผมตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยแล้วก็พูดต่อ
“โอ๊ะ ใช่ๆ ที่โรงเรียนของมึงน่ะนะวุ่นวายมากเลยแหละตอนที่รู้ว่ามึงบาดเจ็บเข้าโรงบาล โวยวายจะมาเยี่ยมมึงให้ได้จนเดือดร้อนผู้บริหารออกกฎห้ามเลยแหละ อะไรจะขนาดนั้นกันวะ มึงเป็นหยางกุ้ยเฟยกลับชาติมาเกิดหรือไงฟะถึงมีแต่คนชอบทั้งๆ ที่หน้าก็ตายซาก เย็นชา และนิสัยเสียโคตรๆ ไม่เข้าใจเลยวะ สงสัยพวกนั้นจะเป็นมาโซขั้นเทพ!”ผมหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์จลาจลของโรงเรียนข้างๆ ให้ตาย เจ้าบ้านี้ตอนเกิดแม่มันทำน้ำมันพรายหกใส่หรือไงวะ
“จริงสิ เพราะกูมึงถึงเป็นแบบนี้เพราะฉะนั้นกูก็ต้องรับผิดชอบ ไม่เป็นไรวะ ไว้ใจได้กูคิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้ว ถ้ามึงไม่หายเดี๋ยวกูจะรับผิดชอบแต่งงานกับมึงเอง!”จู่ๆ ผมก็คิดขึ้นมาได้เมื่อคืนนี้นี่เองครับ ถ้าฮักยังเป็นแบบนี้ล่ะก็ผมต้องรับผิดชอบดูแลเขา ผมพูดไปด้วยความจริงจังไม่ได้เอาฮานะ เงยหน้ามองฮักด้วยสายตามุ่งมั่นแต่เจ้าบ้านั้นกลับปฏิเสธกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ขอปฏิเสธวะ”
ไอ้บ้า! ขนาดมึงความจำเสื่อมยังปฏิเสธกูเร็วเหมือนเดิมเลยนะ แหม อุตส่าห์จะใช้โอกาสนี้ฮุบเหยื่อซะหน่อย โธ่เอ๊ย ดันรู้ตัวปฏิเสธอย่างว่องอ่ะมึง เอ๊ะ? ผมมองไอ้ฮักอย่างงุนงง เมื่อกี้นี้ฮักตอบผมใช่ไหมครับ!? หรือว่าผมคิดอุปโลกน์มันขึ้นมาเองวะแต่ว่าเมื่อกี้ผมเห็นมันตอบผมจริงๆ นะ! สมองของผมมันเริ่มเอื่อย หูอื้อไปหมด หัวใจเริ่มเต้นแรงตื่นเต้นสุดๆ
“ฮัก มึงจำได้แล้วใช่ไหม?”ผมเอ่ยถามไปอย่างยากลำบาก กลัวว่าเมื่อกี้แค่ผมคิดไปเอง ฮักมองผมนิ่งแล้วกวักมือเรียกผมเข้าไปใกล้ ผมหัวใจเต้นแรงด้วยความยินดี ในที่สุด! ในที่สุดความพยายามของผมทั้งหมดก็ประสบความสำเร็จแล้วใช่ไหม!?
“ฮัก!”ผมกำลังโผเข้าไปกอด น้ำตาแห่งความปิติก็ไหลพรากๆ แต่ก่อนที่ผมจะเข้าใกล้ฮักก็ยื่นมือมาดีดหน้าผากของผมอย่างแรง อะไรอ่า! ผมยืนปิดหน้าผากมองเขาด้วยความมึนงง ฮักมองผมแล้วเชิดหน้าขึ้นสูงมองผมด้วยหางตา
“ลูกผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันหรอกเฟ้ย”
“ฮักกก!!”ผมรีบเข้าไปกอดฮักไว้แน่น ให้ตายเถอะ! นี่มันไม่อยากแต่งงานกับผมขนาดนั้นเลยหรือไงวะ ความจำกลับมาอย่างเร็วอ่ะ กอดมันไปปล่อยโฮไปอย่างดีใจสุดขีด มัวทำอะไรอยู่เป็นเดือนๆ ฟะ ทางนี้มันกดดันนะเฟ้ย เจ้าบ้าฮัก! ร้องไห้จนสงบจิตสงบใจเหลือไว้แค่เสียงสะอึกสะอื้น ฮักนั่งเงียบปล่อยให้ผมกอดเขาร้องไห้อยู่นานฮักถอนหายใจแล้วเรียกชื่อผมข้างๆ หู
“พรีสต์”เขากอดผมเบาๆ แต่นั้นก็ทำให้ผมใจเต้นโครมครามแล้วล่ะ ว๊ากกก! เพิ่งเคยโดนกอดเป็นครั้งแรกเลยน่ะเนี่ย!!
“ขอบใจมึงมากวะ เพราะมึงกับทุกๆ คนแท้ๆ กูถึงกลับมาได้”
“ฮือ...เจ้าบ้า! กูรู้อยู่แล้วว่าอย่างมึงไม่เป็นไรหรอก มึงอึดยิ่งกว่าแมลงสาบซะอีก! โฮฮฮ...ไอ้บ้าเอ๊ย!”ผมพูดไปร้องไห้ไปฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไรแต่ฮักก็หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะดันผมออกห่างแล้วยิ้มให้
“ขอบใจ มึงเป็นเพื่อนที่กูรักมากที่สุดเลยนะ”
“...ไอ้บ้า!! จู่ๆ ก็มาพูดอะไรน่าขนลุกแบบนี้ มึงกำลังจะตายหรือเปล่าวะ!?”ผมรีบพูดแก้ด้วยความขัดเขิน ไอ้บ้าฮักมันไม่ใช่คนที่จะมาพูดอะไรแบบนี้สักหน่อย จู่ๆ ก็มาพูดเนี่ยมันกำลังสิ้นใจตายหรือเปล่าวะ เฮ้ย! หรือว่ายังมีที่ผิดปกติอยู่ ผมมองฮักอย่างระแวงระวัง เจ้ายิ้มค้างบนใบหน้าแล้วค่อยๆ ก้มหน้าลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตบหัวผมอย่างจัง
แอ๊กกก!!
“อะไรของมึงวะไอ้ห่าฮัก!?”
“กูพอใจจะทำ”ไอ้ฮักมันตอบกลับด้วยใบหน้าตายเหมือนเดิม ผมมองมันนิ่งจากนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เออ นี่ล่ะถึงจะเป็นตัวจริงของฮักล่ะ ผมรู้สึกโล่งอกมากมาย ในที่สุดฮักได้ออกจากโรงบาล แพทย์ยังงงเลยว่ามันกลับมาเป็นเหมือนเดิมราวกับไม่เกิดอะไรขึ้นได้ยังไง เรื่องนี้ผมไม่สนใจหรอกขอแค่เพื่อนรักของผมหายเป็นปกติก็พอแล้ว!!
ดีใจที่มึงกลับมานะฮัก!!
“เฮ้ย! ไอ้พรีสต์”
“หือ? มึงว่าอะไรนะ?”ผมหันมามองไอ้ฮักที่เรียกผมเสียงดัง ผมกำลังเหม่อคิดอะไรบางอย่างอยู่เลยไม่ได้ยินว่าฮักพูดอะไรก่อนหน้านี้ ฮอยฮักมองหน้าผมแล้วถามซ้ำขึ้นมา
“มึงไม่กลับเหรอวะ ไหนบอกว่าสอบเสร็จแล้วจะรีบกลับไปหาแฟน”
“อ๊ะ เออวะ กูขอตัวเก็บกระเป๋าก่อนนะ”ผมลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินมาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเตรียมตัวกลับไปหาไอ้โซโล่ ผมสอบเสร็จแล้วครับทุกคนนน~!! ในที่สุดก็ผ่านพ้นช่วงวิกฤตเลือดสาดมาได้สักที ช่วงสอบมันช่างเป็นช่วงที่โหดและทรมานได้อีก ผมรีบเก็บข้าวของรูดซิปแล้วหันมามองฮอยฮักที่ยืนมองผมอยู่ ผมฉีกยิ้มให้กับมัน
“เฮ้ กูกลับแล้วนะ”
“เออ”
“ไว้เจอกันที่งานแต่งพี่นันน่ะมึง!”ผมลุกขึ้นแล้วสะพายกระเป๋าขึ้นบ่าบอกลาไอ้ฮักอย่างรวดเร็ว ผมรีบเดินลงมาจากห้องของไอ้ฮักแล้วกำลังจะขึ้นรถ ผมตัดสินใจหันมามองไอ้ฮักอีกครั้ง
“ฮัก มึงน่าจะทำตามใจตัวเองนะ เสียสละแบบนี้มันเหมือนไม่ใช่ตัวมึงเลยวะ ในฐานะเพื่อนกูก็อยากให้มึงมีความสุขแล้วก็พวกมึงสองคนโคตรจะเหมาะสมกันเลยวะ!”ผมพูดแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ไอ้ฮักน่ะต้องทำตามใจตัวเองสิถึงจะเป็นฮัก! อีกอย่างไม่มีใครเหมาะสมกันขนาดนี้หรอกพวกมึงมันปีศาจกันทั้งคู่ ปีศาจก็ต้องคู่กับปีศาจ จริงไหม? ผมโบกมือให้กับไอ้ฮักที่ทำหน้าเหมือนอึ้งๆ แล้วเข้ามานั่งที่รถ
รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากหน้าบันไดหน้าบ้านของฮัก ผมเหลียวกลับหลังไปมองฮอยฮักที่ยังยืนส่งผมที่เดิม แล้วเรื่องของไอ้มิวสิกน่ะถึงยังไงกูก็ยกโทษให้มันไม่ได้เหมือนเดิมวะ ถึงมันจะเป็นคนไปบอกมึงให้มาช่วยกู ถึงมันจะเป็นคนโทรบอกพี่เฮอร์มิตและรถพยาบาลก็ตาม แต่ถ้ามันไม่ทำตั้งแต่แรกเรื่องก็คงจะไม่เกิด! ยังไงกูก็แค้นมันเหมือนเดิมและขอบอกกับตรงนี้เลยว่า...กูต้องแก้แค้นมันให้ได้!! ผมยิ้มให้ไอ้ฮอยฮักแล้วหันกลับมาเหมือนเดิม
ใช้เวลาอยู่นานรถบ้านฮักถึงพาผมมาถึงหน้าบ้านของไอ้โซโล่ ผมรีบสะพายกระเป๋าแล้วขอบคุณคุณลุงคนขับรถที่มาส่งจากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถมายืนอยู่หน้าประตู รถของบ้านฮักแล่นออกไปเพื่อกลับบ้าน ผมสอดส่องสายตาเข้าไปในบ้านหลังเดิมที่แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อ่า แปลงดอกไม้ยังสวยสดเหมือนเดิม และนั้น! คลีโอพัตราของผมก็ยังชูช่อสวยเด่นเป็นสง่า ป้าอรคงจะดูแลมันอย่างดีสินะ!
ผมเปิดประตูเข้าไปในบ้านค่อยๆ เดินตัวตรงตามทาง ตอนนี้ผมตื่นเต้นสุดๆ เลยล่ะครับ ให้อารมณ์เหมือนพจมานเดินเข้าบ้านสว่างวงศ์เป็นครั้งแรก! ผมรีบเดินมาที่ตัวบ้าน ถ้าโซโล่เห็นผมมันจะดีใจขนาดไหนนะ? ผมยังไม่ได้บอกกับมันว่าจะกลับมาวันนี้เพราะอยากจะเซอร์ไพร้ส์น่ะครับ ผมเดินขึ้นบันไดขั้นเล็กๆ ก่อนจะถอดรองเท้าใส่รองเท้าในบ้านชะโงกหน้าขึ้นไปมองแล้วยิ้มกว้างกับตัวเองเมื่อเห็นร่างสูงอยู่ในชุดลำลองนั่งเล่นอะไรบางอย่างกับพวกเพื่อนๆ ของมัน เสียงดังโวกวากเหมือนเดิมเลยครับ
โซโล่.....!!?
เฮ้ย!!!ผมเดินเข้ามากำลังส่งเสียงเรียกไอ้โซโล่แต่ก็ต้องหยุดชะงักเบิกตากว้าง ไอ้บ้าโซโล่มันขยับคว้าตัวไอ้เหี้ยมิวสิกที่นั่งอยู่ข้างๆ มาจูบแก้มมันเต็มๆ ไอ้พวกเพื่อนปัญญาอ่อนของมันก็ส่งเสียงเฮลั่น ไอ้เลวมิวสิกก็หน้าแดงเขินอาย ผมยืนค้างตัวแข็งทื่อเหมือนมีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงมาที่ผม ไอ้เหี้ยโซโล่!!!!
“อ้าว หนูพรีสต์กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ? ยินดีต้อนรับกลับนะจ้ะ”ป้าอรเดินออกมาจากครัวแล้วร้องทักผมขึ้นมาอย่างดีอกดีใจ หลังจากที่ป้าอรร้องทักขึ้นพวกมันก็ชะงักตัวแข็งทื่อแล้วหันมามองผมอย่างรวดเร็ว
“ไอ้พรีสต์!!!”ไอ้ชินแหกปากร้องกันใครเพื่อน ผมยืนทำหน้าทะมึนไม่สนใจไอ้ชินเสียงแปดปรอท
“อ้าว พรีสต์! จะกลับมาทำไมไม่โทรมาบอกกันก่อน”ไอ้โซโล่มันรีบเอ่ยว่าผมแบบไม่พอใจ ผมมองหน้ามันนิ่ง ไอ้ห่า ถ้ากูโทรมาบอกคงจะไม่มาเห็นภาพเด็ดแบบนี้หรอก! อารมณ์ตอนนี้ของผมมันกรุ่นได้ที่ยิ่งไอ้โซโล่มันมาพูดหมาๆ แบบนี้ยิ่งทำให้ผมฟิวส์ขาดสะบั้น
“พรีสต์! มันไม่ใช่อย่างที่นายเห็นนะ! พวกเราเล่นเกมพระราชากันอยู่!!”ไอ้หมอหมูรีบลุกขึ้นมองหน้าผมแล้วโบกมือปฏิเสธพัลวัน ไอ้บ้านี่มันจับความรู้สึกได้เร็วเหมือนกันนี่น่า เล่นเกมพระราชางั้นเหรอ? เหอะๆ แล้วไงวะกูไม่สน!! ถึงพวกมึงจะเล่นเกมบ้าเกมบออะไรอยู่ก็เถอะ แต่นี่มันหมดเวลาติวหนังสือแล้วไอ้เหี้ยมิวสิกทำไมยังมาเสนอหน้าอยู่ที่นี้อีก หา!!
“อ๊ะ พรีสต์ เมื่อกี้เห็นเหรอ?”ไอ้โซโล่ถามออกมาแบบโง่ๆ ผมหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วยิ้มให้กับมัน
“เห็นเต็มสองตาของกูเลย!”
“ง่า ทำไมวันนี้ไอ้พรีสต์มันถึงน่ากลัวจังวะ”ไอ้ชินรีบถอยหลังออกห่างจากพื้นที่อันตรายไปพร้อมๆ กับไอ้ลูกชุบที่ถอยไปก่อนตั้งแต่แรกแล้ว ไอ้วินเซอร์มันไม่ได้สนใจอะไรนั่งมองสถานการณ์อย่างสนุกอีกต่างหาก ส่วนไอ้โซโล่มันก็ถอนหายใจเฮือกแล้วส่ายหน้าอธิบายอย่างใจเย็น
“เมื่อกี้กูโดนพระราชาสั่ง ไม่ได้อยากทำเองหรอก อย่าเข้าใจผิด”
“ใจเย็นๆ นะพรีสต์!”ไอ้หมูก็พยายามช่วยเพื่อนมันเต็มที่ ผมเหล่มองไอ้มิวสิกที่ยังคงยิ้มตอแหลแสร้งเป็นคนดี เห็นแล้วมันหมั่นไส้วะ! กูชักอยากจะกระชากหน้ากากของมึงออกมาซะเดี๋ยวนี้เลย สัดเอ๊ย!! ผมสูดลมหายใจอย่างช้าๆ แล้ววางกระเป๋าลงหันหน้าไปหาไอ้ชิน
“ชิน ช่วยเอากระเป๋าไปเก็บให้ที”
“คร้าบผม!”ไอ้ชินมันรีบเข้ามารับกระเป๋าจากผมชิ่งหนีไปข้างบนอย่างรวดเร็ว ผมเดินผ่านพวกมันมานั่งบนโซฟาอย่างใจเย็นและข่มอารมณ์แบบสุดๆ
[/center]
“ชุบ เอาน้ำมาให้กูหน่อย”
“ดะ...ได้ๆ!”แล้วไอ้ลูกชุบได้ทีก็ชิ่งหนีไปอีกคน ผมมองไอ้หมอหมูและไอ้วินเซอร์พวกนั้นก็เป็นเหมือนนกรู้รีบลุกเดินออกไปกันทันที เหลือแค่ผม ไอ้โซโล่และไอ้มิวสิก หึ! เรื่องพวกนี้มึงต้องเคลียร์กันให้รู้ไปข้างหนึ่งล่ะนะ ผมมองไอ้มิวสิกเจ้านั้นก็มองไอ้โซโล่กับผมสลับกันไปมาเสแสร้งทำตัวใสซื่อ ถุย! เห็นแล้วมันหงุดหงิดจริงๆ วะ พับผ่า!
“เอ่อ...งั้นฉันก็ขอตัวก่อนล่ะกัน”
“เมื่อไรมึงจะเลิกเสแสร้งสักทีวะมิวสิก”
“นายพูดถึงอะไรเหรอ?”มิวสิกมันหันมามองผมด้วยสายตาใสซื่อ ไอ้โซโล่มันก็มองผมกับไอ้มิวสิกอย่างแปลกใจ
“เลิกทำเป็นใสซื่อสักทีเถอะ กูเห็นแล้วท้องไส้มันปั่นป่วน มึงบอกสาเหตุที่เข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมไอ้โซโล่มาซะดีกว่า มึงชอบไอ้โซโล่งั้นเหรอ?”ผมเป็นคนเปิดฉากนี้ขึ้นมาเองไม่รอให้ใครมันมาเปิดแทนหรอกครับ เรื่องนี้จู่โจมก่อนได้เปรียบ! ไอ้มิวสิกก็ยังรักษารอยยิ้มไว้บนหน้าเหมือนเดิม ชิ! ไอ้หน้าหนาเอ๊ย ผมลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินตรงมาหาไอ้มิวสิก กวนทีนแม่งเดี๋ยวปั๊ดกูเหนี่ยวเลยไอ้นี่!!
“พรีสต์ เป็นอะไรไป ใจเย็นหน่อย มันไม่ใช่อย่างที่มึงเห็นหรอกน่า”ไอ้โซโล่มันเข้ามาแทรกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ อะไรของมึง นี่ใช่คิวของมึงซะที่ไหนวะไอ้โซโล่ ถอยไปโว้ย!! มึงกับกูไม่ได้คุยเรื่องเดียวกันอยู่ส่วนเรื่องของมึงน่ะเดี๋ยวกูมาคิดบัญชีทีหลัง! ฮึ!!
“อ่า ถ้าจะบอกว่าใช่ล่ะ มึงจะทำไมเหรอพรีสต์?”
“หนอย ไอ้กวนประสาทเอ๊ย คิดว่ากูจะยอมงั้นเหรอวะ?”ผมดันไอ้โซโล่ออกไปแล้วเดินมาหยุดจ้องหน้าไอ้มิวสิ โคตรเกลียดมันเลยวะยิ่งเห็นก็ยิ่งเกลียด! ไอ้โซโล่มองไอ้มิวสิกอย่างพินิจวิเคราะห์ก่อนจะมองผมด้วยสายตาสงสัย
“พวกมึงสองคนรู้จักกันมาก่อนเหรอวะ?”
“หึ มันก็เป็นเรื่องที่นานมาแล้วล่ะนะใช่ไหมพรีสต์”
“โอ นานจริงๆ นั้นแหละแต่ว่ากูน่ะมีแค้นก็ต้องชำระไม่เคยลืมหรอกนะ”ผมจับคอเสื้อของมันขย้ำจนรัดคออีกฝ่าย ไอ้มิวสิกกัดฟันกรอดก่อนจะยิ้มเยาะเย้ยผม
“มึงเนี่ยเจ้าคิดเจ้าแค้นเสียจริงๆ วะ”
“ก็แล้วไงล่ะ บอกกูมาซะดีๆ ว่ามึงชอบไอ้โซโล่งั้นเหรอ!?”ก่อนจะอัดมันผมขอถามให้แน่ใจก่อนว่ามันชอบไอ้โซโล่จริงๆ หรือเปล่า จะได้คิดบัญชีแค้นแบบรวดเดียวจบม้วนไปเลย ไอ้มิวสิกมันก็ยกยิ้มที่มุมปาก
“มึงต่างหากที่กูควรจะถาม! มึงชอบโซโล่จริงๆ หรือเปล่า!? มึงเอาโซโล่เป็นตัวแทนของฮักใช่ไหมล่ะ!?”
“พูดอะไรของมึง?”ผมชะงักเมื่อไอ้มิวสิกมันถามกลับมาแบบนั้น ผมกำลังงงจู่ๆ มันก็เปิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ยังไงกัน ผมเนี่ยนะเอาไอ้โซโล่มาเป็นตัวแทนของฮัก ไอ้มิวสิกมันแกะมือของผมออกจากคอเสื้อของมันแล้วถอยหลังจากผมก่อนจะยืนส่งสายตาดูถูกดูแคลน
“เห็นไหมล่ะ!? มึงตอบไม่ได้เพราะมันเป็นความจริง โซโล่มันก็แค่ตัวตายตัวแทนของฮักนั้นแหละ!”ไอ้มิวสิกชี้หน้าผมแล้วพูดราวกับมันมองออกได้ทะลุปุโปร่ง มันหันไปมองไอ้โซโล่ที่ยืนเงียบแล้วหัวเราะออกมาก่อนจะตอกย้ำสิ่งที่มันสรุปคิดไปเองฝ่ายเดียว ผมเหลือบมองไอ้โซโล่เล็กน้อย มันคงจะไม่เชื่อคำพูดพล่อยๆ ของไอ้มิวสิกหรอกนะ
“อะไรคือหลักฐานว่ากูเอาโซโล่มาเป็นตัวแทนวะ?”
“มึงก็รู้สึกใช่ไหมล่ะว่าโซโล่น่ะคล้ายกับฮัก!”
“ห๊ะ?”ผมขมวดคิ้วมุ่นทันที ไอ้บ้านี่มันพูดอะไรอยู่ฟะ มันบอกว่าโซโล่คล้ายกับฮอยฮักงั้นเหรอ? ผมทำหน้ามึนงงสุดขีดมองไอ้มิวสิกนิ่ง ไอ้บ้านี่อย่าบอกนะว่า... ผมคิ้วกระตุกยิกๆ ผมมองเจ้าคนตรงหน้าอย่างโมโห นั้นมันความคิดของมึงหรอกฟายเอ๊ย! อย่าเหมากูรวมกับมึงได้ไหม เพราะกูกับมึงมันต่างกันโว้ย!!
“อย่าเอาไอ้โซโล่ไปเปรียบเทียบกับฮักเลยวะ เร็วไปร้อยปีที่ไอ้โซโล่จะเทียบฮักได้!”ผมทำใจให้สงบแล้วหัวเราะขบขันโบกมือปฏิเสธข้อความคิดเห็นของไอ้มิวสิก ถุย! โซโล่น่ะเหรอจะเทียบกับฮักได้! พอผมพูดออกไปแบบนั้นไอ้มิวสิกมันก็หัวเราะรับทันที
“มึงนี่ยอมรับต่อหน้าต่อตาเลยนะ กล้าหาญดีนี่”มันพูดแบบนั้นเหมือนจะชมล่ะนะ ไอ้มิวสิกเหลือบสายตาไปมองไอ้โซโล่ที่ยังคงยืนนิ่งเหมือนเดิม ผมยักไหล่อย่างไม่ยี่หระแล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหาไอ้มิวสิก
“ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายอยู่แล้ว กูน่ะชอบฮักที่สุด เขาเป็นคนสำคัญและเป็นคนผู้มีพระคุณและนอกเหนือจากนั้นเขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดอีกด้วย ส่วนไอ้โซโล่น่ะ กูน่ะรักมันมากที่สุด! เพราะมันเป็นแฟนที่ดีที่สุดไงล่ะ”
“พรีสต์ มึง...”ไอ้โซโล่มองผมอย่างไม่เชื่อสายตา ให้ตายสิ เจ้าบ้านี่ไม่เคยเชื่อใจกันเลยใช่ไหม!? ผมหันไปมองไอ้โซโล่อย่างหงุดหงิดก่อนจะชี้หน้ามันอย่างหาเรื่อง ไอ้โซโล่มันก็หัวเราะรับ หน้าตาชื่นบานเชียวนะมึง ชิ!
“จบเรื่องไอ้งี่เง่านี่เมื่อไรมึงเตรียมตัวเป็นรายต่อไปเลยไอ้โซโล่! ส่วนมึงน่ะไอ้มิวสิกมาอ่อยผิดคนแล้วล่ะมั้ง คนที่มึงจะไปอ่อยน่ะก็คือไอ้บ้าฮักนู้น!”
ผัวะ!!
ผมเหวี่ยงชกใส่หน้ามันไปเต็มๆ จากนั้นก็ขยับตัวนั่งคร่อมร่างที่ล้มหงายไปกับพื้น ผมตบมันรัวเป็นชุดทันที นี่สำหรับความหมั่นไส้ส่วนตัวของกู! นี่ส่วนความแค้นในตอนนั้นและนี่ก็คือส่วนของฮอยฮัก! ไอ้มิวสิกมันก็พยายามสู้ผมปัดมือของผมป้องกันตัวเองสุดฤทธิ์ ผมแสยะยิ้มแล้วยึดผมของมันไว้ในมือแน่นก่อนจะเปลี่ยนจากฝ่ามือมาเป็นหมัดตรงๆ ไอ้มิวสิกมันก็จับผมของผมดึงกระชากไปมา อ๊ากกก!! โคตรเจ็บเลยโว้ย! พอผมหยุดชะงักไอ้มิวสิกมันก็ถีบตัวผมลงมาจากตัวมันแล้วเปลี่ยนเป็นฝ่ายชกผมบ้าง
“อย่างกูไม่จำเป็นต้องให้มึงมาบอกหรอก กูรู้ว่าใครที่กูชอบ!”
“แล้วทำไมมึงไม่ไปอ่อยมันล่ะสัด! มายุ่งกับแฟนชาวบ้านอยู่ได้!”
“หนอย!! กูก็ไม่อยากจะยุ่งกับมึงนักหรอกแต่ถ้าไม่มายุ่งกับมึงล่ะก็กูก็ไม่มีทางไปถึงตัวฮักได้น่ะสิ เจ้าโง่!”
“กากเอ๊ย อย่างมึงต่อให้ไปถึงตัวฮักแล้วจะทำอะไรได้!”
“กูทำได้มากกว่ามึงคิดล่ะกัน”
“เหอะ! ไอ้หลงตัวเอง ระหว่างที่มึงไม่อยู่น่ะฮักมันถูกไอ้สารเลวบางคนงาบไปแล้วโว้ย!!”
“ว่าไงนะ? โอ๊ยยย!!”
ผมกับไอ้มิวสิกตะลุมบอนกันทั้งมือทั้งปาก เสียพลังงานไปมากโข แต่ละคนไม่ยอมกันง่ายๆ ดึงผมชกหน้าเตะขาสารพัดที่จะงัดมาต่อกรกัน ทางด้านปากก็ตะโกนด่าอีกฝ่ายอย่างเมามัน ตอนนี้ผมชกไอ้มิวสิกจนมันถลาล้มไปกับพื้นเพราะประโยคเด็ดที่ทำให้มันหยุดชะงัก ไอ้มิวสิกมันกะพริบตามองผมแบบอยากรู้ใจจะขาด ผมยกยิ้มแล้วก้าวสามขุมมาหามันกระทืบท้องจนมันตัวงอเป็นกุ้ง
“ก็บอกแล้วไงว่าไอ้ฮักน่ะโดนงาบไปแล้วโว้ย ต่อให้มึงไปอ่อยมันก็ไม่สนใจมึงหรอกวะไอ้มิวสิก!...”ผมค่อยๆ พูดแล้วเงยหน้าไปมองไอ้สารเลวที่โชคดีที่สุดในโลก มันยืนทำหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อนอยู่หน้าประตูบ้านนั้นแหละครับ
“ก็เพราะว่าไอ้ฮักน่ะรักเจ้านั้นมากไงล่ะ”
“...จริงๆ งั้นเหรอ? ฮักมีคนที่รักแล้วงั้นเหรอ?”ไอ้มิวสิกมันบ่นพึมพำกับตัวเองไปมา ผมก็ไม่พูดอะไรต่อมองไปรอบๆ ที่เพิ่งรู้ตัวว่ามีคนมามุงดูกันสนุกเชียว เหอะ! ผมหันไปมองไอ้โซโล่ที่พอผมหันไปมันก็สะดุ้งตัวโหยง
“โซโล่!”
“เวร นี่ถึงเวลากูแล้วเหรอเนี่ย?”ไอ้โซโล่มันบ่นพึมพำด้วยสีหน้าวิตกกังวล ผมเดินไปหามันก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วส่งยิ้มให้มันกว้าง ไอ้โซโล่มองผมตัวแข็งทื่อจากนั้นผมก็โผเข้ามากอดด้วยความคิดถึงก่อนจะกระซิบบอกมันไปเบาๆ ไอ้โซโล่เงียบไปสักพักแล้วตอบกลับมาพร้อมกับกอดผมไว้แน่นเหมือนกัน
“กลับมาแล้วครับ”
“...ยินดีต้อนรับกลับมาครับ” TBC.ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เรื่องนี้จบในเดือนนี้...