ม่านราตรี
บทที่ 12
ตอนหัวค่ำในวันเดียวกันนั้น อธิปได้รับการแนะนำตัวจากตุลาให้สมาชิกตนอื่น ๆ รับรู้ ว่าอีกฝ่ายจะมาอยู่ร่วมคฤหาสน์ม่านราตรีแห่งนี้ด้วย ทำให้รุ้งพรายและราตรีไม่ค่อยชอบใจนัก ส่วนพาทิศและปิ่นสุดาไม่มีความเห็นคัดค้านอันใด เพราะตอนนี้สิทธิในการตัดสินใจนั้น เป็นของตุลาที่เป็นเจ้าของชั่วคราวอยู่แล้ว
“ให้หมอผีมาอยู่ร่วมกับภูตผี แล้วถ้าเกิดวันดีคืนดี หมอนี่อยากจับพวกเราใส่หม้อถ่วงน้ำขึ้นมา นายจะรับผิดชอบไหวหรือไงตุล!”
รุ้งพรายโวยวายใส่ ส่วนราตรีแม้จะไม่ขึ้นเสียงเท่าปีศาจแมวสาว แต่เธอก็ยังคงมีสีหน้าไม่พอใจเช่นเดียวกัน
“นั่นสิ ถึงจะบอกว่าเป็นเพื่อนคุณกริชก็เถอะ แต่จะไว้ใจได้ขนาดไหนกัน”
ตุลามีสีหน้าลำบากใจ หันไปมองอธิปก็เห็นอีกฝ่ายยังคงอารมณ์ดี ไม่ทุกข์ไม่ร้อนอย่างที่ควรจะเป็น
“เอ่อ...ขอโทษที่ทำให้พวกคุณลำบากใจ แต่ถือว่าผมขอร้องแล้วกันครับ ...อีกอย่างคุณอธิปก็คงไม่คิดทำร้ายพวกคุณแน่ ...ผมเชื่ออย่างนั้นครับ”
ท้ายประโยคตุลาหันไปสบตากับอธิปแล้วเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าและแววตาเชื่อมั่น จนคนที่ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา ต้องหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ
“หึ ๆ ก็อย่างที่เขาว่า ฉันไม่ได้มาอยู่ที่นี่เพื่อคิดทำอันตรายพวกเธอหรอก ...และถ้าพวกเธอรู้ว่าแท้จริงแล้วฉันมาที่นี่ทำไม ฉันว่าฝ่ายที่ต้องขอร้องให้ฉันอยู่อาจจะกลายเป็นพวกเธอเองก็ได้นะ”
อธิปเปรยให้คนฟังคิด แต่ก็ต้องถูกขัดด้วยเสียงกระแอมเบา ๆ เสียก่อน จากนั้นเจ้าของเสียงจึงปรากฏกายขึ้นแล้วเอ่ยเสริมตามมา
“ฉันขอยืนยันอีกคนว่า หมอนี่จะไม่ทำอันตรายพวกเธอแน่นอน ... ตอนนี้ฉันยังอธิบายอะไรมากไม่ได้ แต่ขอให้พวกเธอรู้เอาไว้ว่า เขาจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ แค่นั้นพอ”
รุ้งพรายกับราตรีชะงัก แล้วเงียบกริบ พอได้ฟังคำพูดหนักแน่นของกริช ก็ทำให้พวกเธอเริ่มได้คิดว่า การที่อธิปมาอยู่ที่นี่ บางทีอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตุลาก็ได้ เพราะพวกเธอต่างรู้ดีว่า กริชนั้นเป็นห่วงเป็นใยในตัวของหลานชายคนนี้มากเพียงใด
“ก็ได้ ๆ ยังไงตอนนี้ตุลก็เป็นเจ้าของคฤหาสน์นี่นะ ถึงจะชั่วคราวก็เหอะ”
“ถ้าทั้งคู่ยืนยันขนาดนั้น ฉันก็คงว่าอะไรไม่ได้หรอกค่ะ”
ราตรีเอ่ยตามมา แล้วเหลือบไปมองอธิป ซึ่งหนุ่มใหญ่ก็ยิ้มแซวใส่ ทำให้เจ้าหล่อนต้องค้อนขวับให้อย่างลืมตัว
“ดีจัง...ที่ตกลงกันได้แบบนี้”
ตุลาพึมพำกับตัวเอง แล้วยิ้มน้อย ๆ เพราะดีใจที่จะมีสมาชิกมาเพิ่มในบ้าน แถมเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับตน
“ตุล...แล้วหลานเป็นยังไงบ้าง มีอาการปวดหัว หรือตัวร้อนไหม ...ถ้ามีไข้เมื่อไหร่ต้องรีบบอกเลยนะ”
กริชที่อยู่ใกล้ ๆ หันมาถาม เพราะเป็นห่วงเรื่องที่ชายหนุ่มตกน้ำเมื่อตอนกลางวัน แถมยังเป็นลมเข้าให้ พอได้ยินดังนั้นตุลาก็สะดุ้งเล็กน้อย แล้วจึงหันไปตอบผู้เป็นอา
“ผมสบายดีครับ ...คงเพราะเชื่อที่อาไล่ให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อช่วงเช้า ไม่งั้นก็คงไม่แน่เหมือนกัน”
ตุลาบอกพร้อมกับยิ้มกว้างส่งให้กริช ซึ่งก็ทำให้เจ้าตัวยิ้มตอบอย่างเอ็นดู
“เฮ้อ! ห่วงกันเข้าไป แล้วเมื่อไหร่เจ้าหนูมันจะโตเป็นผู้ใหญ่ ยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองเวลาไม่มีนายอยู่สักที ฮึ กริช”
อธิปแสร้งเปรยเสียงดัง ทำให้ตุลากับกริชชะงัก แล้วตุลาจึงรีบถามอาของตนด้วยความตกใจ
“อากริชจะไปไหนหรือครับ!?”
กริชนิ่งอึ้ง เขาเหลือบมองอธิปด้วยแววตาดุ ๆ แล้วจึงหันมาบอกกับหลานชาย
“หมอนั่นเพ้อเจ้อไปเอง อาไม่มีวันทิ้งตุลไปไหนหรอก...”
คำตอบของกริชทำให้อธิปนึกหมั่นไส้ แล้วจึงพูดแทรกขัดดัง ๆ
“ยึดติดไม่เข้าเรื่อง...เจ้าหนู หมอนี่มันหัวดื้อ พูดอะไรไปก็ไม่ฟัง ถ้ารักอาเธอจริง ว่าง ๆ ก็ช่วยพูดกล่อมให้เขาไปสู่สุคติสักทีเถอะ!”
จากนั้นหนุ่มใหญ่ก็เดินกลับขึ้นห้องพักตัวเองบนชั้นสอง ทิ้งให้ตุลายืนนิ่งอึ้ง และกริชยืนเงียบด้วยความไม่พอใจอยู่แถวนั้น ส่วนภูตผีตนอื่นเริ่มนึกสงสัยในตัวชายผู้ชื่ออธิป ว่าเกี่ยวพันอันใดกับอาหลานสองคนนี้กันแน่
“อาครับ...ตอนนี้ ผมอยู่คนเดียวได้แล้ว...”
ตุลาที่นิ่งเงียบไปนานเอ่ยเสียงสั่นเครือ ทำให้คนฟังต้องสั่นศีรษะไปมาแล้วลูบไล้เส้นผมอ่อนนุ่มนั้นแผ่วเบา
“ทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้แบบนี้ แล้วจะให้อาปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ยังไง ... ขอร้องล่ะตุล ขอให้อาได้อยู่เคียงข้างหลานอีกสักนิด ... และเมื่อถึงเวลานั้น อาจะยินยอมจากไปเอง โดยไม่ทำให้หลานต้องลำบากใจ”
ตุลาเม้มปากแน่น น้ำตาคลอ แล้วพยักหน้า เขากระซิบบางอย่างเบา ๆ กับกริช ทำให้วิญญาณชายหนุ่มแย้มยิ้มอ่อนโยน แล้วแสดงร่างวิญญาณที่เห็นเด่นชัดขึ้นจนสามารถสัมผัสกายเนื้อของอีกฝายได้
“เด็กขี้แยเอ๊ย...”
กริชกอดหลานชายปลอบโยน ขณะที่ตุลานั้นร้องไห้เงียบ ๆ อย่างลืมตัว และไม่สนใจว่าจะมีคนอื่นมองตนอยู่หรือไม่ ภาพความรักของอาหลาน ทำให้ภูตผีตนอื่นในบ้านเลี่ยงหลบไปเงียบ ๆ ปล่อยให้ทั้งคู่คุยกันตามลำพัง ส่วนอธิปที่แอบมองอยู่บนชั้นสอง ถอนหายใจเบา ๆ แต่เขาก็ยังคงปรารถนาให้เพื่อนสนิทเลิกยึดติด แล้วจากไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่าดังเดิมอยู่ดี
พอล่วงเข้าสู่เช้าวันรุ่งขึ้น ตุลาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อตื่นนอนขึ้นมา ก็ต้องพบกับใบหน้าของอธิปชะโงกเข้ามาใกล้จนน่าหวาดเสียว
“อ้าว...ตื่นแล้วหรือ ฉันกำลังเข้ามาดูอาการเธออยู่พอดี ว่าเป็นยังไง ...ไหน ขอดูแววตาหน่อยซิ?”
คนพูดยังคงชะโงกหน้าเข้ามาใกล้อีก จนตุลาต้องตัวแข็งทื่อ กลืนน้ำลายลงคอ อยู่นิ่งเช่นนั้น จนกระทั่งได้ยินเสียงดังตุบมาจากทางระเบียง พร้อมกับเสียงทักทายร่าเริงอันคุ้นเคยของใครบางคน
“ตุล! ตื่นได้แล้ว เช้าแล้วนะ ....กรี๊ด! อีตาลุงบ้า! นายจะทำอะไรตุลยะ!”
ท่าทางชวนหวาดเสียวของอธิปและตุลา ทำให้รุ้งพรายที่เพิ่งเข้ามากรีดร้องด้วยความตกใจดังลั่นบ้าน จนคนอื่น ๆ ที่อยู่แถวนั้นสะดุ้งโหยงไปตาม ๆ กัน
ทางด้านอธิป ตอนแรกเขาเองก็งง แต่พอเห็นปฏิกิริยาของรุ้งพราย หนุ่มใหญ่จึงแกล้งทำเป็นลูบเส้นผมของตุลาเล่น แล้วแนบหน้าคลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ
“ก็ลักหลับยามเช้ายังไงล่ะ แม่เหมียวน้อย ...เพราะฉะนั้นก็ออกไปได้แล้ว อย่ามาขัดจังหวะพวกเรา...โอ๊ย!”
อธิปร้องเสียงหลง เมื่อกริชที่อยู่แถวนั้นใช้พลังวิญญาณโยนนาฬิกาปลุกใส่ศีรษะของอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้
“อย่ามาทำให้คนอื่นเข้าใจหลานชาวบ้านผิดได้ไหม!”
พอหันไปเห็นกริชก็ทำให้รุ้งพรายโล่งอก เพราะเธอไม่คิดว่ากริชจะกล้าปล่อยให้เพื่อนปล้ำหลานชายต่อหน้าต่อตาแบบนี้แน่
“ฉันเจ็บนะ...ปามาได้ ถ้าหัวแตกจะทำยังไง”
อธิปบ่นอุบ แล้วลุกขึ้นมานั่งคลึงศีรษะเบา ๆ ท่ามกลางความโล่งใจของตุลา
“สมน้ำหน้า ใครใช้ให้มาลวนลามหลานชายชาวบ้านเขากันเล่า”
กริชตอบด้วยสีหน้าเย็นชา ทำให้คนฟังต้องถอนหายใจ แล้วยักไหล่พลางแสร้งทำเสียงน้อยอกน้อยใจตามมา
“เออนะ คนเรา ...เรารึอุตสาห์ตื่นแต่เช้าถ่อมาดูอาการหลานให้ ว่าผิดปกติตรงไหนไหม แล้วดูทำเข้า จะขอบคุณสักนิดก็ไม่มี ดันเอาของมาปาใส่อีกต่างหาก”
ตุลากลืนน้ำลายลงคอ เขาเหลือบไปมองกริชก็ยังเห็นมีสีหน้าเฉยชาตามเดิม เขาจึงเอ่ยขอบคุณอธิปเบา ๆ แทนผู้เป็นอา
“เอ่อ...ขอบคุณนะครับ”
อธิปมองชายหนุ่มตรงหน้าแล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ให้ พร้อมกับขยี้เส้นผมอีกฝ่ายเล่นอย่างเอ็นดู
“เธอนี่มันน่ารักจริง ๆ นะ ถ้าหมอนั่นว่าง่าย ได้อย่างเธอสักครึ่งก็คงดี”
จากนั้นอธิปก็ลุกขึ้นยืน แล้วเปรยขึ้นเสียงดัง โดยไม่มองหน้าใคร
“เอาล่ะ! วันนี้ก็เรียบร้อยปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าไม่ใช้ห้องนั้นในช่วงนี้ ก็หมดห่วงไปได้สักพัก ไว้ทิศทางพลังอาถรรพ์นั่นมันเปลี่ยนกระแส แล้วฉันจะแวะมาตรวจสอบอีกรอบ”
บอกแล้วเจ้าตัวก็โบกมืออำลา แล้วเดินจากไป กริชนั้นมีสีหน้าสบายใจขึ้น ส่วนรุ้งพรายก็มองวิญญาณหนุ่มอย่างสงสัย แต่ก็ตัดใจไม่ถาม แล้วกระโดดขึ้นมาบนเตียงนอนของตุลาแทน
“ตื่นแล้วก็ไปเดินเล่นตอนเช้ากันตุล วันนี้อากาศดีเป็นพิเศษเลย มีแดดอ่อน ๆ แต่เช้า น่าจะเหมาะกับนายนะ ไม่เจอแดดมาหลายวันแล้วไม่ใช่หรือ”
ตุลาชะงัก แล้วจึงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม เขาพึมพำขอบคุณปีศาจแมวสาวก่อนจะขอตัวไปล้างหน้าล้างตา และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน
และเมื่อตุลาหายเข้าไปทำธุระส่วนตัวในยามเช้า กริชจึงเดินมาใกล้รุ้งพราย แล้วเอ่ยขอบคุณเบา ๆ
“ขอบใจนะ ที่ช่วยดูแลตุลให้แบบนี้”
รุ้งพรายเงยหน้ามองวิญญาณชายหนุ่ม แล้วจึงสะบัดหางสองหางไปมาค่อย ๆ ก่อนตอบไปเรียบ ๆ
“ไม่ต้องขอบใจอะไรหรอกค่ะ ฉันทำไปเพราะฉันอยากทำ ก็แค่นั้นเอง...”
“เธอไม่คิดจะถามเรื่องที่ฉันพาอธิปเข้ามาหรอกหรือ”
จู่ ๆ กริชก็เอ่ยขึ้นในสิ่งที่ทำให้ปีศาจแมวสาวสะดุ้ง ทว่าเจ้าหล่อนก็ต้องหัวเราะเบา ๆ ตามมาแล้วจึงตอบออกไปอย่างจริงจัง
“ฉันน่ะ ชอบตุลนะ และอยากคอยดูแลเขาเท่าที่ตัวเองจะทำได้ด้วย ... และฉันก็เชื่อว่าคุณน่ะ รักตุลมาก และคงไม่มีวันยอมให้เขาเกิดอันตรายแน่ ...ดังนั้น ถ้าคุณไม่อยากเล่า ฉันก็จะไม่ถามมันก็แล้วกัน”
กริชชะงัก แล้วจึงยิ้มอ่อนโยนส่งให้อีกฝ่าย อย่างที่ไม่ค่อยมีให้ใคร นอกจากหลานชายของตน
“ขอบใจ ...ฉันคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ให้เขามาอยู่ที่นี่”
“เรื่องนั้น ก็ทำให้ฉันต้องขอบคุณคุณอยู่เหมือนกัน...ขอบคุณนะที่ส่งตุลมา”
รุ้งพรายบอกออกไปจากใจจริงของเธอ แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อคนในห้องน้ำโผล่หน้ามา แล้วมองพวกเขาอย่างสงสัย
“คุยอะไรกันหรือครับ?”
“นินทานายยังไงล่ะ อาบน้ำไวจริงนะ วิ่งผ่านน้ำหรือไง?”
รุ้งพรายแกล้งตอบ ทำเอาตุลาต้องหัวเราะแห้ง ๆ แล้วบอกอุบอิบ
“ผมอาบธรรมดานะ ไม่ได้วิ่งสักหน่อย”
จากนั้นตุลาก็เดินตามรุ้งพรายที่เดินนำหน้าเขาไป ก่อนจะชะงักฝีเท้า หันกลับมามองใครอีกคนที่ไม่ยอมตามไปด้วย
“อาไม่ไปด้วยกันหรือครับ?”
กริชยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงสั่นศีรษะปฏิเสธค่อย ๆ
“ไม่ล่ะ หลานไปเถอะ ...แต่ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็เรียกอาได้ทันทีนะ”
ตุลายิ้มตอบ แล้วจึงพยักหน้ารับ
“ครับ ...งั้นผมไปนะครับ”
เมื่อลับร่างของปีศาจแมวสาวและหลานชายแล้ว กริชจึงหายตัวไปปรากฏที่ห้องของอธิป อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในห้องนอน แต่ได้ยินเสียงน้ำไหลจากฝักบัวในห้องน้ำ ก็แสดงว่าเจ้าตัวน่าจะกำลังอาบน้ำอยู่ในห้อง
สักพัก ร่างสูงของหนุ่มใหญ่ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เจ้าตัวนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวผูกเอวไว้ และกำลังเดินเช็ดศีรษะที่เปียกด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีแขกมาเยี่ยมห้อง
“ไง นายกริช แวะมาบ่นอะไรฉันอีกล่ะ”
อธิปทักแล้วก็ต้องเลิกคิ้วเมื่ออีกฝ่ายโค้งศีรษะน้อย ๆ ให้เขา แล้วพึมพำเบา ๆ
“เมื่อครู่ขอโทษนะ...แล้วก็ขอบคุณที่ช่วยดูแลตุลด้วย”
คนฟังถอนหายใจ แล้วยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียง แล้วแสร้งเปรยดัง ๆ
“เพี้ยนอะไรขึ้นมาอีกล่ะ ปกติเห็นแต่บ่น ๆ ด่า ๆ อยู่ประจำ หือ?”
กริชชะงัก แล้วจึงมีสีหน้าที่กึ่งยิ้มกึ่งเบื่อหน่ายแทน
“ก็เป็นเสียแบบนี้ จะไม่ให้ถูกบ่นบ่อย ๆ ได้ยังไงกัน”
อธิปหัวเราะในลำคอ แล้วจึงเอ่ยตามมา
“แบบนี้สิ ค่อยสมเป็นนายหน่อย”
กริชสั่นศีรษะอย่างระอา แล้วจึงเปรยขึ้นเบา ๆ
“อธิป...นายว่าฉันควรจะบอกตุลเรื่องของฉันดีไหม?”
คนฟังชะงักก่อนจะแย้มยิ้มน้อย ๆ ตอบ
“เข้มแข็งขึ้นมาอีกนิดแล้วสินะ... สำหรับคำตอบของฉันนายก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือกริช”
คนฟังยิ้มเศร้า ๆ แล้วจึงตอบพึมพำเสียงแผ่ว
“ฉันกลัว...อธิป...กลัวตุลจะโกรธ กลัวเขาเสียใจ ...กลัวไปถึงว่าเขาจะคิดสั้นทำร้ายตัวเอง เพื่อประชดฉันด้วยซ้ำ”
อธิปหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เมื่อได้ยินความกังวลของเพื่อน แล้วจึงเปรยดัง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ
“ถ้าเจ้าหนูมันเป็นเด็กแบบนั้นจริง นายก็คงไม่ทำเพื่อเขาถึงขนาดนี้หรอกกริช ...เชื่อใจหลานตัวเองหน่อยสิ เขาอาจจะโกรธ อาจจะเสียใจ นั่นก็ไม่แปลก ...นายเองก็ต้องยอมรับตรงจุดนี้ เพราะนายก็ผิด ที่ทำทุกอย่างลงไปเอง โดยไม่ยอมถามความสมัครใจของเขา”
กริชมีสีหน้าสลดและสำนึกผิดยิ่งกว่าเดิม จนคนมองนึกสังเวช แล้วจึงเอ่ยต่อตามมา
“แต่ฉันมั่นใจว่า เขาจะไม่มีวันทำร้ายชีวิตตัวเอง ซึ่งคนที่รักเขามากที่สุดยอมสละมันให้เขาหรอกนะ”
คนฟังเงียบไปสักพัก แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
“ขอบคุณนะอธิป”
อธิปโบกไม้โบกมือเบา ๆ คล้ายไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่ โดยที่กริชก็ยังคงยืนมองอยู่ในห้องนั้น จนเจ้าของห้องชั่วคราวเริ่มมองไปทางอีกฝ่าย แล้วถามกลับไป
“มองทำไม? หรือชอบดูคนแก้ผ้า?”
“เหอะ! มีอะไรน่าดู แก่ก็แก่ เหี่ยวก็เหี่ยว”
กริชบอกประชด แล้วยังคงจ้องมองอีกฝ่ายจนอธิปชักหวาดระแวง
“นี่...อย่าบอกนะว่านายเป็นพวกอย่างว่านั่น...”
วิญญาณหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง แล้วจึงย้อนสวนกลับไปอย่างหงุดหงิด
“ใครเป็น! ฉันต่างหากที่ควรจะระแวงนายว่ามีรสนิยมประเภทนั้นหรือเปล่า จะได้คอยกันตุลให้อยู่ห่าง ๆ นาย เอาไว้ยังไงล่ะ!”
อธิปชะงัก ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว จนอีกฝ่ายชักไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก
“ฮ่า ๆ คิดได้ไงวะกริช อ้อ! เรื่องล้อเล่นเมื่อเช้าสินะ งั้นสบายใจได้เลย ถึงหลานนายจะน่ารักขนาดไหน แต่ตราบใดที่มีไอ้นั่นเหมือนกัน ฉันไม่คิดจะยุ่งแน่!”
หนุ่มใหญ่บอกอย่างขบขัน แต่กริชยังคงไม่ไว้ใจเท่าใดนัก
“แน่ใจ? ถ้าชอบผู้หญิงจริง ทำไมยังอยู่เป็นโสดมาจนถึงป่านนี้ล่ะนั่น”
อธิปฟังแล้วก็ต้องสั่นศีรษะอย่างระอา แล้วตอบคำถามของอีกฝ่าย
“ก็นะ...ผู้หญิงน่ะเรื่องมากจะตาย ถ้าจีบพอให้กระชุ่มกระชวยหัวใจก็พอได้ แต่ถ้าให้ต้องมาคอยเอาอกเอาใจพวกเจ้าหล่อน เห็นทีคงไม่ไหว ฉันมันพวกอะไรก็ได้ ง่าย ๆ แบบนี้ แล้วนายคิดหรือว่าจะมีผู้หญิงคนไหนมาสนใจฉันน่ะ”
กริชมองคนพูด แล้วก็ต้องยักไหล่นิด ๆ เพราะจะว่าไปนิสัยของอธิปที่เขารู้จักก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
“ก็ดี เพราะฉันเองก็ไม่อยากให้หลานต้องกลายเป็นแบบนั้นนักหรอก...”
“แต่ถ้าหลานนายชอบแบบนั้นเอง นายจะทำยังไง คัดค้านหรือ?”
อธิปแกล้งแซวอีกฝ่าย ส่วนคนถูกแซวชะงัก หันมามองหน้าคนพูดด้วยแววตาดุ ๆ ก่อนจะตอบตามมา
“ถ้าเป็นความชอบของตุลจริง ถึงฉันจะไม่ค่อยชอบใจ แต่ฉันก็ไม่คิดจะบงการให้หลานเปลี่ยนความชอบตามใจฉันหรอกน่า!”
อธิปหัวเราะเบา ๆ แล้วบอกกับอีกฝ่าย
“ฉันชักอิจฉาเจ้าหนูมันแล้วสิ พ่อแม่ฉันแท้ ๆ ยังไม่เคยเอาอกเอาใจใส่ฉัน เหมือนนายทำกับเจ้าหนูมันเลยนะ”
“หลานใครใครก็รักไม่ใช่หรือไง”
กริชแย้ง แต่อธิปก็โต้กลับ
“ถ้ารักธรรมดาทั่วไปมันก็ใช่ แต่นายนี่มันเข้าขั้นพวกติดหลานแบบผิดปกติแล้วรู้ไหม”
วิญญาณหนุ่มชะงัก แล้วจึงทำเป็นไม่สนใจคำพูดนั้น ก่อนจะแสร้งเปรยใส่อย่างรำคาญใจ
“คนไม่เคยมีหลานกับเขาก็พูดได้นี่ เหอะ ไม่คุยกับนายดีกว่า พูดด้วยนาน ๆ แล้วเสียสุขภาพจิต!”
จากนั้นร่างของกริชก็หายตัวออกไปจากห้อง เหลือเพียงเจ้าของห้องที่กำลังยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าเพียงลำพัง ชายหนุ่มนึกขำกับท่าทางหลบเลี่ยงเพราะถูกพูดแทงใจดำของเพื่อน พลางสั่นศีรษะเบา ๆ อย่างระอา แล้วจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าของตนต่อ
--- TBC ---
มาสั้น ๆ ไปหน่อยสำหรับตอนนี้ ไว้ตอนหน้าจะเขียนหวาน ๆ แก้ให้นะคะ (ช่วงนี้อยู่ในช่วงซ่อมแซมความหวานให้กับเรื่อง ^^" )
ตอนแรกที่เขียนเรื่องนี้ได้อิมเมจ เพลง ดอกราตรี กะจะให้ออกแนวสยองขวัญโรแมนติกเศร้า ๆ .......แล้วไหงกลายมาเป็นแบบนี้ได้ก็ไม่รู้ --. การเขียนโดยการวางโครงเรื่องกว้่าง ๆ นี่มันทำให้แนวเขียนเปลี่ยนจริงเลยนะคะ (แต่ก็ลากให้จบได้ถูกใจตัวเองอยู่ดีล่ะนะ)
ป.ล. พระเอกช่วงนี้ยังไร้บทหวาน ๆ แต่เริ่มเก็บกำไร ทำคะแนนกับน้องตุล ในตอนหน้าเป็นต้นไปบ้างแล้วจ้า
เพิ่มเติม : หลายคนยังสับสน พระเอก นั้นออกตั้งแต่ตอนแรก ๆ และ "ไม่ใช่คน" จ้าาา~ (เดาได้ยัง)