ม่านราตรี
บทที่ 10
เช้าวันรุ่งขึ้น ตุลาก็ได้รับฟังข้อความจากอาของตนสั้น ๆ ว่าจะมีคนรู้จักมาเยี่ยม และแม้อีกฝ่ายจะอ้างว่าเป็นเพื่อนสนิทของกริช แถมยังเอ่ยทักทายเขาอย่างสนิทสนมทันทีที่เห็นหน้า แต่ตุลาเองนั้นมองยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอกับชายผู้นี้มาก่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกฝ่ายเป็นหนุ่มใหญ่หน้าตาคมเข้ม แต่มีหนวดเคราขึ้นเขียวรกครึ้ม เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว กางเกงผ้าสีดำเข้ารูป ตุลาคิดว่าถ้าเจ้าตัวใส่แว่นดำด้วยแล้ว ก็คงแลดูเหมือนพวกนักเลงโตได้เลยทีเดียว
“ไม่ได้เจอกันนานเชียวนะเจ้าหนู โตเป็นหนุ่มแล้วนี่ แถมเป็นหนุ่มหล่อไม่แพ้อาเธอเสียด้วยนะ”
อธิปกล่าวทักทายแล้วก็ต้องเลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย
“จำฉันไม่ได้หรือไง เราเจอกันตอนเธออายุ 12 ยังไงล่ะ ...”
ชายวัยกลางคนเอ่ยค้างไว้แค่นั้น แล้วก็ต้องชะงักเหมือนนึกขึ้นได้
“อ้อ ๆ ขอโทษทีฉันเองก็ลืมไป ...ผลข้างเคียงของพิธีกรรมนั่น มันอาจทำให้ความทรงจำของเธอบางส่วนหายไปบ้าง อืม... ก็ไม่แปลกหรอกนะ”
“อธิป!”
เสียงของกริชดังขึ้น จากนั้นร่างโปร่งใสของชายหนุ่ม ก็ปรากฏกายขึ้นข้าง ๆ หลานชาย พร้อมกับจ้องอีกฝ่ายด้วยแววตาดุ ๆ
“เออ ๆ รู้แล้วน่า ฉันก็เผลอบ้างสิ...ถ้าอย่างนั้นเรามาว่าธุระกันเลยดีกว่า”
จากนั้นชายที่ชื่ออธิปก็ถือวิสาสะจับมือของตุลาขึ้นมาพลิกหน้าพลิกหลังดู ก่อนจะชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของชายหนุ่มจนน่าหวาดเสียว เขาขมวดคิ้วยุ่งเล็กน้อย แล้วจึงหันไปทางร่างโปร่งใสที่ยืนมองอย่างเป็นกังวล ก่อนจะหันมาบอกกับตุลาที่นั่งอึ้งอยู่
“อืม...เธอช่วยพาฉันเดินชมบ้านหน่อยสิ”
“อะ เอ๋ คะ...ครับ ได้ครับ”
ตุลารีบรับคำแม้จะงุนงงอยุ่บ้างก็ตาม ส่วนกริชนั้นยิ่งมีสีหน้ากังวลหนักขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนยังไม่ยอมบอกในสิ่งที่เขาอยากรู้สักที
ตุลาเดินพาอธิปชมสวนนอกบ้านก่อนอันดับแรก พลางลุ้นว่าขออย่าให้พวกสาว ๆ ออกมาปรากฏกายให้อธิปเห็นเลย แม้จะแปลกใจว่าทำไมอธิปถึงรู้จักกริชในร่างวิญญาณได้ก็ตาม
“เป็นสถานที่น่าอยู่จังเลยนะ ...ในหลาย ๆ ด้านน่ะ”
อธิปหันมาบอกกับชายหนุ่มอายุน้อยกว่าตนแล้วยิ้มน้อย ๆ อย่างแฝงความนัยจนคนมองต้องกลืนน้ำลายลงคอ
“เป็นบ่อที่กว้างดีจังเลยนะ”
จู่ ๆ อีกฝายก็หยุดยืนแถวบ่อน้ำบ่อใหญ่ในสวน มองไปในบ่อตอนนี้ ก็เห็นเป็นปลาช่อนอเมซอนตัวโตกำลังว่ายหลบ ๆ อยู่ห่าง ๆ ทำให้ตุลาที่ตกใจในคำเอ่ยทักตอนแรกของอธิป เผลอยิ้มน้อย ๆ อย่างลืมตัว
“นี่รู้ไหมเจ้าหนู บ่อน้ำนี่นะ มันค่อนข้างต่างจากบ่อน้ำธรรมดาทั่วไปสักหน่อย”
คำพูดของอธิปทำให้ตุลาสะดุ้ง จากนั้นชายหนุ่มก็ดึงกลุ่มหญ้าแถวนั้นขึ้นมาเล็กน้อย แล้วจ่อแถวปาก พลางพึมพำอะไรบางอย่างที่ตุลาฟังไม่ทัน
“ถ้าเป็นบ่อน้ำปกติ โยนหญ้านี้ลงไปจะไม่เกิดอะไรขึ้น ...แต่ถ้ามีภูตผีปีศาจสิงอยู่ มันจะกลับสภาพเป็นสีแดง แล้วเกิดความร้อนราวกับน้ำเดือดจนปีศาจตนนั้นอยู่ไม่ได้เลยทีเดียว...จะลองดูไหม”
ตุลาเบิกตากว้าง หันไปมองกริชที่ตามมาด้วย ก็เห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าเคร่งเครียดไม่พูดไม่จา เขาหันกลับไปมองอธิป ก็เห็นว่าเจ้าตัวทำท่าจะปล่อยหญ้าในมือ ส่วนปลาช่อนอเมซอนในบ่อ ก็ว่ายพล่านไปมาอย่างตื่นตระหนก
“อย่านะครับ!”
ตุลารีบร้องห้าม เมื่อเห็นอีกฝ่ายปล่อยหญ้าลงไป เขาพุ่งไปหมายจะจับหญ้ากลุ่มนั้นไม่ให้ลงไปในบ่อ แต่ก็ต้องพลัดตกลงไปในบ่อตูมใหญ่จนเปียกปอนไปทั้งตัว ส่วนอธิปนั้นยืนอึ้งในทีแรก ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะยกใหญ่ตามมา
“อธิป! นายมัน...”
กริชเตรียมจะเล่นงานเพื่อนที่หลอกหลานชายของเขาจนตกบ่อน้ำแบบนั้น แต่พอเห็นสีหน้าไม่รู้สึกรู้สาของอีกฝ่าย เขาก็ต้องกัดฟันกรอด แล้วจึงหันมาทางตุลาแทน
“ตุล! รีบขึ้นมา แล้วไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ!”
สีหน้าเกรี้ยวกราดของผู้เป็นอาอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก ทำให้ตุลาตกใจ ส่วนปิ่นสุดาในร่างปลาใหญ่เองก็เช่นกัน เพราะเธอจำสีหน้าแบบนี้ของชายหนุ่มได้ดี เมื่อสิบปีที่แล้วเหตุการณ์ก็คล้าย ๆ แบบนี้ แล้วกริชก็โกรธมากเหมือนเดิมเช่นกัน
“อาครับ...ผมไม่เป็นไรหรอกครับ”
ตุลาบอกขณะที่ยันกายขึ้นจากบ่อ แล้วมองไปทางอธิปด้วยสายตาตั้งคำถาม เพราะแม้หญ้ากลุ่มนั้นจะตกลงไปในบ่อแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้นเลยสักนิด
“ฉันแหย่เล่นน่ะ ไม่คิดว่าเธอจะเชื่อ”
อธิปเฉลยทำให้ตุลาต้องขมวดคิ้วยุ่ง
“แต่แสดงว่าในบ่อนี้มีอะไรจริง ๆ ที่ทำให้เธอยอมให้หญ้าพวกนั้นหล่นลงไปไม่ได้สินะ”
คำถามที่ตามมาทำให้คนฟังสะดุ้ง แล้วมองหน้าคนถามเลิ่กลั่ก
“อธิป! นายจะทำอะไรกันแน่ บอกสิ่งที่ฉันต้องการรู้มาได้แล้ว!”
กริชขึ้นเสียงด้วยความโมโห แต่ชายวัยกลางคนนั้นยักไหล่แล้วจึงหันมาทางร่างโปร่งใสของชายหนุ่ม
“จะให้ฉันบอกจริง ๆ หรือ ต่อหน้าเด็กคนนี้นี่นะ”
กริชชะงักกึก เขาเหลือบมองตุลาที่ยืนจ้องมาทางตัวเองอย่างสงสัย แต่พอเห็นหลานชายหลุดจามเบา ๆ ชายหนุ่มก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป แล้วบังคับไล่ตุลาให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
“อาบอกแล้วไงตุลว่าให้รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ถ้าป่วยหนักขึ้นมาอีกจะทำยังไง!”
“อากริช...แต่นั่นมันเมื่อก่อนนะครับ ตอนนี้ผมไม่ได้ร่างกายอ่อนแอเหมือนตอนเด็ก ๆ อีกแล้ว”
ตุลาเถียงกลับ ทำให้อีกฝ่ายนิ่งไป แล้วจึงมีสีหน้าเจ็บปวดจนตุลาตกใจ
“ตุล...อาขอร้องล่ะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดผมให้เรียบร้อย ...อย่าประมาทกับเรื่องพวกนี้นักได้ไหม อาอยากให้ตุลสดใส แข็งแรงตลอดไปแบบนี้เรื่อย ๆ ไม่อยากให้กลับไปเป็นเหมือนตอนเด็ก ๆ อีกแล้ว”
กริชขอร้องเสียงแผ่ว ทำให้คนฟังเม้มปากน้อย ๆ อย่างสำนึกผิด แล้วจึงยิ้มรับฟังแต่โดยดี
“ครับอา...ผมเข้าใจแล้ว งั้นสักพักผมจะมาใหม่นะครับ ...เอ่อ เชิญคุณอธิปเดินสำรวจบ้านไปก่อนได้ตามสบายเลยนะครับ”
“อื้อ! ได้ เดี๋ยวให้หมอนี่เป็นไกด์แทนเอง”
อธิปบอกอย่างยิ้มแย้ม แล้วไล่มองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาเกือบรอบ อย่างเอ็นดูแกมเวทนา
“เขาดูเข้มแข็งกว่าที่นายคิดนะกริช ...ถึงแม้วันนั้นเขาจะรู้ว่าตัวเองจะตาย และอาจจะนึกกลัวบ้าง แต่ถ้าให้เขาเลือก ฉันว่าเขาจะไม่มีวันเลือกแบบที่นายเลือกแน่นอน”
ชายวัยกลางคนหันมาบอกกับกริชที่นิ่งเงียบไปสักพัก แต่ก็ยังคงจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งแล้วย้ำถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย
“บอกเรื่องที่ฉันอยากรู้มาได้แล้ว”
“เฮ้ ๆ อย่ารีบร้อนนักสิ ขอเดินดูให้ทั่วบ้านก่อน ...ตอนนี้รู้แค่ครึ่ง ๆ เอง แต่ถ้าสำรวจหมด ก็คงบอกได้”
คำตอบของอธิปทำให้กริชชะงัก แล้วจึงหวนคิดถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้
“นายจะบอกว่าอาการของตุลน่าจะเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์หลังนี้ด้วย?”
“อือฮึ ...คิดว่างั้น”
อธิปตอบแบบเผื่อ ๆ ทำให้คนฟังนิ่งเงียบ แล้วจึงเหม่อมองไปยังทิศที่ตั้งของห้องหลานชาย แล้วพึมพำแผ่วเบา
“ถ้ามีวิธีช่วยให้ตุลอยู่ต่อได้อีกก็คงดี”
ทางด้านอธิปมองเพื่อนต่างวัยของเขาอย่างนึกเวทนา แล้วจึงมองไปรอบ ๆ อย่างช้า ๆ
“อืม...มิน่าล่ะ เป็นที่ดินที่พิเศษจริง ๆ ...อ้อ สาวน้อย ไม่ต้องกลัวฉันแบบนั้นหรอกน่า แล้วก็ไม่ต้องซ่อนร่างไว้หรอก ร่างจริง ๆ ของเธอน่ารักกว่าร่างเจ้าปลานี่ตั้งเยอะ”
ท้ายประโยคอธิปหันไปพูดกับปลาในบ่อเสียงดัง ทำให้ร่างนั้นสะดุ้ง แล้วจึงค่อย ๆ กลับคืนสู่ร่างเงือกเหมือนเดิม
“คุณเห็นร่างจริงฉันด้วยหรือคะ?”
ปิ่นสุดาโผล่พ้นมาจากผิวน้ำ เอ่ยถามอย่างกึ่งกล้ากึ่งกลัว ซึ่งอธิปก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบตรง ๆ
“หญ้าเมื่อครู่นี้ ถ้าฉันปลุกเสกจริง ๆ ก็จะออกฤทธิ์แบบที่ฉันบอกเจ้าหนูตุลนั่นไปล่ะนะ แต่สำหรับเงือกสาวน่ารัก ๆ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์อย่างเธอ ฉันทำแบบนั้นไม่ลงหรอก”
อธิปบอกแล้วยักคิ้วให้พร้อมรอยยิ้มกระเซ้า ทำเอาปิ่นสุดาหน้าแดงแล้วรีบหลบไปอยู่ใต้บ่อของเธอ
“อย่ามัวแต่เล่นอยู่ จะเดินสำรวจไม่ใช่หรือไง รีบ ๆ เข้าสิ!”
กริชบอกอย่างร้อนใจ ทำให้คนฟังหัวเราะเบา ๆ
“ไม่เปลี่ยนเลยนะ พอเป็นเรื่องหลานนี่ได้เป็นแบบนี้ทุกที เอ้า ๆ ไม่ต้องทำตาดุแบบนั้น งั้นฉันไปสำรวจดูให้ก็ได้”
บอกแล้วอธิปก็เดินเรื่อย ๆ ไปรอบสวน และพอผ่านซุ้มราตรี เขาก็แหงนมองไปที่บนซุ้มแล้วยักคิ้วทักทายวิญญาณสาวที่ปกปิดซ่อนตัวเองไม่แสดงตัวตนออกไป เพราะเกรงว่าจะทำให้ตุลาเดือดร้อน
“สวัสดีสาวสวย แหม เจ้าหนูตุลนี่ช่างโชคดีจริงนะ แวดล้อมไปด้วยวิญญาณและภูตผีสวย ๆ มองแล้วเจริญตาจริง ๆ”
ราตรีสะดุ้งเฮือก ที่อีกฝ่ายมองร่างวิญญาณของเธอเห็น หญิงสาวลอยมาอยู่เบื้องหน้าของอีกฝ่าย แล้วมองจ้องเขม็ง
“คุณเป็นใคร...ฉันสัมผัสได้ถึงพลังไสยเวทย์จากคุณ ...อย่าบอกนะว่าจะมาปราบพวกเรา”
“เขาเป็นเพื่อนฉันเองราตรี ถึงจะเป็นหมอผี แต่ก็ไม่มีอันตรายอะไรนักหรอก”
กริชเอ่ยขัดขึ้น ซึ่งพอได้รับการรับรองจากกริช ก็ทำให้ผีสาวยอมเปิดทางให้อีกฝ่ายผ่านไป แม้จะยังคงระแวดระวังอยู่มากก็ตาม
“อืม ...ตำแหน่งนี้มัน”
อธิปเงยหน้าขึ้นไปมองยังระเบียงห้อง ซึ่งปัจจุบันนั้นเป็นห้องพักของตุลานั่นเอง
“มิน่าล่ะนะ...เอาล่ะ ไปเดินสำรวจในบ้านกันแทนเหอะ”
อธิปพึมพำแล้วจึงหันกลับมาชวนกริชเข้าไปในคฤหาสน์ ซึ่งวิญญาณหนุ่มก็พยักหน้าแล้วตามไป เพราะอยากทราบเรื่องที่ต้องการโดยไว
พอเข้ามาในเขตคฤหาสน์ อธิปก็ต้องเผชิญหน้ากับพาทิศที่กำลังเตรียมอาหารกลางวันให้กับตุลาตามปกติ
“มีแขกมาเพิ่มหรือครับคุณกริช”
พาทิศหันไปถามกริช ดูไม่ค่อยแปลกใจสักนิดที่เห็นอีกฝ่ายเดินมาด้วยกัน
“อือ แต่อยู่สักพักก็จะไปแล้ว ไม่ต้องเตรียมอะไรให้กินหรอก”
กริชบอกตัดบท แต่อธิปกลับหันไปมองเพื่อนตาปริบ ๆ
“มากไป ๆ ค่าจ้างก็ไม่ได้ แล้วยังไม่มีน้ำใจเลี้ยงดูปูเสื่ออีก ...อืม ถ้าไม่ลำบากนัก ผมขอทานข้าวกลางวันที่นี่ด้วยคนแล้วกันนะครับ”
พาทิศยิ้มให้กับคำพูดของอีกฝ่าย แล้วจึงพยักหน้ารับ
“ไม่มีปัญหาครับ งั้นเดี๋ยวผมเตรียมอาหารเพิ่มให้อีกชุดแล้วกัน”
จากนั้นซอมบี้หนุ่มก็ขอตัวไปเตรียมอาหารต่อ ด้านอธิปมองตามไล่หลังอีกฝ่ายไป พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ อย่างชื่นชม
“เป็นผีดิบร่างสมบูรณ์ แถมยังมีวิญญาณอีก ไม่ค่อยได้เห็นแบบนี้เท่าไรเลยนะ เชื่อแล้วว่าที่นี่อาถรรพ์แรงจริง ๆ ไม่งั้นคงไม่สามารถคงสภาพอยู่แบบนี้ได้ตลอด แม้เวลากลางวันก็ตามหรอก...”
อธิปพึมพำกับตัวเอง แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแมวร้อง พร้อมกับมีแมวสองหางกระโจนจากระเบียงชั้นสอง ลงมาหาเขา
“นี่ลุง! นายเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงรู้เรื่องพาทิศไม่ใช่คนได้!”
เพราะแอบฟังและแอบดูอยู่อย่างสนใจมาได้สักพัก ทำให้รุ้งพรายได้ยินสิ่งที่อธิปบอกอย่างชัดเจน แม้ว่าจะอยู่ห่างกันไปไกลหลายเมตรก็ตาม
“หืม? ปีศาจแมว? แหม…บ้านนี้มันช่างครึกครื้นดีแท้ น่าย้ายมาอยู่ที่นี่จริง ๆ แฮะ ...นายว่าไงกริช คิดว่าหลานนายจะยอมแบ่งห้องพัก ให้ฉันไหม?”
“อธิป...”
กริชเอ่ยชื่ออีกฝ่ายด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เริ่มหงุดหงิด เพราะดูเหมือนชายหนุ่มจะดูเอื่อยเฉื่อย และไม่ค่อยสนใจเรื่องของหลานชายเขาเท่าใดนัก
“น่า ๆ นายจะร้อนรนไปให้มันเกิดอะไรขึ้น ถ้าช่วยไม่ได้ จะรีบยังไงก็ช่วยไม่ได้ ...แต่ถ้าไม่รีบไม่ร้อน บางทีมันอาจจะเป็นแค่ปัญหาเส้นผมบังภูเขา ที่เรามองผ่านไปโดยไม่ได้สังเกตก็ได้นะ”
กริชชะงักแล้วจึงเงียบไป ถึงแม้จะหงุดหงิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรออธิปเท่านั้น
“นี่ลุง! ลุงยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ!”
รุ้งพรายขู่ฟ่อตามมา เพราะโดนเมินไม่สนใจ ทำให้อธิปหันกลับมามอง แล้วยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
“ฉันน่ะอายุน้อยกว่าเธออีกนะ แม่เหมียว มาเรียกว่าลุงแบบนี้ ฉันก็เสียหายหมดสิ”
“ก็หน้าแก่นี่ เรียกลุงก็เหมาะแล้ว!”
รุ้งพรายบอกแล้วค้อนขวับ ทำให้อธิปหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“เออนะ ก็ถูกของเธอ เอาล่ะ ฉันจะตอบคำถามเธอก่อน จะได้ไปสำรวจบ้านต่อ ไม่งั้นมีหวังหมอนี่คงหงุดหงิดใส่ฉันไม่เลิกแน่”
จากนั้นอธิปก็ทรุดนั่งลงแล้วเอื้อมมือไปจับศีรษะของแมวสาวแผ่วเบา ทว่าพออีกฝ่ายสัมผัส รุ้งพรายก็ขนลุกซู่ แล้วกระโดดหลบออกมาทันที
“นายเป็นหมอผี!”
“ถูกต้อง สมแล้วที่อยู่มานาน ประสาทสัมผัสคมกริบใช้ได้”
อธิปบอกยิ้ม ๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจเบา ๆ เมื่อเห็นท่าทางกลัวจนตัวสั่นของแมวสาวตรงหน้า
“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันเป็นเพื่อนกับหมอนี่ แล้วที่มาที่นี่ก็แค่มาดูอาการของหลานชายเขาก็แค่นั้น”
“อธิป ไม่จำเป็นต้องพูดมาก ไปได้แล้ว!”
กริชขัดขึ้น เพราะไม่อยากให้รุ้งพรายรู้เรื่อง เนื่องจากกลัวว่าจะทำให้ตุลาพลอยรู้ถึงเรื่องนี้ไปด้วย
“รุ้ง...มาช่วยฉันในครัวหน่อย ส่วนทางนั้นปล่อยพวกเขาไปเหอะ อย่าไปกวนเขานักเลย”
เสียงของพาทิศตะโกนขัดมาจากมุมครัว ทำให้รุ้งพรายที่เตรียมซักถามด้วยความสงสัยสะดุ้งโหยง ปีศาจแมวสาวลังเล ก่อนจะทำเสียงฮึในลำคอ แล้วจึงสะบัดหน้าเดินตรงไปที่ครัว ตามที่เพื่อนชายเรียก
อธิปนั้นมองตามร่างของปีศาจแมวสาวไป เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วจึงหันมาทางกริช
“เอาล่ะ คราวนี้ไปห้องนอนของหลานชายนายเลยแล้วกัน”
กริชขมวดคิ้วยุ่ง แต่ก็ยังทำตามที่อีกฝ่ายบอก เขาพาอธิปมาที่ห้องซึ่งตุลาพักอยู่ และพอเดินมาถึง ประตูห้องก็เปิดออกมาพอดี
“อะ...อ้าว ผมกำลังจะลงไปหาพอดีเลยครับ ...มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ตุลาถามอย่างสงสัย ซึ่งอธิปก็ยิ้มแล้วตอบกลับ
“พวกเราก็มีธุระกับห้องของเธอพอดีนั่นล่ะ”
คนฟังขมวดคิ้วยุ่งอย่างงุนงง แต่ก็ยังคงปล่อยให้ทั้งคู่เข้ามาในห้องของตัวเอง ทางด้านอธิปพอก้าวเท้าเข้ามาในห้องของชายหนุ่ม ไม่กี่ก้าว เขาก็มองไปรอบ ๆ พลางยกยิ้มน้อย ๆ แล้วหันไปบอกกับกริช
“ถ้านายปล่อยให้เขานอนห้องนี้ต่ออีกสักอาทิตย์ นายคงได้เขามาอยู่ร่วมเป็นก๊วนผี กับพวกนายไปแล้วล่ะ กริชเอ๋ย”
... TBC ...
(ว่าที่)สมาชิกใหม่ของม่านราตรีเพิ่มมาแล้วอีก 1 หน่อ หุ ๆ แถมยังเป็นคนเดียวที่ประมือกับนายกริชได้พอฟัดพอเหวี่ยงอีกด้วย ... หวังว่านักอ่านคงจะยินดีต้อนรับอีตาลุงหมอผีคนนี้เช่นเีดียวกันนะคะ ^^