M ♠ M
24.5
ผมอยากแก้แค้น
อยู่ดีๆ พอได้จับปืน และลองได้ลั่นไกออกไป หยดเลือดที่กระเซ็นออกมาจากอกของฝ่ายตรงข้าม อารมณ์และความรู้สึกที่เกิดขึ้น ฉับพลันนั้น มันได้บ่งบอกว่าที่ผ่านมาอดีตของผมเป็นอย่างไร
ผมเคยถูกยิง
เคยโดนหักหลังจากคนที่ไว้ใจ
มันช่างเจ็บปวด
โชคดีที่ผมเคยลืมความเจ็บนั้น แต่มันแค่ระยะเวลาสั้นๆ
ตอนนี้ผมจำได้แล้ว ทุกอย่าง
ผมกันพี่เมฆออกไป แล้ววิ่งขึ้นหอคอย
ปลดปล่อยอดีตทุกอย่างออกมาผ่านปลายนิ้ว
ผมยิ้มให้กับตัวเอง ยิ้มให้กับคนที่นอนหมดลมหายใจ
อุตส่าห์คิดว่างานที่ค่ายนี้คงใกล้จบ เพราะไม่เห็นศัตรูเคลื่อนไหวรอบๆ เลย ยกเว้นคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินมาพร้อมอาวุธครบมือ
คนพวกนี้ที่อยู่กับไอ้ท้อปนี่หว่า...
ผมมองผ่านกล้อง และส่งสัญญาณมือให้คนประหลาดชาวต่างชาติ กำลังอยากถามว่าพวกไอ้ท้อปล่ะไปไหน แต่พอพวกเขาเห็นผม
สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ผมรีบก้มหัวลง เพราะห่ากระสุนที่สาดมาแบบไม่ยั้ง
ปังปังปัง!
อะไรวะ มันยิงผมทำไม มันจำผมไม่ได้เหรอ?
หรือว่าเมื่อกี้มันเห็นหน้าผมไม่ชัดแล้วนึกว่าเป็นศัตรู
ผมพยายามส่งสัญญาณมืออีกครั้ง สัญญาณที่รู้เฉพาะทีมเราเท่านั้น แต่พวกนั้นก็ยังกระหน่ำยิงมาเหมือนเดิม
ท่ามกลางความตกใจ และกระสุนที่เพิ่งเจาะผ่านต้นแขน ผมรีบหาทางหนี เห็นกิ่งไม้ท่อนนึงยื่นเฉียดหลังคาไปไม่ไกล
สงสัยต้องปีน แม่งเอ๊ย โคตรทุลักทุเล
พอปีนขึ้นไปสำเร็จ ผมรีบปะติดปะต่อเรื่องว่าทำไมไอ้พวกนั้นถึงยิงผม? ไม่หนอนบ่อนไส้ ก็นายสั่งมา
แต่เรื่องไม่ไว้ใจผมมันน่าจะเคลียร์แล้วนี่นา
เสียงกระสุนยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผมหันไปทางกิ่งไม้ กำลังคิดว่าจะกระโดดไปเกี่ยว ไม่รู้จะไหวไหม เริ่มเจ็บแขนนิดๆ แล้ว
“มายด์” เสียงพี่เมฆ!
ไม่ทันหายตกใจ ผมก็เห็นเขาปีนขึ้นมายืนที่เดียวกันแล้ว
“มายด์!”
“พี่เมฆ” ทั้งดีใจทั้งโล่งอก
ผมกำลังจะอ้าปากบอกเขาว่าพวกคนต่างชาติมันชักไว้ใจไม่ได้แล้ว แต่พี่เมฆพอเห็นสภาพผม เขาก็อ้าปากค้าง รีบกระชากแขนผมไปดู แล้วเอาเป้ออกจากหลังหาผ้ามามัดแขนผมห้ามเลือดไว้
“เหี้ยไรเนี่ย ถูกยิงจนได้ใช่ไหม?” พี่เมฆโมโหแบบปิดไม่มิด
“กูเครียดตั้งแต่เห็นคุณทำเป็นเก๋าเกมส์แล้วนะ ไอ้เวรเอ๊ย รู้ป่ะว่าถ้าผัวคุณมาเห็น เขาจะรู้สึกยังไง มีเมียชอบโชว์พาวโง่ๆ น่ะ” พี่เมฆว่าผมซะเสียเลย
“ผมช่วยพี่เมฆนะ!”
“อ่อนอย่างคุณจะมาช่วยผมหาพ่อเหรอ! ไม่ต้องหรอกครับ สัส ไม่ต้องมาทำเป็นเก็กซีเรียสเลย”
เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าเขาไม่พูดเพราะๆ ด้วยแล้ว ซึ่งมันอาจจะเกิดจากการที่เขาเดือดจัดหรือไม่ก็เพราะตัวจริงของพี่เมฆเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว
“ไม่ช่วยก็ได้! ผมอยากทำเอง! ผมอยากฆ่าพวกมันด้วยตัวของผมเอง! แล้วถ้าพี่เมฆอยู่มันก็เกะกะผม ผมเลยบอกให้พี่ไปไกลๆ ซะ”
“โห นี่คุณ นี่มัน...ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ” พี่เมฆทำหน้าอึ้งกับคำโต้ตอบ
“ผมรู้ว่าตัวเองเป็นยังไง ผมทำได้แน่นอน พี่เมฆก็อย่าประเมินผมต่ำนักเลย ตอนแข่งยิงปืนกันพี่ก็เห็นว่าผมแม่น”
“โห ยัง ยังไม่หยุดอีก นี่คุณโอหังกับกูขนาดนี้เลยเหรอ? เริ่มจะไม่น่ารักแล้วนะเว้ยมายด์!”
พี่เมฆทำหน้าดุใส่ผมจริงๆ แล้วคราวนี้ ถึงเสียงเขาจะไม่โหดมากแต่ผมก็เสียใจ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วที่ด่าผมอ่ะ ผมอุตส่าห์ตั้งใจช่วยแล้วยังมาด่าผมหยาบๆ อีก
“ไม่น่ารักแล้วมาเอาผมทำไมล่ะ ถ้าไม่น่ารักพี่ก็ไม่ต้องรักก็ได้ ทิ้งผมไปได้เลย ไม่ต้องมาช่วยแล้ว!” ผมพูดไปก็น้ำตาซึมไป
“เฮ้อ” พี่เมฆเท้าเอว ก้มหน้าถอนหายใจแรงๆ พอเห็นผมร้องไห้ สักพักเขาก็เงยหน้าขึ้น หรี่ตามองผมจากมุมสูงด้วยสายตาที่นานๆ จะเห็นสักที
“ไอ้ขี้แย นี่มันสนามจริง แล้วกูก็ไม่ได้ใจดีจริงๆ หรอกนะจะบอกให้มึงรู้ไว้”
เหมือนโดนกระแสไฟฟ้าช็อต ตัวเขาเมื่อครั้งก่อนที่ผมเคยมองผุดออกมาในมโนภาพทันที
“ไอ้เมฆ ไอ้มายด์!!!” พี่เป็ดตะโกนเรียกหาจากข้างล่าง สงสัยจะเคลียร์พื้นที่ได้แล้ว
พี่เมฆขมวดคิ้วพอได้ยิน เขาชะโงกหัวไปมองพร้อมหรี่ตาแบบครุ่นคิดอะไรบางอย่าง หน้าตาที่ผมเคยเห็นเมื่อครั้งอดีตย้อนกลับมาให้ได้คิดว่าพี่เมฆก็มักจะมีมุมแบบนี้อยู่เสมอ
“สัด กูอยู่นี่ !” เขาแสดงตัวโต้ตอบกลับไป แต่เป็นในมุมมองที่ทุกคนเคยเห็น ไม่ใช่แบบเมื่อกี้
“ไปทำเหี้ยอะไรบนนั้น มึงอู้อีกแล้วเหรอ!?”
“ใช่ไง เสร่อถามอีกนะมึง”
“ไอ้เหี้ย ลงมา คุณท้อปมาถึงแล้ว”
“เออ มาแล้วไง กูต้องลงไปปูพรมแดงให้มันเดินไหม?”
“มึงอย่าเยอะ ลงมา!!!”
พี่เมฆยิ้มมุมปากยักคิ้วล้อเลียนจนพี่เป็ดเลิกคุย เดินหนีไปอีกทาง
ผมอยากบอกพี่เมฆเรื่องที่ถูกพวกเดียวกันยิง แต่พอเห็นสายตาพี่เมฆยังจดจ้องอยู่ที่เดิม แต่สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก็เริ่มไม่กล้าคุย แถมยังน้อยใจกับเรื่องบ้าๆ เมื่อกี้ไม่หาย ผมเลยเลือกที่จะเงียบ แล้วค่อยๆ ปีนกลับลงไปเอง
“ฮึก” เลือดเริ่มซึมออกจากแขนมากกว่าเดิม แต่ที่เจ็บกว่านั้นคือท่าทีของพี่เมฆที่เลิกสนใจผมโดยสิ้นเชิง ผมห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้อย่างยากลำบาก
มองซ้ายมองขวา อยากกลับไปรวมกลุ่มก็กลัวโดนดักยิงอีก จะทำยังไงดี?
“มานี่”
“เฮ้ยยย” อยู่ๆ ผมก็โดนจับอุ้มพาดบ่า พอเห็นว่าเป็นพี่เมฆก็ทั้งดีใจทั้งน้อยใจรวมกัน จนสับสนไปหมด
“ปล่อยผม จะพาผมไปไหน” ผมเดาใจเขาไม่ออกเลย
“พาไปข่มขืนแล้วฆ่า” พี่เมฆพูดเสียงเรียบเล่นเอาผมถึงกับใจหล่นลงไปบนตาตุ่ม
“อย่ามาล้อผมเล่นนะพี่เมฆ”
“หรือจะให้ฆ่าอย่างเดียวล่ะ?”
“พี่เมฆ! จะทำอะไรกันแน่เนี่ย ปล่อยผมลงนะ” พี่เมฆพามาหลบตรงมุมหนึ่งในป่าหลังโขดหินก้อนใหญ่ เขาปล่อยผมลงแล้วเอาสองแขนคร่อมดักทางหนีเอาไว้
“ทำอะ....”
“ชู่ว...” พี่เมฆเอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากบอกให้เงียบ
“อย่าอวดดีมาก กูปวดหัว หรือว่าคนอย่างมึงต้องโดนเอาก่อนวะ ถึงจะว่านอนสอนง่าย?”
“ผมไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่ต้องทำตามคำสั่งใครทุกอย่างนี่”
“แต่ถ้ากูสั่งมึงต้องทำ เคป่ะ?”
“พี่มีสิทธิ์อะไรล่ะ?”
“ผัวมึงไง”
ผมผลักพี่เมฆออกทันทีที่โดนล็อค แต่ก็สู้แรงเขาไม่ไหว ทั้งปากก็โดนจู่โจมบดลงมาอย่างหนักหน่วง ผมเหมือนขาดอากาศหายใจ ร่างกายก็เหมือนไม่ได้อยู่ติดพื้น
“เวลาอย่างนี้เนี่ยนะ!?” ผมเบี่ยงปากหลุดออกมาได้แป้บนึงก็โดนประกบต่อ พี่เมฆดึงกางเกงผมลง ผมยิ่งดิ้นหนัก
“อื้ออ” อกเขายังกับแผ่นคอนกรีตเสริมเหล็กที่ดันเท่าไหร่ก็ไม่ขยับ
“เมื่อกี้เราความเห็นไม่ตรงกันใช่ไหม?” ผมรู้สึกเหมือนโดนอะไรแข็งๆ จ่อที่ประตูหลัง ได้แต่มองหน้าพี่เมฆแบบพูดไม่ออกตอนเขาบอกว่า
“เยสกัน เดี๋ยวความเห็นมันก็ตรงกันเองนั่นแหล่ะ”
ไม่อยากจะเชื่อเลย!!!
“เจ็บ พี่เมฆ จ..เจ็บ” ผมได้แต่หลับตาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ
“คราวหลังจะได้ไม่ทำอีก”
“อุตส่าห์ทำดีแล้วแท้ๆ อะ...อื้อๆๆ” ผมเจอกดถี่ๆ เข้าไปจนแทบกลั้นเสียงไว้ไม่อยู่
“เฮ้ย ดีตรงไหนวะ กูไม่อยากเสียมึงอ่ะ”
ผมมองหน้านิ่วคิ้วขมวดของพี่เมฆแล้วอดใจชื้นไม่ได้ เพิ่งรู้สึกว่าเขาพูดจริงๆ ก็คราวนี้แหล่ะ
“ผม... ผมก็ไม่อยากเสียพี่”
“แต่เมื่อกี้กูเกือบเสียชีวิตเพราะห่วงมึงแล้ว”
“ห่วงผมจนแทบตายเลยเหรอ?”
“............................” พี่เมฆนิ่งเหมือนอึ้งอะไรสักอย่าง ผมได้แต่กอดเขาไว้ทั้งขาทั้งแขนแน่นๆ
...ดีใจจนลืมความเจ็บทุกอย่าง
♠♠♠
“กว่าจะตามมาได้นะมึง” พี่เป็ดบ่นทันทีที่เห็นผมและพี่เมฆเดินเข้าไปถึง
ถึงพี่เมฆจะยังอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่อย่างน้อยผมก็ได้บอกเขาไปแล้วว่า ผมไม่ได้พลาดเพราะศัตรู แต่ที่พลาดก็เพราะพวกเดียวกันต่างหาก
พี่เมฆพยักหน้า ไม่รู้คิดอะไรอยู่ เขาบอกแค่ว่า
‘หลังจากนี้กูจะล่อแม่งให้บันเทิงไปเลย แค่มึงกับกูก็พอ’
.................แค่มึงกับกู..................
แค่มึงกับกู
ฮะๆๆ ฟังดูแล้วเหมือนจะสนิทกันยิ่งกว่าเดิมอีกแฮะ
“เสบียงมาแล้ว กินก่อนสิ” ไอ้ท้อปบอกพี่เมฆที่กำลังเขี่ยกล่องมานั่ง ผมมองแล้วไม่เจอไอ้คนที่ยิงผมเลย... มันไปไหนนะ?
“ไอ้เหี้ย” พี่เมฆโวยวาย “กูเหนื่อยมาทั้งวันทั้งคืน มึงให้กูแดกปลาย่าง สมองอ่ะ มีเยอะกันเหลือเกินนะ”
“มาช้าแล้วอย่าเรื่องมาก” พี่โซ่ที่ยืนอยู่หลังไอ้ท้อปพูดขึ้น
“เออ มัวทำเหี้ยอะไรกันอยู่ กูบอกให้รีบมา เอ๊ะ! มึงอย่าบอกนะว่ามัวแต่ไปเยสกัน!!!” พี่เป็ดระเบิดลง
“เหนื่อยนี่หว่า ขอสบายตัวมั่งดิ”
“พ่องตาย!! ถึงว่าเดินหาจนทั่วแม่งไม่เจอ นี่พวกมึงมาทำงานหรือว่ามาหาที่เยสเอ้าท์ดอร์กันแน่”
“กูมาอย่างหลังอ่ะ”
“ไอ้...”
“แล้ว.........” พี่เมฆเอานิ้วชี้วนๆ “ชาวร็อคกูหายไปไหนล่ะ?”
ผมขำที่เขาขัดคำพูดของพี่เป็ดทำเป็นไม่สนใจ
“พวกไอ้โจ? ผมให้มันไปเคลียร์ท่าเรือตามแผนแล้ว” ไอ้ท้อปนั่งเท้าคางบอกแบบเนือยๆ
“นายมาสายตั้งครึ่งชั่วโมงนะเมฆ จะรับผิดชอบยังไง?” เอ่อ เพราะมัวแต่ไปทำเรื่องไร้สาระให้เสียแผนแท้ๆ
“ผมกับมายด์จะไปเก็บของให้เอง” พี่เมฆรับอาสา
“โห ลูกพี่ ไปด้วยดิ”
“เฮ้ย กูต่างหากที่อยู่แนวหน้า” พี่คมกับพี่เป็ดร้องตามซะงั้น
“ไอ้สัด พูดไม่ฟัง กูกับมายด์เท่านั้น คนอื่นอย่าเสือก”
“แม่งโกงอ่ะ ชอบหนีไปกันสองคน ผมก็อยากอยู่กับน้องมายด์นะ อยากเห็นฝีมือเทพ ลูกพี่อ่ะงานหยาบ พนันกันได้เลย ถ้าผมไม่ไปด้วยรับรองว่ามิชชันเฟลแน่”
“รำคาญชิบหาย พนันเหี้ยไรวะห้วนๆ มึงแทงปากเปล่า ก็จ่ายปากแตกนะเว้ย”
“งั้นให้คุณหนูท้อปตัดสิน”
“คมไม่ต้องไป” ไอ้ท้อปพูดแบบเบื่อๆ
“โอ้ว ม่ายยยย”
“ให้เมฆรับผิดชอบที่มัวแต่ไปเอากับไอ้เด็กนั่น มันจะได้รู้ซึ้งจริงๆ สักทีว่าปืนน่ะเขาใช้กันยังไง”
ไอ้ท้อปมันพูดยังกับว่าผมใช้ปืนไม่เป็น น่าเจ็บใจจริงว่ะ
“จับเป็นนะ”
ผมว่าไอ้ท้อปไม่ได้เต็มใจอยากให้ผมมากับพี่เมฆหรอก แต่มันไม่รู้จะขัดความกวนตีนของเขายังไงมากกว่า ผมกับพี่เมฆเตรียมกระสุนและเสบียง ที่สำคัญเตรียมปืนเหมาะๆ สักสองกระบอกเป็นอย่างต่ำ เพราะคราวนี้ต้องแยกกับทีมจริงๆ จังๆ แล้ว
“ชาวร็อคแม่งชิ่งซะงั้น สงสัยไม่กล้าบวกกับผมว่ะ” พี่เมฆเดินสบายอารมณ์ไปตามทาง ผมเห็นเขาดูแผนที่คร่าวๆ แป้บเดียว มองเข็มทิศที่นาฬิกาอีกไม่กี่ครั้งก็พร้อมเดินทาง
“อ้าว ไม่พูดแบบเมื่อกี้แล้วเหรอ?” กูมึง ไรเงี้ย
“พูดว่า.......อ๋อออ นึกออกแล้ว” ผมตั้งใจฟัง
“รูตูดคุณมันมีทวินแคม 16 วาล์ว เปิดปิดสามจังหวะหรือเปล่าวะ ทำไมมันเผาไหม้เครื่องยนต์ผมดีจัง”
“ไม่ใช่สักหน่อย” โธ่เอ๊ย อุตส่าห์ตั้งใจฟัง
“อะไรของคุณ?”
“ไม่พูดกูมึงกับผมแล้วเหรอ?”
“กรรม ชอบผู้ชายดิบๆ เหรอ? ขอโทษทีว่ะ ที่ผมไม่ใช่ พอดีผมเป็นเจ้าชายจากดินแดนเวทย์มนต์ ไม่มีทางที่ผมจะแสดงท่าทีก้าวร้าวออกมาต่อหน้าประชาชนหรอก” ช่างกล้า
“พูดก็ได้นะครับ ถ้าแบบสุภาพมันฝืนใจพี่”
“ฮะๆๆ คุณเห็นผมเป็นคนยังไงวะ?”
“หื่น”
“อ้าว พูดงี้เดี๋ยวก็มีคนดูดปากหรอก” ไม่ทันขาดคำเขาก็ยื่นหน้ามาทำอย่างที่พูดจริงๆ เล่นเอาผมแทบหงายหลังล้มไปกองกับพื้น
“เฮ้อ จริงๆ แล้วพี่ต้องเป็นผู้ชายซาดิสม์แน่ๆ” ดูจากการกระทำที่ผ่านมา ปากบอกไม่ชอบความรุนแรง แต่เห็นทำความรุนแรงทุกเรื่อง
“เลือดต้องล้างด้วยเลือด ฮ่าๆ”
“นั่นไง ชอบโหดๆ จริงด้วย”
“มายด์จะโหดกับพี่เหรอครับ?”
ไอ้ท่าทางพาดปืนไว้บนบ่าแล้วทำเสียงแอ๊บแบ๊วเนี่ย โคตรจะไม่เข้ากับพี่เมฆเลยจริงๆ
“พี่เมฆ ขอจับมือหน่อย?”
“เฮ้ย อีกแล้วนะคุณ มือไม่ว่างเห็นป่ะ มือนึงถือปืน มือนึงเกาตูด”
“ขอจับหน่อยก็ไม่ได้”
“จับโค้กไปมวยไหมล่ะ?”
“จับโค้กไปล่อเป้าดีกว่า”
“ก็ล่อไปแล้วไง เมื่อกี้ เอาอีกทีไหมล่ะ หึหึ”
ผมเหนื่อยใจกับพี่เมฆชะมัด อีกไม่กี่กิโลก็จะไม่ได้คุยกันแบบนี้แล้ว จะสร้างบรรยากาศดีๆ เหมือนคนอื่นบ้างก็ไม่ได้
“เหนื่อยยัง?” พี่เมฆหันมาถาม
“ยังครับ เดินต่อไปอีกหน่อยก็ได้”
“พักก่อน ลำธารอยู่ใกล้ๆ” แล้วจะถามผมทำไมเนี่ย
พี่เมฆพาเดินไปนั่งพักบนโขดหินริมลำธารสายเล็กๆ แล้วหยิบเสบียงออกมาจากเป้
“ผมหิว แล้วก็ง่วงด้วยว่ะ รวมๆ กัน”
“ยังไม่ทันไรเลย”
“ก็ตูดคุณอ่ะ..”
“พี่เมฆจะมาโทษผมได้ไง โทษความหื่นของตัวเองบ้างสิ”
“คุณดิ มายั่วผมก่อน โทษคุณนั่นแหล่ะ ทำผมศีลขาด” เคยมีศีลด้วย?
“ไม่คิดว่าตัวเองผิดบ้างเลยใช่ไหม”
“ตั้งแต่เกิดมายังไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดเลยอ่ะ อ้อ มีอย่างนึง”
“อะไรเหรอ?”
“ผิดที่เลือกคุณเป็นเมีย” โห
“จำไว้ จะไม่คุยด้วยแล้ว!”
ผมลุกขึ้นเดินหนีไปงอนไกลๆ พี่เมฆรู้ว่าผมรักข้างเดียวก็ได้ทีแกล้งผมใหญ่ คิดว่าเป็นเรื่องสนุกนักหรือไง
แล้วผมจะยอมเขาร่ำไปแบบนี้หรือไง?
ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรักเขาด้วย
บางทีพี่เมฆอาจจะไม่ได้คิดจริงจังกับผมแต่แรก
เพราะว่าผมเป็นผู้ชายสินะ
“เอ้า มานั่งหัวห้อยตรงนี้เดี๋ยวก็โดนไอ้เข้แดกหรอก มานี่” พี่เมฆยื่นมือมาให้ แต่ผมไม่จับ ผมลุกขึ้นจะเดินกลับไปที่เดิม
“งอน งอน”
“...............”
“เฮ้ย ไม่เอาหน่า” พี่เมฆคว้ามือผม ผมสะบัดหลุด เขาก็ดึงไปจับใหม่
“.................” ผมหันหน้าไปมองเขา เป็นเชิงถามว่า มาจับทำไม ทีตอนอยากจับแทบตายไม่ยอมให้จับ กวนตีน!
“มือผมอุ่นใช่ไหมล่ะ?”
“.....................”
“มือและตีนผมเนี่ย สามารถปกป้องคุณได้นะ” ชิ ผมหันหน้าหนีไม่มอง แต่พอเวลาผ่านไปสักพักพี่เมฆเงียบ ไม่ร่ายมนต์ต่อ ผมก็เริ่มเอะใจ..
“เฮ้ยยย มาหอมแก้มผมทำไม” คนที่โวยวายไม่ใช่ผมนะครับ แต่เป็นพี่เมฆบ้า มันเอาหน้ามาจ่อใกล้ๆ พอผมหันกลับไปปากผมก็ไปโดนแก้มเขาอ่ะ มุขอะไรวะ เก่าจริงๆ
“ผมเสียให้คุณเกือบหมดตัวแล้วนะเนี่ย จะไม่พูดด้วยแล้วจริงๆ เหรอ?” ใครกันแน่ ทั้งจับมือ หอมแก้ม กอดจูบ...แล้วก็ทิ่มตูดผม แง้
ไม่ๆๆ ต้องอย่าใจอ่อน
“พูดกับผมเถอะนะครับ คนดี” เอ่อ
พี่เมฆทำผมเขินหน้าแดง แต่พอเหลือบไปเห็นหน้าเขาที่กำลังหัวเราะเยาะผมแล้วจบเลย
“ยัง ยังไม่ยอมพูดอีก” ก็ช่ายน่ะสิ
“จับโยนลงน้ำแม่ง” เฮ้ยยยยย
อย่า...........................!!!!
พี่เมฆช้อนขาผมอุ้มจะโยนจริง ผมเผลอกอดคอเขาไว้แน่น
“พูด! เร็ว! จะพูดไหม?” พี่เมฆโยนอีกแต่ผมเกาะยึดแน่นยิ่งกว่ากาวตราช้าง
“อย่าดื้อกับผมสิครับไอ้หอยหลอด เดี๋ยวไม่รักนะ”
ผมสะดุดนิดหน่อยกับคำนี้ คำว่ารัก อยากถามใจแทบขาด ว่าเคยรักด้วยเหรอ?
ฟอดๆๆ จ๊วบๆๆ
พี่เมฆเริ่มใช้กำลังกับผมอีกแล้ว แก้มกับปากผม ไปหมดแล้ว
ผมดันหน้าเขาออก พร้อมกับพยายามปีนลงจากอ้อมแขน
“ขอโทษ ผมพูดเล่น” พอยืนบนพื้นสำเร็จ เขาก็ดึงคอเสื้อผมไว้ไม่ให้ไปอีก
“........Sorry 3 times จะให้ผมเอาคุณอีกรอบก็ยอมนะ” เขากอดผมไว้จากด้านหลัง กอดแน่นเหมือนกับผมจะหายเข้าไปในอ้อมอกนั้น
“ผมง้อคุณเป็นสิบนาทีแล้วนะมายด์ ถ้านานกว่านี้ผมจะจับเยสแล้วนะ”
“..................”
“เอาจริงนะ คราวนี้จะทำให้ร้องลั่นป่าเลยเป็นไง?” พี่เมฆไซร้ที่คอ อีกมือก็เลื้อยจากชายเสื้อเข้าไปบีบหน้าอก ผมงอตัวด้วยความเสียวซ่าน ตอนที่เขาเอาลิ้นแหย่หู และอีกมือก็ลูบไล้ที่จุดกึ่งกลาง
“เฮ้ย ไม่เอาแล้ว!!!” เขาเอานิ้วล้วงเข้าไปกดข้างหลังจริงๆ เล่นเอาผมหนีแทบไม่ทัน
พี่เมฆพอได้ยินเสียงผมเขาก็ผละออกมาหัวเราะ
“สมใจแล้วล่ะสิ” ไหนบอกไม่ชอบความรุนแรงวะ บังคับกันชัดๆ
“ถ้าได้เอาอ่ะสมใจแน่ ขอเอาหน่อยดิ”
“ไม่ให้!!” ว๊ากกกก
“ตอบเร็วไปไหม คิดก่อนดิ ของแบบนี้ถ้าไม่ชอบจริงๆ ทำไม่ได้นะ รู้ป่ะ” ผมชะงักกับคำพูดของพี่เมฆไปสองวิ เดี๋ยวนี้ชอบพูดอะไรแบบนี้เหมือนกันแฮะ ทำผมสับสนอีกแล้ว
“พี่ชอบพูดปากไม่ตรงใจอ่ะ”
“ก็ใจผมมันไปตรงกับคุณแล้วไง”
H
Thank you (3 times) ยังมาต่ออยู่นะ ช้าบ้างขออภัย แนะนำให้ไปอ่านใหม่เน้อ