EP.31 (END) ♠ 04/08/15 M ♠ M 『 ▷ ▷ ▷ ▸ ครูผมเป็นมาเฟีย (จริงดิ!!!?) 』
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: EP.31 (END) ♠ 04/08/15 M ♠ M 『 ▷ ▷ ▷ ▸ ครูผมเป็นมาเฟีย (จริงดิ!!!?) 』  (อ่าน 356002 ครั้ง)

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
พี่เมฆ น้องมันหัวเราะหรือร้องไห้ :katai5:

ออฟไลน์ foyer

  • 「★ the sons of a battlecry」
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +822/-2

M ♠ M
29.5


ที่นี่ญี่ปุ่น... ถ้าไม่นับเรื่องที่ข้ามชายแดนไทยไปเพื่อนบ้าน แล้วยิงกันเปรี้ยงปร้าง นี่นับเป็นประเทศแรกที่ผมมาเหยียบแบบไม่มีเรื่องงานมาเกี่ยวข้อง

อะไรๆ ก็ไม่คุ้นเคยเลยสักอย่าง ทั้งการอยู่ การกิน การเดินทาง แถมคนที่นี่เขาก็ไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษกันเสียด้วยสิ ทำให้อะไรๆ มันก็เลยยากไปหมด

ตอนที่พี่เมฆบอกว่า ‘เขาชอบนอนคนเดียว’
ถึงจะรู้ว่าคนๆ นี้ชอบล้อผมเล่นเป็นกิจวัตรก็เหอะ แต่บางทีผมก็ใจหายบ่อยๆ กับคำพูดและการกระทำของเขา


พี่เมฆชอบผมจริงๆ หรือเปล่า?



คำถามนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง ทั้งที่ก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว




ผมเดินเข้ามาในห้องน้ำ หลังจากที่เขาบอกว่าล้อเล่น
ล้อเล่น แต่ก็ไม่ได้ชวนไปนอนด้วยกัน



มองตัวเองในกระจกเงา ใบหน้าที่เปื้อนด้วยคราบน้ำตา ทำให้ผมยิ่งสงสัยว่าตัวเองทำไมต้องอ่อนแอกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้


ผมก้มหน้า เปิดก๊อกล้างน้ำตาออกให้หมด ก่อนหยิบกระดาษใบหนึ่งที่เพิ่งได้มาจากในกระเป๋าหลังกางเกง



‘Kusawa Yuito
090-xxxx-xxxx ’

ผมจดจำทั้งหมดจนขึ้นใจก่อนจะฉีกกระดาษนั้นทิ้งลงชักโครก





“นี่คุณจะนอนโซฟาจริงๆ เหรอ?” พี่เมฆเดินออกมาถามหลังจากเห็นผมหอบหมอนผ้าห่มแล้วทิ้งตัวนอนคลุมโปงบนโซฟา
“มายด์ผมล้อเล่น คุณอย่าทำงี้ดิ หัวก็ไม่ได้ล้าน ทำไมขี้ใจน้อยจัง” พี่เมฆตามมานอนเบียด แล้วดึงผมไปกอด
“ถ้าคุณนอนนี่ ผมก็จะนอนนี่นะ” ผมไม่ตอบ ได้แต่ขยับหนีเขาจนหน้าแทบจะจมเข้าไปในโซฟาอยู่แล้ว
“ใบ้แดกเหรอครับเมีย?”
“..............................”
“โอเค นอนซะ ฝันดีนะครับ” พี่เมฆไม่ได้ตื๊อผมจนน่าถีบเหมือนที่เคยทำ เพียงแต่ผมรู้สึกได้ว่าเขากดหน้าลงมาบนหน้าผมแล้วเอามือกอดเอาขาก่ายเอวผมเอาไว้เท่านั้น

ว่าจะโกรธเขาให้นานกว่านี้นะ แต่มันดันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาซะนี่


เช้านี้ผมรู้สึกว่านอนตื่นสายกว่าที่เคย
บนโซฟาไม่มีพี่เมฆอยู่แล้ว ผมเดินหาจนทั่วห้องแต่ก็ไม่เจอเขา โน้ตสักใบจะเขียนบอกว่าไปไหนก็ไม่มี

พี่เมฆทำผมใจหายติดกันเป็นครั้งที่สองหลังจากมาที่นี่
ถ้าเขาปล่อยผมทิ้งไว้ ผมจะอยู่ยังไงเนี่ย...

ผมล้างหน้าแปรงฟันลวกๆ เดินลงมาตามหาเขารอบๆ ที่พัก แต่ก็ไม่เจอ
อันที่จริงพี่เมฆนี่ก็หลอกผมนะ ไหนบอกว่าจะไปโอกินาว่า ถึงผมจะไม่เคยมา แต่ก็รู้ว่าที่นี่มันเกียวโตชัดๆ

อุณหภูมิหลังออกมานอกห้องนี่ก็ไม่ธรรมดาเลย ถ้าให้เดาคงไม่ถึง 10 องศา โชคดีนะที่ผมพกเสื้อกันหนาวมาพร้อมไม่งั้นคงได้หนาวตายตั้งแต่ลงจากสถานีรถไฟ

ผมกลับเข้ามาอยู่ในห้องตามเดิม เพราะทนหนาวไม่ไหว
พอมานั่งคิดอะไรๆ สักพักได้ยินเสียงท้องตัวเองร้องดังโครก ถึงรู้ว่าตัวเองไม่มี แม้แต่เงินสักเยนติดตัว อาหารสักอย่างก็ไม่มีติดตู้เย็น แน่ล่ะ ก็เพิ่งเข้ามาอยู่วันแรก

จะทำยังไงดีๆๆๆๆ

ถ้าพี่เมฆทิ้งเราจริงๆ ในสภาพนี้ เราจะอยู่ยังไง?

ไม่หรอก... เดี๋ยวเขาก็กลับมา พี่เมฆไม่คงไม่ทิ้งเราเร็วขนาดนั้น เพิ่งมาไม่ถึง 2 วันเองนะ



5 ชั่วโมงกับการรอคอย นี่มันนานเกินไปหรือเปล่า?
หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพี่เมฆ!? ใจผมเริ่มกระสับกระส่าย... เดินวนไปมาสักพักก็ได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้น

ผมสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็รีบเดินไปที่ประตู
“พี่เมฆ หายไปไหนมา!?” ทั้งโล่งใจทั้งดีใจเลย อารมณ์นอยด์มันหายหมด พี่เมฆยิ้มแห้งๆ แล้วชูอาหารกล่องขึ้น
“โทษที ผมไปสมัครงานมา แม่งกว่าจะรับ ต้องให้ลงไม้ลงมือ” เขาบ่นแล้วเดินหัวเสียเข้ามา
“มากินเร็ว เมื่อเช้ารีบไปหน่อย เลยไม่ได้บอก ไม่นึกว่ามันจะยุ่งยากขนาดนี้ แม่งเอ๊ย ซวยซ้ำซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อนฉิบเลยกู” พี่เมฆวางกล่องบนโต๊ะแล้วเปิดข้าวปั้น กับซูชิหลากหลายหน้าให้ผม

“พี่ไปสมัครงานที่ไหนมา?” ผมหิวมากก็เลยกินไปด้วยถามไปด้วย
“ที่ๆ ดูๆ ไว้นั่นแหล่ะ แต่บังเอิญไอ้คนที่นัดไว้มันไม่อยู่ แถมไอ้คนที่อยู่แม่งก็เสือกพูดภาษาไทยไม่ได้อีก ก็เลยคุยกันไม่รู้เรื่อง”
ผมเคี้ยวข้าวค้างเลย...
“ที่นี่ญี่ปุ่นนะ คงมีคนญี่ปุ่นพูดไทยได้อยู่หรอก”
“ก็ผมพูดภาษาอังกฤษไปแล้ว จีนก็ด้วย มันก็ยังไม่เข้าใจ เลยลองพูดภาษาไทยไง”
“และเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี....” ผมถอนหายใจ “ทำไมพี่ไม่พูดภาษาญี่ปุ่นไปเลยล่ะ เหมือนที่เคยบอกตอนลงเครื่องไง พูดได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ก็พูดไง พูดยังไม่ทันจบด้วยซ้ำ แม่งล่อเอาไม้เบสบอลไล่ฟาดผม ดีนะที่ผมสายพลิ้ว ก็เลยถวายแหวนให้มันไปวงนึง” คนบ้าที่ไหนเอาแหวนไปถวายให้คนไล่ฟาด ไม่ใช่แล้ว! นั่นมันศิลปะมวยไทย แหวกวงในชกเสยคางด้วยหมัด

“นี่พี่ไปทำร้ายนายจ้างมาเหรอ!?” นึกว่าพูดเล่น
“ผมป้องกันตัวน่า แต่กว่าจะเคลียร์กันได้ก็ต้องขู่ให้มันโทรหาเจ้าของตัวจริงไง”
“ไปต่อยเขาแบบนั้น แล้วพี่จะทำงานร่วมกับเขาได้ไหมเนี่ย”
“ผมไม่สนหรอก ไม่ใช่ญาติ ยังไงก็คุยกับมันไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว” พี่เมฆยักไหล่สบายๆ ชิวๆ ตามสไตล์เขา นี่ขนาดยังไม่ทำงาน... ถ้าทำจริงๆ จะรอดไหมเนี่ย

“พี่เมฆไปสมัครงานอะไร?” ถามว่าที่ไหนไม่บอก ก็เลยลองถามใหม่ดู ผมลุ้นสักพักพี่เมฆก็เงยหน้าตอบเสียงเรียบ




“ครู”




ผมตาโตยิ่งกว่ารู้ว่าจะได้มาญี่ปุ่น



“ทำหน้าแบบนั้นไม่เชื่อหรือไง?” พี่เมฆเลิกคิ้ว สายตาหาเรื่อง
“เปล่าๆ สอนเลขเหมือนเดิมหรือเปล่าครับ?” ผมแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเขาเคยเป็นครู เพราะอารมณ์นั้นมันไม่เคยมีตั้งแต่เขาย่างเท้าเข้ามาในโรงเรียนแล้ว
“เปล่า”
“แล้วสอนอะไร?”
“มวย”

พอจะตอบง่ายๆ ก็แสนง่าย


แล้วอยู่ๆ พี่เมฆก็ลุกออกจากเก้าอี้ไปนอนหงายหลับตาบนโซฟา
“พี่เมฆทำไมไม่กิน กินมาแล้วเหรอครับ?” ผมเห็นเขาไม่แตะอาหารเลยสงสัย เพราะมันก็ค่อนข้างเยอะอยู่เหมือนกันนะ
“ไม่กินแล้ว อยากนอน”
“ไปซัดเขามาจนเหนื่อยล่ะสิ”
“แค่นั้นน่ะ ไม่คะน้ามือผมหรอก”

อยากจะถามเขามากกว่านี้เหมือนกัน แต่เห็นเหนื่อยๆ แล้วดูเหมือนจะหลับไปแล้วด้วย ผมเลยปล่อยเขานอนไปให้เต็มอิ่ม


พี่เมฆตื่นอีกทีตอนเก็บเย็น เขาชวนผมออกไปกินข้าวข้างนอก
“ใส่เสื้อผ้าหนาๆ นะ ข้างนอกแม่งโคตรหนาว ตอนเช้าเดินออกไปไข่ผมแทบแข็งแหน่ะ”
“ก็เล่นไม่ยอมซื้อเสื้อกันหนาวมาก็แบบนี้แหล่ะ” ทำเป็นเก่ง ทำเป็นแข็งแรงไปสิ สงสัยคิดว่าผิวหนังตัวเองหุ้มไฟเบอร์สามชั้นล่ะมั้ง
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จผมพาไปซื้อเสื้อกันหนาวใหม่นะ เอาแบบที่กันลมได้ด้วย ไอ้ที่ขนมาจากประเทศไทยน่ะ ไว้คุณค่อยใส่ไปดูหมีแพนด้าที่เชียงใหม่ละกัน”
“แล้วใครบอกผมล่ะว่าไม่หนาว!!! ผมก็ไม่หามาเยอะน่ะสิ!”
“ผมไม่อยากให้คุณแบกไรมามากมายไง หนักเปล่าๆ เดี๋ยวมาซื้อข้างหน้าเอา ตังค์ผมเยอะ” ขี้เกียจจะบ่น โชคดีร้านที่พี่เมฆพามาไม่ไกลมากก็เลยได้กินข้าวสวยร้อนๆ กับเนื้อหมูหมักนุ่มๆ บวกกับชาร้อนรสละมุน ที่มีเมนูให้กดเลือกจากบนตู้อัตโนมัติ

ผมค่อนข้างตื่นเต้นกับไอ้ตู้นี้อยู่เหมือนกัน โชคดีอีกนั่นแหล่ะที่ร้านนี้มีภาษาอังกฤษกำกับอยู่ด้วย

กินเสร็จเราต้องนั่งรถเมล์ไปย่านศูนย์การค้า เพื่อซื้อเสื้อกันหนาว พี่เมฆพาผมขึ้นนั่นลงนี่ ยังกับเขาเป็นเจ้าถิ่นเสียเอง
“ก่อนหน้านี้พี่เมฆเคยมาญี่ปุ่นหรือเปล่า?”
“แหม เคยดิ ผมไปมาแล้วทั่วโลก ตอนเด็กๆ ผมอยากนั่งรถไฟเหาะ ผมก็ชอบบินมาเล่นที่โตเกียวบ่อยๆ” ผมหรี่ตามองแบบไม่เชื่อและไม่เชื่อ 
“ขอความจริง....”   
“ก็เนี่ยแหล่ะความจริง ไว้ว่างๆ ผมจะพาไป” รอยยิ้มของเขาเป็นอะไรที่น่าเชื่อถือมากกกกกก

พี่เมฆซื้อเสื้อกันหนาวกันลมให้ผมเป็นสิบตัว ผ้าพันคอ ถุงมือ ถุงเท้า ลองจอนอีก ซื้อให้เยอะขนาดนี้ถ้าเขากวนตีนผมโดยการไม่ช่วยถืออีกนะ ผมจะทิ้งถุงไว้แถวนี้แล้วจะไม่เอาอะไรกลับไปสักอย่างเดียว

ไม่รู้ผมคิดไปเองไหมว่าพี่เมฆรู้สึกผิดเรื่องเมื่อเช้า เขาเลยไม่ค่อยจะกวนประสาทผมเท่าไหร่ ไอ้ที่ซื้อมาก็ถือให้หมดเลย แปลกๆ เหมือนกันแฮะ

“พี่เมฆหนักไหม ผมช่วยถือก็ได้นะ” เกรงใจอ่ะ
“แค่นี้สบาย ให้ผมยกสิบล้อยังไหว” เขาหันมายักคิ้ว
“คุณอยากได้ตัวไหนอีก?” ผมสั่นหัว แค่นี้ก็แทบเอาถุงไปห้อยกับปากพี่เมฆแล้ว 
“แวะซื้อหนมไปกินก็ได้นะ ดูเค้กร้านนั้นดิ อยากกินไหม?” ผมมองหน้าเขา สลับกับมองหน้าเค้ก ก็น่ากินจริงๆ แหล่ะ ที่นี่มีแต่ของน่ากินอ่ะ เลือกไม่ถูกเลย
พี่เมฆไม่ให้ผมคิดนาน เขาตรงดิ่งเข้าไปซื้อให้ ทั้งที่ภาษาก็ค่อนข้างจะสื่อกันลำบาก แต่ก็พอถูไถไปได้กับคำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ ล่ะนะ

เพิ่งเคยได้ยินพี่เมฆพูดภาษาอังกฤษแบบจริงจังก็คราวนี้ สำเนียงได้เหมือนกันนะ ภาษาจีนที่ได้ยินบนเครื่องไม่นับ เพราะไม่คุ้น แต่ภาษาอังกฤษที่เรียนมาแต่เด็กเนี่ยฟังแล้วรู้เลยว่าเขาก็ค่อนข้างพูดคล่อง

“พี่เมฆพูดภาษาอังกฤษชัดจัง” ผมสงสัย เพราะในประวัติมาเฟียเขาผมรู้ก็แค่ค้าอาวุธข้ามชาติ บางทีอาจใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารบ่อยซึ่งก็ไม่แปลก แต่ก็อยากลองถามดู
“ผมก็พูดชัดทุกภาษานั่นแหล่ะ ภาษากายยิ่งชัด คืนนี้คุณอยากฟังไหมล่ะ?” เขาหันมายิ้มยักคิ้วให้ หน้าตาท่าทางอ่อยๆ พอคิดถึงช่วงเวลานั้นและรูปร่างเขาใต้เสื้อกันหนาวตัวใหญ่แล้ว ก็อ่อยผมขึ้นอยู่เหมือนกันนะ



“...อยากฟังครับ” ผมก้มหน้าตอบเขาไปตรงๆ อากาศตอนนี้ก็หนาวนะ หนาวจนควันขึ้นเลย แต่ทำไมหน้าผมร้อน
“หึหึหึ” ได้ยินเสียงพี่เมฆกลั้นหัวเราะ ผมรีบเงยหน้าขึ้นมองเขา


“คืนนี้ผมจะเข้าไปนอนในห้อง”
“.............แล้ว?”
“แล้วผมชอบนอนคนเดียว”

อีกแล้วนะ!!!

ผมรีบจ้ำหนีพี่เมฆด้วยความโมโห ผมคงไม่หน้าด้านตามเขาเข้าไปถึงในห้องหรอก และคืนนี้ผมจะนอนโซฟาที่เดิมด้วย!


“รอป้ายนี้” พี่เมฆตามมาดึงแขนผมลากมารอรถเมล์ที่ป้าย เขายังมองผมยิ้มเยาะๆ อยู่เหมือนเดิม อยากบอกว่าไม่ตลก ลองผมต่อรองเขาได้บ้าง อยู่เหนือเขาได้บ้างสิ มันต้องไม่เป็นแบบนี้แน่

นึกถึงชื่อของคนในกระดาษยับยู่ยี่นั้นแล้วก็ได้แต่ครุ่นคิด
รอให้ได้ใช้โทรศัพท์ก่อนเถอะ!



“อย่ามาทำผมนะ!” กลับมาถึงห้อง กินเค้กอิ่ม รื้อเสื้อผ้าใหม่ใส่ถังซัก กำลังเตรียมตัวไปอาบน้ำ อยู่ๆ ผมก็โดนอุ้มเข้ามายืนเบียดอยู่ในอ่างน้ำขนาดกะทัดรัด
ถ้าเบียดเฉยๆ คงไม่ใช่พี่เมฆ... เขาทิ่มนิ้วเข้ามาในก้นผมด้วย
ความเสียดเสียวพุ่งจนถึงปลายเส้นผม เพราะเขาจู่โจมผมแบบไม่ทันตั้งตัวจริงๆ
“สงสัยปลาดิบที่เพิ่งกินไป มันเล่นงานผมว่ะ”
“อย่าไปโทษปลา อ๊ะ!” จมูกเขาซุกอยู่หลังใบหู มือนึงคลึงยอดอก มือนึงทิ่มก้น ผมได้แต่ยืนตัวอ่อน ตอนที่โดนแท่งของเขาทะลวงเข้ามา


เชื่อแล้วว่าภาษากายเขาชัด!
ถ้ารู้ว่าปลาดิบนั่นเป็นยาโด๊ป ผมจะไม่ให้เขากินเด็ดขาด!

“ไม่เอา ผมจะนอนโซฟา” 1 ยกในห้องน้ำ กินเวลาไปเป็นชั่วโมง พี่เมฆอาบน้ำล้างตัวให้เสร็จก็อุ้มผมมาในห้องนอนที่เมื่อคืนไม่ได้แม้แต่สัมผัส
“นอนที่นี่แหล่ะ โซฟามันแข็ง เดี๋ยวก้นช้ำหมด”
“ก้นผมไม่ช้ำเพราะโซฟาหรอก มันช้ำเพราะพี่”
“ก็คุณขอผมเองไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ทำให้เดี๋ยวก็หาว่าผมเสื่อมอีก” มันใช่เหตุผลเหรอ?
 
“งั้นพี่ต้องนอนด้วยนะ” ผมดึงข้อมือพี่เมฆไว้ก่อนที่เขาจะได้ลุกไปไหน
“...แล้วไม่ต้องพูดเลยว่าชอบนอนคนเดียว เมื่อก่อนก็ยังนอนด้วยกันได้ ทำไมเพิ่งมาพูดตอนนี้ มันฟังไม่ขึ้น” ผมพูดขึ้นก่อนเขาจะทันได้อ้าปากโต้ตอบ
“หึ แล้วใครบอกผมนอนไม่ได้ เมื่อวานก็พูดแล้วไงว่าล้อเล่น คุณไม่เชื่อเอง”
“........................” ผมขมวดคิ้วมองหน้าเขา พี่เมฆเอื้อมมือมาลูบหัวผม
“จะไปหาน้ำกิน เสียเหงื่อเยอะไปหน่อย” พี่เมฆยิ้มเบาๆ ส่วนผมเบะปากใส่
“อย่าเพิ่งนอนนะ เดี๋ยวไปเอานมมาให้” เขาก้มมาจูบแก้มแล้วผละออกไป


ว่าจะโกรธแล้วนะ... ไม่โกรธอีกแล้ว T T

 


เช้าวันต่อมา... ผมตื่นสายกว่าพี่เมฆ และเขาออกจากห้องไปโดยไม่บอกตามเคย ก็ได้แต่รอๆ คราวนี้มีของกินไว้ให้แล้ว พี่เมฆก็เลยกลับเสียเย็น

“พี่เมฆเริ่มทำงานแล้วเหรอ?” ผมถามหลังจากเขามานั่งพักได้สักครู่
“ยัง เมื่อวานไม่ได้เจอเจ้าที่ วันนี้เลยต้องไปจุดธูปเรียกใหม่”
“แล้วเป็นไงบ้าง?”
“ก็งั้นๆ ผมหล่อกว่า เก่งกว่า ดีกว่าทุกอย่าง” ตอบแบบนี้ผมเลยไม่อยากถามต่อเลย

“ให้ผมไปทำงานด้วยได้ไหม ผมไม่อยากอยู่เฉยๆ คนเดียว” ผมไม่ได้ตั้งใจตัดพ้ออะไรเขานะ แต่อยู่แบบนี้มันเบื่ออ่ะ
“ทนแป้ป เดี๋ยวผมพาเข้าโรงเรียน” ผมตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะได้เรียนต่อตั้งแต่รู้ว่าตัวเองเคยทำงานอะไรมา

“วันนี้ไปหาโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นให้แล้ว แต่ไม่ต้องกลัวหรอก เดี๋ยวผมจะให้คุณเรียนนานาชาติ ที่นี่ดีนะ ไม่ต้องใส่เครื่องแบบ เสียอย่างเดียวอากาศแม่งหนาวฉิบหายเลย” เขาทำท่าเบื่อหน่าย ไม่รู้เบื่ออากาศหรือว่าอย่างอื่น

ผมไม่เถียงเขา เพราะใจก็อยากเรียนเหมือนกัน จะเป็นที่ไหนก็ได้ขอให้ได้เรียน มาอยู่นี่ก็ดีเหมือนกันนะ เหมือนบังคับให้ตัวเองต้องพูดภาษาเขาให้ได้

“ผมจะได้ไปโรงเรียนวันไหนเหรอครับ?” ผมถามอย่างกระตือรือร้นแต่พี่เมฆตอบแบบเนือยๆ
“อาทิตย์หน้า”
“อีกตั้งนาน... งั้น...เอ่อ ผมขอยืมเงินพี่เมฆหน่อยได้ไหม เผื่ออยากออกไปข้างนอก.......” พูดไม่ทันจบ พี่เมฆรีบแทรก
“หนาวจะตาย ไม่ต้องออกไปไหนหรอก เดี๋ยวหลงทางขึ้นมาก็แย่อีก”
“ผมจะไปใกล้ๆ”
“อย่าออกไปเลยน่า... เดี๋ยวเคลียร์ธุระเสร็จ ผมจะพาไปเที่ยวนะ”

ผมก็ได้แต่ทำตามที่เขาบอก...
แต่การอยู่บ้านเฉยๆ คนเดียวมันเบื่อมันเหงา มันรู้สึกแย่จริงๆ นะ เพราะที่นี่ผมก็ไม่รู้จักใคร นอกจาก...


ผมปิดประตูห้องแล้วเดินออกมาข้างนอก อากาศยังหนาวยะเยือกอยู่เหมือนเดิม แต่ก็พอทนได้ เพราะเสื้อผ้าใหม่ที่เพิ่งซื้อมา
ผมเดินดูนั่นดูนี่สำรวจไปเรื่อย จนมาถึงสวนสาธารณะเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ย่านที่พักอาศัยแถวนี้มันเงียบจริงๆ แหะ คนก็แทบไม่เห็นเดินบนท้องถนนเลย

เขาหายไปไหนกันหมด


ผมได้แต่ยืนมองซ้ายมองขวา อากาศหนาวแบบนี้คงไม่มีใครอยากออกมาเดินเท่าไหร่หรอก

ผมเห็นม้านั่งตัวหนึ่งตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ ซึ่งผลัดใบออกหมดเหลือแต่กิ่งแห้งๆ นั่งไปสักพักก็สะดุ้งเฮือกท่ามกลางความเงียบ เพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่ใกล้ๆ
ผมลุกขึ้นมองหาเจ้าของเสียง ก็ไม่เห็นใครนอกจากตัวเอง เลยเดินเข้าไปตามหาเสียง

มือถือเครื่องนั้นยังแผดเสียงลั่นด้วยทำนองเพลงน่ารักๆ อยู่เหมือนเดิมหลังพุ่มไม้
ผมจะหยิบก็ไม่กล้าหยิบ เพราะมันไม่ใช่ของตัวเอง

ชั่งใจอยู่นานก็หันหลังกลับ


‘ตุบ’

หน้าผากผมชนเข้ากับปลายคางคนๆ นึงเข้าอย่างจัง ผมตกใจไม่คิดว่าจะมีใครยืนอยู่ตรงนี้ บวกกับไม่ได้ระวังตัวเองเลยตั้งแต่มา ก็เลยทำให้ผงะถอยหลังไปไกล

ผมเอียงคอมองเขา เพราะจำได้ว่าเป็นหนึ่งในคนที่ยืนอยู่หน้าที่พักวันนั้น

“Do you remember me?” ภาษาอังกฤษแปร่งๆ หลุดออกจากปากเขา ผมพยักหน้าหงึกๆ
“You are...” ผมตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน
“Kusawa Yuito. I’m JayLu’s friend. He wants me to contact you …immediately.” เขาโค้งให้นิดๆ ประกอบคำพูด ว่าแต่เจย์ลู่คือ... เฮียลู่หรือเปล่าฟะ
“So I want to calling you too. But I have no money.” มุมปากเขากระตุกนิดๆ

“Fine.” เขาหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาแล้วยื่นแบงค์พันเยนให้ 5-6 ใบได้
“Don’t mention it. This is Jay’s Money.” เอ่อ... ถึงจะเป็นเงินเฮียลู่ก็เถอะ
“Want another?”
“No, I don’t.” คิ้วเขายกขึ้นข้างหนึ่งเหมือนมีคำถาม
“Jay told me...something between you and เมฆ. I have known a bit rumor about him.”
“ah, what about?”



“Jay want me to give him a lesson.”



“หา!?”
“ผมติดหนี้เจย์อยู่ เรื่องแค่นี้ผมจะช่วยเขาแล้วกัน”



เอาจริงดิ!!!?



จะดัดนิสัยพี่เมฆเนี่ยนะ!? หวังว่าผมจะไม่ได้แปลภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นผิดนะ 

“อีกอย่าง...กรุณาพูดภาษาญี่ปุ่นให้ได้เร็วๆ ด้วยนะครับ ผมไม่เก่งอังกฤษ”




H
ขอโทษที่ช้านะคะ งานยุ่งจริงๆ ค่ะ บางทีเครียดแต่งไม่ออก
แต่จะพยายามเขียนจนจบนะคะ   :heaven


         
   

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :L2:
รอได้ค่ะ สะสางงานก่อนจะไดไม่เครียด

ออฟไลน์ mayuree

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 443
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-4
ก็จริง!  พี่เมฆสมควรโดน!!

ออฟไลน์ EunJin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
พี่เมฆทำตัวมีลับลมคมในตลอดอ่ะ ฮึ่มๆๆ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
รอได้ค่ะ ขอแค่อย่าทิ้งคนอ่านก็พอ ^^
ว่าแต่ อิพี่เมฆคงไม่ได้ไปทำงานอันตรายๆอีกนะ เฮ้อออ -_-;;

ออฟไลน์ ▲TEACHCHY▼

  • ★ U can call me TEACH ★
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 166
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
แนะนำนีออนเป็นเมียพี่เมฆต้องพกพาราไว้สักขวดนะลูก :laugh:

รอดูพี่เมฆโดนดัดนิสัยค่ะ เอาแซ่บๆ :hao7:เลยนะคะ

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
งานนี้พี่เมฆจะเมียหาย หรือโดนยากูซ่ากระทืบหล่ะเนี่ย กวนโอ๊ยเกินนน

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
บทเรียนจะทำให้พี่เมฆหายกวนได้มั้ยน้อ

ออฟไลน์ shoky_9

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
บทเรียนอย่าหนักเกินนะ สงสารพ่อพระเอกเค้า อิอิ
งานนี้นีออนน่าจะร่วมด้วยนะ ข้อหาอิพี่เมฆมันกวนประสาทเกิน5555

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
อ๊ากกกกก ก ก ก ก ก ก ในที่สุดก็ทันซะที กว่าจะทันได้ฮาพี่เมฆท้องแข็งหมดแล้ว
คนอ่ะไรเกรียนได้โล่ 555555 น้องมาย์ดก็น่ารักนะ อิอิ
รอตอนต่อไปนะค่ะ อยากรู้เหลือเกินว่าจะทำยังไงในการดัดนิสัยเมฆนะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านกี่รอบก็ฮา แต่ก็แอบเสียน้ำตาไปกับไปพี่เมฆเยอะเหมือนกัน พูดเล่นน่ะพูดได้เว้ย แต่พูดเล่นให้คนเค้าเสียใจเนี่ย ทำบ่อยมันไม่ดี!! ขอบคุณที่มาต่อค่ะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ mayyyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อิพี่เมฆ แกตายแน่ 555555555555++
จัดหนักเลยนะน้องมายด์ อิคึ อิคึ  :hao7:

++อ่านมานานแล้ว ไม่เคยเม้นเลย เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ p9hmiew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบมากค่ะ พึ่งได้เข้ามาอ่าน ตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องครูกับนักเรียนธรรมดา เกือบเลิกอ่านซะแล้ว
พออ่านต่อน้องนีออนของเราแซ่บขึ้นทุกตอน  พี่เมฆที่ดูจะติ๊งต๊องก็จริงจังได้ โฮกกก มันนนสสส์!
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่าา สนุกมาก o13

ออฟไลน์ foyer

  • 「★ the sons of a battlecry」
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +822/-2
M ♠ M
30

วันที่ 2 ในญี่ปุ่น

   ถ้าคิดว่าผมจะทะเล่อทะล่าเข้ามาในประเทศนี้โดยไม่มีแบ็คอัพ มันคงเป็นอะไรที่ควายมาก
      ถึงจะพูดภาษาญี่ปุ่นตอนนี้ไม่ได้ แต่สมองผมนี่อัจฉริยะเทียบเท่าไอน์สไตน์ ใกล้เคียงปู่อคิมิดีสนะ คิดว่าไม่นานหรอก คงพูดได้หลายคำยิ่งกว่าดาราหนัง AV แน่ๆ กู
         
         ที่ๆ ผมจะไปเช้านี้ คือ...ย่านดังย่านนึงในเกียวโต คนเดินถนนเยอะสัด แทบชนกันตาย ที่อยู่ที่พกมาถ้าไม่มี GPS ก็ไม่ได้ช่วยไรกูเลย

            ด้วยความที่สั่งสมประสบการณ์ชีวิตสาขาการกระทืบมาค่อนข้างโชกโชน คนไหนแผ่จิตสังหารมาผมจะรู้เลย ว่ามันต้องเป็นคนคล้ายๆ ผมเนี่ยแหล่ะ
   

‘ยากูซ่า’ ที่นี่มีหลายตระกูล ผมก็จำชื่อไม่ค่อยได้หรอก แต่ถ้าจะให้ดีก็ขอเป็นตระกูลใหญ่ๆ ในเกียวโต เช่น ซาคุโมะ หรือไม่ก็ อิจิยะ จะได้สมกับเป็นคุณค่าที่กูคู่ควร ไม่ใช่ไอ้พวกกะโหลกกะลา แอ็คอาท ที่พออยู่กันเป็นฝูงก็ทำกร่าง แต่พอตัวคนเดียวก็เหมือนหมาตัวหนึ่ง

   ผมไม่ได้กะเข้าไปเป็นขี้ข้าใครอย่างเป็นทางการ แต่ที่มานี่คือ มาในฐานะ ‘ผู้สื่อข่าวอิสระ’ ผมไม่ใช่แนวถือไมค์ตามสัมภาษณ์ใครด้วยปาก แต่ผมจะสัมภาษณ์ด้วยส้นตีน นี่แหล่ะวิถีแห่งไอ้เมฆ... 
   
      ผมเข้าไปในย่านของยากุซ่าและประชาสัมพันธ์ตัวตนพอหอมปากหอมคอ วีรกรรมที่สร้างไว้ไม่ใช่ไปท้าตีใครก่อนนะ แค่แสดงความสามารถว่าผม ‘โจรกรรม’ ข้อมูล พวกมันมาได้อย่างหมูๆ ก็พอ และพอพวกมันรู้สึกตัว ก็สอนมวยไทยให้สักหน่อย เป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไปในตัว มันจะได้รู้ว่าผมไม่ได้มีดีแค่หน้าตาอย่างเดียว



         1 อาทิตย์ผ่านไป กับการไปก่อกวน ปั่นป่วนไอ้ยุ่นยากูซ่า กูไม่รู้หรอกใครเป็นใคร แต่ถ้าอยากวัดก็มาเลย ไม้บรรทัดกูพร้อม ตลับเมตรกูมี

ถุ้ย! ไม่ใช่ ผมจะแสดงความเทพให้พวกมันเห็น แล้วพวกมันจะได้จ้างผมทำงานต่างหาก

            ค่าห้องที่ผมเช่าอยู่เดือนเป็นแสนเยนนะเว้ย รู้ไหมว่ามันแพงบรรลัยแค่ไหน

ไหนจะค่าอื่นๆ ค่าเลี้ยงแมว เอ้ย เมียที่บ้านอีก เงินที่พกมาคงไม่พอ มันจำเป็นต้องทำงานจริงๆ ว่ะ

               และงานอื่นผมก็ไม่ถนัด เข้าใจนะ?

อาทิตย์ต่อมา ผมส่งนีออนไปเรียนภาษาญี่ปุ่น ถึงผมจะเซ็งแต่ก็ยังสังเกตอยู่นะ ว่านีออนดูเอ๋อแดกยิ่งกว่าเดิม ไอ้ความก้าวร้าวที่พกมาจากพม่า ไม่รู้หายไปไหน

แต่อย่าว่างั้นงี้เลยนะ ความคิดที่จะบอกว่าตัวผมไปทำอะไรในแต่ละวัน ไม่มีอยู่ในหัวเลยว่ะ
   ใครมันจะโง่บอกว่าไปทำงานผิดกฎหมายล่ะ จริงไหม?
      ก็เลยบอกเขาว่าไปสอนมวย

         ผมไม่ได้โกหกนะ แค่พูดไม่หมด
      
            
            บางเรื่องเด็กไม่จำเป็นต้องรู้หรอก จริงไหม?

ตอนนี้มันเป็นช่วงปรับตัว ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ที่ผมจะไม่มีเวลาดูแลเขา... ยิ่งไปป่วนมาแบบนั้น ช่วงที่นีออนอยู่คนเดียวเลยต้องมีเคอร์ฟิว ห้ามออกจากบ้านกันหน่อย แต่จะให้บอกเหตุผลจริงๆ น่ะเหรอ...ฝัน

   “ไปเรียนมาเป็นไง ครูสอนกากไหม?” ผมถามนีออนในค่ำวันหนึ่งกับการให้ไปเรียนภาษาสัปดาห์แรก ผมตามรับ-ส่งตลอด แต่ดูอยู่ห่างๆ กันไว้เผื่อมีคนอยากชิมรสชาติส้นตีนสุดแซ่บของผม
   “ยากเหมือนกันครับ แต่เดี๋ยวผมจะคัดตัวอักษรกับท่องศัพท์บ่อยๆ ถ้าได้พูดฟังอ่านเขียนทุกวัน เดี๋ยวก็เป็นเองมั้ง” ทำไมพูดจาดูเหนื่อยๆ วะเมียกู
   “ไม่สบายเปล่า จมูกแดงๆ” ผมลุกจากโซฟาจะเอามือไปแตะหน้าผาก แต่นีออนเดินเนียน หลบผมไปวางกระเป๋าที่โต๊ะเฉย
         
         เงิบว่ะ เงิบแดกเลยกู...
     
สังเกตเขาดูแปลกไปนิดหน่อย แต่พอได้ขึ้นเตียงอึ๊บสักทีสองทีก็หายแปลก เลยไม่รู้จะถามไรเลยกู

   “ไม่ได้เป็นไร อากาศมันหนาว แค่ 3 องศาเอง...เลยแสบจมูก” นีออนก็ยังตอบแบบปกติ หรือผมจะมโนไปเองวะ
      “งั้นเรามาออกกำลังกายกันไหม จะได้หายหนาว” มือผมอ้อมจะกอดเขาแล้วนะ แต่นีออนก้มหลบเดินหนี
         
            ขึ้นสิครับ ขึ้น!
            ถ้ายอมแพ้กับเรื่องแค่นี้ มันจะใช่ผมไหม?

“ไปไหนล่ะ?” ผมดึงแขนลากนีออนเข้ามาไว้ตรงอก สองแขนล็อคตายแบบนี้แหล่ะเหมาะ จะได้ดิ้นไม่ออก 
“ผมจะไปทำการบ้าน” เขาพยายามจะเงยหน้าขึ้นมาบอก

“ผมอยากพูดภาษาญี่ปุ่นได้เร็วๆ เวลาไปเรียนจะได้ไม่ลำบาก”
“ก็จะให้เข้านานาชาติอยู่แล้ว คุณจะรีบไปตามควายที่ไหนล่ะ”
“ยังไงผมก็อยากพูดให้ได้อยู่ดีนั่นแหล่ะ แล้วค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติ มันก็แพงมากไม่ใช่เหรอพี่เมฆ?”
“ผมมีจ่ายแล้วกัน แค่ค่าเทอมคุณ ไม่ทำผมหมดตูดง่ายๆ หรอก คุณไม่รู้ก็รู้ไว้ซะ ว่าผมเนี่ยเป็นเศรษฐีบ่อทองนะ ขุดมาหลายหลุมได้กำไรมาก็ค่อนข้างมาก จริงๆ เรื่องแบบนี้คุณก็น่าจะรู้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?” มือผมเผลอไปสัมผัสใกล้ๆ บ่อทองนั้นพอดี ไม่ได้ตั้งใจนะ แต่เจตนาเลยล่ะ

นีออนยกกำปั้นขึ้นทำท่าจะชกหน้าผม
   เอาดิ หน้ากูหนา คอนกรีตเสริมเหล็กยังหนาไม่เท่าหน้ากู

      ผมยักคิ้วท้าทาย ไอ้ท่าย่นจมูกที่ทำใส่ก็น่ามันเขี้ยวซะเหลือเกิน

“อยากเข้าโรงเรียนปกติมากกว่า” ผมอ้าปากงับจมูกกับปากเขาเบาๆ ให้หายมันเขี้ยว
“ก็ไม่ได้พาเข้าโรงเรียนเด็กพิเศษหนิ” ผมตอบ
“ผมเป็นคนเรียนนะพี่เมฆ!” นีออนตะคอกดิ้นขลุกขลักอยู่กับอกผมหน้าดำหน้าแดง เรื่องออกแรงอ่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก พลังผมมีเยอะกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า 

“นานาชาติมันเปลือง แล้วถ้าเรียนโรงเรียนปกติ โอกาสที่จะได้ฝึกภาษากับวัฒนธรรมมันมีมากกว่าด้วย”
   
   วิญญาณเด็กนักเรียนทุนเข้าสิงหรือไงวะนีออน


“นะๆๆ พี่เมฆ อย่าบังคับผมให้ไปเรียนนานาชาติเลยนะ” อยู่ๆ เขาก็สอดแขนเข้ามากอดเอว คางเกยอกผม แถมเอาตัวเบียดออดอ้อนออเซาะผมซะงั้น
   
นี่ถ้าไม่ใช่นีออน... ผมถีบไปแล้วนะเนี่ย ทำท่าอะไรแรดๆ ก็เป็น
      “นะๆๆ นะครับ พี่เมฆ ผมอยากช่วยพี่เมฆประหยัดค่าใช้จ่าย”
         
         จะว่าไป ก็ยังไม่มีใครจ้างงานกูเลย...
   
            “อืม.. เดี๋ยวคิดดูหน่อยก็ได้ ไม่รู้มีโรงเรียนไหนเขาจะรับเด็กต่างด้าวหรือเปล่า...” ความเอ๋อของนีออน ทำให้อดเอามือลูบหัวลูบตูดไม่ได้ แม่งเกิดผีไรเข้าสิงให้มาอ้อนกูวะ

“ตอนที่เดินมาจากสถานีรถไฟ ผมเห็นมีเด็กม.ปลาย ใส่สูทสีน้ำเงินเดินอยู่หลายคน โรงเรียนน่าจะไม่ไกลนะครับ” แอบไปเหล่เด็กได้ไงวะ
   “ว่างไง? เที่ยวไปแอบมองคนอื่น”
      “แล้วมองไม่ได้เหรอ ทีพี่เมฆยังมองได้เลย”
         “ผมต้องมอง เพราะมันเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลคุณไง”
            “ไม่เห็นจะเกี่ยว”
               “เผื่อใครแอบคิดไม่ดีกับคุณ ผมก็ต้องมองๆ ป้องกันไว้ ทีนี้เกี่ยวยัง?”


นีออนทำหน้ามุ่ย อยากจะเถียง แต่เถียงไม่ออกอ่ะดิ
   

ภาษายังเป็นอุปสรรคสำหรับผม... แต่ในที่สุด ไอ้คนที่จุดธูปเชิญไว้ แม่งก็เรียกผมไปคุยสักที จากตอนแรกไปขู่ลูกน้องมันไว้ แต่แม่งก็ลีลาไม่ยอมโผล่หัวมาสักที จนต้องเล่นแรงขึ้นทุกวัน

   สถานที่ๆ มันนัดคือร้านอาหารจีนในโรงแรม 5 ดาวย่านธุรกิจของเกียวโต 2 อาทิตย์กว่าที่หายไป มันคงไปถามๆ ใครมามั้งว่าผมเคยอยู่เมืองจีนมาก่อน แล้วเคยทำงานประเภทไหนมา
      
       ซาคุโมะ ทาคาฮิสะ ลูกชายคนที่ 3 ของตระกูล แนะนำตัวกับผมแบบสุภาพ แต่กูอยากบอกมึงเหลือเกินว่าชื่อแม่งยาว กูไม่จำหรอก

         “ขอโทษนะครับ ที่นัดมากะทันหันแบบนี้” ผมพยักหน้ารับรู้ กับสำเนียงภาษาอังกฤษเห่ยๆ ของมัน
         “ผมได้ยินข่าวมาว่าคุณทำงานเกี่ยวกับข้อมูล ที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพอยู่เหมือนกัน” ผมพยักหน้าตอบอีก 
         “ตระกูลซาคุโมะของเรามีธุรกิจหลายอย่าง ทั้งโรงงาน โรงแรม และขนส่ง ธุรกิจหลายอย่างต้องการข้อมูลที่ชัดเจนและ....”
         “เข้าเรื่องมาเลยดีกว่า” ผมเบรกมันก่อนที่จะพล่ามน้ำลายแตกฟองไปมากกว่านี้

“ผมทำงานอะไร คุณคงรู้แล้ว จะให้ไปหาข้อมูลใครก็ว่ามา ผมขี้เกียจฟังคุณเล่าตำนานธุรกิจพันล้านของคุณ ...บอกตรงๆ นะ ไม่ได้อยากรู้เลยว่ะ” ไอ้หน้าแข็งนิ่งไปนิด ก่อนพูดต่อ

“คุณคงยังไม่ได้สังกัดกับตระกูลไหนใช่ไหม?”
“ยัง” รอพวกมึงอยู่เนี่ยแหล่ะ นานแล้ว
“สนใจร่วมงานกับเราไหม?”
“ถ้าผลตอบแทนดี ก็น่าสน” ไอ้หน้าแข็งให้บอดี้การ์ดยื่นเอกสารบางอย่างให้ผม.. เห็นภาษาจีนที่มันแปลให้แล้วก็ซึ้งใจอยู่เหมือนกัน แสดงว่าทำการบ้านมาดี

“ถ้าทำงานกับเรา ต้องไม่ทำงานให้อิจิยะ...”
“อืม”
“เราไม่อ่อนข้อให้กับคนที่เป็นนกสองหัวเด็ดขาด หวังว่าคุณจะเข้าใจ”
“แน่นอน มันก็ไม่ใช่นิสัยผมอยู่แล้ว” ซะเมื่อไหร่... ไม่กี่วันมานี้กูยังเป็นสปายในแก็งค์มาเฟียอยู่เลย

ไอ้หน้าแข็งไม่ได้มอบหมายงานให้ผมทันที มันแค่เรียกมาดูทีท่าผม... และให้ไปทดลองงานกากๆ กับเด็กในแก็งค์มันคนนึง... ชื่อ ซาจิ เป็นหัวหน้าเขตๆ นึงในย่านดังแถวนี้แหล่ะ
   “พรุ่งนี้มาหากูที่นี่ มีงานให้ทำ” ไอ้ซาจิ มันสั่งผมด้วยภาษาอังกฤษโคตรๆของความห่วยกว่าเจ้านายมันเสียอีก ผมนี่ฟังแล้วนึกว่าภาษารัสเซียเลยทีเดียว
      “กี่โมง?”
         “7 โมงเช้า” พ่องดิ นัดกูไปตักบาตรหรือไง
            “ทำไมต้องนัดเช้าขนาดนั้น?” กูข้องใจ แล้วพวกมึงทำไมต้องมองหน้าหาอวัยวะกูกันขนาดนั้น

               “ไม่ต้องถาม มึงมีหน้าที่ รับคำสั่งเท่านั้น” กูล่ะเกลียดจริงๆ ไอ้พวกบ้าอำนาจ อย่าเผลอละกันมึง ลูกปีนกูฝังจมกะโหลกมึงแน่ๆ
      
ผมเดินเซ็งออกมาจากตึกที่ไอ้ซาจิทำงาน นับๆ ดูลูกน้องมันมี 10 กว่าคน ไอ้ที่ยังไม่เคยเจอ ที่ไปเดินเตรดเตร่กันข้างนอกอีกไม่รู้กี่คน แต่ผมเดาไว้ก่อนว่ามากกว่า 30

ตระกูลซาคุโมะมีลูกชาย 3 ลูกสาว 2 ไอ้หน้าแข็งที่ส่งมาคุยกับผมคงไม่ใช่คนระดับสูงมาก แต่ก็ถือว่าเป็นคนในตระกูล ไม่ได้แย่กับการเจรจา เพราะกูก็ไม่ได้คิดจะไปรู้ลึกเรื่องพวกมันอยู่แล้ว รู้มากก็เปลืองเมมในสมองผมเปล่าๆ


หลายวันมานี้ ผมยังรับ-ส่งนีออน คู่ไปกับทำงานให้ซาคุโมะ เรื่องโรงเรียนก็ลองถามไอ้ซาจิมาบ้างแล้ว โอเคไม่โอเคขึ้นอยู่กับว่าโรงเรียนนั้นอยู่ในเขตการปกครองของใคร แล้วหวยดันไปออกที่อิจิยะ!

แม่งอะไรนักหนาวะ กูไม่สนหรอกเรื่องกะโหลกกะลาพรรค์นั้น ใครจะคุมใครจะแสดงอาณาเขตอะไรก็ช่างแม่ง ถ้านีออนอยากอยู่ แล้วมันใกล้บ้าน แล้วใครจะทำไม

   “พี่เมฆให้ผมเรียนที่ไดวะจริงๆ?” นีออนถามตาโตเป็นประกายระยิบระยับ
   “จริง ที่ไหนก็ได้ ที่คุณอยากเรียน ผัวประเสริฐแบบนี้ หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนะ”
   “ขอบคุณมากครับ” นีออนถึงกับยกมือไหว้ผมเลยทีเดียว
   “ไม่อยากได้หรอกคำขอบคุณ” ผมจับมือเขาคว่ำลง
   
“อย่าบอกนะ ว่าอยากได้อะไรลามก” แหม รู้ใจ
   “หน้าอย่างผมไม่หื่นหรอกน่ะ มีแต่คุณมากกว่า ชอบเรียกร้องให้ผมทำเรื่องลามกให้”
   “งั้นก็ไม่ต้องเอา” ทำเชิดใส่ คิดว่าง้อเหรอครับ แค่คนในแก็งค์ไอ้ซาจิ ตูก็เลือกไม่ไหวแล้ว 
      
      ล้อเล่นนะ!
         แต่มีอยู่จริง
            เด็กมันนี่คุณภาพคับเต้า ของแท้โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมออีกต่างหาก เห็นทีก็น้ำลายเกือบหกเหมือนกัน แต่โชคดีหน่อยที่ผมไม่ชอบดื่มนม ผมเลยรู้สึกเฉยๆ      
         
   

3 เดือน นีออนเริ่มพูดฟังญี่ปุ่นได้บ้าง เลยส่งไปเรียนไดวะให้จบ ม.หก สักที อายุจริงนี่ควรจะเข้ามหาลัยได้แล้ว แต่ทำไมผมมองยังไงนีออนก็เด็กชายหัวโปกวะ
   
   “ไปฟัดกับใครมาวะ?” ไอ้ซาจิถาม เมื่อเห็นสภาพสะบักสะบอมของผม
      ผมไม่ตอบ แต่โยนซองน้ำตาลไปบนโต๊ะมันแทน
         
         ไอ้ซาจิเปิดซอง ดูภาพกับเอกสารบางอย่าง แล้วหยิบเงินในลิ้นชักยื่นให้
            “ถ้าเจอพวกคุซาวะ กูขอเตือนให้มึงถอยก่อน”

พวกไอ้ยุ่นนี่กูแทบจำหน้าใครไม่ได้ หน้าตาแม่งเหมือนๆ กันหมด ชื่อก็ต้องใช้เวลาไปนั่งท่อง ผมนี่ไม่คุ้นเลยจริงๆ
   ตระกูลอิจิยะที่เป็นคู่แข่งของซาคุโมะ ผมแทบไม่อยากจำใคร เพราะไม่มีใครหน้าตาพอให้จดจำสักคน
      
      “พี่เมฆ”
         “หืม?”
            “จะไม่บอกผมจริงๆ ใช่ไหมว่าไปทำอะไรมา?”

 ค่ำคืนอันแสนโรแมนติก หน้าเมียลอยเด่น กลิ่นตัวก็หอมชื่นใจ แต่ทำไม...ผมถึงคิดแต่เรื่องอยากเอาเลือดหัวคนออกวะ!?
               “ถ้าไม่บอก จะถามอีกไหม?”
               “ไม่ถามก็ได้ แต่จะโกรธ”
               “แล้วคุณช่วยอะไรผมได้?”
               “ก็พี่เมฆไม่บอก แล้วผมจะช่วยอะไรพี่ได้ล่ะ!?” นีออนมีขึ้นเสียงว่ะ แต่ขอโทษเถอะ ใครจะกลัว ขู่เหมือนแมวแบบนี้
               
“ไม่เป็นไร เรื่องช่วยตัวเองอ่ะผมถนัด”
“งั้นก็เชิญช่วยตัวเองไปเถอะ!! อย่ามากอดผมอีก” นีออนกระชากผ้าห่มไปแล้วนอนหันหลังให้

โทษว่ะ อย่ามาห้ามเลย
ยิ่งห้ามผมยิ่งไม่ฟัง
      ไม่ให้กอด แต่กูจะกอด!


แล้วถึงจะทำชั่วแค่ไหน ผมก็ไม่ยอมให้โกรธหรอก

   

เช้านีออนไปโรงเรียนแล้ว... ผมโดนไอ้ซาจิโทรปลุกเลยต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำ
ส่องกระจกเห็นหน้าตัวเองทีไรกูของขึ้นทุกที

แผลบนหน้าผม ไม่ใช่ว่าใครจะมาสร้างไว้ได้ง่ายๆ นะเว้ย แต่พอดี...ผิดคาดไปหน่อยว่ะ ไม่นึกว่าพวกที่ไปล้วงข้อมูลมันจะมีคนมาดักผมไว้ทัน เลยเกิดการห้ำหั่นกันนิดหน่อย

   แต่ดูจากแผลบนหน้าก็ไม่หน่อยอ่ะ
      ผมจำหน้ามันแม่นเลยนะ คนที่บังอาจต่อยผม หน้ามันคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนเหมือนกัน แต่สกิลการจำกูก็ไม่แม่นอยู่ดี จนกระทั่งมันมาฝากรอยมือไว้เนี่ยแหล่ะ 



         แต่...
            ผมก็ซัดมันคืนเหมือนกัน ถ้าไม่ต้องหนีพวกกำลังเสริม ผมคงอยู่บวกกับมันจนรู้ผล เสียดายแหะ
                     

   ภารกิจตามคุ้มกันนีออน พักนี้เริ่มซาๆ เพราะงานผมยุ่ง ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงหรอก จากที่ผ่านๆ มา
      แต่เมื่อคืน ค่อนข้างหนักหน่วงกับเขาอยู่เหมือนกัน


ก็ใครใช้ให้ดื้อ
            ผมไม่ชอบเด็กดื้อ
              
               
นี่ก็ผ่านมาหลายเดือน นีออนเริ่มเข้าใจภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น แต่สำหรับผมที่โดนไอ้ซาจิแอบด่าอยู่ทุกวัน ก็พอจำได้แต่คำด่าของมัน ฟังแล้วคิกขุมากมึง กูแทบไม่รู้สึกถึงจิตสังหาร

   ความแค้นผมยังฝังแน่นกับอนุสรณ์สถานบนใบหน้า มันเป็นแผลแตกที่ต้องใช้เวลารักษา ไม่รู้ว่าต้องไปเข้าคลินิกไหน หน้าผมถึงจะกลับมาหล่อใสพร้อมถ่ายแบบลงแมกกาซีนเหมือนเดิม

ผมใช้เวลาช่วงหนึ่งตามสืบเรื่องของมัน... รู้สึกจะชื่อเล่นว่า ‘มายะ’ มันชอบเข้าร้านราเมงในซอยเปลี่ยวย่านกิอน ผมตามมันเป็นอาทิตย์ แต่หาจังหวะไม่ได้


   จนมีอยู่วันหนึ่ง...

      วันที่ผมรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าอากาศหนาวของที่นี่ มันทำให้เลือดผมหนาวไปด้วย
         




คนที่ผมไม่คิดว่าจะเจอ...


   

      นีออน เมียกู   ....   
      
เวลาแบบนี้เขาควรจะอยู่ที่บ้านแล้วมาทำเข้อะไรที่นี่วะ!?



นีออนมากับไอ้เหี้ยนั่น!?
      ไอ้ที่มันต่อยผมหน้าหงาย





               ไอ้มายะ!!!   



H
กราบ
 :m5:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ตัดฉับ อร๊ากกกกกกก

มายะเป็นเพื่อนนีออนอ่ะป่าว รึจะมาหลอกนีออน

งานนี้อิพี่เมฆของขึ้น 55555

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
นีออนจะไปอยู่ฝั่งตรงข้ามป่ะเนี่ย

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สู้เค้าะพี่เมฆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
โอ่ว สงสัยนีออนโดนหลอกมาแน่เลย ไม่ก็เพื่อนที่โรงเรียนเดียวกันกับมายะ  :ling3:

ออฟไลน์ p9hmiew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มือที่ 3 มาละนะพี่เมฆ ระวังไว้เถอะ!

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ foyer

  • 「★ the sons of a battlecry」
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +822/-2
M ♠ M
30.5

ผมมีเรื่องปิดบังพี่เมฆ ตามแผนของคนที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่วัน! จิตใจผมปั่นป่วนไม่สงบสุขทุกครั้งที่กลับมาเห็นหน้าเขา มันรู้สึกผิดน่ะ
รู้สึกแย่มาก ขนาดคุณยูอิโตะต่อสายไปหาเฮียลู่ ให้เขาคุยกับผม ผมก็ยังคิดแล้วคิดอีกว่าทำแบบนี้มันจะดีเหรอ?

   “แล้วไม่อยากรู้หรือไงว่ามันคิดยังไงกับนายแน่?”
      “แค่เขายังอยู่กับผม มันก็น่าจะโอเคแล้ว...” ผมตอบเฮียลู่ไป
         “สรุปจะใจอ่อนยอมให้มันทำตามใจตัวเองต่อไปใช่ไหม งั้นก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอก” ที่จริงก็อยากรู้นะว่าเวลาเขาเจออะไรที่ไม่คาดฝันแล้วพี่เมฆจะทำยังไง แต่ไปหลอกเขาแบบนั้น แล้วถ้าพี่เมฆมารู้ทีหลังล่ะ?

       
“ไอ้เมฆถ้าไม่ดัดสันดานมันบ้าง มันก็ยังทำตัวกวนตีนแบบนี้ไปตลอดนั่นแหล่ะ แล้วขนาดหนีไปอยู่โน่นมันยังแถไปทำงานกับยากูซ่า มันไม่ได้คิดถึงความปลอดภัยอะไรเลย ไม่คิดเลยว่าถ้าหากมันเกิดพลาดพลั้งตายห่าขึ้นมา แล้วใครล่ะที่จะอยู่กับนายต่อไป” นั่นก็เพราะความมั่นใจในตัวเองเกินเหตุของเขานั่นแหล่ะ เขาที่ไม่คิดว่าจะแพ้ใคร แต่ตอนนี้ดูท่าจะมีคนมาต่อกรพี่เมฆได้บ้างแล้ว นั่นคือ คนในแก็งค์เดียวกับยูอิโตะ ที่ชื่อมาซายะ

หรือ ‘มายะ’ ที่คนอื่นๆ เรียกกัน ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าอีกแค่คำเดียวทำไมไม่พูดให้ครบๆ ชื่อมาซายะก็เห็นจะเรียกยากตรงไหน แต่ก็เพิ่งเข้าใจว่ามีคนชื่อซ้ำกัน มาซายะคนที่ซัดพี่เมฆคิ้วแตก แก้มเขียว คือ ‘มายะ’ คนนี้

คนที่นั่งยักคิ้วมองผมคุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆ

“ก็แล้วแต่นะ ถึงยังไงยูอิโตะก็คอย support นายอยู่แล้วล่ะ” เฮียลู่พูดต่อ เขาเป็นคนดีจริงๆ ทั้งที่เพิ่งรู้จักแต่ก็ดูจะเป็นห่วงผมมากอยู่

ไม่รู้เพราะนิสัยเสียของพี่เมฆหรือเปล่านะที่ทำให้เขาไม่ไว้วางใจแบบนี้

“ขอบคุณเฮียลู่มากนะครับ ที่จริงผมก็อึดอัด ไม่เข้าใจหลายๆ อย่าง แต่ก็ไม่โทษพี่เมฆหรอก คิดว่าผมคงเป็นคนที่เขาพึ่งพาไม่ได้มั้ง เขาเลยไม่อยากจะบอกอะไร เอาเป็นว่าผมจะไม่ดัดนิสัยอะไรเขาหรอกครับ แต่ผมจะคอยช่วยทำงานหาเงินอยู่ห่างๆ แล้วกัน” นิสัยคนมันเปลี่ยนยากนี่นา แล้วผมก็ไม่อยากให้เขาต้องมาเปลี่ยนอะไรเพื่อผมด้วย

“เฮ้อ................” เฮียลู่ถอนหายใจยาว
“ทำไมต้องไปใจดีกับไอ้บ้าแบบมันด้วยเนี่ย ใจดีไปมันก็ไม่สำนึก มันก็ไม่เห็นจะแคร์ความรู้สึกนายสักเท่าไหร่ สู้ทำให้กระอักจังๆ สักทีสองที น่าจะดีกว่าแท้ๆ เลยนะ” เฮียลู่ยังคงเสี้ยมผมต่อ จริงๆ เขาก็เสี้ยมมาตั้งแต่ที่เชียงใหม่แล้วแหล่ะ ผมก็คล้อยตามอยู่นะ แต่พอมาคิดดูดีๆ อีกที ผมทำเขาไม่ลงแหะ ไอ้ที่เพิ่งจัดกันไปก็เป็นการสุมหัวกันของเฮียลู่ คุณยูอิโตะแล้วก็มายะ โดยที่ผมไม่รู้เรื่องด้วย

มารู้อีกทีก็ตอนเห็นมายะปากแตกกลับมา แล้วก็พี่เมฆคิ้วแตกกลับไปนั่นแหล่ะ


ผมดูก็พอรู้ว่าพี่เมฆแค้นแค่ไหนที่มายะทำเขาเสียโฉม เขาทำหน้านิ่งได้ทั้งวัน ไม่ค่อยมาหยอกมาแหย่ผมเท่าไหร่ แล้วนี่ไม่รู้ว่าจะหัวเสียอีกไหม ถ้ารู้ว่าผมไม่ได้ไปเรียนภาษาในเซนเตอร์ที่เขาพาไป แต่ผมกลับมาเรียนกับมายะที่ร้านราเมงนี้ ร้านที่ผมคิดว่าจากนี้ไปจะมาทำงานพิเศษหาเงินเลี้ยงปากท้องเวลาพี่เมฆตกงาน



เพราะอันที่จริงแล้ว............
ตระกูลยากูซ่า..ซาคุโมะ กับอิจิยะน่ะ เขาเป็นพันธมิตรกัน....


เขาไม่ได้เป็นศัตรูกันเหมือนอย่างอดีตหรอก



แต่ทำไมพี่เมฆไม่รู้น่ะเหรอ?
ขนาดคนในแก็งค์ระดับล่างๆ ยังไม่รู้เลยครับ พวกกลุ่มอำนาจเก่าก็ยังตีกันเหมือนเดิมอยู่เลย เพียงแต่ผู้นำคนใหม่เขาเริ่มหันมาจับมือกันเองเพื่อความก้าวหน้าแล้ว ไม่แปลกหรอกที่เหตุการณ์นี้จะเข้าแผนเฮียลู่ได้ง่ายๆ   


   
ตอนเย็นเลิกเรียน มายะมารับผมถึงด้านหน้า เพื่อจะได้ไปร้านราเมงด้วยกัน ก่อนหน้านั้นเขาแวะพาไปหาของกินอร่อยๆ ก่อน แถมพาเข้าร้านเกมส์เซนเตอร์ อยากจะบอกเขาจริงๆ ว่าสกิลผมห่วยมาก... แต่เห็นมายะที่ปากมีพลาสเตอร์แปะกำลังสนุกสนานก็ไม่อยากจะขัด 

เขาเป็นคนอารมณ์ดี และชอบแกล้งคน... ยิ่งมารู้ว่าพี่เมฆเคยเป็นยังไง ทำงานแบบไหน มายะยิ่งหึกเหิม มีหลายคนบอกว่าให้ผมกับเขาแกล้งเป็นแฟนกันเพื่อให้พี่เมฆหึง... ผมไม่เห็นด้วย แต่มายะยิ้มกริ่ม บอกว่าอยากจะลองดูเหมือนกัน เขาอยากรู้ว่าเวลาผู้ชายหึงผู้ชายมันเป็นยังไง


“ผมว่านายคงไม่ได้เห็นหรอก เพราะพี่เมฆเขาไม่ใช่คนแบบนั้น” ผมพูดไปเป็นภาษาอังกฤษ เพราะญี่ปุ่นยังไม่แข็งแรง
“บอกให้พูดภาษาญี่ปุ่นกับผม!” มายะแยกเขี้ยว เขาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เอกโบราณคดีเชียวนะ หน้าตานี่ดูไม่ให้อย่างแรง
“ต่อไปนี้ต้องพูดญี่ปุ่น ไม่งั้นก็จะพูดไม่ได้สักที”
“ไฮ่ ฮายยย” ผมพยักหน้าหงึกหงัก

 

ในที่สุดวันที่พี่เมฆรู้ว่าผมติดต่อกับตระกูลอิจิยะก็มาถึง... หลังจากมายะไปรับผม หาอะไรกิน แล้วพาไปร้านราเมง เป็นกิจวัตรอยู่นานหลายวัน แต่บังเอิญมาเจอแจ็คพอตเข้า ก็ตอนที่มายะลืมของไว้ที่ร้านทำให้จำเป็นต้องเดินย้อนกลับไปอีกทีซึ่งมันก็ไกลนะ แล้วก็เสียเวลามากด้วย พอเดินเข้าร้านไม่ทันไร มายะก็หันหัวเราะเจ้าเล่ห์ใส่ผม

“ฮึฮึ แฟนมาตามแล้วล่ะ” ผมฟังที่เขาบอกก็ตกใจ
“พี่เมฆเหรอ!?”
“ใช่ ไม่แน่ใจนะว่ามานานหรือยัง ถ้าโทรุไม่บอกผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขามาดักรออยู่”
“ผม?”
“เปล่า ผมต่างหาก” มายะมีสีหน้าครุ่นคิด ผมเข้าใจในทันที
“แล้วเขาอยู่ไหน ทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ”
“ไม่รู้สิ ใกล้ๆ นี้ล่ะมั้ง”
“อย่าไปมีเรื่องกันอีกเลยนะ แค่นี้พี่เมฆก็โกรธนายแทบแย่แล้ว”
“และยิ่งจะโกรธกว่าเดิม ถ้าเห็นนายอยู่กับผม อิอิ”
“แล้วจะไปทำอย่างนั้นทำไมล่ะ?”
“อยากเห็นผู้ชายหึงผู้ชายไง”


-*- บ้าไปแล้ว...
ก็พูดไปหลายครั้งแล้วนะว่าเขาไม่หึงผมหรอกน่ะ แนวโน้มไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างแรงเลย แต่แนวโน้มที่จะพุ่งเข้ามาซัดมายะคืนน่ะมีมากกว่าถึง 99.99%


“คืนนี้ไม่ต้องกลับห้องนะ ไปนอนห้องผม” มายะทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ใส่
“เฮ้ย ไม่ได้หรอก เดี๋ยวพี่เมฆตามไป จะทำยังไง”
“อยากให้เขาตามนั่นแหล่ะ”
“หาเรื่องใส่ตัวชะมัด คราวนี้คงไม่ใช่แค่ปากแตกแน่”
“ผมเก่งกว่าเขานะ เคยได้ยินไหม เหนือฟ้ายังมีฟ้าน่ะ”
“ไม่รู้หรอกว่าใครเก่งกว่า แต่ไม่ชอบให้ตีกัน เข้าใจไหม?”
“ก็ได้ ผมจะไม่ทำอะไรเขา ถ้าเขาไม่ทำผมก่อนนะ”

ยากตายเลย ถ้าพี่เมฆจะทำแล้วใครจะไปห้ามเขาได้เนี่ย!!!


ผมไม่กล้าเดินออกจากร้านเลยให้ตายสิ ..ไม่อยากเป็นคนห้ามมวยเข้าใจไหม ไม่พร้อมกับเรื่องที่ไปหลอกเขาเรื่องโรงเรียนสอนภาษาด้วย

“ไม่ต้องเครียดหรอกน่า ยังไงเขาก็ไม่กล้าทำอะไรนายหรอก” มายะปลอบที่เห็นผมยืนตัวแข็งอยู่หน้าประตูร้าน ไม่ยอมเดินตามเขาออกไปสักที
“แต่ถ้าต้องมาเจ็บตัวกันทั้งคู่ผมว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่ ไหนจะเรื่องที่ผมปิดบังเขาอีก”
“แล้วทีเขาปิดบังนาย เขายังไม่เห็นจะเครียดอะไรเลยไม่ใช่เหรอ?”



เอ่อ มันก็จริงแฮะ...

 

ผมยอมเดินออกมาจากร้านในที่สุด ระแวงไปตลอดทางกลัวพี่เมฆจะกระโจนเข้ามา แต่ก็ไม่ยักจะมีอะไรเกิดขึ้น

“คืนนี้ผมจะไม่ไปนอนกับนายนะ” คิดไปคิดมา...อย่าไปทำพี่เมฆโกรธยิ่งกว่าเดิมจะดีกว่า
“เชื่อดิ กลับไปคืนนี้นายเละแน่ ตอนนี้ไปกับผมนั่นแหล่ะดีแล้ว”






เละ!!!





ขนาดนั้นเลยเหรอ!!!?



“เขาคงเที่ยวไปสืบจากใครต่อใครแล้วมั้งว่านายรู้จักผมได้ยังไง”
“แล้วพี่เมฆเขาจะรู้เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“อย่าลืมสิว่าเขาอยู่กับซาคุโมะ... เขาจะไปถามจากใครก็ได้ เพราะคนของพวกนั้นส่วนใหญ่ก็รู้จักผม แล้วผมก็ไปไหนมาไหนเปิดเผยอยู่แล้วด้วย คราวนี้แหล่ะ เมฆได้รู้แน่ว่าผมเดทกับนายมาเป็นเดือนแล้ว อิอิ” สนุกอยู่คนเดียวโดยไม่ถามความเห็นผมเลยเนี่ยนะ! ไม่คิดเลยว่าจุดประสงค์ของการไปรับผมที่โรงเรียนมันเพื่อการนี้


“ผมขอไปดูพี่เมฆที่บ้านก่อนได้ไหม?” มายะทำหน้าเบ้ทันทีที่ฟังจบ เพราะผมมาเปลี่ยนใจกะทันหันตอนกำลังจะเดินเข้าชานชาลาที่สถานีรถไฟ
“ไม่ได้หรอก เพราะคำตอบนายคือปฏิเสธ เรื่องเดทกับผมใช่ไหมล่ะ?”
“ก็ใช่น่ะสิ” ถ้าพี่เมฆถามแล้วผมจะไปโกหกเขายังไง เรื่องเรียนยังพอแถได้นะ เพราะว่าเรียนจริงๆ ถึงจะคนละที่ก็เหอะ


“บอกตอนนี้ไม่ได้หรอก ยังไม่ถึงเวลา”

 
หน้าตาท่าทางผมคงกระวนกระวายเต็มพิกัด มายะเลยตบไหล่ปลอบผมเบาๆ
“จะได้รู้กันไปเลยไง นายก็อยากรู้ไม่ใช่เหรอ? อะไรที่มันค้างคาใจน่ะ ไม่มีใครชอบหรอก”





ผมพยักหน้าตกลงในที่สุด เพราะในใจลึกๆ แล้ว สิ่งที่คาใจผมอยู่นั้น ผมอยากหาคำตอบมันจริงๆ



มายะไม่ได้อยู่บ้าน เขาเช่าอพาร์ตเมนท์อยู่ในโซนใกล้มหาวิทยาลัย ห้องเขาเล็กกะทัดรัดมาก เตียงนอนได้คนเดียวแน่นอน เหลือที่ว่างตรงกลาง มีโต๊ะญี่ปุ่นกางอยู่ สงสัยแถวนี้แหล่ะมั้งที่นอนผม

“ที่บอกให้ปลดอาวุธเมฆน่ะ ทำแล้วใช่ไหม?” มายะนั่งบนเตียง ส่วนผมอยู่ในฟูกใต้โต๊ะญี่ปุ่น พร้อมชาร้อนหนึ่งแก้ว
“อื้ม”
“ไม่รู้หรอกว่าจะโมโหหึงแค่ไหน เลยต้องป้องกันเอาไว้ก่อน เพราะผมก็ไม่ได้รู้จักเขาดีซะด้วยสิ”
“เขาโมโหที่นายไปต่อยเขาหรอกน่ะ”
“ถ้าเรื่องหมัดผมไม่แพ้ใครอยู่แล้ว” มายะชูกำปั้นขึ้นยิ้มอย่างมั่นใจ ส่วนผมก็หวั่นใจยังไงก็ไม่รู้สิ
“อ่ะ เก็บนี่ไว้ในกระเป๋า” มันเป็นถุงอะไรสักอย่างเหมือนมีของเหลวอยู่ข้างใน
ผมทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามกับมายะ

“พอเจออากาศหนาวแล้วมันจะอุ่น” เหรอวะ? แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร เก็บมันไว้ในกระเป๋าอย่างที่บอก
“เมื่อไหร่แฟนจะมาน้า.....” มายะล้อเลียนอย่างนึกสนุก แต่ผมไม่คิดจะสนุกอะไรด้วยเลย
“ขออย่าให้มาเถอะ สาธุ....” พนมมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ถึง 3 วินาที 


Ping-Pong- - -



เสียงกริ่งดังอยู่หน้าประตูเลยครับ ผมมองหน้ามายะอย่างตื่นๆ มันระแวงแปลกๆ ชอบกล หวังว่าคนที่มากดกริ่งจะไม่ใช่พี่เมฆนะ ผมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ให้พี่เมฆมานะ ไม่ใช่เรียกให้เขามาเร็วขึ้น!


“มาแล้ว หลบไปก่อน อย่างเพิ่งโผล่หน้าออกมานะ” มายะลุกจากเตียง ผมรีบคว้าเสื้อเขาเอาไว้
“อย่าเปิดดีกว่า!”
“ไม่เปิดก็ไม่รู้เรื่องสิ”


ผมนั่งคอยเงี่ยหูฟังเสียงอยู่ด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ และพอได้ยินเสียงมายะปลดล็อคเพื่อเปิดประตูเท่านั้นแหล่ะ


เสียงมาเลยครับ เสียงเหมือนอะไรหนักๆ กระทบกันอย่างแรง แล้วผมก็เห็นพี่เมฆวิ่งเข้ามาในห้อง และพอเห็นผมนั่งอยู่ในฟูกเท่านั้นแหล่ะ

เขากระชากคอเสื้อผมขึ้น จนตัวผมลอยติดมือเขามา
พี่เมฆไม่ถามอะไรผมสักคำ เขาลากคอผมออกจากห้อง แต่มายะยังยืนขวางประตูไว้อยู่ ปากเขามีเลือดซิบออกมาตำแหน่งเดิมเลย แต่พี่เมฆยังดูปกติดีอยู่

“เขาเริ่มก่อนนะ” มายะพูดจบ พี่เมฆก็หันมาถลึงตาใส่ผม
“มันพูดอะไร?” เขาฟังไม่ออกครับ เพราะไม่ยอมไปเรียนภาษาจริงจังสักที
“มายะ ขอร้องล่ะ” ผมไม่ตอบพี่เมฆ แต่หันไปบอกคนที่ยืนขวางอยู่

คราวนี้ดูเหมือนพี่เมฆจะแปลออก เพราะศัพท์มันง่าย เขาปล่อยคอเสื้อผมแล้วทำท่าจะเข้าไปซัดกับมายะต่อ ผมต้องตามไปดึงแขนเขาด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

“ก็ได้ ไปสิ เดี๋ยวเดินไปส่ง” มายะมันชิวครับ แถมผายมือให้พี่เมฆ
“กวนตีนเหรอมึง!” ภาษาอังกฤษที่เขาใช้ด่ามายะ ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำเป็นไม่สนใจ ทั้งที่ก็ฟังออก



“ไปรอที่ห้อง” พี่เมฆผลักหลังผมออกจากห้อง ส่วนเขาหันมาถามมายะ
“ให้กูล่อมึงตรงนี้ก็ได้นะ” ไม่ดี! ไม่ดีแน่ๆ อ่ะ เกิดใครผ่านมาเห็นแล้วแจ้งตำรวจเป็นเรื่องใหญ่แน่
“ที่เงียบๆ ดีกว่า ไม่อยากให้ฝ่ายปกครองมาเจอ” มายะยิ้มยียวน

แล้วเขาก็เดินนำพี่เมฆลงไป โดยไม่กลัวหลังเลย


“คุณกับผม เดี๋ยวเรามีเรื่องต้องคุยกันยาว” พี่เมฆถอนหายใจ เขาเดินไปได้สามก้าวก็หยุดชะงัก แล้วล้วงไปหยิบกระเป๋าตังค์ออกมายื่นแบงค์หมื่นให้ผม
“เอาตังค์ไปซื้อกาแฟกระป๋อง ไม่ต้องนอนกันหรอกคืนนี้” ผมไม่รับเงินนั้น แล้วใครจะบ้ามีอารมณ์ไปซื้อกาแฟ แค่นี้ผมก็หลับไม่ลงแล้ว

“ใช่คุยแน่! แล้วพี่ไปมีเรื่องอะไรกับมายะ?”
“อย่าเรียกมันแบบสนิทสนมได้ไหม! หรือว่าคุณไปสนิทไปแนบไปนาบกับมันมาแล้วจริงๆ?” ผมโกรธจนมือสั่น จ้องตาเขาแบบเอาเรื่องสุดๆ
“เรื่องคุณน่ะไว้จัดตอนสุดท้าย ตอนนี้ผมจะไปเอาเลือดหัวไอ้มายะก่อน แล้วก็อย่ามาขวาง ถ้าขวางผมจะอัดคุณรวมกับมันนั่นแหล่ะ!”   

 
พี่เมฆจะต่อยผม? แล้วเขาโมโหอะไร ไม่ถามผมสักคำ ไอ้ที่มีคดีเก่ากับมายะก็เข้าใจอยู่ แต่เขาก็น่าจะรู้ว่าตัวเองไม่เคยพูดเรื่องมายะให้ผมฟังสักหน่อย




ผมวิ่งตามทั้งคู่ไป แต่ซอยแถวนั้นมันก็ค่อนข้างซับซ้อนน่าดู ผมไม่เคยมาโซนมหาวิทยาลัยเสียด้วยสิ

ตอนดึกๆ อากาศหนาวอย่างนี้ ไม่ค่อยมีคนเดินพลุกพล่านอยู่แล้ว ทำไงดีเนี่ย!!

ผมลองเดินมาทางฝั่งสวนสาธารณะ ถ้าคนมันจะมีเรื่องกันน่ะ มันต้องห่างไกลผู้คนหน่อย ตอนอยู่ในห้องเรียนชั่วโมงประวัติศาสตร์รู้สึกว่าจะมีแม่น้ำไหลผ่านแถวๆ นั้นด้วยนะ



สุดปลายสะพานข้ามแม่น้ำผมเห็นเงาคนกลุ่มใหญ่ ไม่ใช่แค่พี่เมฆกับมายะ แล้วพอเข้าไปส่องดูใกล้ๆ ผมเห็นเป็นพวกคุณยูอิโตะ! เพียบเลยครับ มาเต็ม...




นี่มันหมายความว่าไง พี่เมฆจะโดนรุมยำตีนเหรอ!!!?



H
 :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-07-2015 10:32:04 โดย foyer »

ออฟไลน์ mayyyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ลุ้นๆ ดูว่าใคจะน่วม 55555555555555 :hao7:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
งานเข้าละไง.....แต่แอบสะใจอิพี่เมฆเบาๆ
มีอะไรชอบปิดมายด์ดีนัก เป็นไงล่ะ หึงอ่าดิ หุหุ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ foyer

  • 「★ the sons of a battlecry」
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +822/-2
M ♠ M
31


ผมมองดูคนที่ยืนล้อมอยู่ห้าหกชีวิต จากตอนแรกที่มีแค่ไอ้มายะคนเดียว...
มาสเตปนี้แล้ว แม่งจะอะไรซะอีกล่ะ นอกจากทั้งหมดเป็นแผนเพื่อล่อผมออกมายำ
แม่งกูไม่เข้าใจอ่ะ! แค่โด้กระดาษไปไม่กี่แผ่น แต่พวกมึงกะจะเล่นกูถึงตายเลยป่ะเนี่ย?

บรรยากาศของยากุซ่าผมเฉยๆ นะ พวกมาเฟียฮ่องกง หรือแถวเซี่ยงไฮ้ที่ผมเคยอยู่ ดูจะเถื่อนกว่านี้ แต่สำหรับผมก็ไม่ประมาทหรอก เพราะพวกญี่ปุ่นนี่ความคิดสร้างสรรค์เขาเยอะ ผมอาจเจออะไรแปลกๆ เข้าก็ได้

   ตอนแรกก็สงสัยทำไมถึงเจอนีออนอยู่กับไอ้มายะ กูว่า กูก็ไม่ได้ไปเดินโชว์ตัวกับเขานี่เว้ย ยกเว้นตอนแรกๆ ที่มาแค่นั้น... ผมค่อยๆ สังเกตทีละคน และคุ้นหน้าอยู่คนนึง ที่เหมือนจะเคยเห็นตอนมาวันแรก

      พอจำได้เท่านั้น แม่งกูพลาดฉิบหาย! ไอ้เห้นี่มันอยู่อิจิยะ แล้วเสือกมาเห็นผมอยู่กับนีออนอีก เอาเข้าไป แม่งยิ้มมุมปากนิดๆ ให้ผมด้วยนะ



สัด จะอ่อยกูหรือยังไง?
 

ไม่ค่อยอยากเชื่อว่านี่คือเรื่องบังเอิญที่มันเข้ามาพัวพันกับทั้งผมและนีออน โลกนี้มันไม่มีหรอกเว้ย เรื่องบังเอิญ แต่ก็เพราะเหตุใดผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันที่มันไปโผล่หัว ณ ที่อพาร์ตเมนต์ของผมในวันนั้น…

      กูไม่เข้าใจ
         กูโง่
            หรือกูเซ่อ?

      
               ผมพลาดอะไรไปวะ?

   “เป็นไง? ตกใจไหมที่ได้เจอกันอีก?” ไอ้มายะถามภาษาอังกฤษ ไม่โชว์โง่เหมือนครั้งแรกที่เจอกัน ที่แม่งพ่นภาษาถิ่นมันไฟแล่บใส่ผม
 
ขอเถอะสัด กูเกลียดรอยยิ้มมึงว่ะ
   
   “แล้วหน้าตากูดูตกใจเหรอ?” ผมถามมันกลับ
      “ก็ดูตกใจมากอยู่นะ ตอนที่เห็นมายด์” ไอ้สัด กูไม่ตกใจเท่าตอนเจอพวกมึงร้านราเมงหรอก อาการอย่างนั้นนี่ถ้าไม่เกรงใจเพื่อนบ้านกูนี่เตรียมทำยุทธหัตถีไปแล้ว
         
“เรื่องงานก็ส่วนเรื่องงานนะ” ไอ้มายะพล่ามต่อ
   “แต่เรื่องมายด์... ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นอะไรกัน แต่ผมไม่ยกเขาให้ใครหรอก”




   เลือด!!!!!


เลือดมาเต็มครับ!! ปีนขึ้นมาอยู่บนหน้าผมแบบเฉียบพลัน
            แถวบ้านนี่เรียกเลือดขึ้นหน้าขั้นอีโว!!!

ใครมายั่วยุอะไรผมไม่เคยหวั่นไหวนะ แต่ครั้งนี้คือนีออนแม่งไม่บอกอะไรผมเลย ไม่รู้โดนมันล้างสมองอะไรมาหรือเปล่า ถ้าผมไม่ไปเจอเองสงสัยคงกะให้รู้ชาติหน้ามั้งว่าไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่น แถมอยู่คนละวงโคจรกับผมอีก แม่งโคตรเฮงซวยชัดๆ
   นี่ไม่ได้หึงนะ แต่มาหยามกันแบบนี้ผมไม่ชอบว่ะ
       
“มึงจะรู้สึกเหี้ยไรกับใครก็เรื่องของมึง ไม่ต้องมาบอก ที่กูอยากรู้ตอนนี้คือมึงจะบวกเมื่อไหร่ มึงว่ามาไอ้สัด”
   “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ผมเอาคืนแน่ ...ตอนนี้ก็แค่สงสัย ว่ามายด์เป็นอะไรกับนาย ทำไมต้องไปฉุดกระชากเขาขนาดนั้น รู้ไหม ถ้าเขาไม่ขอร้องผม ป่านนี้มันคงไม่มาจบที่นี่หรอก..”
      “จบที่ไหนก็เหมือนกันว่ะ คราวนี้มึงได้แดกตีนกูจนอิ่มแน่”

ไม่อยากเสียเวลาสนทนาแล้วเว้ย!

ล่อแม่งเลยแล้วกัน!

      
เข้าใจคำว่าเลือดขึ้นหน้าก็คราวนี้แหล่ะ พลังที่ผมสะสมไว้นี่เอามาปลดปล่อยที่นี่จนแทบหมดแม็ก
   จาก 6 เหลือ 2 ใครอยากได้มือ ใครอยากได้ตีน 
ผมนี่แจกยับ!

   “ไม่เบาเหมือนเดิมเลยนะ” อีก 1 ชีวิตที่เหลือพูดขึ้น ถามว่ารู้จักมันไหม คือไม่... แต่ที่แน่ๆ มันคือคนที่นำพาหายนะมาให้ผมในวันนี้

   ผมพุ่งหลาวเข้าไปจะซัดมัน
แต่มันหลบครับ หลบพลิ้วแล้วแทงศอกเข้ามา ผมก้มหลบจะเตะตัดขา มันก็กระโดดหลบได้อีก
   ผลัดกันแลก แต่ก็ล้มมันไม่ลงสักที จนผมชักสงสัยว่ามันไปสักวัดไหนมาวะ แคล้วคลาดไปถึงไหนมึง!

      “ผมเองดีกว่ายูอิโตะซัง” ไอ้มายะดันตัวเองขึ้นมาเผชิญหน้ากับผม แล้วปล่อยอีกฝ่ายให้หลบไป

   หน้าตามันดูโคตรชิว แต่กูไม่ชิวนะบอกเลย คดีมึงเยอะสุดๆ ถ้ามันไม่ตายคาตีนผมวันนี้ ผมคงนอนไม่หลับ



      ไอ้มายะ เดี๋ยวกูจะสอนดาราศาสตร์มึงเอง ว่าแกแลกซี่มีดาวกี่ดวง กูจะให้มึงไปนอนนับจนพอใจเลย   ! 

   ไม่ต้องเสียเวลาไหว้ครูกันเลยจังหวะนี้ ในเมื่อไอ้คนที่แค้นมาหลายวันยืนอยู่ตรงหน้า และความแค้นยิ่งอัดทะลุจุดเดือด พอเห็นมันอยู่กับนีออน กลยุทธที่ร่ำเรียนมาทั้งหมด ผมใส่ไม่มียั้ง แต่ก็ยอมรับว่ามันแม่งหลบเก่งจริง หลบได้เกือบหมดทุกกระบวนท่า
 
      “อย่าคิดว่าตัวเองเหนืออยู่คนเดียว” ไอ้มายะโม้ทันทีที่มันหลบหมัดสุดท้ายผมได้ แต่สเตปมึงกูเมมไว้ในสมองหมดแล้ว ไอคิวกู 220 อย่าคิดว่าจะมาโม้ต่อหน้ากูได้

         ผมทำทีจะพุ่งไปอัดมันตรงๆ มันเบี่ยงหลบตามที่คิด แต่ผมกระโดดพลิกตัวกะทันหันทำให้มันต้องเบี่ยงตัวไกลออกไปอีกจนขาที่รับน้ำหนักเสียสมดุล

ถึงกูจะเคยสอนเลขนะเว้ย แต่หลักฟิสิกส์กูมาเต็ม


      ขาไม่ใช่ส่วนที่ผมจะประเคนให้มัน แต่เป็นหลังเท้าเบอร์ 40 ของกูนี่ล่ะที่อยากจะให้มันได้ชิม




ปั้ก!!!


   เข้าเบ้าหน้าตามประสงค์

      เห็นเลือดหยดลงมาตามมุมปากทันที ผมแสยะยิ้ม

      “มึงรุกเก่งไม่เท่ากูหรอก ไม่ต้องสะเออะอยากไปเป็นเจ้าของใคร” ถ้าฉลาดคงรู้ว่าผมหมายถึงนีออน นีออนที่ร้อยวันพันปีไม่มีใครมาสนใจ แต่พอเป็นเมียผมเท่านั้นแหล่ะ ปัญหามาทันที 
         ไอ้มายะเอาหลังมือปาดเลือด มันมองเหมือนเจ็บใจอยู่แป้บนึง แล้วบอก
            “แต่ถ้าเต็มใจให้เป็น มันก็อีกเรื่องใช่ไหมล่ะ?”   
               “แล้วถ้ากูไม่ให้ มึงจะทำไม”
                  “ก็ไม่ทำไม ถ้าเขาเลือกจะอยู่กับผม”






เลือด!!! แม่งปีนขึ้นหน้ากูอีกแล้ว คราวนี้ผมแทบจะกระโจนเข้าไปซัดมันแบบไม่ลืมหูลืมตาเลย หลบได้หลบไป ถ้าแรงมึงเหลือพอบวกกู!!


   ไอ้มายะยกมือกันหมัดผม แต่ด้วยแรงแค้นก็ทำให้มันต้านผมไม่ไหว ต้องล้มลงไปนอนนับดาวอย่างที่ผมตั้งปณิธานไว้นั่นแหล่ะ
      
      “มายะ! เรื่องส่วนตัวน่ะเอาไว้ก่อน!” ไอ้ข้างหลังตะโกน แล้วออกมาเผชิญหน้ากับผมเอง ไอ้มายะทำหน้าขัดใจแล้วค่อยลุกขึ้นยืนแบบทุลักทุเล
      “ขอโทษครับ ยูอิโตะซัง” ภาษาญี่ปุ่นที่กูแปลออก สรุปมันชื่อนี้?

      อ่อ.... ผมพยักหน้าเข้าใจ ดาต้าที่ไอ้ซาจิเคยให้ผม คุซาวะ ยูอิโตะ นี่มันระดับหัวหน้าเขตเลยนะ ถ้าเล่นมันได้สงสัยผมได้เป็นตำนานชั่วข้ามคืนแน่

 
         “เอกสารที่มึงเอาไป ถ้าไม่เอามาคืนภายในพรุ่งนี้ อย่าหวังว่ามึงจะอยู่ที่นี่ต่อได้ นอกจากไม่มีที่อยู่แล้ว มึงจะเสียคนสำคัญไปด้วย”
            “มีปัญญาอะไรมาขู่กู?” แม่งพูดเหมือนกูอยู่ในยุคขี่เกวียนไปทำงานเลยนะมึง




               “มีแบบที่มึงคิดไม่ถึงยังไงล่ะ....”


                  “ก็เอาดิ”
                                 



 
กริ๊ก




ไอเทมที่ผมไม่ได้เห็นมานาน
      แต่เห็นแล้วก็นึกถึงหน้านีออนขึ้นมาทันที
         มีช่วงหนึ่งนะ ที่ผมเห็นเขาประกอบปืน แล้วยังยิงปืนแม่นแบบโคตรไม่เข้ากับหน้าตาอีก   


            ใครว่าผมเกรียนลืมเมีย ที่จริงไม่ใช่ ผมน่าสงสารกว่านั้น ผมเกรียนจนเมียลืม แล้วไปยุ่งกับไอ้ยุ่นหัวแดงนี่มากกว่า

      
   “มึงจะยิงกู นี่มึงถามความเห็นแฟนคลับกูยังว่าเขาจะยอมไหม?” ไอ้สองตัวทำหน้าหมางงใส่ผม
      
      อ้าว ก็งงดิ

         บอกเลยว่าผมไม่กระจอกนะ

      
 ตอนแรกผมมาเดี่ยว แต่แป้บเดียวผมใช้คาถาแยกเงาได้ 10 ร่างภายในเวลา 3 นาที
   ปืนน่ะ กูไม่ชอบใช้บอกแล้ว
      แต่ถ้าให้คนอื่นใช้น่ะ มันก็อีกเรื่อง
         

         “ถ้าไม่ยิง กูยิง” ใครเร็วกว่าได้เปรียบ วิธีนี้ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็ยังใช้ได้ดีเหมือนเดิม พูดจบผมได้ยินเสียงขึ้นนกจากไอ้ยูอิโตะ แต่คงช้ากว่าคนที่มันเล็งรออยู่ก่อนแล้ว

ช่วยไม่ได้ที่มันไม่ 1-1 กับผม เอาพวกมาข่มก่อน
มันมีแบ็ค ผมก็มีแบ็ค








กูรู้.... กูเรียนมา
 







ฟึ่บ!









ปืนเก็บเสียง ผมชอบนะ แต่ภาพที่เห็นตอนนี้มันไม่ใช่ว่ะ










ก็รู้อยู่นะว่านีออนกระจอก





แต่ก็ไม่คิดว่าจะโง่ขนาดนี้










ตุบ!









ล้มเหมือนตุ๊กตาเสียขาเลยครับ










ผมยืนตัวแข็งอยู่กับที่
ไม่นึกมาก่อนว่าเขาจะโผล่มาตอนนี้ ในเวลาแบบนี้...
   ไม่สิ







         คนที่โง่คือผมเอง








ผมเห็นนีออนล้มพับลงไปต่อหน้าต่อตา และเลือดค่อยๆ ไหลซึมผ่านเสื้อกันหนาวตัวหนาสีอ่อนออกมาอย่างรวดเร็ว
 

      ขาผมเหมือนเป็นอัมพาต แต่ก็ไม่รู้แม่งพากูมาล้มอยู่ตรงหน้าเขาได้ยังไง

         ผมค่อยๆ ประคองนีออนที่นอนนิ่ง เบิกตากว้างมองผมขึ้นมาบนตัก ดูตำแหน่งเลือดที่พุ่งออกมา อยู่ใกล้หัวใจมากจนผมกลัว

แต่แค่นี้ก็รู้แล้ว


หัวใจผมเต้นแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...


   ความกลัวที่ลืมมันไปนานแล้ว...






      รู้สึกแบบนี้เองเหรอวะ...



   กลัวจนเหมือนจะขาดลมหายใจ








ผมประคองนีออนขึ้นมาแล้วกอดเขาไว้แน่น...






ไม่นะเว้ย! ไม่นะเว้ย!!... ไม่นะเว้ย!!!!

      มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิวะ!!!


“มายด์..” เสียงที่เรียกเขาเหมือนไม่ใช่เสียงผม มันทั้งสั่น ทั้งเบา จนแทบไม่ได้ยิน

“มายด์...คุ..ณ...อ ย่าเป็นแบบนี้สิวะ!...” ผมเค้นเสียงออกมาจากลำคอ พร้อมไอ้น้ำบ้าๆ ที่มันเอ่อออกมาจากตาไม่หยุด มายด์นอนนิ่ง อ้าปากเหมือนจะพูด แต่ไม่พูด
   “เจ็บเหรอ? เจ็บใช่ไหม อยู่นิ่งๆ นะ ผมจะพาคุณไปหาหมอ”
      “............................” มายด์ตัวกระตุก ตาโตจ้องมองผม พร้อมคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเหมือนเจ็บปวด ผมทนดูไม่ได้ กอดเขาไว้แน่น ไม่กล้าขยับตัวอีกเพราะกลัวแผลเขาสะเทือน สิ่งรอบข้างเป็นยังไง ผมลืมหมดทุกสิ่ง 
 
         “เฮ้ย! อดทนหน่อย รถพยาบาลกำลังมาแล้ว” ไอ้มายะดึงไหล่ผมไว้ แขนผมเกร็งแน่นจนแทบไร้ความรู้สึก   
            แต่พอก้มลงดูหน้าเขาอีกที ก็เห็นว่าเขานอนหลับตา หายใจรวยรินเต็มที




ผมเจอคนมาก็มาก ที่ตายเป็นศพให้นอนแดกก็เยอะ ที่ใกล้ตายก็ไม่น้อย
   ประสบการณ์ไม่ได้ทำให้เข้มแข็งขึ้นมาได้เลย ลืมแม้กระทั่งเหตุผลทุกอย่างพอรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังจะตาย...


      “มายด์! ตื่น มายด์!!! อย่าเพิ่งหลับสิวะ มายด์!!” ผมพยายามตบหน้าเขาเบาๆ เรียกสติ
         “ถ้าอยากนอน ก็ไปนอนบ้านเรานะ! ตรงนี้....มันไม่ใช่ว่ะ โธ่เว้ย! ผมไม่ให้คุณตายนะเว้ย!!! มายด์!!” ผมก้มลงกอดเขา แนบหน้าเปื้อนไอ้น้ำบ้าๆ กับหน้าเขา ที่หนักกว่านี้ ที่โหดกว่านี้เป็นสิบเป็นร้อยเท่ายังผ่านมาได้ ทำไมเรื่องโง่ๆ แบบนี้ถึงต้องมาเกิดขึ้นกับเขาด้วยวะ! มันจะเหี้ยเกินไปหน่อยไหม


            “มายด์.. มายด์… พูดอะไรสักคำ!! มายด์!!” ผมเรียกเขาเหมือนคนบ้า เหมือนคนสติแตก ไม่ได้สนใจรอบข้าง แค่คนตรงหน้าเท่านั้น แต่เหมือนเสียงของผมจะส่งไปไม่ถึง...


















 
               “อ ย่า..... ขอร้อง”






“...................”






“ผมรักคุณ”
 








“………………………”
“อยากฟังใช่ไหม คุณตื่นมาฟังผมดิ ผมรัก.... อึก...”






“..............................”





โลกหยุดหมุน
และผมไม่รู้ว่าตัวเองนั่งกอดมายด์อยู่ในท่านั้นนานเท่าไหร่





♠♠♠


น้ำตาที่ชาตินี้ไม่คิดว่าจะได้เห็น

พี่เมฆร้องไห้!! ผู้ชายอย่างเขาที่เรื่องหนักหนาสาหัสกว่านี้ ทำให้เจ็บตัวกว่านี้ ทั้งโดนยิง โดนแทง แผลลึกเลือดท่วมแค่ไหนก็ไม่เห็นเขาจะเคยทำหน้าเจ็บปวดเลยสักครั้ง
   แต่มาวันนี้ ผมกลับเห็นน้ำตาของเขา

ผมร้าวรานไปเขา รู้สึกแหลกสลายไปกับเขา และรู้สึกตื้นตันกว่าครั้งไหนๆ ที่ได้ยินเขาพูดว่า ‘รัก’ ผม



               คำที่ผมอยากได้ยินมาตลอด

 

แม้พี่เมฆจะชอบทำตัวไม่น่าเชื่อถือ ชอบล้อผม หลอกผมเหมือนเป็นเด็กโง่ๆ แต่คำนี้เท่านั้นที่เขาไม่เคยพูดออกมา แม้ว่าผมจะสารภาพจะพูดไปแล้วหลายครั้งเขาก็ทำเป็นไม่สนใจ บางทีออกจะทำท่าเหมือนไม่อยากรับรู้ด้วยซ้ำ
   ทั้งหมดมันคืออะไร มันทำให้ผมไม่มั่นใจ ผมอยู่ได้โดยการรักเขา และยอมรับการดูแลห่วงใยที่พี่เมฆให้แค่นี้ก็พอ
      
      คิดว่ามันน่าจะพอ สำหรับผม...

         แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าได้รักตอบมันก็คงจะดี

            ผมจะได้ไม่รู้สึกครึ่งๆ กลางๆ อีกต่อไป




ผมหลับตาลง ซึบซับช่วงเวลาและคำพูดนี้ไว้ให้นานที่สุด มันคงเป็นความทรงจำที่ผมคงไม่มีวันลืม

พี่เมฆนั่งกอดผมท่าเดิม ท่ามกลางความรู้สึกที่เหมือนทุกอย่างมันหยุดนิ่งไป ผมรู้สึกเปียกที่แก้มกับน้ำตามากมายของเขา ผมเองก็เช่นกัน ดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวเลย


   เมื่อไหร่จะขยับตัวได้สักทีวะ?

   
      ผมจะได้กอดเขาตอบ


         
         แล้วก็จะปลอบเขาให้หายช้อคด้วย



คิดแล้วมันก็ไม่น่าเป็นไปได้นะ... ไม่คิดเลยจริงๆ 


   

H
ใกล้จะถึงความจริง TT^TT

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด