‘กริ๊งงงงงงงงงง’
เสียงโทรศัพท์มือถือของสายลมดังขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ สายลมหยิบขึ้นมาดูชื่อก่อนต้องรีบตั้งสติกับชื่อที่ขึ้นอยู่ตอนนี้
“ครับท่านประธาน”
“เมื่อวานเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมคุณไม่โทรรายงานผมห๊ะ” เสียงดังกราดออกมาจากปลายสาย
“ขอโทษด้วยครับ พอดีมันฉุกละหุกผมก็กะจะเข้าไปรายงานท่านวันนี้อยู่เหมือนกันครับ” สายลมรีบคิดหาทางแก้ต่าง
“ไม่ต้องแล้วหรอกมั้งผมว่า คุณอ่านหนังสือพิมพ์หรือยังพาดหัวหน้าหนึ่งขนาดนั้น” สายลมรีบเดินออกไปหยิบหนังสือพิมพ์ที่กล่องรับหน้าห้องทันที

หนังสือพิมพ์เกือบทุกหัวสีหยิบข่าวนี้ขึ้นมา จนหนังสือพิมพ์ทุกฉบับขายหมดเกลี้ยงในเวลาไม่นาน
“ว่าไงเห็นแล้วใช่ไหม ลองบอกมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เสียงขรึมจากคนถามแสดงอาการไม่พอใจ
สายลมออกตัวปกป้องปลายฟ้าอย่างสุดความสามารถ เพราะไม่เช่นนั้นปลายฟ้าอาจโดนสั่งพักงานหลังจากถ่ายหนังเรื่องนี้จบก็ได้ เขายอมให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ เพราะยามที่ปลายฟ้าว่างงานก็มักจะจมอยู่ในห้วงความคิดที่ดูซึมเศร้าและหม่นหมองตลอดเวลา นั่นเป็นสิ่งที่ทนเห็นไม่ได้สำหรับเขา
ประธานบริษัทไม่ได้ว่ากล่าวอะไรปลายฟ้ามากเพราะการช่วยเหลือของสายลม แต่ก็ได้สั่งให้พักงานช่วงนี้ไปก่อนจนกว่าทางกองถ่ายจะจัดการข่าวเรื่องนี้เสร็จ แต่ก็คงต้องหาทางกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาด้วย
ปลายฟ้าตื่นขึ้นมาหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน อย่างแรกที่เขาเห็นคือภาพหัวข่าวถึงเขากับเหตุการณ์เมื่อวาน สายลมนั่งนิ่งคิดอะไรบางอย่างอยู่ที่โซฟากลางห้อง ปลายฟ้ารีบเดินเข้ามาหา
“พี่สายลมทำไมข่าวถึงได้ลงเร็วแบบนี้ละครับ แล้วแบบนี้ที่บริษัทเขาว่ายังไงบ้างครับ” ปลายฟ้ารีบถามเพราะรู้ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแล้วแน่ ๆ
“ท่านประธานโทรมาแล้ว แต่พี่แก้ต่างให้ฟ้าไปแล้วนะ ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแต่ช่วงนี้ให้เก็บตัวอยู่เงียบ ๆ สักพักก่อนห้ามออกไปไหน งดรับงานสักสามสี่วันจนกว่าเรื่องจะซาลง” สายลมบอกข้อตกลงที่คุยกับท่านประธานให้ปลายฟ้าฟัง
“แล้วแบบนี้ผมไม่ต้องอยู่แต่ในบ้านหรือพี่สายลม”
“จะให้พี่ทำยังไงได้ล่ะฟ้า นี่ก็ถือว่าเบาสุดแล้วนะ แต่พี่กำลังคิดว่าทำไมข่าวถึงหลุดออกมาจากกองถ่ายได้ เพราะเมื่อวานพี่กับผู้กำกับเราตกลงกันไว้ว่าจะปิดเป็นความลับแล้วนี่นา” สายลมยังทำหน้าครุ่นคิดอยู่
“ผมว่าต้องเป็นพวกมันแน่เลยที่ปล่อยข่าว มันต้องการทำลายชื่อเสียงผมแน่ ๆ”
“เรายังไม่มีหลักฐานพูดแบบนั้นไม่ได้นะฟ้า”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ มันก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าเรื่องนี้มีคนรู้ไม่กี่คน แถมทางเรายังปิดข่าวแล้วด้วยแล้วข่าวมันจะรั่วมาจากไหนล่ะครับ ถ้าไม่ใช่จากไอ้อเล็กซ์นั่น” ปลายฟ้าเริ่มหัวเสีย เพราะการที่เขาโดนกักบริเวณเป็นเรื่องที่เลวร้ายสำหรับมาก
“พี่ก็คิดแบบนั้นแต่เราอย่าเพิ่งพูดออกไปตอนนี้ เพราะว่ามันอาจไม่เป็นผลดีกับเรา ตอนนี้เราอยู่เฉย ๆ ไว้ก่อนดีกว่าฟ้าเข้าใจที่พี่พูดใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นช่วงนี้ฟ้าต้องงดออกไปไหนสักสองสามวันอยู่แต่ในห้องหลบนักข่าว ก่อน ส่วนเรื่องอื่น ๆ เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง”
“ครับ ผมอยู่แต่ในห้องก็ได้” ปลายฟ้าตอบรับแบบจำยอม
ช่วงเวลาสามสี่วันที่ปลายฟ้าไม่ได้ออกไปไหน โทรศัพท์ก็ไม่ได้ติดต่อใครทั้งสิ้น เพราะเป็นคำสั่งจากประธานบริษัท เขาได้แต่นั่งมองท้องฟ้าสีน้ำเงินผ่านทางหน้าต่างมุมเดิมทั้งวัน แววตาที่บอกถึงความเหงา ความเดียวดายถูกถ่ายทอดออกมาตลอดเวลา สายลมก็ได้แต่เฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ ภาพที่เห็นก็ทำให้เขาเองรู้สึกไม่ดีเหมือนกัน สายลมเองทำได้อย่างมากแค่เพียงชวนปลายฟ้าคุย หรือเล่นเกมบางอย่างเท่านั้น แต่ปลายฟ้าก็มักกลับไปนั่งมุมเดิมเสมอ
หลังจากทางบริษัทจัดการเรื่องทั้งหมด ปลายฟ้าถึงเริ่มได้ออกมาข้างนอกบ้าง แต่ก็ยังมีให้งดสัมภาษณ์ทุกกรณี แต่เพียงเท่านี้ปลายฟ้าก็รู้สึกดีขึ้นกว่าอยู่ห้องเป็นไหน ๆ มีบางงานที่ต้องไปเจออเล็กซ์ แต่ทางฝ่ายนั้นก็มักหลบฉากออกไปมากว่า การถ่ายหนังเริ่มกลับมาเปิดกองอีกครั้ง แต่บรรยากาศกลับไม่เหมือนในตอนแรก ปลายฟ้ากับอเล็กซ์มักจะคุยกันเฉพาะตอนเข้าฉากเท่านั้น
สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมคือ กล่องของขวัญผูกโบว์สีน้ำเงินเข้มกับการ์ดสีโทนเดียวกัน สายลมพยายามสืบถามจากคนในกองถ่ายก็ไม่มีใครรู้ถึงที่มาของมัน รู้เพียงว่ามันจะมาวางอยู่ทุกเช้า พวกเขาทำเพียงแค่เก็บไว้ให้เท่านั้นเอง เมื่อรับมาปลายฟ้าก็มักจะให้สายลมเอาไปทิ้งทุกครั้ง
ปึ้ง!!
“ผมเริ่มจะไม่ไหวกับไอ้ของขวัญบ้านี่แล้วนะพี่สายลม มันต้องมีใครมาเล่นตลกกับผมแน่ ๆ” ปลายฟ้าขว้างกล่องของขวัญเข้าใส่ข้างฝาห้องอย่างโกรธแค้น
“ฟ้าใจเย็น ๆ สิครับ ถ้าฟ้าเป็นแบบนี้เดี๋ยวก็เข้าทางพวกมันพอดี” สายลมเดินไปหยิบกล่องของขวัญที่ยับย่นเพราะแรงกระแทกกับผนังมาแกะดู ข้างในยังคงเป็นรูปของปลายฟ้าที่ถ่ายเมื่อวานเหมือนทุกครั้ง
“แต่มันจะทำให้ผมประสาทเสียก่อนนะสิครับ พี่สายลมช่วยตามตัวให้เจอเร็ว ๆ หน่อยได้ไหมครับ ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหวเสียก่อน” ปลายฟ้าเดินเข้าห้องทันทีที่พูดจบ ปล่อยให้สายลมคิดอะไรอยู่คนเดียว
“เอ๊ะ!! พี่สายลมแล้วนี่อะไรครับ” ปลายฟ้าหยิบซองจดหมายสีน้ำเงินเข้มที่แทรกมากับกองหนังสือพิมพ์ ที่กำลังนั่งอ่านอยู่ในตอนเช้า
“จ่าหน้าถึงผมด้วยสิครับ” เขาพลิกพร้อมกับแกะมันออกทันที
“เดี๋ยวก่อนฟ้า” สายลมรีบแย่งจดหมายมาถือไว้เอง
“ทำไมครับพี่สายลม หรือว่าพี่สงสัยว่าจะเป็นจดหมายของคนที่ส่งของขวัญมา” ปลายฟ้าสงสัยกับท่าทางระมัดระวังของสายลม
“ฟ้าอย่าลืมสิครับ ว่าเราไม่เคยเปิดเผยที่อยู่ที่นี่ ถ้าเป็นแฟนคลับก็ต้องส่งไปที่บริษัท แล้วเขาจะเอามาส่งให้เราเอง แต่นี่มันมาอยู่ปนกับหนังสือพิมพ์ได้ยังไงกัน” คำพูดเตือนทำให้เจ้าของชื่อฉุกคิดขึ้นมาได้
สายลมเป็นตัวแทนเปิดจดหมายออกมาอ่าน
ถึง ปลายฟ้าที่รัก
ผมเป็นหนึ่งในคนที่ติดตามคุณตั้งแต่คุณเริ่มเข้าวงการ โดยเฉพาะการถ่ายแบบครั้งแรกของคุณดวงตาของคุณมันสะกดเข้าไปในจิตใจของผม อย่างบอกไม่ถูก ผมรู้สึกหลงรักในแววตาของคุณตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา แววตาของคุณมันช่างงดงามจนทำให้ผมยากเกินจะถอนตัวจากคุณได้ ผมเพียรพยายามตามหาที่อยู่ของคุณมานานแสนนาน ผลสุดท้ายผมก็เจอมันจนได้ ผมอยากใกล้ชิดคุณ ผมอยากเห็นแววตาของคุณใกล้ ๆ ผมอยากอยู่ในแววตาของคุณตลอดเวลา ผมดีใจที่ผมได้บอกความรู้สึกกับคุณแล้ว และหวังว่าคุณคงรับรู้ถึงความรู้สึกทั้งหมดของผมได้
จากคนที่รักคุณสุดหัวใจ
หม่อน
ปล. ผมเฝ้าดูคุณอยู่ตลอดเวลา ผมจะไม่ให้ใครมาทำลายชื่อเสียงของคุณและแย่งคุณไปจากผมได้
สายลมอ่านจบต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง เพราะถ้านี่เป็นการล้อเล่นมันก็ออกจะเกินเหตุไปหน่อย แต่จากสัญชาตญาณของเขา บอกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่นอน ปลายฟ้าเองก็มีสีหน้าเคร่งเครียดเพิ่มมากขึ้นไม่ต่างกัน เพราะเขารู้สึกเหมือนโดนข่มขู่ทางอ้อม
“พี่ว่าช่วงนี้ฟ้าต้องระวังตัวเป็นพิเศษแล้วนะครับ ท่าทางเรื่องจะรุนแรงกว่าที่เราคิดเสียแล้ว” สายลมเริ่มปรากฏความเครียดบนใบหน้า
“ครับผมจะระวังตัวให้มากกว่านี้ แต่ถึงยังไงผมก็มีพี่สายลมอยู่ทั้งคน สบายใจได้อยู่แล้ว” ปลายฟ้าพูดเชิงให้กำลังใจสายลมที่มีท่าทางเคร่งเครียด
“พี่ว่าเรื่องนี้พี่ไปปรึกษาท่านประธานก่อนดีกว่า ว่าจะทำยังไงได้บ้าง วันนี้ไม่มีคิวถ่ายหนังฟ้าอยู่ห้องอย่าออกไปไหนนะครับ” สายลมสั่งกำชับเพราะกลัวเกิดเรื่องร้ายขึ้น
“ครับ ผมรออยู่ที่ห้องก็ได้ แต่ว่าวันนี้พี่ก้องบอกว่าจะมาหา พี่สายลมไม่อยู่แบบนี้จะให้พี่ก้องมาได้ไหมครับ” ปลายฟ้าหันมาถาม แต่แววตาเหมือนอ้อนวอนให้อนุญาต
“ก็ได้ครับ ช่วงนี้ดีกว่าปล่อยให้ฟ้าอยู่ห้องคนเดียว” ถึงสายลมจะรู้สึกไม่ดี ที่ต้องปล่อยปลายฟ้าให้อยู่กับก้องเกียรติตามลำพัง แต่มันก็ดีกว่าที่จะปล่อยให้ปลายฟ้าอยู่คนเดียว เขาทำได้เพียงอดกลั้นความรู้สึกไว้เท่านั้น
“แต่พี่ก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี ฟ้าล็อคห้องให้ดีๆ นะครับ ถ้าไม่ใช่พี่หรือคุณก้องฟ้าห้ามเปิดประตูให้ใครเด็ดขาด” สายลมยังคงเป็นกังวลจึงกำชับปลายฟ้าอยู่หลายครั้ง
“ครับพี่ไปได้แล้วไม่ต้องห่วงผมหรอก ระบบรักษาความปลอดภัยที่นี่เขาก็มีนะครับ”
นี่เป็นครั้งแรกในรอบปีที่ปลายฟ้าได้อยู่ที่พักคนเดียว ปกติสายลมจะอยู่เคียงข้างตลอดเวลาจนเคยชิน เขาเดินไปนั่งที่ประจำริมหน้าต่างสายตามองท้องฟ้าสีน้ำเงินใสยามกลางวัน ถึงบรรยากาศมันจะแตกต่างจากยามค่ำแต่ความรู้สึกมันไม่ได้แตกต่างกันแม้แต่ น้อย เพียงแต่สีน้ำเงินใสนี้มันทำให้เขาผ่อนคลายลงมากขึ้นกว่าสีน้ำเงินเข้ม แต่คราวนี้เขาคิดถึงเรื่องของสายลมเขาอยากได้คนที่ดีเพียงครึ่งของสายลมก็ยังดีมารักเขา แค่นั้นก็คงทำให้เขามีความสุขอิ่มเอมหัวใจมากกว่าทุกวันนี้
“กริ๊งงงงงงงงงงง”
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้ต้องรีบลุกขึ้นไปรับ
“ฟ้าครับพี่ใกล้จะถึงแล้วนะครับ ฟ้าอยากทานอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวพี่แวะซื้อเข้าไปให้” ก้องเกียรติโทรถามขณะขับรถมาที่คอนโดปลายฟ้า
“แล้วแต่พี่ก้องแล้วกันครับ” ปลายฟ้าตอบเสียงใน
“แล้วคุณสายลมล่ะ เขาอยากทานอะไรหรือเปล่า”
“พี่สายลมไม่อยู่ครับ เข้าบริษัทคงกลับค่ำ ๆ พี่ก้องอยากทานอะไรก็ซื้อมาเถอะครับ ผมกินได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”
“เด็กคนนี้นี่ ท่าทางจะเจริญอาหารนะ งั้นเดี๋ยวพี่แวะซื้อของโปรดเราเข้าไปแล้วกัน คิดว่าอีกครึ่งชั่วโมงน่าจะถึงครับ”
“ครับ พี่ก้องขับรถดี ๆ นะครับ แล้วเจอกันครับ บาย”
ปลายฟ้ารีบเก็บข้าวของในห้องที่กระจัดกระจาย ถ้าพี่ก้องมาเห็นห้องสภาพแบบนี้คงอายมากแน่ๆ หนังสือพิมพ์ที่กระจัดกะจายเต็มห้องในตอนแรกถูกเรียงเก็บไว้ที่มุมหนังสือ อย่างเป็นระเบียบ ของใช้ส่วนตัวบางอย่างถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิด กว่าจะจัดการทั้งหมดทำเอาเจ้าของห้องเหงื่อซึมได้เหมือนกัน
“อาบน้ำก่อนดีกว่าน่าจะทันก่อนพี่ก้องมาถึง” คิดได้เขาก็รีบไปชำระล้างร่างกายทันที
“กริ๊งงงงงงงง”
เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น ทำให้เขารีบออกมารับ
“พี่สายลมลืมอะไรหรือไงครับ” เสียงทักตอบด้วยความเคยชิน เพราะมีเพียงสายลมคนเดียวเท่านั้นที่จะโทรมาเบอร์นี้
“สายลม ใครคือสายลมครับ นี่ปลายฟ้าไม่ได้อยู่คนเดียวใช่ไหม” เสียงที่ไม่คุ้นเคยตอบกลับอย่างไม่เป็นมิตร
“เออ คุณเป็นใครครับ สงสัยจะต่อผิดแล้วครับห้องนี้ไม่มีคนชื่อปลายฟ้า” หูโทรศัพท์ถูกวางสายทิ้งทันที
“กริ๊งงงงงง”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทันทีที่วางสาย ปลายฟ้ายืนนิ่งตัดสินใจอยู่สักพักถึงรับสาย
“วางสายผมทำไม ผมรู้นะว่าเป็นคุณปลายฟ้า ห้ามวางสายผมอีกนะ” เสียงพูดแสดงความไม่พอใจแกมข่มขู่เมื่อรับสา
“คุณต่อผิดแล้วละครับ ผมไม่ได้ชื่อปลายฟ้า”
“อย่ามาหลอกผมเลยดีกว่า แต่สายลมเป็นใครผู้จัดการส่วนตัวคุณใช่ไหม แล้วทำไมเขาอยู่กับคุณเท่ากับว่าคุณใช้แววตาที่งดงามของผมจ้องมันตลอดเวลา ใช่ไหม แล้วยังไอ้ก้องเกียรตินั่นอีกคน ผมไม่ยอม......” ปลายฟ้ารีบวางสายเมื่อรู้สึกว่าเขาจะคุมสถานการณ์ไม่ได้แล้ว
“กริ๊งงงงงงงงงง”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้สึกกลัวกับการที่จะต้องรับโทรศัพท์อีกครั้ง ถ้าเกิดเป็นคนเดิมอีกจะทำยังไง เมื่อมองไม่เห็นทางอื่นเขาจึงตัดสินใจดึงสายโทรศัพท์ภายในออกทันที พี่ก้องเมื่อไหร่จะมาถึงสักทีนะ เขารีบเข้าห้องแต่งตัวแล้วต่อสายหาคนรักที่กำลังเดินทางมาหาอยู่ในตอนนี้
“พี่ก้องถึงไหนแล้วครับ”
“ปลายฟ้าเป็นอะไรครับ เกิดอะไรขึ้นทำไมเสียงดูตื่นเต้นแบบนั้นล่ะ”
“พี่มาเร็วๆ เถอะครับแล้วผมจะเล่าให้ฟังอีกที”
“ครับ อีกห้านาทีพี่คงถึงรอพี่ก่อนนะครับ”
ปลายฟ้าเดินกระวนกระวายอยู่ภายในห้อง ราวกับลูกหนูตัวเล็กที่หลงเข้ามาติดอยู่ในกับดัก นาฬิกาติดผนังตกเป็นเป้าสายตาทุกสองถึงสามวินาที ความกลัวเข้ามาเกาะกุมหัวใจเขา เวลานี้ตอนนี้อยากให้ใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนเพื่อความอุ่นใจ
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
“พี่ก้องมาถึงแล้วหรือครับ” ปลายฟ้ารีบวิ่งไปเปิดประตูอย่างดีใจ
“คุณเป็นใครครับ แล้วมาหา.... อื้อ อื้อ........” เขายังไม่ทันจะถามจบผ้าสีขาวในมือบุคคลตรงหน้าก็ปิดเข้าที่กึ่งปากกึ่งจมูก และสติทั้งหมดก็ค่อยๆ เลื่อนลอยหายไป
==============> โปรดติดตามตอนต่อไป
ตอนนี้ครบ 100% แล้วนะครับ