The rainbow project เรื่องสั้น 7 เรื่อง 7 คนเขียน (อัพให้ใหม่ง่ายกว่าทำลิ้งค์)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The rainbow project เรื่องสั้น 7 เรื่อง 7 คนเขียน (อัพให้ใหม่ง่ายกว่าทำลิ้งค์)  (อ่าน 325159 ครั้ง)

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
ถ้ายังยั่วบ่อยๆ คุณหนูโดนกดแน่ๆ

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
เหอๆ ตายกันเยอะจริงๆ  o18 +1

ออฟไลน์ lucifel

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
หม่อน คือ ใครอ่ะ
แน่สุดๆ
ปลายฝ้าสงบอยู่แทบเท้า

ภาพฝัน

  • บุคคลทั่วไป
   เสียงตะโกนโหวกเหวกอย่างวุ่นวายสับสรเมื่อเปลวเพลิงเริ่มโอบล้อมกระท่อมหลังใหญ่ ร่างของสายลมและปลายฟ้าโผล่ออกมาจากกองเพลิงแล้ว แต่ไม่มีร่างของวริศรินทร์ตามออกมา เตชวัฒน์ถามสายลมแต่ไม่ได้รับคำตอบ เขามองรอบๆที่กำลังโกลาหล ไม่มีเงาของร่างสูงโปร่งที่คุ้นเคยแล้วร่างกายก็เคลื่อนไหวไปก่อนความคิด เตชวัฒน์ก้าวเข้าสู่กองเพลง ควันไฟทำให้เขาสำลักและความร้อนทำให้เขาอึดอัด เมื่อเข้ามาแล้วเขาก็ต้องหาวริศรินทร์เขามองไปรอบๆพร้อมทั้งตะโกนเรียกแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เปลวไฟลุกลามเข้ามาทุกที ควันำฟทำให้ตาเขาพร่าพราย

   “ไนท์” เตชวัฒน์ตะโกนเรียกสุดเสียงแต่ไม่มีเสียงตอบรับ เขาสะดุ้งเมื่อท่อนไม้หล่นมากระแทกเข้ากับหัวไหล่และจังหวะที่เขาเงยหน้าขึ้นมา

   “ไนท์” เตชวัศฒน์รู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นเมื่อเขาเห็นวริศรินทร์นอนอยู่บนพื้น รอยยิ้มน้อยๆ เหมือนกำลังนอนหลับ เขาเข้าประคองร่างตรงหน้า ไฟยิ่งใหล้เข้ามาเตชวัฒน์ยกท่อนไม้ที่ทับอยู่ที่ข้อเท้า เลือดสีแดงไหลซึมออกมา

   “พี่เต” เสียงเรียกแผ่วเบากับดวงตามที่ปรือขึ้นมามอง

   “มาทำไม” เสียงแหบแห้งที่เอ่อยออกมาาขอร้องให้ทิ้งตน เชวัฒน์รวบรวมแรงทีมี อุ้มร่างที่อ่อนล้าฝ่าเปลวเพลิงออกมา

   ร่างของวริศรินทร์ถูกนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ตามตัวมีแผลไฟไหม้และรอยถลอดที่บาดเจ็บหนักก็คือข้อเท้าแต่เพราะสำลักควันไฟทำให้วริศรินทร์ต้องนอนดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาล

   เตชวัฒน์มีบาดแผลไฟไหม้อยู่หลายแห่งแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่หน้ากังวล เขารู้สึกว่าวริศรินทร์ไม่ได้ตั้งใจที่จะออกมา

   “มาทำไม” เสียงที่เขาได้ยินมันคือคำตัดพ้อที่เขาเข้าไปช่วยอีกฝ่ายออกมา เขานั่งมองใบหน้าซีดเซียวที่นอนอยู่บนเตียงนอน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมไนท์ดูอยากจะตายอยู่ตลอดเวลา เขารู้สึกว่าไนท์พร้อมจะจากไปได้ทุกเมื่อ

   เตชวัฒน์เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย เขาสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง วริศรินทร์ไม่อยู่บนเตียงแล้ว เขามองไปรอบๆ สายตาปะทะกับร่างที่ยืนอยู่บนระเบียง ขาเรียวยาวค่อยๆ ก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนนั้น

   “ไนท์” เตชวัฒน์กระโจนเรียกสุดเสียง วริศรินทร์ขยับใบหน้าหันกลับมามองเขา เขาเห็นน้ำตาและรอยยิ้ม เตชวัฒน์พุ่งตัวเข้าไปหาเขาถึงตัวในจังหวะที่วิร์ศรินทร์ทิ้งน้ำหนักตัวลงสู่เบื้องล่าง อ้อมแขนแข็งแรงคว้าร่างของอีกฝ่ายเอาไว้จนสุดแรงทำให้เสียหลักล้มลง

   เตชวัฒน์นั่งกอดวริศรินทร์แน่น ไหล่ของเตชวัฒน์ครูดกับกำแพงจนแสบ เขารู้สึกถึงรอยถลอกบริเวณหัวไหล่ถึงข้อซอก แต่ตอนนี้เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้น

   “ปล่อยผมไป” เสียงอ้อนล้าเหมือนคนหมอแรง เมื่อเตชวัฒน์ผละออกมาเขาเห็น้ำตาในดวงตาคู่สวย

   “อยู่กับพี่” เตชวัฒน์ยกมือขึ้นปาดน้ำตาช้าๆ

   “ไม่” วริศรินทร์ในตอนนี้พูดมากกว่าทุกครั้งแต่น้ำเสียงแสดงถึงความไม่สงบ สีหน้าแสดงออกถึงความสับสน เขาผละออกจากอ้อมกอดแข็งแรงและถอยห่างออกมา

   “ไปให้พ้น” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ

   “ไนท์ ใจเย็นๆ อยู่กับพี่มีอะไรคุยกัน” เขาพยายามเอื้อมมือเข้าไปปลอบประโลม แต่ได้รับเพียงการสะบัดออก วริศรินทร์ถอยออกห่างจากเตชวัฒน์ไปเรื่อยๆ มือเรียวยาวยกขึ้นปิดหูตัวเองแน่น

   “แม่” เสียงร้องเรียกอย่างตื่นตระหนก ร่างของอีกฝ่ายถอยห่างจากเข้าไปที่มุมระเบียงอีกข้าง เตชวัฒน์ก้าวเข้าไปประชิดตัวอย่างรวดเร็ว การกระทำของเขาสร้างความตื่นตระหนกให้กับวริศรินทร์เป็นอย่างมาก แรงดิ้นและและเสียงกรี๊ดร้องอย่างทรมานกับการดิ้นรนที่เขาไม่เคยเห็น เตชวัฒน์เริ่อมผ่อนแรงกอดรัดออกโดยไม่รู้ตัว ในจังหวะที่อีกง่ายจะผละออกไปจากเขา เขาดึงร่างสูงโปร่งเข่้ามาประชิดตัว ริมฝีปากนุ่มร้อนกดลงไปอย่างแรง สัมผัสที่รุนแรงในตอนแรก จากที่ต้องการหยุดการโวยวายของอีกฝ่ายกลายเป็นจูบที่นุ่มนวลและปลอบประโลม เตชวัฒน์กอดรัดร่างของวริศรินทร์ไว้แน่น แน่นจนอีกฝ่ายได้ยินเสียงหัวใจของเขา

   “อยู่กับพี่นะไนท์ ขอร้องอยู่กับพี่ พี่สัญญา พี่จะไม่ทิ้งไนท์ไปไหน อยู่กับพี่ ขอร้อง” เสียงทุ่มนุ้นหนักแน่นและอ่อนโยนกับอ้อมแขนที่กอดรักไว้แนบแน่น

   “พี่จะอยู่กับไนท์ พี่สัญญา” คำสัญญาที่หนักแน่นมันคง กับอ้อมแขนที่กอดรัดจนวริศรินทร์รู้สึกเจ็บ

   เตชวัฒน์ไม่กล้าคลายอ้อมกอดของตัวเองออกจากร่างของไนท์ เขากลัวว่าถ้าปล่อยมือหรือคาดสายตาไป อีกฝ่ายจะหายไปเกินกว่าที่เขาจะคว้าไว้ทัน เขากอดอีกฝ่ายแน่นเท่าที่เขาจะทำได้ แรงดิ้นขัดขืนหายไปแล้ว กับน้ำหนักตัวที่ทิ้งลงมา ไนท์หลับไปแล้วเตชวัฒน์อุ้มวริศรินทร์ไปวางไว้บนเตียงช้าๆ กลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น เขาเรียกพยาบาลให้เขามาดู เขาเล่าอาการคร่าวๆ ให้พยาบาลฟังเขาไม่ได้เอ่ยเรื่องการฆ่าตัวตายของไนท์เขาบอกเพียงว่าไนท์มีอาการเพ้อ ไนท์ได้รับยาคลายเครียดและยานอนหลับอย่างน้อยเขาก็มั่นใจว่าคืนนี้ไนท์จะหลับสนิทไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรที่เสียงต่อชีวิตโดยเขาไม่เห็น เตชวัฒน์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาวุฒิพลในทันที



........................................


ไนท์รอดแหละ เสียดายไหม  o18

OhJa

  • บุคคลทั่วไป
ง่า....ปมในใจของไนท์ดูจะไม่ธรรมดา
ไนท์ไม่ตายอ่ะ ดีแล้ว

แต่ว่า................จะสั้นไปไหนคร้าบบบบบบบบบ
อยากอ่านๆๆๆๆๆ :serius2:

hahn

  • บุคคลทั่วไป
สงสัยปมที่ไนท์มีท่าทางจะไม่ธรรมดานะ พี่เตจะช่วยได้หรือเปล่าเนี่ย +1

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
น้องไนท์คงมีอดีตฝังใจ

ออฟไลน์ lucifel

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
สั้นได้อีก

Nassiiz

  • บุคคลทั่วไป
The rainbow project [Green] "Doom" โดย Nassiiz/ Chapter.7 -Shelter- (24/5/54)
«ตอบ #788 เมื่อ24-05-2011 23:16:06 »













---------------------------------------------------------------------------------------------

mini nc ที่ไม่มีอะไรมากมาย ตัวเอกเขาสปาร์คกันไวค่ะ ตามประสาเรื่องแนวนี้ ^^

Ps. ขออนุญาตโพสแยกมาอีกอันนะคะ

MonarcH

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 5 PG. 3 [22/05/2011]
«ตอบ #789 เมื่อ25-05-2011 00:25:05 »

Butterfly 6

...ผมกลับเข้ามาทำงานที่ The Butterfly Boy ด้วยความรู้สึกสับสนในใจ ท่ามกลางไฟสีส้มเข้ม สะท้อนเงาของเสาอะโกโก้สีเงินเงาวับ ชายหนุ่มหลากหลายแบบทั้งหุ่นเพรียวทั้งล่ำบึ้กในสภาพกึ่งเปลือยเต็มร้านไม่ได้ทำให้ผมตื่นตาตื่นใจเหมือนเมื่อตอนมาวันแรก ๆ เลย...

...รู้สึกสงสารเห็นใจคนเหล่านี้ด้วยซ้ำ ถ้าเค้ามีความรู้ มีคนสนับสนุน มีพื้นฐานทางบ้านที่ดีคงไม่ต้องมาทำอาชีพที่ไม่มีใครยอมรับ...แต่อีกใจก็รู้สึกแย่ที่พวกเค้าเลือกอาชีพที่สบายได้เงินง่ายแทนที่จะยอมเหนื่อยใช้แรงงานแลกเงิน...เฮ้อ...เราไม่ได้อยู่ในสถานะแบบพวกเค้า เราก็ไม่รู้ถึงความจำเป็นที่ต้องมาทำอาชีพนี้หรอก บางคนเค้าอาจจะมีพ่อแม่แก่เฒ่า มีน้องหลายคนต้องส่งเรียน ที่นาทำกินกำลังจะโดนยึด ไม่มีอาชีพไหนที่ได้เงินง่ายแบบนี้แล้ว ดูอย่างยุทธสิ แค่เดินเสิร์ฟไม่กี่ชั่วโมงก็ได้ทิปหลักหมื่นแล้ว...ไม่อยากจะคิดว่าอีกหน่อย ก็จะถึงเวลาที่ยุทธต้องเดินเปลือยกายขึ้นบนเวที ต้องมีโชว์ร่วมเพศกับตัวนาง ต้องโดนแขกออฟไปบำบัดความใคร่ชั่วคราว แต่ถ้าได้ดีกว่านั้น เค้าอาจจะเจอไฮโซซักคนรับเลี้ยงอย่างจริงจังและไม่ต้องกลับมาบาร์นี้อีก...
*
*
...เย็นวันพรุ่งนี้ผมก็ต้องเจอยุทธอีกครั้งเพื่อจะไปงานเปิดตัวนาฬิกาของไฮโซสาวที่ชื่อมณีอารยา ถ้าเจอหน้ายุทธจริง ๆ ผมก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง ตอนที่แยกจากกันยุทธมองผมด้วยแววตาที่เฉยเมย ไม่มีท่าทางเจ้าชู้หรือล้อเล่นเหมือนไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น ทั้งที่ใจแป้วแต่ก็ต้องเชิดไว้ทำเป็นไม่สนใจ ผมจะไม่ยอมให้ผู้สมัครงานบาร์ออฟคนนึงจะทำให้ไหวหวั่นได้...

...แต่ตอนผมขับรถกำลังจะเลี้ยวเข้าคอนโดหลังเลิกงาน หางตาผมก็เห็นผู้ชายร่างสูงผิวขาวในชุดเสื้อกล้ามกางเกงบอลยืนข้างตู้ยามหน้าคอนโด ความหล่อของยุทธทะลุกระจกรถฟิล์ม 60 เปอร์เซ็นต์ แต่ผมก็ทำเป็นไม่เห็นว่าเค้ายืนอยู่ตรงนั้นทั้งที่ใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น...ยังไม่ทันที่รถของผมจะจอดเข้าที่ดี เสียงเตือนข้อความเข้าจากมือถือก็ดังขึ้น ผมขยับรถอีกนิดแล้วดับเครื่องก่อนจะเปิดอ่านข้อความ "ฝันดีนะครับ” ข้อความสั้น ๆ จากเบอร์ที่ผมไม่รู้จัก...
“ฮัลโหล ไม่ทราบว่าเมื่อสักครู่ส่งข้อความมาที่เบอร์นี้หรือเปล่าครับ”  ผมโทรกลับไปทันที
“อ๋อ ใช่ครับ”  ปลายสายเงียบไปนิดนึงก่อนจะตอบรับ
“ขอโทษนะครับ คุณเป็นใครอ่ะครับ”  ผมถามทั้ง ๆ ที่จำเสียงได้
“............................................”
“สงสัยจะส่งผิดเบอร์นะครับ”
“ไม่ผิดครับ ผมตั้งใจส่ง”
“แล้วคุณเป็นใครล่ะ ถ้าไม่บอกจะวางแล้วนะ”
“ผมส่งหาคุณกริชน่ะครับ”
“ผมถามว่าคุณเป็นใคร ไม่ได้ถามว่าส่งหาใคร”  ผมพูดเสียงเรียบให้เหมือนกำลังข่มอารมณ์โกรธอยู่
“ถ้าคุณรำคาญผมก็ขอโทษด้วยนะครับ คิดซะว่าผมส่งผิดเบอร์ละกัน”
“โอเคครับ”  ผมตอบแล้ววางสายทันที
*
*
...ยุทธยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ผมเห็นเค้าตั้งแต่เลี้ยวรถเข้ามาแล้ว เห็นแม้กระทั่งตอนเค้าคุยโทรศัพท์กับผมด้วยท่าทางกระวนกระวายแล้วก็สลดลงตอนที่ผมตัดสายเค้าทิ้ง...อย่าเพิ่งคิดว่าเค้าอยากจะคุยกับเราสิ ดึกดื่นขนาดนี้เค้าอาจจะมาพึ่งพาเราเรื่องเงินก็ได้...
“รู้เบอร์ผมได้ยังไง” 
“คุณกริช”  ยุทธหันมามองตามเสียงทักของผม
“ใครบอกเบอร์ผม และคุณมาทำอะไรที่นี่”
“เอ่อ...พี่ธัญญ่าให้เบอร์คุณกริชมาเรื่องนัดวันพรุ่งนี้”
“เจอกันตอนสี่โมงเย็นละกัน...อ้อ...แล้วคุณยังไม่บอกเลยนะว่ามาทำอะไรที่นี่”
“ผมออกมาหาอะไรกิน ห้องผมอยู่ในซอยนี่เอง”  ยุทธตอบพลางหลบตาผม
“หาอะไรกินตอนเกือบจะตีสามเนี่ยนะ”
“ทำไมล่ะครับ ผิดกฎหมายเหรอ”  ยุทธเริ่มกวน
“เอาเหอะ คุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ เจอกันพรุ่งนี้นะ”  ผมหันหลังเข้าคอนโด
“คุณกริชทานข้าวหรือยังครับ”  ยุทธเดินตามมา
“เรียบร้อยแล้ว”
“...เอ่อ...” ยุทธอ้ำอึ้ง
“แต่ยังไม่อิ่ม“  ผมพูดเสียงเรียบ
“ไปทานบะหมี่เกี๊ยวซอยโน้นกันมั้ยครับ ผมเลี้ยงเอง”  ร้านประจำของผมเลยอ่ะ แต่ป้าธเนศบอกว่าให้อลังการ ห้ามกินของข้างทาง
“ผมอยากทานแฮมเบอร์เกอร์ สาขาตรงนี้เค้าเปิด 24 ชั่วโมง ผมเลี้ยงเองดีกว่า”
“ถ้าคุณกริชอยากทานผมก็เลี้ยงได้ครับ”
“แฮมเบอร์เกอร์ชิ้นนึงเท่ากับบะหมี่เกี๊ยว 4 ชามเลยนะ”
“ผมยังมีเงินพอครับ” ยุทธล้วงกระเป๋าโชว์แบงค์ห้าร้อยเก่า ๆ ให้ผมดู
*
*
...จะว่าผมเห็นผู้ชายหน้าตาดีสำคัญกว่าคำสั่งผู้มีพระคุณก็ได้ นาทีนี้ผมขอเลือกที่จะมีความสุขหลังเลิกงานบ้าง ตลอด 7-8 ชั่วโมงของการทำงานในแต่ละวัน ผมต้องปั้นหน้าเชิดจนคอตั้งอยู่ในบาร์เพื่อไม่ให้เด็กปีนเกลียว เพราะส่วนมาก็มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมทั้งนั้น...ผมฝ่าฝืนคำสั่งป้าธเนศตั้งแต่ยอมทำตัวสนิทสนมกับเด็กบาร์และกินอาหารข้างทางในชุดแบรนด์เนมหรูซึ่งต่างกับยุทธที่อยู่ในชุดอยู่บ้านสบาย ๆ แต่เร้าใจผมมาก...
“อุ๊ย น้องกริช หายหน้าหายตาไปนานเลย ได้งานทำแล้วเหรอ แต่งตัวซะหล่อเชียว”
“จ้ะ”
“เอาเกี๊ยวน้ำใส่ผักเยอะ ๆ เหมือนเดิมใช่มั้ย แล้วแฟนล่ะกินอะไร”
“เค้าไม่ใช่แฟนกริชอ่ะ”  ผมรีบแก้ตัว
“ขอบะหมี่แห้งครับ”  ยุทธตอบพลางยิ้มกว้าง
“แหม อย่ามาแหล มองกันตาเยิ้มแบบนี้ยังกล้าปฏิเสธอีกนะยะ แกไม่ต้องอายหรอก พี่เข้าใจ”
“ไปนั่งรอที่โต๊ะดีกว่า”  ผมหันหลังจะเดินไปนั่ง แต่ยุทธยังยืนอยู่ ทำให้ผมต้องจับมือดึงให้เค้าตามมา 
“เป็นลูกค้าประจำก็ไม่บอก”  ยุทธพูดยิ้ม ๆ เมื่อมาถึงโต๊ะ
“ก็กริชอยู่แถวนี้มาตั้งนานแล้วนี่”
“....................................”
“ยิ้มทำไม”  ผมตวัดเสียงถาม
“คุณพูดแทนตัวเองว่ากริช น่ารักดี”
“ผมลืมตัวไป”  ผมพูดเสียงแข็งเชิดหน้าคอตั้ง
“ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่ที่บาร์นะ ทำตัวตามสบายเถอะ”
“นี่แหละ ตามสบายของผม ถึงตอนนี้เราจะไม่ได้อยู่ที่บาร์ แต่ผมก็เป็นนายจ้างคุณนะ”
“ผมยังไม่ได้รับเงินเดือนจากคุณ ดังนั้น คุณก็ยังไม่ได้เป็นนายจ้างผม”  ยุทธย้อน
“คุณมาสมัครงานที่บาร์ และผมก็รับคุณแล้ว ไม่ใช่นายจ้างได้ไง”  ผมถามเสียงแข็ง
“คุณรับผม แต่ผมอาจจะเบี้ยวไม่ยอมไปทำงานที่บาร์คุณ ทีนี้คุณก็ไม่มีทางได้เป็นนายของผม โอเคป่ะ”  ยุทธพูดพลางยักคิ้วกวนประสาทก่อนจะมองผมด้วยสายตาหวานเยิ้ม
“จะมาหรือไม่มาก็เรื่องของคุณ มีคนมาสมัครงานใหม่ทุกวัน” ผมตอบเหวี่ยง ๆ แล้วหันหน้าไปทางอื่น เพราะทนมองสายตาคู่นั้นไม่ไหว
“เถียงอะไรกัน กินก๋วยเตี๋ยวซะจะได้ใจเย็น ๆ โมโหหิวล่ะสิ...เอาน้ำอะไรไปหยิบเองเลยนะกริช” 
“โห พี่ ไม่บริการลูกค้าเลยอ่ะ”  ผมแกล้งโวย
“น้องคะ บริการแฟนหน่อย กริชเค้าชอบกินน้ำแดง พี่ขอไปทำก๋วยเตี๋ยวให้แขกอีกโต๊ะก่อนนะ”  พี่เค้าแกล้งผมด้วยการหันไปพูดกับยุทธ
“ไม่ต้อง เดี๋ยวจัดการเอง”  ผมห้ามยุทธที่ทำท่าจะลุกขึ้น
*
*
...เมื่อไม่มีลูกค้า พี่คนขายก๋วยเตี๋ยวก็เดินมาแหย่ให้ผมค่อย ๆ หลุดตัวตนที่แท้จริงออกมาต่อหน้ายุทธ ภาพลักษณ์ไฮโซเจ้าของบาร์ที่ดังที่สุดในกรุงเทพฯไม่เหลือแล้ว รู้อย่างนี้ไปกินแมคดีกว่า...แต่จะว่าไปมันก็เพลินดีนะครับ นั่งกินคนละชามใช้เวลาไม่นาน แต่ที่อยู่นานเพราะนั่งคุยกันมากกว่า...
“คุณกริชง่วงหรือยังครับ”  ยุทธถามระหว่างทางเดินกลับคอนโด
“นิดหน่อยอ่ะ”
“งั้นก็พักผ่อนเถอะครับ“
“มีอะไรหรือเปล่า”  ผมมองหน้ายุทธเพราะรู้สึกว่าเสียงเค้าจะไม่สดใสเหมือนเมื่อกี้
“ผมมีเรื่องจะคุยด้วย แต่มันดึกเกินไป ไม่รบกวนดีกว่า”
“เรื่องอะไรล่ะ”
“เรื่องของผม”  ยุทธตอบ ผมหันขวับไปมองหน้า
“กวนหรือเปล่าเนี่ย”
“เปล่าครับ เรื่องของผมจริง ๆ ไปที่ห้องผมได้มั้ย”
“อย่าเลย”  ผมปฏิเสธทันที
“กลัวเหรอ”
“ไม่กลัว แต่ไม่ควร”
“...........................”
“ยิ้มอะไร” ผมถามแก้เชินเมื่อยุทธเอาแต่เดินยิ้มไม่พูดไม่จา
“เอาไว้วันหลังก็ได้ เราต้องเจอกันอีกนาน”
“ไม่ กริช เอ้ย ผม ไม่ชอบให้ค้างคา จะพูดอะไรก็พูดให้จบคืนนี้เลยนะ”
“ไปห้องผมสิ”
“.........................” ผมเงียบ
“ล้อเล่น ผมแค่อยากได้ที่เงียบ ๆ นั่งคุยกันน่ะครับ”
“งั้นโต๊ะหินใต้ถุนคอนโดของผมละกัน”
“มืดมั้ย”  ยุทธถามเสียงหื่น
“ทำไม จะทำอะไรผม”  ผมชะงัก
“ถ้ามืดเกินไปเดี๋ยวยุงกัด”  ยุทธแถ
“ผมมีสเปรย์ตะไคร้ในรถไม่ต้องกลัว”
“แวะซื้ออะไรไปดื่มด้วยดีกว่า”
“ตอนนี้เหล้าเบียร์เค้าไม่ขายแล้วนะ”  ผมเบรก
“ผมเลิกกินเหล้ามาได้ซักพักแล้วครับ เก็บเงินไว้กินข้าวดีกว่า”
*
*
...เราเดินถือขวดน้ำชาเขียวไปนั่งคุยกันที่โต๊ะม้าหินใต้ถุนคอนโดของผม โชคดีที่มันไม่มืดจนเกินไป แต่เพราะไม่มืดนี่แหละ ทำให้ผมรู้สึกวูบวาบตอนที่เผลอมองตายุทธที่นั่งเงียบ ไม่เปิดประเด็นสนทนาซักที...
“ตกลงคุณจะคุยเรื่องอะไร ผมเริ่มง่วงแล้วนะ”
“ปกติคุณนอนกี่โมงอ่ะ”
“เลิกงานมากว่าจะทำอะไรเสร็จก็เกือบเช้าอ่ะ แล้วคุณล่ะ ว่างงานอยู่นอนกี่โมง”
“ผมก็นอนเช้าเหมือนกัน” 
“หืม”  ผมทำหน้าสงสัย
“ตั้งแต่เข้ากรุงเทพฯผมนอนเช้าเกือบทุกวัน” 
“..........................................”  ผมมองหน้าเป็นเชิงให้เค้าพูดต่อ
“ผม...ผมเที่ยวกลางคืนบ่อยครับ”
“เงินเหลือกินเหลือใช้อ่ะดิ”  ผมกวน
“ไม่หรอกครับ มีแค่พอใช้ แต่ผมเพิ่งเคยมากรุงเทพฯเป็นครั้งแรก ก็เลยใจแตก เงินหมด”  ยุทธพูดแล้วหัวเราะเบา ๆ
“มิน่าล่ะ ถึงต้องไปสมัครงานเป็นผู้ชายขายน้ำ”  ผมตอกย้ำความไร้สาระของเค้า
“ตอนนั้นผมคิดว่ามันเป็นงานที่ง่ายที่สุดแล้ว เพราะเวลาผมไปเที่ยว ผมก็มีคนกลับมานอนด้วยทุกคืน ถ้าผมมีเซ็กส์แล้วได้เงิน ผมคงรวยไปแล้ว”
“อืม เป็นความคิดที่ดี”  ผมประชด
“มันเป็นความคิดชั่ววูบอ่ะครับ”
“คุณคงไม่ชอบงานนี้หรอก เพราะคนที่คุณจะมีเซ็กส์ด้วยเป็นผู้ชายเหมือนกัน นาน ๆ จะมีผู้หญิงเข้ามาออฟ”  ผมอธิบาย
“ผมเป็นเกย์ครับ” ยุทธพูดสวนขึ้นมา
“อะไรนะ”
“ผมเป็นเกย์ ผมโกหกคุณตอนสัมภาษณ์”
“อย่ามาอำเลย คุณต้องการอะไรถึงมาหลอกผม” 
“ผมเป็นเกย์จริง ๆ ผมรู้ตัวตั้งแต่เรียน ม. ปลายแล้ว พอจบป. ตรี ผมก็มีความจำเป็นต้องเข้ากรุงเทพฯ พอมาถึงผมก็ตระเวนเที่ยวทุกที่ สีลม อตก หลังสวน รัชดา ลำสาลี เงินที่เอามาจากบ้านนอกก็เลยหมด”
“ตกลงคุณจะเอายังไง วันนั้นคุณบอกว่าไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน และเรียนจบแค่ชั้นประถม”
“ถ้าผมบอกความจริง คุณจะรับผมเข้าทำงานเหรอ เพื่อนผมบอกว่าให้ทำตัวน่าสงสารไว้ และผู้ชายแท้จะทำเงินได้มากกว่า”
“นี่ขนาดเป็นความคิดชั่ววูบนะ เตรียมตัวเป็นเรื่องเป็นราว” ผมประชดอีกครั้ง
“วันนี้ผมไม่จำเป็นต้องบอกความจริงกับคุณเลยก็ได้นะ แต่ผมต้องการรู้เรื่องจริงเกี่ยวกับตัวผม”
“.......................” ผมจ้องหน้า
“ผมไม่เคยเจอคนอย่างคุณ ผมหาคนแบบนี้มานานแล้ว”
“ทำไม เพราะผมมีเงินล่ะสิ”  ผมกวน
“ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ”
“แล้วคุณจะหาคนแบบผมไปทำไม”
“คุณรู้มั้ยว่าการที่มีเซ็กส์กับคนแปลกหน้าบ่อยเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเหงามากขึ้นเท่านั้น ผมชอบคุณตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้ว ผมชอบที่คุณปฏิเสธผม มันทำให้ผมเห็นว่าคนที่ไม่ได้มองคนแค่รูปร่างหน้าตาภายนอก และเกย์ที่ไม่หวังเรื่องเซ็กส์ยังมีอยู่ในปัจจุบัน”
“มีคนแบบผมอยู่เยอะ เพียงแต่คุณยังไม่เจอเท่านั้นแหละ”
“แต่วันนั้นคุณมีสิทธิในตัวผมเต็มที่เลยนะ”
“คุณรู้มั้ยว่าข้อห้ามของการเป็นเจ้าของบาร์นี้คืออะไร ห้ามสุงสิงหรือสนิทสนมกับเด็กบาร์ ผมไม่ใช่คนแบบที่คุณอยากเจอหรอก เซ็กส์มันเป็นความต้องการทางธรรมชาติของมนุษย์ ผมเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนเพียงแต่มันมีข้อห้ามตรงนั้นอยู่”
“ไม่รู้แหละ เอาเป็นว่าผมชอบคุณ ผมเชื่อในความรู้สึกของผม ผมไม่รู้จะพูดยังไงให้คุณเชื่อ เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์”
“ขอบคุณที่ชอบผม มีคนชอบดีกว่ามีคนเกลียดอ่ะนะ” ผมเลี่ยงไป
“คุณลองมองข้ามอาชีพของผมไปได้มั้ย ผมตัดสินใจทำงานนี้เพราะผมพลาดไปแล้ว ผมต้องการเงินซักก้อนมาจ่ายค่าเช่าห้อง ผมยังต้องซื้อข้าวกินอยู่นะครับ ผมคิดว่าจะทำงานนี้ไปซักพัก เมื่อได้เงินพอที่จะเริ่มชีวิตใหม่ ผมก็หยุด แล้วหางานอื่นทำ”
“แต่คุณจะโดนตราหน้าว่าเป็นผู้ชายขายน้ำไปตลอดชีวิตเลยนะ”
“..................................”  ยุทธอึ้ง
“เอาล่ะ ผมเห็นแก่อนาคตของคุณ ผมจะช่วย”
“ผมไม่รบกวนเงินของคุณนะครับ ความสัมพันธ์ที่มีเงินมาเกี่ยวข้องมักจะไปไม่รอด”
“แล้วความสัมพันธ์ที่โกหกตั้งแต่แรกมันจะรอดมั้ยล่ะ”
“ผมขอโทษ”
“เช้าแล้ว แยกย้ายไปนอนกันเถอะ”  ผมตัดบท
“ครับ ฝันดีนะครับ”
“ฝันดีครับ เจอกันสี่โมงนะ”  ผมยิ้มให้ยุทธเป็นครั้งแรกแล้วเดินขึ้นห้องไป
*
*
...ระหว่างอาบน้ำ ผมก็คิดหาวิธีช่วยยุทธ เพื่อจะได้ไม่ต้องหวั่นไหวไปกับคำพูดของเค้า พูดว่าชอบใครก็พูดได้ แต่สายตาที่มองมาผมรู้สึกได้ถึงความจริงใจ แต่ประวัติของเค้ามันไม่เคลียร์ อนาคตของเค้าก็เลือนราง ส่วนผมหน้าที่และคำสั่งของผู้มีพระคุณก็ค้ำคออยู่...เรื่องราวระหว่างเราสองคนแทบเป็นไปไม่ได้เลย...อาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็เดินไปสูดอากาศยามเช้าที่ระเบียง วันนี้ถือว่าผมเข้านอนช้าที่สุด ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ผมมองลงไปด้านล่างก็เห็นภาพที่ต้องทำให้อมยิ้มและคงฝันดีอย่างแน่นอน ภาพที่ผู้ชายใส่เสื้อกล้ามโชว์แขนขาวล่ำกำลังนั่งคุกเข่าฟังพระให้พรหลังจากใส่บาตรอยู่ข้างถนน...

******************************************************************************************************
...กริชจะช่วยยุทธได้หรือไม่ และยุทธชอบกริชเพราะเงินหรือเปล่า มาลุ้นกันในตอนต่อไปเร็ว ๆ นี้นะครับ...
MonarcH

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 5 PG. 3 [22/05/2011]
« ตอบ #789 เมื่อ: 25-05-2011 00:25:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 6 PG. 4 [25/05/2011]
«ตอบ #790 เมื่อ25-05-2011 01:12:20 »

อย่ามาเล่นเล่ห์ใส่กันเลยนะ...ขอให้ยุทธจริงใจ
แต่กริชจะช่วยยังไงนี่สิ... :เฮ้อ:

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 6 PG. 4 [25/05/2011]
«ตอบ #791 เมื่อ25-05-2011 01:27:52 »

ช่าย ทิ้งท้ายได้อย่างน่าเป็นห่วงจริงๆอะ มันเลยอดคิดไม่ได้เลยอะ... เหอๆ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 6 PG. 4 [25/05/2011]
«ตอบ #792 เมื่อ25-05-2011 05:26:38 »

ยุทธรุกแล้ว
แต่กริชผู้แสนดีของเราจะทันเล่ห์เหลี่ยมมั๊ยเนี่ย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ใครทำให้ไนท์ต้องเป็นยังงี้
มันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่ ๆ
พี่เตเฝ้าอย่าให้คลาดสายตาเลยนะ

OhJa

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 6 PG. 4 [25/05/2011]
«ตอบ #794 เมื่อ25-05-2011 06:41:48 »

ยุทธนี่ยังไงซะแล้ว
มันดูคลุมเครือๆยังไงก็ไม่รู้
ถ้าคำพูดที่บอกกริชเป็นเรื่องจริง ก็นะ ยุทธกลายเป็นดูไม่ดีไปเลย
ถึงจะบอกว่าหมดหนทางแล้วจริงๆก็เถอะ
แต่จบถึงปริญญาตรี น่าจะมีทางไปได้มากกว่านี้นะ
ยุทธดูเป็นผู้ชายเหลาะแหล่ะไปเลยอ่ะ :angry2:

PrinceTae

  • บุคคลทั่วไป
 


เล่ห์ร้าย
ตอนที่ 5.

“เป็นยังไงล่ะ ดาราดาวรุ่งที่คุณเลือกดันต้องมาพัวพันกับคดีฆ่าคนตาย แล้วก่อนหน้านี้ก็มีข่าวฉาวไม่เว้นแต่ละวัน ผมบอกแล้วว่าให้ใช้พระเอกเก่า ไม่ต้องไปแย่งกับใครไม่ต้องเสียค่าตัวมากขนาดนี้ด้วย” ธรรมโรจน์ประมุขใหญ่แห่งคฤหาสน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจกับลัลนาผู้เป็นภรรยาที่นั่งจิบกาแฟหอมกรุ่นอยู่บนโต๊ะอาหารทางด้านซ้ายมือ พร้อมกับเลื่อนหนังสือพิมพ์ที่พาดหัวข่าวตัวใหญ่เรื่องคดีฆาตกรรมดาราหน้าใหม่ โดยมีดาราดาวรุ่งที่เป็นพรีเซ็นเตอร์รายล่าสุดของบริษัทตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย
“มันก็แค่ข่าว แล้วก็เป็นแค่ผู้ต้องสงสัย ยังไม่มีหลักฐานสักหน่อยว่าปลายฟ้าเป็นคนลงมือ”  ลัลนาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แล้วก็เลื่อนหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นออกไปเหมือนไม่ได้สนใจ
“ถ้าภาพลักษณ์ของสินค้าตัวใหม่ของเราต้องเสียหาย ผมจะถือว่าอยู่ในความรับผิดชอบของคุณ”
“มันก็เป็นความรับผิดชอบของฉันมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว หรือถ้าคุณอยากจะเปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์ก็ได้นะ แต่ถ้ายอดขายไม่ดีขึ้น คุณจะถือว่าเป็นความรับผิดชอบของคุณไหมคะ คุณโรจน์”

บทสนทนายังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เด็กชายที่แต่งกายในชุดนักเรียนเรียบร้อย นั่งรับประทานอาหารเช้าไปเงียบๆ เพราะบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้ามักจะเป็นเช่นนี้เสมอ มีแค่การพูดคุยในเรื่องของธุรกิจ เรื่องงานสังคมต่างๆ หรือต่างคนต่างรับประทานกันไปเงียบๆ
เมื่อเด็กชายอิ่มอาหารจึงวางช้อน แล้วยกมือไหว้ทั้งสอง ซึ่งคุณท่านและคุณหญิงของบ้านก็เพียงแค่พยักหน้ารับรู้เท่านั้น ก่อนหยิบกระเป๋าหนังสือเดินออกมา แล้วก็พบกับชายหนุ่มร่างสูง ซึ่งก็คือ ธรรมทาน พี่ชายที่อายุห่างกันหลายปี พึ่งเรียนจบกลับมาจากเมืองนอก ที่เดินสวนเข้ามาจากด้านนอกพอดี ลลิตยกมือไหว้และเดินเลี่ยงออกไป เป็นเช่นนี้เสมอ เพราะวัยที่ห่างกันมาก และธรรมทานไปใช้ชีวิตร่ำเรียนอยู่ต่างบ้านต่างเมืองมานานหลายปี ทั้งสองจึงจะพูดคุยกันเพียงแค่เรื่องที่จำเป็น ไม่มีการหยอกล้อ เล่นสนิทสนมกันเหมือนพี่น้องอื่นๆ
“ทาน แกจะไปนอนค้างที่ไหนฉันไม่เคยว่า แต่ให้อย่าเสียงานเสียการ และอย่าให้มีเรื่องเสื่อมเสียมาถึงวงศ์ตระกูลก็แล้วกัน” เสียงประมุขของบ้านเอ่ยกับผู้มาใหม่เสียงเรียบ
“ครับ คุณพ่อ”
“อย่าลืมสรุปเรื่องสินค้าตัวใหม่ที่ฉันให้แกไปดูมาด้วยล่ะ”
“ได้ครับ”
“รับอาหารเช้าไหมคะคุณทาน” หัวหน้าแม่บ้านเอ่ยถามขึ้นตามหน้าที่
 “ไม่ล่ะ ขอตัวนะครับ คุณพ่อคุณแม่” ร่างสูงของธรรมทานก็ผละออกไป

ความสัมพันธ์ในแบบครอบครัวที่มีเพียงเปลือกนอกที่สวยหรู แต่ภายในกลับกลวงและว่างเปล่าเหลือเกินในจิตใจของเด็กชาย ก่อนหน้าที่ลลิตจะรู้ความจริงว่าตนเองไม่ได้เกิดมาจากความรักเหมือนดังเด็กคนอื่นๆ เด็กชายเองก็เคยทำตัวสร้างปัญหา เกเร เรียกร้องความสนใจ โดยหวังให้พ่อและแม่กลับมาเอาใจใส่ จนกระทั่งได้รับรู้ความจริง ว่าการมีอยู่ของครอบครัวคือละครโรงใหญ่ที่เอาไว้แสดงหลอกผู้คนที่อยู่ในสังคมชั้นสูง

ในวันนั้น...
วันที่พ่อและแม่มีปากเสียงกันครั้งใหญ่ ลลิตในวัยเพียง 7 ปี จับใจความได้ว่าที่พ่อและแม่แต่งงานกันไม่ใช่เพราะความรัก แต่เป็นเรื่องของธุรกิจ แล้วก็มีธรรมทานออกมาแต่พอเวลาผ่านไป ก็คิดได้ว่าธุรกิจของตัวเองใหญ่โตมาก เกินกว่าที่ลูกชายคนเดียวจะดูแลได้ เลยตัดสินใจที่จะมีลูกอีกคนเพื่อเอามาช่วยดูแลกิจการ เหตุผลของการเกิดมาของเด็กชายก็เพื่อธุรกิจมีหน้าที่เป็นทายาทเพื่อสืบทอดธุรกิจแห่งตระกูลใหญ่นี้เท่านั้น ทั้งที่ความจริงแล้วในใจของเด็กชายไม่ได้หวังจะต้องการบ้านหลังใหญ่ที่พ่อแม่ไม่เคยอยู่ ของเล่นราคาแพงมายมากที่ซื้อมาเพื่อหลอกเด็กให้หยุดร้องไห้งอแง ลลิตต้องการเพียงอ้อมกอดที่อบอุ่นของพ่อและแม่เพียงเท่านั้น  ด้วยความเสียใจ เด็กชายวิ่งร้องไห้ออกไปโดยมุ่งหน้าตรงไปที่เรือนคุณปู่ ที่สร้างเป็นเรือนเล็กแยกออกไปทางด้านหลังของคฤหาสน์ เพื่อให้คุณปู่ที่แสนใจดีได้ปลอบประโลมจิตใจดวงน้อยที่กำลังแตกสลายบอบช้ำ

คุณปู่ผู้อบอุ่นอ่อนโยนและเข้าใจ คอยปลอบประโลมใจของเด็กชายเรื่อยมาในยามที่เด็กชายถูกพ่อแม่ทิ้งเอาไว้เพียงลำพังกับพี่เลี้ยง เด็กชายใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับคุณปู่ที่คอยเล่านิทาน สอนเรื่องสนุกสานให้ลลิตยิ้มได้

แต่เนื่องด้วยพื้นที่บริเวณนั้นยังอยู่ในช่วงของการตกแต่งที่ยังไม่เรียบร้อย เด็กชายจึงสะดุดเข้ากับกองไม้แล้วพลัดตกลงไปในบ่อน้ำที่ขุดไว้เพื่อทำสระจำลอง แม้ไม่ใช่บ่อที่ลึกแต่ด้วยความตกใจและยังว่ายน้ำไม่เป็น เด็กชายตะเกียกตะกายเพื่อจะขึ้นจากน้ำ ปากก็ส่งเสียงร้อง แต่สองแขนเล็กยิ่งตีน้ำเพื่อพยุงตัวก็ยิ่งเหนื่อยล้า เหมือนจะจมลงไปทุกทีๆ
แต่ในวินาทีสุดท้ายที่คิดว่าตัวเองไม่ไหวแล้ว คงจะต้องจมน้ำแน่ๆ ก็กลับมีวงแขนของใครคนหนึ่งเข้ามาคว้าร่างของเด็กชายเอาไว้ แล้วพากลับขึ้นไปจนพ้นน้ำ ร่างเล็กหอบอ่อนแรง น้ำตาไหลร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ เด็กหนุ่มที่มาช่วยชีวิตเอาไว้ก็กอดร่างเล็กให้คลายอาการตระหนก มือลูบที่หลังไหล่เบาๆ ปากก็พูดปลอบโยนไปเรื่อยๆ จนลลิตลดอาการสั่นเทาลง เด็กหนุ่มจึงปล่อยเด็กชายให้เป็นอิสระ แล้วจับหันซ้ายหันขวาดูว่าเด็กชายได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือไม่
“ฮืออ เลือดๆ เลือดออกด้วย” ลลิตร้องออกมา เมื่อยกมือขึ้นดูแล้วเห็นของเหลวสีแดงจางๆ ติดปลายนิ้วขึ้นมา เริ่มเบะหน้าร้องไห้อีกครั้งแต่เมื่อลองนึกดู ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเจ็บตรงไหน แล้วสายตาก็พลันไปเห็นเสื้อสีอ่อนที่เปียกน้ำจนโชกของคน   ตรงหน้า มีจุดเลือดสีแดงไหลซึมออกมาจากที่เอว จึงชี้ให้เด็กหนุ่มดู
“เจ็บไหม เลือดออกใหญ่เลย ฮือๆ” ร่างเล็กร้องไห้ไป ถามคนตรงหน้าไป เด็กหนุ่มเปิดเสื้อขึ้นเหลียวหน้าหันกลับไปดู เริ่มรู้สึกแสบๆ ที่บริเวณเหนือสะโพกเป็นรอยถากยาวเลือดไหลซึมออกมาตลอด
“ไม่เป็นไรหรอกนะ แผลนิดเดียวเดี๋ยวก็หาย” เด็กหนุ่มปลอบใจเจ้าตัวเล็กที่นั่งมองแผลของเขาน้ำตาหยดเผาะๆ ฝ่ามือก็ลูบ ผมที่เปียกลู่ติดกับใบหน้าขาวๆ ที่ตอนนี้จะออกไปทางซีดๆ เสียมากกว่า  แต่แล้วเด็กชายก็ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วกดไหล่ของเด็กหนุ่มไว้
“รออยู่นี่ก่อนนะ จะไปเอายาก่อน” แล้วร่างเล็กก็วิ่งตรงไปทางเรือนพักคนรับใช้ที่อยู่ใกล้ที่สุด เด็กหนุ่มได้แต่มองตามหลังเล็กๆ ไปจนสุดสายตา จะเรียกไว้ก็เรียกไม่ทัน เด็กหนุ่มจึงเลือกที่จะลุกขึ้นโดยไม่รอเจ้าตัวเล็ก และใช้ชายเสื้อกดๆ แผลเอาไว้เพื่อให้เลือดหยุดไหล

ลลิตวิ่งกลับมาพร้อมกับหอบอุปกรณ์ที่ใช้ทำแผลมาด้วย ร่างเล็กมาหยุดตรงจุดที่วิ่งออกไปเมื่อครู่แต่กลับไม่พบใครเสียแล้ว จึงคิดว่าจะกลับไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันดังมาจากอีกทางเสียก่อน

“ตาวินไปทำอะไรมาน่ะ เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำเชียว” เสียงหญิงสาววัยกลางคนพูดกับเด็กหนุ่มที่ช่วยลลิตไว้อย่างเอ็นดู
“ลูกแม่ต่างหาก” เด็กชายตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“ลงไปเล่นน้ำมาล่ะสิ อยากเล่นทำไมไม่บอกแม่ สระดีๆ ก็มี” คนเป็นแม่ยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงล้อเล่นเช่นเคย
“เปล่าคร้าบบบ ลงไปช่วยเด็กตกน้ำมา สงสัยเป็นลูกคนงานเนื้อตัวมอมเชียวคงมาเล่นแถวนั้นแล้วพลัดตกลงไปน่ะครับ       แต่พอช่วยขึ้นมาก็เห็นวิ่งได้แล้วเลยไม่ได้ตามคนอื่นมาช่วยอีก”
“เป็นอย่างนั้นก็ดีแล้ว งั้นเรารีบกลับกันดีกว่าลูก แม่ลาคุณท่านแล้ว” หญิงคนนั้นโอบเด็กหนุ่มพาไปขึ้นรถที่จอดรออยู่

เด็กชายมองสองแม่ลูกที่พูดคุยหยอกล้อ โอบกอดกันเดินขึ้นรถไป แล้วรู้สึกอยากได้รับการโอบกอดแบบนั้นบ้าง แต่เมื่อหวนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ลลิตก็ได้รับอ้อมกอดที่อบอุ่นเช่นนั้นนี่นา ความรู้สึกอุ่นๆ จากวงแขนของเด็กหนุ่มไม่ได้จางหายไปเลย แม้ร่างเล็กจะยังอยู่ในชุดที่เปียกน้ำก็ตาม
หลังจากนั้นเด็กชายก็เฝ้ามองแขกของคุณปู่อยู่บ่อยครั้ง จนรู้เรื่องราวหลายๆ อย่างของครอบครัวนี้ คนแม่ที่อบอุ่นอ่อนโยน แต่ก็เข้มแข็ง คนลูกก็ถอดแบบแม่แทบจะไม่ผิดเพี้ยน รอยยิ้มสดใส แววตามองโลกด้วยความสุข ทั้งที่เหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่นั้นไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าความสุขเลยแม้แต่น้อย


ลลิตนั่งคิดถึงเหตุการณ์เก่าๆ ที่พบกับวิธวินท์เป็นครั้งแรกที่ติดอยู่ในหัวใจจนไม่อาจลืมอ้อมกอดนั้นลงได้ เด็กชายกำลังนั่งรถออกจากโรงเรียนแต่ในวันนี้กลับยังรู้สึกว่าไม่อยากตรงกลับบ้าน เพราะชายหนุ่มมีเรียนเพิ่มตอนเย็น ไม่ได้มาสอนการบ้านให้เหมือนเดิม เด็กชายจึงตัดสินใจแวะร้านดอกไม้เพื่อซื้อดอกกุหลาบช่อใหญ่ และแวะซื้อกระเช้าผลไม้เพื่อไปเยี่ยมวิสา มารดาของวิธวินท์นั่นเอง
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กชายเข้าไปเยี่ยมวิสา ลลิตเคยเข้าไปใช้เวลาพูดคุยกับวิสาอยู่หลายครั้ง แม่ของชายหนุ่มใช้คุณปู่เป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิตจึงมีหลายๆ อย่างที่ทำให้เด็กชายสบายใจเวลาที่ได้อยู่ใกล้

ลลิตเดินถือช่อดอกไม้ โดยมีสมบูรณ์หิ้วกระเช้าผลไม้เดินตาม เด็กชายเคาะประตูห้องผู้ป่วยเบาๆ แต่ได้ยินเสียงคุยเฮฮาออกมาจากด้านใน วิธวินท์เป็นคนเดินมาเปิดประตู
“อ๊ะ คุณหนู” ชายหนุ่มอุทานออกมาอย่างตกใจที่เห็นเด็กชายมาอยู่ตรงนี้
“หลบไปสิ” ลลิตพูดออกมาเบาๆ รู้สึกแปลกใจเช่นกันที่เห็นวิธวินท์ที่นี่ เมื่อเด็กชายก้าวเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย เสียงพูดคุยเฮฮาก็เงียบลงโดยอัตโนมัติ ทุกคนต่างหันมาให้ความสนใจกับผู้มาใหม่ แต่เด็กชายไม่สนใจมองใคร เดินตรงไปที่มารดาของวิธวินท์ที่นอนอยู่บนเตียง
“คุณหนูริชมาได้ยังไงคะเนี่ย” วิสาขยับตัวลุกขึ้นมาทักทาย เด็กชายก็ส่งช่อดอกไม้ให้แล้วยกมือขึ้นไหว้
“ก็มาเยี่ยมคุณน้าแหละครับ มีผลไม้มาด้วย” สมบูรณ์วางกระเช้าผลไม้ไว้ที่โต๊ะวางมุมห้อง
“เอามาให้ลำบากทำไมกันคะ แค่คุณหนูมา น้าก็ดีใจแล้ว” วิสาพูดไปมือก็ลูบที่มือของเด็กชายที่เกาะอยู่ข้างเตียงไป
“วันนี้คุณน้ามีแขก คงไม่ค่อยสะดวก ริชขอตัวกลับก่อนดีกว่าครับ”
“เพื่อนๆ ตาวินทั้งนั้นแหละค่ะ เห็นว่าอาจารย์ยกเลิกชั้นเรียนเลยเฮกันมาอยู่นี่ คนกันเองทั้งนั้นเลยค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ไว้ริชมาใหม่คราวหน้าดีกว่า” ลลิตเอ่ยย้ำอีกครั้งก่อนกล่าวลาแล้วเดินนำสมบูรณ์ออกไป

เพื่อนๆ ของชายหนุ่มต่างมองหน้ากันอย่างมีเลศนัยแต่ทุกคนต่างก็เงียบไว้ หยิบยกเอาเรื่องเฮฮามาเล่าให้มารดาของเพื่อนฟังจนค่ำทุกคนลากลับกันหมด วิธวินท์จึงเดินออกไปส่งแล้วก็ถูกเพื่อนๆ ดึงตัวออกไป
“เฮ้ย คนนี้ใช่มั้ยวะ”
“เด็กคนนี้รึเปล่าที่มึงบอก”
“น่ารักนี่หว่า”
“คุณหนูนี่ตัวโคตรเล็กเลย”
ทุกคนต่างรัวคำถามใส่ชายหนุ่มกันเซ็งแซ่เหมือนนกแตกรัง
“ไอ้วิน มึงจะเงียบทำไมวะ คนนี้แน่ๆ เลย น่ารักว่ะ”
สุดท้ายชายหนุ่มก็ถูกเพื่อนรุมล้อมต้อนจนหลังติดกำแพง จนหมดทางที่จะหนีจึงพยักหน้าแล้วตอบเบาๆ
“ใช่...”
“กูว่าแล้ว” แล้วทุกคนก็เลิกสนใจชายหนุ่ม หันมาจับกลุ่มคุยกันเอง หัวข้อก็ไม่พ้นเรื่องของเด็กชายที่พึ่งพบเมื่อเย็นนั่นเอง

เมื่อชายหนุ่มถูกปล่อยตัวออกมาจึงกลับมาที่ห้องพักของมารดาอีกครั้งแต่ยังไม่ได้เข้าไป เขายืนพิงกำแพงที่หน้าห้องแล้วคิดถึงคำพูดของคุณสมบูรณ์ที่คุยกับเขาตอนช่วงที่คุณหนูคุยอยู่กับแม่
“วันนี้เป็นวันเกิดของคุณหนูครับ ปกติก็จะไม่ได้จัดงานเลี้ยงอะไรอยู่แล้ว ที่พิเศษหน่อยก็จะมีแค่เป่าเทียนบนเค้กก้อนเล็กๆ กับคุณปู่เพียงสองคน แต่พอคุณท่านเสีย คุณหนูก็เก็บตัวเงียบทุกปี แต่วันนี้เกิดอยากมาเยี่ยมคุณวิสา อาจเพราะคุณสองคนคงจะทำให้คุณหนูคิดถึงคุณปู่”


=========> โปรดติดตามตอนต่อไป

 :o8: คุณหนูโตขึ้นอีกปีแล้ว บรูโน่เริ่มห่าง คุกๆๆๆ มาอีกนิดนึง

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ไนท์แปลกมาก เป็นตัวละครที่มีอดีตน่าสนใจ
คือ อยากตายแต่ก็ยังดูแลตัวเองแบบแกนๆ แต่ถ้ามีจังหวะก็จะฆ่าตัวตายแบบเนียนๆ
บอกไม่ถูกว่ายังไงแฮะ

ส่วนเต เป็นพี่ชายที่แสนดี เป็นคนดีมากอ่ะ

คู่นี้ไม่ต้องลุ้นให้รักแต่มาแนวจะรักกันได้ยังไงก่อนจะเข้าใจไนท์มากกว่า

ไนท์น่าถนอมออกนะ เหมือนต้นไม้ที่ยากต่อการดูแลแล้วทำให้คนเลี้ยงต้องลุ้นว่าจะทำยังไงให้ออกดอกบานสวยงามได้

hahn

  • บุคคลทั่วไป
อยากรู้จังบรูโน่จะให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดคุณหนูตัวร้ายแต่น่ารัก

ออฟไลน์ RemySexyCool

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1090/-2
    • RemySexyCool
หนูริชน่ารักจัง 

PrinceTae

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 6 PG. 4 [25/05/2011]
«ตอบ #799 เมื่อ25-05-2011 09:12:02 »

ยุทธจะจริงหรือหลอกกันแน่เนี่ย หนักใจแทนกริช :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 6 PG. 4 [25/05/2011]
« ตอบ #799 เมื่อ: 25-05-2011 09:12:02 »





ออฟไลน์ RemySexyCool

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1090/-2
    • RemySexyCool
นึกว่าจะโดนเจ๊สั่งตายไปซะแล้ว

ออฟไลน์ RemySexyCool

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1090/-2
    • RemySexyCool
ตามลุ้นกันต่อไป

hahn

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 6 PG. 4 [25/05/2011]
«ตอบ #802 เมื่อ25-05-2011 09:27:45 »

กริชโดนหลอกหรือเปล่า

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
บรูโน่ของหนูริชจะให้อะไรเจ้าของวันเกิดหนอ ลุ้นๆๆๆ ^_^

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
ตามมาอ่านอีกสี...ส่วนตัวชอบสีฟ้าค่ะก็เลยมาลุ้นกันนิยายหน่อยว่าจะถูกใจรึเปล่า
ถ้าเดาไม่ผิดสายลมเป็นพระเอกใช่มั้ยคะ?...แล้วไหงบทอย่างกับพระรองเลยล่ะ
หวังว่าปลายฟ้าจะไม่เป็นอะไรนะ...นายหม่อนนี่มันโรคจิตจริง ๆ

ออฟไลน์ nco1236

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
ชอบคุณหนู่แล้วอะสิ :man1:

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 6 PG. 4 [25/05/2011]
«ตอบ #806 เมื่อ25-05-2011 12:23:53 »

ชอบเรื่องนี้จังเลยครับ จะติดตามต่อไปนะครับ

ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
ยังไม่แน่ใจว่าใครจะเป็นพระเอก ...... แต่ชอบเรื่องนี้นะครับ

ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ สู้ๆ

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
พี่เทียนสู้ ๆ
นายทานตกกระป๋องไป ไม่ซื่อสัตย์
นายโป้ง ไม่เอา เพราะฝักใฝ่ยัยเมย์
นายแม็ค ไม่ผ่าน เด็กน้อยเกิน
เหลือนายเจ เข้ารอบพระเอกคนเดียว (แต่ยังไม่มีบท)
แต่อาจจะมีโผล่มาใหม่
(แอบขำปลายฟ้า โผล่กี่เรื่อง ๆ โดนกลบหมด ยกเว้นเรื่องของตัวเอง)


เห็นด้วยๆ

จะติดตามต่อไปนะครับ สู้ๆนะ

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
ที่แท้คุณหนูมีความหลังแบบนี้นี้เอง

จะติดตามต่อไปนะครับ ขอเป็นกำลังใจให้นะคร้าบ สู้ๆนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด