ตอนที่ 7 หวาดกลัว
“อือ อือ อืม....”
เสียงครางต่ำๆ ออกมาจากลำคอที่แห้งผากเป็นผลข้างเคียงจากการโดนยาสลบ เปลือกตาหนักราวกับมีใครนำก้อนหินมาผูกถ่วงไว้ แต่เจ้าของก็พยายามฝืนลืมมันขึ้นอย่างยากลำบาก เมื่อเปลือกตาเผยอขึ้นเล็กน้อยก็ต้องปิดกลับเพราะยังไม่ชินกับแสงสีเหลืองนวลจากหลอดไฟแบบร้อยแรงเทียนที่แขวนไว้อยู่บนเพดาน หลังจากปิดตาลงได้สักพักก็พยายามลืมตาขึ้นใหม่แต่คราวนี้กลับเป็นหรี่ตาให้เล็กเพื่อไม่ให้รับแสงมากจนเกินไป
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย....” เสียงแหบพร่าที่เบาราวกับเสียงกระซิบพยายามร้องขอความช่วยเหลือ
“ตื่นแล้วหรือครับปลายฟ้าของผม” เสียงที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นข้าง ๆ จนคนที่โดนทักต้องรีบหันไปมอง
ปลายฟ้าหรี่ตามองหน้าคนที่ทักให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ชายหนุ่มวัยประมาณยี่สิบกลาง ๆ ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้าม สวมเสื้อสีฟ้าไซด์เล็กจนรัดเห็นกล้ามเนื้อทุกสัดส่วน ใบหน้าเหลี่ยมเล็กน้อยสวมแว่นทรงสี่เหลี่ยมขอบสีดำหนา นั่งเก้าอี้มองอยู่
“คุณ ปะ เป็น ใคร!!” ปลายฟ้าพยายามเค้นเสียงที่มีอยู่ออกมา
ชายคนนั้นกลับไม่ตอบนั่งจ้องมองเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก ปลายฟ้าคิดจะลุกขึ้นนั่ง
‘กึก กึก’
ทำไมขยับร่างกายไม่ได้อย่างที่ต้องการเสียเลย ปลายฟ้าหันไปมองมือตัวเองที่ขยับไม่ได้ มือทั้งสองข้างถูกล็อคไว้ด้วยกุญแจมือสีเงินยวงสะท้อนกับแสงไฟภายในห้อง ยึดไว้กับหัวเตียง ส่วนขาทั้งสองข้างถูกรัดไว้ด้วยผ้าผืนยาวสีน้ำเงินเข้มยึดไว้กับหมุดปลายเตียง
“นี่คุณจะทำอะไร ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ” ร่างสูงพยายามดิ้นรนให้พ้นจากพันธนาการ
“อย่าพยายามยามเลย เดี๋ยวผิวเนียน ๆ จะเป็นรอยหมดเสียก่อน”
มือหนาใหญ่เอื้อมมาจับที่ใบหน้ารูปไข่ของคนถูกพันธนาการให้หันมามองหน้า เขาแบบชัดๆ รอยยิ้มถูกยกแย้มขึ้นที่มุมปาก แต่คนที่ถูกบังคับให้มองกลับมองว่ามันเหมือนการแสยะยิ้มที่แสนจะน่ารังเกียจจนต้องหลับตาลง มือหนาอีกข้างค่อยลูบไล้ไปตามใบหน้าที่โดนจับไว้
“ช่างงดงามจริง ๆ ยิ่งเห็นใกล้ ๆ ยิ่งรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก” เสียงพูดสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ผมอยากจะฆ่าคนที่ทำให้หน้าคุณต้องเป็นรอยเสียตอนนี้เลย” เสียงพูดอย่างโกรธแค้นเมื่อสายตามองเห็นร่องรอยการโดนทำร้ายจากอเล็กซ์ที่ยังมีให้เห็นอยู่เล็กน้อย
คนถูกพูดถึงพยายามหลับตาให้สนิทมากที่สุดพร้อมกับหันหน้าหนี แต่ก็ไม่อาจสู้แรงที่จับยึดไว้ได้ต้องยอมทนปล่อยให้โดนลูบไล้อย่างกล้ำกลืนฝืนทน ในใจก็ได้แต่หวังให้การกระทำนี้หยุดลงเสียที หยาดน้ำตาจากความกลัวปริ่มไหลออกจากหางตาทั้งสองข้าง ริมฝีปากล่างโดนกัดไว้จนแน่นเพื่อกลืนเสียงสะอื้นไห้เอาไว้ในลำคอ เพราะถึงจะอยู่ในสภาพแบบไหนเขาก็ไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครได้เห็น
“อย่าร้องสิครับ ผมไม่ได้ตั้งใจทำอะไรปลายฟ้านะครับ” เจ้าของมือตกใจเมื่อเห็นน้ำตาหยดใสไหลออกมา จนรีบปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว
“คุณต้องการอะไร จับผมมาทำไมเราไม่เคยรู้จักกันสักหน่อย หรือว่าต้องการเงินบอกผมมาก็ได้ว่าจะเอาเท่าไหร่ เดี๋ยวผมจัดการให้เอง ปล่อยผมกลับไปเถอะ” ปลายฟ้าพยายามกลั้นอารมณ์กลัวไว้แล้วยื่นข้อเสนอกับการปล่อยตัว
“ทำไมปลายฟ้าจะไม่รู้จักผม ลองนึกดูดี ๆ สิครับ เมื่อเช้าผมก็ยังส่งจดหมายให้ปลายฟ้าอยู่เลย แล้วของขวัญของผมก็ได้รับทุกวันไม่ใช่เหรอครับ”
หลังจากได้ยินประโยคนี้ภาพจดหมายในซองสีน้ำเงินเข้ม พร้อมกล่องของขวัญผุดฉายขึ้นในหัวเขาราวกับการย้อนดูหนังจากแผ่นดีวีดี
“หม่อน หรือว่าคุณคือคนชื่อหม่อน” เสียงพูดรัวเร็วด้วยความตื่นกลัว
“ผมดีใจมากเลยนะที่ปลายฟ้าจำผมได้ ผมนึกว่าจะลืมผมไปแล้วเสียอีก” คนที่ถูกเรียกชื่อแย้มยิ้มอย่างมีความสุขออกมาราวกับเพิ่งได้ของขวัญชิ้นโปรดมาหมาด ๆ
“ปลายฟ้าเพิ่งตื่นคงหิวน้ำใช่ไหม เดี๋ยวผมเอาให้นะครับ” ร่างสูงใหญ่รีบลุกเดินออกไปข้างนอกห้องอย่างรวดเร็ว
ปลายฟ้าพยายามขยับตัวดูอีกครั้ง แต่ผลก็ยังเหมือนเดิมเขาไม่สามารถหลุดพ้นจากสิ่งที่ผูกมัดเอาไว้ได้ เขาเลยหันมองสำรวจรอบๆ ห้องแทน ห้องที่บุผนังด้วยไม้เก่าทั้งสี่ด้านทาสีเขียวอ่อนไว้อย่างสบายตา ภายในห้องไม่มีเฟอร์นิเจอร์อย่างอื่นอีกเลยนอกจากเตียงที่ปูด้วยผ้าปูที่นอน สีขาวสะอาดกับเก้าอี้ตัวที่วางอยู่ข้างเตียง รอบด้านทั้งสี่มีหน้าต่างอยู่ด้านเดียวแถมตำแหน่งยังอยู่ตรงปลายเตียงที่นอน ทำให้ถ้าขยับตัวสักนิดก็มองเห็นท้องฟ้าข้างนอกได้อย่างชัดเจน
“ช่วยด้วยครับ มีใครอยู่ข้างนอกไหมช่วยด้วยครับ” ปลายฟ้าตัดสินใจตะโกนสุดเสียง เพราะนี่คงเป็นทางเดียวที่จะช่วยเขาได้
“ช่วยด้วยครับ ช่ว.....”
เสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือหยุดลงกะทันหัน เพราะหม่อนเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารในมือ แต่เขากลับไม่มีท่าทีตื่นตกใจกับการร้องขอความช่วยเหลือของปลายฟ้า ทำเพียงเดินยิ้มอย่างมีความสุขเข้ามาหาร่างที่นอนกลัวอยู่บนที่เตียงสีขาวสะอาดที่เตรียมไว้อย่างดี
“ทำไมไม่ร้องต่อล่ะครับ ผมจะได้ยินเสียงเพราะ ๆ ของคุณชัด ๆ แต่ผมบอกไว้ก่อนนะ ต่อให้ร้องยังไงก็ไม่มีคนได้ยินหรอกครับ เพราะว่าบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ไกลหมู่บ้านมาก คงไม่มีคนได้ยินเสียงร้องของคุณแน่ ๆ” ร่างใหญ่นั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมพร้อมกับวางถาดอาหารลงด้านล่างข้างตัว
“ปล่อยผมไปเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาเลย ผมจะทำให้คุณทุกอย่าง เพียงแค่ปล่อยผมไปก็พอ”
“แล้วถ้าผมบอกว่าอยากได้ทุกอย่างที่เป็นคุณล่ะ คุณจะยอมให้ผมได้หรือไม่”
..........
ทั้งสองคนเงียบมองหน้ากันโดยไร้ซึ่งคำตอบ เพราะปลายฟ้าเองก็ไม่รู้จะให้สิ่งที่ต้องการได้อย่างไร
“นั่นไง ผมคิดไว้แล้วว่าคุณต้องให้อย่างที่ผมขอไม่ได้ ถ้าอย่างงั้นคุณก็เลิกบอกให้ผมปล่อยตัวคุณได้แล้ว ผมว่ากินข้าวก่อนดีกว่านะครับ ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวานคงหิวแล้วล่ะป่านนี้” หม่อนหยิบจานข้าวมานั่งข้างที่นอน
“กินข้าวหน่อยนะครับ” ข้าวผัดถูกตักใส่จนเต็มช้อน พร้อมยื่นมาจ่อให้ที่ริมฝีปากที่แห้งผาก จากการไม่ได้ดื่มน้ำมานาน
เจ้าของริมฝีปากเม้มมันไว้จนแน่นเพราะไม่แน่ในสิ่งที่ยื่นให้มานั้นเจือปนสิ่งอื่นด้วยหรือไม่ ปลายช้อนดุนดันอยู่ที่ริมฝีปากจนต้องหันหน้าหนี แต่ช้อนก็เคลื่อนที่ตามปากมาอย่างไม่ลดละ
“ไม่ ผมไม่กิน อย่ามายุ่งกับผม” หน้าถูกสะบัดอย่างรวดเร็วและแรง จนช้อนหลุดจากมือคนป้อน
รอยยิ้มที่มุมปากจางหายไปจากหน้าอย่างรวดเร็วคิ้วบนหน้าถูกขมวดเข้าหากัน แววตาที่ยิ้มแย้มแปรเปลี่ยนเป็นดุดันจ้องมองกลับมา ก่อนเอื้อมตัวไปหยิบช้อนกลับมาไว้ในมือ
“ต้องกินอะไรบ้างนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
คำพูดที่ดูเหมือนห่วงใยแตกต่างจากน้ำเสียงกับการกระทำของเจ้าของ มือข้างหนึ่งจับไว้ที่ใต้คางพร้อมกับออกแรงบีบเล็กน้อยจนคนที่โดนกระทำต้องเผยอปากออกมา อีกมือตักข้าวที่เหลือจากจานป้อนเข้าปากบาง ๆ นั้น
“เก่งจังเลยครับ กินเยอะ ๆ นะครับคนดีของผม”
คำพูดชื่นชมพร่ำออกจากปากอย่างไม่หยุด โดยไม่ได้สนใจคนที่โดนกระทำว่ารู้สึกอย่างไรแม้แต่น้อย น้ำตาไหลอาบหน้าอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้อยากเปล่งเสียงก็ไม่อาจทำได้ เพราะอาหารที่อัดเข้ามาอยู่ตลอดเวลา
“แค่ก แค่ก แค่ก” ปลายฟ้าสำลักอาหารที่ถูกป้อนให้ออกมาจนหมด
หม่อนรีบกุลีกุจอหันไปหยิบน้ำมาป้อนให้ปลายฟ้า แววตาจากดุดันเปลี่ยนกลับมาเป็นห่วงใยอีกครั้ง เขาค่อย ๆ ประคองหัวปลายฟ้าไว้ให้ดื่มน้ำได้สะดวกมากขึ้น
“ผมขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคุณจริง ๆ นะ คุณคงอยากพักผ่อนแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมกลับมาหาใหม่นะครับ” หม่อนเช็ดหน้าทำความสะอาดให้ก่อนจะเก็บของเดินออกไปจากห้อง
“พี่ก้อง พี่สายลม ช่วยผมด้วย มาช่วยผมด้วยครับ” เสียงพูดปนสะอื้นดังอย่างแผ่วเบาก่อนจะหมดแรงหลับไป
==============> โปรดติดตามตอนต่อไป