ตอนที่ 6 ของขวัญ
“นี่มันอะไรกันครับพี่สายลม งานเปิดตัวอะไรทำไมมันแย่ขนาดนี้ แบบนี้ชื่อผมก็เสียไปด้วยนะครับ” ปลายฟ้าโมโหใส่สายลมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเปิดตัวนาฬิกาหรูของไฮโซคนหนึ่ง
“พี่ก็ไม่คิดว่ามันจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นนะครับ พี่ว่ามันคงไม่มีผลต่อเราหรอกนะฟ้า”
“แต่ผมว่ามี พรุ่งนี้พี่คอยดูข่าวซุบซิบไฮโซนะต้องมีชื่อผมด้วยแน่ ๆ ไหนบอกว่ามีเรือนเดียวในโลกไง ที่แท้ก็แค่ราคาคุย” ปลายฟ้ายังไม่เลิกหงุดหงิด
“ไม่หรอกน่าพี่ว่าพรุ่งนี้ข่าวที่กองถ่ายคงกลบข่าวนี้จนหมดเองนั่นแหละ” สายลมยกเรื่องกองถ่ายมาช่วย
“ขอให้เป็นอย่างที่พี่พูดแล้วกัน” ปลายฟ้าพิงตัวนอนหลับตาสงบสติอารมณ์
“แต่ไนท์ก็เก่งนะ ยังมางานเปิดตัวได้อีก”
“ถ้าพี่ว่ามันดีก็ย้ายไปดูแลมันก็ได้นะ” ปลายฟ้าพูดออกมาทั้งที่ยังนอนพิงหลังหลับตาอยู่
“พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะครับ” ถึงสายลมจะพูดยังไงตอนนี้ปลายฟ้าก็ไม่สนใจ เขาเลยปล่อยให้ปลายฟ้าอยู่เงียบ ๆ จะดีกว่า
รุ่งเช้าหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับลงข่าวอุบัติเหตุในกองถ่ายภาพยนตร์ของหม่อมเอียด
‘หวิดสิ้นชื่อสองนักแสดงชื่อดัง....’
ปลายฟ้าพลิกอ่านรายละเอียดข้างใน เนื้อข่าวก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นธรรมดาไม่น่าสนใจ เขาเลยพลิกหาอ่านเนื้อหาข่าวซุบซิบของพวกสังคมไฮโซ เพื่อดูว่ามีข่าวงานเกิดตัวเมื่อคืนหรือไม่
‘งานเปิดตัวนาฬิกาสุดหรูหน้าแตกยับเยิน จากการโปรโมทว่ามีเรือนเดียวในโลก แต่ที่ไหนได้เจอไฮโซหนุ่มหน้าใหม่กลับใส่นาฬิกาแบบเดียวกันมาเดินโชว์ในงาน ดีที่ได้สองนักแสดงชื่อดังมาเดินแบบทำให้งานมีสีสันขึ้นมาบ้าง แต่ต้องขอชื่นชมนักแสดงทั้งสองคนที่มีสปิริตแรงกล้า ทั้งที่เพิ่งผ่านอุบัติเหตุจากกองถ่ายมามาด ๆ”
ปลายฟ้าโยนหนังสือพิมพ์ทิ้งไปด้านข้างเมื่ออ่านจบ
“ดีนะที่ว่ามีข่าวกองถ่ายมาช่วย คราวหน้าพี่สายลมช่วยตรวจสอบงานให้มันดีกว่านี้ด้วยนะครับ” ปลายฟ้ายังติดใจเรื่องงานเมื่อคืน
“มันเหตุสุดวิสัยจริงฟ้า พี่ก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่เย็นนี้มีถ่ายต่อฟ้าไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหวพี่โทรไปเลื่อนกองให้เอาไหม”
“ไม่ต้องครับ วันนี้เข้าฉากกับอเล็กซ์วันแรกด้วย เดี๋ยวมันจะหาว่าผมเรื่องมาก แล้วอีกอย่างผมอยากรู้ว่ามันแสดงได้ดีถึงได้รับเลือกหรือว่าเอาตัวเข้าแลกมา” ปลายฟ้าลุกขึ้นไปแต่งตัวหลังจากตัดสินใจแล้ว
ปลายฟ้ามาถึงกองถ่ายเร็วกว่าปกติ เขาเข้าไปพูดคุยกับทีมงานถามข่าวเรื่องเมื่อวานอย่างเป็นห่วงเป็นใย พร้อมกับซื้อขนมหลากชนิดมาฝากที่กองถ่ายด้วย
“แหม! น้องปลายฟ้า ไม่ต้องซื้อของมาฝากพวกเราทุกวันก็ได้พี่เกรงใจ เมื่อวานยังทำให้น้องฟ้าเกือบแย่แล้ว วันนี้เลื่อนกองก็ได้นะคะ” สาวร่างเล็กฝ่ายจัดคิวบอกอย่างเกรงใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นอุบัติเหตุผมเข้าใจ ยังไงก็คงไม่วุ่นเท่าพวกพี่ ๆ หรอกครับ”
“น้องปลายฟ้าพูดอย่างนี้ยิ่งทำให้พวกพี่เกรงใจจัง ไป ๆ พี่พาไปแต่งหน้าก่อนจะได้เริ่มถ่ายกันเร็ว ๆ น้องปลายฟ้าจะได้กลับไปพักผ่อน”
“แล้วอเล็กซ์มาแล้วเหรอครับพี่” ปลายฟ้าถามถึงดาราที่จะต้องเล่นด้วยวันนี้
“มาแล้วค่ะ เห็นบอกว่าตื่นเต้นที่จะได้เล่นกับน้องปลายฟ้า เลยขอตัวออกไปทำสมาธิสักหน่อย กลัวตอนถ่ายแล้วเทคบ่อยทำให้น้องปลายฟ้าเสียเวลาน่ะค่ะ”
“อ๋อ ครับ แต่นี่ผมดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือครับ”
“ใครว่าแบบนั้นล่ะคะ น้องปลายฟ้าก็คิดไปได้ เพียงแต่อเล็กซ์เขาเกรงใจต่างหาก กลัวทำให้น้องปลายฟ้าเสียเวลาต่างหากล่ะคะ”
ปลายฟ้าเดินเขามาที่เต็นท์ที่มีผ้าสีขาวล้อมไว้ทั้งสี่ด้าน ด้านในจัดไว้สำหรับเป็นที่แต่งหน้าแต่งตัวของนักแสดง เมื่อเข้ามานั่งที่ที่เขาจัดไว้ให้ ปลายฟ้าสังเกตเห็นกล่องของขวัญที่ผูกไว้ด้วยโบว์สีน้ำเงินเข้ม แนบกับการ์ดสีโทนเดียวกันวางอยู่
“พี่ครับนี่ของใครครับ”
“อ๋อ ก็ของน้องปลายฟ้านั่นแหละค่ะ เห็นทีมงานเขาบอกว่ามีคนฝากมาให้ตั้งแต่เช้าแล้ว” ช่างแต่งหน้าตอบไปแต่งหน้าให้ปลายฟ้าไป
“แล้วพี่พอจะรู้ไหมครับว่าใครให้มา”
“อันนี้ไม่แน่ใจนะคะ เดี๋ยวพี่ถามให้อีกที”
“ขอบคุณครับ รบกวนพี่ด้วยนะครับ” ปลายฟ้ายิ้มพร้อมคำขอบคุณ
“ผมดีใจมาก ๆ เลยนะครับที่ได้แสดงร่วมกับคุณปลายฟ้า” อเล็กซ์นักแสดงรุ่นน้องพูดอย่างถ่อมตน
“ผมเองก็ดีใจนะที่ได้แสดงกับนักแสดงหน้าใหม่ที่มีฝีมือแบบคุณ เราคงร่วมงานกันได้ด้วยดีนะครับ”
“แหม! น้องปลายฟ้าคะ ยังไงก็ช่วยสอนอเล็กซ์เขาด้วยนะคะ เขายังใหม่อยู่อาจทำอะไรไม่ถูกก็ตักเตือนกันได้ค่ะ” ผู้จัดการส่วนตัวของอเล็กซ์เข้ามาช่วยพูด
“ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกครับ พี่ที่เขาเก่ง ๆ กว่าผมยังมีอีกเยอะเลยครับ”
“แหม! น้องปลายฟ้านี่ถล่มตัวจริง ๆ นะคะ ถึงว่าตอนนี้ทั้งนักข่าวทั้งนักวิจารณ์ถึงชื่นชมน้องปลายฟ้า อเล็กซ์เราต้องดูเป็นแบบอย่างไว้นะ” เขาหันไปกำชับเด็กในการดูแลของตนเอง
ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนจะเข้าฉาก ฉากแรกเป็นฃฉากง่าย ๆ เพื่อให้ทั้งสองคนรู้หลักในการทำงานร่วมกันก่อน ทำให้การถ่ายทำผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณครับทุกคน ผมกลับก่อนนะครับ” ปลายฟ้ายกมือไหว้ทุกคนพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ
“นึกว่าจะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว ผลสุดท้ายก็แค่ไอ้ตัวธรรมดา” ปลายฟ้าบ่นทันทีที่ขึ้นมาบนรถได้
“เอาน่าฟ้า เราก็ทำของเราให้ดีที่สุดก็พอ ที่เหลือมันเรื่องของเขาแล้ว”
“แล้วผมต้องทนทำงานกับไอ้ตัวนี่อีกนานเท่าไหร่กัน...”
ครืน!!
ประตูรถตู้เปิดออกอย่างกะทันหัน ปลายฟ้ารีบดีดตัวตั้งตรงที่เบาะนั่งของตัวเองอย่างตกใจ
“ขอโทษนะคะ คุณปลายฟ้าลืมของไว้ค่ะ” ทีมงานยื่นกล่องของขวัญให้ปลายฟ้า
“เออ ขอบคุณครับ แต่ว่าเมื่อกี้พี่ไม่ได้ยินอะไรใช่ไหมครับ” ปลายฟ้ารีบถามกลับ
“ได้ยินอะไรคะ หนูเปิดเข้ามาก็ไม่เห็นพวกคุณพูดอะไรกันนี่ค่ะ” เด็กสาวทำหน้างงกับคำถามที่ได้ยิน
“อ๋อ เปล่า ๆ ไม่มีอะไรครับ ขอบคุณที่อีกครั้งนะครับ รบกวนปิดประตูให้ผมด้วยพวกเราจะกลับพอดี” ปลายฟ้ารีบรับของไว้ในมือ
ปลายฟ้าโยนของไปไว้เบาหลังเหมือนเดิมโดยไม่ได้สนใจแกะดู
“ดีนะที่ไม่ได้ยินที่เราพูดกัน” ปลายฟ้าพูดออกมาอย่างโล่งใจ
“ต่อไปฟ้าก็เลิกว่าคนอื่นสิครับ จะได้ไม่ต้องกลัวอะไร”
“ผมไปว่าใครตอนไหน ถ้าพี่รับไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่กับผมก็ได้นะครับ ผมอยู่คนเดียวได้” เสียงแสดงความน้อยเนื้อต่ำใจเล็ดรอดออกมาทั้ง ๆ ที่ยังนอนหลับตาอยู่
“พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยนะฟ้า ฟ้าอย่าตีความหวังดีของพี่ผิด ๆ สิครับ” สายลมรีบอธิบาย
“ช่างเถอะครับ สักวันพี่ก็คงทิ้งผมไปเหมือนคนอื่น ๆ อยู่ดี”
“พี่ไม่ทิ้งฟ้าไปไหนแน่นอนครับ ถ้าฟ้ารู้ว่าจริง ๆ แล้วพี่คิดยังไง” สายลมลอบพูดกับตัวเองเบา ๆ
“พี่ว่าอะไรนะครับ” ปลายฟ้าถามทวนเพราะเหมือนเขาได้ยินเสียงพูดแว่ว ๆ
“อ๋อ!! พี่ถามว่าฟ้าแกะของขวัญบ้างหรือยัง แล้วใครส่งมาให้ครับ” สายลมรีบหาเรื่องอื่นมากลบเกลื่อน
“ยังไม่มีอารมณ์หรอกครับ งานยุ่งตลอดไว้ว่าง ๆ ก่อนแล้วกัน พี่สายลมก็เอาไปเก็บไว้ในห้องผมเหมือนเดิมก่อนแล้วกันครับ ว่าง ๆ ผมค่อยแกะดูอีกที” ปลายฟ้าตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ฟ้าตื่นเต้นไหมวันนี้ซีนแรกก็เป็นซีนปะทะอารมณ์กับอเล็กซ์เสียด้วย” สายลมถามอย่างห่วงใยขณะนั่งอยู่บนรถไปกองถ่าย
“ไม่หรอกครับ วันนี้ไอ้อเล็กซ์มันจะได้รู้ว่าใครเป็นของจริง พี่คอยดูนะครับ” เสียงตอบกลับมาอย่างมั่นใจ
ปลายฟ้ากำลังเข้าฉากสำคัญของวันนี้ เป็นฉากที่ต้องปะทะอารมณ์กับอเล็กซ์ที่เป็นพระรอง ทั้งสองคนกำลังอินกับบทที่ได้รับอย่างมาก จนสื่ออารมณ์ออกมาราวกับทั้งสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่จริง คนทั้งกองถ่ายต่างเงียบกริบบางคนลุ้นถึงขนาดต้องกลั้นหายใจ เพราะกลัวเกิดเสียงรบกวนทั้งสองคน
‘ผลัก’
ปลายฟ้าลืมตัวไปกับบทเงื้อมหมัดต่อยเข้าที่โหนกแก้มของอเล็กซ์เต็มแรง จนคนที่โดนต่อยล้มลงไปกับพื้นเพราะไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่จะลุกขึ้นมาส่งหมัดคืนไปที่หน้าคนที่กระทำตน จากการแสดงกลายเป็นการซัดกันนัวเนียกลางกองถ่าย เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร
“คัต”
สิ้นเสียงคัตสายลมวิ่งเข้าไปห้ามทันที จับมือของทั้งสองคนที่กำลังพุ่งหมัดเข้าหากันไว้จนแน่น ก่อนหันไปส่งสายตาดุดันให้อเล็กซ์ที่มีทีท่าว่าจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ สายตาของเขาทำเอาคนโดนจ้องเสียวสันหลังวูบไปชั่วขณะก่อนที่จะลดหมัดลง แล้วปล่อยมือฝั่งตรงข้ามก่อนดึงมือปลายฟ้าแยกออกมา
“ขอโทษนะครับ ขอผมพาปลายฟ้าไปดูแผลหน่อยนะครับแล้วเดี๋ยวผมกลับมา” เขาหันไปบอกผู้กำกับพร้อมกับทีมงาน ก่อนออกแรงลากคนที่จูงมืออยู่ให้ขึ้นรถ
“มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงกันฟ้า ฟ้าบอกพี่มาสิว่าฟ้าตั้งใจหรือเปล่า” นี่เป็นครั้งแรกที่สายลมใช้นำเสียงดังกับปลายฟ้า
“เปล่านะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ตอนนั้นผมอินกับบทมากเกินไป พี่สายลมต้องเชื่อผมนะครับ” ปลายฟ้ายังมีสีหน้าตื่นตกใจจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ แถมยังโดนสายลมคนที่เขาคิดว่าจะไม่ต่อว่าเขาถ้าทำอะไรผิดเสียงดังใส่
“ก็ได้พี่เชื่อฟ้าก็ได้ว่าฟ้าไม่ได้ตั้งใจ แต่คราวนี้ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรตามมาอีกบ้าง” สายลมสีหน้าเคร่งเครียด หัวคิ้วขมวดจนแทบชิดติดกัน เขาจำใจต้องเชื่อเมื่อเจ้าตัวยืนยันมาแบบนี้แม้จะยังคลางแคลงใจอยู่ก็ตาม
“ไหนเอาหน้ามาดูซิ” มือนุ่ม ๆ จับไปที่คางของคนที่อยู่ข้างหน้าก่อนเชยคางขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองหาร่องรอยการโดนทำร้าย
“โดนเยอะเหมือนกันนะนี่ อีกอาทิตย์ล่ะมั้งคงจะหาย ช่วงนี้ต้องใส่ยานะครับจะได้ไม่มีรอย” สายลมพูดบอกอย่างชำนาญราวกับผ่านเรื่องแบบนี้มาจนชิน
ปลายฟ้าเองทำหน้าสำนึกผิดเพราะเขาเองไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นคงเพราะไม่ชอบอเล็กซ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอถึงบทแบบนี้ทำให้ห้ามใจไว้ไม่อยู่ แถมฝีมือทางการแสดงของอเล็กซ์ก็พัฒนาดีมากกว่าเดิมอีกด้วย ตอนนี้ทำได้แต่มองหน้าคนที่นั่งนิ่งขมวดคิ้วเข้าหากันตรงหน้า เพราะว่าพูดอะไรออกไปก็คงจะไม่มีผลดีเป็นแน่
สายลมพยายามคิดหาทางแก้ต่างให้กับปลายฟ้าก่อนเดินลงจากรถไปคุยกับทีมงาน สายลมพยายามอธิบายว่าปลายฟ้าอินกับบทบาทมากเกินไปหน่อย เลยทำให้ยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เขาเข้าไปขอโทษอเล็กซ์ที่ทำให้เจ็บตัว ฝ่ายอเล็กซ์เองก็ขอโทษกลับ เพราะถ้าเขาไม่ฉุดโต้ตอบเรื่องก็คงไม่เป็นเช่นนี้
หลังจากพูดคุยทุกอย่างจนเข้าใจแล้วผู้กำกับเลยสั่งพักกองไว้ก่อน ให้มาถ่ายซ่อมกันอีกทีวันหลัง โดยให้นักแสดงทั้งสองกลับไปก่อน รอให้แผลหายดีแล้วจะโทรนัดถ่ายกันอีกครั้ง สายลมเข้าไปเก็บของให้ปลายฟ้า ก็เห็นกล่องของขวัญลักษณะเดิมอยู่ที่โต๊ะของปลายฟ้า
“นี่ฟ้า” สายลมส่งของขวัญให้ปลายฟ้าที่นั่งทำหน้าเศร้าอยู่บนรถ
“อะไรอีกพี่ จะว่าอะไรผมอีกหรือครับ” ปลายฟ้าถามทั้งที่ยังไม่ได้มองคนที่เรียกตน
“พี่ไม่ได้จะว่าอะไรฟ้านะ แค่ส่งของให้ของขวัญนี่ไง ตั้งแต่เปิดกล้องถ่ายหนังเรื่องนี้ได้ทุกวันเลยนะ” สายลมรู้สึกแปลกใจ
“อืม! นั่นสิผมก็ลืมไปแล้วว่าได้มันทุกวัน แต่พี่สายลมไม่โกรธผมจริง ๆ นะครับ” ปลายฟ้าหันมาส่งสายตาเศร้าน่าสงสารให้
“พี่ไม่ได้โกรธฟ้าสักหน่อย พี่ก็แค่ถามให้แน่ใจเท่านั้น แล้วยิ่งฟ้าไม่ได้ตั้งใจพี่จะว่าอะไรล่ะครับ” สายลมเอื้อมมือไปลูบหัวปลายฟ้าอย่างอ่อนโยน ทำให้คนโดนปลอบยิ้มออกมาได้แล้วตอนนี้
“พี่ว่าฟ้าน่าจะลองแกะดูสักหน่อยนะครับว่าข้างในมีอะไร แล้วใครเป็นคนส่งมาให้” สายลมกลับมาพูดเรื่องของขวัญอีกครั้ง
“ครับผมก็เริ่มสงสัยแล้วเหมือนกัน” ปลายฟ้ารับมาแล้วแกะกล่องของขวัญทันที
“พี่สายลม!!” ปลายฟ้าเรียกชื่อสายลมอย่างตื่นตกใจ
“ฟ้าเป็นอะไร ในนั้นมีอะไร” สายลมรับหันกลับมาหาต้นเสียงอย่างรวดเร็ว
“พี่ดูนี่สิครับ” ปลายฟ้ายื่นกล่องของขวัญที่แกะแล้วให้
ด้านในกล่องมีรูปภาพของปลายฟ้าในอิริยาบถต่าง ๆ ของเมื่อวาน ทั้งตอนที่กำลังถ่ายภาพยนตร์ หรือว่าตอนพักผ่อนส่วนตัวอยู่ในกองถ่าย แต่พอสายลมตรวจดูเรื่อย ๆ หลัง ๆ เป็นรูปของปลายฟ้าตอนที่กำลังเดินเข้าคอนโด สายลมถึงกับขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด
“สโตรคเกอร์” สายลมเปรย
“แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะครับพี่สายลม ผมไม่อยากโดนตามแบบนี้นะครับ” ปลายฟ้าเริ่มกังวลกับสิ่งที่เห็น
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวพี่จะระวังให้มากขึ้น ช่วงนี้ฟ้าก็ห้ามออกไปไหนโดยไม่มีพี่เด็ดขาดนะครับ” สายลมกำชับอย่างจริงจัง
============>โปรดติดตามตอนต่อไป
เรื่องลงไว้ก่อน 50% นะครับ เพราะว่าเขียนยาวเกินไปหน่อย
