(เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT  (อ่าน 322396 ครั้ง)

ple

  • บุคคลทั่วไป
ตกลงไปเลยคับพี่เอ้ โหขนาดนี้แล้ว จะเก็บ เวอร์จิ้น ไว้ให้หยากไย่ ขึ้นหรอคับ นานขนาดนั้น  :m29: วุธก็ยังอุตสาห์อดทนรอได้นะ น่านับถือ จริง ๆ  :m5: :m5:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
Commercial College Student’s Story (Special Chapter 2)

.....วันที่วุธขนข้าวของมาไว้บ้านผม เห็นสมบัติมันเต็มหลังรถ ผมตกใจนึกว่ามันจะย้ายบ้านมาอยู่กับผมเป็นการถาวร ไม่คิดว่าของใช้ส่วนตัวมันจะเยอะขนาดนี้.....ดูมันมีความสุขซะจนผมรู้สึกผิดที่ตอนแรกพยายามหาทางปฏิเสธมัน แต่สุดท้ายผมก็ขอลองเสี่ยงกับวุธมันดูซักตั้ง ทำใจอยู่นานเหมือนกัน คิดสภาพตัวเองต้องคอยระมัดระวังตัวตลอดเวลา.....เมื่อก่อนนึกจะเดินแก้ผ้าโทง ๆ ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแต่งตัวก็ทำได้.....นอนคนเดียวจะกางแข้งกางขายังไงก็ได้.....จะขัดหน้าขัดตัว พอกมะขามเปียก นั่งอยู่ในห้องน้ำนานแค่ไหนก็ไม่ต้องเกรงใจใคร.....แล้วหนังโป๊ที่เราซ่อนไว้ในตู้เซฟนั่นอีกล่ะ...โอเค เราล็อคไว้แน่นหนาอย่างดี แต่ถ้าซักวันนึงเราลืมกุญแจไว้ แล้ววุธมันเปิดดูล่ะ ไม่ได้กลัวว่ามันจะดูหรอกครับ แต่กลัวว่าถ้ามันดูแล้วเกิดอารมณ์ มันจะไประบายกับใครล่ะ ในเมื่ออยู่กันแค่สองคน.....
.....ที่กล้าให้วุธมาอยู่ด้วยกันที่บ้านผมในช่วงนั้นก็เพราะผมต้องทำงานรอบดึกทั้งเดือน.....โรงแรมนี้พนักงานจะได้ถูกสลับกะกันทุกคน เดือนที่แล้วอยู่บ่าย เดือนนี้อยู่ดึก เดือนหน้าก็กลับไปกะบ่ายอีกครั้ง เดือนโน้นเข้ารอบเช้า เดือนต่อไปเข้าบ่าย แล้วค่อยวนเข้าดึกอีกทีในเดือนถัดไป เพื่อเป็นการให้พนักงานได้ปรับร่างกาย แต่บางโรงแรมจัดตารางงานได้น่าเกลียดมาก เดือนนี้เข้าดึก เดือนต่อไปเข้ารอบเช้า ปรับตัวไม่ทันเลยครับ.....นี่แหละสาเหตุของคนที่ทำงานโรงแรมได้ไม่นาน และทำงานได้ไม่เต็มร้อย พวกเราพยายามทำดีที่สุดแล้วตามหน้าที่ แต่ร่างกายคนเราไม่ใช่เครื่องจักรนะครับ ถ้ามีอะไรมากวนตอนที่เบลอ ๆ ง่วง ๆ อาจจะวีนแตกได้ (ผมก็เคยเป็น).....นี่แหละครับ ทำงานโรงแรม ขอย้ำอีกทีว่าไม่ได้เชิด ๆ เริด ๆ อย่างที่คนเข้าใจกันนะครับ เหนื่อยมาก ๆ ถ้าไม่อึดจริงทำได้ไม่นานหรอกครับ......
.....เราได้นอนด้วยกันแค่ไม่กี่วันเอง ผมก็ต้องสลับเวลานอนกับวุธแล้ว งานผมเข้า 4 ทุ่ม เลิก 7 โมงเช้า เวลานอนของผมคือช่วงกลางวัน ส่วนวุธเข้างาน 8 โมงครึ่ง เลิก 5 โมงครึ่ง จะได้เจอกันก็เป็นช่วงเย็น วุธกลับจากงาน ผมเพิ่งตื่น.....เรากินข้าว (เย็น) ด้วยกันทุกวันก่อนผมไปทำงาน และวุธก็จะขับรถไปส่งผมที่ทำงานทุกวันตอน 3 ทุ่ม....กฏเหล็กของทุกโรงแรมมีเหมือนกันหมดคือ ห้ามนำอาหารเข้ามากินในสถานที่ทำงาน ถ้าจะเอามาต้องฝากไว้ที่ยามก่อน พอถึงเวลาพัก ให้เอาไปกินที่แคนทีนเท่านั้น.....แต่สำหรับผม กฎบางอย่างมีไว้ให้แหก.....ระหว่างทาง ผมแวะซื้อของกินตุนไว้กลางดึก เผื่อเพื่อนร่วมงานทุกคน และที่ขาดไม่ได้คือ พนักงานรักษาความปลอดภัย เพื่อเป็นการอุดปากไม่ให้พูดมาก เพราะมึงก็แดกเหมือนกัน.....ผมไม่ได้นำเข้าไปตอนรูดบัตร แต่ผมให้วุธหิ้วเข้าไปทางด้านหน้าโรงแรม ผมสามารถอ้างได้ว่าแขกเอาของกินมาให้ ถ้ามีคนเปิดกล้องวงจรปิดดูพฤติกรรมพนักงานจะได้ไม่น่าเกลียด.....
.....แรก ๆ วุธก็ตื่นแต่เช้ามารับผมกลับบ้านแล้วไปทำงานต่อ ทำได้แค่ 2 วันเท่านั้นแหละ สภาพการจราจรในกรุงเทพฯ ที่ติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วน ทำให้วุธไปทำงานสายเกือบครึ่งชั่วโมง.....
“...เอ้...ผมพรุ่งนี้ไปรับไม่ได้แล้วอ่ะ...” วุธพูดเสียงอ่อย ๆ ขณะไปส่งผม
“...ไม่เป็นไร...เรากลับกับพี่บีได้...”
“...ใคร...พี่บีอ่ะใคร...” วุธพูดเสียงเข้ม
“...โห...ก็บีทีเอสไง...คิดว่าใครล่ะ...” ผมขำกับท่าทางเขิน ๆ ของมันที่เข้าใจผิดคิดว่าผมมีกิ๊กใหม่
“...เอางี้ วันเสาร์-อาทิตย์ผมค่อยมารับละกัน...” วุธเปลี่ยนเรื่อง
“...ไม่ต้องหรอก วันหยุดก็พักผ่อนเถอะ...”
“...เออน่า...อย่าดื้อสิ...” มันดุผม
“...วุธนั้นแหละดื้อ...แค่ออกมาส่งทุกวันอย่างนี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว กว่าจะกลับกว่าจะได้นอน...รู้มั๊ยบางครั้งเราคิดว่าเรากำลังทำให้วุธลำบากนะ...”
“...ลำบากอะไรล่ะ...ผมเต็มใจทำ...”
“...เรากลัวว่า...วุธจะทำไม่ได้ตลอดไปอะดิ...” ผมเผลอพูดความในใจออกไปเบา ๆ ตอนนี้เราสองคนก็เหมือนข้าวใหม่ปลามัน เจอกันทุกวันไม่มีเบื่อ...แต่วุธจะดีอย่างนี้อีกนานแค่ไหน...ต่อไปล่ะ จะเป็นเหมือนเดิมมั๊ย ไม่มีใครรู้อนาคตหรอก....
“...คอยดูละกันครับ...เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าใครจะเปลี่ยนใจก่อนกัน...” วุธท้า
“...ไม่ใช่เราแน่นอน...” ผมพูดเสียงจริงจัง จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมาทำให้ผมมั่นใจเต็มร้อย
.....ผมแก้ลำโดยการขับรถไปเองในวันเสาร์-อาทิตย์เพื่อให้วุธพักผ่อนได้อย่างเต็มที่.....ไม่อยากทำตัวเป็นภาระ.....ผมรู้ว่ามันห่วงผม ไม่อยากให้ผมลำบาก...ส่วนผมก็ห่วงมัน อยากให้มันได้พักบ้าง...เราต่างมีเหตุผลอย่างเดียวกันคือ เป็นห่วง.....สรุปแล้วเราก็เจอกันครึ่งทางคือวุธไปส่งผมตามปกติในวันธรรมดา ส่วนวันหยุดของวุธ ผมก็ให้มันพัก ไม่ต้องออกมรับผม...โตแล้ว...เช้า ๆ อย่างนั้นไม่มีใครทำอะไรผมหรอก...ไม่ต้องกลัวใครจะปิ๊งผมด้วย เพราะสภาพของผมหลังเลิกงานในตอนเช้ากระเซอะกระเซิง ตาโรย หน้ามันจะดูคล้ำ ๆ ยังไงไม่รู้ และอีกอย่างผมไม่มีอารมณ์จะไปกระดี้กระด้ากับใครหรอก ง่วงนอนจะตาย.....
.....ในวันหยุดของผม เรานั่ง ๆ นอน ๆ คุยกันจนวุธหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ส่วนผมนอนไม่หลับหรอกครับยิ่งดึกตายิ่งสว่าง ลงมาดูหนังดูซีดีอะไรไปตามเรื่องตามราว.....นั่งคิดถึงวันเกิดวุธกลางเดือนหน้า ใกล้จะเสียซิงแล้วสิเรา นอกจากของขวัญที่ตอนนี้ยังไม่รู้จะซื้ออะไรให้ ผมตัดสินใจจะให้สิ่งที่ผมไม่เคยให้ใครมาก่อน เป็นสิ่งที่ผมรักที่สุด และผมคิดว่าสำหรับวุธ...ผมพร้อมแล้วในคืนนั้น.....
.....วันอาทิตย์หน้านี้ก็จะเป็นวันเกิดของวุธแล้วสินะ...เวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว...เดือนนี้ผมได้เข้างานรอบบ่าย วุธไม่ต้องไปรับไปส่งผมแล้ว เพราะเวลาไม่ตรงกัน แต่เราก็นัดเจอกันตอนกลางวันแทน...ปกติก่อนไปทำงานผมจะกินข้าวที่บ้าน แต่พอได้อยู่รอบบ่าย วันไหนที่วุธไม่ค่อยมีงาน มันจะโทรปลุก เรียกผมออกไปกินข้าวกลางวันกับมัน แต่นี่เป็นมื้อเช้าของผม...เราเจอกันครึ่งทางในร้านอาหารเล็ก ๆ เจ้าประจำ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามักจะโทรสั่งอาหารล่วงหน้าก่อน ไปถึงก็ลงมือกินกันเลย...วุธต้องรีบกลับไปทำงานต่อ ส่วนผมมีเวลาว่างเดินเตร็ดเตร่อีกเป็นชั่วโมงเพราะงานเข้าตั้งบ่าย 2.....
.....ตลอดระยะเวลาเดือนกว่า ๆ ที่ผมกับวุธได้อยู่ด้วยกัน ช่วงแรก ๆ ผมมีอาการเกร็งบ้าง จะทำอะไรก็ขัด ๆ เขิน ๆ ไปหมด.....จากเมื่อก่อน เดินโทง ๆ ออกมาแต่งตัวข้างนอก แต่ตอนหลังเสียเวลาอ่ะ เกะกะด้วย ผมก็เลยลองซื้อเสื้อคลุมอาบน้ำมาใช้ ปรากฏว่าตอนนี้เป็นคนที่ติดมันไปแล้ว ต้องใช้ทุกครั้งที่อาบน้ำมีหลายตัวเลยครับ ....ผมใช้เวลาปรับตัวซักพัก ผมก็เริ่มชิน แต่ที่ไม่คุ้นซะทีก็ตอนที่วุธมันทำอะไรไม่ระวังตามประสาผู้ชาย นึกจะถอดก็ถอด บางวันมันก็ใส่แต่กางเกงขาก๊วย เดินไปเดินมารอบบ้าน ส่วนไอ้กางเกงขาสั้นที่ใส่นอนน่ะ ไม่ต้องใส่ก็ได้นะ เพราะมันไม่ได้ปกปิดอะไรเลย ผมไม่ใช่พระอิฐประปูนนะครับ เกือบจะเสียซิงก่อนกำหนดวันละตั้งหลายรอบ.....
.....สงสารวุธมันเหมือนกัน ผู้ชายในวัยเจริญพันธุ์อย่างนี้ ก็ต้องมีบ้างที่จะเกิดอารมณ์อย่างว่า ขนาดมันทำลายหลักฐานดีแล้วนะ แต่ในฐานะเจ้าของบ้านที่อยู่มานานกว่า ไม่ว่ามันจะทำอะไร มีร่องรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ ผมก็รู้หมด.....ในใจก็ได้แต่คิดว่า อีกไม่นานหรอกวุธ อีกไม่นานวุธก็จะมีคนช่วยแล้ว....จากคำบอกเล่าของเพื่อน ๆ จากหนังสือ ซีดี หรือแม้แต่ในอินเทอร์เนต ไอ้บทความประเภท How to สำหรับการมีเซ็กส์ครั้งแรก ผมจำได้ขึ้นใจหมดแล้ว อุปกรณ์ก็เตรียมพร้อมอยู่ในล็อคเกอร์ที่โรงแรมแล้ว พวกสารหล่อลื่น ยิ่งถุงยาง ผมเก็บไว้เกือบ 10 กล่อง หลายขนาด หลากกลิ่น...เอ่อ...ผมเอาไว้ขายแขกอ่ะครับ กำไรดีจะตาย อันละ 100 บาทขาดตัว อาศัยว่าจบการตลาดมาไงครับ เวลาที่ผู้บริโภคต้องการสินค้ามาก ๆ เนี่ย เราสามารถอัพราคาได้ ไม่ง้ออยู่แล้ว แค่ขู่นิดเดียวว่า 100 บาทไม่แพงหรอก ถ้าเทียบกับค่ารักษาพยาบาลถ้าคุณโชคร้ายติดโรคขึ้นมา และผมมีส่วนลดให้ถ้าซื้อเหมากล่อง 3 ชิ้น 250 บาท ต้นทุนไม่เกินกล่องละ 50 บาทครับ จะว่าไปมันก็ไม่แพงเกินไปนะครับ ทุกอย่างในโรงแรมมันก็แพงกว่าข้างนอกอยู่แล้วนี่นา.....
“...โนบุยูกิซัง...พรุ่งนี้ว่างมั๊ย...ไปซื้อของด้วยกันหน่อยสิครับ...” ผมชวนพนักงานที่ทางโรงแรมจ้างไว้เป็นพิเศษ Import มาจากญี่ปุ่นเชียวนะ
“...เอ้...คุณทำผมแปลกใจมาก...ผมชวนคุณไปเดทตั้งหลายครั้งแล้ว...คุณไม่เคยตกลงซักที...เอ่อ...คุณก็รู้อยู่...สำหรับคุณผมว่างเสมอ...” โนบุยูกิซังทำตาเจ้าชู้ พูดทีเล่นทีจริง แต่ไม่ต้องตกใจครับ เรามักจะล้อเล่นอย่างนี้เสมอ ปกติเค้าจะแค่ชวนผมไปกินข้าว ไปเที่ยวเฉย ๆ แต่เวลาเราไม่ตรงกันซะที
“...เอาเป็นว่า พรุ่งนี้คุณเลิกงานแล้วเราไปเจอกันที่ XXXXX นะ...”
“...ไฮ ๆ พรุ่งนี้เจอกันครับ...” เค้าโค้งให้ผมตามความเคยชิน
.....ลักษณะท่าทางของโนบุยูกิซังเป็นญี่ปุ่นจ๋า แต่พูดภาษาอังกฤษดีเลยทีเดียว แถมยังน่ารักมาก สูง ขาว ล่ำ ตอนเห็นครั้งแรกทำเอาผมปั่นป่วนไปพักใหญ่ รูปร่างหน้าตาคล้าย ๆ กับพวกดาราหนังโป๊ญี่ปุ่นที่ผมสั่งซื้อมาดูหลายแผ่น ผมแอบเม้าธ์กับเพื่อนร่วมงานว่าหน้าคุ้น ๆ เหมือนเคยเล่นหนังเอ็กซ์เลย พวกชะนีก็ขำกันใหญ่ กระสันอยากจะดูบ้าง แต่ผมไม่ให้ดูหรอก ก็หนังของพวกเราน่ะ นักแสดงมักจะหล่อกว่าหนังชายหญิงซะอีก กลัวพวกเค้าติดใจ ยืมไปแล้วไม่คืนอ่ะ หล่อนก็ดูหนังของพวกหล่อนไปสิ.....
.....ตอนเค้ามาทำงานใหม่ ๆ ไม่มีใครกล้าคุยกับเค้า เพราะความที่หน้าตาดี ทุกคนเลยเกร็งที่จะเข้าหา กลัวคนจะมองว่าไปอ่อย โนบุยูกิซังก็เลยดูเหงา ๆ ไปบ้าง ผมเป็นคนแรก ๆ ที่เริ่มเล่นกับเค้าก่อน ประกอบกับผมพอจะพูดภาษาญี่ปุ่นได้นิดหน่อย ส่วนมากจะเป็นคำอุบาทว์ที่เพื่อนเก่า ๆ สอนให้ เค้าก็มักจะเดินเข้ามาคุยกับผมบ่อย ๆ และผมก็ใช้โอกาสนี้ให้เค้าช่วยสอนภาษาญี่ปุ่นด้วย....แต่เพราะตำแหน่งงานเค้าใหญ่กว่าผม เรื่องสนิทกันมันจึงเป็นไปไม่ได้...อย่างที่เค้าบอกว่าเคยชวนผมไปเที่ยวหลายครั้ง จริงครับ ผมก็หาทางเลี่ยงได้ซะทุกครั้ง ไม่อยากเป็นหัวข้อในการสนทนา (ลับหลัง) ของเพื่อนร่วมงาน....แต่ก็แปลกนะครับ โนบุยูกิซังเค้าไม่เคยชวนใครคนอื่นไปไหนเลย ใจนึงผมก็สงสาร อยากไปเป็นเพื่อน แต่ไปไม่ได้จริง ๆ ครับ ไอ้วุธเกาะแจ กลับบ้านผิดเวลาไมได้เลย เหมือนมีพ่ออีกคน....จะทำตัวเหมือนแต่ก่อนก็ไม่ได้ จะพาแขกไปเที่ยว พาไปดูโชว์ พาไปกินก็ไม่ได้ รายได้ตกไปเยอะเลยครับ.....แต่ผมก็มีความสุขนะครับที่กลับบ้านไปเจอไอ้วุธนอนหลับรอผมอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก ผมก็ดุมันหลายครั้งแล้วว่าให้ไปนอนบนห้อง มันก็ยังดื้อจนผมเลิกพูดเรื่องนี้แล้ว.....
“...วุธ...เย็นนี้เราจะไปธุระ ไม่ต้องรอกินข้าวนะ...” ผมส่ง SMS ไปให้วุธ นี่เป็นข้อตกลงกันอย่างหนึ่งว่าระหว่างเวลางาน ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องโทรหา ให้ส่งเป็นข้อความแทน.....ไม่ถึง 10 นาที         วุธโทรกลับอย่างที่คาดไว้
“...ไปไกลมั๊ย...กลับกี่โมงอ่ะ...ถ้าไม่ดึกเกินไปผมรอกินข้าวนะ...” วุธฉลาดมากที่เลี่ยงถามคำถามที่ผมไม่ชอบตอบ
“...ไม่ไกลหรอก...ยังไม่รู้จะเสร็จกี่โมงเลย...”
“...ถ้าไม่ไกลงั้นผมไปรับนะ...”
“...ไม่ต้อง...อาจจะไปต่อที่อื่นอีก...”
“...ไปกับกุ้งเหรอ...” มันกำลังถามอ้อม ๆ ว่าผมไปกับใคร
“...เปล่า...ไปกับเพื่อนที่โรงแรม...” วุธมันยังไม่เคยเห็นโนบุยูกิซังของผม
“...อืม...งั้นแค่นี้นะ...” ฟังจากเสียงมันคงงอนผมอ่ะ ไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้ตอนเราเราให้ของขวัญมันแล้วค่อยบอกก็ได้ว่าเราแอบไปซื้อให้ ถึงได้ไม่บอกว่าไปไหนไง
.....วันนี้เป็นวันหยุดที่ผมตั้งใจเปลี่ยนกับเพื่อนคนอื่นเพื่อไปซื้อของขวัญให้วุธ...ปีที่ผ่าน ๆ มาผมซื้อของขวัญแบบเด็ก ๆ ให้มัน แต่ปีนี้ เราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และความสัมพันธ์ของเราก็ชัดเจนขึ้น ดังนั้นผมคิดว่าจะหาซื้อของขวัญที่พิเศษที่สุดให้มัน.....เหตุผลที่ผมชวนโนบุยูกิซังมาเป็นเพื่อนซื้อของในครั้งนี้ก็คือ เค้าเป็นผู้ชายที่รสนิยมดี แต่งตัวดี จนมีข่าวจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่าเค้าเป็นเกย์ โนบุยูกิซังน่าจะมีไอเดียเก๋ ๆ มาเสนอผมบ้าง.....แล้วไอ้ของที่ผมจะซื้อที่คิดไว้ในหัว มันต้องลองกับคนที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับวุธ ก็เค้านี่แหละ.....และที่สำคัญ ผมไม่อยากให้เค้ามองว่าผมหยิ่ง ชวนกี่ทีก็ไม่ไปซะที คราวนี้แหละ ได้โอกาสแล้ว เค้าจะได้รู้ด้วยว่าผมมีแฟนแล้วหลังจากที่ได้ยินคนพูดถึงผมกับวุธหลายครั้งแล้ว....วันนี้เราไปเดินซื้อของกันในฐานะเพื่อนร่วมงานเท่านั้น ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองนะครับ แต่ผมโดนแซวจากเพื่อนร่วมงานเรื่องโนบุยูกิซังเป็นชู้ของผมบ่อย ๆ ดีนะที่เค้าฟังเราเม้าธ์ไม่รู้เรื่อง.....
.....ตอนเย็นหลังโนบุยูกิเลิกงาน ถ้าให้ผมขับรถไปห้างที่ว่าคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าชั่วโมงครึ่งแน่ ๆ ผมก็เลยใช้บริการรถไฟฟ้าและนัดเจอกันในห้างนั่นแหละ เค้ามาถูกอยู่แล้วเพราะมันไม่ไกลแถมยังมีทางเชื่อมระหว่างรถไฟฟ้ากับห้างอีก....ไม่นานนักเราก็เจอกัน....แหม คนญี่ปุ่นนี่ตรงต่อเวลาดีจริง ๆ เราเดินวนเลือกหาของขวัญให้วุธกันจนเมื่อยขา ในที่สุดก็ได้ของที่เหมาะสม ผมได้ยินวุธพูดถึงของสิ่งนี้หลายครั้ง แต่มันเลือกซื้อเองไม่เป็น ถ้าผมไม่ได้โนบุยูกิซัง ผมก็คงซื้อไม่เป็นเหมือนกัน.....
.....เริ่มหิวแล้วสิ ผมวางแผนจะพาเค้าไปเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนที่อุตสาห์มาเป็นเพื่อนเดินตะลอน ๆ ดูของตั้งนาน....แพลนไว้ว่าจะกินอาหารญี่ปุ่นร้านประจำของผมกับวุธ ไม่ไกลจากห้างนั้นเท่าไหร่ ไม่ไกลจากบ้านผมด้วย.....เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเล็ก ๆ 2 ชั้น ตั้งอยู่ในซอยแยกจากซอยไฮโซซอยหนึ่งในกรุงเทพฯ.....บรรยากาศดีมาก จัดร้านแบบญี่ปุ่นทุกอย่าง มีแสงสลัว ๆ มีโคมไฟญี่ปุ่นวางเป็นระยะ ๆ..... เจ้าของร้าน และพ่อครัวเป็นคนญี่ปุ่นแท้ ๆ อาหารอร่อยมาก แค่น้ำชาเปล่า ๆ ยังหอมชนิดที่ว่าผมกินที่ไหนก็ไม่เหมือนที่นี่.....ผมกับวุธเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้ มาบ่อยจนทุกคนจำได้....ที่เลือกร้านนี้ก็เพราะไม่ค่อยมีคนไทยเข้ามากินกัน มันไม่ใช่ร้านที่มีชื่อเสียงอะไรมากมาย ถ้ามีคนไทยก็มักจะเป็นผู้หญิงไทยที่มีแฟนเป็นคนญี่ปุ่นพามากิน.....
“...อ้าว...พี่เอ้...สวัสดีคะ...มาด้วยเหรอคะ...เชิญข้างในเลยค่ะ...” ผมไม่ได้ตงิดใจกับคำพูดของพนักงานต้อนรับเลย ก็เพราะมัวแต่เม้าธ์ภูมิใจเสนอร้านนี้กับโนบุยูกิซังอยู่
“...ขอชั้นบนนะจ๊ะ...”
“...ชั้นบนเหรอคะ...ได้ค่ะ...” เด็กคนนั้นทำหน้าสงสัยนิดนึงแต่ก็เดินพาไปแต่โดยดี
“...เอ้...” เสียงคุ้นหูดังจากข้างหลัง ขณะที่ผมกำลังเดินผ่านส่วนที่เป็นที่เค้าจะทำอาหารให้ลูกค้าเห็น เรียกว่าอะไรก็ไม่รู้ ที่นั่งเป็นแถว ๆ เก้าอี้สูง นั่งกินตรงหน้าพ่อครัว ส่วนใหญ่เค้าจะทำอาหารพวกผัด ๆ จากกระทะแบน ๆ ปกติผมจะไม่ค่อยนั่งแถวนั้นเพราะมันจะมีกลิ่นควันติดเสื้อผ้า.....ตอนนี้มันค่อนข้างดึกแล้ว ลูกค้าก็นั่งกันเยอะ ผมเดินไม่ได้สนใจใครเลย
“...เอ้...” ผมหันไปตามเสียงเรียกอีกที พอกวาดสายตาจนทั่ว ผมถึงได้เห็นว่าเป็นเสียงวุธที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ตรงเคาท์เตอร์นั้น มือมันยังถือตะเกียบอยู่เลย
“...ซวยแล้วกู...” ผมครางเบา ๆ โนบุยูกิซังหันมามองผมที่ชะงักไม่เดินตามขึ้นบันได
“...เกิดอะไรขึ้น...”
“...ไม่มีอะไร...พอดีผมเจอ...เอ่อ...แฟนอ่ะครับ...” ผมตัดสินใจบอกโนบุยูกิซังตามความจริง
“...จริงเหรอ...คนนั้นใช่มั๊ย...” เป็นใครก็ต้องเดาถูก ก็ไอ้วุธเดินหน้าบึ้งมาทางผม
“...ไหนบอกว่าไปธุระไง...” วุธกระชากเสียงถาม
“...ธุระเสร็จแล้วก็เลยมากินข้าว...หิวอ่ะ...โอเคปะ...” ผมกวน รู้สึกเสียหน้ามากที่วุธทำอย่างนี้ต่อหน้าเพื่อนผม
“...ธุระเสร็จแล้วทำไมไม่รีบกลับบ้านล่ะ...รู้มั๊ยว่าผมคอยอยู่...”
“...แล้วทำไมไม่คอยที่บ้านล่ะ...” ผมย้อน วุธอึ้ง
“...ถ้าอยู่บ้านจะเห็นเอ้มากับคนอื่นเหรอ...”
“...นี่...มองเค้าอย่างนี้หมายความว่าไง...” ผมชักเริ่มโมโหที่วุธกำลังจะพาลคนที่ผมพามาด้วย
“...ขอโทษนะครับ...ดูท่าทางพวกคุณเหมือนกำลังจะมีปัญหากันอยู่...” โนบุยูกิซังพูดขึ้นมาบ้าง
“...ไม่ต้องไปสนใจเรื่องบ้า ๆ นี่หรอก...” ผมพูดพร้อมเดินนำโนบุยูกิซังขึ้นชั้นสองของร้าน
“...เดี๋ยว...เอ้...คุณจะไม่แนะนำแฟนคุณให้ผมรู้จักหน่อยเหรอ...” ไอ้วุธอึ้งเมื่อได้ยินเค้าพูดว่ามันเป็นแฟนผม ก็ผมเล่านิสัย ความชอบ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของวุธให้เค้าฟังตลอดเวลาเพื่อเป็นข้อมูลในการเลือกของขวัญชิ้นนี้นี่นา
“...สวัสดีครับคุณวุธ...ได้ยินเอ้พูดถึงคุณบ่อย ๆ...”
“...สวัสดีครับ...” วุธพูดทั้งที่ยังมีสีหน้างง ๆ
“...ผมชื่อโนบุยูกิ...ทำงานที่เดียวกับเอ้...ไม่ต้องกังวลนะครับ...เราเป็นแค่เพื่อนกันครับ...”
“...อ้าว...เหรอครับ...ขอโทษนะครับที่ผมทำไม่สุภาพกับคุณ...”
“...ไม่เป็นไรครับ...พอดีเอ้ต้องการความช่วยเหลือจากผมนิดหน่อยอ่ะครับ...และนี่เค้าก็พาผมมาทานข้าวเป็นการตอบแทน...” แหมอีตานี่พูดเก่งสมกับที่จบพีอาร์มาจริง ๆ
“...โนบุยูกิซัง...ไม่ต้องเสียเวลาไปอธิบายอะไรหรอก...ปล่อยให้เค้าเข้าใจไปตามที่เค้าจะคิดเถอะ...” ผมยังเคืองมันอยู่
“...ไม่เอาน่าเอ้...” เค้าหันมาปรามผม แล้วหันไปคุยกับวุธต่อ “...คุณวุธมาทานข้าวด้วยกันสิครับ...” ไม่ต้องรอให้ชวนรอบสอง วุธเดินไปบอกพนักงานว่าจะย้ายไปกินข้าวโต๊ะเดียวกับผม
“...ทานอะไรกันดีครับ...ผมสั่งให้นะครับ...” วุธสั่งอาหารชุดใหญ่มาให้ โดยไม่ลืมขอความเห็นจากโนบุยูกิซัง เพราะถึงจะมากินบ่อย แต่ก็สั่งแต่ของเดิม ๆ ที่พวกเราชอบ ไอ้ซูชิปลาดิบอะไรอย่างนี้พวกเราไม่เคยสั่งกินกินซักที
.....วุธสั่งข้าวหน้าหมูทอดให้ผม กินที่ไหนก็ไม่เหมือนที่นี่ หมูเค้านุ่มมากเอาตะเกียบบิเบา ๆ ก็ขาดแล้ว กินกับสลัด แล้วก็ซุป อร่อยมาก.....ดูท่าทางวุธกับโนบุยูกิซังจะคุยกันมากกว่าผมซะอีก หลายครั้งที่วุธหันมาอ้อน เพราะผมยังเก็กหน้าขรึมอยู่ แต่มันก็ไม่เห็นหรอกครับว่าบางครั้งผมแอบอมยิ้มกับความน่ารักแบบกะล่อน ๆ ของมัน.....ไม่นานนักพวกเราก็อิ่มกัน ไม่เสียทีที่พาเค้ามากินที่นี่ โนบุยูกิชมไม่ขาดปากเลยว่าอาหารอร่อยมาก เคยคิดแต่ว่าร้านใหญ่ ๆ จะอร่อยกว่าร้านเล็ก ๆ อย่างนี้ ต่อไปเค้าจะลองเข้าไปชิมร้านเล็ก ๆ บ้างแล้ว.....วุธอาสาขับรถไปส่งโนบุยูกิถึงคอนโด ตอนแรกเค้าปฏิเสธด้วยความเกรงใจ แต่ไอ้วุธก็ตะล่อมพาไปจนได้.....
.....หลังจากส่งโนบุยูกิซังถึงคอนโดแล้ว ผมก็นั่งตัวตรงไม่มองหน้าไอ้วุธมันเลย ในใจคิดถึงคำพูดของโนบุยูกิซังที่เค้าบอกว่าความสัมพันธ์ของผมกับวุธจะเป็นไปแทบไม่ได้เลยในประเทศญี่ปุ่น.....คนที่เป็นเกย์มักจะต้องปกปิดตัวเองตลอดเวลา จนกลายเป็นความอึดอัด และจะคบกันได้ไม่นาน เนื่องจากโดนกดดันตลอดเวลาจากสังคมรอบข้าง....ก่อนลงจากรถ โนบุยูกิซังยังย้ำกับพวกผมว่า “...พวกคุณสองคนโชคดีมาก ผมขอให้รักษาความสัมพันธ์ดี ๆ อย่างนี้ตลอดไปนะครับ...” ผมเผลอยิ้มให้ไอ้วุธนิดนึง แต่พอรู้ตัวก็รีบหุบเลย ยังงอนมันอยู่นี่.....
“...ไปซื้อของมาเหรอ...” วุธพูดทำลายความเงียบ
“...อืม...”
“...ซื้อขนมมาฝากผมหรือเปล่า...”
“...ขนมเต็มบ้านแล้วยังจะให้ซื้อมาอีกเหรอ...”
“...ทำไมผมไม่เคยเจอโนบุยูกิที่โรงแรมเอ้เลยอ่ะ...” ผมหันไปเตรียมจะฉะมันต่อ คิดว่ามันไม่เชื่อว่าเค้าทำงานที่เดียวกับผมจริง ๆ แต่พอเห็นสายตาซื่อ ๆ ของมันแล้วใจอ่อนยวบ
“...จะเจอกันได้ยังไง...งานเค้าเริ่ม 9 โมง เลิก 6 โมง...คุณเคยไปเวลานี่มั๊ยล่ะ...” ผมอดกวนมันไม่ได้
“...ไม่รู้นี่...ทีหลังจะไปไหนกับใครก็บอกสิ...ผมเป็นห่วงนะ...แล้วอยู่ ๆ เห็นว่าไปเดินกับคนหน้าตาดี ๆ เป็นใครก็ต้องหึงวะ...” วุธแก้ตัวเสียงอ่อย ๆ
“...ทีเรายังไม่เห็นหึงเลย...”
“...เออ...ใช่...เอ้ไม่เคยหึงผมเลย...จนบางครั้งผมยังคิดว่าเอ้ไม่รักผมด้วยซ้ำ...” อ้าวกลายเป็นว่ากูผิดซะนี่
“...เราไว้ใจวุธมากกว่า...ไม่จำเป็นต้องหึง...ถ้าวุธจะเลิกกับเราเพราะคนอื่น...นั่นหมายความว่าเราไม่ดีพอสำหรับวุธแล้ว...วุธเลือกเค้า...ก็ไปสิ...ตามใจ...แต่สำหรับเรา...ถ้าเราเลือกจะรักใครแล้วอ่ะนะ เราก็จะรักจนกว่าคนที่เรารัก เค้าไม่รักเราอีกต่อไป...”
“...ก็เพราะเอ้ไม่ขี้หึงอย่างนี้แหละ...ผมถึงได้รักเอ้ไง...” เอ๊ะ มันจะเอายังไงกับกูเนี่ย ตกลงมึงจะให้กูหึงมั๊ย
“...บางครั้งเราก็หึงนะ แต่วุธไม่รู้หรอก...” ผมกวน
“...อ่ะนะ...หึงหน่อยก็ดี...จะได้รู้สึกว่ามีค่าขึ้นมาอีกนิด...” มันกวนกลับ แต่ผมว่ามันหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ
.....พอถึงบ้าน ผมก็รีบเอาของขวัญวันเกิดวุธไปซ่อนไว้ในเซฟของผม วุธไม่รู้หรอกครับว่าผมซื้ออะไรมาให้มัน เพราะผมเก็บไว้ในกระเป๋าสะพาย ไม่ได้ใส่รวมกับถุงอื่นที่ผมหิ้วอยู่....เอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อย Surprise ดีกว่า....ทั้งผมและวุธต้องรีบนอนเพราะต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดไปใส่บาตรในวันรุ่งขึ้น วุธน่ะ ไม่เท่าไหร่ แต่ผมต้องตื่นมาเตรียมกับข้าวใส่บาตรก่อนวุธ.....ตอนนอนมันก็ยังเป็นเหมือนเดิมหาเรื่องมาคุยสารพัด มันบอกว่าเมื่อหัวค่ำมันไม่รู้จะทำอะไร ไม่มีคนกินข้าวเป็นเพื่อน ก็เลยขับรถไปกินข้าวที่ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนั้นแหละ...มันบอกว่าเพลินดี ดูเค้าทำกับข้าวไปด้วย กินไปด้วย เหมือนมันมีเพื่อนกิน ผมอดสงสารมันไม่ได้ แล้ววันที่ผมไปทำงานตอนเย็น มันจะเหงาอย่างนี้ทุกวันหรือเปล่าน้า...ผมผิดเองแหละ อาทิตย์นึงจะได้หยุดซักที แต่ก็ไม่ได้อยู่บ้านกินข้าวเย็นกับมัน เป็นเราก็คงเหงาอ่ะ....และคืนนั้นก็เป็นอีกคืนที่ผมต้องยอมให้วุธกอดซุกทั้งคืน ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกผมขยับหนีจนเกือบตกเตียงเพราะยังแกล้งงอนอยู่ แต่สุดท้ายก็ต้องตามใจ (ตัวเอง) ปล่อยให้มันกอดอยู่อย่างนั้นแหละ.....

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
ว๊าววว!!!

ชอบๆๆ อยากอ่านตอนคุนเอ้เสยสาวแระ อิอิ :m1:

anston

  • บุคคลทั่วไป
 :m13:อยากรู้ด้วยว่า..ของขวัญวันเกิดคืออะไรน๊า..
แล้วจะเซอร์ไพรซ์ขนาดไหนเนี่ย..
อยากรู้เรื่องชาวบ้านเค้าจริงจริ๊ง..
 :give2:รักกัน..รักกันน๊า.. :give2:

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
อ่านแล้วก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้

ทั้งวุธกะ  คุนเอ้  น่ารักทั้งคู่ทีเดียว

บางครั้งถ้าไม่ได้ทะเลาะกันบ้าง  ไม่งอนกันบ้าง  ชีวิตคงจะจืดชืดน่าดู

แต่ว่าท้ายที่สุด  ถ้าเข้าใจซะอย่าง  ยังไงก็รักกัน  :give2: :o8:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
น่ารักทั้งคู่เลย อิอิ ว่าแต่ซื้ออะไรให้วุธเนี่ย

papae

  • บุคคลทั่วไป
วุธ คง อยากได้ เอ้ ผูกโบว์ อ่ะ เหอ เหอ  :m10:

......................................... :m25:


ว่าแต่ เอ้เตรียมตัวเตรียมใจพร้อมแล้วใช่ป่ะ   :o8:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาเชียร์ให้พี่เอ้เสียเวอร์จิ้น ซากที  :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
 :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10:

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาเชียร์ให้พี่เอ้เสียเวอร์จิ้น ซากที  :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
 :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10:


แท๊คค!!!เลยงานนี้
หาคนร่วมอุดมการณ์เชียร์ คุนเอ้......เสียสาว!!! :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:

anston

  • บุคคลทั่วไป
มารอให้คุณเอ้เสียสาวด้วยคน..
 :oo1: :oo1: :oo1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






a22a

  • บุคคลทั่วไป
เกือบงอนกันอีกแล้วนะคุณเอ้ ดีนะที่คุณโนบุยูกิมาเคลียร์ให้ แต่วุธหึงน่ารักดีนะคับ

ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
บอกได้สั้นๆคำเดียว ว่า "น่ารัก" อ่ะคู่นี้    :m1: :m3:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
Commercial College Student’s Story (Special Chapter 3)

.....ยอมตื่นเช้ากว่าปกตินิดนึง เตรียมของสำหรับใส่บาตร 9 ชุด แค่นี้สบายมาก เมื่อก่อนเคยช่วยแม่เตรียมอยู่บ่อย ๆ และที่ลืมไม่ได้หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วคือ แอบเอาของขวัญของวุธไปใส่ไว้ที่รถมัน ผมพยายามเปิด-ปิดประตูรถให้เบาที่สุด กลัววุธมันจะได้ยิน วางการ์ดอวยพร และกล่องของขวัญที่ถูกห่อไว้อย่างดีบนเบาะฝั่งคนนั่ง.....เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ฟ้าเริ่มสว่างพอดี ผมขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วปลุกวุธให้ลุกขึ้นมาใส่บาตรด้วยการปลุกแบบ Morning Kiss แต่วันนี้พิเศษขึ้นมาหน่อย ตอนที่มันรู้สึกตัว ผมก็ตอกย้ำมันอีกทีด้วยการหอมแก้มมันฟอดใหญ่พร้อมพูดเบา ๆ ข้างหูมันว่า Happy Birthday ถึงมันจะงัวเงีย แต่มันก็ยิ้มให้ผมทั้งที่ตายังปรือ ๆ อยู่เลย ภูมิใจจังผมเป็นคนแรกที่ได้พูดคำนั้นกับมันในวันเกิดปีนี้ด้วย.....
.....ไม่นานนัก วุธก็จัดการกับตัวเองเสร็จ ผมหายงอนมันแล้ว เราสองคนช่วยกันยกของไปวางไว้หน้าบ้าน รอพระเดินมาบิณฑบาต มันคงเช้าเกินไปของวันอาทิตย์ เพื่อนบ้านทั้งหลายจึงยังไม่ตื่นกัน ผมโล่งใจเพราะไม่ต้องเกรงสายตาพวกเค้าที่มักจะมองมาอย่างสงสัยเวลาเห็นผมสนิทกับวุธกันจนเกินเพื่อน.....
.....เราขี่รถมอไซค์ไปหาซื้อของกินสำหรับมื้อเช้า แค่รองท้องนั้นแหละครับ พอสาย ๆ เราตั้งใจจะไปทำบุญกันที่วัดแถวบ้านอาเล็ก ไม่รู้ทำไมถึงชอบวัดนี้จัง อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศที่เงียบสงบ มีท่าน้ำสำหรับการปล่อยปลา มีศาลาให้คนไปไหว้พระ ทำบุญริมน้ำ.....วุธหิ้วถังสังฆทานที่เราซื้อมาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน มีซองใส่ปัจจัย ดอกไม้สดที่เพิ่งซื้อเมื่อตะกี้.....มันใส่เสื้อยืดสีอ่อน กางเกงยีนส์ตัดขา ดูเด็กลงตั้งเยอะ ทั้งที่วันนี้มันกำลังจะแก่ขึ้นอีก 1 ปี......
“...เอ้...” วุธส่งเสียงเรียกผมจากหน้าบ้าน...ผมรู้แล้วว่ามันจะต้องประหลาดใจกับกล่องของขวัญบนเบาะนั่น
“...อาราย...” ผมเดินช้า ๆ ออกมา คงไม่ทันใจวุธที่เดินยิ้มระรื่นเข้ามาหาผมในบ้านพร้อมกล่องของขวัญและการ์ดอวยพรในมือ
“...Thank you.”
“...แกะดูดิ...เมื่อวานเดินหาซะปวดขาไปหมด...” ผมพูดแก้เขิน ไม่กล้าสบตาวุธที่มองซะหวานเยิ้มเชียว
“...อะไรเอ่ย...” มันทำท่าดีใจเหมือนเด็ก ๆ ลงมือแกะกระดาษอย่างทะนุถนอม
“...ไม่รู้จะชอบหรือเปล่านะ...” ผมแกล้งพูดไปงั้นแหละ พอวุธเห็นสัญลักษณ์ยี่ห้อปุ๊บมันก็มองหน้าผมอื้ง ๆ
“...อย่าบอกนะว่าซื้อ.........ให้ผม...”
“...อยากได้ไม่ใช่เหรอ...”
“...แต่มันแพงอ่ะ...”
“...ไม่เป็นไรหรอก...ไม่ได้ซื้อให้บ่อย ๆ นี่...” ผมยิ้มให้มัน วุธถึงได้แกะกล่องดูของข้างใน
“...เฮ้ย...อันนี้เลยอ่ะ...รู้ได้ไงว่าผมอยากได้...” วุธพูดเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ผมคิดในใจว่า จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ ก็มันพูดกรอกหูผมอยู่ทุกวันจนผมจำรายละเอียดได้หมดแล้ว
“...ชอบปะ...” ท่าทางที่เหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจของมันทำเอาผมยิ้มไม่หุบ
“...ขอบคุณนะครับ...” มันไม่ตอบ แต่โถมตัวเข้ามากอดผมหอมแก้มซ้าย ขวาหลายฟอดเลยครับ
“...ถ้าไม่ได้โนบุยูกิซังเมื่อวาน...ก็คงซื้อไม่ได้หรอก...เค้ามีบัตรลดราคาด้วย...” ผมเบรกอารมณ์วุธ เมื่อมือไม้มันชักเริ่มเลื้อยจนเกินไปนิดนึง
“...โอเค...ต่อไปผมจะไม่หึงแบบหน้ามืดตามัวอีกแล้ว...”
“...ดีมาก...ไปกันเถอะ...เดี๋ยวต้องรีบกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงานต่ออีก...” ทั้ง ๆ ที่ผมขอลาหยุดล่วงหน้าไว้แล้ว แต่ผมก็หยุดไม่ได้อยู่ดี เพราะพี่ที่ทำงานคนหนึ่งต้องลากลับบ้านอย่างกะทันหันเพื่อไปงานศพญาติที่ต่างจังหวัด
.....กลับจากทำบุญ ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยหอย ปล่อยเต่า ครบทุกชนิดที่มีให้ซื้อหลายร้านบริเวณวัด นาน ๆ ได้ทำบุญซะที รู้สึกดีจังเลย.....อยากจะหยุดอยู่บ้านเป็นเพื่อนวุธ แต่ผมก็ต้องไปทำงานตามปกติตอนบ่ายโมง เรานัดกินข้าวมื้อใหญ่กันสองคนในวันหยุดครั้งต่อไปของผม อีกไม่กี่วันเอง ทนได้อยู่แล้ว เพราะยังไงคืนนี้ผมกับวุธก็คงได้มีอะไรพิเศษกว่าคืนอื่น ๆ แน่นอน.....
.....เพื่อนร่วมงานต่างสงสัยว่าทำไมวันนี้ผมถึงได้อารมณ์ดีผิดปกติ ผมเคลียร์ปัญหาของแขกอย่างใจเย็น ไม่วีน ไม่หงุดหงิดเลยซักนิด.....นับเวลาถอยหลังในใจ อยากกลับบ้านเร็ว ๆ จังเลย ป่านนี้วุธมันคงกินข้าวเย็นกับครอบครัวที่บ้านมัน คิดไปคิดมา ดีเหมือนกันที่วันนี้เราต้องมาทำงาน วุธมันจะได้ให้เวลากับครอบครัวบ้าง ไม่ใช่หายหัวไปครั้งละนาน ๆ.....
.....ตื่นเต้นจังเลย ในที่สุดก็ได้เวลากลับบ้านแล้ว ระหว่างทาง ผมก็คิดแต่เรื่องอย่างว่า ใจนึงก็กลัว อีกใจก็อยากลอง กลเม็ดเคล็ดลับ วิธีทำแท้ง วิธีป้องกันตัวเองไม่ให้เจ็บ วิธีทำให้คู่รักประทับใจ สารพัดวิธีหลั่งไหลเข้ามาให้หัว....ดีนะที่ในรถมันมืด ไม่งั้นคนขับแท็กซี่คงเห็นผมหน้าแดงแล้วแดงอีก.....
.....แท็กซี่จอดหน้าบ้าน เอ๊ะ รถไอ้วุธไม่อยู่ ไปไหนวะ ผมถามตัวเอง ถ้ามันกลับบ้านผิดเวลา มันจะโทรมาบอกผมทุกที แต่วันนี้มันไม่ได้บอกอะไรเลยอ่ะ.....หรือว่ามันจะหาเรื่องมาเซอร์ไพร้ส์ผม....คงอย่างนั้นแหละ.....ผมเข้าไปในบ้าน เดินหามันจนทั่ว ไม่เจอครับ ประตู หน้าต่าง ไฟทุกดวงถูกปิดเป็นปกติเวลาไม่มีคนอยู่บ้าน.....เฮ้ย มันไม่อยู่จริง ๆ ด้วย แล้วใครจะให้ข้าวหมาเราล่ะ ผมเดินไปดูกะละมังข้าวหมา ปรากฎว่ามีร่องรอยการให้อาหาร โล่งอก หมาเราไม่หิว โอเค ให้อภัยก็ได้ แต่ไอ้วุธหายมันไปไหนเนี่ย ไม่บอกไม่กล่าว จะให้โทรตามก็ไม่ใช่เรื่อง มันควรจะโทรมาบอกเรามากกว่าให้เราโทรจิก ไม่ใช่นิสัยผมซะด้วย....
.....กินข้าว ดูโทรทัศน์ นั่งพักจนเกือบตี 1 วุธมันก็ยังไม่กลับ ไม่ไหวแล้ว เมื่อคืนได้นอนนิดเดียว ตอนเช้าก็ตื่นเร็วเกินไป เริ่มง่วงจนตาจะปิด ขออาบน้ำให้สดชื่นขึ้นอีกนิดละกัน.....ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงเพื่อขัดเนื้อขัดตัวทุกซอกทุกมุม แถมยังทำสิ่งสำคัญสำหรับการมีเซ็กส์ครั้งแรกในห้องน้ำนั่นแหละ.....ยังไม่ทิ้งความตั้งใจนะครับ....แต่งตัวเสร็จ แต้มน้ำหอมตรงจุดชีพจรนิดนึง เตรียมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นชาเขียวที่วุธมันชอบ ปิดห้องทิ้งไว้ให้กลิ่นมันระเหยออกมา อีกสักพักวุธคงกลับ ห้องก็หอมพอดี.....
.....ขณะที่ผมกำลังเคลิ้ม ๆ จะหลับอยู่หน้าโทรทัศน์ในห้องรับแขก เสียงรถของวุธก็เข้ามาจอดหน้าบ้าน ตามมาด้วยเสียงเปิด ปิดประตู ไฟในห้องเป็นเพียงแค่ไปสีส้มที่ผมหรี่ไว้ไม่ให้แสบตา.....ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนที่เราเคยดูในหนัง อยากจะยืนถือสากแอบข้างประตู พอมันเดินเข้าบ้านแล้วก็ตีกบาลซะ.....แต่ที่ผมทำคือแกล้งหลับตา นอนนิ่ง รู้สึกว่าวุธมายืนใกล้ ๆ ได้กลิ่นบุหรี่ ผสมกลิ่นควันที่ติดเสื้อผ้า เวลาเราไปเที่ยวเธค กลิ่นพวกนี้ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ที่ทำให้ผมแทบจะลืมตา ลุกขึ้นถามไอ้วุธว่าไปไหนมา ก็ตอนที่มันก้มลงมาปลุกผม กลิ่นเหล้าบาง ๆ จากวุธทำเอาผมขนลุก มันเซ็กส์ซี่มาก ๆ แต่ผมไม่มีอารมณ์แบบนั้นซะแล้ว นอกจากมันจะกลับบ้านไม่ตรงเวลาโดยไม่บอกกล่าว มันยังกินเหล้าแล้วขับรถอีก.....ตอนนั้นโกรธมาก ถึงขนาดบอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมมีอะไรกับมันในวันนี้ตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก และจะเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนดด้วย.....
“...เอ้...ตื่น...ไปนอนในห้องสิจ๊ะ...” คำพูดพวกนี้ ผมเคยพูดกับมันมาก่อน
“...อืม...” ผมแกล้งงัวเงีย “...กลับมาแล้วเหรอ...” วุธพยักหน้ารับพลางถอดเสื้อยืดที่ใส่ออกทางหัว
“...ง่วงจัง...”
“...ทำไมไม่กลับมาซะเช้าเลยล่ะ...” ผมอดประชดมันไม่ได้ วุธชะงัก หันมามองผม
“...อะไรนะ...”
“...ไม่มีอะไรหรอก...ไปอาบน้ำนอนเหอะ...” ผมไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดตอนนี้ เอาไว้อารมณ์ดีก่อนแล้วค่อยคิดบัญชี ผมเดินขึ้นห้องนอน พอถึงเตียงปุ๊บผมก็เร่งแอร์นอนคลุมโปง แอบน้อยใจนิด ๆ อุตส่าห์ทำอะไรเพื่อมันตั้งเยอะแยะ แต่ก็ไม่มีประโยชน์
.....ไม่นานนัก วุธก็ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ห่มผ้าผืนเดียวกัน ขยับเข้ามากอดผมเหมือนทุกวัน....ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อมือเย็น ๆ ของมันมาโดนแขนผม กลิ่นแป้งเด็กที่มันชอบทาก่อนนอนทำเอาผมปั่นป่วนเช่นเคย
“...ยังไม่หลับอีกเหรอ...” วุธมุดผ้าห่มเข้ามาพูด
“.........”
“...วันนี้ไป XXXXX มา สนุกดี...เปลี่ยนไปเยอะเลย...ไปครั้งสุดท้ายตอนสอบเสร็จ...วันนี้เอ้ยุ่งเหรอ...ให้โทรกลับก็ไม่โทร...จะได้ไปเที่ยวด้วยกัน...” ผมงง มันกำลังพูดถึงเรื่องอะไรเนี่ย
“...อยากให้ไป...แล้วปิดเครื่องทำไม...” ผมพูดออกมาในที่สุด เมื่อกี้พอผมเห็นว่าดึกเกินไปแล้ว ชักเริ่มเป็นห่วงมัน โทรหน่อยก็ได้วะ แต่ติดต่อไม่ได้ครับ
“...แบตหมด...แต่ผมก็ให้เอ้โทรกลับเบอร์เพื่อนผมนี่...” ผมชักเริ่มเอะใจ ควานหาโทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนหัวนอนมาเปิดดู Miss Call ที่ผมไม่ได้ใส่ใจเมื่อตอนหัวค่ำคงเป็นเบอร์เพื่อนวุธแน่ ๆ เลย ตายแล้ว ไอ้เราก็นึกว่ากิ๊กเก่าโทรมาป่วน ก็เลยไม่ได้รับสาย อย่างที่เคยบอก ผมเป็นคนที่ให้เบอร์คนยากมาก ถ้าไม่สนิทกันจริง ผมไม่มีทางให้เบอร์หรอก
“...เราคิดว่าคนโทรผิดอ่ะ ก็เลยไม่ได้โทรกลับ...” ผมแก้ตัวเสียงอ่อย
“...แล้วเพื่อนเอ้ไม่ได้บอกเหรอว่าผมโทรไปหาที่โรงแรม....ตอนนั้นเอ้ติดเช็คอินกรุ๊ปทัวร์อยู่อ่ะ...”
“...ไม่เห็นมีใครบอกเลย...”
“...อ้าว...เนี่ย...ผมฝากเค้าบอกเอ้ว่าคืนนี้ผมกลับดึกนิดนึง จะไปเลี้ยงที่ XXXXX ให้เอ้โทรกลับเบอร์เพื่อนผมด้วย จะได้นัดเจอกัน...ตอนดึก ๆ โทรเข้าบ้านก็ไม่มีคนรับ ผมก็คิดว่าเอ้คงเพลีย ไม่อยากไปแจมมั้ง...” พรุ่งนี้ต้องถามเพื่อนร่วมงานซะหน่อย ใครรับฝากข้อความแล้วไม่บอกผม แต่โทรศัพท์บ้านน่ะ เป็นความผิดผมเองแหละที่เปิดเพลงดังลั่นตอนอาบน้ำ ก็เลยไม่ได้ยินเสียง
“...อืม...เราง่วงอ่ะ...ก็เลยรีบกลับบ้าน...” ผมแก้ตัวตามน้ำ
“...อยู่บ้านทำไมต้องใส่น้ำหอมด้วยอ่ะ...” วุธไม่พูดเปล่า แต่เอาจมูกซุกบริเวณต้นคอซึ่งเป็นจุดอ่อนของผม
“........”
“...หอมจัง...” วุธเห็นผมนอนนิ่ง ก็เริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้จนสะโพกผมรู้สึกถึงอาการขยายตัวของน้องชายมัน
“...ไม่เอาวุธ...จะนอน...ง่วง...พรุ่งนี้ไปทำงานเช้าไม่ใช่เหรอ...” ผมแกล้งพูดไปอย่างนั้นแหละ แต่วุธก็ยอมคลายวงแขนแต่โดยดีเหมือนทุกครั้งที่ผมให้มันหยุด
“...ครับ...Goodnight ครับ...” ผมได้ยินเสียงวุธถอนหายใจเบา ๆ...รู้สึกผิดจัง ผมค่อย ๆ พลิกตัวมองหน้าวุธผ่านความมืด แต่ก็ยังเห็นมันมองผมตาแป๋วอยู่เช่นกัน
“...ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะ...” ผมขยับเข้าไปหอมแก้มมันเบา ๆ
“...รู้ปะ...เอ้เป็นคนแรกและคนสุดท้ายที่อวยพรผมเลยนะเนี่ย...” วุธพูดพร้อมขยับเข้ามาหาผมอีกครั้ง

anston

  • บุคคลทั่วไป
 :a3:ขยับเข้าหากันอีกครั้ง..
แล้วก็..แล้วก็.. :m25:
อร๊ายยยยยยย..ไม่อยากคิดต่อเลย..
รีบมาต่อด่วนเลย..ค้างนะเนี่ย.. o9

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
เกลียดวุธ!!!

กะแระมันต้องลงอิหรอบนี้ -*-

เซ็งเป็ด!!! :seng2ped:

เอา#4 มาลงอย่างด่วนเลย เจ๊จ๋า หงุดหงิด ม่ายเสียซักที(เอ๊ะ!!!ยังไง)

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
จอรอดมั้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :m10:

kimsumsoon

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อไหร่จะ...กันซะทีคะ

ถ้าอิชั้นไม่ปล่อยให้วุธรอดตั้งแต่วันแรกแล้วหล่ะคะ

คนดีๆแบบวุธกลัวหลุดมือค่ะ

bigynew

  • บุคคลทั่วไป
 :o8: ค่อย ๆ ขยับนะวุธ เดี๋ยวเอ้จะตกใจ อิอิ :m10:

ออฟไลน์ slmzaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
 :m30: :m30: :m30:เฮ้อเฮ้อ      เอ้      อยากอ่านตอนต่อไปจายจะขาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :m3: :m3:

dejavu_boyz

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อให้คับ....ขออนุญาตลงสองตอนเรยนะ ไม่งั้นอารมณ์มันจาค้างๆ แหะๆ

------------------------------------------

Commercial College Student’s Story (Special Chapter 4)
Why do birds suddenly appear
Everytime you are near
Just like me
They long to be
Close to you
Why do stars fall down from the sky
Everytime you walk by
Just like me
They long to be
Close to you
On the day that you were born
The angels got together and decided
To create a dream come true
So they sprinkled moon dust in your hair
Of gold and starlight in your eyes of blue
That is why all the girls in town
Follow you all around
Just like me
They long to be
Close to you
.....ไม่อยากบอกเลยว่า.....ผมก็รอดคืนนั้นมาได้อย่างหวุดหวิด ด้วยความที่เราสองคนทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย ต้องตื่นแต่เช้า แถมยังต้องตะลอน ๆ ไปทั้งวัน.....ยังไม่ทันจะได้เริ่มทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว ตอนที่มือไม้ของวุธเริ่มเลื้อยหนักกว่าทุกวัน แค่ผมปัดป้องนิดหน่อยให้พอเป็นพิธี วุธก็ล้มเลิกความพยายามไปซะแล้ว มันพลิกตัวลงนอนที่เดิม ไม่นานนักก็หลับไปอย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับผม พอเห็นวุธหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ แสดงว่ามันคงหลับจริง ๆ ผมก็หลับตาลงด้วยความเสียดายอยู่ลึก ๆ.....
.....เอาเป็นว่า.....โอกาสหน้าแล้วกัน วันปีใหม่ ลอยกระทง หรือว่าสงกรานต์ดีล่ะ บอกตัวเองไม่ได้ในตอนนั้น รู้แค่เพียงว่า ผมพร้อมตลอดเวลา...แต่ถ้าวุธทำอะไรให้ผมไม่ไว้ใจอีกครั้ง ผมก็จะเก็บความบริสุทธิ์ไว้กับตัวไปเรื่อย ๆ แน่นอน ไม่เดือดร้อนอะไรนี่นา เรารักษาซิงมาได้ตั้งยี่สิบกว่าปี ไม่รีบครับ ตอนนี้ก็ต่างคนต่างรอ วุธรอให้ผมพร้อม ส่วนผมรอให้วุธกล้า.....
.....ผมไม่โทษว่าเป็นความผิดของเพื่อนร่วมงานหรอกครับ ที่ไม่บอกผมเรื่องวุธโทรเข้าโรงแรมเพื่อนัดผมไปเที่ยว เพราะคืนนั้นพวกเราทุกคนต่างยุ่ง แทบไม่มีเวลาคุยกันเลยด้วยซ้ำ อีกอย่างกับพี่คนนี้ผมไม่ค่อยสนิทด้วยเท่าไหร่ เพราะเวลาทำงานไม่ตรงกัน ส่วนมากพี่เค้าจะอยู่รอบพิเศษ เป็นตัวช่วยของรอบเช้าและบ่าย ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมเค้าไม่รู้จักไอ้วุธ.....ผมโทษตัวเองที่เดินผ่านไปผ่านมาแต่ไม่ได้สังเกตกระดาษที่มีข้อความให้โทรกลับติดอยู่หน้าฟร้อนท์.....ผมไปทำงานในวันรุ่งขึ้นมันก็ยังติดอยู่ที่เดิม ที่สำคัญ ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าได้ยินเค้าตะโกนบอกผมให้โทรกลับหาเพื่อนด้วย แต่ผมไม่ได้ใส่ใจมากนัก ตอนนั้นผมคิดว่าพวกเพื่อน ๆ ที่เรียนมาด้วยกัน หรือพวกเพื่อนที่ทำงานโรงแรมอื่น ถ้าผมไม่โทรกลับ ซักพักมันก็โทรมาใหม่เองแหละ ไม่ได้คิดว่าจะเป็นวุธเลย.....
*
*
*
.....ผ่านไปหลายเดือน จากที่ตั้งใจว่าจะเสียซิงในคืนวันลอยกระทง ผมก็รอดมาได้.....งั้นเอาเป็นวันปีใหม่ดีกว่า.....เฮ้อ.....วุธไปค้างที่บ้านตัวเอง เพราะแม่ผมเดินทางมาเยี่ยมพร้อมน้อง.....อดอีกแล้ว.....รอเป็นวันสงกรานต์ก็ได้วะ.....อย่าว่าผมดัดจริตเลย แต่ผมอยากให้วันที่ผมมอบสิ่งที่ผมหวงที่สุดให้กับคนที่ผมรักที่สุด มันน่าจะเป็นวันพิเศษกว่าวันอื่น เป็นวันไหนก็ได้ ที่เราจะจำมันไปตลอดชีวิต พยายามหาวันพิเศษอยู่ตลอด แต่ผมก็ผ่านวันเหล่านั้นมาได้ทุกครั้งโดยที่ยังไม่มีอะไรกับวุธอยู่ดี.....

“...Happy Birthday...สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะ...” เสียงเพื่อน ๆ ผมดังขึ้นพร้อมกันที่ประตูบ้านทันทีที่มันเห็นหน้าผม
“...Thank you....เข้ามาดิ...” ผมรับกล่องของขวัญ และชวนพวกมันเข้าบ้าน
“...มีอะไรกินมั่งวะ...” อีเต็มถามเป็นคำถามแรก
“...เยอะแยะ...ปีนี้กูขอจัดแบบไฮโซนิดนึงนะ...”
“...ทำไมล่ะ...”
“...ก็วันนี้กูไม่ได้เลี้ยงวันเกิดอย่างเดียว แต่กูจะพ่วงฉลองแสดงความยินดีกับสจ๊วตคนใหม่ด้วยไง...” ผมแซวอีกุ้งที่ยืนตัวตรงอยู่ข้าง ๆ
“...มึงทำเองหมดเลยเหรอ...” อีกุ้งถามแก้เขิน
“...เออสิ...นาน ๆ ได้โชว์ฝีมือทำอาหารฝรั่งซักที...”
“...ระวังหมาอิ่มนะโว้ย...” อีเต็มกัด เป็นเรื่องปกติ แต่ผมก็เห็นมันกินอาหารฝีมือผมเกลี้ยงทุกครั้ง
“...อีห่า...งั้นมึงไม่ต้องแดกเลย...”
.....บรรยากาศเดิม ๆ เหมือนตอนสมัยเรียนกลับเข้ามา ไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันมานานมาก พวกเราคงเก็บกดมากไปนิด พูดคำด่าคำ กู ๆ มึง ๆ ถ้าใครเดินผ่านไปมา คงคิดว่าพวกผมทะเลาะกันลั่นบ้าน.....ก็แหม.....ถ้าจะให้พูดจาหวาน ๆ เพราะ ๆ คงเม้าธ์ไม่ได้อารมณ์ใช่มั๊ย.....แต่ก็คงพูดอย่างนี้ได้อีกไม่นานหรอก ซักพักวุธก็คงกลับถึงบ้านแล้ว พวกเราต้องเพลา ๆ เรื่องคำพูดคำจาไว้บ้าง เวลาอยู่ต่อหน้ามัน.....
.....ระหว่างที่พวกผมกับเพื่อน ๆ ช่วยกันทำอาหาร ซึ่งวันเกิดปีนี้ผมจะลองทำอาหารฝรั่งบ้าง จำรูปแบบที่เคยดูในทีวี คิดว่ามันน่าจะเหมาะกับคนวัยทำงาน ที่ไม่ต้องการความวุ่นวาย เหมือนตอนที่ยังเป็นเด็กวัยรุ่น.....ผมจัดงานมาทุกรูปแบบแล้ว แต่ที่ไม่ชอบที่สุดคือ ไปจัดวันเกิดตามเธค ผมว่ามีแต่เพื่อนกินยังไงก็ไม่รู้ มาถึงก็กระดกเหล้า จะพูดจะจากันก็ลำบากเพราะเสียงเพลงดังเหลือเกิน พอเมาก็เดือดร้อนเพื่อนต้องไปส่งอีก ตอนที่ผมเรียนมหาลัย ช่วงเที่ยวกระหน่ำ ผมก็เลี้ยงวันเกิดที่เธคย่านดังแห่งหนึ่ง ไม่เห็นสนุกอย่างตอนที่ผมไปเที่ยวโดยไม่มีโอกาสพิเศษเลย และนั่นจะเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้ายของผมที่จะจัดงานวันเกิดในสถานบันเทิง....นี่ขนาดตอนนั้นผมยังเป็นวัยรุ่น ชอบเที่ยวเธคอยู่เลยนะครับ.....
.....ที่ผมประทับใจคือ ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง อาหารอร่อย เพลงเพราะ คนไม่พลุ่กพล่าน ราคาพอสมควร.....แต่ระยะหลังที่ผมและเพื่อน ๆ ชอบกันมากที่สุดคือจัดงานที่บ้าน พวกเราเต็มที่กันมาก ไม่ว่าจะเป็นงานปีใหม่ หรือวันเกิดใครก็ตามในกลุ่ม พวกเราจะนัดกันมาทำอะไรกินกัน ผลัดกันเป็นเจ้าบ้าน กินเสร็จ ถ้าเมาก็นอนกันที่นั่นเลย เช้ามาค่อยเก็บกวาด.....ปีที่ผ่านมา พวกเราต้องทำงานกันทุกคน ต่างคนต่างยุ่ง ต่างคนต่างมีสังคมใหม่ที่ใหญ่ขึ้น เจอกันนับครั้งได้.....
“...ทำไมวุธยังไม่กลับอีกวะ...” ผมเริ่มบ่นเมื่อเห็นว่าวุธไปซื้อของนานเกินไปแล้ว
“...มึงใช้ให้เค้าไปเหมาตลาดหรือเปล่า...”
“...กูสั่งให้ซื้อแค่ไม่กี่อย่างเอง...” ผมชักเริ่มเป็นห่วงซะแล้ว แต่ยังไม่ถึงขนาดต้องโทรจิก

“...วุธให้อะไรมึงวะ...” อีเต็มยังเป็นอีเต็มคนเดิม อยากรู้อะไรก็ถามกันตรง ๆ
“...นี่ไง...” ผมโชว์โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่วุธซื้อให้ คิดถึงตอนที่มันเซอร์ไพร้ส์ผมเมื่อเช้าแล้วอดยิ้มไม่ได้
*
*
*
.....Happy birthday to you, Happy birthday to you, Happy birthday, Happy birthday, Happy birthday to you.....

.....เสียงริงโทนมือถือดังอยู่ข้างหูตอนเช้ามืด ขณะที่ผมยังหลับสนิทอยู่บนเตียง ตอนแรกหงุดหงิด ประมาณว่าใครโทรมาวะ ไม่ได้ฟังไงครับว่าเป็นเพลงอะไร.....นาฬิกาปลุกบนหัวเตียงผมยังไม่ดัง แสดงว่ายังไม่ตี 5.....ผมควานหาที่มาของเสียงด้วยความรวดเร็ว กลัววุธจะถูกปลุกให้ตื่นไปด้วย.....เอ๊ะ ทำไมมันเป็นกล่องเหลี่ยม ๆ วะ ผมเปิดไฟหัวเตียงดูถึงได้รู้ว่าต้นเสียงมันอยู่ข้างในกล่องของขวัญใบนี้....เสียงเพลงยังดังไม่จบซักที วุธมันก็นอนนิ่ง ทางเดียวที่จะทำให้เพลงนี้หยุดได้ก็คือ ต้องแกะกล่องออกมากดปุ่มรับ หรือตัดสายทิ้ง.....ผมถือกล่องเดินไปแกะที่ห้องแม่ เพราะไม่อยากให้วุธตื่นเร็วกว่าที่ตกลงกันไว้ ในใจคิดว่า ของขวัญอันนี้ เป็นของเราแน่ ๆ และคนที่แอบเอามาวางไว้ให้ก็ไม่น่าจะใช่ใครที่ไหน ไม่มีใครเข้าใกล้ผมได้เท่าวุธ.....
.....พยายามแกะกระดาษห่อของขวัญด้วยความระมัดระวัง แต่ก็ต้องเร่งรีบไปด้วย เพราะเพลงที่ว่านั่นมันก็ยังคงดังซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุดซะที ตอนนี้ตาสว่างแล้วครับ แต่ยังไม่ทันได้เห็นว่าของในกล่องเป็นอะไร ผมก็ต้องวิ่งกลับห้องไปกดปุ่มให้นาฬิกาปลุกของผมหยุดร้อง ตี 5 พอดี ทำไมวันเกิดกูปีนี้มันถึงได้เหนื่อยแต่เช้าเลยวะ ผมคิดในใจ.....พอแกะกระดาษเรียบร้อย ผมก็เห็นการ์ดวางอยู่บนกล่อง หยิบขึ้นมาอ่าน ลายมือคุ้นตาเป็นข้อความสั้น ๆ แต่ทำเอาน้ำตาผมแทบร่วง.....ใช่วุธจริง ๆ ด้วยที่ให้ของขวัญชิ้นนี้ และทันทีที่เปิดกล่องออก ผมก็เห็นโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด หน้าจอมีรูปวุธยิ้มดูดีเป็นพิเศษ มันไม่ใช่เสียงปลุกแล้วหล่ะ เพราะผมเห็นสัญลักษณ์แสดงการเรียกเข้า ใช้ชื่อว่า Sweetheart ผมกดรับทันที.....
“...Happy Birthday...ครับ...” ผมยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงปลายสายก็ดังแทรกเข้ามาซะก่อน
“...วุธเหรอ...” ผมถามเสียงดัง
“...มี Sweetheart หลายคนหรือไง หน้าจอก็โชว์หน้าผมหราขนาดอย่างนั้น...” วุธพูดขำ ๆ
“...เปล่า...แค่...” ผมปลื้มจนพูดไม่ออก เดินคุยโทรศัพท์เข้าห้องของตัวเอง เห็นวุธยังนอนคุมโปงอยู่ ไม่รู้ว่าผมเข้ามาถึงตัวแล้ว
“...ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะครับ...” เป็นประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน ผมวางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียงแล้วโถมตัวลงไปกอดวุธทั้ง ๆ ที่มันยังคลุมโปงอยู่อย่างนั้น
“...Thank you sweetheart...” วุธดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ผ้าห่ม ได้ยินเสียงหัวเราะร่าอย่างมีความสุขดังลอดออกมา
“...เคยได้ยินที่เค้าโฆษณาปะ ยิ่งคุยก็ยิ่งเข้าใจกัน เพราะฉะนั้น ต่อไปมีอะไรก็พูดออกมาเลย ห้ามเก็บไว้นะ...” วุธพูดทันทีที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม
“...อืม...” ผมรับคำ แล้วความเงียบก็เข้ามา ตาสองตาประสานกันในความมืด ผมลืมไปว่ากำลังนอนทับมันอยู่...รู้สึกตัวอีกที่ก็ตอนที่มีอะไรแข็งปั๋งดันต้นขาผม
“...ไหน ๆ ก็ตื่นแล้ว...ลงไปช่วยกันเตรียมของใส่บาตรเลย...” ผมพูดแก้เขิน รีบลุกขึ้นมา จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง
“...เดี๋ยวตามไป...ลุกไม่ได้...”
“...เป็นอะไรอีกล่ะ...” ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ คิดว่ามันเจ็บจากการที่ผมทับตัวมันเมื่อตะกี้
“..............” วุธชี้ที่เป้ากางเกงตัวเอง ผมถึงบางอ้อทันที ดีนะที่มันยังมืดอยู่ ผมเห็นของมันไม่ชัดนัก และมันก็คงไม่เห็นว่าผมยืนหน้าแดงอยู่ตรงนั้น

.....เราสองคนถูกเลี้ยงมาคล้าย ๆ กันจึงมีบางอย่างที่เข้ากันได้ เช่นเดียวกับการทำบุญใส่บาตรในโอกาสพิเศษ ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะอายเมื่อต้องเข้าวัด แต่พวกเค้าชอบไปงานวัดเพื่อไปดูสาว ๆ แต่ถ้าถามความรู้สึกเค้า ผมเชื่อว่าทุกคนอยากทำบุญด้วยกันทั้งนั้นแหละ ขึ้นอยู่กับเวลา และคนที่จะไปด้วย.....
.....วุธลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อเปลี่ยนเอาซิมมือถืออันเก่าของผมไปใส่ในเครื่องใหม่ ตั้งค่าทุกอย่างให้เสร็จ มิน่ามันถึงได้เร่งให้ผมนอนเร็วผิดปกติ อ้างว่าวันรุ่งขึ้นผมต้องเตรียมของใส่บาตร.....นอนก็นอนวะ ไม่มีปัญหา แต่กว่าจะนอนก็ดึกพอควร แล้วนี่วุธมันยังต้องตื่นก่อนผมเพื่อเซอร์ไพร้ส์โดยการโทรเข้าเพื่อให้มีเสียงเพลง Happy Birthday อีก.....เห็นมันลงทุนอย่าง.....ไม่ให้รักได้ไงล่ะครับ....
*
*
*
.....ไม่นานนักวุธก็กลับเข้ามาพร้อมหิ้วถุงพะรุงพะรัง ผมจำได้ว่าสั่งไปแค่นิดเดียว แต่มันดันซื้อมาซะเยอะประมาณว่ากินได้สองวันเลยครับ....วันเกิดปีนี้ผมชวนแต่เพื่อนสนิทเท่านั้น ก็เพื่อนที่มหาลัยนั่นแหละ เพื่อนสมัยพาณิชย์ติดต่อยากมาก แถมพวกมันไม่ค่อยมีเวลาว่าง ติดผู้ชายอ่ะ ยังดีที่พวกมันทุกคนยังจำวันเกิดผมได้.....วันนี้ทั้งวันเรทติ้งกระฉูด SMS และสายเข้าเยอะมาก บางครั้งวุธก็ทำท่างอน ๆ เหมือนกันที่ผมต้องหยุดคุยกับมันเพื่อรับโทรศัพท์เพื่อน ก็มันอุตส่าห์ลางานมาอยู่กับผมทั้งวันนี่นา.....
.....เพื่อนผมที่มาในวันนั้นก็มีแค่.....
.....นัน.....คนที่บ้านอยู่ต่างจังหวัด เช่าห้องอยู่ตอนเรียน แต่ปัจจุบันนี้ชีมีคอนโดเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง และกำลังจะดาวน์รถป้ายแดงด้วย.....อย่างที่เคยบอก มันเป็นคนเก่งที่สุดในกลุ่ม เป็นลูกจ้างเค้าได้ไม่นาน พอปีกกล้าขาแข็ง มันก็เปิดกิจการเองบ้าง ฝันมันเป็นจริงแน่ ถ้าไม่มัวแต่หลงเด็กในร้าน ได้ข่าวว่าหมดไปกับเด็กคนนี้หลายตังค์แล้ว.....
.....เต็ม.....หลังจากที่จบปริญญาโท (ทั้ง ๆ ที่ไม่มีแววมาก่อน) ชีก็ไปเป็นอาจารย์ชั่วคราวได้ 3-4 เดือนก็ลาออกด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่อยากเข้าคุกในข้อหากระทำอนาจาร (ผู้ชาย-ผู้เยาว์) ก็แหม....ชีตั้งใจไปสมัครสอนที่โรงเรียนช่างใกล้ ๆ บ้าน เด็กหน้าตาดี ๆ ก็เยอะ เด็กกวนก็มาก จากที่เคยมั่นใจว่าทำงานได้ กลับกลายเป็นว่า มันรู้ตัวว่าไม่เหมาะกับงานนี้ จบโทมาได้ ไม่ได้หมายความว่าจะถ่ายทอดความรู้หรือสอนคนได้ดี.....แถมมันยังพูดแซวไอ้วุธกลางโต๊ะอาหารในวันนี้ว่า อยากได้เด็กช่างอย่างวุธซักคน ไอ้วุธได้แต่นั่งอมยิ้มแก้มตุ่ย เขินจนพูดไม่ออกเลยครับ.....
.....กุ้ง.....คนที่สนิทกับผมมากที่สุด แต่ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันมากที่สุดเช่นกัน ด้วยเหตุผลเรื่องของเวลา ก่อนหน้านั้นเราสองคนทำงานสายโรงแรมเหมือนกัน เวลางานของเราน้อยครั้งที่จะตรงกัน เรื่องคุยโทรศัพท์ นัดกินข้าว นัดเจอนี่แทบเป็นไปไม่ได้ ถ้าจะคุยกันทีก็มักจะเป็นการขอความช่วยเหลือกันในเรื่องงาน ผมส่งแขกไปโรงแรมมันบ้าง มันส่งแขกให้โรงแรมผมบ้าง.....ยิ่งระยะหลัง ๆ ผมไม่ได้ติดต่อ ไม่รู้เรื่องรู้ราวของมันเลย จนวันหนึ่ง มันโทรศัพท์มาบอกผมว่า ในที่สุดมันก็ได้เป็นแอร์ เอ่อ สจ๊วต แล้ว Sign Contract เรียบร้อย นัดวันเทรนแล้วด้วย.....นั่นเป็นครั้งแรกในรอบปีที่เราไม่ได้คุยกันนานอย่างนี้ มันเล่าด้วยความภาคภูมิใจ ไม่ได้ภูมิใจที่ได้ทำงานเป็นสจ๊วตนะครับ แต่ภูมิใจที่มันสามารถทำอะไรหลาย ๆ อย่าง ที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ มันต้องใช้ความพยายามอย่างสูง เพียรไปสมัครทุกสายการบินที่เปิดรับ เพื่อหาประสบการณ์ เรียนว่ายน้ำ ออกกำลังให้ร่างกายแข็งแรงกว่าเดิม.....วันนี้พวกเราทุกคนเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวกุ้งหลายอย่าง แต่ยังไงมันก็ยังเป็นอีกุ้งคนเดิมของพวกผม.....

“...ตอนมองอย่างเดียว ไม่คิดว่ากินแล้วจะอิ่มนะเนี่ย...” อีเต็มนั่งพิงพยักเก้าอี้เอามือลูบท้องเบา ๆ
“...อืม...อิ่มว่ะ...” อีนันเห็นด้วย
“...เฮ้ย เก็บของแล้วไปเล่นไพ่กันดีกว่า...” อีกุ้งชวน ทุกคนลุกพรึบ
.....ไม่ได้เล่นไพ่มานานแล้ว วันนี้ขอเต็มที่หน่อยแล้วกัน วุธมันก็ไม่ว่าอะไร พวกเราช่วยกันเก็บโต๊ะ เพิ่งรู้ว่ากินแบบฝรั่งนี่เก็บของง่ายดีจัง จานใครจานมัน วางซ้อน ๆ แล้วยกทีเดียว ไม่นานนักโต๊ะกินข้าวก็สะอาดเอี่ยม.....เดินถือแก้วกันไปในห้องรับแขก ผมปูผ้าเตรียมพร้อม ไม่มีใครยอมให้ผมเป็นเจ้า ทั้ง ๆ ที่ผมบอกว่า ผมทำไพ่ไม่เป็นแล้ว ลืมหมด ไม่ได้เล่นตั้งนาน.....วุธนั่งดูข่าวไปด้วย เล่นไพ่กับพวกผมไปด้วย ส่วนพวกผมก็เม้าธ์กันสนุกสนาน.....เงินเรากินกัน ความสัมพันธ์เหมือนเดิม เล่นกันตาละ 5 บาท เพลินมาก เงยหน้ามาอีกทีก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว.....
“...หิวอีกแล้วว่ะ...” อีกุ้งบ่น
“...ก็มึงแดกแต่ผัก.....กลัวอืดจนเข้าประตูเครื่องไม่ได้ล่ะสิ...” อีเต็มกัด
“...อีห่า...ใครจะเหมือนมึงล่ะ...กูเห็นเล่นไปแดกไปตั้งแต่เงินเต็มหน้าตักจนจะหมดตูดแล้วเนี่ย...”
“...รอเดี๋ยวนะ...” วุธพูดแทรกขึ้นมา ทำให้พวกเราต้องหยุดกัดกัน หันไปมองมันเดินออกจากห้องไปอย่างสงสัย
*
*
“...เฮ้ย...อะไรอ่ะ...” ผมอุทานด้วยความประหลาดใจ
“...Happy birthday to you………………………….” เสียงเพลงจากเพื่อนผมดังขึ้น ท่าทางมันเขินนิด ๆ ขณะเดินประคองถือกล่องที่มีเค้กขนาดกำลังดีอยู่ข้างใน มีเทียนปักไว้จุดไฟเรียบร้อย เดินเข้ามาจนถึงโต๊ะที่เราพักวงไพ่ไว้ แล้วอีพวกนั้นร้องเพลงให้ผม
“.............................Happy birthday to you...อธิษฐานสิจ๊ะ...” วุธกระซิบข้างหูหลังเพลงจบ ผมหลับตาอธิษฐานแล้วเป่าเทียนจนดับหมด ถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นคนพุทธ แต่เรื่องอย่างนี้เราก็เชื่อนะครับ
“...จูบเลย ๆ ๆ ๆ...” เสียงเชียร์จากเพื่อนผมดังขึ้นทันทีที่ผมเงยหน้าจากเค้ก และมองวุธที่ถือกล่องเค้กอยู่ใกล้ ๆ
“...เค้กวันเกิดโว้ย...ไม่ใช่เค้กแต่งงาน...” ผมหันไปเบรกเพื่อน เห็นใจวุธอยู่เหมือนกันที่เขินซะหน้าแดงหูแดงไปหมด
“...นั่นแหละ ก็ Birthday Kiss ไง...” พวกมันยังไม่เลิก
“...จะกินมั๊ย...” ผมทำท่าจะยกกลับเข้าครัว พวกมันถึงได้หยุด อีเต็มหยิบมีดพลาสติกให้ผมตัดแบ่งใส่กระดาษแข็ง ก็กล่องเค้กนั่นแหละฉีกออกมาเป็นแผ่น ๆ ขี้เกียจล้างจานไงครับ
“...ไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย...” ผมถามวุธขณะนั่งกินอยู่บนโซฟา ระหว่างที่อีพวกนั้นตั้งใจดูเอ็มวีตัวใหม่ของใครซักคน จำไม่ได้แล้ว
“...เมื่อเย็นนี้...แอบไว้ในรถอ่ะ...” วุธพูดยิ้ม ๆ
“...มิน่าล่ะ...หายไปซะนาน...” ผมหลบตามัน เอื้อมไปหยิบทิชชู่เพื่อเช็ดครีมของเค้กที่ติดอยู่มุมปากวุธ
“...แหม...คู่นี้เผลอไม่ได้เลยนะ...” อีกุ้งมันหันเจอภาพเด็ดพอดี แล้วเสียงของมันก็ทำให้คนอื่นมองตามด้วย
“...เดี๋ยวแดกเสร็จ...พวกเรากลับกันเถอะ...เจ้าภาพเค้าคงอยากจะฉลองกันสองต่อสองแล้วหล่ะ...” อีเต็มพูดเรียบ ๆ แต่หน้ามันแสดงออกว่าคิดอะไรอยู่ อีพวกนั้นพยักหน้าแต่ยิ้มแบบมีความหมาย ผมกับวุธสบตากันแล้วต่างคนต่างหลบ เขินจริง ๆ นะ
*
*
*
.....เกือบตี 1 พวกมันก็ลากลับบ้านโดยมีอีเต็มขับรถตระเวนส่งทุกคน มองเห็นจานชามกองใหญ่แล้วรู้สึกสงสารพี่คนทำความสะอาด พรุ่งนี้จะเอาเงินใส่ซองให้เป็นพิเศษดีกว่า.....เมื่อกี้ อีพวกนั้นก็จะช่วยกันล้าง ช่วยกันเก็บเหมือนทุกครั้งที่มีปาร์ตี้ แต่วันนี้ไม่ไหวอ่ะ ง่วงแล้ว....ผมปฎิเสธความช่วยเหลือโดยการบอกว่าผมง่วงอยากนอนเร็ว ๆ พวกมันยังแกล้งฟังผิดเป็นเงี่ยนเลย.....คิดอะไรกันอยู่อ่ะ....รู้ได้ไงวะ.....
.....วุธใส่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินไปเดินมาทำให้ผมใจสั่นอีกแล้ว....เกือบครึ่งปีที่อยู่ด้วยกัน ผมยังไม่ชินซักทีเวลาที่เห็นมันในสภาพเกือบเปลือยแบบนี้.....และทุกทีถ้าต้องอาบน้ำในเวลาไล่เลี่ยกันอย่างนี้ วุธจะให้ผมอาบก่อน แต่วันนี้ผมขนเอาสมบัติส่วนตัวไปอาบน้ำในห้องน้ำของแม่ เพื่อเป็นการประหยัดเวลา.....ไม่รู้นึกยังไง เหมือนมีลางสังหรณ์.....ผมใช้เวลาในห้องน้ำนานผิดปกติ ขัด ๆ ถู ๆ และทำสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเตรียมพร้อม ซึ่งจริง ๆ แล้วผมทำอยู่บ่อย ๆ ถ้ามีโอกาส.....ก็ผมพร้อมมาตั้งนานแล้วนี่.....เป็นปัญหาของวุธแล้วหล่ะ ว่าทำไมมันถึงไม่กล้าซะที.....


>>>>>

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






dejavu_boyz

  • บุคคลทั่วไป
Finally, I am yours
.....คืนนี้ก็เป็นเหมือนทุกคืน ที่ก่อนนอนวุธจะชอบเอาขามาก่าย แกล้งกอด แกล้งซุก ตอนแรกผมยังไม่ชิน ต้องขยับหนีทุกครั้ง มีด่าบ้างแก้เขิน ทั้ง ๆ ที่ชอบ แต่หลัง ๆ มานี่มันเป็นเรื่องปกติแล้ว.....เตียง King Size ใหญ่พอสำหรับสองคน แต่วุธก็ชอบที่จะนอนเบียดผม คางมันเกยที่ไหล่ ได้ยินเสียงลมหายใจแรง ๆ อยู่ข้างหู แรงลมนั้นทำผมปั่นป่วนทุกที.....
.....ไหน ๆ วันนี้ก็เป็นวันพิเศษแล้วนี่ ขอลองแหย่วุธมันบ้างดีกว่า ระหว่างที่วุธขยับตัวเบียดเข้ามาให้ติดกันมากขึ้น ผมก็พลิกตัวกลับไปหามันอย่างรวดเร็ว วุธถึงกับยิ้มแหย ๆ คิดว่าจะโดนผมด่าแน่นอน.....แต่ไม่ครับ.....ผมสลัดผ้าห่มออกให้พ้นตัว ลุกขึ้นนั่งคล่อมตัววุธ จงใจนั่งทับน้องชายมันแต่ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงไปหมดนะครับ.....
“...เอ้...จะทำอะไรผม...” วุธพูดขำ ๆ
“...อยากให้ทำอะไรล่ะ...” ผมย้อน มันหรี่ตามองหน้าผมนิ่ง
“...จะทำเป็นเหรอ...” วุธถามเสียงสูง ถือว่าเป็นการดูถูกอย่างแรง ถึงแม้ประสบการณ์จะไม่มี แต่ทฤษฎีเต็มร้อยนะโว้ย ผมเถียงในใจ
“...เดี๋ยวก็รู้...” ผมจับข้อมือทั้งสองข้างของวุธไว้อย่างแน่นหนา แล้วซุกหน้าลงไปไซร้ซอกคอมัน วุธหัวเราะคิก พยายามดิ้นให้หลุด แม้ว่าผมจะผอมบางกว่ามัน แต่อย่างที่บอกอ่ะครับว่าทำงานโรงแรมต้องอึด และแข็งแรง ผมเองก็เป็นที่เลื่องลือว่าแรงเยอะมาก แต่ไม่ค่อยได้ใช้กำลังเท่าไหร่ วุธมันคงลืมภาพเด็กพาณิชย์เถื่อน ๆ ของผมหมดแล้วมั้ง
“...ปล่อย...เอ้...จั๊กจี้...” นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจู่โจมมันแบบไม่ได้ตั้งตัวอย่างนี้ ความรู้สึกกระดากอายเมื่อกี้ไม่เหลือแล้วครับ สนุกซะอีกที่ได้แกล้งวุธมันบ้าง
“...เป็นไงล่ะ...โดนซะมั่ง...” ผมเงยหน้ามาพูดนิดนึง แล้วจัดการกับคอขาว ๆ ของมันต่อ เสียงวุธที่หัวเราะคิก ๆ คัก ๆ เริ่มหายไป มีแต่เสียงครางในลำคอและเสียงลมหายใจของเราสองคน.....
.....เครื่องปรับอากาศที่เปิดอยู่แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมรู้สึกตัวร้อนวูบ ๆ รำคาญเสื้อยืดที่วุธใส่นอนจริง ๆ จะถอดก็ถอดไม่ได้ เพราะมือผมยังจับข้อมือวุธขึงตรึงไว้กับเตียงอยู่.....ถ้าผมปล่อยมือวุธมีหวังมันต้องเอาคืนผมแน่ ๆ แต่ไม่นานหรอกครับ วุธมันกำลังเพลินที่ผมซุกไซร้ใกล้ ๆ หูมัน น่าจะเป็นจุดอ่อนของมัน เพราะทุกครั้งที่ริมฝีปากชื้น ๆ ของผมไปโดนมันจะสะดุ้งเฮือก น้องชายแข็งปั๋งและรู้สึกว่ามันจะกระดกนิด ๆ ของมันดันก้นผมตอนที่แกล้งขยับไปโดนบ่อย ๆ.....
.....อาศัยช่วงชุลมุน พอมันเผลอปุ๊บ ผมก็ใช้ความไวถลกเสื้อยืดย้วย ๆ ของมัน ถอดออกอย่างง่ายดายไม่ต้องกลัวขาด วุธช้ากว่าผมเช่นเคย มือมันถูกผมจับไว้เหมือนเดิม ผมหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นวุธบิดตัวตอนที่ผมไซร้ต่ำลงมาเรื่อย ๆ.....เคยดูแต่ในหนังอ่ะนะ พอได้มาทำจริง ๆ แล้วสนุกดี.....
“...เอ้...ปล่อยเหอะ...” รู้สึกว่าคำพวกนี้ผมจะเคยพูดมาก่อนนะ
“...ไม่...”
“...ไม่ปล่อยแน่นะ...” วุธกัดฟันพูดพลางพยายามเกร็งแขนเพื่อจะให้หลุดจากการกดทับของผม และยิ่งมันเกร็งเท่าไหร่ ผมมองผ่านไฟสีส้มหัวเตียงที่ยังเปิดอยู่ เห็นกล้ามเนื้อมันใกล้ ๆ ชัด ๆ รู้ว่าถ้ามันเอาจริง ผมคงสู้มันไม่ได้แน่ ถ้างั้นต้องตัดกำลังมันซะก่อน
.....วิธีน่ะเหรอ ก็เล่นที่จุดอ่อนมันสิ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าตรงไหนบ้าง ผมจงใจเม้มปากที่หัวนมสีเข้ม ลากลิ้นไปทั่วท้องที่มีกล้ามเป็นลูก ๆ เวลาที่มันเกร็งเพื่อจะสู้ผม เท่านั้นแหละ วุธก็ตัวอ่อน หมดแรง และยิ่งมันดิ้น กางเกงตัวเล็ก ๆ ที่มันชอบใส่นอนก็เกือบจะหลุดจากสะโพก ถ้าไม่ติดน้องชายที่เหมือนเป็นไม้ค้ำจนโป่งออกมาคงหลุดไปแล้วหล่ะ.....สงสารขอบกางเกงยางยืดตัวนั้นจัง ผมเสี่ยงใช้ความไวอีกครั้งดึงกางเกงของมันลง ให้วุธจูเนียร์ได้เด้งออกมาสบตาผมใกล้ ๆ เป็นครั้งแรก.....
.....แต่คราวนี้วุธมันดิ้นหลุดครับ ผมชะงักเตรียมหาทางหนี คว้าผ้าห่มมาห่อตัวคลุมโปงไว้ วุธหัวเราะหึ ๆ เดินโทง ๆ ลงจากเตียงไปหยิบอุปกรณ์ที่ผมมักจะวางล่อตามันอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง.....ในใจ ยอมรับว่ากระเจิดกระเจิงตั้งแต่ตอนที่ถอดเสื้อมันออกแล้ว และยิ่งแง้มผ้าห่มมองร่างสูง ๆ ขาว ๆ เห็นวุธจูเนียร์ที่ยังแข็งขันตั้งตรง คิดว่าวันนี้ไม่รอดแน่กู.....วุธมันเดินกลับมาพร้อมกล่องถุงยาง และสารหล่อลื่นหลอดเล็ก ๆ ในมือ ผมกระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้น.....
“...เอ้...” วุธเขย่าตัวผมเบา ๆ “...เอ้...” วุธเรียกอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผมนิ่งเงียบ
“...อะไร...” ผมโผล่หัวออกมา
“...พร้อมยัง...” วุธถามพลางมองผมตาเยิ้มเชียว
“...กล้าปะล่ะ...” ผมยังอายที่จะตอบตรง ๆ
“...แล้วเอ้คิดว่าผมกล้ามั๊ยล่ะ...” วุธย้อน
“...ไม่กล้าหรอก...” ผมพูดกวน ๆ
“...คิดผิดคิดใหม่นะครับ...” วุธโถมตัวลงมาพยายามจะดึงผ้าห่มผมให้หลุดจากตัว ปากผมก็โวยวาย แต่ไม่มีคำพูดห้ามปรามเหมือนทุกที
.....ตอนแรกคิดว่าใต้ผ้าห่มจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด แต่ไม่เลยครับ เพราะผ้าห่มที่มันพันแข้งพันขาผมนี่แหละ ทำให้วุธมันเอาคืนผมได้ง่ายขึ้น ไม่นานนักหลังจากผ้านวมผืนใหญ่ได้ถูกวุธโยนลงข้างเตียง.....ตอนนี้ทั้งห้องเงียบสนิท ได้ยินแต่เสียงแอร์ครางเบา ๆ วุธหอบนิด ๆ ตาเราประสานกันอย่างจัง ผมเขินมาก ๆ หลบตามองต่ำลง แต่ก็ต้องมองวุธอีกครั้งเมื่อเห็นน้องชายมันยังชี้หน้าผมอยู่.....
.....วุธค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของผมออกโดยที่เรายังมองตากันอยู่ ทำให้ผมลดอาการเขินอายลงไปได้มาก เพราะผมไม่เคยเปลือยกายต่อหน้ามันเลย เต็มที่ก็แค่ตอนเปลี่ยนเสื้อแป๊บเดียว.....วุธก้มลงมาซุกไซ้ผมเหมือนทุกครั้ง ผิดแต่ตรงที่คราวนี้ผมไม่ขยับหนี หรือปัดป้องเลย แถมยังเอามือลูบต้นคอวุธเบา ๆ รู้สึกว่ามันจะตัวสั่นนิด ๆ ด้วยซ้ำ.....
.....ก่อนที่จมูกโด่ง ๆ และปากอุ่น ๆ ของมันจะลงต่ำเกินไปกว่าหน้าท้อง ผมพลิกตัวมันเพื่อจะดำเนินการต่อจากเมื่อกี้ แต่ก่อนอื่นต้องขอทักทายกับวุธจูเนียร์ซะหน่อย ไม่ได้เจอกันเต็ม ๆ ตามานานแล้ว เคยเห็น เคยโดนก็บ่อย แต่ไม่เคยได้สัมผัสเต็มตา เต็มไม้เต็มมืออย่างนี้มาก่อน.....เจ้าตัวดีอยู่ในสภาพพร้อมรบ ผงกหัวทักทาย งั้นขอเริ่มเลยละกัน.....
.....ตอนดูในซีดี มันไม่น่าจะยาก แต่พอทำจริง ๆ มันเก้ ๆ กัง ๆ ยังไงไม่รู้ พยายามระมัดระวังกลัววุธจะเจ็บ แต่มันก็ไม่เห็นร้องซักแอะ ได้ยินแต่เสียงสูดปาก กับเสียงพากษ์ให้ทำอะไร ยังไง ตรงไหน.....หลังจากนั้นไม่นานผมก็คิดเองซะว่า ถ้าเป็นเรา เราจะชอบหรือไม่ชอบอะไร ยังไง ส่วนไหนควรเบา ตรงไหนควรเน้น ก็ทำตามนั้น ได้ผลครับ วุธหยุดพากษ์ เปลี่ยนเป็นคำชมเสียงกระเส่า.....
“...พอก่อนเอ้...” วุธพูดพลางขยับตัวลุกขึ้น เอื้อมมือไปหยิบของที่มันวางไว้บนหัวเตียง
“...มานี่...ใส่ให้...” ผมเห็นวุธงุ่นง่านกับน้องชายมันแล้วเชื่อเลยครับว่ามันก็ซิงเหมือนกัน เพราะมันใส่ถุงยางไม่เป็น
“...เอ้พร้อมแล้วใช่มั๊ย...” วุธถามเบา ๆ
“...พรุ่งนี้ค่อยถามก็ได้นะ...” ผมตอบแบบกวน ๆ พลางบีบสารหล่อลื่นลงไปที่วุธจูเนียร์ซึ่งดูเหมือนเสื้อกันฝนตัวนี้จะเล็กไปสำหรับมัน
“...ในที่สุด...ก็มีวันนี้...” วุธพูดเสียงหายเป็นช่วง ๆ เพราะผมเร่งมือรูดชะโลมเจลจนทั่วน้องชายตัวโตของมัน อีกมือที่ว่าง ผมก็ทำการเตรียมพร้อมให้ตัวเองเช่นกัน.....วุธคงทนไม่ไหวแล้ว เราสองคนเอนตัวลงบนเตียงช้า ๆ
“...อย่าเกร็งนะ...” วุธกระซิบข้างหู
“...โอ๊ย...เจ็บ...วุธ...” ผมร้องเบา ๆ
“...อีกนิดเดียวเอ้...” วุธกัดฟันพูด
“...ไม่ไหวแล้ว...วุธ...เราเจ็บ...” ผมเผลอจิกปลายเล็บที่หลังมัน
“...............” ในที่สุดวุธกับผมก็ได้เป็นคนคนเดียวกันในตอนนี้ ผมทั้งเจ็บ ทั้งจุก ในหัวก็ยังอุตส่าห์นึกถึงในหนังโป๊ที่เค้าทำกันแรง ๆ ไม่เจ็บกันมั่งหรือไงวะ
“...หายเจ็บยัง...” วุธพูดหอบ ๆ หลังพยายามอยู่นานจนสำเร็จ
“...หายแล้ว...” หายนิดเดียว แต่ก็เริ่มมีอาการแปลก ๆ แล้ว
“...งั้นเต็มที่ละนะ...” วุธไม่รอให้ผมตอบรับ กระหน่ำซะผมพูดไม่ออก ได้แต่ เอ่อ คราง
.....ดีนะที่เป็นห้องแอร์เก็บเสียง ไม่งั้นเราคงไม่กล้าทำอะไรเสียงดังขนาดนี้หรอก.....ทั้งห้องมีแต่เสียงลมหายใจปนหอบ เสียงเตียง เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงร้องเบา ๆ เป็นระยะ วุธต้องปิดปากผมด้วยปากของมันเอง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้ว่าการจูบปากจริง ๆ แล้วมันเป็นยังไง ไม่ใช่แค่เอาปากมาชนกันเฉย ๆ และรู้แล้วว่ามันรู้สึกดีแค่ไหน ไม่งั้นในหนังเค้าจะดูดปากกันจ๊วบ ๆ เหรอ.....
*
*
*
*
.....ตอนลงจากเตียงมาอาบน้ำ ผมแทบก้าวขาไม่ออก เหมือนวุธจูเนียร์ยังคาอยู่ ถึงแม้จะเหนื่อย จะเพลียแค่ไหน แต่ผมก็ต้องอาบน้ำล้างตัวอีกรอบ และจะถือโอกาสดูร่องรอยบนร่างกายตัวเองด้วย จำได้ราง ๆ ว่าวุธมันดูดต้นคอผมอยู่นาน ป่านนี้คงแดงช้ำประจานการเสียซิงครั้งแรกของผมแน่ ๆ.....
.....โชคดีที่ผมเป็นคนไม่ขาวมากนัก รอยต่าง ๆ จึงไม่ชัดเท่าไหร่ แต่พรุ่งนี้จะไปทำงานยังไงเนี่ย ยังรู้สึกเจ็บ ๆ แสบ ๆ อยู่เลย นี่ขนาดว่าเตรียมใจมาแล้วว่ามันต้องเจ็บ แต่ยังดีที่ไม่ถึงมีเลือดออกมาให้พี่คนทำความสะอาดสงสัย แต่มันก็น่าจะมีคราบน้ำแปลก ๆ ติดผ้าปูที่นอนอยู่บ้างแหละ พรุ่งนี้เช้าค่อยเช็คดูละกัน.....
.....ระหว่างที่ผมกำลังอาบน้ำชำระล้างร่องรอยต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลิน ขอนอนแช่น้ำอุ่นจัด ๆ ซักพักดีกว่า....ประตูห้องน้ำของผมก็ถูกเปิดเข้ามา ผมตกใจมาก แน่ใจว่าล็อคอย่างดี แล้วทำไมวุธมันเข้ามาได้วะ.....
“...เฮ้ย...เข้ามาได้ไงเนี่ย...” ผมลุกจากอ่างรูดม่านม่านพลาสติกปิดตัวไว้
“...นี่ไง...” วุธชูพวงกุญแจบ้านผมขึ้น แน่นอน มันมีกุญแจทุกห้องในบ้าน ผมวางไว้ในตู้เสื้อผ้าซึ่งวุธมันก็รู้ตั้งนานแล้ว แต่มันก็ไม่เคยไขเข้ามาอย่างนี้ สงสัยเมื่อกี้ผมเปิดฝักบัวเสียงดังเลยไม่ได้ยินเสียงวุธมันเอากุญแจออกมาจากตู้ ซึ่งปกติกุญแจพวงใหญ่ขนาดนั้นเวลาไขมันจะมีเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง
“...มีอะไร...” ผมมองหน้ามันงง ๆ
“...ก็เห็นหายเข้าไปซะนาน...นึกว่าเป็นอะไร...”
“...อาบน้ำอยู่...เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว...ออกไปก่อน...” ผมไล่มันตรง ๆ
“...อาบด้วย...” วุธพูดพลางปลดผ้าขนหนูออกจากเอว
“...จะบ้าเหรอ...” ผมลืมตัวหันหน้าไปทางอื่น
“...จะอายทำไมล่ะ...เมื่อกี้ก็เห็นหมดแล้วนี่...” วุธพูดขำ ๆ
“...ไม่เอา...รอเดี๋ยว...เสร็จแล้วก็ได้...” ผมเอื้อมมือไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำที่แขวนไว้ อีกมือก็ยังจับชายผ้าม่านอยู่
“...อาบน้ำให้หน่อย...นะ...นะจ๊ะ...” วุธแกล้งดึงชุดคลุมของผมไปพาดไว้ที่แขนมันก่อนผมจะเอื้อมไปถึง
“...อาบเองดิ...” ผมพูดแก้เขินที่เห็นมันมองมาอย่างหื่น ๆ
“...เหอะน่า...ง่วงแล้ว...จะได้ไม่เสียเวลา...นะ...” วุธไม่รอให้ผมปฏิเสธอีกครั้ง แทรกตัวเข้ามายืนในอ่างเดียวกับผม เมื่อกี้ไฟมันสลัว ๆ ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ในห้องน้ำไฟสว่างจ้าอย่างนี้ผมก็อายดิ
“...ไม่เอา...” ผมพยายามหาอะไรมาปกปิดร่างกาย แต่วุธมันไม่ยอม กลับดึงตัวผมให้ลงไปนอนในอ่างด้วยกัน แล้วเปิดน้ำฝักบัวให้รดลงมาที่ตัวเราด้วย
“...ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า...” วุธถามเบา ๆ พลางเอามือลูบต่ำลง
“...ไม่อ่ะ...ค่อยยังชั่วแล้ว...”
“...จริงดิ...งั้น...” วุธยิ้มแฉ่ง
“...อะไร...จะทำอะไร...” ผมเผลอมองวุธจูเนียร์ที่ตอนนี้เริ่มขยายตัวอีกแล้ว
“...ก็ขอตอกย้ำความเป็นผัวเอ้อีกทีไง...” ผมอดยิ้มกับคำพูดที่ผมเคยเล่นกับมันสมัยก่อนไม่ได้ เวลาที่มันถามว่าทำไมชอบไปเที่ยวห้างที่พวกผมไปประจำ ผมก็จะตอบเล่น ๆ ว่าไปให้ รปภ ห้างตอกย้ำความเป็นผัว.....ไม่คิดว่ามันจะจำมุกของผมได้
“...ง่วงไม่ใช่เหรอ...” ผมแกล้งถาม
“...อืม ง่วงเป็นเชี่ยน ๆ อ่ะ...” วุธขยับเข้ามา แต่ผมไม่หลบครับ
“...ไม่ไหวแล้ววุธ...พรุ่งนี้ต้องทำงานอีก...” ปากผมปฏิเสธ แต่มือนี่ทักทายกับน้องชายของมันทันที
“...ผมรู้ว่าเอ้มีวิธีเอามันลง...” วุธพูดยิ้ม ๆ
“...แน่นอน...” ผมดันตัววุธให้ขึ้นไปนั่งบนขอบอ่าง และหลังจากนั้นก็...............นั่นแหละ
*
*
*
.....ไม่บ่อยครั้งนักที่ผมจะลากิจกะทันหัน แบบโทรบอกหัวหน้าหลังจากเลยเวลาเข้างานเกือบชั่วโมง.....ไปไม่ไหวจริง ๆ ครับเช้านั้น วุธก็เช่นกัน หลังจากโทรลางาน เราสองคนก็นอนต่อด้วยความอ่อนเพลีย.....ผมสะดุ้งตื่นอีกทีก็เกือบเที่ยง พี่คนทำความสะอาดเคาะประตูเรียก ทำเอาผมกระเด้งจากเตียง วุธตื่นตาม ผมผิดเองแหละที่ไม่ได้บอกพี่เค้าล่วงหน้าว่าไม่ต้องปลุก พี่เค้าก็คิดว่าผมตื่นแล้ว.....ผมตะโกนบอกพี่เค้าว่าวันนี้ไม่ต้องทำความสะอาดห้องผม.....วุธเดินงัวเงียเข้าห้องน้ำ ผมเปิดม่านให้แสงจากภายนอกช่วยทำให้ผมเห็นร่องรอยบนผ้าปูที่นอน....และมันก็มีจริง ๆ ด้วย งั้นวันนี้ซักเองก็ได้วะ ไหน ๆ ก็หยุดงานแล้วนี่.....
*
*
.....จากวันนั้นถึงวันนี้ ทุกอย่างก็ยังเป็นเหมือนเดิม ผมไม่กล้าพูดหรอกว่าผมโชคดี โอเค โชคดีนิดนึงก็ได้ที่เจอวุธ แต่เราก็ต้องใช้เวลานานพอควร เพื่อเรียนรู้ เพื่อปรับตัว และโชคดีอีกนิด ที่เราชอบอะไรเหมือน ๆ กัน.....
.....เราชอบไปตลาด หรือซุปเปอร์มาร์เกต มากกว่าเดินห้างดัง ๆ (เบื่อแล้ว เดินห้างมาตั้งแต่เด็ก).....
.....เราชอบทำอะไรกินกันเองที่บ้าน มากกว่าไปกินในร้านอาหารหรู ๆ (แต่ก็มีบ้าง ในโอกาสพิเศษ).....
.....เราชอบดูหนังแผ่น มากกว่าดูตามโรงหนัง (อึดอัด).....
.....เราไม่ชอบดูการแข่งขันกีฬาเหมือนกัน ฟุตบอล มวย บาส แม้แต่ว่ายน้ำยังไม่ดูเลย (วุธดูกีฬาอยู่ไม่กี่อย่าง ส่วนใหญ่จะเป็น Match สำคัญ แต่ที่มันชอบที่สุดคือแข่งรถ).....
.....เราต่างรักครอบครัวเหมือนกัน แม้ว่าตอนนี้พวกเค้ายังไม่รู้ว่าเรามีความสัมพันธ์ที่เกินเลยกว่าคำว่าเพื่อน แต่เรามั่นใจว่าเค้ารับได้ เพราะเราสองคนไม่เคยทำอะไรให้เสื่อมเสีย (ผมและวุธไม่ใช่ลูกชายคนเดียว และไม่ใช่ความหวังทั้งหมดของพวกเค้า)
.....เราสองคนไม่กินเหล้า (มีบ้างในงานสังคม) แต่ที่แน่ ๆ ไม่สูบบุหรี่.....
.....เราต่างดูแลตัวเอง และช่วยดูแลกันและกัน.....
.....รายละเอียดปลีกย่อยมีอีกเยอะแยะ เอาแบบพื้นฐานละกันนะครับ จำเอาไว้ว่า Nobody loves you as yourself เรียนรู้ที่จะรักตัวเองก่อน แล้วคุณจะรักคนอื่นได้แน่นอน.....ผมเห็นวุธรักและดูแลตัวเองเป็นอย่างดี และมันก็รักและดูแลผมได้ดีเช่นเดียวกับดูแลตัวเอง....เช่นเดียวกับผม ผมกินอะไร วุธก็ได้กินด้วย ผมทำอะไร ผมก็ทำเผื่อวุธด้วย.....ขอย้ำนะครับ รักตัวเอง ไม่ได้หมายถึงเห็นแก่ตัว.....ที่คุณรักและดูแลตัวเองได้ ผมว่าคุณก็สามารถรักคนอื่นได้......และคนที่ทำร้ายตัวเองได้ หรือทำให้ตัวเองเจ็บได้ ผมเชื่อว่าเค้าสามารถทำร้ายคนอื่นได้เช่นกัน.....ไม่มีใครอยากรักคนที่ชอบทำร้ายตัวเองหรอกครับ.....
.....รู้ตัว และมีสติตลอดเวลาก็จะช่วยให้ชีวิตคู่ยืนยาวนะครับ ก่อนทำ หรือก่อนพูดอะไรคิดให้ดี ๆ ซะก่อน แต่ก็ควรเอาความรู้สึกจริง ๆ มาช่วยตัดสินด้วย ไม่งั้นจะดูเฟค ดูพยายามเป็นคนดีเกินไป ซึ่งในสังคมจริง ๆ แล้วมันไม่มีหรอกครับไอ้ Mr. Perfect น่ะ อยู่ที่ว่าใครจะมีสติรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรมากกว่า คุณเลือกที่จะทำดี หรือทำเลวได้ จะทำให้เค้ารัก หรือเกลียดก็ได้เช่นกัน.....ทุกคนรู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี แต่มันก็มีเหตุผลส่วนตัวอ่ะนะครับที่บางทีเราก็ต้องตัดสินใจเลือกทำเลว.....การเคารพความคิดของคนที่คุณรักก็เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เลยนะครับ.....

dejavu_boyz

  • บุคคลทั่วไป


ในที่สุด พี่เอ้ก้อเสียสาวสะแร้ว คงสมใจใครๆหลายคนเรยเนอะ  :a9: :a9: :a1: :a1:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

เอ้ของเราเสียสาวซะแล้ว

ตอนท้าย พูดดีนะครับ ถ้าทุกคนทำได้ โลกของเราคงจะสวยงามขึ้นเยอะนะ

รออ่านตอนต่อไปครับ

 o15

nartch

  • บุคคลทั่วไป
.....Finally it’s time to say goodbye......ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตั้งแต่ “เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)” เริ่มโพสตอนแรกเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2548 เวลา ตีสองสามสิบห้านาที ไม่คิดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีขนาดนี้ ทั้งที่ผมตั้งใจจะเล่าแค่ตอนเรียนพาณิชย์ แต่เพราะพวกคุณทุกคน กำลังใจของพวกคุณทำให้ผมต้องกลับมาเล่าต่อ แม้ว่าจะมีอุปสรรคมากมาย แต่ผมก็เล่ามาจนถึงตอนสุดท้ายจริง ๆ ซะที.....
.....เวลาที่ผมเอาตอนเก่า ๆ มาอ่านอีกครั้ง ได้อ่านรีพลายของทุกคน รู้สึกดีทุกครั้งที่เห็นว่ายังมีคนชื่อคุ้น ๆ ตั้งแต่กระทู้แรก ถึงกระทู้สุดท้าย และมีคนชื่อแปลกใหม่เข้ามาตลอด ขอบคุณมาก ๆ นะครับ.....
.....มีนักเขียนหลายคนในบอร์ดที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา ถ้าจะให้เอ่ยชื่อคงไม่หมดเพราะจำชื่อจริง ๆ ไม่ได้ ผมขอขอบคุณพวกเค้าไว้ตรงนี้เลยนะครับ ถึงแม้ว่าเค้าจะเข้ามาอ่านหรือไม่ก็ตาม แต่ผมตั้งใจจะขอบคุณพวกเค้าในวันที่เรื่องของผมมาถึงที่สุด.....
.....คุณบอย.....ผมชอบเรื่องของบอยกับต้นมากถึงมากที่สุด คุณเป็นต้นแบบของผม และผมจะติดตามผลงานของคุณตลอดไปนะครับ.....
.....คุณ A-lone ที่เขียนเรื่องยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท...ยิ่งไม่มีสิทธิ์.....ยาวได้ใจมาก ๆ ชอบครับ.....
.....คุณที่เขียนเรื่องต่อกับเม้ง.....อยากเขียนให้ได้อย่างคุณมั่งจัง.....
.....ยังมีอีกเยอะ ที่จริงแล้ว ผมก็ติดตามทุกคนทุกเรื่องอ่ะนะครับ แต่อย่างที่รู้ ๆ กัน คือผมไม่ค่อยมีเวลา เปิดเวปทีวุธก็มักจะเดินป้วนเปี้ยนคอยดูว่าผมทำอะไร ดังนั้นผมจึงต้องรีบอ่าน อาจจะไม่ค่อยได้รีพลาย แต่ก็ขอบอกไว้ตรงนี้ว่า ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ.....
.....ที่ผ่านมา มีคนส่งเมล์ มาหาผมเยอะมาก ขอบคุณนะครับที่ส่งมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกัน พวกคุณเป็นเหมือนเพื่อนผมไปแล้ว แต่ผมก็ต้องขอโทษด้วยที่อาจจะตอบช้าไปบ้าง.....ส่วนเล่นเอ็มนี่ นาน ๆ ที และครั้งละไม่นาน เพราะต้องคอยระวังหลัง วุธไม่ชอบให้ผมนั่งหน้าคอมนาน ๆ มันไม่มีเพื่อนคุยอ่ะ.....
.....อีกไม่นาน วุธคงได้อ่านเรื่องนี้แล้วหล่ะ ผมเปรย ๆ กับมันหลายครั้งแล้ว และนี่เป็นเหตุผลที่ผมเล่าเรื่องของโมทย์กับอีแอ๊บไมได้.....ไม่อยากรื้อฟื้นในกระทู้นี้ ย้ำ ในกระทู้นี้.....
.....ชอบคุณทุกคนอีกครั้งนะครับ.....อย่าลืมใส่ใจสุขภาพ ดูแลตัวเองและคนรอบข้างด้วย.....ซักวันคุณจะเชื่อว่าจริง ๆ แล้ว Love is all around.....
...With love as always...
...เอ้...อดีตเด็กพาณิชย์...

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุนมากคับคุนเอ้

ความจริงเรื่องนี้เคยถูกตัดตอนลงสั้นเอาไปทำเรื่องสั้นในบอร์ด G มาแล้ว

แต่ตอนนี้ผมก้ตามเรื่องนี้ที่ค้างคาในบอร์ดเก่าได้จนจบ

ผมขอบคุนจิงๆ

ผมชอบเรื่องนี้มากจิงๆ เพราะว่า มันเปนเรื่องในวัยเรียน

วัยเรียนมันหลากหลาย ความรัก มันจะดูอ่านแล้วเข้ากับอารมของผมได้

แต่คุนเอ้ได้หักมุม นั้นทิ้งลง

เพราะคุนเอ้ รักแค่คนๆเดียวมากตลอดที่มีความรัก

และเก็บความรักให้กับคนรักคนสุดท้ายจิงๆ

ผมว่าคุนวุธโชคดีมากที่มีคุนเอ้ไว้

เพราะว่าความรักแบบเราๆ มันไม่ค่อยยั่งยืนหรอกคับ

แต่ความจิงแล้ว มันก้มีได้ อย่างที่คุนเอ้บอก

"Nobody loves you as yourself เรียนรู้ที่จะรักตัวเองก่อน แล้วคุณจะรักคนอื่นได้แน่นอน"

".....รู้ตัว และมีสติตลอดเวลาก็จะช่วยให้ชีวิตคู่ยืนยาว"

ผมจะเชื่อในคำนี้ของคุนเอ้นะคับ

ผมขอบคุนจิงๆนะคับ

 o13 รักคุนเอ้ คุน วุธ แระตัวเอง อิอิ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ติดตามมาตั้งแต่ต้น แล้วติดใจมากๆเลย ได้รู้อะไรที่ไม่เคยรู้ในหลายแง่ๆของชีวิตคนเรียนพานิชย์

แล้วจะรอภาคต่อไปของ คุณเอ้อีกน่ะค้าบบบบบบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

คับ ขอบคุณคุณเอ้มาก ๆ คับ ที่นำเรื่องราวดีดีมาให้พวกเราได้อ่านกัน

และผมก็ขอให้คุณเอ้ กับ คุณวุธ อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ นะ

ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้คับ

 o15

ปล. หวังว่าคงจะได้เจอคุณเอ้ ในเรื่องหน้านะ

nartch

  • บุคคลทั่วไป
Commercial College Student        02-Dec-06, 05:42 PM (SE Asia Standard Time)
"***ครบรอบ 1 ปี...อดีตเด็กพาณิชย์คนเดิมกลับมาเล่าต่อ (ตอนใหม่)***"

นำมาต่อกันที่เล้านี่ให้จบบริบูรณ์กันไปเลยยยยยครับบบบ .... ท้ายของแต่ละตอนจะมีข้อความของคุณเอ้ฝากไว้
เล็ก ๆ น้อย ๆ เอามาลงให้อ่านกันไปด้วยจะได้ทราบบรรยากาศเสมือนคุณเอ้มา post เองเลยทีเดียว....NC

1. I'm back

.....ปีกว่าแล้วสินะ เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ผมยังคงเป็นพนักงานต้อนรับส่วนหน้าในโรงแรมใจกลางกรุงเทพฯ ส่วนวุธก็เป็นรองหัวหน้าแผนกในโรงงานรถยนต์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งย่านชานเมือง.....ชีวิตคู่ที่ไม่ค่อยได้มีเวลาตรงกัน ทำให้เรารู้สึกดีเมื่อได้หยุดพร้อมกัน หรือแค่วันที่ผมได้เข้าเวรรอบเช้า เราจะได้ไปทำงานพร้อมกัน กินข้าวพร้อมกัน นอนพร้อมกัน ซึ่งมันไม่บ่อยครั้งนัก เพราะผมเองก็ทำงานมานาน เป็นระดับซีเนียร์ หัวหน้าให้มาเข้างานรอบไหนก็ต้องมาได้ ถ้าไม่อึดจริง ผมคงน็อคไปนานแล้ว.....บางช่วงได้เจอหน้าวุธก็แค่ตอนมันหลับ.....เราใช้วิธีโทรหากัน ส่ง SMS หรือแม้แต่เขียนถ้อยคำแสดงความห่วงใยใส่กระดาษน่ารัก ๆ แปะไว้ตามกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง...ติดไว้ที่ตู้เย็น หรือเหน็บไว้ตรงที่ปัดน้ำฝนหน้ารถ มองไกล ๆ เหมือนโดนใบสั่งยังไงไม่รู้.....

.....ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราทั้งคู่ไม่เคยมีปัญหาอะไรใหญ่โต มีแค่งอนกันเล็กน้อย ง้อแป๊บเดียวก็หาย ส่วนมากจะเป็นเรื่องผมกลับบ้านไม่ตรงเวลา กับเรื่องวุธมันหาว่าผมไม่มีเวลาให้ ก็คนทำงานไม่เป็นเวลานี่นา ยิ่งตอนนี้มันบ้าตีกอล์ฟ และผมก็ไม่ยอมไปตีกับมัน...โห...ทำงานอาทิตย์ละ 6 วัน เหนื่อยนะครับ ให้แหกตาตื่นแต่เช้าไปเดินตากแดดตีไอ้ลูกกลม ๆ ให้ลงรู...ไม่มีทางซะหรอก อันนี้เพื่อนผมทุกคนจะรู้ว่าผมไม่ชอบโดนแดด ไม่ได้ดัดจริตนะครับ แต่มันร้อนแล้วเหนียวตัว บ้านเราอากาศร้อนชื้น เดินตากแดดนิดเดียวเหงื่อก็ชุ่มเสื้อแล้ว ที่นี่ไม่ได้แดดแรง แต่ร้อนแบบแห้ง ๆ เหมือนเมืองนอกนี่.....

.....ตอนนี้วุธมันไม่ค่อยชวนผมไปตีแล้วล่ะ แต่ถ้าเป็นซ้อมในกรุงเทพฯ ในสโมสร คลับหรืออะไรที่มีโต๊ะให้นั่งร่ม ๆ มีอาหารให้กิน มีเพลงให้ฟัง มีหนังสือให้อ่าน อันนี้โอเค ไปด้วยได้...ปัญหาก็คือ มันชอบไปตีกอล์ฟต่างจังหวัดใกล้ ๆ แถวบางปะกง ชลบุรี ออกจากบ้านตั้งแต่ยังไม่ตี 5 กลับมาอีกทีเย็นโน่น ไปกับก๊วนที่ทำงาน ผมก็ไม่ห่วงอะไรหรอกครับ ปล่อย ๆ ซะบ้าง.....

.....ถ้าติดตามกันมา จะรู้ว่าผมเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง การได้อยู่คนเดียวซะบ้างมันเหมือนกับการพักผ่อนในตัว วันไหนวุธไม่อยู่ ผมก็จะโหมขัดตัว ขัดหน้า หมักผม นอนแช่น้ำ จุดเทียนหอม ทำสปาส่วนตัว มีความสุขที่สุด...ถ้าวุธอยู่นี่ทำไม่ได้นะครับ มันจะชอบให้ผมอยู่ในสายตามันตลอด อย่างเล่นเนตเนี่ย ถ้าเปิดเวปมันจะเดินป้วนเปี้ยนอยู่ข้างหลัง ออนเอ็มนี่ ต้องรอให้มันไม่อยู่บ้าน...ที่ผมทำได้คือ เล่นเกม หรือไม่ก็พิมพ์อะไรก๊อก ๆ แก๊ก ๆ มันให้เหตุผลที่ไม่ยอมให้ผมออกนอกลู่นอกทาง เพราะมันกลัวผมใจแตก หรือพูดง่าย ๆ ว่า กลัวผมตัญหากลับในวัยทำงาน.....

.....วุธมันดีอย่าง คือไม่ชอบเล่นเนต ไม่ชอบแชท หรือแม้แต่เกมออนไลน์ คอมเครื่องนี้ก็เลยเป็นของผมคนเดียว ส่วนวุธก็ยังจงรักภักดีกับเกมเพลย์ที่ซื้อมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย ตอนมันอยู่หอ ไม่มีอะไรทำมันก็นั่งเล่นเกมเนี่ยแหละครับ ไม่อยากเม้าธ์...แผ่นเกมมันมีมากกว่าแผ่นหนังโป๊ซะอีก.....

“...เอ้...พรุ่งนี้โทรปลุกตี 4 ด้วยนะ...” วุธสั่งขณะจัดกระเป๋าในคืนวันศุกร์ก่อนผมจะไปเข้างานรอบดึก

“...ไปไหนอ่ะ...” ผมรู้แล้วว่ามันจะไปตีกอล์ฟ แต่ผมหมายถึงสนามไหน

“...XXXXX ชลบุรี แค่นี้เอง...” วุธพูดชื่อสนามกอล์ฟ

“...ทำไมเอาเสื้อผ้าไปเยอะจัง...” ผมยืนเบียดกับมันที่หน้าประตูตู้เสื้อผ้า เพราะผมก็กำลังแต่งตัวไปทำงาน

“...กะว่าจะค้างอ่ะ...” ผมหันไปมองหน้ามันทันที “...ไม่แน่...เผื่อขับรถกลับบ้านไม่ไหว...” วุธพูดเสียงอ่อย ๆ

“...ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย...” ผมฝืนยิ้มให้มัน เสียดายลึก ๆ เพราะวันนี้ผมเข้ารอบดึก พรุ่งนี้ผมก็หยุด เพื่อไปเข้างานรอบเช้าในวันอาทิตย์ ถ้าวุธค้าง หมายความว่าผมกับมันจะไม่ได้เจอกันตั้งสองคืน นาน ๆ จะได้หยุดวันเสาร์ซะที แพลนว่าจะทำอะไรกินกัน...เฮ้อ...ไม่เป็นไร...ผมก็พยายามมองโลกในแง่ดีว่า เราจะได้พักผ่อนเต็มที่

*
*
*

.....ทำงานรอบดึกนี่ฟุ้งซ่านจริง ๆ แขกก็ไม่ค่อยเยอะ จะมีปัญหาก็แค่ทะเลาะกับผู้หญิงที่แขกพามา หรือไม่ก็แขกเมาพูดไม่รู้เรื่อง ส่วนงานเอกสาร print report...เช็คไฟล์...ทำอะไรเสร็จก็ไม่เกินตี 2 ทีนี้ก็แยกย้ายผลัดกันไปนอน แต่ผมไม่เคยนอนเพราะไม่ชอบตอนตื่นมามันจะมึนหัว...เหมือนเค้าจ้างผมมาเฝ้าโรงแรม นั่งหัวโด่ อ่านนิตยสาร อ่านหนังสือพิมพ์ เอาวิทยุเครื่องเล็ก ๆ มาเปิดฟังหน้าฟร้อนท์.....จะมายุ่งอีกทีก็ตอนเช้ามืดแขกเช็คเอ้าท์ ไกด์มารับ วุ่นวายกันทั้งโรงแรมตั้งแต่ฟร้อนท์ เบลล์บอย แม่บ้าน และห้องอาหาร.....

.....ระหว่างนั้นผมก็คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา วุธมันกำลังเห่อกีฬากอล์ฟมาก หลังจากที่ลากผมไปเข้าฟิตเนสแถวบ้านเมื่อต้นปี วุธน่ะมันได้เล่นคุ้ม เพราะมันมีเวลา แต่ผมนี่สิ เหมือนเสียเงินให้เค้าเปล่า ๆ ผมเข้าฟิตเนสนับครั้งได้เลยในช่วงแรก ทำงานมาก็เหนื่อยพอแล้ว แต่วุธมันก็บังคับขู่เข็ญลากผมไปจนตอนนี้ผมติดการออกกำลังกายไปซะแล้ว.....

.....ส่วนเรื่องกอล์ฟ วุธมันเพิ่งจะติดไม่นานนี้เอง หมดเงินไปกับอุปกรณ์หลายอยู่ บางชิ้นผมยังเสียดายเงินแทน เป็นกีฬาที่มีอุปกรณ์แพงมาก ช่วงนั้นวุธก็พยายามให้ผมเล่นกอล์ฟกับมัน ถึงขนาดลงทุนซื้อถุงมือซื้อไม้ให้ อย่างที่บอกถ้าซ้อมตีในร่ม ผมก็โอเค แต่ถ้าให้ออกแดด ผมดึงดันทุกวิถีทาง ไม่ยอมเล่นกับมัน จนมันต้องซื้อที่ซ้อมกอล์ฟเอาไว้ที่บ้าน อันนี้มันแอบซื้อครับ กลัวผมด่าทั้ง ๆ ที่ไม่ใช้เงินผม แต่ก็เสียดายแทน....แบบนี้ค่อยดีขึ้นมาหน่อย ไม่ร้อน แล้วเวลามันสอนนะ...ตัวติดกัน ต้องจับมืออีก ถึงจะอยู่ด้วยกันมานาน แต่ผมก็ยังเขินมันไม่หาย ตีผิดตีถูก สอนเท่าไหร่ผมก็ตีไม่เก่งซะที.....

*
*
*

“...เหนื่อยมั๊ยจ๊ะ...” วุธทักทันทีที่ผมลงจากรถ เดินยิ้มแป้นออกมาช่วยผมถือกับข้าวเข้าบ้าน วันนี้วันอาทิตย์ เอารถไปทำงานได้

“...เหนื่อยดิ...ห้องเต็มอีกแล้ว.................” ผมเดินไปบ่นไปตามเรื่องตามราว

“...ซื้อขนมมาฝากเอ้ด้วย...” วุธยกจานข้าวหลามออกมาให้ผมที่ห้องรับแขก ผมกลั้นยิ้ม เพราะนึกภาพออกว่ามันเป็นคนผ่าเองกับมือ วุธมันชอบทำอะไรที่ใช้กำลังอย่างนี้เสมอ ทุกครั้งที่ไปชลบุรีมันจะต้องซื้อข้าวหลามมาฝาก และใช้มีดอันใหญ่ที่สุดเท่าที่มี นั่งผ่านั่งแงะกระบอกข้าวหลามอยู่หลังบ้าน ผมบอกมันว่าเวลาซื้อให้แม่ค้าเค้าผ่าให้ก็ได้ แต่มันบอกว่ามันชอบ ท้าทายดี ผมก็ไม่ว่าอะไร ดีซะอีกอย่างน้อยก็สะอาดไว้ใจได้ และที่ผมกับวุธกินก็ไม่เหมือนกัน เพราะผมกินแต่ด้านบนที่มีกะทิ พอมันหมดหวานกลายเป็นข้าวเหนียวธรรมดา ไอ้วุธมันก็กินต่อ มันชอบเอาไปจิ้มกับนมข้นหวาน...แบบนี้อยู่ด้วยกันได้

“...หนุกปะ...” ผมถามพลางเอาช้อนตักหน้าข้าวหลามกินรองท้อง

“...สนุกดิ...เกือบได้โฮลอินวัน...” มันชอบพูดภาษากอล์ฟที่ผมไม่รู้เรื่อง ได้แต่อือ ๆ ออ ๆ ตามไปงั้น “...เออ นี่ ทริปนี้มีพี่ที่ทำงานคนละแผนกไปด้วยคนนึง...ถ้าเอ้เห็นแล้วเอ้จะชอบ...”

“...ทำไมอ่ะ...”

“...เค้าหล่อมาก ๆ เลยเอ้ เรียนที่อเมริกาตั้งแต่เด็ก บ้านรวยโคตร ขับรถคันละตั้งหลายล้าน แต่เสียอย่างเดียว เป็นคนไทยแต่อ่านเขียนภาษาไทยไม่ได้...เฮ้อ...” วุธพูดขำ ๆ ท่าทางจะหล่อจริง ไม่ค่อยได้ยินวุธชมผู้ชายด้วยกันเท่าไหร่

“...แล้วเค้าไปตีด้วยได้ไง...อยู่คนละแผนกไม่ใช่เหรอ...”

“...อืม...เค้าเป็นเพื่อนของพี่อีกคนอ่ะ...เนี่ยเพิ่งเข้ามาทำงานไม่ถึงเดือน ผู้หญิงจ้องจะจีบกันทั้งบริษัท...มีรูปด้วย แต่ยังไม่ได้เอาไปอัด...” ผมแกล้งทำตาโต “...ไม่ต้องเลย...ไม่ให้ดูหรอก เดี๋ยวเอ้ไปชอบเค้าอีกคน...” วุธดักคอ เพราะรู้ว่าผมชอบกระดี๊กระด๊าคนหน้าตาดี ๆ

“...ไม่มีทาง...ชั้นรักแกคนเดียว...” วุธอมยิ้มแก้มตุ่ย “...ขอดูหน่อยนะ...นะ...” ผมอ้อนดูรูปที่อยู่ในกล้องดิจิตอลของวุธ ใจจริง แค่อยากรู้ว่ามีใครไปมั่งเท่านั้นแหละ

*
*
*

“...อ่ะ...” วุธยื่นกล้องดิจิตอลให้ผมแล้วนั่งข้าง ๆ เพื่อดูรูปด้วยกัน

“...เขยิบไปหน่อย...ไม่เหม็นเหรอ...” ผมเบี่ยงตัว อยู่กันมาตั้งนานผมก็ยังอดเขินมันไม่ได้ ก็หน้ามันกะหน้าผมติดกันซะขนาดนี้

“...ไม่เห็นเหม็นเลย...หอมจะตาย...” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น ก็นั่นนะสิ มันจะเหม็นได้ยังไง ก็ผมอยู่ห้องแอร์ทั้งวัน เหงื่อไม่ออก เสื้อผ้าก็เอาไปเปลี่ยน แหม...มันเป็นข้ออ้างแก้เขินอ่ะ

“...นี่ ๆ พอ จะดูรูป...” ผมจับคางมันให้หันไปที่กล้อง ทำเป็นสนใจกับรูปในจอตรงหน้า...จ้ะ...วุธขอบใจมากที่ให้ดูรูป...มีแต่รูปมันทั้งนั้น ส่วนพี่ที่ว่าหล่อ มีเหมือนกัน แต่ดันเป็นรูปที่เค้าใส่หมวกปิดมาซะครึ่งหน้า หรือไม่ก็ถ่ายซะไกลขนาดซูมจนสุดก็มองหน้าไม่ชัดอยู่ดี...อืม...เท่าที่เห็นก็มีเค้าโครงความหล่ออยู่เหมือนกันนะ

“...ทำไมทริปนี้ถ่ายรูปเยอะจัง...” ผมสงสัย

“...อ๋อ...พี่เค้าถ่ายเล่นอ่ะ ฝากถือกระเป๋าแป๊บเดียว แอบถ่ายเราตั้งหลายรูป...” มันพูดไปหัวเราะไปพร้อมกดเลื่อนให้ผมดูรูปหลุด ๆ ของมันพลางเล่าให้ฟังว่ามันทำอะไรบ้างในตอนนั้น

*
*
*

.....เช้าวันจันทร์ ผมต้องจำใจลุกจากเตียงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เพื่อไปให้ทันเข้างานรอบเช้าในเวลาเจ็ดโมง เราก็เคยทำงานรอบดึกมาก่อน เข้าใจความรู้สึกของเพื่อนร่วมงานที่เข้าดึก เหนื่อยและเพลียมาก ๆ พอรอบเช้ามาต่อรอบนั่นหมายความว่าเขาได้กลับบ้านไปพักผ่อนซะที.....

.....ถึงแม้ผมจะเพลียจากการนอนน้อยและนอนไม่เป็นเวลา รวมทั้งจากการแสดงความรักของเราสองคนที่ใช้เวลานานกว่าที่ผ่านมา เพราะไม่ใช่แค่ครั้งเดียวสำหรับเมื่อคืนนี้ วุธอ้อนเพื่อให้ผมยอมตามใจ ปากก็บอกคิดถึง ไม่ได้นอนกอดตั้งสองคืน...ถ้ากอดอย่างเดียวคงไม่เพลียขนาดนี้หรอก ผมคิดในใจพลางมองหน้าวุธที่นอนหลับตาพริ้มมีความสุข ไม่ต้องกลัวตื่นสายเพราะมีผมทำหน้าที่เป็นนาฬิกาปลุกส่วนตัว.....

.....ทำงานรอบเข้านี่อะไรก็ดีไปหมด แต่ผมสงสารวุธที่ต้องตื่นเร็วกว่าทุกวันเพื่อออกไปส่งผมที่สถานีรถไฟฟ้าแล้วเลยไปทำงานต่อ...อืม...แสนดีอย่างนี้ไม่รักได้ไงล่ะ.....

*
*

“...Good morning ค่ะ แหม...คุณพี่หน้าตามีความสุขนะคะ...” เสียงน้องเบส กะเทยเด็ก (เด็กกว่าแค่ปีเดียวเอง) น้องใหม่ของแผนกทักเสียงใส ถึงหล่อนจะดัดจริตทักผมเป็นภาษาอังกฤษแต่มันก็ยกมือไหว้ด้วย อันนี้มันคงเห็นรุ่นพี่ทำเป็นตัวอย่าง เรื่องการยกมือไหว้สวัสดีนี่เป็นกันทั้งแผนก ตามลำดับอาวุโส บางทีไปเจอกันข้างหน้าฟร้อนท์ ก็ยกมือไหว้กันตรงนั้น แขกที่รอเช็คอิน เช็คเอาท์ ยืนยิ้มที่ได้เห็นวัฒนธรรมที่พวกเราคนไทยควรภูมิใจ

“...Morning จ้า...คุณน้องก็สวยแต่เช้าเลยนะ...” ผมรับไหว้ แถมชมมันนิดนึง หล่อนบ้ายอ

“...ไม่ได้หรอก...วันนี้เข้ารอบเดียวกับพี่เอ้...ถ้าไม่สวยพอพี่เอ้ก็กวาดแขกผู้ชายของหนูเกลี้ยงเลยสิ...”

“...อีเบส...เลิกงานแล้วมึงจะไปเล่นวิกไหนวะ...” น้องเตยอีกคนส่งเสียงกัด สองคนนี้มันสนิทกันค่อนข้าเร็ว เพราะเป็นเด็กเข้าใหม่วัยเดียวกัน

“...อีดอก...มึงออกไปออนฟลอร์ก่อนสิ กูแต่งหน้าอยู่...”

“...วันหลังมึงก็แวะแต่งหน้าที่นิติเวช ตรงโรง’บาลตำรวจก่อนสิวะจะได้ไม่เสียเวลา...” น้องธีพูดแล้ววิ่งออกไปต่อรอบหน้าฟร้อนท์ ก่อนที่เพื่อนสาวจะหาอะไรปาหัว

“...เอ้...วันนี้แกเหนื่อยแน่...” พี่ไนท์เมเนเจอร์พูดขำ ๆ เมื่อเห็นว่าผมต้องร่วมงานกับเด็กใหม่ทั้ง 2 คน ที่ถึงแม้ว่าเราจะเห็นและรู้จักกันมาเกือบสองเดือน แต่ก็ยังไม่เคยได้ทำงานด้วยกันครบเซตอย่างวันนี้

“...เอ้ก็ว่างั้นอ่ะเจ๊...” ผมพูดพลางขยับเนคไทให้เข้าที่เข้าทาง ส่องกระจกหันซ้าย หันขวาสำรวจตัวเอง แล้วเดินออกไปเผชิญความวุ่นวายหน้าฟร้อนท์


********************************************************************************************


.....สวัสดีอีกครั้งครับ ไม่ได้เจอกันมาหลายเดือน หวังว่าผู้อ่านที่น่ารักของผมคงสบายดีกันทุกคนนะครับ อีกไม่นานก็จะครบรอบ 1 ปีที่เรื่องเด็กพาณิชย์ได้ถูกรู้จัก และมีหลายคนอยากอ่านต่อ หลังจากที่ตอนพิเศษจบลงไปเมื่อกลางปี.....

.....วันนี้ขอเอามาลงให้สั้น ๆ ก่อนเพื่อสำรวจว่ายังมีคนสนใจอยากอ่านเรื่องของอดีตเด็กพาณิชย์คนนี้เหมือนเดิมหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ก็มีเรื่องสั้น นิยาย สนุก น่าติดตามหลายเรื่อง ผมเองก็อ่านเกือบทุกเรื่องนะครับ แต่รีพลายไม่ค่อยได้ โพสท์ยากมาก จะพยายามอีกครั้งก็กลัวจะโพสท์ซ้ำ เอาเป็นว่าผมบอกไว้ตรงนี้เลยละกันว่าผมติดตามและเป็นกำลังใจให้นักเขียนทุกคนนะครับ (เผื่อจะมีใครเข้ามาอ่าน).....

.....เรื่องราวในตอนที่ผมจะเขียนต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน หลายคนได้คุยกับผมคงรู้ว่าชีวิตผมได้มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แต่มันมีเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่ผมคิดว่าเอามาเล่าในบอร์ดนี้ได้ และทุกคนน่าจะชอบ.....

.....แล้วเจอกันครับ.....
...เอ้...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2007 11:03:59 โดย nartch »

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
เอ๊ะ...พี่รูปหล่อนี้จะเป็นตัวปัญหาป่าวอ่ะ

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
แหมพี่ ถึงจะมีเรื่องให่มา

ผมก้ไม่ลืมเรื่องเก่านะ อิอิ

เอ๊ะ...พี่รูปหล่อนี้จะเป็นตัวปัญหาป่าวอ่ะ

*0*  มีแวว เน๊อ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด