พิมพ์หน้านี้ - (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: lanlan ที่ 17-08-2007 17:09:54

หัวข้อ: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 17-08-2007 17:09:54
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ



.::.กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่ .::. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)





ผมมีนิยายเรื่องนึงอยากให้เพื่อนๆและพี่ๆๆอ่านที่นี่ครับและผมก็ได้ขออนุญาตพี่เอ้เจ้าของเรื่องเรียบร้อยแล้วคับ
เรื่องเป็นเรื่องที่สนุกมากเลยครับ ผมชอบมากๆๆเลยขอให้พี่ๆเพื่อนได้สนุกกับอ่านกันนะครับ
ขอบคุณพี่เอ้มากๆเลยครับที่อนุยาดให้เอามาลง

เครดิต :  COMMERCIAL COLLEGE STUDENT @ Palm-plaza

1 INTRODUCTION
การมีความจำที่ดี ถ้าเราได้ใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ มันก็จะดีกับตัวเรา แต่เคยได้ยินมั๊ยครับ กับคำว่า “อยากลืมกลับจำ” และเรื่องที่เราอยากลืมมักจะจำได้แม่นกว่าเรื่องที่อยากจำเสียอีก

ผมก็เป็นอีกคนที่มีความจำดีเยี่ยม และผมก็รู้จักใช้ในเรื่องที่ถูกที่ควร อาทิเช่นเรื่องการเรียน แต่มีอยู่เรื่องนึง…อย่างที่บอก อยากลืมกลับจำ แม้แต่ในฝันมันยังตามมาหลอกหลอนผมอยู่บ่อย ๆ และเรื่องนี้ก็ทำให้ผมแทบเสียความมั่นใจกับพรสวรรค์ เอ๊ะ…หรือจะเป็นเพราะตอนเด็ก ๆ พ่อแม่ผมให้กินของดี ๆ ก็เลยทำให้ผมมีความจำที่ดีได้ขนาดนี้ แต่คนเราก็พลาดกันได้ใช่มั๊ยครับ และผมก็คนนึงที่พลาด…พลาดเพราะความที่ไม่ค่อยใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ผมจึงมีเรื่องที่ทำให้ผมจำมาจนทุกวันนี้ จริง ๆ แล้วมันก็มีทั้งเรื่องดี และเรื่องไม่ดีนั่นแหละครับ มันเป็นเรื่องที่สร้างความอับอายให้ผมอย่างมากที่สุดก็ว่าได้ แต่สุดท้ายแล้วความอับอายที่เกิดขึ้นนั้นก็ดันกลายเป็นเรื่องของความรักแทน….ลองอ่านกันดูนะครับ…..

ก่อนอื่นผมต้องขอแนะนำตัวนิดนึงนะครับ ผมชื่อเอ้ เพิ่งจบมหาวิทยาลัยเมื่อต้นปีนี้เอง ตอนนี้ทำงานแล้ว แต่เป็นงานอะไร ที่ไหน ตอนหลัง ๆ ค่อยบอกนะครับ เรื่องที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ มันเป็นเรื่องจริงของผมที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากนักเขียนในบอร์ดนี้หลายคน….อย่างแรกเลยก็คือ ผมเป็นคนที่มีสองบุคลิกในคนเดียวกัน เป็นเด็กผู้ชายที่เรียบร้อยมากถึงมากที่สุดเวลาอยู่บ้าน ตื่นเช้ามืดไปตลาดซื้อของทำกับข้าวเตรียมใส่บาตรกับแม่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ดูเป็นเหมือนลูกสาวมากกว่าลูกชาย พ่อกับแม่ก็ไม่ว่าอะไรท่านกลับชอบซะอีกที่ผมเรียบร้อย ไม่เหมือนน้องชายทั้งสองของผมที่ซน ทะโมนตามธรรมชาติของเด็กผู้ชายทั่วไป แต่…ถ้าผมได้ก้าวขาออกจากบ้านเมื่อไหร่ผมจะเป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งแตกต่างกับ “น้องเอ้” ที่แม่ผมมักจะเรียกผมอย่างนั้นเสมอ แตกต่างกันยังไงน่ะเหรอ ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพอย่างน่ารักก็คือ เหมือนผีเสื้อที่ถูกปล่อยให้ออกมาจากโถแก้ว แล้วบินแรด ๆ ไปผสมพันธุ์จนได้ดักแด้ตัวน้อย ตัวเองก็ตายไป ส่วนเจ้าหนอนดักแด้ตัวนั้นก็ถูกจับลงโถแก้วใบเดิม…รอเวลาที่จะกลายเป็นผีเสื้อตัวสวยอีก เหมือนเดิมเป็นวัฎจักรชีวิต แต่ผมไม่ได้ไปผสมพันธุ์กับใครนะครับ…แค่ออกไปแรดเฉย ๆ เวลาผมอยู่บ้านจะเป็นคุณหนูพูดเพราะ พูดด้วยเสียงเบา ๆ เหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วง สะอาดเรียบร้อย ดูเป็นเด็กขี้อาย แต่ถ้าผมอยู่นอกบ้านน่ะ หึ หึ เป็นคนละเรื่องกันเลย…ผมได้รับฉายาจากเพื่อน ๆ ว่า ”ลูกสาวกำนัน” เพราะเพื่อนผมทุกคนจะรู้ว่าผมถูกเลี้ยงในแบบ CONSERVATIVE ทำให้เก็บกดมาก ต้องออกมาระบายข้างนอก แต่ผมไม่ได้วี๊ดว้ายกระตู้วู้นะครับ เพราะผมกลัวคนรู้จักฟ้องที่บ้าน ผมก็แค่ก๋ากั่น โผงผาง พูดคำด่าคำ (จริง ๆ แล้วน้องชายทั้งสองของผมก็รู้นะครับว่าเวลาผมอยู่นอกบ้านผมเป็นยังไง แต่พวกมันไม่กล้าบอกพ่อกับแม่หรอกครับ มันกลัวผมกระทืบ !) จากน้องเอ้ที่คุณแม่เรียกจะกลายเป็น ไอ้เอ้ อีเอ้ หรือ อีดอกเอ้ สำหรับเพื่อนชะนีที่สนิทกัน และ ไอ้สัตว์เอ้ สำหรับเพื่อนผู้ชายในห้องที่มีอยู่น้อยมาก จากคุณหนูพูดเพราะ ก็กลายเป็นคนที่มีปากเป็นอาวุธที่ร้ายกาจไม่มีใครกล้าแหยม จากเด็กท่าทางเรียบร้อยดูอ่อนต่อโลก ก็จะกลายเป็นคนที่ดูเหมือนจะกินผู้ชายมาแล้วเจ็ดทวีปทั่วโลก สะอาดสะอ้าน โอเคครับ…เรื่องความสะอาดยกให้เพราะผมก็รักสะอาด แต่เครื่องแบบนักเรียนผมนะคุณ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่มีอะไรถูกระเบียบซักอย่าง โชคดีที่พ่อแม่ไม่ค่อยรู้เรื่องเครื่องแบบผมนัก (เพราะผมไปสั่งตัดและซัก-รีดเอง) จากเด็กที่ดูขี้อาย ก็กลายเป็นคนตลกโปกฮา สัปดน (จริง ๆ น่ะ มีไม่กี่สาเหตุหรอกครับที่ทำให้ผมอายได้) เพราะความที่ผมไม่ค่อยอาย ทำให้ผมเป็นหัวโจกในห้อง เป็นผู้นำให้กิจกรรมหลาย ๆ อย่าง เช่น เรื่องออกไปรายงานหน้าห้อง เป็นเหมือนหน้าที่หลักของผม จนอาจารย์ห้ามไม่ให้ผมออกไปรายงานเพราะกลัวว่าคนอื่น ๆ จะไม่เข้าใจเรื่องรายงาน ซึ่งมันก็จริงของอาจารย์นะครับ เพราะเพื่อนในกลุ่มมีหน้าที่ผลัดกันพิมพ์อย่างเดียว เรื่องหาข้อมูลเป็นเรื่องของผม มันอ้างว่าผมเป็นคนรายงานก็ต้องรู้เรื่องมากกว่าคนอื่น จริงของพวกมันครับผมต้องเตรียมตัวก่อนออกไปรายงานหน้าห้องทุกครั้ง และด้วยเหตุนี้เองก็ทำให้คะแนนผมดีจนติด TOP 5 ในห้อง ถ้าไม่ติดว่ามัวแต่ไปแรด ๆ อาจจะเป็น TOP 3 ก็ได้
*
*
*
อย่างที่สองผมเป็นเด็กพาณิชย์ครับ และผมก็ภูมิใจในความเป็นเด็กพาณิชย์ของผมมาก เพราะผมสอบเข้าได้เป็นหนึ่งในพันกว่าคนของนักเรียนที่สมัครสอบเข้าในปีนั้น (สมัครประมาณห้าพันคน รับแค่พันกว่าคนและได้เรียนในรอบเช้าด้วย) ผมเรียนที่วิทยาลัยพณิชยการที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นี่แหละครับ ที่ผมบอกว่าเรื่องของผมอาจจะต่างกับคนอื่นก็เพราะ คุณจะได้รู้เรื่องราวของเด็กพาณิชย์บ้าง หลังจากที่อ่านเรื่องของด็กมัธยม หรือเด็กมหา’ลัยมาหลายเรื่องก่อนหน้านี้ และเหตุการณ์ทั้งหลายต่อไปนี้เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วเป็นส่วนใหญ่
LOVE STORY ของผมเกิดขึ้นตอนอยู่ ปวช. 2 หรือเทียบได้กับ ม. 5 ของเด็กมัธยม อ้าว…แล้วชีวิตตอนปี 1 ของผมไปไหนอ่ะ…ก็มันไม่มีอะไรมากนี่นา แต่เล่าดีกว่าเพราะมันจะได้โยงไปถึงเพื่อน ๆ ที่คบกันอยู่จนทุกวันนี้
*
*
*

วันแรกที่เปิดเทอม ผมตื่นเต้นมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกของผมที่ได้ไปเรียนไกลบ้านขึ้นอีกนิด แถมยังได้ไป-กลับเองด้วย วันนี้แม่ขับรถไปส่งผม (เค้ากลัวผมหลงทาง…ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมก็มาลงทะเบียน ปฐมนิเทศแล้วนะครับ) แต่ขากลับได้ขึ้นรถเมล์กลับเองด้วย…ผมแอบดีใจอยู่ลึก ๆ อย่างที่บอกน่ะครับว่าผมถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู มีคนไปรับไปส่งตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมต้น แม้ผมจะแอบพ่อกับแม่ขึ้นรถเมล์ และข้ามถนนคนเดียวโดยไม่มีคนจูงมือบ่อย ๆ ก็เถอะ วันนี้จะเป็นวันที่ผมได้ทำแบบนั้นโดยไม่ต้องแอบอีกต่อไปแล้ว

“กลับบ้านดี ๆ นะลูก เวลาข้างถนนต้องข้ามตอนที่มีคนเยอะ ๆ มองด้านขวาก่อนนะแล้วค่อยมองซ้าย…ดูซ้ายดูขวาดี ๆ ถ้าข้ามไม่ได้ก็เดินไปหาตำรวจตรงป้อมโน่น แล้วขอให้เค้าพาข้ามนะ ถ้าไม่รีบก็รอขึ้นรถปอ. นะลูกมันมีประตูจะได้ปลอดภัย ขึ้นลงรถต้องรอให้รถจอดให้สนิทนะลูก ถ้าลงไม่ถูกก็บอกกระเป๋ารถเค้า ก่อนลงดูมอไซค์ด้วยเผื่อมันแซงซ้ายขึ้นมา ถ้าหนูกลับไม่ได้ก็โทรไปเรียกพี่นุชมารับนะแม่บอกเค้าแล้ว และ…..ฯลฯ….” แม่พูดอย่างเป็นห่วงก่อนที่ผมจะลงจากรถ

“ครับ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เอ้ไปเรียนก่อนนะครับ สวัสดีครับ“ ผมได้แต่รับคำแม่ จริง ๆ แล้วยังมีอีกเยอะนะครับกับคำพูดด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยในทุกครั้งที่แม่เจียดเวลาไปส่งผมตอนเช้า ซึ่งก็ไม่บ่อยนัก แต่แม่พูดเหมือนอัดเทปมาพูดทุกครั้งจนผมกลัวเทปยืด นึก ๆ แล้วก็ขำนะครับ แม่ทำเหมือนกับผมเป็นเด็ก ป.5 ป.6 แต่ก็ต้องขอขอบพระคุณคุณแม่มาก ๆ เพราะ สิ่งที่แม่พร่ำสอนเหล่านี้ทำให้ผมกลายเป็นคนที่ไม่ประมาทจนเป็นนิสัย

วันนี้ทั้งวันก็ไม่มีอะไรมาก อาจารย์ให้แนะนำตัว พูดเรื่องการให้คะแนนนิดหน่อย แล้วก็ให้พวกนักเรียนนั่งล่นนั่งคุยกันตามประสา ผมได้เพื่อนที่คิดว่าเข้าขากันได้ดีทั้งหมด 5 คน ซึ่งแต่ละคนก็สุดยอดกันทั้งนั้น เป็นผู้หญิงทั้งหมด เพราะทั้งห้องผู้ชายมีแค่ 9 คน รวมผมด้วยนะครับ

…..อ๋า…..คนนี้ฮามาก ชีจะชื่ออ๋าได้แค่วันเดียวเพราะต่อไปพวกเราพร้อมใจกันเรียกหล่อนว่า “อีเอ๋อ” อ๋าเป็นผู้หญิงที่ตลกที่สุดที่ผมเคยรู้จัก ขนาดชีเล่าเรื่องตอนที่พ่อชีตาย มันยังสามารถเล่าให้พวกเราขำได้

…..นัท…..เราสองคนถูกเลี้ยงดูมาเหมือนกันมาก แต่ครอบครัวชีจะแรงกว่า เนื่องจากมีคุณพ่อเป็นข้าราชการระดับสูง ส่วนคุณแม่เป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง เวลาอยู่บ้านหล่อนจะเรียบร้อยมาก แต่ถ้าอยู่นอกบ้าน…สุดยอด แรดได้ใจดีจริง ๆ ชีจะมีถุงกระดาษใส่ชุดนักเรียนที่ผิดระเบียบมาเปลี่ยนที่โรงเรียนทุกวัน และชุดที่เอามาเปลี่ยนนั้นมันอลังการกว่าทุกคน เพราะชีขโมยมาจากห้องที่แม่ชีใช้เก็บเสื้อผ้าที่ริบจากนักเรียนในโรงเรียนที่เค้าสอนอยู่

…..ตาล…..เด็กใจแตกประจำกลุ่ม เรื่องเลว ๆ ชีลองมาหมดแล้ว แต่มันเป็นคนที่นิสัยดีมาก มีน้ำใจ รักเพื่อน และที่สำคัญไม่เคยชวนเพื่อนให้ทำตามที่มันเคยทำ แถมยังชอบสอนพวกเราซะอีก มันบอกว่ามันอาบน้ำร้อนมาก่อน พูดเหมือนมันแก่กว่าเราซักสิบปี

…..แจน…..สาวหวานซ่อนเปรี้ยว เป็นคนที่สวยที่สุดในกลุ่ม เชี่ยวชาญเรื่องผู้ชายมาก แต่ที่น่าเหลือเชื่อคือ ชียังซิง หล่อนจะเป็น LOVE CONSULTANT ให้กับเพื่อน ๆ ทุกคน และผมก็ได้ข้อคิดดี ๆ ในเรื่องผู้ชายจากแจนนี่แหละ

…..ตูน…..อีนี่ห้าวมาก มองเผิน ๆ เหมือนทอม แต่เรื่องผู้ชายไม่เป็นรองใคร ชีเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลของวิทยาลัย มือหนักมาก ไม่กลัวใคร เพราะพวกเยอะ แรงดี เป็นพวกบ้าพลัง ผมไม่เคยเห็นมันเหนื่อยเลย

หลังจากพักเที่ยง ตอนบ่าย ๆ ก็มีเสียงประกาศจากลำโพงให้เด็กปีหนึ่งทุกคน ทั้งรอบเช้าและรอบบ่ายเข้าห้องประชุม พวกเราก็เข้าไปอย่างไม่รู้อิโหน่อีเหน่ ผมนั่ง…นั่งกับพื้นนะครับ โรงเรียนรัฐบาลก็อย่างเนี่ยแหละ…ไม่มีงบ มารู้ตอนหลังว่ามีหอประชุมอีกตึกนึงที่มีเก้าอี้(พลาสติก) พวกเราฟังอาจารย์หลายต่อหลายท่านพูดอะไรก็ไม่รู้ซ้ำไปซ้ำมาเกี่ยวกับกฎระเบียบ ข้อห้ามที่เยอะมากจนน่าเบื่อ ซึ่งผมรู้หลังจากอยู่ที่นั่นไม่ถึงเทอมว่า…กฎของที่นี่มีไว้ให้แหก…

“เอาล่ะ…นี่ก็เสียเวลามานานแล้ว…ยืนขึ้นทีละแถว เริ่มจากห้อง 1/1 ก่อน” เสียงจอกแจกจอแจก็ดังขึ้นหลังอาจารย์สั่งให้ยืน

“เงียบ…ยังไม่ได้ปล่อยให้กลับ…วันนี้ครูจะตรวจเครื่องแบบซักหน่อย…จะได้หมายหัวไว้ว่าคนไหนต้องดูแลเป็นพิเศษ” อาจารย์หัวหน้าฝ่ายปกครองพูดพร้อมมองกวาดสายตาลอดแว่นหนา ๆ อันนั้น เสียงฮือฮายิ่งดังขึ้นกว่าเดิม เมื่ออาจารย์หัวหน้าฝ่ายปกครองพูดจบแล้วเดินลงจากเวทีเดินดูนักเรียนทีละคนพร้อมอาจารย์ที่ปรึกษาของแต่ละห้อง ลืมบอกไปว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของห้องผมก็เป็นหนึ่งในอาจารย์ฝ่ายปกครองและสอนวิชาภาษาอังกฤษที่ต้องเจอกันทุกวันด้วย

เวลาผ่านไปไม่นานอาจารย์คนนั้นก็เดินมาถึงห้องผม ผมกระสับกระส่ายอยากจะหนีออกไปจากห้องประชุมนี่จริง ๆ เพราะอย่างที่บอกอ่ะครับ ตั้งแต่หัวจรดเท้าผิดระเบียบหมด คนที่เริ่ดที่สุดต้องเป็นอีนัท…มันขออนุญาตอาจารย์ไปเข้าห้องน้ำ ใช่…มันไปเข้าห้องน้ำ แต่มันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ถูกระเบียบอย่างแรงแถมยังถักเปียด้วยตัวเอง กลับมาอีกทีเพื่อน ๆ ทั้งห้องปล่อยก๊ากกับชุดและหัวมัน รวมทั้งหน้าที่โล้นไม่มีร่องรอยของดินสอเขียนคิ้ว และลิปสติกเหมือนเมื่อตะกี้นี้เลย

“อีเอ้…มึงโดนแน่” มันพูดพร้อมทำหน้าเชิด ๆ

“อีห่า…คนหรือลิงวะ…ไวชิบหาย วันหลังกูจะเอาชุดมึงไปซ่อน” ผมแกล้งขู่มัน

“เฮ้ย…อย่านะมึง กูกลับบ้านไม่ได้เชียวนะโว้ย” มันรีบพูดสีหน้าวิตก

“เออ…กูพูดเล่น” ผมต้องรีบหุบปากเพราะอาจารย์ใกล้จะมาถึงแล้ว

“นี่เธอแต่งตัวอะไรของเธอเนี่ย ขึ้นไปข้างบนเลย” อาจารย์หมายถึงบนเวทีครับ ผมก็เดินขึ้นไปอย่างเสียไม่ได้ ทันทีที่ผมก้าวขึ้นเวทีก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาชะนี และกะเทยแรง ๆ ที่อยู่รอบบ่าย พวกเค้าคงคิดว่าผมเป็นแมนเต็มตัวมั้งครับ มันก็น่ากรี๊ดอยู่หรอก ผู้ชายตัวสูง ๆ ผมรากไทรแสกกลาง ตาโต คิ้วเข้ม จมูกโด่งเด้ง หน้าหวาน ผิวสองสี ใส่เสื้อผ้าดิบ กางเกงทรงกระบอกขาบานนิดนึง กระเป๋ากางเกงเป็นแบบเฉียง กระเป๋าหลังเป็นแบบปะมีลาย ตรงด้านข้างประมาณหัวเข่ามีช่องไว้ให้เสียบปากกา เด็ดสุด…กางเกงผมไม่มีซิปนะครับ เป็นกระดุมเหล็ก 6 เม็ด หูเข็มขัดเป็นแบบไขว้ เข็มขัดของโดมอน ถุงเท้าสีดำก็จริงแต่เป็นแบบมีลายในเนื้อผ้า รองเท้าหัวโต มองไกล ๆ ถ้าไม่เห็นว่าปักชื่อโรงเรียนคนต้องคิดว่าผมเรียนช่างกลแน่ ๆ

“เธอก็ขึ้นไปข้างบนด้วย” อาจารย์บอกอีนัท ซึ่งตอนนี้มันทำหน้าแบบงง ๆ “ให้กูขึ้นไปทำไมเนี่ย” ผมเห็นมันขมุบขมิบปากบ่น

ในที่สุดอาจารย์ก็ตรวจเครื่องแบบทุกคนเสร็จเล่นเอาผมยืนเมื่อยไปเลย บนเวทีมีนักเรียนรอบเช้าอยู่แค่ 9 ส่วนรอบบ่ายนั้นเกือบ 20 คนได้ อาจารย์ไล่เรียงความผิดของทุกคนโดยเว้นผมไว้ก่อน ส่วนอีนัทน่ะเหรอ อาจารย์เรียกมันขึ้นมาชมว่าแต่ตัวเรียบร้อยที่สุด มันยิ้มหน้าบานแถมยังหันมายักคิ้วให้ผมอีก

“เราน่ะ…มานี่…มายืนตรงนี้” ถึงตาผมแล้ว อาจารย์เรียกผมให้มายืนกลางเวที และเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นอีก

“นี่…นี่…น้อย ๆ หน่อย เห็นคนหล่อ ๆ เป็นไม่ได้…เด็กผู้หญิงสมัยนี้…ชื่ออะไรหาเราน่ะ” อาจารย์ยื่นไมค์มาจ่อที่ปากผม

“ขอบคุณที่ชมนะครับ…ผมชื่อ XXXXX ครับ” เสียงกรี๊ดดังกว่าเก่าอีก

“นี่…นี่…นี่…เงียบ ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ…ที่ให้ขึ้นมาเนี่ย…ทุกคนดูไว้…ทั้งตัวไม่มีส่วนไหนที่ถูกระเบียบเลย แต่งตัวอย่างนี้ออกมาจากบ้านได้ยังไงหา ไม่กลัวโดนตีกบาลเหรอ เราเป็นเด็กพาณิชย์นะ ไม่ใช่เด็กช่าง มองข้างหลังไม่รู้เลย เดี๋ยวก็โดนตีหัวแบะหรอก” ผมได้ยินทั้งเสียงหัวเราะ…ทั้งเสียงพวกผู้ชายโห่ดังลั่นเลยครับ แต่…ไม่อายครับ ผมยังแอบอมยิ้มเลย

“ยังจะมาทำหน้าระรื่นอีก…ไอ้พวกบนเวทีนี่เดี๋ยวตามครูไปห้องปกครองทุกคนเลย ส่วนเธอ” อาจารย์ชี้มาที่ผม “เลิกเรียนแล้วไปตัดผม ตัดเล็บซะ พรุ่งนี้เช้ามารายงานตัวกับครูด้วย…พวกข้างล่างลุกขึ้นแล้วแยกย้ายกันไปได้…ไม่ต้องแย่งกัน…ไปทีละแถว”

วันนั้นผมโดนตัดคะแนนความประพฤติไป 5 คะแนน (ถ้าผมโดนรวม 20 คะแนนเมื่อไหร่ต้องโดนเชิญผู้ปกครอง อันนี้รับไม่ได้จริง ๆ ) ยัง…ยังไม่พอนะครับ ผมโดนยึดกางเกงอีก โดยให้ใส่ “ผ้าถุง” เป็นผ้าถุงสีแดงโคตร ซึ่งจริง ๆ แล้วผู้ชายต้องใส่เป็นกางเกงขาก๊วยสีแดงเช่นกัน แต่ไอ้พวกรอบบ่ายมันเอาไปใส่หมดแล้ว ไม่เป็นไร ผมก็ใส่เดินเชิด ๆ พอออกมาจากห้องปกครองเดินกลับห้องเรียนทันที สายตาทุกคู่ก็มองมาที่ผม ไม่อายอีกครับ น่ารักดีออก เหมือนพวกนักศึกษาบ้านใกล้เรือนเคียงของประเทศเราจะตาย

นับว่าเป็นการแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการในวันแรก ทุกคนเริ่มรู้จักผม และต่อมาผมก็กลายเป็นหนึ่งในคนที่ทุกคนในวิทยาลัยต้องรู้จัก อ้อ…ลืมบอกว่าผมใส่ผ้าถุงผืนนั้นแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะครับ พอตอนเย็นผมก็ไปเอากางเกงคืน และยังต้องเอาผ้าถุงไปซักให้อาจารย์อีก กลับถึงบ้าน…ผมก็ไปตัดผม ตัดเล็บที่ร้านเจ้าประจำของผม ซึ่งลูกพี่ลูกน้องผมแนะนำมา สมัยนั้นนักเรียนชายส่วนมากจะตัดที่ร้านบาร์เบอร์ หรือ ซาลอนสำหรับผู้หญิงน่ะครับ ส่วนผมมีที่ปรึกษาที่ดีหน่อย ก็เลยได้ตัดผมในร้านที่ดี ๆ (คล้าย ๆ กับแฮร์สตูดิโอในสมัยนี้อ่ะครับ) ไม่ใช่แค่รองทรงธรรมดา แต่พี่ช่างแกเล่นซอยซะอลังการ ผมก็ได้ทรงผมใหม่ที่ดูเรียบร้อย แต่ยังแอบมีจอนนิด ๆ ไว้รากไทรบาง ๆ ขอผิดระเบียบอีกหน่อยละกัน
*
*
*

การเรียนในปีแรกของผมผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมแทบไม่มีเวลานอนเลย ตะลอนไปทั่ว …โรงเรียนเข้าเจ็ดโมงเช้า บางวันก็เลิกบ่ายสองครึ่ง บางวันก็บ่ายสามครึ่ง แต่กว่าจะถึงบ้านก็สามสี่ทุ่มทุกวัน ตีห้าก็ต้องตื่นอีกแล้ว ชีวิตช่วงนั้นเหนื่อยแต่สนุกมาก พ่อแม่เริ่มปล่อยผมบ้างแล้ว เพราะท่านคงเบื่อที่จะพูดเตือนผม แล้วผมจะตอบว่าผมโตแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง….ตอนนั้นผมเริ่มทำงาน PART TIME ในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ SUPERMARKET แห่งหนึ่งพ่อกับแม่ผมก็ไม่อยากให้ทำนักหรอกนะครับ…เค้าอยากให้ผมตั้งใจเรียนมากกว่า แต่ผมยังดื้อทำงานอยู่ แม้แต่ตอนปิดเทอมกลางภาคผมก็ทำงานแบบ FULL TIME ตำแหน่ง CASHIER (เป็นงานที่มีประโยชน์กับผมมากในอนาคตต่อไป เพราะผมต้องเรียนเครื่องใช้สำนักงานและเครื่องคิดเลขแบบอันใหญ่ ๆ ในปีต่อมา และปัจจุบันนี้ ผมก็ยังต้องใช้เครื่องพวกนี้ในงานของผมด้วย) แรก ๆ ผมก็ไม่อยากทำหรอกครับ มีความรู้สึกขี้เกียจ กลัวเหนื่อยด้วย คนเคยอยู่บ้านสบาย ๆ ไม่ต้องทำงานก็มีเงินกินเที่ยว แต่อันนี้เป็นความภูมิใจของเด็กพาณิชย์ครับ สมัยนั้นทุกคนต้องทำงาน มันเป็นเหมือน FASHION ถ้าใครไม่ทำก็ไม่รู้จะคุยกับเพื่อนยังไง ผมไม่อยากทำตัวเป็นแกะดำอะครับ อีกอย่างที่วิทยาลัยก็สนับสนุนเรื่องนี้ เพราะเราเรียนทางด้านสายอาชีพ เราควรต้องมีประสบการณ์ทำงาน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นงานเล็ก ๆ แต่อย่าลืมนะครับว่าทุกที่จะสอนเรื่องการเข้าสังคม การอยู่ร่วมกัน การทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งในห้องเรียนไม่มีสอน (LEARNING BY DOING) เพื่อน ๆ ในห้องก็ทำงานกันทุกคน พอเปิดเทอมหรือเช้าวันจันทร์ก็จะมาเม้าธ์เรื่องงานกันสนุกสนาน หลายคนได้แฟนที่ทำงานบ้าง เป็นลูกค้ามาจีบบ้าง ส่วนผมก็มีบ้างแต่ไม่ได้จริงจังอะไร เพราะมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน และสนุกกับการหาเงินเที่ยวกับเพื่อน ๆ เรียกได้ว่าผมเดินห้างมาแล้วทุกห้างในกรุงเทพฯ ส่วนห้างที่ใกล้วิทยาลัยที่สุดก็ไปบ่อย…ไปเกือบทุกวันหลังเลิกเรียน จนจะได้ผัวเป็นรปภ.ห้างซะแล้ว


---------------TBC------------------------

แค่นี้ก่อนเน้อเด๋วพุ่งนี้เอามาลงให้ใหม่ สนุกกับการอ่านนะครับ
ขอบคุณพี่เอ้อีกครั้งครับผม o14 o15




หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: NewcoolstaR ที่ 17-08-2007 17:12:20
 :m19: :m19:  คนแรก....ต้อนรับ....เรื่องใหม่....... :m11: :m4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 17-08-2007 17:14:31
อ่อ เรื่องนี้สนุก เปงอีกเรื่องนึงที่ชอบบมาก เชียร์ๆๆ  :m18:









ปล. จิ้มตูดปี้แสบมาติดๆ คนเท่ฉอง  :m27:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 17-08-2007 18:01:27
 :impress:

ผมก็เด็กพาณิชย์คับ อ่านแล้วนึกถึงจิง ๆ

แต่โรงเรียนที่บอกมา เหมือนจะที่เดียวกันนะ

รออ่านต่อไปครับ  บวกหนึ่งให้แล้วด้วย

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 17-08-2007 18:31:34
สนุกดีครับรอตอนต่อไป +1ให้คนลงครับอิๆ :a9:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 17-08-2007 19:16:49
อ่าวมีคนเอามาลงซะล่ะ
 :a9: :a9: :a9:

ดีจางเลย สู้ๆครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 17-08-2007 19:32:58
ว้าว หนุ่มพานิชย์ รออ่านต่อจ้า  :m11:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 17-08-2007 19:47:30
 :m3: :m3: :m3: :m3:

สนุกจ้า  รออ่านต่อน๊า   :a1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: stayingpower ที่ 18-08-2007 00:34:51
เฟิร์มว่าเรื่องนี้สนุกคับ ชอบแม็ก(หรือชื่ออื่นหว่า) แต่ยังไม่เคยอ่านจนจบเลยคับ
เพราะว่ามันนานจัด 5555 ไม่ไหวจะคอย :m26:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 18-08-2007 01:23:59
ขำตาเรย์ กะจะเอามาลงซะหน่อย โดนแซงเลย    :m20:

เรื่องนี้หนุกดีครับ ชอบๆ ให้กำลังใจคนโพสน๊า :m4:  :m4:  :m4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 18-08-2007 01:56:10
น่าสนุกดีนคับ มาต่ออีก
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 18-08-2007 05:12:19
 :impress:แล้วมาต่ออีกนะครับ..ชอบเรื่องเล่าแบบนี้อ่ะ.. :m18:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 18-08-2007 05:38:05
ชอบเหมือนกันคับป๋ม   มาเป็นกำลังใจให้
และรอตอนต่อไปคับ   

 :m18: :m18: :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 18-08-2007 10:28:49
2 LIFE GOES ON
…..ขึ้นปีสองแล้วครับ ตอนนี้ผมต้องแยกกับเพื่อนในห้องบางส่วน ทางวิทยาลัยให้พวกเราเลือกสาขา และภาษาที่สองที่จะเรียนกันต่อไป พวกผมเลือกการตลาด และภาษาจีน เป็นการเลือกทางเดินใหม่ของชีวิต ที่สำคัญผมตัดสินใจเองและผมก็เลือกไม่ผิดซะด้วย นี่เป็นการขัดคำสั่งของพ่อ-แม่ครั้งยิ่งใหญ่ เพราะพวกท่านอยากให้ผมเรียนบัญชี แลภาษาฝรั่งเศส

“เอ้…หนูต้องเลือกเรียนบัญชีนะลูก” แม่พูดกลางโต๊ะอาหารเย็น ก่อนลงทะเบียนแค่วันเดียว และครอบครัวผมก็อยู่พร้อมหน้ากันด้วย

“อืม…เรียนจบแล้วต่อการเงิน อีกสี่ปี…พอจบมหา’ลัยพ่อจะฝากหนูกับเพื่อนพ่อให้ทำงานธนาคาร งานสบาย ๆ หนูจะได้ไม่เหนื่อย แล้วภาษาน่ะ เลือกภาษาฝรั่งเศสนะลูกคนเรียนน้อยดี ภาษาจีนพวกลูกคนจีนที่พูดเป็นตั้งแต่เกิดมีตั้งเยอะแยะ หนูสู้เค้าไม่ได้หรอก” พ่อพูดเสริมอีก ผมเริ่มทานข้าวไม่อร่อยซะแล้ว

“แต่เอ้อยากเรียนการตลาด กับภาษาจีนอ่ะครับ เนี่ยเพื่อน ๆ ก็เลือกแบบนี้กันหมด” ผมพูดเสียงอ่อย ๆ

“จะเรียนตามเพื่อนทำไม หัดคิดอะไรด้วยตัวเองซะมั่งสิ” พ่อพูดเสียงแข็ง

“ก็เอ้บอกแล้วไงครับว่าเอ้อยากเรียนตลาด กับจีน เอ้ไม่ได้บอกว่าเอ้จะเรียนตามเพื่อนนะครับ เพื่อนเอ้หลากคนก็เรียนสาขาอื่น…เอ้โตแล้วนะพ่อ” ผมเสียงแข็งบ้าง

“พูดกับพ่อเค้าดี ๆ สิลูก” แม่พยายามไกล่เกลี่ย น้อง ๆ เริ่มค่อย ๆ ลุกทีละคน

“งั้นคุณพ่อฟังนะครับ” ผมหันกลับมาพูดกับพ่อต่อ “การตลาดสามารถเรียนแล้วไปต่อกับสาขาอะไรก็ได้ เพราะวิชามันครอบคลุมไปหมด ทั้งการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การโรงแรม การจัดการ แต่ถ้าเรียนบัญชี วัน ๆ เอ้ต้องนั่งยุ่งกับเงินชาวบ้านอยู่บนโต๊ะ โอเคครับงานสบาย ได้นั่งในห้องแอร์ทั้งวัน แต่ชีวิตเอ้คงต้องเป็นลูกจ้างเค้าตลอดชีวิตนะครับ การตลาดสอนให้เอ้คิดมากกว่าให้จำอย่างบัญชีนะครับ” ตอนนั้นผมเถียงอย่างคนที่เรียนการบัญชีเบื้องต้น กับหลักการขายมาตอนปีหนึ่ง ทำให้ผมรู้ความแตกต่างแบบผิวเผิน (แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคนที่จบบัญชีมาก็สามารถทำงานได้หลากหลาย และยังเป็นเจ้าของกิจการได้ดีซะด้วย เพราะควบคุมเงินตัวเองไงครับ)

“แล้วภาษาจีนอีก เอ้ทำงานในประเทศไทยนะครับ คุณพ่อลองมองออกไปข้างนอกสิครับว่ามีคนฝรั่งเศสให้เอ้คุยด้วยมั๊ย มีแต่อาแปะ อาม่า ถ้าเอ้ได้เรียนภาษาจีนเอ้คงได้มีคนช่วยสอนอีกทาง…เดี๋ยวนี้คนฝรั่งเศสก็พูดภาษาอังกฤษนะครับถ้าเค้าต้องออกมาทำงานต่างบ้านต่างเมือง” ผมมองตาพ่อด้วยสายตาเอาจริงเอาจังพูดปนหอบ เสียงสั่น ๆ ด้วย มันเหมือนได้ปลดปล่อยอะไรที่มันอัดอั้นมานาน

“แต่แกต้องเรียนตามที่พ่อสั่ง” พ่อพูดห้วน ๆ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้หันหลังจะเดินออกไป

“พ่อสั่งให้เอ้เรียนได้ แต่สั่งให้เอ้เรียนจบไม่ได้นะครับ…” พ่อชะงัก ”…เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เอ้จะเลือกเรียนตามใจพ่อ แต่เวลาเรียนเอ้จะเรียนตามใจเอ้ ถ้าอะไรเกิดขึ้นต่อไปมันจะไม่ใช่ความผิดของเอ้คนเดียว…พ่อจำไว้นะครับว่าพ่อก็มีส่วนเลือกทางเดินนี้ให้เอ้” ผมขู่คุณพ่อ เพราะรู้ว่าพ่อกลัวลูกเรียนไม่จบที่สุด ไม่ใช่กลัวลูกไม่มีอนาคตนะครับ แต่เพราะอายคนอื่นมากกว่า…ได้ผลครับ พ่อหันมามองผมช้า ๆ แล้วหันกลับผมเสียวสันหลังวูบ….ตอนนี้ทั้งบ้านเงียบจนได้ยินแต่เสียงแอร์ครางเบา ๆ

“เออ…อยากเรียนอะไร…ทำอะไรก็ตามใจ ปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่ เค้าถึงได้ว่าเลี้ยงลูกน่ะเลี้ยงได้แต่ตัว…..ฯลฯ….” พ่อกระแทกเสียงพูดทั้ง ๆ ที่ยังหันหลังให้ผม และเดินบ่นขึ้นข้างบนไปผมหันหน้าไปมองแม่ แม่ส่ายหน้าเบา ๆ แต่ผมแอบเห็นสายตาที่มองมาเหมือนกับบอกว่าผมโตแล้วจริง ๆ ด้วยที่กล้าเถียงพ่อ ไม่มีแววตาของการตำหนิสักนิด

สรุปแล้วผมก็ได้เรียนการตลาดและภาษาจีนอย่างที่ตั้งใจ พ่อก็เพิ่งทำใจได้…เริ่มคุยกับผมหลังจากลงทะเบียนเป็นเดือน และพ่อก็มีความสุขไปกับผมด้วยเมื่อผมบอกว่าเรียนการตลาดสนุกขนาดไหน ยิ่งตอนที่ต้องทำกิจกรรมต่าง ๆ ของชมรมพ่อยิ่งชอบ ทำไมเหรอครับ เพราะลูกสาวเพื่อนพ่อเข้ามาเรียนเป็นรุ่นน้องที่เดียวกับผม และกลับไปเล่าให้พ่อเค้าฟังว่าตอนอยู่วิทยาลัยผมเป็นยังไง แรก ๆ ผมก็อึดอัดแทบบ้าที่ต้องมีคนรู้จักเรียนอยู่ที่เดียวกัน แต่น้องเค้าน่ารักมากที่เข้าใจผม และเล่าแต่เรื่องดี ๆ ของผมให้พ่อฟัง ส่วนพ่อผมน่ะเหรอ ได้ยินเพื่อนและลูกสาวเพื่อนชมลูกตัวเองก็ยิ้มหน้าบานเลยครับ นี่ถึงขนาดยุให้ผมจีบน้องเค้าเป็นแฟนเลย พวกเราสองคนได้ยินก็ขำกันจะตาย ก็น้องเค้ารู้เห็นตลอดน่ะซิครับว่าตอนอยู่วิทยาลัยผมเก(ย์)เรขนาดไหน
*
*
*

“เฮ้ยวันนี้ไปเล่นไอซ์กัน” อ๋าชวนตอนเช้าในร้านข้าวมันไก่ที่เราต้องนัดเจอกันทุกวันก่อนเข้าวิทยาลัย

“ที่ไหนวะ” อีตาลตาลุก เรื่องโดดเรียนนี่มันชอบ

“รามดีกว่า…ถูกดี” อ๋าตอบ “ไปป่าวพวกมึงอ่ะ”

“โห…แต่ไอซ์ที่รามมันเปิดตั้งเที่ยงนะโวย…นี่มันแค่เจ็ดโมงเอง” ผมแย้งเพราะไม่อยากไป ก็เล่นไม่เป็นนี่ครับ เคยแต่เดินผ่านเฉย ๆ เวลาไปเดอะมอลล์ราม

“ไม่เห็นเป็นไรเลย…มึงก็รู้…กว่าจะผ่านแต่ละแยก รถติดตายห่า เผลอ ๆ ไปถึงโน่นก็เกือบเที่ยง” อีตูนรีบเสริม อีนี่มันชอบเล่นกีฬา อะไรที่มันเหนื่อย ๆ อีนี่เอาหมด

“ช่าย…ไปเถอะ” อีนัทหอยสั่นอยากจะไปทันที

“เดี๋ยวสิอีนี่ …กูยังแดกไม่เสร็จเลย” อีแจนรีบยัดข้าวเข้าปากแบบไม่ห่วงสวยเลย…
*
*
*

ในที่สุดผมก็ต้องจำใจไปครับ เรื่องโดดเรียนของกลุ่มผมเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว เรามีข้ออ้างเสมอ อีกอย่างอาจารย์ก็ไม่ค่อยเช็คชื่อด้วย แต่ที่อุบาศว์ที่สุดคือวิชาภาษาจีน เหล่าซือ (อาจารย์) จะเช็คชื่อก่อนสอนทุกครั้ง แต่ก็ไม่มีปัญหาครับ เพราะท่านอายุมากแล้วเป็นอาจารย์พิเศษ พอเช็คชื่อเสร็จเหล่าซือก็ตั้งหน้าตั้งตาสอน แบบแกสายตาสั้นมั้งครับก็เลยต้องอ่านหนังสือใกล้ ๆ พอแกก้มพวกผมก็ค่อย ๆ คลานออกมาทางหลังห้องทีละคน หลัง ๆ แกรู้สึกว่าทำไมนักเรียนน้อยกว่าปกติ พอใกล้ ๆ จะหมดคาบแกก็เช็คชื่ออีก แต่ก็นั่นแหละ แกมองไม่ค่อยเห็นก็เลยต้องก้มหน้าอ่านชื่อ พวกผมก็ขานไปว่า “มาครับ, มาค่ะ” แต่จริง ๆ แล้วแค่เปลี่ยนเสียงนิดหน่อยเหล่าซือก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง…อีเจ้าของชื่อตัวจริงไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ …ทุกวันนี้ยังรู้สึกบาปอยู่เลย

วันนั้นเรารอรถ ปอ. 126 อยู่สักพัก และตามคาด…รถติดสุดยอด…ลองนึกนะครับสมัยที่กำลังทำทางรถไฟฟ้าอยู่ รถก็แน่น พวกเราคุยกันจนไม่มีเรื่องจะคุยกันแล้ว กว่าจะผ่านแยกโหด ๆ ทั้งหลาย ไปถึงรามก็ประมาณเกือบ ๆ สิบโมง มีเวลาเหลืออีกตั้งสองชั่วโมงกว่าไอซ์จะเปิด พวกผมเดินไปเดินมาแถวหน้าราม เช้าขนาดนั้นก็ไม่ค่อยมีอะไรขายหรอกครับ…11 โมงกว่าเดอะมอลล์รามก็เปิด พวกผมก็เข้าไปเดินหาอะไรกินนิดหน่อย สักพักพวกเราก็ตัดสินใจไปนั่งรอหน้าไอซ์ก็มันเมื่อยนี่ครับ ไหนจะต้องโหนรถแถมยังต้องเดินเล่นฆ่าเวลาอีก

ถึงผมจะเดินห้างมาก็มาก…แต่ก็แค่เดินเล่น ไม่ได้ดูอะไรเป็นเรื่องเป็นราว พอได้นั่งหน้าไอซ์ก็สงสัยว่าแถวนั้นมันมีอะไรบ้าง…ต่อมเสือกของผมก็ทำงานพาขาทั้งสองข้างเดินเข้าไปดู…อ๋อ รู้แล้ว…ตรงข้ามไอซ์จะเป็นโบวล์ลิ่ง แล้วก็มีโรงหนังด้วย (สมัยนี้ถ้าจำไม่ผิดตรงนั้นเป็นเมเจอร์มั่งครับ ไม่ได้ไปนานแล้ว รถติดจะตาย)

“เฮ้ย…ไปเล่นโบวล์กันเหอะ” ผมเดินกลับมาชวนเพื่อน ๆ

“ไม่เอา… แพง…มันคิดเป็นเกมนะโว้ย” อีอ๋าเบรก

“แต่กูเห็นผู้ชายเยอะแยะเลยนะมึง” ผมจูงใจ ก็โยนโบวล์มันน่าจะง่ายกว่าเล่นไอซ์นี่ครับ

“จริงเหรอ…ไปดิ…มีหล่อ ๆ ปะวะ” อีตาลกับอีนัทลุกพรึบ

“ไม่ต้องไปหรอก…พวกมันมานี่แล้ว” อีแจนพูดเสียงรอดไรฟัน เพราะมัวแต่เก๊กสวยอยู่ ได้ผลพวกเราค่อย ๆ หันไปดูกันทีละคน…จริงของอีแจนมัน ไอ้พวกเด็กช่างที่ผมเจอในโบล์กำลังเดินมาทางกลุ่มเราแล้วครับ…ตอนนั้นมีแค่กลุ่มเราแค่หกคนหน้าไอซ์น่ะครับ

“โห…เด็กพาณิชย์เว้ย” เสียงไอ้เด็กช่างคนหนึ่งร้องบอกเพื่อน

“สวย ๆ ทุกคนเลยโว้ย…แต่กูจองคนนั้นนะ…คนที่สะพายกระเป๋าอ่ะ” เอาแล้วไง คนที่สะพายกระเป๋าก็มีผมแค่คนเดียว (แต่กูไม่ได้สาวแตกนี่หว่า ผมคิดในใจ) ตอนนี้พวกมันประมาณสิบกว่าคนมาล้อมหน้าล้อมหลังพวกผมที่นั่งเกร็งกันตัวแข็ง…ปากก็บอกไม่กลัวแต่พอเอาเข้าจริง ๆ อีพวกชะนีห้าตัวเพื่อนผมนั่งก้มหน้าก้มตาเชียว

“เฮ้ย…พวกมึงอย่าไปแกล้งเค้าดิ” ผมได้เสียงเสียงทุ้ม ๆ เสียงนึงปรามเพื่อน ๆ มัน แต่ไม่ได้เงยหน้ามองหรอกนะครับ ผมกอดกระเป๋าแน่นเลย

“เธอ ๆ ชื่ออะไรอ่ะ…น่ารักจังเลย” ตอนแรกผมไม่รู้หรอกว่าหมายถึงใคร แต่ต้องสะดุ้งเมื่อมีมือมาจับคางผมให้เงยหน้ามองมัน ผมถึงได้เห็นเต็มตาว่ามันเป็นเด็กช่างกลที่หน้าตาเถื่อน ๆ ดิบ ๆ คนหนึ่ง ตัวโย่ง ๆ และมันก็กำลังก้มหน้าลงมาใกล้ผมเข้าเรื่อย ๆ ผมเบือนหน้าหนีทันที

“ดูแม่ง…เอาคอมาให้ไซร้เลยมึง” เสียงพวกมันพูดด้วยความคะนอง

ผมเริ่มทนไม่ไหวแล้วเลยลุกขึ้นยืน…เพื่อนผมก็ลุกตาม….ท่าทางทุกคนตอนนี้กลายเป็นว่าพร้อมจะเอาเรื่องแล้ว ถึงพวกมันจะเป็นผู้ชายก็เถอะ…อีกอย่างนี่มันที่สาธารณะ ถ้าตะโกนให้คนช่วยก็น่าจะมีคนช่วยทันหรอก…ผมคิดเอาเอง

“โห…ใจเย็น ๆ ดิ ล้อเล่นครับ…เด็ก xxxxx เหรอ” พวกมันพูดถึงชื่อโรงเรียนผม

“แล้วเห็นปักอะไรอยู่ล่ะ” อีตูนตอบกวน ๆ ตอนแรกพวกเราก็ไม่รู้หรอกว่าพวกมันเป็นเด็กที่ไหน แต่พอเห็นหัวเข็มขัดพวกมันก็รู้ทันที…ไม่ใช่คนไกล โรงเรียนช่างในละแวกเดียวกับวิทยาลัยเรานี่เอง

“มาเล่นไอซ์กันเหรอครับ”

“มานั่งเล่นเฉย ๆ มั้ง” อีอ๋ากวนบ้าง

“งั้นพวกเรานั่งด้วยได้มั๊ยครับ” ไอ้คนตัวตัวสูงที่มันแกล้งผมเมื่อนะกี้ถามอีแจนที่เริ่มเชิดอีกแล้ว (คนมันสวยทำแล้วไม่น่าเกลียด)

“เชิญค่ะ…พวกเรากำลังจะไปกันพอดี” พูดจบอีแจนก็เดินนำหน้าพวกเราไปเลย

“คนอื่นไปได้แต่คนนี้ห้ามไป” สิ้นเสียงทุ้ม ๆ นั่นก็มีมือมาจับแขนผมไว้…ผมจำเสียงนี้ได้ไอ้คนที่มันห้ามเพื่อนไม่ให้แกล้งพวกผม เสียงหล่อขนาดนี้แล้วหนังหน้าล่ะ…ผมต้องหันไปดูหน้ามันทันที โห หล่อชิบหาย เมื่อกี้ไม่ได้สังเกตุ ผมหน้าร้อนผ่าวเลยครับ กลัวด้วย อายด้วย (นาน ๆ อายที)

“ปล่อย” ผมพูดพลางแกะมือมันออก แต่มันยิ่งจับแน่นขึ้นจนผมเจ็บ ผมเริ่มมองหาเพื่อนแล้วครับ อีตาลมองกลับมาพอดี มันล้วงกระเป๋าเล็ก ๆ ที่ใส่ดินสอปากกาของมัน

“เฮ้ย…ปล่อยเพื่อนกู” เสียงอีตาลที่เดินมาพร้อมมีดคัตเตอร์ (อีนี่มันพกไว้ประจำ)

“ใจเย็น ๆ สิครับ อีกห้านาทีไอซ์ก็เปิดแล้ว…ไปเล่นด้วยกันนะครับ” มันพูดเสียงอ่อนแต่ยังไม่ปล่อยผม พร้อมมองนาฬิกาข้อมือไปด้วย มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นของมีราคา

“เฮ้ยตาลเก็บมีดเหอะ…เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” นัทคู่ซี้ตาลบอกเพื่อน อีตาลสะบัดสะบิ้งนิดนึงแต่ก็เชื่อคับ…พวกเราเดินมานั่งที่เดิมแล้ว

…ส่วนผมไอ้คนนั้นมันยังเอามือมาคล้องแขนผมอยู่เลย…ยิ่งมองใกล้ ๆ ยิ่งน่ารัก ไม่เหมือนเด็กช่างเลย ตัวมันขาวเหมือนคนจีน แต่ตาสองชั้น ผิวเนียนมาก ปากบาง ๆ สีชมพูเข้มท่าทางจะสูบบุหรี่(แต่ไม่ได้กลิ่นนะครับ) ผมเส้นเล็กละเอียดปรกหน้าเล็กน้อย ฟันก็เรียงตัวกันสวยเชียว ที่สำคัญคือมันตัวหอมมาก หอมเหมือนใส่โคโลญน์ หรือน้ำหอมอะไรซักอย่าง รูปร่างหน้าตาน่าจะเรียนม. ปลายมากกว่า มันหันมายิ้มให้ผมทีนึง ในสายตามันบอกว่ามันล้อเล่น มากกว่าจะแกล้งให้เจ็บ…จากตอนแรกไอ้พวกเด็กช่างสิบกว่าคน ตอนนี้มันก็แยกย้ายกันไปครึ่งนึงแล้ว

“ไปกันเถอะ เปิดแล้ว” มันพูดพร้อมดึงมือผมขึ้นมาด้วย แต่ก็รีบปล่อย แล้วเดินขนาบอีแจน ก็แน่นอนมันสวยที่สุดในกลุ่มนี่หว่า ตอนนี้เพื่อนผมก็เดินกันเป็นคู่ ๆ กับไอ้พวกเด็กช่างนั่น ส่วนผมก็เดินห้อยท้ายอยู่คนเดียว เห็นมันหัวเราะต่อกระซิกกันแล้วผมก็มีความสุขไปด้วย (นี่ขนาดเพิ่งจะกัดกันเมื่อตะกี้นะเนี่ย)
*
*
*
------------------------------ ทู--บี--คอน--ที--นิว----------------------------------

มาต่อให้แล้วนะครับตอน 2 เด๋ววันจันมาต่อให้อีกตอน
เพราะพุ่งนี้ผมไม่ว่างอะครับสนุกกะการอ่านนะครับ
แล้วเจอกันครับ

เครดิต : COMMERCIAL COLLEGE STUDENT @ palm-plaza
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: jammy ที่ 18-08-2007 10:54:02
ว้าวเจอหนุ่มหล่อคิกๆ :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 18-08-2007 14:54:28
อิอิ  แล้วจาเป็นไงต่อเนี่ยคับ    รอลุ้นวันจันทร์    นู่นแหมทนรอแทบมะไหว

 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 18-08-2007 16:45:41
 :m3: :m3:   อิอิ  มารอครับ  เจอหนุ่มๆ เร้า จายยยยย555
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 18-08-2007 19:58:29
แล้วจรอนะคับ จะเจอมั้ยหนอ คู่ของช้านนน
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: inimeg ที่ 18-08-2007 21:41:52
มาให้กำลังใจเรื่องนี้

ขอบอกว่าเป้ฯอีกเรื่องที่ชอบมากๆ

แถมยังบีบใจดีอีกด้วย

บางครั้งเราเองก็ไม่ชอบในความปากแข็งของพระเอก แล้วก็ เบื่อในความงี่เง่าของนายเอก....

แต่บอกตรงๆ ว่า

มนุษย์ก็เป็นแบบนี้แล่ะครับ ไม่มีใครสมบูรณ์ไปได้หมดหรอก

อ่านแล้วรู้เลยว่า นี่คือคนจริงๆ ไม่ใช่คนที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาเป็นนิยาย...

ใครที่ชอบแนวๆ บีบใจ แล้วก็ การเข้าใจกันแบบไร้คำอธิบายก็ เรื่องนี้พลาดไม่ได้ครับ

ตอนจบน่ารักนะ

รวมๆ แล้วเรื่องนี้

สนุกสุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 18-08-2007 22:59:49
เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจมากมาย

ขอบคุณคุณอ้สำหรับรื่องราวดีๆเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 18-08-2007 23:36:30
เข้ามาให้ กำลังใจ คนโพส + คนแต่ง ด้วยค่ะ   :m4:
   
ทีแรกนึกว่า......  :m23: 


เรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องที่ชอบมากๆเหมือนกัน    :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 18-08-2007 23:42:51
เคยอ่านเรื่องนี้มาแล้วครั้งนึง  เป็นเรื่องที่ชอบมากๆ   o13

อ่านกี่รอบก็ไม่เบื่อ   :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 19-08-2007 03:54:30
ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

อ่านแล้วประทับใจ....

ชอบๆๆๆๆ เป้นเรื่องนึงที่ชอบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 19-08-2007 22:21:41
มารอต่อคิวอ่าน วันจันทรืคับ

เรื่องนี้ อ่านแล้ว อ่านอีก ก็ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: prince_halation ที่ 20-08-2007 00:39:50
มารอด้วยครับอะครับ...ทำไมสนุกแบบนี้อะ  :a2:

 :m13: ช่วยมาต่อด้วยนะครับ ... ขอบคุณนะคร๊าบบบบ  :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 20-08-2007 05:31:36
มารออ่านต่อจ้า วันจันทร์แล้วนะ  :m3:  :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 20-08-2007 21:47:46
3 FEELING STRANGE
“เฮ้ย…อีเอ้ลงมาสิมึง” อีตูนตะโกนเรียกผมที่เปลี่ยนรองเท้าเรียบร้อยแล้วแต่ยังนั่งจ๋องอยู่

“มึงเล่นไปก่อนเหอะ…เดี๋ยวกูตามไป”

“เออ…ตามใจ…เร็ว ๆ นะโว้ย” พอมันพูดจบก็ถลาลงไปวิ่งบนลานน้ำแข็ง ส่วนผมก็ค่อย ๆ เดินกระย่องกระแย่งไปนั่งอีกที่ พยายามทำตัวให้คุ้นเคยกับรองเท้าสเก็ตคู่นี้ แต่มันไม่ได้ผลเลยครับ…ตาผมก็มองดูเพื่อน ๆ ทุกคนวิ่งเล่นกันสนุกสนาน โดยเฉพาะอีแจนที่มีผู้ชายหน้าตาดีสองคนล้อมหน้าล้อมหลังอยู่

“เอ๊ะ…อีแจนมันเล่นไอซ์ไม่เป็นเหรอวะ” ผมถามตัวเอง เห็นมันให้ไอ้คนตัวสูงจับแขนไว้ข้างนึงส่วนอีกข้างก็ให้ไอ้หน้าหล่อจับไว้เช่นกัน ผมคงมองมันมากไปนิดพวกมันคงรู้สึกตัว ไอ้หล่อหันมายักคิ้วให้แล้วเดินแยกมาทางผม ผมก็ทำเป็นก้มผูกเชือกรองเท้าใหม่ทั้ง ๆ ที่มันก็แน่นดีอยู่แล้ว

“มานี่…ผูกให้” มันก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้ผมครับ ผมชักเท้าหนีทันที

“เอามานี่…จะได้ลงไปเล่นกัน” มันดึงไปผูกต่อครับ

“ไม่อยากเล่นอ่ะ” ผมพูดเบา ๆ

“ไม่อยากเล่นหรือ…..เล่นไม่เป็นกันแน่” มันพูดขำ ๆ

“เออ…เล่นไม่เป็น…ทำไมเหรอ” ผมทั้งโกรธทั้งอาย (มันทำให้ผมอายได้เป็นครั้งที่สอง)

“ก็ไม่มีอะไร…เดี๋ยวสอนให้…ชื่ออะไรน้า” มันทำท่านึก…”เอ้ใช่มั๊ย…เราชื่อวุธนะ”

“เออ…ยินดีที่ได้รู้จัก ไปสอนแจนเถอะ เดี๋ยวเรานั่งรอตรงนี้ดีกว่า”

“โห…แจนน่ะเค้าเล่นเป็นแล้ว นั่นน่ะดูก็รู้ว่าแกล้งเล่นไม่เป็น ให้ไอ้นพมันสอนดีกว่า ไปเร็ว” วุธผูกเชือกให้ผมเสร็จก็เดินลิ่ว ๆ “อ้าวลืมไปว่าเล่นไม่เป็น อ่ะเกาะดี ๆ นะ” วุธเดิน
กลับมาแล้วยื่นมือให้ผมเกาะ ผมลังเล มองมือขาว ๆ นั่นแล้วมองไปรอบตัว “ไม่มีใครสนใจใครนี่หว่า” ผมคิดในใจแล้วก็จับมือวุธเดินออกไป

ทันทีที่เท้าผมเหยียบแผ่นน้ำแข็งผมก็ลื่นขาแทบจะฉีกออกจากกัน ได้ยินเสียงวุธหัวเราะเบา ๆ ก็เกิดแรงฮึด พยายามไม่เกร็ง…ก้มลงดูเท้าของวุธว่ามันเดินยังไง ระหว่างนั้นผมก็ได้ยินมันสอนและคอยดึงผมเมื่อเวลาที่ผมจะล้ม กว่าจะไปถึงตรงกลางได้แทบแย่ ตอนนี้วุธให้ผมลองยืนด้วยตัวเองไม่ต้องจับแล้ว

“เฮ้ย…เจ็บป่าว” ผมร้องถาม ก็ที่มือมันมีรอยเล็บผมอยู่หลายรอยเลย

“นิดหน่อย…ก็บอกแล้วไงว่าอย่าเกร็ง” มันเอามืออีกข้างลูบแผลเบา ๆ

“ขอโทษนะ…..เราว่าพาเรากลับดีกว่า” ผมพูดเสียงอ่อย ๆ

“อยากกลับก็กลับเองดิ” มันพูดแล้ววิ่งหนีผมไปทางกลุ่มเพื่อนมันทันที ชิบหายแล้วกู ทำไงดีวะ ผมค่อย ๆ เดินช้า ๆ พยายามไม่ให้ล้ม แล้วเพื่อน ๆ ผมก็ถลาเข้ามาผมตกใจมากเพราะมัวแต่มองเท้าตัวเองอยู่ อีอ๋ามันเฉี่ยวผมข้างนึง ส่วนอีตูนก็กำลังแถเข้ามา ผมก็หลบสิครับ แต่ปรากฎว่าผมล้มดังตึง กางเกงเปียกหมด ตอนนั้นน่ะไม่เจ็บหรอกครับ (มารู้อีกทีตอนถึงบ้านว่ามันเขียวเลย) อีพวกนั้นมันขำกันใหญ่ จะลุกก็ลุกไม่ขึ้น มือขาว ๆ ข้างนั้นก็ยื่นมาอีกแล้ว ผมเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นอีแจนยืนข้าง ๆ วุธ ผมจับมือวุธข้างนึง อีแจนก็ยื่นมือมาให้ผมจับอีกข้างนึงแล้วดึงผมขึ้นพร้อมกัน

“เอาอย่างนี้…..เดี๋ยวเราไปด้วยกันเลยดีกว่า” วุธพูดขึ้นแล้วดึงผมทำให้ผมต้องเดินแบบเร็ว ๆ ตามไป ส่วนมืออีกข้างแจนมันก็จับไว้อยู่เหมือนกัน ผมเริ่มมั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจึงเล่นอย่างไม่เกร็ง เราวิ่งกันรอบลานโดยที่ผมอยู่ตรงกลาง มีอยู่ครั้งนึงที่วุธปล่อยมือผมเสียหลักเกือบล้ม แต่แจนมันดึงไว้ก่อน สักพักอีแจนเอามั่งปล่อยมือผมแล้วยังบอกให้วุธปล่อยด้วย มันปล่อยทันทีเลยครับ แต่คราวนี้ผมไม่ล้ม ไชโย…ในที่สุดผมก็เล่นไอซ์เป็นแล้ว

เราเล่นกันอยู่นานจนประมาณเกือบบ่ายสาม ตอนแรกก็สนุกดีหรอก แต่หลัง ชักเริ่มหนาวแฮะ เสื้อที่ผมใส่มันเป็นเสื้อผ้าดิบที่บางมาก ก็พวกเราไม่ได้เตรียมตัวจะมาเล่นไอซ์เลยนี่นา มองไปที่ทางเข้าก็เห็นพวกเด็กมอปลายเริ่มทยอยเข้ามา แต่ละคนก็มีเสื้อกันหนาวมาคนละตัว แสดงว่าเค้ามากันบ่อยเนอะ ผมคิดในใจ ผมนั่งพักเหนื่อยดูเพื่อน ๆ เล่นกันเพลิน ๆ ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงเรียกจากข้างหลัง พร้อมมือหนา ๆ มาปิดตาผมจนมิด

“ใครวะ” ในใจผมน่ะคิดว่าเป็นวุธแน่นอน

“จำเสียงเราไม่ได้เหรอ” ชายนรินามตอบ

“จำไม่ได้” ผมส่ายหัวแรง ๆ เผื่อว่ามือมันจะหลุด

“ทายดิ” มันยังล้อเล่นไม่เลิก

“วุธ…” ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องพูดชื่อนี้ก่อน

“ใครวะวุธ…ผัวมึงเหรอ” เอ๊ะ พูดกูมึงกับเรา ใครวะผมยิ่งงง

“กูเอง” มันพูดพร้อมปล่อยมือที่ปิดตาผมออก ผมหันขวับไปมอง

“เฮ้ย…ไอ้โย…มาได้ไงวะ” ผมดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าที่เรียนม. ต้นมาด้วยกัน

“วันนี้กูเลิกเร็วโว้ย…เป็นไงมั่ง…ไม่ได้เจอเกือบสองปี…ไหว้ครงไหว้ครูไม่ไปเลยนะมึง” มันต่อว่าผม

“ก็กูไม่ว่างนี่หว่า…เรียนด้วยทำงานด้วย”

“อย่างมึงน่ะนะ…ทำงาน…อะไรเข้าสิงวะ” ไอ้โยพูดขำ ๆ

“ก็ที่โรงเรียนกูใคร ๆ ก็ทำกันหมดแหละมึง” ผมตอบแบบยืด ๆ

“เรียนด้วยทำงานด้วย…อย่างนี้มึงจะมีเวลาหาแฟนเหรอวะ” คำถามมันทำให้ผมอึ้ง

“หาทำไม…อย่างกูน่ะเดี๋ยวก็มีคนมาหาเอง”

“เออ…ไอ้คนหน้าตาดี…” มันมองหน้าผมแบบพิจารณา “มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ไม่เรียน รด. เหรอถึงไว้ผมยาวได้เนี่ย…กูว่าถ้ามึงแต่งหน้านิด ๆ นะ มึงจะสวยมากเลยมึงรู้ป่ะ ตามึงน่ะหวานกว่าผู้หญิงอีก” มันเอามือมาจับคางผม

“ไอ้บ้า…กูยังไม่อยากโดนพ่อกระทืบ” ผมเอามือมันออก มันดันจับมือผมไว้อีก

“อะไรเนี่ย เรียนพาณิชย์ไว้เล็บได้ไง อย่างนี้จะพิมพ์ดีดถนัดเหรอ” มันเอามือผมมากุมไว้ ตอนนี้ผมก็เริ่มเขินนิด ๆ แล้ว ก็ไอ้โยน่ะดิ ตอนเด็ก ๆ ไม่เห็นแววความหล่อเลย แต่ไม่ได้เจอกันสองปี ตัวมันสูงขึ้น มีไรหนวดอ่อน ๆ ด้วย หน้ามันดูคมเข้มกว่าแต่ก่อนมากเลย ยิ่งมันใส่เครื่องแบบพละของโรงเรียนชายล้วนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แบบนี้มันยิ่งดูเทห์เป็นบ้า เอ…จะว่าไปผมกับมันก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากนะครับ แต่ทำไมพอเจอกันวันนี้มันทำเหมือนสนิทกับผมจัง

“มากับใครวะโย” ผมถามแก้เขิน

“เพื่อนน่ะดิ…กูยังไม่มีแฟน” มันพูดยิ้ม ๆ

“กูถามแค่ว่ามากับใคร…ไอ้ห่า แล้วไหนอ่ะเพื่อนมึง”

“ซื้อของอยู่ เดี๋ยวก็ตามเข้ามา…แล้วมึงล่ะ” โยถาม

“มากับเพื่อน…นั่นไงห้าคนนั้นน่ะ” ผมหันไปมองหาเพื่อน ๆ แต่ผมต้องชะงักกับสายตาของวุธที่มองมาทางผมพอดี ผมไม่รู้หรอกว่าวุธมองมานานหรือยัง ผมหลบตาวูบ

“ไม่ช่ายยยย…มีแฟนยังมึงอ่ะ” โยจ้องหน้าผม

“ไม่มี มีไปทำไม…วุ่นวาย อยู่อย่างนี้น่ะดีแล้ว เคยได้ยินปะ มีลูกกวนตัว มีผัวกวนใจ”

“ถามจริง…แล้วคนที่ชื่อวุธล่ะ” มันเซ้าซี้

“โอ้ย…เพิ่งจะรู้จักกันไม่ถึงสามชั่วโมงเลย” ถ้าหูผมไม่ฝาด ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของโยนะ

“แน่ใจ…..แล้วทำไมตอนโดนปิดตาถึงคิดว่าเป็นเค้าล่ะ” ผมอ้ำอึ้งอยู่สักพัก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

“ลงไปเล่นกันเถอะ” โยมันตัดบทด้วยการชวนผมลงไปเล่น ไม่ชวนอย่างเดียวด้วย มันดึงมือผมลงไปจนถึงลานสเก็ตก็ยังไม่ยอมปล่อย

“ปล่อยได้แล้ว” ผมเตือนมัน

“ไหน…คนไหนวะวุธ” มันไม่สนใจกับคำพูดผม

“ไม่ต้องไปยุ่งกับเค้าหรอก…ไปหาเพื่อนกูดีกว่า สวย ๆ ทั้งนั้นเลยนะโว้ย เดี๋ยวติดต่อให้” ผมดึงมันไปทางกลุ่มเพื่อนผม แต่ผมแทบจะหันกลับทางเดิม ก็วุธมันแถเข้ามาอยู่กับกลุ่มเพื่อนผมแล้วสิครับ

“เฮ้ย…เอ้ ใครวะ” อีตาลตะโกนถาม

“เพื่อนเก่ากู…ตั้งแต่ม. ต้น เป็นไงหล่อปะ” ผมอวด

“สวัสดีครับ ผมโยครับ…ชื่ออะไรกันมั่งครับเนี่ย…เอ้นี่เลือกคบเพื่อนหรือเปล่าเนี่ยมีแต่คนน่ารัก ๆ ทั้งนั้นเลย” มันยังคงเป็นคนที่เข้ากับคนง่ายเหมือนเดิม

“นี่…คนนี้ชื่อตาล…แจน…นัท…ตูน…แล้วก็เอ๋อ…เอ้ยม่ายช่าย อ๋า” ผมแนะนำเพื่อนผมให้โยรู้จัก

“อ้าวแล้ว…..” มันหันไปทางกลุ่มวุธ

“อ๋อ…เพื่อนใหม่น่ะ ยังจำชื่อไม่ได้เลย” ผมรีบชิงพูดซะก่อน

“คนไหนอ่ะวุธ” เอาแล้วไง มันถามจนได้

“เราเอง…นายมีปัญหาอะไรเหรอ” วุธพูดเสียงแข็งตามสไตล์เด็กช่าง

“เปล่า…อยากรู้เฉย ๆ “ คำว่าเปล่าของมันฟังดูไม่มีอะไร แต่ท่าทางกวนตีนของมันเนี่ยดิ ผมเห็นแล้วยังอยากต่อยปากมันเลย

“จะรู้ไปทำไมวะ” ไอ้นพตัวโย่งนั่นสาระแน

“ก็เห็นเอ้เค้าพูดถึง” โห ผมหน้าชาอย่างแรง มองไปที่วุธแวบนึง แต่ก็ทันเห็นสายตาที่สงสัยของมัน

“เหรอ…เค้าพูดว่าไงล่ะ” วุธถาม

“ไม่มีอะไรหรอก” ผมตัดบท “ไปทางโน้นกันดีกว่า” ผมลากเพื่อน ๆ ไปอีกทาง


เราเล่นกันไปซักพัก เพื่อนโยก็มา โยขอตัวไปเล่นกับเพื่อนมัน ส่วนพวกผมก็เริ่มเมื่อยกันแล้ว ตกลงว่าจะกลับบ้านกันตอนนี้เลย กว่าจะถึงบ้านก็มืดพอดี เดี๋ยวต้องแวะหาอะไรกินมื้อเย็นอีก พวกวุธก็ขอกลับด้วยเพราะเป็นทางเดียวกัน มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก อีนังชะนีทั้งหลายแอบยิ้มกันใหญ่ ไอ้โย่งที่ชื่อนพท่าทางจะชอบอีแจงจริง ๆ ซะแล้ว แต่ท่าทางอีแจงจะสนใจวุธมากกว่า ก็แหงหละหล่อเด้งที่สุดในกลุ่มนี่นา ถ้ามันสองคนเป็นแฟนกันได้คงเหมาะสมกันน่าดู ผู้หญิงก็สวย ผู้ชายก็หล่อ

“เดี๋ยว ๆ กลับกันแล้วเหรอ” เสียงไอ้โยไล่หลังมาขณะที่พวกผมกำลังจะเดินออกไป

“ค่ะ” อีอ๋าตอบเสียงหวาน

“อีเอ๋อ เค้าไม่ได้ถามมึง” อีนัทเบรก “กำลังจะกลับค่ะโย มีอะไรป่าวคะ หรือว่าจะขอเบอร์” อีนัทยัง still แรดเหมือนเดิม

“ครับ... เฮ้ย เอ้ ขอเบอร์หน่อยดิ เผื่อจะถามถึงเพื่อนเก่า” พวกเพื่อนผมกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ “แล้วเดี๋ยวผมค่อยให้เอ้เป็นแม่สื่อนะครับ…อ๋า” โยหว่านเสน่ห์ต่อ ทำเอาอีอ๋า ยืนบิดไปบิดมา พวกเรามองด้วยความหมั่นไส้ในความกระแดะของมัน ผมฉีกสมุดจดงานหน้าหลังเขียนเบอร์ให้โยมันแบบไม่คิดอะไร

“อ่ะ…” ผมยื่นเบอร์ให้มัน “ถ้าจะโทรก็…ดึก ๆ หน่อยละกัน”

“ครับผม” มันพูดยิ้ม ๆ ก่อนโบกมือให้พวกเรา

_____________TBC________________

มาแล้วครับป๋ม ขอโทดด้วยที่มาช้า
แต่เอามาลงให้แล้วอิอิเจอกันพรุ่งนี้กั๊บ
ขอบคุณพี่เอ้ครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 20-08-2007 22:51:08
หุหุ วุธ  รึ โย หนอ

จะเปนใครก้น่าลุ้น อยู่ดี

ฮิ้ว :a4:

ติดตามนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 20-08-2007 23:16:38
 :serius2: คนสวยเลือกได้

สับสนด้วยคน

 :m26: เล่นไอซ์ที่รามเนี่ย เฮ้อ ไม่อยากจะนับปีเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 20-08-2007 23:49:19
เย้ๆๆๆ    มาต่อแว้ว   ชอบเรื่องนี้อ่ะ   
มาเป็นกำลังใจให้เอ้ นะคับ   
ขอบคุณนะคับที่เอาเรื่องดีๆมาโพสให้
รออ่านตอนต่อไปคับ   

 :m11: :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 20-08-2007 23:54:32
คิดถึงคุณเอ้จัง  ยิ่งอ่านแล้วยิ่งคิดถึงอ่ะ

ไม่รู้ตอนนี้เป็นไงมั่ง

 :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 21-08-2007 02:27:30
อิอิอิ....จะเลือกใครกานน้อ.... :m17:

ลุ้นๆๆๆ   :m3: :m3:

รอติดตามนะจ้า   :m11:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 21-08-2007 09:10:00
 :m18:  ยิ่งอ่าน ยิ่งคิดตึ๋ง นะเนี่ย..เนอะ   :m18:

ป่านนี้..เป็นยังไงบ้างน๊า... จะยุ่งๆอยู่งานเหมือนเดิมอ๊ะป่ะ   :m26:

  :m1:   แวะเข้ามา ทักทาย ชาวเล้า เป็ด บ้างนะคะ   :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 21-08-2007 10:02:18
 :impress:

วุธหรือโยดีหนอ

เลือกไม่ถอกเลย

รออ่านต่อไปครับ

 :a3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 21-08-2007 20:20:23
มารอ ยังไม่รีบมาต่ออีกอ่ะครับ รอๆๆนะ :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: pseudoboy ที่ 21-08-2007 23:17:13
เคยอ่านแต่ตอนหลัง ๆ 

ดีเจง ๆ ที่ได้อ่านตอนแรก  ตามหามาตั้งนาน    :m4:

ขอบคุณหลายเด้อ   o14

จะรอต่อไปนะก๊าบ    นะโม  จงมาเร็ว ๆ :amen:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: inimeg ที่ 22-08-2007 00:21:30
อ่านมาตลอดเลย

แง่มๆ

ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 22-08-2007 07:30:06
เมื่อวานงานเยอะเลยไม่ได้ต่อเลย
วันนี้จะลงให้ 2 ตอนเลยอิอิ

4 WHAT THE HELL I WAS THINKING ABOUT THAT NIGHT?
ระหว่างทางบนรถเมล์ที่เบียดเสียดยัดเยียดตอนเกือบ ๆ ห้าโมงเย็นวันนั้น ผมรู้สึกเหงาอย่างประหลาด มองดูเพื่อน ๆ คุยกับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงฤ 24 ชั่วโมงแล้วสังหรณ์ใจอยู่ลึก ๆ เลยว่าพวกมันจะต้องเข้ามาวนเวียนในชีวิตผมและเพื่อนไปอีกนานแน่ ๆ

"เดี๋ยวแวะบ้านไอ้ตั้มก่อนนะ ไปหาอะไรกินกัน" ไอ้นพชวน

"อยู่แถวไหนล่ะ…ไกลปะ" อีตูนถาม

"ซอย xxxxx เอง ไม่ไกลหรอก" คนชื่อตั้มบอก ไม่ไกลเลย…แต่สำหรับผมคนเดียวนะ เพราะซอยที่ว่าน่ะมันแค่ประมาณ 3 ป้ายรถเมล์จากบ้านผม

"อ้าวแล้วพ่อกับแม่ตั้มล่ะ"

"บ้านเราไม่มีคนอยู่หรอก พ่อไปทำงานที่ชลบุรี ส่วนแม่ตามไปเฝ้าพ่อ" ตั้มพูดขำ ๆ

"ดีจัง ไปเหอะ….อีเอ้มึงน่ะไปด้วยเลย" อีตาลคนที่ทำท่าจะปิ๊งกับตั้มเจ้าของบ้านหันมาดักคอผม เพราะมันเห็นผมเฉยผิดปกติ

"ไม่มีผู้ใหญ่อยู่…มันจะดีเหรอ" ผมพูดเสียงจริงจัง พวกผมถึงจะแรดยังไง ห้าคนในหกก็ยังซิงอยู่นะครับ ส่วนอีคนที่ชวนน่ะ ผ่านมาหลายแล้ว

"กลัวเหรอ…พวกเราไม่ทำอะไรหรอก" ไอ้วุธทำหน้ากวน ๆ

"ทำไม่กลัว…กลัวไม่ทำน่ะสิ" ผมย้อน

"ปากดีอย่างนี้ต้องโดนซักทีจะพูดไม่ออก"

"ก็อยากโดนอยู่…แต่ไปหาเพื่อนมาอีก เจ็ดแปดคนนะ คนเดียวไม่พอมือเราหรอก" ผมพูดขำ ๆ ยิ่งเห็นหน้าวุธมันอึ้งที่ได้ยินผมย้อนยิ่งอยากแกล้งมันอีก ลืมไปเลยว่าตอนนี้อยู่บนรถเมล์ ผมยิ่งพูดดังขึ้น

"ว่าง ๆ ก็ขอยืม…." ผมมองไปที่เป้ากางเกงมัน "…ไปแคะฟันหน่อยนะ ไม้จิ้มฟันมันใหญ่ไปเดี๋ยวฟันห่าง" ได้ผลครับ ไอ้วุธหน้าแดงจ้องผมแบบจะกินเลือดกินเนื้อ พวกเพื่อนมันกับเพื่อนผมหัวเราะกันเสียงดังจนคนหันมามองทั้งคันรถ จากนั้นตลอดทางผมก็ไม่ได้ยินเสียงวุธอีกเลย แต่ผมกับเพื่อน ๆ ของมันเริ่มคุยถูกคอกันแล้ว

เกือบชั่วโมงบนรถเมล์ และรถสองแถวเข้าบ้านไอ้ตั้มอีก ในที่สุดก็ถึงซะที มองนาฬิกาเกือบหกโมงเย็นแล้ว หิวด้วย เหนื่อยด้วย บ้านไอ้ตั้มมันน่ารักดีนะครับ ไม่ใหญ่มาก สองชั้น มีสองห้องนอนสามห้องน้ำ ชั้นล่างเป็นห้องรับแขกกับครัว มีโต๊ะหินอ่อนที่ระเบียงหน้าบ้านด้วย ตอนแรกก็สงสัยว่าไม่มีผู้ใหญ่อยู่ทำไมดูเรียบร้อยสะอาดดีจัง ไอ้ตั้มบอกว่าพ่อกับแม่จ้างคนมาทำความสะอาดตอนครึ่งวันเช้าทุกวัน เป็นคนละแวกนั้นน่ะแหละไว้ใจได้

"กินอะไรกันดี จะซื้อกินหรือจะทำกินเอง" ไอ้ตั้มถาม

"มีอะไรให้กินมั่งอ่ะ แต่เราว่าทำเองดีกว่าไม่เปลืองด้วย" อีนัทพูด

"แหม…อีแม่ศรีเรือน ทำกับข้าวเป็นเหรอมึงน่ะ" อีอ๋ากัด

"กูไม่ได้ทำเองซะหน่อย…โน้นอีเอ้ไง" ผมเงยหน้าจากน้องหมาชิสุของตั้ม ที่ผมจับมันขึ้นมาเล่นบนตักผม

"โอ๊ย กว่าจะทำกว่าจะได้กินก็สี่ห้าทุ่มพอดี ซื้อเอาแหละง่ายดี" ผมตอบปัด ๆ

"พวกกูไม่มีตังค์แล้ว" อีตูนพูดบ้าง มันหันไปหาทุกคน ก็พยักหน้ากันหงึก ๆ

"เออ ๆ มีอะไรในตู้เย็นมั่งอ่ะ ต่อ" ผมถามเจ้าของบ้าน

"ไปดูด้วยกันดิ ไม่รู้พี่เค้าจะซื้ออะไรติดตู้เย็นบ้าง" ตั้มเดินนำผมไปในครัว ปล่อยให้ผู้หญิงแท้ ๆ นั่งเล่นกันหน้าบ้าน ไม่มีใครตามมาสักตัว

"อยากทำอะไรก็ทำได้เลย ทุกอย่างกินได้หมด จะกินแค่ไหนก็เอาออกมา บ้านนี้ไม่หวงของกินครับ" ตั้มพูดยิ้ม ๆ เหมือนเดิม

"ไม่ต้องหุงข้าวแล้วกัน ช้า กินมาม่าดีกว่า" ผมเห็นของในครัวมันแล้วก็มีไอเดียในการทำกับข้าวง่าย ๆ ทันที

"หา ! มาม่าเนี่ยนะ ไอ้พวกนั้นมันเบื่อตายเลย มาทีไรก็ต้มกินทุกครั้ง" ไอ้ตั้มบ่น

"คราวนี้ไม่ใช่มาม่าต้มโว้ย" ผมบอก

"แล้วอะไรล่ะ"

"เออน่า เดี๋ยวเสร็จก็รู้เองแหละ" ตั้มยิ้ม แล้วเดินออกไปข้างนอก ผมล้างมือที่ซิงค์เสร็จกำลังหยิบหม้อใบใหญ่ที่สุดรองน้ำมาต้มมาม่าต้มยำกุ้ง 11 ห่อ หันไปหน้าประตูอีกทีไอ้พวกนั้นมันก็แห่เข้ามาทำท่าเหมือนจะช่วย (ช่วยทำให้ยุ่งน่ะสิ)

"มา กูช่วย" แจนพูดพร้อมช่วยฉีกซองมาม่าที่เหลือ

"ไม่เป็นไรกูทำเอง พวกมึงไปรอข้างนอกดีกว่า เดี๋ยวผมเหม็นนะมึง"

"เออ กูลืม มึงทำคนเดียวได้นะ" อีแจนตาโต วางมาม่าทันที

"สบายมากเพื่อน…พวกมึงด้วย กูทำคนเดียวเร็วกว่า"

"กูไม่ได้มาช่วยซักหน่อย มาดูเฉย ๆ ทำเร็ว ๆ นะยะนังแจ๋ว ชั้นหิวจนไส้กระดิกแล้ว" อีนัททำท่าเหมือนคุณนาย

"เจ้าค่ะ"…" อีดอก" คำหลังผมพูดแบบไม่ออกเสียง อีพวกนั้นขำกันใหญ่

"ไอ้วุธมึงอยู่ช่วยเอ้ในนี้แหละ จะได้เสร็จเร็ว ๆ" ไอ้นพพูดพลางขยิบตาให้วุธ ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม แต่….

"เค้าอยากทำคนเดียวมึงไม่ได้ยินเหรอ" วุธพูดเสียงเรียบ ๆ

"เอ้ ให้วุธมันช่วยเหอะ บ้านมันขายกับข้าวมันคล่องนะ" นพพูดแล้วขยิบตาอีก แต่คราวนี้ชี้ไปทางแจนด้วย ผมรู้แล้วว่าทำไม ก็ไอ้นพมันจะกันวุธไม่ให้อยู่ใกล้แจนที่มันกำลังจีบอยู่น่ะดิ พวกนั้นเดินออกไปหมดแล้ว วุธหันมามองหน้าผมแล้วขมวดคิ้ว

"ตกลงให้ช่วยปะ" วุธถาม

"ถ้าอยากช่วยก็ตามใจ" ผมเน้นคำว่า "ช่วย" เพื่อให้มันคิดว่าที่ช่วยเนี่ย ไม่ได้ช่วยผมนะ แต่ช่วยเพื่อนมันมากกว่า

"จะให้ทำอะไรล่ะ"

"คอยคนเส้นในหม้อละกัน ระวังอย่าให้เละนะ" ผมพูดแบบไม่มองหน้า ก้มหน้าก้มตาล้างผักคะน้าที่เกือบจะเหี่ยวกำนั้น

"เอาขึ้นได้ยัง" มันถามเสียงแข็งเชียว ผมเดินไปดูแล้วพยักหน้า วุธยกหม้อมาที่ซิงค์ส่วนผมเอากระชอนมารอรับเส้น

"เบา ๆ ร้อนนะโว้ย" ผมโวยวาย เมื่อน้ำที่มันเทกระเด็นมาโดนมือผม

"โทษ ๆ " ปากขอโทษแต่มันหัวเราะเบา ๆ ผมค่อย ๆ แบ่งเส้นออกใส่กะละมัง

"เอาเครื่องปรุงในซองเทใส่เส้น แล้วคลุกให้ทั่ว" ผมสั่ง

"โห แล้วจะกินได้เหรอ" วุธบ่น แต่ก็ทำ

"ยังไม่เสร็จ" ผมค้อนนิดนึง ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เตรียมหมูที่หั่นแล้วล้างรอไว้

"หั่นผักด้วย" ผมสั่งอีกครั้ง

"ไหนบอกทำคนเดียวได้ไง" มันย้อน

"เออ…งั้นไม่ต้อง" ผมเดินไปแทรกระหว่างตัวมันกับเขียงที่หั่นผัก เหมือนจะกระแทกให้ตัวมันออกไปห่าง ๆ ที่ไหนได้มันคว้ามือผมที่จับมีดเตรียมหั่นผักกองนั้น ผมชะงักมองหน้ามัน เพิ่งรู้ว่าตอนนี้เราอยู่ใกล้กันมาก และความสูงที่ใกล้เคียงกัน ดูคล้ายกับว่ามันกอดผมอยู่ด้วยซ้ำ

"พูดเล่น มา…ทำให้" ผมยังไม่ปล่อยมีด "เร็วดิ น้ำมันร้อนแล้วนะ" ผมตกใจหันไปมองชิบหายแล้ว ควันเต็มกระทะเลย

"ปล่อยสิ" ผมบอก มันมองที่มือผมแล้วปล่อยทันที

ผัดมาม่าของผมต้องแยกทำเป็นสามกระทะใหญ่ ๆ ใส่หมู ใส่ไข่ ใส่เส้น แล้วค่อยใส่ผักเป็นลำดับสุดท้าย ไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่ม ไม่ต้องชิมด้วย ผัดเสร็จผมก็เอาใส่ในกะละมังเหมือนเดิม ก็ไม่รู้นี่น่าว่าใครจะกินมากกินน้อยแค่ไหน

"เพิ่งรู้ว่ามาม่าก็เอามาผัดได้" วุธพูดลอย ๆ "แต่ไม่รู้กินได้รึเปล่า"

"ไม่ต้องลองก็ได้นะ" ผมประชด

"ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอ…ทำไมกลัวไม่อร่อยงั้นดิ"

"ถ้าทำมาม่าไม่อร่อยก็ไม่ต้องทำอย่างอื่นแล้วหละ" ผมอดไม่ได้ที่จะค้อนมัน

"ไม่ต้อง…เรายกให้" มันแย่งผมยกกะละมังมาม่า "เธอเอาจานกับช้อนไปละกัน ไอ้นี่มันหนัก…ร้อนด้วย" เรากำลังจะอ้าปากขอบใจ แต่ต้องเงียบ "เดี๋ยวมือด้านหมด เวลาไอ้เด็กมอปลายคนนั้นมันจับมือจะได้นิ่ม ๆ ไง"

"อะไรนะ"

"อะไรล่ะ ก็แฟนเธอไง เห็นจับมือจับแก้มกันไม่อายคนอื่นบ้าง" มันทิ้งระเบิดไว้แล้วเดินออกจากครัวไป

"เพื่อนโว้ย ไม่ใช่แฟน" ผมแหกปาก หน้าชาอีกรอบแล้ว มันไม่ยอมหยุดฟังผมอธิบาย "ช่างแม่ง" ผมพูดคนเดียวเบา ๆ

หลังจากกินเสร็จ เพื่อน ๆ ผมก็ช่วยกันเก็บจานชามกะละมังไปล้าง พวกผู้ชายก็จะเข้าไปช่วยแต่อีอ๋ามันบอกว่าแค่มาอาศัยกินก็เกรงใจแย่แล้ว พวกนี้ขอล้างเองดีกว่า คนอื่นก็เห็นด้วย วันนั้นมาม่าผัดฝีมือผมหมดเกลี้ยง แถมยังชมอีก ผมไม่รู้ว่าจะดีใจดีหรือเปล่าที่ทำมาม่าอร่อย ผมว่าพวกมันหิวมากกว่า แต่ที่แน่ ๆ ตั้มเจ้าของบ้านชวนผมให้มาเที่ยวบ้านบ่อย ๆ ด้วย แต่ความหมายโดยนัยคือให้ตาลเพื่อนผมมาด้วยนั่นแหละ

"บ๊าย บาย เจอกันพรุ่งนี้นะโว้ย" ผมร่ำลาเพื่อนผมซึ่งไม่มีใครกลับทางเดียวกันเลย ก่อนจะหันไปโบกมือให้เด็กช่างเพื่อนใหม่

"เฮ้ย ไอ้วุธมึงกลับทางเดียวกับเอ้ไม่ใช่เหรอ" นพถาม วุธพยักหน้ารับ "นี่ไงมีเพื่อนกลับแล้ว" นพบอกผม

"ไม่เป็นไรเรากลับเองได้ แค่นี้เอง อย่าลืมดิว่าเราคนในพื้นที่" เรารีบพูดสวน

"มืดแล้ว…อันตราย" วุธพูดเสียงเรียบ ๆ

"ใครจะทำอะไรเรา เราผู้ชายนะเว้ย"

"ผู้ชาย หึ..หึ แน่ใจ?" มันพูดยิ้ม ๆ

"แน่ใจดิ แถมหล่อกว่านายด้วย" เสียงเพื่อน ๆ ผมโห่ทันที

"หยุด ๆ โน่นสองแถวมาแล้ว" ไอ้ตั้มเบรก

ในที่สุดผมก็ต้องขึ้นรถคนเดียวกันกับวุธ ขนาดมืดแล้วคนยังแน่นอยู่เลย วุธยืนอยู่ข้างหน้าผม เพราะตอนแรกผมไม่ยอมขึ้นรถคนเดียวกับมัน แต่เพื่อน ๆ ผมมันร้องเสียงดังไล่ผมให้ขึ้นรถ คนขับก็รอ คนบนรถก็มองลงมาที่ผม ผมก็เลยต้องขึ้นไปอย่างเสียไม่ได้

"บ้านอยู่ไหนนะ" มันพูดลอย ๆ
"แถวนี้แหละ" ผมตอบแบบขอไปที

"ซอยไหนล่ะ"

"ซอยยิก ๆ มั้ง" ผมกวน มันหันมายิ้ม

"ถามจริง" หน้าตามันอยากรู้มาก ผมก็เลยต้องบอก แต่บอกแค่ชื่อซอยนะครับ

"เข้าไปลึกปะ"

"ถามทำไม…จะไปส่งเหรอ"

"อยากให้ไปมั๊ยล่ะ" วุธหันมาถามผม คนก็แน่นขึ้นตัวผมแทบจะแนบกับมัน

"ไม่ต้องอ่ะ แล้วบ้านวุธล่ะ…อยู่ไหน?" มันบอกชื่อซอยมาเหมือนกัน ถัดจากซอยบ้านผมไปป้ายรถเมล์เดียว แต่อยู่คนละฝั่งกับของผม ซอยนั้นมันลึกมากเป็นซอยใหญ่เป็นทางลัดไปได้หลายซอย ผมก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไรอีก ซักพักรถสองแถวก็ถึงถนนใหญ่ ผมต้องต่อรถเมล์ไปอีกสามป้ายทางเดียวกับวุธนั่นแหละ แต่ผมไม่อยากขึ้นรถคนเดียวกับมันอีก

"ขอบใจที่สอนเล่นไอซ์นะ วันหลังเจอกันใหม่" ผมพูดกับวุธทันทีที่ลงจากสองแถว

"อ้าว…ไปไหนล่ะ ไม่กลับด้วยกันเหรอ" วุธงง

"ไม่อ่ะ เดี๋ยวแวะซื้อของก่อน" วุธมองหน้าผมแบบจับผิด ผมหลบตาวูบ

"เออ ไม่เป็นไร กลับบ้านดี ๆ ละกัน" ผมอยากจะบอกมันเหลือเกินว่าผมกับมันอายุไม่ได้ต่างกันเกินปีหรอก มันพูดกับผมเหมือนผมเป็นเด็กหกขวบไปได้ รถเมล์มาพอดีมันก็ขึ้นรถไปแบบไม่หันมามองผมอีกเลย

บนถนนตอนมืด ๆ แบบนี้รถไม่ติดเท่าไหร่ สักพักรถเมล์คันใหม่ก็มาพอดีผมกระโดดขึ้นรถทันที จ่างตังค์ยังไม่ทันจะได้ตั๋วก็ถึงป้ายที่ต้องลงแล้ว ผมก้มหน้าก้มตาเดินไปขึ้นมอไซค์รับจ้างเข้าซอย

"ซื้อของไวจังนะ" ผมหันขวับไปตามเสียง

"เฮ้ย…วุธ…ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ" ผมตกใจ

"ก็มารอดูหน้าคนโกหกไง" ผมอึ้ง "ไม่อยากกลับด้วยกันบอกตรง ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องโกหกเลย"

"ไม่ได้โกหกซะหน่อย…ก็…ก็ลืมไปว่าตังค์หมด" ผมแก้ตัวตะกุกตะกัก วุธมองหน้าผมแบบไม่เชื่อที่ผมพูด

"อ้อ…ลืมบอก…พรุ่งนี้เลิกเรียนแล้วเราจะไปรอหน้าโรงเรียนนะ" อยู่ ๆ วุธก็พูดขึ้นมา

"หา…ไปทำไม…รอใคร" ผมใจเต้นโครมคราม

"รอแจนไง เลิกสองโมงครึ่งใช่ปะ ฝากบอกแจนด้วยล่ะกัน" แป่ว…ผมผยักหน้าช้า ๆ แล้วหันหลังกลับไปที่วินมอไซค์โดยไม่ได้ร่ำลาวุธอีก

คืนนั้นทั้งคืนผมนอนกระสับกระส่าย ทำไมก็ไม่รู้พอหลับตาลงทีไรหน้าของวุธก็ลอยมา พอเคลิ้ม ๆ คำพูดบางคำของวุธก็ทำให้ผมยิ้ม และสุดท้ายผมก็ต้องลืมตาขึ้นมาทันทีเมื่อสมองผมทวนคำพูดที่ว่าพรุ่งนี้วุธจะไปรับแจนที่หน้าโรงเรียน เสียใจเหรอ…ผิดหวังเหรอ…อิจฉาเพื่อนเหรอ ไม่สิ ไปไหนมาไหนอีแจนก็มีคนมาจีบเป็นเรื่องปกติของคนสวย แต่กับคนนี้มันรู้สึกแปลก ๆ อาจจะเป็นเพราะว่าวุธมันดีกับผมมั้ง สอนเล่นไอซ์ ผมทำแขนมันเป็นแผลก็ไม่โกรธ คำพูดที่ดูเหมือนเป็นห่วงตอนเราจะกลับบ้าน ที่สำคัญมันเข้าสเปกเราอย่างจังไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปร่างหน้าตา การแต่งตัว ดูเถื่อนแบบเทห์ ๆ ไม่ซกมกเพราะตัวมันหอมมาก ขนาดออกไปตะลอนทั้งวัน ผมยังจำกลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของมันได้ตอนที่เราต้องอยู่ใกล้กันมาก ๆ บนรถสองแถวเมื่อเย็นนี้ นาน ๆ จะได้เจอคนแบบนี้ซักที คิดไปคิดมาก็นึกถึงไอ้โยอีกคน ไอ้นี่ก็พูดจาแปลก ๆ แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับโยนัก (เด็กมัธยมปลายไม่ใช่สเปกผมนี่นา)

************************************************************************

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 22-08-2007 07:38:40
อีก 1ตอน  :a3:
5 ALL BY MYSELF (DON'T WANNA BE)

"อีเอ้เป็นไรวะมึง…หน้าตาเหมือนคนไม่ได้นอน ไปทำอะไรมา" อีนัททัก หลังวิชาแรกจบลง

"เปล่า…กูก็นอนสบายดีนี่…แค่เมื่อยขานิดหน่อยว่ะ" ผมโกหก ก็เมื่อคืนกว่าจะหลับก็เกือบตีสอง ตีห้าตื่นมาโรงเรียน

"ตอแหล….ขอบตาคล้ำขนาดนี้บอกนอนสบายดี…มัวแต่คุยกับผู้ชายอยู่ละซิมึง" อีตูนสาวนักกีฬาดูออก แต่มันพูดเรื่องอะไรกันผมงง อีอ๋าเดินเข้ามาพอดีทำให้ผมถึงบางอ้อ

"ก็คุยโทรศัพท์กับโยสุดหล่อนั่นไงล่ะมึง" อีอ๋าพูดเองเออเอง

"เป็นไงมึง…กูเห็นครั้งแรกก็รู้แล้วว่าเค้าชอบมึง" อีนัทพูดอีกคน

"เค้าถามถึงกูมั่งปะ" อีอ๋าสอด

"อีดอก…ถามสิ…เค้าถามว่ามึงเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองหรือสัตว์ป่าสงวน เหลืออีกกี่ตัวในเมืองไทย" ผมเล่นมุขเรื่องสัตว์ป่าประเภทต่าง ๆ ที่เพิ่งเรียนเมื่อตะกี้

"อีเหี้ยเอ้…กูถามจริง ๆ " อีอ๋าโมโห

"ถามKอะไรล่ะ…กูไม่ได้คุยกับใครซักหน่อย ไอ้โยก็ไม่ได้โทรมา"

"อ้าว…แล้วที่เค้าขอเบอร์มึงไปอ่ะ" อีนัทสงสัย "หรือว่ามึงไปต่อที่อื่นกับวุธวะ" ทำไมก็ไม่รู้หน้าผมแดงจนเพื่อนสังเกตุเห็น

"กูว่าแล้ว…ไม่น่าฝากปลาย่างไว้กับแมวเลย" อีแจนมาจากไหนไม่รู้ดีนะว่ามันพูดยิ้ม ๆ

"บ้าเหรอ กูไม่ได้ไปไหน ไม่ได้คุยกับใครทั้งนั้นแหละ ถึงบ้านก็อาบน้ำ แดกข้าว นอน แต่มันนอนไม่ค่อยหลับ ปวดขาจะตาย พวกมึงไม่ปวดกันมั่งเหรอ"

"ไม่เห็นปวดอะไรเลย พวกมึงล่ะ" อีตูนหันไปถามเพื่อน ๆ ทุกคนส่ายหัว "วันนี้เลิกเรียนแล้วไปไหนต่อดีวะ" อีนัทหันมาถามผม

"ไปไหนก็ไปกันเหอะ แต่กูไม่ไปนะโว้ย" ผมบอก "เดี๋ยวก่อน…เมื่อวานก่อนแยกกับไอ้วุธมันบอกว่าวันนี้เลิกเรียนมันจะมารับมึงอ่ะอีแจน" เสียงเพื่อน ๆ ผมกรี๊ดกร๊าดทันทีที่ผมพูดจบ

"งั้นเลิกเรียนแล้วรีบออกเลยนะโว้ย เดี๋ยวไอ้พวกเด็กXXXXแม่งมา" อีตูนพูดชื่อโรงเรียนช่างกลอีกที่นึงซึ่งไม่ค่อยกินเส้นกับโรงเรียนพวกวุธมัน

ก็ตามประสาเด็กช่างแหละครับผิดกลิ่นกันหน่อยก็ตีกันแล้ว หน้าโรงเรียนผมตอนเลิกเรียนก็มีผู้ชายหลากหลายวัย หลายโรงเรียนมาคอยรับแฟนกัน แต่วุธบอกเมื่อวานว่าจะมาตอนโรงเรียนมันเลิกก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่เพราะคนยังไม่เยอะ

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่อีพวกชะนีรอคอย ทุกนางเตรียมพร้อมที่จะไปหาผู้ชายแล้ว อีนัท อีอ๋า อีตาล อีแจน แอบแต่งหน้าตอนอาจารย์เผลอ ส่วนอีตูนมันต้องซ้อมวอลเลย์ก็เลยอดไป แต่มันก็ไม่ได้อยากไปสักเท่าไหร่ เพราะผู้ชายในกลุ่มนั้นไม่เข้าสเปกมันซักคน มันชอบผู้ชายแมน ๆ แบบนักกีฬามากกว่า ส่วนผมก็เก็บสมบัติเตรียมตัวกลับบ้านให้พ่อกับแม่เซอร์ไพร้ส์ที่กลับบ้านก่อนหกโมง พวกเราเดินมาถึงหน้าโรงเรียนด้วยกันผมหันไปเห็นพวกวุธ กำลังเดินมาทางเราพอดี ผมรีบร่ำลาเพื่อน ๆ โบกมือให้ไอ้พวกนั้นนิดนึง ผมข้ามถนนเดินจ้ำแบบไม่หันกลับไปมองเพื่อน ๆ อีกเลย ระหว่างนั่งรถกลับบ้านก็รู้สึกเหงา ๆ เหมือนกัน คนไม่เคยกลับบ้านเร็ว เทอมก่อนเลิกเรียนก็มีงานทำ เทอมนี้เลิกเรียนก็ไปเที่ยว ไปกินข้าวเย็นกับเพื่อนทุกเย็น มีกิจกรรมให้ทำร่วมกันตลอด แต่วันนี้เราต้องกลับบ้านคนเดียวเพราะไม่อยากเห็นภาพบาดตาของวุธที่แย่งกันจีบอีแจนเพื่อนรัก ตอนบ่าย ๆ อย่างนี้รถก็ไม่ค่อยติดไม่ถึงสิบห้านาทีก็ถึงปากซอยบ้าน ไม่รู้จะทำอะไรก็เข้าไปซื้อน้ำแล้วนั่งเล่นอยู่หน้าเซเว่น คิดมากขนาดโกรธตัวเองที่ทำไมไม่เกิดเป็นผู้หญิงจริง ๆ เค้าจะได้สนใจ แปลกเหมือนกันเมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้ เคยแอบชอบคนมาก็มาก แต่ไม่มีใครทำให้เราหวั่นไหวได้ขนาดนี้

วันนี้ผมกลับถึงบ้านก่อนทุกคน ขึ้นห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจะไปตลาดซื้อของมาทำกับข้าวให้ทุกคนกินกัน แต่พอลงมาข้างล่างปรากฎว่าพ่อกับแม่กลับมาพร้อมกัน สรุปว่ารอน้องชายทั้งสองคน…ไม่ถึงสิบนาทีพวกมันก็มา แล้วเราก็ออกไปกินข้าวเย็นข้างนอกกันพร้อมหน้าโดยที่ไม่ใช่วันอาทิตย์เป็นครั้งแรกในรอบปี เราไปกินที่ร้านอาหารเจ้าประจำที่บรรยากาศดีมาก ๆ มีมุมให้อาหารปลา มีมุมเด็กเล่น ซึ่งครอบครัวผมมากทานที่นี่กันตั้งแต่ผมยังเด็ก และปัจจุบันร้านนี้ก็ยังอยู่นะครับ (ใกล้กับห้างที่เคยได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในประเทศ ผมเห็นตั้งแต่ที่ดินตรงนั้นยังเป็นทุ่งนาอยู่เลย) อาหารอร่อยเหมือนเดิม สักพักพ่อผมก็เริ่มคุยเรื่องอนาคตของผม

"จบปวช. แล้วจะเรียนอะไรต่อ"

"ก็มหา'ลัยดิพ่อ" ผมตอบแบบไม่คิด

"ไม่ต่อปวส. เหรอ"

"ไม่อ่ะครับ อยากเรียนที่เดียวยาว ๆ เลย"

"แล้วหนูดูไว้รึยังว่าจะเรียนที่ไหน" แม่ผมถามบ้าง

"ยังไม่รู้เลยครับ…อีกตั้งนาน"

"อีกนานอะไร แค่ปีกว่า ๆ เอง เตรียมตัวอะไรมั่งยัง" พ่อถามเสียงจริงจังจนผมต้องวางมือจากการแกะเนื้อปูผัดผงกะหรี่

"ต้องเตรียมตัวอะไรด้วยเหรอ" ผมสงสัยมองหน้าพ่อกับแม่สลับกัน

"อ้าวก็ต้องเรียนพิเศษเพิ่มสิ เราเรียนพาณิชย์มาเรื่องคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษน่ะสู้เด็กสายสามัญได้ที่ไหน" แม่ตอบ

"โห…จะเอาเวลาที่ไหนไปเรียนอ่ะครับ" ผมเกลียดการเรียนพิเศษที่สุด เพราะผมโดนบังคับให้เรียนตั้งแต่เด็ก ๆ (มารู้ตอนโตว่ามันสำคัญมาก)

"ก็ปิดเทอมนี้ไม่ต้องไปทำงานไง…เรียนพิเศษอย่างเดียว" พ่อพูดดักคอผม

"แล้วเอ้จะเอาเงินที่ไหนซื้อขนมล่ะ" ผมอ้อน

"พ่อก็ให้ตามปกติ…ไม่พอใช้ก็บอกแต่ห้ามฟุ่มเฟือย โอเคมั๊ย"

"ขอคิดดูก่อนล่ะกันนะครับ" ผมต่อรอง

"ตามใจ เพราะถ้าจะดื้อไปทำงานตลอดปิดเทอมนี่พ่อก็จะไม่ให้เงินซักบาท…" พ่อพูดเรียบ ๆ แต่ผมรู้ว่าพ่อทำจริง
*
*
*

หลังอาหารเย็น พวกเรากลับถึงบ้านประมาณสองทุ่ม ผมอาบน้ำอีกรอบ นั่งคิดเรื่องที่พ่อพูดเมื่อเย็นก็เครียด คิดถึงเพื่อน ๆ ว่าป่านนี้พวกมันทำอะไรกันอยู่ก็เครียดอีก อยู่คนเดียวเหงามาก ๆ หันซ้ายก็เจอกำแพง…หันขวาก็เจอกำแพง ผมเดินไปที่ระเบียงนั่งคิดอะไรเรื่อยเปี่อย ลมข้างนอกเย็นสบายแต่ผมกลับร้อนรุ่มในใจ ผมตัดสินใจเดินเข้าห้องลากสายโทรศัพท์ออกมาที่ระเบียง (ตอนนั้นยังไม่มีไร้สายอ่ะคับ) กดเบอร์เพื่อนทีละคนยังไม่มีใครถึงบ้านเลยซักคน "นี่มันเกือบสามทุ่มแล้วนะโว้ย…ไปถึงไหนกันวะแม่ง" ผมบ่นในใจ ก่อนที่ผมจะรู้สึกแย่ไปกว่านี้ผมก็เลยเดินไปเปิดวิทยุฟังดัดจริตฟังเพลงฝรั่งด้วยนะครับเพราะผมรู้ตัวเองดีว่าฟังเพลงไทยแล้วมันจะอินง่ายกว่า ถ้าดีเจดันเปิดเพลงเหงา ๆ เศร้า ๆ ขึ้นมาผมต้องก็อกแตกแน่ ๆ เอาเพลงฝรั่งนี่แหละวะ ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ก็ยังดีกว่านั่งเงียบ ๆ คนเดียว เปิดเสียงดังเลยหล่ะ นั่งตรงระเบียงกลัวไม่ได้ยิน

When I was young
I never needed anyone
And making love was just for fun
Those days are gone

Livin' alone
I think of all the friends I've known
When I dial the telephone
Nobody's home

All by myself
Don't wanna be
All by myself
Anymore

Hard to be sure
Sometimes I feel so insecure
And loves so distant and obscure
Remains the cure

All by myself
Don't wanna be
All by myself
Anymore
All by myself
Don't wanna live
All by myself
Anymore

ตอนนั้นยังแปลไม่ค่อยออก แต่ก็จับใจความได้เป็นระยะ บวกกับเสียงร้องที่เข้าถึงอารมณ์คนเหงา ๆ น้ำตาผมก็ไหลแบบไม่รู้ตัว โชคดีที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความเศร้าที่ผมสร้างขึ้นเองแท้ ๆ

"สวัสดีครับ" ผมรับทันทีเพราะโทรศัพท์ยังอยู่บนตักผม

"สวัสดีครับ ขอสายเอ้ครับ"

"เดี๋ยวนะ…เอ้รับแล้ว…ข้างล่างวางก่อน" ผมบอกกับคนในบ้านซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร เพราะโทรศัพท์มันเป็นแบบพ่วง เครื่องข้างล่างสามารถยกหูรับได้น่ะครับ

"เอ้พูดอยู่ครับ…ใครอ่ะ" ผมพูดเสียงอู้อี้ (ก็คนกำลังร้องไห้อยู่อ่ะนะ)

"เป็นอะไร เสียงไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายเหรอ"

"เปล่า…" ผมตอบเบา ๆ

"ทำไรอยู่"

"เปล่า…"

"โทรมารบกวนปะเนี่ย" เสียงปลายสายเหมือนจะกังวล

"เปล่า…"

"พูดเป็นแต่เปล่าเหรอ"

"เปล่า….เอ๊ยไม่ใช่…โยเหรอ?"

"อืม…เราเอง" " มันตอบหลังจากเงียบไปแป๊บนึง

"เป็นไงมั่ง…ยังไม่นอนเหรอ" เราเริ่มคุย

"ทำไม…ถึงคิดว่าเป็นเราล่ะ" นอกจากไม่ตอบแล้วยังถามกูกลับอีก แปลกว่ะ ผมคิด

"ก็เพื่อนผู้ชายที่มีเบอร์เราน่ะ…มีไม่กี่คนหรอก"

"อืม…วันนี้ไม่ไปเที่ยวไหนเหรอ"

"ไม่อ่ะ…"

"ทำไมล่ะ" มันถาม…ก็แล้วทำไมกูต้องบอกมันด้วยล่ะ ผมคิดในใจ

"ไม่อยากไป" ผมตอบสั้น ๆ "กินข้าวยัง" ผมเปลี่ยนเรื่อง

"กินแล้ว….รู้ปะนี่นานมาก…นานจนเราจำครั้งสุดท้ายไม่ได้เลยว่าใครถามเราอย่างนี้" มันพูดเหมือนซาบซึ้งมาก แต่ผมแค่ถามตามมารยาท แบบไม่มีเรื่องจะคุยอ่ะ

"หาแฟนดิ จะได้มีคนถามบ่อย ๆ ไง"

"ก็หาอยู่…"

"หล่อ ๆ ขนาดนี้หาไม่ยากหรอก…แต่เอ่อ…อยู่โรงเรียนชายล้วนก็ใช้เวลานิดนึงนะ"

"จริง ๆ แล้วก็เจออยู่คนนึง…แต่เค้าคงไม่ชอบเราหรอก" โยพูดเสียงเศร้า ๆ

"ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ"

"เพิ่งรู้จักกันไง แต่เค้าจะคอยหลบหน้า เหมือนไม่อยากเจออ่ะ" พูดจบก็เงียบ ผมก็เงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ และแล้วโยมันก็หัวเราะเสียงดัง

"หัวเราะอะไรวะ" ผมงง

"จำไม่ได้จริง ๆ เหรอ" มันย้อนถามผมอีกแล้ว

"จำอะไรวะ"

"โอเค โอเค ไม่มีอะไรหรอก พูดเล่น… เมื่อวานกลับบ้านแล้วปวดขาป่ะ"

"ปวดดิ แทบไม่อยากไปโรงเรียน"

"แล้วก็ไม่อยากไปเที่ยวต่อตอนเย็นด้วยใช่มะ" มันพูดต่อให้

"ถ้าอยากไปก็ไป…ปวดขาแค่นี้หยุดเราไม่ได้หรอก"

"นี่แสดงว่าไม่อยากไปจริง ๆ มีอะไรเหรอ" เสียงมันอยากรู้มาก

"ไม่อยากเห็นหน้าคนบางคน"

"ใครอ่ะ…" มันเงียบพักนึง "ไอ้คนที่ชื่อวุธเหรอ"

"คงงั้นมั้ง" ผมตอบส่ง ๆ "เพื่อน ๆ เป็นไงกันบ้าง ได้ข่าวใครมั่งมั๊ย" ผมเปลี่ยนเรื่อง

"ไม่มีอ่ะ ไม่ได้ติดต่อใครเลย"

"เหรอ…แล้วมึงเรียนเป็นไงมั่งล่ะ ยากปะ กูเรียนพาณิชย์นี่โครตสนุกเลย" ต่อมเม้าธ์เริ่มทำงานแล้วครับ

"ทำไมพูดกูมึง กับเราล่ะ" มันถามเสียงเรียบ เล่นเอาผมงง

"เมื่อวานกูกะมึงก็พูดอย่างนี้นี่หว่า" ผมขำ ๆ ยังคิดว่ามันเล่นมุข

"แต่ตอนนี้และต่อไปไม่พูดได้มั๊ยครับ" เสียงจริงจังมาก

"ไม่ต้องมาอำเลย เป็นอะไร…มึงอ่ะ"

"ไม่ได้อำ พูดจริง ๆ ต่อไปเราพูดกันดี ๆ นะครับ"

"ได้สิคร้าบบบ…โยอยากให้ทำอะไร เป็นอะไร พูดยังไงก็ได้คร้าบบบ อยากได้อะไรเพิ่มอีกมั๊ยคร้าบบบ" ผมแกล้งล้อมัน

"อยากได้หัวใจเอ้อ่ะ…จะให้ได้ปะล่ะ"

"เป็นผีดิบเหรอคร้าบบบ…เอาปอด เอาตับไตไส้พุงไปด้วยมั๊ยคร้าบบบบ" มันขำกับเสียงสั่น ๆ ของเรา

"ไม่เล่นแล้ว…โอเค พูดกันดี ๆ ก็ได้ ทำการบ้านยัง" เราหยุดล้อเล่นแล้ว

"โห…ถามแต่เรื่องเรียนเนอะ"

"แล้วจะให้คุยเรื่องอะไรล่ะ ตอนเรียนมอต้นด้วยกันไม่เห็นอยากจะคุยกับเราเลยนี่…เมื่อวานยังงงอยู่เลย ทำไมเดินเข้ามาทักเราวะ" มันเงียบไปนิดนึง

"ก็ดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าอ่ะ เออ…ไม่ได้เจอกันนาน เราเปลี่ยนไปมั่งปะ" ผมนึกหน้ามันระหว่างตอนเรียนมอต้นกับที่เจอกันเมื่อวาน

"เปลี่ยนดิ ตอนมอต้นโยเตี้ยกว่าเราอีก ไปทำอะไรมาวะสูงขึ้นตั้งเยอะ"

"แล้วหล่อปะล่ะ" ผมอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบยังไง ก็มันหล่ออ่ะ แต่ไม่อยากชมมัน

"หล่อก็ได้…หล่ออย่างนี้ไม่มีน้องสาวที่โรงเรียนมาจีบมั่งเหรอ" มันหัวเราะ ก็น้องสาวที่ผมพูดหมายถึงน่ะน้องกะเทยสาวที่สิงอยู่ในโรงเรียนชายล้วนนั่นแหละ

"ที่โรงเรียนไม่มีหรอก มีแต่แถวบ้าน" เป็นไปได้ไงหน้าตาอย่างนี้ไม่มีสาว ๆ ในโรงเรียนมาชอบ แต่ก็ช่างมันเหอะ

"อย่าลองเชียวนะ…เดี๋ยวติดใจ" ผมเตือน

"ไม่ต้องห่วง…ถ้าจะลองก็ขอลองกับ เอ้….เอ่อ…เพื่อนล่ะกัน"

"อุบาศว์" ผมด่ามันแก้เขิน เดินลากสายโทรศัพท์เข้าบ้าน แล้วหรี่เสียงเพลงลง ปิดไฟทุกดวง เปิดแค่ไฟหัวเตียงไว้ บรรยากาศค่อยดีขึ้นมาหน่อย
*
*
*

ผมคุยกับโยนานมาก กลิ้งตัวไปมาบนเตียง คุยเรื่องไร้สาระบ้างเรื่องส่วนตัวบ้าง ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงของโยหลายอย่างเลยครับ แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร เริ่มจาก โยไม่ชอบดูฟุตบอล…..แต่ตอนเรียนมอต้นผมเห็นมันเล่นบอลทุกเย็นเลย…ศัพท์ภาษาอังกฤษง่าย ๆ ก็ไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่มันเก่งจะตายไม่งั้นจะสอบเข้าโรงเรียนนั้นได้ยังไง แต่ผมคิดว่าบางทีอาจจะลืมก็ได้ ผมยังเป็นบ่อย ๆ…..มันชอบถามเรื่องตอนมอต้น หลายเหตุการณ์ที่ผมเล่ามันก็เออออไปตามเรื่อง เหมือนมันจำอะไรไม่ได้ซักอย่าง…..มันชอบวกเข้าเรื่องส่วนตัวของผม…ซึ่งผมก็เต็มใจเล่าอย่างไม่ปิดบัง เราคุยกันจนแทบไม่มีเรื่องคุยแล้ว นี่ก็เกือบเที่ยงคืนผมรู้สึกไม่ไหวแล้ว เมื่อคืนวานก็นอนนิดเดียว

"อืม…โย ปกติเราไม่ได้เป็นแบบนี้หรอกนะ แต่วันนี้ง่วงมากเลยอะ" ผมหาช่องทางพูดเพื่อจะวางหู

"โทดที…ลืมไป นี่กี่โมงแล้วอะคับ"

"ที่บ้านไม่มีนาฬิกาเหรอ" ผมกัด

"มีแต่มองไม่เห็น ตอนนี้เราปิดไฟหมดเลย"

"อีกสิบนาทีเที่ยงคืน โอเคปะ"

"งั้นเอ้ไปนอนเถอะ…รบกวนแค่นี้ละกัน…ฝันดีนะครับ" ผมอึ้ง ไม่เคยมีใครพูดอย่างนี้กับผมมาก่อนเลย

"ครับ…ฝันดีเช่นกันนะครับ Goodnight ครับ" ผมตอบกลับ

"เดี๋ยว…อย่าเพิ่งวาง อย่าลืมฝันถึงเรานะ" โยหยอด

"ถ้าอย่างนั้นคงฝันร้ายแล้วหล่ะ" ผมพูดขำ ๆ

"ไม่เป็นไร…งั้นเราจะฝันถึงเอ้ฝ่ายเดียวละกัน" มันทำผมอึ้งอีกแล้ว หลายครั้งแล้วนะวันนี้ ผมไม่เข้าใจมันจริง ๆ ว่าพูดอย่างนี้เพื่ออะไร ผมได้แต่ก็คิดในใจว่ามันคงพูดเล่นมั้ง

"จ้า…จะฝันถึงใครอะไรยังไงก็ตามสบายเถอะ…ระวังฝันเปียกล่ะ" ผมขำ

"ไม่มีทาง…วันนี้เรียบร้อยแล้ว" มันย้อน

"ทะลึ่งว่ะ…โอเค…แค่นี้นะ" ผมจะวางหู

"ครับ…พรุ่งนี้โทรมาหาใหม่ได้ปะคับ" มันถามเสียงอ้อนเชียว

"Why not?" ผมดัดจริตพูดภาษาอังกฤษ

"วาย น็อต เซเว่นเหรอ เกี่ยวอะไรด้วยอ่ะ"

"เออ เออ ไม่มีอะไร ถ้าจะโทรก็หลังสามทุ่มละกัน" ผมพูดแบบปลง ๆ มันเล่นมุขจนประโยคสุดท้ายเลยเหรอเนี่ย ผมเงียบแต่ยังไม่วางหู

"วางซะทีสิ" ผมเห็นว่านานแล้วมันก็ยังไม่วาง

"เอ้วางก่อนดิ"

"ตามมารยาท…คนที่โทรมาต้องเป็นฝ่ายวางก่อน" ผมบอก

"แต่เรายังไม่อยากวาง เอ้จะนอนก็วางสิ" มันท้า

"เออ งั้นแค่นี้นะ หวัดดี" ผมวางหูจริง ๆ พอง่วงแล้วมันหงุดหงิดไง
*
*
*

ผมหลับไม่รู้เรื่องเลยคืนนั้น พอวางหูก็หลับไปเลย ไฟหัวเตียงยังไม่ได้ปิดด้วยซ้ำ แต่ที่สำคัญ นาฬิกาปลุกยังไม่ได้ตั้ง ผมต้องตื่นเพราะเสียงแม่เคาะประตูหลายปังเลยครับ ผมเดินสะลึมสะลือไปเปิดประตู แม่ผมหน้าตาตื่นคิดว่าผมเป็นอะไรไป แต่ผมสิตื่นกว่าเพราะมองออกไปแดดจ้าเลย หันกลับมามองนาฬิกา ชิบหาย แปดโมงกว่าแล้วไอ้เอ้ ผมวิ่งไปเข้าห้องน้ำ ไม่สนใจกับเสียงแม่ที่บอกให้ระวังพื้นลื่นเลย



--------------------tbc--------------------------------

2  ตอนรวด อ่านอย่างจุใจ ฟิ้วววววววววววววววววว
ไปและขอบคุณพี่เอ้มากมายคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: คุณหนูไฉไล ที่ 22-08-2007 08:01:31
แหม..คุยผิดเป็นชั่วโมง

ทำไปได้นะคุณเอ้ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 22-08-2007 08:10:27
รออ่านต่อจ้า ลุ้นๆ  :m11:  :m11:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 22-08-2007 09:02:25
อิอิ  ใช่โยโทรมาจิงๆเหรอ   สงสัยอ่ะ  อยากรู้ แต่ไม่อยากถาม 
รีบๆมาต่อไวๆนะคับอยากรู้แล้วว่าจะเป็นไงต่ออ่ะ

 :m28: :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 22-08-2007 17:41:49
น่ารักดีอ่ะ เรื่องนี้ ติดตาม ติดตาม  :m13: :m13: :m13:
 :m21: ยังเลือกไม่ถูกจะเชียร์ใครดี ระหว่าง วุธ กับ โย  :m28:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 22-08-2007 20:51:22
อิอิ  โยหรือวุธ ดี เลือกมะได้แบ่งมาคนนึงก็ได้นะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 22-08-2007 21:49:33
ไม่รุ้ใจตัวเอง

วุธรึโย ดีหนอ อุ๊บส์ๆๆๆๆ

แต่มาต่ออีกนะ กำลังสนุกเลย :a4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: napho ที่ 22-08-2007 22:34:27
           
:m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
สนุกมาก ๆ รีบมาต่อนะครับ  
         :m18: :m18: :m18: :m18: :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 22-08-2007 22:54:08
เลือกเชียร์ไม่ถูก ทำไงดี

หนักใจจังเลย o7 เลือกไม่ถูก
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: esabella ที่ 23-08-2007 02:24:15
หนุกจัง... :a1:      แอบเชียร์วุธดีก่า...อิ..ๆ.. :a9:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 23-08-2007 06:08:46
 :m18:ไม่ได้อ่านตั้งหลายวันคิดตึ๋งจริงๆเยย.. :m18:
มาเม้นให้กำลังใจก่อนนะ..ตอนค่ำๆค่อยมาอ่าน..
 :impress:แล้วมาต่อบ่อยๆนะก้าบบบบ.. :impress:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 23-08-2007 11:34:14
 :impress:

แปดโมงนี่มันหมดคาบแรกไปแล้วนะเนี่ย

จะไปถึงโรงเรียนกันกี่โมงหว่า

 :a11:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 23-08-2007 13:44:54
 :m22:
ต้องไม่ใช่โยแน่ ๆ
 :m26:
ต้องเป็นวุธชัวร์
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 23-08-2007 15:25:33
 :m5:  มารอแระครับ อิอิ มายังอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 23-08-2007 16:04:37
เอจะเป็นโยหรือวุธดีล่ะเหอๆๆๆๆ นั่นดิเนอะ
แล้วคนที่โทรเนี่ยมานใช่โยป่าวหว่า  :m28: :m28:
ไปอ่านกันเลยดีกว่าครับ


6 WAS HE TRYING TO BE NICE OR WHAT ELSE?

ไม่อยากทำก็ต้องทำ ผมเอาสติ๊กเกอร์ที่เคยเตรียมไว้มาแปะที่หน้าอก ทำเป็นเครื่องหมายของเด็กรอบบ่าย พอถึงโรงเรียนก็แกล้งเดินทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ยามก็มอง ๆ เหมือนกัน แต่พอเห็นเครื่องหมายของเด็กรอบบ่ายก็คิดว่าคงเป็นเด็กรอบบ่ายมามาเรียนรีเกรดตอนเช้ามั่ง แต่ผมก็กลัวอยู่ว่ายามจะจำผมได้แล้วจับผมไปห้องปกครอง พอพ้นป้อมยามผมก็ค่อย ๆ เร่งสปีดจนกลายเป็นวิ่งเข้าห้องเรียน ดีนะว่าเป็นวิชาการจัดตู้แสดงสินค้า ไม่ต้องนั่งอยู่กับที่ ผมเดินเข้าไปเนียน ๆ อาจารย์ก็ไม่รู้ว่าผมมาสาย

"อีเอ้ ไปแรดไหนมา อีดอก" เป็นคำทักทายที่เพราะที่สุดของอีนัท

"ไปหาครูXXXX แม่มึงมาไง อีเหี้ย" ผมล้อชื่อแม่มัน

"อีเวร เล่นหิ้งนะมึง เดี๋ยวกูเรียกแม่กูมาตีตูดลายเลยนี่" อีนัทขำ

"อย่านะมึง เครื่องมือทำมาหากินของกู ห้ามแตะ" ผมลากอีนัทไปหาเพื่อน ๆ ที่นั่งตัดกระดาษเตรียมทำงานจัดตู้อยู่

"อะไรเนี่ย…มาผิดห้อง ผิดรอบป่าวเธออ่ะ" อีแจนหันมาเห็นผมก่อน

"อะไรวะ" ผมมองตามสายตาอีแจนก็เห็นว่าสติ๊กเกอร์รอบบ่ายยังอยู่ ผมรีบแกะมันออก

"ทำไมมาสายวะ" อีตาลเงยหน้ามาถาม

"ตื่นสายวะ ลืมตั้งนาฬิกาปลุก…คุยโทรศัพท์ดึกไปหน่อยด้วย" ผมวางระเบิด ได้ผลทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว

"คุยกะใคร" ถามพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ตอนนี้อาจารย์ไม่อยู่ในห้องแล้วครับ

"คุยกับผู้ชาย" ผมพูดยิ้ม ๆ ทำหน้าเหมือนมีความสุขมาก "ก็พวกมึงอะไปไหนกันมา ไม่มีใครอยู่บ้านซักตัว กลับกันกี่โมงล่ะเมื่อวานน่ะ อีช้างลาก..สามทุ่มแล้วยังไม่มีใครถึงบ้าน…ดีนะว่ามีผู้ชายโทรมาคุยแก้เหงา" ผมทำท่าเขิน ๆ

"เมื่อวานพวกกูไปเดินเล่นที่XXXXX (ห้างใกล้ ๆ ที่พวกผมไปกันประจำนั่นแหละ) แล้วก็ไปบ้านไอ้ตั้มมันต่อ ออกจากบ้านมันก็สองทุ่มครึ่งได้ กูโทรไปหามึงแล้วนะ แต่สายแม่งไม่ว่างเลย" อีอ๋าบอก "คุยกับใครวะมึง….โยใช่ปะ" ต่อมเสือกอีอ๋าทำงาน ผมพยักหน้าเบา ๆ ทำท่าเขินกว่าเดิม บิดไปบิดมา ( OVER ACT ) นิดนึง ทุกคนกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ ก็เพื่อน ๆ ผมมันเชียร์ให้ผมมีแฟนมาตั้งนานแล้ว

"ตกลงเป็นแฟนกันแล้วเหรอ" อีแจนถาม

"ยังแค่ดู ๆ กันอยู่…แหมมึง…เพิ่งจะคุยกันแค่วันเดียว" ผมตอบ

"เสียดายว่ะอีเหี้ย….ผู้ชายหล่อ ๆ ทำไมต้องเป็นเกย์เป็นตุ๊ดกันหมดวะ" อีนัทพล่าม

"ก็ผู้หญิงเป็นอย่างมึงไง ผู้ชายเค้าถึงไปชอบผู้ชายด้วยกัน" อีตาลคู่หูกัด

"อ้าว…อีห่า…กัดกันเองอีกไง" อีนัทค้อน "ดีนะที่วุธสุดหล่อของกูไม่เป็นเกย์ไปอีกคน" อีนัทเพ้อต่อ ผมมองหน้ามันแล้วกัดมันว่า

"เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง วุธของกู วุธมันชอบอีแจนไม่ใช่เหรอ"

"ว้าย อีเอ้ อีเสร่อ ตกข่าว" อีนัทมันทำท่าเหมือนผมพูดอะไรผิดอย่างแรง "วุธน่ะมันไม่ได้ชอบอีแจนซักหน่อย มันแค่เป็นพ่อสื่อให้ไอ้นพมัน ตัวมันยังโสดยังซิง ไอ้ห่าแม่งเลือกมาก นี่ดีนะว่าหล่อก็เลยเลือกได้ ไอ้ตั้มมันเล่าให้ฟังว่ามีคนชอบมันตั้งเยอะ แต่มันไม่เอาซักคน นี่ก็มีกะเทยแถวบ้านมาชอบอีก อีนี่แรงมากขอบอก บุกถึงบ้าน ก็บ้านไอ้วุธมันขายของไง อีเหี้ยมันไม่ยอมซื้อกับใครเลยนะมึง รอไอ้วุธมาขายคนเดียว" อีนัทเม้าธ์ยาว

"จริงดิ" ผมถามได้แค่นั้น อีแจนก็พูดต่อ

"เออ…ไอ้ห่า ตอนแรกกูก็นึกว่าไอ้วุธมันชอบกู กูก็ไม่ได้สนใจไอ้นพเลย เนี่ยเพิ่งรู้เมื่อวานนี้เองเหมือนกัน ที่จริงไอ้นพมันก็ใช้ได้ ตามใจกูดี เดี๋ยวเสาร์นี้กูจะพามันไปสวน (สวนจตุจักร) พาแม่งไปเปลี่ยนลุคซักหน่อย แต่ยังไงกูก็ว่าไอ้วุธเนี่ยโอเคที่สุด เสื้อผ้าหน้าผม ไม่ต้องโมดิฟายใหม่เลย เสียดายเหมือนกัน…แต่ไม่เป็นไร เป็นเพื่อนกันดีกว่าท่าจะคบกันได้ยาว…เฮ้ย…แต่ถ้าไอ้วุธมันเสร็จอีกะเทยแถวบ้านนี่กูไม่ยอมนะโว้ย" อีแจนเม้าธ์บ้าง "ถ้าเสร็จอีเอ้ยังว่าไปอย่าง…มึงไม่ลองรับไอ้วุธไว้พิจารณามั่งเหรอ" อีแจนถามผมขำ ๆ

"มึงจะบ้าเหรอ…มันไม่ได้มีทีท่าอะไรว่าจะเป็นเกย์เลยนะมึง อีกอย่างถ้ามันเป็นมันก็ไม่เอากูหรอก ไอ้โยอีกคน เมื่อวานก็พูดแปลก ๆ ทีเมื่อก่อนเรียนด้วยกันทุกวันก็ไม่เห็นเข้ามาพูดกับกูเลย ขนาดในวงไพ่นะมึงนับคำได้ นี่กูยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามันจะเอายังไงกับกู" ผมพูดเสียงเรียบ ๆ

"ไม่เอาก็ควายแล้ว กูว่ามึงก็หน้าตาดีออก โสด ซิง หาได้ที่ไหนกะเทยอย่างมึงอ่ะ" อีตูนแทรกบ้าง "ไอ้พวกนักกีฬาเทคนิคXXXXที่มันเคยเห็นมึงไปซ้อมกับกูยังจ้องจะเอามึงตั้งหลายคน"

"แต่ตอนนี้กูว่าขอไอ้โยก่อนดีกว่า" ผมแกล้งทำท่าเขินอีกครั้ง ผมเอาไอ้โยมาเป็นไม้กันหมา ทั้ง ๆ ที่คุยกันเมื่อคืนถึงจะรู้สึกแปลก ๆ กับคำพูดบางคำของโยก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไอ้โยมันชอบผมนี่นา

"หมั่นไส้คนมีความรักโว้ย" อีอ๋าสอด

"อีเอ๋อ ไม่ต้องเลยมึง แหม..เมื่อวานเห็นระริกระรี้กับไอ้แม็กอยู่ตั้งนาน" อีนัทด่า

"ก็แหม…นะ…มันครบคู่พอดีเลยนี่หว่า" อีอ๋าพูดอาย ๆ

สรุปเช้านั้นผมได้รู้อะไรอีกหลายอย่าง ถ้าผมไปกับพวกมันเมื่อวานก็คงไม่ตกข่าวคนเดียวอย่างนี้ ขนาดอีตูนไม่ได้ไปด้วยยังรู้ตั้งแต่เมื่อคืนเพราะอีแจนโทรไปเล่าให้ฟัง ส่วนกะเทยที่มาชอบวุธผมก็ฟังเรื่องนั้นผ่าน ๆ จับใจความว่าเป็นนักเรียนพาณิชย์เอกชนที่ได้ชื่อว่าแรดที่สุดในกรุงเทพฯ (จากการให้ข้อมูลของเด็กช่าง) มีประโยคที่ว่า "งมเข็มในมหาสมุทร ยังง่ายกว่าหาหญิง(รวมทั้งกะเทย)บริสุทธิ์ที่โรงเรียนนี้" เป็นเครื่องการันตีความแรด โรงเรียนของอีมิ้นท์ (ชื่อในวงการครับ ชื่อจริง ๆ ว่าแมน) อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนผมนัก มันเรียนปีสองเท่ากัน แต่อายุมากกว่าเพราะโดนรีไทร์จากที่อื่นมาก่อน ได้ข่าวว่าหน้าตาดีเหมือนกัน แถมแอ๊บแมนได้เนียนมาก เนียนขนาดทางบ้านไอ้วุธยังไม่รู้เลยว่าเป็นสาว อีมิ้นท์เพิ่งย้ายมาเช่าบ้านอยู่กับพี่สาวในซอยบ้านวุธและเป็นลูกค้าประจำของวุธขนาดที่ว่าพ่อกับแม่ต้องเรียกวุธให้ลงมาขายของให้อีนี่
*
*
*
"เฮ้ย…ไปไหนดีวะวันนี้" ผมร้องถามเพื่อน ๆ ขณะจะเดินออกจากโรงเรียน จะว่าแปลกก็แปลกนะ เพราะปกติพวกผมจะต้องแพลนเรื่องเที่ยวหลังเลิกเรียนตั้งแต่เช้า วันนี้ไม่มีใครพูดถึงเลยแฮะ

"เดี๋ยวถามนพก่อน" อีแจนหันมาตอบ

"อะไรนะ…พวกมันไปด้วยเหรอ" ถึงจะรู้ว่าวุธไม่ได้ชอบแจนแต่ก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้ที่ต้องเจอวุธวันนี้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

"ช่าย…ไปกันหมดเลย ไปกันเป็นคู่ ๆ ส่วนมึง….ไปตามโยมาดิ" อีอ๋าลอยหน้าลอยตาพูด

"ไม่ตามหรอก เดี่ยวคืนนี้ก็คุยกันอีก" ผมกลบเกลื่อนความรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินด้วยการพูดเชิด ๆ แต่จริง ๆ แล้วเบอร์โทรไอ้โยผมยังไม่มีเลย

"จ้า…ขอให้รักกันตลอดรอดฝั่งนะคะ…กะเทย" อีอ๋ากัด

"ขอบคุณที่อวยพรนะคะ…กะหรี่" ผมกัดมันเสียงดังกว่า เพื่อน ๆ ผมขำกันใหญ่

"อีดอก…เบา ๆ สิอีนี่กูอายนะโว้ย" อีอ๋าทำหน้างอ เราล้อเล่นกันอย่างนี้ทุกวันไม่มีใครโกรธใครอยู่แล้วครับ

"เฮ้ย ๆ ไอ้พวกนั้นรออยู่ตรงโน้นแล้วโว้ย" อีนัทโบกมือให้พวกผู้ชาย อีพวกเพื่อนผมกระดี้กระด้าสุดฤทธิ์ ส่วนผมได้แต่เดินช้า ๆ ตามหลังไป

"รถใครอ่ะ" อีตาลถามตั้มที่ตอนนี้ตกลงเป็นแฟนกันแล้ว

"รถไอ้วุธมัน" ตั้มตอบ

"รถหลวงพี่กู เดี๋ยวพอสึกกูก็ไม่มีใช้แล้ว" วุธชี้แจงใหม่

"โห…รถแต่งด้วย สวยว่ะ" อีอ๋าเดินวนรอบรถกระบะมีแคปสีบล็อนด์เงาวับคันนั้น

"ไปไหนกันดีครับ" ไอ้นพพูดเพราะเชียว

"ถามคนขับดีกว่า" แจนตอบแต่หันไปถามวุธแทน

"ไม่รู้ดิ…ไปไหนดีล่ะ" เงียบ…ไม่มีใครตอบ

"อีเอ้…เป็นเหี้ยอะไรมึงยืนเหม่ออยู่ได้ วุธมันถามไมได้ยินเหรอ ไปไหนดีอีดอก" อีนัทมันตบไหล่ผม ผมสะดุ้งตกใจ ก็หลังจากที่ทักทายกันแล้วผมก็ยืนมองไปทางอื่นไม่ได้สนใจเพื่อนอีก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อกี้วุธพูดกับผม

"อ้าว…ถามกูเหรอ…ไปไหนก็ได้เอาใกล้ ๆ แล้วกัน" ผมตอบแต่ไม่ได้มองหน้าวุธ

"ทำไม…รีบกลับเหรอ…นัดใครไว้ล่ะ" ผมหันขวับ

"ที่อยากให้ไปใกล้ ๆ ก็เพราะว่านายจะขับรถไปไง มีใบขับขี่ยัง ขับแข็งหรือเปล่าก็ไม่รู้" มันจะมีใบขับขี่ได้ยังไง ก็อายุมันเท่ากับผม

"ใบขับขี่ไม่มี ขับแข็งไม่แข็งไม่รู้ แต่ขับมาตั้งแต่อยู่ม. 1 อะ ไม่กล้านั่งไปด้วยกันเหรอ" ผมกำลังจะอ้าปากเถียง อีอ๋าดันปล่อยมุขแป๊ก ๆ ออกมาซะก่อน

"พูดอะไรกัน ใครขี่ อะไรแข็งเหรอ เยาวชนอย่างหนูไม่เข้าใจ"

"ขับไม่แข็งไม่เป็นไร ค่อย ๆ ไปก็ได้ แต่อย่างอื่นอย่าแข็งละกันเดี๋ยวอึดอัดแย่เลย" อีตาลแซว ไอ้วุธอายหน้าแดงรีบต้อนพวกผมขึ้นรถ

มีปัญหาซะแล้ว ก็อีพวกข้าวใหม่ปลามันไม่อยากจะห่างกัน นี่แค่ไม่ถึงสิบห้านาทีจากโรงเรียนผมถึงห้างประจำที่จะไปกัน พวกมันยอมนั่งกระบะหลังกันหมดแปดคน ที่เต็มครับ ให้แบ่งมานั่งแคปกันก็ไม่เอา สุดท้ายผมต้องไปนั่งหน้าคู่กับคนขับ ก็ไอ้วุธนั่นแหละ พอนั่งปุ๊บก็คว้าเข็มขัดมาใส่ มองออกไปด้านข้างอย่างเดียวไม่หันมาทางมันเลย ในใจก็โมโหเพื่อนที่ทิ้งกัน ผมนั่งหน้างออยู่ไอ้วุธมันก็เอาแอร์มาจ่อหน้าผมแถมเร่งให้แรงที่สุดด้วย ได้ผล…ผมต้องหันไปมองหน้ามัน มันเลยหรี่แอร์ให้

"เป็นอะไร…หน้าหงิกเชียว" มันถามยิ้ม ๆ

"เปล่า"

"ไม่ต้องเกร็งก็ได้ เราขับไม่เร็วหรอก" ผมเงียบ "ฟังเพลงมั๊ย" ผมเงียบอีก

"ไม่อยากไปเหรอ" มันถามลอย ๆ แต่น้ำเสียงของมันเศร้า ๆ ยังไงไม่รู้

"อยากไปดิ แต่โมโหอีพวกนั้น เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน" ผมหันหลังไปมองค้อนอีอ๋าที่อยู่ใกล้ที่สุด อีอ๋าดันแลบลิ้นให้ผมอีก วุธที่มองกระจกหลังอยู่ขำ

"วุธ เราว่าไปทางซอย XXXX ดีกว่า"

"ทำไมล่ะ…มันอ้อมนะ พอออกถนนใหญ่รถติดด้วย" วุธสงสัย

"เออน่า" วุธตามใจผมเลี้ยวเข้าซอยข้างหน้า เสียงพวกข้างหลังโวยวายดังเข้ามา จะไม่ให้มันโวยวายได้ไง ก็ซอยที่ผมพาเข้าไปมันเป็นทางลัดในหมู่บ้าน หลังเต่าลูกระนาดก็เยอะ ไอ้พวกข้างหลังก็กระเด้งกันตลอดทาง ยิ่งตอนเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาบ่อย ๆ ก็แทบจะเทไปทางเดียวกัน ตอนนี้วุธคงเข้าใจผมแล้วว่าทำไม ผมเห็นมันอมยิ้ม แถมยังแกล้งขับตามอย่างที่ผมคิดไว้เลย พอถึงถนนใหญ่เสียงพวกข้างหลังก็ยังด่าผมกับวุธอยู่ เราหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันเป็นครั้งแรก

"ทำไมเธอไม่ยิ้มบ่อย ๆ ล่ะ เราว่าเธอยิ้มแล้ว…เอ่อ…ดูดีนะ" อยู่ ๆ วุธก็พูดกับผม

"ไม่ใช่คนบ้านี่…จะได้นั่งยิ้มทั้งวัน" ผมกวน

"ไม่ได้หมายความอย่างนั้น หมายถึงทำไมต้องเก๊กเวลาเจอเราด้วยอ่ะ"

"เก๊กอะไร…เราก็เป็นของเราอย่างนี้แหละ" ผมแก้ตัว

"ไม่จริงอ่ะ…พวกเพื่อนเธอก็บอกว่าเธอดูแปลกไป…ทำไมกลัวว่าจะชอบเราเหรอ" ผมอึ้ง…หน้าชาเลย

"โห….คิดได้ไงอ่ะ หลงตัวเองว่ะ ไม่มีทางซะหรอก อีกอย่างเราก็มีแฟนแล้ว นายไม่ได้ครึ่งของเค้าด้วย" เคยเป็นกันมั๊ยครับอารมณ์แบบนี้ เอาคนอีกคนมาเกทับทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ขอหน่อยละกัน แก้อาย

"ใคร…ไอ้เด็กมอปลายคนนั้นน่ะเหรอ…มีดีตรงไหนวะ" มันพูดขำ ๆ

"มีดีก็แล้วกัน" ผมตอบได้แค่นี้ ก็ไม่รู้จริง ๆ นี่หว่าว่ามันมีดีอะไรบ้าง เสียงเคาะกระจกดังมาจากข้างหลัง ทำให้ผมและวุธต้องหันไปมอง ตายแล้วมัวแต่เถียงกับไอ้นี่อยู่ลืมเพื่อนไปเลย ตอนนี้พวกมันต้องเอาสมุดหนังสือมาบังแดดกันใหญ่ ผมเห็นหน้าอีแจนที่ทำปากขมุบขมิบว่าร้อนชิบหายแล้วผมอดหัวเราะออกมาดัง ๆ ไม่ได้ ก็มันห่วงสวยซะขนาดนั้นโดนแดดตอนเกือบ ๆ สี่โมงเย็นเข้าไปหน้าแดงโดยไม่ต้องใช้บลัชออนเลย

"นิสัยไม่ดี แกล้งเพื่อน" วุธว่าผมแต่มันก็หัวเราะเหมือนกัน

"นายนั่นแหละแกล้งเพื่อน เลนขวาว่าง ๆ ก็ไม่ไป รถยิ่งติด ๆ อยู่เนี่ย" ผมเถียงมัน

"แล้วใครเป็นคนบอกให้มาทางนี้ล่ะ…อ้าว ๆ เพื่อนเรียกอีกแล้ว" อีอ๋าเคาะกระจกอีก

"อะไรของมันวะ" ผมหันไปมันทำท่าพัดแล้วชี้ให้ไปเร็ว ๆ อีนี่อีกไม่ถึงร้อยเมตรก็เข้าห้างแล้ว ผมก็เลยแกล้งมันต่อ ล้วงกระเป๋าเอาลูกอม (ฮาร์ทบีทรสลิ้นจี่ผมจำได้) ผมแกะออกจากห่อแล้วทำท่าป้อนให้วุธซึ่งมันก็รับมุขผมดีมาก ดีเกินไปด้วยซ้ำเพราะปากมันโดนปลายนิ้วของผมด้วย ดีนะว่าผมล้างมือก่อนออกจากโรงเรียน ยังไม่พอ ผมทำท่าเหมือนจะจับแก้มวุธซึ่งถ้ามองจากข้างหลังต้องคิดว่าผมจับจริงแน่ ๆ ส่วนวุธก็ละมือจากเกียร์กระปุกมาโอบเบาะที่ผมนั่งแล้วหันไปยักคิ้วให้เพื่อน ผมได้ยินเสียงโห่เสียงกรี๊ดจากข้างหลัง ดังจนรถข้าง ๆ หันมามอง วุธต้องรีบลดมือลงทันที
*
*
*

ถึงห้างโดยสวัสดิภาพ ไอ้พวกผู้ชายกระโดดลงทันทีที่วุธถอยเข้าซองเรียบร้อย ไอ้นพอ้าแขนแทบจะอุ้มอีแจนลงมาจากรถ พอผมลงยังไม่ทันได้ปิดประตู หูก็แทบอื้อ ก็อีพวกเพื่อนผมด่ากระหน่ำซะ ไอ้พวกผู้ชายก็ขำกันใหญ่ ผมพูดขอโทษแต่หน้าผมไม่ใช่อย่างนั้น พวกมันก็ไม่ว่าอะไร แต่ผมว่าต้องมีอะไรตามมาแน่ ๆ

เราเดินเล่นดูโน่นดูนี่ พวกนั้นก็เดินกันเป็นคู่ ๆ เหลือผมกับวุธอีกแล้วที่ต้องเดินด้วยกัน ผมก็กลัววุธมันจะอายที่ต้องเดินกับผู้ชายด้วยกัน แถมเป็นเด็กพาณิชย์ด้วย ผมก็เลยสะพายกระเป๋าแล้วเอาสายกระเป๋ามาปิดหน้าอกตรงที่ปักชื่อโรงเรียน แค่นี้ผมก็ดูเหมือนเด็กช่างคนนึงแล้ว ไอ้พวกที่เดินเป็นคู่ ๆ ก็ไม่มีใครสนใจใคร วุธมันแวะเข้าร้านแมงป่อง (สมัยนั้นดังนะครับ ของแพงด้วย) ผมก็ยืนรออยู่หน้าร้าน วุธมันหันมาเห็นผมยืนรอมันก็พยักหน้าเรียกผมเข้าไปด้วย ผมก็ต้องจำใจเดินเข้าไป ในใจก็ไม่รู้จะซื้ออะไรไอ้วุธก็เลือกเทปแบบไม่สนใจผมเลย ผมก็แอบแวบออกมาหาไอ้พวกนั้น เห็นมันยืนหน้าเหรอหรา มองหาผมอยู่เหมือนกัน ผมเดินไปบอกว่าอยู่ร้านเทป ไอ้วุธจะซื้อของ พวกมันก็ไม่ว่าอะไร แต่บอกว่าเดี๋ยวจะไปกินพิซซ่ากัน ซื้อเสร็จให้ไปเจอกันที่ร้านได้เลย ผมตกลงแล้วเดินไปหาวุธต่อ ตอนนี้มันเลือกได้แล้วว่าจะซื้ออะไร ในมือมันมีเทปโลโซที่เพิ่งออกมาใหม่เป็นอัลบั้มแรก อีกอันไม่รู้ว่าวงอะไร

"เอาอะไรมั๊ย…" วุธถาม ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ

"เอาเหอะ…ซื้อให้" มันคะยั้นคะยอ

"ไม่เอา…เปลือง…ซื้อให้ทำไม….เนื่องในโอกาสอะไร" ผมถามกวน ๆ

"ก็อยากซื้อให้อ่ะ…เวลาคุยโทรศัพท์กับผู้ชายจะได้มีเพลงฟังด้วยไง โรแมนติกจะตาย" มันพูดเหมือนกัดผม แต่เอ๊ะ…มันรู้ได้ไงว่าผมคุยโทรศัพท์กับผู้ชาย

"คุยกับใคร…อะไร…"

"ก็คุยกับไอ้เด็กมอปลายนั่นไง"

"นี่…เลิกเรียกเค้าว่าเด็กมอปลายได้ปะ เค้ามีชื่อนะโว้ย"

"เออ ๆ นั่นแหละ เอาอันไหน…เร็ว…หิวแล้วนะ" มันเร่งผม

"ก็บอกแล้วไง…ไม่เอา" ผมหันหลังจะเดินหนี

"เอาอันนี้ล่ะกัน…ฃื่ออะไรก็ไม่รู้…อ่านไม่ออก" ผมหันขวับ ในมือมันมีเทปอยู่อันนึง ก็อันที่ผมเพิ่งหยิบดูเมื่อกี้…ตอนนั้นผมก็ไม่รู้หรอกว่าชีดังแค่ไหน ผมรู้แค่ว่าสถานีวิทยุ RADIO VOTE หรือ E F.M. ในสมัยนี้ เปิดเพลงของนักร้องคนนี้ (สมัยโน้นเพลงฝรั่งที่ได้เปิดในคลื่นเพลงไทยต้องดังมาก ๆ และ มาลีวัลย์ก็เอาเพลงนี้มาคัฟเวอร์ด้วย) ผมหยิบมาดูเฉย ๆ เพราะปกสวยดี เป็นขาวดำ อีกอย่างอัลบั้มนี้ก็ถูกแนะนำในหนังสือนิตยสารเธอกับฉันที่ผมติดมากในสมัยนั้น

"ไม่เอา…จริง ๆ " ผมเห็นมันถือรวมกับไปเทปของมันแล้วต้องเดินตามไป แต่ไม่ทันแล้วครับ มันรีบจ่ายเงินแถมยังเอาตัวมันกันตัวผมเอาไว้ พนักงานก็ไวชิบเป๋ง ใส่ถุงเรียบร้อยเลย ผมเดินหนีมันออกมาเดินลิ่วไปร้านพิซซ่าทันที

"รอด้วยดิ…จะรีบไปไหนวะ" มันวิ่งกระหืดกระหอบตามมา

"กิน…หิวไม่ใช่เหรอ" ผมตอบห้วน ๆ

"เป็นไร…โกรธเหรอ" มันพูดเสียงอ่อน

"โกรธเรื่องอะไร…ซื้อมาแล้วนี่…เอาไปคืนได้ปะล่ะ" ผมหันไปพูดกับมัน

"โห….ก็อยากให้อ่ะ"

"เออ…เอาก็ได้…แต่เดี๋ยวเราเลี้ยงพิซซ่าก็แล้วกัน…ถือว่าตอบแทน…จะได้ไม่ต้องติดค้างกัน" ผมหงุดหงิด อยู่ดี ๆ ต้องเสียเงิน เทปเพลงฝรั่งสมัยนั้นก็ตั้งร้อยกว่าบาทแน่ะ

"ขนาดนั้นเชียว" เสียงมันสลดลงกว่าเดิมอีก ผมเกือบใจอ่อน แต่ผมไม่ชอบติดหนี้ใคร ถ้าเป็นเพื่อนสนิทให้กันก็ว่าไปอย่าง

"อืม…แล้วไม่ต้องบอกใครล่ะ" ผมพูด ที่จริงประโยคนี้มันต้องเป็นฝ่ายพูดนี่หว่า แต่ผมพูดออกไปแล้วนี่ วุธก็หน้าเหวอ ๆ เหมือนกัน

ผมไปรวมตัวกับเพื่อน ๆ ที่นั่งกางเมนูกันอยู่ในร้านพิซซ่า สั่งพิซซ่ามาสองถาด ใหญ่กับเล็ก กลัวไม่อิ่ม สั่งสลัดมาด้วย ถ้วยสลัดก็มาก่อนเลย (ต้องใช้คำว่าถ้วย เพราะมันเล็กกว่าชาม) ทุกคนรู้กันว่าเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องไปตัก เพราะผมมีความสามาถในการตักสลัดใใส่ชามใบจิ๋วห้ได้เยอะที่สุด ตอนแรก ๆ ก็อายเหมือนกัน แต่…ต้องเอาให้คุ้ม ผมเดินไปตักคนเดียว อย่างที่บอกแหละครับ…พวกมันเป็นข้าวใหม่ปลามัน แทบไม่อยากจะแยกกัน

"มา…ช่วยถือ" อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงมาข้างหลัง ผมตกใจถ้วยแทบหลุดมือ ก็กำลังใช้สมาธิในการเรียงสลัดอยู่อ่ะ

"ไม่ต้อง…เราถือเองดีกว่า…" ผมหมายความอย่างนั้นจริง ๆ แต่พอเห็นคิ้ววุธขมวดแล้วรู้สึกผิด

"นายจะกินอะไรล่ะ เดี๋ยวตักให้…ถ้านายถือแล้วเรากะน้ำหนักไม่ได้…เดี๋ยวหอคอยล้ม" ผมพูดขำ ๆ สีหน้าวุธค่อยดีขึ้นมาหน่อย มันชี้นู่นชี้นั่นเหมือนแกล้งผม แต่ผมก็ยังอุตส่าห์ตักได้อีก จนไม่ไหวแล้วนั่นแหละ ผมถึงค่อย ๆ ประคองถ้วยเดินกลับโต๊ะ ทุกคนมองผมแบบลุ้น ๆ ว่าจะถึงโต๊ะหรือไม่

"อ่ะ…เป็นไงมึง ฝีมือยังไม่ตกเนอะ…นี่ขนาดไม่ได้เข้าร้านพิซซ่ามานานแล้วนะเนี่ย" ผมโม้

"จ้า…ทั้งสวยทั้งเก่ง"

"อืม…สวยอย่างมีคุณค่า…แต่ราคาบาทเดียว" อีนัทกับอีตาลกัดผม จริง ๆ ผมไม่ชอบให้ใครมาชมผมสวยเลยจริง ๆ ก็ผมอยู่ในลุคผู้ชายอ่ะ

"ยังมึง..ยัง…อีเอ้มันสวยอีกอย่าง ใครเจอมันต้องบอกว่า สวยหัวเคียว" อีอ๋าปล่อยมุขอีก ทุกคนขำ แต่ไอ้พวกผู้ชายนั่งงง

"อะไรวะ…สวยหัวเคียว" ไอ้ตั้มถามอีตาลแฟนมัน

"โห…สวยหัวเคียวก็เสียวหัวค-ยไง" อีตาลตอบ ไอ้พวกผู้ชายนั่งอมยิ้มกันใหญ่ ส่วนผมที่ปกติไม่ค่อยอาย แต่พอเห็นหน้าวุธมองผมยิ้ม ๆ เแล้วอายชิบหาย พอดีที่พนักงานเอาพิซซ่ามาเซิร์ฟ ทุกคนสนใจแต่ของกิน ผมก็เลยไม่โดนกัดต่อ
*
*
*
"คิดเงินครับ" ไอ้นพเรียกพนักงาน สักพักพนักงานก็มาพร้อมใบเสร็จราคาที่ต้องจ่าย

"เอาของกูไปก่อน" วุธยื่นเงินให้พนักงาน ระหว่างรอเงินทอน พวกผมก็ควักเงินมาหารกัน แต่บรรดาแฟนเพื่อนผมบอกไม่ต้อง อีพวกนั้นก็ยิ้มกันใหญ่ ผมยื่นเงินให้วุธรวมทั้งส่วนของมันด้วย แต่มันกลับบอกว่า

"ไม่ต้อง…เอามาให้ทำไม ก็ค่าเทปที่เราขอยืมเมื่อกี้ไง" ผมงง กำลังจะอ้าปากถาม แต่วุธมันทำท่าบุ้ยใบ้ไปที่เพื่อนผม ผมกลัวเพื่อนรู้ ก็เลยเก็บเงินใส่กระเป๋าเหมือนเดิม มันยิ้มแฉ่งเลยครับ ผมมองหน้ามันแบบฝากไว้ก่อนเถอะ

"โอ๊ย…อิ่มว่ะ" อีอ๋าขณะเดินออกมาจากร้าน

"ชอบสิมึง…อิ่มจังตังค์อยู่ครบเนี่ย" อีแจนกัด

"แหม…ยังกะมึงไม่ชอบ"

"เอาเป็นว่าวันหลังให้พวกเราเลี้ยงมั่งละกันนะ" อีแจนบอกกับทุกคน

*
*
*
"กลับบ้านกันยัง" ผมถามเพื่อน ๆ ขณะเดินเล่นหลังอาหารสักพัก

"อีนี่เป็นไรวะ…แต่ก่อนไม่เคยชวนกลับ" อีตาลหันมาถามผมแต่อีอ๋าดันตอบแทนซะก่อน

"ก็มันรอรับโทรศัพท์อยู่ไง…เห็นใจคนกำลังมีความรักมั่งเว้ย"

"แต่กูยังไม่อยากกลับอ่ะ ขอเดินย่อยก่อนได้ปะ" อีแจนพูด เพื่อน ๆ มองผมเป็นตาเดียว

"เออ…พวกมึงเดินเล่นต่อเหอะ เดี๋ยวกูกลับก่อนละกัน…ยังไงก็ไม่ได้กลับทางเดียวกันอยู่แล้วนี่" ผมมองไปที่พวกผู้ชาย "ฝากดูแลเพื่อนเราด้วยนะ…อย่าให้มันไปกัดใครล่ะ"

"อีเหี้ย…กูไม่ใช่หมา…มึงกลับดี ๆ ล่ะ ระวังโดนฉุดนะโว้ย"

"ไม่ต้องฉุดกูหรอก…นำทางอย่างเดียว…เดี๋ยวกูเดินตามไป" ผมพูดขำ ๆ แล้โบกมือให้ทุกคน

"ไอ้นพ…เดี๋ยวกูกลับเลยดีกว่า…ลืมไปว่าพ่อกูให้กูปิดร้านวันนี้" ผมหันกลับมามอง

"อะไรวะ…ไอ้ห่า…นี่มันเพิ่งจะหกโมงครึ่งเองนะโว้ย" ไอ้นพโวย

"รีบไปขายของให้พี่มิ้นท์ขาหรือเปล่าไอ้วุธ…ไม่ต้องกลัวพี่เค้าหิวหรอก…ยังไงเค้าก็รอมึงได้" ไอ้ตั้มแซว วุธหันมามองผมแวบนึง

"ไอ้สัตว์…กูรีบไปปิดร้านจริง ๆ ตอนนี้รถติดด้วย กว่าจะถึงบ้านก็ทุ่มกว่า ต้องรีบปิดเดี๋ยวอีพี่มิ้นท์มาเจอกู" วุธแก้ตัว

"เออ ๆ ไปเหอะมึง ขับรถดี ๆ ล่ะ" ไอ้นพบอก วุธรับคำเพื่อน ส่วนผมเดินลิ่ว ๆ ไปแล้ว

"อีเอ้" เสียงอีแจนตะโกนเรียกผม

"อะไรของมึงวะ" ผมเดินกลับมา

"กลับด้วยกันมั๊ย" วุธถาม

"ไม่อ่ะ…ขอบใจ" ผมปฎิเสธ

"ทำไมวะ…นัดใครไว้แถวนี้หรือเปล่า" อีนัทสงสัย

"ไม่มีโว้ย…กูจะแวะซื้อของอีกนิดนึง" ผมได้ยินเสียงวุธหัวเราะหึ ๆ ผมหันไปมองหน้ามัน เห็นมันหรี่ตามองผมเหมือนรู้ว่าผมโกหก

"เออ…ไม่เป็นไรหรอก วันนี้เราไม่ได้กลับทางนั้นเหมือนกัน" วุธพูด

"อ้าวเมื่อกี้บอกว่าต้องผ่านบ้านเอ้มันนี่นา" อีนัทถามงง ๆ

"ที่จริงไปทางนั้นก็ได้ แต่มันอ้อมไง…ก็นึกว่าเค้าจะกลับด้วยจะได้แวะไปส่ง…เรากลับเลยล่ะกัน ไว้เจอกันใหม่นะ" มันพูดจบก็เดินไปทางลานจอดรถ ส่วนผมบ๊ายบายเพื่อนอีกทีแล้วเดินไปทางหน้าห้างรอรถเมล์ตามเดิม

----------------------------tbc---------------------------------

แล้วเจอกันครับป๋มไปละ ฟิ้วววววววววววววววววว

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 23-08-2007 16:54:36
 :impress:

เมื่อไหร่จะรักกันเนี่ย

รออ่านต่อไปนะครับ

 :a3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 23-08-2007 17:11:08
 o17 o17  เพิ่งได้อ่านตอนต้นของเรื่องก็คราวนี้เองนะครับ  เคยแต่อ่านตอนจบ  :m23: :m23:

ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่เอาเรื่องนี้มาโพสต์ให้นะครับ :m4: :m4:

+1ให้แล้วครับผม
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 23-08-2007 18:55:59
เรื่องนี้น่ารักจังเลยอ่ะ ชอบ ๆๆๆๆๆๆๆ :m3: :m3: :m3: (ปาก) แข็งกันทั้งคู่  หึหึ :m29:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 23-08-2007 21:48:39
คู่นี้ ปากไม่ตรงกับใจกันจริงๆ  :เฮ้อ:  แล้วอย่างงี้เมื่อไหร่คนอ่านจะได้กรี้ดล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 24-08-2007 00:24:33
ว้า นึกว่าจาไปด้วยกัน รอลุ้นต่อ  :m18:  :m18:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 24-08-2007 00:55:34
เข้ามาให้กำลังใจ...คนโพสต์และ คุณเอ้

ชอบๆๆเรืองนี้อ่ะ..ชอบบบบบบบบบบ :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 24-08-2007 01:32:12
เรื่องนี้ถ้าได้ทำเป็นหนังสือก็คงจะดีเนอะ

อยากให้เป็นหนังสือจังอ่ะ

จะเป็นไปได้ไหมหนอคุณเอ้ :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 24-08-2007 04:10:24
อ่า  มะไหร่จาได้ลุ้นนอ่า   วุธก้อมะเหนจะแสดงท่าทีไรมั่งเลยยยยยย

เชียร์วุธ  อยู่  อิอิ   เอาใจช่วยนะวุธ 

 :m9: :m9: :m9: :m9:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 24-08-2007 06:13:45
 :m1:น่ารักดีครับเรื่องนี้..ชอบชอบ.. :m3:
 :m13:แล้วมาต่ออีกนะคร้าบบบบบ... :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: theera ที่ 24-08-2007 11:57:50
น่ารักจัง กะจุงกะจิ่ง
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 25-08-2007 01:43:40
อยากอ่านต่อแระ ลั่นล้า ลั่นล้า :a4: :a4: :a4:

รออยุ่นะ อิ๊บส์ๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 25-08-2007 19:41:03
จะมาต่อยังอ่ะ รอๆๆ จีบกันไวๆจิ 555 :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: ++Mizuki++ ที่ 25-08-2007 20:36:59
ตามเม้นค่ะ ตามเม้นเพราะมายเองก็เป็นเด็กพาณิชย์เหมือนกันค่ะ
สาขาคอมพิวเตอร์ด้วยน่ะ :give2: แหมแต่ทำไมคนในห้องถึงมีแค่ 20 คนไม่รู้  :serius2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 25-08-2007 21:18:13
 :impress:

หายไปไหนหนอ

รออ่านอยู่น๊า....

 :a3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 25-08-2007 21:44:44
ยังไม่มาต่ออีกหรือคะ

รออยู่นะ

เคยอ่านเรื่องนี้ตอนท้ายๆ ดีใจจังที่มีคนเอาตอนแรกมาลงให้อ่าน
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: esabella ที่ 26-08-2007 00:11:42
หนุกจัง... :m3: .มาต่อเร็วนะก๊าบ....... :a1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 26-08-2007 16:42:08
เรื่องเน้คนโพสหายไปไหนอ่ะ  มะยอมมาต่อให้ซักกะทีเยย

งอลแล้วนะ   :a14:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 26-08-2007 19:53:48
 :m5: :m5: :m5:ขอโทษครับมาต่อแล้วอะครับ
แบบว่าไม่ว่างเลยอะอย่าเพิ่งงอนไปเลยนะตะเอง
ไปอ่านกันเลยครับป๋ม

7 DREAMLOVER

หน้าห้างช่วงเวลาประมาณนี้ที่ไหนก็รถติดเหมือนกัน ผมยืนรอรถเมล์สักพักก็ไม่มีสายที่ไปได้เลย กำลังตัดสินใจจะขึ้นแท็กซี่แต่ก็มีรถคุ้น ๆ ตาขับมาจอดตรงที่ผมยืนอยู่ ตามด้วยหน้าหล่อ ๆ ของวุธที่ชะโงกมาพยักหน้าเรียกผมขึ้นรถ เข้าใจแล้วครับว่าทำไมในหนังในละครเวลามีคนเรียกขึ้นรถแล้วปฎิเสธไม่ได้ ก็คนที่ป้ายรถเมล์มองผมเป็นตาเดียว รถข้างหลังก็บีบแตรไล่ ผมก็ต้องจำใจขึ้นรถมันอีกจนได้

"เดี๋ยวหย่อนเราลงที่ไฟแดงข้างหน้าก็ได้นะ" ผมพูดลอย ๆ

"ไหน ๆ ก็ขึ้นมาแล้ว ไปส่งถึงบ้านก็ได้…แต่ไม่สิ…เพื่อน ๆ เธอบอกว่าเธอไม่ยอมให้ใครไปบ้านเลยนี่ ขนาดเพื่อนเธอยังไม่เคยไปเลย…งั้นเราไปส่งปากซอยละกันเนอะ" มันพูดเองเออเอง

"ไม่ต้อง…ลงไฟแดงหน้านี่แหละ" ผมพูดเสียงแข็ง นี่เพื่อนผมเผาผมซะเกรียมเลย

"ไม่รู้ซ่อนใครไว้ในบ้านเน้อ" มันพูดเบา ๆ ผมหันไปมองหน้ามัน มันก็ทำเป็นไม่สนใจ ซ่อนอะไรล่ะ ถ้าเพื่อนผมไปบ้านเจอพ่อแม่ผมมีหวังได้โดนซักประวัติถี่ยิบแน่ แต่ละนางเรียบร้อยซะที่ไหน

"เอ้า…เอาไป" อยู่ดี ๆ มันยื่นเทปที่ซื้อให้ผม ผมไม่รับแค่มองเฉย ๆ

"เอาไปดิ" มันวางที่ตักผม

"ไม่รู้จะซื้อมาทำไม" ผมบ่นเบา ๆ พลางแกะพลาสติกออกดูปกด้านใน "เดี๋ยวแวะปั๊มตรงนี้หน่อยนะ" ผมบอก

"ปวดท้องเหรอ" มันพูดขำ ๆ

"เปล่า…จะเติมน้ำมันให้" ผมควักเงินออกมาสี่ร้อย

"เฮ้ย…ไม่ต้อง…" มันส่ายหัว

"ไม่ต้องได้ไง…ดูดิเข็มมันถึงขีดแดงแล้ว"

"โห…แค่นี้ขับไปได้อีกตั้งไกล" มันพูดแต่ผมเห็นสีหน้าวิตกของมันเหมือนกัน

"รถติดขนาดนี้ ถ้าน้ำมันหมดเราไม่ช่วยเข็นนะ"

"เออ…แวะก็ได้…แต่อย่าหนีลงไปนะ…อยู่ในรถเนี่ยแหละ" มันเปิดไฟเลี้ยวเข้าปั๊ม

"เก็บเงินไว้เลยไม่ต้องจ่ายให้เรา" มันไม่รับเงินที่ผมยื่นให้ตรงหน้า

"เอาไปดิ…ก็ค่าเทปกับพิซซ่าไง" ผมวางเงินที่ตักมันมั่ง

"ก็บอกแล้วไงว่าไม่เอา" มันดุผม แล้วเอาเงินมายัดใส่มือผมอีก

"โอเค…ไม่เอาก็ไม่เอา แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะเจอกัน เพราะเราถือว่าเราทำให้นายเดือดร้อน" ผมพูดเสียงดัง มันเงียบ รถจอดที่เติมน้ำมันพอดี มันไขกระจกลง

"เท่าไหร่ครับลูกพี่" ผมมองหน้าเด็กปั๊มแล้วอยากจะหัวเราะ ก็เค้าแก่น้อยกว่าพ่อผมหน่อยเดียว

"เติมเท่าไหร่ดีล่ะเอ้" มันถาม…ผมไม่ตอบ "เดี๋ยวนะพี่…ขอถามคนจ่ายตังค์ก่อน" ผมหันไปมองหน้ามันที่กำลังยิ้มแหย ๆ อยู่

"สามร้อย" ผมพูดกับเด็กปั๊ม

"เติมสองร้อยครับ" มันพูดกับเด็กปั๊มเหมือนกัน แล้วดึงแบงค์ร้อยจากมือผมไปสองใบ

"เอาสองร้อยพอ" วุธพูดกับผม…แต่ผมเงียบ พอเติมน้ำมันเสร็จมันก็สตาร์ทรถออกจากปั๊ม ในรถเงียบจนได้ยินเสียงเครื่องยนต์ติดเทอร์โบของ(หลวง)พี่มันเวลามันเบิ้ลเครื่อง และตอนนี้มันแกล้งเบิ้ลเครื่องอยู่กับที่เพราะรถติดจนผมรำคาญ

"รถเป็นไรเนี่ย…เติมน้ำมันผิดรึไงวะ…เสียงดังว่ะ" ผมบ่นลอย ๆ ตาก็มองข้างทาง

"เธอแหละ…เป็นไร ทำไมอยู่กับเราไม่เห็นคุยเหมือนตอน….อยู่กับเพื่อนเลย" มันสะกิดไหล่ผม ผมไม่หัน จนมันจับหน้าผมหันมาทางมัน

"เฮ้ย…" ผมตกใจ "จะพูดก็พูดเฉย ๆ ดิ ทำไมต้องจับด้วยวะ" ผมโมโห

"จับนิดจับหน่อยไม่ได้รึไง" มันพูดกวน ๆ "ทีไอ้เด็กมอปลายนั่น เห็นเดี๋ยวจับมือ เดี๋ยวจับแก้ม"

"คนรักกัน…มันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่นาย…." ผมเถียงไม่ทันจบมันก็พูดต่อ

"รักกันอะไร…วันนั้นไหนบอกเพื่อนเก่าไง เพิ่งเจอกันไม่ใช่เหรอ" ชิบหายแล้วกูมันรู้ได้ไงวะ

"เออ…ก็…ก็ชอบกันมาตั้งนานแล้ว…แต่เพิ่งตกลงเป็นแฟนกันเมื่อวาน โอเคปะ" ผมแก้ตัวตะกุกตะกัก มันมองผมยิ้ม ๆ

"ยิ้มอะไร" ผมถามแล้วทำหน้าหงิก

"เปล่า…แกล้งใครก็ไม่หนุกเหมือนแกล้งเธอ"

"โรคจิต" ผมด่ามัน มันหัวเราะเบา ๆ

"ไม่ลองฟังเพลงหน่อยเหรอ…" มันเอื้อมมาหยิบเทปม้วนนั้นที่คอนโซลตรงหน้าผม ผมก็จะช่วยมันหยิบ แต่ไม่ทันแก้มมันแทบชนจมูกผม (ห๊อม หอม) (จะเอามือซ้ายที่มันว่างอยู่หยิบก็ไม่ได้ ต้องเอามือขวาเอื้อมมาซะขนาดนั้น) ผมชะงักเอนหลังไปพิงเบาะเหมือนเดิม มันเอาเทปใส่ในเครื่องเล่นเทปสักพัก เพลงก็ขึ้น มันเร่งเสียงให้ดังขึ้นอีกหน่อย เสียงดีจังผมคิดในใจ หมายถึงเครื่องเสียงมันดีอ่ะครับ ก็รถแต่งอะนะ ลำพงลำโพงดีหมด ลองดูนะครับว่าเพลงอะไร แค่ขึ้นอินโทรมาก็น่ารักแล้ว มีเสียงหวีดด้วย

I need a lover to give me
The kind of love
That will last always
I need somebody uplifting
To take me away

I want a lover who knows me
Who understands how I feel inside
Someone to comfort and hold me
Through the long lonely nights
'Till the dawn
Why don't you take me away

Dreamlover comes rescue me
Take me up take me down
Take me anywhere you want to baby now
I need you so desperately
Won't you please come around
'Cause I wanna share forever with you baby

I don't want another pretender
To disillusion me one more time
Whispering words of forever
Playing with my mind

I need someone to hold on to
The kind of love that won't fly away
I just want someone to belong to
Everyday
Of my life
Always
So come and take me away

ครับ…อัลบั้มที่วุธซื้อให้ผมก็คืออัลบั้ม MUSIC BOX ของแม่มิมี่ MARIAH CAREY ส่วนเพลงแรกที่เปิดมาก็เจอเลยคือเพลง DREAMLOVER ผมฟังไปได้ครึ่งเพลงก็ขอวุธเปิดไฟในรถเพื่ออ่านเนื้อเพลง วุธก็เปิดให้ อ่านรอบเดียวก็จำท่อนคอรัสได้แล้ว ผมก็ปิดไฟเหมือนเดิม

"น่ารักดีเนอะ เพลงเนี่ย" ผมพูดหลังเพลงจบ

"อืม…แต่มันหมายความว่ายังไงเหรอ" วุธถาม

"โอ๊ย เราไม่ได้เก่งขนาดนั้น" จริง ๆ นะครับ ตอนนั้นภาษาผมยังไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ ดีที่ว่าโดนบังคับให้เรียนพิเศษก็เลยได้มาบ้าง แต่ยังแปลโดยรวมไม่ได้

"โห…เห็นอ่านเนื้อเพลงนึกว่าฟังรู้เรื่อง" วุธบ่น

"เพลงเค้าบอกประมาณว่า เค้าอยากมี DREAMLOVER คงเหมือนผู้ชายในฝันมั้ง ก็เป็นเพลงพูดถึงความรักทั่วไปแหละ" ผมตอบได้แค่นี้

"เพลงนี้ก็เพราะ…เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนน้า…" วุธทำท่านึก "เออ…ช่างเหอะ แล้วเพลงนี้ชื่อเพลงอะไรอ่ะเอ้"

"HERO" ผมตอบหลังจากที่เพ่งดูชื่อเพลงที่ปกหลัง

"แล้วมันหมายความว่ายังไงอ่ะ" มันถามผมอีกแล้ว รถก็ติดไม่ถึงบ้านซะที

"ขอฟังก่อน" ผมเงียบซักแป๊บพอจับใจความได้นิด ๆ หน่อย ๆ "มันเป็นเพลงเหมือนให้กำลังใจตัวเองเวลาหมดหวังหรืออะไรทำนองนั้นอ่ะ" วุธทำหน้าเหมือนเข้าใจ

"เสียงเค้าดีจังเลยเนอะ" ผมพยักหน้า "แล้วทำไมเค้าต้องตะแบงเสียงด้วยอ่ะ" วุธหันมาถามผมเมื่อเพลงที่สามถึงท่อนพีค (ANYTIME YOU NEED A FRIEND)

"จะไปรู้เหรอ…เพิ่งจะฟังครั้งแรกเหมือนกัน" ถามอะไรแปลก ๆ ผมคิดในใจ "หรี่เสียงลงหน่อยดีปะ" ผมถามวุธเพราะเกรงใจที่มันต้องฟังเสียงหวีดของแม่มิมี่ตอนขับรถ

"เพลงเพราะดีออก" มันตอบ แต่ผมไม่อยากบอกมันเลยว่าผู้ชายเค้าไม่ค่อยฟังเพลงแบบนี้กัน "แล้วทำไมเธอถึงหยิบอัลบั้มนี้มาดูอ่ะ…ตรงนั้นเห็นมีนักร้องคนอื่นตั้งหลายคน" วุธหันมาถาม

"ก็เคยฟังเพลงอยู่เพลงนึงเพราะดี…ตามวิทยุก็เปิดบ่อย เสียงเค้าโหยหวนกว่าเพลงที่แล้วอีกนะ"

"จริงดิ…มีโหยหวนกว่านี้อีกเหรอ" วุธทำเสียงแปลกใจ

"ลองฟังสิ…อยู่หน้าสอง เพลงที่สองเลย" ผมบอก วุธกดปุ่มกรอเทปไปข้างหน้าจนสุดแล้วกดเล่นใหม่

"ไม่ใช่เพลงนี้" ผมพูด "เพลงนี้เพลงอะไรน้า…" ผมเพ่งปกหลังอีกครั้ง "NEVER FORGET YOU ไม่เคยลืมเธอ…มันเป็นยังไงเนี่ย" ผมแปลตรงตัว จะขอให้วุธเปิดไฟอ่านเนื้อเพลงอีกครั้งก็เกรงใจ

"ฟังไปก่อนเหอะ…ขี้เกียจกรอ" วุธเอนหลังหลับตา ไม่ต้องห่วงเรากำลังติดไฟแดงแยกที่โหดที่สุดแยกหนึ่งในกรุงเทพ ไฟเขียวทีตุณตำรวจปล่อยแค่สามคัน

"นี่ไงเพลงนี้ WITHOUT YOU" ผมเผลอตัวเขย่าแขนวุธ มันลืมตาขึ้นมามองหน้าผมฝ่าความมืด ผมเขินชิบหายเลยตอนนั้น

"โห…เค้าร้องได้ไงอ่ะ…ไม่หายใจหายคอเลยเหรอวะ" มันพูดทึ่ง ๆ

"เฮ้ย…นายเอาไปฟังที่บ้านก่อนก็ได้นะ"

"ไม่เป็นไร…เธอเอาไว้เปิดฟังตอนคุยกับไอ้เด็กมอปลายนั่นเถอะ" มันกัดผมอีกแล้ว

"เค้าชื่อโย" ผมพูดเสียงแข็ง

"เออ ๆ จะโย จะแย้อะไรก็นั่นแหละ เปิดเพลงไปด้วย คุยไปด้วย จะได้รักกัน รักกันมากขึ้นไง" มันพูดเหมือนประชด

"พอแล้ว…ไม่ฟังแล้ว…" ผมก้มลงไปดูปุ่มกดให้เทปหยุดพอเห็นก็กดทันที

"อ้าวทำไมล่ะ" วุธงง

"อยากฟังโลโซมั่ง" จริง ๆ ไม่อยากฟังหรอก แต่อยากให้วุธฟังของที่มันซื้อมาดีกว่า ถ้าไม่อยากฟังมันจะซื้อมาทำไมเนอะ ผลัดกันคนละครึ่งอัลบั้มละกัน ผมคิดในใจ

"เธออะนะ…ฟังโลโซ" มันหัวเราะก๊ากเลย

"เออ…ทำไมวะ" ผมอาย

"ไม่เข้ากับหน้าเลยว่ะ" มันหัวเราะไม่หยุด แต่มือก็แกะเทปยัดเข้าเครื่องเล่นไปด้วย
*
*
*

ตลอดทางผมต้องทนฟังเสียงพี่เสกพร้อมกับเสียงกลอง เสียงเบส เสียงกีต้าร์ไฟฟ้าที่กระหน่ำอยู่ข้างหู เห็นวุธมันฮึมฮัมตามเพลงอย่างมีความสุขผมก็ไม่อยากจะขอให้มันเบาเสียงลง แต่ผมมีวิธีให้มันหรี่เสียงโดยไม่ให้น่าเกลียด แค่เวลามันถามอะไรผม ผมก็จะพูดค่อย ๆ พอมันไม่ได้ยินมันก็เบาเสียงลง แค่นี้ผมก็สบายหูขึ้นเยอะแล้ว ใช้เวลาประมาณสามเพลงครึ่งก็ถึงปากซอยบ้านผม

"อะ…ถึงแล้ว…ขอบใจที่มาเป็นเพื่อน" มันประชด

"ขอบคุณที่อุตส่าห์….ขับรถอ้อมมาส่ง" ผมตอกกลับ

"โอกาสหน้าเชิญใช้บริการอีกนะครับ" มันขยิบตาให้ผมทีนึง ใจแทบละลาย

"THANKS BUT NO THANKS" ผมทำท่าเชิด ๆ

"อะไรเนี่ย…ไม่มีแท้งค์มันมาเกี่ยวอะไรด้วย" มันเกาหัว แต่ผมว่าประโยคอย่างนี้มันคุ้น ๆ อยู่นะ

"ขอบคุณ แต่ไม่ดีกว่า" ผมแปลแล้วเปิดประตูจะลง…ผมว่าผมออกเสียง TH กับ S ชัดนะหรือว่าผมไม่ได้พูด แธ้งค์กิ้ว (THANK YOU) มันก็เลยงง

"เดี๋ยว" ผมชะงัก มันจะพูดอะไรอีก (เตรียมเขินก่อน)

"ลืมเทปอ่ะ" แป่ว…ผมหันกลับมาหยิบ

"ขับรถดี ๆ นะ"

"ขอบคุณครับ" มันยิ้มหวานให้ผม ผมแทบละลายอีกรอบ

"เดี๋ยว.." มันเรียกผมอีกแล้ว ดีนะว่าหน้าปากซอยผมจอดรถได้ไม่มีใครมาบีบแตรไล่

"อะไรอีกล่ะ" ผมลงมาแล้วต้องเปิดประตูก้มไปคุยกับมัน

"นักร้องคนนั้นชื่ออะไรนะ" มันถาม ผมยกเทปม้วนนั้นขึ้นมาอ่านชื่อ

"มาราย แครี่" ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่า ตัว AH มันออกเสียงยังไงถึงจะถูก

"อะไรนะ…มาลัย แครี่" มันหัวเราะ "ร้องเพลงก็เพราะแต่ชื่อตล๊กตลก"

"ไม่ใช่มาลัย…เอาใหม่…มา ราย อ้า" มันหัวเราะดังกว่าเดิมอีก คราวนี้ผมก็หัวเราะด้วย

"ทำไมต้องอ้าด้วยอ่ะ…หุบไม่ได้เหรอ" มันหัวเราะไม่หยุด

"เอาใหม่ ๆ มารายห์ แครี่ย์" ผมรวบเสียงให้เป็นคำเดียว พยายามออกเสียงให้เหมือนที่ดีเจเคยพูดในวิทยุ

"มารายห์ แครีย์…" มันทวน "เออ…ค่อยฟังเป็นอินเตอร์หน่อย" พอมันพูดจบต่างคนก็ต่างเงียบ ตาเราก็ดันสบกันโดยบังเอิญอีก ผมหลบแทบไม่ทัน

"กลับบ้านได้แล้ว…เดี๋ยวพี่มิ้นท์ขารอ"

"เธอก็เหมือนกัน ไม่ต้องแวะไหนนะ เดี๋ยวไอ้เด็กมอ…เอ่อ…เดี๋ยวนายโยโทรมาแล้วไม่เจอ"

"ไอ้บ้า…" ผมพูดเบา ๆ และก่อนปิดประตูรถผมดันพูดว่า "ฝันดีนะ" ผมพูดออกไปได้ไง…มันเป็นความเคยปากมากกว่า ดีนะที่กระจกรถมันติดฟิล์มผมเลยมองไม่เห็นว่ามันทำหน้ายังไง ก่อนขึ้นมอ'ไซค์ ผมหันกลับไปก็ยังเห็นรถมันจอดที่เดิม พอผมขึ้นคล่อมปั๊บมันก็เร่งเครื่องเสียงดังออกไปเลย ส่วนผมก็นั่งยิ้มจนลืมบอกทางพี่วิน (มอ'ไซค์)นั่งรถเลยบ้านไปตั้งไกล รู้สึกตัวอีกทีก็เกือบสุดซอบต้องบอกให้ย้อนกลับมาใหม่ พี่เค้าส่ายหัวเบา ๆ แต่ผมไม่สนใจหรอก ก็คนมันกำลังอารมณ์ดีนี่นา

------------------------------------------------TBC----------------------------

ไปอย่างรวดเร็ววววววววววววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 26-08-2007 20:46:24
อิอิ เริ่มจะชอบแล้วไงอ่ะ 555


อยากนั่งฟังเพลงกะใครสักคนในรถมั่งจัง 5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: esabella ที่ 26-08-2007 23:19:15
เชียร์วุฒิ.....เชียร์วุฒิ..... :m18:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 27-08-2007 05:42:57
เย้    มาต่อให้แย้วว    อยากอ่านมั๊กมาก  คิดถึงวุธ

นอนหลับฝันดีละได้เจอวธก่อนนอน  อิอิ

  :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 27-08-2007 08:11:51
เลือกได้แล้ว เชียร์วุธดีกว่า น่าร๊ากกกกกกกก    :m3:  มาต่ออีกเร็วๆน้า  :m18:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 27-08-2007 13:57:12
 :m1:ช่าย..ช่าย..เชียร์วุธด้วยคน.. :m1:
ดูวุธจะเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดของคนที่ชอบดี..
 :impress:แล้วมาต่ออีกนะคร้าบบบบบ.. :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 27-08-2007 19:51:13
 :m3:

ชอบๆอ่ะ เอามาอีกนะ ความรักใกล้เกิดแระ อ่าหุๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 27-08-2007 22:57:19
ใครพระเอกไม่รู้   วุฒิ หรือ โย :m18:

รู้แต่ว่า คนที่เหลือ ขอได้ป่ะ อิอิ :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 28-08-2007 11:45:25
ขอบคุณสำหรับทุก reply นะครับ ผมชอบมารายห์ นะครับ แต่ผมก็ชอบ มาดอนน่า วิทนี่ย์ โทนี่ ฯลฯ ชอบเยอะครับ แต่ช่วงนั้นอย่าบอกนะครับว่าคุณไม่รู้จักเพลง Without You มันดังมาก เหมือนช่วง Like A Prayer , American Pie หรือ I will always love you วิทยุคลื่นที่เปิดแต่เพลงไทยยังต้องเปิดเพลงพวกนี้เลยครับ
และผมก็ได้อัลบั้มนี้ของมารายห์มาเป็นอัลบั้มแรก ฟังจนเทปยานแล้วยานอีก และก็เป็นอัลบั้มเพลงสากลอัลบั้มแรกของผมด้วย ต่อมาผมก็ซื้อเองครับ เอาไว้ฟังตอนคุยโทรศัพท์นั่นแหละ


มาอ่านต่อกันดีกว่าเนอะ

8 I felt good

ผมเดินยิ้มระรื่นเข้าบ้าน พ่อแม่น้อง ที่นั่งดูโทรทัศน์หันมามองผมเหมือนตัวประหลาด หลังจากที่ผมทักทายทุกคนเสร็จก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำแต่งตัว มองดูนาฬิกาก็อีกตั้งนานกว่าจะสามทุ่ม ลงไปดูข่าวข้างล่างดีกว่า ยังไม่ทันที่ผมจะหย่อนตูดนั่งพ่อผมก็พูดให้เครียดอีกแล้ว

“วันศุกร์นี้ (อีก 2 วันข้างหน้า) ไปลงทะเบียนเรียนภาษาอังกฤษที่ XXX ได้เลยนะเอ้ เงินกับเอกสารอยู่ในซองนี่” พ่อยื่นซองสีน้ำตาลให้ผม

“โห.....ทำไมเร็วอย่างนี้อ่ะครับ” ผมบ่นหลังจากที่อ่านเอกสารจบ

“เร็วอะไร ถ้าไปช้าก็ไม่มีที่นั่งกันพอดี สถาบันนี้เค้าดังนะลูก ใครจบ Level สูงสุดของที่นี่รับรองไม่ตกงาน” แม่พยายามพูดจูงใจ

“แล้วเอ้จะไปชวนใครเรียนเป็นเพื่อนล่ะ” ผมหงุดหงิด

“ไหนบอกโตแล้วไง.....ทำอะไรด้วยตัวเองสิ” พ่อพูดแต่ไม่มองหน้าผม

“ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย” ผมเถียงเบา ๆ

“ไม่รู้ล่ะ.....ยังไงแกก็ต้องไปสมัครเรียนให้เรียบร้อย ถ้ายังไม่ทำวันจันทร์พ่อจะลากแกไปเอง” พ่อขู่...แต่เสียงอย่างนี้ผมรู้ว่าพ่อเอาจริงแน่ พูดไปก็ไม่มีประโยขน์ กลับขึ้นห้องดีกว่า

พอถึงห้องผมก็เอาเอกสารนั่นมาอ่านอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเรียนพิเศษนะครับ แต่ลองนึกดูว่าสมัยนั้นการแข่งขันก็ไม่ได้สูงอะไรมากมาย อีกอย่างผมเรียนพาณิชย์ไม่ต้องไปสอบเอนทรานซ์เหมือนพวกเด็กมอปลาย ผมอยากทำงานมากกว่า สนุกด้วยได้เงินด้วย (นั่นเป็นความคิดเมื่อตอนอายุ 15 นิด ๆ นะครับ แต่ตอนนี้อยากกลับไปเรียนไม่อยากทำงานเลยเพราะว่ามันเหนื่อยมากกว่าจะได้เงินมาเนี่ย) นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกตัวอีกทีนี่มันใกล้สามทุ่มแล้วนี่นา.....ลงไปเอาน้ำมาดีกว่าเดี๋ยวคอแห้งแบบเมื่อวานอีก…ผมเอาน้ำใส่กระติกน้ำแข็งมาเลยครับ ยังไม่ทันที่จัดการกับน้ำแข็งที่เตรียมไว้เสร็จเรียบร้อย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมร้องตะโกนบอกทุกคนที่ห้องรับแขกว่าไม่ต้องรับโทรศัพท์ เพราะมันเป็นของผม

ผมวิ่งกระหืดกระหอบแบกกระติกขึ้นบันไดไปด้วย พอถึงห้องก็เก็กเสียงไม่ให้รู้ว่าผมวิ่งมารับ

"สวัสดีครับ"

"สวัสดีค่ะ…เอ้พูดอยู่หรือเปล่าคะ" ปลายสายดัดเสียงซะหวานเลย

"อีเหี้ยอ๋า…อีช้างกระทุ้ง…โทรมาทำไม" ผมด่า ทีนี้ผมหอบได้แล้ว ก็มันไม่ใช่ไอ้โยอ่ะ

"อ้าวอีนี่…กูก็โทรมาเช็คสิว่ามึงถึงบ้านอย่างปลอดภัย…ไม่ชวนวินมอ’ไซค์ไปเข้ารกเข้าพงข้างทางที่ไหน" อีอ๋าพูดขำ ๆ ตามนิสัย

"เออ…ขอบใจมากเพื่อนที่โทรมาถาม…แต่มีอะไรอีกปะ กูรอโทรศัพท์อยู่" ผมพูดตามความจริง

"ไม่มีอะไรหรอก…รอผู้ชายอยู่สิมึง…กูก็รอเหมือนกัน ท่าทางที่รักกูคงยังไม่ถึงบ้าน"

"กูก็ว่างั้น…ให้เวลาเค้านิดนึง…กว่าจะคลำทางกลับบ้านได้น่ะ" ผมกลั้นหัวเราะ

"อะไรของมึง…จะกัดอะไรกูอีกล่ะ" อีอ๋ารู้ทัน

"แหม…ถ้าไอ้แม็คมันไม่บ้าก็ตาบอดอะนะอีอ๋าที่มาชอบมึง" ผมขำ

"อีดอก…" สั้น ๆ แต่ได้ใจความ "เออ ๆ …กูวางแล้ว…อย่าคุยกับผู้ชายดึกจนตื่นสายนะมึง" อีอ๋ามันก็ยังเป็นคนดีเหมือนเดิม "GOODNIGNT เว้ย"

"ฝันดีเว้ย…อีเอ๋อ" พอผมวางโทรศัพท์สายนี้ปุ๊บ เสียงโทรศัพท์ก็ดังแทรกขึ้นมาทันที
*
*
"สวัสดีครับ" ผมพูดเสียงเอื่อย ๆ

"สวัสดีครับ…เป็นไร…เหนื่อยเหรอ…ไปเที่ยวมาล่ะสิ…หนุกมั๊ย"

"โห…มาถึงก็ถามยาวเลยนะ" เสียงผมดีขึ้นแล้ว "วันนี้ไปเดินเล่นมา กินพิซซ่าด้วย ยังอิ่มอยู่เลย แล้วโยกินข้าวยัง"

"ไม่ได้กินข้าว…กินพิซซ่าเหมือนกันเลย"

"จริงดิ…กินที่ไหนวะ" อะไรมันจะใจตรงกันขนาดนั้น

"ทำไมต้องพูดวะด้วยอ่ะครับ" มันมามุขไหนอีกแล้วเนี่ย ผมงง

"ถามจริง…โย…มึงเป็นอะไรวะ กูว่ามึงแปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ" ผมถามเสียงเครียด

"เป็นเพื่อนเอ้ไง…แต่อยากเป็นมากกว่านั้น ได้มั๊ยล่ะ…" คำหลังสุดมันพูดเสียงเบามาก

"อย่ามาบ้า…ไอ้ห่า ตั้งแต่รู้จักกันมาก็มีเมื่อวานน่ะแหละที่ได้คุยกันเยอะหน่อย ไม่ต้องมาอำกูเลย" ผมคิดว่ามันพูดเล่น

"ทำไงถึงจะเชื่อล่ะ" โยถาม

"เชื่อเรื่องไร" ผมถามกลับ

"เชื่อเรื่องที่เราชอบเอ้น่ะดิ" ผมอึ้งครับ…อึ้งนานด้วย

"ฮัลโหล…เอ้…ยังอยู่หรือเปล่า"

"อยู่ดิ…."

"นึกว่าวางหูหนีไปแล้ว" โยหัวเราะเบา ๆ "เอ้า…ตกลงว่าไง" มันเซ้าซี้

"เร็วไปปะ…เราเจอกันแค่ครั้งเดียว คุยโทรศัพท์กันก็ครั้งที่สองเองนะ"

"โห…ถ้าบอกจะเชื่อปะล่ะ…เราชอบเอ้ตั้งแต่เรียนม. 1 เลยนะ"

"หา…(เสียงสูง)…เราย้ายมาเรียนห้องเดียวกับโยตอนม. 2 นะ แล้วจะมาชอบเราตอนม. 1 ได้ไง" ผมขำ

"ก็เราเห็นเอ้เดินผ่านห้องเรามาตั้งแต่ม. 1…พอได้มาเรียนห้องเดียวกันก็ไม่กล้าบอกอ่ะ" มันพูดออกมาในที่สุดหลังจากอ้ำอึ้งอยู่สักพัก

"เหรอ....แล้วผู้หญิงคนนั้น…นายไปทิ้งไว้ไหนล่ะ" ผมโพล่งออกมา อำมันอ่ะครับ

"ใคร…ผู้หญิงคนไหน…ไม่มี…ไม่เคยมีแฟน" มันปฎิเสธตะกุกตะกัก

"ก็มีคนเห็นเดินด้วยกันที่มาบุญครองอ่ะ" ผมอำมันต่อ

"นานยัง" โยถามกลับ

"นานแล้ว" ผมตอบ

"งั้นก็เลิกกันแล้ว"

"เลิกกันได้ไง…ก็เมื่อกี้บอกว่าไม่เคยมีแฟน" ผมกลั้นหัวเราะ

“ก็.....ก็.....”

“ไม่ต้องก็แล้ว.....อำเล่น” ผมขำ นึกในใจว่าตั้งแต่เรียนด้วยกันมามันก็ไม่เคยมีข่าวกับใครที่ไหนเหมือนกัน มีแต่เพื่อน ๆ พยายามจับคู่ให้

"ใจร้ายว่ะ…ชอบทำให้คนตกใจ"

"จะกลัวไปทำไม…ถ้าคนไม่มีความผิดอะไรก็ไม่มีอะไรต้องกลัว…หรือว่าโยมีอะไรปิดเรา" ผมคาดคั้น

"ไม่มี" มันตอบทันที

"แล้วไป" ผมได้ยินมันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมก็แกล้งถอนหายใจบ้าง

“เป็นไร...” มันถามกวน ๆ

“เครียด”

“เครียดเรื่องอะไร.....บอกเราได้มั๊ย” รู้สึกดีจังเหมือนมีคนเป็นห่วงเนี่ย

“วันศุกร์นี้ต้องไปสมัครเรียนพิเศษภาษาอังกฤษน่ะดิ......แล้วเริ่มเรียนตอนปิดเทอมเลยอะ ไม่ได้พักซักวัน” ผมแกล้งพูดเสียงเศร้า ๆ

“เรียนที่ไหนเหรอ”

“ที่ XXXX รู้ปะกี่โมงถึงกี่โมง....9 โมงถึงเที่ยงรอบนึง บ่ายถึงบ่ายสามอีกรอบนึง” ผมถามเองตอบเอง “นี่ยังไม่ได้ชวนคนอื่นเลย แต่รับรองได้ไม่มีใครไปเรียนเป็นเพื่อนแน่ ๆ” ผมถอนใจอีก

“.....ที่จริงภาษาของเอ้ก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องให้ไปเรียนเพิ่มด้วยล่ะ”

“ก็วันนั้นดันไปบอกพ่อว่าจะเรียนต่อมหา’ลัยไง....พ่อเลยให้เรียน นี่ยังมีโปรแกรมต้องเรียนเลขเพิ่มด้วยนะ” ผมบ่น

“จบปวช. แล้วเอ้จะไปต่อไหนอ่ะ”

“ยังไม่รู้.....รู้แต่ว่าไม่อยากเรียนปวส. ไม่อยากเข้าแถวตอนเช้า อยากไว้ผมยาวกว่านี้”

“โห....นึกว่าอยากเรียนวิชาที่ปวส. ไม่มีสอน” เอ๊ะเหมือนกัด ๆ นะ

“แล้วโยล่ะ.....จบมอหกแล้วจะเรียนไหน” ไอ้นี่พอพูดเรื่องเรียนแล้วมันคิดน้าน..นาน

“ก็คงต้องเอน....แต่ยังไม่รู้จะเลือกที่ไหนเลย”

“แล้วอยากเป็นอะไรล่ะ” ผมถาม

“วิศวกร” มันตอบทันที

“แต่โยเรียนศิลป์ภาษาไม่ใช่เหรอ” ผมจำสายที่มันเรียนได้ (แอบดูจากสมุดเมื่อตอนไปเล่นไอซ์เมื่อวันก่อน) คลับคล้าย คลับคลาว่าคนที่จะสอบวิศวะได้ต้องเรียนสายวิทย์คณิตอ่ะ

“ถ้าเอนไม่ติดก็เรียนเอกชนดิ” มันตอบแบบขอไปที “แล้วเอ้ล่ะ.....ล่ะอยากเป็นอะไร”

“จริง ๆ เลยนะ.....อยากเป็นครู” ไอ้โยหลุดหัวเราะออกมานิดนึง

“ขำอะไร” ผมแกล้งงอน

“เปล่า”

“บอกมา....ไม่บอกวางนะ”

“นึกภาพไม่ออกเวลาเอ้ดุจะเป็นยังไง....จะกล้าตีเด็กเหรอ....แล้วเวลาเจอเด็กหล่อ ๆ จะมือไม้อ่อนหรือเปล่า” มันยังขำอยู่

“โย....นายยังรู้จักเราน้อยไป เราไม่ได้บ้ากามขนาดนั้นนะ ไม่งั้นจะอยู่เป็นโสด แถมยังซิงได้ถึงทุกวันนี้เหรอ แล้วอีกอย่างโยยังไม่เคยเห็นเราวีน แต่หวังว่าเราคงไม่มีวันที่เราต้องเล่นบทโหดกับโยนะ”

“กลัวแล้วครับ…” มันทำเสียงล้อเลียนผม “.....แต่จริงเหรอ”

“อะไร”

“โสด ซิงอ่ะ”

“จะลองปะล่ะ” ผมท้าเล่น ๆ “ที่ไหน...เมื่อไหร่...ได้เสมอ”

“เอาจริงนะเนี่ย” โยบอก

“ไอ้บ้า พูดเล่น....เราจะเก็บไว้ให้คนที่เรารักเว้ย”

“ขอบคุณนะครับที่เก็บไว้ให้ผม”

“ไม่ได้หมายถึงแก” ผมพูดขำ ๆ

“อ้าว...แล้วใครอ่ะ....ไอ้เด็กช่างคนนั้นเหรอ” ผมอึ้ง

“ไม่เกี่ยวกันซะหน่อย....ยังไงเราก็ไม่มีทางชอบไอ้วุธหรอก”

“ทำไมล่ะ....เค้าก็หน้าตาดีอยู่นา เอ.....หรือว่ามันนิสัยไม่ดี”

“ไม่ชอบแล้วกันน่า....” ผมตัดบท

“งั้น.....ชอบแบบเราใช่ปะ” มันถามอ้อน ๆ

“NO” ผมตอบเสียงดัง “ NOT NOW” คำหลังผมพูดเบา ๆ แบบกระซิบ

“โห...ยังไม่ไปเรียนเลย พูดไทยคำอังกฤษคำอีกแล้ว”

“ฝึกไว้....อีกหน่อยต้องพูดทั้งวันอ่ะ” ว่าแล้วผมก็เอื้อมมือไปเปิดเทปเพลงที่วุธซื้อให้เมื่อเย็นนี้

“ฟัง Dreamlover ของ Mariah Carey ด้วย” สำเนียงทะแม่ง ๆ ยังไงก็ไม่รู้

“ใครนะ.....ขออีกที” ผมถาม โยสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่แล้วตอบชัดถ้อยชัดคำ

“ม้า ลาย อ้า แครี่” มันออกเสียงอย่างนี้จริง ๆ นะครับ ผมหัวเราะออกมาอย่างดังจนต้องเอาหูโทรศัพท์ออกไปห่าง ๆ ตัว จนผมโอเคแล้วค่อยคุยต่อ

“หัวเราะอะไร....ก็ชื่อเค้าออกเสียงยากอ่ะ” มันแก้ตัว

“แค่มาราย เฉย ๆ ก็ได้”

“เออ ๆ แล้วนี่เทป หรือฟังวิทยุอ่ะ….หยุดหัวเราะได้ยัง” มันพูดเหมือนงอน ๆ ผมก็กลั้นซักพักถึงตอบ

“เทป...อืม...เนี่ยเพิ่งได้มาเมื่อเย็นนี่เอง”

“ใครซื้อให้อ่ะ”

“ซื้อเอง” (รึเปล่า ก็ผมจ่ายค่าน้ำมันให้วุธแล้วนี่นา)

“เหรอ...นึกว่ามีคนซื้อให้” เสียงมันเบา ๆ ยังไงก็ไม่รู้ หรือเราเปิดเพลงดังไปนะ ก็ไม่นี่

“ใครจะมาซื้อให้...ไปกับเพื่อนทั้งนั้น”


*
*
*
.....ถ้าพูดตามตรงผมเริ่มชอบมันนิด ๆ แล้วล่ะ มันพูดจาน่ารักมาก เวลาซื่อมันก็ซื่อจนเหมือนซื่อบื้อ แต่ถ้ามันรู้อะไรมันก็จะเล่าเป็นวรรคเป็นเวร อีกอย่างเสียงมันเข้ม ๆ เหมือนเก็กเสียงหล่อตลอด บางทีก็อ้อนซะเป็นเด็ก ๆ บางทีก็เถื่อนจนผมงงว่ามันรู้เรื่องพวกนี้ได้ไง อย่างเช่นเรื่องสวนจตุจักร สะพานพุทธ แต่พอผมคุยเรื่องสยาม มาบุญครองมันกลับไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว เมื่อก่อนผมได้ยินมันพูดว่าไปสยามเกือบทุกเสาร์อาทิตย์นะ (ไปติวอ่ะครับ) แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เราคุยกันหลายเรื่องมาก ผมไม่รู้สึกง่วงเลย หัวเราะคิก ๆ คัก ๆ บางทีก็ก๊ากออกมาดัง ๆ จนพ่อผมต้องมาเคาะประตูไล่ให้ไปนอนนั่นแหละ ผมถึงได้ดูนาฬิกา โอ๊ย...นี่มันเที่ยงคืนกว่าแล้ว พรุ่งนี้ต้องละเมอไปเรียนแน่ ๆ ผมบอกให้โยวางสายก่อนเพราะเป็นฝ่ายโทรมา มันก็ไม่ยอมวาง สรุปแล้วผมก็ต้องวางก่อน มันยังหยอดทิ้งท้ายไว้ว่าพรุ่งนี้จะโทรหาผมอีก เวลาเดิม ผมก็ต้องตอบโอเคแหละครับ แอบยิ้มด้วย เพื่อนเรามีแฟนกันไปหมดแล้วทีนี้ก็น่าจะเป็นตาเราบ้าง ผมเดินไปล้างหน้าแปรงฟันอีกครั้งแล้วก็ล้มตัวลงนอนอย่างมีความสุข (มีความสุขจนขี้เกียจทาครีมก่อนนอน....แย่จัง)

                             :a11:-------------------------------TBC--------------------------------------- :a3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 28-08-2007 12:05:13
 :impress:

เอาไงกันละเนี่ย

ตกลงจะวุธ หรือ จะ โย กันแน่หว่า

หรือว่า จะเก็บเธอไว้ทั้งสองคน

รออ่านต่อไปน๊า.....

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 28-08-2007 14:05:27
ทำไมเรื่องนี้ต้องต้นๆ หวานแววน่ารักจัง

เคยอ่านแต่ภาคสุดท้าย อ่านไปเครียดไป

แต่สรุปว่ายังไงก็ชอบอยู่ดี

คงเป็นแบบนี้ละเนอะ แรกรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน พอยิ่งนานน้ำตาลก็ว่าขม

สรุป รออ่านอยู่นะ มาต่อด่วนๆ เลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 28-08-2007 18:05:32
แล้วใครจาเปงพระเอกอะ  :a10:  :a10:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 28-08-2007 18:12:57
 ทะไม วุธไม่โทรหามั่งอ่ะ อิอิ อย่าไปยอมดิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 28-08-2007 19:06:07
โยก็น่ารักดี แต่ยังไงก็ยังเชียร์วุธ  :m4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 28-08-2007 21:45:48
ตกลงใจล่ะ เชียร์วุธดีกว่า   :m4:  :m4:

น่าจะเถื่อนถูกจายยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 28-08-2007 21:52:30
กร้ากๆๆๆๆ   ขำ ชื่อ  ม้า ลาย อ้า    เหอๆๆ  กล้าพูดโน๊ะ
อ่านไปขำไป    เอ้จามีแฟนแล้วเหรอ   แง่งงงงง   แล้ววุธอ่า
วุธไปไหนแล้ววววว

 :m28: :m28: :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 28-08-2007 23:07:15
 :m28:มันน่าสงสัยเนอะ..ตั้งแต่กินพิซซ่าเหมือนกัน..
แล้วยังถามเรื่องเทปเพลงอีก..และก็รู้ดีเรื่องสะพานพุทธ สวนจตุจักรอีก..
แทนที่จะรู้เรื่องสยาม มาบุญครอง..
เราว่าน่าจะเป็นวุธแน่เลย..แต่อำว่าเป็นโย..(คิดมากไปเองป่ะเนี่ย)
 :yeb: :yeb:แต่ก็นะ..ยังไงก็เชียร์วุธ..วุธ..วุธ :yeb: :yeb:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 28-08-2007 23:34:50
อารายกานเนี่ย จะ โย รึ วุธ

งงแระ

กำแระ    สับสนเรื่องผู้ชาย :a6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: esabella ที่ 29-08-2007 02:33:41
มาช่วยดันวุฒิอีกแรง.... :a2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: สาวเครือฟ้า ที่ 29-08-2007 13:40:53
รู้สึกยังไงไม่รู้อะครับ  เหมือนกับว่าคนที่โทรหาเอ้  คล้ายวุธจะปลอมตัวเป็นโยนะครับ  ไม่แน่ใจ  แต่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ  เพราะดูคำพูด  ดูมีพิรุท
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-08-2007 14:11:04
โหยยยยยยยยยยยยยยย

เอาเรื่องนี้มาลงด้วยหรอ

เจ้ขอคอนเฟิรมว่าเรื่องนี้หนุกหนานมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   :a1:


อ่านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 29-08-2007 16:23:45
 :m18:
มาเอาใจช่วยครับ มาต่อเร็ว ๆ นะครับ รออ่านอยู่ อิอิ :a9:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 29-08-2007 17:54:04
รออ่านต่อ  :m4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 29-08-2007 20:36:52
เอ้ก็น่ารัก

วุธก็น่ารัก

สรุปว่าน่ารักทั้งคู่เลย :m1: :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 29-08-2007 21:35:16
มาต่อแล้วครับป๋ม
เชียร์วุธกันใหญ่ไม่สงสารโยบ้างเหรอ
คะแนนวุธนำโด่งเลย  ไปอ่านกันเลยครับ

9 I don’t know what I’ve done wrong?


“หน้าตามีความสุขนะมึง”
อีนัททักทันทีที่เห็นหน้าผมเดินเข้ามาในซุ้มประจำกลุ่มตอนเช้า

“คนกำลังมีความรักก็อย่างนี้แหละ” ผมตอบเชิด ๆ
“พวกมึงก็เหมือนกันแหละ....เมื่อวานกลับกันกี่โมงล่ะ”

“หลังมึงแป๊บเดียวเอง....อีเอ้...กูถามหน่อยเหอะมึงจะเอาไอ้โยเพื่อนเก่ามึงจริง
ๆ เหรอ” อีตาลถาม ผมก็งงที่จู่ ๆ มันถามแบบนี้

“ถ้ามันเอากู กูก็เอาสิวะ.....เออ แล้วมึงถามทำไมอ่ะ”

“เปล่า....ไม่มีอะไร.....นี่มันโทรมาคุยกับมึงทุกคืนเลยเหรอ”

“แค่สองคืนเท่านั้นแหละ แต่ว่าวันนี้มันบอกว่าจะโทรมาอีก”
ผมแกล้งทำท่าเขิน
อีอ๋ามันเอื้อมมือมาดีดหูผม “โอ๊ยอีห่า...เจ็บนะ
อีชะนีดง.....เป็นไงล่ะมึงเมื่อวานไอ้แม็คคลำทางกลับบ้านถูกปะ”

“พวกมึงดูอีเอ้มันว่าไอ้แม็คที่รักกูตาบอด” อีอ๋าหาพวก

“ไม่หรอก....มันคงตาสั้นอ่ะ” อีตาลกัด

“กูว่ามันคงเอาตาตุ่มมองมึงอ่ะ” อีนัทช่วย

“No กูว่าตาปลามากกว่า” ผมสรุป

“อู๊ยยยย อีดอก อีตุ๊ดอินเตอร์” อีอ๋ามันด่าผม
ไม่โกรธครับเป็นเรื่องปกติที่เราด่ากันอย่างนี้

“เออ ๆ นี่พูดถึงเรื่องอินเตอร์ พรุ่งนี้กูต้องไปสมัครเรียนภาษาอังกฤษที่
XXX
ใครจะไปเรียนกับกูมั่ง”
ทุกคนส่ายหน้ากันทันทีเหมือนผมชวนพวกมันไปตายยังไงไม่รู้

“เริ่มเรียนเมื่อไหร่วะ” อีแจนถาม

“พอสอบเสร็จวันต่อไปก็เริ่มเลย....พ่อกูจัดการทุกอย่าง” ผมบ่น

“อย่างนี้มึงก็ไม่ได้ทำงานกับพวกกูอ่ะดิ” ผมพยักหน้าเบา ๆ

“ช่วงปีใหม่กูจะขอพ่อกูไปทำงานห่อของขวัญกับพวกมึงแทนละกัน”

“แล้วงานวันเสาร์-อาทิตย์ล่ะมึง” อีตูนถามถึงงาน part time
ที่ผมทำทุกสัปดาห์ใน supermarket กับพวกมัน

“กูกะว่าจะลาออกตอนสิ้นเดือนอ่ะ”

“ทีนี้มึงก็มีเวลาอยู่กับผู้ชายทั้งวันแล้วดิ”
อีอ๋าวกเข้ามาเรื่องผู้ชายอีกแล้ว

“อีหื่น....กูคุยกันแค่ในโทรศัพท์ก็พอแล้ว”

“แล้วคืนละกี่ชั่วโมงล่ะ”

“สาม” ผมตอบสั้น ๆ แต่เพื่อนผมอ้าปากค้าง

“แล้วมึงคุยอะไรกันวะ....ไอ้นพมันก็โทรหากูนะ แต่คุยไม่นานขนาดนั้นว่ะ”
อีแจนถาม ผมก็เล่าให้ฟังหมดไม่มีอะไรปิดบัง
แต่เรื่องที่วุธไปส่งผมเมื่อวานผมยังต้องปิดไว้อยู่
*
*
*
วันนี้เพื่อน ๆ ผมมีนัดกับบรรดาแฟนมันอีกแล้ว ฝนก็ทำท่าจะตก
พอออกมาจากโรงเรียนอีพวกนั้นก็ถลาเข้าไปหาแฟนมันกันหมด
เหลือผมที่ต้องเดินห้อยท้ายคนเดียวอีกแล้ว วุธเอารถหลวงพี่มันมาเหมือนเดิม
ผมกับวุธไม่ได้ทักทายกันเลยพอผมจะอ้าปากทัก มันก็หันไปคุยกับเพื่อนมัน
ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรก้มหน้าก้มตารื้อของในกระเป๋าแก้เก้อ เงยหน้าขึ้นมาอีกที
ไอ้พวกนั้นก็กระโดดขึ้นกระบะหลังเรียบร้อยแล้ว
ผมก็ต้องขึ้นไปนั่งหน้ากับวุธตามระเบียบ
......แปลกแฮะ....มันไม่พูดกับผมซักคำ
ผมก็ไม่เริ่มคุยกับมันก่อนด้วย

ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าเราจะไปไหนกัน
เพราะเมื่อตอนกลางวันพวกเพื่อนผมมันบอกแค่ว่ามันนัดกับพวกผู้ชายเอาไว้
ผมมันประเภทไปไหนไปกันไม่ถามให้มากความ รถแล่นไปเรื่อย ๆ
ผมก็รู้ด้วยตัวเองว่ามันกำลังมุ่งหน้าไปบ้านไอ้ตั้ม....แล้วมันไปทำอะไรกันวะ
ผมคิดในใจ สักพักก็มาถึงบ้านตั้ม
ยังไม่ทันที่อีแจนจะลงจากรถเป็นคนสุดท้ายเพราะมัวแต่ห่วงกระโปรงจะแหก
ฝนที่ตั้งเค้ามานานก็เทกระหน่ำลงมาจนอีแจนรีบกระโดดดังตุ๊บ
ทุกคนขำกันใหญ่อีแจนมันกลัวฝนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ใช่กลัวเป็นหวัดนะครับ
แต่กลัวผมเปียกแล้วมันจะฟู พวกเรารีบวิ่งเข้าบ้านถอดรองเท้าล้างไม้ล้างมือ
ผมเพิ่งสังเกตุว่าไอ้วุธมันยังไม่ลงจากรถ
มองฝ่าสายฝนออกไปเห็นมันนั่งนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่
ผมมองซ้ายมองขวาไม่มีใครอยู่แถวนี้
หันไปเห็นร่มที่ข้างประตูก็คว้ามากางแล้วเดินออกไปที่รถ

ก๊อก ๆ ผมเคาะกระจกมันสองที มันหันมาแล้วเลื่อนกระจกลง

“ทำอะไรอยู่....ทำไมไม่เข้าบ้านอ่ะ” ผมถามทำหน้าตาเรียบ ๆ
เหมือนไม่อยากคุยกับมัน

“กำลังจะไปแล้ว” มันเลื่อนกระจกขึ้นแล้วเปิดประตูออกมา
ผมก็รีบเอาร่มไปกางให้มัน (เป็นไปเองนะครับไม่ได้ตั้งใจเป็นคนดีหรอก)
มันมองหน้าผมนิดนึงแต่ก็ยอมเข้ามาในร่มแต่โดยดี

เราเข้ามาในบ้านก็ยังไม่คุยกันอีก บรรยากาศข้างนอกอึมครึมทั้ง ๆ
ที่มันเพิ่งจะห้าโมงกว่า ๆ เอง
แต่บรรยากาศระหว่างผมกับวุธมันดูตึงเครียดยังไงก็ไม่รู้
หลายครั้งที่เราสบตากันด้วยความไม่ตั้งใจ (หลายครั้งจริง ๆ
หันไปที่ไรก็เจอ
บางครั้งผมก็แอบมองมันแล้วมันหันมาผมก็หลบไม่ทันอ่ะดิ)
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อวานมันยังดี ๆ อยู่เลย
แต่จะให้ผมไปพูดกับมันก่อนผมก็ทำไม่ได้

ตอนนี้อีพวกคู่รักทั้งสามคู่อัดกันอยู่ในครัว
ไอ้ตั้มเจ้าของบ้านกับอีตาลนั่งหั่นหมูหั่นผักเตรียมทำกับข้าวง่าย ๆ
กินกัน..
...คู่อีนัทยืนปอกมะม่วงดิบมันจะทำน้ำปลาหวาน.....คู่อีอ๋าทำอะไรไม่เป็นก็ได้แต่ช่วยหยิบจับนิด
ๆ หน่อย ๆ
มันอาสาเป็นคนเก็บล้างตอนพวกเรากินเสร็จ......ผมเพิ่งจะรู้ตอนที่มาถึงนี่ว่าพวกมันนัดกันไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว......คู่อีแจนนี่เค้าอยู่ในห้องรับแขกเพราะอีแจนไม่ชอบเข้าครัวกลัวผมเหม็น
สวีทกันมากนั่งดูวิดีโอกระหนุงกระหนิง
(สมัยนั้นวีซีดียังไม่ค่อยมีน่ะครับ)

ส่วนผม....กับวุธเหรอ นั่งกันคนละทิศเลย ผมอยู่หน้าบ้าน มันอยู่หลังบ้าน
พอผมเดินไปดูเพื่อน ๆ ในครัวเจอมันแถวนั้น มันก็เดินออกไปหน้าบ้าน
ผมอึดอัดมาก
อยากจะกลับบ้านเดี๋ยวนั้นเลย แต่ฝนตกหนักอย่างนี้คงออกไปลำบาก
ซักพักผมเห็นไอ้วุธเดินไปเข้าห้องน้ำ
ผมก็เลยไปนั่งหลบมุมอยู่หน้าบ้านตรงม้าหินอ่ะครับ
ไม่นานนักไอ้วุธก็เดินออกมามันชะงักเมื่อเห็นผม
แต่ยังเดินทำหน้าเฉยเข้ามา.....มันเดินเลยผมไปทางตู้ปลาข้าง ๆ

“วุธ....” ผมตัดสินใจเรียกมัน....เงียบ.....”วุธ”
ผมลองอีกทีเสียงดังขึ้นนิดนึง ผมได้ยินเสียงตอบรับในลำคอ แต่ไม่หันมา
ผมก็เลยเงียบมั่ง ไม่ถึงสองนาทีมันก็หันมาเจอผมที่กำลังจ้องมันอยู่

“เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถาม

“เปล่า” มันตอบสั้น ๆ แล้วหันกลับไปสนใจกับปลาต่อ เท่านั้นแหละครับ
ตบะแตก
ผมลุกพรวดเข้าไปในบ้านโชคดีที่คู่ของอีแจนไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว โกรธมาก
หาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมมันต้องทำท่าเย็นชาอย่างนี้
ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด หรือทำให้มันเสียใจ ผมทำดี
พูดดีกับทุกคนอาจจะมีกัดกันบ้างแต่นั่นมันก็รู้กันว่าผมล้อเล่น
ระหว่างที่กำลังเก็บของผมได้ยินเสียงเดินเข้ามาในบ้านเป็นใครไม่ได้หรอกครับนอกจาก......

“จะไปไหน” มันถามเสียงเบา ผมไม่ตอบ ก้มหน้าเก็บของต่อทั้ง ๆ
ที่มันไม่มีอะไรมาก แค่สมุดหนังสือ 2-3 เล่ม กระเป๋าเล็ก ๆ ใส่พวกปากกา
กระปุกแป้งเด็ก
ผมกะว่าจะขอถุงพลาสติกตั้มมาใส่กันฝนไม่ให้สมบัติผมเปียกอะครับ
ของคงไม่เปียกแต่ขอบตาผมเริ่มเปียกซะแล้ว
น้ำตาผมมันคลอจนแทบล้นออกมานอกขอบตา

“ฝนตกหนัก.....จะกลับยังไง” ผมไม่ตอบอีก....และมันก็จับแขนผมเขย่า
ผมหันไปมองหน้ามันพยายามไม่ให้น้ำตาไหล แต่พอเงยปุ๊บน้ำตาก็หยดปั๊บ
หน้ามันเหวอไปเลยครับ คงตกใจที่เห็นผมร้องไห้
ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมแค่นี้ต้องร้องด้วย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย

“ร้องไห้ทำไม” มันเอื้อมมือมาจะเช็ดน้ำตาให้ผม ผมสะบัดหน้าหนี

“เป็นอะไรเนี่ย......พูดดิ” มันหงุดหงิด ผมไม่สนใจเดินเข้าห้องน้ำ
พอเห็นสภาพตัวเองในกระจกแทบรับไม่ได้ ตาแดงก่ำเลยครับ
ผ้าเช็ดหน้าก็ดันอยู่ในกระเป๋าอีก หันไปเจอทิชชู่เช็ดตูด
เอานี่แหละวะเช็ดหน้าเช็ดตา ผมล้างหน้าให้ดูสดชื่นขึ้น มันก็โอเคนะครับ
แต่แววตาของผมก็ยังเศร้าอยู่
สักพักก็มีเสียงเคาะประตูตามด้วยเสียงอีอ๋าตะโกนเรียก
ผมรับคำแล้วเปิดประตูออกมา โห ทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันมองผมเป็นตาเดียว

“เฮ้ย....เอ้ มึงเป็นอะไรมากรึเปล่าวะ” อีนัทถามเสียงกังวล ผมงง

“มึงกลับก่อนก็ได้ เดี๋ยววุธไปส่ง” อีแจนพูดต่อ

“อะไรของมึง” ผมงง

“ก็ไอ้วุธบอกว่าเอ้ไม่สบาย....เนี่ยไอ้วุธไปสตาร์ทเครื่องรอแล้ว....”
นพบอกในมือมันมีกระเป๋าผมด้วย

“เราไม่ได้เป็นอะไร” ผมสั่นหน้าแรง ๆ
“หิวเว้ย....กูจะได้แดกข้าวเย็นปะเนี่ย”
ผมเปลี่ยนเรื่อง หันไปถามอีนัท

“มึงไม่เป็นไรแน่นะ”

“แหกเนตรดูสิมึง.....กูไม่เป็นไรง่าย ๆ หรอก I will survive”
ผมแกล้งทำตัวสดใสร่าเริง.......เพื่อนผมหน้าเจื่อน ๆ
ก็มันรู้นี่ครับว่าผมไม่ได้โอเคอย่างท่าทาง
เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานก็ต้องรู้อยู่แล้ว

“เออ ๆ เดี๋ยวกูไปทำกับข้าวต่อล่ะกัน” อีตาลจูงมือตั้มทำท่าลากไปห้องครัว

“เฮ้ยตาล.....ไม่ต้อง กูทำเอง ขืนรอพวกมึงสามทุ่มก็ไม่ได้แดก”
ผมเดินแซงมันไป

“ก็ดีเหมือนกัน....ของเตรียมไว้ให้แล้วนะเอ้”
ไอ้ตั้มยิ้ม....ก็คงรู้อยู่ว่าถ้าทำเองคงกินไม่ได้

“จัดโต๊ะรอได้เลย....ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเสร็จ”
*
*
*
กับข้าวที่ผมทำวันนั้นมี ต้มยำปลากระป๋อง ไข่เจียวหมูสับ ผักบุ้งไฟแดง
ส่วนน้ำปลาหวานผมไม่ทำเพราะมันจะเหม็นติดเสื้อผม ผมเลยทำพริกกะเกลือ
แถมแบบใช้กะปิอีกถ้วยเล็ก ๆ ระหว่างที่ผมทำกับข้าวอย่างขะมักเขม้น
ไอ้วุธก็เดินป้วนเปี้ยนไปมาอยู่หน้าห้องครัว ผมไม่สนใจเลยซักนิด
พอผมเผลอมันเดินมาที่ตู้เย็นที่ผมยืนอยู่ ผมก็เดินไปล้างมือ
พอมันเดินมาที่ซิงค์ ผมก็เดินไปที่เตา มันทำท่าจะเดินตามผมก็เคาะกระทะดัง

กะว่าให้เพื่อน ๆ ผมเข้ามาด่า ได้ผลครับมันเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปเลย

และแล้วอาหารเย็นง่าย ๆ ก็เสร็จด้วยมือผม
ทุกคนกินกันอย่างรวดเร็วเหมือนแร้งลง
คงจะหิวมาก ฝนก็ยังตกหนักสลับกับปรอย ๆ .....ทันทีที่อีอ๋ามันล้างจานเสร็จ
ผมก็บอกลาทุกคนไม่เว้นแม้แต่วุธเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย วุธมองหน้าผมแบบงง

ไม่มีใครทัดทานผมเพราะผมพูดด้วยเสียงและคำพูดทีบอกโดยนัยว่ายังไงกูก็จะกลับ
ไอ้พวกผู้ชายมันก็คงไม่รู้เรื่อง
แต่เพื่อนผมนี่รู้เลยว่าผมมีอะไรผิดปกติแล้ว
หางตาผมเห็นวุธลุกลี้ลุกลนมองมาบ่อย ๆ
ตั้มจะให้ยืมร่มแต่ผมขอแค่ถุงใส่กระเป๋าไม่ให้เปียกก็พอ
*
*
ผมเดินออกมารอรถสองแถวที่หน้าปากซอยบ้านตั้ม ฝนตกขนาดนี้น้ำท่วมด้วย
รถในซอยก็ติดไม่แพ้ถนนใหญ่
พยายามหลบในที่ร่มแล้วแต่ฝนก็ยังสาดมาโดนตัวจนได้
ผมรู้สึกหนาวจนตัวสั่น.....จะขึ้นแท็กซี่ก็ไม่มีว่างซักคัน เอาแล้วไง
รถกระบะสีบล็อนด์คันคุ้นตากระพริบไฟอยู่ไม่ไกล
ผมถอยหลังหนีไม่ให้ไอ้คนขับเห็น
ไม่ทันแล้วครับมันเห็นผมแล้ว รถติด ๆ
อย่างนี้มันลงจากรถมาหาผมถึงฟุตปาทเลยครับ

“ไปขึ้นรถ....” มันพูดเสียงแข็ง
ผมยิ่งโมโหเดินกอดกระเป๋าหนีมัน...ตากฝนก็ยอมวะ

“บอกให้ขึ้นรถไง” มันจับแขนผมลากขึ้นรถ ผมสะบัดก็ไม่หลุด
คนเริ่มมองกันแล้ว

“ไม่ไป.....มึงจะพากูไปไหน” ผมพูดเสียงดังให้คนมอง กะว่าให้มันอาย

“กลับบ้าน....ไอ้น้องเหี้ย....บ้านช่องไม่กลับ ไม่ห่วงพ่อแม่มั่งไง”
นอกจากมันไม่อายแล้วมันยังทำให้คนมองผมมากขึ้นอีก

“กูไม่ใช่น้องมึง.....ไม่ปายยยยยยยยยย” ผมแหกปาก “โอ๊ย” ผมร้อง
ก็ไอ้วุธมันตบกบาลผมน่ะดิ รถเริ่มเลื่อนแล้ว

“จะไปดี ๆ หรือจะให้อุ้มไป” มันขู่ผม
ตัวมึงก็ไม่ได้ใหญ่กว่ากูซักเท่าไหร่
อุ้มไหวก็อุ้มดิ ผมคิดในใจ.....มันฉุดกระชากลากถูผมไปจนใกล้ถึงรถ
แล้วมันก็อุ้มผมจริง ๆ แต่ไม่ได้อุ้มแบบในหนังในละครนะครับ
มันช้อนใต้แขนผมแล้วล็อกตัวลากขึ้นรถไปเลย พอมันปล่อย ผมก็ทำท่าจะลง
มันชี้หน้าผมทำท่าโหด ๆ (ลองคิดสภาพเด็กช่างชี้หน้าดิ มันน่ากลัวมาก ๆ
ผมคิดว่าเดี๋ยวค่อยหาทางลงก็ได้)
*
*
*
“ขอโทษ” มันทำลายความเงียบ “เจ็บมั๊ย” มันเอื้อมมือมาจะจับหัวผม
ผมเอนตัวชิดประตูทันที

“ทำไมดื้ออย่างนี้อ่ะ” ผมไม่พูดกับมัน ไม่แม้แต่มองหน้ามัน
ได้ยินมันถอนหายใจเฮือกใหญ่

“คนเราทำอะไรไปมันก็มีเหตุผลทุกคนนะเอ้....แต่บางที....มันก็แค่อารมณ์อยากสนุก
ไม่ได้ตั้งใจทำให้ใครรู้สึกไม่ดี เราไม่ได้โกรธหรือเกลียดเอ้นะ
แต่เรามีเหตุผลของเราที่ไม่คุยกับเอ้วันนี้” ตาไม่มองมันแต่หูผมก็ฟังอยู่
มันถอนหายใจอีกที “ซักวันเอ้ก็จะรู้” มันพูดเสียงเบา

“ไม่อยากรู้หรอก.....ถ้าไม่คิดว่านายเป็นเพื่อนของแฟนพวกไอ้แจนนะ......”
ผมเว้นไว้

“ทำไม” มันเสียงแข็งอีกแล้ว

“หึ.....หน้านายเราก็ไม่อยากมอง”

“ใช่ดิ....เรามันเด็กช่าง ไม่ใช่เด็กมอปลาย เรียนเก่ง แต่งตัวหรู ๆ
พูดเพราะ ๆ
เที่ยวห้างดัง ๆ เด็กช่างน่ะมันไม่มีอะไรดีซักอย่าง เรียนก็ไม่เก่ง เถื่อน
ถ่อย
สกปรก พูดดี ๆ ไม่เป็น เกเร ไม่มีใครอยากจะสนใจ แม้แต่คนที่บ้าน
ก็จ้องจะจับผิด” มันระบายอกมาเป็นชุด

ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ เราคนนึงแหละที่ชอบเด็กช่าง
เปล่าผมไม่ได้พูดอย่างนั้น
ผมแค่คิดในใจ แต่ที่ผมพูดน่ะเหรอ

“รู้ตัวก็ดี.....เถื่อน ถ่อย ชอบใช้กำลัง ไม่มีความคิด ถ้าทำตัวยังไง
คนก็มองอย่างนั้น” ผมพูดลอย ๆ

“ขอโทษนะ ขอโทษจริง ๆ ไม่ต้องยกโทษให้ก็ได้ เพราะมันคงไม่มีประโยชน์อะไร”

“อืม” ผมรับคำสั้น ๆ “เราไม่เคยใส่ใจกับอะไรที่ไร้สาระหรอก”
ตอนนี้ใกล้ถึงปากซอยบ้านผมแล้ว “ทุกอย่าง....จบ”
ผมหมายถึงเรื่องที่ผมโกรธ

“โอเค....จบแล้ว....แต่เราขอพูดอะไรกับเอ้อีกนิดได้มั๊ย”
มันเปิดไฟเลี้ยวจะเข้าซอยบ้านผม

“เสียเวลาเปล่า ๆ เรารีบกลับมีคนรออยู่....มันไม่มีประโยชน์อะไรไม่ใช่เหรอ.....
ขอเราลงตรงนี้เลยล่ะกัน“ ไม่ทันที่มันจะพูดอะไรผมก็เปิดประตูลงมาเลย
(รถติดไฟแดงอ่ะครับ) ตั้งใจที่จะไม่ขอบคุณมัน ก็ไม่ได้เต็มใจมาด้วยนี่นา
ผมเดินไปขึ้นแท็กซี่คันข้างหน้าที่ติดไฟแดงอยู่
กะจะขึ้นมอไซค์แต่ฝนยังตกหนัก ผมนั่งเอนตัวลงเหมือนคนหมดแรง ถอนหายใจเฮือกใหญ่จนคนขับต้องมองหน้าผมทางกระจกหลัง เมื่อกี้นั่งมากับไอ้วุธผมเกร็งซะปวดเมื่อยไปหมด ผมพยายามที่จะไม่คิดถึงมันอีก.....ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง (จริง ๆ แล้วก็หันแหละ ตอนใกล้ถึงบ้าน แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันจะตามมาอ่ะ) สะใจ แต่นึก ๆ ดูก็ใจหายกลัวมันโกรธอยู่เหมือนกัน

    :a4:********************************T********B*********C**************************************** :a10:

ขอบคุณพี่เอ้มากมายคับป๋ม
แล้วเจอกันนะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: สาวเครือฟ้า ที่ 29-08-2007 23:01:45
ชอบมากครับ  มาต่ออีกเน้อ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 30-08-2007 00:37:39
สนุก ดุเดือด มากเลยคับ รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 30-08-2007 00:47:22
แง่งงงงง     วุธต้องเข้าใจผิดแน่ๆๆเลย   
เอ้  อ่ะ   วุธก้อมะพูดไรเลย   แล้วจาเข้าใจกันยังไงเนี่ยยยย  ค้างงงงอย่างแรง

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: ronger ที่ 30-08-2007 10:09:03
อ่านมาจนทันแร้ว สนุกอย่างที่มีคนการันตีกันหลายคนจริงๆด้วย :a10:
ขอบคุณคุณเอ้ที่เขียนเรื่องเล่าสนุกๆให้พวกเราได้อ่าน แล้วก็ขอบคุณ คุณlanlan ที่นำมาโพสท์ที่เล้าเรานะคะ :m4:

วุธอ่ะแหละเป็นคนโทร.มาคุย แต่อำว่าเป็นโยอ่ะจิ๊  ขอเดา :m21:

รออ่านตอนต่อไปจ้ะ :a11:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 30-08-2007 22:19:53
 :m28:ตกลงงอนกันเรื่องอะไรเนี่ย..งง..งง :m28:
 o12เดี๋ยวเรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่จนได้.. :เฮ้อ:
หนุกดีครับ..แล้วมาต่ออีกนะ.. :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 30-08-2007 23:14:36
หุหุ เครียดกันดีจริงๆ คู่เนี๊ย  :a6:  :a6:  :a6: คนอ่านเครียดตาม

เชียร์วุธ ยังไง ยังไงก็จะเชียร์วุธ

 :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: esabella ที่ 31-08-2007 03:05:42
เฮ้อ... :sad2:..บางครั้งสิ่งที่แสดงออกมามันก็ไม่ตรงกับใจ....
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 31-08-2007 14:40:40

เห็นด้วยกะคุณน้องรีบนค่า  :m8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 31-08-2007 17:06:40
เศร้าจังเลย  :a6:  :a6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: kei_kakura ที่ 31-08-2007 18:30:14
 :undecided: :undecided: 

ลองถอยให้กันคนละก้าว

อย่าทิฐิเลย   :m8: :m8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 31-08-2007 21:39:16
มารอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ   หุหุ

 :m13: :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 31-08-2007 23:07:46
แล้ววุธไม่ฆ่าเอาหรอ ลงมาดื้อๆอ่ะคับ

มาต่อด้วยนะ :a4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 01-09-2007 23:31:10
 :impress:

เชียร์วุธคับป๋ม

รออ่านต่อไปคับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 02-09-2007 06:25:47
 :impress:มารออ่านด้วยอีกคน..รีบมานะคร้าบบบ :impress:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 02-09-2007 11:22:52
มาแล้วครับ

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับ


10 I was ready to love

หลังจากอาบน้ำสระผมเสร็จ ผมก็นั่งดูโทรทัศน์เป่าผมไปด้วยฟังพ่ออธิบายเรื่องสมัครเรียนพิเศษพรุ่งนี้ไปด้วย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมมองที่น้องเป็นทำนองว่ามึงไปรับซิ ไม่ใช่ของกู

“พี่เอ้....ของพี่อ่ะ เพื่อนผู้ชายโทรมา” มันตั้งใจย้ำคำว่าผู้ชาย ผมงง ใครโทรมาวะ

“สวัสดีครับ เอ้พูดครับ”

“สวัสดีครับ....ถึงบ้านนานยัง” โยโทรมาได้ไงวะ นี่มันสองทุ่มครึ่งเอง

“เป็นอะไรหรือเปล่า....ทำไมโทรมาเร็วจัง” ผมพูดเบา ๆ ทุกคนในบ้านมองผมอย่างสงสัย

“คิดถึงอ่ะ”

“ไอ้บ้า” ผมเขิน “แจนน่ะเหรอ....มันเป็นคนดีนะ...สวยด้วย...จะจีบเหรอ เออ เดี๋ยวเป็นพ่อสื่อให้” ผมพูดเองเออเอง ไอ้โยขำ “วางหูให้พี่หน่อย จะไปคุยข้างบน” ผมหันไปเรียกน้องชาย

“เอ้า...วางได้แล้ว ไม่ต้องแอบฟังนะโว้ย” ผมบอกน้องในสายทันทีที่ยกหูโทรศัพท์บนห้อง น้องผมหัวเราะ

“ว่าไง....ทำไมวันนี้โทรมาเร็วจัง ทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอ”

“เสร็จแล้วครับ....ฝนตกไม่มีอะไรทำก็เลยโทรมาหา”

“อ้าวไหนบอกคิดถึงไง” ผมทำเสียงงอน

“ก็นั่นแหละ....คิดถึงจนรอให้สามทุ่มไม่ไหว...ไม่มีอะไรทำด้วย เออ..แถวบ้านเอ้ฝนตกปะ” ผมเขินบิดสายโทรศัพท์แทบขาด

“ตกดิ ตกตั้งแต่เย็นแล้ว น่าเบื่อ” ผมบ่น

“เปียกรึเปล่า”

“นิดหน่อย....แล้วโยอ่ะ”

“เหมือนกัน....โดนฝนตอนจะถึงบ้านพอดี”

“ก่อนนอนอย่าลืมกินยากันไว้ก่อนนะ”

“ครับผม....ห่มผ้าหนา ๆ ล่ะ”

“จะวางแล้วเหรอ” ผมถาม

“เปล่า (เสียงสูง) โห เพิ่งโทรมา จะให้วางซะแล้ว”

“อ้าว...ก็พูดเหมือนจะไปนอน”

“ก็เอ้เริ่มก่อนอ่ะ”

“โอเค ๆ”

ผมเดินไปปิดไฟทุกดวงเหลือไว้แต่โคมไฟสีส้มอ่อนบนหัวเตียง ซุกตัวลงนอนใต้ผ้านวมที่แม่เตรียมไว้ให้ก่อนผมกลับบ้าน ตอนนี้ต่างคนต่างเงียบจนได้ยินเสียงฝนที่ตกลงมากระทบกันสาดหน้าห้องและเสียงฟ้าร้องเป็นระยะ

“บรรยากาศน่าเสียซิงเนอะ” ผมเปิดประเด็น

“อืม....อากาศอย่างนี้ถ้ามีคนให้กอดคงอุ่นดี”

“กอดอย่างเดียวเหรอ” ผมถามขำ ๆ

“จะให้ทำอะไรล่ะ”

“ก็........นั่นแหละ” ผมเว้นว่างไว้

“ทะลึ่งว่ะ แล้วอย่างนี้จะเชื่อได้ไงว่ายังซิง”

“จะลองมั๊ยล่ะ” ผมท้า

“ปากดีอย่างนี้เวลาเอาเข้าจริงไม่กล้าหรอก” สำนวนอย่างนี้มันคุ้น ๆ หูผมอีกแล้ว

“เออ....จริง....นี่เพื่อน ๆ เรายังบอกเลยว่าถ้าเราจะเสียซิงคงต้องโดนข่มขืน” มันหัวเราะเบา ๆ

“แล้วถ้ากับคนที่เอ้ชอบล่ะ”

“ถ้าชอบก็คงไม่.....แต่ถ้ารักก็ขอคิดดูก่อน”

“แล้วคนที่เอ้จะรักต้องเป็นยังไงเหรอ”

“ไม่บอก”

“ทำไมล่ะ....บอกเหอะ อยากรู้”

“บอกตอนนี้คงไม่หมดหรอก คุย ๆ ไปเดี๋ยวก็รู้เองแหละ”

แล้วโยก็รู้จริง ๆ ครับ เพราะคืนนั้นเราคุยกันตั้งแต่สองทุ่มครึ่งถึงเกือบตีหนึ่ง คุยแบบสนิทใจมากเลยครับ ผมค่อย ๆ บอกลักษณะคนที่ผมชอบ มันก็บอกนิสัยของคนที่มันชอบ ซึ่งผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะครับ เก้าในสิบมันเป็นตัวผมเลย ส่วนมันก็ฟังสเปกผมแล้วอือ ๆ ออ ๆ ไปตามเรื่องตามราว คนที่ตรงสเปกผมน่ะมันดันเป็นลักษณะแบบไอ้วุธน่ะดิ แต่ถ้าเป็นเรื่องนิสัยใจคอจากที่คุยกับโยนี่มันก็สเปกผมเหมือนกันนะ ไม่ว่าจะเป็นความคิด มุกแปลก ๆ นี่ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนผมก็ไม่คิดว่ามันเรียนมอปลายนะเนี่ย ผมชอบตรงที่มันห้าว ๆ ไม่กลัวใคร มันเล่าให้ฟังว่ามีเรื่องตีกัน ผมนึกภาพไม่ออกเลยครับว่าเวลามีเรื่องมันจะเป็นยังไง ก็ตอนที่เรียนมอต้นด้วยกันมันไม่เคยมีเรื่องกับใครเลย พวกผมซะอีกที่ซ่ามีเรื่องกับห้องอื่นทุกเทอม ส่วนมันตั้งหน้าตั้งตาเรียน เกเรเต็มที่ก็ตอนกีฬาสี พวกเราทั้งห้องปีนกำแพงออกไปเที่ยวกัน มันไม่อยากไปก็ต้องไป เพราะไม่มีเพื่อนอยู่เลยวันนั้น แต่มันไม่ได้ไปกับกลุ่มผมนะครับ
*
*
*
ตื่นมาตอนเช้า คนที่ผมคิดถึงเป็นคนแรกควรจะเป็นคนที่ผมคุยด้วยเป็นคนสุดท้ายเมื่อคืนนี้ไม่ใช่เหรอ แต่ผมดันไปคิดถึงไอ้วุธซะนี่ ไม่ได้คิดอย่างนั้นนะครับ คิดว่าวันนี้เราต้องเจอวุธหรือเปล่า ถ้าเจอจะทำหน้ายังไง จะพูดกับมันดีมั๊ย แต่ถ้ามันไม่พูดกับเราล่ะ ผมคิดอยู่หลายตลบเช้านั้นจนถึงโรงเรียนแล้วนึกได้ว่าวันนี้เราคงไม่เจอมัน เพราะผมต้องไปลงทะเบียนเรียนภาษานี่นา เฮ้อ โล่งอก

.....แต่....พวกไอ้วุธมันดันมารอเพื่อนผมอยู่หน้าประตูโรงเรียนตอนเย็นนี่ดิ ผมเดินนำหน้าออกมา พอเจอพวกนั้นนั่งรออยู่ผมลดความเร็วในการเดินให้ช้าลงจนไปอยู่เป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม ผมทักทายโดยการยิ้มกวาด ๆ ให้ทุกคนและหุบยิ้มทันทีที่สายตาไปเจอกับหน้าไอ้วุธ

“เอ้....เดี๋ยวมึงติดรถวุธไปลงปากซอยดิ จะได้ไม่ต้องเดิน” อีแจนพูด

“ไม่เป็นไร พวกมึงไปกันเถอะ”

“ไปด้วยกันสิ ไหน ๆ ก็ไปทางเดียวกันอยู่แล้ว” ไอ้วุธพูดกับผม

“ขอบใจ.....เดี๋ยวเรารอเพื่อนมารับ”

“ใครวะ” อีอ๋าเสนอหน้า “อีนี่ซุ่ม...ใครจะมารับมึง”

“โย” ไม่รู้ทำไมผมถึงบอกไปอย่างนั้น เพื่อน ๆ ผมมองหน้ากันเลิกลั่ก

“เออ...มึงไปดี ๆ ละกัน” อีตาลพูดก่อนเดินขึ้นรถไป

“ถ้าเค้าไม่มาก็ไม่ต้องเสียใจนะ” ไอ้วุธพูดเบา ๆ ขณะเดินผ่านผมไปขึ้นรถเป็นคนสุดท้าย

“เค้าไม่เคยทำอะไรให้เราเสียใจอยู่แล้ว” ผมตอบเชิด ๆ ไอ้โยมันจะมาได้ยังไงล่ะก็ผมโม้อ่ะ
*
*
*
ผมยืนรอให้พวกมันไปกันจนลับสายตา แต่ผมรู้ว่าไอ้พวกนั้นมันต้องวนรถกลับมาดูผมอีกแน่ ๆ แล้วก็เป็นไปตามคาด ไม่ถึงสิบนาทีรถกระบะคันคุ้นตาก็เลี้ยวเข้ามาจากปากซอย ผมหันไปหันมาก็เห็นรถของเพื่อนพ่อผมที่มาจอดรับลูกสาวกำลังจะขับผ่านผมพอดี ผมแกล้งทำท่ารอรถแบบกระวนกระวายอยู่ริมถนนให้มากที่สุด ได้ผลครับ....รถเบนซ์คันนั้นก็จอดกึกอยู่หน้าผม น้องคนนั้นเลื่อนกระจกลงชวนผมขึ้นรถ ถ้าเป็นปกติผมคงปฏิเสธอ่ะครับ แต่นี่รถของไอ้วุธก็ขับมาใกล้จะถึงแล้ว ผมตัดสินใจขึ้นรถทันที มองไกล ๆ มันคงไม่รู้ว่าผมขึ้นไปนั่งด้านหลัง ผมหันไปมองรถไอ้วุธนิดนึงแล้วต้องโล่งใจที่มันไม่ได้ขับตามมาใกล้นัก อาจเป็นเพราะว่าพวกเพื่อน ๆ มันบางส่วนนั่งอยู่กระบะหลังทำให้มันขับเร็วมากไม่ได้ อีกอย่างกระจกรถของคุณลุงก็มืดพอควร มองจากข้างนอกคงไม่เห็นอะไรเท่าไหร่
*
*
หลังจากที่ผมแยกกับเพื่อนพ่อ ผมก็ขึ้นรถปอ. ไปสมัครเรียนพิเศษที่ย่านใจกลางกรุงเทพฯ รถไม่ติดอย่างที่ผมกลัว ใช้เวลาในการสมัครและลงทะเบียนประมาณ ครึ่งชั่วโมง ผมก็แวะเดินเที่ยวห้างแถวนั้นก่อน เดินจนเมื่อยก็ได้เวลากลับบ้าน ระหว่างทางผมทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย หิวนิด ๆ แต่ที่สำคัญเหงามาก นี่ขนาดทำใจไว้แล้วว่าต้องทำอะไรต่อมิอะไรคนเดียว ผมก็ได้แต่ปลอบตัวเอง คิดซะว่าไปเรียนเมืองนอกล่ะกัน หัดไว้ เผื่อมีบุญวาสนาได้ไปเรียนเมืองนอกกับเค้าบ้าง หลังจากที่ปลงตกก็เริ่มผ่อนคลายขึ้น โชคดีที่ผมได้นั่งวันนั้น.....รถติดสุดยอด หลายคนตัดสินใจลงเดิน ผมไม่รีบร้อนอะไร มองออกไปข้างทางฟ้าก็เริ่มมืดลง คนที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้างก็คงจะเป็นไอ้โยนี่แหละครับ ผมนั่งยิ้มคนเดียวนึกถึงคำพูด นึกถึงหน้าของมันเท่าที่จะจำได้ คิดไปถึงว่าวันนี้จะคุยอะไรกับโยดี วันศุกร์ซะด้วย พรุ่งนี้ไม่ต้องรีบตื่นไปโรงเรียน แต่ก็ต้องไปทำงานที่ทำประจำทุกเสาร์อาทิตย์ โน่นแน่ะครับกะผมเข้า 11 โมงยังไงก็ไม่ต้องรีบตื่น คิดไปคิดมาดันหลับไปซะได้ ตื่นมาอีกทีก็เกือบถึงบ้านแล้ว ผมว่าทุกคนต้องเคยเป็น เหมือนมีอะไรมาปลุกตอนที่ใกล้ถึงป้ายที่ต้องลงเนี่ย มองนาฬิกาผมต้องตกใจนี่ผมใช้เวลาบนท้องถนนในกรุงเทพเกือบสองชั่วโมง นั่งรถจากบางนาไปพัทยายังเร็วกว่านี้อีก (ตอนนั้นกำลังสร้างรถไฟฟ้าอยู่ไงครับ ถ้าเป็นสมัยนี้เหรอ...ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ถึงบ้าน ถ้าใช้รถไฟฟ้า ความสุขยกระดับของคนกรุงเทพฯ นะครับ)
*
*
*
อาบน้ำอาบท่ากินข้าวเสร็จ ผมก็ลงมานั่งดูละครหลังข่าวข้างล่าง แต่ดูไม่รู้เรื่องหรอกครับ ก็พ่อผมสัมภาษณ์เรื่องไปสมัครเรียนวันนี้ ผมก็ต้องหันไปตอบ ไม่อยากจะบอกเลยว่าตั้งแต่ที่ผมต้องรีบกลับบ้านมารอโทรศัพท์ไอ้โยนี่ ทำให้ผมได้คุยกับพ่อแม่มากขึ้น เพราะเมื่อก่อนกว่าผมจะกลับพ่อกับแม่ก็ขึ้นนอนกันหมดแล้ว


.....นี่มันสามทุ่มห้านาทีแล้วทำไมโยยังไม่โทรมานะ ผมเดินไปเดินมาวนเวียนอยู่ในห้อง อุตสาห์ปิดไฟรอ ฟังวิทยุก็ดันมีข่าวซะอีก หงุดหงิดยังไงไม่รู้ ไม่เกินสามทุ่มสิบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นผมคว้ามารับอย่างรวดเร็ว และก็เป็นโยจริง ๆ ด้วย

“สวัสดีครับ.....ขอสายเอ้ครับ” วันนี้เสียงทุ้มเชียว ผมนึกในใจ กะจะอำมันซะหน่อย

“พูดอยู่...มีอะไร” ผมถามเสียงกระด้าง มันอึ้งครับ

“ถ้าไม่มีอะไร...โทรมาไม่ได้หรือไง” เสียงมันไม่ได้ล้อเล่น แต่ผมจะเล่นต่อ

“ไม่ได้....เสียเวลา”

“โอเค งั้นแค่นี้นะ…ตู๊ด ๆ ๆ ๆ” ชิบหายแล้วกู มันวางหูจริง ๆ ด้วย ทำยังไงดีอ่ะ ผมกระวนกระวาย แค่ล้อเล่นนิดเดียว มันอารมณ์เสียมาจากไหนก็ไม่รู้ เบอร์โทรกลับก็ไม่มี แล้วถ้ามันไม่โทรมาอีกจะทำไงล่ะอีเอ้ ฮือ ๆ ๆ ผมเครียดอยู่คนเดียว

นั่งจุ้มปุ๊กไม่กระดุกกระดิกอยู่บนเตียงซักพัก ไม่รู้จะทำไง มองโทรศัพท์ในมือก็นึกถึงอีแจน ที่ปรึกษาปัญหาหัวใจของผม

“ฮัลโหล แจนเหรอ...นี่กูนะโว้ย”

“อ้าวอีเอ้...ไม่คุยกับผู้ชายเหรอมึงอ่ะ”

“เออดิ ก็กู................” ผมเล่าทุกอย่างให้แจนฟังหมด ผมแค่อยากจะล้อเล่นแกล้งทำเป็นงอนที่โยโทรมาช้าไปสิบนาที ที่ไหนได้ไอ้โยมันดันวางหูใส่ผมซะนี่

“ดี....สมน้ำหน้า อยากให้เค้าง้อนัก ทำไมไม่โทรไปหาเค้าล่ะ”

“ก็กู....กู.....กูไม่อยากง้ออ่ะ กูไม่ผิด กูแค่อยากล้อเล่นเฉย ๆ มันต้องง้อกูดิ” แต่เปล่าหรอกครับ ผมไม่มีเบอร์ไอ้โยอ่ะ แต่ไม่อยากบอกอีแจนกลัวเสียหน้า เพราะคุยไว้เยอะว่าเป็นแฟนกันสวีทกันสุดฤทธิ

“ไม่ผิดก็ง้อได้โว้ย....ผู้ชายบางคนก็อยากให้เราง้อนะ”

“เออ....ถ้ามันโทรมากูง้อก่อนก็ได้”

“อีเอ้....กูบอกอะไรอย่างได้ปะ” อีแจนพูดเสียงจริงจัง

“อืม อะไรล่ะ”

“แต่มึงต้องไม่โกรธกูนะโว้ย”

“อะไรของมึง” ผมชักเริ่มสงสัย “มึงมีอะไรปิดกู”

“ไม่ใช่....กูแค่จะบอกว่า กูรอโทรศัพท์ไอ้นพอยู่ มันคงโทรมาแล้วไม่ติดอ่ะ” อีแจนรีบบอก สมัยนั้นยังไม่มีบริการรับสายเรียกซ้อนอ่ะครับ

“อีห่า....นึกว่าเรื่องอะไร กรรมตามทันจริง ๆ เลยกู แต่ก่อนกูก็พูดอย่างนี้กับอีอ๋า แต่กูเข้าใจโว้ย Man comes first”

“อีเหี้ย.....ดัดจริตอีกแล้ว เค้าเรียกว่ารู้จักจัดสรรเวลาย่ะ เพื่อนตอนกลางวัน ผู้ชายกลางคืน ยังไงกูก็รักเพื่อน ๆ ทุกคนนะโว้ย”

“เออ ๆ พอเหอะ ขอให้มีความสุขทางเพศนะมึง”

“อีดอก แค่คุยโทรศัพท์จะมีความสุขทางเพศได้ไง” อีแจนขำ

“ใครจะไปรู้มึงอาจจะคุยไป เบ็ดไปก็ได้”

“อุบาทว์ไม่มีใครเกินมึงเลยนะอีเอ้” ผมกับอีแจนหัวเราะพร้อมกัน

“เออ...มึงไปคุยกับผู้ชายเหอะ เดี๋ยวกูไปดูหนังต่อดีกว่า บายโว้ย”

“บาย วันจันทร์เจอกัน”
*
*
ผมนั่งดูละครจนจบก็เตรียมขึ้นนอน สี่ทุ่มกว่าแล้ว เหงาจัง จะโทรไปคุยกับเพื่อนๆ ก็คิดว่ามันคงจะเป็นแบบอีแจน ต้องเอาทางธรรมะเข้าข่ม นอนเร็วพรุ่งนี้จะได้ไปใส่บาตรกับแม่ ไม่ได้ใส่บาตรนานแล้ว ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูห้อง เสียงโทรศัพท์ก็ดังลอดออกมา ผมรีบวิ่งไปรับเพราะสายมันพ่วงเข้าห้องพ่อผมด้วย

“สวัสดีครับ”

“ทำอะไรอยู่ครับ” โยโทรมา ดีใจจัง

“รอโทรศัพท์แฟน” ผมตอบเสียงใส

“รอนานยัง”

“นานจนจะหลับแล้ว”

“งั้นไปนอนเถอะ”

“เดี๋ยวดิ....เป็นอะไร ทำไมวันนี้ขี้ใจน้อยจัง” ผมตัดพ้อ

“แล้ววันนี้เอ้ไปไหนมาอ่ะ”

“ไปสมัครเรียนพิเศษมาไง”

“ไปกับใคร”

“ไปเอง...คนเดียว ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ”

“วันนี้มีคนเห็นเอ้ลงมาจากรถเบนซ์สีดำ”

“ใครเห็นวะ” ผมงง

“ไม่ต้องเลย ตอบมาก่อนว่าไปไหน กับใคร”

“โห....มีสายด้วยเว้ย”

“จะบอกปะ ไม่บอกวางนะ” อะไรเนี่ย มันกล้าขู่ผมเหรอ

“บอกก็ได้....ไปกับเพื่อน เค้ามารับ”

“เพื่อนคนไหน....ทำไมต้องมารับด้วย” มันถามเสียงแข็ง ดีจังมีคนหึงด้วย

“ฟังให้จบก่อนดิ...เพื่อนน่ะ เพื่อนพ่อ เค้ามารับลูกเค้า แล้วเห็นเอ้รอรถอยู่ก็เลยรับขึ้นรถไปด้วย....แค่นั้นเอง” ผมได้ยินมันถอนหายใจ แล้วหัวเราะ

“นึกว่ามีแฟนอยู่แล้วไม่บอกเรา ปล่อยให้จีบตั้งนาน” เขินครับ เงียบไปเลย “ฮัลโหล เอ้ ฮัลโหล”

“อะไร....ได้ยินแล้ว”

“เป็นอะไร อยู่ ๆ ก็เงียบไปเลย”

“เปล่า......แล้วนี่เพื่อนคนไหนอ่ะที่เห็นเรา เค้ารู้จักเราด้วยเหรอ”

“ก็....ก็เพื่อนที่ไปเล่นไอซ์ด้วยกันไง เค้าจำเอ้ได้”

“อ๋อ…โห...เห็นแค่นี้ก็เอามาทำเป็นเรื่องเป็นราว เราไม่ใช่คนใจง่ายอย่างนั้นนะ”

“ครับรู้แล้วครับ....ขอโทษนะครับ ก็เอ้น่ารักอย่างนี้เป็นใครก็ต้องหึงอ่ะครับ” เขินอีกแล้วครับ นี่ถ้ามันเห็นหน้าผมตอนนี้มันคงจะรู้ว่าผมเริ่มชอบมันจริง ๆ แล้วล่ะ ลืมวุธไปชั่วขณะ
*
*
และแล้วเช้าวันรุ่งขึ้นผมก็ได้ไปใส่บาตรกับแม่ แต่ผมไม่ได้ช่วยแม่ทำกับข้าวนะครับ ผมวางสายตอนตีห้า อาบน้ำแต่งตัวลงไปข้างล่างก็พอดีที่แม่กำลังจะออกไปใส่บาตร แม่ยังชมผมเลยครับว่าตื่นเช้า หน้าผมไม่มีร่องรอบของคนไม่ได้นอนเลยซักนิด ขอบตาช้ำบ้าง แต่แววตาใสปิ๊ง ก่อนวางหู ผมบอกกับโยว่าโยเป็นคนแรกที่คุยกับผมถึงเช้า ทำลายสถิติเพื่อนผมทุกคน ดูโยจะพอใจกับสถิติใหม่ที่เค้าสร้างสด ๆ ร้อน ๆ
เราคุยกันแบบ ไม่รู้หาอะไรมาคุยกันได้นานขนาดนั้น พอเผลอต่างคนก็ต่างหยอดคำหวานใส่กันเป็นระยะ....ใส่บาตร กรวดน้ำเสร็จก็หกโมงนิด ๆ กินปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้ไปหน่อยก็ง่วงแทบหลับคาโต๊ะ ต้องแบกสังขารไปแปรงฟันอีกรอบ ทันทีที่หัวถึงหมอนผมก็หลับแบบไม่รู้ตัวอีกเลย แต่ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตั้งแต่เมื่อคืนตอนคุยกับโยแล้วนะครับ เรื่องงานผมไม่ยอมสายให้โดนตัดเงินหรอก.....

*************************************************************************************
รู้สึกผิดที่มาลงช้าพอดีติดสอบเข้าป.โทเลยไม่มีเวลาเลยอภัยให้ผมนะครับต่อไปจะไม่ช้าๆๆ :m5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 02-09-2007 12:53:30
 :m4:ชัวร์เลย..ต้องเป็นวุธแน่นอน..อำเนียนเลยเนอะ :m4:
เมื่อก่อนก็เคยนะคุยโทรศัพท์นานๆ..ไม่รู้สรรหาอะไรมาพูด..
 :เฮ้อ:แต่ก็นานแล้วอ่ะ..เดี๋ยวนี้พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ..อิอิ(ขำขำ)
 :impress:ขอบคุณนะคร้าบที่มาต่อแว้วว..มาบ่อยๆเน้อ.. o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 02-09-2007 13:05:16
 :impress:

ชัดเลย ชัดเลย วุธปลอมตัวมาแน่นอน

แกล้งทำมาเป็นโย

รออ่านต่อไปนะครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 03-09-2007 09:13:19
เห็นด้วย
วุธนั่นแหล่ะมาหรอกอำ อิอิ น่ารักดี  :m23:

ปล.อยากให้เรื่องนี้มาต่อเร็วๆอ่ะ มันขาดตอน  :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 03-09-2007 11:41:31
ฟันธงเลยว่า วุธปลอมตัวมาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 03-09-2007 14:06:12
อยากรู้เจงๆ ว่าวุฒิมาอำหรือเปล่า อิอิ  :a10:

รีบมาต่อนาคับ สู้ๆ :a2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 04-09-2007 03:16:20
 :impress:ยังไม่มาต่ออีกเหรอ.. :impress:
 :m21:อยากอ่านแย้วอ่า..มามะ..นะนะ :m18:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 04-09-2007 03:27:18
ถ้าวุธอำ งานนี้มีโกรธแน่ถ้าจับได้   :a10:  :a10:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 04-09-2007 07:10:08
ช้านิด ช้าหน่อย  มะเป็นไรคับ  ให้อภัยได้  เพราะยังไงก้อมาต่อให้แล้ว  คิคิ

ถ้าม่ายมาต่อสิจางอลให้ดู

 :m14: :m14: :m14: :m14:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" by commercial college student
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 04-09-2007 10:58:26
มาต่อแล้วครับ ขอให้สนุกๆๆนะคับ
ขอบคุณพี่เอ้ด้วยครับ

11 HAPPY

.....เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ ในที่สุดผมก็สอบกลางภาคเสร็จเรียบร้อย วันนี้พวกเพื่อนผมนัดบรรดาแฟน ๆ ของมันไปกินเลี้ยงฉลองสอบเสร็จที่บ้านตั้ม หลังจากที่ไม่ได้เจอกัน 3-4 วัน ส่วนผมไม่อยากไปก็ต้องไป เพราะพวกมันพูดชวนแกมบังคับให้ผมต้องไป ไปทำกับข้าวให้พวกมันกินน่ะครับ ผมตอบตกลงแต่มีข้อแม้ว่าผมต้องกลับบ้านก่อนสี่ทุ่ม ผมไม่จำเป็นต้องรีบกลับเพราะเมื่อคืนนี้โยบอกว่าจะโทรมาหาผมตอนสี่ทุ่มครึ่ง.....มันเป็นคนที่ตรงต่อเวลามาก โทรมาหาผมสามทุ่มทุกวัน ถ้าวันไหนสามทุ่มยังไม่ถึงบ้านก็จะหาโทรศัพท์สาธารณะโทรมานัดเวลาผมก่อนทุกครั้ง เราคุยกันทุกคืนครั้งละนาน ๆ แต่จะมีช่วงที่ผมสอบนี่แหละทีเราคุยกันนิดหน่อยคืนละประมาณ 1 ชั่วโมง.....บอกตรง ๆ รู้สึกดีจังเลยครับ เพิ่งรู้ว่าการมีคนพิเศษให้คุย ให้ปรึกษา มันเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป บางครั้ง บางเรื่องผมไม่สามารถเล่าให้พ่อแม่ หรือแม้แต่เพื่อนสนิทฟังได้ โยมักจะมีความคิด หรือคำปลอบใจ และให้กำลังใจผมมาตลอด ผมชอบคนที่กล้าเถียง กล้าแสดงความเห็นด้วยไงครับ ผมก็เลยคุยกับมันได้ทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของไอ้วุธ.....

......พูดถึงไอ้วุธ ผมไม่ได้เจอมันจัง ๆ มานานแล้วครับ จะว่าต่างคนต่างหลบก็ได้ ผมมักจะอ้างว่าไม่อยากไปเที่ยวกับเพื่อน โดยเอาอีตูนนักกีฬาโรงเรียนมาเป็นกันชน คือบอกกับทุกคนว่าผมอยากเล่นกีฬาบ้าง อยากอยู่ช่วยอีตูนซ้อมบ้าง ซึ่งก่อนหน้าที่พวกเพื่อนผมจะมีแฟน พวกมันก็จะเข้ามาเล่นกันในโรงยิมบ่อย ๆ แต่ก็อย่างว่าแหละครับ เพื่อนผมรู้ว่าผมไม่อยากไปเพราะอะไร เพราะใครแต่ไม่มีใครกล้าถามหรือเซ้าซี้ บางทีผมก็อดไม่ได้ที่จะไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนผม....แน่นอนว่าไอ้วุธก็ไปกับกลุ่มเพื่อนมันด้วย แต่มันมักจะแยกไปเดินคนเดียว ไม่มอง ไม่สบตาผม ส่วนผมน่ะเหรอ ไม่แคร์ ผมมองผ่านหัวกบาลมันไปด้วยซ้ำเวลาเจอกัน เหมือนมันไม่มีตัวตนอยู่ตรงหน้าผม และผมก็ไม่ได้ขึ้นรถมันอีกเลยตั้งแต่วันนั้นที่ด่ามันในรถ ตอนนั้นเพื่อน ๆ ผมยังเข้าใจว่าเบนซ์คันนั้นเป็นของไอ้โยอยู่เลย ถ้ามันไม่มัวแต่มองผู้ชายแล้วสังเกตุว่ารถคันนั้นมารับลูกสาวเค้าบ่อยมากที่หน้าโรงเรียน พวกมันก็จะได้รู้ความจริง

“ไป...อีเอ้ประจำที่เลยมึง” อีตาลดันหลังผมให้ขึ้นไปนั่งคู่กับวุธด้านหน้า

“ไม่เอา....อีเหี้ย” ผมกัดฟันบอกมันเบา ๆ

“เป็นไรวะ”

“พวกมึงนั่นแหละไปนั่งหน้า...นั่งได้ตั้งสี่ห้าคน” ผมพยักหน้าชวนคนอื่น

“ไม่ต้องเลยมึง เร็ว ๆ เข้าเสียเวลาว่ะ” อีนัทลากผมขึ้นรถแถมปิดประตูเอาตัวดันไม่ให้ผมเปิดออกมาด้วย วุธเดินอ้อมมานั่งประจำที่คนขับ เราสบตากันแวบนึง สายตาแบบนั้นมันทำให้ผมนั่งคอแข็ง พอวุธสตาร์ทรถ อีนัทก็รีบกระโดดขึ้นรถไม่กลัวกระโปรงแหกเลย

“เป็นไง...ทำข้อสอบได้มั๊ย” มันถามลอย ๆ ผมก็ไม่ตอบ “ไม่น่าถามเลยกู ก็รู้อยู่แล้วว่าเค้ามีเด็กมอปลายติวให้ทุกคืน” มันพูดลอย ๆ อีก

“อืม....มีแฟนเป็นเด็กมอปลายก็ดีอย่างนี่แหละ” ดีอะไรล่ะ ไม่ค่อยได้คุยเรื่องเรียนกันเลย

“ท่าทางจะมีความสุขเนอะ” ผมไม่ตอบได้แต่ยิ้ม ตั้งใจยิ้มให้เว่อร์ด้วย มันหันมามองหน้าผมแบบหมั่นไส้ แล้วเปิดเพลงเสียงดัง ถ้าเพลงเพราะจะไม่ว่าเลย นี่มันเพลงอะไรก็ไม่รู้พวกอันเดอร์กราวด์ เสียงดังทุ้ม ๆ หูแทบแตก อีพวกข้างหลังก็กรี๊ดกร๊าดกันใหย๋คงคิดว่าเทห์มั่ง

“โอ๊ย....เป็นอะไรเนี่ย ไม่ต้องเปิดเผื่อชาวบ้านเค้าหรอก” ผมบ่นดัง ๆ มันไม่สนใจผมเลย โยกหัวทำท่ามันอยู่คนเดียว

“หรี่เสียงหน่อยได้ปะ” ผมตะเบ็งแข่งกับเสียงเพลง มันไม่สนใจผมอีก ผมโมโหมาก ลองนึงดูนะครับรถแต่งที่มันชอบเปิดเพลงดัง ๆ น่ะมันน่ารำคาญแค่ไหน

“ไม่หรี่ใช่มั๊ย.....ได้” ผมรอจังหวะที่รถติด เปิดประตูออกมาแล้วเดินไปที่ฟุตปาท อีพวกเพื่อนผมก็ชะเง้อมอง ผมโบกมือทำนองว่าให้ไปก่อน เดี๋ยวผมตามไป พอพวกมันทำท่าจะลงมาผมก็ชี้หน้ามัน พวกมันหยุดกึกเลยครับ

ทุกทีเวลานี้รถมันไม่ติด แต่ทำไมวันนี้มันติดจังวะ ผมนึกในใจ กะว่าพอรถมันเลื่อนแล้วผมจะเรียกแท็กซี่ตามไป ผมเดินย้อนกลับไปนิดนึงเพื่อหาแท็กซี่ ไอ้วุธก็ลงมาจากรถวิ่งตรงมาหาผม หน้าตามันน่ากลัวมากเลยครับ ผมยืนตัวแข็งคิดว่ามันต้องเข้ามาเตะผมแน่ ๆ เลย แต่ไม่ใช่แฮะ

“หรี่เสียงให้แล้ว.....ไปด้วยกันเถอะ” ผมเฉย

“ขอโทษ” ผมมองหน้ามันนิดนึง เห็นแววตามันแล้วอดใจอ่อนไม่ได้

“ถ้าใครถามก็บอกว่าเราลงมาซื้อกล้วยแขกละกัน” ผมเดินไปอีกสองสามก้าวก็เจอร้านขายกล้วยแขก ผมก็เลยซื้อมาสองถุง หันไปอีกทีรถกำลังจะเลื่อน ผมเร่งแม่ค้า พอได้ของจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วผมกับไอ้วุธรีบวิ่งขึ้นไปบนรถ ทันพอดี ผมเปิดกระจกเอากล้วยแขกส่งไปข้างหลังอีอ๋ารับทันที ผมหัวเราะ หันไปทางไอ้วุธก็กำลังหัวเราะเหมือนกัน กลายเป็นว่าเรายิ้มให้กันเป็นครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้มองหน้ากันมาเดือนกว่า เราคุยกันนิด ๆ หน่อย ๆ เพราะยังไม่สนิทใจกันนัก จนในที่สุดก็ถึงบ้านไอ้ตั้ม

“กินอะไรดีวะ” ไอ้นพถามเพื่อนมัน

“แล้วแต่คนทำดิ” ไอ้วุธหันมาถามผม

“อยากกินอะไรล่ะ” ผมถามต่อ เพื่อน ๆ ผมงงกันใหญ่ว่าเราคุยกันได้ไง

“เอางี้....เอามาคนละร้อย แล้วไปซื้อของข้างนอกมากินกัน” อีตาลพูด

“ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เหนื่อยเอ้ด้วย” ไอ้ตั้มเจ้าของบ้านบอก

“ไปยังไงอ่ะ” อีตาลถามขณะนับเงินที่รวบรวมกันได้เกือบพัน เพื่อนผมอิ่มจังตังค์อยู่ครบอีกแล้ว

“ไปกันหมดนี่เลยเหรอ” ผมถาม

“ไม่เอา เข้า ๆ ออก ๆ ร้อนจะตาย” อีแจนบ่น

“อีเอ้ มึงก็ไปดิ....ไปตลาดทุกวันไม่ใช่เหรอ มึงน่ะซื้อของเก่งที่สุดแล้ว” อีอ๋าเสนอความคิด

“อืม....เอ้ขี่มอไซค์เป็นปะ เดี๋ยวเราไปยืมพี่ข้างบ้านมาให้” ตั้มถาม ผมพยักหน้า

“แล้วจะถือกลับมายังไง ของตั้งเยอะ” ถ้าไม่ใช่ไอ้วุธพูดผมคงรู้สึกดีที่มีคนเป็นห่วง

“ก็มึงนั่นแหละ ไปช่วยเอ้ถือของเลย” ไอ้นพบอก

“ได้” ..... “ไม่ต้อง” คำแรกวุธพูด คำที่สองผมพูดแต่เราดันพูดพร้อมกัน

“ให้วุธไปด้วยเหอะมึง ทางนี้พวกกูจะเตรียมของไว้ให้” อีแจนพูด

“เอ้า....ซื้อตามนี้นะ” อีอ๋ายื่นเงินพร้อมรายการของที่จะให้ซื้อ

“อีเอ๋อ....มึงจะให้กูไปเหมาตลาดหรือไง แหกตาดูมั่งดิ ถ้าแดกไม่หมดมึงไม่ต้องกลับบ้านนะ” เพื่อน ๆ คนอื่นเค้าเขียนของที่อยากกินไปไม่กี่อย่าง แต่อีอ๋าคนที่เขียนคนสุดท้ายเขียนเยอะที่สุด

“เออน่า ก็เผื่อมันไม่มี มึงจะได้ซื้ออย่างอื่นไง”

“เอ้า ไอ้วุธ มึงจะไปกับเอ้เหรอ งั้นมึงขี่ล่ะกัน” ไอ้ตั้มเดินเข้ามาในบ้านแต่เจอวุธที่หน้าประตูใส่รองเท้าเตรียมไปกับผมอยู่ ก็เลยยื่นกุญแจให้ มันมองแล้วพูดเสียงเบา แต่พวกผมได้ยิน

“กูขี่ไม่เป็น” พวกผมมองหน้ากันแล้วหัวเราะ มันอายหน้าแดงเลยครับ ก็ใครจะรู้ว่าเด็กช่างกลจะขี่มอไซค์ไม่เป็นบ้างล่ะ

“ไอ้เหี้ย คบกันมาตั้งนานเพิ่งรู้ว่าขี่ไม่เป็น” ไอ้ตั้มเดินส่ายหัวเอากุญแจยื่นให้ผม “ขี่ดี ๆ นะ ฝากไอ้วุธมันด้วย” ผมยิ้ม

“ไป....เกาะแน่น ๆ นะ จะซิ่งแล้ว” ผมบอกวุธทันทีที่มันขึ้นมานั่งข้างหลัง “เกาะข้างหลังดิ ไม่ใช่เกาะเอว” ผมเอามือมันออกจากเอว ท่าทางมันจะกลัว ๆ อยู่เหมือนกัน ผมก็ยิ่งแกล้งเบิ้ลเครื่องอย่างที่มันชอบทำ ออกตัวกระชากนิดนึงให้มันตกใจเล่น มันดันเอามือมาเกาะเอวผมอีกแล้ว แต่คราวนี้ผมให้มันเกาะ เพราะเพื่อน ๆ ผมไม่เห็นแล้ว ขามันหนีบกับสะโพกผมจนรู้สึกว่ามันเกร็งผมจึงลดความเร็วลง

“ขี่ดี ๆ ก็เป็นเหมือนกันนี่” มันยื่นหน้าเอาคางมาเกยไหล่ผม

“จะขี่ดีหรือไม่ดี มันขึ้นอยู่ที่อารมณ์ เพราะฉะนั้น อย่าทำให้โมโห โอเค๊” ผมพูดขำ ๆ มันก็ไม่ยอมเอาคางออกไปซะที จากตอนแรกที่รู้สึกเฉย ๆ กลายเป็นเขินดิครับ มองกระจกข้างก็เห็นหน้ามัน จะหันซ้ายหันขวามองรถก็เห็นหน้ามัน เพิ่งรู้ตัวว่าเราอยู่ใกล้กันเกินไปแล้ว หน้าขาว ๆ คิ้วเข้ม ๆ ปากบาง ๆ ดูดีไปหมด นี่ผมสงสัยจริง ๆ ว่ามันจะหล่อที่สุดในโรงเรียนหรือเปล่า (อย่าลืมนะครับว่ามันเรียนช่างกล เพราะหน้าตาแบบมันนี่หาง่ายมากที่โรงเรียนมัธยม) ที่สำคัญตัวมันห๊อม หอม ส่วนผมก็มั่นใจในโรลออน และน้ำหอมของแม่เหมือนกัน

“เมื่อย” ผมขยับไหล่

“นวดให้” มันขยำหัวไหล่ผม

“อย่า...จั๊กจี้” ผมห้าม “เดี๋ยวรถล้ม”

“ก็ได้....นั่งเฉย ๆ ก็ได้” ครับมันนั่งเฉย ๆ แต่มือมันกอดเอวผมอยู่ ไม่ใช่เกาะเอวนะครับ ผมแกะมือมันออกมันก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น โชคดีที่แถวนั้นมันเป็นบ้านคนไม่มีใครสนใจใคร

“ปล่อย” ผมพูดเบา ๆ จริง ๆ แล้วก็ไม่อยากให้ปล่อยหรอก

“ทำไม....กลัวใครเห็นเหรอ” มันกวน

“อืม....แฟนเรารู้จักคนเยอะ เดี๋ยวมีคนไปบอก” ที่พูดนี่เพราะว่าอยากให้มันรู้ว่าผมมีแฟนแล้ว ยังไงเราก็ไม่คิดอะไรกับมันหรอก เป็นการสร้างกำแพงให้ตัวเองอ่ะครับ

“เห็นก็ดีดิ....จะได้เลิกกันไปเลย” มันหัวเราะ

“อ้าว....พูดงี้เดี่ยวก็ซิ่งอีกรอบเลย” ผมแกล้งบีบคลัชแล้วเร่งเครื่อง ไอ้วุธยิ่งกอดผมแน่นขึ้น ผมก้ปล่อยให้มันกอดไปจนถึงย่านที่มีคนเยอะ ๆ มันก็ปล่อยเอง
*
*
ผมเดินตลาดสดแถวนั้น ซื้อของกินเยอะแยะ เลือกเสร็จ จ่ายเงิน ไอ้วุธก็จะรีบแย่งถุงมาถือทันที จนหลัง ๆ ผมเริ่มเกรงใจต้องแบ่งมาถือบ้างโดยบอกวุธว่าถ้ามันถือของข้างในไม่ได้กินแน่ ๆ ผมเลือกบ้าง วุธเลือกบ้างแต่มันจะเน้นไปทางกับแกล้มมากกว่า ส่วนผมจะเป็นอาหารหนัก และขนม เครื่องดื่มไม่ต้องเพราะว่าแถวบ้านตั้มมี ราคาไม่ต่างกัน แถมไม่ต้องแบกไกลดัวย เราซื้อของกันอยู่ซักพัก ก็เริ่มเหนื่อย เห็นวุธถือของพะรุงพะรังท่าทางจะเหนื่อยกว่าผม ผมแวะซื้อชาเย็นข้างทางให้มันถุงนึง เงินตัวเองนะครับ เพราะเงินที่พวกมันให้มา หมดไปนานแล้ว นี่ผมต้องควักเนื้อด้วย

“อ่ะ....น้ำ” ผมยื่นถุงให้มัน

“เอ้กินก่อนดิ”

“ไม่กิน....เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว” เราเดินอยู่หลังตลาดตรงที่จอดรถอ่ะครับ

“ก็ได้....กินยังไงล่ะ ไม่มีมือจะถืออ่ะ” เออ ลืมไป ผมมองหน้ามันแล้วมองถุงน้ำให้มือ ผมก็ต้องกลั้นใจยื่นไปป้อนถึงปาก มันดูดไปครึ่งถุงก็พยักหน้าทำท่าว่าพอ ผมเดินแกว่งถุงน้ำไปจนจะถึงรถแล้ว เผลอยกน้ำขึ้นมาดูดบ้าง ลืมไปคิดว่าเราซื้อมากินเอง รู้ตัวเพราะว่าไอ้วุธมันมองผมยิ้ม ๆ

“ยิ้มทำไม” ผมพูดทันทีที่หลอดหลุดจากปาก

“กินหลอดเดียวกันเลย” มันล้อผม ผมอายมาก

“ทำไม....เป็นกระหังเหรอ” ผมด่ามันแก้เขิน

“เอามากินมั่ง” มันขอ ผมไม่ให้แล้ว แต่มันเอาของส่วนนึงแขวนไว้ที่แฮนด์รถทำให้มันมีมือว่างมาดึงถุงน้ำในมือผมไปดูดหน้าตาเฉย พอหมดมันก็คืนให้ผม ด้วยความอายผมก็คว้ามันมาโยนลงถังขยะไปเลย ดันโยนลงซะด้วยถังมันไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ซะหน่อย

“โห....แม่นว่ะ” มันยักคิ้วกวน ๆ แล้วขึ้นคล่อมรถรอผม

“เอาไปถือเลย....ขี่ไม่ถนัด” ผมเอาถุงที่แขวนไว้ออกให้มันถือเหมือนเดิม

“แล้วจะเอามือที่ไหนเกาะล่ะ” มันบ่น

“ก็ไม่ต้องเกาะดิ เดี๋ยวจะขับนิ่ม ๆ เลย” ผมขับช้า ๆ ไปตามทาง ไปได้นิดนึงผมก็แบ่งถุงที่พอจะแขวนที่แฮนด์ไอ้มาแขวนไว้กลัวมันหนัก แต่มันคงไม่เมื่อยหรอกเพราะมันเอาถุงมาวางไว้บนหน้าขาแล้ว

.....ยังไม่ทันถึงบ้านเลย ผมก็ได้ยินเสียงร้องเพลงของเพื่อนผม และเพื่อนไอ้วุธดังแว่วออกมา ผมช่วยมันแบกของเข้าบ้านพวกมันยังไม่รู้เลยครับมาพวกผมมาถึงแล้ว ไอ้พวกนั้นมันกำลังร้องเพลงคาราโอเกะกันอยู่ พอมันเห็นผมก็หยุดทันที หันมาสนใจกับของกิน เทใส่จาน ส่วนผมก็เตรียมทำหมูมะนาวเพิ่มด้วย พอไอ้พวกนั้นมันยกกับแกล้มออกไปตั้งวงกันหน้าจอคาราโอเกะ ห้องครัวก็โล่งขึ้นมาทันตา

“มา...เราช่วย” วุธเอาผักคะน้าไปใส่กะละมัง แช่น้ำไว้เตรียมล้าง ผมอ้าปากห้ามไม่ทัน

“มา....เราปอกกระเทียมให้” มันเอากระจาดกระเทียมไปนั่งปอกเงียบ ๆ พอผมล้างพริกเสร็จก็หาพื้นที่ในการซอย หันซ้ายหันขวาตัดสินใจนั่งข้าง ๆ ไอ้วุธนี่แหละ ซอยพริกยิก ๆ เลย ไม่มีโดนมีดบาดแบบนางเอกหนังไทยนะครับฝีมือชั้นนี้แล้ว

“เฮ้ย....อะไรวะ ไปแดกกันก่อนดิ” อีนัทเดินเข้ามาชวน

“แป๊บนึง...กูเตรียมของไว้เฉย ๆ ยังไม่ทำ” ผมบอก

“ตามไปเร็ว ๆ นะมึง....วุธเหล้าหน่อยมั๊ย เดี๋ยวเอามาให้” วุธมองหน้าผมนิดนึงแล้วส่ายหน้า

“ไม่ดีกว่า ขอบใจ” อีตาลพยักหน้าแล้วเดินออกไป ผมแปลกใจที่มันไม่กินเหล้า

“ทำไมไม่กินเหล้าล่ะ”

“เดี๋ยวขับรถกลับบ้านไม่ไหว กลิ่นติดตัวด้วย ถ้าพ่อรู้โดนด่าแน่”

“อู๊ย....เด็กดี” ผมทำท่าไม่เชื่อ

“เป็นเด็กดีไม่ชอบเหรอ”

“ชอบสิ แฟนเราก็ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่เหมือนกัน” ผมพูดยิ้ม ๆ คิดถึงไอ้โย

“น่าอิจฉาเนอะ” มันพูดเบา ๆ

“อะไรนะ”

“เปล่า….เออ...นี่เดี๋ยวเราล้างผักเสร็จแล้วหั่นเลยนะ”

“ดีมาก....รู้หน้าที่...อย่าลืมแช่ไว้ในตู้เย็นด้วยนะ ตอนจะกินค่อยเอาไปแช่น้ำแข็ง” มันพยักหน้ารับ ซักพักผมก็เดินออกไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ นั่งกินกับแกล้ม แล้วไอ้วุธก็เดินตามมานั่งใกล้ ๆ ผมมองมันนิดนึงแต่ก็ไม่ว่าอะไร

“วันนี้มีเด็กชงเหล้าสองคนเลยเว้ย” เสียงอีอ๋าเริ่มยาน ๆ แล้ว

“ไอ้วุธถ้ามึงไม่แดกก็ชงให้พวกกูด้วยละกัน” ไอ้แม็คแฟนอีอ๋าเลื่อนกระติกน้ำแข็งมาที่ผมกับวุธ

“เออ ๆ แดกให้เมา คลานเป็นหมากลับบ้านเลยนะมึง”
*
*

ผมเริ่มอิ่มแล้ว กับแกล้มที่ซื้อมาก็เกือบหมด ผมเดินเข้าไปในครัวทำหมูมะนาวต่อ ไอ้วุธต้องคอยชงเหล้าให้เพื่อน ซักพักก็เสร็จ ผมเดินเอามาวางไว้แล้วเดินถือจานในส่วนของตัวเองที่แบ่งไว้ออกไปนั่งเล่นหน้าบ้าน กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ก็ต้องตกใจ

“นั่งคิดถึงแฟนอยู่ไง” ไอ้วุธถามกวน ๆ

“เออ...ไม่ให้คิดถึงแฟนแล้วจะให้คิดถึงหมาที่ไหนอ่ะ” ผมกวนกลับบ้าง

“กินมั่ง” มันคว้าเอาช้อนผมตักกินหน้าตาเฉย

“เฮ้ย” ผมตกใจ

“ทำไม....รังเกียจเหรอ” มันทำหน้าเศร้า

“เปล่า….เรากำลังจะกินชิ้นนั้นพอดี ตาดีนะเอาชิ้นใหญ่ที่สุดไปได้เนี่ย” ผมพูดแก้ตัว ผมไม่ได้รังเกียจอะไรมันนะครับ ตอนนั้นโรคอะไรแปลก ๆ ก็ไม่มี ผมแค่รู้สึกประหลาดนิดหน่อย ไม่คุ้นกับคนที่ไม่ได้สนิทกันกินช้อนคันเดียวกันน่ะครับ

“กลับบ้านกี่โมง” อยู่ดี ๆ มันก็ถามผม

“สี่ทุ่ม”

“งั้นกลับด้วยกันนะ” ผมส่ายหน้า

“ทำไมล่ะ” มันขมวดคิ้ว

“เกรงใจ” เหตุผลเชยมาก

“ไม่ต้องเกรงใจ....ทางเดียวกัน” เห็นสายตามันก็อดใจอ่อนไม่ได้อีกแล้ว ผมพยักหน้า มันยิ้มตาหยีเลยครับ กำลังจะหาเรื่องคุยต่อ เสียงอีนัทก็ตะโกนเรียก ตอนแรกผมคิดว่ามันเรียกให้ไปชงเหล้า ทีไหนได้มันกำลังจะตั้งวงเล่นไพ่ ของชอบครับผมกระเด้งไปที่วงไพ่แบบไม่ต้องชวนซ้ำเลยครับ

*****************************T B C***************************
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 04-09-2007 12:03:45
 :impress:

555+  นึกถึงวันเก่า ๆ เนอะ

รออ่านต่อไปนะครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 04-09-2007 13:14:59
วงไพ่เหรอ พูดแล้วคันมือยิกๆ เลยคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 04-09-2007 13:32:55
แล้วเมื่อไหร่จะได้รู้ว่า คนที่โทรมาเป็นวุธ ไม่ใช่โยอ่ะ  (อยากรู้) มันคาใจ  :m28:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 05-09-2007 21:15:14
มาต่อได้แล้วครั บอิอิ   อยากรู้อ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 05-09-2007 22:46:50
รออ่านอยู่นะครับ ตกลงตอนนี้ชอบใครแน่อ่ะเนี้ย :m12:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 06-09-2007 03:44:22
 :m1:วุธน่ารักมากมาย..มีส่วนร่วมกะเอ้ตลอด.. :m1:
 :impress:แล้วเข้ามาต่ออีกนะคร้าบบบบ.. :impress:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 06-09-2007 07:57:06
ยังไม่มาต่ออีกหรอ หลายวันแล้วนา  :m28:  มารอจ้า  :m23:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 06-09-2007 09:22:54
 :impress:

มาต่อไว ๆ น๊า.....

รออ่านต่อไปครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 06-09-2007 15:25:23
มาต่อแล้วเคิ๊บ

อย่าเพิ่งใจร้อนๆๆๆ
มาแล้วครับๆๆๆอิอิ

12 He was the first one.


“ฮัลโหล.....แม่.....วันนี้เอ้กลับบ้านดึกหน่อยนะครับ”

“กลับกี่ทุ่มกี่ยามล่ะลูก” แม่ทำเสียงหงุดหงิด

“ยังไม่รู้อ่ะครับ....รู้แต่ว่าดึก ไม่ต้องรอนะแม่....อ้อ....แม่ เมื่อตอนประมาณสี่ทุ่มครึ่งมีใครโทรมาหาเอ้มั่งปะครับ”

“มีใครโทรมาหาเอ้มั่งมั๊ย.........” แม่หันไปถามพ่อกับน้อง “ไม่มีนี่ลูก...แม่ก็ไม่ได้รับโทรศัพท์ของหนูเลย”

“เหรอ....ไม่เป็นไรครับ ถ้ามีคนโทรมาก็บอกให้เค้าโทรมาดึก ๆ นะครับ”

“ได้.....ได้ หนูกลับบ้านดี ๆ นะลูก ถ้ากลับไม่ได้ก็โทรมา เดี๋ยวพ่อกับแม่ออกไปรับ” แม่พูดด้วยความเป็นห่วง

“เอ้กลับได้แม่ เพื่อนไปส่ง….แค่นี้นะครับ” ผมรีบวางหูแต่ก็ยังทันได้ยินเสียงพ่อบ่นมาตามสาย และกำชับว่าพรุ่งนี้ต้องไปเรียนพิเศษวันแรก

*
*

ทำไมโยยังไม่โทรมาอีกนะ ตอนผมขอยืมโทรศัพท์บ้านตั้มโทรไปหาแม่มันก็ใกล้จะห้าทุ่มแล้ว เล่นไพ่เพลินไปหน่อย รู้สึกตัวอีกทีก็นั่นแหละครับเกือบห้าทุ่ม กว่าจะลุกออกจากวงไพ่ได้แทบตาย เพราะอีพวกเพื่อนผมมันไม่ยอม ผมได้อยู่คนเดียว ในฐานะที่เป็นเจ้ามือ ขนาดเล่นตาละบาทสองบาทผมยังได้มาเกือบสามร้อย คนได้ก็รู้สึกสนุก อีคนที่เสียก็เล่นไม่ยอมเลิกจนกว่าจะได้ทุนคืน ผมต้องปลอบใจมันว่า เงินเรากินกัน....ความสัมพันธ์เหมือนเดิม

ไอ้ตัวผมกลับบ้านดึกน่ะไม่มีปัญหาเท่าไหร่ ผมมีกุญแจบ้านติดตัวเสมอไม่ต้องให้คนอื่นเดือดร้อนคอยเปิดประตู แต่สำหรับวุธ มันนั่งกระสับกระส่ายจะกลับบ้าน ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าบ้านมันเป็นตึกแถวขายของ เวลาเปิดประตูเหล็กแบบเลื่อนขึ้นลงมันจะมีเสียงดังมาก ได้ยินกันทั้งบ้าน มันจึงไม่อยากกลับดึกนัก ผมทำท่าจะกลับแต่ก็ต้องช่วยพวกมันเก็บของก่อน กว่าจะเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยก็เที่ยงคืนกว่า วุธขอไอ้ตั้มโทรศัพท์บอกที่บ้าน คุยอะไรกันพักใหญ่ก็เดินหน้าใสออกมาช่วยเก็บของต่อ

*
*

......คืนนั้นพวกผมอาศัยรถไอ้วุธกลับกันทุกคน ยกเว้นอีตาลที่ขอค้างบ้านตั้มแฟนมัน วุธมันบอกว่าไม่ต้องรีบกลับแล้ว จึงไปส่งเพื่อน ๆ ทุกคนได้ ความซวยก็มาตกที่ผมสิครับ เพราะบ้านผมกับมันเป็นทางเดียวกัน ผมต้องลงเป็นคนสุดท้าย แต่ก็ยังดีที่บ้านพวกมันอยู่ทางเดียวกันไม่ต้องอ้อมไปอ้อมมา......ยังครับ....ความซวยยังไม่หมด ช่วงนั้นมันเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว เมื่อหัวค่ำเห็นฟ้าแดง ๆ นึกว่าฝนจะตก แต่ก็ไม่ตก ดันมาตกตอนกลับบ้าน โชคดีที่มันตกตอนที่ไปส่งหมดแล้วเหลือแค่สามคน พวกมันเลยย้ายมานั่งแคปกับผม กว่าจะส่งครบทุกคนจนมาถึงปากซอยบ้านผมตอนนั้นมันตีหนึ่งนิด ๆ แล้วดึกมากสำหรับเด็กอายุสิบห้าสิบหก

“จอดตรงนี้แหละ” วุธเลี้ยวเข้าซอยไปนิดนึงไม่ให้ขวางคนอื่น ผมเก็บของจะลงรถ

“ดึกมากแล้ว ฝนตกหนักด้วย จะเข้าบ้านยังไง.....อันตราย เดี๋ยวเราเข้าไปส่ง”

“ไม่เอา....เรานั่งแท็กซี่เข้าไปเองได้ วุธรีบกลับบ้านเถอะ” ผมปฏิเสธทันที

“วันนี้ไม่ได้กลับบ้าน” วุธพูดเสียงเบา ๆ

“อ้าว....แล้วไปไหนอ่ะ” ผมมองมันแบบสงสัย

“ก็นอนมันแถวนี้แหละ” มันหลบตาผม

“หา....จะบ้าเหรอ ทำไมไม่กลับบ้านล่ะ”

“ดึกแล้ว....เกรงใจพ่อกับแม่ โทรไปบอกเค้าแล้วว่าจะค้างบ้านเพื่อน ตอนแรกจะค้างบ้านไอ้ตั้ม แต่มันดันอยู่กับตาล ก็เลย.........” มันไม่พูดต่อ

“แล้วอย่างนี้จะนอนไหนอ่ะ” ผมสงสารมันจังเลย

“นอนในรถไง.....ไปส่งเอ้เสร็จก็ขับหาปั๊มจอดนอน ตีห้าหกโมงค่อยกลับบ้าน” มันพูดง่าย ๆ แต่ผมหน้ามันก็เป็นกังวลอยู่เหมือนกัน

“ไม่ดีมั้ง” ผมยังพูดไม่จบมันก็สวนว่า

“ทำไม....จะให้ไปนอนบ้านเอ้เหรอ” มันพูดขำ ๆ

“ไม่ใช่.....ไปจอดนอนที่สถานีตำรวจไง.....ปลอดภัย”

“โห....คิดได้ไง ไปก็โดนจับดิ....ใบขับขี่ก็ไม่มี อีกอย่างมันน่ากลัวจะตาย”

“น่ากลัวตรงไหนวะ” ผมงง

“รู้มั๊ย....เวลามันมีคดีรถชนคน หรือว่ามีอุบัติเหตุ บางทีเค้าต้องเก็บรถของกลางไว้ที่สถานีตำรวจ ถ้าเรานอนหลับแล้วอยู่ ๆ มีคนมาเคาะกระจกขอนอนด้วยทำไงล่ะ….โอ๊ยพูดแล้วขนลุก” มันทำท่ากลัวจริง ๆ

“จอดนอนหน้าบ้านเรามั๊ย” ผมพูดแบบไม่คิด มันมองผมตาโต

“จริงดิ” มันยิ้มดีใจ ผมเงียบไปนิดนึง

“อืม” ผมตอบพร้อมถอนหายใจ สงสารก็สงสารหรอก ส่วนความรู้สึกไม่อยากให้ใครรู้จักบ้านก็ยังมีอยู่ อีกอย่างมันก็เป็นผู้ชายซะด้วย แต่ช่างมันเหอะ สถานการณ์มันพาไป นี่มันก็มืดแล้ว มันคงจำทางไม่ได้หรอก ผมคิดเข้าข้างตัวเอง วุธเข้าเกียร์ออกตัวไปอย่างอารมณ์ดี

*
*

........ผมพามันอ้อมวกไปวนมาในซอยเพื่อไม่ให้มันจำทางได้ จนมันบ่นว่าลึกอย่างนี้ทำไมค่ามอไซค์เข้าซอยแค่ห้าบาท ผมหันไปมองหน้ามัน มันทำหน้าเอ๋อ ๆ ผมสงสัยว่ามันรู้ได้ยังไง ผมไม่เคยคุยกับมันเรื่องนี้ เพื่อนในกลุ่มผมยังไม่รู้เลย ผมกำลังจะอ้าปากถาม มันดันบอกว่าบ้านหลังนี้คุ้น ๆ ผมตกใจกลัวมันจะรู้ว่าผมพาอ้อม ในที่สุดผมก็ต้องบอกทางไปบ้านผมจริง ๆ จนรถมาจอดสนิทหน้าบ้าน

“ขอบใจนะ”

“ไม่เป็นไร.....เราจอดข้างรั้วนี่ละกัน”

ผมลังเลไม่ลงจากรถ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันตีกันอยู่ข้างใน มันดูใจดำเกินไปที่จะให้มันนอนอยู่ในรถกระบะที่ต่อให้เอนเบาะลงยังไงมันก็นอนไม่สบาย อีกใจก็บอกว่านอนแค่สาม สี่ชั่งโมงเองไม่เป็นไรหรอก.....ฝนตกหนักอย่างนี้มันจะหนาวมั๊ย แล้วถ้ามันหนาวในรถก็ไม่มีผ้า เสื้อนักเรียนมันก็บางเกินไป อีกใจก็บอกว่า เดี๋ยวเข้าบ้านเอาผ้าห่มออกมาให้ก็ได้.....ถ้ามันเปิดกระจกนอน ฝนก็สาด ยุงก็กัด ถ้ามันปิดกระจกนอน มันก็ไม่มีอากาศหายใจ หรือถ้ามันติดเครื่องแล้วนอน ถ้ามันตายเหมือนคนในข่าวจะทำยังไง....

“เป็นอะไร.....นั่งนิ่งเชียว....ไม่รีบเข้าบ้านนอนล่ะ พรุ่งนี้ไปเรียนพิเศษไม่ใช่เหรอ” มันพูดยิ้ม ๆ ตอนนั้นไม่ทันเอะใจว่ามันรู้ได้ไง ผมกำลังตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างอยู่

“แน่ใจนะว่านอนได้” ผมถามย้ำ

“อืม.....ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้นี่นา.....ถ้าขอนอนบ้านเอ้ก็คงไม่ได้ใช่มั๊ยล่ะ ขนาดแค่ทางเข้าบ้านยังบอกทางวนไปวนมาให้เรางง” ผมหน้าชาเลย มันรู้ว่าผมพาอ้อม

“ไหน ๆ ก็รู้จักบ้านเราแล้วนี่ มันคงไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องปิดบังอะไร....อืม......เข้ามานอนข้างในล่ะกัน”

“จริงเหรอ......ขอบคุณครับ” มันดีใจเกินค่าตัวไปนิดนะครับ เพราะมันเล่นดึงมือผมมาเขย่าด้วย

“.....เฮ้อ...แล้วกูจะบอกพ่อกับแม่ว่ายังไงเนี่ย” ผมบ่นเบา ๆ มันยิ้มอย่างเดียวเลยครับ

*
*

.....ผมเปิดประตูใหญ่หน้าบ้าน เห็นรถพ่อกับแม่จอดขวางไม่เป็นระเบียบทำให้รถไอ้วุธเข้ามาจอดไม่ได้ จริง ๆ แล้วบ้านจอดรถได้เต็มที่ห้าคันถ้าจอดเบียด ๆ กัน ผมไขประตูเดินเข้าข้างในไปหยิบกุญแจรถทั้งสองคันออกมาเลื่อนให้วุธเข้ามาจอด ปัญหามันดันอยู่ที่ว่า ไอ้รถพ่อกับแม่ผมเนี่ยมันเป็นรถเก๋งเสียงไม่ดังหรอกครับผมขยับสองสามทีก็เข้าที แต่รถไอ้วุธเวลามันขับถอยหลังขึ้นเนินหน้าบ้านผม มันปลุกให้พ่อกับแม่ผมเปิดไฟบนห้องแล้วเดินลงมาดู

“ทำไมกลับดึกอย่างนี้ล่ะ” พ่อผมขยับแว่นถาม

“ฝนมันตกก็เลยไปส่งเพื่อน ๆ ทุกคนก่อนน่ะครับ” ผมตอบเสียงอ่อย ๆ “นี่เพื่อนเอ้ชื่อวุธครับ” ผมแนะนำวุธให้พ่อกับแม่รู้จักทันทีที่มันลงมาจากรถ มันยกมือไหว้พ่อกับแม่ผมทำตัวเรียบร้อยจนผมแอบอมยิ้ม มันหันมาถลึงตาใส่ผม

“ผมกลับบ้านไม่ได้ก็เลยต้องขออาศัยนอนคืนนึงนะครับ” มันทำเสียงน่าสงสาร

“ได้ลูก.....แล้วนี่ไม่ได้รียนที่เดียวกันเหรอ” พ่อผมคงสังเกตุจากเสื้อของวุธที่ไม่มีปักชื่อโรงเรียน

“ครับ....ผมเรียนที่ XXXX ผมเป็นเพื่อนเก่าเอ้สมัยเรียนมัธยมอ่ะครับ” มันกะล่อนดีจริง ๆ

“ไม่เห็นเอ้เคยเล่าเรื่องเพื่อนผู้ชายให้แม่ฟังเลย” แม่พูดยิ้ม ๆ แล้วนี่กินอะไรกันมาหรือยัง” ผมกับวุธพยักหน้า

“งั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำนอนกันซะ....ดึกแล้ว....พรุ่งนี้อย่าลืมนะเอ้ ไปเรียนพิเศษวันแรก ห้ามสายเด็ดขาด เที่ยวดึกได้ ก็ต้องตื่นเช้าไปเรียนได้นะ” พ่อพูดเสียงเข้มแล้วเดินขึ้นห้อง

“แม่....มีคนโทรมาหาเอ้หรือเปล่าครับ” แม่ทำท่านึกนิดนึง

“.....เอ......ไม่มีนะ ตั้งแต่หนูโทรมาก็ไม่มีสายเข้าเลย” ผมพยักหน้ารับเบา ๆ

“ดูแลเพื่อนดี ๆ นะลูก เสื้อผ้า แปรงสีฟันที่ยังไม่ได้ใช้อยู่ตู้ที่เดิมนะ” แม่พูดก่อนเดินตามพ่อไป ตอนนี้เหลือผมกับวุธสองคน ผมยืนเก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรไม่ถูก

“จะให้เรานอนตรงนี้เลยเหรอ” วุธพูดทำลายความเงียบ

“ตรงนี้เราให้หมานอน.....จะนอนก็ได้นะ” ผมตอบกวน ๆ มันขยับตัวเข้ามาหา ผมก็ถอยหลังหนี

“กลัวเหรอ......เราไม่ทำอะไรผู้มีพระคุณหรอก” มันยิ้ม

“กลัวทำไม.....นี่มันบ้านเรา....นายจะทำอะไรเราได้” ผมพูดเชิด ๆ

“เดี๋ยวก็รู้” มันยื่นหน้ามาพูดใกล้ ๆ

“ไอ้บ้า.....” ผมเขิน “ตามมานี่ เดี๋ยวหาเสื้อผ้าให้” ผมเดินนำวุธขึ้นไปที่ห้อง

*
*

“โห.....ห้องสะอาดเรียบร้อยยังกะห้องของผู้หญิงแน่ะ” มันมองรอบ ๆ ห้อง และขำผ้าปูที่นอนลายดอกไม้สีชมพูของผม

“หัวเราะอะไร....ก็ผู้หญิงซื้อ ผู้หญิงทำความสะอาด ผู้หญิงจัดห้อง เรามีหน้าที่นอนอย่างเดียว โอเคปะ” ผมมองมันกวน ๆ แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวยื่นให้มัน “ไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวหาเสื้อผ้ากับแปรงสีฟันให้” ผมก้มหน้าก้มตารื้อของในตู้ ไม่ได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำซะที หันไปดูแวบนึงก็ต้องรีบหันกลับ ไอ้วุธมันกำลังถอดกางเกงนักเรียนขายาวของมันออก ผ้าขนหนูที่ให้ไปก็ไม่นุ่ง ที่เห็นแวบ ๆ น่ะยังมีกางเกงในสีขาวอยู่นะครับ

“อย่าเพิ่งหันมานะ.....โป๊อยู่” มันพูดล้อผมก่อนเดินเข้าห้องน้ำ

“เร็ว ๆ เลย พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้า” ผมวางเสื้อผ้าชุดนอนที่ยังไม่ได้ใช้ไว้บนเตียง พร้อมแปรงสีฟัน และกางเกงในใหม่เอี่ยมอีกหนึ่งตัว เสร็จแล้วก็เดินลงไปตรวจตราประตูทุกบาน ดูน้ำ ดูไฟ เข้าครัวดูแก็ส เป็นสิ่งที่ผมทำประจำเพราะผมนอนเป็นคนสุดท้าย ไม่ลืมรินนมมาสองแก้วของผมกับวุธ (ไม่ได้เป็นคุณหนูดื่มนมก่อนนอนนะครับ แต่รู้สึกหิวนิด ๆ ไม่อยากทำอะไรกินให้วุ่นวายด้วยดึกแล้ว)

*
*

“ไปไหนมา.....นึกว่าให้เรานอนคนเดียวซะแล้ว” วุธพูดพร้อมเอาผ้าเช็ดผม ขยี้แรง ๆ ผมเห็นแล้วรับไม่ได้ ต้องวางถาดนมแล้วหยิบไดร์เป่าผมให้ รู้สึกแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่คุ้นเลยที่มีผู้ชาย (หน้าตาดี) นั่งใส่ผ้าขนหนูตัวเดียวอยู่ในห้องนอนตัวเอง ผมทำเป็นไม่มองมัน ทั้งที่ใจจริงแล้วอยากมองสำรวจไปทุกซอกทุกมุม

“ไม่เอา.....ร้อน” มันส่ายหน้าไม่รับไดร์

“มันมีแบบลมเย็นด้วย.....เชยว่ะ” ผมยัดใส่มือมัน

“ทำไม่เป็น” มันมองหน้าผมอ้อน ๆ

“เออ ๆ เดี๋ยวทำให้ ขอล้างมือก่อน”

“ไม่ต้อง.....เกรงใจ....เอ้อาบน้ำเหอะ จะได้นอนซะที....แล้วนี่นมเอามาให้เราใช่ปะ ขอบใจนะกำลังหิวพอดี” มันกระดกนมทีเดียวหมดแก้วเลย ผมหยิบผ้าเช็ดตัว ชุดนอน และที่ลืมไม่ได้คือกางเกงใน ถ้าผมนอนคนเดียวก็ไม่ต้องใส่หรอก แต่นี่มีไอ้วุธอยู่ด้วย ไม่ได้นะ ปลอดภัยไว้ก่อน มันมองตามผมเข้าไปในห้องน้ำ

“ทำไมต้องหอบเสื้อผ้าไปใส่ข้างในด้วยล่ะ เดี๋ยวก็เปียกหมด” ก็เพราะมึงนั่นแหละ ทำให้กูต้องลำบากแบกสมบัติเข้าไปในห้องน้ำ ผมคิด

*
*

......สักพักผมก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ มันนานพอที่ไอ้วุธมันน่าจะนอนได้ เดินออกมาจากห้องน้ำก็ตกถอนใจเฮือก นอกจากมันยังไม่นอนแล้ว เสื้อผ้าก็ยังไม่ใส่ทั้งทีอากาศเย็นขนาดนี้ มันนั่งอ่านปกเทปมารายห์ที่มันซื้อให้ผม พร้อมเปิดฟังเบา ๆ

“ทำไมยังไม่นอนอีก….หา” ผมถามเสียงสูง

“ก็รอคนเป่าผมให้ไง” พอมันเงยหน้าพูด ผมเปียกหมาด ๆ ก็ปรกหน้ามัน โอ๊ย....ผมอยากกรี๊ด ๆ ๆ หล่อชิบหาย

“อ้าว.....ไหนบอกไม่ต้องไง”

“เปลี่ยนใจแล้ว” มันตอบสั้น ๆ แต่กวน

“คนหลายใจ” ผมพูดเบา ๆ ในความหมายว่าเปลี่ยนใจไปมา เพื่อนผมจะรู้นัยยะนี้ แต่มันไม่สนิทกับผมขนาดนั้น

“ถ้าเรารักใคร เรารักจริงนะ” มันลุกพรวดเดินตรงมาหา ผมใจหายวาบไม่ได้กลัวว่ามันจะทำอะไรผมนะ แต่กลัวว่าผ้ามันจะหลุดซะแล้ว

“ไปนั่งโน่นเลย” ผมทำใจดีสู้เสือ ชี้ให้มันไปนั่งที่หน้ากระจก มันสั่นหัว แถมยังดึงมือผมไปนั่งบนเตียงกับมัน

“ผลัดกันเช็ดละกันนะ” มันคลานอ้อมไปข้างหลังแล้วเช็ดผมเปียก ๆ ของผม หน้าร้อนวูบวาบ แอบมองดูกระจกข้าง ๆ เตียง เห็นมันทำด้วยความทะนุถนอมคล้ายกับว่ากลัวผมเจ็บ ผมมองภาพนั้นแล้วน้ำตาจะไหล มันไม่ใช่แฟนผม ไม่ใช่โย มันเป็นแค่คนรู้จักที่ยังไม่ได้สนิทสนมอะไรด้วยเลย อยากให้โยมาทำอย่างนี้มั่งจัง

“เป็นอะไร.....เงียบเลย.....คิดถึงไอ้เด็กมอปลายคนนั้นอยู่สิท่า” มันพูดทำลายบรรยากาศเศร้า ๆ ของผม

“.....อืม.....ทำไมวันนี้ไม่โทรมา” ผมพูดกับตัวเองเบา ๆ

“เค้าก็ไปหาแฟนเค้าน่ะดิ” ผมหันขวับ มันยิ้มแหย ๆ “พูดเล่น”

“พอแล้ว.....” ผมสะบัดหัวออก บอกให้มันนั่งที่ขอบเตียง แล้วเสียบปลั๊กให้ไดร์ทำงาน ระหว่างที่เช็ดผมให้วุธ ผมก็อดมองมันอย่างละเอียดไม่ได้ ผิวเนียน ๆ ของมันตัดกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่างนอกผ้ากับในผ้า ข้างนอกว่าขาวแล้ว ข้างในขาวกว่าอีก กลิ่นสบู่ ยาสระผมมันโชยเข้าจมูกผมตลอดเวลา ที่เด็ดสุดคือไรขนอ่อน ๆ ตอนที่มันยกแขนมาช่วยผมเช็ดมันทำให้เลือดกำเดาผมแทบกระฉูด ยิ่งมองมัน ยิ่งคิดถึงโย ถ้าเป็นโยป่านนี้คงไม่ใช่แค่เช็ดผมกันอย่างเดียวแน่ ๆ

“เรียบร้อย.....แห้งแล้ว....ไปใส่เสื้อผ้าซะทีเหอะ ไม่หนาวรึไง” มันลุกขึ้นอย่างว่าง่ายเดินเข้าห้องน้ำไปแปรงฟัน เสร็จแล้วออกมาทาแป้งใส่เสื้อผ้าข้างนอก

“อ้าว....แล้ว.....” ผมเผลอมองมันใส่เสื้อผ้าก็เลยรู้ว่ามันไม่ใส่กางเกงในที่ผมเตรียมให้

“อ๋อ....เนี่ยน่ะเหรอ” มันหยิบกล่องกางเกงในขึ้นมา “ไม่ใส่หรอก....เสียดาย ใส่นอนทำไม ให้น้องชายพักผ่อนมั่งดิ” มันเดินนั่งข้างผมกลิ่นแป้งที่มันเพิ่งทายิ่งทำให้ผมปั่นป่วน.....ชุดนอนที่ผมเตรียมให้เป็นแบบเดียวกับที่ผมใส่แหละครับ ผมรู้ว่ามันบางและนิ่ม ผมจึงต้องใส่กางเกงในนอน ซึ่งปกติผมจะไม่ใส่ แต่ผมจะมีชุดคลุมกันอุจาดเวลาเดินออกไปข้างนอกห้องนะครับ ในเมื่อชุดมันเป็นอย่างนั้นไม่ต้องสงสัยครับ อะไรต่อมิอะไรของวุธมันก็แกว่งไปมาตอนเดิน ขนาดนั่งอยู่กับทียังเห็นเป็นรูปเป็นร่างเลย

“นอนเหอะ” ผมเดินไปปิดไฟทั้งห้องเหลือแค่ไฟหัวตียงไว้ อย่างที่เคยบอกอ่ะครับว่าผมสามารถกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงเวลาคุยโทรศัพท์กับโยได้ เพราะเตียงของผมเป็นเตียงขนาด KING SIZE นอนสองคนได้โดยไม่อึดอัด ตัวฐานเตียงเป็นของสืบทอดมาจากพ่อแม่อ่ะครับ ในส่วนของที่นอนเป็นของซื้อใหม่

“ผมนอนหันหลังให้วุธ” ตาค้างครับ นอนไม่หลับ ไม่ค่อยคุ้นที่มีคนมานอนด้วย

“หลับยัง” วุธสะกิด

“ยัง....มีอะไร” ผมห่มผ้าให้กระชับขึ้น

“เราทำให้เอ้อึดอัดหรือเปล่า”

“ไม่นี่….ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ”

“ก็เห็นนอนตัวเกร็งเชียว” มันหัวเราะ ผมพลิกกลับไปหามัน

“แค่รู้สึกแปลกโว้ย....ไม่เคยมีใครมานอนด้วย....ขนาดเพื่อนสนิทยังไม่เคยเลย”

“ดีใจจัง” มันยังทำหน้าระรื่นอีก

“วุธ.....เราขออะไรอย่างได้ปะ” ผมพูดเสียงจริงจัง

“อะไรล่ะ” มันกระเถิบตัวเข้ามาหาผม หน้าแทบจะชนกัน


******************************************************

ข้อความจากพี่เอ้หลังโพสนิยายเป็นการขอบคุณของพี่เอ้คับ

อะไรเหรอ.......เอาไว้ตอนหน้าค่อยบอก รู้สึกว่าตอนนี้จะยาวไปแล้ว เดี๋ยวคนอ่านเบื่อซะก่อน
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับ ผมยินดีรับฟังคำติชมทุกรูปแบบ ผมก็แค่นักเขียนมือสมัครเล่นคนนึงที่อยากเล่าเรื่องราวของตัวเองให้เพื่อน ๆ ได้แชร์ความสุขความเศร้ากับผม และทุก ๆ reply คือกำลังใจที่ทำให้ผมสามารถเขียนเรื่องนี้ให้จบ โดยที่ผมจะพยายามไม่ทิ้ง concept อย่างที่ผมตั้งชื่อไว้โดยต่อท้ายว่าเรื่องยาว และมันจะต้องยาวจริง ๆ ผมเป็นคนที่ช่างจดจำรายละเอียด....แต่ไม่ค่อยใส่ใจ เมื่อนำเอาชีวิตช่วงนั้นมาเขียนเป็นเรื่องราว เรียบเรียงแล้วมันก็ดูแปลก ๆ นะครับ ติดตามต่อไปแล้วคุณจะค่อย ๆ เห็นการพัฒนาของเด็กพาณิชย์อายุสิบห้า เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว สมัยที่ยังไม่มีอินเทอร์เนต ไม่มีโทรศัพท์มือถือ มีแค่เพจเจอร์ที่เพิ่งจะเข้ามาให้ลูกค้าต้องจ่ายค่าบริการรายเดือน เดือนละ 500 บาท

สำหรับเรื่องมาม่าผัด มันมีรายละเอียดนิดหน่อยนะครับ ลองผัดนานนิดนึงให้เส้นไม่แฉะ แต่ไม่ต้องผัดนานจนเส้นแข็งนะครับ ถ้าเอาเส้นลงไปแล้วคลุก ๆ เอาขึ้นเลยก็ไม่อร่อยเพราะมันจะเหมือนทำมาม่าแห้ง ขอแนะนำให้ใช้มาม่าต้มยำกุ้งนะครับ ส่วนผักที่ใช้ก็มีคะน้ากับกะหล่ำปลีหั่นชิ้นใหญ่ ๆ เอาแบบเหลือจากกินส้มตำก็ได้ ตอนแรกว่าจะแทรกสูตรอาหารอ่านก็กลัวจะกลายเป็นเรื่องแดจังกึมไปซะ เอาแค่พอหอมปากหอมคอดีกว่าเนอะ


ขอบคุณพี่เอ้มากเลยนะคับสำหรับนิยายสนุกๆๆ
แล้วเจอกันนะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 06-09-2007 15:59:27
ทำให้ลุ้นอีกแย้วววว

แต่วุธเองก็แสดงพิรุธให้เห็นเป็นระยะ ๆ แล้วนี่
น่าจะสวมรอยเป็นโยจริง ๆ แหละ
เมื่อไรจะเฉลยนะ
 :m22: :m22: :m22:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 06-09-2007 17:28:52
 :impress:

คับ รออ่านต่อไปนะครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ

สู้ ๆ น๊า.....

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 06-09-2007 17:56:40
จะขออะไรกันน้า ลุ้น ๆๆๆ  :m4: :m4: :m4: :m4:  มาต่ออีกนะอย่าหายไปนาน มันขาดตอน  :m5: กำลังติดงอมแงมเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 06-09-2007 18:05:37
:m1:    มาให้กำลัง ใจ คนโพส ก้าเจ้าของเรื่องจ่ะ     :m1: 

ตาม ย้อนอ่าน  อีกรอบ ก้อสนุก ไม่เคยเปลี่ยน อิอิ 

ยังอ่าน ได้ อีกหลายๆรอบฮ่าๆ     :m11:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 06-09-2007 18:50:15
อิอิ


จะขออะไรกันอ่า  คิคิ :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 06-09-2007 21:32:56
คนโพสต์โพสต์ช้ามากๆ

เมื่อไหร่จะอ่านไปถึงตอนที่เราล่ะเนี่ย

สงสัยหลายเดือนแหงๆ

โพสต์วันละสองตอนทุกวันไม่ได้เหรอ อิอิ ชอบเรื่องนี้นี่นา แต่ไม่เคยได้อ่านตอนแรกซะที ดีใจมากที่มีคนเอามาโพสต์ให้

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 06-09-2007 22:06:08
เอามาลงยาว ๆ ก็ได้นะ คนอ่านไม่เบื่อหรอก แต่เบื่อรอนี่ล่ะครับ นะนะ เอาลงมาอีกเยอะ ๆ  :a9:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 06-09-2007 22:15:42
อยากอ่านต่อแล้วววววววว เมื่อไหร่จะรู้ตัวจิงของโทรศัพท์ล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 07-09-2007 03:34:45
เอิ้กกกกก   ชอบบบบบ

วุธได้มานอนบ้านเอ้แร้ววววว    จาแค่นอนเฉยๆๆไหมอ่ะอยากรู้ๆๆๆๆๆ

 :m10: :m10: :m10: :m10:

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 07-09-2007 03:39:10
 :m28:เอ้..จะขออะไร..วุธน๊า..น่าคิดๆ :m21:
แล้วมาต่ออีกนะครับ..มาต่อทุกวันเลยได้ป่ะ..แบบว่าใจร้อนอ่ะ.. :m23:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 07-09-2007 05:15:05
รอลุ้นต่อนะจ๊ะ  :m1:  ลงเยอะก็ดีนะ เรื่องมานยาว  :m26:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 07-09-2007 08:13:08
เห็นด้วยกะรีบนะ เรื่องมันยาว ลงสักวันละ2ตอนกำลังดี  :m23: คนอ่านก็ชอบไม่ขาดตอนดี  :m4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 07-09-2007 09:37:44
คนโพสต์โพสต์ช้ามากๆ

เมื่อไหร่จะอ่านไปถึงตอนที่เราล่ะเนี่ย

สงสัยหลายเดือนแหงๆ

โพสต์วันละสองตอนทุกวันไม่ได้เหรอ อิอิ ชอบเรื่องนี้นี่นา แต่ไม่เคยได้อ่านตอนแรกซะที ดีใจมากที่มีคนเอามาโพสต์ให้



ครับผมเข้าใจนะครับว่าผมลงช้า
แต่คนโพสก็ต้องการกำลังใจเหมือนกันนะครับ
มาลงวันนึงได้กำลังใจคนรีพาย แค่ 2-3คนบางครั้งมานก็น่าคิดนะ
ถ้าอยากให้ลงเยอะๆๆรีพายมาซัก 10 รีพายจิผมจะลงให้วันนึงทีละ 2ตอนเลยเอา :m26: :m26:

มาลงให้อีกตอน คับ

13 Was it good or bad day?

“วุธ......เราขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าบอกใครว่ามาค้างบ้านเรา.....ขอแค่นี้....ได้มั๊ย” วุธเงียบไป มองหน้าผมนิ่ง

“ได้สิ......แต่เราก็มีเรื่องจะขอเอ้เหมือนกัน”

“อะไรเหรอ” ผมแกล้งเขินให้มันขำ แต่มันไม่ขำด้วย

“ถ้าเราทำอะไรผิดไป แล้วเราสำนึกผิดขอโทษเอ้.......เอ้ต้องยกโทษให้เรานะ” อะไรของมันวะ ตอนนั้นผมคิดเลยเถิดว่ามันจะข่มขืนผมด้วยซ้ำ

“แล้วนายจะทำอะไรผิดกับเราล่ะ” ผมขยับตัวออกห่าง มันดึงแขนผมเข้าไปหา ผมยิ่งตกใจ

“ไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้น......ดูหนังมากไปป่าว” มันขำ

“เราจะไว้ใจนายได้ยังไงล่ะ”

“สัญญา เราสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเอ้......จนกว่าเอ้จะพร้อม” คำสุดท้ายมันพูดขมุบขมิบเสียงเบา “เอ้ยังไม่รับปากเราเลยนะ เรื่องที่เราขอน่ะ” มันเขย่าแขนผม

“เออ.....คนขอโทษก็ต้องยกโทษให้ดิ.......ถ้ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่นะ......เราน่ะโกรธยาก หายยากด้วย ถ้าเราโกรธหรือเกลียดใคร......คนนั้นมันต้องเลวสุด ๆ แล้วหล่ะ”

“หวังว่าเอ้จะไม่มองเราเลวขนาดนั้นนะ” วุธพูดเสียงอ่อย ผมไม่ได้สนใจอะไรกับคำขอของมันนัก เพราะมันฃอบแหย่ให้โกรธแล้วก็ขอโทษตั้งหลายครั้งแล้วนี่ ผมยิ้มแล้วนอนหันหลังให้มัน

*
*

“เอ้ชอบไอ้เด็กมอปลายนั่นจริง ๆ เหรอ” อยู่ดี ๆ มันก็ถามขึ้นมา ผมต้องพลิกตัวกลับไปคุยกับมันอีก

“เค้าชื่อโย” ผมบอกเสียงแข็ง “ถามทำไม.......ชอบดิ มีคนพูดดี ๆ ด้วยเป็นใครก็ต้องชอบ”

“แล้วถ้าเค้าหลอกเอ้......ไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่คิดจะยังชอบอยู่มั๊ย” มันมองตาผม ผมหลบวูบ

“เราไม่มีอะไรให้หลอกซะหน่อย” ผมหลับตาคุยกับมัน “อยากได้อะไรก็บอก....ถ้าให้ได้ เราก็ให้”

“ไม่ใช่เรื่องอย่างนั้น” มันอึกอัก

“แล้วนี่นายมายุ่งอะไรกะแฟนเราอ่ะ” ผมเริ่มง่วงแล้ว อาจจะเพราะเพลียด้วย

“เออ ๆ ไม่มีอะไรแล้วนอนเถอะ” ผมทำท่าจะพลิกหันหลังให้มัน แต่มันดันรั้งตัวผมไว้

“ขอกอดหน่อย” ตอนนั้นทำไมผมให้มันกอดก็ไม่รู้ บรรยากาศมันเป็นใจมั้ง แค่กอดอย่างเดียวนะครับ แต่ช่วงที่ผมกำลังเคลิ้ม ๆ เหมือนมีอะไรชื้น ๆ มาแตะที่หน้าผากผมด้วย ไม่ได้ฝันแน่นอน อยากจะลืมตาดูแต่มันง่วงอ่ะครับ

*
*

..........ตื่นมาตอนเช้า แทบกระเด้งออกจากเตียงไม่ทัน นี่ผมนอนซบไอ้วุธมันทั้งคืนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ภาพแรกที่เห็นคือคางมัน ผมนอนเกยไหล่ไอ้วุธ ไม่ซบอย่างเดียวแถมยังกอดมันไว้อีก ห่มผ้าผืนเดียวกันด้วย อารมณ์ดูหนังไทยมากไปนิด ผมเปิดผ้าห่มดูว่ามีอะไรสึกหรอหรือเปล่า เสื้อผ้ายังอยู่ครบมั๊ย โล่งอกผมกับมันไม่ได้มีอะไรกันเหมือนในหนัง ผมขยับตัวลุกขึ้น วุธรู้สึกตัวลืมตาแล้วยิ้มนิด ๆ ผมอายมาก รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ แต่ก็ต้องวิ่งออกมาใหม่เพราะเสือกลืมเสื้อผ้าที่จะเอาเข้าไปเปลี่ยน เห็นไอ้วุธนอนหลับสบายผ้าห่มหลุดลุ่ยลงมาข้างเตียงด้วยความที่ผมรีบร้อนเมื่อกี้นี้ ผมค่อย ๆ ย่องเข้าไปกะจะห่มผ้าให้มัน แต่ก็อดที่จะสำรวจตอนมันหลับไม่ได้ โอ๊ย....อยากจะกรี๊ด ๆ ๆ ให้บ้านแตก คนอะไรวะขนาดหลับยังหล่อ มันนอนหงายไม่รู้เรื่องรู้ราว กางเกงนอนบาง ๆ ตัวนั้นไม่ได้ซ่อนอะไรได้เลย ผมต้องกลั้นใจเอาผ้าห่มคลุมตัวมันถึงอก แล้วเดินย่อง ๆ เข้าห้องน้ำเหมือนเดิม

*
*

........กว่าจะอาบน้ำ แต่งตัว ทำธุระอะไรในห้องน้ำเสร็จก็นานอยู่ ออกมาอีกคิด เห็นไอ้วุธยืนเหม่ออยู่ที่ระเบียง แสงแดดอ่อน ๆ ลอดทะลุเสื้อผ้ามันเข้ามาทำให้เห็นรูปร่างเพรียว ๆ แต่แอบมีกล้ามนิด ๆ ของมัน ผมทำเป็นไม่มองเรียกมันไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปกินข้าว เพราะผมต้องออกจากบ้านไปเรียนตอนแปดโมง วุธหันมายิ้มให้ ผมแทบละลาย มันเดินไปแกะกระดุมเสื้อไป พอถึงตรงที่ผมยืนมันก็ถอดเสื้อมายัดใส่มือผม ผมหายใจไม่ทั่วท้องเลย ยังดีที่มันไม่อุตริถอดกางเกงต่อหน้าผม เพิ่งสังเกตว่ามันเก็บที่นอน พับผ้าห่ม ดึงผ้าปูเตียงซะเรียบร้อย แอบชมมันอยู่ในใจว่าเวลามันไม่กวนตีน มันก็น่ารักดี

ผมลงไปข้างล่างก็ไม่เจอใครแล้ว แม่เตรียมข้าวต้มหมูสับไว้ให้ ผมอุ่นนิดหน่อยก็กินได้ สักพักได้ยินเสียงวุธเรียกชื่อผม พอโผล่หน้าไปจากห้องครัวก็เห็นมันเดินใส่ผ้าขนหนูตัวเดียวเลิกลั่กมองหาผมอยู่ ตายแล้ว นี่ถ้าใครมาเห็นเข้าจะคิดยังไงเนี่ย ผ้าที่ผูกตัวไว้มันก็เลื่อนต่ำลงจนจะเห็นไปถึงไหน ๆ

“อยู่นี่.....มีอะไร” มันหันมาตามเสียงผม

“ขอยืมเสื้อผ้าใส่กลับบ้านหน่อย” มันเดินตรงเข้ามา ผมยกมือห้ามไว้แล้วชี้ขึ้นไปข้างบน

“เสื้อผ้าอยู่ในตู้ อยากใส่ตัวไหนก็เลือกเอา” มันพยักหน้ารับ “แล้วทำไมไม่ใส่ชุดเมื่อวานกลับล่ะ” ผมสงสัย

“เหม็น” อะไรของมัน เท่าที่ผมเคยอยู่ใกล้ ๆ มัน ผมไม่เคยได้กลิ่นเหม็นจากตัวมันเลย ขนาดเพิ่งตื่นนอน ผมซุกอยู่กับไหล่มัน ก็ไม่มีกลิ่นแปลก ๆ มีแต่กลิ่นแป้งอ่อน ๆ หอมจะตาย

“มันก็ไม่ได้สกปรกอะไรนี่หว่า” ผมตะโกนถาม

“ก็อยากใส่เสื้อเอ้.....วันหลังจะได้เอามาคืนไง” นี่แหละที่ผมกลัวที่สุด ถ้ามันมาบ้านผมอีกครั้งพ่อแม่ผมจะคิดยังไงเนี่ย ผมเดินตามมันขึ้นไปแต่ดันลืมเคาะประตู ก็มันห้องผมนี่นา

“เฮ้ย” มันร้อง ผมก็ร้องเหมือนกัน ไอ้วุธมันใส่แค่กางเกงในตัวเดียวยืนเลือกเสื้อผ้าอยู่หน้าตู้ ผมปิดประตูปัง สักพักมันก็เปิดออกมาในชุดเสื้อยืดเก่า ๆ ของผมกับกางเกงขาก๊วยสีบานเย็นที่ผมเอาไว้ใส่เล่นอยู่บ้าน (ไม่กล้าใส่ออกไปไหนด้วย) มันยิ้มแฉ่ง ผมเห็นที่หน้ามันทาแป้งเด็กของผมด้วย โอ๊ย อยากจะกรี๊ด ๆ ๆ อีกรอบ ไอ้วุธนี่มันเข้าสเปกผมทุกอย่างเลย มีไอ้โยคนเดียวเท่านั้นที่ผมเคยบอกว่า ผมชอบผู้ชายใส่กางเกงขาก๊วย หรือไม่ก็กางเกงบอล แล้วชอบผู้ชายทางแป้งเด็กเวลาอาบน้ำเสร็จ

“ไปกินข้าวเถอะ.....หิวแล้ว ทำอะไรกินอ่ะ หอมจัง” ผมตกใจ ตายห่า เตายังไม่ได้ปิด ผมวิ่งจู๊ดลงไป น้ำซุปเดือดพลั่ก ๆ เลย วุธมันเดินตามมา หาถ้วยหาชามเตรียมไว้ให้ผม

*
*

“เสื้อผ้าเอาเก็บไว้ในรถนั่นแหละ.....ยังไม่ต้องรีบคืนนะ” ผมบอกกับวุธหลังกินข้าวเสร็จ

“ไม่อยากให้เรามาหาเหรอ” ผมไม่อยากเห็นสายตาอย่างนี้ของมันเลย เพราะมันจะทำให้ผมใจอ่อนอีกแล้ว

“.....อืม….” ผมตัดใจตอบ

“ถ้าเราเป็นนายโยอะไรนั่น......เอ้จะรังเกียจเราอย่างนี้มั๊ย” มันตัดพ้อ

“เฮ้ย....คิดมาก เราไม่ได้รังเกียจอะไรวุธนะ....แต่ว่า.......” แต่ว่าอะไรดีล่ะ “แต่ว่ามันแปลก ๆ ไง เราไม่เคยมีเพื่อนมาบ้าน พูดง่าย ๆ ก็คือเรามีความลับที่ต้องปิดพ่อกับแม่เยอะอ่ะ” ผมบอกเหตุผล

“รู้แล้ว” เอ๊ะมันรู้ได้ไงวะ “ แต่เราเก็บความลับเก่งนะ” มันอ้อน

“นายเป็นผู้ชาย” อยู่ดี ๆ ผมก็พูดเหตุผลนี้ขึ้นมา

“เอ้ก็เป็นผู้ชาย ทำไมจะมีเพื่อนผู้ชายไม่ได้” มันขำ

“โอ๊ย.....ปวดหัว.....ไม่คุยด้วยแล้ว ไปเรียนดีกว่า” ผมขึ้นไปหยิบกระเป๋า ใส่หนังสือที่ซื้อมาตั้งแต่วันลงทะเบียน ไอ้วุธก็เดินตามมาเก็บเสื้อผ้าของมันม้วน ๆ แล้วเดินไปที่รถ ส่วนผมพอปิดประตูเช็คความเรียบร้อยทุกอย่างเสร็จก็เปิดประตูใหญ่ให้รถวุธมันออกไป แต่มันดันจอดรถผมซะนี่

“มีอะไรอีก” ผมเปิดประตูถามมัน

“ขึ้นรถดิ....ให้เราไปส่งนะ”

“ไม่เป็นไร วุธกลับบ้านเหอะ แถวนั้นรถมันติด”

“เออน่า.....ขึ้นมาเถอะ ถือว่าตอบแทนที่ให้ซุกหัวนอนเมื่อคืน” ผมก็คิดว่าดีเหมือนกันไม่ต้องโหนรถเมล์ไปเรียน อีกอย่างเช้าวันเสาร์รถคงไม่ติดเท่าไหร่

“จริง ๆ แล้วเอ้น่าจะขับให้เรานั่งมั่งนะ” มันกวนทันทีที่ผมขึ้นรถมัน

“อะไรนะ”

“เมื่อคืนใครก็ไม่รู้มานอนซุกอยู่บนไหล่เนี่ย เมื่อยไปหมดเลย” ผมอายมาก

“เมื่อยนักก็กลับบ้านไปเลยไป” ผมแกล้งงอน

“โอ๋.....พูดเล่น….เพิ่งรู้ว่าเอ้ขับรถเป็น ทำไมไม่ขับไปโรงเรียนล่ะ”

“ขืนขับไปพ่อก็ตามมาแหกอกดิ......ใบขับขี่ก็ไม่มี พ่อบอกว่ารอให้สอบทำใบขับขี่ได้ก่อนแล้วจะเอารถไปไหนก็ไป ......ที่จริงเค้าไม่อยากให้ขับรถเป็นหรอก ทั้งมอไซค์ทั้งรถยนต์นั่นแหละ......แต่มีอยู่ช่วงนึงเราเที่ยวเก่งไง เค้าเลยหากิจกรรมมาดึงความสนใจเราไว้ แต่พอเราขับแข็งเราก็ออกไปเที่ยวเหมือนเดิม.....พ่อเค้าคงปลงแล้วหล่ะ” ผมเผลอตัวเม้าธ์ยาว

“ดูพ่อจะหวงเอ้เนอะ”

“แน่นอน มีลูกหน้าตาดี ก็ต้องหวงเป็นธรรมดา” มันอมยิ้ม

“ยิ้มอะไร” ผมต่อยแขนมันเบา ๆ

“เปล่า....พ่อหวงอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่จะมีลูกเขยล่ะ”

“คงอีกนาน.....เราจะอยู่เป็นโสดให้คนเสียดายเล่น” มันอมยิ้มแล้วส่ายหน้าเบา ๆ

*
*

.........รถไม่ติดจริง ๆ ด้วย ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงโรงเรียนแล้ว วุธขับมาถูกทางโดยไม่ต้องถามผมเลย ผมงงอยู่เหมือนกัน แต่ก็คิดว่าโรงเรียนนี้มันคงดังมั้งไอ้วุธเลยรู้จัก ผมยืนมองรถวุธขับไปจนลับตาก่อนขึ้นไปนั่งรอเวลาเรียน......ยอมรับเลยครับว่าที่นี่สอนดีมาก ใครมาเป็นคู่เป็นกลุ่มอาจารย์จับแยกหมด ทุกคนต้องได้คุยกัน ต้องรู้จักกัน เรียนกันแบบเมืองนอกจริง ๆ ให้เราได้แสดงความคิดเห็น ซึ่งผมชอบมาก แต่ติดนิดเดียวตรงที่ต้องพูดภาษาอังกฤษทั้งวัน แรก ๆ ก็อายอยู่หรอกครับพูดผิดพูดถูก แต่พอเห็นคนอื่นขำก็เกิดแรงฮึด อีกอย่างอาจารย์บอกว่าไม่ต้องอาย LEARN FROM MISTAKE กินข้าวเสร็จมีแรง หายง่วงแล้วด้วย ตลอดคาบกลางวันผมเลยมั่นใจมากขึ้น เริ่มเป็นตัวของตัวเอง จนตอนแรกจากที่แนะนำตัวว่าชื่อเอ้ อาจารย์บอกว่าเรียกยากให้เปลี่ยนชื่อให้ฝรั่งเรียกง่ายขึ้น รู้มั๊ยครับ อาจารย์ตั้งชื่อผมว่าอะไร “เอมี่” คิดได้ยังไงเนี่ย แต่ผมชอบนะครับ

........การเรียนวันแรกของผมผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไอ้ที่กลัว ๆ ว่าจะเรียนคนเดียวไม่ได้ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดกลัวเลย ผมรู้สึกสนุกมาก ได้เพื่อนใหม่ ๆ หลายคน แต่ละคนมาจากโรงเรียนมัธยมที่ดี ๆ ดัง ๆ กันทั้งนั้น ทุกคนให้ความสนใจกับผม และคงรู้สึกแปลก ที่เด็กพาณิชย์มาเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ ตอนแรกว่าจะกลับบ้านทันทีที่เรียนเสร็จ แต่เพื่อนใหม่ชวนไปเดินเที่ยวซะก่อน ผมเลยเสนอให้ไปห้างที่เพื่อนผมทำงานกันอยู่ ผมจะได้ไปทักทายเพื่อน ๆ ด้วย พวกเราจับกลุ่มไปกันได้สี่คน นั่งแท็กซี่ไปนะครับ พวกนั้นบอกว่าไม่ชอบนั่งรถเมล์ ผมก็เออออไปตามเรื่องตามราว

*
*

“อีเอ้....กูบอกตรง ๆ กูไม่ชอบเพื่อนใหม่มึงเลยว่ะ” อีอ๋าลากผมไปกระซิบกระซาบ

“ทำไมวะ.....เค้าก็คุยกะพวกมึงดี ไม่ใช่เหรอ” ผมงง

“มันดูดัดจริตดีดดิ้นยังไงไม่รู้”

“แต่เค้านิสัยดีนะโว้ย” ผมแก้ตัวให้เพื่อนใหม่ มันก็จริงอยู่ที่พวกเค้าดูดัดจริต แต่ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ผมนี่นา

“Hey, we’ll be waiting for you at Mc on the ground floor OK?” เพื่อนใหม่ตะโกนพูดกับผมเป็นภาษาอังกฤษ ผมพยักหน้าแล้วตอบ

“Ok, I’ll be there in 10 minutes” หลังจากที่เพื่อนใหม่ผมเดินไปแล้ว ผมยิ้มแหย ๆ ให้เพื่อนทุกคน

“หวังว่ามึงคงไม่ดัดจริตตามอย่างอีนั่นนะ” อีนัทพูดเสียงต่ำเชียว

“แหม....มึง พูดภาษาอังกฤษบางทีมันก็ต้องดัดจริตมั่งแหละ” ผมอธิบาย

“แล้วมึงต้องเรียนอีกนานแค่ไหนเนี่ย”

“เปิดเทอม ก็จบคอร์สพอดี”

“แล้วเทอมหน้ามึงจะทำงานกับพวกกูปะวะ” อีแจนถาม

“ดูก่อน.....ได้ยินพ่อกูบอกให้เรียนเลขเพิ่มด้วย” อีพวกนั้นพยักหน้าเบา ๆ “แต่ปีใหม่กูไปห่อของขวัญกับพวกมึงแน่” ผมหมายถึงงานห่อของขวัญตามห้างหลังเลิกเรียน

“เออ....มึงไปเที่ยวเหอะ พวกกูต้องทำงานต่อแล้ว” พูดจบพวกมันก็พากันเดินไปเลย ผมยืนเหวอ รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของเพื่อน ๆ

ผมเดินเหม่อ ๆ ไปจนเกือบจะถึงแม็ค หางตาผมเหลือบไปเห็นผู้ชายรูปร่างหน้าตาคุ้น ๆ ไอ้โยนี่หว่า ผมแทบจะวิ่งไปหามัน แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นมันชัด ๆ ว่ามันยืนคุยอยู่กับเกย์สาวนางนึงดูท่าทางสนิทสนมกันมากด้วย......ผมตัดสินใจไม่ทักเดินเลี่ยงไปเข้าประตูแม็คอีกทาง รู้สึกแย่มาก ไปถึงโต๊ะผมนั่งได้แป๊บเดียวก็ขอตัวเพื่อนใหม่กลับบ้าน.....อ้างว่าปวดหัว แต่จริง ๆ แล้วผมกลัวเจอไอ้โยมันต่างหาก

.......ตลอดทางกลับบ้าน ผมคิดมากจนปวดหัวจริง ๆ ซะแล้ว นึกเสียดายอยู่ทีไม่เดินเข้าไปทัก เผื่อผู้ชายคนนั้นอาจจะเป็นแค่เพื่อนกันเพราะมันเรียนโรงเรียนชายล้วน คงไม่แปลกที่จะมีเพื่อนอย่างนั้น แต่ดูยังไงก็ไม่ใช่......คิดมา คิดไป ดันไปคิดถึงไอ้วุธซะนี่ เมื่อคืนมันน่ารักมาก อยากให้มันเป็นโยจริง ๆ

ถึงบ้านแล้วผมไม่คุยกับใคร เดินขึ้นห้องไปอาบน้ำแต่งตัว ล้มตัวลงนอน กะจะนอนเล่น ๆ แต่ดันเผลอหลับไป ตื่นมาอีกที่ห้องมืดตึ๊ดตื๋อ ควานหานาฬิกามาดู เกือบสองทุ่มแล้ว ไม่ดีเลยนอนตอนเย็น ๆ เนี่ย ตื่นมาแล้วปวดหัวชิบเป๋ง.....ผมเดินไปล้างหน้าล้างตา เดินกระเซอะกระเซิงลงไปกินข้าว ได้คุยกับพ่อแม่บ้างค่อยรู้สึกดีขึ้น ผมเล่าให้พวกท่านฟังเรื่องที่เรียนพิเศษสนุกแค่ไหน แต่ผมไม่ได้บอกเค้าหรอกนะครับเรื่องที่อาจารย์และคนอื่น ๆ ในคลาสเรียกผมว่า “เอมี่”



*******************************TBC*************************************************************

ถ้าต่อจากนี้รีพายเยอะผมก็จะมาลงตามรีพายแล้วกัน
รีพายน้อยก็ลงน้อยรีพายเยอะก็ลงเยอะ
ขอบคุณพี่เอ้ นะครับสำหรับนิยายสนุกๆๆ ไปทำงานต่อและ

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 07-09-2007 09:55:09
รีที่1 จ้า

ชอบมาก กำลังสนุก มาลงเยอะๆเถอะ :m5: :m5: :m5: :m5:

+1 เป็นกำลังใจสำหรับคนโพสด้วยน้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 07-09-2007 10:32:54
เดาว่า lanlan เป็นคนขี้งอน ห้ามโกรธนา ล้อเล่น

ตอนนี้ยิ่งอ่านก็ยิ่งน่ารัก เอ้น่ารัก วุธก็น่ารัก ตอนเด็กๆ หวานแหววชะมัด

แล้วทำไมตอนโตดันเครียดหว่า

แต่อย่างว่า รักในวัยเด็กเนี่ย ส่วนใหญ่ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร

ชอบคือชอบ และชอบก็คือไม่ชอบ แล้วแต่ว่าปากจะแข็งได้ขนดไหน

แต่เอ้เนี่ยเป็นคนหัวแข็ง ใจแข็ง ปากแข็งมากนา แต่ก็ยังน่ารัก

คิดถึงตัวเองสมัย Poppy Love เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 07-09-2007 13:45:46
 :m21: :m21: :m21:
ยังง๊ายยยยยย ยังไง เค้าก็คิดว่าวุธปลอมเป็นโย
ดูแต่ละอย่างซิ
กางเกงบอล กะกางเกงขาก๊วย ทาแป้งเด็ก
แล้วไหนจะความผิดที่ขอไว้อีก
มันต้องใช่แน่ ๆ  :a1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 07-09-2007 14:55:18
 :impress:

มาเป็นรีที่สี่แล้วกานนะ

วุธน่ารักจัง เอ้ด้วย

แหมนึกว่าจะขอไรกาน เซ็งเลย

รออ่านต่อไปนะครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 07-09-2007 16:48:12
วุธต้องรู้แน่เลยว่าโยคบกับเกย์สาว เลยมาเตือนเอ้อ่ะ

ขอให้วุธมาปลอมใจเอ้เร็ว ๆ ถ้าเกิดเอ้รู้ความจริงอ่ะ

ยังไงก็มาต่อเร็ว ๆ นะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 07-09-2007 19:13:07
 :m21:    :m21:    :m21:

แอบเข้ามาอ่านตลอดเลยค่ะ ไม่เคยเม้นท์เลยอ่ะ

เข้ามาให้กำลังใจคนโพสท์ค่ะ 

สู้ สู้ ค่ะ   :a9:

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 07-09-2007 21:49:19
 :a11: :a11: เข้ามาเพิ่มให้อีก1รีฯครับ  :a1: :a1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 07-09-2007 23:01:29
ผมมาตามอ่านแล้วก็พยามรีพลายทุกตอนเลยน้าค้าบบบบบบบบบบบบ

เดี่ยวสัญญาว่า จะมารีพลายเยอะๆเลยคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 08-09-2007 02:33:33
สนุกมากคับ ขอบคุณคับที่มาโพสให้อ่าน มาต่อไวๆนะคับกำลังสนุกคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 08-09-2007 03:53:19
 :impress:คนโพสขี้น้อยใจเหยอ..ไม่หรอกน๊า.. :impress:
 :yeb:เข้ามาให้กำลังใจแล้วน๊า.. :teach:รีที่10พอดีเลย..
..เอ้เจอโยเข้าอย่างเงี้ย..สงสัยตอนหน้าต้องหนุกกว่านี้แน่เลย..
 :m5:อยากให้คนที่โทรหาเอ้เป็นวุธจริงๆเล๊ย.. :m5:
แล้วมาต่ออีกนะคร้าบบบบ..จุ๊บ..จุ๊บ :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 08-09-2007 09:04:36
14 Trust
.......คืนนั้นสามทุ่มตรงแป๊ะ.....โยโทรมาหาตามเคย บอกตรง ๆ ว่าผมไม่มีอารมณ์คุยกับมัน ผมไม่ค่อยพูดค่อยจาจนผิดสังเกตุ

“เป็นอะไรอ่ะ.....เหนื่อยเหรอ” มันถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“.....อืม.....”

“ไปเรียนวันแรกเป็นไงมั่ง”

“......ก็ดี......” แล้วก็เงียบกันไปพักใหญ่

“เอ้.....เราว่าวันนี้เอ้แปลกไปนะ.....มีอะไรก็พูดดิ......หรือว่าเราไม่ใช่คนที่เอ้ไว้ใจอีกต่อไปอ่ะ” มันพูดด้วยเสียงมีอารมณ์

“มีอะไรปิดบังเราหรือเปล่า.....บอกมาเถอะ......อย่าให้เราต้องเสียใจไปมากกว่านี้เลย” ผมพูดเสียงเรียบ โยอ้ำอึ้ง

“เอ้หมายถึงเรื่องอะไรอ่ะ” มันยังไม่รู้ว่าผมรู้อะไรบ้าง

“เมื่อวานทำไมไม่โทรมา….อยู่กับใครเหรอ” มันอึกอัก

“โทรมาแล้ว.....แต่สายไม่ว่าง” มันพูดตะกุกตะกัก

“โทรมากี่โมง…..กี่ครั้ง” ผมคาดคั้น ฟังจากเสียงก็รู้ว่ามันโกหก มันเงียบ “ที่บ้านเราบอกว่าไม่มีโทรศัพท์เข้ามาเลย .....ว่าไง” ผมย้ำ

“ก็ได้.....ขอโทษ เมื่อวานไปเที่ยวกับเพื่อนไม่มีโทรศัพท์สาธารณะให้โทรเลย....แต่วันนี้โทรมาตรงเวลาเลยเนอะ” มันพยายามพูดเล่นกับผม

“ไปเที่ยวมาหนุกมั๊ย” เสียงผมยังเรียบอยู่

“หนุกดิ....กลับดึกไปนิดกะจะโทรหาก็เกรงใจพ่อกับแม่”

“ไม่ได้หมายถึงเมื่อวาน......วันนี้อ่ะ....สนุกมั๊ย” มันอึ้งอีกแล้ว

“วันนี้ไม่ได้ไปไหนนี่นา.....นอนทั้งวัน”

“เลิกโกหกได้แล้ว” ผมเสียงดังขึ้น

“เอ้พูดเรื่องอะไรเนี่ย.....ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“วันนี้ ที่ XXXXX ตอนสี่โมงกว่า ๆ ไปทำอะไร......กับใคร” ที่ผมโกรธนี่ไม่ใช่หึงนะครับ.......โอเคหึงนิดนึง แต่โกรธที่มันไม่พูดความจริงต่างหาก

“เอ้เจอโยเหรอ” มันถามเบา ๆ เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า

“เออ.....มีอะไรแก้ตัวมั๊ย” ผมได้ที

“ไม่ต้องอำเลย” มันคิดว่าผมอำ

“ไม่ได้อำ.....จะให้บอกมั๊ยว่าใส่เสื้อสีอะไร” ผมพูดจริงจัง

“ถ้าอยากรู้ว่าไปทำอะไร กับใคร......ทำไมไม่ถามตรงนั้นเลยล่ะ” โยย้อน

“ใครจะกล้าเข้าไปทัก....ก็เห็นกำลังสวีทหวานแหวว.....ไม่อยากเป็นก้างขวางคอเว้ย” มันหัวเราะ

“โธ่.....เอ้จ๋า นั่นน่ะเพื่อนโยเอง.....บังเอิญเจอกันเฉย ๆ ไม่มีอะไรหรอก” โยมันรู้ว่าผมแพ้คนที่พูดจ๊ะ ๆ จ๋า ๆ ฟังแล้วตัวอ่อนเลย

“แล้วเราจะเชื่อได้ไง” ผมถามกวน ๆ มันเงียบ

“ทีหลังเจอก็เข้าไปทักได้เลย.....โยมีเอ้คนเดียวนะจริง ๆ นะจ๊ะ” มันอ้อนแล้วก็ชวนคุยเรื่องอื่น พูด ๆ ๆ พูดอยู่คนเดียวจนมันเหนื่อย ผมถึงได้เล่าเรื่องที่ไปเรียนภาษาวันแรกให้ฟังบ้าง มันหัวเราะก๊ากเมื่อผมเล่าถึงชื่อใหม่ที่อาจารย์ตั้งให้ผม

*
*
*

คนโง่....กับ....คนที่มองโลกในแง่ดี ความหมายมันใกล้เคียงกันมาก บางคนก็ยอมโง่.....บางคนก็แกล้งโง่......บางคนก็โง่จริง ๆ โดนหลอกแล้วหลอกอีก สำหรับผม....เรื่องของโยคุยสนิทสนมกับใครนั้น ผมไม่สนใจ มันพูดอะไรผมก็เชื่อ เพราะความไว้ใจ และมั่นใจในความเสมอต้นเสมอปลายของมัน..........ตลอดปิดเทอมที่ผ่านมาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ ผมคุยโทรศัพท์กับโยทุกคืน มันบอกว่าใครได้ผมเป็นแฟนถือว่าโชคดีที่สุด เพราะผมไม่จุกจิก จุกจิก ไม่ขี้หึง ไม่วุ่นวายกับเรื่องส่วนตัว ผมให้เหตุผลมันไปว่า ผมต้องการให้คนที่ผมคบทำเช่นเดียวกับที่ผมทำ..........ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของผม ถ้าผมไม่อยากตอบ ผมก็ไม่ตอบ อย่ามาเซ้าซี้..........ผมไม่ชอบโกหก ถ้าใครมาเซ้าซี้เอาคำตอบที่ผมไม่อยากตอบ ผมก็จะบอกว่า ตอบก็ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องจริงนะจะฟังมั๊ย

ผมคิดว่าที่เราคบกันทางโทรศัพท์ได้ก็เพราะเรานิสัยคล้าย ๆ กัน เรามีโลกส่วนตัวเหมือนกัน ผมเคยหลุดปากถามเบอร์โทรฯ ที่บ้านโย โยบอกไม่สะดวกที่จะให้ ผมก็ไม่เซ้าซี้ ผมถามว่าบ้านโยอยู่แถวไหน มันก็ตอบแต่ชื่อถนน ผมก็ไม่ถามต่อ ในขณะเดียวกัน ถ้ามันถามเรื่องที่ผมตอบไม่ได้ มันก็ไม่ถามต่อ และคำถามหลายคำถามที่ผมตอบไม่ได้ มันเป็นเรื่องของไอ้วุธทั้งนั้น จะให้ผมตอบได้ไงล่ะ ว่าคิดยังไงกับไอ้วุธ ผมตอบไม่ได้ เลยใช้วิธีเลี่ยง ๆ เอา คือ เค้าก็เป็นคนดีนะ........โยกับวุธ ใครหล่อกว่ากัน ก็ไอ้วุธน่ะดิ สเปกผมอ่ะ แต่ไอ้โยมันก็หล่อนะ ไม่งั้นเพื่อนผมจะกรี๊ดเหรอ ผมตอบโยว่า หล่อกันคนละแบบ โยหล่อเนี๊ยบ แต่ ไอ้วุธมันหล่อเถื่อน ๆ ........แล้วชอบใครมากกว่ากัน แน่นอนผมตอบไม่ได้ แต่แกล้งทำเป็นเรื่องตลกไปซะ ผมตอบว่า ไม่รู้ดิ ใครมาก่อน ก็ชอบคนนั้นแหละ ความหมายของผมที่ทำให้มันเข้าใจว่าผมชอบมันก็คือ เราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ม. 2 ..........แต่จริง ๆ แล้วผมเจอวุธก่อนที่จะเจอมันในไอซ์ เมื่อวันแรกที่เราคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว

*
*

.........เปิดเทอมสองแล้วครับ...แต่ผมเพิ่งจะได้เข้าโรงเรียนครั้งแรก ก็ผ่านไป 1 สัปดาห์ เป็นที่รู้ ๆ กันในหมู่เด็กพาณิชย์ว่า สัปดาห์แรกของการเรียนการสอน เป็นช่วงเวลาของการไปเที่ยวหลังปิดเทอม พอเข้าโรงเรียนได้ เข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จ ก็เตรียมตัวปีนรั้วบ้าง ยืนออกันที่หน้าประตูบ้าง พอยามเผลอก็พากันวิ่งออกมาเลย พวกเด็ก ปวช. น่ะไม่เท่าไหร่ เพราะใส่รองเท้านักเรียน แต่พวกพี่ ปวส. แกใส่รองเท้าคัทชู ส้นสูง ต้องถอดรองเท้า ถลกกระโปรงวิ่งกันสนุกสนาน........

.........สำหรับผม ไม่ได้ไปไหนเลย เพราะผมต้องเรียนพิเศษต่อให้จบคอร์ส แต่ผมโทรไปคุยกับเพื่อนผมทุกวันนะครับ ผมรู้ความเคลื่อนไหวของทุกคน ว่าวันนี้ใครไปทำอะไร ที่ไหน กับใคร และวุธก็ไปด้วยทุกครั้ง มันเริ่มสนิทกับอีตูน เพราะอีนี่มันลุย ๆ เหมือนทอม และที่สำคัญมันไม่มีแฟนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับเพื่อนไอ้วุธ เวลาเดินกันเป็นกลุ่ม ๆ มันก็เลยจับคู่กับอีนี่.......เวลาผมโทรไปหาอีตูน มันก็ชอบเล่าเรื่องไอ้วุธให้ผมฟังตลอด มันบอกว่าถ้าใครสนิทกับไอ้วุธก็ต้องชอบผู้ชายคนนี้ทุกคนแหละ เสียดาย...... มันเว้นไว้แค่นั้นจริง ๆ ผมถามว่าเสียดายอะไรมันก็ไม่ตอบ

.........ผมไม่ได้เจอเพื่อนในกลุ่มมานานเดือนนิด ๆ แล้วนะครับ ตั้งแต่ที่เจอกันครั้งล่าสุดที่ผมไปหาพวกมันพร้อมเพื่อนใหม่ที่เรียนพิเศษด้วยกัน ผมตื่นเต้นมาก ไปโรงเรียนแต่เช้า มีเรื่องสนุก ๆ มาเล่าให้เพื่อนฟังตั้งเยอะ ถึงแม้ว่าตอนคุยโทรศัพท์กัน ผมสังเกตุว่าเพื่อนผมไม่ค่อยฮาเหมือนเดิม แต่ความที่มองโลกในแง่ดี ผมคิดว่าเพื่อนผมคงเหนื่อยจากการทำงานก็เลยไม่มีอารมณ์คุยด้วยเท่าไหร่ แต่พอมาวันนี้......วันที่ผมไปโรงเรียนวันแรก บรรยากาศเก่า ๆ ไม่มีเหลือเลยครับ ทุกคนนั่งสุมหัวคุยกันไม่สนใจผมเลย ไม่ว่าผมจะพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าผมเป็นส่วนเดินมากขึ้นเท่านั้น.........สรุปแล้ว วันนั้นทั้งวันผมต้องนั่งเงียบอยู่คนเดียว พอตอนเย็น อีตูนเป็นคนแรกที่คุยกับผม เดินเข้ามาชวนผมไปเที่ยวหลังเลิกเรียนกันเหมือนเคย ผมคิดในใจว่าผมจะแกล้งเล่นตัวบ้าง....ผมปฏิเสธครับ ปรากฏว่า......ไม่มีใครชวนรอบสองเลยครับ จะให้ผมง้อ ขอไปด้วยมันก็ไม่ใช่ผมอีกนั่นแหละ.....พออาจารย์ปล่อยกลับบ้านปุ๊บ ผมก็แกล้ง ๆ ถ่วงเวลาให้มันหันมาชวนอีกครั้ง กะว่าถ้าชวนอีก ผมจะรีบกระเด้งไปเลย แต่....ไม่มีใครชวนผมจริง ๆ พวกมันเดินเกาะกลุ่มกันไม่หันมามองผมแม้แต่คนเดียว โห....ผมแทบกระอัก มองพวกมันเดินไปหากลุ่มไอ้วุธจากหน้าต่างบนห้อง น้ำตาผมหยดแหมะ ๆ ๆ ตอนนั้นเสียใจมากครับ ไม่รู้ตัวเองเลยว่าผมทำอะไรผิดไป หาเหตุผลไม่ได้ ผมเดินก้มหน้าก้มตาเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาตลอดทางกลับบ้าน เวลามีคนมองผมก็ทำเป็นเหมือนคนเจ็บตา โชคดีที่ถึงบ้านแล้วยังไม่มีใครกลับมาซักคน ไม่งั้นต้องโดนซักยาวแน่ ๆ

*
*
*
*

.........ผ่านไปอาทิตย์กว่า ๆ พวกมันก็ยังตึง ๆ กับผม จะคุยกันก็ต่อเมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น ผมเองก็เริ่มที่จะไม่ใส่ใจพวกมันแล้วเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะผมโกรธพวกมันด้วยที่มีอะไร ไม่พอใจอะไรผม แล้วไม่บอก ผมเคยโทรไปถามอีแจนในช่วงแรก ๆ ที่มันเย็นชาใส่ผม ผมก็ไม่ได้คำตอบ ผมโมโหมาก ผมบอกมันว่าฝากบอกทุกคนด้วยว่า มีอะไรก็ให้พูดกันตรง ๆ ถ้าผมผิดผมขอโทษ แต่ถ้าผมไม่ผิด นอกจากผมจะไม่ขอโทษแล้ว ผมจะไม่สนใจกับคนที่คิดอะไรไร้สาระอย่างนั้นด้วย และนี่คงเป็นชนวนให้พวกมันยิ่งมึนตึงกับผมยิ่งขึ้น........

*
*
*

.......ถ้ามองในแง่ดี (อีกแล้ว) ผมก็ได้เจอเพื่อนใหม่มากขึ้น ได้ออกไปเที่ยวไกลขึ้น ได้เปิดหูเปิดตา และที่สำคัญที่สุด ผมใช้โอกาสนี้บอกพ่อว่าผมจะขอเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนทุกวัน พ่อผมมองผมแบบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง แต่เค้ารีบยื่นเงินให้ผมไปสมัครเรียนเลย.....ผมใช้เวลา 1 คืนในการตัดสินใจหาเรื่องมาทำให้ไม่คิดมากเรื่องเพื่อน โดยโยก็เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจครั้งนี้.....ถ้าผมไม่ได้โยในช่วงนั้น ผมคงจะแย่ เพื่อนไม่คุยด้วย แต่ยังมีคน ๆ นึงที่ยังรับฟังปัญหาของผม ช่วยผมคิด ไม่ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่มีใคร โยเป็นคนแรกที่ได้ยินผมร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรระบายปัญหาเรื่องเพื่อน ๆ ผมร้องไห้ไปพูดไป........แต่ซักพักมันทำให้ผมหัวเราะออก หลังจากไม่ได้หัวเราะมาทั้งวัน.

.......ผมรอคอยเวลาสามทุ่มทุกคืนเพื่อคุยโทรศัพท์กับโย เรื่องวุธผมพักไว้ก่อน เพราะผมกับวุธไม่ได้เจอกันอีกเลยตั้งแต่วันที่มันมานอนค้างบ้านผม ทุกเย็นผมได้แต่แอบมองมันอยู่บนอาคารเรียน ยืนดูเพื่อนผมกระโดดขึ้นกระบะรถมัน แรก ๆ ผมเห็นแล้วน้ำตาเล็ดทุกครั้ง แต่ซักสามสี่วันผ่านไป ผมก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย....ผมเริ่มนัดไปเที่ยวกับเพื่อนใหม่บ้าง.....เพื่อนในห้องแต่คนละกลุ่มบ้าง....ปัญหามันไม่ได้อยู่ตอนเย็นหลังเลิกเรียนหรอกครับ.....มันอยู่ที่ตอนเวลากินข้าวกลางวันสองวันแรกผมทนนั่งอยู่กับพวกมัน แต่หลังจากนั้นผมก็ไปนั่งกับเพื่อน ๆ กลุ่มอื่น เลยเถิดไปถึงเพื่อน ๆ ห้องอื่นด้วยซ้ำ (ก็ไอ้พวกเพื่อนเก่าที่เรียนปี 1 ด้วยกันแล้วมันเลือกเรียนบัญชีไงครับ)

*
*
*

........ผมมีโปรแกรมจะต้องเรียนพิเศษวันแรกหลังวันลอยกระทง ซึ่งปีนี้มันตรงกับวันศุกร์ เพื่อน ๆ ทุกคนมีนัดกันหมด เหลือผมคนเดียว จะนัดโยก็ไม่ได้......มันพูดไว้ก่อนแล้วว่ามันจะไปลอยกระทงกับที่บ้าน ส่วนครอบครัวผมก็ดันจะออกไปเที่ยวลอยกระทงที่พัทยากันอีก ผมต้องอยู่เฝ้าบ้านคนเดียว เพราะวันรุ่งขึ้นผมมีเรียนตั้งแต่เช้า ไม่เป็นไรครับ ผมเตรียมรับมือกับความเหงาได้ หาวิดีโอมาดูซักสี่ห้าเรื่อง ดูไปดูมาเมื่อยตามันก็หลับไปเอง

......แต่......ลอยกระทงปีนั้นมันไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่ผมคิดนะสิครับ ทำไมเหรอ เพราะอาเล็ก (น้องชายคนสุดท้องของพ่อผม) มาเยี่ยมบ้านผมตอนเย็นก่อนวันลอยกระทงสองวัน......หลังจากที่ทักทาย ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ กินข้าวกันเรียบร้อยแล้ว พ่อกับแม่ผมก็นั่งดูข่าว ส่วนผมก็นั่งเล่นกับหมาอยู่หน้าบ้าน อาเล็กซึ่งผมเคยสนิทเมื่อครั้งผมยังเด็ก แต่พอโตมามันเหมือนมีอะไรมากั้นผมกับเค้าอยู่ ผมพยายามหลบเลี่ยงไม่เจอเค้า เพราะ อาเล็กแกเป็นเกย์วัยทอง มีอาชีพเป็นช่างทำผม แต่งหน้า เป็นเจ้าของร้านทำผมที่ดังที่สุดในย่านชานเมืองกรุงเทพฯ (เป็นร้านแบบซาลอนน่ะครับ หาได้ตามท้องตลาดทั่วไป แต่ของอาผมได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในด้านแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว หรือรับปริญญา) แกมีอาชีพเสริมที่ทำเล่น ๆ คือเป็นแมวมอง เป็นพี่เลี้ยงนางงามส่งเข้าประกวด และมักจะกวาดรางวัลมาประดับตู้โชว์ที่บ้านหลายอันแล้ว และนี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ร้านของอาเล็กดังมาก (ย้ำ ในแถบชานเมือง) ที่ผมกลัวที่สุดในการเผชิญหน้ากับอาเล็กก็คือกลัวเค้าจะจับพิรุธผมได้ว่าผมไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัว กลัวเค้าจะไปบอกพ่อผม กลัวไปสารพัด.....

“มานั่งทำอะไรอยู่คนเดียวฮะ....เอ้” ผมสะดุ้งตกใจ กำลังคิดอะไรอยู่เพลิน ๆ

“นั่งเล่นกับหมาครับ” อาเล็กยิ้มแล้วนั่งมองหน้าผม

“อายุเท่าไหร่แล้วเราน่ะ”

“มกรานี้ก็สิบหกแล้วครับ” ผมตอบเกร็ง ๆ

“มีแฟนยัง” ผมส่ายหน้าแรง ๆ

“หน้าตาดี ๆ อย่างนี้ไม่ไม่แฟนได้ไง อาไม่เชื่อหรอก” อาเล็กขำ

“จริงครับ....เอ้ยังเด็กอยู่เลย”

“ไม่เด็กแล้วนะ....ไหนยืนซิ” ผมลุกขึ้นยืนตามคำสั่ง อาเล็กบอกให้ผมหมุนตัวไปมา

“ใช้ได้.....” อาเล็กพูดเบา ๆ

“ลอยกระทงไม่ได้ไปพัทยากับพ่อแม่.....แล้วเอ้ไปเที่ยวไหนล่ะ”

“อยู่บ้านครับ.....”

“เอางี้.....วันลอยกระทงน่ะ เลิกเรียนแล้วไปบ้านอา อามีอะไรสนุก ๆ ให้ทำ”

“อะไรเหรอครับ” ผมเสียวสันหลังวาบ

“มาใกล้ ๆ นี่.....พูดดังไม่ได้” ผมกวักมือเรียกผมเข้าไปหา และกระซิบข้างหูผม ผมหัวเราะก๊าก ลืมเก๊กเลยครับ

“ไม่เอา......เอ้ไม่เคย” ผมหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ เริ่มสนิทใจที่ได้คุยด้วย

“ก็ลองดูดิ….ครั้งนึงในชีวิตนะเว้ย” อาเล็กคะยั้นคะยอ ผมคิดสักพัก

“แล้วเอ้จะไปยังไง....กลับยังไงล่ะฮะ ไกลจะตาย” น่าสนใจเหมือนกัน ไม่มีอะไรเสียหายนี่นา ยิ่งเซ็ง ๆ กับชีวิตอยู่

“เดี๋ยวอาขับรถมาส่ง ไม่นานหรอก 3-4 ทุ่มก็น่าจะเสร็จ” ผมพยักหน้ารับทันที

“ดีมาก.....รับรองว่าหนูจะไม่ลืมคืนนั้นแน่ ๆ .....อ้อ.....แล้วไม่ต้องไปบอกพ่อบอกแม่ล่ะ เดี๋ยวเป็นเรื่อง” ผมรับคำ แล้วถามรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่ผมต้องทำ

..........นั่งคุยกับอาเล็กอยู่นานจนพ่อกับแม่สงสัยออกมายืนด้อม ๆ มอง ๆ คงกำลังสงสัยว่าทำไมผมถึงได้คุยสนุกสนานเฮฮาผิดปกติ ผมเริ่มคุยเปิดอกกับอาเล็ก แกมีวิธีหลอกถามอะไรหลาย ๆ อย่างแล้วผมสามารถตอบได้โดยไม่ขัดเขิน หรือต้องปกปิดเป็นเรื่องส่วนตัว อาเล็กก็เล่าเรื่องอดีตของแกให้ฟังบ้าง.....ผมได้ข้อคิดในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจากแกมาหลายเรื่องเลยครับ คุยกันจนลืมเวลานัดจนน้องชายผมวิ่งออกมาเรียกให้ผมไปรับโทรศัพท์ (ของโย) อาเล็กแกจึงเข้าไปคุยกับพ่อแม่ต่อ และผมก็ได้ยินเสียงรถแกขับกลับไปตอนเกือบ ๆ สี่ทุ่ม

..........ผมเล่าให้โยฟังว่าวันลอยกระทงผมไม่ต้องเหงาอีกแล้ว ผมมีอะไรต้องทำเป็นครั้งแรกในชีวิต และอาจจะเป็นครั้งเดียวก็ได้ ถ้าผมไม่รีบคว้ามันไว้ มันอาจจะไม่โอกาสอย่างนี้เข้ามาอีก ผมตัดสินใจบอกโยเป็นคนแรก โยตกใจโวยวายห้ามไม่ให้ผมไปเป็นเรื่องเป็นราว แต่ผมก็ยังดื้อด้านจะไป เพราะมันไม่มีอะไรเสียหาย สนุกดีด้วย ท่าทางโยจะเครียดจริง ๆ ผมต้องพูดให้มันสบายใจว่าผมไปกับญาติสนิท และสถานที่นั้นมันก็ไกลพอที่เรื่องนี้จะไม่ไปถึงหูคนอื่น ในที่สุดโยก็ต้องยอมผม ในใจผมอยากให้โยไปกับผม........แต่ไม่ไดชวนมันหรอกนะครับ เพราะกลัวจะเสียความรู้สึกถ้าชวนแล้วมันไม่ไป

***************************************************************************************************************
มาตามคำสัญญาครับเด๋ววันนี้จะลงให้2ตอนเลย
เด๋วตอนเย็นๆๆกลับมาลงให้ใหม่นะครับ
ขอบคุณทุกๆๆรีพายครับ
แล้วขอบคุณพี่เอ้ด้วยครับ
เด๋วตอนเย็นๆๆเจอกัน
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 08-09-2007 14:57:36
คนเขียนน่ารัก

คนโพสต์น่ารักกว่า

ขอบคุณค่าที่เอามาโพสต์บ่อยๆ รักตายเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 08-09-2007 19:50:50
 :m4: :m4: :m4:

มารอแระครับ อิอิ

เป้นกำลังใจให้คนโพสกะคนแต่งนะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 08-09-2007 23:29:41
 :impress:

ทามมายเพื่อน ๆ เปลี่ยนไปอ่ะ

ม่ายเข้าใจ แล้วจะไปทำอะไรกับอาเนี่ย

โอ๊ย  มาต่อไว ๆ นะครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 09-09-2007 00:30:29
มาต่อซะดึกเลยแหะๆๆๆๆ
 :m27: มาแล้วยังดีกว่ามาช้ามาช้ายังดีกว่าไม่มา

15 One night only
…..เช้าวันลอยกระทงผมเดินเข้าห้องเรียนเงียบ ๆ ตามปกติ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ เพื่อน ๆ ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว สิ่งแรกที่ผมทำก็คือก้มลงไปดูว่าลืมติดกระดุมกางเกงหรือเปล่า.....ก็ติดนี่หว่า ผมไม่สนใจเดินเชิด ๆ ไปนั่งประจำที่ ซักพักเพื่อนในกลุ่มผมนำขบวนโดยอีอ๋า เดินเข้ามาล้อมโต๊ะที่ผมนั่ง

“วันนี้มึงไปลอยกระทงที่ไหนวะ”

“ไม่ไป” ผมตอบสั้น ๆ

“แต่กูรู้ว่ามึงจะไปไหน”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกมึงอ่ะ” ผมเงยหน้ามองพวกมันทีละคนด้วยสายตาเย็นชา

“เฮ้ย....อีเอ้.....พวกกูง้อมึงแล้วนะโว้ย” อีแจนพูดบ้าง

“มาง้ออะไรกู.....กูไม่ได้โกรธพวกมึงซะหน่อย” อีพวกนั้นยิ้มกันใหญ่ “พวกมึงต่างหากที่โกรธกู โดยทีกูยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องอะไร” หุบยิ้มกันแทบไม่ทัน

……“ก็เรื่อง”......... “อีอ๋า” ทุกคนสามัคคีเรียกชื่ออีอ๋าเป็นทำนองว่าไม่ให้พูด

“ไม่มีอะไรหรอก.....พวกกูเข้าใจอะไรผิดนิดหน่อยอ่ะ” อีตาลสรุปง่าย ๆ แต่ผมไม่จบ

“ถ้ากูทำให้เพื่อนกูเสียใจเพราะความเข้าใจผิดเนี่ย.....มึงรู้มั๊ยว่ากูจะทำอะไร”

“เออ ๆ อีเอ้....ไม่ต้องประชดเลย......พวกกูขอโทษโว้ย หายงอนรึยัง” อีนัทเข้ามากอดคอผม ตามด้วยชะนีอีกสี่ตัว

“....พอ....ปล่อยกู จั๊กจี้........” ผมหัวเราะคิก

“แหม....อีห่า....ทีพวกกูกอดนิดกอดหน่อยทำสะดิ้ง......ถ้าเป็นผู้ชายมึงคงรีบกระโดดขึ้นคล่อมแล้วดิ” อีอ๋ากัดผม

*
*
*

......พวกเรากลับมาเฮฮาปาร์ตี้กันเหมือนเดิม ในที่สุดอีพวกนั้นก็รู้จากปากผมโดยตรงว่าคืนนี้ผมจะไปทำอะไร ที่ไหน ตอนแรกผมค่อนข้างงง ว่ามันรู้กันได้ยังไง คนที่ผมบอกก็มีไม่กี่คนเท่านั้น ถ้าเป็นที่โรงเรียนก็เป็นเพื่อนเก่าห้องอื่นที่บ้านอยู่แถวนั้น มันจะไปให้กำลังใจผมด้วย ตอนนั้นผมมัวแต่ดีใจที่เพื่อนกลับมาคุยกับผมจนลืมนึกสงสัยอะไรอย่างอื่น......

......และแล้วก็ได้เวลากลับบ้าน....เพื่อน ๆ ครึ่งห้องเดินเข้ามาหากลุ่มผม และขอตามไปด้วย ผมดีใจมาก ตอนแรกที่ตัดสินใจรับปากอาเล็ก ก็คิดแค่เล่น ๆ สนุก ๆ ดีกว่านอนเหงาอยู่บ้าน แต่พอได้เห็นเพื่อน ๆ ตื่นเต้นไปกับผม ผมยิ่งฮึด อยากทำให้ทุกคนสนุกไปกับผมด้วย แม้ว่าบ้านอาเล็กจะอยู่ไกลจากบ้านผม แต่สำหรับเพื่อนผมแล้ว แค่นี้ไม่ไกลหรอกครับ มีเพื่อนตั้งหลายคนที่บ้านอยู่แถวนั้น รวมทั้งอีนัทด้วย บ้านเพื่อนผมก็ไปทางเดียวกันน่ะแหละ แต่ที่ผมจะไปคืนนี้ต้องเลยไปอีกนิดนึง และผมก็เพิ่งรู้ด้วยว่าสถานที่ที่ผมจะไปนั้น ต่างจากปากคำของอาเล็กที่บอกผมวันนั้นอย่างมาก......

......ไม่อยากบอกเลยว่าพวกผมเดินทางกันยังไง นึกตอนนี้แล้วอยากกลับไปเป็นเด็กอีกจัง.....พวกผมเหมาสองแถวไปกัน สนุกมาก ที่นั่งไม่พอก็นั่งตักกัน โหนกันบ้าง ตะโกนแซวรถคันอื่นบ้าง ผมกำลังหลับหูหลับตาเม้าธ์วางแผนจะเที่ยวงานกันหลังจากที่ภารกิจของอาเล็กเสร็จสิ้น อีกอย่างไม่ได้คุยกับพวกมันนานแล้วอั้นไว้เยอะ ไม่ทันได้สนใจอะไรรอบตัว แต่ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงเพื่อน ๆ ผมกรี๊ดกร๊าดกันลั่นรถ ผมหันไปดูปรากฏว่า ไอ้รถกระบะคันเดิม คนขับคนเดิม ขับมาขนานกับรถสองแถวที่พวกผมนั่ง ผมคิดในใจว่าพวกมันคงไม่ไปที่เดียวกับผม ที่ไหนได้มันทำท่าทำทางประมาณว่าเจอกันที่โน่นกับพวกแฟน ๆ ของมัน อีพวกเพื่อนผมมันต้องนัดกันไว้ก่อนแน่ ๆ เอาแล้วไงกู.....จากตอนแรกที่ไม่อาย....ไม่ตื่นเต้น.....กลับกลายเป็นว่าตื่นเต้นจนกังวลว่าที่เตรียมตัวไว้จะผิดพลาดไปหมด

*
*
*

........ในที่สุดก็ถึงที่วัด XXXXX วัดริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศดีมาก ข้าวของเริ่มวางระเกะระกะ พ่อค้าแม่ค้าจัดร้านเตรียมโกยเงินจากผู้มาเที่ยวงาน ผมเห็นสถานที่แล้วก็ยิ่งตื่นเต้น พอรถจอดดีแล้ว ผมขอแยกตัวจากเพื่อน ๆ ไปหาอาเล็กซึ่งมีร้านอยู่ไม่ไกลนัก ประมาณ 200 กว่าเมตร ผมชี้ให้เพื่อนดูตอนที่นั่งรถผ่านว่านี่คือร้านของอาผม ถ้าจะเข้าห้องน้ำหรือตามหาผมก็ให้มาที่นี่.......ตอนเด็ก ๆ ผมก็เคยมาร้านอาเล็กนะครับ แต่พ่อแม่ผมไม่ให้เดินมาใกล้วัดนี้ เพราะเค้ากลัวผมจะตกน้ำ ผมเลยไม่รู้ว่าวัดนี้ข้างในเป็นยังไง เห็นเต็มที่แค่ประตูทางเข้า

.........ผมกำลังก้มหน้าก้มตาเดินอยู่คนเดียว เสียงแตรรถก็ทำให้ผมสะดุ้ง แต่คนขับทำให้ผมตกใจกว่า.....ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ ไอ้วุธ ยัง still หล่อเหมือนเดิม ไม่ได้เจอจัง ๆ มานาน มันผมยาวขึ้นนิดนึง ไม่ได้ตัดผมรองทรงแบบคนอื่นด้วย มีรากไทรกับจอนบาง ๆ น่ารักมาก มันขับมาจอดข้าง ๆ แล้วเรียกผมขึ้นรถ ผมก็ขึ้นเพราะอีกนิดก็ถึงร้านอาเล็กแล้ว พอเปิดประตูผมใจหายวาบ ก็เสี้อผ้าผมที่มันยืมใส่คราวนั้น ตอนนี้ถูกพับเรียบร้อยอยู่ตรงแคปด้านหลังคนขับมองเข้าไปเห็นพอดี

“เฮ้ย.....ทำไมไม่เก็บไว้บ้านวะ.....เสื้อผ้าเราอ่ะ” ผมโวยวาย

“อ้าว...ก็เอ้บอกเองไม่ใช่เหรอว่าให้ใส่รถเอาไว้” ผมอึ้ง จริงด้วย

“อย่างนี้ไอ้พวกนั้นมันก็เห็นอ่ะดิ.....ทั้งเสื้อทั้งกางเกง เราไปซื้อกับอีพวกนั้นน่ะ ยังไงมันก็ต้องจำได้ว่าเป็นของเรา” ผมเริ่มตงิดนิด ๆ แล้วว่าเพื่อนผมโกรธเรื่องอะไร

“ไม่เห็นเป็นไรเลย” มันทำหน้าเฉย ผมถอนใจปลง ๆ

“เออ....ช่างมันเถอะ แล้วนี่จะไปไหนอ่ะ”

“หาที่จอดรถ.....หายากชิบเป๋ง” มันหันซ้ายหันขวา

“มาเที่ยวแถวนี้เหรอ”

“ทำนองนั้น” มันตอบกวน ๆ

“จอดหน้าร้านอาเราก็ได้…เนี่ยซ้ายมือโลด” ผมชี้ มีที่จอดพอดี มันเข้าซองจอดเรียบร้อยผมก็โบกมือบ๊ายบาย

“อะไร....ไม่ให้ไปไหว้อาหน่อยเหรอ” มันบ่น ผมส่ายหัว เรื่องอะไรล่ะ มันก็รู้หมดว่าผมมาทำอะไร

“ไม่ต้อง (เสียงสูง)....ไปเดินเที่ยวกับเพื่อนเหอะ ไอ้พวกนั้นรอไม่ใช่เหรอ”

“พวกมันไม่รอหรอก มากันเป็นคู่ ๆ อย่างนั้นอ่ะ” มันมองผมด้วยสายตาที่ผมต้องใจอ่อนอีกแล้ว

“เออ ๆ ตามมา” ผมแกล้งเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าร้าน

“รอด้วย......เดินช้า ๆ ดิ” มันคว้ามือผมไว้ พอดีกับอาเล็กเปิดประตูที่มีม่านกั้นประมาณว่าวันนี้ปิดร้านออกมาเจอพอดี สายตาอาเล็กมองที่ข้อมือผม วุธรีบปล่อยทันที

“อ้าว....เอ้....มา เข้ามา.....เป็นอะไรยะ...ทะเลาะกับแฟนเหรอ หน้าหงิกเชียว เดี๋ยวไม่สวยนะ” โห....อาเล็กทำเอาผมหน้าชา แต่ไอ้วุธยิ้มแฉ่ง ผมยกมือไหว้อาเล็ก

“....นี่วุธเพื่อนเอ้....” ผมแนะนำวุธให้อาเล็กรู้จัก วุธยกมือไหว้

“หวัดดีค่ะ.....” อาเล็กผมสาวแตก ไม่เหมือนตอนที่อยู่กับพ่อแม่ผมเลย แถมตอนนี้ยังมองวุธแบบพิจารณา “แน่ใจเหรอว่าเพื่อนอ่ะ” อาเล็กแซว ผมรู้สึกตัวว่าหน้าร้อนวูบ ๆ ไม่กล้ามองหน้าไอ้วุธ

“เพื่อนแน่นอน.....แฟนเอ้หล่อกว่านี้อีก” ผมพูดแล้วแทบจะตบปากตัวเอง ก็ดันเผลอไปบอกอาเล็กว่ามีแฟนแล้ว เป็นผู้ชายซะด้วย อาเล็กมองยิ้ม ๆ แล้วเข้าไปหาน้ำกับไก่เคเอฟซีมาให้ผมกับวุธกินยังร้อน ๆ อยู่เลย

“กินกันซะ....จะได้แต่งตัว เดี๋ยวหิวเป็นล้มเป็นแล้งกันบนเวที” ผมอ้าปากจะปฎิเสธ แต่โดนดักคอไว้อย่างนี้ก็ต้องกินอ่ะครับ วุธยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้งแล้วฉีกซองซอสให้ผม....ผมเขินอาเล็กมาก แกคงรู้เลยเดินไปเตรียมข้าวของบนบ้าน ก็ชั้นสองของร้านน่ะแหละ แกบอกให้กินให้หมดแต่ไม่ให้ผมกินเยอะ กินแค่พออิ่ม แกไม่อยากให้ผมพุงป่องออกมา ส่วนแกกินเรียบร้อยแล้วก่อนผมมาสักพัก ผมพาวุธไปเข้าห้องน้ำล้างมือล้างไม้แล้วออกมากินกันจนอิ่ม

*
*
*

“วุธ.....อย่าโกรธนะ ถ้าเราจะบอกว่าให้ออกไปเที่ยวข้างนอกก่อน....เราจะทำธุระอ่ะ” ผมพูดอ้อมแอ้ม หลังจากกินเสร็จและอาเล็กเอาแปรงสีฟันใหม่เอี่ยม พร้อมยาสีฟันมาให้ผมแปรงฟัน

“ไม่เห็นเป็นไรเลยเอ้ ก็ไห้แฟน...เอ๊ย...เพื่อนอยู่ที่นี่ก็ได้ นั่งดูทีวี ฟังเพลงไปก่อน….ข้างนอกตอนนี้ยังไม่ค่อยมีอะไรหรอก ยังไงเราก็ต้องไปแต่ตัวกันข้างบนอยู่แล้ว.....ทำไม....อายเหรอ....เดี๋ยวขึ้นเวทีมีคนมองมากกว่านี้อายไม่ได้นะเว้ย” ผมเห็นวุธยิ้ม

“เวทีอะไรอ่ะครับ” วุธทำหน้างง ๆ

“อ้าว....นี่ไม่ได้บอกเค้าเหรอว่าหนูมาทำอะไร” อาเล็กหันมาถามผมต่อ ผมส่ายหน้า “วันนี้อาจะส่งเอ้ไปประกวดนางนพมาศในงานวัดนี่แหละ” ผมเห็นมันมองแล้วยิ้ม ผมอยากจะกลับบ้านเดี๋ยวนั้นเลย

“มีประกวดนางนพมาศด้วยเหรอครับ” มันทำท่าสนใจ แต่ไม่เนียนเลย ผมรู้ว่ามันรู้มาก่อนนี้แล้วแน่ ๆ

“ถ้าผู้หญิงน่ะ มีทุกปี แต่เวทีของเอ้เนี่ย ปีแรก พอดีอายุ่ง ๆ ช่วงก่อนหน้านี้ก็เลยเตรียมหาเด็กไปประกวดเวทีใหญ่ไม่ทัน นี่เพื่อนอาเค้าเป็นกรรมการไง แล้วเค้ากลัวมีคนประกวดน้อย ก็เลยให้อาหาเด็ก ๆ มาประกวดกัน เงินรางวัลไม่เยอะหรอก เวทีนี้เค้าเน้น สวยแปลก…..” ไอ้วุธขำ ผมมองค้อน มันอมยิ้มแล้วฟังอาเล็กเล่าต่อ “.......แต่เอ้นี่....อาว่าต้องติดหนึ่งในสามนะ ไม่ต้องใช้เส้นด้วย โครงหน้าเค้าดีอยู่แล้ว เดี๋ยววุธคอยดูนะ อาจะแปลงร่างเอ้ของวุธให้สวยแบบผู้หญิงอายเลย” อาเล็กเน้นคำว่าเอ้ของวุธ ผมน่ะมันอายจนชาไปแล้ว แต่ไอ้วุธนี่สิ อายจนหูแดงเลยครับ

“ไม่เป็นไรครับ ผมไปดูเพื่อน ๆ ก่อนดีกว่า อีกสักพักผมค่อยมาใหม่” วุธพูดกับอาเล็ก ไม่ยอมสบตาผม

*
*
*

......หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความทรมานในการแต่งหน้า ทำผม เริ่มตั้งแต่อาให้ผมไปอาบน้ำซะใหม่ ใส่ผ้าขนหนูตัวเดียว ยังดีที่มีเสื้อคลุมให้ ขั้นตอนการแต่งหน้า อาเล็กเอารองพื้นชนิดหนาเป็นพิเศษมาโบกหน้าผม ตามด้วยแป้งหนา ๆ อีกชั้น ก่อนเอากรรไกรเล็ก ๆ มาเล็มคิ้วผมให้บางลงนิดนึง เพราะผมไม่ยอมให้กันคิ้ว จริง ๆ แล้วแค่รองพื้นอย่างเดียวคิ้วผมก็แทบไม่เหลือแล้ว.......หนักตามาก อะไรไม่รู้เต็มไปหมด สีสัน colorful ผมแอบกัดอาเล็กว่าจะให้ผมประกวดนกแก้วหรือว่านางนพมาศกันแน่ อาเล็กหนีบขนตาผมแล้วดึง ผมร้องจ๊ากเลยครับ ระบายสีที่แก้ม วาดขอบปาก ทาสีชมพู ผมเห็นหน้าตัวเองในกระจกแล้วแทบร้องไห้ มันไม่เข้ากันเลยกับผมสั้น ๆ ยุ่ง ๆ และชุดคลุมอาบน้ำ

.......ขั้นตอนการทำผมทรงพิสดาร อาเล็กยีผมจนฟูไปทั้งหัว เสร็จแล้วฉีดสเปรย์อัด ใส่วิกผมด้านหลัง มองไกล ๆ แล้วเนียนมาก ติดกิ๊บไม่รู้กี่สิบตัว เจ็บระบมไปทั้งหัวกบาลมีดอกไม้เล็ก ๆ แซมผม อาเล็กบอกว่าไม่ต้องใส่ชฎา เครื่องประดับอะไรให้วุ่นวาย เพราะเวลาได้ตำแหน่งมาจะใส่มงกุฎลำบาก ใช้แค่ต่างหูทองแบบหนีบ เพราะผมไม่เจาะหู ใส่สร้อยทอง แล้วอีกอย่างเรียกอะไรก็ไม่รู้ทอง ๆ เหมือนกัน.....

......ที่ทรมานที่สุดคือ การทาแป้งทั้งตัว ใช้แป้งชุบน้ำยี่ห้อXXXXX ทาจนทั่วทั้งตัว ทาแล้วก็ปล่อยให้แห้ง พอแห้งก็เอามือลูบ ๆ ให้มันเนียน แล้วก็ทาซ้ำ พอแห้งก็ลูบให้เนียน ทำซ้ำกันประมาณสี่ห้าครั้งได้.....อาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่ใช่คนขาวอะไรมากมาย ก็เลยเปลืองแป้งเป็นพิเศษ ขั้นตอนนี้ใช้เวลานานมาก และเป็นครั้งแรกทีมีคนมาแตะต้องตัวผมได้นานขนาดนี้ โดยที่ผมต้องถอดเสื้อออก แรก ๆ ก็อายหรอกครับ แต่อาเล็กแกฮามาก แกโม้ไปตามเรื่องตามราว กัดผมบ้างจนผมลืมไปว่าแกเป็นอา เราเริ่มคุยกันสนุกขึ้น มีเรื่องเล่าต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งเรื่องอย่างว่าด้วย อาแกสอนผมหลายอย่าง และแกยังชมผมเลยว่าเก่งที่ยังอุตส่าห์รักษาซิงมาได้สิบหกปี อาแกเสียสาวตั้งแต่ม. 1 แต่กับใครแกไม่บอกนะครับ......

……..ชุดที่ผมใส่เป็นสไบเฉียงและผ้าถุงสีน้ำเงินครับ ชุดสวยมาก และก็อึดอัดมากเช่นกันกับชุดชั้นในผู้หญิงที่ปลดตะขอออก มันคันตรงขอบ ๆ อ่ะครับ ยัดกระดาษใส่ฟองน้ำให้ดูอึ๋มด้วย.....พอชุดเสร็จเรียบร้อย อาเล็กก็เอารองเท้ามาให้ใส่ ตอนนั้นเท้าผมยังไม่ใหญ่เท่าตอนนี้ก็เลยใส่ของผู้หญิงจริง ๆ ได้ เป็นรองเท้าส้นสูง อาเล็กให้ผมหัดเดินขณะใส่ส้นสูง แรก ๆ ผมก็เก้ ๆ กัง ๆ แต่สักพักก็ชิน ผมเดินไปมองตัวเองในกระจกใหญ่เต็มตัวเป็นครั้งแรก ไอ้ที่ทรมานมานานกว่าสองชั่วโมงหายเป็นปลิดทิ้งเลยครับ.......ไม่อยากชมตัวเอง......สวยมาก ๆ ทุกอย่างสวยไปหมด สวยจนผมแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือตัวผม เครื่องสำอางที่ตอนแรกดูหนาเตอะ พอโดนเหงื่อนิด ๆ มันเนียนดีจัง ผิวนอกผ้าก็ขาวเด้ง ตัดกับชุดไทยสีน้ำเงินเข้ม ตอนนั้นผมอยู่ในแสงไฟนีออนไงครับ มันก็เลยดูหลอก ๆ ไปบ้าง แต่อาเล็กบอกว่า ต้องแต่งให้เข้มที่สุด เพราะเราประกวดกันกลางแจ้ง มีไฟสปอร์ไลท์ส่อง ไอ้เครื่องสำอางหนา ๆ กับแป้งชุปน้ำนี่จะช่วยชีวิตผมไม่ให้ซีด

......เสื้อผ้าหน้าผมเสร็จ ต่อมาก็เป็นการเทรนการตอบคำถาม การเดิน การยิ้ม ผมก็ฟังผ่าน ๆ ไม่ได้จดจำอะไรมาก ก็อย่างที่บอกไงครับ มาสนุก ไม่ได้หวังอะไร ครั้งหนึ่งในชีวิต ในกำหนดการผมต้องไปรายงานตัวตอนหนึ่งทุ่ม และนี่ก็ใกล้เวลาแล้ว ผมขออาเล็กไปฉี่ทีนึง........พอออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดเหมือนผีโดนน้ำมนต์จากพวกเพื่อน ๆ ผมซึ่งตอนนนี้พวกมันอออยู่กันเต็มร้านอาผมแล้ว ผมทำท่าไหว้ย่อตัวลงมาแบบที่อาเล็กสอนเมื่อครู่ให้เพื่อนผมดู พวกมันยิ่งกรี๊ดกันใหญ่ อาเล็กต้องบอกให้เตรียมตัวออกไปงานกันได้ คนที่ยืนอยู่ในร้านคนสุดท้ายก็คือไอ้วุธ มันมองผมด้วยสายตาที่ทำให้ผมต้องหลบ ไม่กล้าสบตาด้วย ช่วงที่ผมต้องเดินผ่านมันไปหน้าร้าน มันยื่นหน้ามากระซิบใกล้ ๆ ว่า “สวยจังแฟนใครเนี่ย” ผมเขินเดินขาแทบขวิด ตลอดทางเดินไปเวที ผมต้องเผชิญกับสายตาของผู้คนมากมายที่เริ่มทยอยกันมางาน ทั้งงานวัดและ มาลอยกระทง ท่ามกลางสายตาหลาย ๆ คู่ผมยังได้ยินคำชมด้วย........ตอนแรกก็นึกว่าจะมีแต่คนหัวเราะผมซะอีก ความดีความชอบนี้ผมต้องยกให้อาเล็กคนเดียวครับ

*
*
*

........เนื่องจากปีนี้เป็นปีแรก การประกวดของพวกผมจึงเป็นแค่ตัวคั่นเวลาของการประกวดผู้หญิงจริง ๆ แต่ได้รับความสนใจจากคนดูมาก หลังเวทีมีแต่เสียงจอกแจกจอแจ บางคนก็มาแต่งหน้าทำผมกันที่นี่ทุลักทุเลพอควร มีน้องเตยหลายประเภท ทั้งมีนมผมยาว หัวโปกใส่วิก นางงามร้อยเวทีดูเจนจัดก็มี แต่ที่เหมือนกันทุกคนก็คือ แป้งชุบน้ำXXXX กลิ่นของมันสุดยอด สวยแต่เหม็นก็ไม่ไหวนะ ผู้เข้าประกวดรอบผมรวมได้ทั้งหมด 15 นาง รู้สึกผมจะเด็กที่สุดนะครับ

........ได้ยินเสียงประกาศให้ขึ้นเวทีที่ละคน ความตื่นเต้นของผมกลับลดลงอย่างประหลาด เป็นอย่างนี้ประจำ เวลาตื่นเต้นอะไรมาก ๆ พอถึงเวลาจริง ๆ กลับไม่ตื่นเต้นเลย อยากจะรีบ ๆ ทำ รีบ ๆ จบ แล้วไปเดินเล่นงานวัดต่อ.......ผมเดินขึ้นเวทีเป็นคนรองก่อนสุดท้ายตามที่ได้จับสลากกันก่อนหน้านี้ ทันทีที่ผมขึ้นเวทีปรากฏตัว หน้าม้าของผมก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันดังลั่น แย่งซีนผมอย่างแรงที่ทุกคนหันไปดูพวกมัน แต่ผมยิ่งมีกำลังใจ เดินฉีกยิ้มให้กรรมการ และผู้ร่วมงาน........แสงไฟจ้า ๆ ส่องเข้าตาทำให้ผมมองหน้าคนที่อยู่ข้างล่างไม่ถนัด เป็นข้อดีนะครับเพราะผมจะได้ไม่อาย เหมือนไม่รู้ว่ามีคนมองเราอยู่มากน้อยแค่ไหน

*
*
*

รายละเอียดในการประกวดก็ไม่มีอะไรมาก เหมือนการประกวดทั่ว ๆ ไป......แต่อย่างหนึ่งที่ทำให้ผมขาดความมั่นใจก็คือ มีคนบอกว่า ไม้ที่ทำพื้นเวทีทำมาจากฝาโลง......ผมแทบไม่อยากกลับขึ้นไปเดินรอบห้าคนสุดท้ายเลย แต่ก็ต้องจำใจเดินด้วยความหวาดระแวงว่าจะมีมือลึกลับโผล่มาจับเท้า บางทีชายกระโปรงโดนข้อเท้าตัวเองก็สะดุ้งแล้วครับ

“มาถึงคำถามของน้องคนนี้บ้างนะครับ......คุณเล็กจากร้าน XXXXX ส่งเข้าประกวด ได้ข่าวว่าเป็นหลานแท้ ๆ ของแกด้วยใช่มั๊ยครับ” ผมพยักหน้าแล้วยิ้มหวาน สุดฤทธิ์
“น้องมีความคิดยังไงกับการประกวดนางนพมาศสาวประเภทสองในพื้นที่ใกล้วัดอย่างนี้ครับ” คำถามจากพิธีกร (ก็คนแถวนั้นแหละครับ อาศัยว่าพูดเก่งหน่อย) ตายแล้ว.....อาเล็กไม่ได้เทรนเรื่องนี้ ผมยิ้มนิดนึงขึ้นต้นคำตอบด้วยประโยคคลาสสิค

“ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ” เอาไมค์ออกจากปากนิดนึง กระแอมเพื่อดัดเสียงหวานต่อ “เอ้คิดว่า.....มันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนะคะ.....เราประกวดกันบนเวทีเล็ก ๆ ไม่มีการใส่ชุดว่ายน้ำ หรือชุดโป๊เปลือยยั่วยุกามารมณ์.....เราใส่ชุดไทยกันสวยงาม พี่ ๆ ทุกคนรวมทั้งเอ้ด้วย ไม่มีเจตนาที่จะมาทำให้สถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาเสื่อมเสีย บางทีพวกเราอาจจะเป็นสีสรรในการมาเที่ยวงานนี้ก็ได้นะคะ....อีกอย่าง....เวทีที่เรายืนอยู่ตอนนี้ มันห่างจากพระอุโบสถพอควรค่ะ......ทุกอย่างย่อมมีสองด้านเสมอ มีทั้งคนเห็นด้วยและคนไม่เห็นด้วย เอ้ขอขอบพระคุณสำหรับท่านที่เห็นด้วยที่ทำให้พวกเราได้มีสถานที่ในการแสดงความสามารถ (ตรงไหน).......และกราบขออภัยท่านที่ไม่เห็นด้วย ที่พวกเราอาจจะทำให้ท่านหงุดหงิดขัดหูขัดตา แต่เพื่อความสุขของคนส่วนมากขอให้ท่านเปิดใจรับพวกเราไว้แต่งแต้มสีสันของงานลอยกระทงในปีนี้ด้วยนะคะ…..ขอบคุณค่ะ” ไหว้ย่อตัวลงไปอย่างงาม ไม่รู้ว่านาทีนั้นตอแหลไปได้ยังไง......เสียงปรบมือกรี๊ดกร๊าด คราวนี้ดังและยาวนานกว่าเดิมเพราะไม่ได้มีแต่พวกผม.....คิดถึงวันนั้นแล้วผมยังภูมิใจกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของตัวเอง ผมคิดว่า ถ้าผมโดนคำถามที่อาเล็กสอนมา ผมอาจจะตอบได้ไม่ค่อยดีนัก เพราะมันเหมือนท่องจำเอามากกว่า แต่นี่มันมาจากความคิดผมเมื่อตอนอายุเกือบ ๆ สิบหกอ่ะครับ (แบบว่าแม่ชอบดูประกวดนางงามไง แล้วผมก็ต้องทนนั่งดูผู้หญิงเดินไปเดินมาตาลาย....ผมชอบดูตอนตอบคำถามมากกว่า.....ลุ้นดี)

*
*
*

…….คืนนั้นผมคว้ารองอันดับสองมาได้ตามความคาดหมายของอาเล็กเพราะ คนที่ได้ตำแหน่งเป็นกะเทยเมียน้อยคนใหญ่คนโตแถบนั้น......คนที่ได้รองอันดับหนึ่ง สวยจริง ๆ สวยแบบผู้หญิงหลายคนต้องอิจฉา......ส่วนผม.....ทุกวันนี้ผมยังไม่รู้เลยมาได้มาได้ยังไง.....เพราะหน้าตา....เพราะการตอบคำถาม.....หรือเพราะเพื่อนอาเล็กเป็นกรรมการ

**************************************************************************

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับ ใกล้จะถึงตอนที่ทุกคนรอคอยแล้วครับ......ผมตั้งใจจะโพสให้ตรงกับวันนั้นเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว


ขอบคูณพี่เอ้มากนะครับมาลงแล้วนะครับ
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 09-09-2007 00:47:39
เอ้น่าร้ากกกกก วุธก็น่าร้ากกกกกก

อิจฉาจังไปงานลอยกระทงร่วมกันด้วย เราคบกับแฟนมาสี่ห้าปีแล้วยังไม่เคยเลย

ไม่เคยสวยขนาดได้ประกวดนางนพมาศด้วย

เมนท์ไปเซ็งไป

อยากให้พะแพงหรือลูกโป่งชนะเอเอฟ

ที่สามกับที่ห้า เศร้าชะมัด
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 09-09-2007 02:14:51

ลอยๆ กระทง

ลอยๆ กระทง

พอลอยกระทงกันแล้ว ขอเชิญน้องแก้วมาลอยอังคาร  ฮา !
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 09-09-2007 03:17:37
อยากเห็นคุณเอ้แต่งหญิงจังคงสวยนะ งั้นคุณวุธคงไม่ชมหรอก ขอบคุณคับที่มาต่อสนุกมากคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 09-09-2007 12:06:15
 :impress:

ความทรงจำ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 09-09-2007 21:53:20
ถ้าได้เห็นรูปคุณเอ้ ตอนนั้นคงแจ่มนะครับ ไม่รู้ว่าได้ถ่ายไว้บ้างป่าวอ่ะเนี้ย อิอิ
ยังไงก็มาต่อไว ๆ นะครับ  :m24:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 09-09-2007 22:12:03
คุณเอ้ท่าทางจะสวยน่าดูนะเนี่ย

อย่างงี้ อิเจ๊แห่งเล้าเป็ดจะสู้ได้มั๊ยเนี่ย

เจ๊ผมก็สวยนะ :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: ตามมาดู ที่ 10-09-2007 01:09:56
รออ่านๆ มาต่อไวๆ นะคร้าบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 10-09-2007 09:20:08
ตอนที่รอคอย นี่หมายถึงตอนรู้ความจริงใช่ปะ ว่าคนที่โทรมาคือวุธ ไม่ใช่โย  :m4: :m4: :m4:  ฮิฮิ งั้นมาต่อเร็วๆนะ รอลุ้นอยู่จ้า  :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 10-09-2007 10:56:02
เข้ามารอลุ้น ตอนต่อไป ...

 :a3:   :a3:   :a3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 10-09-2007 17:09:34
อ้างถึง
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับ ใกล้จะถึงตอนที่ทุกคนรอคอยแล้วครับ......ผมตั้งใจจะโพสให้ตรงกับวันนั้นเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว

 :o :o :o
ตกใจสามรอบก่อน
ไอ้ที่ว่าตรงกับวันนั้นเนี่ย ... วันไหนเหรอ
ถ้าคิดดี ... ก็แสดงว่า ...




เรื่องต่อจากนี้ สรุปเหตุการณ์ รวบรัดประมาณครึ่งปีผ่านไป



แต่ถ้าคิดไม่ดี ....






...






ต้องรอหลังลอยกระทง โน้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนแน่ะ (ปลายตุลาต้นพฤศจิกา)
 o22 o22 o22

หวังว่าคงไม่เป็นอย่างหลังนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 10-09-2007 17:17:59
มารออ่านต่ออ่ะครับ รออยู่นะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 10-09-2007 18:09:32
กี๊ซซซซซซซซซซซซ     เอ้ประกวดสวย  งี้วุธมะหลงตายเหรอ

อิอิอิ    มีตามมาให้กำลังใจ   วุธชอบเอ้แน่ๆเลย


 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 10-09-2007 18:14:47
 :เฮ้อ:นึกถึงวันลอยกระทงแล้ว..อยากย้อนเวลากลับไปจัง
คิดถึงวันคืนดีๆที่ได้ทำร่วมกัน..แต่..ฉันทำผิดเอง..ฉันทำผิดเอง.. :m15:
..ว่าแต่ใกล้จะถึงตอนที่รอคอย..คือไรเหรอ..อยากรู้แล้วอ่ะ..
 :m21:มาต่ออีกนะคร้าบบ..เป็นกำลังใจให้น๊า.. o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 10-09-2007 20:11:10
 :m13: :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 10-09-2007 23:16:12
รอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวแล้ว

อยากอ่านต่อใหม่แล้วววววววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 11-09-2007 09:32:07
อ้างถึง
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับ ใกล้จะถึงตอนที่ทุกคนรอคอยแล้วครับ......ผมตั้งใจจะโพสให้ตรงกับวันนั้นเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว

 :o :o :o
ตกใจสามรอบก่อน
ไอ้ที่ว่าตรงกับวันนั้นเนี่ย ... วันไหนเหรอ
ถ้าคิดดี ... ก็แสดงว่า ...





เรื่องต่อจากนี้ สรุปเหตุการณ์ รวบรัดประมาณครึ่งปีผ่านไป



แต่ถ้าคิดไม่ดี ....






...






ต้องรอหลังลอยกระทง โน้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนแน่ะ (ปลายตุลาต้นพฤศจิกา)
 o22 o22 o22

หวังว่าคงไม่เป็นอย่างหลังนะ



โหไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับผมกำลังจะเอามาลงให้เลยเนี่ย

16 Fighting..... (With my feeling)

…….ลงจากเวทีได้ ผมก็เอาซองรางวัลยื่นให้อาเล็ก แต่อาเล็กไม่รับ แกให้เก็บไว้กินขนม ผมบอกงั้นแบ่งกันคนละครึ่งก็ได้ แกส่ายหน้าไม่เอาอีกแถมเดินลิ่ว ๆ ทิ้งผมไปเลย ซักพักพวกเพื่อนผมก็ฝ่าฝูงชนเข้ามาหา แสดงความยินดีกับผม แต่ผมกลับสอดส่ายสายตามองหาวุธ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เห็นมันยืนอยู่นอกวง มองมาที่ผมแล้วยิ้มกว้าง ๆ ทำท่าจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด ผมยิ้มตอบ และยังไม่ทันจะตั้งตัว อีพวกนั้นก็ลากผมไปถ่ายรูปกันใหญ่ มีรูปริมแม่น้ำให้ผมถือกระทงที่ขอยืมมาจากเด็กแถวนั้น ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาโพสท่าถ่ายรูปอะไรแบบนี้เลย แต่วันนั้นสนุกมาก อารมณ์ประมาณว่าใครให้ทำอะไรก็ทำ


......ฉีกยิ้มจนเมื่อยหน้าไปหมด ได้เวลากลับสู่ร่างเดิมแล้ว ผมแยกตัวจากเพื่อน ๆ เดินไปร้านอาเล็กคนเดียว ก้มหน้าก้มตาเดินไม่สนใจใคร เพราะอายไงครับ เดินใส่ชุดไทยท่ามกลางผู้คน.......พอถึงบ้านอาเล็กผมก็แหกปากเรียกอาเล็กให้เปิดประตู......คนที่มาเปิดไม่ใช่อาเล็กครับ เป็นผู้ชายรูปร่างหน้าตาดี หล่อแบบผู้ใหญ่คนนึง ผมตกใจนึกว่ามาผิดบ้าน แต่อาเล็กยื่นหน้าออกมาซะก่อน.....อาเล็กแนะนำผู้ชายคนนี้ให้ผมรู้จักว่าเป็นเพื่อนสนิทของอา แหม......ผมก็โตพอที่จะรู้อะไรแล้ว ผู้ชายคนนี้เป็นมากกว่าเพื่อนแน่นอน ผมไหว้เค้า เค้าก็รับไหว้ผม พร้อมรับไหว้ใครอีกคนข้างหลัง ผมถึงได้รู้ว่าไอ้วุธเดินตามมาด้วย อาเล็กให้ผมเข้าบ้านมาอาบน้ำอาบท่าซะใหม่ ส่วนไอ้วุธก็นั่งคุยกับอาเล็กและเพื่อนไปพลาง ๆ


.......ตอนแต่งตัวแต่งหน้าทรมานแล้วนะครับ.....อีตอนถอดออก ล้างออกนี่ทรมานกว่า หน้าอกผมโดนเสื้อในรัดจนช้ำ วิกก็เอาออกยาก หนังหัวแทบหลุด ครีมล้างเครื่องสำอางของอาเล็กก็ถูกละเลงเข้าที่หน้าของผม เช็ดอย่างแรง 3-4 รอบถึงหมดสี ในใจผมกลัวสิวขึ้นจะแย่ ........ที่สุดยอดก็คือ แป้งที่ทาตัวนี่สิครับ ผมต้องถูสบู่ 5-6 รอบ เอาผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ ถูอยู่นานถึงจะหลุด แต่ก็ออกไม่หมดนะครับ ผมต้องเรียกอาเล็กมาถูข้างหลังให้ ใช้เวลาในการแปลงร่างกลับสู่เด็กผู้ชายคนเดิมนานเกือบชั่วโมง มองนาฬิกาอีกทีก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว พอออกมาจากห้องอาเล็กด้วยชุดนักเรียนที่ใส่มาก เพื่อนผมก็นั่งกันหน้าสลอน ผมลาอาเล็กกับเพื่อนเค้ากลับบ้าน แต่ขอเดินเที่ยวงานอีกสักพัก อาเล็กบอกว่าจะไปส่งทุกคน.....เพื่อนผมปฎิเสธอ้างว่ากลับกันเองได้ ผมก็แหย่อาเล็กว่าไม่อยากเป็นตัวมารขัดขวางความสุข พวกเค้าสองคนมองหน้ากันยิ้ม ๆ


บรรยากาศที่วัดตอนนี้ผู้คนเริ่มบางตาลงแล้ว.......แต่พ่อค้าแม่ค้าก็ยังคงขายของอยู่ ผมหิวมากเดินไปซื้อของกินไป ไอ้พวกของแปลก ๆ ที่หากินไม่ค่อยได้แถวบ้านผมก็ซื้อกินหมด อย่างละ 5 บาท 10 บาท เพื่อน ๆ อยากกินอะไรก็ชี้ ผมเลี้ยงเอง ก็เงินรางวัลนั่นแหละ เดินไปจนถึงท่าน้ำที่เค้าจัดไว้ให้ลอยกระทง พวกผมก็ซื้อกระทงกันคนละอัน เดินไปลอยที่ท่าน้ำ เดินกันเป็นคู่ ๆ ส่วนผมกับวุธที่เหลือเศษก็เดินกับอีตูนที่ไม่มีคู่เหมือนกัน จะว่าบังเอิญหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่ระหว่างผมกำลังอธิฐานและ จะปล่อยกระทงลงน้ำ ผมกับวุธก็หันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย ตาสบตา เรายิ้มให้กันแบบเก้อ ๆ อีตูนที่นั่งคั่นกลางต้องกระแอมดัง ๆ พวกเราถึงรู้สึกตัว มองกระทงที่ลอยคู่กันไปช้า ๆ


เดินเล่นจนทั่วแล้ว ลอยกระทงก็ลอยแล้ว ได้เวลากลับบ้านซะที เพิ่งรู้สึกตัวว่าเหนื่อย เดินผ่านศาลาริมน้ำเห็นคน 2-3 คนกำลังถวายสังฆทานผมดันอยากทำบุญบ้าง ไอ้พวกนั้นก็เห็นดีด้วย รวมรวมเงินกันซื้อถังสังฆทานที่มีขายอยู่แถวนั้น รอจนถึงคิวพวกผม รู้สึกดีมาก ๆ ที่ได้ทำบุญร่วมกับเพื่อน ตอนที่พระสงฆ์พรมน้ำมนต์ให้พวกเรา ผมขนลุกซู่ ไม่ได้ร้อนนะครับ แต่รู้สึกรักเพื่อน (รักวุธ) มากขึ้นกว่าเดิม เหมือนเราได้ทำบุญด้วยกัน ชาติหน้าจะได้เกิดมาเจอกันอีก...........


..........ขณะเดินเลียบแม่น้ำรับลมเย็น ๆ ผมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อวุธดังลั่น ดังแบบหล่อนไม่ได้สำเหนียกเลยว่านี้มันเขตวัดในยามวิกาล พวกเราหันไปมองพร้อมกันทันที เห็นผู้ชายใส่ชุดนักเรียนอาชีวะเหมือนผมเดินบิดกระตุ้งกระติ้ง มองไกล ๆ ยังไม่เห็นหน้า รู้แต่ว่าสูงพอควร

“วุธ.....มาเที่ยวแถวนี้เหรอ.....เอารถมาหรือเปล่า.....ขอกลับด้วยคนนะ” อีนี่มันเป็นใครวะ ผมเริ่มหงุดหงิด

“พี่มิ้นท์.....มาได้ไงอ่ะ” ผมเห็นหน้าวุธเหวอ ๆ เหมือนเห็นผี เนี่ยเหรออีพี่มิ้นท์ แรดได้ใจสมกับชื่อเสียงที่เคยได้ยินมาจริง ๆ

“พี่มาเที่ยวกับเพื่อน.....นั่นไง......เฮ้ยพวกมึง มานี่ดิ เดี๋ยวกูแนะนำให้รู้จักเด็กกู” หล่อนตะโกนเรียกเพื่อน 5-6 คนที่ยืนอยู่ไกล ๆ ผมเห็นวุธทำหน้าผะอืดผะอม พวกไอ้นพหัวเราะกันใหญ่

“พี่มิ้นท์.....เบา ๆ ......ผมไม่ได้เป็นเด็กพี่นะ.....พูดอย่างนี้ผมก็เสียหมดดิ” วุธปราม

“อะไร....ขนาดนี้แล้วยังไม่ใช่อีกเหรอ” มันเดินเข้ามากอดแขนวุธเลยครับ ในวัดในวาแท้ ๆ ผมเบือนหน้าหนี แต่คนอื่นเห็นเป็นเรื่องตลก

“ไม่ใช่” วุธแกะมืออีพี่มิ้นท์ออก แล้วเดินมาหาผม “แฟนผมคนนี้ต่างหาก” ผมงง ไอ้วุธมันเอาผมเป็นไม้กันหมา อีนั่นมันมองหน้าผมแบบพิจารณาด้วยหางตาและสายตาไม่เป็นมิตร

“อีนี่มันคนที่ประกวดเมื่อกี้นี่หว่า……มองบนเวทีก็สวยดีหรอก.....แต่พอถอดหน้ากากก็คือ ๆ กันแหละว้า” มันยิ้มเหยียด ๆ ผมพยายามไม่สนใจ สะบัดตัวออกจากการโอบเอวของวุธ เพื่อนผมเห็นหน้าผมก็รู้ว่าตบะผมใกล้จะแตกเต็มทีแล้ว

“กลับกันเถอะ” ผมพูดเสียงเรียบ ๆ กับทุกคนก่อนจะเดินเลี่ยงตัวอีพี่มิ้นท์ไป

“ดี.....กลับไปได้แล้ว....แกะกะว่ะอีพวกเด็ก XXXXXX ไม่รู้ซะแล้วว่าแถวนี้ใครคุม” มันหัวเราะแบบตัวอิจฉาในหนังไทยอ่ะครับ ผมเดินผ่านมันโดยที่หน้าเชิด ๆ แบบไม่รู้ตัว

“อีดอก.....ทำเชิด.....คิดว่าสวยเหรอมึงอ่ะ” ผมยังไม่ทันตั้งตัว อีนั่นก็คว้าแขนผมกระชากเข้าไปหา ไอ้ผมก็มือไวใช่ย่อยฟาดผลั่วเข้าไปเต็ม ๆ ที่หน้าซีกซ้ายของมัน มันปล่อยผมเอามือกุมหน้า แล้วตวาดดังลั่น “อีสัตว์.....มึงตบกูเหรอ” ผมอึ้ง ไม่ได้ตั้งใจจะตบมันนะ แต่มือมันไปเอง ตอนนี้เพื่อน ๆ มันก็กรูกันเข้ามา พร้อมจะมีเรื่อง ไอ้พวกผู้ชายก็พยายามเข้ามากันแฟนตัวเอง

“ขอโทษพี่......ไม่ได้......” ผมพูดยังไม่ทันจบประโยค มืออีนั่นก็จิกหัวผมกดลงต่ำ ลากผมมาอีกทางนึง ให้พ้นจากคู่เพื่อนผมและเพื่อนมันที่เริ่มตะลุมบอนกันอยู่ขณะนั้น ได้ยินแต่เสียงร้องวี๊ดว๊ายปะกับคำด่าหยาบคายและเสียงพวกผู้ชายร้องห้ามเป็นระยะ ผมเจ็บหัวมาก เลยเอาเล็บกดจิกไปที่แขนของอีนั่น รับรองว่ามันต้องได้เลือดแน่ ๆ เพราะเล็บของผมเพิ่งตะไบมาจากร้านอาเล็กตอนที่เค้าแต่งหน้าให้

“อีเหี้ย....ปล่อย......กูบอกให้ปล่อย”

“มึงก็ปล่อยหัวกูก่อนสิอีสัตว์” ผมย้อน.....มันยิ่งกระชากหัวผมพร้อมเอามืออีกข้างพยายามตบตีผม โชคดีที่ดิ้นหลุดมาซะก่อน ผมถอยไปตั้งหลักนิดนึง มันกระโจนเข้ามาหาผมทันที ด้วยความที่ผมได้รับฉายาว่าลูกสาวกำนัน คืออ่อนนอกแข็งใน ยังไม่ทันที่มันจะถึงตัวผม ผมก็แตะสวนป๊าบเข้าไปมันร้องว๊ายเสียงดังลั่นลงไปนั่งกองกับพื้น เอามือกุมท้องไว้มองหน้าผมอย่างเคียดแค้น แทบจะกินเลือดกินเนื้อ........ผมเหวออีก ไม่คิดว่าจะทำเค้าเจ็บขนาดนั้น พอมันลุกขึ้นได้ มันก็วิ่งเข้ามาหาผมอีก สัญชาติญาณป้องกันตัวบอกให้ผมยกขากันไว้ แต่ผมดันยกแรงไปหน่อยก็เลยกลายเป็นถีบมันไปเต็ม ๆ มันเซถลาแซ่ด ๆ สะดุดขอบเขื่อนริมแม่น้ำตกน้ำดังตู้ม ..........

............ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว หยุดตบตีกันวิ่งเข้ามาดูพร้อมไทยมุงอีกหลายสิบคน ผมยืนหน้าซีด.....ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนมองอีพี่มิ้นท์โบกไม้โบกมือ ร้องตะโกนเรียกให้คนช่วย.......ยิ่งมันดิ้นเท่าไหร่ ดูเหมือนว่ามันจะยิ่งไกลห่างฝั่งขึ้นเท่านั้น........คุณคิดดู วันลอยกระทงน้ำขึ้นสูงขนาดไหน มืดด้วยยังไม่มีใครกล้าลงไปช่วย........หันไปเห็นวุธกับเพื่อนถอดรองเท้าเตรียมจะโดดลงน้ำ ผมห้ามมันไว้แล้ววิ่งไปหยิบกิ่งไม้อันใหญ่ที่กองอยู่แถวนั้น ยื่นลงไปในน้ำให้อีนั่นเกาะ ไอ้วุธเป็นคนแรกที่เข้าไปช่วยผมดึงให้มันเข้ามาใกล้ฝั่ง แต่ตอนที่จะเอามันขึ้นมานี่สิครับทุลักทุเลจริง ๆ ลำพังมือผมก็ไม่ยาวพอที่จะดึงมันขึ้นมาได้.... ผมเลยนั่งบนสันเขื่อนเอาขายื่นลงไปแทนเกาะขอบปูนเอาไว้แน่น ให้ไอ้พวกนั้นช่วยกันจับตัวผม แล้วที่เหลือก็คอยดึงมือมันตอนที่ผมชักขากลับ......ในที่สุดอีพี่มิ้นท์ก็ขึ้นมาบนบกได้อย่างปลอดภัย........


........แต่ยังไม่จบแค่นั้นนะครับ.....ใครไม่รู้โทรแจ้งตำรวจ พี่ท่านก็มาไวดีจริง ๆ ได้ยินคนร้องตะโกนว่าตำรวจมา เท่านั้นแหละ....วงแตกครับ ไอ้วุธที่กำลังก้มลงใส่รองเท้าอยู่ ตะโกนบอกเพื่อน ๆ ให้ไปเจอกันที่รถ แล้วมันก็ลากผมวิ่งหนีไปทันที ใจหายใจคว่ำหมด .....ระหว่างวิ่งหนีผมก็มองมือไอ้วุธที่จับมือผมแน่นแทบจะกลายเป็นอันเดียวกัน วิ่งอ้อมไปไกลเลยครับ....และแล้วก็ถึงหน้าบ้านอาเล็กของผม ชียืนหัวฟูอยู่ในชุดนอนกับผู้ชายคนนั้น พวกเพื่อน ๆ ของเราอยู่กันครบทุกคน ไม่มีใครบาดเจ็บอะไรมาก มีแค่รอยเล็บนิด ๆ หน่อย ๆ พวกมันยังมีอารมณ์ชมผมว่าท่าเตะผมสุดยอด ผู้ชายแท้ ๆ โดนเข้าไปคงจุก ผมยิ้มออกเป็นครั้งแรกหลังจากที่ตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เกือบทำให้ผมต้องกลายเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายในคืนลอยกระทง........

*
*
*

.........พวกผมเข้าไปหลบตำรวจในบ้านอาเล็กอยู่ครู่ใหญ่.....สายสืบ (ก็คนแถวนั้นแหละครับ) คาบเรื่องมาบอกว่าพวกอีพี่มิ้นท์ไม่เป็นไร วิ่งหนีตำรวจหายไปเหมือนกัน ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก......อาเล็กอาสาไปส่งเพื่อนผมที่กลับคนละทางกับผม ส่วนที่ไปรถวุธก็มีแค่ตั้มกับตาล บ้านอีนัทกับอีอ๋าอยู่ไม่ไกลกลับกันเองได้ ระหว่างทางผมนั่งเงียบ คิดกลัวไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าถ้าเค้าเป็นอะไรขึ้นมาผมและครอบครัวจะเดือดร้อนแค่ไหน คู่อีตาลก็นั่งซบหลับกันไม่รู้เรื่องรู้ราว ส่วนวุธก็ได้แต่มองหน้าผมเป็นระยะ ๆ ไม่นานนักก็ถึงบ้านไอ้ตั้ม อีตาลก็ลงไปด้วย มันมาค้างด้วยกันจนเป็นเรื่องปกติแล้วครับ.......

“เฮ้ยวุธ.....ดึกแล้วมึงจะเข้าบ้านได้เหรอวะ....นอนบ้านกูมั๊ย” ไอ้ตั้มชวน วุธส่ายหน้าเป็นคำตอบ “อ้าว....แล้วมึงจะนอนไหนอ่ะ”

“ไม่ต้องห่วงกูหรอก.....กูกินง่ายนอนง่ายโว้ย” มันหัวเราะกลบเกลื่อน

“แน่ใจนะมึง.....”

“เออ....”

“ขับรถดี ๆ นะมึง”

*
*

“ยังไม่หายตกใจอีกเหรอ” มันพูดกับผมเป็นครั้งแรกตั้งแต่ออกจากบ้านอาเล็ก เสียงของมันทำให้ผมอุ่นใจ และคิดถึงโยขึ้นมาทันที

“.....อืม.....” อยู่ดี ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมา วุธรีบจอดรถข้างทาง

“เป็นอะไร....เจ็บตรงไหน” วุธถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงดึงมือผมไปเพ่งมองใกล้ ๆ (ทำไมมันไม่เปิดไฟในรถก็ไม่รู้) ผมยิ่งก๊อกแตกไปกันใหญ่ มันควานหากระดาษทิชชู่ส่งให้ผม

“.....เปล่า....” ผมเงียบกลั้นเสียงสะอื้น “…..คนที่ควรอยู่กับเราตอนที่เรามีความสุข..........ตอนที่เรากำลังกลัว.......มันไม่น่าจะเป็นนายเลย” ผมตัดใจพูดไป วุธอึ้ง

“ทำไมล่ะ” มันถามเบา ๆ

“ยิ่งนายดีกับเราเท่าไหร่.....เรายิ่งไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ ” มันเงียบแล้วยิ้ม

“กลัวจะชอบเราอ่ะดิ” มันพูดกวน ๆ

“ไอ้บ้า……ไม่มีทาง” ผมเขิน คนกำลังซีเรียสมันก็ทำให้อารมณ์ดีได้

“กลับบ้านกันเถอะ......” มันออกตัวล้อฟรี

*
*

“จำทางแม่นจังนะ” ผมกัดมันทันทีที่รถจอดเทียบหน้าบ้าน

“แน่นอน” มันพูดยิ้ม ๆ

“ขอบใจที่มาส่ง” ผมพูดห้วน ๆ ไม่ลืมหันไปเอาเสื้อผ้าของผมที่แคป มันก็หันมาพร้อมกัน หน้าผมกับหน้ามันก็โดนกันแบบไม่ตั้งใจ เราสองคนมองสบตากันในระยะใกล้มาก มากจนผมได้ยินเสียงลมหายใจที่มันหายใจแรงขึ้น นี่ถ้าเป็นตอนกลางวันมันคงเห็นหน้าผมแดงเป็นลูกตำลึงแน่ ๆ

“กลับบ้านดี ๆ นะ” ผมคว้าเสื้อผ้ามาได้ก็รีบลงจากรถทันที

“เดี๋ยว…..” ผมชะงัก “กลับบ้านไม่ได้.....ขอนอนด้วย” มันพูดง่าย ๆ

“ไม่ได้...” ผมตอบทันควัน “ไม่มีคนอยู่บ้าน” โอ๊ย....อยากจะเอาตีนตบปากตัวเอง ไปบอกมันทำไมเนี่ย

“ก็ดีน่ะสิ...หึ...หึ...” มันทำเสียงหื่นกาม

“ไม่ต้องเลย....ถ้าอยากนอนก็นอนข้างรั้วนี่แหละ” ผมเปิดประตูเข้าบ้าน ไม่สนใจฟังเสียงบ่นไล่หลังมา

*
*

........เข้าห้อง....อาบน้ำอาบท่า แต่งตัวเสร็จ ผมก็เดินไปที่ระเบียง ในใจคิดว่าป่านนี้มันคงขับรถกลับบ้านไปแล้ว ที่ไหนได้ มันนั่งจ๋องอยู่บนกระบะ มองขึ้นมาพอดี มันเห็นผมปุ๊บมันก็ลุกขึ้นยืนตะโกนเรียก ผมก็กลัวข้างบ้านด่า เพราะมันตีหนึ่งกว่า ๆ แล้ว ในที่สุดผมก็ต้องลงไปเปิดประตูใหญ่ให้รถมันถอยเข้ามา......

“ทิ้งสมบัติเรายัง” มันถามทันทีที่เข้าห้องผม

“สมบัติอะไร” ผมงง

“ก็แปรงสีฟันเมื่อคราวก่อนไง”

“โอ๊ย....พอนายกลับเราก็โยนลงถังขยะแล้ว” ผมตอบตามความจริง มันสลด “ก็คิดว่านายไม่ได้มานอนอีกนี่นา” ผมพูดเบา ๆ

“มีอีกปะ....” ผมพยักหน้า “.......คราวนี้ไม่ต้องทิ้งนะ” มันสั่ง

“ยังคิดว่าจะได้มาอีกเหรอ” ผมกวน

“แล้วทำไมจะมาไม่ได้ล่ะ” มันย้อน ผมอึ้ง เออ จริงของมัน จะห้ามมันได้ยังไงอ่ะ

“ไปอาบน้ำนอนเลย....เดี๋ยวหาแปรงสีฟันกะเสื้อผ้าให้” ผมตัดบท

“ขอผ้าขนหนูด้วย....ด่วน....ร้อน....อยากอาบน้ำ....ถ้าช้าเราแก้ผ้าตรงนี้เลยนะ แล้วกางเกงในไม่ต้องเอามาล่ะ....ไม่ใส่.....” ดูมันกวนตีน

“แน่จริงก็แก้ดิ” ผมท้า มันเริ่มปลดกระดุมเสื้อ ถอดเข็มขัด ผมวิ่งจู๊ดไปหาผ้าขนหนูมาให้มันพันไว้กันอุจาด

“โธ่....นึกว่าแน่” มันหัวเราะตามหลังผม

*
*
*

ระหว่างที่มันอาบน้ำ ผมก็หอบอุปกรณ์ในการนอนของผมไปห้องแม่ที่อยู่ข้าง ๆ พอมันออกมาไม่เจอผม และคงเห็นหลังผมหอบผ้าห่มเดินออกไปนอกห้อง มันก็โวยวายดังลั่น

“ไปไหน.....” มันตะโกนถาม

“นอนห้องแม่....” ผมก็ตะโกนตอบ

“ทำไมไม่นอนด้วยกันอ่ะ” มันวิ่งตึ่ก ๆ ๆ ตามผมออกมา ผมอยากให้ผ้ามันหลุดจริง ๆ

“ไม่เอา.....อึดอัด” มันมองหน้าผมนิ่ง เอาแล้วกู......ผมเสียวสันหลังวาบ

“ถ้ารังเกียจเราขนาดนั้น.....เราออกไปนอนในรถก็ได้” มันหันหลังกลับทันที

“ไม่ใช่อย่างนั้น.....อย่างอนดิ” ผมเดินตาม มันไม่พูดกับผม รีบเช็ดตัวลวก ๆ ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เลยดึงแขนมันให้หันมาพูดกับผม คงดึงแรงมากไปนิด หรือว่ามันออเซาะก็ไม่รู้ มันล้มทับตัวผมลงไปบนเตียงด้วยกัน เอาอีกแล้ว มันมองผมอย่างนี้อีกแล้ว ผมเบือนหน้าหนี พูดกับมันเบา ๆ

“เราไม่ได้รังเกียจนาย.....แต่เราไม่คุ้นอ่ะ” ผมขยับตัวให้พ้นจากที่มันทับไว้

“ไม่รังเกียจหมายความว่าชอบอ่ะดิ” มันก้มลงมาใกล้เข้าไปอีก

“ไม่ใช่….เรามีแฟนแล้ว” ผมเอาโยเข้ามากันไว้

“แล้วโยเคยทำอย่างนี้กับเอ้ปะล่ะ” มันจู่โจมอย่างรวดเร็วจนผมหลบไม่ทัน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมโดนผู้ชายด้วยกันหอมแก้มฟอดใหญ่ มันหัวเราะคิก

“ไอ้บ้า.....ปล่อยยยยยย” ผมอายจนไม่รู้จะพูดยังไง

“อย่าดิ้น....เดี๋ยวผ้าหลุดนะ” มันขู่

“ปล่อย.....ไม่ปล่อยไม่ให้นอนด้วยนะ” ผมพูดเสียงจริงจัง

“หา....ตกลงให้นอนด้วยแล้วใช่มะ....ปล่อยก็ได้” มันลุกขึ้นยืน แต่ผ้ามันหลุดลงไปกองกะพื้น มันรีบเอามือกุมไว้ ผมได้แต่ตะลึงตาโต ดูท่าทางมันจะอายผมมาก

“เดี๋ยวเราไปเอาของเรากลับมาก่อนละกัน......แต่นายต้องสัญญานะว่าจะไม่ทำอะไรเรา” ผมชี้หน้ามัน

“เอ้อย่าเริ่มก่อนก็แล้วกัน” มันยักคิ้วให้ผม

“ไม่มีทางซะหล่ะ” ผมเดินเข้าไปหอบสมบัติกลับข้าห้อง ไอ้วุธก็ใส่เสื้อผ้าเสร็จ นอนคะแคงเอามือมาตบที่นอนข้าง ๆ พร้อมทำตาเยิ้ม ผมแทบอดใจไม่ไหว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ตามเคย

                                *******************TBC***************************

เด๋วมาต่อให้ตอนเย็นนะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 11-09-2007 10:22:06
ตื่นเต้น ตื่นเต้น  :m18:  :m18:

นอนเตียงเดียวกันด้วย

จะรอดมั๊ยเนี่ย เอ้ คืนนี้ :m10:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 11-09-2007 10:31:40
 :impress:

น่ารักกันจิงเชียวคู่นี้

น่าส่งเจ้าเอ้ไปแข่งชกมวยนะเนี่ย

รออ่านต่อไปตอนเย็นนะครับ.....

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 11-09-2007 10:31:50
ยอม ๆ วุธไปเหอะ
 :o
เค้าหื่นตามคนแถวนี้ไปแล้วหรือนี่
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 11-09-2007 11:08:40
อิอิ เห็นหมดเลยเหรอ แบบนี้จะใจไหวเหรอออออออออออออออออออ :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 11-09-2007 14:10:10
 :amen: สวดมนต์ให้มาลงให้เร็ว ๆ ครับ
อิอิ รออยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 11-09-2007 14:24:08
หุหุหุ

แล้วงานนี้เอ้จะรอดมั้ยเนี่ย   :m10:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 11-09-2007 14:57:38
อิอิอิอิ


ไม่ไหวแระ มาไวๆดิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 11-09-2007 15:55:02
มาต่อแล้วคับอิอิ
ขอบคุณพี่เอ้มากมายนะครับ

17 Together

......จะว่าผมโง่ก็ได้นะครับที่ปล่อยให้วุธหลุดมือไปคืนนั้น เรานอนหันหน้าคุยกันท่ามกลางแสงไฟที่ลอดมาจากนอกบ้าน หลายครั้งที่มันขยับเข้ามาใกล้ ผมก็ถอยหนีออกไปจนเกือบตกเตียง........ถ้าผมคิดเข้าข้างตัวเองสักหน่อย ผมว่าวุธพยายามที่จะขอมีอะไรกับผมแบบอ้อม ๆ แน่นอนผมก็บอกปัดไปอย่างเนียน ๆ เหมือนกัน

ก่อนที่ผมจะง่วงจนทนไม่ไหว ผมคว้าเอาหมอนข้างอันใหญ่มาวางคั่นระหว่างผมกับมัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างคราวก่อน ที่ผมเผลอไปนอนกอดมันทั้งคืน (หรือเปล่าก็ไม่รู้)

“คิดว่าหมอนข้างอันแค่นี้จะกันอะไรได้” วุธหัวเราะเบา ๆ

“ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย” ผมพลิกตัวหันหลังให้มัน

“ถ้าสมมุติว่าเราทำอะไรอย่างนั้นกับเอ้.....เอ้จะว่าไง”

“แล้วคิดว่าเราจะยอมเหรอ” ผมย้อน

“ไม่ยอมก็ใช้กำลังไง” มันเซ้าซี้

“ไม่ต้องหรอก” เราพลิกตัวกลับไปหามันอีกครั้ง

“หมายความว่า.........” มันยิ้มแล้วขยับตัวเข้ามา

“ใช่......เราจะยอมนาย......แต่มันจะเป็นแค่ครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย....ต่อไปอย่าหวังว่าจะได้เจอกันอีก.....แม้แต่ความเป็นเพื่อนเราก็จะไม่มีให้....เอามั๊ยล่ะ” ผมท้าเสียงจริงจัง มันชะงักกึก

“พูดเล่นครับ.....ใครจะกล้าทำอะไรเอ้.....เห็นตอนเตะพี่มิ้นท์แล้วสยองชิบเป๋ง” มันพูดเสียงอ่อย ๆ

“นอนได้แล้ว.....พรุ่งนี้ต้องไปเรียนพิเศษอีก.....ไม่อยากไปเลยว่ะ” ผมบ่นแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปง......สักพัก.....อึดอัดครับ โผล่หัวออกมาเจอหน้าไอ้วุธเต็ม ๆ เลย ผมพลิกตัวหันหลังให้ทันที ไอ้ยินเสียงมันหัวเราะเบา ๆ ตามมา

*
*
*

.........ชิบหายแล้วกู........อยากจะกรี๊ดดัง ๆ .........ลืมตาขึ้นมาแดดจ้า.......รู้ด้วยตัวเองแบบไม่ต้องมองนาฬิกาเลยว่ามันสายมากแล้ว และที่อยากจะกรี๊ดให้ดังกว่าเพราะไอ้วุธมันนั่งมองผมหลับนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้.......อายมาก ๆ สารรูปคนนอนหลับสนิทนี่มันน่าดูซะเมื่อไหร่.......นาฬิกาปลุกที่หัวเตียงมันก็ยังเดินอยู่นี่หว่า แล้วทำไมมันไม่ปลุกวะ...และผมก็เป็นคนตั้งมันเองกับมือ หันไปมองหน้าไอ้วุธแวบนึง เห็นมันอมยิ้มแปลก ๆ

“ทำไมนาฬิกาไม่ปลุก....หา.....” ผมถามเสียงดัง

“ก็เห็นกำลังนอนหลับสบาย........ด้วยความหวังดี......ปิดเสียงให้เลยไง” มันกวน

“จะบ้าเหรอ.....เราต้องไปเรียนพิเศษวันแรกนะ” ผมหงุดหงิด ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ด้วยความเคยตัว ต้องออกมาใหม่เพราะไม่ได้เอาเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยน มันก็ยังนั่งที่ขอบเตียงมองมาทางผมเหมือนเดิม

“มองอะไร......เพราะนายคนเดียวทำให้เราไปเรียนสาย” ผมค้อน

“ก็ไม่ต้องไปดิ.....หยุดวันเดียวเอง วันแรก ๆ เค้าไม่สอนอะไรมากหรอก”

“พูดง่ายเนอะ......ถ้าพ่อเรารู้นะ....เป็นเรื่องแน่” ผมเดินกลับเข้าห้องน้ำ

“วันนี้พ่อเอ้อยู่ที่ไหนล่ะ” เออ...จริงของมัน....หยุดก็หยุดวะ กูก็ไม่อยากไปเหมือนกัน

*
*

.......พอผมอาบน้ำเสร็จ ออกมาไอ้วุธใส่ผ้าขนหนูผืนเดียวเตรียมอาบน้ำต่อ แต่มันดันมายืนขวางประตูห้องน้ำผมเนี่ยดิ ให้มันหลบก็ไม่หลบ ผมไม่กล้าเงยหน้าสบตามันเลย ไอ้ผ้าที่พันไว้ก็จะหลุดไม่หลุดแหล่แล้ว ผมตัดสินใจเดินชนมันออกมา แต่มันก็ขืนตัวดันผมไว้เหมือนจะแกล้งกัน ผมก็เลย.......กระตุกผ้ามัน.......หลุดเลยครับ มันร้องเฮ้ย แล้ววิ่งหนีเข้าห้องน้ำ อายก็อาย ขำก็ขำ คราวนี้กลางวันแสก ๆ อะไรต่ออะไรเห็นหมดทุกซอกทุกมุม

......ทาแป้ง....ทาครีมอะไรเรียบร้อยแล้ว ใส่ชุดอยู่บ้านสบาย ๆ ด้วยกางเกงขาก๊วยสีฟ้า เสื้อยืดสีขาว อากาศก็ดี๊ดี เวลาตอนนั้นประมาณแปดโมงกว่า ลงไปในครัวจะหาของกิน แต่เห็นแล้วไม่อยากทำเลย มันรู้สึกขี้เกียจยังไงไม่รู้ ออกไปหาซื้ออะไรกินข้างนอกดีกว่า ผมเดินไปห้องน้องชายเอากุญแจมอ’ไซค์ของมันมา ยังไม่ทันจะขยับรถไปไหน ไอ้วุธก็วิ่งใส่ผ้าเช็ดตัวผืนเดิมน้ำยังเกาะเป็นเม็ดตามหน้าอกมันอยู่เลย

“จะหนีไปไหน” มันโวยวาย

“บ้าเหรอ....นี่มันบ้านเรา จะให้หนีไปไหนล่ะ” ผมส่ายหัวเบา ๆ “จะไปซื้อกับข้าว.....กินอะไรดีอ่ะ” ผมถาม มันทำตาโต

“รอด้วย.....แต่ตอนนี้......เอ้หาเสื้อผ้าให้ใส่หน่อยดิ” มันอ้อน.....ถ้าเป็นเด็ก ๆ ทำคงน่ารัก แต่พอมันทำแล้ว.....น่า........น่ารักกว่าอ่ะดิ คิดดู ผู้ชายวัยรุ่น กับผ้าขนหนูผืนเดียว ยืนยิ้มอ้อน ๆ อยู่ข้างหน้าโชว์ไรหนวดบาง ๆ มันน่า........ขนาดไหน

“เคยบอกแล้วไง.....อยากใส่ตัวไหนก็หยิบเอา....เร็ว ๆ ให้เวลา 3 นาที ไม่เสร็จไม่รอนะโว้ย” ผมทำท่าจะเอารถออกข้างนอก มันวิ่งกลับขึ้นข้างบนทันที และลงมาอีกครั้งด้วยชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมาก (ผมเอาไว้ใส่นอน....ต้นขามันขาวกว่าหน้าผมอีก) ผมพยายามไม่มองมันมาก เพราะกลัวมันรู้ว่าผมชอบผู้ชายลักษณะนี้ มันช่างรู้ใจผมจริง ๆ

“ไปกันเถอะ” มันขึ้นซ้อนท้าย

“เกาะแน่น ๆ นะจะซิ่งแล้ว” ผมขู่มัน มันเกาะเอวผมแน่นเลยครับ ผมก็แอบยิ้มดิ ผมขี่รถพามันไปหาของกินที่ตลาดใกล้บ้าน

“เฮ้ย.....” จู่ ๆ มันก็ร้องเสียงดัง ขณะกำลังรอแม่ค้าห่อข้าวมันไก่

“เป็นอะไร” ผมตกใจไปด้วย

“ลืมเอาตังค์มา” มันพูดหน้าตาตื่น

“ถึงเอามาเราก็ไม่ให้จ่ายหรอก” ผมพูดยิ้ม ๆ

“เกรงใจ.....ขอเค้านอนแล้วยังต้องให้เลี้ยงข้าวอีก”

“ไม่เป็นไร.....เงินที่ได้มาเมื่อวานยังเหลือตั้งเยอะ” ผมตบขามันเบา ๆ มันค่อยยิ้มออก

“งั้นกลางวันนี้เราทำอะไรให้กินตอบแทนละกันนะ”

“หา......จะอยู่ถึงกี่โมง” ผมถามเสียงสูง

“ถ้าไม่อยากให้อยู่ งั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จ เรากลับเลยก็ได้” มันทำหน้าละห้อย ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

“ไม่ให้กลับ......” มันมองหน้าผมงง ๆ “อยากให้กลับเมื่อไหร่......เดี๋ยวไล่เอง” ผมพูดแบบไม่มองหน้ามัน ก็อายอ่ะดิ ง้อให้มันอยู่ด้วย ข้าวมันไก่เสร็จพอดี ผมเลี้ยวรถจะกลับบ้าน

“แวะซื้อของสดก่อนได้ปะ” มันสะกิดเอวผม

“เอาอะไรอ่ะ” ผมถาม แต่ก็จอดให้ มันไม่ตอบพยักหน้าชวนผมไปซื้อด้วยกัน

*
*
*

........กินข้าวเช้าเสร็จ เช้าวันเสาร์อย่างนี้ไม่มีอะไรให้ทำมากนัก ผมเองก็รู้สึกแปลก ๆ ที่มีคนอื่นมาอยู่ด้วย เก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด......รายการโทรทัศน์ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ มันผมอนุญาตให้มันรื้อวิดีโอมาดูได้ มันก็ว่าง่ายนั่งดูหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ อยู่คนเดียว......มันดูอะไร.....รู้มั๊ยครับ.....ดูวิดีโอการ์ตูนของน้องผมครับ ผมสังสัยว่าทำไมมันไม่ดูหนัง action บู๊ล้างผลาญของน้องชายคนกลาง.......มันบอกว่าที่บ้านมันก็มี อีกอย่างไม่ได้ดูอย่างนี้นานแล้ว ขอรื้นฟื้นความหลังหน่อยละกัน ผมไม่ว่าอะไร นั่งดูเป็นเพื่อน แต่ตาน่ะไม่ได้มองจอทีวีหรอกครับ ผมนั่งบนโซฟา ส่วนมันนั่งขัดสมาธิกับพื้น เอาหัวมาพิงเบาะที่ผมนั่ง......ดูไปดูมา......มันก็เริ่มเอนหัวมาซบขาผม จิตใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มองหน้ามันยิ้มหัวเราะกับการ์ตูนตรงหน้า มันไม่เหมือนเด็กช่างที่ผมเคยรู้จัก..... ความห้าว......ความเถื่อนตอนที่รวมกลุ่มกับเพื่อนมัน.....ไม่มีเหลือเลยครับ เหมือนเด็กอายุ 8 ขวบที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว กางเกงที่สั้นอยู่แล้วก็ร่นขึ้นมาเผยให้เห็นอะไรต่อมิอะไรไปถึงไหน ๆ

*
*
*

........การ์ตูนยังไม่จบม้วนดี.....มันก็หลับคาจอเลยครับ ผมเรียกมันขึ้นมานอนบนโซฟา มันก็ลุกขึ้นมาอย่างว่าง่าย.....ปล่อยให้มันนอนไปเรื่อย ๆ ส่วนผมก็นั่งดูหนังไปพลาง ๆ


........วุธตื่นขึ้นมาอีกทีบ่ายโมงกว่า ดูมันงง ๆ เหมือนกันว่าหลับไปได้อย่างไร พอมันเห็นหน้าผม คำแรกที่มันพูดกับผมแล้วทำให้ผมยิ่งชอบมันคือ “หิวมั๊ย.....กินข้าวยัง” คำถามนั้นมันดูธรรมดาสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผมมันเป็นการแสดงความเป็นห่วงเป็นใยในขั้นพื้นฐาน พอผมบอกหิว แต่รอกินข้าวฝีมือวุธ มันกระโดดลงจากโซฟา ไปล้างหน้าล้างตาวิ่งเข้าครัวเลยครับ


.......ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการได้อยู่กับคนที่เรารู้สึกดี ๆ ด้วยแล้วมันมีความสุขอย่างนี้.....เราช่วยกันทำข้าวผัดขี้เมาโปะหน้าด้วยไข่ดาว.....สนุกมากครับ ผมเป็นลูกมือมันคอยหยิบจับอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ มันทำไปสอนไปว่าควรใส่อะไรก่อนหลัง แถมมันยังเล่าเรื่องที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังตั้งหลายเรื่อง.......ผมเพิ่งจะเห็นว่ามันทำกับข้าวเก่งมาก ดูกระฉับกระเฉงคล่องไปหมด มันบอกว่าบ้านมันขายอาหาร มีขายทุกอย่าง เวลาลูกค้าเยอะ ๆ มันก็จะช่วยทำบ้าง ผมแอบกัดมันว่า แต่ถ้าลูกค้า วีไอพี อย่างพี่มิ้นท์คงเต็มใจทำให้เป็นพิเศษล่ะสิ มันหันมายิ้มให้ แล้วพูดว่า “หีงอ่ะดิ” ผมเงียบ อายแทบจะเอาหัวมุดใต้โต๊ะ......เรานั่งกินข้าวด้วยกันสองต่อสองเป็นครั้งที่สอง ยังรู้สึกเขิน ๆ เหมือนเดิม อย่างที่บอกอ่ะครับว่าผมมีเพื่อนผู้ชายไม่มาก และไม่ค่อยคุ้นกับการที่ต้องกินอยู่กับคนแปลก หน้า แต่วุธทำให้ผมผ่อนคลายลงเยอะเลยครับ คงเห็นผมเกร็ง ๆ ด้วยมั้ง.......วิธีของมันน่ะเหรอ........ก็กวนตีนให้ผมด่า แล้วมันก็หัวเราะ เหมือนเป็นพวกโรคจิต แต่ก็ได้ผลนะครับ ผมสนุกทีได้ต่อล้อต่อถียงกับมันจนบ่ายแก่ ๆ มันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับบ้าน


“เอ้.....สอนเราขี่มอ’ไซค์หน่อยดิ” มันเดินตามผมออกมานอกบ้าน

“ไม่เอา......” ผมปฏิเสธทันที

“นะครับ นะ นะ นะ นะ” มันเดินเกาะผมแจ ผมสงสัยว่าวันนี้มันเป็นอะไรนักหนาถึงได้วุ่นวายกับผมจัง

“จะขี่มอ’ไซค์ทำไม....รถก็มีขับอ่ะ” ที่จริง ๆ ผมน่ะใจอ่อนตั้งแต่เห็นหน้ามันแล้ว

“.......อายเพื่อน......” มันพูดอ้อมแอ้ม ผมหัวเราะก๊าก มันเดินเข้ามาทำหน้าโหด ผมก็ลอยหน้าลอยตาท้าทาย ไม่ได้ระวังตัวเลยว่ามันจะกล้าทำอย่างนี้ มันหอมแก้มผมอีกแล้ว ผมอึ้ง......อายด้วย นี่มันหน้าบ้านนะโว้ย ผมคิดในใจ ถ้าใครมาเห็นเข้ากูนี่แหละจะซวย .......คราวนี้เป็นมันบ้างที่หัวเราะผม

“จะสอนปะ.....” มันขยับตัวเข้ามาใกล้อีก

“เออ ๆ สอนก็ได้” ผมวิ่งไปเอากุญแจบ้าน กับกุญแจมอไซค์ออกมา

*
*
*

.......ขามานี่ผมเป็นคนขี่ พอถึงถนนในหมู่บ้าที่เป็นทางตรงยาว ๆ ผมก็ลองให้มันขี่บ้าง อธิบายทุกขั้นตอน แรก ๆ มันก็กระตุกบ้างเพราะมันปล่อยคลัชเร็วไป แต่มันก็ขับรถเกียร์กระปุกเหมือนกัน ไม่นานนักมันก็ขี่ได้ แต่ยังไม่คล่องเท่าไหร่ ดูท่าทางมันจะดีใจมาก คล้าย ๆ กับผมตอนที่เล่นไอซ์เป็นก็เพราะมันสอน ผมเตือนไม่ให้มันขี่เร็ว ลองขี่วนไปมาในหมู่บ้าน ตอนเย็น ๆ วันเสาร์อย่างนี้รถไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่.......เราสองคนขี่รถเล่นกันจนน้ำมันเกือบหมดถังต้องเติมน้ำมันคืนให้น้องชายผม.......เจ็บตูดไปหมด ไอ้วุธติดใจชวนผมขี่รถเล่นต่อ ผมบอกไม่เอาแล้วกลับบ้านดีกว่า มันก็ขี่พาผมกลับโดยดี


.......พอเลี้ยวเข้าซอย.......ยังไม่ทันจะถึงหน้าบ้านดีผมก็ใจหายวาบ พ่อกับแม่ผมกลับมาแล้ว คิดหาคำแก้ตัวเรื่องไม่ไปเรียนพิเศษทันที และก็จริงอย่างที่คาด คำแรกที่พ่อพูดกับผมหลังจากรับไหว้วุธ......คือ......

“ไปเรียนพิเศษหรือเปล่า” ผมอึกอัก

“ไม่ได้ไปครับ......”

“ทำไม” เสียงเริ่มดังขึ้น

“เมื่อเช้าเอ้เค้าไม่สบายอ่ะครับ.....พ่อ......” พ่อผมขยับแว่นมองไอ้วุธ

“เป็นอะไร” เอาแล้วไง....มันรู้จักพ่อผมน้อยไป

“ปวดท้องครับ” มันตอบ

“แล้วเมื่อกลางวันใครกินข้าวผัดอะไรนั่น......พริกเต็มจานเลย”

“เอ้หายปวดแล้วอยากกินอ่ะพ่อ” ผมช่วยไอ้วุธ

“เมื่อคืนนอนนี่เหรอ” พ่อหันไปถามไอ้วุธ

“ครับ” มันพยักหน้ารับ

“ทำไมไม่กลับบ้านกลับช่องล่ะ” สถานการณ์ตึงเครียด

“เอ้เค้ากลัวอ่ะครับ” ชิบหายแล้วไง.....ไอ้วุธ.....พ่อผมรู้ว่าผมอยู่บ้านคนเดียวได้....แถมยังชอบซะอีก ผมส่งซิกให้มันหยุดพูด

“......เหรอ......ขอบใจนะที่มาอยู่เป็นเพื่อนเอ้....เดี๋ยวอยู่กินข้าวด้วยกันก่อน....แม่เค้าทำกับข้าวอยู่ข้างในแน่ะ” ผมงง ทำไมเหตุการณ์มันไม่เลวร้ายอย่างที่ผมคิดเลย

*
*
*

........สรุปเย็นนั้นมันก็อยู่กินข้าวเย็นกับครอบครัวผม......ตอนแรกมันก็ดูเกร็ง ๆ แต่สักพักมันก็คุยเข้าขากับพ่อและแม่ผม คงเป็นเพราะมันกระล่อนมั้งครับ....ก่อนกลับแม่ผมยังเอาข้าวหลามกับขนมจากใส่ถุงให้มันไปหลายอัน และที่ทำให้ผมอึ้งก็คือ พ่อกับแม่ผมชวนมันมาบ้านบ่อย ๆ ซะอีก มันยิ้มหน้าบานเลยครับ ส่วนผมก็ได้แต่สงสัยกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของพ่อแม่ผม


........หลังจากที่มันไปได้ไม่นาน ผมทนเก็บความอึดอัดนี้ไว้ไม่ได้ก็เลยถามพ่อกับแม่ตรง ๆ ว่าทำไมถึงอยากให้ไอ้วุธมาบ้านบ่อย ๆ คำตอบที่ได้รับทำให้ผมแทบร้องจ๊าก เค้าบอกว่า “อยากให้ผมดูแมนกว่านี้....บางทีมีเพื่อนผู้ชายซะบ้างคงดี” พ่อกับแม่ไม่รู้หรอกว่า ไอ้เพื่อนผู้ชายคนนี้มันจะยิ่งทำให้ผมเป็นลูกสาวมากกว่าน่ะดิ และวันดีคืนดี ถ้าผมอดใจไม่ไหว ไอ้เพื่อนผู้ชายคนนี้นั่นแหละ จะกลายเป็นลูกเขยของพ่อกับแม่ (โดยพฤตินัย)

*****************************************************************


ขอบคุณสำหรับทุก reply นะครับ......ตอนหน้าก็จะเป็นตอนที่ทุกคนรอคอย ความจริงทุกอย่างจะถูกเปิดเผย และผมจะทำยังไงต่อไป ที่สำคัญวันนั้นเป็นวันพิเศษของผมด้วย รออีกนิดนะครับ ผมจะพยายามโพสให้ตรงวันให้ได้

อย่าลืมๆๆ10รีพลาย โอเก๊ อิอิ
ไปแว้ววววว


หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 11-09-2007 16:46:41
 :impress:

มาเป็นรีที่ 1  ดีจายจัง

ความจริงจะเปิดเผยแร้ว  :m4:

มาต่อไว ๆ นะครับ

 o15

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 11-09-2007 17:15:23
รีที่ 2


โอ๊ย  :serius2: อยากอ่านตอนต่อไปใจจะขาด ความจริงที่รอคอย  :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 11-09-2007 17:21:37
รีที่ 3

วุธน่ารักที่สุดเลย  :m3:

รอ ... ร้อ ... รอ ... ตอนต่อไปอย่างในระทึก     :m11:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 11-09-2007 17:52:58
รีที่ 4 ค้าบบบบบบบบบบบ

อยากอ่านใจจะขาดแล้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนน o17
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 11-09-2007 18:30:48
รีที่5ป่าวนะ.................

รีบมาต่อเร็วๆๆนะอยากอ่านแล้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 11-09-2007 18:32:02
รีที่7


มาต่อเร็วน้า ใกล้ครบ10แล้ว  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 11-09-2007 18:47:44
 o17
รู้สึกรีที่ 6 จะหายอ่ะครับ แต่ใกล้ 10 ล่ะ มารอด้วยคนครับ แล้วตกลงผมจะเป็นรีที่เท่าไหร่เนี้ย :a11:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 11-09-2007 20:22:47
อยากอ่านเร็วๆๆเมือไหร่จะถึงรีที่10นะ...........................รอๆๆๆๆๆ :a12:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: JaeTae ที่ 11-09-2007 23:08:15


 รีที่ เท่าไหร่มะรู้ ที่ 1 ระกัน มาต่อเลยน้าค๊าบบบๆ :m9:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: napho ที่ 11-09-2007 23:16:46
 
o2 o2 o2 o2 o2
ตามทันซะที
แต่ไงก้อรีบมาต่อนะครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
 :m18: :m18: :m18: :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: ตามมาดู ที่ 11-09-2007 23:42:17
มาร่วมนับเลขคับ...
ถ้าไม่พลาดรู้สึกจะรีที่ 10 พอดี...
ทวงครับทวง ...
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: paulla ที่ 11-09-2007 23:52:51
ชอบคุณเอ้ กะวุธ มาก ๆ ดีจัง ตามมาตั้งกะบอร์ด ปาล์ม :m11:
   รอตอนต่อไปอยู่นะคับ  o9
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 12-09-2007 01:38:11
ขอบคุณคับ สนุกมากๆเลยคับ เอ้กับวุน่ารักดีคับ จะรอต่อไปคับผม
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 12-09-2007 03:15:42
รีที่ 13..เลขกะลังสวย.. :m13:
รอความจริงเปิดเผย..แถมตรงกะวันสำคัญ..
วันอะไรอ่ะ..ใช่วันเกิดมั้ยน๊า.. :m28:
รีบมาต่อนะคร้าบบบบ.. :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)"
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 12-09-2007 09:31:19
ในที่สุดความจริงก็เปิดเผยแล้วอะ
วุธใช่เป็นคนที่โทรมาปลอมเป็นโยหรือป่าวหว่า
ไปอ่านเลยนะครับ

18 Unhappy Birthday

..........ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ Peak ที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตผม เช้าไปโรงเรียน....เย็นเรียนพิเศษ เรียนบ้างโดดบ้าง เสาร์-อาทิตย์ไอ้วุธก็มาชวนขี่รถเล่นบอกกับพ่อว่าจะพาผมไปดูสาว ถ้าพ่อสังเกตคงเห็นหน้าผมผะอืดผะอม........พอมืดหน่อยก็กลับมากินข้าวเย็นด้วยกันที่บ้าน........เวลา 3 ทุ่มของทุกวัน ไอ้โยก็โทรมาหา คุยกันจนไม่มีเรื่องจะคุย ถึงขนาดนั่งฟังวิทยุคลื่น FM 93 เพลงไทยคุณขอมาด้วยกัน พี่ศิริชัย ดีเจเสียงทุ้มอ่านจดหมายขอเพลง และเปิดเพลงตามคำขอ เป็นคลื่นวิทยุที่ฮิตมาก ๆ ...... รักใครชอบใคร อยากจะบอกอะไรกับใครก็เขียนไปรายการนี้ ทุกเช้าเมื่อผมเจอเพื่อน รายการเพลงไทยคุณขอมาก็คือหัวข้อในการเม้าธ์เรื่องแรก......บางวันมีจดหมายของคนที่พวกผมรู้จัก เราก็มานั่งเม้าธ์กันสนุกสนาน ผมคิดว่าพวกเด็กพาณิชย์และเด็กช่างจะติดรายการนี้กันเกือบทุกคน.......ระหว่างฟังวิทยุไปคุยไป ผมดันหลุดปากบอกโยไปว่า อยากให้คนเขียนจดหมายมาขอเพลงให้ผมมั่งจัง....และมันก็บอกว่ามันจะทำให้เอง......ผมบอกว่าพูดเล่น แต่มันไม่เล่นด้วย มันให้ผมรอฟังทุกวัน และผมก็รอจริง ๆ ครับ......

*
*
*

...........1 สัปดาห์ก่อนปีใหม่ พวกผมเริ่มไปทำงานกันที่ห้างแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่ หน้าที่ห่อของขวัญ งานง่าย ๆ เงินดี มีทิป ทำตั้งแต่สี่โมงเย็นถึงห้างปิด.....นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมกับโยไม่ได้คุยโทรศัพท์กันโดยปริยาย ครั้งสุดท้ายที่เราคุยกัน มันเข้าใจและไม่ว่าอะไร พูดแค่เพียงว่า เอาไว้คุยกันอีกครั้งหลังปีใหม่ ผมนัดวันให้เสร็จสรรพ ปากผมก็หนัก ไม่ยอมชวนโยให้มาหาที่ห้าง แต่ผมใช้วิธีพูดอ้อม ๆ บอกมันหมดว่าทำงานที่ไหน ชั้นอะไร กี่โมงถึงกี่โมง หวังไว้ลึก ๆ ว่ามันจะมาหาผมบ้าง.....แต่ไม่เลย…..คนที่ผมเจอหน้าบ่อยที่สุดกลับกลายเป็นวุธ.....มันมาพร้อมเพื่อนมันนั่นแหละครับ เพื่อนมันมานั่งเฝ้าแฟน มันก็ตามเพื่อนมา เดินป้วนเปี้ยนคอยแหย่คอยแซวตอนที่ไม่มีลูกค้า........พวกเราก็กลับบ้านพร้อมกันทุกวัน นั่งรถเมล์บ้าง มันขับรถมาเองบ้าง ไม่มีใครสงสัยในพฤติกรรมของเราสองคน เนื่องจากบ้านเราอยู่ทางเดียวกัน และไอ้ตั้มกับอีตาลก็ติดรถมาด้วย........หลังจากวันลอยกระทง วุธก็ไม่มีโอกาสได้มานอนบ้านผมอีก ทั้ง ๆ ที่มันพยายามหาเรื่องมานอนแต่ยังไงผมก็ไม่ยอม.......

......คืนวันสิ้นปี ห้างใกล้จะปิด ผู้คนเริ่มบางตา ผมเคลียร์โต๊ะจะกลับบ้านแล้ว แต่คนอื่น ๆ ยังยุ่งอยู่.....ผมกำลังจะเดินไปช่วยเพื่อน.....ไอ้วุธมาจากไหนก็ไม่รู้ อยู่ดี ๆ มันก็ยื่นกล่องสีขาวขนาดไม่ใหญ่มากให้ผม.....อดยิ้มไม่ได้ คิดว่ามันให้เรา ทีไหนได้.....มันบอกให้ห่อของขวัญให้ด้วย จะเอาไปให้คนสำคัญ.....ไอ้ห่า....ดีนะที่ผมยังไม่ได้พูดขอบอกขอบใจมันเป็นเรื่องเป็นราว ไม่งั้นหน้าแหกแน่ ๆ.......ผมจำใจรับมาห่อให้ มันให้ผมเป็นคนเลือกกระดาษที่จะใช้ห่อ และพวกริบบิ้นโดยไม่ต้องถามมัน........ตอนแรกอยากจะทำแบบลวก ๆ ไม่ต้องสวยมากก็ได้ ให้ใครก็ไม่รู้ เกิดอาการหมั่นไส้นิด ๆ แต่ระหว่างทำดันคิดได้ว่า มันอุตสาห์ตั้งใจหาซื้อให้ ถึงคนนั้นจะไม่ใช่เรา แต่เค้าก็ไม่มีความผิดอะไรที่ควรจะได้รับของขวัญที่ถูกห่อแบบชุ่ย ๆ ผมแกะออก และลงทุนห่อใหม่ให้อย่างงาม ติดโบว์ ติดริบบิ้นให้เกินราคาเลยครับ ......

......มันขับรถมาส่งพวกผมเหมือนเดิม โดยที่ผมลงหน้าปากซอยเป็นคนแรก และมันขับเลยไปส่งตั้มกับตาลต่อ.......กลับถึงบ้านผมก็หาอะไรกิน นั่งดูโทรทัศน์ตามปกติทุกวัน เสียงคนข้างบ้านกำลังมีงานปาร์ตี้ อีกห้านาทีก็จะเที่ยงคืน เดินขึ้นห้องเตรียมอาบน้ำนอน แต่ก็อดชะเง้อมองข้างบ้านไม่ได้ ทันทีที่มองออกไป ผมตกใจที่เห็นรถไอ้วุธจอดอยู่เยื้อง ๆ รั้วบ้าน แต่ตัวมันยืนที่หน้าประตูใหญ่มองมาทางห้องผม ผมคงเปิดโทรทัศน์ดังไปหรือไม่ก็ข้างบ้านเสียงดัง จึงไม่ได้ยินเสียงรถมัน......มาตั้งแต่เมื่อไหร่.....มาทำไม.....ผมสงสัย วิ่งลงไปดู ทันทีที่ผมเปิดประตู มันยื่นไอ้กล่องของขวัญที่ผมเป็นคนห่อเองกับมือให้ตรงหน้า ผมรับไว้แบบไม่รู้เรื่องรู้ราว......งงเหมือนกันตกลงมันจะให้ใครวะ

“Happy New Year” มันก้มหน้าก้มตาพูด

“......อืม….Happy New Year….อย่าบอกนะว่า.......ให้เรา” ผมมองกล่องของขวัญในมือ มันพยักหน้าอาย ๆ

“.....เฮ้ย......” ผมตกใจ ไม่ใช่อะไร ก็ผมรู้สึกผิดที่ไม่ได้คิดถึง และไม่ได้เตรียมอะไรให้มันเลยอ่ะดิ

“ทำไม.....ไม่อยากได้เหรอ.....ถ้าเป็นของไอ้เด็กมอปลายนั่นคงดีใจสิเนอะ” มันกวน

“....ไม่ใช่.....คือ.....เราไม่มีอะไรให้ตอบแทนเลยอ่ะ”

“ไม่ต้องลำบากหรอก” มันพูดเหมือนน้อยใจ

“เอาอย่างงี้....อยากได้อะไรล่ะ.....” ผมถาม มันมองผมยิ้ม ๆ ผมต้องรีบพูดต่อ “อะไรก็ให้ได้....ยกเว้น.......”

“ยกเว้นอะไร” มันพูดสวนขึ้นมา

“ยกเว้น Virgin” ผมพูดขำ ๆ

“อะไร จิ้น ๆ นะ” มันไม่รู้เรื่อง

“เออ.....ช่างเถอะ.....แล้ววันนี้กลับบ้านได้ปะ” ผมถามด้วยความเป็นห่วง แต่มันเข้าใจไปอีกอย่าง

“ถ้าบอกว่ากลับไม่ได้......แล้วจะให้นอนที่นี่รึไง” มันยิ้มแฉ่ง

“ไม่อ่ะ....นอนในรถนั่นแหละ”

“ใจร้ายว่ะ......ดีนะวันนี้กลับได้ บ้านยังไม่ปิด คนงานที่บ้านเค้าจัดงานกัน….งั้น.....เรากลับเลยดีกว่า” มันหันหลังเดินไปที่รถ

“เดี๋ยว.....ตกลงอยากได้อะไร”

“ตอนนี้ยังอ่ะ......อยากได้เมื่อไหร่จะบอกเองแหละ....ไม่ต้องซื้ออะไรมาให้นะ.....” มันพูดเสียงจริงจัง

“เออ......กลับบ้านดี ๆ ล่ะ”

“Goodnight ครับ” มันดัดจริตพูดภาษาอังกฤษ ได้ยินแล้วคิดถึงโยจัง ก่อนวางสายมันจะพูดคำนี้ทุกครั้ง

*
*
*

.........หลังปีใหม่มาสองสัปดาห์......ผมเลิกทำงานแล้ว ไอ้วุธก็ยังไม่ยอมบอกว่ามันอยากได้อะไร.....เราเจอกันเกือบทุกวัน ผมถามมันทุกครั้งที่เจอ มันก็เลี่ยงไม่ตอบ จนผมเริ่มขี้เกียจถามแล้ว.....เอาเป็นว่าผมจะเลี้ยงวันเกิดของผมให้ดีกว่าทุกปีละกัน ชวนไอ้วุธกับเพื่อนมากินด้วย.....ปีก่อนผมเลี้ยงแค่ KFC เอาเงินที่หามาได้ช่วงปีใหม่นั่นแหละครับ แต่ปีนี้ดีหน่อย เอาเงินที่เก็บไว้จากการประกวด รวมกับเงินค่าจ้างห่อของขวัญ พ่อกับแม่ก็ให้แต่ดันเอาเงินใส่บัญชีซะนี่ ผมกะว่าจะเลี้ยง MK …..สุกี้เอ็มเคสำหรับเด็กพาณิชย์ในช่วงนั้น แพงเกินฐานะที่เด็ก ปวช. จะกินได้ ถึงแม้ว่าจะหารกันก็เถอะ พวกผมมันกินเก่งมาก กินหรือยัดก็ไม่รู้ อีกอย่างมันไม่ค่อยเลี่ยนเหมือนพวกไก่ทอดหรือพิซซ่า ทำให้กินได้เยอะกว่า แล้วนี่ตั้งกว่าสิบคน วัยกำลังกินกำลังนอนทั้งนั้น........ผมจัดแจงชวนทุกคนโดยนัดว่าจะเป็นเย็นของวันถัดจากวันเกิดผม เพราะวันเกิดผมต้องอยู่กับครอบครัวทุกปี

*
*
*

…….คืนก่อนวันเกิดผม....3 ทุ่ม ไอ้โยก็โทรมาตามปกติ ผมพยายามชวนมันไปกินเอ็มเคด้วยกัน โดยที่ไม่ได้บอกว่าเนื่องในโอกาสอะไร .....มันไม่ไปครับ....อ้างว่าต้องอยู่ทำรายงาน....อย่างที่ผมเคยบอกว่าผมไม่ชอบง้อใครนาน ๆ มันไม่ไป ก็โอเคไม่ไป เพียงแต่รู้สึกน้อยใจอยู่ลึก ๆ เราคุยกันไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง เที่ยงคืน

“Happy Birthday ครับ”

“รู้ได้ไง....ว่าวันเกิดเรา” ผมงง มันอึกอัก

“จำได้....ก็เอ้เขียนในสมุด Friendship ไง”

“เราว่าเราไม่ได้เขียนให้โยนะ” ผมพยายามนึก

“เออ....ช่างมันเถอะเอ้........”

“โย.....ถ้าไม่อยากไปกับเพื่อนเรา งั้นไปหาอะไรกินกันสองคนวันหลังก็ได้นะ”

“ ช่วงนี้ไม่ว่างเลยอ่ะ” นี่ขนาดผมพยายามเข้าใจมันแล้วนะ แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้

“.....อืม.....ไม่เป็นไร.....โยไปนอนเถอะ ดึกแล้ว....พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้าไปใส่บาตรอีก แค่นี้นะ.....หวัดดี” ผมตัดบท วางสายไปเลยครับ และมันก็ไม่กล้าโทรกลับมาแน่ ๆ

*
*
*

.......เหมือนเดิมทุกปี ผมตื่นเช้ามาใส่บาตรกับแม่ ไปโรงเรียนเร็วผิดปกติ เพื่อน ๆ ก็อวยพร และจะเอาของขวัญมาให้พรุ่งนี้ ผมมีความสุขกับเพื่อนจนลืมเรื่องไอ้โยไปได้ชั่วขณะ พอถึงเวลาเลิกเรียน.........ผมก็รีบแจ้นกลับบ้าน เพราะพ่อกับแม่รออยู่ เย็นนั้นครอบครัวผมอยู่กันพร้อมหน้ากินข้าวมื้อใหญ่.....อาเล็กก็มาพร้อมกับเพื่อนชายคนเดิม.....เป่าเค้กอะไรกันเรียบร้อย ผมเดินไปล้างมือในห้องครัว ขากลับโทรศัพท์ดังขึ้นมาพอดี ผมรับโทรศัพท์ด้วยเสียงสดใส

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ......เอ้หรือเปล่าครับ”

“....แม่นแล้ว.....ใครอ่ะ” ผมอารมณ์ดี

“.....โยโว้ย.....” เสียงปลายสายเหมือนจะดีใจที่ผมเป็นคนรับโทรศัพท์

“ไม่ต้องมาอำเลย” ผมยังหัวเราะได้อยู่

“อำบ้าอะไรล่ะ....กูเอง....โย”

“แหมคุยกันทุกคืน กูจำเสียงได้นะ.....ใคร....บอกมาเร็ว ๆ”

“มึงคุยกับใคร.....กูโทรหามึงตั้งหลายครั้ง แม่งไม่เคยอยู่บ้านเลย” เอ๊ะ หรือว่าเป็นโยจริง ๆ

“ไม่จริงอ่ะ.....ไอ้โยคุยกับกูทุกคืน”

“กูนี่แหละ โยตัวจริง.......กูเรียนห้องเดียวกับมึงตั้งแต่ม. 2 ตอนมึงเข้ามาใหม่ ๆ โคตรเรียบร้อยเลย แต่พอนานเข้าแม่งแรดชิบหาย......พวกมึงเรียกกูว่า XXXXX แต่นั่นน่ะชื่อพ่อกู.....มึงชอบเป็นเจ้ามือเวลาเล่นไพ่ แล้วมึงอ่ะชวนกูเล่นทุกครั้ง มึงได้อยู่คนเดียว เพราะมึงทั้งซ่อนทั้งสลับไพ่ เวลาเล่นเก้าเก มึงชอบเขย่ากระป๋องตังค์ข่มคนอื่นให้ไม่กล้าสู้ ที่จริงแล้วมึงได้แค่ 4-5 แต้มเอง แล้วมึงก็แดกทั้งวง......ตอน ม. 3 พวกมึงปีนรั้วหนีโรงเรียนวันกีฬาสี พอออกมาได้มึงก็ทิ้งกู นี่ถ้ากูไม่เจอมึงที่ไอซ์วันนั้น กูคงไม่ได้คุยกับมึงอีก” มันสาธยายยาวเหยียด ผมอึ้งตัวชา นี่มันไอ้โยตัวจริง แล้วคนที่คุยกับผมทุกคืนเป็นใครล่ะ

“.....โย.....” ผมพูดชื่อมันเบา ๆ

“.....เออ....เป็นไงล่ะ...เชื่อยัง” มันขำ ผมได้ยินแม่เรียกไปกินเค้ก สติถึงได้กลับคืนมา

“....เฮ้ย....โยรีบนอนปะวะ”

“ไม่อ่ะ....ยังทำการบ้านไม่เสร็จเลย”

“เอางี้....เดี๋ยวเราโทรกลับนะ....เอาเบอร์มาซิ” มันบอกเบอร์โทรศัพท์พร้อมเบอร์เพจด้วย

*
*
*

......ผมฝืนยิ้มเดินกลับไปโต๊ะกินข้าว....นั่งมองเค้กวันเกิดที่ถูกตัดแบ่งเรียบร้อย อารมณ์อยากกินหมดไปแล้ว แต่ก็ต้องกินเพื่อไม่ให้อื่นสงสัย......หลังจากที่ช่วยแม่เก็บจานชามไปไว้ในครัว พ่อนั่งดูข่าว ใกล้ 3 ทุ่มเข้ามาทุกที ผมตัดสินใจดึงแจ็คโทรศัพท์ออกทุกเครื่องพยายามทำให้เหมือนว่ามันหลุดออกเอง ยกเว้นห้องผมที่ยกหูออกเท่านั้น เสร็จแล้วผมลงไปนั่งเล่นบนชิงช้าที่สวนหน้าบ้าน ทุกคนเข้าใจว่าผมขึ้นห้องแล้วแน่ ๆ ผมนั่งเงียบคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา พยายามนึกว่าใครที่โทรมาแกล้ง อยู่ ๆ หน้าของไอ้วุธก็ลอยแวบเข้ามาในสมอง คิดทบทวนจากหลาย ๆ เหตุการณ์และคำพูดแล้ว ไม่มีใครที่ทำอย่างนี้แน่นอกจากมัน แต่ผมยังไม่ปักใจเชื่อ ไม่อยากมองมันในแง่ร้าย หาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไปเพื่ออะไร.......

“.....คิดถึงนายวุธสุดหล่ออยู่เหรอคุณหลาน” เสียงอาเล็กดังมาจากข้างหลัง

“....ครับ....”

“ต๊าย....ยอมรับเต็มปากเต็มคำ....แล้วบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน” อาเล็กล้อผม

“....ไม่ใช่อย่างนั้น.....อาเล็กมาก็ดีแล้ว...เอ้มีเรื่องจะปรึกษา” อาเล็กนั่งลงข้าง ๆ ผม

“งั้นเดี๋ยวผมไปรอข้างในนะ” เพื่อนอาเล็กขอตัว

“ไม่เป็นไรครับ.....อยู่ด้วยกันเถอะ จะได้ช่วยเอ้คิด” พี่คนนั้นยิ้มแล้วนั่งฝั่งตรงข้าม

“....เอ้า...มีเรื่องอะไรให้อาช่วย”

“....เรื่องมันมีอยู่ว่า.................................” ผมเล่าให้อาเล็กฟังทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์ และเกือบทุกคำพูดที่โยตัวปลอมพูดทุกคืน ผมถามอาเล็กสั้น ๆ ว่า อาเล็กคิดว่าใครโทรมาแกล้งผม

“....โอ๊ย....ก็นายวุธสุดหล่อของหนูไงจ๊ะ…จะเป็นใครไปได้” อาเล็กหัวเราะ แต่พอเห็นหน้าผมเครียดก็หยุดกึก

“แล้วมันทำไปเพื่ออะไรอ่ะครับ” ผมถามเพื่อนอาเล็ก

“....เค้าอาจจะอยากล้อเล่นหรือว่า.......”

“หรือว่าชอบแกจริง ๆ น่ะสิ....อาเห็นตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าเด็กคนนี้มันแปลก ๆ” ผมหน้าร้อนวูบ

“แต่เอ้รับไม่ได้ที่มันทำอย่างนี้ มันหลอกเอ้มาหลายเดือนเลยนะ…นานจนเอ้คิดว่าเอ้ชอบไอ้โยตัวปลอมซะด้วยซ้ำ” ผมยังแค้นไม่หาย

“เอาอย่างนี้สิ….หนูก็แกล้งมันบ้าง” อาเล็กพูดเสียงกระตือรือร้น

“แกล้งยังไงอ่ะครับ”

*
*
*

.....แผนอาเล็กนี่เยี่ยมไปเลย แค่คิดก็สนุกแล้ว มันเป็นการทดสอบอะไรบางอย่างด้วย ถ้ามันไม่ได้เป็นคนโทรแกล้งผมก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นมันจริง ๆ คงกระอักแน่......สี่ทุ่มกว่าอาเล็กก็กลับบ้าน ก่อนไปอาเล็กเตือนผมให้แกล้งมันแค่พอหอมปากหอมคอ เจตนาของคนที่โทรมาดูแล้วไม่น่าจะจงใจแกล้งให้ผมเสียใจ.....แต่ไม่เลยครับ ผมเสียใจและจะรู้สึกเสียใจมากยิ่งขึ้น ถ้าเรื่องทั้งหมดนี้เพื่อนในกลุ่มผมรู้เห็นเป็นใจด้วย

“.....สวัสดีครับ.....” ผมโทรไปหาไอ้โยตัวจริงที่มันให้เบอร์ไว้

“โห....นึกว่าไม่โทรมาซะแล้ว” ไอ้โยบ่น

“....นอนยัง....”

“ยัง....เพิ่งทำการบ้านเสร็จ”

“.....เอ่อ.....โย.....พรุ่งนี้เย็นว่างปะ”

“....ว่าง....ทำไมเหรอ”

“ไปกินเอ็มเคกัน” ผมกลั้นใจชวน

“ได้เลย......ที่ไหน.....กี่โมง....”

“ที่ XXXXXX หลังเลิกเรียนน่ะแหละ กินกี่โมงพรุ่งนี้เพจไปบอก....โอเคปะ”

“เออ......แต่เนื่องในโอกาสอะไรวะ”

“.....วันเกิด....”

“เมื่อไหร่” เสียงมันตื่นเต้นจนดูเวอร์

“วันนี้...แต่เลี้ยงเพื่อนพรุ่งนี้”

“เฮ้ย.....Happy Birthday มีความสุขมาก ๆ นะเว้ย” นี่แหละเด็ก ศิลป์ภาษาตัวจริง เสียง R เสียง TH ชัดเจนทีเดียว

“Thank you”

“นึกยังไงถึงชวนกูวะ” มันสงสัย

“จริง ๆ แล้วกูมีเรื่องให้ช่วยนิดนึงอ่ะ” ผมพูดเสียงเบา

“อะไรวะ.....บอกมาเลย กูเต็มใจช่วยทุกอย่าง”

……ผมเล่าให้โยฟังจนหมดเปลือกและ อธิบายแผนการเอาคืนของผมให้โยฟัง มันเห็นดีด้วย และท่าทางมันจะชอบแผนนี้ ถึงขนาดลงทุนจะโดดเรียนวิชาสุดท้ายเพื่อมาให้ทันกินเอ็มเคกับพวกผม

พอผมเล่าและวางแผนนัดแนะกันจบมันก็พูดถึงงานกีฬาสีของโรงเรียนเก่าที่เราเคยเรียนด้วยกัน ซึ่งเป็นวันมะรืนนี้ต่อจากวันที่เรากินเอ็มเคกัน และผมก็จะชวนเพื่อน ๆ ของผมรวมทั้งกลุ่มไอ้วุธไปด้วย ในวันนั้นไอ้โยจะโดดเรียนทั้งวัน ส่วนผมจะโดดแค่ครึ่งวันบ่าย และนี่ก็เป็นเหตุผลที่โยโทรมาและโชคดีที่ผมรับโทรศัพท์ของมัน ทำให้ผมตาสว่างไม่โง่โดนหลอกต่อไป.......มันบอกว่ามันพยายามโทรมาหาผมหลายครั้งแล้ว แต่ตอนหัวค่ำผมก็ยังไม่กลับ พอดึกหน่อยโทรศัพท์บ้านผมก็ไม่ว่าง.....จะว่างได้ไงล่ะครับ ก็หลังสามทุ่มผมกำลังคุยกับโยกำมะลออยู่ทุกคืน.........

           **********************************T****B*****C*******************************

ขอบคุณมากครับทุกคนที่รีพลายมาให้
มาต่อให้แล้วเด๋วมาลงใหม่ตอนเย็น
ขอบคุณพี่เอ้คนสวยมากมายเลยนะครับ


หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT (
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 12-09-2007 10:10:03
 :m28: :m28: :m28:
วางแผนทำไรกันหว่า
 
ว่าแต่เอ้คงไม่ลืมสัญญาของวุธที่เคยขอไว้นะ
 :m17: :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT (
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 12-09-2007 10:38:45
555 แบบนี้สิต้องเอาคืน ดูสิเจอแบบนี้ไปจะยอมรับมั้ย o12

แต่สงสัยได้มีน้ำตาท่วมจอแน่ๆ อิอิ

รีพลาย สอง คร้าบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT (
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 12-09-2007 11:10:20
รีที่ 3 (อีกแล้ว)

เพราะรักดอกจึงหยอกเล่นอ่ะ

อย่าใจร้ายกับวุธมากเกินไปนะ  o9

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 12-09-2007 16:09:27
รีที่ 4 ครับ

คิดว่าวุธคงกระอักเลือดตายคาเอ็มเคแน่เลยอ่ะ สงสัยจะให้โยเล่นบทแฟนเอ้แน่เลย อิอิ

อยากเห็นหน้าวุธตอนนั้นจริง ๆ เลย :a10:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 12-09-2007 17:28:17
รี 5


รักหรอกจึงหยอกเล่นน่า ตอนแรกที่วุธโทรมาอำ คงเพราะกลัวว่าเอ้จะไม่คุยด้วยอะดิ  ทีนี้พอเข้าใจผิดกันไปแล้ว
ก็ไม่กล้าบอกความจริง กลัวเอ้โกรธอีก  :a6:  เข้าใจวุธอ่ะ เชียร์วุธ


คนโพส รีบมาต่อนะจ๊ะ กำลังลุ้น  :m23:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: icezanesta ที่ 12-09-2007 19:04:03
รีที่เท่าไหรไม่รุค้าบ  :m5:

แอบแฝงมาตั้งนานละ   :m7:

วันนี้มาแสดงตัว

สนุกดีค้าบ

โยกะเอ้คิดจาทำอารายอะ  :m28:

รีบ ๆ มาต่อนะค้าบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 12-09-2007 19:15:18
 :impress:

มาเป็นรีที่ 7 คร๊าบ.........

แล้วเอ้จะแกล้งไรวุธหว่า

มาต่อเร็ว ๆ นะ

เย็นแล้ว

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 12-09-2007 21:45:32
19 PAY BACK TIME
......เช้านั้นผมอ้อนวอนขอขับรถของแม่ไปโรงเรียน แม่คิดอยู่นาน ผมก็พยายามหว่านล้อมหาเหตุผลสารพัด สุดท้ายแม่ก็อนุญาตให้ผมเอารถไปขับได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องกลับก่อน 2 ทุ่ม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมขับรถไกล ๆ คนเดียว แต่เป็นครั้งแรกที่ผมขับรถไปเรียน เหตุผลที่ผมเอารถไปน่ะเหรอครับ ก็เพราะผมไม่อยากนั่งรถไอ้วุธไงล่ะ

.....นั่งฟังแม่พร่ำเตือนเรื่องขับรถตลอดมื้อเช้า ทำให้ผมไปเรียนเกือบสาย เพื่อนผมไม่มีใครรู้สักคนว่าวันนี้ผมขับรถมา พอโรงเรียนเลิกปุ๊บ ผมก็วิ่งไปเพจหาโย บอกมันว่ากำลังจะออกจากโรงเรียนแล้ว......พวกเพื่อนผมไปรวมกลุ่มกับพวกไอ้วุธที่หน้าโรงเรียน ผมหอบของขวัญพะรุงพะรังตามไปทีหลัง ทันทีที่ผมเห็นหน้าวุธ มันมองหน้าผมแปลก ๆ ผมก็มองหน้ามันไม่สนิทใจนัก

“สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะ” มันพูดกับผมเป็นคนสุดท้าย หลังจากที่เพื่อน ๆ มันพูดไปแล้ว

“....ขอบใจ.....ไปกันเลยมั๊ย.....”

“.....ไปดิ.....” มันหันหลังเดินไปขึ้นรถ

“......เดี๋ยวเราตามไปละกัน.....ใครจะไปกับกูมั่ง” เพื่อนผมหันขวับมาตามเสียง

“อ้าว...ทำไมไม่ไปด้วยกันอ่ะ” ไอ้วุธถาม

“เราเอารถมา” ผมตอบสั้น ๆ อีพวกนั้นงง มันไม่เคยรู้มาก่อนว่าผมขับรถเป็น แต่มันก็กระดี้กระด้าไปกับผม โดยเฉพาะอีแจน มันบอกว่าจะได้ไม่ต้องตากแดด ไอ้วุธทำหน้าเอ๋อ แต่ก็เดินขึ้นรถขับนำผมไป

........พวกเพื่อนผมคุยกันเสียงดังเหมือนนกกระจอกแตกรัง กรี๊ดกร๊าด ไปตามเรื่องตามราว ส่วนผมขับรถไปเงียบ ๆ ไม่ค่อยคุยอะไรมากนัก ในใจมัวแต่คิดถึงแผนการที่กำลังจะทำวันนี้ ในที่สุดก็ถึงห้างที่เรานัดกันไว้ ผมขับไปจอดข้างรถไอ้วุธ ตัวมันเดินลิ่ว ๆ เข้าห้างไม่สนใจผมเลย เดาได้ว่ามันต้องไม่พอใจอะไรซักอย่างเกี่ยวกับผม.......พวกเราเดินเล่นกันซักพัก ผมพยายามถ่วงเวลารอไอ้โย พอเพื่อน ๆ บ่นอยากกินกันแล้ว ผมก็พาเดินเข้าร้าน ได้ที่นั่ง.....สั่งของเรียบร้อย ผมก็ออกไปเพจหาโยอีกครั้ง บอกมันว่าอยู่ที่เอ็มเคแล้ว ชั้น 3 โต๊ะยาวด้านในสุด เพจเสร็จเข้าห้องน้ำล้างมือนิดนึง......กลับเข้าร้านอีกครั้ง พบว่าไอ้วุธมันเปลี่ยนที่ซึ่งตอนแรกผมนั่งอยู่ เท่ากับว่าผมต้องนั่งติดกับมันอีก ผมเห็นอย่างนั้นแล้วก็เลยตัดสินใจนั่งฝั่งตรงข้าม......มันมองตาขวางเลยครับ แต่พูดอะไรไม่ได้ ผมทำเป็นยิ้มไม่รู้ไม่ชี้.....

*
*
*

......อาหารที่สั่งไว้เริ่มทยอยมาเสิร์ฟแล้ว ผมอาสาเป็นคนทำพวกผักเอง สมัยนั้นผักเอ็มเคไม่ได้หั่นให้อย่างทุกวันนี้ ส่วนพวกเนื้อสัตว์ลูกชิ้นต่าง ๆ เพื่อนผมเทลงหม้อหมดเลย....ผมนั่งกระสับกระส่ายกลัวว่าไอ้โยจะมาไม่ทัน และไอ้พวกนั้นจะอิ่มกันซะก่อน.....แต่ยังไม่ทันที่ของในหม้อจะสุก เสียงไอ้โยก็มาก่อนตัว

“หวัดดีครับทุกคน” ไอ้โยมาในชุดนักเรียนที่ยังคงเท่ห์เหมือนเดิม เสื้อนักเรียนสีขาวสะอาดตัวใหญ่ ๆ กับกางเกงขาสั้นหลุดตูดนิด ๆ ไม่ได้เจอมันนานแล้วมันดูหล่อขึ้นเยอะเลยครับ

“....กำลังรออยู่พอดีเลย....นั่งดิ....” ผมเขยิบให้มันนั่งข้าง ๆ เรียกพนักงานขอชามช้อนเพิ่ม

“เป็นยังไงกันมั่งครับ…ไม่ได้เจอกันซะนาน” โยหันไปมองทุกคน อีพวกนั้นทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมเริ่มแน่ใจแล้วว่าเพื่อนผมมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของไอ้วุธ เพราะปกติแล้วพวกมันต้องกรี๊ดกร๊าดกับผู้ชายหน้าตาดี ๆ แม้ว่ามันจะอยู่กับแฟนก็เถอะ ที่สำคัญพวกมันก็เคยคุยแถมยังปลื้มไอ้โยมาก่อนด้วย

“สบายดีค่ะ....แล้ววุธล่ะ” อีอ๋าพยายามทำหน้าให้เป็นปกติ

“ช่วงนี้เรียนหนักอ่ะครับ....กำลังจะสอบเทียบด้วย....ดีนะว่าเอ้คอยให้กำลังใจตลอด” มันหันมามองผมตาเยิ้ม ผมก็เล่นกับมัน

“อย่าเพิ่งคุยกันเลย....กินก่อนดีกว่าเนอะ” ผมตักสุกี้ใส่ถ้วยให้โย หางตาผมเห็นไอ้วุธจ้องเขม็ง

“เอ้เค้าให้กำลังใจยังไงเหรอ” ไอ้วุธพูดกวน ๆ

“ก็โทรคุยกันทุกคืนอ่ะครับ” อีนัท อีตาล อีอ๋า สำลักสุกี้เลยครับ

“.....กินเถอะ.....มา.....เดี๋ยวตักให้” อีตูนเอาถ้วยไอ้วุธมาจัดแจงตักให้เต็มถ้วย มันรับมากินอย่างไม่สบอารมณ์นัก

“.....เอ้....อยากกินขนมปังหน้ากุ้งอ่ะ” โยพูดขณะรถเข็นติ่มซำเข้ามาใกล้โต๊ะเรา

“......เอาดิ.....ต้องให้ป้อนมั๊ย” ผมพูดขำ ๆ มันพยักหน้าหงึก ๆ

“.....บ้า.....อายเค้า” ผมแกล้งเขิน

“ไม่เห็นต้องอายเลย.....ไม่มีใครว่าอะไรหรอกเนอะ” มันหันไปพยักพเยิดกับคนอื่น ไอ้พวกนั้นก้มหน้างุด ยกเว้นไอ้วุธคนเดียวที่มองผมไม่วางตา

*
*
*

“....เฮ้ย...กูไปห้องน้ำแป๊บนึงนะ” ผมพูดหลังจากกินอิ่มแล้ว กำลังรอของหวานอยู่

“ไปด้วย” ไอ้โยลุกตาม แต่ไม่ลุกอย่างเดียว ดันจับมือผมไว้อีก ไอ้วุธตาโต คนอื่นมองหน้ากันเลิกลั่ก มันเป็นเพื่อนผมมานาน มันรู้ว่าผมไม่ยอมให้ใครทำอย่างนี้ง่าย ๆ ผมยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูมันว่า เกินไป กูไม่ใช่ผู้หญิงนะโว้ย มันยิ้มแฉ่งเลยครับ ไอ้พวกนั้นทำหน้าสงสัยว่าพวกผมพูดอะไรกัน

…….ในห้องน้ำ ขณะที่ผมล้างไม้ล้างมือ คงจะล้างแรงไปหน่อยน้ำดันเสือกกระเด็นเข้าตา ไอ้โยเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้ผม......ลืมตามาอีกที ใจหายวาบเลยครับ ไอ้วุธยืนมองเราสองคนที่หน้าประตูห้องน้ำ เห็นสายตามันแวบแรกแล้วรู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ แต่พอคิดถึงสิ่งที่มันทำกับผมแล้ว ผมยิ่งแค้น

“....เอ้....จะทำอะไรก็อย่าให้มันประเจิดประเจ้อนักดิ” ไอ้วุธพูดเหมือนเป็นพ่อผม แต่ตามันมองหน้าไอ้โย

“.....ทำอะไร....ก็แค่.......” ผมกำลังจะเถียงไอ้โยมันดันพูดตัดหน้าซะก่อน

“.....อย่าคิดมากสิครับคุณวุธ คนรักกันโดนตัวกันนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก” มันพูดหน้าตาเฉย ไอ้วุธอึ้ง “....เอ้เสร็จแล้วใช่ปะ...” ผมพยักหน้า “..ขอตัวก่อนนะครับ” โยจูงมือผมเดินผ่านไอ้วุธเฉียดไหล่มันไปนิดเดียว.......ผมมองหน้าไอ้วุธผ่านกระจก มันหงอยอย่างเห็นได้ชัด

*
*
*

.....พอออกจากเอ็มเค พวกเราก็เดินเล่นย่อยกันเป็นปกติ ผมเดินรั้งท้ายกับไอ้โยกระซิบกระซาบหัวเราะกันอยู่สองคน หลายครั้งที่วุธหันมามองด้วยสายตาเหงา ๆ ผมเกือบจะใจอ่อนทุกที.....เราเดินผ่านแผนกที่ขายซานริโอ เพื่อนผมมันก็หยุดดูกัน ส่วนผมไม่ค่อยชอบของจุกจิกอย่างนี้เท่าไหร่ แต่ก็หยิบ ๆ จับ ๆ อะไรดูไปเรื่อย

“...เอ้...อยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดอ่ะ” อยู่ดี ๆ มันก็ถามเสียงดัง ตอนแรกผมจะบอกว่าไม่แล้วหล่ะ แต่เห็นสายตาทุกคู่จ้องมาที่ผมทำให้ผมต้องบอกว่า

“...อะไรก็ได้....โยให้อะไรเราก็ชอบหมดแหละ” ผมตอบพร้อมลากมันไปไกลจากกลุ่มเพื่อนผม

“....ไม่ต้องให้ก็ได้” ผมพูดกับโยเบา ๆ

“ไม่ได้...ยังไงก็ต้องให้....ไม่งั้นก็ไม่สมจริงดิ....อยู่เฉย ๆ ละกัน” มันทิ้งผมเดินไปหาของขวัญ ไม่สนใจเสียงห้ามของผมเลย

“.....อ้าว...ไอ้เด็กมอปลายนั่นไปไหนแล้วล่ะ” ไอ้วุธเดินมาทันทีที่เห็นว่าโยไม่อยู่กับผม

“.....เค้าก็เดินไปเดินมาแถวนี้แหละ ไม่กล้าไปไหนไกลหรอก” ผมพูดยืด ๆ

“....ท่าทางมีความสุขเนอะ...” มันกัด

“.....แน่นอน.....” ผมจ้องหน้ามัน และมันก็หลบตาผมเป็นครั้งแรก ผมยิ้มสะใจแล้วเดินไปทางอื่น

“.....เดี๋ยว.....” ผมชะงัก ไอ้วุธทำท่าจะพูดอะไรซักอย่าง แต่ไม่ทันครับ ไอ้โยมาซะก่อน มันอุ้มตุ๊กตาหมีตัวใหญ่มาด้วย

“....เอ้...ชอบมั๊ย....” มันยื่นตุ๊กตาหมียักษ์ให้ผม ยิ้มตาหยีเลยครับ แต่ผมหน้าเสียอย่างแรง เกรงใจไอ้โยมาก ๆ ที่มันต้องซื้อของขวัญให้ผมทั้งที่ไม่จำเป็น ผมรับมากอดไว้อย่างเสียไม่ได้

“....ตัวใหญ่ไปปะเนี่ย....เดินต่อไม่ได้แล้ว กลับเลยดีกว่า” ผมบอกเพื่อน ๆ ที่ทำหน้าเหวออยู่ โดยเฉพาะไอ้วุธ มันมองผมกอดตุ๊กตาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

“.....ใครจะกลับกะกูมั่ง.....” ผมชวน และก็เป็นไปตามคาดครับ ไม่มีใครกลับพร้อมผม ยิ่งแน่ใจขึ้นไปอีกว่าเพื่อนผมมันรู้เรื่องที่ผมโดนแกล้งมาตลอด

“ไม่มีใครกลับด้วยเหรอ....งั้นเดี๋ยวเอ้แวะไปนั่งเล่นที่ร้านไอติมแถวบ้านเราก่อนนะ....ร้านเค้าน่ารักมากเลยอ่ะ....โรแมนติดสุด ๆ” ผมพยักหน้าแกล้งยิ้มหวานเกินค่าตัว......เดินนำหน้าไอ้โยไปลานจอดรถ ไอ้โยนี่ก็ดี โอเวอร์แอคจริง ๆ มันเอาตุ๊กตาไปถือไว้เหมือนเดิม ผมก็เดินตัวปลิวเลยสิครับ ไม่อยากจะคิดว่าอีพวกนั้นมันจะเม้าธ์ผมยังไงกันบ้าง

*
*
*

.....ระหว่างทางกลับบ้าน ผมต้องไปส่งไอ้โยก่อน มันคุยเก่งขึ้นมาก ผมถามมันถึงเรื่องเกย์สาวที่ผมเคยเจอในห้างเมื่อตอนปิดเทอม มันอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบ ผมต้องตะล่อมถามจนมันบอกความจริงในที่สุด ว่ามันเคยคบกับเกย์คนนั้นจริง ตอนนี้เลิกไปแล้ว ผมงง ตกลงมันเป็นเกย์หรือเปล่า มันอ้อมแอ้มแบ่งรับแบ่งสู้ มันบอกว่าแค่คบเล่น ๆ เป็นแฟชั่น มีเกย์รุ่นน้องที่โรงเรียนมาชอบมันตั้งหลายคน แถมยังบอกอีกว่าถ้าผมไปอยู่โรงเรียนมันรับรองว่าผมต้องได้แฟนหล่อ ๆ สับรางกันไม่ทันแน่ ผมได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร......ใกล้จะถึงบ้านโยแล้วรถติดเป็นเรื่องปกติ แต่ยังไงก็น่าจะถึงบ้านก่อนสองทุ่มตามที่รับปากแม่ไว้

“....ขอเสียงหน่อยนะ” มันกดปุ่มเร่งเสียงวิทยุที่เราเปิดฟังอยู่

“เพลงอะไรอ่ะ” ผมสงสัย

“....ฟังไปก่อน...กูว่าเพลงนี้เหมาะกับมึงดี” มันเป็นสรรพนามเป็นแบบเดิมตั้งแต่แยกกับไอ้พวกนั้นแล้วครับ

Take a bow, the night is over
This masquerade is getting older
Lights are low, the curtains down
There's no one here

Say your lines but do you feel them
Do you mean what you say when there's no one around
Watching you, watching me, one lonely star



I've always been in love with you
I guess you've always known it's true
You took my love for granted, why oh why
The show is over, say good-bye

Say good-bye , say good-bye

Make them laugh, it comes so easy
When you get to the part
Where you're breaking my heart
Hide behind your smile, all the world loves a clown



Say good-bye , say good-bye

All the world is a stage
And everyone has their part
But how was I to know which way the story'd go
How was I to know you'd break

You'd break my heart

I've always been in love with you

Guess you've always known
You took my love for granted, why oh why
The show is over, say good-bye

Say good-bye , say good-bye
Say good-bye


......ไอ้โยไม่ต้องแปลให้ผมเลยครับ รถติด ๆ อย่างนี้ฟังได้ชัดเจน คิดว่าจะไม่เครียดเรื่องนี้แล้วนะ ไอ้โยก็ยังอุตสาห์พูดให้ผมชีช้ำคิดมากอีก ดูคล้าย ๆ จะใส่ไฟไอ้วุธนิดหน่อย แต่ผมกลับมองว่าผมโงเองซะมากกว่า จบเพลงนั้นผมรีบเปลี่ยนสถานีหนีไปฟังเพลงไทยแทน อะไรยังไงกันเนี่ย คนถูกหลอกทั้งประเทศหรือเปล่า คลื่นที่ชัดที่สุดก็ดันเปิดเพลงประมาณเดียวกันอีก......ไอ้โยเห็นหน้าผมไม่ดี มันเปลี่ยนเรื่องเป็นชวนผมไปกินไอติมตามที่มันพูดไว้ ผมไม่มีอารมณ์กินแล้วครับ พอถึงบ้านมันผมก็ขอกลับเลยไม่แวะเข้าไปไหว้พ่อแม่มัน ผมบอกเอาไว้วันหลังละกัน ขอเสียมารยาทหน่อย แต่ไม่ไหวจริงๆ มันทำหน้าเหมือนเข้าใจ โบกมือลาผมเบา ๆ

*
*
*

......ครับ.....ไม่ไหวจริง ๆ พออยู่คนเดียวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก๊อกแตกอีกแล้ว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทั้งโกรธ ทั้งแค้น ไม่เข้าใจว่ามันทำไปเพื่ออะไร ที่ทำให้ผมเจ็บที่สุดก็คือเพื่อนในกลุ่มผมนี่แหละครับ เสียใจไม่เท่าไหร่ แต่เสียหน้ามากกว่า ผมเล่าทุกอย่างให้มันฟังแทบทุกวัน......เล่าเรื่องหวานจนเลี่ยนระหว่างผมกับไอ้โยตัวปลอม มันคงต้องเอาผมไปเม้าธ์เป็นตัวตลกลับหลัง ยิ่งคิดยิ่งแค้น แต่ตัวต้นเหตุก็คือไอ้วุธ มันหลอกให้ผมรัก ให้ผมรอทางโทรศัพท์ ส่วนตัวมันมาทำดีกับผม......ทำทีท่าว่าจะชอบผม ทุกอย่างที่มันทำ ผมรับรู้มาตลอด แต่ผมต้องกันตัวเองให้ออกห่างจากมัน ต้องเตือนตัวเองเสมอว่าชอบมันไม่ได้ มันไม่ได้เป็นเกย์ มันแค่ทำดีกับเราเฉย ๆ คนที่เราควรจะรักต้องเป็นโย คนที่คุยโทรศัพท์กับเราทุกวัน เป็นคนที่รับฟังปัญหาของเราทุกเรื่อง เป็นคนที่เราไว้ใจเล่าความลับให้ฟังจนหมด แล้วอย่างนี้ผมจะมองหน้าไอ้วุธสนิทใจได้ยังไง ........น้ำตาผมมันทำให้ตาผมพร่าไปหมด..ขับรถต่อไม่ได้แล้ว....ผมเลี้ยวรถเข้าไปในสวนสาธารณะแถวนั้นเพื่อสงบสติอารมณ์....ดับเครื่อง ล็อครถ กะว่าจะลงไปหาห้องน้ำล้างหน้าล้างตาซักหน่อย แต่อากาศมันดีเหลือเกิน ผมทรุดตัวลงนั่งกับม้าหินริมน้ำ......เหงามาก......รู้สึกว่าไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ เรื่องอย่างนี้เล่าให้ใครฟังมากก็ไม่ได้ เพื่อน ๆ ก็รวมหัวกันหักหลังผมหมด คนที่เคยคุยเคยปรึกษาก็กลายเป็นตัวปัญหาซะเอง........

*
*
*

.....ผมไม่รู้ตัวเลยว่านั่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน.....ถ้าเป็นอารมณ์ปกติจ้างให้ผมก็ไม่มานั่งอย่างนี้.....หันซ้ายหันขวาเพิ่งจะรู้ว่ามันมืดมากแล้ว รีบกระเด้งออกมาแทบไม่ทัน เอ้คนเก่ากลับมาแล้วหลังจากนั่งปลงอยู่นาน รีบเดินลิ่ว ๆ ออกจากที่นั่นกลัวจะโดนข่มขืนเหมือนในข่าวที่ Central Park New York มองนาฬิกาข้อมือ ชิบหายแล้วกู สองทุ่มกว่า....... แม่ด่าหูชาแน่ ๆ ดีนะว่ารถไม่ติดเท่าตอนหัวค่ำ ผมซิ่งสุดฤทธิ์ ถึงบ้านภายในสิบห้านาที...... จอดรถเรียบร้อย ลงไปเปิดประตู

“......ไปไหนมา.....” ถ้าไม่ใช่หน้าบ้านตัวเองคงกรี๊ดไปแล้ว ตกใจอ่ะดิ ไอ้วุธมาตะคอกถามอยู่ข้างหลัง

“....โอ๊ย....หัวใจจะวาย....ถามดี ๆ ไม่ได้เหรอ......” ผมหันไปมองหน้ามัน อารมณ์เริ่มขึ้นมาอีกรอบ “….แต่.....เอ๊ะ....เราจะไปไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายอ่ะ” ผมถามกวน ๆ มันอึ้งกับท่าทางไม่แคร์ของผม

“ออกมาตั้งนานแล้ว....ทำไมเพิ่งถึงบ้าน”

“......โยพาไปกินไอติมมา.....อร่อยดี.....ร้านก็ซ้วย....สวย” ผมทำหน้ามีความสุขสุด ๆ

“......เอ้.....เรา......เอ่อ.....” มันอ้ำอึ้ง

“อะไรจะพูดอะไรก็รีบ ๆ พูด.....เสียเวลาว่ะ เดี๋ยวสามทุ่มโยโทรมาหาอีก” ผมได้ทีตะคอกมันบ้าง มันมองหน้าผมตาละห้อย แล้วหยิบของในกระเป๋าเสื้อยื่นให้ผม

“......ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะ...... มันอาจจะไม่แพง ไม่น่ารักอย่างตุ๊กตาหมีนั่น.....แต่เอ้รู้ใช่มั๊ยว่ามันหมายความว่าอะไร” ทำไมจะไม่รู้ล่ะ....ผมมองแหวนรุ่นของโรงเรียนไอ้วุธที่อยู่ในมือ....มันใหญ่กว่านิ้วผมแน่นอน เพราะมันถูกพันด้วยด้ายสีขาวให้กระชับกับนิ้วของอีกคนที่ไม่ใช่เจ้าของคนเดิม

“ทำไมให้ของแบบนี้ล่ะ” ผมยื่นแหวนคืนมัน แต่มันไม่รับ

“ก็ให้ตามความหมาย.....ตามความรู้สึกไง” มันตอบสั้น ๆ แล้วเดินไปขึ้นรถที่จอดแอบไว้ข้างรั้วอีกฝั่ง มิน่าผมถึงไม่เห็นรถมันตอนเลี้ยวเข้าบ้าน

........ทันทีที่ไอ้วุธขับลับสายตา ผมลองเอาแหวนมันมาสวมกับนิ้วดู ปรากฏว่าใส่ได้พอดีที่นิ้วนาง อดยิ้มไม่ได้ แต่นึกถึงตอนที่มันทำกับผมแล้วก็ยังเคือง ๆ มันอยู่.....ผมขับรถเข้าไปจอดในบ้านแล้วเดินย่อง ๆ เข้าห้องไปอาบน้ำ แต่งตัว เสียงแม่เรียกดังมาจากข้างล่าง ผมคิดหาคำแก้ตัวในใจ แต่แม่ไม่ด่าแฮะ แม่บอกให้ผมเอาตุ๊กตาหมีออกจากรถด้วย...ตายแล้วลืมของขวัญคนอื่นหมดเลย.....ขึ้นห้องมาอีกทีเปิดวิทยุฟังพี่ศิริชัยเหมือนเดิม เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมคว้ามารับทันที คราวนี้เป็นไอ้โยตัวจริงแล้วหล่ะ....เรานัดกันไปเที่ยงงานกีฬาสีโรงเรียนเก่ากัน คุยกันไม่นานหรอกครับ มันก็เป็นเด็กเรียนคนนึง นอนไม่ดึกมาก....พอมันวางสายไป ผมอยู่คนเดียว เริ่มฟุ้งซ่านอีกแล้ว มองแหวนรุ่นในมือ มองของขวัญที่มันให้ตอนปีใหม่ ในใจขัดแย้งกันอย่างแรง อยากแก้แค้น อยากให้อภัยแล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมปฎิเสธไม่ได้หรอกครับว่าผมมีความสุขแค่ไหนตอนที่ไอ้วุธอยู่ใกล้ ๆ .......ยิ่งความหมายของแหวนรุ่นที่มันให้ผม และมีชื่อของมันสลักอยู่ด้านในอีก เป็นที่รู้กันว่าถ้าเด็กช่างคนไหนให้แหวนรุ่นของตัวเองกับใคร....คนนั้นจะต้องเป็นคนพิเศษของเขา.....ไอ้วุธมันหมายความตามนั้นจริง ๆ เหรอ โอ๊ย......เครียด.....นอนดีกว่า.....

**************************************************************************

......ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ มาอัพให้ทันใจดีมั๊ย.....
ขอบคุณพี่เอ้ครับป๋ม
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 12-09-2007 22:44:25
555 take a bow ชอบเพลงนี้มากกกกกกกก เป็นอัลบั้มมาดอนน่า ที่ชอบที่สุดเลย

จำได้ว่าอัลบั้มนี้ออกตอน ม.2 ไม่ก็ ม.3 เนี่ยแหละ อิอิ

ดูนายโย ลงทุนน่าดู ดีไม่ดี มาชอบอีกคนทำไงละเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ตามมาดู ที่ 12-09-2007 23:51:02
รี 2 คับ
 เฮ่อๆ เอ้ นิดหน่อยๆ คิดดูดีตาวุธ ไม่เคยบอกเลยว่าเป็นโย.. เอ้คิดไปคนเดียวต่างหาก..
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 13-09-2007 01:31:10
การให้อภัยเป็นสิ่งที่ประเสิรฐ์ที่สุดคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 13-09-2007 01:59:14
 :m16: :m16:  ก็น่าโกรธหรอกครับ  หลอกกันมาตั้งหลายเดือน :m16: :m16: 

แต่ว่าถ้ามองในแง่กลับกัน  ก็อาจจะกลัวว่าคุณเอ้จะไม่ยอมคุยด้วยละมั้งครับ  คุณวุธถึงต้องปลอมตัวเปนคนอื่น :m19: :m23: :m19:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 13-09-2007 03:08:58
 :m16:มันก็น่าโกรธอยู่หรอกนะ..หลอกกันได้.. :m16:
แถมเพื่อนเราก็รู้เห็นเป็นใจด้วยนี่สิ..เหมือนตัวตลกงัยไม่รู้ดิ.. :m20:
แต่เล่นให้แหวนตบท้ายกันขนาดนี้..ควรจะหายโกรธได้แล้วนา.. :m17:
แต่เรื่องวุ่นวายคงไม่จบลงง่ายๆแน่..ใช่ป่ะ :m21:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 13-09-2007 08:04:04
ก้อน่าโกรธ  อยู่หรอกที่มาหลอกเรา  แต่ที่อยากรู้จิงๆอ่ะ  ทำไมต้องหลอกด้วย

แล้วให้แหวนรุ่นที่มีความหมายด้วย    วุธชอบเอ้  ทำไมมะบอกๆๆๆ  ฮึ่ย   ขัดใจ

 :m16: :m16: :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 13-09-2007 08:08:20
ถ้าเป็นเรานะ หายโกรธตั้งแต่วุธให้แหวนแล้วอ่ะ แถมยังบอกอีกว่า ให้ตามความหมายและความรู้สึก ก็รู้อยู่แล้วว่า
ความหมายคืออะไร  ก็น่าจะเปิดใจฟังคำอธิบายกันก่อนอ่ะ  :m29: :m29: :m29: ยังไงก็เชียร์วุธ



มาต่อเร็วๆนะ กำลังลุ้น  :m26:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 13-09-2007 10:29:38
มาตามต่อครับ อิอิ อภัยเถอะครับนะนะ :m13:

วุธเค้าคงรักจริงอ่ะ หรือไม่ก็คงลองใจนิดหน่อยอ่ะ แต่เพื่อนเรานี่ดิสมรู้ร่วมคิดซะงั้น
น่าจะโกรธเพื่อนมากกว่านะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 13-09-2007 14:03:47
อย่าโกรธวุธนานเลยนะ

สงสารอ่ะ  o7
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 13-09-2007 15:14:05
ติดตามตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 13-09-2007 17:10:47
 :m5: :m5:

มาไวๆนะ ลุ้นๆๆอยากรู้อ่ะ ว่าเอ้จะทำไรวุธต่อ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 13-09-2007 19:30:46
 :impress:

ก็เข้าจายอ่ะนะว่ามันน่าจะโกรธ

แต่เขาทำก็เพื่อรักไม่ใช่เหรอ

ไม่งั้นเอ้จะมีใครปลอบตอนที่ท้อล่ะ

รออ่านต่อไปนะครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 14-09-2007 03:15:28
 :impress:มาลงชื่อรอตอนต่อไป.. :impress:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 14-09-2007 08:38:49
 o9 รออยู่นะครับ เมื่อไหร่จะลงต่ออ่ะครับเนี้ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 14-09-2007 09:53:23
อยากอ่านใจจะขาด  o9 o9 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 14-09-2007 09:54:43
มาแล้วครับต้องขอโทษด้วยเมื่อวานไม่ว่างเลยอะ
วันนี้เลยมาลงให้แต่เช้า
เด๋วเยย็นๆๆจะมาลงใหม่นะครับ


20
…..วันนี้ลองขอยืมรถแม่อีกละกัน....ได้ก็ได้....ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร.....เผื่อฟลุ๊คจะได้ไม่ต้องนั่งรถไอ้วุธมัน.....โขคดีจริง ๆ แม่อนุญาตครับ ผมขับไปจอดที่เดิม ไม่บอกใครด้วยว่าเอารถมา พอพักกลางวันปุ๊บ....ผมก็ชวนเพื่อน ๆ โดดเรียนทันที อีพวกนั้นไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้ว พวกเด็กช่างแฟนมันก็โดดเรียนมายืนเกาะกลุ่มรออยู่หน้าประตูเหมือนเดิม (ผมชวนพวกมันไว้เมื่อวานก่อนไอ้โยจะมาอ่ะครับ) สายตาผมสอดส่ายหาไอ้วุธโดยอัตโนมัติ แต่ไม่เห็นครับ รถมันก็จอดอยู่นี่นา แล้วตัวมันไปไหนวะ ผมคิดในใจ แต่เสียงอีอ๋าทำให้ผมต้องหันไปมองตาม

“.....วุธ.....นึกยังไงไปตัดผมอ่ะ.....หล่อชิบหายเลยว่ะ.......” อีอ๋ากรี๊ด ผมมองผู้ชายตัดผมทรงสกินเฮด ใส่กางเกงนักเรียนขายาวเข้ารูปแล้วจำแทบไม่ได้ว่าเป็นมัน

“….อยากเปลี่ยนอะไรบางอย่าง.....” มันพูดกับอีอ๋า แต่มองผม

“….มันไม่เถื่อนไปหน่อยเหรอ....” อีแจนถาม

“...เถื่อนสิดี....เป็นเด็กช่างมันก็ต้องเถื่อนเป็นธรรมดา....จะให้เรียบร้อยเป็นคุณหนูแบบเด็กมอปลายได้ไงอ่ะ” มันแอบกัดผม

“จะคุยกันอีกนานปะ....กูร้อน....พวกมึงมากับกูล่ะกัน” ผมเรียกเพื่อนขึ้นรถ วันนี้ผมเป็นคนขับนำมันบ้าง

*
*
*

......ตลอดทางเพื่อนผมมันวิพากษ์วิจารณ์การเปลี่ยนลุคของไอ้วุธกันเป็นที่สนุกสนาน..ไอ้หล่อน่ะมันก็หล่ออยู่ แต่ผมว่ามันไม่เหมาะกับมัน โดยเฉพาะกางเกงขาเดฟนั่น รัดปลิ้นเลยครับ ไม่อยากมองก็ต้องมองตรงนั้นน่ะ พูดตรง ๆ นะครับ ผมว่าทรงผมสั้น ๆ สกินเฮดของมันเนี่ย น่ารักมาก ดูเถื่อนดีผมชอบ ถึงแม้ว่าผมจะชอบคนผมยาวก็เถอะ แต่ขอเว้นไอ้วุธไว้คนนึง......

....ไม่นานเราก็มาถึงโรงเรียนเก่าของผม แลกบัตรอะไรกันเรียบร้อย หาที่จอดรถ ผมพาทุกคนไปนั่งที่ซุ้มประจำของผมเมื่อสมัยเรียน เพื่อนเก่าหลายคนทั้งที่เรียนต่อ ม. 4 และออกไปเรียนต่อที่อื่นมารวมตัวกันเยอะเลยครับ เราทักทายกันเสียงดังด้วยความคิดถึง ผมหาที่นั่งให้เพื่อนและกลุ่มไอ้วุธข้าง ๆ ซุ้มนั้น ไอ้โยโผล่มาพอดี มันประกาศเสียงดังฟังชัดว่า ผมเป็นแฟนมัน และนี่คือสาเหตุที่มันไปอยู่โรงเรียนชายล้วน เพราะมันไม่ชอบผู้หญิง ทุกคนฮือฮา รวมทั้งเพื่อนพาณิชย์ของผมด้วย....ผมตกใจเหมือนกัน...ไม่คิดว่าไอ้โยจะกล้าเล่นมุขนี้ มันแรงไป หันไปเห็นไอ้วุธก้มหน้านิ่งแล้วสะใจนิด ๆ ผมพูดคุยไต่ถามสารทุกข์สุขดิบกันพอสมควร....ได้เวลาพาเพื่อน ๆ ไปทัวร์โรงเรียนผมแล้ว ไอ้โยก็ตามเกาะติดผมดีจริง ๆ

“...คุณวุธ....ตัดผมซะสั้นเลย....อกหักเหรอครับ....” โยทักไอ้วุธขำ ๆ

“ไม่ต้องพูดเพราะขนาดนั้นหรอก” ไม่ตอบแต่เปลี่ยนเรื่องซะงั้น หน้ามันเริ่มหงิก

“....อย่าไปยุ่งกับเค้าเลย....วันนี้ท่าทางอารมณ์ไม่ดี” ผมเบรก

“....เฮ้ย...อีเอ้....มึงตายแน่....โจทก์เก่ามึงเดินมานี่แล้ว” อีตาลสะกิดผมที่มัวแต่เดินหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ กับโยไม่ได้สนใจคนอื่นเลย

“.....ชิบหาย.....มาได้ไงเนี่ย” ผมตกใจ เอามือไขว้หลังถอดนาฬิกา แหวนอีกสามวงออก ฝากไว้ให้โยถือ

“.....พี่มิ้นท์....” ไอ้วุธเรียกชื่อนั้นเบา ๆ มันหันมามองผมอย่างเป็นห่วง

“.....เจอกันอีกแล้วนะ....” อีพี่มิ้นท์พูดเสียงเรียบขณะยืนประจันหน้ากับผม “.....มีเรื่องต้องสะสาง.....” มันยิ้มมุมปาก

“.....ได้....เอาให้จบเลยละกัน.....” ผมทำปากดี “ ....แต่เดี๋ยวก่อน.....ขอโทษที่ทำพี่ตกน้ำวันนั้นอ่ะ....” เจตนาของผมคือขอโทษเค้าก่อน จะสะสางบัญชีตบตีอะไรกันก็พร้อมเสมอ

“....เฮ้ย...ได้ไงวะ…” อีพี่มินท์พูดเสียงดัง เพื่อนผมขยับตัวเตรียมพร้อมแล้ว “....พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณที่ช่วยพี่ไว้....มันงั้นพี่คงไม่มายืนเก็กสวยอยู่ตรงนี้หรอก” พูดจบชีก็หัวเราะอารมณ์ดี เดินเข้ามากอดคอผม “.....พี่ชอบแกว่ะ....ชื่ออะไรนะ”

“......เอ้...ครับ....” ผมตอบงง ๆ

“.....ไม่ต้องพูดครับกับพี่หรอก......เอาเป็นว่าเอ้มาเป็นน้องสาวพี่อีกคนล่ะกันนะ” ผมหน้าชาเลย คิดในใจว่ากูไม่ได้สาวแตกอย่างมึงนะ แต่พูดอะไรไม่ได้ อือออไปก่อนดีกว่า พวกผมทุกคนถอนใจโล่งอกกันเฮือกใหญ่

........อีพวกที่เคยตบกันวันนั้นก็เริ่มคุยถามบ้านถามช่องกันแล้ว ผมยืนยันนะครับว่า พวกที่แรด ๆ เนี่ย มักจะเข้าขากันได้ง่าย และมีน้ำใจรักพวกพ้อง เราเดินเล่นกันอยู่ในโรงเรียน กลุ่มใหญ่มาก แต่ละคนก็ท่าทางไม่ใช่ย่อย เดินขวางทางคนอื่นเหมือนจะยกพวกตีกัน จนอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนนี้ต้องออกมาเตือนไม่ให้พวกผมเดินเพ่นพ่าน.....

.......ตอนนี้อีพี่มิ้นท์เดินเกาะติดผมแทนไอ้โยแล้วครับ....เราคุยกันตามประสาพี่ ๆ น้อง ๆ มองดูแล้วเหมือนไม่เคยทะเลาะกันมาก่อนด้วยซ้ำ.....ผมแยกกับพวกพี่มิ้นท์ได้ก็ตอนที่เพื่อน ๆ เค้าจะกลับ....แต่มีเรื่องที่ทำให้ผมโกรธจนพูดไม่ออก....ไอ้วุธอาสาไปส่งพี่มิ้นท์ครับ.....ผมตะลึงมองหน้ามันแบบ....เฮ้ย...ทำได้ไงอ่ะ ที่โกรธที่สุดก็ตอนที่หันมามองผมด้วยสายตาเย็นชา ยิ้มมุมปากนิด ๆ ยั่วโมโห แถมยังเอาบุหรี่ที่แอบพกมา สูบให้ผมเห็นตรงนั้นอีก.....ถ้ามันเป็นโยกำมะลอที่เคยคุยโทรศัพท์กับผมจริง ๆ มันต้องรู้ว่าผมไม่ชอบคนสูบบุหรี่ ไม่ชอบคนใส่กางเกงขาเดฟ ไม่ชอบคนผมสั้น........ผมคิดเลยเถิดไปถึงว่าถ้ามันเจาะหู กินเหล้าเมา หรือมีรอยสักเมื่อไหร่ ผมจะไม่มีวันมองมันอีกแน่นอน........พวกเราเดินไปส่งมันที่รถ ผมไม่รู้ตัวเลยว่าหน้าบึ้งตลอดทาง มองอีพี่มิ้นท์นั่งรออยู่ในรถตรงที่ ๆ ผมเคยนั่ง ผมยิ่งเจ็บจี๊ด ๆ แต่ถ้ามันทำได้ ผมก็ทำได้เช่นกัน......และโอกาสก็มาถึง ตอนที่พวกนั้นขึ้นรถแล้ว ทิ้งให้พวกเพื่อนมันกับเพื่อนผมกลับกันเอง ตัวมันลงมาร่ำลาเพื่อนอ้างว่าจะรีบกลับบ้านไปปิดร้าน......

“โทษนะโว้ย”

“....ไม่เป็นไรหรอกไอ้วุธ...กูกลับกันเองได้....” ไอ้นพพูด

“.....ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวอีเอ้มันไปส่ง....” อีอ๋าพูดเองเออเอง

“....วันนี้กูไม่กลับบ้าน....” ผมพูดเสียงเรียบ ทุกคนหันมามองทำหน้าตกใจ โดยเฉพาะไอ้วุธ

“...เฮ้ย...แล้วมึงจะไปไหน…” อีแจนถาม

“.....ไปค้างบ้านโย....” ผมตอบสั้น ๆ ไอ้โยก็รีบรับมุข

“...อืม...ไปติวกันนิดหน่อยอ่ะ....ไม่ต้องห่วงนะครับ โยจะดูแลเอ้อย่างดีเลย....” มันมองผมตาหวานเยิ้ม ผมสะใจมากที่เห็นไอ้วุธมองตาค้าง แล้วเดินกระฟัดกระเฟียดขึ้นรถออกตัวเสียงดัง ขับเร็วจนยามที่เปิดประตูให้ด่าไล่หลัง

......สะใจครับ.....แต่ลึก ๆ แล้วผมก็อดเป็นห่วงมันไม่ได้ กลัวว่ามันจะทำดีกับพี่มินท์อย่างที่เคยทำกับผม....ระหว่างทางพวกเค้าคงมีความสุขกันน่าดู......ผมยังหัวเราะเล่นกับเพื่อนได้ แต่ข้างในผมร้อนจนอยู่ไม่สุข ในที่สุดผมก็ต้องลากไอ้พวกนั้นกลับบ้าน แต่รถผมเอาคนขึ้นเยอะขนาดนั้นไม่ได้ คนที่จะไปทางเดียวกับผมจึงมีแค่ไอ้ตั้มกับอีตาล ที่ตอนนี้อยู่บ้านเดียวกัน ประกาศให้รู้ว่าเป็นมากกว่าแฟน แต่มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่รู้ คือ พ่อและแม่ของทั้งคู่......

*
*
*

.......ผมขับไปส่งโยเป็นคนสุดท้าย โยมันคงรู้ว่าผมเครียด มันไม่แหย่ให้ผมหงุดหงิดอีกเลย จนถึงบ้านมัน นั่นแหละมันถึงเปิดปากพูด

“.....ตกลงคืนนี้นอนนี่ปะ.....” มันถามเบา ๆ เหมือนกลัวผมกัด

“....ไม่อ่ะ....”

“....แล้วถ้าวุธมันไปหาที่บ้านล่ะ...” ผมเงียบ...เออ จริงของมัน แต่ไม่หรอก ป่านนี้มันคงอยู่กับอีพี่มิ้นท์ และชีคงไม่ปล่อยให้หลุดมาหาเราได้หรอก ผมบอกตัวเอง

“....มันมาก็เรื่องของมันดิ....”

“.....ถามจริง...ชอบมันปะ…” มันพูดจบก็หัวเราะแหะ ๆ

“....กล้าถามก็กล้าตอบ.....ชอบ.....แต่ตอนที่มันเป็นโย......ในโทรศัพท์นะ” ผมเลี่ยง

“แล้วตัวจริงมันล่ะ” ไอ้ห่านี่ ไม่ยอมจบ

“...ไม่รู้โว้ย...เซ้าซี้ว่ะ” ผมทำท่าหงุดหงิด

“...เออ...ไม่ต้องตอบหรอก.....แค่นี้กูก็รู้แล้ว...”

“รู้อะไร...พูดดี ๆ นะมึง” ผมโมโหกลบเกลื่อน

“.....ไม่บอก....เดี๋ยวมึงตบ.....คืนนี้กูไม่โทรไปหานะโว้ย...การบ้านเยอะ” มันกระโดดลงรถผมทันทีที่พูดจบ อ้าปากเตรียมด่าไม่ทันเลยครับ.....

.........กลับบ้านเร็วอีกแล้ว.....ระหว่างทางผมค่อย ๆ ปลง ไอ้ความที่เป็นคนมองโลกในแง่ดีของผมไม่ได้ช่วยอะไรเลย...ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด....ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าที่ไอ้วุธตัดผม ....ใส่กางเกงทรงอุบาทว์.....สูบบุหรี่...มันพยายามทำทุกอย่างที่ผมไม่ชอบเพียงเพื่อประชด...ผมไม่มีค่าอะไรสำหรับมันขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ขอโอกาสให้ผมได้พูดกับมัน เตือนมันสักนิดเถอะว่า “ไม่มีประโยชน์” ถ้ามันจำทุกคำทุกอย่างได้ ที่ว่าผมชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เมื่อครั้งที่ผมเคยคุยกับมันทางโทรศัพท์ เล่าความเป็นตัวตนที่แท้จริงของผมให้มันฟัง.....มันจะต้องสำนึกว่า ผมไม่มีทางรักคนที่ไม่รักตัวเอง......

**************************************************************************


ตอนนี้สั้นไปนิดนะครับ.....ไม่มีเวลาเลย.....แต่ตอนใหม่จะมาเร็ว ๆ นี้ เอาให้ยาวกว่าทุกตอน เพื่อเป็นการทดแทนละกันนะ

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ ขอบคุณนะครับ

...อ้อ... แล้วเรื่อง sex ผมอาจจะไม่เน้นมาก เพราะผมรู้ตัวว่าถึงเล่าก็คงไม่สนุกเท่าไหร่ แบบว่าไม่ถนัดอ่ะ ต้องขอโทษคนที่อยากอ่านตอนอย่างนั้นด้วยนะครับ



^
^
^
^
ข้างบนคือข้อความจากพี่เอ้ครับขอบคุณพี่เอ้มากมายครับ

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 14-09-2007 10:12:59
นายโยนี้สงสัยจากช่วยๆ นี้เผลอจะเอาจริงเลยป่าวเนี่ย

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 14-09-2007 11:36:07
วู้ ๆ มาเป็นที่ 2 ครับคราวนี้

มารอตอนตอไปนะครับ รอเย็นนี้ล่ะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 14-09-2007 19:06:36
เย้นแล้วนะ   จะมืดแล้วอ่ะ มาไวๆนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: JaeTae ที่ 14-09-2007 19:29:37


 มืดแล้วน้า   มาต่อไวๆน้าจ๊ะ :m9:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 14-09-2007 19:59:24
 :impress:

แล้วมันจะลงเอยกันยังไงล่ะเนี่ย

คุยกันสิคับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 14-09-2007 21:33:13
มันจะเลยเถิดไปหรือเปล่าเนี่ย
รีบทำอะไรซักอย่างก็ดีนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 14-09-2007 22:15:42
นี่ก็ดึกแล้วอ่ะครับ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววจะต่อเลยอ่ะ  :undecided:

 :a12: นอนรอเลยแล้วกันนะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 14-09-2007 23:37:26
 :m26:นั่นดิ..ดึกแล้วนา..ยังมะมาอีก.. :m21:
หายไปไหนหว่า.. :m28:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 14-09-2007 23:50:42
เข้ามาเมนท์ค่ะ

ขอโทษที่หายไปนาน ไม่อยู่บ้านติดกันสามคืนรวด ดีใจมากที่กลับมาอีกที โผล่มาสองตอนเรียบร้อย

เอ้เป็นคนโมโหแรงนะเนี่ย แต่เป็นเราก็คงโกรธเหมือนกัน

ไม่ชอบถูกหลอกเหมือนกัน ไม่ชอบคนโกหก ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไรก็ตามทีเหอะ

แต่นั่นแหละ ทั้งที่บอกแบบนั้น หลายๆ ครั้งเราก็ White Lies เหมือนกัน

ฉะนั้น.....จะรอตอนต่อไปค่ะ

รักคนเขียนคนโพสต์นะ จุ๊บจุ๊บ :m13: :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 15-09-2007 07:11:28
ตั้งหน้าตั้งตารอจนเช้าเลยอ่ะเนี้ย ต้องทำโทษให้มาต่อยาว ๆ ด้วย :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 15-09-2007 10:02:05
รอจนข้ามวันแล้ว  :m29: แต่ก็ยังจะรอต่อไป (ติดงอมแงม)  :a9:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 15-09-2007 12:28:18
21 We Belong Together

I didn't mean it
When I said I didn't love you so
I should have held on tight
I never should've let you go
I did nothing
I was stupid
I was foolish
I was lying to myself
I could not fathom that I would ever
Be without your love
Never imagined I'd be
Sitting here beside myself

I didn't know you
I didn't know me
But I thought I knew everything
I never felt
The feeling that I'm feeling now
Now that I don't
Hear your voice
Or even touch or even kiss your lips
Cause I don't have a choice
What I wouldn't give
To have you lying by my side right here


Cause baby
When you left
I lost a part of me
It's still so hard to believe
Come back baby please
We belong together

Who else am I gonna lean on
When times get rough
Who's gonna talk to me
Till the sun comes up
Who's gonna take your place
Baby nobody else
We belong together

I can't sleep at night
When you're all on my mind
Bobby Womack's on the radio
Singing to me
'If you think you're lonely now'
Wait a minute
This is too deep, too deep
I gotta change the station
So I turn the dial
Trying to catch a break
And then I hear Babyface

I only think of you
And it's breaking my heart
I'm trying to keep it together
But I'm falling apart
I'm feeling all out of my element
I'm throwing things
Crying
Trying to figure out
Where the hell I went wrong
The pain reflected in this song
Ain't even half of what
I'm feeling inside
I need you
Need you back in my life baby

When you left
I lost a part of me
It's still so hard to believe
Come back baby please
We belong together

Who else am I gonna lean on
When times get rough
Who's gonna talk to me
Till the sun comes up
Who's gonna take your place
There ain't nobody else
We belong together


......ขณะที่พิมพ์อยู่นี่.....ในหัวผมก็มีเสียงเพลงนี้ลอยวนไปวนมา ตอนที่ได้ฟังครั้งแรกโดนเลยครับ พอ ๆ กับเพลง Again ของ Janet Jackson ผมรู้สึกเสียดาย กระวนกระวาย พยายามสลัดความคิดบ้า ๆ ออกจากหัว แต่ภาพของสองคนนั่นก็ไม่ยอมหลุดไปง่าย ๆ ถ้าไอ้วุธโกรธผมจนเผลอไปมีอะไรกับพี่มิ้นท์จริง ๆ ผมจะทำยังไง อีกใจก็แย้งอยู่ ผมต่างหากที่ควรจะต้องโกรธ มันหลอกผมมาตั้งนาน......และเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ไอ้วุธเองก็ไม่เคยพูดซักคำว่าชอบผม ของอย่างนี้มันไม่ใช่ใครดีใครได้หรอก.......มันเป็นใครเร็วคนนั้นได้......ผมเดินกระเซอะกระเซิงเหมือนคนไม่มีแรงลงมานั่งจ๋องในห้องรับแขกกับครอบครัว

.......ระหว่างนั่งดูโทรทัศน์โดยที่ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าคนในนั้นพูดอะไรบ้าง เพราะหัวผมมัวแต่คิดเรื่องไอ้วุธกับพี่มิ้นท์ บ้านก็อยู่ใกล้กัน อีพี่มินท์ตอนเก๊กแมนผมเชื่อเลยว่าไม่มีใครดูออก สามารถเข้าถึงตัวไอ้วุธได้ตลอดเวลา ผมนั่งคิดมากคิ้วเริ่มขมวดจนแม่สงสัย

“...เป็นอะไรลูก...” แม่เขย่าขาผม

“..ปะ...เปล่าครับ...” ผมตกใจ

“.....มีอะไรก็บอกแม่นะ....” ผมเห็นแม่เป็นห่วงแล้วรู้สึกผิดจัง

“...แม่ครับ...วันนี้เอ้ขอไปนอนค้างบ้านอาเล็กได้มั๊ยครับ....” ผมกลั้นใจรอฟังคำตอบ แม่หันไปมองพ่อ ที่มองเหล่ผมอยู่ตั้งแต่ที่แม่คุยกับผม พ่อพยักหน้าเบา ๆ

“....นึกยังไงไปนอนนั่นล่ะ....” แม่ถาม

“....เบื่อ....” ผมหลุดปากบอกไป ก็มันหาเรื่องโม้ไม่ได้นี่ครับ พ่อกับแม่มองผมแปลก ๆ

“...แล้วจะไปยังไงล่ะ....อาเล็กเค้ารู้หรือยัง....” พ่อถามบ้าง

“......เอ้ว่าจะนั่งรถเมล์ไป อาเล็กยังไม่รู้เลยครับ แต่อาเล็กชวนหลายครั้งแล้วนะฮะ” ผมรีบพูด

“....ไม่ต้อง....” ผมหน้าเสีย “...โทรไปบอกเค้าก่อน...เดี๋ยวพ่อไปส่ง” ผมดีใจ วิ่งไปโทรศัพท์ แม่ส่ายหัวยิ้ม.....มองเหมือนผมเป็นเด็ก 7 ขวบ

*
*
*

......อาเล็กทำเสียงตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าหลานรักกำลังจะไปนอนค้างที่บ้าน อาเล็กบอกให้ผมเตรียมเสื้อผ้ามาเยอะ ๆ อยู่ค้างซัก 2 คืนก็ได้ เย็นวันอาทิตย์ค่อยกลับ และที่สำคัญเอาชุดที่ดูดีมาด้วย เพราะอาเล็กจะพาผมไปเที่ยวกลางคืน ผมแทบกรี๊ดด้วยความถูกใจ อาเล็กของผมนี่เป็นนางฟ้ามาโปรดจริง ๆ คืนนี้เราก็ไม่ต้องเครียดแล้วดิ ผมวางสายแล้ววิ่งไปเก็บเสื้อผ้ากระเป๋าใหญ่เหมือนจะย้ายบ้าน.....แม่ถึงกับเอามือทาบอกเมื่อเห็นกระเป๋าผม.......มีกระเป๋าใหญ่ 1 ใบ และกระเป๋าสะพายอีกอันไว้ใส่ของจุกจิก......

*
*
*

........ตลอดทาง แม่พร่ำเตือนตามปกติ มีข้อห้ามสารพัด ผมฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ตัวอยู่ในรถ.....แต่ใจตอนนี้ไปถึงบ้านอาเล็กเรียบร้อยแล้ว.....อาเล็กอยู่ในชุดนอนยืนรอพวกผมหน้าบ้านกำลังยืนเม้าธ์กับเพื่อนบ้านอย่างออกรส....พอเห็นรถพ่อผมเลี้ยวเข้ามาปุ๊บแกก็ลดดีกรีความแรงลงเห็นแล้วอดขำไม่ได้.......พ่อกับแม่ฝากฝังผมให้อาเล็กดูแล แม่เตือนแล้วเตือนอีกให้เชื่อฟังอาเล็ก ไม่ให้ดื้อ ไม่ให้นอนดึก ฯลฯ เหมือนเทปที่ถูกเปิดแล้วเปิดอีก ผมพยักหน้ารับจนเมื่อยคอไปหมด........พอรถพ่อออกไปแล้ว อาเล็กก็ให้ผมเข้าไปข้างใน....เพื่อนอาเล็กคนเดิมนั่งดูวิดีโออยู่ในชุดพนักงานออฟฟิศ ผมนึกถึงตัวเองขึ้นมาทันที ทำไมผมไม่มีคนที่พร้อมจะอยู่ข้าง ๆ ผมอย่างนี้บ้าง.....

......อาเล็กเห็นผมนั่งซึม มองดูพวกเค้าหัวเราะกับหนังที่ดูอยู่ จึงหันมาถามผมด้วยความห่วงใยถึงขนาดปิดวิดีโอ แล้วรุมกันถามถึงปัญหาที่ผมกำลังเจออยู่ แรก ๆ ผมก็เล่าติด ๆ ขัด ๆ เพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง อาเล็กแกมีวิธีที่ทำให้ผมเล่าระบายออกมาอย่างหมดเปลือก ยิ่งพูดผมก็ยิ่งใส่อารมณ์ น้ำตามันมาจากไหนก็ไม่รู้ ไหลพราก ๆ เหมือนท่อแตก อาเล็กเข้าใจความรู้สึกของผมทุกอย่าง แกให้กำลังใจ ปลอบใจ เอามือลูบหัวผมอย่างที่แม่ชอบทำเวลาผมร้องไห้ตอนเด็ก ๆ แกบอกให้ผมระบายออกมา ร้องให้พอ แล้วเดี๋ยวจะพาไปเที่ยว.....แกยังมีวิธีทำให้ผมหัวเราะทั้งน้ำตาได้ตอนที่บอกว่า พอร้องเสร็จเอาน้ำแข็งโปะตาด้วย เวลาไปเที่ยวตาจะได้ไม่ช้ำ เวลามีคนมองจะได้ส่งสายตาปิ๊ง ๆ กัน ผมหยุดร้องเลยครับ แกมองผมยิ้ม ๆ แล้วให้ผมไปเตรียมตัว นี่มันก็ดึกพอสมควรแล้ว

*
*
*

......ผมลงมาข้างล่างพร้อมชุดใหม่ที่ยังไม่เคยใส่ที่ไหนมาก่อน เนื่องจากไม่กล้าใส่ ทั้งที่ซื้อมานานแล้ว ตอนซื้อก็เห็นสวยดี แต่พอมาลองที่บ้าน....รู้สึกว่ามันใส่กลางวันไม่ได้เลยครับ.....อาเล็กกับพี่ศักดิ์ (แฟนเค้านั่นแหละ) แต่งตัวเสร็จแล้วเหมือนกัน กลิ่นน้ำหอมฟุ้งไป 7-8 บ้าน ผมตื่นเต้นมาก.....ลืมความเศร้าที่เพิ่งผ่านมาเกือบหมด อาเล็กจับผมไป Make Up อีกนิดเพื่อปกปิดริ้วรอยความช้ำของดวงตา และทำให้ผมดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น หน้าผมผ่องอลังการแข่งกับอาเล็ก พี่ศักดิ์ยืนมองพวกผมยิ้มด้วยความเอ็นดู ผมเพิ่งรู้ว่าพี่เค้าอายุน้อยกว่าอาผมหลายปี รู้จักกันมานานแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่สมัยพี่เค้ายังเรียนมหาลัย ตอนแรก ๆ ไม่ถูกกันอย่างแรง.....ตอนนั้นพี่เค้าเพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้ใหม่ ๆ และมักจะเก็กเวลาเดินผ่านหน้าบ้านอาเล็ก ส่วนอาเล็กก็ปากไว หลอกด่าทุกทีที่เจอ ทุกคนรู้ว่าพวกเค้าเกลียดกันมากถึงขนาดไม่มองหน้ากัน จนมีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องคุยกันเพราะทางบ้านพี่ศักดิ์มีปัญหาไม่สามารถส่งเงินค่าเทอมปีสุดท้ายมาให้ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วย พี่ศักดิ์ถึงขนาดจะลาออกมาทำงานเลยแหละ.....เรื่องรู้ถึงอาเล็ก แกเอาเงินให้พี่ศักดิ์ไปจ่ายค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายตลอดเทอมนั้น โดยผ่านเพื่อนของแก พี่ศักดิ์ก็เข้าใจว่าเพื่อนอาเล็กเป็นคนให้มาตลอดไม่รู้ตัวจนเรียนจบและได้งานทำเรียบร้อยเค้าก็หาเงินมาคืนแต่คนที่ให้ไม่ยอมรับเงินนั้น..........ในวันรับปริญญาพี่ศักดิ์จึงได้รู้ความจริง พี่เค้าชวนอาเล็กไปงานเลี้ยง อาเล็กปฏิเสธตามฟอร์ม แต่พี่ศักดิ์ดันบอกความในใจที่ต้องเก็กเวลาเดินผ่านหน้าร้าน เพราะพี่เค้าอาย และกลัวว่าอาเล็กจะรู้ว่าเค้าเป็นเกย์ นั่นคือสาเหตุที่เค้าไม่ยอมเข้าใกล้อาเล็กอย่างที่ใจต้องการ.......ก็แหมอาผมขี้ริ้วขี้เหร่ซะที่ไหน......ทุกวันนี้ยังมีหนุ่ม ๆ ในเครื่องแบบมาตามจีบพูดทีเล่นทีจริงอยู่เลย......ทำงานอยู่กับความสวยความงาม แกก็ดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ประกอบกับความใจดี น่ารัก มีน้ำใจ ลูกเค้าแกถึงได้เยอะจนทำแทบทัน แกขยันมาก แกบอกว่าเวลาแก่ตัวลงไม่มีลูกไว้คอยดูแล ตอนมีแรงต้องทำงานเก็บเงินไว้เยอะ ๆ อาเล็กแกรับจ็อบ แต่งหน้าให้หมอนวดที่รัชดาตอนเย็น ๆ มีรายได้สองทางเลย และขากลับแกก็แวะรับพี่ศักดิ์กลับบ้านพร้อมกัน.......

*
*
*

......สนุกมาก ๆ ครับ เป็นการเที่ยวกลางคืนครั้งแรกในชีวิต อาเล็กพาผมไปเธคแถวรัชดา ที่นั่นมีเพื่อนอาเล็กรออยู่แล้วหลายคนทั้งชายจริงหญิงแท้ กระเทย พอดึก ๆ พวกหมอนวดลูกค้าอาเล็กก็มาแจม พวกเค้า take care ผมเป็นอย่างดี........อาเล็กอนุญาตให้ผมกินเหล้าผสมโค้กได้ไม่เกินสามแก้ว ปกติผมไม่กินนะครับ แต่วันนั้นคึกไงครับกินแก้วทีสามหมดปุ๊บ ผมก็แดนซ์กระจาย จำได้ว่ามีหนุ่มแบงค์คนนึงมาชวนเต้น พอเค้ารู้ว่าผมอายุ 16 เค้ายิ่งแสดงท่าสนใจผมจนอาเล็กต้องมากันออกไป......เสียดายจนถึงทุกวันนี้เลย

........สมัยก่อนสถานที่เที่ยวกลางคืนไม่ต้องตรวจบัตรอ่ะครับ แต่ถึงขนาดหัวโปก ม. ต้นไม่มีนะ ไม่เหมือน RCA มันเป็นถนนไงครับ พวกตุ๊ดเด็กใส่สายเดี่ยวเข้าร้านไม่ได้ก็เดินไปเดินมาอยู่ข้างนอก และที่ผมชอบที่สุดคือเปิดถึงเช้าครับ แต่อาเล็กต้องกลับตอนตีสาม เพราะพรุ่งนี้ต้องเปิดร้านตอน 7 โมง มีลูกค้านัดไว้ ผมเดินเซขึ้นรถ อาเล็กแวะข้างทางซื้อโจ๊กให้ทุกคนกลับไปกินบ้าน และเผื่อไว้ตอนเช้าด้วยอีก 1 ถุง......

*
*
*
......ผมงัวเงียเปิดประตูลงจากรถอาเล็ก แต่ต้องตาสว่างเมื่อเห็นร่าง ๆ นึงนอนพิงประตูร้านอยู่ อาเล็กมองหน้าผมนิดนึงไม่พูดอะไร เดินเลี่ยงไปไขประตูอีกบาน ร่างนั้นขยับเบา ๆ ลืมตาขึ้นมามอง ตาของเราประสานกันอย่างจัง......

“.....มาทำไม....” ผมถามห้วน ๆ

“.....ดีใจจัง....เอ้ไม่ได้ไปนอนบ้านไอ้เด็กมอปลายนั่นจริง ๆ ด้วย.....” มันยิ้ม.....พูดเหมือนละเมอแล้วหลับตาลงอีกครั้ง

“...เฮ้ย....ตื่น ๆ วุธ....” ผมเขย่าขามัน.....มันค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง สลัดหัวเบา ๆ มองไปทางอาเล็กและพี่ศักดิ์ แล้วยกมือไหว้

“....วุธ...เข้าบ้านก่อนสิ...” อาเล็กชวน.....มันพยักหน้ารับคำเสียงแหบพร่า เดินเข้าบ้านอย่างว่าง่าย

“....หิวมั๊ย...เดี๋ยวอาเอาโจ๊กมาให้กิน....” อาเล็กไม่รอให้มันตอบรับหรือปฏิเสธ เดินเข้าครัวพร้อมถุงโจ๊กในมือ

“....เอารถไปจอดไหนล่ะ…” ผมทำลายความเงียบ ถามวุธเสียงเย็นชา

“ไม่ได้เอารถมา” มันตอบเบา ๆ ไม่สบตาผม

“.....อ้าว.....แล้วมายังไงล่ะ....” พี่ศักดิ์ถาม มือก็ช่วยอาเล็กรับชามโจ๊ก

“....นั่งรถเมล์มาครับ...”

“....รู้ได้ไงว่าอยู่ที่นี่.....” ผมกระชากเสียงถาม พี่ศักดิ์ส่งซิกให้ผมพูดกับวุธดี ๆ

“....แม่บอก....” มันหมายถึงแม่ผม นี่ถ้ามันไม่โทรไป ก็ต้องไปหาผมถึงบ้านด้วยตัวเอง จริงอย่างที่ไอ้โยมันเดา

“....แล้วตามมาทำไม....” ผมอดที่จะพูดเสียงกระด้างกับมันไม่ได้

“....ก็อยากรู้ว่าอยู่นี่จริงหรือเปล่า....” มันพูดหลังจากที่เงียบไปนิดนึง

“....เห็นเราเป็นคนยังไงอ่ะ.....คิดว่าเราโกหกแม่ว่ามานี่แล้วไปนอนค้างบ้านไอ้โยเหรอ” ผมอารมณ์ขึ้นอีกรอบ

“....วุธ...ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเหอะ....” อาเล็กตัดบทไอ้วุธเดินซึม ๆ เข้าห้องน้ำ ปล่อยให้ผมกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว....อาเล็กเตือนให้ผมพูดดี ๆ กับวุธถ้าคิดจะคบกันอยู่ ผมทำใจอยู่สักพัก ไอ้วุธก็เดินออกมา นั่งแปะลงที่เดิม อาเล็กเลื่อนชามโจ๊กให้ มันยกมือไหว้ขอบคุณ แล้วก้มหน้าก้มตากินไม่พูดกับใครเลย พวกผมมองหน้ากันงง ๆ

*
*

“....มารอเอ้ตั้งแต่กี่โมงล่ะ...” อาเล็กได้โอกาสถามเมื่อมันกินเสร็จ

“...ตั้งแต่เที่ยงคืนครับ...เห็นยังเปิดไฟอยู่...เรีบกเท่าไหร่ก็ไม่มีคนเปิดให้...ผมก็เลยนั่งรอจนหลับอ่ะครับ” มันพูดอาย ๆ

“....ถ้าสมมุติว่าเช้ามา เอ้ไม่ได้นอนนี่จริง ๆ จะทำไง...” นั่นไง อาเล็กเริ่มแล้ว

“...ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ...เค้าเป็นแฟนกันนี่...” มันกัดผมต่อหน้าอาเล็ก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าความจริงเป็นยังไง ผมไม่ได้เป็นแฟนไอ้โยซะหน่อย

“....ตอนแรกก็ว่าจะไปนอนอยู่หรอก...” ผมกระแทกเสียง อาเล็กทำท่าไม่ให้ผมพูดต่อ

“....แล้วนี่ไม่ได้เอารถมาใช่มั๊ย....” มันพยักหน้า “...เอางี้...คืนนี้นอนนี่แล้วกัน กลับลำบากตายเลย....ให้วุธนอนด้วยคนนะ” อาเล็กหันมาทางผมที่นั่งอึ้ง “...นอนห้องเดียวกับเอ้มันเนี่ยแหละ....ไม่มีของอะไรมาเลยเหรอ” มันพยักหน้ายิ้มแหย ๆ

“.....อาเล็ก....” ผมทำหน้างอ อาเล็กขยิบตาให้ผม

“....เอ้เอาแปรงสีฟันมาหรือเปล่า....” ผมพยักหน้า “....งั้นวุธเอาอันใหม่นะ...ที่จริงอาเตรียมไว้ให้เอ้มัน...แต่รู้อยู่แล้วว่าหลานอาต้องรอบคอบเสมอ.....ไปนอนกันได้แล้ว....ถ้าวุธจะอาบน้ำก็ไปเอาที่ห้องอานะ....พี่ศักดิ์มีเสื้อตัวเล็ก ๆ หลายตัวอยู่เหมือนกัน” อาเล็กพูดเองเออเองจบก็ลากพี่ศักดิ์ที่ยืนงง ๆ ขึ้นห้อง แถมยังมีเสียงตะโกนให้ดูประตูดูแก็สดูปลั๊กไฟให้เรียบร้อยด้วย.....ตอนนี้เหลือผมกับมันสองคน ผมนั่งหน้าหงิก เอาชามช้อนไปล้าง มันขยับตัวจะช่วยผม

“.....ไม่ต้อง....” ผมตวาดแว๊ดด้วยความลืมตัว มันสะดุ้ง หน้าเจื่อน ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที อยากจะพูดดี ๆ กับมันเหมือนกันแต่ยังกลัวเสียฟอร์มอยู่

“....เดี๋ยวเราช่วยถือ...” มันยังดื้อเอาชามไปจากมือผมแล้วเดินนำไปห้องครัว วางแหมะไว้ในซิงค์ผมแทรกตัวเข้าไป เพื่อล้างชามช้อนที่เพิ่งกินกันเสร็จ ไม่ยอมให้มันล้าง มันขยับหลบผมนิดนึง ผมพยายามทำเป็นไม่สนใจมัน ตั้งหน้าตั้งตาล้างถูจนเลขแทบขึ้น ขณะที่ผมไม่ได้ระวังตัว มันเอามือมาโอบผมไว้จากข้างหลัง.....กอดแน่นมากจนผมกระดิกไปไหนไม่ได้เลย

“....เป็นอะไรอีกล่ะ....ปล่อย....” ผมพยายามดิ้น มันก็ยิ่งกระชับแน่นขึ้น

“...ขอโทษ....” คำ ๆ นี้ทำให้ผมใจอ่อนยวบ

“....ปล่อยก่อน....ไม่เหม็นเหรอ...” ผมพูดดีกับมันครั้งแรก

“....ไม่เห็นเหม็นเลย...หอมจะตาย...” มันหอมแก้มผมอีกแล้ว ผมหลบไม่ได้ซะด้วย

“....กลิ่นเหล้า.....กลิ่นบุหรี่ทั้งนั้น....” ผมพูดแก้เขิน

“.....ไหนบอกว่าไม่ชอบคนกินเหล้าสูบบุหรี่ไง....” มันพูดข้างหูผม

“....กินเหล้าแค่สามแก้วเอง....แต่บุหรี่ไม่สูบโว้ย.....กลิ่นมันติดผมติดเสื้อผ้ามาเอง....แต่เอ๊ะ....ยังจำได้เหรอที่เราเคยบอกว่าไม่ชอบคนสูบหรี่....” ผมแอบกัด มันหน้าจ๋อย

“....อืม.....ล้างเสร็จยังอ่ะ.....” มันเปลี่ยนเรื่อง

“...ก็ปล่อยดิจะได้เสร็จซะที...” มันปล่อยตัวผมโดยดี ผมล้างน้ำเปล่าอีกครั้งแล้วยกขึ้นผึ่งลม......ผมเดินสำรวจความเรียบร้อยรอบบ้านเหมือนเป็นบ้านตัวเอง มันก็เดินตามต้อย ๆ ถ้าไม่มีมันผมก็ไม่กล้าเดินอย่างนี้หรอก เมื่อเห็นว่าทุกอย่างโอเคแล้ว ผมก็ปิดไฟเดินขึ้นห้อง

*
*
*

......ห้องที่อาเล็กให้ผมนอนคืนนั้น เป็นห้องที่อาเล็กเคยนอนมาก่อน เพราะห้องใหญ่เป็นของหุ้นส่วนร้าน ซึ่งตอนนี้ย้ายไปพร้อมสามี และอาเล็กก็เป็นเจ้าของคนเดียวแล้วด้วย....พอผมเห็นเตียงที่อาเล็กจัดการปูผ้าใหม่ ใส่ปลอกหมอนใหม่ แต่ปัญหาก็คือ มันเป็นเตียงเดี่ยว ถ้านอนสองคนต้องอึดอัดมากแน่ ๆ ดีนะที่มีแอร์ให้....ผมรื้อสมบัติเอาเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำ ออกมาอีกทีเห็นไอ้วุธถือเสื้อกางเกงชุดใหม่อยู่ในมือ และเหมือนเคย มันใส่ผ้าขนหนูผืนเดียวนั่งที่ขอบเตียง ผมเดินตัวลีบไปเปิดพัดลมเพื่อเป่าผม......มันเดินสวนเข้าห้องน้ำ.....กว่ามันจะอาบน้ำเสร็จผมก็ขึ้นไปนอนบนเตียงชิดด้านกำแพง เปิดแอร์ให้เย็นกว่าปกตินิดหน่อยกลัวว่าจะร้อนอ่ะครับ....ไอ้วุธออกมาจากห้องน้ำมันวิ่งจู๊ดไปใส่เสื้อปากก็บ่นหนาว ๆ ผมห่มผ้านอนยิ้มอยู่คนเดียว.....สักพักมันก็ปิดไฟโดดขึ้นเตียงคลุมผ้าผืนเดียวกับผม....แถมยังกอดผมซะแน่น ผมรู้สึกว่าตัวมันสั่นนิด ๆ ด้วย ผมปล่อยให้มันกอดอยู่นานจึงแกะมือมันออก.....

“....เอ้....ยังจำได้มั๊ยว่าเราเคยขออะไรไว้....” ไอ้วุธถามผมเบา ๆ

“...โอ๊ย...จำไม่ได้หรอก...” จำได้ดิ แต่แกล้งพูดไปงั้นแหละ

“...เราเคยขอให้เอ้ยกโทษให้เรา...ถ้าเราทำอะไรผิดแล้วสำนึกได้...”

“...นายทำอะไรผิดเหรอ....” ผมทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“....ก็...ก็....เรื่องที่เรา....เรา...เราปลอมเป็นโยอ่ะ” มันพูดติด ๆ ขัด ๆ

“....สนุกมั๊ย...” ผมถามเสียงเรียบ

“....แรก ๆ ก็สนุกดีหรอก....” ผมพลิกตัวไปหามันทันที “...เดี๋ยวอย่าเพิ่งโมโห....ตอนหลังเราไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เรากลัวเอ้โกรธ...ก็เลยไม่กล้าบอกความจริง”

“....แล้วพอความแตกนี่เราไม่โกรธเลยเนอะ” ผมประชด

“....อะไรเราก็ยอมได้....แต่ขออย่างเดียวได้มั๊ย....อย่าเอาโยมาประชดเรา...”

“.....ทำไมล่ะ....” ผมคาดคั้น มันไม่ตอบแต่มองหน้าผมนิ่ง ตาผมตอนนี้เริ่มชินกับความมืดแล้ว......ถึงจะมองไม่ชัดก็เถอะ แต่ผมพอจะรู้ว่ามันมองผมยังไง

“.....ถ้าเราไม่ยกโทษให้หล่ะ....” ผมแกล้งมันอีก

“....งั้นเราขอให้เอ้ยกโทษให้เราเป็นของขวัญปีใหม่ได้ปะ....” โห...คิดได้ไงอ่ะ

“....รู้มั๊ยวุธ....ถ้าเรารู้เรื่องทุกอย่างจากปากนายก่อน.....เราจะไม่โกรธขนาดนี้เลย” มันเอามือผมไปกุมไว้

“...ขอโทษ....โอเค....เราปลอมเป็นโย....ก็แค่ชื่อ...ต้องหาเรื่องโกหกเวลาเอ้ถามเรื่องสมัยเด็ก ๆ แต่นอกนั้นเราไม่เคยหลอกเอ้เลยนะ....ทุกคำพูดมันเป็นตัวของเราเอง...” ผมอึ้ง....ก็ไอ้คำหวาน ๆ ที่ป้อกันอยู่ทุกวันน่ะเหรอมาจากใจไอ้วุธมัน....ไม่อยากเชื่อ

“....เออ ๆ ...นอนเหอะ..” ผมตัดบท หันหลังให้มันอีก

“...เดี๋ยว...” มันรั้งผมให้หันไปหามันอีก “...ตกลงจะยกโทษให้มั๊ย....” มันพูดเสียงอ่อย ๆ

“....ถ้ายังไม่ยกโทษให้...ป่านนี้นายโดนถีบตกเตียงแล้ว.....จะปล่อยมือเราได้ยัง” มันยิ้มฟันขาวเลยครับ

“....ขอบคุณครับ....น่ารักจัง....แฟนใครเนี่ย....” มันโถมตัวกอดผมหน้ามันซุกอยู่ที่คอผม ทำเอาผมขนลุกซู่

“....แฟนโยไง....” ผมเบรกอารมณ์มันอย่างแรง มันชะงักกึก แล้วซุกไซ้ผมหนักขึ้น ผมตะลึงทำอะไรไม่ถูกเลยครับ

“....อย่า...วุธ....” ผมห้าม แต่มือไม้อ่อนไปหมด

“....บอกมาก่อนแฟนใคร....” มันพึมพำที่ซอกคอผม

“.....แฟนโย....” ผมหัวเราะคิกด้วยความจั๊กจี้....มันเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อผม ไม่ได้แล้วเล่นมากไปนิดแล้ว ผมปัดมือมันออก “....ไม่เล่นแล้ว....” ผมห้ามเสียงแข็ง

“....อย่าบอกนะว่าไม่ชอบ....” มันเงยหน้ามองผม

“....ไปเล่นกับพี่มิ้นท์เลย....” มันพลิกตัวลงจากตัวผม ว้าเสียดายจัง ผมคิดในใจ

“....เราไม่ได้คิดอะไรกับพี่มิ้นท์เลยนะ.....”

“....อย่ากินปูนร้อนท้องดิ....” ผมแหย่ มันทำท่างอนจริง ๆ ด้วย

“....เราชอบเอ้นะ....” อยู่ดี ๆ มันก็พูดขึ้นมา ผมอึ้ง

“....จะบ้าเหรอ....มาชอบเราได้ไง...นายเป็นเกย์เหรอ” ตอนนั้นผมยังแยกแยะไม่ออกหรอกครับว่าเกย์เป็นยังไง มีกี่จำพวก

“....ไม่รู้ดิ....เรารู้แค่ว่าเวลาคุยกับเอ้....อยู่กับเอ้แล้วมีความสุข” ผมเขินบิดผ้าห่มแทบขาด ดีนะที่มันมืดไม่งั้นมันต้องเห็นผมหน้าแดง อมยิ้มแก้มตุ่ยเลยครับ

“.....นอนดีกว่า....” ผมพลิกตัวนอนหันหลังให้มันแก้เขิน

“.....แล้วเอ้ล่ะ...ชอบเรามั่งปะ.....” มันขยับตามมากอดผมไว้ เอามือเขี่ยหูผมเล่น

“.....นายคิดว่าเรายอมให้ใครกอดง่าย ๆ อย่างนี้เหรอ ถ้าเราไม่ชอบอ่ะ” พูดแล้วก็ยิ่งเขิน มันหัวเราะเบา ๆ ชะโงกหน้ามาจูบแก้มผม จูบนะครับไม่ใช่หอม ทุกทีมันจะแค่หอม แต่คราวนี้มันจูบไปเต็ม ๆ เลยครับ

*
*
*

.......คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ผมยอมให้มันกอดทั้งคืน....เปิดแอร์เย็น ๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ยังไงผมก็รู้สึกอุ่นทั้งตัวและใจ....เรานอนภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน บนเตียงแคบ ๆ ไม่อึดอัดเลยสักนิด อยากให้เตียงเล็กกว่านี้ด้วยซ้ำ และ ความลับนะครับ มันหลับก่อนผม พอผมได้ยินเสียงลมหายใจมันดังสม่ำเสมอ ขยับตัวก็ไม่ตื่น ผมแอบหอมแก้มมันไปหนึ่งฟอดใหญ่ ๆ ด้วย......

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ....ลุ้นกันอยู่ดิว่าผมจะเสียซิงหรือเปล่า....ถ้าวันนั้นไอ้วุธมันรุกหนักเข้าก็คงยอมไปแล้ว แต่รอดมาได้ เก่งมั๊ย.



ขอบคุณพี่เอ้ครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 15-09-2007 14:12:59
 :m1: :m3: :m1: :m3: :m1: :m3:
ดีใจจัง คืนดีกันแระ

แต่ ...... เดี๋ยวต้องมีไรอีกแน่เลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 15-09-2007 16:57:41
ในที่สุดการรอคอยก็เป็นผลสำเร็จ
วุธมาตามง้อแล้วดีใจจัง เข้าใจกันได้ซักที  :m12: หวานแหววกันเชียวนะ

 :m4: ดีใจด้วยนะครับ รอคอยตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 15-09-2007 17:38:52
อยากมีคนนอนกอดมั่งอ่ะ มาไวๆนะ รอตอนต่อไปอยู่
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: JaeTae ที่ 15-09-2007 18:16:32
 

        มาต่ออีกน้า รออยู่เน้อ :a2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 15-09-2007 21:23:38
วิ๊วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตอนนี้น่าร้ากมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 16-09-2007 00:08:19
เข้ามาขอบคุณคนโพสต์ บอกรักคนเขียน

แต่ยังไม่ได้อ่านเลย

ขอเอาเวลาไปกรี๊ดตี๋แพงต่ออีกนิดเถอะนะ

หวานน้ำตาลจะหกคาเวทีแล้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 16-09-2007 01:12:23
เย้...ดีใจจังเลยดีกันแล้ว หวานกันชะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 16-09-2007 14:54:04
 :impress:

เข้าใจกันซักทีนะ

แล้วจาเป็งไงต่อไปเนี่ย

รออ่านต่อไปครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: icezanesta ที่ 16-09-2007 22:46:06
 :a12:  รออ่านอยู่นะค้าบ

และแล้วก็ใกล้จะลงเอยกันละ

อยากอ่านต่อจัง รีบ ๆ มาต่อนะค้าบ

แวมา  :m7:  แล้วก็แวบไป  :m22:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 17-09-2007 00:25:12
 :o8:น่ารักกุ๊กกิ๊กกันจังเลย..โว้ย..อิจฉาจริงๆ.. :serius2:
อยากมีคนนอนกอดจัง :m17:..กอดหมอนข้างเบื่อละ.. :เฮ้อ:
..แต่เรื่องคงยังไม่จบง่ายๆหรอกใช่ป่ะ..
แล้วมาต่ออีกน๊า..
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 17-09-2007 10:55:02
อุ่น   อุ๊น  อุ่น    ยังไงก้อมะนาว   แหมๆๆๆมีคนมานอนกอดให้ความอบอุ่นทั้งคืน

กี๊ซซซซซซซซซซซ          อยากมีคนมานอนกอดแบบนี้มั่ง     วุธบอกชอบเอ้แล้ว

จามีอุปสรรคไรต่ออีกไหมอ่ะ    อยากให้หวีดหวานแบบนี้ไปนานๆ   

 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 17-09-2007 12:42:51
วันนี้ยังไม่มาต่อหรอ  :m28:

ดีกันแล้วน่ารักกันจัง  :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 17-09-2007 14:13:01
 :sad2: มาต่อหน่อยนะครับ รออยู่อ่ะเนี้ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 17-09-2007 14:32:36
22 Happy Together Again

…..นอนหลับสบายดีจัง.....แต่....เอ๊ะ....ทำไมมันไม่เช้าซะทีวะในห้องก็ยังมืดตื๋อ..... นาฬิกาก็อยู่ไกลเกินเอื้อม....ไม่อยากขยับตัวมาก เดี๋ยวไอ้วุธที่นอนหลับปุ่ยอยู่ข้าง ๆ จะตื่นตามไปด้วย นอนต่อดีกว่า......

“....เอ้.....ตื่นแล้วเหรอ...” ไอ้วุธงัวเงียถาม เมื่อผมเอาแขนมันที่พาดอยู่บนตัวออก

“.....ท่าทางจะสายแล้ว....” ผมลุกขึ้นนั่ง มันขยับลุกตามบ้างไม่งั้นผมก็ลงจากเตียงไม่ได้

“....หมั่นเขี้ยวว่ะ...” ได้วุธพูดขณะที่ผมคลานผ่านตัวมัน

“...เฮ้ย...” ผมร้องตกใจ ก็ไอ้วุธมันเอามือมาจับก้นผม แล้วยังมีหน้าหัวเราะระรื่นอีก พอผมลงจากเตียงได้ก็ชี้หน้ามัน เป็นทำนองว่าอย่าเล่นอย่างนี้อีกแทนที่มันจะสำนึก กลับยื่นหน้ามากัดนิ้วผมเบา ๆ แถมมองตาเยิ้ม ผมเองต้องกลายเป็นฝ่ายเดินหนีมันซะเอง....ทันทีที่เปิดผ้าม่าน แสงแดดแรงขนาดนี้ ไม่ใช่แค่สายแล้วแน่ ๆ ผมเดินไปดูนาฬิกาข้อมือที่วางไว้บนโต๊ะ

“....กี่โมงแล้วจ๊ะ....” ผมกำลังจะเริ่มหงุดหงิดที่ตื่นสายให้อับอายเจ้าของบ้าน แต่เจอไอ้วุธถามอย่างนี้อารมณ์ดีขึ้นมาเลย

“...จะบ่ายแล้ว....” ผมตอบเบา ๆ มันกระเด้งลงจากเตียงมาดูนาฬิกาที่ผมถืออยู่ มันทำหน้างง

“...รีบอาบน้ำลงไปข้างล่างเหอะ...” ทำไมไม่รู้ที่เราต้องดูลนลานขนาดนี้ อาจเป็นเพราะว่า นี่ไม่ใช่บ้านของเรา และกลัวอาเล็กคิดไปว่าเราทำอะไรกัน ถึงได้ตื่นเอาบ่ายโมง

“...อาบน้ำพร้อมกันเลยดิ...จะได้เร็ว ๆ...” ไอ้วุธพูดยิ้ม ๆ

“...จะบ้าเหรอ...เดี๋ยวเราอาบก่อน แล้วจะหาเสื้อผ้าให้ใส่....” ผมค้นกระเป๋าแบกสมบัติเข้าห้องน้ำ พอออกมาไอ้วุธหรี่แอร์ลงเรียบร้อย ถอดเสื้อใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียวอยู่บนเตียง มันไม่มีผ้าเช็ดตัวอ่ะครับ

“.....เอาของเราไปก่อนก็ได้.....” ผมรื้อกระเป๋าอีก เอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่ปกติใช้สำหรับเช็ดตัวให้มันนุ่ง....มันรับไว้แล้วเดินเข้าห้องน้ำอย่างว่าง่าย....ผมเลือกเสื้อกับกางเกงขาก๊วยที่เตรียมไว้ใส่เองให้มัน ส่วนตัวผมต้องใส่กางเกงยีนส์ตัวเมื่อคืน ดีนะว่ามีเสื้อใหม่เปลี่ยน

*
*
*

“.....Good morning จ้า คุณหลาน.....” อาเล็กส่งเสียงทักทายทั้ง ๆ ที่แกยังไม่เห็นผมเลยด้วยซ้ำ

“......โห...ทำไมไม่ปลุกอ่ะ....อาเล็ก.....” ผมกระเง้ากระงอด

“....แล้วมัวแต่ทำอะไรกันอยู่ล่ะ...ถึงได้ตื่นเอาป่านนี้.....หรือว่า.....” อาเล็กมองหน้าผม ทำตาโต ผมหน้าร้อนวูบ หันไปมองไอ้วุธก็หน้าแดงหูแดงพอ ๆ กัน

“.....หิวอ่ะ....” ผมเปลี่ยนเรื่อง

“....เอาไข่ลวกซัก 2 ฟองมั๊ยวุธ....” อาเล็กแหย่

“.....ขอ 4 ฟองดีกว่าครับ....เพลียจัง....” ไอ้วุธรับมุข

“....อาเล็กทะลึ่งอ่ะ....ก็ห้องอาเล็กน่ะมืดจะตาย เอ้ก็สงสัยว่าทำไมมันไม่เช้าซักที ที่ไหนได้.....เปลี่ยนผ้าม่านเป็นสี่อ่อน ๆ เหอะ” ผมรีบอธิบายเหตุผล อาเล็กพยักหน้าแต่ยิ้มเหมือนไม่เชื่อที่ผมพูด

“....ไปซื้ออะไรกินเองล่ะกัน....อาก็ตื่นสายเหมือนกัน ไม่ได้เตรียมอะไรให้กินเลย” อาเล็กยื่นเงินให้ผม ผมไม่รับเพราะพ่อให้ไว้แล้วเมื่อวาน อาเล็กจึงจับยัดใส่กระเป๋ากางเกงไอ้วุธ ที่ยืนตกใจเอามือกุมเป้ากลัวว่ามืออาเล็กจะพลาดไปโดนน้องชาย อาเล็กหัวเราะคิก

“....ไม่เป็นไรครับอาเล็ก....” ไอ้วุธมองผมเกรง ๆ ล้วงเงินคืน อาเล็กส่ายหัว

“....ผู้ใหญ่ให้ก็ต้องเอารู้มั๊ย....อีกอย่างเราพกตังค์มาเยอะรึไง” ไอ้วุธมองหน้าผมสลับกับอาเล็ก ผมเห็นท่าไม่ดี ก็ได้แต่ยกมือไหว้ขอบคุณพร้อมไอ้วุธ

“....ไปยังไงอ่ะ...ร้อนตายเลย” ผมบ่น

“....ขี่จักรยานไปดิ....จอดพิงอยู่ข้างร้านน่ะ....” อาเล็กชี้มือออกไปข้างนอก

“....อาเล็กกินอะไรปะครับ..” ไอ้วุธหันมาถาม อาเล็กส่ายหน้าเอามือลูบพุงให้รู้ว่าอิ่มแล้ว

*
*
*

......อากาศร้อนจริง ๆ ครับ ผมเอาร่มมาด้วย ตอนแรกไอ้วุธมองแปลก ๆ ที่ผมจะกางร่มไปตลาด ผมกลัวว่ามันจะอายก็เลยไม่กาง เอาหน้าซุกที่หลังมันกันแดดไว้ ตัวมันก็ยังคงหอมเหมือนเดิม กลิ่นสบู่อ่อน ๆ ผสมกับกลิ่นแป้งเด็ก ผมอยากจะเก็บความรู้สึกนี้ไว้ให้นานที่สุด แต่ไอ้วุธมันดันบอกให้ผมกางร่ม เพราะมันก็ร้อนจนทนไม่ได้แล้วเช่นกัน ผมกางร่มมือนึง อีกมือก็เกาะเอวมันไว้ เราขี่รถวนเวียนอยู่ในตลาดนั่นหลายรอบ นึกภาพห้องแถวบริเวณตลาดนะครับ มีซอกเล็กซอกน้อยให้ขี่ทะลุ มีของขายเต็มไปหมด เลือกกันอยู่นาน จนได้ของกินเยอะพอ คนหิว ๆ นี่เห็นอะไรก็อยากกิน แต่จะกินหมดหรือเปล่าไม่รู้......

*
*
*

......กลับถึงร้านอาเล็ก พวกผมก็กินกันเหมือนตายอดตายอยากจนหมดเกลี้ยง มีอาเล็กที่ทำท่าอิ่ตอนก่อนไปมาร่วมแจมด้วย ปากก็บอกอิ่ม แต่มือไม่หยุดตักเลยครับ สักพักอาเล็กก็มีลูกค้าเข้ามาทำผม.....พวกผมกลัวจะเกะกะก็เลยขึ้นไปพักข้างบนบ้านอีกรอบ....อย่างที่บอกแหละครับ ห้องที่ผมนอนเมื่อคืนเป็นห้องว่าง ๆ ไม่มีอะไรเลย นอกจากตียง ตู้ โต๊ะ ไม่มีโทรทัศน์ หรือวิทยุ ไอ้วุธขึ้นไปนอนบนเตียง ส่วนผมนั่งที่เก้าอี้ เราสบตากัน แต่ไม่มีใครพูดอะไร รู้สึกเขิน ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไอ้วุธคงเป็นเช่นเดียวกัน.....ผมกลัวมันเบื่อก็เลยเอ่ยปากชวนมันไปขี่รถเล่น ไอ้วุธหัวเราะคิดว่าผมพูดเล่น แต่ผมชวนซ้ำอีกครั้งแถมยังเดินนำออกไปนอกห้องทันที.....

......มันก้าวยาว ๆ ตามมา ผมจะพามันไปในวัดครับ ไม่มีอะไรทำ อย่างน้อยไหว้พระก็ยังดี.....จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ เคยมาแถวนี้ บรรยากาศดีมาก วันลอยกระทงก็มัวแต่แต่งตัวไม่ได้ไปไหนเลย.....ได้เดินอีกทีก็มืดแล้วมองอะไรแทบไม่เห็น....ยิ่งอีตอนวิ่งหนีตำรวจ ไม่ได้มองอะไรเลย.....วันนี้ขอเดินเที่ยวซะหน่อยล่ะกัน......

.........ผมเดินไปครับ....เอารถจักรยานไปก็ต้องระวังรถหาย....แถวนั้นมันเป็นชุมชนน่ะครับ อาเล็กเตือนว่าถ้าเผลออาจจะมีเด็กแถวนั้นขี่รถหนีไปเลย.....เดินไปเรื่อย ๆ จนเข้าเขตวัด.....ต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้ม ตอนกลางคืนคงน่ากลัว ผมเดินทะลุไปจนถึงริมแม่น้ำ มองภาพตรงหน้าแล้วหายเหนื่อยหายร้อนเป็นปลิดทิ้ง มีศาลาริมน้ำให้นั่งเล่นหลายหลัง......ผมเลือกด้านในสุด ไม่มีใครสนใจใคร บางศาลาก็เป็นคู่รัก บ้างก็เป็นครอบครัวพาลูกเล็ก ๆ มาป้อนข้าว ลมเย็นพัดเอาความสดชื่นมาให้ อาจเป็นเพราะผมได้นอนเต็มอิ่มเมื่อคืนนี้ด้วย ที่สำคัญได้อยู่ใกล้ ๆ คนที่ผมชอบ....ไอ้วุธมันมองดูรอบ ๆ ด้วยความตื่นตา.....

“....เอ้...ดูดิ....ปลาตัวเบ้อเริ่มเลย...” มันชี้ให้ผมดูปลาสวายที่ว่ายอยู่ในแม่น้ำข้างศาลาที่ผมนั่งอยู่

“....ให้อาหารปลามั๊ย....” ผมถาม...มันหันมามองแล้วพยักหน้าหงึก ๆ เหมือนเด็กที่เจอของเล่นชิ้นใหม่....ผมเดินหาที่ขายอาหารปลาจนเจอ ได้ขนมปังหัวกะโหลกมา 2 ถุง

“.....อ่ะ....ได้แล้ว.....” ผมยื่นให้มันถุงนึง แล้วแกะถุงของตัวเองบิขนมปังกลิ่นตุ ๆ นั่นโยนลงน้ำ พวกมันแย่งกันฮุบจนผมกลัวว่าปากมันจะเจ็บตอนว่ายมาชนกัน

“.....เดี๋ยวดูอะไรนะ....” ไอ้วุธพูดแล้วเดินลงไปที่โป๊ะที่ยื่นจากศาลา มันเอาขนมปังทั้งก้อนใหญ่ ๆ ยื่นลงน้ำโดยที่มือมันยังไม่ปล่อย ให้ปลาว่ายมากินขนมปังที่มือ....ผมมองภาพมันหัวเราะอย่างมีความสุขตามประสาเด็กผู้ชายที่คงไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอสภาพแวดล้อมอย่างนี้นัก.....หัวเตียน ๆ ของมันไม่ได้ทำให้มันดูดีลดน้อยลงเลย กลับดูเด็กลงด้วยซ้ำ....น่ารักแปลกตาไปอีกแบบ

*
*
*

........ผมทำบุญซื้อขนมปังให้ปลาไปหลายถุงอยู่ รู้สึกดีนะ ได้ทำบุญ.....ได้เห็นไอ้วุธมีความสุขด้วย.....เย็นแล้ว คนแถวนั้นก็เริ่มมากันเยอะขึ้น ผมชวนไอ้วุธกลับ แต่เจออาเล็กเดินมากับพี่ศักดิ์ซะก่อน วันเสาร์อย่างนี้พี่เค้าทำงานครึ่งวันอ่ะครับ ก็เลยกลับเร็วกว่าปกติ.......

“....จะไปไหนล่ะ....” อาเล็กถาม

“.....กลับแล้ว....คนเยอะ” ผมตอบ

“.....อยากนั่งเรือเล่นมั๊ย....” ผมกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่ไอ้วุธดันทำท่าอยากไปจนตัวสั่น ผมก็เลยต้องตามใจมันตามระเบียบ ทั้ง ๆ ที่ผมกลัวเรือล่มจะตาย

“.....โอเค งั้นไปกันเลย.....” พี่ศักดิ์เดินนำไป ติดต่อเช่าเรือหางยาว ผมกระซิบถามอาเล็กว่าจะไปเรือหางยาวกันจริง ๆ เหรอ อาเล็กพยักหน้า ผมเริ่มหน้าเสีย ไอ้วุธคงเห็นมันจับมือผมบีบเบา ๆ

“....โห...มือเย็บเจี๊ยบเลย....กลัวเหรอ...”

“....เออ....” ปกติผมไม่ค่อยกลัวอะไรไงครับ มันก็เลยดูแปลก ๆ

“....ไม่ต้องกลัว.....ไม่เป็นไรหรอก....เราว่ายน้ำเก่ง....” มันยืดอก

“....เราก็ว่ายน้ำเป็นโว้ย...” ผมยืดบ้าง มองมือมันที่จับมือผมอยู่ทำให้ความกลัวหายไปครึ่งนึงเลยครับ

*
*
*

........สนุกกว่าที่คิด.....ไม่มีอะไรให้กลัวเลยครับ มองจากข้างบน เรือดูเล็ก แต่พอได้ลงไปนั่งมันก็โอเคนะครับ นี่ถ้าพ่อกับแม่ผมรู้เข้าคงไม่ให้ผมมาบ้านอาเล็กอีกแน่ ๆ ......คนขับเรือพาพวกเราไปตามคลองเล็ก ๆ ที่แยกจากแม่น้ำ ผมตื่นเต้นมาก ไม่เคยได้เจออะไรอย่างนี้มาก่อน ก็เกิดและโตในใจกลางกรุงเทพฯ นี่นา ที่บ้านก็ไม่เคยพาเที่ยวอย่างนี้......พวกเรากลับเข้าฝั่งตอนพลบค่ำกำลังดี......เดินกลับร้านอาเล็ก บรรยากาศเปลี่ยนไปจากเมื่อตอนบ่ายอีกแล้ว บริเวณท่าน้ำเมื่อตอนที่ผมมายังไม่มีอะไรเลย แต่ตอนนี้ของกินเต็มข้างทางเลยครับ.....เริ่มหิวอีกแล้ว คราวนี้พี่ศักดิ์ขอเป็นเจ้ามือบ้าง พวกเราเลยสนองซะพุงกาง......

......อาเล็กอยากให้พวกผมค้างต่ออีกคืน ผมน่ะอยู่ได้สบาย แต่ไอ้วุธมันต้องกลับบ้านไปเก็บร้าน อีกอย่างมันไม่ได้เอาเสื้อผ้าอะไรมาเลย....มันถึงกับบอกว่าขอกลับบ้านก่อน แล้วดึก ๆ จะมานอนกับผมอีก อาเล็กกับพี่ศักดิ์หันมามองผมเป็นตาเดียว ผมก็เลยตัดสินใจกลับด้วย จะได้ไม่ลำบากไอ้วุธ และผมเกรงใจอาเล็กด้วย......

..........อาเล็กขับรถไปส่งผมก่อนแล้วค่อยไปส่งไอ้วุธเพราะไม่อยาก U-TURN ไกล พ่อแม่ผมก็ค่อนข้างงง ที่อาเล็กไม่ลงมาทักทาย ผมต้องโกหกไปว่าอาเล็กรีบ ไม่อยากรบกวนพ่อกับแม่ด้วยมันดึกมากแล้ว.....ทันทีที่ผมถึงห้อง...ผมเอาเสื้อผ้าตัวที่ใส่ไปเที่ยวเมื่อคืนใส่ถังลงแช่ และลงมือซักด้วยตัวเอง ไม่งั้นแม่ต้องรู้แน่ ๆ ว่าผมไปเที่ยวกลางคืนมาเพราะกลิ่นบุหรี่ กลิ่นควันมันยังติดอยู่.......

*
*
*

.......วันอาทิตย์....ไอ้วุธไม่มาหาที่บ้านแฮะ แต่ตอนกลางคืน 3 ทุ่ม เวลาเก่าของไอ้โยมันก็โทรมา ผมแกล้งเรียกมันว่าโย.....มันขอร้องไม่ให้ผมพูดเรื่องนี้อีก ผมรับปาก แต่บางทีมันก็อดไม่ได้นะครับ เวลามันพูดพาดพิงไอ้โยตัวจริง.....เราคุยกันถึงเที่ยงคืน ไอ้วุธบอกว่าพ่อกับแม่ให้มันเฝ้าร้านทั้งวัน เป็นการทำโทษที่ไม่ชอบอยู่บ้าน....ผมนึกถึงหน้ามันแล้วขำ ไม่อยากเชื่อว่าเด็กช่างเถื่อน ๆ จะต้องมาควงตะหลิวทำกับข้าว เดินเสิร์ฟ...... บรรยากาศเก่า ๆ กลับมาแล้ว แต่คราวนี้ผมรู้อยู่เต็มอกว่าใครเป็นใคร ผมเขินที่จะพูดความในใจอย่างที่เคยพูดกับมันในตอนที่เข้าใจว่ามันคือไอ้โยเพื่อนผม......

*
*
*
“......อีเอ้.....อีดอก...เมื่อคืนวันศุกร์ฟังพี่ศิริชัยปะ” อีอ๋าตะโกนถามทันทีที่เห็นหน้าผมตอนเช้าในร้านข้าวมันไก่ปากซอยโรงเรียนที่เรานัดกันทุกวันก่อนเข้าโรงเรียนพร้อมกัน (แต่ถ้าใครมาสายก็ตามไปทีหลัง....มีช่วงที่ผมตึง ๆ กับพวกมันนั้นแหละที่ผมตรงเข้าโรงเรียนเลย)

“.....เปล่า....ทำไมวะ....” ผมงง

“....มีคนขอเพลงให้มึงอ่ะดิ....” อีแจนพูด

“.....ขอให้คนอื่นมั้ง.....” ในใจผมน่ะตื่นเต้น แต่กระโตกกระตากมากไม่ได้

“.....อีเหี้ย.....มึงเต็ม ๆ เลย ทั้งชื่อมึง ชื่อโรงเรียน ปี ห้อง....ไม่ใช่มึงแล้วหมาตัวไหนวะ”

“.....เหรอ...เพลงอะไรวะ....”

“....อยากบอกให้รู้....ของ อีสซึ่น (Isn’t) แล้วมึงรู้มั๊ยใครขอให้.....เค้าใช้ชื่อว่า “คนเลว” มึงรู้จักปะ” อีอ๋าถามเองตอบเอง ผมคิดว่าไอ้วุธแน่นอน

“ไม่รู้หรอก......คนเลวกูรู้จักตั้งเยอะแยะ แถว ๆ นี้ก็มี” ผมมองหน้าทุกคน อีพวกนั้นหลบาวูบ “....ทำอะไรเอาไว้อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ...”

“...อะไรของมึงอีเอ้......” อีตาลถามเสียงร้อนรน

“......กูยังไม่อยากพูดตอนนี้.....” ผมเล่นตัว

“....อีห่า...พูดมาเลย...จะได้เคลียร์ซะที” อีตาลเซ้าซี้ อีพวกนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย

*
*
*

........ตามนิสัยของเด็กพาณิชย์ทั่วไป มักไม่ชอบให้มีอะไรค้างคา ด่าเป็นด่า....ตบเป็นตบ....เพื่อนกันมีอะไรเคลียร์กันได้อยู่แล้ว......ผมตัดสินใจพูดทุกเรื่องที่สงสัย และอึดอัด ต่อว่า ตัดพ้อพื่อนสารพัด ที่ปล่อยให้ผมถูกไอ้วุธหลอกอยู่ได้ตั้งนาน พูดมากเข้าก๊อกแตกอีกแล้ว.....ไม่ใช่ผมคนเดียว อีพวกนั้นด้วย....พวกมันสำนึกผิด...ไม่คิดว่าการล้อเล่นของพวกมันจะทำให้กลายเป็นเรื่องที่ทำให้ผมต้องเสียใจอย่างนี้.....ผมอธิบายว่าถ้าเพื่อนผมไม่มีส่วนรู้เห็นผมจะไม่เสียใจเลย....ผมจะรู้สึกแค่เสียหน้า แต่นี่.....เพื่อนผมร่วมมือกับคนอื่นมาแกล้งผม....นานเป็นเดือน......พวกผมกอดคอกันร้องไห้หน้าร้านเตรียมตัวเดินเข้าโรงเรียน แม้มันจะไม่ทันเคารพธงชาติก็ตาม.......แต่เรื่องที่แย่งซีน เบี่ยงประเด็นการปรับความเข้าใจกันของกลุ่มผม กลับเป็นเรื่องความลับของอีตาลที่พวกมันรู้มานานแล้ว แต่ผมเป็นคนเดียวที่ไม่รู้....อีตาลท้อง.....เกือบ 5 เดือนแล้ว มิน่ามันถึงใส่เสื้อตัวใหญ่ แถมดึงเสื้อลงมายาน ๆ อีก โชคดีที่เป็นท้องสาว มันก็เลยดูไม่ค่อยออก ขนาดผมเห็นมันทุกวันยังไม่รู้เลยครับ.....เด็กพาณิชย์บางคนเก่งมากที่คำนวนเวลาในการคลอดให้ตรงกับช่วงปิดเทอมใหญ่ได้........


ยังมีความจริงที่เธอไม่รู้.......ฉันคงลืมบอกเธอ
คิดเองอยู่เสมอว่าเธอนั้นเข้าใจ
จนมาวันนึงเธอไปจากฉัน.......แล้วมีใครอีกคน
เพราะเธอบอกเหตุผล......ว่าฉันไม่มีใจ

อยากบอกให้รู้.....อยากจะบอกเอาไว้
อยากเปิดหัวใจ.....แม้ว่าเธอไม่อยู่รับฟัง

รู้ว่าสายเกินไปจะบอก......ทั้งรู้ไม่มีประโยชน์
ก็จบไปแล้วจะหวังอะไร

แต่ขอให้รู้ความจริงสักอย่าง......ที่ค้างที่คาในใจ
อยากบอกเอาไว้ให้เธอรู้....รักเธอ

ฉันขอรับไว้ในความผิดนี้.....เสียเธอไปอย่างนั้น
รู้ว่าผิดที่ฉัน....เพราะไม่พูดไป

......วันนั้นทั้งวัน ผมคิดถึงแต่เพลงนี้.....นึกแล้วเสียดายจริง ๆ ที่ไม่ได้ฟังสด ๆ ด้วยตัวเอง และถ้าได้ฟังวันนั้น ความโกรธ ความแค้น ที่ผมมีอาจจะหายวับไปทันทีที่เพลงจบก็ได้......

**************************************************************************

...........ขอบคุณสำหรับทุกคำติชม.....ทุก reply ตอนนี้ มันเป็นตอนที่ต่อเนื่องมาจากตอนที่แล้ว อาจจะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น....ติดตามต่อไปนะครับ

ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 17-09-2007 15:33:16
เข้าใจกันแล้ว   :m3: คนอ่านก็มีความสุขอ่ะ  :m23:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 17-09-2007 21:21:16
 :impress:

น่ารักจิงนายวุธนี่

เมื่อไหร่จะ.........กันซักทีน๊า...

รออ่านต่อไปครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 17-09-2007 21:58:49
 :m13: การรอคอยที่คุ้มค่า

จะรอตอนต่อไปนะครับ มาต่อเร็ว ๆ นะ อย่าปล่อยนานนะ คิดถึง :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 17-09-2007 22:09:48
วุธน่ารักมากๆๆ

อิจฉาจัง ชีวิตนี้ไม่เคยมีใครขอเพลงทางวิทยุให้เลย

ทำไมเศร้าอย่างนี้หนอ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 17-09-2007 23:53:20
ตอนนี้ก็ซึ้งน่ะคับ ประทับใจเลยแหละทั้งระหว่างตัวเอ้กับวุธ และเอ้กับเพื่อนๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 18-09-2007 04:10:16
เคลียร์กันได้แล้วนะทั้งเพื่อนทั้งแฟน.. :เฮ้อ:โล่ง..
แล้วจามีอะไรอีกมั้ยเนี่ยะ.. :m21:
แล้วมาต่ออีกน๊า.. :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 18-09-2007 12:07:59
 :m1: :m3: :m1: :m3: :m1: :m3:
 :m7: :m7: :m7: :m7: :m7: :m7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 18-09-2007 20:01:11
 :impress:

หายไปไหนหว่า

รออ่านอยู่นะ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 18-09-2007 21:44:26
อ่ะหายไปเลยอ่ะเนี้ย :m5:มาต่อเร็ว ๆ นะ คิดถึงเอ้ กับ วุธ และผองเพื่อนอ่ะ  :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 18-09-2007 23:03:56
มาไวๆนะครับ  อิอิ


กำลังอยากรู้ว่าจะเปนไงต่อ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 19-09-2007 03:26:19
 :impress:ครบ 10 รีแล้วน๊า..นี่รีที่ 11 ด้วย..
ยังงัยช่วยมาต่อด้วยนะคร้าบบบ.. :impress:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 19-09-2007 09:09:32
ชอบตอนนี้มากมายน่ารักอะ  :m3: :m1:

23 First Kiss

.......ผมกับเพื่อนเคลียร์กันเรียบร้อย ทุกเรื่องถูกพูดถึงวันนั้น พวกมันเองก็โกรธผมที่ทำท่าสนิทกับเพื่อนใหม่ที่เรียนพิเศษจนเหมือนจะไม่ให้ความสำคัญและลืมพวกมัน.....แถมไม่ยอมบอกเรื่องไอ้วุธไปบ้านผม ก็น้อยใจตามประสาผู้หญิงนั้นแหละครับ อีอ๋าดันพูดว่าเห็นผู้ชายสำคัญกว่าเพื่อน ฯลฯ เท่าที่ฟังมันด่า พวกมันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวุธเคยมานอนบ้านผม....ตัดสินใจเก็บเรื่องนี้เป็นความลับต่อไปดีกว่า......


.........ไอ้วุธได้เบอร์ผมมาจากอีแจนครับ มันเห็นในสมุดจดเบอร์เล่มเล็ก ๆ ที่อีแจนใส่ไว้ในกระเป๋าสำหรับใส่ปากกา มันขออีแจนเปิดดู อีแจนไม่คิดอะไรก็เลยให้ดู ที่ไหนได้ มันแอบจดเบอร์ผม เพื่อแกล้งโดยเฉพาะ พวกเพื่อนผมก็รู้หลังจากที่มันโทรมาหาผมหลายวันอยู่เหมือนกัน.....ยิ่งฟังพวกมันพูดก็ยิ่งอาย.....ไม่น่าโง่เลยกู เสียฟอร์มอย่างแรง......


*
*
*

“....เฮ้ย....ไอ้วุธ....มึงบอกพวกเอ้เรื่องพี่มิ้นท์ยังวะ” ไอ้นพพูดขึ้นมาตอนที่พวกเรานั่งกินข้าวเย็นที่ ฟู้ดคอร์ท ในห้างประจำที่ไปทุกวัน ผมหันขวับไปมองมันทันที

“.....พวกพี่มิ้นท์เค้าจะจัดไปเที่ยวกัน....” มันพูดหลังจากที่ยิ้มแหย ๆ ให้ผม

“....ไปไหนอ่ะ...” พูดเรื่องเที่ยวอีนัทหูผึ่ง อีนี่มันไม่ชอบอยู่บ้าน มันบอกว่าอึดอัด

“....เมืองกาญ...ไปค้างบนแพคืนนึง.....”

“.....ไปปะวะ....” อีนัทหันมาถามพวกผม

“....คนละกี่บาท....” เรื่องเงินนี่ต้องอีอ๋า

“....500....รวมทุกอย่าง รถ อาหาร.....ที่สำคัญ......เหล้า ไม่อั้น....” ไอ้นพตอบแทน ท่าทางกระดี้กระด้า เดาได้ว่าพวกมันไปกันแน่นอน

“.....เมื่อไหร่.....” ผมถามไอ้วุธ

“.....หลังพวกเค้าสอบเสร็จ....ก็ประมาณกลางเดือนหน้าอ่ะ.....” ผมมองเพื่อน ๆ ทุกคน เริ่มหนักใจแล้ว พวกมันมีทีท่าสนใจ แต่พูดตรง ๆ ผมไม่อยากไป

“......แล้วจะไปกันปะ.....” ไม่ต้องให้ถามอีก เรื่องเที่ยวพวกมันไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้ว.......เฮ้อ...เครียด แต่เอาวะ....ไปไหนไปกัน


*
*
*

........โรงเรียนผมปิดเทอมก่อนโรงเรียนเอกชน แต่ปิดเทอมนี้พวกผมไม่ต้องทำงานกัน เพราะเปิดเทอมหน้าจะต้องฝึกงานกันแล้ว เป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตรเลยแหละ......ตัดเกรดด้วย และเพราะไอ้วุธหลอกให้ผมชอบมันในฐานะไอ้โย ผมเลือกสถานที่ฝึกงานใกล้ ๆ โรงเรียนไอ้โยโดยที่ไม่ได้บอกหรือปรึกษาใครกะว่าจะ surprise โยมัน และชื่อผมก็ไปถึงแล้วไม่สามารถเปลี่ยนได้ด้วย.......


.........พวกผมหาเงินมาจ่ายค่าบัตรให้พวกพี่มิ้นท์ได้ครบตามจำนวน สมัยนั้นเงิน 500 บาทนี่ถือว่าเยอะนะครับ.....ที่โรงเรียนพี่มิ้นท์เค้าจะจัดนำเที่ยวอย่างนี้ทุกปี เมื่อปีก่อนไปน้ำตกวังตะไคร้.....เรื่องนี้ดังมาถึงโรงเรียนผมเพราะมันสนุกมาก มีเพื่อนของเพื่อนผมได้ไปด้วย.....นี่เป็นอีกเหตุผลนึงที่พวกเพื่อนผมไม่ต้องคิดมากกับการไปเที่ยวครั้งนี้......ไม่ใช่เฉพาะโรงเรียนผมและพี่มิ้นท์นะครับที่ไปกัน...เนื่องจากต้องขายบัตรให้หมดถึงจะคุ้มทุน พวกพี่มิ้นท์เจอใครรู้จักใครก็ชวนหมด ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง พอดีมาเจอไอ้วุธ ผมว่าจงใจมาหามันเลยหละ (แอบหึง) ชีบอกให้ไอ้วุธชวนเพื่อนไปหลาย ๆ คน ไม่ลืมให้ชวนพวกผมด้วย


*
*
*

.........สุดยอด.....ผมว่าเด็กพาณิชย์มีความเถื่อนอยู่ในตัวนะครับ แต่สภาพที่ผมกำลังเผชิญอยู่ตอนนั้นผมแทบขอกลับบ้านเลย......รถบัสคันใหญ่ มีเธคอยู่ช่วงหลังรถ มีเด็กวัยรุ่น อายุไล่เลี่ยกับพวกผมทั้งนั้น บางคนก็กินเหล้าตั้งแต่รถยังไม่ออก.....แน่นอนพี่มิ้นท์เป็นพวกคนจัดทัวร์ รีบจับจองที่นั่งด้านหลัง และพวกไอ้วุธกับพวกผมก็โดนต้อนไปรวมอยู่ตรงนั้นด้วย อีพวกนั้นก็กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ เข้าขากันดีเหลือเกิน ผมคิดในใจ.....ไอ้วุธคงรู้ว่าผมอึดอัด แต่มันทำอะไรไม่ได้ เพราะเราอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อน......ผมนั่งติดหน้าต่างโดยมีอีตูนนั่งข้าง ๆ รถออกสักพักอีตูนก็ลุกขึ้นไปเต้นกับคนอื่น ผมมองออกไปข้างนอก พยายามไม่สนใจกับเสียงเพลงที่ถูกมิกซ์ขึ้นมาใหม่ เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นจนแทบจำของเดิมไม่ได้.......

“...ไม่สนุกเหรอ....” เสียงไอ้วุธอยู่ข้าง ๆ หู คนอื่นคงไม่แปลกใจนัก ก็เสียงเพลงบ้า ๆ นี่มันดังจะตาย

“....ก็....ก็ดีนะ นาน ๆ ได้ออกต่างจังหวัดซะที....” ผมโกหก มันก็คงรู้

“...กินอะไรมั๊ย....” มันหมายถึงขนมห่อ ๆ ที่ไอ้พวกนั้นมันเอาไว้แกล้มเหล้า ผมส่ายหัวเบา ๆ มันหน้าเจื่อน ผมรู้สึกผิดที่ทำให้มันกังวล กลัวผมจะไม่สนุก

“....ง่วง.....” ผมหาข้ออ้าง แกล้งปิดปากหาว

“....เสียงดังอย่างนี้จะนอนได้เหรอ...”

“....สบายมาก....นี่ไง...” ผมเอนตัวลงนิดนึง หลับตาทันที แต่ต้องสะดุ้งเมื่อมันเอามือมาจับหัวผมให้พิงกับไหล่มัน ตาผมหลับอยู่ แต่ข้างในน่ะไม่เลย สักพักผมรู้สึกว่าไอ้วุธจะนอนเหมือนกัน มันเอาหน้าซบกับหัวผม บรรยากาศเริ่มดีขึ้น เสียงเพลงจะดังยังไงก็ไม่มีปัญหา เพราะตอนนี้ผมได้ยินแต่เสียงลมหายใจของมัน....บุหรี่น่ะเหรอ.....
ไม่ได้กลิ่นเลยทั้ง ๆ ที่ควันคลุ้งขนาดนั้น จมูกผมรับได้แต่กลิ่นหอม ๆ จากตัวมัน อยากให้ทัวร์นี้ไปถึงภูเก็ตจัง จะได้นั่งอย่างนี้นาน ๆ นี่อะไร ยังไม่ถึง 2 ชั่วโมง รถจอดที่ท่าแพซะแล้ว


*
*
*


........บนรถว่าเถื่อนแล้วนะ.....บนแพยิ่งเถื่อนกว่า เป็นแพ 3 ตอน ช่วงแรกเป็นแพเธค.....ช่วงกลางเป็นแพนอน.....ส่วนช่วงท้ายสุดเป็นแพเสบียง ทุกตอนจะมีห้องน้ำ 1 ห้อง ผมสำรวจห้องน้ำเป็นอย่างแรก.....แทบจะขอโบกรถกลับบ้าน มันก็สะอาดดีนะครับ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราปล่อยออกมา จะหล่นลงแม่น้ำแควทั้งหมด อย่างนี้ถ้าแพจอดนี่ห้ามเข้าห้องน้ำเด็ดขาด.......

........กลางวันแสก ๆ แพเริ่มออกแล้ว มีเรือจูงอยู่ข้างหน้า เสียงเพลงจากแพเธคก็ดังขึ้น ไม่รวมเสียงจากแพข้าง ๆ ที่ออกพร้อมกัน ลึก ๆ แล้วผมไม่ค่อยชอบไปเที่ยวที่ที่ต้องลงน้ำอ่ะครับ มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ พอโตขึ้นนี่ค่อยยังชั่วแล้ว......อีพวกนั้นกระโดดโลดเต้นอยู่ที่แพเธค ส่วนผมนั่งเล่นบนระเบียงบนแพนอน โชคดีที่แดดไม่ส่องมาทางที่ผมนั่ง ไอ้วุธก็เดินด้อม ๆ มอง ๆ ผมอยู่แต่ไม่เข้ามา เพราะผมอยู่กับว่าที่คุณแม่อย่างอีตาล เราเม้าธ์กันสองคน เพื่อนคนอื่นก็เดินมาหาเป็นระยะ เป็นการพักเหนื่อยจากการแดนซ์มาราธอน เห็นพวกมันสนุกแล้ว ผมก็อดสนุกไปด้วยไม่ได้

.....หลังกินข้าวเย็นที่ทางแพเตรียมไว้ให้เสร็จ ฟ้าเริ่มมืด ผมนึกคึกขึ้นมาแล้ว คว้าแก้วเหล้าของอีอ๋ามากระดก ตอนแรกนึกว่าจะมีคนห้าม ที่ไหนได้ กรี๊ดกันสนั่น จนพวกพี่มิ้นท์หันมามอง และลากผมออกไปเต้นด้วย พอเหล้าเข้าปาก ความกระดากก็หดหายไป ผมทำตัวให้กลมกลืนกับคนอื่นเต้นแบบลืมตัวเลยครับ ไม่สนใจแล้วว่าจะเป็นเพลงอะไร ผมกับพี่มิ้นท์สามัคคีกันเต้นจนคนอื่นให้ความสนใจหยุดเต้นยืนดูเรารูดเสาต้นเดียวกัน ไม่รู้ตอนนั้นทำท่าอุบาทว์อะไรออกไปมั่ง เริ่มมึน ๆ แล้วด้วยไงครับ แต่ผมไม่ได้ดริ้งอะไรมากมายนะครับ อีพี่มิ้นท์ยังแซวว่าระวังยุงจะวางไข่ในแก้วเหล้าของผมเลย.......สงสัยจะเมาดิบ.......

*
*
*

.......กินเหล้า....เต้น.....เหนื่อย.....ดึกแล้วด้วย ไอ้พวกผู้ชายที่ผมไม่รู้จักเมากลิ้งนอนกันระเกะระกะ พวกผู้หญิงที่เมาก็ถูกเพื่อน ๆ พยุงเข้าไปนอนชั้นบน นอนเรียงกันเป็นแถวเชียว แล้วผมล่ะ......นอนยังไง ตอนเข้าค่ายลูกเสือก็อึดอัดจะแย่ นี่ก็มีแค่กลุ่มไอ้วุธเท่านั้นที่สนิทด้วย เสียงเพลงเริ่มแผ่วลงเป็นเพลงช้า ไม่มีคนเต้นกันแล้ว.....ตอนนี้แพเธคกลายเป็นบ่อนแล้วครับ มีหลายวง เล่นป๊อกแปดป๊อกเก้า สมสิบ กบดำกบแดง เก้าเก รัมมี่ ผมเลือกเล่นวงไพ่ป๊อกตามถนัด แต่เล่นได้แป๊บเดียว กะว่าได้แล้วเลิก มีความรู้สึกว่าเจ้ามือทำไพ่ ไอ้คนนั้นก็ทำท่าไม่พอใจเมื่อผมจะเลิกเล่นหลังจากได้ไปหลายร้อย ผมบอกว่าให้ผมเป็นเจ้าสิ แล้วผมจะเล่นต่อ เค้าไม่ยอม ผมก็เลิก เชิ่ด ๆ ไม่สนใจ เดินไปที่แพเสบียงคนเดียวเพื่อหาอะไรกิน เห็นเงาตะคุ่ม ๆ คุ้นตาอยู่นะ.......ไอ้วุธนี่นา คุยกับใครวะ ผมเดินเข้าไปใกล้ ๆ......อ๋อ.....เด็กผู้หญิงพาณิชย์เอกชนไฮโซ ค่าเทอมเกือบสองหมื่นนี่เอง เค้าหลงมาเที่ยวกับพวกผมเพราะเพื่อนแถวบ้านชวนมา.....ขาว....สวย...หมวย....อึ๋ม.....ท่าทางเรียบร้อยเป็นคุณหนู ไม่แตะเหล้าซักหยด ได้แต่นั่งเอาขาห้อยลงไปในแม่น้ำมองดูพวกผมเฮฮาปาร์ตี้กัน แม้ว่าพวกพี่มิ้นท์จะพยายามชวนให้มาสนุกกัน หล่อนก็ยังเก็กหน้าสวยใส ปฏิเสธทุกคำชวน.....แล้วนี่ไอ้วุธมันรู้จักกับยัยนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ....ผมเสือกซุ่มซ่ามเดินสะดุดครกหินที่วางอยู่บนพื้น ครกน่ะไม่สะเทือน แต่ที่ทำให้สองคนนั้นหันมา ก็เสียงผมร้องจ๊ากด้วยความเจ็บต่างหาก......


“.....อ้าว...เอ้มาทำอะไรที่นี่อ่ะ” มันถามหน้าตาเฉย กูควรจะถามมึงมากกว่านะ ผมพูดในใจ

“.....มาหาอะไรกินหิว...” ผมตอบมันแต่ตาสังเกตผู้หญิงคนนี้ใกล้ ๆ สวย โอเคกูยอมรับ แต่สายตาที่ระยิบระยับเวลามองไอ้วุธนี่สิ มันไม่ธรรมดาเลย

“.....ไม่มีอะไรเหลือซักอย่าง....” มันหันซ้ายหันขวาช่วยผมหาของกิน.....ผมเดินเลี่ยงไปที่ถังน้ำแข็งที่แช่ของสด โชคดีที่มีเนื้อหมูหั่นไว้ถุงใหญ่ เมื่อเย็นผมแอบมาช่วยแม่ครัวทำกับข้าว เค้าบอกว่าถ้าหิวดึก ๆ ก็ทำอะไรกินเองได้ตลอด ผมจึงถือวิสาสะเอาหมูออกมา ตั้งกระทะบนเตาปิกนิก

“....ทำอะไรทานคะ....” อีดอก พูดซะเพราะเชียว ผมหงุดหงิด

“....ทำหมูกระเทียมพริกไทย.....ง่ายดี....ทานด้วยกันมั๊ย....เดี๋ยวเราทำเผื่อ....” ผมตอบไปดี ๆ ไอ้วุธพยักหน้าเป็นทำนองว่ามันจะกินด้วย

“.....ขอบคุณค่ะ.....แต่มันดึกแล้วกินตอนนี้ต้องอ้วนแน่ ๆ เลย....” พูดจบชีก็หันไปหัวเราะเบา ๆ กับไอ้วุธที่ยืนดูผมสับกระเทียม

“....มา...เอ้...เราทำให้กินเอง.....” ไอ้วุธหยิบตะหลิว คว้าหมูโยนลงกระทะด้วยความคล่องแคล่ว

“.....วุธทำเองเหรอ....งั้นออยต้องขอชิมหน่อยแล้ว....” อีช้างลาก.....เมื่อกี้บอกว่ากลัวอ้วน ทีตอนนี้เสือกอยากจะแดก ในใจผมร้อนรุ่ม แต่หน้ายังยิ้มอยู่

“....โชว์ฝีมือเต็มทีเลยนะ....แต่ไม่ต้องทำเผื่อเราแล้วหล่ะ....คลื่นไส้...สงสัยกินเหล้ามากไปนิด....” ผมพยายามรักษามารยาทไม่ให้น่าเกลียดไปนัก.....ไอ้วุธมองผมงง ๆ ก่อนที่ผมจะเดินออกไปจากตรงนั้น ผมเห็นสายตาแปลก ๆ ของนังชะนีคนนั้นอีกแล้ว ไอ้วุธทำท่าจะเรียกผม แต่ไม่ทันครับผมเดินลิ่ว ๆ ข้ามมาที่แพนอนเรียบร้อยแล้ว

“....อีแจน....หลับยังวะ....” ผมเดินย่อง ๆ เข้าไปในห้องนอนของพวกผู้หญิง…..อีแจนตกใจว่าผมเข้ามาได้ยังไง

“.....เฮ้ย...อีเอ้....มึงขึ้นมาทำไม...”

“...กูขอนอนด้วย...” มันอ้าปากค้าง แต่ผมไม่สนใจซุกตัวนอนข้าง ๆ มัน ไม่แปลกครับผมกับเพื่อนกินนอนด้วยกันมาหลายครั้งแล้ว ตอนปี 1 เราก็ไปเที่ยวทะเลกันมา....คืนที่สองพวกมันยังแย่งกันนอนติดกับผมเลย เพราะผมนอนไม่ดิ้น

“.....อีเอ้.....มึงต้องตื่นก่อนคนอื่นนะโว้ย.....ยังไงมึงก็ยังเป็นผู้ชาย.....ใครเห็นเข้ามันไม่ดี...” อีแจนนอนลง ปากก็บ่นไปด้วย ผมพยายามข่มตาให้หลับ แต่ใจกระวนกระวายถึงไอ้วุธ ป่านนี้มันจะเป็นยังไงบ้าง แล้วอีออยอะไรนั่นจะคุยกับไอ้วุธอีกนานมั๊ย โอ๊ย....เครียด....ยังดีว่าบนนี้มันทำอะไรกันไม่ได้แน่ ๆ หมดห่วงไปอย่างนึง ผมหลับลงด้วยความอ่อนเพลีย


*
*
*

......เช้ามืด.....ผมจำใจตื่นก่อนทุกคน รู้สึกว่าแพหยุดนิ่งอยู่กับที่....ผมค่อย ๆ คลานออกไปนอกห้องนอน เมื่อถึงระเบียงผมจึงเห็นว่า แพจอดอยู่ติดชายฝั่ง ข้างบนเป็นร้านอาหาร มีแสงสว่างของไฟนีออน มองไกล ๆ เห็นว่าเป็นป้ายบอกทางไปห้องน้ำ....เออ ดีจัง เราตื่นก่อน เข้าห้องน้ำ เตรียมตัวก่อน ไม่มีใครบนแพผมตื่นซักคน อากาศเย็นมาก ผมลงมาที่ห้องนอนผู้ชาย แสงสว่างที่ลอดเข้ามาทำให้ผมเห็นทางเดินไปที่เก็บกระเป๋าของผม.....ไอ้วุธนอนอยู่ข้างกระเป๋าผม....เห็นหน้ามันแล้วหงุดหงิด ผมรื้อกระเป๋าหยิบสมบัติส่วนตัวเบา ๆ แต่มันตื่นจนได้....

“....ตื่นแล้วเหรอ....” มันงัวเงียถาม ผมไม่ตอบ หอบสัมภาระเดินย่อง ๆ ออกไป

......น้ำโคตรเย็นเลย....ผมอาบน้ำที่รองจากก๊อก ตัวสั่นผับ ๆ รีบอาบน้ำแปรงฟัน ทำธุระให้เสร็จในทีเดียว.....พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นคนเริ่มทยอยเดินขึ่นมาจากแพ แต่ไม่ใช่ที่แพผมสักคน....ผมเดินสำรวจนิดหน่อยจึงรู้ว่า นี่เป็นสถานที่จอดแพของหลายแพ มีห้องน้ำ ห้องส้วมไว้ให้บริการ มีร้านอาหารเล็ก ๆ หลายร้าน พ่อค้าแม่ค้าเริ่มย่างไก่กันแล้ว ฟ้ายังมืดอยู่ อากาศก็เย็นจนผมต้องเอามือซุกในเสื้อแจ๊คเก็ตกันลมที่เอาติดกระเป๋ามาด้วย เริ่มเคว้งครับ ตื่นมาตอนเช้าไม่มีอะไรทำ เพื่อนก็ยังไม่มีใครตื่น เมื่อคืนเมากันเละ.....เกือบทั้งแพ.......


“.....เอ้.....” ผมสะดุ้ง กำลังนั่งกอดอกทอดอารมณ์อยู่บนระเบียงชั้นสองด้านหลังของห้องนอนผู้หญิง ถ้าไม่สังเกตไม่เห็นผมหรอก มันค่อนข้างลับตาคน แต่มองจากบนฝั่งจะเห็นผมอย่างชัดเจน นี่แหละผมถึงกล้านั่งคนเดียว เพราะผมมองเห็นคนเดินไปเดินมาบนนั้น .....เอาขาห้อยลงมาทั้งสองข้าง มองขอบฟ้าที่เริ่มมีสีส้มอ่อน ๆ ของดวงอาทิตย์

“....ทำไมตื่นแต่เช้าอ่ะ...” ผมถามเสียงเรียบ

“....เมื่อคืนนอนไหน.....” มันไม่ตอบแต่ดันถามผมกลับ

“.....แถวนี้แหละ....” ผมกวน มันอึ้ง

“...ถามจริง.....นอนไหน เมื่อคืนมันมืด หาไม่เจอ....” มันถามเสียงเครียด

“.....ก็บอกแล้วไง...แถวนี้...แพมันก็มีที่อยู่แค่นี้....ถ้าอยากหาจริง ๆ ทำไมจะไม่เจอ....” ผมกวนอีก

“....เป็นอะไรหรือเปล่า...” มันจับไหล่ผม

“....เปล่า....” ผมเอามือมันออก

“.....มีอะไร...ไม่พอใจอะไรก็บอกดิ....” มันทำท่าร้อนรน

“.....ไม่มีอะไรหรอก.....เราคงคิดมากไปเอง....” ผมพูดเบา ๆ

“....รู้แล้ว...เรื่องออยใช่มั๊ย....” มันหัวเราะอารมณ์ดี....ยิ่งยั่วโมโหผมมากขึ้น

“.....เออ....ชอบอะดิ.....ไปคุยกันลับ ๆ ล่อ ๆ ถ้าไม่ใช่บนแพคงล่อกันจริง ๆ แล้วมั้ง....” ผมว่าแดกมัน

“....หึงเหรอจ๊ะ....” อย่ามาพูดจ๊ะจ๋ากับกูตอนนี้นะ.....ผมใจอ่อนวูบ มันไม่ได้พูดอย่างเดียว แถมเอามือมาดึงผมให้ไปนั่งอีกด้านของแพ ซี่งมันลับตาคนกว่า

“....เดี๋ยวมา....อย่าซนนะจ๊ะ...” ไอ้นี่....กูไม่ใช่เด็ก ๆ นะ มันเดินลงไปข้างล่าง สักพักก็ขึ้นมาพร้อมผ้าห่มผืนใหญ่ นั่งแปะลงข้าง ๆ เอาผ้าห่มคลุมตัวเราสองคนไว้....อุ่นดีเหมือนกันแฮะ

“.....หนาวเนอะ....ไปอาบน้ำทำไมไม่ชวน......แล้วอาบทำไมแต่เช้า....ไม่กลัวเป็นหวัดเหรอ....” มันพูด

“.....รู้ได้ไง....”

“.....ก็เดินตามไป....” เออว่ะ....ตอนนั้นรู้สึกว่ามีคนเดินตามไปจนถึงห้องน้ำห้องข้าง ๆ เหมือนกัน แต่ไม่กล้าหันไปมอง กลัวว่าจะไม่ใช่คนอ่ะดิ

“.....ออยน่ะเค้าน่าสงสารนะ.....เพื่อนที่มาด้วยก็ไม่สนใจเค้าเลย.....” อยู่ ๆ ไอ้วุธก็พูดเรื่องนี้อีก

“....นายก็เลยช่วยเทคแคร์ซะ....” ผมต่อให้

“.....เอ้ลองคิดว่าถ้าเอ้หลงไปกับคนอื่นแล้วไม่มีใครสนใจจะเป็นยังไง” มันทำหน้าขึงขัง ผมหลบตามัน......ก็ตอนมันทำหน้าอย่างนี้แม่งหล่อชิบหาย ยิ่งมองใกล้ ๆ ด้วยนะ.....โอ๊ยยยย....

“....ทำไมจะไม่มีใครสนใจ....พวกเราก็ชวนเค้าคุยแล้วนะ....พวกพี่มิ้นท์ด้วย...” ผมเถียง

“.....เพื่อน ๆ บอกเรื่องเพลงที่มีคนขอให้หรือยัง...” ไอ้วุธเปลี่ยนเรื่อง

“....อ๋อ....ตั้งนานแล้วนี่.....”

“.....ไม่ได้ฟังเองใช่มั๊ย คืนนั้นน่ะ.....เราจำได้ว่าเอ้ไปบ้านอาเล็ก....” ผมพยักหน้า

“....ทั้งแหวน...ทั้งเพลง.....ทั้งเวลาที่เรารู้จักกันมา.....ไม่ได้ทำให้เอ้ไว้ใจเราเลยเหรอ....” อ้าว...ชิบหาย...กลายเป็นว่ากูผิดซะนี่

“....ก็....ก็....ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา.....” ผมพูดเสียงอ่อย ๆ มันยังนั่งก้มหน้าเงียบ “....วุธ.....” มันหันมามองผมแวบนึง แต่ไม่มีเสียงอือออ อะไรเลย ท่าทางจะงอนจริง ๆ ด้วย ผมเขย่าแขนมันใต้ผ้าห่ม

“....อะไร....” ในที่สุดมันก็หันมาถาม ผมไม่ตอบ.....มองซ้ายมองขวา ไม่มีคนวุ๊ย.....อาศัยความไว หอมแก้มมันไปทีนึง.....อายก็อายนี่เป็นครั้งแรกทีผมหอมแก้มผู้ชายด้วยกัน เคยแต่โดนหอมอ่ะครับ มันตะลึง....ไม่กี่วินาทีต่อมามันก็ยิ้มซะตาหยี

“.....อีกข้างด้วย.....” มันยื่นแก้มอีกข้างมาให้ผม

“....ไม่เอา....” ผมเขิน

“.....ไม่เอาเหรอ....” มันพูดเสียงหมั่นเขี้ยว เอาผ้าห่มคลุมหัว ผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในผ้าห่มนั่นแหละ แต่ดิ้นมากไม่ได้เดี๋ยวตกแพ ในผ้ามันก็มืดอ่ะนะ ไอ้วุธจับหน้าผมให้อยู่นิ่ง ๆ โดยที่ผมไม่ได้ระวังตัวอะไร ปากบาง ๆ ของมันก็ประกบเข้ากับปากผมพอดี ผมตัวชาวาบ หมดแรงดิ้นเลยครับ......แน่นอน....ผมไม่เคย....ตัวมันท่าทางก็ไม่เคยเหมือนกัน แต่มันก็พยายามอยู่.....จูบนี้จึงเป็นจูบแรกที่ผมประทับใจที่สุด.....ก่อนทีเราจะทำอะไรเลยเถิดไปมากกว่านี้.....ผมดึงผ้าห่มให้หลุดออกจากหัว....หายใจไม่ออกอ่ะคับ....ทันทีที่เราสบตากันภายนอกผ้าห่ม.....ไอ้วุธยิ้มเขิน ๆ ส่วนผมก็พอ ๆ กัน ผมขยับผ้าห่มให้เข้าทีเข้าทาง มันจับปลายไว้ข้างนึง อีกปลายผมจับไว้ โผล่ออกมาแต่หัว นั่งมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นพ้นยอดเขาด้วยกัน.......

**************************************************************************


......อย่าเพิ่งเลี่ยนนะครับ.....ชีวิตคนเรามีทั้งสุขและทุกข์.....ผมไม่ได้ทำบุญมาดีขนาดที่จะมีความสุขตลอดเวลาหรอกครับ.....ผมมีบทเรียนมาแล้ว....ปัจจุบันนี้เวลาผมมีความสุข ผมจะตักตวงไว้ให้มากที่สุด โดยไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนะครับ เพราะผมไม่รู้ว่าความสุขนี้มันจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ แล้วความทุกข์ที่ตามมามันจะหนักขนาดไหน......

.......ขอบคุณทุก Reply ที่เข้ามาให้กำลังใจ.....พวกคุณคือส่วนหนึ่งของความสุขที่ผมได้รับจากโลกอินเทอร์เนต......ขอบคุณมากครับ.....

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 19-09-2007 09:57:11
ขอบคุณครับที่มาต่อ ดีใจจัง :m3:

มีจูบแรกในผ้าห่มด้วยอ่ะ ตื่นเต้น ดีนะที่ยังไม่มีคนตื่นอ่ะ  :m18: :m18:

มาต่อเร็ว ๆ นะครับ รออยู่ :m4:อ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 19-09-2007 11:03:11
มีความสุขก็ต้องรีบตักตวง แต่อย่าให้ความสุขเราไปเป็นความทุกข์ของคนอื่นล่ะกันเนอะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 19-09-2007 11:12:48
เล่นแอบมี spoil ไว้ล่วงหน้า

เรื่องนี้สนุกมากค่ะ ดีจริงๆ นะเนี่ยที่ได้อ่านตอนยังเด็ก เลยรู้ว่าทั้งคู่ผูกพันและต้องต่อสู้กับความรักของตัวเองอย่างไรบ้าง

ชีวิตมันมีทั้งสุขและทุกข์นั่นแหละ อ่านแล้วชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 19-09-2007 16:05:36
แล้วมาต่ออีกนะ กำลังน่ารักกันเลย จูบกันแล้วก็.........................  :m4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 19-09-2007 17:06:41
วุธยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย  :m3:



หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 19-09-2007 21:01:56
 :undecided:
ช่วงที่มีความสุขต้องตักตวง

แต่ช่วงที่ทุกข์ ... ก็ควรต้องเรียนรู้และก้าวผ่านมันไป
... ด้วยใจที่จดจำว่ามันจะไม่มีอย่างนี้อีกแล้ว
ไม่อย่างนั้น ... เราก็จะไม่เคยเข้มแข็งสักครั้ง   :a1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 19-09-2007 21:24:29
 :a1: :a1: หวานกันจริงๆนะครับ  :a1: :a1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 20-09-2007 00:57:30
หวานกันจังเลยคุณเอ้กับวุธ มีจูบแรกด้วย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 20-09-2007 02:50:34
ถูกต้องที่สุดเลยครับที่ว่า..ช่วงที่มีความสุขต้องตักตวงไว้..
เพราะเราไม่รู้ว่าความทุกข์มาเยือนเราเมื่อไหร่.. :เฮ้อ:
ว่าแต่ตอนนี้ความสุขที่ตักตวงไว้มันหมดแล้วอ่ะ..
จะหาจากที่ไหนได้อีกน๊า.. :m28:อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 20-09-2007 08:52:22


......อย่าเพิ่งเลี่ยนนะครับ.....ชีวิตคนเรามีทั้งสุขและทุกข์.....ผมไม่ได้ทำบุญมาดีขนาดที่จะมีความสุขตลอดเวลาหรอกครับ.....ผมมีบทเรียนมาแล้ว....ปัจจุบันนี้เวลาผมมีความสุข ผมจะตักตวงไว้ให้มากที่สุด โดยไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนะครับ เพราะผมไม่รู้ว่าความสุขนี้มันจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ แล้วความทุกข์ที่ตามมามันจะหนักขนาดไหน......


^
^
^
เห็นด้วยอย่างยิ่งอะครับ  ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง  แต่ถ้าวันนี้มีความสุขก็ควรจะเก็บความสุขและดื่มดำกับมันให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้  :give2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 20-09-2007 08:56:30
มารอตอนต่อไป :a4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 20-09-2007 12:24:49
 :impress:

มีสปอยด้วย มานต้องเศร้าแน่ ๆ เลย

ไงก็มาต่อไว ๆ นะครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 20-09-2007 15:34:51
อิอิ  กอดกัน 2 คน ก็ อุ่นแย้ว

ทำไม คนที่ได้ชอบมีกิ๊กนะ  เจ้ไม่เข้าใจเลย  กลุ้ม :a5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 20-09-2007 16:53:13
ตอนนี้จะเป็น........อะไรอะไม่บอกหรอกไปอ่านเอง
(แต่จะเริ่มเครียดและ) :m15:

24 Suspect

.......ตั้งแต่กลับจากกาญจนบุรีทริปเถื่อนคราวนั้น วุธเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม มันมาหาผมที่บ้านทุกวัน เย็น ๆ กินข้าวเสร็จก็กลับไปช่วยที่บ้านปิดร้าน สามทุ่มกว่า ๆ โทรมาคุย บางวันไม่มีอะไรคุยก็นั่งฟังเพลงด้วยกัน คลื่นเดียวกันผ่านสายโทรศัพท์ จะเรียกว่ามันเป็นแฟน ผมก็พูดได้ไม่เต็มปาก มีความรู้สึกว่า ผมกับมันมีเส้นบาง ๆ คั่นระหว่างกัน......


........วันนึงมันบอกว่า มันมาหาผมบ่อยไม่ได้แล้ว ผมใจหายวาบ แต่ก็ต้องยิ้มแก้มตุ่ย เมื่อมันพูดต่อว่า ให้ผมไปบ้านมันแทน ไปช่วยกันเสิร์ฟ ช่วยกันจัดร้าน เนื่องจากว่า ที่บ้านมันเริ่มไม่พอใจที่มันออกมาตะลอนทุกวันไม่ช่วยงาน ผมรีบตกลง ไม่คิดค่าจ้างด้วย......ความคิดชั่วร้ายก็เข้าหัว พ่อผมไม่ยอมให้ออกไปเที่ยวทุกวันแน่ ๆ ผมเลยโกหกพ่อว่าจะไปเรียนพิเศษ พ่อให้เงินมาจำนวนนึง เป็นค่าเรียน และเงินรายวันตามปกติ ซึ่งถ้าอยู่บ้าน ผมแทบไม่ได้ใช้เงินสักบาท จะซื้ออะไรทีก็ต้องแบมือขอ......ผมออกจากบ้านทุกวันได้เงินทุกวันดีกว่า.......


..........วันแรกที่ไปบ้านมัน ผมตื่นเต้นมาก กลัวกังวลไปหมด กลัวว่าเค้าจะรู้ว่าผมไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัว กลัวว่าเค้าจะรู้ว่าผมกับวุธสนิทกันเกินไป กลัวเข้าหน้าพ่อกับแม่ไม่ได้ กลัวว่าจะทำงานได้ไม่ดี .......ฯลฯ ...... ผมนั่งหน้าเครียดตลอดทางจนไอ้วุธแหย่ให้ด่านั่นแหละ อารมณ์ค่อยเป็นปกติ.......ตอนแรกเข้าใจว่าร้านของมันคงเป็นร้านเล็ก ๆ ในครอบครัวที่ต้องให้ลูก ๆ ช่วยงาน ที่ไหนได้ พอไปถึง ผมถึงกับร้องอ๋อ ร้านนี้ตอนเด็ก ๆ พ่อกับแม่เคยพามากิน เป็นร้านขนาด 3 คูหา ถือว่าใหญ่เลยแหละในย่านนั้น ไม่ได้มีแค่อาหารตามสั่งอย่างเดียว มีอาหารสารพัดชนิด ก๋วยเตี๋ยว ขาหมู ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง มีร้านชา กาแฟ น้ำผลไม้ปั่น และขนมปังสังขยาอยู่หน้าร้าน แถมยังมีหมูสะเต๊ะที่ส่งกลิ่นและควันอยู่ที่ฟุตบาทริมถนนอีก ผมมองรอบ ๆ แล้วไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ไอ้วุธพาเข้าไปไหว้พ่อกับแม่มัน.......ผิดคาดแฮะ.....ไอ้ที่ผมกลัว ๆ ไม่มีเลย พ่อกับแม่มันชอบผมซะอีก เค้าบอกให้ไอ้วุธทำตัวเรียบร้อยอย่างผม พอเค้ารู้ว่าผมเรียนพาณิชย์กับเรียนภาษาเพิ่ม ยิ่งชมผมซะตัวแทบลอย ตามประสาคนค้าขายอ่ะครับ ที่อยากให้ลูกเรียนพาณิชย์ แต่ไอ้วุธดันไปเรียนช่าง ยังดีที่ลูกคนอื่น ๆ มาช่วยงานได้บ้าง......ตลอดช่วงเช้า ผมแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นั่งเป็นเพื่อนคุยกับแม่ของมัน ดูมันวิ่งเสิร์ฟอาหารแล้วได้แต่นั่งอมยิ้ม.....แม่เล่าประวัติของร้าน การสู้ชีวิต การเลี้ยงดูลูก ๆ ทุกคนจนจบปริญญา ไอ้วุธนี่เป็นลูกคนสุดท้อง ถูกตามใจมาก พอเกิดมาก็มีกินแล้ว ไม่ค่อยลำบากอย่างพี่ ๆ มันถึงได้เรียนช่างสมใจอยาก......ทุกร้านที่แยกออกมาพ่อแม่และพวกพี่ ๆ ของมันเป็นคนดูแล ตอนนี้อยู่ตัวแล้วไม่ต้องลงมือทำเอง ได้แต่คอยเก็บเงิน ซื้อของเข้าร้าน เตรียมของนิด ๆ หน่อย ๆ ข้างบนร้านเป็นที่พักคนงานและพี่ชายและพี่สะใภ้ ส่วนคนอื่นอยู่บ้านในซอยที่ถัดออกไป.......รายได้เค้ายังมีค่าเช่าห้องที่แบ่งไว้บนชั้น 3-4 อีกหลายห้อง.......แม่มันยังมีอาชีพเสริมปล่อยกู้ด้วยนะครับ แต่ตอนนี้คงเลิกไปแล้วมั้ง.......


“.....เฮ้ย....เอ้....มาได้ไงเนี่ย.....” อีพี่มิ้นท์เดินเข้าร้านมาซื้อของกินเวลาเดิม คือตอนที่ร้านจะปิด ซึ่งไอ้วุธมักจะอยู่ทุกวัน

“.....มาช่วยวุธมัน.....” ผมพยายามเก็กแมนให้มากกว่าอีพี่มิ้นท์

“.....แหม....ห่างกันไม่ได้เลยนะ.....” ดูปากมันดิ ทุกคนเริ่มหันมามอง

“.....กินอะไรพี่.....” ไอ้วุธีบตัดบท

“.....เหมือนเดิม.....แบบว่าเป็นคนชอบอะไร ชอบใครแล้วชอบจริงอ่ะ ไม่เปลี่ยนใจง่าย ๆ ......” เท่าที่ฟังดู คงเป็นแค่หมาหยอกไก่ ไอ้วุธได้แต่ยิ้มแหย ๆ

“......ไปเที่ยวบ้านพี่มั๊ย.....” พี่มิ้นท์ถามผมหลังจากที่ของที่สั่งเสร็จเรียบร้อย ผมหันไปมองไอ้วุธนิดนึง

“.....อย่าเลยพี่.....เดี๋ยวผมต้องให้เอ้สอนภาษาอีก.....” มันปฏิเสธแทนผม

“.....ไม่เป็นไร....วันหลังก็ได้.....มาทุกวันปะ....” ผมหันไปมองไอ้วุธอีก

“.......ก็จนกว่าโรงเรียนเปิดมั้ง.....” มันตอบให้

“.....โอเค...งั้นวันหลังเจอกัน....” อีพี่มิ้นท์หันหลังเดินไปปุ๊บ ผมกับวุธมองหน้ากันแล้วขำกับท่าทางแมน ๆ ของหล่อน “.....วุธ.....เกือบลืมบอกแล้วมั๊ยล่ะ......” พี่มิ้นท์เดินกลับเข้ามาใหม่

“....อะไรครับพี่.....” มันถามยิ้ม ๆ

“.....ออยฝากเบอร์โทรศัพท์มาให้.....” อีพี่มิ้นท์ยื่นกระดาษโน้ตเล็ก ๆ ลายน่ารักให้ ไอ้วุธหุบยิ้ม แล้วมองหน้าผมแบบลังเล ผมทำเป็นไม่สนใจ ไอ้วุธจึงรับมากำไว้ในมือ

“....พี่....แล้วออยเอาเบอร์ฝากมาให้ได้ไงอ่ะ....” ต่อมเสือกทำงาน

“.....เค้าฝากเพื่อนของเพื่อนมา.....อีนี่ก็แรงจริง ๆ .....ถ้าอยากเป็นผัวคนที่ร้อยกว่า ๆ ของออยก็โทรไปนะ.....” แหม อีพี่มิ้นท์นี่น่ารักจริง ๆ ตอนแรกนึกว่าจะเป็นแม่สื่อให้ซะอีก

*
*
*

.........ผมเข้าไปลาพ่อกับแม่วุธที่บ้านข้างในซอย.....วุธบอกว่าผมจะมาช่วยงานทุกวัน และจะติวภาษาให้ด้วย ทุกคนดีกับผมมาก จนผมอดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าเราจะเป็นสะใภ้บ้านนี้แน่ ๆ ......และสิ่งที่ทำให้ผมสบายใจที่สุดน่ะเหรอ ผมเห็นไอ้วุธขยำเบอร์โทรศัพท์ของออยลงถังขยะไปแล้วอ่ะดิ.......กลับบ้านได้สบายตัว ไร้กังวล......

*
*
*

........ช่วงเทศกาลสงกรานต์.....ร้านไอ้วุธหยุดตั้งแต่วันที่ 11 ยาวไปถึง 16 ให้คนงานได้กลับบ้านกัน พวกผมมีนัดไปเล่นน้ำในวันที่ 13 โดยเอารถไอ้วุธไป จริง ๆ แล้วจะไปตั้งแต่วันที่ 12 แต่ไอ้วุธบอกว่าไม่ว่าง......ผมไม่สงสัยอะไรหรอกครับว่ามันจะไปไหน ทำอะไร........ผมไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของมัน ไม่เคยเซ้าซี้ อยากไปไหนก็ไป ไม่บอกก็ได้ แต่ถ้าจะบอกต้องพูดความจริงอย่าโกหก นิสัยอย่างนี้มั้ง ที่ทำให้ผมกับวุธคบกันได้นาน.......


........บ่าย ๆ ของวันที่ 12 ครอบครัวผมไปซื้อของที่ห้าง เป็นของฝากน่ะ พ่อกับแม่มีโปรแกรมจะไปเยี่ยมญาติ ๆ และจะฝากพวกเค้าช่วยดูแลพวกผมทางนี้ด้วย เพราะพ่อกับแม่กำลังจะทำเรื่องลาออก และเริ่มทำธุรกิจส่วนตัวที่ภาคเหนือ โดยที่พ่อจะไปบุกเบิกก่อน พอเข้าที่เข้าทางแม่ค่อยตามไป กว่าจะถึงตอนนั้น ผมก็เข้ามหาวิทยาลัยพอดี......ขณะที่รถจอดติดไฟแดงอยู่ ผมเพิ่งสังเกตเห็นรถคันข้างหน้า มันคุ้นตาผมอีกแล้ว มองป้ายทะเบียน....ใช่เลย รถไอ้วุธ ตอนนี้มันเอามาใช้ทุกวันเหมือนรถตัวเองแล้ว เพราะหลวงพี่ของมันท่าทางจะไม่ยอมสึกอีกนาน ผมสงสัยว่ามันเอาถังน้ำใบใหญ่ใส่ไว้บนกระบะทำไม มันจะไปเล่นน้ำที่ไหน หรือว่าเตรียมไว้พรุ่งนี้........ ผมนั่งอยู่เบาะหลัง ชะเง้อจนพ่อรำคาญ.....

“.....นั่งดี ๆ หน่อยได้มั๊ย....” พ่อหันมาดุ ผมไม่สนใจ

“......พ่อ.....เปิดไฟกระพริบเรียกคันหน้าหน่อยดิ.....” พ่องง ไม่ยอมทำ ผมต้องเอื้อมมือยาว ๆ ไปกระพริบไฟเอง ไม่มีทีท่าจากรถคันข้างหน้า ผมก็กดแตรเรียกซะเลย แต่ไม่แรงมากนะครับ

“.....ใครน่ะ.....คนรู้จักหรือเปล่า.....ไม่ดีนะลูก” แม่ถาม พ่อกับแม่ผมจำรถไอ้วุธไม่ได้หรอกครับ ถึงมันจะมาบ้านผมบ่อยก็เถอะ เวลามามันจะจอดไว้ข้างรั้วมากกว่า เพราะเสียงท่อมันดัง ตอนถอยเข้าบ้านต้องเร่งเครื่องอ่ะครับ

“.....เพื่อนครับ....พ่อไฟเขียวแล้ว แซงโลด.....” ไม่มีใครใช้รถคันนี้ นอกจากมันแน่ ในใจแค่อยากจะทักทายเฉย ๆ แต่ที่ไหนได้ พอไฟเขียวปุ๊บ มันก็กระชากตัวออกไปเลย ขับปาดซ้ายขวาจนน่าหวาดเสียว พ่อไม่บ้าจี้ตามผม แถมยังด่าให้อีก

“......ทำไมขับรถอย่างนี้ล่ะ.....อันตราย....เอ้จำไว้เลยนะ ห้ามขับรถอย่างนี้เด็ดขาด ถ้าพ่อเห็นหรือมีคนมาฟ้อง พ่อจะไม่ให้ขับรถอีกเลย....” ดุผมเสร็จยังไปพาลน้อง ๆ ทั้งสองคนด้วย เรื่องที่พวกมันชอบขี่มอไซค์กันแบบคึกคะนอง

*
*
*

......เดี๋ยวคืนนี้ก่อนเถอะจะถามให้ได้ว่าใช่มันหรือเปล่า ดูสิมันจะตอบยังไง แต่คิดไปคิดมา มันไม่โทรมาหาเราตั้งหลายวันแล้วนี่หว่า ไอ้ผมก็เหนื่อยจากการตะลอนไปช่วยงานมันทั้งวัน กลับบ้านก็แทบสลบ เค้าไม่ได้ใช้งานหนักขนาดนั้นหรอกนะครับ แต่ผมเต็มใจช่วยเค้าเองมากกว่า.....ผมนี่แหละเป็นคนบอกไม่ให้มันโทรมาเอง เพราะเจอกันทั้งวันแล้ว ขอเวลาส่วนตัวพักผ่อนมั่งละกัน.......ไม่เป็นไร.....คืนนี้เราโทรไปเองก็ได้ กะจะ confirm นัดไปเล่นน้ำในวันรุ่งขึ้น แต่ที่จริงแล้วนัดกันเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อ 2 วันก่อน .....โทรไม่ติดครับ.....สายไม่ว่าง.....ดึก ๆ ค่อยโทรใหม่ โทรศัพท์อยู่ในห้องมันคนเดียว อีกเครื่องอยู่ข้างล่าง ไม่รบกวนใครแน่ ....5 ทุ่มโทรอีกที สายไม่ว่าง อะไร...ยังไง หรือมันวางสายไม่สนิทวะ........ไม่โทรแล้ว นอนดีกว่า.......


........ไม่ได้อยากจะเล่นน้ำหรอกครับ แต่พก Sun Block ติดกระเป๋าไว้ เตรียมเสื้อผ้าไปเปลี่ยนด้วยเผื่อคึก.........เรานัดกันที่บ้านไอ้ตั้ม ผมขอยืมรถแม่ออกมาเพราะไม่อยากเปียกระหว่างทาง และไม่ให้ไอ้วุธมารับ กลัวเพื่อน ๆ จะรู้ว่ไอ้วุธไปบ้านผมอีก กลัวมันน้อยใจอ่ะครับ ถึงขนาดนี้พวกมันยังไม่ได้ไปบ้านผมซักที.......พวกเรารวมตัวกันครบ กำลังเม้าธ์กันอย่างเมามัน ก็ไม่ได้เจอกันมานานนี่นา.....สักพัก ไอ้วุธก็มาถึง พร้อมถังใส่น้ำใบเดิมเลย พวกเราเฮกันขึ้นรถ ทั้ง ๆ ที่มันยังจอดไปเข้าที่.....ผมขึ้นไปนั่งหน้า กะว่าตอนเย็น ๆ แดดร่มก่อนค่อยไปเล่นกระบะข้างหลัง.....ปิดประตูปุ๊บ ยังไม่ทันจะพูดอะไร ไอ้วุธก็รีบดักคอผมไว้ก่อน


“......เมื่อวานเห็นเหมือนรถพ่อเอ้แวบ ๆ” ผมมองหน้ามัน มันกลับทำเป็นสนใจกับถนนข้างหน้า

“......ไม่เหมือนหรอก....ใช่เลย.....ไปไหนมา.....” อยากจะตบปากตัวเองจัง ไม่ชอบให้คนมาถามอย่างนี้ แต่เราดันกลับถามซะเอง มันยิ้มนิด ๆ

“.....ไปธุระ....ด่วน....” คำว่าไปธุระ หมายความว่าไม่อยากให้รู้ว่าไปไหน โอเค ได้ ไม่ว่ากัน (อย่าให้ถึงทีกูมั่งนะ) ผมคิดในใจ เราสองคนนั่งกันเงียบ เงียบจนได้ยินเสียงพวกข้างหลังกรี๊ดกร๊าด เล่นน้ำสาดกันเอง......ผมเปิดวิทยุฟัง กำลังกดหาสถานี ก็มีเสียงดัง ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ ดังมาจากที่เก็บเทปข้างตัวผม......ไอ้วุธลนลานหาใหญ่เลย พอมันหยิบได้ ผมถึงเห็นว่ามันเป็นเพจอันใหญ่ ๆ รุ่นแรก ๆ เลยอ่ะครับ

“.....เพจใครอ่ะ.....” เป็นใครก็ต้องอยากรู้เนอะ

“.....ของเพื่อน.....ลืมไว้......” เพื่อนคนไหนวะ ผมได้แต่คิดไม่กล้าถาม มันดูหน้าจอแวบนึงแล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ มันใส่เสื้อเชิ้ตไว้ข้างนอกอ่ะครับ ตุงเชียว วางไว้ก็ได้กูกดดูไม่เป็นหรอก ผมสงสัยพฤติกรรมของมัน อีกสักพัก เอาอีกแล้ว.......ดังอีก......คราวนี้มันอ่านไปยิ้มไป ผมยิ่งสงสัย แต่หน้าผมนิ่งมาก......

*
*
*

.........เราไปกันจนถึงซอยที่เล่นน้ำมากที่สุดแห่งนึง ไม่ไกลจากบ้านมากนัก แต่เป็นที่เลื่องลือว่าสนุกมาก ซอยนี้ทะลุได้หลายซอย เป็นทางลัด และจะเล่นน้ำกันตลอดทั้งสาย ตอนแรกที่คุยโทรศัพท์กันตั้งใจว่าจะไม่เล่น ทั้งสองคนแหละ แต่พอไปเห็นบรรยากาศคึกคัก ไอ้วุธชักเริ่มกระสับกระส่าย อยากลงไปเล่นบ้างแล้ว

“.....เอ้.....อยากเล่นน้ำอ่ะ.....” มันพูดเสียงอ่อย หลังจากที่บ่นพึมพำเป็นระยะ

“....แล้วใครจะขับรถล่ะ...” ผมถาม มันมองหน้าผมด้วยสายตาที่บอกว่า......มึงนั่นแหละ

“......เอ้ขับได้ไม่ใช่เหรอ.....” มันอ้อน

“.....ไม่เคยขับรถกระบะ......” มันเงียบสักพัก

“.....ก็ลองดูดิ.....ไม่ยากหรอก......รถติด ๆ แบบนี้ แทบไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์....” ไอ้วุธโน้มน้าว เห็นหน้ามันแล้วสงสาร

“.....เออ....ได้ลงไปดิ.....” มันยิ้มแฉ่ง รีบถอดเสื้อตัวนอกออก ข้างในมันมีเสื้อยืดสีขาวบาง ๆ กางเกงก็เป็นกางเกงขาสั้นอยู่แล้ว


........ทันทีที่มันลงจากรถก็โดนประเดิมด้วยเพื่อน ๆ มันนี่แหละครับที่ทั้งสาดน้ำ ทั้งละเลงหน้ามันด้วยแป้งดินสอพอง........ผมขยับมานั่งที่คนขับ....ตื่นเต้นนิด ๆ ไม่คุ้นเคยกับรถกระบะซะด้วย.....รถเริ่มเคลื่อน ผมกดเท้าที่แป้นคลัช เคยแต่เลี้ยงคลัชตอนขับรถแม่ แต่นี้ครั้งแรก รถดับเลยครับ......เสียงอีพวกข้างหลังมันโห่ดังลอดเข้ามาข้างใน ผมอายคนแถวนั้นอย่างแรง สตาร์ทเครื่องใหม่ ใจเย็น ๆ ในที่สุดผมก็เริ่มชินกับไอ้คลัชแข็ง ๆ เหยียบเกร็งจนแทบจะเป็นตะคริว....มองกระจกหลังเห็นไอ้พวกนั้นเล่นน้ำกันสนุกสนาน.....ผมนึกได้ว่าเสื้อไอ้วุธอยู่กับผม แถมเพจอันนั้นก็อยู่ในกระเป๋าเสื้อเหมือนเดิม.....ผมค่อย ๆ ล้วงไปจนเจอ เอาออกมาพิจารณา ใหม่เอี่ยม แบบเพิ่งแกะกล่อง มี 5-6 ปุ่ม กดไม่เป็น ไม่งั้นคงได้รู้แล้วว่าใครส่งอะไรมาทำไมไอ้วุธมันถึงอ่านข้อความของเพื่อนได้ ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่เจ้าของ ถ้าเป็นเราคงไม่กล้าเปิดอ่านหรอก.....ผมพลิกไปพลิกมาอยู่ในมือ ไม่เห็นว่าได้ประโยชน์อะไรก็เก็บไว้อย่างเดิม....แต่สักพัก ไอ้วุธมันเคาะกระจกฝั่งคนนั่งทำท่าให้ผมเปิดประตูที่ล็อคอยู่ให้มัน.....ผมก็เปิด มันก้มตัวลงเอื้อมมือไปหยิบถุงพลาสติกแบบใส่แกงที่ลิ้นชักคอนโซลหน้า พร้อมหนังยาง ไม่กล้าเข้ามาทั้งตัวกลัวเบาะเปียก......แล้วมันทำอะไรต่อรู้มั๊ยครับ.....มันหยิบเพจเครื่องนั้นขึ้นมา เอาใส่ถุงผูกหนังยางกันน้ำ แล้วใส่กระเป๋ากางเกงเฉยเลย ผมมองอ้าปากค้าง ถามไม่ทันว่าทำไมต้องเอาออกไปข้างนอกด้วย แต่มันดันปิดประตูออกไปเล่นน้ำต่อซะก่อน.......

*
*
********************************************

.........อย่าว่าผมโง่เลยนะ......สมัยนั้น หนังสือนิยายก็ไม่ค่อยได้อ่าน หนังละครน้ำเน่าก็ไม่ได้ดู มัวแต่คุยโทรศัพท์ วัน ๆ ก็แรดไปโน่นไปนี่ ไม่ได้ระแวงอะไรเลย แต่ด้วยสัญชาตญาณ ผมรู้ว่ามีบางสิ่งไม่ชอบมาพากลซะแล้ว.......เห็นหน้ามันกำลังหัวเราะเล่นหัวกับเพื่อนอยู่แล้ว อดนึกไม่ได้ว่าถ้ามันทำผิดกับผมอีกครั้ง ผมจะยอมยกโทษให้มันมั๊ย......แต่อย่างที่เคยบอกอ่ะนะครับ...ผมเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีไว้ก่อน เรื่องนี้อาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้.......แต่ถ้ามีผมจะรับมือได้หรือไม่ ตอนหน้ามาเล่าต่อ


ขอบคุณทุกรีพายนะครับ
และขอบคุณพี่เอ้คนสวยด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 20-09-2007 18:17:23
ทำไมวุธทำแบบนี้   :o12:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: สาวเครือฟ้า ที่ 20-09-2007 18:45:02
อ่านกี่รอบยังสนุกเหมือนเดิมครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 20-09-2007 22:37:32
วุธทำไมทำแบบนี้อ่ะ

นึกถึงสมัยเพทกำลังฮิตๆจังแฮะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 21-09-2007 02:34:57
ชักจะได้กลิ่นไม่ค่อยดีเลยเนอะ.. o12
อยากรู้จริงว่า..จะจับได้ยังไง.. :m28:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 21-09-2007 08:34:51
อย่าให้มีไรร้ายๆ เลยอะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 21-09-2007 09:31:06
 :impress:

ชีวิตมันคงต้องมีอุปสรรคบ้างนะ

แต่สุดท้ายยังไงก็ขอให้ลงเอยกันอย่างมีความสุขและกัน

รออ่านต่อไปน๊า............

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 21-09-2007 10:44:16
วุธนี่ชักจะยังไงซะแล้ว อย่าให้เสียแรงที่อุตสาห์เชียร์เลยน้า เฮ้อ กลัวจัง
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 21-09-2007 11:28:55
 o12 o12 วุธทำงี้ได้ไง ต้องเป็นเพจที่นังผู้หญิงนั่นซื้อให้แน่เลย
วุธนะวุธ เราอุตสาลุ้นมาตั้งนาน

ถ้าวุธนอกใจนะเลิกครับเลิกสถานเดียว o12  o12
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ~ScAreD:SAcreD~ ที่ 21-09-2007 11:59:26
กว่าจะตามอ่านทัน หายไปนาน .......

พอทันก็  :a6:  :a6:  :a6: แล้วก็  :sad2:  :sad2:

วุธนะ วุธ ทำงี้ได้ไง
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: verayuth ที่ 21-09-2007 15:40:42
ต่อด่วนนน ลุ้นนนนนนน   :a13:  :a2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 21-09-2007 20:30:21
25 Can you handle this? (Part I)

........สงกรานต์ปีนั้นผมไม่ได้โดนน้ำซักหยด.....จริง ๆ แล้วเพื่อนผมก็ชวนเล่น แต่ผมไม่มีอารมณ์เล่นเองต่างหาก....ยอมเป็นสารถีขับรถจนปวดขาไปหมด ได้แต่นั่งมองไอ้วุธเล่นน้ำผ่านกระจกหลัง......เห็นมันยิ้ม หัวเราะ ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรปิดบัง......แต่ผมเชื่อลางสังหรณ์ของตัวเองมากกว่า.....ผมว่าเป็นกันทุกคนด้วย เรื่องระแคะระคาย และพฤติกรรมแปลก ๆ ของคนที่เราสนใจ.......ระหว่างทางที่พวกเราขับรถวนเล่นน้ำ.....ไอ้วุธมักจะลงจากรถตอนรถติดไปปะแป้งผู้หญิงที่เดินแถวนั้น หรือบนรถคันที่จอดข้าง ๆ เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าด จากฝ่ายผมและฝ่ายที่โดนไอ้วุธปะแป้ง สูง ขาว ใส่เสื้อบาง ๆ เปียกแนบไปทั้งตัว ที่เห็นแล้วขัดตาก็ไอ้เพจที่มันตุง ๆ อยู่ในกระเป๋ากางเกงเนี่ย มันทำให้อะไรที่ควรจะเห็นชัด ๆ กลับไม่เห็นซะ......


.........กว่าจะเลิกเล่นก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม ไอ้วุธก็ยังยืนกับเพื่อนบนกระบะหลัง ปล่อยให้ผมขับรถคนเดียว มันบอกว่าผมขับได้แล้ว อีกอย่างตัวมันเปียก ไม่อยากเข้าไปในตัวรถ ผมก็ต้องยอมตามใจอย่างเสียไม่ได้ เพราะจำนนในเหตุผล......มีอยู่ช่วงหนึ่งที่รถกำลังติดไปแดงระหว่างทางจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำกันที่บ้านไอ้ตั้ม.....ผมมองมันผ่านกระจกหลังตามปกติ แต่ผมก็ต้องหันหลังมองให้เห็นชัด ๆ ว่ามันหยิบเพจเครื่องนั้นออกมาจากกระเป๋า แสงสีเขียว ๆ จากหน้าจอ และไฟจากรถคันอื่นสว่างพอที่ทำให้ผมเห็นสีหน้ามันตอนอ่านข้อความบนนั้นได้ชัด ๆ มันอมยิ้ม และถ้าผมเดาไม่ผิด อีอ๋าปากไวเพื่อนผมคงแซวอะไรมันซักอย่าง......มันถึงกับอายจนทำอะไรไม่ถูก......ไฟเขียวแบบไม่รู้ตัวเลยครับ.....รถคันหลังบีบแตรไล่.....ผมออกตัวกระชากด้วยความลืมตัว ดีนะว่าพวกมันมีถังน้ำให้เกาะกัน ไม่งั้นคงมีใครซักคนกระเด็นตกลงไปแล้ว......ไอ้ยินเสียงเพื่อน ๆ ตะโกนด่า สติผมถึงได้กลับคืนมา.....รู้สึกผิดขึ้นมาทันที ถ้ามีใครต้องได้รับบาดเจ็บเพราะผม.......ผมคงต้องเสียใจไปตลอดแน่ ๆ .......


*
*
*


อย่า.......เธออย่าปิดบังฉัน
เพราะว่ามันอาจทำให้ฉันเข้าใจเธอผิด
อย่าให้ความรักนั้นกระทบกระเทือน
ย้ำเตือนให้คิด
ปิดบังเท่าไร ยิ่งทรมานหัวใจ

เหตุ......คงเกิดจากวันนั้น
เขาเข้ามาเกี่ยวพันเธอนั้นก็มีเยื่อใย
ตั้งแต่วันนั้นฉันก็รู้ตัวดี เห็นเธอเปลี่ยนไป
สบตาครั้งใด ยิ่งดูเหมือนคนห่างไกล

แก้วที่มันร้าว ไม่นานก็คงจะแตก
ใจที่มันร้าว ไม่นานก็คงจะแหลก
แตกสลาย ไม่มีวันเหมือนเดิม

อยู่.....มีแต่ความเจ็บช้ำ
ทุกถ้อยคำพูดจาตอกย้ำซ้ำเติมที่เก่า
บาดให้รอยร้าวลึกลงลึกลงไป
เหลือเพียงแต่เรา
สิ่งเดียวรับเอา คือรอยร้าวในหัวใจ

อยู่อย่างตายทั้งเป็น
มันคงจบเกมในไม่ช้า.....คงจบลง


..........เอาอีกแล้ว......ไม่เข้าใจตัวเองทำไมเวลาอยู่คนเดียวแล้วเป็นอย่างนี้......ไม่เข้าใจว่าทำไมเปิดเพลงฟัง จะต้องมีเพลงที่โดนอย่างจัง.....ฟังแค่ประโยคแรกน้ำตาเล็ด ซักพักทะลักจนต้องควานหากระดาษทิชชู่ในรถมันมาเช็ดน้ำตา.......อยากจะเปลี่ยนคลื่นหนี ใจมันก็ไม่ยอมให้เปลี่ยน ดีนะว่าผมขับช้า ๆ อยู่เลนซ้ายตลอด ไอ้พวกนั้นมันเคาะกระจกบอกให้ผมขับช้า ๆ เพราะมันหนาว.......ในที่สุดก็ถึงบ้านไอ้ตั้ม เจ้าของบ้านกับอีตาลที่ใส่ชุดคลุมท้องเดินออกมาเปิดประตูรับพวกผม.......เป็นเพื่อนที่แสนดีจริง ๆ ที่เตรียมของกินไว้เรียบร้อย......พวกผู้หญิงทยอยเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไอ้พวกผู้ชายก็ลากสายยางมายืนอาบกันหน้าบ้านนั่นแหละ......ไอ้วุธดูมีความสุขมากกว่าคนอื่นเลยครับ.....ถอดเสื้อเล่นน้ำต่อด้วยซ้ำ........


“......กินข้าวดิ.....” อีตาลเรียกผมที่นั่งเหม่ออยู่หน้าบ้านรอพวกมันกินข้าวพร้อมกัน

“......เออ....เดี๋ยวตามไป.....” ผมตอบเซ็ง ๆ

“.....เป็นอะไรมึง.....ไม่สนุกเหรอ.......ไม่ต้องมาตอแหลเลย.....มีอะไรเล่าด่วน......” มันดักคอผม

“.....อีนี่.....ไม่มีอะไรซักหน่อย.....กูหิวเฉย ๆ ขับรถเหนื่อยจะตาย.....” ผมหาข้ออ้าง อีตาลไม่เชื่อหรอก ผมรู้ แต่มันรู้นิสัยผมว่าผมไม่พูดเรื่องที่ไม่อยากพูดง่าย ๆ

“......ไปแดกก่อนก็ได้นะโว้ย.....อีพวกนั้นคงใกล้จะเสร็จแล้ว.....”

“......มึงจะคลอดเมื่อไหร่วะ.....” ผมเปลี่ยนเรื่อง

“.....ไม่น่าจะเกินปลายเดือนนะ.....” มันเอามือลูบท้องโต ๆ ด้วยความทะนุถนอม

“......มึงก็สบายไปเลยเนอะ....ไม่ต้องฝึกงาน แถมได้เกรดอีก.....ถ้ากูฝึกงานแล้วกูก็ไม่รู้จะมีเวลามาดูหลานหรือเปล่า.....” อีตาลเอาชื่อไปทำที่บริษัทของเพื่อนแม่มัน บอกถึงปัญหาของมันที่ต้องเลี้ยงลูกอ่อน เค้าก็ยอมให้อีตาลไปฝึกงาน แค่ชื่อ แต่ตัวไม่ต้องไป

“.......แล้วมึงไปทำงานคนเดียวได้หรือเปล่าวะ….” อีตาลถามด้วยเสียงเป็นห่วง

“.....สบายมาก....” ผมตอบยิ้ม ๆ แต่ที่จริงแล้วผมกังวลอยู่เหมือนกัน


*
*
*


“.....เสร็จแล้ว.....อีดอก....ไปแดกข้าวเร็ว.....มานั่งอ่อยใครแถวนี้ยะ......” เสียงอีอ๋ามาก่อนตัว

“......อีเหี้ย.....อยู่ในรั้วบ้านอย่างนี้จะให้อ่อยใคร.....ไอ้วุธมั้ง.....” ผมเห็นไอ้วุธเดินมาพอดีก็เลยแกล้งพูดเล่น ๆ

“.....อีเอ้....อีเสร่อ....ตกข่าวอีกแล้ว......” อีอ๋ามันชอบว่าคนที่รู้ทีหลังสุดว่าเสร่อ ก็ใครจะเสือกได้ทุกเรื่องอย่างมันล่ะ ผมคิดในใจ

“......ข่าวอะไรของมึง.....” ผมขำกับท่าทางอยากเล่าของมัน

“......ไอ้วุธมันมีแฟนแล้ว.....” ไอ้วุธเดินมาหยุดข้างหลังอีอ๋าโดยที่มันไม่รู้ตัว ยังเพล่มต่อ “......ก็อีออยที่เจอบนแพนั่นไง.....ไอ้วุธมันไม่รู้หรือไงวะว่าอีนี่มันร้อยK.....เห็นผู้ชายหน้าตาดี ๆ ไม่ได้.......ถ้าไอ้วุธเอาอีนี่นะ......กูว่าให้มันเปิดซิงมึงซะยังจะดีกว่า.......” อีอ๋าชะงักเมื่อได้ยินเสียงกระแอมข้างหลัง ผมนั่งหน้าเฉยอยู่ข้าง ๆ อีตาล......อีอ๋าไม่สะท้าน เพราะมันสนิทกับไอ้วุธถึงขนาดด่าพ่อล่อแม่กันได้

“......ผู้หญิงกับผู้ชายมันเป็นเรื่องธรรมชาติโว้ย.....” ไอ้วุธพูดกับอ๋า ผมฝืนยิ้มเล่นมุขไปด้วย

“......ช่าย.....ไอ้วุธมันไม่เอากูหรอก.......เนอะ......” ผมหันไปพยักเพยิดกับมัน

“......แหม.....ได้ข่าวว่าไปไหว้พ่อแม่กัน.......เปิดตัวเป็นเรื่องเป็นราว.....” อีอ๋ากัด

“......ไม่ใช่......” “.....เปล่านะโว้ย.....” ผมกับไอ้วุธปฏิเสธพร้อมกัน

“......แล้วไป.....งั้นเรื่องอีออยไฮโซนั่นล่ะ.....” อีอ๋าได้ทีเสือกต่อ ผมกลั้นใจฟังคำตอบ ไอ้วุธมองหน้าผมนิดนึง

“......ไม่มีอะไรซักหน่อย......แค่คนรู้จักกัน.....”

“.....คนรู้จัก....ทำไมต้องส่งเพจหวาน ๆ มา แล้วมึงก็อายซะขนาดนั้นวะ....” ไอ้แม็คพูด มันเดินออกมาตามอีอ๋าไปกินข้าวได้ยินพอดี

“......ลงทุนซื้อเพจใหม่...ไม่บอกใคร......” อีอ๋ากัดต่อ ผมนั่งหน้าชา ขอบตาร้อนผ่าว ไอ้วุธเงียบไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

“......ไปกินข้าวกันเถอะ.....” ผมลุกพรวดเดินนำเข้าบ้าน อีพวกนั้นตั้งวงกินกันไปบ้างแล้ว


*
*
*

........กินไม่ลงจริง ๆ ครับ ผมตักข้าวแจกคนอื่น ระหว่างนั้นก็หาข้ออ้างกลับบ้าน นึกออกแล้ว....ผมขอไอ้ตั้มโทรกลับบ้าน ผมแกล้งกด ๆ ไปงั้นแหละ พูดเองเออเอง

“......ฮัลโหล.....แม่.....เอ้กลับช้าหน่อยนะครับ.....ขอกินข้าวกับเพื่อนก่อนหิว......โห.....รู้แล้ว......แป๊บเดียวเอง......นะ....แม่.....นะ...................................โอเค.....กลับก็ได้......” ผมพูดเสียงค่อนข้างดัง ไอ้พวกนั้นฟังผมอยู่แน่ ๆ มันรู้ว่าที่บ้านผมเข้มงวดมากในเรื่องเที่ยว เรื่องเรียน พวกมันเคยโดนพ่อผมด่าตอนที่ผมให้ลองโทรเข้าบ้านชวนผมไปเที่ยวกลางคืน แม้จะอ้างว่าไปกินข้าวก็เถอะ พ่อบอกว่าข้าวบ้านก็มีกิน ทำไมต้องไปกินข้างนอก ฯลฯ เทศน์อีกชุดใหญ่ พวกนั้นมันเลยเข็ดไม่กล้าโทรเข้าบ้านผมอยู่พักนึง

“.....เฮ้ย.....กูต้องกลับบ้านเลยว่ะ.....” ผมตีหน้าเศร้า.....เศร้าจริง ๆ น่ะแหละ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกลับบ้านก่อน

“.......เออ....กลับบ้านดี ๆ นะ.....” อีแจนรู้ว่ารั้งไม่อยู่แน่ ๆ ผมโบกมือลาเพื่อน ๆ

*
*
*

.......เดินออกมาจนจะถึงรถแล้ว......นึกได้ว่าลืมกระเป๋าไว้ในรถไอ้วุธ.....เดินกลับเข้าไปข้างในอีกครั้ง ได้ยินพวกมันกำลังคุยกันอยู่ ผมขยับเข้าไปใกล้ประตูมองผ่านช่องเล็ก ๆ เห็นหน้าทุกคนชัดเจน.......ผมยืนฟังเงียบ ๆ จับใจความได้ว่า ไอ้วุธเคลียร์เรื่องผมกับมัน ในเรื่องที่เพื่อน ๆ ตั้งข้อสงสัยว่าไอ้วุธชอบผู้ชายด้วยกันหรือเปล่า....

“......พวกมึงเลิกแซวกูเรื่องเอ้ได้มั๊ย......กูอายนะโว้ย......”

“.....กูแค่แซวเล่น ๆ ถ้ามึงไม่ได้คิดอะไรก็เฉย ๆ ไว้ดิ......” ไอ้นพพูด

“.....ไม่แน่นะโว้ย.....เมื่อก่อนคุยกันทุกคืน....กูคิดว่ามึงหลงชอบตุ๊ดเข้าจริง ๆ ซะแล้ว.........เดี๋ยวนี้ยังโทรคุยกันอยู่หรือเปล่าวะ......” ไอ้แม็คแซวไม่เลิก

“......ไอ้สัตว์.....คุยเหี้ยอะไรล่ะ.....กูคุยกับออยทุกคืน......” ไอ้วุธพูดยิ้ม ๆ

“......ไอ้วุธ.....มึงจะเอาอีนั้นจริง ๆ เหรอ.....” อีอ๋าถาม

“......เป็นใครก็เอา.....ใช่ปะวะ.....” มันหันไปถามเพื่อน ๆ มัน ไอ้พวกนั้นพยักหน้ากันหงึก ๆ พวกผู้หญิงมองค้อน

“......ถามจริง.....มึงได้กันยังวะ.....” อั้มถามกลางวง

“......เกือบอยู่เหมือนกัน.....เมื่อวานนี้แม่งยั่วกูทั้งวันเลย......” ไอ้วุธเล่าขำ ๆ

“......แล้วทำไมไม่เอาล่ะ.....” ไอ้นพสงสัย……ไม่มีคำตอบจากปากมัน

“.....เอาไม่เป็นอ่ะดิ.....” อีนัทกัดบ้าง

“.....โห....ดูถูกว่ะ.....อีกไม่นานหรอก......” ผมทนฟังต่อไม่ได้แล้ว เดินเข้าไปหาไอ้วุธพยายามทำหน้าเฉยเหมือนไม่รู้ไม่ได้ยินบทสนทนาเมื่อสักครู่

“...วุธ....เปิดรถให้หน่อย......ลืมกระเป๋า.....” พยายามแล้วนะครับ หน้าได้ แต่เสียงไม่ได้ มันแข็งกระด้างจนเพื่อน ๆ ทุกคนมองผมอย่างสงสัยว่าผมจะได้ยินที่พวกมันคุยกันหรือเปล่า.....มันมองผมอึ้ง ๆ แล้วลุกไปหยิบกุญแจเดินไปเปิดรถให้.....ผมไม่พูดกับมันซักคำ ที่จริงแล้วตั้งแต่กลับถึงบ้านไอ้ตั้ม ผมกับมันก็ยังไม่ได้คุยกันเลย.....ผมก้มลงไปหยิบกระเป๋าเสร็จก็เดินคอแข็งไปที่รถแม่ผมที่จอดไว้ใกล้ ๆ กัน.......ผมสตาร์ทเครื่องมองกระจกเห็นมันยังยืนอยู่ที่เดิม......ผมแน่ใจในนาทีนั้นเลยครับว่าผมกับมันไม่เป็นเหมือนเดิมแน่........
*
*
*

........ความรู้สึกตอนนั้นมันชาไปหมด......ไม่มีน้ำตาซักหยด......มันเจ็บจนจุก.....ปลอบตัวเองว่ามันไม่ได้เป็นเกย์.....มันไม่ได้ชอบผู้ชาย.......มันแค่สับสนชั่วคราว......มันคงสนุกที่ได้แกล้งเรา......มันทำดีกับเราก็คงเพราะต้องการไถ่โทษ......แหวนมันที่อยู่ในกระเป๋าตังค์ผมตลอดเวลาน่ะเหรอ.....มันก็แค่แหวนรุ่นที่ใครก็มีได้....สั่งได้คนละหลาย ๆ วงผมเองยังมีแหวนรุ่นพาณิชย์สองวงไว้กันหายเลย......มันแค่บอกว่ามีความสุขที่คุยกับเรา....ตอนนี้มีคนที่ทำให้มันมีความสุขได้มากกว่าเรา......คงรวมทั้งความสุขทางเพศที่เราให้ไม่ได้ด้วยสิ ผมพาลคิดไปถึงโน่น........

*
*
*

.......กลับถึงบ้าน......พ่อกับแม่ไม่ว่าอะไรซักคำที่ผมกลับดึก เพียงแค่ย้ำว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปเยี่ยมญาติ ๆ ผมพยักหน้ารับ แล้วเดินไปหาของกินในครัว.....ไม่มีอะไรเหลือเลย ผมไม่มีแรงจะทำอะไรกินแล้ว......กินนมดีกว่า......ผมรินนมใส่แก้ว หยิบขนมห่อ ๆ ของน้องเดินออกไปนั่งดูละครกับพ่อแม่......

“.....อ้าว.....ยังไม่ได้กินข้าวเหรอ.....” พ่อถาม

“.....กินแล้วครับ....อยากกินขนมเฉย ๆ” ผมโกหก

“.....พรุ่งนี้อย่าตื่นสายนะลูก.....ต้องไปหลายบ้าน.....” แม่ย้ำ

“.....แล้วแม่จะขึ้นเหนือเมื่อไหร่อ่ะครับ.....” ผมหมายถึงเรื่องที่พ่อกับแม่จะขึ้นไปดูกิจการที่เพิ่งเริ่มก่อตั้ง ได้ยินมาว่าจะไปดูเร็ว ๆ นี้

“......วันมะรืนนี้.....ถามทำไมล่ะ.....จะไปด้วยเหรอ.....” แม่ยิ้ม ผมพยักหน้า พ่อกับแม่มองผมแปลก ๆ ก็ผมไม่ชอบไปไหนกับพ่อแม่มานานแล้ว

“.....ไปนานนะ.....พ่อกับแม่ลาพักร้อนไว้แล้ว กลับมาอีกทีก็ปลายเดือนเลย....หนูจะไปได้ยังไง......เรื่องฝึกงานล่ะ”

“.....ไม่เป็นไรหรอกแม่.....เอ้ฝากให้เพื่อนดูให้ก็ได้.....เอ้เช็คชื่อที่บริษัทแล้ว....ไม่มีปัญหา....”

“....นึกยังไงจะไปลำบากลำบน.....” พ่อถาม

“....อยากไป.....” ผมตอบสั้น ๆ

*
*
*

.........ไอ้วุธเปลี่ยนไปจริง ๆ ด้วย เปลี่ยนไปเร็วมาก เร็วจนผมไม่ทันตั้งตัว ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันต้องโทรมาถามเซ้าซี้แล้วว่าผมเป็นอะไรที่เฉยชากับมัน แต่คืนนั้น.....ไม่เลย ไม่มีเสียงเรียกเข้าซักครั้ง......ผมนอนมองโทรศัพท์จนหลับไปด้วยความเพลีย.......

..........ครอบครัวผมตระเวนไปเยี่ยมญาติรอบกรุงเทพฯ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะไปเมื่อตอนปีใหม่ แต่จุดประสงค์ที่ไปคราวนี้คือฝากฝังผมไว้ให้ญาติโกโหติกา ทั้งฝ่ายพ่อและแม่ช่วยดูแลพวกผมตอนที่พวกเค้าขึ้นไปทำธุรกิจ และขอคำปรึกษาหลาย ๆ เรื่องด้วย พวกผมกับน้องก็ได้แต่นั่งมองตากันปริบ ๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราว.......

.......กลับบ้านซะที....ผมอาบน้ำแต่งตัว เก็บสมบัติเข้ากระเป๋า ขนาดไปค้างบ้านอาเล็กแค่คืนเดียว ผมยังหอบสมบัติเยอะแยะ คราวนี้อยู่เกือบครึ่งเดือน ผมเก็บของแทบจะหมดห้อง ทยอยเอาลงมายัดใส่รถพ่อไว้ก่อน ไม่อยากให้เค้าเห็นตอนเช้า เดี๋ยวโดนด่า.....น้อง ๆ ผมไม่ได้ไปด้วย เพราะติดเรียนพิเศษ อาเล็กจะมานอนเฝ้าบ้านให้ทุกคืน นอนห้องผมนี่แหละ วันนี้คุยกันแล้ว ผมบอกอาเล็กด้วยว่า ผมไม่ได้บอกใครว่าไปไหน ถ้ามีใครถาม ให้บอกว่าผมไปต่างจังหวัดก็พอ ตอนนี้ผมมีปัญหานิดหน่อย.......ผมกับอาเล็กต่างคนต่างยุ่งกับการเก็บกระเป๋า จึงไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก.......


*
*
*

........ตลอดสองสัปดาห์ที่ผมอยู่ต่างจังหวัดกับพ่อแม่.....ผมใช้เวลาไปกับการเที่ยว พักผ่อน.........อึดอัดบ้างในช่วง 2-3 วันแรก แต่พอได้เห็นคนงานชาวเหนือหล่อ ๆ ก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้........ผมชอบขี่มอไซค์ของคนงานไปเที่ยวตอนเย็น ๆ จนแทบจะทั่วจังหวัดแล้วครับ ไปคนเดียวนั่นแหละ ไม่กลัวอะไรเลย ความเหงามันบอกให้ผมอยู่นิ่งไม่ได้ พอตกกลางคืนก็แอบพ่อลงไปเที่ยวเธคใต้ถุนโรงแรมที่พัก สนุกมาก มีเรื่องตื่นเต้นที่เกือบจะทำให้เสียซิงหลายหน แต่ก็รอดมาได้ทุกครั้ง....... ผมไม่อยากให้ถึงตอนที่ผมต้องนอนเลย มันรู้สึกยังไงไม่รู้ ช่วงแรก ๆ กลัวผีจนไม่มีหัวไปคิดถึงเรื่องอื่น.....แต่พอเริ่มชินกับห้องใหม่ ปัญหาเดิม ๆ ก็ตามมาหลอกหลอนผมต่อ.....หน้าไอ้วุธกับอีออย ลอยเข้ามาในหัวผมตอนเคลิ้ม ๆ จนผมสะดุ้งตื่นทุกคืน แล้วมันก็จะอยู่ในหัวผมไปอย่างต่ำ 1 ชั่วโมง เป็นช่วงเวลาที่ทรมานมาก นอนพลิกตัวกระสับกระส่ายคิดไปสารพัด.....คิดจนปวดหัว ข่มตาหลับจนปวดกระบอกตา ปวดขมับ ต้องใช้วิธีนอนนับแกะแบบตอนเด็ก ๆ คิดถึงตอนนั้นแล้วสมเพชตัวเองจัง.......

*
*
*
*
*

.........ในที่สุดก็เปิดเทอม.....แต่ผมไม่ต้องไปโรงเรียนนะครับ....ไปฝึกงานเลย.....อย่างที่บอกว่าผมต้องไปฝึกงานคนเดียวไม่มีเพื่อน ไม่ได้ปรึกษาใคร เพื่อนในกลุ่มฝึกงานทีเดียวกันหมด......ผมไปรายงานตัวแต่เช้า......พี่ ๆ ทุกคนใจดีมาก....ผมได้เพื่อนใหม่หลายคน ทั้งจากโรงเรียนเดียวกัน และจากพาณิชย์อื่น เป็นงานขายของครับ อยู่ในร้านสาขาไม่ใหญ่มาก ดูแลกันแบบครอบครัว วันแรกหัวหน้าก็ถามความสมัครใจให้ทำโอต่อถึง 2 ทุ่ม ไอ้เงินเป็นสองเท่า......ผมเสนอตัวคนแรกเลยครับ ในฐานะที่บ้านไม่ไกลมาก.....เป็นผู้ชาย กลับบ้านมืดได้......และงกครับ อยากได้เงินเยอะ ๆ แต่เหตุผลส่วนตัวเหรอครับ.....ก็ไม่อยากอยู่ว่างอ่ะ เดี๋ยวฟุ้งซ่าน........ผมมีความสุขกับงานที่นี่มาก ตอนเช้าตอกบัตรเสร็จก็ออกไปหาขนมกินแถวนั้น.......ตอนเที่ยงสั่งข้าว ก๋วยเตี๋ยวขึ้นมากินที่โต๊ะ ........ตอนบ่าย ๆ ก็ออกไปเดินตลาดนัด.........ตอนเย็นของขายหน้าร้านเยอะมาก เลือกกินกันไม่ไหว......เลิกงานก็ไปเที่ยวห้างใกล้ ๆ .......ผมสนุกกับงานจนลืมเรื่องไอ้วุธได้ชั่วคราว......

*
*
*

.......จำได้มั๊ยครับ ที่ผมเคยบอกว่าที่ทำงานผมใกล้กับโรงเรียนไอ้โยมัน แต่ผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไม่บอกใคร เพราะต้องการจะ Surprise มันตอนที่ยังไม่รู้ว่าไอ้โยที่คุยกันทุกวันน่ะเป็นตัวปลอม ไอ้วุธก็เคยถามผมเรื่องสถานที่ฝึกงาน ผมก็ตอบเลี่ยง ๆ ไป ไม่อยากให้มันรู้ว่าผมอยู่ใกล้ไอ้โย แต่เพื่อนผมคงบอกแล้วมั้ง เพราะผมไม่ได้ติดต่อกับใครอีกเลยตั้งแต่วันสงกรานต์.....โทรศัพท์ก็ดึงสายออก ไม่รับโทรศัพท์ทุกกรณี ตัดขาดจากเพื่อนฝูงไปง่าย ๆ ........


“......เฮ้ย.....เอ้.....ฝึกงานที่นี่เหรอ......” ไอ้โยทักเสียงดัง ทันทีที่มันเห็นหน้าผม

“...เออ....แล้วทำไมมึง......” ผมสงสัยที่เห็นมันเดินกับเพื่อนที่ใส่ชุดนักเรียนมอปลาย แต่ตัวมันใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว กับกางเกงขายาวสีดำ

“.....กูสอบเทียบได้แล้วโว้ย....ตอนนี้กูเรียนมหา’ลัย XXXXX ....เป็นไง....หล่อดิ...มองตาค้างเลย....” มันกวน พูดอยู่คนเดียว ไม่สนใจเพื่อนทีมาด้วย

“.....ไอ้บ้า.....” ผมเขิน ก็มันหล่อจริง ๆ นี่หว่า ผมยาวขึ้นเยอะ “.....ไม่เรียนรด. เหรอ....” ผมถามแก้เขิน

“.....เลิกเรียนแล้ว.....เอาเวลาไปอ่านหนังสือดีกว่า......เดี๋ยวค่อยลุ้นตอนจับสลาก......” มันพูดง่าย ๆ เรื่องทหารนี่เป็นเรื่องใหญ่ของผมนะ

“......ฝึกงานอีกนานปะ.....” มันถามหลังจากที่เพื่อนมันสะกิดชวนกลับ

“......อีก 2 เดือน.....”

“.....งั้นวันหลังมาหานะ.....แต่ช่วงนี้ต้องรับน้อง...ไม่ค่อยมีเวลา......” ผมพยักหน้ารับคำ มันโบกมือให้ แล้วเดินกึ่งวิ่งตามเพื่อนออกไป

“......ใครวะ.....” เพื่อนใหม่ผมเข้ามารุมถามกันใหญ่

“.....เพื่อนเก่า.....” ผมตอบยิ้ม ๆ

“......หล่อเนอะ.....เค้ามีแฟนยังวะ......เรียนที่ไหน....ชื่ออะไรอ่ะ” สารพันคำถามเกี่ยวกับไอ้โย ผมตอบเท่าที่จะตอบได้


*
*
*
*
*


........อีกไม่กี่วันผมก็จะจบหลักสูตรการฝึกงานโดยสมบูรณ์........ไม่อยากไปโรงเรียนเลย.....อยู่นี่ผมเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำ....เงินทางบ้านก็ยังให้อยู่ เพราะพ่อคิดว่าฝึกงานไม่ได้เงิน แต่ผมได้ทั้งเงินเดือนประจำและล่วงเวลา......ไอ้โยหายไปเลย......ผมคิดว่ามันคงยุ่งกับการรับน้อง หรือไม่ก็ลืมผมไปแล้ว ที่ไหนได้......เย็นก่อนวันสุดท้ายที่ผมต้องทำงานที่นี่ ไอ้โยวิ่งกระหืดกระหอบมาหา

“......โอ๊ย.....นึกว่ากลับบ้านไปแล้ว.....” มันพูดปนหอบ

“.....ยังโว้ย.....ทำโอต่อด้วย.....” ผมพามันเดินไปอีกมุมที่ไม่ค่อยมีลูกค้ามายุ่ง

“.....ไปกินข้าวกันเถอะ.....” มันชวน อย่างที่บอกร้านไม่ใหญ่ เสียงมันก็ดังอยู่ เพื่อนผมหันขวับ พยักหน้าทำท่าให้ผมไปกับกับมัน

“.....เออ....เดี๋ยวไปบอกหัวหน้าก่อน.....” ก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้เจอมันมานานแล้ว ไปกินข้าว ไปคุยเรื่องเรียนมหาลัยด้วย หัวหน้าผมอนุญาต ผมให้มันยืนรอที่หน้าร้าน ตอกบัตรกลับเสร็จ ผมก็เดินไปหามัน เพื่อน ๆ ผมชะเง้อมองกันอยู่ที่หน้าต่าง ผมบอกไอ้โย มันหันไปมองนิดนึง แล้วมันก็จับมือผมเดินเฉยเลย ป่านนี้ในร้านคงกรี๊ดกันสนั่น


*
*

.......ไอ้โยพาผมนั่งแท็กซี่ไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ปกติผมไม่ค่อยชอบไปอ่ะครับ เพราะมันไม่มีรถเมล์สายที่ผ่านบ้านผมเลย......มันพาผมไปนั่งร้าน ๆ นึงครับ บรรยากาศดีมาก สลัว ๆ จัดร้านเป็นแบบจำลองป่า มีเวทีเล็ก ๆ มีเปียโนสีดำ และนักร้อง ที่ทั้งเล่นทั้งร้อง ให้ขอเพลงได้ด้วยนะครับ......ผมกำลังกางเมนูออกมาเพ่งเพราะมองไม่เห็น ตัวหนังสือมันเล็กไง.....รู้สึกว่า มีใครมอง ผมหันซ้าย หันขวา โอ๊ย แทบอยากจะลุกกลับบ้านเดี๋ยวนั้น.....ไอ้วุธมันมองเหล่ผมอยู่โต๊ะเยื้อง ๆ กัน.....มันมากับผู้หญิงคนนึง มองข้างหลังก็รู้ว่าใคร......โยลดเมนูลงจากหน้า มองตามสายตาผม มันตกใจเหมือนกันที่เห็นไอ้วุธ.......


“.....เฮ้ย.....แฟนมึงอ่ะ.....” ไอ้โยพูดเสียงรอดไรฟัน

“.....ไอ้เหี้ย.....ไม่ใช่โว้ย.....คนเคยรู้จักกันต่างหาก....”

“.....หมายความว่ามึงเลิกคบกับมันแล้วเหรอ.....” ไอ้โยถามงง ๆ

“.....กูไม่เคยคบกับมัน....” ผมกระแทกเสียงตอบ มันเงียบ คงรู้แล้วว่าเรื่องเป็นยังไง

“.....แล้วมันมองมึงทำไมวะ....”

“.....กูจะไปรู้มันเหรอ.....หิวแล้ว.....จะแดกอะไร.....” ผมทำเป็นสนใจกับเมนูตรงหน้า ไอ้โยลุกจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมานั่งข้าง ๆ ผม

“.....ดูซิว่ามันจะอยากมองอยู่อีกมั๊ย.....” ไอ้โยขยับเข้ามาใกล้ หน้ามันแทบจะชนกับหน้าผม มองเมนูด้วยกัน......ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงไม่ให้มันทำอย่างนี้หรอกครับ กลัวคนจะแอบด่า แต่ตอนนี้สถานการณ์มันพาไป

“......มองเห็นเหรอ.....” ผมเอามือไปเสยผมไอ้โย......ทำให้เพราะความรำคาญที่เห็นผมมันลงมาปิดตา มันเงยหน้ามามองผมตาเยิ้ม.....ผมชะงักกึก

“......ทำไมมองกูแบบนี้.....หา.....” ผมพูดในคอ กลัวไอ้วุธที่มองจ้องเขม็งจะอ่านปากได้ มันไม่ตอบ เอาแต่ยิ้ม......ผมก็เขินทำอะไรไม่ถูกเลย


*************************************TBC*************************************

 :m8: :m8:
ขอบคุณพี่เอ้ครับป๋ม มาเศร้าอะตอนนี้T^T
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: JaeTae ที่ 22-09-2007 02:09:16



   ดันจ้า ดัน แล้วมาต่ออีกเน้อว รออยู่อ่านเรยเนี่ย  :a2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 22-09-2007 03:24:10
งงกับวุธจังเลยเขาเล่นอะไรของเขาหรือว่าวุธกำลังสับสนตัวเอง
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 22-09-2007 10:48:21
เป็นไปได้อย่างที่รีบนคิดอ่ะ วุธอาจกำลังสับสนกับตัวเอง แล้วก็อาจอายเพื่อนด้วย ที่โดนเพื่อนล้อ เลยทำเป็นคบออยบังหน้า แล้วก็ทำเป็นไม่สนใจเอ้ อ่ะ :m17:


ขอให้กลับมารักกันเหมือนเดิมเถอะ  :m5:ได้โปรด
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 22-09-2007 17:22:32
 :impress:

อ่านแล้วเครียด

จะเป็นไงต่อไปหว่า

ขอบคุณนะครับที่มาต่อ และจะรออ่านต่อไปครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 22-09-2007 20:20:08
อารายกันเนี่ย งง


เกิดไรขึ้นอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: JaeTae ที่ 22-09-2007 21:58:38


 มาช่วยดันอีกรอบอ่า  อึ้บๆ :m23:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 22-09-2007 23:52:19
คนเราต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง ผมรับไม่ได้น่ะ เลิกยุ่งไปเหอะคนแบบนั้น

นายโยเองก็ดูท่าจะมีใจให้ด้วยนี้ น่าจะดีกว่าเยอะเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 23-09-2007 07:13:47
เชื่อเลยว่า..เวลาทำให้ใจคนเปลี่ยน.. :m17:แต่..
สำหรับเอ้แล้ว..เวลาไม่ได้ช่วยอะไรเลย.. :m8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: JaeTae ที่ 23-09-2007 20:19:11



 ยังมะมาต่ออีกหรอเนี้ย  o9  แต่ยังไงก็จะรา  :m14:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: dejavu_boyz ที่ 23-09-2007 21:18:17
 :a4:   ขออนุญาตช่วยลงหน่อยนะครับ

26 Can you handle this? (Part II)
..........อาหารเย็นมื้อนั้นมันจะอร่อยกว่านี้.....ถ้า.....ไม่มีสายตาไอ้วุธที่คอยแอบมองผมเวลาที่ผู้หญิงคนนั้นเผลอ.....ไอ้โยก็นัวเนียแทบจะป้อนข้าวป้อนน้ำ ดีที่โต๊ะของผมค่อนข้าวจะลับตาคน......มีหินปลอมก้อนใหญ่บังไว้ด้านหลังไม่งั้นผมคงอายคนอื่นแย่....มุมที่ไอ้วุธนั่งก็เงียบเหมือนกัน.....ตอนเดินเข้ามามัวแต่มองการตกแต่งของร้านเพลิน ไอ้โยดันพามานั่งโต๊ะนี่อีก แต่มันคงไม่ได้สังเกตไอ้วุธหรอก ผมว่ามันจำไอ้วุธไม่ได้ด้วยซ้ำ.......ระหว่างกินผมนึกได้ว่าห้างนี้มันใกล้โรงเรียนของอีออยนี่เอง มันคงไปรับไปส่งกันทุกวันเลยสิเนี่ย แปลกนะครับที่ผมไม่รู้สึกอะไรมาก มันปลงอ่ะครับ ไม่อยากเจ็บซ้ำเจ็บซาก.....แต่ที่ไม่ชอบใจอย่างแรง คือ มันมองมาทางโต๊ะผมบ่อยจนน่าอึดอัด......พอผมจ้องมันกลับบ้าง มันก็หลบตา ทำเป็นเอาใจอีนั่น นั่งมองตากันหวานจนเลี่ยน......ผมไม่รู้จะทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้......แกล้งทำเป็นดีกับไอ้โย ก็กลัวว่ามันจะคิดว่าผมทำเพื่อประชด.....จะลุกหนี ก็กลัวมันเข้าใจว่าผมทนดูไม่ได้ ผมนั่งเครียดอยู่สักพัก......เอาวะ.....เป็นตัวกูเองนี่แหละดีที่สุด.....สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อย่าไปวอกแวก อย่าไปสนใจมัน เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว....ไม่สิ....ไม่เคยเป็นอะไรกันต่างหาก.....
*
*
*
“....เอ้....โอเคปะวะ....” ไอ้โยเห็นผมนั่งนิ่ง
“.....OK…No matter what happen, I will survive.” ผมยิ้มออกแล้วครับ
“.....อย่ามาเวอร์.....ขอให้ Survive จริง ๆ เหอะ ไม่ใช่กลับถึงบ้านแล้ว Cry a lot นะโว้ย” มันดักคอผม มองไปทางโต๊ะไอ้วุธบ้าง
“.....No….Never….For me he’s nothing but trouble.” ผมดัดจริตพูดภาษาอังกฤษ ไอ้โยหัวเราะ ผมก็หัวเราะไปด้วย ถ้ามองไกล ๆ ดูเหมือนผมมีความสุขหัวเราะต่อกระซิกกับผู้ชายตรงหน้า.....ผมพยายามไม่สนใจโต๊ะไอ้วุธ.....ไม่แม้แต่จะชายหางตาไปมอง.....

*
*

“......ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ.....” เสียงคุ้นหู พูดอยู่ใกล้ ๆ เห็นแต่มือของมันที่วางบนโต๊ะผม
“......ที่จริงไม่น่าจะเจอกันด้วยซ้ำ.....” ผมพูดโดยที่ไม่มองหน้าคู่สนทนา
“......ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ.....” ยัง....มันยังไม่หยุด....ผมเงยหน้ามองมันด้วยสายตาว่างเปล่า
“.....คุณทักคนผิดหรือเปล่า.....เราเคยรู้จักกันด้วยเหรอ.....” ผมปล่อยมุข แอบเห็นไอ้โยอมยิ้ม....ไอ้วุธขมวดคิ้ว ท่าทางมันจะเริ่มโมโหแล้ว
“.....เอ้....เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ....” มันเอื้อมมือจะมาจับมือผม แต่ก็ต้องชะงัก และหันไปมองอีออยที่นั่งจ้องมันอยู่
“....ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้วหล่ะ......เสียเวลาเปล่า.....ลืมไปได้เลยว่าเราเคยรู้จักกัน......” ผมพูดเสียงเย็นชา
“.....กลับกันเลยมั๊ย.....” ไอ้โยถามด้วยความหวังดี
“.....โห.....ยังไม่อิ่มเลยอ่ะ....โยกินนี่ดิ.....อร่อยดี....เมนูหลักเลยนะเนี่ยไปไหนต้องสั่ง.....” ผมตักปลาหมึกผัดไข่เค็มใส่จานไอ้โย.....ไม่สนใจไอ้วุธที่ยืนเอ๋ออยู่ข้างโต๊ะ ทำเหมือนมันไม่มีตัวตน ในที่สุดมันก็กระฟัดกระเฟียดเดินกลับไปหาแฟนมัน
*
*
*
.....ผมอิ่มจนแทบจะคลานกลับบ้าน เสแสร้งแกล้งทำเป็นมีความสุข ผมเข้าใจเลยว่า หน้าชื่นอกตรมมันเป็นยังไง .....ผมรอให้ไอ้วุธกับแฟนมันลุกออกไปก่อน พอลับหลังมันเท่านั้นแหละ ผมซึมลงอย่างเห็นได้ชัด กะว่าจะไม่ร้องไห้แล้วนะ.....แค่ไอ้โยถามว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า.....ไหวมั๊ย” พร้อมจับมือผมแบบให้กำลังใจ...... เท่านั้นแหละ ก๊อกแตกเลยครับ น้ำตาทะลัก พยายามกลั้นเสียงสะอื้น ไอ้โยตกใจ ทำอะไรไม่ถูก กล้า ๆ กลัว ๆ ขยับเข้ามาใกล้อีกนิด โอบไหล่ผมหลวม ๆ ผมไม่คุ้นกับความรู้สึกนี้เท่าไหร่.......มันยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ผมเช็ดน้ำตา ผมมองหน้ามันงง ๆ แต่ก็รับมาแต่โดยดี.....มัวแต่เช็ดน้ำตาอยู่ เงยหน้ามาอีกที แทบร้องจ๊าก ไอ้วุธยืนอยู่ตรงหน้าผม มิน่าล่ะ ไอ้โยมันถึงได้เขยิบออกไป.......
*
*
*

“......ขอคุยอะไรกับเอ้สองคนแป๊บนึงได้มั๊ย....” ไอ้วุธพูดกับโย มันพยักหน้า ลุกขึ้นทันที
“....ไม่ต้อง....” ผมดึงมือโยไว้ ไอ้วุธเม้มปากแน่น มันไม่พอใจแน่ ๆ ผมรู้ท่าทางมัน
“.....ห่างกันไม่ได้เลยเหรอ.....” มันเริ่มพาล
“.....มีอะไรก็พูดมาดิ.....ถึงยังไงเราก็ต้องเล่าให้โยฟังอยู่แล้ว....” ผมพูดเสียงเรียบ ไม่มองหน้ามัน ไอ้วุธอึ้ง มองหน้าผมสลับกับโย มองมือผมที่ยังจับเกาะแน่นที่มือไอ้โย มันไม่ยอมพูดอะไร เดินคอตกออกไปจากร้าน ถ้าผมตาไม่ฝาด ผมเห็นแววตาเศร้า ๆ ของมันด้วย
“.....ไปเดินเล่นกันต่อมั๊ย.....” ไอ้โยถาม.....ผมส่ายหน้าเบา ๆ เป็นคำตอบ
*
*
*
.......ระหว่างทางกลับบ้าน ไอ้โยติดรถแท็กซี่ไปลงทางแยกที่ไปบ้านมัน ผมเล่าเหตุการณ์ และความสัมพันธ์ของผมกับไอ้วุธให้โยฟังอย่างคร่าว ๆ รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย เหมือนได้ระบาย เพราะผมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน ยกเว้นอาเล็ก แต่มันเป็นคนละความรู้สึกกัน เพราะนี่มันเพื่อนผม ผมสามารถใช้คำพูดที่ตรงไปตรงมาได้ ไม่ต้องประดิษฐ์คำที่ดูดี มันได้ความรู้สึกมากกว่า.....เสียดายที่ไอ้โยต้องลงซะก่อน แต่มันบอกว่าจะโทรหาผมคืนนี้......
.
........แล้วมันก็โทรมาจริง ๆ ครับ สามทุ่มแป๊ะ ผมให้น้องผม สกรีนสายก่อน พอมันบอกว่าคนชื่อโยโทรมา ผมถึงเดินไปรับบนห้องนอน เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน นับตั้งแต่ไอ้วุธไม่โทรมา ผมคุยโทรศัพท์กับไอ้โยถึงเที่ยงคืนกว่า.....ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกระบายออกมาจนหมด.....มันรับฟัง และแสดงความคิดเห็นในแบบของมัน ผมเพิ่งสังเกตว่ามันมีความคิดแบบผู้ใหญ่ขึ้นอีกนิด อาจเป็นเพราะว่ามันได้เข้าไปเรียนในรั้วมหาลัยแล้ว ความคิดความอ่านของมันถึงได้แตกต่างจากผมที่ยังคิดอะไรแบบเด็ก ๆ อยู่......ไอ้โยพูดทิ้งท้ายไว้ว่าพรุ่งนี้ให้รอมันไปรับที่ทำงาน เวลาเดิม ผมปฏิเสธ เพราะผมมีนัดเลี้ยงฉลองฝึกงานเสร็จ เกรด 4 ลอยมาเห็น ๆ ก็พี่คนที่ให้คะแนนดันเอาสมุดบันทึกการให้คะแนนมาเขียนตรงหน้าผม มีแต่ข้อดี ไม่มีข้อเสียแม้แต่ข้อเดียว.......

*
*
*
“......เอ้......” เสียงคุ้นหูเรียกชื่อผมดังมาจากข้างหลัง ขณะผมก้มหน้าก้มตาเก็บสมบัติใส่กล่องเพื่อเอากลับบ้าน เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะฝึกงานที่นี่
“......มาทำไม.....” เป็นคำทักทายที่ดีที่สุดของผมตอนนั้น
“......มารับกลับบ้านไง.....” ไอ้วุธพูดหน้าตาเฉย เพื่อนร่วมงานผมเริ่มให้ความสนใจกับเด็กช่างในชุดเสื้อช็อป ที่ผมเคยบอกมันว่า มันใส่แล้วหล่อมาก ๆ
“.....ไม่จำเป็น....กลับเองได้.....” ผมไม่สนใจก้มลงนั่งยอง ๆ เก็บของต่อ นึกว่ามันเดินหายไปแล้ว ที่ไหนได้ เงยหน้ามาอีกที มันก็ยังยืนอยู่ที่เดิม
“.....จะซื้ออะไรหรือเปล่า.....ถ้าไม่ซื้อก็อย่ายืนแกะกะ...” ผมตั้งใจพูดให้มันโกรธ มันก็ยังยิ้มได้อยู่
“.....เลิกงานกี่โมง......”
“...........” ผมไม่ตอบ ทำเป็นไม่ได้ยิน อีก 5 นาทีก็เลิกแล้ว ผมต้องหาทางไล่มันกลับให้เร็วที่สุด
“......เอ้......เรารู้ว่าเอ้โกรธ.....แต่ให้เราพูดบ้างได้มั๊ย......” มันพูดเสียงอ่อน ใช้ได้ผลทุกครั้ง แต่คราวนี้ไม่แน่ ๆ ครับ
“.....โอ๊ย....รำคาญว่ะ....บอกแล้วไง....ไม่มีประโยชน์.....จะไปไหนก็ไป...ไป๊....” ผมระเบิดอารมณ์ใส่มัน แต่ต้องหันหลังให้ทันทีที่พูดจบ ผมไม่อยากเห็นสายตาของมัน กลัวใจตัวเองอ่ะครับ
“.....เอ้.....อ้าว....” ไอ้โยมาพอดี มันจะมาทำไมวะ ก็บอกแล้วว่าวันนี้ผมมีนัด แต่มาก็ดีแล้ว
“......โย.....รอแป๊บนะ จะเสร็จแล้ว.....” ผมหันไปยิ้มให้ไอ้โย หันไปมองไอ้วุธนิดนึง แล้วทำหน้าเซ็ง ๆ ให้มันเห็น......มันยืนอึ้ง แล้วเดินออกไปช้า ๆ
“......ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าเจอกันอีกเลย.....” ผมพูดไล่หลัง
“.....เอ้....ชวนแฟนไปกินเลี้ยงด้วยกันดิ.....” พี่แผนกใกล้ ๆ ตะโกนชวน ไอ้วุธชะงักกึก หันมามองผมแวบนึง ผมรีบรับมุข
“.....ชวนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว.....” ผมหันไปขยิบตาให้ไอ้โย ไม่แคร์กับสายตาละห้อยของไอ้วุธ

*
*
*
........ถ้าไอ้วุธไม่มาเมื่อเย็นผมคงกินได้มากกว่านี้ ต้องมีใครซักคนในกลุ่มผมบอกมันว่าผมฝึกงานที่นี่....แต่จะไปว่าอะไรเพื่อนก็ไม่ได้ มันไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนี่นา.....ส่วนไอ้โยไปกินเลี้ยงส่งกับผมจริง ๆ ด้วย มันเข้ากับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ได้เป็นอย่างดี ทุกคนเข้าใจว่าผมกับโยเป็นแฟนกัน รู้สึกดีเหมือนกันนะครับ ไม่ต้องปิดบัง ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เหมือนตอนอยู่กับไอ้วุธ......ไอ้โยนี่ก็มือไวดีจริง ๆ เดี๋ยวจับ เดี๋ยวกอด เดี๋ยวโอบ พวกเค้าก็กรี๊ดกร๊าดกันสนุกสนาน ดีนะว่าพวกผมไปร้องคาราโอเกะห้อง VIP กัน มันดูเป็นส่วนตัวดีอ่ะครับ......
*
*
*
........เปิดเทอมแล้วครับ ทันทีที่พวกผมเจอกัน ก็แย่งกันคุย แย่งกันพูด แทบไม่มีใครฟังใคร ผมไม่โกรธหรือเคืองเพื่อนผมแม้แต่นิดเดียว......ผมทำผิดกับพวกมันมากกว่า......ปิดบังเรื่องผมกับวุธ ผมไม่บอกพวกมันว่าไอ้วุธเคยไปบ้านผม แม้แต่เรื่องที่มันค้างบ้านผม ยังนึกไม่ออกเลย ถ้าพวกมันรู้จะเป็นยังไง พวกมันต้องโกรธผมแน่ ๆ ในข้อหาเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน……พาผู้ชายไปบ้านได้ แต่พาเพื่อนไปไหว้พ่อแม่ไม่ได้.....แล้วที่พวกมันรู้ว่าผมไปบ้านไอ้วุธก็เพราะว่าเพื่อนในห้องไอ้วุธดันขี่รถผ่านร้านมัน แล้วเห็นผมคุยกับไอ้วุธอย่างสนิทสนม แถมยังเอาเล่าให้คนอื่นฟังอีก ความเลยแตก ไอ้วุธถึงทำตัวแปลก ๆ ดูห่าง ๆ ผมไป ก็อย่างที่บอกอ่ะครับ ไอ้วุธมันสเปกเกย์ กะเทย มันโดนล้ออยู่บ่อย ๆ แต่คนที่มันพาไปบ้านแล้วมีคนเห็นดันเป็นผมซะนี่ ก็เลยกลายเป็นเรื่องจนได้......

........ตั้งแต่วันที่ผมไล่มันเหมือนหมูเหมือนหมาวันนั้น ผมก็ไม่ได้เจอมันอีกเลย ไอ้โยก็ด้วย ผมให้เวลากับเพื่อนผมมากขึ้น ใครชวนไปไหนก็ไป ช่วงนี้มันแยกกันไปเที่ยวแล้ว ไม่ค่อยไปกันเป็นกลุ่มเหมือนเดิม ผมไปกับคนนู่นที คนนี้ที......จนเย็นวันนึงหลังจากที่เดินห้างเดิมกันจนเมื่อย อีพวกนี้เสือกอยากกินเหล้ากัน หาข้ออ้างว่าฉลองให้ลูกอีตาลกับไอ้ตั้ม........ดีเหมือนกัน ผมยังไม่เคยเห็นหน้าหลานเลย พวกผมเดินวนหาซื้อกับแกล้มกันอีกรอบ...หอบของพะรุงพะรังขึ้นแท็กซี่ 2 คัน.......ไปจนจะถึงบ้านมันแล้วเพิ่งนึกได้ว่าไอ้วุธมันจะไปด้วยหรือเปล่า แล้วถ้ามันไป เจอกันผมจะทำหน้ายังไง......ถอยหลังกลับไม่ทันแล้วครับ......รถทั้งสองคันจอดหน้าบ้านไอ้ตั้ม และมองเข้าไปข้างในก็เห็นรถของไอ้วุธก็จอดนิ่งในบ้านแล้วด้วย.......ผมเดินใจเต้นตุบ ๆ เข้าไปในบ้านเป็นคนสุดท้าย ภาพที่ผมไม่อยากเห็นก็ต้องเห็น.....ไอ้วุธนอนหนุนตักอีออยอยู่บนโซฟารับแขก มองผมด้วยหางตานิดนึง.....ผมเดินเลี่ยงไปในครัวตามเคย..... ...

.......วันนี้เป็นทีของมัน.....ผมต้องทนฟังคำหวาน ๆ ของมันกับอีออยนั่นตลอดเวลา.....บางทีก็มีคำพูดเสียดสีว่าแดกผมอยู่เป็นระยะ.....ผมทำได้ก็แค่เพียงนั่งฟังเงียบ ๆ ทนไม่ได้ก็ออกไปสูดลมหายใจลึก ๆ ข้างนอก เงยหน้ามองฟ้า กลั้นน้ำตาที่พร้อมจะไหลได้ทุกนาที......ผมสงบจิตสงบใจได้ก็เดินหน้าระรื่นเข้าบ้านไปนั่งฟัง นั่งดูภาพบาดตาต่อ เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยของเพื่อน ๆ......บ่อยครั้งที่ไอ้วุธมันจะพูดกระแทกผม โดยที่คนอื่นเห็นเป็นเรื่องตลก เพราะไม่เข้าใจความหมายจริง ๆ ของคำพูดมัน......ผมก็ไม่ยอมครับ ถ้ามันมีช่องให้ผมหลอกด่ามันได้ ผมก็ปล่อยเต็มที่เลยครับ.....ทุกคนขำ ไม่เว้นแม้แต่แฟนของมัน.......

*
*
*
*
*

“.......พี่เอ้.....โทรศัพท์......พี่วุธโทรมา.....” น้องชายคนเล็กของผมตะโกนเรียก
“......ไม่รับ....ไม่ว่าง.....” ผมตะโกนตอบ
“.....พี่เอ้.....พี่วุธบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย.....” มันยังตะโกนเรียกผมอยู่ ผมโมโห เดินมาใกล้ ๆ โทรศัพท์แล้วพูดเสียงดังใส่
“......ไม่ว่างโว้ย.....วางหูไปเลย......ถ้าเค้าโทรมาอีกบอกไปว่าพี่ไม่อยู่......ถึงอยู่ก็ไม่รับ......เข้าใจมั๊ย......” ผมพูดกับน้องแต่ต้องการให้ไอ้วุธได้ยินด้วย
“.....ฮัลโหล.....พี่วุธ....อ้าว....วางไปแล้ว....” น้องชายผมส่ายหัวเบา ๆ แล้วเดินไประบายสีเล่นต่อ
*
*
.......ปี๊น......ปี๊นนนนนนน....... ผมเดินไปแง้มผ้าม่านดูว่าใครมาบีบแตรรถหน้าบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ ชิบหาย ไอ้วุธมา หรือว่ามันโกรธผมเรื่องโทรศัพท์เมื่อตอนหัวค่ำ....ก่อนที่มันจะทำเสียงดังมากกว่านี้ ผมรีบวิ่งลงไปหามันทันที.....ดีนะว่าวันนี้พ่อผมไม่อยู่ ไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดกลับวันพรุ่งนี้เช้า.....

“......เป็นเหี้....เป็นบ้าอะไร.....” ผมเกือบหลุดปากด่ามัน
“....เรามีเรื่องต้องคุยกัน.....” มันเดินเข้ามาใกล้ ใกล้จนได้กลิ่นเหล้าจากตัวมัน
“.....ถามจริงเหอะ....จะเอายังไงกันแน่......นายมีแฟนแล้วจะมายุ่งอะไรกับเรา....” ผมขยับถอยหลัง แต่ยังปากดีอยู่
“.....เข้ามาคุยกันในรถดิ.....”
“......ไม่ต้องอ่ะ....มีอะไรก็พูดกันตรงนี้แหละ.....” มันกระอักกระอ่วน
“.....ทำไมเราไม่พูดกันดี ๆ เหมือน.....เหมือนเมื่อก่อนล่ะ.....”
“......ไม่อ่ะ......เราอย่าเจอกัน....ไม่ต้องมาคุยกันอีกเลยดีกว่า.....ความรู้สึกมันไม่ได้แล้วอ่ะ.....”
“.....แค่เรามีแฟนอ่ะนะ.....ต้องโกรธถึงขนาดนี้เลยเหรอ.....” ไอ้เหี้ย.....พูดมาได้ไงเนี่ย
“.....เราไม่ได้โกรธเรื่องนายมีแฟน.....มันก็เป็นเรื่องปกตินี่.....เพื่อนนายก็มีแฟนกันหมดแล้ว.....ยินดีด้วยนะที่มีแฟนทั้งสวย ทั้งเซ็กซ์......” ปากก็ชมหรอก แต่หน้าผมสะอิดสะเอียนเต็มที่
“......เอ้ก็เหมือนกัน ดีใจด้วยนะที่มีเด็กมหาลัย ทั้งหน้าตาดี เรียนเก่ง มาคอยดูแล.....” ผมไม่ยอมให้มันพูดจบ รีบแทรกซะก่อน
“.....ขอบใจ.....เพิ่งรู้ว่ามีแฟนเนี่ย มันมีความสุขยังไง โยเค้าดีจะตาย ไม่แคร์สายตาใคร ไม่ต้องกลัวว่าใครจะพูดยังไง......ใครไม่รักก็บ้าแล้ว....” สมัยนั้นมอสกำลังดัง มันเงียบไป
“.....เราจะเป็นเหมือนเดิมไม่ได้จริง ๆ ใช่มั๊ย....” มันมองผมด้วยสายตาที่จะทำให้ผมใจอ่อนอีกแล้ว
“.....อืม......” ผมกลั้นใจตอบ
“.....โอเค.....โชคดีนะ.....” มันเดินขึ้นรถ
“.....เดี๋ยว....” ผมเรียกมันไว้ มันยิ้มแฉ่งเลยครับ คิดว่าผมจะใจอ่อนล่ะสิ
“.....อย่าเพิ่งไป....รอก่อน.....” ผมวิ่งกลับไปบนห้อง เอากล่องที่ใส่ของ ๆ ไอ้วุธที่ผมแพ็คไว้ ไม่ว่าจะเป็นของขวัญปีใหม่ ของจุกจิกเล็ก ๆ น้อย ๆ แม้กระทั่งแปรงสีฟันที่มันเคยบอกให้ผมเก็บไว้ เผื่อมันจะมานอนบ้านผมอีก......ผมเก็บใส่กล่องเอาไว้ตั้งแต่วันที่กลับจากเหนือ อารมณ์ประมาณว่าไม่อยากเห็นของ ๆ มัน
“....อะไรอ่ะ....” มันมองกล่องในมือผมอย่างงง ๆ
“.....เอาคืนไป....” ผมเปิดประตูด้านคนนั่ง เอากล่องวางไว้บนเบาะ
“.....หมายความว่าไงเนี่ย.....” มันเริ่มพูดเสียงแข็ง
“.....ของที่เราเคยให้ ไม่ต้องคืนนะ ทิ้งไปได้เลย.....” ผมไม่ตอบ แต่พูดเรื่องที่ผมอยากพูดแทน มันจ้องหน้าผมนิ่ง ผมไม่หลบตา มันเดินขึ้นรถสตาร์ทแล้วยังเบิ้ลเครื่องอีก ผมเกลียดเสียงอย่างนี้จริง ๆ
“.....เดี๋ยว.....” ผมเคาะกระจกเรียกมันอีกครั้ง มันหันมามองแวบนึง ผมเอาแหวนรุ่นที่มันให้ไว้ออกมาจากกระเป๋าตังค์ มันเห็นปุ๊บก็รีบออกรถกระชากไป ผมไม่รู้จะทำไงก็เลยเขวี้ยงแหวนไปโดนกระจกด้านหลังแคป กระเด็นลงกระบะท้ายรถมัน มันเบรกเอี๊ยดดดด......แต่ไม่ลงมาจากรถนะครับ.....ผมหันหลังเดินเข้าบ้านล็อคกุญแจ ไม่มองกลับไปหามันอีกเลย......


------------------------------------------------

เห็นหายไปนานไง ก็เลยช่วยมาต่อให้ไม่ว่ากันนะครับ lanlan
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 23-09-2007 21:58:43
 o7 :o12: โอ้ยเศร้า ๆ ๆ
วุธไม่น่าเลย ปล่อยมัน คนไม่รักเราปล่อยมัน รักคนที่รักเราดีกว่าเอ้ เอ้ย อย่าใจอ่อนนะ

อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 23-09-2007 22:43:47
สงสารเอ้ โกรธวุธ

เข้าใจอยู่หรอกว่าสับสน แต่ก็นะ การเล่นกับความรู้สึกของคนยังไงก็ให้อภัยไม่ได้

เชียร์เอ้ต่อไปให้แก้คืนให้สาสม อย่ายอมให้วุธเอาความรู้สึกของเรามาเล่นแบบนี้อีกนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ตามมาดู ที่ 24-09-2007 00:42:41
น้ำตาท่วมจอแล้วคับ... ต่อไวๆ น้า..
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 24-09-2007 09:20:49
 :impress:

เฮ้ย เหนื่อยใจจัง อ่านแล้วกลุ้ม

จะเป็นไงต่อไปหว่า

รออ่านต่อไปน๊า........

 o15

ปล. รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ ช่วงนี้อากาศหนาวแล้วนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 24-09-2007 09:46:42
อ่านแล้ววุธเองแหละที่ผิด พูดมาได้ไงว่าเป็นเหมือนเก่า ในเมื่อตัวเองก็มีคนอื่นแล้ว เชี้ยจิงๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: JaeTae ที่ 24-09-2007 10:41:21


 ถ้ามันเลือก อีนังร่าน นั่นก็เอาไปเหอะ ยังยอมรับเต็มปากเต็มคำกันว่าเป็น แฟน อีก แล้วที่เคยกันจูบกันในผ้าห่มล่ะมันหมายความว่าไง ให้ เอ้เป็นเครื่องทดลงว่าตัวเองเป็นเกย์หรือไม่ งั้นหรอ เอาโยดีกว่า เชียร์ๆ :m19:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 24-09-2007 16:52:20
วันนี้ อ่านมา 3 เรื่อง

เศร้า หมด 3 เรื่อง กะเอาให้ตายเลยหรอเนี่ย




เศร้ามากมายยยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 24-09-2007 17:24:55
เห็นด้วยกับรีบน วันนี้อ่านเรื่องไหน เรื่องนั้นเข้าโหมดเศร้าตลอด เฮ้อ ทำใจไม่ได้  :m15: :m15: :m15:


มาต่อเร็วๆน้า ใครก็ได้ มีก็มาลงเถอะ ได้โปรด  :m5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 24-09-2007 17:36:27
ขอบคุณdejavu_boyz มากคับที่มาลงให้
ผมมาลงต่อแล้วครับอ่นได้เลยคับ


27 It’s all over

........ผมกำลังเริ่มทำใจได้ วัน ๆ หาเรื่องใส่หัว ทำตัวให้ยุ่งตลอด คุยกับไอ้โยเป็นระยะ ส่วนใหญ่จะปรึกษาเรื่องเรียนในมหาลัย เพราะผมไม่เรียน ปวส. ต่อแน่ ๆ ถึงแม้ว่าเรียนพาณิชย์จะสนุกยังไงก็ตาม มีกิจการรมให้ทำเยอะแยะ......และแล้วก็มาถึงช่วงเวลาที่พวกผมรอคอย......งานออกร้านประจำปีของโรงเรียน


........มันเป็นส่วนหนึ่งของหลังสูตร ที่จะให้นักเรียนชั้น ปวช. 3 ทุกห้องมีโครงงาน จัดทำร้านค้าของตัวเอง มีการวางแผนงาน การลงทุน ทำบัญชี เป็นเรื่องเป็นราว มีการแบ่งผลกำไรกันด้วย 3 วันต่อไปนี้ พวกผมจะต้องทำกิจการ ค้าขาย อย่างหนึ่งอะไรก็ได้ จะเล็กจะใหญ่ก็ตามทุนที่รวบรวมกันมา........แบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มละ 10 คน ห้องผมจับสลากได้พื้นที่ใจกลางโรงเรียน เป็นที่โล่งกว้าง มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา มีโต๊ะหิน กระจายรอบ ๆ พวกเราทั้งห้องต้องมาหารือกันว่าจะทำอะไร เพื่อไม่ให้เป็นการขัดแย้ง เพราะต้องใช้พื้นที่ในบริเวณเดียวกัน คุยกันเกือบครึ่งวัน ส่วนใหญ่จะคุยออกนอกเรื่อง........สรุปแล้ว ห้องผมจะจำลองพื้นที่ตรงนั้นเป็นเหมือนงานวัดครับ......มีการขายของกินกันหลายอย่าง.....มีซุ้มปาเป้า.....ยิงปืนลม......พวกกลุ่มไฮโซประจำห้องเงินหนากว่าเพื่อนไปเหมาร้านเค้ามา ไม่ต้องทำอะไรเลย......ส่วนกลุ่มผม เห็นว่าของกินนี่แหละ ขายง่าย สะดวกที่สุด ยังไงก็ขายได้ แต่ก็ขี้เกียจทำกันไง.....ตกลงกันว่าขายไอติมกะทิ เหมาเค้ามาเหมือนกัน.......


........สนุกมากครับ.......ยังไม่ทันจะพักกลางวันเลย ไอติมทั้งถังหมดเกลี้ยง อาจารย์ก็จะมาเดินให้คะแนนตอนบ่าย ต้องรีบติดต่อร้านให้เอามาส่งใหม่อีก 1 ถัง และขอเพิ่มไอติมรสอื่น ๆ เพิ่มอีกด้วย......ไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็มาส่ง ตอนนี้ไม่ต้องแย่งกันตักแล้ว เพราะมีให้ขายถึง 3 ถัง ผมจองถังไอติมกะทิ ก็มันตักง่ายกว่าอันอื่น มีถั่ว มีทอปปิ้งให้เลือกเยอะ......ประมาณบ่ายสองกว่า ๆ ก็ใกล้จะหมด คนเริ่มบางตา ไปดูการแสดงที่หอประชุมกัน รวมทั้งเพื่อนผมด้วย ผมไม่ชอบยืนเบียดกับคนเยอะ ๆ ก็เลยอาสาอยู่เฝ้าร้านคนเดียว อีพวกนั้นก็ตีปีกผับ ๆ ไปกันหมด ผมนั่งทำความสะอาดอุปกรณ์อยู่เพลิน ๆ ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงเรียกมาจากข้างหลัง........


“.....น้องเอ้ขา......” เสียงดัดจริตอย่างนี้เป็นใครไม่ได้นอกจาก

“....อ้าว...พี่มิ้นท์......ไม่ได้เจอกันนานยังสวยเหมือนเดิมนะ.....” ผมทักทาย

“.....แน่นอน......แล้วหนูสบายดีมั๊ย.....”

“.....ก็ดีพี่.....กินไอติมกันมั๊ย.....” ผมถามพี่มิ้นท์กับเพื่อน

“......ไม่มีแบบแท่งเหรอ.....”

“.....อีดอก....ไอติมกะทิบ้านพ่อมึงดิ...เป็นแท่ง.....” เพื่อนพี่มิ้นท์กัดกันเอง

“.....เอาคนละถ้วยนะ เดี๋ยวตักให้เยอะ ๆ เลย.....” ผมตัดบท พวกนั้นก็สั่งให้ผมใส่นู่นใส่นี่ เกินราคาอย่างแรง.......แต่ไม่เป็นไร แค่นี้ก็กำไรเยอะแยะแล้ว พอได้กันไปคนละถ้วยใหญ่ ๆ ก็พากันเดินไปดูงานข้างในต่อ เหลือแต่พี่มิ้นท์ที่ไม่ยอมไปกับเพื่อน

“......ไม่ไปเดินเล่นเหรอพี่.....” ผมลากเก้าอี้มาให้นั่ง

“......เดี๋ยวค่อยเดินตามไป....มีเรื่องจะคุยกับหนูนิดนึง.....” ตั้งแต่รู้จักชีมา เพิ่งเห็นหล่อนทำหน้าจริงจังก็คราวนี้แหละ

“.....อะไรล่ะจ๊ะ....” ผมยิ้ม....ขำหน้าชีมาก

“.....เรื่องวุธ.....” ผมหุบยิ้มแทบไม่ทัน

“......โอ๊ย.....ถ้าเรื่องไอ้ห่านั่น.....ไม่ต้องพูดก็ได้นะ......” ผมพูดเสียงเรียบ

“......หนูชอบมันใช่มั๊ย.....” อยู่ ๆ ก็ถาม ผมตั้งตัวไม่ทันเลย

“.....ไม่อ่ะ.....” ผมส่ายหน้าแรง หัวแทบหลุด

“......ไม่ต้องอายหรอก......พี่ดูออก......” พี่มิ้นท์คาดคั้น เอาวะ กล้าถามก็กล้าตอบ เป็นนิสัยส่วนตัว

“.....เอาเป็นว่าเคยชอบดีกว่า.....” ผมตัดสินใจตอบเลี่ยง ๆ ชีจ้องตา ผมหลบวูบ

“.....ตอนนี้มันเป็นแฟนกับอีออยเด็ก XXXX รู้แล้วใช่มั๊ย.....” โอ๊ย จะมาตอกย้ำกูทำไมเนี่ย.....

“.....รู้ดิ.....เคยเห็นนั่งแทบจะขี่กันขนาดนั้น.....” ผมอดว่าแดกไอ้วุธไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่ได้อยู่ตรงหน้า

“......มันไม่ได้ชอบกันจริง ๆ หรอก......” พี่มิ้นท์ทำเสียงกระซิบ ไม่รู้จะกระซิบทำไมมีกันอยู่สองคนแค่เนี้ย

“.....อ้าว....ไหงงั้นล่ะ......” ผมสงสัย

“......ก็.......โอ๊ย....ไอ้เวร.....ตายยากจริง ๆ พูดถึงก็มาพอดี......” ผมหันไปตามสายตาพี่มิ้นท์ เห็นกลุ่มไอ้วุธเดินตรงเข้ามาที่ร้านผม โดยมีอีออยเดินนมโตล้ำหน้า เป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มนั้น.....ผมเบือนหน้าหนี ทำเป็นไม่สนใจ

“......เอ้.....พี่ไปก่อนดีกว่า.....วันหลังค่อยเล่าให้ฟังนะ.....” พี่มิ้นท์แกลนลานผิดปกติ ผมรั้งไว้ไม่ทัน
*
*
*


“.....ขายอะไรคะ.....” อีดอก เห็นอะไรล่ะ ถังไอติมตั้งสามถังแทบจะทิ่มหน้าอยู่แล้ว

“.....ไอติม.....” ผมตอบสั้น ๆ พยายามทำเสียงให้เป็นปกติ

“.....กินมั๊ย.....” ไอ้วุธถามแฟนมัน

“.....หมด.....” ผมโกหก

“....หมดอะไร.....ยังเหลือขอบ ๆ เนี่ย ได้อีกตั้งหลายถ้วย.....” ไอ้วุธเปิดถังดู

“.....มีคนสั่งไว้แล้ว.....” ผมตอบไม่มองหน้ามัน

“.....ไม่เป็นไรวุธ.....ออยกินไม่เป็นหรอก......” ดัดจริต แดกไม่เป็น แดกผู้ชายเป็นอย่างเดียวสิมึง

“.....พวกแจนล่ะ.....” ไอ้นพถามหลังจากกวาดตามองรอบ ๆ แล้ว

“......ไปหอประชุม.....โน่น...ตึกโน้นน่ะ.....” ผมชี้ไปที่ตึกหอประชุม ทำท่าเหมือนไล่พวกมันให้ไปกัน

“......พวกมึงไปก่อนละกัน.....กูหาอะไรกินแถวนี้แป๊บนึง......” ไอ้วุธจูงมือแฟนมันเดินซื้อของกินในบริเวณที่ห้องผมดูแล ผมก้มหน้าก้มตาหางานทำต่อ พอดีมีคนมาซื้อไอติม ผมก็ขายตามปกติ

“.....ไหนบอกหมดแล้วไง.....” ไอ้วุธตามมาตอแยผมอีก อีออยนั่นนั่งเก๊กสวยอยู่ที่ร้านฝั่งตรงข้าม

“......ไม่อยากขายให้.....โอเคปะ.....” ผมตอบกวน ๆ

“......ทำงี้ได้ไงวะ.....” ผมตกใจที่มันพูดวะกับผม

“......แล้วทำไมกูจะทำไม่ได้.....ก็ร้านกูอ่ะ......” ผมเริ่มเสียงดัง มันอึ้งที่ผมพูดอย่างนี้กับมัน ผมจ้องหน้ามันด้วยสายตาที่มันไม่เคยเห็นมาก่อนแน่......มันจ้องตอบแล้วชี้หน้าผม ผมยิ้มเหยียด ๆ ให้มัน ผมรู้ว่ามันต้องโกรธมากที่ผมทำอย่างนี้กับมัน แต่ผมไม่สนใจ นั่งลงทำงานต่อ......หันมาอีกทีมันไปไหนแล้วก็ไม่รู้


*
*
*


“......อีเอ้.....ทำไมมึงไม่ขายให้ไอ้วุธวะ......” อีแจนถามทันทีที่เห็นหน้าผม

“......กูหมั่นไส้เมียมัน.....ดัดจริต....บอกแดกไม่เป็น......กูก็เลยไม่ขายให้ผัวแม่งซะ.....” ผมตอบข้าง ๆ คู ๆ

“......อีเหี้ย.....ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย.....หรือว่ามึงหึงไอ้วุธ......” อีอ๋าถามกลางวง ผมทำหน้าไม่ถูก

“.....จะบ้าเหรอ.....กูกับไอ้วุธไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย.....”

“......แน่ใจ......”

“.....อีดอก.....ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อ......” ผมหันปเก็บร้านต่อ.......ไอติมที่เหลือก้น ๆ ก็พยายามขูดมากินกันเอง พวกกลุ่มไอ้วุธก็กำลังเดินมาหา

“......นี่ไง.....ยังเหลือตั้งเยอะ.....” ไอ้วุธยังกัดผมไม่ปล่อย ผมโมโหคว้าชามไอติมที่อีพวกนั้นขูดก้นถังเพื่อจะแบ่งกันกิน

“.....อ่ะ.....เรารู้ว่าวุธชอบกินของเหลือ.....ของที่คนอื่นเค้ากินกันจนเกือบหมดแล้ว.....” ผมยื่นชามให้มัน ยิ้มให้มัน แต่ตาผมไม่ยิ้มด้วย คำพูดของผมทำเอาเพื่อน ๆ ผมหายใจไม่ทั่วท้อง ก็ผมกำลังหลอกด่าเมียไอ้วุธอยู่.....อีออยยืนหน้าหงิก ไอ้วุธอึ้ง ไม่คิดว่าผมจะพูดแบบนี้

“......วุธ.....กลับกันเถอะ......” อีออยกระตุกมือไอ้วุธ แล้วเดินออกไปเลย

“.....กูกลับก่อนนะโว้ย.....” ไอ้วุธเดินตามต้อย ๆ

“.....อีเอ้...แรงไปปะ.....” อีนัทถาม

“.....อะไรแรง....” ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ อีพวกนั้นก็เงียบไม่มีใครกล้าถามต่อ


*
*
*

.........อีกสองวันที่เหลือ ผมก็ขายของเหมือนเดิม ไอ้วุธก็มากับเพื่อนมัน มีอีออยตามมาด้วย แต่ไม่มาเฉียดร้านผมเลย ส่วนไอ้วุธก็ไม่ได้เข้าใกล้ผมอีก เพราะอะไรเหรอครับ......เพราะไอ้โยมันมานั่งเฝ้าผมทั้งสองวัน เด็กมหาลัยนี่มันโดดเรียนกันง่ายดีจัง.......บ่อยครั้งที่ผมรู้สึกว่าไอ้วุธแอบมองผมอยู่ พอหันไปมันก็หลบตา ทั้งผมและมันควรจะทำตัวให้สดชื่นกว่าที่เป็นอยู่สิ.....มันมีแฟนสวยอึ๋มอยู่ข้าง ๆ ส่วนผมมีหนุ่มมหาลัยมาคอยช่วยหยิบช่วยจับ ช่วยเรียกลูกค้าสาว ๆ........


............เพิ่งรู้ว่ารุ่นน้องผมนี่ก็แรงไม่ใช่เล่น มีน้อง ๆ มาถามชื่อ ขอเบอร์ไอ้โยตั้งหลายคน แต่มันทำให้ผมและเพื่อน ๆ อึ้งกันเป็นแถว......ก็มันดันบอกว่า ถ้าอยากได้เบอร์ให้ขอกับแฟนมัน แล้วหันมาทางผม มันหมายความว่ายังไงล่ะ ผมได้แต่ยิ้มแหย ๆ น้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ได้.......และด้วยความที่มันเป็นคนอัธยาศัยดี เข้ากับเพื่อน ๆ ในห้องของผมได้ดี มันจึงเป็นที่สนใจของทุกคน เดินไปแหย่คนโน้นที คนนี้ที แต่งตัวน่ารักมาก ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว กางเกงยีนส์สีซีด ๆ ผมยาวลงมาถึงต้นคอแล้ว บางทีมันก็คาดผม.....เวลาเพื่อนผมมองมัน ผมก็จะแกล้วซับเหงื่อให้มันมั่ง มันก็หาน้ำหาขนมมาให้ผมกินตลอด ......พอคนเริ่มบางตา ผมก็พาไอ้โยเดินเล่น ดูการแสดงบนเวที มีการประกวดร้องเพลง......มันบอกว่าสนุกมากรู้งี้เรียนพาณิชย์ดีกว่า.......ผิดกับไอ้วุธที่นั่งหงอยอยู่ไม่ไกล และถ้าผมตาไม่ฝาด ผมเห็นอีออยนั่นมองไอ้โยตาเป็นมัน........


*
*
*
*
*


........การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตผมเกิดขึ้นแล้วครับ.....เมื่อทางบริษัทของพ่อไม่อยากให้พ่อลาออก แต่ใช้วิธีเลื่อนตำแหน่ง และย้ายพ่อให้ไปประจำอยู่จังหวัดใกล้ ๆ กับจังหวัดที่พ่อกำลังทำธุรกิจอยู่......หมายความว่าแม่ผมต้องลาออก และไปช่วยพ่อดูกิจการก่อนกำหนด จากเดิมคือผมต้องเข้ามหาลัยก่อน แต่นี่อีก 2 สัปดาห์ ผมก็สอบปลายภาค เตรียมสอบเข้ามหาลัย ถึงแม้จะเป็นของเอกชนก็เถอะ ต้องสอบเข้าเหมือนกัน.......


.......หลังจากที่ผมรู้ว่าพ่อกับแม่จะต้องไปอยู่ต่างจังหวัดพร้อมกับน้องคนเล็ก ที่ย้ายไปเรียนที่โน่น ผมก็ให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น ไม่เที่ยวไหนเลย เลิกเรียนปุ๊บ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงถึงบ้านทุกวัน.......ทำตัวให้เค้าเห็นว่าผมโตพอที่จะดูแลบ้านได้......ตื่นเต้นจัง ที่ได้เป็นผู้ใหญ่กับเค้าซะที แม่ทิ้งรถไว้ให้ผม หาคนมาทำความสะอาดบ้าน ซักรีดให้ แบบเช้าไปเย็นกลับ เงินเดือนจะโอนให้ทางบัญชีธนาคาร .......ผมไม่มีเวลาคิดเรื่องไอ้วุธ เรื่องโย หรือแม้แต่เรื่องที่อีพี่มิ้นท์พูดค้างไว้......ทุกนาทีของผมใช้ไปกับการเตรียมตัวสอบปลายภาค ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเกรดเฉลี่ยปีนี้จะต้องดีกว่าทุกเทอม เพราะได้คะแนนฝึกงานมาช่วยไว้........


........ในที่สุดก็สอบเสร็จ.....จบแล้วครับ........ชีวิตเด็กพาณิชย์ของผมจบลงแค่นี้ พ่อกับแม่ย้ายไปอยู่เหนือพร้อมน้องชายคนเล็ก......ผมต้องดูแลน้องชายคนกลางที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ......บ้านทั้งหลัง ผมต้องดูแล ซื้อของเข้าบ้าน ทำกับข้าวให้น้องกินทุกวัน จนน้องชายผมปิดเทอม พ่อกับแม่มารับไปเที่ยวเหนือ ให้ญาติสนิทคนนึงมาเฝ้าบ้าน สมบัติมีค่าอะไรก็ไม่มีเหลือแล้ว มีแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น เพื่อนบ้านก็ไว้ใจได้ ฝากบ้านได้ทุกเทศกาล.........ผมเคยไปมาแล้วก็ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ ขี้เกียจนั่งรถแต่ผมไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว ไม่อยากฟุ้งซ่าน โทรร่ำลาไอ้โยและเพื่อน ๆ เป็นดิบดี .........ตลอดปิดเทอมใหญ่ทุกคนต่างมีเรื่องที่ต้องทำ เพื่อนผมเตรียมสอบเข้า ปวส. ที่โรงเรียนเดิม ไอ้โยเตรียมงานรับน้อง คราวนี้เป็นฝ่ายรับน้องบ้าง ส่วนผมไม่ต้องรีบร้อนอะไร เพราะกว่ามหาลัยที่ผมตั้งใจจะเข้า เปิดให้สมัครนั่นก็ตอนที่ผลเอนท์ประกาศแล้ว กว่ามหาลัยจะเปิดก็ต้นเดือนมิถุนา ผมมีเวลาตั้งเกือบสองเดือนที่ต่างจัดหวัด เป็นการพักผ่อนที่ยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต........ผมตั้งใจว่าจะกลับกรุงเทพฯ ด้วยสภาพที่แตกต่างจากตอนขาไป ผมโทรมมาก เหนื่อยจากการเรียน การสอบ การปรับตัวทำทุกอย่างในบ้าน เพราะเกรงใจพี่ที่มาทำความสะอาดให้.........

*
*
*

.......เหมือนหลบไปเลียแผลใจยังไงไม่รู้.......อากาศดี ๆ สังคมใหม่ ๆ สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป มีอะไรแปลก ๆ ให้ทำตลอด อาจจะเพราะว่ายังเด็กด้วยมั้งครับ ผมค่อย ๆ ลืมไอ้วุธไปได้.......ไม่เกี่ยวกับการมีใครใหม่นะครับ แม้แต่ไอ้โยก็เถอะ ถึงมันจะดียังไง คนที่ไม่ใช่ ก็คือไม่ใช่......ผมคลุกคลีกับธุรกิจในครอบครัวจนลืมเรื่องของตัวเอง......การได้อยู่ในกลุ่มผู้ใหญ่ ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย.....ทำให้สำนึกได้ว่า ชีวิตผมมีอะไรต้องคิดมากกว่าเรื่องความรัก ที่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ในสังคมเกย์


When you love someone so deeply
They become your life
It's easy to succumb to overwhelming fears inside
Blindly I imagined I could
Keep you under glass
Now I understand to hold you
I must open up my hands and watch you rise

Spread you wings and prepare to fly
For you have become a butterfly
Fly abandonedly into the sun
If you should return to me
We truly were meant to be, so spread your wings and fly
Butterfly

I have learned that beauty
Has to flourish in the light
Wild horses run unbridled
Or their spirit dies
You have given me the courage
To be all that I can
And I truly feel your heart will
Lead you back to me when you're
Ready to land


I can't pretend these tears
Aren't overflowing steadily
I can't prevent this hurt from
Almost overtaking me
But I will stand and say goodbye
For you'll never be mine
Until you know the way it feels to fly


Spread your wings and prepare to fly
For you have become a butterfly
Fly abandonedly into the sun
If you should return to me
We truly were meant to be
So spread your wings and fly
Butterfly

So flutter through the sky
Butterfly

Spread your wings and fly
Butterfly


To be continued


*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 24-09-2007 18:24:39
 :undecided:
เศร้า

เศร้ากับคนปากแข็ง
 :undecided:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 24-09-2007 18:42:43
ดีคับ
ชอบเรื่องนี้  ได้อ่านเฉพาะตอนที่เข้ามหาลัยแล้วอ่ะ
 :m4:ดีจายที่มีคนเอาตอนที่เรียนพาณิชย์มาต่อ :m11:

เรื่องนี้ช่างเป็นรักที่ทรหดจิง ๆ

*-----*-----*-----*-----*-----*-----*-----*

ขอบคุณมาก ๆ คร้าบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: คุณหนูไฉไล ที่ 24-09-2007 18:48:28
ใจเยน ๆ กานน๊าค๊าบบบ
อย่าสกรรมพี่วุธมาก เด๋วพี่เอ้สะดุ้ง อิอิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 24-09-2007 19:05:31
 :impress:

อ่าไรมันจะเศร้าได้ขนาดนี้เนี่ย

ทำไม่ไม่คุยกันดีดี

แล้วพี่มิ้นท์ทำไมไม่บอกให้รู้เรื่องเนี่ย

โอ้ย ไรกันหว่า

รออ่านต่อไปครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 24-09-2007 19:23:12
 :m28: :m28: ก็พอเข้าใจว่าคุณวุธกลัวโดนล้อว่าเปนแฟนกับคุณเอ้  แต่ทำไมต้องเอาออยมาเปนหน้าฉากด้วยอ่ะครับ   :m28: :m28:

ยัยนี่มันไม่แรงเกินไปเหรอครับ  :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 25-09-2007 02:38:55
สนุกมากคับเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าตอนเข้ามหาลัยจะเป็นยังไงนะ อยากอ่านไวๆจังคับมาต่อด้วยนะคับ ขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 25-09-2007 09:15:25
 :m21: อยากรู้อ่ะว่าวุธเป็นอะไรยังไงกันแน่อ่ะเนี้ย
พี่มิ้นท์บอกวุธไม่ได้รัก แล้วไปคบกับออยทำไม
แล้วจะเป้ฯยังไงต่อไปเนี้ย เอ้จะมีรักครั้งใหม่ หรือป่าว
แล้วโยจะเป็นยังไงต่อไป โอยอยากรู้จัง
รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 25-09-2007 10:26:26
แล้วมาต่ออีกเร็วๆน้า  :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 25-09-2007 10:27:38
อิอิ จะได้อ่านตอนมหาลัยแล้ว ดีใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 25-09-2007 14:43:11
อยากรุ้ต่อว่าจะเป็นไง



แล้วพี่มิ้นอ่ะ จะพ฿ดอะไรอ่ะ อยากรู้มากมาย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: JaeTae ที่ 25-09-2007 22:13:35


 ดันๆ อยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป  :try2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 25-09-2007 23:25:15
 :undecided: :undecided:  รอครับผม
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 26-09-2007 00:00:36
 ติ๊ดๆๆ ........ผมยังคาใจคำว่า "เอ้จะได้แฟน อาจจะโดนข่มขืน"  - - มันยังคาใจไม่หาย  :a4:

ถ้าเกิด โดนวุธจับกดขึ้นมาล่ะ :a5:      นึกภาพม่าออกเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 26-09-2007 01:27:21
พี่มินท์บอกว่า..วุธไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้น..
แล้วสิ่งที่ทำอยู่..ทำเพื่อ.. :m28:
แล้วก่อนหน้านั้นกับเอ้..มันไม่มีความหมายเลยใช่มั้ย.. :monkeysad:
โอ๊ยยยย..ปวดหัว.. :m19:(สงสัยจะอินมากไปหน่อย..แหะแหะ)
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 26-09-2007 12:46:01
ภาคมหาลัยมาแล้วครับรอนานไหมเอ่ยไปอ่านเลยนะครับ


1 New beginning, New friends, New place,

........การเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของผมเป็นไปด้วยความสะดวกสบาย แต่ยังไงก็ต้องสอบเข้า แค่วันสอบผมก็มีเรื่องสนุกแล้วครับ ตื่นเต้นด้วย ไม่มีเพื่อนซักคน.......ตั้งใจไว้ว่าไหน ๆ ก็ไม่มีคนรู้จักเราแล้ว ลองเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่มั่งดีกว่า........ตั้งปณิธานไว้ว่า

.......อย่างแรก พยายามเก๊กแมน ไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นเกย์ เต็มที่เลยเอ้ ไม่ต้องเขิน
.......ไม่คบเพื่อนผู้หญิง.....อาจจะยากหน่อยนะ
.......ขอเจ้าชู้นิดนึง.....แต่ไม่ยอมมีอะไรกับใครเด็ดขาด Save the best for last
.......ลืมเรื่องไอ้วุธให้ได้......ต้องทำได้


........วันที่ไปสอบ ผมเอารถแม่ไปใช้ ใส่ชุดเก่ง ผิดระเบียบอย่างแรง ก็ไม่มีอาจารย์ฝ่ายปกครองที่นั่นนี่นา....ไปถึงก็เดินหาห้องสอบ ตึกเยอะ กว้างด้วย จะถามใครก็ไม่กล้า พยายามไม่ทำตัวเลิกลั่กเป็นบ้านนอกเข้ากรุง.......ในที่สุดก็ถึงห้องสอบจนได้ เข้าห้องน้ำ ทำใจซักพัก ถึงรู้ว่ายังไงก็เข้าได้แน่ แต่ข้อสอบอาจจะยาก แอบกังวลนิดหน่อย......ออกมาอีกทีคนเริ่มเยอะขึ้น ยืนออเต็มหน้าห้องสอบ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กมอปลาย เพิ่งเห็นว่ามีนักเรียนพาณิชย์จากโรงเรียนผมเหมือนกัน แต่เป็นพวกเด็กบัญชี เราแค่ยิ้มให้กันเฉย ๆ ......ยืนมองดูนักเรียนม. ปลายหล่อ ๆ หลายคน กำลังเพลินก็มีคนมาสะกิดแขน


“.......ขอโทษครับ......ขอยืมดินสอแท่งนึงได้มั๊ยครับ.......” เด็กม. ปลายโรงเรียนเอกชนชายล้วนชื่อดังแห่งหนึ่งพูดกับผมด้วยเสียงเกรง ๆ ผมมองหน้าเค้างง ๆ แต่ก็หยิบดินสอดำให้ไป 2 แท่ง

“.....เอายางลบด้วยปะ.....” ผมยื่นยางลบตามไปอีก เค้าก็รับนะครับ คงเห็นกล่องใส่ดินสอขอผมที่มีดินสอและยางลบอีกหลายอันสำรองไว้

“.....ขอบคุณครับ.....” ผู้ชายคนนั้นยิ้มให้ผม ภายใต้กรอบแว่นหนา ๆ นั้น ผมเห็นแววตาที่มันช่างคล้ายกับไอ้วุธเหลือเกิน

“......ไม่ได้เตรียมมาเหรอ.....” ผมสงสัย

“......เตรียมมาครับ......ไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียว ออกมาอีกที.......หายหมดเลย......” เค้าพูดซื่อ ๆ ผมเผลออมยิ้ม อีตานั่นขมวดคิ้ว ผมถึงรู้ตัว

“......เลือกคณะไหนครับ.....” ผมเปลี่ยนเรื่อง

“......บริหารครับ....”

“......เหมือนกันเลย สาขาอะไรครับ.....” ผมถามต่อ

“......การตลาด.....”

“......เฮ้ย.....สาขาเดียวกันอีกแล้ว.....” ผมดีใจ กำลังจะถามชื่อ แต่ได้ยินเสียงประกาศเรียกให้เข้าห้องสอบซะก่อน


*
*
*


........ก่อนเข้าห้องสอบ เค้าหันมายิ้มให้ผม และบอกว่า “.....โชคดีนะครับ.....” ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างประหลาด จะว่าไปแล้ว ไอ้คนนี่มันก็หน้าตาดีอยู่นะ แต่มันดูเด็ก ๆ ยังไงไม่รู้ ซื่อ ๆ เซ่อ ๆ ......เรานั่งไกลกันมาก ห้องสอบเป็นห้องใหญ่ จุได้หลายร้อยคน.....พอเห็นข้อสอบผมก็ยิ้มออก ไม่ยากอย่างที่คิดแฮะ หรือว่าเราเตรียมตัวมาดี.....ยังไม่ทันหมดเวลา ผมก็ออกจากคนเป็นคนแรก ๆ หันกลับมามองในห้องอีกครั้ง ไอ้แว่นคนนั้นมันก็มองผมอยู่พอดี เรายิ้มให้กันนิดนึง แล้วผมก็เดินออกจากห้องสอบไป.......


........ขี้เกียจกลับบ้านอ่ะ.....นึกว่าการได้อยู่บ้านโดยไม่มีผู้ใหญ่นี่จะสนุก แต่ไม่เลย สารพัดปัญหามีมาให้ปวดหัวตลอด ต้องไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟเอง ไฟดับ น้ำไม่ไหล ท่อตัน แก็สหมด ฯลฯ .......เหนื่อยมาก บางครั้งคิดถึงพ่อกับแม่จนน้ำตาซึม น้องชายก็ชักเริ่มจะติดเพื่อนตามวัย ยังดีที่มันไม่เกเร กินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่งั้นผมต้องโดนพ่อแม่ด่ากระจายแน่ ๆ

.......แวะกินข้าวที่โรงอาหารในมหาวิทยาลัยหน่อยดีกว่า จะอร่อยสู้โรงเรียนเก่าเราได้หรือเปล่าน้า......โอ้โห.....ร้านอาหารเยอะแยะไปหมด นี่ขนาดยังเปิดไม่ครบนะเนี่ย เลือกไม่ถูกเลยว่าจะกินอะไร.......ในที่สุดก็ได้ของที่อยากกินที่สุดตอนนั้น ไม่รู้สึกแปลกเลยครับกับการนั่งกินข้าวคนเดียว.....มองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเพลินดี พวกที่สอบเสร็จก็ทยอยออกมากันแล้ว แต่ไม่ยักเห็นไอ้แว่นนั่นเลยอ่ะ..........


........กินเสร็จก็ออกเดินสำรวจรอบ ๆ คราวหน้ามาจะได้ไม่หลง เพิ่งรู้ว่ามีโรงอาหาร 2 โรง มีหอพัก มีล็อคเกอร์ มีสนามเทนนิส เริ่มเมื่อยแล้ว ขับรถวนดูดีกว่า ผมเดินไปที่จอดรถ พร้อมกับมองหาที่จอดใหม่ในคราวหน้าด้วย (นี่ถ้าสอบไม่ได้ เสียเวลาเปล่าเลยนะ).....วนดูตึกสำคัญ พวกฝ่ายวิชาการ ดูตึกคณะบริหาร ห้องสมุด ฝ่ายกิจการนักศึกษา หอประชุมใหญ่มาก......โอเค วันนี้พอแค่นี้ก่อน กลับบ้านไปรอผลสอบดีกว่า.......

*
*
*


........ปากก็บอกไม่ตื่นเต้น ยังไงก็สอบเข้าได้แน่นอน แต่พออีพวกเพื่อนพาณิชย์ผมมันบอกว่า บางทีถ้าคนที่เข้ามาสอบเยอะกว่าจำนวนที่รับ ผมอาจจะเข้าไม่ได้.....เล่นเอาผมเครียดเลยครับ.....ถ้าไม่ได้จริง ๆ ผมคงเคว้ง ผมตั้งความหวังไว้มาก ด้วยหลาย ๆ ปัจจัย

......ใกล้บ้าน......ใช้เวลาไม่ถึงครี่งชั่วโมง ถ้านั่งแท็กซี่ หรือขับรถไปเอง มันมีทางลัดครับ และไม่มีเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง รถไม่ค่อยติดด้วย
......รับน้องไม่รุนแรง......อันนี้ไอ้โย ผู้มีประสบการณ์รับน้องเล่าให้ฟัง มันสอนผมหลายอย่างในการเอาตัวรอด ไม่โดนรุ่นพี่แกล้ง เพราะมันเห็นผมอ่อนแอ แต่มันยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของผม ว่าผมอึดขนาดไหน
.......สถานที่สวยมาก เคยผ่านหลายครั้ง บอกกับตัวเองไว้ว่าเราต้องเรียนที่นี่ให้ได้
.......สำคัญที่สุด......มันไปคนละทางกับบ้านไอ้วุธ.....เราไม่มีทางที่จะเจอกันได้อีก

*
*


.......พูดถึงไอ้วุธ.....ผมไม่ได้ข่าวคราวของมันอีกเลย ตั้งแต่จบพาณิชย์ เพราะเพื่อนผมก็เลิกคบกับพวกเด็กช่างนั่นทีละคน มีแค่อีตาลที่ต้องทนอยู่เลี้ยงลูก มันต้องทนครับ เพราะเวลาผ่านไป ใจคนก็เปลี่ยน ไอ้ตั้มที่เคยดี ก็ไม่เหมือนเดิม สันดานผู้ชายเริ่มออก......คู่อีแจนกับไอ้นพ....เป็นไปตามคาด อีแจนทิ้งไอ้นพ เพราะมันเจอคนดีกว่า ตามประสาคนสวย......คู่อีอ๋ากับไอ้แม็ค.....เลิกเพราะทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน......คู่ของอีนัท ยังไม่ทันจะคบกันก็ไม่ไม่รอด เป็นเพื่อนกันไปซะก่อน อีตูนก็ไอ้เด็กช่างเป็นแฟนเหมือนกัน แต่คนละโรงเรียนกับไอ้วุธ.......ด้วยเหตุนี้มั้งครับ ที่ผมไม่ได้ยินเรื่องของมันอีกเลย ประกอบกับช่วงนี้ยุ่ง ๆ กับเรื่องที่บ้าน เรื่องสอบอยู่ ยังไม่ได้ไปหาพี่มิ้นท์เพื่อคุยเรื่องที่ติดค้างกันไว้คราวนั้น.......

*
*

........วันประกาศผล ผมไปซะเกือบบ่าย 2 โมงเย็น มัวแต่แวะห้างเดินเล่น หลังจากไม่ได้เดินเล่นอย่างนี้เกือบสองเดือน......เห็นชื่อตัวเองบนบอร์ดแล้วอดภูมิใจไม่ได้......มีป้ายบอกให้ซื้อเข็มขัด เข็ม และกระดุม สำหรับนักศึกษาหญิงที่ร้านค้าในมหาวิทยาลัย ผมซื้อสมุดที่มีตรามหาลัยมาตั้งหลายเล่ม แบบว่าเห่ออ่ะครับ.......กลับบ้านก็รีบโทรศัพท์บอกแม่เลย บอกเรื่องกำหนดการรายงานตัว ลงทะเบียน ตรวจสุขภาพ แม่มีหน้าที่อย่างเดียวคือส่งเงินมา ผมรู้สึกว่าผมเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกนิด.......นี่เราต้องทำอะไรด้วยตัวเองหมดทุกอย่าง ไม่เหมือนกับตอนที่เข้าเรียนพาณิชย์ ที่พ่อกับแม่ต้องมานั่งเฝ้า ทำให้ตั้งแต่ลงทะเบียน ยัน ซื้อหนังสือ.......


........รุ่งขึ้น แม่โอนเงินมาให้ผมไปซื้อข้าวของส่วนตัว เสื้อผ้า ชุดนักศึกษา รองเท้า คราวนี้แหละ กูจะเปลี่ยนเป็นอีกคนให้เพื่อน ๆ จำไม่ได้เลย.......ชวนเพื่อนผู้หญิงไปก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง.....โทรไปชวนไอ้โยดีกว่า......โชคดีจริง ๆ ไอ้โยว่างตอนเย็นวันนั้น เรานัดกันเรียบร้อย และนี่จะเป็นครั้งแรกทีผมจะได้ไปหามันที่มหาวิทยาลัย......เห็นพวกเพื่อน ๆ ในมหาลัยของมันแล้ว ผมชักเริ่มอยากเปิดเทอมเร็ว ๆ ซะแล้ว ท่าทางน่าสนุก ทุกคนมีกิจกรรมทำกัน เตรียมตัวรับน้องตั้งแต่วันลงทะเบียนเลยทีเดียว......ไอ้โยแนะนำผมให้เพื่อน ๆ มันรู้จัก พวกเค้าน่ารักมาก ให้การต้อนรับ พูดคุยเหมือนเรารู้จักกันมานาน ยิ่งรู้ว่าผมกำลังจะเข้ามหาลัยปี 1 ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ที่นี่ก็ตาม พวกเค้าให้คำแนะนำ และ ย้ำให้ผมเข้าร่วมกิจกรรม เค้าบอกว่าอย่างผมเข้ารับน้องคงได้แฟนดีกว่าไอ้โยแน่ เอ๊ะ....ผมกับไอ้โยเป็นเพื่อนกันนะ ผมถียงในใจ


.......นั่งรอไอ้โยซักพักมันก็ทำงานเสร็จ เราร่ำลาทุกคน ระหว่างทางเดินไปที่จอดรถ ผมถามไอ้โยว่าเล่าอะไรเกี่ยวกับผมบ้าง......ผมจึงรู้ว่า ไอ้โยบอกเพื่อนมันว่า ผมเป็นแฟนมัน.....ผมรู้สึกแปลกใจมากกว่าที่พวกเค้าเฉย ๆ ไม่เห็นมองผมเป็นเหมือนตัวประหลาด อย่างที่ผมเคยกลัวสมัยเรียนพาณิชย์.......ผู้ชายชอบผู้ชาย เป็นเรื่องธรรมดาในสังคมมหาลัยเหรอ.......ไอ้โยมันถึงได้แจกแจงชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยยาวตลอดทางจนถึงมาบุญครอง........


.......ไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้ว.....เด็กพาณิชย์โรงเรียนผมไม่นิยมมาเที่ยวหรือซื้อของที่นี่ ส่วนใหญ่จะไปสวนจตุจักรกันซะมากกว่า.......ไอ้โยพาผมเดินซื้อของจนทั่ว มันเลือกทุกอย่างให้ผม ช่วยต่อราคา ช่วยถือ พาเดินไปโบนันซ่า สยาม เดิน ๆ ๆ ๆ จนผมเหนื่อยต้องสะกิดมันให้กลับ ไม่งั้นผมเหยียบคันเร่งขับรถกลับบ้านไม่ไหวแน่.......ได้เสื้อผ้า ชุดนักศึกษามาหลายชุด รองเท้าใหม่ เข็มขัดที่สามารถถอดเปลี่ยนหัวเป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยได้......เพิ่งรู้ว่าการเดินมาบุญครองนี่มันดีกว่าจตุจักรตรงนี้นี่เอง ไม่ร้อน แถมได้ทุกอย่างเหมือนกัน แพงกว่านิดก็ยอมวะ แต่ยังไงก็ยังชอบจตุจักรเหมือนเดิมนะ.......อ้อ......ซื้อเซรุ่มเร่งผมยาวมาด้วย หลอดเก่าที่ไอ้โยเคยให้มันหมดแล้ว ไม่รู้อุปทานไปเองหรือว่าผมทำทุกอย่างให้ผมยาวเร็ว ๆ ไม่ว่าจะสระผมด้วยน้ำอุ่นบ่อย ๆ นวด และใช้หวีที่มีปุ่มกระตุ้นรากผม แม้แต่กินอาหารที่เป็นโปรตีน เครื่องใน ตับ ปกติไม่ชอบ แต่ได้ยินมามันช่วยให้ผมยาวเร็ว ทำกินเองทุกวันเลยครับ.....ได้ผลจริง ๆ นะ ผมเริ่มยาวขึ้น เป็นการวางแผนตั้งแต่ก่อนสอบปลายภาคครับ ผมไม่ได้ถูกตัดมาหลายเดือนแล้ว........

*
*
*
*
*

……ในที่สุดก็ถึงวันลงทะเบียน......ผมไปสายเหมือนเคย ไม่คุ้นเคยกับการใส่เนคไท เสื้อแขนยาว ร้อนจะตาย หมุนอยู่หน้ากระจกอยู่นาน มองไปมองมา หล่อดีเหมือนกันนะเรา (ไม่มีใครชม ชมตัวเองก็ได้)........ไปถึงก็หาป้ายคณะและสาขาตัวเองจนเจอ เข้าต่อแถวเลยครับ มัวแต่ก้มหน้าก้มตาค้นสมบัติ ค้นเอกสาร อยู่ ๆ ก็มีเสียงมาจากข้างหลัง......

“......การตลาดใช่มั๊ยครับ.....” ผมมองหน้าคนที่พูดด้วยงง ๆ ป้ายมันก็บอกอยู่ แล้วถามกูทำไมวะ

“......อือ.....” ผมตอบสั้น ๆ ค้นเอกสารต่อ เป็นพวกบ้าหอบฟางไงครับ แบกมาเยอะ ถึงเวลาจริง ๆ ดันหาไม่เจอ

“......ชื่ออะไรครับ.....ผมชื่อกุ้ง......” ไอ้คนข้างหลังสะกิด หลังจากเห็นว่าผมเจอเอกสารที่ต้องการแล้ว

“.....เอ้ครับ.....มาจากไหนครับ.....เอ่อ....หมายถึงจบจากไหนครับ.....” ผมเริ่มเม้าธ์ สังเกตว่าคน ๆ นี้ไม่ใช่ผู้ชายปกติแน่ ผีกับผีดูกันออก

“.....XXXXXX......” นายกุ้งบอกชื่อโรงเรียนพาณิชย์เอกชน ที่เดียวกับอีออย ผมแทบอยากสะบัดหน้าหนี “.....เอ้ล่ะ.....” มันถามผมบ้าง

“......XXXXXX.....” ผมตอบ มันยิ้มดีใจทีได้เจอเด็กพาณิชย์ด้วยกัน “....กุ้งรู้จักออยปะ......ที่....แร....ที่สวย ๆ น่ะ.....” ผมหาเรื่องคุย

“.....รู้จักดิ.....แรดจะตาย.....” กุ้งเผลอแตกสาว

“.....จริงเหรอ.....” ผมทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราว ใสซื่อ

“.....โอ๊ย สุดยอด ถามใครก็ได้คำตอบแบบนี้......มันมีดีแค่สวยกับง่ายเท่านั้นแหละ แฟนคนล่าสุดของอีออยนะ หล่อมาก ๆ ขับกระบะมารับมันทุกวัน คงไม่รู้มั่งว่าอีนี่มันเน่าขนาดไหน......” กุ้งพูดใส่อารมณ์

“.....ท่าทางกุ้งจะไม่ชอบเค้าเนอะ.....” มันคงรู้ตัว ลดระดับเสียงลง

“.....เกลียดเลยแหละ.....มันแย่งแฟนเราตอนปี 1 ......” แหม....ในที่สุดก็บอกกันง่าย ๆ ว่าเป็นเพื่อนสาว มองภายนอกแทบไม่รู้ หน้าตาดีซะด้วย ขาว ๆ ตี๋ ๆ อ้อ ต้องหมวย ๆ สิถึงจะถูก

“.....แล้วคนที่มารับอีออยทุกวันน่ะ รูปร่างหน้าตาประมาณนี้ใช่มั๊ย......” ผมบรรยายรูปร่างหน้าตาไอ้วุธ.....กุ้งพยักหน้ารับเป็นระยะ แถมยังเม้าธ์ให้ผมชีช้ำหนักกว่าเดิม มันเล่าให้ฟังว่าไอ้วุธทำยังไงมั่ง สวีทกันแค่ไหน แต่ยังดีที่มันไม่ confirm ว่าตอนนี้อีออยสวมเขาให้ไอ้วุธหรือยัง เพราะจากประวัติฉาวโฉ่ของมัน คือน้ำแตกแล้วแยกทาง เปลี่ยนผู้ชายบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนกางเกงใน สมัยนั้นเอดส์ยังไม่เป็นโรคฮิตน่ะครับ........

“.....โห.....เม้าธ์ขนาดนี้ ไม่กลัวว่าเราจะเป็นเพื่อนออยเหรอ....” ผมถามขำ ๆ

“.....หึ หึ ....อีนี่มันมีเพื่อนซะที่ไหนล่ะ.....” กุ้งทำท่าค้อนปะหลักปะเหลือก

*
*

.....ลงทะเบียนเสร็จ เตรียมไปตรวจร่างกายในช่วงบ่าย........ดีจังได้เพื่อนไปกินข้าวแล้ว ผมเพิ่งนึกได้ว่าไอ้แว่นคนที่ผมเจอเมื่อวันสอบไปไหน หรือมันจะสละสิทธิ์ ยังไงมันก็ต้องสอบได้แน่นอน มองไปรอบ ๆ โรงอาหาร ไม่เห็นเลย เห็นแต่ผู้ชายคนหนึ่งนั่งกินข้าวคนเดียว มองมาทางผมกับกุ้งบ่อยครั้ง......ผมกระซิบถามกุ้งว่าคนนั้นอยู่สาขาเดียวกับผมหรือเปล่า กุ้งมันก็บอกว่าใช่ เราเลยตัดสินใจชวนให้เค้ามานั่งด้วยกัน......เค้าทำท่าคิดนิดนึง แล้วยกจานมานั่งกับพวกผม......

......เพื่อนใหม่อีกคนคนของผมมีชื่อว่า เต็ม เป็นเด็กพาณิชย์เหมือนกัน แต่เป็นโรงเรียนที่มีเด็กช่างเรียนอยู่ด้วย ตอนแรกเห็นเงียบ ๆ พอคุยไปคุยมา สุดยอด แรดได้ใจจริง ๆ แค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่เราคุยกัน เต็มเล่าเรื่องส่วนตัวให้พวกผมฟังหมดเลย มีอะไรกับใครยังไง....ผมกับกุ้งนั่งฟังอ้าปากค้าง.....เต็มเป็นเพื่อนสาวที่ฮามาก.....เป็นตัวของตัวเองสุด ๆ เถื่อนสัตว์ ผมเลยเรียกมันว่าอีเถื่อน หรือไม่ก็อีหื่น มันก็ไม่โกรธครับ ชอบซะอีก.......

*
*
*

........ขั้นตอนการตรวจร่างกาย มีตั้งแต่ เอ็กซเรย์อก เจาะเลือด ตรวจฉี่ ผมกับเพื่อนใหม่ผ่านมาหมด เหลือแต่ตอนเจาะเลือดซึ่งมีโต๊ะหมอหลายคน หลายโต๊ะ ผมนั่งต่อคิวมองพวกที่กำลังโดนเจาะเลือดด้วยความสยองขวัญ หน้าซีดตาม ๆ กัน รอคิวนานมาก เนื่องจากพอใกล้จะถึงคิว พวกผมก็เดินออกไปเข้าห้องน้ำบ้าง หาอะไรกินบ้าง ไม่อยากโดนเจาะเลือดอ่ะ ......รอจนคนใกล้จะหมด อาการไม่อยู่สุขของพวกผมก็เริ่มแล้ว......เรานั่งเล็งหนุ่ม ๆ คณะอื่นที่ออกมาจากห้องเอ็กซเรย์ บางคนก็เดินถอดเสื้อ บางคนก็ไม่ติดกระดุมออกมา เม้าธ์กันเสียงดัง หัวเราะคิก ๆ คัก ๆ เข้าขากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ......พวกเราสังเกตว่ามีผู้ชายที่นั่งฝั่งตรงข้ามมองมาทางพวกผมบ่อย ๆ และแอบอมยิ้มเวลาพวกผมคุยกัน.....มีลางสังหรณ์ว่านี่ต้องเป็นเพื่อนสาวอีกคนแน่ ๆ อีเต็มเข้าไปตีซี้ก่อนเลยครับ......ได้เพื่อนมานั่งเม้าธ์เพิ่มอีกคน.....ชื่อนัน เป็นเด็กม. ปลายโรงเรียนต่างจังหวัด ดูเงียบ ๆ แต่พูดออกมาแต่ละคำทำเอาพวกผมสะอึก มันเป็นคนมีความคิด มีเหตุผล และรู้ไปซะทุกอย่าง ท่าทางเรียนเก่งด้วย........


........ไม่เห็นจะเจ็บอย่างที่กลัวเลย มันแค่สยองตอนเอาเข็มทิ่มเข้าไปที่เส้นเลือด แต่ตอนนั้นผมมัวแต่หัวเราะกับเพื่อน ๆ ที่เข้ามาให้กำลังใจถึงโต๊ะ อยู่ดี ๆ คุณหมอก็เอาเข็มแทงจึ๊กเข้าไป ผมสะดุ้ง แต่ร้องไม่ออก เพราะมัวแต่หัวเราะค้างอยู่ แป๊บเดียวก็เสร็จ อีพวกนั้นก็โดนเหมือนผม......แต่ละนางพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เจ็บ และนี่ก็เป็นครั้งแรกของทุกคนที่โดนเจาะเลือดที่แขน (ปกติจะโดนเจาะที่ปลายนิ้วหาเชื้อไข้เลือดออกอ่ะครับ)......

*
*


.......ตอนเดินคุยกันออกมาจากสถานที่ตรวจร่างกาย.....กุ้งตาไวกว่าเพื่อน เรียกพวกผมดูผู้ชายคนนึงที่กำลังเดินเลี้ยวสวนเข้ามา หันสิคับ ทันทีเลยแหละ.....อ้าว....นึกว่าใคร ไอ้แว่นคนเดิมที่ผมเจอเมื่อวันสอบเข้านี่เอง.....มันพยักหน้าให้ผมนิดนึง อีพวกนั้นงง ผมเลยเล่าให้ฟังว่าไม่รู้จักกันหรอก แค่เคยคุยกันเท่านั้น อีเต็มรีบจองไว้ก่อนเลย.....อืม....พอใส่ชุดนักศึกษาแบบนี้แล้ว เค้าน่ารักดีนะ ผมคิดในใจ .....


“.......ไปหาอะไรกินกันก่อนมั๊ย.....” ผมชวนพวกนั้นในรถ

“.......คนขับจะพาไปไหนก็ไปหมดแหละ.....” อีกุ้งพูด

“.....ไปกินแถวห้องนันเหอะ.....” อีเต็มพูดเสียงกระตือรือร้น

“.....รู้นะ....ทำไม.....” นันพูดเรียบ ๆ ตามสไตล์ ใคร ๆ ก็รู้ว่าแถวอพาร์ทเม้นท์ที่อีนันพักมีแต่ผู้ชายหน้าตาดี ๆ ทั้งนั้น

“.....อีหื่น......” ผมกัด

“.....อ้าว อีนี่ หรือพวกมึงไม่ชอบ......”

“....แต่กูว่า เบา ๆ ลงหน่อยก็ดี เราไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว.....อีกอย่างสังคมไทยยังไม่ยอมรับพวกเรานะโว้ย....................” อีนันเริ่มพูดเข้าหลักการ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

“......ถ้ากูเป็นผู้หญิง.....คนที่กูรักก็คงไม่ลำบากใจที่จะคบกูหรอก.....” ผมรำพึงเบา ๆ

“......แหม.....ถ้าแฟนมึงเป็นเกย์ ต่อให้ผู้หญิงสวยแค่ไหน เค้าก็ไม่เอาหรอก......ถ้าเอาก็แค่ตบตาคนอื่น......” อีกุ้งพูด คนอื่น ๆ ก็เม้าธ์กันเรื่องนี้

“......แล้วนี่ พวกมึงว่าคนในคณะเค้าจะรู้มั๊ยว่าพวกเราเป็นอย่างนี้.....” ผมถามทะลุกลางปล้อง

“.....ไม่เห็นต้องแคร์เลย....” อีเต็มยักไหล่

“.....อืม....เป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่สุด.....” อีนันรับคำ

“.....ช่ายยยยย......จริง ๆ แล้วพวกมึงก็ไม่ได้สาวอะไรกันมากนี่หว่า ตอนเห็นครั้งแรกกูยังดูไม่รู้เลย......” อีกุ้งพูดบ้าง

“......แต่อย่าให้มารวมกลุ่มกันอย่างนี้เชียวนะ......แข่งกันสาวซะ.....” อีพวกนั้นมองหน้ากันแล้วหัวเราะ


**************************************************************************


......กลับมาแล้วครับ เริ่มต้นเบา ๆ กับการแนะนำเพื่อนใหม่ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ทะเลาะกันบ้าง งอนกันบ้าง แต่จริงใจ.......ความรู้สึกแตกต่างกับตอนที่เรียนพาณิชย์คบกับเพื่อนผู้หญิง ไม่ใช่พวกมันไม่ดีนะ แต่มันดีคนละอย่าง......เพื่อนเกย์เนี่ย ผมสามารถเล่าทุกเรื่องได้โดยไม่ขัดเขิน คำพูดบางคำก็พูดได้คล่องปาก ชอบ ไม่ชอบอย่างเดียวกัน คุยกันรู้เรื่องกว่า......ใครที่มีเพื่อนผู้หญิงเยอะอาจจะเคยรู้สึกอย่างผม.......

ขอบคุณมากๆๆคับพี่เอ้


หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 26-09-2007 13:01:01
เริ่มต้นภาคมหาลัยแล้วท่าทางจะสนุกกว่าเดิม แล้ววุธจะมีบทบาทอีกมั๊ย (อยากรู้จัง)  :m27: :m27: :m27:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 26-09-2007 13:27:55
 :m9:
วู้ภาคใหม่มาแล้ว จะมีคนเก่า ๆ มาร่วมแจมไหมเนี้ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 26-09-2007 14:00:00
 :impress:

วุธหายไปเลย

หายไปไหนหว่า

รออ่านต่อไปครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 26-09-2007 14:23:42
รอ รอ รอ อ่าน ต่อไป :impress:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 26-09-2007 22:14:13
 :m28:
ถ้าจำไม่ผิด
มีใครบางคนเคยสปอยไว้ว่า


รักทรหดจริง ๆ


มะรู้ว่าเราจำผิดหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 26-09-2007 23:18:08
อ่านแล้วคิดถึงตอนสมัยเรียนจัง.. :impress:
สงสัยจะมีหนุ่มใหม่มาปิ๊งแล้วสิ(รึป่าว)..ใส่แว่นซะด้วย :m9:
แต่สงสัยว่าเอ้คงรักวุธไม่ยอมเปลี่ยนแปลง..ซะละมั้ง :m19:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: JaeTae ที่ 26-09-2007 23:27:23



  สนุกอ่ะ แล้วมาต่ออีกน้า :a4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 26-09-2007 23:31:10
เสีย ฟีลลิ่ง เลย ตาวุธหน้าก้น เสียอารม ไม่น่าเชื่อเลยอ่า

แต่ยังไงก้รออ่านภาคมหาลัยต่อดีกว่า เบื่อตาวุธ ชิ๊ๆๆๆๆ :a14:

เด็กแว่นนั่นจะเปนคนนั้นรึป่าวน๊อออ :a4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 27-09-2007 00:58:15
กำลังสนุกเลยคับได้เพื่อนใหม่เยอะเลย มาต่อไวๆนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 27-09-2007 11:48:31
มาต่อเถอะจ๊ะ จะขาดใจแล้ว อยากอ่าน ติดมาก  :m26:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อด$
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 27-09-2007 12:07:41
bigynew นี่ท่าทางจะชอบมากๆเลยเนอะไม่เก็บอาการเลยอ่ะติดตามเหนี่ยวแน่นมากๆไม่หลับไม่นอนไม่ได้ทำงานทำการเลยหรอ  เฮ้อ!!แฟนช้านนน
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 27-09-2007 18:44:52
 :impress:

หายไปไหนหว่า

มาต่อไว ๆ ดิ

รออย่านอยู่น๊า......

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 27-09-2007 23:24:19
 :m17:วันนี้ไม่มาต่อเหรอ..รออยู่น๊า :impress:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: สาวเครือฟ้า ที่ 28-09-2007 02:47:40
อ่านแล้วน้ำตาคลอ  สงสารเอ้ครับ  สู้ๆนะครับ

 :impress: o12 :impress: o12 :impress: o12 :impress: o12 :impress: o12

 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :a2: :a2: :a2: :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 28-09-2007 05:48:57
 :impress:
เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งในความประทับใจ ดีใจที่เห็นมีคนเอามา post ใน board นี้ให้เพื่อนๆ อ่านกัน
เรื่องราวยังอีกยาววววว กว่าจะถึงบทสรุป....เสียน้ำตาไปมากกกกกเหลือเกินกับเรื่องนี้  :m8:
อาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้เค้าโครงเรื่องกว่า 80% เป็นเรื่องจริง ตัวคุณเอ้เองก็มีตัวตนจริง ๆ ...
หลายอย่างที่เอ้คิด ทำ หรือแม้แต่ประสบพบเจอก็คล้าย ๆ กัน....เกย์  หนทางรักมันลำบาก...  :undecided:
แม้จะอ่านจนจบไปแล้วจากเวปอื่นก็ตาม พอเห็นมาลงในเวปนี้ก็ยังแวะมาอ่านอยู่ ความรู้สึกก็ยังคงเดิม
แง่คิดต่าง ๆ ที่เอ้ได้เรียนรู้ จากบทชีวิตตนเอง  :m26:
แฟนคลับที่ติดตามอ่านเรื่องนี้คงได้เก็บและนำไปปรับใช้เพื่อชีวิตรักของแต่ละคน....เอาใจช่วยครับ :a2:
ขอบคุณผู้ post ผู้เขียน และที่สำคัญผู้อ่านทุกคน...ติดตามกันต่อไป...หนทางรักของเอ้จะลงเอยยังไง  :เฮ้อ:
 :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 29-09-2007 11:27:36
 :try2:
จะเสียมารยาทไหมอ่ะครับ ถ้าจะช่วยลงต่อ เห็นเงียบไป อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านต่อเพราะเรื่องยังอีกยาวนัก... ขออนุญาติตรงนี้ละกันนะครับ...ถ้าเห็นว่าไม่ว่างหายไปหลายวันจะมาช่วย post ให้ครับบบบบ......
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

2 The Emancipation of Amy

…..วันปฐมนิเทศ พวกผมนัดกันที่สี่แยกใกล้มหาลัย พอมาครบทุกคนก็เข้าไปพร้อมกัน.....วันนี้ผมได้จอดรถที่เดิมอีกแล้ว ทำเลดีมาก มีร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ แต่คาดว่าถ้าช่วงหน้าฝนต้องย้าย เพราะกลัวกิ่งไม้หล่นมาโดนรถแม่ผม.....ที่ผมจอดตรงนี้ได้ ต้องขอขอบคุณลุงยามที่กันที่ไว้ให้ผม ลุงแกจำผมได้โบกมือเรียกผมให้ไปจอดที่ประจำเลยครับ ก็วันลงทะเบียนครั้งที่แล้ว ผมซื้อขนมไปฝากแก ด้วยความสงสารจริง ๆ ไม่ได้มีความคิดเรื่องที่ให้แกกันที่จอดรถให้ผม.....เห็นแกดีอย่างนี้แล้ว ผมไม่มีอะไรตอบแทน ไม่ได้ซื้ออะไรติดมือมาเลย......ผมเปิดกระจกไปขอบคุณแก.....แกยิ้มซื่อ ๆ บอกว่าให้ผมจอดที่นี่ได้ทุกวัน แกจดทะเบียนรถผม และบอกยามคนอื่นแล้ว........ผมขอบคุณแกอีกครั้ง......อีพวกนั้นกัดผมว่าทำยังกะเป็นอธิการบดี ต้องมีที่จอดรถประจำตำแหน่ง........
........ขณะที่กำลังเดินเม้าธือยู่ข้างทางเตรียมเข้าหอประชุม ก็มีเสียงบีบแตรดังมากมาจากข้างหลัง พวกผมตกใจมีอีนันคนเดียวเท่านั้นที่คุมสติอยู่ไม่แหกปากร้องกรี๊ด แล้วตามด้วยคำด่าพ่อล่อแม่อีกชุดใหญ่......รถยุโรปราคาโคตรแพง สีดำคันยาว ป้ายแดง ใหม่เอี่ยมเงาวับ ถนนตั้งกว้างทำไมต้องขับเบียดพวกผมด้วย มองหน้าคนขับไม่ชัด รู้แต่ว่าเป็นผู้ชายเพราะผูกไท คงเป็นเด็กปี 1 เหมือนกัน พอเคลื่อนมาใกล้ ๆ ไอ้คนขับดันมองพวกผมด้วยหางตา หล่อเลยแหละ ขาว ตาโต ดูดีมีสกุล.....อีเต็มหุบปากที่กำลังด่าทันที......
........ไปถึงหน้าหอประชุม มีโต๊ะให้ลงทะเบียนเช็คชื่อ พวกผมหาคณะ หาสาขาเจอก็เข้าไปเซ็นชื่อ ยังไม่ทันจะเดินไปไหน พวกรุ่นพี่ก็ต้อนพวกผมไปรวมตัวกันที่ซุ้มสาขา ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน คิดว่าจะโดดรับน้องช่วงบ่าย ที่ไหนได้ มาดักไว้ตั้งแต่เช้า อย่างนี้จะหนีไปไหนได้วะ......พวกพี่ ๆ ตรวจเครื่องแบบทุกคน ให้เอาเสื้อใส่ในกางเกง ต้องให้เห็นหัวเข็มขัด อะไรยังไงเนี่ย กูอุตสาห์หนีฝ่ายปกครองที่โรงเรียนเก่าพ้นแล้ว คิดว่ามหาลัยไม่มีการตรวจเครื่องแบบ.....เอาก็เอาวะ คงเป็นแค่ช่วงแรก ๆ .........
.......มองไปรอบ ๆ ก็เจอสายตาคู่หนึ่งกำลังมองมาทางผมอยู่ ไอ้แว่นคนนั้นเอง เรายิ้มให้กันนิดนึง อีกุ้งกระทุ้งผมให้สนใจกับเรื่องที่พวกพี่ ๆ กำลังพูดอยู่ จับใจความได้ว่า ปฐมนิเทศเสร็จให้เด็กปี 1 มารวมตัวกันที่นี่ มีข้าวให้กิน มีการเช็คชื่อ และรุ่นพี่จะพาไปเดินดูรอบ ๆ มหาลัย เป็นการขอความร่วมมือกึ่งบังคับ (ด้วยน้ำเสียง)......กำลังนั่งฟังเพลิน ๆ อีนันก็สะกิดให้ผมดูนักศึกษาผู้ชายคนนึงที่กำลังเดินเข้ามาใหม่.....
“.....ใครวะ....หน้าคุ้น ๆ .....” ผมพยายามนึก
“.....ก็ไอ้คนที่มันขับรถจะชนพวกเราเมื่อเช้าไง.....” อีเต็มมองตาเยิ้ม
“.....หล่อเนอะ แต่กูว่าดูแปลก ๆ ยังไงไม่รู้......” ผมพูด พวกเพื่อนผมเริ่มมองอย่างพิจารณา
“.....กูว่าอีแอบ....” กุ้งโพล่งออกมา ตอนนั้นคนอื่นเงียบกันหมด เสียงอีกุ้งดังพอที่จะทำให้เจ้าตัวคนที่กำลังโดนเม้าธ์หันมามองที่กลุ่มผม ด้วยสายตาเหมือนมองลงมาจากหลังม้า
“.....มองแบบนี้.....เพื่อนสาวแน่นอน.....อ๊ะ ๆ มีค้อนด้วย.....” อีเต็มเริ่มแสดงอาการไม่พอใจ พวกผมต้องปรามให้มันเบา ๆ
“.....น้องที่เข้ามาใหม่ อย่าเพิ่งไปนั่ง มานี่ก่อน.....” รุ่นพี่เรียกไอ้หน้าขาวคนนั้นให้ออกไปยืนข้างหน้า “.....น้องสองคนนั้นด้วย......” พี่คนเดิมชี้มาที่ผมกับกุ้ง เราลุกแล้วเดินออกไปอย่างงง ๆ ตามด้วยผู้ชายและผู้หญิงอีก 6-7 คน ไอ้แว่นนั่นก็โดนเรียกเหมือนกัน เค้าออกมายืนข้าง ๆ ผม เรายิ้มให้กันอีกแล้ว......
“......น้องที่อยู่ข้างหน้านี่......พี่ขอชื่อไว้ก่อน เย็นนี้พี่ขอคุยเป็นการส่วนตัว” พี่คนนั้นพูดเสียงจริงจัง ผมยิ่งกังวลว่าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า มีพี่อีกหลายคนมาช่วยกันจดชื่อจริง ชื่อเล่น เบอร์โทรศัพท์ เบอร์เพจ เสร็จแล้วปล่อยไปนั่งที่เดิม ไม่ถึง 10 นาที รุ่นพี่ก็สั่งให้ลุกขึ้นยืน
“.....เอาล่ะ.....น่าจะครบแล้ว.....เดินตามพี่ไปหอประชุมเลยละกัน......” พวกผมเดินชักแถวไปอย่างเป็นระเบียบ
........หอประชุมอลังการมาก เหมือนในโรงหนังเลย เก้าอี้หนานุ่ม เอนหลังได้แทบจะกลายเป็นนอนฟังอาจารย์พูด แอร์เย็นเฉียบ บรรยากาศน่าหลับมาก แต่ผมหลับไม่ลงหรอกครับ ข้างซ้ายนั่งติดกับอีกุ้งที่คอยหาเรื่องคุย ส่วนที่นั่งติดกับผมอีกด้านดันเป็นไอ้แว่นคนนั้นอ่ะดิ อาการเขินที่ห่างหายมานาน กลับมาแล้วครับ นั่งเกร็ง พยายามไม่ให้แขนไปโดนเค้า ไม่กล้าคุย ไม่กล้าทัก ดีนะที่ไฟในห้องมืดมาก ผมได้แต่แอบมองโครงหน้าหล่อ ๆ มองแว่นบนสันจมูกโด่ง ๆ ตอนที่เค้าเผลอ เค้าอาจจะรู้สึกตัวมั้งว่ามีคนมอง หันมาปุ๊บ ผมก็หลับตาปั๊บ.......ฟังไปฟังมาเริ่มง่วงจริง ๆ ซะแล้ว ไอ้แว่นนั่นก็กระพริบตาถี่ ๆ สักพักก็หลับยาว ผมก็เคลิ้มไปหลายที พอนั่งพิงได้ตำแหน่งเหมาะ ๆ ผมก็หลับไปในที่สุด........
“......เอ้.....ตื่นได้แล้ว......” กุ้งเขย่าแขนผมเบา ๆ ผมงัวเงียลืมตาขึ้นมา เย็นสบายเหมือนนอนอยู่บ้านเลย แต่เอ๊ะ ใครพิงหัวกูเนี่ย ผมขยับตัวแรงขึ้น ไอ้แว่นคนนั้นก็ลืมตามองหน้าผม ในระยะประชิดขนาดนี้ ถึงมืดก็เถอะ ผมเขินมาก ๆ คนอะไรวะ น่ารักชิบหาย
“.....ขอโทษครับ.....” เค้ายิ้มให้ผม
“.....ไม่เป็นไร....” ผมตอบเบา ๆ ได้ยินอีพวกนั้นทำเสียงหมั่นไส้
“....ไปคณะเลยมั๊ย....” อีกุ้งชวน จริง ๆ แล้วตั้งใจชวนไอ้แว่นนี่ต่างหาก เค้าพยักหน้าพร้อมกับผม พวกเราลุกขึ้นเดินออกไปนอกหอประชุมพร้อมกัน
.......ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวพ้นประตู พวกรุ่นพี่ก็ต้อนหน้าต้อนหลัง เหมือนกลัวพวกผมจะหนี.....ในที่สุดก็ถึงคณะ พี่ ๆ หาข้าวกล่องให้พวกผมกินกัน ไม่ต้องเดาเลย กระเพราไก่ ไข่ดาวสุก ๆ ตามระเบียบ ไม่เป็นไรครับ พวกผมกินง่ายอยู่ง่าย อีเต็มขอเบิ้ลด้วย แต่ดันกินไม่หมด พวกเราต้องช่วยกันกิน......
“......มาจากโรงเรียนเดียวกันเหรอครับ....” ไอ้แว่นที่นั่งใกล้ ๆ ถาม
“....เปล่าครับ....เพิ่งมารู้จักกันที่นี่.....” กุ้งตอบ
“....โห....ดูสนิทกันดีนะครับ.....” เป็นใครก็คงแปลกใจที่เห็นพวกผมเข้าขากันขนาดนี้
“....แล้ว....ชื่ออะไรครับ.....” อีเต็มถาม
“....โมทย์ครับ....”
“.....จบมาจากไหนครับ.....” อีเต็มซักต่อ
“.....xxxxx…. สอบเทียบมาอ่ะ”
“.....อ้าวรุ่นน้องเหรอ.....” อีนันทำเสียงผิดหวัง แต่อีเต็มตาลุก
........ยังไม่ทันที่จะได้คุยหาข้อมูลมากกว่านี้ รุ่นพี่ก็แจกป้ายห้อยคอคนละ 1 อัน และให้ปากกาเมจิกหัวแถว สั่งให้เขียนชื่อตัวใหญ่ ๆ ถามว่าใครมีโรคประจำตัว และให้ป้ายแบบพิเศษ รุ่นพี่ให้เวลาพวกผมทำความรู้จักกัน ก่อนจะพาเดินรอบมหาวิทยาลัย พวกผมเดินร่อนไปคุยกับคนนั้นที คนนี้ที แต่มีอยู่คนเดียวที่ไม่สุงสิงกับใคร ไอ้ไฮโซเมื่อเช้า นั่งเชิดอยู่ไม่ไกลจากพวกผม มองป้ายชื่อมันก็รู้ว่าชื่ออะไร แต่พวกผมพร้อมใจกันเรียกมันว่า “อีแอ๊บ” เวลาต่อมาท่ามกลางผู้คน ผมจะใช้ชื่อ “น้องเปิ้ล ย่อมาจากแอ๊บเปิ้ล” แทนตัวมัน เพื่อสะดวกในการเม้าธ์ระยะเผาขน บ่อยครั้งที่เราสบตากัน แต่เป็นสายตาที่เฉยเมย ไม่มีแววของความเป็นมิตร.....สักพักรุ่นพี่ก็บอกว่าให้นั่งเข้าแถวกันเหมือนเดิม และแจกกระดาษ ส่วนปากกาพวกเรามีกันอยู่แล้ว.....คำสั่งต่อไปคือให้เขียนชื่อเพื่อนเท่าที่จำได้ ห้ามมั่ว เพราะรุ่นพี่รายชื่อเด็กปี 1 ในสาขาทุกคน ใครได้น้อยที่สุดจะต้องโดนทำโทษ หลังจากที่กลับมาจากเดินรอบมหาวิทยาลัย......พวกผมก็ยิ้มสิครับ แอบลอกกันบ้าง ผมเหลือบตาไปเห็นอีแอ๊บนั่งหน้าเครียด แต่ยังดีที่มีกลุ่มชะนีไฮโซมาคุยด้วย......
.......กลับจากเดินรอบมหาวิทยาลัย ร้อนมาก เมื่อยด้วย พักแป๊บนึง แล้วก็ให้นั่งเข้าแถวเหมือนเดิม......ต่อไปจะเป็นการทำโทษคนที่ได้ชื่อเพื่อนน้อยที่สุด เป็นใครไปไม่ได้นอกจากอีแอ๊บ.....รุ่นพี่เรียกมันให้ออกมาข้างหน้า มันก็ไม่ลุกครับ พี่ว๊ากจึงต้องมาตะคอกใกล้ ๆ มันถึงได้ลุกออกมาแบบไม่เต็มใจ.......รุ่นพี่สั่งให้มันเต้นท่าประหลาด ๆ มันก็ไม่ยอมเต้น......มีไอ้พวกผู้ชายห่าม ๆ ที่เริ่มจะเข้าขากัน ตะโกนแซวเป็นระยะ พวกผมก็หัวเราะกันสนุกสนาน แม้แต่โมทย์ยังนั่งอมยิ้มมองท่าเต้นที่รุ่นพี่สั่งให้อีแอ๊บทำ......
“......เอ้า.....สี่คนนั้นน่ะ มัวแต่ขำเพื่อน ออกมาเต้นด้วยกันเลย.....” ซวยแล้วกู โดนตั้งแต่วันแรก พวกผมมองหน้ากันงง ๆ แต่ก็ออกไปโดยดี
“.....ทำอย่างนี้นะ......” รุ่นพี่สอน อีเต็มเอาก่อนเลยครับ พวกผมเริ่มสนุกด้วย เอาก็เอาวะ ถอยไม่ได้แล้วนี่หว่า......เป็นที่ฮือฮามาก อาการอายไม่มีในกลุ่มผมครับ.....ยิ่งพวกผมกล้าเท่าไหร่ พี่ ๆ ก็ยิ่งกดดันอีแอ๊บเท่านั้น.....ในที่สุด อีแอ๊บก็ต้องเต้นทั้ง ๆ ที่หน้าหงิกหน้างอ แสดงทีท่าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“......พวกนั้นด้วย.....ออกมา......ซ่านัก.....” รุ่นพี่เรียกกลุ่มผู้ชายที่ค่อนข้างจะเกเรออกมาร่วมวงด้วย......
.........ยิ่งกล้ายิ่งสนุกครับ เสียงกลอง เสียงร้องเพลง เสียงเชียร์ เสียงกรี๊ด จากรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันดังลั่น พวกผมปล่อยลูกบ้าออกมาเกินค่าตัว ซักพักรุ่นพี่ต้องบอกให้กลับไปนั่งที่......ต่อไปเป็นการแนะนำตัวของรุ่นพี่ และการพูดถึงการเรียนในมหาลัย ความสำคัญของการรับน้อง การแต่งกาย การปฎิบัติตัวต่ออาจารย์ และรุ่นพี่ รวมทั้งการนัดแนะเวลาในการรับน้องเมื่อถึงวันเปิดเทอมจริง ๆ วันนั้นรุ่นพี่ปล่อยให้กลับบ้านตอนเกือบ 4 โมงเย็น......แต่คนที่พี่เรียกเมื่อตอนกลางวันต้องอยู่ต่อ ผมกับกุ้งเดินไปที่โต๊ะของพี่คนนั้น เพิ่งสังเกตว่ามีแต่คนหน้าตาดี ๆ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย......เมื่อเช็คชื่อครบแล้ว พี่จึงบอกเหตุผลที่เรียกพวกผมมา เค้าให้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของสาขา เพื่อไปแข่งกับสาขาอื่นของคณะบริหารธุรกิจในวันกีฬาเฟรชชี่......พี่ ๆ พยายามหว่านล้อม ผมมองหน้ากุ้งเป็นเชิงปรึกษาว่าจะเอาดีมั๊ย......ใจนึงก็อยากอ่ะนะ แต่คิดไปคิดมา ไม่เอาดีกว่า มีอย่างอื่นให้ทำอีกตั้งเยอะ ไม่ใช่ไม่อยากทำกิจกรรมนะครับ รู้ตัวว่าผมไม่เหมาะ และไม่พร้อมเรื่องมาซ้อม เพราะผมต้องดูแลบ้านทั้งหลัง ยังปรับตัวไม่ได้เลย......ท่าทางกุ้งก็ไม่อยากเป็นลีดเหมือนกัน เรากระซิบกระซาบกันซักพัก......ผมเป็นคนเอ่ยปากปฏิเสธพี่ ๆ ให้เหตุผลว่าไม่ว่าง อีกุ้งบอกเต้นไม่เป็น ทั้ง ๆ ที่มันเคยเป็นลีดมาแล้ว 3 ปีรวดตอนเรียนพาณิชย์.....ตอนแรกพวกรุ่นพี่ไม่ยอม ขู่บังคับพวกผมให้ทำกิจกรรม คงคิดว่าพวกผมจะกลัว หรือเกรงใจ.....แต่ผมกับกุ้งเริ่มโวยวาย วีนกลับบาง จากที่ตั้งใจว่าจะไม่แสดงออกให้ใครรู้ว่าเป็นเกย์ แต่ตอนนี้พวกพี่ ๆ อ้าปากค้างมองผมกับอีกุ้งรวมหัวกันโวย (วิธีนี้น้องใหม่อย่าสุ่มสี่สุ่มห้าทำนะครับ ต้องมั่นใจว่าเราถือไพ่เหนือกว่า.....ไอ้โยแนะนำมา)......ในที่สุดพี่ ๆ ก็ต้องยอม และยิ้มหัวเราะให้พวกผม 2 คนยังกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังบอกอีกว่าพวกผมกล้าดีพวกพี่ ๆ ชอบ โล่งอก ผมขอตัวกลับบ้าน และหันไปยิ้มให้เพื่อนร่วมรุ่นทุกคน ได้รับรอยยิ้มตอบทันที ยกเว้นอีแอ๊บ......
........ผมกับกุ้งเดินกลับไปหาเพื่อนที่นั่งรออยู่ไม่ไกล.....เรานั่งเม้าธ์ถึงวีรกรรมที่เพิ่งทำเมื่อสักครู่ และบอกอีนันกับอีเต็มว่า ต่อไปคงปิดไม่มิดแล้ว พี่ ๆ เค้าต้องรู้ว่าพวกเราไม่ใช่ผู้ชาย 100 เปอร์เซ็นต์......อีพวกนั้นไม่เห็นกังวลอะไรเลย มีผมคนเดียวที่เครียด แต่....เอ๊ะ....เราโตแล้วนี่หว่า ที่บ้านเราก็ใหญ่ที่สุด ไม่ใครฟ้องพ่อแม่เราได้ด้วย เต็มที่ดีกว่า สนุกกับชีวิตมหาลัย ครั้งหนึ่งในชีวิต......ผมยิ้มออก.....พากันเดินหาขนมกิน แล้วไปที่จอดรถ.......
“.......เฮ้ย.....นั่นมันรถอีแอ๊บปะวะ......” อีกุ้งพูดเสียงดังแข่งกับเสียงเพลงในรถ
“.......น่าจะใช่.......” ผมจำไม่ได้หรอก รถรุ่นนี้มีตั้งเยอะแยะ
“......อีเอ้.....แซงไปดูหนังหน้ามันหน่อยดิ......” อีเต็มยุ ก็ได้ รถว่าง ๆ ไม่อันตราย ผมเร่งเครื่องแซงรถคันข้างหน้า จนรถผมขนาบอยู่ข้าง ๆ
“.....พวกมึงดูดิ.....ไอ้น้องโมทย์มันอยู่ในรถอีแอ๊บ.....มันกลับด้วยกัน......” อีเต็มตีโพยตีพาย เหมือนเห็นผัวไปกับเมียน้อย
“......เห็นเงียบ ๆ อย่างนี้ แรงไม่ใช่เล่น......” อีนันพูดเสียงเรียบ
“.....ตาม....อีเอ้ตาม...... กูอยากรู้ว่ามันไปไหนกัน......” อีกุ้งเผลอสั่งผม
“.....เออ กูจะพยายาม......” แต่ไม่ได้ผลครับ อีแอ๊บมันคงรู้ว่าพวกผมกำลังจะขับตาม มันเหยียบทีเดียวรถพุ่งไปเร็วจนผมตามไม่ทัน อีพวกนั้นได้แต่นั่งบ่นเสียดาย ไม่รุ้ว่าเสียดายที่ตามไม่ทัน หรือเสียดายน้องโมทย์
......หลังจากที่ตระเวนส่งพวกมันจนครบ......อารมณ์เหงามันก็เข้ามาอีกแล้วครับ เกลียดจริง ๆ ช่วงเย็นวันอาทิตย์เนี่ย.....มองแดดอ่อน ๆ มองคนที่เดินข้างทาง มองคู่รักที่ซ้อนมอไซค์พากันไปเที่ยว.....เมื่อก่อนไอ้วุธกับผมก็ขี่รถเล่นกันเวลานี้ประจำ.....ตอนนี้มันเป็นยังไงมั่งก็ไม่รู้......แต่ลึก ๆ ดันไปคิดถึงไอ้โมทย์ที่นั่งรถไปกับอีแอ๊บ มันจะไปถึงไหน ไปทำอะไรกัน.....จะว่าอิจฉาก็ไม่ใช่.....เสียดายผู้ชายหน้าตาดีมั้ง......
.......เหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เดียวก็จะเปิดเทอมแล้ว ตื่นเต้นจังเลย คุยกับไอ้โยทุกวันตอนดึก ๆ ปรึกษาเรื่องรับน้องซึ่งผมกลัวที่สุด และเพิ่งจะทำเรื่องเอาไว้ ไม่รู้พี่ ๆ จะเกลียดขี้หน้าหรือเปล่า.....ไอ้โยคอนเฟิร์มจากประสบการณ์การเป็นรุ่นพี่ มันบอกว่าพี่ ๆ เค้าไม่ถือสาอะไรหรอก อาจจะมีการแกล้งพวกผมเป็นพิเศษ แต่มันมั่นใจว่าพวกผมจะต้องเป็นขวัญใจของรุ่นพี่แน่ ๆ.......
.......ไม่มีอะไรทำเลยครับ....อยู่บ้านก็เบื่อ เพื่อนพาณิชย์ก็เปิดเรียนกันแล้ว......นึกได้ว่ายังมีพี่มิ้นท์อีกคนที่ผมไม่ได้เจอซะนาน อยากไปหา ไปคุยถึงเรื่องที่ติดค้างกันไว้ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าผมไม่รู้ว่าบ้านพี่แกหลังไหน รู้แค่ว่าใกล้ ๆ บ้านไอ้วุธ เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่มี.....จะเข้าไปแถวนั้นได้ยังไง เอารถไปก็กลัวเจอไอ้วุธ มันต้องจำรถแม่ผมได้แน่ เพราะเคยช่วยกันล้างมาก่อน......เอามอไซค์ไปดีกว่า ใส่หมวกกันน๊อค ใส่เสื้อกันลมซะหน่อย มันอาจจะเข้าใจว่าเป็นน้องชายผมก็ได้.....แต่ถ้ามันเข้ามาทักล่ะ.....โอ๊ย ผมคิดไปสารพัด.....สุดท้ายก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าคงไม่ซวยขนาดเจอมันหรอก........
........ตอนค่ำ ๆ ผมคิดว่าพี่มิ้นต้องกลับมาแล้วแน่ กลับมาซื้อข้าวบ้านไอ้วุธ......ผมขี่มอไซค์ไปจอดซุ่มอยู่ในซอย หมวกกันน็อคก็ไม่ถอด คนเดินผ่านไปผ่านมามองผมแปลก ๆ ชักเริ่มอาย ตัดสินใจถามคนแถวนั้นว่าบ้านพี่มิ้นท์อยู่ไหน ไม่มีใครรู้จัก ผมนึกได้ว่า อีพี่มิ้นฺท์ ชื่อจริง ๆ เค้าชื่อแมน ผมเลยถามใหม่ ทีนี้เค้าร้องอ๋อเลย บอกทางไปบ้านพี่มิ้นท์อย่างละเอียด ผมฝากมอไซค์ไว้แล้วเดินเข้าไป ไอ้วุธมันคงไม่เดินมาแถวนี้หรอก ป่านนี้มันก็ใกล้จะปิดร้านแล้ว.....เมื่อตอนขี่รถผ่านบ้านมัน ผมไม่กล้าหันไปมองเลยครับ กลัวมันเห็นผม กลัวก๊อกแตกเมื่อเห็นหน้ามันด้วย.......บรรยากาศเดิม ๆ มันทำให้ผมยิ่งคิดถึงมันมากขึ้น......ต้องหักห้ามใจตัวเองอย่างแรงที่จะไม่คิดเรื่องมัน.......
........บ้านพี่มิ้นท์เป็นบ้านเช่า เข้าซอยไปไม่ลึกนัก ในบ้านเปิดไฟสว่างโร่ มีคนอยู่แน่นอน มองหาออดจะกดเรียก ไม่มีอ่ะ ตะโกนเรียกก็ได้วะ......
“.......พี่มิ้นท์.......อุ๊ย......ไม่ใช่.......พี่แมน.....พี่แมน.......” ผมเกาะรั้วเรียกด้วยเสียงที่เข้มกว่าปกตินิดนึง
“......ใครวะ......” เสียงอีพี่มิ้นท์ตะโกนออกมาจากข้างใน สักพักก็โผล่หัวออกมา “.....เฮ้ย.....เข้ามาดิ ประตูไม่ได้ล็อค......” อีพี่มิ้นท์ยิ้มแฉ่ง ผมเปิดประตูเหล็กออก แล้วแทบวิ่งเข้าไปหา
“......ใครมาอ่ะพี่......” ผมเงยหน้ามองตามเสียงคุ้น ๆ ขณะถอดรองเท้าหน้าบ้าน
“....................” เงียบ......ไม่มีเสียงตอบ มีเพียงสายตาที่ประสานกัน มีความรู้สึกหลาย ๆ อย่างในแววตาคู่นั้น มันยังดูหล่อเถื่อน ๆ เหมือนเดิม ผมยาวขึ้นกว่าเดิม แต่ดูล่ำขึ้น อีออยคงเลี้ยงดี
“......วุธ......” ผมพูดกับตัวเองเบา ๆ ผมเห็นปากมันขยับเป็นชื่อผมเหมือนกัน
“......มัวแต่มองกันอยู่นั่นแหละ.....จะยืนคุยกันตรงนี้หรือไง....” พี่มิ้นท์ทำลายความเงียบ
“.....เอ้กลับก่อนดีกว่าพี่.....” ผมพูดกับพี่มิ้นท์เสียงเรียบ ไม่มองหน้าไอ้วุธอีก
“.....อ้าว....ทำไมล่ะ.....ขึ้นมากินน้ำก่อนดิ.....” อีพี่พิ้นท์มันโง่จริงหรือแกล้งโง่เนี่ย กูไม่อยากเห็นหน้าไอ้วุธ
“.....ไม่อ่ะ.....วันหลังมาใหม่นะ......” ผมฝืนยิ้มให้พี่มิ้นท์
“.....เออ ๆ เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง.....” อีพี่มิ้นท์เดินลงมาใส่รองเท้า “.....เฝ้าบ้านด้วยนะ.....” แกหันไปสั่งไอ้วุธ
“.....มีธุระอะไรหรือเปล่าเอ้.....”
“....ไม่มีหรอกพี่.....แค่เบื่อ ๆ ก็เลยมาหา.....” คันปากยิบ ๆ อยากถามว่าไอ้วุธมันมาทำอะไรที่บ้านชี แต่ถามไม่ได้ กลัวเค้าเข้าใจผิดว่าผมหึง
“.....ไอ้วุธมันเข้าไปคุยประจำแหละ นี่ยังไม่หายงอนมันอีกเหรอ.....” แหม เหมือนรู้เลยว่าผมคิดอะไร แต่ผมไม่ได้งอนไอ้วุธนะ เค้าเรียกความรู้สึกแบบนี้ว่าโกรธย่ะ ผมเถียงในใจ......ถ้าตอนที่มันยังคบกับผมอยู่ ผมคงหึงอ่ะนะ แต่นาทีนั้น ไม่เลย....เราเดินคุย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันจนถึงหน้านที่ผมจอดรถไว้
“.....พี่มิ้นท์.....นี่เบอร์เพจเอ้ มีอะไรก็เพจมานะ.....” ผมล้วงกระเป๋าหยิบปากกากระดาษ ก้มลงจดเบอร์ที่เบาะมอไซค์ พี่มิ้นท์รับไปดู แล้วพับใส่กระเป๋า “.....แล้วไม่ต้องเอาเบอร์เอ้ไปแจกใครนะ......” ผมกำชับ ผมแน่ใจว่าเค้ารู้ว่าผมหมายถึงไอ้วุธ.....
“.....จ้า.....กลับบ้านดี ๆ นะ......” พี่มิ้นท์โบกมือให้ ผมขี่มอไซค์ไปช้า ๆ หมวกกันน็อคห้อยไว้ที่แฮนด์ สมัยนั้นไม่เข้มงวดกับหมวกกันน็อคอ่ะครับ
.......ปลายเดือนพฤษภาคม อากาศร้อนอบอ้าว ฟ้าแลบเป็นระยะอยู่ไกล ๆ อีกสักพักฝนคงตก.....ผมขี่รถกลับบ้านชิดเลนซ้ายตลอด ไม่มีการแซง ในหัวมีแต่หน้าไอ้วุธลอยไปลอยมา ผมไม่น่าไปเจอมันเลย กำลังจะทำใจให้ลืม พอเห็นหน้ามัน ก็ยิ่งรู้ตัวว่าลืมมันไม่ลงแน่ ๆ มีอยู่แค่ทางเดียว คือ หาคนใหม่มาแทนมัน (นี่เป็นความคิดของคนที่อายุ 17 ย่าง 18 นะครับ)

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 29-09-2007 11:29:28
3 Little War

.........การรับน้องไม่เห็นน่ากลัวอย่างที่คิด สนุกมาก ๆ ได้รู้จักคนเยอะแยะ ถึงจะจำชื่อได้ไม่หมดก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็จำหน้าได้ รู้ว่าคนนี้เรียนสาขาเดียวกับเรา เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน ซักวันเราอาจจะต้องพึ่งพาพวกเค้าก็ได้.......
.......โดนมาหมดแล้วครับ ไอ้ท่าเต้นน่าเกลียด เพลงอุบาทว์ การลงโทษที่ทำให้ผมต้องหน้าด้านกว่าเดิม.....เรียกว่าการรับน้องนี่เป็นการดึงเอาตัวตนที่แท้จริงของคนออกมาให้ได้เห็นกัน สปิริต คือเรื่องที่สำคัญที่สุด ถ้าเพื่อนทำได้ ผมต้องทำได้เช่นกัน......โชคดีที่เพื่อนของผมเป็นประเภทลุย ๆ เหมือนกัน ถ้าเข้าขาครบแก้งค์กันเมื่อไหร่ การรับน้องเย็นนั้นจะมีสีสันขึ้นมาทันที......หลัง ๆ มานี่รุ่นพี่จะพยายามให้พวกผมกระจายตัวกันไปแถวอื่น ให้รู้จักคนอื่นมากขึ้น......แต่ผมซวยที่สุด เพราะต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกับอีแอ๊บ และโมทย์.....
.......เย็นนี้ หลังการว๊าก และเล่นอะไรกันนิดหน่อย รุ่นพี่พาพวกผมเดินไปเข้าห้องเรียนรวมขนาดใหญ่......ในนั้นมีรุ่นพี่เยอะมาก ๆ มีทั้งที่จบไปแล้ว และทุกคนตั้งแต่ปี 2 ถึงปี 4 สงสัยอยู่ไม่นาน พี่เค้าก็เฉลยว่า วันนี้จะมีการจับน้องรหัส และประชุมเรื่องไปรับน้องต่างจังหวัด......โห โคตรตื่นเต้นเลย ในใจแอบคิดอยู่ลึก ๆ ว่าอยากได้พี่รหัสหล่อ ๆ เผื่อจะได้มีใครสักคนที่ทำให้ผมลืมไอ้วุธ.......
........ฝันเป็นจริง......พี่รหัสผมเป็นคนที่ผมเล็งไว้ตั้งแต่เข้ารับน้องวันแรก เสียงกรี๊ดดังถล่มถลาย หนึ่งในนั้นเป็นเสียงอีกุ้ง ผมจำได้แม่น พี่รหัสผมหล่อเนี้ยบไปทั้งตัว หลับตามองก็รู้ว่าเป็นเกย์ คราวนี้คงลืมได้วุธได้แน่ ๆ....... แต่ฝันของผมก็ต้องพังทลาย เพราะหลังจากที่ได้พี่รหัสน้องรหัสกันเรียบร้อย พี่ว๊ากก็บอกกฎเหล็กว่า ห้ามพี่รหัส และน้องรหัสเป็นแฟนกัน......ผมได้แต่นั่งทำใจ เสียดายชิบเป๋ง แต่ไม่เป็นไร คิดซะว่า คบกันแบบพี่น้องคงยาวนานกว่า......
“.......ต่อไปจะเป็นเรื่องการรับน้องต่างจังหวัด ปีนี้เราจะไปกันที่ระยอง พี่ขอความร่วมมือให้น้อง ๆ ไปกันทุกคน ปีนึงมีครั้งเดียว.....เราจะค้างที่นั่น 1 คืน ไปเช้าวันเสาร์นี้ กลับวันอาทิตย์.....ถ้าใครไม่มีปัญหาอะไรก็ลุกขึ้นมาลงชื่อตรงนี้เลย......” สิ้นเสียงพี่คนนั้น ผมก็มองหน้าเพื่อนในกลุ่มที่ตอนนี้โดนแยกไปนั่งอีกแถวนึง.......เสียงคุยกันดังมาก มีคนทยอยเดินออกไปลงชื่อหน้าห้อง ผมอาศัยช่วงชุลมุน ลุกขึ้นไปนั่งกับกลุ่มผม......ปรึกษากันว่าจะไปหรือเปล่า พวกพี่เค้าไม่ได้บังคับนี่นา.......คุยกันสักพัก ก็ตกลง เอาไงเอากัน ไปก็ไป (วะ)
“.....ดีมากเอ้......” พี่รหัสผมยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง มองพวกผมลงชื่อไปรับน้อง
“.....พี่ก้องดูแลเพื่อนผมดี ๆ ด้วยละกัน.....” อีกุ้งปากไวแซวพี่เค้า
“.....ได้สิครับ.....พี่จะดูแลอย่างดีเลย.....” พี่ก้องพูดกับผม แต่มองอีกุ้ง หมายความว่าไงเนี่ย.....อีกุ้งหลบตาวูบ
“.....กุ้ง....กูว่าพี่เค้าแปลก ๆ นะ....” ผมพูดขณะเดินกลับไปนั่งที่
“....ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลย.....” อีกุ้งพูดเสียงเรียบ แต่หน้าแดงเชียว
“....เดี๋ยวมึงก็รู้ว่าแปลกหรือเปล่า.....เดินมานี่แล้ว.....” เพื่อนผมฉีกยิ้มให้พี่ก้องเต็มที่ ยกเว้นอีกุ้งที่นั่งมองไปทางอื่น
“.....เย็นนี้รีบกลับบ้านหรือเปล่าครับ.....”
“....ถามใครอ่ะพี่....” อีเต็มกวน
“.....เออ.....พี่ว่าจะชวน......เอ้ไป.....ไปกินข้าว.....พี่รหัสคนอื่นก็พาน้องไปกินอย่างนี้แหละ.....” พี่ก้องพูดติด ๆ ขัด ๆ
“.....โห....ทำไมพี่ผมไม่เห็นชวนอย่างนี้เลยล่ะ.....” อีนันพูดยิ้ม ๆ
“.....อาจจะเป็นวันหลังก็ได้.....” พี่เค้าแก้ตัวให้เพื่อน
“.....เฮ้ย.....นัน.....เต็ม.....เย็นนี้ไปกินกับพี่.....อย่าหนีไปไหนนะ......” พี่ก้องยังแก้ตัวไม่จบ พี่รหัสของนันกับเต็มก็ส่งเสียงชวนไปกินกับพวกเค้า คาดว่าน่าจะเป็นกินเหล้าซะมากกว่า ก็พี่เค้าเถื่อนจะตาย ......อีสองคนนั่นพยักหน้ารับแบบไม่ต้องคิดเลย
“.....อ้าว.....ไปกันหมดเลย.....แล้วกูล่ะ......” อีกุ้งพูดงอน ๆ
“.....พี่รหัสของกุ้งไม่ว่างเย็นนี้อ่ะ.....งั้นไปกับพี่ก็ได้นะ.....” พี่ก้องชวน
“.....รู้ได้ไงพี่.....”
“.....ก็เค้าฝากกุ้งกับพี่แล้วอ่ะดิ.....” เพื่อนผมอึ้ง
“.....เออ ๆ ไปด้วยกันเถอะ หลายคนสนุกดี.....” ผมกระทุ้งมัน
“.....ไม่ไป.....” ผมรู้ว่าอีกุ้งเขิน
“....มึงจะให้กูไปกับเค้าสองคนได้ยังไง....ไปเป็นเพื่อนกันเลย.....” ผมกระซิบแกมบังคับ อีกุ้งมองหน้าผม ก่อนที่มันจะปฏิเสธครั้งที่สอง ผมหันไปตกลงกับพี่ก้อง
“.....โอเคพี่.....ไปกันสามคนนี่แหละ.....”
“.....ครับ.....เลิกแล้วเจอกันที่โต๊ะนะ.....” พี่เค้าหมายถึงโต๊ะประจำของสาขา
“.....อ้าว....ทำไมไม่ไปล่ะ......” อีว๊ากพูดเสียงดัง ขณะพวกผมกำลังเม้าธ์กันอยู่ ต้องหยุดเพื่อหันไปดูว่าแกหมายถึงใคร
“.....ไม่อยากไปครับ.....” อีแอ๊บนี่เอง
“.....มีอะไร ทำไมไม่อยากไป....หา.....” พี่เค้ายังเซ้าซี้ ก็คงเหลือแต่มันล่ะมั้งที่ยังไม่ลงชื่อ
“.....ไม่อยากไปร่วมกิจกรรมกับคนบางคน.....” อีแอ๊บพูดเสียงเรียบ แต่ในห้องตอนนี้เงียบกริบ ทำให้ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่อย่างชัดเจน
“.....ใคร.....” พี่ว๊ากถามต่อ.....อีแอ๊บไม่ตอบ แต่ปรายสายตามาทางพวกผม คนอื่นไม่รู้คิดอะไร แต่สำหรับผม หน้าร้อนวูบ
“.....ใคร.....มีปัญหากับใคร......” พี่เค้ามองตามสายตา ถ้าเค้าไม่เซ่อเกินไปนัก เค้าต้องรู้ว่าใคร
“.....เอ้....เหรอ.....” มันพยักหน้าช้า ๆ
“....อ้าว....อีดอก.....กูไปทำอะไรให้แม่งวะ.....” ผมพูดเสียงดัง
“....เฮ้ย...เอ้....ใจเย็น ๆ .....” อีนันจับมือผม เสียงฮือฮาดังขึ้นกลบเสียงที่พี่เค้าคุยกับอีแอ๊บ คุยกันอีท่าไหนก็ไม่รู้ ซักพัก อีแอ๊บก็ยอมลงชื่อไปรับน้อง
“.....มีปัญหาอะไรกันเหรอ....” พี่ก้องถามระหว่างรอพี่เค้าเปิดประตูรถไล่ความร้อนจากการจอดรถตากแดดไว้ทั้งวัน
“.....ไม่รู้ดิ....เอ้ยังไม่ได้ทำอะไรให้ซักหน่อย....” ผมตอบเสียงหงุดหงิด
“....เออ....ไม่ต้องคิดมาก.....กินอะไรกันดีล่ะ.....” ตกลงถามใครกันแน่วะ ผมเป็นน้องรหัสนะ แต่มองไปข้างหลังเหมือนถามอีกุ้ง
“.....พี่อยากกินอะไรอ่ะ....” ผมถามกลับ
“......ตามใจเอ้เถอะ....” แน่ะ เอาอีกแล้ว พูดกับผมแต่มองอีกุ้ง อย่างนี้ต้องแกล้งซะหน่อย
“.....ไปร้าน XXXX ร้านประจำเอ้ดีกว่า อร่อยดี ไม่แพงด้วย ป่านนี้เปิดแล้วหละ....ดีปะวะ....” ผมหันไปถามกุ้ง มันได้แต่พยักหน้า “.....มึงจำทางได้ใช่ปะ.....” ผมถามอีก มันก็พยักหน้า ไม่พูดอะไร
“.....งั้นมึงไปกับพี่ก้องนะ.....จะได้ไม่ต้องขับตามกัน เดี๋ยวพี่เค้าหลงทาง.....” ผมรีบเดินจ้ำ ๆ ไปที่จอดรถตัวเอง ไม่รอฟังเสียงอีกุ้งโวยวาย
......เห็นเพื่อนมีความสุข ผมก็มีความสุขไปด้วย....ไม่รู้ว่าระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกันสองคน เค้าคุยอะไรกันบ้าง พอลงมาจากรถ เป็นคนละเรื่องกับก่อนขึ้นรถเลย......เล่นคุยกันอยู่สองคน เหมือนรู้จักกันมานาน......ผมเป็นน้องรหัสนะ.....ผมแอบแซวเป็นระยะ พี่ก้องถึงได้รู้ตัว....หัวเราะแฮ่ ๆ กินข้าวไปคุยเรื่องเรียน เรื่องรับน้อง พี่ก้องให้คำแนะนำดี ๆ หลายอย่าง.....จากตอนแรกที่ผมเข้าใจว่าเค้าเป็นคนขี้เก๊ก ประมาณว่าหล่อแล้วเก๊ก.....พอได้มาคุยกันอย่างนี้แล้ว เค้าน่ารักมาก take care พวกผมดีมาก แต่ทำไมต้องตักกับข้าวให้อีกุ้งด้วยก็ไม่รู้ แล้วทำไมไม่ตักให้ผมบ้าง......สงสัยไปงั้นแหละ ของอย่างนี้มองตาก็รู้แล้ว......
“.....อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ.....ขอบคุณนะครับพี่ก้อง.....เอ้กลับเลยล่ะกัน หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้ ตามธรรมเนียมของการรับน้อง อายุไม่ต่างกันมากก็ต้องไหว้
“.....ครับ.....กลับดี ๆ นะ....” พี่ก้องรับไหว้
“....รอกูด้วย....” อีกุ้งร้องเรียก
“....มึงก็กลับกะพี่เค้าดิ.....ทางเดียวกันนี่นา....ฝากเพื่อนผมด้วยนะพี่.....” ผมตั้งใจเป็นพ่อสื่อเลยแหละ พี่ก้องยิ้มให้ผมเป็นทำนองขอบใจ
“.....อ้าว.....ทิ้งเพื่อนเลยนะมึง.....” มันทำท่าจะงอน ผมต้องเดินกลับมากระซิบข้างหูมัน
“.....อย่าบอกนะว่าไม่ชอบ.....โอกาสดี ๆ อย่างนี้หายาก.....ขอให้มีความสุขนะเพื่อน.....” พูดเสร็จก็ตบบ่ามันเบา ๆ อีกุ้งยิ้ม โบกมือให้ผม
........ในที่สุดวันที่ผมรอคอยก็มาถึง......พวกเรานัดรวมตัวกันที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ทางมหาวิทยาลัยไม่สนับสนุน ดังนั้นเราจึงนัดกันที่หน้ามหาลัยไม่ได้......ผมหอบสมบัติไปเยอะตามเคย ได้รับคำแนะนำจากไอ้โย และพี่รหัสหลายอย่าง.....โดยเฉาะเรื่องที่ผมกลัวที่สุด คือการให้แต่งตัวเป็นซุปเปอร์แมน เอากางเกงในไว้ข้างนอก นั่นหมายความว่าผมต้องแก้ผ้า เป็นเรื่องที่รับไม่ได้จริง ๆ จะโหดแค่ไหนไม่ว่า แต่เรื่องให้แก้ผ้านี่ยังไงก็ไม่ยอม......โชคดีที่ได้พี่ก้องมาเป็นพี่รหัส พี่เค้าสอนการป้องกันตัวไม่ให้โดนแกล้งแรง ๆ แถมยังแย้ม ๆ ให้ฟังเรื่องฐานต่าง ๆ อีกด้วย พวกผมจึงได้เตรียมตัวกันมาอย่างดี.....เสื้อผ้าเก่า ๆ หนา ๆ เป็นเสื้อแขนยาว กางเกงยีนส์เก่า ๆ ที่สามารถทิ้งได้ทันทีที่การรับน้องสิ้นสุด.......
......อีแอ๊บสร้างความฮือฮาด้วยการมีรถตู้จากทางบ้านมาส่ง และลงจากรถพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มากกกกกก เหมือนชีจะไปยุโรปซัก 2 เดือน มีแว่นกันแดดยี่ห้อดังคาดผมไว้ อีนี่มันจะไปพักร้อนหรือมันจะไปรับน้องกันวะ พวกผมเห็นก็ขำกันก๊าก ไม่สนใจสายตาจิก ๆ ของมัน......
.......บนรถ......บอกแล้วว่าอย่าให้พวกผมรวมกันได้ ไม่งั้นมันส์......พอรถเริ่มออก เพลงในรถเริ่มดัง.....แรก ๆ ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นเต้น แต่พอได้ยินเสียงกลองที่รุ่นพี่ตีแข่งกับเสียงในลำโพง......พวกผมก็หน้าด้านลุกก่อนใคร ตามมาด้วยพวกฮา ๆ ทั้งหลาย.....รถไปได้ประมาณชลบุรี พวกผมก็เริ่มหมดแรง.....คราวนี้หากิจกรรมอื่นแทน เล่นไพ่ไงครับ ของถนัด......คติประจำใจเดิม ๆ เงินเรากินกัน ความสัมพันธ์เหมือนเดิม......กำลังลุ้นกันเพลิน ๆ รถก็หยุดลงหน้ารีสอร์ตแห่งหนึ่ง พี่ ๆ ที่เล่นกันสนุกสนานเมื่อซักครู่เปลี่ยนเป็นคนละคน......สั่งให้พวกผมเก็บของให้หมด แยกของมีค่า กระเป๋าเงิน กล้องถ่ายรูป สร้อยทอง ฝากไว้ที่พี่อีกกลุ่มนึง......ทีนี้หน้าตาของพวกผมก็โดนลิปสติก โดนสีละเลงจนเละไปหมด.......
......ตามคาดครับ กลุ่มผมโดนแยกอีกแล้ว พี่ ๆ จับแยกออกเป็น 10 กลุ่ม ดีอย่างที่ไม่แยกระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง แน่ใจได้เลยว่างานนี้ไม่มีลามก......ผมอยู่กลุ่มสุดท้าย น่าเบื่อมาก เพราะต้องรอต่อคิวไปเข้าฐานจากกลุ่มแรก ๆ แต่ที่สร้างความหงุดหงิดให้ผมมากที่สุดก็คือ พี่ ๆ ตั้งใจให้ผมอยู่กลุ่มเดียวกับอีแอ๊บ ได้แต่หวังว่าผมคงไม่เตะปากอีนี่ซะก่อน......ระหว่างนั่งรอ....ผมเข้ากับคนง่ายอยู่แล้ว ถึงจะไม่สนิทกันก็เถอะ....ผมเริ่มคุยกับคนโน้นที คนนี้ที เป็นการสร้างความคุ้นเคย ทุกคนก็เฮฮาตามประสาคนวัยเดียวกัน มีแต่อีแอ๊บที่นั่งหน้าเป็นตูดอยู่คนเดียว.....หลายครั้งที่ผมมองไปทางมัน ผมจะเห็นสายตาเชิด ๆ มองผมเหมือนผมเป็นขี้ข้ามัน อารมณ์ขึ้นเอาง่าย ๆ อากาศร้อนด้วยมั้งครับ ตบะแตกขณะที่เหลือกลุ่มผมเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะเข้าฐานแรกต่อไป......
“.....เป็นเหี้ยอะไร.....ถ้าจะมองก็มองดี ๆ หน่อย.....” ผมตะโกนด่ามัน
“....กูไม่ได้มองมึง.....” ผมจะไม่โกรธถ้ามันไม่ต่อด้วย “....ไม่อยากมองให้เสียสายตาหรอก....”
“....ไอ้สัตว์....” ผมเขวี้ยงขวดน้ำพลาสติกที่มีน้ำเหลืออยู่ครึ่งนึง เฉียดหน้ามันไปนิดเดียว มันลุกขึ้น ผมก็ลุกเดินไปหามัน
“.....เฮ้ย....เอ้.....พอ ๆ .....” เพื่อน ๆ ดึงแขนผมไว้ ผมจะสะบัดแต่พอเห็นหน้าพวกเค้าแล้วต้องหยุด
“....อะไรกัน....” รุ่นพี่เข้ามาไกล่เกลี่ย แยกผมกับอีแอ๊บไปคนละทาง ดีนะที่ทุกคนเข้าข้างผม พวกเค้าเห็นมาตลอดว่าอีแอ๊บมันมองผมด้วยสายตาอย่างนั้นจริง ๆ และไม่มีใครชอบอีแอ๊บด้วย ในข้อหาที่มันหยิ่ง แถมยังถามผมอีกว่าตกลงแล้วอีแอ๊บนี่มันเป็นผู้ชายเต็มตัวหรือเปล่า ผมไม่ตอบครับ ถึงผมจะไม่ชอบมันก็เถอะ แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัว ผมบอกว่าไม่รู้....เรื่องนี้ผมจะคุยกันเฉพาะในกลุ่มผมเท่านั้น
.......ไม่นานนัก พี่ ๆ ก็เรียกให้พวกผมเข้าแถวเตรียมตัวเข้าซุ้ม อีแอ๊บเดินหน้าหงิกเข้ามา ผมมองหน้ามันกวน ๆ มันก็เชิด ๆ ทำเป็นไม่สนใจ......ฐานแรกก็หนักเลยครับ ทั้งเปียก ทั้งเหม็น เป็นอะไรก็ไม่รู้เหนียว ๆ มีเม็ดแมงลักผสมอยู่ด้วย พี่ ๆ ให้จับคู่ ผู้ชายกับผู้ชาย ละเลงตัวเพื่อนให้หมดถัง....ผมได้คู่แล้ว แต่รุ่นพี่ดันจับอีแอ๊บมาคู่กับผม.....เรามองหน้ากันเป็นการหยั่งเชิง.....พอรุ่นพี่บอกให้เริ่ม ทั้งผมและอีแอ๊บก็ล้วง จ้วงกันเต็ม ๆ ผมละเลงหัวมันก่อนเลยครับ เป็นการตัดกำลัง เพราะมันมัวแต่ปาดส่วนที่ไหลเยิ้มมาโดนหน้า พอมันจะละเลงหัวผมบ้าง ผมก็หลบครับ โดนแค่ไหล่ มันก็โน้มตัวผมพยายามจะกดหัวผมให้ได้ ตอนนี้เราสองคนเละไปทั้งตัวแล้วครับ.....มันมัวแต่จะละเลงหน้าผม ไอ้ผมก็หลบไม่ให้มันทำได้ มองไกล ๆ เหมือนคนกำลังทะเลาะกันมากกว่า ส่วนคู่อื่น ๆ เค้าละเลงกันไปก็หัวเราะกันไป พี่ ๆ เค้าก็ลุ้นคู่ผมอยู่ มีเสียงบอกให้หยุด แต่ไม่ทันครับมือผมคว้าถังที่น้ำเหนียว ๆ นั่นไว้ มันใกล้จะหมดแล้วล่ะครับ......พอมันเผลอ ผมก็ยกถังคว่ำครอบหัวมันไปเต็ม ๆ เลยครับ แค่นี้ไม่พอนะครับ ผมตบถังดังปัง อีแอ๊บที่นั่งยอง ๆ อยู่หงายท้องลงไปนอนเลยครับ......เสียงหัวเราะดังลั่น ตามด้วยเสียงตบมือจากพี่กะเทยสาวนางหนึ่ง......อีแอ๊บเอาถังออกจากหัว มองหน้าผมตาแดงกล่ำ โกรธจนตัวสั่น ลึก ๆ ผมก็สงสารมันอยู่นะ แต่ที่ทำตอนนั้นคือยิ้มเยาะเป็นนางมารร้าย......
.......ผมกับมันเดินห่างกัน ไม่มีการมองหน้า ไม่พูดไม่คุย ต่างคนต่างทำกิจกรรม จนถึงฐานที่ 4 เป็นฐานที่ทำให้น้อง ๆ รักกัน ให้ป้อนลูกอมให้กัน แต่ไม่ใฃ่อย่างที่เคยได้ยินกันมานะครับ.....ให้จับคู่ และใฃ้ปากป้อนกัน.....เราก็ใช้ปากเม้มไว้ ไม่ได้อมนะครับ แล้วป้อนให้เพื่อนผู้ชายที่จับคู่ไว้.....หางตาเหลือบไปเห็นอีแอ๊บที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อต้องประกบปากกับผู้ชายด้วยกัน......มันไม่ยอมให้คนอื่นช่วย ยืนเก้ ๆ กัง ๆ ด้วยความสงสาร ผมจึงเดินไปประจันหน้ากับมัน บอกให้มันป้อนผม และผมยังสอนให้มันเม้มไว้แน่น ๆ พอผ่านมาได้ ยังไม่จบครับ พี่ ๆ บอกว่า รักกันก็ต้องจูบกันได้ แต่ปัญหาตอนนี้ก็คือ กลุ่มผมเป็นกลุ่มสุดท้าย พลาสติกที่เตรียมไว้หมดแล้ว กลุ่มอื่น เค้าจะให้ผู้ชายกับผู้หญิงจูบกันโดยมีพลาสติกบาง ๆ กั้นไว้ แต่สำหรับกลุ่มผม ให้ผู้ชาย กับผู้ชายจูบกัน ปากต่อปาก......โอ๊ย......กำไรชีวิต ผู้ชายทุกคนต่อคิวกันจูบผม แค่จูบนะครับ ไม่ใช่ดูด แค่จุ๊บ ๆ เท่านั้น.....อีแอ๊บทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ พี่ ๆ จึงยกเว้นให้......
“.......เอ้......เรารู้ว่าเอ้ไม่ชอบเรา......เราก็ไม่ค่อยชอบเอ้......แต่ต่อจากนี้ไปเราเป็นเพื่อนกันได้มั๊ย......” ผมงง ที่จู่ ๆ อีแอ๊บก็มาพูดกับผมอย่างนี้
“.....อืม.....เรายังไงก็ได้.......” ผมตอบขณะที่ยังงงไม่หาย อีแอ๊บยิ้ม แล้วยื่นมือมาให้ผมจับ ผมก็ต้องจับมือมันตามมารยาทอ่ะนะ
........ฐานที่เรากำลังจะเข้าต่อไปนี้ คือฐานที่ผมกลัวที่สุด ซุปเปอร์แมน รุ่นพี่ให้พวกผมหาที่เปลี่ยนเอากางเกงในไว้ข้างนอก มองไปรอบ ๆ มีแต่ต้นไม้เล็ก ๆ ปิดยังไงก็ไม่มิด พวกผู้หญิงก็โดนแยกไปอีกทาง.....อีแอ๊บจับมือผม กลางแดดแท้ ๆ แต่มือมันเย็นเฉียบเลยครับ.....ผมลากอีแอ๊บไปอีกทางหาพุ่มไม้เตี้ย ๆ ทำตามที่ไอ้โยสอน ในที่สุดผมก็ใส่กางเกงเสร็จโดยที่ไม่ต้องแก้ผ้าเลย อีแอ๊บมองผมอย่างทึ่ง ๆ ถึงคราวมันต้องทำบ้างแล้ว.....ยังไงมันก็ไม่ยอมแก้ผ้า เสียงพี่ ๆ เร่งแล้ว.....ผมตัดสินใจบอกวิธีที่พี่รหัสผมสอน มันก็ยอมทำแต่โดยดี.......
.......ในที่สุดก็ถึงด่านสุดท้าย เป็นฐานง่าย ๆ ริมทะเล เป็นเหมือนการผ่อนคลายหลังจากโดนมาเต็ม ๆ 10 ฐาน พอรุ่นพี่ปล่อยให้พวกผมลงทะเลล้างเนื้อล้างตัว เล่นน้ำกันตามสบาย....ผมก็วิ่งจู๊ดลงน้ำถอดกางเกงในใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง เพื่อไม่ให้อุจาดตา พอล้างสี ล้างสิ่งสกปรกหมด ถึงได้เห็นว่าทั้งเสื้อทั้งกางเกง ไม่สามารถใส่ได้อีกแล้ว ตรงข้อศอก และตรงหัวเข่าเกือบขาด เพราะต้องคลานในหลายฐานที่ผ่านมา......อีแอ๊บก็เกาะติดผมแน่น ช่วยกันล้างตัวอีกต่างหาก เห็นสภาพมันแล้วสงสาร เนื้อตัวถลอกปอกเปิกไปหมด เสื้อกางเกงราคาแพงของมันคงเอาไปเลหลังขายไม่ได้แล้วแน่ ๆ.......
“......เฮ้ย....เป็นไงมั่งมึง.....” อีกุ้งเดินมากับพี่รหัสผม
“.....ก็ดี.....สนุกดี.....” ผมพูดไปเอาทรายขัดสีที่ติดแขนขาออก แสบนะ แต่ต้องทน
“.....เห็นมั๊ย....ไม่มีอะไรซักหน่อย.....” พี่ก้องยิ้ม
“.....กูเอากระเป๋ามึงไปไว้บนห้องแล้วนะ.....พวกนั้นคงกำลังแต่งตัวอยู่.....” กุ้งมันได้อยู่กลุ่มแรกก็เลยได้อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก่อนคนอื่น
“.....เอ้.....ขอเรานอนด้วยนะ.....” อีแอ๊บมาจากไหนไม่รู้ อยู่ดี ๆ ก็พรวดพราดเข้ามา อีกุ้งมองงง ๆ
“.....อืม.....ห้องไหนวะกุ้ง....” ผมหันไปถามอีกุ้งที่ทำหน้าเหวอ
“....ห้อง XXX ....” มันตอบอย่างเสียไม่ได้
“.....งั้นเราไปอาบน้ำก่อนนะ.....” อีแอ๊บเดินจ้ำ ๆ ไปที่ห้องทันที
“....มึงไปญาติดีกับอีแอ๊.....กับเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่.....” อีกุ้งเกือบหลุดชื่อที่พวกเราตั้งให้อีแอ๊บ ก็พี่ก้องยังยืนอยู่ตรงนั้นด้วย
“....เมื่อกี้นี้เอง.....เค้าก็ไม่มีอะไรหรอก....” ผมตอบไม่เต็มปาก
“.....อีเอ้....อีกุ้ง.....แย่แล้ว.....” เสียงอีเต็มโวยวายก่อนจะวิ่งมาถึงตัวผม อีนันที่เดินเช็ดผมตามมาช้า ๆ
“.....อะไรของมึง.....”
“.....อีแอ๊.....” อีเต็มชะงักเมื่อเห็นพี่ก้อง “.....มีคนไม่ได้รับเชิญเข้าไปในห้องเรา.....” อีเต็มพูดเสียงหอบ
“.....เค้าขอนอนด้วยคืนนึง....” อีกุ้งทำเสียงนุ่ม เป็นนางเอกเชียวนะ
“.....แล้วมึงยอมเหรอ.....” อีเต็มกระฟัดกระเฟียด พี่ก้องมองพวกผมยิ้ม ๆ
“....อืม....เพื่อนกันน่า.....กูไปอาบน้ำมั่งดีกว่า” ผมตัดบท
........สุดยอด.....อีแอ๊บอาบน้ำนานมาก ผมยืนใส่ผ้าขนหนู รอจนตัวแห้งแล้ว เคาะประตูเรียกก็แล้ว มันยังไม่เสร็จซะที.....เสียงรุ่นพี่ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ให้เวลาพวกผมอีก 15 นาที ได้เวลากินข้าวเย็นแล้ว.....ผมตัดสินใจเดินไปขอห้องข้าง ๆ อาบน้ำ หอบสมบัติส่วนตัวไปด้วย......เสร็จทันภายใน 15 นาที กลับเข้าห้องตัวเองอีกครั้ง เพื่อนผมอยู่กันพร้อมหน้า พยักเพยิดให้ผมดูกระเป๋าอีแอ๊บที่กระจัดกระจาย เหมือนโดนระเบิด มีแป้งแคร์กระป๋องใหญ่ มีไดร์เป่าผมแบบที่ใช้กันในร้านทำผม มีเสื้อผ้าอีกหลายชุด มีกระเป๋าใส่ยาคงเป็นพวกยาแต้มสิว มีเครื่องสำอางประเภทบำรุงผิวก่อนนอน อีกหลายกระปุก.....ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมกระเป๋ามันถึงได้ใหญ่โตมโหฬารขนาดนั้น......

......อีแอ๊บออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนเต็มยศ.....นี่มันเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ไม่ใช่ที่บ้านนะจ๊ะ แดกเสร็จแล้วนอนเลย.....พวกผมมองมันแล้วแอบอมยิ้ม ไม่มีใครทักท้วง....ปล่อยให้มันเดินลอยชายไปข้างล่างโดยที่กระเป๋ากระจัดกระจายอย่างนั้น......

“......อีเหี้ย.....พวกมึงมานี่เลย.....” เสียงอีเต็มแหกปากร้องดังออกมาจากห้องน้ำ ยังกะจะโดนข่มขืน
“.....อะไรของมึง......ว๊าย.....อีแอ๊บ.....อีเวร......” อีกุ้งกรี๊ดอีกคน
“......โห......กูไม่อยากเชื่อ......นี่ผู้ดีนะเนี่ย.....” อีนันส่ายหน้า สภาพห้องน้ำเขรอะมาก เสื้อผ้าอีแอ๊บกองอยู่ข้างชักโครก เศษทราย สีที่โดนน้ำละลาย กระเซ็นเปรอะข้างฝาไปหมด ทุกคนมองมาที่ผมเป็นตาเดียว
“......เออ ๆ เดี๋ยวกูไปเรียกอีแอ๊บมาจัดการให้.....” ผมเดินลงไปตามหามัน ในที่สุดก็เจอมันกำลังนั่งคุยกับน้องโมทย์สุดหล่อของผมอยู่
“......ตามเราไปห้องหน่อย.....” ผมเรียกอีแอ๊บ
“....มีอะไรเหรอ....” มันไม่ลุก
“.....เออน่า....มาเหอะ.....”
“....พูดตรงนี้ก็ได้....” มันทำท่าเหมือนสั่ง
“.....ก็ได้.....เสื้อผ้าที่กองอยู่ในห้องน้ำน่ะ จะเก็บไปใส่อีกหรือเปล่า.....ถ้าไม่เก็บจะทิ้งนะ....” อีแอ๊บหน้าเสีย
“.....อืม ก็ว่าจะทิ้งอยู่เหมือนกัน แต่ลืมอ่ะ.....ฝากทิ้งด้วยนะ.....” มันลอยหน้าลอยตาพูด
“....โอเค....” ผมกระแทกเสียงตอบ
.......ผมกลับห้องด้วยอารมณ์หงุดหงิด ไม่พูดกับใคร หาถุงที่เตรียมมาจากบ้าน เดินเข้าห้องน้ำ เอาเท้าเขี่ย ๆ เสื้อผ้าของอีแอ๊บให้เข้าถุง เติมน้ำนิดหน่อยให้มันฉ่ำ ๆ ผูกอย่างดี.......
“.... ทำไมมึงต้องเก็บให้มันด้วยวะ.....” อีกุ้งพูดเสียงไม่พอใจ
“.....กูไม่ทำให้มันฟรี ๆ หรอก....”
“.....แล้วมึงจะเอาเสื้อผ้ามันไปไหน.....” อีนันถาม เสียงรุ่นพี่เรียกให้ไปรวมตัวกันที่โรงอาหาร
“.....พวกมึงคอยดูละกัน.....” ผมเดินไปที่ระเบียง ห้องผมอยู่ชั้นสาม มองลงไปเห็นคนทำกำลังทยอยเดินผ่านไปกินข้าว.....ไม่นาน อีแอ๊บก็เดินมาพร้อมน้องโมทย์
“.....เฮ้ย.....ไปกินข้าวเหรอ.....” อีแอ๊บเงยหน้ามามองผม
“.....พี่เรียกแล้ว.....ยังไม่ลงมาอีก เดี๋ยวโดนซ่อมหรอก.....” อีแอ๊บตะโกนพูดกับผม
“....กำลังจะลง.....เก็บของให้อยู่ไง.....เสร็จพอดี......งั้นเอาไปทิ้งเองละกันนะ....” ผมพูดจบก็โยนถุงเสื้อผ้าอีแอ๊บลงไปเลย มันรับไม่ได้อย่างที่คาดไว้ ถุงแตกเสื้อผ้ากระจาย น้ำในนั้นก็กระเด็นเต็มขากางเกงมัน โชคดีที่น้องโมทย์ของผมหลบทัน เสียงกรี๊ดกร๊าดดังทั้งข้างล่าง และบนห้องผม อีพวกนั้นขำกันก๊าก.....อีแอ๊บต้องค่อย ๆ ก้มลงเก็บเสื้อผ้ามันเอานิ้วคีบไว้ ทำท่าเหมือนเป็นขยะสกปรก มันเดินหน้าหงิกเอาไปทิ้งลงถังขยะไม่ไกลจากตรงนั้น........

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 29-09-2007 11:34:56
4 Sweet Destinies

.......ก่อนกินข้าวเย็นมีการเล่นอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ซีเรียส พออาหารพร้อม พี่รหัสของทุกคนต้องตักมาให้น้องของตัวเอง......พี่ก้องนั่งยอง ๆ ตรงหน้าผมในมือมีจานข้าวที่มีกับ 2 อย่างราดอยู่.......รุ่นพี่ปี 3 สั่งให้รุ่นน้องป้อนข้าวรุ่นพี่ที่ถือมาให้ เป็นการขอบคุณ.....ไอ้ผมน่ะไม่คิดอะไรหรอก ห่วงแต่อีกุ้งที่ชะเง้อมองซะคอยาวไม่สนใจพี่รหัสผู้หญิงของตัวเอง.....ผมป้อนข้าวให้พี่ก้องคำไม่ใหญ่มากนัก....แกล้งเขินนิดนึงให้กุ้งมันหึงเล่น....พี่ก้องยิ้มหวาน เรามองตากันก็รู้ว่าไม่มีทางคิดเป็นอย่างอื่นได้.....พี่ก้องป้อนข้าวผมบ้าง แต่แค่คำเดียวนะครับ ทุกคนเค้าก็ทำกัน.....เราคุยกันนิดนึง พี่เค้าก็ลุกไปกินข้าวกับเพื่อน....ซักพักเค้าก็เดินถือขนมมาให้....ไม่ได้ให้ผมนะ....ให้อีกุ้งโน่น....กูเป็นน้องรหัสนะโว้ย ผมคิดในใจ.....กุ้งเขินจนหน้าแดง ดู ๆ ไปเค้าก็เหมาะสมกันดีนะ พี่ก้องหล่อ ล่ำ กุ้งมันก็น่ารัก ขาว ตี๋.......
.......อิ่มแล้ว ไม่อิ่มไม่ได้ เพราะต้องกินให้หมด ไม่ให้ข้าวเหลือแม้แต่เม็ดเดียว.....คงหิวด้วยมั่ง ผมเลยกินซะเกลี้ยงจาน......พี่ ๆ ให้เวลาพัก 1 ชั่วโมง ระหว่างนี้ให้เตรียมการแสดง เหมือนรอบกองไฟสมัยเรียนลูกเสือ......เอาแล้วไง....ไม่รู้จะเล่นอะไร.....นี่ผมก็อยู่กับเพื่อนในกลุ่มที่เข้าฐานด้วยกัน.....ถึงแม้ตอนนี้จะสนิทขึ้นมาอีกนิดก็เถอะ....แต่ผมยังรู้สึกเกร็ง ๆ อยู่.....นี่ถ้าให้อยู่กับกลุ่มผมล่ะก็....ไม่ต้องคิดนานขนาดนี้หรอก......
......ในที่สุดก็ตัดสินใจให้อีแอ๊บร้องเพลงโชว์ โดยมีเพื่อนผู้ชายอีกคนเล่นกีต้าร์ เพลงสากลซะด้วย.....อีแอ๊บที่เริ่มผ่อนคลาย ดูเป็นผู้เป็นคน ไม่ค่อยเชิดเหมือนเมื่อก่อน รับอาสาร้องเพลงหากินเพลงนี้ด้วยความเต็มใจ......ทุกคนถึงกับฮือฮาเมื่อเห็นว่ามันเป็นคนที่ออกมาเป็นตัวแทนของกลุ่ม.....เพื่อนผมบอกในตอนหลังว่า มันคิดว่าต้องเป็นผมแน่ ๆ ที่ออกมาแสดง แต่ไม่อ่ะ หมดมุขซะแล้ว......ผมก็เพิ่งรู้ว่าเสียงมันก็เพราะเหมือนกัน....อาจจะมีหลงคีย์บ้าง แต่ก็ซึ้งดีในบรยากาศริมทะเลอย่างนี้......
......ใช้เวลาซักพัก การแสดงของทุกกลุ่มก็เสร็จสิ้น.....ผมไม่รู้หรอกว่ากี่โมงกี่ยามแล้ว เพราะไม่มีใครใส่นาฬิกาออกมา แต่คงดึกพอสมควร.....ลมทะเลพัดแรงขึ้น เริ่มหนาวนิด ๆ ยังดีที่มีเสื้อแขนยาวคลุมไว้ อันนี้รุ่นพี่สั่งให้เอามาทุกคน.....ระหว่างนั่งดูการแสดงสนุกบ้าง ฝืดบ้าง สายตาผมก็สอดส่ายไปเรื่อยเปื่อย พยายามไม่มองคู่ของอีกุ้งกับพี่ก้องที่นั่งคุยกันกระหนุงกระหนิงไม่ไกล......อีนัน กับอีเต็มก็มัวแต่เม้าธ์กับเพื่อนใหม่ในกลุ่ม......ผมมองออกไปข้างนอก เห็นหลายทีแล้วหละว่ามีมหาลัยอื่นมารับน้องที่รีสอร์ตใกล้ ๆ แต่คงจะเป็นเด็กวิศวะซะละมั้ง เพราะมีแต่ผู้ชายทั้งนั้น เห็นเดี๋ยววิ่ง เดี๋ยวคลาน เดี๋ยวบูม เสียงดังมาก แต่จับใจความไม่ได้ว่ามาจากไหน......ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่เลิกกันอีกเหรอวะ.....มองไกล ๆ ยังเห็นว่าคนพวกนั้นเหนื่อยอ่อนกันแล้ว.....ทุกคนแต่งตัวเหมือนกันหมด ถอดเสื้อ ใส่แต่กางเกงยีนส์ ไม่ใส่รองเท้า มีแต่ผ้าโพกหัวเท่านั้นที่สีต่างกัน......นี่ผมเห็นวิ่งไป คลานมา ตั้งแต่ก่อนกินข้าว จนตอนนี้พี่ ๆ เริ่มเข้าสู่พิธีกรรมผูกข้อมือ.....ผมจึงได้ละสายตาจากผู้ชายพวกนั้นมาสนใจกับเทียนที่จุดตรงหน้า.......
......เป็นพิธีที่ดีมาก ๆ ในความรู้สึกผม....รุ่นพี่ให้รุ่นน้องนั่งเป็นล้อมวงกันเป็นวงใหญ่ ตอนนี้ผมได้นั่งกับเพื่อนผมแล้ว......ข้างหน้ามีเทียนพร้อมที่บังลมตั้งไว้......รุ่นพี่จะค่อยๆ เดินเข้ามาทีละคน โดยมาที่น้องรหัสตัวเองก่อน.....ตอนแรกจะเป็นพี่ปีสอง......พี่ ๆ ทุกคนอวยพรให้เรียนจบภายในสี่ปี ให้ข้อคิดหลาย ๆ อย่าง บางคนก็แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ บางคนอยากพูดอะไรก็พูด จะว่าซึ้งก็ซึ้งอ่ะนะ ผมน้ำตาซึมหลายทีเหมือนกัน พี่ ๆ น่ารักมาก ทุกวันนี้ยังติดต่อกันอยู่เลย รุ่นพี่จะผูกสายสิญจน์สีขาวให้รุ่นน้อง....ผมให้สายรหัส และพี่คนที่ผมรู้สึกดีด้วยผูกข้อมือขวา ส่วนคนอื่น ๆ ผูกที่ข้อมือซ้าย กว่าจะครบทุกคนตั้งแต่ ปี 2 ถึง ปีสี่ รวมทั้งคนที่จบแล้ว กินเวลานานพอสมควร......
.......จากนี้ไป ใครจะนอนก็นอน ใครจะเต้นก็เต้น ใครจะดริ้งค์ก็เต็มที่ ไม่มีอั้น.....การรับน้องสิ้นสุดลงแล้ว.....เป็นช่วงเวลาสนุกกันแบบพี่น้อง.....เด็กเรียนบางคนก็ขึ้นนอน....ส่วนพวกผมน่ะเหรอ....มือข้างนึงถือเหล้า....อีกข้างลุ้นไพ่.....พอชักมึน ๆ อีเต็มบอกว่าต้องแดนซ์ ไม่งั้นจะเมา.....เอาก็เอาวะ.....เราย้ายที่ไปแดนซ์กันริมทะเล ลมเย็นมาก แต่ในตัวผมร้อนไปหมด อาจจะเพราะเหล้าก็ได้.....ไฟสปอร์ตไลท์ส่องสว่างไปทั้งหาด.....เต้นกันตีนเปล่าอย่างนี้แหละ สนุกดี......อีแอ๊บคงโดนโมทย์มอม เห็นเต้นยิก ๆ หน้าแดงก่ำอยู่ข้างเวที......อีเต็มลากพวกผมขึ้นไปเต้นบนเวที ซึ่งตอนนี้ไม่มีคน เพราะเค้าเปิดเพลงจากเครื่องเสียง ไฟอลังการมาก ถึงจะเป็นเวทีเล็ก ๆ ก็เถอะ.....อีแอ๊บแจ้งเกิดกับการร้องเพลงเมื่อหัวค่ำ.....แต่กลุ่มผมสร้างความฮือฮา ทำให้พวกที่อยู่ในวงเหล้า และวงไพ่ออกมาดูกันสลอน.....อีเต็มเป็นคนนำเต้น......พวกผมรูดเสากันซะเสาแทบหัก.....ยางอายหายหมด แต่ยังมีสติไม่แตกสาวมากนะครับ.......ซักพักทั้งรุ่นพี่ และรุ่นเดียวกันขึ้นมาแจมกันสนุกสนาน......
.......ตี 2 ครึ่ง ทางรีสอร์ตบอกว่าต้องปิดเครื่องเสียงเพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่น....พวกผมก็ต้องจำใจลงมานั่งเล่นนั่งคุยกันบนห้อง.....แม้ว่าจะเหนื่อยก็เถอะนะ แต่มันผิดที่ นอนไม่หลับหรอก.....อีแอ๊บมันยังไม่มาเลย สมบัติมันก็กระจายเหมือนเดิม.....เราตัดสินใจลงไปแจมกับคนอื่นต่อ.....อีกุ้งยิ้มหน้าบานเชียว ผมรู้ว่ามันต้องไปคุยกับพี่ก้องแน่ ๆ และก็จริงตามคาด....พอมันเจอพี่เค้าปุ๊บ....มันก็ทิ้งเพื่อนเลย.....อีเต็มนั่งกินเหล้ากับรุ่นพี่ต่อ....อีนันเล่นไพ่ในห้องเพื่อนที่เพิ่งสนิทกันตอนเข้าฐาน.....อารมณ์ตอนนั้นมันเหงา ๆ ปนโล่งใจที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ไม่ต้องรอรับน้อง ไม่ต้องกลับบ้านเย็น.....อ้าว กลับบ้านเร็วจะไปทำอะไรล่ะ.....คิดถึงไอ้วุธอีกแล้ว.......เดินเหม่อไปเรื่อย ๆ จนถึงริมทะเลแบบไม่รู้ตัว.....ไฟสว่างโร่ขนาดนี้ เสียงคนยังดังแว่ว ๆ ไม่ไกลนักก็มีคนเดินเล่นริมทะเลหลายคู่ หนึ่งในนั้น มีคู่อีกุ้งกับพี่ก้องด้วย จำท่าเดินมันได้......ผมเดินมานั่งที่เก้าอี้ไม้มุมสุดของรีสอร์ต มีจาน ชาม แก้วเหล้าวางอยู่ คาดว่าคงเมาแล้วขึ้นไปนอนกันหมดแล้ว......
“.....มารับน้องเหรอ.....” ผมสะดุ้ง หันไปตามเสียงแหบ ๆ ข้างหลัง แทบจะแหกปากร้องด้วยความตกใจ คิดดูดิ ริมทะเล ตอนประมาณตี 3 อากาศเย็นมาก ๆ ถึงแม้ว่าจะมีไฟสว่าง มีคนเดินไม่ไกลจากแถวนั้นก็เหอะ.....ไอ้ที่ผมตกใจแทบช็อคก็เพราะมีผู้ชายสูง ๆ ล่ำ ๆ เนื้อตัวมอมแมม ไม่ใส่เสื้อ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ยืนอยู่ข้างหลังห่างไปซัก 2 ก้าว.....พอผมเพ่งชัด ๆ ผมต้องตกใจอีกรอบ
“.....วุธ....วุธหรือเปล่าอ่ะ....” ผมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“.....แล้วคิดว่าใช่ปะหละ.....” มันยิ้มให้ผมแบบที่เคยทำบ่อย ๆ แต่แววตามันอ่อนล้ามาก.....ความลับนะครับ....ตอนนั้นผมขนลุกซู่.....ในใจคิดว่าไม่เจอมันนาน มันอาจจะตาย แล้วเป็นผีมาหลอกผมก็ได้....บรรยากาศมันให้จริง ๆ นะครับ
“.....มะ มะ มา.....มาทำอะไรแถวนี้....” เสียงผมสั่นเลยแหละ กะว่าถ้ามันเป็นผีจริง ๆ ผมจะทำบุญไปให้ วันนั้นพระก็ไม่ได้ห้อย ถอดเก็บไว้บนห้อง ผมกระเถิบหนี มันเดินเข้ามาแล้วชะงัก ผมยิ่งกลัว
“.....มารับน้องเหมือนกัน.....ที่ xxxxx ตรงนี้เอง….” มันบอกชื่อรีสอร์ตติดกัน....ผมเริ่มเก็ทแล้วว่า....มันเป็นหนึ่งในนักศึกษากลุ่มนั้น แล้วสภาพที่ดูไม่ได้ข้างหน้านี้ คงเป็นเพราะการรับน้องโคตรโหดของที่นั่นแน่ ๆ
“.....เป็นไงมั่ง....สบายดีมั๊ย....” ผมถามทำลายความเงียบ....พยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด ก็มันเล่นมองหน้าผมไม่พูดไม่จา
“.....ก็ดี.....แล้วเอ้ล่ะ.....” มันถามกลับ
“.....ช่วงนี้เหนื่อยหน่อย.....แต่กลับไปคงดีขึ้นแล้วหละ.....” พูดจบ ก็เงียบ ผมอึดอัดมาก กลัวจะมีคนเห็นผมคุยกับมันด้วย
“....แล้วนี่ออกมาได้ด้วยเหรอ....” ผมถามไปงั้นแหละ
“.....แอบพี่เค้าออกมา....ป่านนี้คงเมาไม่รู้เรื่องกันแล้ว.....”
“....อืม....” ผมทำเป็นไม่สนใจ มองทะเลข้างหน้า
“....เราเห็นเอ้เมื่อตอนหัวค่ำ....เราจำกางเกงได้....” ผมก้มมองกางเกงตัวเองทันที เป็นกางเกงขาก๊วยสีบานเย็นตัวที่ไอ้วุธมันเคยใส่ตอนที่ไปบ้านผมครั้งแรก
“....ความจำดีเนอะ....” ผมประชด “....กางเกงแบบนี้เราไม่ได้มีคนเดียวซะหน่อย....”
“......ใครใส่ก็ไม่เหมือนเอ้.....” ผมมองหน้ามันอึ้ง ๆ มาอารมณ์ไหนวะเนี่ย
“.....ทำไมไม่เรียน ปวส. ต่อล่ะ....ไม่มีรับน้องด้วย.....” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“.....ยังไงก็ต้องเรียนจนจบตรีอยู่แล้ว จะเข้าตอนนี้หรืออีกสองปีข้างหน้าก็ไม่ต่างกันหรอก.....” มันเว้นระยะแป๊บนึง “......เอ้ชอบเด็กมหาลัย.....ชอบคนผมยาวด้วยไม่ใช่เหรอ.....” วุธพูดเสียงเบา
“.....ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย.....” ผมพูดเสียงเรียบ
“.....จริงด้วย....ไม่เกี่ยวกันจริง ๆ ด้วย.....อืม....เรากลับก่อนละกัน....เดี๋ยวพี่เค้าจับได้....โดนซ่อมแน่ ๆ .....” มันพยายามทำเสียงให้สดใสเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“.....วุธ.....” ผมตัดสินใจเรียกมันก่อนที่มันจะเดินไปไกลกว่านี้
“....อะไรเหรอ....” มันหันมายิ้มแห้ง ๆ
“....เจ็บมั๊ย....” ผมเดินไปใกล้ ๆ จับมือมันขึ้นมาดูแผลถลอกที่เกิดจากการคลานบนทราย มันขยับหนี ผมชะงัก ขมวดคิ้ว
“....อย่าเข้ามา....ไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวานแล้ว.....เป็นห่วงเหรอ....” มันยังมีหน้ามาล้อผมอีก แค่นั้นแหละ.....น้ำตาผมหยดแหมะ ๆ
“.....เฮ้ย.....เป็นอะไร.....” มันตกใจที่อยู่ดี ๆ ผมร้องไห้ ผ้าเช็ดหน้าก็ไม่มี เอาแขนเสื้อนี่แหละเช็ดน้ำตา
“.....เปล่า.....” ผมไม่บอกมันหรอกว่าผมเห็นสภาพมันอย่างนี้แล้วสงสารมันมาก ผมโดนน้อยกว่ามันหลายเท่า ผมยังเจ็บ ยังแสบแทบแย่ ถึงมันจะไม่ได้เป็นอะไรกับผมอีกแล้ว แต่ผมก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้หรอก ว่าผมไม่รักมัน ไม่ห่วงมัน
“.....แผลแค่นี้เอง....อีก 2-3 วันก็หาย.....” มันมองมือผมที่จับแขนมันพลิกไปพลิกมา ดูรอยเขียวเป็นจ้ำ ๆ ตามหน้าอก และหลัง มันดูตัวใหญ่กว่าเมื่อก่อน แต่ไม่ได้มีกล้ามเป็นมัด ๆ นะครับ
“....ที่จริงถ้าไม่ไหวก็บอกรุ่นพี่ได้นี่นา.....” ผมคงปิดอาการเป็นห่วงมันไม่ได้
“.....ไม่เป็นไรหรอก.....คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ดิ.....” มันหัวเราะ แต่ดันแถมไอแค่ก ๆ
“.....กลับเมื่อไหร่เนี่ย....”
“....พรุ่งนี้.....” วันเดียวกับผมเลย แต่ใครจะกลับก่อนกันล่ะเนี่ย
“.....ถึงบ้านแล้วกินยาซะ.....แผลนี่ก็อย่าลืมล้างทำความสะอาดดี ๆ ล่ะ....” ผมเผลอพูดกับมันเหมือนไม่เคยโกรธกันมาก่อน
“.....ถ้ามีคนช่วยดูแลก็ดีสิเนอะ.....” มันพูดไป ไอไป ไอ้ผมก็ปากหนักไม่ถามเรื่องอีออย
“....กลับไปได้แล้ว เสื้อก็ไม่ใส่ เดี๋ยวไม่สบายหรอก....” ผมทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดประโยคนั้น ไอ้วุธพยักหน้า โบกมือให้ผม หันหลังเดินออกไป......
.......ผมมองส่งมันจนลับตา ทรุดตัวลงนั่งที่เดิม.....พออยู่คนเดียว.....น้ำตาก็ไหลออกมาอีกแล้ว....โมโหตัวเอง....ทำไมลืมมันไม่ได้....ทำไมไม่หยุดคิดถึงมัน.....ทำไมต้องเจอมันอีก.....ทำไมยังอยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้......แต่ยังไงก็คงไม่มีทางได้เจอกันอีกหรอก.....ความบังเอิญมันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยขนาดนั้น.....แต่ผมพลาดที่ไปทำดีกับมัน.....มันอาจจะคิดว่าผมหายโกรธแล้วก็ได้......พยายามบอกกับตัวเอง เตือนไว้ว่ามันเคยทำเราเจ็บแค่ไหน.....
......กลับไปนอนดีกว่า.....ชักเริ่มเสียวสันหลังวาบ.....หลายคนทยอยขึ้นห้องกันแล้ว.....ประตูมันยังล็อคอยู่ แสดงว่าไม่มีใครในห้อง ลองเคาะดูก็ไม่มีเสียงตอบรับ.....ผมเดินลงไปข้างล่างที่วงไพ่.....อยู่กันครบทุกคนยกเว้นอีกุ้ง......
“....เฮ้ย....กุ้งมันไปไหนวะ....” ผมกระซิบถามอีเต็ม
“....มันไปมีความสุข....” อีเต็มตอบโดยไม่ละสายตาจากไพ่ในมือ
“....หมายความว่าไงมึง....” ผมอยากรู้
“....มันก็อยู่กับพี่ก้องไง....ในห้องนั่นแหละ....”
“....ห้องเราอ่ะนะ....” ผมตกใจ
“....เออ....ป๊อก 9 สองเด้งครับ.....เจ้า....” อีเต็มวางไพ่ลงให้เจ้ามือเห็น
“....นัน....มึงรู้เรื่องอีกุ้งปะวะ....” ผมหันไปหาอีนันบ้าง ท่าทางอีเต็มจะเล่นถึงเช้าแน่ ๆ
“....มันมาขอใช้ห้องกับพวกกูเองแหละ....แล้วมึงหายหัวไปไหนมาล่ะ....”
“....กูไปเดินเล่นมา....มันขึ้นไปนานยังวะ.....เมื่อกี้กูดันไปเคาะประตู มันกำลังเข้าด้วยเข้าเข็มกันอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้.....” ผมดีใจแทนเพื่อนที่ได้คนดีเป็นแฟน
“....ขึ้นไปซักพักแล้ว....มึงน่ะ.....ไม่เท่าไหร่หรอก....กูห่วงแต่อีแอ๊บ....แม่งเมาเหมือนหมา....มาดคุณหนูไม่เหลือเลยมึง....นี่กูพยายามกันไม่ให้มันขึ้นไปขัดจังหวะอีกุ้งบนห้อง.....” ผมหันไปดูที่วงเหล้า ตามสายตาอีนัน เห็นอีแอ๊บนั่งพิงไหล่โมทย์ ตาปรือ
“...นินทาอะไรกู....” อีกุ้งเดินยิ้มร่าทักทายพวกผม
“....เป็นไงมั่งมึง....” ผมถามยิ้ม ๆ พออีเต็มเห็นเพื่อนลงมาปุ๊บก็ลุกมาหาทันที
“....พี่เค้าน่ารักมาก คุยกันตั้งนาน....” อีกุ้งพูดไปยิ้มไป
“....อีดอก....ที่มึงขึ้นไปตั้งนานเนี่ย อย่าบอกนะว่าแค่นอนคุยกัน....”
“....อีหื่น....กูไม่เหมือนมึงหรอก....อีนี่....กูยังไม่พร้อมโว้ย....” มิน่า มันถึงไม่มีร่องรอยการร่วมเพศ หรือเดินขาถ่าง ๆ เลย
“.....ไปนอนกันเถอะ....เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว....” อีนั้นตัดบท
“....แล้วอีแอ๊บล่ะ...” ผมถามทุกคน
“.....มึงก็ไปลากมันมานอนเองละกัน....อีนางเอก.....” เต็มยังมีอคติกับอีแอ๊บอยู่
“....ไปนอนได้แล้ว....” ผมเขย่าแขนอีแอ๊บ
“....เดี๋ยวผมช่วยพยุงเอง....” โมทย์มันเป็นคนที่พูดเพราะมาก พูดจบก็พยุงหิ้วปีกอีแอ๊บที่อ้อแอ้ ไม่มีสติ อีตอนขึ้นบันไดนี่โคตรลำบากเลย
“.....เฮ้ย....กูเอง....เปิดประตูดิ.....” ผมตะโกนเรียกเพื่อน ๆ ในห้องมือไม่ว่าง เลยเอาเท้าแตะที่ประตูเบา ๆ อีนันลุกมาเปิดให้ ผมลากอีแอ๊บไปนอนบนเตียงติดกับกำแพง กลัวมันดิ้นตกลงมา อีแอ๊บก็โวยวาย ตะเกียกตะกาย จนผมต้องปล่อยมือ มันหล่นตุบลงมานอนกับพื้น
“.....ขอบใจนะ....” ผมบอกโมทย์
“....ขอนอนด้วยได้มั๊ยครับ....” เพื่อนผมโดยเฉพาะอีเต็มตาโต
“....ตามสบาย....นอนกันหลายคนอึดอัดหน่อยนะ....” ผมมองกระเป๋าที่วางระเกะระกะบนพื้น
“....ดีครับ....ผมชอบ....”
“....กลัวผีอ่ะดิ....” อีนันดักคอ โมทย์หัวเราะแฮ่ะ ๆ
ก๊อก ๆ ๆ ทุกคนหันไปมองที่ประตูเป็นตาเดียว เอาแล้วไง....อีนัน....เสือกพูดเรื่องผีตอนนี้....ไม่มีใครกล้าถามว่าใครเคาะ....
“....กุ้ง....นอนยัง.....” เสียงพี่ก้องนี่หว่า ผมเดินไปเปิดประตูแง้มดู ใช่พี่ก้องจริง ๆ ด้วย
“....มีอะไรเหรอพี่....” ผมถามหลังจากที่ให้เค้าเข้ามาในห้อง
“....ขอนอนด้วย....” ตายแล้ว จะนอนเข้าไปได้ยังไง พวกผมก็สี่คน อีแอ๊บหนึ่ง ไอ้โมทย์หนึ่ง นี่พี่ก้องอีก 7 คน มีเตียงเดี่ยว 2 เตียง
“.....เอาเลยพี่.....เลือกเอาเลยจะนอนมุมไหน....” อีเต็มกระดี้กระด้า
“.....เอ้....ไปเอากระเป๋ากับผมหน่อยดิ....” โมทย์ชวน ผมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
“....ได้สิ....” ผมเดินนำหน้าออกมา บอกเพื่อนไม่ต้องล็อคประตู ท่าทางโมทย์มันจะกลัวผีจริง ๆ มันยังเด็กอยู่นี่นา ในห้องเก่าของมันมีคนนอนกันแค่ 3 คน หลับปุ๋ย ไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนออกจากห้องโมทย์มันล็อคห้องให้ด้วย
“....จะนอนกันยังไงล่ะเนี่ย....” ผมพูดทันทีที่เข้ามาในห้อง กระเป๋าเสื้อผ้าถูกย้ายไปกองไว้ที่เดียวกัน โมทย์ขอตัวไปแปรงฟันในห้องน้ำ
“.....กูนอนพื้นนี่แหละ....” อีเต็มกับอีนันจองที่ว่างตรงทางเดิน นอนเอาหัวหนุนกระเป๋า
“.....โมทย์นอนบนเตียงเถอะ....” ผมหมายถึงเตียงด้านที่ติดกำแพง โมทย์มันก็เช็ดมือเช็ดเท้าขึ้นไปนอนอย่างว่าง่าย
“.....ยังนอนได้อีกคนนะ....เอ้นอนนี่เหอะ....” โมทย์มันเขยิบให้ผม จะบ้าเหรอ มีแค่ไอ้วุธคนเดียวที่ผมกล้านอนด้วย จะปฎิเสธก็ไม่ได้ อีกุ้งกับพี่ก้องก็นอนเบียดกันบนเตียงข้าง ๆ อีแอ๊บเมาหลับไม่รู้เรื่องตรงที่ว่างระหว่างสองเตียง ไม่มีที่เหลือให้ผมแล้ว
“.....เออ....เดี๋ยวเข้าห้องน้ำก่อนละกัน....” ผมถ่วงเวลา แปรงฟัน ล้างหน้า ให้นานที่สุด อยากจะอาบน้ำ แต่ก็เกรงใจเพราะต้องเปิดไฟหาเสื้อผ้าใหม่ อีพวกนั้นนอนหลับทับกระเป๋าผมอยู่ด้วย ออกมาอีกทีกะว่าโมทย์มันคงหลับไปแล้ว ที่ไหนได้ นอนลืมตาแป๋วมองผมอยู่
“.....ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะ....” ผมล้มตัวลงนอน พยายามนอนให้ชิดขอบเตียงที่สุด กลัวตกลงไปทับอีแอ๊บเหมือนกัน
“....นอนไม่หลับ....” มันถอดแว่นแล้วน่ารักมาก ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันถอดแว่น
“....ไม่ต้องกลัว....เราอยู่ตรงนี้ ไม่หลับง่าย ๆ หรอก....เรารอให้โมทย์หลับก่อนก็ได้....” วิธีนี้พ่อผมเคยใช้ตอนที่ผมเป็นเด็ก ไปนอนค้างที่อื่น ผมก็กลัวผีเหมือนเด็กทั่วไป แต่พอรู้ว่าคนข้าง ๆ ยังไม่นอน ทำให้สบายใจไปอีกหน่อย
“....เกรงใจจัง....”
“....นอนเหอะ....” ผมขยับผ้าห่มให้มัน ตอนนี้ทั้งห้องได้ยินแต่เสียงแอร์ครางเบา ๆ เสียงนกกาเหว่า เสียงไก่ขันดังไกล ๆ อีกไม่นานก็เช้าแล้ว

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 :pigwrite:
คิดว่าจะลงให้ 2 ตอน แต่เห็นว่าอยากได้ข่าวคราววุธกัน ก็เลยลงเพิ่มให้อีกตอนครับ สนุกกับเรื่องราวต่อไปนะครับ
มีโอกาสจะมา post ให้อีกกกก    :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: JaeTae ที่ 29-09-2007 16:06:50


 สรุปใครจะได้เป็นพระเอกเนี้ย  เห้อ  :a6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: napho ที่ 29-09-2007 16:55:48
ขอบคุณครับ....สนุกมาก ๆ...........รีบมาต่อนะครับ
 :m18: :m18: :m18: :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 29-09-2007 20:00:54
ดีใจได้อ่านต่อสักที ยังไงถ้าคุณเจ้าของกระทู้ไม่ว่างมาโพสท์

คุณnartch รบกวนมาลงให้บ้างนะค้าบบบบบ เพราะเห็นว่าเรื่องยาวมากกว่าจะจบ

พออ่านแล้ว ไม่ได้อ่านต่อมันจะลงแดงเอาอ่ะคับ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 29-09-2007 20:45:23
น้ำตาไหลเลย ตอนที่เจอวุธอ่ะคับ สิ่งเก่าๆมันก้เหมือนหวนกลับมาอีกครั้ง

อยากใหเค้าสองคนได้รักกันจัง เฮ้ออออ 

เลิฟนิยาย

รออ่านนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 29-09-2007 20:54:08

 สรุปใครจะได้เป็นพระเอกเนี้ย  เห้อ  :a6:

อันนี้ต้องติดตามมมมม บอกไปก็เสียอรรถรสแย่สิ ต้องลุ้นกันอีกเยอะครับบบบบบบบบบ

ดีใจได้อ่านต่อสักที ยังไงถ้าคุณเจ้าของกระทู้ไม่ว่างมาโพสท์

คุณnartch รบกวนมาลงให้บ้างนะค้าบบบบบ เพราะเห็นว่าเรื่องยาวมากกว่าจะจบ

พออ่านแล้ว ไม่ได้อ่านต่อมันจะลงแดงเอาอ่ะคับ อิอิ

ถ้ามันไม่เป็นการเสียมารยาทเกินไปก็จะมา post ให้บ่อย ๆ ครับ
เข้าใจความรู้สึกครับ ว่าอ่านแล้วมันก็อยากรู้จนกว่าจะจบบบบ 
แต่แหมถึงขั้นลงแดงนี่มันไม่ใช่ติดนิยายละมั้งงงงงงง หุหุหุ

น้ำตาไหลเลย ตอนที่เจอวุธอ่ะคับ สิ่งเก่าๆมันก้เหมือนหวนกลับมาอีกครั้ง

อยากใหเค้าสองคนได้รักกันจัง เฮ้ออออ 

เลิฟนิยาย

รออ่านนะคับ

อย่าเพิ่งเสียเยอะล่ะครับน้ำตาน่ะ ยังมีต้องเสียมากกว่านี้อีกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 29-09-2007 21:52:54
 :m3: :m3: :m1: :m1:
คุ้มค่ากับการรอคอยจริง ๆ แล้ววุธจะกลับมาเป็นพระเอกอีกหรอเนี้ย
อยากรู้จัก มาต่อไวไวนะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 30-09-2007 03:05:23
ขอบคุณ คุณ nartch นะคับ ที่มาชั่วยลงต่อให้ได้อ่านสนุกมากคับสมกับที่รอ คุณเอ้กับวุธต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆเลย ขนาดรับน้องตั้งไกลยังมาเจอกันได้บุเพจิงๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 30-09-2007 11:16:51
ขอบคุณ nartch มากเลยครับแหะ
แบบว่าผมไม่ว่างจริงช่วงนี้ ต้องไปยืนคุมสอบนักศึกษาอะ
เลยไม่ได้อยู่หน้าจอคอมเลยเฮ้อขอบคุณมากมายเลยคับ

มาอ่านต่อตอน 5เลยครับ
5 How could I get him out of my mind?

..........กว่าจะได้หลับได้นอนก็ตอนที่เห็นแสงแดดรำไรลอดจากผ้าม่านบาง ๆ นอนมองหน้าไอ้โมทย์เพลินไปเลย.....ตอนมันหลับนี่น่ารักดีจัง ขนตางอนยาวเป็นแผง ท่าทางจะหนากว่าของเราอีก.....คงจะรู้สึกดีกว่านี้ ถ้าไม่มีหน้าไอ้วุธลอยเข้ามาในหัวเป็นระยะ.......ถึงแม้ว่าจะลืมมันไม่ได้ก็เถอะ แต่การไม่พบ ไม่เจอ ไม่ได้ยินเรื่องราวของมัน ก็สามารถทำให้ผมค่อย ๆ ทำใจได้.......ความคิดตอนนั้น มีอยู่วิธีเดียวที่จะทำให้ผมลืมมันได้ คือ หาใครสักคนแทนที่มัน ไม่ต้องเลือกมากก็ได้ ขอแค่ไม่ใช่ไอ้โยก็พอ.....ไอ้นั่น....ผมรู้สึกกระดากเวลาเล่นกับมัน แถมมันยังชอบทำที่เล่นทีจริงซะด้วย.....แต่ผมว่าผมได้กำไรนะ......


“....อีเอ้...ตื่น ๆ.....พี่เค้าเรียกไปรวมข้างล่าง....” อีนันเขย่าตัวผมเบา ๆ

“.....อะไรวะ....” ผมลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว

“....ไปออกกำลังกาย...” พี่ก้องพูดยิ้ม ๆ

“....โห....พี่....ไม่ได้ไปเข้าค่ายนะ....” อีเต็มสะลึมสะลือ

“....แค่ไปเดิน ๆ วิ่ง ๆ นิดเดียวน่า....” อีกุ้งที่หน้าตาสดชื่นกว่าเพื่อนพูดพลางลุกไปเข้าห้องน้ำ

“....รอกูด้วย....” ผมเดินตามอีกุ้งเข้าห้องน้ำไปแปรงฟัน

*
*

“....อ้าว....ตื่นแล้วเหรอ....” ผมทักโมทย์ที่ลุกขึ้นมานั่งมองพวกผมแย่งกันส่องกระจก

“....ครับ....ทำไมตื่นกันเร็วจัง....” อย่าทำหน้าตาใสซื่ออย่างนี้ได้มั๊ย มันน่า.....มาก ๆ ผมคิดในใจ

“....พี่เค้าให้ลงไปออกกำลังกาย...” อีนันพูดขำ ๆ

“....งั้นผมไปเข้าห้องน้ำที่ห้องเดิมนะครับ....ที่นี่คนเยอะแล้ว....” โมทย์เดินไปคว้ากระเป๋าตัวเองแล้วหันมายิ้มให้พวกผมนิดนึง ก่อนออกจากห้องไป

“....อีแอ๊บล่ะมึง....” อีกุ้งพูดเบา ๆ กลัวมันแกล้งหลับ

“....ปล่อยมันไว้อย่างนี้แหละ....ให้มันโดนซ่อมออกไปวิ่งคนเดียว.....” แต่อีเต็มพูดซะดังเชียว

“....ลองเรียกมันก่อนดีกว่า....” ผมกับอีกุ้งเขย่าขามันคนละข้าง นอกจากมันจะไม่ตื่นแล้ว มันยังสะบัดขาแทบจะโดนหน้าผม

“.....อุ๊ย....อีนี่....กูปลุกแล้วนะโว้ย....ไม่ตื่นเอง.....อย่าว่ากูแกล้งล่ะ....” อีกุ้งเขยิบตัวหนีขาอีแอ๊บ ไอ้ยินเสียงรุ่นพี่ใช้โทรโข่งเรียกเด็กปี 1 อีกที แถมมีการนับถอยหลังอีก พวกผมวิ่งกระเซอะกระเซิงลงไปทันพอดี


.......รุ่นพี่จดชื่อคนที่ไม่ลงมาออกกำลังกายไว้เพื่อซ่อมทีหลัง.....จริงอย่างที่อีกุ้งพูด.....พี่เค้าแค่ให้เดิน ๆ วิ่ง ๆ ที่ชายหาดแค่นั้น.....อากาศตอนเช้าดีมาก ๆ น้ำทะเลใสแจ๋ว มีคลื่นเล็ก ๆ แดดอ่อน ๆ ขนาดได้นอนแค่ประมาณ 2 ชั่วโมง ผมยังรู้สึกดีขนาดนี้ มิน่าโมทย์มันถึงได้ดูร่าเริง ลงไปลุยน้ำทะเลเล่นอยู่คนเดียว......ซักพักรุ่นพี่ก็ปล่อยพวกผมให้พักผ่อนกันตามอัธยาศัย และนัดเวลาอาหารเช้าตอน 9 โมง.....อากาศดีแค่ไหนก็เถอะ ง่วงมาก ขอขึ้นไปนอนก่อนละกัน....ผมเดินตามรุ่นพี่ไปที่รีสอร์ท.....เดินไปไม่ถึง 3 ก้าว ผมต้องตกใจแทบร้องกรี๊ด.....โมทย์กับอีเพื่อนผม 3 ตัวจับผมยกจนตัวลอย แล้วโยนลงทะเล ถ้าไม่ติดว่าไอ้โมทย์ร่วมแผนการณ์นี้ด่าอีพวกนั้นกระเจิงแน่ ๆ แรก ๆ โมโหมาก ที่พวกมันแกล้งผมอย่างนี้......คิดดูดิครับ กางเกงขาก๊วยตอนเปียกน้ำนี่มันมันทั้งบาง ทั้งแนบเนื้อ ดีนะว่าใส่กางเกงในนอน ไม่งั้นผมคงไม่กล้าขึ้นจากน้ำแน่ ๆ ......แต่พอพวกมันลงมาเล่นน้ำด้วย ผมกลัยรู้สึกสนุกไปด้วย ห่วงอยู่อย่างเดียวคือ กลัวกางเกงหลุด.....เป็นครั้งแรกที่ผมเล่นกับโมทย์อย่างถึงเนื้อถึงตัว.....เห็นหน้าใส ๆ อย่างนี้ แต่เวลามันเล่นโคตรโหดเลยครับ เล่นแรงมาก จับผมเหวี่ยงในน้ำอย่างงี้ กระโดดขี่หลังผมอย่างงี้.....พอเริ่มเหนื่อย ผมก็ขึ้นมานั่งดูพวกมันเล่นน้ำบนชายหาด นั่งขุดทราย คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย.....ซักพักโมทย์เดินตามขึ้นมานั่งข้าง ๆ ผม


“.....ผู้ชายเมื่อคืนน่ะ....ใครเหรอ....” ผมงง โมทย์มันหมายถึงใครวะ

“....ผู้ชายที่ไหน....” เอ๊ะ...หรือว่ามันเห็นตอนนั้น

“.....ที่ยืนคุยกับเอ้ตรงนั้นอ่ะ.....” มันชี้ไปทางโต๊ะที่ผมนั่งเมื่อคืน

“....อ๋อ....เพื่อนเก่า....” ผมหลบตาวูบ

“....คงดีใจที่ได้เจอกันเนอะ....แต่ทำไมต้องร้องไห้ด้วยล่ะ...” เซ้าซี้เหมือนกันนะไอ้แว่น

“....ก็....ก็....ก็....ดีใจมากไปหน่อยมั้ง....” ไม่รู้จะตอแหลอะไรแล้วกู

“....เหรอครับ....” มันมองหน้าผม คงรู้แหละว่าผมโกหก

“....โมทย์....อยู่นี่เอง....หาตั้งนาน....” เป็นครั้งแรกที่ผมดีใจเมื่อเห็นหน้าอีแอ๊บ มาได้จังหวะพอดีเลยมึง

“....ไปอาบน้ำก่อนนะ....” ผมหันไปบอกโมทย์ แล้วเดินลิ่ว ๆ ขึ้นห้อง

*
*
*

......สรุปไม่ต้องได้นอนครับ กว่าจะอาบน้ำ เป่าผมที่เริ่มยาวขึ้นเพราะการกระตุ้นทุกทาง เสียงรุ่นพี่ประกาศผ่านโทรโข่งอีกครั้ง ให้ไปรวมตัวกันเพื่อกินข้าวเช้า.....ผมค่อนข้างงง แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เมื่ออีแอ๊บเดินเข้ามาให้ห้อง ไม่พูดไม่จา เก็บของที่กองเป็นพะเนิน แบกออกไปนอกห้อง ไม่มีใครถามมันซักคนว่าจะไปไหน......


......หลังอาหารเช้า รุ่นพี่เรียกชื่อคนที่ไม่ลุกไปออกกำลังกายเมื่อเช้านี้ แน่นอนมีชื่ออีแอ๊บ รวมกับไอ้พวกที่เมาเละ......เป็นการลงโทษซ่อมในโทษฐานที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง พวกมันโดนให้เก็บจานชามของทุกคนไปทำความสะอาด......คนอื่นเค้าก็ยอมทำด้วยความเต็มใจ.....มีแต่อีแอ๊บคนเดียวที่กระฟัดกระเฟียดไม่ยอมทำ ยืนหน้าหงิก มาดคุณหนูกลับมาอีกแล้ว.....แต่เมื่อโดนรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันมองด้วยสายตาเหมือนมันเป็นตัวประหลาด มันถึงได้เก็บจานชามไปล้างอย่างเสียไม่ได้.......


“.....ทำไมไม่ปลุก....” อีแอ๊บกระชากเสียงถาม ผมและเพื่อนหันไปมองมันไปตาเดียว ตอนนี้รุ่นพี่ปล่อยให้พัก ใครอยากทำอะไรก็ทำ พวกผมไปนั่งเล่นที่ริมทะเล หาวิวสวย ๆ ถ่ายรูปกัน

“....ปลุกแล้วนะ....” ผมพยายามพูดกับมันดี ๆ

“....ใช่....ปลุกตั้งหลายที.....แต่คุณไม่ตื่นเอง.....” อีกุ้งช่วย

“....เมาเหมือนหมา....” อีเต็มพูดลอย ๆ

“....ว่าใคร....” อีแอ๊บมองหน้าอีเต็ม

“....ก็ว่ามึงน่ะแหละ....จะทำไมกู....” อีเต็มตะคอก อีแอ๊บหน้าเจื่อนเมื่อเห็นว่าอีเต็มเอาจริง มันมองหน้าพวกผมทีละคน แล้วสะบัดหน้าเดินขึ้นห้องไปเลย

“....อีดอก...อีนี่อีกหน่อยมันต้องสาวกว่าพวกเราแน่เลยว่ะ....” อีกุ้งพูดขำ ๆ พวกผมก็หัวเราะไปด้วย

*
*
*

.......ระหว่างที่พวกผมกำลังระรื่น โพสท่าถ่ายรูปกันสนุกสนาน ใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องโดนดึงมาถ่ายด้วย.....ไม่เว้นแม้แต่โมทย์ อีพวกนั้นกระดี้กระด้า ขอถ่ายรูปคู่กันใหญ่ มีอีกุ้งคนเดียวที่ไม่ได้ถ่าย เพราะพี่ก้องนั่งประกบตลอดเวลา ไม่ต้องบอกก็รู้กันเกือบทั้งสาขาแล้ว ว่าสองคนนี้เป็นอะไรกัน......ส่วนผม.....อีพวกนั้นคะยั้นคะยอให้ถ่ายรูปคู่กับโมทย์ เขินจะตาย ใครจะกล้าปฏิเสธ ถ่ายก็ถ่ายวะ รูปคนอื่น โมทย์จะโดนลวนลามทุกรูป แต่ถ่ายกับผม ตอนที่นับ 1 2 ยืนห่างกันแทบตกเฟรม แต่พอนับ 3 โมทย์มันดันดึงผมเข้าไปหา ตอนล้างรูปออกมาผมต้องเก็บไว้ไม่ให้ใครเห็น ภาพหลุด ๆ อย่างนี้ หน้าผมจะออกมาเป็นยังไงก็ไม่รู้.....โมทย์ขอถ่ายกับผมอีกรูป โดยจะไม่แกล้ง.....ใช่ ไม่แกล้ง แต่กอดไหล่ผมซะแน่นเชียว.....เป็นไงเป็นกันวะ....ถ้าทำเขินให้อีพวกนันเห็น ผมต้องโดนล้อไม่เลิกแน่ ๆ .......หางตาผมเห็นอีแอ๊บยืนจ้องพวกผมเขม็งอยู่ไม่ไกล.....ผมขยับเข้าไปชิดไอ้โมทย์อีก ยิ้มซะปากแทบฉีกถึงหู อีพวกนั้นกรี๊ดกร๊าดกัน ตกลงผมได้ถ่ายรูปคู่กับโมทย์มากกว่าคนอื่น.....แต่รูปในฟิล์มส่วนใหญ่ เป็นรูปอีกุ้งกับพี่ก้องซะนี่.....


“.....อีนัน....ซูม.....ถ่ายด่วน.....โน่น.....ผู้ชายวิ่ง......ไม่ใส่เสื้อด้วย.....มาเป็นฝูงเลย.....” เสียงอีเต็มทำให้พวกผมต้องหันไปมองรีสอร์ตใกล้ ๆ เป็นตาเดียว.....ชิบหาย......มหาลัยไอ้วุธมันยังไม่เลิกรับน้องอีกเหรอวะ

“.....เออ.....เดี๋ยวรอมาใกล้ ๆ ก่อน....” อีนันตั้งท่าจะถ่ายรูป ผมนั่งกระสับกระส่าย กลัวไอ้วุธเห็น.....ยังไงมันก็ต้องเห็นแน่นอน ถ้าผมยังนั่งอยู่ตรงนี้

“......ไปไหน.....” โมทย์ดึงมือผมไว้ ขณะที่ผมค่อย ๆ ลุกหนี

“.....ไปห้องน้ำ.....” ผมหน้าไอ้โมทย์ สลับกับมองกลุ่มไอ้วุธที่วิ่งเข้ามาใกล้ทุกที

“.....ไปห้องน้ำ หรือจะหนีใคร....” โมทย์ทำหน้ารู้ทัน ผมนั่งลงอย่างเดิม หลบไม่ทันแล้วหล่ะ ก้มหน้าก้มตาเอาก็ได้วะ มันคงไม่สังเกตหรอก.....ผมทำเป็นดูขากางเกงตัวเองไม่มองไปทางกลุ่มคนที่กำลังวิ่งผ่าน แต่ต้องสะดุ้งเมื่อไอ้โมทย์เอามือมาพาดไหล่ผมอีกแล้ว

“.....เฮ้ย.....พวกมึง.....กูจองคนที่หันมาทางนี้.....เค้ามองกูด้วย.....หล่อชิบหายเลยมึง.....” อีเต็มระริกระรี้

“.....อีเอ้....มึงดูดิ.....เค้าหันมามองจริง ๆ ด้วย....” อีนันสะกิดให้ผมมอง

“.....ไม่ทักทายเพื่อนเก่าหน่อยเหรอ....” ไอ้โมทย์กระซิบ ผมเผลอเงยหน้ามอง เห็นไอ้วุธมองมาทางผมเต็ม ๆ บอกแล้วว่ายังไงมันต้องจำผมได้ ขนาดเมื่อคืน มืดขนาดนั้น มันยังจำได้ นี่กลางวันแสก ๆ ผมกับกางเกงขาก๊วยสีฟ้า แถมยังมีเสียงกรี๊ดกร๊าดของอีเต็มอีก.....คนอื่นเค้าก็หันมามองนะครับ แต่ไอ้วุธนี่มองผมแบบไม่ละสายตาเลย ผมรู้สึกตัว ขยับตัวให้แขนของโมทย์หลุดจากบ่าผม “.....กลัวอะไร.....ไหนบอกเพื่อนเก่าไง....” มันพูดไปยิ้มไป ไอ้วุธวิ่งเลยไปแล้วแต่ยังหันหลังกลับมามอง ลึก ๆ แล้วกลัวมันจะเข้าใจผิดเหมือนกัน.....แต่มันไม่ได้เป็นอะไรกับเราแล้วนี่หว่า.....ทำไมต้องแคร์มันด้วยวะ


*
*
*

.......ได้เวลากลับซะที.....คิดถึงเตียงนุ่ม ๆ ผ้าห่มหอม ๆ เสียงโมบายที่หน้าต่าง คอยดูนะ กูจะนอน ๆ ๆ ๆ ๆ ชดเชยที่เมื่อคืนนอนไปได้นิดเดียว.....ง่วงมากกกกกก.....รู้สึกตัวลอย ๆ ยังไงไม่รู้ ตาก็สู้แสงแดดไม่ไหว ต้องเอาแว่นกันแดดมาใส่จึงค่อยยังชั่ว......รถบัสกำลังแล่นผ่านรีสอร์ตที่ไอ้วุธพักอยู่.....เสียงอีเต็มอีกแล้วครับ.....มันบอกให้ดูข้างล่าง.....ผู้ชายพวกนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมเดินทางกลับกันแล้ว ค่อยดูเป็นผู้เป็นคนหน่อย......

“.....เฮ้ย.....คนนั้นไง....ที่มองกูอ่ะ....” อีเต็มเรียกให้เพื่อนดู ไอ้วุธแน่ ๆ ผมสังหรณ์ แล้วก็จริงด้วยครับ ผมจำลักษณะมันได้ทุกอย่าง

“.....มองมาทางนี้อีกแล้ว....อีเต็ม....เรียกเลยมึง....” อีกุ้งยุ

“....เธอ....เธอ....คนนั้นน่ะ....” อีนี่มันยุขึ้นจริง ๆ ลืมไปแล้วมั้งว่าพวกเราไม่ใช่เด็กพาณิชย์แล้ว เก็บอาการนิดนึง ผมคิดในใจ ผมชายหางตาที่ใส่แว่นกันแดดมองไปทางไอ้วุธ....มันมองขึ้นมาทางผม....ถนนก็แคบ รถบัส 3 คันค่อย ๆ คลานตามกันออกสู่ถนนใหญ่ ผมขยับผ้าม่านสีตุ่น ๆ จะปิดไม่ให้มันเห็น แต่ไม่ทันครับ มันเดินมา ชี้ผม แล้วทำท่าโทรศัพท์เป็นการส่งซิก ที่ผมกับมันรู้กัน สมัยที่ผมคบกับมันอยู่

“....เค้าขอเบอร์กู....” อีเต็มยิ้มแฉ่ง “.....เดี๋ยวนะ....กระดาษไปไหนหมดวะ....” อีเต็มค้นกระเป๋าใส่ของจุกจิก ยิ่งรีบ ยิ่งรน ของในกระเป๋ากระจัดกระจายเรี่ยราด รถบัสค่อย ๆ เคลื่อนไกลออกไป อีเต็มก็หากระดาษปากกาไม่เจอซะที “.....โอ๊ย....ไม่หาแม่งแล้ว.....02 XXX XXXX อีเต็มตัดสินใจตะโกนบอกเบอร์ คนบนรถและข้างล่างหัวเราะกับท่าทางหื่นกามของมัน ผมอายแทนจริง ๆ “....เค้าโบกมือให้กูด้วย....” ผมแอบหันไปมองไอ้วุธ......ใช่ มันโบกมือ....แต่เป็นทำนองว่า ไม่เอา....(กู) ไม่เอาเบอร์ (มึง) ผมยังอดอมยิ้มกับการเข้าใจผิดของอีเต็มไม่ได้

*
*

“.....ขอนั่งด้วยนะ....” ผมสะดุ้ง กำลังนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ อีเต็มมันลุกไปเล่นไพ่หลังรถ ตั้งแต่รถออกถนนใหญ่ได้ไม่นาน

“....อืม....” ผมขยับตัวให้ติดหน้าต่าง

“....ไม่ต้องกลัวผมหรอก....” โมทย์พูดขำ ๆ ใครกลัววะ แค่อยากให้มันนั่งสบาย ๆ ต่างหาก

“....คุณน่ะ ไม่มีอะไรน่ากลัวซะหน่อย....แต่กลัวเพื่อนคุณเข้าใจผิดมากกว่า.....” ผมพยักเพยิดให้โมทย์มองอีแอ๊บที่จ้องผมจนอึดอัด

“....เค้าไม่มีอะไรหรอกครับ....” โมทย์พูดแบบไม่ใส่ใจ หลับตา เอนหัวมาซบไหล่ผม อีแอ๊บตาโต ผมแน่ใจเลยครับว่า อีนี่มันต้องชอบไอ้โมทย์แน่ ๆ แกล้งมันเล่นดีกว่า....ผมหลับตา พิงหัวโมทย์บ้าง.....ลมเย็น ๆ จากหน้าต่าง เสียงเพลงเบา ๆ จากลำโพงรถคลอกับเสียงพูดคุยหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ ในวงไพ่ กลิ่นแชมพูหอมบาง ๆ จากผมโมทย์ ประกอบกับความง่วง.....ผมเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว แว่นกันแดดยังไม่ได้ถอดด้วยซ้ำ

*
*
*

......รู้สึกตัวอีกที่เมื่อรถจอด.....ผมคิดว่าถึงกรุงเทพแล้ว....ทำไมมันถึงเร็วจังวะ....อ๋อ....เพิ่งถึงแค่ท่าเรือที่จะไปเกาะเสม็ด.....รุ่นพี่ให้แวะจอดซื้อของฝาก....ผมปลุกโมทย์.....มันงัวเงียทำท่าไม่อยากลุก แต่ก็ต้องลุก เพราะบนรถจะร้อนมาก บิดขี้เกียจนิดหน่อย ผมหยิบกระเป๋าตังค์ เดินไปหาพวกเพื่อน ๆ ช็อปปิ้งกันดีกว่า.....สนุกมาก....เดินไป ชิมไป ซื้อของฝากเยอะมาก.....ฝากหลายบ้าน.....ซื้อกุ้งแห้งไปตุนไว้ด้วย อยากกินมะม่วงน้ำปลาหวาน....อีแอ๊บสร้างความฮือฮาอีกแล้วครับ.....หล่อนซื้อแทบทุกร้าน ของพะรุงพะรังเต็มมือ.....ผมว่าผมซื้อเยอะแล้วนะ แต่ผมให้แม่ค้าจัดใส่ถุงพร้อมฝาก....ไม่ได้แยกถุงจนดูรุงรัง.....สุดท้ายโมทย์ก็ต้องช่วยมันถือตามระเบียบ.....ทีนี้หล่อนก็เดินเชิด ๆ มีผู้ชายหน้าตาดีเดินถือของตามหลัง......


......ขึ้นรถอีกที.....ตอนนี้คนไม่เยอะเหมือนเดิมแล้วครับ.....มีหลายคนขอลงไปเที่ยวกันต่อบนเกาะเสม็ด แล้วจะกลับกันเอง.....รถโล่งไปถนัดตา.....อีกุ้งแยกกับพี่ก้อง เพราะพี่ก้องเอารถมา แต่เค้าต้องกลับกับเพื่อนที่มาด้วยกัน.....อีกุ้งเดินยิ้มขึ้นมานั่งเล่นไพ่ต่ออย่างมีความสุข.....สงสารก็แต่อีแอ๊บ....ชื้อของมาเยอะ ไม่มีที่วาง ต้องวางไว้ข้างตัว ส่วนโมทย์ก็มานั่งข้างผมเหมือนเดิม.....พอรถออกตัวไปสักพัก....ง่วงอีกแล้ว....ผมเอนหัวพิงหน้าต่าง ยังไม่ทันจะหลับ....โมทย์มันก็เอนมาซบไหล่ผมในท่าเดิม....ตอนนั้นเริ่มรู้สึกแปลก ๆ แล้วครับ แต่ยังไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง......


*
*
*
*

.......เฮ้อ.....ในที่สุดก็ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ......หลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทาง โมทย์มันหลับแบบรวดเดียวยาวเลยครับ.....ตื่นขึ้นมาใส่แว่น.....ขอโทษขอโพยผมเป็นการใหญ่ นอนพิงตลอดทาง.....ผมบอกมันว่าไม่เป็นไรแล้วยิ้มให้มันนิดนึง.....มันยิ้มตอบ.....ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันมากกว่านี้.....อีแอ๊บเรียกโมทย์ให้ไปช่วยยกของ....โมทย์มันก็เดินไปช่วยตามเคย......ผมเดินถือของพะรุงพะรัง.....กระเป๋า 2 ใบ.....ถุงของฝากอีกหลายถุง


.....รอเรียกแท็กซี่ตั้งนาน.....กว่าจะถึงบ้านก็เกือบ 6 โมงเย็น.....ขี่มอไซค์ออกไปซื้อของกิน.....กลับมาอาบน้ำ แต่งตัว กินข้าว นั่งเล่นดูโทรทัศน์อีกแป๊บนึง.....ขอนอนตั้งแต่ 2 ทุ่มละกัน เหนื่อยมาก.....กำลังเคลิ้ม ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น.....เฮ้ย....หรือว่าไอ้วุธมันจะโทรมาวะ....ภาพที่มันทำท่าโทรศัพท์นี่มีความหมาย 2 อย่างนะ มันจะโทรมา หรือให้เราโทรกลับ....จะรับดีมั๊ย....ไอ้น้องเวรก็ยังไม่กลับบ้าน ไม่งั้นก็ให้มันรับแล้วเช็คว่าใครโทรมาก่อนได้.....นั่งมองโทรศัพท์จนมันหลุดไปเอง.....ผมตัดสินใจดึงแจ็คหลังเครื่องออก....ไม่รับดีกว่า....เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้วนี่นา.....ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง....ทั้ง ๆ ที่เหนื่อยและง่วง แต่ทำไมไม่หลับวะเอ้.....ในหัวมีแต่เรื่องไอ้วุธแวบไป แวบมา สลับกับท่าทางแปลก ๆ ของโมทย์ด้วย......ต้องหลับตา นอนนิ่ง ๆ บังคับตัวเองไม่ให้คิดอะไรอีก....ในที่สุดก็หลับไปเองด้วยความเพลีย.......


***************************************ที*บี*ซี**************************
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 30-09-2007 11:58:01
รีบมาต่อนะคร้าบ...... :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 30-09-2007 13:59:50
วุธจะเข้าใจผิดมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 30-09-2007 15:15:04
ไม่ว่าจะไปที่ไหนๆ..ก็หนีไม่พ้น..โลกกลมจริงๆ
สงสัยจะเป็นเนื้อคู่กันจริงๆซะละมั้ง..
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Red....[em] ที่ 30-09-2007 18:21:13
สวัดดีกันก่อน


อยากบอกว่าเคยอ่านมาแล้วครั้งหนึ่ง

และก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ฝังใจผมมาตลอด

ผมนับถือความรักของคุณเอ้และคุณวุธจริงๆครับ

เป้นอีกหนึ่งเรื่องที่อ่านกี่ครั้ง ก็ยังคงบรรยากาศและความรู้สึกดีๆที่มีให้เรื่องนี้เหมือนเดิมเสมอ


เป็นกำลังใจให้กับความรักของทั้งสองคนนะครับ!!!!

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 30-09-2007 21:27:34
โอ๊ยยย  โดน น้ำตาซำ

กะฮา เจ๊เต็มมากๆ อ๊ากๆๆๆ

ติดตามนะคับผม   เลิฟๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 01-10-2007 02:53:10
ขอบคุณมากนะคับที่มาลงต่อให้ได้อ่านคับผม สนุกดีคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 01-10-2007 15:04:40
 :impress:

 :เฮ้อ: หนีไรหนีได้ อย่าหนีใจตัวเองเลยเอ้

ลองคุยกันดีดีก่อนดีกว่าไหมจ๊ะน้องเอ้

ขอบคุณนะที่มาต่อ และก็รออ่านตอนต่อไปด้วยคับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 01-10-2007 16:45:10
ตกลงวุธคงเป็นพระเอกใช่ปะ เรื่องยังอีกยาวหรอ งั้นรีบๆมาช่วยกันโพสนะ ใครที่มีเรื่องนี้อ่ะ  :m23: :m23: :m23:


ชอบมั่กมากกกกกกกกกกกกกกกก :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 01-10-2007 17:27:22
 :amen: :amen: :amen: :amen: :amen:

                  :a6: :a6: :a6:


 :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อด$
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 01-10-2007 17:51:05
:m3: :m3: :m1: :m1:
คุ้มค่ากับการรอคอยจริง ๆ แล้ววุธจะกลับมาเป็นพระเอกอีกหรอเนี้ย
อยากรู้จัก มาต่อไวไวนะครับ
:m15: :m8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: blach ที่ 01-10-2007 21:18:26

รีบมาต่อนะคร้าบ......  :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 01-10-2007 23:33:06
มาแล้วครับช่วงนี้อยู่ในช่วงสอบ
อะไรมานก็ดูวุ่นๆๆหมดเลยเนอะ
ถ้าเห็นผมหายไปหลายวันมาลงต่อเลยก็ได้นะครับ
จะได้ไม่ขาดช่วง ขอโทดนะครับที่ทำให้ช้าลง :m5:
ไปอ่านต่อเลยนะครับ


6 Unforgettable Night Part I

.....หลังจากช่วงเวลาของการรับน้องสิ้นสุดลง.....งานกีฬาเฟรชชี่ก็ตามมาในวันเสาร์ปลายเดือน.....รุ่นพี่ขอความร่วมมือทุกคนให้ไปร่วมงานในตอนกลางวัน มีการแข่งกีฬาเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ไฮไลท์จะเป็นการประกวดเชียร์ลีดเดอร์ในช่วงเย็น.....ส่วนงานกลางคืน จะมีการแสดงคอนเสิร์ต ปิดท้ายด้วยการประกวดเดือนและดาวมหาวิทยาลัย.....


.....สมัยนั้นการเป็นเกย์ยังไม่ได้รับการยอมรับมากนัก แม้ว่าสังคมมหาลัยจะให้อิสระกับคนกลุ่มนี้มากกว่าตอนเรียนมัธยมก็เถอะ.....ผมและกุ้งได้ถูกเสนอชื่อให้เป็นตัวแทนไปประกวดเดือนคณะ และตัองคัดเลือกอีกทีเพื่อประกวดเดือนมหาลัย.....ใครไม่รู้อุตริเสนอชื่อพวกเราสองคนด้วยคะแนนหลายเสียงเลยครับ จะว่าเป็นเพื่อนเราก็ไม่น่าจะใช่ เพราะมันรู้ว่าพวกผมไม่ชอบเรื่องอย่างนี้......และรู้เลยว่ายังไงก็ไม่มีทางได้ตำแหน่ง ......อีกอย่างรู้ตัวดีว่าไม่เหมาะกับการเป็นตัวแทนของสาขา......ปล่อยให้ชายจริงหญิงแท้เค้าฟาดฟันกันเองเหอะ.....


.....ในจำนวนผู้ชาย 5 คนที่ได้รับการเสนอชื่อมากที่สุด มีอีแอ๊บและโมทย์ด้วย.....ผมกับอีกุ้งยกมือสละสิทธิ์.....

“.....เอ้กับกุ้งไม่เอาด้วยนะพี่.....” ผมพูดเสียงจริงจัง

“.....ลองดูดิ.....มันไม่ใช่แค่การประกวดอย่างเดียวนะโว้ย.....มันต้องมีการแสดงโชว์ด้วย....แกสองคนน่ะเหมาะแล้ว.....”

“.....แหม....พี่....ถ้าเอาหน้าตาอย่างเดียวก็พอลุ้น....” อีกุ้งปล่อยมุข เสียงเพื่อนและรุ่นพี่โห่ดังลั่น

“.....แต่พี่ว่า.....ไม่โกรธกันนะ.....เอ้กับกุ้งมันหน้าหวานเกินผู้ชายไปหน่อยว่ะ.....” พี่ประธานปี 3 แย้งพี่ที่พูดคนแรก พวกผมรีบพยักหน้ารับทันที

“.....ใช่.....งั้นให้เราประกวดดาว แล้วให้ป๋องมันประกวดเดือนดีมั๊ยพี่.....” อีกุ้งหมายถึงทอมประจำรุ่น.....เพิ่งเคยเห็นทอมอายก็งานนี้แหละ

“.....พอ ๆ เลิกเล่นกันได้แล้ว.....เอางี้....ถ้ากุ้งกับเอ้สละสิทธิ์ก็ไม่เป็นไร.....พวกเราโหวตให้สามคนที่เหลือก็ได้.....” พวกผมถอนหายใจโล่งอก

.....สปิริตน่ะมันก็มีอะนะ....แต่ผมรู้ตัวดีว่าไม่เหมาะกับการประกวดอย่างนี้.....ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนก็เถอะ แต่มันรู้สึกยังไงไม่รู้ ขอช่วยงานอย่างอื่นละกัน.....พวกผมยกมือโหวตให้โมทย์ทั้งกลุ่มเลยครับ......ผลปรากฏว่าโมทย์ได้เป็นตัวแทนสาขาไปแข่งกับสาขาอื่นในคณะบริหารอีกที.....ส่วนเพื่อนผู้หญิงที่ได้เป็นดาวก็น่ารักดี.....ดูมั่นใจ.....ให้ทำอะไรก็ทำ.....พิสูจน์ได้จากการรับน้องที่ผ่านมา และนี่ก็เป็นเหตุผลนึงที่เค้าได้เสียงโหวตเยอะขนาดนี้......ดูอีแอ๊บจะผิดหวังมากที่คะแนนน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ.....ในรอบแรกที่ให้เลือกเพื่อนชายห้า หญิงห้า ใช้วิธีเขียนใส่กระดาษ แต่พอโหวตจริง ๆ ใช้ยกมือนับเอา โชคดีจริง ๆ ที่ถอนตัวออกมาก่อน.....


*
*
*


.....เย็นวันประกวดดาวและเดือนคณะ.....พวกผมพากันไปให้กำลังใจโมทย์ทั้งสาขา.....วันนี้ทั้งวันไม่ได้เห็นหน้ามันเลย จะเตรียมตัวอะไรกันเยอะแยะวะ ผู้ชายนะโว้ย ผมคิดในใจ......หงุดหงิดที่เห็นเดือนและดาวของสาขาอื่นมาเก๊กสวยหล่อพร้อมกันหมดแล้ว ทำไมของเรามาช้าจัง.....คนเยอะมาก ๆ ไม่ได้มีแค่คณะเราแล้วหล่ะ ผมเห็นคณะอื่นมากันเกือบหมดมหาลัย ก็ แหม คณะบริหารธุรกิจ ไม่ว่าที่ไหนก็มีคนสวย หล่อ เยอะพอ ๆ กับคณะนิเทศ แต่มักจะสวยกันคนละแบบ.....


“.....มาแล้วโว้ย.....” อีเต็มตาดีกว่าเพื่อน

“.....เฮ้ย....หล่อชิบหายเลยมึง.....” อีกุ้งกรี๊ด พี่ก้องที่ยืนข้าง ๆ ต้องสะกิด มันถึงได้เบาลง

“.....โห.....ไปทำอะไรมาวะ.....” ขนาดผมยังอดเพ้อไม่ได้

“.....พอถอดแว่นออกแล้วเป็นคนละคนเลยวุ้ย.....” อีนันชมบ้าง โมทย์หันมาเห็นพวกผมพอดี มันยิ้มให้ พวกผมยิ้มแล้วยกนิ้วโป้งให้มัน......อีแอ๊บที่เดินประกบโมทย์ตลอดเวลา มองพวกผมเหยียด ๆ เหมือนเคย แต่ไม่มีใครสนใจ เพราะคิดว่านี่คือคาแรคเตอร์ประจำตัวมันแล้ว

.....จากประสบการณ์เคยขึ้นประกวดมาก่อน รู้เลยว่ามันจะตื่นเต้นขนาดไหน นี่ไม่ใช่เวทีเล็ก ๆ แล้วนะครับ นักศึกษาจากคณะอื่นเริ่มทยอยกันเข้ามาดูการประกวดมากขึ้น สาขาอื่นก็ตอบคำถาม และ present ตัวเองกันดี ๆ ทั้งนั้น พวกผมมองเห็นโมทย์มันยืนหน้าเครียดอยู่คนเดียว อีนันชวนให้เดินเข้าไปหา ไม่มีใครอยากเบียดคนไปกับมันเลย แต่สุดท้ายมันก็ลากผมไปจนได้.....

“.....เครียดเหรอโมทย์.....” อีนันสะกิด มันพยักหน้า

“.....เฮ้ย.....Take it easy.....ทำตัวตามสบาย เป็นตัวของตัวเองนั่นแหละดีที่สุด.....เราเข้าใจว่าโมทย์รู้สึกยังไง.....พี่เค้าให้ตอบตามสคริปใช่มั๊ย.....” มันพยักหน้าอีก

“.....ตื่นเต้นว่ะ.....” เป็นครั้งแรกที่มันพูดอย่างนี้ ปกติมันจะมีครับตามหลังเสมอ

“.....ถ้ากลัวจำสคริปไม่ได้.....เวลาตอบคำถามก็ตอบตามความรู้สึกจริง ๆ ดิ เชื่อเรา....ทุกคนเป็นกำลังใจให้.....เต็มที่นะ.....” ผมจับมือมันบีบเบา ๆ มือเย็นเจี๊ยบเลยครับ

“.....ขอบคุณครับ.....” มันยิ้มออกมาได้ โอ๊ย คอนแท็คเลนส์สีน้ำตาล เข้ากับสีผมของมัน ทำให้หน้ามันเด่นขึ้นจริง ๆ

“.....โมทย์.....ขึ้นเวทีได้แล้ว.....” อีแอ๊บเดินเข้ามาเรียกโมทย์โดยที่ไม่ชายตามองพวกผมเลย

“.....โชคดีนะ.....” อีนันพูด โมทย์มันกำลังจะอ้าปากพูดอะไรซักอย่าง แต่อีแอ๊บมันดันลากตัวไปซะก่อน


*
*

.....ผมเดินกลับมาดูการประกวดต่อ.....โมทย์ขึ้นเวทีคราวนี้ ดูมีความมั่นใจมากขึ้น ยิ่งเวลามันกวาดตามองคนที่อยู่ข้างล่างด้วยแล้ว โอ๊ย เสียงกรี๊ดถล่มทลาย มันไปหัดบริหารเสน่ห์ที่ไหนวะ ผมพูดกับอีนันเบา ๆ อีนันได้แต่ยิ้มอย่างเดียว มองดูอีเต็มที่กรี๊ดโมทย์จนเสียงแหบ กรี๊ดจนเกินค่าตัว......ตอนตอบคำถามมันก็ทำได้ดีกว่าที่คิด.....ดูมันผ่อนคลายลงไปเยอะ.....ชอบจังเลยตอนมันยิ้มไปด้วยพูดไปด้วยเนี่ย.....ฟันก็สวย ตาก็สวย.....ผมที่เพิ่งไปตัดและทำสีน้ำตาอ่อน ๆ มาก็ทำให้มันดูดีขึ้นกว่าเดิมมาก.....


.....โมทย์และเพื่อนผู้หญิงที่เข้าประกวดยืนยิ้มอยู่ตรงกลางวงล้อมของเพื่อน ๆ ที่กำลังบูมสาขา และบูมคณะ ในที่สุดพวกเค้าสองคนก็ทำชื่อเสียงให้สาขา แต่นี่เป็นแค่การเริ่มต้น อีกสองวันต้องเป็นตัวแทนประกวดระดับมหาวิทยาลัย.....มีเวลาน้อยเหลือเกินสำหรับเตรียมการแสดงโชว์บนเวที.....เย็นนั้นกว่าพวกผมเด็กปี 1 จะได้กลับบ้านก็เกือบสองทุ่ม ประชุมร่วมกับสาขาอื่นตกลงหาการแสดงให้กับเดือนและดาวคณะ.....นึกว่ารับน้องจบ ก็คือจบ ได้ไปเที่ยวบ้าง แต่ไม่เลย กลับบ้านมืดทุกวัน แต่สนุกดีนะครับ.....


.....กลับถึงบ้าน อาบน้ำ กินข้าว ปิดบ้าน ตรวจดูความเรียบร้อย ขึ้นไปนั่งดูโทรทัศน์บนห้องสักพัก เริ่มง่วงนิด ๆ นอนดีกว่า.....ขณะกำลังหาคลื่นวิทยุเพื่อฟังเพลงก่อนนอน เสียงเพจก็ดังขึ้น ผมกดอ่าน ชิบหาย....ลืมเสียบสายโทรศัพท์บนห้องตั้งแต่วันที่กลับจากรับน้อง.....ไอ้โยเพจมาต่อว่า มันพยายามโทรเข้าบ้านผมหลายครั้ง แต่ไม่มีคนรับเลย.....ผมลุกขึ้นเปิดไฟ หาสายต่อเข้าเครื่องเหมือนเดิม เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาทันทีที่ผมเสียบแจ็คเสร็จ ผมยกหูรับรู้เลยว่าต้องเป็นไอ้โย......


“.....เป็นอะไรวะเอ้.....โทรมาตั้งหลายครั้งไม่มีคนรับเลย.....น้องมึงไปไหนวะ.....ไม่มีคนอยู่เลยเหรอ....แล้วมึงไปแรดไหนทุกวันเนี่ย.....ขนาดโทรดึก ๆ ก็ไม่มีคนรับ....กูนึกว่ามึงเป็นอะไรไปซะแล้ว.....” มันใส่ผมเป็นชุด

“.....ขอโทษ....กูก็อยู่บ้านเนี่ยแหละ.....แต่กูดึงปลั๊กโทรศัพท์ออกตั้งแต่กูไปรับน้อง....แล้วลืมเสียบกลับอ่ะ.....” ผมพูดเสียงอ่อย ๆ

“.....เวร.....ถ้าใครเป็นอะไรจะติดต่อมึงยังไง....หา....” มันยังบ่นต่อ

“.....ก็เพจมาดิ....” ผมเถียง

“.....ถ้าเค้าไม่รู้เบอร์เพจมึงล่ะ.....”

“.....นั่นหมายความว่ากูไม่อยากติดต่อด้วย.....” ผมแอบคิดถึงไอ้วุธ

“.....เออ....ดีนะมึง.....รับน้องเป็นไงมั่งวะ.....”

“.....สนุกดี....กูมีเรื่องเล่าให้ฟังตั้งเยอะ.................................” รวดเดียว Non Stop ไอ้โยหัวเราะเป็นระยะ แต่ผมไม่บอกเรื่องที่เจอไอ้วุธหรอก

“.....ช่วงนี้ก็ว่างแล้วดิ.....ไปหาอะไรกินกันปะ.....” โยชวน

“.....ว่างห่าอะไรล่ะ....วันเสาร์นี้มีงานเฟรชชี่.....มีประกวดเดือนดาวด้วยนะโว้ย.....”

“.....จริงดิ....งั้นขอไปดูด้วยนะ....” อ้าว....ซวยเลยกู จะเอามันไปดูได้ยังไงวะ เพื่อน ๆ ผมมันยิ่งชอบจ้องว่าผมแอบซุ่มแฟน.....ถ้าเอาไอ้โยไป พวกมันต้องคิดว่าไอ้โยเป็นแฟนผมแน่ ๆ จะปฏิเสธยังไงดีวะเนี่ย

“.....คือว่า.....กูไม่มีเวลาเทคแคร์นะ....”

“.....กูไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะโว้ย.....ทำไม....ไม่อยากให้กูไปอ่ะดิ....” มันจับเสียงผมได้ มันพูดเหมือนน้อยใจ

“.....เปล่า.....ไม่ใช่อย่างนั้น.....”

“.....ไม่ต้องมาตอแหลเลย.....มึงมีใครซ่อนไว้ที่มหาลัย.....หรือว่านัดใครไว้แล้ว.....ไอ้วุธใช่มั๊ย.....”

“.....อย่าพูดชื่อนี้ให้ได้ยินอีกนะ.....เออ....อยากไปก็ไป.....เจอกันกี่โมง ที่ไหน ยังไง ว่ามา.....” ผมตัดบทด้วยการตามใจมัน เรานัดเวลา สถานที่ และคุยกันอีกนิดหน่อย ผมก็ต้องวางเพราะง่วงมากแล้ว

*
*
*

.....สองวันที่เหลือ ผมกับโมทย์แทบไม่ได้ใกล้กันเลย มีอีแอ๊บตามประกบไม่ห่าง จนคนในสาขาแซวว่ามันสองคนเป็นแฟนกัน.....โมทย์ทำหน้าเจื่อน ๆ แต่อีแอ๊บยิ้มหน้าบาน มองพวกผมห้วยหางตาเหมือนเคย.....

“.....เอ้.....อย่าลืมมาเชียร์ผมนะ.....” โมทย์หลบอีแอ๊บมาพูดกับผมที่โรงอาหารใหม่ใกล้คณะ

“.....คุยอะไรกัน.....” อีเต็มเดินถือจานข้าวเข้ามานั่งตรงข้ามกับผม

“.....เต็มด้วย.....วันเสาร์นี้อย่าลืมนะครับ....”

“.....โมทย์....กินอะไรดี....” อีแอ๊บชะงักที่เห็นโมทย์นั่งโต๊ะเดียวกับผม

“....เหมือนเดิมครับ....”

“.....แล้วมานั่งทำไมตรงนี้.....” อีแอ๊บทำเสียงแข็ง ราวกับว่าเป็นเมียโมทย์

“.....หึงเหรอจ๊ะ....” อีกุ้งที่เพิ่งเดินเข้ามา ได้ยินพอดี ก็เลยกัดซะ

“....เราไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย.....” โมทย์รีบปฏิเสธทันที อีแอ๊บหน้าเสีย เดินตัวตรงหน้าเชิดไปนั่งอีกมุมนึงของโรงอาหาร ซักพักโมทย์ก็ขอตัวไปหาอีแอ๊บ

“.....พฤติกรรมน่าสงสัย.....” อีนันเปิดประเด็น

“.....อืม.....” หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็เป็นหัวข้อในการเม้าธ์ระหว่างมื้อกลางวัน


*
*
*

.....วันที่รอคอยก็มาถึง พวกผมนัดกันไม่ไปดูงานกีฬาในช่วงกลางวัน เนื่องจากอากาศร้อนมาก ไม่อยากขึ้นเชียร์ กลัวจะร้องไม่ออกเวลาเห็นอีแอ๊บเต้นอยู่ข้างสนาม.....ส่งอีกุ้งไปคนเดียวก็พอ อีนี่มันกำลังอินเลิฟ พี่ก้องอยู่ไหนมันก็อยู่ตรงนั้น....ก่อนเวลานัดไอ้โย ตอนหกโมงเย็น....ผมแวะไดร์ผม นาน ๆ ออกงานที ขอหน่อยละกัน เพิ่งรู้ว่าผมยาวเร็วเหมือนกัน ผมข้างหลังใกล้ปรกคอ ผมข้างหน้ายาวเกือบถึงคางแล้ว.....มองกระจกตรงหน้า อืม ใช้ได้ คืนนี้เต็มที่แน่นอน.....


“.....โห...ไม่เจอกันนาน สวยขึ้นนะมึง.....” โยพูดหลังจากมองผมอึ้ง ๆ

“.....ปากดีนะมึง.....หล่อโว้ย ไม่ใช่สวย.....” ผมเขิน ไม่ชอบให้ใครชมว่าสวยเลยจริง ๆ

“.....เป็นแฟนกูเถอะ.....”

“.....โคตรโรแมนติกเลยมึง....” ผมขำ

“.....ซีเรียสนะโว้ย....” มันทำหน้าขึงขัง

“.....อย่ามาบ้า....จะไปได้ยัง.....” ผมเดินนำขึ้นรถ

*
*

“.....มองอะไร.....” ผมชักเริ่มรำคาญที่ไอ้โยมองหน้าผมตั้งแต่ขึ้นรถ

“.....มีแฟนยังวะ.....”

“.....ยัง.....กูมีหัวใจไว้ทำลาย ไม่ได้มีไว้รัก.....” ผมพูดยิ้ม ๆ

“.....ไม่เชื่อหรอก....มึงยังลืมไอ้วุธไม่ได้ใช่มั๊ย.....” ผมอึ้ง

“.....ถ้าพูดชื่อนี้อีกครั้งกูจะถีบให้ตกรถเลย....”

“.....โหดว่ะ....” มันเขยิบออกห่าง ผมทำเป็นใช้สมาธิในการขับรถ ไม่คุยกับมันอีกจนถึงมหาลัย

“....ถ้าเจอเพื่อนกูก็กรุณาสงบปากสงบคำหน่อยนะ.....” ผมพูดกับโยก่อนลงรถ มันพยักหน้าหงึก ๆ


.....ระหว่างทางเดินไปคณะ เพื่อรวมตัวกับเพื่อน ๆ ที่รออยู่....ไอ้โยเดินใกล้ซะไหล่ชนกัน ได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายยี่ห้อดังระเหยออกมาจากตัวมัน....ผมแอบมองมัน เฮ้อ ทำไมกูไม่ชอบมันวะ รูปร่างหน้าตาดี แต่งตัวก็ดี การศึกษายิ่งดี ที่สำคัญเราไม่ต้องปรับตัวเข้าหากันเลย.....เดินผ่านซุ้มหลายซุ้ม คนก็มองจนผมสงสัยว่ารูดซิปหรือเปล่า แอบเอามือคลำ ก็รูดปกติดีนี่หว่า มองอะไรกันวะ.....


“.....อีเอ้มาแล้ว.....เอาแฟนมาด้วยโว้ย....” เสียงอีเต็มดังขึ้นก่อนที่ผมจะถึงซุ้ม

“.....กะจะเปิดตัวกันคืนนี้เลยเหรอวะ.....” อีนันแซว สายตาทุกคู่จ้องมาที่ผมกับไอ้โย

“.....มานี่เลย.....ทำเป็นซุ่มนะมึง.....” อีกุ้งลุกขึ้นมาลากผมเข้าไปนั่ง ทำให้ผมต้องจับมือโยไปนั่งด้วย

“.....ฟังก่อนมึง.....นี่เพื่อนกู ชื่อโย....ไม่ใช่แฟน.....เนอะ.....” ผมหันไปพยักเพยิดกับมัน

“.....เอ้เค้าอายอ่ะครับ....ตอนนี้ไม่ใช่แฟนหรอกครับ แต่เมื่อกี้น่ะใช่.....” เสียงเพื่อนผมกรี๊ดกร๊าดถูกใจ ไอ้โยเล่นผมแล้วไง ผมอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ไหน

“.....ไอ้บ้า.....” ผมตบหลังมันดังพลั่ก

“.....ไม่ต้องอายเพื่อนหรอก.....” มันขยิบตาให้ผม เล่นไม่เลิกนะมึง ผมด่ามันในใจ

“.....ไปดูโมทย์กันเถอะ....” ผมลุกเดินหนี โมโห อุตสาห์บอกมันแล้วว่าให้สงบปากสงบคำ

“.....เค้าเขินอ่ะครับ....” ผมหันขวับ เห็นไอ้โยกำลังชี้มาที่ผม หัวเราะกับเพื่อน ๆ

“.....ตามมานี่เลย.....” ผมลากไอ้โยไปตกลงกันใหม่

“.....ไปไหนวะ....” อีนันตะโกนถาม

“.....เดี๋ยวเจอกันที่เวทีเลยนะโว้ย.....” ผมตะโกนกลับ


.....ผมลากไอ้โยไปให้พ้นที่ที่คนพลุกพล่าน ไม่สนใจสายตาคนมองด้วยความสงสัย เมื่อกี้ยังเห็นดินด้วยกันดี ๆ.....ก้มหน้าก้มตาดึงมันมาจนจะพ้นตึกเรียน ด้วยความที่โมโห เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ผมชนคนที่เดินเลี้ยวมาแรงจนเซแถ่ด ๆ ๆ ดีนะว่าไอ้โยมันจับผมไว้ ไม่งั้นผมต้องล้มไปกองกับพื้นแล้ว.....


“.....ขอโทษครับ....” ผมกับคนที่เดินชนพูดพร้อมกัน หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงอะไรออกมาจากปากเราทั้งคู่อีกเลย มีแค่สายตาที่มองจ้องกันด้วยความตกใจ

“.....มาเที่ยวเหรอครับ....” ไอ้โยทำลายความเงียบ

“.....อืม....” คนถูกถามตอบโดยใช้เสียงในคอ สายตาจับจ้องที่มือไอ้โยที่ประคองผมอยู่

“.....เวทีอยู่ตรงโน่น.....เดินไปตามทาง เดี๋ยวก็เจอ.....” ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด

“.....ขอบใจ.....” พูดจบก็เดินเลี่ยงผมกับโยไป ผมอดไม่ได้ที่จะมองตามไหล่กว้าง ๆ นั่นจนลับสายตา

“.....ถ่านไฟเก่าจะคุมั๊ยน้า.....” ผมหันไปทำตาดุ ไอ้โยถึงได้เงียบปาก

“.....มันจะมาทำไมวะ.....แม่ง....แล้วเมื่อไหร่กูจะลืมได้เนี่ย” ผมบ่นเบา ๆ กับตัวเอง

“.....นัดกันไว้อ่ะดิ....” ไอ้โยแหย่

“.....มันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากูเรียนที่นี่.....”

“.....แล้วมึงจะพากูไปไหนเนี่ย.....” ไอ้โยมองมือผมที่ยังจับมือมันอยู่ ผมปล่อยทันที

“.....ไปดูเพื่อนกูดีกว่า....ไม่มีอารมณ์จะคุยแล้ว.....จำไว้นะมึง อย่าทำให้ใครคิดว่ากูเป็นแฟนกับมึงอีก.....” ผมย้ำไอ้โยระหว่างทางเดินกลับไปเวที

“....กลัวขายไม่ออกเหรอ....”

“.....เออ ๆ มึงจะทำอะไรก็ทำเหอะ.....ยังไงกูกับมึงก็เป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้อยู่แล้ว.....” ผมพูดปลง ๆ


***************************************TBC**********************************

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 02-10-2007 02:18:15
คุณเอ้กับวุธต้องเป็นเนื้อคู่กระดูกคู่กันแน่ๆเลยไปที่ไหนไม่เคยพ้นกันเลยเจอกันแบบบังเอินตลอดนะคับ รอลุ้นตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 02-10-2007 02:27:30
 :a1:มาต่อเร็วๆๆนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 02-10-2007 08:36:04
 :undecided: o22 :undecided: o22 :undecided: :undecided: :undecided:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 02-10-2007 08:52:00
มานั่งลุ้นคู่นี้ด้วยอีกคน

คู่แล้วย่อมม่ายแคล้วกัน  อะกิ้วๆๆ  :give2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 02-10-2007 09:04:09
นั่นดิ หนีกันไม่พ้นจริงๆ  :m9:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 02-10-2007 09:37:41
 :impress:

จะคุยกันดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงเนี่ย

ตอนนี้ยังมีเวลาอยู่น๊า......

ถ้าเวลาหมดก็อดกันพอดี

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 02-10-2007 10:08:34
โย - โมทย์ - วุธ............. อืมเป็นผมก็เลือกยากน่ะ

ขอเหมาหมดเลยได้ป่ะ อิอิ  :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 02-10-2007 17:01:13
เลือกใครก็ได้ค่ะเลือกมาสักคนอย่ารักเผื่อเลือกมันไม่ดีสงสารคนที่เค้าเป็นตัวเลือกบ้าง :m15:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 03-10-2007 02:34:22
สงสัยชาติที่แล้วทำบุญด้วยกันมาเยอะ..
ชาตินี้ถึงต้องเจอกันอีก..บ๊อยบ่อย..
 :m17:อยากลืม..กลับจำ..ยิ่งเจอ..ก็ยิ่งเจ็บ.. :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 03-10-2007 11:04:40
เมื่อไหร่จะมาต่อนะ....รอนานแล้ว....แต่ก็ได้แต่รอต่อไป...รออย่างมีความหวัง.....อยากอ่านต่อแล้วคร้าบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 03-10-2007 17:04:17
 o22
ไม่เป็นไรนะ ตะเองงงง เดี๋ยวเย็นนี้กลับบ้านแล้วจะรีบต่อให้เลยยยย  ช่วยคน post เห็นว่างานยุ่ง ๆ อยู่
 :m23: :catrun:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 03-10-2007 21:13:25
ไม่เป็นการเสียเวลา ต่อกันไปเลยครับบบบบบบ  :m1:

7 The unforgettable night Part II

.....กว่าจะเดินเบียดฝูงชนจนเข้าไปถึงที่ที่พวกเพื่อนผมยืนรออยู่ก็เล่นเอาเหนื่อยพอตัว เผลอจับมือไอ้โยเดินตลอดเวลา มารู้ตัวอีกทีก็เพราะเพื่อนผมมันมองแปลก ๆ เหงื่อซึมรู้สึกได้ว่ามือชื้นเลยครับ.....
“.....พวกมึง.....กูเจอเนื้อคู่แล้ว.....” อีเต็มพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“....อะไรของมึง....ใครชะตาขาดวะ....” อีกุ้งกัด ไอ้โยแอบอมยิ้ม
“....อีดอก....” มันค้อนอีกุ้ง “นั่นไง มึง คนที่ยืนตรงนั้นอ่ะ....” อีเต็มพยักเพยิดให้พวกผมชะเง้อมอง
“....ไหนวะ....” อีนันกวาดตามอง
“....นั่นไง....มองมาทางนี้ด้วย....คนที่มองกูตอนไปรับน้องอ่ะ....” ผมหันขวับ เจอกับสายตาไอ้วุธพอดี
“....เฮ้ย....นั่นมันแฟนอีออยนี่หว่า....” กุ้งสะกิดแขนผม
“....เหรอ....” ผมทำเป็นไม่สนใจ หันไปดูตัวแทนจากคณะต่าง ๆ ที่กำลังทยอยขึ้นมา แนะนำตัวบนเวที.....ข้างในร้อนรุ่ม กระสับกระส่ายจนไอ้โยต้องกระซิบถาม
“....เป็นอะไรหรือเปล่า....” ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“....เดินไปคุยกับเค้าดีกว่า....” อีเต็มกระดี้กระด้าเป็นปกติของมัน
“....เค้ามากับแฟนหรือเปล่า....” อีนันปราม
“....ไม่หรอก....นั่นมันพวกเด็กการจัดการ....กูจำได้....” เต็มเถียง ตามองไอ้วุธไม่เลิก
“....แฟนเค้าคงกำลังตามมามั้ง....” ผมไม่อยากให้อีเต็มไปข้องเกี่ยวกับวุธ
“....ไม่รู้แหละ ขอกูลองไปคุยก่อน มองมาหลายทีแล้ว มีลุ้นเว้ย....” พูดจบมันก็เดินเบียดคนไปทางไอ้วุธ ผมใจหายวาบ ไม่รู้ไอ้วุธจะพูดอะไรบ้าง หวังว่าคงไม่คุยเรื่องผม เพราะผมไม่เคยเล่าเรื่องวุธให้พวกมันฟัง.....โอเค มีบ้างอะนะ แต่ผมใช้คำว่า คนที่กูเคยรัก แทนชื่อมันทุกครั้ง ดังนั้นมันไม่มีทางรู้หรอกว่า ไอ้คนที่ผมเคยรัก กับไอ้คนที่กำลังคุยกับอีเต็ม เป็นคนเดียวกัน
“....โอ๊ย I think, I’m falling in love with him คนอะไรก็ไม่รู้ ทั้งหล่อ ทั้งนิสัยดี....” อีเต็มเดินยิ้มหน้าบานกลับมา
“....คุยอะไรกันวะ....” อีนันถาม ตาผมไม่มองมัน แต่ฟังหูผึ่งเลยครับ
“....เค้าชื่อวุธ....เด็ก XXXX เมเจอร์ XXXX ด้วยนะมึง เท่ห์ชิบหาย ....ได้กกไข่ซักคืนจะไม่ลืมพระคุณเลย....” ผมสำลักน้ำที่กำลังดูดจากหลอด อีเต็มหันมามองนิดนึง แล้วเล่าต่อ “....ที่สำคัญ....โสด....ยังไม่มีแฟน....” ผมเผลอแบะปาก
“....เป็นอะไรอีเอ้....” อีเต็มดันเสือกเห็นซะนี่ “....กูรู้น่า....วุธน่ะ....สเปกมึงเลยใช่ปะ....เสียดาย ที่มึงดันพาแฟนมาด้วย ไม่งั้นกูจะติดต่อให้ ของอย่างนี้แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ได้โว้ย....” ผมทำหน้าไม่ถูก แต่ไอ้โยยิ้มแป้น ผมต้องถลึงตาใส่มัน หุบยิ้มทันทีเลยครับ
“....ไม่ต้องอะ ขอบใจ....แล้วไอ้โยเนี่ย ขอบอกอีกครั้ง เพื่อนกู ไม่ใช่แฟน....”
“....จ้ะ...เพื่อนผ้อง ท้องชนกัน ผับ ๆ....” ผมอายไอ้โยมากที่เพื่อนผมเข้าใจเป็นอย่างนั้น
“....แล้วเค้ามาได้ไงวะ....” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“....เพื่อนแถวบ้านชวนมา....เฮ้อ บุพเพสันนิวาส....” อีเต็มเพ้อต่อ
“....พอเหอะมึง....ไอ้โมทย์จะขึ้นเวทีแล้ว....” อีนันเบรก....ไอ้ผล อีเต็มเลิกสนใจไอ้วุธชั่วคราว หันไปมองบนเวที ส่งเสียงกรี๊ดตอนไอ้โมทย์เดินออกมา....ดังมาก พวกผมมองหน้ากันแล้วหัวเราะในความบ้าผู้ชายของมัน
.....ดาวและเดือนปีนี้ ตำแหน่งเป็นของคณะอื่นตามคาด....รูปร่างหน้าตาของโมทย์กับเพื่อนผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ด้วยกว่ามากนัก แต่ถ้าเรื่องความคล่องบนเวที ทั้งคู่ยังสู้คนอื่นไม่ได้....พวกเรายอมรับการตัดสินของกรรมการ....และดูไอ้โมทย์จะรู้สึกโล่งเมื่อลงจากเวที....มันเดินลิ่ว ๆ ไปที่ซุ้ม รุ่นพี่ส่งสัญญาณเรียกพวกปี 1 ไปรวมตัวกันที่สาขา.....
.....นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้เค้านัดไปเที่ยวเธคกันต่อ ไปกันทั้งสาขา ทุกปี ซวยเลย ผมดันมีไอ้โยติดมาด้วย ไม่งั้นคงไปสนุกกับพี่ ๆ เพื่อน ๆ โดยไม่ต้องกังวล ผมยืนกรานปฏิเสธแม้เพื่อนผมจะพยายามลากไปก็ตาม.....แค่นี้ก็ไม่รู้จะโดนเม้าธ์ไปถึงไหนแล้ว ไอ้โยยืนรอผมไม่ไกลจากที่พวกเราคุยกันนัก (ต้องเข้าใจนิดนึงนะครับ ผมยังไม่คุ้นกับการที่โดนล้อเรื่องแฟน ถ้าเป็นแฟนกันจริง ๆ ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ไม่ใช่ ถ้าวันใดความลับแตก ทุกคนรู้ว่าผมกับโยไม่ได้เป็นแฟนกันอย่างที่สร้างภาพไว้ คนที่อับอายที่สุดก็คือตัวผมเอง)
“.....ทำไมไม่ไปเที่ยวต่อวะ.....” ไอ้โยโวยใส่ผมทันทีที่แยกกับเพื่อน ระหว่างทางเดินไปที่จอดรถ
“.....ถ้ามึงอยากไปก็ไปดิ เดี๋ยวกูไปส่งให้ถึงที่เลย.....” ผมหันไปตอบด้วยเสียงหงุดหงิด กูก็อยากไปเหมือนกันแหละ ถ้าไม่มีมึงกูไปแล้ว ผมพูดในใจ
“.....อย่าโมโหสิจ๊ะที่รัก.....” มันคว้ามือผมไปกุม ตรงนั้นมันมืดไงครับ ผมก็เลยปล่อยให้มันจับต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงรถ กลับบ้านเร็วกว่าที่คิดโว้ย เซ็งว่ะ ในใจคิดถึงขนาดวางแผนไปส่งไอ้โยก่อนแล้วค่อยไปเที่ยวกับเพื่อนต่อ
“.....เฮ้ย.....แฟนเก่ามึงอ่ะ.....” ผมขับรถออกจากประตูมหาวิทยาลัยไปได้นิดเดียวก็ต้องเบรก เพราะมีร่าง ๆ นึงยืนขวางรถไว้ โชคดีที่ไม่มีรถตามมา เนื่องจากงานยังไม่เลิก คนส่วนใหญ่ยังไม่กลับกัน ผมบีบแตรไล่ มันก็ไม่หลบ ผมถอยกลับหาที่จอดริมฟุตปาท แล้วลงมาเผชิญหน้ากับมัน หันไปอีกที นึกว่าไอ้โยลงมาด้วย ที่ไหนได้ มันเสือกนั่งลุ้นอยู่ในรถ ผมแทบจะเดินกลับขึ้นรถ แต่กลัวเสียฟอร์ม
“.....ยืนขวางทำไม....มีอะไร.....” ผมกระชากเสียงถาม
“.....ขอคุยด้วยหน่อย.....” มันพูดเสียงเรียบ
“.....พอเหอะ....เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว....ต่างคนต่างอยู่....ต่างคนต่างไป....อย่าให้เราต้องรู้สึกแย่กับนายมากไปกว่านี้เลย.....” ผมฝืนใจพูด พยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด ทั้งที่ในใจผมมันอ่อนยวบเมื่อเห็นสายตาของมัน
“.....ขอคุยด้วยเป็นครั้งสุดท้าย.....” มันใช้ไม้ตาย มันรู้ว่าผมไม่ชอบให้คนพูดอย่างนี้ มันเหมือนเป็นการสั่งเสีย และมันรู้ว่าผมจะต้องใจอ่อน และก็จริง ๆ ด้วย
“.....มีอะไรก็ว่ามาเร็ว ๆ ไม่มีเวลา.....คนของเรารออยู่....” ผมยืนกอดอกหันหลังให้มัน พูดให้มันคิดว่าไอ้โยเป็นแฟนผม
“.....ขอกลับด้วย.....” แทนที่มันจะพูดให้จบ ๆ ไปซะ กลับทำยืดยาดอีก
“.....ไม่ได้เอารถมาเหรอ.....” ผมหันไปจ้องหน้ามัน วุธส่ายหน้าช้า ๆ เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ เอาก็เอาวะ ไอ้โยก็ไปด้วย มันคงไม่ทำอะไรเราหรอก......ผมพยักหน้าเดินนำมันมาขึ้นรถ.....ไอ้โยงง ที่ไอ้วุธเดินมาเปิดประตูด้านหลังขึ้นรถนั่งเงียบไม่พูดไม่จา

.....เป็นการขับรถที่อึดอัดที่สุด ทุกครั้งที่ผมมองกระจกหลัง ผมจะเห็นไอ้วุธมองหน้าผมผ่านกระจก ยิ่งเวลาแสงไฟจากรถคันอื่นส่องเข้ามา ผมเห็นแววตาเศร้า ๆ ของมัน ถ้าไม่ติดว่าไอ้โยอยู่ด้วย ผมคงน้ำตาร่วงแน่ ๆ.....ไอ้โยมันก็เหมือนรู้ว่าสถานการณ์ตึงเครียด ไม่พูดอะไรซักคำ.....ผมอยากให้มันพูดมากเหมือนตอนขามา พยายามแหย่ให้มันเล่นด้วย มันก็ไม่เล่น....ลงทุนถึงขนาดจับมือมันก่อนด้วยซ้ำ ผมพยายามทำให้ไอ้วุธเห็นว่า ผมโอเค ผมมีไอ้โยแล้ว ผมไม่แคร์ มันไม่มีความหมายอะไรกับผมอีกแล้ว.....ไอ้ห่าโยก็ไม่เก็ทซักที ผมจำเป็นต้องปล่อยมุข.....
“.....โย....โกรธเหรอ.....”
“.....โกรธเรื่องอะไร.....” มันทำหน้าเหวอ
“.....ก็.....” ผมเว้นระยะเอาไว้ และก่อนที่มันจะทำแผนผมแตก โดยการแกล้งไม่รับมุข “.....บ้านเค้ามันเป็นทางผ่านอ่ะ...อย่าคิดมากดิ.....” ผมรวบรัดตัดความ

“.....ไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย....เอ้กับวุธไม่ได้เป็นอะไรกันนี่นา....ใช่มั๊ยครับ.....” มันหันไปถามไอ้วุธ ผมเห็นมันยิ้มแห้ง ๆ
“.....อืม....ไม่เคยเป็นด้วยซ้ำ....” ผมพูดเบา ๆ
“.....เอ้....เราขอลงตรงนี้แหละ ไฟแดงพอดี จะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา.....” ผมมองหน้าไอ้โยเหมือนจะกินเลือด มันก็รู้ว่าผมไม่อยากยุ่งกับไอ้วุธ ยังจะมาเปิดโอกาสให้ผมได้อยู่กับมันสองคนอีก “....ฝากเอ้ด้วยนะครับ.....” มันหันมาเปิดประตูให้ไอ้วุธขึ้นมานั่งข้างหน้าคู่กับผม ก่อนจะเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
“.....อย่าทำหน้าบึ้งอย่างนี้ดิ....” มันพูดออกมาเป็นครั้งแรก
“.....มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า.....” ผมพูดโดยไม่มองหน้ามัน
“.....เรียนยากมั๊ย.....” มันเอนหลังนั่งสบาย หาเรื่องคุยกับผมเหมือนจำไม่ได้ว่าเคยทำอะไรกับผมไว้
“.....ก็บางวิชาแหละที่ยาก....แล้วรู้ได้ไงว่าเราเรียนที่นี่.....” ผมพูดเสียงแข็ง
“.....ถามคนดูแลรีสอร์ตที่เอ้ไปรับน้องไง.....โชคดีจังที่ได้เจอกันอีก.....” ผมหัวเราะในคอเบา ๆ
“.....เราไม่ควรเจอกันอีกต่างหาก.....” ผมย้อน วุธอึ้ง “.....แล้วนี่อย่าบอกนะว่าวันนี้ลงทุนตามมามหาลัยเพื่อมาคุยเรื่องไร้สาระอย่างนี้อ่ะ.....”
“.....ใช่....เราตั้งใจมา พอดีเพื่อนชวนมาดูประกวดดาวมหาลัยด้วย งานกิจกรรมแบบนี้เอ้ไม่พลาดแน่ ๆ...อ้อ...แต่ไม่ได้มาคุยเรื่องไร้สาระนะ.....มีหลายเรื่องที่เราต้องเคลียร์กัน.....” ผมยิ้มมุมปาก มองหน้ามันเต็มตาเป็นครั้งแรก ก่อนจะพูดช้า ๆ ชัด ๆ ว่า
“.....เรา ไม่ มี อะ ไร ต้อง คุย กัน อีก.....ขอส่งแค่ปากซอยนะ.....” ผมเร่งเครื่องให้ไปถึงที่หมายเร็วที่สุด.....โคตรทรมานเลย แค่ได้อยู่ใกล้มัน เห็นหน้า ได้ยินเสียงมันอีกครั้งผมก็อยากให้เราสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิมจะแย่แล้ว แต่ต้องทนฝืนตัวเอง เพียงเพราะไม่อยากเจ็บอีก
“.....แม่ถามถึงเอ้บ่อย ๆ เลยนะ ไม่เข้าไปหาหน่อยเหรอ.....” ผมสั่นหน้าแรง ๆ อย่าพูดอีก อย่าทำเหมือนเดิม กูไม่อยากรักมึง “.....หิวมั๊ย....แวะกินอะไรกันก่อนเหอะ.....” ผมชะลอรถจอดข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉิน
“.....วุธ....อย่ายืดเยื้อ มีอะไรก็รีบ ๆ พูดมา....” ผมทำหน้าจริงจัง
“.....หิว....” มันพูดสั้น ๆ

“.....ได้.....” ผมออกตัวแรงจนมันหันมามองหน้า ปกติผมไม่ทำอย่างนี้นะ กลัวรถพัง เดี๋ยวแม่ด่าตายเลย ขับไปได้ซักพัก ผมก็จอดที่ตลาดโต้รุ่งแถวบ้านมัน ก็ทางผ่านบ้านผมนั่นแหละ....
“.....ลงมาด้วยกันดิ.....” ผมนั่งเฉย เปิดเพลงเสียงดังขึ้น “....โอเค....งั้นรอตรงนี้นะ อย่าหนีไปไหนล่ะ....”
.....มันหายไปซักพัก ก็เดินหอบถุงพะรุงพะรังเปิดประตูหลังเอาของพวกนั้นวาง แล้วขึ้นมานั่งกับผม....อะไร ยังไงเนี่ย อ๋อมันคงซื้อไปกินที่บ้านมั้ง ผมไม่พูดอะไร ขับไปเงียบ ๆ ตามทาง เพลงในวิทยุก็ช่างเป็นใจเหลือเกิน....ถ้าอยู่คนเดียวป่านนี้จอดรถร้องไห้แล้ว สับสนในตัวเองมาก ๆ ใจนึงก็รัก ใจนึงก็กลัว เครียดจนคิ้วขมวดโดยไม่รู้ตัว กำพวงมาลัยแน่น ไอ้วุธมองหน้าผมสลับกับถนน.....
“....เอ้....เราขับให้มั๊ย.....” มันยื่นมือมาแตะแขนผมเบา ๆ แต่ผมสะดุ้งจนมันต้องชักมือกลับ
“....ไม่ต้องอ่ะ....เดี๋ยวก็ถึงแล้ว....”
“....ขอแวะกินข้าวที่บ้านเอ้ก่อนนะ....” ผมหันไปมองหน้ามัน
“....ไม่ต้องเลย...มีอะไรก็พูดกันตรงนี้แหละ....”
“....แป๊บเดียวเอง กินเสร็จ พูดเสร็จก็กลับ....” มันดื้อดึง
“....ให้ติดรถกลับบ้านมาด้วย นี่ก็บุญกบาลเท่าไหร่แล้ว อย่าเรื่องมาก ขอร้อง....” ผมทำเสียงหงุดหงิด
“....ขอร้อง....หิวข้าว พูดไม่ออก ขอกินก่อนนะ....” มันไม่รู้สึกรู้สากับท่าทีของผม นี่ผมชักอ่อนใจ และเริ่มจะใจอ่อนแล้วนะ
“....ให้เวลาไม่เกินเที่ยงคืน....ทุกอย่างต้องจบ...โอเคมั๊ย....” ผมพูดหลังจากถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันเงียบไปนิดนึง
“....ไม่จบหรอก ทุกอย่างกำลังจะเริ่มใหม่ต่างหาก....” มันมองผมด้วยสายตาที่ทำให้ผมต้องหลบวูบ เพราะถ้ามันมองชัด ๆ มันต้องเห็นแววตาของผมที่ไม่แข็งกร้าวเหมือนเคย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 03-10-2007 22:06:45
แหมสงสัยมีถ่านไฟคุ โยเองก็เป็นใจสุดริด อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: JaeTae ที่ 03-10-2007 22:45:28



  คงจับยากซะแล้วล่ะ เริ่มใหม่ดิ ยังไงๆ คุ่กันแล้วก็ไม่แคล้วกัน กระทุ้ที่เคย โพส ว่าเชียร์ โย ถอนเน้อ  :a2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 03-10-2007 22:56:54
โอ๊ยยย น้ำตาไหล เหนความรักกำลังวนกลับมาใหม่

ทั้งรักทั้งเกลียด แต่ก้รัก ชิมิ โอ๊ย นึกถึงตัวเองแล้ว ช้ำแทน

มาต่ออีกนะคับ หุหุ กำลังชอบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 04-10-2007 01:12:17
แถมให้อีกตอน ก่อนจะขอตัวไปนอนนนน ถือเป็นของขวัญนาน ๆ มา post ช่วยยยยยย
ก็ลองรอเจ้าของกระทู้ตัวจริงไปก่อนซักวันสองวันละกันนะจ๊ะ .... :give2:

================================================

8 The Unforgettable Night Part III

.....วุธมันกำลังคิดอะไรอยู่ จะเริ่มต้นใหม่กับผมงั้นเหรอ เริ่มทำให้ผมทรมานมากขึ้นน่ะดิ ตอนแรก ๆ กว่าจะนอนหลับได้แต่ละคืน ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงเพื่อทำใจ ไม่คิดเรื่องระหว่างผมกับมันที่ลอยวนเวียนอยู่ในหัวทุกครั้งที่หลับตา และทุกครั้งที่อยู่คนเดียว.....เกลียดแสงแดดตอนเย็น เป็นเวลาที่เราเคยขี่รถเล่นกัน.....เกลียดแสงแดดจ้า ๆ ตอนกลางวันทุกเสาร์อาทิตย์ เราเคยทำอะไรกินกัน เคยเล่นไพ่สารพัดรูปแบบ เคยนอนดูรายการโทรทัศน์ห่วย ๆ ตอนบ่าย.....พาลไม่อยากจูงน้องหมาไปเดินเล่น เพราะคิดถึงตอนที่เราเคยพลัดกันจูง คนนึงถือไม้ อีกคนจับเชือกคอยดึงหมาไว้ไม่ให้ไปฉี่ที่รั้วบ้านคนอื่น.....เกลียดตอนหัวค่ำของทุกวัน เวลาที่ผมต้องเดินออกไปส่งมันกลับบ้าน พร้อมคำพูดเดิม “...กลับบ้านดี ๆ นะ...” เกลียดรอยยิ้ม เกลียดสายตาอาลัยอาวรณ์ เหมือนไม่อยากไป ทั้ง ๆ ที่วันรุ่งขึ้นก็ต้องเจอกันอีก.....ผมเฝ้าบอกตัวเองว่าผมเกลียดสิ่งเหล่านั้น.....ทั้ง ๆ ที่ในใจ ผมยังอยากมีช่วงเวลาเช่นนี้ อยากให้วุธกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่อีกใจก็กลัวเจ็บ รู้แล้วนี่ว่ามันทรมานแค่ไหน ยังจะอยากให้มันกลับมาทำให้ชีช้ำอีกรอบเหรอ ผมถามตัวเอง.....

เธอกลับมาวันนี้ ไม่เป็นเหมือนเธอคนก่อน
มาอ้อนวอน จะย้อนคืนมาเหมือนเก่า
บอกเราให้ลืมเมื่อวาน ที่เป็นรอยแผลเป็นในใจเรา
ที่ปวดร้าว ฝังอยู่เป็นรอยลึกมานาน
มองหน้าเธอเอาไว้ และทำหัวใจให้แกร่ง
จงแสดงให้เหมือนว่าใจไม่สั่น
บอกเธอว่าเราไม่ลืม สิ่งที่เธอได้เคยทำร้ายกัน
แม้ใจนั้น มันคิดจะยอมเธอเหมือนเคยมา
อย่าให้ใจแพ้ภัยตัวเอง อย่าไปตามใจหัวใจเราเอง
เป็นอย่างที่ผ่านมา (เจ็บมาพอไหม)
บอกเธอไปว่าใจยังเจ็บ และไม่มีใจเหลือพอให้ใคร
แล้วก็หันจากไป แค่นี้ทำได้หรือเปล่า

.....มันไม่ง่ายไปหน่อยมั้ง คิดว่ากูเป็นของตาย กระดิกไปไหนไม่ได้ใช่มั๊ย คิดว่าแค่อ้อนนิดหน่อย กูจะอ้าแขนรับมึงกลับเข้ามาในชีวิตเลยใช่มั๊ย.....ถ้าคิดอย่างนั้น คิดใหม่ซะ ผมจอดข้างทาง วุธมองหน้าผมงง ๆ
“ส่งแค่นี้นะ” ผมพูดเสียงเรียบ
“ทำไมอ่ะ...เป็นอะไรอีก” เสียงมันไม่ค่อยพอใจ
“จะไปเที่ยวต่อ” มันมองนาฬิกาบนคอนโซล บอกเวลา 4 ทุ่มนิด ๆ
“ไปไหน” ผมหันขวับ
“จะไปไหน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ.....นายล่ะ” ผมเลือกใช้สรรพนามแทบไม่ถูก
“ไปด้วย” ซวยเลยกู ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน จะไปจอยกับเพื่อนที่คณะก็ไม่ได้ เดี๋ยวความลับแตก
“ไม่ได้” ผมกระแทกเสียง ให้รู้ว่าผมไม่พอใจเหมือนกัน
“แน่จริงก็ถีบเราลงรถเลยดิ” มันลอยหน้าลอยตาพูด ก็รู้อยู่ว่าผมไม่ทำหรอก
“หิวไม่ใช่เหรอ กลับไปกินข้าวที่บ้านดิ” ผมเปลี่ยนมาพูดดี ๆ บ้าง
“ไม่เป็นไร เที่ยวเสร็จค่อยกินก็ได้” มันดื้อด้าน ผมโมโห โมโหตัวเองนะครับ ทำไงดีล่ะทีนี้ จะไปไหนดีวะ ไม่อยากให้มันไปบ้านอีก ผมตัดสินใจเปิดประตูเดินลงรถ มันรีบลงตามมา
“เอ้...ไปไหน” มันตะโกนเรียก ผมไม่หัน มันวิ่งมาดึงแขนผมไว้
“ไปโทรศัพท์” ผมแกะมือมันที่จับแขนผมอยู่ มันยืนรอผมที่หน้าตู้โทรศัพท์ (สมัยนั้นมือถือแพงมาก เพิ่งเข้ามาใหม่ อันใหญ่มองไกล ๆ นึกว่าสากกะเบือ)
.....นึกได้ว่าอาเล็กโทรมาชวนผมไปเที่ยวกลางคืนเมื่อสองสามวันก่อน เป็นเธคเกย์แถวรามคำแหง เป็นร้านแรก ๆ ในละแวกนั้นเลยนะครับ ผมปฏิเสธด้วยความเสียดาย เพราะติดงานที่มหาวิทยาลัย และคิดว่างานนี้ต้องกลับดึก หรือไม่ก็ต้องไปเที่ยวต่อแน่ จริง ๆ แล้วผมก็อยากไปนะครับ เกิดมายังไม่เคยไปเธคเกย์เลย อยากรู้ว่าจะสนุกแค่ไหน เหมือนอย่างที่อาเล็กเคยเล่าให้ฟังมั๊ย.....ตอนนี้มีโอกาสแล้ว อาเล็กออกจากบ้านหรือยังก็ไม่รู้ เสี่ยงโทรไปเช็คดูดีกว่า......

.....โชคดีจริง ๆ อาเล็กกำลังจะออกจากบ้าน อืม คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละ กว่าแกจะโบกหน้าเสร็จเวลาประมาณนี้ ไม่ดึกไปหรอก....เสียงอาเล็กดีใจที่ผมเปลี่ยนใจไปกับแก นัดเวลา สถานที่กันเรียบร้อย ไม่ไกลเท่าไหร่ ไปง่าย ๆ สังเกตง่าย ติดถนน มีเครื่องหมายเด่นชัด มีผู้ชายเยอะแยะหน้าร้าน.....
.....ทีนี้แหละไอ้วุธ มึงจะได้รู้ว่าผู้ชายกับเกย์ การใช้ชีวิตมันไม่เหมือนกัน มึงกลับไปหาผู้หญิงแท้ ๆ ดีกว่า อย่าเข้ามาในชีวิตกูอีกเลย.....ผมวางแผนจะกดดันให้ไอ้วุธรู้สึกอึดอัดที่สุดที่มากับผม ไม่บอกมันหรอกว่าผมจะไปไหน พอวางหูอาเล็ก ผมก็เดินนำมันขึ้นรถ ขับช้า ๆ เปิดเพลงดัง ๆ เพื่อมันจะได้คุยกับผมไม่รู้เรื่อง และเลิกคุยกันในที่สุด
“ถ้าจะกิน ลงไปกินข้างล่าง เหม็นรถ” มันชะงัก ดึงมือกลับจากที่พยายามควานหาถุงของกินที่พอจะแกะกินได้หลังรถ
“ใจร้ายว่ะ” มันตัดพ้อ ผมไม่อยากทำหรอกนะ แต่ต้องทำ
“บอกเองนี่ ว่าเที่ยวเสร็จค่อยกินก็ได้” ผมย้อน
“เออ” มันปรับเบาะให้เอนลงจนสุด และหลับตาตลอดเส้นทาง ทำให้ผมได้มีโอกาสมองหน้ามันเต็ม ๆ แม้จะไม่ชัดนัก อยากจะก้มลงไปหอมแก้มมันให้หายคิดถึง แต่ก็ทำไม่ได้
.....ขับรถไปเรื่อย ๆ ด้วยความสับสนในใจ อยากแก้แค้นมัน อยากปล่อยมันไปดี ๆ อยากให้มันกลับมาเหมือนเดิม แต่ที่อยากที่สุดในตอนนั้นคือ อยากให้เธคมันอยู่ไกลกว่านี้ ผมจะได้มองหน้ามันได้นานขึ้นอีกนิด......หลังจากที่เจอร้านแล้ว ไม่เห็นจะเหมือนที่อาเล็กบอกเลย มีแต่กะเทยแต่งหญิงเต็มหน้าร้าน คิดว่ามาผิดที่ซะแล้ว ถ้าไม่เห็นรถอาเล็กเพิ่งจะถอยเข้าจอดในที่จอดรถไม่ไกล.....ผมตามไปจอดฝั่งตรงข้าม ไอ้วุธลืมตาขึ้นมามองรอบ ๆ
“ถึงแล้วเหรอ” ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ เปิดไฟ สำรวจหน้าตานิดนึง โอเคแล้ว ไม่เสียแรงที่ไปไดร์ผม แถมถอยชุดใหม่เพื่อคืนนี้ (ยังไงก็ต้องได้เที่ยวแน่ แต่ไม่คิดว่าจะได้มาเธคเกย์)
“จะนอนต่อบนรถก็ได้นะ ดีเหมือนกัน เฝ้ารถให้ด้วย” ผมพูดกับไอ้วุธก่อนลงจากรถมาเช็คเสื้อผ้า เช็ครอบ ๆ รถว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ไอ้วุธลงมามองไปที่หน้าร้านอย่างงง ๆ
“ที่ไหนเนี่ย” มันทำหน้าเหรอหรา
“เดี๋ยวก็รู้” ผมไม่ตอบ แต่เดินไปหาอาเล็กฝั่งตรงข้าม สงสัยว่าทำไมอาเล็กไม่ลงจากรถซะที เดินไปใกล้ถึงรู้ว่า แกกำลังโบกหน้าอยู่
“อาเล็ก” ผมร้องเรียกเสียงดัง Surprise มาก แกมาในชุดราตรีสีทอง ยัดนมตู้ม วิกผมสีทองฟูฟ่องเข้ากับชุด พอแกก้าวลงมาจากรถ ผมแทบกรี๊ดอีกรอบ ชุดแกผ่าลึกได้ใจมาก เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นอาเล็กในสภาพนี้ เวลาปกติแกก็ดูแมนดี มีแอบตุ้งติ้งบ้าง แต่อาเล็กคนข้างหน้าผมตอนนี้ สวยมาก ๆ นมเป็นนม ตูดเป็นตูด ไม่รู้แกหาอะไรมายัด
“อะไรยะ...อาลืมบอกแกไปว่าวันนี้จะมีประกวดลิปซิ้งค์...ลองดูสนุก ๆ” แกพูดแก้เขิน มีดีอย่างนี้นี่เอง มิน่าตอนโทรมาชวนถึงได้คะยั้นคะยอให้ผมมาด้วยจัง
“สวัสดีครับ” วุธยกมือไหว้อาเล็ก
“อ้าว...มาด้วยเหรอ...ดีกันแล้วสิ” อาเล็กรับไหว้
“ครับ” “เปล่า” ตอบพร้อมกัน อาเล็กมองหน้าผมที มองไอ้วุธที
“เออ ๆ ช่างเถอะ....ไปเร็ว” อาเล็กเดินถลกกระโปรงก้าวยาว ๆ นำพวกผมไป
“อาเล็ก แล้ว.....” ผมมองหาแฟนแก
“รออยู่ข้างใน” อาเล็กหันมาตอบ แล้วจ้ำต่อ ไอ้วุธเดินก้มหน้าก้มตาตามไป ส่วนผมมัวแต่มองข้างทาง มองดูผู้คนด้วยความตื่นตาตื่นใจ มีแต่คนหน้าตาดี ๆ ทั้งนั้นเลย ผมคงเดินช้าไปมั้งครับ ไอ้วุธดันเดินย้อนกลับมาลากผมเข้าไปพร้อมกับมัน
“พกเมียมาด้วยเหรอ...พกเมียมาด้วยเหรอเนี่ย.........” เสียงกะเทยหน้าร้านร้องเพลงแซวคู่ผม ไอ้วุธก้มหน้าเดิน ผมตัดสินใจกระชับตัวให้เบียดกับมัน เสียงพวกนั้นยิ่งกรี๊ดกร๊าดกันดังขึ้น.....และนี่คือแผนแรก...ทำให้มันอายที่มากับผม
.....อลังการ ตอนที่ไปเที่ยวกลางคืนครั้งแรกกับอาเล็กสนุกมาก ไปเที่ยวกับเพื่อนก็สนุกไปอีกแบบ แต่ตอนนี้สนุกที่สุด.....แฟนอาเล็กจองที่ติดเวทีไว้ ผู้คนแต่งตัวแปลก ๆ เริ่มทยอยกันเข้ามา เปิดเพลงถูกใจมาก ไม่เหมือน RCA หรือรัชดาที่เคยไปบ่อย ๆ คล้ายกับว่า ที่นี่เป็นที่ของเรา ปกติแล้ว ผมไม่ค่อยเต้น ถ้าเหล้าไม่เข้าปาก แต่นี้ยังไม่ได้กินซักแก้ว ขอมันส์เกินค่าตัวหน่อยละกัน สร้างภาพให้ไอ้วุธเห็นว่าผมมาสถานที่อย่างนี้ประจำ.....เด็กเสิร์ฟในร้านก็หน้าตาดี หุ่นดี บางคนยังดูเด็กมาก ๆ แต่งตัวก็ โอ๊ย หัวใจจะวาย กระตุ้นต่อมอยากมีเพศสัมพันธ์มาก.....ดูแล เอาใจใส่ ชงเหล้าให้ทุกครั้งที่เห็นว่าพร่องลง จะพูดคุยกันแต่ละที ต้องพูดใกล้ ๆ หู เพราะเสียงดัง ที่อื่นก็ทำอย่างนี้นะ แต่ที่นี่ เบียดมาทั้งตัวเลย หลังผมนี้โดนสีจนจะไหม้แล้ว ***(เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนานแล้ว ลองไปอีกทีเมื่อสองปีที่แล้ว ต่างกันลิบลับในทุก ๆ รายละเอียด จนคิดว่ามาผิดร้าน คงเป็นเพราะเปลี่ยนเจ้าของด้วย)***
.....Un Break My Heart คือเพลงที่อาเล็กเลือกใช้ประกวดคืนนั้น ฟังมาก็หลายที แต่ไม่เคยรู้สึกว่ามันเศร้าขนาดนี้ ปากอาแกสั่นได้ใจจริง ๆ สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวด มือไม้แกไปหมด ใส่อารมณ์จนคนดูส่งเสียงกรี๊ดยาวนานเมื่อโชว์จบ แม้แต่ไอ้วุธก็มองด้วยความทึ่ง......แต่ คนที่ได้ที่หนึ่งในวันนั้นไม่ใช่อาเล็กครับ เป็นคนที่ลิปเพลง I’ve never been to me ผมเพิ่งเคยได้ยินที่นี่เป็นครั้งแรก และก็ชอบมาโดยตลอดหลังจากนั้น อาเล็กว่าเศร้าแล้วนะครับ คนนี้เศร้ากว่า สีหน้า ท่าทาง การแสดงบนเวที ทำให้ผมรู้ความหมายของเพลงนี้โดยอัตโนมัติ เสื้อผ้า หน้าผม เริ่ดไปหมด สมควรได้ที่ 1 จริง ๆ แต่อาเล็กแกได้รางวัลชมเชย ควบด้วยรางวัลขวัญใจผู้ชมนะครับ มีการนับดอกไม้ที่ได้ด้วย ก็เพื่อนแกมาตั้งแยะ ผมกับวุธยังซื้อดอกไม้ให้เลย....
“พี่ครับ...โต๊ะโน้นฝากมาให้ครับ” เด็กเสิร์ฟยื่นกระดาษเล็ก ๆ ให้ผมพร้อมชี้ไปที่โต๊ะคนที่ฝากให้ แกะออกดูเป็นชื่อ และเบอร์เพจ พร้อมข้อความ “ผมอยากรู้จักคุณครับ” ผมกวาดตามอง มีตั้งหลายคน แล้วกูจะรู้มั๊ยเนี่ยว่าคนไหนอยากรู้จัก.....สุดท้ายก็มีคนยกแก้วเหล้าให้ผม อ๋อ คนนี้นี่เอง หน้าตาใช้ได้ แต่ท่าทางเจ้าชู้มาก ๆ ผมยกแก้ว แล้วจิบนิด ๆ ไม่อยากกินมาก เดี๋ยวต้องขับรถกลับเอง ผมพับกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋ากางเกง เหลือบตามองได้วุธ เห็นมันจ้องการกระทำผมเขม็ง ผมไม่สนใจ ลอยหน้าลอยตา โยกตัวตามจังหวะเพลงต่อ ซักพัก คนที่ส่งกระดาษนั่นมาให้ผมก็เดินเข้ามา
“มาที่นี่บ่อยมั๊ยครับ” เสียงดังอ่ะนะ ทำให้ต้องพูดใกล้กันขนาดนี้ ผมมองไอ้วุธที่มองตาขวาง และนี่จะเป็นอีกแผนนึงของผม ทำให้มันเห็นว่า ผมพร้อมจะมีคนอื่นได้ตลอดเวลา
“เพิ่งมาครั้งแรก” ผมขยับตัวเข้าใกล้พอ ๆ กันเพื่อตอบคำถาม
“มิน่า ไม่เคยเห็นมาก่อน” พอยิ้มแล้วดูดีจัง ผมคิดในใจ เราคุยกันอยู่นานเหมือนกัน เค้าชวนผมเต้นไปด้วย คุยไปด้วย รู้สึกแปลก ๆ เวลาไปเที่ยวที่ปกติไม่เห็นขายดิบขายดีอย่างนี้ เห็นสายตาหลายคู่มองมา คงคิดว่าผมกับเพื่อนใหม่จะลงเอยกันบนเตียงอย่างนั้นอ่ะดิ แต่เสียใจ
“ไปด้วยกันต่อมั๊ยครับ” อยู่ดี ๆ เค้าก็ถามผม พร้อมขยับตัวเข้ามาใกล้จนแทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน
“หมายถึงอะไรครับ” ผมแกล้งไม่เก็ท
“ไปบ้านใครดี” ทุกทีจะแค่คุยกันใกล้ ๆ หู แต่คราวนี้ ทั้งจมูกทั้งปากโดนจัง ๆ เข้าที่แก้ม ผมถึงกับขนลุกเมื่อเค้าไซร์มาถึงคอ
“บ้านใครบ้านมันไง” ผมผลักเค้าออกเบา ๆ สีหน้าเค้าดูหมือนไม่ค่อยพอใจ
“ทำไมล่ะครับ”
“ผมไม่พร้อม”
“โอเค” เค้าหันหลังให้ผม เดินกลับโต๊ะไปเลยครับ ส่วนผมก็เพิ่งเห็นไอ้วุธว่าตอนนี้มันโดนรุมล้อมด้วยเพื่อนสาว ป้อนเหล้า ทั้งโอบ ทั้งกอด เห็นมือที่กำลังจะล้วงไปถึงไหน ๆ ในกางเกงไอ้วุธ ที่ตาปรือ ตาเยิ้ม หน้าแดงก่ำ หัวเราะคิก ๆ คัก ๆ ท่าทางจะกินเหล้าเข้าไปมาก....มากจริง ๆ แหละ เห็นขวดเหล้าบนโต๊ะลดลงไปเยอะ.....ตายแล้ว นี่กูมัวแต่หลงระเริง ยั่วไอ้วุธ ไม่ได้หันมาสนใจมันเลยว่ามันจะกินไปมากน้อยแค่ไหน....ไอ้เวร รู้ทั้งรู้ว่าแดกเหล้าตอนท้องว่างมันจะเมาเร็ว ก็ยังเสือกแดกเข้าไปได้ ผมโมโห
“ขอโทษครับ...เพื่อนผมเมาแล้ว กลับบ้านเลยดีกว่า” ผมแทรกตัวกันเพื่อนสาวที่ค่อย ๆ ลุกทีละคน
“เพื่อนหรือผัวจ๊ะ” อีกะเทยหน้าหักปากดี ผมชะงัก แต่คิดดูว่ามันเสี่ยงที่จะมีเรื่องในนี้
“เพื่อนสาวคะ” ผมแกล้งยิ้มหวาน “อีดอก....เมาเป็นหมาเลยนะมึง” ผมพูดกับไอ้วุธที่เมาไม่รู้เรื่อง มันหันมายิ้มจนตาหยี
“ว๊าย....เพื่อนสาวเหรอ” ทุกนางครางด้วยความเสียดาย ก่อนเดินจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก
“ทำไมวุธมันเมาอย่างนี้ล่ะ” อาเล็กแกไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามา มิน่าล่ะหายไปนาน ไม่มีใครเฝ้าไอ้วุธที่โต๊ะเลย
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันคงไม่ได้กินข้าวก่อนมามั้ง” ผมมองไอ้วุธที่ฟุบลงกับโต๊ะ
“รอแป๊บนึง จ่ายตังค์ก่อน เดี๋ยวอาไปส่ง” อาเล็กพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“เอ้กลับเองได้ อาเล็กอยู่ต่อเถอะ ยังไม่ได้เต้นเลยนี่” ผมพูดขำ ๆ ปฏิเสธ พออาเล็กลงจากเวทีรับรางวัลปุ๊บก็เดินคุยกับเพื่อน ถ่ายรูป แล้วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่รู้ไปเปลี่ยนที่ไหนเหมือนกัน หายไปนานมาก แกยังไม่ได้กินเหล้าซักหยด ไม่ได้เต้นซักเพลง
“กลับเองได้เหรอ...แน่ใจนะ...กินเหล้ามั่งหรือเปล่า”
“กินนิดเดียวเอง ไม่ถึงสองแก้ว นี่ไง แก้วเอ้ วางไว้จนยุงมันจะวางไข่แล้ว” ผมตอบให้อาเล็กสบายใจ
“เออ ๆ งั้นอาเดินไปส่งที่รถละกัน” อาเล็กกับแฟนแก ช่วยผมพยุงไอ้วุธไปขึ้นรถ
“กลับบ้านดี ๆ ค่อย ๆ ไปนะ...อย่าซิ่งล่ะ....ถึงบ้านแล้วเพจบอกอาด้วย” อาเล็กเกาะประตูพูด ผมหยักหน้าหงึก ๆ
.....สุดท้ายไอ้วุธก็ต้องได้มานอนบ้านผมอยู่ดี....ผมมองหน้ามันที่หลับตาพริ้มอยู่ข้าง ๆ สลับกับพูดจาพร่ำเพ้ออะไรไม่รู้ จับใจความไม่ได้...ตั้งแต่รู้จักมันมา ไม่เคยเห็นมันเมาเลย เพิ่งจะมีวันนี้แหละ.....ถึงบ้านซะที ถอยรถจอด ล็อคปะตูรั้ว ทักทายน้องหมาที่วิ่งเข้ามาประจบพันแข้งพันขา....เปิดประตูฝั่งไอ้วุธ เขย่าเรียกมัน หวังว่ามันจะตื่น เดินขึ้นบ้านเองได้ แต่ไม่เลย พอมันลืมตาเท่านั้น ผมแทบหลบไม่ทัน อ้วกพุ่งออกมาข้างรถ....ดีนะมึงที่ไม่อ้วกใส่รถกู.....เอายังไงล่ะทีนี้....จะเอามันขึ้นบ้านได้ยังไง ตัวมันไม่ได้ผอมบางเหมือนแต่ก่อนแล้ว....จะให้นอนข้างล่างก็กลัวน้องชายตื่นมาตอนเช้าแล้วเห็นสภาพอุบาทว์ของมัน และอาจจะนำไปสู่การแบล็คเมล์ เพื่อแลกกับการไม่เอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อแม่.....
.....ผมตัดสินใจแบกร่างหนา ๆ ของมันเอาแขนมันมาโอบคอไว้ พยุงตัวมัน ค่อย ๆ พาเดินเข้าบ้าน.....เห็นบันไดแล้วแทบถอดใจ....กว่าจะพาเข้ามาได้ขนาดนี้ก็เหนื่อยจนจะเป็นลม ขอพักนิดนึงละกัน ผมปล่อยมันนอนกับพื้นแล้วลากมาพิงไว้กับโซฟา.....เดินไปหาน้ำกินก่อน....ค่อยยังชั่ว....เปิดพัดลมแทนที่จะเปิดแอร์ เพราะเดี๋ยวก็ต้องขึ้นข้างบน....นึกได้ว่ามันมีของกินอยู่หลังรถ เกือบลืมแล้วมั๊ยล่ะ ไม่งั้นพรุ่งนี้เปิดรถอีกที มันต้องเน่า เหม็นไปทั้งรถแน่ ๆ.....ว่าแล้วผมก็เดินออกไปเอาถุง 4-5 ถุงของมัน พิจารณาระหว่างทาง มีแต่ของกินที่ผมชอบทั้งนั้น.....น้ำตาจะไหลอีกแล้ว.....
.....เดินเข้าครัว เก็บแยกของที่มันซื้อเข้าตู้เย็น ยังดีที่ไม่มีอะไรเน่า บูด เอาไว้อุ่นกินพรุ่งนี้ได้อีก....กำลังเก็บของเพลิน ๆ ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงไอ้วุธอ้วกอีกแล้ว.....ผมวิ่งออกไปดู เห็นมันโก่งคออ้วกออกมา มีแต่น้ำ เลอะเทอะเสื้อผ้ามันหมด เปรอะพื้นบ้านผมด้วย.....โอ๊ย เกิดมาไม่เคยเช็ดอ้วกใคร ไม่เคยต้องดูแลใครขนาดนี้....ทำไงดีวะ ดูแลคนเมาเค้าทำยังไงกัน.....ผมเขย่าให้มันรู้สึกตัว.....
“วุธ...ไหวมั๊ย” ผมอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“ปวดหัว” มันพูดอ้อแอ้
“กินอะไรมั๊ย” ถามโง่ ๆ เนอะ มันจะเคี้ยวอะไรได้
“ขอกาแฟเข้ม ๆ” มันหลับตาพูด ซวยเลยกู บ้านผมไม่มีใครกินกาแฟด้วย
“ไม่มีอ่ะ” ผมพูดเบา ๆ มันลืมตาขึ้นมายิ้มให้ผม
“งั้นขอน้ำก็ได้” ผมลุกไปหามาให้ ประคองหัวมัน ค่อย ๆ ป้อนไม่ให้เลอะเทอะไปมากกว่านี้
“เดินไหวมั๊ย” ผมเขย่าแขนถามเมื่อเห็นมันนอนนิ่ง
“ไหว” มันค่อย ๆ พยุงตัวเองลุก แต่ก็เซจนผมต้องเข้าไปกอดมันไว้ด้วยความตกใจกลัวมันจะล้มไปโดนโต๊ะ ในที่สุดเสื้อตัวใหม่ของผมก็เปรอะอ้วกมันไปเรียบร้อย แต่แปลกนะครับ ผมไม่รู้สึกรังเกียจอะไรเลย
“เดินดี ๆ นะ” จับแขนมันพาดคอผมอย่างเดิม แล้วค่อย ๆ พามันเดินขึ้นบันได ลุ้นสุดตัวว่าจะรอดมั๊ย แต่ก็รอดมาได้จนถึงหน้าห้องผม
“ถ้าจะอ้วก....บอกก่อนนะ” ผมจับหน้ามันเขย่าเบา ๆ มันลืมตายิ้มให้ผม กลายเป็นว่าผมต้องหลบตามัน เขินชิบหาย มันเป็นคนแรกและคนเดียวที่ทำให้ผมปั่นป่วนได้ขนาดนี้
“ไปล้างตัวในห้องน้ำก่อน” ผมพยุงมันเข้าไปจนถึงอ่างอาบน้ำ
“ไม่เอา....จะนอน” มันโวยวาย
“เร็ว ๆ เราก็ง่วงเหมือนกัน” ผมหันหลังเดินออกมา แต่พอหันกลับไป มันนอนฟุบกับแขนที่พาดขอบอ่าง “ไม่ได้ เลอะขนาดนี้จะนอนยังไง.....เดี๋ยวกูให้นอนในห้องน้ำเลยนี่” ผมเขย่าตัวมัน มันดันปัดมือผมออกอีก
.....ผมยืนมองมันอยู่ซักพัก ตัดสินใจ ล้วงกระเป๋าเสื้อ และกางเกง เอาสมบัติมันออกมากองไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง....เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้น เปิดตู้หาเสื้อผ้ามาเผื่อไอ้วุธด้วย.....สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เป็นไงเป็นกันวะ มันเมาไม่รู้เรื่องขนาดนี้ ตื่นมามันคงไม่ว่าอะไรหรอก.....ผมกลั้นใจถอดเสื้อ กางเกงมันออก เหลือไว้แต่กางเกงในสีขาวตัวเล็กแทบปิดน้องชายมันไม่หมด ถ้ามันไม่เมาผมคงไม่กล้าทำอย่างนี้แน่ ๆ ในที่สุดผมก็รูดกางเกงด่านสุดท้ายของมันออก....เฮ้อ....ไม่ขอบรรยายนะ.....ขอบอกแค่ว่า.....อืม.....เกินคาดจริง ๆ.....ผมเปิดฝักบัวให้แรงที่สุด สาดใส่ตัวมัน ไม่ต้องลงอ่างหรอก พื้นห้องน้ำเราก็สะอาดพอน่า พอมันโดนน้ำอุ่น ๆ แรง ๆ รดตั้งแต่หัว มันก็เริ่มขยับตัว ผมกลัวมันจะลืมตามาเห็นว่าผมมองส่วนไหนของมันอยู่ก็เลยหันหน้าหนี ปรากฏว่าฉีดไปเข้าหน้ามันอย่างจัง เสียงมันพูดโวยวายให้ผมเบา ๆ นั่นแหละผมถึงได้หันไปมองมันอีกที....เออ มันก็ไม่ว่าอะไรนี่หว่า....ผมเอาสบู่เหลวเทลงไปที่ตัวมัน ฉีดน้ำให้แรงขึ้น สบู่เริ่มมีฟอง ใช้วิธีนี้ละกัน ไม่ต้องโดนตัวมันด้วย แต่ยังไงก็ต้องจับตัวมันขยับดูเพื่อให้แน่ใจว่าสบู่ได้ถูกล้างออกไปจนหมดเกลี้ยง.....
.....ตอนถอดมันง่ายอยู่ แต่ตอนใส่นี่สิ ผมลากมันออกมาจากห้องน้ำด้วยตัวเปล่าเปลือยอย่างนั้นแหละ สังเกตเห็นมันขนลุกเพราะความเย็นจากแอร์ที่ผมเปิดทิ้งไว้ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อกี้ หาผ้าเช็ดตัวรองพื้นไว้ หาผ้ามาอีกสองฝืนเช็ดให้มันจนแห้ง เอาแป้งเด็กโรยทั้งตัว อีตอนทาแป้งให้มัน ผมแทบอดใจไม่ไหว ผิวมันยังเนียนเหมือนเดิม ทาจนทั่ว แล้วรีบห่มผ้าห่อตัวให้มัน (ด้วยความเสียดาย) .....เป็นไงเป็นกันวะ มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมลงทุนนั่งกับพื้น ประคองตัวมันใส่เสื้อเป็นชุดนอนติดกระดุมหน้า กางเกงในไม่ต้องละกัน กางเกงก็เป็นกางเกงนอนเอวยางยืด ทุกอย่างดูง่ายกว่าที่คิดแฮะ.....
.....หลังจากที่พยุงตัวมันให้ขึ้นไปนอนแผ่หราบนเตียง....ถึงเวลาจัดการตัวเองบ้าง อย่าคิดลึกนะครับ ผมหรี่แอร์ให้มัน ห่มผ้าให้ด้วย ก่อนจะลงไปสะสางเช็ดพื้นที่เลอะเทอะข้างล่าง....ขึ้นมาพร้อมกระป๋องใบใหญ่ แบ่งผงซักฟอกมาอีกถุงเล็ก ๆ....ก่อนอาบน้ำ ผมต้องซักเสื้อผ้าทั้งของผมและของไอ้วุธในห้องน้ำนั่นแหละ ล้างร่องรอยอ้วกให้หมด และนี่ก็เป็นครั้งแรกทีผมต้องซักกางเกงในให้คนอื่น....
.....กว่าจะทำอะไรเสร็จเรียบร้อย อาบน้ำ แต่งตัว ลงมาหาของกินรองท้องนิดหน่อย มองนาฬิกาอีกที โห นี่มันตีห้ากว่าแล้ว มิน่า ตาผมเริ่มจะปิด ระหว่างแปรงฟัน คิดแล้วคิดอีกว่าจะนอนห้องตัวเอง หรือนอนห้องพ่อดี.....เสียงเพลงของศรันย่าที่ผมเปิดคลอไว้ในห้องดังลอดเข้ามาในห้องน้ำ เป็นเพลงที่เคยทำให้ผมร้องไห้มาแล้ว.....ผมตัดสินใจนอนห้องตัวเองทันที......

ฉันเริ่มจะใจหายเมื่อมองฟ้าไกล
ฟ้าใกล้จะรุ่งสางเริ่มมีแสงรำไร
รู้ว่าใกล้เวลาจากกันแสนไกล
หัวใจเริ่มสลายแต่จะทำเช่นไร
อยากจะร้องไห้
อยากให้เวลาเดินช้าช้า
ขอเวลาซักหน่อย
อยากมองหน้ากัน
อยากหยุดวันเวลานี้ไว้นานเท่านาน
ก่อนจากกัน
ขอเพียงให้เวลาพูดจาซักคำ
แล้วจะจดจะจำจากวันนี้จนตาย
รู้ว่าใกล้เวลาจากกันแสนไกล
หัวใจเริ่มสลายแต่เธอคงต้องไป
สิ่งที่ใจรู้ดี
ฉันเองไม่เคยมีใคร
รักได้อย่างเหมือนเช่นเธอ
รักอยู่เต็มดวงใจ
อยากจะร้องไห้
อยากให้เวลาเดินช้าช้า
ขอเวลาซักหน่อย
อยากมองหน้ากัน
อยากหยุดวันเวลานี้ไว้นานเท่านาน
ก่อนเธอต้องไป
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 04-10-2007 02:00:22
ขอบคุณมากคับที่มาต่อให้ได้อ่าน ขอให้คุณเอ้กับวุธเริ่มต้นกันใหม่ทีเถอะ รักกัน รักกันนะคับ รอลุ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 04-10-2007 02:48:46
เพลงประกอบแต่ละตอนนี่โดนมากๆเลย..
อ่านไปแบบน้ำตาซึมเลยอ่ะ.. :m17:
ต่อให้เคยเกลียดยังไง..แต่ก็ยังห่วงใยอยู่เสมอ..
 :m5:ขอบคุณ..narthนะครับที่มาช่วยลงต่อให้..
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 04-10-2007 09:30:34
บางเวลาการเลือกที่จะทำตามใจตัวเองก็เป็นเรื่องยากไปซะหมด

บางครั้งเรื่องที่อยากลืมก็กลับจำมันขึ้นใจได้ซะอย่างนั้น   :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 04-10-2007 09:34:37
 :m17:   ทำไมเจ็บแล้วไม่จำอ่ะ อย่าลืมความทรมานที่เคยรู้สึกตอนเค้าทำให้เสียใจดิ

บอกใจเอาไว้ให้อดทนเจ็บแล้วต้องจำเอ้เอ้ยเด่วเค้าก็ทำให้เราเจ็บอีกหรอก :o12:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 04-10-2007 09:51:23
 :impress:

เริ่มต้นกับอีกครั้งเถอะครับ

มันยังไม่สายนะนายเอ้

ขอบคุณนะครับที่มาต่อ

รออ่านต่อไปนะครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 04-10-2007 10:21:42
เรื่องนี้อ่านแล้วเหมือนเสพย์ติดเลย อ่านเท่าไหร่ก็ไม่พออยากอ่านตอนต่อไปเรื่อยๆเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 04-10-2007 16:48:59
รัก วุธจัง  คิคิ
ถึงจะพูดว่าเกลียดแต่ใจมันกลับทำตรงข้าม  ยังคิดถึง  ห่วงใยตลอดเวลา
อยากให้เอ้กับวุธรักกันจัง    มะไหร่จะถึงวันนั้น
รออ่านตอนต่อไปคร้าบบบบบบบบ

 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 05-10-2007 02:59:50
 :impress:แล้ววันนี้จะมาต่อมั้ยอ่ะ..อยากอ่านต่อแย้วน๊า.. :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 05-10-2007 12:14:33
กำลังถึงตอนน่ารักกันเลย จะคืนดีกันมั๊ยน้า    :m13: :m13:

มาต่ออีกเถอะ เร็วๆ ใครก็ได้ที่มีอ่ะ  :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 05-10-2007 13:05:54
 :m22:
ได้ครับบบบ เย็นนี้กลับบ้านแล้วจะต่อให้นะ อดทนอีกนิดส์....
ดีใจ ที่เพื่อน ๆ ชอบนะครับบบบ :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อด$
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 05-10-2007 14:24:39
 :m3: :m1: :m3: :m1: :m3: :m1: :m3: :m1: :m3:   รอออออออจ๊ะ                                                              


   มารอด้วยกันมั้ยคะbigynew :give2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 05-10-2007 18:13:14
รอคร้าบ :a3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 06-10-2007 00:35:18
มาต่อให้ครับบบบบบบบบ ไปอ่านกันเลยยยยย กำลัง Happy เก็บเกี่ยวกันเอาไว้นะครับบบบบ
 :catrun:

9 More Than Words

.....วันถัดมา ผมตื่นขึ้นเพราะเสียงโทรศัพท์ มองดูนาฬิกาก่อนเลย เที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว ผมรีบเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ กลัวไอ้วุธที่นอนอยู่ข้าง ๆ จะตื่นอีกคน อาเล็กโทรมาต่อว่าผมเป็นชุด ผมเองก็ลืมเรื่องที่ต้องเพจบอกแกเมื่อกลับถึงบ้าน...พอรู้ว่าทุกอย่างโอเค แกก็บ่นต่ออีกซักพัก ก่อนวางหูไปด้วยความโล่งอก.....ผมก็โล่งเพราะแกไม่ถามเรื่องไอ้วุธซักคำ.....
.....ขอนอนมองหน้าวุธให้นานอีกนิด โอกาสอย่างนี้ไม่รู้จะมีอีกหรือเปล่า มันยังคงหลับสบาย ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นในตอนนี้.....ผมตัดใจลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว พร่ำบอกตัวเอง ตัดบัวต้องไม่ให้เหลือใย ถ้าไม่อยากเจ็บอีก ต้องจบตรงนี้.....ทำอะไรเสร็จก็เดินออกมาโดยไม่ได้สนใจร่างที่นอนอยู่บนเตียง
“ปวดหัวจังเลย” มันพูดเสียงแหบ ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ผมหันไปเห็นมันนั่งหน้ายุ่ง เอามือทุบต้นคอตัวเองเบา ๆ
“ลุกขึ้นมากินอะไรก่อนดิ” ผมพูดลอย ๆ แล้วเดินออกจากห้องไปข้างล่าง
“เฮ้ย....หายไปไหนหมดวะ” ผมโวยวายเมื่อหาของกินที่กะจะเก็บไว้ตอนเช้าไม่เจอ
“อะไรเหรอ” น้องชายตัวดีของผมเดินเข้ามาในครัว
“ของกินที่ผูกปากถุงแช่ไว้ในตู้เย็นเนี่ย” ผมเปิดประตูตู้เย็นออกให้กว้างขึ้น
“อ๋อ...กินหมดแล้ว” น้องผมพูดหน้าตาเฉย จุกครับ พูดไม่ออก จะด่า จะว่ามันก็ไม่ได้ มันก็คงคิดว่าผมซื้อมาให้มันกิน
“เออ ๆ ไม่เป็นไร” ผมเดินไปหยิบกุญแจมอไซค์ หาของกินที่ตลาดก็ได้วะ บรรยากาศเดิม ๆ กลับเข้ามาอีกแล้ว.....เมื่อก่อน บางวันมันจะโทรมาบอกก่อนว่าอยากกินอะไร ผมก็ดิ้นรนหาให้มันกิน พอมันมาถึงบ้าน ก็ได้กินทันที.....ไม่ยากนักหรอก สำหรับวันนี้ ที่ผมจะหาของโปรดให้มันกินอีกครั้ง....เป็นครั้งสุดท้าย?
“ทำไมไม่รออ่ะ” วุธมันออกมายืนขวางประตู เมื่อได้ยินเสียงมอไซค์เข้ามาในรั้วบ้าน
“แล้วทำไมต้องรอล่ะ” ผมย้อน ก่อนจะเดินเบียดมันเข้าบ้าน มันเดินตามมาแย่งถือถุงกับข้าว แล้วเดินลิ่ว ๆ เข้าครัว
“ยังจำได้นี่ว่าเราชอบกินอะไร” มันพูดหลังจากมองถุงอาหารที่วางกองตรงหน้านิ่ง
“สำหรับนายน่ะ.....จำได้ทุกอย่างแหละ.....ไม่ว่าเรื่องดีหรือเรื่องเลว” ผมแอบกัดมัน
“โห....จำแต่เรื่องดี ๆ ก็ได้นะ เอ้พูดอยู่บ่อย ๆ ไม่ใช่เหรอ ไอ้ Nobody’s perfect เนี่ย คนเราก็ต้องมีผิดมีพลาดกันได้.....” ผมรู้ว่ามันพยายามไม่สนใจคำพูดแดกดันของผม “.....กินกันเหอะ หิวแล้ว” วุธจัดแจงยกถ้วยชามออกมาวางไว้ที่หน้าโทรทัศน์ที่เราเคยนั่ง ๆ นอน ๆ กินข้าวกินขนมกัน.....น้องชายผมหลังจากปฏิเสธคำชวนให้กินข้าว ก็ค่อย ๆ ลุกเดินเข้าห้องไป มันจะกินเข้าไปลงได้ไงล่ะ ของที่ซื้อมาเมื่อคืนนี้น้อยซะเมื่อไหร่ อิ่มไปถึงเย็นเลยมั้ง
.....ผมเพิ่งสังเกตว่ามันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ผมเคยบอกว่ามันใส่แล้วน่ารักมาก เสื้อ กางเกงดูเล็กลงไปถนัดตา ผมโละชุดนี้ให้กลายเป็นชุดนอนแล้ว มันยังอุตส่าห์รื้อออกมาใส่จนได้ หน้าตาที่ทาแป้งเด็กจนขาววอก ผมเปียก ๆ ของมันถูกคาดไว้ด้วยที่คาดผมสีหวานของผม.....ภาพเด็กช่างเถื่อน ๆ ถูกแทนที่ด้วยผู้ชายผิวขาว ตัวสูง ใส่เสื้อเก่า ๆ ผ้านิ่มตัวเล็ก ทิ้งตัวจนเห็นกล้ามเนื้ออกที่นูนเด่นออกมา กางเกงขาก๊วยสีเหลืองซีด จนแทบกลายเป็นสีขาว บางมาก บางจนเห็นช่วงขายาว ๆ เวลาส่องกับแดด ไม่รวมกับกางเกงในที่มองเห็นอย่างชัดเจนเวลาเสื้อเลิกขึ้นด้วยความไม่ตั้งใจ.....แววตาขี้เล่นยังมีเหมือนเดิม แม้วันนี้มันจะไม่สดใสนัก อาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หนวดและเคราขึ้นเป็นตอ คล้ายกับว่ามันเพิ่งโกนเมื่อสองวันก่อน......ผมเผลอมองมันนานจนมันขมวดคิ้ว.....
“มองอะไร” มันถามพลางเอามือลูบปากลูบคาง คงกลัวข้าวติดอยู่ตามนั้น
“ออยไปไหนล่ะ” ผมไม่ตอบ แต่ถามกลับซะ
“ขอร้อง...อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนี้อีก” มันทำหน้าจริงจัง ผมยิ่งอยากแกล้ง
“ก็ถามตามมารยาท....ไม่ได้อยากรู้อะไรซักหน่อย” ผมหัวเราะ “ยังรักกันดีอยู่มั๊ย” ผมถามเล่น ๆ
“ผมไม่เคยรักเค้าเลยนะครับ” มันวางช้อนลงบนจานอย่างแรงจนผมชักหวั่น ๆ แต่ยังปากดีอยู่
“เหรอ.....ไม่มีใครเค้าเชื่อคุณหรอก” ผมยิ้มเหยียด ๆ ถ้ามันใช้คำเป็นทางการ คุณ ผม เมื่อไหร่นั่นแสดงว่ามันเริ่มมีอารมณ์บ้างแล้ว
“ไม่เชื่อก็ตามใจ” มันลุกขึ้นยืน เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปข้างนอก....ผมมองอาหารที่เหลืออยู่ครึ่งค่อนจาน รู้สึกผิดจัง น่าจะรอให้มันกินอิ่มก่อนแล้วค่อยกวนตีน
.....ผมกินข้าวเสร็จก็เดินขึ้นห้อง ไม่สนใจว่ามันจะทำอะไร อยู่ส่วนไหนในบ้านผม ต้องการกดดันให้มันกลับบ้านไปเอง โดยที่ผมไม่ต้องไล่.....ซักพัก ไอ้วุธก็เดินตามขึ้นมา ผมเหลือบไปมองนิดนึง และหันไปดูโทรทัศน์ต่อ.....มันทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ผมขยับตัวหนีทันที.....
“รังเกียจเรามากขนาดนั้นเลยเหรอ” วุธถามเสียงเบา ผมไม่ตอบ มันก้มหน้านิ่ง
“พร้อมจะพูดหรือยัง” ผมกลั้นใจถาม ไม่อยากให้ค้างคาอีกต่อไป
“ขอเวลาเตรียมใจอีกหน่อย” มันพูดหลังจากเงียบไปนิดนึง
“พร้อมเมื่อไหร่ก็ลงมาแล้วกัน” ผมเดินหนีมันลงมาข้างล่าง นั่งอ่านนิตยสาร จริง ๆ แล้วไม่ได้อ่านหรอกครับ ในใจลุ้นว่าไอ้วุธจะพูดอะไร คิดไปสารพัด ถ้ามันพูดอย่างนี้ จะตอกกลับมันยังไง และถ้ามันพูดอย่างนั้น เราจะใจอ่อนมั๊ย แล้วเราจะใจแข็งได้อีกนานเท่าไหร่
.....คิดไปคิดมา ตายแล้วกู ลืมเพจไว้บนห้อง ใครเพจมาให้โทรกลับอะไรยังไงบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตอนนี้เพื่อนใหม่ยิ่งเยอะอยู่ ผมเดินขึ้นห้องอีกครั้ง พอเปิดประตูปุ๊บ ตาผมกับไอ้วุธก็ประสานกันอย่างจัง เห็นความผิดปกติในสายตามันแล้วทำให้ผมต้องมองต่ำลงมาอีกนิด....ไอ้วุธถือเพจผมอยู่ในมือ.....อย่าบอกนะว่ามันแอบอ่านข้อความในเครื่อง แทนที่ผมจะโกรธ กลับรู้สึกกังวลว่ามันจะเข้าใจอะไรผิด ๆ ก็ข้อความส่วนใหญ่เป็นข้อความหวานจนเลี่ยน เป็นกลอนซึ้ง ๆ คิดถึงอย่างโน้น อย่างนี้.....ใครส่งล่ะ....ก็บรรดาเพื่อน ๆ ของผม มันส่งแบบข้อความเดียวหลายเบอร์ โดยเฉพาะอีกุ้ง ตอนนี้มันอินเลิฟ ทุกข้อความที่มันส่งให้พี่ก้อง ผมก็ได้ด้วย.....
“นั่งสิ เราพร้อมแล้ว” มันสั่งผม เอ๊ะ นี่มันห้องกูนะ
“อืม” ยังไม่ทันที่ผมจะหย่อนตูดนั่งบนเตียง เสียงเพจในมือไอ้วุธก็ดังขึ้น
“ขออนุญาตนะ” มันไม่รอให้ผมพูดอะไร กลับถือวิสาสะกดอ่านข้อความใหม่ของผม สีหน้ามันเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“คืนได้ยัง” ผมแบมือตรงหน้ามัน ขอเพจคืน
“เรารู้แล้วล่ะ ว่าทำไมเอ้ถึงไม่ใส่ใจเราเลย” วุธวางเพจลงบนมือผม ก่อนลุกขึ้นช้า ๆ มองหน้าผมด้วยสายตาผิดหวัง
“หมายความว่าไง”
“เอ้มีแฟนแล้วใช่มั๊ย ไม่ใช่ไอ้โยอะไรนั่นด้วย” มันพูดเสียงดัง
“เฮ้ย....เราจะมีแฟนหรือไม่มี มันไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่จะเคลียร์กันวันนี้เลยนี่” ผมเสียงดังบ้าง
“เกี่ยวสิ เราอยากให้เอ้.....รักเราเหมือนเดิม” มันลดเสียงลง
“วุธ ลองคิดดูดี ๆ นะ นายทำกับเราไว้ยังไงบ้าง รู้มั๊ยว่าเราเจ็บแค่ไหน ใช้เวลานานเท่าไหร่ ที่จะลืมนายอ่ะ” ผมพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล “นายอยากให้เรารักนาย แต่นายไม่เคยรักเรา แล้วเราจะรักทำไมให้เจ็บอีกวะ” ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งสั่น
“เอ้.....เรารักเอ้นะ.....รอคำนี้อยู่ใช่มั๊ย เราผิดเอง เราไม่เคยบอก เราไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าชอบผู้ชายด้วยกัน เราอาย เราลองคบกับผู้หญิง เราทำให้เอ้เสียใจ แต่ตอนนี้รู้มั๊ยว่าเราเสียใจขนาดไหน เอ้ทำเหมือนกับเราไม่มีตัวตน หน้าเราเอ้ก็ไม่อยากมอง เรากลับมาช้าไป เอ้คงเจอใครที่ดีกว่า เรากลัวว่าเอ้จะโกรธ จะเกลียด จะไล่เราเหมือนหมา เราไม่กล้ามาหา ทำได้เต็มที่ก็แค่ขับรถผ่าน เห็นไฟเปิดอยู่ รู้ว่ากลับถึงบ้าน เราก็สบายใจแล้ว.....” มันชะงัก หยุดพูดเมื่อผมจับมือมันบีบเบา ๆ
“เรายังรักนายอยู่.....แม้รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ นายเป็นผู้ชาย เรื่องระหว่างเราถ้าจะเริ่มใหม่...อีกไม่นานมันก็ต้องจบ.....ให้มันจบตอนนี้เลยไม่ดีกว่าเหรอ”
“ถ้าจะจบ ก็ขอให้จบด้วยดี ไม่ใช่แบบนี้ ต่อไปเอ้อาจจะเป็นฝ่ายทิ้งเราก็ได้” ไอ้วุธนี่มันดื้อจริง ๆ
“ออยล่ะ” ผมเบรค มันอึ้งไป
“เลิกกันแล้ว” มันคงสงสัยว่าทำไมผมไม่ถามต่อ “ไม่อยากรู้เหรอว่าเพราะอะไร” ผมส่ายหน้า “เราชอบเอ้ก็ตรงนี้แหละ เอ้ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเรา รู้มั๊ยว่าตอนที่คบกับออย เราแทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้....พอเค้าเริ่มปล่อย ไม่ใช่เค้าไว้ใจ แต่เพราะเค้ามีคนใหม่ เราน่าจะฟังเพื่อน ๆ ที่เตือนเรา หลายคนพูดถึงออยในแง่ร้าย เราไม่เชื่อ เราเกือบต้องเสียพวกมันไป เพราะแค่อยากให้พวกมันเห็นว่าเรามีแฟนเป็นผู้หญิง ยิ่งพวกมันเอาเอ้ไปเปรียบกับออย ยิ่งทำให้เรารู้ว่า เราควรซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง ไม่ใช่กลัวว่าคนจะมองเรายังไง แล้วเราก็มารู้ทีหลังด้วยว่า เราน่าสมเพชขนาดไหน คนเค้ารู้กันทั่วว่าออยเป็นยังไง มีเราคนเดียวที่ไม่รู้......เราว่าเอ้ก็รู้ด้วยใช่มั๊ย” มันพูดเสียงเศร้า ผมพยักหน้า
“เรื่องมันแล้วไปแล้วน่า” ในที่สุดผมก็ใจอ่อนจนได้ มันมองหน้าผมด้วยสายตาที่ทำให้ผมต้องหลบวูบ อ่านเพจในมือแก้เขิน
“จะไปหาเค้าหรือเปล่า” วุธถาม มันอ่านข้อความนั้นก่อนผม อีกุ้งมันชวนผมไปบ่อตกปลาชานเมือง พี่ก้องเค้าอยากพักผ่อน.....พวกผมเคยไปกันหลายครั้งแล้ว บรรยากาศดีมาก เคยลองตกด้วย แต่ก็ไม่เคยได้ปลาเลย สงสัยทำบาปไม่ขึ้น
“...ไป...” มันหน้าเจื่อนทันทีที่ผมตอบ คงคิดว่าอีกุ้งเป็นแฟนผมแน่ ๆ ก็ข้อความก่อนหน้านี้มันหวานหยดซะขนาดนั้น
“งั้นเรากลับบ้านเลยล่ะกัน” มันออกไปเก็บเสื้อผ้าที่พาดระเบียงตากแดดไว้
“ไม่ไปด้วยกันเหรอ” ผมถามลอย ๆ มันหันกลับมายิ้มกว้าง
“เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมใช่มั๊ย” มันดึงตัวผมให้ยืนขึ้นแล้วกอดผมแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
“ปล่อย....จั๊กจี้” ตัวผมอ่อนยวบ เมื่อเจอหนวดแข็ง ๆ ของมันถูที่ต้นคอ ดิ้นไปดิ้นมา ล้มลงบนเตียงไปด้วยกัน ตาต่อตาในระยะประชิด หน้าห่างกันแค่คืบ และก่อนที่มันจะก้มลงมาใกล้กว่านี้
“อย่าลืมข้อห้าม” ผมย้ำถึงกฎเหล็ก ห้ามทำอะไรจนกว่าผมจะพร้อม วุธชะงัก
“แค่นี้ยังได้อยู่ใช่มั๊ย” มันหอมแก้มผมฟอดใหญ่
“พอแล้ว....ไปแต่งตัวเหอะ เดี๋ยวกุ้งรอนาน”
“ถามจริง ๆ กุ้งนี่ใครอ่ะ”
“ไม่บอก”
.....ระหว่างนั่งรอมันเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมตบหน้าตัวเองเบา ๆ คิดว่าตัวเองกำลังฝันไป ไอ้วุธกำลังจะกลับเข้ามาในชีวิตผมอีกครั้ง ที่สำคัญเมื่อกี้มันบอกว่า มันรักผมด้วย เอาวะ จะเจ็บอีกครั้งก็ยอม คราวที่แล้วกูก็ไม่ตายซะหน่อย แต่ครั้งนี้ขอเผื่อใจไว้นิดนึงละกัน จริงใจ แต่ไม่จริงจัง คว้าโอกาส เก็บความสุขนี้ไว้เถอะ ถ้าปล่อยมันไป เราอาจจะต้องเสียใจมากกว่าที่เคยก็ได้.....

“ถ้าเจอกุ้ง.....เอ้จะบอกเค้าว่าเราเป็นอะไรอ่ะ” สีหน้ามันกังวล
“เพื่อน” ผมตอบสั้น ๆ
“ไม่ต้องเลย.....บอกว่าแฟนดิ”
“ไม่อายแล้วเหรอ” มันส่ายหน้า
“เพื่อนเรามีแฟนเป็นกะเทยแปลงเพศด้วยซ้ำ”
“....หา....”
“จริง ๆ สวยด้วย สวยกว่าผู้หญิงอีก” มันยื่นมือมาจับคางผม “เอ้คงไม่แปลงใช่มั๊ย....ขนาดหูยังไม่กล้าเจาะเลย......แต่อย่างนี้น่ะดีแล้ว”
“ไอ้บ้า” ผมเขินจนขับรถแทบตกข้างทาง
“เอ้า ๆ ขับดี ๆ สิครับ” มันหยิกแก้มผมอีก ตอนขับรถนี่เป็นเวลาเดียวที่มันจะทำอย่างนี้กับผมได้ โดยที่ผมไม่ด่ามัน
“ฝนจะตกมั๊ยเนี่ย” ผมมองท้องฟ้ามืดครึ้มตรงหน้า ตอนอยู่บ้านแดดยังแจ๋ ไม่มีเมฆฝนเลย
“อีกไกลปะ”
“ไม่หรอก อีกนิดเดียว"
.....พอจอดรถปุ๊บ ฝนก็ตกลงมาเหมือนฟ้ารั่ว กระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา มองข้างทางแทบไม่เห็น ที่จอดรถก็เปลี่ยวชิบหาย แม้ว่าจะมีรถจอดอยู่หลายคัน ก่อนจอดผมวนดูแล้ว ยังไม่เห็นรถพี่ก้อง แสดงว่ายังมาไม่ถึง งั้นหลบฝนรอในรถนี่ละกัน น้ำมันเหลืออยู่ครึ่งถัง ติดเครื่องไว้อย่างนี้ได้อีกนาน
“ตอนเราหายไป คิดถึงกันมั่งปะ” อยู่ดี ๆ มันก็ถามทำลายความเงียบ
“...ไม่...” ผมตอบเสียงเรียบ วุธหน้าจ๋อย “ไม่มีวันไหน ที่ไม่คิดถึง” ผมปล่อยมุข มันยิ้มแฉ่งเลยครับ
“เราอยากพูดเรื่องนี้กับเอ้ตั้งนานแล้ว แต่เอ้ไม่ให้โอกาสเราเลย”
“อะไรอีกล่ะ”
“เราอยากจะบอกเอ้ ว่าเราขอคบกับออย เพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย เราไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบอะไรเค้าเลยนะ จริงอยู่เค้าสวย น่ารัก แต่ทำไมเราไม่ชอบก็ไม่รู้ จนมาได้คุยกับพี่มิ้นท์......เค้าบอกว่าเราเป็นเกย์”
“นี่...เกย์ไม่ได้เป็นกันง่าย ๆ นะโว้ย” ผมขำ
“ถ้าเราบอกว่า เราอยากมีอะไรกับเอ้ มากกว่าออยนี่ ผู้ชายเค้าเป็นกันหรือเปล่าอ่ะ” ผมอึ้ง พูดอะไรไม่ออก
“ก็ลองดิ....เอ่อ...หมายความว่าลองกับผู้หญิงนะ ใครก็ได้ เผื่อจะรู้ตัวเอง”
“ลองแล้ว รู้แล้ว ถึงได้มาหาเอ้ไง”
“กับใคร” ผมเผลอถามมันเสียงดัง มันหัวเราะ
“หึงเหรอ”
“ไม่อ่ะ...ไม่มีทาง....ป้องกันหรือเปล่าอ่ะ”
“พูดเล่น” มันหัวเราะดังขึ้น แต่จู่ ๆ มันก็หยุด มองหน้าผมนิ่ง “เรายังไม่เคยมีอะไรกับใครเลย” ผมหัวเราะบ้าง ท่าทางมันคงจะอาย “ทำไม....หรือว่าเอ้ยอมมีอะไรกับใครแล้ว”
“จะบ้าเหรอ ขนาดกับนาย เรายังไม่ยอมเลย”
“ดีมาก.....เราจะรอวันที่เอ้พร้อม” มันมองผมตาเยิ้ม กูพร้อมตั้งนานแล้ว แต่ใครจะกล้าบอกล่ะ ผมกดปุ่มเล่นเทป เพราะสัญญาณวิทยุแย่มาก ๆ เลยตอนนี้

Saying I love you,
Is not the words,
I want to hear from you,
It's not that I want you,
Not to say but if you only knew,
How easy,
it would be to show me how you feel,
More than words,
is all you have to do,
to make it real,
Then you wouldn't have to say,
that you love me,
Cause I'd already know,
What would you do,
if my heart was torn in two,
More than words to show you feel,
That your love for me is real,
What would you say,
if I took those words away,
Then you couldn't make things new,
Just by saying I love you,

Now that I've tried to,
talk to you and make you understand,
All you have to do,
is close your eyes,
And just reach out your hands,
and touch me,
Hold me close don't ever let me go,
More than words,
is all I ever needed you to show,
Then you wouldn't have to say,
that you love me,
Cause I'd already know,
What would you do,
if my heart was torn in two,
More than words to show you feel,
That your love for me is real,
What would you say,
if I took those words away,
Then you couldn't make things new,(no no)
Just by saying I love you.....
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 06-10-2007 00:39:53
10 Thank God I Found You

.....ความเดิมจากตอนที่แล้ว หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันได้ ผมกับวุธออกไปหาอีกุ้งกับพี่ก้อง ที่บ่อตกปลาชานเมืองกรุงเทพฯ ไกลมาก เอ๊ะ มันก็เข้าเขตจังหวัดปริมณฑลแล้วนี่หว่า พอถึงปุ๊บ ฝนตกหนักมาก เราติดฝนอยู่ในรถ เปิดเพลงฟังเบา ๆ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ เปิดอกคุยโดยไม่มีการเก๊ก ให้คุ้มกับที่ไม่ได้คุยกันมากว่า 2 ปี.....
.....เคยได้ยินมั๊ยครับ ถ้าเพื่อนที่เราทะเลาะกัน และไม่มองหน้ากันอีก โกรธกันไปตลอดชีวิต นั่นไม่ใช่เพื่อนแท้.....แต่ถ้าทะเลาะกันแล้วกลับรู้สึกดี ได้ระบาย ได้บอกความในใจ ทำให้เค้าเห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ ถ้าเค้ารับมันได้ เค้าคือเพื่อนแท้.....กรณีเดียวกับไอ้วุธ ผมกับมันรู้สึกใกล้กันมากขึ้น อึดอัด อะไรยังไง ชอบ ไม่ชอบ อะไร วันนั้น เราตกลงเงื่อนไขในการคบกัน เราจะใช้เหตุผล คู่กับอารมณ์ เพราะถ้าใช้เหตุผลอย่างเดียว มันเหมือนกับว่า คุณต้องการให้อีกฝ่ายทำตามเหตุผลของคุณ ต่างคนต่างหาเหตุผลมาเถียงกัน มันคงไม่มีอะไรดีขึ้น แต่เราใช้อารมณ์คุยกันในบางเคส คุณจะได้ความจริงใจมากกว่า.....
.....เอาเป็นว่า ตอนนี้มันไม่หึงไอ้โยแล้ว ส่วนผมก็หมดห่วงกับเรื่องอีออย เราจะลองเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง ระหว่างบทสนทนาของเรา ผมสังเกตความเปลี่ยนแปลงของวุธหลายอย่าง ความคิดมันเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะ และที่ผมประทับใจที่สุดก็คือ มันสามารถนำผมได้.....อย่างที่พวกคุณรู้กัน ผมเป็นพี่คนโต ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง ต้องเป็นผู้นำน้อง ๆ ต้องกล้าคิด กล้าตัดสินใจ หลายครั้งที่ผมตัดสินใจผิดพลาด อาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่มีใครให้คอยปรึกษา บางทีคนที่เราพอจะขอความช่วยเหลือได้ดันไม่ว่างซะนี่ เอาเป็นว่า คิดเอง ทำเองก็ได้วะ....บางครั้งได้ดี บางทีก็ล้มเหลว.....
.....เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกเหนื่อยและท้อ จนเมื่อต้องดูแลบ้านทั้งหลัง ดูแลน้องที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีก 1 คน.....แรก ๆ สนุกครับ ไม่มีใครสั่งเราได้ เราใหญ่ที่สุดในบ้าน อยากได้อะไรต้องได้.....ซักพัก มีเรื่องอะไรหลาย ๆ อย่างรุมเร้าเข้ามา รวมทั้งเรื่องไอ้วุธด้วย ไม่มีใครรู้หรอกครับ ว่าผมเหงาแค่ไหน ภายนอก ผมหัวเราะระรื่น อยู่กับเพื่อนฝูง สนุกสนาน เฮฮาปาร์ตี้ เป็นตัวเอนเตอร์เทน แต่พอกลับบ้านปุ๊บ ก่อน 1 ทุ่ม เท่านั้น(ถ้าไม่มีอะไรพิเศษ) เพื่อเป็นตัวเอย่างที่ดีแก่น้อง ผมต้องดูแลความเรียบร้อยทุกอย่าง พาหมาไปเดินเล่น เตรียมอาหารสำหรับวันรุ่งขึ้น อะไรขาดเหลือ รีบไปซื้อซะ จะได้ไม่ยุ่งตอนเช้า.....
.....ผมเคยบอกไอ้วุธว่า ผมชอบคนที่สามารถนำผมได้ สามารถแย้ง หรือมีความคิดเห็นที่เป็นตัวของตัวเอง ดูแลผมได้.....และจากที่นั่งคุยกันท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำมาเกือบชั่งโมง จนตอนนี้เริ่มซาลงแล้ว ผมยิ่งชอบมันมากขึ้น เรียกว่ารักเลยก็ได้ แต่อย่างที่บอกอะนะ ผมไม่อยากเจ็บอีก เอาเป็นว่า ให้ใจมันไป 80 % ละกัน อีก 20 เวลาและความประพฤติของมันจะค่อย ๆ ทำให้เพิ่มจนถึง 100 และเมื่อถึงตอนนั้น ผมจะไม่เสียใจเลยถ้าเราต้องจบกันในซักวัน เพราะผมได้รู้จักคำว่ารักแท้แล้ว.....
“ทำไมมันมาช้าจังวะ” ผมกระวนกระวาย มองดูนาฬิกา สลับกับมองออกไปข้างนอกรถ เห็นคนเริ่มทยอยกลับบ้านกันแล้ว
“ไม่มาแล้วมั้ง” ไอ้วุธเอนตัวนอนมองผมยิ้ม ๆ
“เฮ้ย ถ้าไม่มามันต้องเพจบอกแล้วหล่ะ จะเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย”
“ห่วงกันจริงนะ” มันยังไม่รู้ว่าอีกุ้งเป็นยังไง
“ห่วงดิ...เค้าเป็นคนแรกที่เรารู้จักที่มหาลัยเลยนะ” ผมพูดแหย่มัน
“หน้าตาดีด้วยดิ” ไอ้วุธกระเด้งขึ้นมามองหน้าผมใกล้ ๆ
“อืม...สูง ขาว ตี๋ นิสัยดี.....มีรูปด้วย พกไว้ในกระเป๋าตังค์ตลอดเลยนะ” ผมหยิบเอากระเป๋าตังค์มากอดไว้ มันเงียบ นั่งมองออกไปนอกรถ
“ฝนหายแล้ว...ไปรอข้างนอกเถอะ” มันเปิดประตูลงไปทันที
“เดี๋ยว...รอด้วย” ผมคว้ากระเป๋าสมบัติ ล็อครถ วิ่งตามมัน วุธหยุดมองผมนิดนึง แล้วเดินต่อ ผมคิดในใจว่าเดี๋ยวมันก็หลงหรอก ที่นี่มันกว้างจะตาย ตอนผมมาครั้งแรกยังหาทางกลับไปที่รถแทบไม่ถูก แล้วมันก็หยุดรอผม เพราะมองซ้ายมองขวา มีแต่ซุ้มและบ่อตกปลา ใหญ่มาก ประมาณว่าบึงย่อม ๆ
“จะให้ไปรอที่ไหน” มันหันมาถามผมที่ยืนหอบแฮ่ก ๆ
“โน่น...ซุ้มที่มีต้นไม้สูง ๆ น่ะ” ผมชี้ไปทางซุ้มที่พวกผมมากันประจำ ไม่ได้มาตกปลานะครับ แต่มานั่งเล่น พี่ก้องกับเพื่อนเค้าชอบมานั่งกินเหล้า ตกปลากันบ่อย ๆ ส่วนพวกผมก็มานั่งเม้าธ์ แข่งกันช้อนกุ้ง ช้อนปลาตัวเล็ก ๆ ริมตลิ่ง สนุกมาก เหมือนได้กลับไปเป็นเด็ก ๆ กันอีก พอตอนกลับพวกเราก็ปล่อยนะครับ ไม่อยากทำบาป
“กี่บาท”
“อะไร...กี่บาท” ผมงง
“ก็ค่าเข้าอ่ะ” มันล้วงกระเป๋าหาเงินเตรียมจะออกมาจ่าย เมื่อเรากำลังเดินผ่านที่ขายอาหารปลา เหยื่อ และให้เช่าเบ็ด
“...ไม่ต้อง...” ผมเดินนำมันผ่านเข้าไป คนดูแลจำผมได้ พยักหน้าให้นิดนึง แล้วก้มทำงานของตัวเองต่อ วุธมองอย่างสงสัย ผมจึงต้องอธิบาย “เราไม่ได้มาตกปลา ไม่มีอุปกรณ์อะไรเลยเนี่ย จะให้อาหารปลาปะล่ะ”
“ตามใจเอ้เหอะ” มันมัวแต่มองสถานที่อย่างตื่นตาตื่นใจ ผมว่ามันคงอยากตกปลาด้วย ตามธรรมชาติของผู้ชายที่ชอบอะไรลุ้น ๆ แบบนี้
“ไม่เอาอ่ะ อาหารปลามันเหม็นติดมือ”
“ครับ...เดี๋ยวกุ้งเค้าจะเหม็น” มันประชดผม แล้วเดินลิ่ว ๆ ไปที่ซุ้ม
“ไอ้บ้า” ผมด่ามันเบา ๆ แล้วรีบตามไปจนทัน คว้ามือมันไว้ จับแน่นไม่ปล่อยเลยครับ มันใช้หางตามองผม แต่ผมเห็นมันแอบยิ้มด้วย
“ขอควงหน่อยนะ” หันซ้าย หันขวา ไม่มีคน ผมกอดแขนไอ้วุธเดินไปด้วยกัน มองหน้ามันอีกที คราวนี้มันอมยิ้มแก้มตุ่ย ก้มหน้ามองทางอย่างเดียว นาน ๆ จะเห็นมันเขินซะที
.....ดูท่าทางมันจะชอบที่นี่ เห็นเดินไปเดินมารอบ ๆ ซุ้ม เดินไปริมตลิ่ง นั่งยอง ๆ ดูปลาเข็มมั้งครับที่ตัวเล็ก ๆ ว่ายกันเป็นฝูง ผมเองก็ยืนอยู่ใกล้ ๆ มัน อากาศดีเหลือเกิน หอมกลิ่นหญ้า กลิ่นดิน กลิ่นฝนที่ตกใหม่ ๆ แดดช่วงบ่ายแก่ ๆ เป็นสีส้ม มีรุ้งกินน้ำที่ปลายฟ้า อิจฉาคนต่างจังหวัด คงมีโอกาสได้เห็น ได้ชื่นชมกับธรรมชาติ มากกว่าคนกรุงเทพฯ อย่างผมกับวุธ.....
.....กำลังคุยกันเพลิน ๆ เสียงอีกุ้งก็ดังทำลายบรรยากาศโรแมนซ์ของผม และทันทีที่ผมกับวุธหันไป อีกุ้งที่กำลังวิ่งดุ๊กดิ๊ก ๆ ชะงักกึก มองหน้าไอ้วุธเหมือนเห็นผี ตะลึงอยู่นาน จนพี่ก้องเดินตามมาทัน อีกุ้งถึงได้มีสติเหมือนเดิม.....
“กุ้ง” ผมลุกขึ้นเดินไปหา ไอ้วุธนั่งลุ้นอยู่ว่าผมจะเดินเข้าไปหาคนไหน มันไม่รู้นี่ว่าคนไหนกุ้ง คนไหนพี่ก้อง มันคงคิดว่ากุ้งคือคนแมน ๆ ส่วนอีที่ระริกะรี้อยู่เมื่อกี้คงเป็นเพื่อนสาวผมซักคน.....ผมทักทายพี่ก้องก่อน เดี๋ยวนี้เราไม่ต้องยกมือไหว้กันแล้ว เพราะสนิทกัน เจอกันทุกวัน พี่ก้องเตรียมอุปกรณ์ตกปลามาด้วย ทั้งเบ็ดทั้งกระป๋องพะรุงพะรัง ส่วนอีกุ้งก็มีตระกร้าใบใหญ่มาก ข้างในคงจะเป็นของกิน...มองไกล ๆ เหมือนผมคุยอยู่กับพี่ก้องคนเดียว หางตาเห็นไอ้วุธนั่งหน้าหงิก....สงสารมันจังเลย ไม่แกล้งแล้ว
“วุธ...นี่พี่ก้อง...ส่วนนี่...กุ้งเพื่อนเรา” ผมอยู่ตรงกลางเดินจับมือพี่ก้องข้างนึง จับมืออีกุ้งอีกข้าง...ผมพยักเพยิดให้มันรู้ว่าใครเป็นใคร แหม ทีนี้ยิ้มออกเลยนะ ผมแอบหมั่นไส้
“หวัดดีครับ” มันพยักหน้าทักทาย พูดคุยกันอีก 2 – 3 ประโยค อีกุ้งก็ลากผมออกมาจากวง
“เอ้....มึงไปรู้จักกับแฟนอีออยตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” หน้าตามันอยากรู้อยากเห็นมาก
“ตั้งแต่ ปวช.”
“กูหมายถึง...มึงเอาเค้ามานี่ได้ยังไง...เมื่อคืนกูยังเห็นมึงไม่สนใจเค้าเลยนี่หว่า”
“โอ๊ย...เรื่องมันยาว”
“อีดอก....เล่ามาเลย....นี่ถ้าอีเต็มมันรู้นะ....อู๊ยยยย....มันคงร้องกรี๊ด ๆ ๆ ๆ เหมือนโดนข้าวสารเสกแน่” อีกุ้งหัวเราะคิก
“เดี๋ยวก่อน....กูเล่าแน่ แต่มึงจะทิ้งให้เค้าอยู่กันสองคนได้ไงวะ”
“เออว่ะ” อีกุ้งมันลากผมกลับไปที่ซุ้มเหมือนเดิม ตอนแรกคิดว่าพี่ก้องกับไอ้วุธจะต่างคนต่างเงียบ ที่ไหนได้ คุยเข้าขากันเป็นอย่างดี ก็เรื่องตกปลานี่แหละ พี่ก้องกำลังสอนไอ้วุธใช้เบ็ดไฮโซ อันใหญ่มาก
“อ้าว...มีเพื่อนซะแล้ว...ดีเหมือนกัน...เราคุยกับกุ้งแถว ๆ นี่นะ” ผมบอกไอ้วุธ
“อืม...อย่าไปไหนไกลล่ะ” ไอ้วุธทำเอาสองคนนั่นเอ๋อไปเลย
“จ้า” ผมแกล้งทำเป็นเหมือนไอ้วุธมันพูดเล่น แต่อีกุ้งนี่จ้องจะจับผิดผมอยู่
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจะดูแลเป็นอย่างดี” ไอ้วุธหันมายิ้มให้ อีกุ้งลากผมออกไปอีกซุ้มที่อยู่ใกล้กัน
“โอ๊ย จิตใจไหวหวั่น....นี่ถ้ากูไม่มากับพี่ก้องนะ กูจะขอเค้าเป็นแฟนเลยมึง” อีกุ้งมันยังไม่ทันจะหย่อนตูดนั่งก็แพล่มซะแล้ว
“อีนี่ เวอร์”
“ตอนเค้ามารับอีออยที่โรงเรียนนะมึง พวกกูแอบกรี๊ดกันทุกวันเลย ยิ่งมาเห็นใกล้ ๆ อย่างนี้ โอ๊ย...กูอยากมีชู้ว่ะ หล่อชิบหาย เถื่อนดี กูชอบ”
“นี่ถ้ากูมีเครื่องอัดเสียง...กูจะอัดที่มึงพูดไปให้พี่ก้องฟัง”
“อีเวร...อย่าเชียวนะมึง” อีกุ้งค้อน “เอ้า...ว่าไง เรื่องของมึงอ่ะ…เล่าได้ยัง”
“จะเริ่มต้นยังไงดีวะ....Ok…Once upon the time”
“อีเอ้” กุ้งมันลุกขึ้นยืนเอามือเท้าเอว
“กูล้อเล่น....อีนี่ทำหน้าเหมือนไม่อยากรู้เลยเนอะ” ผมกัดมัน อีกุ้งนั่งลงข้าง ๆ ผมเหมือนเดิม
“เรื่องมันก็มีอยู่ว่า .................................................................................................. ...แค่นี้เอง” ผมเล่าให้อีกุ้งฟังคร่าว ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ
“แล้วมึงไม่กลัวเค้าจะหลอกมึงอีกเหรอ”
“กูโตแล้วนะโว้ย....อีกอย่างกูมีเพื่อนอย่างพวกมึงไว้คอยปรึกษา ตอนเรียนพาณิชย์กูหันหน้าไปหาใครไม่ได้เลย มีแต่เพื่อนผู้หญิง อยากระบาย แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง”
“แล้วทำไมมึงไม่เล่าให้พวกเราฟังตังแต่แรกวะ”
“ก็กูจบกับไอ้วุธไปแล้วนี่...ไม่มีอะไรต้องให้พูดถึงอีก....ตอนรับน้องที่เจอมันกูยังตกใจเลย ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก กูอุตสาห์หนีมันมาตั้งนาน”
“ถ้าเป็นกูนะ...กูคงใจอ่อนตั้งแต่วันนั้นแล้ว”
“กูก็เกือบนะ...แต่กูยังแค้นมันอยู่”
“รักมากก็แค้นมากเนอะ.....เออ....แล้วนี่มึงจะบอกอีเต็มยังไงเนี่ย เห็นมันคลั่งไข่ เอ้ย คลั่งไคล้ไอ้วุธขนาดนั้นน่ะ”
“เดี๋ยวดูก่อน กูกะจะ Surprise มัน”
“เออ ๆ กูก็อยากเห็นหน้ามันเวลาที่มันรู้เรื่องมึงกับไอ้วุธเหมือนกัน”
“อีห่า...คงเหมือนมึงมั้ง ยืนเอ๋ออยู่ตั้งนาน”
.....สองคนนั่นคุยเข้าขากันเป็นอย่างดี หวังว่าคงไม่มีการปิ๊งกันเองนะ ผมกับอีกุ้งคิดกันเล่น ๆ พอพวกเค้าหันมาเห็นเรา ต่างคนก็ต่างเรียกคนของตัวเองให้เข้ามาดูผลงานการตกปลาที่อยู่ในกระป๋องพลาสติกใบนั้น....ปลาติดเบ็ดเร็วเกินคาด บางทีนั่งตั้งนาน ไม่เห็นจะได้ซักตัว แต่วันนี้ได้ตั้งสามตัว จากเบ็ดสองคัน ไอ้วุธดึงเบ็ดออกจากปากปลาไม่เป็น หน้าที่นี้จึงตกเป็นของพี่ก้องไป ไม่งั้นปากปลาต้องแหกยับเยินแน่ ๆ พี่ก้องมีวิธีพูดทำให้ไอ้วุธรู้สึกดีขึ้นเมื่อเห็นเบ็ดที่เกี่ยวปากปลาอยู่....มันสารภาพกับผมตอนหลังว่า ไม่คิดว่าปลาจะกินเบ็ดหรอก แค่อยากลองเหวี่ยงเบ็ดสนุก ๆ เห็นมันเท่ห์ดี.....
.....ฟ้าเริ่มมืดลง ได้เวลากลับบ้านแล้ว ดีนะที่ได้ขนมกับน้ำในตะกร้าอีกุ้งช่วยชีวิตไว้ ไม่งั้นคงหิวกันตาลายแน่ ๆ ตอนแรกว่าจะไปหาอะไรกินกันทั้งสี่คน แต่พี่ก้องดันต้องรีบกลับไปธุระกับทางบ้าน อีกุ้งเลยต้องตามกลับไปด้วย.....
“เป็นไงกุ้งมันหล่อมั๊ย” ผมแหย่ไอ้วุธทันทีที่ขึ้นรถ
“หล่อครับ สูง ขาว ตี๋” วุธพูดขำ ๆ
“ข้อความในเพจน่ะ...กุ้งมันส่งให้ทุกคนแหละ....แบบว่างกไง ส่งทีเดียวได้หลายคน” ไอ้วุธหัวเราะเบา ๆ คงเกรงใจเพราะอีกุ้งมันก็เพื่อนผม
“ท่าทางเค้ารักกันดีเนอะ” วุธพูดหลังจากเงียบไปพักนึง
“อืม”
“ทำไมเค้ากล้าจัง…ไม่อายคนอื่นเหรอ”
“แล้วเค้าทำอะไรผิดล่ะ” ผมย้อนถาม วุธอึ้ง
“...เออเนอะ...เค้าไม่ได้ทำอะไรผิดนี่หว่า...” มันยิ้มออกมาในที่สุด
“ไปทางไหนดีวะ” ผมพูดกับตัวเองเมื่อถึงทางแยก จริง ๆ แล้วก็ไปได้ทั้งสองทางแหละ แต่ทางที่ใกล้กว่ารถบรรทุกมันเยอะ
“หาอะไรกินกันก่อนเหอะ...หิวอ่ะ” ไอ้วุธถลกเสื้อลูบท้องตัวเองเบา ๆ โอ๊ย ขาวจัง มีกล้ามนิด ๆ ด้วย หัวใจจะวาย ขนาดเมื่อคืนเห็นของมันทุกซอกทุกมุมแล้วก็เถอะ แต่มันคนละความรู้สึกกันกับตอนนี้
“กินที่ไหนอ่ะ” ผมมองหาร้านอาหารข้างทาง
“ไปเรื่อย ๆ ก่อน เดี๋ยวเจอแล้วจะบอก”
“ครับเจ้านาย” ผมหันไปมองหน้ามันกวน ๆ
.....ในที่สุดไอ้วุธก็เลือกร้านอาหารข้างทางร้านหนึ่ง มีรถจอดอยู่หลายคันเหมือนกัน บรรยากาศดีมาก แอบคิดลึก ๆ ว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงพาผมไปกินก๋วยเตี๋ยวริมฟุตบาท อ้อ ไม่สิ ซื้อกลับไปกินที่บ้าน กลัวคนรู้จักเห็นว่ามากินกับผม....นี่อีออยคงหัดให้มันมากินร้านอย่างนี้น่ะสิ....ช่างเหอะ รีบกิน รีบกลับดีกว่า ฝนทำท่าจะตกอีกแล้ว.....
.....พนักงานเพื่อนสาวพาเราสองคนเดินไปมุมที่ผมคิดว่าดีที่สุดในร้าน โรแมนติกมาก เป็นส่วนตัวด้วย....ไอ้วุธสั่งอาหารได้ถูกใจผมจริง ๆ มันหันมาถามทีเดียวว่าโอเคมั๊ย ผมพูดไม่ออก ได้แต่ยิ้มอย่างเดียว เมื่อคืนมันยังซื้อของที่ผมชอบทั้งนั้นนี่นา....มันจำได้ว่าผมชอบอะไร ดีใจจังเลย.....
.....อาหารอร่อยจริง ๆ ไม่คิดว่าไกลขนาดนี้ จะมีร้านอาหารอร่อย บรรยากาศเริ่ด ราคาไม่แพงเกินไปนัก ผมแอบเอาเมนูมาคิดราคาคร่าว ๆ จะได้เตรียมเงิน และทิปถูก.....นั่งกินข้าว มองดูแสงไฟจากรถที่วิ่งอยู่บนถนน เสียงเพลงเบา ๆ และเสียงน้ำตกจำลองที่อยู่ใกล้ ๆ ไฟสีส้มอ่อน ๆ จากตะเกียงข้างโต๊ะ ทำให้หน้าไอ้วุธน่ามองมากขึ้น จนผมอดไม่ได้ที่จะมองมันจนลืมกินข้าว.....
“มองอะไร” มันรู้สึกตัว และทำท่าเขิน
“หิวเหรอ....เห็นกินอย่างเดียวไม่พูดไม่จา”
“อืม....เอ้อย่ามองใครแบบนี้อีกนะ”
“ทำไมอ่ะ” ผมงง
“ตาเอ้มันพูดได้...มันบอกความรู้สึกหมดเลย”
“จริงเหรอ....งั้นบอกมาดิ เรากำลังรู้สึกอะไรอยู่” ไอ้วุธเงียบ “เห็นปะ...อย่ามาโม้ ตาเราก็เป็นอย่างนี้ มองใครก็เหมือนกันหมดแหละ”
“เอ้กำลังรู้สึกเหมือน....เหมือนที่เรารู้สึกกับเอ้” ฉลาดตอบมาก เล่นเอาผมเขินไปเลย “อ่ะ...กินต่อเหอะ” ไอ้วุธตักอาหารใส่จานผม ต่อหน้าพนักงานเสิร์ฟที่เข้ามาเติมน้ำพอดี ผมทำหน้าไม่ถูก เอ๊ะ มันเป็นอะไรมากหรือเปล่าวันนี้
“วุธ...เอานี่” ผมยื่นเงินให้หลังจากที่พนักงานเดินกลับไปพร้อมทิปในถาด
“ไม่เอา....เราเลี้ยง”
“เนื่องในโอกาสอะไร” ผมพยายามยัดเงินใส่มือมัน
“ขอบคุณที่ให้โอกาสเรา” ไอ้วุธมองผมตาเยิ้ม กุมมือที่ตอนแรกปัดออกเพราะไม่ต้องการเงินผม ทีนี้จะดึงมือกลับก็ไม่ได้
“กลับเหอะ....ฝนตกแล้ว” ผมพูดแก้เขิน
“ครับ”
“โอ๊ย อย่าพูดอย่างนี้ จั๊กจี้หูว่ะ” ผมขำ
“เราไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันแล้วนะครับ” มันพูดเสียงจริงจัง
“อ่ะ...ครับ....เอาไงก็เอาเหอะครับ” เราเดินมาจนถึงหน้าร้าน ฝนก็ตกหนาเม็ดขึ้น พนักงานก็ถือร่มคอยรับคนที่เข้ามากินใหม่ ผมต้องรอให้พวกเค้าเข้ามาก่อน แต่นึกได้ว่าในกระเป๋ามีร่มนี่หว่า
“วุธ...ถ้าเรากางร่มอันนี้ จะกล้าเดินกะเราปะ” ผมถามอาย ๆ พร้อมหยิบร่มคิตตี้ออกมาจากกระเป๋า พอไอ้วุธเห็นปั๊บมันขำก๊ากเลยครับ
“อย่าบอกนะว่าของเอ้น่ะ” มันพูดไปหัวเราะไป ก็รู้อยู่ว่าผมไม่ชอบของคิขุอย่างนี้
“ของอีกุ้งมันทิ้งไว้ในรถ อันเล็กดี พกใส่กระเป๋าได้” ผมแก้ตัว
“ไม่อายหรอก ดีกว่าเปียกเนอะ” มันยังไม่หยุดขำ แต่คว้าร่มออกไปกางซะเอง “เอ้า เข้ามาสิครับ” มันเรียกผมเข้าไปในร่มเดียวกัน ร่มก็เล็ก แต่คนตัวเบ้อเริ่ม เดินเบียดกัน ผมเขินจนหน้าร้อนวาบไปหมด
“ฝนตก ขับลำบาก เดี๋ยวเราขับให้” มันยื่นมือขอกุญแจ ผมก็ต้องให้มัน มีการเปิดประตูให้ผมด้วยนะ
“คืนนี้ขอนอนด้วยอีกคืนนะ” วุธพูดออกมาเป็นประโยคแรก หลังจากรถเคลื่อนออกจากร้านอาหาร ผมตัดสินใจตอบ ด้วยการเงียบ มองหน้ามันอย่างเดียว ดูสิ มันจะรู้คำตอบมั๊ย...เมื่อกี้บอกว่าตาผมพูดได้ มันทำหน้างง ๆ ที่เห็นผมไม่พูดอะไร เปิดไฟฉุกเฉินจอดข้างทาง
“ตกลงได้มั๊ยครับ.....มองอย่างนี้.....โอเค.....คืนนี้ผมจะเป็นเด็กดี ไม่นอนดิ้นนะครับ” มันเอาหัวมาซุกที่ไหล่ผมอ้อน ๆ เป็นใครจะไม่ใจอ่อน.....ใช่มั๊ยครับ
I would give up everything
Before I'd seperate myself from you
After so much suffering
I finally found unvarnished truth
I was all by myself for the longest time
So cold inside
And the hurt from the heartache would not subside
I felt like dying
Until you saved my life

Thank God I found you
I was lost without you
My every wish and every dream
Somehow became reality
When you brought the sunlight
Completed my whole life
I'm overwhelmed with graditude
'Cause baby I'm so thankful I found you

I will give you everything
There's nothing in this world I wouldn't do
To ensure your happiness
I'll cherish every part of you
'Cause without you beside me I can't survive
Don't wanna try
If you keeping me warm each and every night
I'll be allright
'Cause I need you in my life

See I was so desolate before you came to me
Looking back
I guess it shows that we were destined
To shine over the rain to appreciate
The gift of what we have
And I'd go through it all over again
To be able to feel
This way

 o18
มาต่อให้ 2 ตอนครับบบบ ที่เหลือเก็บไว้ให้คุณ lanlan ทำงานมั่งงงง อิอิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 06-10-2007 02:26:00
หวานกันจังเลยคับ ดีใจจังทั้งคู่ดีกันแล้ว รักกันใว้คับกว่าจะร้กกันได้มันอยากนะคับ แต่ถ้าจะเลิกกันแปปเดี่ยวเอง ถ้าจะรักก็ขอให้คุณเอ้รักให้มีสติหน่อยนะคับจะได้ไม่เจ็บเหมือนคราวที่ผ่านมาคับ ขอขอบคุณคนโพสด้วยนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 06-10-2007 03:14:03
รักยังไงมันก็คือรัก ชั้นเองรุ้จักคำนี้ในวันที่มันสายเกินไป

เฮ้อเหนคนมีฟามสุขแล้วน้ำตาไหล

แต่มองดูตัวเองแล้ว รักก้รัก แระ เกลียดก้ไม่ลง

แต่มันก้คือ ความรัก

มาต่ออีกคับ ขอบคุนนะคับ จุ๊ฟๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 06-10-2007 04:15:33
 :เฮ้อ:เฮ้อ..โล่งอก ไปด้วยอีกคน..ที่คืนดีกันได้.. :m13:
 :give2:ต่อไปขอให้เจอแต่เรื่องดีๆน๊า..
 :impress:ขอบคุณคนโพสด้วยนะครับ..แล้วมาบ่อยๆนะ(ถ้าว่าง).. :impress:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 06-10-2007 10:33:17
กำลังมีความสุขแบบนี้คนอ่านต้องรีบตักตวงนะ เด๋วก็คงจะเข้าโหมดเศร้าแล้ว  :m15: ใช่ปะ  :impress:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 06-10-2007 17:51:22
น้ำตาจะไหล
ดีใจแทน
ถ้าเป็นผม ผมก็คงให้โอกาสวุธเหมือนกัน

ในเมื่อเราเองก็ปฏิเสธความรู้สึกตัวเองไม่ได้
..........
 :เฮ้อ:
แต่ความสุขก็มักอยู่ได้ไม่นาน
ติดตามต่อไปครับ
 :a2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 06-10-2007 21:14:46
หวานจัดดดดด เลยอดไม่ได้ ต่อให้อีกอ่ะ....  o18
=============================================
11 Vision Of Love

.....ผ่านพ้นอีกหนึ่งคืน ที่หวุดหวิดจะเสียซิง อย่างที่บอกว่าผมยังไม่เต็มร้อยกับวุธ ยังกลัวต้องเสียใจ กลัวว่าขนาดยังไม่เคยมีอะไรกับมัน ผมยังต้องใช้เวลานานมากในการรักษาแผลใจ.....ถ้าได้ลองมีอะไรเกินเลยกว่านี้ ไม่อยากจะคิดว่าผมจะรับได้หรือไม่ เวลาที่มันทำผมเจ็บอีก.....คิดซะว่า เสียใจอย่างเดียวดีกว่า อย่าต้องให้เสียตัวด้วยเลย Sex ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผม ไม่สำคัญถึงขนาดที่ขาดไม่ได้ ผมอยากให้แน่ใจอีกนิด และคิดได้ประมาณว่า กูจะไม่เสียใจเลยที่มีอะไรกับมึง กูจะไม่เสียใจที่ได้รักมึง กูจะไม่เสียใจเลยที่มึงทิ้งกู เพราะมันจะเป็นครั้งหนึ่ง และอาจจะเป็นครั้งเดียวในชีวิต ที่ผมได้เจอรักแท้ ผมเคยมีเซ็กส์ที่มาจากความรักจริง ๆ ไม่ใช่แค่ความใคร่ ปล่อยให้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ให้เซ็กส์เป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่งละกัน.....
.....บอกตรง ๆ ว่าผมก็ปั่นป่วนไม่น้อย ไอ้วุธมันกล้าทำอะไรที่ผมคิดไม่ถึงมากขึ้น นึกจะหอมก็หอม นึกจะกอดก็กอด ตอนนอนด้วยกันบนเตียง ที่มีตั้งกว้าง ดันมานอนเบียดกับผม.....ถ้ามันไม่เคยทำผมเจ็บมาก่อน คืนนั้นผมอาจจะไม่รอดก็ได้...วุธจูเนียร์เดี๋ยวหลับเดี๋ยวตื่น ผมต้องนอนนิ่งไม่ให้สะโพกไปโดนมันมากกว่านี้ แต่ยิ่งนิ่ง มันก็ยังเบียด จนผมรู้สึกว่ามันอุ่นจนร้อนเลยแหละ.....ยังไม่รวมกับลมหายใจแรง ๆ และเสียงถอนใจเป็นระยะ ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันไปถามว่ามันเป็นอะไร.....สุดท้ายมันก็หลับไปในท่าที่สบายที่สุด แต่ผมต้องอึดอัดกับแขน ขายาว ๆ ของมันที่พาดบนตัวผมเหมือนผมเป็นหมอนข้าง และยิ่งทำให้น้องชายมันแนบติดกับสะโพกผมยิ่งขึ้น.....ถึงจะอึดอัดแค่ไหนก็เถอะ แต่มีความสุขชะมัด ขนาดว่าตื่นขึ้นมาตอนดึก ๆ หันไปเห็นไอ้วุธนอนหลับตาพริ้ม ยังคิดว่านี่เป็นเพียงแค่ความฝันเลย.....
“...มีเรียนกี่โมง...” ผมถามวุธทันทีที่เห็นมันเดินเข้ามาในครัว
“...9 โมง...นี่ต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก” มันเสยผมเปียก ๆ ให้พ้นจากหน้าผากที่มีคราบแป้งเด็ก นี่คงทาแป้งตอนที่หน้ายังไม่แห้งอ่ะดิ
“...กินอะไรก่อนดิ...” ผมเลื่อนถุงปาท่องโก๋ และน้ำเต้าหู้ที่เทลงถ้วยเรียบร้อยแล้วให้มัน
“...ขอบคุณครับ...” อู๊ยยยย ไม่ต้องทำตาเยิ้มอย่างนั้นก็ได้
“...ขอบคุณน้องเราโน่น มันขี่รถไปซื้อมาให้....” ผมพูดแก้เขิน จริง ๆ แล้วผมนี่แหละสั่งให้มันไปซื้อ ถ้าผมไปตลาดเองรับรองได้ว่าเข้าคลาสสายแน่ ๆ วันนี้
“...เลิกกี่โมงอ่ะ...” มันถามผมหลังจากกระดกน้ำเต้าหู้จนหมด
“...3 โมงครึ่ง...”
“...โอเค...รอนะเดี๋ยวไปรับ...” มันลุกเตรียมเดินออกไป
“...ไม่ต้อง...” ผมห้าม
“...ทำไมอ่ะ...” มันหยุด หันมามองผมคิ้วขมวด
“...ไกล เปลืองน้ำมัน...” มหาลัยของผมกับของมันอยู่คนละทางกันเลย
“...โห...” มันอ้าปากจะเถียง ผมรีบพูดแทรกซะก่อน
“...มาเจอกันที่บ้านนี่แหละ...วันนี้รีบกลับ ไม่ได้ไปเที่ยวไหนต่อ...” ใครชวนก็ไม่ไปหรอกวันนี้อ่ะ
“...ได้ครับ...” มันยิ้มออก โบกมือให้ผม
“...เดี๋ยว...” วุธมองผมงง ๆ “รอแป๊บนึง...ออกไปด้วยกันนะ” ผมวิ่งขึ้นห้องไปแปรงฟันอีกรอบ สำรวจเสื้อผ้า หน้า ผม โอเค ไปเรียนได้.....ไอ้วุธขำ ที่เห็นผมวิ่งวุ่น ตรวจตราประตู หน้าต่าง แก็ส ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอีกสักพักพี่ที่ทำความสะอาดก็ต้องเข้ามา แต่มันเป็นความเคยตัวแล้วนี่นา
.....ผมขับรถไปส่งมันที่บ้าน คิดในใจว่ามันจะไปเรียนทันเหรอ นี่ก็เกือบ 8 โมงแล้ว เมื่อคืนก่อนนอนมันก็เล่าเรื่องเรียนให้ฟังว่า ยากมาก งานเยอะ ไอ้ที่เคยเรียนมาตอน ปวช. ก็แทบช่วยอะไรไม่ได้ เหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ เป็นปัญหาใหญ่ของเด็กอาชีวะทุกคนที่เข้าไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยสมัยนั้น....
“...ขอบคุณครับ...เย็นนี้เจอกัน...” สงสัยอีออยมันสอนมาดี พูดเพราะเชียว แต่ก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้
“...วุธ...” ผมเรียก มันชะงักขณะกำลังเปิดประตู
“...จ๋า...” ชอบจริง ๆ ผู้ชายที่พูดจ๊ะ ๆ จ๋า ๆ เนี่ย ผมเอื้อมมือไปเกลี่ยรอยแป้งเด็กที่มันทาไว้เป็นคราบ
“...ที่หลังรอให้หน้าแห้งก่อน แล้วค่อยทาแป้งนะ...” มันพยักหน้าหงึก ๆ “...ส่วนผมเนี่ย...ถ้ามีเวลาก็เป่าหน่อย ใช้พัดลมก็ได้....” ผมเอามือปัดผมมันให้เข้าที่เข้าทาง
“...ถ้าเราหล่อกว่านี้แล้วเอ้จะมีคู่แข่งเยอะนะ...” มันล้อผม กุมมือผมไว้ตรงอก
“...ไม่กลัวหรอก...” ผมพูดเชิด ๆ “...ไปได้แล้ว เดี๋ยวสายกันทั้งคู่...” ผมดึงมือกลับ
“...ครับ...” มันทำท่าเหมือนจะลง แต่ขณะที่ผมมองมันอยู่ไม่ได้ระวัง มันดันเสือกชะโงกหน้ามาหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ อายชิบหาย ดีนะว่ารถติดฟิล์มสีเข้ม และตรงนั้นไม่มีคนเดินผ่าน ไอ้วุธยิ้มที่ทำให้ผมหน้าแดง ก่อนลงมันโบกมือให้แล้ววิ่งเข้าซอยบ้านไป
.....ทันทีที่เดินเข้าซุ้ม ผมก็โดนเพื่อน ๆ แซวว่าเดินยิ้มแฉ่ง หน้าตามีความสุข เหมือนคนกำลังมีความรัก.....นี่ผมแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่เห็นรู้ตัวเลย ผมว่าผมก็เดินหน้ามาหน้าเฉย ๆ หรือว่าตาผมมันพูดได้อย่างที่ไอ้วุธมันบอกนะ ขณะเดินผ่านโต๊ะกลุ่มอีแอ็บ ผมสังเกตุเห็นโมทย์มองหน้าผมแปลก ๆ....จะว่าเพื่อน ๆ รู้เรื่องไอ้วุธก็ไม่น่าจะใช่ เพราะอีกุ้งรับปากกับผมแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ มันจะให้ผมเป็นคนบอกเพื่อนทุกคนเอง.....
“...ทำไมคืนวันเสาร์ไม่ไปด้วยกันอ่ะ...” ผมหันไปมองโมทย์ทางกระจกในห้องน้ำ ขณะที่ผมกำลังล้างไม้ล้างมือเตรียมขึ้นห้องเรียน นึกสงสัยว่าทำไมวันนี้มันพูดไม่เพราะเลย ทุกทีจะต้องลงท้ายมีครับทุกคำ
“...มีธุระนิดหน่อย...” ผมตอบเลี่ยง ๆ
“...คนนั้นน่ะ แฟนเหรอ...” อยู่ดี ๆ มันก็ถามขึ้นมา
“...คนไหนวะ...” ผมพึมพำเบา ๆ ในใจตอนนั้นคิดถึงแต่ไอ้วุธไงครับ
“...คนที่มาด้วยกันอ่ะ...”
“...อ่อ...เพื่อน...ไม่ใช่แฟน...” นึกว่าใคร ไอ้โยนี่เอง ผมหัวเราะออกมา
“...แต่ก่อนไม่เห็นหน้าตามีความสุขอย่างนี้เลยนี่...” ผมชะงักเมื่อโมทย์พูดจบ มองตัวเองในกระจก เออ จริงด้วย ไม่มีแววตาเศร้า ๆ ไม่มีรอยช้ำใต้ตา ตาเงี้ยเป็นประกายเชียว
“...ได้นอนเต็มที่มั้ง...” ผมแก้ตัว
“...นอนกับใครล่ะ...” ผมขมวดคิ้ว เริ่มไม่พอใจ ถึงมันจะหล่อ ถึงผมจะเคยปิ๊งมันก็เหอะ แต่นี่มันเรื่องส่วนตัวของผม แล้วมันมายุ่งอะไรด้วยวะ
“...โอ๊ย...หลายคน...1...2...3...” ผมแกล้งทำเป็นตลก นับนิ้วตัวเอง
“...เอ้...เลิกเรียนแล้วไปไหนหรือเปล่าครับ...” มันขัดจังหวะผม
“...ไม่ไป...” ก็ไม่ได้ไปจริง ๆ นี่ นัดไอ้วุธไว้ เผลอยิ้มกับตัวเองอีกแล้ว
“...ไป XXXXX กันมั๊ย...” มันพูดถึงห้างใกล้ ๆ มหาลัย
“...ไปไม่ได้...” ผมปฏิเสธหลังจากที่อึ้งไปนิดนึง
“...อ้าว...ก็ไม่ได้ไปไหนไม่ใช่เหรอ...”
“...ก็...ก็...ต้องรีบกลับบ้าน...” บอกความจริงละกันวะ
“...รีบกลับไปทำอะไรล่ะ...มีคนรออยู่รึไง...” ชักเริ่มโมโหแล้วนะ เสียดายความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้มันจริง ๆ
“...โมทย์...เป็นอะไรเนี่ย...เราว่าโมทย์ดูแปลก ๆ ไปนะ...” ผมพยายามข่มอารมณ์
“...เรามีเรื่องจะคุยด้วย...”
“...ก็พูดมาดิ...” ผมหลบตามัน ตอนนี้มันไม่ใส่แว่นแล้ว น่ารักมาก ๆ
“...เราต้องการพูดในที่ที่เป็นส่วนตัว...”
“...ก็นี่ไง...ในห้องน้ำ...ไม่เป็นส่วนตัวเหรอ...” ผมขำ
“...โมทย์...” อีแอ๊บนี่มันมาได้จังหวะดีจริง ๆ คิ้วมันแทบจะชนกันเมื่อเห็นผมอยู่กับโมทย์ตามลำพัง มันมองผมที มองโมทย์ที แอบค้อนผมด้วยนะ “...ทำไมเข้าห้องน้ำนานจังอ่ะ...” มันถามเสียงไม่พอใจ
“...กำลังจะออกไปแล้ว...” โมทย์ถอนหายใจแล้วเดินออกไปเลย ทิ้งให้อีแอ๊บมองผมอย่างสงสัย
“...ฝากบอกโมทย์ด้วยนะว่า...เอาไว้วันหลังละกัน...” ผมวางระเบิดตูม อีแอ๊บตาโต แต่ยังเก็กได้อยู่
“...วันหลังอะไร...” มันกระชากเสียงถามผม
“...ไปถามโมทย์เองละกัน...” ผมยิ้มนิด ๆ แล้วเดินเฉียดไหล่มันออกจากห้องน้ำ
.....ตอนพักเที่ยง หัวข้อในการเม้าธ์กันวันนี้คือ เรื่องฝนดาวหาง ที่กำลังเป็นที่พูดถึงมากในช่วงนั้น และอีก 5 วันก็จะเกิดปรากฎการณ์นี้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย....ตอนแรกที่ได้ดูข่าวในทีวี ได้อ่านในหนังสือพิมพ์ก็ยังเฉย ๆ นะครับ แต่พอเอาเรื่องนี้มาคุยกัน สงสัยพวกผมคุยกันเสียงดังมากไปหน่อย เพราะไม่ใช่แค่กลุ่มผมกลุ่มเดียวที่มากินกันที่นี่...มากินกันทั้งสาขา เรียกว่าโซนนี้เป็นของการตลาดเลยครับ...พวกเราเดินไปเดินมา สามารถกินข้าวกินขนมได้ทุกโต๊ะ....พวกเราสาขาการตลาดตั้งแต่ปี 1 - 4 ตอนแรกตกลงจะรวมตัวแห่กันไปดู แต่ยังไม่ทันได้นัดอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราว โปรแกรมนี้ก็ต้องล่ม เนื่องจากมากคนมากความ สรุปแล้ว ไปแน่ แต่แยกกันไป ใครอยากไปกับใครก็ตามใจ....
.....หลังจากนั้นผมก็เป็นหนึ่งในหัวข้อที่เพื่อน ๆ แซวกันด้วย เรื่องไอ้โยนั่นแหละ พวกเค้าคิดว่าเห็นผมนิ่ง ๆ ไม่สนใจใคร ที่แท้เพราะมีตัวจริงซะแล้ว...ทุกคนเห็นว่าเรื่องผู้ชายชอบผู้ชายเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครว่าอะไร แม้แต่เรื่องพี่ก้องกับกุ้ง พวกเค้าก็เห็นด้วย ไม่มีแอนตี้ ทำให้สองคนนั่นคบกันอย่างสบายใจ และอาจจะเป็นเพราะว่าอีกุ้งมันน่ารัก นิสัยดีด้วยมั้งครับ เลยไม่มีคนคิดอิจฉา หรือหมั่นไส้.....แต่ไม่แน่นะ ไม่รู้สิ เวลาเห็นสายตาอีแอ็บแล้วรู้สึกยังไงไม่รู้ ยิ่งตอนที่พวกเพื่อน ๆ แซวเรื่องผมกับโย ผมหันไปเห็นมันกำลังมองมาด้วยสายตาแปลก ๆ ต่างจากโมทย์ที่นั่งหน้าบึ้งเขี่ยข้าวเล่นเหมือนเด็ก ๆ
..... สังคมมหาลัยนี่เป็นสังคมที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าตอนเรียนพาณิชย์จริง ๆ และแม้ว่าจะเทียบได้กับเด็ก ปวส. แต่สภาพแวดล้อมต่างกันลิบลับเลยครับ นี่ถ้าผมตัดสินใจเรียน ปวส. ต่อ ผมคงไม่ได้สนุกอย่างนี้แน่ ๆ ผมไม่ได้หมายความว่าเรียน ปวส. ไม่ดีนะครับ คนที่มองสังคมมหาลัยไม่ดีก็มีเยอะ ของอย่างนี้มันอยู่ที่ตัวคนด้วยมากกว่า.....

“...ตกลงไปไหนกันดีวะ...” อีเต็มกระตือรือร้น เรื่องเที่ยวอีนี่ไม่เคยพลาด
“...ไปเขาใหญ่ดิ...” อีนันออกความเห็น
“...ไปพัทยาดีกว่า...ไม่ไกลด้วย...ไปตั้งแต่เย็น เล่นน้ำ กินซีฟู้ด นอนดูดาว โอ๊ย...โรแมนติก...” อีกุ้งเพ้อ
“...ดูที่บ้านก็ได้นี่นา...” ผมพูดจบปุ๊บอีพวกนั้นหันมามองผมเหมืนอผมไปด่าพ่อมัน
“...อีเอ้...นี่มึงจะไม่กระดิกตูดไปไหนเลยเหรอวะ...” อีเต็มกัด
“...เฮ้ย...มึงจะไหวกันเหรอ...ไปเย็น...จะได้เห็นดาวกี่โมงยังไม่รู้เลย...จะได้นอนหรือเปล่า...ตอนเช้าต้องรีบตีรถกลับมาเรียนต่ออีก...ใครจะหอยเหล็กอย่างมึงล่ะ....”
“...จริงของอีเอ้มันว่ะ...” อีนันเห็นด้วย
“...นาน ๆ ทีอีเอ้ มันไม่ได้มีมาให้เห็นบ่อย ๆ นะโว้ย...” อีกุ้งจูงใจ
“...อีกุ้ง...พูดยังกับว่ามึงจะไปกับพวกกู...พี่ก้องเค้าไม่ปล่อยมีงมาหรอก...”
“...แหม...เราก็ต่างคนต่างไป แล้วค่อยรวมตัวกันอีกทีไง...”
“...เออ ๆ ไปก็ไปวะ...” ผมตัดสินใจไปด้วยเหตุผลว่า นาน ๆ ครั้ง และตั้งใจจะชวนวุธไปด้วย เผื่อจะผลัดกันขับรถกลับ
“...ที่ไหนล่ะ...”
“...อีกตั้งหลายวัน...ค่อย ๆ คิดดีกว่า...”

.....บ่ายสามโมงครึ่งปุ๊บ อาจารย์ยังไม่ทันเดินออกจากห้อง ผมเร่งอีพวกนั้นให้เก็บของเร็ว ๆ ผมต้องรีบกลับบ้าน พวกมันดันแกล้งผมค่อย ๆ หยิบ ค่อย ๆ จับ ผมก็เลยกวาดสมบัติมันยัดใส่กระเป๋าทีละคน.....ยังไม่ทันยกขบวนเดินออกจากห้อง เพจที่ผมเพิ่งเปิดเสียงหลังจากอาจารย์ปล่อยก็ดังขึ้น.....ผมกดอ่าน ไอ้วุธส่งข้อความมา ผมอ่านไปยี้มไป เพื่อนผมก็กรี๊ดกร๊าดแซวกันเป็นที่สนุกสนาน ผมมองไปที่กลุ่มโมทย์กับอีแอ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกมันมองผมด้วยสายตาแบบเดียวที่ผมเห็นเมื่อกลางวันอีกแล้ว.....
.....กลับถึงบ้านเร็วกว่าทุกวัน เพราะตรงดิ่งมาเลย จอดส่งอีพวกนั้นตามทางประจำที่มันเคยลง อีกหน่อยอีเต็มก็จะขับรถมาเรียนแล้วเหมือนกัน ได้ข่าวว่าตอนนี้กำลังเรียนขับรถอยู่.....ผมขี่จักรยานออกไปตลาดเพื่อหาของกินไว้รอวุธ นึกได้ว่าวันนี้มีตลาดนัด คงได้อะไรอร่อย ๆ แปลก ๆ มาให้มันกิน.....ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่าตื่นเต้นที่เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ของกินเยอะมาก หิ้วถุงพะรุงพะรัง ไอ้นี่ก็อยากกิน ไอ้นั่นก็ท่าทางจะอร่อย เพลินครับ ไม่ได้เดินตลาดนัดนานแล้ว ไม่ชอบคนเยอะ แต่วันนี้เดินวนตั้งแต่หัวถนนยันท้ายถนน เดินวนไปวนมา ไม่เหนื่อยเลยแฮะ.....
“...ซื้ออะไรเยอะแยะเลยอ่ะ...” ไอ้วุธนั่งรออยู่ในรถเพราะเข้าบ้านผมไม่ได้ มันกุลีกุจอเดินออกมารับผมที่ขี่จักรยานเป๋ไปเป๋มา เพราะว่าของหนักมาก แขวนไว้เต็มแฮนด์สองข้าง ในตระกร้าข้างหน้าก็ยังมีอีก
“...มานานยัง...” ผมพูดปนหอบ
“...เมื่อกี้นี้เอง...เราก็ซื้อของมากินเหมือนกัน...” วุธเดินไปเปิดรถหยิบถุงอาหารออกมากองรวมไว้กับของผมบนโต๊ะในครัว
“...โห...แล้วจะกินกันยังไงให้หมดวะ...” ผมกับวุธมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
“...หมดดิ...แต่ก่อนอื่น...ต้องทำให้หิวมาก ๆ ก่อน...” มันถอดเสื้อนักศึกษาออกต่อหน้าผม กลางวันแสก ๆ ตัวมันมีเหงื่อซึมออกมานิด ๆ เซ็กซี่ชิบหาย
“...จะทำอะไรอ่ะ...” ผมขยับหนี
“...ผมไม่หื่นกามขนาดนั้นหรอกคุณ...” มันหัวเราะผม “...ขอยืมกางเกงขาสั้นหน่อยนะ...” มันเดินขึ้นไปบนห้องผมโดยไม่รอผมอนุญาต
.....ผมหันไปสนใจกับกองอาหารต่อ คิดว่าจะกินอะไรก่อนหลัง เพราะยังไงก็กินไม่หมดแน่ ๆ อะไรที่มันเสียง่ายก็กินก่อนละกัน.....ทำทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อย นึกได้ว่าไอ้วุธมันหายไปไหน เดินขึ้นไปบนห้องก็ไม่มี....มองลงมาจากระเบียงถึงได้เห็นว่ามันกำลังล้างรถอยู่ เออ เนอะ ได้ยินมันพูดหลายทีแล้วว่าอยากล้างรถที่บ้านผม เพราะบ้านผมมีพื้นที่พอที่จะล้างได้อย่างสะอาดเอี่ยม มีปั๊มน้ำ มีหัวฉีดแรงดัน จริง ๆ แล้วพ่อผมซื้อเอาไว้รดน้ำต้นไม้เพราะมันปรับทิสทางน้ำได้หลายแบบ ปรับให้กระจายเป็นฝอยก็ได้.....
ดูมันมีความสุขมาก ฉีดน้ำซะเปียกกระจายเป็นวงกว้าง ดีนะที่ผมจอดรถไว้อีกด้าน ไม่งั้นคงต้องเปียกไปด้วย แล้วน้องหมาของผมก็คงอยากเล่นด้วย วิ่งวนรอบตัวได้วุธ พอมันโดนไอ้วุธฉีดที ก็วิ่งหนีที....สภาพไอ้วุธตอนนี้ก็...อืม...ถอดเสื้อโชว์กล้ามที่เกิดเองตามธรรมชาติ ไม่ได้มีการเข้าฟิตเนสอย่างทุกวันนี้...เอากางเกงขาสั้นเก่า ๆ ของผมมาใส่ พอกางเกงยางยืดโดนน้ำหนัก ๆ เข้ามันก็ร่นลงจนเห็นขอบกางเกงใน ขนหน้าท้อง ขนหน้าแข้งเปียกลู่แนบเนื้อตัดกับผิวขาว ๆ ของมัน.....
“...ที่บ้านน้ำไม่ไหลเหรอ...” ผมแซวมัน
“...ไหล...แต่ไม่อยากล้าง...เปลืองน้ำ...โอเคปะ” วุธหันมาพูดขำ ๆ ผมก้มลงพับขากางเกง เดินเข้าไปหยิบถังน้ำยาล้างรถ ช่วยมันเช็ด ๆ ถู ๆ
“...ไม่ต้องหรอกเอ้...เลอะเทอะ...” มันห้ามพร้อมปีนขึ้นไปบนกระบะเพื่อล้างหลังคา
“...จะได้เสร็จเร็ว ๆ ไง...”
“...หิวแล้วเหรอ...”
“...เปล่า...จะได้ให้อาบน้ำหมาต่อด้วย ไหน ๆ ก็เปียกแล้วนี่...”
“...โห...ใช้เลยนะ...” มันทำหน้างอ ผมทำเชิด ไอ้วุธมันก็เลยเอาที่ฉีดน้ำฉีดผม
“...เฮ้ย...” ผมร้องเสียงดัง ตะปบกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง
“...มีของในกระเป๋าเหรอ...” ไอ้วุธหน้าเหวอ
“...ไม่มี...” ผมแลบลิ้นล้อมัน เท่านั้นแหละ ผมโดนฉีดน้ำอีกที คราวนี้โดนเต็ม ๆ เปียกไปทั้งตัว รู้อย่างนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ผมตะกายปีนขึ้นไปแย่งที่ฉีดน้ำบนกระบะ แต่ไม่กล้ารุนแรงมากนัก ลื่นด้วย พื้นที่ก็น้อย ไม่น่าขึ้นไปเลย ผมแอบโดนมันลวนลามตั้งหลายที เดี๋ยวกอด เดี๋ยวหอม จะดิ้นก็กลัวตกรถ....โชคดีที่น้องผมยังไม่กลับบ้าน เพื่อนบ้านก็คงมองไม่เห็นเพราะต้นไม้บังอยู่
.....เป็นการล้างรถที่สนุกที่สุด ปกติผมไม่เคยล้างเองด้วยซ้ำ ขนาดพ่อแม่ใช้ ผมยังอิดออด มันดูเหมือนเป็นงานที่หนักหนามากสำหรับผม....แต่วันนี้ มือซีด ปากซีด ผมยังมีอารมณ์อาบน้ำน้องหมาของผมต่อ เช็ดตัวอะไรเรียบร้อย ต่อไปคนต้องจัดการตัวเองแล้ว....เรามองหน้ากันแล้วหัวเราะ ไม่รู้จะหาทางเข้าบ้านยังไง ตัวเปียกไปหมด น้ำหยดติ๋ง ๆ ลืมเอาผ้าเช็ดตัวมาไว้ข้างนอกด้วย....แต่เปียกได้ก็แห้งได้ เดี๋ยวค่อยมาตามเช็ดเอาก็ได้ ผมบอกกับวุธให้รีบวิ่งขึ้นไปบนห้องผมพร้อมกันพื้นจะได้ไม่เปียกมาก...เรานับ 1 ถึง 3 ไอ้วุธจับมือผมวิ่งจู๊ดเลยครับ ผ่านมาได้ด้วยดี แต่อีตอนตีโค้งเลี้ยวเข้าห้องผมนี่สิครับ ปกติพื้นมันก็ลื่นอยู่แล้ว แถมตอนนี้เปียกอีก ผมเสียหลักลื่นโชคดีมากที่ไอ้วุธมันจับมือผมอยู่ มันดึงขึ้นมาทันที ทำให้ตัวผมกับมันแนบชิดกันแทบกลายเป็นคนเดียวกัน.....หน้าเราสองคนห่างกันไม่ถึงคืบ หยดน้ำใส ๆ เกาะที่จมูกโด่ง ๆ ของมัน ผมมัวแต่มองตามันเพลินไปหน่อย...หน้ามันเข้ามาใกล้ผมเรื่อย ๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ปากมันประกบกับปากผมเรียบร้อยแล้ว เหมือนไฟฟ้าช็อต ตัวชา ขาอ่อนเลยครับ.....สติผมกลับมาเมื่อรู้สึกว่ามือเย็น ๆ ของมันลูบอยู่บริเวณหน้าท้องผม แล้วเสื้อกูไปไหนล่ะ ผมดันตัวมันออก โห...กระดุมหลุดไปจนเกือบหมดแผง....
“...อาบน้ำเหอะ เดี๋ยวไม่สบาย...” ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ ทั้ง ๆ ที่ใจยังสั่นไม่หาย
“...อาบพร้อมกันมั๊ย...” มันพูดขำ ๆ แล้วเดินเข้าห้องผม
“...เฮ้ย...ทำอะไรอ่ะ...” ผมโวยวาย ไอ้วุธมันถอดกางเกงลงเหลือแต่กางเกงในสีขาวบาง ๆ
“...โห...ทำเป็นไม่เคยเห็นไปได้...” มันรู้ว่าผมอายก็ยังจะแกล้งอีก กูไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะโว้ย เดี๋ยวก็งาบซะนี่ ยั่วจังโว้ย
“...อุบาทว์ว่ะ เข้าไปถอดในห้องน้ำเลย” ผมหันหลัง เปิดตู้ เตรียมผ้าขนหนู เสื้อผ้าไว้ให้ไอ้วุธ ส่วนตัวเอง หอบเสื้อผ้าเก่า ๆ เข้าไปเปลี่ยนที่ห้องแม่ แล้วลงไปเช็ดน้ำที่หยดตามทางเดินให้เรียบร้อยก่อนน้องชายจะกลับ
.....อาหารเย็นมื้อนั้นนำบรรยากาศเก่า ๆ กลับมาในชีวิตผม ต่างกันก็แค่วันนี้ไม่มีพ่อแม่ และน้องชายผมร่วมโต๊ะด้วย เรานั่งกินข้าว และคุยกันถึงเรื่องที่ผมจะไปดูฝนดาวตก ยังไม่ทันจะชวน มันก็เสนอตัวขอไปด้วย....แกล้งเล่นตัวนิดนึง แต่ก็ตกลงยอมให้มันไปนั่นแหละ.....
“...กลับบ้านดี ๆ นะ...” ผมมพูดประโยคเดิม อย่างที่เมื่อก่อนเคยพูดทุกวันเวลาที่มันนั่งอยู่ในรถ และเปิดหน้าต่างมาคุยกับผม โอ้เอ้ ไม่อยากกลับบ้าน หลังจบประโยคนั้น วุธสบตาผมนิ่ง
“...เราคิดถึงคำ ๆ นี้มากเลยรู้มั๊ย...” วุธพูดเสียงจริงจัง
“...งั้นเปลี่ยนดีกว่า...Drive Carefully นะ...” ผมพูดแก้เขิน มันหัวเราะเบา ๆ ผมหันหลังกลับเข้าบ้าน
“...เอ้...” เสียงวุธเรียกดังมาจากข้างหลัง
“...ลืมอะไรอีกล่ะ...” ผมหันไอ้วุธก้าวยาว ๆ มาถึงตัวผมแล้ว
“...ลืมคืนให้...” วุธจับมือข้างซ้ายผม แล้วเอาแหวนรุ่นมาใส่ให้ที่นิ้วนาง มันยังคงเป็นวงเดิม ไซส์เดิม ใส่ได้พอดีเป๊ะ
“...ขอบคุณ...” ผมไม่รู้จะพูดอะไร ไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธ ไม่รับแหวนวงนี้ และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่มันเขินผม เดินยิ้มขึ้นรถไปเลย
Treated me kind
Sweet destiny
Carried me through desperation
To the one that was waiting for me
It took so long
Still I believed
Somehow the one that I needed
Would find me eventually
I had a vision of love
And it was all that you've given to me
Prayed through the nights
Felt so alone
Suffered from alienation
Carried the weight on my own
Had to be strong
So I believed
And now I know I've succeded
In finding the place I conceived
I had a vision of love
And it was all that you've given to me
I had a vision of love
And it was all that you've given me
I've realized a dream
And I visualized
The love that came to be
Feel so alive
I'm so thankful that I've received
The answer that heaven
Has sent down to me
You treated me kind
Sweet destiny
And I'll be eternally grateful
Holding you so close to me
Prayed through the nights
So faithfully
Knowing the one that I needed
Would find me eventually
I had a vision of love
And it was all that you've given to me
I had a vision of love
And it was all that you
Turned out to be
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: JaeTae ที่ 06-10-2007 23:03:22


   หวาน ซะ อิจฉามักๆ :m12: :m4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 07-10-2007 00:23:01
ซึ้งมากเลยอ่ะคับตอนที่วุธบอก นึกถึงคำเหล่านี้มากๆ

โอ๊ยยย ฟามรัก เทนั้นแหละฟามรัก

รักๆๆๆๆๆนิยายเรื่องนี้

มาต่ออีกนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 07-10-2007 01:26:42
ซึ้งๆๆๆๆๆๆๆอ่ะ หวานด้วย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 07-10-2007 01:33:09
อ่ะ เอาใจคนอยู่ดึก เดี๋ยวต่อให้อีกท่อนนนนนน  ช่วงโปรโมชั่นนนน  :m4:
=========================================================
12 Wishing on the stars

.....ในที่สุดก็ถึงวันที่พวกผมรอคอย เย็นนี้ก็จะเดินทางไปกันอยู่แล้ว ยังตกลงกันไม่ได้เลยว่าจะไปดูฝนดาวตกที่ไหน.....ไอ้ผมน่ะ ยังไงก็ได้ มีหน้าที่เป็นคนขับรถให้อีพวกคุณนายที่กำลังเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียด....แต่เรื่องที่ผมกังวลกลับเป็นเรื่องไอ้วุธ ก็ตอนแรกผมชวนมันไปดูดาวด้วยกัน ไปช่วยผมขับรถ เพราะนี่จะเป็นการขับรถออกต่างจังหวัดครั้งแรกของผม แถมยังเป็นตอนกลางคืนอีก...วุธรับคำชวนโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยครับ.....
.....แต่สุดท้ายผมก็ไม่ยอมให้มันไปด้วยเมื่อวันก่อนที่ผมจะเดินทาง เนื่องจากมันไม่สบาย ตัวร้อนจี๋ ให้ไปหาหมอก็ไม่ยอม บอกว่ากินยาแล้วนอนพักเดี๋ยวก็หาย....ผมขู่มันว่าถ้าไม่หาย โปรแกรมวันรุ่งขึ้นเป็นอันยกเลิก ผมจะไปกับพวกเพื่อนผมตามลำพัง....เย็นนั้นวุธกลับบ้านเร็วกว่าทุกวัน ก่อนนอนมันโทรมาหาผม รบเร้าจะไปให้ได้ ผมก็ยังยืนยันคำเดิม.....รู้สึกผิดจังเลยเลยครับ ผมยอมรับ ตอนนั้นผมยังไม่อยากให้มันหายหรอก เพราะผมยังไม่อยากให้มันเจอกับอีเต็ม และผมเพิ่งจะรู้เย็นนั้นว่า ที่ต้องมาเจอกับเพื่อนผมวันนี้ ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มผมเท่านั้นนะครับ กลุ่มอื่น ๆ ก็จะเดินทางไปด้วยกัน ประมาณว่าขับตามกันไปไม่น่าจะต่ำกว่า 5-6 คัน แถมจะมีรุ่นพี่ไปแจมกันอีกหลายคน ถ้าสถานที่ที่ผมไปน่าสนใจ.....
.....เช้าวันนั้นพอผมตื่นปุ๊บ สิ่งแรกที่ผมทำคือโทรไปหาไอ้วุธ เป็นห่วงมันด้วย และที่สำคัญลุ้นอยู่ว่ามันจะหายทันมั๊ย....ทันทีที่รับสาย ผมได้ยินเสียงมัน ใจนึงโล่งอก มันยังไม่หาย วันนี้มันไปไม่ได้แน่ ๆ อีกใจนึงก็เป็นห่วงมัน ไม่อยากไปกับเพื่อนซะแล้ว อยากอยู่กรุงเทพฯ ดูแลมันมากกว่า แต่จะเสียคำพูดกับเพื่อนก็ไม่ได้.....ผมบอกมันว่าเย็นนี้ไม่ต้องไปแล้ว ให้พักผ่อนอยู่กับบ้าน มันก็ไม่ยอมบอกว่ามันหายดีแล้ว ฟังเสียงอู้อี้ขึ้นจมูกของมันแล้ว ผมก็รู้ว่ามันฝืนทำเสียงให้ร่าเริงเป็นปกติ.....ยังไงผมก็ไม่ยอมให้มันไปหรอก จะเอามันไปลำบากกับผมทำไม ผมหาเหตุผลมาหว่านล้อม จนมันต้องอือออ ฟังจากเสียงมันไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก แต่ขัดผมไม่ได้.....
.....เลิกเรียนแล้ว ขณะที่พวกผมนั่งเม้าธ์กันอยู่ในซุ้ม อีพวกนั้นมันเผาผมให้คนอื่นฟังว่าผมเตรียมของเยอะมากเหมือนจะไปค้างคืนซัก 2 คืน ผมเถียงไม่ออกเลยครับ ก็ตอนที่พวกมันเอาสมบัติมันไปเก็บที่กระโปรงหลังรถผมมันเห็นกระเป๋า ตะกร้าใส่ขนมและสัมภาระอย่างอื่นอีกเพียบ อีเต็มขำก๊าก พาคนอื่นหัวเราะผมไปด้วย คิดในใจว่า ถ้ามึงขาดเหลืออะไรอย่ามาขอกูชียวนะ เผลอหันไปคุยกับอีนันแป๊บเดียว เสียงอีเต็มก็ดังทะลวงบทสนทนา ผมหันไปตามเสียง อะไรยังไงเนี่ย ไอ้วุธเดินตรงดิ่งเข้ามา หน้าแดง ไม่รู้ว่าแดงเพราะอากาศร้อน หรือพิษไข้

“...เฮ้ย...My soul mate...” อีเต็มทึกทักเอาเอง
“...หวัดดีครับเต็ม...” วุธทักทาย
“...จำชื่อเราได้ด้วย...” อีเต็มเขินบิดไปบิดมา ไอ้วุธจำไม่ได้หรอก กูนี่แหละเล่าเรื่องมึงให้ไอ้วุธมันฟัง ผมคิดในใจ
“...มาหาเต็มเหรอ...” อีนันถาม ไอ้วุธทำหน้าไม่ถูก
“...เอ่อ...เอ่อ...”
“...วุธเค้าจะไปดูดาวกับพวกเราอ่ะ...” ผมชี้แจง
“...หา...” เต็มกับอีนันแหกปาก ตอนแรกคนก็มองไอ้วุธอย่างสงสัยอยู่แล้ว เสียงพวกมันทำให้คนอื่นในซุ้มให้ความสนใจ ผู้ชายผมยาว สูง ขาว ใส่เสื้อช้อปสีเข้ม ปักตรามหาวิทยาลัย สะพายเป้อาร์ต ๆ ในมือมีหนังสือเล่มหนา และกางเกงยีนส์สีดำ เข้ากับรองเท้าผ้าใบเซอร์ ๆ ดูเถื่อนแต่ไม่สกปรก ผมแอบภูมิใจที่ได้มันเป็นแฟนจริง ๆ นี่แหละสเปคของผม
“...กูขอโทษ...กูไม่ได้บอกพวกมึงก่อน...” ผมลากพวกมันสองคนไปเคลียร์กันห่าง ๆ ซุ้ม ทิ้งวุธไว้กับอีกุ้ง
“...อีเอ้...อีเวร...ทำไมมึงไม่บอกตอนกูเยกับมันเลยล่ะ...” อีเต็มฉุน
“...กูก็อยากบอก แต่กูกลัวมึงจะโกรธ อีกอย่างเรื่องมันยาวด้วย...”
“...โกรธเรื่องอะไรวะ...” อีนันถาม
“...ก็...ก็...อีเต็มมันชอบไอ้วุธไม่ใช่เหรอ...แล้ว...จะให้กูพูดยังไงล่ะ ว่าไอ้วุธมันเป็นคนที่กูเคยรักมาก่อน...” ผมพูดเสียงอ่อย ๆ
“...อีดอก...ชอบเชิบอะไรล่ะ...กูก็กรี๊ดกร๊าดไปตามเรื่องตามราว...กูเห็นมึงทำตัวแปลก ๆ ตั้งแต่ตอนรับน้องแล้ว ยิ่งวันกีฬาเฟรชชี่ กูก็ยิ่งแน่ใจว่าพวกมึงต้องมีอะไรกันมาก่อน... นี่กูก็รอให้มึงพูดออกมาอยู่เนี่ย...”
“...อ้าว...อีห่า...แม่ง...กูก็เครียดอยู่ซะตั้งหลายวัน...” ผมตัดสินใจเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้พวกมันฟังคร่าว ๆ ไม่บ่อยครั้งนักที่พวกมันยืนฟังอย่างตั้งใจ ไม่มีขัด ไม่มีแทรก ถ้ามันตั้งใจฟังอาจารย์เหมือนอย่างที่ฟังผมอยู่ตอนนี้ พวกมันคงได้เกียตินิยมแล้วหล่ะ
“...ถ้าเป็นกูนะ...กูคงยอมเจ็บ แต่ไม่ยอมเสียมันไปหรอก...” อีนันอินเกินค่าตัวอีกแล้ว
“...มึงโดนเค้ากระชากซิงยังวะ...” อีเต็มพูดหน้าระรื่น
“...ยัง...อยากโดนอยู่เหมือนกัน...” ผมทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน
“...คืนนี้เลยมั๊ย...เดี๋ยวกูช่วย...”
“...จะบ้าเหรอ...ไม่ต้องเลยมึง...ไปได้แล้ว...ทิ้งไว้กับอีกุ้งนาน ๆ เดี๋ยวพี่ก้องมาเห็นจะเข้าใจผิดอีก...” ผมเดินนำพวกมันกลับไปซุ้ม
.....ตอนนี้พวกเราใช้วิธีโหวตเลือกสถานที่ดูดาว และก็ได้มาเรียบร้อยแล้ว เป็นที่ไหนผมไม่บอกล่ะกันนะครับ บอกได้แค่ว่าเป็นจังหวัดชายทะเลไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เพื่อนร่วมรุ่นคนนึงมีคอนโดที่นั่น สะดวกดีเหมือนกัน เผื่อจะได้อาศัยนอน อาบน้ำ เข้าห้องน้ำ.....พอได้ที่หมาย พวกเราก็แพลนกันว่าจะไปไหนก่อน แล้วจะเจอกันที่ไหน เพราะถ้าคลาดกันก็คงจะหากันไม่เจอแน่ ๆ
.....เวลาออกเดินทางที่นัดกันไว้คือ 6 โมงเย็น รถที่จะไปทั้งหมดจอดที่หน้าคณะเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ทำให้พวกเราประหลาดใจที่สุดคือ อีแอ๊บ ขับรถยุโรปคันใหญ่คันเดิมของมันมาจอดต่อแถว เท่าที่จำได้ มันกลับบ้านไปตั้งนานแล้วนี่นา แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงวะ ใครเชิญเนี่ย.....
“...กินยายัง...” ผมถามวุธหลังจากที่ออกจากมหาลัยได้ไม่นาน
“...กินแล้ว...” มันหาวแล้วกระพริบตาถี่ ๆ
“...งั้นนอนก่อนเถอะ...เดี๋ยวถึงแล้วปลุก...” มันเอนหัวพิงหลับตาลงอย่างว่าง่าย
“...เต็ม...หยิบหมอนให้กูหน่อย...” ผมหมายถึงหมอนที่วางไว้บริเวณเบาะหลัง
“...แหม...เป็นห่วงกันจังนะ...” อีเต็มกัดพร้อมวางหมอนรูปแตงโมใบโปรดของผมไว้ที่ตักวุธ มันหยิบขึ้นมากอดไว้ ผมเห็นมันยิ้มนิด ๆ ด้วย
“...เอาเค้ามาลำบากแล้วก็ต้องดูแลนิดนึง...” ผมเอาหลังมือวางทาบไปที่ต้นคอวุธ ตัวมันก็ยังร้อนรุม ๆ อยู่
“...จะได้เห็นดาวซักกี่ดวงวะเนี่ย ไม่ใช่มาเสียเที่ยวนะมึง...” อีนันบ่นเป็นเรื่องปกติ
“...มึงก็คิดซะว่าไปเที่ยวสิวะ...แต่ของอีเอ้มันต้องเรียกว่าไปฮันนีมูน...” อีเต็มได้โอกาสกัดอีกแล้ว วุธมันไอแค่ก ๆ หลับตาแต่ยิ้มแฉ่ง
“...ยิ้มอะไร...นอนไปเลย...” ผมดึงหมอนขึ้นไปปิดหน้ามัน อีพวกข้างหลังมันแกลังทำท่าเลียนแบบผม นี่ถ้าอีกุ้งมันมาด้วยคงจะสามัคคีกันกัดผมแน่ ๆ
.....ใช้เวลา 3 ชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงที่หมาย ขับรถเข้าเมืองไปหาข้าวเย็นกินกัน เป็นร้านข้าวต้มโต้รุ่งข้างทาง พวกเราไปกันเยอะต้องเอาโต๊ะมาต่อกันหลายตัว บรรยากาศคึกคัก....สั่งอาหารอย่างละ 4 จาน มีทั้งข้าวต้ม ข้าวสวย กับข้าวเต็มโต๊ะเลยครับ วุธมันอาการดีขึ้น อาจจะเพราะฤทธิ์ยา และได้นอนหลับไปซักพัก.....มันเริ่มคุยกับเพื่อนผมทุกคน เริ่มเล่นมุข มีแอบจิบเหล้าที่รุ่นพี่รินให้ ไอ้ผมจะห้ามก็ไม่ได้ แต่ที่ผมไม่ชอบมาก ๆ เลยคืออีแอ๊บมันพยายามแซวผมกับวุธ แต่มันก็โดนพวกผมตอกกลับหน้าหงายไปหลายหน ส่วนโมทย์ก็มองหน้าผมสลับกับวุธ ไม่พูดอะไร แต่สายตาที่มองมันแปลก ๆ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคิดอะไร.....
.....มีเวลาเหลืออีกตั้งนาน ทุกคนกระสันอยากจะเที่ยวกลางคืนที่เธคต่างจังหวัด ไปก็ไปวะ ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่ จากการถามวัยรุ่นในพื้นที่ ส่วนใหญ่แนะนำให้ไปเธคแห่งหนึ่งในโรงแรมกลางเมือง ลองหน่อยแล้วกัน ไปถึงมองภายนอกดูดีเหมือนกันนะ.....ข้างในก็กว้าง มีวงดนตรีสดสลับกับเปิดแผ่น เรื่องเพลงไม่ขอพูดถึงนะครับ แต่สนุกมากบรรยากาศพาไป ไอ้วุธถอดเสื้อช้อปออก เหลือไว้แต่เสื้อยืดข้างใน เถื่อนดีผมชอบ.....พวกเราเต้นกันเต็มที่ สร้างความฮือฮา คิดดูนะครับ ชายหญิงในชุดนักศึกษากลุ่มใหญ่ มาจากกรุงเทพฯ เปิดเหล้าฝรั่ง (อันนี้รุ่นพี่เลี้ยง) เกาะเอวกันเดินเต้นไปรอบ ๆ ลืมไปเลยว่าที่เรามาไกลถึงนี่ เราแค่จะมาดูฝนดาวตก ไม่ใช่มาเที่ยวกลางคืน แต่กว่าจะรู้ตัวก็ปาเข้าไปเกือบตี 1 แล้ว

“...เอ้...มึงระวังอีแอ๊บไว้นะ...” กุ้งพูดกับผมในห้องน้ำ

“...อะไรวะ...” ผมงง
“...กูเห็นมันมองไอ้วุธแล้วยังไงไม่รู้ดิรู้สึกแปลก ๆ นี่กูยังแอบเห็นมันชนแก้วกับวุธตั้งหลายที...”
“...มันไม่กล้าทำอะไรหรอก...” ผมพูดขำ ๆ
“...ไว้ใจไม่ได้นะโว้ย...อีนี่มันไวจะตาย...ดูไอ้โมทย์สิ ทุกวันนี้พวกเรายังไม่รู้เลยว่าตกลงมันเป็นอะไรกับอีแอ๊บกันแน่...”
“...อืม...” ผมรับปากมันไปส่งเดช แน่ใจ่ว่ายังไงอีแอ๊บมันก็ไม่ใช่คู่แข่งของผม
.....ออกมาจากห้องน้ำ แทบจะลากไอ้วุธกลับซะเดี๋ยวนั้น อีแอ๊บกำลังชนแก้วกับมันครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ เพราะมัวแต่แรด ๆ กับเพื่อนคนอื่นอยู่ มองมืด ๆ ยังเห็นเลยว่าแก้วอีแอ๊บมันบางจนแทบจะเป็นน้ำเปล่า แต่ของไอ้วุธนี่สิ คนละเรื่องกับอีแอ๊บเลย.....
“...วุธ...พอได้แล้ว...” ผมพูดเสียงแข็ง
“...อีกนิดน่า...” อีแอ๊บยั่วผม
“...ไม่เป็นไรหรอกเอ้...แค่นี้เอง...” ไอ้วุธกระดกเหล้าต่อ ผมอึ้ง โมโหมันมาก เสียหน้าด้วย
“...เออ...งั้นแดกต่อไปละกัน...” ผมหันขวับ กะจะเดินไปสงบสติอารมณ์ข้างนอก แต่ดันชนกับโมทย์ซะนี่
“...เมาเหรอเอ้...” ดีนะที่โมทย์มันจับไหล่ผมไว้ ไม่งั้นคงเซไปโดนโต๊ะข้าง ๆ ผมส่ายหัว หางตาเห็นทั้งวุธและอีแอ๊บจ้องเขม็ง ทีกูมั่งล่ะ
“...ไปตรงโน่นกันเหอะ...” ผมจูงมือโมทย์ไปที่กลุ่มผมเต้นกันอยู่ มือมันนิ๊มนิ่ม
.....เป็นไงล่ะ ทนดูได้ก็ดูสิ ผมตั้งใจเต้นสีโมทย์แบบเนียน ๆ เดี๋ยวจับมือ เดี๋ยวโน้มตัวมันมาใกล้ ๆ ทำเป็นหาเรื่องคุย หัวเราะคิกคัก ตอนนั้นโมโหจนลืมอาย....ได้ผล ไม่กี่อึดใจไอ้วุธก็เดินแทรกกลุ่มผมเข้ามา.....
“...เอ้...” ไอ้วุธสะกิด ผมทำเป็นไม่ได้ยิน “...เอ้...เราปวดหัว...” เท่านั้นแหละ ผมหันขวับ
“...ไหวมั๊ย...” ผมมองหน้ามัน เห็นตามันที่เริ่มโรย ๆ แล้วใจอ่อนยวบ
“...กินยาอีกซัก 2 เม็ดคงดีขึ้นอ่ะ...” กินยาอย่างเดียวมันจะหายได้ไงวะ เป็นไข้อย่างนี้มันต้องพักผ่อนด้วย
“...ไปที่รถละกัน นอนพักซักแป๊บนึง นี่คงใกล้จะเลิกกันแล้ว...” ผมเดินนำวุธไปบอกเพื่อน ๆ ว่าจะรออยู่ที่รถ
.....หลังจากวุธกินยาแล้วเอนตัวนอนได้ซักพัก ทุกคนก็ออกมาพร้อมกันที่ลานจอดรถ ได้เวลาเดินทางไปดูดาวที่คอนโดเพื่อนคนนั้นแล้ว ขับรถเลียบชายหาดไปอีกไม่ไกลนักก็ถึงที่หมาย....แบกสมบัติกันลงไป ปูเสื่อ กางเก้าอี้ผ้าใบ รื้อขนม ของกินออกมาเหมือนไปปิกนิค ทั้ง ๆ ที่ตรงนั้นมันมืดมาก พวกผมต้องขอให้เจ้าของพื้นที่เปิดไฟให้ แต่เมื่อเห็นดาวตกจะต้องปิดไฟแหมือนเดิม เพราะไม่อย่างนั้นแล้วจะมองเห็นดาวไม่ชัด.....
.....ผมให้วุธนอนพักในรถไม่ปลุกเมื่อมาถึงคอนโด มันก็หลับไม่รู้เรื่อง ผมเอามืออังที่ตัวมันก็ยังร้อนอยู่ แต่มีเหงื่อซึมออกมาบ้าง....มองหน้าซีด ๆ ของมันแล้วรู้สึกสงสารมาก ไม่น่าเอามันมาลำบากด้วยเลย.....ผมเดินไปเดินมาระหว่างชายหาดกับรถเพื่อดูอาการของวุธ มืดก็มืด แรก ๆ ก็ชวนเพื่อนเดินมาด้วยกัน แต่รอบ 3 รอบ 4 ไม่มีใครมากับผมเลย เดินคนเดียวก็ได้วะ แต่เสียวสันหลังวาบ.....
“...วุธ...ตื่นเถอะ ไปดูดาวกัน...” ผมวิ่งมาปลุกไอ้วุธเพื่อลงไปดูดาวที่เริ่มตกลงมาแล้ว
“...อืม...” วุธงัวเงีย สะบัดหน้าเบา ๆ
“...เดินไหวมั๊ย...” ผมเข้าไปประคอง จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้ป่วยอะไรขนาดนั้น แต่ผมอยากให้มันเดินไวขึ้น พอถึงเสื่อที่พวกผมปูนั่งกัน อีพวกนั้นก็ขยับตูดแบ่งที่ให้ไอ้วุธ ผมนั่งลงพร้อมมัน
“...ยังปวดหัวอยู่เหรอ...” ผมเห็นมันเงียบไป
“...อืม...มึน ๆ ด้วย...” เสียงมันแห้งมาก ผมต้องรินน้ำให้มันกิน
“...ไม่สบายแล้วยังกินเหล้าอีก...” ผมบ่นเบา ๆ
“...กินนิดเดียวเองนะ...” มันเอาหัวมาพิงไหล่ผม อีพวกนั้นแอบมอง แต่พอผมกระแอมเบา ๆ มันก็หันกลับไปดูดาวต่อ
“...เห็นดาวตกหรือยัง...” วุธทำท่าเหมือนจะหลับอีก
“...ยังไม่เห็นซักดวง...” มันจะเห็นได้ไงล่ะ ก็พอผมมองหน้ามัน มันหลับตาอยู่อ่ะ
“...เข้าไปนอนต่อเถอะ...” ผมดันตัวมันออกจะให้มันกลับไปนอนในรถเหมือนเดิม
“...นอนตรงนี้แหละ...” วุธขยับตัวลงไปนอนตักผมเฉยเลย ไม่เป็นไร มืดขนาดนี้คงไม่มีใครว่าอะไรหรอก ผมคิดในใจ ทีตอนนี้ไม่เห็นมันจะหลับตาเลย มองหน้าผมที มองฟ้าที ตาแป๋วเชียว
.....ดึกมากแล้วทุกคนเริ่มง่วง ฝนดาวตกก็ไม่เห็นเป็นอย่างที่เคยได้ยินมาเลย ตกจริง แต่ไม่ได้เยอะอย่างนั้น สวยดีเหมือนกัน.....ตอนนี้อีพวกนั้นกำลังเลื้อย นอนพาดกันไปเกะกะ รุ่นพี่ผู้ชายก็ตั้งวงกินเหล้า พวกผู้หญิงก็ขึ้นคอนโดไปอาบน้ำอาบท่า จะนอนกันหรือเปล่าก็ไม่รู้.....
“...พวกมึงจะเอาไงวะ...” ผมถามเพื่อน ๆ
“...ก็นอนนี่แหละ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว...”
“...นอนตากน้ำค้างเนี่ยนะ...” ผมเสียงดัง
“...เข้าไปนอนข้างในก็ได้...” อีนันลุกเก็บข้าวของ
“...อัดกันเป็นปลากระป๋องเลยมึง...” อีเต็มบ่นบ้าง ผมมองหน้าวุธอย่างช่างใจ
“...กูจะกลับกรุงเทพฯ มึงจะไปกับกูมั๊ย...” ทุกคนหันมามองหน้าผม
“...มึงจะขับรถไหวเหรอ...”
“...ไหวดิ...2-3 ชั่วโมงเอง...”
“...นั่นแหละ 2-3 ชั่วโมงก็เช้าแล้ว รอไปพร้อมกันดิ...”
“...กูว่าตอนนั้นแหละที่กูจะขับไม่ไหว...” ผมเถียงกับพวกมันอยู่นาน ยืนยันความคิดตัวเองจะกลับกรุงเทพฯ ให้ได้ อีกุ้งกับพี่ก้องต้องเข้ามาช่วยพูด แต่สรุปแล้ว ผมก็จะกลับ และให้อีพวกนั้นกับรถพี่ก้องพรุ่งนี้เช้า
“...ขับดี ๆ นะมึง...ถ้าไม่ไหวก็แวะปั๊มนะโว้ย...” อีพวกนั้นเป็นห่วง
“...เออ...พวกมึงก็อย่าแดกเหล้าให้มากนะ...พรุ่งนี้เจอกัน...” ผมรู้ว่างานนี้คงไม่ได้นอนกันแน่ ๆ ขนาดมันเดินมาส่งผม มันยังถือแก้วเหล้ามาส่งเลย
“...ทำไมไม่นอนที่นั่นล่ะ...” วุธถาม
“...ไม่เอาอ่ะ...อึดอัด...”
“...เอ้นอนก่อนมั๊ย เดี๋ยวเราขับให้...”
“...ตัวเองน่ะ เอาให้รอดก่อนเหอะ...” ผมหัวเราะเบา ๆ
“...ตอนดาวตกอธิษฐานอะไรอ่ะ...”
“...ไม่บอก...”
“...สงสัยจะเป็นเรื่องเดียวกัน...” มันแหย่ผม ก็ตอนแรก ๆ พอดาวตกที พวกผมก็เงียบกันที เป็นอันรู้กันว่ากำลังอธิษฐานอยู่
“...เป็นอะไรหรือเปล่าเอ้...” วุธพูดหน้าตาตื่นเมื่อเห็นผมหักหลบกระทันหันจนเกือบตกข้างทาง
“...เปล่า...ไม่มีอะไร” ผมพูดเสียงสั่น ๆ
“...แล้วทำไม...” มันคงเห็นหน้าผมเครียดเลยไม่ถามต่อ
“...เมื่อกี้เห็นอะไรปะ...” ซักพักผมก็ถามไอ้วุธ ตอนนี้ผมตามจ่อตูดรถอีกคันอยู่ในตัวเมืองอีกจังหวัด ไม่ยอมแซงเลย ท่าทางเค้าจะเข้ากรุงเทพเหมือนกัน
“...ไม่เห็นมีอะไรนี่...”
“...เราเห็นคนใส่ชุดสีขาวนั่งอยู่บนต้นไม้...”
“...ตาฝาดมั้ง...”
“...สองต้นติดกันเนี่ยนะ...” วุธเงียบ
“...แวะปั๊มก่อนมั๊ย...” วุธถาม
“...อืม แวะนอนปั๊มก่อนก็ได้ ไม่อยากขับต่อแล้วอ่ะ รอเช้าก่อนดีกว่า...” จะให้ย้อนกลับไปหาเพื่อนก็คงไม่ไหว ผมมาไกลเกินไปแล้ว
“...เอ้...เราว่าไม่ต้องนอนปั๊มหรอก...แวะตรงนั้นดิ...” ไอ้วุธชี้ป้ายโรงแรมเหมือนจะเป็นม่านรูดข้างทาง
“...จะบ้าเหรอ...” ผมยังมีอารมณ์อาย
“...นอนแป๊บเดียว ไม่เห็นเป็นไรเลย...” คิดไปคิดมา นี่มันต่างจังหวัดนี่หว่า ไม่มีใครรู้จักเรา
“...เออ...ก็ได้...” ผมขับเข้าไปในช่องตามที่เด็กรูดม่านรอไว้ ตกลงราคากัน จ่ายเงินเรียบร้อย เด็กคนนั้นมองพวกผมแปลก ๆ อายเหมือนกันนะโว้ย ผู้ชายกับผู้ชายเข้าม่านรูดเนี่ย
“...คล่องจังนะ...” วุธมันแอบกัดผม
“...เมื่อก่อนเคยเข้าบ่อย ๆ”
“...หา...” มันตกใจ
“...เคยโดดเรียนไปเล่นไพ่ในม่านรูดแถว ๆ โรงเรียนอ่ะ...”
“...โล่งอก นึกว่าไปทำอะไร...” มันเดินพาผมเข้าไปในห้อง โอเคนะ สภาพห้องสมราคา
“...เราอาบน้ำก่อนนะ...” ผมแบกกระเป๋าเข้าห้องน้ำไปด้วย พอออกมาไอ้วุธก็อยู่ในชุดผ้าขนหนูตัวเดียวรออยู่แล้ว ผมหลบสายตามัน รู้สึกเขิน ๆ เหมือนกันที่ต้องมาอยู่ในที่ที่คนส่วนใหญ่เค้าเข้ามาทำอะไรกัน
.....และคืนนั้นก็เป็นครั้งแรกที่ผมเป็นฝ่ายนอนกอดมันจนหลับไปด้วยความเพลีย ภาพคนชุดขาวบนต้นไม้ทำให้ผมกลัวมาก ไอ้วุธก็นอนยิ้ม ดีนะที่มันไม่ฉวยโอกาสทำอะไรผม แต่ก็เสียดายเหมือนกันนะ.....มันน่าจะกล้ากว่านี้หน่อย.....
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 07-10-2007 01:44:54
อิอิ ของแถมยามดึกเหรอคุณ nartch  ชอบๆๆๆ

พออ่านถึงฝนดาวตกตอนนั้นปี พ.ศ. อะไรจำไม่ได้แล้วแต่ผมยังเรียนอยู่ม.6มั้ง

จำได้ว่าข่าวดังมากๆ ตอนนั้นเลยเหมารถตู้ไปดูที่เขาใหญ่กัน คนเยอะมากๆๆๆต้อง

ลงมาดูที่ตีนเขาขึ้นไปไม่ได้ คนเยอะจัด เห็นไม่เยอะน่ะ แต่ประทับใจมากๆเลย คิดแล้วนึกถึงความหลัง

แต่ดันมาอ่านเจอตอนท้ายๆที่เห็น.....นั้นน่ะ นี้ดึกแล้วด้วย อ่านแล้วขนลุกเลย  o21
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: JaeTae ที่ 07-10-2007 12:16:44


    หนุกอ่า เอาอีกๆ ไม่เอาตอนมีผีแล้วน้า  :o
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 07-10-2007 15:18:10
 :impress:

เย้ๆ ๆ  กลับมาคืนดีกันแร้ว

จะเป็นไงต่อไปน๊า......

รออ่านต่อไปครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 07-10-2007 16:51:49
ขนลุกเลยอ่ะ คนชุดขาว อู๊ยยย

เอามาลงอีกเลยได้ป่าวอ่ะคับ อิอิ อยากอ่านต่อแร้นนน :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 07-10-2007 23:51:01
13 Sometimes love just ain’t enough
.....แม้ว่าได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง ผมกลับสดชื่น รู้สึกอบอุ่น ตอนที่ตื่นขึ้นมาเห็นหน้ามันห่างจากหน้าผมแค่คืบ แขนของมันวางพาดอยู่บนเอวผม หวัดเหรอ ไม่กลัวติดเลย ทั้ง ๆ ที่ผมเกลียดการเป็นหวัดมาก ปกติจะไม่ค่อยได้คลุกคลีกับคนที่เป็นหวัด เราต่างรู้ว่าหวัดติดกันได้ยังไง แต่ตอนนี้....กับวุธ.....ยอมครับ.....
.....ผมค่อย ๆ ลุก ไม่อยากให้มันตื่นด้วย อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเปลี่ยนแค่เสื้อตัวใหม่ที่แขวนไว้ในรถอย่างเดียว กางเกงใส่ตัวเดิม บรรยากาศในห้องมันมืดมาก ไฟมีจริงแต่มันเป็นไฟสีส้ม ๆ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่ 6 โมงครึ่ง แต่ผมดันตื่นก่อน สักพักเสียงนาฬิกาดังขึ้น ไอ้วุธถึงได้งัวเงียตื่น มองรอบ ๆ ห้องและหยุดที่ผม.....
“...ทำไมไม่ปลุกอ่ะ...” เสียงมันยังอู้อี้อยู่
“...จะรีบตื่นทำไม...นอนต่อก็ได้ เดี๋ยวเราออกไปหาซื้ออะไรมาให้กิน...” ผมแพลนไว้ว่าจะออกจากโรงแรมนี้ตอนประมาณซัก 7 โมงกว่า ถึงมหาลัยก็น่าจะ เกือบ ๆ 9 โมง เข้าห้องสายนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก
“...ไม่เอา...ไปด้วย...” วุธลงจากเตียงด้วยความรีบร้อน ทำให้ผ้าห่มพันขา เซถลามาทางผม ทิ้งน้ำหนักลงมาเต็ม ๆ ดีนะว่าผมรับมันไว้ทัน ไม่งั้นหน้าทิ่มหมดหล่อแน่ ๆ
“...โอ๊ย...หนัก...” ผมกอดมันไว้ วุธมองผมตาเยิ้มอีกแล้ว “...มองอะไร รีบไปอาบน้ำเลย...” ผมพูดแก้เขิน มันก้มลงแกะผ้าที่พันขาออก ทันทีที่มันพร้อมจะออกจากวงแขนของผม มันดันฉวยโอกาสตอนผมเผลอจุ๊บแก้มผมไปหนึ่งที
“...Morning Kiss...” มันหัวเราะแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปเลย
“...ไอ้บ้า...ฟันก็ยังไม่ได้แปรง...อุบาทว์ว่ะ...” ผมด่ามัน แต่ก็อดยิ้มไม่ได้
.....เราตัดสินใจเก็บข้าวของ Check out ขับรถออกมาเลย ไปหาของกินเอาข้างหน้า เมื่อคืนเห็นมีตลาดสดอยู่ไม่ไกลนัก.....คนพลุกพล่าน ยัดดีที่มีที่จอดรถข้าง ๆ ตลาด ผมกับวุธลงมาเดินหาของกินกัน ไม่ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้มานานแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างต่างกับที่กรุงเทพฯ ผู้คนไม่ต้องรีบร้อน รถไม่ติด หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน.....ผมเลือกร้านที่นั่งกินได้ร้านหนึ่ง สั่งอาหารมากินกันง่าย ๆ ระหว่างรอ เห็นพระเดินบิณฑบาตอยู่หน้าร้าน.....
“...ใส่บาตรกันมั๊ย...” ผมชวน
“...เอาดิ ไม่ได้ทำบุญมานานแล้ว...”
“...พี่...เดี๋ยวมานะ...” ผมบอกพี่คนขาย เค้าพยักหน้างง ๆ เดินออกมานอกร้านนิดเดียวก็เจอร้านข้าวแกง มีร้านขนมอยู่ข้าง ๆ ซักพักก็ได้กับข้าว ขนม น้ำ เดินไปอีกนิดซื้อดอกไม้มา 2 กำ ซองไม่ได้เตรียมมา ไม่เป็นไรมั้ง
“...นิมนต์ครับ...” พระสงฆ์เดินผ่านมาพอดี ผมเอาข้าวใส่บาตร ไอ้วุธเอากับข้าวใส่ตาม ผมมองมัน เฮ้ย ผมคิดว่าเราต่างคนต่างใส่ ก็ซื้อมาสองชุดนี่หว่า มันเก้ ๆ กัง ๆ ผมเชื่อแล้วว่ามันไม่ได้ใส่บาตรมานาน
“...ทำบุญด้วยกันไง...ชาติหน้าจะได้เจอกันอีก...” มันอ่านสายตาผมออก
“...เออ ๆ...” แค่ผู้ชายกับผู้ชายมายืนใส่บาตรด้วยกันข้างถนนเนี่ยกูก็เขินพอแล้ว ยังมาทำซึ้งอีก พอใส่บาตรพระรูปที่สองเสร็จ ผมก็เดินไปร้านเดิม ซื้อแบบเดิมเพิ่มอีก
“...ทำไม...” มันมองถุงในมือผม
“...แม่บอกว่าให้ใส่บาตรเป็นเลขคี่ 1-3-5-7-9...ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน...”
“...เหรอ...” มันไม่ถามต่อ หันไปมองพระที่กำลังจะเดินมาทางนี้
.....หลังจากที่เรากินข้าวเช้ากันเสร็จ ขับรถมาได้ไม่ไกล ผมขอแวะปั๊ม ระหว่างที่เรากรวดน้ำกันบนโต๊ะที่เค้าจัดไว้ให้พักผ่อนหน้าห้องน้ำ ไอ้วุธมันก็มองหน้าผมไม่วางตา เล่นเอาผมพูดผิด ๆ ถูก ๆ แต่ไม่ก็ลืมอุทิศส่วนกุศลให้คนชุดขาวเมื่อคืน....ไม่ได้อยากจะเป็นนางเอก เป็นคนดีอะไรขนาดนั้นนะครับ ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่คนไทยพุทธควรจะหาโอกาสได้ทำบุญกันนะครับ.....ทุกวันนี้ผมก็ยังเป็นเหมือนเดิม ต่างกันตรงที่แต่ก่อนแม่อยู่ เราจะทำกับข้าวใส่บาตรเอง แต่ตอนนี้ผมขี่รถไปตลาดตอนเช้า ๆ ซื้อข้าวมันไก่บ้าง หมูย่างบ้าง ใช้เวลาใส่บาตรแค่แป๊บเดียวเอง.....
.....ในที่สุดก็ถึงมหาวิทยาลัยโดยสวัสดิภาพ ผมให้วุธเอารถผมไปเรียนด้วย ตอนแรกมันไม่ยอม แต่ผมพูดแกมบังคับ ขู่มันว่าไม่งั้นผมจะขับไปส่งมันที่มหาลัยแล้วค่อยกลับมาเรียนต่อ มันถึงยอม ผมไม่อยากให้มันลำบาก ที่ผ่านมามันก็ทำเพื่อผมมามากแล้ว อีกอย่างมหาลัยของมันไกลโคตร ประมาณว่าคนละฝั่งกรุงเทพฯ เลยครับ.....

.....เมื่อกี้ทำไมมันไม่ง่วงวะ พอเข้าห้องเรียน ฟังอาจารย์พูดอยู่หน้าห้องที่มีนักศึกษาอยู่ไม่ถึงครึ่ง ผมหาวแล้วหาวอีก ง่วงมาก ๆ ตาจะปิดอยู่แล้ว อีพวกเพื่อนผมก็ยังไม่มากันเลย ท่าทางจะโดดทั้งวันแน่ ๆ โชคดีที่อาจารย์ปล่อยเร็ว ไม่มีอารมณ์จะกินข้าวกลางวันแล้ว ผมเดินเอาหนังสือบังแสงแดดตอนเที่ยง ๆ ออกไปเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านที่หน้ามหาลัย.....
.....ฝ่ารถติดซักพักก็ถึงบ้าน แต่ เอ๊ะ...นั่นมันรถกูนี่หว่า จอดอยู่ใต้ต้นไม้ริมรั้วนอกบ้าน ผมลงจากแท็กซี่เดินเข้าไปดู เห็นไอ้วุธเปิดกระจกประมาณ 2 นิ้ว เอนเบาะนอนหลับอยู่ข้างใน ไม่อยากคิดว่ามันจะร้อนแค่ไหน แล้วคนข้างบ้านเดินผ่านไปผ่านมาจะคิดยังไงผมเคาะกระจกเบา ๆ เรียกมัน.....
“...วุธ...วุธ...” มันงัวเงีย ทันทีที่เห็นผม มันยิ้มอาย ๆ
“...ทำไมกลับมาเร็วจังอ่ะ...”
“...แล้วทำไมไม่ไปเรียน...หา...” ผมไม่ตอบ
“...ไปไม่ไหว...นี่ก็โดดเหมือนกันอ่ะดิ...” มันล้อผม
“...เออ...ง่วงชิบเป๋งเลย...เข้าบ้านเหอะ...” ผมเปิดประตูให้มันถอยรถเข้า ออกไปซื้อของกินไม่ไหวแล้ว ร้อนมาก ดีนะที่ในตุ้เย็นมีของสดเหลืออยู่ เราทำอะไรง่าย ๆ กินกัน แล้วก็นอนแผ่อยู่ในห้องรับแขกนั่นแหละ
.....เวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราสองคนสนิทกันมากขึ้น บ้านผมก็เหมือนกับบ้านมัน ตอนนี้วุธจะเข้าจะออกเมื่อไหร่ก็ได้ตลอดเวลา ผมไว้ใจถึงขนาดให้กุญแจอีกดอกเพื่อทีมันมันจะได้เข้ามารอผมข้างในบ้าน เพราะหลายครั้งที่มันเลิกเรียนก่อนผมและต้องนั่งรอในรถ สงสารมันมาก อีกอย่างผมมั่นใจว่ามันเป็นคนดี เหมือนมันเป็นสมาชิกในบ้านคนนึง ทรัพย์สมบัติ ของมีค่าในบ้านผมก็ไม่มีอะไรมากมาย แม่หอบขึ้นไปไว้เหนือหมดแล้ว.....
“...เรื่องใหญ่โว้ย...” อีเต็มวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาที่โต๊ะกินข้าวกลางวันระหว่างพักเที่ยงของการสอบปลายภาคเรียนที่ 2 อีกไม่นานผมก็ได้เป็นรุ่นพี่แล้ว
“...อะไรของมึง...” อีนันขมวดคิ้ว มันซีเรียสอยู่คนเดียวในช่วงเวลาสอบ ทั้ง ๆ ที่มันเรียนเก่งที่สุดในกลุ่ม
“...อีแอ๊บ...” มันหยุดพูด แล้วหายใจเข้าลึก ๆ “...อีแอ๊บ...มันจะลาออก...”
“...หา...” พวกผมตกใจ
“...แล้วมันจะไปเรียนไหนวะ...”
“...มันไม่บอกใครเลยว่ะ...แต่กูว่ามันต้องไปเมืองนอกแน่ ๆ เฮ้อ...เสียเวลาเรียนมาตั้งปีนึงเต็ม ๆ”
“...นี่ก็ได้ข่าวว่าโมทย์มันเอ็นท์ใหม่ ท่าทางจะติดด้วย...” อีนันพูดบ้าง ตอนแรกมันก็กะจะลองสอบเอ็นทรานซ์อีกที พวกผมก็เห็นด้วย ถ้าเพื่อนจะไปได้ดี แต่สุดท้ายมันก็ไม่ยอมไป
“...อีแอ๊บไปน่ะ ไม่เท่าไหร่ แต่โมทย์ของกู...ฮือ ๆ อย่าสอบติดเล้ย สาธุ...” อีเต็มแช่ง
“...อีห่า...ถึงเค้าอยู่เค้าก็ไม่เอามึงหรอก...” อีกุ้งเบรค
“...อี...............”
“...พอ ๆ อีพวกนี้ แดกข้าวกะลาเดียวกันแล้วยังจะกัดกันอยู่นั่นแหละ...” ผมเคาะโต๊ะเบา ๆ
“...กูไม่ใช่หมา...” อีสองคนนั่นพูดพร้อมกันได้
“...รีบแดก...รีบอ่านหนังสือต่อเหอะ...” อีนันเร่ง
.....ช่วงสอบเป็นช่วงที่ทั้งผมและวุธต่างต้องให้เวลากับการเรียนอย่างเต็มที่ เนื่องจากพื้นฐานของพวกเราไม่ได้ดีอย่างเด็กสายสามัญ....เราสองคนเจอกันไม่บ่อยนัก วุธมีรายงานต้องทำเพื่อเก็บคะแนน ส่วนผมมีติวกับเพื่อน ผมเน้นเรื่องภาษา อีกุ้งเก่งบัญชี อีนันเรียนม. ปลาย ติวเลขกับพวกวิชาสถิติ อีเต็มความจำมันดีมาก มันจะคอยทักท้วงเวลาพวกเราลืมพูดถึงเรื่องที่อาจารย์เก็งข้อสอบให้.....
.....ไม่น่าเชื่อว่าเราจะเป็นเด็กดีได้ขนาดนี้ วันเสาร์อาทิตย์ วุธมาขลุกอยู่บ้านผมทั้งวันตามปกติ เรานั่ง ๆ นอน ๆ อ่านหนังสือ ทำแบบทดสอบ ช่วยกันติว แม้ว่าจะเรียนกันคนละสาย แต่บางอย่างเราก็ช่วยกันได้ ผลัดกันนอนหนุนตัก อ่านหนังสือ .....หิวปุ๊บ เราก็ช่วยกันทำกับข้าวบ้าง ขี่รถไปซื้อก๋วยเตี๋ยวบ้าง อ่านหนังสือเมื่อย ๆ เราก็ผลัดกันนวด พักดูหนังดูละคร ดูทไวไลท์ โชว์ตอนเย็น ๆ ขี่รถเล่นเป็นการพักผ่อน รับลมเย็น ๆ บ้าง อุดอู้อยู่ในบ้านมาทั้งวัน.....
“...เอ้...รู้ปะ เราได้รับเลือกให้เป็นพี่ว๊ากด้วยนะ...” วุธพูดขณะนอนหนุนตักผมอ่านหนังสือสอบ
“...แล้วน้องมันจะกลัวเหรอ...” ผมยิ้ม
“...โห...เดี๋ยวทำให้ดู...” มันลุกขึ้นทำท่าขึงขัง พูดเสียงดัง เป็นอย่างที่ผมเคยเห็นมาตอนรับน้องเลย ถ้าผมไม่รู้จักมันมาก่อน ผมก็ว่ามันดูโหด ๆ อยู่นะ
“...พอ ๆ กลัวแล้ว...” ผมดึงมือวุธให้ลงมานั่งข้าง ๆ กลัวข้างบ้านแตกตื่นเพราะกับเสียงของมัน
“...นี่ยังน้อยไปนะ ตอนเราโดนรับอ่ะ ยิ่งกว่านี้อีก...”
“...กลุ่มเราก็ได้รับมอบหมายให้เป็นคนหากิจกรรม หาเกม คอยปลอบน้องเวลาว๊ากเสร็จ...” ผมเล่าถึงงานในมหาลัยตัวเองบ้าง เราเงียบไปทั้งคู่ นึกได้ว่า ต่อไปเราต้องไม่มีเวลาให้กันแน่ ๆ
“...ปิดเทอมไปเที่ยวไหนปะ...” วุธทำลายความเงียบ
“...ไม่อ่ะ...มีเรียนซัมเมอร์...”
“...กะจะจบ 3 ปีครึ่งเลยเหรอ...” วุธแซว ผมได้แต่ยิ้ม จริง ๆ แล้วผมต้องไปเตรียมการรับน้องด้วย เรื่องเรียนซัมเมอร์เป็นแค่ข้ออ้างในการออกนอกบ้านของทุกคน และไม่ต้องกลับบ้านต่างจังหวัดของอีนันด้วย.....ตารางเรียนที่เราจัดไว้ก็เรียนแค่ตอนเช้า ส่วนตอนบ่ายก็ว่างกันแล้ว.....ผมน่ะไม่ได้อยากออกจากบ้านทุกวันขนาดนั้นหรอก เหนื่อยจะตาย แต่ภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากรุ่นพี่ค้ำคอผมอยู่ทำให้ปฏิเสธคำชวนของเพื่อน ๆ ไม่ได้
.....และแล้วผลการสอบก็ประกาศอย่างเป็นทางการ คุ้มค่ากับที่อดหลับอดนอนอ่านหนังสือเป็นวรรคเป็นเวร ได้ A ตั้งหลายตัว เกรดเฉลี่ยอยู่ในขั้นดีทั้งกลุ่ม ลบคำสบประมาทที่เคยได้ยินลอย ๆ มาจากกลุ่มไฮโซของอีแอ๊บ.....
.....แต่ช่างเถอะ ต่อไปนี้คงไม่ได้ยินคำกระแนะกระแหน คำด่าทีเล่นทีจริงจากอีแอ็บอีกแล้ว เพราะบนบอร์ดคณะตรงหน้าผม ไม่มีชื่อมัน แสดงว่าเรื่องที่มันลาออกเป็นเรื่องจริง และที่น่าเสียดาย เอ๊ะ จะเสียดายทำไมวะ ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย.....ชื่อของโมทย์ก็ไม่ปรากฏบนบอร์ดเช่นกัน หมายความว่า โมทย์เอ็นท์ติดมหาลัยรัฐซักแห่ง และผมก็รู้ทีหลังว่า เป็นที่เดียวกับไอ้โย แต่คนละคณะ.....ขอให้ไปได้ดีด้วยกันทั้งสองคนเลยละกันนะ ผมอวยพรในใจ.....
“...ฮัลโหล...เอ้...” วุธโทรมาเวลาเดิม
“...คิดถึงจัง...” ผมหยอดคำหวาน ทันทีที่ได้ยินเสียงมัน
“...คิดถึงเหมือนกัน...พรุ่งนี้ไปหานะ...”
“...พรุ่งนี้เรากลับดึกอ่ะ...” ผมพูดหลังจากอึ้งไป
“...งั้นมะรืนนี้ก็ได้...” วุธพยายามทำเสียงร่าเริง
“...อืม...แต่ไม่รู้ว่างานจะเสร็จหรือเปล่านะ...” ผมตอบแบ่งรับแบ่งสู้
“...งานอะไรเยอะแยะวะ...” ท่าทางมันจะหงุดหงิด
“...ก็อย่างที่เคยเล่าให้ฟังนั่นแหละ ยุ่งมาก ๆ ตอนนี้พวกเด็กปี 1 ที่เข้าตอนซัมเมอร์เริ่มโดนรับน้องแล้ว ต้องดูแลดี ๆ หน่อย เหนื่อยจะตาย เข้าห้องประชุมทุกเย็นเลย นี่ยังเครียดเรื่องเงินที่จะต้องเตรียมไปรับน้องต่างจังหวัดอีก...” ผมเผลอบ่นให้มันฟัง
.....ถ้าใครเคยเข้ากิจกรรมรับน้องตอนที่เราเป็นรุ่นพี่จะรู้ว่ามันวุ่นวายขนาดไหน มากคนก็มากความ แล้วยิ่งเพื่อนของผมแต่ละคนยอมใครที่ไหน.....ส่วนไอ้วุธระหว่างปิดเทอมนี่มันก็ไม่ได้ทำอะไร แค่ช่วยงานที่ร้าน บางวันก็มานั่ง ๆ นอน ๆ ในบ้านผมขณะไม่มีคนอยู่ มันบอกว่ามาเฝ้าบ้านให้ผม.....ไม่อยากจะนับเป็นวันที่ผมกับวุธไม่เจอกัน ไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว....อย่างดีที่สุดคือเราได้คุยกันทางโทรศัพท์ทุกวัน เราไว้ใจกัน และที่สำคัญ ผมยังเผื่อใจไว้อีก 20% คิดซะว่า เวลาจะทำให้เราเห็นว่าเค้าจริงใจกับเราแค่ไหน
.....ถ้าวุธอยากไปจากผมด้วยเหตุผลเหมือนอย่างที่เพื่อน ๆ เคยเตือนเรื่องผมไม่มีเวลาให้เค้า ผมจะตอบกลับอย่างเต็มปากเต็มคำว่า ผมรู้ตัวว่าผมทำอะไร ผมไม่ได้โกหกมัน ผมไม่ได้มีใครใหม่ ผมยังรักมันอยู่ แต่เราต้องมีเวลาส่วนตัวกันบ้าง.....เรื่องนี้วุธมันเข้าใจ มันรู้ว่าผมเป็นคนที่อาจจะให้ได้ทุกอย่างที่ผมมี แต่สิ่งเดียวที่ผมไม่ค่อยได้ให้ใครคือเวลา ผมหวงเวลาส่วนตัวมาก และวุธก็รู้ว่าเวลาพักผ่อนเป็นเวลาที่มีค่ามากสำหรับผม ผมเคยคุยกับวุธเรื่องนี้ในบรรยากาศที่ค่อนข้างซีเรียส.....เราสองคนดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ผมคิดว่าผมเป็นผู้ใหญ่มากว่ามันนะ เพราะผมมีเรื่องให้ต้องรับผิดชอบมากกว่า.....
“...นี่เหรอ...งานเยอะ...” วุธเดินเข้ามาหาผมที่โต๊ะขณะที่ผมกำลังหัวเราะคิกคักกับรุ่นน้องที่โดนพวกผมแกล้งให้ทำท่าประหลาดอยู่ตรงหน้า ผมชะงัก เพื่อนผมเงียบกริบ น้องปี 1 ฉวยโอกาสหยุดเต้นแล้วเดินไปมองห่าง ๆ
“...มาได้ไงอ่ะ...” ผมพึมพำเบา ๆ “...มานานยัง...” ผมยิ้มทำเป็นไม่สนใจหน้าตาที่บึ้งตึงของมัน เดินนำมันออกมาจากซุ้มเพื่อไม่ให้คนมองมาก
“...นานแล้ว นานจนเห็นว่างานของเอ้ยุ่งแค่ไหน...” มันประชด ผมพยายามข่มอารมณ์บ้าง
“...วันนี้ไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่...” ผมแก้ตัว ก็จริงนี่ ตอนนี้อยุ่ในช่วงที่ให้น้องขอลายเซ็นต์รุ่นพี่ มันก็ต้องมีแกล้งกันนิดหน่อย เพื่อให้น้องจำชื่อรุ่นพี่ได้อ่ะ
“...ยุ่งสิ ต้องคอยเทคแคร์รุ่นน้องผู้ชายหน้าตาดี ๆ นี่...”
“...เป็นอะไรเนี่ย...วุธ...” ผมชักเริ่มโมโหแล้ว
“...ทำไมต้องทำขนาดนั้น...” มันพูดเสียงเข้ม
“...ทำอะไร...” ผมจ้องหน้ามัน
“...เนคไทของรุ่นน้องน่ะ ให้คนอื่นผูกให้ หรือไม่ก็เอามาผูกที่คอตัวเองก็ได้...รู้มั๊ยว่าคนที่เห็นเค้าจะคิดยังไง...” ผมเงียบ คิดทบทวนว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ตายแล้ว นี่แสดงว่ามันมานานแล้วสิ และคงแอบมองผมอยู่ด้วย ก็เมื่อสักพัก มีรุ่นน้องที่โดนรุ่นพี่จากโต๊ะอื่นสั่งให้ถอดเนคไทเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ในการแกล้ง พอผ่านมาถึงโต๊ะผม พวกเราก็ให้ผูกเหมือนเดิม ไม่อย่างงั้นถ้าพี่ว๊ากมาเห็นจะโดนทำโทษ พอดีมีรุ่นน้องหลายคนผูกเองไม่เป็น พวกเราก็ช่วยกันผูกให้ มันก็ต้องมีบ้างที่พอสวมให้น้องเค้าแล้วก็ต้องรูดให้ติดที่ปกเสื้อ จัดให้เข้าที่เข้าทาง มันไม่เห็นแปลกตรงไหนเลย
“...อย่ามาเวอร์...เราไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นนะ ส่วนใครจะมองยังไงก็เรื่องของเค้าดิ...ไม่มีใครสนใจหรอก...” ผมถียง
“...เหรอ...ไม่มีใครสนใจใครเหรอ...แล้วที่แกล้งรุ่นน้องให้มาคุกเข่าขอความรัก กอดรัดฟัดเหวี่ยงรุ่นพี่เนี่ยไม่มีคนมอง ไม่มีคนสนใจเลยเนอะ...ที่มหาลัยเราไม่เห็นมีแบบนี้เลย...” ชิบหายแล้ว มันเห็นตอนนั้นแน่ ๆ รุ่นพี่ปี 3 สั่งให้มาขอความรักพวกผม มีถึงขั้นหอมแก้มพวกผมใครก็ได้คนนึง แล้วเค้าจะเซ็นชื่อให้ เราก็สงสารน้องอ่ะนะ จริง ๆ แล้วชอบด้วย สนุกดี แต่ก็ไม่ได้คิดอกุศลนะครับ.....เป้าหมายน่ะเหรอ ผมคนเดียวเลย อีเต็มก็ระริกระรี้เกินไป เด็กไม่กล้าหอม....อีนันก็หน้าบึ้ง กลบเกลื่อนความอาย อีนี่ยังไม่เคยมีแฟน ค่อนข้างหัวโบราณ.....อีกุ้งมีพี่ก้องนั่งขนาบอยู่ข้าง ๆ มันแอบมาบ่นทีหลังว่าเสียดายจริง ๆ....ส่วนใหญ่จะใช้วิธีให้จมูกเฉียดแก้มผมเฉย ๆ ไม่โดนกันจริง ๆ หรอก แต่ก็มีบ้างไอ้พวกที่ทโมน ๆ ทั้งหลายมันหอมแก้มผมไปเต็ม ๆ เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากเพื่อน ๆ ในซุ้ม แต่ก็ยืนยันคำเดิมนะครับ ว่าไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นกับรุ่นน้องทุกคน แม้ว่าจะมีหลายคนที่หน้าตาดีเข้าตากรรมการ.....
“...จะให้มันเหมือนกันทุกมหาลัยได้ไงอ่ะ...ถ้าไม่ไว้ใจกันก็มานั่งเฝ้าทุกวันเลยก็ได้นะ...” ผมไม่ยอมแพ้ พูดจบผมก็เดินหนีมัน
“...เดี๋ยว...วันนี้จะกลับกี่โมง...” มันดึงมือผมไว้
“...ไม่รู้...” ผมตอบเสียงกระด้าง
“...เรารอนะ...” มันเดินตามผมมาที่ซุ้ม ตอนนี้มีคนเหลือไม่มากแล้ว เพราะต้องพารุ่นน้องไปที่สนาม
“...เออ...” ผมไม่สนใจมัน ยังนึกเคือง ๆ มันอยู่
.....และนี่มันก็ได้เห็นแล้วว่าหน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบมันเยอะขนาดไหน รุ่นน้องที่เข้าเรียนตอนซัมเมอร์มีประมาณ 50 กว่าคน ถือว่าเป็นการวอร์มเครื่องก่อนรับน้องจริง ๆ ตอนเปิดเทอมที่จะถึงในเร็ว ๆ นี้.....การที่ต้องควบคุมคนหมู่มากให้ทำอะไรแบบเดียวกันมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เรากำลังลองผิดลองถูกกันอยู่ กลุ่มผมมีหน้าที่หาเรื่อง หาเกมส์ หาท่าเต้นพิสดารมาสอนน้อง และรุ่นพี่ทุกคน ประมาณว่า ถ้าจะให้รุ่นน้องทำ รุ่นพี่ต้องทำได้ด้วย....ไม่อยากบอกเลยว่า ขณะที่ผมไม่ค่อยมีเวลาให้วุธ แต่คนนึงที่ผมได้เจอบ่อยมากกว่าดันเป็นไอ้โยซะนี่ ก็เรามีเรื่องให้ต้องคุยกันเยอะ ต้องนัดเจอกันเพื่อให้มันสอนท่าเต้น สอนร้องเพลงตลก ๆ แอบทะลึ่งสองแง่สองง่าม มันลงทุนถึงขนาดนั่งรถมาหาผมที่มหาลัยเลยนะครับ ปีนี้มันก็จะขึ้นปี 3 แล้ว (มันสอบเทียบได้ และเข้ามหาลัยก่อนผมไงครับ) งานที่มหาลัยของไอ้โยก็ไม่ได้มีอะไรมากแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของน้องปี 2 มันจึงมีเวลาว่างมาหาผมบ่อยขึ้น และโชคดีที่วันนี้มันไม่มา ไม่งั้นต้องเจอกับไอ้วุธแน่ ๆ ถึงปากมันจะบอกว่าไม่หึงไอ้โย แต่ผมก็ไว้ใจไม่ได้หรอก พักหลังมานี่มันอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เอาใจไม่ถูกเลย.....
.....วันนั้นผมขอตัวกลับเร็วกว่าปกติ เพราะเกรงใจไอ้วุธที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอที่หลังห้องประชุม มองผมเป็นระยะ.....ตลอดทางกลับบ้าน เราไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก ต่างคนต่างไว้ฟอร์ม ถามคำตอบคำ ขนาดตอนกินข้าวยังเงียบเลยครับ บรรยากาศน่าอึดอัดที่สุด จนเกือบ ๆ สามทุ่ม ผมขี่รถมอไซค์ออกไปส่งมันที่หน้าปากซอย เพราะตอนนี้มันไม่มีรถใช้ ก็พี่มันที่เพิ่งสึกออกมาเมื่อเดือนก่อนเอารถคืนไปแล้ว นี่มันกำลังอ้อนแม่ขอรถคันใหม่อยู่.....และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่มันไม่ได้มาหาผมบ่อยเหมือนเดิม และอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้มันหงุดหงิดง่ายด้วยดีนะว่าช่วงนี้มันปิดเทอมอยู่ ไม่อยากคิดว่าถ้ามันต้องโหนรถเมล์ไปเรียนไกลขนาดนั้น มันจะมีสภาพยังไง.....
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-10-2007 00:32:23
ได้อ่านก่อนนอนมีความสุขและ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 08-10-2007 01:05:22
เห้อ เอ้สวย ซะป่านนั้น วุธ ถึงป่านนี้

รอต่ออีกนะคับ

เลิฟๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 08-10-2007 07:40:30
 :impress:

น่ารักกันจิง ๆ คู่นี่

แล้วจะเป็นไงต่อไปหว่า

รออ่านต่อไปน๊า......

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 08-10-2007 08:58:46
วู้ ๆ ๆ
ชอบจังคู่นี้ ยังไงก็มาต่อไวไวนะครับ
ติดตามอยู่อ่ะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 08-10-2007 10:06:28
หวังว่าทั้งคู่คงจะร่วมกันผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้น้า   :m5:

ลุ้นต่อปายยยยยย  :m4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 08-10-2007 10:14:09
อ่ะนะ เป็นใครเห็นแฟนทำงั้นก็คงหึงเป็นธรรมดา เข้าใจวุธอ่ะ แต่เอ้นี่ดิ พูดเหมือนไม่แคร์วุธเลย  :m19: :m19:
เอาใจช่วยทั้งคู่ให้สมหวังนะ  :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 08-10-2007 10:18:49
เข้าใจเอ้นะ  :m17:   สู้ต่อไป ขอให้สมหวังนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 08-10-2007 10:26:29
 :m3:ชอบจังเยย..มีงอน..มีหวง..หึงด้วย.. :m3:
แต่ถ้ามากไปก็น่ารำคาญนะ..
แล้วมาต่ออีกน๊า.. :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 08-10-2007 20:11:21
สนุกมากๆ ค่ะ

ขอบคุณคนโพสต์มากๆ ด้วย ไม่อยากบอกว่าไม่ได้ตอบกลับนานมากเพราะไปเที่ยวสองอาทิตย์ เพิ่งกลับบ้าน แต่ขนาดไปเที่ยว ยังหาโอกาสไปเนตคาเฟหาอ่านเลย คิดดูละกันว่าติดเรื่องนี้ขนาดไหน

ชอบเรื่องนี้มากๆ ตอนนี้วุธน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 08-10-2007 21:14:26
14 LOVE TAKES TIMES (PART I)

.....ไม่มีเวลา.....ไม่ใช่ข้ออ้างนะครับ.....มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ผมเรียนตอนเช้า ช่วงบ่ายรับน้อง พอปล่อยน้องกลับบ้าน รุ่นพี่ต้องเข้าห้องประชุมต่อ แวะกินข้าวกับเพื่อน ๆ กว่าจะถึงบ้านก็เกือบสามทุ่มทุกวัน.....วุธดูเหมือนจะเข้าใจความเป็นจริงที่เราต้องเจอ เราต่างไว้ใจกันและกัน โทรคุยกันบ้าง ลึก ๆ แล้วผมก็กลัวว่าจะประคับประคองความรักที่ผิดธรรมชาตินี้ไปได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง.....ผมพยายามทำทุกทางเพื่อจะชดเชยเวลาให้วุธหลังจากที่เรารับน้องรุ่นซัมเมอร์ไปได้ซักระยะ ตอนนี้เป็นช่วงพัก ของทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง ให้ได้เตรียมการสอบกลางภาค แต่สำหรับรุ่นพี่ หลังสอบคราวนี้ รุ่นน้องภาคปกติก็จะเข้ามาสอบ ประกาศผลสอบ รายงานตัว ตรวจร่างกาย ปฐมนิเทศ และเปิดเทอม ตื่นเต้นมาก ผมคิดว่าผมพร้อมแล้วกับการเป็นรุ่นพี่ที่ดีต่อไป.....
“...วุธ...วันเสาร์นี้มานอนบ้านเรามั๊ย...” เป็นครั้งแรกที่ผมชวนมันนอนค้าง
“...หา...” วุธส่งเสียงดังด้วยความประหลาดใจ จนผมต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู
“...จะมาปะ...” อายนะโว้ย คบกันมาตั้งนาน มีแต่มันที่ขอมานอนด้วย แต่ครั้งนี้ผมตั้งใจชวนมันเพื่อให้มันรู้ว่าผมยังเหมือนเดิม
“...ไปดิ...ไปตั้งแต่วันศุกร์เลยได้มะ...” เสียงวุธดีใจมาก ผมเงียบให้มันลุ้นนิดนึง
“...อืม...จะมาวันไหนก็ได้ เราว่างแล้ว...” ผมนั่งยิ้มอยู่คนเดียว บิดสายโทรศัพท์เกือบขาด ในหัวคิดว่าจะทำอะไรพิเศษตอบแทนความดีของมันบ้าง
“...กลับวันอาทิตย์เลยนะ...” ผมเงียบนานกว่าเดิม “...ว่าไง...” มันทวงคำตอบ
“...ตามใจ...”
“...งั้นเย็นวันศุกร์เราช่วยที่บ้านเก็บร้านก่อน แล้วมืด ๆ ไปหานะ...”
“...โอเค...”
“...ไม่ต้องรอกินข้าวนะ ถ้าหิวก็กินก่อนเลย...” มันยังมีแก่ใจเป็นห่วงผม
“...โอ๊ย ทุกวันก็กินตอนมืด ๆ อยู่แล้ว...”
.....ผมวางแผนจะลงมือทำกับข้าวให้มันกินด้วยตัวเอง ได้ยินมันบ่นว่าอยากกินหลายอย่างเลยครับ ผมเก็บรายละเอียดไว้ในหัว ประกาศลั่นซุ้มเย็นวันศุกร์ใครอย่าได้ชวนไปไหนเชียวนะ ผมไม่ไปหรอก เพื่อน ๆ ทุกคนรู้ว่าผมมีนัด เที่ยงปุ๊บกระเด้งกลับบ้านแน่นอน.....อยากให้ถึงวันศุกร์เร็ว ๆ จัง ผมนั่งคิดนอนคิด จะใส่ชุดอะไร จะจัดโต๊ะกินข้าวยังไง เพราะของที่มันอยากกินบางอย่างมันไปด้วยกันไม่ได้เลย.....
.....ตื่นเต้นเกินไปหรือเปล่าเนี่ย ในที่สุดวันศุกร์ วันสุขก็มาถึง นี่คงเป็นข้อดีของการที่เราไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ เหมือนเมื่อก่อน ผมถึงขนาดฝากอีนันซื้อเทียนหอมไว้จุดในห้องนอน ย้ำพี่ที่ทำความสะอาดให้เปลี่ยนผ้าปูที่นอนเป็นลายการ์ตูนน่ารัก ๆ ที่ซื้อมาตั้งนานแล้วแต่ผมอายไม่เคยใช้ให้มันเห็น ลงทุนซื้อดอกไม้สดมาจัดเองทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน หมดไปหลายบาทเชียว แต่ไม่เป็นไรนาน ๆ ครั้ง.....เพื่อวุธ.....
.....กว่าจะทำกับข้าวทุกอย่างที่มันเปรย ๆ ว่าอยากกินเสร็จ ก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็น ข้าวหุงรอไว้เต็มหม้อ เพราะผมกับมันเคยมีประวัติกินข้าวสองคน มื้อเดียวหมดหม้อมาแล้ว วันนี้ขอมีแอลกอฮอล์นิดหน่อยให้แก้มแดง ๆ ตาเยิ้ม ๆ แต่ยังสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมมีอะไรกับวุธเด็ดขาด.....ผมเช็คทุกอย่างจนแน่ใจว่าไม่ลืมอะไร อาหารเสร็จแล้ว โต๊ะสวยเชียว มีดอกไม้ในแจกันทั้งในห้องรับแขก ห้องกินข้าวข้าง ๆ ห้องครัว ปกติไม่ค่อยได้ใช้โต๊ะนี้เท่าไหร่ เพราะจะเอากับข้าวโปะราดลงไปบนข้าวแล้วเดินไปนั่งกินหน้าโทรทัศน์เป็นประจำ.....ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ขอขัดเนื้อขัดตัวหน่อย จะได้ลื่น ๆ เนียน ๆ เวลาวุธมันอยากจะลูบ ๆ คลำ ๆ โอ๊ย แค่คิดก็เขินแล้ว.....
.....ทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านตัวเองแต่เสื้อผ้าหน้าผมนี่ สามารถออกไปเที่ยวกลางคืนได้เลย กะว่าอีกซักพักไอ้วุธมันคงจัดร้านเสร็จ จะโทรไปบอกว่าไม่ต้องหาซื้ออะไรมาให้อีก เพราะเท่าที่เตรียมไว้ให้นี่ก็ไม่รู้จะกินกันหมดหรือเปล่า.....น้องชายผมน่ะเหรอ ไม่ต้องห่วง มันไม่เป็นก้างขวางคอแน่ ๆ เพราะตอนนี้มันมีแฟนแล้ว พอกินข้าวเสร็จ มันก็เข้าห้องโทรศัพท์ทั้งคืน ครั้งละนาน ๆ ผมไม่ว่าอะไร จะว่าได้ไงล่ะ เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบเดียวกับมัน.....ขณะที่ผมกำลังแต่งตัว หมุนซ้าย หมุนขวา อยู่หน้ากระจก เสียงน้องหมาผมก็เห่าดังมาก ดังจนกลบเสียงเพลงที่ผมชอบเปิดค้างไว้เพื่อให้ได้ยินถึงในห้องน้ำ ซักพักตามมาด้วยเสียงร้อง ครางหงิง ๆ ด้วยความดีใจ ผมนึกในใจว่าไอ้วุธมาแล้วแน่ ๆ แต่ก่อนเวลามันมาจะต้องได้ยินเสียงท่อไอเสียดังไปเจ็ดแปดบ้าน นี่คงนั่งมอไซค์เข้ามาอ่ะดิ ทำไมมันเก็บร้านเสร็จเร็วจังวะ ผมคิดในใจ หรี่เสียงวิทยุแล้วเดินยิ้มลงไปข้างล่าง.....
“...พี่เอ้...” น้องชายคนเล็กถลาเข้ามากอดขาผมที่ยิ้นตะลึงอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย
“...อ้าว...ยืนงงอยู่นั่นแหละ มาช่วยขนของเข้าบ้านหน่อยสิลูก...” เสียงพ่อผมเรียกสติให้คืนมา
“...ทำไมไม่โทรมาบอกก่อนอ่ะครับ...” ผมถามหลังจากที่ยกมือไหว้พ่อกับแม่ และญาติห่าง ๆ ผมอีก 3-4 คน
“...อ้าว...ไม่ได้บอกพี่เค้าเหรอ...” แม่หันไปถามน้องชายคนกลางของผม
“...ลืมครับ...” สั้น ๆ แต่เล่นเอาผมฉุนกึก
“...แล้วนี่จะไปไหนล่ะ...” แม่มองผมด้วยความสงสัย
“...เปล่า...ลองเสื้อผ้าเฉย ๆ ครับ...”
“...ดีแล้ว...นาน ๆ พ่อกับแม่จะลงมาซักที จะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน....” ผมยืนตัวชา
“...เอ้...ทำอะไรเนี่ย...กินกันกี่คน...ไหนบอกว่าไม่รู้ไงว่าพ่อกับแม่จะมา...” พ่อเดินมาจากห้องครัว คงเห็นกับข้าวที่ผมเตรียมไว้ให้วุธ
“...ก็...ก็...ทำเก็บไว้อ่ะพ่อ...”
“...นี่เก็บไว้ได้สามวันเลยนะ...” แม่พูดเสริมหลังจากที่เดินเข้าไปดูในครัวบ้าง
“...หิวมั๊ย...ไปล้างไม้ล้างมือแล้วมากินข้าวกัน...” พ่อหันไปพูดกับญาติ ๆ
“...เอ้...หนูไปอุ่นกับข้าวหน่อยลูก...แม่ทำน้ำพริกอ่องมาฝาก...เดี๋ยวแม่เข้าไปช่วย...” ผมเหวอ อะไรกันเนี่ย ทำไมวุ่นวายไปหมด แล้วไอ้วุธมันจะมาได้ยังไงอ่ะ คนเต็มบ้านขนาดนี้
.....โอ๊ย...โทรเข้าบ้านไอ้วุธก็ไม่มีคนรับ ใช่สิ มันเก็บร้านอยู่ โทรศัพท์อยู่ในห้องมันนี่นา เพจบอกก็ได้วะ ผมฝากข้อความให้มันโทรกลับบ้านผมด่วน.....ไม่นานนัก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมวิ่งไปรับตัดหน้าน้องชายผมที่กำลังจะขยับตัวเพราะคิดว่าสายของมันแน่นอน...และก็ใช่จริง ๆ ด้วย ผมยืนกระสับกระส่าย ส่งสายตาเร่งให้มันวางสาย มันคงอึดอัดที่ผมยืนจ้องมันอยู่ ถึงได้วางหูกระแทกดังโครม ถ้าไม่ติดว่าพ่อกับแม่อยู่ด้วย ผมจะตบกบาลมันซักที.....
“...ฮัลโหล...” พอน้องผมวางหู โทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดี
“...กำลังจะออกไปแล้ว...” วุธพูดสวนทันทีที่ได้ยินเสียงผม
“...วุธ...อย่าโกรธนะ...มาค้างวันหลังได้มั๊ย...ตอนนี้พ่อกับแม่เรากลับมาบ้านอ่ะ...” ผมกระซิบ
“...แล้วไง ไม่เห็นเป็นไรเลย...” มันพูดหลังจากเงียบไป
“...ญาติเต็มบ้านเลย...”
“...ก็ดีสิ...”
“...จะบ้าเหรอ...คนเค้ายิ่งสงสัยอยู่...” ผมพูดตามความจริง เวลาเจอหน้าญาติโกโหติกา ชอบมีคนถามว่าผมมีแฟนหรือยัง บางคนสนิทกันหน่อยถึงกับถามว่าจะมีแฟนเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
“...อายเหรอ...” ผมไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงของมัน
“...เออดิ...” ผมตอบโดยไม่คิดอะไร
“...แล้วพรุ่งนี้ล่ะ...” วุธถามเสียงเรียบ
“...เมื่อกี้ได้ยินพ่อบอกว่าจะพาเรากับน้องไปเยี่ยมญาติอ่ะ...”
“...เอางี้...เอ้บอกมาเลยดีกว่า ว่าจะเจอกันได้เมื่อไหร่...”
“...ยังไม่รู้เลย...รอให้พ่อกับแม่กลับไปก่อนดีกว่า...”
“...เมื่อไหร่ล่ะ...”
“...ไม่รู้...ใครจะกล้าถามล่ะ เค้าเพิ่งจะมาถึง...”
“...โอเค...แค่นี้นะ...”
“...เดี๋ยว...” ไม่ทันครับ ไอ้วุธวางหูไปซะแล้ว ท่าทางมันจะโกรธซะด้วยสิ แต่ผมก็ไม่ชอบเลยจริง ๆ นะไอ้คนวางหูใส่เนี่ย ยังพูดไม่เคลียร์เลย จะโทรกลับก็ไม่ได้ พ่อกับแม่รอกินข้าวอยู่ อีกซักพักค่อยโทรไปคุยกับมัน ง้อมันนิดนึงละกัน...
.....ผมขยับทำอะไรไม่ได้เลย กินข้าวเสร็จพ่อกับแม่ก็ลากผมไปพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบ คุยไปคุยมา ชักเริ่มวกเข้าเรื่องผมที่เริ่มยาวประบ่า เรื่องหน้าตาที่ผมดูแลเป็นอย่างดี จนดูเหมือนผมเจ้าสำอาง วิพากษ์วิจารณ์กับพวกญาติของผมกันเป็นเรื่องเป็นราว พวกเค้ากลัวว่าผมจะเป็นกะเทย พวกเค้าไม่อยากให้ผมเป็นเหมือนอาเล็ก.....ผมนั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันถึงเรื่องอนาคตของผมด้วยความอึดอัด มีแม่คนเดียวเท่านั้นที่ไม่มีความเห็นอะไร และยังมองด้วยสายตาที่เข้าใจความรู้สึกของผม ในที่สุดแม่ก็ให้ผมไปล้างจานชามที่คาไว้ในห้องครัว ปกติผมต้องมีอาการอิดออดบ้าง แต่เวลานั้น ไม่เลยครับ เหมือนหลุดจากที่ที่ไม่มีอากาศหายใจ ผมแอบแวบไปบนห้องกะจะโทรศัพท์หาวุธ แต่พอยกหูขึ้นมา น้องผมดันใช้อยู่ซะแล้ว ผมยอมเสียมารยาทพูดแทรกบทสนทนาตามประสาวัยรุ่นของน้องชายผม ขอมันใช้โทรศัพท์แป๊บนึง แค่จะโทรไปนัดเวลาคุยกับวุธ อยากเล่าให้มันฟังว่าวันนี้ผมเตรียมทำอะไรให้มันบ้าง....ผมอึดอัดแค่ไหนที่ต้องกลายเป็นเด็กอีกครั้ง หลังจากเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านมานาน....อยากระบายให้มันฟัง อยากได้ยินเสียงหัวเราะของมัน อยากให้มันพูดอะไรก็ได้ที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น.....
“...วุธ...”
“...อะไร...” มันตอบรับด้วยเสียงเย็นชา มันคงงอนอ่ะ ผมคิดในใจ
“...ทำอะไรอยู่...” ผมถามเสียงใส
“...เปล่า...”
“...วันนี้อ่ะ เรา.....” กำลังจะเริ่มพูดเกริ่น ๆ มันดันแทรกขึ้นมา
“...เอ้...เราไม่ว่างแล้ว แค่นี้นะ...”
“...อ้าว...” ผมพูดได้แค่นั้นแหละ มันวางหูไปซะแล้ว เมื่อกี้มันบอกว่าไม่ได้ทำอะไรนี่หว่า หรือว่ามันจะโกรธกูจริง ๆ วะ โทรใหม่ก็ได้
“...ฮัลโหล...วุธ...” นานมากกว่ามันจะรับ ทั้ง ๆ ที่ผมโทรกลับไปทันทีหลังจากวางสายเมื่อกี้
“...บอกแล้วไงว่าไม่ว่าง...” มันเสียงดังใส่ผม เท่านั้นแหละ ตบะแตก อารมณ์ผมขึ้นบ้าง
“...เออ...กูผิด ขอโทษ...” ผมวางหูดังโครม ไม่กลัวโทรศัพท์พังเลยครับ
.....นั่งเงียบซักพัก ขอสงบสติอารมณ์ก่อน โกรธไอ้วุธมาก น้อยใจด้วย อยากจะคุยกับมันดี ๆ แต่ดูมันทำสิ...ผมวิ่งลงไปเคาะประตูบอกน้องชายว่าใช้โทรศัพท์เสร็จแล้ว และจะดึงปลั๊กบนห้องออกด้วย ถ้ามีใครโทรมาให้บอกว่าไม่ว่าง ให้เพจมาอย่างเดียว ถ้ามีเวลาจะโทรกลับเอง......
.....ผมเดินหน้าหงิกไปล้างจานชามกองใหญ่ เสียงผู้ใหญ่คุยกันดังลอดมาถึงข้างใน นึกโมโห พาลไปหมด รู้สึกเหนื่อยมากทั้ง ๆ ที่เมื่อเย็นยังสดใสร่างเริงอยู่เลย.....มองดอกไม้ มองเศษอาหารที่เหลือ ผมยิ่งน้อยใจไอ้วุธที่มันไม่ฟังผมอธิบายเหตุผลเลย โอเค ถ้ามันไม่ว่างจริง ๆ ผมก็ไม่ว่าอะไร แต่ผมรับไม่ได้กับเสียงที่บ่งบอกว่ารำคาญที่มันตะคอกใส่ผมเมื่อครู่....พยายามไม่คิดมาก แต่มันก็อดไม่ได้ ล้างจานไป น้ำตาก็หยดติ๋ง ๆ ต้องคอยเอาแขนเช็ดมันออก กลัวคนจะเข้ามาเห็น.....
.....ตลอด 5 วันที่พ่อกับแม่ผมอยู่บ้าน แรก ๆ อึดอัดบ้าง เคยเป็นคนสั่ง แต่ตอนนี้ต้องเป็นฝ่ายโดนสั่งให้ทำนู่นทำนี่ เช้าไปเรียน บ่ายรีบกลับบ้าน มีกิจกรรมที่ต้องทำด้วยกันทั้งครอบครัวเยอะมาก ไปเที่ยว ไปซื้อของ และนี่ก็ดีเหมือนกัน ผมอยากได้อะไร พ่อกับแม่ก็ซื้อให้ และผมก็ได้สิ่งที่ผมอยากได้ที่สุดตอนนั้นคือโทรศัพท์มือถือซึ่งแพงมาก ๆ และโปรโมชั่นไม่ได้ดีอย่างสมัยนี้ แต่กว่าจะได้ ผมต้องใช้ความสามารถพิเศษส่วนตัวในการหว่านล้อมให้เห็นว่าสิ่งที่ผมอยากได้มันจำเป็นแค่ไหน ผมก็คงเหมือนกับเด็กที่เห่อของใหม่มัวแต่เล่นโทรศัพท์ทั้งวัน ทำให้ลืมเรื่องไอ้วุธไปได้บ้าง.....ใจจริงแล้วอยากให้มันรู้เบอร์โทรใหม่ของผมเป็นคนแรก ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ มันก็คงเป็นอย่างนั้น แต่ผมเลือกที่จะบอกเบอร์เพื่อน ๆ ผมทุกคน และกำชับว่าไม่ให้บอกเบอร์นี้กับใครถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากผม.....
.....อยู่ไปอยู่มา รู้สึกอบอุ่นเหมือนเดิม ถึงผมจะเรียนมหาลัยแล้ว แต่ในสายตาพ่อกับแม่ ผมยังเป็นเด็กเสมอ ผมใช้เวลากับครอบครัว พาน้องคนเล็กไปเที่ยวหลังเลิกเรียน ให้มันไปนั่งรอผมเรียนที่มหาลัยในวันที่ผมรู้ว่าอาจารย์วิชานี้ไม่เช็คชื่อ ผมก็เข้าไปแป๊บเดียว ซักพักก็ออกมานั่งเล่นกับมันที่ซุ้มรอเวลาห้างเปิด.....เด็กอ่ะนะครับ ให้ไปไหนก็ไป ให้ทำอะไรก็ทำ มันยังเด็กเกินไปนักที่จะอายเวลาโดนล้อว่าเป็นเด็กติดพ่อแม่ ติดพี่ วันนั้น เพื่อนผมเข้ามาหอมบ้าง หยิกแก้มบ้าง น้องผมมันน่ารักจะตายเหมือนผมตอนเด็ก ๆ เลย.....
.....จนกระทั่งถึงวันที่พ่อแม่และน้องเดินทางกลับเหนือ ใจหายเหมือนกัน ใจนึงก็อยากให้พวกเค้าอยู่ด้วยกันนาน ๆ อยากให้แม่ทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้กิน อยากให้พ่อพาไปซื้อของในห้าง อยากตอบคำถามวันละหลายสิบคำถามของน้องในวัยกำลังซน.....แต่อีกใจนึงก็อยากเป็นอิสระ บางทีก็เบื่อที่พ่อชอบมายุ่งกับเสื้อผ้า ผมเผ้า เค้าอยากไม่อยากให้ไว้ผมยาว แต่ผมไม่ยอมหรอก บางทีก็หงุดหงิดแม่ที่ชอบให้ทำอะไรที่ไม่เห็นจำเป็นต้องทำในขณะนั้น.....แต่ถ้าถามจริง ๆ จากใจ ผมอยากให้พวกเรากลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ให้ผมเป็นเด็ก ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย ในตอนที่ผมอ่อนล้าจากปัญหาส่วนตัว มีคนที่รักและหวังดีคอยชี้นำทาง เวลาผมหาทางออกไม่ได้.....
.....วุธไม่มีการติดต่อกลับมาเลยครับ ผมนั่งนับวันรอครบ 1 สัปดาห์ที่มันไม่โทรหรือแม้กระทั่งเพจ ผมชักเริ่มเครียดที่มันแรกหายไปนาน นี่อาจจะเป็นสัญญาณที่เราคงต้องจบกันจริง ๆ แล้วมั้ง.....ได้เวลาทำใจแล้วเรา ผมปลอบตัวเอง.....

“...พี่เอ้...เมื่อกี้พี่วุธโทรมา แต่บอกเค้าแล้วหล่ะว่าพี่ไม่ว่าง ให้เพจเข้ามาอย่างเดียว...” น้องผมเดินขึ้นมาบอกผมบนห้อง
“...อืม...แล้วมีคนอื่นอีกปะ...”
“...มี...แต่เค้าไม่ได้บอกว่าใครโทรมา แต่ผมก็บอกให้เพจหาอย่างที่พี่เอ้สั่งนะ....แล้วทำไมพี่ไม่ให้บอกเบอร์มือถือล่ะ...”
“...ต้องเป็นคนสนิทจริง ๆ โว้ยถึงให้ได้...” ผมตัดบท น้องชายผมพยักหน้าหงึก ๆ แล้วเดินกลับลงไปห้องมัน....ใช่ ต้องเป็นคนสนิทเท่านั้น ผมบอก
.....ในที่สุดไอ้วุธก็เพจมา ให้ผมโทรกลับในวันรุ่งขึ้น นับได้ 8 วันที่เราไม่ได้คุยกันเลย ผมอ่านข้อความของมันซ้ำไปซ้ำมา ลังเลจะโทรหรือไม่โทรดีหว่า......
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: JaeTae ที่ 08-10-2007 23:18:22



  พรุ่งนี้มาต่อไม๊อ่า อยากอ่าน มาต่อน้า   :m15:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-10-2007 23:26:46
โกรธกันอีกและ..........เฮ้อ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 09-10-2007 02:13:52
โอ้ย...ปวดใจจิงๆคับ โกรธกันอีกแล้วทำไมไม่ค่อยๆคุ่ยกันคับแต่ละคนฑิฐิแรงกันจิงๆความรักใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆนะคับ ถนอมกันหน่อยนะคับขิงก็รา ข่าก็แรงกันจิง คุณเอ้นะคุณเอ้
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 09-10-2007 03:18:38
แหมวุธ ถ้ารุ้ว่าเอ้เตรียมการ ไว้เยอะขนาดนี้ คงหายโกดได้แระล่ะ

แหมชวนมาบ้านช่างเปนคนที่พิเศษมากมาย

มาต่ออีกนะคับ

อยากอ่านต่อมากมายยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 09-10-2007 08:42:15
หุหุหุ !!!  :m25:  วิธีการมันคล้ายๆใครหว่า  เอิ๊กๆๆ  เข้าใจเอ้อ่ะแต่ก็เห็นใจวุธด้วย พยายามเข้า  อิอิ

ขอบคุณนะคะ มาต่ออีกนะ   :m4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 09-10-2007 10:41:38
ขอให้ดีกันเร็วๆเถอะ สาธุ  :m5: :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 09-10-2007 10:58:40
โทรกลับไปเถอะอย่าทิฐิเลย
จะดี ๆ ทะเลาะกันอีกล่ะเฮ้อ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 09-10-2007 11:58:36
 :impress:

เพิ่งจะดีกันได้ไม่นาน ทะเลาะกันอีกแระ

เข้าใจกันไว ๆ และกันนะ

รออ่านต่อไปนะครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อด$
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 09-10-2007 13:20:49
โทรกลับไปเถอะอย่าทิฐิเลย
จะดี ๆ ทะเลาะกันอีกล่ะเฮ้อ :เฮ้อ:


โทรดิคะ...รออยู่เหมือนกันอ่ะ  แฮ่ ๆ   :impress:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 09-10-2007 18:34:35
 :m16:
คนอ่านก็อึดอัดนะนี่  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ตามมาดู ที่ 09-10-2007 21:54:36
เหมือนเห็นเมฆฝนตั้งเค้ามาแต่ไกลแฮะ ไหนว่าฟ้าหลังฝนจะสดใสงัยอะ ..
สงสัยต้องเป็นฤดูมรสุมแน่นอน เมฆฝนมาถี่ยิบ ..  :m15:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 09-10-2007 23:24:40
ฮาโหลวววว  อยุ่หนายยยย

มาต่อทีเน้ออออออออ ลุ้นต่อนะค้าบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 10-10-2007 00:01:27
 :เฮ้อ:เฮ้อ.. งอนกันอีกละ..
ก็เข้าใจนะว่าวัยรุ่นอารมณ์ร้อน.. :m16:
แต่ไอ้ทิฐิเนี่ย..ลดๆลงหน่อยก็ดีนะ..
ปล่อยเวลาไว้นาน..ยิ่งจะไปกันใหญ่น๊า..
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 10-10-2007 00:15:01
15 Love takes time (Part II)

“...ทำไมวันนี้ตื่นสายจัง...” ผมแทบจะหันหลังกลับขึ้นห้องทันทีที่ได้ยินเสียงไอ้วุธมันทัก....ทั้ง ๆ ที่เดินผ่านเก้าอี้ที่มันนั่งอยู่ แต่ผมดันมองไม่เห็น อาจจะเพราะผมเดินสะลึมสะลือลงมาเช้านั้น
“...อ้าว...มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย...” ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แก้อายที่เดินผ่านมันหน้าตาเฉย แถมยังอยู่ในสภาพที่มันไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก หัวฟู หน้ามันเยิ้มด้วยครีมทาก่อนนอน
“...ซักพักแล้ว...ซื้อของมาเยอะแยะเลย...” มันยกถุงขนมถุงใหญ่ขึ้นโชว์ผม
“...กินเถอะ...เราต้องรีบไปธุระ...”
“...ไปด้วย...” ผมหันขวับ มองหน้ามัน นี่มันจะไม่พูดเรื่องวันนั้นซักนิดเหรอ
“...ธุระส่วนตัว...” ผมเน้น มันสลดไปนิด เห็นแล้วสงสารชิบเป๋ง
“...งั้นเรากลับเลยละกัน...” มันลุกขึ้นเดินคอตกจะพ้นประตูแล้ว
“...ไม่คิดจะไปส่งหน่อยเหรอ...” ในที่สุดผมก็ใจอ่อนจนได้ วุธชะงักนิดนึง หันมายิ้มตาหยีแล้วเดินตรงดิ่งเข้ามา ผมถอยหนี ห้ามเข้ามาใกล้เด็ดขาด ไม่มั่นใจ หน้าก็ยังไม่ได้ล้าง ฟันก็ยังไม่ได้แปรง
“...กินข้าวเช้าด้วยกันนะ...” ไอ้วุธตะโกนตามหลังผมขึ้นมา เอ๊ะ มันกัดกูหรือเปล่าวะ นี่มันเกือบเที่ยงแล้วนะโว้ย ผมคิดในใจ
....วันนี้ผมมีนัดกับไอ้โยที่มหาวิทยาลัยของมัน จะไปดูรูปแบบการรับน้องของที่อื่นบ้าง เพื่อจะได้เอามาปรับใช้กับมหาลัยเราบ้าง นัดไว้บ่ายโมง วุธนั่งมองผมกินข้าวอย่างรีบร้อน.....เพราะมึงนั่นแหละ ทำให้กูนอนไม่หลับเมื่อคืน รู้สึกอึดอัดที่มันไม่เคลียร์เรื่องวันนั้น ผมอยากให้มันเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน ผมจะได้อธิบายให้มันฟังว่าผมไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย ผมตั้งใจจะทำอะไรให้มันบ้าง ผมรอเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกันนาน ๆ.....
“...ตกลงไปไหนบอกได้ยัง...” มันถามขณะขึ้นมานั่งฝั่งคนขับ
“...ไป XXXXX” ผมบอกชื่อมหาวิทยาลัยของโย...ไอ้วุธขมวดคิ้วทันทีที่ผมพูดจบ
“...ไปทำไมอ่ะ...” มันหันมามองหน้าผม
“...ไปหาโย...” มันอึ้ง แต่ซักพักก็ฝืนยิ้มออกมา
“...เพื่อนแฟนก็เหมือนเพื่อนเรา...” มันพูดเองเออเอง ทำเอาผมงงไปเลย
......หลังจากหาที่จอดรถได้ ผมเดินนำไอ้วุธไปที่คณะของโย แม้ว่ามหาลัยมันจะกว้าง ทางเดินวกไปวนมา แต่ผมมาหลายทีแล้ว ไม่หลงหรอก ไอ้วุธมัวแต่มองกลุ่มเด็กปีหนึ่งที่กำลังโดนรับน้องสภาพเลอะเทอะไปทั้งตัว.....ไม่นานผมก็ถึงโต๊ะไอ้โย เพื่อนโยทุกคนจำผมได้ และยังคิดว่าผมเป็นแฟนไอ้โยด้วยซ้ำ วันนี้พวกเค้ามองผมกับวุธอย่างสงสัยประมาณว่าไอ้เถื่อนนี่มันมาทำอะไรที่มหาลัยนี้ วุธมันไม่รู้ตัวว่าจะต้องมาที่นี่ มันใส่เสื้อยืดย้วย ๆ กับกางเกงยีนส์ขาด ๆ รองเท้าแตะ หลายคนอาจจะมองว่ามันเถื่อน แต่ผมชอบ ผมว่ามันเซอร์ดี เสื้อยืดย้วย ๆ นี่ทำให้เห็นกล้ามอกของมัน กางเกงยีนส์ขาด ๆ น่ะเหรอ ตัดกับขาขาว ๆ ของมันจะตาย.....
“...อ้าวคุณวุธ...เป็นไงมั่งครับ ไม่ได้เจอกันซะนานเลย...” โยทำหน้างง เมื่อเห็นไอ้วุธยืนข้าง ๆ ผม
“...ก็ดีครับ...วันนี้มีรับน้องเหรอครับ...”
“...ครับ...แล้วมหาลัยคุณวุธมีรับน้องปะครับ...”
“...มี...แต่ไม่ได้รับแบบนี้...โหดกว่าเยอะ...” วุธกวาดสายตามองไปรอบ ๆ
“...ขอไปดูใกล้ ๆ ได้ปะวะ...” ผมถามโย
“...เออ มึงจะไปอยู่กลางวงเลยก็ได้นะ...” อ้าวไอ้นี่ ทีกับไอ้วุธนะ พูดเพราะเชียวนะมึง แต่ก็ดีเหมือนกัน วุธจะได้เห็นว่าผมกับโยไม่มีอะไรกันจริง ๆ
.....ภาพกิจกรรมที่อยู่ตรงหน้าทำให้ผมกับวุธลืมเรื่องบาดหมางกันไปได้ สนุกมาก หลายครั้งที่ไอ้วุธถึงกับปล่อยก๊ากออกมากับท่าเต้นของน้องใหม่เหล่านั้น ผมแน่ใจว่าที่คณะมันไม่มีแบบนี้แน่ ก็ผู้ชายครึ่งค่อนคณะนี่นา....พอถึงช่วงว๊าก ดูไอ้วุธจะเก็บรายละเอียดเป็นพิเศษ หน้าตามันจริงจังมาก เหมือนมันโดนว๊ากซะเอง ผมแอบมองหน้ามันอยู่นานจนมันรู้สึกตัว.....หันมาสบตา ผมเองต้องเป็นฝ่ายหลบตามันวูบ.....
“...ไปเดินดูของคณะอื่นกันเถอะ...” วุธชวน ตอนแรกคิดว่ามันจะเบื่อที่ต้องมานั่งเฝ้าผม แต่พอเห็นมันสนใจกับกิจกรรมที่ผมพามันมาดู ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยครับ
“...อืม...” ผมรับคำ แต่ไม่ลืมไปบอกไอ้โยก่อน กลัวมันจะห่วง
“...เออ...อย่าเพิ่งหนีกลับนะมึง...กูยังไม่ได้สอนเต้นท่าไม้ตายเลย...” ไอ้โยพูดขำ ๆ ผมพยักหน้า
“...มานี่บ่อยเหรอ...” อยู่ดี ๆ วุธมันก็หันมาถาม ผมอึ้ง คิดว่าจะตอบตามความจริงดีหรือเปล่า
“...ไม่หรอก นาน ๆ ที แต่ช่วงนี้บ่อยหน่อย...” ผมแบ่งรับแบ่งสู้
“...มาทำไมบ่อย ๆ...” อ้าว ซวยเลยกู
“...มาหาโย...เอ่อ...มาธุระเรื่องรับน้องอ่ะ...” ผมรีบแก้ตัว เมื่อไอ้วุธหันมาเหล่
“...ทุ่มเทเหลือเกินนะ...” มันประชด
“...แหม...ครั้งเดียวในชีวิตน่า...อีกไม่นานก็จบแล้ว...” ผมพูดขำ ๆ
.....เดินไปได้ไม่ไกลนัก มัวแต่มองเด็กปีหนึ่งที่โดนรับน้องระหว่างทาง บางคณะก็กำลังว๊ากรุ่นน้องนั่งก้มหน้าเงียบ บางคณะกำลังร้องรำทำเพลง เต้นแร้งเต้นกาไปตามเสียงเชียร์ของรุ่นพี่ ขณะที่ผมเดินเพลิน ๆ ก็มีมือมาจับแขน.....
“...มีอะไรเหรอครับ...” แทนที่คนโดนจับจะเป็นฝ่ายถาม แต่ไอ้วุธถามทันทีที่เห็น ผมคงกำลังตกใจที่ใครก็ไม่รู้ หน้ามีแต่สีละเลงจนจำไม่ได้ ผมก็โดนผูกจุกหลายจุก ถอดเสื้อใส่แต่กางเกงยีนส์เก่า ๆ
“...ขอตัวเอ้แป๊บนึงนะครับ...” เฮ้ย รู้จักเราด้วย
“...ใครอ่ะ...” ผมถาม แต่เสียงมันคุ้นหูอยู่นะ
“...โมทย์ไงครับ...” โอ๊ย...สุดหล่อของผม โดนรับน้องครั้งที่สอง ยังขาวจั๊วเหมือนเดิม
“...จะพาเราไปไหน...” โมทย์ลากผมไปที่ซุ้มคณะมัน ผมหันไปมองไอ้วุธที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ที่เดิม ซักพักมันก็เดินตามมาห่าง ๆ
“...อ่ะ...เบอร์มือถือผม...โทรมาคุยกันมั่งนะ...” โมทย์ยัดกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ใส่มือผม
“...เออ...ว่าง ๆ ก็กลับไปเยี่ยมเพื่อน ๆ บ้างล่ะ...” ผมพูดพร้อมเก็บเบอร์ใส่กระเป๋า ถ้าไม่ติดว่าไอ้วุธอยู่ใกล้ ๆ ก็จะให้เบอร์ผมเหมือนกัน
“...คิดถึงนะ...” ไม่คิดว่าไอ้โมทย์จะพูดแบบนี้ ผมหันไปมองหน้าไอ้วุธทันที มันยังคงทำหน้าเฉยอยู่
“...เพื่อน ๆ ก็คิดถึงโมทย์เหมือนกัน...” ผมพยายามทำให้วุธเห็นว่าผมกับโมทย์ไม่ได้เป็นอะไรกัน
“...แล้วเอ้ไม่คิดถึงเหรอ...” ผมหน้าชา
“...คิดถึงดิ คนเคยเรียนด้วยกันทุกวัน...” ไม่เข้าใจว่าพูดเพื่ออะไรเนี่ย มันน่าจะจำไอ้วุธได้ และมันก็ไม่น่าจะโง่จนดูไม่ออกว่าเราเป็นอะไรกัน
“...เอ้...หิวไม่ใช่เหรอ...” วุธพูดเสียงเข้ม แต่กูยังไม่หิวนี่หว่า ผมเห็นหน้ามันถึงเก็ท
“...อืม...โมทย์ เรากลับก่อนนะ ว่าง ๆ โทรไป...” ผมลามันก่อนจะวิ่งตามวุธที่เดินก้าวยาว ๆ นำไปไกลแล้ว ซักพักมันก็หันซ้ายหันขวา ไม่รู้จะไปทางไหน
“...มาทางนี้...” ผมเดินนำมันบ้าง
“...ไปไหน...”
“...ไปคณะโย...”
“...เราจะกลับแล้ว...” อ้าว เป็นอะไรของมันวะ ผมลังเล
“...เดี๋ยวกลับด้วยกันดิ...ไปหาไอ้โยก่อน แป๊บเดียว...”
“...เอ้ไปเหอะ เรากลับเองได้...” วุธพูดโดยไม่มองหน้าผม
“...เออ...” ผมไม่สนใจเดินแยกกับมันตรงนั้น ไม่หันกลับไปด้วย ชักเริ่มหงุดหงิดแล้วเหมือนกัน
.....หลังจากนั้น ผมกับวุธก็ไม่ได้คุย ไม่ได้เจอกันอีกเลย ผมไม่โทร ไม่เพจ มันก็ไม่ติดต่อผมเหมือนกัน ประกอบกับผมยุ่งเรื่องลงทะเบียนปีสอง จัดตารางเรียนเอง เตรียมรับน้องในวันปฐมนิเทศ ทำแบบเดียวกับที่เคยโดนเมื่อปีที่แล้ว ทำยังไงก็ได้ให้รุ่นน้องได้รู้จักกัน แจกป้ายชื่อ แนะนำตัวรุ่นพี่ แนะนำเรื่องเรียน พาน้องเดินดูรอบ ๆ มหาวิทยาลัย.....
.....การหายไปของไอ้วุธในครั้งนี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับผมมากนัก เพราะ...หนึ่ง ผมเตรียมใจไว้แล้ว...สอง ผมคิดแต่ว่า ผมไม่ผิด ผมบริสุทธิ์ใจ...สาม ผมยุ่ง และสนุกกับชีวิตจนไม่มีเวลาไปคิดถึงมัน...ก่อนเปิดเทอม หลายครั้งที่ผมต้องไประยอง จันทบุรี ตราด หรือลงใต้ไป เพชรบุรี ประจวบฯ เพื่อเซอร์เวย์ หาสถานที่รับน้อง ไปฟรีตลอดทริป ก็เงินที่เก็บกันมาตลอด 1 ปี ในงบที่เอาไว้ใช้รับน้อง งบที่ทางฝ่ายเหรัญญิกแบ่งมาในส่วนนี้มากพอที่จะทำให้พวกผมเที่ยวอย่างสนุกจัง ตังค์อยู่ครบ ไปกันแต่เช้า กลางวันกินข้าวร้านดี ๆ กลางทาง ขับรถวนหารีสอร์ตที่เหมาะกับการรับน้อง ไม่ใช่ดูแต่เฉพาะที่นอนเท่านั้น ต้องดูถึงสถานที่ทำฐาน ทำซุ้มให้รุ่นพี่แต่ละปีรับน้องของใครของมัน ตอนเย็นเล่นน้ำทะเล ตกกลางคืนออกเที่ยวเธคที่ดังที่สุดในจังหวัด.....
....เด็กปีสองทุกคนทุ่มเทกับงานนี้มาก ธีมของการรับน้องในปีผมจะต้องไม่มีการเจ็บตัว เราจะทำให้น้อง ๆ ได้รับแต่ส่วนดีของกิจกรรมนี้ และจะลบภาพที่รุ่นน้องวาดไว้ในหัวก่อนเข้ามหาวิทยาลัย เราจะสนุกกัน เราจะรู้จักกัน เราจะช่วยเหลือกัน เราเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องกัน.....พวกเราร่วมมือร่วมใจกัน ด้วยความช่วยเหลือของหลายฝ่าย แต่ก็ยังไม่วายมีปัญหาสารพัด เนื่องจากความคิดเห็นของแต่ละคนไม่ตรงกัน นี่คือสาเหตุที่ทำให้ต้องเข้าห้องประชุมกันทุกเย็น และตอนนี้อีนันได้รับเลือกให้เป็นรองประธานนักศึกษาสาขาการตลาดรุ่นนี้ด้วย ส่วนตัวผมก็ได้รับเลือกให้ป็นหัวหน้ากิจกรรมนันทนาการอีกหนึ่งตำแหน่ง ทำให้กลุ่มผมมีบทบาทในการรับน้องครั้งนี้มาก เสี่ยงอยู่เหมือนกันนะครับ ถ้ารุ่นน้องเป็นอะไรขึ้นมา พวกผมต้องเดือดร้อนแน่....ดังนั้น ก่อนทำอะไร พวกเราต้องคิดให้ดี ๆ ก่อนทุกครั้ง.....
....เย็นวันก่อนเปิดเทอมไม่กี่วัน ผมเพิ่งกลับจากไปซื้อพวกอุปกรณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ใช้ในการรับน้องที่ประตูน้ำ....เดินอารมณ์ดีไขกุญแจประตูใหญ่เข้าบ้าน ทักทายน้องหมาที่วิ่งเข้ามาพันแข้งพันขา ผมสังเกตเห็นประตูในบ้านเปิดอยู่ นึกสงสัยว่าทำไมวันนี้น้องผมกลับบ้านเร็วจัง เด็กมัธยมจะเปิดเรียนก่อนมหาลัยอ่ะครับ.....แต่ทันทีที่ผมเดินพ้นประตู ตาประสานกับสายตาคู่เดิมที่เคยทำให้ผมเขินมาจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ผมวันนี้ ผมกลับรู้สึกเฉย ๆ กับมันซะแล้ว ไม่ว่าเจ้าของสายตาจะพยายามส่งยิ้มทักทายผมก่อน.....
“...เหนื่อยมั๊ย...” จากที่คบกันมา มันยังจำได้ว่าผมไม่ชอบให้คนถามว่าไปไหนมา มันเหมือนกับเป็นการจับผิด
“...ไม่เท่าไหร่...” ผมตอบสั้น ๆ เดินเฉียดไหล่มันไปเข้าห้องน้ำล้างมือล้างเท้า

“...กินข้าวยัง...” มันเดินตามมาคุยหน้าห้องน้ำ
“...กินแล้ว...” ผมโกหก เดินไปหาน้ำกินในครัว ไม่สนใจเสียงเดินตามหลัง
“...เดี๋ยวมืด ๆ ก็หิวอีกใช่ปะ...งั้นเรารอกินด้วยล่ะกัน...”
“...หิวก็กินไปก่อนดิ...จะรอทำไม...” ผมหันไปพูดเสียงเรียบ
“...มีเรื่องจะคุยด้วย...” มันทำหน้าจริงจังมาก จนผมต้องเป็นฝ่ายหงอซะเอง เราคงจบกันวันนี้แน่ ๆ เลย
“...พูดมาเลยดีกว่า...” ผมกลั้นใจพูด
“...ยังไม่มีอารมณ์...” มันพูดหน้าทะเล้นเหมือนเดิม ผมงง มันมาไม้ไหนวะ
“...ตามใจ...จะพูดตอนนี้หรือตอนไหน มันก็เป็นเรื่องเดิมใช่มั๊ย...” ผมเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า รู้สึกตัวชา ๆ ยังไงก็ไม่รู้ นี่ขนาดเตรียมใจมาแล้ว คอยดูนะ กูจะไม่มีน้ำตาให้มึงอีก ผมสัญญากับตัวเองกลางสายน้ำจากฝักบัว แต่เอ๊ะ ทำไมมันมีน้ำอุ่น ๆ เค็ม ๆ ไหลเข้าปากด้วยวะ อย่าร้องไห้นะเอ้ ตรงนี้ยังได้อยู่ แต่ต่อหน้ามัน มึงอย่าร้องนะ ผมบอกตัวเองซ้ำไปซ้ำมา
.....ออกมาจากห้องน้ำต้องตกใจอีกครั้ง มันมานั่งมองผมอยู่ปลายเตียง ไม่ได้เจอกันนาน มันยังดูดีในชุดที่ผมเคยบอกว่าผมชอบคนใส่เสื้อกล้ามสีขาว กับกางเกงขาก๊วย เหมือนชุดนอน ดูเป็นธรรมชาติของคนอยู่บ้านดี ผมไม่หลบตา จ้องมันกลับบ้าง เป็นทำนองว่า มองกูทำไม...วุธถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วลมตัวลงนอน ยกแขนขึ้นมาหนุนหัว เสื้อตัวเล็ก ๆ เลิกขึ้นเห็นหน้าท้องแบนราบ มีขนอ่อน ๆ ลามเข้าไปในขอบกางเกงที่ผูกไว้หลวม ๆ เลือดกำดาวแทบกระฉูด คิดในใจว่า อย่าทำให้กูชอบมึงมากกว่านี้ได้มั๊ย แล้วกูจะลืมมึงยังไงเนี่ย.....
“...เสร็จยัง...” วุธนอนมองเพดานพูดกับผม
“...อะไรเสร็จ...” ผมกวน
“...แต่งตัว แต่งหน้าเสร็จยัง...”
“...ไอ้บ้า...” ผมเขวี้ยงกระป๋องแป้งเด็กอันเล็กที่ใกล้หมดไปลงตรงเป้ามันเต็ม ๆ
“...โอ๊ย...โยนแม่นชิบเป๋งเลยว่ะ...” มันลุกขึ้นนั่งคลำเป้าทำหน้าเจ็บ
“...เวอร์ ๆ กระป๋องพลาสติกแค่นี้ไม่เจ็บขนาดนั้นหรอก...” ผมมองมันผ่านกระจก
“...ถ้าใช้ไม่ได้ขึ้นมาทำไงอ่ะ...”
“...ก็ดีสิ...” มันก้าวยาว ๆ มาไม่ถึงสามก้าวก็ถึงตัวผม ลุกหนีไม่ทันแล้ว
“...ยังไม่เคยลองใช้เลย เสียดายนะเอ้...” มันโอบผมไว้แน่น วุธจูเนียร์ชักเริ่มมีการขยายตัวดันหลังผม
“...ปล่อย...” ผมหลุดหัวเราะออกมา
“...หายงอนแล้วเหรอ...”
“...ไม่ได้งอนนี่...” มึงนั่นแหละงอน ผมคิดในใจ
“...ไปขี่รถเล่นกัน...” วุธกระซิบข้างหูผม เล่นเอาขนลุกเลยครับ
“...เดี๋ยวหวีผมก่อน...” ผมเทน้ำมันหอมใส่แปรง วุธคว้ามาหวีให้เบา ๆ
“...มิน่าล่ะ ผมถึงได้ห๊อม..หอม...” มันหวีไปพูดไป
“...เราว่าจะตัดผมตอนเปิดเทอมหล่ะ...” ผมชวนคุย
“...อย่าตัดเลย เสียดาย...”
“...มันยาวเกินไปแล้วนะ...”
“...อย่างนี้น่ะดีแล้ว เราชอบ...” แค่นั้นแหละ ล้มเลิกความคิดจะตัดผมเลย จริง ๆ แล้วโดนพ่อกดดันให้ตัดหรอก ผมตั้งใจจะไว้ให้ยาวที่สุดเท่าที่จะไว้ได้ เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะตอนทำงานยังไงก็ต้องตัดอยู่แล้ว

======================================
คำเตือน เก็บเกี่ยวความหอมหวานของชีวิตให้มากกกก เพราะมันจะไม่อยู่กับเรานานนักหรอกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 10-10-2007 01:10:27
ดีใจจังคุณเอ้เริ่มหวานกันแล้ว รักกันนานๆนะคับ อย่างอนกันบ่อยนาคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 10-10-2007 02:58:58
กลับมาหวานกันอีกแย้ว..ชอบชอบ.. :m3:
วุธก็ยอมๆเอ้บ้างละกัน..
ส่วนเอ้ก็อารมณ์หญิง :a14:ให้มันน้อยๆหน่อยก็จะดี..
ความหวานจะได้อยู่ด้วยไปนานนนน..
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 10-10-2007 03:56:23
แหมชอบ

แต่คำเตือนนั่น อ่านแร้วใจหวิวแทนอ่
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 10-10-2007 08:33:32
เห็นด้วยอ่ะ  คำเตือนแบบนี้ได้ยินแล้วใจฟ่อเลย สงกะสัยจะไม่กล้าหวานแล้วอ่ะ   

ทำไมหัวใจคนถึงต้องเปลี่ยนแปลงล่ะคะ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงเลย

รักกันไปแบบนี้นานๆไม่ได้หรอคะ ไม่ทะเลาะกัน ไม่เลิกรักกันไม่ได้หรอคะ   :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 10-10-2007 09:16:08
สงสัยหลังจากนี้ คงฮือๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 10-10-2007 09:45:43
เราว่าเอ้ มีทิฐิกับความรักมากเกินไป ปากแข็ง ไม่พูด ไม่อธิบายอะไรเลย ปล่อยให้วุธคิดเอง พอวุธงอนก็ไม่ง้อ เฮ้อ  :เฮ้อ:
เราเข้าข้างวุธอ่ะ เราว่าวุธทำดีที่สุดแล้ว เป็นคนง้อเอ้ทุกครั้ง  :m13:


ปล.อ่านคำเตือนแล้วใจไม่ดีเหมือนกัน ไม่อยากเศร้า  :sad2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: JaeTae ที่ 10-10-2007 10:44:07



  ขอให้หวานกันงี้ไปนานๆ แต่ทะเลาะกันมากก็มะดีนะ :undecided:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 10-10-2007 11:36:57
 :impress:

กลับมาดีกันแระ

ดีกันให้มันนาน ๆ หน่อยได้ไหมเนี่ย

ขอบคุณครับที่มาต่อ รออ่านต่อไปนะ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 10-10-2007 11:53:38
 :m5: :m5: :m5: :m5: :m5: :m5:


รักกัน รักกัน ไปนานๆๆๆๆๆๆ นะคะ

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 10-10-2007 13:19:16
 :impress:
ดีใจแทนคุณเอ้และก็คุณ lanlan คน post จังเลยยยย... ที่มีเพื่อน ๆ ให้ความสนใจเรื่องนี้มากมาย :m4:
ช่วงนี้คุณ lanlan หายไปเลยยยย เห็นเรา post ให้ได้ ปล่อยเราตามยฐากรรมเลยนะ....
กลับมาช่วยข้อยหน่อยแนนนนนน   :m26:

เป็นตัวแทนขอบคุณเพื่อน ๆ ละกันครับบบบบบที่ติดตามกัน ถึงตอนนี้ใกล้จบภาคมหาลัยแล้วววว....
แต่ก่อนจะจบ....คง..... :a5:

ต่อไปถึงภาคการทำงาน ใครจะเป็นตัวจริงของเอ้กันแน่....ให้เพื่อน ๆ ติดตามกันต่อไป.... :give2:
อ่านนิยายจะทุกข์ จะสุขยังไง....ดูแลความรู้สึกตนเองนะครับบบบ...รักษาสุขภาพด้วยครับทุกคนนนน

ปล. สำหรับขาหื่น...รอบทส่งท้ายนะครับ บอกแค่เนี้ยยยยยย หุหุหุ..... :m10:
 :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 10-10-2007 13:43:56
ขอบคุณคุณnartch เหมือนกันจ้า  ขยันขันแข็งมั๊กมาก +1 ให้นะ     o13

มาต่อไวไวนะ    :impress:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 10-10-2007 19:46:18
เคยอ่านเรื่องนี้แล้วแต่ก็ยังอ่านไม่จบเพราะว่าหาไม่เจอ...
ในบอร์ดปาล์มมันหายากมากกกกก  ตัดใจไปแล้วคิดว่าจะไม่ได้อ่านแล้วซะอีก... :m17:
เรื่องนี้อ่านกี่ครั้งก็อินอ่ะ...อือๆ

ดีใจที่มีคนเอามาโพสต์จัง...  :m4:
ขอบคุณนะคะ...
แล้วจะแวะมาอ่านบ่อยๆ...อิอิ :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 11-10-2007 00:23:08
16 Love takes time (Part III)

.....เย็นนั้น เราสองคนขี่รถเล่นกัน เข้าซอยเล็กซอยน้อย เป็นทางลัดไปได้เรื่อย ๆ ตลอด ผมในฐานะผู้คุ้นเคยกับบริเวณนี้ เป็นคนขี่แบบไร้จุดหมาย วุธนั่งซ้อนเอาคางเกยไหล่ หาเรื่องคุยเป็นระยะ....เวลาผ่านช่วงไม่มีคน มันมักจะเอามือมาโอบเอวผม บางทีก็กอดซะแน่น หายใจแทบไม่ออก เราดูเหมือนจะรักกันนะครับ แต่ในความรู้สึกตอนนั้นมันไม่ใช่เลย ผมมีลางสังหรณ์ว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้นไม่ช้านี้ วุธพูดจาแปลก ๆ และเอาใจผมเกินความจำเป็นไปนิดนึง....อึดอัดมาก ทนไม่ไหวแล้ว....ผมตัดสินใจขี่รถพามันไปที่แห่งหนึ่งเป็นท้ายซอยตัน มีคลองเล็ก ๆ สุดถนน สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่หลายสิบต้น ผมไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ มาแทบทุกวัน เล่นซ่อนหา ทำบ้านเล็ก ๆ ใต้ต้นไม้ เล่นขายของ ถ้าวันไหนเด็กผู้ชายเยอะหน่อยก็เล่นตำรวจจับผู้ร้าย....ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เย็นขนาดนี้ ไม่มีเด็กวิ่งเล่น เงียบสงบ ได้ยินแต่เสียงนกร้องเบา ๆ บนต้นไม้.....
“...พักก่อน...” ผมจอดมอไซค์ เอาขาตั้งลง เดินนำมันไปนั่งบนท่อนไม้ใหญ่ ที่คนแถวนั้นเอามาวางไว้เป็นที่นั่งเล่น
“...เอ้กล้าขี่รถมาแถวนี้คนเดียวปะ...” วุธมองรอบ ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพามันมา

“...ทำไมจะไม่กล้า แต่ก่อนก็ขี่จักรยานมาเล่นแถวนี้ประจำ...” ผมพูดจบก็เงียบ กำลังคิดหาทางให้ไอ้วุธเปิดปากพูดเรื่องที่ค้างคาอยู่
“...เอ้...” “...วุธ...” เสือกพูดพร้อมกันอีก
“...เอ้พูดก่อนดิ...” มันพยักเพยิดให้ผมพูด
“...ได้...วุธมีอะไรจะพูดปะ...” มันอมยิ้ม ผมไม่ขำด้วย มันถึงได้ทำหน้าจริงจัง
“...เปิดเทอมหน้า...เราจะไปอยู่หอแถวมหาลัย...” ผมอึ้ง แต่ยังทำหน้าเฉย
“...พ่อกับแม่ยอมเหรอ...”
“...ก็เค้าไม่ให้รถไปใช้ เราก็เลยบอกเค้าว่าจะอยู่หอ...” มันดื้อเป็นเรื่องปกติ
“...แล้วไง...” ผมถามต่อ มันเงียบซักพัก
“...เปิดเทอม ต่างคนก็คงต่างยุ่งเนอะ ไหนจะเรื่องเรียน เรื่องรับน้อง เราอาจจะไม่มีเวลาให้กันเหมือนเดิม อีกอย่างหอที่เราไปอยู่มันไม่มีโทรศัพท์สายตรงด้วยอ่ะ.....แต่...เอ่อ....ยังไงเราก็จะโทรหาทุกวันนะ...” มันพยายามพูดเป็นเรื่องเล็ก ผมก็พยายามทำเป็นไม่สนใจ
“...ไม่ต้องลำบากหรอก...เราจะมีเวลารับหรือเปล่ายังไม่รู้เลย...” มันอึ้งกับท่าทางเฉย ๆ ของผม จะให้ทำยังไงล่ะ ตีโพยตีพาย ร้องห่มร้องไห้เหรอ ไม่มีทาง แถมเรื่องที่มันอ้างก็ดันกลายเป็นเรื่องเดียวกับผมที่ไม่มีเวลาให้มันอีก
“...เสาร์อาทิตย์ เรามานอนบ้านเอ้นะ...” มันยังทำเป็นอารมณ์ดี
“...กลับไปนอนบ้านเหอะ...ให้พ่อแม่เห็นหน้าบ้าง...” ผมกลั้นใจพูด
“...งั้นกินข้าวด้วยกันก็ได้...”
“...ถ้าว่างนะ...” ผมได้กลิ่นความห่างเหินแล้ว ไม่เห็นหน้า ไม่รู้ความเคลื่อนไหวของมัน จะเป็นอีกวิธีที่ทำให้ผมลืมมันเร็วขึ้น
“...อืม...ถ้าว่าง...” มันทวนคำพูดผม แล้วต่างคนต่างเงียบไปพักใหญ่
“...คิดว่าไปอยู่หอนี่จะทำให้การเรียนดีขึ้นเหรอ...” ผมหันไปถามมัน
“...ไม่รู้สิ...แต่ก็น่าจะดีกว่าต้องโหนรถเมล์ไปกลับวันละเกือบสี่ชั่วโมงนะ...” จริงของมัน... ถ้าเป็นผมก็คงไม่ไหวเหมือนกัน
“...จะไปเมื่อไหร่อ่ะ...” ผมถามเสียงเบา
“...ต้นเดือนนี้เลย เปิดเทอมพอดี ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว...” ผมใจหาย อีก 2-3 วันเอง บอกตรง ๆ ผมไม่อยากให้มันไปเลย แค่นี้เราก็ห่างกัน ไม่ค่อยได้เจอกัน แล้วถ้ามันอยู่โน่น จะเป็นยังไงมั่งก็ไม่รู้ ไว้ใจน่ะ มันก็ไว้ใจอยู่ แต่มันมีประวัติไง มันก็ยังเป็นผู้ชายนะครับ
“...ยังไงก็ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ...” ผมไม่รู้จะพูดอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว
“...เอ้ก็เหมือนกัน...อย่าซนนะ...แล้วคนชื่อโมทย์นี่ใครอ่ะ...” อ้าวทำไมวกกลับมาเรื่องนี้วะ
“...เพื่อน...” มันจ้องหน้าผมขอคำตอบที่ยาวกว่านี้ “...เพื่อนที่มหาลัยไง ตอนไปดูดาวมันก็ไปด้วย จำไม่ได้เหรอ...” วุธนั่งคิด คิ้วชนกันซักพัก
“...อ๋อ...ไอ้หน้าขาวที่มากับคนที่ขับเบนซ์ใช่มั๊ย...” ไอ้วุธมันหมายถึงอีแอ๊บ
“...เออ นั่นแหละ...” ผมโล่งใจที่มันจำได้
“...แล้วโทรไปหาเค้ามั่งปะ...”
“...โทร...” ผมตอบตามความจริง วุธชะงัก “...ก็...ยืมมือถือเพื่อนที่คณะโทรไปอ่ะ ได้คุยกันตั้งหลายคน...” ที่จริงแล้วก็มือถือผมนี่แหละ แต่ให้พวกอีเต็มคุยด้วยนะ
“...เฮ้อ...แล้วไป...” มันถอนหายใจ แล้วเราก็เงียบกันอีกพักใหญ่ ต่างคนต่างมองหน้ากันบ่อย ๆ แต่ไม่มีการพูดจา
“...วุธ...กลับเหอะ...” ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว คงเหลือแต่แสงสีส้มไกล ๆ ผมลุกขึ้นเดินไปที่รถ
“…..เราขี่เอง มืดแล้ว อันตราย.....”
“...นี่คุณวุธ...ชั้นเป็นคนสอนคุณขี่นะ...” ผมพูดขำ ๆ
“...เออน่า...ให้ลูกศิษย์ขี่ อาจารย์ซ้อนเถอะ...”
.....วุธมันจำทางไม่ได้หรอกครับ มืดซะขนาดนั้น ขี่วนไปวนมา อ้อยอิ่ง ผมอยากหยุดเวลาไว้ให้นาน ๆ อยากกอดมันอย่างนี้ อยากได้กลิ่นหอม ๆ จากตัวมัน อยากเอาคางวางไว้บนไหล่เนียน ๆ ของมันต่อไป ไม่รู้ว่าจะได้มีเวลาอย่างนี้อีกมั๊ย ไม่อยากให้ถึงบ้านเลย..... ขากลับ ต่างจากขามาอย่างสิ้นเชิง ไม่มีคำพูดจา ไม่มีการเร่งรีบ วุธขี่รถลากเกียร์ 2-3 ตลอด โชคดีแถวนั้นไม่มีหมา ไม่งั้นโดนวิ่งไล่แน่ และในที่สุดมันก็คลำหาทางกลับได้ โดยที่ผมไม่ต้องบอกมันซักนิด.....
.....เราแวะตลาดแถวบ้าน ซื้อของมากินกันอย่างเคย ต่างคนต่างพยายามทำตัวให้สดใส เหมือนไม่มีเรื่องมีราวอะไรกันมาก่อน ทั้ง ๆ ที่ในใจผมตอนนั้นมันแทบจะทนไม่ไหวแล้ว เรากำลังจะห่างกันด้วยความจำเป็น อนาคตเราจะเป็นยังไงต่อไป ไม่มีทางเหมือนเดิมแน่ ต่อให้ปากจะบอกว่ารักกันแค่ไหนก็เถอะ.....
.....ขอเก็บช่วงเวลาดี ๆ นี้ไว้ เพราะนี่อาจจะเป็นมื้อเย็นมื้อสุดท้ายระหว่างผมกับวุธก็ได้ กับข้าวของกินทุกอย่างบนโต๊ะล้วนแล้วแต่เป็นของที่เราสองคนชอบ แต่วันนี้ไม่อร่อยเลย ทรมานชิบเป๋ง กว่าจะกลืนลงคอได้แต่ละคำ น้ำตาคลอขอบตา พร้อมที่จะหยดทุกเมื่อ.....เรานั่งกินกันเงียบ ๆ ต่างคนต่างมีเรื่องให้คิด.....และยิ่งเราจะพยายามทำทุกอย่างให้เป็นเหมือนปกติ...มันกลับยิ่งรู้สึกฝืนจนน่าอึดอัด และสิ่งที่ผมกลัวที่สุดในตอนนั้นก็คือ.....
“...เอ้...คืนนี้เราขอนอนด้วยนะ...” วุธพูดขณะช่วยผมล้างจาน
“...อย่าเลย...”
“...โกรธเหรอ...” มันเขยิบเข้ามาใกล้อีก
“...โกรธเรื่องอะไร...”
“...ก็เรื่องเราไปอยู่หออ่ะ...”
“...ทำไมต้องโกรธล่ะ...จะนอนไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับเรา...อนาคตของคุณเอง...ถ้าคิดดีแล้วก็ทำเลยสิ...” ผมแอบประชด โกรธนะ แต่โกรธตัวองมากกว่า ที่ไม่ไว้ใจมัน ไม่ไว้ใจตัวเอง กลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้ กลัวจะร้องไห้ให้มันเห็น
“...ไหนบอกไม่โกรธไง...นี่อ่ะ หน้าย่นแล้ว...” มันดึงแก้มทั้งสองข้างของผมออก
“...โอ๊ย...เจ็บ...” ผมร้องเบา ๆ ยื่นมือไปดึงหน้ามันบ้าง แต่ทีนี้มันดันดึงหน้าผมเข้าไปหาหน้ามัน จนปากแทบจะชนกัน ผมขยับตัวหนี ตอนนี้ในครัวเงียบมาก เงียบจนได้ยินเสียงน้องผมคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องข้าง ๆ
“...ขอโทษ...เรากลับเลยดีกว่า...” วุธช่วยผมหยิบจานขึ้นซ้อน ๆ กันแล้ววางผึ่งลมไว้
“...เดี๋ยวไปส่ง...” ผมวิ่งไปหากุญแจมอไซค์
“...ไม่เป็นไร...” วุธฝืนยิ้มให้ผม มันเป็นหน้าที่ของผมไปแล้วเรื่องขี่รถออกไปส่งมันปากซอยทุกครั้งที่มันจะกลับบ้าน ถ้าไม่ได้เอารถมา แต่นี่มันผิดปกตินะ
“...รอก่อน...” ผมตะโกนไปด้วย หากุญแจรถไปด้วย ไอ้วุธมันวางไว้ไหนวะ....ไม่ทันแล้ว มันปิดประตูเบา ๆ เดินออกจากรั้วบ้าน ผมวิ่งเท้าเปล่าออกไปยืนอึ้งอยู่กลางถนน มองร่างสูง ๆ เดินก้มหน้าก้มตาไปตามทาง ปากก็หนักเหลือเกิน จะเรียกก็ไม่กล้า.....
.....ผมเดินกลับเข้ามานั่งจ๋องอยู่คนเดียวบนชิงช้าหน้าบ้าน น้องหมาล้มตัวลงนอนประจบอยู่ไม่ห่าง ดอกไม้ที่ปลูกไว้ข้างรั้วส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ มาตามลม น้ำตาไหลลงมาแบบไม่รู้ตัว เกลียดตัวเองเหลือเกิน ทำไมปากแข็งอย่างนี้ ทำไมปากกับใจไม่ตรงกัน ทำไมถึงมีทิฐิกับคนที่รักที่สุดได้ลงคอ ถ้าเสียมันไปอีกครั้งมึงจะทำยังไง...หา...อีเอ้...ทำไมมึงโง่อย่างนี้ ผมด่าตัวเอง.....
.....หลังจากนั่งร้องไห้ได้พักใหญ่ เริ่มมีสติ สูดลมหายใจลึก ๆ คิดถึงเหตุและผล คิดถึงความจริงที่เราได้เลือกทำลงไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ด้วย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราเคยคุยกับวุธแล้วนี่นา ว่าต่อไปเราจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล เมื่อกี้มึงอึดอัดแค่ไหนล่ะ เมื่อกี้มึงรู้ตัวตลอดใช่มั๊ยว่าทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป มึงอยากฝืนทุกอย่างให้มันเป็นอย่างที่ใจมึงคิดเหรอ อย่าให้เรื่องความรักเป็นเรื่องของการอดทนเลย.....เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ใจไอ้วุธได้ แต่มึงก็ต้องทำใจไว้ด้วย ชายจริงหญิงแท้ คบกันมาเป็นสิบปียังเลิกกันได้เลย แล้วมึงยังจะเชื่อว่ารักแท้มีจริงในหมู่เกย์อยู่อีกเหรอ....ผมปลอบใจตัวเอง.....
.....เวลาหนึ่งเดือนกว่า ๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว การรับน้องทั้งที่มหาวิทยาลัย และต่างจังหวัดเป็นไปได้ดีเกินคาด คุ้มค่าเหลือเกินกับการที่พวกเราทุกคนทุ่มเทเวลา แรงกาย แรงใจ สนุกมาก ทั้งสนุกทั้งเหนื่อย ยุ่งจนสามารถทำให้ผมลืมเรื่องไอ้วุธไปเลย ต่างคนต่างยุ่งอ่ะครับ มันก็มีกิจกรรม ผมก็มีเรื่องให้ต้องทำ แรก ๆ คุยกันบ้างตอนดึก ถ้าเป็นช่วงกลางวันก็ใช้วิธีส่งเพจเล่าเรื่องราว รายงานตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ไม่ลืมหยอดคำหวาน ๆ ให้กำลังใจ รักอย่างโน่น คิดถึงอย่างนี้.....
.....ผมเองก็มีความผิด เราต้องห่างกันขนาดนี้ ผมก็ยังไม่ยอมบอกเบอร์มือถือของผม ไม่ยอมบอกมันว่า ตอนนี้เพจเบอร์ที่มันส่งมาหาผมเกือบทุกวัน เป็นเพจที่โดนจูนใช้กันทั้งกลุ่มเบอร์เดียว ประหยัดดี หารกันเดือนละไม่กี่บาทเอง ไว้ใจเพื่อนไงครับ อีกอย่างกลุ่มเราไม่มีอะไรต้องปิดบังกันด้วย.....
.....วันอาทิตย์ที่สองที่มันไปอยู่หอ เรามีโอกาสเจอกันอีกครั้ง ที่บ้านผม แต่ก็แค่แป๊บเดียว มันแค่มาทักทายแล้วต้องรีบกลับหอ ส่วนผมก็เตรียมตัวออกไปกินข้าวกับพี่น้องสายรหัส เพื่อเป็นการต้อนรับน้องใหม่ในสาย.....
.....และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน ผมต้องออกต่างจังหวัดไปรับน้อง ไม่สิ ต้องไปเตรียมการไว้ก่อน 2 วันก่อนที่รุ่นน้องจะมา วุธเพจมาหาผม แต่ผมไม่มีปัญญาจะออกไปหาโทรศัพท์สาธารณะเพื่อเพจกลับ จะให้ใช้โทรศัพท์ของตัวเองเหรอ สัญญาณไม่มีครับ โทรเข้าไม่ได้ โทรออกก็ไม่ได้ เหมือนพกสากกะเบือ.....ขับรถออกไปโทรสิ เอารถมานี่นา แต่เปรอะโคลนไปทั้งตัวขนาดนี้ จะให้อาบน้ำ ทิ้งเพื่อนออกไปเพจหาผู้ชายเหรอ ยังอ่ะ มืด ๆ ค่อยโทรก็ได้ ยังไงเราก็ต้องออกไปเที่ยวอยู่แล้วนี่หว่า....
.....ลืมครับ...ลืมสนิทเลย สำหรับคืนแรก ไม่เป็นไร คืนที่สองก็ได้ วุธกระหน่ำเพจด้วยความเป็นห่วง ผมก็ยังไม่เพจกลับ เพื่อน ๆ ที่ได้อ่านเพจเตือนผมเรื่องนี้ ให้หาทางเพจกลับเร็วที่สุด ไม่งั้นผมต้องเสียวุธไปจริง ๆ แน่นอน....เพราะข้อความล่าสุดแสดงอารมณ์ของคนส่งได้อย่างชัดเจน ผมตาลีตาเหลือกดิ้นรนออกไปหาโทรศัพท์สาธารณะที่หายากมากในต่างจังหวัด ไอ้ทีมีก็ใช้ไม่ได้ กินเหรียญบ้าง เจ๊งบ้าง... ต้องขับรถรอบเมืองหาสัญญาณมือถือจนเจอ.....แต่ไม่รู้จะเพจกลับไปว่ายังไง เอาสั้น ๆ อย่างนี้แหละ “...รับน้องอยู่ต่างจังหวัด ไม่ต้องเป็นห่วง...” กำลังจะหยอดข้อความหวาน ๆ ส่งท้าย สัญญาณหายอีก ผมโมโหมาก ไม่โทรแม่งแล้ว แค่นี้มันก็น่าจะรู้ว่าผมยังสบายดีอยู่ และผมก็คิดเอาเองว่ามันก็สบายดีเช่นกัน.....
.....หลังจากผมกลับกรุงเทพฯ ข้อความที่ส่งมาจากวุธก็ค่อย ๆ ลดลง จากเมื่อก่อนวันละ 4-5 ข้อความ กลางคืนก็โทรเข้าบ้านบ้าง...ตอนนี้ส่งมาวันเว้นวัน บางทีก็สองสามวันส่งที.....ผมเองก็ส่งกลับแทบทุกครั้งที่มีเวลา.....ส่วนเรื่องโทรศัพท์ ไม่มีเลยครับ หรืออาจจะโทรมา แต่สายไม่ว่าง....แต่ไม่เป็นไรครับ ต่อไปมันก็จะโทรได้ตลอดแล้ว เพราะผมกำลังจะขอเบอร์บ้านใหม่ เป็นบริษัทโทรศัพท์ที่เพิ่งได้สัมปทานในตอนนั้น ออกมาแข่งกับองค์การฯ ของใหม่อันนี้ดีกว่าด้วย เพราะมีบริการรับสายเรียกซ้อนเป็นจุดขาย.....อีกอย่างการรับน้องก็จะจบลงพอดี ผมจะได้กลับไปใช้ชีวิตนักศึกษาปกติ เรียนเป็นหลัก เวลาที่เหลือกิน กับเที่ยว ยังไม่ต้องทำงาน อันนี้พ่อผมกำชับบ่อยมาก กลัวผมเรียนไม่จบ ถ้าจับปลาสองมือ.....
“...เฮ้ย พวกเราจะไปทำรายงานที่ไหนกันดีวะ...” อีนันถามความเห็นเพื่อส่งชื่อมหาวิทยาลัยที่เราเลือกทำรายงาน
“...ไป XXXXX ดิ...” อีเต็มยังคลั่งไข่โมทย์อยู่ พูดชื่อมหาลัยมันโดยไม่ต้องคิดเลย
“...มีคนเอาไปแล้ว...”
“...XXXXX มั๊ย...” ผมเสนอชื่อมหาลัยไอ้วุธบ้าง ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว
“...อีเอ้...มึงจะไปหาใครกันแน่ อีห่า ไกลชิบหาย...” อีกุ้งกัดขำ ๆ
“...แต่กูว่าดีจะตาย...ผู้ชายตั้งครึ่งค่อนมหาลัย...” อีเต็มพูดตาเป็นประกาย
“...อีเวร...ไปทำรายงานนะมึง ไม่ใช่ให้ไปหาผู้ชาย...” อีนันเบรก
“...เออ...เอาเหอะ...จะไปไหนก็ไป รีบเขียนเข้าดิ เดี๋ยวมีคนไปที่เดียวกันหรอก...” อีกุ้งเร่ง
....ในที่สุดพวกผมก็ส่งชื่อมหาวิทยาลัยของไอ้วุธเพื่อทำรายงานส่งในวิชาการใช้ห้องสมุด...อาจารย์สั่งให้พวกเราไปดูงานที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยอื่นกลุ่มละ 1 แห่ง เอามาทำรายงานบรรยายให้ละเอียด การจัดวางหนังสือ การค้นหา ระบบคอมพิวเตอร์สารสนเทศ.....ตอนแรกกลุ่มผมนัดกันจะไปวันพฤหัส แต่ผมรู้ตารางเรียนไอ้วุธว่าวันพฤหัสมันเรียนแค่ครึ่งวันเช้า ส่วนผมไปตอนบ่าย ไม่เจอมันแน่ ตกลงเปลี่ยนเป็นวันศุกร์นี้แทน ดีเหมือนกัน พี่ก้องผัวอีกุ้งจะได้ไปด้วย ฮิ ฮิ ไม่เปลืองน้ำมันรถเรา.....
.....กะจะเซอร์ไพร้ส์ไอ้วุธซักหน่อย หายไปนานเลยนี่นา ตอนมันไปอยู่ใหม่ ๆ ชวนผมให้ไปดูหอมันบ่อยมาก ได้โอกาสแล้วหล่ะ.....วันศุกร์นั้นทุกคนในกลุ่มผมดูดีกันเป็นพิเศษ ด้วยความที่มหาวิทยาลัยที่วุธเรียนอยู่ เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนมีชื่อเสียงมากเรื่องของวิศวกรรมศาสตร์ และยังมีคณะอื่นอีกหลายคณะ รวมทั้งคณะยอดฮิตอย่างบริหารธุรกิจ อีเต็มถึงกับสรุปเอาเองว่า สัดส่วนผู้ชาย 60 กะเทยและอีแอบ 20 ทอมกับผู้หญิงอีกอย่างละ 10 ครบร้อยพอดี.....
.....ท่าทางจะจริงของอีเต็มมัน เข้ามาในรั้วมหาลัยแค่ไม่กี่เมตร ผมมองผู้ชายที่เดินกันขวักไขว่อย่างละลานตา หล่อ ๆ เถื่อน ๆ ทั้งนั้น ดีนะที่ไม่ได้ขับรถมาเอง ไม่งั้นคงไม่มีสมาธิเพราะมัวแต่มองเป้าผู้ชายแน่ ๆ.....หลังจากหาที่จอดรถได้ เราก็เริ่มทำงานกันให้เสร็จก่อน แล้วค่อยแรด...เป็นการหาข้อมูลทำรายงานที่ไม่น่าเบื่อเลยซักนิด พวกเรากระจัดกระจายแยกย้ายไปจดบันทึกเรื่องราวที่ได้รับแบ่งงานกันมาโดยอีนันเจ้าเก่า เรื่องเรียนนี่ต้องยกให้มันเป็นผู้นำ...ดูอีเต็มจะมีความสุขมากกว่าเพื่อน ทำทีเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว หานักศึกษาผู้ชายเจ้าบ้านหล่อ ๆ มาช่วยทำรายงาน หูตามันเงี้ยแพรวพราวเชียว....ส่วนอีกุ้งก็บ่นกระปอดกระแปด ไม่น่าเอาพี่ก้องมาด้วยเลย มีคนมองมันตั้งหลายคน แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะพี่ก้องไม่ยอมให้อีกุ้งคลาดสายตา.....อีนันก็เก๊กหน้าขรึม แต่พวกเราก็แอบเห็นมันมองผู้ชายหล่อ ๆ จนเหลียวหลัง.....ส่วนผมเหรอ ได้แต่กวาดตาไปเรื่อย ๆ เผื่อจะเจอไอ้วุธ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันคงไม่มานั่งในห้องสมุดหรอก มีบ้างที่เห็นคู่เกย์กำลังหยอกล้อกันอยู่ในมุมมืดของห้องสมุด และอีกหลายคู่นั่งอ่านหนังสือกันกระหนุงกระหนิง.....เห็นอย่างนี้แล้วอยากโอนหน่วยกิตมาเรียนที่นี่มั่งจัง.....
....ที่จริงรายงานแค่นี้มันไม่ควรใช้เวลานานถึง 3 ชั่วโมง ถ้าพวกเราไม่มัวแต่เล่นกันซะเป็นส่วนมาก....ท่าทางพวกเค้าจะเลิกเรียนกันแล้ว เริ่มมีนักศึกษาหน้าใหม่ ๆ เข้ามาในห้องสมุดในขณะที่พวกผมกำลังเตรียมตัวเก็บข้าวของจะกลับบ้าน.....อีเต็มยังคงแรดได้ใจเหมือนเดิม วันนี้มันได้เบอร์ผู้ชายมาหลายคนเลย...จริง ๆ แล้วก็ได้เบอร์กันทุกคนแหละ ขนาดผมยังไม่เว้น อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้อีเต็มคนเดียว แค่พวกเราพูดเล่น ๆ ว่าชอบใครปิ๊งใคร ซักพัก อีนี่ก็วิ่งตูดสั่นไปขอเบอร์มาให้แล้ว ได้ทุกคนด้วย ผู้ชายแถวนี้ใจดีจัง.....
“...แวะหาอะไรกระแทกปากกันก่อนเถอะ...” อีเต็มระริกระรี้ขณะเดินกลับมาที่รถ
“...หา ค... ล่ะสิมึง...” อีกุ้งขมุบขมิบปากด่า
“...อีดอก...ใครจะมีติดตัวไว้ตลอดเวลาอย่างมึงล่ะ...” อีเต็มลอยหน้าลอยตาย้อน
“...พอ ๆ อีพวกนี้...อายเค้าบ้าง ไม่ใช่มหาลัยเรานะโว้ย...” อีนันปราม
“...หาอะไรกินกันก่อนมั๊ยพี่ก้อง...” ผมหาตัวช่วย จริง ๆ แล้วผมต้องการถ่วงเวลาให้อยู่ที่นี่นาน ๆ เผื่อจะเห็นไอ้วุธเดินผ่าน
“...อืม...พี่ก็อยากรู้ว่าโรงอาหารที่นี่มันจะเป็นยังไง...” ถ้าพี่ก้องไปทุกคนก็ต้องไป
“...เอาของไปเก็บก่อนล่ะกัน...” ถึงรถพอดี พวกเราโยนงานเข้าไปในรถแบบไม่กลัวเอกสารเสียหายเลย
“...ได้ไปดูผู้ชายต่อแล้ว...โอ๊ยมีความสุข What a wonderful day...” อีเต็มยิ้มระรื่น
.....จะว่าไปมหาลัยนี้ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย มีโรงอาหารอยู่สองที่ พวกเราเลือกโรงอาหารเก่า เพราะมันน่าจะมีอะไรเด็ด ๆ ให้ได้ลองกิน อยากรู้ว่าจะอร่อยสู้มหาลัยเราได้หรือเปล่า อีกอย่างตรงนั้นมันเป็นทางที่ทุกคนต้องเดินผ่านด้วยไงครับ.....อีเต็มเดินนำไปหาโต๊ะที่มองผู้คนได้ชัดที่สุด พวกเราเดินตามเข้าไปท่ามกลางสายตาของเจ้าถิ่นที่มองมาอย่างสงสัยว่าพวกเราเป็นใคร ก็อย่างที่บอกอ่ะครับ วันนี้พวกเราดูดีกันเป็นพิเศษ...และยิ่งมีคนมอง ผมก็ยิ่งทำหน้าเฉย ไม่สนใจกับสิ่งรอบข้าง ระหว่างทางผมแทบจะเดินชนหลังอีนันที่หยุดกึกโดยไม่มีการบอกกล่าวอะไรเลย.....
“...หยุดทำไมวะ...” ผมมองตามสายตาอีนันถึงได้รู้ว่าเพราะอะไร
“...อีแอ๊บ...” พวกผมพูดพร้อมกัน เสียงคงดังพอที่ทำให้เจ้าตัวเงยหน้าจากชามก๋วยเตี๋ยว แววตาวูบแรกที่เห็นมันคงตกใจที่เจอพวกผม แต่มันก็ไม่ทัก ทำหน้าเชิด ๆ หยิ่ง ๆ อย่างที่เคยทำเป็นปกติ....แต่หลังจากนั้นสิ่งที่ทำให้ผมตะลึง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง หน้าชา ตัวร้อนวูบ ๆ ไปทั้งตัว ก็ผู้ชายที่นั่งกินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมันค่อย ๆ หันมามองพวกผม และตกตะลึงพอ ๆ กันคือ
“...วุธ...” อีกุ้งพูดเบา ๆ แล้วหันมามองผมสีหน้าเป็นกังวล...ผมหันไปยิ้มให้มันนิดนึงเป็นทำนองว่ากูยังโอเคอยู่
“...อ้าว...วุธ...เป็นไงมั่ง...ไม่ได้เจอตั้งนาน...” ผมเริ่มต้นทักทายด้วยน้ำเสียงปกติ จงใจทักแต่ไอ้วุธคนเดียว
“...เอ้...มาทำอะไรที่นี่อ่ะ...” มันไม่ได้กวนนะครับ สีหน้ามันอยากรู้จริง ๆ
“...มาตามแฟนเหรอ...” อีแอ๊บเอามือเท้าคางถามผม...ได้ยินเสียงอีเต็มพูดลอย ๆ “...เสือก...” อีแอ๊บหันขวับ
“...มาทำรายงาน...แฟนเราไม่ได้เรียนที่นี่ซักหน่อย...” ผมทำหน้าใสซื่อตอบมัน แต่ใจผมเต้นโครมครามด้วยความโกรธ ไอ้วุธมองหน้าผมเหวอ ๆ
“...ไปกินข้าวกันเถอะ...” อีนันดึงมือผมให้เดินออกไปจากโรงอาหารนี้ ผมกระตุกมือมันเบา ๆ ให้เดินตามผมมาดีกว่า ผมเลือกที่นั่งชนิดประจันหน้ากับพวกมันสองคน.... หมดแล้ว ความไว้ใจ ความรักที่มีให้ ดีนะที่ยังไม่เต็มร้อยกับมัน เจ็บนะครับ แต่ผมไม่มีทางให้อีแอ็บเห็นความอ่อนแอของผมแน่นอน
“...เอ้...มึงกินอะไรอ่ะ...” อีเต็มถามผมเบา ๆ
“...ตำไทยใส่ปู เผ็ดสลบ...คอหมูย่าง...ลาบ...แล้วก็...” ผมกำลังจะสั่งต่อแต่อีกุ้งเบรกไว้ก่อน
“...อีห่า...ปอบลงเหรอมึง...”
“...ฉลองความเป็นโสดโว้ย...” ผมหัวเราะอยู่คนเดียว แต่ทุกคนหน้าเจื่อน
“...อีแอ๊บมันแรงดีจริง ๆ เลยว่ะ...” พวกมันมองผมแบบสงสาร ทำให้ผมเกิดอาการฮึด
“...เฮ้ย...อีแอ๊บมันไม่ได้แย่งไอ้วุธไปจากกูนะโว้ย...กูเลิกกับมันตั้งนานแล้ว...เห็นมั๊ยล่ะ ไอ้วุธมันไม่ได้เพจมาหากูเลย...” ผมพูดโกหกพวกมันหน้าตาเฉย ไม่ยอมเสียฟอร์มหรอก
“...มันเดินมานี่แล้ว...พี่ก้องไปสั่งของกินให้หน่อยดิ...” อีกุ้งอ้อน ไม่ยอมลุกไปเองเมื่อเห็นไอ้วุธเดินตรงมาทางโต๊ะผม พี่ก้องเองก็ดีจริง ๆ ลุกขึ้นไปไม่บ่นซักคำ....ผมมองหน้าไอ้วุธด้วยสายตาว่างเปล่า และเมื่อมันจะพูด ผมก็ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาไอ้โมทย์ซะเลย เป็นการปิดโอกาสไม่ให้มันได้คุยกับผม แต่ไม่รู้ว่าทำไมต้องโทรหาโมทย์เหมือนกัน....ไอ้วุธได้แต่ยืนอ้าปากค้าง
“...ฮัลโหล...โมทย์...ทำอะไรอยู่...อ๋อ...อืม...เราเพิ่งทำรายงานเสร็จ แวะกินอะไรนิดนึงก่อน เดี๋ยวก็กลับแล้ว............................” ผมพูดไปยิ้มไป หาเรื่องคุยไม่สนใจไอ้วุธที่ยืนรอผมวางสาย ซักพักอีแอ๊บก็เดินมายืนข้าง ๆ ดูเหมือนมันจะจงใจให้ไหล่ชนกันด้วยซ้ำ
“...เออ...มีคนจะคุยด้วยอ่ะ...” ผมพูดกับโมทย์แล้วยื่นโทรศัพท์ให้อีแอ๊บ มันรับไปอย่างงง ๆ
“...ฮัลโหล...” มันพูดได้แค่นี้ พอได้ยินเสียงปลายสาย สีหน้ามันก็เปลี่ยนไป ยื่นโทรศัพท์คืนผมแทบจะโยนให้
“...โอเค....เดี๋ยวเรากินข้าวก่อน แค่นี้นะโมทย์ ว่าง ๆ โทรไปใหม่ Take Care…Bye...” ผมวางสายยัดโทรศัพท์เก็บที่เดิม วุธมองตามคิ้วขมวด คงรู้แล้วหล่ะว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นเป็นของผมแน่ ๆ
“...มีเบอร์โมทย์ได้ยังไง...” อีแอ๊บกระแทกเสียงถามผม

“...โมทย์ให้...ทำไมเหรอ...” มันอึ้ง แล้วยักไหล่กวน ๆ
“...วุธไปกินข้าวต่อเหอะ...” ผมเบือนหน้าหนีจากภาพที่อีแอ๊บมันจูงมือไอ้วุธไปที่โต๊ะ
.....พวกมันสองคนก็ยังละเลียดกินข้าวกันอยู่ตรงหน้าผม....คงคิดว่าผมจะทนดูไม่ได้อ่ะดิ ไม่มีทางซะหรอก กูเจ็บเพราะผู้ชายคนนี้มาหลายครั้งแล้ว โดนอีกซักครั้งจะเป็นไรไป....แต่สิ่งที่ทำให้ผมเจ็บไม่ใช่ภาพตรงหน้าหรอกครับ แต่เป็นสายตาของมันที่มองมาทางผม มันยังเป็นเหมือนเดิม มันมองอย่างนี้ มันเหมือนกับว่ามันยังรักผมอยู่ แล้วทำไมมันไม่ลุกหนีอีแอ๊บมาล่ะ.....เราจ้องกันอยู่นาน ผมก็กินส้มตำไปด้วยเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต กินไม่ลงก็ต้องยัดเข้าไปอ่ะครับ เผ็ดชิบหาย เหงื่อแตกเหงื่อแตน ผมไม่สนใจกับสภาพตัวเองแล้วครับ ไม่ไหวจริง ๆ ผมหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อ แต่น้ำตามันก็ดันไหลออกมาด้วย ไม่มีใครสงสัย งั้นปล่อยให้มันไหลต่อไปละกัน อั้นไม่อยู่แล้ว ตอนนี้หูแดง ตาแดงไปหมด.....
....อาหารทุกอย่างบนโต๊ะหมดเกลี้ยง ผมทำทุกอย่างให้เพื่อน ๆ เห็นว่าผมไม่รู้สึกอะไรกับไอ้วุธเลย ยังสนุกสนานเฮฮา หัวเราะคิก ๆ คัก ๆ ชี้ให้อีพวกนั้นดูผู้ชายหล่อ ๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา ทรมานแค่ไหนกับการที่ต้องหัวเราะทั้งน้ำตา ใครไม่เคยก็ไม่รู้หรอกครับ....หันไปทางไอ้วุธอีกทีก็เห็นมันกำลังเดินออกจากโรงอาหารพร้อมอีแอ๊บ มันยังคงเหลียวหลังมองผมอยู่จนลับสายตา.....ไม่อยากคิดว่ามันจะไปไหน ไปทำอะไรกันต่อ.....ไอ้เรื่องเสียใจน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก ทำใจไว้แล้ว แต่เสียหน้านี่สิ ผมทนไม่ได้.....
.....ระหว่างทางกลับบ้าน แม้ว่าผมจะพยายามทำตัวเฮฮาแค่ไหน แต่ทุกคนก็รู้ว่าผมกำลังหน้าชื่นอกตรม ในมือยังมีผ้าเช็ดหน้าคอยซับเหงื่อ ตาแดงก่ำ มีน้ำตาปริ่มขอบตา พูดเสียงอู้อี้ สูดน้ำมูกเป็นระยะ.....ไม่มีใครกล้าแซวผม เพราะสิ่งเดียวที่ผมบ่งบอกว่าผมไม่ได้โอเคอย่างที่ท่าทางที่แสดงออกคือแววตา อย่างที่ไอ้วุธเคยบอกไว้ ตาของผมปกปิดความรู้สึกไม่ได้ ผมเจ็บแค่ไหนพวกมันรู้ดี ปากผมไม่พูด แต่ตาผมพูด.....
I had it all
But I let it slip away
Couldn't see I treated you wrong
Now I wander around
Feeling down and cold
Trying to believe that you're gone
Love takes time
To heal when you're hurting so much
Couldn't see that I was blind
To let you go
I can't escape the pain
Inside
'Cause love takes time
I don't wanna be here
I don't wanna be here alone
Losing my mind
From this hollow in my heart
Suddenly I'm so incomplete
Lord I'm needing you now
Tell me how to stop the rain
Tears are falling down endlessly

You might say that it's over
You might say that you don't care
You might say you don't miss me
You don't need me
But I know that you do
And I feel that you do
Inside
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 11-10-2007 00:24:50
17 Breakdown, feel like nothing left to lose (Part I)

.....เย็นนั้นผมกับอีเต็มไปขลุกอยู่ห้องนันจนเกือบตี 3 ส่วนอีกุ้งโดนพี่ก้องลากกลับบ้านตอนทุ่มกว่า ๆ ผมนั่งกอดเข่าดูวิดีโอที่อีนันมันเช่ามา ตาน่ะมองตรงไปที่ทีวีหรอก แต่ใจมันไม่ได้จดจ่ออยู่กับเรื่องราวตรงหน้าเลย ผมนั่งเหม่อจนอีเต็มต้องคอยสะกิดชวนคุยบ่อย ๆ ตอนนั้นสภาพผมโทรมมาก หน้ามัน ผมที่เริ่มยาวประบ่าถูกรวบไว้หลวม ๆ ด้วยหนังยางรัดถุงข้าวแกง ตาบวมช้ำแดงก่ำ.....เพื่อนผมทุกคนไม่เคยเห็นผมในสภาพซังกะตายอย่างนี้ มันไม่กล้าถามเซ้าซี้อะไรมาก ยิ่งเห็นสายตาที่มองอย่างเป็นห่วงยิ่งทำให้ผมเกรงใจพวกมัน ในที่สุดผมก็ลาพวกมันขึ้นแท็กซี่หน้าอพาร์ทเม้นท์กลับบ้าน.....
.....ไม่ได้เอารถไปไงครับ.....ก่อนหน้านั้นคิดว่าจะกลับกับพี่ก้องหรือไม่ก็กลับพร้อมวุธ เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ ไอ้วุธมันคงกลับบ้าน เราจะได้กลับด้วยกัน แพลนไว้ว่าจะไปหาอะไรกินกันก่อน แล้วค่อยพูดอ้อม ๆ ชวนมันมานอนบ้าน ตอนนี้มีเวลาว่างแล้วนี่.....กะจะบอกเบอร์ใหม่ทั้งเบอร์บ้านและเบอร์มือถือ ถึงตัวจะอยู่ไกลกัน แต่เราก็กำลังจะมีวิธีที่ทำให้ได้คุยกันมากขึ้น โปรโมชั่นตอนนั้นนาทีละ 3 บาท เป็นแบบเหมาจ่ายรายเดือน แพงเอาการอยู่ เรื่องค่าโทรศัพท์นี่พ่อให้ผมออกเอง เป็นเงินที่ต้องกันไว้จ่าย หลังจากหักค่ากินอยู่ ไม่เป็นไร เราก็โทรหาเพื่อนน้อยหน่อย เก็บเงินไว้คุยกับวุธดีกว่า อยากเพจหามันเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องเดินหา ไม่ต้องต่อคิวโทรศัพท์สาธารณะ.....
.....ทุกอย่างพังหมด เจ็บใจที่ไอ้วุธมันนั่งกินข้าวกับอีแอ๊บ ทำไมมันไม่บอกผมว่าอีนั่นมันเข้าไปเรียนที่เดียวกับมัน ผมมั่นใจว่ายังไงก็ไม่ใช่คณะดียวกันแน่ แล้วมันไปรู้จักสนิทสนมกับอีแอ๊บตั้งแต่เมื่อไหร่ สนิทกันแค่ไหน กินข้าวด้วยกันบ่อยมั๊ย....คำถามมากมายลอยวนเวียนเข้ามาในหัว ซึ่งตอนนี้มันปวดตุ๊บ ๆ ผมถึงกับต้องเอามือนวดขมับเบา ๆ พยายามทำใจให้สงบ คิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา เห็นได้อย่างชัดเจนว่าผมก็มีส่วนผิด จะโทษได้วุธมันก็ไม่ได้ เราเองต่างหากที่ไม่เคยบอกไม่เคยเล่าเรื่องอีแอ๊บให้มันฟัง แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะบอกเราบ้างสิ...ก็รู้อยู่ว่าอีแอ๊บมันเรียนคณะเดียวกับเรา มันไม่สงสัยเลยเหรอว่าอยู่ดี ๆ ทำไมอีนี่ถึงไปโผล่ที่มหาลัยมัน หรือว่ามันมีเรื่องต้องปิดผม แล้วมีเรื่องราวอย่างนี้เกิดขึ้น เพจซักข้อความนึงก็ไม่ส่งหา ไม่มีอะไรจะอธิบายเลยเหรอ ว่าจะไม่คิด แต่สุดท้ายก็อดคิดไม่ได้.....
.....แท็กซี่ขับช้า ๆ เข้ามาถึงกลางซอยบ้านผม พี่คนขับมองหน้าผมผ่านกระจกหลายครั้ง แกคงเห็นผมนั่งเช็ดน้ำตาที่มันยังเอ่อล้นออกมาทุกครั้งที่ผ่านร้านหรือสถานที่ที่เราเคยไป มองอะไรก็คิดถึงมันซะทุกที.....ขณะที่ผมกำลังนั่งเหม่อ มองข้างทางทันใดนั้นผมก็เห็นผู้ชายตัวสูงในชุดนักศึกษา สะพายเป้ใบใหญ่เดินสวนออกมา ผมถึงกับหันหลังมองตามเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไอ้วุธหรือเปล่า ต่อให้มืดแค่ไหนผมก็จำมันได้ และก็ใช่มันจริง ๆ ด้วย นี่มันคงไปดักรอเจอผมที่บ้านล่ะสิ ไม่เพจบอกล่วงหน้าเองนี่ เราไม่ผิดใช่มั๊ย ผมพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง.....ดีแล้วที่ไม่เจอกัน ผมไม่อยากให้มันเห็นสภาพผมตอนนี้ เพราะต่อหน้ามันเมื่อเย็น ผมยังดูโอเคเหมือนไม่แคร์ ไม่สนใจอะไร แต่จริง ๆ แล้วข้างในมันไม่ใช่เลย.....
....เข้าบ้านปิดประตูเรียบร้อย ผมดันอดคิดก็เป็นห่วงไอ้วุธไม่ได้ เดินออกไปคนเดียวกลางดึกเวลาใกล้จะตีสี่ ถึงมันจะเป็นผู้ชายก็เหอะ กรุงเทพฯ ไม่ได้ปลอดภัยอะไรขนาดนั้น.....เอาวะ ยอมเสียฟอร์มซักครั้ง ผมเดินไปเอากุญแจรถแล้วขับออกไปตามหามัน ผมขับช้า ๆ มองสองข้างทางจนถึงปากซอย ไม่เจอมันเลย แสดงว่ามันคงเรียกแท็กซี่ หรือไม่ก็มอไซค์รับจ้าง ป่านนี้คงไปได้ไกลแล้วมั้ง ผมขับรถกลับบ้านด้วยความโล่งอกไปได้นิดหน่อย.....
.....หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย นอนไม่หลับแน่ หิวจังเลย ลงไปดูของกินในครัวดีกว่า เผื่อจะมีอะไรเหลือบ้าง พอผมเปิดประตูตู้เย็นสิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมต้องน้ำตาซึมอีกที ถุงก๋วยเตี๋ยว ขนม ของโปรดของผมและของที่วุธชอบทั้งนั้น มันซื้อมากะว่าจะได้กินข้าวด้วยกัน แต่ผมดันกลับซะดึกขนาดนี้ ทำไมมันไม่รออีกนิดนะ....ทำไมผมไม่ตามมันไปที่บ้านล่ะ ถ้าเมื่อกี้ขับตามไปจริง ๆ ยังไงก็ทันแน่นอน.....ความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้นอีกแล้ว ผมสลัดหัวเบา ๆ ไล่ความรู้สึกนั้นออกไป เอาของที่ผมจะกินเทใส่หม้ออุ่นซะหน่อย โยนถุงเปล่าลงถังขยะ แต่คราวนี้มันไม่ลงแฮะ ปกติผมจะโยนแม่นมาก สงสัยไม่มีสมาธิ.....ผมเดินไปที่ถังขยะเพื่อหยิบถุงยัดลงถังใหม่ แต่ผมดันเห็นกระดาษหลายแผ่นถูกขยำเป็นก้อนกลม ๆ และถ้าไม่เห็นลายมือคุ้นตา ผมคงไม่สนใจ ไม่กล้าหยิบออกมาคลี่อ่านจากถังขยะหรอก.....
.....ข้อความหลายข้อความถูกเขียนสั้นบ้างยาวบ้าง วนไปวนมา แสดงให้เห็นว่าผู้เขียนมีความรู้สึกว้าวุ่นใจขนาดไหน แต่ที่สุดแล้วก็ไม่รู้ว่าไอ้วุธมันตั้งใจจะเขียนบอกอะไร เพราะมันไม่จบซักแผ่น จะอธิบายเรื่องราวเมื่อเย็นก็ไม่เชิง จะขอโทษก็ไม่ใช่ มีบางประโยคที่บ่งบอกอาการน้อยใจ.....ผมอ่านข้อความเหล่านั้นด้วยสายตาพร่ามัว กินก๋วยเตี๋ยวเจ้าเก่าไปด้วย มันไม่อร่อยเหมือนเดิมเลย หรือเพราะน้ำตาผมมันหยดลงไปในชามตรงหน้า....กินไปได้ไม่ถึงครึ่งก็มีอันต้องเลิก มันตื้อไปหมด.....
.....ก่อนนอน ผมมองโทรศัพท์อยู่นาน อยากโทรไปคุยกับมัน อยากให้โทรศัพท์ดัง เผื่อมันจะโทรมา มองเพจข้าง ๆ มันก็ยังสงบเงียบอยู่ ข้อความสุดท้ายที่ได้รับเป็นข้อความของอีนันที่ส่งมา Goodnight เพื่อน ๆ ทุกคน.....หลายครั้งที่ผมยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา จะกดเบอร์บ้านมัน แต่ก็ต้องวางทุกที ความรู้สึกโกรธ โมโห เสียใจ เสียหน้า เสียฟอร์ม กลายเป็นความละอาย ผมเองก็ทำกับมันเกินไป.....นอนกระสับกระส่ายพลิกไปพลิกมา หลับไม่ลงซักที ทั้ง ๆ ที่เหนื่อยมาทั้งวัน ปวดกระบอกตาด้วย มันรู้สึกล้าไปหมด ผมต้องพยายามทำใจให้สบาย ปลอบใจตัวเองว่าเดี๋ยวไอ้วุธมันก็ติดต่อมาเองแหละ แล้วผมก็จะทำเป็นลืมเรื่องที่เกิดขึ้น จะไม่พูดถึงมันอีก......
“...โอเคยังมึง...” อีกุ้งทักผมที่ซุ้ม ทันทีที่เห็นผมเดินเข้ามาในวันจันทร์
“...อะไรวะ...” ผมงง
“...ก็เรื่องไอ้วุธอ่ะ...”
“...ไม่เห็นมีอะไรเลย...” ผมบ่ายเบี่ยง
“...เค้าโทรมายัง...” อีนันถามบ้าง
“...ยัง...” ผมทำเป็นไม่สนใจ
“...แล้วมึงโทรไปหาเค้าหรือเปล่า...”
“...ไม่จำเป็นหรอก...”
“...ตกลงมึงเลิกกับเค้าแล้วจริง ๆ เหรอ...”
“...อืม...”
“...เลิกเนื่องในโอกาสอะไรวะ...” อีเต็มทำท่าเหมือนมันเป็นคนเลิกซะเอง
“...เค้าดีเกินไป...” ผมตอบทีเล่นทีจริง หลังจากเงียบไปพักใหญ่ อยากจะตอบพวกมันว่ากูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
“...ไม่ใช่ว่ามึงเลิกกันเพราะอีแอ๊บนะโว้ย...” อีเต็มแซว
“...อีห่า...กูบอกแล้วไงว่ากูเลิกกันก่อนหน้านั้น เบอร์มือถือกูมันยังไม่รู้เลย...ถ้าอีแอ๊บมันจะเอาก็ให้มันเอาไปเหอะ ของเหลือ ของที่กูไม่เอาแล้ว...” ผมทำท่าไม่แคร์ ทั้งที่ในใจแทบสลาย สันดานเดิม เสียใจไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้
“...เสียดายว่ะ...” อีนันพูดเบา ๆ
“...เสียดายทำไม...ดีใจกับกูดิ...เป็นโสดอีกครั้ง....ต่อไปกูจะตั้งหน้าตั้งตาหาแฟนใหม่...” เพื่อนผมเงียบ คงเห็นสายตาผมมันแสดงออกมาว่าผมไม่ได้รู้สึกดีอย่างที่ปากพูด

.....ผมนั่งนับวันเวลาที่วุธไม่ติดต่อมา 1 สัปดาห์ผ่านไป กลายเป็น 1 เดือน 2 เดือน จนเข้าเดือนที่ 3 ผมอยากจะโทรหาวุธใจแทบขาด อยากรู้ว่ามันเป็นยังไงบ้าง อยากได้ยินเสียงมัน คิดถึงมันมาก ๆ และที่ป่าวประกาศบอกเพื่อนว่าจะหาแฟนใหม่ ผมไม่ได้ทำอย่างนั้นหรอกครับ ตกเย็นปุ๊บเข้าบ้านปั๊บ โดยเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ไม่ไปเที่ยวไหนเลย อยู่บ้านทั้งวัน ซื้อของกินมาตุนไว้ เพื่ออะไรเหรอ ก็เผื่อวุธมันจะมาหาที่บ้านไงครับ แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีแม้เงา ผมต้องนั่งกินข้าวคนเดียวทุกมื้อ โคตรเหงาเลยครับ.....
.....เพราะทิฐิคำเดียวที่ทำให้ผมเป็นอย่างนี้ ในเมื่อมันไม่โทร ไม่เพจ ไม่ติดต่อมา นับจากนี้ไป มึงไม่ต้องมายุ่งกับกูอีกล่ะกัน.....หลังสอบกลางภาค ผมเก็บกระเป๋าไปอยู่กับพ่อแม่ที่เหนือ ทิ้งน้องชายไว้กับอาเล็ก ที่ต้องหอบผ้าหอบผ่อนมานอนค้างทุกคืนอีกแล้ว....ผมเล่าเรื่องราวของผมให้อาเล็กฟังโดยไม่มีการปิดบัง อาเล็กเข้าใจ แกบอกว่าแกก็เคยเป็นอย่างนี้ แกยังแนะนำให้ผมไปพักสมอง ไปอยู่ในที่เงียบ ๆ คนเดียว ได้อยู่กับตัวเองบ้าง อาจจะรู้สึกดีขึ้น.....
.....ผมไม่ใช้เวลาว่างให้หมดไปกับเรื่องไร้สาระหรอกครับ อยู่เหนือ ผมไม่ได้ช่วยอะไรที่บ้านเลย ก็มันไม่มีอะไรให้ทำนี่ครับ ทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว.....พอดีพ่อผมรู้จักกับเจ้าของบริษัททัวร์คนหนึ่ง แกกำลังหาคนมาช่วยงาน พ่อผมก็เลยจับผมให้ไปทำงานกับเค้า....ถึงจะเรียนภาษามาแล้วก็เถอะ แต่เอาเข้าจริงก็พูดผิดพูดถูก เกร็งพูดเร็วก็ลิ้นพันกัน ไม่อยากให้เค้าขำกับสำเนียง พูดช้าก็อายสำเนียงไทย ห่วงแกรมม่า พูดไปพูดมาลืมศัพท์อีก เอาวะใครจะเก่งมาตั้งแต่เกิด พูดสำเนียงไทยนี่แหละ.....ฝรั่งหลายคนบอกว่าชอบผมพูดภาษาอังกฤษ เพราะผมมักจะมีแทรกภาษาไทยนิดนึง ตรง Thank you ครับ ผมจะติดคำว่า...โอเคนะครับ...จริง ๆ นะครับ...อะไรนะ....ฝรั่งเค้าก็เข้าใจที่ผมพูดคำพวกนั้น ยิ่งไอ้พวกคำอุทาน อ๋อ ...เอ๊ย...เริด...เฮ้ย อะไรอย่างนี้อ่ะครับ อาศัยว่ายิ้มเก่งด้วยไง ผมก็เลยขายทัวร์ จองโรงแรมได้เยอะเป็นที่พอใจของนาย ทำงานนี้อยู่จนจะเปิดเทอม ผมก็ได้ขึ้นรถทัวร์เป็นผู้ช่วยไกด์ สนุกมาก สนุกจนลืมเรื่องไอ้วุธไปเลย ได้รู้จักคนเยอะมาก ๆ ด้วย สังคมผมกว้างขึ้น มีความรุ้สึกว่าเริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้วครับ.....ที่สำคัญได้เงินก้อนใหญ่ด้วยครับ ทั้งเงินเดือน ค่าคอม ทิป ได้ตังค์จากพ่ออีก.....
.....สิ่งแรกที่ต้องทำหลังจากกลับถึงบ้านที่กรุงเทพฯ คือ เปลี่ยนกุญแจบ้านทุกดอก ส่งกุญแจใหม่เป็นพัสดุไปให้พ่อกับแม่ บอกเบอร์ใหม่ให้พ่อกับแม่รู้ เพราะต่อไปนี้ ผมจะไม่รับโทรศัพท์เครื่องเก่าแล้ว ให้น้องผมมันเอาไปไว้ในห้องมันเลย เท่ากับว่าเบอร์นี้จะใช้แต่เฉพาะชั้นล่าง แต่จริง ๆ แล้วผมยังเก็บสายพ่วงไว้อยู่ แค่เสียบปลั๊กก็ใช้ได้เหมือนเดิม.....ในห้องผมมีโทรศัพท์เบอร์ใหม่.....มีเวลาเหลือก่อนเปิดเทอมไม่กี่วัน ผมจ้างคนมาเปลี่ยนลูกบิดประตูห้องนอน เปลี่ยนกุญแจประตูใหญ่หน้าบ้าน ในบ้าน.....ต่อไปไอ้วุธมันก็เข้าบ้านผมไม่ได้อีกแล้ว ถ้ามันเพจมา ผมก็จะไม่มีทางติดต่อกลับ โทรเข้าบ้านก็จะเจอแต่น้องผม ที่ผมสั่งให้มันรับฝากข้อความไว้อย่างเดียวถ้าใครโทรมาหาผมที่เบอร์เก่า.....ส่วนเบอร์ใหม่ผมกำชับทุกคนที่รู้ว่าไม่ให้บอกเบอร์ผมกับคนที่ผมไม่อยากให้รู้ ผมไม่อยากเปลี่ยนเบอร์หนีอีก เพราะสมัยนั้นการขอโทรศัพท์ใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย.....ผมตั้งใจที่จะเลิกกับไอ้วุธอย่างเด็ดขาด คิดถึงขนาดว่า ต่อไปผมจะไม่มีทางได้เจอกับมันอีก ติดต่อกันไม่ได้ เข้าบ้านผมไม่ได้ เต็มทีคือมารอหน้าบ้าน ผมก็จะหนีเข้าบ้าน หรือไม่ก็ไม่เข้าบ้านซะเลย ถ้าไปเจอกันที่มหาลัยผมเหรอ ถิ่นเราไม่กลัวหรอก ผมมีทางหนีทีไล่อยู่แล้ว .....ต่อไปเรียนจบ ผมก็จะขึ้นเหนือไปทำงานกับพ่อแม่ หรือไม่ก็ทำงานที่บริษัททัวร์ที่เดิม เค้าก็เต็มใจรับผมเข้างานแน่นอน.....
.....ขอเปลี่ยน Look ตัวเองหน่อยละกัน ไปทำสีผมที่ร้านอาเล็กเพื่อลดค่าใช้จ่าย ไปตัดผมที่ร้านในห้าง เลือกร้านที่มีชื่อเสียงหน่อย จากผมบ๊อบ สีดำสนิท เป็นผมสีที่เค้าเรียกว่าสีโค้ก ทำไฮไล้ท์ แว๊กสีเพิ่มเข้าไปอีกให้มันเงาวับสะท้อนแสง ทรงผมอันใหม่ของผมก็ไม่ได้อลังการอะไรมาก เพราะยังอยากไว้ยาวอยู่.....หนังหน้าก็ไปทำ AHA หน้าขาวขึ้นมาอีกนิด.....ผิวเหรอ ได้ยินคนเค้าว่ามีสมุนไพรยี่ห้อหนึ่งดีเป็นที่เลื่องลือ ก็ไปลองซื้อมาใช้เองที่บ้าน ตอนซื้ออายมาก ๆ แต่พอใช้แล้วดีจริง ๆ ผิวลื่นเนียนเลยแหละ ยิ่งมาใช้พร้อมกับมะขามเปียกที่ใช้ประจำยิ่งดี.....
.....ห้องนอนก็เปลี่ยนหัวนอนซะใหม่ อ่านจากหนังสือฮวงจุ้ย ผมต้องเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านขณะนั้น ต้องหันหัวนอนไปอีกด้าน จะทำให้ชีวิตดีขึ้น เอากับเค้าหน่อยก็ได้..... ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม โต๊ะ ตู้ เตียง ทุกอย่างถูกเปลี่ยน โยกย้าย ไม่ใช่เพราะเรื่องฮวงจุ้ยอย่างเดียวหรอก ผมไม่อยากเห็นบรรยากาศเก่า ๆ ไม่อยากคิดถึงไอ้วุธอีก.....เมื่อ 2-3 เดือนก่อน มองอะไรก็คิดถึงมัน กินอะไรก็คิดถึงตอนเรานั่งกินด้วยกันแทบจะป้อนถึงปาก อาบน้ำหมา ล้างรถ ขี่มอไซค์เล่น แม้แต่เวลาไปตลาด แม่ค้าที่คุ้นเคยก็มักจะถามถึงมัน ผมได้แต่ยิ้ม บอกว่ามันไปเรียนต่างจังหวัด ไม่ค่อยได้เจอกัน พวกเค้าคิดว่าเราเป็นเค่เพื่อนกันนะครับ.....
.....เปิดเทอม 2 ปี 2 ผมไปมหาลัยด้วย Look ใหม่ สร้างเสียงฮือฮาไปทั้งสาขา เสื้อนักศึกษาเข้ารูป กางเกงยีนส์สีซีด รองเท้าผ้าใบ จะเซอร์ก็ไม่เซอร์ จะหรูก็ไม่หรู ผมมองตัวเองในกระจกก่อนออกจากบ้าน พอใจกับรูปลักษณ์ใหม่ตั้งแต่หัวถึงเท้า แม้มันจะผิดระเบียบนิด ๆ แต่ผมอยู่ปีสองแล้วนะ ไม่ใช่เด็กใหม่ ประกอบกับบุคลิกที่ดูมั่นใจในตัวเองมากขึ้นทำให้เพื่อน ๆ ผมถึงกับออกปากชม (นาน ๆ ทีนะครับปกติมันจะด่าซะมากกว่า).....
.....วิธีหาความสุขใส่ตัวเองของผมก็เหมือนทุกคนในวัยนั้นแหละครับ เที่ยวทั้งกลางวันกลางคืน เที่ยวกระหน่ำเลยครับ เลิกเรียนเดินห้าง บ่อยครั้งที่ฆ่าเวลาระหว่างรอเพื่อนดูหนัง (ผมไม่ชอบดูหนังในโรงอ่ะครับ) ผมก็เข้าคาราโอเกะกับเพื่อนที่เหลือ หรือไม่ก็เดินเล่นคนเดียว ดึกหน่อยถ้ามีเวลาก็กลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปเที่ยวกลางคืนต่อ เธค ผับ บาร์ไหนดัง ๆ ไปมาหมดแล้ว ตี 2 ตี 3 แวะกินข้าวต้ม บางคืนเบื่อ ๆ ก็หาอะไรกินที่เยาวราช อิ่มแล้วก็ขับรถเล่น วนรอบสนามหลวง วังสราญรมย์....ผมเริ่มไปเที่ยวบาร์เกย์ เธคเกย์อย่างสีลม ซอย 2 ซอย 4 ไปบ่อยแทบทุกวันเสาร์.....ไปดูโชว์อะโกโก้ ดูF**king show ที่ตอนนั้นอลังการมาก ภาพยังติดตาอยู่เลย ไม่เงียบเหงาเหมือนสมัยนี้หรอก.....เรื่องเงินเหรอครับ พ่อแม่ไม่ได้ให้เพิ่มเลย แต่ผมหาของผมเอง เริ่มเข้าสถานที่ที่ไม่ค่อยดีนัก เล่นไพ่ในบ่อนเล็ก ๆ แถวบ้านเพื่อนที่เรียนพาณิชย์ พอได้กำไรก็เลิก โชคดีที่มีดวงด้านนี้......ก่อนหน้าทุกวันที่ 1 และ 16 ทั้งวันผมจะนั่งคิดคำนวณหวย ซื้อกลับไปกลับมา บน ล่าง ตอนนั้นมีคนสอนวิธีคิดหวยอ่ะครับ และผมก็ถูกหวยบ่อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็น 3 ตัวบน เต็งโต๊ด.....เพื่อน ๆ รู้เรื่องพวกนี้ดี ไม่มีใครว่าอะไรผม เพราะผมไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ผมแยกเงินที่พ่อแม่ให้ไว้ใช้ในชีวิตประจำวันไว้อย่างดี เงินที่เอามาเที่ยว เป็นเงินที่ผมหาได้เองทั้งนั้น ถึงมันจะไม่ได้มาจากการทำงานสุจริตก็เถอะ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรนี่นา ผมไม่ได้ไปปล้น จี้ ขายยา ขายตัว เงินที่ผมได้มาจากอบายมุข ได้ง่ายก็เสียง่าย เที่ยวทุกคืน ขนาดวันรุ่งขึ้นผมมีสอบตอน 9 โมง ตี 3 ผมยังนั่งหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ กินข้าวต้มริมถนนอยู่เลย.....
.....เพื่อนในกลุ่มเริ่มเหนื่อยไม่ออกไปเที่ยวกับผม ผมก็ไม่ง้อ ไปกับไอ้โยบ้าง โมทย์บ้าง เพื่อนเก่าตอนเรียนพาณิชย์บ้าง และก็รู้จักกันเป็นทอด ๆ ช่วงนันใครชวนไปไหนผมไปหมด ไม่ต้องนัดล่วงหน้า บางที 5 ทุ่มแดนซ์อยู่ที่นึง เพื่อนอีกกลุ่มอยู่อีกที่ชวนให้ไปหา ผมก็ดิ้นรนไปแจมทันที......เพื่อนในกลุ่มผมโดยเฉพาะอีนัน เป็นห่วงการเรียนผมมาก จนต้องให้พี่ก้องซึ่งเป็นพี่รหัสของผมมาเตือนบ่อย ๆ.....
.....ถึงผมจะเที่ยวบ่อย แต่สิ่งที่ทำให้ผมภูมิใจในตัวเองมากคือ ผมมีจิตสำนึกที่ดี ผมรู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ได้ตอแหลนะครับ ผมไม่สูบบุหรี่ เหล้ากินไม่เคยเกินสองแก้วต่อคืน ยาเสพติดไม่ยุ่ง ทั้ง ๆ ที่มันส่งกันเฉียดหน้าผม เรื่องมั่วเพศเหรอ ไม่มี 100 เปอร์เซ็นต์..... ถือคติ Nobody loves you as yourself ผมรักตัวเองเกินกว่าจะทำให้ตัวเองเจ็บ เรื่องเจาะ เรื่องสัก ลืมไปได้เลย ไม่มีทางซะหล่ะชาตินี้.....
.....ปีกว่า ๆ ที่ผมถือว่าเป็นช่วงพีคของผมผ่านไปอย่างรวดเร็ว เที่ยวมาก รู้จักคนมาก สังคมกว้างขึ้น ผมมีทั้งคนที่มาจีบ และคนที่ชอบถึงขนาดหน้าด้านไปจีบเค้าก่อน มีเบอร์โทรศัพท์ของคนที่ได้มาจากการเที่ยวร้อยกว่าคน ที่ตลกคือ มีคนที่ชื่อขึ้นต้นด้วย ต. เต่าเยอะมาก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน....ผมตกลงปลงใจกับคนพวกนั้นแค่ 5 คน คบกันสั้นบ้างยาวบ้าง มีความสุขระดับนึง แต่ยังไงก็ไม่รู้สึกดีเหมือนตอนที่คบกับวุธ.....ทุกคนสอนผมให้รู้จักการปฏิบัติตัวกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟน ซึ่งข้อนี้ผมไม่รู้มาก่อน พอเลิกกับคนนึง ผมก็หาใหม่ได้ เอาสิ่งดี ๆ มาปรับใช้ แต่ซักพักก็ต้องเลิกกันอีก....

.....ทุกคนที่ผมคบ ผมไม่เคยมีเซ็กส์กับพวกเค้า ผมไม่เคยให้พวกค้ารู้จักบ้าน ผมไม่เคยให้เบอร์บ้าน ถ้าอยากคุยกันนาน ๆ ก็เอาเบอร์บ้านโทรมาโชว์เบอร์ผมสิ แล้วผมจะเอาเบอร์บ้านโทรกลับเอง ผมไม่ปฏิเสธนะครับว่าผมปิดตัวเอง แต่ผมก็มีข้ออ้างเรื่องความเป็นส่วนตัว ถ้าคิดจะรักกันก็ต้องยอมรับตรงนี้ด้วย.....ทุกคนพูดว่ายอมรับได้ ไม่มีเซ็กส์กับผมก็ได้ ไม่จุกจิกวุ่นวายกับผมก็ได้ แต่เอาเข้าจริงก็จ้องจะหาโอกาส ไอ้จับจูบลูบคลำผมไม่ว่า แต่บางทีมันมากกว่านั้นไงครับ คิดว่าผมจะเคลิ้มล่ะสิ แต่ไม่เลย ผมกลับรู้สึกแย่มากที่พวกเค้าไม่รักษาคำพูดมากกว่า ไอ้วุธมันยังไม่เคยทำอะไรอย่างนี้กับผมเลย.....บางคนก็หาว่าผมเล่นตัว บางคนก็บอกว่าผมไม่รักเค้าจริง พวกเค้าหาเหตุผลมาบอกเลิกกับผม แต่แปลกนะครับ เป็นเหตุผลเดียวกับที่พวกเค้าเคยพูดว่ายอมรับได้ทั้งนั้น....ถามว่าเสียใจมั๊ย ก็นิดหน่อยนะ ไม่เคยร้องไห้ให้พวกเค้าเลยด้วยซ้ำ.....
“...เอ้...มาเที่ยวเหรอ...” ผมหันไปตามเสียงทักหน้าห้องน้ำในผับแห่งหนึ่งบนถนนข้าวสาร พอรู้ว่าเป็นใคร ผมถึงกับงง ทักกูทำไมเนี่ย มันจะมาไม้ไหนวะ
“...อืม...” ผมตอบรับ แต่ตามองไปรอบ ๆ
“...มองหาใคร...วุธเหรอ...” ผมหน้าชา
“...เปล่า...มานานแล้ว เดี๋ยวเพื่อนสงสัย...” ผมพูดอ้อม ๆ เพื่อปลีกตัวออกมา
“...มีเวลามั๊ย...ขอคุยด้วยหน่อยสิ...” ทำไมมันพูดจาดีขึ้นวะ ผมคิดในใจ เห็นแววตาที่เป็นมิตรของมันทำให้ผมพยักหน้าเดินตามมันไปนอกร้าน
“...มีอะไรเหรอ...” ผมนั่งลงที่ฟุตปาทข้างร้าน และแปลกมาก มันก็นั่งตามผม เราต่างคนต่างเงียบ มองดูผู้คนที่เดินสวนกันขวักไขว่ แม้ว่านี่มันใกล้จะตี 2 แล้วก้ตาม
“...ยังติดต่อกับวุธอยู่หรือเปล่า...” ผมมองหน้าขาว ๆ นั่นอย่างชั่งใจ จะตอบมันยังไงดีวะ
“...เปล่า...” ผมตอบตามความจริงเช่นเคย
“...ทำไมล่ะ...” มันยิ้ม แต่ไม่ได้ยิ้มเยาะอย่างที่มันชอบทำนะครับ ผมอยากจะบอกเหลือเกิน ก็เพราะมึงนั่นแหละ
“...โอ๊ย ไม่ได้ติดต่อมันตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ก่อนขึ้นปีสองอีก...” ผมพยายามทำให้มันรู้ว่า ผมเลิกกับไอ้วุธก่อนที่มึงจะไปเรียนที่เดียวกันอีกนะโว้ย
“...แต่เราว่าเค้ายังรักเอ้อยู่นะ...”
“...ไม่หรอก ป่านนี้มีเมียเป็นโหลแล้ว...” ผมพูดขำ ๆ
“...เออ ช่างเค้าเถอะ เราเองก็ไม่ได้เจอวุธมาตั้งนานแล้วเหมือนกัน...” ผมมองหน้ามัน
“...อ้าว...ก็เรียนที่เดียวกันไม่ใช่เหรอ...ทำไม...”
“...เราเรียนที่นั่นแป๊บเดียวเอง...พ่อให้ไปเรียนต่อที่อังกฤษอ่ะ...” อีแอ๊บพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่มีท่าทางเชิด ๆ เหมือนเมื่อก่อนเลย
“...เหรอ...” ผมพูดได้แค่นั้น
“...อีก 2- 3 วันเราก็ต้องบินกลับแล้ว คราวนี้ไปยาวเลย ไม่รู้ว่าจะได้กลับเมืองไทยอีกเมื่อไหร่...”
“...อยู่ที่โน่นเป็นไงบ้างอ่ะ...” ผมเริ่มคุยกับมันอย่างสนิทใจ และมันก็เล่าประสบการณ์ต่างแดนให้ผมฟัง มันต้องทำงาน ทำตัวปกติเหมือนคนอื่น ไม่ได้เริด ๆ เชิด ๆ เหมือนตอนอยู่ที่นี่ มิน่า มันถึงได้ดูเปลี่ยนไป
“...ถ้าเอ้ไปลอนดอนก็แวะไปหาเราได้นะ เรียนจบคงหางานทำที่นั่นเลย...” มันลุกขึ้นไปขอกระดาษกับปากกาของคนแถวนั้นมาเขียนที่อยู่ให้ผม “...ถ้ายังไม่ไป ยังไงก็เขียนจดหมายมาคุยกันมั่งนะ...” อีแอ๊บยื่นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ นั่นให้ผม
“...ได้...” ผมพับกระดาษใส่กระเป๋ากางเกง เรายิ้มให้กันด้วยความจริงใจเป็นครั้งแรก
“...Hey...Alex...” อีแอ๊บตะโกนเรียกฝรั่งหัวทอง หล่อมาก ๆ เป็นนายแบบได้เลย
“...What cha doin’ here?”
“...Alex….This is Amy he’s my close friend...” ผมอายมากที่มันแนะนำผมอย่างนี้ แต่ช่างเหอะเพื่อน ๆ ในมหาลัยก็เรียกผมอย่างนี้จริง ๆ นี่นา
“...How do you do?” อเล็กซ์ทักพร้อมยื่นมือมาให้ผมจับ
“...How do you do...” หลังจากนั้นเราสามคนก็คุยกันยาว อีแอ๊บมันสำเนียงเริดมาก แรก ๆ ก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกครับ สำเนียงอังกฤษนี้มันฟังยากจริง ๆ พูดก็ไม่ค่อยอ้าปาก......
.....เราเข้าไปคุยกันต่อในร้าน ดูจากท่าทางแล้วก็รู้ว่าสองคนนี้ไม่ใช่แค่เพื่อนกันแน่ ๆ เห็นอีแอ๊บมีความสุขแล้วผมต้องมานั่งเครียดเรื่องของตัวเอง.....ถ้าอีแอ๊บมันลาออกจากมหาลัยนั้นตั้งนานแล้ว ทำไมวุธมันไม่ติดต่อผมเลยล่ะ ความหวังส่วนลึกที่จะได้มันกลับคืนมายิ่งริบหรี่....ทำใจซะเถอะเอ้....ลืมมันให้ได้....หาแฟนใหม่ ลองหาของนอกอย่างอีแอ๊บมั่งดีกว่า.....
.....ผมยังคงออกเที่ยวถี่ยิบเหมือนเดิม.....แม้ว่าผลการเรียนของผมจะตก แต่มันก็ไม่มากอะไร อาศัยว่าคะแนนตอนปีแรก ๆ ดี และวิชาที่เรียนตอนปี 4 ถึงมันจะยาก แต่ก็เป็นพวกให้ใช้ความคิด ขายไอเดีย ทำโปรเจค ไม่ใช่ท่องจำ ไม่งั้นผมคงโดนรีไทร์แน่ ๆ ทุกคนมีพัฒนาการแตกต่างกันออกไป เป็นผู้ใหญ่กันมากขึ้น พวกเราเริ่มคุยกันเรื่องอนาคต เรื่องงาน ผมเองก็รู้สึกตัวว่าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นก็ตอนที่ไปงานแต่งงานของเพื่อนสมัยพาณิชย์ 2-3 คน ลูกอีตาลโตจนเข้าเรียนอนุบาลแล้ว ได้ยินเด็กเรียกผมว่าป้าแล้วผมแทบกระโดดตบอีตัวแม่ที่สอนให้ลูกพูดอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่วันนั้นผมหล่อจนเกือบจะแย่งซีนเจ้าบ่าวเลยนะครับ.....
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 11-10-2007 00:25:51
18 Breakdown, feel like nothing left to lose (Part II)

.....เช้าวันหนึ่ง ฝนตกพร่ำ ๆ ตลอดคืน ผมนอนหลับสบายอยู่บนเตียง ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่ 8 โมง มีเรียน 9 โมง สายนิดสายหน่อยเป็นเรื่องปกติ เพลียจังเลย เมื่อคืนกลับบ้านตี 3 กว่า เสียงโทรศัพท์ข้างล่างดังขึ้นมาถึงห้องผม ไม่มีคนรับ น้องผมคงไปโรงเรียนแล้ว เป็นเรื่องปกติของเด็กกรุงเทพฯ สมัยนั้นที่ต้องออกจากบ้านเพื่อไปเรียนตั้งแต่เช้ามืด ซักพักโทรศัพท์ห้องผมก็ดังบ้าง หงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ยกหูรับ เพราะคนที่โทรมาเบอร์นี้ได้ต้องเป็นคนที่ผมให้เบอร์ด้วยตัวเอง.....
“...เอ้...ตื่น...ลูก...” เสียงแม่ผมดังผ่านสาย
“...ตื่นแล้ว...มีอะไรครับ...” ผมงัวเงียพูด ยังไม่ 6 โมงเลย โทรมาทำไมแต่เช้า
“...ทำใจดี ๆ ไว้นะ...” เท่านั้นแหละผมตาสว่างเลย
“...ใครเป็นอะไรแม่...” ผมถามด้วยเสียงร้อนรน แม่เงียบไปนิดนึง
“...พ่อเสียแล้วลูก...” แม่พูดเสียงสั่น
“..............” ผมรู้สึกวูบ ๆ นี่เราไม่ได้ฝันไปใช้มั๊ย
“...เอ้...เอ้...ฟังแม่อยู่หรือเปล่า...”
“...เกิดอะไรขึ้นอ่ะครับ...” ผมพูดเสียงเครือ
“...พ่อรถคว่ำเมื่อคืน...เพิ่งเสียตอนเช้ามืดนี่เอง...” ผมรู้ว่าแม่แข็งใจพูดโดยไม่มีเสียงสะอื้น
“...แล้วจะทำยังไงต่อไปอ่ะครับ...” ผมถามเสียงเบา มือเย็นเฉียบ หัวหมุน หน้ามืด อาจจะเพราะพักผ่อนน้อยด้วยมั้งครับ
“...เดี๋ยวแม่จัดการทางนี้เอง ฝากเอ้บอกน้อง บอกญาติทุกคนด้วย แล้วไปติดต่อวัด XXXXX ตอนเย็นจะได้รดน้ำศพเลย...” ผมรู้มานานแล้วว่าแม่ผมเป็นหญิงเหล็ก แต่ไม่คิดว่าแม่จะเข้มแข็งได้ขนาดนี้
“...ครับ...”
.....หลังแม่วางสาย ผมนั่งอึ้งอยู่บนที่นอน....นานมาก....จนได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดัง อีนันคงโทรมาตามให้ไปเรียน เป็นหน้าที่ของมันไปแล้วที่ต้องทำอย่างนี้ทุกวัน....ผมตัดสายทิ้ง มองนาฬิกาบอกเวลาเกือบ 8 โมง ผมเดินลงจากเตียง แทบล้มทั้งยืน เหน็บกินชาไปทั้งขา.....เข้าห้องน้ำ อาบน้ำด้วยใจเลื่อนลอย คิดว่าจะบอกน้องยังไง จะบอกญาติคนไหนบ้าง เพื่อนพ่ออีก เพื่อนเราด้วย แล้วติดต่อวัดเค้าทำกันยังไง ต้องพูดกับใคร ใช้อะไรบ้าง รุ้สึกเคว้งคว้าง อนาคตเราจะเป็นยังไงต่อไป แม่เราจะทำใจได้หรือเปล่า แม่จะเลี้ยงลูกที่ยังเรียนอีกตั้งสองคนไหวมั๊ย.....ความรู้สึกผิดเข้ามาเกาะกุมจิตใจผมอีกแล้ว เมื่อคืนขณะพ่อประสบอุบัติเหตุ เรายังแดนซ์กระจายอยู่ที่เธคแถวคอกวัว แม้แต่ตอนที่พ่อกำลังหมดลมหายใจ เราก็เพิ่งกลับถึงบ้าน เปิดเพลงดังลั่นห้อง มีความสุขกับชีวิต ไม่มีลางสังหรณ์ ไม่มีคำร่ำลา ไม่ได้ดูใจ พ่อยังไม่ได้ไปถ่ายรูปงานรับปริญญาของเราเลย.....รถไฟฟ้าที่กำลังสร้างผ่านปากซอยอีกไม่นานก็เสร็จ เมื่อก่อนพ่อบ่นทุกวันว่ารถติด ต่อไปไม่ติดแล้วนะ แต่พ่อไม่มีโอกาสได้ขึ้น....รถไฟใต้ดินอีก ที่พ่ออยากเห็นว่ามันจะเป็นอย่างเมืองนอกหรือเปล่า พ่อก็ไม่ได้เห็น.....สนามบินหนองงูเห่าที่พ่อเคยอยากจะไปซื้อที่แถวนั้น แต่พวกเค้าเก็บไว้เก็งกำไร ตอนนี้กำลังจะเปิดให้บริการ และที่แถวนั้นก็แพงขึ้นจริง ๆ ด้วย.....
....ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหลทะลัก ผมอาบน้ำไปร้องไห้ไปจนตัวซีด.....มองตัวเองในกระจก รับไม่ได้กับสภาพที่เห็น ตาแดงก่ำ ขอบตาช้ำเพราะนอนน้อย ปากเจ่อ ผมเปียกฟีบติดหัว....คิดในใจว่าไม่ได้แล้ว ผมต้องเข้มแข็ง ต้องดูแลแม่ ดูแลน้อง ผมจะต้องตั้งใจเรียน หางานทำเลี้ยงครอบครัว เกิดแรงฮึดครับ คิดได้อย่างนั้นแล้วผมก็ออกมาแต่งตัว....หาอะไรกินรองท้อง ไม่หิวเลยซักนิด กลืนข้าวด้วยความฝืดคอ แต่ก็ต้องกิน ตั้งแต่นี้ต่อไป เราคงไม่ได้นั่งกินนอนกินแบมือขอเงินพ่อเหมือนเดิมแล้ว วันนี้ทั้งวันต้องรับศึกหนักแน่ ๆ พอตั้งตัวได้ ผมก็คว้ากระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ ขึ้นรถขับไปติดต่อวัดตามที่แม่บอก หลายครั้งที่ผมต้องโทรติดต่อกับแม่ที่กำลังเดินทางลงมากรุงเทพฯ พร้อมร่างของพ่อ....เราตกลงเรื่องเวลา ค่าใช้จ่าย กันเรียบร้อย ก็เป็นวัดกลางกรุงอ่ะนะครับ แทบไม่ต้องทำอะไรเลย จ่ายเงินอย่างเดียว เดี๋ยวมีคนทำให้ เมนูเลี้ยงแขกวางตรงหน้า รวมทั้งพวกของชำร่วยต่าง ๆ แพงมาก สำหรับคืนแรกผมเป็นคนเลือกน้ำ เลือกอาหารเลี้ยงแขกเอง รอดูแม่ว่าจะให้ทำยังไงต่อไป.....
.....ผมขับรถไปที่โรงเรียนน้องชาย ขออนุญาตพาน้องกลับครึ่งวัน มันก็งงเหมือนกัน ผมบอกสาเหตุในรถ มันก็ได้แต่อึ้ง ซึม ตาแดง ๆ จะร้องไห้ก็คงอายผม แต่พอถึงบ้านมันก็ตรงดิ่งเข้าห้อง ผมแอบเห็นน้ำตามันไหลตั้งแต่ลงรถแล้วครับ.....ผมเข้าห้องพ่อไปหาเบอร์โทรศัพท์ญาติ ๆ และเพื่อนเก่าที่ทำงานของพ่อทุกคน โทร ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ พูดและได้ยินประโยคเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งได้ยินคนพูดแสดงความเสียใจกับผมแล้ว ทำเอาผมน้ำตาไหลไปอีกรอบ.....
.....ถึงคราวเพื่อนผมบ้าง คนที่มีเพจก็เพจบอก บางคนมีโทรศัพท์ก็โทรบอก เพื่อนในกลุ่มผมตอนแรกมันงอนที่ผมไม่ไปเรียน แต่พอรู้ว่าอะไรเกิดกับผม พวกมันก็โดดเรียนมาหาผมถึงบ้านเลย (ตอนนี้เพื่อนทุกคนรู้จักบ้านผมแล้วนะครับ เพราะเทศกาลปีใหม่ หรือวันเกิด ผมเปิดบ้านมีปาร์ตี้กันทุกปี หลังจากพ่อแม่ผมไปอยู่ต่างจังหวัด)
.....ทันทีที่ผมเห็นร่างของพ่อที่ถูกเข็นลงมาจากรถตู้ของโรงพยาบาล เห็นแม่เดินเช็ดน้ำตาตามมาติด ๆ ผมกะว่าจะไม่ร้องไห้ให้แม่ใจเสีย แต่ก็อดไม่ได้....ยิ่งตอนพิธีรดน้ำศพหลายคนตบบ่าผมเบา ๆ ให้กำลัง จนผมเป็นคนเกือบสุดท้ายที่ได้รด และพอเห็นเจ้าหน้าที่วัดยกร่างพ่อผมลงโลงเท่านั้นแหละ น้ำตาทะลัก ปิดหน้าร้องไห้ไม่อายใครเลย ความรู้สึกและบรรยากาศหลาย ๆ อย่างกดดันผม.....
“...เอ้...ใจคอมึงจะไม่บอกไอ้วุธหน่อยเหรอ...” อีกุ้งถามหลังฟังพระสวดในคืนสุดท้ายจบ
“...ไม่...” ผมตอบหลังจากเงียบไปนิดนึง
“...เฮ้ยมึง....อย่างน้อยให้มันมาวันเผาก็ยังดีนะโว้ย...”
“...กูไม่อยากเห็นหน้ามัน...” ผมพูดเสียงเข้ม
“...ตามใจ...ทิฐิสูงนักนะมึง...” อีเต็มส่ายหัวเบา ๆ
“...แล้วมึงจะบวชหน้าไฟหรือเปล่าวะ...” อีนันถาม
“...ไม่อ่ะ...น้องกูบวชตั้งสองคนแล้ว...”
“...อ้าว แล้วญาติมึงไม่ว่าอะไรเหรอ...”
“...โอ๊ย...กูไม่มีเรื่องดีให้พวกเค้าพูดถึงมาตั้งนานแล้ว โดนอีกซักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก...”
“...มึงเสียดายผมเหรอ...” อีกุ้งพูดพลางมองผมที่ยาวถึงกลางหลัง
“...ผมน่ะตัดได้ก็ไว้ยาวใหม่ได้...กูไม่เสียดายหรอก....มีวิธีทำบุญให้พ่อด้วยวิธีอื่นตั้งเยอะ...ถ้ากูบวชนี่กูยังไม่รู้ว่าจะได้บุญหรือบาป ถ้ากูไม่เต็มใจ....กูไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนต้องกดดัน บังคับให้กูทำโน่นทำนี่ด้วยวะ ทำตามคนนี้ คนโน่นด่า ทำตามคนนั้น คนนี้ด่า แค่พ่อกูตายกูก็เสียใจพอแล้วนะโว้ย อย่าให้กูต้องเสียความรู้สึกกับเรื่องวุ่นวายอีกเลย...” ผมระบายความอัดอั้นตันใจตลอด 7 วันที่ผ่านมา
.....เหนื่อยทั้งกายและใจ ไหนจะเรื่องงานพิธี เรื่องแขก เรื่องของชำร่วย เรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องซองช่วยงาน เรื่องทรัพย์สินมรดก ยังจะมีเรื่องญาติ ๆ ที่ไม่ค่อยถูกกันมาด่าให้ได้ยินอีก ถึงผมจะไว้ยาวถึงกลางหลัง ผมก็มัดไว้เรียบร้อยอย่างดี ทำไมต้องมายุ่งกับหัวกบาลของผมด้วยนะ พวกเค้าเข้าใจว่าผมเป็นกะเทยแต่งหญิง ทั้ง ๆ ที่ผมก็ใส่ชุดนักศึกษาผู้ชายมางานทุกวันหลังเลิกเรียน นมก็ไม่มี เดินก็ไม่ได้กระตุ้งกระติ้ง มือไม้ก็ไม่ได้กรีดกราย....ไม่เคยคิดจะแต่งหญิงด้วยซ้ำ....ช่วงนั้นผู้ชายไว้ผมยาวเป็นเรื่องของแฟชั่น มันก็เหมือนสมัยนี้ที่ต้องทำผมชี้ ๆ ตั้ง ๆ ทุกคนลุ้นกันว่าผมจะยอมโกนหัวบวชให้พ่อหรือเปล่า แรก ๆ ผมถึงกับเครียดเลยนะครับ ลึก ๆ แล้วผมก็อยากบวชนะครับ แต่อย่างที่บอก มีวิธีทำบุญให้พ่ออีกตั้งเยอะ ผมก็ไม่ใช่คนเดียวที่ไม่ได้บวชให้พ่อ ไม่ได้เสียดายผมเลยแม้แต่น้อย ผมรู้สึกว่าไม่ชอบการกดดันแบบนี้ คิดแล้วคิดอีกจนแม่ผมช่วยตัดสินใจให้ผมไม่ต้องบวช ให้น้องชายบวชแทน.....
.....ผ่านงานศพพ่อไปไม่ถึงเดือนแม่ผมก็ต้องกลับไปดูแลกิจการที่กำลังไปได้ด้วยดีต่อ....ผมใจหายเหมือนกัน อยากให้แม่มาอยู่กรุงเทพฯ แต่แม่ไม่ยอม แม่รู้ว่าพ่อผมทุ่มเทกับธุรกิจนี้แค่ไหน ผมก็ต้องตามใจแม่ แต่ผมสัญญากับแม่และกับตัวเองจะกลับไปเป็นเอ้คนเดิม จะไม่เหลวไหล ไม่เที่ยวตะลอน ๆ อย่างนั้นอีกแล้ว.....มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไปด้วยดีหลังพ่อผมเสีย ผมตั้งใจเรียนให้จบ ตกเย็นกลับบ้านมาเลี้ยงหมา ทำกับข้าว ดูแลบ้าน ดูแลน้องที่เริ่มจะเอาว่าที่น้องสะใภ้เข้าบ้านมาให้ผมรู้จัก ผมต้องให้พวกเค้าอยู่ในสายตา ไม่อยากให้แม่เสียใจ ถ้าน้องชายผมทำผู้หญิงท้องทั้ง ๆ ที่ยังเรียนไม่จบ....เราพี่น้องคุยกันดี ๆ มากขึ้น ต่างคนต่างช่วยกัน มันคงรักดีด้วยแหละ ไม่มีเรื่องมาให้ผมปวดหัวเลย ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนแทบจะกัดกันทุกวัน....และเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับผมคือ ผมไม่กลัวผีอีกเลย มีความรู้สึกเหมือนกับว่าพ่อคอยคุ้มครองผมอยู่ตลอดเวลา......
.....ช่วงเวลาแห่งความเศร้าผ่านไปช้า ๆ ผมฮึดทุ่มเทเวลากับการเรียน ทำตัวให้ยุ่งแทนที่จะไปเที่ยวให้ลืมไอ้วุธ ส่งผลให้โปรเจคงานก่อนจบของกลุ่มผมอลังการมาก เป็นบริษัทจำลอง เรื่องพวกนี้เคยเรียนมาแล้วทั้งนั้นสมัยพาณิชย์ เรื่อง Product หรือ Display สบายมาก เรื่องครีเอท ผมกับอีนันดูแล อีเต็มลงแรง เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ อีกุ้งรับผิดชอบในฐานะที่มันเป็นเด็กบัญชีเก่า และเป็นคนเดียวในสาขาที่ได้คะแนนเต็มในวิชาบัญชี...เกรด A ในวิชานี้ฉุดเกรดเฉลี่ยของพวกผมอย่างแรงเนื่องจากที่มันมีหน่วยกิตมาก.....
.....ผมไม่เที่ยวไหนเลย ไม่มีใครกล้าชวนด้วย มีแต่คนเตือนว่าอะไรที่มันมากไปมันก็ไม่ดี ตอนเย็นเลิกเรียนที่มหาลัย รีบขับรถไปเรียนพิเศษต่อ อยากเรียนอะไรก็เรียน แม่ผมส่งเงินมาให้ใช้เหมือนเดิม อบายมุขมีแค่อย่างเดียวคือ หวย ถือเป็นรายได้พิเศษ ผมพยายามหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน ทำบ้านให้น่าอยู่ มีกิจกรรมตลอด ซื้อคอม หัดเล่น Internet ติดเคเบิ้ลทีวี ดูข่าวภาคภาษาอังกฤษ อยากไปเมืองนอกมาก ๆ ถึงกับเปรย ๆ กับแม่ว่าเรียนจบแล้วจะขอไปเรียนต่อที่ไหนก็ได้ขอให้เป็นเมืองนอก แม่ก็ไม่ว่าอะไร ให้ผมหารายละเอียดของแต่ละที่มาพิจารณา ช่วงนั้นทุกคืนผมจะ Search หาข้อมูลมหาวิทยาลัยที่อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย แม้แต่สิงคโปร์ก็จะไป....Chat กับชาวต่างชาติบ้าง Make friend ไปเรื่อย ๆ อย่างน้อยก็ได้พัฒนาภาษาอังกฤษวะ.....
.....ในที่สุดก็ตกลงเป็นที่ออสเตรเลีย เมืองเพิร์ธ พอแม่อนุญาต ผมก็หมดห่วง เริ่มกลับมาดูสารรูปตัวเองที่ไม่ได้สนใจมานาน....ตัดผมสั้นเตรียมรับปริญญา มีคนทักว่าหน้าเด็กลงตั้งเยอะ ทุกคนบอกว่าผมดูเป็นผู้เป็นคนขึ้น เหมือนตอนปี 1 แต่ต่างกันที่ผมพูดจา และทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อนมาก คำหยาบก็ไม่ค่อยได้ใช้กันแล้ว ชักเริ่มอายเวลามีคนมองพวกเราคุยกัน.....
.....สำหรับวุธ ผมไม่เคยลืมมันเลย ยังหวังว่าจะได้เจออยู่ ขนาดวันที่ผมต้องไปจับใบดำใบแดง ผมคิดว่ายังไงวันนี้ต้องได้เจอมันแน่ แต่งตัวให้ดูดียังกับจะไปเดินห้างทั้ง ๆ ที่ร้อนตับจะแตก มันไม่ได้เรียน รด. บ้านก็อยู่ละแวกเดียวกัน เขตเดียวกัน ต้องมาเกณฑ์ที่เดียวกันแน่.....ปรากฏว่า ไม่เลยครับ ตั้งแต่เช้าจนเย็น ไม่มีแม้เงา ไม่มีชื่อของมันด้วยเวลาเค้าขานชื่อ บรรยากาศตึงเครียด ร้อนมาก ๆ คนเดินกันเพ่นพ่าน ขนเพื่อนขนญาติมาเชียร์ ผมเองยังให้เพื่อน ๆ มาด้วยเลย พวกมันมัวแต่ดูผู้ชาย ไม่สนใจผมเลย จนผมงอน แต่ผมก็หายเองตอนที่ออกมาจากอาคารที่ใช้จับใบดำใบแดง พร้อมรอยยิ้มบนหน้า พวกมันกรูเข้ามากอดผมแน่นจนหายใจแทบไม่ออก.....
......เวลาที่ผมเศร้าที่สุดอย่างตอนที่พ่อเสียก็ไม่มีวุธอยู่ข้าง ๆ อันนี้ผมเป็นคนเลือกเอง แต่วันที่ผมมีความสุขกับงานเลี้ยงฉลองรับปริญญา ก็ไม่มีมันอีกเช่นเคย ผมก็อีกนั่นแหละเป็นคนเลือกที่จะไม่บอกมัน ทั้ง ๆ ที่อยากบอก ขับรถผ่านบ้านมันก็หลายรอบ รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ได้อยู่ที่นี่ ขอแค่เห็นพ่อมันทำกับข้าวอยู่หน้าเตา เห็นแม่มันนั่งคิดเงินอยู่ข้างใน เห็นพวกเค้ามีความสุขดี ผมก็พอใจแล้ว กลับบ้านได้....บ้าเนอะ....เลิกกันแล้วนี่จะไปยุ่งกับเค้าทำไม.....และวุธก็เป็นแรงกระตุ้นอีกอย่างนึงที่ทำให้ผมไม่อยากอยู่เมืองไทย....ไม่อยากเห็นบรรยากาศเดิม ๆ ทั้งที่รู้ว่าถึงจะหนีไปนอกโลกผมก็ไม่มีทางลืมมัน.....
“...เอ้...แกจะไปเรียนต่อเมืองนอกจริง ๆ เหรอ...” กุ้งเริ่มประเด็นบนโต๊ะอาหารในร้านอาหารชื่อดังบนห้างใหญ่แห่งหนึ่ง เรานัดเจอกันเป็นครั้งแรกหลังเรียนจบ
“...อืม...พรุ่งนี้ก็จะไปทำ Passport แล้ว...” ผมตอบตาเป็นประกาย
“...ไม่ห่วงแม่เหรอ...” คำถามนี้ทำผมอึ้งทุกทีที่มีคนถาม
“...ห่วงดิ...แต่ชั้นไปเรียนนะ....เพื่ออนาคต...” ผมก้มหน้าพูด เอาหลอดคนน้ำในแก้ว เรื่องนี้ทำผมเครียดมาหลายวันแล้ว
“...ไปหาผู้ชายมากกว่ามั้ง....” เต็มแซว
“...อยากได้เหมือนอีแอ๊บอ่ะดิ...” นันเอากับเค้าด้วย
“...ติดต่อมันมั่งปะ...” เออว่ะ ตายแล้วลืมมันไปเลย ตั้งแต่ได้ที่อยู่มันมาก็ไม่เคยส่งจดหมายไปหาซักฉบับ
“...เปล่า...แต่ว่าวันนี้จะลองกลับไปเขียนจดหมายถึงมันดู...”
.....คืนนั้นผมลงมือเขียนจดหมายไปหาอีแอ๊บเป็นครั้งแรก ถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่ตามมารยาท ไม่ลืมที่จะแนบ E Mail Address ของผมไปด้วย....ระหว่างนั้นก็หาข้อมูล กรอกรายละเอียดในแบบฟอร์มของมหาวิทยาลัยที่ผมตัดสินใจจะไปเรียนต่อ....พอเอาเข้าจริง ๆ มันไม่เห็นง่ายอย่างที่คิดเลยอ่ะ วุ่นวายไปหมด ตั้งแต่ตอนจะทำ Passport ผม Print เอกสารการขอวีซ่าออสเตรเลียออกมาจากเวป อ่านเรื่องตรวจร่างกาย ประเภทวีซ่าต่าง ๆ รายละเอียดปลีกย่อยเยอะแยะ แต่ยังไงก็ยังดื้อจะไปให้ได้.....
.....เอกสารของมหาวิทยาลัยทางโน้นตอบรับผมแล้ว รีบโทรบอกแม่ อีกสองวันถัดมา แม่ลงมากรุงเทพฯ เพื่อเตรียมเอกสารให้ผม พาน้องมาด้วย ไม่ได้เจอกันนาน โตขึ้นเยอะเลย.....
“...พรุ่งนี้เช้าไปธนาคารกับแม่นะ...”
“...ครับ...” ผมดีใจจนเนื้อเต้น
“...แน่ใจนะว่าอยู่ได้ เรียนได้...” แม่มองหน้าผม แต่ทำไมผมต้องหลบตาก็ไม่รู้
“...แน่นอน...”
“...แม่ว่าจะขายบ้านนี้ แล้วให้น้องย้ายไปอยู่โน่นด้วยกัน...” ผมอึ้ง
“...ถ้าเงินไม่พอเอ้ไม่ไปก็ได้นะแม่...” แม่หัวเราะเบา ๆ
“...เงินพออยู่แล้วลูก...แต่จะให้น้องอยู่บ้านยังไงคนเดียว...พอหนูเรียนจบกลับมาแม่ค่อยซื้อบ้านเล็ก ๆ ชานเมืองให้ใหม่ หรือว่าหนูจะซื้อเองล่ะ จบเมืองนอกมายังไงก็มีงานทำแน่นอน สบายแล้ว...”
“...โอ๊ย...ไม่เอา...เสียดาย...” ผมโวยวาย น้องผมมันก็มองลุ้น ๆ อยู่ ถ้ามันต้องย้ายไปอยู่เหนือ เท่ากับว่ามันก็ต้องแยกกับแฟนด้วย
“...งั้นแม่จะเปิดให้คนเช่าก็ได้...”
“...บ้านพังพอดี...” ผมบ่น
“...อ้าว แล้วจะปล่อยบ้านให้ว่างไว้อย่างนี้เหรอ...”
“...งั้นเอ้ไม่ไปแล้ว...” ผมตัดสินใจเด็ดขาด
“...ไม่ต้องเลย...พอให้ไปแล้วจะมาล้มเลิกง่าย ๆ อย่างนี้ได้ไง...” แม่พูดเสียงแข็ง จะว่าไปตั้งแต่พ่อเสีย แม่ก็เป็น working woman มาตลอด บุคลิกเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย
“...เอ้ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เอาเป็นว่าเลื่อนออกไปก่อนก็ได้ รอให้น้อง ๆ มันโตกว่านี้อีกซักหน่อย...”
“...ตกลงจะไปหรือไม่ไป...”
“...ยังไม่ไปตอนนี้...” ผมตอบเลี่ยง ๆ
“...เอ้...หนูโตแล้วนะลูก ทีหลังอย่าโลเล เสียเวลาแม่รู้มั๊ย น้องก็ต้องหยุดเรียนมาด้วยเนี่ย...” อันนี้แม่คนเก่ากลับมาแล้ว บ่น ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เสร็จก็เดินขึ้นห้องไป น้องผมถอนหายใจดังเฮือก
.....ไม่ได้เช็คเมล์ซะนาน มัวแต่ดูเวปโป๊อยู่ เอ๊ะ เมล์ใคร ชื่อไม่คุ้นเลย มีไวรัสหรือเปล่าวะ ผมทิ้งมันไว้อย่างนั้นหลายวัน เปิดมาอีกทีก็มีเมล์ชื่อเดิมส่งมาใหม่ คราวนี้ Subject บ่งบอกว่าเป็นอีแอ๊บ ผมถึงได้คลิกเข้าไปอ่าน.....มันเล่าอะไรมากมายเหมือนได้ระบาย ทั้ง ๆ ที่ผมก็ไม่ได้สนิทกับมันขนาดนั้น มันนัดเวลาออนไลน์ เพื่อจะได้คุยกันในโปรแกรมแมสแซนเจอร์ ผมจำไว้ และก็ได้คุยกับมันจริง ๆ แต่เป็นภาษาอังกฤษนะครับ ตอนนั้นไม่มีเวอร์ชั่นไทย ก็โอเควะ รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง คุยไปคุยมาก็ดันเผลอไปคุยเรื่องไอ้วุธอีก...โอ๊ย...แล้วกูจะลืมมันได้มั๊ยเนี่ย.....ถึงภาษาผมจะไม่ได้แข็งแรงอย่างมัน แต่ผมก็พอจะแปลได้ว่าข้อความที่มันกำลังพูดถึงมีความหมายยังไง ตอนนั้น วุธพูดอะไรเกี่ยวกับผมให้มันฟังบ้าง วุธคิดยังไง วุธเสียความรู้สึกแค่ไหนที่ผมทำอย่างนั้น.....อีแอ๊บถึงกับใช้คำว่า I swear เพื่อปฏิเสธว่ามันไม่ได้เป็นอะไรกับวุธ แต่มันก็ยอมรับนะครับว่ามันจะชอบวุธอยู่บ้าง แถมยังบอกอีกว่าครั้งหนึ่งมันเคยคิดจะแย่งวุธไปจากผม แต่ไม่สำเร็จ และลงท้ายบทสนทนานี้ว่า     I  believe he still loves you....
.....จากการคุยกันมาซักพักผมใช้โอกาสนี้ถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างมันกับโมทย์....มันหายจากหน้าจอไปนานก่อนจะกลับมาด้วยประโยคขึ้นต้นว่าให้ผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และจนถึงทุกวันนี้ผมก็เป็นคนเดียวที่ได้รู้ความลับของมัน.....
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 11-10-2007 00:32:04
 :undecided:
จบภาคเด็กมหาลัยแล้วครับบบบ ต่อไปจะเริ่มเข้าภาคทำงานและภาคพิเศษอีกนิดหน่อย
ที่มีเก็บไว้ก็คงถือว่าสมบูรณ์แล้ว อาจจะไม่ที่สุด ถ้าคุณเอ้มีการเขียนเพิ่มเติมภายหลังงงง ...
อาจจะเห็นว่าคืนนี้ลงให้เยอะเป็นพิเศษ....รู้สึกม่ายค่อยดีเท่าไหร่....กลับไปเป็นคนอ่านดีกว่า....
ถ้า lanlan แวะมาหรือใครที่มีเรื่องราวเก็บไว้ ช่วย post ต่อหน่อยก็ดีนะครับบบบบ
ถ้ามีโอกาสจะมาแวะ post ให้อีกละกัน ....  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 11-10-2007 00:51:44
จบภาคแรกแล้ว ชีวิตของคุณเอ้มีทุกรสชาติจิงๆ อ่านแล้วทั้งตลก ทั้งสนุก เศร้า

แล้งยังได้อะไรหลายๆอย่างกลับไปด้วย ชอบมากๆเลย

จะรออ่านภาคต่อๆไปอีกนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 11-10-2007 02:03:58
ภาคอะไรก้เอาคับ อ่านต่อนานแค่ไหนก้จะอ่านคับ

ผมชอบเรื่องนี้มากมายคับ

นึกไม่ถึงว่า เวอร์จิ้นของคุนเอ้จะเก็บไว้ได้นานมากกกกกกก

แน่นอน ที่เค้าเก้บไว้เพื่อรักสุดท้าย อิอิ

มาต่ออีกนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 11-10-2007 04:10:30
และแล้ว..ก็จบภาคมหาลัยซะละ..
อยากบอกว่าคุณเอ้เป็นคนที่ใจแข็ง เด็ดเดี่ยว ทิฐิสูง(มาก)
จนถึงขั้นใจร้ายมาก(กับวุธนะ)..
แล้วเป็นไงหล่ะ..ลึกๆแล้วก็ลืมวุธไม่ได้เลย..
อ่านแล้วได้แง่คิดดีทีเดียว..
ขอบคุณนะครับ..คนโพสด้วยนะ.. o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 11-10-2007 08:22:39
อยากมีใจที่เข้มแข็งแบบเอ้มังจัง    :m17:

"เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ใจไอ้วุธได้ แต่มึงก็ต้องทำใจไว้ด้วย ชายจริงหญิงแท้ คบกันมาเป็นสิบปียังเลิกกันได้เลย แล้วมึงยังจะเชื่อว่ารักแท้มีจริงในหมู่เกย์อยู่อีกเหรอ....ผมปลอบใจตัวเอง...".


 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ขอบคุณnartch มากนะคะ 
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 11-10-2007 11:44:52
ครับยังไงก็ต้องเข้มแข็งไว้นะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
แต่ถ้าวุธไม่มีอะไรจริง ๆ ทำไมถึงหายไปเลยล่ะ แล้วไม่ติดต่อหาเอ้บ้างเลย

แล้วต่อไปจะเป็นภาคไหนอ่ะครับเนี้ย
อยากรู้เร็ว ๆ จังเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 11-10-2007 11:46:38
 :impress:

และแล้ววุธก็หายไปจิง ๆ

เป็นกำลังใจให้เอ้นะ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 11-10-2007 12:45:48
ครับยังไงก็ต้องเข้มแข็งไว้นะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
แต่ถ้าวุธไม่มีอะไรจริง ๆ ทำไมถึงหายไปเลยล่ะ แล้วไม่ติดต่อหาเอ้บ้างเลย

แล้วต่อไปจะเป็นภาคไหนอ่ะครับเนี้ย
อยากรู้เร็ว ๆ จังเลย

 :m17: :m17: :m17: :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 11-10-2007 14:28:20
ยังไงก็ยังเชียร์วุธอยู่อ่ะ เราคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวุธก็ไม่ใช่คนผิด ซะคนเดียว พอกันทั้งคู่ทิฐิสูงพอกัน (แต่เอ้มากกว่าวุธนะ)
เพราะหลายครั้งที่วุธพยามมาง้อ มาอธิบาย มารอหน้าบ้านเอ้ แต่เอ้ก็ไม่สนใจจะปรับความเข้าใจอ่ะเนอะ

หวังว่าวุธคงเป็นพระเอกของเรื่องนี้นะ    :impress: :impress: รอภาคทำงานต่อไป  :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 11-10-2007 18:31:29
ไมได้อ่านซะนานเลยครับ



วุธเมื่อไร่จะติดต่อหาเอ้เนี่ย


ดีกันนะๆๆ



เฮ้อ อ่านแล้วเศร้าๆ เซ้งๆ

พอกะชีวิตตัวเองเลย ไปกินเหล้าดีกว่า 55
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 11-10-2007 19:37:52
 :o11:
ผมเดาว่า

วุธยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เอ้แหละ แต่ไม่แสดงตัว และถ้าโผล่มาเล่าให้ฟังละก็
คงจะเศร้ามากมายมหาศาลแน่ ๆ
 :undecided:
 :เฮ้อ:

อ่านเรื่องนี้แล้วอึดอัดจัง
อยากให้เอ้ลดทิฐิลงมาบ้างอ่ะ คงจะอึดอัดน้อยกว่านี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: kimsumsoon ที่ 11-10-2007 23:00:53
อยากรู้เรื่องของโมทย์กับแอ๊บ...มากกว่าค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 12-10-2007 00:15:02
รออ่านต่อภาคต่อไปคับ :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 12-10-2007 00:53:00
ขอบคุณ คุณ nartch ที่ชั่วยโพสจนจบภาคมหาลัย สนุกมากคับ แล้วชั่วยต่อภาคต่อไปด้วยนะคับ รออ่านนะคับผม
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 12-10-2007 02:53:18
 :m13:วันนี้จะมีใครมาต่อให้มั้ยครับ..อยากอ่านแย้ว.. :impress:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 12-10-2007 17:29:58
ดันๆๆคับ จะล่วงแร้ววว

ยังรออ่านต่อนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อด$
เริ่มหัวข้อโดย: dejavu_boyz ที่ 12-10-2007 21:32:56


lanlan รู้จักพี่เอ้เป็นการส่วนตัวรึป่าวอ่าครับ

ไงถ้ารู้จัก ก็เอาข่าวคราวพี่เอ้มาลงบ้างนะครับ อยากรู้จังว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง พอเรื่องนี้จบ ก็หายไปเลย หลายปีแล้วนะเนี่ย

ขออนุญาตต่อให้นะครับ คุณ lanlan

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: dejavu_boyz ที่ 12-10-2007 21:53:07
19 Against All Odds
.....คืนนี้พวกผมมีนัดไปเที่ยวกัน ตื่นเต้นจังเลย ไม่ได้เจอพวกเพื่อน ๆ มานานแล้ว เต็มที่ก็แค่คุยโทรศัพท์ แต่จะคุยได้ไม่นานเหมือนตอนเรียน ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่เหมือนผม เคว้งคว้าง ไม่รู้จะทำอะไร ไม่รู้จะเรียนอะไร ให้เหตุผลกับแม่ว่าขอพักผ่อน เนื่องจากก่อนจบ ผมทุ่มเทกับการเรียนมาก รู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะขยับตัวไปไหน.....
.....แต่ผ่านมาหลายเดือน เลือดเด็กพาณิชย์ที่เคยทำงานมาตลอด ยกเว้นตอนเรียนมหาลัย เริ่มฉีดพล่าน เกิดอาการอยากทำงานขึ้นมาอย่างมาก ถึงขั้นซื้อหนังสือพิมพ์หางานมานั่งอ่านทั้งวัน งานนี้อยากทำ งานนั้นก็เงินดี ไม่ได้เจียมตัว ไม่ได้ดูสถานภาพตัวเองเลย เพิ่งจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์ ไปสมัครงานที่ไหนเค้าก็บอกว่าจะติดต่อกลับ.....ไม่มีประสบการณ์ทำงานจริง ๆ จัง ๆ ไงครับ ที่ผ่านมาแค่ Part time กับฝึกงาน ไม่รู้มาก่อนว่าคำพูดอย่างนี้คือการปฏิเสธทางอ้อม ไอ้ผมก็นั่งรออย่างมีความหวัง.....สมัครไปตั้งหลายที่ คิดว่าใครติดต่อกลับมาก่อนก็จะทำที่นั่นเลย เพราะทุกบริษัทที่ผมยื่นใบสมัครล้วนแต่เป็นงานที่ผมอยากทำทั้งสิ้น.....
“...เป็นไงกันมั่ง...” ผมไปถึงช้ากว่าคนอื่น ก็มัวแต่หาชุดใส่อยู่ ตั้งแต่พ่อเสีย นี่เป็นการไปเที่ยวกลางคืนครั้งแรก เรานัดกันร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งหนึ่งไม่ไกลนัก
“...ขับรถหรือว่าขับเกวียนมาวะ...” อีกุ้งกัดผมทันทีที่ผมหย่อนก้นนั่ง
“...อีห่า...ไม่ได้เจอกันนานยังปากดีเหมือนเดิมนะมึง...”
“...เฮ้ย ๆ ไอ้ที่ตกลงกันไว้ตอนเรียนยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า...” อีนันมันหมายถึงเรื่องใครพูดคำหยาบจะโดนปรับคำละ 10 บาท
“...พอแล้ว...นาน ๆ เจอกันที ขอเม้าธ์เต็มที่หน่อยเหอะ...” อีกุ้งเบรก ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“...ตกลงมึงได้งานยังวะอีเอ้...” ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“...อย่าเลือกงานนักดิ...” อีนันสอน ตอนนี้มันทำงานบริษัทเล็ก ๆ ด้วยเหตุผลที่ว่ามันจะได้ทำงานทุกอย่างเป็น และอีกไม่นานมันจะมีกิจการของตัวเองให้ได้
“...เลือกเหี้ยอะไรล่ะ...ตอนนี้กูแทบจะสมัครทุกบริษัทแล้วนะโว้ย...” ผมเองก็รู้สึกอายเพื่อน ๆ ที่หางานไม่ได้ซักที
“...อ้าว...ทำไมล่ะ...คุณสมบัติมึงอลังการจะตาย...หรือว่ามึงเรียกเงินเดือนเวอร์ไปวะ...”
“...ตอนแรกกูก็คิดว่างั้น.....แต่พอหลัง ๆ มากูลดลงมาตั้งเยอะแล้วนะโว้ย...”
“...เท่าไหร่ล่ะ...” อีกุ้งถาม
“...XX,XXX...”
“...โห...มึงจบดอกเตอร์มาเหรอ อีเวร...ไม่สงสัยเลยทำไมมึงถึงไม่ได้งาน...แล้วเค้าเรียกมึงสัมภาษณ์มั่งปะ...” อีเต็มขำก๊าก พูดไปหัวเราะไป เมื่อรู้ว่าผมเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ มากเกินไปสำหรับเด็กจบใหม่
“...เรียก...ตั้งหลายบริษัท...”
“...เค้าถามอะไรมั่ง แล้วมึงตอบยังไง...”
“...” ผมเล่าเท่าที่ผมจำได้ เพื่อนผมนั่งฟังอ้าปากค้าง
“...มึงตอบอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ...” อีนันถาม ทำหน้าสยองไปด้วย
“...เออ...ทำไมวะ...” ผมพยักหน้าเบา ๆ
“...มันแรงไป...”
“...กูคิดยังไงก็ตอบอย่างนั้นอ่ะ...”
“...แต่กูว่า อ้อม ๆ หน่อยก็ดีนะ...” ผมเห็นด้วยนะครับ เพราะบางทีคำตอบของผมทำเอาคนถามทำหน้าเจื่อนไปเลย คงมั่นใจในตัวเองมากไปมั้งครับ
“...มึงมาทำงานกับกูดีกว่า...รับรองได้แน่...ลักษณะอย่างมึงเนี่ยเหมาะเลย...” อีกุ้งชวน
“...ไม่เอา...กูอยากทำงานออฟฟิศ....”
“...งานโรงแรมก็มีออฟฟิศนะโว้ย...มาเป็นเซลล์ดิ...”
“...ไม่เอา...กูไม่ชอบออกไปตะลอน ๆ หาลูกค้า...”
“...อีดอก...งั้นมึงก็ไปทำงานกับแม่มึงเหอะ...” อีเต็มค้อนปะหลักปะเหลือก
“...กูก็ว่าจะไปอยู่นะ...รอให้น้องกูมันเข้ามหาลัยก่อน...” อีกไม่นานหรอกครับ ตอนนี้น้องผมก็กำลังเตรียมตัวเอนท์อยู่
“...เอ้...มึงเชื่อกู...อย่างมึงต้องทำงานโรงแรม...รูปร่าง หน้าตา ภาษา บุคลิก ได้หมด ที่สำคัญ ถ้าเค้าเรียกมึงสัมภาษณ์แล้วมึงตอบอย่างที่เคยตอบนะ รับรองพวกเค้าต้องรีบรับมึงเลยแหละ...” อีกุ้งพูดเสียงจริงจัง
“...ทำไมวะ...”
“...ก็มึงมั่นใจซะขนาดนั้น เค้าก็อยากจะจ้างมึงไว้กัดกับแขกไง...อีนี่...ทำงานโรงแรมไม่ใช่เรื่องง่ายนะโว้ย มึงต้องเจอคนร้อยพ่อพันแม่ ให้อ่อนปวกเปียก เรียบร้อย นุ่มนิ่ม มึงก็ได้โดนโขกสับเละอ่ะดิ....นี่ยังไม่รวมเพื่อนร่วมงานกับบรรดาผู้ใหญ่ทั้งหลายในโรงแรมนะมึง เขี้ยว ๆ ทั้งนั้น...”
“...แล้วมึงชอบงานนี้เหรอ...” ผมถามอีกุ้ง
“...ลึก ๆ แล้วกูก็ชอบนะ...แต่กูมีเป้าหมายใหญ่กว่านั้น...”
“...อะไรวะ...”
“...กูจะเก็บประสบการณ์โรงแรมไว้สมัครแอร์...หรือไมก็ไปทำงานเมืองนอก...พี่ก้องรอกูอยู่...” อีกุ้งทำหน้าเศร้าเมื่อพูดถึงพี่ก้องที่ตอนนี้ไปทำงานกับครอบครัวที่ต่างประเทศ มิน่ามันถึงอยากเป็นสจ๊วต ได้ขึ้นเครื่องบินฟรีนี่เอง
.....เพื่อน ๆ ทุกคนเข้าใจคำว่าแอร์ในความหมายของอีกุ้งคือสจ๊วต....ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ถ้ามีความพยายาม แต่สำหรับมัน ปัญหาใหญ่คือ มันว่ายน้ำไม่เป็น ตอนแรก ๆ พวกผมขำกับความคิดของมัน แต่เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของมันแล้วต้องเอาใจช่วย....ส่วนเรื่องให้ผมไปทำงานที่เดียวกับมันนี่ ผมขอคิดหน่อยละกัน ให้งานนี้เป็นตัวเลือกสุดท้ายดีกว่า.....
.....ใครจะสบายเหมือนอีเต็มล่ะครับ มันเลือกที่จะเรียนโทต่อ เป็นห่วงมันเหมือนกันเพราะ ตอนที่เรียนด้วยกันพวกผมก็ช่วยกันเข็นมัน แต่แปลกแฮะ มันเรียนดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย ได้เพื่อนใหม่ดีด้วยแหละ.....วันนั้นพอเรากินข้าวรองท้องกันเสร็จก็ไปแดนซ์กันที่ซอยสองต่อ....สนุกมาก ตื่นตาตื่นใจ ไม่ได้เที่ยวซะนาน ที่สำคัญได้เบอร์คนแปลกหน้ามาอีกแล้ว แต่ไม่โทรหรอก ตอนนี้อยากทำงานมากกว่า เรื่องอื่นมาทีหลัง.....

*
*
*

.....และวันนี้พวกเราก็นัดกันอีกครั้งหลังเลิกงาน ภายในเวลาไม่ถึงเดือน ผมเป็นเจ้ามือเอง สถานที่เป็นห้องคาราโอเกะ VIP ในห้างแห่งหนึ่ง กินข้าวร้องเพลงกัน จองไว้แค่ 2 ชั่วโมง เนื่องจากวันรุ่งขึ้นไม่ใช่วันหยุด.....ผมมีข่าวดีมาบอกเพื่อน ๆ ทุกคน...ผมได้งานทำแล้ว.....

“...ไหน...งานอะไรของมึง...” อีเต็มรอให้ผมพูดเองไม่ไหว มันถามขณะที่ผมโอ้เอ้ร้องเพลงหน้าตาเฉย
“...ก็งานที่อีกุ้งมันแนะนำนั่นแหละ...” อีกุ้งหันมามองผมตาโต เฟร้นช์ฟรายคาปาก
“...ที่เดียวกับอีกุ้งเหรอ...”
“...เปล่า...โรงแรม XXXX ใกล้ ๆ กัน....มีสอบข้อเขียนด้วย ไม่อยากโม้ กูได้คะแนนเต็มนะโว้ย...” ผมยืด
“...สัมภาษณ์เลยปะวะ...” อีกุ้งถาม
“...เออ...กูสมัครเซลล์ แต่แม่งให้กูไปสัมภาษณ์กับผู้จัดการตั้ง 4 แผนก....โคตรเหนื่อยเลย...โดนรุมถามจนกูตอบแทบไม่ทัน....”
“...ตกลงมึงทำแผนกอะไรวะ...”
“...Front Office เป็น GSA...”
“...อะไรของมึงวะ....แบบเดียวกับอีกุ้งปะ...” อีนันสงสัย
“...เออ...อย่างเดียวกันเลย ทำทุกอย่าง ทั้ง Reception ทั้ง Cashier...ดีเลย วันไหนห้องกูเต็มกูจะได้ย้ายแขกไปที่มึง...” อีกุ้งตอบแทน
“...Congratulation !...” อีนันยกแก้ว ทุกคนยกตาม จากนั้นเราก็นั่งกินนั่งร้องเพลงกันต่อ

.....ไม่รู้มันแกล้งผมหรือว่ามันอยากร้องเพลงพวกนี้จริง ๆ แต่ละเพลงทำเอาผมซึมไปเลย มันอดนึกไม่ได้อีกแล้ว ว่าเวลาที่ผมมีความสุข ผมอยากมีไอ้วุธอยู่ข้าง ๆ อยากให้มันมีความสุขไปด้วย ถ้ามันอยู่ เราคงได้ไปฉลองกันสองคน วันที่ไปทำงานวันแรกมันคงไปส่ง ฯลฯ ผมคิดไปสารพัด.....

.....อีเต็มร้องเพลง อยากให้เธออยู่ตรงนี้ ของโบ.....อีนันร้องเพลง หากฉันรู้ ของตอง แต่ที่เด็ดที่สุดก็เสียงโหยหวนของอีกุ้งในเพลง Against All Odds เป็น Original Version ....ในใจก็เหงา ๆ นะครับ แต่เสียงเพี้ยน ๆ กับการอิมโพรไวส์กันสุดกระเดือกของพวกมันที่ช่วยกันตะเบงตอนท่อนสุดท้าย ทำเอาผมเผลอยิ้มออกมาได้....พอจบเพลง อีเต็มมันยังมีหน้ามาถามผมอีกว่าเพราะมั๊ย.....คำตอบที่ได้รับทำให้มันเกือบเอาไมค์เขวี้ยงหัวผม “...เสียงยังกะควายตด...” แต่มันก็ยอมรับนะครับ....ก็ แหม....การร้องคาราโอเกะกับเพื่อน ถ้าร้องถูกคีย์ หรือตั้งใจร้องเกินไปมันก็ไม่สนุกสิครับ....ใช่ปะ...
*
*
*

.....ใครว่าทำงานโรงแรมสบาย ได้ใส่สูท ผูกไท ยืนฉีกยิ้มทั้งวัน....ขอบอกว่าไม่ใช่เลยครับ.....เหนื่อยมาก ๆ เหนื่อยซะจนแทบไม่มีแรงจะยิ้ม ผมทำงานที่นี่ได้เกือบปี เป็นซีเนียร์แล้ว มีเด็กใหม่เข้า ๆ ออก ๆ ตลอด ช่วงนี้เป็นช่วงที่คนขาด ผมต้องหมุนรอบ 3 กะใน 1 สัปดาห์ วันนี้เข้ากะเช้า.....พรุ่งนี้เข้ากะบ่าย.....มะรืนนี้เข้ากะดึก.....วันถัดไปหยุดเพื่อมาเข้ากะเช้าใหม่....เหนื่อยมาก แรก ๆ ร่างกายปรับตัวไม่ทัน โรคกระเพาะเป็นโรคประจำตัวของพนักงานโรงแรมทุกคน....โครงการลาออกไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย หรือไปทำงานกับแม่ที่เหนือเป็นอันต้องล้มเลิกไปโดยปริยาย เพราะน้องชายผมดันโชคดี เอ่อ เก่งครับ ที่เอนท์ติดมหาวิทยาลัยชื่อดังทางภาคเหนือ เช่นเดียวกับแฟนมัน (...ถ้ามีความรักแล้วทำให้ตั้งใจทำอะไรดี ๆ อย่างนี้ ผมก็สนับสนุนเต็มที่ครับ...) เท่ากับว่าผมต้องอยู่กรุงเทพฯ เฝ้าบ้านคนเดียว ไม่อยากให้แม่ขายบ้านอ่ะครับ เสียดาย ตอนนี้การคมนาคมสะดวกสบาย ผมขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงานทุกวันเลย ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที แต่ถ้าขับรถไปก็ชั่วโมงกว่า ๆ อ่ะครับ ติดแหงก ไม่ขยับเขยื้อน เคยทำสถิติ 2 ชั่วโมงมาแล้วจากบ้านถึงที่ทำงาน.....

.....กะที่เหนื่อยที่สุดแต่ผมชอบที่สุดเป็นรอบเช้าครับ....เหนื่อยมาก มือ Check out เท้า Check in แขกยุโรปมาส่วนมากจะมา Flight เช้า แขกเก่ายังไม่ออก แขกใหม่มารอแล้ว ห้องก็ยังทำความสะอาดไม่เสร็จ .....แขกบางคนดีหน่อยก็เข้าใจ อีพวกวีน ๆ ก็เยอะ อย่างที่อีกุ้งบอกว่าเค้าจ้างผมมากัดกับแขก ท่าจะจริง เพราะผมมีหน้าที่ทะเลาะกับแขก ด้วยประสบการณ์ และบุคลิกของผม น้องใหม่ ยังทำไม่ได้ต้องคอยเรียกผมไป Deal ทุกครั้งเวลาแขกวีน.....

....ไม่ได้เก่งอะไรมากมายนะครับ แค่เราทำตามกฎ อะไรยอมได้ก็ยอม แต่ถ้ายอมแล้วเดือดร้อนก็ไม่ยอม คนที่จะตัดสินใจยอมได้หรือไม่ได้ คือผู้จัดการเท่านั้น เรามีหน้าที่คุยกับแขกในเบื้อต้นก่อน ถ้าแขกไม่ยอมจริง ๆ ให้เรียกผู้จัดการมาคุย แต่ส่วนมากแขกต่างชาติจะชอบเรียกผู้จัดการตั้งแต่เราเข้าไปถามแล้วว่าจะให้ช่วยอะไร รู้ดีจริง ๆ ฝรั่งพวกนี้....

.....เรื่องเงินเรื่องทองนี่ไว้ใจใครไม่ได้ รู้หน้าไม่รู้ใจ ห้ามปล่อยแขกเด็ดขาด ไม่ว่าจะโดนด่ายังไง ถ้าแขกยังไม่เคลียร์เงิน จำไว้ว่าห้ามให้ออกนอกโรงแรม หาเรื่องมาคุยถ่วงเวลารอแม่บ้านโทรมาบอกว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่ม....ตอนมาทำงานใหม่ ๆ ผมก็ไม่รู้อะไร ปล่อยแขกไปทั้งที่เค้ากิน Minibar เกลี้ยงตู้ ก่อนปล่อย ผมถามเค้าแล้วนะครับว่า มีบิล หรือว่ากินอะไรในตู้เย็นหรือเปล่า เค้าบอกว่าเปล่า ผมไว้ใจ ไอ้เรื่องหล่อก็เป็นอีกเหตุผลนึง....แม่บ้านก็ช้ามาก กว่าจะโทรมาบอกว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง แขกไปนานแล้ว....เชื่อมั๊ยครับว่าผมโกรธมาก ยอมลางานขึ้นแท็กซี่ถือบิลตามไปเก็บเงินถึงดอนเมืองเลย โชคดีที่ผมมีข้อมูลเที่ยวบิน และมีเพื่อนเป็นกราวน์ที่สนามบิน โทรบอกนิดเดียว เค้าก็ช่วยตามหาจนเจอ และใช้ความสามารถส่วนตัว เก็บเงินได้ด้วย ไม่คุ้มกับค่าแท็กซี่หรอกครับ แต่สะใจ .....ถ้าผมปล่อยเค้าไป แล้วต้องจ่ายเงินเอง กลับถึงบ้านผมต้องเครียดแน่ ๆ รู้สึกว่าตัวเองผิดยังไงไม่รู้.....หลังจากนั้น ผมก็ไม่ไว้ใจใครอีกเลย.....
.....วันนี้เข้ารอบเช้า....ยุ่งเหมือนเดิม แต่เวลาผ่านไปเร็วดีนะครับ เงยหน้ามาอีกทีก็เกือบเที่ยงแล้ว แขกอิน - เอาท์ เริ่มซา มีเวลาเม้าธ์ละครเมื่อคืน เม้าธ์แขกที่เดินผ่านไปผ่านมา และหัวข้อหลักในตอนใกล้เที่ยงคือ อาหารที่ Canteen ทำงานโรงแรมนี่ดีอย่างที่มีอาหารให้กินฟรี 3 มื้อ แต่บางวันอาหารที่ทางโรงแรมเตรียมให้พวกผมรับไม่ได้จริง ๆ เช่นเดียวกับวันนี้ คิดได้ยังไงอ่ะ ผัดมะเขือยาวกับหมูสับ แค่คิดก็กินไม่ลงแล้ว ไม่ใช่ผมคนเดียวด้วย ดังนั้นแผนกผมที่อยู่ด้านหน้า ได้อภิสิทธิ์กว่าแผนกอื่น สามารถสั่งอาหารเข้ามากินได้ แต่ก็ต้องแอบนะครับ บางทีก็อ้างว่าแขกซื้อให้ ซึ่งก็มีบ่อย ๆ เพราะปกติทุกโรงแรมห้ามพนักงานเอาอาหารเข้ามากิน แต่พวกผมน่ะ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ โชคดีที่ได้หัวหน้าใจดีด้วย.....

“...เอ้...แขกเอาอะไรอ่ะ...” ผมมัวแต่ก้มหน้าก้มตาดูเมนูอาหารในหนังสือโปรแกรมเคเบิ้ลทีวีอยู่ ไม่ได้สนใจแขกเลย
“...Hello, may I help you?...” ผมทักแขกทั้งที่ยังไม่ได้เงยหน้า คิดว่าเป็นฝรั่งแน่ ๆ
“...Yes, please...” คนไทยครับ พูดไปยิ้มไป ผมตะลึงเลย ไม่ใช่ตะลึงที่คนไทยพูดกับผมนะครับ แต่คนคนนั้นคือคนที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจออีก ยิ้นยิ้มโชว์ฟันขาวอยู่ตรงหน้า
“...หิวเหรอ...” ผมพยักหน้าช้า ๆ แล้วรีบส่ายหน้า
“...เปล่า...” ผมพับหนังสือเก็บ
“...สบายดีมั๊ย...” เสียงมันยังอบอุ่นเหมือนเดิม
“...ก็ดี...แล้ว...เอ่อ...วุธมาทำอะไรที่นี่อ่ะ...”
“...มาดูห้องจัดเลี้ยง...งานหมั้นน่ะ...” ผมอึ้ง เหวอแดกไปอีกรอบ เข่าอ่อนแทบยืนไม่อยู่ แต่ด้วยสถานภาพในตอนนั้นทำให้ผมต้องฝืนยิ้มออกมา ทั้งที่อยากจะร้องไห้
“...เหรอ...ยินดีด้วยนะ...จัดเมื่อไหร่ล่ะ...นัดพนักงานของเราไว้หรือเปล่า...มีคนมาดูแลหรือยัง...เดี๋ยวเรียกให้...” ผมรีบพูด เพื่อจะได้ปลีกตัวจากมันให้เร็วที่สุด
“...สิ้นเดือนนี้...ดูห้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว...กำลังจะตกลงราคา แต่ผมคิดว่าเอาโรงแรมนี้เลยดีกว่า ไม่ไปดูที่อื่นแล้ว...คุณจะได้มาร่วมงานด้วยไง...” มันพูดจาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก แต่มันชวนผมไปงานหมั้นมันเนี่ยนะ ไม่มีทางซะหรอก
“...พนักงานขึ้นไม่ได้...” ผมหาทางเลี่ยง
“...งั้นเดี๋ยวผมจะบอกพนักงานของคุณละกัน ถ้าคุณขึ้นไปไม่ได้ ผมก็ไม่จัดที่นี่...” โห อะไรจะขนาดนั้น จริง ๆ แล้วพนักงานขึ้นได้อยู่แล้ว แต่เปลี่ยนเสื้อผ้าซะหน่อย
“...ไม่เป็นไรหรอกวุธ...” ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ “...เราขอขึ้นไปแสดงความยินดีแป๊บเดียวได้อยู่แล้ว...” คอยดู วันนั้นกูจะหยุดพักร้อนไปหาแม่
“...โอเค...งั้นเชิญตอนนี้เลยนะครับ...การ์ดยังไม่ได้พิมพ์เลย...” มันหัวเราะแหะ ๆ ยิ้มอย่างมีความสุข ต่างกับผมที่ยิ้มเจื่อน ๆ “...อ้าว...มาพอดี...” วุธกวักมือเรียกผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินมากับพนักงานแผนกจัดเลี้ยง น่ารักจัง เหมาะสมกันดีเนอะ ผมคิดในใจ...
“...นุ่น...นี่เอ้เพื่อนพี่...” ผู้หญิงคนนั้นยกมือไหว้ผม แทบรับไหว้ไม่ทัน ยิ่งมองใกล้ ๆ ยิ่งน่ารัก มารยาทดีด้วย ได้ยินมันแนะนำผมอย่างนั้นผมถึงกับจุก.....จบกันจริง ๆ ซะทีนะวุธ แต่ด้วยสปิริต ผมยังยิ้มได้อยู่
“...เชิญนั่งก่อนดีกว่านะคะ...” ดีมาก เอาพวกเค้าออกไปจากเค้าท์เตอร์กู ไม่ไหวแล้ว.....วุธกับน้องนุ่นยิ้มให้ผม แล้วเดินตามพนักงานจัดเลี้ยงไปนั่งที่โซฟาไม่ไกลจากผมนัก

“...พี่เอ้...ตกลงจะสั่งอะไร...หิวแล้วนะ...” น้องในแผนกเดินมาทวงออเดอร์ผม
“...ไม่กินแล้ว...” ผมกินไม่ลง ตาก็มัวแต่มองคนพวกนั้นเจรจาตกลงราคาค่าห้องจัดเลี้ยงกันอยู่ ภาวนาให้ห้องไม่ว่างทีเถอะ
“...โห...แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก...ไม่หิวเหรอ...” ผมพยักหน้า ตาก็ยังจ้องอยู่ที่เดิม ไอ้วุธก็ขยันเงยหน้ามองผมจัง บางทีผมก็หลบไม่ทัน ตาประสานตา ผมต้องแกล้งทำเป็นมองแขกคนอื่น...ซักพัก ไม่ไหวแล้ว ยิ่งเห็นเค้าจับไม้จับมือ หัวเราะกันสองคน ผมยิ่งเจ็บ เดินก้มหน้าไปเข้าห้องน้ำ ทันทีที่นั่งลงบนฝาชักโครก น้ำตาผมก็ไหลออกมาแบบกลั้นไม่อยู่....
.....หลังจากใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง ผมก็กลับมานั่งทำเอกสารอยู่ข้างหลัง Front ไม่ออกไปรับแขกอีกเลย อ้างว่าปวดหัว ไม่สบายไปตามเรื่องตามราว ตอนนี้สภาพผมก็เยินพอที่จะทำให้คนอื่นเชื่อได้....พอไม่มีคนอยู่ ผมก็กดโทรศัพท์ไปคุยกับพนักงานที่ดูแลวุธเมื่อกี้ และได้คำตอบที่ทำให้ผมเจ็บอีกรอบ.....เค้ามาจัดงานหมั้นกันจริง ๆ สิ้นเดือนนี้ แถมยังให้ชื่อผมไว้กับพนักงานคนนั้นอีกด้วย เผื่อผมจะขึ้นไปร่วมงานไม่ได้ และด้วยความหวังดี หล่อนบอกเจ้านายผมเรียบร้อยแล้ว เค้าก็อนุญาตแบบงง ๆ มันไม่ได้ผิดกฎอะไรนี่หว่า.....เอาเป็นว่า สิ้นเดือนนี้กูจะพักร้อนยาวเลย ผมวางแผนในใจ.....
How can I just let you walk away
Just let you leave without a trace
When I stand here taking
Every breath with you
You're the only one
Who really knew me at all
How can you just walk away from me
When all I can do is watch you leave
'Cause we've shared the laughter and the pain
And even shared the tears
You're the only one
Who really knew me at all
So take a look at me now
Oh there's just an empty space
And there's nothing left here to remind me
Just the memory of your face
Take a look at me now
'Cause there's just an empty space
And you coming back to me is against all odds
And that's what I've got to face
I wish I could just make you turn around
Turn around and see me cry
There's so much I need to say to you
So many reasons why
You're the only one
Who really knew me at all
So take a look at me now
'Cause there's just an empty space
And there's nothing left here to remind me
Just the memory of your face
Take a look at me now
'Cause there's just an empty space
But to wait for you is all I can do
And that's what I've got to face
Take a good look at me now
'Cause l'll still be standing here
And you coming back to me is against all odds
That's the chance I've got to take
Take a look at me now

---------------------------------
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 12-10-2007 23:46:49
:impress:
ดีใจแทนคุณเอ้และก็คุณ lanlan คน post จังเลยยยย... ที่มีเพื่อน ๆ ให้ความสนใจเรื่องนี้มากมาย :m4:
ช่วงนี้คุณ lanlan หายไปเลยยยย เห็นเรา post ให้ได้ ปล่อยเราตามยฐากรรมเลยนะ....
กลับมาช่วยข้อยหน่อยแนนนนนน   :m26:

เป็นตัวแทนขอบคุณเพื่อน ๆ ละกันครับบบบบบที่ติดตามกัน ถึงตอนนี้ใกล้จบภาคมหาลัยแล้วววว....
แต่ก่อนจะจบ....คง..... :a5:

ต่อไปถึงภาคการทำงาน ใครจะเป็นตัวจริงของเอ้กันแน่....ให้เพื่อน ๆ ติดตามกันต่อไป.... :give2:
อ่านนิยายจะทุกข์ จะสุขยังไง....ดูแลความรู้สึกตนเองนะครับบบบ...รักษาสุขภาพด้วยครับทุกคนนนน

ปล. สำหรับขาหื่น...รอบทส่งท้ายนะครับ บอกแค่เนี้ยยยยยย หุหุหุ..... :m10:
 :bye2:
แหะๆๆๆๆขอโทษทีครับคุณ nartch อู้ยาวเลย
รู้สึกผิดไงไม่รู้ ขอบคุณ คุณdejavu_boyz  ด้วยคับที่มาลงต่อ
ให้เด๋วผมจะลงต่อคุณdejavu_boyz พุ่งนี้และกันแหะๆๆๆ
 เอ่อผมไม่รู้จักพี่เอ้เป็นการส่วนตัวหรอกคับ แบบว่าไปขอพี่เอ้ในบอดปาล์ม
เลยครับแล้วพี่เอ้ก็บอกว่าให้ลงได้แต่ว่าลงให้จบอะครับแล้วเค้าบอกว่าจะมาเช็คเรทติ้งที่นี่ครับ
แต่ไม่รู้มายังหรือมาแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันครับ

พี่เอ้ครับถ้าได้เข้ามาบอดนี้มาพี่เอ้มาทักทายเพื่อนๆๆในบอดนี้ด้วยได้ไหมครับ
มีแฟนๆๆอยากคุยได้หลายคนเลยถ้าพี่เอ้เข้ามาแล้วทักด้วยนะครับมีคนชอบงานเขียนเยอะแยะเลย

ขอบคุณพี่เอ้มากมายสำหรับเรื่องที่สนุกๆๆมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 13-10-2007 00:32:52
เสียแรงที่รัก เสียแรงที่ไว้ใจ ไม่นึกว่าจะทำได้ลงคอ

อ่านตอนที่รุ้ว่าหมั้นกัน ทำผมน้ำตาไหลเลยอ่ะคับ

ใครจะนึกเนอะว่า คนที่เราหวังไว้ดั่งที่คนอื่นพูดว่ายังรักเรา

แต่วันนี้กลับ พอคนใหม่มาให้เนหน้า

น้ำตาไหลจิงๆคับ รักมาก ก้รับไม่ได้

เปนผมจะน้ำตาไหลตรงนั้นเรยแหละคับ

มาต่ออีกนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 13-10-2007 01:08:02
 :o12: :o12: :o12:
รับไม่ได้อ่ะ..
เจอแบบนี้ก็คงอึ้งเหมือนกัน.. o2
เป็นเราก็คงไม่อยากไปร่วมงานหรอก..
(แต่ชีวิตจริงเคยทำมาแล้ว..ปั้นหน้าไม่ถูกเลย)
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 13-10-2007 01:43:39
ตอนแรกดีใจที่คุณเอ้เจอวุธนึกว่าเป็นเนื้อคู่กันจิงๆพอวุธบอกมาดูหัองใว้หมั้นใจหล่นลงไปที่ตาตุ่มเลยใจสั่นไงพิกล ยังงี้ไม่น่ามาเจอเลย โรงแรมตั้งแยะดันมาเจออีก สงสารคุณเอ้จังยิ่งยังคิดถึงเขาอยู่ด้วย สวรรค์แกล้งจิงๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 13-10-2007 07:43:47
  :impress:

งานใคร ไม่ใช่งานวุธหรอกมั้ง

คิดมากไปป่าว

รออ่านต่อไปนะครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 13-10-2007 09:51:25
เนื่องจากเคยอ่านเมื่อนานมาแล้วก็เลยลืมๆ  เพราะงี้ตอนอ่านก็เลยลุ้นเหมือนอ่านครั้งแรกเลย...
ฮาตัวเองมากๆ... :m23:

เอาใจช่วยพี่เอ้ต่อไปนะคะ...สู้ๆ  :a9: :a1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 13-10-2007 12:45:05
ช่วยกันโพสท์หลายคนก็ดีคับ คนอ่านจะได้อ่านเยอะ ดีม่ะ อิอิ o14
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 13-10-2007 14:42:44
 :เฮ้อ:
ก็ตกใจเหมือนกัน

แต่ ... ผมก็ไม่เชื่อหรอกว่าวุธจะหมั้น

 :m21:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 13-10-2007 21:40:50
ไรอ่ะ


เฮ้อ


โดนมาแต่ไม่ถึงแบบนี้ เศร้าเนอะ

เขามีตัวจริงของเขาแล้วมั้ง
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 14-10-2007 00:12:25
สมมติว่า วุธมาดูโรงแรมให้น้องล่ะ - -

แล้วคนที่หมันเปนน้องวุธล่ะ - -

มันก้อาจจะไม่ใช่วุธก้ได้นะ

แต่คือ......ร้องไห้ไปแระมะวาน พอมาอ่านอีกที มันยังไงๆนะ

มาต่ออีกนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 14-10-2007 07:13:08
 :o11:อืมมมม..ก็อาจจะใช่เนาะ..
อาจจะเป็นน้องของวุธก็ได้ที่หมั้นน่ะ..
แต่ทำเนียนเพื่อดูท่าทีของเอ้แน่เลย..
ขอให้เป็นอย่างนั้นจริงๆเถ๊อะ..สาธุ :m5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: dejavu_boyz ที่ 14-10-2007 08:32:51
20 The End (Part I)
.....ส่งใบลาล่วงหน้าตั้งแต่ต้นเดือนอย่างนี้ ถ้าไม่ให้ลานะ คอยดู กูจะลาออกจริง ๆ ด้วย...ผมคิดในใจขณะวางใบลาไว้บนโต๊ะผู้จัดการ.....เมื่อคืนกว่าจะหลับปาเข้าไปเกือบสว่าง ดีนะที่วันนี้เข้ารอบบ่าย ไม่ต้องตื่นเช้า มัวแต่คิดถึงหน้าไอ้วุธตอนกำลังยิ้ม หัวเราะกับผู้หญิงคนนั้น ท่าทางพวกเค้าคงมีความสุขกันมาก อีกทั้งสายตาของวุธที่มองมาทางผมบ่อย ๆ เหมือนยังมีเยื่อใย แววตาขี้เล่นคู่นั้นแฝงความอ่อนโยน แต่ถ้ามันยังคิดมีใจให้ผม มันน่าจะมีอาการอะไรมากกว่านี้สิ ปกติมันเก็บความรู้สึกไม่ได้หรอก...เอ๊ะ...หรือว่าเราคิดเข้าข้างตัวเองมากไป สิ้นเดือนนี้เค้ากำลังจะหมั้น อีกไม่นานก็แต่งงาน มีลูก มีครอบครัว มีอะไรที่เราให้เค้าไม่ได้.....
.....วันนี้วันเสาร์ เข้าบ่ายด้วย รถไม่ติดแน่นอน เอารถไปเองดีกว่า เผื่อจะมีใครชวนไปเที่ยวต่อ เพราะพรุ่งนี้เข้างานรอบดึก ถ้าคืนนี้ไม่นอนก็ไม่มีปัญหา เอาไว้นอนตอนเช้าก็ได้ ชักเริ่มชินกับการหมุนรอบอย่างนี้แล้ว.....
.....การทำงานรอบบ่ายส่วนมาก็รับเช็คอินอย่างเดียว ไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่ จะวุ่นวายก็ตรงแขกจะไปเที่ยว ถามทาง ถามที่เที่ยวกลางคืน ถามสารพัด จากเมื่อก่อนไม่รู้อะไรเลย มาถึงตอนนี้ต้องรู้เกือบทุกอย่าง อาศัยว่าเมื่อก่อนเที่ยวกระหน่ำ ไอ้เรื่องไม่ดีน่ะรู้หมด สถานที่อโคจรเนี่ย เพื่อนร่วมงานมักจะโยนแขกให้ผมเทคแคร์.....แต่พวกเรื่องวัด เรื่องวัง เรื่องที่เที่ยวกลางวันเนี่ย ต้องคอยกระซิบถามคนอื่นบ่อย ๆ ไม่อยากบอกเลยว่า ครั้งสุดท้ายที่ผมไปวัดพระแก้ว คือเมื่อตอนที่ผมเรียนประถม หลังจากนั้นก็แค่ขับรถผ่าน เวลาไปเที่ยวข้าวสาร หรือคอกวัว แถบนั้น ผมก็ยกมือไหว้ทุกครั้งนะครับ.....รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่ดียังไงก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่า เราก็อยู่กรุงเทพฯ ตลอด อยากไปเมื่อไหร่ก็ไปได้ แต่เอาเข้าจริง ผมก็ไม่อยากผ่านไปแถวนั้นตอนกลางวันเลย รถติดมาก กว่าจะพ้นไปได้แต่ละแยก เคยไปครั้งเดียวเข็ด เรียกแท็กซี่ก็ยาก เค้าไม่ค่อยอยากจะรับคนไทยด้วย ขอบ่นหน่อยเหอะ.....

.....อีกไม่นานก็จะเลิกงานแล้ว ไม่มีใครชวนไปเที่ยวไหนเลย ปกติจะมีแขกที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันมาชวนไปเที่ยวตลอด แต่วันนี้ไม่มีแฮะ เหงาจัง ไม่อยากกลับบ้าน ไม่มีอะไรทำ จะนอนก็นอนไม่ได้ เพราะพรุ่งนี้กลางวันนอนไม่หลับ จะโทรศัพท์คุยกับเพื่อนก็ไม่มีใครรับสายอีก....ต่างคนต่างยุ่ง มีแฟนกันไปหมดแล้วนี่ ขนาดไอ้โยและโมทย์คนที่ผมคิดถึงเป็นคนท้าย ๆ มันยังไม่รับสายผมเลย.....เพื่อนร่วมงานก็ต้องรีบกลับบ้าน มีภาระหน้าที่ต้องทำอีก บ่อยครั้งที่จะต้องโดดรอบ หมายถึง ถ้าวันนี้เข้าบ่าย พรุ่งนี้อาจจะต้องมาเข้ารอบเช้าอีก เลิก 4 ทุ่ม รีบกลับบ้านนอน 7 โมงเช้าต้องมาทำงานอีกแล้ว.....หลายคนที่เคยไปโรงแรมแล้วเห็นพนักงานต้อนรับหน้าบึ้ง ไม่ยิ้ม หรือหงุดหงิดง่าย ไม่ต้องสงสัยนะครับ งานนี้มันเหนื่อยกว่าที่พวกคุณเห็นแค่ภายนอกแป๊บ ๆ ลองมานั่งดูพวกผมทำงานกันสิครับ.....ผมเชื่อว่าทุกโรงแรมก็เป็นเหมือนกันหมด แต่พวกพนักงานห้าดาวนี่เค้าจะเก็บกดกันนิดนึง พอเข้าไปหลังฉากเท่านั้นแหละ พวกแขกวีน ๆ คงโดนเผาพริกเผาเกลือแช่งกันเลยมั้ง.....ขอแค่แขกพูดจาดี ๆ หรือกล่าวคำขอบคุณซักคำเมื่อเราทำอะไรให้ แค่นี้พวกเราก็ยิ้มออกแล้วครับ.....



“...เอ้...มีแขกมาหา...” พี่ซุป (Supervisor) เดินเข้ามาเรียกผม ขณะกำลังเม้าธ์กับพวกรอบดึกอยู่หลัง Front
“...ใครอ่ะพี่...ห้องไหน...หล่อปะ...” ผมกระเด้งจากเก้าอี้ ดีจังได้พาแขกเที่ยวแน่ ๆ เอ่อ ไม่ได้ไปทำอะไรอย่างนั้นนะครับ ถ้าเราว่าง เราสามารถพาแขกไปที่ ๆ เค้าอยากไปได้...ชาวต่างชาติจะกลัวโดนหลอกไงครับ แต่ถ้าไปกับพนักงานโรงแรม เค้าไว้ใจว่าเราไม่หลอกเค้าไปฆ่าชิงทรัพย์แน่ ๆ และบางที่พวกเราก็ได้ค่าคอมฯ ด้วย.....โรงแรมผมไม่ค่อยเข้มงวดเรื่องนี้ เพราะพวกเราไม่เคยมีประวัติเสียหาย มีแต่แขกพากันขอบคุณที่พวกเราพากไปเที่ยวแบบไม่คิดเงิน แต่เค้าไม่รู้หรอกว่าพวกผมได้เงินจากค่าอาหาร ค่าผ่านประตูอะไรพวกนี้อ่ะ เราไม่ใช่ไกด์ผีนะครับ เราหาแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้แขก ให้เค้าประทับใจ และอยากกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง
“...คนไทยโว้ย...เป็นแขกข้างนอก...” พี่ซุปเดินนำออกไป
“...สวัสดีครับคุณเอ้...” ผมยืนคาอยู่ที่ประตู แทบก้าวขาไม่ออก เมื่อเห็นว่าคนที่ทักทายผมอย่างเป็นทางการคือใคร
“...สวัสดีครับ...” ผมพูดเสียงเข้ม เพื่อนร่วมงานผมทุกคนทำเป็นไม่สนใจ แต่ผมรู้ว่าพวกนั้นกำลังเดาว่าผู้ชายรูปร่างหน้าตาดีคนนี้คือใคร เค้าไม่ใช่เพื่อนผมแบบไอ้โย หรือโมทย์ที่จัดว่าหล่อมาก ๆ ที่เคยมารับผมไปเที่ยวบ่อย ๆ แน่...เพราะพวกนั้นพอเราเจอกัน ผมก็มึงมาพาโวยกันลั่น ไม่ใช่มีอาการประหม่าจนต้องเก๊กมาดขรึมอย่างนี้
“...จะเลิกงานแล้วใช่มั๊ยครับ...”
“...ยัง...ครับ...” ผมตัดสินใจโกหก
“...วันนี้เข้างานรอบบ่าย เลิก 4 ทุ่มไม่ใช่เหรอ...” มันพูดยิ้ม ๆ ผมหน้าชา รู้ได้ไงวะ
“...มีงานต้องเคลียร์อีกเยอะ...”
“...ไม่เป็นไร...ผมรอได้...”
“...หมายความว่ายังไง...” ผมชักสับสน
“...ไปหาอะไรทานกัน...” วุธยื่นหน้ามากระซิบ ผมถอยไปชนกับอีรอบดึกที่ออกมาป้วนเปี้ยนข้างหลัง
“...โอ๊ย...อีเอ้...เหยียบตีนกู...” เพื่อนผมร้องเบา ๆ
“...แล้วมาเดินเกะกะอะไรตรงนี้เนี่ย...ทำเป็นขยันนะมึง...ยังไม่สี่ทุ่มสาระแนออกมาทำไม...” ผมก็ด่ามันเบา ๆ พนักงานโรงแรมค่อนข้างเก็บกดอ่ะนะครับ ต้องพูดเพราะตลอดถ้าอยู่ต่อหน้าแขก ฉะนั้น เวลาอยู่กับเพื่อนเราจะด่ากันไฟแลบ แต่ก็ไม่มีใครโกรธใครนะครับ....ไอ้วุธมองยิ้ม ๆ ที่ทำให้ผมมาดหลุดได้
“...ผมนั่งรอตรงโน้นนะ...” มันไม่รอให้ผมพูดอะไร ยักคิ้วให้นิดนึงแล้วเดินไปหยิบหนังสือพิมพ์แถวล็อบบี้มาอ่าน...แต่เอ๊ะ...มันมีแต่หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษนี่หว่า แหมไอ้วุธทำเก็กนะมึง อ่านออกมั่งหรือเปล่าหรอก ผมคิดถึงเมื่อก่อนที่มันอ่อนภาษามาก

*
*

.....ผมเดินงง ๆ กลับเข้าออฟฟิศ มันจะมาไม้ไหนวะ นึกจะหายก็หายไปหลายปี นึกจะมาก็มาให้เห็นติดกันอย่างนี้.....ที่เคยคิดไว้ตอนเรียนว่าจะไม่ขอเจอไอ้วุธอีก มันแวบเข้ามาในหัว...แต่ตอนนี้...ใจนึงผมอยากเจอมันที่สุด คิดถึงมันมาก อยากคุย อยากมองหน้ามันนาน ๆ .....แต่อีกใจก็ไม่อยากเจ็บ ซักวัน...ไม่นานนักหรอกเราคงลืมมันได้ ปล่อยมันไปตามทางของมันเถอะ.....

.....เดินวนไปวนมาอยู่ข้างในออฟฟิศจนสี่ทุ่มกว่า...ผมไม่ยอมออกไปหน้าฟร้อนท์อีกเลย ได้แต่แง้มประตูดูไอ้วุธที่นั่งเก๊กอ่านหนังสือพิมพ์บนโซฟาไม่ไกลนัก....มันดูดีขึ้นเยอะ ดูมีเนื้อมีหนังขึ้น กล้ามอกดันเสื้อยืดสีเข้มออกมาจนเห็นได้ชัด รู้สึกว่ามันขาวขึ้น สูงขึ้น สำอางขึ้น ผมเผ้ายาวถึงต้นคอ แต่ก็เป็นทรงไม่ได้ถูกละเลย กางเกงยีนส์สีซีดที่มันชอบใส่ วันนี้ก็ใส่อีก มองภายนอกก็รู้ว่าเป็นของมียี่ห้อ....มาดเด็กช่างหายไปไหนหมด อะไรทำให้ไอ้วุธดูเป็นผู้ใหญ่ได้ขนาดนี้.....

“...อีเอ้...มึงจะกลับมั๊ย บ้านอ่ะ...เมื่อไหร่จะปิดรอบ...หา...” เสียงของพี่ซุปรอบดึกที่สนิทกันดังลอดออกไปข้างนอก ไอ้วุธหันมามอง แต่คงไม่รู้หรอกว่าเราพูดอะไรกัน
“...กลับสิ...” ผมเดินตัวลีบออกไปที่เค้าท์เตอร์ นับเงิน ปริ้นท์รีพอร์ท ปิดรอบ ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ด้วยความชำนาญ
“...ไม่ต้องรีบ...ผมรอได้...” เสียงไอ้วุธที่ดังใกล้ ๆ พอเงยหน้า เห็นมันยิ้มแฉ่ง ทำเอาสติผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“...โอ๊ย...ลืมเลย...ถึงไหนแล้วเนี่ย...” ผมเทซองเงินออกมานับใหม่ เผลอตัวค้อนไอ้วุธที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า
“...รอทำไม...ใครบอกว่าจะไปกับคุณ...” ผมกวน เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลก ๆ
“...เอ้...ผมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ...ถ้าเราไม่คุยกันวันนี้....ผมก็ไม่มีเวลาแล้วนะครับ ต้องเตรียมงานหมั้นอีก...” วุธพูดเสียงจริงจัง ผมก้มหน้านิ่ง มันจะมาตอกย้ำกูอีกทำไมเนี่ย “...เสร็จเมื่อไหร่ก็บอกนะ...” วุธพูดทิ้งท้ายก่อนเดินไปนั่งรอที่เดิม

.....ตั้งแต่ทำงานมา วันนี้ผมปิดรอบช้าที่สุด นั่งนับเงิน 4-5 รอบ มันไม่มีสมาธิอ่ะครับ นับผิดนับถูก เดี๋ยวขาดเดี๋ยวเกิน ลืมแยกทิป ลืมเขียนจำนวนเงิน ต้องนับใหม่....เพราะคำพูดไอ้วุธแท้ ๆ ทำให้ผมต้องเป็นอย่างนี้ เงยหน้าไปมองมันก็เห็นมันมองมาทุกที แรก ๆ มันก็ยิ้มได้อยู่นะครับ แต่ซักพักเริ่มคิ้วขมวด อาจจะเป็นเพราะว่าผมทำไม่เสร็จซักที หรือว่ามันคิดว่าผมแกล้งถ่วงเวลา....จะคิดยังไงก็ตามใจเถอะ อีกไม่เกิน 5 นาทีทุกอย่าก็จะเสร็จเรียบร้อย เพราะตอนนี้ผมรวมรวมสมาธิได้แล้ว และคำตอบว่าจะไปกับมันหรือไม่อยู่ในใจผมแล้วด้วย....
“...อีก 20 นาที...เจอกันหน้าโรงแรม...” ผมเขียนข้อความใส่กระดาษ และฝากเบลบอยเดินไปให้วุธ

.....ดีนะว่าวันนี้เตรียมตัวไปเที่ยว ผมจึงแต่งตัวดีกว่าทุกวัน ....ปกติถ้าวันไหนขับรถมาเองผมจะใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น ถ้าวันไหนเข้าดึกและขับรถมาเอง ผมก็ใส่ชุดนอนมาทำงานเลย เลิกงานตอนเช้า กินข้าวที่โรงแรม อาบน้ำแปรงฟัน ที่ล็อกเกอร์ ขับรถกลับบ้าน ขึ้นห้องนอนเลย เพราะเข้าดึกมันง่วงมาก ถึงบ้านก็ไม่มีแรงทำอย่างอื่นแล้วครับ.....ไหน ๆ ก็ได้เจอ ได้คุยกับมันอีกที แม้จะเป็นครั้งสุดท้ายก็ตาม ผมจะพยายามทำดีที่สุด เราจะจบกันโดยไม่มีการเกลียดกันเกิดขึ้น แต่เราจะเป็นเพื่อนกันต่อไปไม่ได้หรอก ผมเสแสร้งเรื่องอย่างนี้ไม่เป็น.....ขอให้เราเก็บความรู้สึกดี ๆ ไว้ อย่างน้อยเราก็เคยรักกัน ......ผมวิ่งจู๊ดไปอาบน้ำ แต่งตัวเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ มือนึงถือไดร์เป่าผม อีกมือติดกระดุมเสื้อ ทาแป้งหน้าด้วยเด็กนิดหน่อย ฉีดน้ำหอมที่มีติดล็อกเกอร์ไว้ เป็นโรคขาดน้ำหอมไม่ได้อ่ะครับ....สำรวจตัวเองหน้ากระจก โอเค พร้อมแล้ว พร้อมเจ็บอีกครั้งแล้ว.....

.....เอ๊ะ...ผมตาฝาดหรือเปล่าที่เห็นวุธยืนคุยกับฝรั่งอย่างเป็นเรื่องเป็นราวอยู่บริเวณหน้าโรมแรม หรือว่ามันกำลังดำน้ำคุยมั่วกับแขกเราวะ อีตานี่มันอเมริกันจ๋าขนาดนั้นด้วย พูดเร็วรัวจนฟังไม่ทันเลย....ด้วยความเป็นห่วง...เอ่อ...ห่วงแขกนะครับ กลัวเค้าจะหลงทาง ผมก้าวยาว ๆ เตรียมจะอ้าปาก Excuse me แทรกบทสนทนาของพวกเค้าแล้ว แต่ต้องเบรกตัวโก่ง ไม่น่าเชื่อว่าไอ้วุธมันจะพูดกับฝรั่งได้ดีขนาดนี้ สำเนียงก็ไทย ๆ นี่แหละครับ แต่พูดรู้เรื่อง ลื่นไหล ผมไม่ต้องช่วยอะไรเลย....

*

“...กินอะไรกันดีจ๊ะ...” ผมหันหน้าไปมองมัน อยากจะร้องไห้ตรงนั้นเลย วุธคนเดิมกลับมาแล้ว หน้าตา ท่าทางการเดินกวน ๆ ของมัน และคำถามที่เมื่อก่อนมันชอบถาม
“...ตามมา...” ผมตอบส่ง ๆ เอาเป็นร้านประจำของผมดีกว่า จริง ๆ แล้วเคยมากินแค่ครั้งเดียว นอกนั้นจะแนะนำแขกให้มากิน เพราะมันใกล้โรงแรมดีอ่ะครับ
“...โห...ร้านนี้เลยเหรอ...” มันทำท่าตื่นตาตื่นใจ มาดดูดีเมื่อตอนนั่งที่ล็อบบี้ไม่มีเหลือเลย
“...จะกินหรือไม่กิน...” ผมมองมันด้วยสายตาว่างเปล่า
“...กินสิ...อ้าว...ไม่เข้ามาล่ะ...” ผมมัวแต่มึน วุธมันเป็นอะไรมากหรือเปล่า เดี๋ยวเล่น เดี๋ยวขรึม มันหยุดรอผมอยู่ที่หน้าประตู บอกกับพนักงานว่าขอมุมที่เป็นส่วนตัวนิดนึง.....ได้เลยครับ พนักงานพาขึ้นไปชั้นสอง มีคนนั่งอยู่ก่อนแล้วแค่ 2 โต๊ะ วุธเลือกโต๊ะในสุด ติดกำแพง พนักพิงสูงมาก มองไม่เห็นโต๊ะใกล้ ๆ เลย
“...กินแค่นี้เหรอ...” วุธถามผมทันทีที่ผมยื่นเมนูคืนพนักงาน....ผมพยักหน้า มันสั่งของมันบ้าง
.....เราต่างคนต่างสั่ง คนนึงกินพาสต้า อีกคนสั่งสปาเก็ตตี้ ทั้ง ๆ ที่เราสองคนไม่ได้ชอบอาหารพวกนี้เลย.....เราชอบกินอาหารไทย สั่งกับแยกเป็นจาน ๆ แล้วก็มีข้าวสวย ตักให้กันบ้าง....เฮ้อ แต่นั่นมันเมื่อก่อน ผมยังเหมือนเดิม แต่วุธจะเปลี่ยนไปพร้อมกับบุคลิกท่าทางคำพูดคำจาหรือเปล่าไม่รู้นะครับ.....

*
*

“...มีอะไรจะพูดเหรอ...” ผมทำลายความเงียบ นั่งมองกันไปมองกันมา ไม่มีใครเริ่มซะที
“...ไม่ได้เจอกันนาน...เป็นยังไงมั่ง...” ดูมันขัด ๆ เขิน ๆ เอาส้อมพยายามหมุนตักเส้นเข้าปาก
“...ก็ดี...ทุกอย่างเหมือนเดิม...” พูดผิดอะไรไปวะ ไอ้วุธชะงักแล้วมองหน้าผม
“...ทุกอย่างเลยเหรอ...” วุธย้ำ
“...ไม่หรอก...เมื่อกี้พูดผิด...เอาเป็นว่าเราสบายดีละกัน...แล้วคุณล่ะ...” ผมถามตามมารยาท
“...ก็เรื่อย ๆ อ่ะนะ...ไม่มีอะไรใหม่...” มันจ้องหน้าผม
“...เหรอ...”
“...ที่บ้านเป็นไงมั่ง...” ผมชะงัก เงียบไปนานจนมันต้องถามซ้ำ “...พ่อแม่แล้วก็ไอ้ตัวแสบล่ะ...สบายดีมั๊ย...”
“...พ่อเสียแล้ว...” ผมมองออกไปทางอื่น กระพริบตาถี่ ๆ ไม่อยากให้น้ำตาไหล “...แม่กับน้อง ๆ อยู่ต่างจังหวัดกันหมดแล้ว....มันเอนท์ติดที่ XXXXX...” วุธอึ้ง
“...พ่อเสียตั้งแต่เมื่อไหร่...” มันถามผมเสียงเครียด
“...2 ปีกว่าแล้ว...”
“...ทำไมไม่บอกกันบ้างอ่ะ...” วุธเสียงดัง แต่เมื่อเห็นผมน้ำตาคลอ มันถึงได้ลดเสียง ลงมา “...ใจคอจะจบกันจริง ๆ ใช่มั๊ย...บ้านก็เปลี่ยนกุญแจใหม่ เบอร์ก็ไม่บอก...” ดูมันจะเสียใจไม่แพ้ผม เมื่อก่อนพ่อผมกับมันคุยกันถูกคอมาก วันเสาร์อาทิตย์ บางทีก็ช่วยกันซ่อมรถ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง มอมแมมกันทั้งสองคน ผมก้มหน้านิ่ง รู้สึกผิดอย่างแรง
“...แล้วตอนนี้อยู่กับใครล่ะ...”
“...อยู่คนเดียว...” ผมตอบเบา ๆ น้ำตาไหลลงมาถึงคาง ก่อนหยดลงบนโต๊ะ อารมณ์เหงา อารมณ์รู้สึกผิด เสียใจกับทุกสิ่งที่ผมทำ ผมใจดำ ใจแคบ ผมไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของมัน
“...เอ้...ผมขอโทษ...” วุธลุกขึ้นมานั่งข้างผม
“...ขอโทษเรื่องอะไร....เราต่างหากที่ต้องขอโทษ...เราผิดเอง...” ผมพยายามกลั้นน้ำตา แต่มันก็ยิ่งไหล วุธดึงผ้าเช็ดหน้าไปจากมือผม ซับน้ำตาที่แก้มผมเบา ๆ ตาเราประสานกันในระยะแค่คืบ สัมผัสได้ถึงลมหายใจมีกลิ่นแอลกอฮอล์ของมัน
“...วุธ...ไปนั่งที่เถอะ...” ผมขยับตัวออกห่าง มันมองหน้าผมงง ๆ
“...ยังโกรธผมอยู่เหรอ...”
“...ไม่หรอก...เราไม่มีสิทธิ์โกรธคุณหรอก...แต่ต่อไปเราไม่ควรเจอกันอีก...คุณกำลังจะหมั้นนะ...” ใจหายวูบ วุธลุกพรวดไปนั่งที่เดิมทันที
“...ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย...” มันหงุดหงิด
“...เราทำใจได้แล้ว...เราอยู่คนเดียวได้...เราจะจำเรื่องดี ๆ ของคุณตลอดไป....ทุกอย่างที่คุณให้ เรายังเก็บไว้...ไม่ต้องห่วง ของพวกนี้เป็นของ ๆ คนที่เรารัก เอาเก็บไว้ดูเวลาคิดถึง...” ผมฝืนยิ้ม เปิดกระเป๋าหยิบแหวนรุ่นที่มันเคยให้ออกมาสวม
“...เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ...” วุธจับมือผม ไอ้เราก็คิดว่าจะดูแหวนก็เลยปล่อยให้มันจับต่อไป
“...เราไม่ทิ้งของ ๆ คุณหรอก...” เคยมีประสบการณ์เขวี้ยงแหวนมาแล้วไง
“...ไม่ใช่...ท้าย ๆ ประโยคอ่ะ...” ผมนิ่ง คิดว่าเมื่อกี้กูพูดอะไรออกไปวะ พอนึกได้ ผมถึงกับอายจนหน้าชา
“...เอ้ไม่เคยพูดว่ารักผมเลยนะ...รู้มั๊ยผมรอมานานแค่ไหน...นานจนผมคิดว่าคุณไม่เคยรักผมเลยด้วยซ้ำ...” มันยิ้ม จับมือผมบีบอย่างแรง
“...โอ๊ย...” ผมร้อง
“...ขอโทษ...เจ็บมั๊ย...” วุธคลายมือออก เพ่งมองรอยแดงที่เกิดจากการบีบเมื่อกี้
“...มันสายไปแล้วหล่ะวุธ...ก็อย่างที่บอก...เราผิดเอง...ขอให้มีความสุขกับน้องนุ่นนะ...” ผมแสดงความยินดีกับมันล่วงหน้า วุธมองหน้าผมนิ่งจนผมอึดอัด
“...Thank You...” มันยิ้มอีกแล้ว ทำให้ผมต้องฝืนยิ้มไปด้วยทั้งที่ข้างในระบมไปหมด

*
*
*

.....เรานั่งคุยกันในฐานะคนเคยรู้จัก ถามไถ่ความเป็นอยู่ ยิ่งฟังมันเล่าว่าระหว่างที่มันหายไป มันทำอะไรบ้าง ผมยิ่งเกลียดตัวเอง เพราะทิฐิตัวเดียว ทำให้ผมต้องเสียวุธไป.....วันนั้นมันกินข้าวกับอีแอ๊บโดยที่ไม่ได้คิดอะไร แน่นอนมันจำได้ว่าอีแอ๊บเรียนที่เดียวกับผม แต่มันไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับผมให้วุธฟังเลย วุธก็ดันเข้าใจว่าผมรู้เรื่องอีแอ๊บมาเรียนที่นี่แล้ว แถมมันยังช่วยดูแลเพราะคิดว่าอีแอ๊บเป็นเพื่อนผมด้วยซ้ำ.....

.....อีแอ๊บเรียนที่นั่นได้ไม่นาน ก็ต้องออกไปเรียนที่อังกฤษ ส่วนผมหายไปเลยเหมือนกัน มันพยายามจะมาเซอร์ไพร้ส์ผมวันศุกร์เสาร์ที่ต้องกลับบ้าน แต่ผมก็ไม่เคยอยู่บ้านเลย มัวแต่เที่ยวตะลอน ๆ ปิดเทอมก็ออกต่างจังหวัด ต่อจากนั้นกุญแจบ้านผมที่เคยให้มันไว้ก็ใช้ไม่ได้อีก...ผมเปลี่ยนกุญแจเองแหละ.....วุธเข้าใจผิดมาตลอดว่าผมโกรธมัน โกรธมากด้วย และมันรู้ว่าผมเป็นคนที่ใจแข็ง ถ้าปิดกั้นตัวเองขนาดนี้ หมายความว่าผมไม่ให้อภัยมันแน่ วุธถึงกับถอดใจ รอให้มีโอกาสดี ๆ แล้วค่อยเข้าหาผมอีกครั้ง และก็เจอผมด้วยความบังเอิญจนได้ มันเงียบไปหลังจากพูดถึงตรงนี้.....

.....วุธเล่าต่อว่ามันเอาเวลาว่างไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มจนจบระดับสูงสุด เรียนพิเศษเพิ่มอีกหลายวิชา ส่งผลให้มันจบมหาลัยออกมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 มีบริษัทรถใหญ่ยักษ์มาจองตัวตั้งแต่ยังไม่รับปริญญา ประสบการทำงานแค่ปีกว่า ๆ มันได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าแล้ว.....ส่วนผมมัวแต่ฟูมฟาย หาทางออกโดยการเที่ยวทุกคืน กลับบ้านตอนเช้า เดินสวนกับพระที่ออกบิณฑบาตบ่อย ๆ ยังคิดไม่ออกเลยว่า ถ้าพ่อไม่เสีย ผมจะหยุดชีวิตช่วงบ้า ๆ นั่นได้ยังไง.....

*
*

.....ในที่สุดก็ถึงเวลาต้องจากกัน วุธเดินมาส่งผมที่อาคารจอดรถ เราต่างคนต่างกลับ ตอนแรกคิดว่ามันเอารถมา ที่ไหนได้พอผมหันหลังมันก็เรียกแท็กซี่กลับบ้าน ผมก็ปากหนักไม่ชวนมันกลับด้วย แถมยังให้มันส่งแค่ทางขึ้น ไม่ต้องส่งถึงรถ ไม่อยากให้มันดีกับผมอย่างนี้ ผมไม่อยากรักมันอีก.....
.....มันเงียบมาตลอดทางเดินกลับ อาจจะเพราะคำถามสุดท้ายในร้าน ที่ผมถามว่าจะแต่งงานกับนุ่นเมื่อไหร่....จริง ๆ แล้วผมก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน เวลาถามถึงนุ่น เพราะวุธมักจะเบี่ยงประเด็นเป็นเรื่องอื่นตลอด จะถามเซ้าซี้ก็กลัวว่ามันจะคิดว่าผมหึง...ไม่ถามต่อก็ได้....แต่ก็เช่นเดียวกัน พอมันถามถึงเบอร์โทรศัพท์ ผมก็ไม่ยอมบอก มีทางเดียวที่มันจะติดต่อผมได้ คือโทรเข้าโรงแรม และผมก็มั่นใจว่ามันไม่โทรมาบ่อย ๆ หรอก.....
.....ถ้าเราจะจบกัน ก็ขอให้จบกันแค่ตรงนี้ เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ไม่ได้พบ ไม่ได้เจอ ไม่ได้ติดต่อกันซักพัก เดี๋ยวก็ค่อย ๆ ลืมมันได้เอง อายุเราก็ยังไม่เยอะ มีโอกาสได้เจอคนใหม่ ๆ อีก ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครเหมือนวุธ หมดหวังที่จะได้มันกลับมาแล้ว.....ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของผู้หญิงดี ๆ ไม่ต้องการทำลายอนาคตผู้ชายปกติของมัน ทำลายความหวังที่จะได้หลานสืบสกุลของครอบครัวทั้งคู่....เพราะความรักคือการให้...ให้เค้าไปได้ดีเหอะเอ้....ผมปลอบตัวเอง พร้อมปาดน้ำตาขณะขับรถกลับบ้าน....

------------------------------------

มาต่อให้ครับ

 “...ใจคอจะจบกันจริง ๆ ใช่มั๊ย... (ถ้าคนมันไม่รักแร้ว เค้าคงไม่พูดอย่างนี้หรอก ว่าไม๊คับ แบบนี้ก็ยังพอมีหวัง แหะๆ)


ขออนุญาตนะคับ  lanlan

ปล.lanlan คับ คือถ้าจะขอเมลนาย คุยเอ็มกัน จะได้ปะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 14-10-2007 10:46:09
 :pigwrite:
+1 ให้ dejavu_boyz เพื่อขอบคุณที่มาช่วย ๆ กันต่อเรื่องนี้...ยังห่วงใยนิยายรักเรื่องนี้อยู่เช่นเดิม...
มีโอกาสก็จะแวะเข้ามาดูมาช่วยเชียร์กันต่อไป...การได้ตามติดชีวิตใครซักคน...บางครั้งก็สุข บางคราก็ทุกข์
ยังไงก็ดูแลสภาพจิตใจตัวเองด้วยยยยยยย  :catrun:
เก็บเอาสิ่งดี ๆ จากนิยายไปปรับใช้กับชีวิต...เพื่อชีวิตรักจะได้มีความสุข... ขอให้พบรักแท้ที่สวยงามทุกคน...
 :c3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 14-10-2007 11:15:06
 :impress:

มีลุ้นแฮะ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 14-10-2007 11:57:30
เศร้าคับ ขอให้มีความหวังเล็กๆเหอะน่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 14-10-2007 16:59:59
เมื่อความรักไม่เปนอย่างที่เราหวังไว้ เราก้คงได้แต่ยอมรับแระอยุ่ต่อไปนะคับ

อ่านแร้วเศร้า ร้องไห้แทน น้ำตาไหล

นี่แหละความรัก

มาต่ออีกนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 14-10-2007 18:32:26
เมื่อวานอู้อีกและเลยต้องรบกวนคุณ dejavu_boyz เลย
ใช่ไม่ได้เลยผมนี่ ขอบคุณ คุณ dejavu_boyz มากเลยนะคับ o1
ต่อไปจะขยันไม่อู้และแหะๆๆๆ

เด๋วผมส่งอีเมลของผมไปให้คุณทางพีเอมแล้วกันเนอะคุณ dejavu_boyz

ไปอ่านต่อเลยนะครับ

21 The End (Part II)


.....ตามตารางงานอ่ะนะครับ หลังจากเข้ารอบบ่าย วันต่อมาผมก็เข้ารอบดึก ง่วงมาก ตอนเช้า ๆ ก็ยุ่งเป็นเรื่องปกติเหมือนทุกวัน แขก Check Out ตั้งแต่เช้ามืด ไปเที่ยวตลาดน้ำ ไปเที่ยวจังหวัดใกล้ ๆ อย่างอยุธยา กาญจนบุรี พวกไกด์ก็มาตามหาแขกกันให้วุ่นวาย พวกที่จะกลับบ้านมี Flight เช้าก็รีบเร่ง กลัวจะตกเครื่อง หลังจากเที่ยวที่นี่มาซักพักคงรู้ว่า เอาแน่ เอานอนกับการจราจรในกรุงเทพฯ ไม่ได้.....


.....ช่วงระหว่างต่อรอบ ใกล้จะได้เวลากลับบ้าน กำลังฝากงานกับพวกรอบเช้า มือนึงก็ถือขนมครกที่รอบเช้าชื้อเข้าแบ่งกันกิน อีกมือก็ถือไฟล์งาน อธิบายงานแบบสบาย ๆ เพราะไม่มีผู้ใหญ่อยู่ ปากก็เคี้ยวตุ้ย ๆ เพื่อนรอบดึกที่ยังเฝ้าข้างหน้าคอยรับแขก เปิดประตูอ้าซ่า พูดเสียงดังฟังชัดว่ามีคนมาหาผม แถมเอาขนมจีบ ซาลาเปา ชุดใหญ่ มีเต้าฮวยอีก 4-5 ถุงมาฝากด้วย กินได้ทั้งแผนกเลยนะเนี่ย ผมรับไว้งง ๆ....ไอ้เราก็นึกว่าคงเป็นไกด์ที่สนิทกัน ที่ชอบซื้อขนมมาให้กินบ่อย ๆ ยังเดินไม่พ้นประตู ปากก็ยังเคี้ยวขนมอยู่ กำลังจะฉีกยิ้ม ขอบคุณที่ซื้อขนมมาให้ถูกเวลา กำลังหิวเลย....แต่พอเห็นว่าเป็นไอ้วุธในชุดพนักงานที่มีโลโก้บริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งติดที่หน้าอก ยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์ พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ผมแทบละลาย หัวยังเปียก ๆ อยู่เลย แสดงว่ามันต้องรีบตื่นเพื่อมาให้ทันผมเลิกงาน....แล้วมันมาทำไมอีกอ่ะ....


“...ข้างในเค้าฝากขอบคุณมาอ่ะ...เอ่อ...มีธุระแถวนี้เหรอ...” ผมพยายามพูดกับมันให้เป็นทางการมากที่สุด

“...เดี๋ยวเรากลับบ้านพร้อมกันนะ...” วุธไม่ตอบแต่ดันชวนผมซะอีก

“...ไม่เป็นไร...กลับเองได้...” ผมรีบปฏิเสธ

“...กลับยังไง...รถก็ไม่ได้เอามา...”

“...กลับรถไฟฟ้าสิ...แล้วรู้ได้ไงว่าเราไม่ได้เอารถมา...”

“...ผมก็ขับรถวนดูจนทั่ว...ก็รู้อยู่แล้วว่าคุณไม่ยอมกลับกับผมง่าย ๆ หรอก...ใช่มั๊ย...”

“...อืม...แต่เรายังยืนยันคำเดิมอยู่นะวุธ...ถ้าไม่จำเป็น...เราไม่ควรเจอกันอีก...”

“...ก็ได้...ขอวันนี้อีกแค่วันเดียว...ผมอยากไปทำบุญให้พ่อ...อีกอย่าง...ต่อไปผมคงไม่มีเวลาแล้วหล่ะ...ต้องเตรียมงานอีกตั้งเยอะ....คุณก็อย่าลืมไปร่วมงานสิ้นเดือนนี้ละกัน... อยู่ดี ๆ มันก็ตอกย้ำเรื่องงานหมั้น ทำเอาผมสลดวูบ

“...ไม่ไปทำงานเหรอ...” ผมหาข้ออ้าง ในช่วงเวลาเร่งรีบอย่างนี้ รถติดแน่ ๆ งานเลิก 7 โมง กว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก ถ้าไปรถไฟฟ้าก็ถึงบ้านไม่เกิน 8 โมง แต่ถ้าใช้รถยนต์ อาจจะถึงบ้านเกือบ 9 โมงอ่ะครับ

“...ลาครึ่งวันไว้แล้ว...” ผมเงียบไปนิดนึง มองแขกที่ทยอยมาเช็คเอ้าท์ เพื่อนร่วมงานก็รู้เห็นเป็นใจ สกัดแขกไม่ให้เดินมาทางผมเลย

“...โอเค...งั้นเราไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน อีก 10 นาทีเจอกันที่เดิม...” ผมเดินเข้าไปเก็บสมบัติ บอกลาเพื่อน ๆ ขออนุญาตกลับบ้านก่อน ทำอะไรเสร็จก็พอดี 7 โมง ขอรูดบัตรออกตรงเวลาหน่อยละกัน....ก่อนออกจากออฟฟิศไม่ลืมหยิบเอาซาลาเปาลูกใหญ่มากินรองท้องระหว่างเดินไปล็อคเกอร์ (เผื่อรถติดแล้วหิวกลางทาง)


*
*
*


.....รถใหม่เอี่ยม หอมไปทั้งคันด้วยน้ำหอมกลิ่นผู้ชายที่วุธคงฉีดก่อนลงไปหาผม.....เป็นรถสำหรับครอบครัวคันใหญ่แบบที่ผมและวุธเคยคุยกันเมื่อก่อนว่าเราอยากได้รถแบบนี้ เราสองคนมักจะชอบและไม่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน…..


.....เช้าวันจันทร์ เวลาเร่งด่วนอย่างนี้ รถติดเป็นเรื่องปกติ ผมนั่งตัวลีบอยู่ติดประตู มองออกไปมองข้างนอกกระจก ไม่มีเสียงพูดคุย ได้ยินแต่เสียงเพลงเบา ๆ จากเครื่องเสียงที่มันคงเอาไปแต่งมาใหม่ ตอนนี้มันไม่ฟังเพลงร็อครกหูแล้ว เปิดเพลงสากลซะด้วย แดดข้างนอกก็เริ่มแยงตา แอร์เย็น ๆ ชวนให้หลับจริง ๆ ถ้านั่งแท็กซี่หรือมากับคนอื่นผมคงหลับไปแล้ว.....


“...นอนไปก่อนก็ได้นะ...” วุธเอี้ยวตัวไปหยิบหมอนอันเล็ก ๆ จากเบาะหลังมาให้ผมกอด

“...ไม่เป็นไร...เราแค่แสบตาเฉย ๆ ...แล้วนี่จะไปไหนอ่ะ...” ผมจำใจรับหมอนมันมาวางไว้บนตัก

“...ไปวัด XXXXX ...” วุธพูดชื่อวัดใกล้ ๆ บ้านอาเล็ก วัดที่ผมเคยไปทำวีรกรรมไว้สมัยก่อน

“...ทำไมไปไกลอย่างนั้นล่ะ...วัดแถวนี้ก็มีตั้งเยอะ...”

“...ไปถึงวัดตอนนี้ก็ยังถวายสังฆทานไม่ได้อยู่ดีแหละ...ต้องรอให้พระท่านฉันเสร็จก่อน...” วุธพูดยิ้ม ๆ

“...ตามใจ...”


*
*


.....ยิ่งวุธทำดีกับผมเท่าไหร่ ผมยิ่งรู้สึกละอาย มองภาพมันกำลังพนมมือพูดคำถวายสังฆทานตามพระอย่างตั้งใจ.....มองนิ้วผมและมันที่แทบจะชนกันตอนกรวดน้ำ....เห็นมันยืนนิ่งตอนที่เอาน้ำไปรดใต้ต้นไม้ใหญ่.....รู้สึกผิดจนไม่กล้ามองหน้ามันเต็มตา...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่ทำอย่างนั้น ผมจะไม่ทำให้คนอื่นเสียใจเพราะคำว่าทิฐิ...เรื่องนี้มันแก้ไขอะไรไม่ได้เลย ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะสายไปซะแล้ว.....

“...กินอะไรก่อนมั๊ย...” วุธถามขณะเดินทางกลับ ตอนแรกกะว่าจะไปไหว้อาเล็ก แต่เห็นบ้านยังปิดอยู่ก็เลยไม่อยากรบกวน

“...ไม่อ่ะ...กินซาลาเปาที่คุณซื้อมาให้ก่อนออกมา...ยังอิ่มอยู่เลย...” ไม่อิ่มหรอกครับ แต่ผมกินอะไรไม่ลงมากกว่า “...แล้วคุณล่ะ...หิวหรือเปล่า...” ผมอดเป็นห่วงมันไม่ได้...วุธส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“...นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว...” วุธหันมามองผมตาเยิ้ม

“...ก็ถามไปงั้นแหละ...ตามมารยาท...กลัวจะหิวตายก่อนแต่งงาน...” ผมแขวะ ไม่น่าเลยกู อยากจะตบปากตัวเองจัง แต่ไอ้วุธไม่ถือสาอะไร แถมยังหัวเราะเบา ๆ ซะอีก


*
*


“...ขอเข้าไปไหว้พ่อได้มั๊ยครับ...” วุธถามขณะที่ผมจะลงจากรถเพื่อเข้าบ้าน ผมชะงัก

“...อัฐิพ่ออยู่ที่บ้านแม่โน่น...” วุธหน้าสลด

“...ไม่รู้จะมีโอกาสได้ไปไหว้หรือเปล่า...” ผมเห็นมันพึมพำแล้วยิ่งรู้สึกผิด

“...เข้าบ้านก่อนมั๊ย...” ผมกลั้นใจชวนมัน

“...บ้านนี้ยังต้อนรับผมอีกเหรอ...” โอ๊ย...เจ็บจี๊ด ๆ

“...ก็เข้ามานั่งเล่น ดูหนัง...หาอะไรกินไปก่อน...ทำงานตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ...” ผมทำเป็นไม่สนใจที่มันพูด

“...อืม...ก็ดีเหมือนกัน...” ถ้าเป็นเมื่อก่อน อย่าหวังเลยว่าจะได้เข้ามาเหยียบบ้านผมอีก


.....น้องหมาผมยังจำวุธได้ มันเข้ามากระโดดเหยง ๆ พันแข้งพันขาทั้งผมและวุธ มันทำท่าดีใจกระดิกหางดิ๊ก ๆ ผมต้องดึงปลอกคอมันไว้ไม่ให้กระโจนใส่วุธ กลัวเสื้อผ้ามันเลอะ....วุธมองรอบ ๆ และหยุดที่ผม แทบหลบตามันไม่ทัน....อย่างที่ผมเคยบอก เวลาว่างของผมหมดไปกับการจัดบ้านเพื่อไม่ให้บรรยากาศเดิม ๆ ทำให้ผมคิดถึงมันอีก.....วุธเดินไปเปิดแอร์เป็นอย่างแรกเหมือนที่มันทำประจำเมื่อก่อน เข้าครัวหยิบน้ำในตู้เย็นมารินใส่แก้ว เผื่อผมด้วย แล้วกลับออกมาเปิดโทรทัศน์ หย่อนตัวลงนั่งกึ่งนอนบนโซฟาหนานุ่มตัวเก่งของผมแบบไม่ห่วงเสื้อผ้ายับ ถึงแม้ว่าสรีระมันจะดูเปลี่ยนไป แต่แววตา ท่าทางยังคงเป็นไอ้เด็กช่างคนเดิม ที่ทโมน ซน และน่ารักเหมือนเดิม.....


....ผมขึ้นห้องไปอาบน้ำ แต่งตัว ค่อยสดชื่นขึ้นมาอีกนิด แต่ชักเริ่มหิวซะแล้ว....ค่อย ๆ ย่องลงมาในครัว ทำแซนด์วิชง่าย ๆ กิน ไม่กล้าบอกไอ้วุธมัน กลัวโดนกัดอีก ก็ตอนอยู่บนรถดันบอกว่าอิ่ม แต่พอถึงบ้านหิวโซเชียว....ยัดเข้าปากไปสองชิ้นเสร็จผมก็เดินเนียน ๆ ไปนั่งดูหนังจากเคเบิ้ลทีวีข้างวุธ ไม่ลืมบอกมันว่ามีแซนด์วิชอยู่บนโต๊ะ ถ้าหิวก็กินได้ มันลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้าครัวยกมาทั้งจาน ยื่นให้ผมอันนึง ผมส่ายหน้า กูอิ่มจริง ๆ แล้วคราวนี้.....ถ่างตาดูหนังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ผมก็เริ่มเลื้อยนอนกอดหมอนบนโซฟา ง่วงมาก ตาจะปิดอยู่แล้ว จะขึ้นไปนอนบนห้องก็ไม่ได้...วุธมันยังนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้...ขอพักสายตาแป๊บนึงละกัน...ไม่หลับหรอก ผมบอกตัวเอง.....


*
*
*


.....สะดุ้งตื่นมองรอบ ๆ ทันที ไม่เจอวุธ ตายห่า ผมเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ นี่มันก็บ่ายกว่า ๆ แล้ว....เดินกระเซอะกระเซิงเข้าไปในครัวเห็นไก่ทอดถังใหญ่วางไว้บนโต๊ะ สงสัยวุธคงโทรสั่งมากินก่อนไปทำงานแน่ ๆ มันก็ยังจำได้ว่าผมชอบกินอะไร ส่วนไหน และกินอย่างต่ำ 4 ชิ้นถึงจะอิ่ม....ผมเดินขึ้นไปล้างหน้าล้างตาบนห้องพอออกมาส่องกระจกถึงเห็นกระดาษเล็ก ๆ มีลายมือของมันเขียนสั้น ๆ ว่าเย็นนี้จะมาหาอีก....


.....ระหว่างกินไก่ที่มันซื้อมาเผื่อ หัวผมก็คิดถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่มีทางเลือกอื่นเลย นอกจากจบกันด้วยดี จะให้กลับไปเหมือนเดิมก็ไม่ได้ มันกำลังจะหมั้น....จะให้เป็นเพื่อนกันเหรอ ผมก็ทำใจไม่ได้ สู้ห่างกันไปเลยดีกว่า ไม่ต้องเห็นหน้ากันอีก ผมจะเก็บมันไว้ในความทรงจำตลอดไป.....


.....ดังนั้น หลังจากอิ่ม ผมก็อาบน้ำแต่งตัวออกไปหากิจกรรมที่ต้องใช้เวลานาน ๆ ตัดผม ทำสีผมร้านประจำ เดินเล่นคนเดียวจนเวลาเลิกงานของอีนัน ผมก็ชวนมันไปกินข้าว ช้อปปิ้ง....พยายามทำตัวให้สดใส แม้ว่าจะอิดโรยจากการนอนน้อย ทรมานจะตายกับการทำงานไม่เป็นเวลาอย่างนี้ ผมไม่กล้านอนตอนกลางวันมาก เพราะตอนกลางคืนจะนอนไม่หลับ และมันจะเป็นปัญหาในวันต่อไปที่ต้องเข้างานรอบเช้า ตั้งแต่ 7 โมงเช้า อึดมั๊ยล่ะครับ.....


“...สวัสดีครับ...” ผมมองเบอร์ไม่คุ้นที่โชว์บนหน้าจออย่างชั่งใจ แต่สุดท้ายก็ต้องรับเพราะเกรงใจคนข้าง ๆ ดันเปิดเสียงซะดังเลย

“...ไม่อยู่บ้านเหรอ...” เสียงในสายทำให้ผมอึ้ง

“...เฮ้ย...รู้เบอร์เราได้ไง...”

“...อยู่ไหน...ทำไมไม่รอ...ผมเขียนบอกแล้วนี่ว่าจะไปหาตอนเย็น...” วุธพูดเสียงเครียด ไม่ยอมตอบคำถามผม

“...เราทำธุระอยู่...อีกนานกว่าจะกลับ...” ผมโกหก

“...ไม่เป็นไร ผมรอหน้าบ้านคุณล่ะกัน...”

“...ไม่ต้องหรอก...คุณเอาเวลาไปเตรียมงานหมั้นของคุณเถอะ...อ้อ...แล้วให้เวลากับคู่หมั้นคุณด้วย...อย่ามาเสียเวลากับเราเลย...” ผมตัดสายทันที ปิดโทรศัพท์ซะเลย สงสัยเหมือนกันว่ามันเอาเบอร์ของผมมาจากไหน พรุ่งนี้จะเอาโทรศัพท์ที่ทำงานโทรจิกถามเพื่อน ๆ ทีละคน

“...เป็นอะไรวะ...เอ้...” นันสะกิดผมเบา ๆ เมื่อเห็นผมนั่งเหม่อตั้งแต่รับสายเมื่อกี้

“...มึงว่ากูทำถูกมั๊ย................................................” ผมเล่าทุกอย่างให้มันฟัง

“...มึงก็คบเค้าในฐานะเพื่อนก็ได้นี่หว่า...”

“...เพื่อนก็อยู่ส่วนเพื่อนสิวะ...ไม่งั้นกูก็ยอมเป็นแฟนไอ้โยไปนานแล้ว...” ผมไม่อยากจะบอกอีนันว่า ไอ้โมทย์ก็ด้วย เรามีความลับกันนิดหน่อย

“...เอาเป็นว่า...ถ้ากูเป็นมึง...กูก็คงต้องทำอย่างที่มึงทำ...แต่กูคงใช้วิธีที่ไม่รุนแรงเหมือนมึงหรอก...”

“...มึงรู้มั๊ย ที่กูทำ ที่กูพูดน่ะ กูเจ็บนะโว้ย...กูไม่ได้อยากจะทำอย่างนั้นเลย...แต่ถ้ากูยังทำดีกับมัน กูไม่อยากให้มันรู้ว่ากูยังรักมันอยู่ กูไม่อยากให้มันสงสารกู....ยังไงมันก็ล้มเลิกงานหมั้นไม่ได้หรอก เซลล์จัดเลี้ยงโรงแรมกูงกจะตาย อีกวันสองวันนี้เค้าคงจ่ายมัดจำค่าห้องกันแล้ว...นี่ไม่ใช่นิยายนะมึง...ที่มันจะวิ่งหนีจากงานหมั้นมาหากู...” ผมพยายามพูดขำ ๆ แต่เสียงหัวเราะของผมมันเหมือนสมเพชตัวเอง


*
*
*


....3 ทุ่มกว่า ผมเลี้ยวรถเข้าซอยบ้าน ชะลอดูว่ามีรถวุธจอดอยู่แถวนั้นหรือเปล่า...โล่งอก...มันคงกลับบ้านไปแล้ว ผมเข้าบ้านล็อคประตูอย่างแน่นหนาตามปกติ รีบอาบน้ำ นอน ง่วงมาก ๆ พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดไปทำงานอีก...พอล้มตัวลงนอน กำลังเคลิ้ม ๆ เสียงโทรศัพท์บนหัวนอนดังขึ้น นึกได้ว่ามือถือยังไม่ได้เปิดเครื่อง คนที่โทรมาต้องเป็นคนสนิทมาก ถึงได้มีเบอร์นี้ เพราะขนาดในโรงแรมผมยังไม่มีใครรู้เลย ตอนสมัครงาน ผมก็ใช้เบอร์เก่าที่ใช้เฉพาะชั้นล่าง ส่วนเบอร์ในห้องนอนนี้ก็ยังเป็นความลับอยู่.....

“...ฮาโหล...” ผมพูดเสียงยาน ๆ

“...ถึงบ้านแล้วเหรอ...” ผมกระเด้งจากเตียง ตาสว่างเลยครับ

“...โทรมาได้ไง...เอาเบอร์มาจากไหน...”

“...ไม่บอก...ผมมีวิธีของผมล่ะกัน...”

“...โทรมาทำไม...”

“...อยากรู้ว่ากลับถึงบ้านหรือยัง...ก็แค่นั้นเอง...”

“...นี่ไง...อยู่บ้าน...กำลังจะนอนแล้วด้วย...” ผมกวน

“...เออใช่...พรุ่งนี้คุณทำงานเช้านี่นา...งั้นไม่รบกวนแล้ว...ฝันดีนะครับ...”

“...เดี๋ยว...” ผมรีบรั้งมันไว้ก่อนจะวางหู

“...อะไรครับ...จะ Say Goodnight เหรอ...”

“...No…Do not call me again OK?...” ผมพูดเสียงขุ่น แต่วุธมันหัวเราะ ผมยิ่งโมโห วางโทรศัพท์ดังโครม กะว่าถ้ามันโทรมาอีก จะดึงสายออกจากเครื่องเลย


.....แค่ไม่กี่วันมานี่ มันก็ทำให้ผมหวั่นไหวไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ผมไม่อยากรักมัน ผมไม่อยากให้มันทำอย่างนี้ ยิ่งมันเข้ามาในชีวิตผมมากเท่าไหร่ ผมยิ่งเจ็บมากเท่านั้น ผมว่าการที่ต้องหักอกตัวเองน่ะ มันเจ็บกว่าตอนโดนคนอื่นทำให้อกหักนะครับ.....



*
*
*


“...เอ้...ทำไมโทรมอย่างนั้นล่ะ...” เพื่อนร่วมงานผมทักตั้งแต่ที่ตอกบัตรจนถึงออฟฟิศ จะไม่ให้โทรมได้ยังไงอ่ะ นอนไม่ถึง 3 ชั่วโมง เรื่องไอ้วุธมันลอยวนเวียนอยู่ในหัวทั้งคืน.....หลายครั้งที่มีความคิดเห็นแก่ตัวแวบเข้ามา...วุธมันจะแต่งงานก็ให้มันแต่งไปสิ เราก็เป็นเหมือนเดิมได้...ให้ไอ้วุธมันลองซะหน่อย เผื่อมันจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นผู้ชายหรือเป็นเกย์กันแน่ และถ้ามันเป็นเกย์ อีกไม่นานเค้าก็เลิกกัน หรือไม่ก็ทนอยู่กินเพื่อรักษาหน้ากันไปอย่างนั้นแหละ...แต่ถ้าวุธมันเป็นผู้ชาย ซักวันมันก็เลิกยุ่งกับเราเอง ให้เรามีความสุขสั้น ๆ ตอนนี้ดีกว่ามั๊ย ขอเป็นชู้ไปจนกว่ามันจะเบื่อเรา ยังไงเราก็เจ็บอยู่แล้วนี่....ผมต้องใช้ธรรมะเข้าข่ม...นึกถึงคำพูดพ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ที่เคยสั่งสอนไว้ ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว....ให้รู้จักละอายต่อบาป....เวรกรรมมันตามทัน....ในที่สุดผมก็ยืนยันตามความคิดเดิม เราควรจะจากกันด้วยดี ไม่ต้องเจอกันอีก แม้แต่ความเป็นเพื่อน ผมก็ให้มันไม่ได้.....


“...อย่าลืมขึ้นไปร่วมงานแต่งสิ้นเดือนนี้นะจ๊ะ...” พนักงานแผนกจัดเลี้ยงคนที่ดูแลงานไอ้วุธพูดกับผมใน Canteen ระหว่างพักทานข้าวกลางวัน

“...อะไรนะ...งานหมั้นไม่ใช่เหรอ...”

“...หมั้นเช้าแต่งเย็นไง...” ผมตัวชาวาบ กินข้าวไม่ลงเลย

“...อืม...งั้นต้องลางานบินไปซื้อชุดราตรีที่ Paris ซะแล้ว...” ผมทำเป็นเรื่องขำ ๆ ทั้งที่ในใจแทบกระอัก วุธมันไม่เห็นบอกว่าจะแต่งเลยนี่หว่า ลึก ๆ แล้วผมยังแอบหวังว่ามันยังถอนหมั้นได้ แต่นี่ถ้าถึงขนาดแต่งงานกัน คงไม่มีการล้มเลิกแน่ ๆ

“...เอ้...จะหยุดไปไหนเนี่ย...” FOM (Front Office Manager) ถามทันทีที่เห็นหน้าผมหลังจากกลับมาจากพักทานข้าว ในมือมีใบลาที่ผมวางไว้เมื่อสองวันก่อน

“...ไปธุระพี่...” ผมตอบเนือย ๆ

“...ทำไมหยุดหลายวันอย่างนี้ล่ะ...” ผมลาแค่ 4 วันเองนะ ออกจากกรุงเทพฯ หลังเลิกงานจากรอบเช้า นัดพวกเพื่อน ๆ ไว้แล้วด้วย ตอน 6 โมงเย็น ไปถึงโน่นก็คงเกือบเช้า มีไอ้พวกนี้ไปด้วยหรอก ผมถึงขอหยุดแค่ 4 วัน ไม่งั้นจะหยุดเลียแผลใจซัก 1 สัปดาห์

“...พี่ให้เอ้หยุดเต็มที่สองวันละกัน...”

“...ไม่ได้พี่...นาน ๆ เอ้ขอหยุดทีนะ วันหยุดเอ้ยังเหลืออีกตั้งเยอะ พอปลายปี ฝ่ายบุคคลจะตัดยอดวันหยุด พี่ก็บังคับให้เอ้ลาทั้ง ๆ ที่เอ้ก็ไม่รู้จะลาไปทำอะไร แถมด่าว่าทำไมไม่ทยอยหยุดตอนกลาง ๆ ปีอีก....นี่ไง...ขอหยุดก็ไม่ให้หยุด...” ผมโวย

“...จะมีคนทำงานแทนหรือเปล่าก็ไม่รู้...” ปกติผมจะสงสารนะครับ แต่คราวนี้มันไม่ได้จริง ๆ

“...เวลาคนอื่นหยุด...เอ้ก็แทนให้ทุกที...โดดรอบกี่ครั้งแล้วล่ะ...เห็นไม่โวยวายก็เอาใหญ่เลยนะ...”

“...เออ ๆ ขอพี่คิดดูก่อน...ถ้าไม่มีคนทำงานแทน พี่คงต้อง Cancel ใบลาเอ้นะ...”

“...งั้นพี่ก็หาคนมาทำงานแทนเอ้ตลอดไปเลยละกัน...ยังไงเอ้ก็จะหยุด...” ผมหันหลังเดินออกมาจากห้องผู้จัดการโดยที่ยังได้ยินเสียงพี่เค้าเรียกให้กลับไปคุยกันต่อ แต่ผมไม่สนใจแล้ว โมโหมาก น้อยใจด้วย คนที่ยอมมาตลอด ไม่มีปากเสียง ต้องโดนอย่างนี้แหละ งั้นกูลาออกซะเลยดีกว่า ได้เดือดร้อนกันทั้งแผนกแน่ ๆ


“...พี่เอ้...แขกไม่ยอมจ่ายค่า Extra Person...” น้องใหม่คนหนึ่งเดินมาพูดกับผมทำตาแดง ๆ จะร้องไห้ คงโดนแขกด่ามาอ่ะดิ

“...โอเค...เดี๋ยวพี่จัดให้...” ผมคว้าเอกสารของแขกคนนั้นออกไปหน้าเคาท์เตอร์

“...Mr. Smith...” ผมเรียกแขกอเมริกันที่ยืนกอดกันกลมกับ ผู้หญิงอาชีพพิเศษคนหนึ่งที่ยืนจับแขกอยู่ข้างถนนแถว ๆ โรงแรมผม แถมยังเคยมาที่นี่ตั้งหลายครั้งจนพวกผมจำหน้าได้แล้ว

“...Yes…what’s the problem?...” เห็นสายตาที่เค้ามองมาผมก็รู้เลยว่างานนี้ต้องยาวแน่ ๆ ต่อไปผมขอแปลให้อ่านเลยนะครับ

“...ผมเชื่อว่าคุณจองห้องมาเป็นห้องเดี่ยวใช่มั๊ยครับ...”

“...ใช่...แล้วไง...”

“...ถ้าคุณต้องการจะพาผู้หญิงคนนี้ขึ้นไปบนห้อง...คุณจะต้องจ่ายให้ทางโรงแรม XXXX บาทนะครับ...มันเป็นกฎ...และทุกโรมแรมในละแวกนี้มีกฎแบบเดียวกันด้วย...”

“...กฏบ้าอะไร...ที่ประเทศกูไม่เห็นมีแบบนี้เลย...”

“...ทุกที่มีกฎที่แตกต่างกัน...และคุณกำลังยืนอยู่ที่ประเทศไทยนะครับ ไม่ใช่อเมริกา...”

“...มันไม่เห็นยุติธรรมเลย แขกกูก็ต้องเป็นแขกโรงแรมด้วยสิ...”

“...ผมก็ไม่คิดว่ายุติธรรมสำหรับเราเหมือนกัน เพราะคุณจองมา 1 คน ในห้องคุณควรจะมีคนอยู่แค่ 1 คน หรือไม่ใช่ครับ...” ผมย้อน

“...เราแค่จะไปดื่มอะไรกันเฉย ๆ...”

“...งั้นเชิญที่ล็อบบี้บาร์เลยครับ...”

“...กูจะพาผู้หญิงคนนี้ขึ้นไปแค่ 10 นาที ไปคุยกันแค่นั้นเอง...”

“...งั้นเราจะต้องให้พนักงานรักษาความปลอดภัยขึ้นไปด้วย และประตูจะต้องเปิดไว้ตลอดเวลา...โอเคมั๊ยครับ...”

“...กูต้องการคุยกับผู้จัดการ...เดี๋ยวนี้...” แขกเริ่มฉุนเฉียวโวยวายเสียงดัง

“...ได้แน่นอน...แต่คุณก็จะได้รับคำตอบแบบเดียวกับผม...” น้องที่อยู่ในเหตุการณ์ เดินเข้าไปเรียกผู้จัดการทันที

“...มีอะไรให้ผมช่วยครับ...” พี่ผู้จัดการเข้ามาเคลียร์....ผมก็ยืนอยู่ตรงนั้น...ใช้เวลานานมาก กว่ามันจะยอมจ่าย กฎก็คือกฎ ทางเรายืนยันอย่างนั้น

“...กูจ่ายก็ได้...แต่กูต้องการให้ไอ้นั่นขอโทษกู...” ไอ้ฝรั่งบ้าคนนั้นมันชี้หน้าผม

“...เอ้...ขอโทษเค้าสิ...” ผู้จัดการสั่งผม

“...ขอโทษเรื่องอะไรพี่...” ผมงง “...For what?...” ผมหันไปถามมัน

“...มึงพูดจาไม่ดีกับกู...”

“...เมื่อไหร่...ตรงไหน...ผมแน่ใจว่าผมพยายามพูดกับคุณดีที่สุดที่ผมสามารถทำได้...คนแถวนี้ก็ได้ยินบทสนทนาของเราโดยตลอด...” ผมเถียง...มันฮึดฮัดไม่ยอมท่าเดียว

“...เอ้...พี่บอกให้ขอโทษก็ขอโทษสิ...เล่นลิ้นอยู่นั่นแหละ...จะได้จบ ๆ ไปซะที...” ผมมองหน้าผู้จัดการอย่างอึ้ง ๆ โกรธมากเลยครับตอนนั้น ผมหันไปจ้องหน้าไอ้ฝรั่งบ้านั่นแล้วก็พูดโดยไม่สนใจว่าผู้จัดการยืนอยู่ข้าง ๆ

“...โอเค...คุณสามารถบังคับให้ผมพูดว่าผมเสียใจได้ ผมเสียใจ นี่ไงผมพูดแล้ว มันเป็นหน้าที่ของผม ที่ต้องปฏิบัติต่อแขกอย่างดีที่สุด แม้ว่าบางคนมันไม่สมควรที่จะถูก Treat ดีขนาดนี้ เหมือนกับว่ามันเป็นแขกระดับล่าง....คุณรู้มั๊ย ที่ผมพูดว่าผมเสียใจน่ะ ผมไม่รู้สึกผิดซักนิด เพราะผมแน่ใจว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด...เอาเป็นว่า ผมก็ขอให้คุณมีความสุข และขอให้คุณจงภูมิใจในตัวเองที่ต้องใช้เงินซื้อผู้หญิงคนนึงเพื่อเซ็กส์...ถ้าเป็นที่บ้านเมืองคุณ...ผมคิดว่าคุณคงถูกเรียกว่า...ไอ้ขี้แพ้...” พูดจบผมก็วางเอกสารดังโครม หันหลังเดินเข้าออฟฟิศ ท่ามกลางสายตานับสิบคู่ที่มองผมด้วยความรู้สึกต่างกัน


.....พอกันที...อาชีพนี้....ไปทำงานกับแม่ดีกว่า เหนื่อยเหลือเกิน....เหนื่อยกาย...เหนื่อยใจ.....ผมเดินหน้าบึ้งไปขอใบลาออกจากฝ่ายบุคคล ไม่มีใครกล้าแซวผม ปกติผมจะเป็นคนที่อารมณ์ดีที่สุดในแผนก ใครจะแซวยังไงก็ไม่โกรธ ไม่ค่อยวีนใครง่าย ๆ แต่วันนี้ ผมเหนื่อย หงุดหงิด เครียด น้อยใจ โกรธ หลาย ๆ เรื่องมันรุมเข้ามา และอีกไม่กี่นาทีต่อมา ขณะที่ผมกำลังนั่งสงบสติอารมณ์อยู่นั้น....น้องในแผนกก็เข้ามาพูดอ้อมแอ้มกับผมว่า GM. เรียกขึ้นไปพบบนห้อง....ผมรู้แล้ว ว่าจะต้องมีเรื่องอย่างนี้ แต่ไม่เป็นไร ไหน ๆ ก็จะออกแล้วนี่ ขออลังการส่งท้ายหน่อยละกัน....ผมเขียนใบลาออกด้วยความรวดเร็ว แล้วเดินตัวปลิวจนถึงหน้าห้องผู้จัดการทั่วไป.....


***********************************T************B**************C*********************************************************************

มาต่อแล้วครับไปอ่านให้สนุกๆๆนะ
ต่อไปนี้จะพยายามไม่อู้และ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: slmzaa ที่ 14-10-2007 19:53:52
 o13 o13อ่านแล้วติดตามมากเลยมาต่อบ่อยๆๆเยอะๆๆนะคับ :m23: :m23:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 14-10-2007 19:57:58
โห คุณเอ้ได้ใจผมมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 14-10-2007 20:30:31
นี่แหละ ตัวอย่าง ยิ่งในศักดิ์ศรี อย่ายอมก้มหัวให้ใครถ้าเราไม่ผิด

ถ้ามันไม่จำเปน!!!

นี่แหละแบบผมเลย โดนๆๆ รักคุนเอ้ อิอิ

มาต่ออีกนะคับ ทำใจลำบากเนอะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: fr_man ที่ 14-10-2007 21:39:31
โหเจ๋งอ่ะ

มีแสดงอภินิหารทิ้งทวนอีกตะหาก
อิอิ

รอต่อครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 15-10-2007 05:51:59
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

สุดยอดไปเลยเอ้ของเรา

มันต้องอย่างนี้สิ

 :m7: :m7: :m7: :m7: :m7: :m7: :m7: :m7: :m7: :m7: :m7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อด$
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 15-10-2007 06:03:24
 :m4: :m4: :m4:   สู้ สู้  เข้มแข็งเข้าไว้ เก่งมาก เรื่องหัวใจก็ต้องให้ได้อย่างนี้นะเอ้  สู้สู้   :m11:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 15-10-2007 08:01:23
Cheer คุนเอ้ด้วยอีกคนนะครับ

บางครั้งการที่เราพยายามที่จะปิดบังความรู้สึกในใจ

กลับกลายว่าจะเป็นการทำร้ายตัวเอง

แม้จะสามารถปิดบังคนอื่นได้  แต่ตัวเราเองย่อมที่จะรู้ดีที่สุด  :m8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 15-10-2007 09:44:28
กะลังเข้มข้น
กะลังคาใจ

เมื่อไรจะกระจ่างซะทีนะ
 :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Electrolyte ที่ 15-10-2007 13:52:46
พี่เอ้รีบมาต่อด่วนเลย...........กำลังมันส์เลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 15-10-2007 19:34:16
 :o11: :o11: :o11:
มาสารภาพว่าไปหาอ่านจนจบอีกเหมือนกัน

แต่ ...

ไม่อยากบอกว่า ...


โดนกูเกิ้ลสปอย  :m17:

อ่านจบแล้วก็จริง แต่ยังงง ๆ อยู่เลย
เหมือนมันจะมีต่อเพราะตอนที่อ่านในกูเกิ้ล มันไม่มีในบอร์ดที่ไปอ่าน

เค้าก็พยาย๊ามพยายามเสริชหาในบอร์ดปาล์ม แต่ก็ไม่สำเร็จ
ชักเริ่มจะเซ็งเป็ดอีกแระ คงต้องรอจากในเล้านี่แน่ ๆ  :เฮ้อ: :seng2ped:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 15-10-2007 20:16:23
สงสารนายกฤชต้องไปสืบไปหาอ่านนนนนนน เอามาต่อให้กันอีกหน่อยยยย ช่วยกัน ๆๆ lanlan คงไม่ว่านะ...

=======================================================

4 The End (Part III)

.....ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ไล่ความรู้สึกเหนื่อยอ่อน ความรู้สึกหลาย ๆ อย่างรุมเร้าเข้ามา การตัดสินใจลาออกจากงานนี้ อาจทำให้ผมได้มีเวลาพักผ่อนร่างกายที่ตรากตรำทำงานหนักมานาน ได้พักสมอง พักใจ และประสบการณ์ทำงานปีกว่า ๆ อาจช่วยให้ผมสามารถหางานที่ดีกว่านี้ได้.....ผมเคาะประตูหน้าห้องผู้จัดการทั่วไปเบา ๆ ได้ยินเสียงอนุญาตให้เข้าห้องดังออกมา เป็นสำเนียงฟังยากของคนอินเดียที่ไปเรียนอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก...ตอนที่มาสัมภาษณ์กับ G.M. ครั้งแรกผมตื่นเต้นมาก แต่วันนี้ ผมกลับรู้สึกเฉย ๆ และอยากจะพูดสิ่งที่คั่งค้างมาตลอดอายุการทำงานที่นี่ เผื่อว่าจะเป็นผลดีต่อการปรับปรุงอะไรบางอย่าง....
“...ผมฟังเรื่องราวทั้งหมดจากเค้าแล้ว...ถึงตาคุณบ้าง...คุณเอ้...มีอะไรจะอธิบายมั๊ย...” จีเอ็มพูดพลางมองหน้าผมกับหัวหน้าแผนกที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ข้าง ๆ
“...ครับ...ผมยอมรับว่าผมผิด ที่ไปต่อว่าแขกด้วยความไม่สุภาพอย่างนั้น แต่ผมยืนยันว่าก่อนหน้านี้ผมทำตามหน้าที่ และผมก็ทำดีที่สุดแล้วด้วย...”
“...คุณรู้ใช่มั๊ยว่า ลูกค้าต้องถูกเสมอ...”
“...แน่นอนครับ ผมรู้ตั้งแต่ก่อนมาทำงานที่นี่ซะอีก...”
“...แล้วทำไมถึงทำอย่างนั้น...”
“...ผมคิดว่าหัวหน้าแผนกผมน่าจะตอบได้ดีกว่านะครับ...” ผมโยนไปให้หัวหน้าผมที่นั่งหน้าเหวอ
“...ผมก็ทำถูกนะครับ มันเป็นเรื่องปกติที่คนทำผิดต้องกล่าวคำขอโทษ...”
“...ใช่ครับ ผมเห็นด้วย แต่ในฐานะของคนที่เป็นหัวหน้า ควรคิดถึงใจลูกน้องด้วย และจากที่เคยทำงานร่วมกันมา เค้ารู้ว่าผมเป็นคนยังไง ผมเป็นของผมอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ผมคิดว่าเค้าควรมีวิธีในการแก้ไขปัญหาได้ดีกว่านี้....อีกอย่าง ตามนโยบายของโรงแรม... เราสามารถปฏิเสธแขก หรือเชิญแขกที่ทำให้ภาพพจน์โรงแรมเสื่อมเสียออกไปได้...คุณก็รู้ว่าผมก็ทำเช่นมามาแล้วหลายครั้ง และทุกครั้งมันก็เป็นผลดีกับโรงแรมรวมทั้งพนักงานด้วย ผมคิดว่าเราเคยพูดเรื่องนี้กันแล้วในที่ประชุมเมื่อไม่นานมานี้นะครับ...”
“...ผมคิดว่าแขกคนนี้ไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดนั้น...” หัวหน้าเถียงผม
“...คุณไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรกนะครับ...คุณสามารถถามใครก็ได้...กล้องวิดีโอก็จับภาพตลอดเวลา...มันดูดีนักเหรอที่ปล่อยให้แขกพ่นคำหยาบคายใส่หน้าพนักงาน ไม่รวมทั้งการแสดงท่าทางเลว ๆ ต่อหน้าแขกท่านอื่นในบริเวณล็อบบี้...ในกรณีเช่นนี้ ผมสามารถให้พนักงานรักษาความปลอดภัยเชิญตัวออกไปนอกโรงแรมได้...ใช่มั๊ยครับ...” ผมไม่ยอมแพ้ หันไปถามจีเอ็มต่อ
“...โอเค...ผมอยากให้เรื่องนี้จบไปด้วยดี...คุณเอ้...คุณผิดนะครับที่ไปด่าว่าแขกอย่างนั้น ผมขอให้คุณเซ็นชื่อในใบ Warning ด้วยครับ...” จีเอ็มยื่นกระดาษขาว ๆ ที่มีข้อความแสดงความผิดของผมปรากฏอยู่ “...ส่วนคุณ...ผมอยากให้คุณแสดงความสามารถในการปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดีกว่านี้ และกรุณาไม่ใช้ความคิดอคติในการแก้ไขปัญหานะครับ...” หัวหน้าผมพยักหน้ารับหงอย ๆ
“...ผมเกรงว่า ผมจะไม่เซ็นใบนี้ครับ...และผมจะขอความกรุณาให้คุณเซ็นใบนี้ให้ผมแทนดีกว่า...” ผมยื่นใบลาออกที่เขียนและเซ็นชื่อเรียบร้อย แนบพร้อมใบตักเตือนที่เพิ่งได้มา
“...คุณมีเวลาพิจารณาเรื่องนี้ใหม่นะครับ...” จีเอ็มมองหน้าผม
“...ผมตัดสินใจแล้วครับ...”
“...คุณ XXX คุณช่วยพูดให้คุณเอ้ พนักงานในการปกครองของคุณเปลี่ยนใจด้วยนะครับ...ผมไม่รู้ว่าคุณมีปัญหาอะไรกันมาก่อนหรือเปล่า แต่ผมไม่อยากเสียพนักงานดี ๆ ไปเพราะความไม่เข้าใจกัน...” จีเอ็มหันไปกดดันหัวหน้าผม
“...ครับท่าน...”
“...ผมคิดว่าไม่จำเป็นหรอกครับ ไม่มีใครเปลี่ยนใจผมได้แน่นอน...ขอบคุณนะครับที่ให้โอกาสผมมาทำงานที่นี่ ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้งเรื่องดี และไม่ดี ผมจะจำสิ่งเหล่านี้ไปปรับปรุงตัวเองครับ...ลาก่อน...” ผมยกมือไหว้แล้วเดินตัวตรงออกมาจากห้องจีเอ็ม รู้สึกโล่งยังไงไม่รู้สิ
.....ผมเก็บเรื่องที่ผมลาออกไว้เป็นความลับ หัวหน้าผมก็ไม่พูดอะไร เราสองคนมองหน้ากันไม่ติดแล้ว....ผมมีเวลาทำงานที่นี่อีกแค่ไม่กี่วัน เพราะผมจะใช้วันหยุดทั้งหมดที่เหลือให้ครบเพื่อไม่ให้ขาดทุน ก็พวกวันหยุดปกติตามตารางงาน วันหยุดที่ผมไม่ได้หยุดพวกวันปีใหม่ สงกรานต์ วันที่คนอื่นเค้าหยุดกัน แต่ผมไม่ได้หยุด โอทีที่เก็บไว้เป็นวันหยุด วันที่ทำงานแทนคนอื่น และวันลาพักร้อนอีกหลายวัน ผมทำตามกฎนะครับ ที่ผมไม่ลาออกแบบ Walk out เพราะผมยังอยากได้ใบผ่านงาน และเงินประกันคืน มีกฎว่า ห้ามลาออกแบบกะทันหัน ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วันถึงจะได้เงินคืน และทางฝ่ายบุคคลจะทำเอกสารใบผ่านงานให้....เท่ากับว่า สิ้นเดือนนี้ผมคงได้ไปอยู่กับแม่ตามที่ตั้งใจไว้ และไม่ต้องไปร่วมงานมงคลสมรสของคนที่ผมรักที่สุด.....

.....วันสุดท้ายของการทำงาน ผมซื้อของขวัญเตรียมไว้ให้วุธในวันแต่งงาน ฝากไว้กับน้องคนหนึ่งที่ผมไว้ใจได้ ย้ำว่าให้เอาไปให้คนที่เอาขนมมาให้กินวันนั้น น้องเค้าก็ยังจำได้อยู่....ถึงวันนี้พวกเพื่อนร่วมงานระแคะระคายบ้างแล้วว่าผมจะลาออก แต่ผมเฉย ๆ พูดทีเล่นทีจริงตลอด....พอได้เวลาเลิกงาน ผมถึงได้บอกความจริง วันนั้นเป็นวันหยุดของโจทก์ผมด้วยไงครับ ผมก็เลยสั่งอาหารมาเลี้ยงกัน และผมก็อยู่ถึงรอบดึกมาทำงาน และเราก็หาอะไรมากินกันอีกรอบ....ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้เยอะมาก เพื่อนร่วมงานดีทุกคน พวกเค้าเข้าใจว่าการทำงานโรงแรมมักจะไม่มีใครทำอยู่ที่เดียวได้นาน เพราะตำแหน่งมันจะตัน.....ส่วนมากจะเป็นทำนองว่า ย้ายเพื่อใหญ่ เปลี่ยนที่ทำงาน หมายความว่าต้องได้ตำแหน่งที่ดีขึ้น หรือไปโรงแรมที่ใหญ่กว่า เงินดีกว่า เป็นเรื่องปกติครับ.....
.....วุธหายไปเลยครับ ไม่มาหาที่บ้าน ไม่โทรมา ทั้ง ๆ ที่รู้ทั้งเบอร์บ้านและเบอร์มือถือของผมแล้ว....คงจะยุ่งกับการเตรียมงานมั้ง ผมพยายามตัดใจ พักผ่อน 2-3 วัน ผมก็พร้อมออกหางานใหม่แล้ว.....ขอเปลี่ยนมาทำงานออฟฟิศ เข้า 8 โมงเลิก 5 โมงมั่งละกัน แต่ทุกที่ที่ผมไปมันมีเงื่อนไขที่ผมรับไม่ได้หลายอย่าง หางานอยู่หลายวันชักเริ่มท้อซะแล้ว.....ลองไปหางานโรงแรมเหมือนเดิมดีกว่า.....เอาโรงแรมนี้ละกัน ใหญ่ดี ไม่ไกลด้วย.....เขียนใบสมัครเสร็จ ทำข้อสอบยากมาก อะไรยังไงเนี่ย มันไม่เห็นเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงแรมเลย สงสัยเป็นการทดสอบความคิดเรามั้ง.....รอผลสอบไม่นาน ก็ได้สัมภาษณ์ ไปตั้งแต่ 9 โมง โดนสัมภาษณ์ทีละคน ทีละแผนก เสร็จเกือบ 6 โมงเย็น สัมภาษณ์ไม่นานหรอกครับ แต่รอคนที่จะมาสัมภาษณ์นานมากว่า....ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย จนแทบถอดใจขอกลับบ้านซะกลางคัน แต่พอรู้ผลว่าให้ผมเริ่มงานกลางเดือนหน้า ความเหนื่อยก็หายไปทันที.....
.....วันต่อมาหลังตรวจร่างกาย เซ็นสัญญา วัดตัวตัดชุดกันเสร็จ ฝ่ายบุคคลก็คุยถึงระเบียบต่าง ๆ จากการผ่านงานโรงแรมมาแล้วมันก็คล้าย ๆ กันนั่นแหละ แต่ที่นี่ต้องมีการเทรนพนักงานใหม่ 15 วัน ได้เงินด้วย และผมจะได้ปฏิบัติหน้าที่จริง ๆ ก็ต้นเดือนโน้น มีเวลาพักอีกเยอะ.....
 “...อีเอ้...ลาออกทำไมไม่บอกกู...” อีกุ้งโทรมาด่าผมเย็นวันหนึ่ง
“...เออ...โทดทีว่ะ กูลืม...” ผมหัวเราะเสียงใส
“...แล้วมึงได้งานใหม่ยัง...”
“...ได้แล้ว...”
“...ที่ไหนวะ...”
“...ไม่บอก...เอาไว้กูจะไปบอกพวกมึงที่โน่น...” ผมหมายถึงที่บ้านแม่
“...เออนี่...กูก็มีเรี่องจะบอกมึงเหมือนกัน...”
“...อะไรของมึง...อย่าบอกนะว่าจะ Cancel ทริปนี้...”
“...ไม่ใช่...กูจะขอเลื่อนไปซักสองวันนึงได้มั๊ย...”
“...ไม่ได้...” ผมตอบทันที
“...ทำไมอ่ะ...อีเต็มกับอีนันก็อยากเลื่อนนะมึง...เงินเดือนพวกกูยังไม่ออกกันเลย....ไปต้นเดือนไม่ได้เหรอ...มึงก็ไม่ต้องลางานแล้วนี่นา...เอ๊ะ มึงเริ่มงานใหม่เมื่อไหร่วะ...”
“...กูมีเหตุผลส่วนตัว...ส่วนงานใหม่กูเริ่มกลางเดือนหน้า เทรนตั้งสองสัปดาห์...” ผมบอกเรื่องไอ้วุธจะแต่งงานกับอีนันคนเดียว ดังนั้นอีกุ้งมันก็เลยไม่รู้ว่าผมตั้งใจจะหนีงานนี้ด้วย
“...เอาไงดีอ่ะ...” ต่างคนต่างเงียบหาทางออก
“...งั้นกูไปก่อนได้มั๊ย...” ไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำ
“...ขับรถคนเดียวได้เหรอ...”
“...อีห่า...กูไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะมึง...แค่นี้เองกูไปคนเดียวได้โว้ย ไปตั้งหลายเที่ยวแล้ว...ถ้าพวกมึงไม่ไปพร้อมกู กูก็คงออกจากกรุงเทพฯ ตอนกลางวัน ถึงโน่นเย็น...สบายมาก....เออ... แล้วพวกมึงจะไปกันยังไงวะ...”
“...กูคงไปรถไฟนั่นแหละ...”
“...เออ...เดี๋ยวค่อยนัดเวลาไปรับอีกทีละกัน...”
.....ผมลงมือเก็บกระเป๋าทันทีที่เลิกคุยกับอีกุ้ง ในเมื่อไม่มีใครไปพร้อมผม ไม่ต้องรอใคร งั้นผมไปวันรุ่งขึ้นเลยดีกว่า....ระหว่างเดินวนเวียนเก็บสมบัติ ผมก็โทรบอกอาเล็กคนดีคนเดิมของผมให้ช่วยมานอนเฝ้าบ้านตอนกลางคืน....อาเล็กแกก็ไม่ว่าอะไร ยอมมาด้วยดี แต่แกก็ไม่ได้มานอนทุกวันนะครับ เอาเฉพาะวันที่แกว่างจริง ๆ แถวบ้านผมไม่ค่อยมีขโมยขึ้นด้วยไงครับ เพื่อนบ้านก็ไว้ใจได้ อีกอย่างสมบัติล่อตาล่อใจโจรก็ไม่ค่อยมี…..
.....ผมขึ้นห้องนอนแต่หัวค่ำ เก็บแรงไว้เดินทางวันพรุ่งนี้ โดยธรรมชาติแล้ว ผมเป็นคนที่นอนง่ายมาก ถึงได้ทำงานโรงแรมที่เวลากิน เวลานอนไม่เหมือนชาวบ้านได้อย่างทรหดอดทนมานานกว่าปี.....แต่หลังจากที่วุธเข้ามาในชีวิตผมอีกครั้ง ทุกวันก่อนนอน ไม่ว่าเวลาไหน ผมจะต้องคิดถึงมันทุกครั้ง และนี่คือสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ผมนอนไม่หลับ ภาพที่จินตนาการขึ้นมาเอง งานแต่งงานที่สวยงาม วุธในชุดเจ้าบ่าว ยืนคู่กับเจ้าสาวคนสวย คิดถึงตอนที่พวกคนร่วมงานเชียร์ให้ทั้งคู่หอมแก้มกัน คิดถึงตอนหลังจากงานเลิก พวกเค้าต้องเข้าห้องหอ ไม่พ้นห้องจูเนียร์สวีทของโรงแรมที่มักจะให้ฟรีเป็นห้องสำหรับคืนส่งตัว....ไม่อยากคิดว่าพวกเค้าทำอะไรกันทั้งคืนตามธรรมเนียมที่ไม่ให้ทั้งคู่ออกนอกห้องจนกว่าจะเช้า....ห้องสวีทห้องนี้ผมพาแขกไปชมนับครั้งไม่ถ้วน ทุกซอกทุกมุมเป็นยังไงผมรู้หมด และภาพที่จินตนาการมันชัดเจนเหลือเกิน.....
“...สวัสดีครับ...” ผมกดรับสายทันทีที่ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น โดยไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าใครโทรมา หูฟังถูกใส่ไว้ตลอดเวลา จะได้ไม่ต้องควานหา ขับรถอยู่ไงครับ ตอนนี้ก็ไปเกือบถึงนครสวรรค์แล้ว
“...เอ้...ทำไมลาออกอ่ะ...ฮัลโหล....อยู่ไหนเนี่ย...สัญญาณไม่ดีเลย...”
“...ขับรถอยู่...มีอะไร...” ผมพูดเสียงเรียบ
“...หาที่จอดแล้วคุยกันก่อน...” เสียงของวุธฟังดูร้อนรนมาก
“...ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว...ขอให้มีความสุขนะ...” ผมวางสาย ปิดเครื่องหนีซะเลย ขับต่อมาได้ซักพัก ผมต้องถอดแว่นกันแดดออก เพื่อเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
.....คืนนี้เป็นคืนที่ผมทรมานที่สุดอีกคืนหนึ่ง หลังอาหารเย็น ผมเดินกระวนกระวายจนแม่ต้องลุกหนีเพราะเวียนหัว ใครถามอะไรก็ไม่ตอบ พอเริ่มดึกไม่มีคนแถวนั้น ผมก็คว้าไวน์ที่เก็บไว้รับแขกออกมาจิบที่ระเบียงบ้าน ขอแสดงความยินดีกับวุธด้วย แม้ว่าจะไม่ได้ไปร่วมงานมงคลของมัน แต่ผมก็ขอดื่มให้มันที่นี่ละกัน นั่งรับลม กระดกไวน์เข้าไปหลายแก้ว ตัวร้อนวาบด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์ แต่ในใจมันหนาวเหลือเกิน มองดาวระยิบระยับบนฟ้า มันสวยไปอีกแบบ คงคล้าย ๆ กับแสงไฟในยามค่ำคืนของกรุงเทพฯ ที่มองลงมาจากชั้นสูงสุดของโรงแรมผม มองลงมาจากห้องหอที่ป่านนี้พวกเค้าคงอยู่ด้วยกันสองต่อสองแล้ว.....ส่วนผมน่ะเหรอ ต้องนั่งเหงาอยู่คนเดียว บนระเบียงไม้ ฟังเสียงนกกลางคืนร้องสลับกับเสียงสะอื้นของตัวเอง.....
.....เมื่อรู้ตัวว่าไม่ไหวแล้ว ในที่สุดผมก็เดินโซเซ กลับบ้านพักที่ขอแม่ไว้หนึ่งหลัง เพื่อต้อนรับเพื่อนผมที่กำลังจะเดินทางมาถึงในวันรุ่งขึ้น.....
.....เพื่อนผมไม่ได้บอกเวลาให้ไปรับ เพราะพวกมันเองก็ไม่รู้ว่าจะออกจากกรุงเทพกี่โมง ฟังดูแปลก ๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร มันบอกแต่ว่ามันมาเองได้ ผมจะให้คนงานไปรอรับก็ไม่ยอม....เก่งกันจริง ๆ ทำยังกับเคยมา ถ้าหลงนะมึง กูจะให้นั่งรออยู่ข้างถนนนั่นแหละ ผมขู่ แต่พวกมันเถียงว่ามีปากก็ถามสิ ที่นี่เมืองไทย พูดภาษาเดียวกัน ยังไงก็ไปถูก.....อีกอย่างผมก็บอกเส้นทางอย่างละเอียดและจุดสังเกต รวมทั้งชื่อของรีสอร์ตเล็ก ๆ ที่แม่ผมเป็นเจ้าของไปแล้ว....ถึงมันจะไกลไปนิด แต่ก็ไม่น่าหลงนะครับ ป้ายบอกทางก็มีตลอด.....
.....ตื่นมาตอนเช้า ปวดหัวมาก ไม่ได้แตะต้องของมึนเมามานาน แฮ้งค์เลยกู ฝืนตัวลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัวลงมาข้างล่าง แม่เรียกผมกินข้าวเช้าด้วยกัน ผมกินไปได้สามสี่คำก็ต้องวางช้อน....ลองโทรศัพท์ถามเพื่อนผมก่อนดีกว่าว่าถึงไหนกันแล้ว....หลังจากที่พยายามต่อสายอยู่นาน ในที่สุดก็ติด อีเต็มบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง อีกไม่นานก็ถึง มันไปถูกแน่นอน ไม่ต้องออกมารับ....ได้ยินมันพูดอย่างนั้นแล้ว ผมก็โล่งอก กินพาราไปสองเม็ด ขึ้นนอนอีกรอบ กะว่าตื่นขึ้นมาอีกทีคงจะมีสีหน้าที่สดใสขึ้นเพื่อไม่ให้เพื่อนสงสัย....
.....สงสัยคงจะคิดถึงไอ้วุธมากไปหน่อยมั้ง ฝันเห็นมันมานั่งข้างเตียงของผม เผลอยิ้มออกมาด้วยความสมเพชตัวเอง...เฮ้อ...เราคงได้เจอกันแค่ในฝันอ่ะนะ ตอนนี้มันคงเตรียมตัวเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมแล้วสิ จะเที่ยงแล้วสิ....แต่เอ๊ะ เพื่อนกูล่ะ...ทำไมยังไม่มา...ผมลืมตาขึ้นทันที...และต้องกระพริบตาถี่ ๆ เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงผม คือคนที่ผมเพิ่งคิดว่าผมฝันไป.....
“...เฮ้ย...มาได้ไงเนี่ย...” ผมลุกขึ้นนั่งโวยวายเสียงดัง วุธมันโถมตัวมานอนทับผมทั้งตัว เอามือปิดปากผมไว้
“...อย่าเสียงดังสิ...เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าผมเข้ามาข่มขืนคุณหรอก...” ผมดิ้นให้พันจากตัวมัน
“...ทำไมมาอยู่นี่ล่ะ...มาฮันนีมูนเหรอ...” ผมกัดมันทันทีที่มันปล่อยมือออกจากปาก
“...ฮันนีมูนอะไรล่ะ...ยังไม่ทันได้แต่งงานเลย...” วุธหัวเราะก๊าก
“...อ้าว...แล้วน้องนุ่นล่ะ...”
“...ลูกพี่ลูกน้องกันครับ...”
“...หมายความว่ายังไง...” ผมเริ่มเข้าใจอะไรบ้างแล้ว
“...น้องเค้าไปหาห้องจัดงานแต่งงาน ผมก็แค่ไปเป็นเพื่อนเฉย ๆ...”
“...แล้วแฟนเค้าล่ะ...”
“...วันนั้นแฟนเค้าก็อยู่ที่โรงแรมคุณนั่นแหละ แต่เค้าติดสัมมนาอยู่...นุ่นเค้าจะมารับแฟนเค้าไปดูห้องจัดเลี้ยงอยู่แล้ว...ตอนแรกผมตั้งใจจะมาส่งเค้าอย่างเดียว แต่ดันเจอคุณกำลังเถียงกับฝรั่งอยู่ ผมก็เดินผ่านคุณนะ แต่คุณไม่เห็นผมเอง...” ผมอายมาก เข้าใจมันผิดเป็นเรื่องเป็นราว
“...สนุกมากใช่มั๊ยที่หลอกเราได้...” ผมทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน
“...ผมไม่ได้หลอกอะไรคุณนี่...ผมไม่ได้พูดซักคำว่าผมจะแต่งงาน...ผมเชิญคุณมาร่วมงานในฐานะ...เอ่อ...แฟนผม...” มันพูดยิ้ม ๆ
“...ไอ้บ้า...ออกไปเลย...” ผมหันหลังให้วุธ เพื่อไม่ให้มันเห็นรอยยิ้มของผม
“...ไม่ไป...” มันขยับเข้ามากอดเอวผม
“...ปล่อย...ไม่งั้นเราเรียกแม่ด้วย...” ผมพูดเหมือนเป็นเด็กแก้เขิน
“...แน่จริงก็ร้องดัง ๆ ดิ...แม่จะได้ดีใจว่าลูกขายออกแล้ว...”
“...ปล่อย...ปวดฉี่...” มันปล่อยครับ ผมวิ่งเข้าห้องน้ำทันที ไม่ได้ฉี่หรอกครับ เข้ามาสงบจิตสงบใจ มองหน้าตัวเองในกระจก ริ้วรอยความเศร้าไม่มีเหลือเลยครับ
.....ผมหายเข้าไปในห้องน้ำนานมาก ออกมาอีกทีเห็นวุธนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงทั้งชุดที่มันเดินทางมา.....ผมย่องไปเอาเสื้อผ้า อาบน้ำเรียกความสดชื่นอีกครั้ง....ขนาดเป่าผมในห้องเสียงดังขนาดนี้ ไอ้วุธยังไม่ตื่น มันคงเพลียมาก....ผมเดินออกจากห้อง เห็นกระเป๋าสมบัติเพื่อน ๆ กองระเกะระกะอยู่บนพื้น....เข้าไปในห้องข้างในต้องอนาถกว่า อีพวกนั้นลากเอาเตียงสองเตียงมาติดกันแล้วนอนก่ายกันหลับสนิททุกคน.....
.....แม่บอกว่าเพื่อนผมมาถึงเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ท่าทางเพลียกันมาก โดยเฉพาะวุธที่เป็นคนขับรถ....พวกเค้าออกเดินทางจากกรุงเทพเมื่อคืนตอนเกือบเที่ยงคืน หลังงานเสร็จงานแต่งงานลูกพี่ลูกน้องของวุธ....แม่ให้คนงานจัดเตรียมอาหารเย็นไว้คอยต้อนรับเพื่อนผมอย่างดี ผมลงมือควบคุมดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง และเป็นการคืนกำไรให้แขกคนอื่นซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่พักอยู่ในขณะนี้ด้วย.....
.....ถึงคราวผมนั่งมองหน้าไอ้วุธตอนมันหลับบ้างแล้ว หลังจากเดินเข้าห้องนั้นออกห้องนี้อยู่หลายเที่ยว ไม่มีใครตื่นซักคน....จนบ่ายแก่ ๆ วุธก็ลืมตาขึ้นมา ผมแทบหลบตาไม่ทัน มันยิ้มแฉ่งเหมือนทุกครั้งที่มันเห็นผม....ผมทำเป็นเฉยเมย ไม่สนใจ แกล้งงอนไปงั้นแหละ ทั้งที่ในใจเต้นโครมครามตอนที่มันถอดเสื้อออก แล้วเดินไปหากระเป๋าที่กองอยู่หน้าห้อง มันกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมเสื้อผ้าในมือ ยักคิ้วให้ผมเมื่อเห็นผมมองมันอยู่....ไม่พูดพร่ำอะไร เดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำทิ้งให้ผมทำตัวไม่ถูก....ถ้ามันออกมาจากห้องน้ำ เราจะปั่นปึ่งกับมัน หรือว่าจะพูดดี ๆ เหมือนไม่เคยมีเรื่องราวอะไรดีนะ.....
.....กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมันมายืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยผ้าขนหนูสีขาวพันไว้หลวม ๆ ตัวเดียว...โอ๊ย...ใจเต้นตึก ๆ แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจมองแต่หน้ามันอย่างเดียว พยายามไม่ละสายตาไปมองแผงอกกว้าง ๆ ที่มีหยดน้ำเกาะ ไม่มองหน้าท้องแบนราบ มีกล้ามนิด ๆ ไม่มองตามไรขนที่หายเข้าไปในปมผ้าขนหนู ไม่มองอะไรที่ดันเนื้อผ้าออกมาเป็นรูปเป็นร่าง....แต่ทั้งหมดที่ผมบรรยายนี่ ผ่านการสแกนมาแค่ครั้งเดียว หลังจากนั้น ผมก็ไม่กล้ามองต่ำกว่าคอมันอีกเลย....กลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้อ่ะ...ยิ่งกลิ่นสบู่อ่อน ๆ หอมระเหยออกมาจากตัวมัน เล่นเอาผมลืมทุกอย่างที่เตรียมการไว้เลย.....
“...คืนนี้จะให้ผมนอนห้องไหนอ่ะครับ...”
“...ห้องโน้นไง...” ผมหมายถึงห้องที่อีพวกนั้นนอนกันอยู่
“...อ้าว...แล้วพวกนั้นล่ะ...”
“...ก็นอนด้วยกันนั่นแหละ...แบ่งมานอนห้องนี้คนนึง...แล้วห้องโน่นจะเสริมเตียงให้อีกละกัน...”
“...ก็แบ่งให้ผมมานอนห้องนี้สิครับ...”
“...จะบ้าเหรอ...ห้องนี้มันมีเตียงใหญ่เตียงเดียว จะยัดเตียงเสริมก็ไม่ได้ เดี๋ยวไม่มีที่เดิน...”
“...ก็นอนเตียงเดียวกัน...เหมือนเมื่อก่อนไง...” วุธจ้องหน้าผม
“...ไม่ได้หรอก...ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว...”
“...ผมรู้ว่าคุณยังรักผมอยู่...” ผมเงียบ
“...อย่าพูดเข้าข้างตัวเองอย่างนั้นดิ...”
“...ผมไม่ได้พูดเองเออเองนะ...ตาคุณบอกอย่างนั้น...ผมรู้ตั้งแต่วันที่ผมเจอคุณที่โรงแรมแล้ว...”
“...ไม่จริงหรอก...ดูใหม่นะ...” ผมจ้องมันกลับบ้าง พยายามทำใจให้ไม่รักมัน เผื่อตาผมจะฟ้องออกมาได้
“...ไม่เห็นเลย มาใกล้ ๆ สิครับ...” ผมอยู่ที่เดิม แต่วุธมันค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ ใกล้จนหน้าเราชิดกัน...มันรวบตัวผมไปกอดและผมก็ต้องชาวาบเมื่อปากอุ่น ๆ ของมันทาบกับริมฝีปากของผมอย่างรวดเร็ว หมดแรงดิ้นเลยครับ
“...วุธ...อย่า...” เสียงผมขาดไปเป็นช่วง ๆ เมื่อวุธดันตัวผมล้มลงบนเตียง
“...พูดสิเอ้...พูดว่าไม่รักผม...” วุธกระซิบข้าง ๆ หูผมขณะที่จมูกและปากของมันลากผ่าน
“...พอแล้ว...วุธ...ถ้าไม่ปล่อยเราจบกันจริง ๆ นะ...” ผมรวบรวมแรงฮึดครั้งสุดท้ายห้ามมัน
“...หมายความว่า...เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมใช่มั๊ย...” วุธชะงัก ลุกขึ้นมามองผมเต็มตา ผมยิ้มให้มันเป็นครั้งแรก และอดหน้าแดงไม่ได้เมื่อเห็นว่าผ้าผ่อนมันหลุดลุ่ยไปถึงไหนแล้ว
“...แต่ที่เคยตกลงกันไว้ก็ยังไม่เปลี่ยนนะ...อย่าทำอย่างนี้อีก...รอให้เราพร้อมก่อน...โอเคมั๊ย...”
“...ได้ครับผม...แต่ตอนนี้ขอมัดจำไว้ก่อนละกัน...” วุธมันกระโจนมาฟัดผมอีกแล้ว ทีนี้ผมดิ้นไปด้วยหัวเราะไปด้วย มันตัวหนาขึ้นเยอะ ผมกอดมันเต็มไม้เต็มมือดีจัง
“...ทำอะไรกันอยู่อ่ะ...เสียงดังไป 7-8 บ้าน...” อีเต็มเคาะประตูขัดจังหวะ
“...ตื่นแล้วเหรอ...” ผมตะโกนถาม พลางทำท่าให้ไอ้วุธรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“...เปิดประตูสิ...มึงทำอะไรวุธของกูหรือเปล่า...” อีเต็มพูดขำ ๆ
“...อีเวร...คิดได้ไงเนี่ย...” ผมเปิดประตูทันทีที่เห็นว่าวุธมันอยู่ในสภาพปกติแล้ว
“...แหม...นึกว่าทำอะไรกันอยู่...โอกาสดี ๆ อย่างนี้อย่าปล่อยให้หลุดมือไปอีกล่ะ...” อีกุ้งกัดผมบ้าง
“...ไปหาอะไรกินกันเหอะ...หิวแล้ว...” อีนันเอามือลูบท้อง
“...วันนี้กูเตรียมอาหารเหนือชุดใหญ่ไว้รอพวกมึงเลยนะโว้ย...” ผมภูมิใจเสนอ
“...ทำยังกับว่าจะมีงานเลี้ยงเปิดตัวลูกเขย...” อีเต็มแซว และผมก็เห็นไอ้วุธหน้าแดง ไม่เถียงซักคำ
.....บริเวณร้านอาหารในค่ำคืนนั้นมีแต่เสียงหัวเราะ เพื่อนผมมันเอนเตอร์เทนแขกได้เป็นอย่างดี เวลาแม่และน้อง ๆ เผลอ ผมกับวุธก็จะมองกันตาเยิ้ม จับมือกันใต้โต๊ะ ไม่กล้าทำอะไรประเจิดประเจ้อ...แม่ผมก็ยังใจดีเหมือนเดิม คุยกับวุธได้ทุกเรื่อง แม่รู้ว่าวุธหายไปจากชีวิตผมอยู่พักนึง....แม่ค่อนข้างจะปลื้มที่วุธเรียนจบ และได้งานดี ๆ ทำเป็นหลักแหล่ง แถมยังฝากวุธดูแลผมด้วย เอ๊ะ ยังไงกัน.....
.....เพื่อนผมเมาปลิ้นกันทุกคน เจอเหล้าขาวของคนเหนือเข้าไปจอดสนิท พอถึงห้องมันก็นอนกองกันเหมือนเดิม....ในที่สุดวุธมันก็ต้องนอนเตียงเดียวกับผมจนได้....เรานอนคุยกันจนดึก ความคิด ความรู้สึกถูกระบายออกมาจนหมด เราต่างพูดคำว่ารักออกมาจนนับครั้งไม่ได้ เมื่อถามว่าทำไมถึงรักกัน เราก็หาคำตอบไม่ได้อีก เรารู้แต่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดออกมาได้.....
....วันต่อมา หลังจากกินข้าวเช้ากันสองคน เพราะอีพวกนั้นไม่ยอมตื่นกัน แม่ผมและน้อง ๆ ก็ไปทำภารกิจของแต่ละคน.....วุธชวนผมไปทำบุญให้พ่อที่วัดใกล้ ๆ ซึ่งมีอัฐิของพ่อผมอยู่ที่นั่น และหลังจากการทำบุญเสร็จสิ้น วุธก็เดินมาที่หน้ารูปพ่อผม พูดออกมาให้ผมได้ยินด้วยว่า “...พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ...ผมจะดูแลเอ้ให้ดีที่สุดเอง...” เหมือนมันรู้ว่าผมต้องการอะไร ผมไม่ได้ต้องการแค่คนรัก แต่ผมต้องการคนที่สามารถดูแลผมได้ แม้ว่าภายนอกผมจะดูแข็งยังไง แต่ลึก ๆ แล้วผมก็ยังมีความอ่อนแอหลงเหลืออยู่.....
.....ผมเองก็จะดูแลความรักของเราให้ดีที่สุดเช่นกัน....ประสบการณ์เลวร้ายที่ผ่านมาสอนให้ผมเป็นผู้ใหญ่ขึ้น....และรู้แล้วว่า เราจะประคับประคองความรักยังไงให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง...แม้ว่าความรักครั้งนี้มันเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ....แต่ความรักทำให้โลกสวยงาม ทำให้โลกน่าอยู่นี่นา...ผมเชื่อว่าบางอย่างที่ผิดธรรมชาติก็สามารถสวยงามได้....ด้วยรัก.....

You brighten up the moon and stars at night
You keep me seeing rainbows in the sky
You bring new meaning to my life, now
I believe in miracles baby I'm forever yours, yours
Tender love's what you're giving me and
you surpass all my fantasies and
I keep thanking the Lord above for
Blessing me with oh so much
Because I know how it feels to be part of you boy
Everyday of my lives so abundant with joy
And I honestly never thought love could be real
until the angels guided you to me
You brighten up the moon and stars at night
You keep me seeing rainbows in the sky
You bring new meaning to my life, now
I believe in miracles baby I'm forever yours, yours
Lying with you so natural
I never knew this was possible
And it finally feels like my life has begun
now that I can share it with someone
You brighten up the moon and stars at night
You keep me seeing rainbows in the sky
You bring new meaning to my life, now
I believe in miracles baby I'm forever yours, yours
Baby our love will always persevere
Anything you ever need,
You know I'll be right here and
You don't have to worry boy
I won't betray your trust
Because I'm so much in love
Every time your lips meet mine
It still feels like the first time
And if you lost everything
I'd keep on standing by your side
And boy it seems like everyday
I fall deeper in love
Because I can't get enough

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 15-10-2007 20:23:18
===========================================================
ของฝากจากคุณเอ้.....

.....ขอบคุณที่ติดตามกันมานานกว่าครึ่งปี...เรื่องราวของอดีตเด็กพาณิชย์คนนี้คงต้องปิดฉากลงซักที...ใจหายเหมือนกัน...รู้สึกว่ากำลังจะมีอะไรหายไป จากที่เคยแอบวุธมานั่งพิมพ์อยู่ทุกคืน บางวันมันก็ดันนอนดึกซะอีก....มีบ้างที่มันต้องทำงานหนัก ผมมีเวลาว่างมากขึ้น ทำให้ผมกลับมาโพสได้เร็วกว่าปกติ....ถ้าผมหายไปหลายวันน่ะ โทษไอ้วุธล่ะกันนะ.....
.....จากตอนแรกที่คิดว่า จะโพสได้วันเว้นวัน เรื่องของผมก็จะจบในเวลาไม่ถึง 3 เดือน แต่อุปสรรคต่าง ๆ ก็เข้ามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโดนไวรัส จนต้องล้างเครื่องใหม่....บอร์ดโดนปิด....บ่อยครั้งที่วุธสงสัยว่าผมนั่งพิมพ์อะไรอยู่หน้าคอมวันละนาน ๆ แต่ผมใช้โปรแกรม Word ไงครับ ก็เลยดูเหมือนผมทำงาน แต่จริง ๆ ไม่ใช่หรอก ทุกวันนี้มันก็ยังไม่รู้ว่าผมทำอะไร ผมไม่ผิดใช่มั๊ย ก็มันไม่ถามเองนี่หว่า และผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไรด้วย ถ้ามันถาม ผมก็ให้มันอ่าน และอยากจะให้มันรู้ด้วยว่ามีคนชอบมันเยอะแค่ไหน....
.....ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุก Reply ทุกความคิดเห็น.....ผมขอย้ำอีกครั้งว่าพวกคุณคือแรงบันดาลใจให้ผมกลับมาต่อจนจบได้.....ถ้าวุธมันได้อ่านเรื่องนี้หลังจากที่ผมไม่ได้กลับมาโพสแล้ว มันคงไม่มีโอกาสได้ขอบคุณคนที่ติดตามอ่านมาตลอด...เอาเป็นว่าผมขอขอบคุณแทนมันเลยละกัน.....
.....ส่วนเรื่อง Special Chapter ไม่รู้ว่ายังจะอยากอ่านกันอยู่หรือเปล่า ถ้ายังอยากอ่านอยู่ อีกไม่นานเจอกันแน่นอนครับ.....
See me when you need me
With love,
Commercial College Student

======================================================

ยังไม่จบนะครับบบบ มีต่อภาค special และก็ภาค return อีก.....ยังมีให้ลุ้นกันอีกกกกเยอะ.....
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน..... :m26:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-10-2007 21:54:07
เห้อ...และแล้วตอนนี้ก้อจบลงไปจนได้

ยังไงก้อมาต่อที่เหลือให้อีกนะฮะ

อ่านทีไรความรู้สึกก้อยังเหมือนเดิมทุกที

ยังไงก้อมาต่อให้อีกนะฮะ

อย่าลืมนะฮะ

จะรออ่านด้วยคนนะฮะ

เปงกำลังใจให้นะ สุ้ๆนะ คุคุ :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 15-10-2007 22:10:02
ดีใจจิงๆคับนานๆจะมีเรื่องเล่าที่จบแบบมีความสุขจนน้ำตาคลอเลย ขอบคุณคับสำหรับคนโพสทุกๆคนที่ชั่วยกันโพส และขอขอบคุณ คุณเอ้ ที่นำเรื่องเล่าดีๆมีสาระมาให้ได้อ่าน มีทั้งสุข ทุกข์ หัวเราะ เศร้าเคล้าน้ำตา และมีข้อคิดดีๆสำหรับคนที่กำลังมีความรักและกำลังใช้ชีวิตคู่ ขอบคุณนะคับ และขอให้คู่ของคุณ เอ้ รักกันมากๆและรักกันไปนานๆนะคับ ขอให้รู้จักใช้คำว่า ขอโทษ และ การให้อภัยมากๆนะคับสำหรับการใช้ชีวิตคู่
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: kitayama ที่ 15-10-2007 22:30:20
ตามอ่านมาทั้งวันเลยค่ะ

เริ่มตั้งแต่แรกกก จนจงบก็ตอนนี้ !@

ไม่ไหวแล้วววววววว อยากจะบอกว่าติดมากๆ
แบบอ่านแล้วไม่อยากให้จบเลยยยยยย







เขียนได้ดีจริงๆค่ะ

นายเอกก็ปากแข็งซะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 15-10-2007 22:33:30
จบแบบแฮ้ปปี้เอนดิ้งด์ด้วยดีใจจังเลย แสดงว่าทุกวันนี้คุณเอ้ก็ยังอยู่กับวุธใช่มั้ยเนี่ย

ขอให้รักกันนานๆแล้วมาเล่าต่ออีกน่ะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 16-10-2007 06:03:43
หากมีใครสักคนที่เข้าใจและเคียงข้างกันไป

ชีวิตนี้ก็คงจะมีความสุขที่สุดแล้ว

ขอให้วุธกะคุนเอ้  มีความสุขตลอดไป

และที่สำคัญขอบคุณคนโพสต์ทุกคน  ที่นำเรื่องราวดีๆ แบบนี้มาให้อ่านนะครับ

ลป.  รอ  Special  อยู่อะ  อยากรู้ว่าจะ special ยังไง  :give2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 16-10-2007 06:16:39
 :m4:   ดีจังอ่ะ ขอให้มีความสุขมากๆนะ รักกันไปนานๆๆๆๆๆๆๆ   :m11:

ชีวิตของคนเราก็มีแค่นี้แหละ ขอแค่ใครสักคนคอยอยู่เคียงข้างกัน

ทะเลาะกันบ้าง เถียงกันบ้าง แต่ก็ยังรักกัน

   o15  ขอบคุณคนโพสต์ทุกคนเลยนะคะ ที่นำเรื่องนี้มาลง ได้ข้อคิดจากเรื่องนี้เยอะเลย  o14
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 16-10-2007 06:24:57
รออ่านต่อภาคต่อไปนะครับ  :m18:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 16-10-2007 06:33:08
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: dejavu_boyz ที่ 16-10-2007 06:47:10
===========================================================
ของฝากจากคุณเอ้.....

.....ขอบคุณที่ติดตามกันมานานกว่าครึ่งปี...เรื่องราวของอดีตเด็กพาณิชย์คนนี้คงต้องปิดฉากลงซักที...ใจหายเหมือนกัน...รู้สึกว่ากำลังจะมีอะไรหายไป จากที่เคยแอบวุธมานั่งพิมพ์อยู่ทุกคืน บางวันมันก็ดันนอนดึกซะอีก....มีบ้างที่มันต้องทำงานหนัก ผมมีเวลาว่างมากขึ้น ทำให้ผมกลับมาโพสได้เร็วกว่าปกติ....ถ้าผมหายไปหลายวันน่ะ โทษไอ้วุธล่ะกันนะ.....
.....จากตอนแรกที่คิดว่า จะโพสได้วันเว้นวัน เรื่องของผมก็จะจบในเวลาไม่ถึง 3 เดือน แต่อุปสรรคต่าง ๆ ก็เข้ามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโดนไวรัส จนต้องล้างเครื่องใหม่....บอร์ดโดนปิด....บ่อยครั้งที่วุธสงสัยว่าผมนั่งพิมพ์อะไรอยู่หน้าคอมวันละนาน ๆ แต่ผมใช้โปรแกรม Word ไงครับ ก็เลยดูเหมือนผมทำงาน แต่จริง ๆ ไม่ใช่หรอก ทุกวันนี้มันก็ยังไม่รู้ว่าผมทำอะไร ผมไม่ผิดใช่มั๊ย ก็มันไม่ถามเองนี่หว่า และผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไรด้วย ถ้ามันถาม ผมก็ให้มันอ่าน และอยากจะให้มันรู้ด้วยว่ามีคนชอบมันเยอะแค่ไหน....
.....ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุก Reply ทุกความคิดเห็น.....ผมขอย้ำอีกครั้งว่าพวกคุณคือแรงบันดาลใจให้ผมกลับมาต่อจนจบได้.....ถ้าวุธมันได้อ่านเรื่องนี้หลังจากที่ผมไม่ได้กลับมาโพสแล้ว มันคงไม่มีโอกาสได้ขอบคุณคนที่ติดตามอ่านมาตลอด...เอาเป็นว่าผมขอขอบคุณแทนมันเลยละกัน.....
.....ส่วนเรื่อง Special Chapter ไม่รู้ว่ายังจะอยากอ่านกันอยู่หรือเปล่า ถ้ายังอยากอ่านอยู่ อีกไม่นานเจอกันแน่นอนครับ.....
See me when you need me
With love,
Commercial College Student

======================================================

ยังไม่จบนะครับบบบ มีต่อภาค special และก็ภาค return อีก.....ยังมีให้ลุ้นกันอีกกกกเยอะ.....
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน..... :m26:


ขอบคุณนะครับ nartch +1 ให้คับ

คิดว่าจะจบแร้วหายไปจิงๆซะแร้ว พี่เอ้อ่ะ

ถึงยังงัย ผมก็รออ่านต่อนะครับ Special Chapter  อ่ะ รีบๆมาลงเรยล่ะกัน

ปล.อ่าน reply ของเพื่อนๆบางคนแร้ว คล้ายกับว่าเข้าใจว่าเรื่องนี้จบแร้วยังไงไม่รุดิ แต่ยังนะคับ ยังมีต่ออีก ยังมีให้น้ำตาคลออีกหลายซีนเรย รออ่านกันนะคับ


 :a11: :a11: :a11:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 16-10-2007 11:34:22
 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:

จบลงด้วยดีเนอะ ๆ ๆ  ลุ้นซะแทบตาย

ยังไงก็ขอบคุณคนแต่ง คนโพส ด้วยนะครับ ที่เสียสละเวลากัน

ก็ยังรออ่านตอนต่อ ๆ ไป ของเรื่องนี้เสมอแล้วกันคับ

 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 16-10-2007 14:20:32
ดีใจจังจบได้ด้วยดี

ขอบคุณคุณเอ้คนเขียน

ขอบคุณผู้โพสต์ที่ทำให้เราได้อ่านเรื่องนี้จนได้ หลังจากหาที่ปาล์มไม่เจอ

ชอบเรื่องนี้มากๆ ค่ะ เป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยประสบการณ์มากมาย

เอ้เป็นคนปากแข็งและทิฐิมาก ถ้าลดลงได้จะดีมากๆ

แต่ความรักเป็นเรื่องของความเข้าใจด้วย ดีใจที่ทั้งคู่ฝ่าฟันอุปสรรคจนได้อยู่ร่วมกันทุกวันนี้

ดีใจด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ple ที่ 16-10-2007 16:07:11
สงสัยภาคต่อไปคงมีไรให้ลุ้นจนตัวโก่งแน่เลย เห็นมาสปอยกันหลายคน เฮ้อ แต่ตอนนี้จบแบบ Happy ก็ดีใจล่ะ
มีความสุข  :m18: :m18: :m18: :m18: :m18: :m18:


ปล. ยังรออ่านต่อไปคับ +1 ให้คนโพสเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 16-10-2007 17:28:00
อยากอ่านต่อจังเลยคับ

นี้แหละน๊า   ที่เรียกว่า ปาฏิหาริย์

ฟามรักที่ไม่น่าเชื่อ สุดๆจิงๆ

ผมคิดไว้แระ ปลื้มๆๆๆ

+1ไปเล้ยยยยยยย!!!
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 16-10-2007 18:40:32
 :m3: :m3: :m3:


 :m1: :m1: :m1:



 :m18: :m18: :m18:

ม่ายรู้จะพูดอะไร เอาเปนว่า  ดีใจสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 

อ่านไปยิ้มไป   ขอบคุณนะครับสำหรับเรื่องราวดีๆ ทไห้ผมมีกำลังใจที่จะสู้ในเรื่องต่างๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 16-10-2007 20:33:32
Commercial College Student’s Story (Special chapter 1)


.....หลังจากกลับถึงกรุงเทพฯ ระหว่างรอเริ่มงานใหม่ช่วงกลางเดือน ผมกับวุธมีเวลาอย่างเหลือเฟือที่จะทำอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยกันให้คุ้มค่ากับการที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี.....และอีกไม่กี่วันต่อมา วุธลาพักร้อนมาอยู่กับผมทั้งวัน หลบ ๆ ซ่อน ๆ เหมือนเป็นเด็กตอนโดดเรียนยังไงไม่รู้ ที่บ้านวุธคิดว่ามันไปทำงานตามปกติ.....ช่วงว่าง ๆ ตอนนั้น ผมก็มีโอกาสไปเยี่ยมครอบครัววุธที่บ้านบ้าง ทุกคนจำผมได้ ทักว่าผมเปลี่ยนไปเยอะ มีการตัดพ้อตามประสาผู้สูงวัย เรื่องที่ผมไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมเยียน....จะให้ไปหาได้ยังไงล่ะ ในฐานะอะไร ผมกับวุธมองหน้ากันยิ้ม ๆ.....
.....เรื่องราวทั้งหมดสอนให้ผมใจเย็นได้อย่างไม่น่าเชื่อ สอนให้ผมจับสังเกตเพื่อน ๆ ให้ดี ด้วยความที่สนิทสนมกันมาก ไม่เคยเอะใจว่าเพื่อนผมมีอะไรปิดบัง เพิ่งมารู้ตอนหลังว่า อีพวกนั้นรู้เรื่องผมกับวุธหมดทุกอย่าง รู้แม้กระทั่งว่า วุธไม่ได้เป็นเจ้าของงานแต่งงาน ทุกคนพยายามรั้งผมไม่ให้ไปหาแม่ ทุกคนอยากให้ผมกับวุธคืนดีกัน ทุกคนรู้ว่าผมยังรักวุธอยู่.....อายมากที่เพื่อน ๆ เล่าเรื่องของผมให้วุธฟังเกือบทุกเรื่อง มันสาธยาย เรื่องเก่า ๆ สมัยที่ผมไปเที่ยวทุกคืน มีคนเข้ามาข้องแวะด้วยเยอะแค่ไหน แต่ผมไม่เคยสนใจใครจริง ๆ จัง ๆ ซักคน แถมยังช่วย confirm อีกด้วยว่าผมยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่อง ยังไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับใครหน้าไหนอย่างแน่นอน.....
.....โรงแรมใหม่ที่ผมเข้าไปทำงาน จะว่าดีมันก็ดีกว่าที่เก่าอะนะครับ เรื่องเงินใช้ได้ สถานที่โอเค แต่กฏระเบียบมันเยอะเหลือเกิน รู้สึกเหมือนอยู่ในโรงเรียนประจำ.....ตอนนี้ผมเย็นลงเยอะเลยครับ ไม่ค่อยมีปัญหากับแขกเท่าไหร่ ก็เพราะกฎนี่แหละ บางทีก็ช่วยผมได้มาก ทุกคนต้องปฏิบัติเหมือนกันหมด ไม่ใช่ Double standard ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก.....และข้อดีที่สุดก็คือ ผมได้ทำงานกะเช้าเป็นเวลา 3 เดือนระหว่างโปร.....ทุกเย็น ผมกับวุธจะได้กินข้าวเย็นด้วยกัน ไม่เกิน 6 โมงเย็นมันก็มาถึงแล้ว กินข้าว นั่งเล่นนอนเล่น พอ 4 ทุ่มนิด ๆ ละครจบมันก็กลับบ้าน ผมก็ขึ้นนอนทันที (เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานอนอันมีค่าที่สุดของคนทำงานโรงแรม ผมจึงเตรียมพร้อมที่จะนอนตั้งแต่ 3 ทุ่มกว่า) กิจวัตรประจำวันของผมเป็นอย่างนี้ทุกวัน ไม่เคยเบื่อเลย นอน 4 ทุ่มครึ่ง ตื่น ตี 5 เข้างาน 6 โมงครึ่ง บางวันตื่นสายต้องขี่มอไซค์ไปทำงาน ตอนแรกไม่มีใครรู้หรอกครับ ผมใส่หมวกกันน็อคขี่ไปจอดที่ลานจอดรถ ไม่มีใครเห็นหน้า....แต่มีอยู่วันหนึ่งผมดันถอดหมวกก่อนถึงที่จอดรถ มีคนเห็นผมเต็ม ๆ จากนั้นผมก็โดนล้อมาตลอด ก็มันไม่เข้ากับผมเลยอ่ะ หลายคนไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าคนที่มีมาดอลังการอย่างผมจะขี่มอไซค์มาทำงาน แหม มันก็แค่บางวันอ่ะ....
“...ไม่รู้ว่าไอ้พวกนั้นมันจะทำหน้ายังไงที่เห็นเรามาด้วยกัน...” ผมพูดขณะที่ตามองไปตามทางข้างหน้า....เรากำลังจะไปงานแต่งงานของอีแจน เพื่อนสาวที่สวยที่สุดในกลุ่มที่เรียนพาณิชย์
“...เออ...อยากเจอไอ้อ๋าจัง...ยังจะฮาเหมือนเดิมมั๊ยน้า...” วุธหัวเราะเบา ๆ คงคิดถึงวีรกรรมของอีอ๋าเพื่อนในกลุ่มผมที่สนิทกับวุธที่สุด
“...เหมือนเดิมแหละ...นี่ได้ข่าวว่ามันมีแฟนแล้ว...คืนนี้คงเอามาด้วยมั้ง...” ผมพูดแล้วต้องชะงัก “...แน่ใจนะว่าจะเข้าไปในงานด้วยกันอ่ะ...” ผมหันไปถามวุธ
“...ใจคอจะให้นั่งรอในรถเหรอครับ...”
“...แต่ว่า...”
“...ไม่ต้องห่วง...ผมไม่สนใจคนอื่นหรอก...แต่เอ้ก็อย่าลืมเรื่องไปงานบวชเพื่อนผมนะ...” นี่แหละ ที่ผมกังวลที่สุด ตอนที่ผมบอกว่าแจนจะแต่งงาน และผมก็ต้องไปร่วมงานนี้ วุธมองหน้าผมเป็นทำนองให้ชวนมันไปด้วย แต่ผมก็ไม่ชวน....ผมก็คิดว่ามันคงไม่กล้าไปหรอก มันอาจจะอายเพื่อนผม พวกมันยิ่งชอบคิดว่าผมกับมันเป็นอะไรกันอยู่ดัวย และวุธก็เคยพูดอยู่เต็มปากเต็มคำว่าไม่ได้คิดอะไรกับผม แล้ววันนี้มันจะมาได้ยังไง.....แต่เมื่อเย็นอยู่ดี ๆ มันก็มารอผมที่หน้าบ้านแต่งตัวซะหล่อเชียว เอาก็เอาวะ ขอควงมันไปงานอีแจนหน่อยละกัน ที่สำคัญผมต้องเตรียมตอบคำถาม 108 จากเพื่อนผมที่ไมได้เจอกันมานานมาก
“...ไม่รู้จะลาได้หรือเปล่านะ...” ผมหมายถึงงานบวชเพื่อนที่ทำงานวุธ
“...โห...ก็ลาล่วงหน้านาน ๆ ดิ...” วุธขมวดคิ้ว เอาอีกแล้ว ไอ้เรื่องคิดมากไปเองคนเดียวเนี่ย แก้ไม่หายซะที ผมไม่อยากให้วุธโดนเพื่อนร่วมงานมองแปลก ๆ ที่พาผู้ชายไปงานประเภทนี้ ที่สำคัญผมต้องเก๊กแมนให้มากกว่าปกติ ถ้าอยู่ในวงเพื่อนของวุธ โอ๊ย แค่คิดก็อึดอัดจะแย่แล้ว
“...จะพยายามละกัน...”
“...ไม่รู้หล่ะ...ทีผมยังมางานเพื่อนคุณได้เลย...คุณก็ต้องไปงานเพื่อนผมให้ได้ด้วย...” วุธพูดงอน ๆ ผมหันขวับ คันปากยิบ ๆ อยากจะเถียง กูไม่ได้ชวนมึงมาซะหน่อย
.....งานแต่งงานของอีแจนถูกจัดที่ร้านอาหารบรรยากาศดีริมแม่น้ำเจ้าพระยา...ไม่คิดว่าจะมีที่สวย ๆ โรแมนติกอย่างนี้ ถึงต้องฝ่าฟันรถติดสุดยอดข้ามสะพานชื่อดังมา แต่พอมาถึงความเมื่อยจากการนั่งรถหายเป็นปลิดทิ้ง.....หาที่จอดรถได้ปุ๊บ ผมก็โทรหาเพื่อนให้ออกมารับ วุธเดินถือกล่องของขวัญตามหลังผมต้อย ๆ ดูท่าทางมันเกร็ง ๆ เหมือนกัน.....
“...เฮ้ย...มาด้วยกันได้ยังไงวะ...” เพื่อนผมยกโขยงเดินออกมารับที่หน้าร้าน ทุกคนต่างแปลกใจที่ผมมาพร้อมวุธ
“...บังเอิญเจอมันข้างทางอ่ะ...ก็เลยชวนมาด้วย...” ผมพูดเล่น
“...อืม...” วุธรับคำขรึม ๆ เล่นเอาผมใจคอไม่ดี ไม่น่าเลยกู
“...เข้ามาก่อนดิ...อีแจนรออยู่ข้างใน...” อีนัทเดินนำเข้างาน ผมมองหน้าวุธนิดนึง เห็นมันทำหน้าขรึมเหมือนเดิม
“...อีเอ้...นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว...อ้าว...วุธ...” อีแจนถลกกระโปรงก้าวยาว ๆ มาหาผม และชะงักเมื่อเห็นวุธ
“...สวยจังเลย...” ผมชมมันจากใจ แล้วยื่นซองให้มัน
“...ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะแจน...” วุธยื่นกล่องของขวัญให้บ้าง....แจนรับไว้แล้วส่งต่อให้เจ้าบ่าว
“...มาถ่ายรูปกันก่อน...มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะโว้ย...” แจนมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“...หล่อปะล่ะ...” ผมถามยิ้ม ๆ
“...หล่อค่ะหล่อ...แต่กูรู้ว่ามึงเป็นยังไง...หล่อไปก็ไม่มีประโยชน์...มึงไม่ชอบผู้หญิงนี่หว่า...” อีแจนกระซิบพลางจูงมือผมกับวุธไปถ่ายรูปที่หน้างาน ท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ที่มองพวกผมอย่างสงสัยที่เจ้าสาวจับมือถือแขนผู้ชายหน้าตาดีสองคนไปถ่ายรูป ปล่อยให้เจ้าบ่าวเดินตามหลังห่าง ๆ
.....หลังจากถ่ายรูป เขียนข้อความอวยพรคู่บ่าวสาวเสร็จ อีอ๋ามันก็โบกไม้โบกมือเรียกผมไปนั่งที่โต๊ะพิเศษที่เจ้าภาพกันไว้ให้เพื่อนเจ้าสาว เป็นโต๊ะจีนอาหารยังไม่เสิร์ฟ....โต๊ะพิเศษที่ว่านี้ เป็นโต๊ะที่ใกล้เวที และติดกับแม่น้ำ อากาศเย็นสบาย มีเรือสวย ๆ แล่นผ่านเป็นระยะ....ผมมัวแต่คุยกับเพื่อนจนลืมวุธไปเลย....ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผมเปลี่ยนไป (ในทางที่ดี) ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันคือช่วงงานศพพ่อผม....โทรม...หน้ามันเยิ้ม เพราะไม่มีเวลาแม้แต่จะล้างหน้า....ผมยาวถูกรวบไว้ตลอดเวลา ปล่อยได้ก็ต่อเมื่อตอนส่งแขก สภาพดูไม่ได้เลยครับ.....แต่มาวันนี้ ด้วยประสบการณ์ได้พบเจอผู้คนมากขึ้น ด้วยหน้าที่การงาน รูปร่างหน้าตา บุคลิกของผมจึงเปลี่ยนไป ชนิดที่พวกมันไม่คิดว่าผมจะแมนได้ขนาดนี้ ใช้เวลาปรับปรุงตัวเองนานเหมือนกันนะครับ.....ถ้าผมไม่พูดคำด่าคำกับพวกมัน คงไม่มีใครรู้ว่าผมไม่ได้เป็นผู้ชายเต็มร้อย.....ขนาดแฟนอีอ๋ายังอึ้งเมื่อผมย้อนด่าอีอ๋าตอนมันกัดผม.....
.....บรรยากาศเดิม ๆ ของความเป็นเพื่อนไม่มีใครถือสาอะไร ความคิดถึง ไม่ได้เจอกันมานาน ทำให้พวกผมหาเรื่องมาคุยกันไม่หยุด.....ที่ห่างหายกันไป ใครทำอะไร อยู่ไหน เป็นยังไงกันบ้าง....ระหว่างที่พวกเราคุยกัน ลูกสาวอีตาลที่เกิดกับตั้มเพื่อนในกลุ่มวุธขณะยังเรียนปวช. อยู่ในวัยกำลังซน เดินป้วนเปี้ยนไปมา อีแม่ก็มัวแต่โม้ ไอ้เจ้าตัวเล็กก็เดินจัง ตาลมันห่วงหน้าพะวงหลัง กลัวลูกจะตกน้ำ ต้องวานวุธที่นั่งเงียบผิดปกติคอยดูไว้ให้....ภาพต่อมาที่ผมเห็นคือ วุธคว้าตัวเด็กมาให้นั่งตัก กอดไว้หลวม ๆ พลางหลอกล่อ ชี้ให้เด็กดูโน่นดูนี้ไปตามเรื่องตามราว....เด็กก็คือเด็กอ่ะนะครับ นั่งฟังลุงวุธนิ่ง มีเสียงหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ เป็นระยะ.....ถ้าวุธมีโอกาสเป็นพ่อคน มันคงรักลูกมาก...เฮ้อ...แล้วจะมีวันนั้นมั๊ยเนี่ย.....
.....นัท คนที่มีแม่เป็นอาจารย์ คนที่อยู่บ้านเรียบร้อยมากถึงมากที่สุด แต่พอออกจากบ้านก็แรดถึงแรดที่สุด...ตอนนี้ชีเรียนปริญญาโทปีสุดท้าย จบมาคงเป็นครูเหมือนแม่.....
.....ตูน สาวนักกีฬาของวิทยาลัย จากที่เคยผอมเพรียว พอเรียนจบ ไม่ได้ออกกำลัง ทำงานอย่างเดียว พอมีสังคม เลิกงานไปเที่ยวไปกินกัน อีนี่ไม่เคยพลาด เพราะตอนเรียนมักไม่ค่อยได้ไปไหนต้องซ้อมกีฬาตลอด...ผลที่ออกมาคือ อ้วนมาก ถึงชีจะอืดแค่ไหน แต่ชีก็มีแฟนนะ อยู่ก่อนแต่งตามระเบียบ.....
.....อ๋า อีเอ๋อ ถึงมันจะดูป่วง ๆ ไปบ้าง แต่มันมีคุณภาพนะครับ หน้าที่การงานมันมั่นคงมาก เป็นงานพวกครีเอทีฟ มันมาถูกทางจริง ๆ เพราะอีนี้ไม่ชอบลงมือทำ แต่ความคิดมันใช้ได้ เอาเป็นว่าขายความคิดอย่างเดียวละกัน ให้คนอื่นลงมือ ไม่งั้นพังแน่ ๆ เลยครับ....มันยังคงฮาเหมือนเดิม เป็นคนที่ตลกหน้าตายมาก ผู้ชายมักจะชอบผุ้หญิงอย่างนี้นะครับ...และวันนี้เองที่ผมสารภาพต่อหน้าแฟนมันว่า ถ้าผมจะแต่งงาน ผมจะหาแฟนอย่างอ๋า....ไม่บ่อยนักที่มันจะเขินจริง ๆ จัง ๆ เมื่อผมพูดจบแล้วเห็นว่าแฟนมันมองมันอยู่ตาเยิ้ม...อีกไม่นานคงได้มางานแต่งคู่นี้แน่ ๆ.....
.....อีตาล หลังจากที่แยกกันอยู่กับพ่อของเด็ก มันใช้เวลาทำใจไม่นาน เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย และยังเลี้ยงลูกไปด้วย เป็นผู้หญิงที่อึดมาก.....ถึงแม้ว่ามันจะโกรธ เกลียดพ่อของเด็กแค่ไหน แต่มันก็ไม่เคยพาลนะครับ ไอ้ตั้มสามารถมาหาลูกได้ทุกเวลา แรก ๆ ก็มาบ่อยอยู่หรอก แต่สันดานผู้ชายอ่ะนะ ได้ใหม่ก็ลืมเก่า ปัจจุบันนี้ไม่เคยมาให้ลูกเห็นหน้าอีกเลย.....เราพยายามหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงพ่อของเด็กซึ่งเป็นเพื่อนวุธ....แววตาอีตาลแวบแรกตอนที่เห็นผมเดินเข้ามากับวุธ ผมรู้ว่ามันคิดถึงไอ้ตั้ม แต่มันก็ไม่แสดงท่าทีอะไร ซ้ำยังสอนให้ลูกเรียกวุธว่าลุงวุธ ส่วนผม มันยังคงให้ลูกเรียกผมว่า ป้าเอ้เหมือนเดิม.....
.....แจน เจ้าสาวในคืนนี้ มันยังคงสวยสะดุดตา และคงเป็นความได้เปรียบของคนหน้าตาดี เจ้าบ่าวของมันไม่ได้หล่ออะไรมากมาย ถือว่าหล่อน้อยที่สุดในบรรดาแฟนที่มันเคยมี แต่ผู้ชายคนนี้ รวยมาก และเอาใจเก่งมาก ไม่ต้องห่วงเรื่องมีอีหนู เพราะพี่เค้ากลัวอีแจนจะตาย ตอนแรกญาติฝ่ายชายไม่ยอมรับสะใภ้คนนี้เพราะกลัวแจนมันจะหลอกเอาทรัพย์สมบัติ แต่พอดู ๆ ไปรู้สึกว่าอีนี่มันจะช่วยเก็บสมบัติมากกว่า นั่นแหละ พวกเค้าถึงค่อย ๆ ยอมรับมัน......
.....ส่วนผมน่ะเหรอ เป็นพนักงานต้อนรับส่วนหน้าของโรงแรมใจกลางกรุงเทพฯ เหนื่อยมาก พอพ้นโปร ผมก็ต้องเวียนรอบแบบคนอื่นเป็นเรื่องปกติของงานแบบนี้.....และเดือนนั้น ผมได้อยู่รอบบ่าย ต้องใช้วันลาที่เก็บไว้เพื่อมาร่วมงานอีแจน.....ความสัมพันธ์ของวุธกับผมสะดุดลงนิดหน่อย เราเจอกันน้อยลง ส่วนมากจะโทรคุยกันวันละหลายครั้งตอนเที่ยงวุธจะโทรมาปลุกผม ส่วนตอนดึก ๆ ผมก็จะโทรไป Goodnight มัน.....ถ้าจะเจอกันก็จะเป็นคืนวันศุกร์-เสาร์ วุธมารับผมที่โรงแรม ไปนั่งกินข้าวร้านประจำ ไปนั่งรถเล่น บางวันก็ไปเที่ยวกับเพื่อนผม ทุกคนรู้จักวุธเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มมหาลัย...กลุ่มโรงแรมเก่า...หรือกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่โรงแรมนี้...ยกเว้นกลุ่มเดียวที่ผมไม่เคยพูดถึงวุธให้พวกมันได้ยินเลย...ก็กลุ่มเพื่อนที่เรียนพาณิชย์มาด้วยกันนี่แหละ .....
.....อาหารจานแรกถูกยกมาเสิร์ฟ พวกเราถึงหยุดคุยกันได้ พอหันไปอีกที เอ๊ะ ทำไมไอ้วุธมันไปห้องน้ำนานจังวะ....ผมลุกขึ้นไปตามวุธมากินข้าว ยังไม่รู้ตัวว่าอะไรบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น.....เดินหาในห้องน้ำก็ไม่มี เดินมองรอบ ๆ งานก็ไม่มี เอาแล้วไง มันหนีกลับบ้านหรือเปล่าเนี่ย....ผมเดินใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ไปที่ลานจอดรถ ก็เห็นรถมันจอดอยู่ที่เดิม เข้าไปดูใกล้ ๆ มันก็ไม่ได้อยู่ในรถ....มันหายไปไหนวะ....ผมยืนเคว้งอยู่ซักพัก นึกได้ว่ามันอาจจะอยู่อีกด้านของร้านอาหารก็ได้.....ผมเดินกึ่งวิ่งไปด้านที่ทางร้านจัดไว้รับแขกตามปกติ.....เดินผ่านทีละโต๊ะ กวาดตามองจนทั่ว ไม่เจอซักที หรือว่ามันกลับไปนั่งที่โต๊ะแล้ว.....ผมหันหลังเตรียมกลับเข้างาน พอดีเห็นทางเดินไปท่าน้ำของทางร้านที่เอาไว้ให้ลูกค้าลงเรือไปดินเนอร์ ซึ่งตอนนั้นมันมืดมาก.....
“...วุธ...มาทำอะไรตรงนี้อ่ะ...” ถึงผมจะรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล แต่ผมก็ต้องทำเสียงให้สดใสไว้ก่อน
“.............” เงียบ
“...วุธ...เป็นอะไร...” ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นข้าง ๆ มัน
“..............” ไม่มีคำตอบ
“...โกรธเราเหรอ...” ผมสลดลงทันที
“...ผมโกรธคุณไม่ได้หรอก...คุณไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา...” วุธพูดแต่ตามองไปที่พื้นน้ำข้างหน้า ลมพัดเบา ๆ ถ้าเวลาปกติคงไม่ทำให้ผมเย็นยะเยือกได้ขนาดนี้
“...เรื่องนั้นใช่มั๊ย...” ผมรู้เลยว่าต้องเป็นเรื่องที่ผมพยายามปิดคนอื่นเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนโดยการไม่สนใจมันเท่าที่ควร
“.........” เงียบอีกแล้ว ใช่แน่ ๆ
“...ขอโทษ...แต่เราไม่อยากให้ทุกคนมองวุธแบบนั้น...เอ่อ...เรากลัววุธอาย...” ผมจำใจบอกเหตุผล
“...ผมเต็มใจมา และผมก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะโดนมองยังไง...ผมบอกแล้วไง...ผมไม่สนใจ...แต่คุณทำเหมือนผมเป็นส่วนเกิน...เหมือนเราไม่ได้มาด้วยกัน...ผมว่าคนอื่นเค้าคงมองผมด้วยความสมเพชมากกว่า...” ผมเหวอแดกไปเลย จริงของมัน ผมผิดอีกแล้ว คิดถึงแต่ตัวเอง คิดว่าตัวเองคิดถูกเสมอจนลืมนึกถึงความรู้สึกคนอื่นไปเลย....ตอนที่เพื่อนผมคุยกับวุธ เวลามันตอบ ผมมักจะทำเป็นพูดเล่น แหย่มัน กัดมัน พยายามทำกับวุธเหมือนทำกับเพื่อนคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ข้างในรู้สึกแย่ที่ต้องเฟคแต่ผมก็ยังทำ หลายครั้งที่วุธต้องเงียบเพราะโดนผมดักคอไม่ให้มันพูดอะไรมากไปกว่านี้ กลัวมันหลุด กลัวเพื่อนจะรู้ว่าผมเป็นอะไรกับมัน
“...ขอโทษ...เราผิดเอง...ต่อไปจะไม่ทำอย่างนี้อีก...สัญญา...” ผมพูดหลังจากเงียบสำนึกผิดไปพักนึง วุธหันมามองผมแวบนึง
“...ผมเข้าใจว่าคุณคิดอะไรอยู่...ขอบคุณสำหรับความหวังดี...แต่เราก็โต ๆ กันแล้วนะ...ไม่มีใครคิดเล็กคิดน้อยอย่างนั้นหรอก...”
“...ก็ถ้าวุธไม่เคยพูดเรื่องเราเมื่อวันสงกรานต์ปีโน่น...เราคงไม่กังวลอย่างนี้หรอก...” ผมอดเถียงมันไม่ได้
“...โห...ยังอุตสาห์จำได้อีก...นึกว่าลืมซะแล้ว...ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่นี่นา...วันนี้ลองถามใหม่สิ...ผมจะตอบเสียงดัง ๆ เลยว่าผมเป็นอะไรกับคุณ...”
“...เป็นอะไรล่ะ...” ผมแกล้งถามเมื่อเห็นว่าวุธอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
“...เป็นผัวไง...”
“...อย่าพูดเชียวนะ...ไอ้พวกนั้นมันเชื่อจริง ๆ ด้วย...” ผมขำ
“...ก็ดีสิ...”
“...ราคาตกหมด...”
“...แล้วเมื่อไหร่เอ้จะพร้อมซะทีล่ะจ๊ะ...” อยู่ดี ๆ มันก็ถามคำถามที่ผมกลัวที่สุด
“...ไปตรวจเลือดมาก่อนละกัน...” ผมตั้งเงื่อนไขไปอย่างนั้นแหละ เพราะผมรู้ว่ามันกลัวเข็มมาก
“...ผมยังซิงอยู่นะ...ทำไมต้องตรวจเลือดด้วยล่ะ...”
“...ไม่กล้าอ่ะดิ...” ผมหัวเราะ
“...พรุ่งนี้ไปพร้อมกันเลยดีกว่า...” วุธทำหน้าจริงจังมากจนผมกลัวว่ามันจะทำอย่างนั้นจริง ๆ
“...เอาไว้ก่อนเหอะ...หิวแล้ว...เข้าไปข้างในกัน..เร็ว....” ผมตัดบท ยันตัวลุกขึ้น มองวุธที่ยังนั่งนิ่ง
“...ดึงหน่อย...ลุกไม่ขึ้น...เหน็บกิน...” วุธยื่นมือมาให้ผมจับ
“...ตัวใหญ่ชิบเป๋ง...” ผมออกแรงดึงพลางบ่นไปด้วย
“...เต็มไม้เต็มมือดีออก...ขอบไม่ใช่เหรอ...” มันแหย่ผม ก็ตอนที่เราอยู่กันสองคน ผมมักจะชอบกอดมันแน่น ๆ หมั่นเขี้ยวอ่ะ
“...เออ...” ผมยอมรับ วุธหัวเราะเบา ๆ แล้วเดินเข้างานพร้อมกันอีกครั้ง แต่ต่างกันตรงที่คราวนี้ ผมไม่ขยับออกห่างเวลาที่มันเข้ามาใกล้
.....ตอนนี้ไม่มีใครพูดอะไร แต่อ่านจากสายตา ผมคิดว่าพวกเค้าคงรู้แล้วว่าผมกับวุธเป็นมากกว่าเพื่อนกันแน่ ๆ โล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก พวกมันรับได้ แรก ๆ ก็มีท่าทางเกร็ง ไม่กล้าพูดไม่กล้าแซว แต่ปากอย่างอีอ๋า มันเงียบได้ไม่นานหรอก ซักพักบรรยากาศเดิมก็กลับมาอีกครั้ง และสนุกกว่าเมื่อตอนที่งานเริ่มใหม่ ๆ ด้วย.....จริงของวุธ พอผมไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะ อยากทำอะไรก็ทำ อยากจะตักหูฉลามใส่ถ้วยให้วุธผมก็ทำ....ที่ผ่านมาผมคงคิดมากไปเอง ยิ่งก่อนแยกย้ายกันกลับ เพื่อน ๆ ผมตอกย้ำความเปลี่ยนแปลง บุคลิก การแต่งตัว ท่าทาง มือไม้ของผม.....เอาเป็นว่าถ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็พวกมันไม่มีทางรู้ว่าผมกับวุธเป็นเกย์แน่ ๆ (ชายจริงหญิงแท้ก็อย่างนี้แหละ ดูพวกเราไม่ค่อยออกหรอก ต้องผีกับผีถึงจะดูกันออก)
.....ดึกมากแล้ว รถไม่ติดเหมือนขามา ระหว่างทางเราคุยกันถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมา และนี่เป็นอีกครั้งที่ผมและวุธต่างระบายความรู้สึกออกมาจนหมด ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่าวุธมันรู้สึกยังไง เรื่องไหนที่ทำแล้วมันรู้สึกดี ผมจะจำไว้ว่ามันชอบอะไร จะได้เอาใจถูก...แต่ถ้าเรื่องไหนมันไม่ชอบ ผมสัญญากับมันว่าผมจะไม่ทำอีก.....
.....บางครั้งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ก็สามารถกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ถ้าเราไม่เปิดอกคุยกัน หรือมัวแต่แกล้งกันอยู่ เหมือนตอนที่เพื่อน ๆ ผมทุกคนรู้ว่างานแต่งงานที่ผมเข้าใจว่าเป็นของวุธ ที่จริงแล้วเป็นงานของลูกพี่ลูกน้องไอ้วุธต่างหาก ทุกคนพร้อมใจกันปิดบังผม เพื่อจะล้อผมเล่น....แล้วเป็นไงล่ะ ผมลาออกจากงานหนีไปอยู่กับแม่ซะเลย ถ้าตอนนั้นผมอดทนอีกซักหน่อย ผมอาจจะรู้ความจริงด้วยตัวเองก็ได้ เพราะเวลาจะมีงานจัดเลี้ยงที่โรงแรม แผนกต้อนรับของผมก็จะต้องได้แผนงานด้วย เพื่อเป็นข้อมูลในการแจ้งลูกค้าเวลาที่มีคนเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาถามโดยไม่ได้ดูป้ายบอกงาน.....และในใบงานนั้น มันต้องมีชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวปรากฏอยู่แน่ ๆ แต่ก่อนหน้านั้น พนักงานจัดเลี้ยงของโรงแรมก็โดนวุธขอร้องให้แกล้งผมด้วย มิน่าล่ะเค้าถึงได้คะยั้นคะยอให้ผมไปร่วมงานจัง......
.....อีกุ้งเจอกับวุธตอนที่มันเดินเข้าไปดูห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมที่มันทำงานอยู่ และนี่เองที่อีกุ้งบอกวุธว่าผมงานอยู่โรงแรมใกล้ ๆ อีกอย่างวุธมันก็ต้องเข้ามาโรงแรมผมอยู่แล้ว เนื่องจากแฟนของน้องนุ่นกำลังประชุมสัมมนาอยู่ที่นี่....จะว่าโลกกลมมันก็จริงนะ แต่โลกที่ผมอยู่เป็นโลกแคบ ๆ ไม่ได้ไปไหนไกล ผมเชื่อว่า ถ้าตั้งใจจะตามหากันจริง ๆ ยังไงก็เจอ.....สำหรับผมกับวุธ คือความบังเอิญมากกว่า เอ๊ะ หรือว่าบุพเพอาละวาดนะ.....
.....ตอนที่พวกมันไปบ้านแม่ผมพร้อมกับวุธ นี่ก็เป็นหนึ่งในแผนการ ทั้ง ๆ ที่ตอนผมชวนพวกมันไปเที่ยวด้วยกัน ผมถึงขนาดจะยอมจ่ายล่วงหน้าให้ก่อนสำหรับทุกอย่าง เพราะเงินเดือนพวกมันยังไม่ออก มันก็กระดี้กระด้าโอเคเซย์เยสกันทุกคนไม่มีปัญหา.....แต่สุดท้ายแผนของพวกมันก็พังไม่เป็นท่า แถมยังทำให้พวกมันลำบากกันไปหมด จากตอนแรกที่กะว่าผมจะตกกระไดพลอยโจนคืนดีกับวุธ ไปงานแต่งงานนุ่น ตอนเช้าออกเดินทางไปพร้อมกันตามแผน....กลายเป็นว่า วุธต้องช่วยงานแต่งให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วจึงตีรถขึ้นเหนือคืนนั้นเลย มิน่าถึงได้เหนื่อยสลบไสลไปตามกัน.....พวกมันไม่คิดว่าผมจะกล้าทำอย่างนั้นอ่ะดิ ลาออก ทิ้งเพื่อนให้ตามไปสมทบทีหลัง แต่ถ้าพวกมันเป็นผม มันก็คงหนีปัญหาไปพักหัวใจเหมือนผมนั่นแหละ.....
“...สวยจังเลย...” ผมเปิดกระจกมองวิวกรุงเทพฯ จากกลางสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ลมเย็น ๆ ประทะหน้า ถ้าเป็นกลางวันคงเหม็นควันพิษ ไม่กล้าเปิดประจกแน่ ๆ
“...เอ้...”
“...จ๋า...” ผมขานรับ แต่ไม่ได้หันไปมอง
“...ผมขอไปอยู่ด้วยได้มั๊ย...”
“...หา! ...อะไรนะ...” ผมตกใจกดเลื่อนกระจกขึ้น หันมามองหน้าวุธเต็มตา
“...ขอไปอยู่ด้วย...ถ้าเอ้ทำงานไม่เป็นเวลาอย่างนี้...เราคงไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ แน่...”
“...ที่บ้านวุธล่ะ...”
“...เคลียร์กันแล้ว...ตอนนี้ก็มีหลาน ๆ มาช่วยดูร้าน ดูปู่กับย่าแล้ว...ผมไม่ได้ไปไหนไกลนี่นา...ขับรถกลับบ้านไม่ถึง 20 นาที...”
“...นั่นแหละ...ทำไมไม่นอนบ้านล่ะ...” ผมโยกโย้
“...ก็อยากอยู่กับเอ้อ่ะ...” เหตุผลสั้น ๆ แต่ทำให้ผมคิดมากอีกแล้ว.
.....ไม่ให้คิดมากได้ไงล่ะ คนเคยอยู่คนเดียวมาจนชิน คนที่มีโลกส่วนตัวสูง คนที่ทำอะไรด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็ก.....ไป ๆ กลับ ๆ ก็โอเคนะ....นาน ๆ นอนค้างซักที ก็ไม่มีปัญหา...แต่ถ้าให้มาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา นึกสภาพไม่ออก ผมอาจจะอึดอัดจนทนไม่ไหว หรือผมอาจจะสำลักความสุขไปเลยก็ได้.....ไหนจะต้องคอยระวังตัว ห้ามใจตัวเองไม่ให้มีอะไรกับมันก่อนเวลาที่ผมตั้งใจไว้....บางครั้งไอ้วุธมันก็ทำตัวเหมือนเป็นพ่อผม เล่นเอาผมเสียความมั่นใจไปเลย ก็เป็นพี่คนโตนี่ครับ เคยแต่เป็นคนควบคุม แต่พอโดนคุมก็รู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ชอบนะ.....เอาไงดีวะ.....
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 16-10-2007 21:30:59
รอ #2อ่ะคับ

อยากอ่านต่อ จะHappii กัลล่ะ

เค้าแต่งกันหลายคู่แร้น

อยากดูเอ้จะลงเอยยังไงอ่ะคับ

มาต่ออีกน้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: napho ที่ 16-10-2007 21:54:34
ยอมวุธเถอะนะเอ้นะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 16-10-2007 22:49:57
ดีใจจังเลยคับ ได้อ่านต่อขอบคุณนะคับที่โพสให้ได้อ่าน คุณเอ้คับอย่าคิดมากเลยให้วุธไปอยู่เถอะออกน่ารักปานนั้น
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 16-10-2007 23:42:51
วุธ..........น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 17-10-2007 01:47:17
ตกลงยินยอมให้วุธมาอยู่ด้วยน่ะดีแล้ว..
เอ้ก็อยู่คนเดียวนี่นา..มีวุธอยู่ด้วยก็ดี..
จะได้ไม่เหงา..จะได้ช่วยดูแลกันและกันไง..
แถมความสัมพันธ์จะได้คืบหน้าด้วยไงจ๊ะ..อิอิ o3
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 17-10-2007 05:55:21
เข้าใจความกังวลของคุนเอ้เหมือนกันนะ

จากที่เคยอยู่ตัวคนเดียว  แต่ตอนนี้กำลังจะมีอีกคนมาอยู่ร่วมด้วย

ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปบ้าง  อาจจะดี  อาจจะร้าย

แต่อย่างที่ว่า  ถ้าคุยกัน  ทุกอย่างก็น่าจาโอเค   :yeb:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 17-10-2007 05:57:47
 :impress:

yes!!!!!!!!!!!!! จะได้ไปอยู่ด้วยกันแร้ว

เอ้ของเราจะเสียตัวแร้ว....... :m4: :m4: :m4: :m4:

 o15 o15 o15 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 17-10-2007 06:00:55
เข้าใจเอ้นะ เราก็เคยกังวลแต่บอกได้คำเดียวว่าอย่ากลัวอะไรที่ยังไม่เกิดอ่ะ

ชีวิตจะได้มีความสุข  อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเกิด เมื่อถึงเวลานั้น

เราจะพบคำตอบเอง   สู้ สู้   o13   
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 17-10-2007 12:25:58
 :m1: :m1: :m1:
อ่านแล้วอ่านอีก อ่านกี่ทีก็อิจฉา

เมื่อไรจะมีมั่งน๊าาาาาา

แต่เรื่องนี้ก็แปลก
วุธหายไปตั้งนาน แล้วบทจะเจอกันก็เจอง่าย ๆ ซะงั้น
และวุธเองก็มั่นคงดีนะ ยังไงก็ไม่นอกใจไปคบคนอื่น

อิจฉาาาาาาาาา ไปดีก่า  :a14:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: IO ที่ 17-10-2007 12:29:13
อ่านรอบที่ 2 แล้วอ่า แต่ยังรู้สึกประทับใจอยู่ดี

ชอบมากๆ เลยคับ...ขอให้กันไปนานๆ นะคับ :a9: :m5: o22
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ple ที่ 17-10-2007 16:24:08
ตกลงไปเลยคับพี่เอ้ โหขนาดนี้แล้ว จะเก็บ เวอร์จิ้น ไว้ให้หยากไย่ ขึ้นหรอคับ นานขนาดนั้น  :m29: วุธก็ยังอุตสาห์อดทนรอได้นะ น่านับถือ จริง ๆ  :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 17-10-2007 22:01:51
Commercial College Student’s Story (Special Chapter 2)

.....วันที่วุธขนข้าวของมาไว้บ้านผม เห็นสมบัติมันเต็มหลังรถ ผมตกใจนึกว่ามันจะย้ายบ้านมาอยู่กับผมเป็นการถาวร ไม่คิดว่าของใช้ส่วนตัวมันจะเยอะขนาดนี้.....ดูมันมีความสุขซะจนผมรู้สึกผิดที่ตอนแรกพยายามหาทางปฏิเสธมัน แต่สุดท้ายผมก็ขอลองเสี่ยงกับวุธมันดูซักตั้ง ทำใจอยู่นานเหมือนกัน คิดสภาพตัวเองต้องคอยระมัดระวังตัวตลอดเวลา.....เมื่อก่อนนึกจะเดินแก้ผ้าโทง ๆ ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแต่งตัวก็ทำได้.....นอนคนเดียวจะกางแข้งกางขายังไงก็ได้.....จะขัดหน้าขัดตัว พอกมะขามเปียก นั่งอยู่ในห้องน้ำนานแค่ไหนก็ไม่ต้องเกรงใจใคร.....แล้วหนังโป๊ที่เราซ่อนไว้ในตู้เซฟนั่นอีกล่ะ...โอเค เราล็อคไว้แน่นหนาอย่างดี แต่ถ้าซักวันนึงเราลืมกุญแจไว้ แล้ววุธมันเปิดดูล่ะ ไม่ได้กลัวว่ามันจะดูหรอกครับ แต่กลัวว่าถ้ามันดูแล้วเกิดอารมณ์ มันจะไประบายกับใครล่ะ ในเมื่ออยู่กันแค่สองคน.....
.....ที่กล้าให้วุธมาอยู่ด้วยกันที่บ้านผมในช่วงนั้นก็เพราะผมต้องทำงานรอบดึกทั้งเดือน.....โรงแรมนี้พนักงานจะได้ถูกสลับกะกันทุกคน เดือนที่แล้วอยู่บ่าย เดือนนี้อยู่ดึก เดือนหน้าก็กลับไปกะบ่ายอีกครั้ง เดือนโน้นเข้ารอบเช้า เดือนต่อไปเข้าบ่าย แล้วค่อยวนเข้าดึกอีกทีในเดือนถัดไป เพื่อเป็นการให้พนักงานได้ปรับร่างกาย แต่บางโรงแรมจัดตารางงานได้น่าเกลียดมาก เดือนนี้เข้าดึก เดือนต่อไปเข้ารอบเช้า ปรับตัวไม่ทันเลยครับ.....นี่แหละสาเหตุของคนที่ทำงานโรงแรมได้ไม่นาน และทำงานได้ไม่เต็มร้อย พวกเราพยายามทำดีที่สุดแล้วตามหน้าที่ แต่ร่างกายคนเราไม่ใช่เครื่องจักรนะครับ ถ้ามีอะไรมากวนตอนที่เบลอ ๆ ง่วง ๆ อาจจะวีนแตกได้ (ผมก็เคยเป็น).....นี่แหละครับ ทำงานโรงแรม ขอย้ำอีกทีว่าไม่ได้เชิด ๆ เริด ๆ อย่างที่คนเข้าใจกันนะครับ เหนื่อยมาก ๆ ถ้าไม่อึดจริงทำได้ไม่นานหรอกครับ......
.....เราได้นอนด้วยกันแค่ไม่กี่วันเอง ผมก็ต้องสลับเวลานอนกับวุธแล้ว งานผมเข้า 4 ทุ่ม เลิก 7 โมงเช้า เวลานอนของผมคือช่วงกลางวัน ส่วนวุธเข้างาน 8 โมงครึ่ง เลิก 5 โมงครึ่ง จะได้เจอกันก็เป็นช่วงเย็น วุธกลับจากงาน ผมเพิ่งตื่น.....เรากินข้าว (เย็น) ด้วยกันทุกวันก่อนผมไปทำงาน และวุธก็จะขับรถไปส่งผมที่ทำงานทุกวันตอน 3 ทุ่ม....กฏเหล็กของทุกโรงแรมมีเหมือนกันหมดคือ ห้ามนำอาหารเข้ามากินในสถานที่ทำงาน ถ้าจะเอามาต้องฝากไว้ที่ยามก่อน พอถึงเวลาพัก ให้เอาไปกินที่แคนทีนเท่านั้น.....แต่สำหรับผม กฎบางอย่างมีไว้ให้แหก.....ระหว่างทาง ผมแวะซื้อของกินตุนไว้กลางดึก เผื่อเพื่อนร่วมงานทุกคน และที่ขาดไม่ได้คือ พนักงานรักษาความปลอดภัย เพื่อเป็นการอุดปากไม่ให้พูดมาก เพราะมึงก็แดกเหมือนกัน.....ผมไม่ได้นำเข้าไปตอนรูดบัตร แต่ผมให้วุธหิ้วเข้าไปทางด้านหน้าโรงแรม ผมสามารถอ้างได้ว่าแขกเอาของกินมาให้ ถ้ามีคนเปิดกล้องวงจรปิดดูพฤติกรรมพนักงานจะได้ไม่น่าเกลียด.....
.....แรก ๆ วุธก็ตื่นแต่เช้ามารับผมกลับบ้านแล้วไปทำงานต่อ ทำได้แค่ 2 วันเท่านั้นแหละ สภาพการจราจรในกรุงเทพฯ ที่ติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วน ทำให้วุธไปทำงานสายเกือบครึ่งชั่วโมง.....
“...เอ้...ผมพรุ่งนี้ไปรับไม่ได้แล้วอ่ะ...” วุธพูดเสียงอ่อย ๆ ขณะไปส่งผม
“...ไม่เป็นไร...เรากลับกับพี่บีได้...”
“...ใคร...พี่บีอ่ะใคร...” วุธพูดเสียงเข้ม
“...โห...ก็บีทีเอสไง...คิดว่าใครล่ะ...” ผมขำกับท่าทางเขิน ๆ ของมันที่เข้าใจผิดคิดว่าผมมีกิ๊กใหม่
“...เอางี้ วันเสาร์-อาทิตย์ผมค่อยมารับละกัน...” วุธเปลี่ยนเรื่อง
“...ไม่ต้องหรอก วันหยุดก็พักผ่อนเถอะ...”
“...เออน่า...อย่าดื้อสิ...” มันดุผม
“...วุธนั้นแหละดื้อ...แค่ออกมาส่งทุกวันอย่างนี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว กว่าจะกลับกว่าจะได้นอน...รู้มั๊ยบางครั้งเราคิดว่าเรากำลังทำให้วุธลำบากนะ...”
“...ลำบากอะไรล่ะ...ผมเต็มใจทำ...”
“...เรากลัวว่า...วุธจะทำไม่ได้ตลอดไปอะดิ...” ผมเผลอพูดความในใจออกไปเบา ๆ ตอนนี้เราสองคนก็เหมือนข้าวใหม่ปลามัน เจอกันทุกวันไม่มีเบื่อ...แต่วุธจะดีอย่างนี้อีกนานแค่ไหน...ต่อไปล่ะ จะเป็นเหมือนเดิมมั๊ย ไม่มีใครรู้อนาคตหรอก....
“...คอยดูละกันครับ...เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าใครจะเปลี่ยนใจก่อนกัน...” วุธท้า
“...ไม่ใช่เราแน่นอน...” ผมพูดเสียงจริงจัง จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมาทำให้ผมมั่นใจเต็มร้อย
.....ผมแก้ลำโดยการขับรถไปเองในวันเสาร์-อาทิตย์เพื่อให้วุธพักผ่อนได้อย่างเต็มที่.....ไม่อยากทำตัวเป็นภาระ.....ผมรู้ว่ามันห่วงผม ไม่อยากให้ผมลำบาก...ส่วนผมก็ห่วงมัน อยากให้มันได้พักบ้าง...เราต่างมีเหตุผลอย่างเดียวกันคือ เป็นห่วง.....สรุปแล้วเราก็เจอกันครึ่งทางคือวุธไปส่งผมตามปกติในวันธรรมดา ส่วนวันหยุดของวุธ ผมก็ให้มันพัก ไม่ต้องออกมรับผม...โตแล้ว...เช้า ๆ อย่างนั้นไม่มีใครทำอะไรผมหรอก...ไม่ต้องกลัวใครจะปิ๊งผมด้วย เพราะสภาพของผมหลังเลิกงานในตอนเช้ากระเซอะกระเซิง ตาโรย หน้ามันจะดูคล้ำ ๆ ยังไงไม่รู้ และอีกอย่างผมไม่มีอารมณ์จะไปกระดี้กระด้ากับใครหรอก ง่วงนอนจะตาย.....
.....ในวันหยุดของผม เรานั่ง ๆ นอน ๆ คุยกันจนวุธหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ส่วนผมนอนไม่หลับหรอกครับยิ่งดึกตายิ่งสว่าง ลงมาดูหนังดูซีดีอะไรไปตามเรื่องตามราว.....นั่งคิดถึงวันเกิดวุธกลางเดือนหน้า ใกล้จะเสียซิงแล้วสิเรา นอกจากของขวัญที่ตอนนี้ยังไม่รู้จะซื้ออะไรให้ ผมตัดสินใจจะให้สิ่งที่ผมไม่เคยให้ใครมาก่อน เป็นสิ่งที่ผมรักที่สุด และผมคิดว่าสำหรับวุธ...ผมพร้อมแล้วในคืนนั้น.....
.....วันอาทิตย์หน้านี้ก็จะเป็นวันเกิดของวุธแล้วสินะ...เวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว...เดือนนี้ผมได้เข้างานรอบบ่าย วุธไม่ต้องไปรับไปส่งผมแล้ว เพราะเวลาไม่ตรงกัน แต่เราก็นัดเจอกันตอนกลางวันแทน...ปกติก่อนไปทำงานผมจะกินข้าวที่บ้าน แต่พอได้อยู่รอบบ่าย วันไหนที่วุธไม่ค่อยมีงาน มันจะโทรปลุก เรียกผมออกไปกินข้าวกลางวันกับมัน แต่นี่เป็นมื้อเช้าของผม...เราเจอกันครึ่งทางในร้านอาหารเล็ก ๆ เจ้าประจำ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามักจะโทรสั่งอาหารล่วงหน้าก่อน ไปถึงก็ลงมือกินกันเลย...วุธต้องรีบกลับไปทำงานต่อ ส่วนผมมีเวลาว่างเดินเตร็ดเตร่อีกเป็นชั่วโมงเพราะงานเข้าตั้งบ่าย 2.....
.....ตลอดระยะเวลาเดือนกว่า ๆ ที่ผมกับวุธได้อยู่ด้วยกัน ช่วงแรก ๆ ผมมีอาการเกร็งบ้าง จะทำอะไรก็ขัด ๆ เขิน ๆ ไปหมด.....จากเมื่อก่อน เดินโทง ๆ ออกมาแต่งตัวข้างนอก แต่ตอนหลังเสียเวลาอ่ะ เกะกะด้วย ผมก็เลยลองซื้อเสื้อคลุมอาบน้ำมาใช้ ปรากฏว่าตอนนี้เป็นคนที่ติดมันไปแล้ว ต้องใช้ทุกครั้งที่อาบน้ำมีหลายตัวเลยครับ ....ผมใช้เวลาปรับตัวซักพัก ผมก็เริ่มชิน แต่ที่ไม่คุ้นซะทีก็ตอนที่วุธมันทำอะไรไม่ระวังตามประสาผู้ชาย นึกจะถอดก็ถอด บางวันมันก็ใส่แต่กางเกงขาก๊วย เดินไปเดินมารอบบ้าน ส่วนไอ้กางเกงขาสั้นที่ใส่นอนน่ะ ไม่ต้องใส่ก็ได้นะ เพราะมันไม่ได้ปกปิดอะไรเลย ผมไม่ใช่พระอิฐประปูนนะครับ เกือบจะเสียซิงก่อนกำหนดวันละตั้งหลายรอบ.....
.....สงสารวุธมันเหมือนกัน ผู้ชายในวัยเจริญพันธุ์อย่างนี้ ก็ต้องมีบ้างที่จะเกิดอารมณ์อย่างว่า ขนาดมันทำลายหลักฐานดีแล้วนะ แต่ในฐานะเจ้าของบ้านที่อยู่มานานกว่า ไม่ว่ามันจะทำอะไร มีร่องรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ ผมก็รู้หมด.....ในใจก็ได้แต่คิดว่า อีกไม่นานหรอกวุธ อีกไม่นานวุธก็จะมีคนช่วยแล้ว....จากคำบอกเล่าของเพื่อน ๆ จากหนังสือ ซีดี หรือแม้แต่ในอินเทอร์เนต ไอ้บทความประเภท How to สำหรับการมีเซ็กส์ครั้งแรก ผมจำได้ขึ้นใจหมดแล้ว อุปกรณ์ก็เตรียมพร้อมอยู่ในล็อคเกอร์ที่โรงแรมแล้ว พวกสารหล่อลื่น ยิ่งถุงยาง ผมเก็บไว้เกือบ 10 กล่อง หลายขนาด หลากกลิ่น...เอ่อ...ผมเอาไว้ขายแขกอ่ะครับ กำไรดีจะตาย อันละ 100 บาทขาดตัว อาศัยว่าจบการตลาดมาไงครับ เวลาที่ผู้บริโภคต้องการสินค้ามาก ๆ เนี่ย เราสามารถอัพราคาได้ ไม่ง้ออยู่แล้ว แค่ขู่นิดเดียวว่า 100 บาทไม่แพงหรอก ถ้าเทียบกับค่ารักษาพยาบาลถ้าคุณโชคร้ายติดโรคขึ้นมา และผมมีส่วนลดให้ถ้าซื้อเหมากล่อง 3 ชิ้น 250 บาท ต้นทุนไม่เกินกล่องละ 50 บาทครับ จะว่าไปมันก็ไม่แพงเกินไปนะครับ ทุกอย่างในโรงแรมมันก็แพงกว่าข้างนอกอยู่แล้วนี่นา.....
“...โนบุยูกิซัง...พรุ่งนี้ว่างมั๊ย...ไปซื้อของด้วยกันหน่อยสิครับ...” ผมชวนพนักงานที่ทางโรงแรมจ้างไว้เป็นพิเศษ Import มาจากญี่ปุ่นเชียวนะ
“...เอ้...คุณทำผมแปลกใจมาก...ผมชวนคุณไปเดทตั้งหลายครั้งแล้ว...คุณไม่เคยตกลงซักที...เอ่อ...คุณก็รู้อยู่...สำหรับคุณผมว่างเสมอ...” โนบุยูกิซังทำตาเจ้าชู้ พูดทีเล่นทีจริง แต่ไม่ต้องตกใจครับ เรามักจะล้อเล่นอย่างนี้เสมอ ปกติเค้าจะแค่ชวนผมไปกินข้าว ไปเที่ยวเฉย ๆ แต่เวลาเราไม่ตรงกันซะที
“...เอาเป็นว่า พรุ่งนี้คุณเลิกงานแล้วเราไปเจอกันที่ XXXXX นะ...”
“...ไฮ ๆ พรุ่งนี้เจอกันครับ...” เค้าโค้งให้ผมตามความเคยชิน
.....ลักษณะท่าทางของโนบุยูกิซังเป็นญี่ปุ่นจ๋า แต่พูดภาษาอังกฤษดีเลยทีเดียว แถมยังน่ารักมาก สูง ขาว ล่ำ ตอนเห็นครั้งแรกทำเอาผมปั่นป่วนไปพักใหญ่ รูปร่างหน้าตาคล้าย ๆ กับพวกดาราหนังโป๊ญี่ปุ่นที่ผมสั่งซื้อมาดูหลายแผ่น ผมแอบเม้าธ์กับเพื่อนร่วมงานว่าหน้าคุ้น ๆ เหมือนเคยเล่นหนังเอ็กซ์เลย พวกชะนีก็ขำกันใหญ่ กระสันอยากจะดูบ้าง แต่ผมไม่ให้ดูหรอก ก็หนังของพวกเราน่ะ นักแสดงมักจะหล่อกว่าหนังชายหญิงซะอีก กลัวพวกเค้าติดใจ ยืมไปแล้วไม่คืนอ่ะ หล่อนก็ดูหนังของพวกหล่อนไปสิ.....
.....ตอนเค้ามาทำงานใหม่ ๆ ไม่มีใครกล้าคุยกับเค้า เพราะความที่หน้าตาดี ทุกคนเลยเกร็งที่จะเข้าหา กลัวคนจะมองว่าไปอ่อย โนบุยูกิซังก็เลยดูเหงา ๆ ไปบ้าง ผมเป็นคนแรก ๆ ที่เริ่มเล่นกับเค้าก่อน ประกอบกับผมพอจะพูดภาษาญี่ปุ่นได้นิดหน่อย ส่วนมากจะเป็นคำอุบาทว์ที่เพื่อนเก่า ๆ สอนให้ เค้าก็มักจะเดินเข้ามาคุยกับผมบ่อย ๆ และผมก็ใช้โอกาสนี้ให้เค้าช่วยสอนภาษาญี่ปุ่นด้วย....แต่เพราะตำแหน่งงานเค้าใหญ่กว่าผม เรื่องสนิทกันมันจึงเป็นไปไม่ได้...อย่างที่เค้าบอกว่าเคยชวนผมไปเที่ยวหลายครั้ง จริงครับ ผมก็หาทางเลี่ยงได้ซะทุกครั้ง ไม่อยากเป็นหัวข้อในการสนทนา (ลับหลัง) ของเพื่อนร่วมงาน....แต่ก็แปลกนะครับ โนบุยูกิซังเค้าไม่เคยชวนใครคนอื่นไปไหนเลย ใจนึงผมก็สงสาร อยากไปเป็นเพื่อน แต่ไปไม่ได้จริง ๆ ครับ ไอ้วุธเกาะแจ กลับบ้านผิดเวลาไมได้เลย เหมือนมีพ่ออีกคน....จะทำตัวเหมือนแต่ก่อนก็ไม่ได้ จะพาแขกไปเที่ยว พาไปดูโชว์ พาไปกินก็ไม่ได้ รายได้ตกไปเยอะเลยครับ.....แต่ผมก็มีความสุขนะครับที่กลับบ้านไปเจอไอ้วุธนอนหลับรอผมอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก ผมก็ดุมันหลายครั้งแล้วว่าให้ไปนอนบนห้อง มันก็ยังดื้อจนผมเลิกพูดเรื่องนี้แล้ว.....
“...วุธ...เย็นนี้เราจะไปธุระ ไม่ต้องรอกินข้าวนะ...” ผมส่ง SMS ไปให้วุธ นี่เป็นข้อตกลงกันอย่างหนึ่งว่าระหว่างเวลางาน ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องโทรหา ให้ส่งเป็นข้อความแทน.....ไม่ถึง 10 นาที         วุธโทรกลับอย่างที่คาดไว้
“...ไปไกลมั๊ย...กลับกี่โมงอ่ะ...ถ้าไม่ดึกเกินไปผมรอกินข้าวนะ...” วุธฉลาดมากที่เลี่ยงถามคำถามที่ผมไม่ชอบตอบ
“...ไม่ไกลหรอก...ยังไม่รู้จะเสร็จกี่โมงเลย...”
“...ถ้าไม่ไกลงั้นผมไปรับนะ...”
“...ไม่ต้อง...อาจจะไปต่อที่อื่นอีก...”
“...ไปกับกุ้งเหรอ...” มันกำลังถามอ้อม ๆ ว่าผมไปกับใคร
“...เปล่า...ไปกับเพื่อนที่โรงแรม...” วุธมันยังไม่เคยเห็นโนบุยูกิซังของผม
“...อืม...งั้นแค่นี้นะ...” ฟังจากเสียงมันคงงอนผมอ่ะ ไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้ตอนเราเราให้ของขวัญมันแล้วค่อยบอกก็ได้ว่าเราแอบไปซื้อให้ ถึงได้ไม่บอกว่าไปไหนไง
.....วันนี้เป็นวันหยุดที่ผมตั้งใจเปลี่ยนกับเพื่อนคนอื่นเพื่อไปซื้อของขวัญให้วุธ...ปีที่ผ่าน ๆ มาผมซื้อของขวัญแบบเด็ก ๆ ให้มัน แต่ปีนี้ เราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และความสัมพันธ์ของเราก็ชัดเจนขึ้น ดังนั้นผมคิดว่าจะหาซื้อของขวัญที่พิเศษที่สุดให้มัน.....เหตุผลที่ผมชวนโนบุยูกิซังมาเป็นเพื่อนซื้อของในครั้งนี้ก็คือ เค้าเป็นผู้ชายที่รสนิยมดี แต่งตัวดี จนมีข่าวจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่าเค้าเป็นเกย์ โนบุยูกิซังน่าจะมีไอเดียเก๋ ๆ มาเสนอผมบ้าง.....แล้วไอ้ของที่ผมจะซื้อที่คิดไว้ในหัว มันต้องลองกับคนที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับวุธ ก็เค้านี่แหละ.....และที่สำคัญ ผมไม่อยากให้เค้ามองว่าผมหยิ่ง ชวนกี่ทีก็ไม่ไปซะที คราวนี้แหละ ได้โอกาสแล้ว เค้าจะได้รู้ด้วยว่าผมมีแฟนแล้วหลังจากที่ได้ยินคนพูดถึงผมกับวุธหลายครั้งแล้ว....วันนี้เราไปเดินซื้อของกันในฐานะเพื่อนร่วมงานเท่านั้น ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองนะครับ แต่ผมโดนแซวจากเพื่อนร่วมงานเรื่องโนบุยูกิซังเป็นชู้ของผมบ่อย ๆ ดีนะที่เค้าฟังเราเม้าธ์ไม่รู้เรื่อง.....
.....ตอนเย็นหลังโนบุยูกิเลิกงาน ถ้าให้ผมขับรถไปห้างที่ว่าคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าชั่วโมงครึ่งแน่ ๆ ผมก็เลยใช้บริการรถไฟฟ้าและนัดเจอกันในห้างนั่นแหละ เค้ามาถูกอยู่แล้วเพราะมันไม่ไกลแถมยังมีทางเชื่อมระหว่างรถไฟฟ้ากับห้างอีก....ไม่นานนักเราก็เจอกัน....แหม คนญี่ปุ่นนี่ตรงต่อเวลาดีจริง ๆ เราเดินวนเลือกหาของขวัญให้วุธกันจนเมื่อยขา ในที่สุดก็ได้ของที่เหมาะสม ผมได้ยินวุธพูดถึงของสิ่งนี้หลายครั้ง แต่มันเลือกซื้อเองไม่เป็น ถ้าผมไม่ได้โนบุยูกิซัง ผมก็คงซื้อไม่เป็นเหมือนกัน.....
.....เริ่มหิวแล้วสิ ผมวางแผนจะพาเค้าไปเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนที่อุตสาห์มาเป็นเพื่อนเดินตะลอน ๆ ดูของตั้งนาน....แพลนไว้ว่าจะกินอาหารญี่ปุ่นร้านประจำของผมกับวุธ ไม่ไกลจากห้างนั้นเท่าไหร่ ไม่ไกลจากบ้านผมด้วย.....เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเล็ก ๆ 2 ชั้น ตั้งอยู่ในซอยแยกจากซอยไฮโซซอยหนึ่งในกรุงเทพฯ.....บรรยากาศดีมาก จัดร้านแบบญี่ปุ่นทุกอย่าง มีแสงสลัว ๆ มีโคมไฟญี่ปุ่นวางเป็นระยะ ๆ..... เจ้าของร้าน และพ่อครัวเป็นคนญี่ปุ่นแท้ ๆ อาหารอร่อยมาก แค่น้ำชาเปล่า ๆ ยังหอมชนิดที่ว่าผมกินที่ไหนก็ไม่เหมือนที่นี่.....ผมกับวุธเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้ มาบ่อยจนทุกคนจำได้....ที่เลือกร้านนี้ก็เพราะไม่ค่อยมีคนไทยเข้ามากินกัน มันไม่ใช่ร้านที่มีชื่อเสียงอะไรมากมาย ถ้ามีคนไทยก็มักจะเป็นผู้หญิงไทยที่มีแฟนเป็นคนญี่ปุ่นพามากิน.....
“...อ้าว...พี่เอ้...สวัสดีคะ...มาด้วยเหรอคะ...เชิญข้างในเลยค่ะ...” ผมไม่ได้ตงิดใจกับคำพูดของพนักงานต้อนรับเลย ก็เพราะมัวแต่เม้าธ์ภูมิใจเสนอร้านนี้กับโนบุยูกิซังอยู่
“...ขอชั้นบนนะจ๊ะ...”
“...ชั้นบนเหรอคะ...ได้ค่ะ...” เด็กคนนั้นทำหน้าสงสัยนิดนึงแต่ก็เดินพาไปแต่โดยดี
“...เอ้...” เสียงคุ้นหูดังจากข้างหลัง ขณะที่ผมกำลังเดินผ่านส่วนที่เป็นที่เค้าจะทำอาหารให้ลูกค้าเห็น เรียกว่าอะไรก็ไม่รู้ ที่นั่งเป็นแถว ๆ เก้าอี้สูง นั่งกินตรงหน้าพ่อครัว ส่วนใหญ่เค้าจะทำอาหารพวกผัด ๆ จากกระทะแบน ๆ ปกติผมจะไม่ค่อยนั่งแถวนั้นเพราะมันจะมีกลิ่นควันติดเสื้อผ้า.....ตอนนี้มันค่อนข้างดึกแล้ว ลูกค้าก็นั่งกันเยอะ ผมเดินไม่ได้สนใจใครเลย
“...เอ้...” ผมหันไปตามเสียงเรียกอีกที พอกวาดสายตาจนทั่ว ผมถึงได้เห็นว่าเป็นเสียงวุธที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ตรงเคาท์เตอร์นั้น มือมันยังถือตะเกียบอยู่เลย
“...ซวยแล้วกู...” ผมครางเบา ๆ โนบุยูกิซังหันมามองผมที่ชะงักไม่เดินตามขึ้นบันได
“...เกิดอะไรขึ้น...”
“...ไม่มีอะไร...พอดีผมเจอ...เอ่อ...แฟนอ่ะครับ...” ผมตัดสินใจบอกโนบุยูกิซังตามความจริง
“...จริงเหรอ...คนนั้นใช่มั๊ย...” เป็นใครก็ต้องเดาถูก ก็ไอ้วุธเดินหน้าบึ้งมาทางผม
“...ไหนบอกว่าไปธุระไง...” วุธกระชากเสียงถาม
“...ธุระเสร็จแล้วก็เลยมากินข้าว...หิวอ่ะ...โอเคปะ...” ผมกวน รู้สึกเสียหน้ามากที่วุธทำอย่างนี้ต่อหน้าเพื่อนผม
“...ธุระเสร็จแล้วทำไมไม่รีบกลับบ้านล่ะ...รู้มั๊ยว่าผมคอยอยู่...”
“...แล้วทำไมไม่คอยที่บ้านล่ะ...” ผมย้อน วุธอึ้ง
“...ถ้าอยู่บ้านจะเห็นเอ้มากับคนอื่นเหรอ...”
“...นี่...มองเค้าอย่างนี้หมายความว่าไง...” ผมชักเริ่มโมโหที่วุธกำลังจะพาลคนที่ผมพามาด้วย
“...ขอโทษนะครับ...ดูท่าทางพวกคุณเหมือนกำลังจะมีปัญหากันอยู่...” โนบุยูกิซังพูดขึ้นมาบ้าง
“...ไม่ต้องไปสนใจเรื่องบ้า ๆ นี่หรอก...” ผมพูดพร้อมเดินนำโนบุยูกิซังขึ้นชั้นสองของร้าน
“...เดี๋ยว...เอ้...คุณจะไม่แนะนำแฟนคุณให้ผมรู้จักหน่อยเหรอ...” ไอ้วุธอึ้งเมื่อได้ยินเค้าพูดว่ามันเป็นแฟนผม ก็ผมเล่านิสัย ความชอบ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของวุธให้เค้าฟังตลอดเวลาเพื่อเป็นข้อมูลในการเลือกของขวัญชิ้นนี้นี่นา
“...สวัสดีครับคุณวุธ...ได้ยินเอ้พูดถึงคุณบ่อย ๆ...”
“...สวัสดีครับ...” วุธพูดทั้งที่ยังมีสีหน้างง ๆ
“...ผมชื่อโนบุยูกิ...ทำงานที่เดียวกับเอ้...ไม่ต้องกังวลนะครับ...เราเป็นแค่เพื่อนกันครับ...”
“...อ้าว...เหรอครับ...ขอโทษนะครับที่ผมทำไม่สุภาพกับคุณ...”
“...ไม่เป็นไรครับ...พอดีเอ้ต้องการความช่วยเหลือจากผมนิดหน่อยอ่ะครับ...และนี่เค้าก็พาผมมาทานข้าวเป็นการตอบแทน...” แหมอีตานี่พูดเก่งสมกับที่จบพีอาร์มาจริง ๆ
“...โนบุยูกิซัง...ไม่ต้องเสียเวลาไปอธิบายอะไรหรอก...ปล่อยให้เค้าเข้าใจไปตามที่เค้าจะคิดเถอะ...” ผมยังเคืองมันอยู่
“...ไม่เอาน่าเอ้...” เค้าหันมาปรามผม แล้วหันไปคุยกับวุธต่อ “...คุณวุธมาทานข้าวด้วยกันสิครับ...” ไม่ต้องรอให้ชวนรอบสอง วุธเดินไปบอกพนักงานว่าจะย้ายไปกินข้าวโต๊ะเดียวกับผม
“...ทานอะไรกันดีครับ...ผมสั่งให้นะครับ...” วุธสั่งอาหารชุดใหญ่มาให้ โดยไม่ลืมขอความเห็นจากโนบุยูกิซัง เพราะถึงจะมากินบ่อย แต่ก็สั่งแต่ของเดิม ๆ ที่พวกเราชอบ ไอ้ซูชิปลาดิบอะไรอย่างนี้พวกเราไม่เคยสั่งกินกินซักที
.....วุธสั่งข้าวหน้าหมูทอดให้ผม กินที่ไหนก็ไม่เหมือนที่นี่ หมูเค้านุ่มมากเอาตะเกียบบิเบา ๆ ก็ขาดแล้ว กินกับสลัด แล้วก็ซุป อร่อยมาก.....ดูท่าทางวุธกับโนบุยูกิซังจะคุยกันมากกว่าผมซะอีก หลายครั้งที่วุธหันมาอ้อน เพราะผมยังเก็กหน้าขรึมอยู่ แต่มันก็ไม่เห็นหรอกครับว่าบางครั้งผมแอบอมยิ้มกับความน่ารักแบบกะล่อน ๆ ของมัน.....ไม่นานนักพวกเราก็อิ่มกัน ไม่เสียทีที่พาเค้ามากินที่นี่ โนบุยูกิชมไม่ขาดปากเลยว่าอาหารอร่อยมาก เคยคิดแต่ว่าร้านใหญ่ ๆ จะอร่อยกว่าร้านเล็ก ๆ อย่างนี้ ต่อไปเค้าจะลองเข้าไปชิมร้านเล็ก ๆ บ้างแล้ว.....วุธอาสาขับรถไปส่งโนบุยูกิถึงคอนโด ตอนแรกเค้าปฏิเสธด้วยความเกรงใจ แต่ไอ้วุธก็ตะล่อมพาไปจนได้.....
.....หลังจากส่งโนบุยูกิซังถึงคอนโดแล้ว ผมก็นั่งตัวตรงไม่มองหน้าไอ้วุธมันเลย ในใจคิดถึงคำพูดของโนบุยูกิซังที่เค้าบอกว่าความสัมพันธ์ของผมกับวุธจะเป็นไปแทบไม่ได้เลยในประเทศญี่ปุ่น.....คนที่เป็นเกย์มักจะต้องปกปิดตัวเองตลอดเวลา จนกลายเป็นความอึดอัด และจะคบกันได้ไม่นาน เนื่องจากโดนกดดันตลอดเวลาจากสังคมรอบข้าง....ก่อนลงจากรถ โนบุยูกิซังยังย้ำกับพวกผมว่า “...พวกคุณสองคนโชคดีมาก ผมขอให้รักษาความสัมพันธ์ดี ๆ อย่างนี้ตลอดไปนะครับ...” ผมเผลอยิ้มให้ไอ้วุธนิดนึง แต่พอรู้ตัวก็รีบหุบเลย ยังงอนมันอยู่นี่.....
“...ไปซื้อของมาเหรอ...” วุธพูดทำลายความเงียบ
“...อืม...”
“...ซื้อขนมมาฝากผมหรือเปล่า...”
“...ขนมเต็มบ้านแล้วยังจะให้ซื้อมาอีกเหรอ...”
“...ทำไมผมไม่เคยเจอโนบุยูกิที่โรงแรมเอ้เลยอ่ะ...” ผมหันไปเตรียมจะฉะมันต่อ คิดว่ามันไม่เชื่อว่าเค้าทำงานที่เดียวกับผมจริง ๆ แต่พอเห็นสายตาซื่อ ๆ ของมันแล้วใจอ่อนยวบ
“...จะเจอกันได้ยังไง...งานเค้าเริ่ม 9 โมง เลิก 6 โมง...คุณเคยไปเวลานี่มั๊ยล่ะ...” ผมอดกวนมันไม่ได้
“...ไม่รู้นี่...ทีหลังจะไปไหนกับใครก็บอกสิ...ผมเป็นห่วงนะ...แล้วอยู่ ๆ เห็นว่าไปเดินกับคนหน้าตาดี ๆ เป็นใครก็ต้องหึงวะ...” วุธแก้ตัวเสียงอ่อย ๆ
“...ทีเรายังไม่เห็นหึงเลย...”
“...เออ...ใช่...เอ้ไม่เคยหึงผมเลย...จนบางครั้งผมยังคิดว่าเอ้ไม่รักผมด้วยซ้ำ...” อ้าวกลายเป็นว่ากูผิดซะนี่
“...เราไว้ใจวุธมากกว่า...ไม่จำเป็นต้องหึง...ถ้าวุธจะเลิกกับเราเพราะคนอื่น...นั่นหมายความว่าเราไม่ดีพอสำหรับวุธแล้ว...วุธเลือกเค้า...ก็ไปสิ...ตามใจ...แต่สำหรับเรา...ถ้าเราเลือกจะรักใครแล้วอ่ะนะ เราก็จะรักจนกว่าคนที่เรารัก เค้าไม่รักเราอีกต่อไป...”
“...ก็เพราะเอ้ไม่ขี้หึงอย่างนี้แหละ...ผมถึงได้รักเอ้ไง...” เอ๊ะ มันจะเอายังไงกับกูเนี่ย ตกลงมึงจะให้กูหึงมั๊ย
“...บางครั้งเราก็หึงนะ แต่วุธไม่รู้หรอก...” ผมกวน
“...อ่ะนะ...หึงหน่อยก็ดี...จะได้รู้สึกว่ามีค่าขึ้นมาอีกนิด...” มันกวนกลับ แต่ผมว่ามันหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ
.....พอถึงบ้าน ผมก็รีบเอาของขวัญวันเกิดวุธไปซ่อนไว้ในเซฟของผม วุธไม่รู้หรอกครับว่าผมซื้ออะไรมาให้มัน เพราะผมเก็บไว้ในกระเป๋าสะพาย ไม่ได้ใส่รวมกับถุงอื่นที่ผมหิ้วอยู่....เอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อย Surprise ดีกว่า....ทั้งผมและวุธต้องรีบนอนเพราะต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดไปใส่บาตรในวันรุ่งขึ้น วุธน่ะ ไม่เท่าไหร่ แต่ผมต้องตื่นมาเตรียมกับข้าวใส่บาตรก่อนวุธ.....ตอนนอนมันก็ยังเป็นเหมือนเดิมหาเรื่องมาคุยสารพัด มันบอกว่าเมื่อหัวค่ำมันไม่รู้จะทำอะไร ไม่มีคนกินข้าวเป็นเพื่อน ก็เลยขับรถไปกินข้าวที่ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนั้นแหละ...มันบอกว่าเพลินดี ดูเค้าทำกับข้าวไปด้วย กินไปด้วย เหมือนมันมีเพื่อนกิน ผมอดสงสารมันไม่ได้ แล้ววันที่ผมไปทำงานตอนเย็น มันจะเหงาอย่างนี้ทุกวันหรือเปล่าน้า...ผมผิดเองแหละ อาทิตย์นึงจะได้หยุดซักที แต่ก็ไม่ได้อยู่บ้านกินข้าวเย็นกับมัน เป็นเราก็คงเหงาอ่ะ....และคืนนั้นก็เป็นอีกคืนที่ผมต้องยอมให้วุธกอดซุกทั้งคืน ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกผมขยับหนีจนเกือบตกเตียงเพราะยังแกล้งงอนอยู่ แต่สุดท้ายก็ต้องตามใจ (ตัวเอง) ปล่อยให้มันกอดอยู่อย่างนั้นแหละ.....
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 17-10-2007 22:44:25
ว๊าววว!!!

ชอบๆๆ อยากอ่านตอนคุนเอ้เสยสาวแระ อิอิ :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 18-10-2007 01:04:47
 :m13:อยากรู้ด้วยว่า..ของขวัญวันเกิดคืออะไรน๊า..
แล้วจะเซอร์ไพรซ์ขนาดไหนเนี่ย..
อยากรู้เรื่องชาวบ้านเค้าจริงจริ๊ง..
 :give2:รักกัน..รักกันน๊า.. :give2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 18-10-2007 05:59:07
อ่านแล้วก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้

ทั้งวุธกะ  คุนเอ้  น่ารักทั้งคู่ทีเดียว

บางครั้งถ้าไม่ได้ทะเลาะกันบ้าง  ไม่งอนกันบ้าง  ชีวิตคงจะจืดชืดน่าดู

แต่ว่าท้ายที่สุด  ถ้าเข้าใจซะอย่าง  ยังไงก็รักกัน  :give2: :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 18-10-2007 06:59:43
น่ารักทั้งคู่เลย อิอิ ว่าแต่ซื้ออะไรให้วุธเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 18-10-2007 08:54:25
วุธ คง อยากได้ เอ้ ผูกโบว์ อ่ะ เหอ เหอ  :m10:

......................................... :m25:


ว่าแต่ เอ้เตรียมตัวเตรียมใจพร้อมแล้วใช่ป่ะ   :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 18-10-2007 14:34:52
เข้ามาเชียร์ให้พี่เอ้เสียเวอร์จิ้น ซากที  :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
 :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 18-10-2007 17:06:45
เข้ามาเชียร์ให้พี่เอ้เสียเวอร์จิ้น ซากที  :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
 :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10:


แท๊คค!!!เลยงานนี้
หาคนร่วมอุดมการณ์เชียร์ คุนเอ้......เสียสาว!!! :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 18-10-2007 21:07:55
มารอให้คุณเอ้เสียสาวด้วยคน..
 :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 18-10-2007 22:33:12
เกือบงอนกันอีกแล้วนะคุณเอ้ ดีนะที่คุณโนบุยูกิมาเคลียร์ให้ แต่วุธหึงน่ารักดีนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 19-10-2007 22:38:25
บอกได้สั้นๆคำเดียว ว่า "น่ารัก" อ่ะคู่นี้    :m1: :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 20-10-2007 00:02:19
Commercial College Student’s Story (Special Chapter 3)

.....ยอมตื่นเช้ากว่าปกตินิดนึง เตรียมของสำหรับใส่บาตร 9 ชุด แค่นี้สบายมาก เมื่อก่อนเคยช่วยแม่เตรียมอยู่บ่อย ๆ และที่ลืมไม่ได้หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วคือ แอบเอาของขวัญของวุธไปใส่ไว้ที่รถมัน ผมพยายามเปิด-ปิดประตูรถให้เบาที่สุด กลัววุธมันจะได้ยิน วางการ์ดอวยพร และกล่องของขวัญที่ถูกห่อไว้อย่างดีบนเบาะฝั่งคนนั่ง.....เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ฟ้าเริ่มสว่างพอดี ผมขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วปลุกวุธให้ลุกขึ้นมาใส่บาตรด้วยการปลุกแบบ Morning Kiss แต่วันนี้พิเศษขึ้นมาหน่อย ตอนที่มันรู้สึกตัว ผมก็ตอกย้ำมันอีกทีด้วยการหอมแก้มมันฟอดใหญ่พร้อมพูดเบา ๆ ข้างหูมันว่า Happy Birthday ถึงมันจะงัวเงีย แต่มันก็ยิ้มให้ผมทั้งที่ตายังปรือ ๆ อยู่เลย ภูมิใจจังผมเป็นคนแรกที่ได้พูดคำนั้นกับมันในวันเกิดปีนี้ด้วย.....
.....ไม่นานนัก วุธก็จัดการกับตัวเองเสร็จ ผมหายงอนมันแล้ว เราสองคนช่วยกันยกของไปวางไว้หน้าบ้าน รอพระเดินมาบิณฑบาต มันคงเช้าเกินไปของวันอาทิตย์ เพื่อนบ้านทั้งหลายจึงยังไม่ตื่นกัน ผมโล่งใจเพราะไม่ต้องเกรงสายตาพวกเค้าที่มักจะมองมาอย่างสงสัยเวลาเห็นผมสนิทกับวุธกันจนเกินเพื่อน.....
.....เราขี่รถมอไซค์ไปหาซื้อของกินสำหรับมื้อเช้า แค่รองท้องนั้นแหละครับ พอสาย ๆ เราตั้งใจจะไปทำบุญกันที่วัดแถวบ้านอาเล็ก ไม่รู้ทำไมถึงชอบวัดนี้จัง อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศที่เงียบสงบ มีท่าน้ำสำหรับการปล่อยปลา มีศาลาให้คนไปไหว้พระ ทำบุญริมน้ำ.....วุธหิ้วถังสังฆทานที่เราซื้อมาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน มีซองใส่ปัจจัย ดอกไม้สดที่เพิ่งซื้อเมื่อตะกี้.....มันใส่เสื้อยืดสีอ่อน กางเกงยีนส์ตัดขา ดูเด็กลงตั้งเยอะ ทั้งที่วันนี้มันกำลังจะแก่ขึ้นอีก 1 ปี......
“...เอ้...” วุธส่งเสียงเรียกผมจากหน้าบ้าน...ผมรู้แล้วว่ามันจะต้องประหลาดใจกับกล่องของขวัญบนเบาะนั่น
“...อาราย...” ผมเดินช้า ๆ ออกมา คงไม่ทันใจวุธที่เดินยิ้มระรื่นเข้ามาหาผมในบ้านพร้อมกล่องของขวัญและการ์ดอวยพรในมือ
“...Thank you.”
“...แกะดูดิ...เมื่อวานเดินหาซะปวดขาไปหมด...” ผมพูดแก้เขิน ไม่กล้าสบตาวุธที่มองซะหวานเยิ้มเชียว
“...อะไรเอ่ย...” มันทำท่าดีใจเหมือนเด็ก ๆ ลงมือแกะกระดาษอย่างทะนุถนอม
“...ไม่รู้จะชอบหรือเปล่านะ...” ผมแกล้งพูดไปงั้นแหละ พอวุธเห็นสัญลักษณ์ยี่ห้อปุ๊บมันก็มองหน้าผมอื้ง ๆ
“...อย่าบอกนะว่าซื้อ.........ให้ผม...”
“...อยากได้ไม่ใช่เหรอ...”
“...แต่มันแพงอ่ะ...”
“...ไม่เป็นไรหรอก...ไม่ได้ซื้อให้บ่อย ๆ นี่...” ผมยิ้มให้มัน วุธถึงได้แกะกล่องดูของข้างใน
“...เฮ้ย...อันนี้เลยอ่ะ...รู้ได้ไงว่าผมอยากได้...” วุธพูดเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ผมคิดในใจว่า จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ ก็มันพูดกรอกหูผมอยู่ทุกวันจนผมจำรายละเอียดได้หมดแล้ว
“...ชอบปะ...” ท่าทางที่เหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจของมันทำเอาผมยิ้มไม่หุบ
“...ขอบคุณนะครับ...” มันไม่ตอบ แต่โถมตัวเข้ามากอดผมหอมแก้มซ้าย ขวาหลายฟอดเลยครับ
“...ถ้าไม่ได้โนบุยูกิซังเมื่อวาน...ก็คงซื้อไม่ได้หรอก...เค้ามีบัตรลดราคาด้วย...” ผมเบรกอารมณ์วุธ เมื่อมือไม้มันชักเริ่มเลื้อยจนเกินไปนิดนึง
“...โอเค...ต่อไปผมจะไม่หึงแบบหน้ามืดตามัวอีกแล้ว...”
“...ดีมาก...ไปกันเถอะ...เดี๋ยวต้องรีบกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงานต่ออีก...” ทั้ง ๆ ที่ผมขอลาหยุดล่วงหน้าไว้แล้ว แต่ผมก็หยุดไม่ได้อยู่ดี เพราะพี่ที่ทำงานคนหนึ่งต้องลากลับบ้านอย่างกะทันหันเพื่อไปงานศพญาติที่ต่างจังหวัด
.....กลับจากทำบุญ ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยหอย ปล่อยเต่า ครบทุกชนิดที่มีให้ซื้อหลายร้านบริเวณวัด นาน ๆ ได้ทำบุญซะที รู้สึกดีจังเลย.....อยากจะหยุดอยู่บ้านเป็นเพื่อนวุธ แต่ผมก็ต้องไปทำงานตามปกติตอนบ่ายโมง เรานัดกินข้าวมื้อใหญ่กันสองคนในวันหยุดครั้งต่อไปของผม อีกไม่กี่วันเอง ทนได้อยู่แล้ว เพราะยังไงคืนนี้ผมกับวุธก็คงได้มีอะไรพิเศษกว่าคืนอื่น ๆ แน่นอน.....
.....เพื่อนร่วมงานต่างสงสัยว่าทำไมวันนี้ผมถึงได้อารมณ์ดีผิดปกติ ผมเคลียร์ปัญหาของแขกอย่างใจเย็น ไม่วีน ไม่หงุดหงิดเลยซักนิด.....นับเวลาถอยหลังในใจ อยากกลับบ้านเร็ว ๆ จังเลย ป่านนี้วุธมันคงกินข้าวเย็นกับครอบครัวที่บ้านมัน คิดไปคิดมา ดีเหมือนกันที่วันนี้เราต้องมาทำงาน วุธมันจะได้ให้เวลากับครอบครัวบ้าง ไม่ใช่หายหัวไปครั้งละนาน ๆ.....
.....ตื่นเต้นจังเลย ในที่สุดก็ได้เวลากลับบ้านแล้ว ระหว่างทาง ผมก็คิดแต่เรื่องอย่างว่า ใจนึงก็กลัว อีกใจก็อยากลอง กลเม็ดเคล็ดลับ วิธีทำแท้ง วิธีป้องกันตัวเองไม่ให้เจ็บ วิธีทำให้คู่รักประทับใจ สารพัดวิธีหลั่งไหลเข้ามาให้หัว....ดีนะที่ในรถมันมืด ไม่งั้นคนขับแท็กซี่คงเห็นผมหน้าแดงแล้วแดงอีก.....
.....แท็กซี่จอดหน้าบ้าน เอ๊ะ รถไอ้วุธไม่อยู่ ไปไหนวะ ผมถามตัวเอง ถ้ามันกลับบ้านผิดเวลา มันจะโทรมาบอกผมทุกที แต่วันนี้มันไม่ได้บอกอะไรเลยอ่ะ.....หรือว่ามันจะหาเรื่องมาเซอร์ไพร้ส์ผม....คงอย่างนั้นแหละ.....ผมเข้าไปในบ้าน เดินหามันจนทั่ว ไม่เจอครับ ประตู หน้าต่าง ไฟทุกดวงถูกปิดเป็นปกติเวลาไม่มีคนอยู่บ้าน.....เฮ้ย มันไม่อยู่จริง ๆ ด้วย แล้วใครจะให้ข้าวหมาเราล่ะ ผมเดินไปดูกะละมังข้าวหมา ปรากฎว่ามีร่องรอยการให้อาหาร โล่งอก หมาเราไม่หิว โอเค ให้อภัยก็ได้ แต่ไอ้วุธหายมันไปไหนเนี่ย ไม่บอกไม่กล่าว จะให้โทรตามก็ไม่ใช่เรื่อง มันควรจะโทรมาบอกเรามากกว่าให้เราโทรจิก ไม่ใช่นิสัยผมซะด้วย....
.....กินข้าว ดูโทรทัศน์ นั่งพักจนเกือบตี 1 วุธมันก็ยังไม่กลับ ไม่ไหวแล้ว เมื่อคืนได้นอนนิดเดียว ตอนเช้าก็ตื่นเร็วเกินไป เริ่มง่วงจนตาจะปิด ขออาบน้ำให้สดชื่นขึ้นอีกนิดละกัน.....ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงเพื่อขัดเนื้อขัดตัวทุกซอกทุกมุม แถมยังทำสิ่งสำคัญสำหรับการมีเซ็กส์ครั้งแรกในห้องน้ำนั่นแหละ.....ยังไม่ทิ้งความตั้งใจนะครับ....แต่งตัวเสร็จ แต้มน้ำหอมตรงจุดชีพจรนิดนึง เตรียมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นชาเขียวที่วุธมันชอบ ปิดห้องทิ้งไว้ให้กลิ่นมันระเหยออกมา อีกสักพักวุธคงกลับ ห้องก็หอมพอดี.....
.....ขณะที่ผมกำลังเคลิ้ม ๆ จะหลับอยู่หน้าโทรทัศน์ในห้องรับแขก เสียงรถของวุธก็เข้ามาจอดหน้าบ้าน ตามมาด้วยเสียงเปิด ปิดประตู ไฟในห้องเป็นเพียงแค่ไปสีส้มที่ผมหรี่ไว้ไม่ให้แสบตา.....ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนที่เราเคยดูในหนัง อยากจะยืนถือสากแอบข้างประตู พอมันเดินเข้าบ้านแล้วก็ตีกบาลซะ.....แต่ที่ผมทำคือแกล้งหลับตา นอนนิ่ง รู้สึกว่าวุธมายืนใกล้ ๆ ได้กลิ่นบุหรี่ ผสมกลิ่นควันที่ติดเสื้อผ้า เวลาเราไปเที่ยวเธค กลิ่นพวกนี้ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ที่ทำให้ผมแทบจะลืมตา ลุกขึ้นถามไอ้วุธว่าไปไหนมา ก็ตอนที่มันก้มลงมาปลุกผม กลิ่นเหล้าบาง ๆ จากวุธทำเอาผมขนลุก มันเซ็กส์ซี่มาก ๆ แต่ผมไม่มีอารมณ์แบบนั้นซะแล้ว นอกจากมันจะกลับบ้านไม่ตรงเวลาโดยไม่บอกกล่าว มันยังกินเหล้าแล้วขับรถอีก.....ตอนนั้นโกรธมาก ถึงขนาดบอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมมีอะไรกับมันในวันนี้ตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก และจะเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนดด้วย.....
“...เอ้...ตื่น...ไปนอนในห้องสิจ๊ะ...” คำพูดพวกนี้ ผมเคยพูดกับมันมาก่อน
“...อืม...” ผมแกล้งงัวเงีย “...กลับมาแล้วเหรอ...” วุธพยักหน้ารับพลางถอดเสื้อยืดที่ใส่ออกทางหัว
“...ง่วงจัง...”
“...ทำไมไม่กลับมาซะเช้าเลยล่ะ...” ผมอดประชดมันไม่ได้ วุธชะงัก หันมามองผม
“...อะไรนะ...”
“...ไม่มีอะไรหรอก...ไปอาบน้ำนอนเหอะ...” ผมไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดตอนนี้ เอาไว้อารมณ์ดีก่อนแล้วค่อยคิดบัญชี ผมเดินขึ้นห้องนอน พอถึงเตียงปุ๊บผมก็เร่งแอร์นอนคลุมโปง แอบน้อยใจนิด ๆ อุตส่าห์ทำอะไรเพื่อมันตั้งเยอะแยะ แต่ก็ไม่มีประโยชน์
.....ไม่นานนัก วุธก็ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ห่มผ้าผืนเดียวกัน ขยับเข้ามากอดผมเหมือนทุกวัน....ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อมือเย็น ๆ ของมันมาโดนแขนผม กลิ่นแป้งเด็กที่มันชอบทาก่อนนอนทำเอาผมปั่นป่วนเช่นเคย
“...ยังไม่หลับอีกเหรอ...” วุธมุดผ้าห่มเข้ามาพูด
“.........”
“...วันนี้ไป XXXXX มา สนุกดี...เปลี่ยนไปเยอะเลย...ไปครั้งสุดท้ายตอนสอบเสร็จ...วันนี้เอ้ยุ่งเหรอ...ให้โทรกลับก็ไม่โทร...จะได้ไปเที่ยวด้วยกัน...” ผมงง มันกำลังพูดถึงเรื่องอะไรเนี่ย
“...อยากให้ไป...แล้วปิดเครื่องทำไม...” ผมพูดออกมาในที่สุด เมื่อกี้พอผมเห็นว่าดึกเกินไปแล้ว ชักเริ่มเป็นห่วงมัน โทรหน่อยก็ได้วะ แต่ติดต่อไม่ได้ครับ
“...แบตหมด...แต่ผมก็ให้เอ้โทรกลับเบอร์เพื่อนผมนี่...” ผมชักเริ่มเอะใจ ควานหาโทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนหัวนอนมาเปิดดู Miss Call ที่ผมไม่ได้ใส่ใจเมื่อตอนหัวค่ำคงเป็นเบอร์เพื่อนวุธแน่ ๆ เลย ตายแล้ว ไอ้เราก็นึกว่ากิ๊กเก่าโทรมาป่วน ก็เลยไม่ได้รับสาย อย่างที่เคยบอก ผมเป็นคนที่ให้เบอร์คนยากมาก ถ้าไม่สนิทกันจริง ผมไม่มีทางให้เบอร์หรอก
“...เราคิดว่าคนโทรผิดอ่ะ ก็เลยไม่ได้โทรกลับ...” ผมแก้ตัวเสียงอ่อย
“...แล้วเพื่อนเอ้ไม่ได้บอกเหรอว่าผมโทรไปหาที่โรงแรม....ตอนนั้นเอ้ติดเช็คอินกรุ๊ปทัวร์อยู่อ่ะ...”
“...ไม่เห็นมีใครบอกเลย...”
“...อ้าว...เนี่ย...ผมฝากเค้าบอกเอ้ว่าคืนนี้ผมกลับดึกนิดนึง จะไปเลี้ยงที่ XXXXX ให้เอ้โทรกลับเบอร์เพื่อนผมด้วย จะได้นัดเจอกัน...ตอนดึก ๆ โทรเข้าบ้านก็ไม่มีคนรับ ผมก็คิดว่าเอ้คงเพลีย ไม่อยากไปแจมมั้ง...” พรุ่งนี้ต้องถามเพื่อนร่วมงานซะหน่อย ใครรับฝากข้อความแล้วไม่บอกผม แต่โทรศัพท์บ้านน่ะ เป็นความผิดผมเองแหละที่เปิดเพลงดังลั่นตอนอาบน้ำ ก็เลยไม่ได้ยินเสียง
“...อืม...เราง่วงอ่ะ...ก็เลยรีบกลับบ้าน...” ผมแก้ตัวตามน้ำ
“...อยู่บ้านทำไมต้องใส่น้ำหอมด้วยอ่ะ...” วุธไม่พูดเปล่า แต่เอาจมูกซุกบริเวณต้นคอซึ่งเป็นจุดอ่อนของผม
“........”
“...หอมจัง...” วุธเห็นผมนอนนิ่ง ก็เริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้จนสะโพกผมรู้สึกถึงอาการขยายตัวของน้องชายมัน
“...ไม่เอาวุธ...จะนอน...ง่วง...พรุ่งนี้ไปทำงานเช้าไม่ใช่เหรอ...” ผมแกล้งพูดไปอย่างนั้นแหละ แต่วุธก็ยอมคลายวงแขนแต่โดยดีเหมือนทุกครั้งที่ผมให้มันหยุด
“...ครับ...Goodnight ครับ...” ผมได้ยินเสียงวุธถอนหายใจเบา ๆ...รู้สึกผิดจัง ผมค่อย ๆ พลิกตัวมองหน้าวุธผ่านความมืด แต่ก็ยังเห็นมันมองผมตาแป๋วอยู่เช่นกัน
“...ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะ...” ผมขยับเข้าไปหอมแก้มมันเบา ๆ
“...รู้ปะ...เอ้เป็นคนแรกและคนสุดท้ายที่อวยพรผมเลยนะเนี่ย...” วุธพูดพร้อมขยับเข้ามาหาผมอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 20-10-2007 01:35:07
 :a3:ขยับเข้าหากันอีกครั้ง..
แล้วก็..แล้วก็.. :m25:
อร๊ายยยยยยย..ไม่อยากคิดต่อเลย..
รีบมาต่อด่วนเลย..ค้างนะเนี่ย.. o9
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 20-10-2007 01:38:09
เกลียดวุธ!!!

กะแระมันต้องลงอิหรอบนี้ -*-

เซ็งเป็ด!!! :seng2ped:

เอา#4 มาลงอย่างด่วนเลย เจ๊จ๋า หงุดหงิด ม่ายเสียซักที(เอ๊ะ!!!ยังไง)
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 20-10-2007 19:14:14
จอรอดมั้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :m10:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: kimsumsoon ที่ 20-10-2007 19:47:28
เมื่อไหร่จะ...กันซะทีคะ

ถ้าอิชั้นไม่ปล่อยให้วุธรอดตั้งแต่วันแรกแล้วหล่ะคะ

คนดีๆแบบวุธกลัวหลุดมือค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 20-10-2007 20:28:38
 :o8: ค่อย ๆ ขยับนะวุธ เดี๋ยวเอ้จะตกใจ อิอิ :m10:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: slmzaa ที่ 20-10-2007 20:34:24
 :m30: :m30: :m30:เฮ้อเฮ้อ      เอ้      อยากอ่านตอนต่อไปจายจะขาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: dejavu_boyz ที่ 20-10-2007 20:58:46
มาต่อให้คับ....ขออนุญาตลงสองตอนเรยนะ ไม่งั้นอารมณ์มันจาค้างๆ แหะๆ

------------------------------------------

Commercial College Student’s Story (Special Chapter 4)
Why do birds suddenly appear
Everytime you are near
Just like me
They long to be
Close to you
Why do stars fall down from the sky
Everytime you walk by
Just like me
They long to be
Close to you
On the day that you were born
The angels got together and decided
To create a dream come true
So they sprinkled moon dust in your hair
Of gold and starlight in your eyes of blue
That is why all the girls in town
Follow you all around
Just like me
They long to be
Close to you
.....ไม่อยากบอกเลยว่า.....ผมก็รอดคืนนั้นมาได้อย่างหวุดหวิด ด้วยความที่เราสองคนทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย ต้องตื่นแต่เช้า แถมยังต้องตะลอน ๆ ไปทั้งวัน.....ยังไม่ทันจะได้เริ่มทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว ตอนที่มือไม้ของวุธเริ่มเลื้อยหนักกว่าทุกวัน แค่ผมปัดป้องนิดหน่อยให้พอเป็นพิธี วุธก็ล้มเลิกความพยายามไปซะแล้ว มันพลิกตัวลงนอนที่เดิม ไม่นานนักก็หลับไปอย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับผม พอเห็นวุธหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ แสดงว่ามันคงหลับจริง ๆ ผมก็หลับตาลงด้วยความเสียดายอยู่ลึก ๆ.....
.....เอาเป็นว่า.....โอกาสหน้าแล้วกัน วันปีใหม่ ลอยกระทง หรือว่าสงกรานต์ดีล่ะ บอกตัวเองไม่ได้ในตอนนั้น รู้แค่เพียงว่า ผมพร้อมตลอดเวลา...แต่ถ้าวุธทำอะไรให้ผมไม่ไว้ใจอีกครั้ง ผมก็จะเก็บความบริสุทธิ์ไว้กับตัวไปเรื่อย ๆ แน่นอน ไม่เดือดร้อนอะไรนี่นา เรารักษาซิงมาได้ตั้งยี่สิบกว่าปี ไม่รีบครับ ตอนนี้ก็ต่างคนต่างรอ วุธรอให้ผมพร้อม ส่วนผมรอให้วุธกล้า.....
.....ผมไม่โทษว่าเป็นความผิดของเพื่อนร่วมงานหรอกครับ ที่ไม่บอกผมเรื่องวุธโทรเข้าโรงแรมเพื่อนัดผมไปเที่ยว เพราะคืนนั้นพวกเราทุกคนต่างยุ่ง แทบไม่มีเวลาคุยกันเลยด้วยซ้ำ อีกอย่างกับพี่คนนี้ผมไม่ค่อยสนิทด้วยเท่าไหร่ เพราะเวลาทำงานไม่ตรงกัน ส่วนมากพี่เค้าจะอยู่รอบพิเศษ เป็นตัวช่วยของรอบเช้าและบ่าย ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมเค้าไม่รู้จักไอ้วุธ.....ผมโทษตัวเองที่เดินผ่านไปผ่านมาแต่ไม่ได้สังเกตกระดาษที่มีข้อความให้โทรกลับติดอยู่หน้าฟร้อนท์.....ผมไปทำงานในวันรุ่งขึ้นมันก็ยังติดอยู่ที่เดิม ที่สำคัญ ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าได้ยินเค้าตะโกนบอกผมให้โทรกลับหาเพื่อนด้วย แต่ผมไม่ได้ใส่ใจมากนัก ตอนนั้นผมคิดว่าพวกเพื่อน ๆ ที่เรียนมาด้วยกัน หรือพวกเพื่อนที่ทำงานโรงแรมอื่น ถ้าผมไม่โทรกลับ ซักพักมันก็โทรมาใหม่เองแหละ ไม่ได้คิดว่าจะเป็นวุธเลย.....
*
*
*
.....ผ่านไปหลายเดือน จากที่ตั้งใจว่าจะเสียซิงในคืนวันลอยกระทง ผมก็รอดมาได้.....งั้นเอาเป็นวันปีใหม่ดีกว่า.....เฮ้อ.....วุธไปค้างที่บ้านตัวเอง เพราะแม่ผมเดินทางมาเยี่ยมพร้อมน้อง.....อดอีกแล้ว.....รอเป็นวันสงกรานต์ก็ได้วะ.....อย่าว่าผมดัดจริตเลย แต่ผมอยากให้วันที่ผมมอบสิ่งที่ผมหวงที่สุดให้กับคนที่ผมรักที่สุด มันน่าจะเป็นวันพิเศษกว่าวันอื่น เป็นวันไหนก็ได้ ที่เราจะจำมันไปตลอดชีวิต พยายามหาวันพิเศษอยู่ตลอด แต่ผมก็ผ่านวันเหล่านั้นมาได้ทุกครั้งโดยที่ยังไม่มีอะไรกับวุธอยู่ดี.....

“...Happy Birthday...สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะ...” เสียงเพื่อน ๆ ผมดังขึ้นพร้อมกันที่ประตูบ้านทันทีที่มันเห็นหน้าผม
“...Thank you....เข้ามาดิ...” ผมรับกล่องของขวัญ และชวนพวกมันเข้าบ้าน
“...มีอะไรกินมั่งวะ...” อีเต็มถามเป็นคำถามแรก
“...เยอะแยะ...ปีนี้กูขอจัดแบบไฮโซนิดนึงนะ...”
“...ทำไมล่ะ...”
“...ก็วันนี้กูไม่ได้เลี้ยงวันเกิดอย่างเดียว แต่กูจะพ่วงฉลองแสดงความยินดีกับสจ๊วตคนใหม่ด้วยไง...” ผมแซวอีกุ้งที่ยืนตัวตรงอยู่ข้าง ๆ
“...มึงทำเองหมดเลยเหรอ...” อีกุ้งถามแก้เขิน
“...เออสิ...นาน ๆ ได้โชว์ฝีมือทำอาหารฝรั่งซักที...”
“...ระวังหมาอิ่มนะโว้ย...” อีเต็มกัด เป็นเรื่องปกติ แต่ผมก็เห็นมันกินอาหารฝีมือผมเกลี้ยงทุกครั้ง
“...อีห่า...งั้นมึงไม่ต้องแดกเลย...”
.....บรรยากาศเดิม ๆ เหมือนตอนสมัยเรียนกลับเข้ามา ไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันมานานมาก พวกเราคงเก็บกดมากไปนิด พูดคำด่าคำ กู ๆ มึง ๆ ถ้าใครเดินผ่านไปมา คงคิดว่าพวกผมทะเลาะกันลั่นบ้าน.....ก็แหม.....ถ้าจะให้พูดจาหวาน ๆ เพราะ ๆ คงเม้าธ์ไม่ได้อารมณ์ใช่มั๊ย.....แต่ก็คงพูดอย่างนี้ได้อีกไม่นานหรอก ซักพักวุธก็คงกลับถึงบ้านแล้ว พวกเราต้องเพลา ๆ เรื่องคำพูดคำจาไว้บ้าง เวลาอยู่ต่อหน้ามัน.....
.....ระหว่างที่พวกผมกับเพื่อน ๆ ช่วยกันทำอาหาร ซึ่งวันเกิดปีนี้ผมจะลองทำอาหารฝรั่งบ้าง จำรูปแบบที่เคยดูในทีวี คิดว่ามันน่าจะเหมาะกับคนวัยทำงาน ที่ไม่ต้องการความวุ่นวาย เหมือนตอนที่ยังเป็นเด็กวัยรุ่น.....ผมจัดงานมาทุกรูปแบบแล้ว แต่ที่ไม่ชอบที่สุดคือ ไปจัดวันเกิดตามเธค ผมว่ามีแต่เพื่อนกินยังไงก็ไม่รู้ มาถึงก็กระดกเหล้า จะพูดจะจากันก็ลำบากเพราะเสียงเพลงดังเหลือเกิน พอเมาก็เดือดร้อนเพื่อนต้องไปส่งอีก ตอนที่ผมเรียนมหาลัย ช่วงเที่ยวกระหน่ำ ผมก็เลี้ยงวันเกิดที่เธคย่านดังแห่งหนึ่ง ไม่เห็นสนุกอย่างตอนที่ผมไปเที่ยวโดยไม่มีโอกาสพิเศษเลย และนั่นจะเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้ายของผมที่จะจัดงานวันเกิดในสถานบันเทิง....นี่ขนาดตอนนั้นผมยังเป็นวัยรุ่น ชอบเที่ยวเธคอยู่เลยนะครับ.....
.....ที่ผมประทับใจคือ ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง อาหารอร่อย เพลงเพราะ คนไม่พลุ่กพล่าน ราคาพอสมควร.....แต่ระยะหลังที่ผมและเพื่อน ๆ ชอบกันมากที่สุดคือจัดงานที่บ้าน พวกเราเต็มที่กันมาก ไม่ว่าจะเป็นงานปีใหม่ หรือวันเกิดใครก็ตามในกลุ่ม พวกเราจะนัดกันมาทำอะไรกินกัน ผลัดกันเป็นเจ้าบ้าน กินเสร็จ ถ้าเมาก็นอนกันที่นั่นเลย เช้ามาค่อยเก็บกวาด.....ปีที่ผ่านมา พวกเราต้องทำงานกันทุกคน ต่างคนต่างยุ่ง ต่างคนต่างมีสังคมใหม่ที่ใหญ่ขึ้น เจอกันนับครั้งได้.....
“...ทำไมวุธยังไม่กลับอีกวะ...” ผมเริ่มบ่นเมื่อเห็นว่าวุธไปซื้อของนานเกินไปแล้ว
“...มึงใช้ให้เค้าไปเหมาตลาดหรือเปล่า...”
“...กูสั่งให้ซื้อแค่ไม่กี่อย่างเอง...” ผมชักเริ่มเป็นห่วงซะแล้ว แต่ยังไม่ถึงขนาดต้องโทรจิก

“...วุธให้อะไรมึงวะ...” อีเต็มยังเป็นอีเต็มคนเดิม อยากรู้อะไรก็ถามกันตรง ๆ
“...นี่ไง...” ผมโชว์โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่วุธซื้อให้ คิดถึงตอนที่มันเซอร์ไพร้ส์ผมเมื่อเช้าแล้วอดยิ้มไม่ได้
*
*
*
.....Happy birthday to you, Happy birthday to you, Happy birthday, Happy birthday, Happy birthday to you.....

.....เสียงริงโทนมือถือดังอยู่ข้างหูตอนเช้ามืด ขณะที่ผมยังหลับสนิทอยู่บนเตียง ตอนแรกหงุดหงิด ประมาณว่าใครโทรมาวะ ไม่ได้ฟังไงครับว่าเป็นเพลงอะไร.....นาฬิกาปลุกบนหัวเตียงผมยังไม่ดัง แสดงว่ายังไม่ตี 5.....ผมควานหาที่มาของเสียงด้วยความรวดเร็ว กลัววุธจะถูกปลุกให้ตื่นไปด้วย.....เอ๊ะ ทำไมมันเป็นกล่องเหลี่ยม ๆ วะ ผมเปิดไฟหัวเตียงดูถึงได้รู้ว่าต้นเสียงมันอยู่ข้างในกล่องของขวัญใบนี้....เสียงเพลงยังดังไม่จบซักที วุธมันก็นอนนิ่ง ทางเดียวที่จะทำให้เพลงนี้หยุดได้ก็คือ ต้องแกะกล่องออกมากดปุ่มรับ หรือตัดสายทิ้ง.....ผมถือกล่องเดินไปแกะที่ห้องแม่ เพราะไม่อยากให้วุธตื่นเร็วกว่าที่ตกลงกันไว้ ในใจคิดว่า ของขวัญอันนี้ เป็นของเราแน่ ๆ และคนที่แอบเอามาวางไว้ให้ก็ไม่น่าจะใช่ใครที่ไหน ไม่มีใครเข้าใกล้ผมได้เท่าวุธ.....
.....พยายามแกะกระดาษห่อของขวัญด้วยความระมัดระวัง แต่ก็ต้องเร่งรีบไปด้วย เพราะเพลงที่ว่านั่นมันก็ยังคงดังซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุดซะที ตอนนี้ตาสว่างแล้วครับ แต่ยังไม่ทันได้เห็นว่าของในกล่องเป็นอะไร ผมก็ต้องวิ่งกลับห้องไปกดปุ่มให้นาฬิกาปลุกของผมหยุดร้อง ตี 5 พอดี ทำไมวันเกิดกูปีนี้มันถึงได้เหนื่อยแต่เช้าเลยวะ ผมคิดในใจ.....พอแกะกระดาษเรียบร้อย ผมก็เห็นการ์ดวางอยู่บนกล่อง หยิบขึ้นมาอ่าน ลายมือคุ้นตาเป็นข้อความสั้น ๆ แต่ทำเอาน้ำตาผมแทบร่วง.....ใช่วุธจริง ๆ ด้วยที่ให้ของขวัญชิ้นนี้ และทันทีที่เปิดกล่องออก ผมก็เห็นโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด หน้าจอมีรูปวุธยิ้มดูดีเป็นพิเศษ มันไม่ใช่เสียงปลุกแล้วหล่ะ เพราะผมเห็นสัญลักษณ์แสดงการเรียกเข้า ใช้ชื่อว่า Sweetheart ผมกดรับทันที.....
“...Happy Birthday...ครับ...” ผมยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงปลายสายก็ดังแทรกเข้ามาซะก่อน
“...วุธเหรอ...” ผมถามเสียงดัง
“...มี Sweetheart หลายคนหรือไง หน้าจอก็โชว์หน้าผมหราขนาดอย่างนั้น...” วุธพูดขำ ๆ
“...เปล่า...แค่...” ผมปลื้มจนพูดไม่ออก เดินคุยโทรศัพท์เข้าห้องของตัวเอง เห็นวุธยังนอนคุมโปงอยู่ ไม่รู้ว่าผมเข้ามาถึงตัวแล้ว
“...ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะครับ...” เป็นประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน ผมวางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียงแล้วโถมตัวลงไปกอดวุธทั้ง ๆ ที่มันยังคลุมโปงอยู่อย่างนั้น
“...Thank you sweetheart...” วุธดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ผ้าห่ม ได้ยินเสียงหัวเราะร่าอย่างมีความสุขดังลอดออกมา
“...เคยได้ยินที่เค้าโฆษณาปะ ยิ่งคุยก็ยิ่งเข้าใจกัน เพราะฉะนั้น ต่อไปมีอะไรก็พูดออกมาเลย ห้ามเก็บไว้นะ...” วุธพูดทันทีที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม
“...อืม...” ผมรับคำ แล้วความเงียบก็เข้ามา ตาสองตาประสานกันในความมืด ผมลืมไปว่ากำลังนอนทับมันอยู่...รู้สึกตัวอีกที่ก็ตอนที่มีอะไรแข็งปั๋งดันต้นขาผม
“...ไหน ๆ ก็ตื่นแล้ว...ลงไปช่วยกันเตรียมของใส่บาตรเลย...” ผมพูดแก้เขิน รีบลุกขึ้นมา จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง
“...เดี๋ยวตามไป...ลุกไม่ได้...”
“...เป็นอะไรอีกล่ะ...” ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ คิดว่ามันเจ็บจากการที่ผมทับตัวมันเมื่อตะกี้
“..............” วุธชี้ที่เป้ากางเกงตัวเอง ผมถึงบางอ้อทันที ดีนะที่มันยังมืดอยู่ ผมเห็นของมันไม่ชัดนัก และมันก็คงไม่เห็นว่าผมยืนหน้าแดงอยู่ตรงนั้น

.....เราสองคนถูกเลี้ยงมาคล้าย ๆ กันจึงมีบางอย่างที่เข้ากันได้ เช่นเดียวกับการทำบุญใส่บาตรในโอกาสพิเศษ ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะอายเมื่อต้องเข้าวัด แต่พวกเค้าชอบไปงานวัดเพื่อไปดูสาว ๆ แต่ถ้าถามความรู้สึกเค้า ผมเชื่อว่าทุกคนอยากทำบุญด้วยกันทั้งนั้นแหละ ขึ้นอยู่กับเวลา และคนที่จะไปด้วย.....
.....วุธลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อเปลี่ยนเอาซิมมือถืออันเก่าของผมไปใส่ในเครื่องใหม่ ตั้งค่าทุกอย่างให้เสร็จ มิน่ามันถึงได้เร่งให้ผมนอนเร็วผิดปกติ อ้างว่าวันรุ่งขึ้นผมต้องเตรียมของใส่บาตร.....นอนก็นอนวะ ไม่มีปัญหา แต่กว่าจะนอนก็ดึกพอควร แล้วนี่วุธมันยังต้องตื่นก่อนผมเพื่อเซอร์ไพร้ส์โดยการโทรเข้าเพื่อให้มีเสียงเพลง Happy Birthday อีก.....เห็นมันลงทุนอย่าง.....ไม่ให้รักได้ไงล่ะครับ....
*
*
*
.....ไม่นานนักวุธก็กลับเข้ามาพร้อมหิ้วถุงพะรุงพะรัง ผมจำได้ว่าสั่งไปแค่นิดเดียว แต่มันดันซื้อมาซะเยอะประมาณว่ากินได้สองวันเลยครับ....วันเกิดปีนี้ผมชวนแต่เพื่อนสนิทเท่านั้น ก็เพื่อนที่มหาลัยนั่นแหละ เพื่อนสมัยพาณิชย์ติดต่อยากมาก แถมพวกมันไม่ค่อยมีเวลาว่าง ติดผู้ชายอ่ะ ยังดีที่พวกมันทุกคนยังจำวันเกิดผมได้.....วันนี้ทั้งวันเรทติ้งกระฉูด SMS และสายเข้าเยอะมาก บางครั้งวุธก็ทำท่างอน ๆ เหมือนกันที่ผมต้องหยุดคุยกับมันเพื่อรับโทรศัพท์เพื่อน ก็มันอุตส่าห์ลางานมาอยู่กับผมทั้งวันนี่นา.....
.....เพื่อนผมที่มาในวันนั้นก็มีแค่.....
.....นัน.....คนที่บ้านอยู่ต่างจังหวัด เช่าห้องอยู่ตอนเรียน แต่ปัจจุบันนี้ชีมีคอนโดเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง และกำลังจะดาวน์รถป้ายแดงด้วย.....อย่างที่เคยบอก มันเป็นคนเก่งที่สุดในกลุ่ม เป็นลูกจ้างเค้าได้ไม่นาน พอปีกกล้าขาแข็ง มันก็เปิดกิจการเองบ้าง ฝันมันเป็นจริงแน่ ถ้าไม่มัวแต่หลงเด็กในร้าน ได้ข่าวว่าหมดไปกับเด็กคนนี้หลายตังค์แล้ว.....
.....เต็ม.....หลังจากที่จบปริญญาโท (ทั้ง ๆ ที่ไม่มีแววมาก่อน) ชีก็ไปเป็นอาจารย์ชั่วคราวได้ 3-4 เดือนก็ลาออกด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่อยากเข้าคุกในข้อหากระทำอนาจาร (ผู้ชาย-ผู้เยาว์) ก็แหม....ชีตั้งใจไปสมัครสอนที่โรงเรียนช่างใกล้ ๆ บ้าน เด็กหน้าตาดี ๆ ก็เยอะ เด็กกวนก็มาก จากที่เคยมั่นใจว่าทำงานได้ กลับกลายเป็นว่า มันรู้ตัวว่าไม่เหมาะกับงานนี้ จบโทมาได้ ไม่ได้หมายความว่าจะถ่ายทอดความรู้หรือสอนคนได้ดี.....แถมมันยังพูดแซวไอ้วุธกลางโต๊ะอาหารในวันนี้ว่า อยากได้เด็กช่างอย่างวุธซักคน ไอ้วุธได้แต่นั่งอมยิ้มแก้มตุ่ย เขินจนพูดไม่ออกเลยครับ.....
.....กุ้ง.....คนที่สนิทกับผมมากที่สุด แต่ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันมากที่สุดเช่นกัน ด้วยเหตุผลเรื่องของเวลา ก่อนหน้านั้นเราสองคนทำงานสายโรงแรมเหมือนกัน เวลางานของเราน้อยครั้งที่จะตรงกัน เรื่องคุยโทรศัพท์ นัดกินข้าว นัดเจอนี่แทบเป็นไปไม่ได้ ถ้าจะคุยกันทีก็มักจะเป็นการขอความช่วยเหลือกันในเรื่องงาน ผมส่งแขกไปโรงแรมมันบ้าง มันส่งแขกให้โรงแรมผมบ้าง.....ยิ่งระยะหลัง ๆ ผมไม่ได้ติดต่อ ไม่รู้เรื่องรู้ราวของมันเลย จนวันหนึ่ง มันโทรศัพท์มาบอกผมว่า ในที่สุดมันก็ได้เป็นแอร์ เอ่อ สจ๊วต แล้ว Sign Contract เรียบร้อย นัดวันเทรนแล้วด้วย.....นั่นเป็นครั้งแรกในรอบปีที่เราไม่ได้คุยกันนานอย่างนี้ มันเล่าด้วยความภาคภูมิใจ ไม่ได้ภูมิใจที่ได้ทำงานเป็นสจ๊วตนะครับ แต่ภูมิใจที่มันสามารถทำอะไรหลาย ๆ อย่าง ที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ มันต้องใช้ความพยายามอย่างสูง เพียรไปสมัครทุกสายการบินที่เปิดรับ เพื่อหาประสบการณ์ เรียนว่ายน้ำ ออกกำลังให้ร่างกายแข็งแรงกว่าเดิม.....วันนี้พวกเราทุกคนเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวกุ้งหลายอย่าง แต่ยังไงมันก็ยังเป็นอีกุ้งคนเดิมของพวกผม.....

“...ตอนมองอย่างเดียว ไม่คิดว่ากินแล้วจะอิ่มนะเนี่ย...” อีเต็มนั่งพิงพยักเก้าอี้เอามือลูบท้องเบา ๆ
“...อืม...อิ่มว่ะ...” อีนันเห็นด้วย
“...เฮ้ย เก็บของแล้วไปเล่นไพ่กันดีกว่า...” อีกุ้งชวน ทุกคนลุกพรึบ
.....ไม่ได้เล่นไพ่มานานแล้ว วันนี้ขอเต็มที่หน่อยแล้วกัน วุธมันก็ไม่ว่าอะไร พวกเราช่วยกันเก็บโต๊ะ เพิ่งรู้ว่ากินแบบฝรั่งนี่เก็บของง่ายดีจัง จานใครจานมัน วางซ้อน ๆ แล้วยกทีเดียว ไม่นานนักโต๊ะกินข้าวก็สะอาดเอี่ยม.....เดินถือแก้วกันไปในห้องรับแขก ผมปูผ้าเตรียมพร้อม ไม่มีใครยอมให้ผมเป็นเจ้า ทั้ง ๆ ที่ผมบอกว่า ผมทำไพ่ไม่เป็นแล้ว ลืมหมด ไม่ได้เล่นตั้งนาน.....วุธนั่งดูข่าวไปด้วย เล่นไพ่กับพวกผมไปด้วย ส่วนพวกผมก็เม้าธ์กันสนุกสนาน.....เงินเรากินกัน ความสัมพันธ์เหมือนเดิม เล่นกันตาละ 5 บาท เพลินมาก เงยหน้ามาอีกทีก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว.....
“...หิวอีกแล้วว่ะ...” อีกุ้งบ่น
“...ก็มึงแดกแต่ผัก.....กลัวอืดจนเข้าประตูเครื่องไม่ได้ล่ะสิ...” อีเต็มกัด
“...อีห่า...ใครจะเหมือนมึงล่ะ...กูเห็นเล่นไปแดกไปตั้งแต่เงินเต็มหน้าตักจนจะหมดตูดแล้วเนี่ย...”
“...รอเดี๋ยวนะ...” วุธพูดแทรกขึ้นมา ทำให้พวกเราต้องหยุดกัดกัน หันไปมองมันเดินออกจากห้องไปอย่างสงสัย
*
*
“...เฮ้ย...อะไรอ่ะ...” ผมอุทานด้วยความประหลาดใจ
“...Happy birthday to you………………………….” เสียงเพลงจากเพื่อนผมดังขึ้น ท่าทางมันเขินนิด ๆ ขณะเดินประคองถือกล่องที่มีเค้กขนาดกำลังดีอยู่ข้างใน มีเทียนปักไว้จุดไฟเรียบร้อย เดินเข้ามาจนถึงโต๊ะที่เราพักวงไพ่ไว้ แล้วอีพวกนั้นร้องเพลงให้ผม
“.............................Happy birthday to you...อธิษฐานสิจ๊ะ...” วุธกระซิบข้างหูหลังเพลงจบ ผมหลับตาอธิษฐานแล้วเป่าเทียนจนดับหมด ถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นคนพุทธ แต่เรื่องอย่างนี้เราก็เชื่อนะครับ
“...จูบเลย ๆ ๆ ๆ...” เสียงเชียร์จากเพื่อนผมดังขึ้นทันทีที่ผมเงยหน้าจากเค้ก และมองวุธที่ถือกล่องเค้กอยู่ใกล้ ๆ
“...เค้กวันเกิดโว้ย...ไม่ใช่เค้กแต่งงาน...” ผมหันไปเบรกเพื่อน เห็นใจวุธอยู่เหมือนกันที่เขินซะหน้าแดงหูแดงไปหมด
“...นั่นแหละ ก็ Birthday Kiss ไง...” พวกมันยังไม่เลิก
“...จะกินมั๊ย...” ผมทำท่าจะยกกลับเข้าครัว พวกมันถึงได้หยุด อีเต็มหยิบมีดพลาสติกให้ผมตัดแบ่งใส่กระดาษแข็ง ก็กล่องเค้กนั่นแหละฉีกออกมาเป็นแผ่น ๆ ขี้เกียจล้างจานไงครับ
“...ไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย...” ผมถามวุธขณะนั่งกินอยู่บนโซฟา ระหว่างที่อีพวกนั้นตั้งใจดูเอ็มวีตัวใหม่ของใครซักคน จำไม่ได้แล้ว
“...เมื่อเย็นนี้...แอบไว้ในรถอ่ะ...” วุธพูดยิ้ม ๆ
“...มิน่าล่ะ...หายไปซะนาน...” ผมหลบตามัน เอื้อมไปหยิบทิชชู่เพื่อเช็ดครีมของเค้กที่ติดอยู่มุมปากวุธ
“...แหม...คู่นี้เผลอไม่ได้เลยนะ...” อีกุ้งมันหันเจอภาพเด็ดพอดี แล้วเสียงของมันก็ทำให้คนอื่นมองตามด้วย
“...เดี๋ยวแดกเสร็จ...พวกเรากลับกันเถอะ...เจ้าภาพเค้าคงอยากจะฉลองกันสองต่อสองแล้วหล่ะ...” อีเต็มพูดเรียบ ๆ แต่หน้ามันแสดงออกว่าคิดอะไรอยู่ อีพวกนั้นพยักหน้าแต่ยิ้มแบบมีความหมาย ผมกับวุธสบตากันแล้วต่างคนต่างหลบ เขินจริง ๆ นะ
*
*
*
.....เกือบตี 1 พวกมันก็ลากลับบ้านโดยมีอีเต็มขับรถตระเวนส่งทุกคน มองเห็นจานชามกองใหญ่แล้วรู้สึกสงสารพี่คนทำความสะอาด พรุ่งนี้จะเอาเงินใส่ซองให้เป็นพิเศษดีกว่า.....เมื่อกี้ อีพวกนั้นก็จะช่วยกันล้าง ช่วยกันเก็บเหมือนทุกครั้งที่มีปาร์ตี้ แต่วันนี้ไม่ไหวอ่ะ ง่วงแล้ว....ผมปฎิเสธความช่วยเหลือโดยการบอกว่าผมง่วงอยากนอนเร็ว ๆ พวกมันยังแกล้งฟังผิดเป็นเงี่ยนเลย.....คิดอะไรกันอยู่อ่ะ....รู้ได้ไงวะ.....
.....วุธใส่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินไปเดินมาทำให้ผมใจสั่นอีกแล้ว....เกือบครึ่งปีที่อยู่ด้วยกัน ผมยังไม่ชินซักทีเวลาที่เห็นมันในสภาพเกือบเปลือยแบบนี้.....และทุกทีถ้าต้องอาบน้ำในเวลาไล่เลี่ยกันอย่างนี้ วุธจะให้ผมอาบก่อน แต่วันนี้ผมขนเอาสมบัติส่วนตัวไปอาบน้ำในห้องน้ำของแม่ เพื่อเป็นการประหยัดเวลา.....ไม่รู้นึกยังไง เหมือนมีลางสังหรณ์.....ผมใช้เวลาในห้องน้ำนานผิดปกติ ขัด ๆ ถู ๆ และทำสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเตรียมพร้อม ซึ่งจริง ๆ แล้วผมทำอยู่บ่อย ๆ ถ้ามีโอกาส.....ก็ผมพร้อมมาตั้งนานแล้วนี่.....เป็นปัญหาของวุธแล้วหล่ะ ว่าทำไมมันถึงไม่กล้าซะที.....


>>>>>
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: dejavu_boyz ที่ 20-10-2007 21:03:39
Finally, I am yours
.....คืนนี้ก็เป็นเหมือนทุกคืน ที่ก่อนนอนวุธจะชอบเอาขามาก่าย แกล้งกอด แกล้งซุก ตอนแรกผมยังไม่ชิน ต้องขยับหนีทุกครั้ง มีด่าบ้างแก้เขิน ทั้ง ๆ ที่ชอบ แต่หลัง ๆ มานี่มันเป็นเรื่องปกติแล้ว.....เตียง King Size ใหญ่พอสำหรับสองคน แต่วุธก็ชอบที่จะนอนเบียดผม คางมันเกยที่ไหล่ ได้ยินเสียงลมหายใจแรง ๆ อยู่ข้างหู แรงลมนั้นทำผมปั่นป่วนทุกที.....
.....ไหน ๆ วันนี้ก็เป็นวันพิเศษแล้วนี่ ขอลองแหย่วุธมันบ้างดีกว่า ระหว่างที่วุธขยับตัวเบียดเข้ามาให้ติดกันมากขึ้น ผมก็พลิกตัวกลับไปหามันอย่างรวดเร็ว วุธถึงกับยิ้มแหย ๆ คิดว่าจะโดนผมด่าแน่นอน.....แต่ไม่ครับ.....ผมสลัดผ้าห่มออกให้พ้นตัว ลุกขึ้นนั่งคล่อมตัววุธ จงใจนั่งทับน้องชายมันแต่ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงไปหมดนะครับ.....
“...เอ้...จะทำอะไรผม...” วุธพูดขำ ๆ
“...อยากให้ทำอะไรล่ะ...” ผมย้อน มันหรี่ตามองหน้าผมนิ่ง
“...จะทำเป็นเหรอ...” วุธถามเสียงสูง ถือว่าเป็นการดูถูกอย่างแรง ถึงแม้ประสบการณ์จะไม่มี แต่ทฤษฎีเต็มร้อยนะโว้ย ผมเถียงในใจ
“...เดี๋ยวก็รู้...” ผมจับข้อมือทั้งสองข้างของวุธไว้อย่างแน่นหนา แล้วซุกหน้าลงไปไซร้ซอกคอมัน วุธหัวเราะคิก พยายามดิ้นให้หลุด แม้ว่าผมจะผอมบางกว่ามัน แต่อย่างที่บอกอ่ะครับว่าทำงานโรงแรมต้องอึด และแข็งแรง ผมเองก็เป็นที่เลื่องลือว่าแรงเยอะมาก แต่ไม่ค่อยได้ใช้กำลังเท่าไหร่ วุธมันคงลืมภาพเด็กพาณิชย์เถื่อน ๆ ของผมหมดแล้วมั้ง
“...ปล่อย...เอ้...จั๊กจี้...” นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจู่โจมมันแบบไม่ได้ตั้งตัวอย่างนี้ ความรู้สึกกระดากอายเมื่อกี้ไม่เหลือแล้วครับ สนุกซะอีกที่ได้แกล้งวุธมันบ้าง
“...เป็นไงล่ะ...โดนซะมั่ง...” ผมเงยหน้ามาพูดนิดนึง แล้วจัดการกับคอขาว ๆ ของมันต่อ เสียงวุธที่หัวเราะคิก ๆ คัก ๆ เริ่มหายไป มีแต่เสียงครางในลำคอและเสียงลมหายใจของเราสองคน.....
.....เครื่องปรับอากาศที่เปิดอยู่แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมรู้สึกตัวร้อนวูบ ๆ รำคาญเสื้อยืดที่วุธใส่นอนจริง ๆ จะถอดก็ถอดไม่ได้ เพราะมือผมยังจับข้อมือวุธขึงตรึงไว้กับเตียงอยู่.....ถ้าผมปล่อยมือวุธมีหวังมันต้องเอาคืนผมแน่ ๆ แต่ไม่นานหรอกครับ วุธมันกำลังเพลินที่ผมซุกไซร้ใกล้ ๆ หูมัน น่าจะเป็นจุดอ่อนของมัน เพราะทุกครั้งที่ริมฝีปากชื้น ๆ ของผมไปโดนมันจะสะดุ้งเฮือก น้องชายแข็งปั๋งและรู้สึกว่ามันจะกระดกนิด ๆ ของมันดันก้นผมตอนที่แกล้งขยับไปโดนบ่อย ๆ.....
.....อาศัยช่วงชุลมุน พอมันเผลอปุ๊บ ผมก็ใช้ความไวถลกเสื้อยืดย้วย ๆ ของมัน ถอดออกอย่างง่ายดายไม่ต้องกลัวขาด วุธช้ากว่าผมเช่นเคย มือมันถูกผมจับไว้เหมือนเดิม ผมหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นวุธบิดตัวตอนที่ผมไซร้ต่ำลงมาเรื่อย ๆ.....เคยดูแต่ในหนังอ่ะนะ พอได้มาทำจริง ๆ แล้วสนุกดี.....
“...เอ้...ปล่อยเหอะ...” รู้สึกว่าคำพวกนี้ผมจะเคยพูดมาก่อนนะ
“...ไม่...”
“...ไม่ปล่อยแน่นะ...” วุธกัดฟันพูดพลางพยายามเกร็งแขนเพื่อจะให้หลุดจากการกดทับของผม และยิ่งมันเกร็งเท่าไหร่ ผมมองผ่านไฟสีส้มหัวเตียงที่ยังเปิดอยู่ เห็นกล้ามเนื้อมันใกล้ ๆ ชัด ๆ รู้ว่าถ้ามันเอาจริง ผมคงสู้มันไม่ได้แน่ ถ้างั้นต้องตัดกำลังมันซะก่อน
.....วิธีน่ะเหรอ ก็เล่นที่จุดอ่อนมันสิ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าตรงไหนบ้าง ผมจงใจเม้มปากที่หัวนมสีเข้ม ลากลิ้นไปทั่วท้องที่มีกล้ามเป็นลูก ๆ เวลาที่มันเกร็งเพื่อจะสู้ผม เท่านั้นแหละ วุธก็ตัวอ่อน หมดแรง และยิ่งมันดิ้น กางเกงตัวเล็ก ๆ ที่มันชอบใส่นอนก็เกือบจะหลุดจากสะโพก ถ้าไม่ติดน้องชายที่เหมือนเป็นไม้ค้ำจนโป่งออกมาคงหลุดไปแล้วหล่ะ.....สงสารขอบกางเกงยางยืดตัวนั้นจัง ผมเสี่ยงใช้ความไวอีกครั้งดึงกางเกงของมันลง ให้วุธจูเนียร์ได้เด้งออกมาสบตาผมใกล้ ๆ เป็นครั้งแรก.....
.....แต่คราวนี้วุธมันดิ้นหลุดครับ ผมชะงักเตรียมหาทางหนี คว้าผ้าห่มมาห่อตัวคลุมโปงไว้ วุธหัวเราะหึ ๆ เดินโทง ๆ ลงจากเตียงไปหยิบอุปกรณ์ที่ผมมักจะวางล่อตามันอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง.....ในใจ ยอมรับว่ากระเจิดกระเจิงตั้งแต่ตอนที่ถอดเสื้อมันออกแล้ว และยิ่งแง้มผ้าห่มมองร่างสูง ๆ ขาว ๆ เห็นวุธจูเนียร์ที่ยังแข็งขันตั้งตรง คิดว่าวันนี้ไม่รอดแน่กู.....วุธมันเดินกลับมาพร้อมกล่องถุงยาง และสารหล่อลื่นหลอดเล็ก ๆ ในมือ ผมกระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้น.....
“...เอ้...” วุธเขย่าตัวผมเบา ๆ “...เอ้...” วุธเรียกอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผมนิ่งเงียบ
“...อะไร...” ผมโผล่หัวออกมา
“...พร้อมยัง...” วุธถามพลางมองผมตาเยิ้มเชียว
“...กล้าปะล่ะ...” ผมยังอายที่จะตอบตรง ๆ
“...แล้วเอ้คิดว่าผมกล้ามั๊ยล่ะ...” วุธย้อน
“...ไม่กล้าหรอก...” ผมพูดกวน ๆ
“...คิดผิดคิดใหม่นะครับ...” วุธโถมตัวลงมาพยายามจะดึงผ้าห่มผมให้หลุดจากตัว ปากผมก็โวยวาย แต่ไม่มีคำพูดห้ามปรามเหมือนทุกที
.....ตอนแรกคิดว่าใต้ผ้าห่มจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด แต่ไม่เลยครับ เพราะผ้าห่มที่มันพันแข้งพันขาผมนี่แหละ ทำให้วุธมันเอาคืนผมได้ง่ายขึ้น ไม่นานนักหลังจากผ้านวมผืนใหญ่ได้ถูกวุธโยนลงข้างเตียง.....ตอนนี้ทั้งห้องเงียบสนิท ได้ยินแต่เสียงแอร์ครางเบา ๆ วุธหอบนิด ๆ ตาเราประสานกันอย่างจัง ผมเขินมาก ๆ หลบตามองต่ำลง แต่ก็ต้องมองวุธอีกครั้งเมื่อเห็นน้องชายมันยังชี้หน้าผมอยู่.....
.....วุธค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของผมออกโดยที่เรายังมองตากันอยู่ ทำให้ผมลดอาการเขินอายลงไปได้มาก เพราะผมไม่เคยเปลือยกายต่อหน้ามันเลย เต็มที่ก็แค่ตอนเปลี่ยนเสื้อแป๊บเดียว.....วุธก้มลงมาซุกไซ้ผมเหมือนทุกครั้ง ผิดแต่ตรงที่คราวนี้ผมไม่ขยับหนี หรือปัดป้องเลย แถมยังเอามือลูบต้นคอวุธเบา ๆ รู้สึกว่ามันจะตัวสั่นนิด ๆ ด้วยซ้ำ.....
.....ก่อนที่จมูกโด่ง ๆ และปากอุ่น ๆ ของมันจะลงต่ำเกินไปกว่าหน้าท้อง ผมพลิกตัวมันเพื่อจะดำเนินการต่อจากเมื่อกี้ แต่ก่อนอื่นต้องขอทักทายกับวุธจูเนียร์ซะหน่อย ไม่ได้เจอกันเต็ม ๆ ตามานานแล้ว เคยเห็น เคยโดนก็บ่อย แต่ไม่เคยได้สัมผัสเต็มตา เต็มไม้เต็มมืออย่างนี้มาก่อน.....เจ้าตัวดีอยู่ในสภาพพร้อมรบ ผงกหัวทักทาย งั้นขอเริ่มเลยละกัน.....
.....ตอนดูในซีดี มันไม่น่าจะยาก แต่พอทำจริง ๆ มันเก้ ๆ กัง ๆ ยังไงไม่รู้ พยายามระมัดระวังกลัววุธจะเจ็บ แต่มันก็ไม่เห็นร้องซักแอะ ได้ยินแต่เสียงสูดปาก กับเสียงพากษ์ให้ทำอะไร ยังไง ตรงไหน.....หลังจากนั้นไม่นานผมก็คิดเองซะว่า ถ้าเป็นเรา เราจะชอบหรือไม่ชอบอะไร ยังไง ส่วนไหนควรเบา ตรงไหนควรเน้น ก็ทำตามนั้น ได้ผลครับ วุธหยุดพากษ์ เปลี่ยนเป็นคำชมเสียงกระเส่า.....
“...พอก่อนเอ้...” วุธพูดพลางขยับตัวลุกขึ้น เอื้อมมือไปหยิบของที่มันวางไว้บนหัวเตียง
“...มานี่...ใส่ให้...” ผมเห็นวุธงุ่นง่านกับน้องชายมันแล้วเชื่อเลยครับว่ามันก็ซิงเหมือนกัน เพราะมันใส่ถุงยางไม่เป็น
“...เอ้พร้อมแล้วใช่มั๊ย...” วุธถามเบา ๆ
“...พรุ่งนี้ค่อยถามก็ได้นะ...” ผมตอบแบบกวน ๆ พลางบีบสารหล่อลื่นลงไปที่วุธจูเนียร์ซึ่งดูเหมือนเสื้อกันฝนตัวนี้จะเล็กไปสำหรับมัน
“...ในที่สุด...ก็มีวันนี้...” วุธพูดเสียงหายเป็นช่วง ๆ เพราะผมเร่งมือรูดชะโลมเจลจนทั่วน้องชายตัวโตของมัน อีกมือที่ว่าง ผมก็ทำการเตรียมพร้อมให้ตัวเองเช่นกัน.....วุธคงทนไม่ไหวแล้ว เราสองคนเอนตัวลงบนเตียงช้า ๆ
“...อย่าเกร็งนะ...” วุธกระซิบข้างหู
“...โอ๊ย...เจ็บ...วุธ...” ผมร้องเบา ๆ
“...อีกนิดเดียวเอ้...” วุธกัดฟันพูด
“...ไม่ไหวแล้ว...วุธ...เราเจ็บ...” ผมเผลอจิกปลายเล็บที่หลังมัน
“...............” ในที่สุดวุธกับผมก็ได้เป็นคนคนเดียวกันในตอนนี้ ผมทั้งเจ็บ ทั้งจุก ในหัวก็ยังอุตส่าห์นึกถึงในหนังโป๊ที่เค้าทำกันแรง ๆ ไม่เจ็บกันมั่งหรือไงวะ
“...หายเจ็บยัง...” วุธพูดหอบ ๆ หลังพยายามอยู่นานจนสำเร็จ
“...หายแล้ว...” หายนิดเดียว แต่ก็เริ่มมีอาการแปลก ๆ แล้ว
“...งั้นเต็มที่ละนะ...” วุธไม่รอให้ผมตอบรับ กระหน่ำซะผมพูดไม่ออก ได้แต่ เอ่อ คราง
.....ดีนะที่เป็นห้องแอร์เก็บเสียง ไม่งั้นเราคงไม่กล้าทำอะไรเสียงดังขนาดนี้หรอก.....ทั้งห้องมีแต่เสียงลมหายใจปนหอบ เสียงเตียง เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงร้องเบา ๆ เป็นระยะ วุธต้องปิดปากผมด้วยปากของมันเอง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้ว่าการจูบปากจริง ๆ แล้วมันเป็นยังไง ไม่ใช่แค่เอาปากมาชนกันเฉย ๆ และรู้แล้วว่ามันรู้สึกดีแค่ไหน ไม่งั้นในหนังเค้าจะดูดปากกันจ๊วบ ๆ เหรอ.....
*
*
*
*
.....ตอนลงจากเตียงมาอาบน้ำ ผมแทบก้าวขาไม่ออก เหมือนวุธจูเนียร์ยังคาอยู่ ถึงแม้จะเหนื่อย จะเพลียแค่ไหน แต่ผมก็ต้องอาบน้ำล้างตัวอีกรอบ และจะถือโอกาสดูร่องรอยบนร่างกายตัวเองด้วย จำได้ราง ๆ ว่าวุธมันดูดต้นคอผมอยู่นาน ป่านนี้คงแดงช้ำประจานการเสียซิงครั้งแรกของผมแน่ ๆ.....
.....โชคดีที่ผมเป็นคนไม่ขาวมากนัก รอยต่าง ๆ จึงไม่ชัดเท่าไหร่ แต่พรุ่งนี้จะไปทำงานยังไงเนี่ย ยังรู้สึกเจ็บ ๆ แสบ ๆ อยู่เลย นี่ขนาดว่าเตรียมใจมาแล้วว่ามันต้องเจ็บ แต่ยังดีที่ไม่ถึงมีเลือดออกมาให้พี่คนทำความสะอาดสงสัย แต่มันก็น่าจะมีคราบน้ำแปลก ๆ ติดผ้าปูที่นอนอยู่บ้างแหละ พรุ่งนี้เช้าค่อยเช็คดูละกัน.....
.....ระหว่างที่ผมกำลังอาบน้ำชำระล้างร่องรอยต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลิน ขอนอนแช่น้ำอุ่นจัด ๆ ซักพักดีกว่า....ประตูห้องน้ำของผมก็ถูกเปิดเข้ามา ผมตกใจมาก แน่ใจว่าล็อคอย่างดี แล้วทำไมวุธมันเข้ามาได้วะ.....
“...เฮ้ย...เข้ามาได้ไงเนี่ย...” ผมลุกจากอ่างรูดม่านม่านพลาสติกปิดตัวไว้
“...นี่ไง...” วุธชูพวงกุญแจบ้านผมขึ้น แน่นอน มันมีกุญแจทุกห้องในบ้าน ผมวางไว้ในตู้เสื้อผ้าซึ่งวุธมันก็รู้ตั้งนานแล้ว แต่มันก็ไม่เคยไขเข้ามาอย่างนี้ สงสัยเมื่อกี้ผมเปิดฝักบัวเสียงดังเลยไม่ได้ยินเสียงวุธมันเอากุญแจออกมาจากตู้ ซึ่งปกติกุญแจพวงใหญ่ขนาดนั้นเวลาไขมันจะมีเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง
“...มีอะไร...” ผมมองหน้ามันงง ๆ
“...ก็เห็นหายเข้าไปซะนาน...นึกว่าเป็นอะไร...”
“...อาบน้ำอยู่...เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว...ออกไปก่อน...” ผมไล่มันตรง ๆ
“...อาบด้วย...” วุธพูดพลางปลดผ้าขนหนูออกจากเอว
“...จะบ้าเหรอ...” ผมลืมตัวหันหน้าไปทางอื่น
“...จะอายทำไมล่ะ...เมื่อกี้ก็เห็นหมดแล้วนี่...” วุธพูดขำ ๆ
“...ไม่เอา...รอเดี๋ยว...เสร็จแล้วก็ได้...” ผมเอื้อมมือไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำที่แขวนไว้ อีกมือก็ยังจับชายผ้าม่านอยู่
“...อาบน้ำให้หน่อย...นะ...นะจ๊ะ...” วุธแกล้งดึงชุดคลุมของผมไปพาดไว้ที่แขนมันก่อนผมจะเอื้อมไปถึง
“...อาบเองดิ...” ผมพูดแก้เขินที่เห็นมันมองมาอย่างหื่น ๆ
“...เหอะน่า...ง่วงแล้ว...จะได้ไม่เสียเวลา...นะ...” วุธไม่รอให้ผมปฏิเสธอีกครั้ง แทรกตัวเข้ามายืนในอ่างเดียวกับผม เมื่อกี้ไฟมันสลัว ๆ ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ในห้องน้ำไฟสว่างจ้าอย่างนี้ผมก็อายดิ
“...ไม่เอา...” ผมพยายามหาอะไรมาปกปิดร่างกาย แต่วุธมันไม่ยอม กลับดึงตัวผมให้ลงไปนอนในอ่างด้วยกัน แล้วเปิดน้ำฝักบัวให้รดลงมาที่ตัวเราด้วย
“...ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า...” วุธถามเบา ๆ พลางเอามือลูบต่ำลง
“...ไม่อ่ะ...ค่อยยังชั่วแล้ว...”
“...จริงดิ...งั้น...” วุธยิ้มแฉ่ง
“...อะไร...จะทำอะไร...” ผมเผลอมองวุธจูเนียร์ที่ตอนนี้เริ่มขยายตัวอีกแล้ว
“...ก็ขอตอกย้ำความเป็นผัวเอ้อีกทีไง...” ผมอดยิ้มกับคำพูดที่ผมเคยเล่นกับมันสมัยก่อนไม่ได้ เวลาที่มันถามว่าทำไมชอบไปเที่ยวห้างที่พวกผมไปประจำ ผมก็จะตอบเล่น ๆ ว่าไปให้ รปภ ห้างตอกย้ำความเป็นผัว.....ไม่คิดว่ามันจะจำมุกของผมได้
“...ง่วงไม่ใช่เหรอ...” ผมแกล้งถาม
“...อืม ง่วงเป็นเชี่ยน ๆ อ่ะ...” วุธขยับเข้ามา แต่ผมไม่หลบครับ
“...ไม่ไหวแล้ววุธ...พรุ่งนี้ต้องทำงานอีก...” ปากผมปฏิเสธ แต่มือนี่ทักทายกับน้องชายของมันทันที
“...ผมรู้ว่าเอ้มีวิธีเอามันลง...” วุธพูดยิ้ม ๆ
“...แน่นอน...” ผมดันตัววุธให้ขึ้นไปนั่งบนขอบอ่าง และหลังจากนั้นก็...............นั่นแหละ
*
*
*
.....ไม่บ่อยครั้งนักที่ผมจะลากิจกะทันหัน แบบโทรบอกหัวหน้าหลังจากเลยเวลาเข้างานเกือบชั่วโมง.....ไปไม่ไหวจริง ๆ ครับเช้านั้น วุธก็เช่นกัน หลังจากโทรลางาน เราสองคนก็นอนต่อด้วยความอ่อนเพลีย.....ผมสะดุ้งตื่นอีกทีก็เกือบเที่ยง พี่คนทำความสะอาดเคาะประตูเรียก ทำเอาผมกระเด้งจากเตียง วุธตื่นตาม ผมผิดเองแหละที่ไม่ได้บอกพี่เค้าล่วงหน้าว่าไม่ต้องปลุก พี่เค้าก็คิดว่าผมตื่นแล้ว.....ผมตะโกนบอกพี่เค้าว่าวันนี้ไม่ต้องทำความสะอาดห้องผม.....วุธเดินงัวเงียเข้าห้องน้ำ ผมเปิดม่านให้แสงจากภายนอกช่วยทำให้ผมเห็นร่องรอยบนผ้าปูที่นอน....และมันก็มีจริง ๆ ด้วย งั้นวันนี้ซักเองก็ได้วะ ไหน ๆ ก็หยุดงานแล้วนี่.....
*
*
.....จากวันนั้นถึงวันนี้ ทุกอย่างก็ยังเป็นเหมือนเดิม ผมไม่กล้าพูดหรอกว่าผมโชคดี โอเค โชคดีนิดนึงก็ได้ที่เจอวุธ แต่เราก็ต้องใช้เวลานานพอควร เพื่อเรียนรู้ เพื่อปรับตัว และโชคดีอีกนิด ที่เราชอบอะไรเหมือน ๆ กัน.....
.....เราชอบไปตลาด หรือซุปเปอร์มาร์เกต มากกว่าเดินห้างดัง ๆ (เบื่อแล้ว เดินห้างมาตั้งแต่เด็ก).....
.....เราชอบทำอะไรกินกันเองที่บ้าน มากกว่าไปกินในร้านอาหารหรู ๆ (แต่ก็มีบ้าง ในโอกาสพิเศษ).....
.....เราชอบดูหนังแผ่น มากกว่าดูตามโรงหนัง (อึดอัด).....
.....เราไม่ชอบดูการแข่งขันกีฬาเหมือนกัน ฟุตบอล มวย บาส แม้แต่ว่ายน้ำยังไม่ดูเลย (วุธดูกีฬาอยู่ไม่กี่อย่าง ส่วนใหญ่จะเป็น Match สำคัญ แต่ที่มันชอบที่สุดคือแข่งรถ).....
.....เราต่างรักครอบครัวเหมือนกัน แม้ว่าตอนนี้พวกเค้ายังไม่รู้ว่าเรามีความสัมพันธ์ที่เกินเลยกว่าคำว่าเพื่อน แต่เรามั่นใจว่าเค้ารับได้ เพราะเราสองคนไม่เคยทำอะไรให้เสื่อมเสีย (ผมและวุธไม่ใช่ลูกชายคนเดียว และไม่ใช่ความหวังทั้งหมดของพวกเค้า)
.....เราสองคนไม่กินเหล้า (มีบ้างในงานสังคม) แต่ที่แน่ ๆ ไม่สูบบุหรี่.....
.....เราต่างดูแลตัวเอง และช่วยดูแลกันและกัน.....
.....รายละเอียดปลีกย่อยมีอีกเยอะแยะ เอาแบบพื้นฐานละกันนะครับ จำเอาไว้ว่า Nobody loves you as yourself เรียนรู้ที่จะรักตัวเองก่อน แล้วคุณจะรักคนอื่นได้แน่นอน.....ผมเห็นวุธรักและดูแลตัวเองเป็นอย่างดี และมันก็รักและดูแลผมได้ดีเช่นเดียวกับดูแลตัวเอง....เช่นเดียวกับผม ผมกินอะไร วุธก็ได้กินด้วย ผมทำอะไร ผมก็ทำเผื่อวุธด้วย.....ขอย้ำนะครับ รักตัวเอง ไม่ได้หมายถึงเห็นแก่ตัว.....ที่คุณรักและดูแลตัวเองได้ ผมว่าคุณก็สามารถรักคนอื่นได้......และคนที่ทำร้ายตัวเองได้ หรือทำให้ตัวเองเจ็บได้ ผมเชื่อว่าเค้าสามารถทำร้ายคนอื่นได้เช่นกัน.....ไม่มีใครอยากรักคนที่ชอบทำร้ายตัวเองหรอกครับ.....
.....รู้ตัว และมีสติตลอดเวลาก็จะช่วยให้ชีวิตคู่ยืนยาวนะครับ ก่อนทำ หรือก่อนพูดอะไรคิดให้ดี ๆ ซะก่อน แต่ก็ควรเอาความรู้สึกจริง ๆ มาช่วยตัดสินด้วย ไม่งั้นจะดูเฟค ดูพยายามเป็นคนดีเกินไป ซึ่งในสังคมจริง ๆ แล้วมันไม่มีหรอกครับไอ้ Mr. Perfect น่ะ อยู่ที่ว่าใครจะมีสติรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรมากกว่า คุณเลือกที่จะทำดี หรือทำเลวได้ จะทำให้เค้ารัก หรือเกลียดก็ได้เช่นกัน.....ทุกคนรู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี แต่มันก็มีเหตุผลส่วนตัวอ่ะนะครับที่บางทีเราก็ต้องตัดสินใจเลือกทำเลว.....การเคารพความคิดของคนที่คุณรักก็เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เลยนะครับ.....
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: dejavu_boyz ที่ 20-10-2007 21:06:30


ในที่สุด พี่เอ้ก้อเสียสาวสะแร้ว คงสมใจใครๆหลายคนเรยเนอะ  :a9: :a9: :a1: :a1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 20-10-2007 21:40:52
 :impress:

เอ้ของเราเสียสาวซะแล้ว

ตอนท้าย พูดดีนะครับ ถ้าทุกคนทำได้ โลกของเราคงจะสวยงามขึ้นเยอะนะ

รออ่านตอนต่อไปครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 20-10-2007 22:09:43
.....Finally it’s time to say goodbye......ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตั้งแต่ “เด็กพาณิชย์ขอเล่ามั่งนะครับ (เรื่องยาว)” เริ่มโพสตอนแรกเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2548 เวลา ตีสองสามสิบห้านาที ไม่คิดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีขนาดนี้ ทั้งที่ผมตั้งใจจะเล่าแค่ตอนเรียนพาณิชย์ แต่เพราะพวกคุณทุกคน กำลังใจของพวกคุณทำให้ผมต้องกลับมาเล่าต่อ แม้ว่าจะมีอุปสรรคมากมาย แต่ผมก็เล่ามาจนถึงตอนสุดท้ายจริง ๆ ซะที.....
.....เวลาที่ผมเอาตอนเก่า ๆ มาอ่านอีกครั้ง ได้อ่านรีพลายของทุกคน รู้สึกดีทุกครั้งที่เห็นว่ายังมีคนชื่อคุ้น ๆ ตั้งแต่กระทู้แรก ถึงกระทู้สุดท้าย และมีคนชื่อแปลกใหม่เข้ามาตลอด ขอบคุณมาก ๆ นะครับ.....
.....มีนักเขียนหลายคนในบอร์ดที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา ถ้าจะให้เอ่ยชื่อคงไม่หมดเพราะจำชื่อจริง ๆ ไม่ได้ ผมขอขอบคุณพวกเค้าไว้ตรงนี้เลยนะครับ ถึงแม้ว่าเค้าจะเข้ามาอ่านหรือไม่ก็ตาม แต่ผมตั้งใจจะขอบคุณพวกเค้าในวันที่เรื่องของผมมาถึงที่สุด.....
.....คุณบอย.....ผมชอบเรื่องของบอยกับต้นมากถึงมากที่สุด คุณเป็นต้นแบบของผม และผมจะติดตามผลงานของคุณตลอดไปนะครับ.....
.....คุณ A-lone ที่เขียนเรื่องยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท...ยิ่งไม่มีสิทธิ์.....ยาวได้ใจมาก ๆ ชอบครับ.....
.....คุณที่เขียนเรื่องต่อกับเม้ง.....อยากเขียนให้ได้อย่างคุณมั่งจัง.....
.....ยังมีอีกเยอะ ที่จริงแล้ว ผมก็ติดตามทุกคนทุกเรื่องอ่ะนะครับ แต่อย่างที่รู้ ๆ กัน คือผมไม่ค่อยมีเวลา เปิดเวปทีวุธก็มักจะเดินป้วนเปี้ยนคอยดูว่าผมทำอะไร ดังนั้นผมจึงต้องรีบอ่าน อาจจะไม่ค่อยได้รีพลาย แต่ก็ขอบอกไว้ตรงนี้ว่า ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ.....
.....ที่ผ่านมา มีคนส่งเมล์ มาหาผมเยอะมาก ขอบคุณนะครับที่ส่งมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกัน พวกคุณเป็นเหมือนเพื่อนผมไปแล้ว แต่ผมก็ต้องขอโทษด้วยที่อาจจะตอบช้าไปบ้าง.....ส่วนเล่นเอ็มนี่ นาน ๆ ที และครั้งละไม่นาน เพราะต้องคอยระวังหลัง วุธไม่ชอบให้ผมนั่งหน้าคอมนาน ๆ มันไม่มีเพื่อนคุยอ่ะ.....
.....อีกไม่นาน วุธคงได้อ่านเรื่องนี้แล้วหล่ะ ผมเปรย ๆ กับมันหลายครั้งแล้ว และนี่เป็นเหตุผลที่ผมเล่าเรื่องของโมทย์กับอีแอ๊บไมได้.....ไม่อยากรื้อฟื้นในกระทู้นี้ ย้ำ ในกระทู้นี้.....
.....ชอบคุณทุกคนอีกครั้งนะครับ.....อย่าลืมใส่ใจสุขภาพ ดูแลตัวเองและคนรอบข้างด้วย.....ซักวันคุณจะเชื่อว่าจริง ๆ แล้ว Love is all around.....
...With love as always...
...เอ้...อดีตเด็กพาณิชย์...
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 21-10-2007 00:08:01
ขอบคุนมากคับคุนเอ้

ความจริงเรื่องนี้เคยถูกตัดตอนลงสั้นเอาไปทำเรื่องสั้นในบอร์ด G มาแล้ว

แต่ตอนนี้ผมก้ตามเรื่องนี้ที่ค้างคาในบอร์ดเก่าได้จนจบ

ผมขอบคุนจิงๆ

ผมชอบเรื่องนี้มากจิงๆ เพราะว่า มันเปนเรื่องในวัยเรียน

วัยเรียนมันหลากหลาย ความรัก มันจะดูอ่านแล้วเข้ากับอารมของผมได้

แต่คุนเอ้ได้หักมุม นั้นทิ้งลง

เพราะคุนเอ้ รักแค่คนๆเดียวมากตลอดที่มีความรัก

และเก็บความรักให้กับคนรักคนสุดท้ายจิงๆ

ผมว่าคุนวุธโชคดีมากที่มีคุนเอ้ไว้

เพราะว่าความรักแบบเราๆ มันไม่ค่อยยั่งยืนหรอกคับ

แต่ความจิงแล้ว มันก้มีได้ อย่างที่คุนเอ้บอก

"Nobody loves you as yourself เรียนรู้ที่จะรักตัวเองก่อน แล้วคุณจะรักคนอื่นได้แน่นอน"

".....รู้ตัว และมีสติตลอดเวลาก็จะช่วยให้ชีวิตคู่ยืนยาว"

ผมจะเชื่อในคำนี้ของคุนเอ้นะคับ

ผมขอบคุนจิงๆนะคับ

 o13 รักคุนเอ้ คุน วุธ แระตัวเอง อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 21-10-2007 06:17:25
ติดตามมาตั้งแต่ต้น แล้วติดใจมากๆเลย ได้รู้อะไรที่ไม่เคยรู้ในหลายแง่ๆของชีวิตคนเรียนพานิชย์

แล้วจะรอภาคต่อไปของ คุณเอ้อีกน่ะค้าบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 21-10-2007 11:04:02
 :impress:

คับ ขอบคุณคุณเอ้มาก ๆ คับ ที่นำเรื่องราวดีดีมาให้พวกเราได้อ่านกัน

และผมก็ขอให้คุณเอ้ กับ คุณวุธ อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ นะ

ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้คับ

 o15

ปล. หวังว่าคงจะได้เจอคุณเอ้ ในเรื่องหน้านะ
หัวข้อ: "***ครบรอบ 1 ปี...อดีตเด็กพาณิชย์คนเดิมกลับมาเล่าต่อ (ตอนใหม่)***" โดย COMMERCIAL COLLEGE
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 21-10-2007 12:42:25
Commercial College Student        02-Dec-06, 05:42 PM (SE Asia Standard Time)
"***ครบรอบ 1 ปี...อดีตเด็กพาณิชย์คนเดิมกลับมาเล่าต่อ (ตอนใหม่)***"

นำมาต่อกันที่เล้านี่ให้จบบริบูรณ์กันไปเลยยยยยครับบบบ .... ท้ายของแต่ละตอนจะมีข้อความของคุณเอ้ฝากไว้
เล็ก ๆ น้อย ๆ เอามาลงให้อ่านกันไปด้วยจะได้ทราบบรรยากาศเสมือนคุณเอ้มา post เองเลยทีเดียว....NC

1. I'm back

.....ปีกว่าแล้วสินะ เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ผมยังคงเป็นพนักงานต้อนรับส่วนหน้าในโรงแรมใจกลางกรุงเทพฯ ส่วนวุธก็เป็นรองหัวหน้าแผนกในโรงงานรถยนต์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งย่านชานเมือง.....ชีวิตคู่ที่ไม่ค่อยได้มีเวลาตรงกัน ทำให้เรารู้สึกดีเมื่อได้หยุดพร้อมกัน หรือแค่วันที่ผมได้เข้าเวรรอบเช้า เราจะได้ไปทำงานพร้อมกัน กินข้าวพร้อมกัน นอนพร้อมกัน ซึ่งมันไม่บ่อยครั้งนัก เพราะผมเองก็ทำงานมานาน เป็นระดับซีเนียร์ หัวหน้าให้มาเข้างานรอบไหนก็ต้องมาได้ ถ้าไม่อึดจริง ผมคงน็อคไปนานแล้ว.....บางช่วงได้เจอหน้าวุธก็แค่ตอนมันหลับ.....เราใช้วิธีโทรหากัน ส่ง SMS หรือแม้แต่เขียนถ้อยคำแสดงความห่วงใยใส่กระดาษน่ารัก ๆ แปะไว้ตามกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง...ติดไว้ที่ตู้เย็น หรือเหน็บไว้ตรงที่ปัดน้ำฝนหน้ารถ มองไกล ๆ เหมือนโดนใบสั่งยังไงไม่รู้.....

.....ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราทั้งคู่ไม่เคยมีปัญหาอะไรใหญ่โต มีแค่งอนกันเล็กน้อย ง้อแป๊บเดียวก็หาย ส่วนมากจะเป็นเรื่องผมกลับบ้านไม่ตรงเวลา กับเรื่องวุธมันหาว่าผมไม่มีเวลาให้ ก็คนทำงานไม่เป็นเวลานี่นา ยิ่งตอนนี้มันบ้าตีกอล์ฟ และผมก็ไม่ยอมไปตีกับมัน...โห...ทำงานอาทิตย์ละ 6 วัน เหนื่อยนะครับ ให้แหกตาตื่นแต่เช้าไปเดินตากแดดตีไอ้ลูกกลม ๆ ให้ลงรู...ไม่มีทางซะหรอก อันนี้เพื่อนผมทุกคนจะรู้ว่าผมไม่ชอบโดนแดด ไม่ได้ดัดจริตนะครับ แต่มันร้อนแล้วเหนียวตัว บ้านเราอากาศร้อนชื้น เดินตากแดดนิดเดียวเหงื่อก็ชุ่มเสื้อแล้ว ที่นี่ไม่ได้แดดแรง แต่ร้อนแบบแห้ง ๆ เหมือนเมืองนอกนี่.....

.....ตอนนี้วุธมันไม่ค่อยชวนผมไปตีแล้วล่ะ แต่ถ้าเป็นซ้อมในกรุงเทพฯ ในสโมสร คลับหรืออะไรที่มีโต๊ะให้นั่งร่ม ๆ มีอาหารให้กิน มีเพลงให้ฟัง มีหนังสือให้อ่าน อันนี้โอเค ไปด้วยได้...ปัญหาก็คือ มันชอบไปตีกอล์ฟต่างจังหวัดใกล้ ๆ แถวบางปะกง ชลบุรี ออกจากบ้านตั้งแต่ยังไม่ตี 5 กลับมาอีกทีเย็นโน่น ไปกับก๊วนที่ทำงาน ผมก็ไม่ห่วงอะไรหรอกครับ ปล่อย ๆ ซะบ้าง.....

.....ถ้าติดตามกันมา จะรู้ว่าผมเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง การได้อยู่คนเดียวซะบ้างมันเหมือนกับการพักผ่อนในตัว วันไหนวุธไม่อยู่ ผมก็จะโหมขัดตัว ขัดหน้า หมักผม นอนแช่น้ำ จุดเทียนหอม ทำสปาส่วนตัว มีความสุขที่สุด...ถ้าวุธอยู่นี่ทำไม่ได้นะครับ มันจะชอบให้ผมอยู่ในสายตามันตลอด อย่างเล่นเนตเนี่ย ถ้าเปิดเวปมันจะเดินป้วนเปี้ยนอยู่ข้างหลัง ออนเอ็มนี่ ต้องรอให้มันไม่อยู่บ้าน...ที่ผมทำได้คือ เล่นเกม หรือไม่ก็พิมพ์อะไรก๊อก ๆ แก๊ก ๆ มันให้เหตุผลที่ไม่ยอมให้ผมออกนอกลู่นอกทาง เพราะมันกลัวผมใจแตก หรือพูดง่าย ๆ ว่า กลัวผมตัญหากลับในวัยทำงาน.....

.....วุธมันดีอย่าง คือไม่ชอบเล่นเนต ไม่ชอบแชท หรือแม้แต่เกมออนไลน์ คอมเครื่องนี้ก็เลยเป็นของผมคนเดียว ส่วนวุธก็ยังจงรักภักดีกับเกมเพลย์ที่ซื้อมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย ตอนมันอยู่หอ ไม่มีอะไรทำมันก็นั่งเล่นเกมเนี่ยแหละครับ ไม่อยากเม้าธ์...แผ่นเกมมันมีมากกว่าแผ่นหนังโป๊ซะอีก.....

“...เอ้...พรุ่งนี้โทรปลุกตี 4 ด้วยนะ...” วุธสั่งขณะจัดกระเป๋าในคืนวันศุกร์ก่อนผมจะไปเข้างานรอบดึก

“...ไปไหนอ่ะ...” ผมรู้แล้วว่ามันจะไปตีกอล์ฟ แต่ผมหมายถึงสนามไหน

“...XXXXX ชลบุรี แค่นี้เอง...” วุธพูดชื่อสนามกอล์ฟ

“...ทำไมเอาเสื้อผ้าไปเยอะจัง...” ผมยืนเบียดกับมันที่หน้าประตูตู้เสื้อผ้า เพราะผมก็กำลังแต่งตัวไปทำงาน

“...กะว่าจะค้างอ่ะ...” ผมหันไปมองหน้ามันทันที “...ไม่แน่...เผื่อขับรถกลับบ้านไม่ไหว...” วุธพูดเสียงอ่อย ๆ

“...ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย...” ผมฝืนยิ้มให้มัน เสียดายลึก ๆ เพราะวันนี้ผมเข้ารอบดึก พรุ่งนี้ผมก็หยุด เพื่อไปเข้างานรอบเช้าในวันอาทิตย์ ถ้าวุธค้าง หมายความว่าผมกับมันจะไม่ได้เจอกันตั้งสองคืน นาน ๆ จะได้หยุดวันเสาร์ซะที แพลนว่าจะทำอะไรกินกัน...เฮ้อ...ไม่เป็นไร...ผมก็พยายามมองโลกในแง่ดีว่า เราจะได้พักผ่อนเต็มที่

*
*
*

.....ทำงานรอบดึกนี่ฟุ้งซ่านจริง ๆ แขกก็ไม่ค่อยเยอะ จะมีปัญหาก็แค่ทะเลาะกับผู้หญิงที่แขกพามา หรือไม่ก็แขกเมาพูดไม่รู้เรื่อง ส่วนงานเอกสาร print report...เช็คไฟล์...ทำอะไรเสร็จก็ไม่เกินตี 2 ทีนี้ก็แยกย้ายผลัดกันไปนอน แต่ผมไม่เคยนอนเพราะไม่ชอบตอนตื่นมามันจะมึนหัว...เหมือนเค้าจ้างผมมาเฝ้าโรงแรม นั่งหัวโด่ อ่านนิตยสาร อ่านหนังสือพิมพ์ เอาวิทยุเครื่องเล็ก ๆ มาเปิดฟังหน้าฟร้อนท์.....จะมายุ่งอีกทีก็ตอนเช้ามืดแขกเช็คเอ้าท์ ไกด์มารับ วุ่นวายกันทั้งโรงแรมตั้งแต่ฟร้อนท์ เบลล์บอย แม่บ้าน และห้องอาหาร.....

.....ระหว่างนั้นผมก็คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา วุธมันกำลังเห่อกีฬากอล์ฟมาก หลังจากที่ลากผมไปเข้าฟิตเนสแถวบ้านเมื่อต้นปี วุธน่ะมันได้เล่นคุ้ม เพราะมันมีเวลา แต่ผมนี่สิ เหมือนเสียเงินให้เค้าเปล่า ๆ ผมเข้าฟิตเนสนับครั้งได้เลยในช่วงแรก ทำงานมาก็เหนื่อยพอแล้ว แต่วุธมันก็บังคับขู่เข็ญลากผมไปจนตอนนี้ผมติดการออกกำลังกายไปซะแล้ว.....

.....ส่วนเรื่องกอล์ฟ วุธมันเพิ่งจะติดไม่นานนี้เอง หมดเงินไปกับอุปกรณ์หลายอยู่ บางชิ้นผมยังเสียดายเงินแทน เป็นกีฬาที่มีอุปกรณ์แพงมาก ช่วงนั้นวุธก็พยายามให้ผมเล่นกอล์ฟกับมัน ถึงขนาดลงทุนซื้อถุงมือซื้อไม้ให้ อย่างที่บอกถ้าซ้อมตีในร่ม ผมก็โอเค แต่ถ้าให้ออกแดด ผมดึงดันทุกวิถีทาง ไม่ยอมเล่นกับมัน จนมันต้องซื้อที่ซ้อมกอล์ฟเอาไว้ที่บ้าน อันนี้มันแอบซื้อครับ กลัวผมด่าทั้ง ๆ ที่ไม่ใช้เงินผม แต่ก็เสียดายแทน....แบบนี้ค่อยดีขึ้นมาหน่อย ไม่ร้อน แล้วเวลามันสอนนะ...ตัวติดกัน ต้องจับมืออีก ถึงจะอยู่ด้วยกันมานาน แต่ผมก็ยังเขินมันไม่หาย ตีผิดตีถูก สอนเท่าไหร่ผมก็ตีไม่เก่งซะที.....

*
*
*

“...เหนื่อยมั๊ยจ๊ะ...” วุธทักทันทีที่ผมลงจากรถ เดินยิ้มแป้นออกมาช่วยผมถือกับข้าวเข้าบ้าน วันนี้วันอาทิตย์ เอารถไปทำงานได้

“...เหนื่อยดิ...ห้องเต็มอีกแล้ว.................” ผมเดินไปบ่นไปตามเรื่องตามราว

“...ซื้อขนมมาฝากเอ้ด้วย...” วุธยกจานข้าวหลามออกมาให้ผมที่ห้องรับแขก ผมกลั้นยิ้ม เพราะนึกภาพออกว่ามันเป็นคนผ่าเองกับมือ วุธมันชอบทำอะไรที่ใช้กำลังอย่างนี้เสมอ ทุกครั้งที่ไปชลบุรีมันจะต้องซื้อข้าวหลามมาฝาก และใช้มีดอันใหญ่ที่สุดเท่าที่มี นั่งผ่านั่งแงะกระบอกข้าวหลามอยู่หลังบ้าน ผมบอกมันว่าเวลาซื้อให้แม่ค้าเค้าผ่าให้ก็ได้ แต่มันบอกว่ามันชอบ ท้าทายดี ผมก็ไม่ว่าอะไร ดีซะอีกอย่างน้อยก็สะอาดไว้ใจได้ และที่ผมกับวุธกินก็ไม่เหมือนกัน เพราะผมกินแต่ด้านบนที่มีกะทิ พอมันหมดหวานกลายเป็นข้าวเหนียวธรรมดา ไอ้วุธมันก็กินต่อ มันชอบเอาไปจิ้มกับนมข้นหวาน...แบบนี้อยู่ด้วยกันได้

“...หนุกปะ...” ผมถามพลางเอาช้อนตักหน้าข้าวหลามกินรองท้อง

“...สนุกดิ...เกือบได้โฮลอินวัน...” มันชอบพูดภาษากอล์ฟที่ผมไม่รู้เรื่อง ได้แต่อือ ๆ ออ ๆ ตามไปงั้น “...เออ นี่ ทริปนี้มีพี่ที่ทำงานคนละแผนกไปด้วยคนนึง...ถ้าเอ้เห็นแล้วเอ้จะชอบ...”

“...ทำไมอ่ะ...”

“...เค้าหล่อมาก ๆ เลยเอ้ เรียนที่อเมริกาตั้งแต่เด็ก บ้านรวยโคตร ขับรถคันละตั้งหลายล้าน แต่เสียอย่างเดียว เป็นคนไทยแต่อ่านเขียนภาษาไทยไม่ได้...เฮ้อ...” วุธพูดขำ ๆ ท่าทางจะหล่อจริง ไม่ค่อยได้ยินวุธชมผู้ชายด้วยกันเท่าไหร่

“...แล้วเค้าไปตีด้วยได้ไง...อยู่คนละแผนกไม่ใช่เหรอ...”

“...อืม...เค้าเป็นเพื่อนของพี่อีกคนอ่ะ...เนี่ยเพิ่งเข้ามาทำงานไม่ถึงเดือน ผู้หญิงจ้องจะจีบกันทั้งบริษัท...มีรูปด้วย แต่ยังไม่ได้เอาไปอัด...” ผมแกล้งทำตาโต “...ไม่ต้องเลย...ไม่ให้ดูหรอก เดี๋ยวเอ้ไปชอบเค้าอีกคน...” วุธดักคอ เพราะรู้ว่าผมชอบกระดี๊กระด๊าคนหน้าตาดี ๆ

“...ไม่มีทาง...ชั้นรักแกคนเดียว...” วุธอมยิ้มแก้มตุ่ย “...ขอดูหน่อยนะ...นะ...” ผมอ้อนดูรูปที่อยู่ในกล้องดิจิตอลของวุธ ใจจริง แค่อยากรู้ว่ามีใครไปมั่งเท่านั้นแหละ

*
*
*

“...อ่ะ...” วุธยื่นกล้องดิจิตอลให้ผมแล้วนั่งข้าง ๆ เพื่อดูรูปด้วยกัน

“...เขยิบไปหน่อย...ไม่เหม็นเหรอ...” ผมเบี่ยงตัว อยู่กันมาตั้งนานผมก็ยังอดเขินมันไม่ได้ ก็หน้ามันกะหน้าผมติดกันซะขนาดนี้

“...ไม่เห็นเหม็นเลย...หอมจะตาย...” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น ก็นั่นนะสิ มันจะเหม็นได้ยังไง ก็ผมอยู่ห้องแอร์ทั้งวัน เหงื่อไม่ออก เสื้อผ้าก็เอาไปเปลี่ยน แหม...มันเป็นข้ออ้างแก้เขินอ่ะ

“...นี่ ๆ พอ จะดูรูป...” ผมจับคางมันให้หันไปที่กล้อง ทำเป็นสนใจกับรูปในจอตรงหน้า...จ้ะ...วุธขอบใจมากที่ให้ดูรูป...มีแต่รูปมันทั้งนั้น ส่วนพี่ที่ว่าหล่อ มีเหมือนกัน แต่ดันเป็นรูปที่เค้าใส่หมวกปิดมาซะครึ่งหน้า หรือไม่ก็ถ่ายซะไกลขนาดซูมจนสุดก็มองหน้าไม่ชัดอยู่ดี...อืม...เท่าที่เห็นก็มีเค้าโครงความหล่ออยู่เหมือนกันนะ

“...ทำไมทริปนี้ถ่ายรูปเยอะจัง...” ผมสงสัย

“...อ๋อ...พี่เค้าถ่ายเล่นอ่ะ ฝากถือกระเป๋าแป๊บเดียว แอบถ่ายเราตั้งหลายรูป...” มันพูดไปหัวเราะไปพร้อมกดเลื่อนให้ผมดูรูปหลุด ๆ ของมันพลางเล่าให้ฟังว่ามันทำอะไรบ้างในตอนนั้น

*
*
*

.....เช้าวันจันทร์ ผมต้องจำใจลุกจากเตียงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เพื่อไปให้ทันเข้างานรอบเช้าในเวลาเจ็ดโมง เราก็เคยทำงานรอบดึกมาก่อน เข้าใจความรู้สึกของเพื่อนร่วมงานที่เข้าดึก เหนื่อยและเพลียมาก ๆ พอรอบเช้ามาต่อรอบนั่นหมายความว่าเขาได้กลับบ้านไปพักผ่อนซะที.....

.....ถึงแม้ผมจะเพลียจากการนอนน้อยและนอนไม่เป็นเวลา รวมทั้งจากการแสดงความรักของเราสองคนที่ใช้เวลานานกว่าที่ผ่านมา เพราะไม่ใช่แค่ครั้งเดียวสำหรับเมื่อคืนนี้ วุธอ้อนเพื่อให้ผมยอมตามใจ ปากก็บอกคิดถึง ไม่ได้นอนกอดตั้งสองคืน...ถ้ากอดอย่างเดียวคงไม่เพลียขนาดนี้หรอก ผมคิดในใจพลางมองหน้าวุธที่นอนหลับตาพริ้มมีความสุข ไม่ต้องกลัวตื่นสายเพราะมีผมทำหน้าที่เป็นนาฬิกาปลุกส่วนตัว.....

.....ทำงานรอบเข้านี่อะไรก็ดีไปหมด แต่ผมสงสารวุธที่ต้องตื่นเร็วกว่าทุกวันเพื่อออกไปส่งผมที่สถานีรถไฟฟ้าแล้วเลยไปทำงานต่อ...อืม...แสนดีอย่างนี้ไม่รักได้ไงล่ะ.....

*
*

“...Good morning ค่ะ แหม...คุณพี่หน้าตามีความสุขนะคะ...” เสียงน้องเบส กะเทยเด็ก (เด็กกว่าแค่ปีเดียวเอง) น้องใหม่ของแผนกทักเสียงใส ถึงหล่อนจะดัดจริตทักผมเป็นภาษาอังกฤษแต่มันก็ยกมือไหว้ด้วย อันนี้มันคงเห็นรุ่นพี่ทำเป็นตัวอย่าง เรื่องการยกมือไหว้สวัสดีนี่เป็นกันทั้งแผนก ตามลำดับอาวุโส บางทีไปเจอกันข้างหน้าฟร้อนท์ ก็ยกมือไหว้กันตรงนั้น แขกที่รอเช็คอิน เช็คเอาท์ ยืนยิ้มที่ได้เห็นวัฒนธรรมที่พวกเราคนไทยควรภูมิใจ

“...Morning จ้า...คุณน้องก็สวยแต่เช้าเลยนะ...” ผมรับไหว้ แถมชมมันนิดนึง หล่อนบ้ายอ

“...ไม่ได้หรอก...วันนี้เข้ารอบเดียวกับพี่เอ้...ถ้าไม่สวยพอพี่เอ้ก็กวาดแขกผู้ชายของหนูเกลี้ยงเลยสิ...”

“...อีเบส...เลิกงานแล้วมึงจะไปเล่นวิกไหนวะ...” น้องเตยอีกคนส่งเสียงกัด สองคนนี้มันสนิทกันค่อนข้าเร็ว เพราะเป็นเด็กเข้าใหม่วัยเดียวกัน

“...อีดอก...มึงออกไปออนฟลอร์ก่อนสิ กูแต่งหน้าอยู่...”

“...วันหลังมึงก็แวะแต่งหน้าที่นิติเวช ตรงโรง’บาลตำรวจก่อนสิวะจะได้ไม่เสียเวลา...” น้องธีพูดแล้ววิ่งออกไปต่อรอบหน้าฟร้อนท์ ก่อนที่เพื่อนสาวจะหาอะไรปาหัว

“...เอ้...วันนี้แกเหนื่อยแน่...” พี่ไนท์เมเนเจอร์พูดขำ ๆ เมื่อเห็นว่าผมต้องร่วมงานกับเด็กใหม่ทั้ง 2 คน ที่ถึงแม้ว่าเราจะเห็นและรู้จักกันมาเกือบสองเดือน แต่ก็ยังไม่เคยได้ทำงานด้วยกันครบเซตอย่างวันนี้

“...เอ้ก็ว่างั้นอ่ะเจ๊...” ผมพูดพลางขยับเนคไทให้เข้าที่เข้าทาง ส่องกระจกหันซ้าย หันขวาสำรวจตัวเอง แล้วเดินออกไปเผชิญความวุ่นวายหน้าฟร้อนท์


********************************************************************************************


.....สวัสดีอีกครั้งครับ ไม่ได้เจอกันมาหลายเดือน หวังว่าผู้อ่านที่น่ารักของผมคงสบายดีกันทุกคนนะครับ อีกไม่นานก็จะครบรอบ 1 ปีที่เรื่องเด็กพาณิชย์ได้ถูกรู้จัก และมีหลายคนอยากอ่านต่อ หลังจากที่ตอนพิเศษจบลงไปเมื่อกลางปี.....

.....วันนี้ขอเอามาลงให้สั้น ๆ ก่อนเพื่อสำรวจว่ายังมีคนสนใจอยากอ่านเรื่องของอดีตเด็กพาณิชย์คนนี้เหมือนเดิมหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ก็มีเรื่องสั้น นิยาย สนุก น่าติดตามหลายเรื่อง ผมเองก็อ่านเกือบทุกเรื่องนะครับ แต่รีพลายไม่ค่อยได้ โพสท์ยากมาก จะพยายามอีกครั้งก็กลัวจะโพสท์ซ้ำ เอาเป็นว่าผมบอกไว้ตรงนี้เลยละกันว่าผมติดตามและเป็นกำลังใจให้นักเขียนทุกคนนะครับ (เผื่อจะมีใครเข้ามาอ่าน).....

.....เรื่องราวในตอนที่ผมจะเขียนต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน หลายคนได้คุยกับผมคงรู้ว่าชีวิตผมได้มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แต่มันมีเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่ผมคิดว่าเอามาเล่าในบอร์ดนี้ได้ และทุกคนน่าจะชอบ.....

.....แล้วเจอกันครับ.....
...เอ้...


หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 21-10-2007 13:21:58
เอ๊ะ...พี่รูปหล่อนี้จะเป็นตัวปัญหาป่าวอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 21-10-2007 13:29:02
แหมพี่ ถึงจะมีเรื่องให่มา

ผมก้ไม่ลืมเรื่องเก่านะ อิอิ

เอ๊ะ...พี่รูปหล่อนี้จะเป็นตัวปัญหาป่าวอ่ะ

*0*  มีแวว เน๊อ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 22-10-2007 08:00:03
:o8: ค่อย ๆ ขยับนะวุธ เดี๋ยวเอ้จะตกใจ อิอิ :m10:

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 22-10-2007 09:42:07
ติดตามอยู่แล้วจ้า  :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 22-10-2007 10:28:29
แหะๆ...ไม่ได้เข้ามานานเลยง่า

แต่ยังไงก้ออ่านแล้วนะฮะ

แล้วแบบนี้จะเปงยังไงต่อไปละฮะ

ขออย่าให้มีเรื่องร้ายๆเกิดก่ะพี่เอ้แล้วก้อพี่วุธ เลยนะฮะ

ยังไงก้อมาต่อให้อีกนะอะ

จะรอต่อไปเหมือนเดิมนะฮะ

เปงกำลังใจให้นะ สู้ๆนะ :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 22-10-2007 12:29:58
มะอยากจะบอกว่าตอนนี้แหละ ที่เค้าหาอ่านไม่ได้ และได้อ่านเหตุการณ์ที่เลยช่วงนี้ไปแล้ว  :m26:

มะอยากสปอย เพราะตัวเองก็เซ็งไปหลายวันเหมือนกัน

ยังไงก็ยังติดตามอยู่นะ จนกว่าจะจบจริง ๆ แหละ
(ถึงอ่านแล้วก็ยังอยากอ่านอีก มันรู้สึกดี ๆ กับความจริงใจที่เค้ามีให้กันอ่ะ)
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 22-10-2007 14:11:35
 :impress: :impress: :impress: :impress:

รออ่านอยู่คับป๋ม

 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อด$
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 22-10-2007 17:30:58
สนุกมากๆ เลยครับ  อ่านแล้วรู้สึกดีมากครับ

คุณเอ้ก็โชคดีมากที่มีวุธอยู่ข้างๆ

ขอให้มีความสุขกันเยอะๆ นะคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 23-10-2007 01:47:51
คู่ของคุณเอ้น่ารักมากๆคับ ขอให้รักกันนานๆนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-10-2007 06:53:05
มารอนะฮะ

อยากรุเรื่องราวของพี่เอ้ต่อมากมายนะฮะ

ยังไงก้อจะรอต่อไปนะฮะ

เปงกำลังให้นะ สู้ๆนะ :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 23-10-2007 10:06:08
2. Ain’t it funny?
.....เนื่องจากเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องทั้งสองคนอายุห่างจากผมแค่ปีกว่า ๆ เราไม่เคยทำงานกะเดียวกันมาก่อน เพราะผมจะขึ้นมาทำงานรอบเช้าได้ก็คือวันที่สองคนนี้หยุด และมันก็ได้วันหยุดวันเดียวกันอีกด้วย....ตอนที่สองคนนี้เข้ามาใหม่ ๆ ต่างคนต่างเก๊กใส่กัน เจอหน้ากันก็แค่สวัสดีทักทาย แต่พอมันเริ่มเข้าขากัน ทีนี้ฟร้อนท์แทบแตก ก็พวกหล่อนไม่เก็บอาการเลย....ยอมรับครับว่า ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยจะถูกชะตากับพวกมันซักเท่าไหร่ เพราะเราอยากให้เด็กใหม่ตั้งใจทำงานไม่ใช่มาแค่ยืนฉีกยิ้มเซย์ไฮกับแขก งานโรงแรมมันมีอะไรให้ทำมากกว่านั้นนะครับ.....
.....เรื่องเล่นจนลืมทำงานของพวกมันเข้าหูผมบ่อย ๆ แต่ระยะหลังมานี่ดีขึ้นเยอะ คงเริ่มรู้แล้วว่างานโรงแรมมันหนักขนาดไหน ยิ่งเด็กใหม่ต้องเข้างานรอบเช้า เป็นรอบที่วุ่นที่สุด แต่เวลาก็ผ่านไปเร็วที่สุดเช่นกัน...ผมเองก็กลัวที่ต้องมาทำงานกับเด็กใหม่ เพราะลำพังงานตัวเองก็ยุ่งแล้ว ถ้าต้องมาตามแก้งานคนอื่นอีก คงต้องทำงานควงรอบกลับบ้าน 5 ทุ่มพร้อมรอบบ่ายแน่.....
*
*
*
“...เอ้...เบส...ธี...ก่อนกลับแวะมาหาพี่ด้วยนะ...” เอฟโอ (Front Office Manager) เรียกพวกผมขณะที่กำลังฝากงานรอบบ่าย เตรียมตัวกลับบ้าน เอ๊ะ ไม่ใช่ เตรียมตัวไปเดินเล่นที่ห้างใกล้ ๆ หลังเลิกงานกับน้องใหม่ทั้งสอง
“...ตายห่า...จะเรียกกูไปด่าอะไรอีกเนี่ย...” ผมบ่นเบา ๆ กับเพื่อนร่วมงาน
“...เรื่องอีสองตัวนี่หรือเปล่า...” พี่ซุปรอบเช้าพูดให้ผมกังวล
“...อะไรพี่...วันนี้ทุกอย่างโอเคไม่ใช่เหรอ...” ธีแย้ง
“...อืม...อยู่กับพี่เอ้ไม่เห็นวุ่นวายเหมือนวันอื่นเลย...” นังเบสพยักเพยิด
“...ไม่มีอะไรหรอกแก...เรื่องห้อง...เอ้มันก็ Assign ไว้ดีจะตาย วันนี้มีแขกคอมเพลนปะล่ะ...” เพื่อนรอบบ่ายพูดขึ้นมาบ้าง
“...ไม่มีอ่ะพี่...มีแต่ชมว่าพนักงานที่นี่หน้าตาดี ๆ ทั้งนั้น...” เบสหยุดพูดปรายตามาทางผมให้รับมุข
“...แต่ถ้ามาเห็นรอบบ่ายเค้าอาจจะเปลี่ยนคำพูดก็ได้นะ...” ผมพูดขำ ๆ แต่ก็ทำให้วงแตกกระเจิง เพราะพวกรอบบ่ายไล่ให้กลับบ้านก่อนที่จะโดนตบเรียงตัว
*
*
.....จริง ๆ แล้ววันนี้ก็เป็นวันที่ทำงานสนุกมากอีกวันนึง ตั้งแต่ก้าวเท้าออกมาออนฟลอร์ผมก็จัดระบบแบ่งงานกันทำ เอาใจเขามาใส่ใจเรา เนื่องจากทำงานมาตั้งแต่เด็กทำให้เข้าใจความรู้สึกของน้อง ๆ ที่ไม่เคยร่วมงานกัน...แน่นอน ผมต้องทำให้พวกเค้าลดความเกร็ง ทำตัวให้เข้ากับพวกเค้าได้อย่างสนิทใจ ซึ่งมันไม่ยากเลย โชคดีด้วยที่น้อง ๆ พวกนี้ไม่ปีนเกลียว หรือว่าพวกมันรู้ว่าตอนที่ผมโหดเป็นยังไง.....
.....พอเรารวมตัวกันครบ ผมบล็อกห้อง น้องเบสทำรีพอร์ท น้องธีคอยรับแขกเช็คอิน เฃ็คเอ้าท์ ซึ่งผมจะต้องคอยมองตลอดไม่ให้มันทำพลาด โดยเฉพาะเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ...พอแขกเริ่มออกอาการวีน ผมก็จะเดินไปรับหน้าแทน...เป็นการสอนงานในตัว ให้พวกมันดูไว้ว่าเราต้องทำยังไง แต่ของอย่างนี้มัน case by case ผมก็จะบอกว่าอีกหน่อยน้อง ๆ ก็ทำได้ พยายามอย่าหนีปัญหา....และช่วงบ่าย ผมก็ยืนดูน้องทำงานเฉย ๆ ไม่ช่วยดีลแขกถ้าไม่จำเป็น แต่ผมจะยืนประกบทีละคนคอยบอกว่าอะไรดี และไม่ดี (สอนแต่เรื่องงานนะครับ...ส่วนเรื่องอื่นน้องเค้าโอเคเลย).....
*
*
“...มาแล้วครับ...” ทันทีที่เข้าไปในห้องผู้จัดการผมก็เริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่กำลังจะเจอนี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่
“...นั่งสิ...” ผมนำน้อง ๆ นั่ง อีสองคนนั่นนั่งตัวลีบดูเรียบร้อยเป็นคนละคนกับที่เห็นข้างนอก “...วันนี้ทำงานเป็นไงมั่ง...เราน่ะ...” พี่เอฟโอหันไปถามเบส
“...ก็ดีครับ...”
“...แล้วเราล่ะ...”
“...ไม่มีปัญหาอะไรนี่ครับ...พี่เอ้ใจดี...สอนงานผมตั้งเยอะ...”
“...น้องใหม่ทำงานเป็นไงมั่งเอ้...” เอฟโอถามผมเสียงเรียบ
“...โดยรวมแล้ว...ก็ดีนะครับพี่...น้องเค้าอาจจะยังเรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังไม่คล่อง แต่เดี๋ยวทำ ๆ ไปก็ดีกว่านี้เองแหละ...ตอนเอ้มาใหม่ ๆ ก็มึนไปนานเหมือนกัน...”
“...อะไร...ทำงานมาสองเดือนแล้ว...ยังไม่คล่องอีก...แล้วจะผ่านโปรมั๊ยเนี่ย...” ผมเห็นสองคนนั่นนั่งหน้าเหี่ยว พี่เอฟโอคงได้ยินใครบ่นเรื่องพวกมันเล่นกันมากเกินไป
“...ผมจะพยายามให้มากขึ้นครับ...” เบสพูดเสียงอ่อย ๆ
“...ที่เรียกมาเนี่ย...จะบอกว่าวันนี้งานคอมพลีทกว่าทุกวัน...ทั้ง ๆ ที่มีเด็กใหม่ถึงสองคน...พี่ให้คนคอยจับตาดูไว้ว่าวันนี้จะพากันล่มหรือเปล่า...ปรากฏว่าทุกอย่างดีเกินคาด...”
“...วันนี้ห้องไม่ล้น...แขกก็ไม่ค่อยวีนเท่าไหร่...มันก็เลยไม่มีปัญหามั้งพี่...” ผมถ่อมตัว
“...ไม่หรอก...พี่คิดว่าเอ้คุมเจ้าสองคนนี้อยู่...บางทีเค้าอาจจะอยากได้เอ้มาคอยสอนงาน...ใช่มั๊ย...” เอฟโอหันไปถามน้องใหม่ อีพวกนั้นยิ้มระรื่นพยักหน้ากันหงึกหงัก
“...พี่เอ้สอนรู้เรื่องกว่าทุกคนเลยนะครับ...ใจดีด้วย...เวลาผมทำผิดก็ไม่บ่น...” ธีชม
“...พี่ไม่บ่น...แต่พี่ด่าเลยนะ...” ผมพูดขำ ๆ
“...ก็นั่นแหละ...ไม่รู้สิ...ผมว่าเราพูดจาภาษาเดียวกัน...ทั้ง ๆ ที่งานที่ทำมันก็เหมือนกันทุกวัน แต่วันนี้ผมเก็ตที่พี่เอ้สอนอ่ะครับ...”
“...เอางี้...พี่ให้เอ้เทรนน้องจนพ้นโปร...ถ้าพวกเธอไม่ผ่านโปรก็โทษเอ้ละกันนะ...”
“...อ้าวพี่...ของอย่างนี้จะให้ใส่ฝ่ายเดียวได้ไงอ่ะ...ถ้าน้องมันไม่รับเอ้ก็ซวยดิ...”
“...โหพี่เอ้...พวกหนูสัญญาว่าจะตั้งใจทำงาน...จะเชื่อฟังคำสั่งสอนของพี่เอ้ทุกอย่าง...ดูสิ...วันนี้สนุกจะตาย...พี่เอ้เทรนให้หนูนะ...” นังเบสอ้อน ผมคิดในใจ ก็ดีเหมือนกัน ถ้าเทรนเด็กใหม่เราก็ได้เข้างานรอบเช้าทุกวัน ได้กินข้าวเย็นกับที่รักด้วย...ผมเผลอยิ้มกับตัวเอง
“...ที่ยิ้มนี่โอเคแล้วใช่มั๊ย...” เอฟโอถาม ผมหุบยิ้มทำหน้าขรึมทันที
“...เอ้จะพยายามทำให้ดีที่สุดละกันพี่...” ผมตอบรับแล้วหันไปมองนังสองคนนั่นที่ยิ้มระรื่นข้าง ๆ “...พวกหล่อนก็ตั้งใจทำงานนะยะ...อย่ามัวแต่ชวนกันจิกแขก...” บรรยากาศในห้องผู้จัดการเริ่มดีขึ้น
“...อ้อ...พี่ลืมบอกไปว่าเดือนหน้าเทรนน้องมันรอบบ่ายนะ...จะได้เช็คอินเก่ง ๆ แล้วเอ้ก็สแตนบายรอบบ่ายไปตลอดเลย...”
“...หา...” ผมร้องเสียงสูง “...จะฝังบ่ายเอ้เหรอ...” ฝังบ่ายหมายถึงอยู่รอบบ่ายไปตลอดชีวิตการทำงาน หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทีหลัง ซึ่งยากมาก นอกจากจะมีเพื่อนร่วมงานลาออกหรือหยุดแล้วเราไปแทน
“...อืม...พี่กะว่าจะเปลี่ยนระบบ...ให้อยู่รอบไหนรอบนั้นไปจะได้ไม่โทรมเป็นผีดิบมาทำงาน...”
“...เอ้ขออยู่รอบเช้าไม่ได้เหรอ...”
“...อ้าว...ก็เมื่อก่อนเห็นชอบอยู่บ่าย...เลิกงานก็ไประรื่นแถวสีลม...แถวข้าวสาร...อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะ...”
“...ก็นั่นมันเมื่อก่อน...ตอนนี้เอ้อยากอยู่รอบเช้าอ่ะพี่...” ผมงอแง
“...ทำไม...กลัวแฟนพากิ๊กเข้าบ้านเหรอ...” เอฟโอแหย่ผมก่อนทำเสียงจริงจัง “...พี่ตัดสินใจแล้วว่าจะจัดให้ผู้ชายเข้ารอบบ่าย...สมัยนี้ให้ผู้หญิงกลับบ้านดึก ๆ มันอันตราย...”
*
*
*
.....เครียดเลยกู...ถ้าวุธรู้ว่าเราโดนฝังกะบ่ายมันจะว่ายังไงเนี่ย...ทุกวันนี้ก็แทบไม่ได้เจอหน้ากันอยู่แล้ว...ถ้าเข้ารอบบ่ายก็คงเหมือนเมื่อก่อนที่มันต้องนอนรอผมบนโซฟา...ส่วนผมก็ต้องทรมานสังขารหาเวลากินข้าวกลางวันกันโดยนัดเจอที่ร้านประจำคนละครึ่งทาง...ที่สำคัญ...รอบบ่ายนี่เลิกงานผมแวะไปแรด ๆ ที่ไหนไม่ได้เลย เพราะรู้ว่ามีคนรอ และวุธก็ไม่ชอบให้ผมกลับบ้านไม่ตรงเวลาซะด้วย.....
“...เป็นอะไรพี่เอ้...ปวดอึเหรอ...” เบสมันคงเห็นผมนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“...พี่เอ้ไม่อยากทำงานกับพวกหนูเหรอ...” ธีพูดเสียงเบา
“...เปล่า...พี่แค่เครียดเรื่องที่บ้านนิดหน่อย...”
“...กลัวแฟนจะเอากิ๊กเข้าบ้านอ่ะดิ...” นังเบสแซวเรื่องเดิม
“...อู๊ยยยย...คุณน้อง...ที่รักของคุณพี่ไม่กล้าหรอก...” อันนี้มั่นใจ..ก็บ้านเรา..ไอ้วุธจะพาใครเข้ามาได้ไง...ที่ผ่านมาก็ไม่เคย
“...เออ...ลืมไป...ได้ข่าวว่าโหด...ถ้าพวกหนูทำอะไรให้พี่เอ้ไม่พอใจ...พี่เอ้บอกตรง ๆ ได้เลยนะ...หนูไม่โกรธหรอก...”
“...แน่นอน...” ผมทำตาดุใส่พวกมัน แต่มันกลับหัวเราะซะนี่...เราเดินเล่นซื้อของ...แล้วแยกย้ายกันขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้าน พวกมันอยู่ทางเดียวกัน ผมก็เลยต้องกลับคนเดียว
*
*
.....วันนี้วุธถึงบ้านก่อนผมแน่นอน เพราะผมมัวแต่เดินดูของซะเพลิน รู้ตัวอีกทีก็ทุ่มกว่าแล้ว เดินซะเมื่อยแต่ก็สนุก นาน ๆ ได้เข้ารอบเช้าซะที เอ๊ะ แต่เราก็เข้ารอบเช้าสัปดาห์ละครั้งนี่...อ๋อ...วันนี้มีเพื่อนที่เข้าขาชวนกันเดินดูของ...ดูผู้ชาย...โดยเฉพาะนังเบส...มันสะกิดให้ผมดูคนนั้นทีคนนี้ที...หนูธีก็ใช่ย่อย...หล่อนไม่สะกิด...แต่สายตาเธอเยิ้มมาก...แล้วเธอจะมีเสียงครางในลำคอแปลก ๆ ที่ทำให้ผมต้องหันไปตามสายตานั้น.....ครั้งสุดท้ายที่ผมเดินห้างแล้วสนุกอย่างนี้ก็ตอนที่เพื่อนสมัยมหาลัยผมรวมตัวกันในวันเกิดอีเต็ม...ผมใช้คำว่าเข้าขา คือเรารู้ว่าเพื่อนเราต้องการอะไร และเราก็ต้องการสิ่งเดียวกัน มีเพื่อนไม่กี่คนหรอกที่ผมจะเดินห้างด้วย เพราะมัวแต่ห่วงหน้าพะวงหลัง.....
“...กลับมานานยัง...” ผมทักวุธที่ยืนหน้าบอกบุญไม่รับ ขัดกับเสื้อผ้าที่มันใส่ ถ้ามันทำหน้าปกติมันจะดูหล่อมาก ๆ ในชุดนี้
“...นานแล้ว...” ไม่น่าถามเลยกู นี่มันก็เกือบสองทุ่มเข้าไปแล้ว งานเลิก 4 โมงเอง “...เอ้ไปไหนทำไมไม่บอกอ่ะ...” วุธพูดเสียงเครียด
“...ไปเดินดูของกับน้องที่ทำงาน...เพลินไปหน่อย...” ผมพูดเสียงอ่อย ๆ ก่อนเดินตัวลีบเข้าบ้าน
“...อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดิ...เดี๋ยวออกไปหาอะไรกินกัน...” ผมชะงัก มันมาอารมณ์ไหนวะ
“...ไปถึงไหนเนี่ย...” ผมหันมาถามจุดหมายปลายทาง จะได้แต่งตัวถูก
“...เออน่า...เร็วเข้า...” มันไม่ตอบแต่กลับเร่งผม ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติผมคงด่ามันแล้ว แต่นี่มีความผิดติดตัว คราวนี้ยอมก็ได้วะ
*
*
.....มันจะรีบไปไหนของมัน...ก่อนออกจากบ้านผมก็ต้องตรวจดูประตูหน้าต่างทุกครั้งเป็นปกติ มันก็เร่งอยู่ได้...จนผมเริ่มหงุดหงิด หันขวับไปมองหน้ามัน...แค่นั้นแหละ...วุธมันเดินไปรอผมที่รถเลย...คิดในใจถ้ามันเร่งผมอีกคำเดียว ผมจะกลับขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนขี่จักรยานไปหาก๋วยเตี๋ยวกินเอง.....
.....ทันทีที่ผมขึ้นรถปิดประตูยังไม่สนิท วุธก็ออกตัวเหมือนกลัวว่าถ้าไปช้าแค่นาทีเดียวร้านมันจะปิดหนี.....ไม่เป็นไร...ถ้าวุธพาเราออกมากินข้าวข้างนอกนี่คงมีอะไรพิเศษ...อดทนไว้...อย่าเพิ่งหาเรื่อง...ผมข่มใจ.....
“...ไปไหนมา...ยังไม่บอกเลยนะ...” วุธทำลายความเงียบบนรถ
“...ไปเดิน XXXXX...ดูเสื้อผ้าอ่ะ...” มีห้างไม่กี่แห่งหรอกที่ผมจะเดิน เน้นใกล้กับของที่ขายราคาไม่แพงเกินไปนัก
“...จะกลับช้าทำไมไม่โทรบอก...” เสียงวุธอ่อนลง
“...ก็มันเพลินอ่ะ...นาน ๆ ได้เดินที...พอจะกลับถึงได้รู้ว่ามันมืดแล้ว...ตอนนั้นก็ว่าจะโทรอยู่หรอก แต่คิดว่าอีกแป๊บเดียวก็ถึงบ้าน...เออ...แล้วทำไมวุธไม่โทรตามล่ะ...”
“...ถ้าโทรตาม...เอ้ก็หาว่าวุ่นวายอีก...” เออเนอะ เราไม่ชอบให้ใครโทรจิกนี่หว่า
“...เออ...ขอโทษ...ถ้าวันหลังกลับช้าแล้วจะโทรบอกตั้งแต่อยู่โรงแรมเลย...” ขนาดเอ่ยปากขอโทษแล้วยังอดประชดไม่ได้ “...ขอเที่ยวทิ้งทวนหน่อยเหอะ...เดือนหน้าต้องเข้าบ่ายแล้ว...” วุธเหลือบตามองผม
“...แต่ก่อนไม่เห็นต้องเที่ยวเลย...โรงแรมเอ้เปลี่ยนรอบทุกเดือนไม่ใช่เหรอ...” ผมอึ้ง
“...ก็...ก็...เข้ารอบบ่ายแล้วเที่ยวไม่ได้นี่...หรือว่าวุธจะให้เราไปเที่ยวหลังเลิกงานอ่ะ...” ผมตัดสินใจไม่บอกวุธเรื่องโดนฝังบ่าย ไม่อยากให้มันไม่สบายใจ
“...อยากไปก็ไปดิ...” วุธทำหน้างอ
“...ไปแน่...ไม่ต้องห่วง...แต่แกจะให้ชั้นไปจริง ๆ หรือเปล่าหรอก...” ผมแกล้งมันต่อ
“...ไปได้...ถ้าเราไปด้วย...”
“...อ้าว...งั้นไม่ไปก็ได้...ทำงานเสร็จแล้วกลับมาหาที่รักดีกว่า...เนอะ...” ผมเอนตัวไปซบไหล่วุธ ได้ยินมันหัวเราะเบา ๆ บรรยากาศรอบตัวก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ

.....ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นเหมือนเดิม...ขอบคุณที่ให้กำลังใจ...ขอบคุณที่คิดถึงกัน...ขอบคุณที่รอ.....อากาศเริ่มเย็นแล้วนะครับ รู้สึกเหมือนเมื่อปีที่แล้วยังไงก็ไม่รู้...อากาศเดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อน...ผมต้องดูแลสุขภาพให้ดีกว่าเดิมกลัวไม่มีแรงมาเขียนเรื่องต่อ...ยังไงก็ขอฝากให้ผู้อ่านของผมรักษาสุขภาพตัวเองและคนข้าง ๆ ด้วยนะครับ.....
.....แล้วเจอกันใหม่เร็ว ๆ นี้....
...เอ้...
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 23-10-2007 10:08:20
3. Top (secret) of the world

.....สองทุ่มกว่าแล้ว...การจราจรเริ่มคล่องตัว...แต่ก็ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่สี่แยกที่ได้ชื่อว่าโหดที่สุดแยกหนึ่งในกรุงเทพฯ...รถติด ๆ อย่างนี้ทำให้ผมเล่นกับวุธได้สะดวกขึ้นโดยไม่กลัวว่ามันจะเสียสมาธิ และไม่กลัวว่าคนข้างนอกจะเห็นเพราะรถคันนี้ติดฟิล์มทึบกว่ารถผมซะอีก...กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม เสียงโทรศัพท์มือถือของวุธดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน...มันหันมามองหน้าผมนิดนึงก่อนรับสาย...แล้วพูดเสียงเบากว่าปกติ แต่ผมก็ยังได้ยินอยู่ดี...

“...ฮัลโหล...ครับพี่...ใกล้จะถึงแล้วครับ...ครับ...รถติดมากเลยพี่...เดี๋ยวผ่านแยกนี้ไปได้ก็ไม่เกิน 10 นาทีถึงร้านครับ...” วุธรีบพูดรีบวาง แล้วมันก็ขรึมลงอย่างเห็นได้ชัด
“...นัดเพื่อนไว้เหรอ...” ผมตัดสินใจถาม วุธพยักหน้าเบา ๆ “...แล้วเอาเรามาทำไมอ่ะ...”
“...มีคนเค้าอยากรู้จัก...” วุธพูดห้วน ๆ เหมือนไม่อยากตอบ
“...ใครอ่ะ...” ผมเซ้าซี้
“...เดี๋ยวก็รู้...” อยู่ด้วยกันมานานทำให้ผมรู้ว่าอาการแบบนี้ ถามเท่าไหร่ก็ไม่ตอบแน่นอน
*
*
.....วุธเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถร้านอาหารซีฟู้ดชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ...ถ้าให้ผมมาเองก็คงไม่กล้ามาหรอก...แต่ก็เคยมีบุญได้กินอยู่ 2 ครั้ง เนื่องจากอาหารทุกชนิดราคาแพงมากกกกกกกกกกกกกกก...ที่ผมได้มากินร้านนี้ก็เพราะแขกบอกให้พาไปกิน...ผมเตือนแล้วว่าของแพง ถ้าจะกินซีฟู้ด ไปแถวไชน่าทาวน์ก็ได้...แขกผมชี้ให้ดูในหนังสือว่า ต้องการไปที่นี่เท่านั้น...ผมก็เลยสนอง Need เขาด้วยการพาเพื่อนที่ทำงานไปอีก 2 คน เพื่อนของเขาอีก 3 คน ทั้งหมด 6 คน...อาหารทั้งหมดแขกสั่งนะครับ พวกผมกลัวโดนหาร ก็เลยไม่กล้าสั่ง...อิ่มจัง...ตังค์อยู่ครบ...มีความสุข...แต่คนที่จ่ายเงินเห็นบิลแล้วแทบตกเก้าอี้...เอาเป็นว่าหลักหมื่นอ่ะครับ...ราคานี้เขาสามารถซื้อตั๋วเครื่องบินกลับบ้านได้เลย.....ส่วนอีกครั้งนึงไปกินบรรยากาศ...แขกคนนี้ดี...สั่งอาหารนิดหน่อย...แต่ก็ยังแพงอยู่ดี....
“...ใครเลี้ยงอ่ะ...ถูกหวยเหรอ...” ผมกระดี้กระด้า ดีนะว่าแต่งตัวพอเข้าร้านเขาได้
“...ฮัลโหล...ถึงแล้วครับ...พี่นั่งโต๊ะไหนอ่ะครับ...” วุธไม่ตอบ แต่หยิบโทรศัพท์ โทรไปหาคนที่รอ ผมก็ไม่สนใจอะไรมาก เปิดไฟในรถ ดึงที่บังแดดด้านหน้าออกมา อีกด้านเป็นกระจกเล็ก ๆ ผมหันซ้ายขวาสำรวจความเรียบร้อยบนใบหน้า
“...ไอหยา...ขอบตาคล้ำอ่ะ...ช่วงนี้นอนน้อยแน่ ๆ เลย...” ผมบ่นกับตัวเองไปตามเรื่องตามราว
“...เอ้...” วุธเรียกชื่อผมเสียงเครียด
“...หือ...” ผมตอบรับในคอ
“...เข้าไปข้างในแล้ว...ทำตัวดี ๆ นะ...” ผมชะงัก แล้วหันไปมองหน้ามันช้า ๆ
“...หมายความว่าไง...”
“...ก็...เอ่อ...ก็...อย่าให้เค้ารู้ว่าเราเป็นมากกว่าเพื่อนกัน...”
“...ทุกทีที่เจอเพื่อนแก...ชั้นเคยหลุด...หรือว่าแสดงออกอะไรมากเกินไปเหรอ...” ผมถามเสียงแข็ง
“...ไม่นี่...” วุธเริ่มเสียงอ่อนลง “...แต่คราวนี้ขอแบบ...เอ้เป็นเพื่อนที่ผมสนิทที่สุด...พูดกูมึงเลยก็ได้นะ...”
“...ได้...เอางี้...ถ้าลำบากนักมึงก็เข้าไปแดกคนเดียวเลยละกัน...กูจะกลับบ้าน...” ตอนนั้นผมโกรธมาก หยิบกระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ ลงจากรถ ปิดประตูดังโครม เดินกึ่งวิ่งให้พ้นจากลานจอดรถ...ได้ยินเสียงวุธวิ่งตาม ผมก็ยิ่งเดินเร็วขึ้น
“...เอ้...เดี๋ยวดิ...ขอโทษ...มีคนสงสัยเราทั้งคู่...เอ้ช่วยเข้าไปเคลียร์หน่อย...ผมต้องทำงาน ต้องมีสังคมของผมเหมือนกันนะ...” วุธพูดไล่หลังผม ทำให้ผมได้คิด
“...แล้วเค้าจะเชื่อเหรอ...” ผมหยุดเดินแล้วหันไปพูดกับมัน
“...ลองดูก่อน...ก็ทุกครั้งไม่เห็นมีใครสงสัยอะไรเลยนี่...”
“...ไม่ใช่ว่า...ผีกับผี...ดูกันออกนะ...” ผมอดกังวลไม่ได้.
“...เออน่า...ไม่เป็นไรหรอก...จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของเค้าแล้วหละ...” วุธจูงมือผมเดินกลับเข้าไปข้างใน...ตรงลานจอดรถมันมืดไงครับ...ก็เลยจับไม้จับมือกันได้
*
*
“...กลัวเพื่อนหลงหรือครับวุธ...” เสียงลึกลับที่สำเนียงแปลก ๆ ดังออกมาจากหลังรถคันหนึ่ง
“...อ้าว...พี่...ทำไมไม่รอที่โต๊ะล่ะครับ...” วุธสะบัดมือผมออกทันที
“...วุธโทรมาบอกว่าถึงแล้ว...แต่ยังไม่เห็นเข้ามาซักที...พี่ก็เลยออกมาตาม...” ผมมัวแต่ตะลึงมองพี่ผู้ชายในรูปที่ไปตีกอล์ฟกับวุธเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา...ตอนนี้เขายืนตัวเป็น ๆ อยู่ตรงหน้าผม
“...เอ้...นี่พี่พีท...” “...พี่พีทครับ...นี่เอ้...เพื่อนผม...” ผมหายตะลึงแล้ว แต่ยังสับสนอยู่ว่าจะยกมือไหว้ หรือว่าแค่สวัสดีปากเปล่าดี...ที่ไหนได้...พี่เขายื่นมือมาให้ผม เออ ลืมไปเขาเกิดและโตที่เมืองนอกนี่หว่า...ผมจับมือกับเขาแบบที่เคยเชคแฮนด์กับแขกต่างชาติ...แต่ขอบอกว่า...มือเขานิ่มมาก
“...เข้าไปข้างในกันเถอะ...” เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษ พวกผมสองคนพยักหน้า เขายิ้มนิด ๆ ก่อนเดินนำเราเข้าไปในร้าน มาดเค้าอลังการจังเลย ผมคิดในใจ
*
*
“...วุธเล่าให้ฟังว่าเอ้ทำงานโรงแรม...เป็นไงมั่งครับ...สนุกมั๊ย...”
“...ก็ดีอ่ะครับ...แต่มันเหนื่อยมาก...พักผ่อนไม่เป็นเวลาด้วย...”
“...ทำงานเป็น Shift อย่างนี้แล้วจะได้เจอวุธบ่อยเหรอ...” เอาแล้วไงเริ่มเข้าเรื่อง
“...ไม่ค่อยได้เจอเท่าไหร่อ่ะครับ...เวลาไม่ตรงกัน...มีวันนี้ที่เข้า Morning Shift ก็เลยมากับวุธได้...” ผมตอบตามความจริง
“...กูบอกแล้วให้ทำงานออฟฟิศ...เลิกงานจะได้ไปกินเหล้ากัน...แต่มึงทำงานที่นั้นก็ดีเหมือนกัน...เพื่อนเอ้ที่โรงแรมมีแต่คนสวย ๆ ทั้งนั้นเลยนะพี่พีท...สนใจปะ...” วุธพูดกูมึงแสดงความสนิทสนมตามที่เตรียมกันไว้ แถมเบี่ยงประเด็นไปเรื่องสาว ๆ
“...เอ้ทำงานที่ไหนอะครับ...” เขาถามผมเสียงจริงจัง
“...แถว ๆ สุขุมวิทอ่ะครับ...”
“...ที่ไหนล่ะ...เผื่อพี่จะไปพักบ้าง...”
“...ช่วงนี้มัน High Season ห้องเต็มยาวเลยครับ...”
“...ห้องสวีท (ออกเสียงสั้น ๆ เหมือนสูทนะ) ก็เต็มเหรอ...” พี่พีทซักไซ้
“...ต้มยำกุ้งของแท้มาแล้ว...” วุธเห็นผมอึดอัด ก็พยายามช่วย มันหยิบถ้วยของผมเพื่อตักแบ่งให้ แต่มันก็วางลงเหมือนเดิม แล้วเอื้อมไปหยิบถ้วยของพี่พีทแทน “...นี่ครับ...ต้มยำกุ้ง...ไม่จืดชืดเหมือนที่อเมริกาแน่นอน...” วุธวางถ้วยของพี่พีทลงตรงหน้า พี่เขาพูดขอบคุณเบา ๆ แล้วยิ้ม
“...เอ้า...บริการตัวเองโว้ยเอ้...” วุธให้ผมตักต้มยำกุ้งเอง ส่วนตัวมันก็เอื้อมไปตักอย่างอื่นกิน ถ้ามากันสองคนมันก็คงตักให้ แต่นี่ไม่ได้ บริการมากไปมันเกินเพื่อน
“...วุธกับเอ้รู้จักกันมานานยังครับ...” ผมแทบสำลักน้ำต้มยำ วุธหันมามองผมนิดนึงก่อนตอบ
“...ตั้งแต่เรียน ปวช. อ่ะครับ...” พี่พีททำหน้างง ๆ
“...ตอนจบมาได้เป็น Vocational Certificate เทียบเท่า ม. 6 อ่ะครับ เราเรียนสายอาชีพ...ผมเรียนพาณิชย์...วุธเรียนช่าง...” ผมอธิบาย
“...อ้าว...แล้วมารู้จักกันได้ไงล่ะครับ...” คราวนี้วุธเป็นฝ่ายสำลักบ้าง ผมอดไม่ได้ที่จะยื่นกระดาษทิชชู่ให้ ก่อนตอบพี่พีท
“...วุธมันชอบเพื่อนผม...ตอนเด็ก ๆ เราไปเที่ยว...ไปเมากันบ่อยครับ...” พยายามตอบให้แมนที่สุดแล้วนะเนี่ย
“...น่ารักดีเนอะ...เด็กพาณิชย์กับเด็กช่าง...แต่วุธเค้าไม่เห็นเล่าเรื่องแฟนเขาให้ฟังบ้างเลย...”
“...โหพี่...ผมก็กำลังดู ๆ กันอยู่...ถ้าคนอื่นรู้ว่าผมมีแฟนแล้ว...เรทติ้งผมก็ตกหมดดิ...” วุธพูดยิ้ม ๆ หน้าตาอย่างมัน พวกสาวโรงงานชอบกันนัก ปีใหม่ วาเลนไทน์ มันได้ของเยอะกว่าผมอีก
“...แต่ถ้าไม่รีบเปิดตัว...คนเค้าจะคิดว่าวุธไม่ชอบผู้หญิงนะ...” ผมกับวุธหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้ตั้งใจ
“...ไม่หรอกพี่...ไอ้วุธมันหม้อจะตาย...” ผมแก้ตัวให้ วุธได้โอกาสตบหัวผมหนึ่งที
“...อ้าว...ไอ้เวร...กูเสียหายนะโว้ย...” วุธแกล้งโวยวาย ผมตั้งท่าจะเถียงมัน แต่พี่พีททำให้ผมกับวุธอึ้ง
“...พี่ว่าวุธกับเอ้...ไม่ค่อยเหมือนเพื่อนกันนะ...” เราสองคนหันไปมองหน้าพี่พีททันที
“...ทำไมอ่ะพี่...” ผมหัวเราะกลบเกลื่อน
“...ไม่มีผู้ชายที่ไหนเค้าพกรูปผู้ชายด้วยกันไว้ในกระเป๋าหรอก...” ผมหันไปมองหน้าวุธ
“...อ๋อ...ก็พี่เค้าถือกระเป๋าให้วันนั้นอ่ะ แล้วกระเป๋ามันหล่นของข้างในมันก็เลยกระจายออกมา...” วุธพูดเสียงเบา
“...โธ่พี่...อย่าคิดมากดิ...ผมยังมีรูปมันในกระเป๋าเลย...จะดูปะ...ไม่ได้มีรูปมันคนเดียวด้วย...มีทั้งกลุ่มเลย...” ผมแก้ตัวให้อีก
“...แต่วุธเค้ามีรูปเอ้คนเดียวเลยนะ...”
“...ก็วันนั้นผมบอกพี่ไปแล้วไงว่าลืมเอาออก...เฮ้ย...หรือว่า...เอ้...มึงแกล้งเอารูปมาใส่กระเป๋ากูอีก...” วุธหาเรื่องผมเพื่อเบี่ยงประเด็น ผมได้ทีตบหัวมันเอาคืน
“...จะบ้าเหรอ...กูก็เสียหายเหมือนกันนะโว้ย...”
“...พอครับพอ...ทานกันต่อเหอะ...พี่ก็ถามไปเล่น ๆ อย่างนั้นแหละ...ต้องขอโทษจริง ๆ ...ไม่ต้องคิดมากนะครับ...พี่ติดสังคมที่อเมริกา...เรื่องพวกนี้เค้าไม่ค่อยปกปิดกันเท่าไหร่อ่ะครับ...” พี่พีทพูดจบก็ก้มหน้าก้มตากิน...วุธขยับตัวจะถามให้เคลียร์ว่าพี่เค้าหมายความว่ายังไง แต่ผมสะกิดให้มันหยุด
*
*
*
.....เป็นการกินของแพงฟรี ๆ ที่น่าอึดอัดที่สุด...หลายคำถามที่ไม่ได้เล่าทำให้ทั้งผมและวุธอึ้ง หาคำตอบไม่ได้...พี่พีทก็เล่าเรื่องของเค้าให้ฟังบ้าง ยิ่งผมบอกว่าอยากไปเมืองนอก เค้าก็พูดว่าอเมริกาดีอย่างโน้นดีอย่างนี้...ในความคิดผม เค้าคงไม่ค่อยอยากอยู่เมืองไทยซักเท่าไหร่หรอก...และผีกับผีก็ดูกันออก...ยอมรับเลยครับว่าเขาแมนมาก ตั้งแต่ผมรู้จักเกย์มาเนี่ย ผมว่าเค้าแมนกว่าทุกคนเลย ไม่นับไอ้วุธนะครับ เพราะอย่างมันเรียกว่าเถื่อนจนคนนึกไม่ถึงว่ามันจะไม่ชอบผู้หญิง.....
“...เป็นไง...พี่พีทหล่อมั๊ยล่ะ...” วุธถามผมในรถขณะจะกลับบ้านกัน
“...หล่อว่ะ...แต่...” ผมว่าเค้าแปลก ๆ อันนี้ผมไม่ได้พูด ไม่อยากให้วุธไปสังเกตุเขา
“...แต่อะไร...”
“...ชอบถามอะไรให้ตอบไม่ได้...”
“...เค้าเรียบเรียงประโยคภาษาไทยไม่เก่งมั้ง...” วุธพูดขำ ๆ ก็จริงนะ เค้าชอบพูดไทยคำอังกฤษคำ เหมือนเค้านึกภาษาไทยไม่ออกว่าจะพูดอะไร เวลาเค้าพูดเร็ว ๆ บางทีฟังไม่รู้เรื่องเลยก็มี
“...ไม่ใช่...เหมือนเค้ารู้ว่าเราเป็นอะไรกัน...”
“...ไม่ต้องซีเรียสแล้วหละ...สังคมอเมริกันเค้าไม่แคร์กับเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เหรอ...ถ้าเค้ารู้...มันก็ไม่เป็นไรหรอก...แต่ถ้าเพื่อนคนอื่นรู้ท่าทางจะเป็นเรื่องใหญ่...”
“...แล้วเค้าจะบอกคนอื่นหรือเปล่าอ่ะ...”
“...ผมว่าไม่นะ...”
“...ถ้าเค้าบอกล่ะ...”
“...ถ้าคนอื่นรู้เรื่องของเราปุ๊บ...เราก็แต่งงานกันเลยไง...ชิงสุกก่อนห่ามมาตั้งนาน...” วุธพูดขำ ๆ
“...ไอ้บ้า...” ผมหยิกต้นขามันแก้เขิน
“...โอ๊ย...” วุธร้องดังลั่นรถ กางเกงยีนส์ผ้าหนาขนาดนั้น โดนหยิกนิดเดียวไม่เจ็บซักหน่อย “...ดีนะว่าหยิกขา...ถ้าสูงกว่านี้...น้องผมใช้งานไม่ได้อย่ามาร้องทีหลังนะ...” วุธหันมาทำตาเชื่อมใส่ผม
.....วุธกลับมาเป็นคนเดิม คนที่ทำให้ผมหายเครียดได้ทุกครั้ง ต่างจากเมื่อตอนหัวค่ำที่เล่นเอาผมหัวหมุนไปหลายรอบ และถึงแม้จะเพลียค้างจากเมื่อวาน จากการทำงานตั้งแต่ 7 โมงเช้า จากการออกไปตะลอนเมื่อช่วงค่ำ...แต่คืนนี้เราก็ได้ชิงสุกก่อนห่ามกันอีกครั้ง.....ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เราก็ได้เข้ารอบบ่ายแล้ว....เฮ้อ...เข้ารอบบ่ายตลอดไปต่างหาก.....
.
Such a feelin's comin' over me
There is wonder in most everything I see
Not a cloud in the sky
Got the sun in my eyes
And I won't be surprised if it's a dream
Everything I want the world to be
Is now coming true especially for me
And the reason is clear
It's because you are here
You're the nearest thing to heaven that I've seen
I'm on the top of the world lookin' down on creation
And the only explanation I can find
Is the love that I've found ever since you've been around
Your love's put me at the top of the world
Something in the wind has learned my name
And it's tellin' me that things are not the same
In the leaves on the trees and the touch of the breeze
There's a pleasin' sense of happiness for me
There is only one wish on my mind
When this day is through I hope that I will find
That tomorrow will be just the same for you and me
All I need will be mine if you are here

***********************************************************************************************

.....ขอบคุณทุกรีพลายที่ให้กำลังใจนะครับ ต้นเดือนงานยุ่งมาก แต่อีกหน่อยก็ดีขึ้น แล้วจะอัพให้เร็วกว่าเดิม และที่สำคัญ จะไปรีพลายที่เรื่องคนอื่นบ้าง...บอกตรง ๆ ว่าบอร์ดเข้ายากมาก เวลาโพสท์ทุกครั้งก็มีลุ้นทุกครั้งว่าจะติดมั๊ย...ขอบคุณสำหรับความพยายามที่เข้ามาช่วยดันเรื่องของผม...ขอบคุณที่ติดตาม...และรับรองได้ว่าผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง.....
.....น้องที่ถามเรื่องโรงแรมหรือเรื่องอื่น ๆ ที่คิดว่าผมพอจะช่วยได้ ส่งเมล์มาถามได้เลยนะครับ วันอังคารไปทำงานแล้วจะตอบให้.....
...เอ้...
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 23-10-2007 10:44:16
 :impress:

ยังน่ารักเหมือนเดิม ทั้งเอ้ และ วุธเลย

เป็นกำลังใจให้นะครับ รักกันนาน ๆ นะ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 23-10-2007 15:44:42
เมฆฝนเริ่มก่อเค้าขึ้นมาอีกแล้ววว

ยังงายก็สู้ๆ ต่อไปนะคร้าบบบ

 :m5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 23-10-2007 17:05:16
มีการแทคทีมกันโพสด้วยวุ้ยเรื่องนี้
สู้ต่อไปไอ้มดแดง อิอิ
 :a2:

คนโพสยังหมดแรง คนเขียนนี่ก็อึดนะ อิอิ
 :m4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-10-2007 19:06:54
เห้อ...สงสารพี่เอ้จัง

เปงแฟนกานแต่ก้อต้องนั่งช่วยกานปกปิด

แต่ยังไงก้อรักไปแล้วนิช่ายมั้ยฮะ

รักแล้วก้ต้องทนบ้างกับบางสิ่งบางอย่าง

ทนได้ก้อทนไปเนอะฮะพี่เอ้

ยังไงก้อมาต่อให้อีกนะฮะ

อย่าลืมนะฮะ

แล้วจะรอนะฮะ

เปงกำลังใจให้นะ สู้ๆนะ คุคุ :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 23-10-2007 22:45:48
พี่พีท ต้องมีอะไรแน่ๆ  :try2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 24-10-2007 17:49:39
 :impress:

ดันไว้

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 24-10-2007 20:05:59
4. Take it easy
.....เวลาหนึ่งเดือนสำหรับรอบบ่ายในคราวนี้ผ่านไปเร็วมาก...น้องใหม่ทั้งสองคนผ่านโปรเรียบร้อย...ไม่ใช่เพราะผมเทรนดี...แต่เป็นเพราะน้อง ๆ ได้ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง Learn right from wrong ถ้าเป็นคนอื่นเขาจะกลัวน้องใหม่ทำงานผิด แล้วต้องตามแก้ไข...แต่ผมให้พวกมันลงมือทำ ส่วนผมจะยืนดูห่าง ๆ ผิดไม่ว่า แต่ต้องจำ และไม่ทำผิดซ้ำอีก.....
.....บรรยากาศในการทำงานสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ...พอพวกเรารวมตัวกันได้ก็มีเรื่องเม้าธ์ตั้งแต่ข่าวสารบ้านเมือง...หนัง...หรือแม้แต่เพลงลูกทุ่งที่มักจะเปิดกันตอนดึก ๆ ซึ่งตอนนั้นไม่มีอะไรดูเลย...ผมโชคดีที่มีเคเบิ้ลทีวีดู แต่ห้องของสองคนนั่นไม่มีดู พวกมันจะโทรมาบอกให้ผมเปลี่ยนไปดูช่องโน้น ช่องนี้ เวลามีพระเอกมิวสิคเพลงลูกทุ่งหล่อ ๆ ทำเอาผมต้องดูกับพวกมันไปด้วยจนเกือบจะร้องได้ทุกเพลงอยู่แล้ว.....
.....ก่อนไปทำงาน ถ้าวันไหนนัดกินข้าวกลางวันกับวุธที่แวบออกมาตอนพัก ส่วนผมก็ต้องแหกตาตื่นตั้งแต่ 10 โมงกว่า (ปกติตื่นเที่ยง) กินข้าวเสร็จ เหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมงถึงจะเข้างาน...ก็มีพวกมันนี่แหละที่เป็นเพื่อนเดินเล่นตามห้าง...ไปร้องคาราโอเกะซักชั่วโมงนึง...ซื้อขนมแอบใส่กระเป๋าเข้าไปกินหลังฟร้อนท์ตอนมืด ๆ.....
.....ทุกวันตอนเย็น ๆ แขกยังไม่เยอะเท่าไหร่ พวกเราจะแปลงร่างเป็นเดสทินี่ส์ ชายด์ บ้าง เป็นชาลีส์ แองเจิ้ล บ้าง ไม่เว้นแม่แต่คุณกาละแมร์และเพื่อนผู้หญิงถึงผู้หญิง...ผู้จัดการของผมถึงกับเอามือกุมหัว...คิดว่าพากันเล่นจนไม่เป็นอันทำงานแน่ ๆ.....แต่ผลงานของพวกผมกลับดีกว่ารอบอื่น...แขกชมในความ Friendly ถึงขนาดขอชื่อไปเขียนลงในใบแสดงความเห็น...พวกเราดูแลแขกเป็นอย่างดี (โดยเฉพาะผู้ชาย)...ผมเหมือนเป็นพี่ใหญ่คอยดึงพวกมันเอาไว้ เวลาเริ่มเล่นกันจนเกินขอบเขต.....
.....เลิกงานน่ะ...ไม่เที่ยวก็ได้ แต่ขอหากินอะไรหน่อยละกัน...ตรงไหนมีอะไรอร่อย ๆ กินตอนกลางคืน พวกผมไปหมด...ยิ่งวันไหนมีแขกให้ช่วยพาไปเที่ยว...วันนั้นจะยิ่งสนุก...ก็มีข้ออ้างในการไปเที่ยวอ่ะดิ...แต่ผมจะโทรบอกวุธทุกครั้งนะครับ...ไม่อยากให้มันนอนรอที่โซฟาชั้นล่าง.....
“...ตกลงเดือนหน้าอยู่รอบไหน...ตารางออกยัง...” วุธงัวเงียถามผมทันทีที่ลืมตาในเวลาเกือบตี 1 ที่ผมเพิ่งกลับถึงบ้าน...ผมอึ้งไม่รู้จะตอบยังไง
“...อ๋อ...อยู่รอบบ่ายอีกเดือนนึง...” ผมพูดปัด ๆ แล้วเดินหนีเข้าครัว...ไม่บอกให้มันรู้ว่าจะได้อยู่รอบบ่ายตลอดไป
“...ทำไมเขาให้อยู่รอบบ่ายสองเดือนติดกันเลยล่ะ...” วุธเดินตามมา ผมรินน้ำใส่แก้วเผื่อ
“...ต้องอยู่คุมเด็กใหม่อ่ะ...” ผมพยายามโกหกมันให้น้อยที่สุด
“...เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ...” วุธพูดเสียงเรียบ
“...โห...เจอกันทุกวันก็เบื่อตายสิ...” ผมดึงแก้มมันทั้งสองข้างเพื่อให้มันรู้ว่าผมพูดเล่น แต่มันนิ่ง ไม่เล่นด้วย “...เอางี้...เดือนหน้าจะรีเควสหยุดวันเสาร์หรือไม่ก็วันอาทิตย์...ดีมั๊ย...” ผมพูดไปก่อนทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะได้หยุดหรือเปล่า
“...เสาร์...อาทิตย์...ผมก็ออกไปตีกอล์ฟ...แล้วจะได้เจอกันเหรอ...”
“...ก็ไปด้วยกันไง...”
“...งั้นวันเสาร์นี้...ไปกับผมนะ...”
“...จะบ้าเหรอ...ยังไม่ได้ลาเลย...” เรื่องหยุดงานสำหรับผมนี่ยากมาก ต้องลาล่วงหน้านาน ๆ แต่นี่อีก 2 วันก็จะถึงวันเสาร์แล้ว
“...ไปแค่ชลบุรีเอง...ไม่ต้องค้างด้วย...ทริปนี้คนไม่เยอะ...ไม่วุ่นวาย...เอ้น่าจะชอบนะ...” วุธทำหน้าหงอย ๆ ถึงจะไม่ชอบตีกอล์ฟ แต่เห็นวุธแล้วสงสารจัง
“...มีใครไปมั่งอ่ะ...”
“...มี......................................แล้วก็พี่พีท...” ผมเผลอทำตาโต....ไม่ให้หยุด กูก็จะหยุด เพราะชื่อคนสุดท้าย ผมตัดสินใจหาเรื่องลางานทันที
*
*
*
.....กว่าจะได้รับอนุญาตให้หยุด ผมต้องอ้อนวอนพี่เอฟโอตั้งนาน...เบสกับธี ห่วงอยู่อย่างเดียวคือ ของฝาก.....
“...พี่หยุดสองวัน...หวังว่ากลับมาคงไม่ได้ยินใครด่าพวกแกว่าทำงานห่วยแตกนะ...”
“...แหม...พี่เอ้อ่ะ...ไปเที่ยวให้สนุกเถอะ ไม่ต้องห่วงหนู...พี่เอ้ไม่อยู่เนี่ย ผู้ชายจะได้ตกถึงท้องหนูบ้าง...”
“...เค้าไปฮันนีมูนย่ะ...ไม่ใช่ไปเที่ยว...ยังไงก็อย่าหักโหมนะคะคุณพี่...” นังเบสแซว พวกนี้รู้ว่าผมมีแฟนแล้ว แต่ไม่รู้ว่าถึงขนาดอยู่ด้วยกัน
“...อีนี่...ไปเที่ยวเฉย ๆ ไม่ได้ค้างด้วย...วันอาทิตย์พักผ่อนโว้ย...” ผมแย้ง
“...ไปเที่ยวก็ได้พักผ่อนนี่นา...อ๋อ...จะเปลี่ยนสถานที่...เปลี่ยนบรรยากาศเมคเลิฟแน่ ๆ เลย...”
“...แหม...คุณพี่ไปชลบุรี...ไปทะเลหรือเปล่า...อย่าทำอะไรกันที่หาดทรายนะ...มันแสบ...”
“...อีเบส...มึงก็คิดซะว่าใช้ถุงยางชนิดผิวขรุขระสิ...โอ๊ย...แค่คิดก็หอยฟูแล้ว...” พวกมันรวมหัวกันแซวผม
“...พอ ๆ อีพวกนี้...ไปดูสิ แขกจะเอาอะไร...” ผมไล่มันออกไปรับแขกที่มองมาทางพวกเรา
*
*
.....ทรมานสังขารมาก....คืนก่อนหน้าวันเดินทาง...กว่าจะเคลียร์งานเสร็จ...หาข้าวกิน...เดินทางกลับ...ถึงบ้านเที่ยงคืนกว่า...อาบน้ำ...ทำโน่นทำนี่ เตรียมของใช้สำหรับวันพรุ่งนี้...จัดกระเป๋าเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนหลังออกรอบ...วุธลุกขึ้นจะเข้ามาช่วย แต่ผมไล่มันไปนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องขับรถ และเราต้องออกจากบ้านตอนตี 5.....
.....หมายความว่าผมต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ...คืนนั้นได้นอนไม่ถึง 3 ชั่วโมง...นี่เป็นเหตุผลที่ผมต้องขอหยุดเบิ้ล 2 วัน เพราะวันเสาร์ผมต้องตื่นแต่เช้า ตากแดดทั้งวัน จะกลับกี่โมงยังไม่รู้....วันอาทิตย์จึงเป็นวันพักผ่อนของผม ไม่งั้นวันจันทร์แย่แน่ ๆ .....
“...เอ้...ไหวมั๊ยเนี่ย...ดูหน้าดิ...ย่นเชียว...” วุธพูดขำ ๆ เมื่อเห็นผมขึ้นรถด้วยท่าทางเหมือนคนละเมอ
“...ไหวดิ...เมื่อก่อนกลับบ้านตี 4 ยังไปเรียนต่อตอน 7 โมงเช้าได้เลย...”
“...แล้วตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ...” ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่มัน หาว่าผมแก่อ่ะดิ
“...กว่าจะถึงชลบุรี...เราก็นอนได้พักนึง...ตื่นมาอีกที....หน้าตาก็ดีเหมือนเดิมเฟ้ย...” ผมชมตัวเอง เพื่อกลบเกลื่อนความกังวล เรื่องที่ต้องเผชิญหน้ากับพี่พีทในสภาพเยินแบบนี้
“...ไปข้างหลังสิจะได้นอนสบาย ๆ ...” วุธลงไปจัดเบาะที่เอนได้เกือบสุด ค่อยดูน่านอนขึ้นมาหน่อย
“...ก่อนถึงปลุกด้วยนะ...จะแวะปั๊ม...เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาซักหน่อย...” ผมพูดกับวุธทั้งที่หลับตา......และหลังจากนั้นก็หลับไม่รู้เรื่องเลยครับ
*
*
*
.....แอร์เย็น ๆ ผ้าห่มเนื้อบางแต่นุ่ม...หอมกลิ่นแดดที่ผมตากไว้ก่อนวันเดินทาง...หมอนหนุนหัวรูปแตงโมผ่าครึ่งใบใหญ่...กับตุ๊กตาโดราเอมอนที่ผมชอบกอดเล่นเวลานั่งรถวุธ ตอนนี้มันเป็นเหมือนหมอนข้าง...เพลงเพราะ ๆ ที่ดังแผ่ว จนบางครั้งรู้สึกว่าเสียงเครื่องยนต์จะดังกว่าด้วยซ้ำ...แต่ก็เพลินดี...วุธไม่ปลุก แสดงว่ายังไม่ใกล้จะถึงที่หมาย...นอนต่ออีกหน่อยดีกว่า.....
.....เอ๊ะ...เสียงคนคุยกัน...โฆษณาในวิทยุมั้ง...แต่ที่ได้ยินมันเสียงวุธนี่หว่า...แล้วมันคุยกับใครอ่ะ...ผมกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อให้ชินกับแสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องเข้ามาในรถ.....
“...ตื่นแล้วเหรอ...” วุธทัก แต่ผมสนใจคนที่นั่งข้าง ๆ มากกว่า คนนั้นหันมาช้า ๆ
“...Good Morning ครับ...” ผมเหวอ เหมือนเห็นผี สะบัดหน้าแรง ๆ สองที
“...สวัสดีครับพี่พีท...” ผมพยายามเก็บความอับอาย ที่ต้องมานอนสลบไสลบนเบาะหลัง ไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าพี่พีทขึ้นรถมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“...ตื่นก็ดีแล้ว...กำลังจะปลุกเลย...เดี๋ยวหาปั๊มให้...” วุธพูดกับผมโดยมองผ่านกระจก
“...หิวมั๊ยครับ...พี่ทำแซนด์วิชมาเผื่อด้วย...” ผมยิ่งเหวอ นี่แสดงว่าวุธรู้ล่วงหน้าว่าพี่พีทจะมารถคนเดียวกันกับผม แต่ไม่ยอมบอก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผมไม่ชอบให้ใครเห็นสภาพโทรม ๆ แบบนี้
“...ตอนนี้ยังไม่หิวอ่ะครับ...จริง ๆ แล้วเอ้ก็เตรียมของมากินเหมือนกัน...แต่ถ้ารู้ว่าพี่พีทมาด้วยคงจะเอามาเยอะกว่านี้...” ผมแอบกัดไอ้วุธ ทั้งที่ขนมของผมสามารถกินได้ 4-5 คนเลยด้วยซ้ำ
“...งั้นเรามาแลกกันทานนะครับ...อยากลองชิมฝีมือเอ้จัง...”
“...ไม่ได้ทำเองครับ...ซื้อมาตั้งแต่เมื่อคืน...” ผมเริ่มหงุดหงิดแบบไม่มีเหตุผล พูดจบก็มองไปข้างทาง ตอนนี้เงียบทั้งคันรถ ได้ยินแต่เสียงเพลงเบา ๆ
*
*
*
.....ไม่นานนัก วุธก็แวะปั๊มให้ผม...ทันทีที่รถจอด ผมก็หยิบกระเป๋าใบเล็ก พร้อมทั้งถุงขนมปังของโรงแรม อุตสาห์แอบหัวหน้า...ทิ้งน้องไปยืนกำกับเชฟที่ครัวเบเกอรี่ในโรงแรม เพื่อให้แน่ใจว่าขนมปังของเราใหม่จริง ๆ และที่สำคัญคุ้มเกินราคามาก อาศัยความสนิทสนมส่วนตัว พี่แกเลยแถมใส้ เพิ่มน้ำตาล ใส่ทุกอย่างที่พอจะแถมได้ให้ผม.....
.....โมโหวุธมากที่ไม่บอกว่าพี่พีทจะมาด้วยกัน ไม่งั้นผมก็ไม่นอนอืดแบบนี้ให้อุจาดหรอก...สภาพคนเพิ่งตื่นน่ะดูได้ที่ไหน หัวฟู หน้าเยิ้ม แถมท่านอนอย่างมีความสุขของผมอีก...เบาะหลังของมันยิ่งกว้าง ๆ อยู่ เรานอนกางแข้งกางขายังไงมั่งก็ไม่รู้ ภาพพจน์เสียหายหมด....ยิ่งคิดยิ่งโมโห...นัดแนะกันมาดีนัก ถึงขนาดเตรียมแซนด์วิชมาเผื่อ...งั้นขนมนี่ก็ไม่ต้องกินแม่งแล้ว...ขนมปังลูกเกดของชอบของมัน...โดนัทน้ำตาลชิ้นโต...คุกกี้ชอคโกแลตชิพถุงใหญ่...และขนมแบบอื่นอีก 2-3 อย่าง....ผมกำลังจะโยนของทั้งหมดทิ้งให้หมาจรจัดแถวนั้น มองรอบ ๆ ไม่เห็นมีหมาโผล่มาซักตัว งั้นกองไว้ข้างถังขยะตรงนี้แหละ ถุงจะหลุดจากมือแล้ว แต่ต้องชะงักเพราะเสียงวุธ.....
“...เอ้...เป็นอะไรอ่ะ...”
“...เป็นอะไร...หมายความว่าไง...” ผมหาเรื่อง
“...เมื่อเช้ายังดี ๆ อยู่เลย...ทำไมหงุดหงิดอ่ะ...”
“...แล้วทำไมไม่บอกว่าพี่พีทจะมาด้วย...” ผมเห็นหลังพี่พีทกำลังเดินเข้ามินิมาร์ทในปั๊ม ถึงได้กล้าพูดเสียงดัง
“...ก็บอกตั้งแต่วันนั้นแล้วไงว่าทริปนี้มีพี่พีทด้วย...”
“...ชั้นหมายถึง...ทำไมเค้าต้องมารถคันเดียวกับเรา...แล้วไอ้รถสปอร์ตคันละเกือบสิบล้านนั่นไปไหนซะล่ะ...” ผมเริ่มพาล
“...พี่เค้ากลัว...” วุธพูดเสียงจริงจัง
“...กลัวอะไร...”
“...ก็ผมเผลอไปเล่าเรื่อง...สมัยก่อนดาราคนนึงใช้รถแบบเดียวกับเค้าแล้วรถคว่ำอ่ะ...ออกจากรถไม่ได้เลยโดนไฟคลอก...ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเส้นทางเดียวกันกับที่เรากำลังจะไป...”
“...เหรอ...” เสียงผมอ่อนลง แต่ก็ยังเคืองมันอยู่ “...ทีหลังก็บอกก่อนนะ...เรานอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว...ละเมอพูดอะไรออกไปบ้างหรือเปล่าเนี่ย...และที่สำคัญ...รับไม่ได้...ให้เค้าเห็นสภาพอุบาทว์ของเราอ่ะ...” ผมยิ้มได้แล้ว
“...ไม่ต้องเก๊กหรอก...ตอนเอ้อยู่บ้านโทรม ๆ ผมว่าน่ารักกว่าตอนใส่สูททำงานซะอีก...”
“...ไอ้บ้า...” ผมเขิน ลืมตัวเอาถุงขนมฟาดไหล่มัน
“...โห...ของดี ๆ ทั้งนั้นเลยอ่ะ...อย่าทิ้งเลยนะ...ผมหิวแล้ว...เดี๋ยวเข้าไปซื้อนมก่อน...” วุธแย่งถุงขนมไปจากมือผม ซึ่งจริง ๆ แล้วผมก็ให้มันนั่นแหละ ได้ยินเสียงวุธตะโกนมาว่าให้รีบ ๆ เข้าห้องน้ำ แล้วมันจะซื้อนมเผื่อผมด้วย
*
*
.....ล้างหน้าล้างตา...โปะครีมกันแดด...ซับส่วนที่เยิ้มออก...ทาแป้งเด็กทับนิดหน่อย...ริ้วรอยความอ่อนล้าหายไปบ้าง...แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพอแดดแรงขึ้น เราก็ใส่แว่นกันแดด ใส่หมวก แค่นี้ก็ไม่มีใครเห็นหน้าจริงของเราเต็ม ๆ...เฮ้อ...อยู่ใกล้ ๆ พี่พีทแล้วหมดความมั่นใจ...อดสงสัยไม่ได้ว่าพ่อแม่ของพี่เค้าหน้าตาเป็นยังไง ลูกถึงได้เกิดมาหล่อซะขนาดนี้.....
.....ผมเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกสดชื่นขึ้น...มองไปที่ซุ้มสำหรับนั่งพักที่ทางปั๊มจัดไว้ให้ เห็นวุธกับพี่พีทนั่งกินแซนด์วิฃ มืออีกข้างถือนมคนละขวด และที่วางบนโต๊ะคือถุงขนมของผม ซี่งโดนวุธเปิดหมดแล้ว....ตายห่า....ป่านนี้พี่พีทรู้แล้วแน่ ๆ ว่าผมทำงานที่ไหน ก็ชื่อโรงแรมกับโลโก้บนถุงนั่นชัดแจ๋วซะ ขนาดผมยังเดินไปไม่ถึงโต๊ะ ยังเห็นเลย.....แต่ไม่เป็นไรหรอก...ผมแค่ไม่อยากให้เขารู้เรื่องส่วนตัวของผมมากเกินไป...ไม่ได้คิดจะสนิทอะไรด้วยขนาดนั้น...เราเหมือนกับอยู่คนละโลกด้วยซ้ำ.....
“...ขอบคุณครับ...” ผมอารมณ์ดีขึ้นมานิดนึงจึงได้ยอมรับแซนด์วิชจากพี่พีทมากิน “...พี่พีททำเองเลยเหรอ...”
“...ครับ...ตอนที่อยู่โน่น...พี่ชอบทำอาหารง่าย ๆ กิน...ยิ่งตอนอากาศหนาว ๆ พี่ซื้อของมาเก็บไว้ทำกินได้ทั้งวีคเลย...”
“...นี่เอ้มันก็ชอบทำกับข้าวนะพี่...ไข่พะโล้...แกงส้ม...ต้มจับฉ่ายของมันกินได้เป็นวีคเหมือนกัน...” วุธได้ทีกัดผม พี่พีทยิ้มนิด ๆ ในใจผมอยากเถียงจะตาย ตัวมันนั่นแหละชอบกิน ผมจะเททิ้งตั้งแต่วันที่สองแล้ว แต่วุธมันห้ามไว้ มันบอกว่าผักเปื่อยดี ยิ่งหลายวันยิ่งอร่อย
“...ไม่ได้หรอกพี่...ต้องประหยัดนิดนึง...เก็บเงินไว้แต่งงาน...ชิงสุกก่อนห่ามมาตั้งหลายทีแล้ว...” ไอ้วุธหน้าแดง
“...เอ้มีแฟนแล้วเหรอ...” พี่พีทถามโพล่งขึ้นมา ผมกับวุธมองหน้ากันแวบนึง
“...ก็ดู ๆ กันอยู่อ่ะครับ...” ผมตอบเลี่ยง ๆ
“...ทำไมไม่พามาเที่ยวด้วยล่ะ...” ผมอึ้ง อยากจะบอกเหลือเกินว่า ก็มันนั่งอยู่ตรงหน้านี่ไง แฟนผม
“...เค้าไม่ค่อยมีเวลาน่ะพี่...”
“...เค้าหรือเอ้ที่ไม่มีเวลา...พี่เคยได้ยินใครซักคนพูดว่า...คนที่ทำงานไม่เป็นเวลาอย่างพวกพนักงานโรงแรม หรือพวกสายการบิน ชีวิตรักมักจะไม่ยืดนะ...เอ้ว่าจริงหรือเปล่า...” ไม่ได้คิดไปเองนะครับ สายตาที่พี่พีทมองมา มันดูแล้วแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ และเสียงที่พี่เค้าถามฟังดูจริงจังซะจนผมงงว่าแกมาอารมณ์ไหน
“...เรื่องเวลามันก็มีส่วนนะพี่...แต่ผมว่ามันขึ้นอยู่ที่ใจของแต่ละคนมากกว่า...คนเราถ้าไม่ซื่อสัตย์กับคนรัก...ต่อให้ทำงาน 9 to 5 หรือบางคนทำงานที่เดียวกัน มันก็หาทางนอกใจได้...ผมไม่กลัวเรื่องเวลาหรอก...แต่ผมกังวลกับพวกมือที่สามมากกว่า...ถ้าผมเลิกกับแฟนเพราะเรื่องเวลา...เพราะผมไม่มีเวลาให้...เลิกกันด้วยความเข้าใจ...ผมก็จะยังรักและรอให้เขากลับมา...แต่ถ้าเราเลิกกันเพราะมือที่สาม...แถมแอบมาสวมเขาให้ผมล่ะก็...ต่อให้ตายก็ไม่ไปเผาผี...” ผมเน้นที่ประโยคหลัง...พี่พีททำหน้างง ๆ คงไม่เข้าใจความหมายในคำพูดที่ผมพยายามใช้ศัพท์ภาษาไทยยาก ๆ ซึ่งเป็นการขู่ไอ้วุธไปในตัว มันก็ได้แต่ยิ้มแหย ๆ เพราะรู้ว่าผมพูดจริงทำจริง
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 24-10-2007 20:10:07
5. Again ?
.....สำหรับเรื่องความรักแล้ว ผมว่าทุกคนน่าจะมีสัญชาตญาณที่จะรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลง หรือเริ่มรู้สึกว่าความรักของเรามีอะไรไม่ชอบมาพากล.....ผมก็เช่นกันที่สังเกตเห็นความผิดปกติ.....ถึงแม้ว่าวุธยังดูเป็นไอ้วุธคนเก่า น่ารัก ขี้เล่น กวนตีนบ้างบางครั้ง แต่ผมรู้สึกได้ว่าวุธมีอะไรปิดบังอยู่ และเนื่องด้วยเวลาที่อยู่ด้วยกันมีไม่มาก...ช่วงนั้นแทบไม่ได้คุยกันแบบ Face to face เลย ขนาดวันหยุดแท้ ๆ ยังไม่ค่อยได้เจอต่างคนต่างมีธุระต้องทำ แถมยังไม่ได้หยุดวันเดียวกันอีกด้วย ถ้าจะคุยยาว ๆ ก็ต้องเป็นทางโทรศัพท์เท่านั้น.....
.....กว่าผมจะเลิกงานในรอบบ่าย...กว่าจะถึงบ้าน เกือบเที่ยงคืน ถ้าหาอะไรกินกันไกลหน่อย ก็ถึงบ้านตี 1 วุธเข้าใจว่าเลิกงานเวลานั้น มันหาข้าวกินยากมาก...ดึก ๆ แถวบ้านก็ไม่มีอะไรขาย ถ้าไม่แวะซื้อก็อด...วุธเคยลองซื้อข้าวแกงถุง ๆ หรือไม่ก็ก๋วยเตี๋ยวเก็บไว้ในตู้เย็น เวลาผมกลับมาก็เวฟกินได้เลย...แต่ไอ้วุธมันก็ชอบตื่นมานั่งสะลึมสะลือเป็นเพื่อนผม....ทำได้ไม่กี่วัน ผมต้องสั่งให้วุธหยุดซื้อเพื่อไม่ให้ทรมานทั้งตัวมันและผม...วุธไม่ต้องตื่นมากลางดึก ส่วนผมก็ไม่ต้องทนกินอะไรที่บางทีไม่อยากกินแต่ก็ต้องกินเพราะกลัววุธเสียความรู้สึก (เคยเป็นกันมั๊ย...บางวันอยากกินข้าว บางวันอยากกินพวกเส้น ๆ บางวันก็อยากกินจืด ๆ บางวันก็อยากกินเผ็ด ตอนวุธโทรถามเวลาจะซื้อว่าอยากกินอะไร ผมก็ตอบไม่ได้หรอกครับ ต้องรอให้หิวก่อน).....
.....ทำงานรอบบ่ายติดกันมาเกือบสองเดือนแล้ว...ตอนนี้ผมให้วุธไปนอนบนห้อง แทนที่จะมานอนรอที่โซฟาเหมือนแต่ก่อน แปลกจัง วุธมันไม่ดื้อ ยอมขึ้นไปนอนแต่โดยดี ทั้งที่เมื่อก่อนมันไม่ยอมง่ายอย่างนี้หรอก มันบอกว่าผมกลับมากี่โมงมันจะได้รู้เวลาที่แน่นอน เป็นการคุมไปในตัว กลัวผมจะแอบเที่ยวอ่ะดิ.....
*
*
*
“...ฮัลโหล...วุธ...คืนนี้ไม่ต้องรอนะ...” ผมโทรหามันตอนสองทุ่มกว่า ๆ ของคืนวันศุกร์ ซึ่งมันมักจะนั่งเล่นเกมส์รอ หรือถ้าเป็นเมื่อก่อนมันก็จะอาสามารับที่โรงแรม เพราะวันรุ่งขึ้นไม่ต้องไปทำงาน
“...ทำไมอ่ะ...ไปเที่ยวไหน...” วุธถามเสียงเข้ม
“...เปล่า...ไม่ได้ไปเที่ยว...แต่ต้องควงกะ...คนทำรอบดึกไม่สบาย เราต้องทำงานต่อถึงเจ็ดโมงครึ่ง...”
“...เฮ้ย...แล้วเอ้จะไหวเหรอ...”
“...ไม่ไหวก็ต้องไหวแหละ...ทำไงได้อ่ะ...ไม่มีใครอยู่ให้เลย...แต่พรุ่งนี้ได้หยุดนะ...”
“...งั้นพรุ่งนี้เช้าผมไปรับนะ...”
“...เออดีเหมือนกัน...ไม่งั้นต้องคลานไปเรียกแท็กซี่กลับบ้านแน่ ๆ...” ผมได้ยินเสียงวุธหัวเราะเบา ๆ “...ปิดบ้านใส่กลอนไปเลยนะ...ก่อนนอนดูปลั๊กไฟ ดูน้ำในห้องน้ำ ดูแก็สด้วย...” ผมสั่งให้มันทำหน้าที่แทนผม
“...ครับคุณนาย...” วุธทำเสียงล้อเลียน
“...ดีมาก...งั้นแค่นี้นะ...”
“...เดี๋ยว...”
“...อะไร...” ผมต้องรีบพูดเพราะเห็นแขกเดินตรงเข้ามาหาแล้ว
“...ถ้าง่วงก็นอนซะนะ....อย่าไปทะเลาะกับแขกล่ะ...” วุธเตือนเพราะรู้ดีว่าเวลาผมง่วงหรือหิวนี่อารมณ์จะขึ้นง่ายมาก แต่นั่นมันเมื่อก่อนนะ
“...จ้า...Goodnight นะจ๊ะ...” ผมรีบวางหูโทรศัพท์เพื่อรับแขกที่เข้ามาเช็คอิน ส่วนอีกะเทยเด็กทั้งสองคน นั่งกินขนมอยู่หลังฟร้อนท์ ฃ่วงเวลานั้นแขกไม่ค่อยเยอะก็เลยอู้กันได้
*
*
“...พี่เอ้...ไปนอนเอาแรงเถอะ...คืนนี้ต้องควงรอบไม่ใช่เหรอ...”
“...ไม่ต้องห่วงข้างหน้าหรอกพี่...เดี๋ยวโฟร์กับมดดูแลเอง...” วันนี้อีสองคนนี่อยากเป็นโฟร์-มด
“...ไม่เอา...พี่ไม่ชอบให้ใครเห็นสภาพตอนนอน...ขนาดอยู่ดึกพี่ยังไม่เคยนอนเลย...”
“...อีเบสมันก็ไม่อยากให้ใครเห็นตอนมันนอนเหมือนกันนะพี่เอ้...มันก็เลยชอบไปนอนในโลง...” นังธีพูดเสียงเบา แต่ก็ดังพอให้เพื่อนได้ยิน
“...อีเหี้ย...กัดกูอีกแล้ว...ใครจะเหมือนมึงล่ะ...อีธี...ชอบนอนอวดชาวบ้านที่ข้างถนนเนี่ย...คนเค้าไม่อยากเห็นภาพอนาจก็เลยหาหนังสือพิมพ์มาห่มให้มึงซะงั้น...”
“...อีดอก...กูยังไม่ตาย...”
“...เอ้า...กัดกันอีกแล้ว...กินข้าวกะละมังเดียวกันแท้ ๆ...ถ้าไม่เลิกกัดกันเดี๋ยวชั้นจะเอาน้ำร้อนมาสาด...”
“...หนูไม่ใช่หมานะ...” อีสองคนนี่พูดพร้อมกันได้
“...อ้าว ก็เห็นสุมหัวแดกลอดช่องกะละมังเดียวกันเมื่อกี้แหม็บ ๆ กัดกันซะแล้ว...”
“...แหม...พี่เอ้อ่ะ...ถ้าพวกหนูไม่กัดกันสิแปลก...”
*
*
“...เอ้...” เสียงเรียกนั้นดังจนทำให้ผมสะดุ้ง
“...เฮ้ย...มาได้ไงวะ...ป่วยไม่ใช่เหรอ...” ผมหันไปตามเสียง เจอกับเพื่อนรอบดึกคนที่โทรมาลา แล้วผมต้องควงรอบให้
“...มึงไม่ต้องควงแล้ว...ดีใจปะ...”
“...อ้าว...ทำไมอ่ะ...”
“...ก็กูหายแล้ว...” มันลอยหน้าลอยตาพูด
“...เมาค้างสิมึง...ถ้าไม่ไหวกูควงให้ได้นะ...”
“...ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจเว้ย...”
.....พออีสองคนนั่นรู้ว่าผมไม่ต้องควงรอบ มันก็หาเรื่องชวนผมเที่ยวเลย...ตอนแรกว่าจะกลับบ้าน แต่คิดอีกที ไปเที่ยวดีกว่า ไหน ๆ วุธมันได้นอนแบบไม่ต้องกังวลว่าผมจะกลับดึกแค่ไหนซะที...อย่างมากก็โดนบ่นตอนโทรไปปลุกให้มันลุกมาเปิดประตูให้...แต่เราก็อ้างว่า พาแขกไปเที่ยวก็ได้นี่ แถมมีน้องสาวไปอีกสองคนไว้เป็นไม้กันหมา ถ่ายรูปเป็นหลักฐานเหมือนทุกครั้งมันก็ไม่ว่าอะไรมากหรอก ผมคิดเข้าข้างตัวเอง ถ้ามันจะด่าก็เพราะผมไม่บอกล่วงหน้า แต่ผมก็บอกได้ว่ามันดึกเกินไปที่จะบอกแล้ว ไม่อยากให้วุธเป็นห่วง.....
.....เลิกงานห้าทุ่ม...พวกผมล้างหน้าล้างตารอตั้งแต่สี่ทุ่มครึ่ง อีสองคนแต่งหน้าฉ่ำโบ๊ะ เตรียมตัวเดินทาง แค่เปลี่ยนชุดก็ไปแรดได้แล้วเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา...คืนวันศุกร์อย่างนี้ ไปช้าอาจเข้าร้านไม่ได้....แต่นาทีนั้นก็ยังตกลงกันไม่ได้อยู่ดีว่าจะไปไหน...อีเบสอยากไปแถว อ.ต.ก. อีธีอยากไปหลังสวน เราเลือกไปในย่านเกย์ เพราะคืนนี้มีเราแค่ 3 คน ขอไปที่ชาวเราหน่อยละกัน.....ไม่ได้ไปแดนซ์ในสถานที่แบบนี้มานาน ก็ถ้าพาแขกไปเที่ยว เราคงไม่กล้าพาไปที่ที่เราชอบหรอก.....
.....อีสองคนนั้นยังเลือกไม่ได้ว่าจะไปไหน เดินเถียงกันตั้งแต่หลังฟร้อนท์ ห้องล็อกเกอร์ จนมาถึงข้างถนนเพื่อเรียกแท็กซี่หน้าโรงแรม.....
“...นับหนึ่งถึงสิบ ถ้ายังตกลงกันไม่ได้....ชั้นจะพาพวกหล่อนไปเอง...” ผมเริ่มนับช้า ๆ มันก็ยังเถียงกันไม่จบ....พอนับครบ ผมก็โบกมือเรียกแท็กซี่ ก้าวขึ้นรถแบบไม่รอพวกมันเลย
“...ไปสีลมครับ...” ผมบอกโชเฟอร์ อีสองคนหน้าเหวอ ไม่คิดว่าผมจะพาไปสีลม
“...พี่เอ้...หยาบคายอ่ะ...คืนนี้หนูไม่เริ่ด...อุตส่าห์ตัด Choice สีลมออกไปแล้วยังจะไปอีก...”
“...ก็เพราะไม่มีช้อยส์สีลมไงชั้นถึงได้พาหล่อนมา...” ผมหัวเราะเบา ๆ อีพวกนั้นสามัคคีสำรวจความงานให้กันและกัน โชเฟอร์ได้แต่มอง แกคงประหลาดใจ ก็ก่อนขึ้นรถยังดูเป็นแมนกัน ไป ๆ มา ๆ ตอนนี้สาวแตกนั่งเบียดกันเป็นปลากระป๋องอยู่เบาะหลัง ช่วยกันจับผมสั้น ๆ เซ็ตให้เข้าที่เข้าทาง
*
*
*
....คืนวันศุกร์...ถนนสีลมซอย 2 ร้านไหน ไม่บอกนะครับ...แต่ทุกคนก็คงรู้อยู่ว่าซอยนั้นคนเยอะมาก...เคยไปแล้วเข้าไม่ได้ก็มี...คืนนี้คนแน่นตั้งแต่หน้าประตู...พวกเราค่อย ๆ เดินเบียดผู้คนเพื่อขึ้นไปที่ชั้นบน และไปแลกดริ้งค์...เสียงเพลงดังชวนให้เต้นทั้ง ๆ ที่เพลงที่เปิดไม่ได้น่าเต้นเลย แต่บรรยากาศพาไป...ขอทำตัวเป็นคนโสดซักคืนเถอะ....
.....ไม่ได้มาร้านนี้นานจนลืมไปแล้วว่ามาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ บรรยากาศเดิม ๆ คนเที่ยวอลังการเหมือนเดิม...และผมก็อยู่มุมเดิมที่มองเวทีข้างล่างได้ชัดเจน...ยิ่งดึกคนก็ยิ่งแน่น...อยากจะเอาบัตรค่าเข้าไปแลกดริ้งค์ที่เหลืออีกอันนึงยังไม่กล้าเดินไปเลย...คนเบียดกันมาก คิดอยู่ว่าเบียดกันขนาดนี้...ถ้ามีมดลูกคงท้องไปแล้ว.....
.....ไม่เหมือนอีสองคนนั่น...เดินถือขวดเบียร์ร่อนไปทั่ว ทิ้งให้ผมยืนอยู่คนเดียว แต่ไม่นานผมก็เดินเบียดผู้คนเพื่อลงไปชั้นล่าง มองดูคนที่กำลังเต้นกันอย่างเมามัน...บางคนก็ขึ้นไปเต้นบนเวที...บางคนก็ขึ้นไปเต้นบนโต๊ะ...ทุกอย่างรอบตัวกระตุ้นให้ผมยิ่งรู้สึกสนุกขึ้นทุกที...กวาดตามองผ่านควันจาง ๆ หาตัวน้องสาวทั้งสองคนจะได้ลงไปแจมกันให้เต็มที่...แต่ผมก็ต้องตะลึง จ้องมองให้ชัด ๆ มั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาด...กลุ่มคนรูปร่างหน้าตาดีทั้งโต๊ะประมาณ 4-5 คน กำลังกระดกแก้วเหล้า เต้นกันสนุกสนาน แต่มีอยู่คนนึงที่ผมเห็นกำลังใช้แขนล่ำ ๆ ขาว ๆ โอบกอดผู้ชายหน้าคุ้น ที่ถึงแม้จะหันหลังให้ผมก็จำได้ว่าเขาเป็นใคร.....
.....ผมยืนนิ่งอยู่กับที่...รอให้คนคนนั้นหันด้านข้างมาให้เห็นชัด ๆ เพื่อให้มั่นใจเต็มร้อยว่าเป็นคนที่ผมไว้ใจ...คิดว่าป่านนี้คงนอนอยู่บ้านหลับสบายไปแล้ว....ไม่นานนัก เขาก็หันมา แต่ไม่เห็นผมหรอก...ผมอึ้ง...มันยิ้มตาเยิ้มเพราะฤทธิ์เหล้า หรือว่าเพราะอย่างอื่นกับคนที่ผมกลัวที่สุด...กลัวมากกว่าใครทุกคนที่เคยผ่านมาทำให้ผมระแคะระคาย.....
.....แปลกนะครับ ที่ตอนนั้นผมไม่มีความรู้สึกอยากจะร้องไห้เลยสักนิด...รู้สึกอย่างเดียวคือโกรธ...โกรธที่ไว้ใจ...โกรธที่มันมาเที่ยวในที่แบบนี้...โกรธที่มันมากับพี่พีท...โกรธที่มันปฏิเสธจะมาเที่ยวสถานที่แบบนี้กับผม...โกรธที่ห้าม...ไม่ชอบให้ผมเที่ยว...แต่ตัวเองมาได้...โกรธที่ทิ้งบ้าน...โกรธที่ปล่อยให้น้องหมาของผมต้องอยู่เฝ้าบ้านตัวเดียว...ผมพาลโกรธไปหมด.....
*
*
“...ฮัลโหล...อ้าวพี่เอ้...” นังเบสเดินออกมารับโทรศัพท์ที่ผมโทรหามันด้านหน้าร้าน แต่ต้องชะงักเพราะเห็นผมยืนหน้าบึ้งอยู่ มันกดสายทิ้ง
“...เป็นอะไรพี่...ไม่สนุกเหรอ...”
“...พี่จะกลับแล้ว...” ผมไม่ตอบ แต่พูดสั้น ๆ แค่นั้น
“...ทำไมอ่ะ...”
“...จะกลับด้วยกันหรือเปล่า...” ผมไม่ตอบอีก
“...มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกันสิ...เดี๋ยวหนูไปตามอีธีแป๊บนึงนะพี่...”
“...พี่รอตรงโรบินสันนะ...” ผมพูดจบก็หันหลังเดินออกมาเลย
.....โชคดีแค่ไหนแล้วที่สองคนนั่นไม่รู้ว่าวุธหน้าตาเป็นยังไง พวกมันรู้แค่ว่าแฟนผมชื่อวุธ เพื่อนร่วมงานที่เคยเห็นไอ้วุธบรรยายรูปร่างหน้าตาซะเวอร์ จนนังสองคนกระสันอยากจะเจอมั่ง แต่ยังไม่มีโอกาส....ถ้ามันรู้จักไอ้วุธ และเห็นว่ามันหนีผมมาเที่ยวแบบนี้ ผมคงอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน...ถ้าตามอ่านกันมาคงรู้ว่าเรื่องเสียใจน่ะ ไม่เท่าไหร่...แต่เสียหน้านี่ ผมไม่ยอม....
.....ตลอดทางกลับบ้าน ผมนั่งเงียบ ไม่ล้อเล่นเหมือนขามา...จากการทำงานร่วมกันมาสักพัก...สองคนนั่นก็รู้ใจผม ปกติผมเป็นคนที่อารมณ์ดีตลอดเวลา ขนาดแขกด่ายังยิ้มได้...แต่ถ้าผมเงียบแบบนี้คงมีเรื่องร้ายแรงจริง ๆ .....
.....ทันทีที่ลงจากแท็กซี่หน้าบ้าน...ผมมองเข้าไปเห็นรถวุธยังจอดนิ่งอยู่...ไฟนีออนในบ้านทุกดวงดับสนิท เหลือไว้แต่ไฟดวงเล็ก ๆ ที่เปิดประจำตามจุดต่าง ๆ....ถ้าผมกลับมาจากทำงานตามปกติ ก็คงไม่คิดอะไร เพราะทุกอย่างเป็นเหมือนทุกวัน...เข้าไปในรั้วบ้าน น้องหมาของผมวิ่งเขามาตะกุย กระดิกหางดีใจที่เห็นเจ้าของ...มันกระโดดดึ๋ง ๆ ตามผมเข้ามา เกาะประตูบ้านรอผมไขกุญแจ.....
.....เปิดไฟ...มองไปรอบ ๆ ห้องรับแขก...เห็นโซฟาที่วุธมันเคยนอนรอทุกวัน...ผมนั่งลงด้วยความอ่อนล้า...น้องหมานอนหมอบข้าง ๆ ผมเอามือไปลูบหัวมันเบา ๆ ความรู้สึกต่าง ๆ ที่อัดอั้นมาตลอดทางกลับบ้าน ค่อย ๆ ถูกระบายออกมาด้วยน้ำตาหยดแล้วหยดเล่า ทั้ง ๆ ที่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเพิ่งจะบอกตัวเองว่า คราวนี้เราจะต้องไม่ร้องไห้...ผมยอมให้น้ำตาหยดแรกไหลออกมา เพราะความเหนื่อยจากการทุ่มเทเวลาให้งาน ความน้อยใจ คิดเลยเถิดไปถึงยอมให้วุธไปเจอคนที่ดีกว่า พี่พีทไม่มีอะไรเสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว จะว่าไปเขาดีกว่าผมในทุก ๆ เรื่องด้วยซ้ำ....
.....นั่งเงียบ ๆ ได้ซักพัก ผมเพิ่งคิดได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กินข้าว หิวตงิด ๆ มองนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนกว่าเกือบจะตี 1 แล้ว...ผมขึ้นห้องไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า และลงมาหาอะไรกิน ซึ่งก็ไม่พ้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่โชคดีที่มีอาหารทะเลแช่แข็งเหลือติดตู้เย็นไว้....นั่งกินข้าวคนเดียว ตามองโทรทัศน์ แต่ใจกลับคิดเรื่องที่เพิ่งเจอ...ถ้าวุธกลับมาเราจะทำยังไงดี.....
.....แต่ตอนนี้...ผมทำทุกอย่างให้เหมือนปกติ...ให้มันคิดว่าผมยังควงรอบทำงานต่อถึงเจ็ดโมงเช้า...ไฟทุกดวงถูกปิดเหมือนเดิม...เก็บรองเท้าซ่อนมิดชิด...ผมขึ้นไปนอนที่ห้องแม่...ลืมตามองฝ้าเพดานในความมืด วิธีแก้แค้น...คำพูดเจ็บ ๆ วนเวียนในหัว รอเวลาแค่ไอ้วุธกลับมาเท่านั้น.....
*
*
*
....ตีสองกว่า...เสียงรถจอดหน้าบ้าน...น้องหมาส่งเสียงงี๊ด ๆ ตามด้วยเสียงเห่ากรรโชกคนแปลกหน้า...เสียงเปิดประตูรั้ว...เสียงเปิดปิดประตูบ้าน...หรือแม้แต่เสียงคุย...เสียงหัวเราะดังขึ้นมาให้ผมได้ยิน...ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดึกมากแล้ว ไม่มีเสียงอื่นรบกวน หรือผมตั้งใจฟังความเคลื่อนไหวของไอ้วุธกันแน่....
.....ผมยืนมือไม้สั่นด้วยความโกรธอยุ่หลังประตูห้องแม่ เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา เสียงเปิดประตูห้องนอนผม ตามด้วยเสียงพูดคุยสนุกสนานแต่จับใจความไม่ได้ เพราะเสียงนั้นมันยาน ๆ ยังไงไม่รู้...กล้ามากนะมึงที่พาคนอื่นเข้าบ้านกู...กล้ามากที่เอาคนอื่นมานอนเตียงกู...กล้ามากที่กินเหล้า ทั้ง ๆ ที่เคยบอกมันแล้วว่าไม่ชอบคนกินเหล้า...กล้านักใช่มั๊ย...เดี๋ยวมึงเจอกู.....
.....ผมเปิดประตูห้องแม่ให้เบาที่สุด...แสงไฟลอดออกมาจากห้องผม...มันไม่ปิดประตูซะด้วย...คงรีบมากอ่ะดิ...ทันทีที่ผมผลักประตูเข้าไป ร่างของคนที่ผมชื่นชมในความเพียบพร้อม และร่างของคนที่ผมรักที่สุดก็ผละออกจากกัน วุธถึงกับเซไปนั่งบนเตียง...แวบแรกที่เห็นหน้ามัน ผมรู้เลยว่ามันต้องกินเหล้าเข้าไปเยอะพอควร เพราะหน้ามันแดงก่ำ ตาเยิ้ม แต่ตอนนี้หน้ามันซีดจนเห็นได้ชัด.....
“...เอ้...” วุธครางเบา ๆ
“...อ้าว...ไม่ได้ทำงานรอบดึกเหรอ...” พี่พีททำหน้าตายถามผม
“...เปล่า...โชคดีที่รอบดึกมาทำงานได้...โชคดีจริง ๆ ที่ไม่ได้ควงกะ...” ผมพูดเสียงรอดไรฟันนิด ๆ อาจจะเป็นเพราะโตขึ้น จากตอนแรกที่คิดว่าจะวีนแตก แต่พอเห็นภาพตรงหน้าทำให้ผมปลงกับชีวิตรักของชาวเราที่ใครต่อใครตราหน้าไว้ว่ามันไม่มีทางยั่งยืน
“...เอ้...” วุธเรียก ผมได้แต่ตวัดสายตามองผ่าน แล้วหันไปพูดกับพี่พีทต่อ
“...ดึกมากแล้ว...ขอบคุณที่มาส่งวุธนะครับ...” ผมไล่เขาทางอ้อม ซึ่งก็ได้ผล
“...งั้นพี่กลับก่อนนะ...วุธ...เอ้...”
“...เดี๋ยวเอ้ไปส่ง...” วุธลุกขึ้นยืนทำท่าจะลงไปด้วย แต่โดนผมเบรกซะก่อน
“...ไปอาบน้ำซะ...” ผมไม่ได้พูดกับวุธด้วยเสียงหนัก ๆ อย่างนี้มานาน วุธชะงักแต่ก็เดินเข้าห้องน้ำอย่างว่าง่าย...พี่พีทมองผมอึ้ง ๆ
“...เอ้ไม่ต้องไปส่งพี่หรอก...พี่เดินลงไปเองได้...”
“...ไม่เป็นไรหรอกพี่...เดี๋ยวเอ้จะได้จับหมาไว้...จริง ๆ แล้วมันไม่ค่อยได้กัดคนหรอก...มันเลือกกัดจะตาย...” ผมพูดขำ ๆ
*
*
*
.....หลังจากที่ส่งพี่พีทกลับบ้าน...ผมเดินขึ้นห้องช้า ๆ คิดทบทวนว่าจะทำยังไงกับวุธดี...เปิดประตูห้องเข้าไปวุธมันก็ยังอาบน้ำไม่เสร็จ รู้สึกว่าจะอาบนานผิดปกตินะ ผมเคาะประตู ได้ยินเสียงมันตอบกลับมา แค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันจงใจหลบหน้าผม...ก็ดี...ตอนนี้ยังไม่รู้จะพูดอะไรกับมัน...เอาไว้พร้อมก่อนดีกว่า....
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 24-10-2007 20:55:11
 :impress: :impress:

ทำไมมันเป็นแบบนี้ว่ะ

 :เฮ้อ:  สองครั้งแล้วนะไอ้วุธ

มันก็เป็นอย่างงี้ อยู่คนเดียวต่อไปดีฝ่า

 o15 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 24-10-2007 21:25:36
ทำไมวุธถึงทำแบบนี้ล่ะ ..........................เลว
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 24-10-2007 22:39:14
ผุ้ชาย มันก้เหมือนกันทุกคน

หรือจะให้ถูกก้คือ พวกรุกแม่งก้แบบนี้แหละ

เลวทุกคน เกลียดแทนพี่เอ้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 25-10-2007 01:41:25
ทำไมวุธเป็นคนแบบนี้ เสียแรงที่เชียร์ สงสารคุณเอ้ใจเย็นสุดๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 25-10-2007 08:15:04
นั่นสินะครับ  ทำไมวุธถึงทำแบบนี้

โดนเต็มๆ เลย   :m15:

"ผิดที่ฉันยอมยกใจให้เธอไป  ผิดที่ฉันยอมให้เธอเก็บไว้"
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: slmzaa ที่ 25-10-2007 10:16:27
:เตะ1: :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1: สามครั้งที่วุธทำไห้เอ้เสียใจ      มันน่า...............ไห้ตาย:เตะ1: :เตะ1: :เตะ1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 25-10-2007 11:01:01
 :angry2:     เห็นมั้ยเอ้  มันทำให้เราเจ็บอีกแล้ว 

ฆ่ามัน ๆๆ ๆๆๆ   :เตะ1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 25-10-2007 11:38:54
ชนวนเหตุเป็นเช่นนี้เอง
 :เฮ้อ:
ถ้าพี่เอ้ควงรอบนี่ ......... ไม่อยากจะคิด
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-10-2007 19:08:11
มันเพราะอารายการนะ ทามัม้ยพี่เอ้ถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้อีกแล้วนะ

ยังไงก้อเข็มแข็งไว้นะฮะ

สักวันนะฮะพี่เอ้ที่มานจะเปงของเรา

ถ้าคิดว่าตัวเองทามถูก และคิดถูกแย้วก้อสุ้ต่อไปนะฮะ

เนมคิดว่าถึงจะเหงาสักหน่อยถ้าอยุ่คนเดียว แต่ไม่ต้องทรมานมากนัก

เนมก้อขออยุ๋คนเดียวนะฮะ  ไม่อยากอยุ่ให้ใครเหงว่าเราโง่เหมือนกานนะฮะ

ถึงชีวิตไม่มีรักกับใครสักคน  แต่ก้อยังมีคนที่เรารุ้ว่าเค้ารักเราอยู่นะฮะ

พ่อก่ะแม่เราไงฮะ

ยังไงก้อสุ้ต่อไปนะฮะพี่เอ้

แล้วมาต่ออีกนะฮะ

เปงกำลังใจให้นะ สู้ๆนะฮะ :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 25-10-2007 19:37:31
มันเพราะอารายการนะ ทามัม้ยพี่เอ้ถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้อีกแล้วนะ

ยังไงก้อเข็มแข็งไว้นะฮะ

สักวันนะฮะพี่เอ้ที่มานจะเปงของเรา

ถ้าคิดว่าตัวเองทามถูก และคิดถูกแย้วก้อสุ้ต่อไปนะฮะ

เนมคิดว่าถึงจะเหงาสักหน่อยถ้าอยุ่คนเดียว แต่ไม่ต้องทรมานมากนัก

เนมก้อขออยุ๋คนเดียวนะฮะ  ไม่อยากอยุ่ให้ใครเหงว่าเราโง่เหมือนกานนะฮะ

ถึงชีวิตไม่มีรักกับใครสักคน  แต่ก้อยังมีคนที่เรารุ้ว่าเค้ารักเราอยู่นะฮะ

พ่อก่ะแม่เราไงฮะ

ยังไงก้อสุ้ต่อไปนะฮะพี่เอ้

แล้วมาต่ออีกนะฮะ

เปงกำลังใจให้นะ สู้ๆนะฮะ :m17: :m17:

ซึ้ง ๆ คิดได้นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 26-10-2007 08:40:17
ทำไมวุธทำแบบนี้เนี่ย ไม่เข้าใจ เลยอ่ะ  :angry2: :angry2: :angry2: เซง  o9 o9
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 26-10-2007 09:35:25
 :impress:

สงสัยเคลียร์กะวุธอยู่แน่ ๆ เลย

เคลียร์ไว ๆ นะ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: นู๋บอย ที่ 26-10-2007 10:02:13
 :o   ตามมะทันอ่ะ อ่านจบแค่ตอนนี้เด๋วไล่อ่านให้หมดก่อนจะมาเม้นท์นะฮะ

แต่ขอฝากไอ้นี่    :เตะ1:  เอาไว้ทีนึง  ทำงี้กันได้ไง   :ฮึ่มม:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 26-10-2007 12:58:14
 :angry2:
วุธทำอย่างงี้ได้ไงเนี้ย ทำไมทำกับเอ้แบบนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: papae ที่ 26-10-2007 13:04:24
 :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 26-10-2007 14:40:49
พี่เอ้ค่ะ นู๋เพิ่งมาตามอ่านค่ะ...พี่เอ้ค่ะ นู๋เกลียดวุธ เกลียดที่ทำให้พี่เอ้ต้องเสียใจ เกลียดที่ไม่มั่นคงในความรัก เกลียดที่ไม่มั่นคงกับพี่เอ้ เกลียดอ้ายพี่คนนั้นด้วยค่ะ พี่เอ้ค่ะเสียใจได้แต่ต้องเข้มแข็งไว้นะค่ะ ยังมีพวกนู๋ๆกับเพื่อนๆในบ้านหลังนี้อยู่เคียงข้างพี่เอ้ค่ะ อย่าไปเสียใจมากมายให้กับคนแบบนั้นเลย ตัดให้เด็ดขาดไปเลยค่ะ ก้อรู้นะค่ะว่าพี่เอ้ไม่มีเวลาให้กับวุธ แต่วุธจะมาบอกว่าเหตุผลอันนี้แล้วทำให้นอกใจน่ะ มันเกินไป มันไม่ใช่ พูดแล้วแค้น :angry2: ถ้าตัววุธยังไม่หนักแน่นพอก้ออย่าไปโทษคนอื่นเลย โทษตัวเองก่อนเลย  ถ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อกันก้ออย่าอยู่ด้วยกันเลย พี่เอ้ค่ะรักแท้หาได้ยากแต่ใช่ว่าจะไม่เจอเลย เริ่มต้นค้นหาใหม่ก้อได้เนอะ  นู๋น่ะพออ่านตอนที่เค้ามาส่งกันถึงเตียงอ่ะ มันแบบเจ็บจี๊ดเลยค่ะ :m15: คนทำไม่คิดแต่คนที่ได้รับผลจากการกระทำน่ะมันเจ็บปวด  คนแบบวุธพี่เอ้คิดว่าเป็นก้อนหิน ก้อนกรวดแล้วกันนะค่ะ เขวี้ยงทิ้งไปไกลๆ อย่าได้หันกลับไปมอง ซักวันนึงความเจ็บปวดจะค่อยๆจางไปนะค่ะ ไม่ต้องลืมให้เก็บไว้เป็นบทเรียนก้อแล้วกัน อย่าทำร้ายตัวเองด้วยคนคนนั้นอีกเลยนะค่ะ   
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: vorest ที่ 26-10-2007 15:27:05
ผมอ่านแล้วเจ็บจี๊ดๆเลยคับ

เศร้าตามจริงๆ...
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-10-2007 18:39:23
พี่เอ้ค่ะ นู๋เพิ่งมาตามอ่านค่ะ...พี่เอ้ค่ะ นู๋เกลียดวุธ เกลียดที่ทำให้พี่เอ้ต้องเสียใจ เกลียดที่ไม่มั่นคงในความรัก เกลียดที่ไม่มั่นคงกับพี่เอ้ เกลียดอ้ายพี่คนนั้นด้วยค่ะ พี่เอ้ค่ะเสียใจได้แต่ต้องเข้มแข็งไว้นะค่ะ ยังมีพวกนู๋ๆกับเพื่อนๆในบ้านหลังนี้อยู่เคียงข้างพี่เอ้ค่ะ อย่าไปเสียใจมากมายให้กับคนแบบนั้นเลย ตัดให้เด็ดขาดไปเลยค่ะ ก้อรู้นะค่ะว่าพี่เอ้ไม่มีเวลาให้กับวุธ แต่วุธจะมาบอกว่าเหตุผลอันนี้แล้วทำให้นอกใจน่ะ มันเกินไป มันไม่ใช่ พูดแล้วแค้น :angry2: ถ้าตัววุธยังไม่หนักแน่นพอก้ออย่าไปโทษคนอื่นเลย โทษตัวเองก่อนเลย  ถ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อกันก้ออย่าอยู่ด้วยกันเลย พี่เอ้ค่ะรักแท้หาได้ยากแต่ใช่ว่าจะไม่เจอเลย เริ่มต้นค้นหาใหม่ก้อได้เนอะ  นู๋น่ะพออ่านตอนที่เค้ามาส่งกันถึงเตียงอ่ะ มันแบบเจ็บจี๊ดเลยค่ะ :m15: คนทำไม่คิดแต่คนที่ได้รับผลจากการกระทำน่ะมันเจ็บปวด  คนแบบวุธพี่เอ้คิดว่าเป็นก้อนหิน ก้อนกรวดแล้วกันนะค่ะ เขวี้ยงทิ้งไปไกลๆ อย่าได้หันกลับไปมอง ซักวันนึงความเจ็บปวดจะค่อยๆจางไปนะค่ะ ไม่ต้องลืมให้เก็บไว้เป็นบทเรียนก้อแล้วกัน อย่าทำร้ายตัวเองด้วยคนคนนั้นอีกเลยนะค่ะ  
เหงด้วยมากมายเลยนะฮะพี่เอ้

ยังไงก้อมีน้องๆรอพี่เอ้อยุ่นะฮะ.

เปงกำลังใจให้นะตลอดไปนะฮะ :m17: :m17: :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ตามมาดู ที่ 27-10-2007 01:02:34
 และแล้วพายุก็มาดังคาด ...
 เฮ้อ..........
 รออ่านต่อดีกว่า ......
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 27-10-2007 13:53:09
รอพี่เอ้ฮะ.........จะรอต่อไป

ยังไงก้อจะรอนะฮะ

เปงกำลังใจให้นะฮะ สู้ๆนะ :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 27-10-2007 14:26:08
6. Listen
.....คืนนั้น...ผมยืนรอวุธที่หน้าห้องน้ำนานมาก วุธมันก็อาบน้ำไม่เสร็จซะที เสียงฝักบัวดังไม่ขาดสาย ตอนแรกคิดว่ามันเมาหลับ...หรือว่าเป็นอะไรในห้องน้ำ...แต่พอเคาะประตูเรียกอีกทีมันก็ขานรับเบา ๆ ยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่ามันไม่กล้าสู้หน้าผมในตอนนี้...เอางั้นก็ได้...ผมเดินไปหยิบบัตรเข้าเธคที่สามารถนำไปแลกดริ้งค์ที่เหลืออยู่อันนึงในกระเป๋า แล้ววางไว้ให้มันเห็นชัด ๆ บนเตียง...วุธมันต้องรู้แน่นอนว่าคืนนี้ผมไปเที่ยวที่เดียวกับมันเพราะด้านหลังบัตรมันปั๊มวันเดือนปีอยู่...หลักฐานคาตาก็จริง...แต่มันด่าผมเรื่องหนีเที่ยวไม่ได้อีกต่อไปแล้ว...ยิ่งคิดยิ่งแค้น..ผมหอบสมบัติจำเป็นไปไว้ห้องแม่ ตั้งใจปิดประตูเสียงดัง ให้มันรู้ว่าผมไม่อยู่ในห้องแล้ว...มันจะได้ออกมาพักผ่อนซะที...แช่น้ำนาน ๆ เดี๋ยวตัวเปื่อยหมด.....
.....เข้าห้องปิดล็อคแน่นหนา พวงกุญแจสำรองก็อยู่กับผม...เดินวนไปวนมาไม่นาน...เอาหูแนบกำแพงห้องข้าง ๆ ได้ยินเสียงวุธเดินเพ่นพ่านเหมือนกัน...จากที่เคยอยู่ด้วยกันมานาน...ผมนึกภาพออกเลยว่า วุธมันต้องกระวนกระวาย ที่เห็นผมขนข้าวของไปนอนห้องแม่...เวลาผ่านไปพักใหญ่ ๆ ผมเริ่มเคลิ้มจะหลับเพราะความอ่อนเพลียจากการทำงานและรู้สึกปวดตาที่ก๊อกแตกไปเมื่อครู่.....
“...เอ้...เอ้...หลับยัง...” เสียงวุธเคาะประตูเรียก ผมเงียบ วุธเคาะอีก “...เอ้ยังไม่หลับหรอก...ผมรู้...เปิดประตูที...” รู้ดีจริง ๆ นะมึง
“...โอ๊ย...วุ่นวายว่ะ...ไม่เปิด...ง่วง...” ผมตะโกนตอบห้วน ๆ
“...ขอคุยด้วยหน่อย...”
“...ช้าไปแล้ว...เมื่อกี้ยืนรอตั้งนาน...เห็นหายเงียบในห้องน้ำ...คิดว่าไม่มีอะไรจะพูดซะอีก...ตอนนี้มันหมดเวลาแล้วโว้ย...” ผมกวนมันโดยลุกขึ้นมายืนพูดหันหลังพิงประตู
“...เอ้ครับ...เปิดประตูหน่อยนะครับ...” มันเงียบไปนิดนึงก่อนใช้ลูกอ้อน ผมเปิดแง้มประตูนิด ๆ มันฉีกยิ้มดีใจ แต่ก็ต้องหุบยิ้มทันทีที่ผมพูด
“...ไปนอนได้แล้ว...” สั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงเข้ม ๆ ก่อนปิดประตูกระแทกใส่หน้ามันดังโครม
*
*
*
.....เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับได้ ปาเข้าไปเกือบสว่าง...ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นทำใจได้ เคลิ้ม ๆ จะหลับอยู่แล้วเชียว แต่พอมันมาเคาะประตู เห็นหน้ามันยิ้มกว้างดีใจที่ยอมเปิดประตู ผมแทบจะใจอ่อน...แถมรู้สึกเสียใจที่ไปปิดประตูใส่หน้ามันอย่างนั้น ใจนึงก็กลัวมันโกรธ อีกใจนึงก็บอกว่าไม่ต้องแคร์...ถ้าเมื่อคืนเราทำงานรอบดึกต่อ พวกเขาสองคนจะทำอะไรกันไปถึงขนาดไหน...อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ที่เรามัวแต่ทำงานล่ะ...พากันมาสนุกกี่ครั้งแล้ว...ความดี ความน่ารัก ช่วงเวลาที่ผมกับมันมีความสุขร่วมกัน ลอยวนเวียนอยู่ในหัว สลับกับภาพเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งที่ร้าน และที่ห้อง...คิดเรื่อยเปี่อยไปจนถึงเวลาที่พวกเค้าสองคนอยู่ด้วยกัน ทำอะไรกัน...บางทีก็คิดว่าเราน่าจะปล่อยไอ้วุธไป เพราะคนที่ทำให้วุธเขวได้คนนี้ ผมเทียบไม่ติดในทุก ๆ ทาง.....
.....11 โมงกว่า ผมลืมตาตื่นทั้งที่ยังปวดหัวตุ๊บ ๆ นอนคิดอะไรสักพัก ไม่อยากไปทำงาน แต่ก็ลาหยุดไม่ได้...ฝืนสังขารเข้าห้องน้ำ พออาบน้ำเสร็จดันลืมไปว่า เสื้อผ้าทั้งหมดอยู่ในห้องนอนเดิมของตัวเอง...ด้วยความลืมตัว ผมออกมาจากห้องด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำเพียงตัวเดียว ค่อย ๆ ย่องไปเปิดประตูห้องนอนตัวเอง มองรอบ ๆ ไม่เห็นวุธในห้อง...รีบรื้อเอาชุดที่จะใส่ไปทำงาน และเสื้อผ้าสำหรับใส่นอนคืนนี้ พาดแขนไว้ พอปิดประตูตู้ ผมต้องใจหายวาบ เพราะไอ้วุธมันเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้...ยืนอยู่ห่างไม่ถึงฟุต...ผมก็เก๊กหน้าทำเป็นไม่สนใจ มองผ่านหัวมันเดินกลับห้องแม่.....
“...เฮ้ย...” ผมร้อง ตกใจที่วุธมันกระชาก ไม่สิ มันแค่ดึงแขนผมไว้เฉย ๆ แต่ผมไม่ได้ตั้งตัว ก็เลยเซ ไปหามันเต็ม ๆ เข้าทางเลยครับ มันกอดผมไว้จากด้านหลัง คางมันเกยที่ไหล่ผม...ลมหายใจอุ่น ๆ รดต้นคอ...กลิ่นแป้งเด็ก และยาสีฟัน ทำให้ผมรู้ว่ามันก็เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเหมือนกัน...
“...เอ้...ผมขอโทษ...” คำขอโทษของวุธ ได้ผลทุกครั้ง แต่มันบ่อยไปในความคิดผม ทำผิดด้วยความตั้งใจ แล้วมาพูดแค่ขอโทษ ต่อไปก็คงทำอย่างนี้อีก
“...ปล่อย...” ผมแกะมือมันออกจากแขน
“...ถ้าปล่อยแล้วเอ้ต้องคุยกับผมนะ...” มันต่อรอง
“...คุยเรื่องอะไร...”
“...ก็เรื่อง...เอ่อ....เรื่อง...” มันอ้ำอึ้ง
“...อยากจะพูดเรื่องอะไร...ไปคิดให้ดี ๆ ซะก่อน...จะได้ไม่เสียเวลา...หวังว่าจะเป็นคำอธิบาย ไม่ใช่คำแก้ตัวนะ...” ผมพูดเสียงเรียบก่อนเดินเข้าห้องแม่ไปแต่งตัว
*
*
.....ข้าวไข่เจียวหมูสับ กับแกงจืดเต้าหู้ สำหรับผม และกระเพราหมูสับไข่ดาวของวุธ อาหารง่าย ๆ ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะกินข้าวในครัว...แค่ได้กลิ่นผมก็รู้ว่าเป็นฝีมือวุธ...น้ำตาคลอขึ้นมาอีกรอบ...ระยะหลังมานี่ เราแทบไม่ได้ทำกับข้าวกินกันเลย...วูบนึงคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นความผิดของตัวเอง ที่ไม่มีเวลาให้วุธ...แต่มันก็น่าจะเข้าใจว่าผมทำงาน และเราก็ไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้ว จะให้มาสวีทหวานแหววเหมือนแต่ก่อนผมว่ามันขัด ๆ ยังไงไม่รู้สิ (แต่ก็รู้สึกดีทุกครั้งนะครับ เพียงแต่เราไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันมากกว่าในตอนนั้น).....
....วุธเดินตามเข้ามาในครัว ยิ้มแห้ง ๆ ในขณะที่ผมมองหน้ามันและอาหารบนโต๊ะอย่างชั่งใจว่าจะกินดีหรือไม่กินดี...ถ้ากินมันอาจจะคิดว่าผมใจอ่อน...แต่ถ้าไม่กิน มันก็จะเสียใจที่อุตส่าห์ตื่นขึ้นมาทำกับข้าวให้ผม.....
“...กินข้าวกันเถอะ...” วุธจูงมือผมไปที่โต๊ะกินข้าว ก่อนเลื่อนเก้าอี้ให้ผมนั่ง ผมมองหน้ามันอึ้ง ๆ นานแค่ไหนแล้วที่มันไม่ได้เอาใจเราถึงขนาดนี้

“...อย่าเวอร์...ขอร้อง...” ผมพูดเสียงแข็ง เผื่อว่าใจจะแข็งตามไปด้วย วุธหน้าเจื่อน
“...โอ๊ย..ลืมซอสพริก...เอ้รอแป๊บนะ...” วุธมันลุกลี้ลุกลน หาขวดซอสพริกให้ผม
“...ไม่ต้องลำบากหรอก...ไม่หิว...กินรองท้องนิดเดียวก็พอ...” วุธชะงัก ก่อนเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวเอง
“...อร่อยเหมือนเดิมปะ...” วุธถามทันทีที่เห็นผมกลืนข้าวคำแรกลงคอไปแล้ว
“...ไม่มีอะไรเหมือนเดิมหรอก...” ผมตอบแบบไม่ต้องคิด วุธหน้าเสียอีกรอบ คงรู้ว่าผมไม่ได้พูดถึงรสชาติอาหาร
*
*
.....วันนี้ออกไปทำงานเร็วกว่าที่เคย เพราะไม่อยากอยู่บ้านเห็นหน้าวุธที่เดินป้วนเปี้ยนไม่ห่าง...คอยเอาอกเอาใจ หยิบจับ ทำโน่น ทำนี่ ถ้ามันใส่รองเท้าให้ผมได้มันคงใส่แล้วหล่ะ...ทุกอย่างที่วุธทำ มันตรงกับกิจวัตรประจำวันของผม เสร็จจากกินข้าว ต้องทำอะไร แปรงฟันอีกครั้ง ขัดฟัน บ้วนปาก ทาครีมกันแดด ให้อาหารปลาหางนกยูง นั่งดูข่าวเที่ยง สลับกับอ่านหนังสือพิมพ์ให้ได้เวลา 30 นาทีก่อนออกจากบ้าน เพื่อให้ครีมกันแดดทำหน้าที่ของมันอย่างดีที่สุด วันนั้น ผมไม่ต้องกระดิกตัวหยิบอะไรเลย วุธเอามาประเคนให้ผมถึงที อีตอนทาครีมกันแดดยังทำท่าเหมือนจะทาให้ผมซะด้วย แต่เจอสายตาเย็นชาของผมเข้าไป มันก็เลยแค่ยื่นให้ผม โดยมีคำขอบใจเบา ๆ ปราศจากรอยยิ้มของผมตอบแทน.....
“...เอ้...รอด้วย...เดี๋ยวผมไปส่ง...” วุธวิ่งตามผมออกมาหน้าบ้าน อุตส่าห์แอบออกมาตอนมันเผลอแล้วเชียว
“...ไม่ต้อง...วันนี้จะเอารถไป...” วันเสาร์รถไม่ติด คิดว่าจะไปเที่ยวหลังเลิกงานประชดมันด้วย
“...งั้นเดี๋ยวผมขับให้...” วุธตื้อ
“...จะลำบากทำไม...อยู่บ้านเฉย ๆ...ไม่ก็ไปตีกอล์ฟสิ...หรือว่าจะชวนใครมานั่งเล่นนอนเล่นที่นี่ก็ได้นะ...ปล่อยให้เราไปทำงาน...ไปยืนฟังแขกด่าแปดเก้าชั่วโมง...เดี๋ยวก็กลับแล้ว...” ยิ่งพูดเสียงผมก็ยิ่งสั่น ความน้อยใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน สืบเนื่องมาจากผมไม่มีเวลาให้มัน และยิ่งมันมาทำดีกับผมอย่างนี้ มันเหมือนกับทำดีไถ่โทษ มากกว่าที่จะตั้งใจทำดีเพราะอยากทำดีกับผม
“...เอ้...อย่าพาลดิ...” วุธพูดเสียงเรียบบ้าง ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงหยุด แต่วันนี้ไม่มีทาง
“...พาลตรงไหน...พูดจริง ๆ...อยากทำอะไร...ตามสบายเลย...แต่อย่ามาทำเป็นเนียน...เรื่องเมื่อคืนยังไม่ได้เคลียร์นะ...” ผมจ้องหน้ามัน วุธหลบตา
“...งั้นเราเคลียร์กันบนรถ...” วุธถอนหายใจเฮือกใหญ่...ก่อนพูดออกมา
“...ไม่อ่ะ...พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน...” ผมบอกปัด เพราะไม่อยากให้มันขับรถไปส่งผม
“...แล้วทำไมไม่คุยกันคืนนี้...” วุธเอะใจ
“...เลิกงานแล้วจะไปเที่ยวต่อ...กลับดึก...”
“...ไปด้วย...เดี๋ยวผมไปรับที่โรงแรม...”
“…Thanks but no thanks…” ผมเคยพูดประโยคนี้กับมันเมื่อตอนเป็นเด็ก วุธอึ้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมโกรธมัน แต่ก็พูดกับมันมากกว่าทุกที
“...ไป...ขึ้นรถ...ฝากบ้านด้วยนะพี่...” วุธหันไปพูดกับพี่ข้างบ้านที่ผมจ้างมาทำความสะอาดตอนบ่าย ๆ ทุกวัน แกเดินเข้ามาพอดี จากนั้นมันก็เปิดประตู แล้วดันตัวผมเข้าไปในรถ จะให้สะบัดสะบิ้งเหมือนเมื่อก่อนก็คงดูน่าเกลียด ผมเลยนั่งทำหน้าเฉยที่สุดเท่าที่จะเฉยได้
*
*
*
.....บรรยากาศในรถอึมครึม...เอาเข้าจริง ๆ ผมก็กลัวมันเคลียร์ และพูดอะไรที่ผมไม่อยากได้ยิน ประมาณว่าดูหนัง ดูเอ็มวีเยอะ กลัวมันจะพูดว่า...เราเลิกกันเถอะ...เราห่างกันซักพักดีมั๊ย...เอ้ไม่มีเวลาให้ผมเลย...ผมชอบพี่พีท...ฯลฯ....คิดไปเอง รู้สึกตัวอีกที เหงื่อซึมมือทั้งสองข้างที่จับกันไว้แน่น ทั้ง ๆ ที่แอร์เย็นฉ่ำขนาดนี้.....
“...เฮ้ย...จะไปไหน...” ผมโวยวายเมื่อเห็นวุธเลี้ยวรถออกนอกเส้นทาง
“...ไปเคลียร์ไง...”
“...มีอะไรก็พูดมาสิ...กลับรถเลย...เดี๋ยวไปทำงานสาย...”
“...โทรไปลาก่อนดิ...จะไปทำงานเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับว่าเอ้จะพูดรู้เรื่องหรือเปล่า...” วุธกวน
“...ไม่หรอก...มันขึ้นอยู่ที่แกจะพูดความจริงกับชั้นหรือเปล่าต่างหาก...” ผมย้อนไปบ้าง วุธยิ่งเร่งความเร็ว ป้ายบอกทางข้างหน้าชี้ไปที่ชลบุรี
*
*
.....วุธจอดรถที่ริมบึงภายในหมู่บ้านชื่อดังบริเวณชานเมือง ผมอดตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศรอบ ๆ ไม่ได้...วุธบอกกับพนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าหมู่บ้านก่อนแลกบัตรเข้ามาข้างใน...เป็นชื่อเจ้าของบ้าน ซึ่งไม่คุ้นหูผมเลย...ยามให้เข้ามาแต่โดยดี...รถวิ่งผ่านบ้านใหญ่หลายสิบหลัง สโมสรอลังการสมกับชื่อเสียงของโครงการ...วุธขับรถวนไปวนมาจนพบกับบึงน้ำกลางหมู่บ้าน...เปิดกระจกและดับเครื่อง...ตอนนี้มีแต่ความเงียบ...ลมเย็นสบายพัดเข้ามาทางหน้าต่าง...วุธเอามือเสยผมที่ลมพัดมาปรกหน้าผาก...
“...เรื่องเมื่อคืน...ผมขอโทษ...” วุธพูดเสียงจริงจังเปิดประเด็นเร็วจนผมตั้งตัวไม่ติด
“...จำได้ปะว่าขอโทษเรามากี่ครั้งแล้ว...” ผมทำหน้าเครียด
“...ก็...ก็...” วุธอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
“...ก็อะไร...ที่ทำไปน่ะ...มันเป็นเรื่องที่เราเคยขอร้องว่าอย่าทำ...และเราก็ไม่ชอบที่สุด...ใช่มั๊ย...” วุธพยักหน้าเบา ๆ “...ทำอย่างนี้ให้เราคิดว่ายังไงอ่ะ...ก่อนออกมาเนี่ยแกเอาอกเอาใจสารพัด...ทำให้เรายิ่งเจ็บที่รู้ว่าแกยังจำได้ว่าเราชอบอะไร...แต่เมื่อคืน...ทุกอย่างที่เราไม่ชอบ...แกทำหมดเลย...นี่ตกลงยังจำได้หรือเปล่าว่าเราเคยคุยอะไรกันไว้ที่แม่ฮ่องสอน...” วุธก้มหน้า
“...ผมเหงา...” วุธพูดเสียงเบา...แต่คำอธิบายสั้น ๆ คำนั้นมันดังก้องในหูผม
“...................................” ผมเป็นฝ่ายเงียบบ้าง
“...พี่พีทเขาก็แค่ให้ผมช่วยพาเขากับเพื่อนที่เพิ่งบินมาจากอเมริกาไปเที่ยว...ตอนกลางคืนผมก็ไม่มีอะไรทำ...อยู่คนเดียว...ผมก็เหงาเป็นนะ...”
“...แล้วทำไมต้องไปที่ร้านนั้นด้วยอ่ะ...แถวข้าวสาร...แถวสุขุมวิทก็มีที่เที่ยวดี ๆ ตั้งเยอะ...” ผมอื้ง แต่ก็ยังหาเรื่องมันต่อ
“...เพื่อนเขาเป็น...เอ่อ...เกย์...” วุธพูดไม่เต็มเสียง “...แล้วผมไม่รู้จักที่เที่ยวแบบนี้นอกจากที่นี่...ก็เมื่อก่อนเอ้เล่าให้ผมฟังว่ามันเป็นยังไง...ผมก็เลยพาไป...”
“...พี่พีทก็เป็นเกย์ด้วย...ใช่มั๊ย...” ผมคาดคั้นไม่สนใจเหตุผลที่มันไปร้านนั้น วุธพยักหน้า
“...ตอนนี้ที่บริษัทก็มีเรารู้กันแค่สองคน...” หึงครับหึง วุธมันคงรู้เลยรีบพูดต่อ “...แต่พี่เค้าไม่คิดอะไรกับผมหรอก...ก็เค้ารู้แล้วว่าเอ้เป็นแฟนผม...”
“...รู้ได้ไง...”
“...เราคุยเปิดใจกันหลังจากที่ผมรู้ว่าเค้าเป็นเกย์...” รู้สึกว่าจะสนิทกันจังนะ ผมยังหึงไม่เลิก แต่ต้องเก็บอาการไว้
“...แล้วทำไมต้องกินเหล้าเมาขนาดนั้น...ทำไมต้องพาเค้าเข้าบ้าน...ถ้าเมื่อคืนเราไม่อยู่อะไรจะเกิดขึ้น...” ผมยิงคำถามเต็มแม็ก
“...โหเกิดมาไม่เคยกินเตกิล่า...เห็นแก้วเล็กนิดเดียวไม่คิดว่ามันจะเมาเร็วขนาดนี้...ก็เลยล่อไปหลายเป๊ก...” เออว่ะ อย่างมันไม่ค่อยได้กินเหล้า คงไม่รู้อะไรนอกจากแม่โขงที่มันกับเพื่อนสมัยเรียนช่างกลชอบแอบกินหรอก “...พี่พีทเค้ากลัวผมกลิ้งตกบันได แค่ไอ้ตัวเล็กกระโจนใส่ผมก็แทบหงายท้องแล้ว...พี่เค้าก็เลยเดินขึ้นมาส่ง...” ไอ้ตัวเล็ก หมาผมไม่ได้ตัวเล็กอย่างที่มันพูดนะครับ โกลเด้นโตเต็มวัย แต่มันเรียกว่าไอ้ตัวเล็กจนติดปาก
“...เมาขนาดนี้...ถ้าเค้าทำอะไรก็คงไม่มีแรงขัดขืนอ่ะดิ...” ผมพูดจบวุธมันก็หัวเราะก๊ากเลยครับ
“...จะบ้าเหรอ...ผมตัวใหญ่กว่าเค้าอีกนะ...เค้าจะทำอะไรผมได้...หึงเหรอ...” นี่เป็นครั้งแรกของวันนี้ที่มันยิ้มตาเป็นประกายเหมือนทุกครั้ง
“...เออ...” ผมยอมรับ “...พาเข้ามากี่ครั้งแล้วล่ะ...” วกกลับไปเรื่องเดิมต่อ
“...ครั้งแรก...” ผมทำหน้าไม่เชื่อ “...ถามใครก็ได้...หรือว่าจะถามพี่พีทเองเลย...โน้นไงบ้านเค้า...” วุธชี้ไปที่บ้านใหญ่มากหลังหนึ่งมีมีด้านหลังติดบึง มีท่าน้ำยื่นลงไป มีเรือลำเล็ก ๆ สีสดถูกผูกไว้กับเสาท่าเรือ
“...ไม่ต้องหรอก...คราวนี้เราเชื่อก็ได้ แต่อย่าให้มีอีกก็แล้วกัน...” ผมยังเก๊กอยู่
“...เมีย...เอ๊ย...แฟนดุอย่างนี้ไม่กล้าแล้วครับ...” มันแหย่ เพราะรู้ว่าผมจะเขินทุกทีที่มันเรียกผมว่าเมีย
“...ให้มันจริงเหอะ...ไปส่งที่โรงแรมด้วย...สายแล้ว...” พูดจบผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแก้เขิน โทรไปลากิจ 2 ชั่วโมง
“...แวะกินอะไรก่อนมั๊ย...เมื่อเช้ากินข้าวนิดเดียวเอง...” วุธถามขณะออกรถ
“...ไม่อ่ะ...เดี๋ยวห้าโมงกว่าก็กินข้าวแล้ว...” จริง ๆ แล้วไม่ใช่หรอกครับ ผมต้องให้น้อง ๆ ไปกินก่อน ผมไปคนสุดท้ายเลย ก็ก่อนแคนทีนปิดนิดเดียว ประมาณทุ่มกว่า ๆ แน่ะ
“...โรงแรมนี้มีอะไรดีนะ...วันนี้ต้องขอไปนั่งเฝ้าเมียหน่อยแล้ว...” มันแหย่ผมอีกครั้ง เล่นเอาผมต้องหันไปอมยิ้มไม่ให้มันเห็น
.....ตลอดทางกลับไปทำงาน บรรยากาศในรถแตกต่างจากขามาอย่างสิ้นเชิง...มีเสียงหัวเราะ มีเสียงด่าของผมเวลาวุธกวน มันแซวผมเรื่องที่หึงมัน ซึ่งผมไม่ค่อยได้แสดงอาการอะไรอย่างนี้ให้มันเห็นบ่อยนัก...ก่อนออกจากหมู่บ้าน มันก็วนรถไปที่หน้าบ้านพี่พีท เขาคงอยู่ในบ้าน เพราะเห็นรถจอดอยู่...วุธทำท่าจะบีบแตรเรียกพี่พีทให้ออกมาหา แต่ผมเอามือกันไว้ก่อน...เล่นกันนัวเนียอยู่ในรถหน้าบ้านพี่พีทสักพัก ผมต้องรีบเร่งให้มันไปส่งผม ทั้งที่ตอนนี้ผมไม่อยากไปทำงานเอาซะเลยจริง ๆ โดนไอ้วุธอาศัยช่วงชุลมุนตอนปัดมือมันไม่ให้บีบแตรหอมแก้มไปตั้งหลายฟอด...ถ้าไม่ติดว่ากลางวันแสก ๆ หน้าบ้านคนรู้จักอีกด้วย...เราคงมีโอกาสได้ลองโช็ครถคันนี้กันบ้างแล้ว เผื่อนายช่างอย่างวุธมันจะรู้ว่ารถผมมีปัญหาเรื่องระบบช่วงล่างหรือเปล่า.....

+++++++++++++++++++++++++++++++++++
…..Happy New Year 2007…..ขอให้ทุกคนมีความสุขมาก ๆ นะครับ...ใครที่ต้องเดินทางไปเที่ยวหรือกลับบ้านก็ขอให้เดินทางปลอดภัย แล้วกลับมาอ่านเรื่องของผมต่อจนจบ คราวนี้จบจริง ๆ จบแบบไม่มีอะไรมาเล่าต่อ ซึ่งมันก็เหลืออีกไม่กี่ตอนแล้ว.....
.....คนที่อยู่กรุงเทพฯ อาจจะมีโอกาสได้เดินสวนกันบ้าง เพราะผมไม่ได้ไปไหนไกล ๆ ในช่วงวันหยุดยาว ๆ อย่างนี้ รถไม่ติด คนไม่เยอะ เสียอย่างเดียวหาของกินยากมาก ร้านก๋วยเตี๋ยวแถวบ้านปิดหมดเลย พรุ่งนี้ต้องออกไปหาของกินมาตุนไว้ จากนั้นจะพักผ่อนเก็บแรงไว้ทำงานหนักปีหน้า.....
.....พบกันใหม่ปีหน้า...รักษาสุขภาพด้วยนะครับ...รักทุกคนเลย.....
...เอ้...
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 27-10-2007 14:28:04
7. What’s the hell going on?
.....หลังจากที่วุธรู้ว่าผมต้องทำงานรอบ่ายติดกันเป็นเดือนที่สาม มันเริ่มมีอาการไม่อยากให้ผมทำงานโรงแรม แถมยังเสนอให้ผมไปทำออฟฟิศโรงงานไหนก็ได้ที่ใกล้ ๆ กับที่ทำงานมัน จะได้ไปกลับพร้อมกัน (สำหรับบริษัทมัน...ผมคงเข้าไม่ได้เพราะมีเงื่อนไขเยอะมาก คุณสมบัติผมไม่พอด้วย เฮ้อ...)
.....ตั้งแต่วันที่เคลียร์กันวันนั้น วุธก็เป็นเด็กดีขึ้นเยอะ ส่วนผมก็ต้องปรับตัวด้วยเหมือนกัน...วุธใช้เวลาว่างตอนเย็น หมดไปกับการออกกำลังกาย...พาหมาไปเดินเล่น...แถมมีอู่รถที่เพิ่งเปิดแถวบ้านจ้างมันให้ไปช่วยคุมช่าง...โชคดีเพราะหมาแท้ ๆ เพราะตอนมันจูงหมาไปแถว ๆ อู่ในชุดฟอร์มบริษัท เฮียเจ้าของอู่กำลังหาคนมาช่วยงานพอดี อู่นี้เค้ารับทำรถจากบริษัทประกันอีกทีงานจึงเยอะมากทั้งที่เพิ่งเปิด แต่รู้ทีหลังว่าอู่นี้เป็นสาขาที่สองของเฮียเค้า...ถึงจะทำงานไม่กี่ชั่วโมง แต่ดีกรีของวุธก็เรียกเงินได้พอสมควร.....
.....ปกติวุธมันจะไม่เดินไปแถวนั้น แต่ระยะนี้เวลาเหลือมันก็เลยพาหมาเดินไกลออกไปอีกซอย...ดีจัง...ได้เงินแถมยังห่างพีพีทด้วย...รู้ได้ไงหรอ...ก็ผมให้พี่ที่ทำความสะอาดบ้านซึ่งพักอยู่ใกล้ ๆ เป็นสปาย คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของวุธ กลับบ้านกี่โมง...มากับใคร...มีคนแปลกหน้ามาป้วนเปี้ยนบ้างหรือเปล่า...แหม...จะว่าไป เรื่องของชาวบ้านนี่ก็เป็นงานอย่างหนึ่งของพี่เค้านะ...สรุปแล้วพี่เค้าก็ช่วยดูให้...ไว้ใจได้ด้วย.....
*
*
“...Attention please, attention รอบบ่ายทุกคนคะ...ขอบอกว่าแขกห้อง XXX เป็นของดิฉันคนเดียวเท่านั้น...ถ้าใครจะแย่ง ต้องข้ามศพกูไปก่อน...” อีเจ๊รอบเช้าป่าวประกาศทันทีที่เห็นผมกับน้อง ๆ เดินเข้ามาหลังฟร้อนท์เพื่อต่อรอบในช่วงบ่าย
“...อะไรวะ...” ผมงง
“...แขกอังกฤษมึง...หล่อมากกกกกกกกก” อีเจ๊ลากเสียงยาว
“...อืม..หล่อจริง ๆ อีเจ๊มันคลั่งไข่ เอ๊ย คลั่งไคล้มาตั้งแต่เช้าแล้ว...” รอบเช้าอีกคนนึงพูดเสริม
“...เจ๊คะ..พวกหนูคงไม่กล้าแย่งเจ๊หรอกค่ะ...แต่ถ้าเค้ามาป้วนเปี้ยนแถวตูดหนูเอง...เคสนี้เจ๊ไม่ว่าใช่มั๊ยคะ...” อีเบสแหย่
“...อู๊ยยยยย...เค้าแมนทั้งแท่งย่ะ...”
“...รู้ได้ไงเจ๊...คืนนี้เค้าอาจจะใส่เกาะอก จิกส้นเข็มไปเที่ยวสีลมกับหนูก็ได้...”
“...ไม่มีทางหรอก...หล่อล่ำซะขนาดนั้น...พวกมึงก็ดูแลเค้าดี ๆ นะโว้ย...เค้าเพิ่งมาเมืองไทยเป็นครั้งแรก...”
“...เฮ้ย...เป็นห้องคอมด้วยว่ะ...อ๋อ...ที่มาแทนไอ้สตีฟน่ะเหรอ...” ผมใส่โค๊ด เข้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ หาข้อมูลแขกคนที่กำลังถูกพูดถึง
*
*
.....Andrew เป็นแขกที่มาทำงานให้บริษัททัวร์ยักษ์ใหญ่ ได้ห้อง complimentary หรือห้องฟรี เพื่อแลกกับการดูแลแขกของเค้าซึ่งจะมีมาตลอดปี เขามาทำงานในตำแหน่งที่พวกเราเรียกว่า Rep (Representative) ของบริษัทนี้ต้องเดินทางไปรับแขกที่สนามบิน หรือไปเทคแคร์แขกของบริษัทที่โรงแรมอื่นด้วยเช่นกัน งานเค้าจึงหนักมาก และโดยสายงานแล้ว เราต้องทำงานร่วมกันอย่างเลี่ยงไม่ได้.....
“...พี่เอ้...” อีเบสกับอีธีเรียกผมเสียงดังลั่น ตอนหัวค่ำอย่างนี้แขกไม่เยอะ ผมเลยเอาหนังสือกอสซิปดารามาแอบอ่านอยู่อีกมุมของเคาท์เตอร์
“...อะไรของมึง...ไฟไหม้โรงแรมเหรอ...” ผมหันไปตามเสียง ชะงักกึก รู้ทันทีเลยว่าพวกมันเรียกผมด้วยจุดประสงค์ใด
“...Good evening…May I help you?...” อีสองคนนั่นทักแขกพร้อมกันด้วยน้ำเสียงหวานกว่าปกติ
“…Sure…” ขอเป็นภาษาไทยนะครับ ขี้เกียจเปลี่ยนตัวอักษร “...ผมอยากให้คุณช่วยแนะนำสถานที่เที่ยวของคนกรุงเทพฯ ในเวลากลางคืนอย่างนี้ให้ผมหน่อยครับ...” สำเนียงอังกฤษ เริ่ดมาก อีสองคนนั่นมัวแต่มองหน้าแขกยิ้มหวาน คงไม่ได้ฟังว่าแขกต้องการอะไรอีกตามเคย
“...ขอโทษครับ...คุณต้องการไปเที่ยวแบบไหน...ไปทานอาหารเย็น...หรือว่าไปไนท์คลับ...” ผมเดินเข้ามาแก้สถานการณ์ เพราะเห็นว่าแขกเริ่มสงสัยแล้วว่าพนักงานที่นี่เป็นอะไร ยืนยิ้มอย่างเดียว
“...คุณคิดว่ายังไงละครับ...ที่ไหนที่ผมควรจะไปดี...นี่เป็นการมาประเทศไทยครั้งแรกของผม...ผมรู้แค่ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่สวยงาม...มีศิลปวัฒนธรรมที่น่าอัศจรรย์...และผู้คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส...และเป็นคนดีเหมือนพวกคุณทุกคนที่นี่...” รู้แล้วครับว่าทำไมอีสองคนนั่นมันถึงได้ยืนยิ้มอย่างเดียว ก็พอมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าคู่นั้น ฟันทุกซี่เรียงตัวกันสวย ขาว ผิดกับคนอังกฤษที่เคยเห็น คำพูด และสำเนียงเพราะ ๆ เล่นเอาผมเหวอ ไปพักนึงเหมือนกัน
“...ผมว่าคุณน่าจะไปหาอะไรทานก่อน แล้วพอดึกอีกนิดค่อยเข้าไปในบาร์...แนะนำให้ไปที่ถนนข้าวสารครับ...ที่นั่นคุณจะได้ทุกอย่าง ตั้งแต่อาหาร เครื่องดื่ม ได้เห็นชีวิตของคนกรุงเทพฯ และพบเจอคนจากทั่วโลก รวมไปถึงผับบาร์ดี ๆ คุณลองเลือกเองละกันว่าอยากเข้าร้านไหน...” ผมแนะนำแบบเป็นกลางที่สุด ทั้ง ๆ ที่อยากขายทัวร์มาก แต่หล่อ ๆ แบบนี้ขายไม่ลง สงสารที่ต้องซื้อของในราคานักท่องเที่ยว
“...ถนนข้าวสารเหรอ...ผมรู้จัก...แล้วผมจะไปยังไงดีล่ะครับ...” อีเบสกับอีธียื่นแผนที่ให้แขกพร้อมกัน “...ขอบคุณครับ...” เขารับไว้ทั้งสองอัน ผมจึงยื่นนามบัตรโรงแรมแถมให้อีก
“...ไปโดยแท็กซี่สะดวกที่สุดครับ และในกรณีที่คุณหลงทาง เอาบัตรนี้ให้คนขับแท็กซี่ดู...ค่ารถจากโรงแรมไปถนนข้าวสารไม่เกิน 120 บาท พอคุณขึ้นแท็กซี่แล้ว สังเกตว่าคนขับกดมิเตอร์หรือเปล่า เพราะคุณต้องชำระค่าโดยสารตามมิเตอร์เริ่มต้นที่ 35 บาทนะครับ...มีปัญหาอะไรโทรมาตามเบอร์ในบัตร พวกเราอยู่ที่นี่ตลอด 24 ชั่วโมง...”
“...ขอบคุณนะครับ...คุณใจดีจังเลย...ว่าแต่คุณเลิกงานกี่โมงอ่ะครับ...” แขกถามผม แต่อีสองคนนั่นกระดี้กระด้าแทน ถ้าแขกถามอย่างนี้ คงได้ไปเที่ยวแน่ ๆ
“...11 P.M...” ก็ห้าทุ่มนั่นแหละ
“...จะรังเกียจมั๊ยครับ ถ้าผมจะชวนคุณไปเที่ยวด้วยกัน...” ผมได้ยินอีสองคนนั่นเชียร์ให้เซย์เยส
“...อืม...ผมเกรงว่าจะไปไม่ได้อ่ะครับ...แต่เพื่อนร่วมงานผมว่างนะครับ...” ผมโยนไปให้อีสองคนนั้น
“...ครับ...เอาไว้โอกาสหน้าก็ได้...ผมอยู่ที่นี่อีกนาน...” ผมเอะใจ
“...ช่วยบอกผมหน่อยได้มั๊ยว่าคุณพักอยู่ห้องอะไร...”
“...XXXX...” กูว่าแล้ว
“...Mr. XXXX XXXXX...” เค้าทำหน้าแปลกใจที่ผมรู้จัก
“...เรียกผมว่าแอนดี้ก็ได้ครับ...อีกไม่นานเราก็ได้ร่วมงานกัน...ตกลงไม่ไปจริง ๆ เหรอ...” เขาถามย้ำ
“...ไม่ครับ...ขอบคุณ...” ผมปฏิเสธไปทั้งที่ใจเสียดาย
“...งั้นพวกคุณไปกับผมมั๊ยล่ะ...” ไม่ต้องถามซ้ำ อีสองคนนั่นตกลงแบบไม่ต้องคิด ผมแยกตัวออกรับแขกคนอื่น ปล่อยให้เค้านัดแนะกันให้เรียบร้อย
“...แล้วเจอกันนะครับคุณเอ้...” ก่อนไป แอนดี้เดินมาพูดกับผม ที่ทำหน้างง ๆ ว่ารู้จักซื่อเล่นเราได้ยังไง ก็ในเมื่อป้ายชื่อที่ติดไว้ที่หน้าอกเป็นชื่อจริงนี่หว่า...อีสองคนนั่นแน่ ๆ
*
*
*
.....แอนดี้หายไป 5 วันเพื่อไปทัวร์ เก็บข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวทั่วไทยกับไกด์คนไทยของบริษัทในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ทั้งสามคนไปเที่ยวข้าวสารกัน ผมก็ไม่เจอแอนดี้อีกเลย...แต่อีสองคนนั่นก็พร่ำเพ้อถึงผู้ชายอังกฤษ สูง ล่ำ ผิวขาวอมชมพู ตาสีฟ้า ผมสีทอง ใส่แค่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ธรรมดา แต่ดูดีมาก ๆ.....
“...พี่เอ้อ่ะ...ไม่ยอมไปด้วย...สนุกมากกกกกกกกก...”
“...อืม...แอนดี้น่ารักมากเลยพี่...ตอนมันเริ่มเมานะ...ไม่หวงเนื้อหวงตัวเลย..พวกหนูต้องคอยกันอีพวกชะนีXXโบ๋ที่จ้องตาเป็นมันตั้งแต่หนูกับแอนดี้เดินเข้าร้าน...”
“...นี่พวกแกจะพร่ำเพ้ออะไรขนาดนั้น...เค้าก็แค่ฝรั่งธรรมดา...มาทำงาน 3-4 เดือนก็กลับบ้านไปหาเมีย...แกเล่าทุกวันจนชั้นจำได้แล้วว่าแกไปทำอะไรยังไงที่ไหน...ถ้าเป็นเทปป่านนี้คงยืดยานย้วยไปถึงไหนแล้ว...” ผมเบรก เพราะเบื่อฟังพวกมันพูดถึงแอนดี้...ที่ผ่านมาไม่กี่วันนี่ผมฟังจนเอียน
“...แหม...พี่เอ้...เค้ายัง Single ค่ะ...อายุยี่สิบกว่า ๆ เองจะรีบมีเมียไปไหน...ที่สำคัญเซนส์หนูบอกว่าเค้าไม่ชอบผู้หญิงด้วยแหละ...”
“...จ้า...คนหล่อ ๆ พวกแกก็เหมาว่าเค้าเป็นเกย์ไปหมด...” ผมกัดอีเบส
“...ยังกับพี่เอ้ดูไม่ออก...ตอนแอนดี้มาคุยกับพี่เอ้คืนนั้นเห็นเค้ามองตาเยิ้มเชียว...”
“...อืม...ตอนนั่งแท็กซี่กลับมาด้วยกัน เค้าก็ถามถึงพี่เอ้ด้วย...แต่ไม่ต้องกลัวนะพี่ หนูไม่ได้บอกเค้าว่าพี่มีบอยเฟรนด์แล้ว...เผื่อพี่เอ้อยากจะลองไซส์ยุโรปดูบ้าง...”
“...เดี๋ยวแอนดี้กลับมา พี่เอ้ก็ลองสังเกตเองละกันว่าที่พวกหนูสงสัยน่ะจริงหรือเปล่า...”
.....พวกมันสงสัยว่าฝรั่งรูปหล่อคนนั้นสนใจผม...ฟังครั้งแรกผมยังหัวเราะก๊าก...อะไรมันจะปิ๊งกันง่ายขนาดนั้น...แต่พวกมันก็พูดแล้วพูดอีกว่าแอนดี้ Impress ผมมากในตอนที่คุยกันครั้งแรก...อีเบสแซวว่านี่อาจจะเป็น Love at first sight ก็ได้...ผมตอบกับไปทันทีว่าBut I don’t believe in love at first sight แต่คิดไปคิดมาตอนเจอวุธครั้งแรกผมก็รู้สึกว่าชอบมันเหมือนกันนะ (ก็หล่อเด้ง เถื่อนได้ใจกว่าเพื่อน ๆ นี่นา)
*
*
*
“...พี่เอ้...สายนอกโทรมาจองห้องคืนนี้...” อีเบสรับโทรศัพท์แล้วหันมาพูดกับผม
“...อีนี่...ห้องเต็มก็รู้ตั้งแต่ตอนรับรอบแล้วไม่ใช่เหรอ...”
“...หนูบอกเค้าแล้ว...แต่เค้าเป็น Walk in นะพี่...”
“...บอกเค้าว่าเหลือแต่ห้องสวีทใหญ่...ราคาเต็ม..ไม่ต้องลด...ถ้าเค้าสู้ราคาก็รับมาเลย...ได้ค่าอัพเซลล์ด้วย...” ผมดูเช็คห้องจากคอมอีกทีเพื่อความแน่ใจ

“...พี่เอ้...เค้าเอาด้วยอ่ะ...” อีเบสตื่นเต้นที่ขายห้องราคาเป็นหมื่นได้
“...ขอชื่อ...เลขที่บัตรเครดิต...ถ้าไม่มาเราชาร์จนะ...” ผมกำชับ
“...พี่เอ้...เค้าบอกว่าจะเข้ามาภายในครึ่งชั่วโมง...” เบสเสียงอ่อย ๆ หลังจากวางสาย
“...โอ๊ย...ไม่มาหรอกอย่างนี้อ่ะ...อดได้อัพเซลล์เลย...” อีธีสมน้ำหน้าเพื่อน
“...ถ้ากูอด...มึงก็อดด้วย...”
“...เออว่ะ...ทำไมมึงไม่ขอเลขที่บัตรมาก่อนวะ...พวกนี้นิสัยไม่ดีทำฟอร์มว่ามีเงินจะจองห้องแพง ๆ แต่ไม่ให้บัตรมาการันตี...”
“...ช่างมันเถอะ...ถ้าอีกครึ่งชั่วโมงไม่มา..เราก็ปล่อยห้องซะ...” เป็นเรื่องปกติสำหรับแขกแบบนี้ ผมเองก็เจอประจำ
*
*
....สองทุ่มกว่า ๆ เป็นช่วงที่ว่างมาก แขกส่วนใหญ่เดินทางออกไปเที่ยวนอกโรงแรม...แขกใหม่ก็ไม่ค่อยเข้ามาเช็คอิน ปัญหาก็ไม่เยอะเท่าไหร่...ห้องทำความสะอาดเสร็จหมดแล้ว...เราจะยุ่งตอนเย็น ๆ แขกมาเซ็คอิน..ถามข้อมูลที่เที่ยว..ให้ติดต่อสายการบิน..รับโทรศัพท์จองห้องหลังจากแผนกรับจองห้องกลับบ้าน...พอสองทุ่มก็ว่าง...จะไปยุ่งอีกทีตอนสี่ทุ่มกว่า ๆ แขกเริ่มเดินทางกลับมาพักผ่อนที่โรงแรม...รับโทรศัพท์แขกจะเอานู่นเอานี่..รับสั่งบริการปลุก ทั้ง ๆ ที่มีอุปกรณ์อยู่ในห้องก็ไม่ทำเอง...แขกไฟล์ทหัวค่ำก็มาเช็คอิน...มันจะวุ่นวายก่อนกลับบ้านทุกวัน แต่จะมากน้อยก็แล้วแต่ปัญหา...ดังนั้น ช่วงสองทุ่มจึงเป็นช่วงเฮฮาพักผ่อนของพวกผม....
.....เรามีของกินมาแบ่งกันกินได้ทุกวัน...บางวันก็ของหนัก..บางวันก็ขนม...อีเบสชอบสั่งไกด์ที่ตีซี้ไว้ให้ซื้อส้มตำ น้ำตก ข้าวเหนียวมาให้กินบ่อย ๆ...บางทีก็มีไกด์ไปเยาวราช เค้าก็จะหาของกินมาฝากเราทุกครั้ง นี่เป็นข้อดีอีกอย่างของรอบบ่าย.....
“...พี่เอ้...แขกมาเช็คอิน...” อีธีเดินหน้าตาตื่นเข้าหลังฟร้อนท์ขณะที่ผมกับอีเบสกำลังกินข้าวเหนียวมะม่วงกันอยู่
“...ทำไม...มีปัญหาอะไร...” ผมกลืนข้าวเหนียวลงคอด้วยความยากเย็นเพราะตอนมันเข้ามากำลังเคี้ยวเต็มปาก
“...ก็คนที่เขาโทรมาจองห้องสวีทอ่ะ...ตอนนี้เค้ามาแล้ว...”
“...ชิบหายแล้วกู...แกไปเช็คอินตามปกตินะ เอา Welcome drink มาเสิร์ฟ ถ่วงเวลาไว้...เดี๋ยวพี่ไปเช็คห้องว่าโอเคหรือเปล่า...” พูดจบผมก็โทรหาแม่บ้านให้ช่วยขึ้นไปดูความเรียบร้อยของห้องสวีทใหญ่ ซึ่งปกติแล้วมันก็พร้อมรับแขก แต่บางทีอาจจะโดนแม่บ้านยืมอะมินิตี้ไปใส่ห้องอื่นเพราะขี้เกียจเดินไกล บางทีดอกไม้ก็ไม่ใส่ให้ เพราะห้องสวีทราคาเป็นหมื่นนี่จะมีการจองล่วงหน้า และเราจะเซตของไว้พร้อม แต่นี่เราคิดว่าแขกไม่มา ก็เลยไม่ได้เตรียมการอะไรเอาไว้...ผมเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยตามผมขึ้นไปเช็คห้องด้วยตัวเอง ป้องกันการโดนคอมแพลน เพื่อเรียกร้องส่วนลด
“...ห้องโอเคแล้วนะ...ปล่อยแขกขึ้นมาได้...” ผมใช้โทรศัพท์บนห้องโทรลงไปที่เคาท์เตอร์ฟร้อนท์
“...เดี๋ยวพี่...แขกรอเจอพี่อ่ะ...”
“...เออ...เดี๋ยวลงไป...” ผมวางสายแล้วรีบลงไปล็อบบี้ ไม่รู้ว่าอีสองคนนั่นมันทำอะไร แขกจะคอมแพลนหรือเปล่า..ถ้ารอผมคงหมายความว่ามีปัญหา เพราะตอนนี้ผมดูแลพวกมันอยู่ ซุปเปอร์ไวเซอร์ก็กลับบ้านไปแล้วด้วย (ไม่งั้นจะกินขนมได้เหรอ)
*
*
“...ไหนอ่ะ...แขก...” ผมกระหืดกระหอบออกมาหน้าฟร้อนท์
“...เดินไปไหนแล้วก็ไม่รู้...พี่เอ้...หนูขอนอกใจแอนดี้ไปรักผู้ชายไทยได้มั๊ย...” อีธีทำตาลอย
“...เป็นอะไรอีกล่ะมึง...”
“...ก็แขกที่มา Walk in เมื่อกี้น่ะสิพี่...หล่อชิบ...แต่หนูยัง still ชอบของนอกอยู่นะ...” อีเบสตอบแทน
“...คนไทยเหรอ...” ผมกำลังจะหยิบเอกสารเช็คอินแขกมาดู แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงคุ้นหู ที่ไม่ได้ยินมานาน แต่ก็ยังจำได้
“...สวัสดีครับเอ้...ไม่ได้เจอกันนาน...สบายดีมั๊ย...”
“...สวัสดีครับพี่พีท...” ผมกระอักกระอ่วนที่จะพูดกับพี่เค้า
“...เดี๋ยวนี้พี่ไม่ค่อยได้เจอทั้งเอ้ทั้งวุธเลยนะ...เป็นไงกันบ้าง...”
“...ก็เรื่อย ๆ อ่ะครับ...”
“...พี่ต้องขอใช้บริการโรงแรมเอ้หน่อยนะ...พอดีที่ห้องนอนพี่กำลัง Renovate อยู่...ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่...” กำลังจะถามพอดีว่ามาทำไม หรือว่าเค้าเห็นว่าเราทำหน้าสงสัย
“...ครับ...ยินดีครับ...ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็บอกนะครับ...” ผมฝืนยิ้มตามมารยาท
“...มีแน่นอน...แต่ไม่ใช่วันนี้...เดี๋ยวพี่ต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ...วันนี้ไปเดินซื้อของมาทั้งวัน...เหนื่อยมาก ๆ ...เอ้...พี่ขอพนักงานไปช่วยขนของที่รถซัก 2-3 คนได้มั๊ย ของพี่เยอะมากเลยอ่ะครับ...”
“...ครับ...ได้ครับ...” ผมหันไปเรียกเบลบอย ในใจคิดว่ารถสปอร์ตคันเล็กนิดเดียวจะใส่ของได้เยอะซักแค่ไหนเชียว (วะ)
“...Goodnight...” ก่อนเดินพาเบลบอยไปขนของ พี่พีทหันมาพูดกับผม “...อ้อ...เกือบลืมชม...เอ้ดูดีนะตอนใส่เครื่องแบบเนี่ย...ดูแปลกตาไปเลย...ไม่เหมือนวันที่ไปตีกอล์ฟวันนั้น...” ผมอึ้ง วันนั้นกูอุบาทว์ขนาดไหนเหรอ
“...แต่วุธบอกว่าตอนเอ้โทรมนี่น่ารักกว่าตอนใส่สูทอีกนะ...” ผมทำเป็นพูดเล่น
“...วุธเค้าโกหกหรือเปล่า...” พี่พีทยิ้มนิด ๆ แต่ทำเอาผมหน้าชาไปเลย
“...ไม่รู้เหมือนกันครับ...เราอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี เค้าคงเห็นอะไรดี ๆ ในตัวเอ้มากกว่าเรื่องรูปร่างหน้าตาอ่ะพี่...” ผมยิ้มบ้างทั้งที่ข้างในเดือดปุด ๆ พี่พีทหุบยิ้มก่อนหันหลังเดินออกไปที่รถโดยไม่พูดอะไรอีก
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 27-10-2007 16:48:11
มาต่อแย้วจินะฮะ

ยังไงก้อมาต่ออีกนะฮะ

ว่าแต่....พี่เอ้นี่ก้อแรงช่ายได้เหมือนกานนะฮะเนี่ย

แบบนี้แหละฮะ เข็มแข็งดี

ยังไงก้อมาต่อให้อีกนะฮะ

พี่เอ้สูๆนะฮะ จะรอพี่เอ้

เปงกำลังใจให้นะ สู้ๆนะฮะ :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: kimsumsoon ที่ 27-10-2007 19:17:07
ว้ายยย พี่พีทเนี่ยยังจะตามมาจิกคุณเอ้อีกนะคะเนี่ยยยยยยยย

ถ้าเป็นคิ้ม มีตบ  :a14:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 28-10-2007 01:33:10
ว้ายยย พี่พีทเนี่ยยังจะตามมาจิกคุณเอ้อีกนะคะเนี่ยยยยยยยย

ถ้าเป็นคิ้ม มีตบ  :a14:

แท๊คเรยคร่า

555+

มะยอมเฟร้ยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 28-10-2007 11:10:41
 :impress:

ส่อเค้าวุ่นวาย

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-10-2007 15:24:32
มารอต่อนะฮะ

ยังไงก้อจะรอต่อไปเรื่อยๆนะฮะ

เปงกำลังใจให้นะฮะพี่เอ้ สุ้ๆนะฮะ :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 28-10-2007 16:14:05
อ่ะ แขกไม่ได้รับเชิญมาทำไมเนี่ย มาสร้างปัญหาป่าวเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: นางคุ้ม ที่ 28-10-2007 16:53:49
อ่านหน้านี้ร้องไห้อะ  กลัว2คนนิจบไม่สวยจัง แบบว่าประทับใจคู่นี้มากๆ สาธุขอให้อย่ามีอะไรมาแยกเค้า2คนเลย  :amen:  พี่พีทนี่ก็อะไรไม่รู้ ทั้งหล่อทั้งรวยยังจะมาวุ่นวายอะไรกับแฟนคนอื่นอยู่ได้ น่า :เตะ1: จริงๆ

.............................
โปรดอย่ารบกวนความสงบบนคานทองของข้าพเจ้า :amen:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 28-10-2007 17:42:47
เฮ้อออ เกลียด อิพีทนี่เจงๆ  ตามจิกตามกัด เค้าอยู่ได้ 
หน้าตาก้อดี ฐานะก้อดี  แต่จิตใจต่ำทรามอย่างงี้  ใครเขาจาเอา
คงจามีคนหลงมาเอาหรอกนะ   หมั่นใส้จริงๆ

 :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 28-10-2007 18:21:30
ไม่ชอบตาพีทนี่เลย :angry2: กลัวมาแย่งคุณวุธไป     แต่ยังไงยังไงคุณวุธก็รักคุณเอ้อยู่แล้ว    :m4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: นางคุ้ม ที่ 28-10-2007 21:59:37
 :o11:กลัวแทนเอ้จังเลย กลัวความไม่แน่นอนของหัวใจพวกผู้ชาย :เฮ้อ:   รู้สึกมันมีอะไรแปลกแปลกๆ แต่บอกไม่ได้ว่าแปลกตรงไหน ติดใจตอนที่พีทมาส่งวุธบนห้อง  แล้วก็ตอนที่พีทกอดวุธที่ผับ  ทำไมวุธไม่ปัดป้องบ้างทั้งๆที่ไม่ใช่แฟนงืมๆๆ แล้วก็คำแก้ตัวของวุธ โอย หรือเราคิดมากไปเอง ใช่ขอให้เราคิดมากไปเองสาธุ :amen:

..................................................................................
กรุณาอย่ารบกวนความสงบสุข บนคานทองของข้าพเจ้า๛ :amen:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 28-10-2007 23:00:27
แล้วไอ้พี่พีทมานจะมาป่วนไรอีกเนี่ย o12
คุณเอ้คราวนี้ต้อง หนักแน่นนะ :angry2:
ไม่งั้น หลุดมือแน่เลยไอ้พี่พีทเนี่ย :a14:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 29-10-2007 11:02:44
พี่พีทจะมาป่วนไรอีกปะเนี่ย เฮ้อ  :เฮ้อ: กำลังมีความสุขอยู่เชียว ลางร้ายจริง ๆ  :m29: :m16:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 29-10-2007 12:43:13
อ้างถึง
“...ไม่รู้เหมือนกันครับ...เราอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี เค้าคงเห็นอะไรดี ๆ ในตัวเอ้มากกว่าเรื่องรูปร่างหน้าตาอ่ะพี่...” ผมยิ้มบ้างทั้งที่ข้างในเดือดปุด ๆ พี่พีทหุบยิ้มก่อนหันหลังเดินออกไปที่รถโดยไม่พูดอะไรอีก

กัดกลับได้สะใจมั่ก ๆ   :m4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: VicOSe ที่ 29-10-2007 15:24:43
ย๊าก!!  เพิ่งจะได้มาอ่านเรื่องนี้ อ่านตั้งแต่เย็นมะวานจน7โมงเช้า และก็ตื่นมาอ่านต่อ  สนุกมากๆเลยครับ  หุหุ

พี่พีท นี่อะไรนักหนาเนี่ย   เฮ้อออออ

ไม่อยากเศร้าแล้ว ><"
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: tamkub ที่ 29-10-2007 19:23:06
เริ่มอ่านเรื่องนี้จากบอร็ดนี้คับ

แต่ไปจบที่อีกบอร็ดนึง ^ ^"

ด้วยเพราะความใจร้อนของผม ทนรออ่านม่ายหวายยย  :m23:

แต่ยังไงก้อต้องขอบคุณพี่ที่เอามาลงให้มากๆนะคับ

ทำให้พวกเราได้อ่านเรื่องราวดีๆของพี่เอ้กัน

เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องนึงที่ประทับใจมาก

ขอบคุณพี่เอ้ด้วยครับ ^ ^

เด๋วพอพี่ๆลงเส็ดเมื่อไหร่ค่อยมาเม้นใหม่นะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 30-10-2007 08:22:13
พีท  นี่ยังไงกันแน่เนี่ย

ชักแปลกๆ แล้วนะเนี่ย   :m16:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 30-10-2007 12:39:29

เข้าให้ กลจ. คนโพสต์เคอะ

เอาไปหนึ่งบวกเลยนะเคอะ น้องนารถ  อิอิ

จาก ชั้นชื่อ ดารารายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-10-2007 17:50:57
หว่า.......อยากอ่านต่อแย้วง่าฮะ

ยังไม่มาเยยหยอฮะ

แต่ยังไงก้อจะรอ รอ รอและก้อรอนะฮะ :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: reu_aha ที่ 30-10-2007 18:42:22
พี่คะ
นู๋ชอบพี่มากกกกกกกกกกเลย :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 31-10-2007 01:12:14
8. I still love you more
.....ตอนเดิม...น้อง ๆ ที่ทำงานกำลังสงสัยว่าผู้ร่วมงานคนใหม่ชาวอังกฤษสุดหล่อจะปิ๊งผม อันนี้ก็ต้องดูต่อไปว่าเป็นไปได้หรือไม่...และมีแขก Walk in (แขกที่ไม่ได้ทำการจองล่วงหน้า หรือผ่านตัวแทนรับจองห้องพัก ซึ่งจะทำให้ต้องจ่ายค่าห้องแพงกว่าปกติ ตามเรทราคาเต็มของทางโรงแรม) เรารับจองห้องสวีททางโทรศัพท์โดยไม่ทันได้ถามชื่อ หรือแม้แต่เลขที่บัตรเครดิต...คิดว่าเป็นแค่คนที่โทรมาจองเล่น ๆ จึงไม่ได้เตรียมการอะไร จู่ ๆ เขาก็มาเช็คอิน และผมก็ต้องอึดอัดที่สุดเมื่อพบว่าแขก VIP คนนี้คือ...พี่พีท...(เขาจะได้เป็นวีไอพีทันที เพราะโดนค่าห้องราคาเต็มคืนละเป็นหมื่น++ แถมให้พวกเราจำกัดวงเงินในบัตรเครดิตไว้เป็นแสนเพื่อการันตีว่าเค้าไม่หนีด้วย).....
******************************************************************************
.....หลังจากที่พนักงานอาคันตุกะสัมพันธ์ หรือ Guest Relation Officer พาพี่พีทขึ้นห้อง หมดหน้าที่ของพนักงานต้อนรับอย่างผมแล้ว เวลาที่เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนกลับบ้านมันดูยาวนานกว่าทุกวัน ตาคอยดูที่ลิฟท์บ่อย ๆ กลัวพี่พีทลงมาที่เคาท์เตอร์ ตอนนั้นไม่อยากเจอหน้าพี่เค้าจริง ๆ ไม่รู้ทำไม มันปั้นหน้าไม่ถูก ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นคนที่หน้าตารับแขกมากที่สุดคนหนึ่งในแผนก สามารถฉีกยิ้มได้ตลอดเวลา แต่กับแขกคนนี้ ผมต้องฝืนยิ้มด้วยความยากเย็น เค้าก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้ซักหน่อย.....
“..พี่เอ้รู้จักคุณพีทได้ไงอ่ะ...” อีเบสเอ่ยปากถามผมที่ห้องล็อคเกอร์ ขณะเรากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับบ้าน
“...เค้าทำงานที่เดียวกับพี่วุธ...” ผมตอบสั้น ๆ ยังไม่อยากให้พวกมันรู้อะไรมาก อีพวกนี้ไม่ค่อยเก็บความรู้สึก
“...หนูว่าพี่กับเค้ามีปัญหาอะไรกันอยู่นะ...” อีธีพยายามหลอกถาม
“...ไม่มีอะไรซักหน่อย...” ผมทำหน้าใสซื่อ
“...ไม่จริงหรอก...หนูเห็นสายตาพี่กับเค้าเวลาคุยกันแล้วเสียวสันหลังวาบเลย...”
“...อีนี่เวอร์อีกแล้ว...ตอนนี้เค้าเป็นแขกของเรา...ยังไงก็ต้องสุภาพหน่อย...รักษาภาพพจน์องค์กรโว้ย...”
“...จ้า...สุภาพมากเลย...ปากงี้ยิ้มหวานเชียว...แต่พอมองตานี่รู้เลยว่าเฟค...เล่าให้หนูฟังหน่อยดิ...” อีเบสพูดตรง ๆ
“...กูว่ารักสามเส้า...ชัวร์...” อีธีเริ่มเดา
“...I Think so...แบบว่า...พี่วุธแนะนำคุณพีทให้พี่เอ้รู้จัก...แล้วคุณพีทดันมาชอบพี่เอ้...แต่พี่เอ้มั่นคงในความรักกับพี่วุธ...คุณพีทก็เลยหาทางเข้าใกล้พี่เอ้ด้วยการลงทุนมาพักโรงแรมเรา...หรือว่า...”
“...Shut the F**K up...อีนี่เพ้อเจ้อเป็นเรื่องเป็นราว...เอาไว้ว่าง ๆ ค่อยเล่าให้ฟัง...” ผมตัดบทก่อนที่มันจะพูดเดาไปเรื่องจนเจอเรื่องจริง “...พรุ่งนี้พี่หยุดก็ฝากดูแลเค้าดี ๆ ด้วยนะ...”
“...นั่นไงกูว่าแล้ว...สองคนนี้มีอะไรกันแน่นอน...หรือว่าพี่เอ้ชอบแบบ Threesome...” อีเบสหันไปเม้าธ์ระยะเผาขนกับอีธี...มันคงดูละครมากเกินไปนะเนี่ย
“...ชั้นหมายถึงดูแลแขกให้ดี...ให้เค้ารู้สึกว่าคุ้มกับเงินหมื่นที่เค้าต้องเสียให้โรงแรม...คิดซะว่าเงินเค้าถือ Service Charge ของเรา...แต่ถ้าเป็นไปได้กูไม่อยากได้แขกแบบนี้เลยว่ะ...” ผมเผลอบ่นเบา ๆ
“...แหม...ใครจะไปรู้ล่ะ...หนูนึกว่าฝรั่ง...ตอนเค้าโทรมาจองห้องพูดภาษาอังกฤษสำเนียงเริ่ดขนาดนั้น...”
“...ช่างเถอะ...รับเข้ามาแล้วนี่...จะให้ไล่ออกจากโรงแรมก็ไม่ได้...นอกจากให้อีเบสไปเข้าฝันเค้าแล้วบอกให้รีบเช็คเอ้าท์ Move you ass, go back home...” ผมทำเสียงเหมือนผีในหนัง...พูดเล่นกลบเกลื่อนความกังวลว่าพี่พีทมีเจตนาอะไรนอกเหนือกว่าแค่มาพักระหว่างห้องนอนที่บ้านกำลังถูกปรับปรุง
*
*
.....ผมปรับตัวในการเข้างานรอบบ่ายโดยที่วุธสบายใจได้อีกอย่างหนึ่งคือ ซื้อของกลับมากินที่บ้าน จะได้ไม่ต้องแวะไปตะลอนหาของกินกับน้องสาวทั้งสองจนดึกเหมือนเคย...คิดซะว่าที่ผ่านมากินของดี ๆ มาเยอะแล้ว...ต่อไปจะเป็นการกินเพื่ออยู่...หาของกินง่าย ๆ ระหว่างทางใส่ห่อ ใส่ถุงกลับมากินที่บ้าน...แรก ๆ ก็ซื้อเผื่อวุธมันหรอก แต่วุธมันกินได้นิดเดียว ผมก็เลยบอกมันว่าอยากกินอะไรก็บอก จะได้ซื้อมาเผื่อ...เพราะบางวันมันเพลีย พอลืมตาเห็นผมกลับบ้าน มันก็นอนต่อ รอให้ผมปลุกมันเพื่อขึ้นไปนอนต่อบนห้อง.....
.....ทันทีที่เห็นบ้านตัวเอง ผมก็แปลกใจว่าทำไมวันนี้วุธมันยังไม่นอน บริเวณห้องรับแขกที่วุธใช้เป็นที่นอนชั่วคราวไฟเปิดสว่างจ้า...พรุ่งนี้มันต้องไปทำงานนี่นา...แล้วถ้าจะนอนดึก ทำไมไม่โทรมาฝากซื้อกับข้าวล่ะ...ไม่ได้ซื้อเผื่อซะด้วยสิ.....
“...เฮ้ย...ทำไมยังไม่นอนอ่ะ...” ผมทักทายมันตามปกติ มันได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ให้ผม
“...ก็รอเอ้ไง...”
“...มีอะไรเหรอ...”
“...ไปล้างไม้ล้างมือกินข้าวก่อนดีกว่า...” มันเอาถุงอาหารในมือผมเดินเข้าห้องครัวไปเงียบ ๆ
*
*
“...เอ้า...มองอยู่นั่นแหละ...หิวอ่ะดิ...อ้า...อ้ำ...หน่อย...” ผมอึดอัดที่มันมัวแต่มองผมกินข้าว ถามมันแล้วว่ากินด้วยกันมั๊ย มันก็ส่ายหน้า บอกไม่หิว ผมเลยแกล้งทำกับมันเหมือนจะป้อนข้าวเด็ก ตักข้าวจะป้อนให้ถึงปาก มันหลุดยิ้มออกมานิดนึง
“...เอ้กินเถอะ...ผมไม่หิว...”
“...เอางี้...มีอะไรก็พูดมา...” ผมฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว รู้ทั้งรู้ว่ามันมีอะไรอยู่ในใจ แต่ผมก็พยายามทำตัวปกติที่สุด เพื่อให้บรรยากาศไม่ตึงเครียด
“...เอ้...กินข้าวให้หมดก่อนดิ...”
“...ถ้าแกไม่พูดเราก็ไม่กิน...ทำไม...มีอะไรร้ายแรงถึงขนาดที่เรารู้แล้วกินข้าวไม่ลงเลยเหรอ...” ผมดักคอมัน
“...พี่พีทไปทำอะไรที่โรงแรมเอ้...” วุธเงียบไปพักนึง ก่อนโพล่งออกมา
“...รู้ได้ไงว่าพี่เค้าไปที่นั่น...” ผมไม่ตอบ แต่ถามกลับ อารมณ์เริ่มขึ้นนิด ๆ
“...พี่เค้าใช้เบอร์โรงแรมโทรมา...เค้าไปทำอะไรอ่ะ...” วุธถามครั้งที่สอง
“...เค้าโทรมาทำไม...” ผมไม่ตอบ อารมณ์ขึ้นอีกนิด
“...เค้าโทรมาคุยด้วย...เอ่อ...แล้วเค้าพูดอะไรกับเอ้บ้างหรือเปล่า...” ผมตบโต๊ะดังปัง วุธสะดุ้ง
“...ชั้นสิต้องถาม...ว่าเค้าคุยอะไรกับแก...” ตบะแตกแล้ว
“...ใจเย็น ๆ ดิ...” วุธเอื้อมมือมากุมมือที่เริ่มชาจากการตบโต๊ะเมื่อกี้
“...ตกลงจะเอายังไง...” ผมถามเสียงเรียบ
“...หมายความว่าไงอ่ะ...”
“...พี่พีทกับแกไปถึงไหนกันแล้ว...” ผมกลั้นใจถาม
“...เอ้...ผมไม่เคยคิดกับพี่พีทแบบนั้นเลยนะ...” วุธพูดเสียงจริงจัง “...แต่...”
“...แต่อะไร...”
“...แต่พี่พีทเค้าบอกว่าเค้าชอบผม...แล้วก็...เค้าบอกว่า...เอ่อ...เอ่อ...”
“...พูดมาเหอะ...ขอแค่พูดเรื่องจริงก็พอ...”
“...เค้าบอกว่าจะไปคุยเรื่องนี้กับเอ้...”
“...อ้าว...แล้วทำไมต้องมาคุยกับเราอ่ะ...เค้าชอบแก...ก็คุยกับแกสิ...จะ yes, no, ok อะไรกันก็ตามสบาย...เราเคารพการตัดสินใจของคนอื่นมาตลอด...แกก็รู้นี่...”
“...พูดตรง ๆ เลยนะ...” วุธถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนพูดต่อ “...เค้าอยากให้เราเลิกกัน...”
“...เฮ้ย...” ผมตกใจ
“...เดี๋ยว...ใจเย็น ๆ...ผมบอกกับเขาแล้วว่าระหว่างผมกับเอ้มันไม่ใช่แค่ความรักอย่างเดียว...แต่เราผูกพันกัน...ยังไงผมก็ไม่เลิกกับเอ้แน่นอน นอกจากเอ้อยากจะเลิกกับผม หรือว่าเอ้เจอคนที่ดีกว่า...” ถ้าไม่มัวแต่กังวลเรื่องพี่พีท ผมคงตื้นตันมากกว่านี้
“...แต่ลองคิดกลับกันดิ...พี่พีทเค้าดีกว่าเราทุกอย่างเลยนะ...รูปร่างหน้าตา...ฐานะ...การศึกษา...ถ้าวุธจะไปกับเค้าเราก็คงไม่ขัดขวางอะไรหรอก...” ผมพูดจากใจเลยจริง ๆ
“...อ้าว...ไม่รักผมเหรอ...” วุธหน้าเสีย
“...รักสิ...แต่ทำไงได้อ่ะ...คนจะไปก็ต้องไป...แถมไปได้ดีซะด้วย...เสียใจก็ยอมวะ...”
“...โห...ถึงเอ้ไล่ก็ไม่ไปหรอก...” วุธยิ้มออกมาได้ “...ผมไม่ได้ชอบเค้า...แล้วผมก็ไม่สนใจเรื่องที่เอ้บอกว่าเค้าดีกว่าทุกอย่างด้วย...ตอนนั้นผมไปไหนมาไหนกับเขาเพราะเห็นว่าเขาไม่ค่อยมีเพื่อนคนไทย...ตกเย็นผมก็ไม่มีอะไรทำ...ผมแค่ออกไปหาเพื่อนกินข้าว...ไปซ้อมกอล์ฟ...”
“...แกไปให้ความหวังอะไรเขาหรือเปล่า...” ผมขัดจังหวะ
“...ไม่นี่...ตอนแรกก็ไปกันเป็นกลุ่มเหมือนตอนไปออกรอบทุกครั้ง...แต่ผมรู้สึกว่าระยะหลังนี่เค้าชอบหาทางแยกกับคนอื่น แล้วชวนผมไปกันสองคน...ผมก็คิดว่าเขาคงไม่ชอบไปเที่ยวคาราโอเกะ ไปผับเพื่อชีวิตเหมือนเพื่อนที่แผนก...เอ้ก็รู้ว่าผมน่ะ อะไรก็ได้ ใครชวนไปไหนก็ไป...ถึงจะรู้ว่าเค้าดีกับผมเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่คิดว่าเค้าจะกล้าบอกว่าชอบผม...”
“...แล้วจะทำยังไงล่ะ...”
“...ก็นี่ไง...ผมถึงได้ถามว่าพี่พีทพูดอะไรกับเอ้มั่ง...”
“...ไม่เห็นพูดอะไรเลย...เค้าบอกแค่ว่าเค้ากำลังตกแต่งห้องนอนใหม่อยู่...ก็เลยต้องมานอนโรงแรม...”
“...โรงแรมแถวบ้านเค้าก็มี...ทำไมต้องมานอนที่โรงแรมเอ้ด้วยวะ...” วุธบ่นเบา ๆ “...ระวังไว้หน่อยก็ดีนะ...”
“...ระวังอะไร...เค้าจะเอาน้ำกรดมาสาดหน้าชั้นเหรอ...” ผมทำหน้าสยดสยอง
“...ระวังเค้าจะมาพูดอะไรให้เอ้เข้าใจผิด...ยังไงก็ถามผมบ้างนะ...เท่าที่รู้จักกันมาพี่เค้าไซโคเก่งเหมือนกัน...ยิ่งเค้ารู้ว่าเอ้ของขึ้นง่ายเนี่ยน่ากลัวจริง ๆ...” วุธพูดขำ ๆ
“...เสียใจ...ตอนนี้เราโตแล้ว...เหตุผลมาก่อนอารมณ์เว้ย...แล้วเค้าว่าไงอีก” ผมทำท่าจริงจัง
“...อ๋อ...พี่เค้าบอกว่าอยากรู้ว่าทำไมผมถึงรักเอ้...” วุธหยุดแค่นั้น เพราะมันเริ่มเขิน
“...เออว่ะ...ทำไมวุธถึงรักเราอ่ะ...” ผมถามตรง ๆ วุธเงียบ แต่หน้ามันแดงไปหมด ผมก็ยิ่งแกล้งลุกจากเก้าอี้เดินไปหามันที่ฝั่งตรงข้าม “...ว่าไง...” ผมก้มตัวกอดวุธจากข้างหลังเอาคางเกยไหล่มันไว้
“...มันเป็นความรู้สึก...บอกเป็นคำพูดไม่ได้อ่ะ...รู้แต่ว่าอยู่กับคนอื่นไม่มีความสุขอย่างนี้...เชื่อมั๊ยว่าอยู่กับพี่พีทผมหัวเราะนับครั้งได้เลย...”
“...เอ๊ะ...หมายความว่าเราตลกเหรอ...ไม่ใช่ธงธงนะเว้ย...” ผมแกล้งงอนมัน เอามือออก แต่วุธมันไวกว่า จับมือผมกอดไว้เหมือนเดิม
“...จะบอกว่าเอ้เป็นเหมือนอาจารย์ยิ่งศักดิ์ต่างหาก...” ผมจะหลุดหัวเราะ แต่ต้องเก๊กไว้
“...เออ...ถือเป็นคำชมละกันนะ...” ผมกัดหูมันเบา ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว
*
*
*
.....กว่าจะได้นอนก็ตีสองกว่า วุธมันดันหิวขึ้นมาซะงั้น...เราก็เลยช่วยกันทำผัดมาม่า เหมือนวันที่เจอกันวันแรกตอนเรียนปวช. ...วุธกินหมดจานอย่างรวดเร็ว ผมก็ไล่ให้มันไปแปรงฟัน นอน กลัวว่าพรุ่งนี้จะตื่นสาย...ซักพัก ผมก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว สำรวจความเรียบร้อยก่อนเข้านอน...ผมค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนให้เบาที่สุดกลัววุธตื่น แต่พอขยับตัวจะห่มผ้า จู่ ๆ วุธมันก็โถมตัวเข้ามากอดผมซะแน่น ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ปากผมก็ถูกปากของมันปิดซะก่อน...และต่อมา...ไม่มีคำพูดใด ๆ นอกจากเสียงลมหายใจถี่ ๆ ของเราสองคนในคืนนั้น.....
“...วุธ...ตื่น...ตื่น...” ผมเขย่าแขนมันทันทีที่รู้สึกตัวในเวลา 10 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น
“...อืม...ตื่นแล้ว...” วุธมันงัวเงีย ปากก็พูด แต่ตายังไม่ลืม
“...ลุก...ไปทำงานเร็ว...” ผมเขย่าตัวมันอีก
“...วันนี้ผมลาหยุดไว้...” วุธพูดยิ้ม ๆ เอามือขยี้ตาเบา ๆ
“...อ้าว...แล้วก็ไม่บอก...เฮ้อ...นอนต่อดีกว่า...” ผมล้มตัวลงนอน หันหลังให้มัน
“...ไปเที่ยวกัน...” วุธเขยิบตัวเข้ามาเบียดผม วุธจูเนียร์เริ่มมีอาการพองตัว
“...ไปไหนอ่ะ...” ผมหลับตาถาม เหตุการณ์เมื่อคืนทำเอาผมเพลียกว่าทุกวัน
“...ระยอง...”
“...โห...ไกลไปมั้ง...”
“...ขับรถไม่กี่ชั่วโมงเอง...เรานอนเอาแรงก่อน...เดี๋ยวบ่าย ๆ ค่อยไปก็ได้...”
“...อืม...” ผมตอบรับในคอ ก่อนหลับไปอีกครั้งในอ้อมกอดวุธ
*
*
.....เสียงน้องหมาผมเห่า ตามด้วยเสียงพี่ที่มาทำความสะอาดดุมันดังขึ้นมาถึงบนห้องนอน...ผมสะดุ้งตื่น มองนาฬิกาหัวเตียง นี่มันก็เที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว...ตั้งแต่อยู่รอบบ่ายมาไม่เคยนอนยาวขนาดนี้ ถึงจะเป็นวันหยุดก็เถอะ...วุธยังนอนหลับตาพริ้มไม่รู้เรื่องรู้ราว...ผมค่อย ๆ ก้าวลงจากเตียง เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนลงไปหาพี่คนทำความสะอาดบ้าน...ถึงแม้ว่าเขาจะคุ้นเคยกับบ้านผม...รู้ว่าผมกับวุธเป็นอะไรกัน แต่มันก็ไม่ดีถ้าจะให้เขาเห็นผู้ชายกับผู้ชายนอนกอดกัน...แถมตื่นเอาตอนเที่ยงอย่างนี้ มันชวนให้คิดไปถึงเรื่องนั้นเรื่องเดียว.....
“...อ้าว...กำลังจะขึ้นไปเคาะห้องพอดี...” พี่แกทักผมทันทีที่เห็นผมเดินลงมาจากชั้นสอง
“...วันนี้ไม่ต้องทำห้องเอ้ก็ได้พี่...มาช่วยเอ้ทำกับข้าวดีกว่า...” ผมเดินนำพี่เขาเข้าครัว
*
*
“...หิวข้าว...” วุธส่งเสียงมาก่อนตัว พอดีกับที่ผมทำกับข้าวเสร็จ มันอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดที่บ่งบอกว่าเราจะไปทะเลกัน

“...กินก่อนได้เลยนะ...” ผมพูดก่อนจะเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำมั่ง
“...ไม่อ่ะ...ผมรอเอ้ก่อนดีกว่า...”
.....อาบน้ำเสร็จระหว่างที่ผมกำลังรีบเร่งแต่งตัวเพื่อไม่ให้วุธรอนาน หางตาผมดันไปเห็นไฟกระพริบแว๊บ ๆ ที่โทรศัพท์มือถือของวุธ สงสัยมันคงลืมหยิบลงไป และก็คงลืมเปิดเสียง (วันไหนที่มันแน่ใจว่าไม่มีเรื่องงานที่ต้องติดต่อ ก่อนนอนมันจะปิดเสียงไว้ทุกครั้ง)...ผมเดินไปดูว่าใครโทรมา แต่ต้องตัวชาวาบที่เห็นชื่อที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอ...ใจนึงก็อยากรับสาย แต่อีกใจก็กลัวว่าจะเสียมารยาท...คิดถึงใจเราเองว่าเป็นเราก็คงไม่อยากให้ใครมารับโทรศัพท์มือถือก่อนได้รับอนุญาตเช่นกัน...ไฟนั้นกระพริบอยู่สักพักก็ดับ บนหน้าจอโชว์ 28 missed call มือไม้สั่นเลยครับ อยากรู้ว่าทั้ง 28 สายน่ะ เป็นของพี่พีทคนเดียวเลยหรือเปล่า...ผมพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนเดินถือโทรศัพท์ลงไปให้ข้างล่าง เห็นวุธมันกำลังดูโทรทัศน์อยู่ท่าทางอารมณ์ดีเชียว.....
“...อ่ะ...โทรศัพท์ลืมไว้ข้างบน...” ผมยื่นโทรศัพท์ให้วุธ มันรับไว้แล้วางลงข้างตัว ผมก็อยากรู้ไม่หาย “...เมื่อกี้มีคนโทรมา...แต่เอาลงมาให้ไม่ทัน...” มันก็เฉยเพราะมัวแต่สนใจรายการทีวีอยู่ “...พี่พีทโทรมา...” ผมตัดสินใจบอก วุธหันมามองหน้าผมทันที
“...ทีหลังเค้าโทรมาก็รับได้เลยนะ...” แน่นอน ผมตอบในใจ
“...แต่ก่อนหน้านั้นก็มีคนโทรมาตั้งหลายสาย...” ผมถามอ้อม ๆ
“...เหรอ...” วุธหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูแล้วส่ายหน้าเบา ๆ
“...ไปกินข้าวกันเถอะ...” ผมชวนเพื่อปกปิดความอยากรู้
“...ไม่อยากรู้เหรอว่าใครโทรมา...” วุธมันรู้แน่ ๆ ว่าผมกำลังสงสัย
“...อยากบอกก็บอกดิ...”
“...พี่พีท...ทั้งหมด 28 missed call...” วุธพูดเสียงเรียบ
“...เค้าเป็นอะไรหรือเปล่า...ไม่โทรกลับหน่อยเหรอ...”
“...เดี๋ยวก็โทรมาอีก...เป็นเรื่องปกติ...ไปกินข้าวกันดีกว่า...” วุธเดินเข้าครัว ผมเดินจ้ำ ๆ ตาม
“...เป็นเรื่องปกตินี่...หมายความว่าไง...”
“...ก็เค้าโทรหาผมเกือบทุกชั่วโมง...ตอนอยู่ที่ทำงานเค้าก็ใช้สายในโทรเข้ามา...ผมก็ต้องรับ เพราะไม่รู้ว่าใคร...”
“...เค้าโทรมาทำไมอ่ะ...”
“...ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย...แค่โทรมาถามว่าทำอะไรอยู่...กินข้าวหรือยัง...งานยุ่งมั้ย...พูดสั้น ๆ แต่โทรบ่อยมาก...” วุธมันก็พูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ผมเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา
“...เค้าก็ดีเนอะ...โทรหาวุธบ่อยกว่าเราอีก...”
“...เอ้...ผมก็เหมือนเอ้อ่ะนะ...ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย...เวลางานก็คือทำงาน...ถ้าผมโทรหาเอ้บ่อย ๆ เอ้จะรำคาญปะล่ะ...” ผมพยักหน้า
“...แต่เค้าก็หวังดี เป็นห่วงแกนะ...”
“...วันละครั้งสองครั้งน่ะก็โอเคหรอก...แต่นี่ถี่ยิบ...โทรศัพท์ที่โต๊ะผมดังทั้งวันเลย...หัวหน้าผมก็มองแปลก ๆ แล้วด้วย...” วุธระบายความในใจ
“...ลองพูดกับเค้าสิ...”
“...พูดแล้ว แต่ไม่รู้เค้าเข้าใจหรือเปล่า...พูดอ้อม ๆ อ่ะ...” วุธหัวเราะแหะ ๆ
“...พูดตรง ๆ ได้เลย...นิสัยคนอเมริกันน่ะเค้าชอบพูดกันตรง ๆ...”
“...ผมกลัวมองหน้ากันไม่ติดอ่ะดิ...”
“...มองหน้ากันไม่ติด...ก็ไม่ต้องมองสิจ๊ะ...” ผมพูดขำ ๆ แต่หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ นะ
*
*
*
.....ยังไม่ทันจะพ้นสี่แยกบางนา เสียงโทรศัพท์ที่หน้าจอโชว์ชื่อพี่พีทหราดังขึ้นเป็นครั้งที่ 5 นับจากที่เรากินข้าวกันก่อนออกจากบ้าน และวุธก็ไม่ยอมรับสายอีกตามเคย...ตอนแรกมันบอกให้ผมรับ แต่ผมไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของมัน...ผมบอกวุธว่าถ้าเค้าโทรมาอีกในครั้งที่ 6 ผมจะรับสายเอง เพราะรำคาญเสียงเรียกเข้าเต็มทีแล้ว.....
.....เห็นสนามบินสุวรรณภูมิที่กำลังก่อสร้างใกล้เสร็จอยู่ไกล ๆ ผมเองก็ต้องศึกษาเส้นทางเพื่อให้ข้อมูลแก่แขกได้ถูกต้อง...เราคุยกันถึงเรื่องสนามบินใหม่...แล้วเสียงโทรศัพท์วุธก็ดังขึ้นอีกครั้ง.....
“...รับดิ...” ผมรอให้วุธอนุญาต พอมันพูดจบ ผมก็กดปุ่มรับสายทันที
“...สวัสดีครับ............ฮัลโหล...” ปลายทางเงียบ แต่ผมรู้ว่าเค้าฟังอยู่ เมื่ออีกฝ่ายไม่พูด ผมก็ตัดสายทิ้ง
“...เค้าไม่พูดเหรอ...” วุธถาม ผมพยักหน้า และเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งในนาทีต่อมา
“...สวัสดีตอนบ่าย...เอ้พูดสายครับ...วุธกำลังขับรถอยู่ คุณต้องการจะฝากข้อความไว้มั้ยครับ...” ผมรับสายเป็นภาษาอังกฤษ เห็นวุธอมยิ้ม “...เราอยู่ระหว่างการเดินทางไปฮันนีมูนกันครับ...” ผมพูดไปกลั้นหัวเราะไป “...ขอบคุณครับ...สวัสดีครับ...”
“...เอ้ไปแกล้งเค้า...” วุธพูดยิ้ม ๆ
“...แกล้งอะไร...พูดความจริง...ถ้ามัวแต่พูดอ้อม ๆ ว่าไปธุระ...เค้าก็ไม่เข้าใจสิว่าเรายังรักกันดีอยู่...” ผมเอนตัวไปพิงไหล่มัน
“...แล้วเค้าว่าไงมั่งอ่ะ...”
“...ก็ไม่เห็นพูดอะไรเลย...แค่ถามว่าไปไหนกัน แล้วก็บอกว่า Have a good trip...”
*
*
.....ชายหาดจังหวัดระยองยังสวยเหมือนเดิม บรรยากาศทำให้ผมคิดถึงสมัยรับน้องตอนเรียนมหาวิทยาลัย เรามารับน้องที่ระยองทุกปี แต่เปลี่ยนรีสอร์ต ไม่เหมือนมหา’ลัย ของวุธที่รับน้องรีสอร์ตเดิมทุกปี...แสงแดดยามบ่ายแก่ ๆ ของหน้าร้อนทำเอาผมต้องสวมแว่นไว้ขณะที่นอนคุยกับวุธบนเก้าอี้ชายหาด...นานเหลือเกินที่เราไม่ได้คุยกันเยอะขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน แต่เวลาของเราไม่ตรงกัน วันนี้จึงมีเรื่องราวหลากหลายให้ได้เล่าสู่กันฟัง...ลมทะเลพัดเย็นสบาย...มีคนเคยบอกว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่าโตเป็นผู้ใหญ่หรือยัง ดูได้จากเวลาไปทะเลแล้วไม่อยากลงเล่นน้ำ...ท่าทางจะจริง เพราะถึงแม้ว่าจะเตรียมเอาชุดมาเปลี่ยน แต่เรากลับอยากนั่งเล่นนอนเล่นบริเวณชาดหาดมากกว่า.....
.....เย็นแล้ว...เราสองคนขับรถไปหาซื้อของกลับกรุงเทพฯ กะปิ กุ้งแห้ง ปลาหมึก ขนมของฝากต่าง ๆ ถูกห่อไว้เป็นอย่างดี เพราะผมกำชับคนขาย กลัวกลิ่นติดรถไอ้วุธมัน ถ้าเป็นรถผมก็คงใส่กระโปรงท้ายก็ไม่มีปัญหา แต่รถคันนี้ต้องใส่ไว้หลังรถ ถ้ากลิ่นออกก็คงต้องทำความสะอาดกันยกใหญ่.....
.....เราแวะกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารทะเลแห่งหนึ่ง ซึ่งคุยไปคุยมา เราดันรู้จักเป็นร้านเดียวกันอีก...สมัยก่อนมากินทุกปี บรรยากาศดี อาหารอร่อย ราคาไม่แพงมาก แต่ก็เอาการอยู่...ตอนมารับน้อง ซึ่งเป็นรุ่นพี่แล้ว กลุ่มผมต้องมาจัดเตรียมสถานที่ก่อน ทำให้มีเวลาเที่ยวรอบเมืองระยองมากกว่าคนอื่น และนี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ผมกลับมากินที่นี่อีก (แต่คราวนี้ต้องจ่ายเงินเอง ตอนมากับมหา’ลัย มันมีงบตรงนี้ให้ไงครับ เราไม่กินเหล้าก็เลยเอามากินของแพงเพื่อทดแทนกัน แบบว่ากลัวเงินเหลืออ่ะ).....
.....มาทะเลในวันธรรมดาก็ดีอย่างนี้นี่เอง...คนไม่เยอะ...เรานั่งกินข้าวกันสองคนอย่างสบายใจ โดยที่ไม่ต้องกังวลกับสายตาคนรอบข้างเหมือนตอนอยู่กรุงเทพฯ...เราจะตัก จะป้อนให้กันก็ทำได้ ไม่มีใครสนใจ...ผมแกะกุ้งให้วุธ...ส่วนมันแกะปูให้ผม...แกะเสร็จก็ป้อน (ยัด) ใส่ปากกันเลย...ไม่เคยคิดว่าการมาทะเลแค่สองคนจะสนุกอย่างนี้ เมื่อก่อนคิดแต่ว่ามาเที่ยวทะเล ต้องมาเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ...แต่จริง ๆ แล้ว ผมว่าไปไหนก็ได้ ขอแค่ไปกับคนที่เรารัก มันก็มีความสุขแล้วล่ะครับ.....
Ask me how much you mean to me
and I wouldn't even know where to start
ask if this love runs deep in me
you won't find the deeper love in any heart
You could say you couldn't live one day without me
you could say all of your thoughts are all about me
you could think no other love could be as strong
you'd be wrong, you'd be wrong
If you say that you love me,
more than anybody
than anyone's ever in love before,
as much as you love me
Baby I'll still love you,
baby I'll still love you more
I'll still love you more
Ask me just what I do for you
I'll tell you that I would do anything
ask if this heart beats true for you
I'll show you a truer heart could never be
You could say there's not a star that you won't bring me
you could say there'll be no day that you won't need me
you could think no other love as last as long
you'd be wrong, you'd be wrong
And for every kiss I kiss you back a hundred times
and for everything you do I just do more
and for all the love you give,
I give you so much back you'll see
gosh so much love for you instead
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: giffyaof ที่ 31-10-2007 01:22:28
เป็นกำลังใจให้คุณเอ้น่ะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 31-10-2007 08:03:23
คุนเอ้คงจะมีความสุขน่าดู  ที่วุธเป็นคนที่มั่นคงได้ขนาดนี้

และหวังว่าวุธจะมั่นคงแบบนี้ต่อๆ ไป   :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: นางคุ้ม ที่ 31-10-2007 08:19:10
 :o11:เห็นใจพี่พีทเหมือนกันนะ  แต่ว่าด้วยคุณสมบัติอย่างพี่พีทเราว่าน่าจะหาคนรู้ใจได้ไม่ยากนะ อย่ามาแยกคู่คนอื่นเลย สงสารเค้า :amen:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 31-10-2007 08:43:25
เฮ้อ....................ต่อไปจะเป็นยังไงเนี่ย แอบเครียด
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 31-10-2007 09:07:56
 :impress:

ความเข้าใจ และ ความมั่นคง ยังคงเป็นเรื่อง

สำคัญสำหรับความรัก

ขอให้เอ้กับวุธรักษาสองอย่างนี้เอาไว้นะครับ รับรอง

จะไม่มีใครมาเป็นมารขัดขวางความรักของเราได้เลย

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 31-10-2007 09:48:16
แอบไปอ่านตอนจบในบอร์ดอื่นแต่มาเม้นท์บอร์ดนี้
ขอชื่นชมคุณเอ้เหมือนเดิมนะ
เป็นกำลังใจให้ชีวิตรักไปด้วยดีตลอดไป
แต่ถ้าดูจากที่ผ่านมา
ค่อนข้างมั่นใจว่าคงไม่มีอะไรมาทำให้ชีวิตสั่นคลอนไปได้หรอก
แหมก็รักกันซะขนาดนี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 31-10-2007 10:07:48
ดีใจที่มีความสุขกันอ่ะ :m1: แต่ก็แอบกังวลเรื่องพี่พีทเหมือนกันดูท่าจะไม่อยู่ง่ายๆ อ่ะ ต้องมีเรื่องใหญ่แน่เลย  :sad2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 31-10-2007 18:11:04
หวังว่าพี่วุธจะมั่นคงได้ตลอดรอดฝั่งนะฮะ

คงไม่ทามให้พี่เอ้เสียใจนะฮะ

พี่เอ้เนี่ยก้อเข็มแข็งพอตัวอยุ๋นะฮะ

ที่ยอมเสียสละคนที่เรารักมากที่สุดให้ก่ะใครก้อไม่รู้

เพียงเพราะว่าคนที่เรารักจะได้อยุ่ในสิ่งที่ดีๆ

แต่พี่วุธก้อดีนะฮะที่มั่นคง(แต่ก้อขอให้ตลอดนะฮะ ไม่นั่นละก้อ :o  :o)

ยังไงก้อจะรอให้มาต่ออีกนะฮะ

เปงกำลังใจให้นะฮะ  สู้ๆนะฮะทั้งคนต่อแย้วก้อพี่เอ้ด้วยนะฮะ :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: reu_aha ที่ 31-10-2007 18:13:46
ร๊ากกกกกกพี่เอ้นะ^^



เป็นกำลังใจให้ค่ะ :a11:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: kimsumsoon ที่ 31-10-2007 18:43:33
จะว่าไปก็น่าสงสารพี่พีทเหมือนกันนะคะ
ชาติตระกูล ฐานะ การศึกษา และหนังหน้า ดีกว่าเอ้ทุกอย่าง
แต่ไม่มีใครเอา
ชีคงจะคิดว่า ชีมีดีขนาดนี้ทำไม๊ทำไมวุธไม่สนใจชี

ชีก็เลยอยากแย่งวุธไปจากเอ้งัยคะ น่าจะอยากเอาชนะมากกว่า
ตามประสาคนเป็นโรคขาดความอบอุ่นนะค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 31-10-2007 19:00:54
เฮ้อ อ่านตอนนี้แล้วอยากมีแฟนขึ้นมาทันที
เดี๋ยวไปจุดธูปถามเจ้าที่ก่อน ว่าเกิดยัง  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 02-11-2007 07:59:46
โหยยยย..ไม่ได้อ่านหลายวันเยอะมากๆ..
มีเรื่องเข้ามาอีกจนได้นะ..
ขอชมว่าคุณเอ้เข้มแข็งและนิ่งขึ้นเยอะเลย..
แถมมีความรักที่ประเสริฐมากเลย..
ยอมได้ถ้าคนรักเจอคนที่ดีกว่า..
แต่ที่สุดยอดคือคุณวุธที่รักมั่นคงมาก..
อาจมีเผลอตัวบ้างแต่ก็แค่เล็กน้อย..
และที่สำคัญคือมีเรื่องอะไรก็เปิดอกพูดกัน..
หายากนะครับคนอย่างนี้..
ขอให้ความรักยั่งยืนนานนะครับ..
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อด$
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 02-11-2007 16:17:44
พี่พีทคุณเป็นอะไรรึป่าวทำไมคุณถึงอยากได้ทำลายครอบครัวคนอื่นเค้า คุณก้อรู้อยู่แล้วว่าพี่เอ้กับพี่วุธรักกัน คุณยังจะมาแยกพวกพี่เค้าออกจากกันได้ลงคอรึ  จิตใจของคุณทำด้วยอะไรน่ะทำไมคุณไม่ยอมรับความเป็นจริงแล้วเปิดใจล่ะ  ทำไมคุณไม่ลองมองมองมุมกลับกัน ว่าถ้าหากมีใครมาทำแบบนี้กับชีวิตคู่ของคุณ คุณจะรู้สึกยังงัย   ต้องขอชมพี่วุธนะค่ะที่เค้ายังมีความหนักแน่นแล้วเล่าให้พี่เอ้ฟัง  พี่เอ้นู๋ขอชื่นชมพี่ว่าพี่ยังคงใช้เหตุผลและสติแก้ปัญหาไม่ใช่อารมณ์ ดีแล้วค่ะขอให้พี่วุธกับพี่เอ้หนักแน่นนะค่ะ  ถ้าพี่รักกันหนักแน่นนู๋เชื่อว่า อีก10ตาพี่พีทก้อทำอะไรพวกพี่ไม่ได้
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-11-2007 17:40:29
มารอตอนต่อไปนะฮะ

อยากอ่านต่อมากมายเยยนะฮะ

เปงกำลังใจให้นะฮะ สู้ๆนะ :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: kimsumsoon ที่ 02-11-2007 21:20:27
เอ่ออออ
รู้สึกรีบนๆ
จะอินนนนนนนน
มากไปหรือเปล่าคะ

คิ้มว่าพี่พีทก็หล่อดีนะคะ
ว่าแต่พี่พีทจะสนคิ้มมั๊ยคะเนี่ยยยย :a3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: reu_aha ที่ 03-11-2007 10:15:16
หนูรออยู่นะคะ


ร๊ากพี่จังเลย^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-11-2007 11:04:21
มารอต่อไปเพื่อความฝันใฝ่ที่จะได้อ่านนะฮะ

ยังไงก้อจรอต่อไปเรื่อยๆนะฮะ

แต่ถ้าช้าอาจเกิดกานสูญเสียได้นะฮะ

เพราะอาจจะลงแดงตายซะก่องง่า หือๆ :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 03-11-2007 11:52:41
 :impress:

เข้า q รออ่านต่อไป

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 03-11-2007 17:56:30
หงะ  รอๆๆๆๆๆ

รอใจจาขาดแว้วววววว

 o9 o9 o9

 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 03-11-2007 19:56:02
ขออภัยด้วยคับ พอดีป่วยยยย เลยไม่ได้มาลงต่อให้นะคับ....
ไปต่อกันเลยดีกว่าคับวันนี้ลงให้ 2 ตอนเลยครับ :m23:

=====================================================================
9. That’s the way love goes
.....ขากลับ...วุธขับรถแบบเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ เพราะไม่ได้รีบร้อนอะไร...กะว่าถึงบ้านประมาณ 3-4 ทุ่ม ระหว่างทาง เราคุยกันถึงเรื่องอนาคต วุธหลุดปากถามผมว่าจะทำงานโรงแรมตลอดไปเลยหรอ..ผมตอบไม่ได้..วุธก็ไม่เซ้าซี้เอาคำตอบจากผมเหมือนเคย..เราคุยกันตั้งแต่ต้นแล้วว่า จะไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว การเคารพการตัดสินใจของคนที่เรารัก เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผม พอ ๆ กับการรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา บางเรื่องผมไม่เห็นด้วยกับมัน ผมก็ต้องยอมตามใจ ปล่อยให้มันทำ แต่ถ้าวุธให้ทำ หรือชวนไปในที่ที่ผมไม่อยากไป มันก็บังคับผมไม่ได้ เพราะผมไม่เคยบังคับมัน (แต่ใช้วิธีหว่านล้อมแทน..ได้ผลทุกทีด้วย).....
.....ตั้งแต่ที่ผมรับสายพี่พีทเมื่อตอนบ่าย เขาก็ไม่โทรมาอีกเลย ใจนึงก็สงสารและเข้าใจ ผมเองก็เคยเป็น ที่แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่า ผู้ชายคนนั้นถ้าเป็นแฟนเรา เขาจะต้องมีความสุขกว่านี้...ในกรณีเดียวกันกับพี่พีท เขาอาจจะคิดว่าผมไม่มีเวลาให้วุธ ไม่ดูแลใส่ใจมันเท่าที่คนรักกันพึงกระทำ...เขาอาจจะคิดว่าเขามีทุกอย่างเหนือกว่าผม...เขาอาจจะคิดว่าวุธอยู่กับเขาน่าจะมีความสุขมากกว่าอยู่กับผม.....
.....เขามีสิทธิคิด เพราะเขาไม่รู้ว่าเราสองคนผ่านอะไรมาแล้วบ้าง..ถ้าเป็นคนอื่นคงเขว หรือเผลอใจไปกับรูปร่างหน้าตา คำพูดเพราะ ๆ รถสปอร์ตคันหรู การศึกษาดีกรีนักเรียนนอก..พูดตรง ๆ ว่าถ้าพี่พีทจีบผม ผมอาจจะเผลอตัวไปบ้าง..แต่คงไม่เกิน 3 วันหรอก....
.....พี่พีทไม่รู้ว่าวุธมันเคยเถื่อนขนาดไหน..ตั้งแต่มันทำงานมานี่ บุคลิกภายนอกมันเปลี่ยนไปเกือบทุกอย่าง พูดผม พูดคุณ ฟังดูเป็นทางการ..เรื่องเสื้อผ้ามันก็ใส่ใจมากขึ้น เนื่องจากตอนที่มันต้องไปอยู่หอคนเดียว ทำทุกอย่างเองซักผ้า รีดผ้า สมัยนั้นยังไม่มีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญอย่างทุกวันนี้..ตอนแรกมันก็หอบเสื้อผ้ากลับมาซักที่บ้าน แต่พอเรียนหนักเข้ามันก็แทบไม่มีเวลากลับบ้านเลย วันหยุดของมันจึงหมดไปกับการเล่นเกมส์ ทำความสะอาดห้อง และเสื้อผ้า..พนันกันได้เลยว่า ถ้ามันยังอยู่บ้าน งานพวกนี้มันก็ไม่แตะ...ตอนนั้นมันเริ่มหาเสื้อผ้าดี ๆ ใส่เพราะมันทน เนื้อผ้าแบบไหนซักยังไงมันรู้หมด..เสื้อยืดบางตัวก็ต้องรีด กางเกงยีนส์ดี ๆใส่ได้นานกว่ากางเกงเถื่อน ๆ ที่มันชอบใส่เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนสมัยเรียนช่างกล....
.....พี่พีทจะรับไอ้วุธได้เหรอ ถ้าเวลานอนมันชอบใส่เสื้อยืดย้วย ๆ กับกางเกงขาสั้น ในขณะที่พี่พีทอาจจะใส่ชุดนอนเป็นผ้าแพรทั้งชุดก็ได้..พี่พีทจะรู้หรือเปล่าว่าเวลามันอยู่กับเพื่อนเก่า ๆ มันพูดคำด่าคำ สัตว์เลื้อยคลานเพ่นพ่าน..พี่พีทจะรำคาญมั้ยถ้าวุธสามารถนั่งเล่นเกมเพลย์ได้ทั้งวันเหมือนเด็ก ๆ..พี่พีทอาจจะทนไม่ได้เวลาวุธมันอารมณ์ดี แล้วชอบยั่วให้ด่า..พี่พีทต้องกินข้าวฝีมือมันมากกว่าไปกินร้านอาหารหรู ๆ..พี่พีทคงจะไม่ได้ไปเดินห้างดังกับมัน ยกเว้นวุธมันอยากซื้อของที่มีขายเฉพาะในห้าง พวกอุปกรณ์กอล์ฟของมันนั่นแหละ...อย่าคิดว่าวุธจะเดินเกี่ยวก้อยชวนดูเสื้อผ้านะ..เพราะถ้ามันได้ของที่ต้องการเมื่อไหร่ นั่นคือเวลากลับบ้าน..พี่พีทอาจจะต้องแกล้งทำหน้ามีความสุขเวลาไปซื้อผักผลไม้ในตลาดสด น้ำแฉะ ๆ หรือเดินซื้อขนมที่ตลาดนัดแถวบ้าน...พี่พีทต้องรู้จักเลือกซื้อของกินของใช้ที่คุณภาพดีแต่ราคาไม่แพง เพราะเราเชื่อว่าของดี ๆ บางอย่างไม่จำเป็นต้องแพง ขอแค่เรารู้แหล่งซื้อ และวิธีต่อรองกับคนขาย...นี่แค่ส่วนน้อยนะครับกับการที่พี่พีทต้องปรับตัวให้เข้ากับวุธได้.....
.....แต่ถ้าวุธมันตกลงปลงใจกับพี่พีทล่ะ...พี่พีทยอมให้มันไปไหนต่อไหนโดยไม่ต้องโทรตามมั้ย นอกจากมันจะกลับดึกเกินไป ถ้าจะโทรก็ต้องโทรเพราะเป็นห่วง..ไม่ใช่หวง..ต่อไปพี่พีทคงต้องใช้เวลาหน้าเตาแก็สมากขึ้น คอยทำอาหารให้มันกินในเวลาที่มันอ้อนอยากกินอะไรเป็นฝีมือแฟนมัน อ้อ แล้ววุธมันชอบอาหารไทยนะ แต่รู้สึกว่าพี่พีทจะไม่ปลื้มกลิ่นกะปิ น้ำปลาซะด้วย..ไฮโซอย่างพี่พีทอาจจะต้องช่วยวุธต่อรองราคาสินค้าเพื่อให้ได้ของที่ราคาสมเหตุสมผลที่สุด อันนี้ผมกับวุธเหมือนกัน เวลาซื้อของได้ในราคาที่คาดไว้จะมีความสุขมาก....เห็นวุธมันดูดีอย่างนี้ คงไม่รู้ว่ามันโลว์เทค มือถือของมันฟังก์ชั้นเยอะแยะก็จริง แต่ลองให้มันทำอะไรแปลก ๆ สิ มันทำไม่เป็นหรอก..มันไม่สนใจเรื่องพวกนี้เอาซะเลย..มือถือมันจึงมีประโยชน์แค่โทรเข้า โทรออก ส่งข้อความ..รูปหรือวีดิโอมันยังไม่ค่อยอยากจะถ่ายเลย พูดง่าย ๆ คือมันกลัวเจ๊ง..ของแพงจึงไม่ใช่สิ่งสำคัญในชีวิตเรา..ผมกับวุธเกิดมาในครอบครัวที่ต้องทำงานตั้งแต่เด็กเหมือนกัน แม้จะไม่ได้ลำบากนัก แต่เราก็รู้คุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์....ที่สำคัญที่สุดพี่พีทอย่าทำให้มันอึดอัด และต้องทำให้มันหัวเราะมากกว่านี้นะ.....
.....ทั้งหมดที่เพิ่งอ่านไปนี้ผมคิดเล่น ๆ ถ้าวุธมันเลิกกับผมไปคบกับพี่พีทแทน..จะไปกันได้นานแค่ไหน..แต่ถ้าต่างคนต่างปรับตัวเข้าหากันได้ คบกันได้นาน ผมก็ดีใจด้วย เพราะผมก็รู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่าพี่พีทดีกว่าผมทุกอย่าง..วุธเองก็ไม่ปฏิเสธ แต่บังเอิญว่ามันไมได้สนใจแค่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอก หรือทรัพย์สมบัติ..เมื่อเย็นนี้วุธบอกว่าบางทีก็รู้สึกว่าเราสองคนมีความสุขกว่าพี่พีทซะอีก ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น..วุธภูมิใจที่มันซื้อรถเอง ดาวน์เอง ผ่อนเอง ในขณะที่พีพีทใช้เงินเดือนหลักหมื่นกลาง ๆ หมดภายในเวลาไม่ถึง 10 วัน นอกนั้นคงเป็นเงินจากครอบครัว...ซึ่งวุธมันไม่เห็นด้วยที่อายุขนาดนี้แล้วยังไม่มีอะไรที่ทำด้วยตัวเอง ต่างจากคนอเมริกันทั่วไปที่แยกตัวจากครอบครัว และต้องดิ้นรนด้วยตัวเองเพื่อให้มีมากขึ้น.....
.....เราไม่รู้ว่าพี่พีทคิดอะไรอยู่ แต่ก็รู้สึกสงสารที่เขาพยายามหาความสุขแบบผิด ๆ (ในความคิดของเราทั้งสองคน) นี่เป็นเหตุผลที่วุธอึดอัดเวลาอยู่กับพี่พีท เรื่องทัศนะคติในการใช้ชีวิตก็เป็นเรื่องสำคัญในการคบหาเป็นแฟนกัน.....ยังมีอีกหลายเรื่อง หลายเหตุการณ์ที่วุธเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับพี่พีท ยิ่งฟัง ผมก็ยิ่งโล่งอก มั่นใจได้ว่าวุธไม่มีทางที่จะไปคบกับพี่พีทแบบคนรักได้ แต่วุธก็สามารถคบกับพี่พีทในฐานะเพื่อนได้เหมือนเดิม เพราะพี่พีทไม่ใช่คนไม่ดี เพียงแต่ความคิดของเขาทั้งคู่สวนทางกันไปคนละเรื่องต่างหาก..ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวุธมันถึงได้ยืนยันกับผมอย่างหนักแน่นว่าไม่ได้คิดอะไรกับพี่พีทแม้แต่นิดเดียว...อารมณ์นี้ผมเข้าใจ...เพราะผมก็เคยรู้สึกอย่างนี้กับคนคนนึงเหมือนกัน...ไอ้โมทย์ไง.....
*
*
*
“...ฮัลโหล...จ้า...จริงดิ...เหรอ...งั้นฝากด้วยนะ...อืม...Thank you จ้า...” ผมวางสายลง คิดหาทางแก้ไขสถานการณ์
“...น้องสาวโทรมาอีกแล้วเหรอ...” วุธสงสัยเมื่อเห็นผมยิ้มนิด ๆ กับโทรศัพท์ เหมือนเมื่อเย็นที่นังน้องสาวสองคนที่โรงแรมโทรมาแหย่ผมเวลาที่พวกมันว่าง และพอมันรู้ว่าผมอยู่ระยอง มันก็เกิดอยากกินโน่น อยากกินนี่ ผมก็ต้องซื้อกลับไปฝากมันเยอะกว่าซื้อกินเองอีก
“...แวะหาพ่อกับแม่ก่อนเหอะ...จะได้เอาของฝากไปให้วันนี้เลย...” ผมยิ้มให้มันก่อนเปลี่ยนเรื่องบอกให้วุธไปบ้านมันก่อน ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกตกลงกันไว้ว่าผมจะเป็นคนแวะเอาของฝากไปให้ในวันพรุ่งนี้ก่อนไปทำงาน
“...ดึกไปป่าว...” วุธมองนาฬิกาที่คอนโซลรถ
“...โห...เพิ่งจะสองทุ่มกว่าเอง ไปถึงไม่เกินสามทุ่มหรอก...” วุธคิดนิดนึง แล้วพยักหน้าพร้อมเร่งความเร็วให้ไปถึงบ้านมันในเวลาไม่ดึกมากนัก
“...อยากหยุดต่ออีกวันจัง...” วุธบ่นเบา ๆ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ้อ...แต่ถ้าหยุดก็ต้องอยู่คนเดียว...”
“...งั้นมะรืนนี้หยุดพร้อมกันนะ...พรุ่งนี้จะไปเขียนใบลาพักร้อน 3 วันรวดเลย...” วุธได้ยินแล้วยิ้มดีใจ เพราะปกติผมไม่ค่อยได้หยุดยาว ๆ ไม่อยากรบกวนคนอื่นให้สลับวันหยุดตามผม แต่สถานการณ์แบบนี้ผมต้องหาทางหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพี่พีทให้มากที่สุด
.....คนที่โทรมารายงานข่าวเมื่อกี้ คือพี่ที่ทำความสะอาดข้างบ้าน ที่ผมฝากให้เขาช่วยเป็นหูเป็นตา โทรมาบอกว่ามีผู้ชายรูปร่างหน้าตาดีมาเดินกระวนกระวายอยู่หน้าบ้านผมซักพักแล้ว...เป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่พีท...ดังนั้นผมจึงหาทางถ่วงเวลาให้วุธแวะเอาของฝากจากระยองไปฝากพ่อกับแม่ที่บ้านก่อน.....
.....ผมคิดว่าถ้าพี่พีทหาเรื่องไปพักที่โรงแรมเพื่อจะเจอผม...เขาต้องเสียเงินเปล่าแน่นอน เพราะผมจะลาหยุด 3 วันติดกันเป็นครั้งแรกตั้งแต่ทำงานมา และวุธก็จะหยุดวันศุกร์แล้วควบวันหยุดประจำเสาร์-อาทิตย์เพื่อเราจะได้ใช้เวลาพักผ่อนด้วยกัน...ผมสัญญากับตัวเองว่าจะให้เวลากับวุธมากขึ้น และมากที่สุดเท่าที่จะให้ได้...ต่อจากนี้ไป...ผมจะไม่ให้ใครรู้สึกว่า วุธอยู่กับเขาแล้วมีความสุขมากกว่าอยู่กับผม...และที่สำคัญที่สุด..ผมจะทำให้วุธมั่นใจว่า...เลือกถูกแล้ว.....
*
*
“...ว่าไง...” ผมรับโทรศัพท์ที่โชว์เบอร์โรงแรม อีสองคนนั่นมันคงโทรมาแหย่ผมตามปกติ
“...พี่เอ้...หนูมีเรื่องจะคอมเพลนแขกพี่อ่ะ...” อีธีพูดเสียงจริงจัง
“...อะไรของพวกแกวะ...” ผมงง
“...ก็ไอ้คุณพีทอ่ะดิ...เมื่อกี้เค้าเดินเข้ามา..พวกหนูก็ทักเค้าดี ๆ แต่พี่เอ้รู้ปะเค้าทำพวกหนูหน้าแหกอย่างแรงเลย...”
“...แกไปทักเค้าว่าอะไรล่ะ...”
“...ก็พอเค้าเดินมาหนูก็นึกว่าจะมาหาพี่เอ้..อุตส่าห์หวังดีบอกเค้าว่าวันนี้พี่เอ้หยุด...ไปฮันนีมูนกับแฟนที่ระยอง...แค่นั้นแหละ..ไม่รู้เป็นอะไร..เดินเข้ามาด่าพวกหนูเป็นชุดเลย..ภาษาอังกฤษซะด้วยนะ..พี่คิดดูดิ..แขกอยู่ตรงนั้นตั้งหลายคน ถ้าเค้าด่าเป็นภาษาไทยหนูก็คงไม่อายอย่างนี้ เพราะแขกคนอื่นฟังไม่ออกแน่ ๆ เนี่ยทุกคนในล็อบบี้มองพวกหนูเป็นตาเดียวเลย...หนูน่ะไม่เท่าไหร่หรอก โดนแขกด่าเป็นเรื่องปกติ แต่อีเบสมันแค้นมากเลยอ่ะพี่..มันเถียงไม่ทันเค้า...”
“...แล้วแกไปทักเค้าอย่างนั้นได้ไงวะ...”
“...อ้าวก็เค้ารู้จักพี่เอ้...เห็นมองมาทางนี้ก็เลยคิดว่าเค้ามองหาพี่เอ้อ่ะ...” เค้าจะมองหากูทำไม ก็เค้ารู้ตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วว่ากูหยุดไปเที่ยวกับแฟน ผมเถียงมันในใจ
“...เค้าด่าแกว่ายังไง...”
“...ก็ประมาณว่า..ไอไม่ได้ถามว่าใครจะหยุด ใครทำงาน หรือใครจะไปไหน เพราะมันไม่ใช่เรื่องของไอ..ยูคิดว่านี่คือคำทักทายที่พนักงานอย่างยูจะทักทายแขกวีไอพีอย่างไอ
งั้นเหรอ..เห็นทีไอต้องให้ทางผู้บริหารของยูจัดการฝึกอบรมมารยาทที่ดีของพนักงานโรงแรมใหม่ซะแล้วล่ะ.........................................................” อีธีทำเสียงเล็กเสียงน้อย เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่ถึง 5 นาทีที่ผ่านมาให้ฟัง
“...เออว่ะ..มันก็ถูกของเค้า..ทีหลังแกแค่สวัสดีทักทายปกติก็พอ...”
“...พี่เอ้รู้มั้ย..ก่อนหน้าไอ้คุณพีทของพี่เอ้จะเข้ามาแป๊บเดียว...แอนดี้ก็กลับเข้ามาจากข้างนอกเหมือนกัน..คำถามแรกที่เค้าถามหนูคือ..พี่เอ้ไม่มาทำงานเหรอ..หนูคิดว่าไอ้คุณพีทก็คงอยากจะถามอย่างนี้เหมือนกัน..หนูก็เลยชิงพูดไปซะก่อน..ทำไมอ่ะ..หนูไม่เข้าใจ..คนรู้จักกันไม่เห็นมาทำงานมันก็เป็นเรื่องที่ควรถามถึงไม่ใช่เหรอ..มันเป็นการแสดงความห่วงใยใส่ใจอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ..ไม่เห็นจะต้องทำเป็นเรื่องราวใหญ่โต หรือทำโมโหอะไรขนาดนั้น..ดีนะว่าเค้ารู้จักกับพี่เอ้..ไม่งั้นหนูจะหลอกด่าซะให้เสียเลย...”
“...พอเหอะ..ยังไงเค้าก็เป็นแขกของเรา..แล้วนังเบสไปไหนอ่ะ...”
“...มันไปนั่งเครียดอยู่หลังฟร้อนท์..มันบอกว่ามันน่าจะพูดอะไรได้มากกว่านี้..ไม่ใช่ยืนฟังเค้าด่าอย่างเดียว..นึกคำศัพท์ไม่ทัน..มันเจ็บใจที่ร่ำเรียนเอกอังกฤษมาแท้ ๆ แต่โต้ตอบอะไรไม่ได้เลย..ก็แหม..คนเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองไทยจะสู้กับคนที่เกิดและโตที่เมืองนอกได้ไงเนอะ...แต่หนูว่ามันกำลังปลงเรื่องที่แอนดี้มาถึงก็ถามหาพี่เอ้มากกว่า...” อีธีเม้าธ์เพื่อนแล้วหัวเราะ ได้ยินเสียงอีเบสตะโกนด่า แสดงว่าคงออกมาแล้วได้ยินเพื่อนเม้าธ์พอดี
“...พี่เอ้..พรุ่งนี้เคลียร์กันหน่อยนะคะ...” อีเบสแย่งหูโทรศัพท์มาจากอีธี
“...เออ...พรุ่งนี้เจอกัน..พี่ต้องวางสายก่อนนะ..พี่วุธเรียกกลับบ้านแล้ว..อ้อ..ไม่ต้องหาซื้ออะไรเข้ามากินนะ..พี่มีขนมไปฝาก..บอกอีธีมันด้วยว่าพรุ่งนี้เลิกงานแล้วเราไปกินร้านเดิมกัน...” ผมชวนพวกมันไปกินร้านจิ้มจุ่มแถวโรงแรม อีเบสกรี๊ดกร๊าด ไม่มีเค้าความเจ็บใจเหมือนที่อีธีเม้าธ์เลย
.....นี่แสดงว่าพี่พีทคงรอพวกผมที่หน้าบ้านไม่ไหว เลยอารมณ์เสียกลับโรงแรม แล้วอีสองคนนั่นดันไปสะกิดโดนแผลเข้าอีก ซวยเลย...กว่าจะกลับถึงบ้านผมก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่ม..ผมไล่ให้วุธรีบอาบน้ำนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงานเหมือนเดิม...ก่อนนอนผมก็ไม่ลืมขอวุธไปกินจิ้มจุ่มกับน้อง ๆ ที่โรงแรมในคืนพรุ่งนี้ เพราะผมกับพวกมันไม่ได้กินอะไรด้วยกันนานแล้ว...ผมชวนวุธให้ไปกินด้วยกัน แต่วุธบอกว่าอยากเล่นเกมส์ที่เพิ่งได้มาใหม่ ตอนแรกมันตั้งใจจะเล่นวันนี้ แต่อยากไปเที่ยวกับผมมากกว่าก็เลยอดใจไว้เล่นวันอื่น...วุธขอไปรับผมที่ร้านแทน ผมเกรงใจเพราะร้านนี้มันเปิดดึกมาก เวลาเลิกงานของพวกผม คือเวลาที่เค้าเพิ่งจะตั้งร้าน..วุธบอกว่าไม่เป็นไร ดึกแค่ไหนก็ไปได้ แล้วมันก็ขำ...แหย่ผมว่ารู้แล้วว่าทำไมเวลาเอ้ไปหาอะไรกินกับสองคนนั้นแล้วกลับดึก..ก็คงไปช่วยเค้าตั้งร้าน หรือไม่ก็ไปช่วยเค้าเก็บร้านกันแน่ ๆ... ผมดีดหูมันดังเป๊าะ วุธหันมามองช้า ๆ แล้วพลิกตัวขึ้นคล่อม...จากนั้นมันก็ทำโทษผมด้วยวิธีของมัน ซึ่งเดี๋ยวนี้ชักจะทำบ่อยไปแล้วนะ...ไม่เพลียบ้างรึไง(วะ)...แต่โคตรชอบเลย(ว่ะ)วิธีทำโทษแบบนี้.....
*
*
*
.....พอรูดบัตรลงเวลาที่ประตูทางเข้า เดินยังไม่ถึงล็อกเกอร์ เสียงนังสองคนนั่นก็ดังมาจากข้างหลัง...พวกมันช่วยผมถือของฝาก ก็ของพวกมันนั่นแหละ แล้วหลังจากนั้นผมก็ต้องฟังพวกมันกระหน่ำด่าพี่พีท...และยิ่งใส่อารมณ์เพิ่มเมื่อผมเล่าเรื่องราวระหว่างพี่พีทกับผมจบ...พวกเราเดินเม้าธ์กันตั้งแต่ล็อกเกอร์ถึงหลังฟร้อนท์ ผมแวะเอาใบลามาเขียน อีพวกนั้นก็เข้าใจ ไม่โอดครวญ และยินดีให้ผมหยุด ทั้ง ๆ ที่พวกมันก็ต้องเลื่อนวันหยุดตามผมไปอีกหลายวันด้วย….
“...อู๊ย...หนูอยากเห็นหน้าอีพี่พีทเวลารู้ว่าพี่เอ้หยุดไปสวีตกับพี่วุธ 3 วันจัง...” อีเบสกรี๊ดกร๊าดตามประสา
“...แหม...ขนาดหยุดไปวันเดียวยังวีนขนาดนี้..มึงเตรียมตัวเปิดดิกไว้เถียงกับเค้าเหอะ...” อีธีเตือน
“...กูด หมอ นิ่ง ชาลี๊...” ทั้ง ๆ ที่เกือบบ่ายสองไปแล้ว แต่เราก็ยังทักทายทุกคนด้วย Good morning สำเนียงอีสานพร้อมกันสามคน ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะเดินเข้างานที่หลังฟร้อนท์พร้อมกัน และเราก็จะทักทายทุกคนอย่างนี้ประจำ สมมุติตัวเองว่าเป็นนางฟ้าชาร์ลี...ทุกคนหันมามองพวกเราเป็นตาเดียว เอ๊ะ ทำไมไม่รับมุขวะ
“...ไม่คิดจะเซย์ไฮ..Good morning angles มั่งเหรอ...” ผมถามขำ ๆ ก่อนเดินเอาขนมของฝากไปวางไว้บนโต๊ะส่วนรวม
“...เมื่อวานรอบบ่ายทำอะไรเอาไว้...” เอฟโอถามเสียงเครียด
“...ทำอะไรเหรอครับ...” อีธีทำหน้าใสซื่อ
“...มีแขกคอมเพลนมาว่าไม่มีมารยาท..เอ้านี่ไปอ่านซะ...” ผู้จัดการยื่นซองคอมเม้นท์ให้ตรงหน้า ผมรับไว้แล้วเปิดอ่าน เป็นภาษาอังกฤษล้วน ๆ ส่งมาจากห้องสวีทใหญ่ แขกวีไอพี คอมเพลนทุกแผนกในโรงแรม แต่ฟร้อนท์โดนหนักสุด เจาะจงว่าเป็นรอบบ่ายด้วย เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็โดนฟ้อง ประเภททรงผมไม่เรียบร้อย พนักงานคุยกันเสียงดัง ฯลฯ
“...โอ๊ยพี่...นี่เค้าคิดว่าเค้าพักอยู่โอเรียนเต็ลหรือเปล่า...อลังการจริง ๆ...โอเค...พวกเรายอมรับว่าผิด...แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรนี่นา...” ผมโวยวาย
“...ทำงานโรงแรมเราต้องใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย...” พี่ซุปฯ พูดยิ้ม ๆ เพราะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“...แต่ถ้าต้นเหตุมันมาจากเรื่องส่วนตัวล่ะ...” อีเบสถาม พี่เอฟโออึ้งไปนิดนึง
“...สำหรับงานบริการ...แขกถูกเสมอ...จำไว้...”
“...รู้งี้กูไม่รับ Booking หรอก...” นังธีบ่นเบา ๆ
“...อ้อ...ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป...ก่อนเข้างานวันละสิบห้านาทีจะมีการบรีฟ...เพื่อให้ฟร้อนท์ทุกคนทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด...โดยเฉพาะรอบบ่าย...” เอฟโอพูดจบก็เดินเข้าห้อง พวกเราสามคนยักไหล่พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“...เป็นเรื่องเลยไง...แล้วกูจะได้หยุดมั้ยเนี่ย...” ผมเดินตามผู้จัดการเข้าห้องเพื่อเอาใบลาไปให้พิจาณา ซึ่งเป็นการบังคับให้เขายอมเซ็น เพราะมีใบเปลี่ยนวันหยุดของสองคนนั่นแนบไปด้วย ดังนั้นข้ออ้างที่จะปฏิเสธใบลาของผมว่าไม่มีคนทำงานจึงตกไป
*
*
“...ไฮ...คุณเอ้...” ผมก้มหน้าก้มตาคีย์ข้อมูลแขกที่เพิ่งทำการเช็คอินลงคอม ปล่อยให้อีสองคนนั่นรับแขก คอยกันไม่ให้แขกเดินมาถึงผมได้ ไม่งั้นงานผมก็คงไม่เสร็จ วันนี้เราต้องเร่งมือนิดนึง เพราะเลิกงาน เราจะไปเดินเล่นแถวนี้ก่อนไปกินจิ้มจุ่มร้านประจำ
“...อ้าว...หวัดดีแอนดี้...ไม่ได้เจอตั้งนาน เป็นไงมั่ง...” ผมทักทายฝรั่งรูปหล่อคนเดิมที่ตอนนี้ยืนเท้าเคาท์เตอร์มองหน้าผม
“...ก็ดีครับ...สนุกดี แต่ร้อนมาก...ผมก็เลยได้ผิวสีแทนมาโชว์คุณเลย...” แอนดี้ถลกแขนเสื้อให้ผมดูรอยแดดเผา มิน่าเค้าดูเข้มขึ้น หล่อขึ้นด้วย “...ผมมีของมาให้คุณด้วย..แต่เมื่อวานคุณไม่อยู่..เดี๋ยวผมเอาลงมาให้นะ...” พูดจบเขาก็ทำท่าจะเดินขึ้นห้อง
“...เดี๋ยว...ผมก็มีของฝากให้คุณเหมือนกัน...รอแป๊บนึงนะ... ” ผมเดินเข้าไปหลังฟร้อนท์หาขนมที่ดูดีมีสกุลให้แอนดี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วตอนซื้อผมไม่ได้นึกถึงเขาเลย
“...ขอบคุณครับ...ว่าแต่..เอ่อ..คุณไปไหนมาเหรอ...” แอนดี้รับกล่องขนมไป พลางหาดูว่ามีภาษาอังกฤษตรงไหนที่เขาพอจะอ่านได้ เผื่อจะรู้ว่าผมไปซื้อมาจากไหน...ทั้งกล่องมันมีแต่ภาษาไทยอ่ะ
“...เมื่อวานไประยองมา...รู้จักระยองปะ...อยู่ด้านตะวันออกของประเทศไทย...เอางี้...รู้จักเกาะเสม็ดปะ...แต่ผมไม่ได้ข้ามไปนะ...”
“...รู้จักสิครับ...ตอนที่ผมทัวร์ทั่วประเทศ ผมก็ผ่าน แต่ไม่ได้ข้ามไปเหมือนกัน เห็นแต่ท่าเรือ...ผมไปที่เกาะช้างมาครับ...สวยมาก ๆ...” คำหลังแอนดี้พูดเป็นภาษาไทย ผมยิ้มให้กับสำเนียงน่ารักของเขา แล้วเราก็เงียบ เพราะแอนดี้มัวแต่มองหน้าผม เล่นเอาเขินไปเลย
“...ไหนล่ะ...ของฝากของไอ...” ผมพูดขำ ๆ แก้เขิน
“...อ๋อ...ครับ เดี๋ยวผมลงมา...” แอนดี้สะพายกระเป๋าเตรียมขึ้นห้อง
“...ไม่ต้องรีบนะ...ผมอยู่ที่นี่ถึง 5 ทุ่ม...” ผมยิ้มให้เขาอีกครั้ง
“...แอนดี้...คืนนี้คุณว่างมั้ย...” อีเบสถลาเข้ามาถามเสียงอ่อนเสียงหวาน
“...ว่างครับ...ทำไมเหรอ...” แอนดี้ตอบนังเบสแต่หันมามองผมนิดนึง
“...คือว่าคืนนี้เรามีปาร์ตี้กันอ่ะ...อยากไปกับพวกเรามั้ย...” อีธีตอบแทน นึกภาพลูลู่กับลาล่าไว้นะครับ อีสองคนนี่มันเหมือนมาก
“...เฮ้ย...เค้ากินกับพวกเราไม่ได้หรอก...” ผมปราม ชวนฝรั่งไปกินจิ้มจุ่มเนี่ยนะ คิดได้ไงอ่ะ
“...ได้สิพี่...หนูเห็นน้องจอย (ชื่อเล่นของจอยเนอร์ หรือเรียกอีกอย่างว่าคุณโส) พาฝรั่งไปนั่งกินหน้าสลอน...”
“...เค้าอยู่เมืองไทยก็ต้องให้เค้าได้ลองกินอะไรที่คนไทยกินด้วยสิพี่...” อีเบสสนับสนุน
“...เออ...ตามใจ...” ผมหันไปคีย์งานต่อ
“...เดี๋ยวผมลงมาคุยรายละเอียดนะ...” ผมได้ยินเสียงแอนดี้พูดก่อนขอตัวขึ้นห้อง
*
*
*
“...พี่เอ้...ออกมาข้างนอกหน่อย...” เสียงอีเบสเรียกทำให้ผมต้องวางขนมในมือ กินน้ำตาม คิดว่าแอนดี้เอาของฝากมาให้ ส่องกระจกดูความเรียบร้อยไม่มีเศษขนมติดปาก ติดเสื้อ
“...ว่าไงจ๊ะ...” ผมส่งเสียงไปก่อนตัวเป็นภาษาไทย
“...ไปเที่ยวมาสนุกมั้ย...” พี่พีทยืนตัวตรงอยู่หน้าเคาท์เตอร์ ผมหุบยิ้ม ก่อนฝืนยิ้มอีกครั้ง
“...ก็สนุกดีอ่ะครับ...นาน ๆ ไปที...”
“...อืม...เลิกงานแล้วเอ้ว่างหรือเปล่า...พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ...”
“...ไม่ว่างอ่ะครับ...ผมมีนัดแล้ว...” ผมหันไปทางสองคนนั่น แต่หางตามผมเห็นแอนดี้เดินออกจากลิฟท์พอดี
“...งั้นพรุ่งนี้ล่ะ...” พี่พีทถาม
“...พรุ่งนี้ก็ไม่ว่างครับ...” ผมไม่ได้บอกว่าผมหยุดหรอก เดี๋ยวไม่มันส์
“...เอางี้...เอ้ว่างเมื่อไหร่ก็บอกพี่ล่ะกัน...”
“...พี่มีเรื่องอะไรเหรอครับ...พูดตอนนี้เลยก็ได้นะ...” ผมถามเสียงเรียบ
“...พี่อยากคุยกับเอ้...เป็นการส่วนตัว...” พี่พีทพูดกับผมแต่สายตามองไปที่น้องสาวผมทั้งสองคน
“...อืม...ขอคิดดูก่อนนะครับ...แต่ตอนนี้ผมว่าพี่เพิ่งกลับมาเหนื่อย ๆ ขึ้นห้องไปพักผ่อนแล้วลงมาทานดินเนอร์ที่ห้อง XXXXX ดีกว่ามั้ยครับ...วันนี้เค้ามีเมนูพิเศษด้วย...” ผมไล่พี่พีททางอ้อม ซึ่งก็ได้ผล พี่พีทกำลังจะเดินออกไป แอนดี้ก็เดินตรงเข้ามาหาผม
“...ว่าไงครับ...คืนนี้เราจะไปไหนกันเหรอ...” ผมเหวอ พี่พีทต้องได้ยินแน่ ๆ
“...ต้องไปถามสองคนนั่นอ่ะนะ...เพราะเค้าจะพาผมไป...” ผมโยนไปให้น้องสาวผม และหวังจะให้พี่พีทได้ยินว่าผมไม่ได้ไปกับฝรั่งรูปหล่อนี่สองต่อสอง...แต่ไม่รู้ว่าเค้าจะได้ยินหรือเปล่าเพราะกว่าผมจะพูดออกมาได้พี่พีทก็เดินห่างออกไปแล้ว
“...เราไม่บอกคุณตอนนี้หรอกแอนดี้...เอาเป็นว่า...เราเจอกันซักห้าทุ่มสิบนาทีนะ เพราะพวกเราต้องเปลี่ยนชุดกันด้วย
“...ได้ครับ...งั้นเดี๋ยวผมออกไปเดินเล่นก่อนนะครับ...แล้วเจอกันครับ...” แอนดี้เดินออกไปในขณะที่ผมยังกังวลว่าพี่พีทจะเข้าใจอะไรผิด ๆ หรือเปล่า แต่ช่างเถอะ

****************************************************
.....ขอบคุณสำหรับการตอบรับที่ดีเหมือนเคยในกระทู้ที่สอง...ขอบคุณที่ติดตาม...ขอบคุณที่ให้กำลังใจ...เรื่องนี้จะจบสมบูรณ์ประมาณต้นเดือนหน้า อีก 2 ตอนก็จะจบแล้วนะครับ เพราะผมจะยกเลิกเน็ตที่บ้านเพื่อไปทุ่มเทกับการทำงานให้มากขึ้น แต่ผมจะรัก และคิดถึงคนอ่านของผมตลอดไป...แล้วถ้าแอบเล่นที่ทำงานได้ ผมก็จะเข้ามาทักทายนะครับ.....
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 03-11-2007 20:01:55
ขอโทษที่หายไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก...ก็อย่างที่บอกว่าจะยกเลิกเน็ต และทุ่มเทเวลากับงานให้มากขึ้น ทั้งงานประจำและธุรกิจส่วนตัวที่ตอนนี้เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว...และผมก็มีเวลามาเล่าเรื่องต่อ เพราะสัญญาต้องเป็นสัญญา เรื่องนี้ไม่มีทางจบแบบคนเขียนหายไปแน่นอน.....ผมยังอยู่ดีมีความสุข เครียดบ้างบางครั้ง...ไม่ได้เข้าบอร์ดปาล์มมานาน ยังเหมือนเดิมเลย ขอบคุณที่ยังรอกัน ขอบคุณที่ให้กำลังใจ...เมื่อวานกระทู้เก่าของผมถูกดันขึ้นมาอยู่หน้าหนึ่งอีกครั้ง ทำให้ผมต้องเร่งมือพิมพ์ตอนนี้ออกมาให้เร็วที่สุด ซึ่งจริง ๆ แล้วตอนนี้เป็นตอนที่ใช้เวลามากที่สุด เพราะผมพิมพ์ค้างไว้แค่ 3 หน้าในเครื่องตั้งหลายเดือน ไม่มีเวลาเลย จนวันนี้ผมใช้เวลาน้อยที่สุดเพื่อพิมพ์เรื่องต่อ แต่ต้องค้างไว้เล่าต่อตอนหน้า เพราะว่าฝนกำลังจะตกอ่ะครับ ต้องปิดเครื่องก่อน แล้วมืด ๆ จะเข้ามาอ่านกระทู้ในปาล์มอีกที...อ้อ...เร็ว ๆ นี้อาจจะได้ออนเอ็มด้วยแหละ...อยากจะบอกว่า...คิดถึงคนอ่านทุกคนนะครับ...
.....ความเดิม...ผมกับวุธไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคนมานานแล้ว...เนื่องจากภาระหน้าที่การงานและเวลาไม่ตรงกัน...ถ้าเราเขวสักนิดเดียวอาจจะทำให้ความสัมพันธ์จบลงอย่างง่ายดาย...ยิ่งมีคนที่กำลังจ้องจะเข้ามาแทนที่ผมพาตัวเองใกล้เข้ามา...มีสองทางคือ สู้ กับ ถอย ... ผมเลือกถอย...ไปตั้งหลัก เพราะพี่พีทเข้ามาในฐานะแขกของโรงแรม ซึ่งปกติแล้วเขาก็เหนือกว่าผมทุกอย่าง แล้วตอนนี้ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ต้องถูกเสมอ...ผมหาทางเลี่ยงไม่เผชิญหน้ากับเขาในสถานที่ที่ผมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ...ได้โอกาสลาพักร้อน อยู่บ้าน ทำกับข้าวกินกัน หรือไปเที่ยวใกล้ ๆ โอ๊ย แค่คิดก็มีความสุขแล้ว...แต่คืนนี้...ผมมีนัดกินจิ้มจุ่มแถวโรงแรมกับน้องสาวทั้งสองและหนุ่มอังกฤษรูปหล่อ...ส่วนวุธไม่ได้มากินด้วย แต่จะมารับผมกลับ เพราะอยากเล่นเกมเพลย์ ที่เพิ่งได้มาใหม่มากกว่า...ก็โอเคนะ เพราะต้องเดี๋ยวก็ต้องเห็นหน้ากันตลอด 3 วันอยู่แล้วนี่.....
*********************************************************************************************

10. The Largest change (Part I)


.....ยังไม่ทันจะห้าทุ่มดีนัก พ่อหนุ่มอังกฤษพาร่างสูง ๆ เดินเข้ามาหาพวกเราที่เคาท์เตอร์ในชุดที่ดูดีกว่าทุกครั้งที่เห็น.....
“...แอนดี้..ยูเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย...” ผมถาม
“...ก็ตอนที่มีกรุ๊ปทัวร์เข้าไง..เห็นพวกยูกำลังยุ่ง ๆ ก็เลยไม่ได้เดินมาหา...”
“...แต่ไอว่ายูดูดีเกินไปสำหรับคืนนี้นะ...” อีธีพูดไม่เต็มเสียง ก็เพราะรู้อยู่ว่าเราจะไปกินจิ้มจุ่มข้างถนน แต่แอนดี้เข้าใจว่าเราจะไปผับที่ไหนซักแห่ง
“...อ้าวทำไมล่ะ...”
“...เราจะไปหาอะไรกินแถวนี้เอง...ชีกลับบ้านดึกไม่ได้...” นังเบสอธิบาย พลางบุ้ยใบ้มาทางผม
“...เหรอ...ไม่เป็นไร..งั้นไอถอดแจ็กเก็ตฝากไว้ที่นี่แล้วกัน...” ว่าแล้วแอนดี้ก็ถอดเสื้อนอกตรงหน้าเคาท์เตอร์ เผยให้เห็นเสื้อยืดพอดีตัว โชว์กล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบฝรั่งทั่วไป
“...โห..แอนดี้..ไม่ว่ายูจะอยู่ในชุดอะไรคุณก็ดูดีเสมอเลยนะ...” อีเบสตะมอยผู้ชายตรงหน้าก่อนรับเสื้อเขามาพาดกับแขน
“...ถ้ายูพูดจริง ไอก็ต้องขอขอบคุณสำหรับคำชมครับ...” เขาพูดเขิน ๆ
“...ชีหมายความว่า..ถ้ายูไม่ใส่อะไรเลยจะดูดีที่สุด...” อีธีปล่อยมุข
“...จริงเหรอ...” แอนดี้ทำตาโต แล้วทำท่าจะถอดเสื้อ พวกผมหัวเราะกับท่าทางเป็นกันเองของหนุ่มอังกฤษคนนี้
“...ไอว่ายูไปนั่งรอก่อนดีกว่า รอบดึกกำลังจะออกมาทำงานต่อแล้ว...แต่เราต้องขอเวลาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซัก 10 นาทีนะ...” ผมตัดบท เพราะพวกเบลบอยเริ่มเหล่มอง คงด่าอยู่ในใจว่าอีพวกนี้เพิ่งโดนคอมเพลน ไม่สำนึกเลย คุยกันลั่นล็อบบี้ แหม ก็นี่มันดึกแล้ว ไม่มีแขกคนอื่นซักหน่อย
“...ได้ครับ..ไม่มีปัญหา...” พูดจบเขาก็เดินไปหยิบหนังสือพิมพ์แล้วหาที่นั่งบริเวณล็อบบี้ ผมมองตามจึงได้สังเกตว่ามีคนนั่งอยู่มุมนึง
“...แกมาช่วยชั้นดูหน่อยสิ...นั่นพี่พีทใฃ่มั้ย...” ผมกระซิบเรียกน้อง ๆ มาช่วยกันเพ่งผ่านแสงไฟที่ทางโรงแรมหรี่ไว้ให้สลัว ๆ ในมุมหนึ่งไม่ไกลจากเคาเตอร์ของเรานัก
“...แม่นแล้ว...พี่เอ้...ทำไมอีพี่พีทเค้าไม่หลับไม่นอนวะ...นี่คงมานั่งจับผิดพวกเราอยู่อ่ะดิ...โอ๊ยยยย Who cares?…” ท้ายประโยคอีธีจงใจพูดเสียงดัง ทั้งพี่พีทและแอนดี้มองมาทางเรา และโดยอัตโนมัติ พวกเรายิ้มให้แอนดี้หวานเยิ้ม เขาก็ยักคิ้วตอบ เราลงความเห็นกันว่า แอนดี้ต้องไปกินเหล้ามาพอกึ่ม ๆ เพราะมีกลิ่นแอลกอฮอล์บาง ๆ และจากหน้าที่แดงผิดปกติของเขา
“...อีธี เดี๋ยวมึงก็โดนคอมเพลนอีกหรอก...” นังเบสกระซิบเพื่อน
“...โดนก็โดนดิ...กลัวเหรอ...” อีธียักไหล่
“...เออว่ะ...ทำไมต้องกลัวด้วยวะ...” อีเบสทำท่าดีดดิ้ง เดินไปเคลียร์งาน ส่วนผมก็ฝากงานรอบดึก เตรียมตัวกลับ
“...แอนดี้...อีก 5 นาทีออกไปเจอกันที่หน้าโรงแรมเลยนะ...” ก่อนเดินเข้าหลังฟร้อนท์ อีเบสส่งเสียงดังทิ้งท้ายไม่สนใจพี่พีทที่นั่งหัวโด่อยู่ไม่ไกล
*
*
*
.....เราเดินไปนั่งเล่นที่ผับชื่อดังแถวนั้นเพื่อรอเวลาให้ทางร้านจิ้มจุ่มจัดร้านเสร็จ ซึ่งก็ไม่น่าจะนาน เพราะเราเดินไปเร่งมาก่อนหน้านี้...ผมโทรหาวุธบอกมันว่าเลิกงานแล้ว กำลังจะไปกินข้าวกัน..ถ้าจะมารับก็อีกซักสองชั่วโมงค่อยออกจากบ้าน..วุธถามที่ตั้งร้าน..ผมก็บอกให้เอารถไปจอดไว้ที่โรงแรมผมแล้วเดินมา..ไม่ไกลกันนัก.....
“...เอ้..ทำไมยูถึงกลับบ้านดึกไม่ได้..แถวบ้านยูอันตรายเหรอ..ให้ไอไปส่งก็ได้นะ...”
“...โอ๊ย..จีบกันซึ่ง ๆ หน้า..พี่เอ้..เอาสิ..ลองของยุโรปมั่งไง...” อีธีพูดภาษาไทย แอนดี้ได้แต่สงสัยว่าพวกผมพูดอะไรกัน
“...โห..ไอน่ะ แก่กว่ายูอีกนะแอนดี้..แล้วนี่มันบ้านเกิดไอ..ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย..อีกอย่าง..บ้านไออยู่ในที่ที่เรียกว่าส่วนหนึ่งของใจกลางกรุงเทพฯ ด้วยซ้ำ..” ผมเบี่ยงประเด็นไม่ตอบคำถาม แต่ใช้วิธีบอกว่ากรุงเทพฯ ใม่ได้อันตรายเหมือนบ้านเมืองเค้า
“...ชีไม่ต้องการใครไปส่งหรอก..เพราะเดี๋ยวก็จะมีคนมารับชีกลับบ้าน...” อีเบสตอบแทน
“...อีห่า..กันซีนพี่เอ้นะมึง...” อีธีด่าคู่หู
“...ดีมาก..พี่กำลังจะบอกเค้าเลย...” ผมหันไปยิ้มกับอีเบส
“...ยูหมายถึงแฟนใช่มั้ย...” แอนดี้ถามตรง ๆ
“...ใช่...” ผมตอบสั้น ๆ
“...เอ้..ยูหักอกไอ...” แอนดี้ทำหน้าเศร้า
“...นี่..หยุดเล่นละครได้แล้ว..ไอรู้ว่ายูไม่ได้คิดอะไรกับไออย่างนั้น...”
“...ยูรู้ได้ไง...เก่งมาก...” แอนดี้หัวเราะ ส่วนน้อง ๆ ผมได้แต่นั่งเอ๋อ
“...ไอมีเซนส์...”
“...ถ้าแอนดี้ไม่ได้จ้องจะเยพี่เอ้..กูก็มีสิทธิอ่ะดิ...” อีเบสกระดี๊กระด้า
“...อีดอก...ระวังเค้าจะเอามึงนะ...” อีธีเบรกเพื่อน
“...พวกยูเป็นเพื่อนคนไทยกลุ่มแรกของไอ..และเอ้..ยูเป็นคนที่ใจดี...ส่วนยูทั้งสองคนก็เป็นคนที่ตลกมาก ๆ ไอดีใจที่ได้รู้จักพวกยูทุกคนเลย...” แอนดี้ยกแก้วเบียร์ขึ้นชนกับพวกผม
*
*
.....เรานั่งคุยกันในผับแห่งนั้นสักพักก็พากันไปร้านจิ้มจุ่มเจ้าประจำที่คาดว่าน่าจะตั้งร้านเสร็จแล้ว...และก็ตามคาด เด็กเสิร์ฟพาเราไปนั่งประจำที่ก่อนจะเอาเมนูมาให้.....
“...เฮ้ย...คู่ปรับมึงมาอ่ะอีเบส...” ธีสะกิดเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ให้มองพี่พีทที่กำลังเดินมาทางโต๊ะพวกผม
“...เออ...กูเห็นแล้ว...พี่เอ้...หนูขออนุญาตนะ...คุณพีท...ทานข้าวด้วยกันมั๊ยครับ...” โดยที่ผมยังไม่รู้เรื่องอะไร อีเบสก็เรียกพี่พีทมาแจม แต่ผมก็คิดในใจว่าพี่พีทต้องปฏิเสธแน่นอน เพราะร้านข้างถนนนี่ไม่ใช่ที่ของเขา และเขาน่าจะรู้ว่าอีเบสแกล้งชวนตามมารยาท แต่...
“...ขอบคุณครับ...” พี่พีทนั่งลงบนเก้าอี้ข้างตัวผม ที่เผื่อไว้สำหรับวุธ ทุกคนหน้าเหวอ แต่ก็ต้องปรับสีหน้าทันที ยังไงเขาก็ยังเป็นแขกวะ
“...แอนดี้..นี่คุณพีท..เขาเป็นแขกในโรงแรมเรา...แล้วนี่แอนดี้ครับพี่พีท เขาทำงานให้กับบริษัททัวร์อ่ะครับ...” ผมแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน หลังจากเช็คแฮนด์ พวกเขาก็พูดภาษาอังกฤษกันเป็นชุด อีเบสค้อน ผมกับอีธีสมน้ำหน้ามันที่เป็นคนชวนพี่พีทมานั่งเอง
“...ทานอะไรสั่งตามสบายเลยนะครับ...” ผมยื่นเมนูให้ ถึงแม้จะเป็นร้านข้างถนน แต่ก็เป็นย่านที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเยอะมาก และโต๊ะข้าง ๆ ก็มีฝรั่งกับน้องนีมานั่งกินกันหลายโต๊ะ เมนูที่นี่ไฮโซมาก มีภาษาอังกฤษกำกับไว้ พร้อมแบบออกเสียงในภาษาไทย เช่น Tom Yam Kung
“...เอ้สั่งให้พี่ดีกว่า...” พี่พีทเลื่อนเมนูคืนผม
“...งั้นพวกเราสั่งให้นะครับ จะได้ไม่เสียเวลา...” อีธีสุ่มหัวกับอีเบส แสงไฟข้างถนนทำให้มองตัวหนังสือไม่ชัดนัก
“...เอา...จิ้มจุ่มรวมมิตรชุดนึง...ตำปูปลาร้าเผ็ดสลบหนึ่ง...ตำไทยไม่เผ็ดหนึ่ง...ขนมจีนหนึ่ง...กุ้งเต้นแซ่บ ๆ...แล้วก็ลาบหมูไม่เผ็ดอีกหนึ่ง...พี่เอ้เอาอะไรเพิ่มปะ...” พวกมันผลัดกันสั่งแล้วหันมาถามผม
“...ขอน้ำเปล่า 2 น้ำแข็ง 5...แอนดี้ยูจะดื่มอะไรมั้ย...”
“...ไอขอเบียร์...อืม...ยูแน่ใจนะว่าไอจะกินอาหารที่ยูสั่งได้...” แอนดี้ทำหน้าหวาด ๆ พี่พีทหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะสปีคกันน้ำไหลไฟดับ ผมว่าพี่พีทตั้งใจพูดให้เร็วกว่าปกติ เพื่อให้พวกผมฟังไม่รู้เรื่อง...แน่นอนว่าพวกผมแม้จะทำงานที่ต้องสื่อสารกับชาวต่างชาติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเก่งซะถึงขนาดที่ว่ารู้เรื่องไปทุกคำ ขนาดที่ดูหนังฝรั่งโดยไม่มีซับไทย ผมยอมรับอย่างไม่อายเลยว่า รู้เรื่องจับใจความได้แค่หกสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง
*
*
.....ไม่นานนัก อาหารก็ถูกทยอยนำมาเสิร์ฟจนครบ แอนดี้และพี่พีททำหน้าหวาด ๆ กับกุ้งเต้นที่กระโดดดึ๋ง ๆ อยู่ในจาน...ผมกินไม่เป็นหรอกครับ แต่น้องสาวทั้งสองของผมชอบกินมาก.....
“...แอนดี้...ลองสิ...” นังธีตักกุ้งเต้นทำท่าจะป้อน
“...ขอบใจ...แต่ไม่ดีกว่า...”
“...คุณพีทกับแอนดี้ สองจานนี่เราสั่งมาให้ รับรองไม่เผ็ด...” อีเบสเลื่อนส้มตำไทยกับลาบไปให้
“...อันนี้น้ำจิ้มแบบไม่เผ็ด...แอนดี้...ไอมั่นใจว่ายูกินได้...รู้มั๊ยว่าในหม้อนี้มีแต่ของที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งนั้นเลยนะ...รออีกแป๊บนึงเดี๋ยวก็กินได้...” ผมเลื่อนน้ำจิ้มแบบไม่เผ็ดของจิ้มจุ่มให้สองคนนั้น
.....พี่พีทไม่แตะต้องอาหารบ้าน ๆ ตรงหน้าผิดกับแอนดี้ที่กินเอากินเอา เหงื่อแตก หูแดง ตาแดงด้วยความเผ็ดร้อน ปากก็ชมรสชาติอาหารเป็นภาษาอีสานที่อีสองตัวนั่นมันสอนระหว่างกิน พวกเรากินไปหัวเราะไป นาน ๆ ทีถึงจะให้ความสนใจกับพี่พีทที่นั่งเชิด ๆ อยู่ข้างผม.....
*
*
“...โห...กินกันเกือบหมด...ไม่รอผมเลยนะ...” ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู พร้อมกับมือหนา ๆ วางบนไหล่ผม
“...เฮ้ย...มาได้ไงอ่ะ...ยังไม่ได้โทรบอกให้มารับเลยนี่...” ผมหันไปมองพี่พีทแวบนึง ด้วยสัญชาตญาณรู้เลยว่าวุธมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร
“...คุณพีทครับ ช่วยให้เกียรติเขยิบมานั่งหัวโต๊ะหน่อยสิครับ...สามีภรรยาเขาจะได้ไม่แยกจากกัน...” อีเบสพูดขำ ๆ แต่พี่พีทหน้าบึ้ง ก่อนย้ายไปนั่งเก้าอี้อีกตัวอย่างเสียไม่ได้
“...กินอะไรสั่งเพิ่มอีกได้นะ...” หลังจากแนะนำวุธให้รู้จักกับแอนดี้ ผมก็พูดพลางเปิดเมนูเพื่อสั่งอาหารให้วุธกิน และด้วยความคุ้นเคย วุธกับผมเลือกอาหารบนเมนูเล่มเล็ก ๆ หน้าเราแทบจะชนกัน
“...คุณพีทคะ...ลองสปาเก็ตซั่วหน่อยสิคะ...” อีเบสตักขนมจีนที่เหลืออยู่นิดหน่อยไปคลุกกับส้มตำไทยที่เหลือติดจานเช่นกัน
“...อะไรของคุณ...สปาเก็ตซั่ว...” พี่พีททำหน้าขยะแขยง
“...แถวบ้านเอิ้น..ตำซั่วค่า...” อีธีตอบเป็นภาษาอีสาน
“...แอนดี้...ลองกินดิ...” หนุ่มฝรั่งไม่ปฏิเสธ ใช้ส้อมตักตำซั่วไปกินก่อนพยักหน้า และบอกพี่พีทว่าอร่อยดี
“...เห็นมั้ยคุณพีท...ขนาดฝรั่งยังทานได้เลย...ถ้าคุณพีทลองแล้วติดใจจะสั่งเพิ่มให้อีกจาน คราวนี้เอาแบบสปาเก็ตชั่วปูอลาสก้า ใส่ปลาแอนโชววี่ด้วย...รับรองแซ่บไฮโซ เหมาะกับคุณพีทมากกกกกก...” อีเบสลากเสียง อีธีหัวเราะก๊ากกก เพราะรู้ว่าเพื่อนสาวหมายถึงอะไร ส่วนผมได้แต่กลั้นหัวเราะไว้ แต่วุธทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“...เอ้...พาผมไปห้องน้ำหน่อยดิ...” วุธลุกขึ้นเดินนำผมออกไป ทั้ง ๆ ที่บอกให้ผมพาไป แต่ตัวมันเดินลิ่ว ๆ เข้าหลังร้าน ผมตามแทบไม่ทัน
*
*
.....วุธไม่ได้เข้าห้องน้ำหรอกครับ มันพาผมเดินทะลุหลังร้านออกไป ก่อนยืนนิ่ง ๆ ผมเริ่มรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน.....
“...ไม่เข้าห้องน้ำเหรอ...” ผมทำใจดีสู้เสือถาม
“...เอ้...ผมไม่ชอบให้น้อง ๆ ทำอย่างนี้เลยนะ...”
“...ทำอย่างนี้น่ะ...ทำยังไงเหรอ...พูดให้เคลียร์สิ...” ผมพูดเสียงเข้ม
“...ก็ทำหรือพูดให้พี่พีทเป็นตัวตลกอ่ะ...”
“...เฮ้ย...เป็นอะไรมากหรือเปล่า...พวกเราก็เล่นกันอย่างนี้มาตลอด...ไม่เห็นมีอะไรต้องซีเรียสเลย...” ผมไม่ได้บอกว่าอีสองคนนั้นมันคงกึ่ม ๆ จากเบียร์ที่ดริ้งค์มาก่อนหน้านี้
“...พวกเอ้ไม่ซีเรียสแต่พี่พีทเค้าซีเรียสนะ...”
“...ตรงไหน...เมื่อไหร่...ยังไง...ทำไมเราไม่เห็นรู้เรื่องเลย...” ผมกวน
“...ก็...ก็...” วุธพูดไม่ออก
“...ยังไงคุณพีทเค้าก็เป็นแขกที่โรงแรม...พวกเราทุกคนรู้ว่าลิมิตมันอยู่ตรงไหน...เท่าที่นั่งหัวโด่อยู่ตั้งนาน ไม่เห็นว่ามันมีคำหยาบคายอะไรเลย...มีอะไรต้องซีเรียสเหรอ...อย่าคิดว่าเราจะเอาเรื่องส่วนตัวไปปนกับงานนะ...อีกอย่างน้อง ๆ มันก็ไม่รู้อะไรมากมายเลยว่าคุณพีทเค้าเป็นยังไง...”
“...แล้วทำไมต้องพูดกระแนะกระแหนพี่พีทเค้าด้วยล่ะ...”
“...โอเค...ขอโทษที่ไม่ดูแลน้องให้ดี...เดี๋ยวจะไปยกมือไหว้ขอโทษคุณพีทให้เลยละกัน...พอใจมั้ย...” ผมพูดตัดบทเสียงสั่น
“...ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้...” ผมไม่รอฟังอะไรจากวุธอีก หันหลังเดินจ้ำ ๆ เข้าร้าน ผ่านแคชเชียร์ก็บอกให้คิดเงินโต๊ะผมเลย
“...เอ้...ฟังผมก่อนดิ...” วุธเดินมาประกบข้าง ๆ ระหว่างผมรอพนักงานคิดค่าอาหารและทอนเงินที่ผมส่งไปให้ตั้งแต่มาถึงเคาท์เตอร์
“...ไม่ฟัง...ถ้าวุธสามารถรู้สึกแทนคุณพีทได้...ก็น่าจะรู้ว่าเราไม่ซีเรียสหรอก...เรื่องแค่นี้เอง...” ผมประชด “...ถ้าจะกินต่อก็ตามสบายนะ เงินจ่ายให้แล้ว...” ผมรับเงินทอนจากพนักงาน ก่อนเดินกลับโต๊ะ ฝืนยิ้มให้กับทุกคน
*
*
“...ไปกินที่อื่นกันต่อดีกว่า...เบส...ธี...แอนดี้ยูจะไปกับพวกไอมั้ย...ไอจะพาไปบาร์ที่เปิดถึงเช้าเลยนะ...” ฝรั่งรูปหล่อพยักหน้าเซย์เยสแบบไม่ต้องคิดเลย
“...ผมว่าเราแยกย้ายกันกลับบ้านดีกว่านะ...” วุธเบรก
“...ไปกันเถอะ...พี่จ่ายตังค์แล้ว...Goodnight นะครับคุณพีท...” ผมคว้ากระเป๋าเดินนำออกจากร้าน ไม่หันกลับมามองว่ามีใครเดินตามหรือเปล่า เพราะรู้ว่าน้องสาวสองคนต้องลากแอนดี้ตามมาด้วยแน่ ๆ
“...เอ้...ยูโอเคหรือเปล่า...” แอนดี้ถามทันทีที่เห็นตาผมแดงก่ำ น้ำตาพร้อมจะไหลได้ตลอด
“...ไม่ต้องเป็นห่วง I’m ฟาย...” อีสองคนมองหน้าผม เพราะผมออกเสียงว่าฟาย ไม่ใช่ Fine…”
“...พี่เอ้...มีปัญหาอะไรกับพี่วุธหรือเปล่า...”
“...เพราะพวกเราใช่มั้ย...” น้อง ๆ สลดจนผมสงสาร
“...จะบ้าเหรอ...ไม่มีอะไรซักหน่อย...ไปแรดกันดีกว่า...” ผมพยายามทำตัวให้ระรื่นเหมือนเดิม
“...คงไปไม่ได้หรอกมั้งพี่...” อีธีพยักเพยิดให้ผมมองวุธที่เดินจ้ำมาทางพวกเรา
“...กลับไปตั้งหลักกันที่โรงแรมก่อนดีกว่า...” ผมโบกมือเรียกรถตุ๊กตุ๊กแถวนั้นบอกชื่อโรงแรมของผมซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ไม่รอให้คนขับต่อรองราคา ผมกระโดดขึ้นรถทันที อีกสามคนก็กระโดดตามนั่งเบียดกันในรถ
“...ซิ่งโลดเลยเด้อค่ะ โซเฟอร์...” อีเบสบอกคนขับ รถตุ๊กตุ๊ก ออกตัวกระชากแทบจะยกล้อ คนอื่นโดยเฉพาะอีตาแอนดี้หัวเราะชอบใจกับลีลาการขับรถที่น่าหวาดเสียว ในใจผมได้แต่พร่ำว่ากูคิดถูกหรือเปล่าวะเนี่ยที่หนีไอ้วุธด้วยพาหนะชนิดนี้
*
*
*
.....เกือบตี 5 ผมค่อย ๆ ไขกุญแจเข้าบ้าน เอามือจับปากน้องหมาไม่ให้ส่งเสียง มันได้แต่ร้องงี๊ด ๆ ในคอ...ในห้องรับแขกซึ่งเป็นที่นอนประจำของวุธเวลารอผมกลับบ้าน...ร่างสูงนั้นนอนนิ่งคล้ายกับคนหลับสนิท...ผมย่องเข้าไปล้างไม้ล้างมือในห้องน้ำ เงยหน้ามองกระจก แทบร้องกรี๊ดดดดดด อารมณ์เดียวกับคนตกใจเวลาเจอผี...ไอ้วุธเข้ามายืนข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้...ตกใจ แต่ไม่ยอมเสียฟอร์มหรอก...ก่อนกลับเข้าบ้าน ผมบอกกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่พูดกับวุธเรื่องนี้อีก.....
“...ทำไมเพิ่งกลับ...” วุธพูดเสียงโหด ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงฝ่ออ่ะ
“...ก็พอใจอ่ะ...” ผมกวน วุธอึ้ง ไม่ได้เห็นผมเวอร์ชั่นนี้มานาน
“...ไปไหนมา...”
“...อันนี้รู้สึกจะเป็นเรื่องส่วนตัวนะ...” ผมไม่ตอบ แถมเดินชนมันออกมาจากห้องน้ำ
“...เอ้...ผมว่าเราต้องคุยกันหน่อยนะ...” ผมหันขวับไปมอง
“...ไม่มีประโยขน์...เสียเวลา...”
“...ถ้าเอ้ยังโกรธผมอยู่งั้นพรุ่งนี้ค่อยคุยก็ได้...ไปอาบน้ำนอนกันเถอะ...” วุธจับมือผมทำท่าจะจูงขึ้นห้อง ผมสะบัดมือออกทันที
“...ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังเลย...อยากนอนก็ไปนอนคนเดียวสิ...” ผมเดินไปหยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์แล้วเดินออกไปเอารถ ขี่ไปซื้อของกินที่ตลาดโดยไม่สนใจวุธอีกเลย
*
*
.....ไม่ได้ออกมาซื้อของกินที่ตลาดตอนเช้ามืดอย่างนี้มานาน อากาศเย็นสบายกำลังดี คนเริ่มเดินกันขวักไขว่ พระเดินบิณฑบาตรเป็นระยะ...ทุกอย่างรอบตัวดูดีไปหมดกับการเริ่มต้นวันใหม่ แต่สำหรับผม เหนียวตัวมาก หิวข้าวด้วย ง่วงนอนด้วย จิตใจว้าวุ่น คิดแต่เรื่องพี่พีทกับไอ้วุธที่มันดูจะเข้าอกเข้าใจกันดี เป็นห่วงเป็นใยกันเหลือเกิน มันไม่รู้หรอกว่าพี่พีทนี่สร้างความวุ่นวายให้พวกผมแค่ไหน รายละเอียดเล่าเยอะไม่ได้ เดี๋ยวจะหาว่าอยากเป็นนางเอก โดนกลั่นแกล้งตลอด ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เป็นอย่างนั้น ด้วยอาชีพบริการที่ถูกบัญญัติไว้ว่า “ลูกค้าถูกเสมอ”.....
.....ผมซื้อกับข้าวและขนมกะว่ากินได้ถึงเย็นเลย และทุกครั้งที่เข้าไปซื้อ ผมจะมองหาของกินที่วุธชอบก่อนเป็นอันดับแรก ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เคืองมันอยู่...แวะใส่บาตร เพื่อความสบายใจ.....รีบกลับเข้าบ้านไปกินข้าว อาบน้ำ นอนดีกว่า.....
*
*
.....ไม่ถึง 5 ชั่วโมงผมก็ต้องตื่น...ลาหยุดไว้แล้วนี่...วันนี้ตามแผนเดิม เราต้องอยู่บ้านสวีทกับที่รักนี่นา ลาไว้ตั้ง 3 วัน...แต่...ทุกอย่างถูกยกเลิก...เมื่อคืนผมตัดสินใจเข้าไป Cancel ใบลา และเขียนโน้ตบอกผู้จัดการเพื่อไม่ให้น่าเกลียดว่าวันนี้ผมจะเข้ามาทำงานตามปกติ...อีสองคนนั่นยังคงคิดว่าเป็นความผิดของพวกมัน ผมกล่อมอยู่นานจนพวกมันสบายใจ วันนี้เราก็กลับไปทำงานเหมือนเดิม แต่ที่เปลี่ยน คือเราจะไม่ยอมให้แขกวีไอพีคนนั้นหาเรื่องคอมเพลนแบบไร้สาระอีกต่อไป.....
“...ทำไมตื่นเร็วจัง...นอนไม่พอเดี๋ยวหงุดหงิดนะ...” วุธทักทันทีที่เห็นผมเดินใส่ชุดคลุมอาบน้ำหัวเปียกเข้าครัว
“...ถ้าจะหงุดหงิดก็เพราะเห็นหน้าแกแหละ...” ผมว่าผมบ่นเบา ๆ นะ แต่มันดันได้ยินซะนี่
“...ยังไม่หายงอนอีกเหรอ...” มันเดินเข้ามาทำหน้าอ้อน ๆ
“...หนี...อย่ามาเกะกะ...รีบ...” ผมเดินเลี่ยงวุธที่คอยช่วยผมหยิบของ
“...จะรีบไปไหน...” วุธถามงง ๆ
“...ไปทำงาน...” ผมตอบสั้น ๆ วุธหน้าเหวอจนผมเริ่มสงสาร
“...ลาหยุดแล้วไม่ใช่เหรอ...ไหนบอกว่าจะอยู่ด้วยกันทั้งวันเลยไง...”
“...คงหยุดไม่ได้หรอก...ต้องไปดูแล เทคแคร์แขกวีไอพีคนสำคัญ...กลัวว่าน้อง ๆ จะไปพูดหรือทำอะไรให้ต้องซีเรียสอีก...เดี๋ยวเพื่อนร่วมงานเค้าจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทน...” ผมอดไม่ได้ที่จะว่าแดกไอ้วุธ
“...เอ้...” วุธเรียกชื่อผมเสียงเข้ม ใจผมหล่นไปที่ตาตุ่ม แต่ด้วยแรงทิฐิทำให้ผมจ้องหน้ามันไม่หลบ “...โธ่เว้ย...” ท่าทางวุธจะโมโหมาก มันเดินกระฟัดกระเฟียดไปนั่งหน้าเครียดที่ห้องรับแขก ผมก็ไม่สนใจเดินขึ้นห้องไปแต่งตัวเตรียมไปทำงาน
*
*
*
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 03-11-2007 20:03:03
.....ผมเดินเข้าไปรูดบัตรที่โรงแรมโดยลักษณะหน้าชื่นอกตรม...ทันทีที่ถึงห้องล็อกเกอร์ ก็เห็นอีสองคนนั่นแต่งชุดฟอร์มเรียบร้อยยืนหน้าเป็นตูดรอผมอยู่.....
“...Hi…Ladies...” ผมทักเสียงใสทั้งที่ในใจเจ็บกับการที่ต้องเดินออกมาจากบ้าน แล้วเห็นวุธมองตามด้วยสีหน้าหงอย ๆ
“...พี่เอ้...รีบแต่งตัวเหอะ...”
“...ทำไม...รอบเช้าจะไปเที่ยวไหนกันวะ...” ถ้าต้องรีบออกไปออนฟลอร์ก่อนกำหนดเวลา หมายถึงพวกรอบเช้านัดกันไปเที่ยวแล้วให้พวกผมเข้างานเร็วขึ้น แบบมาถึงแล้วออกไปรับแขกไม่ต้องเม้าธ์กันหลังฟร้อนท์ก่อนทำงานเลย
“...รอบเช้าน่ะไม่ได้ไปไหนหรอก...รอบบ่ายเรา 3 คนนี่แหละ จะได้ไปเที่ยวห้องเย็น...” อีธีพูดด้วยสีหน้ากังวล เด็กใหม่อย่างมันคงโดนไซโคไว้ว่า ถ้าเข้าห้องเย็นคงเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับผม ทุกเรื่องที่กำลังเข้ามา คงไม่ใหญ่เท่าการที่ผมจะต้องกลับบ้านคืนนี้ ไปเห็นหน้าหงอย ๆ ของแฟน แต่ต้องทำใจแข็งให้มันรู้สึกผิดที่ทำกับเราเมื่อคืน
The largest change (Part II)
“...หา...อะไรนะ...” เสียงน้องสาวผมร้องขึ้นพร้อมกัน
“...พี่คิดว่าการจับพวกเราแยกกันนี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดเหรอครับ...” ผมถามผู้จัดการด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนไม่รู้สึกอะไร
“...แล้วจะให้พี่ทำยังไงล่ะ...พวกเธอก็รู้ว่าคอมเมนท์จากแขกทุกฉบับ ไม่ว่าจะชมหรือจะด่า ต้องถูกส่งขึ้นไปให้Management นี่พี่ก็โดนเล่นมาเหมือนกันนะ...ผู้ใหญ่เค้าไม่ได้มาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเรา เค้าก็ไม่เข้าใจหรอก...ยังไงเราก็ถือซะว่าทำงานด้านบริการ ลูกค้าถูกเสมอ...”
“...แต่เราโดนปรักปรำนะครับพี่...ที่คอมเพลนมาเนี่ยมีส่วนจริงไม่ถึงครึ่ง นอกนั้นน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า…” อีเบสเถียง
“...ใช่...เค้าจ้องจะหาเรื่องเรามาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาพักเลยนะครับ...”
“...ผู้ใหญ่เค้าไม่เห็นเหรอครับ...ว่าที่ผ่านมามีแต่คนเขียนชมเราสามคน...เราไม่ได้อะไรตอบแทนแม้แต่จดหมายขอบใจจากผู้บริหาร...พี่ก็รู้ใช่มั้ยครับว่าบางโรงแรมเค้าจะให้เงินพนักงานที่ถูกแขกชมด้วยซ้ำ...ถ้าคำชมพวกนั้นเปลี่ยนเป็นเงิน พวกเราคงได้มากกว่าเซอร์วิสชาร์จเดือนที่แล้วอีก...” ผมเริ่มหงุดหงิดจึงพูดระบายบ้าง
“...เออ พี่รู้...ก็นี่ไง...พี่ถึงต้องแยกพวกเธอออกจากกัน ก็ลองดูว่าเค้าจะหาเรื่องคอมเพลนได้ทุกรอบมั้ย...เบส...เธอน่ะค่อนข้างดื้อ ย้ายมาอยู่รอบเช้า จะได้ดูแลกันอย่างใกล้ชิด...ธี...อยู่รอบบ่ายเหมือนเดิม...ส่วนพี่ใหญ่อย่างเอ้...พี่ไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น หรือเรามีเรื่องส่วนตัวให้ต้องสะสาง...แต่พี่ผิดหวังที่เอ้ควบคุมเด็กไม่ได้...เมื่อก่อนเธอสามคนนี่เป็นอะไรที่แขกชมมากที่สุดเรื่องการบริการ ไม่ว่าจะ Friendly, helpful, nice แต่ตอนนี้รอบบ่ายเป็นรอบที่โดนแขกคนนี้คอมเพลนมากที่สุดเช่นกัน....จริง ๆ แล้วแต่ละเรื่องที่เค้าเขียนมาเนี่ยนะ พี่รู้ว่าทุกรอบก็เป็นกันหมด ไอ้ประเภทชอบระริกระรี้กับแขกหนุ่ม ๆ...ชอบแซวชอบด่ากันลั่นฟร้อนท์ตอนไม่มีแขก แต่รู้มั้ยว่าเสียงพวกเธอน่ะไม่ได้เบากันเลย...เอ้...พี่จะให้เอ้เข้าดึก เรียนรู้งานอีกนิด แล้วถ้ามีตำแหน่งว่างพี่จะโปรโมทเอ้ขึ้นเป็นซุป....โอเคมั้ย...” พวกเราไม่มีทางเลือกจึงได้แต่พยักหน้ากันหงึก ๆ
“...เริ่มเปลี่ยน Schedule เดือนหน้าใช่มั้ยครับ...”
“...เปลี่ยนวันจันทร์นี้เลย...อ้อ...แล้วทีหลังอย่าเปลี่ยนวันหยุดกันมั่ว ๆ อีกนะเอ้...นึกอยากจะหยุดก็เขียนใบลา อยากจะทำงานก็แอบมา cancel...อีกหน่อยถ้าเอ้ได้เป็นหัวหน้าคนแล้วเอ้จะรู้ว่ามันไม่ดีเลย...” ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง ก่อนพี่ผู้จัดการจะปล่อยให้เราออกมารับรอบทำงานกันตามปกติ
*
*
.....หลังจากเดินออกมาจากห้องเย็น...เราสามคนทำงานกันเงียบ ๆ ไม่ค่อยได้คุยเฮฮากันเหมือนทุกวัน...ต่างคนต่างมีเรื่องให้คิด...ผมไม่รู้ว่าอีสองคนนั้นมันคิดอะไร แต่สำหรับผมแล้วกำลังคิดว่า...แค่ทำงานรอบบ่ายยังไม่ค่อยได้เจอไอ้วุธเลย แล้วนี่ต้องทำงานตอนดึกอีก เวลาไม่ตรงกันชนิดที่ว่าการใช้ชีวิตตรงกันข้ามเลยทีเดียว...เห็นความทรมานสังขารอยู่ไม่ไกล...เช้าก็ต้องกระเซอะกระเซิงกลับบ้าน แดดแยงตาจนแสบไปหมด....กว่าจะทำอะไรเสร็จก็เกือบเที่ยง นอนไปได้หน่อย หกโมงกว่า วุธกลับบ้าน เราก็ต้องตื่นมากินข้าว มาคุยกับมัน ทั้ง ๆ ที่มึนหัวไปหมด จะกลับไปนอนอีกครั้งก็นอนไม่หลับ มัวแต่พะวงว่าต้องตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน.....
.....แต่คิดกลับกัน...ตอนเราทำงานรอบบ่าย วุธมันก็ต้องตื่นมาคุยกับเราตอนตี 1 ตี 2 เหมือนกันนี่หว่า...มันยังทำได้เลย แล้วเราจะเครียดทำไม...ผลัดกัน...มองในแง่ดีว่าทำงานรอบดึก เราคงได้อยู่กับวุธนานกว่าตอนทำงานรอบบ่าย...อย่างน้อยก็ตอนหัวค่ำ ได้กินข้าวพร้อมกัน ได้ดูข่าวด้วยกัน วุธมันจะได้พักผ่อนนอนหลับยาว ๆ ซะที.....
.....เอ๊ะ...แล้วถ้าพี่พีทรู้ว่าเราทำงานรอบดึก วุธมันก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว.....เค้าจะมาตีท้ายครัวกูหรือเปล่าวะเนี่ย.....
“...โอ๊ย...เครียด...” ผมตะโกนหลังฟร้อนท์ ช่วงหัวค่ำแขกไม่ค่อยเยอะ เราเข้ามานั่งกินขนมกันตามปกติ
“...เครียดอะไรพี่เอ้...พวกหนูสิเครียด...ทำให้พี่ต้องไปอยู่รอบดึกเลย...” อีพวกนี้รู้ว่าผมไม่ชอบทำงานรอบดึกเป็นที่สุด
“...พวกแกไม่ผิดหรอก...ทำงานโรงแรมมันก็ต้องเวียนรอบกันเป็นเรื่องปกติ แต่ท่าทางชั้นจะโดนฝังดึกว่ะ...” ผมพูดยิ้ม ๆ ให้คนฟังสบายใจ
“...เดี๋ยวพี่เอ้ก็ได้เป็นซุปแล้ว...” อีเบสให้กำลังใจ
“...อยากจะรู้ว่าอีคุณพีทมันจะหาเรื่องอะไรมาคอมเพลนเราได้อีก...” อีธีเปลี่ยนเรื่อง
“...พี่เอ้...หนูว่า...หนูจะ Check out...” อีเบสพูดเสียงจริงจัง
“...เฮ้ย...ทำไมอ่ะ...”
“...หนูว่าหนูคงไม่เหมาะกับงานโรงแรม...หนูจะไปเป็นไกด์...”
“...เป็นไกด์หรือเป็นไก่ยะ...แหมจะไปสมัครที่บริษัทแอนดี้อ่ะดิ...กูรู้ทันหรอก....” อีธีกัด
“...อีดอก...รู้ดีจริง ๆ...เออ...กูจะไปทำงานที่เดียวกับผัวกู...ผิดเหรอ...” อีเบสทำท่าเขิน
“...อย่าเพิ่งออกดิ...รอกูก่อน...”
“...อ้าว...มึงก็จะออกเหมือนกันเหรอ...”
“...อืม...กูจะไปเรียนต่อว่ะ...” อีธีพูดเสียงเบา
“...พวกแกจะออกก็ไม่มีใครห้ามได้หรอกนะ...แต่พี่ขอไว้อย่างนึงว่า...ถ้าจะออก ขอให้ออกเพราะ เราอยากออกจริง ๆ รู้ว่าเราทำไม่ได้ เราไม่ชอบ...ไม่ใช่ว่าแค่โดนดุ โดนด่า หรือโดนกลั่นแกล้งแล้วทนไม่ได้...พี่เคยออกเพราะอารมณ์ชั่ววูบมาแล้ว...ถ้าพี่ยังอยู่ที่เดิม ตอนนี้พี่อาจจะได้เป็น Assistant แล้วก็ได้...คิดให้ดี ๆ นะโว้ย...ว่าแต่ว่า...พี่ก็อยากออกเหมือนกันว่ะ...เบื่อ...อยากทำงานที่เวลาเป็นเหมือนคนปกติกับเขาบ้าง....” ผมถอนใจเฮือกใหญ่
“...อย่าเครียดกันสิ...เราเหลือเวลาทำงานด้วยกันอีกแค่วันเดียวเองนะโว้ย...สนุกกันดีกว่า...” อีเบสเดินบิดตูดออกไปออนฟลอร์ต่อ
“...อีนี่พูดยังกะว่าจะไม่ได้เจอกันอีก...แต่ก็จริงนะ...เราคงจะไม่ได้เจอกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนี่...”
“...ก็เอาไว้วันหยุดสิวะ...”
“...เออ...จริงด้วย...อีเบสมันทำงานรอบเช้ามัน ถ้ามันไปเที่ยวกลางคืนกับเรามันก็หมอง...ไปเมื่อไหร่ดีอ่ะ...” อีธีกระดี้กระด้า
“...อีเวร...ยังไม่ทันได้แยกกันเลย...จะหาเรื่องไปเที่ยวซะแล้ว...”
*
*
.....หลังจากนั้นพวกเราก็ทำงานกันแบบสนุกสนานกว่าทุกวัน เพื่อเป็นการทิ้งทวน แขกหล่อ ๆ มาเราก็แย่งกันจิก...ชะนีตัวไหนแรงก็แรงใส่บ้าง...พวกเราทั้งสามคนคงหมดใจกับการทำงานที่นี่แล้วมากกว่า จึงกล้าทำอะไรที่อยากทำมากขึ้นโดยไม่แคร์ว่าจะโดนคอมแพลน...และถึงพวกมันจะเรียกผมว่าพี่ทุกคำ แต่ด้วยความที่อายุเราห่างกันแค่ปีเดียว ทำให้เข้าขากัน ด่ากันเจ็บ ๆ ได้โดยไม่มีใครถือสา...พวกเบลล์บอย หรือแม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยในตัวอาคารที่ค่อนข้างสนิทสนมกับพวกเรา รู้ว่าจะเราสามคนจะโดนจับแยกก็พากันสงสาร แต่ก็แอบกัดว่าโดนจับแยกกรงแล้วไม่สำนึก....เราก็ยังคงความอลังการไว้เหมือนเดิม.....
.....พี่พีทกลับเข้ามาตอนสามทุ่มเศษ...พวกเรายืนเรียงแถวกันแสร้งยิ้มยังไงก็ดูรู้ว่าเฟค ไหน ๆ ก็โดนคอมเพลนแล้วนี่ ทำดีก็โดน ทำเลวก็โดน.....ผมเตือนน้อง ๆ ว่าสำหรับคนนี้ทำดีไว้ อย่างน้อยก็สบายใจ.....
“...สวัสดีครับคุณพีท...”
“...ถ้ายังไม่ได้ทานอาหารเย็น...เชิญที่ร้าน XXXX นะครับ...คืนนี้ 4 ทุ่มมีโชว์เปียโนด้วยครับ...”
“...แต่ถ้าจะพักผ่อนเลยก็ขอให้นอนหลับฝันดีนะครับ...”
“...Have a good night...” เราสามคนพูดพร้อมกัน เป็นการเตรียมตัวไว้ต้อนรับแขกวีไอพีคนนี้คนเดียว ใครไม่รู้ว่าเราเฟคก็บ้าแล้ว พี่พีททำหน้างงนิด ๆ แล้วเดินเชิดขึ้นลิฟท์ ไม่แม้แต่จะพูดขอบใจ ตอนที่อีธีส่งคีย์การ์ดให้
“...ดูสิว่าชีจะหาเรื่องคอมเพลนอะไรอีก...”
*
*
.....ได้เวลากลับบ้าน ผมแวะกินข้าวกับน้อง ๆ ตามเคย แต่ที่พิเศษกว่าคือวันนี้เรายกโขยงไปกันเกือบสิบคนทั้งแผนกฟร้อนท์ ที่รวมโอเปอเรเตอร์ เบลล์บอยเข้าไปด้วย เหมือนเป็นการเลี้ยงส่งกัน เพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของอีธี ส่วนวันอาทิตย์ก็เป็นวันหยุดอีเบส และหลังจากนั้น เราต่างก็ต้องไปทำงานตามตารางใหม่...เราคงหาโอกาสอยู่ด้วยกันอย่างนี้ยากเต็มที...คิดถึงวุธเหมือนกัน ป่านนี้มันคงคอยเรากลับบ้าน...แต่ก็ช่างเถอะ...ถ้ามันรู้ว่าเพราะพี่พีท ทำให้เราต้องมาดริ้งค์ส่งท้ายกันอย่างนี้ มันคงเข้าใจว่าทำไมผมถึงได้โกรธมันมากที่เข้าข้างพี่พีท...ไม่ใช่แค่เรื่องหึงหวงแน่นอน.....
“...ไม่กลับดึกไปหน่อยเหรอ...” เสียงวุธพูดขึ้นพร้อมไฟที่เปิดพรึบขึ้นมา ทันทีที่ผมเปิดประตูบ้าน ผมมองนาฬิกาบนผนังด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“...แค่นี้ไม่ดึกหรอก...” ผมตอบกวน ๆ
“...ถ้าตีสามครึ่งไม่ดึก แล้วตีอะไรถึงจะดึกของคุณน่ะ...”
“...ไม่มี...ทำงานรอบบ่ายอย่างนี้ไม่มีคำว่ากลับดึกหรอก...มีแค่กลับเช้าเลย...ถ้ามีโอกาสก็ว่าจะลองกลับตอนเช้าอยู่เหมือนกัน...” ผมยังกวนมันไม่เลิก
“...เอ้...เป็นอะไรอ่ะ...ตกลงเรื่องพี่พีทนี่ไม่จบใช่มั้ย...”
“...จบไปตั้งนานแล้ว...ไม่เคยถือสาหาความอะไรด้วย...แต่ที่รับไม่ได้ก็คือ...ทำไมแกต้องเป็นเดือนเป็นร้อนแทนเขา...แกเข้ามาได้ยินคำพูดแค่ไม่กี่ประโยคกลับโกรธที่น้อง ๆ เราพูดแหย่เล่น...มันมีอะไรมาก่อนหน้านี้ใช่มั้ย...อย่าคิดว่าเราไม่รู้นะว่าพี่พีทโทรไปหาแกบ่อยแค่ไหน...คืนนั้นน่ะกี่ครั้ง...แล้วแกก็รับ...และคุยกันครั้งละกี่นาที...พี่พีทเขาอาจจะบริสุทธิ์ใจที่โทรหาแกมั้ง...ก็เลยใช้โทรศัพท์ในห้องโทรทั้ง ๆ ที่มือถือราคาครึ่งแสนอยู่ในมือ...แล้วด้วยความที่เขาเป็นแขกวีไอพีไง...ต่อโทรศัพท์เองไม่ได้ เดี๋ยวไม่คุ้มค่าห้องราคาหลายหมื่น ต้องให้โอเปอเรเตอร์ต่อสายให้...พูดเต็มปากเต็มคำว่าต่อเบอร์แฟนเอ้ให้หน่อย แล้วก็ให้เบอร์แกไป...ทุกนาทีที่คุยกันมันโชว์หราบนหน้าจอคอม...ให้โอเปอเรเตอร์มาถามชั้นว่าผัวมึงกับแขกวีไอพีคนนี้เป็นอะไรกัน...นี่ชั้นควรจะยิ้มระรื่นป่าวประกาศบอกใครต่อใครด้วยความภูมิใจมั้ยว่าแขกวีไอพีกับแฟนชั้นเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันธรรมดาไม่มีอะไรหรอก...เค้าแค่โทรหากันคืนละเจ็ดแปดรอบ...” ผมพูดใส่หน้าไอ้วุธเป็นชุด ระบายความอับอายที่พวกเบลล์บอยมันล้อผม และทุกคนก็รู้ทันทีว่ารอบบ่ายโดนคอมเพลนมากเป็นพิเศษเพราะใคร และเพราะอะไร
“...แล้วจะให้ทำไงอ่ะ...เราทำงานที่เดียวกัน...จะให้ไม่พูดไม่คุยกันเลยเหรอ...”
“...ไม่ได้ห้ามพูดห้ามคุยกัน...แต่มันเยอะไปมั้ย...เอ้า...ดูซะ...” ผมล้วงกระเป๋าหยิบกระดาษรีพอร์ท ที่อุตสาห์กลับเข้าโรงแรมไปปริ้นท์ออกมาเป็นหลักฐาน วุธหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“...อย่างน้อยผมก็ไม่เคยโทรไปหาเค้าละกัน...” วุธพูดยิ้ม ๆ “...หึงอ่ะดิ...”
“...ไม่หึง...แต่โกรธ...รู้มั๊ยว่าพวกเราต้องวุ่นวายกันแค่ไหนกับแขกคนนี้...”
“...เอ้ไม่หึง แต่ผมหึงนะ...พี่พีทเค้าโทรมาหาผมน่ะ...เค้าก็แค่หาเรื่องโทรมาบอกว่าเค้าเห็นเอ้ทำอะไร คุยกับแขกคนไหน รู้สึกว่าแขกฝรั่ง ญี่ปุ่นหล่อ ๆ นี่เทคแคร์กันดีเหลือเกินนะ...”
“...แต่พวกเราก็ไม่เคยไปมีอะไรกับแขกนะเว้ย...”
“...ผมก็ไม่เคยมีอะไรกับพี่พีทเหมือนกัน...” วุธสวน
“...ดี...งั้นพรุ่งนี้ช่วยไปรับกลับบ้านหน่อยดิ...” ผมพูดหน้าตาเฉย
“...หายโกรธแล้วเหรอ...”
“...อืม...” ผมรับคำ แต่ถ้าวุธมันสังเกต จะรู้ว่าผมมีอะไรมากกว่านั้น
*
*
.....ถึงแม้ปากจะบอกว่าหายโกรธ แต่ในใจมันยังไม่เคลียร์ และวันรุ่งขึ้นนี่แหละ ทุกอย่างต้องจบ ผมเลือกที่จะเสี่ยง เพราะไม่อยากให้มันค้างคาอย่างนี้ อายุที่มากขึ้นทุกวัน ประสบการณ์ รวมไปถึงการที่ได้เจอคนมากมาย ทำให้รู้ว่า ความรักไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องเดียวในชีวิต ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีกเยอะแยะ...ผมเริ่มคิดที่จะเปลี่ยนงานใหม่ หางานที่เหมาะกับตัวเอง และถ้าวุธตัดสินใจยังอยากจะอยู่กับผม...ผมก็จะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อตอบแทนความดีของมัน โดยการได้ดูแลมัน ให้เวลากับมัน ทำทุกอย่างที่แฟนดี ๆ เค้าทำกัน.....
.....หลังจากปลงตก ผมนอนหลับสบาย...ตื่นขึ้นมาก็พบว่านอนกอดวุธเต็ม ๆ มันก็ยังหลับอยู่...ยิ่งมองหน้ามันตอนหลับ ผมยิ่งสงสาร...ทุกวันมันต้องตื่นขึ้นมากลางดึก เพื่อทักทายผม เพื่อให้แน่ใจว่าผมถึงบ้านอย่างปลอดภัย และตรงเวลา...วันเสาร์ มันไม่ต้องไปทำงาน จึงได้พักผ่อนอย่างเต็มที่....ผมค่อย ๆ ลุกจากเตียงให้เบาที่สุด...วุธมันยังหลับสนิท......
.....มือถือของวุธถูกวางไว้บนหัวเตียง ผมหยิบมันขึ้นมาเช็ค...เท่าที่ความสามารถในการจับผิดของผมมีอยู่...ถ้าวุธมันมีความลับกับผมก็จะขอบอกว่า มันปิดได้เนียนมาก เพราะไม่มีหลักฐานใด ๆ บ่งบอกว่ามันเข้าไปพัวพันกับพี่พีทก่อนเลย....แต่ข้อความ หรือข้อมูลการโทรต่าง ๆ มีแต่พี่พีททั้งนั้นที่ตามจิกไม่เลิก...ความคิดชั่ว ๆ ก็ก่อตัวขึ้นในหัวของผมเมื่อคืนนี้...สั่งนิ้วมือให้พิมพ์ข้อความลงบนคีย์บอร์ดมือถือเพื่อส่งหาพี่พีท.....
.....I want 2 c u at XXXXX 2nite by 23.00, & today do not call me or even sending SMS coz my phone’s with ae...i’ll wait 4 u till midnite, that means u’r not coming OK?.....
.....ผมกดปุ่มส่งทันทีที่พิมพ์จบ ไม่สนใจว่าจะถูกแกรมม่าหรือเปล่า เอาแค่ว่าสำนวนใกล้เคียงวุธตัวจริงให้มากที่สุดก็พอ...ต้องรีบจิ้มอย่างแรงเพราะกลัวว่าวุธจะตื่นมาเห็นผมยุ่งกับมือถือมัน...ผมว่ายังไงพี่พีทก็ไม่โทรมาหาไอ้วุธให้ความแตกแน่นอน เพราะคนที่ลักกินแอบกินมักจะกลัวเจ้าของจับได้...แต่ก็ไม่แน่ เค้าอาจจะแรงถึงขนาดรู้ว่ามือถืออยู่กับผม แต่ก็โทรมายั่ว...ถ้าความลับแตกก็ดี จะได้เคลียร์กันให้จบซะที...พี่พีทโทรเข้าบ้านได้นี่นา...จ้า...โทรได้ แต่ไม่มีคนรับหรอก เพราะผมรู้ว่าวันนี้วุธมันต้องไปเยี่ยมพ่อ แม่ และหลาน ๆ ตัวน้อยของน้าวุธ...ซึ่งมันก็ต้องออกจากบ้านพร้อมผมเพื่อส่งผมไปทำงานก่อน แล้วเลยไปบ้านมัน...ดึก ๆ มันก็มารับผมที่โรงแรม...ไม่กลัวด้วยว่าพี่พีทจะเจอกับวุธที่ล็อบบี้โรงแรมหรือเปล่า เพราะผมก็ต้องการให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน และมันก็เป็นหนึ่งในหลาย ๆ แผนของผมคืนนี้.....
*
*
“...ถ้าเป็นไปได้...เวลาพีพีทโทรมาก็ไม่ต้องรับนะ...” ผมแกล้งพูดให้มันคิดว่าผมหึง ดักไว้อีกทาง “...แมสเซจก็ไม่ต้องเปิดดูด้วย คืนนี้จะมาเช็ค...ถ้าเป็นเด็กดี เดี๋ยวมีขนมให้...”
“...ครับผม..” วุธตอบรับทันที ผมชะโงกหน้าไปหอมแก้มมันก่อนจะลงจากรถไปรูดบัตรทำงาน แค่นี้วุธมันก็ไม่กล้ารับสายพี่พีทแล้วหล่ะ
.....พี่พีทดูจะอารมณ์ดีกว่าทุกวัน...พอผมรับรอบไม่ทันไรเค้าก็เดินผ่านหน้าเคาท์เตอร์ผมก็หันมายิ้มให้ แต่สายตามันไม่ยิ้มด้วยนี่สิ...เหมือนกำลังยิ้มเยาะมากกว่า...นี่คงออกไปใช้เงินตามประสาคนเงินเหลือกินเหลือใช้...ตอนแรกบอกได้เลยว่าอิจฉา แต่พอย้อนกลับมามองดูตัวเองดี ๆ แล้ว รู้สึกรักและภูมิใจในตัวเองมาก ๆ เลย...บางทีเงินก็ไม่ได้เป็นเครื่องวัดความสุขนะ...ผมว่าเงินซื้อความสบายได้ แต่ซื้อความสุขไม่ได้หรอก.....
*
*
“...อีเอ้...ดูนาฬิกาถี่จังนะมึง...เพิ่งจะสองทุ่มอยากกลับบ้านไปกกไข่แล้วเหรอ....” พี่คนที่มาแทนอีธีแซว
“...ไม่หรอกพี่...วันนี้ท่าทางจะได้ “ฟัก” ไข่นะ...” ผมรับลูก
“...คืนนี้สามีเค้าจะมารับไปดินเนอร์...” อีเบสบอกพี่คนนั้น “...แล้วพี่เอ้ไม่ชวนเพื่อนไปด้วยเหรอ...เดินมานู่นแล้ว...” ผมมองตามสายตาอีเบส
.....พี่พีทเดินถือถุงเสื้อผ้าแบรนด์เนม 4-5 ถุง กับถุงของกินอีกหลายถุง อีพวกเบลออกไปช่วยกันถือ ล้อมหน้าล้อมหลังหวังจะได้ขึ้นไปส่งบนห้อง เพื่อฟันทิปอย่างต่ำก็ห้าร้อย เหมือนพี่พีทแกใช้แบงค์ร้อย แบงค์ยี่สิบไม่เป็น...ทั้งโรงแรมก็มีแค่เบลล์บอยนี่แหละที่เต็มใจบริการพี่พีท...ขนาดแม่บ้านที่ทำความสะอาดห้องพี่พีท ได้ทิปที่วางไว้บนที่นอนทุกวันวันละไม่ต่ำกว่าห้าร้อย ไม่รวมกับเศษเงินที่พี่พีทยกให้ ยังบ่นถึงความจุกจิก เรื่องมากของพี่พีทเลย.....
“...อะ...เอ้เอาไว้กินสิ...เผื่อหิวตอนดึก ๆ...” พี่พีทพูดยิ้ม ๆ ทำท่าเหมือนใจดี ยื่นถุงของกินให้ผม
“...ขอบคุณครับ...เบสรับที...พี่มือไม่ว่าง...” ผมทำเป็นยุ่งกับงานตรงหน้า มองตาก็รู้ว่าเขากำลังมั่นใจว่าจะชนะผมแน่ในคืนนี้
“...ขอบคุณครับ...” อีเบสค้อนผมนิดนึง ก่อนยกมือไหว้ขอบคุณพี่พีทตามมารยาท เพราะกล้องวงจรปิดที่จับภาพพนักงานอยู่ต่างหาก ถ้าไม่รับ หรือรับแต่ไม่ยกมือไหว้ขอบคุณ ต้องเป็นเรื่องแน่
“...พี่พีททานอาหารเย็นหรือยังครับ...” ผมถามเพื่อจะโปรโมตร้านอาหารของโรงแรมตามเคย
“...ยัง...คืนนี้พี่มีเดท...” พี่พีทพูดไปยิ้มไป
“...ถ้าพี่พีทหิวขึ้นมาตอนดึก ๆ โทรสั่งรูมเซอร์วิสได้นะครับ...เราบริการ 24 ชั่วโมง...” ผมพูดหน้าตาย
“...หมายความว่าไง...” พี่พีทพูดห้วน ๆ
“...ก็คนที่ไปเดท ส่วนมากได้ทานอาหารนิดเดียว เพราะเค้าเน้นบรรยากาศระหว่างทานไม่ใช่เหรอครับ...ก็เหมือนเอ้กับวุธอ่ะ...เวลาออกไปทานข้าวนอกบ้านก็กินกันนิด ๆ หน่อย ๆ กลับบ้านไม่ทันไรก็หิวอีกแล้ว...คนไทยเค้าเรียกว่ากินบรรยากาศ...แบบโรแมนติกอะไรอย่างนี้อ่ะครับ...” ผมอธิบายพูดไปยิ้มไป ทำหน้ามีความสุข พี่พีทอึ้งนิดนึง ก่อนยิ้มมุมปาก ไม่พูดอะไร แล้วหันหลังเดินไปขึ้นลิฟท์
“...เฮ้ย...คุณน้อง...ถ้าแขกวีไอพีห้อง XXXX โทรมาให้ต่อเบอร์ XX-XXX-XXXX ช่วยบอกว่าไม่มีสัญญาณหรือว่าติดต่อไม่ได้นะ...บอกโอคนอื่นด้วยนะ...ตลอดไป...ถ้าเขาอยากโทรก็ให้โทรเองจากบนห้อง...ไม่ต้องกลัวโดนคอมแพลนหรอก พี่รับผิดชอบเอง เพราะเบอร์นั่นน่ะมันของผัวพี่...โอเคปะ...” ผมกดโทรศัพท์ไปบอกน้องโอเปอเรเตอร์ด้านหลังฟร้อนท์ ปลายสายรับคำอย่างหนักแน่น เพราะเรื่องของผมเป็นที่คุยกันภายในระหว่างโอเปอเรเตอร์ด้วยกันมาซักพักแล้ว
*
*
.....สี่ทุ่มนิด ๆ พี่พีทเดินออกมาจากลิพท์ด้วยชุดที่เหมือนหลุดออกมาจากแมกกาซีน เต็มยศด้วย Accessory มองผ่าน ๆ นึกว่านายแบบที่ไหนมาเดินแถวนี้...ยิ่งมองก็ยิ่งหล่อ แต่ทำไมไม่หาคนที่ดีกว่าไอ้วุธ...ผมแน่ใจว่าเค้าหาได้ หล่อ รวย การศึกษาดี หน้าที่การงานมั่นคง...ผมมองเงาตัวเองผ่านกระจกหน้าล็อบบี้ ยิ่งเห็นความแตกต่าง เมื่อ 10 นาทีที่แล้วมีกรุ๊ปทัวร์เข้า ยุ่งมาก หน้ามัน ผมยุ่ง เนคไทเบี้ยว มองงานที่ต้องเคลียร์ก่อนกลับบ้านกองโต มองพี่พีทที่กำลังเดินมาทางผมเพื่อฝากคีย์การ์ด กลิ่นน้ำหอมยี่ห้อดังโชยมาก่อนตัว.....
“...คืนนี้พี่อาจจะกลับดึก หรือไม่ก็ค้างที่อื่นนะครับ...” อยู่ดี ๆ พี่พีทก็หันมาพูดกับผม ทั้ง ๆ ที่เดินผ่านไปแล้ว
“...มาบอกกูทำไม...จะไปนอนไหนก็เรื่องของมึงดิ...” อันนี้คิดในใจครับ
“...ขอให้มีความสุขนะครับ...เดทนี้คงเป็นเดทที่พี่พีทจะลืมไม่ลงแน่ ๆ...” ผมพูดยิ้ม ๆ เค้าคงไม่เข้าใจความหมายโดยนัยแน่นอน
“...Thanks...” พี่พีทยักคิ้วให้ผมก่อนเดินออกจากโรงแรม
“...แล้วเจอกันนะจ๊ะ...” ผมพูดเบา ๆ ไล่หลัง

*************************************************************
.....ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายจริง ๆ แล้วนะครับ...จะไม่มีอดีตเด็กพาณิชย์คนนี้มาเล่าเรื่องตลก ๆ เรื่องหวาน ๆ เรื่องเศร้า ๆ อีกต่อไป...แต่ผมก็ยังวนเวียนแถวนี้แหละ...รู้สึกว่าบอร์ดจะเข้าง่ายกว่าเดิมด้วย...เรื่องของเด็กพาณิชย์กำลังจะจบ แต่ชีวิตของอดีตเด็กพาณิชย์ยังต้องดำเนินต่อไป กับการเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ...กับคำที่คอยย้ำตัวเองเสมอยามที่ท้อว่า While I breathe, I hope.
.....ขอบคุณทุกรีพลาย ทุกกำลังใจ ขอบคุณที่ติดตามกันมา ไม่ว่าจะแฟนเก่าตั้งแต่ตอนแรกจนตอนเกือบสุดท้าย และแฟนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกัน...แล้วเจอกันใหม่เร็ว ๆ นี้ หลายคนคงรู้แล้วว่าจะจบยังไง แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้คุยกันในเอ็ม...อ้อ...ผมยังอายุไม่ถึง 30 เลยนะ...แต่ไม่เป็นไร...รู้สึกว่ายิ่งแก่ยิ่งดูดีอ่ะ (ขอปลอบใจตัวเองหน่อย).....
...เอ้...

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: tamkub ที่ 03-11-2007 20:38:07
 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 03-11-2007 21:47:59
 :impress:

ว้าจะจบแร้วหรือเนี่ย

ใจหายจังเลย

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-11-2007 22:06:51
เห้อ....อีกหนึ่งตอนมานก้อจะจบไปแย้วจินะฮะ :m15: :m15:

แต่มานมีตอนพิเศษช่ายมั้ยฮะถ้าจำไม่ผิดนะฮะ

แล้วจะจบยังไงนะฮะ

ขออย่าให้พี่เอ้ต้องเปงคนเจ็บอยุ๋ฝ่ายเดียวเลยนะฮะ :m5: :m5:

ให้คนที่มานก่อความวุ่นวายรับไปให้หมดเลยได้มั้ยฮะ

อย่าต้องให้พี่เอ้ต้องมาแบกรับอารายเลยดีก่านะฮะ

แต่เชื่อนะอะว่าถึงจะมีเรื่องเลวร้ายขนาดไหน

พี่เอ้จะเปงคนที่เข็มแข็งที่สุด และจะไม่ยอมแพ้มาน :m17: :m17:

ยังไงก้อจะรอตอนสุดท้ายนะฮะ

จะรอต่อไปนะฮะ..........ขอบคุณคนที่นำมาโพสแย้วก้อพี่เอ้ด้วยนะฮะที่นำเรื่องราวดีๆมาให้เรียนรู้

เนมว่าเนมได้อารายมาเยอะมากเลยนะฮะจากเรื่องนี้

ยังไงก้อคงจะรอติดตามตอนจบนะฮะ

เปงกำลังใจให้นะฮะพี่เอ้รวมถึงคนโพสด้วยนะฮะ สู้ๆนะฮะ :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 03-11-2007 22:38:43
ตั้งใจอ่านมากเลยอะ อ่านตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันเลยอะวันเดียว
บอกเลยว่าชอบ มันคล้ายๆๆกับผมตอนนี้เลย
ที่มีแต่ปัญหาคล้ายๆกันจนจะแก้ไม่ได้อยู่แล้ว
ยังงัยก้อเป็นกำลังใจให้นะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: VicOSe ที่ 03-11-2007 23:16:26
อ่านแล้วใจหายยย

จะจบแล้วหรอคับเนี่ย  ><"

เฮ้อออ จะเป็นไงต่อไปนะ  อย่าให้พี่เอ้ ต้องเจ็บ น๊าพี่วุธ  -0-

แต่ 2 คนนี้รักกันมาก  ไม่น่าจะมีอะไร ขวางได้น๊า

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 04-11-2007 00:16:39
ขนาดเคยอ่านแล้ว ตอนจบก็รู้แล้ว

แต่พอมาอ่านอีกรอบก็ยังลุ้นอยู่ดี

 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 04-11-2007 01:37:26
นึกถึงตอนที่ไปตามอ่าน ลุ้นสุดๆ

ตามลุ้นจนตัวโก่งเลย

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประทับใจมาก

ขอบคุณพี่เอ้มากๆเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 04-11-2007 02:13:47
พี่เอ้ ถึงเรื่องราวในสตอรี่มันจะจบ

แต่พวกผมก้คงยังที่จะรักพี่

เอ้เหมือนเดิมกะที่รักนิยายพี่

ตอนนี้สะใจ นังดอก พีท

แต่ถ้าตอนหน้า วุธ เปลี่ยนล่ะ - -

เซงเกวล์

ยังไงก้ติดตามเสมอนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 04-11-2007 04:31:06
ไอ้พี่พีทนี้ น่าตบดิ้นให้ตายจิงๆ สสัยจะขาดความรักเลยต้องแย่งของชาวบ้านเอา
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: reu_aha ที่ 04-11-2007 11:35:47
จะจบแล้วหรอ
เร็วจัง



แต่อยากบอกว่า พี่เอ้น่ารักมากๆเลย
ถ้าเป็นหนูอยู่ในสถานการณ์นั้นๆจะทำไงนะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-11-2007 14:40:03
มารอพี่เอ้นะฮะ

อยากอ่านต่อมากมายเลยนะฮะ

รักและเปงห่วงพี่เอ้รวมถึงคนโพสด้วยนะฮะ(ถึงจะเปงคนที่พี่เอ้ก่ะคนโพสไม่รุจัก แหะๆ :m23: :m23:)
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 04-11-2007 17:48:47
ชอบเรื่องนี้จังเลยครับ ไม่น่าจบเลย บางอย่างในเรื่องของคุณเอ้สอนเราได้ดีเลย o13  ถึงแม้ว่าเรายังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอ่ะ :เฮ้อ:  อยากให้คุณเอ้เขียนเรื่องอื่นๆต่อ เราชอบมาก :m23: :m23: :m23:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 04-11-2007 21:25:48
ไม่ได้มาอ่านหลายวันอ่ะครับ

จะจบซะแล้วอะไรนี่


เป้นเรื่องที่ผมชอบมากมายเลยนะครับเรื่องนี้
ขอบคุณทั้งเอ้และคนโพสต์ด้วยครับ



เดี๋ยวจะมารออ่านต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-11-2007 17:19:24
มารอนะฮะ.....แย้วก้อจะรอต่อไปเรื่อยๆเลยนะฮะ

มาต่อด้วยนะฮะ :m13: :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: reu_aha ที่ 05-11-2007 19:50:05
จะจบแล้วจริงหรอ???
เศร้า TT



เรื่องแรกที่เริ่มอ่านก็เรื่องนี้แหละ
ไม่อยากให้จบเลย
ร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก~*

ดูแลตัวเองนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 05-11-2007 20:29:41
พี่พีทนี่ช่างสุดจะทานทนจริงๆเลย พี่เอ้จัดการขั้นเด็ดขาดไปเลยค่ะ เอาให้จบกันไป เลือกครอบครัวดีแล้วค่ะทุกอย่างเริ่มต้นที่ครอบครัวเนอะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 06-11-2007 02:23:42
ใกล้จบแล้วหรือคับ คุณเอ้เข็มแข้งใว้นะคับอย่าให้ใครมาทำลายความรักของคุณกับวุธได้นะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: นู๋บอย ที่ 06-11-2007 13:58:29
เข้มแข็งไว้คับเอ้   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: goro ที่ 06-11-2007 14:19:13
รอตอนจบค่ะ  ขอบคุณน่ะค่ะที่เอามาลงให้อ่าน ติดค้างมานานแล้วว่าจบยังไง ^^

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-11-2007 19:22:07
มารอนะฮะ....จะรอต่อไปนะฮะ

อยาก่อานต่อมากมายนะฮะ :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 07-11-2007 00:07:46
ขอโทษมากมายที่ปล่อยให้คอยกันนาน...ช่วงนี้ไม่ค่อยสบายเอาซะเลยยยยย......
เหลืออีกนิดส์เดียวววว เรื่องราวของเอ้กับวุธที่บอร์ดนี้ก็จะปิดตัวอย่างสมบูรณ์ที่สุด :a2:

=================================================================

The end (Again)


.....คืนนี้เป็นอีกคืนที่ผมเคลียร์งานให้เรียบร้อยก่อนเวลาเลิกงาน และเร่งรอบดึกให้ออกมารับรอบ เพื่อที่จะได้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า...เกรงใจไอ้วุธที่นั่งรอบริเวณล็อบบี้ และอยากสะสางอะไรที่ค้างคาให้จบไปไว ๆ.....
“...พี่เอ้...ทำไมวันนี้พี่วุธแต่งตัวซะหล่อเลยอ่ะ...” อีเบสระริกระรี้ แอบมองวุธลอดผ่านช่องประตู
“...วันนี้เป็นวันสำคัญเฟ้ย...” ผมพูดยิ้ม ๆ รู้สึกภูมิใจเหมือนกันที่มีคนชมแฟนเรา...ก็ผมโทรย้ำวุธให้แต่งตัวดีเป็นพิเศษ เพราะคืนนี้เราจะไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารกึ่งผับชื่อดังร้านหนึ่ง ไม่ไกลจากโรงแรมที่ผมทำงานอยู่
“...วันครบรอบแต่งงานเหรอ...” อีเบสแหย่
“...อีเวร...รุ่นนี้ไม่ต้องแต่งแล้ว...หอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่ด้วยกันเลย...”
*
*
“...นึกยังไงถึงมากินร้านนี้ล่ะ...” วุธถามขึ้นขณะเข้าซองจอดรถหน้าร้านที่ผมพามันมา
“...ก็อยากกินอ่ะ...นาน ๆ ที ไม่เป็นไรหรอก...” ผมตอบเลี่ยง ๆ เพราะวุธมันรู้ว่าผมค่อนข้างงก ร้านอาหารแพง ๆ อย่างนี้ถ้าไม่จำเป็นผมไม่มาหรอก ทำกินเองก็ได้...ที่เลือกร้านนี้น่ะเหรอ...มาบ่อยไง เวลาพาแขกมาเที่ยว ส่วนมากก็พามาร้านนี้เพราะบรรยากาศดี อาหารอร่อย ถึงจะแพงไปนิด แต่ผมก็ได้ค่าพาแขกมาส่งหัวละหลายบาทอยู่...ที่สำคัญผมรู้ทางหนีทีไล่...และร้านไม่มืดจนเกินไป เพราะมันจะทำให้ผมใช้สายตาอำมหิตเมื่อถึงเวลาจำเป็นไม่ได้.....
“...นั่งไหนดีอ่ะเอ้...” วุธหันมาถามผมต่อจากพนักงานต้อนรับที่ถามว่าอยากนั่งบริเวณไหน สูบบุหรี่หรือไม่
“...ขอเข้าไปเองดีกว่าครับ...พอดีมีคนรออยู่อ่ะครับ...” ผมพูดกับพนักงานต้อนรับ เขาพยักหน้าและผายมือให้ผมเข้าร้าน
“...เอ้นัดใครไว้เหรอ...” วุธถามงง ๆ ผมไม่ตอบ กลับพาเดินต่อ...กวาดตามองหาพี่พีท และในที่สุดตาประสานตาในแสงสลัว ๆ ผมคว้ามือของวุธมาจับไว้แน่น แทบลากมันไปที่โต๊ะพี่พีท
“...พี่พีท...เอ้...” วุธเรียกชื่อทั้งสองเบา ๆ
“...สวัสดีครับพี่พีท...” ผมทักทายพี่พีทด้วยน้ำเสียงที่พีพีทไม่มีทางได้ยินโทนนี้ในโรงแรมขณะผมทำงานอยู่แน่นอน
“...พี่พีทนัดกับเอ้ไว้เหรอครับ...” วุธถามพลางมองหน้าผมกับพี่พีทสลับกัน
“...ครับ...” พี่พีทตอบสั้น ๆ หลังจากที่อึ้งไปครู่นึง ตอนนี้พี่เค้าคงเข้าใจอะไรเป็นอะไรแล้วหล่ะ
“...เอ่อ...ดีเหมือนกัน...ไม่ได้ทานข้าวด้วยกันมาตั้งนานแล้ว...” วุธพยายามทำให้บรรยากาศดีขึ้น เพราะตอนนี้ผมกับพี่พีทจ้องหน้ากันไม่วางตา
“...นั่งสิ...” พี่พีทพูดเสียงเข้ม
“...วุธนั่งสิ...นั่งคุยกับพี่พีทเค้า...รู้ใช่มั้ยว่าวันนี้ควรจะพูดเรื่องอะไร...เอาให้จบนะ...แล้วก็ขอโทษด้วยที่เอามือถือวุธส่งแมสเซจนัดพี่พีทให้มาเจอที่นี่...แต่เราไม่อยากให้ค้างคาว่ะ...เรารอตรงโน้นนะ...” ผมชี้ไปที่เคาท์เตอร์บาร์ไม่ไกลจากโต๊ะพี่พีท แล้วผมก็เดินไปนั่งที่นั่น สั่งเบียร์มากินย้อมใจ หักใจไม่มองไปยังโต๊ะที่สองคนนั่นคุยกัน
*
*
.....ไม่คิดว่าสองคนนั้นจะคุยกันได้นานขนาดนั้น ก็รู้อยู่ว่าผมนั่งรอตรงนี้...ไอ้เราก็ใจแข็งไม่หันไปมองแม้แต่หางตา...นานเข้าก็เริ่มเครียด มือกำขวดเบียร์แน่น ในใจคิดไปสารพัด เราจะเป็นฝ่ายถูกเลือก หรือเราจะเป็นฝ่ายโดนเขี่ยทิ้ง...วูบนึงคิดได้ว่าทำไมเราต้องเป็นตัวเลือกของวุธด้วยวะ ในเมื่อเรามาก่อนนี่หว่า...แต่ก็ย้ำกับวุธทุกครั้งที่มีปัญหาว่าผมจะยอมปล่อยมันไป เพื่อเจอคนที่ดีกว่า...และแน่นอน...พี่พีทดีกว่าผมทุกอย่าง...คิดจะยอมแพ้จนลืมไปว่า วุธเคยบอกว่าอยู่กับพี่พีทแล้วไม่มีความสุข.....
“...มาคนเดียวเหรอครับ...” เสียงลึกลับทักผม
“...อืม...” ผมตอบแบบขอไปที
“...ท่าทางกำลังเครียดนะครับ...มีอะไรคุยกับผมได้นะ...” ผมหันไปมองหน้าเขาให้ชัด ๆ ถึงได้เห็นว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาใช้ได้เหมือนกัน แต่ที่สะดุดตาที่สุดคงเป็นเสื้อผ้า และบุคลิกที่ดูออกว่าเป็นเกย์
“...ขอบคุณครับ...แต่ขอผมคิดอะไรเงียบ ๆ คนเดียวดีกว่า...” ผมตอบปฏิเสธ ด้วยความที่ไม่มีอารมณ์ และสำนึกได้ว่าไอ้วุธอยู่ข้างหลังผม ถ้ามากับเพื่อน ๆ คงคุยได้สนิทใจกว่านี้
“...งั้นผมขอเบอร์ไว้ได้มั้ยครับ...เผื่อคุณ....เอ่อ...”
“...เอ้...ครับ...”
“...ผม.........(จำชื่อไม่ได้แล้ว เพราะไม่ได้สนใจ)...ผมขอเบอร์เอ้หน่อยสิครับ เผื่อคุณเอ้อยากมีเพื่อนคุย...” อีตานั่นขยับตัวมาใกล้ เพื่อรอฟังผมบอกเบอร์
“...เอาเบอร์ผมไปก่อนได้มั้ยครับ...” วุธพูดขัดพลางเอามือวางบนไหล่ผมบ่งบอกความเป็นเจ้าของ ผมมองหน้ามันนิดนึง ไอ้วุธตอนมันโกรธนี่น่ากลัวจะตาย
“...ไม่เป็นไรครับ...ผมขอตัวเลยดีกว่านะครับ...”
“...แล้วเจอกันใหม่นะ...” ผมพูดตามมารยาทจริง ๆ นะครับ ไม่ได้ประชดไอ้วุธเลย
“...โอ๊ย...เจ็บนะเว้ย...” ผมร้องเพราะมันบีบไหล่ผมซะกระดูกแทบหัก
“...อ่อยอีกแล้วนะ...” นี่สิ ไอ้วุธคนเดิม กวน ๆ ห้าว ๆ เถื่อน ๆ สายตาที่มันมองมา เป็นสายตาที่ผมคุ้นเคย ไอ้วุธเด็กช่างกลที่รูปร่างไม่ผอมเก้งก้าง ผมเผ้าไม่รุงรัง หนวดเขียว ๆ ไม่ใช่ขนอ่อนเหมือนเมื่อตอนที่รู้จักกับมันใหม่ ๆ
“...อ่อยอะไรล่ะ...เค้าเรียกว่าคุยกันตามมารยาทโว้ย...แล้วนี่เคลียร์กันเสร็จยัง...เปิดดิกคุยกันเหรอ...นานชิบเป๋ง...”
“...เรียบร้อย...พี่พีทกลับไปแล้ว...” ผมหันไปที่โต๊ะทันที
“...เป็นไงมั่ง...”
“...กินข้าวก่อนดีกว่า...” วุธจะพาไปที่โต๊ะตัวใหม่ แต่นี่มันเที่ยงคืนกว่า ผมรู้ว่าครัวปิดแล้ว ตอนนี้มีแต่ของกินเล่น พวกกับแกล้ม ซึ่งผมเสียดายเงินที่จะกินพวกของทอดธรรมดาที่สามารถทำเองได้
“...กลับบ้านกันเถอะ...” ผมชวน
“...ไม่หิวเหรอ...”
“...หิว...แต่เดี๋ยวแวะซื้อก๋วยเตี๋ยวกลับไปกินที่บ้านก็ได้...”
“...อืม...ตามใจ...” วุธเรียกพนักงานมาเก็บเงินค่าเบียร์ที่ผมเพิ่งกินไป ไม่รอเงินทอน มันเดินนำผมไปที่รถ ท่าทางวุธแปลก ๆ แต่ก็คงไม่มีอะไรมั้ง
*
*
.....ทำไมวุธมันไม่พูดซะทีว่าตกลงเรื่องระหว่างมันกับพี่พีทเป็นยังไงกันแน่...จะให้ถามก่อนก็ไม่กล้า กลัวมันจะหาว่าเซ้าซี้...ตลอดทางกลับบ้านมันก็ไม่พูดอะไร แวะซื้อก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำ...จนกินเสร็จ...ผมยืนล้างจานชามคนเดียว คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ส่วนวุธกำลังทำความสะอาดโต๊ะกินข้าว และพอมันทำเสร็จก็คงมาช่วยผมล้างน้ำเปล่าตามปกติ....แต่นี่นานจนผมเอาจานชามขึ้นผึ่งลมแล้ว วุธมันไปไหนวะ ผมชะโงกหน้าไปที่โต๊ะกินข้าวก็ไม่เห็นมันอยู่ที่นั่น.....
“...เอ้...” ผมเดินไปตามเสียงเรียก วุธนั่งอยู่ที่โซฟา ในมือมีรีโมทที่ผมเห็นมันเปลี่ยนช่องไปมา เหมือนไม่ได้ตั้งใจจะดู
“...อะไรจ๊ะ...” ผมรับคำเสียงใส ทั้งที่ในใจร้อนรุ่ม นั่งลงบนโซฟาอีกตัว
“...ผมว่าจะกลับไปอยู่บ้านซักพักอะ...” ตามันจ้องอยู่ที่ทีวี ปากมันก็พูดกับผม แต่ทันทีที่มันพูดจบ หูผมอื้อ ตัวชาไปหมด
“...อืม...จะไปเมื่อไหร่ล่ะ...” ผมกลั้นใจถาม พยายามทำเสียงและสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
“...พรุ่งนี้...” คำตอบสั้น ๆ แต่ทำเอาผมขอบตาร้อนผ่าว ๆ เม้มริมฝีปากไม่ให้สั่น กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“...งั้นเราช่วยเก็บของให้ละกันนะ...” ผมฝืนพูดไปยิ้มไป แต่น้ำตาดันหยดติ๋ง ๆ ต้องรีบลุกเดินกึ่งวิ่งขึ้นไปบนห้อง
*
*
.....นี่คงเป็นคำตอบที่ผมรออยู่...มีเหตุผลอะไรอีกเหรอ...เท่าที่อยู่กันมาเป็นปี...วุธมันไม่เคยมีทีท่าอยากจะกลับไปอยู่บ้านเลยสักครั้ง...มันบอกว่าอึดอัด...ก็แน่ละสิ...มีแต่คนถามว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน...ปกติผมต้องเป็นฝ่ายบอกให้มันไปเยี่ยมพ่อแม่บ้าง มันก็ยอมไป แต่ยังแอบเถียงว่า พ่อแม่มันไม่เหงาหรอก พี่ น้อง มันตั้งหลายคน หลาน ๆ อีกเป็นโขยง.....
.....ผมเข้าไปนั่งร้องไห้ในห้องน้ำ ลงไปนั่งกองอยู่ในอ่าง เปิดฝักบัวให้แรงที่สุด เพื่อให้กลบเสียงสะอื้น ไม่สนว่าเสื้อผ้าชุดเก่งจะเปียก ไม่สนว่าน้ำที่ไหลเป็นสายจากฝักบัวมันเย็นหรือร้อนแค่ไหน...รู้แต่ว่าน้ำตาอุ่น ๆ ของผมไหลไม่ขาดสาย...ความมั่นใจทั้งหมดของผมไม่มีเหลือ...กลายเป็นคนแพ้...เป็นคนที่โดนทิ้ง...ภาพแห่งความทรงจำทั้งหลายตั้งแต่วันแรกที่ผมรู้จักกับวุธที่ไอซ์รามฯ เมื่อสิบปีที่แล้ว....เหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งทุกข์และสุขที่เราสองคนผ่านมา...พยายามทำใจให้สงบ แต่พอหลับตา ภาพที่วนเวียนในหัวก็ยิ่งชัดเจนขึ้น...น้ำตาไหลทั้ง ๆ ที่ยังหลับตา.....
.....ก๊อกแรกผ่านไป...ตาแดงช้ำ...นอนแช่ในอ่างทั้ง ๆ ที่ยังใส่เสื้อผ้าอยู่...พยายามเรียกความเข้มแข็งของตัวเองออกมาเพื่อสู้กับความจริง...ความจริงเหรอ...น้ำตาไหลออกมาอีกแล้ว...แต่ต่างจากเมื่อกี้...น้ำตาที่กำลังไหลผ่านร่องแก้ม เป็นน้ำตาที่เสียให้เพื่อแสดงความยินดีกับคนที่เรารัก...เราเองไม่ใช่เหรอที่พร่ำบอกว่าเราจะปล่อยมันไป...ถ้าคนที่ไปเป็นคนที่ดีกว่า...เราให้มันเลือก...และมันก็เลือกแล้ว...เราต้องเคารพการตัดสินใจของมันสิ...คิดซะว่า เลิกกันคราวนี้ดีกว่าครั้งก่อน ๆ อย่างน้อยเราต่างก็มีเหตุผล...และเราเองก็ทำใจมาตั้งนานแล้วนี่ว่าชีวิตไม่ได้มีแค่เรื่องรักเพียงอย่างเดียว.....
“...นึกว่าเข้าไปหลับในห้องน้ำซะแล้ว...” วุธทักผมทันทีที่เห็นผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ดีนะว่ามีผ้าขนหนูพับอยู่ในนั้น ไม่งั้นผมต้องเดินตัวเปียกในชุดเดิมออกมาประจานความบ้า ความอ่อนแอของตัวเอง แค่ตาช้ำ ๆ ผมก็ยังไม่กล้าให้วุธมันเห็น…ตอนนี้บนพี้นห้องเต็มไปด้วยข้าวของส่วนตัวของวุธมัน ข้าง ๆ เป็นกระเป๋าใบใหญ่อีก 2 – 3 ใบ
“...เดี๋ยวมาช่วย...” ผมพูดลอย ๆ เสียงขึ้นจมูก ก่อนเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งเพื่อใส่เสื้อผ้า น้ำตาเอ่อเบ้าตาอีกรอบเมื่อมองหน้าตัวเองในกระจก แต่ก็ต้องสูดลมหายใจลึก ๆ และบอกกับตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้อีก
*
*
.....สมบัติส่วนตัวของมันทั้งหมดถูกแพ็คใส่กระเป๋าจนเต็ม...มีถุงกระดาษอีกหลายใบ...อุปกรณ์กอล์ฟทั้งหลายถูกยัดเข้าไปในท้ายรถ...สิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ในบ้านผมตอนนี้ก็คือ แปรงสีฟันอันเดียวเท่านั้น เพื่อเอาไว้ใช้ก่อนนอน และเช้าวันพรุ่งนี้...ผมจำได้ทุกอย่างว่าสิ่งของชิ้นไหนของมัน...ชิ้นเล็กชิ้นน้อยแค่ไหนผมก็จำได้...ดังนั้นผมจึงเก็บใส่ถุงใส่กระเป๋าคืนมันไปจนหมด แม้แต่ของขวัญในทุกเทศกาล...รวมทั้งมือถือเครื่องที่ใช้อยู่นี่ด้วย...แต่ของที่ผมให้มัน ผมก็ให้มันไปนะครับ...วุธมัวแต่พะวงเรื่องพับเสื้อผ้าลงกระเป๋าใหญ่จนไม่ได้สังเกตว่าผมก็จัดการกับของเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จนเสร็จก่อนมัน...ยกใส่รถให้ด้วย.....
.....ไหนมันบอกว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านซักพัก แต่ทำไมมันเก็บเสื้อผ้าไปหมดตู้เลยอ่ะ...โอเค...ได้...ตอนนี้ผมก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับมันไว้ดูต่างหน้าเลยเหมือนกัน.....
.....อากาศร้อนอบอ้าวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เป็นสัญญาณว่าฝนกำลังจะตก...ลมเริ่มพัดแรงขึ้น...ได้ยินเสียงฟ้าร้องไกล ๆ ดาวที่ผมชอบออกมานั่งดูถูกปกคลุมด้วยเมฆฝน...ฟ้าแดงก่ำ มีแสงจากฟ้าแลบเป็นระยะ...คนที่ปกติดีอยู่คงไม่มายืนรับลมบนระเบียงตอนตีสามกว่า ๆ อย่างนี้หรอก.....
“...ทำไมยังไม่นอนอ่ะ...” เสียงวุธดังขึ้นด้านหลัง
“...ยังไม่ง่วง...” ผมตอบโดยที่ไม่หันไปมอง
“...โกรธผมเหรอ...” เสียงมันดังใกล้เข้ามา
“...โกรธเรื่องอะไร...”
“...ก็...ก็เรื่องที่ผมจะกลับไปอยู่บ้าน...ซักพัก...” ซักพักเหรอ เก็บของไปหมดตู้บอกว่าซักพัก ผมคิดในใจ
“...ไม่ได้โกรธ...วุธก็อยู่ที่นี่นานแล้ว...กลับไปอยู่บ้านดูแลพ่อแม่ก็ดีเหมือนกัน...ถ้าเราโกรธคงไม่ช่วยเก็บของให้หรอก...”
“...ไม่โกรธแน่นะ...” ผมพยักหน้า แต่ก็ยังหันหลังให้มันอยู่ “...ไม่โกรธผมจะได้ไปอย่างสบายใจ...”
“...ถ้าไปแล้วสบายใจก็ไปเถอะ...” ผมย้อน ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ กลั้นน้ำตาที่มันจะไหลอีกครั้ง
“...ผมรักเอ้นะ...” วุธเดินเข้ามากอดผมไว้จากข้างหลัง เอาคางเกยไหล่ผมไว้ เท่านั้นแหละ น้ำตาผมร่วงทันที...ไอ้เรื่องที่อยากรู้ว่าคุยอะไรกับพี่พีทกลับไม่มีความหมายอะไรในตอนนี้ เพราะยังไงไอ้วุธก็ต้องไป...ขอเก็บความทรงจำดี ๆ ไว้ตลอดไปน่าจะทำให้เรามีความสุขกับการสูญเสียในครั้งนี้
“...เราก็รักวุธ...” เสียงผมทั้งสั่นทั้งเบา วุธมองหน้าผม แล้วค่อย ๆ เอานิ้วเช็ดน้ำตาให้...ส่วนที่ไหลลงมาอาบแก้ม วุธใช้ริมฝีปากจูบเบา ๆ จากที่คิดว่ารักมันอยู่แล้ว กลายเป็นยิ่งรักมันมากขึ้น...แต่จะมีประโยชน์อะไรล่ะ...ในเมื่อวันพรุ่งนี้เราก็ต้องแยกย้ายกันแล้ว
.....คืนนั้น เราฝากความรักให้กันเป็นครั้งสุดท้าย...เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ผมยิ้มให้มันทั้งน้ำตา...บอกกับตัวเองว่าจะไม่เสียใจอีก อย่างน้อยเราก็เคยมีคนที่เรารัก และเขาก็รักเรา...แม้ว่าจะเป็นความสุขในช่วงสั้น ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต...ไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่าจะได้พบกับความรักอย่างนี้อีกหรือไม่......
จับมือฉันไว้ สักหน่อย จับมือฉันไว้ นานนาน
อย่างที่ฉันเคย ได้ไออุ่นนั้น ในวันดีดี ของเรา
กอดฉันไว้ สักหน่อย กอดฉันไว้ นานนาน
อยากจะฝังรอยรัก รอยผูกพัน ในวันเก่าเก่า
อีกสักครั้ง แค่ครั้งเดียว ให้เหมือนการร่ำลา ของเรา
อีกสักครั้ง ทั้งที่ปวดร้าว ทั้งทั้งที่ก็รู้ ต้องปล่อยเธอไป
อยากให้นึกถึงวันวาน กลับไปคืนวันนั้นใหม่
กลับไปทบทวน ถึงความสุขใจ ที่เราเคยมีให้กัน
บอกกันว่ารัก สักหน่อย ปล่อยให้ใจลืม ทุกอย่าง
อยากจะทบทวน ถึงมันอีกครั้ง แล้วเธอค่อยไป
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: boykook ที่ 07-11-2007 05:49:12
ตามอ่านอยู่ 3-4 วัน อย่าบอกว่าจบห้วนๆแบบนี้นาคร้าบ ฮือๆ...

สะเทือนใจอย่างแรง... :m17:

เดี๋ยวจะมาคอมเมนต์อีกทีคับ..ขอไปประมวลเหตุกาณ์ดูก่อน..
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: boykook ที่ 07-11-2007 07:40:00
ก็เพราะมานยังคาใจ..

ผมจึงต้องควานหาตอนจบให้เจอ ไม่งั้นหลับไม่สนิทแน่...

...................................................


ตอนนี้ง่วงมากกกกๆๆ ขอตัวไปนอนก่อนคับ

แล้วจะมาร่วมลุ้นต่อ... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 07-11-2007 08:02:23
ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ละ  อยู่ดีๆ วุธเป็นอะไรขึ้นมาเนี่ย

 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 07-11-2007 08:20:34
 :m15: :m15: :m15: เศร้าแสนเศร้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 07-11-2007 10:56:56
มันเกิดอะไรขึ้น มันเกี่ยวกับที่วุธไปคุยกะพี่พีทหรือเปล่า
น่าคิดนะ
สงสารพี่เอ้จัง
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 07-11-2007 11:48:42
 :impress:

มาต่อด่วนเลย

ค้างคามากมายก่ายกอง

หวังว่าจะจบด้วยความเข้าใจกานนะ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 07-11-2007 17:39:23
ทามมั้ยนะฮะ.....ทามัม้ยพี่เอ้ต้องมาเจ็บอีกแล้วละฮะ :m15: :m15:

ให้ไอคนที่เจ็บมานเปงคนที่เข้ามาวุ่นวายไม่ได้หลอฮะ

เปงแบบนั่นไม่ได้หลอฮะ

ทามมั้ยต้องเปงพี่เอ้ละฮะที่เจ็บ...........แต่เนมเชื่อว่าพี่เอ้เก่งนะฮะ

พี่เอ้อดทนได้อยุ๋แย้วนะฮะ :m17: :m17:

ยังไงคนดีอย่างพี่เอ้ก้อไม่มีใครมาทามอารายได้หรอกนะฮะ

เนมเชื่อนะฮะ.......ยังไงก้อจะรอต่อไปนะฮะ :m17: :m17:

รีบๆมาต่อเลยนะฮะ

อยากอ่านต่อมากมายนะฮะ :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: boykook ที่ 07-11-2007 18:37:58
ผมอ่านจนจบแล้วเมื่อเช้านี้...

ขอเอาเพลงมาประกอบความรู้สึกคุณเอ้และเพื่อนๆที่อ่านเมื่อทราบว่าคุณวุธจะย้ายกลับบ้าน...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เกิดมาแค่รักกัน - โรส ศิรินทิพย์
******************************

และแล้วก็ถึงเวลา และแล้วเธอก็ต้องไป
Finally it's time for you to go.

ฉันก็เข้าใจที่เธอเลือกเดิน
I understand that you had to make a choice.

ฝืนยิ้มด้วยความยินดี ทั้งที่เจ็บปวดเหลือเกิน
I pretend to smile even though it hurts so bad,

ได้แต่ยืนมองเธอเดินไปกับเขา
to see you walk away with him.

รัก แม้รักยังไงก็รัก ได้เพียงหัวใจ
Love, I can only feel it in my heart.

สุดท้ายต้องยอมปล่อยเธอไปกับเขา
Finally, I have to let you go.

จากนี้ เธอคงไปดี ก็ขอให้เธอจงสุขสบาย
From now on, you will probably have a better life and I wish you happy.

เธอจงเดินไปตามความฝันของเธอที่เธอตั้งใจ
You, please, follow your dream as you wish.

แม้ฉันต้องเสียใจ แต่ฉันจะรับไว้เอง
Even though I am sad but I will bear the sorrow.

อย่างน้อย เธอก็ทำให้ฉันรู้ว่าเคยมีความสุขเพียงใด
At least, you've made me know the taste of happiness,

ได้เป็นคนที่เธอเคยรักก็ดีแค่ไหน
and it was good enough for me to be the one you once loved.

ฉันต้องยอมเข้าใจ เกิดมาแค่เพียงได้รักกัน
I have to understand. We were born to once have had loved each other

สุดท้ายไม่เป็นอย่างฝันฉันยอมทำใจ
but at the end, it isn't like what I was dreaming. I have to get over it.

ชีวิตที่เราเคยมี แขวนไว้บนด้ายบางๆ
Lives that we shared were hung on a thin thread,

ไม่รู้ว่ามันจะขาดเมื่อไหร่
in which we didn't know when it would break.

เมื่อเธอเจอทางที่ดี เธออยากมีชีวิตใหม่
Now that you've found a better course and would like to start a new life,

ไม่ผิดอะไรเมื่อเธอต้องเลือกเขา
it's not wrong that you have to choose him.

รัก แม้รักยังไงก็รัก ได้เพียงหัวใจ
Love, I can only feel it in my heart.

สุดท้ายต้องยอมเป็นคนที่ปวดร้าว
Finally, I have to be the one who gets hurt.

จากนี้ เธอคงไปดี ก็ขอให้เธอจงสุขสบาย
From now on, you will probably have a better life and I wish you happy.

เธอจงเดินไปตามความฝันของเธอที่เธอตั้งใจ
You, please, follow your dream as you wish.

แม้ฉันต้องเสียใจ แต่ฉันจะรับไว้เอง
Even though I am sad but I will bear the sorrow.

อย่างน้อย เธอก็ทำให้ฉันรู้ว่าเคยมีความสุขเพียงใด
At least, you've made me know the taste of happiness,

ได้เป็นคนที่เธอเคยรักก็ดีแค่ไหน
and it was good enough for me to be the one you once loved.

ฉันต้องยอมเข้าใจ เกิดมาแค่เพียงได้รักกัน
I have to understand. We were born to once have had loved each other

สุดท้ายไม่เป็นอย่างฝันฉันยอมทำใจ
but at the end, it isn't like what I was dreaming. I have to get over it.

เกิดมาแค่เพียงได้รักกัน สุดท้ายชีวิตของฉันก็ไม่มีใคร
We were born to once have had loved each other. But at the end, I have noone in my life.


http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?songID=V2DEAEP0&Autoplay=1


********************************************************

เพื่อนๆติดตามอ่านตอนจบให้ได้นะคับ...
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: reu_aha ที่ 07-11-2007 19:24:57
คงไม่ใช่พี่เอ้
ใช่มั๊ยที่ต้องเจ็บ TT







หนูทนรอไม่ไหวแล้วอะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: VicOSe ที่ 07-11-2007 20:29:55
อารายกานนี่   ฮืออ เศร้า

มาต่อด่วนเลยค๊าบบบ ไม่ไหวแล้ววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 07-11-2007 23:38:39
The End II
.....เมื่อคืนเราคงฝันไปแน่ ๆ เช้านี้วุธก็ยังนอนอยู่ข้าง ๆ มองหน้ามันตอนหลับ แสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดเข้ามาสามารถทำให้ผมแสบตาได้ เพราะคืนที่ผ่านมาร้องไห้จนปวดกระบอกตาจนต้องหลับตาลงอีกครั้ง.....
.....เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในเวลาปกติที่ผมตื่นไปทำงานในรอบบ่าย...ผมต้องกระพริบตาถี่ ๆ มองที่ข้างตัว...วุธไม่ได้อยู่บนเตียงแล้ว...กระเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว...มองผ่านหน้าต่าง ไม่เห็นรถมันจอดอยู่ในที่เดิม...ผมเดินไปดูตามที่ต่าง ๆ ที่มันชอบเขียนโน้ตแปะไว้...กระจกโต๊ะเครื่องแป้ง...กระจกในห้องน้ำ...หน้าประตู...หน้าทีวี...ประตูตู้เย็น...กระจกรถ...ไม่มีกระดาษซักแผ่น...ไม่มีคำร่ำลาแม้แต่คำเดียว.....
.....ผมทรุดตัวลงบนโซฟา นั่งทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา ยิ้มปลอบใจตัวเอง...ใช้เวลาทำใจนานเกินไปแล้ว...เราต้องทำมาหากินนะ...เราไม่ใช่เด็ก ๆ ที่มัวแต่นั่งฟูมฟายจนลืมหน้าที่...เราต้องอยู่ได้สิ...ไปทำงานเถอะ...คิดซะว่าเริ่มต้นชีวิตใหม่ละกัน...เรื่มต้นชีวิตที่ต้องอยู่คนเดียว.....
.....บรรยากาศของบ่ายวันอาทิตย์...ฝนตกเหมือนฟ้ารั่ว...ไม่อยากไปทำงานเลย...ปวดหัวปวดตา...ต้องฝืนตัวเองขับรถไปทำงาน ไม่งั้นคงเปียกไปทั้งตัวแน่ ๆ...ออกจากบ้านเร็วกว่าปกติ เพราะไม่อยากอยู่บ้านนาน ๆ รายการโทรทัศน์น่าเบื่อยามบ่ายวันอาทิตย์มันหลอกหลอนให้ผมคิดถึงไอ้วุธเพราะมันชอบบ่นว่าไม่มีอะไรดู ไม่เห็นสนุกเลย แต่มันก็นั่งดูฆ่าเวลาเพื่อรอขับรถส่งผมไปทำงานทุกอาทิตย์ที่มันไม่ได้ไปตีกอล์ฟ.....
และแล้วก็ถึงเวลา และแล้วเธอก็ต้องไป
ฉันก็เข้าใจที่เธอเลือกเดิน
ฝืนยิ้มด้วยความยินดี ทั้งที่เจ็บปวดเหลือเกิน
ได้แต่ยืนมองเธอเดินไปกับเขา
รัก แม้รักยังไงก็รัก ได้เพียงหัวใจ
สุดท้ายต้องยอมปล่อยเธอไปกับเขา
จากนี้ เธอคงไปดี ก็ขอให้เธอจงสุขสบาย
เธอจงเดินไปตามความฝันของเธอที่เธอตั้งใจ
แม้จะต้องเสียใจ แต่ฉันจะรับไปไว้เอง
อย่างน้อย เธอก็ทำให้ฉันรู้ว่าเคยมีความสุขเพียงใด
ได้เป็นคนที่เธอเคยรักก็ดีแค่ไหน
ฉันต้องยอมเข้าใจ เกิดมาแค่เพียงได้รักกัน
สุดท้ายไม่เป็นอย่างฝันฉันยอมทำใจ
ชีวิตที่เราเคยมี แขวนไว้บนด้ายบางๆ
ไม่รู้ว่ามันจะขาดเมื่อไหร่
เมื่อเธอเจอทางทีดี เธออยากมีชีวิตใหม่
ไม่ผิดอะไรเมื่อเธอต้องเลือกเขา
รัก แม้รักยังไงก็รัก ได้เพียงหัวใจ
สุดท้ายต้องยอมเป็นคนที่ปวดร้าว
จากนี้ เธอคงไปดี ก็ขอให้เธอจงสุขสบาย
เธอจงเดินไปตามความฝันของเธอที่เธอตั้งใจ
แม้จะต้องเสียใจ แต่ฉันจะรับไปไว้เอง
อย่างน้อย เธอก็ทำให้ฉันรู้ว่าเคยมีความสุขเพียงใด
ได้เป็นคนที่เธอเคยรักก็ดีแค่ไหน
ฉันต้องยอมเข้าใจ เกิดมาแค่เพียงได้รักกัน
สุดท้ายไม่เป็นอย่างฝันฉันยอมทำใจ
เกิดมาแค่เพียงได้รักกัน สุดท้ายชีวิตของฉันก็ไม่มีใคร
.....ฝนตก...รถติด...เหงา...คิดถึงคนรัก...ดีเจก็เปิดเพลงได้โดนใจดีจริง ๆ ตอกย้ำความเจ็บ...มองกระจกหน้าไม่ชัด...ไม่รู้ว่าเพราะสายฝนที่มันเทกระหน่ำลงมาหรือเพราะน้ำตาที่มันเอ่อล้นอยู่กันแน่...ผมเอนตัวพิงเบาะ กระชับเสื้อ กอดตัวเองให้อุ่นขึ้น ทั้ง ๆ ที่หรี่แอร์แล้ว แต่ผมก็ยังหนาวอยู่ดี...เพราะอากาศข้างนอกเย็นด้วยมั้ง...ไม่สิ รถเราไม่เคยมีปัญหาเลยต่างหาก...วุธมันดูแลรถเป็นอย่างดี...ต่างประสาช่างยนต์ อะไรนิดอะไรหน่อยมันก็จัดการซะเรียบร้อย...ไม่ต้องกังวลเรื่องรถเสียกลางทาง ไม่ต้องกังวลว่าแอร์ไม่เย็น ไม่ต้องกังวลว่าแบตจะหมด หม้อน้ำแห้ง ยางแบน...ผมไม่ต้องกังวลอะไรเลยตอนที่มันอยู่...แล้วต่อไปหล่ะ.....
*
*
*
“...Congratulations...” อีธีทักผมทันทีที่เห็นหน้า
“...อะไรของมึง...” ผมถามเสียงเนือย ๆ
“...ก็ซี้พี่เอ้ Check out ไปแล้วอ่ะดิ...” อีธีทำเสียงมีความสุข
“...เหรอ...” ผมรับคำหลังอึ้งไป
“...พี่เอ้ไม่ดีใจเหรอ...” มันคงเห็นสีหน้าผมที่แอบคิดสงสัยอะไรบางอย่าง
“...เสียดายเซอร์วิส ชาร์จ...” ผมพูดปัดไป
“...ไม่รู้ชีรีบไปไหนนะ...เอ้าท์ตั้งแต่เมื่อคืน...อีพวกเบลล์รอบดึกได้ทิปไปคนละหลายเลยแหละ...”
“...รีบไปแต่งงานมั้ง...” ผมพูดจบก็เดินไปรับแขกที่กำลังเดินเข้ามาถามข้อมูล
....เพื่อนร่วมงานหลายคนพยายามถามว่าทำไมวันนี้ผมถึงไม่ร่าเริง...อีธีจับได้ว่าผมตาแดงช้ำ...ผมก็หาทางเลี่ยงได้ตลอด...หาอะไรมาทำให้ยุ่ง ๆ คิดแล้วเหนื่อย...ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมต้องเข้างานรอบดึกอีกนาน...วันนี้ผมโทรไปฝากพี่ข้างบ้านที่ทำความสะอาด ให้ช่วยเข้าไปให้ข้าวให้น้ำน้องหมาผมด้วย.....
“...พี่เอ้...ตอนนี้อีคุณพีทไม่อยู่แล้ว...พวกเราก็ไม่โดนคอมเพลน...งั้นพรุ่งนี้หนูจะพูดกับเอฟโอให้เอาพวกเราไว้รอบเดียวกันเหมือนเดิม ดีปะ...” อีเบสโทรมาตอนหัวค่ำ เพราะรู้ว่าช่วงนี้เราว่าง...เสียงมันกระดี้กระด้าเมื่อรู้ว่าพี่พี่ทไปแล้ว ดังจนผมต้องหรี่เสียงสปีคเกอร์โฟน กลัวว่าจะได้ยินทั้งฟร้อนท์
“...ไม่มีทาง เค้าไม่ยอมหรอก...” ผมพูดปลง ๆ เพราะรู้นิสัยผู้จัดการ
“...ถ้าไม่ได้กูจะลาออก...” อีธีก้มลงไปพูดใกล้ ๆ โทรศัพท์
“...เออ...กูด้วย...พี่เอ้...เราสองคนจะลาออกจริง ๆ นะ...”
“...เฮ้ย...ใจเย็น ๆ ...”
“...เย็นอะไรพี่เอ้...หนูไม่ชอบทำงานรอบเช้าอ่ะ...ให้แหกตาตื่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้า...รถไฟฟ้าคนก็เยอะ...” อีเบสบ่น
“...จริง ๆ แล้วกูก็ชอบทำงานรอบบ่ายนะ...แต่พี่เอ้ก็ไม่อยู่ มึงก็เด้งไปอยู่รอบเช้า...แม่งทำงานไม่หนุกเลย...ไปเรียนต่อดีกว่า...”
“...ที่พี่บอกให้ใจเย็น ๆ นี่รอให้พี่หางานได้ก่อน แล้วค่อยออก...จะได้ออกพร้อมกันเลยไง...” ผมกระซิบ อีธีหน้าเหวอ ส่วนอีเบสกรี๊ดเหมือนโดนน้ำมนต์
“...เริ่ด...แล้วเมื่อไหร่พี่เอ้จะหางานใหม่ได้อ่ะ...หนูไม่รอจนหอยแห้งเหรอ...”
“...อีเวร...หนังหน้าอย่างชั้น ประสบการณ์อลังการ หางานไม่ได้ให้มันรู้ไป...” ผมพูดอย่างมั่นใจ ทั้งที่ยังหวั่น ๆ เพราะไม่ได้ออกไปหางานนานแล้วเหมือนกัน
“...ดี ๆ งั้นทนอีกหน่อยก็ได้...ฝากบอกแอนดี้ด้วยนะพี่เอ้ว่าให้รอเบตตี้อีกนิดนึง...”
“...แหม พูดยังกับว่าเค้าจะรับมึงไปทำงานที่บริษัทเค้า...” อีธีกัด
“...มึงไม่รู้หรอกว่ากูแอบไปสมัคร สัมภาษณ์เรียบร้อยแล้ว...รอวันที่กูลาออกจากที่นี่เท่านั้นแหละ...แอนดี้รีเควสกูทำงานกับเค้าซะขนาดนั้น...ยังไงก็ได้ทำที่นั่นแน่นอนย่ะ...”
“...แล้วหล่อนจะไปเรียนต่อที่ไหนอ่ะ...” ผมหันไปถามอีธี
“...หนูว่าจะขอเงินพ่อโกอินเตอร์อ่ะพี่...อยากไปสวิส...”
“...ดอก...แหกหอยไปซะไกลเชียว...แต่ไม่เป็นไร...อีกหน่อยพอกูได้กับแอนดี้แล้วกูค่อยให้เค้าพาไป...”
“...อีห่า...ระวังแอนดี้เค้าจะเอามึงนะ...”
“...พอ ๆ กรุ๊ปเข้าแล้ว...แค่นี้ก่อนนะ...” ผมทำท่าจะกดวางสาย แต่อีธีขอเม้าธ์กับเพื่อนมันอีกนิด บอกให้ผมไปรับกรุ๊ปก่อนแล้วเดี๋ยวมันจะมาช่วย
*
*
.....ก่อนเลี้ยวรถเข้าบ้าน...ผมแอบภาวนาให้รถวุธจอดที่เดิมในบ้านของผม...หวังว่ามันคงล้อผมเล่น...หวังว่าเข้าไปแล้วจะเจอมันนอนรออยู่บนโซฟา...ผมถอนหายใจยาว ๆ ยิ้มให้กับตัวเองอีกครั้ง...หน้าบ้านผมว่างเปล่า...ในบ้านปิดไฟมืด...ผมลงมาเปิดรั้ว เอารถเข้าจอด ทักทายน้องหมา...ล้างไม้ล้างมือ...กินข้าว...ทำทุกอย่างเหมือนตอนที่วุธอยู่ ต่างกันตรงที่ ทุกวัน วุธมันจะมาป้วนเปี้ยน ชวนคุยทั้ง ๆ ที่ตาจะปิด...บางวันก็มานั่งสะลืมสะลือดูผมกินข้าว...ต้องไล่ให้ไปนอน มันถึงจะไป.....
.....ส่วนวันนี้...ผมต้องนั่งกินข้าวคนเดียวหน้าทีวี...ข้าวแต่ละคำกว่าจะกลืนเข้าไปได้มันช่างยากเย็นเหลือเกิน...รู้สึกว่ามันจุกอยู่ที่คอ...พยายามสนใจกับรายการทีวีตรงหน้าเพื่อไม่ให้คิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ.....น้อยครั้งนักที่ผมกินข้าวไม่หมดจาน...จะว่าอิ่มก็ไม่ใช่ แต่มันตื้อยัดอะไรไม่ลงแล้ว.....
.....ทำไมต้องทรมานสังขารตัวเองขนาดนี้ก็ไม่รู้...วันพรุ่งนี้ผมต้องไปทำงานรอบดึกเป็นวันแรก…ดังนั้น คืนนี้จึงนอนเวลาเดิมไม่ได้ ไม่งั้นจะลำบากในคืนถัดไป เพราะผมก็จะตื่นมาตอนกลางวัน และคงนอนไม่หลับไปตลอด ทีนี้ตอนกลางคืนที่ทำงานอยู่ต้องน็อคแน่ ๆ.....
.....แพลนไว้ว่าจะนอนซัก 7-8 โมงเช้า...ดูหนังให้สว่างคาตา...รอให้ง่วงสุด ๆ กะว่าตื่นอีกทีก็หัวค่ำเลย...เขียนโน้ตบอกพี่ที่ทำความสะอาดไว้แล้วว่าให้ดูน้องหมาของผมด้วย...หนังในเคเบิ้ลทีวีก็ไม่ค่อยน่าสนใจ...เอาหนังแผ่นมานั่งดูดีกว่า...แรก ๆ ก็เทปคอนเสิร์ต ดูแผ่นละเพลงสองเพลง...มาหยุดอีตรงคอนเสิร์ตสีฟ้า 1 ตั้งแต่ซื้อมาได้ดูแค่ครั้งเดียว แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก...ว่าจะไม่ร้องไห้แล้วเชียว แต่กลั้นไม่อยู่จริง ๆ เพลงหลายเพลงที่ไม่คิดจะฟัง ก็โดนไปหมด...เมื่อไหร่จะดีขึ้นซะทีนะเรา...ไม่ได้...เปลี่ยนไปดูหนังดีกว่า...ร้องไห้ไปอีกยกกับ Love Actually ไม่ไหวแล้ว...ผมตัดสินใจกินยาแก้แพ้เพื่อให้หลับง่าย (ที่บ้านไม่อ่ะครับ).....
.....นอนตั้งแต่ 6 โมงกว่า ยาวไปถึง 5 โมงเย็น...พอลืมตาปุ๊บสิ่งแรกที่ผมคิดคือวันนี้วุธมันน่าจะกลับมา...ผมสะบัดหัวไล่ความมึนงง...มองลงไปที่จอดรถ ก็ไม่มี มันยังไม่เลิกงานมั้ง...พักผ่อนเพียงพอทำให้ร่างกายผมดีขึ้น...หาอะไรกินก่อน...หัวค่ำค่อยนอนใหม่ เก็บแรงไว้ทำงานคืนนี้.....
*
*
*
.....ผ่านไป 1 สัปดาห์ที่ผมต้องดำเนินชีวิตคนเดียว...ตอนเช้ากลับจากทำงานเดินเหมือนคนหมดเรี่ยวแรง คนบนรถไฟฟ้าตอนเช้าสวย หล่อ หอมฟุ้ง...ส่วนผมเพิ่งเลิกงาน หน้าหมองคล้ำ ตาโรย ถึงจะอาบน้ำจากที่โรงแรม แต่ก็ไม่ได้ทำให้สดชื่นขึ้นมากนัก.....แวะซื้อของกินที่ตลาดสด ก็ไม่ค่อยมีอารมณ์อยากกินโน่นกินนี่ผิดวิสัย เพราะแสงแดดแยงตา อยากกลับไปนอน แต่ท้องก็หิว.....
.....ถึงบ้าน อาบน้ำอีกที กินข้าว ดูทีวีจนผู้หญิงถึงผู้หญิงจบก็นอน...ตื่นมาอีกทีเย็น ๆ อาบน้ำลวก ๆ ออกไปซื้อกับข้าว...คลุกข้าวให้น้องหมา พามันไปเดินเล่น...กลับเข้ามานอนต่ออีกนิดเพราะต้องเซฟแรงไว้ให้ได้มากที่สุด ทั้ง ๆ ที่งานรอบดึกไม่ได้หนักกว่ารอบอื่น ออกจะสบายกว่าด้วยซ้ำ เพราะแขกไม่เยอะ ผู้ใหญ่ก็ไม่มีมาคอยจับผิด...แต่ปัญหาแต่ละอย่างในรอบดึกมักเป็นปัญหาที่ทำให้ปวดหัวมาก...นี่มั้งคงเป็นเหตุที่ทำให้เพลียกว่ารอบอื่น....
.....ก่อนออกจากบ้านทุกวัน ผมต้องยื่นนิ่ง ๆ หน้าบ้านซักพัก รู้สึกอ้างว้างยังไงไม่รู้...ข้างบ้านเค้าอยู่กันเป็นครอบครัว...คนรักกันกำลังกินข้าวเย็นด้วยกัน...พ่อแม่ลูกนั่งดูทีวี...เด็กวัยรุ่นนั่งจับกลุ่มคุยกันหน้าบ้านหัวโจก...ส่วนผมต้องปิดไฟ ปิดบ้านให้เรียบร้อย เตรียมตัวเดินทางไปทำงาน ในเวลาที่คนอื่นกำลังมีความสุขกัน...บางวันฝนตก ผมต้องกางร่ม ถือของพะรุงพะรังไปหาแท็กซี่ขึ้น...ขับรถไปทำงานก็ไม่ได้ เพราะขากลับในตอนเช้าอาจจะต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงครึ่งเพื่อกลับบ้าน ในขณะที่ใช้เวลาไม่ถึงครี่งขั่วโมงถ้าเดินทางโดยรถไฟฟ้า....
.....ทำเหมือนไม่เคยอยู่รอบดึกมาก่อน...เคยสิ แต่ครั้งนี้มันเหมือนเมื่อก่อนที่ไหน...ขาไปไอ้วุธก็ไปส่ง ถ้าไม่ถึงที่โรงแรม อย่างน้อยก็หน้าบ้าน...เวลาทำงานก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีโจรมายกเค้าหรือเปล่า.....วันเสาร์อาทิตย์วุธก็อุตส่าห์ตื่นเช้ามารับผมที่โรงแรม ไปหาอะไรกินกันก่อนกลับบ้าน...ไปทำบุญให้อาหารปลา ปล่อยนกที่วัด...ไม่เห็นเหนื่อยหรือเพลียอย่างนี้เลย.....
*
*
“...เฮ้ย...วันนี้ชั้นจะไปหางานแล้วนะโว้ย...” ผมพูดกับอีเบส ที่หน้าตาสะลืมสะลือเหมือนยังไม่ตื่นมาทำงานในรอบเช้า
“...หาให้ได้เร็ว ๆ นะพี่...จะได้แท็กทีมออกกัน...หนูไม่ไหวแล้วนะเนี่ย...” อีเบสทำท่าดีใจเหมือนผมหางานได้แล้ว
“...ทน ๆ อีกนิดเหอะ...” ผมยังหวั่นใจว่าจะหางานได้หรือไม่ ตอนนี้กำลังเล็ง ๆ งานไว้หลายที่
“...พี่เอ้จะไปหางานที่ไหนอ่ะ...”
“...ก็กะจะลองหางานออฟฟิศแถวบ้านก่อนแหละ...ถ้าไม่ได้จริง ๆ ค่อยไปทำเซลล์ที่โรงแรม XXX...” ผมบอกชื่อโรงแรมชื่อดังแถวสาทร
“...อลังการนะยะ...ไปเลย...พี่เอ้ได้อยู่แล้ว...” อีเบสให้กำลังใจผม
“...ยังอ่ะ...ขี้เกียจไปทำงานไกล ๆ...”
“...แหม...กะจะขลุกอยู่กับพี่วุธทั้งวันทั้งคืนเลยสิ...” มันยังไม่รู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม
“...ไม่หรอก...พี่กลับก่อนดีกว่า...” ผมหลบตามัน แล้วเดินเข้าหลังฟร้อนท์
.....วันนี้ผมแวะหางานที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเป็นทางผ่านที่จะกลับบ้าน...คำตอบในแง่บวกของผู้บริหารที่ผมโชคดีได้เข้าไปสัมภาษณ์เลยหลังจากเขียนใบสมัคร...แม้สารรูปจะโทรมไปบ้าง แต่สติยังดีอยู่ เพราะเริ่มปรับตัวเข้ากับเวลาทำงานในรอบดึกได้แล้ว ทำให้ทุกอย่างน่าจะไปได้ด้วยดี.....
.....คืนวันศุกร์ ฝนตกพร่ำ ๆ ผมตื่นเร็วกว่าปกติ กะจะออกจากบ้านให้เร็วขึ้นด้วยเพราะวันนี้จะเอารถไปทำงาน พรุ่งนี้เช้าวันเสาร์การจราจรบนถนนสุขุมวิทไม่ติดขัดเท่าวันธรรมดา...ไม่รู้เพราะบรรยากาศพาไป หรือเพราะผมยังทำใจให้ลืมวุธไม่ได้...ที่ผ่านมา...มันไม่โทรหาผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว...ความคิดที่ฟุ้งซ่านของคนเหงา ทำให้ผมเลี้ยวรถไปทางบ้านพีพีทเพียงเพื่อจะได้เห็นกับตาว่าพวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข.....
.....ผมมองผ่านประตูรั้วอัลลอยด์บานใหญ่ ไม่เห็นรถสปอร์ตคันหรูของพี่พีท และไม่เห็นรถของวุธเช่นกัน...ผมขับรถกลับมาทางเดิม...มองเวลาก็ยังมีเหลือเฟือก่อนเข้างาน...ฝนตกในคืนวันศุกร์อย่างนี้แต่รถไม่ติดเท่าไรนัก...แวะบ้านไอ้วุธอีซักที่คงไม่เสียเวลาเท่าไหร่หรอก...ผมบอกตัวเองก่อนเลี้ยวเข้าซอยบ้านมันไป...ใจเต้นตุบ ๆ...ยื่งใกล้บ้านมัน มือผมจับพวงมาลัยแน่น เหงื่อซึม...นั่นไง รถมันจอดอยู่หน้าบ้าน...ผมโล่งใจไปอีกเมื่อไม่เห็นรถพี่พีทบริเวณนั้น...แสดงว่าเขาไม่ได้อยู่ด้วยกัน เอ๊ะ หรือพี่พีทไปรับไปส่งไอ้วุธวะ...ผมยังอดคิดไปเองไม่ได้.....
.....ผมเผลอตัวขับรถช้า ๆ เพื่อจะได้มองเข้าไปในบ้าน เผื่อจะเห็นวุธซักวินาทีเดียวก็ยังดี หรือจะว่าไป แค่เห็นหลังคาบ้านคนที่เรารักก็นอนหลับแล้ว...ที่บ้านวุธดูคนเยอะแยะ...คงเป็นเด็กที่ร้านมั้ง...เค้าอาจจะมีการประชุมเพื่อปรับปรุงร้าน...มองเพลินไปนิดนึง อีรถคันหลังเสือกบีบแตรไล่...คนในบ้านหันมามองรถผมเป็นตาเดียว...แวบเดียวเท่านั้นที่ตาผมประสานกับวุธผ่านกระจกรถสีชา...ผมเหยียบคันเร่งให้พ้นบ้านมันใจเต้นไม่เป็นจังหวะ วุธมันต้องจำรถผมได้แน่นอน...เสียฟอร์มว่ะ.....แต่ทำไมวันนี้ทำงานอย่างมีความสุขจังวะ.....
*
*
*
.....หัวค่ำวันเสาร์...คนอื่นเค้าหยุดอยู่บ้าน หรือไม่ก็ไปเที่ยวกัน แต่ผมต้องไปทำงาน...ไม่อยากไปไหนเลย...ผมมองเพดานบ้านผ่านความมืด...เค้ามีแต่ให้แสงสว่างปลุกคนให้ตื่น...แต่ผมต้องตื่นในตอนมืดสนิท เพราะนั้นคือเวลาที่ผมต้องลุกจากเตียงอีกครั้งเพื่อไปทำงานที่ครั้งนึงผมเคยรัก...รักมากกว่าคนที่ผมคิดถึงมันทุกลมหายใจในขณะนี้...เสียใจที่ไม่ได้ทำดีกับมันเท่าที่ควร...ปล่อยให้มันไปอยู่กับคนที่เขาดีกว่าเราเถอะ...น้ำตาไหลอีกแล้ว...อุตสาห์ไม่ร้องไห้มาตั้งนาน ครั้งที่แล้วน้ำตาเปียกหมอนเป็นดวง ๆ อายพี่ที่ทำความสะอาดจัง...พลิกตัวไปมาบนเตียงจนนาฬิกาปลุกดังขึ้น เป็นเวลาที่ผมต้องลุกไปอาบน้ำแต่งตัว.....
“...ตายห่า...ลืมปิดโทรทัศน์ตั้งแต่เมื่อเย็นเลยเหรอวะ...” ผมบ่นกับตัวเอง ขณะเดินลงบันไดมาชั้นล่าง ได้ยินเสียงทีวีเปิดไว้
“...ลงมาช้าจัง...กินข้าวหรือยังจ๊ะ...” ผมยืนตัวแข็ง ไม่ตอบคำถามของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม
“...มาทำไม...” ผมแทบตบปากตัวเองทันทีที่พูดจบ วุธมันอึ้งนิดนึงก่อนส่งยิ้มที่ทำให้ผมละลายได้ทุกครั้ง
“...มีเรื่องจะมาบอกครับ...”
“...ขอเรื่องมงคลนะ...” ผมพูดเสียงแข็ง เผื่อมันอาจจะทำให้ใจผมแข็งขึ้นตาม
“...ครับผม...” มันตอบรับยิ้ม ๆ
“...มีอะไร...ว่ามา...จะรีบไปทำงาน...” ผมนั่งหลังตรงที่โซฟาอีกตัว พยายามทำให้บรรยากาศดูเป็นทางการ
“...ทำงานรอบดึกนานแล้วเหรอ...”
“...นานแล้ว...” พูดโดยไม่มองหน้ามัน “...ก็ตั้งแต่มึงไปจากกูนั่นแหละ...” ผมตอบในใจ
“...ถามไปงั้นแหละ...แวะมาหาตอนเช้า ๆ ไม่เคยเจอเลย...” มันพูดหน้าตาเฉย ส่วนผมได้แต่อึ้ง
“...ตกลงมีธุระอะไร...”
“...แล้วเมื่อวานไปหาผมทำไมอ่ะ...”
“...แค่ผ่านไปเฉย ๆ...”
“...เหรอ...แล้วนี่พร้อมจะไปทำงานแล้วใข่มั้ย...” ผมมองหน้ามันงง ๆ
“...อืม...ก็รอวุธพูดธุระเสร็จก็ไปแล้ว...”
“...งั้นไปกันเลย...เดี๋ยวผมไปส่ง...”
“...ไม่ต้องอ่ะ..วันนี้จะเอารถไป...มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า...”
“...ก็คุยกันในรถไง...จะได้ไม่เสียเวลา...” ผมนิ่งคิดในใจว่า เราไม่ได้โกรธมันนี่หว่า เราจากกันด้วยดี คิดซะว่ามันก็เป็นเพื่อนคนนึงละกัน
“...รอเดี๋ยวละกัน...ไปดูประตูหน้าต่างก่อน...” ผมลุกไปสำรวจความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน
“...ผมไปรอที่รถนะ...” วุธส่งเสียงบอกผม

============================================================
คราวหน้าจะลงต่อให้จบเลยนะครับบบบบบบบบบ  ดีใจจะหมดหน้าที่โดยสมบูรณ์แบบบบบบบบ :a1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 07-11-2007 23:45:59
อ่านแล้ว ลุ้นสุดๆเลย จะจบแบบไหนล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 08-11-2007 01:42:55
สาธุขอให้จบแบบ คุณเอ้มีความสุขด้วยเถอะ สงสารคุณเอ้มากตอนที่วุธจะกลับไปอยู่บ้าน ถ้าเป็นผมจะถามเหตุผลที่วุธจะกลับไปอยู่บ้านไม่ใจเย็นเหมือนคุณเอ้แน่หรือไม่ก็คงบ้านแตกไปแล้ว ยอมรับว่าคุณเอ้ใจเย็นมากและก็นิ่งจิงๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: boykook ที่ 08-11-2007 03:18:20
เพราะคุณเอ้เป็นแบบนี้งัยคับ ถึงมีเรื่องราวที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้..

อย่างที่บอก เมื่อผมอ่านถึงตอนที่คุณเอ้ช่วยคุณวุธเก็บของ เก็บจนเกลี้ยงจริงๆ

สะเทือนใจมากคับ..

ผมยังนึกว่า ถ้าเป็นผม จะทนที่จะอยู่ได้อย่างไร มันหมดสิ้นทุกอย่างจริงๆสำหรับผม

แต่คุณเอ้ไม่ใช่...

ติดตามต่อไปก็แล้วกันคับ

ขอบคุณคนโพสต์มากคับ

ผมแอบลุ้นตลอดจนถึงตอนจบเรื่อง แอบไปอ่านเพราะทนไม่ไหว..

ปล.เมามาด้วยคืนนี้...ไปดูคาราบาวเล่นคอนเสิร์ตมา

....
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 08-11-2007 07:56:03
เปิดหน้าขึ้นมา  ได้ฟังเพลงก่อนเลย

แค่ฟังทำนองก็รู้แล้วว่ามันคือเพลงอะไร  ความหมายเป็นแบบไหน

รู้สึกไม่อยากอ่านต่อเลย  เพราะรู้ว่ามันต้องเศร้าแน่ๆ  ไม่อยากเสียใจเลย

แต่สุดท้ายก็ยังเปิดอ่านต่ออยู่ดี  แค่คิดว่ามันคงจะไม่เปฯอะไรแบบนั้น

แต่พออ่านกลับเศร้าหนักขึ้นไปอีก 

รอตอนสุดท้ายของเรื่องราวทั้งหมดครับ

หวังว่าความมั่นคงของวุธคงยังไม่หมดไป

 :sad2: :m15: :m15: :m8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 08-11-2007 13:11:28
 :impress:

ภาวนาให้จบแบบ happy ending นะ

รออ่านตอนจบครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 08-11-2007 13:13:42
เศร้างะ ไม่อยากรู้เลยว่าจะจบแบบไหน
คิดแล้วเศร้า สงสารพี่เอ้อะ ชีวิตคนเราทำไมต้องเจออะไรขนาดนี้ด้วย
เป็นกำลังใจให้นะคับ

การที่เราได้รักใครสักคนมันก้อเป็นความสุขอย่างหนึ่งแต่การได้คอยห่วงใยคนรักแบบห่างๆ
โดยมองดูเค้ามีความสุขเราก้อมีความสุขแล้วถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันก้อตาม
อาจจะจะฟังดูแล้วเศร้าๆ แต่มันอยู่ที่คนคิดนะคับถ้าคิดว่าดีก้อดี
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 08-11-2007 13:27:34
 :amen:

โอยเปิดมามีเพลงฟังแสนจะเศร้า คิดว่าตอนจบคงไม่เศร้านะครับ

ขอตอนจบแบบมีความสุขนะไม่งั้นคนอ่านเครียดแน่เลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: นู๋บอย ที่ 08-11-2007 13:51:51
วังเวงจังคับ    :undecided:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: VicOSe ที่ 08-11-2007 14:01:14
จะเป็นไงต่อไปนะ 

อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ

ขอให้จบ happy ๆ ด้วยเถิ๊ดดดด
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 08-11-2007 15:41:56
พี่พีทนี่สุดๆๆจริงๆเลยนะ ไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาบรรยายพี่แกได้ เกินจะรับจริงๆ พี่เอ้ค่ะเข้มแข็งนะค่ะมั่นใจในความรัก เชื่อใจพี่วุธอีกครั้งนะค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: boykook ที่ 08-11-2007 19:00:47
โอ๊ยย...บังเอิญจังเลย ที่ผมเลือกเพลงตรงกับตอนล่าสุดที่คุณ nartch นำมาโพสต์ไว้

บอกก่อนนาคร้าบว่า ผมอ่านเรื่องนี้จบแล้ว

แต่ปกติถ้าอ่านถึงช่วงที่เป็นเนื้อเพลง

ผมก็จะผ่านไปเลยคับไม่ได้อ่านว่าเนื้อหาหรือเพลงอะไร(ประหยัดเวลา เพราะเรื่องยาวมาก)

พอดีว่าเย็นวานนี้ ผมได้ฟังเพลงนี้ทางวิทยุแหละคับ "เกิดมาแค่รักกัน" แต่เป็นเวอร์ชั่นที่วงบิ๊กแอสร้อง

เนื้อหามันเหมือนกับเรื่องราวที่คุณเอ้เล่ามาจนถึงช่วงที่วุธบอกว่าจะย้ายกลับไปอยู่บ้านเลยคับ

คือมานึกถึงตัวเองว่าถ้าผมเป็นเอ้แล้วจะรู้สึกอย่างไร

ทบทวนเนื้อหา และฟังเพลงนี้แล้ว รู้สึกว่ามันช่ายเลย  ก็เลยนำมาลงเอาไว้ที่นี่


พอตะกี้ ไปอ่านที่หน้า 22 อีกครั้ง ถึงพบว่าคุณเอ้รู้สึกเช่นเดียวกับเพลงนี้จริงๆ

เพราะมีการลงเนื้อเพลงนี้ในตอนนั้นด้วย ตอนที่วุธย้ายกลับไปบ้านแล้ว..




เฮ้อ...


ลุ้นกันต่อไปนาคับ...
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-11-2007 19:32:36
เห้อ....ทามมั้ยต้องกลับมาด้วยละฮะ

กลับมาทามให้พี่เอ้ต้องเจ็บทามมั้ยละฮะ

กลับมาทามมั้ย ทามมั้ย

พี่เอ้ต้องเข็มแข็งนะฮะ

ยังไงพี่เอ้ก้อเข็ฒแข็งอยุ๋แย้ว

เนมจะรอตอนจบนะฮะ

ขอตอนจบเร็ซๆนะฮะ เนมไม่อยากให้มานหยุดอยุ๋แค่ตรงนี้เลยนะฮะ

เนมอยากรุ้ต่อนะฮะ ขอร้องเถอะนะฮะ
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: reu_aha ที่ 08-11-2007 20:04:42
อย่าทำแบบนี้เลย TT
 o9ไม่ยอมด้วยอะ






เศร้าขั้นรุนแรง
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 08-11-2007 22:52:05
เซงอ่า เสียใจแทนจิงๆ

ยังไงก้มาต่ออีกนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 09-11-2007 03:51:02
ทำไมมันเศร้า..หดหู่หัวใจจังเลยอ่ะ..
เพลงก็โดนใจเหลือเกิน..แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่..
รอตอนต่อไปด้วยใจระทึก..
ขอให้รักบังเกิดกับคุณเอ้ด้วยครับ.. :m5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 09-11-2007 08:23:21
โอ้ยยยย

เศร้ากันข้ามวันข้ามคืนเลย

เศ้ราๆๆๆ

 :m8: :m8: :m8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 09-11-2007 10:59:16

เข้ามาติดตามความเคลื่อนไหวอย่างกระชั้นชิด   :m24:

แล้วก็   ออกไปแบบนี้ ------> :m8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-11-2007 17:33:19
มารอต่อไปนะฮะ.....ยังไงก้อจะรออยุ๋แบบนี้นะฮะ

เปงกำลังใจให้นะฮะ สู้ๆนะ :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: reu_aha ที่ 09-11-2007 17:47:59
รออยู่นะคะ :m8:
อยากให้มาอัพเร็วๆจัง



เป็นห่วงพี่เอ้มากเลย
คงไม่ร้ายแรงนะ~*
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 10-11-2007 00:21:56
The (real) End

.....ไหนวุธมันบอกว่ามีเรื่องจะพูดไง...เรื่องมงคลซะด้วย...ไม่เห็นมันพูดอะไรเลย...นั่งอมยิ้มขับรถอย่างมีความสุข...ชักเริ่มหมั่นไส้แล้วนะ....
“...ตกลงมีเรื่องอะไร...” ผมเผลอตัวเขย่าต้นขามัน
“...ใจเย็น ๆ เอามือออกก่อน...เดี๋ยวโดนน้องผม...” วุธผมจบก็จับมือผมออกจากต้นขามัน...ผมหน้าชา ร้อนวูบ ๆ
“...ขอโทษ...ไม่ได้ตั้งใจ...” ผมพยายามพูดสื่อให้เห็นว่าผมไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ
“...ไม่ต้องซีเรียสหรอก...แต่เราไม่ควรทำอย่างนี้อีก...” วุธพูดเสียงเรียบ
“...ทำอะไร...ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ...รู้แล้วว่าเราเป็นอะไรกัน...ไม่ต้องตอกย้ำหรอก...ที่ยอมนั่งรถมาด้วยนี่ก็เพราะ....เพราะ...เราก็เป็นคนเคยรู้จักกัน...ก็แค่นั้น...ไอ้นั่นแกน่ะ...เราก็ไม่ได้อยากจะโดนนักหรอก...แขกที่โรงแรมจะเอา Size ไหน Nationality อะไร Around the world เราแค่ยิ้มให้นิดเดียวก็ได้ไปนอนด้วยแล้ว...” ผมพูดเสียงดังด้วยความโมโห
“...จริงเหรอ...” วุธยิ้มมุมปาก หันมามองหน้าผมขณะรถติด
“...จริง...ถ้าเราจะเอาน่ะ...ต้องได้...” ผมพูดเชิด ๆ
“...ไม่ได้หมายถึงแขกที่โรงแรม...อันนั้นผมรู้ว่าเอ้เลือกได้...ก็ดูตาเจ้าชู้ขนาดนี้...แค่มองเฉย ๆ เค้าก็คิดว่าอ่อย...ผมถึงไม่อยากให้เอ้ไปเที่ยวไง...ที่ผมถามว่าจริงเหรอน่ะ...หมายถึง...เอ้คิดว่าเราเป็นแค่คนที่เคยรู้จักกันเท่านั้นเองเหรอ...” วุธพูดยิ้ม ๆ
“...เออ...” ผมกระแทกเสียงตอบกลับโดยไม่เสียเวลาคิด
“...ใจร้ายว่ะ...”
“...ใครใจร้าย...แกเป็นคนเดินออกไปจากบ้านเราเองนะ...”
“...แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าผมไปไหน...”
“...ตอนนั้นน่ะอยากรู้...แต่ตอนนี้ไม่อยากรู้แล้ว...จะไปไหนก็ไปเหอะ...”
“...แล้วตอนที่อยากรู้ทำไมไม่ถามอ่ะครับ...”
“...โอ๊ยลีลาว่ะ...อยากบอกก็บอก...ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก...”
“...อยากบอกตั้งแต่วันนั้นแล้ว...แต่อยากรู้ว่าคนปากแข็งจะเป็นยังไง...แล้วผมจะใจแข็งได้แค่ไหน...แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้อย่างอื่นมันแข็งแล้วอ่ะ...ไม่รู้เป็นอะไรเวลาเห็นเอ้โมโหแล้วอยากกอดแน่น ๆ” วุธมันพูดหื่น ๆ แถมจับมือผมวางลงไปที่น้องชายมันที่กำลังอึดอัดภายใต้กางเกงยีนส์ตัวเก่ง
“...ไอ้โรคจิต...ปล่อย...” ผมสะบัดมือออก ไอ้วุธหัวเราะอารมณ์ดี ผมงง มันจะเอาไงกันแน่ อาการขี้เล่นแบบนี้มักจะเป็นตอนที่มันมีความสุขสุด ๆ จนลืมตัวไปว่ามันไม่ใช่เด็กช่างกลหื่น ๆ อีกแล้ว
“...เดี๋ยวผมไปบอกที่โรงแรมละกัน...ว่าผมหายไปไหนมา...”
“...เออ...” ผมตอบรับ มองนาฬิกา เห็นว่ายังมีเวลาเหลืออีกเกือบชั่วโมงกว่าจะเข้างาน คุยกันคงไม่นานขนาดนั้น
I feel it in my fingers
I feel it in my toes
Love is all around me
And so the feeling grows
It's written on the wind
It's everywhere I go, oh yes it is
So if you really love me
Come on and let it show, oh
You know I love you, I always will
My mind's made up, by the way that I feel
There's no beginning, there'll be no end
'Cause on my love, you can depend
I see your face before me
As I lay on my bed
I kinda got to thinking
Of all the things you said, oh yes I did
You gave your promise to me
And I gave mine to you
I need someone beside me
In everything I do, oh yes I do
.....ท่ามกลางรถติดไฟแดงแยกมหาโหดแยกหนึ่งบนถนนสุขุมวิท ซึ่งแม้แต่หยุดอย่างนี้ก็ไม่เว้น...ผมไม่รู้สึกหงุดหงิดอะไรเลย กลับอยากให้ติดอย่างนี้นาน ๆ ด้วยซ้ำ...อดหันหน้าไปทางกระจกข้างแอบอมยิ้มตอนที่วุธร้องเพลง Love is all around ผิด ๆ ถูก ๆ ทั้ง ๆ ที่มันชอบเพลงนี้มาก อันเนื่องมาจากหนังเรื่อง Love actually ที่เราเคยนอนดูด้วยกันบ่อย ๆ หวังว่ามันคงไม่เห็นกล่องดีวีดีหนังเรื่องนี้ที่ผมดูเมื่อวันก่อนโน้น ซึ่งผมยังไม่ได้เก็บเข้าลิ้นชัก และพี่ที่ทำความสะอาดก็รู้ว่า ถ้าผมวางไว้อย่างนี้หมายความว่าผมต้องดูอีกแน่นอน ซึ่งมันก็จริง ผมดูแล้วดูอีก และก็น้ำตาซึมทุกครั้ง.....
“...เฮ้ย...เลี้ยวเข้ามาทำไม...” ผมโวยวาย
“...ก็ผมว่าจะคุยกับเอ้ที่นี่ไง...”
“...แกบอกว่าจะไปคุยที่โรงแรม...”
“...แล้วนี่ไม่ใช่โรงแรมรึไง...” วุธกวนผมก่อนเลี้ยวเข้าซอง
“...เราหมายถึงโรงแรมที่เราทำงานโว้ย...ไม่ใช่ม่านรูด...ไอ้บ้า...ถอยออกไปเลยนะ...”
“...โห...มันก็เหมือนกันแหละ...ทำเป็นไม่เคยเข้าไปได้...” วุธไม่สนใจ พูดจบมันก็เปิดประตูลง
“...นี่คงพาคนเข้ามาบ่อยอ่ะดิ...” ด้วยความโมโห ผมเดินตามเข้าไปถามมันในห้อง
“...เข้าครั้งแรกกับเอ้เมื่อตอนเรียนมหาลัยนั่นแหละ...แล้วก็ไม่เคยเข้าอีกเลย...” วุธพูดพลางเดินเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าหื่นกาม มันรู้ว่าผมไม่กล้ามองหน้ามันเวลามันทำหน้าตาอย่างนี้...ผมหลบวูบ...ถอยหลังหนี...มันก็เดินไล่ต้อนผมจนผมต้องนั่งลงกับเตียง...โชคดีที่พนักงานเคาะประตูขัดจังหวะซะก่อน
*
*
*
.....ด้วยความรู้สึกหลาย ๆ อย่างทำให้ผมยอมทำตามหัวใจตัวเองอีกครั้ง...ปล่อยอารมณ์ไปตามความต้องการส่วนลึก...เราต่างกำลังจะเป็นของกันและกัน...ท่ามกลางความมืดสลัวผมมองเห็นแค่แววตาของวุธที่แสดงความรู้สึกเดิม ๆ จนผมอดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่ามันยังรักผมอยู่...หน้าเข้มค่อย ๆ เข้าใกล้เข้ามา...ปากอุ่น ๆ ของวุธประกบกับปากชื้น ๆ ด้วยลิปมันกลิ่นสตอเบอร์รี่ของผม...มันชอบพูดบ่อย ๆ ว่ามันชอบกลิ่นนี้มาก เพราะมันไม่ได้หอมอย่างเดียว แต่หวานด้วย...หลายวินาทีกว่ามันจะปล่อยให้ริมฝีปากของผมเป็นอิสระ...ลมหายใจของมันแรงขึ้น...เมื่อผมช่วยมันถอดเสื้อ...กล้ามเนื้อทุกส่วนของมันยังแข็งแน่นเหมือนเดิมถึงแม้แสงไฟจะไม่สว่างพอ แต่ผมก็ใช้มือลูบสำรวจไปทั่ว...หน้าท้องมันยังแบนราบมีกล้ามเล็ก ๆ ...วุธครางเบา ๆ เมื่อผมเลื่อนมือต่ำลงไป.....
*
*
“...ลุกเหอะ...ไปทำงานสายแล้ว...” ผมเอามือวุธออกจากตัวเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น
“...ยังไม่หายคิดถึงเลย...” วุธดึงตัวผมมากอดอีกครั้ง
“...จะบอกได้ยังว่าไปอยู่ที่ไหนมา...” ผมได้โอกาสถาม
“...ถึงโรงแรมเอ้แล้วค่อยบอก...”
“...ถ้าไม่บอกตอนนี้ก็ไม่ต้องบอกเลย...” ผมทำท่าจะลุกขึ้น
“...บอกแล้วครับ...ผมกลับไปอยู่บ้าน...บ้านตัวเองจริง ๆ นะ...ถามพ่อกับแม่ก็ได้...เช้าไปทำงาน เย็นก็กลับบ้านตรงเวลา ไม่เคยออกนอกเส้นทาง...”
“...ที่บ้านเป็นอะไรอ่ะ...เมื่อก่อนไม่เห็นอยากกลับ...”
“...อ๋อ...ที่บ้านกำลังจะมีงาน...” ผมทำหน้าสงสัย “...เรื่องมงคลไม่ควรจะบอกในที่อโคจรอย่างนี้...เดี๋ยวออกไปแล้วผมบอกนะ...” วุธลูบนิ้วผมเบา ๆ
“...แล้ว...แล้ว...เอ่อ...พี่พีทอ่ะ...” ผมกลั้นใจถาม
“...กำลังจะบอกพอดี...สิ้นเดือนนี้พี่พีทก็ออกแล้ว...เค้าบอกว่าจะไปทำงานที่อเมริกา...ที่นั่นเหมาะกับเค้ามากกว่า...”
“...อ้าว...แล้วเค้าจะทิ้งแกง่าย ๆ อย่างนี้เลยเหรอ...”
“...เฮ้ย...ทิ้งอะไร...ผมกับพี่เค้าไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย...วันที่คุยกันที่ร้านวันนั้นเราเคลียร์กันจบแล้ว...”
“...เคลียร์กันยังไงอ่ะ...วันนั้นแกถึงได้รีบจะกลับไปอยู่บ้าน...ลากันซักคำก็ไม่มี...”
“...โห...ขอโทษครับ...ผมผิดไปแล้ว...ตอนนั้นแค่อยากอำเล่นเฉย ๆ แต่เอ้ดันไม่ถามผมซักคำ...แล้วผมอยากทดสอบอะไรกับตัวเองบางอย่างด้วย...ก็เลยปล่อยเลยตามเลย...”
“...แกรู้หรือเปล่าว่าเราเสียใจแค่ไหนอ่ะ...” ผมยันตัวลุกขึ้นจากเตียง
“...รู้สิ...ยิ่งเอ้เสียใจมากแค่ไหน...ผมก็ยิ่งรู้ว่าเอ้รักผมมากแค่ไหนเหมือนกัน...” วุธกอดผมจากด้านหลัง จากที่โกรธเมื่อครู่ก็อ่อนยวบ
“...ปล่อย...จะไปอาบน้ำ...” ผมพูดแก้เขิน
“...อาบพร้อมกันนะ..เดี๋ยวไปทำงานสาย...” วุธอ้อน...ผมมองนาฬิกาอีกที
“...เฮ้ย...เร็ว ๆ เลย...สายแล้ว...” ผมกับวุธเข้าไปอาบน้ำลวก ๆ และแต่งตัวให้เสร็จภายใน 10 นาที
*
*
.....โชคดีที่รถไม่ติดมาก...ผมรูดบัตรสายไป 5 นาที...โทรไปบอกรอบบ่ายให้รอผมแต่งตัวแป๊บนึง...พอถึงล็อคเกอร์ ผมรีบคว้าเอาอุปกรณ์อาบน้ำวิ่งเข้าห้องน้ำทำเวลาสุดฤทธิ์....เดินใส่เครื่องแบบแต่หัวเปียกออกไปรับรอบ...ดีนะว่าตอนนั้นไม่มีแขก...ผมเห็นวุธนั่งยิ้มแป้นมองผมพยักหน้าหงึก ๆ ฟังรอบบ่ายฝากงาน.....
“...กะว่าจะถามซักหน่อยว่าทำไมมาสายจัง...แต่ไม่ต้องแล้ว...” ผมมองตามสายตาอีธี เห็นวุธเดินใกล้เข้ามา เสื้อเชิ้ตที่กระดุมสองเม็ดบนไม่ได้ติด ทำให้เห็นแผงอกล่ำ ๆ กับรอยแดงเป็นจ้ำ ซึ่งเป็นฝีมือใครไม่ได้นอกจากผม ตอนอาบน้ำด้วยกันก็มัวแต่รีบ ไม่ได้สังเกตเลย อีกอย่างเราคงหมั่นเขี้ยวมันมากไปนิดก็เลยฝากรอยไว้เห็นได้ชัดเจน
“...มีอะไร...” ผมถามกลบเกลื่อนความอาย พลางยื่นมือไปติดกระดุมให้มันเม็ดนึงกันอุจาด
“...ผมยังไม่ได้บอกเรื่องมงคลเลย...” วุธพูดยิ้ม ๆ หลังรับไหว้อีธี
“...ทีน่าจ๊ะ...ได้เวลากลับบ้านแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ...” ผมหันไปทางอีธีที่กำลังฟอร์มทำเป็นยุ่ง
“...แหมเจ๊ก้อ...ให้หนูช่วยอีกนิดนะ...ยังไม่รู้เลยว่ามีเรื่องมงคลอะไรกัน...” อีธีพูดขำ ๆ มันไม่ได้เป็นคนอยากรู้อยากเห็นอะไรหรอก ฟอร์มนี้มันจะแกล้งเป็น กขค ผมกับวุธมากกว่า “...สงสัยจะเป็นมงคลสมรส...” ผมกำลังจะอ้าปากด่า อีธีก็วิ่งหนีเข้าหลังฟร้อนท์ไปซะก่อน แต่ยังโผล่หน้ามาบ๊ายบายผมกับวุธ ก่อนยกมือไหว้ลากลับ
*
*
“...วันอาทิตย์หน้า...ผมจะบวช...” วุธพูดด้วยสีหน้ามีความสุข
“...จริงดิ...ที่ไหน...”
“...นครปฐม...วัด..........เอ้ไปนะ...ไปถือหมอนให้ผม...”
“...จะบ้าเหรอ...ถือไม่ได้...พี่น้องแกก็มี...เดี๋ยวไปช่วยถืออย่างอื่น...”
“...แค่เอ้ไปก็ดีใจแล้ว...” วุธพูดยิ้ม ๆ
“...บอกใครแล้วมั่งอ่ะ...” ผมยังอดกังวลไม่ได้ว่าผมจะไปงานบวชวุธในฐานะอะไร แล้วเพื่อนวุธใครจะไปมั่ง ผมจะได้ทำตัวถูก
“...บอกไปหลายคนแล้ว...แต่ยังไม่คอนเฟิร์มว่าใครจะไปบ้าง...วัดนี้ค่อนข้างจะหายากอ่ะ...”
“...แล้ววุธบวชได้เหรอ...” ผมถามเบา ๆ
“...พอแม่พูดเรื่องบวช...วันนั้นผมแวะถามพระหลายวัดแล้วว่าอย่างผมบวชได้มั้ย...ทุกรูปก็บอกว่าบวชได้...ผมก็ตัดสินใจจะบวชเลย...ผมว่าช่วงนี้ผมพร้อมด้วย...งานไม่ค่อยยุ่ง...แล้วผมรู้ว่าเอ้ระแวงผมกับพี่พีท ทีนี้ผมกับเค้าก็ไม่ได้ใกล้กันอีก...อันนี้ผมคิดก่อนที่จะเคลียร์กับเค้าวันนั้นนะ...”
“...ท่องบทสวดมนต์ได้ยัง...” ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะรู้สึกผิดที่ระแวงมัน
“...นี่ไงที่ผมต้องขอกลับไปอยู่บ้าน...ถ้าอยู่กับเอ้คงไม่ได้ท่องแน่ ๆ...อีกอย่างผมจะทดสอบตัวเองว่าผมจะอยู่โดยที่ไม่เจอเอ้ตั้งหลายวันได้มั้ย...” วุธพูดพร้อมทำหน้าหื่นอีกแล้ว
“...เวอร์...” ผมด่ามันแก้เขิน “...ถ้าวุธบวชเป็นพระ...เราก็ต้องตามไปใส่บาตรอยู่ดีแหละ...คราวนี้เล่นอำเราซะจุกเลยนะ...”
“...ก็ใครล่ะที่กวาดของใช้ผมลงถุงหมด...ใจแข็งจริง ๆ เลยเมียใครวะ...”
*
*
*
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 10-11-2007 00:26:36
.....ชีวิตผมกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง...แต่ก็ไม่ได้ปกติซะทีเดียว...วุธไม่ได้อยู่บ้านผมเหมือนเดิม แต่ก็ไป ๆ มา ๆ ในเวลาเราจะได้อยู่ด้วยกัน เนื่องจากเวลาทำงานที่ต่างกันของเราทั้งคู่...ผมตั้งใจหางานใหม่ชนิดที่ว่าเลิกงานตอนเช้า ผมก็ไปหาที่สมัครงานต่อทันที...ถ้าไม่เลือกมากนัก ผมคงได้งานใหม่ไปแล้ว...แต่นี่ตั้งความหวังไว้สูงไปนิดนึง...ต้องทำงานเข้า 8 โมงเช้า เลิก 5 โมงเย็น หยุดเสาร์-อาทิตย์...ที่ทำงานต้องไม่ไกลจากบ้าน...ที่สำคัญคือตำแหน่งไม่ตัน ผมจะได้สามารถเลื่อนขึ้นไปได้เรื่อย ๆ...อ้อ...แล้วรายได้ก็ต้องดีกว่างานโรงแรมด้วย...ซึ่งมันหายากมาก เพราะงานโรงแรม ผมมีรายได้เสริมเยอะ พวกขายตั๋วมวย ขายทัวร์ ขายแพคเกจลงเรือ อัพเซลล์ค่าห้องพัก.....
“...เอ้...ไม่ต้องรีบหางานใหม่ก็ได้...ผมเห็นแล้วเหนื่อยแทน...ทน ๆ ทำงานที่โรงแรมต่อไปเถอะ...เดี๋ยวก็ได้เป็นซุปแล้วนี่...” วุธโทรมาหาผมตอนเกือบเที่ยง ซึ่งผมกำลังนั่งอยู่บนแท็กซี่ เดินทางกลับบ้านเพื่อพักผ่อนหลังจากไปสัมภาษณ์งานที่ใหม่มา
“...ไม่เป็นไรหรอก...ตอนนี้ยังมีแรงอยู่...เพื่ออนาคตไงจ๊ะ...” ผมพูดเสียงสดใส แต่ตาแทบปิด เพราะแดดแรงมาก
“...ดูแลตัวเองด้วยนะ...เดี๋ยวไม่สบายแล้วมะรืนนี้จะไม่ได้ไปงานบวชผม...”
“...จ้าที่รัก...เอ้คนนี้อึดแค่ไหน...จำไม่ได้เหรอ...อีกสองซอยก็ถึงบ้านแล้ว...รับรองสลบตื่นอีกทีคงเกือบสองทุ่ม...”
“...งั้นแค่นี้ก่อนนะ...คืนนี้ผมจะไปรับที่บ้านนะครับ...”
“...จ้า...”
*
*
.....เพิ่งรู้ว่างานบวชเค้าต้องทำยังไงบ้าง...วุธเตรียมตัวเป็นอย่างดี ถึงขนาดอดอาหารเย็น เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพได้...จริงของมัน...ถ้าอยู่กับผมมันคงไม่มีสมาธิ เพราะผมต้องชวนมันทำโน่นทำนี่...ชวนกินสารพัด โดยเฉพาะมื้อเย็น ซึ่งหาของกินอร่อย ๆ ง่ายมาก...ตอนนี้ที่บ้านมันก็กำลังยุ่งเรื่องเตรียมงาน...วันงานผมต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตี 5 เพื่อไปให้ทันเลี้ยงพระเช้าที่วัด.....
.....ผมยืนมองพ่อแม่ของวุธตัดผม...น้ำตาคลอด้วยความรู้สึกหลาย ๆ อย่าง...ผมไม่สามารถบวชได้...ผมมีหลานให้แม่ไม่ได้...แต่สิ่งที่ลูกชายทุกคนควรทำให้พ่อแม่ที่ผมทำไม่ได้เลย เป็นแรงกระตุ้นให้ผมฉุกคิด และคอยต้านทานจิตใจใฝ่ต่ำเวลาจะทำเรื่องไม่ดี หรือเรื่องเสี่ยงต่าง ๆ ...เพราะอย่างน้อยสิ่งที่ผมสามารถตอบแทนพ่อแม่ได้ก็คือ ผมต้องเป็นคนดี ไม่สร้างปัญหา ไม่ปล่อยให้อำนาจความอยากได้ใคร่มีทำให้พ่อแม่เดือดร้อน...ทุกครั้งเวลาที่อ่านข่าวเด็กผู้ชายตีกัน...ติดยา...ขายยา...ข่มขืน...ปล้นจี้...ฉ้อโกง หรือแม้แต่เกย์ กะเทยในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ทำเรื่องให้คนในสังคมวิจารณ์ไปในทางเสียหาย...ผมจะเก็บเอามาคิดว่า และบอกกับตัวเองว่าผมจะไม่ทำเรื่องพวกนี้เด็ดขาด...ไม่ใช่เพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ผมทำเพื่อพ่อแม่ และคนที่รักผมด้วย...นี่คือวิธีตอบแทนบุญคุณของผม.....
“...หิวยัง...” วุธเดินหัวเหม่งมาคุยกับผมตอนสาย ๆ ขณะที่ผมกำลังนั่งล้อมวงปอกหอมกระเทียมกับเพื่อน ๆ ช่วยญาติวุธทำกับข้าวถวายพระเพล
“...ยัง...ไม่ต้องห่วง...อยู่ในครัวไม่อดหรอก...” ผมมองหน้าวุธเต็ม ๆ ตา ขนาดคิ้วกับผมไม่มีมันยังหล่อเลย...หน้ามันอิ่มไปด้วยความสุข
“...เดี๋ยวแห่นาคแล้วไปด้วยกันหมดนี่เลยนะ...กับข้าวคงเสร็จพอดีแหละ...” วุธพูดก่อนหันไปหาคนที่กำลังเรียกไปเปลี่ยนชุดเป็นฃุดขาว
“...จ้า...”
“...นี่กูถามจริง ๆ เหอะ...ตกลงมึงกับวุธเป็นอะไรกันแน่วะ...” อีอ๋ากระซิบถามทันทีที่วุธเดินไป แต่เสียงกระซิบของอีอ๋าไม่ได้เบาเลย ดีนะที่ญาติ ๆ วุธไมได้อยู่แถวนั้น
“...อีนี่...ถามอะไรอย่างนี้ในวัด...”
“...ก็ในวัดมึงจะได้พูดความจริงไง...โกหกไม่ได้นะเพื่อน...”
“...ก็เป็นอย่างที่มึงคิดนั่นแหละ...” ผมตอบเลี่ยง ๆ เสียงเพื่อนผมที่นั่งอยู่ตอนนี้ เป็นเพื่อนสมัยพาณิชย์กับมหาลัยรวมตัวในวงเดียวกันกรี๊ดกร๊าด จนทุกคนหันมามอง
*
*
.....พิธีกรรมในพระอุโบสถทำให้ผมขนลุกได้...นาคกำลังเปลี่ยนไปใส่จีวรเป็นพระ...ตาของเราทั้งคู่ประสานกัน...วุธยิ้มนิด ๆ ดูสำรวมแปลกตาไปเลย...รู้สึกตื้นตันยังไงไม่รู้...เหมือนได้บุญไปด้วย...ผมนั่งมองพระวุธนั่งล้อมวงกับพื้นฉันอาหารเพลกับพระรูปอื่น...มองผู้ชายที่ห่มผ้าเหลืองตรงหน้ารู้สึกว่าคนนี้ไม่ใช่แฟนเรา แต่เป็นผู้ที่กำลังสืบทอดพระพุทธศาสนา แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ผมมั่นใจว่าพระวุธต้องได้อะไรมากกว่าความเชื่อที่ว่าให้พ่อแม่เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์.....
.....ผมกราบลาพระวุธกลับบ้านไปพักผ่อน เพราะต้องทำงานคืนนี้...พระวุธบอกให้ผมเดินทางกลับดี ๆ เนื่องจากว่าผมต้องขับรถเอง...ผมบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพื่อน ๆ ผมนั่งรถไปด้วยหลายคน ผมต้องระวังมากกว่าปกติอยู่แล้ว ถ้าขับไม่ไหวก็ผลัดกันขับกับแม่สจ๊วตสาวกุ้งได้....
*
*
.....ไม่รู้ว่าเพราะผลบุญหรือฟลุ๊ค...เช้าวันรุ่งขึ้น ผมเลิกงานยังไม่ทันกลับถึงบ้าน...โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น...ปลายสายคือหนึ่งในบริษัทที่ผมไปสัมภาษณ์ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการไว้...เงื่อนไขทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมหวัง...สำหรับบริษัทนี้ผมไปแบบรู้ว่าโอกาสได้งานมันยากมาก...แต่ผมรู้ว่ามันตรงตามที่ผมต้องการก็เลยลองไปสมัคร เค้าก็เรียกสัมภาษณ์...ไม่คิดว่าจะได้...เค้าเรียกผมไปเซ็นสัญญาในตอนบ่ายวันพรุ่งนี้...และจะให้ผมเริ่มงานต้นเดือนหน้าเลย หยิบโทรศัพท์นัดแนะกับพวกอีธี อีเบส เรื่องยื่นใบลาออก...อีพวกนั้นดีใจยิ่งกว่าผมอีก...เราตกลงกันว่าพรุ่งนี้เช้าเราจะยื่นใบลาออกพร้อมกันสามคน และจะออกเลยโดยที่ไม่รอเงินประกัน พูดง่าย ๆ คือไม่รอให้ครบ 15 วันตามกฎโรงแรม.....
.....ไม่มีเอมี่ ทีน่า เบตตี้อีกต่อไปแล้วในโรงแรมนี้...ทุกคนตกใจที่เราแท็คทีมลาออกแบบกะทันหัน...ไม่มีใครห้ามได้...เรื่องของเราสามคนไปถึงผู้บริหารทันที และเค้าก็เรียกพวกเราเข้าห้องประชุมในตอนสายวันนั้น...ไม่มีทีท่าหวั่นใจว่าจะโดนด่า หรือกลัวจะโดนถามสาเหตุของการลาออก...ผมพูดกับจีเอ็มต่อหน้าผู้จัดการ และพูดแทนทุกคน.....
“...พวกเราต้องขอโทษที่ออกแบบไม่ได้บอกล่วงหน้าอย่างนี้ เรารู้ว่าผิด แต่เรามีสิทธิที่จะทำตามกฎที่ว่าไม่รับเงินประกันหลักหมื่นคืน...ไม่ใช่ที่นี่ไม่ดี...ไม่ใช่เราไม่ชอบที่นี่...ทุกอย่างที่นี่ดีเหลือเกิน...เพื่อนร่วมงาน...ทุกคนเป็นคนดี...แต่เราต่างก็มีวัตถุประสงค์ในการใช้ชีวิตต่างกัน...พวกเราเคยมีความสุขที่ได้ทำงานด้วยกัน...แขกมากมายเขียนคอมเม้นท์ชื่นชมเรา...แต่เราไม่เคยได้รับความดีความชอบนี้...ในทางกลับกัน...การที่แขกเพียงคนเดียวคอมแพลน ในเรื่องไร้สาระ (ผมใช้คำว่า Non sense เพื่อตอกย้ำ) และทางผู้บริหารไม่ใส่ใจต่อความรู้สึก ไม่สอบถามข้อเท็จจริง สามารถทำให้กำลังใจ และความจงรักภักดีกับองค์กรหมดไป...เราไม่ได้โกรธพวกคุณเลยแม้แต่น้อย ด้วยความที่เราเข้าใจว่าหัวใจของงานบริการ คือลูกค้าเป็นฝ่ายถูกเสมอ...แต่เราขอเป็นตัวแทนที่จะทำให้ผู้บริหารได้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ของพนักงานระดับล่างบ้าง...ซึ่งพนักงานต้องรับส่วนหน้า ถือเป็นพนักงานที่มีความสำคัญอันดับต้น ๆ ของโรงแรม...พวกคุณยังไม่ใส่ใจ...เราก็จะทำให้เห็นว่าเราสามารถไปในที่ที่ดีกว่าได้ และอยากให้คุณเลิกคิดว่า พนักงานทุกคนไม่มีทางไป และให้คุณใส่ใจกับความรู้สึก ให้เกียรติในความเป็นมนุษย์ของคนอื่นบ้าง...พนักงานจะได้ทำงานกันด้วยใจ...และเราเชื่อว่าการบริการที่ดีควรมาจากใจ ดังคำที่พวกเราทุกคนชอบพูดกันว่ามี Service mind…” พี่ผู้จัดการผมนั่งเหวอ ฟังผมด่าผู้บริหารอ้อม ๆ เพราะก่อนหน้านี้พวกเราได้ยินพวกเค้าดูถูกว่าเราจะไปไหนรอด...เรื่องลาออกพร้อมกันนี้พวกเค้ารู้ระแคะระคายมาซักพักแล้ว ก็เวลาเราเม้าธ์กันไม่ได้เสียงเบาซะหน่อย...อีเบสเองก็ยังจำได้ว่าผู้จัดการผมด่ามันว่าอะไร เมื่อวันที่มันขอให้พวกเรากลับมาเข้าบ่ายทำงานด้วยกันเหมือนเดิม...เค้าไม่อนุมัติก็เป็นสิทธิของเค้า แต่ที่มันรับไม่ได้คือการพูดในทางเสีย ๆ หาย ๆ หาว่าจะจับกลุ่มกันจิกแขก ถือว่าเป็นการดูถูกกันอย่างแรง จะบอกว่าพูดเล่นก็ไม่ควร เพราะอารมณ์ของเราขณะนั้นคือตั้งใจทำงานจริง ๆ ซึ่งอีเบสก็ย้ำไปอย่างนั้น....
.....เราใช้เวลาให้ห้องประชุมซักพัก...การลาออกแบบกะทันหันอาจจะทำให้การทำงานสะดุดบ้าง...แต่สำหรับพนักงานระดับเดียวกันทุกคนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร...เราคุยกันคร่าว ๆ ก่อนหน้านี้แล้วว่า ถ้าผมได้งานเมื่อไหร่ พวกเราทั้งสามคนจะลาออกพร้อมกัน.....ซึ่งเราก็ทำตามนั้น แต่เค้าอาจจะไม่คิดว่าผมจะได้งานใหม่เร็วขนาดนี้ เพราะเค้ายังหัวเราะเรื่องสเปกงานอลังการของผมอยู่แหม็บ ๆ.....
.....หลังเซ็นสัญญา ผมก็กลับบ้านไปพักผ่อนด้วยความสบายใจ...จะขอนอนอย่างมีความสุขที่สุด ไม่ต้องคิดอะไร...คิดเพียงว่าตื่นเช้าพรุ่งนี้เราจะไปใส่บาตรพระวุธที่วัด...ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ก็ยอม...พระวุธต้องดีใจกับเราแน่ ๆ อยากเล่าให้ฟัง แต่โทรศัพท์พระก็ไม่มี...เอาน่า พรุ่งนี้ก็ได้เจอกันแล้ว.....
*
*
“...นิมนต์ครับ...” ผมแอบอยู่ข้างวัด รอให้พระวุธเดินกลับจากบิณฑบาต ขอบอกว่ารอนานมาก เพราะผมมาถึงวัดตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง กะว่าทันพระออกจากวัด แต่ที่นี่พระออกกันเร็วมาก
“.....................................” พระวุธสวดให้พร หลังจากที่ผมใส่อาหารของชอบของพระที่ซื้อมาจากแถวบ้าน
“...วันนี้หยุดเหรอ...” พระวุธถามเสียงเรียบ แต่ยิ้มให้ ผมพยักหน้า
“...เดี๋ยวพระวุธฉันเสร็จ ทำกิจอะไรเสร็จแล้ว...เอ้มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง...รออยู่ที่รถนะฮะ...” ถ้าคุยกับพระรูปอื่นผมจะไม่เกร็งขนาดนี้ พระวุธพยักหน้าก่อนเดินเข้าวัดไป
*
*
.....ผมนั่งพับเพียบกับพื้นเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้พระวุธฟัง...ถ้าไม่ได้อยู่ในผ้าเหลือง รับรองว่าพระวุธคงไม่นั่งยิ้มอย่างเดียวแน่...เราคุยกันซักพัก ผมก็ต้องขอตัวกลับไปเตรียมตัว ซื้อของใช้ เสื้อผ้าสำหรับทำงานออฟฟิศ.....และกว่าพระจะสึก ผมก็เทียวไปเทียวมา กรุงเทพฯ นครปฐม ใส่บาตร ถวายสังฆทาน ถวายอาหารเพล ของกินของใช้ที่พระชอบ.....
.....วันที่พระสึก...ผมไม่ได้ไปรับ เพราะจะมีแต่พ่อแม่ ญาติพี่น้องของพระไปกัน...วันแรกวุธก็ยังไม่มาหาผม...ไม่โทรศัพท์มาด้วย ผมก็เข้าใจว่าที่บ้านคงอยากอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน...วันที่สองก็เหมือนเดิม...ผมชักเริ่มหงอยทั้ง ๆ ที่วันมะรืนนี้จะต้องไปเริ่มงานที่ใหม่แล้ว...อยากได้กำลังใจจากวุธ...อยากแต่งตัวออฟฟิศให้วุธเห็น...ผมเผ้าก็อุตสาห์ไปทำมาซะใหม่ เปลี่ยนลุคเพื่อต้อนรับทั้งแฟน และงาน...อยากจะเจอวุธจัง.....
.....ตกบ่ายแก่ ๆ ของวันอาทิตย์...วุธก็ยังไม่มาเป็นวันที่สามแล้ว...ผมนั่งดูทีวีอย่างเหงา ๆ คนเดียวในบ้าน...ซักพักน้องหมาผมก็วิ่งไปเห่าด้วยความดีใจที่หน้าประตู...เสียงรถวุธนี่หว่า...ผมยังเก๊ก ไม่เดินออกไปรับมัน ไม่หันไปมองด้วยซ้ำ.....
“...โห...ถ้าโจรเข้าบ้านจะรู้เรื่องมั้ยเนี่ย...” วุธพูดจากข้างหลัง
“...หมาตัวเบ้อเร่อ...เข้ามาได้ก็เอาสิ...ที่นี่ไม่มีอะไรให้ยกเค้าอยู่แล้ว...”
“...แต่รู้สึกว่าหมาของเอ้จะเป็นหมารับแขกนะ...” ผมต้องหันไปตามเสียง เพราะเป็นเสียงแม่ของวุธ
“...อ้าว...แม่...พ่อ...สวัสดีครับ...” ผมยกมือไหว้พ่อกับแม่มัน และรับไหว้หลาน ๆ ทั้งสามของวุธ
“...ผมเอาหมาไปไว้ในกรงก่อนนะ...เด็ก ๆ กลัว...” วุธพูดพลางลากน้องหมาของผมไปใส่กรงนอกบ้าน
*
*
“...ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จะมา...ไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลยอ่ะครับ...” ผมยกน้ำมาให้ที่ห้องรับแขก
“...ไม่ต้องลำบากหรอกลูก...แม่มารับหนูไปกินข้าวเย็นข้างนอกนี่ไง...” เอ๊ะ สรรพนามเปลี่ยนไป
“...เนื่องในโอกาสอะไรอ่ะ...เอ่อ...เอ้หมายถึงมีงานอะไรหรือว่าวันนี้เป็นวันสำคัญอะไรเหรอครับ...” ผมพูดเอ๋อ ๆ ตอนนั้นงงจริง ๆ นะครับ
“...ไม่มีอะไรหรอกลูก...แม่จะพาไปเลี้ยงตอบแทนที่เอ้คอยดูแลวุธมันแทนแม่...วุธมาอยู่ที่นี่นานแล้ว แม่ก็เกรงใจ...”
“...ไม่เป็นไรครับแม่...เพื่อนกัน...แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอกครับ...”
“...เพื่อนกันอะไรล่ะ...วุธมันบอกพ่อกับแม่แล้วว่าเราสองคนน่ะเป็นอะไรกัน...” พ่อเป็นฝ่ายพูดบ้าง...ผมตกใจ ไม่คิดว่าวุธจะกล้าทำอย่างนี้
“...เอ้...เอ้ขอโทษ...” ผมไม่รู้จะพูดอะไร น้ำตาเริ่มคลอ นี่เค้ารู้แล้วคงจะให้เราเลิกคบกันแน่ ๆ
“...ขอโทษทำไม เอ้ไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย...แม่สิต้องขอบใจเอ้...ถ้ามันไม่ชอบผู้หญิงแล้วดันไปคบกับคนไม่ดี...แม่คงจะอกแตกตาย...แต่นี่อย่างน้อยเราสองคนก็ช่วยกันทำมาหากิน...ไม่ทำเรื่องเดือดร้อน...มันจะเป็นยังไงก็เป็นเถอะ...ยังไงวุธมันก็เป็นลูกแม่...มันรักใครชอบใคร...ถ้าไม่พากันไปทำอะไรเหลวไหล...แม่ก็รับได้ลูก...”
“...แล้วนี่พ่อจะคุยกับแม่เอ้ยังไงเนี่ย...ลูกชายพ่อมาอยู่บ้านเอ้นานขนาดนี้...” พ่อพูดเสียงจริงจัง
“...ไม่ต้องหรอกครับ...แม่เค้าเหมือนจะรู้นานแล้ว...เค้าไม่ว่าอะไร ดีซะอีกที่มีคนมาช่วยดูบ้านให้...” ผมตอบตามความจริง
“...เดี๋ยวถ้าว่างพร้อมกัน...เราค่อยไปหาแม่เอ้ที่รีสอร์ท...ดีมั้ยครับ...” วุธเสนอ
“...ดีเหมือนกัน...จะได้ไปเที่ยวด้วย...” แม่พูดยิ้ม ๆ
“...แต่คงอีกนานนะครับ...เพราะเอ้เพิ่งจะได้งานใหม่...เริ่มงานพรุ่งนี้อ่ะครับ...”
“...อ้าว...ไม่ได้ทำงานโรงแรมแล้วเหรอ...วุธไม่เห็นบอกพ่อเลย...เปลี่ยนไปทำงานอะไรล่ะ...” พ่อถาม ผมก็ตอบชื่อบริษัท ประเภทกิจการ และตำแหน่งที่ทำ พ่อพยักหน้าหงึก ๆ
“...เออดีลูก...ตั้งใจทำงานนะ...เอางี้...วันนี้แม่เลี้ยงฉลองที่เอ้ได้งานใหม่ แล้วก็ฉลองทิดสึกใหม่ด้วยดีมั้ย...”
“...ดีครับ...งั้นไปเลยเหอะ...หิวแล้ว...เฮ้ย...เอ้...เปลี่ยนเสื้อผ้าปะ...” วุธถาม ผมมองชุดอยู่บ้านโทรม ๆ ของตัวเองแล้วพยักหน้า
“...รอแป๊บนึงนะครับ...” ผมวิ่งขึ้นไปอาบน้ำอย่างเร็ว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เข้ากับคนอื่นที่แต่งตัวค่อนข้างดี มื้อนี้คงไปกินกันไกลแน่ ๆ
*
*
“...เสร็จยังจ๊ะที่รัก...” วุธเดินเข้ามาในห้อง ขณะที่ผมกำลังสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย อีตาวุธมันชอบทำเสียงล้อผมเล่นแบบนี้เพราะรู้ว่าผมจะขนลุกเสมอเวลามันเรียกผมว่าที่รัก มันเขิน ๆ ยังไงไม่รู้
“...เสร็จแล้วจ้า...”
“...รู้ปะ...จริง ๆ แล้ววันนี้เค้าเลี้ยงฉลองอะไรกัน...” วุธถาม
“...ก็ฉลองทิดวุธไง...” ผมพูดขำ ๆ เพราะเห็นหัวมันโป๊งเหน่งอย่างนี้
“...เค้าเลี้ยงรับขวัญลูกสะใภ้ครับ...” วุธพูดตาเยิ้ม
“...บ้า...เดี๋ยวตบปากเลย...” ผมเขิน แต่ฟอร์มพูดเสียงแข็ง
“...โหดว่ะ...”
“...ไม่โหดซักหน่อย...เอาปากตบปากอย่างนี้ไง...” ผมจุ๊บปากมันไปหนึ่งที วุธมันอึ้งไป แล้วทำหน้าหื่น เดินเข้ามาหาผม
“...เฮ้ย...อย่านะ...พ่อกับแม่รออยู่...”
“...เออ...เอาไว้คืนนี้ก็ได้...” วุธพูดเหมือนฝากไว้ก่อน
.....วุธฝากตัวและใจไว้กับผม...ตอนนี้เราอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม...ต่างคนต่างทำงาน...เวลางานที่เหมือนกัน ทำให้เราได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น...เราเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว...สร้างครอบครัวด้วยกัน...ไม่ได้เวอร์นะครับ...สำหรับผม...คำว่าสร้างครอบครัวไม่ได้หมายถึงแต่งงานอยู่กิน มีลูกน่ารัก ๆ เหมือนชายจริงหญิงแท้...แต่ผมหมายถึง เราจะร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน...เราจะเริ่มทำกิจการอะไรด้วยกันเพื่อความมั่นคงในชีวิต...กว่าเราจะมาถึงตรงนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ...คู่เราไม่ได้เพอร์เฟค มีทะเลาะกันบ้าง งอนกันบ้าง แต่ซักพักก็ดีกันเหมือนเดิม...เพราะเราเข้าใจ...เชื่อใจ...และมั่นใจในกันและกัน.....

==================================================================

.....จบจริง ๆ ซะทีนะครับ...ปีกว่าแล้วที่เราเจอกัน...หลายช่วงชีวิต...ทั้งทุกข์และสุข...ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด...ขอบคุณที่คิดถึงกันเมื่อครั้งที่ผมหายไปนาน ๆ...ขอบคุณสำหรับเมล์ให้กำลังใจ...ขอบคุณสำหรับรีพลายให้ความคิดเห็น...ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ........ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน...ขอบคุณที่ช่วยกันดัน...พวกคุณเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตรักของผมราบรื่น เพราะผมไม่มีเวลาว่างพอที่จะไปเที่ยวหาเศษหาเลย เพื่อเช็คเรตติ้งว่ายังพอมีคนสนใจผมอยู่ตามเธคตามผับ...เลิกงานผมก็กลับบ้าน กินข้าว คุยเรื่องธุรกิจส่วนตัว กว่าจะได้นอนก็ดึก...พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง...เวลาว่างของเราสองคนคือ...วุธเล่นเกม...ส่วนผมมาเล่าเรื่องเด็กพาณิชย์ให้จบ...อาจจะใช้เวลานานไปหน่อย...แต่ผมพยายามแล้วนะครับ...
.....ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกหรือเปล่า...แต่ขอบอกไว้ที่นี่เลยว่า...ผมคงต้องเหงาแน่ ๆ ถ้าไม่ได้พิมพ์ก๊อก ๆ แก๊ก ๆ วันละห้านาทีสิบนาที...ถ้ามีโอกาสอดีตเด็กพาณิชย์คนนี้คงได้เล่าอะไรต่อบ้าง...(อาจจะเป็นนิยายก็ได้...ตามรอยคุณบอย)...โชคดีนะครับทุกคน.....
...รัก...
...เอ้...อดีตเด็กพาณิชย์...
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: boykook ที่ 10-11-2007 00:35:50
จบอย่างๆที่เพื่อนหวังแล้วนาคร้าบ...

ขอบคุงคุณเอ้ สำหรับเรื่องราวดีๆให้แง่คิดในการใช้ชีวิตคู่ในอีกรูปแบบหนึ่ง

อีกทั้งการดำรงชีวิตอยู่ท่ามกลางสังคมแห่งการช่วงชิงแข่งขันในปัจจุบัน

ช่วยให้หลายๆคนที่ได้อ่านมีกำลังใจขึ้นมากๆ

ซื่อสัตย์ตั้งมั่นในรัก ไม่เสียดายที่ต้องทำสิ่งใดในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว

แม้จะต้องเสียใจแต่ก็เก็บไว้

จะว่าทิฐิก็ใช่ จะบอกว่าจิตใจมั่นคงก็ถูก(ถึงภายในจะหวั่นไหวเหลือเกิน)

ผมหวังว่าคุณเอ้และคุณวุธจะมีโอกาสมาเยี่ยมเยือนเล้าเป็ดแห่งนี้

มาเป็นกำลังใจและให้แง่คิดแก่เพื่อนๆที่อาจกำลังประสบปัญหาคล้ายๆกัน

ทั้งในด้านความรัก การงานและสังคมคนรอบข้าง

จะตั้งตารอนาคร้าบ

และขอขอบคุงคุณlanlan คุณnartch และท่านอื่นๆที่นำเรื่องราวดีๆเช่นนี้มาสู่การรับรู้ของเพื่อนๆที่นี่

ขอเป็นกำลังใจให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวังตั้งใจคับ.. :a2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 10-11-2007 00:40:11
จบแบบซึ้ง ประทับใจ แล้วก็แฮปปี้สุดๆเลย ขอบคุณทั้งคุณเอ้ที่มาแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ

ทั้งคุณ lanlan คุณ nartch ที่มาโพสท์ให้ได้อ่านด้วย

หวังว่าเร็วๆนี้จะได้เห็นคุณเอ้กลับมาเล่าเรื่องราวในชีวิตอีกน่ะคับ

ขอบคุณอีกทีน่ะค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 10-11-2007 01:05:28
 :impress:
ปิดตัวอย่างสมบูรณ์แล้วนะคับ สำหรับเรื่องราวเด็กพาณิชย์ของคุณเอ้กับคุณวุธ....ณ เล้าเป็ด...
ดีใจมากมายที่ได้มีส่วนร่วมในการเผยแพร่เรื่องราวดี ๆ เรื่องนี้.... :give2:
อย่างน้อยที่สุด....แสดงให้เห็นว่าสุดท้ายคู่รักแบบเรา ๆ ไม่จำเป็นต้องจบด้วยน้ำตาและการจากลาเสมอไป...

เอ้กับวุธจึงถือได้ว่าเป็นคู่รักต้นแบบคู่หนึ่งที่ผ่านบทพิสูจน์ " รักแท้ " จากสวรรค์เบื้องบน... :a1:
แต่กว่าจะถึงวันนี้.. เราได้รับรู้ความเป็นไปทั้งสุขและทุกข์ของเอ้กับวุธมาโดยตลอด....ร่วมเรียนรู้และปรับตัว
เติบโตไปพร้อมๆ กันกับเอ้ในแต่ละช่วงเวลา....บางวันยิ้ม บางวันหัวเราะ และบางวันร้องไห้ ซึมเศร้าไปด้วยกัน

สุดท้ายขอบคุณเพื่อนๆ พี่ ๆ และน้อง ๆ ทุกคนแทนเอ้และวุธ ขอบคุณ lanlan เจ้าของกระทู้ตัวจริง... :a2:
ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราได้มาเจอกันที่นี่....ยังคงหวังเช่นเดิม...ขอให้ทุกคนพบกับความรักที่สวยงาม
เมื่อพบคน ๆ นั้นแล้ว...ดูแลกันและกันให้ดี...เอาใจช่วยกับความรักของทุกๆ คน..... NC

 o14 o15

ปล. คุณเอ้ได้มาฝากถามความคิดเห็นไว้ที่บอร์ดหนึ่ง...ขออนุญาติลง Click Here (http://www.palm-plaza.cc/CCforum/DCForumID3/10052.html?r=18) ไว้ให้เพื่อน ๆ ที่นี่นะครับ...

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: VicOSe ที่ 10-11-2007 03:38:48
ประทับใจจริงๆๆ

ขอให้มีความสุขตลอดไปนะครับ

ขอบคุณคุณเอ้ที่นำเรื่องดีๆ มาให้เราได้อ่านกัน

ขอบคุณคนโพส ที่เป็นเหมือนสื่อที่ทำให้เราได้อ่านอีกเช่นกัน

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anston ที่ 10-11-2007 03:50:15
ติดตามเรื่องราวของคุณเอ้กับคุณวุธแล้วรู้สึกว่า..
ความรักของคุณทั้ง2คนกว่าจะมาถึงวันนี้ได้..
ใช้เวลาเพาะปลูกเนิ่นนาน..กว่าจะได้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามอย่างนี้..
ประทับใจกับรักแท้ของทั้งคู่มากมาย..
เหมือนกับทุกคู่ของชาวเราที่หวังไว้ว่าความรักจะสมหวังแบบนี้..
ขอบคุณคนโพสต์ทั้งหลายที่นำเรื่องดีๆมาช่วยหล่อเลี้ยงหัวใจเฉาๆดวงนี้..
ขอบคุณจริงๆ..จากใจ..
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 10-11-2007 04:04:25
อ่านกี่รอบๆ  ก้อซึ้ง   ประทับใจเรื่องนี้มากๆ
มีหลายอารมณ์  ปนๆกันไป
ขอบคุณ คุณ lanlamn   กับพี่นาท ด้วยนะคับ   ที่นำเรื่องดีๆมาให้เราได้อ่านกัน

 :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: kimsumsoon ที่ 10-11-2007 05:12:19
เรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเทพนิยายเลยค่ะ
เทพนิยายภาคเกย์
สุดท้าย....เจ้าชายกับเจ้าหญิงก็ครองรักกันอย่างมีความสุข.......ตลอดกาลลลลลลลลลลลลลลลล
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: reu_aha ที่ 10-11-2007 10:19:35
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงใช่ปะ เห็นพี่ๆโพสไว้ตั้งแต่ตอนแรก
หนูชอบมากเลย
มันทำให้รู้สึกว่า
รักแบบนี้มีอยู่จริง



ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าๆดีนะคะ :m4:
รักพี่ๆค่ะ :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: niph ที่ 10-11-2007 15:49:07
อ่านกี่รอบกี่รอบก็ตื้นตัน

ชอบอ่ะ เหมือนกับว่าคุณสองคนเกิดมาคู่กันจริง ๆ
เวลาที่ผ่านไป ไม่ได้ทำให้ใครเปลี่ยนใจได้เลย
แม้หลาย ๆ เรื่องจะทำให้เขว ๆ ไปบ้าง แต่สุดท้ายก็เข้าใจกันดี

สงสัยเรื่องนึง ทำไมวุธถึงเลือกเอ้ ตอนแรก ๆ ก็เหมือนจะไม่ได้จริงจัง แต่หลัง ๆ มาดูมั่นคงเหลือเกิน

ปล.1 อ่านจบแล้วนึกถึงคำพูดของใครสักคนที่บอกว่า ความสัมพันธ์ของคนสองคนจะแนบแน่นขึ้น หลังจากที่ทะเลาะกันแล้วปรับความเข้าใจกันได้ ... เมื่อก่อนไม่ค่อยเชื่อแต่พอเจอกะตัวเองด้วยก็ชักเริ่มเชื่อแล้ว ... อีกอย่างตัวอย่างของพี่เอ้กะพี่วุธก็ทำให้เห็นชัดขึ้นด้วย
ปล.2 ลืมไปแระ เมื่อกี้นึกออกสองเรื่อง หันไปคุยกะน้องที่ทำงานด้วย หันมาอีกที ลืม  :seng2ped:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 10-11-2007 15:56:19
ยินดีด้วยครับ ดีใจแทนที่คุณเอ้และคุณวุธ มีวันนี้
ขอให้รักจงเจริญ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 10-11-2007 16:22:44
ยินดีด้วยนะคับ จบละแต่ก้ออดเสียดายไม่ได้ที่จะไม่ได้อ่านอีกแล้ว
แต่ก้อไม่เป็นไรจบแบบมีความสุข น้อยคู่จะอยู่ด้วยกันแบบมีความสุข และมีรักแท้ให้กันแบบนี้
ขอให้มีความสุขตลอดไปนะคับ เป็นกำลังใจให้นะคับ
การไว้ใจกันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตคู่นะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-11-2007 19:55:06
และแล้วมานก้อจบจิงๆแล้วสินะฮะ

เนมเพิ่งเคยได้อ่านจบจิงๆก้อครั้งนี่แหละฮะ

เชื่อเลยนะฮะว่าพี่เอ้กับพี่วุธเข็มแข็งกานทั้งคู๋เลยจิงๆนะฮะ

อาบแล้วน้ำตาไหลไปหลายครั้ง แต่อ่านแล้วก้อทามให้เนมคิดอารายได้หลายอย่างนะฮะ

คนเราเกิดมาถ้าเกิดจมอยุ๋กับอดีตมานก้อคงไม่มีอารายดีขึ้นช่ายมั้ยฮะ

ควรที่จะยอมรับในสิ่งที่มานจะเกิดขึ้นช่ายมั้ยฮะ

อย่าคิดถึงอดีตที่ปวดร้าว ไม่คิดถึงอนาคตที่น่ากลัวก่อนที่จะมาถึง

ควรอยุ๋กับสิ่งที่เปงปัจจุบันช่ายมั้ยฮะ

เนมชอบเรื่องนี้มากนะฮะ..........แล้วเนมจะมาอ่านอีกครั้งนะฮะ

ยังไงก้อขอบคุณมากนะฮะที่ทามให้เรื่องนี้จบลงได้นะฮะ

ขอบคุณจิงๆนะฮะ...........เนมได้อารายเยอะมากมายเลยนะฮะ

ปล.........ขอให้ความรัก อยู่คู่กับชาวเราตลอดไปนะฮะ

             สักวันคงจะมีวันนั่นที่เกิดขึ้นกับคนที่รออยุ่นะฮะ

             รวมถึงตัวเนมเองด้วยนะฮะ สักวันถ้ามานมาถึงเนมจะพยายามต้อนรับมานอย่างดีนะฮะ

              ขอให้ทุกคนมีความสุขกับรักของทุกคนที่เกิดขึ้นนะฮะ

              แล้วก้อขอให้โชคดีทุกๆคนนะฮะ      " เจอกานนะฮะ "
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: bigynew ที่ 10-11-2007 21:41:53
 :m3:
ดีใจจังจบแบบแฮปปี้แบบนี้อ่ะ
ขอให้ทั้งคู่มีความสุขมาก ๆ นะครับ รักกันตลอดไปแบบนี้อ่ะ
แล้วก็ขอให้คู่อื่น ๆ เป็นแบบคู่ของพี่เอ้แล้วกันนะครับ อิอิ :m18:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 10-11-2007 22:27:11
พี่วุธกลับมาแนวนี้แสดงว่ามีลุ้น อ่านเรื่องนี้ลุ้นทั้งเรื่องจริงๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 11-11-2007 17:10:13
 :impress:

จบจิง ๆ แล้วเนอะ ใจหายจัง

ขอบคุณทุก ๆ คน ครับ ที่นำเรื่องนี้มาให้ได้อ่านกัน

อ่านเรื่องนี้แล้ว ให้ข้อคิดอะไรหลาย ๆ อย่างคับ

ก็ขอให้ทุก ๆ คนมีความสุขแล้วกันนะครับ

 o15
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 11-11-2007 21:04:26
ขอบคุณค่ะ พี่เอ้ ขอบคุณ คุณที่โพสเรื่องนี้มาให้อ่านด้วยนะค่ะ นู๋อ่านเรื่องนี้น่ะบีบหัวใจสุดๆ แต่ตอนที่พี่เอ้มีความสุข นู๋ก้อสนุกสนานไปด้วย แต่ตอนพี่เอ้เศร้านี่โหยมันเจ็บอยู่ในอกอ่ะยิ่งตอนอ้ายพี่พีทไปส่งพี่วุธที่บ้านนะ นู๋งี้ร้องไม่ออกเลย เศร้าไป2วัน เรื่องนี้ให้ทั้งเรื่องหัวเราะแล้วร้องไห้ สลับกันไปจริงๆ แต่นู๋ก้อได้อะไรจากเรื่องของพี่เอ้นะค่ะ  ขอบคุณค่ะ นู๋ดีใจค่ะที่พี่วุธกับพี่เอ้ รักกันขอให้รักกันแบบนี้แล้วได้อยู่ด้วยกันดูแลกันไปตลอด  อย่าให้มีอะไรเข้ามาก่อกวนอีกเลย  มีอะไรต้องคุยกันนะค่ะอย่าปล่อยเลยไป  คุยกันอย่าคิดเองคนเดียวอีก บทเรียนมีแล้วนำมาใช้นะค่ะ พี่วุธพี่ห้ามทำให้พี่เอ้เสียใจหรือร้องไห้อีกนะ นู๋ไม่ยอมจริงๆด้วย  พี่เอ้อ่ะเสียใจมามากพอแล้ว ขอให้พี่วุธอยู่เคียงข้างพี่เอ้ ดูแลพี่เอ้ รักพี่เอ้ให้มากๆ  ไม่ว่ายังงัยอย่าปล่อยมือจากพี่เอ้นะค่ะ  เรื่องของพี่เอ้จะอยู่ในใจของนู๋ตลอดไปค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: reu_aha ที่ 11-11-2007 21:14:25
ขอเม้นอีกนะคะ
ไม่รู้ทำไม
ชอบพี่เอ้กับพี่วุธจังเลย
เป็นความรัก ที่ก่อตัวขึ้นทีละน้อย  มันเป็นรักที่มีอยู่จริง
หนูอ่านเรื่องนี้แล้วเขิลมากเลย  เวลาเศร้าแล้วอารมณ์เสียมาก
เหมือนพี่ๆเป็นพี่ของหนูเลย

หนูชอบนะคะ  ไม่ว่าจะห่างกันยังไง
พี่ก็รักกันจริง  นี่ใช่ไหมที่เรียกว่ารักแท้?

แล้วความรักของพี่ๆ  ก็ไม่ได้เสียหาย
ที่จะเอะอะ อะไรก็มีแต่เรื่องเซ็กส์(หรือมีแต่ไม่เล่า55+)
หนูชอบตรงนี้แหละค่ะ
ขอยืมไปใช้เลย


พวกพี่ๆมีความอดทนมากมาย
อยากจะบอกหลายอย่าง แต่มันพูดไม่หมด




แล้วก็ต้องขอบคุณ คุณพี่ๆที่มาโพสซ้ำที่ เว็บเป็ดด้วยนะคะ
ดูแลตัวเองนะคะ

รัก :m3: :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 11-11-2007 21:57:04
ผมตกใจหมดเลยที่บอกว่า มีเรื่องมงคลมาบอกคุนเอ้

ผมนนึกว่าวุธจะแต่งงานซะอีก เห้อออใจหายหมดเลย

แล้วพอที่คุนเอ้มาบอกเรื่องเค้าบวชไม่ได้

ทำให้ผมคิดนะ อย่างน้อยผมเปนแบบนี้ ผมก้จะบวชให้ได้

แม้ว่าจะให้แอ๊บยังไงผมก้จะแอ๊บนะ เกิดมาเปนเพศที่บวชได้ก้จะบวช แม้ใจเปนอีกอย่างก้เหอะนะ

-----------
คือผมเหนคำถามแล้วอยากตอบอ่ะคับ

...ทำไมคุณถึงติดตามอ่านเรื่องเด็กพาณิชย์ฯ...
ผมเหนว่าตอนแรกเปนรักในวัยเรียนของ กลุ่มสายอาชีพ น่าสนใจดีอ่ะคับเลยอยากอ่านดู

...ถ้าคุณชอบเนี่ย...ชอบเพราะอะไร...
เพราะตัวเองเปนคนชอบอ่านรักใรวัยเรียนอยุ่แล้วอ่ะคับ
แล้วยิ่งการเขียนของคุนเอ้ ไม่งงอ่ะคัยไม่สับสน อ่านง่ายดี

...ช่วงไหนที่คุณชอบมากที่สุดในระหว่าง ช่วงเรียนพาณิฃย์, ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย หรือช่วงทำงาน...
วัยทำงานนะ เพราะว่า วุธเข้ามามีบทบาทเยอะมากๆ

...ตอนไหนที่คุณชอบที่สุด...และไม่ชอบที่สุด เพราะอะไร...
ชอบตอนที่วุธชวช แล้วก้ตอนที่ต้อนรับเอ้เปนลูกสะใภ้ ไม่ชอบตอนที่วุธแอบนอกใจเอ้แล้วให้อิพีทมาส่ง

...อันนี้ถามแบบขำ ๆ ถ้าเรื่องนี้ได้นำเสนอเป็นหนังหรือละคร อยากให้ดาราคนไหนแสดงเป็นใครในเรื่อง...
อยากให้คนที่เล่นคุนเอ้หน้าตาแบบเชียร์ ฑิฆัมพรนะ แต่หล่อนเปนชะนีซะงั้น
ส่วนคุนวุธอยากให้ คนนี้อ่ะ
(http://www.magazinedee.com/member2/images/volume/VOLUME014_009.jpg)

ขอบอกตอนที่ผมประทับใจที่สุดก้คือ ตอนที่เอ้เจอกะวุธที่รับน้องอะคับ โรแมนติกมากกกก


ใจหายจังเนอะที่เรื่องนี้จบ แต่เรื่องนี้ก้เปนเรื่องที่ผมชอบมากซะด้วย
ยังไงเรื่องนี้ผมก้จะจำไวไม่ลืมคับ

*เสนอไรนิสนึง  อยากให้คุนเอ้รวมเล่มคับ หุหุ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: boykook ที่ 12-11-2007 03:56:34
ดึกๆฟังเพลงนี้แล้วคิดถึงเรื่องนี้...

"ความรักที่เข้าใจ"

http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?songID=V2EAA7CPAD&Autoplay=1

ตักบาตรร่วมขันขอให้บุญบันดาลสุขเอ้และวุธตลอดไป...
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อด$
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 12-11-2007 08:50:50
และแล้วก็จบลงกับเรื่องราวสุดแสนประทับใจนี้

ขอบคุณคุณเอ้  ที่ได้เขียนเรื่องราวดีๆ แบบนี้ให้ได้อ่าน

เลยได้รู้ว่า  โลกนี้คงจะมีความรักจริงแบบนี้เหลืออยู่

รัก  ที่ปรุงแต่งมาจากความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่มั่นคง

ไม่ใช่รักที่มาจากคำลวง  หรือสิ่งอื่นใด

กว่าจะมาเป็นวันนี้  ทั้งคุณเอ้และคุณวุธก็ผ่านเรื่องราวต่างๆ มาเยอะ

แต่ก็เหมือนที่เขาว่า  "คู่กันแล้วก็คงจะไม่แคล้วกันไปไหน"

และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ  มีความสุขมาก  ที่ทั้งคู่ได้มีความสุขในความรักนี้

ขอให้รักกันนานๆ ต่อๆ ไปนะครับ

และแน่นอน  ต้องขอบคุณคนโพสต์ด้วย  ถ้าไม่มีคนโพสต์เรื่องราวดีๆ นี้

คนอ่านคงไม่ได้ซึมทราบความสุขเหล่านี้เป็นแน่

ขอบคุณคร้าบบบบบบบ   :give2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 13-11-2007 00:50:52
นี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอ่านแล้วชอบมากๆ มีทั้งทุกข์และสุขผมมีความสุขที่สุดที่ได้อ่านตอนจบ น้ำตาคลอด้วยไม่รู้ตัวเลย ขอบคุณคนที่โพสทุกๆคนที่ชั่วยกันโพส (สามัคคีกันโพสน่ารักดีคับ)และขอขอบคุณคุณ เอ้ที่นำเรื่องดีๆมาให้ได้อ่าน มีสาระข้อคิดในการครองคู่ ผมขอให้คุณ เอ้และคุณวุธรักกันนานๆนะคับ คุณเอ้คุณเป็นคนที่โชคดีมากๆนะคับที่ได้รักแท้จากคุณวุธและการยอมรับจากครอบครัวของคุณวุธผมขอให้คุณเอ้รักษามันใว้ให้ดีๆนะคับ หายากนะคับคนอย่างคุณวุธ ขอให้โชคดีทั้งคู่นะคับผม
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 13-11-2007 01:38:23
บอกตรงๆนะคะว่าอ่านเรื่องนี้แล้ว อินมากมายค่ะ จินตนาการต่างๆนานา อิอิ

แล้วตัวละครในเรื่องก็น่ารักทั้งนั้นเลย ที่สำคัญนะคะ จะน่ารักยังไงก็ยังคงความเป็นเรื่องจริง

ดูไม่เฟคอ่ะค่ะ อย่างนี้สิเนื้อๆ ส่วนตัวแล้วชอบความรักที่มันไม่จู่โจมเกินไป

แบบค่อยๆคบกันแล้วเกิดเป็นความรัก แบบนี้อ่ะค่ะ ดีแล้ว ชอบมากมาย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 14-11-2007 19:24:15
ดีใจจังที่ คุณวุธกับคุณเอ้ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ลุ้นตอนอ่านซะแทบแย่น่ะ  ได้อ่านของผู้เขียนมาหลายคนที่นำชีวิตจริงมาเขียนให้ได้อ่านกัน
แต่ที่อ่านมาก็ได้เรียนรู้ว่า ชีวิตคนเรามันไม่ง่ายเลย :undecided: กว่าคนหนึ่งจะรักอีกคน หรือกว่าจะรู้ใจของตนเอง  :o8:ต้องใช้เวลา และบางทีเวลาก็ไม่ได้ให้โอกาสแก่คนผู้นั้น เรื่องของคุณเอ้ดีมากๆเลยครับ ได้เรื่องราวดีๆจากเรื่องของคุณเอ้เยอะมากๆ ทั้งคุณเอ้และคุณวุธต่างก็เป็นคนดีทั้งคู่เลย ขอให้มีความสุขมากๆและตลอดไปเลยครับ ขอบคุณครับ แล้วถ้ามีเรื่องอะไรดีๆก็มาเขียนให้อ่านกันอีกนะครับ ชอบมากๆเลย :m3: :m1: :m18: :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: boykook ที่ 19-11-2007 02:56:36
วันก่อนผมไปซื้อของที่เทสโก้..

ก็ไปสะดุดตากับน้องคนนึงที่ทำงานอยู่ที่นั่น

เข้าใจว่ามาฝึกงานน่ะคับ

ผมจะต้องเอาบิลไปแลกคูปองชิงโชค และน้องเขานั่งประจำโต๊ะแลกคูปอง

บางทีก็ลุกไปที่เคาท์เตอร์รับฝากของ

ส่วนสูง 173 -175  หนักไม่เกิน 55 ก.ก. จากสายตาผมน่ะคับ เผลอๆจะแค่ 50 โล

หน้าตาน่ะเหรอ

ผมปิดหน้าผาก คิ้วดกดำ ตากลม ผิวสีแทน ไว้หนวดแบบขนอ่อนไม่ยอมโกน

คือถ้าโกนเนี่ย ผมคิดว่า น้องเค้าจะหน้าหวานมากอะ

ก็เลยคิดว่า น้องเขาคงรู้ตัวว่าคนจะมองเห็นความน่ารักหน้าหวานของตนเอง

ใส่ชุดนักเรียนพาณิชย์น่ะคับ  ดูที่อักษรย่อ...

สถาบันมีชื่อแห่งหนึ่งที่อยู่ระหว่างตึกช้างกับแดนเนรมิตร(เดิม)

ดูๆแล้วน้องเค้าก็เป็นคนเงียบๆน่ะคับ ท่าทางเป็นคนขี้อาย

คิดว่าตลอดเทอมนี้คงจะฝึกงานที่นี่มั้งคับ...


ไม่มีอะไรหรอกคับ

ผมนึกถึงคุณเอ้เมื่อเห็นน้องคนนี้เข้า

ถึงว่า...

เด็กช่างถึงหลงไหลเด็กพาณิชย์นัก

ก็อยากหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูทำไมล่ะคับ...

โชคดีคับ.. :m10:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: meeza31 ที่ 25-11-2007 15:25:33
พึ่งอ่านจบสนุกมากเลยขอบคุณที่เขียนเรื่องราวดีๆให้อ่านนะคับ

ปล.อยากมีความรักแบบนี้บ้างจังเสียดายหน้าตาไม่หล่อเลยไม่มีใครมาสนใจ เหอะๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ronger ที่ 26-11-2007 11:58:37
ติดตามเรื่องมาจนจบแล้ว อยากขอบคุณ คุณเอ้ที่เล่าเรื่องราวดีๆให้พวกเราได้อ่าน
ชอบเรื่องของคุณเอ้มาก ยิ่งอ่านก็ยิ่งนับถือความคิดในหลายๆเรื่องของคุณเอ้
ขอให้คุณเอ้กะคุณวุธ มีความสุขมากๆ รักและเข้าใจกันตลอดไปนะ :a10:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: dejavu_boyz ที่ 15-12-2007 22:14:25

วันนี้ Big cinema มีฉาย Love actually เห็นมันโฆษณาอ่ะ

คิดถึงพี่เอ้ขึ้นมาตะหงิดๆเรยอ่า

อยากรู้จังว่าหนังเรื่องนี้มีอะไรดี พี่เอ้ถึงได้ชอบมากมายนัก  :try2:

.
.
.
.

คิดถึงพี่เอ้จัง


ยังไงก้อยังรอให้พี่เอ้มาเล่าภาคที่พี่เอ้กะพี่วุธมีลูกด้วยกันอยู่นะคับ!
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อด$
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 10-01-2008 15:35:37
อ่าจจบแล้วครับ

ขอบคุณพี่เอ้แล้วก็คนโพสนะครับที่ทำให้ผมได้รับประสบการณ์อะไรๆมากขึ้นจากการอ่านเรื่องนี้

รู้สึกดีใจและโล่งอกกับความรักคู่พี่เอ้ที่ลงตัวได้แบบนี้

ขออวยพรให้ความรักของพวกพี่ๆมีความสุขและผ่านพ้นอุปสรรคไปได้นะครับครองคู่กันไปนานๆครับ

ปล.แฟนคลับพี่บอยเหมือนกันเลยครับ...อิอิ  :o8:

ปล.2 ขอบคุณพี่เรย์ที่แนะนำเรื่องนี้ให้ได้อ่านมากๆครับ ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: anti ที่ 19-01-2008 20:43:37
 :m1:จบแบบแฮปปี้ค่อยยังชั่ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: DekDoy ที่ 20-01-2008 16:36:33
อ่านจะจบ 2 รอแล้วอ่ะ :a5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ( = ___ = ) ที่ 15-02-2008 11:23:39


 :m13: มาอ่านรอบที่2เหมือนกานนนน...
 ประทับเรื่องนี้โคตรๆ

ชอบคุณเอ้....เซลฟ์สุดๆไปเลย
คุณวุธก็....น่าร๊ากกกกก หุหุ


ขอบคุณคุณเอ้ที่มาแบ่งปันประสบการณ์ความรักดีดี
ขอบคุณพื่อนๆพี่ๆทุกคนที่ช่วยกันโพสนะจ๊ะ

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ben~ya ที่ 08-03-2008 13:54:22
ใช้เวลา 1 วัน กับ 1 คืน อ่านจนจบ ประทับใจมากที่ทุกอย่าง
สนุกมากๆ กว่าจะรักกัน กว่าจะอยู่ด้วยกัน กว่าจะเข้าใจกัน เฮ้อ..รักกันมากๆ นะ :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Heater ที่ 16-03-2008 19:52:34
ร๊ากพี่จังเลย^^ o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 14-04-2008 17:09:34
ตามมาอ่าน จริงๆ เห็นเรื่องนี้นานมากแล้ว แต่ไม่ได้โอกาสมาอ่านซักที พอไปเสิร์ซเจอใน google แล้วมีแต่คนแนะนำให้อ่านเรื่องนี้ แล้วหลายคนตามหาที่จะอ่าน  เลยเอะใจ (ความรู้สึกช้า มากถึงมากที่สุด)
ก้อเลยแว๊บเข้ามาอ่านซะหน่อย(แต่ไม่หน่อยแล้วเนี่ย) เลยยาวเลยครับท่าน

ยังอ่านไม่จบ เด๋วจบแล้วจะมาเม้นท์อีกรอบนะจ๊ะ :L2:

อ่านจบแล้ว แบบต่อเนื่องไปหลับไม่นอน (แอบงีบไป 2 ชม)

ประทับใจมากจริงๆ กับเรื่องนี้
ทั้งเอ้ และวุธ ช่างจริงจังและมั่นคงในรักที่มีต่อกันและกันจริงๆ เลื่อมใสๆ

อ่านไปๆ นึกเคืองนายวุธเป็นพักๆ แต่ก้อพยายามเข้าใจวุธนะ ว่าทำไมถึงได้ทำอย่างนั้น
แต่ขอหน่อยเถอะ  ต่างคนต่างเล่นแง่ ต่างมีทิฐิ ต่างไม่พูดกันให้รู้เรื่อง
ทั้งๆ ที่ใกล้กันขนาดนี้ โชคดีที่ทั้งเอ้และวุธ ไม่วอกแวก ไม่งั้นเหตุการณ์มันอาจไม่คลี่คลายไปในทางที่ดี ยินดีด้วยจริงๆ

ชีวิตคู่ (มันต้องช่วยกันทั้งสองฝ่าย)ไม่ง่ายเลยจริงๆ

ขอให้ประคับประคอง  เสียสละ เข้าอกเข้าใจ
และมั่นคงในรักซึ่งกันและกันตลอดไปนะ :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 18-04-2008 18:02:29
คิดถึงคุณเอ้จัง

เป็นไงบ้างหว่า บายดีป่าว
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: krit-c ที่ 25-04-2008 21:17:17
เพิ่งได้มีโอกาสอ่านอะครับ .... ประทับใจมากมายคร๊าบบบบบบบบบ   :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ChiiCaLorz ที่ 04-05-2008 13:39:10

ชอบมากมายเลยคร้าฟฟ แอบอิจฉานิดๆอยากมีรักแท้แบบนี้มั่งจัง อิอิ
อินไปด้วยก็ตั้งหลายตอน แบบว่า อ่ะนะ 555  :m15:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Mint ที่ 04-06-2008 01:08:39
 o13 o13 o13 o13 o13

ชอบมากๆเลยค่ะ

ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ

 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: DirectCool ที่ 09-06-2008 23:51:49
ชอบมากกกกกกกก :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 13-06-2008 10:46:53
 :m1: :m1: อ่านจบไปนานแร๊ะ ....แต่ทนคิดถึงไม่ไหว เลยซัดไปอีกรอบ ซึ้งกินใจเหมือนเดิม แต่...คิดถึงพี่วุธมากกว่าอ่ะ 5555+ :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pipechan ที่ 22-06-2008 09:57:46
สนุกมากกกกกก  :m1:
ดีใจที่จบแบบ happy ending ขอให้มีความสุขตลอไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 26-06-2008 22:30:07
รักเรื่องนี้ ค้าบบบ จ๊วบๆ ถึงมาทีหลังแต่ก้อหลงรักเรื่องนี้เตมๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 29-06-2008 16:12:10
พี่วุธ พี่เอ้ ผมอ่านจบแล้ว เคยอ่านเมื่อหลายปีก่อน แต่ยังไม่จบ เพราะนาน ๆ เข้าไปอ่านที แต่วันนี้ ได้อ่านจนจบเลย

ขอบคุณทุกคนที่ เอาเรื่องของคุณเอ้มาโพสท์ที่นี่ ขอบคุณครับ  o7

หวังว่าจะมีความสุข และสบายดีทั้งคู่นะครับ ขอให้มีกัน และ รักกัน ตลอดไป ~*

รักนะครับ  :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: someoneonthenet ที่ 30-06-2008 03:26:08
อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกอิ่มใจจังเลย  มีความสุขไปกับคุณวุธและคุณเอ้

ไม่รู้ทำไมเราถึงได้พลาดเรื่องดี ๆ อย่างนี้ไปได้ตั้งนานนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ~SASSY BOY~ ที่ 01-07-2008 19:13:40
 :L2: :L2:

ขอให้คุณวุธกะคุณเอ้ รักกันตลอดไปนะคร้าบ

เป็นกำลังใจให้คร้าบบบบ :L1: :L1:

 :L1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: babyghost ที่ 02-07-2008 20:03:01
พูดได้คำเดียวว่า "สุดยอดดดดดดดดดดดดด "

รักกันอย่างนี้ไปนานๆน่ะเจ้าพะค่ะ

ขอให้มีความสุขตลอกไปเลยยยยยยยย  :oni1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: zefelozxxx ที่ 03-07-2008 21:52:05
น่ารักมากๆๆเลยอ่าครับ

สนุกสุดยอด

มีทุกอารมณ์

ผมนั่งอ่านอยู๋ 3 วัน

ไม่หลับไม่นอน

ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆมากๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ben~ya ที่ 04-07-2008 10:35:31
http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?songID=V2DEAEP0&Autoplay=1
ชอบเพลงนี้ ฟังแล้วเศร้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Doodleberry® ที่ 04-07-2008 13:42:45
อ่านจบแว้วววว

สนุกมากเลยค่า

เป็นคู่ที่น่ารรักมากเลยทั้งสองคน

ขอให้มีความสุขทั้งคู่น๊า

 :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: TongZA ที่ 06-07-2008 16:30:38
ชอบอีกแล้วอ่าครับ   :oni2: :oni2: :oni2:

เรื่องของพี่เอ้ กับ พี่วุธ ทำให้รู้สึกดีจริงๆ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนกับว่า

พรหมลิขิตเนี่ยมันมีอยู่จริงๆเลย  เลิกกันก็หลายทีแต่สุดท้ายก็หนีกันไปไม่พ้น

คนเราถ้าจะใช่ยังไงๆมันก็ใช่  แต่ถ้าไม่ใช่ต่อให้พยายามมันก็คงไม่มีทางที่จะเป็นไปได้

สุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้คับ  ขอให้พี่รักกันนานๆจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิตเลยนะคับ

 :m1: :m1: :m1: :a2: :a2: :a2: :m4: :m4: :m4:

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: leesawx ที่ 08-07-2008 13:31:54
สนุกสุดยอดเลยคับเรื่องของพี่เอ้

 o7 o7 o7 o7 o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: luvdisc ที่ 09-07-2008 03:12:23
กรี๊ด ๆ ๆ ๆ จะเอาแบบวุธ จะเอา ๆ ๆ  :m31:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: RedsunZ ที่ 10-07-2008 21:20:08
 o7 :serius2: :serius2: :serius2:

จบได้อย่าง แฮ้ปปี้มาก เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากเลยเนี่ย^^ o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 12-07-2008 22:50:03
:m23:
นิยายใหม่อ่านไม่ทัน แต่คิดถึงเอ้กับวุธ...อ่านแล้วก็ยัง 
:m15:       
:m1:   
ป่านนี้เอ้กับวุธเป็นไงบ้างนะ...ไงก็ขอให้รักกันตลอดไป
 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Back in Black ที่ 17-07-2008 03:13:39
ดีครับ
ก้ออ่านเรื่องนี้แบบทีเดียว 5 วันรวด
ไม่ค่อยมีเวลาครับ
ก้อก็ทำงานโรงแรมเหมือนกัน
แต่ไม่ได้ทำอยู่ส่วนหน้าอย่างพี่เอ้
ก้อเป็นโฮสอยู่ในห้องอาหารครับ

ก้อว่าเราต้องอยู่บ้านใกล้กันแน่ ๆ

แล้วก็คิดว่าก้อคงเรียนโรงเรียนเดียวกับพี่โยแน่ๆ
ถ้าหากว่าโรงเรียนชายล้วนที่พี่โยเรียอยู่จะเป็นโรงเรียนชายล้วนย่านสุขุมวิท

ก้ออ่านแล้ววววสงสารพี่เอ้ในหลายตอน
เกลียดที่พี่วุธปากแข็งและไม่รู้จักทำอะไรให้มันเคลียร์
เกลียมากตลอดทุกตอนที่ความปากแข็งของพี่วิธทำให้พี่เอ้เสียใจ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ก้ออ่านรู้สึกบีบหัวใจมาก

อยากต่อยพี่วุธ


ขอบคุณมาคกครับที่เขีนให้อ่าน
Pls just keep this love bleedin and i know u just could.

ขอบคุณคนใจดีที่เอามาลงให้อ่าน


So emotional and all....



หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 20-07-2008 15:52:08
ดีใจมากๆๆที่ได้มีโอกาสได้อ่านเรื่องดีๆเเบบนี้

ขอบคุณคนโพสต์เเละคุณเอ้

ที่ทำให้ซึ้งถึงคำว่ารักเเท้

 :pig4: :pig4: :pig4:

 :L2: :L2: :L2:

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: BABY_CHICK ที่ 22-07-2008 00:39:20
 :m4:ตามอ่านมาหลายวันครับ อ่าน จบเสียที
สนุกดีครับ
ขอบคุณคุณเอ้ ครับ ที่มาเล่าเรื่อง สนุกๆ ให้อ่านกัน
ดีใจจังครับ ที่ความรักแบบนี้ มันยังมีอยู่จริงๆ
รักเพราะรัก อ่ะครับ
ไม่ได้บอกว่า เราต้องรักเพศไหนครับ
ที่จริง ก็เห็นผ่านตามาบ้าง แต่ไม่รู้เวปไหนครับ
อย่าง ที่น้องเพียวบอกเลย รักทรหด 55
ขอให้รักกันนานๆ นะครับ ชั่วฟ้าดินสลายเลยนะ
ชาตินี้ผมคงไม่มีโอกาส แบบนี้หรอกครับ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: xclubsza ที่ 17-08-2008 20:35:33
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: echisen ที่ 21-08-2008 16:24:52
อ่านจบแล้วฮับ เป็นควมรักที่ซึ้งจัง ดูมั่นคงในความรักดีอ่ะ รักใครก้อรักคนนั้น ถึงจะห่างกับไปแต่ก็ยังไม่เคยลืมกัน
แต่อ่านแล้วทำให้รู้ว่ามีไรควรพูดกันให้เข้าใจอ่ะ ไม่ควรทิฐิ ไม่งั้นก็ไม่ต้องห่างกันแหละ ถึงจะมีปัญหากันแต่ก็ผ่านกันมาได้ ดีจัง อิจฉานะเนี่ย ขอให้รักกันตลอดไปเน้อออออ

ปล.แล้วเรื่องของโมทย์อ่ะเป็นอย่างไงอ่ะ อยากรู้อ่ะ อิอิ โยอีกหายไปเลย ถ้าเข้ามาอ่านแล้วก้อฝากตอบด้วยเน้อ
รออ่านอยู่ฮับ :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Siri_nan ที่ 22-08-2008 17:07:27
อ่านจบเป็นรอบที่ 2 แล้ว ยังซึ้งเหมือนเดิม อยากรู้จังตอนนี้คุณ เอ้ กับวุธ เป็นไงกันบ้าง (ใครรู้มั่งบอกหน่อยจิ :m26:)
ขอรักกันไปนานๆน้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: poom ที่ 22-08-2008 21:09:42
 o13 อ่านจบไปอีกรอบ...อ่านกี่ครั้งก้อไม่เคยเบื่อเลย 10ปี ที่รักกันมาสุขบ้างทุกข์บ้าง..
เลิกลากันไปก้อไม่เคยเลิกที่จะรักกันเลย  :กอด1:...คิดถึงทั้งสองคนมากเลย... :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 08-09-2008 00:54:52
นั่งอ่านมาสองวันเต็มเลยครับ

จะว่าไปก็มีฉากเสียน้ำตาหลายฉากเลยครับ

แต่ท้ายที่สุดก็ลงเอยกันอย่างมีความสุข  o13

ความรักคือความเข้าใจกันจริงๆครับ ^^  :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: LIZZ ที่ 08-09-2008 18:22:35
อ่านจบแล้วค้า....... o7

สนุกมากๆ ได้หลายอารมณ์มาก.... :L2:

เดี๋ยวมีความสุข เดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวก็กลับมามีความสุขใหม่ สลับไปๆมาๆ :m32:

แต่ก็เป็นเรื่องที่สนุกจิงๆ  :oni1:

ขอให้พี่ทั้งสองรักกันนานๆนะคะ มีความสุขมากๆ โชคดีค้า.... :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: sharp2 ที่ 13-10-2008 22:42:05
เห่อปวดตาจังเลย

ดีจัยอ่านจบแล้ววว

ไม่รู้ว่าพี่จะมาดูป่าว

แต่ขอให้พี่ทั้งสองคนมีความสุขตลอดไปนะคราบบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: goodluck01 ที่ 14-10-2008 17:23:28
กว่าจะอ่านจบ2วันไม่ได้นอนเลย-*-

อ่านแล้วบีบหัวใจมานจี๊ดๆไงก็ไม่รุ

อ่านแล้วรู้สึกเหงาทันที

ทำไมเราถึงอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวดายมาได้นะ

ทำไมเราถึงไม่มีใคร

ปิดตัวเองเหรอ

ก็ขอให้รักกันนานๆนะครับ

อ่านแล้วเหงาลึกๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 16-10-2008 02:39:58
 :m23:  ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ติดตามเรื่องอดีตพาณิชย์ มาก่อนจากบอร์ดอื่นแต่เป็นช่วงที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยจนถึงเข้าสู่วัยทำงาน รู้สึกประทับใจในความรักของคุณเอ้กับคุณวุธ ผมถือว่าเป็นคู่ตัวอย่างที่หาได้ยากนะครับ  ยิ่งได้อ่านในช่วงที่เรียนพาณิชย์ด้วยก็ทำให้ทราบความเป็นมากว่าจะมาใช้ชีวิตร่วมกันได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  ขอบคุณคุณเอ้ที่ได้นำประสบการณ์มาแบ่งปันกันและขอบคุณคนโพสต์ด้วยนะครับที่นำมาลงให้ได้อ่านกัน  หวังชีวิตหลังจากนี้ไปของคุณเอ้และคุณวุธคงจะผ่านไปด้วยดีนะครับถนอมน้ำใจกันไว้ดีๆนะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: triohero ที่ 02-11-2008 15:31:09
ชอบเรื่องราวของเอ้ กับ วุธมากๆๆครับ

เป็นกำลังใจให้

หวังว่ายังคงหวานกันสม่ำเสมอครับ

การที่ ผู้ชายจะมาใช้ชีวิตกันสองคนได้โดยที่พอ่แม่ทั้งสองฝ่ายยอมรับ
นี่มันไม่ง่ายเลยนะครับ ที่จะได้รับการยอบรับง่ายๆ


ขอให้ ทั้งสอง

ร่วมสร้างครอบครัว สร้างชีวิตที่อบอุ่นด้วยกันตลอดไปครับ

 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaelover ที่ 14-11-2008 10:22:02
 :กอด1:  เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วประทับใจ ในความรักของทั้งคู่  ทั้งที่มีบททดสอบ อยู่เสมอ แต่ทั้งคู่ก็ผ่านมาได้ เพราะ ความมั่นคงในรัก แน่ๆ เลย ชอบคุณเอ้ จัง ดูจากการที่คุณเอ้เล่ารื่องแล้ว อยากให้มีคนที่คิดได้แบบนี้เยอะๆจังเลย ขอให้ทั้งคู่ มีความสุขตลอดไปเลยนะค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 07-02-2009 06:58:46
อ่านกี่ทีก้อยังประทับใจอยู่เสมอเลย

ชอบ พี่วุธกับพี่เอ้ ที่สุดเลยยยยย

รักกันตลอดไปนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: LEO ที่ 10-02-2009 00:28:07

 :pig4:...อ่านจบแล้วครับ 3 คืนเลย

มีครบทุกอารมณ์จริงๆครับ

ขอบคุณคนโพสต์ด้วยครับ

ขอให้ทั้งมีความสุขในความรักน่ะครับ :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 22-02-2009 13:18:47
ไม่มีอะไรคับ แค่ เมื่อวานไม่ีมีอะไรทำ เกิดอารมณ์อยากอ่านขึ้นมาอีกรอบ (ได้ข่าวว่าอ่านมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 รอบ)
 
เมื่อวานเลยอ่านไปอีกรอบ วันเดียวเสร็จ คิดถึง เอ้&วุธจังแฮ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: luvY ที่ 23-02-2009 20:33:44
 o13 o13 o13 o13 o13

อ่านจบแล้ว ชอบจังเลย มีครบทุกอารมณ์

สนุก หวาน เศร้าเคล้าน้ำตา

บางตอนอึดอัดมาก อยากจะ  :beat: พี่วุธมากๆ ที่ทำให้พี่เอ้ร้องไห้บ่อยๆ (เพราะเราก็ร้องด้วย)

แต่ในที่สุดพี่วุธกะพี่เอ้ก็รักกันเข้าใจกันมากขึ้น ขอให้รักกันอย่างนี้ตลอดไปนะคะ :n1:

ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีๆนะคะและขอบคุณคนโพสด้วยค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: kedtisak ที่ 09-03-2009 15:51:57
ขอบคุณมากครับ
สนุกมากเลย


ครบทุกรส :-[ :pighaun: :mc4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Angel.JS~ ที่ 10-03-2009 19:46:23
สนุกมากๆเลยคับ พยายามอ่านอย่างเอาเป็นเอาตาย ใน ที่สุด = [ ]=
4 ชม. !!!!!!!!!!!!!!!!!!

จบแร้วคับ สนุกมากกกกกกกกกกก ^^

ขอให้ทั้งคู่มีความสุขมากๆนะคับ ^^

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: popper ที่ 10-03-2009 23:45:54
หวัดดีค่าพี่เอ้

ยินดีที่ได้รุ้จักอย่างเปนทางการน้าค้า

เเหะๆ อ่านรวดเดียว จบเรื่องเลย

มีความสุขมากๆ กับความรักของพี่เอ้กะพี่วุธ น่ารักมากๆเลยค่า

ฝันไว้เหมือนกันว่าจะหาได้เเบบนี้ คิกๆ

รักกันไปนานๆน่ะค้ะ เเต่งงานกันเลยก็ดี

ชอบมากๆๆ

อย่างนี้เเหละน้าที่เค้าว่า

คู่กันเเล้วไม่เเคล้วกัน อะไรที่มันเปนของเรา ต่อให้ใครมาเอาไป ยังไง๊ยังไงก็จะกลับมาหาเรา

คิกๆ

ขอบคุญที่มาเล่าสู่กันฟังค่ะ

เทคเเคร์น่ะค้ะ

รักค่ะ

 :n1: :n1: :n1: :n1: :n1: :n1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nickudez ที่ 21-04-2009 22:39:12
ดีใจด้วยกับคนแต่งมากจริงจริงนะครับ

ชีวิตในที่สุดก็มีความสุข พอมองกลับไปก็คงต้องยิ้มด้วยความสุขนะครับ

สนุกทั้งเรื่องเลย

แอบกลัวตอนห่างหายเลิกกับวุธไปคราวนั้น นึกว่าจะไม่กลับมาอีกแล้วเสียอีก

โชคดีน้า :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pipechan ที่ 16-05-2009 06:10:45
ขอสารภาพ เราอ่านเรื่องนี้มาเป็นรอบที่4 แล้ว

เราชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกก อ่านกี่รอบก็ชอบบบ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 03-10-2009 01:26:42
อ่านจบแล้วคะ
กินเวลาหลายวันทีเดียว แหะ
เป็นคู่รักที่ทรหดมากกกกกกกกกก
ประสบการณ์ในอดีตวันวาน ความถือทิฐิที่เคยมี
ค่อยๆปรับค่อยเปลี่ยนให้มาจูนกันได้ซะทีนะคะ
คุณเอ้อึดจริงๆสุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ชอบมากๆคะ  o13 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 03-10-2009 23:22:55
 :L1:
เข้ามายืนยันด้วยอีกคนหนึ่ง
ว่า........สุดยอดที่สุด...ของที่สุด
 o13 o13 o13

เรื่องเล่า 5 ดาว
1 ใน 5 เรื่องเล่าในดวงใจ

อินถึงขนาดไม่ต้องอ่าน
แค่นึกถึงเรื่องราวในเรื่อง
ก็ทำให้น้ำตาซึมได้ไม่ยากเลย
 :monkeysad:
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุข เรื่องเศร้า
เอากันถึงขนาด ตายกันไปข้างหนึ่งเลย

คุณเอ้....สุดยอด
คุณวุธ....ก็สุดยอด

นับเป็น Idol ของผมเลยครับ

 :L1:
รักนะ....รักมากมาย
นายเอ้ กะ นายวุธ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Saint De Jupiter ที่ 09-01-2010 08:44:21
ประทับใจเรื่องนี้มากๆครับ

ขอบคุณพี่เอ้ และคนโพสต์ทุกคนนะครับ

^__________^

:กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Momoro ที่ 12-01-2010 17:51:54
อ่าในที่สุดก็จบลงด้วยความแฮปปี้ ลุ้นแทบแย่แน่ะ
ความรักของพี่เอ้กับพี่วุธน่าประทับใจมากๆเลย
กว่าจะลงตัวกันได้ต้องผ่านอะไรมามากมาย ฝ่าฟันจนเป็นได้อย่างทุกวันนี้
เรื่องราวของพวกพี่ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตในหลายๆเรื่องเลย ขอบคุณนะฮะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆแบบนี้
ชอบพวกพี่มากๆ ยังไงก็ขอให้มีความสุขกันมากๆ รักกันอย่างนี้ตลอดไป
 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 27-01-2010 02:14:16
ประทับใจจังเลยอ่ะ  :L2:

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 28-01-2010 15:25:39
บอกได้คำเดียวว่า สุดยอด !!!
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน รวดเดียวจบบริบูรณ์ แฮปปี้เอนดิ้ง
ช่างเป็นเรื่องราวที่สวยงาม ประทับใจสุดๆ อีกเรื่องหนึ่ง
พี่เอ้ & พี่วุธ คู่รักในดวงใจเลย
 :กอด1:
ยังอยากให้มาเล่าต่ออยู่เลย

ขอให้พี่ทั้งสองมีความสุข และรักกันตลอดไป
เป็นกำลังใจให้ค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 29-01-2010 08:12:21
ขอบคุณมากค่ะในที่สุดการคอยรอ กับการรอคอยที่ยาวนานเหมือนกันมันก็ทำให้เราสมหวังและมีความสุขได้มากๆๆเลยน่ะ ขอให้พี่ทั้งสองมีความสุขตลอดไปด้วยน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 29-01-2010 16:07:26
มีหลายอารมณ์เลยแต่นั้นแหละคืออารมณ์ของคนเราการที่คนเรานั้นจะอยู่ร่วมกับใครมันต้องมีสุขมีทุกข์คละเคล้ากันไปมีอยู่คำคำหนึ่งทีเราชอบมากเลย"คนเราไม่มีสุขตลอดไป และไม่มีใครโชคร้ายตลอดกาล"ชอบมากคำนี้ เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะพี่เอ้ พี่วุธ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 04-02-2010 12:29:16
เห็นว่าชีวิตคู่พี่ทรหดสุดยอดจริงๆ  แล้วจะมาอ่านค่ะ  แปะโป้งไว้ก่อนนะ   o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: tutu ที่ 06-02-2010 10:41:00
ตามมาอ่าน..จนจบ




ต้องบอกว่า....




ครบทุกรสชาติ..จริงๆ o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Solar cell ที่ 09-02-2010 13:33:45
อ่านจบแล้วบอกได้คำเดียวครับ
สุโค่ยยยยยย สุดยอดมาก
ขอให้วุธกะเอ้ มีความสุขตลอดไปนะครับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Phantomhive ที่ 10-02-2010 22:38:32
 :pig2: ตอนหลังๆ อ่านแล้วร้องไห้ตามเลย
บรรยายความรู้สึกได้ดีจัง   :กอด1:
ตอนนี้ไปไหนคล้ายๆ โรคจิต
ชอบมองพวกเด็กช่าง เด็กพาณิชย์ตลอด ฮ่าๆ
เจอคนหน้าตาดีๆ ก็ภาวนาให้เป็นเกย์ไปซะหมด   :impress2:
ที่บอกว่า บางปะกง สนามกอล์ฟ พอจะคุ้นๆ อยู่
เพราะกลับจากกรุงเทพผ่านจะเห็นตลอดหละ >.<
สนุกจริงๆค่ะ มันส์ ฮา ซึ้ง  :o8:
ลุ้นกว่าจะ ...กันซ๊า แต่โรแมนติกมากๆเลย  :-[
สุดท้ายนี้ อยากจะให้พี่เอ้มาเขียนต่อจังเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: RemySexyCool ที่ 19-02-2010 20:34:31
...แอบเข้ามาบอกว่า ถ้าชอบเรื่องนี้ ก็ตามไปอ่านเรื่อง We belong together เรื่องเล่าชาวโรงแรม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12007.0)ด้วยนะครับ...ผลงานใหม่ของผู้ร่วมเขียนเรื่องอดีตเด็กพาณิชย์นี้...ดีใจที่ยังมีคนชอบ และคิดถึง...เอ้กับวุธในเรื่องสบายดี ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ และเข้ามาอ่านความเห็นที่นี่บ่อย ๆ เมื่อมีเวลา...

...ขอบคุณทุกรีพลาย และขอบคุณผู้ที่นำมาโพสใหม่ด้วยนะครับ...

...เป้...
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: SoYiLovE ที่ 20-02-2010 23:36:15
กะลังเข้ามาอ่านรอบใหม่ (รอบที่ 3) เพราะคนเล่าเรื่องจะจบเรื่อง เรื่องเล่าชาวโรงแรม เลยแบบคิดถึงล่วงหน้า

และคิดถึงเลยไปถึงเอ้กะวุธค่ะ ว่างๆก็มาทักทายกันบ้างนะคะ

คิดถึงและติดตามผลงานเป้ด้วย อยากให้เล่าเรื่องของเป้เองบ้างอ่ะค่ะ

 :man1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nattynoppy ที่ 23-03-2010 03:12:07
มารายงานตัวครับ :L2:




จะบอกว่าเพิ่งอ่านได้ หน้าเดียวเองครับแต่อยากบอกว่า





ดรงเรียนพาณิชย์อ่ะคุ้น ๆ มากเพราะเราก็จบโรงเรียนพาณิชย์เหมือนกัน






ผมอาจเป็นรุ่นน้องพี่ก็ได้นะ 555+






หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: RemySexyCool ที่ 26-03-2010 01:12:15
^
^
^
...อ่านแล้วชอบ หรือไม่ชอบยังไงบอกด้วยนะครับ เจ้าของเรื่องยังตามอ่านคอมเม้นท์อยู่ เรื่องนี้จบไปเมื่อประมาณสี่ปีที่แล้ว ดีใจที่ยังมีคนคิดถึง และมีนักอ่านหน้าใหม่เข้ามาอ่าน...

...เราอาจจะเรียนที่เดียวกันก็ได้ แต่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วโรงเรียนพาณิชย์ไม่เยอะเหมือนสมัยนี้นะ...
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: SoYiLovE ที่ 27-03-2010 23:35:08
คิดถึงเอ้กะวุธนะคะ  มีความสุขมากๆนะคะ

คอยอ่านแล้วอ่านอีก อิอิ อ่านมันซ้ำๆอยู่น่านแร่ะ

 :man1: :กอด1:

แอบหวังว่าจะกลับมาต่อเรื่องอีกน้าาาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 17-04-2010 20:05:03
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ
ใช้เวลาอ่านหนึ่งวันหนึ่งคืน ประทับใจกับความรักของคนทั้งคู่มาก ๆ เลยค่ะ
พี่เอ้กะพี่วุธเป็นเหมือนคู่แท้ ที่ว่าไม่ว่าจะจากกันสักกี่ครั้ง ก็กลับมาเจอกันทุกที
อาจจะเป็นเพราะว่าทั้งคู่รักกันจริง ๆ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรก็มักจะฝ่าฟันไปได้เสมอ
ที่สำคัญ ทั้งคู่ยังคงเชื่อมั่น เชื่อใจ และมั่นคงในกันและกันเสมอ
เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานของความรักที่ทำให้คนทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้

เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วมีความสุขมาก ๆ แม้ว่าในเนื้อเรื่องจะมีน้ำตา ความเศร้า หรือความไม่เข้าใจกัน
่อย่างน้อยมันก็ทำให้เราเรียนรู้ว่าชีวิตคืออะไร และที่ำสำคัญ มันทำให้เรารู้ว่า รักแท้ไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดกับคู่รักแบบชายหญิงเท่านั้น
แต่รักแท้ สามารถเกิดได้กับคนทุกเพศต่างหาก...

ขอบคุณสำหรับการถ่ายทอดเรื่องราวดี ๆ เรื่องนี้ให้ได้เรียนรู้และซึมซับไปกับความรักของพี่เอ้และพี่วุธนะค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: vvivy ที่ 22-04-2010 01:30:21
เพิ่งตามอ่านจบค่ะ..ครบทุกรสจริงๆ
อ่านช่วงเศร้าๆแล้วเสียน้ำตาไปเยอะ..เป็นคู่ที่ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะมาก
คุณเอ้เข้มแข็งมากเลยค่ะ o13

ชอบมากๆเลยค่ะ ขอบคุณที่มาแบ่งปันเรื่องราวดีๆๆแบบนี้ ขอให้คุณเอ้กับคุณวุธมีความสุขตลอดไปเน้อ...

 :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: katsuya ที่ 04-05-2010 01:49:27
 o13 บอกได้คำเดียวว่า "สุดยอด" ได้อะไรหลายอย่างจากการอ่านเรื่องนี้ โดยเฉพาะทัศนคติเกี่ยวกับความรัก
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณเอ้กะคุณวุธต่อไป ขอให้รักกันนานๆนะครับ สู้ๆ o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: fernnakab ที่ 04-05-2010 20:29:43
อ่านจบแล้วค่ะ..เป็นเรื่องที่สนุกมากเลยค่ะ
ทั้งสองคนก็มั่นใจในความรักที่มี..
ขอให้อยู่กันอย่างมีความสุขตลอดไปนะคะ... :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อด$
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 09-05-2010 03:11:56
ครับหลังจากอ่านนิยายคุณบอย ปลอบใจตัวเอง
ก็หาเรื่องอ่าน
แล้วก็มาพบเรื่องนี้
นาทีนี้อยากบอกว่า ผมโชคดีจังที่ได้มาอ่านเรื่องนี้
ผมอ่านแบบว่าตั้งแต่วันศุกร์ไม่นอนจนถึงเที่ยงหลับไปตื่นมาตอนเย็นกิน และเพิ่งอ่านจบ

ผมร้องไห้ ปวดใจ ปวดและจี้ตใจเยอะมากๆ ลุ้นให้ทั้งคู่เจอกัน
อ่านไปผมก็น้ำตาไหลไป ไม่รู้มันไหลเยอะเท่าไหร่
ผมนึกถึงเรื่องตัวเอง

อารมณ์ผมปวดใจ ตั้งแต่วุธบอกว่าชอบออย
เอ้ได้ยิน
แล้วเอ้ก็อยู่โดยที่ไม่เคยลืมวุธ
ตอนนั้นมันจิตตกมาก อ่านแล้วนึกถึงตัวเอง
จริงๆเราคนธรรมดาแต่ต้องทำใจให้เข็มแข็ง
ว่า ภายนอก เราโอเค เราอยู่ได้ แต่ข้างในมันจะขาดใจ

เห็นพัฒนการที่เปลี่ยนเรื่อย
แล้วในที่ก็เจอกันที่ทะเลตอนไปรับน้อง
ฉากนั้นผมนี้น้ำตาไหลมากสุด
ประมาณว่า ได้เจอกันแล้ว
ลุ้นมาก
และได้เข้าใจวุธด้วย

ดีใจเห็นด้วยว่า ทั้งคู่บุพเพจริงนะครับ

ดีใจที่เอ้กับมาให้โอกาสวุธ
ผมก็ลุ้นจริง
แล้วสุดท้ายทั้งคู่ห่างหายกัน

หลายหลายปีที่สองคนห่าง ลุ้นมาก

แต่นั่นแหล่ะชีวิต

ใจหายลุ้นมากจนในที่สุดก็จากกันอีก

และมาพบกันอีกครั้ง

ในมาดผู้ใหญ่  ลุ้นเกือบแย่อีกเหมือนกันตอนนี้

แล้วในที่สุดทั้งคู่ก็เข้าใจกัน ดีใจมากๆ

ดีใจที่ทั้งคู่รักกัน
.......................

ความรู้สึกที่อยากบอก

ขอบคุณ
 สำหรับเรื่องราวชีวิตจริงของคุณเอ้
ผมอยากบอกว่า เรื่องคุณเอ้มันทำให้ผม
เข้าใจตัวเองมากขึ้นด้วย ให้เข้าใจสิ่งต่างในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก
ผมเคยมีความรู้สึกปิดกั้นซ่อนเร้นความรู้สึก ห่างหายจากคนที่ตัวเองรัก
รู้ทั้งรู้ว่ารัก แต่ผมไม่สามารถทำอะไรได้
และก็ได้กลับมาเจอกัน
สะท้อนอีกมุมมองหนึ่ง


ขอบคุณ
ที่ทำให้เข้าใจ มองอะไรได้กว้างกว่าเดิม
ขอบคุณ
ที่ทำให้รู้ว่า เราไม่ใช่คนเดียวที่มีอุปสรรคไม่ใช่เราคนที่เดียวที่เคยเจอกับเรื่องแบบนี้ทุกข์ได้แบบนี้
คนเดียว ทุกคนบนโลกต่างก็ต้องเจอ และผ่านมันไปให้ได้ด้วยกันทุกคน

ขอบคุณ
ที่ทำให้คนคนหนึ่งคิดได้

อยากบอกว่า
คุณทั้งสองเป็นคนใจดีและอ่อนโยนมากครับ
ส่งผลให้ความรักที่คุณถ่ายทอดต่อกัน
แม้จะต้องลุ้นอยู่นานที่เดียว
หากสุดท้ายมันอบอุ่นไปด้วยสายใยแห่งความมั่นคง

สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างคือ

คุณเอ้เคยคุยกับคุณวุธ(อ้างว่าเป็นโย)โทรศัพท์บอกว่า
จะเก็บความบริสุทธิ์ไว้ให้คนที่ตนรัก
ประทับใจตรงที่สุดท้าย
ไม่ใช่แค่คุณเอ้คุณวุธเองก็
เก็บไว้เหมือนกัน
และได้มอบมันให้กันและกันในวันที่ต่างฝ่ายต่างรักกันอย่างคนรักจริงๆ
ประทับใจจังครับ
มันสะท้อนอีกอย่างว่าความรักของทั้งคู่ดำเนินเป็นรักแท้ที่มั่นคงได้
ทางกายไม่สำคัญไม่มี ก็ทำให้ทั้งคู่รักกันได้
แต่หัวใจต่างหากสำคัญที่สุด

ขออวยพรให้คุณเอ้กับคุณวุธ
มีรักที่ยั่งยืนมั่งคงตลอดไป
โปรดรักษากายใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ
ขอเป็นกำลังใจให้คุณทั้งสองตลอดไปครับ







บุญรักษา

ปล. อยากให้คุณเอ้มาเล่าต่ออีกจังครับแต่ก็หลายปี
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: non~animé ที่ 09-05-2010 18:07:55
กว่าจะอ่านจบ  :เฮ้อ:

พี่เอ้กะพี่วุธผ่านอาไรมาด้วยกันเยอะจังเน๊อะ
กว่าจะมาถึงวันนั้นที่ได้อยู่ด้วยกัน...ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


ขอบคุณ lanlan ด้ยนะที่เอาเรื่องดีๆ มาให้ได้อ่านกัน  :กอด1:

ฝากขอบคุณพี่เอ้(ฝากไปไม่รุ้จะถึงรึป่าว) ยังไงก้อขอบคุณพี่จากใจจิงนะ  :pig4:


หว้งว่า...
เรื่องของเราคงจะมีโอกาสได้สมหวังแบบคู่พี่บ้าง.... :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: spok1234 ที่ 10-05-2010 02:51:28
อ่านจบก็หลายวันอยู่ แต่พึ่งจะมาเม้นให้ คงไม่ว่าอะไรกันนะครับ

แหะ ๆ

แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าพาณิชย์ที่ว่าใช่พาณิชย์ที่ผมเคยเรียนจบมาหรือเปล่า (แอบคิด^^)

ถ้าใช่ก็ดี อิอิ

ขอบคุณอีกครั้งค้าบผม
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 28-05-2010 17:35:11
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่ฝากไว้ให้ครับ เพิ่งเข้ามาอ่าน สามวันเต็มๆครับ ขอให้ผู้แต่งประสพแต่ความสุขนะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: sweetmin ที่ 29-05-2010 16:14:18
ขอบคุณพี่เอ้ที่แชร์เรื่องความรักดีๆแบบนี้ให้อ่านนะคะ
เรื่องสนุกมากจริงๆค่ะ

ขอบคุณผู้ที่หยิบเรื่องนี้มาโพสในเล้าด้วยค่ะ
ได้อ่านเรื่องราวที่สนุกครบทุกรสแบบนี้นานๆที มีความสุขมากๆเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Flowersteel ที่ 02-06-2010 00:34:59
ขอบคุณสำหรับประสบการชีวิตนะครับ

อยากเจอรักแท้แบบนี้บ้างจัง

ตอนแรกก็นึกว่ารักแท้ไม่มีในหมู่เกย์ซ่ะอีก กริ๊ดๆ

โห .. ศรัทธาในรักๆ

แล้วจะหาให้ได้เหมือนพี่วุธเล้ย .. โค้ดปลื้มทั้งคู่เล้ย


ถ้ามีอัพเดท .. จะแวะมาอ่านอีกๆ

ขอบคุณครับ   :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Chubby ที่ 05-06-2010 19:25:00
เป็นเรื่องที่...ไม่หวานหยดย้อย ไม่เศร้าสลดหดหู่
แต่เป็นเรื่องที่..."นี่แหละชีวิตจริงของคนบนโลกนี้"
ประทับใจสุดๆ มีครบทุกรสเลย ^_^
ขอให้ทั้งคู่มีความสุขมากๆจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 05-06-2010 21:05:49
อ่านจบแ้ว้วววววววว
ครบทุกรสจริงจัง เป็นเรื่องเล่าที่ประทับใจมากเลยค่ะ
บางตอนอ่านแล้วบีบอารมณ์สุดๆ :o12:
ขอบคุณที่มาเ่ล่าเรื่องสนุกๆให้อ่านะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 07-06-2010 23:55:00
ซาบซึ้งกับเรื่องราวของคุณเอ้และคุณวุธจริงๆ
ความสุขที่ก่อเกิดจากการก้าวผ่านความทุกข์และอุปสรรคต่างๆ นี่ให้ความอบอุ่นกับหัวใจได้ดีจังเลย
ขอบคุณผู้เล่าและผู้โพสต์ที่ร่วมแบ่งปันความรู้สึกดีๆนี้ให้แก่ชาวเล้าค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: phakphumi ที่ 08-06-2010 11:54:13
อ่านจบแล้ว แต่อยากรู้เรื่องราวชีวิต ณ ปัจจุบัน จังเลย ยังหวานกันอยู่มั้ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อด$
เริ่มหัวข้อโดย: BlackClover ที่ 09-06-2010 13:45:27
อ่านเมื่อคืนจนจบแบบไม่หลับไม่นอนเลย :o8:

ก่อนอี่นต้องขอขอบคุณที่พี่เอ้นำเรื่องนี้มาเขียนให้อ่าน เพราะทำให้ได้เรียนรู้หลายๆสิ่งหลายๆอย่างจากเรื่องนี้
ที่สำคัญมันทำให้รู้ว่าพรหมลิขิต และ บุพเพมีอยู่จริงๆ โดยดูจากเรื่องของพี่ทั้งสองคนที่ไม่ว่าไปที่ไหนก็เจอกัน
ทั้งตอนไปรับน้อง อยู่คนละมหาลัยแท้ๆยังไปเจอกันได้ หรือแม้ตอนหาโรงแรมจัดงานหมั้น
จะว่าโลกกลมก็อาจจะใช่แต่บางคนเดินสวนกันในถนนเส้นเดียวกัน เฉียดกันแค่ไม่กี่คนเพราะถนนแออัดไปด้วยคนหลายคน
 แต่ถ้าไม่เหลียวมองก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร...แต่เรื่องราวของพี่ทั้งสองคนมันมากกว่านั่นมันอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ รู้แต่ว่าประทับใจ
ขอบคุณ...ที่ทำให้รู้ว่าพรหมลิขิตมีอยู่จริง
ขอบคุณ...ที่สอนให้รู้จักคำว่ามั่งคง ซื่อสัตย์
ขอบคุณ...ที่ทำให้รู้ว่าผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวมีอยู่จริง (น้องขอใช้คำว่าผู้ชายตามสภาพร่างกายนะคะ)
ขอบคุณ...ที่สอนให้รู้จักให้โอกาสคนที่เรารักและตัวเราเอง
ขอบคุณ...ที่ทำให้คำว่า"รักย่อม...ให้อภัย มีอยู่จริง"
ขอบคุณ...ที่สร้างความรักอันบริสุทธิ์บนโลกนี้
ขอบคุณ...ที่พวกพี่รักกัน ^^

มันมีอะไรมากมายในใจแต่ไม่สามารถเรียงร้อยเป็นคำพูดได้ ... รู้สึกดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 10-06-2010 11:15:51
อ่านจบนานแล้วแต่เพื่องได้มีโกสเข้ามาเมนต์ค่ะ
มีความสุขมากๆ รักกันนานๆนะคะ : ))
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจัง ที่ 12-06-2010 05:57:30
อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนดูหนังจีนเรื่องเถียนมีมี่กับcity of glass  คือรักและผูกพันกันเป็นสิบๆปี

ไม่ว่าเจอเรื่องอะไร เจ็บช้ำแค่ไหน แต่สุดท้ายรักก็ย่อมทำให้เข้าใจในรัก

ชอบฉากที่เจอกันที่ทะเลตอนรับน้องเหมือนกัน พรหมลิขิตดลบันดาลชักพาจริงๆนะนั่น

อยากให้พี่เอ้กับพี่วุธเข้าเล้าทักทายคนอ่านบ้างจัง แฟนคลับเรื่องนี้น่าจะเยอะมากกกกกก

อ่านเรื่องจบไปสองรอบแล้ว ประทับใจไม่รู้ลืมเลยค๊า  พี่เอ้จำรายละเอียดเก่งมาก+พี่วุธก็รักหนักแน่น

เรื่องเล่าชีวิตรักทรหด สมควรแก่การอ่านที่ซู้ดดด ได้สาระเยอะมากจากเรื่องนี้ค่ะ

 :o8:


 :bye2:

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: MrTeddy ที่ 14-06-2010 22:57:28
 :mc4:อ่านจบซะที เหนื่อยเลย
แต่ขอบอกว่าชีวิต คุณเอ้ นี่หลากรสชาติจริงๆ
อขให้มีควาสุขมากๆนะครับ รักกันนานๆ
 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 15-06-2010 14:17:48
อ่านจบแล้ว  ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีๆ เรื่องนี้นะค่ะ

ตื้นตันใจในหลายๆ เหตุการณ์ ซึ้ง เศร้า หวาน  มีทุกรสจริงๆ ค่ะ

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: beautyless ที่ 19-06-2010 20:03:01
Although you said you are not a perfect couple.
But I thinks you're quite perfect in many things.
You are gorgeous(I'm sure), smart, has good ideas and no promiscuous sex.

At first, the story of their relationship, you made me feel bad.
You gave feeling of hopeless love to me. The saddest moment is,
when Wut said he wants to betrothal
(make a mistake to Ae who don't know the truth about the correct betroth couple),
I felt shock and shock. I think this would certainly ended up very sad.
I admit that I cried a lot. I can not read the story for several hours.
And when I come back again and read up to the truth revealed.
It makes me cry again even more. But with the impressive moods.

I try to answered you in English this just for fun. Although I would very weak in English grammar.
I can speak with foreigners, using the basic english skill . And I enjoy thinking in English.
I used to work in the reception position in a express hotel before.
My colleagues is quite warm. But I'm not powerful enough to provide good administration.

Thank you for good and real story. You are one of my favourite writer.

Finally, I want to tell you that
I do not look good, slowly, hypengyophobia. And like to think negative.
So ... You have many good things to be jealous and enough to build a good life.
So ... Wishing  you peace, healthy and endless love always be with you.
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: RemySexyCool ที่ 19-06-2010 22:00:18
Your comment has been sent to Ae's mail.  He is quite busy at the moment, I'm sure that he will be happy like everytime he comes to read all comments here.

Thank you for remembering this story.

Co-Writer
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: LiuXin ที่ 24-06-2010 23:18:00
อ่านจบแล้วรู้เลยว่าชีวิตจริงไม่เหมือนนิยาย
ทั้งคู่ต้องผ่านเรื่องอะไรมามากมาย คอยประคับประคองกัน เข้าใจ ให้อภัย และไว้ใจกัน
ได้แง่คิดดีๆจากเรื่องของพี่ทั้งสอง
ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์ให้พวกเราได้รับรู้
ขอบคุณมากค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: TANYAjip ที่ 04-07-2010 16:05:03
พี่สองคนทำให้เห็นว่า  คู่แท้   เป็นยังไง  

ขนาดมีเรื่องเข้าใจผิด  เลิกติดต่อกันมาหลายรอบ  แต่สุดท้ายก็ยังได้กลับมารักกัน 

เหมือนทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องเป็นคนนี้เท่านั้นที่เราจะรัก  แล้วเค้าก็รักเราเหมือนกัน

อยากรู้จังว่า ตอนนี้พี่ทั้งสองคนสบายดีไหม  มีความสุขกันดีรึเปล่า  

ภาวนาให้พี่สองคนรักแบบนี้ตลอดไปนะค่ะ  จะคอยเป็นกำลังใจให้คะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 06-07-2010 16:34:10
ชื่นชมในความรักมั่นคงของคุณเอ้และคุณวุธครับ   o13
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่นำมาเล่าครับ
พรหมลิขิตมีอยู่จริง รักแท้มีอยู่จริง   :-[
ขอให้คุณทั้งสองรักกันมากๆยิ่งขึ้นนะครับ  :L1:


หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 31-07-2010 16:51:46
 :impress2:อ่านเรื่องเล่าของคุณเอ้ กับ คุณวุธ แล้วประทับใจมากจริงๆ เหมือนพวกคุณทั้งสองคนถูกสร้างมาคู่กันจริงๆ
เนี่ยที่เค้าเรียกว่ารักแท้ ขอให้รักกันนานๆนะครับ

ปล.ถ้ามีตอนพิเศษอย่าลืมมาเล่าให้ชาวเล้าฟังบ้างนะครับ :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Hachi_an1234 ที่ 13-08-2010 00:31:42
ดีฮับบบพี่เอ้...ไม่รู้ว่าพี่ยังเข้ามาอยู่รึป่าวอะ....
เพิ่งจะเข้ามาอ่าน... ก้อ่านไรจนจบเลยฮับบ....
ตอนแรกจิงๆๆๆ อ่านแล้วเฉยๆๆฮับ...แต่ก็คิดว่านี่ชีวิตจิงนะเฟ้ยย.. ไม่ช่ายนิยายยย... จะมากุ๊กกิ์กได้ไงง
แล้วยิ่งช่วงที่พี่วุธไปอยู่กับออย...  :angry2:โคดสงสารพี่เอ้อะ....แบบไมพี่วุธต้องทำงี้กับพี่เอ้ด้วยย...
แต่พอมาเจอพี่วุธมาขอคืนดี... ตอนที่อยู่มหาลัยแล้วก็แบบบ.... แอบสงสารนะ...
พี่เอ้ใจแข็งดีอะ... แต่ก็เข้าใจว่าคนเราพอโดนไรมาหนัก.. ก็คงสร้างกำแพงให้ตัวเองอะ...
แต่ตอนที่พี่เอ้โกรธพี่วุธที่เห้นพี่วุธกับคุณหนูไฮโซ... .แบบว่าพี่วุธคงเศร้าด้วยเหมือนกันอะ...  o22
เพราะว่าตัวเองก็ไม่ได้ทำไรผิดด.... แต่ก็ยังถูกพี่เอ้โกรธอีก...
แต่ที่รับไม่ได้สุดๆๆๆนี้ก็ต้องเป็นตอนที่พี่วุธเอาพี่พีทเข้าบ้านอะ....  :z6:เห้นใจพี่เอ้มากๆๆเลยอะ...
แบบประมาณว่าพีเอ้อย่าไปยอมมม... ผู้ชายไว้ใจไม่ได้ฮํบ... ไรประมาณนี้เลยอะ...
ทำไมพี่วุธต้องมาบอกว่าเหงาแล้วลากพี่พีทเข้ามา... แล้วต้องมาทำให้พี่เอ้เครียดด้วยยย........
ทั้งๆๆที่พี่พีทก็เป็นแอบเหมือนกัน... ทำไมต้องมาทำลายความรักของคนอื่นแบบนี้ด้วยยย...  :fire:
อยากให้พี่เอ้เอาคืนด้วยแหละ.. ตอนอ่านนี่แบบบ อินสุดๆๆเลยอะพี่.. ฮาๆ o18
แต่เห้นความรักของพี่สองคนที่มีให้กันมาหลายๆปีแบบนี้แล้วซึ้งเลยอะ....
ความรักไม่ต้องมีรูปแบบไม่จำกัดเพศและวัย... แต่ต้องมีความรักแล้วไว้ใจซึ่งกันและกัน...
พี่สองคนฝ่าฝันนนนน... อุปสรรคไรมามากมายยย...  :m15:
เข้าใจว่าชายรักชายในสังคมไม่เป้ฯพี่ยอมรับมากมายย.. แต่พวกพี่มีความรักให้กันมากขนาดนี้.... แค่ไม่ทำร้ายใคร...
ขอให้ตัวเองกับคนที่รัก... พร้อมทั้งครอบครัวมีความสุขก็พอแล้ว...... :mc4:
รักกันนานๆๆนะฮํบพี่....  :z1:
พี่เอ้พี่วุธ... :L1: :pig4: :bye2:

เขียนพลามไรไปหน่อยฮับบ... ฮาๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: sky-cafe ที่ 15-08-2010 04:25:39
มาอ่านเป็นรอบที่สอง แบบไม่หลับไม่นอนอีกตามเคย อ่านกี่ที่ตอนที่เศร้าก็บีบหัวใจได้ทุกทีเลย

ชอบเรื่องนี้จริงๆ ให้ตายเหอะ

ขอบคุณคุณเอ้ที่เขียนเรื่องราวดีๆแบบนี้มาให้อ่านกันนะคะ : )
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 18-08-2010 13:34:08
คิดถึงเรื่องนี้จริงๆอ่ะ อ่านมาตั้งกะหลายปีก่อนโน๊น

นึกถึงทีไรก็ประทับใจทุกที สุดยอดเรื่องเล่าในดวงใจเรื่องนึงเลยแหละ ชอบสุดๆ  o13

ฝากความคิดถึงพี่เอ้ด้วยน๊าพี่เป้
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 22-08-2010 09:36:31
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องนึงที่ผมยอมรับเลยว่าสนุกและให้ข้อคิดอะำไรหลายๆๆอย่าง

ขอบอกก่อนเลยว่าพี่เอ้ทั้งโชคดีและโชคร้ายในเวลาเดียวกัน

ถ้าผมเป็นพี่เอ้ผมคงทนไม่ได้แน่ๆๆ

พี่เอ้เป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมาก

ชอบเหตุผลของพี่มากเลยถ้าเขาจะไปหาคนอื่น

ก็คิดว่าเราดีไม่พอ มันโดนมากกกก

และถ้าผมเป็นพี่เอ้คงบ้าตายหลายๆๆรอบกับพี่วุธแน่ๆๆ

ทั้งระแวงทั้งอะไรหลายๆๆอย่าง

แต่พี่ก็ผ่านช่วงเหล่านั้นมาได้เทพจริงๆ

แต่พี่เอ้เหมือนคนที่คอยหนีไม่ฟังเหตุผล

มันเลยเสียอะไรไปหลายๆๆอย่าง

แต่พี่ๆๆคงเป็นเนื้อคู่กันละมั้ง

ที่ห่างหายกันไปหลายปี

ตั้งแต่พาณิชไปถึงมหาลัย

มหาลัยไปถึงทำงาน

สุดท้ายก็มาเจอกันในที่สุดมันเป็นอะไรที่วิเศษมากๆๆๆๆๆ

พี่ๆๆทั้ง2คือคนที่รักมั่งคงสุดๆๆๆ

แม้ห่างกันอยู่ไกลกันยังมาจบที่กันและกัน

ชอบที่สุด

ขอบคุณนะครับที่เอามาให้อ่านกัน

ให้ผมคิดว่ายังมีคู่แท้เหลืออยู่

และผมเริ่มเชื่อในพรหมลิขิตก้เพราะพี่เลยนี้ละ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 22-08-2010 20:28:23
ถ้าไม่ได้อ่านเรื่องนี้จะต้องเสียใจมากแน่ๆเลย
ประทับใจจริงๆ ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: potjung009 ที่ 25-08-2010 12:13:39
ขอบคุณคับ ขอให้รักกันยืนยาวนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: april@tbl ที่ 04-09-2010 01:43:20
เขียนได้ดีมากๆค่ะ
ต้องอ่านรวดเดียวจบ  ตั้งแต่ห้าโมงเย็นตอนนี้ตีหนึ่งครึ่งแล้ว
ถ้าเป็นหนังสือต้องบอกว่าวางไม่ลงกันเลยทีเดียว
กว่าจะมีความสุขต้องลองผิดลองถูกกันอยู่นานเลยนะคะ
ชื่นชมมากค่ะ ขอให้รักกัน ดูแลกันตลอดไปค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: info001 ที่ 22-10-2010 13:13:24
เคยอ่านเรื่องนี้ในเว็บอื่นมาแล้ว ยังประท้บใจไม่ลืมเลย ยังคิดอยากให้เพื่อนคนอื่นๆ ได้รับรู้เรื่องราวดีๆอย่างนี้บ้าง
เรื่องราวของเอ้กับวุธ นอกจากความรักอันมั่นคงของทั้งคู่แล้ว อยากจะบอกว่าเป็นเรื่องของบุพเพสันนิวาส ก็น่าจะได้
เพราะมีหลายครั้งที่พบเจอกันโดยบังเอิญแบบไม่น่าเชื่อ หลังจากห่างกันไป ทำให้ช่วยสานความสัมพันธ์ให้คืนกลับมาอีกครั้ง
จากเรื่องนี้ ทำให้หลายๆคน ได้ข้อคิดว่า การจะใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคน ไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องใช้ทั้งความรัก ความเข้าใจ ความอดทน ความไว้ใจซึ่งกันและกัน และอื่นๆ จึงจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรค ประคับประคองชีวิตคู่ไปได้ตลอดรอดฝั่ง
ก็ขอเอาใจช่วยให้เอ้กับวุธ รวมถึงคนอื่นๆ มีชีวิตที่สุขสมหวังตลอดไป :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Isuru ที่ 02-11-2010 00:05:11
อ่านจบแล้ว
สนุกสุดยอดจริงๆ
ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายอีก
พี่วุธกับพี่เอ้ เหมือนคู่แท้ปาฎิหาริย์เลยอ่ะค่ะ
ตอนแรกเลิกกันไม่คิดว่าจะมาเจอและรักกันอีก
ยังไงคนที่คิดว่าใช่ ยังไงมันก็ใช่อ่ะเนอะ
ขอให้ทั้งคู่รักกันไปนานๆนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^_^
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 11-11-2010 04:44:03
เย้ๆในที่สุดก็อ่านจบแล้ว

ได้หลายอารมณ์จริงเรื่องนี้ :pig4:ครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 20-11-2010 09:36:13
สุดยอดมาก :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 20-11-2010 20:37:36
หึๆๆๆๆๆๆๆๆเรื่องนี้เคยผ่านตาแล้วก็เคยอ่านแต่อ่านไม่จบ  มาวันนี้ลองอ่านแต่เช้ายันสองทุ่มครึ่งกว่าจะจบ อ่านแล้วติดใจเลยอ่านซะมันส์ไปเลย ชอบๆๆๆๆๆครับหลากหลายอารมณ์ดี  เป็นกำลังใจให้นะครับ :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 21-11-2010 14:56:32
 :laugh:เพิ่งอ่านจบค๊า ใช้เวลาหลายคืนเหมือนกัน ...หยุดไม่ได้จริงๆๆ
อยากจะบอกน้องเอ้ค่ะว่า

ขอบคุณมากๆๆ เ้ลยที่เล่าเรื่องให้ได้อ่านกัน สนุกมากๆๆ
บีบหัวใจหลายตอน ไีม่รู้ว่าถ้าเป็นเราจะผ่านเหตุการณ์ แบบนั้นได้มั้ย
ตอนสงกรานต์ ที่วุธไปกะยายนั่น โห...!! ทำร้ายจิตใจกันสุดๆๆ  ตอนทีี่คุณพ่อเสียอีก โห ชีวิต

ตอนที่เจอกันที่รับน้องสุดยอด เหมือนพรมลิขิต
น้องเอ้...รักเค้าแต่ทิฐิ และความใจแข็งสุดยอดเลยค่ะ ร้องให้บ่อยมากสงสาร
และอีกเรื่องหนึ่งชื่นชมและชอบ น้องเอ้เตรียมตัวไว้รอวุธนะค่ะ วันเกิดวุธ
รู้สึกว่าพิเศษมากๆๆ แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น 555  :เฮ้อ: :seng2ped:ดีจังเก็บไว้ให้คนที่รัก น่ารักมากๆๆๆ :กอด1:
จนมาเจอ คุณพี่พีท เนีียค่ะ สุดยอดคนไรเนี่ย  แต่วุธเค้าก็มั่นคงนะค่ะหลัง ๆๆ นะ ดีนะที่รู้ใจตัวเอง
ทั้ง 2 คน ผ่่านอะไรมาเยอะ เหมือนความผูกพันธ์ ชอบที่น้องเอ้ เขียน ตอนที่ บอกว่า
ถ้าพี่่พีทคบกะวุธ แล้วจะทนได้เธอ ชอบตอนที่บรรยาย ทั้งเรื่องการดำเนินชีวิตไลท์สไต แตกต่างกันสิ้นเชิง
คือใช่หมดเลยที่บอก แสดงให้รู้ว่าน้องเอ้รู้ใจวุธ ชอบที่เอ้เป็นคนเด็ดเดี่ยวดีค่ะ แต่บางเรื่องก็หวานได้นะค่ะ
อยากถามนะค่ะว่า ชอบทำอาหารทั้งคู่ ทำแบบอาหารคาว มีทำขนมหรือของหวานบ้างมั้ยอะ
ดีจัง ทำทานเอง ช่วยกันทำ ตอนที่น้องเอ้ทำไว้รอวุธ เพื่อเซอร์ไพร้  ชอบมาก หรือบางที รู้ว่าแฟนชอบอะไร
ที่วุธทำให้น้องเอ้ น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
ดีใจด้วยนะค่ะ ที่ผ่านมาได้ และเป็นกำลังใจให้ค่ะ อยากรู้จังตอนนี้เป็นไงบ้าง
ทั้งคู่เลยค่ะ ถ้ามีเวลาก็แวะเข้าทักทายกันบ้างนะค่ะ

ขอบคุณ จขกท. ด้วยค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: momoko_1144 ที่ 22-11-2010 01:06:36
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

ซึ้ง งงงง ไปไหนจ๊ะ

อ่านแล้วสนุกมากๆค่ะ โอ๊ยยย

นี่แหละหนา ที่เค้าเรียกว่า คู่แท้

รักกันนานๆนะคะ ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมาจนถึงขนาดนี้ ดีใจด้วยจริงๆค่ะ

เป็นเรื่องที่ประทับใจมากๆ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: talentcs ที่ 22-11-2010 16:48:09
อ่านจบแล้วครับ ชอบมากครับ เหมือนกับว่าได้อยู่ร่วมในเหตการณ์ด้วย
แต่บางฉาก บางตอน อ่านแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจ สถานการณ์นั้น ว่าทำไม
ไม่ทราบว่าจะเป็นไปได้ไหม ที่จะให้วุธ บรรยายเรื่องราวในมุมมองของวุธ ว่ามีความรู้สึกอย่างไร

ขอบคุณครับ คุณเอ้ ที่เล่าเรื่องราวประสบการณ์มาให้เราได้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต
 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: RemySexyCool ที่ 23-11-2010 20:29:06
ในฐานะผู้เขียนร่วม ถ้าติดต่อเจ้าของเรื่องได้ จะเอาตอนใหม่ ๆ มาเขียนต่อให้อีกนะครับ

ขอบคุณที่ยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ แม้ว่าจะจบไปนานหลายปีแล้วก็ตาม

เป้
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 24-11-2010 03:50:29
ในฐานะผู้เขียนร่วม ถ้าติดต่อเจ้าของเรื่องได้ จะเอาตอนใหม่ ๆ มาเขียนต่อให้อีกนะครับ

ขอบคุณที่ยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ แม้ว่าจะจบไปนานหลายปีแล้วก็ตาม

เป้


WoWwwwwwwwwwww+ :oni2:

จริงเหรอคะพี่เป้!!?! กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ไอชอบเรื่องนี้มากมาย! :m3:

ไอกลับมาอ่านหลายรอบแล้วล่ะค่ะ ถ้าได้ตอนใหม่ๆเพิ่มอีกคงดีใจน้ำตาแทบไหลได้เลย  :laugh:

นี่ก็ดีใจล่วงหน้าอยู่นะเนี่ย ตามหาพี่เอ้ให้ได้นะคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 24-11-2010 07:28:04
 :laugh:...จริง ๆ นะค่ะ คุณเป้ ขอกรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ก่อน... :mc4: :กอด1:


ขอให้ติดต่อให้ได้นะค่ะ ชอบเรื่องนี้มากมาย ชอบน้องเอ้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น่ารัก
ตอนนี้เป็นไงกันบ้างแล้วค่ะ  :-[ วัยทำงาน.....ขอให้รักกันตลอดไป หวาน ๆๆ บ้างน๊าน้องเอ+วุธ

ขอบคุณนะค่ะ รอ รอ รอ อยู่  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 24-11-2010 10:28:39
รอค่ะคุณเป้ คงจะได้อ่านเนาะ
เรื่องใหม่ก็ได้คุณเป้
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 24-11-2010 15:36:34
หวัดดีคะ
เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วชอบมากกกกกกกก
ชอบจังที่ทั้งคู่ถึงจะห่างกันแต่ก็ยังใจเดียวกัน
ไม่วอกแวกไปเสียก่อน
ขอให้รักกันตลอดไปเลยนะ
เอ้  :L1: วุธ

ปล.จะเป็นพระคุณอย่างสูงนะคะคุณเป้ถ้าจะมาต่อ
 :mc4:

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 28-11-2010 00:27:06
 :impress2: :-[ :o8:
 :กอด1:เอาเรื่อง แหวนมั้ยมาฝาก น้องเอ้+วุธค่ะ
ใครลองทำตามดูนะค่ะ ลองแล้ว ใช่เลย อิอิ

U know?? "หัวใจ...กับนิ้วนางข้างซ้าย
เคยสงสัยกันมั้ยว่า ...ทำไม...แหวนหมั้น ต้องใส่ที่นิ้วนางข้างซ้าย..?? :กอด1:
ตามวัฒธรรมตะวันตก แหวนแต่งงาน หรือ แหวนหมั้น จะถูกสวมอยู่ที่"นิ้วนางข้างซ้าย" เพื่อเป็นสัญลักษ์แสดงถึงความซื่อสัตย์ต่อกัน ซึ่งวัฒธรรมสวมแหวนแต่งงานนี้ได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก
ย้อนกลับไปเมื่ออดีตกรีกโบราณก่อนเข้าสู่คริสกาล คนในยุคนั้นเชื่อกันว่าที่มาของการสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายเป็นเพราะนิ้วนางข้างซ้ายมีเส้นเลือดที่เชื่อมต่อไปยังหัวใจโดยตรง และด้วยการเชื่อมโยงระหว่างมือและหัวใจนี้เองจึงมีการตั้งชื่อเส้นเลือดดังกล่าวว่า "vena amori" ซึ่งเป็นภาษาลาตินมีความหมายว่า
"เส้นเลือดแห่งความรัก" (vein of love)ตามความเชื่อดังกล่าว ผู้คนจึงยอมรับการสวมแหวนแต่งงานบนนิ้วนางข้างซ้าย เพื่อบ่งบอกว่าคู่แต่งงานนี้ได้ประกาศมอบความรักนิรันดรให้แก่กันและกัน จนเป็นประเพณีที่ถือปฎิบัติต่อกันมาถึงปัจจุบัน
เราลองมาพิสูจน์ความมหัศจรรย์ของ "Ring Finger" กันดีกว่า เริ่มต้นด้วยการแบมือทั้งสองข้างเข้าหากัน แล้วงอนิ้วเอาหลังนิ้วกลางทั้งสองข้างมาชนกัน ส่วนนิ้วที่เหลือ คือ นิ้วโป้ง/นิ้วชี้/นิ้วนาง และ นิ้วก้อย ให้เอาปลายนิ้วมาชนกัน จากนั้นลองปล่อยนิ้วที่เอาปลายชนกันให้ออกจากกันทีละนิ้ว โดยที่นิ้วกลางยังคงงอแตะกันอยู่ จะพบว่า นิ้วชี้ปล่อยจากกันได้ นิ้วโป้งก็ปล่อยจากกันได้ นิ้วก้อยก็ปล่อยจากกันได้อย่างสบาย ๆ แต่นิ้วนางกลับปล่อยออกจากกันไม่ได้ ซึ่งโบราณเชื่อกันว่า เพราะ "นิ้วกลาง" แทน "ตัวเอง" "นิ้วโป้ง" แทน "พ่อแม่" ซึ่งวันหนึ่งท่านก็ต้องจากเราไป "นิ้วชี้" แทน "พี่น้อง" ซึ่งเขาก็ต้องจากเราไปมีชีวิตของเขาเอง "นิ้วก้อย" แทน "ลูก" ซึ่งพอโตขึ้น ลูกก็ต้องไปมีชีวิตของตัวเอง...ส่วน "นิ้วนาง" แทน "คู่ชีวิต" ซึ่งจะอยู่กับเราไปจนแก่เฒ่า  :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: aohka ที่ 28-11-2010 21:46:06
เข้ามาอ่านเรื่องนี้... เพราะว่าตามมาจากเรื่อง We Belong Together ค่ะ
อ่านแระประทับใจในการบรรยายค่ะ

ให้ความรู้สึกได้ว่า  มันจริง !! อ่ะคะ

พออ่านเรื่องนั้นจบ... ก้อเลยตาหาเรื่องที่คุณนักเขียนท่านนั้นแต่ง...
สืบหาอยู่นาน... อากู๋(google) บอกว่าเรื่อง อดีตเด็กพานิชฯ นี่หล่ะ... น่าจะใช่
อ่านไปอ่านมา... ก้อเห้ย... เป๊ะๆ เลย 

อ่านจบทีเดียวรวดเลยค่ะ

อ่านและให้ความรู้สึกที่ว่า... มันจริง(อีกแระ)

ก้อรอตอนต่อไปนะคะ

ไม่เสียใจเลยค่ะ... ที่กดเข้ามาอ่านเรื่องนี้

แต่.. เสียใจที่เข้ามาอ่านช้าไปหลายปีเลย... เหอๆๆ  :impress3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 10-12-2010 23:16:12
ผมอ่านรอบที่ 3 แล้ว หลังจากที่พี่เอ้ ลงที่ปาม ผมเป็นแฟนประจำและโพสให้กำลังใจตลอด
ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่อยู่ไหน แต่พี่อยู่ในใจผใตลอด เรื่องนี้เป็นเหมือนน้ำเลี้ยงใจเวลาผมท้อแท้ รักเรื่องนี้มากๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 11-12-2010 04:45:01
ขอให้พี่เอ้กับพี่วุธมีความสุขและรักกันตลอดไปค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: aohka ที่ 12-12-2010 00:34:02
เป็นจั่งได๋... หล่ะน้อๆ ฟามฮัก (ของคุณเอ้ กับ คุณวุธ)

ก้อเลย... อยากให้มา... เล่าสู่กันฟัง... (บ้าง อะไร บ้าง)
.
.
.
อย่างที่เคยบอกความรู้สึกไป... ว่าอ่านเรื่องนี้แระมันรู้สึกว่า... เรียลลลล !!

เลยอยากรู้ว่า ณ นาว ชีวิตของคุณเอ้ กับ คุณวุธ  เป็นยังไงบ้าง สบายดีไม๊... ??
ก้อมันยังไงอ่ะ... คิดถึง เป็นห่วง ยังไงไม่รู้ๆ บอกไม่ถูก

ก้อถ้ายังไม่พร้อมที่จะมาต่อตอนใหม่... ก้อขอให้แค่เข้ามาทักทายกัันสักหน่อย  ให้ได้พอรู้ข่าวคราว  โน่น... นี่ นั่น   :กอด1:

หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 12-12-2010 12:15:25
 :laugh:มาทักทายค๊า มีเรื่องเล่าต่อมาเล่าด้วยนะค่ะ น้องเอ้...คุณวุธ เป็นไงบ้าง  :z3:

ก้าวหน้าไปถึงไหนกันค่ะ มาเล่าด้วยนะ รอ รอ รอ :serius2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: OitJi ที่ 12-12-2010 13:47:09
พึ่งเคยอ่านพออ่านตอนแรกเท่านั้นล่ะก็ติดงอมแงมจนจบเรื่องเลย มีครบทุกรสจริงๆเลย สนุก เฮฮา หวาน เศร้า ซึ้ง หลากหลายไปหมด

อิจฉาพี่เอ้ที่หารักแท้จนเจอ อยากได้แบบนี้ซักคนจัง ขอให้พี่เอ้กับพี่วุธมีความสุขมากๆ แล้วก็รักกันตลอดไปนะ(แน่นอนอยู่แล้วอันนี้เนอะ:D)

จากนี้ไปเชื่อว่าจากนี้ต่อไปถึงจะมีปัญหาอะไรที่เข้ามาทำให้ต้องออกนอกลู่นอกทาง หรือกระทบกระเทือนเข้ามาก็คงไม่สามารถทำอะไรพวกพี่ๆได้แล้ว




FC(เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" FCพี่เอ้ FCพี่วุธ ตลอดไป :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 06:21:04
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 26-12-2010 00:19:16
 :กอด1:จะปีใหม่แล้ว ขอให้น้องเอ้+พี่วุธ มีความสุขมาก ๆ นะค่ะ

มาเล่าต่อบ้างนะค่ะ รักกัน รักกันตลอดไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 11-01-2011 20:24:58
หว้า......คิดถึง เอ้กับวุธง่ะ ปีใหม่นี้ไปเที่ยวไหนกันมาหรือเปล่าเนี้ย
เป็นอย่างไรกันบ้างว่างๆมาเล่าสู่กันฟังหน่อยน่ะว่าเป็นอย่างไรกัน คิดถึง :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 18-01-2011 20:40:13
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องราวของคุณเอ้นะคะ
ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกไว้ก่อนว่าตอนอ่านเรื่องนี้ติดมากกก
กลับมาถึงบ้านต้องเปิดคอมทันที 5555

การที่เราจะรักใครซักคนไม่ได้แค่ให้ใจเขาเต็มที่ ต้องเชื่อใจกัน และเผื่อใจ
สุดท้ายนี้ ขอให้คุณเอ้กับคุณวุธรักกันไปนานๆนะคะ
เราเชื่อว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน สำหรับคนที่ผ่านเรื่องราวกันมาหลายอย่างขนาดนี้
ต่อไปก็คงมีแต่ความเข้าใจ  ปัญหาหรืออุปสรรคขีดขวาง
อย่างตอนพี่พีทเชื่อว่าผ่านไปได้ด้วยดีแน่คะ

ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ ถ้ายังไงก็ส่งข่าวมาหาพวกเราเล้าเป็ดด้วยนะคะ
อยากทราบความเป็นไปของทั้งสองคนมากคะ
มีอะไรก็เล่าสู้กันฟัง

 :กอด1: :กอด1:

รักกันนานๆนะคะ ขอบคุณมาค่ะที่นำเรื่องราวดีๆอย่างนี้มากให้ได้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: RenaBee ที่ 20-01-2011 11:20:15
เป็นความรักที่ฝ่าฟันกับปัญหามาสารพัดมาได้อย่างงดงามเลยนะคะ

จากความรักวัยเรียนมาสู่ความรักที่มั่นคง อร๊ายยยยซึ้งสุดๆเลยอ่ะค่ะ

ขอบคุณเอ้ที่นำมาเล่าสู่กันฟัง ขอบคุณหลายๆท่านที่นำมาโพสให้ได้ติดตาม

ขอให้เอ้กับวุธมีความสุขมากๆและตลอดไปเลยนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 26-08-2011 23:00:54
สนุกค่ะ ทั้งน่ารักทั้งแอบเศร้า. :)
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ♥Täsinä→l3€LL♥ ที่ 29-08-2011 23:53:01
ประทับใจมากค่ะ  รักกันนานๆนะคะ  ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: psawitta ที่ 01-09-2011 15:37:08
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เราอ่านแล้วได้ความรู้สึกดีๆ ข้อคิดดีๆ

ตอนอ่านตอนสุดท้าย  คิดในใจเลยว่าไม่อยากให้จบเลย

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีมากๆเลย ขอบคุณนะค่ะที่นำมาให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 07-09-2011 19:04:55
รอติดตามด้วยคนครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 13-09-2011 00:11:31
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBowmin ที่ 13-09-2011 15:11:23
ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆ อ่านแล้ว เชื่อในคู่แท้เลยค่ะ

คู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันจริงๆ หนีเท่าไหร่ก็ไม่พ้น อิอิ

ชอบคุณวุธกับคุณเอ้มากกกกก ทัะ้งคู่เข้มเข็งในความรักมากๆๆๆๆๆ ถึงแม้จะมีหวั่นไหนไม่แน่ใจไปบ้าง
แต่ที่ห่างกันก็คงทำให้ทั้งคู่รู้ว่าขาดกันไม่ได้
ตอนแรกก้แอบเคืองคุณวุธที่ไปคบผู้หญิง แต่ก้เข้าใจเพราะยังสับสนในตัวเอง บวกกับอายเพื่อน
วัยรุ่นมักติดเพื่อนเป็นเรื่องธรรมดา แต่มาตอนมหาลัยที่กลับมาคบกันอีกก็ชอบมากๆๆๆ
แต่คุณเอ้ก็เป็นคนปากแข็ง ไม่ถามอะไรให้รู้เรื่องคิดเองเออเองไปก่อน เลยทำให้ต้องจากกันอีก

แต่พอมาตอนทำงานแล้วอยากร้องไห้ที่คุณวุธจะหมั้น ตอนนั้นคิดไว้ว่าคุณวุธต้องอำคุณเอ้แน่นอน แบบว่าจะแต่งงานแล้วยังมาหาคุณเอ้อีก แค่ไปๆมาๆ มันชักจะเป็นเรื่องจริง (ตามความคิดที่คุณเอ้เล่า) แบบว่าปล่อยโฮเลยค่ะ แต่พอมารู้ความจริงแล้วก็โล่งใจ
คุณเอ้เล่าได้เข้าถึงอารมณ์มาก แบบว่าร้องไห้หลายรอบมากๆๆ

กว่าจะรักกันได้ใช้เวลานานมากกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอนนี้ก็ต่างคนต่างรู้ใจต่างคนต่างยอมรับกันและกันแล้ว ก็มีแต่ความสุขกันนะคะ
ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆ เลยค่ะ ขอบให้ทั้งคู่มีความสุขกับชีวิตคู่ ทะเลาะกันก็ขอให้เข้าใจกันโดยแล้ว
ได้ข่าวจากคุณเป้ ว่าตอนนี้ทั้งคู่อยู่ต่างประเทศ ก็ดีใจด้วยนะคะ ยังรักกันอยู่เหมือนเดิม ปลื้มปริ่มมากค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 18-09-2011 15:00:49
อ่านกี่รอบๆก็ประทับใจทุกรอบเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: fudo ที่ 19-09-2011 15:50:13
ขอบคุณมากๆที่มีเรื่องดีๆมาแบ่งบันคลับ ขอบคุณจากใจ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: topphy ที่ 14-10-2011 14:33:33
เพิ่งเข้ามาอ่านแต่ยังไม่จบชอบเรื่องนี้มากๆเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 16-10-2011 20:28:20
ดัน พี่เอ้ หายไปเลย สบายดีไหม
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 20-10-2011 18:31:38
ตามเรื่องนี้มาจากวีบีลองของพี่เป้ค่ะ
ตอนแรกก็อ่านๆ ไป เห็นพี่เป้สปอยถึงเรื่องนี้ก็เริ่มต้น
ตอนแรกอ่านจบไปรอบแล้วแต่หาไม่เจอก็หายไป
มาอ่านวีบีลองรอบที่สองก็ค้นเจอเรื่องนี้
สนุกมากค่ะ ทั้งยิ้ม ทั้งหัวเราะแล้วก็ร้องไห้
ผู้ชายแบบพี่วุธหายากนะคะ
ถ้าไม่ติดสมัยยังเป็นเด็กช่าง ๕๕๕
อ่านไปแล้วจี๊ดมากเลยตอนที่พี่วุธเพจกับผู้หญิงคนนั้น
อินอย่างแรง เข้าใจความรู้สึกของพี่เอ้เลยค่ะตอนนั้น
เคยเจอมาเหมือนกัน แบบนั้นเลย
เลยอินตอนนั้นกว่าปกติ
พี่เอ้กับพี่วุธนี่คงคู่แท้จริงๆ นะคะ
เลิกกันมาหลายรอบแต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น
ไม่ต้องเป็น Love at first sight แต่อยู่ที่หัวใจต่างหาก
เพราะมันก็มาจากเรื่องจริงแหละเน๊อะ
เวลาพี่เอ้คิดอะไรมันถึงได้เด็ดขาดมาก
ขนาดว่าห่างไปเป็นปีๆ
ชีวิตก็คือการสู้ต่อไป ชอบประโยคนี้ของพี่เอ้มากเลยค่ะ
'While I breathe, I hope.'
อ่านแล้วให้กำลังใจตัวเองจริงๆ
เม้นยาวมาก ๕๕๕ อ่านมาเกือบสองวันเต็มๆ
เรื่องนี้จะอยู่ในหัวใจค่ะ แล้วจะเอาประสบการณ์ของพี่เอ้ไปปรับใช้
คนเราทุกคนคงไม่พ้นเรื่องแบบนี้หรอกค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Classical ที่ 26-10-2011 21:12:01
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เราอ่านแล้วได้ความรู้สึกดีๆ ข้อคิดดีๆ

ตอนอ่านตอนสุดท้าย  คิดในใจเลยว่าไม่อยากให้จบเลย

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีมากๆเลย ขอบคุณนะค่ะที่นำมาให้อ่านกัน


เห็นด้วยนะครับ  อ่านเรื่องนี้แล้วได้ข้อคิดอะไรมากมายเลย ซึ้งมากเลยพี่เป้ อ่านไปสามรอบแระนะ แฮะๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 12-11-2011 09:08:00
ขอให้ทั้งสองคนรักและดูแลกันอย่างนี้ตลอดไปนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: daviddg ที่ 15-11-2011 14:25:46
รักเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ploylw_chery ที่ 15-11-2011 23:39:18
   ชอบเรื่องนี้มากเลย นั่งอ่านวันเดียวจบ...แบบว่าติดมากเลย
ขอบคุณนะคะที่่มีเรื่องดีๆมาแบ่งปันให้ฟังค่ะ
                    :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: FREEDOM16 ที่ 19-11-2011 20:36:32
โอยยยย แต่ละเรื่องในเล้านี่ทำไมมันถึงมีแต่เรื่องดี ๆ ทั้งนั้นเลยนะ !!
ทำเอาคนอ่านคนนี้แทบบ้าาา  :z3: (เอ้ะหรือบ้าไปแล้วว่ะ ==' )
ประทับใจหมดทุกเรื่องในเล้าเป็ดเลยค่ะ !! ถึงจะยังไม่ได้อ่านอะไรมากมาย
แต่ทุกเรื่องที่อ่านจบ มันประทับใจ มันรู้สึกดี มันมีประโยชน์จริงๆ ให้ข้อคิดและแง่คิด
และที่สำคัญยังคงความเป็นจริงไว้  o13

เอาล่ะเข้าเรื่องพูดถึงนิยายเรื่องนี้ พออ่านแล้วก็แบบ :a5: เป็นเรื่องที่สุดยอดมากเลยค่ะ นับถือจริงๆ
แบบ โหย คู่แท้เลยเหอะ เป็นกันไปขนาดนี้ อ่านที่พี่ๆเจอกันแล้วก็อึ้ง
คือ ... แห้มม นี่เกิดมาเพื่อกันและกันเลยใช่มั้ยค่ะ  :-[ ประทับใจมากๆที่ผ่านเรื่องราวกันมาได้แบบนี้
ขอให้รักกันไปนาน ๆ ตราบเท่าที่คนๆนึง(หรือสองคน)จะรักได้ ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่มาแบ่งปันเรื่องราวให้อ่านกัน
มันมีประโยชน์มาก ๆ ขอให้ใช้ชีวิตมีความสุขกันเข้าไว้นะค่ะทั้งคู่  :กอด1: รู้สึกดีใจด้วยจริงๆค่ะที่คุณได้พบกับความรักที่เป็นความรักแบบนี้  :L2:
ขอให้รักกันเข้าใจกันมั่นคงกันแล้วผ่านปัญหาไม่ว่าเล็กใหญ่ไปให้ได้อย่างราบรื่น จะขอเป็นกำลังใจให้เสมอเลยค่ะ
ขอบคุณนะค่ะ ขอบคุณอีกครั้ง  :L1: :pig4:
ขอให้โชคดีกับชีวิตรักการงานและครอบครัวกันให้ถ้วนหน้าเลยค่ะ  :mc4: :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: topphy ที่ 06-12-2011 01:47:58
  ชอบเรื่องนี้มากเลย o13
ขอบคุณนะครับที่นำเรื่องราวดีๆมาให้อ่าน :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 13-01-2012 20:28:02
นั่งตามอ่านมา1วันเต็ม เห็ฯด้วยกับที่หลายๆคนบอกว่าพี่ๆคือเนื้อคู่ และทำให้เรารู้ว่า "คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน" และ "พรหมลิขิต" มันมีอยู่จริง  รักที่พี่ได้มาต่อให้10พี่พีทก็ทลายไม่ได้หรอกค่ะ  จากที่เห็นมามาก รักแท้ย่อมมีอุปสรรค และยิ่งช่วยกันฟันฟ่าและพี่ๆก็ยังมั่นคง  อ่านแล้วรู้สึกว่า สุดยอดจัง ทั้งความมั่นคงในตัวพี่วุธ  และความรักที่มั้นคงของพีเป้  ตอนของออยที่พี่วุธเผลอไป  ถ้าคิดถึงอายุ เราว่าเป็นใครก็คงมีหล่ะค่ะ อายุ15-16 แต่อยู๋จะให้บอกใครๆว่าชอบผู้ชายทั้งๆที่ดูแมนมากอย่างพี่วุฒิ คงทำใจยากอยู่

แต่นั่นแหละค่ะ คู่พี่ทั้งสองคน ของใช้คำว่า"คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน" เหมาะที่สุดเลย  เข้ามาทักมายบ้างนะคะ ขอบคุณพี่ที่เขียนร่วมด้วย พอดีไปอ่าน we belong together ของพี่เค้า เห็นมารีพลายพูดถึงเรื่องนี้ เลยตามหาจนเจอ และไม่ผิดหวังเลยจริงๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: tanawat54 ที่ 16-01-2012 22:34:36
อ่านแล้วสนุกดีครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: naiyana ที่ 20-01-2012 20:24:59
ขอบคุณเอ้ที่มาแบ่งปันเรื่องราวนะคะ เป็นเรื่องที่ดีมากๆ
เป็นประสบการณ์จริงที่ทุกคนอ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆ มากมาย
ในบางส่วนสามารถนำมาใช้กับชีวิตตัวเองได้เลย
เสียดายจังที่ไม่ได้เข้ามาอ่านตอนที่ลง เลยไม่ได้คุยกับเอ้เลย
แต่ยังไงก็ขออวยพรให้เอ้และวุธรักกันนานแสนนานตลอดไป
ขอให้มีความสุขในทุกๆวัน ขอบคุณมากจริงๆนะคะเอ้
ถ้าห่างว่างก็เข้ามาทักทายกันบ้างนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Aaehana ที่ 06-02-2012 14:23:23
พึ่งได้อ่านเรื่องนี้ เป็นความรักที่ประทับใจมากๆ ขอให้รักกันตลอดไป มีอะไรก็พูดกันดีๆนะคะ
 ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีได้เจอรักแท้ในชีวิตนี้ คุณเอ้กับคุณวุธได้เจอแล้ว ขอให้รักษาไว้ให้ดี เพราะความรักของคุณทั้งสองทำให้คนที่ได้รับรู้ มีความสุขและความหวังมากขึ้นค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 06-02-2012 17:48:04
เป็นอีกคู่ที่ประทับใจตอนได้อ่านมาก คิดเหมือนรีบนว่าเรื่องราวในชีวิตของเอ้วุธเหมาะกับนิยาม "คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน"
ไม่ว่าจะผ่านไปนาน ยังไงก้อได้กลับมาเจอมารักกันอีกจนได้

ถึงผ่านมาหลายปีแล้วแต่ขอให้รักยังหวานชื่น อยู่เหมือนเดิมนะค่ะ เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคนค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Tinton ที่ 07-03-2012 21:52:00
เพิ่งมีโอกาสได้อ่านเรื่องราวของพี่เอ้ กับ พี่วุธ ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีมาก ๆ ครับ รักกันว่ายากแล้ว แต่การประคับประครองความรักนั้นก็ยากกว่าอีก ขอให้พี่เอ้ กับ พี่วุธ รักกันนาน ๆ นะครับ

ไม่รู้ว่าพี่เอ้จะได้มีโอกาสม่อ่านคอมเมนท์นี้ไหม

ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ให้ได้อ่านนะครับ

 :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 08-03-2012 23:58:45
โอ๊ยยยยยยยยยยยยย

ตามติดขนาด
 :really2:
อ่านไม่จบ
ไปเรียนไม่รุเรื่อง ต้องรีบเรียนรีบกลับมาอ่านเลยค่ะ :laugh:

ขอบคุณสำหรับเรื่องรากดีๆที่มาถ่ายทอด เป็นตัวอักษรให้ได้อ่านนะคะ :L2: :3123: :L1: :pig4:

ขอให้รักกันนานๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: อีเรียม ที่ 09-03-2012 12:27:44
ยังให้กำลัง ใจคุณเอ้ เหมือนเดิม  แต่หายไปเลยนะครับ 


เป้
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 09-03-2012 19:19:03
อ่านถึงหน้า13แล้วสนุกมากมายลุ้นแทบตาย
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 10-03-2012 17:28:59
กว่าจะผ่านเรื่องราวร้ายๆไปได้ลุ้นแทยตาย พยายามมาอ่านเม้นของเพื่อนๆว่าเรื่องราวจะจบแบบไหน ไม่อยากให้จบแบบไม่สมหวัง แต่ก้อลุ้นเหมือนกันว่าจะเป็นไปแบบไหน ความรักของคนทั้งสองสอนให้ใครหลายๆคนได้รู้และเข้าใจในความรักและซื่อสัตย์ ความไว้วางใจการเชื่อมั่นในกันและกัน ตั้งแต่เป็นเด็กจนโตและเข้าเรียนทำงาน ทุกอย่างแทบจะบอกได้เลยว่าลุ้นแทบตาย น่ารักและเศร้าร้องไห้ เสียใจ ไปกับเขาด้วยแต่เรื่องเล่านี้ดีเกินคาด สำหรับผมแล้ว ก็คงไมไดต่างจากวุธและเอ้เท่าไหร่  หนักเอาการเหมือนกัน แต่ต่างกันที่สังคมเท่านั้นเอง เพราะของผมมันเป็นแบบบ้านๆๆ แต่หนักได้ใจเหลือเกิน
ปล.เอาใจช่วยให้สองคนนั้นรักและมั่นคงตลอดไปนะครับคุณเอ้คุณวุธ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: wasawath ที่ 11-03-2012 15:23:07
ชอบมากกกกก!!!
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: poompl ที่ 12-03-2012 01:19:34
กว่าผมจะอ่านเรื่องนี้จบ ใช้เวลาหลายวันเลยครับ

เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก แล้วก็เป็นเรื่องแรกที่ผมอ่านไป ร้องไห้ไป

ขอบคุณครับ สำหรับเรื่องราวดีดีแบบนี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: PRiiNZE ที่ 21-03-2012 02:38:34
โอ่ยยยยยยเพิ่งเข้ามาอ่าน
ประทับใจมาก รู้สึกดีมากกกก
ชอบตรงที่พ่ีสองคนมีเหตุผลกันทั้งคู่ :)
ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ :)
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: sz4music ที่ 21-05-2012 21:50:25
 o13 o13 o13


อ่านเรื่องนี้แล้วประทับใจมากกกกก

มีครบทุกรสเลย คุณเอ้ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาดีมาก

อ่านแล้วลุ้นๆหน่วงๆ อยู่ตลอด ทําเอาน้ําตาซึมเลยยยย

แต่คู่ของคุณเนี่ย เป็นคู่แท้จริงๆเลยนะ เจออุปสรรคตั้งมากมายแหน่ะ แต่สุดท้ายก็กลับมาอยู่ด้วยกัน

ปล. ขอให้รักกันอย่างนี้ตลอดไปนะคะ

Take care ค่ะ :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: HoMophobia ที่ 28-05-2012 05:40:53
 :monkeysad: ยอมรับอย่างเต็มอกเลยนะครับว่าอ่านเรื่องนี้แล้วอิจฉามาก มันบีบหัวใจคนไม่มีคู่ซะเหลือเกิน เข้าใจความรู้สึกของคุณพีทเลยหล่ะ แต่ทำอย่างไรได้หล่ะครับ พรหมลิขิตมันขีดเส้นมาอย่างนี้แล้วและความผูกพันธ์ของทั้งคู่มันไม่ได้พึ่งเกิดขึ้น แต่มันผูกพันธ์กันจนเป็นโซ่เกี่ยวรัดทั้งคู่ให้ไม่สามารถเอาหัวใจไปให้ใครได้อีกแล้ว ชื่อว่าคู่กันแล้วก็ย่อมเป็นคู่กันตลอดไป ต่อให้มีอะไรมาขวางกั้นก็ต้องได้มาอยู่ด้วยกันวันยังค่ำ ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งที่มีรากฐานจากความเป็นจริงแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ ก็ถือได้ว่า คุณเอ้และคุณวุธ ช่างเป็นคู่ที่น่าอิจฉามากมาย เพราะทั้งคู่ช่างมีความมั่นคงต่อกัน (โดยเฉพาะคุณวุธ) ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเอง ไม่หวั่นต่อเหตุการณ์ที่จะต้องเผชิญ
ประมาณการณ์เอานะครับ ผมว่าทั้งผม คุณเอ้และคุณวุธคงจะอายุประมาณเท่าๆ กันบวกลบไม่เกิน 2 ปี เพราะเราทันทั้งเพจเจอร์ และช่วงเริ่มต้นของโทรศัพท์มือถือ(ที่จะโทรแต่ละทีต้องขี่มอเตอร์ไซต์หาคลื่นทั้งๆ ที่อยู่ใน กรุงเทพ) พออ่านจบ(รอบสองนะ) มันทำให้ผมต้องเชื่อในพรหมลิขิตมากขึ้นและต้องเชื่อในความรู้สึกของตัวเองให้มากขึ้น เพราะคนที่เรารู้สึกว่าไม่ได้รักเค้าอย่างที่ควรจะเป็น ทำอย่างไรก็ตามเราก็ไม่สามารถรักเค้าได้ทั้งหมดของหัวใจแน่นอนและถ้าโชคชะตามันกำหนดให้เราไม่มีคู่เราก็ต้องคงเตรียมใจรับพร้อมกับสติที่เตรียมพร้อม ซึ่งผมก็คิดว่าทั้งคุณเอ้และคุณวุธก็ต้องเอาสิ่งที่คุณทั้งคู่พบเจอมาด้วยกัน มาเป็นประสบการณ์สั่งสอนและปรับปรุงกันไป เพราะขึ้นชื่อว่าชีวิตคู่มันก็ต้องมีอะไรให้ปรับเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ ตราบใดที่เรายังอยู่ในสังคมนี้ แต่อย่างไรก็ตามชีวิตคู่มันก็ต้องมีพื้นฐานจากความรักความเข้าใจ ซึ่งคุณทั้งคู่ก็มีให้กันเต็มเปี่ยม
และที่ผมตัดสินใจเขียนตอบคล้ายๆ กับเพ้อรำพันนี้ เพราะว่ามีความรู้สึกเต็มอิ่มรับรู้ได้ถึงความรักที่คุณทั้งคู่มีให้แก่กัน ความเข้าใจกัน และพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน มันเป็นความรู้สึกที่ยินดีกับคุณทั้งสองอย่างหมดหัวใจ สุดท้ายนี้เป็นกำลังใจให้คุณทั้งคู่นะครับ รักกันตราบชั่วฟ้าดินสลาย (คงไม่เว่อร์ไปนะครับ) และขอยึดเอาเป็นแนวในบางส่วนชีวิตที่เหลืออยู่ของผมนะครับ
ยินดีกับคุณทั้งคู่ที่ร่วมฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ร่วมกันมา ไม่ทอดทิ้งกัน และรักกันอย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: NaNaAS ที่ 03-06-2012 22:36:55
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: LM1412 ที่ 05-08-2012 12:07:56
รักกันไปนานๆนะ :n1: :n1: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 10-08-2012 21:05:00
ประทับใจมากๆเลย

ขอให้มีความสุขกันมากๆนะครับ

พออ่านจบมีความรู้สึกรู้สึกโหวงๆเลย

มีทั้งสุข ทั้งทุกข์ เรานั่งยิ้มเหมือนคนบ้า

บ้างก็นั่งร้องไห้ จนเพื่อนบอกว่ามึงบ้าป่าว

ฮ่าๆจะเก็บเรื่องนี้ไว้ในความทรงจำนะ ครับ

รักเรื่องนี้มากๆ

เอ้และวุฒิจะอยู่ในใจตลอดไป
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 28-09-2012 17:22:49
อ่านเรื่องนี้เพราะน้องเป้แนะนำตอนอ่าน we belong together  พอได้อ่านแล้วเหลือเชื่อจริง ๆ ในความรักของทั้ง 2 เห็นด้วยกับหลายคนที่ว่า "คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน "หรือ "พรหมลิขิต"

หลายตอนที่อ่านแล้วยิ้ม บางตอน จิตใจห่อเหี่ยวมาก ลุ้น เครียด สงสารเอ้ เกลียดวุธ โดยเฉพาะตอนที่ให้พีทมาส่งที่บ้าน เครียดมาก แล้วดันมาเจอ web  ที่มันเดี้ยงเข้าไม่ได้ อ่านต่อไม่ได้  ทำไงดี รู้แต่ว่าไม่ไหวแล้วเลยขับรถจากหัวหินไปกรุงเทพทันทีโดยไม่รู้ว่าไปทำไม พอไปถึงก็นวดเท้า กินข้าวแล้วก็นอน เช้ามืดขับรถกลับ(ถ้าทำได้คงไปกระชากคอวุธแล้วถามว่าทำอย่างนี้กับเอ้ได้ไงวะ) พอมานึกดู ตูนี่บ้าเอาการ เป็นเอามาก (เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 ที่ทำให้เอ๋อขนาดนี้ เรื่องแรกก็เรื่อง we belong นั้นแหละ)

มุมมองความคิด การกระทำจากทั้ง 2 คน เอามาใช้ประโยชน์ได้ด้วย เพราะชีวิตพี่ก็มีส่วนคล้ายกัน
ขอบใจสำหรับการแบ่งปันเรื่องราว ดี ๆ

รู้สึกว่ามาอ่านช้ามาก ก่อนหน้านี้มีหลายคนพูดถึงเรื่องนี้ว่าประทับใจ เห็นด้วยอย่างยิ่ง

ขอให้รักกันมั่นคง นึกถึงอุปสรรคที่ฝ่าฟันมาได้แล้วทั้งคู่ก็จะผ่านมันไปได้อีกเช่นเคย เป็นอีกหนึ่งกำลังใจจ๊ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: ekonut ที่ 17-10-2012 00:06:27
จบแล้วคะในที่สุดก็ตามลุ้นเรื่องราวของคุณเอ้จนจบ

ได้ข้อคิดดีๆมากมายเลยคะ ขอบคุณมากคะ
 
สุดท้ายขอให้คุณเอ้และคุณวุธรักกัน ดูแลกันไปตลอดเลยนะคะแล้วแวะมาแบ่งปันเรื่องราวดีดีบ้างนะคะ

ชอบคุณเอ้มากๆๆเลยแล้วก็คุณวุธอยากล้อเล่นแบบนี้บ่อยนะ คนอ่านแทบจะ  :angry2: แล้วคะ

มีความสุขมากๆๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 18-10-2012 12:45:28
อ่านเรื่องนี้จบเมื่อนานมาแล้ว แต่ไม่ได้เม้นท์
เป็นเรื่องที่ประทับใจมากเรื่องนึงสนุกมากกกกกกก
อ่านจบไปแล้ว. 2 รอบ. ขอให้รักกันนานน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 20-11-2012 19:34:38
สุดยอดจริง ๆ เลย สำหรับเรื่องราวดี ๆ เรื่องนี้  o13 o13 o13


นับถือในความรักของหนูเอ้จริง เลย  :call: :call: :call:

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 07-01-2013 00:48:15
อ่านจบแล้วตื้นตันแปลกๆ เป็นเรื่องราวที่ดีมากๆเลยค่ะ สอนเราในหลายๆเรื่องด้วย

เราไปอยู่ดงไหนมาไม่รู้ พึ่งได้มาอ่าน ฮ่าๆๆ

อุปสรรคเป็นสิ่งที่ทำให้ความรักเราแข็งแรงมั่นคงขึ้นได้

ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: satanto ที่ 10-01-2013 14:12:27
ขอให้รักกันยืนยาวนะครับ คุณวุธ กับคุณเอ้ อ่านแล้วซึ้งเลยครับ ได้ความคิดในการใช้ชีวิตคู่แบบนี้มาก ต้องมีความเชื่อใจ ไว้ใจ และหัวใจของคุณทั้งสองแข็งแรงมาก รู้สึกผูกพันจัง ขอให้โชคดีนะครับ อย่าลืมแวะมาทักทายกันบ้างนะครับ พวกเราคิดถึงพวกคุณ :)
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: YenOh ที่ 10-01-2013 18:05:33
อ่านกี่ครั้ง ก็ยังประทับใจ ขอบคุณที่นำมารีโพสนะคะ :)
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 10-01-2013 22:23:02
อ่านรอบนี้รอบที่ 2 ขอพูดบ้างนะ......
อ่านรอบแรกไม่ได้เม้นจำไม่ได้ว่าทำไม...แต่ตอนนี้ขอบอกว่าเป็นอะไรที่สุดยอดของสุดยอดจริง ๆ นะ...
คนที่สามารถจะคู่กันได้นี่จะต้องเป็นคู่แท้กันจริง ๆ ถึงจะสามารถที่จะกลับมาเจอะเจอกันได้หลังจากที่จะต้อง
คบแล้วเลิกคบแล้วเลิกอยู่หลายครั้ง....เราบอกเพื่อน ๆ หลายคนให้เข้ามาอ่านเพื่อจะได้รับรู้บ้างว่าไม่ใช่แค่ชายหญิงที่จะคู่กัน...
แต่ขอให้เป็นคู่แท้ไม่ว่าจะชายหญิง หรือชายชายก็สามารถที่จะคู่กันได้...แต่ทุกคู่ทุกคนต้องมีความรักเป็นพื้นฐาน มีความเข้าใจ  มีความไว้ใจ ให้เกียรติกัน และมีความหวังดีให้กับคนที่เรารัก เหมือนคนเอ้ที่หวังให้คุณวุธพบได้พบกับสิ่งที่ดี คนที่ดี เพื่อคุณวุธจะได้มีความสุขที่สุด...ซึ่งนั่นก็พิสูจน์ว่าคุณเอ้เป็นคนที่ดีที่สุดที่คุณวุธควรจะรักให้มาก ๆ อย่าได้ปล่อยไปเป็นอันขาด  ไม่อย่างนั้นคุณวุธจะเสียใจไปตลอดชีวิตจริง ๆ นะ...จะบอกให้.......ป่านนี้จะไปสวีทกันที่ไหนน๊า......ปีใหม่นี้มีความสุขทุกคนนะเจ้าคะ.. o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: feili ที่ 16-01-2013 11:00:03
 o18 o18 o18 ขอให้มีความสุขะกับคนที่คุณรักและรักคุณน๊ะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pockypocky ที่ 23-01-2013 05:43:16
เพิ่งไล่อ่านจบค่ะ
อยากจะบอกว่าเรื่องนี้สุดยอดมากๆๆๆ
นอกจากพี่เอ้จะแต่งสนุกแล้ว
เรื่องนี่ยังทำให้ได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ทั้งชีวิตของเด็กพานิชย์ และความรักที่ทั้งสองช่วยกันประคับประคองมาค่ั
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรอ่านจริงๆ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pudcha ที่ 25-01-2013 11:14:22
อ่านจบแล้ว อยากบอกว่าเป็นเรื่องราวที่ดีมาก เป็นคู่ที่น่ารัก และก็รักกันจริงๆ

เหมือนเกิดมาเป็นคู่กันจริงๆ นี่ขนาดไม่ได้เจอกันตั้งหลายปียังมั่นคงในรักไม่เปลี่ยน

ต่างคนต่างรอซึ่งกันและกัน และแล้วก็กลับมาพบกันจนได้ รักกันอย่างนี้ตลอดไปนะ

ดูแลกันจนแก่เฒ่า ขอให้ทั้งคู่มีความสุขมากๆ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 26-01-2013 20:26:41
ประทับใจ และคงจะตรึงใจไปอีกนาน ...ขอบคุณๆเอ้ที่ถ่ายทอดเรื่องราวดีๆ และผู้นำโพสท์ทุกท่าน  :pig4:
อ่านแล้วอินไปกับทุกอารมณ์จริงๆ เค้าเหวี่ยงเราเหวี่ยง เค้าโศกเราโศก คงด้วยเพราะตัวเนื้อความและกลวิธีการเขียน --- โคตรชอบเลย
รักกันนานๆนะคุณเอ้ คุณวุธ . . . กว่าจะได้มามันไม่ง่าย ขอใ้ห้ทางที่เดินต่อไปราบรื่น :L1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 27-01-2013 10:57:42
ขอบคุณพี่เอ้ที่นำเรื่องความรักของพี่มาเล่าให้ทุกคนฟังเป็นอุทหรณ์ใหนการดำเนินชีวิตรักให้ใช้ทั้งอารมณ์และเหตุผลควบคู่กันไป(อย่างใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดมากกว่า)
ขอบคุณพี่วุธและพี่เอ้ที่สอนมุมมอง แนวคิด และทัศนคติทั้งด้านความรักและการใช้ชีวิต
ขอบคุณพี่เป้ที่นำเรื่องราวดีๆอย่างนี้มาให้อ่าน

พี่เอ้ทำน้องรู้ว่า การที่เรามีธิถิเกินไป อาจจะทำให้ความรักของเราเจ็บปวดทั้งคู่ได้ ไม่มีใครโชคดีเหมือนพี่เอ้กับพี่วุธที่ต่อให้แม้จะเลิกลากันไม่รู้อีกครั้ง แต่พรหมลิขิตก็นำพามาให้เจอกันและรักกันได้ทุกครั้งไป น้องซึ้งทุกตอนและเศร้าในหลายๆตอน แต่ตอนที่ทำให้น้องทั้งเศร้าและอิ่มเอมคือ ตอนที่พี่เอ้รำพึงเป็นความคิด ตอนที่มีพี่พีทเข้ามาปั่นปวนชีวิตรัก ทำให้น้องรู้ว่า พวกพี่ไม่ใช่แค่คนรักแต่เป็นคู่ชีวิตของกันและกัน อย่างที่พี่เอ้บอกถ้าให้พี่พีทกับพี่วุธอยู่ด้วยกัน พี่พีทจะทนได้หรอในนิสัยและความเป็นตัวตนของพี่วุธ มันจึงทำให้น้องรู้ว่าระหว่างพี่วุธและพี่เอ้มันเป็นมากว่ารัก มันคือความผูกพันธ์ ของคนที่ร่วมชีวิตร่วมฝ่าอะไรหลายอย่างมาร่วมกันทั้งสุขและทุกข์ นี้ซิที่เรียกว่ารักแท้ รักปฏิหารของจริง

รักและคิดถึง
รุ่นน้องเด็กพาณิชย์
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: pee122 ที่ 21-04-2013 00:31:39
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ครับ
 :bye2: o13 o13 o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 28-06-2013 15:48:10
ในที่สุดก็อ่านจบ...
หัวใจมันฟู... อธิบายไม่ถูก... เอาเป็นว่ามีห้าคะแนน ยกให้เต็ม เติมศูนย์ให้อีกล้านตัว

ยอมรับว่าหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมางานยุ่งเอามาก ๆ จนไม่มีเวลาอ่านนิยายเลย มีแต่เซฟเก็บ หนังสือก็ซื้อมาเก็บจนล้นบ้าน บอกตัวเองว่าสักวันต้องได้อ่านแน่ ๆ

...และแล้ววันนี้ก็มาถึง
มีเวลาว่างแล้วแต่ไม่มาก ก่อนโปรเจคใหม่จะมาและไม่ว่างไปอีกยาว
มีนิยายกองเป็นภูเขา แล้วจะอ่านเรื่องไหนดี?
...เรื่องยากคือตรงนี้แหละ
เหมือนเราเป็นนักโทษประหาร และมีผู้ตัดสินมาถามว่า "เจ้าอยากกินอะไรเป็นมื้อสุดท้ายในชีวิต" นั่นหมายถึง เราต้องเลือกให้ดี ๆ ให้คุ้มค่ากับเทียนชีวิตที่หดลงไปเรื่อย ๆ 

สุ่มเลือกจากคลังนิยายที่เซฟเก็บไว้ ปกติจะเซฟนิยายจากชื่อของนักเขียนเป็นหลัก(ง่ายดี) ก็เจอคุณ lanlan เป็นชื่อสุดท้าย ลอง ๆ เปิดดูจำนวนหน้า อื้ม..มีแค่ 7 หน้า ถือว่าสั้นใช้ได้ น่าจะลองดู   
พอเปิดหัวข้อมา
โห เป็นเรื่องเล่าจากชีวิตจริงแฮะ เอาไงดี จะอ่านดีไหม
เพราะเรื่องเล่าส่วนมากจะจบด้วยความเศร้า ไม่เนื้อก็พานอยด์ตลอดศก และที่ไม่ชอบที่สุดคือมักจบเศร้ามากถึงมากที่สุด เป็นคนไม่ชอบอ่านนิยายเศร้า ๆ อยู่แล้ว อ่านแล้วจิตตกไปหลายวัน อยากอ่านเรื่องฮา ๆ พาชีวิตรื่นเริงมากกว่า 

แต่อะไรดลใจให้ลองกดอ่านดูก็ไม่รู้
คงเป็นเพราะพารากร๊าฟแรกล่ะมั้ง มันทำให้เราเพลิดเพลินจนจากแรกแค่ว่าจะลองดู ไป ๆ มา ๆ ก็อ่านจนจบตอนที่หนึ่ง วิ่งไปตอนที่สอง ตามด้วยสาม สี่ ห้า หก เจ็ด จนรู้ตัวอีกที คือหยุดตัวเองไม่ได้แล้ว
 
อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้เอ้เลย เพราะเขียนเรื่องราวให้อ่านง่าย วางเนื้อเรื่องได้ดึงดูด ดึงอารมณ์และความรู้สึกให้ลุ้นตลอดเวลา และอีกอย่าง คาดเดาเนื้อหาไม่ได้เลยว่าจะออกมายังไง

เริ่มอ่านตั้งแต่เที่ยงวันยันตีสาม(เป็นคนอ่านช้าด้วย) จริง ๆ วันรุ่งขึ้นมีธุระ ต้องไปเจอบุคคลสำคัญ อุตส่าห์นอนเร็ว (สามทุ่ม) กินอาหารดี ๆ เพื่อให้ผิวสวยมาเป็นอาทิตย์ เตรียมตัวอย่างดี พอมาอ่านเรื่องนี้ รู้ว่าตื่นมาต้องโทรมแน่ ๆ สั่งตัวเองให้ปิดคอม แต่อีกใจก็อยากอ่าน มันติดเอามาก ๆ จนในที่สุดความอยากก็เอาชนะความดี บอกตัวเองในใจ "ช่างหัวมัน"
อ่านจนจบภาคมหาลัย (ให้อ่านต่อไม่ไหวแล้ว ไมเกรนกิน = =) ตัดสินใจลากสังขารไปอาบน้ำ ออกมากินวิตามินเสริมกันโทรมเกินกว่าเหตุ ลากสังขารเอ๋อ ๆ ขึ้นเตียงแล้วสลบไป   

ตื่นมาหน้าโทรมได้ใจ แต่หาได้แคร์ไม่ เพราะใจมันมีแต่วุธกับเอ้
ตอนที่อ่านจบ รู้ว่าวุธกับเอ้คบกันแล้ว แต่เพราะรู้ว่ามีภาคต่อ ทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องนี้มันยังไม่จบง่าย ๆ แน่ ๆ นั่งนอยด์ไปพบลูกค้าหน้าโทรม ๆ นั่นแหละ

พยายามตัดวุธเอ้ออกจากหัว หันมายิ้มแย้มกับลูกค้า
แต่โทษครับ ลับหลังลูกค้ามานั่งนอยด์ต่อ เอาแล้วไง เพราะงี้ไง ถึงไม่ชอบอ่านเรื่องเล่าจากชีวิตจริง

จิกหัวตัวเองจากเงามืดมายืนโปรยยิ้มให้ลูกค้าต่อ แม้ในมโนกำลังคิดไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าวุธจะทำอะไรให้เอ้เสียใจอีก เล่าได้อินมากจนเหมือนเอ้เป็นเพื่อนของเราไปแล้วจริง ๆ

ตอนแรกก็ว่าจะอ่านภาคผู้ใหญ่ตอนเสร็จธุระ (สามวันหลังจากนี้) แต่พอดีมันอดรนทนไม่ไหว รีบเคลียร์งาน แล้วหาเวลามานั่งอ่านต่อ
ก่อนอ่าน แอบมีเสียงหนึ่งดังขึ้นในใจ "แกแน่ใจนะว่าจะอ่านต่อ เพราะมันอาจจบไม่ดีนะ" ใจหนึ่งพยักหน้าหงึก ๆ แบ่งรับแบ่งสู้ อีกใจส่ายหัวดิก เกาะขาแน่นเงยหน้ามองมาน้ำตาคลอ "อย่าอ่านเลยนะ เขาไม่อยากนอยด์"
แต่อิใจสู้เอาชนะใจเสาะมาได้

อ่านจบแต่ละตอนก็ต้องมานั่งอ่านคอมเม้นท์ของแต่ละคน ว่ามันจบดีหรือไม่ดี แต่ก็ไม่มีใครบอกว่าจบเศร้านะ ก็โอ ปลอบใจอิน้องหนูใจเสาะ "เห็นไหม มันจบดีนะ" มันยังเกาะแข้งเกาะขาน้ำตาคลอ มองมาแบบไม่ไว้ใจเหมือนเดิม
เราก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านไป 
 
ตั้งแต่ภาคแรกมา วุธทำให้เราไม่ไว้ใจมาก พอมาภาคผู้ใหญ่ เราก็ยังไม่ไว้ใจเหมือนเดิม ดูจะมากกว่าเดิมด้วย กลัววุธเลิกรักเอ้ กลัววุธทำเอ้เสียใจ กลัววุธเลือกคนใหม่ หวาดกลัวไปหมด

ยิ่งคุณ martch มาตัดจบที่วุธออกจากบ้านหลังคุยกับพีท โอ้โห ตอนนั้นแทบคว่ำโต๊ะแน่ะ
เอาแล้วไง ไอ้วุธ!!
ดีว่าอีหนูสองตัวนั้นห้ามไว้ทัน ไม่งั้น บุกไปยิงถึงบ้านแน่ ๆ
กลับมาเอาน้ำเย็นลูบคอ อ่านต่อจนนิยายจบ

พอจบก็มานั่งถามตัวเอง เอาไงต่อดี
เออใช้...เม้นท์ให้กำลังใจเอ้ก่อน เอ้ได้อ่านก็ดีไป ไม่ได้อ่านก็ไม่เป็นไร แค่อยากระบายความรู้สึกที่ได้อ่านให้ฟังเท่านั้น

อย่างที่บอกว่าจากบรรทัดแรกชอบตั้งแต่การเล่าเรื่อง ต่อมาเป็นความประทับใจในบุคลิกของเอ้ เป็นธรรมชาติและน่ารัก นิสัยส่วน
ตัวและอะไรหลาย ๆ อย่าง เอ้เป็นคนดี แต่ก็ยังเป็นมนุษย์ มีหลายอย่างที่ไม่ดีก็มี แต่ก็นั่นแหละที่ทำให้เราประทับใจ

ปกติจะไม่อะไรกับนิยายที่อ่านมาก แต่แปลกไหม ที่พออ่านเรื่องนี้จบ อยากวิ่งกลับไปอ่านตอนที่หนึ่งใหม่ เพื่อเก็บรายละเอียดเพิ่มขึ้น

ฉากไหนที่ประทับใจสุด?
คงเป็นตอนที่วุธเจอกับเอ้ครั้งแรก
คือตอนนี้เป็นตอนที่เราวนกลับไปอ่านแล้วอ่านอีกหลายรอบมาก เพราะหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าคนที่จับคางเอ้ให้เงยขึ้น คนที่ปรามเพื่อนไม่ให้แกล้งพวกเอ้ กับคนที่บอกว่าจองคนที่สะพายกระเป๋าเป้เป็นคนคนเดียวกันไหม อ่านกี่รอบกี่รอบก็ยังไม่เข้าใจ แต่ถ้าใช่ก็ต้องบอกว่าชอบมาก เพราะอยากรู้ว่าทำไม วุธถึงได้มาทำตีสนิทกับเอ้ และทำไมถึงได้อยากแกล้งเอ้

คือเราฟังความจากเอ้ไง รู้เรื่องรู้ราว แต่ก็อยากรู้ว่าทำไม วุธต้องทำแบบนี้ มันต้องมีเหตุผลสิ แล้วเหตุผลนั้นคืออะไร
เราลองมานั่ง ๆ คิดดู
เพราะวุธถูกใจเอ้ตั้งแต่แรกเห็น แต่ตัวเองไม่รู้ ทำให้รู้สึกอยากแกล้ง อยากตีสนิท จนพาลเป็นความรักขึ้นมา
หรือว่าเพราะอารมณ์อยากแกล้งจริง ๆ จนกลายเป็นความรู้สึกดี ๆ ขึ้นมา อันนี้เราไม่รู้ แต่มันเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของความรักของคนทั้งคู่
ถ้าวุธ(หรือคนในกลุ่ม)ไม่เดินเข้ามาทัก ความรักของคนทั้งคู่ก็ไม่เกิด
จุดเริ่มต้นมักเป็นอะไรที่เราประทับใจเสมอ 

แล้วเราก็อึ้งมาก ที่วุธปลอมเป็นโย ตอนแรกก็เข้าใจว่าโยกับวุธรู้จักกัน และกำลังเล่นเกมอะไรกันอยู่โดยเอาเอ้เป็นตัวกลางซะอีก
แต่พอมารู้ว่าวุธปลอมเป็นโย ไม่ใช่แค่เอ้ที่น็อคกลางอากาศ เรานี่ นั่งอึ้งมือจับเม้าส์สั่นไปหมดเลย
มันน็อค มันช็อค มันอึ้ง แล้วเหตุผลล่ะ งั้นที่ผ่านมาล่ะ มันหลายอย่างมาก แต่ความรู้สึกพวกนี้คงไม่เท่าเอ้ที่รู้สึกตอนนั้น เหมือนเราโดนน็อคไปหมัดเดียว แต่เอ้คงโดนสักสิบหมัดหรืออาจมากกว่านั้น คงเจ็บกว่าเราเยอะ

แต่เอ้เข้มแข็งไง (จนเราอึ้ง) ยังมีอารมณ์มาเอาคืนได้อีกนะคนเรา = =

แล้วก็มาอึ้งอีกรอบก็ตอนวุธเลือกออย ไม่คิดว่าวุธจะทำแบบนั้น ถึงสุดท้าย วุธจะกลับมาหาเอ้ แต่เรารู้สึกไม่ค่อยชอบมาพากลกับเหตุผลที่วุธให้มาเท่าไหร่ (ความไม่เชื่อใจมันเต็มหัวเราไปหมดแล้วนี่ - - )

พอดีกำลังหาข้อมูลเรื่องการรับน้องอย่างเอาเป็นเอาตาย เหมือนท่านผู้ตัดสินได้ส่งอาหารที่เราอยากกิน แต่ลืมเขียนลงในใบสั่งมาให้ อารมณ์แบบ เฮ้ย กำลังอยากได้ข้อมูลพวกนี้อยู่พอดี หาตั้งนาน ได้ในแบบที่อยากได้ด้วย มันเหมือนกับเราไม่ใช่ได้เพียงความสนุกจากนิยายเรื่องนี้เท่านั้น ยังได้ข้อมูล ได้มุมมองดี ๆ ได้ฝึกให้เราเข้มแข้งบ้าง ได้รอยยิ้ม ได้น้ำตา ได้เสียงหัวเราะ และอะไรหลาย ๆ อย่างที่เราไม่คิดว่าจะได้ ก็มาจากเรื่องนี้แหละ อ่าน ๆ ไป บางครั้งหัวใจก็ฟองฟู บางทีก็เหี่ยวจนแทบเอาแว่นขยายมาหาก็ไม่เจอ

อ่านภาคทำงานไป กลัวใจวุธไป ยิ่งทำอะไรให้สงสัย ซ้งติงยิ่งกระตุกมากขึ้น นี่ถ้าวุธมาอยู่ใกล้ ๆ นะ ตืบวุธก่อนความจริงเผยแน่ ๆ

ประทับใจมากที่ห่างหายกันไปนานแต่ก็ยังต่อกันติด คิดในใจ ทำไมใจแข็งกันจัง และคิดว่าพวกคุณสองคน ต้องเคยทำบุญร่วมกันมาแน่ ๆ ถึงได้รักกันขนาดนี้ (แอบคิดเล่น ๆ นะ ว่าชาติที่แล้ว วุธอาจเป็นเสนาฝั่งซ้ายและเอ้เป็นเสนาฝั่งขวา อดีตครอบครัวอาจเป็นศัตรูกันจนรักกันไม่ได้ มาชาตินี้รักกันได้(แม้จะไม่ปกติ) แต่ก่อนจะรักกันได้ ต้องเจออุปสรรค์หลาย ๆ อย่างก่อน คิดว่านะ = =/อย่าไปใส่ใจกับคาดคาดเดามัน = =) 
ความรักไม่มีลดไม่มีร่อน ไม่มีอะไรมาบั่นทอนได้ ซ้ำยังเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน จนคนอ่านหัวใจพองทุกครั้งที่ได้ยิน มันสุดยอดมาก จนไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เข้าใจดี
เอาเป็นว่า ประทับใจมากกกกกก (เพิ่มกอไก่เอาเท่าที่อยากได้นะ)

ตั้งแต่เอ้ไปแอบดูวุธที่บ้าน แทบจะต้องเอาสก็อตเทปอันใหญ่ ๆ มาปิดปากตัวเอง เพราะมันยิ้มไม่หุบ เหงือกแห้งได้ใจ (หลังจากต้องตาแห้งมานาน) ดีใจที่จบดี

ชอบที่เอ้เป็นเอ้ เป็นคนเข้มแข็ง มองโลกในแง่ดี เสียสละ ฉลาด ไหวพริบดี แต่บางทีก็ฐิธิสูง นอยด์ง่าย งอนง่าย แต่ถ้าเป็นตัวเองคงยิ่งกว่านี้ ฮ่า ๆ
แต่ก็นั่นแหละ อะไรหลาย ๆ อย่าง พิสูจน์รักแท้ได้ดีมาก ไม่เพียงเอ้ แต่วุธด้วย ทั้งคู่สร้างฐานอันมั่นคงมาด้วยกัน ต่อกำแพง สร้างห้องนอน เสริมห้องน้ำ จวบจนมาถึงหลังคาจนกลายเป็นบ้านอันสวยงามให้เราดู
หน้าที่ของเอ้กับวุธก็คือ ดูแลบ้านหลังนี้ต่อไปไม่ให้เสื่อมโทรม หาเทียนมาจุด เพิ่มความโรแมนติก หาดอกไม้มาปัก เพิ่มความสดชื่น ปลูกต้นรัก ทำให้บ้านเป็นบ้านที่สมบูรณ์มากขึ้น

ขอบคุณจริง ๆ สำหรับเรื่องดี ๆ แบบนี้


ปล. ชอบความสัมพันธ์กับเพื่อนทุกคนด้วย ขอบคุณเพื่อน ๆ ของเอ้ทุกคน ที่เสริมเติมชีวิตเอ้มาจนถึงทุกวันนี้
ขอบคุณพ่อกับแม่เอ้ที่ดูแลเอ้มาดี(รวมถึงพ่อแม่ของวุธด้วย)
และที่ขาดไม่ได้ ก็ต้องขอบคุณวุธที่เลือกเอ้ในที่สุด และก็ต้องขอขอบคุณเอ้ที่มั่นในรักเช่นกัน

จุ๊บ ๆ รักเอ้ รักวุธ(แต่น้อยกว่าเอ้นิดนุง = =) ขอให้มีความสุขกับการทำงานและชีวิตรักมาก ๆ น้าาา ^^
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: NAVY BLUE-OCEAN~ ที่ 29-06-2013 13:30:20
อ่านจบแล้ว คิดถึงจังเลยอ่ะ ทุกวันกลับมาจากโรงเรียนมานั่งอ่าน กลายเป็นกิจวัตรไปแล้ว แต่วันนี้ไม่มีให้อ่านแล้ว มันรู้สึกเหมือนมีอะไรขาดหาย

คิดถึงพี่เอ้พี่อุธ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างอ่ะ สบายดีหรือเปล่า อยากรู้ว่าพี่ๆเป็นยังไงตอนนี้

ขอบคุณพี่เอ้ที่เล่าเรื่องราว อ่านไปยิ้มไป พอถึงตอนดราม่าก็ลุ้นแทบจะบ้าตาย(อย่างตอนที่พี่วุธย้ายออก โคตรปวดใจ ไม่ยอมทานข้าว จะอ่านให้จบ ว่ามันเป็นยังไงกันแน่ ไม่งั้นคาใจ ขาดใจแน่เลย!!) แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ลงเอยด้วยดี....... เฮ้อ!!!!!!!!!!!! คิดถึงอ่ะ(อีกล่ะ!!)  มันผูกพันธ์อ่ะ!!!!!!

ขอให้พี่เอ้พี่วุธ มีความสุขมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นะครับ รักกัน ดูแล ห่วงใย ใส่ใจ กันและกันตลอดไปนะครับ

รักและคิกถึง
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 01-05-2014 19:44:44
พี่เอ้ ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวดีๆ ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายอีก
ขอให้รักกันตลอดไป ดูแลกัน สุดท้ายมีความสุขมากๆนะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 02-05-2014 00:03:25
ร้องไห้ตามตลอด
เหมือนเขียนมาจากความรู้สึกเราเลย
นิสัยเราก็เป็นแบบคุณเอ้
รักๆ เลิกๆ มาหลายปี
เพราะอะไรก็ไม่รู้ ทิฐิ น่าเบื่อเจงๆ

คุณเอ้เขียนสนุกมากค่ะ
ขอบคุณมากๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: S.nonsuj ที่ 27-05-2014 00:09:27
เราเพิ่งมาอ่านเรื่องคุณเอ้กะคุณวุธ ตามมาจาก we belong together ของคุณเป้เนี่ยแหละ
ประทัปใจอ่ะ  :m15:  มีความสุขมากๆนะคะ
เรื่องราวของทั้งสองตั้งแต่เริ่มต้นมันผ่านมาหลายปีอยู่ มีทุกอารม
อ่านจนตาบวม ยิ้มแก้มปริบ้าง น้ำตาไหลบ้าง มีทุกอารมณ์ อดนอนอ่านเรื่องพวกคุณเนี่ยแหละ
ก่อนอ่าน คิด นาน เพราะเรื่องจริงนั้นมักจะ.... :sad4:  :เฮ้อ:  :z3:  :monkeysad:
ในที่สุดก็อ่าน เรื่องนี้ได้ข้อคิดเยอะเลยอ่ะ >> ทิฐิ เรื่องเล็กน้อยที่ไม่เข้าใจกัน พอไม่พูดเข้าใจผิดไปใหญ่ ชีวิตรักของคนสองคน
เวลาผ่านไปเป็นสิบปี ตั้งแต่คุณเรียนพาณิชย์ คุณเรียนช่าง เจอกันตอนมหาลัย ตอนทำงาน
รักๆเลิกๆ แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่เลิกรัก  :กอด1:
รู้สึกถึงคำว่า 'บุพเพอาละวาด' กับ 'รักแท้' เลย โลกกว๊างกว้าง แต่ยังงัยคุณก็เจอคุณวุธอยู่ดี  คุณเอ้โชคดีที่ชีวิตเจอคนที่ 'ใช่' แล้ว
ขอให้พวกพี่รักกันนานๆนะ.....ไปจนแก่เลยนะ  :L2:
ดูแลกันดีๆนะคะ เรารู้ ทุกคนที่อ่านเรื่องของพี่เอ้ เป็นกำลังใจและลุ้นจนตัวโก่งทุกราย ^ ^
รู้สึกรักพวกพี่จัง  :hao5:
ขอบคุณนะคะ ทุกอย่าง ทุกคน ทุกสิ่ง  :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Tiiteez ที่ 13-11-2014 00:42:28
อ่านไปที่เศร้า ๆ มีความคิดว่าจะไม่อ่านต่อเพราะรู้สึกเศร้าตามครับ แต่ก็ต้องกลับมาอ่านเพราะคิดถึง ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่เอ้ พี่วุธทำอะไรอยู่ จะสบายดีไหม ยังไงถ้าได้เข้ามาเล้าเป็ดก็มาทักทายกันบ้างนะครับ ขอบคุณและขอให้รักกันไปนาน ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: teamkoyza ที่ 07-01-2015 19:31:14
 :laugh: คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน น่าจะจริง อร๊ายยฟินน  :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: top_fy ที่ 11-01-2015 08:50:03
อานจบแล้ว ขอให้พี่เอ้กับ พี่ วุธ รักกันนานๆ นะครับ ขอให้โชคดี นะจุฟๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: limpingping ที่ 16-04-2015 21:38:31
เป็นอีกเรื่องที่น่าติดตามมาก ขอบคุณเอ้ที่มาเล่าเรื่องราวดีๆ หวังว่าจนบัดนี้ทั้งคู่จะยังครองรักกันอยู่
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 17-04-2015 00:15:32
กลับมาอ่านเรื่องนี้รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ ไม่ได้นับแล้วเพราะเยอะมาก ขอบคุณคุณเป้ที่ร่วมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมากับคุณเอ้ จะเรียกว่าดิฉันโตมากับเรื่องนี้ก็ไม่ผิด ดิฉันเจอเรื่องนี้ที่บอร์ดปาล์ม ตอนนั้นเพิ่งเข้าเรียนมหาลัย จึงอินกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ ตอนนั้นอ่านไปก็ทุกข์ไป มีสุขด้วย ยอมรับว่าร้องไห้กับตอนที่พีทกอดวุธเข้าไปในบ้านเอ้ ตอนนั้นเหมือนวุธทำลายความเชื่อมั่นทุกอย่าง ทำลายพื้นที่ส่วนตัวของทั้งสองคน โดยการให้พีทเข้ามายุ่ง โกรธวุธมาก แต่ชอบวุธมากๆ ตรงที่ว่าเป็นคนเคลียร์ และมั่นคงจริงๆ (ต่างกับอีกคนในเรื่อง We Belong) คิดเตลิดไปไกลว่าเขาคงถึงไหนๆ กันแล้วใช่ไหม ทำไมถึงได้สนิทสนมกันขนาดนี้ แล้วถ้าเกิดเอ้ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ววุธจะไม่โดนพีทเคลมหรือ? แต่จากการที่วุธอธิบาย ดิฉันเบาใจนะคะ เพราะเชื่อว่าวุธคงไม่เล่นด้วย อันนี้เชื่อเพราะว่าดูจากความแตกต่างของทั้งพีทและวุธ ไม่ได้พูดถึงฐานะนะคะ แต่พูดถึงไลฟ์สไตล์ วุธน่ะเหมาะกับเอ้มากกว่า โตมาในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน ย่อมเข้าใจกันมากกว่าพีทที่โตมาในสังคมต่างประเทศ ดิฉันก็เลยเชียร์ให้เอ้ใจอ่อนกับวุธให้มากๆ หน่อย (เพราะเอ้ใจแข็งและปากหนักเหลือเกิน แบบหักเป็นหัก)

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ และจะกลับมาอ่านเรื่องนี้เรื่อยๆ

ความจริงอยากเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นรูปเล่ม แต่คงต้องรอความเห็นคุณเอ้ก่อนใช่ไหมคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 17-04-2015 23:25:30

คิดถึง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 17-04-2015 23:46:29
https://www.youtube.com/v/emsY89zzQQE

ความหมายดีดีของเพลงนี้..ช่างเหมาะเจาะกับความรักของวุธ+เอ้



ก็ผมรักเรื่องนี้ จริงจริง
วุธ+เอ้
 :กอด1:


ป้อล่อ..ใจตรงกันอีกแล้วนะครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: OitJi ที่ 18-04-2015 01:29:40
        เคยอ่านเรื่องนี้เมื่อครั้งนานมาแล้ว แล้วยังจำได้ดีเนื้อหายังจำได้อยู่ในใจเสมอ นานๆครั้งก็พยายามค้นออกมาอ่านใหม่
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านสนุก  ถึงแม้ว่าจะขึ้นชื่อกระทู้ว่าเรื่องเล่า แต่เราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าจริงๆแล้วเป็นเรื่องเล่าจริงๆ
หรือเปล่าแต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดเลยคือไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง ผู้เขียนก็สามารถเขียนถ่ายทอดเรื่องราวออกมา
ได้สนุกน่าติดตามจริงๆ
   :กอด1:

       พออ่านเรื่องนี้จบอีกรอบหนึ่งก็ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่าเรื่องนึงว่า... เรื่องนี้มีการอ้างอิงสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวทำให้เรื่อง
น่าเชื่อและเข้าถึงได้จริงๆ เมื่ออ่านไปแล้วรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับเรื่อง ซึ่งต่างกับนิยายสมัยใหม่ที่เน้นฉาบฉวย เน้นฉาก-
จิกหมอน แต่อ่านไปสักตอนสองตอนแล้วรู้สึกว่าปิดกระทู้ดีกว่า ไม่ค่อยอยากจะอ่านต่อสักเท่าไร ถ้าเป็นภาษาสมัยนี้ก็
คงไม่อิน+ไม่ฟินไปกับเรื่อง  เหมือนอ่านนิยายที่มีแต่เปลือกแต่ขาดแก่นของเรื่อง , ขาดจุดสำคัญ , ขาดการเน้น
ขาดการเรียงลำดับความสำคัญที่จะค่อยๆส่งต่อไปทีละบทจนถึงตอนจบที่เนื้อเรื่องครบสมบูรณ์ มันทำให้นิยายสมัยใหม่
หลายๆเรื่องอ่านแล้วสนุกเพียงชั่วครู่หนึ่งแต่ขาดเสน่ห์ให้จดจำ  แต่ท้ายที่สุดนี้ก็ขอชื่นชมและขอบคุณผู้เขียนทั้งรุ่นเก่า
และใหม่ที่เขียนเรื่องเล่าหรือนิยายมาแบ่งปันเรื่องราวให้แก่ผู้อ่านในเล้าเป็ดไม่ว่ามันจะออกมาดีหรือไม่ดีก็ตาม   :pig4:

       
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: top_fy ที่ 11-10-2015 08:27:27
ขอบคุณเรื่องเล่าสุดแสนประทับใจ ครับ ขอให้พี่เอ้พี่วุธ รักกันตลอดปายยย คับ :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: jeong_ ที่ 04-07-2016 00:04:50
ขอบคุณค่ะ สนุกมากๆได้แง่คิดหลายมุมดี เอาปรับใช้ได้ด้วย
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 09-07-2016 23:04:49
กลับมาอ่านเรื่องนี้อีกรอบ
ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณเอ้กับคุณวุธจะเป็นยังไงบ้าง
หวังว่าคุณทั้งสองคงสุขสายดีนะคะ
เป็นเรื่องที่เรายังนึกถึงเสมอ
อ่านกี่รอบก็ตื้นตันใจ สุขใจมากเลยคะ
ยังหวังว่าคุณเอ้จะเข้ามาอ่านคอมเม้นบ้างนะคะ55

คิดถึงและรักเรื่องนี้เสมอ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: psyche ที่ 11-09-2016 23:24:45
อ่านแล้ววางไม่ลง ลุ้นไปกับเอ วุธ ทั้งเรื่องเลย
เราก็อดีตเด็ก​พาณิชย์​ (แถวประตูน้ำ)  การเเต่งตัว เพื่อน ทุกอย่างมันใช่เลย

คู่นี้ เราเรียกว่า "พรหมลิขิต" จะมีสักกี่คนที่แฟนคนแรก คนเดียวตลอด
คุณเอ้ คุณวุธ เป็นคนที่มั่นคงมาก รักษาเวอร์จิ้น เป็นคนแรกของกันและกัน  ถึงจะมีหวั่นไหวบ้าง เลิกกัน ห่างกัน แต่คุณยังคงไม่เอาเซ็กซ์​เป็นตัวคลายความเหงา  เราชอบแนวคิดคุณ 2 คนนะ

รักคนอื่นได้ แต่ก็รักตัวเองด้วย ทิฐิ คือ ตัวทำลายช่วงเวลาดีๆ ขอบคุณที่มาแบ่งปันประสบการณ์​ดีๆ ที่มีทุกรส ... ขอให้รักกันตลอดไปนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: Moopat ที่ 26-11-2016 20:46:49
เพิ่งได้มาอ่านช้าไปเป็น 10 ปี
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ
ประทับใจ ซึ้ง เศร้า สุข ครบทุกอารมณ์
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 26-02-2018 21:49:45
คิดถึง อยากทราบว่าตอนนี้ทั้งคู่เป็นอย่างไร
หัวข้อ: Re: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
เริ่มหัวข้อโดย: January21 ที่ 19-12-2022 18:16:37
สนุกมากก ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดีมากๆ ขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้ออกมาให้อ่านครับ ชอบทุกความสัมพันธ์ของทุกตัวละคร มันเรียลมากๆ ประทับใจมากครับ