(เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT  (อ่าน 316319 ครั้ง)

giffyaof

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้คุณเอ้น่ะครับ

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
คุนเอ้คงจะมีความสุขน่าดู  ที่วุธเป็นคนที่มั่นคงได้ขนาดนี้

และหวังว่าวุธจะมั่นคงแบบนี้ต่อๆ ไป   :m1:

นางคุ้ม

  • บุคคลทั่วไป
 :o11:เห็นใจพี่พีทเหมือนกันนะ  แต่ว่าด้วยคุณสมบัติอย่างพี่พีทเราว่าน่าจะหาคนรู้ใจได้ไม่ยากนะ อย่ามาแยกคู่คนอื่นเลย สงสารเค้า :amen:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
เฮ้อ....................ต่อไปจะเป็นยังไงเนี่ย แอบเครียด

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

ความเข้าใจ และ ความมั่นคง ยังคงเป็นเรื่อง

สำคัญสำหรับความรัก

ขอให้เอ้กับวุธรักษาสองอย่างนี้เอาไว้นะครับ รับรอง

จะไม่มีใครมาเป็นมารขัดขวางความรักของเราได้เลย

 o15

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
แอบไปอ่านตอนจบในบอร์ดอื่นแต่มาเม้นท์บอร์ดนี้
ขอชื่นชมคุณเอ้เหมือนเดิมนะ
เป็นกำลังใจให้ชีวิตรักไปด้วยดีตลอดไป
แต่ถ้าดูจากที่ผ่านมา
ค่อนข้างมั่นใจว่าคงไม่มีอะไรมาทำให้ชีวิตสั่นคลอนไปได้หรอก
แหมก็รักกันซะขนาดนี้

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจที่มีความสุขกันอ่ะ :m1: แต่ก็แอบกังวลเรื่องพี่พีทเหมือนกันดูท่าจะไม่อยู่ง่ายๆ อ่ะ ต้องมีเรื่องใหญ่แน่เลย  :sad2:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
หวังว่าพี่วุธจะมั่นคงได้ตลอดรอดฝั่งนะฮะ

คงไม่ทามให้พี่เอ้เสียใจนะฮะ

พี่เอ้เนี่ยก้อเข็มแข็งพอตัวอยุ๋นะฮะ

ที่ยอมเสียสละคนที่เรารักมากที่สุดให้ก่ะใครก้อไม่รู้

เพียงเพราะว่าคนที่เรารักจะได้อยุ่ในสิ่งที่ดีๆ

แต่พี่วุธก้อดีนะฮะที่มั่นคง(แต่ก้อขอให้ตลอดนะฮะ ไม่นั่นละก้อ :o  :o)

ยังไงก้อจะรอให้มาต่ออีกนะฮะ

เปงกำลังใจให้นะฮะ  สู้ๆนะฮะทั้งคนต่อแย้วก้อพี่เอ้ด้วยนะฮะ :m13: :m13:

reu_aha

  • บุคคลทั่วไป
ร๊ากกกกกกพี่เอ้นะ^^



เป็นกำลังใจให้ค่ะ :a11:

kimsumsoon

  • บุคคลทั่วไป
จะว่าไปก็น่าสงสารพี่พีทเหมือนกันนะคะ
ชาติตระกูล ฐานะ การศึกษา และหนังหน้า ดีกว่าเอ้ทุกอย่าง
แต่ไม่มีใครเอา
ชีคงจะคิดว่า ชีมีดีขนาดนี้ทำไม๊ทำไมวุธไม่สนใจชี

ชีก็เลยอยากแย่งวุธไปจากเอ้งัยคะ น่าจะอยากเอาชนะมากกว่า
ตามประสาคนเป็นโรคขาดความอบอุ่นนะค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ CMYK

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
เฮ้อ อ่านตอนนี้แล้วอยากมีแฟนขึ้นมาทันที
เดี๋ยวไปจุดธูปถามเจ้าที่ก่อน ว่าเกิดยัง  :laugh:

anston

  • บุคคลทั่วไป
โหยยยย..ไม่ได้อ่านหลายวันเยอะมากๆ..
มีเรื่องเข้ามาอีกจนได้นะ..
ขอชมว่าคุณเอ้เข้มแข็งและนิ่งขึ้นเยอะเลย..
แถมมีความรักที่ประเสริฐมากเลย..
ยอมได้ถ้าคนรักเจอคนที่ดีกว่า..
แต่ที่สุดยอดคือคุณวุธที่รักมั่นคงมาก..
อาจมีเผลอตัวบ้างแต่ก็แค่เล็กน้อย..
และที่สำคัญคือมีเรื่องอะไรก็เปิดอกพูดกัน..
หายากนะครับคนอย่างนี้..
ขอให้ความรักยั่งยืนนานนะครับ..

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
Re: (เรื่องเล่า)"อด$
«ตอบ #612 เมื่อ02-11-2007 16:17:44 »

พี่พีทคุณเป็นอะไรรึป่าวทำไมคุณถึงอยากได้ทำลายครอบครัวคนอื่นเค้า คุณก้อรู้อยู่แล้วว่าพี่เอ้กับพี่วุธรักกัน คุณยังจะมาแยกพวกพี่เค้าออกจากกันได้ลงคอรึ  จิตใจของคุณทำด้วยอะไรน่ะทำไมคุณไม่ยอมรับความเป็นจริงแล้วเปิดใจล่ะ  ทำไมคุณไม่ลองมองมองมุมกลับกัน ว่าถ้าหากมีใครมาทำแบบนี้กับชีวิตคู่ของคุณ คุณจะรู้สึกยังงัย   ต้องขอชมพี่วุธนะค่ะที่เค้ายังมีความหนักแน่นแล้วเล่าให้พี่เอ้ฟัง  พี่เอ้นู๋ขอชื่นชมพี่ว่าพี่ยังคงใช้เหตุผลและสติแก้ปัญหาไม่ใช่อารมณ์ ดีแล้วค่ะขอให้พี่วุธกับพี่เอ้หนักแน่นนะค่ะ  ถ้าพี่รักกันหนักแน่นนู๋เชื่อว่า อีก10ตาพี่พีทก้อทำอะไรพวกพี่ไม่ได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2007 16:33:55 โดย HydrA »

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มารอตอนต่อไปนะฮะ

อยากอ่านต่อมากมายเยยนะฮะ

เปงกำลังใจให้นะฮะ สู้ๆนะ :m13: :m13:

kimsumsoon

  • บุคคลทั่วไป
เอ่ออออ
รู้สึกรีบนๆ
จะอินนนนนนนน
มากไปหรือเปล่าคะ

คิ้มว่าพี่พีทก็หล่อดีนะคะ
ว่าแต่พี่พีทจะสนคิ้มมั๊ยคะเนี่ยยยย :a3:

reu_aha

  • บุคคลทั่วไป
หนูรออยู่นะคะ


ร๊ากพี่จังเลย^^

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มารอต่อไปเพื่อความฝันใฝ่ที่จะได้อ่านนะฮะ

ยังไงก้อจรอต่อไปเรื่อยๆนะฮะ

แต่ถ้าช้าอาจเกิดกานสูญเสียได้นะฮะ

เพราะอาจจะลงแดงตายซะก่องง่า หือๆ :m15: :m15:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
หงะ  รอๆๆๆๆๆ

รอใจจาขาดแว้วววววว

 o9 o9 o9

 :serius2: :serius2: :serius2:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
ขออภัยด้วยคับ พอดีป่วยยยย เลยไม่ได้มาลงต่อให้นะคับ....
ไปต่อกันเลยดีกว่าคับวันนี้ลงให้ 2 ตอนเลยครับ :m23:

=====================================================================
9. That’s the way love goes
.....ขากลับ...วุธขับรถแบบเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ เพราะไม่ได้รีบร้อนอะไร...กะว่าถึงบ้านประมาณ 3-4 ทุ่ม ระหว่างทาง เราคุยกันถึงเรื่องอนาคต วุธหลุดปากถามผมว่าจะทำงานโรงแรมตลอดไปเลยหรอ..ผมตอบไม่ได้..วุธก็ไม่เซ้าซี้เอาคำตอบจากผมเหมือนเคย..เราคุยกันตั้งแต่ต้นแล้วว่า จะไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว การเคารพการตัดสินใจของคนที่เรารัก เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผม พอ ๆ กับการรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา บางเรื่องผมไม่เห็นด้วยกับมัน ผมก็ต้องยอมตามใจ ปล่อยให้มันทำ แต่ถ้าวุธให้ทำ หรือชวนไปในที่ที่ผมไม่อยากไป มันก็บังคับผมไม่ได้ เพราะผมไม่เคยบังคับมัน (แต่ใช้วิธีหว่านล้อมแทน..ได้ผลทุกทีด้วย).....
.....ตั้งแต่ที่ผมรับสายพี่พีทเมื่อตอนบ่าย เขาก็ไม่โทรมาอีกเลย ใจนึงก็สงสารและเข้าใจ ผมเองก็เคยเป็น ที่แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่า ผู้ชายคนนั้นถ้าเป็นแฟนเรา เขาจะต้องมีความสุขกว่านี้...ในกรณีเดียวกันกับพี่พีท เขาอาจจะคิดว่าผมไม่มีเวลาให้วุธ ไม่ดูแลใส่ใจมันเท่าที่คนรักกันพึงกระทำ...เขาอาจจะคิดว่าเขามีทุกอย่างเหนือกว่าผม...เขาอาจจะคิดว่าวุธอยู่กับเขาน่าจะมีความสุขมากกว่าอยู่กับผม.....
.....เขามีสิทธิคิด เพราะเขาไม่รู้ว่าเราสองคนผ่านอะไรมาแล้วบ้าง..ถ้าเป็นคนอื่นคงเขว หรือเผลอใจไปกับรูปร่างหน้าตา คำพูดเพราะ ๆ รถสปอร์ตคันหรู การศึกษาดีกรีนักเรียนนอก..พูดตรง ๆ ว่าถ้าพี่พีทจีบผม ผมอาจจะเผลอตัวไปบ้าง..แต่คงไม่เกิน 3 วันหรอก....
.....พี่พีทไม่รู้ว่าวุธมันเคยเถื่อนขนาดไหน..ตั้งแต่มันทำงานมานี่ บุคลิกภายนอกมันเปลี่ยนไปเกือบทุกอย่าง พูดผม พูดคุณ ฟังดูเป็นทางการ..เรื่องเสื้อผ้ามันก็ใส่ใจมากขึ้น เนื่องจากตอนที่มันต้องไปอยู่หอคนเดียว ทำทุกอย่างเองซักผ้า รีดผ้า สมัยนั้นยังไม่มีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญอย่างทุกวันนี้..ตอนแรกมันก็หอบเสื้อผ้ากลับมาซักที่บ้าน แต่พอเรียนหนักเข้ามันก็แทบไม่มีเวลากลับบ้านเลย วันหยุดของมันจึงหมดไปกับการเล่นเกมส์ ทำความสะอาดห้อง และเสื้อผ้า..พนันกันได้เลยว่า ถ้ามันยังอยู่บ้าน งานพวกนี้มันก็ไม่แตะ...ตอนนั้นมันเริ่มหาเสื้อผ้าดี ๆ ใส่เพราะมันทน เนื้อผ้าแบบไหนซักยังไงมันรู้หมด..เสื้อยืดบางตัวก็ต้องรีด กางเกงยีนส์ดี ๆใส่ได้นานกว่ากางเกงเถื่อน ๆ ที่มันชอบใส่เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนสมัยเรียนช่างกล....
.....พี่พีทจะรับไอ้วุธได้เหรอ ถ้าเวลานอนมันชอบใส่เสื้อยืดย้วย ๆ กับกางเกงขาสั้น ในขณะที่พี่พีทอาจจะใส่ชุดนอนเป็นผ้าแพรทั้งชุดก็ได้..พี่พีทจะรู้หรือเปล่าว่าเวลามันอยู่กับเพื่อนเก่า ๆ มันพูดคำด่าคำ สัตว์เลื้อยคลานเพ่นพ่าน..พี่พีทจะรำคาญมั้ยถ้าวุธสามารถนั่งเล่นเกมเพลย์ได้ทั้งวันเหมือนเด็ก ๆ..พี่พีทอาจจะทนไม่ได้เวลาวุธมันอารมณ์ดี แล้วชอบยั่วให้ด่า..พี่พีทต้องกินข้าวฝีมือมันมากกว่าไปกินร้านอาหารหรู ๆ..พี่พีทคงจะไม่ได้ไปเดินห้างดังกับมัน ยกเว้นวุธมันอยากซื้อของที่มีขายเฉพาะในห้าง พวกอุปกรณ์กอล์ฟของมันนั่นแหละ...อย่าคิดว่าวุธจะเดินเกี่ยวก้อยชวนดูเสื้อผ้านะ..เพราะถ้ามันได้ของที่ต้องการเมื่อไหร่ นั่นคือเวลากลับบ้าน..พี่พีทอาจจะต้องแกล้งทำหน้ามีความสุขเวลาไปซื้อผักผลไม้ในตลาดสด น้ำแฉะ ๆ หรือเดินซื้อขนมที่ตลาดนัดแถวบ้าน...พี่พีทต้องรู้จักเลือกซื้อของกินของใช้ที่คุณภาพดีแต่ราคาไม่แพง เพราะเราเชื่อว่าของดี ๆ บางอย่างไม่จำเป็นต้องแพง ขอแค่เรารู้แหล่งซื้อ และวิธีต่อรองกับคนขาย...นี่แค่ส่วนน้อยนะครับกับการที่พี่พีทต้องปรับตัวให้เข้ากับวุธได้.....
.....แต่ถ้าวุธมันตกลงปลงใจกับพี่พีทล่ะ...พี่พีทยอมให้มันไปไหนต่อไหนโดยไม่ต้องโทรตามมั้ย นอกจากมันจะกลับดึกเกินไป ถ้าจะโทรก็ต้องโทรเพราะเป็นห่วง..ไม่ใช่หวง..ต่อไปพี่พีทคงต้องใช้เวลาหน้าเตาแก็สมากขึ้น คอยทำอาหารให้มันกินในเวลาที่มันอ้อนอยากกินอะไรเป็นฝีมือแฟนมัน อ้อ แล้ววุธมันชอบอาหารไทยนะ แต่รู้สึกว่าพี่พีทจะไม่ปลื้มกลิ่นกะปิ น้ำปลาซะด้วย..ไฮโซอย่างพี่พีทอาจจะต้องช่วยวุธต่อรองราคาสินค้าเพื่อให้ได้ของที่ราคาสมเหตุสมผลที่สุด อันนี้ผมกับวุธเหมือนกัน เวลาซื้อของได้ในราคาที่คาดไว้จะมีความสุขมาก....เห็นวุธมันดูดีอย่างนี้ คงไม่รู้ว่ามันโลว์เทค มือถือของมันฟังก์ชั้นเยอะแยะก็จริง แต่ลองให้มันทำอะไรแปลก ๆ สิ มันทำไม่เป็นหรอก..มันไม่สนใจเรื่องพวกนี้เอาซะเลย..มือถือมันจึงมีประโยชน์แค่โทรเข้า โทรออก ส่งข้อความ..รูปหรือวีดิโอมันยังไม่ค่อยอยากจะถ่ายเลย พูดง่าย ๆ คือมันกลัวเจ๊ง..ของแพงจึงไม่ใช่สิ่งสำคัญในชีวิตเรา..ผมกับวุธเกิดมาในครอบครัวที่ต้องทำงานตั้งแต่เด็กเหมือนกัน แม้จะไม่ได้ลำบากนัก แต่เราก็รู้คุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์....ที่สำคัญที่สุดพี่พีทอย่าทำให้มันอึดอัด และต้องทำให้มันหัวเราะมากกว่านี้นะ.....
.....ทั้งหมดที่เพิ่งอ่านไปนี้ผมคิดเล่น ๆ ถ้าวุธมันเลิกกับผมไปคบกับพี่พีทแทน..จะไปกันได้นานแค่ไหน..แต่ถ้าต่างคนต่างปรับตัวเข้าหากันได้ คบกันได้นาน ผมก็ดีใจด้วย เพราะผมก็รู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่าพี่พีทดีกว่าผมทุกอย่าง..วุธเองก็ไม่ปฏิเสธ แต่บังเอิญว่ามันไมได้สนใจแค่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอก หรือทรัพย์สมบัติ..เมื่อเย็นนี้วุธบอกว่าบางทีก็รู้สึกว่าเราสองคนมีความสุขกว่าพี่พีทซะอีก ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น..วุธภูมิใจที่มันซื้อรถเอง ดาวน์เอง ผ่อนเอง ในขณะที่พีพีทใช้เงินเดือนหลักหมื่นกลาง ๆ หมดภายในเวลาไม่ถึง 10 วัน นอกนั้นคงเป็นเงินจากครอบครัว...ซึ่งวุธมันไม่เห็นด้วยที่อายุขนาดนี้แล้วยังไม่มีอะไรที่ทำด้วยตัวเอง ต่างจากคนอเมริกันทั่วไปที่แยกตัวจากครอบครัว และต้องดิ้นรนด้วยตัวเองเพื่อให้มีมากขึ้น.....
.....เราไม่รู้ว่าพี่พีทคิดอะไรอยู่ แต่ก็รู้สึกสงสารที่เขาพยายามหาความสุขแบบผิด ๆ (ในความคิดของเราทั้งสองคน) นี่เป็นเหตุผลที่วุธอึดอัดเวลาอยู่กับพี่พีท เรื่องทัศนะคติในการใช้ชีวิตก็เป็นเรื่องสำคัญในการคบหาเป็นแฟนกัน.....ยังมีอีกหลายเรื่อง หลายเหตุการณ์ที่วุธเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับพี่พีท ยิ่งฟัง ผมก็ยิ่งโล่งอก มั่นใจได้ว่าวุธไม่มีทางที่จะไปคบกับพี่พีทแบบคนรักได้ แต่วุธก็สามารถคบกับพี่พีทในฐานะเพื่อนได้เหมือนเดิม เพราะพี่พีทไม่ใช่คนไม่ดี เพียงแต่ความคิดของเขาทั้งคู่สวนทางกันไปคนละเรื่องต่างหาก..ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวุธมันถึงได้ยืนยันกับผมอย่างหนักแน่นว่าไม่ได้คิดอะไรกับพี่พีทแม้แต่นิดเดียว...อารมณ์นี้ผมเข้าใจ...เพราะผมก็เคยรู้สึกอย่างนี้กับคนคนนึงเหมือนกัน...ไอ้โมทย์ไง.....
*
*
*
“...ฮัลโหล...จ้า...จริงดิ...เหรอ...งั้นฝากด้วยนะ...อืม...Thank you จ้า...” ผมวางสายลง คิดหาทางแก้ไขสถานการณ์
“...น้องสาวโทรมาอีกแล้วเหรอ...” วุธสงสัยเมื่อเห็นผมยิ้มนิด ๆ กับโทรศัพท์ เหมือนเมื่อเย็นที่นังน้องสาวสองคนที่โรงแรมโทรมาแหย่ผมเวลาที่พวกมันว่าง และพอมันรู้ว่าผมอยู่ระยอง มันก็เกิดอยากกินโน่น อยากกินนี่ ผมก็ต้องซื้อกลับไปฝากมันเยอะกว่าซื้อกินเองอีก
“...แวะหาพ่อกับแม่ก่อนเหอะ...จะได้เอาของฝากไปให้วันนี้เลย...” ผมยิ้มให้มันก่อนเปลี่ยนเรื่องบอกให้วุธไปบ้านมันก่อน ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกตกลงกันไว้ว่าผมจะเป็นคนแวะเอาของฝากไปให้ในวันพรุ่งนี้ก่อนไปทำงาน
“...ดึกไปป่าว...” วุธมองนาฬิกาที่คอนโซลรถ
“...โห...เพิ่งจะสองทุ่มกว่าเอง ไปถึงไม่เกินสามทุ่มหรอก...” วุธคิดนิดนึง แล้วพยักหน้าพร้อมเร่งความเร็วให้ไปถึงบ้านมันในเวลาไม่ดึกมากนัก
“...อยากหยุดต่ออีกวันจัง...” วุธบ่นเบา ๆ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ้อ...แต่ถ้าหยุดก็ต้องอยู่คนเดียว...”
“...งั้นมะรืนนี้หยุดพร้อมกันนะ...พรุ่งนี้จะไปเขียนใบลาพักร้อน 3 วันรวดเลย...” วุธได้ยินแล้วยิ้มดีใจ เพราะปกติผมไม่ค่อยได้หยุดยาว ๆ ไม่อยากรบกวนคนอื่นให้สลับวันหยุดตามผม แต่สถานการณ์แบบนี้ผมต้องหาทางหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพี่พีทให้มากที่สุด
.....คนที่โทรมารายงานข่าวเมื่อกี้ คือพี่ที่ทำความสะอาดข้างบ้าน ที่ผมฝากให้เขาช่วยเป็นหูเป็นตา โทรมาบอกว่ามีผู้ชายรูปร่างหน้าตาดีมาเดินกระวนกระวายอยู่หน้าบ้านผมซักพักแล้ว...เป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่พีท...ดังนั้นผมจึงหาทางถ่วงเวลาให้วุธแวะเอาของฝากจากระยองไปฝากพ่อกับแม่ที่บ้านก่อน.....
.....ผมคิดว่าถ้าพี่พีทหาเรื่องไปพักที่โรงแรมเพื่อจะเจอผม...เขาต้องเสียเงินเปล่าแน่นอน เพราะผมจะลาหยุด 3 วันติดกันเป็นครั้งแรกตั้งแต่ทำงานมา และวุธก็จะหยุดวันศุกร์แล้วควบวันหยุดประจำเสาร์-อาทิตย์เพื่อเราจะได้ใช้เวลาพักผ่อนด้วยกัน...ผมสัญญากับตัวเองว่าจะให้เวลากับวุธมากขึ้น และมากที่สุดเท่าที่จะให้ได้...ต่อจากนี้ไป...ผมจะไม่ให้ใครรู้สึกว่า วุธอยู่กับเขาแล้วมีความสุขมากกว่าอยู่กับผม...และที่สำคัญที่สุด..ผมจะทำให้วุธมั่นใจว่า...เลือกถูกแล้ว.....
*
*
“...ว่าไง...” ผมรับโทรศัพท์ที่โชว์เบอร์โรงแรม อีสองคนนั่นมันคงโทรมาแหย่ผมตามปกติ
“...พี่เอ้...หนูมีเรื่องจะคอมเพลนแขกพี่อ่ะ...” อีธีพูดเสียงจริงจัง
“...อะไรของพวกแกวะ...” ผมงง
“...ก็ไอ้คุณพีทอ่ะดิ...เมื่อกี้เค้าเดินเข้ามา..พวกหนูก็ทักเค้าดี ๆ แต่พี่เอ้รู้ปะเค้าทำพวกหนูหน้าแหกอย่างแรงเลย...”
“...แกไปทักเค้าว่าอะไรล่ะ...”
“...ก็พอเค้าเดินมาหนูก็นึกว่าจะมาหาพี่เอ้..อุตส่าห์หวังดีบอกเค้าว่าวันนี้พี่เอ้หยุด...ไปฮันนีมูนกับแฟนที่ระยอง...แค่นั้นแหละ..ไม่รู้เป็นอะไร..เดินเข้ามาด่าพวกหนูเป็นชุดเลย..ภาษาอังกฤษซะด้วยนะ..พี่คิดดูดิ..แขกอยู่ตรงนั้นตั้งหลายคน ถ้าเค้าด่าเป็นภาษาไทยหนูก็คงไม่อายอย่างนี้ เพราะแขกคนอื่นฟังไม่ออกแน่ ๆ เนี่ยทุกคนในล็อบบี้มองพวกหนูเป็นตาเดียวเลย...หนูน่ะไม่เท่าไหร่หรอก โดนแขกด่าเป็นเรื่องปกติ แต่อีเบสมันแค้นมากเลยอ่ะพี่..มันเถียงไม่ทันเค้า...”
“...แล้วแกไปทักเค้าอย่างนั้นได้ไงวะ...”
“...อ้าวก็เค้ารู้จักพี่เอ้...เห็นมองมาทางนี้ก็เลยคิดว่าเค้ามองหาพี่เอ้อ่ะ...” เค้าจะมองหากูทำไม ก็เค้ารู้ตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วว่ากูหยุดไปเที่ยวกับแฟน ผมเถียงมันในใจ
“...เค้าด่าแกว่ายังไง...”
“...ก็ประมาณว่า..ไอไม่ได้ถามว่าใครจะหยุด ใครทำงาน หรือใครจะไปไหน เพราะมันไม่ใช่เรื่องของไอ..ยูคิดว่านี่คือคำทักทายที่พนักงานอย่างยูจะทักทายแขกวีไอพีอย่างไอ
งั้นเหรอ..เห็นทีไอต้องให้ทางผู้บริหารของยูจัดการฝึกอบรมมารยาทที่ดีของพนักงานโรงแรมใหม่ซะแล้วล่ะ.........................................................” อีธีทำเสียงเล็กเสียงน้อย เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่ถึง 5 นาทีที่ผ่านมาให้ฟัง
“...เออว่ะ..มันก็ถูกของเค้า..ทีหลังแกแค่สวัสดีทักทายปกติก็พอ...”
“...พี่เอ้รู้มั้ย..ก่อนหน้าไอ้คุณพีทของพี่เอ้จะเข้ามาแป๊บเดียว...แอนดี้ก็กลับเข้ามาจากข้างนอกเหมือนกัน..คำถามแรกที่เค้าถามหนูคือ..พี่เอ้ไม่มาทำงานเหรอ..หนูคิดว่าไอ้คุณพีทก็คงอยากจะถามอย่างนี้เหมือนกัน..หนูก็เลยชิงพูดไปซะก่อน..ทำไมอ่ะ..หนูไม่เข้าใจ..คนรู้จักกันไม่เห็นมาทำงานมันก็เป็นเรื่องที่ควรถามถึงไม่ใช่เหรอ..มันเป็นการแสดงความห่วงใยใส่ใจอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ..ไม่เห็นจะต้องทำเป็นเรื่องราวใหญ่โต หรือทำโมโหอะไรขนาดนั้น..ดีนะว่าเค้ารู้จักกับพี่เอ้..ไม่งั้นหนูจะหลอกด่าซะให้เสียเลย...”
“...พอเหอะ..ยังไงเค้าก็เป็นแขกของเรา..แล้วนังเบสไปไหนอ่ะ...”
“...มันไปนั่งเครียดอยู่หลังฟร้อนท์..มันบอกว่ามันน่าจะพูดอะไรได้มากกว่านี้..ไม่ใช่ยืนฟังเค้าด่าอย่างเดียว..นึกคำศัพท์ไม่ทัน..มันเจ็บใจที่ร่ำเรียนเอกอังกฤษมาแท้ ๆ แต่โต้ตอบอะไรไม่ได้เลย..ก็แหม..คนเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองไทยจะสู้กับคนที่เกิดและโตที่เมืองนอกได้ไงเนอะ...แต่หนูว่ามันกำลังปลงเรื่องที่แอนดี้มาถึงก็ถามหาพี่เอ้มากกว่า...” อีธีเม้าธ์เพื่อนแล้วหัวเราะ ได้ยินเสียงอีเบสตะโกนด่า แสดงว่าคงออกมาแล้วได้ยินเพื่อนเม้าธ์พอดี
“...พี่เอ้..พรุ่งนี้เคลียร์กันหน่อยนะคะ...” อีเบสแย่งหูโทรศัพท์มาจากอีธี
“...เออ...พรุ่งนี้เจอกัน..พี่ต้องวางสายก่อนนะ..พี่วุธเรียกกลับบ้านแล้ว..อ้อ..ไม่ต้องหาซื้ออะไรเข้ามากินนะ..พี่มีขนมไปฝาก..บอกอีธีมันด้วยว่าพรุ่งนี้เลิกงานแล้วเราไปกินร้านเดิมกัน...” ผมชวนพวกมันไปกินร้านจิ้มจุ่มแถวโรงแรม อีเบสกรี๊ดกร๊าด ไม่มีเค้าความเจ็บใจเหมือนที่อีธีเม้าธ์เลย
.....นี่แสดงว่าพี่พีทคงรอพวกผมที่หน้าบ้านไม่ไหว เลยอารมณ์เสียกลับโรงแรม แล้วอีสองคนนั่นดันไปสะกิดโดนแผลเข้าอีก ซวยเลย...กว่าจะกลับถึงบ้านผมก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่ม..ผมไล่ให้วุธรีบอาบน้ำนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงานเหมือนเดิม...ก่อนนอนผมก็ไม่ลืมขอวุธไปกินจิ้มจุ่มกับน้อง ๆ ที่โรงแรมในคืนพรุ่งนี้ เพราะผมกับพวกมันไม่ได้กินอะไรด้วยกันนานแล้ว...ผมชวนวุธให้ไปกินด้วยกัน แต่วุธบอกว่าอยากเล่นเกมส์ที่เพิ่งได้มาใหม่ ตอนแรกมันตั้งใจจะเล่นวันนี้ แต่อยากไปเที่ยวกับผมมากกว่าก็เลยอดใจไว้เล่นวันอื่น...วุธขอไปรับผมที่ร้านแทน ผมเกรงใจเพราะร้านนี้มันเปิดดึกมาก เวลาเลิกงานของพวกผม คือเวลาที่เค้าเพิ่งจะตั้งร้าน..วุธบอกว่าไม่เป็นไร ดึกแค่ไหนก็ไปได้ แล้วมันก็ขำ...แหย่ผมว่ารู้แล้วว่าทำไมเวลาเอ้ไปหาอะไรกินกับสองคนนั้นแล้วกลับดึก..ก็คงไปช่วยเค้าตั้งร้าน หรือไม่ก็ไปช่วยเค้าเก็บร้านกันแน่ ๆ... ผมดีดหูมันดังเป๊าะ วุธหันมามองช้า ๆ แล้วพลิกตัวขึ้นคล่อม...จากนั้นมันก็ทำโทษผมด้วยวิธีของมัน ซึ่งเดี๋ยวนี้ชักจะทำบ่อยไปแล้วนะ...ไม่เพลียบ้างรึไง(วะ)...แต่โคตรชอบเลย(ว่ะ)วิธีทำโทษแบบนี้.....
*
*
*
.....พอรูดบัตรลงเวลาที่ประตูทางเข้า เดินยังไม่ถึงล็อกเกอร์ เสียงนังสองคนนั่นก็ดังมาจากข้างหลัง...พวกมันช่วยผมถือของฝาก ก็ของพวกมันนั่นแหละ แล้วหลังจากนั้นผมก็ต้องฟังพวกมันกระหน่ำด่าพี่พีท...และยิ่งใส่อารมณ์เพิ่มเมื่อผมเล่าเรื่องราวระหว่างพี่พีทกับผมจบ...พวกเราเดินเม้าธ์กันตั้งแต่ล็อกเกอร์ถึงหลังฟร้อนท์ ผมแวะเอาใบลามาเขียน อีพวกนั้นก็เข้าใจ ไม่โอดครวญ และยินดีให้ผมหยุด ทั้ง ๆ ที่พวกมันก็ต้องเลื่อนวันหยุดตามผมไปอีกหลายวันด้วย….
“...อู๊ย...หนูอยากเห็นหน้าอีพี่พีทเวลารู้ว่าพี่เอ้หยุดไปสวีตกับพี่วุธ 3 วันจัง...” อีเบสกรี๊ดกร๊าดตามประสา
“...แหม...ขนาดหยุดไปวันเดียวยังวีนขนาดนี้..มึงเตรียมตัวเปิดดิกไว้เถียงกับเค้าเหอะ...” อีธีเตือน
“...กูด หมอ นิ่ง ชาลี๊...” ทั้ง ๆ ที่เกือบบ่ายสองไปแล้ว แต่เราก็ยังทักทายทุกคนด้วย Good morning สำเนียงอีสานพร้อมกันสามคน ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะเดินเข้างานที่หลังฟร้อนท์พร้อมกัน และเราก็จะทักทายทุกคนอย่างนี้ประจำ สมมุติตัวเองว่าเป็นนางฟ้าชาร์ลี...ทุกคนหันมามองพวกเราเป็นตาเดียว เอ๊ะ ทำไมไม่รับมุขวะ
“...ไม่คิดจะเซย์ไฮ..Good morning angles มั่งเหรอ...” ผมถามขำ ๆ ก่อนเดินเอาขนมของฝากไปวางไว้บนโต๊ะส่วนรวม
“...เมื่อวานรอบบ่ายทำอะไรเอาไว้...” เอฟโอถามเสียงเครียด
“...ทำอะไรเหรอครับ...” อีธีทำหน้าใสซื่อ
“...มีแขกคอมเพลนมาว่าไม่มีมารยาท..เอ้านี่ไปอ่านซะ...” ผู้จัดการยื่นซองคอมเม้นท์ให้ตรงหน้า ผมรับไว้แล้วเปิดอ่าน เป็นภาษาอังกฤษล้วน ๆ ส่งมาจากห้องสวีทใหญ่ แขกวีไอพี คอมเพลนทุกแผนกในโรงแรม แต่ฟร้อนท์โดนหนักสุด เจาะจงว่าเป็นรอบบ่ายด้วย เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็โดนฟ้อง ประเภททรงผมไม่เรียบร้อย พนักงานคุยกันเสียงดัง ฯลฯ
“...โอ๊ยพี่...นี่เค้าคิดว่าเค้าพักอยู่โอเรียนเต็ลหรือเปล่า...อลังการจริง ๆ...โอเค...พวกเรายอมรับว่าผิด...แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรนี่นา...” ผมโวยวาย
“...ทำงานโรงแรมเราต้องใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย...” พี่ซุปฯ พูดยิ้ม ๆ เพราะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“...แต่ถ้าต้นเหตุมันมาจากเรื่องส่วนตัวล่ะ...” อีเบสถาม พี่เอฟโออึ้งไปนิดนึง
“...สำหรับงานบริการ...แขกถูกเสมอ...จำไว้...”
“...รู้งี้กูไม่รับ Booking หรอก...” นังธีบ่นเบา ๆ
“...อ้อ...ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป...ก่อนเข้างานวันละสิบห้านาทีจะมีการบรีฟ...เพื่อให้ฟร้อนท์ทุกคนทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด...โดยเฉพาะรอบบ่าย...” เอฟโอพูดจบก็เดินเข้าห้อง พวกเราสามคนยักไหล่พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“...เป็นเรื่องเลยไง...แล้วกูจะได้หยุดมั้ยเนี่ย...” ผมเดินตามผู้จัดการเข้าห้องเพื่อเอาใบลาไปให้พิจาณา ซึ่งเป็นการบังคับให้เขายอมเซ็น เพราะมีใบเปลี่ยนวันหยุดของสองคนนั่นแนบไปด้วย ดังนั้นข้ออ้างที่จะปฏิเสธใบลาของผมว่าไม่มีคนทำงานจึงตกไป
*
*
“...ไฮ...คุณเอ้...” ผมก้มหน้าก้มตาคีย์ข้อมูลแขกที่เพิ่งทำการเช็คอินลงคอม ปล่อยให้อีสองคนนั่นรับแขก คอยกันไม่ให้แขกเดินมาถึงผมได้ ไม่งั้นงานผมก็คงไม่เสร็จ วันนี้เราต้องเร่งมือนิดนึง เพราะเลิกงาน เราจะไปเดินเล่นแถวนี้ก่อนไปกินจิ้มจุ่มร้านประจำ
“...อ้าว...หวัดดีแอนดี้...ไม่ได้เจอตั้งนาน เป็นไงมั่ง...” ผมทักทายฝรั่งรูปหล่อคนเดิมที่ตอนนี้ยืนเท้าเคาท์เตอร์มองหน้าผม
“...ก็ดีครับ...สนุกดี แต่ร้อนมาก...ผมก็เลยได้ผิวสีแทนมาโชว์คุณเลย...” แอนดี้ถลกแขนเสื้อให้ผมดูรอยแดดเผา มิน่าเค้าดูเข้มขึ้น หล่อขึ้นด้วย “...ผมมีของมาให้คุณด้วย..แต่เมื่อวานคุณไม่อยู่..เดี๋ยวผมเอาลงมาให้นะ...” พูดจบเขาก็ทำท่าจะเดินขึ้นห้อง
“...เดี๋ยว...ผมก็มีของฝากให้คุณเหมือนกัน...รอแป๊บนึงนะ... ” ผมเดินเข้าไปหลังฟร้อนท์หาขนมที่ดูดีมีสกุลให้แอนดี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วตอนซื้อผมไม่ได้นึกถึงเขาเลย
“...ขอบคุณครับ...ว่าแต่..เอ่อ..คุณไปไหนมาเหรอ...” แอนดี้รับกล่องขนมไป พลางหาดูว่ามีภาษาอังกฤษตรงไหนที่เขาพอจะอ่านได้ เผื่อจะรู้ว่าผมไปซื้อมาจากไหน...ทั้งกล่องมันมีแต่ภาษาไทยอ่ะ
“...เมื่อวานไประยองมา...รู้จักระยองปะ...อยู่ด้านตะวันออกของประเทศไทย...เอางี้...รู้จักเกาะเสม็ดปะ...แต่ผมไม่ได้ข้ามไปนะ...”
“...รู้จักสิครับ...ตอนที่ผมทัวร์ทั่วประเทศ ผมก็ผ่าน แต่ไม่ได้ข้ามไปเหมือนกัน เห็นแต่ท่าเรือ...ผมไปที่เกาะช้างมาครับ...สวยมาก ๆ...” คำหลังแอนดี้พูดเป็นภาษาไทย ผมยิ้มให้กับสำเนียงน่ารักของเขา แล้วเราก็เงียบ เพราะแอนดี้มัวแต่มองหน้าผม เล่นเอาเขินไปเลย
“...ไหนล่ะ...ของฝากของไอ...” ผมพูดขำ ๆ แก้เขิน
“...อ๋อ...ครับ เดี๋ยวผมลงมา...” แอนดี้สะพายกระเป๋าเตรียมขึ้นห้อง
“...ไม่ต้องรีบนะ...ผมอยู่ที่นี่ถึง 5 ทุ่ม...” ผมยิ้มให้เขาอีกครั้ง
“...แอนดี้...คืนนี้คุณว่างมั้ย...” อีเบสถลาเข้ามาถามเสียงอ่อนเสียงหวาน
“...ว่างครับ...ทำไมเหรอ...” แอนดี้ตอบนังเบสแต่หันมามองผมนิดนึง
“...คือว่าคืนนี้เรามีปาร์ตี้กันอ่ะ...อยากไปกับพวกเรามั้ย...” อีธีตอบแทน นึกภาพลูลู่กับลาล่าไว้นะครับ อีสองคนนี่มันเหมือนมาก
“...เฮ้ย...เค้ากินกับพวกเราไม่ได้หรอก...” ผมปราม ชวนฝรั่งไปกินจิ้มจุ่มเนี่ยนะ คิดได้ไงอ่ะ
“...ได้สิพี่...หนูเห็นน้องจอย (ชื่อเล่นของจอยเนอร์ หรือเรียกอีกอย่างว่าคุณโส) พาฝรั่งไปนั่งกินหน้าสลอน...”
“...เค้าอยู่เมืองไทยก็ต้องให้เค้าได้ลองกินอะไรที่คนไทยกินด้วยสิพี่...” อีเบสสนับสนุน
“...เออ...ตามใจ...” ผมหันไปคีย์งานต่อ
“...เดี๋ยวผมลงมาคุยรายละเอียดนะ...” ผมได้ยินเสียงแอนดี้พูดก่อนขอตัวขึ้นห้อง
*
*
*
“...พี่เอ้...ออกมาข้างนอกหน่อย...” เสียงอีเบสเรียกทำให้ผมต้องวางขนมในมือ กินน้ำตาม คิดว่าแอนดี้เอาของฝากมาให้ ส่องกระจกดูความเรียบร้อยไม่มีเศษขนมติดปาก ติดเสื้อ
“...ว่าไงจ๊ะ...” ผมส่งเสียงไปก่อนตัวเป็นภาษาไทย
“...ไปเที่ยวมาสนุกมั้ย...” พี่พีทยืนตัวตรงอยู่หน้าเคาท์เตอร์ ผมหุบยิ้ม ก่อนฝืนยิ้มอีกครั้ง
“...ก็สนุกดีอ่ะครับ...นาน ๆ ไปที...”
“...อืม...เลิกงานแล้วเอ้ว่างหรือเปล่า...พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ...”
“...ไม่ว่างอ่ะครับ...ผมมีนัดแล้ว...” ผมหันไปทางสองคนนั่น แต่หางตามผมเห็นแอนดี้เดินออกจากลิฟท์พอดี
“...งั้นพรุ่งนี้ล่ะ...” พี่พีทถาม
“...พรุ่งนี้ก็ไม่ว่างครับ...” ผมไม่ได้บอกว่าผมหยุดหรอก เดี๋ยวไม่มันส์
“...เอางี้...เอ้ว่างเมื่อไหร่ก็บอกพี่ล่ะกัน...”
“...พี่มีเรื่องอะไรเหรอครับ...พูดตอนนี้เลยก็ได้นะ...” ผมถามเสียงเรียบ
“...พี่อยากคุยกับเอ้...เป็นการส่วนตัว...” พี่พีทพูดกับผมแต่สายตามองไปที่น้องสาวผมทั้งสองคน
“...อืม...ขอคิดดูก่อนนะครับ...แต่ตอนนี้ผมว่าพี่เพิ่งกลับมาเหนื่อย ๆ ขึ้นห้องไปพักผ่อนแล้วลงมาทานดินเนอร์ที่ห้อง XXXXX ดีกว่ามั้ยครับ...วันนี้เค้ามีเมนูพิเศษด้วย...” ผมไล่พี่พีททางอ้อม ซึ่งก็ได้ผล พี่พีทกำลังจะเดินออกไป แอนดี้ก็เดินตรงเข้ามาหาผม
“...ว่าไงครับ...คืนนี้เราจะไปไหนกันเหรอ...” ผมเหวอ พี่พีทต้องได้ยินแน่ ๆ
“...ต้องไปถามสองคนนั่นอ่ะนะ...เพราะเค้าจะพาผมไป...” ผมโยนไปให้น้องสาวผม และหวังจะให้พี่พีทได้ยินว่าผมไม่ได้ไปกับฝรั่งรูปหล่อนี่สองต่อสอง...แต่ไม่รู้ว่าเค้าจะได้ยินหรือเปล่าเพราะกว่าผมจะพูดออกมาได้พี่พีทก็เดินห่างออกไปแล้ว
“...เราไม่บอกคุณตอนนี้หรอกแอนดี้...เอาเป็นว่า...เราเจอกันซักห้าทุ่มสิบนาทีนะ เพราะพวกเราต้องเปลี่ยนชุดกันด้วย
“...ได้ครับ...งั้นเดี๋ยวผมออกไปเดินเล่นก่อนนะครับ...แล้วเจอกันครับ...” แอนดี้เดินออกไปในขณะที่ผมยังกังวลว่าพี่พีทจะเข้าใจอะไรผิด ๆ หรือเปล่า แต่ช่างเถอะ

****************************************************
.....ขอบคุณสำหรับการตอบรับที่ดีเหมือนเคยในกระทู้ที่สอง...ขอบคุณที่ติดตาม...ขอบคุณที่ให้กำลังใจ...เรื่องนี้จะจบสมบูรณ์ประมาณต้นเดือนหน้า อีก 2 ตอนก็จะจบแล้วนะครับ เพราะผมจะยกเลิกเน็ตที่บ้านเพื่อไปทุ่มเทกับการทำงานให้มากขึ้น แต่ผมจะรัก และคิดถึงคนอ่านของผมตลอดไป...แล้วถ้าแอบเล่นที่ทำงานได้ ผมก็จะเข้ามาทักทายนะครับ.....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






nartch

  • บุคคลทั่วไป
ขอโทษที่หายไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก...ก็อย่างที่บอกว่าจะยกเลิกเน็ต และทุ่มเทเวลากับงานให้มากขึ้น ทั้งงานประจำและธุรกิจส่วนตัวที่ตอนนี้เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว...และผมก็มีเวลามาเล่าเรื่องต่อ เพราะสัญญาต้องเป็นสัญญา เรื่องนี้ไม่มีทางจบแบบคนเขียนหายไปแน่นอน.....ผมยังอยู่ดีมีความสุข เครียดบ้างบางครั้ง...ไม่ได้เข้าบอร์ดปาล์มมานาน ยังเหมือนเดิมเลย ขอบคุณที่ยังรอกัน ขอบคุณที่ให้กำลังใจ...เมื่อวานกระทู้เก่าของผมถูกดันขึ้นมาอยู่หน้าหนึ่งอีกครั้ง ทำให้ผมต้องเร่งมือพิมพ์ตอนนี้ออกมาให้เร็วที่สุด ซึ่งจริง ๆ แล้วตอนนี้เป็นตอนที่ใช้เวลามากที่สุด เพราะผมพิมพ์ค้างไว้แค่ 3 หน้าในเครื่องตั้งหลายเดือน ไม่มีเวลาเลย จนวันนี้ผมใช้เวลาน้อยที่สุดเพื่อพิมพ์เรื่องต่อ แต่ต้องค้างไว้เล่าต่อตอนหน้า เพราะว่าฝนกำลังจะตกอ่ะครับ ต้องปิดเครื่องก่อน แล้วมืด ๆ จะเข้ามาอ่านกระทู้ในปาล์มอีกที...อ้อ...เร็ว ๆ นี้อาจจะได้ออนเอ็มด้วยแหละ...อยากจะบอกว่า...คิดถึงคนอ่านทุกคนนะครับ...
.....ความเดิม...ผมกับวุธไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคนมานานแล้ว...เนื่องจากภาระหน้าที่การงานและเวลาไม่ตรงกัน...ถ้าเราเขวสักนิดเดียวอาจจะทำให้ความสัมพันธ์จบลงอย่างง่ายดาย...ยิ่งมีคนที่กำลังจ้องจะเข้ามาแทนที่ผมพาตัวเองใกล้เข้ามา...มีสองทางคือ สู้ กับ ถอย ... ผมเลือกถอย...ไปตั้งหลัก เพราะพี่พีทเข้ามาในฐานะแขกของโรงแรม ซึ่งปกติแล้วเขาก็เหนือกว่าผมทุกอย่าง แล้วตอนนี้ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ต้องถูกเสมอ...ผมหาทางเลี่ยงไม่เผชิญหน้ากับเขาในสถานที่ที่ผมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ...ได้โอกาสลาพักร้อน อยู่บ้าน ทำกับข้าวกินกัน หรือไปเที่ยวใกล้ ๆ โอ๊ย แค่คิดก็มีความสุขแล้ว...แต่คืนนี้...ผมมีนัดกินจิ้มจุ่มแถวโรงแรมกับน้องสาวทั้งสองและหนุ่มอังกฤษรูปหล่อ...ส่วนวุธไม่ได้มากินด้วย แต่จะมารับผมกลับ เพราะอยากเล่นเกมเพลย์ ที่เพิ่งได้มาใหม่มากกว่า...ก็โอเคนะ เพราะต้องเดี๋ยวก็ต้องเห็นหน้ากันตลอด 3 วันอยู่แล้วนี่.....
*********************************************************************************************

10. The Largest change (Part I)


.....ยังไม่ทันจะห้าทุ่มดีนัก พ่อหนุ่มอังกฤษพาร่างสูง ๆ เดินเข้ามาหาพวกเราที่เคาท์เตอร์ในชุดที่ดูดีกว่าทุกครั้งที่เห็น.....
“...แอนดี้..ยูเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย...” ผมถาม
“...ก็ตอนที่มีกรุ๊ปทัวร์เข้าไง..เห็นพวกยูกำลังยุ่ง ๆ ก็เลยไม่ได้เดินมาหา...”
“...แต่ไอว่ายูดูดีเกินไปสำหรับคืนนี้นะ...” อีธีพูดไม่เต็มเสียง ก็เพราะรู้อยู่ว่าเราจะไปกินจิ้มจุ่มข้างถนน แต่แอนดี้เข้าใจว่าเราจะไปผับที่ไหนซักแห่ง
“...อ้าวทำไมล่ะ...”
“...เราจะไปหาอะไรกินแถวนี้เอง...ชีกลับบ้านดึกไม่ได้...” นังเบสอธิบาย พลางบุ้ยใบ้มาทางผม
“...เหรอ...ไม่เป็นไร..งั้นไอถอดแจ็กเก็ตฝากไว้ที่นี่แล้วกัน...” ว่าแล้วแอนดี้ก็ถอดเสื้อนอกตรงหน้าเคาท์เตอร์ เผยให้เห็นเสื้อยืดพอดีตัว โชว์กล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบฝรั่งทั่วไป
“...โห..แอนดี้..ไม่ว่ายูจะอยู่ในชุดอะไรคุณก็ดูดีเสมอเลยนะ...” อีเบสตะมอยผู้ชายตรงหน้าก่อนรับเสื้อเขามาพาดกับแขน
“...ถ้ายูพูดจริง ไอก็ต้องขอขอบคุณสำหรับคำชมครับ...” เขาพูดเขิน ๆ
“...ชีหมายความว่า..ถ้ายูไม่ใส่อะไรเลยจะดูดีที่สุด...” อีธีปล่อยมุข
“...จริงเหรอ...” แอนดี้ทำตาโต แล้วทำท่าจะถอดเสื้อ พวกผมหัวเราะกับท่าทางเป็นกันเองของหนุ่มอังกฤษคนนี้
“...ไอว่ายูไปนั่งรอก่อนดีกว่า รอบดึกกำลังจะออกมาทำงานต่อแล้ว...แต่เราต้องขอเวลาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซัก 10 นาทีนะ...” ผมตัดบท เพราะพวกเบลบอยเริ่มเหล่มอง คงด่าอยู่ในใจว่าอีพวกนี้เพิ่งโดนคอมเพลน ไม่สำนึกเลย คุยกันลั่นล็อบบี้ แหม ก็นี่มันดึกแล้ว ไม่มีแขกคนอื่นซักหน่อย
“...ได้ครับ..ไม่มีปัญหา...” พูดจบเขาก็เดินไปหยิบหนังสือพิมพ์แล้วหาที่นั่งบริเวณล็อบบี้ ผมมองตามจึงได้สังเกตว่ามีคนนั่งอยู่มุมนึง
“...แกมาช่วยชั้นดูหน่อยสิ...นั่นพี่พีทใฃ่มั้ย...” ผมกระซิบเรียกน้อง ๆ มาช่วยกันเพ่งผ่านแสงไฟที่ทางโรงแรมหรี่ไว้ให้สลัว ๆ ในมุมหนึ่งไม่ไกลจากเคาเตอร์ของเรานัก
“...แม่นแล้ว...พี่เอ้...ทำไมอีพี่พีทเค้าไม่หลับไม่นอนวะ...นี่คงมานั่งจับผิดพวกเราอยู่อ่ะดิ...โอ๊ยยยย Who cares?…” ท้ายประโยคอีธีจงใจพูดเสียงดัง ทั้งพี่พีทและแอนดี้มองมาทางเรา และโดยอัตโนมัติ พวกเรายิ้มให้แอนดี้หวานเยิ้ม เขาก็ยักคิ้วตอบ เราลงความเห็นกันว่า แอนดี้ต้องไปกินเหล้ามาพอกึ่ม ๆ เพราะมีกลิ่นแอลกอฮอล์บาง ๆ และจากหน้าที่แดงผิดปกติของเขา
“...อีธี เดี๋ยวมึงก็โดนคอมเพลนอีกหรอก...” นังเบสกระซิบเพื่อน
“...โดนก็โดนดิ...กลัวเหรอ...” อีธียักไหล่
“...เออว่ะ...ทำไมต้องกลัวด้วยวะ...” อีเบสทำท่าดีดดิ้ง เดินไปเคลียร์งาน ส่วนผมก็ฝากงานรอบดึก เตรียมตัวกลับ
“...แอนดี้...อีก 5 นาทีออกไปเจอกันที่หน้าโรงแรมเลยนะ...” ก่อนเดินเข้าหลังฟร้อนท์ อีเบสส่งเสียงดังทิ้งท้ายไม่สนใจพี่พีทที่นั่งหัวโด่อยู่ไม่ไกล
*
*
*
.....เราเดินไปนั่งเล่นที่ผับชื่อดังแถวนั้นเพื่อรอเวลาให้ทางร้านจิ้มจุ่มจัดร้านเสร็จ ซึ่งก็ไม่น่าจะนาน เพราะเราเดินไปเร่งมาก่อนหน้านี้...ผมโทรหาวุธบอกมันว่าเลิกงานแล้ว กำลังจะไปกินข้าวกัน..ถ้าจะมารับก็อีกซักสองชั่วโมงค่อยออกจากบ้าน..วุธถามที่ตั้งร้าน..ผมก็บอกให้เอารถไปจอดไว้ที่โรงแรมผมแล้วเดินมา..ไม่ไกลกันนัก.....
“...เอ้..ทำไมยูถึงกลับบ้านดึกไม่ได้..แถวบ้านยูอันตรายเหรอ..ให้ไอไปส่งก็ได้นะ...”
“...โอ๊ย..จีบกันซึ่ง ๆ หน้า..พี่เอ้..เอาสิ..ลองของยุโรปมั่งไง...” อีธีพูดภาษาไทย แอนดี้ได้แต่สงสัยว่าพวกผมพูดอะไรกัน
“...โห..ไอน่ะ แก่กว่ายูอีกนะแอนดี้..แล้วนี่มันบ้านเกิดไอ..ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย..อีกอย่าง..บ้านไออยู่ในที่ที่เรียกว่าส่วนหนึ่งของใจกลางกรุงเทพฯ ด้วยซ้ำ..” ผมเบี่ยงประเด็นไม่ตอบคำถาม แต่ใช้วิธีบอกว่ากรุงเทพฯ ใม่ได้อันตรายเหมือนบ้านเมืองเค้า
“...ชีไม่ต้องการใครไปส่งหรอก..เพราะเดี๋ยวก็จะมีคนมารับชีกลับบ้าน...” อีเบสตอบแทน
“...อีห่า..กันซีนพี่เอ้นะมึง...” อีธีด่าคู่หู
“...ดีมาก..พี่กำลังจะบอกเค้าเลย...” ผมหันไปยิ้มกับอีเบส
“...ยูหมายถึงแฟนใช่มั้ย...” แอนดี้ถามตรง ๆ
“...ใช่...” ผมตอบสั้น ๆ
“...เอ้..ยูหักอกไอ...” แอนดี้ทำหน้าเศร้า
“...นี่..หยุดเล่นละครได้แล้ว..ไอรู้ว่ายูไม่ได้คิดอะไรกับไออย่างนั้น...”
“...ยูรู้ได้ไง...เก่งมาก...” แอนดี้หัวเราะ ส่วนน้อง ๆ ผมได้แต่นั่งเอ๋อ
“...ไอมีเซนส์...”
“...ถ้าแอนดี้ไม่ได้จ้องจะเยพี่เอ้..กูก็มีสิทธิอ่ะดิ...” อีเบสกระดี๊กระด้า
“...อีดอก...ระวังเค้าจะเอามึงนะ...” อีธีเบรกเพื่อน
“...พวกยูเป็นเพื่อนคนไทยกลุ่มแรกของไอ..และเอ้..ยูเป็นคนที่ใจดี...ส่วนยูทั้งสองคนก็เป็นคนที่ตลกมาก ๆ ไอดีใจที่ได้รู้จักพวกยูทุกคนเลย...” แอนดี้ยกแก้วเบียร์ขึ้นชนกับพวกผม
*
*
.....เรานั่งคุยกันในผับแห่งนั้นสักพักก็พากันไปร้านจิ้มจุ่มเจ้าประจำที่คาดว่าน่าจะตั้งร้านเสร็จแล้ว...และก็ตามคาด เด็กเสิร์ฟพาเราไปนั่งประจำที่ก่อนจะเอาเมนูมาให้.....
“...เฮ้ย...คู่ปรับมึงมาอ่ะอีเบส...” ธีสะกิดเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ให้มองพี่พีทที่กำลังเดินมาทางโต๊ะพวกผม
“...เออ...กูเห็นแล้ว...พี่เอ้...หนูขออนุญาตนะ...คุณพีท...ทานข้าวด้วยกันมั๊ยครับ...” โดยที่ผมยังไม่รู้เรื่องอะไร อีเบสก็เรียกพี่พีทมาแจม แต่ผมก็คิดในใจว่าพี่พีทต้องปฏิเสธแน่นอน เพราะร้านข้างถนนนี่ไม่ใช่ที่ของเขา และเขาน่าจะรู้ว่าอีเบสแกล้งชวนตามมารยาท แต่...
“...ขอบคุณครับ...” พี่พีทนั่งลงบนเก้าอี้ข้างตัวผม ที่เผื่อไว้สำหรับวุธ ทุกคนหน้าเหวอ แต่ก็ต้องปรับสีหน้าทันที ยังไงเขาก็ยังเป็นแขกวะ
“...แอนดี้..นี่คุณพีท..เขาเป็นแขกในโรงแรมเรา...แล้วนี่แอนดี้ครับพี่พีท เขาทำงานให้กับบริษัททัวร์อ่ะครับ...” ผมแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน หลังจากเช็คแฮนด์ พวกเขาก็พูดภาษาอังกฤษกันเป็นชุด อีเบสค้อน ผมกับอีธีสมน้ำหน้ามันที่เป็นคนชวนพี่พีทมานั่งเอง
“...ทานอะไรสั่งตามสบายเลยนะครับ...” ผมยื่นเมนูให้ ถึงแม้จะเป็นร้านข้างถนน แต่ก็เป็นย่านที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเยอะมาก และโต๊ะข้าง ๆ ก็มีฝรั่งกับน้องนีมานั่งกินกันหลายโต๊ะ เมนูที่นี่ไฮโซมาก มีภาษาอังกฤษกำกับไว้ พร้อมแบบออกเสียงในภาษาไทย เช่น Tom Yam Kung
“...เอ้สั่งให้พี่ดีกว่า...” พี่พีทเลื่อนเมนูคืนผม
“...งั้นพวกเราสั่งให้นะครับ จะได้ไม่เสียเวลา...” อีธีสุ่มหัวกับอีเบส แสงไฟข้างถนนทำให้มองตัวหนังสือไม่ชัดนัก
“...เอา...จิ้มจุ่มรวมมิตรชุดนึง...ตำปูปลาร้าเผ็ดสลบหนึ่ง...ตำไทยไม่เผ็ดหนึ่ง...ขนมจีนหนึ่ง...กุ้งเต้นแซ่บ ๆ...แล้วก็ลาบหมูไม่เผ็ดอีกหนึ่ง...พี่เอ้เอาอะไรเพิ่มปะ...” พวกมันผลัดกันสั่งแล้วหันมาถามผม
“...ขอน้ำเปล่า 2 น้ำแข็ง 5...แอนดี้ยูจะดื่มอะไรมั้ย...”
“...ไอขอเบียร์...อืม...ยูแน่ใจนะว่าไอจะกินอาหารที่ยูสั่งได้...” แอนดี้ทำหน้าหวาด ๆ พี่พีทหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะสปีคกันน้ำไหลไฟดับ ผมว่าพี่พีทตั้งใจพูดให้เร็วกว่าปกติ เพื่อให้พวกผมฟังไม่รู้เรื่อง...แน่นอนว่าพวกผมแม้จะทำงานที่ต้องสื่อสารกับชาวต่างชาติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเก่งซะถึงขนาดที่ว่ารู้เรื่องไปทุกคำ ขนาดที่ดูหนังฝรั่งโดยไม่มีซับไทย ผมยอมรับอย่างไม่อายเลยว่า รู้เรื่องจับใจความได้แค่หกสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง
*
*
.....ไม่นานนัก อาหารก็ถูกทยอยนำมาเสิร์ฟจนครบ แอนดี้และพี่พีททำหน้าหวาด ๆ กับกุ้งเต้นที่กระโดดดึ๋ง ๆ อยู่ในจาน...ผมกินไม่เป็นหรอกครับ แต่น้องสาวทั้งสองของผมชอบกินมาก.....
“...แอนดี้...ลองสิ...” นังธีตักกุ้งเต้นทำท่าจะป้อน
“...ขอบใจ...แต่ไม่ดีกว่า...”
“...คุณพีทกับแอนดี้ สองจานนี่เราสั่งมาให้ รับรองไม่เผ็ด...” อีเบสเลื่อนส้มตำไทยกับลาบไปให้
“...อันนี้น้ำจิ้มแบบไม่เผ็ด...แอนดี้...ไอมั่นใจว่ายูกินได้...รู้มั๊ยว่าในหม้อนี้มีแต่ของที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งนั้นเลยนะ...รออีกแป๊บนึงเดี๋ยวก็กินได้...” ผมเลื่อนน้ำจิ้มแบบไม่เผ็ดของจิ้มจุ่มให้สองคนนั้น
.....พี่พีทไม่แตะต้องอาหารบ้าน ๆ ตรงหน้าผิดกับแอนดี้ที่กินเอากินเอา เหงื่อแตก หูแดง ตาแดงด้วยความเผ็ดร้อน ปากก็ชมรสชาติอาหารเป็นภาษาอีสานที่อีสองตัวนั่นมันสอนระหว่างกิน พวกเรากินไปหัวเราะไป นาน ๆ ทีถึงจะให้ความสนใจกับพี่พีทที่นั่งเชิด ๆ อยู่ข้างผม.....
*
*
“...โห...กินกันเกือบหมด...ไม่รอผมเลยนะ...” ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู พร้อมกับมือหนา ๆ วางบนไหล่ผม
“...เฮ้ย...มาได้ไงอ่ะ...ยังไม่ได้โทรบอกให้มารับเลยนี่...” ผมหันไปมองพี่พีทแวบนึง ด้วยสัญชาตญาณรู้เลยว่าวุธมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร
“...คุณพีทครับ ช่วยให้เกียรติเขยิบมานั่งหัวโต๊ะหน่อยสิครับ...สามีภรรยาเขาจะได้ไม่แยกจากกัน...” อีเบสพูดขำ ๆ แต่พี่พีทหน้าบึ้ง ก่อนย้ายไปนั่งเก้าอี้อีกตัวอย่างเสียไม่ได้
“...กินอะไรสั่งเพิ่มอีกได้นะ...” หลังจากแนะนำวุธให้รู้จักกับแอนดี้ ผมก็พูดพลางเปิดเมนูเพื่อสั่งอาหารให้วุธกิน และด้วยความคุ้นเคย วุธกับผมเลือกอาหารบนเมนูเล่มเล็ก ๆ หน้าเราแทบจะชนกัน
“...คุณพีทคะ...ลองสปาเก็ตซั่วหน่อยสิคะ...” อีเบสตักขนมจีนที่เหลืออยู่นิดหน่อยไปคลุกกับส้มตำไทยที่เหลือติดจานเช่นกัน
“...อะไรของคุณ...สปาเก็ตซั่ว...” พี่พีททำหน้าขยะแขยง
“...แถวบ้านเอิ้น..ตำซั่วค่า...” อีธีตอบเป็นภาษาอีสาน
“...แอนดี้...ลองกินดิ...” หนุ่มฝรั่งไม่ปฏิเสธ ใช้ส้อมตักตำซั่วไปกินก่อนพยักหน้า และบอกพี่พีทว่าอร่อยดี
“...เห็นมั้ยคุณพีท...ขนาดฝรั่งยังทานได้เลย...ถ้าคุณพีทลองแล้วติดใจจะสั่งเพิ่มให้อีกจาน คราวนี้เอาแบบสปาเก็ตชั่วปูอลาสก้า ใส่ปลาแอนโชววี่ด้วย...รับรองแซ่บไฮโซ เหมาะกับคุณพีทมากกกกกก...” อีเบสลากเสียง อีธีหัวเราะก๊ากกก เพราะรู้ว่าเพื่อนสาวหมายถึงอะไร ส่วนผมได้แต่กลั้นหัวเราะไว้ แต่วุธทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“...เอ้...พาผมไปห้องน้ำหน่อยดิ...” วุธลุกขึ้นเดินนำผมออกไป ทั้ง ๆ ที่บอกให้ผมพาไป แต่ตัวมันเดินลิ่ว ๆ เข้าหลังร้าน ผมตามแทบไม่ทัน
*
*
.....วุธไม่ได้เข้าห้องน้ำหรอกครับ มันพาผมเดินทะลุหลังร้านออกไป ก่อนยืนนิ่ง ๆ ผมเริ่มรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน.....
“...ไม่เข้าห้องน้ำเหรอ...” ผมทำใจดีสู้เสือถาม
“...เอ้...ผมไม่ชอบให้น้อง ๆ ทำอย่างนี้เลยนะ...”
“...ทำอย่างนี้น่ะ...ทำยังไงเหรอ...พูดให้เคลียร์สิ...” ผมพูดเสียงเข้ม
“...ก็ทำหรือพูดให้พี่พีทเป็นตัวตลกอ่ะ...”
“...เฮ้ย...เป็นอะไรมากหรือเปล่า...พวกเราก็เล่นกันอย่างนี้มาตลอด...ไม่เห็นมีอะไรต้องซีเรียสเลย...” ผมไม่ได้บอกว่าอีสองคนนั้นมันคงกึ่ม ๆ จากเบียร์ที่ดริ้งค์มาก่อนหน้านี้
“...พวกเอ้ไม่ซีเรียสแต่พี่พีทเค้าซีเรียสนะ...”
“...ตรงไหน...เมื่อไหร่...ยังไง...ทำไมเราไม่เห็นรู้เรื่องเลย...” ผมกวน
“...ก็...ก็...” วุธพูดไม่ออก
“...ยังไงคุณพีทเค้าก็เป็นแขกที่โรงแรม...พวกเราทุกคนรู้ว่าลิมิตมันอยู่ตรงไหน...เท่าที่นั่งหัวโด่อยู่ตั้งนาน ไม่เห็นว่ามันมีคำหยาบคายอะไรเลย...มีอะไรต้องซีเรียสเหรอ...อย่าคิดว่าเราจะเอาเรื่องส่วนตัวไปปนกับงานนะ...อีกอย่างน้อง ๆ มันก็ไม่รู้อะไรมากมายเลยว่าคุณพีทเค้าเป็นยังไง...”
“...แล้วทำไมต้องพูดกระแนะกระแหนพี่พีทเค้าด้วยล่ะ...”
“...โอเค...ขอโทษที่ไม่ดูแลน้องให้ดี...เดี๋ยวจะไปยกมือไหว้ขอโทษคุณพีทให้เลยละกัน...พอใจมั้ย...” ผมพูดตัดบทเสียงสั่น
“...ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้...” ผมไม่รอฟังอะไรจากวุธอีก หันหลังเดินจ้ำ ๆ เข้าร้าน ผ่านแคชเชียร์ก็บอกให้คิดเงินโต๊ะผมเลย
“...เอ้...ฟังผมก่อนดิ...” วุธเดินมาประกบข้าง ๆ ระหว่างผมรอพนักงานคิดค่าอาหารและทอนเงินที่ผมส่งไปให้ตั้งแต่มาถึงเคาท์เตอร์
“...ไม่ฟัง...ถ้าวุธสามารถรู้สึกแทนคุณพีทได้...ก็น่าจะรู้ว่าเราไม่ซีเรียสหรอก...เรื่องแค่นี้เอง...” ผมประชด “...ถ้าจะกินต่อก็ตามสบายนะ เงินจ่ายให้แล้ว...” ผมรับเงินทอนจากพนักงาน ก่อนเดินกลับโต๊ะ ฝืนยิ้มให้กับทุกคน
*
*
“...ไปกินที่อื่นกันต่อดีกว่า...เบส...ธี...แอนดี้ยูจะไปกับพวกไอมั้ย...ไอจะพาไปบาร์ที่เปิดถึงเช้าเลยนะ...” ฝรั่งรูปหล่อพยักหน้าเซย์เยสแบบไม่ต้องคิดเลย
“...ผมว่าเราแยกย้ายกันกลับบ้านดีกว่านะ...” วุธเบรก
“...ไปกันเถอะ...พี่จ่ายตังค์แล้ว...Goodnight นะครับคุณพีท...” ผมคว้ากระเป๋าเดินนำออกจากร้าน ไม่หันกลับมามองว่ามีใครเดินตามหรือเปล่า เพราะรู้ว่าน้องสาวสองคนต้องลากแอนดี้ตามมาด้วยแน่ ๆ
“...เอ้...ยูโอเคหรือเปล่า...” แอนดี้ถามทันทีที่เห็นตาผมแดงก่ำ น้ำตาพร้อมจะไหลได้ตลอด
“...ไม่ต้องเป็นห่วง I’m ฟาย...” อีสองคนมองหน้าผม เพราะผมออกเสียงว่าฟาย ไม่ใช่ Fine…”
“...พี่เอ้...มีปัญหาอะไรกับพี่วุธหรือเปล่า...”
“...เพราะพวกเราใช่มั้ย...” น้อง ๆ สลดจนผมสงสาร
“...จะบ้าเหรอ...ไม่มีอะไรซักหน่อย...ไปแรดกันดีกว่า...” ผมพยายามทำตัวให้ระรื่นเหมือนเดิม
“...คงไปไม่ได้หรอกมั้งพี่...” อีธีพยักเพยิดให้ผมมองวุธที่เดินจ้ำมาทางพวกเรา
“...กลับไปตั้งหลักกันที่โรงแรมก่อนดีกว่า...” ผมโบกมือเรียกรถตุ๊กตุ๊กแถวนั้นบอกชื่อโรงแรมของผมซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ไม่รอให้คนขับต่อรองราคา ผมกระโดดขึ้นรถทันที อีกสามคนก็กระโดดตามนั่งเบียดกันในรถ
“...ซิ่งโลดเลยเด้อค่ะ โซเฟอร์...” อีเบสบอกคนขับ รถตุ๊กตุ๊ก ออกตัวกระชากแทบจะยกล้อ คนอื่นโดยเฉพาะอีตาแอนดี้หัวเราะชอบใจกับลีลาการขับรถที่น่าหวาดเสียว ในใจผมได้แต่พร่ำว่ากูคิดถูกหรือเปล่าวะเนี่ยที่หนีไอ้วุธด้วยพาหนะชนิดนี้
*
*
*
.....เกือบตี 5 ผมค่อย ๆ ไขกุญแจเข้าบ้าน เอามือจับปากน้องหมาไม่ให้ส่งเสียง มันได้แต่ร้องงี๊ด ๆ ในคอ...ในห้องรับแขกซึ่งเป็นที่นอนประจำของวุธเวลารอผมกลับบ้าน...ร่างสูงนั้นนอนนิ่งคล้ายกับคนหลับสนิท...ผมย่องเข้าไปล้างไม้ล้างมือในห้องน้ำ เงยหน้ามองกระจก แทบร้องกรี๊ดดดดดด อารมณ์เดียวกับคนตกใจเวลาเจอผี...ไอ้วุธเข้ามายืนข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้...ตกใจ แต่ไม่ยอมเสียฟอร์มหรอก...ก่อนกลับเข้าบ้าน ผมบอกกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่พูดกับวุธเรื่องนี้อีก.....
“...ทำไมเพิ่งกลับ...” วุธพูดเสียงโหด ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงฝ่ออ่ะ
“...ก็พอใจอ่ะ...” ผมกวน วุธอึ้ง ไม่ได้เห็นผมเวอร์ชั่นนี้มานาน
“...ไปไหนมา...”
“...อันนี้รู้สึกจะเป็นเรื่องส่วนตัวนะ...” ผมไม่ตอบ แถมเดินชนมันออกมาจากห้องน้ำ
“...เอ้...ผมว่าเราต้องคุยกันหน่อยนะ...” ผมหันขวับไปมอง
“...ไม่มีประโยขน์...เสียเวลา...”
“...ถ้าเอ้ยังโกรธผมอยู่งั้นพรุ่งนี้ค่อยคุยก็ได้...ไปอาบน้ำนอนกันเถอะ...” วุธจับมือผมทำท่าจะจูงขึ้นห้อง ผมสะบัดมือออกทันที
“...ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังเลย...อยากนอนก็ไปนอนคนเดียวสิ...” ผมเดินไปหยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์แล้วเดินออกไปเอารถ ขี่ไปซื้อของกินที่ตลาดโดยไม่สนใจวุธอีกเลย
*
*
.....ไม่ได้ออกมาซื้อของกินที่ตลาดตอนเช้ามืดอย่างนี้มานาน อากาศเย็นสบายกำลังดี คนเริ่มเดินกันขวักไขว่ พระเดินบิณฑบาตรเป็นระยะ...ทุกอย่างรอบตัวดูดีไปหมดกับการเริ่มต้นวันใหม่ แต่สำหรับผม เหนียวตัวมาก หิวข้าวด้วย ง่วงนอนด้วย จิตใจว้าวุ่น คิดแต่เรื่องพี่พีทกับไอ้วุธที่มันดูจะเข้าอกเข้าใจกันดี เป็นห่วงเป็นใยกันเหลือเกิน มันไม่รู้หรอกว่าพี่พีทนี่สร้างความวุ่นวายให้พวกผมแค่ไหน รายละเอียดเล่าเยอะไม่ได้ เดี๋ยวจะหาว่าอยากเป็นนางเอก โดนกลั่นแกล้งตลอด ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เป็นอย่างนั้น ด้วยอาชีพบริการที่ถูกบัญญัติไว้ว่า “ลูกค้าถูกเสมอ”.....
.....ผมซื้อกับข้าวและขนมกะว่ากินได้ถึงเย็นเลย และทุกครั้งที่เข้าไปซื้อ ผมจะมองหาของกินที่วุธชอบก่อนเป็นอันดับแรก ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เคืองมันอยู่...แวะใส่บาตร เพื่อความสบายใจ.....รีบกลับเข้าบ้านไปกินข้าว อาบน้ำ นอนดีกว่า.....
*
*
.....ไม่ถึง 5 ชั่วโมงผมก็ต้องตื่น...ลาหยุดไว้แล้วนี่...วันนี้ตามแผนเดิม เราต้องอยู่บ้านสวีทกับที่รักนี่นา ลาไว้ตั้ง 3 วัน...แต่...ทุกอย่างถูกยกเลิก...เมื่อคืนผมตัดสินใจเข้าไป Cancel ใบลา และเขียนโน้ตบอกผู้จัดการเพื่อไม่ให้น่าเกลียดว่าวันนี้ผมจะเข้ามาทำงานตามปกติ...อีสองคนนั่นยังคงคิดว่าเป็นความผิดของพวกมัน ผมกล่อมอยู่นานจนพวกมันสบายใจ วันนี้เราก็กลับไปทำงานเหมือนเดิม แต่ที่เปลี่ยน คือเราจะไม่ยอมให้แขกวีไอพีคนนั้นหาเรื่องคอมเพลนแบบไร้สาระอีกต่อไป.....
“...ทำไมตื่นเร็วจัง...นอนไม่พอเดี๋ยวหงุดหงิดนะ...” วุธทักทันทีที่เห็นผมเดินใส่ชุดคลุมอาบน้ำหัวเปียกเข้าครัว
“...ถ้าจะหงุดหงิดก็เพราะเห็นหน้าแกแหละ...” ผมว่าผมบ่นเบา ๆ นะ แต่มันดันได้ยินซะนี่
“...ยังไม่หายงอนอีกเหรอ...” มันเดินเข้ามาทำหน้าอ้อน ๆ
“...หนี...อย่ามาเกะกะ...รีบ...” ผมเดินเลี่ยงวุธที่คอยช่วยผมหยิบของ
“...จะรีบไปไหน...” วุธถามงง ๆ
“...ไปทำงาน...” ผมตอบสั้น ๆ วุธหน้าเหวอจนผมเริ่มสงสาร
“...ลาหยุดแล้วไม่ใช่เหรอ...ไหนบอกว่าจะอยู่ด้วยกันทั้งวันเลยไง...”
“...คงหยุดไม่ได้หรอก...ต้องไปดูแล เทคแคร์แขกวีไอพีคนสำคัญ...กลัวว่าน้อง ๆ จะไปพูดหรือทำอะไรให้ต้องซีเรียสอีก...เดี๋ยวเพื่อนร่วมงานเค้าจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทน...” ผมอดไม่ได้ที่จะว่าแดกไอ้วุธ
“...เอ้...” วุธเรียกชื่อผมเสียงเข้ม ใจผมหล่นไปที่ตาตุ่ม แต่ด้วยแรงทิฐิทำให้ผมจ้องหน้ามันไม่หลบ “...โธ่เว้ย...” ท่าทางวุธจะโมโหมาก มันเดินกระฟัดกระเฟียดไปนั่งหน้าเครียดที่ห้องรับแขก ผมก็ไม่สนใจเดินขึ้นห้องไปแต่งตัวเตรียมไปทำงาน
*
*
*

nartch

  • บุคคลทั่วไป
.....ผมเดินเข้าไปรูดบัตรที่โรงแรมโดยลักษณะหน้าชื่นอกตรม...ทันทีที่ถึงห้องล็อกเกอร์ ก็เห็นอีสองคนนั่นแต่งชุดฟอร์มเรียบร้อยยืนหน้าเป็นตูดรอผมอยู่.....
“...Hi…Ladies...” ผมทักเสียงใสทั้งที่ในใจเจ็บกับการที่ต้องเดินออกมาจากบ้าน แล้วเห็นวุธมองตามด้วยสีหน้าหงอย ๆ
“...พี่เอ้...รีบแต่งตัวเหอะ...”
“...ทำไม...รอบเช้าจะไปเที่ยวไหนกันวะ...” ถ้าต้องรีบออกไปออนฟลอร์ก่อนกำหนดเวลา หมายถึงพวกรอบเช้านัดกันไปเที่ยวแล้วให้พวกผมเข้างานเร็วขึ้น แบบมาถึงแล้วออกไปรับแขกไม่ต้องเม้าธ์กันหลังฟร้อนท์ก่อนทำงานเลย
“...รอบเช้าน่ะไม่ได้ไปไหนหรอก...รอบบ่ายเรา 3 คนนี่แหละ จะได้ไปเที่ยวห้องเย็น...” อีธีพูดด้วยสีหน้ากังวล เด็กใหม่อย่างมันคงโดนไซโคไว้ว่า ถ้าเข้าห้องเย็นคงเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับผม ทุกเรื่องที่กำลังเข้ามา คงไม่ใหญ่เท่าการที่ผมจะต้องกลับบ้านคืนนี้ ไปเห็นหน้าหงอย ๆ ของแฟน แต่ต้องทำใจแข็งให้มันรู้สึกผิดที่ทำกับเราเมื่อคืน
The largest change (Part II)
“...หา...อะไรนะ...” เสียงน้องสาวผมร้องขึ้นพร้อมกัน
“...พี่คิดว่าการจับพวกเราแยกกันนี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดเหรอครับ...” ผมถามผู้จัดการด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนไม่รู้สึกอะไร
“...แล้วจะให้พี่ทำยังไงล่ะ...พวกเธอก็รู้ว่าคอมเมนท์จากแขกทุกฉบับ ไม่ว่าจะชมหรือจะด่า ต้องถูกส่งขึ้นไปให้Management นี่พี่ก็โดนเล่นมาเหมือนกันนะ...ผู้ใหญ่เค้าไม่ได้มาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเรา เค้าก็ไม่เข้าใจหรอก...ยังไงเราก็ถือซะว่าทำงานด้านบริการ ลูกค้าถูกเสมอ...”
“...แต่เราโดนปรักปรำนะครับพี่...ที่คอมเพลนมาเนี่ยมีส่วนจริงไม่ถึงครึ่ง นอกนั้นน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า…” อีเบสเถียง
“...ใช่...เค้าจ้องจะหาเรื่องเรามาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาพักเลยนะครับ...”
“...ผู้ใหญ่เค้าไม่เห็นเหรอครับ...ว่าที่ผ่านมามีแต่คนเขียนชมเราสามคน...เราไม่ได้อะไรตอบแทนแม้แต่จดหมายขอบใจจากผู้บริหาร...พี่ก็รู้ใช่มั้ยครับว่าบางโรงแรมเค้าจะให้เงินพนักงานที่ถูกแขกชมด้วยซ้ำ...ถ้าคำชมพวกนั้นเปลี่ยนเป็นเงิน พวกเราคงได้มากกว่าเซอร์วิสชาร์จเดือนที่แล้วอีก...” ผมเริ่มหงุดหงิดจึงพูดระบายบ้าง
“...เออ พี่รู้...ก็นี่ไง...พี่ถึงต้องแยกพวกเธอออกจากกัน ก็ลองดูว่าเค้าจะหาเรื่องคอมเพลนได้ทุกรอบมั้ย...เบส...เธอน่ะค่อนข้างดื้อ ย้ายมาอยู่รอบเช้า จะได้ดูแลกันอย่างใกล้ชิด...ธี...อยู่รอบบ่ายเหมือนเดิม...ส่วนพี่ใหญ่อย่างเอ้...พี่ไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น หรือเรามีเรื่องส่วนตัวให้ต้องสะสาง...แต่พี่ผิดหวังที่เอ้ควบคุมเด็กไม่ได้...เมื่อก่อนเธอสามคนนี่เป็นอะไรที่แขกชมมากที่สุดเรื่องการบริการ ไม่ว่าจะ Friendly, helpful, nice แต่ตอนนี้รอบบ่ายเป็นรอบที่โดนแขกคนนี้คอมเพลนมากที่สุดเช่นกัน....จริง ๆ แล้วแต่ละเรื่องที่เค้าเขียนมาเนี่ยนะ พี่รู้ว่าทุกรอบก็เป็นกันหมด ไอ้ประเภทชอบระริกระรี้กับแขกหนุ่ม ๆ...ชอบแซวชอบด่ากันลั่นฟร้อนท์ตอนไม่มีแขก แต่รู้มั้ยว่าเสียงพวกเธอน่ะไม่ได้เบากันเลย...เอ้...พี่จะให้เอ้เข้าดึก เรียนรู้งานอีกนิด แล้วถ้ามีตำแหน่งว่างพี่จะโปรโมทเอ้ขึ้นเป็นซุป....โอเคมั้ย...” พวกเราไม่มีทางเลือกจึงได้แต่พยักหน้ากันหงึก ๆ
“...เริ่มเปลี่ยน Schedule เดือนหน้าใช่มั้ยครับ...”
“...เปลี่ยนวันจันทร์นี้เลย...อ้อ...แล้วทีหลังอย่าเปลี่ยนวันหยุดกันมั่ว ๆ อีกนะเอ้...นึกอยากจะหยุดก็เขียนใบลา อยากจะทำงานก็แอบมา cancel...อีกหน่อยถ้าเอ้ได้เป็นหัวหน้าคนแล้วเอ้จะรู้ว่ามันไม่ดีเลย...” ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง ก่อนพี่ผู้จัดการจะปล่อยให้เราออกมารับรอบทำงานกันตามปกติ
*
*
.....หลังจากเดินออกมาจากห้องเย็น...เราสามคนทำงานกันเงียบ ๆ ไม่ค่อยได้คุยเฮฮากันเหมือนทุกวัน...ต่างคนต่างมีเรื่องให้คิด...ผมไม่รู้ว่าอีสองคนนั้นมันคิดอะไร แต่สำหรับผมแล้วกำลังคิดว่า...แค่ทำงานรอบบ่ายยังไม่ค่อยได้เจอไอ้วุธเลย แล้วนี่ต้องทำงานตอนดึกอีก เวลาไม่ตรงกันชนิดที่ว่าการใช้ชีวิตตรงกันข้ามเลยทีเดียว...เห็นความทรมานสังขารอยู่ไม่ไกล...เช้าก็ต้องกระเซอะกระเซิงกลับบ้าน แดดแยงตาจนแสบไปหมด....กว่าจะทำอะไรเสร็จก็เกือบเที่ยง นอนไปได้หน่อย หกโมงกว่า วุธกลับบ้าน เราก็ต้องตื่นมากินข้าว มาคุยกับมัน ทั้ง ๆ ที่มึนหัวไปหมด จะกลับไปนอนอีกครั้งก็นอนไม่หลับ มัวแต่พะวงว่าต้องตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน.....
.....แต่คิดกลับกัน...ตอนเราทำงานรอบบ่าย วุธมันก็ต้องตื่นมาคุยกับเราตอนตี 1 ตี 2 เหมือนกันนี่หว่า...มันยังทำได้เลย แล้วเราจะเครียดทำไม...ผลัดกัน...มองในแง่ดีว่าทำงานรอบดึก เราคงได้อยู่กับวุธนานกว่าตอนทำงานรอบบ่าย...อย่างน้อยก็ตอนหัวค่ำ ได้กินข้าวพร้อมกัน ได้ดูข่าวด้วยกัน วุธมันจะได้พักผ่อนนอนหลับยาว ๆ ซะที.....
.....เอ๊ะ...แล้วถ้าพี่พีทรู้ว่าเราทำงานรอบดึก วุธมันก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว.....เค้าจะมาตีท้ายครัวกูหรือเปล่าวะเนี่ย.....
“...โอ๊ย...เครียด...” ผมตะโกนหลังฟร้อนท์ ช่วงหัวค่ำแขกไม่ค่อยเยอะ เราเข้ามานั่งกินขนมกันตามปกติ
“...เครียดอะไรพี่เอ้...พวกหนูสิเครียด...ทำให้พี่ต้องไปอยู่รอบดึกเลย...” อีพวกนี้รู้ว่าผมไม่ชอบทำงานรอบดึกเป็นที่สุด
“...พวกแกไม่ผิดหรอก...ทำงานโรงแรมมันก็ต้องเวียนรอบกันเป็นเรื่องปกติ แต่ท่าทางชั้นจะโดนฝังดึกว่ะ...” ผมพูดยิ้ม ๆ ให้คนฟังสบายใจ
“...เดี๋ยวพี่เอ้ก็ได้เป็นซุปแล้ว...” อีเบสให้กำลังใจ
“...อยากจะรู้ว่าอีคุณพีทมันจะหาเรื่องอะไรมาคอมเพลนเราได้อีก...” อีธีเปลี่ยนเรื่อง
“...พี่เอ้...หนูว่า...หนูจะ Check out...” อีเบสพูดเสียงจริงจัง
“...เฮ้ย...ทำไมอ่ะ...”
“...หนูว่าหนูคงไม่เหมาะกับงานโรงแรม...หนูจะไปเป็นไกด์...”
“...เป็นไกด์หรือเป็นไก่ยะ...แหมจะไปสมัครที่บริษัทแอนดี้อ่ะดิ...กูรู้ทันหรอก....” อีธีกัด
“...อีดอก...รู้ดีจริง ๆ...เออ...กูจะไปทำงานที่เดียวกับผัวกู...ผิดเหรอ...” อีเบสทำท่าเขิน
“...อย่าเพิ่งออกดิ...รอกูก่อน...”
“...อ้าว...มึงก็จะออกเหมือนกันเหรอ...”
“...อืม...กูจะไปเรียนต่อว่ะ...” อีธีพูดเสียงเบา
“...พวกแกจะออกก็ไม่มีใครห้ามได้หรอกนะ...แต่พี่ขอไว้อย่างนึงว่า...ถ้าจะออก ขอให้ออกเพราะ เราอยากออกจริง ๆ รู้ว่าเราทำไม่ได้ เราไม่ชอบ...ไม่ใช่ว่าแค่โดนดุ โดนด่า หรือโดนกลั่นแกล้งแล้วทนไม่ได้...พี่เคยออกเพราะอารมณ์ชั่ววูบมาแล้ว...ถ้าพี่ยังอยู่ที่เดิม ตอนนี้พี่อาจจะได้เป็น Assistant แล้วก็ได้...คิดให้ดี ๆ นะโว้ย...ว่าแต่ว่า...พี่ก็อยากออกเหมือนกันว่ะ...เบื่อ...อยากทำงานที่เวลาเป็นเหมือนคนปกติกับเขาบ้าง....” ผมถอนใจเฮือกใหญ่
“...อย่าเครียดกันสิ...เราเหลือเวลาทำงานด้วยกันอีกแค่วันเดียวเองนะโว้ย...สนุกกันดีกว่า...” อีเบสเดินบิดตูดออกไปออนฟลอร์ต่อ
“...อีนี่พูดยังกะว่าจะไม่ได้เจอกันอีก...แต่ก็จริงนะ...เราคงจะไม่ได้เจอกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนี่...”
“...ก็เอาไว้วันหยุดสิวะ...”
“...เออ...จริงด้วย...อีเบสมันทำงานรอบเช้ามัน ถ้ามันไปเที่ยวกลางคืนกับเรามันก็หมอง...ไปเมื่อไหร่ดีอ่ะ...” อีธีกระดี้กระด้า
“...อีเวร...ยังไม่ทันได้แยกกันเลย...จะหาเรื่องไปเที่ยวซะแล้ว...”
*
*
.....หลังจากนั้นพวกเราก็ทำงานกันแบบสนุกสนานกว่าทุกวัน เพื่อเป็นการทิ้งทวน แขกหล่อ ๆ มาเราก็แย่งกันจิก...ชะนีตัวไหนแรงก็แรงใส่บ้าง...พวกเราทั้งสามคนคงหมดใจกับการทำงานที่นี่แล้วมากกว่า จึงกล้าทำอะไรที่อยากทำมากขึ้นโดยไม่แคร์ว่าจะโดนคอมแพลน...และถึงพวกมันจะเรียกผมว่าพี่ทุกคำ แต่ด้วยความที่อายุเราห่างกันแค่ปีเดียว ทำให้เข้าขากัน ด่ากันเจ็บ ๆ ได้โดยไม่มีใครถือสา...พวกเบลล์บอย หรือแม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยในตัวอาคารที่ค่อนข้างสนิทสนมกับพวกเรา รู้ว่าจะเราสามคนจะโดนจับแยกก็พากันสงสาร แต่ก็แอบกัดว่าโดนจับแยกกรงแล้วไม่สำนึก....เราก็ยังคงความอลังการไว้เหมือนเดิม.....
.....พี่พีทกลับเข้ามาตอนสามทุ่มเศษ...พวกเรายืนเรียงแถวกันแสร้งยิ้มยังไงก็ดูรู้ว่าเฟค ไหน ๆ ก็โดนคอมเพลนแล้วนี่ ทำดีก็โดน ทำเลวก็โดน.....ผมเตือนน้อง ๆ ว่าสำหรับคนนี้ทำดีไว้ อย่างน้อยก็สบายใจ.....
“...สวัสดีครับคุณพีท...”
“...ถ้ายังไม่ได้ทานอาหารเย็น...เชิญที่ร้าน XXXX นะครับ...คืนนี้ 4 ทุ่มมีโชว์เปียโนด้วยครับ...”
“...แต่ถ้าจะพักผ่อนเลยก็ขอให้นอนหลับฝันดีนะครับ...”
“...Have a good night...” เราสามคนพูดพร้อมกัน เป็นการเตรียมตัวไว้ต้อนรับแขกวีไอพีคนนี้คนเดียว ใครไม่รู้ว่าเราเฟคก็บ้าแล้ว พี่พีททำหน้างงนิด ๆ แล้วเดินเชิดขึ้นลิฟท์ ไม่แม้แต่จะพูดขอบใจ ตอนที่อีธีส่งคีย์การ์ดให้
“...ดูสิว่าชีจะหาเรื่องคอมเพลนอะไรอีก...”
*
*
.....ได้เวลากลับบ้าน ผมแวะกินข้าวกับน้อง ๆ ตามเคย แต่ที่พิเศษกว่าคือวันนี้เรายกโขยงไปกันเกือบสิบคนทั้งแผนกฟร้อนท์ ที่รวมโอเปอเรเตอร์ เบลล์บอยเข้าไปด้วย เหมือนเป็นการเลี้ยงส่งกัน เพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของอีธี ส่วนวันอาทิตย์ก็เป็นวันหยุดอีเบส และหลังจากนั้น เราต่างก็ต้องไปทำงานตามตารางใหม่...เราคงหาโอกาสอยู่ด้วยกันอย่างนี้ยากเต็มที...คิดถึงวุธเหมือนกัน ป่านนี้มันคงคอยเรากลับบ้าน...แต่ก็ช่างเถอะ...ถ้ามันรู้ว่าเพราะพี่พีท ทำให้เราต้องมาดริ้งค์ส่งท้ายกันอย่างนี้ มันคงเข้าใจว่าทำไมผมถึงได้โกรธมันมากที่เข้าข้างพี่พีท...ไม่ใช่แค่เรื่องหึงหวงแน่นอน.....
“...ไม่กลับดึกไปหน่อยเหรอ...” เสียงวุธพูดขึ้นพร้อมไฟที่เปิดพรึบขึ้นมา ทันทีที่ผมเปิดประตูบ้าน ผมมองนาฬิกาบนผนังด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“...แค่นี้ไม่ดึกหรอก...” ผมตอบกวน ๆ
“...ถ้าตีสามครึ่งไม่ดึก แล้วตีอะไรถึงจะดึกของคุณน่ะ...”
“...ไม่มี...ทำงานรอบบ่ายอย่างนี้ไม่มีคำว่ากลับดึกหรอก...มีแค่กลับเช้าเลย...ถ้ามีโอกาสก็ว่าจะลองกลับตอนเช้าอยู่เหมือนกัน...” ผมยังกวนมันไม่เลิก
“...เอ้...เป็นอะไรอ่ะ...ตกลงเรื่องพี่พีทนี่ไม่จบใช่มั้ย...”
“...จบไปตั้งนานแล้ว...ไม่เคยถือสาหาความอะไรด้วย...แต่ที่รับไม่ได้ก็คือ...ทำไมแกต้องเป็นเดือนเป็นร้อนแทนเขา...แกเข้ามาได้ยินคำพูดแค่ไม่กี่ประโยคกลับโกรธที่น้อง ๆ เราพูดแหย่เล่น...มันมีอะไรมาก่อนหน้านี้ใช่มั้ย...อย่าคิดว่าเราไม่รู้นะว่าพี่พีทโทรไปหาแกบ่อยแค่ไหน...คืนนั้นน่ะกี่ครั้ง...แล้วแกก็รับ...และคุยกันครั้งละกี่นาที...พี่พีทเขาอาจจะบริสุทธิ์ใจที่โทรหาแกมั้ง...ก็เลยใช้โทรศัพท์ในห้องโทรทั้ง ๆ ที่มือถือราคาครึ่งแสนอยู่ในมือ...แล้วด้วยความที่เขาเป็นแขกวีไอพีไง...ต่อโทรศัพท์เองไม่ได้ เดี๋ยวไม่คุ้มค่าห้องราคาหลายหมื่น ต้องให้โอเปอเรเตอร์ต่อสายให้...พูดเต็มปากเต็มคำว่าต่อเบอร์แฟนเอ้ให้หน่อย แล้วก็ให้เบอร์แกไป...ทุกนาทีที่คุยกันมันโชว์หราบนหน้าจอคอม...ให้โอเปอเรเตอร์มาถามชั้นว่าผัวมึงกับแขกวีไอพีคนนี้เป็นอะไรกัน...นี่ชั้นควรจะยิ้มระรื่นป่าวประกาศบอกใครต่อใครด้วยความภูมิใจมั้ยว่าแขกวีไอพีกับแฟนชั้นเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันธรรมดาไม่มีอะไรหรอก...เค้าแค่โทรหากันคืนละเจ็ดแปดรอบ...” ผมพูดใส่หน้าไอ้วุธเป็นชุด ระบายความอับอายที่พวกเบลล์บอยมันล้อผม และทุกคนก็รู้ทันทีว่ารอบบ่ายโดนคอมเพลนมากเป็นพิเศษเพราะใคร และเพราะอะไร
“...แล้วจะให้ทำไงอ่ะ...เราทำงานที่เดียวกัน...จะให้ไม่พูดไม่คุยกันเลยเหรอ...”
“...ไม่ได้ห้ามพูดห้ามคุยกัน...แต่มันเยอะไปมั้ย...เอ้า...ดูซะ...” ผมล้วงกระเป๋าหยิบกระดาษรีพอร์ท ที่อุตสาห์กลับเข้าโรงแรมไปปริ้นท์ออกมาเป็นหลักฐาน วุธหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“...อย่างน้อยผมก็ไม่เคยโทรไปหาเค้าละกัน...” วุธพูดยิ้ม ๆ “...หึงอ่ะดิ...”
“...ไม่หึง...แต่โกรธ...รู้มั๊ยว่าพวกเราต้องวุ่นวายกันแค่ไหนกับแขกคนนี้...”
“...เอ้ไม่หึง แต่ผมหึงนะ...พี่พีทเค้าโทรมาหาผมน่ะ...เค้าก็แค่หาเรื่องโทรมาบอกว่าเค้าเห็นเอ้ทำอะไร คุยกับแขกคนไหน รู้สึกว่าแขกฝรั่ง ญี่ปุ่นหล่อ ๆ นี่เทคแคร์กันดีเหลือเกินนะ...”
“...แต่พวกเราก็ไม่เคยไปมีอะไรกับแขกนะเว้ย...”
“...ผมก็ไม่เคยมีอะไรกับพี่พีทเหมือนกัน...” วุธสวน
“...ดี...งั้นพรุ่งนี้ช่วยไปรับกลับบ้านหน่อยดิ...” ผมพูดหน้าตาเฉย
“...หายโกรธแล้วเหรอ...”
“...อืม...” ผมรับคำ แต่ถ้าวุธมันสังเกต จะรู้ว่าผมมีอะไรมากกว่านั้น
*
*
.....ถึงแม้ปากจะบอกว่าหายโกรธ แต่ในใจมันยังไม่เคลียร์ และวันรุ่งขึ้นนี่แหละ ทุกอย่างต้องจบ ผมเลือกที่จะเสี่ยง เพราะไม่อยากให้มันค้างคาอย่างนี้ อายุที่มากขึ้นทุกวัน ประสบการณ์ รวมไปถึงการที่ได้เจอคนมากมาย ทำให้รู้ว่า ความรักไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องเดียวในชีวิต ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีกเยอะแยะ...ผมเริ่มคิดที่จะเปลี่ยนงานใหม่ หางานที่เหมาะกับตัวเอง และถ้าวุธตัดสินใจยังอยากจะอยู่กับผม...ผมก็จะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อตอบแทนความดีของมัน โดยการได้ดูแลมัน ให้เวลากับมัน ทำทุกอย่างที่แฟนดี ๆ เค้าทำกัน.....
.....หลังจากปลงตก ผมนอนหลับสบาย...ตื่นขึ้นมาก็พบว่านอนกอดวุธเต็ม ๆ มันก็ยังหลับอยู่...ยิ่งมองหน้ามันตอนหลับ ผมยิ่งสงสาร...ทุกวันมันต้องตื่นขึ้นมากลางดึก เพื่อทักทายผม เพื่อให้แน่ใจว่าผมถึงบ้านอย่างปลอดภัย และตรงเวลา...วันเสาร์ มันไม่ต้องไปทำงาน จึงได้พักผ่อนอย่างเต็มที่....ผมค่อย ๆ ลุกจากเตียงให้เบาที่สุด...วุธมันยังหลับสนิท......
.....มือถือของวุธถูกวางไว้บนหัวเตียง ผมหยิบมันขึ้นมาเช็ค...เท่าที่ความสามารถในการจับผิดของผมมีอยู่...ถ้าวุธมันมีความลับกับผมก็จะขอบอกว่า มันปิดได้เนียนมาก เพราะไม่มีหลักฐานใด ๆ บ่งบอกว่ามันเข้าไปพัวพันกับพี่พีทก่อนเลย....แต่ข้อความ หรือข้อมูลการโทรต่าง ๆ มีแต่พี่พีททั้งนั้นที่ตามจิกไม่เลิก...ความคิดชั่ว ๆ ก็ก่อตัวขึ้นในหัวของผมเมื่อคืนนี้...สั่งนิ้วมือให้พิมพ์ข้อความลงบนคีย์บอร์ดมือถือเพื่อส่งหาพี่พีท.....
.....I want 2 c u at XXXXX 2nite by 23.00, & today do not call me or even sending SMS coz my phone’s with ae...i’ll wait 4 u till midnite, that means u’r not coming OK?.....
.....ผมกดปุ่มส่งทันทีที่พิมพ์จบ ไม่สนใจว่าจะถูกแกรมม่าหรือเปล่า เอาแค่ว่าสำนวนใกล้เคียงวุธตัวจริงให้มากที่สุดก็พอ...ต้องรีบจิ้มอย่างแรงเพราะกลัวว่าวุธจะตื่นมาเห็นผมยุ่งกับมือถือมัน...ผมว่ายังไงพี่พีทก็ไม่โทรมาหาไอ้วุธให้ความแตกแน่นอน เพราะคนที่ลักกินแอบกินมักจะกลัวเจ้าของจับได้...แต่ก็ไม่แน่ เค้าอาจจะแรงถึงขนาดรู้ว่ามือถืออยู่กับผม แต่ก็โทรมายั่ว...ถ้าความลับแตกก็ดี จะได้เคลียร์กันให้จบซะที...พี่พีทโทรเข้าบ้านได้นี่นา...จ้า...โทรได้ แต่ไม่มีคนรับหรอก เพราะผมรู้ว่าวันนี้วุธมันต้องไปเยี่ยมพ่อ แม่ และหลาน ๆ ตัวน้อยของน้าวุธ...ซึ่งมันก็ต้องออกจากบ้านพร้อมผมเพื่อส่งผมไปทำงานก่อน แล้วเลยไปบ้านมัน...ดึก ๆ มันก็มารับผมที่โรงแรม...ไม่กลัวด้วยว่าพี่พีทจะเจอกับวุธที่ล็อบบี้โรงแรมหรือเปล่า เพราะผมก็ต้องการให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน และมันก็เป็นหนึ่งในหลาย ๆ แผนของผมคืนนี้.....
*
*
“...ถ้าเป็นไปได้...เวลาพีพีทโทรมาก็ไม่ต้องรับนะ...” ผมแกล้งพูดให้มันคิดว่าผมหึง ดักไว้อีกทาง “...แมสเซจก็ไม่ต้องเปิดดูด้วย คืนนี้จะมาเช็ค...ถ้าเป็นเด็กดี เดี๋ยวมีขนมให้...”
“...ครับผม..” วุธตอบรับทันที ผมชะโงกหน้าไปหอมแก้มมันก่อนจะลงจากรถไปรูดบัตรทำงาน แค่นี้วุธมันก็ไม่กล้ารับสายพี่พีทแล้วหล่ะ
.....พี่พีทดูจะอารมณ์ดีกว่าทุกวัน...พอผมรับรอบไม่ทันไรเค้าก็เดินผ่านหน้าเคาท์เตอร์ผมก็หันมายิ้มให้ แต่สายตามันไม่ยิ้มด้วยนี่สิ...เหมือนกำลังยิ้มเยาะมากกว่า...นี่คงออกไปใช้เงินตามประสาคนเงินเหลือกินเหลือใช้...ตอนแรกบอกได้เลยว่าอิจฉา แต่พอย้อนกลับมามองดูตัวเองดี ๆ แล้ว รู้สึกรักและภูมิใจในตัวเองมาก ๆ เลย...บางทีเงินก็ไม่ได้เป็นเครื่องวัดความสุขนะ...ผมว่าเงินซื้อความสบายได้ แต่ซื้อความสุขไม่ได้หรอก.....
*
*
“...อีเอ้...ดูนาฬิกาถี่จังนะมึง...เพิ่งจะสองทุ่มอยากกลับบ้านไปกกไข่แล้วเหรอ....” พี่คนที่มาแทนอีธีแซว
“...ไม่หรอกพี่...วันนี้ท่าทางจะได้ “ฟัก” ไข่นะ...” ผมรับลูก
“...คืนนี้สามีเค้าจะมารับไปดินเนอร์...” อีเบสบอกพี่คนนั้น “...แล้วพี่เอ้ไม่ชวนเพื่อนไปด้วยเหรอ...เดินมานู่นแล้ว...” ผมมองตามสายตาอีเบส
.....พี่พีทเดินถือถุงเสื้อผ้าแบรนด์เนม 4-5 ถุง กับถุงของกินอีกหลายถุง อีพวกเบลออกไปช่วยกันถือ ล้อมหน้าล้อมหลังหวังจะได้ขึ้นไปส่งบนห้อง เพื่อฟันทิปอย่างต่ำก็ห้าร้อย เหมือนพี่พีทแกใช้แบงค์ร้อย แบงค์ยี่สิบไม่เป็น...ทั้งโรงแรมก็มีแค่เบลล์บอยนี่แหละที่เต็มใจบริการพี่พีท...ขนาดแม่บ้านที่ทำความสะอาดห้องพี่พีท ได้ทิปที่วางไว้บนที่นอนทุกวันวันละไม่ต่ำกว่าห้าร้อย ไม่รวมกับเศษเงินที่พี่พีทยกให้ ยังบ่นถึงความจุกจิก เรื่องมากของพี่พีทเลย.....
“...อะ...เอ้เอาไว้กินสิ...เผื่อหิวตอนดึก ๆ...” พี่พีทพูดยิ้ม ๆ ทำท่าเหมือนใจดี ยื่นถุงของกินให้ผม
“...ขอบคุณครับ...เบสรับที...พี่มือไม่ว่าง...” ผมทำเป็นยุ่งกับงานตรงหน้า มองตาก็รู้ว่าเขากำลังมั่นใจว่าจะชนะผมแน่ในคืนนี้
“...ขอบคุณครับ...” อีเบสค้อนผมนิดนึง ก่อนยกมือไหว้ขอบคุณพี่พีทตามมารยาท เพราะกล้องวงจรปิดที่จับภาพพนักงานอยู่ต่างหาก ถ้าไม่รับ หรือรับแต่ไม่ยกมือไหว้ขอบคุณ ต้องเป็นเรื่องแน่
“...พี่พีททานอาหารเย็นหรือยังครับ...” ผมถามเพื่อจะโปรโมตร้านอาหารของโรงแรมตามเคย
“...ยัง...คืนนี้พี่มีเดท...” พี่พีทพูดไปยิ้มไป
“...ถ้าพี่พีทหิวขึ้นมาตอนดึก ๆ โทรสั่งรูมเซอร์วิสได้นะครับ...เราบริการ 24 ชั่วโมง...” ผมพูดหน้าตาย
“...หมายความว่าไง...” พี่พีทพูดห้วน ๆ
“...ก็คนที่ไปเดท ส่วนมากได้ทานอาหารนิดเดียว เพราะเค้าเน้นบรรยากาศระหว่างทานไม่ใช่เหรอครับ...ก็เหมือนเอ้กับวุธอ่ะ...เวลาออกไปทานข้าวนอกบ้านก็กินกันนิด ๆ หน่อย ๆ กลับบ้านไม่ทันไรก็หิวอีกแล้ว...คนไทยเค้าเรียกว่ากินบรรยากาศ...แบบโรแมนติกอะไรอย่างนี้อ่ะครับ...” ผมอธิบายพูดไปยิ้มไป ทำหน้ามีความสุข พี่พีทอึ้งนิดนึง ก่อนยิ้มมุมปาก ไม่พูดอะไร แล้วหันหลังเดินไปขึ้นลิฟท์
“...เฮ้ย...คุณน้อง...ถ้าแขกวีไอพีห้อง XXXX โทรมาให้ต่อเบอร์ XX-XXX-XXXX ช่วยบอกว่าไม่มีสัญญาณหรือว่าติดต่อไม่ได้นะ...บอกโอคนอื่นด้วยนะ...ตลอดไป...ถ้าเขาอยากโทรก็ให้โทรเองจากบนห้อง...ไม่ต้องกลัวโดนคอมแพลนหรอก พี่รับผิดชอบเอง เพราะเบอร์นั่นน่ะมันของผัวพี่...โอเคปะ...” ผมกดโทรศัพท์ไปบอกน้องโอเปอเรเตอร์ด้านหลังฟร้อนท์ ปลายสายรับคำอย่างหนักแน่น เพราะเรื่องของผมเป็นที่คุยกันภายในระหว่างโอเปอเรเตอร์ด้วยกันมาซักพักแล้ว
*
*
.....สี่ทุ่มนิด ๆ พี่พีทเดินออกมาจากลิพท์ด้วยชุดที่เหมือนหลุดออกมาจากแมกกาซีน เต็มยศด้วย Accessory มองผ่าน ๆ นึกว่านายแบบที่ไหนมาเดินแถวนี้...ยิ่งมองก็ยิ่งหล่อ แต่ทำไมไม่หาคนที่ดีกว่าไอ้วุธ...ผมแน่ใจว่าเค้าหาได้ หล่อ รวย การศึกษาดี หน้าที่การงานมั่นคง...ผมมองเงาตัวเองผ่านกระจกหน้าล็อบบี้ ยิ่งเห็นความแตกต่าง เมื่อ 10 นาทีที่แล้วมีกรุ๊ปทัวร์เข้า ยุ่งมาก หน้ามัน ผมยุ่ง เนคไทเบี้ยว มองงานที่ต้องเคลียร์ก่อนกลับบ้านกองโต มองพี่พีทที่กำลังเดินมาทางผมเพื่อฝากคีย์การ์ด กลิ่นน้ำหอมยี่ห้อดังโชยมาก่อนตัว.....
“...คืนนี้พี่อาจจะกลับดึก หรือไม่ก็ค้างที่อื่นนะครับ...” อยู่ดี ๆ พี่พีทก็หันมาพูดกับผม ทั้ง ๆ ที่เดินผ่านไปแล้ว
“...มาบอกกูทำไม...จะไปนอนไหนก็เรื่องของมึงดิ...” อันนี้คิดในใจครับ
“...ขอให้มีความสุขนะครับ...เดทนี้คงเป็นเดทที่พี่พีทจะลืมไม่ลงแน่ ๆ...” ผมพูดยิ้ม ๆ เค้าคงไม่เข้าใจความหมายโดยนัยแน่นอน
“...Thanks...” พี่พีทยักคิ้วให้ผมก่อนเดินออกจากโรงแรม
“...แล้วเจอกันนะจ๊ะ...” ผมพูดเบา ๆ ไล่หลัง

*************************************************************
.....ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายจริง ๆ แล้วนะครับ...จะไม่มีอดีตเด็กพาณิชย์คนนี้มาเล่าเรื่องตลก ๆ เรื่องหวาน ๆ เรื่องเศร้า ๆ อีกต่อไป...แต่ผมก็ยังวนเวียนแถวนี้แหละ...รู้สึกว่าบอร์ดจะเข้าง่ายกว่าเดิมด้วย...เรื่องของเด็กพาณิชย์กำลังจะจบ แต่ชีวิตของอดีตเด็กพาณิชย์ยังต้องดำเนินต่อไป กับการเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ...กับคำที่คอยย้ำตัวเองเสมอยามที่ท้อว่า While I breathe, I hope.
.....ขอบคุณทุกรีพลาย ทุกกำลังใจ ขอบคุณที่ติดตามกันมา ไม่ว่าจะแฟนเก่าตั้งแต่ตอนแรกจนตอนเกือบสุดท้าย และแฟนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกัน...แล้วเจอกันใหม่เร็ว ๆ นี้ หลายคนคงรู้แล้วว่าจะจบยังไง แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้คุยกันในเอ็ม...อ้อ...ผมยังอายุไม่ถึง 30 เลยนะ...แต่ไม่เป็นไร...รู้สึกว่ายิ่งแก่ยิ่งดูดีอ่ะ (ขอปลอบใจตัวเองหน่อย).....
...เอ้...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2007 20:04:35 โดย nartch »

tamkub

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

ว้าจะจบแร้วหรือเนี่ย

ใจหายจังเลย

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับ

 o15

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้อ....อีกหนึ่งตอนมานก้อจะจบไปแย้วจินะฮะ :m15: :m15:

แต่มานมีตอนพิเศษช่ายมั้ยฮะถ้าจำไม่ผิดนะฮะ

แล้วจะจบยังไงนะฮะ

ขออย่าให้พี่เอ้ต้องเปงคนเจ็บอยุ๋ฝ่ายเดียวเลยนะฮะ :m5: :m5:

ให้คนที่มานก่อความวุ่นวายรับไปให้หมดเลยได้มั้ยฮะ

อย่าต้องให้พี่เอ้ต้องมาแบกรับอารายเลยดีก่านะฮะ

แต่เชื่อนะอะว่าถึงจะมีเรื่องเลวร้ายขนาดไหน

พี่เอ้จะเปงคนที่เข็มแข็งที่สุด และจะไม่ยอมแพ้มาน :m17: :m17:

ยังไงก้อจะรอตอนสุดท้ายนะฮะ

จะรอต่อไปนะฮะ..........ขอบคุณคนที่นำมาโพสแย้วก้อพี่เอ้ด้วยนะฮะที่นำเรื่องราวดีๆมาให้เรียนรู้

เนมว่าเนมได้อารายมาเยอะมากเลยนะฮะจากเรื่องนี้

ยังไงก้อคงจะรอติดตามตอนจบนะฮะ

เปงกำลังใจให้นะฮะพี่เอ้รวมถึงคนโพสด้วยนะฮะ สู้ๆนะฮะ :m17: :m17:

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
ตั้งใจอ่านมากเลยอะ อ่านตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันเลยอะวันเดียว
บอกเลยว่าชอบ มันคล้ายๆๆกับผมตอนนี้เลย
ที่มีแต่ปัญหาคล้ายๆกันจนจะแก้ไม่ได้อยู่แล้ว
ยังงัยก้อเป็นกำลังใจให้นะคับ

VicOSe

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วใจหายยย

จะจบแล้วหรอคับเนี่ย  ><"

เฮ้อออ จะเป็นไงต่อไปนะ  อย่าให้พี่เอ้ ต้องเจ็บ น๊าพี่วุธ  -0-

แต่ 2 คนนี้รักกันมาก  ไม่น่าจะมีอะไร ขวางได้น๊า


ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
ขนาดเคยอ่านแล้ว ตอนจบก็รู้แล้ว

แต่พอมาอ่านอีกรอบก็ยังลุ้นอยู่ดี

 o13

ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
นึกถึงตอนที่ไปตามอ่าน ลุ้นสุดๆ

ตามลุ้นจนตัวโก่งเลย

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประทับใจมาก

ขอบคุณพี่เอ้มากๆเลย

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
พี่เอ้ ถึงเรื่องราวในสตอรี่มันจะจบ

แต่พวกผมก้คงยังที่จะรักพี่

เอ้เหมือนเดิมกะที่รักนิยายพี่

ตอนนี้สะใจ นังดอก พีท

แต่ถ้าตอนหน้า วุธ เปลี่ยนล่ะ - -

เซงเกวล์

ยังไงก้ติดตามเสมอนะคับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด