ขออภัยด้วยคับ พอดีป่วยยยย เลยไม่ได้มาลงต่อให้นะคับ....
ไปต่อกันเลยดีกว่าคับวันนี้ลงให้ 2 ตอนเลยครับ
=====================================================================
9. That’s the way love goes
.....ขากลับ...วุธขับรถแบบเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ เพราะไม่ได้รีบร้อนอะไร...กะว่าถึงบ้านประมาณ 3-4 ทุ่ม ระหว่างทาง เราคุยกันถึงเรื่องอนาคต วุธหลุดปากถามผมว่าจะทำงานโรงแรมตลอดไปเลยหรอ..ผมตอบไม่ได้..วุธก็ไม่เซ้าซี้เอาคำตอบจากผมเหมือนเคย..เราคุยกันตั้งแต่ต้นแล้วว่า จะไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว การเคารพการตัดสินใจของคนที่เรารัก เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผม พอ ๆ กับการรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา บางเรื่องผมไม่เห็นด้วยกับมัน ผมก็ต้องยอมตามใจ ปล่อยให้มันทำ แต่ถ้าวุธให้ทำ หรือชวนไปในที่ที่ผมไม่อยากไป มันก็บังคับผมไม่ได้ เพราะผมไม่เคยบังคับมัน (แต่ใช้วิธีหว่านล้อมแทน..ได้ผลทุกทีด้วย).....
.....ตั้งแต่ที่ผมรับสายพี่พีทเมื่อตอนบ่าย เขาก็ไม่โทรมาอีกเลย ใจนึงก็สงสารและเข้าใจ ผมเองก็เคยเป็น ที่แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่า ผู้ชายคนนั้นถ้าเป็นแฟนเรา เขาจะต้องมีความสุขกว่านี้...ในกรณีเดียวกันกับพี่พีท เขาอาจจะคิดว่าผมไม่มีเวลาให้วุธ ไม่ดูแลใส่ใจมันเท่าที่คนรักกันพึงกระทำ...เขาอาจจะคิดว่าเขามีทุกอย่างเหนือกว่าผม...เขาอาจจะคิดว่าวุธอยู่กับเขาน่าจะมีความสุขมากกว่าอยู่กับผม.....
.....เขามีสิทธิคิด เพราะเขาไม่รู้ว่าเราสองคนผ่านอะไรมาแล้วบ้าง..ถ้าเป็นคนอื่นคงเขว หรือเผลอใจไปกับรูปร่างหน้าตา คำพูดเพราะ ๆ รถสปอร์ตคันหรู การศึกษาดีกรีนักเรียนนอก..พูดตรง ๆ ว่าถ้าพี่พีทจีบผม ผมอาจจะเผลอตัวไปบ้าง..แต่คงไม่เกิน 3 วันหรอก....
.....พี่พีทไม่รู้ว่าวุธมันเคยเถื่อนขนาดไหน..ตั้งแต่มันทำงานมานี่ บุคลิกภายนอกมันเปลี่ยนไปเกือบทุกอย่าง พูดผม พูดคุณ ฟังดูเป็นทางการ..เรื่องเสื้อผ้ามันก็ใส่ใจมากขึ้น เนื่องจากตอนที่มันต้องไปอยู่หอคนเดียว ทำทุกอย่างเองซักผ้า รีดผ้า สมัยนั้นยังไม่มีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญอย่างทุกวันนี้..ตอนแรกมันก็หอบเสื้อผ้ากลับมาซักที่บ้าน แต่พอเรียนหนักเข้ามันก็แทบไม่มีเวลากลับบ้านเลย วันหยุดของมันจึงหมดไปกับการเล่นเกมส์ ทำความสะอาดห้อง และเสื้อผ้า..พนันกันได้เลยว่า ถ้ามันยังอยู่บ้าน งานพวกนี้มันก็ไม่แตะ...ตอนนั้นมันเริ่มหาเสื้อผ้าดี ๆ ใส่เพราะมันทน เนื้อผ้าแบบไหนซักยังไงมันรู้หมด..เสื้อยืดบางตัวก็ต้องรีด กางเกงยีนส์ดี ๆใส่ได้นานกว่ากางเกงเถื่อน ๆ ที่มันชอบใส่เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนสมัยเรียนช่างกล....
.....พี่พีทจะรับไอ้วุธได้เหรอ ถ้าเวลานอนมันชอบใส่เสื้อยืดย้วย ๆ กับกางเกงขาสั้น ในขณะที่พี่พีทอาจจะใส่ชุดนอนเป็นผ้าแพรทั้งชุดก็ได้..พี่พีทจะรู้หรือเปล่าว่าเวลามันอยู่กับเพื่อนเก่า ๆ มันพูดคำด่าคำ สัตว์เลื้อยคลานเพ่นพ่าน..พี่พีทจะรำคาญมั้ยถ้าวุธสามารถนั่งเล่นเกมเพลย์ได้ทั้งวันเหมือนเด็ก ๆ..พี่พีทอาจจะทนไม่ได้เวลาวุธมันอารมณ์ดี แล้วชอบยั่วให้ด่า..พี่พีทต้องกินข้าวฝีมือมันมากกว่าไปกินร้านอาหารหรู ๆ..พี่พีทคงจะไม่ได้ไปเดินห้างดังกับมัน ยกเว้นวุธมันอยากซื้อของที่มีขายเฉพาะในห้าง พวกอุปกรณ์กอล์ฟของมันนั่นแหละ...อย่าคิดว่าวุธจะเดินเกี่ยวก้อยชวนดูเสื้อผ้านะ..เพราะถ้ามันได้ของที่ต้องการเมื่อไหร่ นั่นคือเวลากลับบ้าน..พี่พีทอาจจะต้องแกล้งทำหน้ามีความสุขเวลาไปซื้อผักผลไม้ในตลาดสด น้ำแฉะ ๆ หรือเดินซื้อขนมที่ตลาดนัดแถวบ้าน...พี่พีทต้องรู้จักเลือกซื้อของกินของใช้ที่คุณภาพดีแต่ราคาไม่แพง เพราะเราเชื่อว่าของดี ๆ บางอย่างไม่จำเป็นต้องแพง ขอแค่เรารู้แหล่งซื้อ และวิธีต่อรองกับคนขาย...นี่แค่ส่วนน้อยนะครับกับการที่พี่พีทต้องปรับตัวให้เข้ากับวุธได้.....
.....แต่ถ้าวุธมันตกลงปลงใจกับพี่พีทล่ะ...พี่พีทยอมให้มันไปไหนต่อไหนโดยไม่ต้องโทรตามมั้ย นอกจากมันจะกลับดึกเกินไป ถ้าจะโทรก็ต้องโทรเพราะเป็นห่วง..ไม่ใช่หวง..ต่อไปพี่พีทคงต้องใช้เวลาหน้าเตาแก็สมากขึ้น คอยทำอาหารให้มันกินในเวลาที่มันอ้อนอยากกินอะไรเป็นฝีมือแฟนมัน อ้อ แล้ววุธมันชอบอาหารไทยนะ แต่รู้สึกว่าพี่พีทจะไม่ปลื้มกลิ่นกะปิ น้ำปลาซะด้วย..ไฮโซอย่างพี่พีทอาจจะต้องช่วยวุธต่อรองราคาสินค้าเพื่อให้ได้ของที่ราคาสมเหตุสมผลที่สุด อันนี้ผมกับวุธเหมือนกัน เวลาซื้อของได้ในราคาที่คาดไว้จะมีความสุขมาก....เห็นวุธมันดูดีอย่างนี้ คงไม่รู้ว่ามันโลว์เทค มือถือของมันฟังก์ชั้นเยอะแยะก็จริง แต่ลองให้มันทำอะไรแปลก ๆ สิ มันทำไม่เป็นหรอก..มันไม่สนใจเรื่องพวกนี้เอาซะเลย..มือถือมันจึงมีประโยชน์แค่โทรเข้า โทรออก ส่งข้อความ..รูปหรือวีดิโอมันยังไม่ค่อยอยากจะถ่ายเลย พูดง่าย ๆ คือมันกลัวเจ๊ง..ของแพงจึงไม่ใช่สิ่งสำคัญในชีวิตเรา..ผมกับวุธเกิดมาในครอบครัวที่ต้องทำงานตั้งแต่เด็กเหมือนกัน แม้จะไม่ได้ลำบากนัก แต่เราก็รู้คุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์....ที่สำคัญที่สุดพี่พีทอย่าทำให้มันอึดอัด และต้องทำให้มันหัวเราะมากกว่านี้นะ.....
.....ทั้งหมดที่เพิ่งอ่านไปนี้ผมคิดเล่น ๆ ถ้าวุธมันเลิกกับผมไปคบกับพี่พีทแทน..จะไปกันได้นานแค่ไหน..แต่ถ้าต่างคนต่างปรับตัวเข้าหากันได้ คบกันได้นาน ผมก็ดีใจด้วย เพราะผมก็รู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่าพี่พีทดีกว่าผมทุกอย่าง..วุธเองก็ไม่ปฏิเสธ แต่บังเอิญว่ามันไมได้สนใจแค่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอก หรือทรัพย์สมบัติ..เมื่อเย็นนี้วุธบอกว่าบางทีก็รู้สึกว่าเราสองคนมีความสุขกว่าพี่พีทซะอีก ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น..วุธภูมิใจที่มันซื้อรถเอง ดาวน์เอง ผ่อนเอง ในขณะที่พีพีทใช้เงินเดือนหลักหมื่นกลาง ๆ หมดภายในเวลาไม่ถึง 10 วัน นอกนั้นคงเป็นเงินจากครอบครัว...ซึ่งวุธมันไม่เห็นด้วยที่อายุขนาดนี้แล้วยังไม่มีอะไรที่ทำด้วยตัวเอง ต่างจากคนอเมริกันทั่วไปที่แยกตัวจากครอบครัว และต้องดิ้นรนด้วยตัวเองเพื่อให้มีมากขึ้น.....
.....เราไม่รู้ว่าพี่พีทคิดอะไรอยู่ แต่ก็รู้สึกสงสารที่เขาพยายามหาความสุขแบบผิด ๆ (ในความคิดของเราทั้งสองคน) นี่เป็นเหตุผลที่วุธอึดอัดเวลาอยู่กับพี่พีท เรื่องทัศนะคติในการใช้ชีวิตก็เป็นเรื่องสำคัญในการคบหาเป็นแฟนกัน.....ยังมีอีกหลายเรื่อง หลายเหตุการณ์ที่วุธเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับพี่พีท ยิ่งฟัง ผมก็ยิ่งโล่งอก มั่นใจได้ว่าวุธไม่มีทางที่จะไปคบกับพี่พีทแบบคนรักได้ แต่วุธก็สามารถคบกับพี่พีทในฐานะเพื่อนได้เหมือนเดิม เพราะพี่พีทไม่ใช่คนไม่ดี เพียงแต่ความคิดของเขาทั้งคู่สวนทางกันไปคนละเรื่องต่างหาก..ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวุธมันถึงได้ยืนยันกับผมอย่างหนักแน่นว่าไม่ได้คิดอะไรกับพี่พีทแม้แต่นิดเดียว...อารมณ์นี้ผมเข้าใจ...เพราะผมก็เคยรู้สึกอย่างนี้กับคนคนนึงเหมือนกัน...ไอ้โมทย์ไง.....
*
*
*
“...ฮัลโหล...จ้า...จริงดิ...เหรอ...งั้นฝากด้วยนะ...อืม...Thank you จ้า...” ผมวางสายลง คิดหาทางแก้ไขสถานการณ์
“...น้องสาวโทรมาอีกแล้วเหรอ...” วุธสงสัยเมื่อเห็นผมยิ้มนิด ๆ กับโทรศัพท์ เหมือนเมื่อเย็นที่นังน้องสาวสองคนที่โรงแรมโทรมาแหย่ผมเวลาที่พวกมันว่าง และพอมันรู้ว่าผมอยู่ระยอง มันก็เกิดอยากกินโน่น อยากกินนี่ ผมก็ต้องซื้อกลับไปฝากมันเยอะกว่าซื้อกินเองอีก
“...แวะหาพ่อกับแม่ก่อนเหอะ...จะได้เอาของฝากไปให้วันนี้เลย...” ผมยิ้มให้มันก่อนเปลี่ยนเรื่องบอกให้วุธไปบ้านมันก่อน ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกตกลงกันไว้ว่าผมจะเป็นคนแวะเอาของฝากไปให้ในวันพรุ่งนี้ก่อนไปทำงาน
“...ดึกไปป่าว...” วุธมองนาฬิกาที่คอนโซลรถ
“...โห...เพิ่งจะสองทุ่มกว่าเอง ไปถึงไม่เกินสามทุ่มหรอก...” วุธคิดนิดนึง แล้วพยักหน้าพร้อมเร่งความเร็วให้ไปถึงบ้านมันในเวลาไม่ดึกมากนัก
“...อยากหยุดต่ออีกวันจัง...” วุธบ่นเบา ๆ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ้อ...แต่ถ้าหยุดก็ต้องอยู่คนเดียว...”
“...งั้นมะรืนนี้หยุดพร้อมกันนะ...พรุ่งนี้จะไปเขียนใบลาพักร้อน 3 วันรวดเลย...” วุธได้ยินแล้วยิ้มดีใจ เพราะปกติผมไม่ค่อยได้หยุดยาว ๆ ไม่อยากรบกวนคนอื่นให้สลับวันหยุดตามผม แต่สถานการณ์แบบนี้ผมต้องหาทางหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพี่พีทให้มากที่สุด
.....คนที่โทรมารายงานข่าวเมื่อกี้ คือพี่ที่ทำความสะอาดข้างบ้าน ที่ผมฝากให้เขาช่วยเป็นหูเป็นตา โทรมาบอกว่ามีผู้ชายรูปร่างหน้าตาดีมาเดินกระวนกระวายอยู่หน้าบ้านผมซักพักแล้ว...เป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่พีท...ดังนั้นผมจึงหาทางถ่วงเวลาให้วุธแวะเอาของฝากจากระยองไปฝากพ่อกับแม่ที่บ้านก่อน.....
.....ผมคิดว่าถ้าพี่พีทหาเรื่องไปพักที่โรงแรมเพื่อจะเจอผม...เขาต้องเสียเงินเปล่าแน่นอน เพราะผมจะลาหยุด 3 วันติดกันเป็นครั้งแรกตั้งแต่ทำงานมา และวุธก็จะหยุดวันศุกร์แล้วควบวันหยุดประจำเสาร์-อาทิตย์เพื่อเราจะได้ใช้เวลาพักผ่อนด้วยกัน...ผมสัญญากับตัวเองว่าจะให้เวลากับวุธมากขึ้น และมากที่สุดเท่าที่จะให้ได้...ต่อจากนี้ไป...ผมจะไม่ให้ใครรู้สึกว่า วุธอยู่กับเขาแล้วมีความสุขมากกว่าอยู่กับผม...และที่สำคัญที่สุด..ผมจะทำให้วุธมั่นใจว่า...เลือกถูกแล้ว.....
*
*
“...ว่าไง...” ผมรับโทรศัพท์ที่โชว์เบอร์โรงแรม อีสองคนนั่นมันคงโทรมาแหย่ผมตามปกติ
“...พี่เอ้...หนูมีเรื่องจะคอมเพลนแขกพี่อ่ะ...” อีธีพูดเสียงจริงจัง
“...อะไรของพวกแกวะ...” ผมงง
“...ก็ไอ้คุณพีทอ่ะดิ...เมื่อกี้เค้าเดินเข้ามา..พวกหนูก็ทักเค้าดี ๆ แต่พี่เอ้รู้ปะเค้าทำพวกหนูหน้าแหกอย่างแรงเลย...”
“...แกไปทักเค้าว่าอะไรล่ะ...”
“...ก็พอเค้าเดินมาหนูก็นึกว่าจะมาหาพี่เอ้..อุตส่าห์หวังดีบอกเค้าว่าวันนี้พี่เอ้หยุด...ไปฮันนีมูนกับแฟนที่ระยอง...แค่นั้นแหละ..ไม่รู้เป็นอะไร..เดินเข้ามาด่าพวกหนูเป็นชุดเลย..ภาษาอังกฤษซะด้วยนะ..พี่คิดดูดิ..แขกอยู่ตรงนั้นตั้งหลายคน ถ้าเค้าด่าเป็นภาษาไทยหนูก็คงไม่อายอย่างนี้ เพราะแขกคนอื่นฟังไม่ออกแน่ ๆ เนี่ยทุกคนในล็อบบี้มองพวกหนูเป็นตาเดียวเลย...หนูน่ะไม่เท่าไหร่หรอก โดนแขกด่าเป็นเรื่องปกติ แต่อีเบสมันแค้นมากเลยอ่ะพี่..มันเถียงไม่ทันเค้า...”
“...แล้วแกไปทักเค้าอย่างนั้นได้ไงวะ...”
“...อ้าวก็เค้ารู้จักพี่เอ้...เห็นมองมาทางนี้ก็เลยคิดว่าเค้ามองหาพี่เอ้อ่ะ...” เค้าจะมองหากูทำไม ก็เค้ารู้ตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วว่ากูหยุดไปเที่ยวกับแฟน ผมเถียงมันในใจ
“...เค้าด่าแกว่ายังไง...”
“...ก็ประมาณว่า..ไอไม่ได้ถามว่าใครจะหยุด ใครทำงาน หรือใครจะไปไหน เพราะมันไม่ใช่เรื่องของไอ..ยูคิดว่านี่คือคำทักทายที่พนักงานอย่างยูจะทักทายแขกวีไอพีอย่างไอ
งั้นเหรอ..เห็นทีไอต้องให้ทางผู้บริหารของยูจัดการฝึกอบรมมารยาทที่ดีของพนักงานโรงแรมใหม่ซะแล้วล่ะ.........................................................” อีธีทำเสียงเล็กเสียงน้อย เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่ถึง 5 นาทีที่ผ่านมาให้ฟัง
“...เออว่ะ..มันก็ถูกของเค้า..ทีหลังแกแค่สวัสดีทักทายปกติก็พอ...”
“...พี่เอ้รู้มั้ย..ก่อนหน้าไอ้คุณพีทของพี่เอ้จะเข้ามาแป๊บเดียว...แอนดี้ก็กลับเข้ามาจากข้างนอกเหมือนกัน..คำถามแรกที่เค้าถามหนูคือ..พี่เอ้ไม่มาทำงานเหรอ..หนูคิดว่าไอ้คุณพีทก็คงอยากจะถามอย่างนี้เหมือนกัน..หนูก็เลยชิงพูดไปซะก่อน..ทำไมอ่ะ..หนูไม่เข้าใจ..คนรู้จักกันไม่เห็นมาทำงานมันก็เป็นเรื่องที่ควรถามถึงไม่ใช่เหรอ..มันเป็นการแสดงความห่วงใยใส่ใจอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ..ไม่เห็นจะต้องทำเป็นเรื่องราวใหญ่โต หรือทำโมโหอะไรขนาดนั้น..ดีนะว่าเค้ารู้จักกับพี่เอ้..ไม่งั้นหนูจะหลอกด่าซะให้เสียเลย...”
“...พอเหอะ..ยังไงเค้าก็เป็นแขกของเรา..แล้วนังเบสไปไหนอ่ะ...”
“...มันไปนั่งเครียดอยู่หลังฟร้อนท์..มันบอกว่ามันน่าจะพูดอะไรได้มากกว่านี้..ไม่ใช่ยืนฟังเค้าด่าอย่างเดียว..นึกคำศัพท์ไม่ทัน..มันเจ็บใจที่ร่ำเรียนเอกอังกฤษมาแท้ ๆ แต่โต้ตอบอะไรไม่ได้เลย..ก็แหม..คนเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองไทยจะสู้กับคนที่เกิดและโตที่เมืองนอกได้ไงเนอะ...แต่หนูว่ามันกำลังปลงเรื่องที่แอนดี้มาถึงก็ถามหาพี่เอ้มากกว่า...” อีธีเม้าธ์เพื่อนแล้วหัวเราะ ได้ยินเสียงอีเบสตะโกนด่า แสดงว่าคงออกมาแล้วได้ยินเพื่อนเม้าธ์พอดี
“...พี่เอ้..พรุ่งนี้เคลียร์กันหน่อยนะคะ...” อีเบสแย่งหูโทรศัพท์มาจากอีธี
“...เออ...พรุ่งนี้เจอกัน..พี่ต้องวางสายก่อนนะ..พี่วุธเรียกกลับบ้านแล้ว..อ้อ..ไม่ต้องหาซื้ออะไรเข้ามากินนะ..พี่มีขนมไปฝาก..บอกอีธีมันด้วยว่าพรุ่งนี้เลิกงานแล้วเราไปกินร้านเดิมกัน...” ผมชวนพวกมันไปกินร้านจิ้มจุ่มแถวโรงแรม อีเบสกรี๊ดกร๊าด ไม่มีเค้าความเจ็บใจเหมือนที่อีธีเม้าธ์เลย
.....นี่แสดงว่าพี่พีทคงรอพวกผมที่หน้าบ้านไม่ไหว เลยอารมณ์เสียกลับโรงแรม แล้วอีสองคนนั่นดันไปสะกิดโดนแผลเข้าอีก ซวยเลย...กว่าจะกลับถึงบ้านผมก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่ม..ผมไล่ให้วุธรีบอาบน้ำนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงานเหมือนเดิม...ก่อนนอนผมก็ไม่ลืมขอวุธไปกินจิ้มจุ่มกับน้อง ๆ ที่โรงแรมในคืนพรุ่งนี้ เพราะผมกับพวกมันไม่ได้กินอะไรด้วยกันนานแล้ว...ผมชวนวุธให้ไปกินด้วยกัน แต่วุธบอกว่าอยากเล่นเกมส์ที่เพิ่งได้มาใหม่ ตอนแรกมันตั้งใจจะเล่นวันนี้ แต่อยากไปเที่ยวกับผมมากกว่าก็เลยอดใจไว้เล่นวันอื่น...วุธขอไปรับผมที่ร้านแทน ผมเกรงใจเพราะร้านนี้มันเปิดดึกมาก เวลาเลิกงานของพวกผม คือเวลาที่เค้าเพิ่งจะตั้งร้าน..วุธบอกว่าไม่เป็นไร ดึกแค่ไหนก็ไปได้ แล้วมันก็ขำ...แหย่ผมว่ารู้แล้วว่าทำไมเวลาเอ้ไปหาอะไรกินกับสองคนนั้นแล้วกลับดึก..ก็คงไปช่วยเค้าตั้งร้าน หรือไม่ก็ไปช่วยเค้าเก็บร้านกันแน่ ๆ... ผมดีดหูมันดังเป๊าะ วุธหันมามองช้า ๆ แล้วพลิกตัวขึ้นคล่อม...จากนั้นมันก็ทำโทษผมด้วยวิธีของมัน ซึ่งเดี๋ยวนี้ชักจะทำบ่อยไปแล้วนะ...ไม่เพลียบ้างรึไง(วะ)...แต่โคตรชอบเลย(ว่ะ)วิธีทำโทษแบบนี้.....
*
*
*
.....พอรูดบัตรลงเวลาที่ประตูทางเข้า เดินยังไม่ถึงล็อกเกอร์ เสียงนังสองคนนั่นก็ดังมาจากข้างหลัง...พวกมันช่วยผมถือของฝาก ก็ของพวกมันนั่นแหละ แล้วหลังจากนั้นผมก็ต้องฟังพวกมันกระหน่ำด่าพี่พีท...และยิ่งใส่อารมณ์เพิ่มเมื่อผมเล่าเรื่องราวระหว่างพี่พีทกับผมจบ...พวกเราเดินเม้าธ์กันตั้งแต่ล็อกเกอร์ถึงหลังฟร้อนท์ ผมแวะเอาใบลามาเขียน อีพวกนั้นก็เข้าใจ ไม่โอดครวญ และยินดีให้ผมหยุด ทั้ง ๆ ที่พวกมันก็ต้องเลื่อนวันหยุดตามผมไปอีกหลายวันด้วย….
“...อู๊ย...หนูอยากเห็นหน้าอีพี่พีทเวลารู้ว่าพี่เอ้หยุดไปสวีตกับพี่วุธ 3 วันจัง...” อีเบสกรี๊ดกร๊าดตามประสา
“...แหม...ขนาดหยุดไปวันเดียวยังวีนขนาดนี้..มึงเตรียมตัวเปิดดิกไว้เถียงกับเค้าเหอะ...” อีธีเตือน
“...กูด หมอ นิ่ง ชาลี๊...” ทั้ง ๆ ที่เกือบบ่ายสองไปแล้ว แต่เราก็ยังทักทายทุกคนด้วย Good morning สำเนียงอีสานพร้อมกันสามคน ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะเดินเข้างานที่หลังฟร้อนท์พร้อมกัน และเราก็จะทักทายทุกคนอย่างนี้ประจำ สมมุติตัวเองว่าเป็นนางฟ้าชาร์ลี...ทุกคนหันมามองพวกเราเป็นตาเดียว เอ๊ะ ทำไมไม่รับมุขวะ
“...ไม่คิดจะเซย์ไฮ..Good morning angles มั่งเหรอ...” ผมถามขำ ๆ ก่อนเดินเอาขนมของฝากไปวางไว้บนโต๊ะส่วนรวม
“...เมื่อวานรอบบ่ายทำอะไรเอาไว้...” เอฟโอถามเสียงเครียด
“...ทำอะไรเหรอครับ...” อีธีทำหน้าใสซื่อ
“...มีแขกคอมเพลนมาว่าไม่มีมารยาท..เอ้านี่ไปอ่านซะ...” ผู้จัดการยื่นซองคอมเม้นท์ให้ตรงหน้า ผมรับไว้แล้วเปิดอ่าน เป็นภาษาอังกฤษล้วน ๆ ส่งมาจากห้องสวีทใหญ่ แขกวีไอพี คอมเพลนทุกแผนกในโรงแรม แต่ฟร้อนท์โดนหนักสุด เจาะจงว่าเป็นรอบบ่ายด้วย เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็โดนฟ้อง ประเภททรงผมไม่เรียบร้อย พนักงานคุยกันเสียงดัง ฯลฯ
“...โอ๊ยพี่...นี่เค้าคิดว่าเค้าพักอยู่โอเรียนเต็ลหรือเปล่า...อลังการจริง ๆ...โอเค...พวกเรายอมรับว่าผิด...แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรนี่นา...” ผมโวยวาย
“...ทำงานโรงแรมเราต้องใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย...” พี่ซุปฯ พูดยิ้ม ๆ เพราะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“...แต่ถ้าต้นเหตุมันมาจากเรื่องส่วนตัวล่ะ...” อีเบสถาม พี่เอฟโออึ้งไปนิดนึง
“...สำหรับงานบริการ...แขกถูกเสมอ...จำไว้...”
“...รู้งี้กูไม่รับ Booking หรอก...” นังธีบ่นเบา ๆ
“...อ้อ...ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป...ก่อนเข้างานวันละสิบห้านาทีจะมีการบรีฟ...เพื่อให้ฟร้อนท์ทุกคนทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด...โดยเฉพาะรอบบ่าย...” เอฟโอพูดจบก็เดินเข้าห้อง พวกเราสามคนยักไหล่พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“...เป็นเรื่องเลยไง...แล้วกูจะได้หยุดมั้ยเนี่ย...” ผมเดินตามผู้จัดการเข้าห้องเพื่อเอาใบลาไปให้พิจาณา ซึ่งเป็นการบังคับให้เขายอมเซ็น เพราะมีใบเปลี่ยนวันหยุดของสองคนนั่นแนบไปด้วย ดังนั้นข้ออ้างที่จะปฏิเสธใบลาของผมว่าไม่มีคนทำงานจึงตกไป
*
*
“...ไฮ...คุณเอ้...” ผมก้มหน้าก้มตาคีย์ข้อมูลแขกที่เพิ่งทำการเช็คอินลงคอม ปล่อยให้อีสองคนนั่นรับแขก คอยกันไม่ให้แขกเดินมาถึงผมได้ ไม่งั้นงานผมก็คงไม่เสร็จ วันนี้เราต้องเร่งมือนิดนึง เพราะเลิกงาน เราจะไปเดินเล่นแถวนี้ก่อนไปกินจิ้มจุ่มร้านประจำ
“...อ้าว...หวัดดีแอนดี้...ไม่ได้เจอตั้งนาน เป็นไงมั่ง...” ผมทักทายฝรั่งรูปหล่อคนเดิมที่ตอนนี้ยืนเท้าเคาท์เตอร์มองหน้าผม
“...ก็ดีครับ...สนุกดี แต่ร้อนมาก...ผมก็เลยได้ผิวสีแทนมาโชว์คุณเลย...” แอนดี้ถลกแขนเสื้อให้ผมดูรอยแดดเผา มิน่าเค้าดูเข้มขึ้น หล่อขึ้นด้วย “...ผมมีของมาให้คุณด้วย..แต่เมื่อวานคุณไม่อยู่..เดี๋ยวผมเอาลงมาให้นะ...” พูดจบเขาก็ทำท่าจะเดินขึ้นห้อง
“...เดี๋ยว...ผมก็มีของฝากให้คุณเหมือนกัน...รอแป๊บนึงนะ... ” ผมเดินเข้าไปหลังฟร้อนท์หาขนมที่ดูดีมีสกุลให้แอนดี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วตอนซื้อผมไม่ได้นึกถึงเขาเลย
“...ขอบคุณครับ...ว่าแต่..เอ่อ..คุณไปไหนมาเหรอ...” แอนดี้รับกล่องขนมไป พลางหาดูว่ามีภาษาอังกฤษตรงไหนที่เขาพอจะอ่านได้ เผื่อจะรู้ว่าผมไปซื้อมาจากไหน...ทั้งกล่องมันมีแต่ภาษาไทยอ่ะ
“...เมื่อวานไประยองมา...รู้จักระยองปะ...อยู่ด้านตะวันออกของประเทศไทย...เอางี้...รู้จักเกาะเสม็ดปะ...แต่ผมไม่ได้ข้ามไปนะ...”
“...รู้จักสิครับ...ตอนที่ผมทัวร์ทั่วประเทศ ผมก็ผ่าน แต่ไม่ได้ข้ามไปเหมือนกัน เห็นแต่ท่าเรือ...ผมไปที่เกาะช้างมาครับ...สวยมาก ๆ...” คำหลังแอนดี้พูดเป็นภาษาไทย ผมยิ้มให้กับสำเนียงน่ารักของเขา แล้วเราก็เงียบ เพราะแอนดี้มัวแต่มองหน้าผม เล่นเอาเขินไปเลย
“...ไหนล่ะ...ของฝากของไอ...” ผมพูดขำ ๆ แก้เขิน
“...อ๋อ...ครับ เดี๋ยวผมลงมา...” แอนดี้สะพายกระเป๋าเตรียมขึ้นห้อง
“...ไม่ต้องรีบนะ...ผมอยู่ที่นี่ถึง 5 ทุ่ม...” ผมยิ้มให้เขาอีกครั้ง
“...แอนดี้...คืนนี้คุณว่างมั้ย...” อีเบสถลาเข้ามาถามเสียงอ่อนเสียงหวาน
“...ว่างครับ...ทำไมเหรอ...” แอนดี้ตอบนังเบสแต่หันมามองผมนิดนึง
“...คือว่าคืนนี้เรามีปาร์ตี้กันอ่ะ...อยากไปกับพวกเรามั้ย...” อีธีตอบแทน นึกภาพลูลู่กับลาล่าไว้นะครับ อีสองคนนี่มันเหมือนมาก
“...เฮ้ย...เค้ากินกับพวกเราไม่ได้หรอก...” ผมปราม ชวนฝรั่งไปกินจิ้มจุ่มเนี่ยนะ คิดได้ไงอ่ะ
“...ได้สิพี่...หนูเห็นน้องจอย (ชื่อเล่นของจอยเนอร์ หรือเรียกอีกอย่างว่าคุณโส) พาฝรั่งไปนั่งกินหน้าสลอน...”
“...เค้าอยู่เมืองไทยก็ต้องให้เค้าได้ลองกินอะไรที่คนไทยกินด้วยสิพี่...” อีเบสสนับสนุน
“...เออ...ตามใจ...” ผมหันไปคีย์งานต่อ
“...เดี๋ยวผมลงมาคุยรายละเอียดนะ...” ผมได้ยินเสียงแอนดี้พูดก่อนขอตัวขึ้นห้อง
*
*
*
“...พี่เอ้...ออกมาข้างนอกหน่อย...” เสียงอีเบสเรียกทำให้ผมต้องวางขนมในมือ กินน้ำตาม คิดว่าแอนดี้เอาของฝากมาให้ ส่องกระจกดูความเรียบร้อยไม่มีเศษขนมติดปาก ติดเสื้อ
“...ว่าไงจ๊ะ...” ผมส่งเสียงไปก่อนตัวเป็นภาษาไทย
“...ไปเที่ยวมาสนุกมั้ย...” พี่พีทยืนตัวตรงอยู่หน้าเคาท์เตอร์ ผมหุบยิ้ม ก่อนฝืนยิ้มอีกครั้ง
“...ก็สนุกดีอ่ะครับ...นาน ๆ ไปที...”
“...อืม...เลิกงานแล้วเอ้ว่างหรือเปล่า...พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ...”
“...ไม่ว่างอ่ะครับ...ผมมีนัดแล้ว...” ผมหันไปทางสองคนนั่น แต่หางตามผมเห็นแอนดี้เดินออกจากลิฟท์พอดี
“...งั้นพรุ่งนี้ล่ะ...” พี่พีทถาม
“...พรุ่งนี้ก็ไม่ว่างครับ...” ผมไม่ได้บอกว่าผมหยุดหรอก เดี๋ยวไม่มันส์
“...เอางี้...เอ้ว่างเมื่อไหร่ก็บอกพี่ล่ะกัน...”
“...พี่มีเรื่องอะไรเหรอครับ...พูดตอนนี้เลยก็ได้นะ...” ผมถามเสียงเรียบ
“...พี่อยากคุยกับเอ้...เป็นการส่วนตัว...” พี่พีทพูดกับผมแต่สายตามองไปที่น้องสาวผมทั้งสองคน
“...อืม...ขอคิดดูก่อนนะครับ...แต่ตอนนี้ผมว่าพี่เพิ่งกลับมาเหนื่อย ๆ ขึ้นห้องไปพักผ่อนแล้วลงมาทานดินเนอร์ที่ห้อง XXXXX ดีกว่ามั้ยครับ...วันนี้เค้ามีเมนูพิเศษด้วย...” ผมไล่พี่พีททางอ้อม ซึ่งก็ได้ผล พี่พีทกำลังจะเดินออกไป แอนดี้ก็เดินตรงเข้ามาหาผม
“...ว่าไงครับ...คืนนี้เราจะไปไหนกันเหรอ...” ผมเหวอ พี่พีทต้องได้ยินแน่ ๆ
“...ต้องไปถามสองคนนั่นอ่ะนะ...เพราะเค้าจะพาผมไป...” ผมโยนไปให้น้องสาวผม และหวังจะให้พี่พีทได้ยินว่าผมไม่ได้ไปกับฝรั่งรูปหล่อนี่สองต่อสอง...แต่ไม่รู้ว่าเค้าจะได้ยินหรือเปล่าเพราะกว่าผมจะพูดออกมาได้พี่พีทก็เดินห่างออกไปแล้ว
“...เราไม่บอกคุณตอนนี้หรอกแอนดี้...เอาเป็นว่า...เราเจอกันซักห้าทุ่มสิบนาทีนะ เพราะพวกเราต้องเปลี่ยนชุดกันด้วย
“...ได้ครับ...งั้นเดี๋ยวผมออกไปเดินเล่นก่อนนะครับ...แล้วเจอกันครับ...” แอนดี้เดินออกไปในขณะที่ผมยังกังวลว่าพี่พีทจะเข้าใจอะไรผิด ๆ หรือเปล่า แต่ช่างเถอะ
****************************************************
.....ขอบคุณสำหรับการตอบรับที่ดีเหมือนเคยในกระทู้ที่สอง...ขอบคุณที่ติดตาม...ขอบคุณที่ให้กำลังใจ...เรื่องนี้จะจบสมบูรณ์ประมาณต้นเดือนหน้า อีก 2 ตอนก็จะจบแล้วนะครับ เพราะผมจะยกเลิกเน็ตที่บ้านเพื่อไปทุ่มเทกับการทำงานให้มากขึ้น แต่ผมจะรัก และคิดถึงคนอ่านของผมตลอดไป...แล้วถ้าแอบเล่นที่ทำงานได้ ผมก็จะเข้ามาทักทายนะครับ.....