(เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT  (อ่าน 315835 ครั้ง)

niph

  • บุคคลทั่วไป
กะลังเข้มข้น
กะลังคาใจ

เมื่อไรจะกระจ่างซะทีนะ
 :m16: :m16: :m16:

Electrolyte

  • บุคคลทั่วไป
พี่เอ้รีบมาต่อด่วนเลย...........กำลังมันส์เลย

niph

  • บุคคลทั่วไป
 :o11: :o11: :o11:
มาสารภาพว่าไปหาอ่านจนจบอีกเหมือนกัน

แต่ ...

ไม่อยากบอกว่า ...


โดนกูเกิ้ลสปอย  :m17:

อ่านจบแล้วก็จริง แต่ยังงง ๆ อยู่เลย
เหมือนมันจะมีต่อเพราะตอนที่อ่านในกูเกิ้ล มันไม่มีในบอร์ดที่ไปอ่าน

เค้าก็พยาย๊ามพยายามเสริชหาในบอร์ดปาล์ม แต่ก็ไม่สำเร็จ
ชักเริ่มจะเซ็งเป็ดอีกแระ คงต้องรอจากในเล้านี่แน่ ๆ  :เฮ้อ: :seng2ped:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
สงสารนายกฤชต้องไปสืบไปหาอ่านนนนนนน เอามาต่อให้กันอีกหน่อยยยย ช่วยกัน ๆๆ lanlan คงไม่ว่านะ...

=======================================================

4 The End (Part III)

.....ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ไล่ความรู้สึกเหนื่อยอ่อน ความรู้สึกหลาย ๆ อย่างรุมเร้าเข้ามา การตัดสินใจลาออกจากงานนี้ อาจทำให้ผมได้มีเวลาพักผ่อนร่างกายที่ตรากตรำทำงานหนักมานาน ได้พักสมอง พักใจ และประสบการณ์ทำงานปีกว่า ๆ อาจช่วยให้ผมสามารถหางานที่ดีกว่านี้ได้.....ผมเคาะประตูหน้าห้องผู้จัดการทั่วไปเบา ๆ ได้ยินเสียงอนุญาตให้เข้าห้องดังออกมา เป็นสำเนียงฟังยากของคนอินเดียที่ไปเรียนอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก...ตอนที่มาสัมภาษณ์กับ G.M. ครั้งแรกผมตื่นเต้นมาก แต่วันนี้ ผมกลับรู้สึกเฉย ๆ และอยากจะพูดสิ่งที่คั่งค้างมาตลอดอายุการทำงานที่นี่ เผื่อว่าจะเป็นผลดีต่อการปรับปรุงอะไรบางอย่าง....
“...ผมฟังเรื่องราวทั้งหมดจากเค้าแล้ว...ถึงตาคุณบ้าง...คุณเอ้...มีอะไรจะอธิบายมั๊ย...” จีเอ็มพูดพลางมองหน้าผมกับหัวหน้าแผนกที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ข้าง ๆ
“...ครับ...ผมยอมรับว่าผมผิด ที่ไปต่อว่าแขกด้วยความไม่สุภาพอย่างนั้น แต่ผมยืนยันว่าก่อนหน้านี้ผมทำตามหน้าที่ และผมก็ทำดีที่สุดแล้วด้วย...”
“...คุณรู้ใช่มั๊ยว่า ลูกค้าต้องถูกเสมอ...”
“...แน่นอนครับ ผมรู้ตั้งแต่ก่อนมาทำงานที่นี่ซะอีก...”
“...แล้วทำไมถึงทำอย่างนั้น...”
“...ผมคิดว่าหัวหน้าแผนกผมน่าจะตอบได้ดีกว่านะครับ...” ผมโยนไปให้หัวหน้าผมที่นั่งหน้าเหวอ
“...ผมก็ทำถูกนะครับ มันเป็นเรื่องปกติที่คนทำผิดต้องกล่าวคำขอโทษ...”
“...ใช่ครับ ผมเห็นด้วย แต่ในฐานะของคนที่เป็นหัวหน้า ควรคิดถึงใจลูกน้องด้วย และจากที่เคยทำงานร่วมกันมา เค้ารู้ว่าผมเป็นคนยังไง ผมเป็นของผมอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ผมคิดว่าเค้าควรมีวิธีในการแก้ไขปัญหาได้ดีกว่านี้....อีกอย่าง ตามนโยบายของโรงแรม... เราสามารถปฏิเสธแขก หรือเชิญแขกที่ทำให้ภาพพจน์โรงแรมเสื่อมเสียออกไปได้...คุณก็รู้ว่าผมก็ทำเช่นมามาแล้วหลายครั้ง และทุกครั้งมันก็เป็นผลดีกับโรงแรมรวมทั้งพนักงานด้วย ผมคิดว่าเราเคยพูดเรื่องนี้กันแล้วในที่ประชุมเมื่อไม่นานมานี้นะครับ...”
“...ผมคิดว่าแขกคนนี้ไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดนั้น...” หัวหน้าเถียงผม
“...คุณไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรกนะครับ...คุณสามารถถามใครก็ได้...กล้องวิดีโอก็จับภาพตลอดเวลา...มันดูดีนักเหรอที่ปล่อยให้แขกพ่นคำหยาบคายใส่หน้าพนักงาน ไม่รวมทั้งการแสดงท่าทางเลว ๆ ต่อหน้าแขกท่านอื่นในบริเวณล็อบบี้...ในกรณีเช่นนี้ ผมสามารถให้พนักงานรักษาความปลอดภัยเชิญตัวออกไปนอกโรงแรมได้...ใช่มั๊ยครับ...” ผมไม่ยอมแพ้ หันไปถามจีเอ็มต่อ
“...โอเค...ผมอยากให้เรื่องนี้จบไปด้วยดี...คุณเอ้...คุณผิดนะครับที่ไปด่าว่าแขกอย่างนั้น ผมขอให้คุณเซ็นชื่อในใบ Warning ด้วยครับ...” จีเอ็มยื่นกระดาษขาว ๆ ที่มีข้อความแสดงความผิดของผมปรากฏอยู่ “...ส่วนคุณ...ผมอยากให้คุณแสดงความสามารถในการปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดีกว่านี้ และกรุณาไม่ใช้ความคิดอคติในการแก้ไขปัญหานะครับ...” หัวหน้าผมพยักหน้ารับหงอย ๆ
“...ผมเกรงว่า ผมจะไม่เซ็นใบนี้ครับ...และผมจะขอความกรุณาให้คุณเซ็นใบนี้ให้ผมแทนดีกว่า...” ผมยื่นใบลาออกที่เขียนและเซ็นชื่อเรียบร้อย แนบพร้อมใบตักเตือนที่เพิ่งได้มา
“...คุณมีเวลาพิจารณาเรื่องนี้ใหม่นะครับ...” จีเอ็มมองหน้าผม
“...ผมตัดสินใจแล้วครับ...”
“...คุณ XXX คุณช่วยพูดให้คุณเอ้ พนักงานในการปกครองของคุณเปลี่ยนใจด้วยนะครับ...ผมไม่รู้ว่าคุณมีปัญหาอะไรกันมาก่อนหรือเปล่า แต่ผมไม่อยากเสียพนักงานดี ๆ ไปเพราะความไม่เข้าใจกัน...” จีเอ็มหันไปกดดันหัวหน้าผม
“...ครับท่าน...”
“...ผมคิดว่าไม่จำเป็นหรอกครับ ไม่มีใครเปลี่ยนใจผมได้แน่นอน...ขอบคุณนะครับที่ให้โอกาสผมมาทำงานที่นี่ ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้งเรื่องดี และไม่ดี ผมจะจำสิ่งเหล่านี้ไปปรับปรุงตัวเองครับ...ลาก่อน...” ผมยกมือไหว้แล้วเดินตัวตรงออกมาจากห้องจีเอ็ม รู้สึกโล่งยังไงไม่รู้สิ
.....ผมเก็บเรื่องที่ผมลาออกไว้เป็นความลับ หัวหน้าผมก็ไม่พูดอะไร เราสองคนมองหน้ากันไม่ติดแล้ว....ผมมีเวลาทำงานที่นี่อีกแค่ไม่กี่วัน เพราะผมจะใช้วันหยุดทั้งหมดที่เหลือให้ครบเพื่อไม่ให้ขาดทุน ก็พวกวันหยุดปกติตามตารางงาน วันหยุดที่ผมไม่ได้หยุดพวกวันปีใหม่ สงกรานต์ วันที่คนอื่นเค้าหยุดกัน แต่ผมไม่ได้หยุด โอทีที่เก็บไว้เป็นวันหยุด วันที่ทำงานแทนคนอื่น และวันลาพักร้อนอีกหลายวัน ผมทำตามกฎนะครับ ที่ผมไม่ลาออกแบบ Walk out เพราะผมยังอยากได้ใบผ่านงาน และเงินประกันคืน มีกฎว่า ห้ามลาออกแบบกะทันหัน ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วันถึงจะได้เงินคืน และทางฝ่ายบุคคลจะทำเอกสารใบผ่านงานให้....เท่ากับว่า สิ้นเดือนนี้ผมคงได้ไปอยู่กับแม่ตามที่ตั้งใจไว้ และไม่ต้องไปร่วมงานมงคลสมรสของคนที่ผมรักที่สุด.....

.....วันสุดท้ายของการทำงาน ผมซื้อของขวัญเตรียมไว้ให้วุธในวันแต่งงาน ฝากไว้กับน้องคนหนึ่งที่ผมไว้ใจได้ ย้ำว่าให้เอาไปให้คนที่เอาขนมมาให้กินวันนั้น น้องเค้าก็ยังจำได้อยู่....ถึงวันนี้พวกเพื่อนร่วมงานระแคะระคายบ้างแล้วว่าผมจะลาออก แต่ผมเฉย ๆ พูดทีเล่นทีจริงตลอด....พอได้เวลาเลิกงาน ผมถึงได้บอกความจริง วันนั้นเป็นวันหยุดของโจทก์ผมด้วยไงครับ ผมก็เลยสั่งอาหารมาเลี้ยงกัน และผมก็อยู่ถึงรอบดึกมาทำงาน และเราก็หาอะไรมากินกันอีกรอบ....ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้เยอะมาก เพื่อนร่วมงานดีทุกคน พวกเค้าเข้าใจว่าการทำงานโรงแรมมักจะไม่มีใครทำอยู่ที่เดียวได้นาน เพราะตำแหน่งมันจะตัน.....ส่วนมากจะเป็นทำนองว่า ย้ายเพื่อใหญ่ เปลี่ยนที่ทำงาน หมายความว่าต้องได้ตำแหน่งที่ดีขึ้น หรือไปโรงแรมที่ใหญ่กว่า เงินดีกว่า เป็นเรื่องปกติครับ.....
.....วุธหายไปเลยครับ ไม่มาหาที่บ้าน ไม่โทรมา ทั้ง ๆ ที่รู้ทั้งเบอร์บ้านและเบอร์มือถือของผมแล้ว....คงจะยุ่งกับการเตรียมงานมั้ง ผมพยายามตัดใจ พักผ่อน 2-3 วัน ผมก็พร้อมออกหางานใหม่แล้ว.....ขอเปลี่ยนมาทำงานออฟฟิศ เข้า 8 โมงเลิก 5 โมงมั่งละกัน แต่ทุกที่ที่ผมไปมันมีเงื่อนไขที่ผมรับไม่ได้หลายอย่าง หางานอยู่หลายวันชักเริ่มท้อซะแล้ว.....ลองไปหางานโรงแรมเหมือนเดิมดีกว่า.....เอาโรงแรมนี้ละกัน ใหญ่ดี ไม่ไกลด้วย.....เขียนใบสมัครเสร็จ ทำข้อสอบยากมาก อะไรยังไงเนี่ย มันไม่เห็นเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงแรมเลย สงสัยเป็นการทดสอบความคิดเรามั้ง.....รอผลสอบไม่นาน ก็ได้สัมภาษณ์ ไปตั้งแต่ 9 โมง โดนสัมภาษณ์ทีละคน ทีละแผนก เสร็จเกือบ 6 โมงเย็น สัมภาษณ์ไม่นานหรอกครับ แต่รอคนที่จะมาสัมภาษณ์นานมากว่า....ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย จนแทบถอดใจขอกลับบ้านซะกลางคัน แต่พอรู้ผลว่าให้ผมเริ่มงานกลางเดือนหน้า ความเหนื่อยก็หายไปทันที.....
.....วันต่อมาหลังตรวจร่างกาย เซ็นสัญญา วัดตัวตัดชุดกันเสร็จ ฝ่ายบุคคลก็คุยถึงระเบียบต่าง ๆ จากการผ่านงานโรงแรมมาแล้วมันก็คล้าย ๆ กันนั่นแหละ แต่ที่นี่ต้องมีการเทรนพนักงานใหม่ 15 วัน ได้เงินด้วย และผมจะได้ปฏิบัติหน้าที่จริง ๆ ก็ต้นเดือนโน้น มีเวลาพักอีกเยอะ.....
 “...อีเอ้...ลาออกทำไมไม่บอกกู...” อีกุ้งโทรมาด่าผมเย็นวันหนึ่ง
“...เออ...โทดทีว่ะ กูลืม...” ผมหัวเราะเสียงใส
“...แล้วมึงได้งานใหม่ยัง...”
“...ได้แล้ว...”
“...ที่ไหนวะ...”
“...ไม่บอก...เอาไว้กูจะไปบอกพวกมึงที่โน่น...” ผมหมายถึงที่บ้านแม่
“...เออนี่...กูก็มีเรี่องจะบอกมึงเหมือนกัน...”
“...อะไรของมึง...อย่าบอกนะว่าจะ Cancel ทริปนี้...”
“...ไม่ใช่...กูจะขอเลื่อนไปซักสองวันนึงได้มั๊ย...”
“...ไม่ได้...” ผมตอบทันที
“...ทำไมอ่ะ...อีเต็มกับอีนันก็อยากเลื่อนนะมึง...เงินเดือนพวกกูยังไม่ออกกันเลย....ไปต้นเดือนไม่ได้เหรอ...มึงก็ไม่ต้องลางานแล้วนี่นา...เอ๊ะ มึงเริ่มงานใหม่เมื่อไหร่วะ...”
“...กูมีเหตุผลส่วนตัว...ส่วนงานใหม่กูเริ่มกลางเดือนหน้า เทรนตั้งสองสัปดาห์...” ผมบอกเรื่องไอ้วุธจะแต่งงานกับอีนันคนเดียว ดังนั้นอีกุ้งมันก็เลยไม่รู้ว่าผมตั้งใจจะหนีงานนี้ด้วย
“...เอาไงดีอ่ะ...” ต่างคนต่างเงียบหาทางออก
“...งั้นกูไปก่อนได้มั๊ย...” ไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำ
“...ขับรถคนเดียวได้เหรอ...”
“...อีห่า...กูไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะมึง...แค่นี้เองกูไปคนเดียวได้โว้ย ไปตั้งหลายเที่ยวแล้ว...ถ้าพวกมึงไม่ไปพร้อมกู กูก็คงออกจากกรุงเทพฯ ตอนกลางวัน ถึงโน่นเย็น...สบายมาก....เออ... แล้วพวกมึงจะไปกันยังไงวะ...”
“...กูคงไปรถไฟนั่นแหละ...”
“...เออ...เดี๋ยวค่อยนัดเวลาไปรับอีกทีละกัน...”
.....ผมลงมือเก็บกระเป๋าทันทีที่เลิกคุยกับอีกุ้ง ในเมื่อไม่มีใครไปพร้อมผม ไม่ต้องรอใคร งั้นผมไปวันรุ่งขึ้นเลยดีกว่า....ระหว่างเดินวนเวียนเก็บสมบัติ ผมก็โทรบอกอาเล็กคนดีคนเดิมของผมให้ช่วยมานอนเฝ้าบ้านตอนกลางคืน....อาเล็กแกก็ไม่ว่าอะไร ยอมมาด้วยดี แต่แกก็ไม่ได้มานอนทุกวันนะครับ เอาเฉพาะวันที่แกว่างจริง ๆ แถวบ้านผมไม่ค่อยมีขโมยขึ้นด้วยไงครับ เพื่อนบ้านก็ไว้ใจได้ อีกอย่างสมบัติล่อตาล่อใจโจรก็ไม่ค่อยมี…..
.....ผมขึ้นห้องนอนแต่หัวค่ำ เก็บแรงไว้เดินทางวันพรุ่งนี้ โดยธรรมชาติแล้ว ผมเป็นคนที่นอนง่ายมาก ถึงได้ทำงานโรงแรมที่เวลากิน เวลานอนไม่เหมือนชาวบ้านได้อย่างทรหดอดทนมานานกว่าปี.....แต่หลังจากที่วุธเข้ามาในชีวิตผมอีกครั้ง ทุกวันก่อนนอน ไม่ว่าเวลาไหน ผมจะต้องคิดถึงมันทุกครั้ง และนี่คือสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ผมนอนไม่หลับ ภาพที่จินตนาการขึ้นมาเอง งานแต่งงานที่สวยงาม วุธในชุดเจ้าบ่าว ยืนคู่กับเจ้าสาวคนสวย คิดถึงตอนที่พวกคนร่วมงานเชียร์ให้ทั้งคู่หอมแก้มกัน คิดถึงตอนหลังจากงานเลิก พวกเค้าต้องเข้าห้องหอ ไม่พ้นห้องจูเนียร์สวีทของโรงแรมที่มักจะให้ฟรีเป็นห้องสำหรับคืนส่งตัว....ไม่อยากคิดว่าพวกเค้าทำอะไรกันทั้งคืนตามธรรมเนียมที่ไม่ให้ทั้งคู่ออกนอกห้องจนกว่าจะเช้า....ห้องสวีทห้องนี้ผมพาแขกไปชมนับครั้งไม่ถ้วน ทุกซอกทุกมุมเป็นยังไงผมรู้หมด และภาพที่จินตนาการมันชัดเจนเหลือเกิน.....
“...สวัสดีครับ...” ผมกดรับสายทันทีที่ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น โดยไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าใครโทรมา หูฟังถูกใส่ไว้ตลอดเวลา จะได้ไม่ต้องควานหา ขับรถอยู่ไงครับ ตอนนี้ก็ไปเกือบถึงนครสวรรค์แล้ว
“...เอ้...ทำไมลาออกอ่ะ...ฮัลโหล....อยู่ไหนเนี่ย...สัญญาณไม่ดีเลย...”
“...ขับรถอยู่...มีอะไร...” ผมพูดเสียงเรียบ
“...หาที่จอดแล้วคุยกันก่อน...” เสียงของวุธฟังดูร้อนรนมาก
“...ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว...ขอให้มีความสุขนะ...” ผมวางสาย ปิดเครื่องหนีซะเลย ขับต่อมาได้ซักพัก ผมต้องถอดแว่นกันแดดออก เพื่อเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
.....คืนนี้เป็นคืนที่ผมทรมานที่สุดอีกคืนหนึ่ง หลังอาหารเย็น ผมเดินกระวนกระวายจนแม่ต้องลุกหนีเพราะเวียนหัว ใครถามอะไรก็ไม่ตอบ พอเริ่มดึกไม่มีคนแถวนั้น ผมก็คว้าไวน์ที่เก็บไว้รับแขกออกมาจิบที่ระเบียงบ้าน ขอแสดงความยินดีกับวุธด้วย แม้ว่าจะไม่ได้ไปร่วมงานมงคลของมัน แต่ผมก็ขอดื่มให้มันที่นี่ละกัน นั่งรับลม กระดกไวน์เข้าไปหลายแก้ว ตัวร้อนวาบด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์ แต่ในใจมันหนาวเหลือเกิน มองดาวระยิบระยับบนฟ้า มันสวยไปอีกแบบ คงคล้าย ๆ กับแสงไฟในยามค่ำคืนของกรุงเทพฯ ที่มองลงมาจากชั้นสูงสุดของโรงแรมผม มองลงมาจากห้องหอที่ป่านนี้พวกเค้าคงอยู่ด้วยกันสองต่อสองแล้ว.....ส่วนผมน่ะเหรอ ต้องนั่งเหงาอยู่คนเดียว บนระเบียงไม้ ฟังเสียงนกกลางคืนร้องสลับกับเสียงสะอื้นของตัวเอง.....
.....เมื่อรู้ตัวว่าไม่ไหวแล้ว ในที่สุดผมก็เดินโซเซ กลับบ้านพักที่ขอแม่ไว้หนึ่งหลัง เพื่อต้อนรับเพื่อนผมที่กำลังจะเดินทางมาถึงในวันรุ่งขึ้น.....
.....เพื่อนผมไม่ได้บอกเวลาให้ไปรับ เพราะพวกมันเองก็ไม่รู้ว่าจะออกจากกรุงเทพกี่โมง ฟังดูแปลก ๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร มันบอกแต่ว่ามันมาเองได้ ผมจะให้คนงานไปรอรับก็ไม่ยอม....เก่งกันจริง ๆ ทำยังกับเคยมา ถ้าหลงนะมึง กูจะให้นั่งรออยู่ข้างถนนนั่นแหละ ผมขู่ แต่พวกมันเถียงว่ามีปากก็ถามสิ ที่นี่เมืองไทย พูดภาษาเดียวกัน ยังไงก็ไปถูก.....อีกอย่างผมก็บอกเส้นทางอย่างละเอียดและจุดสังเกต รวมทั้งชื่อของรีสอร์ตเล็ก ๆ ที่แม่ผมเป็นเจ้าของไปแล้ว....ถึงมันจะไกลไปนิด แต่ก็ไม่น่าหลงนะครับ ป้ายบอกทางก็มีตลอด.....
.....ตื่นมาตอนเช้า ปวดหัวมาก ไม่ได้แตะต้องของมึนเมามานาน แฮ้งค์เลยกู ฝืนตัวลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัวลงมาข้างล่าง แม่เรียกผมกินข้าวเช้าด้วยกัน ผมกินไปได้สามสี่คำก็ต้องวางช้อน....ลองโทรศัพท์ถามเพื่อนผมก่อนดีกว่าว่าถึงไหนกันแล้ว....หลังจากที่พยายามต่อสายอยู่นาน ในที่สุดก็ติด อีเต็มบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง อีกไม่นานก็ถึง มันไปถูกแน่นอน ไม่ต้องออกมารับ....ได้ยินมันพูดอย่างนั้นแล้ว ผมก็โล่งอก กินพาราไปสองเม็ด ขึ้นนอนอีกรอบ กะว่าตื่นขึ้นมาอีกทีคงจะมีสีหน้าที่สดใสขึ้นเพื่อไม่ให้เพื่อนสงสัย....
.....สงสัยคงจะคิดถึงไอ้วุธมากไปหน่อยมั้ง ฝันเห็นมันมานั่งข้างเตียงของผม เผลอยิ้มออกมาด้วยความสมเพชตัวเอง...เฮ้อ...เราคงได้เจอกันแค่ในฝันอ่ะนะ ตอนนี้มันคงเตรียมตัวเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมแล้วสิ จะเที่ยงแล้วสิ....แต่เอ๊ะ เพื่อนกูล่ะ...ทำไมยังไม่มา...ผมลืมตาขึ้นทันที...และต้องกระพริบตาถี่ ๆ เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงผม คือคนที่ผมเพิ่งคิดว่าผมฝันไป.....
“...เฮ้ย...มาได้ไงเนี่ย...” ผมลุกขึ้นนั่งโวยวายเสียงดัง วุธมันโถมตัวมานอนทับผมทั้งตัว เอามือปิดปากผมไว้
“...อย่าเสียงดังสิ...เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าผมเข้ามาข่มขืนคุณหรอก...” ผมดิ้นให้พันจากตัวมัน
“...ทำไมมาอยู่นี่ล่ะ...มาฮันนีมูนเหรอ...” ผมกัดมันทันทีที่มันปล่อยมือออกจากปาก
“...ฮันนีมูนอะไรล่ะ...ยังไม่ทันได้แต่งงานเลย...” วุธหัวเราะก๊าก
“...อ้าว...แล้วน้องนุ่นล่ะ...”
“...ลูกพี่ลูกน้องกันครับ...”
“...หมายความว่ายังไง...” ผมเริ่มเข้าใจอะไรบ้างแล้ว
“...น้องเค้าไปหาห้องจัดงานแต่งงาน ผมก็แค่ไปเป็นเพื่อนเฉย ๆ...”
“...แล้วแฟนเค้าล่ะ...”
“...วันนั้นแฟนเค้าก็อยู่ที่โรงแรมคุณนั่นแหละ แต่เค้าติดสัมมนาอยู่...นุ่นเค้าจะมารับแฟนเค้าไปดูห้องจัดเลี้ยงอยู่แล้ว...ตอนแรกผมตั้งใจจะมาส่งเค้าอย่างเดียว แต่ดันเจอคุณกำลังเถียงกับฝรั่งอยู่ ผมก็เดินผ่านคุณนะ แต่คุณไม่เห็นผมเอง...” ผมอายมาก เข้าใจมันผิดเป็นเรื่องเป็นราว
“...สนุกมากใช่มั๊ยที่หลอกเราได้...” ผมทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน
“...ผมไม่ได้หลอกอะไรคุณนี่...ผมไม่ได้พูดซักคำว่าผมจะแต่งงาน...ผมเชิญคุณมาร่วมงานในฐานะ...เอ่อ...แฟนผม...” มันพูดยิ้ม ๆ
“...ไอ้บ้า...ออกไปเลย...” ผมหันหลังให้วุธ เพื่อไม่ให้มันเห็นรอยยิ้มของผม
“...ไม่ไป...” มันขยับเข้ามากอดเอวผม
“...ปล่อย...ไม่งั้นเราเรียกแม่ด้วย...” ผมพูดเหมือนเป็นเด็กแก้เขิน
“...แน่จริงก็ร้องดัง ๆ ดิ...แม่จะได้ดีใจว่าลูกขายออกแล้ว...”
“...ปล่อย...ปวดฉี่...” มันปล่อยครับ ผมวิ่งเข้าห้องน้ำทันที ไม่ได้ฉี่หรอกครับ เข้ามาสงบจิตสงบใจ มองหน้าตัวเองในกระจก ริ้วรอยความเศร้าไม่มีเหลือเลยครับ
.....ผมหายเข้าไปในห้องน้ำนานมาก ออกมาอีกทีเห็นวุธนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงทั้งชุดที่มันเดินทางมา.....ผมย่องไปเอาเสื้อผ้า อาบน้ำเรียกความสดชื่นอีกครั้ง....ขนาดเป่าผมในห้องเสียงดังขนาดนี้ ไอ้วุธยังไม่ตื่น มันคงเพลียมาก....ผมเดินออกจากห้อง เห็นกระเป๋าสมบัติเพื่อน ๆ กองระเกะระกะอยู่บนพื้น....เข้าไปในห้องข้างในต้องอนาถกว่า อีพวกนั้นลากเอาเตียงสองเตียงมาติดกันแล้วนอนก่ายกันหลับสนิททุกคน.....
.....แม่บอกว่าเพื่อนผมมาถึงเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ท่าทางเพลียกันมาก โดยเฉพาะวุธที่เป็นคนขับรถ....พวกเค้าออกเดินทางจากกรุงเทพเมื่อคืนตอนเกือบเที่ยงคืน หลังงานเสร็จงานแต่งงานลูกพี่ลูกน้องของวุธ....แม่ให้คนงานจัดเตรียมอาหารเย็นไว้คอยต้อนรับเพื่อนผมอย่างดี ผมลงมือควบคุมดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง และเป็นการคืนกำไรให้แขกคนอื่นซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่พักอยู่ในขณะนี้ด้วย.....
.....ถึงคราวผมนั่งมองหน้าไอ้วุธตอนมันหลับบ้างแล้ว หลังจากเดินเข้าห้องนั้นออกห้องนี้อยู่หลายเที่ยว ไม่มีใครตื่นซักคน....จนบ่ายแก่ ๆ วุธก็ลืมตาขึ้นมา ผมแทบหลบตาไม่ทัน มันยิ้มแฉ่งเหมือนทุกครั้งที่มันเห็นผม....ผมทำเป็นเฉยเมย ไม่สนใจ แกล้งงอนไปงั้นแหละ ทั้งที่ในใจเต้นโครมครามตอนที่มันถอดเสื้อออก แล้วเดินไปหากระเป๋าที่กองอยู่หน้าห้อง มันกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมเสื้อผ้าในมือ ยักคิ้วให้ผมเมื่อเห็นผมมองมันอยู่....ไม่พูดพร่ำอะไร เดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำทิ้งให้ผมทำตัวไม่ถูก....ถ้ามันออกมาจากห้องน้ำ เราจะปั่นปึ่งกับมัน หรือว่าจะพูดดี ๆ เหมือนไม่เคยมีเรื่องราวอะไรดีนะ.....
.....กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมันมายืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยผ้าขนหนูสีขาวพันไว้หลวม ๆ ตัวเดียว...โอ๊ย...ใจเต้นตึก ๆ แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจมองแต่หน้ามันอย่างเดียว พยายามไม่ละสายตาไปมองแผงอกกว้าง ๆ ที่มีหยดน้ำเกาะ ไม่มองหน้าท้องแบนราบ มีกล้ามนิด ๆ ไม่มองตามไรขนที่หายเข้าไปในปมผ้าขนหนู ไม่มองอะไรที่ดันเนื้อผ้าออกมาเป็นรูปเป็นร่าง....แต่ทั้งหมดที่ผมบรรยายนี่ ผ่านการสแกนมาแค่ครั้งเดียว หลังจากนั้น ผมก็ไม่กล้ามองต่ำกว่าคอมันอีกเลย....กลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้อ่ะ...ยิ่งกลิ่นสบู่อ่อน ๆ หอมระเหยออกมาจากตัวมัน เล่นเอาผมลืมทุกอย่างที่เตรียมการไว้เลย.....
“...คืนนี้จะให้ผมนอนห้องไหนอ่ะครับ...”
“...ห้องโน้นไง...” ผมหมายถึงห้องที่อีพวกนั้นนอนกันอยู่
“...อ้าว...แล้วพวกนั้นล่ะ...”
“...ก็นอนด้วยกันนั่นแหละ...แบ่งมานอนห้องนี้คนนึง...แล้วห้องโน่นจะเสริมเตียงให้อีกละกัน...”
“...ก็แบ่งให้ผมมานอนห้องนี้สิครับ...”
“...จะบ้าเหรอ...ห้องนี้มันมีเตียงใหญ่เตียงเดียว จะยัดเตียงเสริมก็ไม่ได้ เดี๋ยวไม่มีที่เดิน...”
“...ก็นอนเตียงเดียวกัน...เหมือนเมื่อก่อนไง...” วุธจ้องหน้าผม
“...ไม่ได้หรอก...ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว...”
“...ผมรู้ว่าคุณยังรักผมอยู่...” ผมเงียบ
“...อย่าพูดเข้าข้างตัวเองอย่างนั้นดิ...”
“...ผมไม่ได้พูดเองเออเองนะ...ตาคุณบอกอย่างนั้น...ผมรู้ตั้งแต่วันที่ผมเจอคุณที่โรงแรมแล้ว...”
“...ไม่จริงหรอก...ดูใหม่นะ...” ผมจ้องมันกลับบ้าง พยายามทำใจให้ไม่รักมัน เผื่อตาผมจะฟ้องออกมาได้
“...ไม่เห็นเลย มาใกล้ ๆ สิครับ...” ผมอยู่ที่เดิม แต่วุธมันค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ ใกล้จนหน้าเราชิดกัน...มันรวบตัวผมไปกอดและผมก็ต้องชาวาบเมื่อปากอุ่น ๆ ของมันทาบกับริมฝีปากของผมอย่างรวดเร็ว หมดแรงดิ้นเลยครับ
“...วุธ...อย่า...” เสียงผมขาดไปเป็นช่วง ๆ เมื่อวุธดันตัวผมล้มลงบนเตียง
“...พูดสิเอ้...พูดว่าไม่รักผม...” วุธกระซิบข้าง ๆ หูผมขณะที่จมูกและปากของมันลากผ่าน
“...พอแล้ว...วุธ...ถ้าไม่ปล่อยเราจบกันจริง ๆ นะ...” ผมรวบรวมแรงฮึดครั้งสุดท้ายห้ามมัน
“...หมายความว่า...เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมใช่มั๊ย...” วุธชะงัก ลุกขึ้นมามองผมเต็มตา ผมยิ้มให้มันเป็นครั้งแรก และอดหน้าแดงไม่ได้เมื่อเห็นว่าผ้าผ่อนมันหลุดลุ่ยไปถึงไหนแล้ว
“...แต่ที่เคยตกลงกันไว้ก็ยังไม่เปลี่ยนนะ...อย่าทำอย่างนี้อีก...รอให้เราพร้อมก่อน...โอเคมั๊ย...”
“...ได้ครับผม...แต่ตอนนี้ขอมัดจำไว้ก่อนละกัน...” วุธมันกระโจนมาฟัดผมอีกแล้ว ทีนี้ผมดิ้นไปด้วยหัวเราะไปด้วย มันตัวหนาขึ้นเยอะ ผมกอดมันเต็มไม้เต็มมือดีจัง
“...ทำอะไรกันอยู่อ่ะ...เสียงดังไป 7-8 บ้าน...” อีเต็มเคาะประตูขัดจังหวะ
“...ตื่นแล้วเหรอ...” ผมตะโกนถาม พลางทำท่าให้ไอ้วุธรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“...เปิดประตูสิ...มึงทำอะไรวุธของกูหรือเปล่า...” อีเต็มพูดขำ ๆ
“...อีเวร...คิดได้ไงเนี่ย...” ผมเปิดประตูทันทีที่เห็นว่าวุธมันอยู่ในสภาพปกติแล้ว
“...แหม...นึกว่าทำอะไรกันอยู่...โอกาสดี ๆ อย่างนี้อย่าปล่อยให้หลุดมือไปอีกล่ะ...” อีกุ้งกัดผมบ้าง
“...ไปหาอะไรกินกันเหอะ...หิวแล้ว...” อีนันเอามือลูบท้อง
“...วันนี้กูเตรียมอาหารเหนือชุดใหญ่ไว้รอพวกมึงเลยนะโว้ย...” ผมภูมิใจเสนอ
“...ทำยังกับว่าจะมีงานเลี้ยงเปิดตัวลูกเขย...” อีเต็มแซว และผมก็เห็นไอ้วุธหน้าแดง ไม่เถียงซักคำ
.....บริเวณร้านอาหารในค่ำคืนนั้นมีแต่เสียงหัวเราะ เพื่อนผมมันเอนเตอร์เทนแขกได้เป็นอย่างดี เวลาแม่และน้อง ๆ เผลอ ผมกับวุธก็จะมองกันตาเยิ้ม จับมือกันใต้โต๊ะ ไม่กล้าทำอะไรประเจิดประเจ้อ...แม่ผมก็ยังใจดีเหมือนเดิม คุยกับวุธได้ทุกเรื่อง แม่รู้ว่าวุธหายไปจากชีวิตผมอยู่พักนึง....แม่ค่อนข้างจะปลื้มที่วุธเรียนจบ และได้งานดี ๆ ทำเป็นหลักแหล่ง แถมยังฝากวุธดูแลผมด้วย เอ๊ะ ยังไงกัน.....
.....เพื่อนผมเมาปลิ้นกันทุกคน เจอเหล้าขาวของคนเหนือเข้าไปจอดสนิท พอถึงห้องมันก็นอนกองกันเหมือนเดิม....ในที่สุดวุธมันก็ต้องนอนเตียงเดียวกับผมจนได้....เรานอนคุยกันจนดึก ความคิด ความรู้สึกถูกระบายออกมาจนหมด เราต่างพูดคำว่ารักออกมาจนนับครั้งไม่ได้ เมื่อถามว่าทำไมถึงรักกัน เราก็หาคำตอบไม่ได้อีก เรารู้แต่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดออกมาได้.....
....วันต่อมา หลังจากกินข้าวเช้ากันสองคน เพราะอีพวกนั้นไม่ยอมตื่นกัน แม่ผมและน้อง ๆ ก็ไปทำภารกิจของแต่ละคน.....วุธชวนผมไปทำบุญให้พ่อที่วัดใกล้ ๆ ซึ่งมีอัฐิของพ่อผมอยู่ที่นั่น และหลังจากการทำบุญเสร็จสิ้น วุธก็เดินมาที่หน้ารูปพ่อผม พูดออกมาให้ผมได้ยินด้วยว่า “...พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ...ผมจะดูแลเอ้ให้ดีที่สุดเอง...” เหมือนมันรู้ว่าผมต้องการอะไร ผมไม่ได้ต้องการแค่คนรัก แต่ผมต้องการคนที่สามารถดูแลผมได้ แม้ว่าภายนอกผมจะดูแข็งยังไง แต่ลึก ๆ แล้วผมก็ยังมีความอ่อนแอหลงเหลืออยู่.....
.....ผมเองก็จะดูแลความรักของเราให้ดีที่สุดเช่นกัน....ประสบการณ์เลวร้ายที่ผ่านมาสอนให้ผมเป็นผู้ใหญ่ขึ้น....และรู้แล้วว่า เราจะประคับประคองความรักยังไงให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง...แม้ว่าความรักครั้งนี้มันเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ....แต่ความรักทำให้โลกสวยงาม ทำให้โลกน่าอยู่นี่นา...ผมเชื่อว่าบางอย่างที่ผิดธรรมชาติก็สามารถสวยงามได้....ด้วยรัก.....

You brighten up the moon and stars at night
You keep me seeing rainbows in the sky
You bring new meaning to my life, now
I believe in miracles baby I'm forever yours, yours
Tender love's what you're giving me and
you surpass all my fantasies and
I keep thanking the Lord above for
Blessing me with oh so much
Because I know how it feels to be part of you boy
Everyday of my lives so abundant with joy
And I honestly never thought love could be real
until the angels guided you to me
You brighten up the moon and stars at night
You keep me seeing rainbows in the sky
You bring new meaning to my life, now
I believe in miracles baby I'm forever yours, yours
Lying with you so natural
I never knew this was possible
And it finally feels like my life has begun
now that I can share it with someone
You brighten up the moon and stars at night
You keep me seeing rainbows in the sky
You bring new meaning to my life, now
I believe in miracles baby I'm forever yours, yours
Baby our love will always persevere
Anything you ever need,
You know I'll be right here and
You don't have to worry boy
I won't betray your trust
Because I'm so much in love
Every time your lips meet mine
It still feels like the first time
And if you lost everything
I'd keep on standing by your side
And boy it seems like everyday
I fall deeper in love
Because I can't get enough


nartch

  • บุคคลทั่วไป
===========================================================
ของฝากจากคุณเอ้.....

.....ขอบคุณที่ติดตามกันมานานกว่าครึ่งปี...เรื่องราวของอดีตเด็กพาณิชย์คนนี้คงต้องปิดฉากลงซักที...ใจหายเหมือนกัน...รู้สึกว่ากำลังจะมีอะไรหายไป จากที่เคยแอบวุธมานั่งพิมพ์อยู่ทุกคืน บางวันมันก็ดันนอนดึกซะอีก....มีบ้างที่มันต้องทำงานหนัก ผมมีเวลาว่างมากขึ้น ทำให้ผมกลับมาโพสได้เร็วกว่าปกติ....ถ้าผมหายไปหลายวันน่ะ โทษไอ้วุธล่ะกันนะ.....
.....จากตอนแรกที่คิดว่า จะโพสได้วันเว้นวัน เรื่องของผมก็จะจบในเวลาไม่ถึง 3 เดือน แต่อุปสรรคต่าง ๆ ก็เข้ามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโดนไวรัส จนต้องล้างเครื่องใหม่....บอร์ดโดนปิด....บ่อยครั้งที่วุธสงสัยว่าผมนั่งพิมพ์อะไรอยู่หน้าคอมวันละนาน ๆ แต่ผมใช้โปรแกรม Word ไงครับ ก็เลยดูเหมือนผมทำงาน แต่จริง ๆ ไม่ใช่หรอก ทุกวันนี้มันก็ยังไม่รู้ว่าผมทำอะไร ผมไม่ผิดใช่มั๊ย ก็มันไม่ถามเองนี่หว่า และผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไรด้วย ถ้ามันถาม ผมก็ให้มันอ่าน และอยากจะให้มันรู้ด้วยว่ามีคนชอบมันเยอะแค่ไหน....
.....ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุก Reply ทุกความคิดเห็น.....ผมขอย้ำอีกครั้งว่าพวกคุณคือแรงบันดาลใจให้ผมกลับมาต่อจนจบได้.....ถ้าวุธมันได้อ่านเรื่องนี้หลังจากที่ผมไม่ได้กลับมาโพสแล้ว มันคงไม่มีโอกาสได้ขอบคุณคนที่ติดตามอ่านมาตลอด...เอาเป็นว่าผมขอขอบคุณแทนมันเลยละกัน.....
.....ส่วนเรื่อง Special Chapter ไม่รู้ว่ายังจะอยากอ่านกันอยู่หรือเปล่า ถ้ายังอยากอ่านอยู่ อีกไม่นานเจอกันแน่นอนครับ.....
See me when you need me
With love,
Commercial College Student

======================================================

ยังไม่จบนะครับบบบ มีต่อภาค special และก็ภาค return อีก.....ยังมีให้ลุ้นกันอีกกกกเยอะ.....
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน..... :m26:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้อ...และแล้วตอนนี้ก้อจบลงไปจนได้

ยังไงก้อมาต่อที่เหลือให้อีกนะฮะ

อ่านทีไรความรู้สึกก้อยังเหมือนเดิมทุกที

ยังไงก้อมาต่อให้อีกนะฮะ

อย่าลืมนะฮะ

จะรออ่านด้วยคนนะฮะ

เปงกำลังใจให้นะ สุ้ๆนะ คุคุ :m1: :m1:

a22a

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจจิงๆคับนานๆจะมีเรื่องเล่าที่จบแบบมีความสุขจนน้ำตาคลอเลย ขอบคุณคับสำหรับคนโพสทุกๆคนที่ชั่วยกันโพส และขอขอบคุณ คุณเอ้ ที่นำเรื่องเล่าดีๆมีสาระมาให้ได้อ่าน มีทั้งสุข ทุกข์ หัวเราะ เศร้าเคล้าน้ำตา และมีข้อคิดดีๆสำหรับคนที่กำลังมีความรักและกำลังใช้ชีวิตคู่ ขอบคุณนะคับ และขอให้คู่ของคุณ เอ้ รักกันมากๆและรักกันไปนานๆนะคับ ขอให้รู้จักใช้คำว่า ขอโทษ และ การให้อภัยมากๆนะคับสำหรับการใช้ชีวิตคู่

kitayama

  • บุคคลทั่วไป
ตามอ่านมาทั้งวันเลยค่ะ

เริ่มตั้งแต่แรกกก จนจงบก็ตอนนี้ !@

ไม่ไหวแล้วววววววว อยากจะบอกว่าติดมากๆ
แบบอ่านแล้วไม่อยากให้จบเลยยยยยย







เขียนได้ดีจริงๆค่ะ

นายเอกก็ปากแข็งซะๆๆๆ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
จบแบบแฮ้ปปี้เอนดิ้งด์ด้วยดีใจจังเลย แสดงว่าทุกวันนี้คุณเอ้ก็ยังอยู่กับวุธใช่มั้ยเนี่ย

ขอให้รักกันนานๆแล้วมาเล่าต่ออีกน่ะคับ

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
หากมีใครสักคนที่เข้าใจและเคียงข้างกันไป

ชีวิตนี้ก็คงจะมีความสุขที่สุดแล้ว

ขอให้วุธกะคุนเอ้  มีความสุขตลอดไป

และที่สำคัญขอบคุณคนโพสต์ทุกคน  ที่นำเรื่องราวดีๆ แบบนี้มาให้อ่านนะครับ

ลป.  รอ  Special  อยู่อะ  อยากรู้ว่าจะ special ยังไง  :give2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






papae

  • บุคคลทั่วไป
 :m4:   ดีจังอ่ะ ขอให้มีความสุขมากๆนะ รักกันไปนานๆๆๆๆๆๆๆ   :m11:

ชีวิตของคนเราก็มีแค่นี้แหละ ขอแค่ใครสักคนคอยอยู่เคียงข้างกัน

ทะเลาะกันบ้าง เถียงกันบ้าง แต่ก็ยังรักกัน

   o15  ขอบคุณคนโพสต์ทุกคนเลยนะคะ ที่นำเรื่องนี้มาลง ได้ข้อคิดจากเรื่องนี้เยอะเลย  o14

bigynew

  • บุคคลทั่วไป
รออ่านต่อภาคต่อไปนะครับ  :m18:

papae

  • บุคคลทั่วไป

dejavu_boyz

  • บุคคลทั่วไป
===========================================================
ของฝากจากคุณเอ้.....

.....ขอบคุณที่ติดตามกันมานานกว่าครึ่งปี...เรื่องราวของอดีตเด็กพาณิชย์คนนี้คงต้องปิดฉากลงซักที...ใจหายเหมือนกัน...รู้สึกว่ากำลังจะมีอะไรหายไป จากที่เคยแอบวุธมานั่งพิมพ์อยู่ทุกคืน บางวันมันก็ดันนอนดึกซะอีก....มีบ้างที่มันต้องทำงานหนัก ผมมีเวลาว่างมากขึ้น ทำให้ผมกลับมาโพสได้เร็วกว่าปกติ....ถ้าผมหายไปหลายวันน่ะ โทษไอ้วุธล่ะกันนะ.....
.....จากตอนแรกที่คิดว่า จะโพสได้วันเว้นวัน เรื่องของผมก็จะจบในเวลาไม่ถึง 3 เดือน แต่อุปสรรคต่าง ๆ ก็เข้ามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโดนไวรัส จนต้องล้างเครื่องใหม่....บอร์ดโดนปิด....บ่อยครั้งที่วุธสงสัยว่าผมนั่งพิมพ์อะไรอยู่หน้าคอมวันละนาน ๆ แต่ผมใช้โปรแกรม Word ไงครับ ก็เลยดูเหมือนผมทำงาน แต่จริง ๆ ไม่ใช่หรอก ทุกวันนี้มันก็ยังไม่รู้ว่าผมทำอะไร ผมไม่ผิดใช่มั๊ย ก็มันไม่ถามเองนี่หว่า และผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไรด้วย ถ้ามันถาม ผมก็ให้มันอ่าน และอยากจะให้มันรู้ด้วยว่ามีคนชอบมันเยอะแค่ไหน....
.....ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุก Reply ทุกความคิดเห็น.....ผมขอย้ำอีกครั้งว่าพวกคุณคือแรงบันดาลใจให้ผมกลับมาต่อจนจบได้.....ถ้าวุธมันได้อ่านเรื่องนี้หลังจากที่ผมไม่ได้กลับมาโพสแล้ว มันคงไม่มีโอกาสได้ขอบคุณคนที่ติดตามอ่านมาตลอด...เอาเป็นว่าผมขอขอบคุณแทนมันเลยละกัน.....
.....ส่วนเรื่อง Special Chapter ไม่รู้ว่ายังจะอยากอ่านกันอยู่หรือเปล่า ถ้ายังอยากอ่านอยู่ อีกไม่นานเจอกันแน่นอนครับ.....
See me when you need me
With love,
Commercial College Student

======================================================

ยังไม่จบนะครับบบบ มีต่อภาค special และก็ภาค return อีก.....ยังมีให้ลุ้นกันอีกกกกเยอะ.....
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน..... :m26:


ขอบคุณนะครับ nartch +1 ให้คับ

คิดว่าจะจบแร้วหายไปจิงๆซะแร้ว พี่เอ้อ่ะ

ถึงยังงัย ผมก็รออ่านต่อนะครับ Special Chapter  อ่ะ รีบๆมาลงเรยล่ะกัน

ปล.อ่าน reply ของเพื่อนๆบางคนแร้ว คล้ายกับว่าเข้าใจว่าเรื่องนี้จบแร้วยังไงไม่รุดิ แต่ยังนะคับ ยังมีต่ออีก ยังมีให้น้ำตาคลออีกหลายซีนเรย รออ่านกันนะคับ


 :a11: :a11: :a11:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:

จบลงด้วยดีเนอะ ๆ ๆ  ลุ้นซะแทบตาย

ยังไงก็ขอบคุณคนแต่ง คนโพส ด้วยนะครับ ที่เสียสละเวลากัน

ก็ยังรออ่านตอนต่อ ๆ ไป ของเรื่องนี้เสมอแล้วกันคับ

 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15

jedi2543

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจจังจบได้ด้วยดี

ขอบคุณคุณเอ้คนเขียน

ขอบคุณผู้โพสต์ที่ทำให้เราได้อ่านเรื่องนี้จนได้ หลังจากหาที่ปาล์มไม่เจอ

ชอบเรื่องนี้มากๆ ค่ะ เป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยประสบการณ์มากมาย

เอ้เป็นคนปากแข็งและทิฐิมาก ถ้าลดลงได้จะดีมากๆ

แต่ความรักเป็นเรื่องของความเข้าใจด้วย ดีใจที่ทั้งคู่ฝ่าฟันอุปสรรคจนได้อยู่ร่วมกันทุกวันนี้

ดีใจด้วยค่ะ

ple

  • บุคคลทั่วไป
สงสัยภาคต่อไปคงมีไรให้ลุ้นจนตัวโก่งแน่เลย เห็นมาสปอยกันหลายคน เฮ้อ แต่ตอนนี้จบแบบ Happy ก็ดีใจล่ะ
มีความสุข  :m18: :m18: :m18: :m18: :m18: :m18:


ปล. ยังรออ่านต่อไปคับ +1 ให้คนโพสเหมือนกัน

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านต่อจังเลยคับ

นี้แหละน๊า   ที่เรียกว่า ปาฏิหาริย์

ฟามรักที่ไม่น่าเชื่อ สุดๆจิงๆ

ผมคิดไว้แระ ปลื้มๆๆๆ

+1ไปเล้ยยยยยยย!!!

OhhO16

  • บุคคลทั่วไป
 :m3: :m3: :m3:


 :m1: :m1: :m1:



 :m18: :m18: :m18:

ม่ายรู้จะพูดอะไร เอาเปนว่า  ดีใจสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 

อ่านไปยิ้มไป   ขอบคุณนะครับสำหรับเรื่องราวดีๆ ทไห้ผมมีกำลังใจที่จะสู้ในเรื่องต่างๆ

nartch

  • บุคคลทั่วไป
Commercial College Student’s Story (Special chapter 1)


.....หลังจากกลับถึงกรุงเทพฯ ระหว่างรอเริ่มงานใหม่ช่วงกลางเดือน ผมกับวุธมีเวลาอย่างเหลือเฟือที่จะทำอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยกันให้คุ้มค่ากับการที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี.....และอีกไม่กี่วันต่อมา วุธลาพักร้อนมาอยู่กับผมทั้งวัน หลบ ๆ ซ่อน ๆ เหมือนเป็นเด็กตอนโดดเรียนยังไงไม่รู้ ที่บ้านวุธคิดว่ามันไปทำงานตามปกติ.....ช่วงว่าง ๆ ตอนนั้น ผมก็มีโอกาสไปเยี่ยมครอบครัววุธที่บ้านบ้าง ทุกคนจำผมได้ ทักว่าผมเปลี่ยนไปเยอะ มีการตัดพ้อตามประสาผู้สูงวัย เรื่องที่ผมไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมเยียน....จะให้ไปหาได้ยังไงล่ะ ในฐานะอะไร ผมกับวุธมองหน้ากันยิ้ม ๆ.....
.....เรื่องราวทั้งหมดสอนให้ผมใจเย็นได้อย่างไม่น่าเชื่อ สอนให้ผมจับสังเกตเพื่อน ๆ ให้ดี ด้วยความที่สนิทสนมกันมาก ไม่เคยเอะใจว่าเพื่อนผมมีอะไรปิดบัง เพิ่งมารู้ตอนหลังว่า อีพวกนั้นรู้เรื่องผมกับวุธหมดทุกอย่าง รู้แม้กระทั่งว่า วุธไม่ได้เป็นเจ้าของงานแต่งงาน ทุกคนพยายามรั้งผมไม่ให้ไปหาแม่ ทุกคนอยากให้ผมกับวุธคืนดีกัน ทุกคนรู้ว่าผมยังรักวุธอยู่.....อายมากที่เพื่อน ๆ เล่าเรื่องของผมให้วุธฟังเกือบทุกเรื่อง มันสาธยาย เรื่องเก่า ๆ สมัยที่ผมไปเที่ยวทุกคืน มีคนเข้ามาข้องแวะด้วยเยอะแค่ไหน แต่ผมไม่เคยสนใจใครจริง ๆ จัง ๆ ซักคน แถมยังช่วย confirm อีกด้วยว่าผมยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่อง ยังไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับใครหน้าไหนอย่างแน่นอน.....
.....โรงแรมใหม่ที่ผมเข้าไปทำงาน จะว่าดีมันก็ดีกว่าที่เก่าอะนะครับ เรื่องเงินใช้ได้ สถานที่โอเค แต่กฏระเบียบมันเยอะเหลือเกิน รู้สึกเหมือนอยู่ในโรงเรียนประจำ.....ตอนนี้ผมเย็นลงเยอะเลยครับ ไม่ค่อยมีปัญหากับแขกเท่าไหร่ ก็เพราะกฎนี่แหละ บางทีก็ช่วยผมได้มาก ทุกคนต้องปฏิบัติเหมือนกันหมด ไม่ใช่ Double standard ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก.....และข้อดีที่สุดก็คือ ผมได้ทำงานกะเช้าเป็นเวลา 3 เดือนระหว่างโปร.....ทุกเย็น ผมกับวุธจะได้กินข้าวเย็นด้วยกัน ไม่เกิน 6 โมงเย็นมันก็มาถึงแล้ว กินข้าว นั่งเล่นนอนเล่น พอ 4 ทุ่มนิด ๆ ละครจบมันก็กลับบ้าน ผมก็ขึ้นนอนทันที (เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานอนอันมีค่าที่สุดของคนทำงานโรงแรม ผมจึงเตรียมพร้อมที่จะนอนตั้งแต่ 3 ทุ่มกว่า) กิจวัตรประจำวันของผมเป็นอย่างนี้ทุกวัน ไม่เคยเบื่อเลย นอน 4 ทุ่มครึ่ง ตื่น ตี 5 เข้างาน 6 โมงครึ่ง บางวันตื่นสายต้องขี่มอไซค์ไปทำงาน ตอนแรกไม่มีใครรู้หรอกครับ ผมใส่หมวกกันน็อคขี่ไปจอดที่ลานจอดรถ ไม่มีใครเห็นหน้า....แต่มีอยู่วันหนึ่งผมดันถอดหมวกก่อนถึงที่จอดรถ มีคนเห็นผมเต็ม ๆ จากนั้นผมก็โดนล้อมาตลอด ก็มันไม่เข้ากับผมเลยอ่ะ หลายคนไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าคนที่มีมาดอลังการอย่างผมจะขี่มอไซค์มาทำงาน แหม มันก็แค่บางวันอ่ะ....
“...ไม่รู้ว่าไอ้พวกนั้นมันจะทำหน้ายังไงที่เห็นเรามาด้วยกัน...” ผมพูดขณะที่ตามองไปตามทางข้างหน้า....เรากำลังจะไปงานแต่งงานของอีแจน เพื่อนสาวที่สวยที่สุดในกลุ่มที่เรียนพาณิชย์
“...เออ...อยากเจอไอ้อ๋าจัง...ยังจะฮาเหมือนเดิมมั๊ยน้า...” วุธหัวเราะเบา ๆ คงคิดถึงวีรกรรมของอีอ๋าเพื่อนในกลุ่มผมที่สนิทกับวุธที่สุด
“...เหมือนเดิมแหละ...นี่ได้ข่าวว่ามันมีแฟนแล้ว...คืนนี้คงเอามาด้วยมั้ง...” ผมพูดแล้วต้องชะงัก “...แน่ใจนะว่าจะเข้าไปในงานด้วยกันอ่ะ...” ผมหันไปถามวุธ
“...ใจคอจะให้นั่งรอในรถเหรอครับ...”
“...แต่ว่า...”
“...ไม่ต้องห่วง...ผมไม่สนใจคนอื่นหรอก...แต่เอ้ก็อย่าลืมเรื่องไปงานบวชเพื่อนผมนะ...” นี่แหละ ที่ผมกังวลที่สุด ตอนที่ผมบอกว่าแจนจะแต่งงาน และผมก็ต้องไปร่วมงานนี้ วุธมองหน้าผมเป็นทำนองให้ชวนมันไปด้วย แต่ผมก็ไม่ชวน....ผมก็คิดว่ามันคงไม่กล้าไปหรอก มันอาจจะอายเพื่อนผม พวกมันยิ่งชอบคิดว่าผมกับมันเป็นอะไรกันอยู่ดัวย และวุธก็เคยพูดอยู่เต็มปากเต็มคำว่าไม่ได้คิดอะไรกับผม แล้ววันนี้มันจะมาได้ยังไง.....แต่เมื่อเย็นอยู่ดี ๆ มันก็มารอผมที่หน้าบ้านแต่งตัวซะหล่อเชียว เอาก็เอาวะ ขอควงมันไปงานอีแจนหน่อยละกัน ที่สำคัญผมต้องเตรียมตอบคำถาม 108 จากเพื่อนผมที่ไมได้เจอกันมานานมาก
“...ไม่รู้จะลาได้หรือเปล่านะ...” ผมหมายถึงงานบวชเพื่อนที่ทำงานวุธ
“...โห...ก็ลาล่วงหน้านาน ๆ ดิ...” วุธขมวดคิ้ว เอาอีกแล้ว ไอ้เรื่องคิดมากไปเองคนเดียวเนี่ย แก้ไม่หายซะที ผมไม่อยากให้วุธโดนเพื่อนร่วมงานมองแปลก ๆ ที่พาผู้ชายไปงานประเภทนี้ ที่สำคัญผมต้องเก๊กแมนให้มากกว่าปกติ ถ้าอยู่ในวงเพื่อนของวุธ โอ๊ย แค่คิดก็อึดอัดจะแย่แล้ว
“...จะพยายามละกัน...”
“...ไม่รู้หล่ะ...ทีผมยังมางานเพื่อนคุณได้เลย...คุณก็ต้องไปงานเพื่อนผมให้ได้ด้วย...” วุธพูดงอน ๆ ผมหันขวับ คันปากยิบ ๆ อยากจะเถียง กูไม่ได้ชวนมึงมาซะหน่อย
.....งานแต่งงานของอีแจนถูกจัดที่ร้านอาหารบรรยากาศดีริมแม่น้ำเจ้าพระยา...ไม่คิดว่าจะมีที่สวย ๆ โรแมนติกอย่างนี้ ถึงต้องฝ่าฟันรถติดสุดยอดข้ามสะพานชื่อดังมา แต่พอมาถึงความเมื่อยจากการนั่งรถหายเป็นปลิดทิ้ง.....หาที่จอดรถได้ปุ๊บ ผมก็โทรหาเพื่อนให้ออกมารับ วุธเดินถือกล่องของขวัญตามหลังผมต้อย ๆ ดูท่าทางมันเกร็ง ๆ เหมือนกัน.....
“...เฮ้ย...มาด้วยกันได้ยังไงวะ...” เพื่อนผมยกโขยงเดินออกมารับที่หน้าร้าน ทุกคนต่างแปลกใจที่ผมมาพร้อมวุธ
“...บังเอิญเจอมันข้างทางอ่ะ...ก็เลยชวนมาด้วย...” ผมพูดเล่น
“...อืม...” วุธรับคำขรึม ๆ เล่นเอาผมใจคอไม่ดี ไม่น่าเลยกู
“...เข้ามาก่อนดิ...อีแจนรออยู่ข้างใน...” อีนัทเดินนำเข้างาน ผมมองหน้าวุธนิดนึง เห็นมันทำหน้าขรึมเหมือนเดิม
“...อีเอ้...นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว...อ้าว...วุธ...” อีแจนถลกกระโปรงก้าวยาว ๆ มาหาผม และชะงักเมื่อเห็นวุธ
“...สวยจังเลย...” ผมชมมันจากใจ แล้วยื่นซองให้มัน
“...ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะแจน...” วุธยื่นกล่องของขวัญให้บ้าง....แจนรับไว้แล้วส่งต่อให้เจ้าบ่าว
“...มาถ่ายรูปกันก่อน...มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะโว้ย...” แจนมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“...หล่อปะล่ะ...” ผมถามยิ้ม ๆ
“...หล่อค่ะหล่อ...แต่กูรู้ว่ามึงเป็นยังไง...หล่อไปก็ไม่มีประโยชน์...มึงไม่ชอบผู้หญิงนี่หว่า...” อีแจนกระซิบพลางจูงมือผมกับวุธไปถ่ายรูปที่หน้างาน ท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ที่มองพวกผมอย่างสงสัยที่เจ้าสาวจับมือถือแขนผู้ชายหน้าตาดีสองคนไปถ่ายรูป ปล่อยให้เจ้าบ่าวเดินตามหลังห่าง ๆ
.....หลังจากถ่ายรูป เขียนข้อความอวยพรคู่บ่าวสาวเสร็จ อีอ๋ามันก็โบกไม้โบกมือเรียกผมไปนั่งที่โต๊ะพิเศษที่เจ้าภาพกันไว้ให้เพื่อนเจ้าสาว เป็นโต๊ะจีนอาหารยังไม่เสิร์ฟ....โต๊ะพิเศษที่ว่านี้ เป็นโต๊ะที่ใกล้เวที และติดกับแม่น้ำ อากาศเย็นสบาย มีเรือสวย ๆ แล่นผ่านเป็นระยะ....ผมมัวแต่คุยกับเพื่อนจนลืมวุธไปเลย....ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผมเปลี่ยนไป (ในทางที่ดี) ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันคือช่วงงานศพพ่อผม....โทรม...หน้ามันเยิ้ม เพราะไม่มีเวลาแม้แต่จะล้างหน้า....ผมยาวถูกรวบไว้ตลอดเวลา ปล่อยได้ก็ต่อเมื่อตอนส่งแขก สภาพดูไม่ได้เลยครับ.....แต่มาวันนี้ ด้วยประสบการณ์ได้พบเจอผู้คนมากขึ้น ด้วยหน้าที่การงาน รูปร่างหน้าตา บุคลิกของผมจึงเปลี่ยนไป ชนิดที่พวกมันไม่คิดว่าผมจะแมนได้ขนาดนี้ ใช้เวลาปรับปรุงตัวเองนานเหมือนกันนะครับ.....ถ้าผมไม่พูดคำด่าคำกับพวกมัน คงไม่มีใครรู้ว่าผมไม่ได้เป็นผู้ชายเต็มร้อย.....ขนาดแฟนอีอ๋ายังอึ้งเมื่อผมย้อนด่าอีอ๋าตอนมันกัดผม.....
.....บรรยากาศเดิม ๆ ของความเป็นเพื่อนไม่มีใครถือสาอะไร ความคิดถึง ไม่ได้เจอกันมานาน ทำให้พวกผมหาเรื่องมาคุยกันไม่หยุด.....ที่ห่างหายกันไป ใครทำอะไร อยู่ไหน เป็นยังไงกันบ้าง....ระหว่างที่พวกเราคุยกัน ลูกสาวอีตาลที่เกิดกับตั้มเพื่อนในกลุ่มวุธขณะยังเรียนปวช. อยู่ในวัยกำลังซน เดินป้วนเปี้ยนไปมา อีแม่ก็มัวแต่โม้ ไอ้เจ้าตัวเล็กก็เดินจัง ตาลมันห่วงหน้าพะวงหลัง กลัวลูกจะตกน้ำ ต้องวานวุธที่นั่งเงียบผิดปกติคอยดูไว้ให้....ภาพต่อมาที่ผมเห็นคือ วุธคว้าตัวเด็กมาให้นั่งตัก กอดไว้หลวม ๆ พลางหลอกล่อ ชี้ให้เด็กดูโน่นดูนี้ไปตามเรื่องตามราว....เด็กก็คือเด็กอ่ะนะครับ นั่งฟังลุงวุธนิ่ง มีเสียงหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ เป็นระยะ.....ถ้าวุธมีโอกาสเป็นพ่อคน มันคงรักลูกมาก...เฮ้อ...แล้วจะมีวันนั้นมั๊ยเนี่ย.....
.....นัท คนที่มีแม่เป็นอาจารย์ คนที่อยู่บ้านเรียบร้อยมากถึงมากที่สุด แต่พอออกจากบ้านก็แรดถึงแรดที่สุด...ตอนนี้ชีเรียนปริญญาโทปีสุดท้าย จบมาคงเป็นครูเหมือนแม่.....
.....ตูน สาวนักกีฬาของวิทยาลัย จากที่เคยผอมเพรียว พอเรียนจบ ไม่ได้ออกกำลัง ทำงานอย่างเดียว พอมีสังคม เลิกงานไปเที่ยวไปกินกัน อีนี่ไม่เคยพลาด เพราะตอนเรียนมักไม่ค่อยได้ไปไหนต้องซ้อมกีฬาตลอด...ผลที่ออกมาคือ อ้วนมาก ถึงชีจะอืดแค่ไหน แต่ชีก็มีแฟนนะ อยู่ก่อนแต่งตามระเบียบ.....
.....อ๋า อีเอ๋อ ถึงมันจะดูป่วง ๆ ไปบ้าง แต่มันมีคุณภาพนะครับ หน้าที่การงานมันมั่นคงมาก เป็นงานพวกครีเอทีฟ มันมาถูกทางจริง ๆ เพราะอีนี้ไม่ชอบลงมือทำ แต่ความคิดมันใช้ได้ เอาเป็นว่าขายความคิดอย่างเดียวละกัน ให้คนอื่นลงมือ ไม่งั้นพังแน่ ๆ เลยครับ....มันยังคงฮาเหมือนเดิม เป็นคนที่ตลกหน้าตายมาก ผู้ชายมักจะชอบผุ้หญิงอย่างนี้นะครับ...และวันนี้เองที่ผมสารภาพต่อหน้าแฟนมันว่า ถ้าผมจะแต่งงาน ผมจะหาแฟนอย่างอ๋า....ไม่บ่อยนักที่มันจะเขินจริง ๆ จัง ๆ เมื่อผมพูดจบแล้วเห็นว่าแฟนมันมองมันอยู่ตาเยิ้ม...อีกไม่นานคงได้มางานแต่งคู่นี้แน่ ๆ.....
.....อีตาล หลังจากที่แยกกันอยู่กับพ่อของเด็ก มันใช้เวลาทำใจไม่นาน เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย และยังเลี้ยงลูกไปด้วย เป็นผู้หญิงที่อึดมาก.....ถึงแม้ว่ามันจะโกรธ เกลียดพ่อของเด็กแค่ไหน แต่มันก็ไม่เคยพาลนะครับ ไอ้ตั้มสามารถมาหาลูกได้ทุกเวลา แรก ๆ ก็มาบ่อยอยู่หรอก แต่สันดานผู้ชายอ่ะนะ ได้ใหม่ก็ลืมเก่า ปัจจุบันนี้ไม่เคยมาให้ลูกเห็นหน้าอีกเลย.....เราพยายามหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงพ่อของเด็กซึ่งเป็นเพื่อนวุธ....แววตาอีตาลแวบแรกตอนที่เห็นผมเดินเข้ามากับวุธ ผมรู้ว่ามันคิดถึงไอ้ตั้ม แต่มันก็ไม่แสดงท่าทีอะไร ซ้ำยังสอนให้ลูกเรียกวุธว่าลุงวุธ ส่วนผม มันยังคงให้ลูกเรียกผมว่า ป้าเอ้เหมือนเดิม.....
.....แจน เจ้าสาวในคืนนี้ มันยังคงสวยสะดุดตา และคงเป็นความได้เปรียบของคนหน้าตาดี เจ้าบ่าวของมันไม่ได้หล่ออะไรมากมาย ถือว่าหล่อน้อยที่สุดในบรรดาแฟนที่มันเคยมี แต่ผู้ชายคนนี้ รวยมาก และเอาใจเก่งมาก ไม่ต้องห่วงเรื่องมีอีหนู เพราะพี่เค้ากลัวอีแจนจะตาย ตอนแรกญาติฝ่ายชายไม่ยอมรับสะใภ้คนนี้เพราะกลัวแจนมันจะหลอกเอาทรัพย์สมบัติ แต่พอดู ๆ ไปรู้สึกว่าอีนี่มันจะช่วยเก็บสมบัติมากกว่า นั่นแหละ พวกเค้าถึงค่อย ๆ ยอมรับมัน......
.....ส่วนผมน่ะเหรอ เป็นพนักงานต้อนรับส่วนหน้าของโรงแรมใจกลางกรุงเทพฯ เหนื่อยมาก พอพ้นโปร ผมก็ต้องเวียนรอบแบบคนอื่นเป็นเรื่องปกติของงานแบบนี้.....และเดือนนั้น ผมได้อยู่รอบบ่าย ต้องใช้วันลาที่เก็บไว้เพื่อมาร่วมงานอีแจน.....ความสัมพันธ์ของวุธกับผมสะดุดลงนิดหน่อย เราเจอกันน้อยลง ส่วนมากจะโทรคุยกันวันละหลายครั้งตอนเที่ยงวุธจะโทรมาปลุกผม ส่วนตอนดึก ๆ ผมก็จะโทรไป Goodnight มัน.....ถ้าจะเจอกันก็จะเป็นคืนวันศุกร์-เสาร์ วุธมารับผมที่โรงแรม ไปนั่งกินข้าวร้านประจำ ไปนั่งรถเล่น บางวันก็ไปเที่ยวกับเพื่อนผม ทุกคนรู้จักวุธเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มมหาลัย...กลุ่มโรงแรมเก่า...หรือกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่โรงแรมนี้...ยกเว้นกลุ่มเดียวที่ผมไม่เคยพูดถึงวุธให้พวกมันได้ยินเลย...ก็กลุ่มเพื่อนที่เรียนพาณิชย์มาด้วยกันนี่แหละ .....
.....อาหารจานแรกถูกยกมาเสิร์ฟ พวกเราถึงหยุดคุยกันได้ พอหันไปอีกที เอ๊ะ ทำไมไอ้วุธมันไปห้องน้ำนานจังวะ....ผมลุกขึ้นไปตามวุธมากินข้าว ยังไม่รู้ตัวว่าอะไรบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น.....เดินหาในห้องน้ำก็ไม่มี เดินมองรอบ ๆ งานก็ไม่มี เอาแล้วไง มันหนีกลับบ้านหรือเปล่าเนี่ย....ผมเดินใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ไปที่ลานจอดรถ ก็เห็นรถมันจอดอยู่ที่เดิม เข้าไปดูใกล้ ๆ มันก็ไม่ได้อยู่ในรถ....มันหายไปไหนวะ....ผมยืนเคว้งอยู่ซักพัก นึกได้ว่ามันอาจจะอยู่อีกด้านของร้านอาหารก็ได้.....ผมเดินกึ่งวิ่งไปด้านที่ทางร้านจัดไว้รับแขกตามปกติ.....เดินผ่านทีละโต๊ะ กวาดตามองจนทั่ว ไม่เจอซักที หรือว่ามันกลับไปนั่งที่โต๊ะแล้ว.....ผมหันหลังเตรียมกลับเข้างาน พอดีเห็นทางเดินไปท่าน้ำของทางร้านที่เอาไว้ให้ลูกค้าลงเรือไปดินเนอร์ ซึ่งตอนนั้นมันมืดมาก.....
“...วุธ...มาทำอะไรตรงนี้อ่ะ...” ถึงผมจะรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล แต่ผมก็ต้องทำเสียงให้สดใสไว้ก่อน
“.............” เงียบ
“...วุธ...เป็นอะไร...” ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นข้าง ๆ มัน
“..............” ไม่มีคำตอบ
“...โกรธเราเหรอ...” ผมสลดลงทันที
“...ผมโกรธคุณไม่ได้หรอก...คุณไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา...” วุธพูดแต่ตามองไปที่พื้นน้ำข้างหน้า ลมพัดเบา ๆ ถ้าเวลาปกติคงไม่ทำให้ผมเย็นยะเยือกได้ขนาดนี้
“...เรื่องนั้นใช่มั๊ย...” ผมรู้เลยว่าต้องเป็นเรื่องที่ผมพยายามปิดคนอื่นเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนโดยการไม่สนใจมันเท่าที่ควร
“.........” เงียบอีกแล้ว ใช่แน่ ๆ
“...ขอโทษ...แต่เราไม่อยากให้ทุกคนมองวุธแบบนั้น...เอ่อ...เรากลัววุธอาย...” ผมจำใจบอกเหตุผล
“...ผมเต็มใจมา และผมก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะโดนมองยังไง...ผมบอกแล้วไง...ผมไม่สนใจ...แต่คุณทำเหมือนผมเป็นส่วนเกิน...เหมือนเราไม่ได้มาด้วยกัน...ผมว่าคนอื่นเค้าคงมองผมด้วยความสมเพชมากกว่า...” ผมเหวอแดกไปเลย จริงของมัน ผมผิดอีกแล้ว คิดถึงแต่ตัวเอง คิดว่าตัวเองคิดถูกเสมอจนลืมนึกถึงความรู้สึกคนอื่นไปเลย....ตอนที่เพื่อนผมคุยกับวุธ เวลามันตอบ ผมมักจะทำเป็นพูดเล่น แหย่มัน กัดมัน พยายามทำกับวุธเหมือนทำกับเพื่อนคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ข้างในรู้สึกแย่ที่ต้องเฟคแต่ผมก็ยังทำ หลายครั้งที่วุธต้องเงียบเพราะโดนผมดักคอไม่ให้มันพูดอะไรมากไปกว่านี้ กลัวมันหลุด กลัวเพื่อนจะรู้ว่าผมเป็นอะไรกับมัน
“...ขอโทษ...เราผิดเอง...ต่อไปจะไม่ทำอย่างนี้อีก...สัญญา...” ผมพูดหลังจากเงียบสำนึกผิดไปพักนึง วุธหันมามองผมแวบนึง
“...ผมเข้าใจว่าคุณคิดอะไรอยู่...ขอบคุณสำหรับความหวังดี...แต่เราก็โต ๆ กันแล้วนะ...ไม่มีใครคิดเล็กคิดน้อยอย่างนั้นหรอก...”
“...ก็ถ้าวุธไม่เคยพูดเรื่องเราเมื่อวันสงกรานต์ปีโน่น...เราคงไม่กังวลอย่างนี้หรอก...” ผมอดเถียงมันไม่ได้
“...โห...ยังอุตสาห์จำได้อีก...นึกว่าลืมซะแล้ว...ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่นี่นา...วันนี้ลองถามใหม่สิ...ผมจะตอบเสียงดัง ๆ เลยว่าผมเป็นอะไรกับคุณ...”
“...เป็นอะไรล่ะ...” ผมแกล้งถามเมื่อเห็นว่าวุธอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
“...เป็นผัวไง...”
“...อย่าพูดเชียวนะ...ไอ้พวกนั้นมันเชื่อจริง ๆ ด้วย...” ผมขำ
“...ก็ดีสิ...”
“...ราคาตกหมด...”
“...แล้วเมื่อไหร่เอ้จะพร้อมซะทีล่ะจ๊ะ...” อยู่ดี ๆ มันก็ถามคำถามที่ผมกลัวที่สุด
“...ไปตรวจเลือดมาก่อนละกัน...” ผมตั้งเงื่อนไขไปอย่างนั้นแหละ เพราะผมรู้ว่ามันกลัวเข็มมาก
“...ผมยังซิงอยู่นะ...ทำไมต้องตรวจเลือดด้วยล่ะ...”
“...ไม่กล้าอ่ะดิ...” ผมหัวเราะ
“...พรุ่งนี้ไปพร้อมกันเลยดีกว่า...” วุธทำหน้าจริงจังมากจนผมกลัวว่ามันจะทำอย่างนั้นจริง ๆ
“...เอาไว้ก่อนเหอะ...หิวแล้ว...เข้าไปข้างในกัน..เร็ว....” ผมตัดบท ยันตัวลุกขึ้น มองวุธที่ยังนั่งนิ่ง
“...ดึงหน่อย...ลุกไม่ขึ้น...เหน็บกิน...” วุธยื่นมือมาให้ผมจับ
“...ตัวใหญ่ชิบเป๋ง...” ผมออกแรงดึงพลางบ่นไปด้วย
“...เต็มไม้เต็มมือดีออก...ขอบไม่ใช่เหรอ...” มันแหย่ผม ก็ตอนที่เราอยู่กันสองคน ผมมักจะชอบกอดมันแน่น ๆ หมั่นเขี้ยวอ่ะ
“...เออ...” ผมยอมรับ วุธหัวเราะเบา ๆ แล้วเดินเข้างานพร้อมกันอีกครั้ง แต่ต่างกันตรงที่คราวนี้ ผมไม่ขยับออกห่างเวลาที่มันเข้ามาใกล้
.....ตอนนี้ไม่มีใครพูดอะไร แต่อ่านจากสายตา ผมคิดว่าพวกเค้าคงรู้แล้วว่าผมกับวุธเป็นมากกว่าเพื่อนกันแน่ ๆ โล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก พวกมันรับได้ แรก ๆ ก็มีท่าทางเกร็ง ไม่กล้าพูดไม่กล้าแซว แต่ปากอย่างอีอ๋า มันเงียบได้ไม่นานหรอก ซักพักบรรยากาศเดิมก็กลับมาอีกครั้ง และสนุกกว่าเมื่อตอนที่งานเริ่มใหม่ ๆ ด้วย.....จริงของวุธ พอผมไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะ อยากทำอะไรก็ทำ อยากจะตักหูฉลามใส่ถ้วยให้วุธผมก็ทำ....ที่ผ่านมาผมคงคิดมากไปเอง ยิ่งก่อนแยกย้ายกันกลับ เพื่อน ๆ ผมตอกย้ำความเปลี่ยนแปลง บุคลิก การแต่งตัว ท่าทาง มือไม้ของผม.....เอาเป็นว่าถ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็พวกมันไม่มีทางรู้ว่าผมกับวุธเป็นเกย์แน่ ๆ (ชายจริงหญิงแท้ก็อย่างนี้แหละ ดูพวกเราไม่ค่อยออกหรอก ต้องผีกับผีถึงจะดูกันออก)
.....ดึกมากแล้ว รถไม่ติดเหมือนขามา ระหว่างทางเราคุยกันถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมา และนี่เป็นอีกครั้งที่ผมและวุธต่างระบายความรู้สึกออกมาจนหมด ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่าวุธมันรู้สึกยังไง เรื่องไหนที่ทำแล้วมันรู้สึกดี ผมจะจำไว้ว่ามันชอบอะไร จะได้เอาใจถูก...แต่ถ้าเรื่องไหนมันไม่ชอบ ผมสัญญากับมันว่าผมจะไม่ทำอีก.....
.....บางครั้งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ก็สามารถกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ถ้าเราไม่เปิดอกคุยกัน หรือมัวแต่แกล้งกันอยู่ เหมือนตอนที่เพื่อน ๆ ผมทุกคนรู้ว่างานแต่งงานที่ผมเข้าใจว่าเป็นของวุธ ที่จริงแล้วเป็นงานของลูกพี่ลูกน้องไอ้วุธต่างหาก ทุกคนพร้อมใจกันปิดบังผม เพื่อจะล้อผมเล่น....แล้วเป็นไงล่ะ ผมลาออกจากงานหนีไปอยู่กับแม่ซะเลย ถ้าตอนนั้นผมอดทนอีกซักหน่อย ผมอาจจะรู้ความจริงด้วยตัวเองก็ได้ เพราะเวลาจะมีงานจัดเลี้ยงที่โรงแรม แผนกต้อนรับของผมก็จะต้องได้แผนงานด้วย เพื่อเป็นข้อมูลในการแจ้งลูกค้าเวลาที่มีคนเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาถามโดยไม่ได้ดูป้ายบอกงาน.....และในใบงานนั้น มันต้องมีชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวปรากฏอยู่แน่ ๆ แต่ก่อนหน้านั้น พนักงานจัดเลี้ยงของโรงแรมก็โดนวุธขอร้องให้แกล้งผมด้วย มิน่าล่ะเค้าถึงได้คะยั้นคะยอให้ผมไปร่วมงานจัง......
.....อีกุ้งเจอกับวุธตอนที่มันเดินเข้าไปดูห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมที่มันทำงานอยู่ และนี่เองที่อีกุ้งบอกวุธว่าผมงานอยู่โรงแรมใกล้ ๆ อีกอย่างวุธมันก็ต้องเข้ามาโรงแรมผมอยู่แล้ว เนื่องจากแฟนของน้องนุ่นกำลังประชุมสัมมนาอยู่ที่นี่....จะว่าโลกกลมมันก็จริงนะ แต่โลกที่ผมอยู่เป็นโลกแคบ ๆ ไม่ได้ไปไหนไกล ผมเชื่อว่า ถ้าตั้งใจจะตามหากันจริง ๆ ยังไงก็เจอ.....สำหรับผมกับวุธ คือความบังเอิญมากกว่า เอ๊ะ หรือว่าบุพเพอาละวาดนะ.....
.....ตอนที่พวกมันไปบ้านแม่ผมพร้อมกับวุธ นี่ก็เป็นหนึ่งในแผนการ ทั้ง ๆ ที่ตอนผมชวนพวกมันไปเที่ยวด้วยกัน ผมถึงขนาดจะยอมจ่ายล่วงหน้าให้ก่อนสำหรับทุกอย่าง เพราะเงินเดือนพวกมันยังไม่ออก มันก็กระดี้กระด้าโอเคเซย์เยสกันทุกคนไม่มีปัญหา.....แต่สุดท้ายแผนของพวกมันก็พังไม่เป็นท่า แถมยังทำให้พวกมันลำบากกันไปหมด จากตอนแรกที่กะว่าผมจะตกกระไดพลอยโจนคืนดีกับวุธ ไปงานแต่งงานนุ่น ตอนเช้าออกเดินทางไปพร้อมกันตามแผน....กลายเป็นว่า วุธต้องช่วยงานแต่งให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วจึงตีรถขึ้นเหนือคืนนั้นเลย มิน่าถึงได้เหนื่อยสลบไสลไปตามกัน.....พวกมันไม่คิดว่าผมจะกล้าทำอย่างนั้นอ่ะดิ ลาออก ทิ้งเพื่อนให้ตามไปสมทบทีหลัง แต่ถ้าพวกมันเป็นผม มันก็คงหนีปัญหาไปพักหัวใจเหมือนผมนั่นแหละ.....
“...สวยจังเลย...” ผมเปิดกระจกมองวิวกรุงเทพฯ จากกลางสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ลมเย็น ๆ ประทะหน้า ถ้าเป็นกลางวันคงเหม็นควันพิษ ไม่กล้าเปิดประจกแน่ ๆ
“...เอ้...”
“...จ๋า...” ผมขานรับ แต่ไม่ได้หันไปมอง
“...ผมขอไปอยู่ด้วยได้มั๊ย...”
“...หา! ...อะไรนะ...” ผมตกใจกดเลื่อนกระจกขึ้น หันมามองหน้าวุธเต็มตา
“...ขอไปอยู่ด้วย...ถ้าเอ้ทำงานไม่เป็นเวลาอย่างนี้...เราคงไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ แน่...”
“...ที่บ้านวุธล่ะ...”
“...เคลียร์กันแล้ว...ตอนนี้ก็มีหลาน ๆ มาช่วยดูร้าน ดูปู่กับย่าแล้ว...ผมไม่ได้ไปไหนไกลนี่นา...ขับรถกลับบ้านไม่ถึง 20 นาที...”
“...นั่นแหละ...ทำไมไม่นอนบ้านล่ะ...” ผมโยกโย้
“...ก็อยากอยู่กับเอ้อ่ะ...” เหตุผลสั้น ๆ แต่ทำให้ผมคิดมากอีกแล้ว.
.....ไม่ให้คิดมากได้ไงล่ะ คนเคยอยู่คนเดียวมาจนชิน คนที่มีโลกส่วนตัวสูง คนที่ทำอะไรด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็ก.....ไป ๆ กลับ ๆ ก็โอเคนะ....นาน ๆ นอนค้างซักที ก็ไม่มีปัญหา...แต่ถ้าให้มาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา นึกสภาพไม่ออก ผมอาจจะอึดอัดจนทนไม่ไหว หรือผมอาจจะสำลักความสุขไปเลยก็ได้.....ไหนจะต้องคอยระวังตัว ห้ามใจตัวเองไม่ให้มีอะไรกับมันก่อนเวลาที่ผมตั้งใจไว้....บางครั้งไอ้วุธมันก็ทำตัวเหมือนเป็นพ่อผม เล่นเอาผมเสียความมั่นใจไปเลย ก็เป็นพี่คนโตนี่ครับ เคยแต่เป็นคนควบคุม แต่พอโดนคุมก็รู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ชอบนะ.....เอาไงดีวะ.....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
รอ #2อ่ะคับ

อยากอ่านต่อ จะHappii กัลล่ะ

เค้าแต่งกันหลายคู่แร้น

อยากดูเอ้จะลงเอยยังไงอ่ะคับ

มาต่ออีกน้า

napho

  • บุคคลทั่วไป

a22a

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจจังเลยคับ ได้อ่านต่อขอบคุณนะคับที่โพสให้ได้อ่าน คุณเอ้คับอย่าคิดมากเลยให้วุธไปอยู่เถอะออกน่ารักปานนั้น

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
วุธ..........น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก

anston

  • บุคคลทั่วไป
ตกลงยินยอมให้วุธมาอยู่ด้วยน่ะดีแล้ว..
เอ้ก็อยู่คนเดียวนี่นา..มีวุธอยู่ด้วยก็ดี..
จะได้ไม่เหงา..จะได้ช่วยดูแลกันและกันไง..
แถมความสัมพันธ์จะได้คืบหน้าด้วยไงจ๊ะ..อิอิ o3

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
เข้าใจความกังวลของคุนเอ้เหมือนกันนะ

จากที่เคยอยู่ตัวคนเดียว  แต่ตอนนี้กำลังจะมีอีกคนมาอยู่ร่วมด้วย

ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปบ้าง  อาจจะดี  อาจจะร้าย

แต่อย่างที่ว่า  ถ้าคุยกัน  ทุกอย่างก็น่าจาโอเค   :yeb:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

yes!!!!!!!!!!!!! จะได้ไปอยู่ด้วยกันแร้ว

เอ้ของเราจะเสียตัวแร้ว....... :m4: :m4: :m4: :m4:

 o15 o15 o15 o15

papae

  • บุคคลทั่วไป
เข้าใจเอ้นะ เราก็เคยกังวลแต่บอกได้คำเดียวว่าอย่ากลัวอะไรที่ยังไม่เกิดอ่ะ

ชีวิตจะได้มีความสุข  อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเกิด เมื่อถึงเวลานั้น

เราจะพบคำตอบเอง   สู้ สู้   o13   

niph

  • บุคคลทั่วไป
 :m1: :m1: :m1:
อ่านแล้วอ่านอีก อ่านกี่ทีก็อิจฉา

เมื่อไรจะมีมั่งน๊าาาาาา

แต่เรื่องนี้ก็แปลก
วุธหายไปตั้งนาน แล้วบทจะเจอกันก็เจอง่าย ๆ ซะงั้น
และวุธเองก็มั่นคงดีนะ ยังไงก็ไม่นอกใจไปคบคนอื่น

อิจฉาาาาาาาาา ไปดีก่า  :a14:

IO

  • บุคคลทั่วไป
อ่านรอบที่ 2 แล้วอ่า แต่ยังรู้สึกประทับใจอยู่ดี

ชอบมากๆ เลยคับ...ขอให้กันไปนานๆ นะคับ :a9: :m5: o22

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด