19 PAY BACK TIME
......เช้านั้นผมอ้อนวอนขอขับรถของแม่ไปโรงเรียน แม่คิดอยู่นาน ผมก็พยายามหว่านล้อมหาเหตุผลสารพัด สุดท้ายแม่ก็อนุญาตให้ผมเอารถไปขับได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องกลับก่อน 2 ทุ่ม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมขับรถไกล ๆ คนเดียว แต่เป็นครั้งแรกที่ผมขับรถไปเรียน เหตุผลที่ผมเอารถไปน่ะเหรอครับ ก็เพราะผมไม่อยากนั่งรถไอ้วุธไงล่ะ
.....นั่งฟังแม่พร่ำเตือนเรื่องขับรถตลอดมื้อเช้า ทำให้ผมไปเรียนเกือบสาย เพื่อนผมไม่มีใครรู้สักคนว่าวันนี้ผมขับรถมา พอโรงเรียนเลิกปุ๊บ ผมก็วิ่งไปเพจหาโย บอกมันว่ากำลังจะออกจากโรงเรียนแล้ว......พวกเพื่อนผมไปรวมกลุ่มกับพวกไอ้วุธที่หน้าโรงเรียน ผมหอบของขวัญพะรุงพะรังตามไปทีหลัง ทันทีที่ผมเห็นหน้าวุธ มันมองหน้าผมแปลก ๆ ผมก็มองหน้ามันไม่สนิทใจนัก
“สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะ” มันพูดกับผมเป็นคนสุดท้าย หลังจากที่เพื่อน ๆ มันพูดไปแล้ว
“....ขอบใจ.....ไปกันเลยมั๊ย.....”
“.....ไปดิ.....” มันหันหลังเดินไปขึ้นรถ
“......เดี๋ยวเราตามไปละกัน.....ใครจะไปกับกูมั่ง” เพื่อนผมหันขวับมาตามเสียง
“อ้าว...ทำไมไม่ไปด้วยกันอ่ะ” ไอ้วุธถาม
“เราเอารถมา” ผมตอบสั้น ๆ อีพวกนั้นงง มันไม่เคยรู้มาก่อนว่าผมขับรถเป็น แต่มันก็กระดี้กระด้าไปกับผม โดยเฉพาะอีแจน มันบอกว่าจะได้ไม่ต้องตากแดด ไอ้วุธทำหน้าเอ๋อ แต่ก็เดินขึ้นรถขับนำผมไป
........พวกเพื่อนผมคุยกันเสียงดังเหมือนนกกระจอกแตกรัง กรี๊ดกร๊าด ไปตามเรื่องตามราว ส่วนผมขับรถไปเงียบ ๆ ไม่ค่อยคุยอะไรมากนัก ในใจมัวแต่คิดถึงแผนการที่กำลังจะทำวันนี้ ในที่สุดก็ถึงห้างที่เรานัดกันไว้ ผมขับไปจอดข้างรถไอ้วุธ ตัวมันเดินลิ่ว ๆ เข้าห้างไม่สนใจผมเลย เดาได้ว่ามันต้องไม่พอใจอะไรซักอย่างเกี่ยวกับผม.......พวกเราเดินเล่นกันซักพัก ผมพยายามถ่วงเวลารอไอ้โย พอเพื่อน ๆ บ่นอยากกินกันแล้ว ผมก็พาเดินเข้าร้าน ได้ที่นั่ง.....สั่งของเรียบร้อย ผมก็ออกไปเพจหาโยอีกครั้ง บอกมันว่าอยู่ที่เอ็มเคแล้ว ชั้น 3 โต๊ะยาวด้านในสุด เพจเสร็จเข้าห้องน้ำล้างมือนิดนึง......กลับเข้าร้านอีกครั้ง พบว่าไอ้วุธมันเปลี่ยนที่ซึ่งตอนแรกผมนั่งอยู่ เท่ากับว่าผมต้องนั่งติดกับมันอีก ผมเห็นอย่างนั้นแล้วก็เลยตัดสินใจนั่งฝั่งตรงข้าม......มันมองตาขวางเลยครับ แต่พูดอะไรไม่ได้ ผมทำเป็นยิ้มไม่รู้ไม่ชี้.....
*
*
*
......อาหารที่สั่งไว้เริ่มทยอยมาเสิร์ฟแล้ว ผมอาสาเป็นคนทำพวกผักเอง สมัยนั้นผักเอ็มเคไม่ได้หั่นให้อย่างทุกวันนี้ ส่วนพวกเนื้อสัตว์ลูกชิ้นต่าง ๆ เพื่อนผมเทลงหม้อหมดเลย....ผมนั่งกระสับกระส่ายกลัวว่าไอ้โยจะมาไม่ทัน และไอ้พวกนั้นจะอิ่มกันซะก่อน.....แต่ยังไม่ทันที่ของในหม้อจะสุก เสียงไอ้โยก็มาก่อนตัว
“หวัดดีครับทุกคน” ไอ้โยมาในชุดนักเรียนที่ยังคงเท่ห์เหมือนเดิม เสื้อนักเรียนสีขาวสะอาดตัวใหญ่ ๆ กับกางเกงขาสั้นหลุดตูดนิด ๆ ไม่ได้เจอมันนานแล้วมันดูหล่อขึ้นเยอะเลยครับ
“....กำลังรออยู่พอดีเลย....นั่งดิ....” ผมเขยิบให้มันนั่งข้าง ๆ เรียกพนักงานขอชามช้อนเพิ่ม
“เป็นยังไงกันมั่งครับ…ไม่ได้เจอกันซะนาน” โยหันไปมองทุกคน อีพวกนั้นทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมเริ่มแน่ใจแล้วว่าเพื่อนผมมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของไอ้วุธ เพราะปกติแล้วพวกมันต้องกรี๊ดกร๊าดกับผู้ชายหน้าตาดี ๆ แม้ว่ามันจะอยู่กับแฟนก็เถอะ ที่สำคัญพวกมันก็เคยคุยแถมยังปลื้มไอ้โยมาก่อนด้วย
“สบายดีค่ะ....แล้ววุธล่ะ” อีอ๋าพยายามทำหน้าให้เป็นปกติ
“ช่วงนี้เรียนหนักอ่ะครับ....กำลังจะสอบเทียบด้วย....ดีนะว่าเอ้คอยให้กำลังใจตลอด” มันหันมามองผมตาเยิ้ม ผมก็เล่นกับมัน
“อย่าเพิ่งคุยกันเลย....กินก่อนดีกว่าเนอะ” ผมตักสุกี้ใส่ถ้วยให้โย หางตาผมเห็นไอ้วุธจ้องเขม็ง
“เอ้เค้าให้กำลังใจยังไงเหรอ” ไอ้วุธพูดกวน ๆ
“ก็โทรคุยกันทุกคืนอ่ะครับ” อีนัท อีตาล อีอ๋า สำลักสุกี้เลยครับ
“.....กินเถอะ.....มา.....เดี๋ยวตักให้” อีตูนเอาถ้วยไอ้วุธมาจัดแจงตักให้เต็มถ้วย มันรับมากินอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“.....เอ้....อยากกินขนมปังหน้ากุ้งอ่ะ” โยพูดขณะรถเข็นติ่มซำเข้ามาใกล้โต๊ะเรา
“......เอาดิ.....ต้องให้ป้อนมั๊ย” ผมพูดขำ ๆ มันพยักหน้าหงึก ๆ
“.....บ้า.....อายเค้า” ผมแกล้งเขิน
“ไม่เห็นต้องอายเลย.....ไม่มีใครว่าอะไรหรอกเนอะ” มันหันไปพยักพเยิดกับคนอื่น ไอ้พวกนั้นก้มหน้างุด ยกเว้นไอ้วุธคนเดียวที่มองผมไม่วางตา
*
*
*
“....เฮ้ย...กูไปห้องน้ำแป๊บนึงนะ” ผมพูดหลังจากกินอิ่มแล้ว กำลังรอของหวานอยู่
“ไปด้วย” ไอ้โยลุกตาม แต่ไม่ลุกอย่างเดียว ดันจับมือผมไว้อีก ไอ้วุธตาโต คนอื่นมองหน้ากันเลิกลั่ก มันเป็นเพื่อนผมมานาน มันรู้ว่าผมไม่ยอมให้ใครทำอย่างนี้ง่าย ๆ ผมยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูมันว่า เกินไป กูไม่ใช่ผู้หญิงนะโว้ย มันยิ้มแฉ่งเลยครับ ไอ้พวกนั้นทำหน้าสงสัยว่าพวกผมพูดอะไรกัน
…….ในห้องน้ำ ขณะที่ผมล้างไม้ล้างมือ คงจะล้างแรงไปหน่อยน้ำดันเสือกกระเด็นเข้าตา ไอ้โยเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้ผม......ลืมตามาอีกที ใจหายวาบเลยครับ ไอ้วุธยืนมองเราสองคนที่หน้าประตูห้องน้ำ เห็นสายตามันแวบแรกแล้วรู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ แต่พอคิดถึงสิ่งที่มันทำกับผมแล้ว ผมยิ่งแค้น
“....เอ้....จะทำอะไรก็อย่าให้มันประเจิดประเจ้อนักดิ” ไอ้วุธพูดเหมือนเป็นพ่อผม แต่ตามันมองหน้าไอ้โย
“.....ทำอะไร....ก็แค่.......” ผมกำลังจะเถียงไอ้โยมันดันพูดตัดหน้าซะก่อน
“.....อย่าคิดมากสิครับคุณวุธ คนรักกันโดนตัวกันนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก” มันพูดหน้าตาเฉย ไอ้วุธอึ้ง “....เอ้เสร็จแล้วใช่ปะ...” ผมพยักหน้า “..ขอตัวก่อนนะครับ” โยจูงมือผมเดินผ่านไอ้วุธเฉียดไหล่มันไปนิดเดียว.......ผมมองหน้าไอ้วุธผ่านกระจก มันหงอยอย่างเห็นได้ชัด
*
*
*
.....พอออกจากเอ็มเค พวกเราก็เดินเล่นย่อยกันเป็นปกติ ผมเดินรั้งท้ายกับไอ้โยกระซิบกระซาบหัวเราะกันอยู่สองคน หลายครั้งที่วุธหันมามองด้วยสายตาเหงา ๆ ผมเกือบจะใจอ่อนทุกที.....เราเดินผ่านแผนกที่ขายซานริโอ เพื่อนผมมันก็หยุดดูกัน ส่วนผมไม่ค่อยชอบของจุกจิกอย่างนี้เท่าไหร่ แต่ก็หยิบ ๆ จับ ๆ อะไรดูไปเรื่อย
“...เอ้...อยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดอ่ะ” อยู่ดี ๆ มันก็ถามเสียงดัง ตอนแรกผมจะบอกว่าไม่แล้วหล่ะ แต่เห็นสายตาทุกคู่จ้องมาที่ผมทำให้ผมต้องบอกว่า
“...อะไรก็ได้....โยให้อะไรเราก็ชอบหมดแหละ” ผมตอบพร้อมลากมันไปไกลจากกลุ่มเพื่อนผม
“....ไม่ต้องให้ก็ได้” ผมพูดกับโยเบา ๆ
“ไม่ได้...ยังไงก็ต้องให้....ไม่งั้นก็ไม่สมจริงดิ....อยู่เฉย ๆ ละกัน” มันทิ้งผมเดินไปหาของขวัญ ไม่สนใจเสียงห้ามของผมเลย
“.....อ้าว...ไอ้เด็กมอปลายนั่นไปไหนแล้วล่ะ” ไอ้วุธเดินมาทันทีที่เห็นว่าโยไม่อยู่กับผม
“.....เค้าก็เดินไปเดินมาแถวนี้แหละ ไม่กล้าไปไหนไกลหรอก” ผมพูดยืด ๆ
“....ท่าทางมีความสุขเนอะ...” มันกัด
“.....แน่นอน.....” ผมจ้องหน้ามัน และมันก็หลบตาผมเป็นครั้งแรก ผมยิ้มสะใจแล้วเดินไปทางอื่น
“.....เดี๋ยว.....” ผมชะงัก ไอ้วุธทำท่าจะพูดอะไรซักอย่าง แต่ไม่ทันครับ ไอ้โยมาซะก่อน มันอุ้มตุ๊กตาหมีตัวใหญ่มาด้วย
“....เอ้...ชอบมั๊ย....” มันยื่นตุ๊กตาหมียักษ์ให้ผม ยิ้มตาหยีเลยครับ แต่ผมหน้าเสียอย่างแรง เกรงใจไอ้โยมาก ๆ ที่มันต้องซื้อของขวัญให้ผมทั้งที่ไม่จำเป็น ผมรับมากอดไว้อย่างเสียไม่ได้
“....ตัวใหญ่ไปปะเนี่ย....เดินต่อไม่ได้แล้ว กลับเลยดีกว่า” ผมบอกเพื่อน ๆ ที่ทำหน้าเหวออยู่ โดยเฉพาะไอ้วุธ มันมองผมกอดตุ๊กตาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“.....ใครจะกลับกะกูมั่ง.....” ผมชวน และก็เป็นไปตามคาดครับ ไม่มีใครกลับพร้อมผม ยิ่งแน่ใจขึ้นไปอีกว่าเพื่อนผมมันรู้เรื่องที่ผมโดนแกล้งมาตลอด
“ไม่มีใครกลับด้วยเหรอ....งั้นเดี๋ยวเอ้แวะไปนั่งเล่นที่ร้านไอติมแถวบ้านเราก่อนนะ....ร้านเค้าน่ารักมากเลยอ่ะ....โรแมนติดสุด ๆ” ผมพยักหน้าแกล้งยิ้มหวานเกินค่าตัว......เดินนำหน้าไอ้โยไปลานจอดรถ ไอ้โยนี่ก็ดี โอเวอร์แอคจริง ๆ มันเอาตุ๊กตาไปถือไว้เหมือนเดิม ผมก็เดินตัวปลิวเลยสิครับ ไม่อยากจะคิดว่าอีพวกนั้นมันจะเม้าธ์ผมยังไงกันบ้าง
*
*
*
.....ระหว่างทางกลับบ้าน ผมต้องไปส่งไอ้โยก่อน มันคุยเก่งขึ้นมาก ผมถามมันถึงเรื่องเกย์สาวที่ผมเคยเจอในห้างเมื่อตอนปิดเทอม มันอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบ ผมต้องตะล่อมถามจนมันบอกความจริงในที่สุด ว่ามันเคยคบกับเกย์คนนั้นจริง ตอนนี้เลิกไปแล้ว ผมงง ตกลงมันเป็นเกย์หรือเปล่า มันอ้อมแอ้มแบ่งรับแบ่งสู้ มันบอกว่าแค่คบเล่น ๆ เป็นแฟชั่น มีเกย์รุ่นน้องที่โรงเรียนมาชอบมันตั้งหลายคน แถมยังบอกอีกว่าถ้าผมไปอยู่โรงเรียนมันรับรองว่าผมต้องได้แฟนหล่อ ๆ สับรางกันไม่ทันแน่ ผมได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร......ใกล้จะถึงบ้านโยแล้วรถติดเป็นเรื่องปกติ แต่ยังไงก็น่าจะถึงบ้านก่อนสองทุ่มตามที่รับปากแม่ไว้
“....ขอเสียงหน่อยนะ” มันกดปุ่มเร่งเสียงวิทยุที่เราเปิดฟังอยู่
“เพลงอะไรอ่ะ” ผมสงสัย
“....ฟังไปก่อน...กูว่าเพลงนี้เหมาะกับมึงดี” มันเป็นสรรพนามเป็นแบบเดิมตั้งแต่แยกกับไอ้พวกนั้นแล้วครับ
Take a bow, the night is over
This masquerade is getting older
Lights are low, the curtains down
There's no one here
Say your lines but do you feel them
Do you mean what you say when there's no one around
Watching you, watching me, one lonely star
I've always been in love with you
I guess you've always known it's true
You took my love for granted, why oh why
The show is over, say good-bye
Say good-bye , say good-bye
Make them laugh, it comes so easy
When you get to the part
Where you're breaking my heart
Hide behind your smile, all the world loves a clown
Say good-bye , say good-bye
All the world is a stage
And everyone has their part
But how was I to know which way the story'd go
How was I to know you'd break
You'd break my heart
I've always been in love with you
Guess you've always known
You took my love for granted, why oh why
The show is over, say good-bye
Say good-bye , say good-bye
Say good-bye
......ไอ้โยไม่ต้องแปลให้ผมเลยครับ รถติด ๆ อย่างนี้ฟังได้ชัดเจน คิดว่าจะไม่เครียดเรื่องนี้แล้วนะ ไอ้โยก็ยังอุตสาห์พูดให้ผมชีช้ำคิดมากอีก ดูคล้าย ๆ จะใส่ไฟไอ้วุธนิดหน่อย แต่ผมกลับมองว่าผมโงเองซะมากกว่า จบเพลงนั้นผมรีบเปลี่ยนสถานีหนีไปฟังเพลงไทยแทน อะไรยังไงกันเนี่ย คนถูกหลอกทั้งประเทศหรือเปล่า คลื่นที่ชัดที่สุดก็ดันเปิดเพลงประมาณเดียวกันอีก......ไอ้โยเห็นหน้าผมไม่ดี มันเปลี่ยนเรื่องเป็นชวนผมไปกินไอติมตามที่มันพูดไว้ ผมไม่มีอารมณ์กินแล้วครับ พอถึงบ้านมันผมก็ขอกลับเลยไม่แวะเข้าไปไหว้พ่อแม่มัน ผมบอกเอาไว้วันหลังละกัน ขอเสียมารยาทหน่อย แต่ไม่ไหวจริงๆ มันทำหน้าเหมือนเข้าใจ โบกมือลาผมเบา ๆ
*
*
*
......ครับ.....ไม่ไหวจริง ๆ พออยู่คนเดียวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก๊อกแตกอีกแล้ว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทั้งโกรธ ทั้งแค้น ไม่เข้าใจว่ามันทำไปเพื่ออะไร ที่ทำให้ผมเจ็บที่สุดก็คือเพื่อนในกลุ่มผมนี่แหละครับ เสียใจไม่เท่าไหร่ แต่เสียหน้ามากกว่า ผมเล่าทุกอย่างให้มันฟังแทบทุกวัน......เล่าเรื่องหวานจนเลี่ยนระหว่างผมกับไอ้โยตัวปลอม มันคงต้องเอาผมไปเม้าธ์เป็นตัวตลกลับหลัง ยิ่งคิดยิ่งแค้น แต่ตัวต้นเหตุก็คือไอ้วุธ มันหลอกให้ผมรัก ให้ผมรอทางโทรศัพท์ ส่วนตัวมันมาทำดีกับผม......ทำทีท่าว่าจะชอบผม ทุกอย่างที่มันทำ ผมรับรู้มาตลอด แต่ผมต้องกันตัวเองให้ออกห่างจากมัน ต้องเตือนตัวเองเสมอว่าชอบมันไม่ได้ มันไม่ได้เป็นเกย์ มันแค่ทำดีกับเราเฉย ๆ คนที่เราควรจะรักต้องเป็นโย คนที่คุยโทรศัพท์กับเราทุกวัน เป็นคนที่รับฟังปัญหาของเราทุกเรื่อง เป็นคนที่เราไว้ใจเล่าความลับให้ฟังจนหมด แล้วอย่างนี้ผมจะมองหน้าไอ้วุธสนิทใจได้ยังไง ........น้ำตาผมมันทำให้ตาผมพร่าไปหมด..ขับรถต่อไม่ได้แล้ว....ผมเลี้ยวรถเข้าไปในสวนสาธารณะแถวนั้นเพื่อสงบสติอารมณ์....ดับเครื่อง ล็อครถ กะว่าจะลงไปหาห้องน้ำล้างหน้าล้างตาซักหน่อย แต่อากาศมันดีเหลือเกิน ผมทรุดตัวลงนั่งกับม้าหินริมน้ำ......เหงามาก......รู้สึกว่าไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ เรื่องอย่างนี้เล่าให้ใครฟังมากก็ไม่ได้ เพื่อน ๆ ก็รวมหัวกันหักหลังผมหมด คนที่เคยคุยเคยปรึกษาก็กลายเป็นตัวปัญหาซะเอง........
*
*
*
.....ผมไม่รู้ตัวเลยว่านั่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน.....ถ้าเป็นอารมณ์ปกติจ้างให้ผมก็ไม่มานั่งอย่างนี้.....หันซ้ายหันขวาเพิ่งจะรู้ว่ามันมืดมากแล้ว รีบกระเด้งออกมาแทบไม่ทัน เอ้คนเก่ากลับมาแล้วหลังจากนั่งปลงอยู่นาน รีบเดินลิ่ว ๆ ออกจากที่นั่นกลัวจะโดนข่มขืนเหมือนในข่าวที่ Central Park New York มองนาฬิกาข้อมือ ชิบหายแล้วกู สองทุ่มกว่า....... แม่ด่าหูชาแน่ ๆ ดีนะว่ารถไม่ติดเท่าตอนหัวค่ำ ผมซิ่งสุดฤทธิ์ ถึงบ้านภายในสิบห้านาที...... จอดรถเรียบร้อย ลงไปเปิดประตู
“......ไปไหนมา.....” ถ้าไม่ใช่หน้าบ้านตัวเองคงกรี๊ดไปแล้ว ตกใจอ่ะดิ ไอ้วุธมาตะคอกถามอยู่ข้างหลัง
“....โอ๊ย....หัวใจจะวาย....ถามดี ๆ ไม่ได้เหรอ......” ผมหันไปมองหน้ามัน อารมณ์เริ่มขึ้นมาอีกรอบ “….แต่.....เอ๊ะ....เราจะไปไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายอ่ะ” ผมถามกวน ๆ มันอึ้งกับท่าทางไม่แคร์ของผม
“ออกมาตั้งนานแล้ว....ทำไมเพิ่งถึงบ้าน”
“......โยพาไปกินไอติมมา.....อร่อยดี.....ร้านก็ซ้วย....สวย” ผมทำหน้ามีความสุขสุด ๆ
“......เอ้.....เรา......เอ่อ.....” มันอ้ำอึ้ง
“อะไรจะพูดอะไรก็รีบ ๆ พูด.....เสียเวลาว่ะ เดี๋ยวสามทุ่มโยโทรมาหาอีก” ผมได้ทีตะคอกมันบ้าง มันมองหน้าผมตาละห้อย แล้วหยิบของในกระเป๋าเสื้อยื่นให้ผม
“......ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะ...... มันอาจจะไม่แพง ไม่น่ารักอย่างตุ๊กตาหมีนั่น.....แต่เอ้รู้ใช่มั๊ยว่ามันหมายความว่าอะไร” ทำไมจะไม่รู้ล่ะ....ผมมองแหวนรุ่นของโรงเรียนไอ้วุธที่อยู่ในมือ....มันใหญ่กว่านิ้วผมแน่นอน เพราะมันถูกพันด้วยด้ายสีขาวให้กระชับกับนิ้วของอีกคนที่ไม่ใช่เจ้าของคนเดิม
“ทำไมให้ของแบบนี้ล่ะ” ผมยื่นแหวนคืนมัน แต่มันไม่รับ
“ก็ให้ตามความหมาย.....ตามความรู้สึกไง” มันตอบสั้น ๆ แล้วเดินไปขึ้นรถที่จอดแอบไว้ข้างรั้วอีกฝั่ง มิน่าผมถึงไม่เห็นรถมันตอนเลี้ยวเข้าบ้าน
........ทันทีที่ไอ้วุธขับลับสายตา ผมลองเอาแหวนมันมาสวมกับนิ้วดู ปรากฏว่าใส่ได้พอดีที่นิ้วนาง อดยิ้มไม่ได้ แต่นึกถึงตอนที่มันทำกับผมแล้วก็ยังเคือง ๆ มันอยู่.....ผมขับรถเข้าไปจอดในบ้านแล้วเดินย่อง ๆ เข้าห้องไปอาบน้ำ แต่งตัว เสียงแม่เรียกดังมาจากข้างล่าง ผมคิดหาคำแก้ตัวในใจ แต่แม่ไม่ด่าแฮะ แม่บอกให้ผมเอาตุ๊กตาหมีออกจากรถด้วย...ตายแล้วลืมของขวัญคนอื่นหมดเลย.....ขึ้นห้องมาอีกทีเปิดวิทยุฟังพี่ศิริชัยเหมือนเดิม เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมคว้ามารับทันที คราวนี้เป็นไอ้โยตัวจริงแล้วหล่ะ....เรานัดกันไปเที่ยงงานกีฬาสีโรงเรียนเก่ากัน คุยกันไม่นานหรอกครับ มันก็เป็นเด็กเรียนคนนึง นอนไม่ดึกมาก....พอมันวางสายไป ผมอยู่คนเดียว เริ่มฟุ้งซ่านอีกแล้ว มองแหวนรุ่นในมือ มองของขวัญที่มันให้ตอนปีใหม่ ในใจขัดแย้งกันอย่างแรง อยากแก้แค้น อยากให้อภัยแล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมปฎิเสธไม่ได้หรอกครับว่าผมมีความสุขแค่ไหนตอนที่ไอ้วุธอยู่ใกล้ ๆ .......ยิ่งความหมายของแหวนรุ่นที่มันให้ผม และมีชื่อของมันสลักอยู่ด้านในอีก เป็นที่รู้กันว่าถ้าเด็กช่างคนไหนให้แหวนรุ่นของตัวเองกับใคร....คนนั้นจะต้องเป็นคนพิเศษของเขา.....ไอ้วุธมันหมายความตามนั้นจริง ๆ เหรอ โอ๊ย......เครียด.....นอนดีกว่า.....
**************************************************************************
......ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ มาอัพให้ทันใจดีมั๊ย.....
ขอบคุณพี่เอ้ครับป๋ม