ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับ ใกล้จะถึงตอนที่ทุกคนรอคอยแล้วครับ......ผมตั้งใจจะโพสให้ตรงกับวันนั้นเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว

ตกใจสามรอบก่อน
ไอ้ที่ว่าตรงกับวันนั้นเนี่ย ... วันไหนเหรอ
ถ้าคิดดี ... ก็แสดงว่า ...
เรื่องต่อจากนี้ สรุปเหตุการณ์ รวบรัดประมาณครึ่งปีผ่านไป
แต่ถ้าคิดไม่ดี ....
...
ต้องรอหลังลอยกระทง โน้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนแน่ะ (ปลายตุลาต้นพฤศจิกา)

หวังว่าคงไม่เป็นอย่างหลังนะ
โหไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับผมกำลังจะเอามาลงให้เลยเนี่ย
16 Fighting..... (With my feeling)
…….ลงจากเวทีได้ ผมก็เอาซองรางวัลยื่นให้อาเล็ก แต่อาเล็กไม่รับ แกให้เก็บไว้กินขนม ผมบอกงั้นแบ่งกันคนละครึ่งก็ได้ แกส่ายหน้าไม่เอาอีกแถมเดินลิ่ว ๆ ทิ้งผมไปเลย ซักพักพวกเพื่อนผมก็ฝ่าฝูงชนเข้ามาหา แสดงความยินดีกับผม แต่ผมกลับสอดส่ายสายตามองหาวุธ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เห็นมันยืนอยู่นอกวง มองมาที่ผมแล้วยิ้มกว้าง ๆ ทำท่าจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด ผมยิ้มตอบ และยังไม่ทันจะตั้งตัว อีพวกนั้นก็ลากผมไปถ่ายรูปกันใหญ่ มีรูปริมแม่น้ำให้ผมถือกระทงที่ขอยืมมาจากเด็กแถวนั้น ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาโพสท่าถ่ายรูปอะไรแบบนี้เลย แต่วันนั้นสนุกมาก อารมณ์ประมาณว่าใครให้ทำอะไรก็ทำ
......ฉีกยิ้มจนเมื่อยหน้าไปหมด ได้เวลากลับสู่ร่างเดิมแล้ว ผมแยกตัวจากเพื่อน ๆ เดินไปร้านอาเล็กคนเดียว ก้มหน้าก้มตาเดินไม่สนใจใคร เพราะอายไงครับ เดินใส่ชุดไทยท่ามกลางผู้คน.......พอถึงบ้านอาเล็กผมก็แหกปากเรียกอาเล็กให้เปิดประตู......คนที่มาเปิดไม่ใช่อาเล็กครับ เป็นผู้ชายรูปร่างหน้าตาดี หล่อแบบผู้ใหญ่คนนึง ผมตกใจนึกว่ามาผิดบ้าน แต่อาเล็กยื่นหน้าออกมาซะก่อน.....อาเล็กแนะนำผู้ชายคนนี้ให้ผมรู้จักว่าเป็นเพื่อนสนิทของอา แหม......ผมก็โตพอที่จะรู้อะไรแล้ว ผู้ชายคนนี้เป็นมากกว่าเพื่อนแน่นอน ผมไหว้เค้า เค้าก็รับไหว้ผม พร้อมรับไหว้ใครอีกคนข้างหลัง ผมถึงได้รู้ว่าไอ้วุธเดินตามมาด้วย อาเล็กให้ผมเข้าบ้านมาอาบน้ำอาบท่าซะใหม่ ส่วนไอ้วุธก็นั่งคุยกับอาเล็กและเพื่อนไปพลาง ๆ
.......ตอนแต่งตัวแต่งหน้าทรมานแล้วนะครับ.....อีตอนถอดออก ล้างออกนี่ทรมานกว่า หน้าอกผมโดนเสื้อในรัดจนช้ำ วิกก็เอาออกยาก หนังหัวแทบหลุด ครีมล้างเครื่องสำอางของอาเล็กก็ถูกละเลงเข้าที่หน้าของผม เช็ดอย่างแรง 3-4 รอบถึงหมดสี ในใจผมกลัวสิวขึ้นจะแย่ ........ที่สุดยอดก็คือ แป้งที่ทาตัวนี่สิครับ ผมต้องถูสบู่ 5-6 รอบ เอาผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ ถูอยู่นานถึงจะหลุด แต่ก็ออกไม่หมดนะครับ ผมต้องเรียกอาเล็กมาถูข้างหลังให้ ใช้เวลาในการแปลงร่างกลับสู่เด็กผู้ชายคนเดิมนานเกือบชั่วโมง มองนาฬิกาอีกทีก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว พอออกมาจากห้องอาเล็กด้วยชุดนักเรียนที่ใส่มาก เพื่อนผมก็นั่งกันหน้าสลอน ผมลาอาเล็กกับเพื่อนเค้ากลับบ้าน แต่ขอเดินเที่ยวงานอีกสักพัก อาเล็กบอกว่าจะไปส่งทุกคน.....เพื่อนผมปฎิเสธอ้างว่ากลับกันเองได้ ผมก็แหย่อาเล็กว่าไม่อยากเป็นตัวมารขัดขวางความสุข พวกเค้าสองคนมองหน้ากันยิ้ม ๆ
บรรยากาศที่วัดตอนนี้ผู้คนเริ่มบางตาลงแล้ว.......แต่พ่อค้าแม่ค้าก็ยังคงขายของอยู่ ผมหิวมากเดินไปซื้อของกินไป ไอ้พวกของแปลก ๆ ที่หากินไม่ค่อยได้แถวบ้านผมก็ซื้อกินหมด อย่างละ 5 บาท 10 บาท เพื่อน ๆ อยากกินอะไรก็ชี้ ผมเลี้ยงเอง ก็เงินรางวัลนั่นแหละ เดินไปจนถึงท่าน้ำที่เค้าจัดไว้ให้ลอยกระทง พวกผมก็ซื้อกระทงกันคนละอัน เดินไปลอยที่ท่าน้ำ เดินกันเป็นคู่ ๆ ส่วนผมกับวุธที่เหลือเศษก็เดินกับอีตูนที่ไม่มีคู่เหมือนกัน จะว่าบังเอิญหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่ระหว่างผมกำลังอธิฐานและ จะปล่อยกระทงลงน้ำ ผมกับวุธก็หันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย ตาสบตา เรายิ้มให้กันแบบเก้อ ๆ อีตูนที่นั่งคั่นกลางต้องกระแอมดัง ๆ พวกเราถึงรู้สึกตัว มองกระทงที่ลอยคู่กันไปช้า ๆ
เดินเล่นจนทั่วแล้ว ลอยกระทงก็ลอยแล้ว ได้เวลากลับบ้านซะที เพิ่งรู้สึกตัวว่าเหนื่อย เดินผ่านศาลาริมน้ำเห็นคน 2-3 คนกำลังถวายสังฆทานผมดันอยากทำบุญบ้าง ไอ้พวกนั้นก็เห็นดีด้วย รวมรวมเงินกันซื้อถังสังฆทานที่มีขายอยู่แถวนั้น รอจนถึงคิวพวกผม รู้สึกดีมาก ๆ ที่ได้ทำบุญร่วมกับเพื่อน ตอนที่พระสงฆ์พรมน้ำมนต์ให้พวกเรา ผมขนลุกซู่ ไม่ได้ร้อนนะครับ แต่รู้สึกรักเพื่อน (รักวุธ) มากขึ้นกว่าเดิม เหมือนเราได้ทำบุญด้วยกัน ชาติหน้าจะได้เกิดมาเจอกันอีก...........
..........ขณะเดินเลียบแม่น้ำรับลมเย็น ๆ ผมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อวุธดังลั่น ดังแบบหล่อนไม่ได้สำเหนียกเลยว่านี้มันเขตวัดในยามวิกาล พวกเราหันไปมองพร้อมกันทันที เห็นผู้ชายใส่ชุดนักเรียนอาชีวะเหมือนผมเดินบิดกระตุ้งกระติ้ง มองไกล ๆ ยังไม่เห็นหน้า รู้แต่ว่าสูงพอควร
“วุธ.....มาเที่ยวแถวนี้เหรอ.....เอารถมาหรือเปล่า.....ขอกลับด้วยคนนะ” อีนี่มันเป็นใครวะ ผมเริ่มหงุดหงิด
“พี่มิ้นท์.....มาได้ไงอ่ะ” ผมเห็นหน้าวุธเหวอ ๆ เหมือนเห็นผี เนี่ยเหรออีพี่มิ้นท์ แรดได้ใจสมกับชื่อเสียงที่เคยได้ยินมาจริง ๆ
“พี่มาเที่ยวกับเพื่อน.....นั่นไง......เฮ้ยพวกมึง มานี่ดิ เดี๋ยวกูแนะนำให้รู้จักเด็กกู” หล่อนตะโกนเรียกเพื่อน 5-6 คนที่ยืนอยู่ไกล ๆ ผมเห็นวุธทำหน้าผะอืดผะอม พวกไอ้นพหัวเราะกันใหญ่
“พี่มิ้นท์.....เบา ๆ ......ผมไม่ได้เป็นเด็กพี่นะ.....พูดอย่างนี้ผมก็เสียหมดดิ” วุธปราม
“อะไร....ขนาดนี้แล้วยังไม่ใช่อีกเหรอ” มันเดินเข้ามากอดแขนวุธเลยครับ ในวัดในวาแท้ ๆ ผมเบือนหน้าหนี แต่คนอื่นเห็นเป็นเรื่องตลก
“ไม่ใช่” วุธแกะมืออีพี่มิ้นท์ออก แล้วเดินมาหาผม “แฟนผมคนนี้ต่างหาก” ผมงง ไอ้วุธมันเอาผมเป็นไม้กันหมา อีนั่นมันมองหน้าผมแบบพิจารณาด้วยหางตาและสายตาไม่เป็นมิตร
“อีนี่มันคนที่ประกวดเมื่อกี้นี่หว่า……มองบนเวทีก็สวยดีหรอก.....แต่พอถอดหน้ากากก็คือ ๆ กันแหละว้า” มันยิ้มเหยียด ๆ ผมพยายามไม่สนใจ สะบัดตัวออกจากการโอบเอวของวุธ เพื่อนผมเห็นหน้าผมก็รู้ว่าตบะผมใกล้จะแตกเต็มทีแล้ว
“กลับกันเถอะ” ผมพูดเสียงเรียบ ๆ กับทุกคนก่อนจะเดินเลี่ยงตัวอีพี่มิ้นท์ไป
“ดี.....กลับไปได้แล้ว....แกะกะว่ะอีพวกเด็ก XXXXXX ไม่รู้ซะแล้วว่าแถวนี้ใครคุม” มันหัวเราะแบบตัวอิจฉาในหนังไทยอ่ะครับ ผมเดินผ่านมันโดยที่หน้าเชิด ๆ แบบไม่รู้ตัว
“อีดอก.....ทำเชิด.....คิดว่าสวยเหรอมึงอ่ะ” ผมยังไม่ทันตั้งตัว อีนั่นก็คว้าแขนผมกระชากเข้าไปหา ไอ้ผมก็มือไวใช่ย่อยฟาดผลั่วเข้าไปเต็ม ๆ ที่หน้าซีกซ้ายของมัน มันปล่อยผมเอามือกุมหน้า แล้วตวาดดังลั่น “อีสัตว์.....มึงตบกูเหรอ” ผมอึ้ง ไม่ได้ตั้งใจจะตบมันนะ แต่มือมันไปเอง ตอนนี้เพื่อน ๆ มันก็กรูกันเข้ามา พร้อมจะมีเรื่อง ไอ้พวกผู้ชายก็พยายามเข้ามากันแฟนตัวเอง
“ขอโทษพี่......ไม่ได้......” ผมพูดยังไม่ทันจบประโยค มืออีนั่นก็จิกหัวผมกดลงต่ำ ลากผมมาอีกทางนึง ให้พ้นจากคู่เพื่อนผมและเพื่อนมันที่เริ่มตะลุมบอนกันอยู่ขณะนั้น ได้ยินแต่เสียงร้องวี๊ดว๊ายปะกับคำด่าหยาบคายและเสียงพวกผู้ชายร้องห้ามเป็นระยะ ผมเจ็บหัวมาก เลยเอาเล็บกดจิกไปที่แขนของอีนั่น รับรองว่ามันต้องได้เลือดแน่ ๆ เพราะเล็บของผมเพิ่งตะไบมาจากร้านอาเล็กตอนที่เค้าแต่งหน้าให้
“อีเหี้ย....ปล่อย......กูบอกให้ปล่อย”
“มึงก็ปล่อยหัวกูก่อนสิอีสัตว์” ผมย้อน.....มันยิ่งกระชากหัวผมพร้อมเอามืออีกข้างพยายามตบตีผม โชคดีที่ดิ้นหลุดมาซะก่อน ผมถอยไปตั้งหลักนิดนึง มันกระโจนเข้ามาหาผมทันที ด้วยความที่ผมได้รับฉายาว่าลูกสาวกำนัน คืออ่อนนอกแข็งใน ยังไม่ทันที่มันจะถึงตัวผม ผมก็แตะสวนป๊าบเข้าไปมันร้องว๊ายเสียงดังลั่นลงไปนั่งกองกับพื้น เอามือกุมท้องไว้มองหน้าผมอย่างเคียดแค้น แทบจะกินเลือดกินเนื้อ........ผมเหวออีก ไม่คิดว่าจะทำเค้าเจ็บขนาดนั้น พอมันลุกขึ้นได้ มันก็วิ่งเข้ามาหาผมอีก สัญชาติญาณป้องกันตัวบอกให้ผมยกขากันไว้ แต่ผมดันยกแรงไปหน่อยก็เลยกลายเป็นถีบมันไปเต็ม ๆ มันเซถลาแซ่ด ๆ สะดุดขอบเขื่อนริมแม่น้ำตกน้ำดังตู้ม ..........
............ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว หยุดตบตีกันวิ่งเข้ามาดูพร้อมไทยมุงอีกหลายสิบคน ผมยืนหน้าซีด.....ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนมองอีพี่มิ้นท์โบกไม้โบกมือ ร้องตะโกนเรียกให้คนช่วย.......ยิ่งมันดิ้นเท่าไหร่ ดูเหมือนว่ามันจะยิ่งไกลห่างฝั่งขึ้นเท่านั้น........คุณคิดดู วันลอยกระทงน้ำขึ้นสูงขนาดไหน มืดด้วยยังไม่มีใครกล้าลงไปช่วย........หันไปเห็นวุธกับเพื่อนถอดรองเท้าเตรียมจะโดดลงน้ำ ผมห้ามมันไว้แล้ววิ่งไปหยิบกิ่งไม้อันใหญ่ที่กองอยู่แถวนั้น ยื่นลงไปในน้ำให้อีนั่นเกาะ ไอ้วุธเป็นคนแรกที่เข้าไปช่วยผมดึงให้มันเข้ามาใกล้ฝั่ง แต่ตอนที่จะเอามันขึ้นมานี่สิครับทุลักทุเลจริง ๆ ลำพังมือผมก็ไม่ยาวพอที่จะดึงมันขึ้นมาได้.... ผมเลยนั่งบนสันเขื่อนเอาขายื่นลงไปแทนเกาะขอบปูนเอาไว้แน่น ให้ไอ้พวกนั้นช่วยกันจับตัวผม แล้วที่เหลือก็คอยดึงมือมันตอนที่ผมชักขากลับ......ในที่สุดอีพี่มิ้นท์ก็ขึ้นมาบนบกได้อย่างปลอดภัย........
........แต่ยังไม่จบแค่นั้นนะครับ.....ใครไม่รู้โทรแจ้งตำรวจ พี่ท่านก็มาไวดีจริง ๆ ได้ยินคนร้องตะโกนว่าตำรวจมา เท่านั้นแหละ....วงแตกครับ ไอ้วุธที่กำลังก้มลงใส่รองเท้าอยู่ ตะโกนบอกเพื่อน ๆ ให้ไปเจอกันที่รถ แล้วมันก็ลากผมวิ่งหนีไปทันที ใจหายใจคว่ำหมด .....ระหว่างวิ่งหนีผมก็มองมือไอ้วุธที่จับมือผมแน่นแทบจะกลายเป็นอันเดียวกัน วิ่งอ้อมไปไกลเลยครับ....และแล้วก็ถึงหน้าบ้านอาเล็กของผม ชียืนหัวฟูอยู่ในชุดนอนกับผู้ชายคนนั้น พวกเพื่อน ๆ ของเราอยู่กันครบทุกคน ไม่มีใครบาดเจ็บอะไรมาก มีแค่รอยเล็บนิด ๆ หน่อย ๆ พวกมันยังมีอารมณ์ชมผมว่าท่าเตะผมสุดยอด ผู้ชายแท้ ๆ โดนเข้าไปคงจุก ผมยิ้มออกเป็นครั้งแรกหลังจากที่ตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เกือบทำให้ผมต้องกลายเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายในคืนลอยกระทง........
*
*
*
.........พวกผมเข้าไปหลบตำรวจในบ้านอาเล็กอยู่ครู่ใหญ่.....สายสืบ (ก็คนแถวนั้นแหละครับ) คาบเรื่องมาบอกว่าพวกอีพี่มิ้นท์ไม่เป็นไร วิ่งหนีตำรวจหายไปเหมือนกัน ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก......อาเล็กอาสาไปส่งเพื่อนผมที่กลับคนละทางกับผม ส่วนที่ไปรถวุธก็มีแค่ตั้มกับตาล บ้านอีนัทกับอีอ๋าอยู่ไม่ไกลกลับกันเองได้ ระหว่างทางผมนั่งเงียบ คิดกลัวไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าถ้าเค้าเป็นอะไรขึ้นมาผมและครอบครัวจะเดือดร้อนแค่ไหน คู่อีตาลก็นั่งซบหลับกันไม่รู้เรื่องรู้ราว ส่วนวุธก็ได้แต่มองหน้าผมเป็นระยะ ๆ ไม่นานนักก็ถึงบ้านไอ้ตั้ม อีตาลก็ลงไปด้วย มันมาค้างด้วยกันจนเป็นเรื่องปกติแล้วครับ.......
“เฮ้ยวุธ.....ดึกแล้วมึงจะเข้าบ้านได้เหรอวะ....นอนบ้านกูมั๊ย” ไอ้ตั้มชวน วุธส่ายหน้าเป็นคำตอบ “อ้าว....แล้วมึงจะนอนไหนอ่ะ”
“ไม่ต้องห่วงกูหรอก.....กูกินง่ายนอนง่ายโว้ย” มันหัวเราะกลบเกลื่อน
“แน่ใจนะมึง.....”
“เออ....”
“ขับรถดี ๆ นะมึง”
*
*
“ยังไม่หายตกใจอีกเหรอ” มันพูดกับผมเป็นครั้งแรกตั้งแต่ออกจากบ้านอาเล็ก เสียงของมันทำให้ผมอุ่นใจ และคิดถึงโยขึ้นมาทันที
“.....อืม.....” อยู่ดี ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมา วุธรีบจอดรถข้างทาง
“เป็นอะไร....เจ็บตรงไหน” วุธถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงดึงมือผมไปเพ่งมองใกล้ ๆ (ทำไมมันไม่เปิดไฟในรถก็ไม่รู้) ผมยิ่งก๊อกแตกไปกันใหญ่ มันควานหากระดาษทิชชู่ส่งให้ผม
“.....เปล่า....” ผมเงียบกลั้นเสียงสะอื้น “…..คนที่ควรอยู่กับเราตอนที่เรามีความสุข..........ตอนที่เรากำลังกลัว.......มันไม่น่าจะเป็นนายเลย” ผมตัดใจพูดไป วุธอึ้ง
“ทำไมล่ะ” มันถามเบา ๆ
“ยิ่งนายดีกับเราเท่าไหร่.....เรายิ่งไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ ” มันเงียบแล้วยิ้ม
“กลัวจะชอบเราอ่ะดิ” มันพูดกวน ๆ
“ไอ้บ้า……ไม่มีทาง” ผมเขิน คนกำลังซีเรียสมันก็ทำให้อารมณ์ดีได้
“กลับบ้านกันเถอะ......” มันออกตัวล้อฟรี
*
*
“จำทางแม่นจังนะ” ผมกัดมันทันทีที่รถจอดเทียบหน้าบ้าน
“แน่นอน” มันพูดยิ้ม ๆ
“ขอบใจที่มาส่ง” ผมพูดห้วน ๆ ไม่ลืมหันไปเอาเสื้อผ้าของผมที่แคป มันก็หันมาพร้อมกัน หน้าผมกับหน้ามันก็โดนกันแบบไม่ตั้งใจ เราสองคนมองสบตากันในระยะใกล้มาก มากจนผมได้ยินเสียงลมหายใจที่มันหายใจแรงขึ้น นี่ถ้าเป็นตอนกลางวันมันคงเห็นหน้าผมแดงเป็นลูกตำลึงแน่ ๆ
“กลับบ้านดี ๆ นะ” ผมคว้าเสื้อผ้ามาได้ก็รีบลงจากรถทันที
“เดี๋ยว…..” ผมชะงัก “กลับบ้านไม่ได้.....ขอนอนด้วย” มันพูดง่าย ๆ
“ไม่ได้...” ผมตอบทันควัน “ไม่มีคนอยู่บ้าน” โอ๊ย....อยากจะเอาตีนตบปากตัวเอง ไปบอกมันทำไมเนี่ย
“ก็ดีน่ะสิ...หึ...หึ...” มันทำเสียงหื่นกาม
“ไม่ต้องเลย....ถ้าอยากนอนก็นอนข้างรั้วนี่แหละ” ผมเปิดประตูเข้าบ้าน ไม่สนใจฟังเสียงบ่นไล่หลังมา
*
*
........เข้าห้อง....อาบน้ำอาบท่า แต่งตัวเสร็จ ผมก็เดินไปที่ระเบียง ในใจคิดว่าป่านนี้มันคงขับรถกลับบ้านไปแล้ว ที่ไหนได้ มันนั่งจ๋องอยู่บนกระบะ มองขึ้นมาพอดี มันเห็นผมปุ๊บมันก็ลุกขึ้นยืนตะโกนเรียก ผมก็กลัวข้างบ้านด่า เพราะมันตีหนึ่งกว่า ๆ แล้ว ในที่สุดผมก็ต้องลงไปเปิดประตูใหญ่ให้รถมันถอยเข้ามา......
“ทิ้งสมบัติเรายัง” มันถามทันทีที่เข้าห้องผม
“สมบัติอะไร” ผมงง
“ก็แปรงสีฟันเมื่อคราวก่อนไง”
“โอ๊ย....พอนายกลับเราก็โยนลงถังขยะแล้ว” ผมตอบตามความจริง มันสลด “ก็คิดว่านายไม่ได้มานอนอีกนี่นา” ผมพูดเบา ๆ
“มีอีกปะ....” ผมพยักหน้า “.......คราวนี้ไม่ต้องทิ้งนะ” มันสั่ง
“ยังคิดว่าจะได้มาอีกเหรอ” ผมกวน
“แล้วทำไมจะมาไม่ได้ล่ะ” มันย้อน ผมอึ้ง เออ จริงของมัน จะห้ามมันได้ยังไงอ่ะ
“ไปอาบน้ำนอนเลย....เดี๋ยวหาแปรงสีฟันกะเสื้อผ้าให้” ผมตัดบท
“ขอผ้าขนหนูด้วย....ด่วน....ร้อน....อยากอาบน้ำ....ถ้าช้าเราแก้ผ้าตรงนี้เลยนะ แล้วกางเกงในไม่ต้องเอามาล่ะ....ไม่ใส่.....” ดูมันกวนตีน
“แน่จริงก็แก้ดิ” ผมท้า มันเริ่มปลดกระดุมเสื้อ ถอดเข็มขัด ผมวิ่งจู๊ดไปหาผ้าขนหนูมาให้มันพันไว้กันอุจาด
“โธ่....นึกว่าแน่” มันหัวเราะตามหลังผม
*
*
*
ระหว่างที่มันอาบน้ำ ผมก็หอบอุปกรณ์ในการนอนของผมไปห้องแม่ที่อยู่ข้าง ๆ พอมันออกมาไม่เจอผม และคงเห็นหลังผมหอบผ้าห่มเดินออกไปนอกห้อง มันก็โวยวายดังลั่น
“ไปไหน.....” มันตะโกนถาม
“นอนห้องแม่....” ผมก็ตะโกนตอบ
“ทำไมไม่นอนด้วยกันอ่ะ” มันวิ่งตึ่ก ๆ ๆ ตามผมออกมา ผมอยากให้ผ้ามันหลุดจริง ๆ
“ไม่เอา.....อึดอัด” มันมองหน้าผมนิ่ง เอาแล้วกู......ผมเสียวสันหลังวาบ
“ถ้ารังเกียจเราขนาดนั้น.....เราออกไปนอนในรถก็ได้” มันหันหลังกลับทันที
“ไม่ใช่อย่างนั้น.....อย่างอนดิ” ผมเดินตาม มันไม่พูดกับผม รีบเช็ดตัวลวก ๆ ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เลยดึงแขนมันให้หันมาพูดกับผม คงดึงแรงมากไปนิด หรือว่ามันออเซาะก็ไม่รู้ มันล้มทับตัวผมลงไปบนเตียงด้วยกัน เอาอีกแล้ว มันมองผมอย่างนี้อีกแล้ว ผมเบือนหน้าหนี พูดกับมันเบา ๆ
“เราไม่ได้รังเกียจนาย.....แต่เราไม่คุ้นอ่ะ” ผมขยับตัวให้พ้นจากที่มันทับไว้
“ไม่รังเกียจหมายความว่าชอบอ่ะดิ” มันก้มลงมาใกล้เข้าไปอีก
“ไม่ใช่….เรามีแฟนแล้ว” ผมเอาโยเข้ามากันไว้
“แล้วโยเคยทำอย่างนี้กับเอ้ปะล่ะ” มันจู่โจมอย่างรวดเร็วจนผมหลบไม่ทัน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมโดนผู้ชายด้วยกันหอมแก้มฟอดใหญ่ มันหัวเราะคิก
“ไอ้บ้า.....ปล่อยยยยยย” ผมอายจนไม่รู้จะพูดยังไง
“อย่าดิ้น....เดี๋ยวผ้าหลุดนะ” มันขู่
“ปล่อย.....ไม่ปล่อยไม่ให้นอนด้วยนะ” ผมพูดเสียงจริงจัง
“หา....ตกลงให้นอนด้วยแล้วใช่มะ....ปล่อยก็ได้” มันลุกขึ้นยืน แต่ผ้ามันหลุดลงไปกองกะพื้น มันรีบเอามือกุมไว้ ผมได้แต่ตะลึงตาโต ดูท่าทางมันจะอายผมมาก
“เดี๋ยวเราไปเอาของเรากลับมาก่อนละกัน......แต่นายต้องสัญญานะว่าจะไม่ทำอะไรเรา” ผมชี้หน้ามัน
“เอ้อย่าเริ่มก่อนก็แล้วกัน” มันยักคิ้วให้ผม
“ไม่มีทางซะหล่ะ” ผมเดินเข้าไปหอบสมบัติกลับข้าห้อง ไอ้วุธก็ใส่เสื้อผ้าเสร็จ นอนคะแคงเอามือมาตบที่นอนข้าง ๆ พร้อมทำตาเยิ้ม ผมแทบอดใจไม่ไหว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ตามเคย
*******************TBC***************************
เด๋วมาต่อให้ตอนเย็นนะครับ