(เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT  (อ่าน 313758 ครั้ง)

anston

  • บุคคลทั่วไป
 :impress:คนโพสขี้น้อยใจเหยอ..ไม่หรอกน๊า.. :impress:
 :yeb:เข้ามาให้กำลังใจแล้วน๊า.. :teach:รีที่10พอดีเลย..
..เอ้เจอโยเข้าอย่างเงี้ย..สงสัยตอนหน้าต้องหนุกกว่านี้แน่เลย..
 :m5:อยากให้คนที่โทรหาเอ้เป็นวุธจริงๆเล๊ย.. :m5:
แล้วมาต่ออีกนะคร้าบบบบ..จุ๊บ..จุ๊บ :m1:

lanlan

  • บุคคลทั่วไป
14 Trust
.......คืนนั้นสามทุ่มตรงแป๊ะ.....โยโทรมาหาตามเคย บอกตรง ๆ ว่าผมไม่มีอารมณ์คุยกับมัน ผมไม่ค่อยพูดค่อยจาจนผิดสังเกตุ

“เป็นอะไรอ่ะ.....เหนื่อยเหรอ” มันถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“.....อืม.....”

“ไปเรียนวันแรกเป็นไงมั่ง”

“......ก็ดี......” แล้วก็เงียบกันไปพักใหญ่

“เอ้.....เราว่าวันนี้เอ้แปลกไปนะ.....มีอะไรก็พูดดิ......หรือว่าเราไม่ใช่คนที่เอ้ไว้ใจอีกต่อไปอ่ะ” มันพูดด้วยเสียงมีอารมณ์

“มีอะไรปิดบังเราหรือเปล่า.....บอกมาเถอะ......อย่าให้เราต้องเสียใจไปมากกว่านี้เลย” ผมพูดเสียงเรียบ โยอ้ำอึ้ง

“เอ้หมายถึงเรื่องอะไรอ่ะ” มันยังไม่รู้ว่าผมรู้อะไรบ้าง

“เมื่อวานทำไมไม่โทรมา….อยู่กับใครเหรอ” มันอึกอัก

“โทรมาแล้ว.....แต่สายไม่ว่าง” มันพูดตะกุกตะกัก

“โทรมากี่โมง…..กี่ครั้ง” ผมคาดคั้น ฟังจากเสียงก็รู้ว่ามันโกหก มันเงียบ “ที่บ้านเราบอกว่าไม่มีโทรศัพท์เข้ามาเลย .....ว่าไง” ผมย้ำ

“ก็ได้.....ขอโทษ เมื่อวานไปเที่ยวกับเพื่อนไม่มีโทรศัพท์สาธารณะให้โทรเลย....แต่วันนี้โทรมาตรงเวลาเลยเนอะ” มันพยายามพูดเล่นกับผม

“ไปเที่ยวมาหนุกมั๊ย” เสียงผมยังเรียบอยู่

“หนุกดิ....กลับดึกไปนิดกะจะโทรหาก็เกรงใจพ่อกับแม่”

“ไม่ได้หมายถึงเมื่อวาน......วันนี้อ่ะ....สนุกมั๊ย” มันอึ้งอีกแล้ว

“วันนี้ไม่ได้ไปไหนนี่นา.....นอนทั้งวัน”

“เลิกโกหกได้แล้ว” ผมเสียงดังขึ้น

“เอ้พูดเรื่องอะไรเนี่ย.....ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“วันนี้ ที่ XXXXX ตอนสี่โมงกว่า ๆ ไปทำอะไร......กับใคร” ที่ผมโกรธนี่ไม่ใช่หึงนะครับ.......โอเคหึงนิดนึง แต่โกรธที่มันไม่พูดความจริงต่างหาก

“เอ้เจอโยเหรอ” มันถามเบา ๆ เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า

“เออ.....มีอะไรแก้ตัวมั๊ย” ผมได้ที

“ไม่ต้องอำเลย” มันคิดว่าผมอำ

“ไม่ได้อำ.....จะให้บอกมั๊ยว่าใส่เสื้อสีอะไร” ผมพูดจริงจัง

“ถ้าอยากรู้ว่าไปทำอะไร กับใคร......ทำไมไม่ถามตรงนั้นเลยล่ะ” โยย้อน

“ใครจะกล้าเข้าไปทัก....ก็เห็นกำลังสวีทหวานแหวว.....ไม่อยากเป็นก้างขวางคอเว้ย” มันหัวเราะ

“โธ่.....เอ้จ๋า นั่นน่ะเพื่อนโยเอง.....บังเอิญเจอกันเฉย ๆ ไม่มีอะไรหรอก” โยมันรู้ว่าผมแพ้คนที่พูดจ๊ะ ๆ จ๋า ๆ ฟังแล้วตัวอ่อนเลย

“แล้วเราจะเชื่อได้ไง” ผมถามกวน ๆ มันเงียบ

“ทีหลังเจอก็เข้าไปทักได้เลย.....โยมีเอ้คนเดียวนะจริง ๆ นะจ๊ะ” มันอ้อนแล้วก็ชวนคุยเรื่องอื่น พูด ๆ ๆ พูดอยู่คนเดียวจนมันเหนื่อย ผมถึงได้เล่าเรื่องที่ไปเรียนภาษาวันแรกให้ฟังบ้าง มันหัวเราะก๊ากเมื่อผมเล่าถึงชื่อใหม่ที่อาจารย์ตั้งให้ผม

*
*
*

คนโง่....กับ....คนที่มองโลกในแง่ดี ความหมายมันใกล้เคียงกันมาก บางคนก็ยอมโง่.....บางคนก็แกล้งโง่......บางคนก็โง่จริง ๆ โดนหลอกแล้วหลอกอีก สำหรับผม....เรื่องของโยคุยสนิทสนมกับใครนั้น ผมไม่สนใจ มันพูดอะไรผมก็เชื่อ เพราะความไว้ใจ และมั่นใจในความเสมอต้นเสมอปลายของมัน..........ตลอดปิดเทอมที่ผ่านมาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ ผมคุยโทรศัพท์กับโยทุกคืน มันบอกว่าใครได้ผมเป็นแฟนถือว่าโชคดีที่สุด เพราะผมไม่จุกจิก จุกจิก ไม่ขี้หึง ไม่วุ่นวายกับเรื่องส่วนตัว ผมให้เหตุผลมันไปว่า ผมต้องการให้คนที่ผมคบทำเช่นเดียวกับที่ผมทำ..........ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของผม ถ้าผมไม่อยากตอบ ผมก็ไม่ตอบ อย่ามาเซ้าซี้..........ผมไม่ชอบโกหก ถ้าใครมาเซ้าซี้เอาคำตอบที่ผมไม่อยากตอบ ผมก็จะบอกว่า ตอบก็ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องจริงนะจะฟังมั๊ย

ผมคิดว่าที่เราคบกันทางโทรศัพท์ได้ก็เพราะเรานิสัยคล้าย ๆ กัน เรามีโลกส่วนตัวเหมือนกัน ผมเคยหลุดปากถามเบอร์โทรฯ ที่บ้านโย โยบอกไม่สะดวกที่จะให้ ผมก็ไม่เซ้าซี้ ผมถามว่าบ้านโยอยู่แถวไหน มันก็ตอบแต่ชื่อถนน ผมก็ไม่ถามต่อ ในขณะเดียวกัน ถ้ามันถามเรื่องที่ผมตอบไม่ได้ มันก็ไม่ถามต่อ และคำถามหลายคำถามที่ผมตอบไม่ได้ มันเป็นเรื่องของไอ้วุธทั้งนั้น จะให้ผมตอบได้ไงล่ะ ว่าคิดยังไงกับไอ้วุธ ผมตอบไม่ได้ เลยใช้วิธีเลี่ยง ๆ เอา คือ เค้าก็เป็นคนดีนะ........โยกับวุธ ใครหล่อกว่ากัน ก็ไอ้วุธน่ะดิ สเปกผมอ่ะ แต่ไอ้โยมันก็หล่อนะ ไม่งั้นเพื่อนผมจะกรี๊ดเหรอ ผมตอบโยว่า หล่อกันคนละแบบ โยหล่อเนี๊ยบ แต่ ไอ้วุธมันหล่อเถื่อน ๆ ........แล้วชอบใครมากกว่ากัน แน่นอนผมตอบไม่ได้ แต่แกล้งทำเป็นเรื่องตลกไปซะ ผมตอบว่า ไม่รู้ดิ ใครมาก่อน ก็ชอบคนนั้นแหละ ความหมายของผมที่ทำให้มันเข้าใจว่าผมชอบมันก็คือ เราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ม. 2 ..........แต่จริง ๆ แล้วผมเจอวุธก่อนที่จะเจอมันในไอซ์ เมื่อวันแรกที่เราคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว

*
*

.........เปิดเทอมสองแล้วครับ...แต่ผมเพิ่งจะได้เข้าโรงเรียนครั้งแรก ก็ผ่านไป 1 สัปดาห์ เป็นที่รู้ ๆ กันในหมู่เด็กพาณิชย์ว่า สัปดาห์แรกของการเรียนการสอน เป็นช่วงเวลาของการไปเที่ยวหลังปิดเทอม พอเข้าโรงเรียนได้ เข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จ ก็เตรียมตัวปีนรั้วบ้าง ยืนออกันที่หน้าประตูบ้าง พอยามเผลอก็พากันวิ่งออกมาเลย พวกเด็ก ปวช. น่ะไม่เท่าไหร่ เพราะใส่รองเท้านักเรียน แต่พวกพี่ ปวส. แกใส่รองเท้าคัทชู ส้นสูง ต้องถอดรองเท้า ถลกกระโปรงวิ่งกันสนุกสนาน........

.........สำหรับผม ไม่ได้ไปไหนเลย เพราะผมต้องเรียนพิเศษต่อให้จบคอร์ส แต่ผมโทรไปคุยกับเพื่อนผมทุกวันนะครับ ผมรู้ความเคลื่อนไหวของทุกคน ว่าวันนี้ใครไปทำอะไร ที่ไหน กับใคร และวุธก็ไปด้วยทุกครั้ง มันเริ่มสนิทกับอีตูน เพราะอีนี่มันลุย ๆ เหมือนทอม และที่สำคัญมันไม่มีแฟนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับเพื่อนไอ้วุธ เวลาเดินกันเป็นกลุ่ม ๆ มันก็เลยจับคู่กับอีนี่.......เวลาผมโทรไปหาอีตูน มันก็ชอบเล่าเรื่องไอ้วุธให้ผมฟังตลอด มันบอกว่าถ้าใครสนิทกับไอ้วุธก็ต้องชอบผู้ชายคนนี้ทุกคนแหละ เสียดาย...... มันเว้นไว้แค่นั้นจริง ๆ ผมถามว่าเสียดายอะไรมันก็ไม่ตอบ

.........ผมไม่ได้เจอเพื่อนในกลุ่มมานานเดือนนิด ๆ แล้วนะครับ ตั้งแต่ที่เจอกันครั้งล่าสุดที่ผมไปหาพวกมันพร้อมเพื่อนใหม่ที่เรียนพิเศษด้วยกัน ผมตื่นเต้นมาก ไปโรงเรียนแต่เช้า มีเรื่องสนุก ๆ มาเล่าให้เพื่อนฟังตั้งเยอะ ถึงแม้ว่าตอนคุยโทรศัพท์กัน ผมสังเกตุว่าเพื่อนผมไม่ค่อยฮาเหมือนเดิม แต่ความที่มองโลกในแง่ดี ผมคิดว่าเพื่อนผมคงเหนื่อยจากการทำงานก็เลยไม่มีอารมณ์คุยด้วยเท่าไหร่ แต่พอมาวันนี้......วันที่ผมไปโรงเรียนวันแรก บรรยากาศเก่า ๆ ไม่มีเหลือเลยครับ ทุกคนนั่งสุมหัวคุยกันไม่สนใจผมเลย ไม่ว่าผมจะพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าผมเป็นส่วนเดินมากขึ้นเท่านั้น.........สรุปแล้ว วันนั้นทั้งวันผมต้องนั่งเงียบอยู่คนเดียว พอตอนเย็น อีตูนเป็นคนแรกที่คุยกับผม เดินเข้ามาชวนผมไปเที่ยวหลังเลิกเรียนกันเหมือนเคย ผมคิดในใจว่าผมจะแกล้งเล่นตัวบ้าง....ผมปฏิเสธครับ ปรากฏว่า......ไม่มีใครชวนรอบสองเลยครับ จะให้ผมง้อ ขอไปด้วยมันก็ไม่ใช่ผมอีกนั่นแหละ.....พออาจารย์ปล่อยกลับบ้านปุ๊บ ผมก็แกล้ง ๆ ถ่วงเวลาให้มันหันมาชวนอีกครั้ง กะว่าถ้าชวนอีก ผมจะรีบกระเด้งไปเลย แต่....ไม่มีใครชวนผมจริง ๆ พวกมันเดินเกาะกลุ่มกันไม่หันมามองผมแม้แต่คนเดียว โห....ผมแทบกระอัก มองพวกมันเดินไปหากลุ่มไอ้วุธจากหน้าต่างบนห้อง น้ำตาผมหยดแหมะ ๆ ๆ ตอนนั้นเสียใจมากครับ ไม่รู้ตัวเองเลยว่าผมทำอะไรผิดไป หาเหตุผลไม่ได้ ผมเดินก้มหน้าก้มตาเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาตลอดทางกลับบ้าน เวลามีคนมองผมก็ทำเป็นเหมือนคนเจ็บตา โชคดีที่ถึงบ้านแล้วยังไม่มีใครกลับมาซักคน ไม่งั้นต้องโดนซักยาวแน่ ๆ

*
*
*
*

.........ผ่านไปอาทิตย์กว่า ๆ พวกมันก็ยังตึง ๆ กับผม จะคุยกันก็ต่อเมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น ผมเองก็เริ่มที่จะไม่ใส่ใจพวกมันแล้วเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะผมโกรธพวกมันด้วยที่มีอะไร ไม่พอใจอะไรผม แล้วไม่บอก ผมเคยโทรไปถามอีแจนในช่วงแรก ๆ ที่มันเย็นชาใส่ผม ผมก็ไม่ได้คำตอบ ผมโมโหมาก ผมบอกมันว่าฝากบอกทุกคนด้วยว่า มีอะไรก็ให้พูดกันตรง ๆ ถ้าผมผิดผมขอโทษ แต่ถ้าผมไม่ผิด นอกจากผมจะไม่ขอโทษแล้ว ผมจะไม่สนใจกับคนที่คิดอะไรไร้สาระอย่างนั้นด้วย และนี่คงเป็นชนวนให้พวกมันยิ่งมึนตึงกับผมยิ่งขึ้น........

*
*
*

.......ถ้ามองในแง่ดี (อีกแล้ว) ผมก็ได้เจอเพื่อนใหม่มากขึ้น ได้ออกไปเที่ยวไกลขึ้น ได้เปิดหูเปิดตา และที่สำคัญที่สุด ผมใช้โอกาสนี้บอกพ่อว่าผมจะขอเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนทุกวัน พ่อผมมองผมแบบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง แต่เค้ารีบยื่นเงินให้ผมไปสมัครเรียนเลย.....ผมใช้เวลา 1 คืนในการตัดสินใจหาเรื่องมาทำให้ไม่คิดมากเรื่องเพื่อน โดยโยก็เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจครั้งนี้.....ถ้าผมไม่ได้โยในช่วงนั้น ผมคงจะแย่ เพื่อนไม่คุยด้วย แต่ยังมีคน ๆ นึงที่ยังรับฟังปัญหาของผม ช่วยผมคิด ไม่ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่มีใคร โยเป็นคนแรกที่ได้ยินผมร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรระบายปัญหาเรื่องเพื่อน ๆ ผมร้องไห้ไปพูดไป........แต่ซักพักมันทำให้ผมหัวเราะออก หลังจากไม่ได้หัวเราะมาทั้งวัน.

.......ผมรอคอยเวลาสามทุ่มทุกคืนเพื่อคุยโทรศัพท์กับโย เรื่องวุธผมพักไว้ก่อน เพราะผมกับวุธไม่ได้เจอกันอีกเลยตั้งแต่วันที่มันมานอนค้างบ้านผม ทุกเย็นผมได้แต่แอบมองมันอยู่บนอาคารเรียน ยืนดูเพื่อนผมกระโดดขึ้นกระบะรถมัน แรก ๆ ผมเห็นแล้วน้ำตาเล็ดทุกครั้ง แต่ซักสามสี่วันผ่านไป ผมก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย....ผมเริ่มนัดไปเที่ยวกับเพื่อนใหม่บ้าง.....เพื่อนในห้องแต่คนละกลุ่มบ้าง....ปัญหามันไม่ได้อยู่ตอนเย็นหลังเลิกเรียนหรอกครับ.....มันอยู่ที่ตอนเวลากินข้าวกลางวันสองวันแรกผมทนนั่งอยู่กับพวกมัน แต่หลังจากนั้นผมก็ไปนั่งกับเพื่อน ๆ กลุ่มอื่น เลยเถิดไปถึงเพื่อน ๆ ห้องอื่นด้วยซ้ำ (ก็ไอ้พวกเพื่อนเก่าที่เรียนปี 1 ด้วยกันแล้วมันเลือกเรียนบัญชีไงครับ)

*
*
*

........ผมมีโปรแกรมจะต้องเรียนพิเศษวันแรกหลังวันลอยกระทง ซึ่งปีนี้มันตรงกับวันศุกร์ เพื่อน ๆ ทุกคนมีนัดกันหมด เหลือผมคนเดียว จะนัดโยก็ไม่ได้......มันพูดไว้ก่อนแล้วว่ามันจะไปลอยกระทงกับที่บ้าน ส่วนครอบครัวผมก็ดันจะออกไปเที่ยวลอยกระทงที่พัทยากันอีก ผมต้องอยู่เฝ้าบ้านคนเดียว เพราะวันรุ่งขึ้นผมมีเรียนตั้งแต่เช้า ไม่เป็นไรครับ ผมเตรียมรับมือกับความเหงาได้ หาวิดีโอมาดูซักสี่ห้าเรื่อง ดูไปดูมาเมื่อยตามันก็หลับไปเอง

......แต่......ลอยกระทงปีนั้นมันไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่ผมคิดนะสิครับ ทำไมเหรอ เพราะอาเล็ก (น้องชายคนสุดท้องของพ่อผม) มาเยี่ยมบ้านผมตอนเย็นก่อนวันลอยกระทงสองวัน......หลังจากที่ทักทาย ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ กินข้าวกันเรียบร้อยแล้ว พ่อกับแม่ผมก็นั่งดูข่าว ส่วนผมก็นั่งเล่นกับหมาอยู่หน้าบ้าน อาเล็กซึ่งผมเคยสนิทเมื่อครั้งผมยังเด็ก แต่พอโตมามันเหมือนมีอะไรมากั้นผมกับเค้าอยู่ ผมพยายามหลบเลี่ยงไม่เจอเค้า เพราะ อาเล็กแกเป็นเกย์วัยทอง มีอาชีพเป็นช่างทำผม แต่งหน้า เป็นเจ้าของร้านทำผมที่ดังที่สุดในย่านชานเมืองกรุงเทพฯ (เป็นร้านแบบซาลอนน่ะครับ หาได้ตามท้องตลาดทั่วไป แต่ของอาผมได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในด้านแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว หรือรับปริญญา) แกมีอาชีพเสริมที่ทำเล่น ๆ คือเป็นแมวมอง เป็นพี่เลี้ยงนางงามส่งเข้าประกวด และมักจะกวาดรางวัลมาประดับตู้โชว์ที่บ้านหลายอันแล้ว และนี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ร้านของอาเล็กดังมาก (ย้ำ ในแถบชานเมือง) ที่ผมกลัวที่สุดในการเผชิญหน้ากับอาเล็กก็คือกลัวเค้าจะจับพิรุธผมได้ว่าผมไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัว กลัวเค้าจะไปบอกพ่อผม กลัวไปสารพัด.....

“มานั่งทำอะไรอยู่คนเดียวฮะ....เอ้” ผมสะดุ้งตกใจ กำลังคิดอะไรอยู่เพลิน ๆ

“นั่งเล่นกับหมาครับ” อาเล็กยิ้มแล้วนั่งมองหน้าผม

“อายุเท่าไหร่แล้วเราน่ะ”

“มกรานี้ก็สิบหกแล้วครับ” ผมตอบเกร็ง ๆ

“มีแฟนยัง” ผมส่ายหน้าแรง ๆ

“หน้าตาดี ๆ อย่างนี้ไม่ไม่แฟนได้ไง อาไม่เชื่อหรอก” อาเล็กขำ

“จริงครับ....เอ้ยังเด็กอยู่เลย”

“ไม่เด็กแล้วนะ....ไหนยืนซิ” ผมลุกขึ้นยืนตามคำสั่ง อาเล็กบอกให้ผมหมุนตัวไปมา

“ใช้ได้.....” อาเล็กพูดเบา ๆ

“ลอยกระทงไม่ได้ไปพัทยากับพ่อแม่.....แล้วเอ้ไปเที่ยวไหนล่ะ”

“อยู่บ้านครับ.....”

“เอางี้.....วันลอยกระทงน่ะ เลิกเรียนแล้วไปบ้านอา อามีอะไรสนุก ๆ ให้ทำ”

“อะไรเหรอครับ” ผมเสียวสันหลังวาบ

“มาใกล้ ๆ นี่.....พูดดังไม่ได้” ผมกวักมือเรียกผมเข้าไปหา และกระซิบข้างหูผม ผมหัวเราะก๊าก ลืมเก๊กเลยครับ

“ไม่เอา......เอ้ไม่เคย” ผมหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ เริ่มสนิทใจที่ได้คุยด้วย

“ก็ลองดูดิ….ครั้งนึงในชีวิตนะเว้ย” อาเล็กคะยั้นคะยอ ผมคิดสักพัก

“แล้วเอ้จะไปยังไง....กลับยังไงล่ะฮะ ไกลจะตาย” น่าสนใจเหมือนกัน ไม่มีอะไรเสียหายนี่นา ยิ่งเซ็ง ๆ กับชีวิตอยู่

“เดี๋ยวอาขับรถมาส่ง ไม่นานหรอก 3-4 ทุ่มก็น่าจะเสร็จ” ผมพยักหน้ารับทันที

“ดีมาก.....รับรองว่าหนูจะไม่ลืมคืนนั้นแน่ ๆ .....อ้อ.....แล้วไม่ต้องไปบอกพ่อบอกแม่ล่ะ เดี๋ยวเป็นเรื่อง” ผมรับคำ แล้วถามรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่ผมต้องทำ

..........นั่งคุยกับอาเล็กอยู่นานจนพ่อกับแม่สงสัยออกมายืนด้อม ๆ มอง ๆ คงกำลังสงสัยว่าทำไมผมถึงได้คุยสนุกสนานเฮฮาผิดปกติ ผมเริ่มคุยเปิดอกกับอาเล็ก แกมีวิธีหลอกถามอะไรหลาย ๆ อย่างแล้วผมสามารถตอบได้โดยไม่ขัดเขิน หรือต้องปกปิดเป็นเรื่องส่วนตัว อาเล็กก็เล่าเรื่องอดีตของแกให้ฟังบ้าง.....ผมได้ข้อคิดในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจากแกมาหลายเรื่องเลยครับ คุยกันจนลืมเวลานัดจนน้องชายผมวิ่งออกมาเรียกให้ผมไปรับโทรศัพท์ (ของโย) อาเล็กแกจึงเข้าไปคุยกับพ่อแม่ต่อ และผมก็ได้ยินเสียงรถแกขับกลับไปตอนเกือบ ๆ สี่ทุ่ม

..........ผมเล่าให้โยฟังว่าวันลอยกระทงผมไม่ต้องเหงาอีกแล้ว ผมมีอะไรต้องทำเป็นครั้งแรกในชีวิต และอาจจะเป็นครั้งเดียวก็ได้ ถ้าผมไม่รีบคว้ามันไว้ มันอาจจะไม่โอกาสอย่างนี้เข้ามาอีก ผมตัดสินใจบอกโยเป็นคนแรก โยตกใจโวยวายห้ามไม่ให้ผมไปเป็นเรื่องเป็นราว แต่ผมก็ยังดื้อด้านจะไป เพราะมันไม่มีอะไรเสียหาย สนุกดีด้วย ท่าทางโยจะเครียดจริง ๆ ผมต้องพูดให้มันสบายใจว่าผมไปกับญาติสนิท และสถานที่นั้นมันก็ไกลพอที่เรื่องนี้จะไม่ไปถึงหูคนอื่น ในที่สุดโยก็ต้องยอมผม ในใจผมอยากให้โยไปกับผม........แต่ไม่ไดชวนมันหรอกนะครับ เพราะกลัวจะเสียความรู้สึกถ้าชวนแล้วมันไม่ไป

***************************************************************************************************************
มาตามคำสัญญาครับเด๋ววันนี้จะลงให้2ตอนเลย
เด๋วตอนเย็นๆๆกลับมาลงให้ใหม่นะครับ
ขอบคุณทุกๆๆรีพายครับ
แล้วขอบคุณพี่เอ้ด้วยครับ
เด๋วตอนเย็นๆๆเจอกัน

jedi2543

  • บุคคลทั่วไป
คนเขียนน่ารัก

คนโพสต์น่ารักกว่า

ขอบคุณค่าที่เอามาโพสต์บ่อยๆ รักตายเลย

OhhO16

  • บุคคลทั่วไป
 :m4: :m4: :m4:

มารอแระครับ อิอิ

เป้นกำลังใจให้คนโพสกะคนแต่งนะครับ

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

ทามมายเพื่อน ๆ เปลี่ยนไปอ่ะ

ม่ายเข้าใจ แล้วจะไปทำอะไรกับอาเนี่ย

โอ๊ย  มาต่อไว ๆ นะครับ

 o15

lanlan

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อซะดึกเลยแหะๆๆๆๆ
 :m27: มาแล้วยังดีกว่ามาช้ามาช้ายังดีกว่าไม่มา

15 One night only
…..เช้าวันลอยกระทงผมเดินเข้าห้องเรียนเงียบ ๆ ตามปกติ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ เพื่อน ๆ ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว สิ่งแรกที่ผมทำก็คือก้มลงไปดูว่าลืมติดกระดุมกางเกงหรือเปล่า.....ก็ติดนี่หว่า ผมไม่สนใจเดินเชิด ๆ ไปนั่งประจำที่ ซักพักเพื่อนในกลุ่มผมนำขบวนโดยอีอ๋า เดินเข้ามาล้อมโต๊ะที่ผมนั่ง

“วันนี้มึงไปลอยกระทงที่ไหนวะ”

“ไม่ไป” ผมตอบสั้น ๆ

“แต่กูรู้ว่ามึงจะไปไหน”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกมึงอ่ะ” ผมเงยหน้ามองพวกมันทีละคนด้วยสายตาเย็นชา

“เฮ้ย....อีเอ้.....พวกกูง้อมึงแล้วนะโว้ย” อีแจนพูดบ้าง

“มาง้ออะไรกู.....กูไม่ได้โกรธพวกมึงซะหน่อย” อีพวกนั้นยิ้มกันใหญ่ “พวกมึงต่างหากที่โกรธกู โดยทีกูยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องอะไร” หุบยิ้มกันแทบไม่ทัน

……“ก็เรื่อง”......... “อีอ๋า” ทุกคนสามัคคีเรียกชื่ออีอ๋าเป็นทำนองว่าไม่ให้พูด

“ไม่มีอะไรหรอก.....พวกกูเข้าใจอะไรผิดนิดหน่อยอ่ะ” อีตาลสรุปง่าย ๆ แต่ผมไม่จบ

“ถ้ากูทำให้เพื่อนกูเสียใจเพราะความเข้าใจผิดเนี่ย.....มึงรู้มั๊ยว่ากูจะทำอะไร”

“เออ ๆ อีเอ้....ไม่ต้องประชดเลย......พวกกูขอโทษโว้ย หายงอนรึยัง” อีนัทเข้ามากอดคอผม ตามด้วยชะนีอีกสี่ตัว

“....พอ....ปล่อยกู จั๊กจี้........” ผมหัวเราะคิก

“แหม....อีห่า....ทีพวกกูกอดนิดกอดหน่อยทำสะดิ้ง......ถ้าเป็นผู้ชายมึงคงรีบกระโดดขึ้นคล่อมแล้วดิ” อีอ๋ากัดผม

*
*
*

......พวกเรากลับมาเฮฮาปาร์ตี้กันเหมือนเดิม ในที่สุดอีพวกนั้นก็รู้จากปากผมโดยตรงว่าคืนนี้ผมจะไปทำอะไร ที่ไหน ตอนแรกผมค่อนข้างงง ว่ามันรู้กันได้ยังไง คนที่ผมบอกก็มีไม่กี่คนเท่านั้น ถ้าเป็นที่โรงเรียนก็เป็นเพื่อนเก่าห้องอื่นที่บ้านอยู่แถวนั้น มันจะไปให้กำลังใจผมด้วย ตอนนั้นผมมัวแต่ดีใจที่เพื่อนกลับมาคุยกับผมจนลืมนึกสงสัยอะไรอย่างอื่น......

......และแล้วก็ได้เวลากลับบ้าน....เพื่อน ๆ ครึ่งห้องเดินเข้ามาหากลุ่มผม และขอตามไปด้วย ผมดีใจมาก ตอนแรกที่ตัดสินใจรับปากอาเล็ก ก็คิดแค่เล่น ๆ สนุก ๆ ดีกว่านอนเหงาอยู่บ้าน แต่พอได้เห็นเพื่อน ๆ ตื่นเต้นไปกับผม ผมยิ่งฮึด อยากทำให้ทุกคนสนุกไปกับผมด้วย แม้ว่าบ้านอาเล็กจะอยู่ไกลจากบ้านผม แต่สำหรับเพื่อนผมแล้ว แค่นี้ไม่ไกลหรอกครับ มีเพื่อนตั้งหลายคนที่บ้านอยู่แถวนั้น รวมทั้งอีนัทด้วย บ้านเพื่อนผมก็ไปทางเดียวกันน่ะแหละ แต่ที่ผมจะไปคืนนี้ต้องเลยไปอีกนิดนึง และผมก็เพิ่งรู้ด้วยว่าสถานที่ที่ผมจะไปนั้น ต่างจากปากคำของอาเล็กที่บอกผมวันนั้นอย่างมาก......

......ไม่อยากบอกเลยว่าพวกผมเดินทางกันยังไง นึกตอนนี้แล้วอยากกลับไปเป็นเด็กอีกจัง.....พวกผมเหมาสองแถวไปกัน สนุกมาก ที่นั่งไม่พอก็นั่งตักกัน โหนกันบ้าง ตะโกนแซวรถคันอื่นบ้าง ผมกำลังหลับหูหลับตาเม้าธ์วางแผนจะเที่ยวงานกันหลังจากที่ภารกิจของอาเล็กเสร็จสิ้น อีกอย่างไม่ได้คุยกับพวกมันนานแล้วอั้นไว้เยอะ ไม่ทันได้สนใจอะไรรอบตัว แต่ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงเพื่อน ๆ ผมกรี๊ดกร๊าดกันลั่นรถ ผมหันไปดูปรากฏว่า ไอ้รถกระบะคันเดิม คนขับคนเดิม ขับมาขนานกับรถสองแถวที่พวกผมนั่ง ผมคิดในใจว่าพวกมันคงไม่ไปที่เดียวกับผม ที่ไหนได้มันทำท่าทำทางประมาณว่าเจอกันที่โน่นกับพวกแฟน ๆ ของมัน อีพวกเพื่อนผมมันต้องนัดกันไว้ก่อนแน่ ๆ เอาแล้วไงกู.....จากตอนแรกที่ไม่อาย....ไม่ตื่นเต้น.....กลับกลายเป็นว่าตื่นเต้นจนกังวลว่าที่เตรียมตัวไว้จะผิดพลาดไปหมด

*
*
*

........ในที่สุดก็ถึงที่วัด XXXXX วัดริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศดีมาก ข้าวของเริ่มวางระเกะระกะ พ่อค้าแม่ค้าจัดร้านเตรียมโกยเงินจากผู้มาเที่ยวงาน ผมเห็นสถานที่แล้วก็ยิ่งตื่นเต้น พอรถจอดดีแล้ว ผมขอแยกตัวจากเพื่อน ๆ ไปหาอาเล็กซึ่งมีร้านอยู่ไม่ไกลนัก ประมาณ 200 กว่าเมตร ผมชี้ให้เพื่อนดูตอนที่นั่งรถผ่านว่านี่คือร้านของอาผม ถ้าจะเข้าห้องน้ำหรือตามหาผมก็ให้มาที่นี่.......ตอนเด็ก ๆ ผมก็เคยมาร้านอาเล็กนะครับ แต่พ่อแม่ผมไม่ให้เดินมาใกล้วัดนี้ เพราะเค้ากลัวผมจะตกน้ำ ผมเลยไม่รู้ว่าวัดนี้ข้างในเป็นยังไง เห็นเต็มที่แค่ประตูทางเข้า

.........ผมกำลังก้มหน้าก้มตาเดินอยู่คนเดียว เสียงแตรรถก็ทำให้ผมสะดุ้ง แต่คนขับทำให้ผมตกใจกว่า.....ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ ไอ้วุธ ยัง still หล่อเหมือนเดิม ไม่ได้เจอจัง ๆ มานาน มันผมยาวขึ้นนิดนึง ไม่ได้ตัดผมรองทรงแบบคนอื่นด้วย มีรากไทรกับจอนบาง ๆ น่ารักมาก มันขับมาจอดข้าง ๆ แล้วเรียกผมขึ้นรถ ผมก็ขึ้นเพราะอีกนิดก็ถึงร้านอาเล็กแล้ว พอเปิดประตูผมใจหายวาบ ก็เสี้อผ้าผมที่มันยืมใส่คราวนั้น ตอนนี้ถูกพับเรียบร้อยอยู่ตรงแคปด้านหลังคนขับมองเข้าไปเห็นพอดี

“เฮ้ย.....ทำไมไม่เก็บไว้บ้านวะ.....เสื้อผ้าเราอ่ะ” ผมโวยวาย

“อ้าว...ก็เอ้บอกเองไม่ใช่เหรอว่าให้ใส่รถเอาไว้” ผมอึ้ง จริงด้วย

“อย่างนี้ไอ้พวกนั้นมันก็เห็นอ่ะดิ.....ทั้งเสื้อทั้งกางเกง เราไปซื้อกับอีพวกนั้นน่ะ ยังไงมันก็ต้องจำได้ว่าเป็นของเรา” ผมเริ่มตงิดนิด ๆ แล้วว่าเพื่อนผมโกรธเรื่องอะไร

“ไม่เห็นเป็นไรเลย” มันทำหน้าเฉย ผมถอนใจปลง ๆ

“เออ....ช่างมันเถอะ แล้วนี่จะไปไหนอ่ะ”

“หาที่จอดรถ.....หายากชิบเป๋ง” มันหันซ้ายหันขวา

“มาเที่ยวแถวนี้เหรอ”

“ทำนองนั้น” มันตอบกวน ๆ

“จอดหน้าร้านอาเราก็ได้…เนี่ยซ้ายมือโลด” ผมชี้ มีที่จอดพอดี มันเข้าซองจอดเรียบร้อยผมก็โบกมือบ๊ายบาย

“อะไร....ไม่ให้ไปไหว้อาหน่อยเหรอ” มันบ่น ผมส่ายหัว เรื่องอะไรล่ะ มันก็รู้หมดว่าผมมาทำอะไร

“ไม่ต้อง (เสียงสูง)....ไปเดินเที่ยวกับเพื่อนเหอะ ไอ้พวกนั้นรอไม่ใช่เหรอ”

“พวกมันไม่รอหรอก มากันเป็นคู่ ๆ อย่างนั้นอ่ะ” มันมองผมด้วยสายตาที่ผมต้องใจอ่อนอีกแล้ว

“เออ ๆ ตามมา” ผมแกล้งเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าร้าน

“รอด้วย......เดินช้า ๆ ดิ” มันคว้ามือผมไว้ พอดีกับอาเล็กเปิดประตูที่มีม่านกั้นประมาณว่าวันนี้ปิดร้านออกมาเจอพอดี สายตาอาเล็กมองที่ข้อมือผม วุธรีบปล่อยทันที

“อ้าว....เอ้....มา เข้ามา.....เป็นอะไรยะ...ทะเลาะกับแฟนเหรอ หน้าหงิกเชียว เดี๋ยวไม่สวยนะ” โห....อาเล็กทำเอาผมหน้าชา แต่ไอ้วุธยิ้มแฉ่ง ผมยกมือไหว้อาเล็ก

“....นี่วุธเพื่อนเอ้....” ผมแนะนำวุธให้อาเล็กรู้จัก วุธยกมือไหว้

“หวัดดีค่ะ.....” อาเล็กผมสาวแตก ไม่เหมือนตอนที่อยู่กับพ่อแม่ผมเลย แถมตอนนี้ยังมองวุธแบบพิจารณา “แน่ใจเหรอว่าเพื่อนอ่ะ” อาเล็กแซว ผมรู้สึกตัวว่าหน้าร้อนวูบ ๆ ไม่กล้ามองหน้าไอ้วุธ

“เพื่อนแน่นอน.....แฟนเอ้หล่อกว่านี้อีก” ผมพูดแล้วแทบจะตบปากตัวเอง ก็ดันเผลอไปบอกอาเล็กว่ามีแฟนแล้ว เป็นผู้ชายซะด้วย อาเล็กมองยิ้ม ๆ แล้วเข้าไปหาน้ำกับไก่เคเอฟซีมาให้ผมกับวุธกินยังร้อน ๆ อยู่เลย

“กินกันซะ....จะได้แต่งตัว เดี๋ยวหิวเป็นล้มเป็นแล้งกันบนเวที” ผมอ้าปากจะปฎิเสธ แต่โดนดักคอไว้อย่างนี้ก็ต้องกินอ่ะครับ วุธยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้งแล้วฉีกซองซอสให้ผม....ผมเขินอาเล็กมาก แกคงรู้เลยเดินไปเตรียมข้าวของบนบ้าน ก็ชั้นสองของร้านน่ะแหละ แกบอกให้กินให้หมดแต่ไม่ให้ผมกินเยอะ กินแค่พออิ่ม แกไม่อยากให้ผมพุงป่องออกมา ส่วนแกกินเรียบร้อยแล้วก่อนผมมาสักพัก ผมพาวุธไปเข้าห้องน้ำล้างมือล้างไม้แล้วออกมากินกันจนอิ่ม

*
*
*

“วุธ.....อย่าโกรธนะ ถ้าเราจะบอกว่าให้ออกไปเที่ยวข้างนอกก่อน....เราจะทำธุระอ่ะ” ผมพูดอ้อมแอ้ม หลังจากกินเสร็จและอาเล็กเอาแปรงสีฟันใหม่เอี่ยม พร้อมยาสีฟันมาให้ผมแปรงฟัน

“ไม่เห็นเป็นไรเลยเอ้ ก็ไห้แฟน...เอ๊ย...เพื่อนอยู่ที่นี่ก็ได้ นั่งดูทีวี ฟังเพลงไปก่อน….ข้างนอกตอนนี้ยังไม่ค่อยมีอะไรหรอก ยังไงเราก็ต้องไปแต่ตัวกันข้างบนอยู่แล้ว.....ทำไม....อายเหรอ....เดี๋ยวขึ้นเวทีมีคนมองมากกว่านี้อายไม่ได้นะเว้ย” ผมเห็นวุธยิ้ม

“เวทีอะไรอ่ะครับ” วุธทำหน้างง ๆ

“อ้าว....นี่ไม่ได้บอกเค้าเหรอว่าหนูมาทำอะไร” อาเล็กหันมาถามผมต่อ ผมส่ายหน้า “วันนี้อาจะส่งเอ้ไปประกวดนางนพมาศในงานวัดนี่แหละ” ผมเห็นมันมองแล้วยิ้ม ผมอยากจะกลับบ้านเดี๋ยวนั้นเลย

“มีประกวดนางนพมาศด้วยเหรอครับ” มันทำท่าสนใจ แต่ไม่เนียนเลย ผมรู้ว่ามันรู้มาก่อนนี้แล้วแน่ ๆ

“ถ้าผู้หญิงน่ะ มีทุกปี แต่เวทีของเอ้เนี่ย ปีแรก พอดีอายุ่ง ๆ ช่วงก่อนหน้านี้ก็เลยเตรียมหาเด็กไปประกวดเวทีใหญ่ไม่ทัน นี่เพื่อนอาเค้าเป็นกรรมการไง แล้วเค้ากลัวมีคนประกวดน้อย ก็เลยให้อาหาเด็ก ๆ มาประกวดกัน เงินรางวัลไม่เยอะหรอก เวทีนี้เค้าเน้น สวยแปลก…..” ไอ้วุธขำ ผมมองค้อน มันอมยิ้มแล้วฟังอาเล็กเล่าต่อ “.......แต่เอ้นี่....อาว่าต้องติดหนึ่งในสามนะ ไม่ต้องใช้เส้นด้วย โครงหน้าเค้าดีอยู่แล้ว เดี๋ยววุธคอยดูนะ อาจะแปลงร่างเอ้ของวุธให้สวยแบบผู้หญิงอายเลย” อาเล็กเน้นคำว่าเอ้ของวุธ ผมน่ะมันอายจนชาไปแล้ว แต่ไอ้วุธนี่สิ อายจนหูแดงเลยครับ

“ไม่เป็นไรครับ ผมไปดูเพื่อน ๆ ก่อนดีกว่า อีกสักพักผมค่อยมาใหม่” วุธพูดกับอาเล็ก ไม่ยอมสบตาผม

*
*
*

......หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความทรมานในการแต่งหน้า ทำผม เริ่มตั้งแต่อาให้ผมไปอาบน้ำซะใหม่ ใส่ผ้าขนหนูตัวเดียว ยังดีที่มีเสื้อคลุมให้ ขั้นตอนการแต่งหน้า อาเล็กเอารองพื้นชนิดหนาเป็นพิเศษมาโบกหน้าผม ตามด้วยแป้งหนา ๆ อีกชั้น ก่อนเอากรรไกรเล็ก ๆ มาเล็มคิ้วผมให้บางลงนิดนึง เพราะผมไม่ยอมให้กันคิ้ว จริง ๆ แล้วแค่รองพื้นอย่างเดียวคิ้วผมก็แทบไม่เหลือแล้ว.......หนักตามาก อะไรไม่รู้เต็มไปหมด สีสัน colorful ผมแอบกัดอาเล็กว่าจะให้ผมประกวดนกแก้วหรือว่านางนพมาศกันแน่ อาเล็กหนีบขนตาผมแล้วดึง ผมร้องจ๊ากเลยครับ ระบายสีที่แก้ม วาดขอบปาก ทาสีชมพู ผมเห็นหน้าตัวเองในกระจกแล้วแทบร้องไห้ มันไม่เข้ากันเลยกับผมสั้น ๆ ยุ่ง ๆ และชุดคลุมอาบน้ำ

.......ขั้นตอนการทำผมทรงพิสดาร อาเล็กยีผมจนฟูไปทั้งหัว เสร็จแล้วฉีดสเปรย์อัด ใส่วิกผมด้านหลัง มองไกล ๆ แล้วเนียนมาก ติดกิ๊บไม่รู้กี่สิบตัว เจ็บระบมไปทั้งหัวกบาลมีดอกไม้เล็ก ๆ แซมผม อาเล็กบอกว่าไม่ต้องใส่ชฎา เครื่องประดับอะไรให้วุ่นวาย เพราะเวลาได้ตำแหน่งมาจะใส่มงกุฎลำบาก ใช้แค่ต่างหูทองแบบหนีบ เพราะผมไม่เจาะหู ใส่สร้อยทอง แล้วอีกอย่างเรียกอะไรก็ไม่รู้ทอง ๆ เหมือนกัน.....

......ที่ทรมานที่สุดคือ การทาแป้งทั้งตัว ใช้แป้งชุบน้ำยี่ห้อXXXXX ทาจนทั่วทั้งตัว ทาแล้วก็ปล่อยให้แห้ง พอแห้งก็เอามือลูบ ๆ ให้มันเนียน แล้วก็ทาซ้ำ พอแห้งก็ลูบให้เนียน ทำซ้ำกันประมาณสี่ห้าครั้งได้.....อาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่ใช่คนขาวอะไรมากมาย ก็เลยเปลืองแป้งเป็นพิเศษ ขั้นตอนนี้ใช้เวลานานมาก และเป็นครั้งแรกทีมีคนมาแตะต้องตัวผมได้นานขนาดนี้ โดยที่ผมต้องถอดเสื้อออก แรก ๆ ก็อายหรอกครับ แต่อาเล็กแกฮามาก แกโม้ไปตามเรื่องตามราว กัดผมบ้างจนผมลืมไปว่าแกเป็นอา เราเริ่มคุยกันสนุกขึ้น มีเรื่องเล่าต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งเรื่องอย่างว่าด้วย อาแกสอนผมหลายอย่าง และแกยังชมผมเลยว่าเก่งที่ยังอุตส่าห์รักษาซิงมาได้สิบหกปี อาแกเสียสาวตั้งแต่ม. 1 แต่กับใครแกไม่บอกนะครับ......

……..ชุดที่ผมใส่เป็นสไบเฉียงและผ้าถุงสีน้ำเงินครับ ชุดสวยมาก และก็อึดอัดมากเช่นกันกับชุดชั้นในผู้หญิงที่ปลดตะขอออก มันคันตรงขอบ ๆ อ่ะครับ ยัดกระดาษใส่ฟองน้ำให้ดูอึ๋มด้วย.....พอชุดเสร็จเรียบร้อย อาเล็กก็เอารองเท้ามาให้ใส่ ตอนนั้นเท้าผมยังไม่ใหญ่เท่าตอนนี้ก็เลยใส่ของผู้หญิงจริง ๆ ได้ เป็นรองเท้าส้นสูง อาเล็กให้ผมหัดเดินขณะใส่ส้นสูง แรก ๆ ผมก็เก้ ๆ กัง ๆ แต่สักพักก็ชิน ผมเดินไปมองตัวเองในกระจกใหญ่เต็มตัวเป็นครั้งแรก ไอ้ที่ทรมานมานานกว่าสองชั่วโมงหายเป็นปลิดทิ้งเลยครับ.......ไม่อยากชมตัวเอง......สวยมาก ๆ ทุกอย่างสวยไปหมด สวยจนผมแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือตัวผม เครื่องสำอางที่ตอนแรกดูหนาเตอะ พอโดนเหงื่อนิด ๆ มันเนียนดีจัง ผิวนอกผ้าก็ขาวเด้ง ตัดกับชุดไทยสีน้ำเงินเข้ม ตอนนั้นผมอยู่ในแสงไฟนีออนไงครับ มันก็เลยดูหลอก ๆ ไปบ้าง แต่อาเล็กบอกว่า ต้องแต่งให้เข้มที่สุด เพราะเราประกวดกันกลางแจ้ง มีไฟสปอร์ไลท์ส่อง ไอ้เครื่องสำอางหนา ๆ กับแป้งชุปน้ำนี่จะช่วยชีวิตผมไม่ให้ซีด

......เสื้อผ้าหน้าผมเสร็จ ต่อมาก็เป็นการเทรนการตอบคำถาม การเดิน การยิ้ม ผมก็ฟังผ่าน ๆ ไม่ได้จดจำอะไรมาก ก็อย่างที่บอกไงครับ มาสนุก ไม่ได้หวังอะไร ครั้งหนึ่งในชีวิต ในกำหนดการผมต้องไปรายงานตัวตอนหนึ่งทุ่ม และนี่ก็ใกล้เวลาแล้ว ผมขออาเล็กไปฉี่ทีนึง........พอออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดเหมือนผีโดนน้ำมนต์จากพวกเพื่อน ๆ ผมซึ่งตอนนนี้พวกมันอออยู่กันเต็มร้านอาผมแล้ว ผมทำท่าไหว้ย่อตัวลงมาแบบที่อาเล็กสอนเมื่อครู่ให้เพื่อนผมดู พวกมันยิ่งกรี๊ดกันใหญ่ อาเล็กต้องบอกให้เตรียมตัวออกไปงานกันได้ คนที่ยืนอยู่ในร้านคนสุดท้ายก็คือไอ้วุธ มันมองผมด้วยสายตาที่ทำให้ผมต้องหลบ ไม่กล้าสบตาด้วย ช่วงที่ผมต้องเดินผ่านมันไปหน้าร้าน มันยื่นหน้ามากระซิบใกล้ ๆ ว่า “สวยจังแฟนใครเนี่ย” ผมเขินเดินขาแทบขวิด ตลอดทางเดินไปเวที ผมต้องเผชิญกับสายตาของผู้คนมากมายที่เริ่มทยอยกันมางาน ทั้งงานวัดและ มาลอยกระทง ท่ามกลางสายตาหลาย ๆ คู่ผมยังได้ยินคำชมด้วย........ตอนแรกก็นึกว่าจะมีแต่คนหัวเราะผมซะอีก ความดีความชอบนี้ผมต้องยกให้อาเล็กคนเดียวครับ

*
*
*

........เนื่องจากปีนี้เป็นปีแรก การประกวดของพวกผมจึงเป็นแค่ตัวคั่นเวลาของการประกวดผู้หญิงจริง ๆ แต่ได้รับความสนใจจากคนดูมาก หลังเวทีมีแต่เสียงจอกแจกจอแจ บางคนก็มาแต่งหน้าทำผมกันที่นี่ทุลักทุเลพอควร มีน้องเตยหลายประเภท ทั้งมีนมผมยาว หัวโปกใส่วิก นางงามร้อยเวทีดูเจนจัดก็มี แต่ที่เหมือนกันทุกคนก็คือ แป้งชุบน้ำXXXX กลิ่นของมันสุดยอด สวยแต่เหม็นก็ไม่ไหวนะ ผู้เข้าประกวดรอบผมรวมได้ทั้งหมด 15 นาง รู้สึกผมจะเด็กที่สุดนะครับ

........ได้ยินเสียงประกาศให้ขึ้นเวทีที่ละคน ความตื่นเต้นของผมกลับลดลงอย่างประหลาด เป็นอย่างนี้ประจำ เวลาตื่นเต้นอะไรมาก ๆ พอถึงเวลาจริง ๆ กลับไม่ตื่นเต้นเลย อยากจะรีบ ๆ ทำ รีบ ๆ จบ แล้วไปเดินเล่นงานวัดต่อ.......ผมเดินขึ้นเวทีเป็นคนรองก่อนสุดท้ายตามที่ได้จับสลากกันก่อนหน้านี้ ทันทีที่ผมขึ้นเวทีปรากฏตัว หน้าม้าของผมก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันดังลั่น แย่งซีนผมอย่างแรงที่ทุกคนหันไปดูพวกมัน แต่ผมยิ่งมีกำลังใจ เดินฉีกยิ้มให้กรรมการ และผู้ร่วมงาน........แสงไฟจ้า ๆ ส่องเข้าตาทำให้ผมมองหน้าคนที่อยู่ข้างล่างไม่ถนัด เป็นข้อดีนะครับเพราะผมจะได้ไม่อาย เหมือนไม่รู้ว่ามีคนมองเราอยู่มากน้อยแค่ไหน

*
*
*

รายละเอียดในการประกวดก็ไม่มีอะไรมาก เหมือนการประกวดทั่ว ๆ ไป......แต่อย่างหนึ่งที่ทำให้ผมขาดความมั่นใจก็คือ มีคนบอกว่า ไม้ที่ทำพื้นเวทีทำมาจากฝาโลง......ผมแทบไม่อยากกลับขึ้นไปเดินรอบห้าคนสุดท้ายเลย แต่ก็ต้องจำใจเดินด้วยความหวาดระแวงว่าจะมีมือลึกลับโผล่มาจับเท้า บางทีชายกระโปรงโดนข้อเท้าตัวเองก็สะดุ้งแล้วครับ

“มาถึงคำถามของน้องคนนี้บ้างนะครับ......คุณเล็กจากร้าน XXXXX ส่งเข้าประกวด ได้ข่าวว่าเป็นหลานแท้ ๆ ของแกด้วยใช่มั๊ยครับ” ผมพยักหน้าแล้วยิ้มหวาน สุดฤทธิ์
“น้องมีความคิดยังไงกับการประกวดนางนพมาศสาวประเภทสองในพื้นที่ใกล้วัดอย่างนี้ครับ” คำถามจากพิธีกร (ก็คนแถวนั้นแหละครับ อาศัยว่าพูดเก่งหน่อย) ตายแล้ว.....อาเล็กไม่ได้เทรนเรื่องนี้ ผมยิ้มนิดนึงขึ้นต้นคำตอบด้วยประโยคคลาสสิค

“ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ” เอาไมค์ออกจากปากนิดนึง กระแอมเพื่อดัดเสียงหวานต่อ “เอ้คิดว่า.....มันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนะคะ.....เราประกวดกันบนเวทีเล็ก ๆ ไม่มีการใส่ชุดว่ายน้ำ หรือชุดโป๊เปลือยยั่วยุกามารมณ์.....เราใส่ชุดไทยกันสวยงาม พี่ ๆ ทุกคนรวมทั้งเอ้ด้วย ไม่มีเจตนาที่จะมาทำให้สถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาเสื่อมเสีย บางทีพวกเราอาจจะเป็นสีสรรในการมาเที่ยวงานนี้ก็ได้นะคะ....อีกอย่าง....เวทีที่เรายืนอยู่ตอนนี้ มันห่างจากพระอุโบสถพอควรค่ะ......ทุกอย่างย่อมมีสองด้านเสมอ มีทั้งคนเห็นด้วยและคนไม่เห็นด้วย เอ้ขอขอบพระคุณสำหรับท่านที่เห็นด้วยที่ทำให้พวกเราได้มีสถานที่ในการแสดงความสามารถ (ตรงไหน).......และกราบขออภัยท่านที่ไม่เห็นด้วย ที่พวกเราอาจจะทำให้ท่านหงุดหงิดขัดหูขัดตา แต่เพื่อความสุขของคนส่วนมากขอให้ท่านเปิดใจรับพวกเราไว้แต่งแต้มสีสันของงานลอยกระทงในปีนี้ด้วยนะคะ…..ขอบคุณค่ะ” ไหว้ย่อตัวลงไปอย่างงาม ไม่รู้ว่านาทีนั้นตอแหลไปได้ยังไง......เสียงปรบมือกรี๊ดกร๊าด คราวนี้ดังและยาวนานกว่าเดิมเพราะไม่ได้มีแต่พวกผม.....คิดถึงวันนั้นแล้วผมยังภูมิใจกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของตัวเอง ผมคิดว่า ถ้าผมโดนคำถามที่อาเล็กสอนมา ผมอาจจะตอบได้ไม่ค่อยดีนัก เพราะมันเหมือนท่องจำเอามากกว่า แต่นี่มันมาจากความคิดผมเมื่อตอนอายุเกือบ ๆ สิบหกอ่ะครับ (แบบว่าแม่ชอบดูประกวดนางงามไง แล้วผมก็ต้องทนนั่งดูผู้หญิงเดินไปเดินมาตาลาย....ผมชอบดูตอนตอบคำถามมากกว่า.....ลุ้นดี)

*
*
*

…….คืนนั้นผมคว้ารองอันดับสองมาได้ตามความคาดหมายของอาเล็กเพราะ คนที่ได้ตำแหน่งเป็นกะเทยเมียน้อยคนใหญ่คนโตแถบนั้น......คนที่ได้รองอันดับหนึ่ง สวยจริง ๆ สวยแบบผู้หญิงหลายคนต้องอิจฉา......ส่วนผม.....ทุกวันนี้ผมยังไม่รู้เลยมาได้มาได้ยังไง.....เพราะหน้าตา....เพราะการตอบคำถาม.....หรือเพราะเพื่อนอาเล็กเป็นกรรมการ

**************************************************************************

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับ ใกล้จะถึงตอนที่ทุกคนรอคอยแล้วครับ......ผมตั้งใจจะโพสให้ตรงกับวันนั้นเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว


ขอบคูณพี่เอ้มากนะครับมาลงแล้วนะครับ
ขอบคุณครับ

jedi2543

  • บุคคลทั่วไป
เอ้น่าร้ากกกกก วุธก็น่าร้ากกกกกก

อิจฉาจังไปงานลอยกระทงร่วมกันด้วย เราคบกับแฟนมาสี่ห้าปีแล้วยังไม่เคยเลย

ไม่เคยสวยขนาดได้ประกวดนางนพมาศด้วย

เมนท์ไปเซ็งไป

อยากให้พะแพงหรือลูกโป่งชนะเอเอฟ

ที่สามกับที่ห้า เศร้าชะมัด

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ลอยๆ กระทง

ลอยๆ กระทง

พอลอยกระทงกันแล้ว ขอเชิญน้องแก้วมาลอยอังคาร  ฮา !

a22a

  • บุคคลทั่วไป
อยากเห็นคุณเอ้แต่งหญิงจังคงสวยนะ งั้นคุณวุธคงไม่ชมหรอก ขอบคุณคับที่มาต่อสนุกมากคับ

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






bigynew

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าได้เห็นรูปคุณเอ้ ตอนนั้นคงแจ่มนะครับ ไม่รู้ว่าได้ถ่ายไว้บ้างป่าวอ่ะเนี้ย อิอิ
ยังไงก็มาต่อไว ๆ นะครับ  :m24:

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
คุณเอ้ท่าทางจะสวยน่าดูนะเนี่ย

อย่างงี้ อิเจ๊แห่งเล้าเป็ดจะสู้ได้มั๊ยเนี่ย

เจ๊ผมก็สวยนะ :m13:

ตามมาดู

  • บุคคลทั่วไป
รออ่านๆ มาต่อไวๆ นะคร้าบ

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่รอคอย นี่หมายถึงตอนรู้ความจริงใช่ปะ ว่าคนที่โทรมาคือวุธ ไม่ใช่โย  :m4: :m4: :m4:  ฮิฮิ งั้นมาต่อเร็วๆนะ รอลุ้นอยู่จ้า  :m11: :m11: :m11:

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
เข้ามารอลุ้น ตอนต่อไป ...

 :a3:   :a3:   :a3:

niph

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับ ใกล้จะถึงตอนที่ทุกคนรอคอยแล้วครับ......ผมตั้งใจจะโพสให้ตรงกับวันนั้นเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว

 :o :o :o
ตกใจสามรอบก่อน
ไอ้ที่ว่าตรงกับวันนั้นเนี่ย ... วันไหนเหรอ
ถ้าคิดดี ... ก็แสดงว่า ...




เรื่องต่อจากนี้ สรุปเหตุการณ์ รวบรัดประมาณครึ่งปีผ่านไป



แต่ถ้าคิดไม่ดี ....






...






ต้องรอหลังลอยกระทง โน้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนแน่ะ (ปลายตุลาต้นพฤศจิกา)
 o22 o22 o22

หวังว่าคงไม่เป็นอย่างหลังนะ

bigynew

  • บุคคลทั่วไป
มารออ่านต่ออ่ะครับ รออยู่นะ

min_min

  • บุคคลทั่วไป
กี๊ซซซซซซซซซซซซ     เอ้ประกวดสวย  งี้วุธมะหลงตายเหรอ

อิอิอิ    มีตามมาให้กำลังใจ   วุธชอบเอ้แน่ๆเลย



 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:


anston

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ:นึกถึงวันลอยกระทงแล้ว..อยากย้อนเวลากลับไปจัง
คิดถึงวันคืนดีๆที่ได้ทำร่วมกัน..แต่..ฉันทำผิดเอง..ฉันทำผิดเอง.. :m15:
..ว่าแต่ใกล้จะถึงตอนที่รอคอย..คือไรเหรอ..อยากรู้แล้วอ่ะ..
 :m21:มาต่ออีกนะคร้าบบ..เป็นกำลังใจให้น๊า.. o15

OhhO16

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






jedi2543

  • บุคคลทั่วไป
รอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวแล้ว

อยากอ่านต่อใหม่แล้วววววววว

lanlan

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับ ใกล้จะถึงตอนที่ทุกคนรอคอยแล้วครับ......ผมตั้งใจจะโพสให้ตรงกับวันนั้นเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว

 :o :o :o
ตกใจสามรอบก่อน
ไอ้ที่ว่าตรงกับวันนั้นเนี่ย ... วันไหนเหรอ
ถ้าคิดดี ... ก็แสดงว่า ...





เรื่องต่อจากนี้ สรุปเหตุการณ์ รวบรัดประมาณครึ่งปีผ่านไป



แต่ถ้าคิดไม่ดี ....






...






ต้องรอหลังลอยกระทง โน้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนแน่ะ (ปลายตุลาต้นพฤศจิกา)
 o22 o22 o22

หวังว่าคงไม่เป็นอย่างหลังนะ



โหไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับผมกำลังจะเอามาลงให้เลยเนี่ย

16 Fighting..... (With my feeling)

…….ลงจากเวทีได้ ผมก็เอาซองรางวัลยื่นให้อาเล็ก แต่อาเล็กไม่รับ แกให้เก็บไว้กินขนม ผมบอกงั้นแบ่งกันคนละครึ่งก็ได้ แกส่ายหน้าไม่เอาอีกแถมเดินลิ่ว ๆ ทิ้งผมไปเลย ซักพักพวกเพื่อนผมก็ฝ่าฝูงชนเข้ามาหา แสดงความยินดีกับผม แต่ผมกลับสอดส่ายสายตามองหาวุธ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เห็นมันยืนอยู่นอกวง มองมาที่ผมแล้วยิ้มกว้าง ๆ ทำท่าจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด ผมยิ้มตอบ และยังไม่ทันจะตั้งตัว อีพวกนั้นก็ลากผมไปถ่ายรูปกันใหญ่ มีรูปริมแม่น้ำให้ผมถือกระทงที่ขอยืมมาจากเด็กแถวนั้น ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาโพสท่าถ่ายรูปอะไรแบบนี้เลย แต่วันนั้นสนุกมาก อารมณ์ประมาณว่าใครให้ทำอะไรก็ทำ


......ฉีกยิ้มจนเมื่อยหน้าไปหมด ได้เวลากลับสู่ร่างเดิมแล้ว ผมแยกตัวจากเพื่อน ๆ เดินไปร้านอาเล็กคนเดียว ก้มหน้าก้มตาเดินไม่สนใจใคร เพราะอายไงครับ เดินใส่ชุดไทยท่ามกลางผู้คน.......พอถึงบ้านอาเล็กผมก็แหกปากเรียกอาเล็กให้เปิดประตู......คนที่มาเปิดไม่ใช่อาเล็กครับ เป็นผู้ชายรูปร่างหน้าตาดี หล่อแบบผู้ใหญ่คนนึง ผมตกใจนึกว่ามาผิดบ้าน แต่อาเล็กยื่นหน้าออกมาซะก่อน.....อาเล็กแนะนำผู้ชายคนนี้ให้ผมรู้จักว่าเป็นเพื่อนสนิทของอา แหม......ผมก็โตพอที่จะรู้อะไรแล้ว ผู้ชายคนนี้เป็นมากกว่าเพื่อนแน่นอน ผมไหว้เค้า เค้าก็รับไหว้ผม พร้อมรับไหว้ใครอีกคนข้างหลัง ผมถึงได้รู้ว่าไอ้วุธเดินตามมาด้วย อาเล็กให้ผมเข้าบ้านมาอาบน้ำอาบท่าซะใหม่ ส่วนไอ้วุธก็นั่งคุยกับอาเล็กและเพื่อนไปพลาง ๆ


.......ตอนแต่งตัวแต่งหน้าทรมานแล้วนะครับ.....อีตอนถอดออก ล้างออกนี่ทรมานกว่า หน้าอกผมโดนเสื้อในรัดจนช้ำ วิกก็เอาออกยาก หนังหัวแทบหลุด ครีมล้างเครื่องสำอางของอาเล็กก็ถูกละเลงเข้าที่หน้าของผม เช็ดอย่างแรง 3-4 รอบถึงหมดสี ในใจผมกลัวสิวขึ้นจะแย่ ........ที่สุดยอดก็คือ แป้งที่ทาตัวนี่สิครับ ผมต้องถูสบู่ 5-6 รอบ เอาผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ ถูอยู่นานถึงจะหลุด แต่ก็ออกไม่หมดนะครับ ผมต้องเรียกอาเล็กมาถูข้างหลังให้ ใช้เวลาในการแปลงร่างกลับสู่เด็กผู้ชายคนเดิมนานเกือบชั่วโมง มองนาฬิกาอีกทีก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว พอออกมาจากห้องอาเล็กด้วยชุดนักเรียนที่ใส่มาก เพื่อนผมก็นั่งกันหน้าสลอน ผมลาอาเล็กกับเพื่อนเค้ากลับบ้าน แต่ขอเดินเที่ยวงานอีกสักพัก อาเล็กบอกว่าจะไปส่งทุกคน.....เพื่อนผมปฎิเสธอ้างว่ากลับกันเองได้ ผมก็แหย่อาเล็กว่าไม่อยากเป็นตัวมารขัดขวางความสุข พวกเค้าสองคนมองหน้ากันยิ้ม ๆ


บรรยากาศที่วัดตอนนี้ผู้คนเริ่มบางตาลงแล้ว.......แต่พ่อค้าแม่ค้าก็ยังคงขายของอยู่ ผมหิวมากเดินไปซื้อของกินไป ไอ้พวกของแปลก ๆ ที่หากินไม่ค่อยได้แถวบ้านผมก็ซื้อกินหมด อย่างละ 5 บาท 10 บาท เพื่อน ๆ อยากกินอะไรก็ชี้ ผมเลี้ยงเอง ก็เงินรางวัลนั่นแหละ เดินไปจนถึงท่าน้ำที่เค้าจัดไว้ให้ลอยกระทง พวกผมก็ซื้อกระทงกันคนละอัน เดินไปลอยที่ท่าน้ำ เดินกันเป็นคู่ ๆ ส่วนผมกับวุธที่เหลือเศษก็เดินกับอีตูนที่ไม่มีคู่เหมือนกัน จะว่าบังเอิญหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่ระหว่างผมกำลังอธิฐานและ จะปล่อยกระทงลงน้ำ ผมกับวุธก็หันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย ตาสบตา เรายิ้มให้กันแบบเก้อ ๆ อีตูนที่นั่งคั่นกลางต้องกระแอมดัง ๆ พวกเราถึงรู้สึกตัว มองกระทงที่ลอยคู่กันไปช้า ๆ


เดินเล่นจนทั่วแล้ว ลอยกระทงก็ลอยแล้ว ได้เวลากลับบ้านซะที เพิ่งรู้สึกตัวว่าเหนื่อย เดินผ่านศาลาริมน้ำเห็นคน 2-3 คนกำลังถวายสังฆทานผมดันอยากทำบุญบ้าง ไอ้พวกนั้นก็เห็นดีด้วย รวมรวมเงินกันซื้อถังสังฆทานที่มีขายอยู่แถวนั้น รอจนถึงคิวพวกผม รู้สึกดีมาก ๆ ที่ได้ทำบุญร่วมกับเพื่อน ตอนที่พระสงฆ์พรมน้ำมนต์ให้พวกเรา ผมขนลุกซู่ ไม่ได้ร้อนนะครับ แต่รู้สึกรักเพื่อน (รักวุธ) มากขึ้นกว่าเดิม เหมือนเราได้ทำบุญด้วยกัน ชาติหน้าจะได้เกิดมาเจอกันอีก...........


..........ขณะเดินเลียบแม่น้ำรับลมเย็น ๆ ผมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อวุธดังลั่น ดังแบบหล่อนไม่ได้สำเหนียกเลยว่านี้มันเขตวัดในยามวิกาล พวกเราหันไปมองพร้อมกันทันที เห็นผู้ชายใส่ชุดนักเรียนอาชีวะเหมือนผมเดินบิดกระตุ้งกระติ้ง มองไกล ๆ ยังไม่เห็นหน้า รู้แต่ว่าสูงพอควร

“วุธ.....มาเที่ยวแถวนี้เหรอ.....เอารถมาหรือเปล่า.....ขอกลับด้วยคนนะ” อีนี่มันเป็นใครวะ ผมเริ่มหงุดหงิด

“พี่มิ้นท์.....มาได้ไงอ่ะ” ผมเห็นหน้าวุธเหวอ ๆ เหมือนเห็นผี เนี่ยเหรออีพี่มิ้นท์ แรดได้ใจสมกับชื่อเสียงที่เคยได้ยินมาจริง ๆ

“พี่มาเที่ยวกับเพื่อน.....นั่นไง......เฮ้ยพวกมึง มานี่ดิ เดี๋ยวกูแนะนำให้รู้จักเด็กกู” หล่อนตะโกนเรียกเพื่อน 5-6 คนที่ยืนอยู่ไกล ๆ ผมเห็นวุธทำหน้าผะอืดผะอม พวกไอ้นพหัวเราะกันใหญ่

“พี่มิ้นท์.....เบา ๆ ......ผมไม่ได้เป็นเด็กพี่นะ.....พูดอย่างนี้ผมก็เสียหมดดิ” วุธปราม

“อะไร....ขนาดนี้แล้วยังไม่ใช่อีกเหรอ” มันเดินเข้ามากอดแขนวุธเลยครับ ในวัดในวาแท้ ๆ ผมเบือนหน้าหนี แต่คนอื่นเห็นเป็นเรื่องตลก

“ไม่ใช่” วุธแกะมืออีพี่มิ้นท์ออก แล้วเดินมาหาผม “แฟนผมคนนี้ต่างหาก” ผมงง ไอ้วุธมันเอาผมเป็นไม้กันหมา อีนั่นมันมองหน้าผมแบบพิจารณาด้วยหางตาและสายตาไม่เป็นมิตร

“อีนี่มันคนที่ประกวดเมื่อกี้นี่หว่า……มองบนเวทีก็สวยดีหรอก.....แต่พอถอดหน้ากากก็คือ ๆ กันแหละว้า” มันยิ้มเหยียด ๆ ผมพยายามไม่สนใจ สะบัดตัวออกจากการโอบเอวของวุธ เพื่อนผมเห็นหน้าผมก็รู้ว่าตบะผมใกล้จะแตกเต็มทีแล้ว

“กลับกันเถอะ” ผมพูดเสียงเรียบ ๆ กับทุกคนก่อนจะเดินเลี่ยงตัวอีพี่มิ้นท์ไป

“ดี.....กลับไปได้แล้ว....แกะกะว่ะอีพวกเด็ก XXXXXX ไม่รู้ซะแล้วว่าแถวนี้ใครคุม” มันหัวเราะแบบตัวอิจฉาในหนังไทยอ่ะครับ ผมเดินผ่านมันโดยที่หน้าเชิด ๆ แบบไม่รู้ตัว

“อีดอก.....ทำเชิด.....คิดว่าสวยเหรอมึงอ่ะ” ผมยังไม่ทันตั้งตัว อีนั่นก็คว้าแขนผมกระชากเข้าไปหา ไอ้ผมก็มือไวใช่ย่อยฟาดผลั่วเข้าไปเต็ม ๆ ที่หน้าซีกซ้ายของมัน มันปล่อยผมเอามือกุมหน้า แล้วตวาดดังลั่น “อีสัตว์.....มึงตบกูเหรอ” ผมอึ้ง ไม่ได้ตั้งใจจะตบมันนะ แต่มือมันไปเอง ตอนนี้เพื่อน ๆ มันก็กรูกันเข้ามา พร้อมจะมีเรื่อง ไอ้พวกผู้ชายก็พยายามเข้ามากันแฟนตัวเอง

“ขอโทษพี่......ไม่ได้......” ผมพูดยังไม่ทันจบประโยค มืออีนั่นก็จิกหัวผมกดลงต่ำ ลากผมมาอีกทางนึง ให้พ้นจากคู่เพื่อนผมและเพื่อนมันที่เริ่มตะลุมบอนกันอยู่ขณะนั้น ได้ยินแต่เสียงร้องวี๊ดว๊ายปะกับคำด่าหยาบคายและเสียงพวกผู้ชายร้องห้ามเป็นระยะ ผมเจ็บหัวมาก เลยเอาเล็บกดจิกไปที่แขนของอีนั่น รับรองว่ามันต้องได้เลือดแน่ ๆ เพราะเล็บของผมเพิ่งตะไบมาจากร้านอาเล็กตอนที่เค้าแต่งหน้าให้

“อีเหี้ย....ปล่อย......กูบอกให้ปล่อย”

“มึงก็ปล่อยหัวกูก่อนสิอีสัตว์” ผมย้อน.....มันยิ่งกระชากหัวผมพร้อมเอามืออีกข้างพยายามตบตีผม โชคดีที่ดิ้นหลุดมาซะก่อน ผมถอยไปตั้งหลักนิดนึง มันกระโจนเข้ามาหาผมทันที ด้วยความที่ผมได้รับฉายาว่าลูกสาวกำนัน คืออ่อนนอกแข็งใน ยังไม่ทันที่มันจะถึงตัวผม ผมก็แตะสวนป๊าบเข้าไปมันร้องว๊ายเสียงดังลั่นลงไปนั่งกองกับพื้น เอามือกุมท้องไว้มองหน้าผมอย่างเคียดแค้น แทบจะกินเลือดกินเนื้อ........ผมเหวออีก ไม่คิดว่าจะทำเค้าเจ็บขนาดนั้น พอมันลุกขึ้นได้ มันก็วิ่งเข้ามาหาผมอีก สัญชาติญาณป้องกันตัวบอกให้ผมยกขากันไว้ แต่ผมดันยกแรงไปหน่อยก็เลยกลายเป็นถีบมันไปเต็ม ๆ มันเซถลาแซ่ด ๆ สะดุดขอบเขื่อนริมแม่น้ำตกน้ำดังตู้ม ..........

............ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว หยุดตบตีกันวิ่งเข้ามาดูพร้อมไทยมุงอีกหลายสิบคน ผมยืนหน้าซีด.....ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนมองอีพี่มิ้นท์โบกไม้โบกมือ ร้องตะโกนเรียกให้คนช่วย.......ยิ่งมันดิ้นเท่าไหร่ ดูเหมือนว่ามันจะยิ่งไกลห่างฝั่งขึ้นเท่านั้น........คุณคิดดู วันลอยกระทงน้ำขึ้นสูงขนาดไหน มืดด้วยยังไม่มีใครกล้าลงไปช่วย........หันไปเห็นวุธกับเพื่อนถอดรองเท้าเตรียมจะโดดลงน้ำ ผมห้ามมันไว้แล้ววิ่งไปหยิบกิ่งไม้อันใหญ่ที่กองอยู่แถวนั้น ยื่นลงไปในน้ำให้อีนั่นเกาะ ไอ้วุธเป็นคนแรกที่เข้าไปช่วยผมดึงให้มันเข้ามาใกล้ฝั่ง แต่ตอนที่จะเอามันขึ้นมานี่สิครับทุลักทุเลจริง ๆ ลำพังมือผมก็ไม่ยาวพอที่จะดึงมันขึ้นมาได้.... ผมเลยนั่งบนสันเขื่อนเอาขายื่นลงไปแทนเกาะขอบปูนเอาไว้แน่น ให้ไอ้พวกนั้นช่วยกันจับตัวผม แล้วที่เหลือก็คอยดึงมือมันตอนที่ผมชักขากลับ......ในที่สุดอีพี่มิ้นท์ก็ขึ้นมาบนบกได้อย่างปลอดภัย........


........แต่ยังไม่จบแค่นั้นนะครับ.....ใครไม่รู้โทรแจ้งตำรวจ พี่ท่านก็มาไวดีจริง ๆ ได้ยินคนร้องตะโกนว่าตำรวจมา เท่านั้นแหละ....วงแตกครับ ไอ้วุธที่กำลังก้มลงใส่รองเท้าอยู่ ตะโกนบอกเพื่อน ๆ ให้ไปเจอกันที่รถ แล้วมันก็ลากผมวิ่งหนีไปทันที ใจหายใจคว่ำหมด .....ระหว่างวิ่งหนีผมก็มองมือไอ้วุธที่จับมือผมแน่นแทบจะกลายเป็นอันเดียวกัน วิ่งอ้อมไปไกลเลยครับ....และแล้วก็ถึงหน้าบ้านอาเล็กของผม ชียืนหัวฟูอยู่ในชุดนอนกับผู้ชายคนนั้น พวกเพื่อน ๆ ของเราอยู่กันครบทุกคน ไม่มีใครบาดเจ็บอะไรมาก มีแค่รอยเล็บนิด ๆ หน่อย ๆ พวกมันยังมีอารมณ์ชมผมว่าท่าเตะผมสุดยอด ผู้ชายแท้ ๆ โดนเข้าไปคงจุก ผมยิ้มออกเป็นครั้งแรกหลังจากที่ตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เกือบทำให้ผมต้องกลายเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายในคืนลอยกระทง........

*
*
*

.........พวกผมเข้าไปหลบตำรวจในบ้านอาเล็กอยู่ครู่ใหญ่.....สายสืบ (ก็คนแถวนั้นแหละครับ) คาบเรื่องมาบอกว่าพวกอีพี่มิ้นท์ไม่เป็นไร วิ่งหนีตำรวจหายไปเหมือนกัน ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก......อาเล็กอาสาไปส่งเพื่อนผมที่กลับคนละทางกับผม ส่วนที่ไปรถวุธก็มีแค่ตั้มกับตาล บ้านอีนัทกับอีอ๋าอยู่ไม่ไกลกลับกันเองได้ ระหว่างทางผมนั่งเงียบ คิดกลัวไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าถ้าเค้าเป็นอะไรขึ้นมาผมและครอบครัวจะเดือดร้อนแค่ไหน คู่อีตาลก็นั่งซบหลับกันไม่รู้เรื่องรู้ราว ส่วนวุธก็ได้แต่มองหน้าผมเป็นระยะ ๆ ไม่นานนักก็ถึงบ้านไอ้ตั้ม อีตาลก็ลงไปด้วย มันมาค้างด้วยกันจนเป็นเรื่องปกติแล้วครับ.......

“เฮ้ยวุธ.....ดึกแล้วมึงจะเข้าบ้านได้เหรอวะ....นอนบ้านกูมั๊ย” ไอ้ตั้มชวน วุธส่ายหน้าเป็นคำตอบ “อ้าว....แล้วมึงจะนอนไหนอ่ะ”

“ไม่ต้องห่วงกูหรอก.....กูกินง่ายนอนง่ายโว้ย” มันหัวเราะกลบเกลื่อน

“แน่ใจนะมึง.....”

“เออ....”

“ขับรถดี ๆ นะมึง”

*
*

“ยังไม่หายตกใจอีกเหรอ” มันพูดกับผมเป็นครั้งแรกตั้งแต่ออกจากบ้านอาเล็ก เสียงของมันทำให้ผมอุ่นใจ และคิดถึงโยขึ้นมาทันที

“.....อืม.....” อยู่ดี ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมา วุธรีบจอดรถข้างทาง

“เป็นอะไร....เจ็บตรงไหน” วุธถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงดึงมือผมไปเพ่งมองใกล้ ๆ (ทำไมมันไม่เปิดไฟในรถก็ไม่รู้) ผมยิ่งก๊อกแตกไปกันใหญ่ มันควานหากระดาษทิชชู่ส่งให้ผม

“.....เปล่า....” ผมเงียบกลั้นเสียงสะอื้น “…..คนที่ควรอยู่กับเราตอนที่เรามีความสุข..........ตอนที่เรากำลังกลัว.......มันไม่น่าจะเป็นนายเลย” ผมตัดใจพูดไป วุธอึ้ง

“ทำไมล่ะ” มันถามเบา ๆ

“ยิ่งนายดีกับเราเท่าไหร่.....เรายิ่งไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ ” มันเงียบแล้วยิ้ม

“กลัวจะชอบเราอ่ะดิ” มันพูดกวน ๆ

“ไอ้บ้า……ไม่มีทาง” ผมเขิน คนกำลังซีเรียสมันก็ทำให้อารมณ์ดีได้

“กลับบ้านกันเถอะ......” มันออกตัวล้อฟรี

*
*

“จำทางแม่นจังนะ” ผมกัดมันทันทีที่รถจอดเทียบหน้าบ้าน

“แน่นอน” มันพูดยิ้ม ๆ

“ขอบใจที่มาส่ง” ผมพูดห้วน ๆ ไม่ลืมหันไปเอาเสื้อผ้าของผมที่แคป มันก็หันมาพร้อมกัน หน้าผมกับหน้ามันก็โดนกันแบบไม่ตั้งใจ เราสองคนมองสบตากันในระยะใกล้มาก มากจนผมได้ยินเสียงลมหายใจที่มันหายใจแรงขึ้น นี่ถ้าเป็นตอนกลางวันมันคงเห็นหน้าผมแดงเป็นลูกตำลึงแน่ ๆ

“กลับบ้านดี ๆ นะ” ผมคว้าเสื้อผ้ามาได้ก็รีบลงจากรถทันที

“เดี๋ยว…..” ผมชะงัก “กลับบ้านไม่ได้.....ขอนอนด้วย” มันพูดง่าย ๆ

“ไม่ได้...” ผมตอบทันควัน “ไม่มีคนอยู่บ้าน” โอ๊ย....อยากจะเอาตีนตบปากตัวเอง ไปบอกมันทำไมเนี่ย

“ก็ดีน่ะสิ...หึ...หึ...” มันทำเสียงหื่นกาม

“ไม่ต้องเลย....ถ้าอยากนอนก็นอนข้างรั้วนี่แหละ” ผมเปิดประตูเข้าบ้าน ไม่สนใจฟังเสียงบ่นไล่หลังมา

*
*

........เข้าห้อง....อาบน้ำอาบท่า แต่งตัวเสร็จ ผมก็เดินไปที่ระเบียง ในใจคิดว่าป่านนี้มันคงขับรถกลับบ้านไปแล้ว ที่ไหนได้ มันนั่งจ๋องอยู่บนกระบะ มองขึ้นมาพอดี มันเห็นผมปุ๊บมันก็ลุกขึ้นยืนตะโกนเรียก ผมก็กลัวข้างบ้านด่า เพราะมันตีหนึ่งกว่า ๆ แล้ว ในที่สุดผมก็ต้องลงไปเปิดประตูใหญ่ให้รถมันถอยเข้ามา......

“ทิ้งสมบัติเรายัง” มันถามทันทีที่เข้าห้องผม

“สมบัติอะไร” ผมงง

“ก็แปรงสีฟันเมื่อคราวก่อนไง”

“โอ๊ย....พอนายกลับเราก็โยนลงถังขยะแล้ว” ผมตอบตามความจริง มันสลด “ก็คิดว่านายไม่ได้มานอนอีกนี่นา” ผมพูดเบา ๆ

“มีอีกปะ....” ผมพยักหน้า “.......คราวนี้ไม่ต้องทิ้งนะ” มันสั่ง

“ยังคิดว่าจะได้มาอีกเหรอ” ผมกวน

“แล้วทำไมจะมาไม่ได้ล่ะ” มันย้อน ผมอึ้ง เออ จริงของมัน จะห้ามมันได้ยังไงอ่ะ

“ไปอาบน้ำนอนเลย....เดี๋ยวหาแปรงสีฟันกะเสื้อผ้าให้” ผมตัดบท

“ขอผ้าขนหนูด้วย....ด่วน....ร้อน....อยากอาบน้ำ....ถ้าช้าเราแก้ผ้าตรงนี้เลยนะ แล้วกางเกงในไม่ต้องเอามาล่ะ....ไม่ใส่.....” ดูมันกวนตีน

“แน่จริงก็แก้ดิ” ผมท้า มันเริ่มปลดกระดุมเสื้อ ถอดเข็มขัด ผมวิ่งจู๊ดไปหาผ้าขนหนูมาให้มันพันไว้กันอุจาด

“โธ่....นึกว่าแน่” มันหัวเราะตามหลังผม

*
*
*

ระหว่างที่มันอาบน้ำ ผมก็หอบอุปกรณ์ในการนอนของผมไปห้องแม่ที่อยู่ข้าง ๆ พอมันออกมาไม่เจอผม และคงเห็นหลังผมหอบผ้าห่มเดินออกไปนอกห้อง มันก็โวยวายดังลั่น

“ไปไหน.....” มันตะโกนถาม

“นอนห้องแม่....” ผมก็ตะโกนตอบ

“ทำไมไม่นอนด้วยกันอ่ะ” มันวิ่งตึ่ก ๆ ๆ ตามผมออกมา ผมอยากให้ผ้ามันหลุดจริง ๆ

“ไม่เอา.....อึดอัด” มันมองหน้าผมนิ่ง เอาแล้วกู......ผมเสียวสันหลังวาบ

“ถ้ารังเกียจเราขนาดนั้น.....เราออกไปนอนในรถก็ได้” มันหันหลังกลับทันที

“ไม่ใช่อย่างนั้น.....อย่างอนดิ” ผมเดินตาม มันไม่พูดกับผม รีบเช็ดตัวลวก ๆ ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เลยดึงแขนมันให้หันมาพูดกับผม คงดึงแรงมากไปนิด หรือว่ามันออเซาะก็ไม่รู้ มันล้มทับตัวผมลงไปบนเตียงด้วยกัน เอาอีกแล้ว มันมองผมอย่างนี้อีกแล้ว ผมเบือนหน้าหนี พูดกับมันเบา ๆ

“เราไม่ได้รังเกียจนาย.....แต่เราไม่คุ้นอ่ะ” ผมขยับตัวให้พ้นจากที่มันทับไว้

“ไม่รังเกียจหมายความว่าชอบอ่ะดิ” มันก้มลงมาใกล้เข้าไปอีก

“ไม่ใช่….เรามีแฟนแล้ว” ผมเอาโยเข้ามากันไว้

“แล้วโยเคยทำอย่างนี้กับเอ้ปะล่ะ” มันจู่โจมอย่างรวดเร็วจนผมหลบไม่ทัน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมโดนผู้ชายด้วยกันหอมแก้มฟอดใหญ่ มันหัวเราะคิก

“ไอ้บ้า.....ปล่อยยยยยย” ผมอายจนไม่รู้จะพูดยังไง

“อย่าดิ้น....เดี๋ยวผ้าหลุดนะ” มันขู่

“ปล่อย.....ไม่ปล่อยไม่ให้นอนด้วยนะ” ผมพูดเสียงจริงจัง

“หา....ตกลงให้นอนด้วยแล้วใช่มะ....ปล่อยก็ได้” มันลุกขึ้นยืน แต่ผ้ามันหลุดลงไปกองกะพื้น มันรีบเอามือกุมไว้ ผมได้แต่ตะลึงตาโต ดูท่าทางมันจะอายผมมาก

“เดี๋ยวเราไปเอาของเรากลับมาก่อนละกัน......แต่นายต้องสัญญานะว่าจะไม่ทำอะไรเรา” ผมชี้หน้ามัน

“เอ้อย่าเริ่มก่อนก็แล้วกัน” มันยักคิ้วให้ผม

“ไม่มีทางซะหล่ะ” ผมเดินเข้าไปหอบสมบัติกลับข้าห้อง ไอ้วุธก็ใส่เสื้อผ้าเสร็จ นอนคะแคงเอามือมาตบที่นอนข้าง ๆ พร้อมทำตาเยิ้ม ผมแทบอดใจไม่ไหว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ตามเคย

                                *******************TBC***************************

เด๋วมาต่อให้ตอนเย็นนะครับ

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
ตื่นเต้น ตื่นเต้น  :m18:  :m18:

นอนเตียงเดียวกันด้วย

จะรอดมั๊ยเนี่ย เอ้ คืนนี้ :m10:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

น่ารักกันจิงเชียวคู่นี้

น่าส่งเจ้าเอ้ไปแข่งชกมวยนะเนี่ย

รออ่านต่อไปตอนเย็นนะครับ.....

 o15

niph

  • บุคคลทั่วไป
ยอม ๆ วุธไปเหอะ
 :o
เค้าหื่นตามคนแถวนี้ไปแล้วหรือนี่

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
อิอิ เห็นหมดเลยเหรอ แบบนี้จะใจไหวเหรอออออออออออออออออออ :laugh:

bigynew

  • บุคคลทั่วไป
 :amen: สวดมนต์ให้มาลงให้เร็ว ๆ ครับ
อิอิ รออยู่นะครับ

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
หุหุหุ

แล้วงานนี้เอ้จะรอดมั้ยเนี่ย   :m10:

OhhO16

  • บุคคลทั่วไป
อิอิอิอิ


ไม่ไหวแระ มาไวๆดิ

lanlan

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อแล้วคับอิอิ
ขอบคุณพี่เอ้มากมายนะครับ

17 Together

......จะว่าผมโง่ก็ได้นะครับที่ปล่อยให้วุธหลุดมือไปคืนนั้น เรานอนหันหน้าคุยกันท่ามกลางแสงไฟที่ลอดมาจากนอกบ้าน หลายครั้งที่มันขยับเข้ามาใกล้ ผมก็ถอยหนีออกไปจนเกือบตกเตียง........ถ้าผมคิดเข้าข้างตัวเองสักหน่อย ผมว่าวุธพยายามที่จะขอมีอะไรกับผมแบบอ้อม ๆ แน่นอนผมก็บอกปัดไปอย่างเนียน ๆ เหมือนกัน

ก่อนที่ผมจะง่วงจนทนไม่ไหว ผมคว้าเอาหมอนข้างอันใหญ่มาวางคั่นระหว่างผมกับมัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างคราวก่อน ที่ผมเผลอไปนอนกอดมันทั้งคืน (หรือเปล่าก็ไม่รู้)

“คิดว่าหมอนข้างอันแค่นี้จะกันอะไรได้” วุธหัวเราะเบา ๆ

“ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย” ผมพลิกตัวหันหลังให้มัน

“ถ้าสมมุติว่าเราทำอะไรอย่างนั้นกับเอ้.....เอ้จะว่าไง”

“แล้วคิดว่าเราจะยอมเหรอ” ผมย้อน

“ไม่ยอมก็ใช้กำลังไง” มันเซ้าซี้

“ไม่ต้องหรอก” เราพลิกตัวกลับไปหามันอีกครั้ง

“หมายความว่า.........” มันยิ้มแล้วขยับตัวเข้ามา

“ใช่......เราจะยอมนาย......แต่มันจะเป็นแค่ครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย....ต่อไปอย่าหวังว่าจะได้เจอกันอีก.....แม้แต่ความเป็นเพื่อนเราก็จะไม่มีให้....เอามั๊ยล่ะ” ผมท้าเสียงจริงจัง มันชะงักกึก

“พูดเล่นครับ.....ใครจะกล้าทำอะไรเอ้.....เห็นตอนเตะพี่มิ้นท์แล้วสยองชิบเป๋ง” มันพูดเสียงอ่อย ๆ

“นอนได้แล้ว.....พรุ่งนี้ต้องไปเรียนพิเศษอีก.....ไม่อยากไปเลยว่ะ” ผมบ่นแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปง......สักพัก.....อึดอัดครับ โผล่หัวออกมาเจอหน้าไอ้วุธเต็ม ๆ เลย ผมพลิกตัวหันหลังให้ทันที ไอ้ยินเสียงมันหัวเราะเบา ๆ ตามมา

*
*
*

.........ชิบหายแล้วกู........อยากจะกรี๊ดดัง ๆ .........ลืมตาขึ้นมาแดดจ้า.......รู้ด้วยตัวเองแบบไม่ต้องมองนาฬิกาเลยว่ามันสายมากแล้ว และที่อยากจะกรี๊ดให้ดังกว่าเพราะไอ้วุธมันนั่งมองผมหลับนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้.......อายมาก ๆ สารรูปคนนอนหลับสนิทนี่มันน่าดูซะเมื่อไหร่.......นาฬิกาปลุกที่หัวเตียงมันก็ยังเดินอยู่นี่หว่า แล้วทำไมมันไม่ปลุกวะ...และผมก็เป็นคนตั้งมันเองกับมือ หันไปมองหน้าไอ้วุธแวบนึง เห็นมันอมยิ้มแปลก ๆ

“ทำไมนาฬิกาไม่ปลุก....หา.....” ผมถามเสียงดัง

“ก็เห็นกำลังนอนหลับสบาย........ด้วยความหวังดี......ปิดเสียงให้เลยไง” มันกวน

“จะบ้าเหรอ.....เราต้องไปเรียนพิเศษวันแรกนะ” ผมหงุดหงิด ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ด้วยความเคยตัว ต้องออกมาใหม่เพราะไม่ได้เอาเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยน มันก็ยังนั่งที่ขอบเตียงมองมาทางผมเหมือนเดิม

“มองอะไร......เพราะนายคนเดียวทำให้เราไปเรียนสาย” ผมค้อน

“ก็ไม่ต้องไปดิ.....หยุดวันเดียวเอง วันแรก ๆ เค้าไม่สอนอะไรมากหรอก”

“พูดง่ายเนอะ......ถ้าพ่อเรารู้นะ....เป็นเรื่องแน่” ผมเดินกลับเข้าห้องน้ำ

“วันนี้พ่อเอ้อยู่ที่ไหนล่ะ” เออ...จริงของมัน....หยุดก็หยุดวะ กูก็ไม่อยากไปเหมือนกัน

*
*

.......พอผมอาบน้ำเสร็จ ออกมาไอ้วุธใส่ผ้าขนหนูผืนเดียวเตรียมอาบน้ำต่อ แต่มันดันมายืนขวางประตูห้องน้ำผมเนี่ยดิ ให้มันหลบก็ไม่หลบ ผมไม่กล้าเงยหน้าสบตามันเลย ไอ้ผ้าที่พันไว้ก็จะหลุดไม่หลุดแหล่แล้ว ผมตัดสินใจเดินชนมันออกมา แต่มันก็ขืนตัวดันผมไว้เหมือนจะแกล้งกัน ผมก็เลย.......กระตุกผ้ามัน.......หลุดเลยครับ มันร้องเฮ้ย แล้ววิ่งหนีเข้าห้องน้ำ อายก็อาย ขำก็ขำ คราวนี้กลางวันแสก ๆ อะไรต่ออะไรเห็นหมดทุกซอกทุกมุม

......ทาแป้ง....ทาครีมอะไรเรียบร้อยแล้ว ใส่ชุดอยู่บ้านสบาย ๆ ด้วยกางเกงขาก๊วยสีฟ้า เสื้อยืดสีขาว อากาศก็ดี๊ดี เวลาตอนนั้นประมาณแปดโมงกว่า ลงไปในครัวจะหาของกิน แต่เห็นแล้วไม่อยากทำเลย มันรู้สึกขี้เกียจยังไงไม่รู้ ออกไปหาซื้ออะไรกินข้างนอกดีกว่า ผมเดินไปห้องน้องชายเอากุญแจมอ’ไซค์ของมันมา ยังไม่ทันจะขยับรถไปไหน ไอ้วุธก็วิ่งใส่ผ้าเช็ดตัวผืนเดิมน้ำยังเกาะเป็นเม็ดตามหน้าอกมันอยู่เลย

“จะหนีไปไหน” มันโวยวาย

“บ้าเหรอ....นี่มันบ้านเรา จะให้หนีไปไหนล่ะ” ผมส่ายหัวเบา ๆ “จะไปซื้อกับข้าว.....กินอะไรดีอ่ะ” ผมถาม มันทำตาโต

“รอด้วย.....แต่ตอนนี้......เอ้หาเสื้อผ้าให้ใส่หน่อยดิ” มันอ้อน.....ถ้าเป็นเด็ก ๆ ทำคงน่ารัก แต่พอมันทำแล้ว.....น่า........น่ารักกว่าอ่ะดิ คิดดู ผู้ชายวัยรุ่น กับผ้าขนหนูผืนเดียว ยืนยิ้มอ้อน ๆ อยู่ข้างหน้าโชว์ไรหนวดบาง ๆ มันน่า........ขนาดไหน

“เคยบอกแล้วไง.....อยากใส่ตัวไหนก็หยิบเอา....เร็ว ๆ ให้เวลา 3 นาที ไม่เสร็จไม่รอนะโว้ย” ผมทำท่าจะเอารถออกข้างนอก มันวิ่งกลับขึ้นข้างบนทันที และลงมาอีกครั้งด้วยชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมาก (ผมเอาไว้ใส่นอน....ต้นขามันขาวกว่าหน้าผมอีก) ผมพยายามไม่มองมันมาก เพราะกลัวมันรู้ว่าผมชอบผู้ชายลักษณะนี้ มันช่างรู้ใจผมจริง ๆ

“ไปกันเถอะ” มันขึ้นซ้อนท้าย

“เกาะแน่น ๆ นะจะซิ่งแล้ว” ผมขู่มัน มันเกาะเอวผมแน่นเลยครับ ผมก็แอบยิ้มดิ ผมขี่รถพามันไปหาของกินที่ตลาดใกล้บ้าน

“เฮ้ย.....” จู่ ๆ มันก็ร้องเสียงดัง ขณะกำลังรอแม่ค้าห่อข้าวมันไก่

“เป็นอะไร” ผมตกใจไปด้วย

“ลืมเอาตังค์มา” มันพูดหน้าตาตื่น

“ถึงเอามาเราก็ไม่ให้จ่ายหรอก” ผมพูดยิ้ม ๆ

“เกรงใจ.....ขอเค้านอนแล้วยังต้องให้เลี้ยงข้าวอีก”

“ไม่เป็นไร.....เงินที่ได้มาเมื่อวานยังเหลือตั้งเยอะ” ผมตบขามันเบา ๆ มันค่อยยิ้มออก

“งั้นกลางวันนี้เราทำอะไรให้กินตอบแทนละกันนะ”

“หา......จะอยู่ถึงกี่โมง” ผมถามเสียงสูง

“ถ้าไม่อยากให้อยู่ งั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จ เรากลับเลยก็ได้” มันทำหน้าละห้อย ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

“ไม่ให้กลับ......” มันมองหน้าผมงง ๆ “อยากให้กลับเมื่อไหร่......เดี๋ยวไล่เอง” ผมพูดแบบไม่มองหน้ามัน ก็อายอ่ะดิ ง้อให้มันอยู่ด้วย ข้าวมันไก่เสร็จพอดี ผมเลี้ยวรถจะกลับบ้าน

“แวะซื้อของสดก่อนได้ปะ” มันสะกิดเอวผม

“เอาอะไรอ่ะ” ผมถาม แต่ก็จอดให้ มันไม่ตอบพยักหน้าชวนผมไปซื้อด้วยกัน

*
*
*

........กินข้าวเช้าเสร็จ เช้าวันเสาร์อย่างนี้ไม่มีอะไรให้ทำมากนัก ผมเองก็รู้สึกแปลก ๆ ที่มีคนอื่นมาอยู่ด้วย เก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด......รายการโทรทัศน์ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ มันผมอนุญาตให้มันรื้อวิดีโอมาดูได้ มันก็ว่าง่ายนั่งดูหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ อยู่คนเดียว......มันดูอะไร.....รู้มั๊ยครับ.....ดูวิดีโอการ์ตูนของน้องผมครับ ผมสังสัยว่าทำไมมันไม่ดูหนัง action บู๊ล้างผลาญของน้องชายคนกลาง.......มันบอกว่าที่บ้านมันก็มี อีกอย่างไม่ได้ดูอย่างนี้นานแล้ว ขอรื้นฟื้นความหลังหน่อยละกัน ผมไม่ว่าอะไร นั่งดูเป็นเพื่อน แต่ตาน่ะไม่ได้มองจอทีวีหรอกครับ ผมนั่งบนโซฟา ส่วนมันนั่งขัดสมาธิกับพื้น เอาหัวมาพิงเบาะที่ผมนั่ง......ดูไปดูมา......มันก็เริ่มเอนหัวมาซบขาผม จิตใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มองหน้ามันยิ้มหัวเราะกับการ์ตูนตรงหน้า มันไม่เหมือนเด็กช่างที่ผมเคยรู้จัก..... ความห้าว......ความเถื่อนตอนที่รวมกลุ่มกับเพื่อนมัน.....ไม่มีเหลือเลยครับ เหมือนเด็กอายุ 8 ขวบที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว กางเกงที่สั้นอยู่แล้วก็ร่นขึ้นมาเผยให้เห็นอะไรต่อมิอะไรไปถึงไหน ๆ

*
*
*

........การ์ตูนยังไม่จบม้วนดี.....มันก็หลับคาจอเลยครับ ผมเรียกมันขึ้นมานอนบนโซฟา มันก็ลุกขึ้นมาอย่างว่าง่าย.....ปล่อยให้มันนอนไปเรื่อย ๆ ส่วนผมก็นั่งดูหนังไปพลาง ๆ


........วุธตื่นขึ้นมาอีกทีบ่ายโมงกว่า ดูมันงง ๆ เหมือนกันว่าหลับไปได้อย่างไร พอมันเห็นหน้าผม คำแรกที่มันพูดกับผมแล้วทำให้ผมยิ่งชอบมันคือ “หิวมั๊ย.....กินข้าวยัง” คำถามนั้นมันดูธรรมดาสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผมมันเป็นการแสดงความเป็นห่วงเป็นใยในขั้นพื้นฐาน พอผมบอกหิว แต่รอกินข้าวฝีมือวุธ มันกระโดดลงจากโซฟา ไปล้างหน้าล้างตาวิ่งเข้าครัวเลยครับ


.......ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการได้อยู่กับคนที่เรารู้สึกดี ๆ ด้วยแล้วมันมีความสุขอย่างนี้.....เราช่วยกันทำข้าวผัดขี้เมาโปะหน้าด้วยไข่ดาว.....สนุกมากครับ ผมเป็นลูกมือมันคอยหยิบจับอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ มันทำไปสอนไปว่าควรใส่อะไรก่อนหลัง แถมมันยังเล่าเรื่องที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังตั้งหลายเรื่อง.......ผมเพิ่งจะเห็นว่ามันทำกับข้าวเก่งมาก ดูกระฉับกระเฉงคล่องไปหมด มันบอกว่าบ้านมันขายอาหาร มีขายทุกอย่าง เวลาลูกค้าเยอะ ๆ มันก็จะช่วยทำบ้าง ผมแอบกัดมันว่า แต่ถ้าลูกค้า วีไอพี อย่างพี่มิ้นท์คงเต็มใจทำให้เป็นพิเศษล่ะสิ มันหันมายิ้มให้ แล้วพูดว่า “หีงอ่ะดิ” ผมเงียบ อายแทบจะเอาหัวมุดใต้โต๊ะ......เรานั่งกินข้าวด้วยกันสองต่อสองเป็นครั้งที่สอง ยังรู้สึกเขิน ๆ เหมือนเดิม อย่างที่บอกอ่ะครับว่าผมมีเพื่อนผู้ชายไม่มาก และไม่ค่อยคุ้นกับการที่ต้องกินอยู่กับคนแปลก หน้า แต่วุธทำให้ผมผ่อนคลายลงเยอะเลยครับ คงเห็นผมเกร็ง ๆ ด้วยมั้ง.......วิธีของมันน่ะเหรอ........ก็กวนตีนให้ผมด่า แล้วมันก็หัวเราะ เหมือนเป็นพวกโรคจิต แต่ก็ได้ผลนะครับ ผมสนุกทีได้ต่อล้อต่อถียงกับมันจนบ่ายแก่ ๆ มันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับบ้าน


“เอ้.....สอนเราขี่มอ’ไซค์หน่อยดิ” มันเดินตามผมออกมานอกบ้าน

“ไม่เอา......” ผมปฏิเสธทันที

“นะครับ นะ นะ นะ นะ” มันเดินเกาะผมแจ ผมสงสัยว่าวันนี้มันเป็นอะไรนักหนาถึงได้วุ่นวายกับผมจัง

“จะขี่มอ’ไซค์ทำไม....รถก็มีขับอ่ะ” ที่จริง ๆ ผมน่ะใจอ่อนตั้งแต่เห็นหน้ามันแล้ว

“.......อายเพื่อน......” มันพูดอ้อมแอ้ม ผมหัวเราะก๊าก มันเดินเข้ามาทำหน้าโหด ผมก็ลอยหน้าลอยตาท้าทาย ไม่ได้ระวังตัวเลยว่ามันจะกล้าทำอย่างนี้ มันหอมแก้มผมอีกแล้ว ผมอึ้ง......อายด้วย นี่มันหน้าบ้านนะโว้ย ผมคิดในใจ ถ้าใครมาเห็นเข้ากูนี่แหละจะซวย .......คราวนี้เป็นมันบ้างที่หัวเราะผม

“จะสอนปะ.....” มันขยับตัวเข้ามาใกล้อีก

“เออ ๆ สอนก็ได้” ผมวิ่งไปเอากุญแจบ้าน กับกุญแจมอไซค์ออกมา

*
*
*

.......ขามานี่ผมเป็นคนขี่ พอถึงถนนในหมู่บ้าที่เป็นทางตรงยาว ๆ ผมก็ลองให้มันขี่บ้าง อธิบายทุกขั้นตอน แรก ๆ มันก็กระตุกบ้างเพราะมันปล่อยคลัชเร็วไป แต่มันก็ขับรถเกียร์กระปุกเหมือนกัน ไม่นานนักมันก็ขี่ได้ แต่ยังไม่คล่องเท่าไหร่ ดูท่าทางมันจะดีใจมาก คล้าย ๆ กับผมตอนที่เล่นไอซ์เป็นก็เพราะมันสอน ผมเตือนไม่ให้มันขี่เร็ว ลองขี่วนไปมาในหมู่บ้าน ตอนเย็น ๆ วันเสาร์อย่างนี้รถไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่.......เราสองคนขี่รถเล่นกันจนน้ำมันเกือบหมดถังต้องเติมน้ำมันคืนให้น้องชายผม.......เจ็บตูดไปหมด ไอ้วุธติดใจชวนผมขี่รถเล่นต่อ ผมบอกไม่เอาแล้วกลับบ้านดีกว่า มันก็ขี่พาผมกลับโดยดี


.......พอเลี้ยวเข้าซอย.......ยังไม่ทันจะถึงหน้าบ้านดีผมก็ใจหายวาบ พ่อกับแม่ผมกลับมาแล้ว คิดหาคำแก้ตัวเรื่องไม่ไปเรียนพิเศษทันที และก็จริงอย่างที่คาด คำแรกที่พ่อพูดกับผมหลังจากรับไหว้วุธ......คือ......

“ไปเรียนพิเศษหรือเปล่า” ผมอึกอัก

“ไม่ได้ไปครับ......”

“ทำไม” เสียงเริ่มดังขึ้น

“เมื่อเช้าเอ้เค้าไม่สบายอ่ะครับ.....พ่อ......” พ่อผมขยับแว่นมองไอ้วุธ

“เป็นอะไร” เอาแล้วไง....มันรู้จักพ่อผมน้อยไป

“ปวดท้องครับ” มันตอบ

“แล้วเมื่อกลางวันใครกินข้าวผัดอะไรนั่น......พริกเต็มจานเลย”

“เอ้หายปวดแล้วอยากกินอ่ะพ่อ” ผมช่วยไอ้วุธ

“เมื่อคืนนอนนี่เหรอ” พ่อหันไปถามไอ้วุธ

“ครับ” มันพยักหน้ารับ

“ทำไมไม่กลับบ้านกลับช่องล่ะ” สถานการณ์ตึงเครียด

“เอ้เค้ากลัวอ่ะครับ” ชิบหายแล้วไง.....ไอ้วุธ.....พ่อผมรู้ว่าผมอยู่บ้านคนเดียวได้....แถมยังชอบซะอีก ผมส่งซิกให้มันหยุดพูด

“......เหรอ......ขอบใจนะที่มาอยู่เป็นเพื่อนเอ้....เดี๋ยวอยู่กินข้าวด้วยกันก่อน....แม่เค้าทำกับข้าวอยู่ข้างในแน่ะ” ผมงง ทำไมเหตุการณ์มันไม่เลวร้ายอย่างที่ผมคิดเลย

*
*
*

........สรุปเย็นนั้นมันก็อยู่กินข้าวเย็นกับครอบครัวผม......ตอนแรกมันก็ดูเกร็ง ๆ แต่สักพักมันก็คุยเข้าขากับพ่อและแม่ผม คงเป็นเพราะมันกระล่อนมั้งครับ....ก่อนกลับแม่ผมยังเอาข้าวหลามกับขนมจากใส่ถุงให้มันไปหลายอัน และที่ทำให้ผมอึ้งก็คือ พ่อกับแม่ผมชวนมันมาบ้านบ่อย ๆ ซะอีก มันยิ้มหน้าบานเลยครับ ส่วนผมก็ได้แต่สงสัยกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของพ่อแม่ผม


........หลังจากที่มันไปได้ไม่นาน ผมทนเก็บความอึดอัดนี้ไว้ไม่ได้ก็เลยถามพ่อกับแม่ตรง ๆ ว่าทำไมถึงอยากให้ไอ้วุธมาบ้านบ่อย ๆ คำตอบที่ได้รับทำให้ผมแทบร้องจ๊าก เค้าบอกว่า “อยากให้ผมดูแมนกว่านี้....บางทีมีเพื่อนผู้ชายซะบ้างคงดี” พ่อกับแม่ไม่รู้หรอกว่า ไอ้เพื่อนผู้ชายคนนี้มันจะยิ่งทำให้ผมเป็นลูกสาวมากกว่าน่ะดิ และวันดีคืนดี ถ้าผมอดใจไม่ไหว ไอ้เพื่อนผู้ชายคนนี้นั่นแหละ จะกลายเป็นลูกเขยของพ่อกับแม่ (โดยพฤตินัย)

*****************************************************************


ขอบคุณสำหรับทุก reply นะครับ......ตอนหน้าก็จะเป็นตอนที่ทุกคนรอคอย ความจริงทุกอย่างจะถูกเปิดเผย และผมจะทำยังไงต่อไป ที่สำคัญวันนั้นเป็นวันพิเศษของผมด้วย รออีกนิดนะครับ ผมจะพยายามโพสให้ตรงวันให้ได้

อย่าลืมๆๆ10รีพลาย โอเก๊ อิอิ
ไปแว้ววววว



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด