ภาคมหาลัยมาแล้วครับรอนานไหมเอ่ยไปอ่านเลยนะครับ
1 New beginning, New friends, New place,
........การเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของผมเป็นไปด้วยความสะดวกสบาย แต่ยังไงก็ต้องสอบเข้า แค่วันสอบผมก็มีเรื่องสนุกแล้วครับ ตื่นเต้นด้วย ไม่มีเพื่อนซักคน.......ตั้งใจไว้ว่าไหน ๆ ก็ไม่มีคนรู้จักเราแล้ว ลองเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่มั่งดีกว่า........ตั้งปณิธานไว้ว่า
.......อย่างแรก พยายามเก๊กแมน ไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นเกย์ เต็มที่เลยเอ้ ไม่ต้องเขิน
.......ไม่คบเพื่อนผู้หญิง.....อาจจะยากหน่อยนะ
.......ขอเจ้าชู้นิดนึง.....แต่ไม่ยอมมีอะไรกับใครเด็ดขาด Save the best for last
.......ลืมเรื่องไอ้วุธให้ได้......ต้องทำได้
........วันที่ไปสอบ ผมเอารถแม่ไปใช้ ใส่ชุดเก่ง ผิดระเบียบอย่างแรง ก็ไม่มีอาจารย์ฝ่ายปกครองที่นั่นนี่นา....ไปถึงก็เดินหาห้องสอบ ตึกเยอะ กว้างด้วย จะถามใครก็ไม่กล้า พยายามไม่ทำตัวเลิกลั่กเป็นบ้านนอกเข้ากรุง.......ในที่สุดก็ถึงห้องสอบจนได้ เข้าห้องน้ำ ทำใจซักพัก ถึงรู้ว่ายังไงก็เข้าได้แน่ แต่ข้อสอบอาจจะยาก แอบกังวลนิดหน่อย......ออกมาอีกทีคนเริ่มเยอะขึ้น ยืนออเต็มหน้าห้องสอบ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กมอปลาย เพิ่งเห็นว่ามีนักเรียนพาณิชย์จากโรงเรียนผมเหมือนกัน แต่เป็นพวกเด็กบัญชี เราแค่ยิ้มให้กันเฉย ๆ ......ยืนมองดูนักเรียนม. ปลายหล่อ ๆ หลายคน กำลังเพลินก็มีคนมาสะกิดแขน
“.......ขอโทษครับ......ขอยืมดินสอแท่งนึงได้มั๊ยครับ.......” เด็กม. ปลายโรงเรียนเอกชนชายล้วนชื่อดังแห่งหนึ่งพูดกับผมด้วยเสียงเกรง ๆ ผมมองหน้าเค้างง ๆ แต่ก็หยิบดินสอดำให้ไป 2 แท่ง
“.....เอายางลบด้วยปะ.....” ผมยื่นยางลบตามไปอีก เค้าก็รับนะครับ คงเห็นกล่องใส่ดินสอขอผมที่มีดินสอและยางลบอีกหลายอันสำรองไว้
“.....ขอบคุณครับ.....” ผู้ชายคนนั้นยิ้มให้ผม ภายใต้กรอบแว่นหนา ๆ นั้น ผมเห็นแววตาที่มันช่างคล้ายกับไอ้วุธเหลือเกิน
“......ไม่ได้เตรียมมาเหรอ.....” ผมสงสัย
“......เตรียมมาครับ......ไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียว ออกมาอีกที.......หายหมดเลย......” เค้าพูดซื่อ ๆ ผมเผลออมยิ้ม อีตานั่นขมวดคิ้ว ผมถึงรู้ตัว
“......เลือกคณะไหนครับ.....” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“......บริหารครับ....”
“......เหมือนกันเลย สาขาอะไรครับ.....” ผมถามต่อ
“......การตลาด.....”
“......เฮ้ย.....สาขาเดียวกันอีกแล้ว.....” ผมดีใจ กำลังจะถามชื่อ แต่ได้ยินเสียงประกาศเรียกให้เข้าห้องสอบซะก่อน
*
*
*
........ก่อนเข้าห้องสอบ เค้าหันมายิ้มให้ผม และบอกว่า “.....โชคดีนะครับ.....” ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างประหลาด จะว่าไปแล้ว ไอ้คนนี่มันก็หน้าตาดีอยู่นะ แต่มันดูเด็ก ๆ ยังไงไม่รู้ ซื่อ ๆ เซ่อ ๆ ......เรานั่งไกลกันมาก ห้องสอบเป็นห้องใหญ่ จุได้หลายร้อยคน.....พอเห็นข้อสอบผมก็ยิ้มออก ไม่ยากอย่างที่คิดแฮะ หรือว่าเราเตรียมตัวมาดี.....ยังไม่ทันหมดเวลา ผมก็ออกจากคนเป็นคนแรก ๆ หันกลับมามองในห้องอีกครั้ง ไอ้แว่นคนนั้นมันก็มองผมอยู่พอดี เรายิ้มให้กันนิดนึง แล้วผมก็เดินออกจากห้องสอบไป.......
........ขี้เกียจกลับบ้านอ่ะ.....นึกว่าการได้อยู่บ้านโดยไม่มีผู้ใหญ่นี่จะสนุก แต่ไม่เลย สารพัดปัญหามีมาให้ปวดหัวตลอด ต้องไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟเอง ไฟดับ น้ำไม่ไหล ท่อตัน แก็สหมด ฯลฯ .......เหนื่อยมาก บางครั้งคิดถึงพ่อกับแม่จนน้ำตาซึม น้องชายก็ชักเริ่มจะติดเพื่อนตามวัย ยังดีที่มันไม่เกเร กินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่งั้นผมต้องโดนพ่อแม่ด่ากระจายแน่ ๆ
.......แวะกินข้าวที่โรงอาหารในมหาวิทยาลัยหน่อยดีกว่า จะอร่อยสู้โรงเรียนเก่าเราได้หรือเปล่าน้า......โอ้โห.....ร้านอาหารเยอะแยะไปหมด นี่ขนาดยังเปิดไม่ครบนะเนี่ย เลือกไม่ถูกเลยว่าจะกินอะไร.......ในที่สุดก็ได้ของที่อยากกินที่สุดตอนนั้น ไม่รู้สึกแปลกเลยครับกับการนั่งกินข้าวคนเดียว.....มองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเพลินดี พวกที่สอบเสร็จก็ทยอยออกมากันแล้ว แต่ไม่ยักเห็นไอ้แว่นนั่นเลยอ่ะ..........
........กินเสร็จก็ออกเดินสำรวจรอบ ๆ คราวหน้ามาจะได้ไม่หลง เพิ่งรู้ว่ามีโรงอาหาร 2 โรง มีหอพัก มีล็อคเกอร์ มีสนามเทนนิส เริ่มเมื่อยแล้ว ขับรถวนดูดีกว่า ผมเดินไปที่จอดรถ พร้อมกับมองหาที่จอดใหม่ในคราวหน้าด้วย (นี่ถ้าสอบไม่ได้ เสียเวลาเปล่าเลยนะ).....วนดูตึกสำคัญ พวกฝ่ายวิชาการ ดูตึกคณะบริหาร ห้องสมุด ฝ่ายกิจการนักศึกษา หอประชุมใหญ่มาก......โอเค วันนี้พอแค่นี้ก่อน กลับบ้านไปรอผลสอบดีกว่า.......
*
*
*
........ปากก็บอกไม่ตื่นเต้น ยังไงก็สอบเข้าได้แน่นอน แต่พออีพวกเพื่อนพาณิชย์ผมมันบอกว่า บางทีถ้าคนที่เข้ามาสอบเยอะกว่าจำนวนที่รับ ผมอาจจะเข้าไม่ได้.....เล่นเอาผมเครียดเลยครับ.....ถ้าไม่ได้จริง ๆ ผมคงเคว้ง ผมตั้งความหวังไว้มาก ด้วยหลาย ๆ ปัจจัย
......ใกล้บ้าน......ใช้เวลาไม่ถึงครี่งชั่วโมง ถ้านั่งแท็กซี่ หรือขับรถไปเอง มันมีทางลัดครับ และไม่มีเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง รถไม่ค่อยติดด้วย
......รับน้องไม่รุนแรง......อันนี้ไอ้โย ผู้มีประสบการณ์รับน้องเล่าให้ฟัง มันสอนผมหลายอย่างในการเอาตัวรอด ไม่โดนรุ่นพี่แกล้ง เพราะมันเห็นผมอ่อนแอ แต่มันยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของผม ว่าผมอึดขนาดไหน
.......สถานที่สวยมาก เคยผ่านหลายครั้ง บอกกับตัวเองไว้ว่าเราต้องเรียนที่นี่ให้ได้
.......สำคัญที่สุด......มันไปคนละทางกับบ้านไอ้วุธ.....เราไม่มีทางที่จะเจอกันได้อีก
*
*
.......พูดถึงไอ้วุธ.....ผมไม่ได้ข่าวคราวของมันอีกเลย ตั้งแต่จบพาณิชย์ เพราะเพื่อนผมก็เลิกคบกับพวกเด็กช่างนั่นทีละคน มีแค่อีตาลที่ต้องทนอยู่เลี้ยงลูก มันต้องทนครับ เพราะเวลาผ่านไป ใจคนก็เปลี่ยน ไอ้ตั้มที่เคยดี ก็ไม่เหมือนเดิม สันดานผู้ชายเริ่มออก......คู่อีแจนกับไอ้นพ....เป็นไปตามคาด อีแจนทิ้งไอ้นพ เพราะมันเจอคนดีกว่า ตามประสาคนสวย......คู่อีอ๋ากับไอ้แม็ค.....เลิกเพราะทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน......คู่ของอีนัท ยังไม่ทันจะคบกันก็ไม่ไม่รอด เป็นเพื่อนกันไปซะก่อน อีตูนก็ไอ้เด็กช่างเป็นแฟนเหมือนกัน แต่คนละโรงเรียนกับไอ้วุธ.......ด้วยเหตุนี้มั้งครับ ที่ผมไม่ได้ยินเรื่องของมันอีกเลย ประกอบกับช่วงนี้ยุ่ง ๆ กับเรื่องที่บ้าน เรื่องสอบอยู่ ยังไม่ได้ไปหาพี่มิ้นท์เพื่อคุยเรื่องที่ติดค้างกันไว้คราวนั้น.......
*
*
........วันประกาศผล ผมไปซะเกือบบ่าย 2 โมงเย็น มัวแต่แวะห้างเดินเล่น หลังจากไม่ได้เดินเล่นอย่างนี้เกือบสองเดือน......เห็นชื่อตัวเองบนบอร์ดแล้วอดภูมิใจไม่ได้......มีป้ายบอกให้ซื้อเข็มขัด เข็ม และกระดุม สำหรับนักศึกษาหญิงที่ร้านค้าในมหาวิทยาลัย ผมซื้อสมุดที่มีตรามหาลัยมาตั้งหลายเล่ม แบบว่าเห่ออ่ะครับ.......กลับบ้านก็รีบโทรศัพท์บอกแม่เลย บอกเรื่องกำหนดการรายงานตัว ลงทะเบียน ตรวจสุขภาพ แม่มีหน้าที่อย่างเดียวคือส่งเงินมา ผมรู้สึกว่าผมเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกนิด.......นี่เราต้องทำอะไรด้วยตัวเองหมดทุกอย่าง ไม่เหมือนกับตอนที่เข้าเรียนพาณิชย์ ที่พ่อกับแม่ต้องมานั่งเฝ้า ทำให้ตั้งแต่ลงทะเบียน ยัน ซื้อหนังสือ.......
........รุ่งขึ้น แม่โอนเงินมาให้ผมไปซื้อข้าวของส่วนตัว เสื้อผ้า ชุดนักศึกษา รองเท้า คราวนี้แหละ กูจะเปลี่ยนเป็นอีกคนให้เพื่อน ๆ จำไม่ได้เลย.......ชวนเพื่อนผู้หญิงไปก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง.....โทรไปชวนไอ้โยดีกว่า......โชคดีจริง ๆ ไอ้โยว่างตอนเย็นวันนั้น เรานัดกันเรียบร้อย และนี่จะเป็นครั้งแรกทีผมจะได้ไปหามันที่มหาวิทยาลัย......เห็นพวกเพื่อน ๆ ในมหาลัยของมันแล้ว ผมชักเริ่มอยากเปิดเทอมเร็ว ๆ ซะแล้ว ท่าทางน่าสนุก ทุกคนมีกิจกรรมทำกัน เตรียมตัวรับน้องตั้งแต่วันลงทะเบียนเลยทีเดียว......ไอ้โยแนะนำผมให้เพื่อน ๆ มันรู้จัก พวกเค้าน่ารักมาก ให้การต้อนรับ พูดคุยเหมือนเรารู้จักกันมานาน ยิ่งรู้ว่าผมกำลังจะเข้ามหาลัยปี 1 ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ที่นี่ก็ตาม พวกเค้าให้คำแนะนำ และ ย้ำให้ผมเข้าร่วมกิจกรรม เค้าบอกว่าอย่างผมเข้ารับน้องคงได้แฟนดีกว่าไอ้โยแน่ เอ๊ะ....ผมกับไอ้โยเป็นเพื่อนกันนะ ผมถียงในใจ
.......นั่งรอไอ้โยซักพักมันก็ทำงานเสร็จ เราร่ำลาทุกคน ระหว่างทางเดินไปที่จอดรถ ผมถามไอ้โยว่าเล่าอะไรเกี่ยวกับผมบ้าง......ผมจึงรู้ว่า ไอ้โยบอกเพื่อนมันว่า ผมเป็นแฟนมัน.....ผมรู้สึกแปลกใจมากกว่าที่พวกเค้าเฉย ๆ ไม่เห็นมองผมเป็นเหมือนตัวประหลาด อย่างที่ผมเคยกลัวสมัยเรียนพาณิชย์.......ผู้ชายชอบผู้ชาย เป็นเรื่องธรรมดาในสังคมมหาลัยเหรอ.......ไอ้โยมันถึงได้แจกแจงชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยยาวตลอดทางจนถึงมาบุญครอง........
.......ไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้ว.....เด็กพาณิชย์โรงเรียนผมไม่นิยมมาเที่ยวหรือซื้อของที่นี่ ส่วนใหญ่จะไปสวนจตุจักรกันซะมากกว่า.......ไอ้โยพาผมเดินซื้อของจนทั่ว มันเลือกทุกอย่างให้ผม ช่วยต่อราคา ช่วยถือ พาเดินไปโบนันซ่า สยาม เดิน ๆ ๆ ๆ จนผมเหนื่อยต้องสะกิดมันให้กลับ ไม่งั้นผมเหยียบคันเร่งขับรถกลับบ้านไม่ไหวแน่.......ได้เสื้อผ้า ชุดนักศึกษามาหลายชุด รองเท้าใหม่ เข็มขัดที่สามารถถอดเปลี่ยนหัวเป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยได้......เพิ่งรู้ว่าการเดินมาบุญครองนี่มันดีกว่าจตุจักรตรงนี้นี่เอง ไม่ร้อน แถมได้ทุกอย่างเหมือนกัน แพงกว่านิดก็ยอมวะ แต่ยังไงก็ยังชอบจตุจักรเหมือนเดิมนะ.......อ้อ......ซื้อเซรุ่มเร่งผมยาวมาด้วย หลอดเก่าที่ไอ้โยเคยให้มันหมดแล้ว ไม่รู้อุปทานไปเองหรือว่าผมทำทุกอย่างให้ผมยาวเร็ว ๆ ไม่ว่าจะสระผมด้วยน้ำอุ่นบ่อย ๆ นวด และใช้หวีที่มีปุ่มกระตุ้นรากผม แม้แต่กินอาหารที่เป็นโปรตีน เครื่องใน ตับ ปกติไม่ชอบ แต่ได้ยินมามันช่วยให้ผมยาวเร็ว ทำกินเองทุกวันเลยครับ.....ได้ผลจริง ๆ นะ ผมเริ่มยาวขึ้น เป็นการวางแผนตั้งแต่ก่อนสอบปลายภาคครับ ผมไม่ได้ถูกตัดมาหลายเดือนแล้ว........
*
*
*
*
*
……ในที่สุดก็ถึงวันลงทะเบียน......ผมไปสายเหมือนเคย ไม่คุ้นเคยกับการใส่เนคไท เสื้อแขนยาว ร้อนจะตาย หมุนอยู่หน้ากระจกอยู่นาน มองไปมองมา หล่อดีเหมือนกันนะเรา (ไม่มีใครชม ชมตัวเองก็ได้)........ไปถึงก็หาป้ายคณะและสาขาตัวเองจนเจอ เข้าต่อแถวเลยครับ มัวแต่ก้มหน้าก้มตาค้นสมบัติ ค้นเอกสาร อยู่ ๆ ก็มีเสียงมาจากข้างหลัง......
“......การตลาดใช่มั๊ยครับ.....” ผมมองหน้าคนที่พูดด้วยงง ๆ ป้ายมันก็บอกอยู่ แล้วถามกูทำไมวะ
“......อือ.....” ผมตอบสั้น ๆ ค้นเอกสารต่อ เป็นพวกบ้าหอบฟางไงครับ แบกมาเยอะ ถึงเวลาจริง ๆ ดันหาไม่เจอ
“......ชื่ออะไรครับ.....ผมชื่อกุ้ง......” ไอ้คนข้างหลังสะกิด หลังจากเห็นว่าผมเจอเอกสารที่ต้องการแล้ว
“.....เอ้ครับ.....มาจากไหนครับ.....เอ่อ....หมายถึงจบจากไหนครับ.....” ผมเริ่มเม้าธ์ สังเกตว่าคน ๆ นี้ไม่ใช่ผู้ชายปกติแน่ ผีกับผีดูกันออก
“.....XXXXXX......” นายกุ้งบอกชื่อโรงเรียนพาณิชย์เอกชน ที่เดียวกับอีออย ผมแทบอยากสะบัดหน้าหนี “.....เอ้ล่ะ.....” มันถามผมบ้าง
“......XXXXXX.....” ผมตอบ มันยิ้มดีใจทีได้เจอเด็กพาณิชย์ด้วยกัน “....กุ้งรู้จักออยปะ......ที่....แร....ที่สวย ๆ น่ะ.....” ผมหาเรื่องคุย
“.....รู้จักดิ.....แรดจะตาย.....” กุ้งเผลอแตกสาว
“.....จริงเหรอ.....” ผมทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราว ใสซื่อ
“.....โอ๊ย สุดยอด ถามใครก็ได้คำตอบแบบนี้......มันมีดีแค่สวยกับง่ายเท่านั้นแหละ แฟนคนล่าสุดของอีออยนะ หล่อมาก ๆ ขับกระบะมารับมันทุกวัน คงไม่รู้มั่งว่าอีนี่มันเน่าขนาดไหน......” กุ้งพูดใส่อารมณ์
“.....ท่าทางกุ้งจะไม่ชอบเค้าเนอะ.....” มันคงรู้ตัว ลดระดับเสียงลง
“.....เกลียดเลยแหละ.....มันแย่งแฟนเราตอนปี 1 ......” แหม....ในที่สุดก็บอกกันง่าย ๆ ว่าเป็นเพื่อนสาว มองภายนอกแทบไม่รู้ หน้าตาดีซะด้วย ขาว ๆ ตี๋ ๆ อ้อ ต้องหมวย ๆ สิถึงจะถูก
“.....แล้วคนที่มารับอีออยทุกวันน่ะ รูปร่างหน้าตาประมาณนี้ใช่มั๊ย......” ผมบรรยายรูปร่างหน้าตาไอ้วุธ.....กุ้งพยักหน้ารับเป็นระยะ แถมยังเม้าธ์ให้ผมชีช้ำหนักกว่าเดิม มันเล่าให้ฟังว่าไอ้วุธทำยังไงมั่ง สวีทกันแค่ไหน แต่ยังดีที่มันไม่ confirm ว่าตอนนี้อีออยสวมเขาให้ไอ้วุธหรือยัง เพราะจากประวัติฉาวโฉ่ของมัน คือน้ำแตกแล้วแยกทาง เปลี่ยนผู้ชายบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนกางเกงใน สมัยนั้นเอดส์ยังไม่เป็นโรคฮิตน่ะครับ........
“.....โห.....เม้าธ์ขนาดนี้ ไม่กลัวว่าเราจะเป็นเพื่อนออยเหรอ....” ผมถามขำ ๆ
“.....หึ หึ ....อีนี่มันมีเพื่อนซะที่ไหนล่ะ.....” กุ้งทำท่าค้อนปะหลักปะเหลือก
*
*
.....ลงทะเบียนเสร็จ เตรียมไปตรวจร่างกายในช่วงบ่าย........ดีจังได้เพื่อนไปกินข้าวแล้ว ผมเพิ่งนึกได้ว่าไอ้แว่นคนที่ผมเจอเมื่อวันสอบไปไหน หรือมันจะสละสิทธิ์ ยังไงมันก็ต้องสอบได้แน่นอน มองไปรอบ ๆ โรงอาหาร ไม่เห็นเลย เห็นแต่ผู้ชายคนหนึ่งนั่งกินข้าวคนเดียว มองมาทางผมกับกุ้งบ่อยครั้ง......ผมกระซิบถามกุ้งว่าคนนั้นอยู่สาขาเดียวกับผมหรือเปล่า กุ้งมันก็บอกว่าใช่ เราเลยตัดสินใจชวนให้เค้ามานั่งด้วยกัน......เค้าทำท่าคิดนิดนึง แล้วยกจานมานั่งกับพวกผม......
......เพื่อนใหม่อีกคนคนของผมมีชื่อว่า เต็ม เป็นเด็กพาณิชย์เหมือนกัน แต่เป็นโรงเรียนที่มีเด็กช่างเรียนอยู่ด้วย ตอนแรกเห็นเงียบ ๆ พอคุยไปคุยมา สุดยอด แรดได้ใจจริง ๆ แค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่เราคุยกัน เต็มเล่าเรื่องส่วนตัวให้พวกผมฟังหมดเลย มีอะไรกับใครยังไง....ผมกับกุ้งนั่งฟังอ้าปากค้าง.....เต็มเป็นเพื่อนสาวที่ฮามาก.....เป็นตัวของตัวเองสุด ๆ เถื่อนสัตว์ ผมเลยเรียกมันว่าอีเถื่อน หรือไม่ก็อีหื่น มันก็ไม่โกรธครับ ชอบซะอีก.......
*
*
*
........ขั้นตอนการตรวจร่างกาย มีตั้งแต่ เอ็กซเรย์อก เจาะเลือด ตรวจฉี่ ผมกับเพื่อนใหม่ผ่านมาหมด เหลือแต่ตอนเจาะเลือดซึ่งมีโต๊ะหมอหลายคน หลายโต๊ะ ผมนั่งต่อคิวมองพวกที่กำลังโดนเจาะเลือดด้วยความสยองขวัญ หน้าซีดตาม ๆ กัน รอคิวนานมาก เนื่องจากพอใกล้จะถึงคิว พวกผมก็เดินออกไปเข้าห้องน้ำบ้าง หาอะไรกินบ้าง ไม่อยากโดนเจาะเลือดอ่ะ ......รอจนคนใกล้จะหมด อาการไม่อยู่สุขของพวกผมก็เริ่มแล้ว......เรานั่งเล็งหนุ่ม ๆ คณะอื่นที่ออกมาจากห้องเอ็กซเรย์ บางคนก็เดินถอดเสื้อ บางคนก็ไม่ติดกระดุมออกมา เม้าธ์กันเสียงดัง หัวเราะคิก ๆ คัก ๆ เข้าขากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ......พวกเราสังเกตว่ามีผู้ชายที่นั่งฝั่งตรงข้ามมองมาทางพวกผมบ่อย ๆ และแอบอมยิ้มเวลาพวกผมคุยกัน.....มีลางสังหรณ์ว่านี่ต้องเป็นเพื่อนสาวอีกคนแน่ ๆ อีเต็มเข้าไปตีซี้ก่อนเลยครับ......ได้เพื่อนมานั่งเม้าธ์เพิ่มอีกคน.....ชื่อนัน เป็นเด็กม. ปลายโรงเรียนต่างจังหวัด ดูเงียบ ๆ แต่พูดออกมาแต่ละคำทำเอาพวกผมสะอึก มันเป็นคนมีความคิด มีเหตุผล และรู้ไปซะทุกอย่าง ท่าทางเรียนเก่งด้วย........
........ไม่เห็นจะเจ็บอย่างที่กลัวเลย มันแค่สยองตอนเอาเข็มทิ่มเข้าไปที่เส้นเลือด แต่ตอนนั้นผมมัวแต่หัวเราะกับเพื่อน ๆ ที่เข้ามาให้กำลังใจถึงโต๊ะ อยู่ดี ๆ คุณหมอก็เอาเข็มแทงจึ๊กเข้าไป ผมสะดุ้ง แต่ร้องไม่ออก เพราะมัวแต่หัวเราะค้างอยู่ แป๊บเดียวก็เสร็จ อีพวกนั้นก็โดนเหมือนผม......แต่ละนางพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เจ็บ และนี่ก็เป็นครั้งแรกของทุกคนที่โดนเจาะเลือดที่แขน (ปกติจะโดนเจาะที่ปลายนิ้วหาเชื้อไข้เลือดออกอ่ะครับ)......
*
*
.......ตอนเดินคุยกันออกมาจากสถานที่ตรวจร่างกาย.....กุ้งตาไวกว่าเพื่อน เรียกพวกผมดูผู้ชายคนนึงที่กำลังเดินเลี้ยวสวนเข้ามา หันสิคับ ทันทีเลยแหละ.....อ้าว....นึกว่าใคร ไอ้แว่นคนเดิมที่ผมเจอเมื่อวันสอบเข้านี่เอง.....มันพยักหน้าให้ผมนิดนึง อีพวกนั้นงง ผมเลยเล่าให้ฟังว่าไม่รู้จักกันหรอก แค่เคยคุยกันเท่านั้น อีเต็มรีบจองไว้ก่อนเลย.....อืม....พอใส่ชุดนักศึกษาแบบนี้แล้ว เค้าน่ารักดีนะ ผมคิดในใจ .....
“.......ไปหาอะไรกินกันก่อนมั๊ย.....” ผมชวนพวกนั้นในรถ
“.......คนขับจะพาไปไหนก็ไปหมดแหละ.....” อีกุ้งพูด
“.....ไปกินแถวห้องนันเหอะ.....” อีเต็มพูดเสียงกระตือรือร้น
“.....รู้นะ....ทำไม.....” นันพูดเรียบ ๆ ตามสไตล์ ใคร ๆ ก็รู้ว่าแถวอพาร์ทเม้นท์ที่อีนันพักมีแต่ผู้ชายหน้าตาดี ๆ ทั้งนั้น
“.....อีหื่น......” ผมกัด
“.....อ้าว อีนี่ หรือพวกมึงไม่ชอบ......”
“....แต่กูว่า เบา ๆ ลงหน่อยก็ดี เราไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว.....อีกอย่างสังคมไทยยังไม่ยอมรับพวกเรานะโว้ย....................” อีนันเริ่มพูดเข้าหลักการ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“......ถ้ากูเป็นผู้หญิง.....คนที่กูรักก็คงไม่ลำบากใจที่จะคบกูหรอก.....” ผมรำพึงเบา ๆ
“......แหม.....ถ้าแฟนมึงเป็นเกย์ ต่อให้ผู้หญิงสวยแค่ไหน เค้าก็ไม่เอาหรอก......ถ้าเอาก็แค่ตบตาคนอื่น......” อีกุ้งพูด คนอื่น ๆ ก็เม้าธ์กันเรื่องนี้
“......แล้วนี่ พวกมึงว่าคนในคณะเค้าจะรู้มั๊ยว่าพวกเราเป็นอย่างนี้.....” ผมถามทะลุกลางปล้อง
“.....ไม่เห็นต้องแคร์เลย....” อีเต็มยักไหล่
“.....อืม....เป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่สุด.....” อีนันรับคำ
“.....ช่ายยยยย......จริง ๆ แล้วพวกมึงก็ไม่ได้สาวอะไรกันมากนี่หว่า ตอนเห็นครั้งแรกกูยังดูไม่รู้เลย......” อีกุ้งพูดบ้าง
“......แต่อย่าให้มารวมกลุ่มกันอย่างนี้เชียวนะ......แข่งกันสาวซะ.....” อีพวกนั้นมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
**************************************************************************
......กลับมาแล้วครับ เริ่มต้นเบา ๆ กับการแนะนำเพื่อนใหม่ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ทะเลาะกันบ้าง งอนกันบ้าง แต่จริงใจ.......ความรู้สึกแตกต่างกับตอนที่เรียนพาณิชย์คบกับเพื่อนผู้หญิง ไม่ใช่พวกมันไม่ดีนะ แต่มันดีคนละอย่าง......เพื่อนเกย์เนี่ย ผมสามารถเล่าทุกเรื่องได้โดยไม่ขัดเขิน คำพูดบางคำก็พูดได้คล่องปาก ชอบ ไม่ชอบอย่างเดียวกัน คุยกันรู้เรื่องกว่า......ใครที่มีเพื่อนผู้หญิงเยอะอาจจะเคยรู้สึกอย่างผม.......
ขอบคุณมากๆๆคับพี่เอ้