มาต่อแล้วครับป๋ม
เชียร์วุธกันใหญ่ไม่สงสารโยบ้างเหรอ
คะแนนวุธนำโด่งเลย ไปอ่านกันเลยครับ
9 I don’t know what I’ve done wrong?
“หน้าตามีความสุขนะมึง”
อีนัททักทันทีที่เห็นหน้าผมเดินเข้ามาในซุ้มประจำกลุ่มตอนเช้า
“คนกำลังมีความรักก็อย่างนี้แหละ” ผมตอบเชิด ๆ
“พวกมึงก็เหมือนกันแหละ....เมื่อวานกลับกันกี่โมงล่ะ”
“หลังมึงแป๊บเดียวเอง....อีเอ้...กูถามหน่อยเหอะมึงจะเอาไอ้โยเพื่อนเก่ามึงจริง
ๆ เหรอ” อีตาลถาม ผมก็งงที่จู่ ๆ มันถามแบบนี้
“ถ้ามันเอากู กูก็เอาสิวะ.....เออ แล้วมึงถามทำไมอ่ะ”
“เปล่า....ไม่มีอะไร.....นี่มันโทรมาคุยกับมึงทุกคืนเลยเหรอ”
“แค่สองคืนเท่านั้นแหละ แต่ว่าวันนี้มันบอกว่าจะโทรมาอีก”
ผมแกล้งทำท่าเขิน
อีอ๋ามันเอื้อมมือมาดีดหูผม “โอ๊ยอีห่า...เจ็บนะ
อีชะนีดง.....เป็นไงล่ะมึงเมื่อวานไอ้แม็คคลำทางกลับบ้านถูกปะ”
“พวกมึงดูอีเอ้มันว่าไอ้แม็คที่รักกูตาบอด” อีอ๋าหาพวก
“ไม่หรอก....มันคงตาสั้นอ่ะ” อีตาลกัด
“กูว่ามันคงเอาตาตุ่มมองมึงอ่ะ” อีนัทช่วย
“No กูว่าตาปลามากกว่า” ผมสรุป
“อู๊ยยยย อีดอก อีตุ๊ดอินเตอร์” อีอ๋ามันด่าผม
ไม่โกรธครับเป็นเรื่องปกติที่เราด่ากันอย่างนี้
“เออ ๆ นี่พูดถึงเรื่องอินเตอร์ พรุ่งนี้กูต้องไปสมัครเรียนภาษาอังกฤษที่
XXX
ใครจะไปเรียนกับกูมั่ง”
ทุกคนส่ายหน้ากันทันทีเหมือนผมชวนพวกมันไปตายยังไงไม่รู้
“เริ่มเรียนเมื่อไหร่วะ” อีแจนถาม
“พอสอบเสร็จวันต่อไปก็เริ่มเลย....พ่อกูจัดการทุกอย่าง” ผมบ่น
“อย่างนี้มึงก็ไม่ได้ทำงานกับพวกกูอ่ะดิ” ผมพยักหน้าเบา ๆ
“ช่วงปีใหม่กูจะขอพ่อกูไปทำงานห่อของขวัญกับพวกมึงแทนละกัน”
“แล้วงานวันเสาร์-อาทิตย์ล่ะมึง” อีตูนถามถึงงาน part time
ที่ผมทำทุกสัปดาห์ใน supermarket กับพวกมัน
“กูกะว่าจะลาออกตอนสิ้นเดือนอ่ะ”
“ทีนี้มึงก็มีเวลาอยู่กับผู้ชายทั้งวันแล้วดิ”
อีอ๋าวกเข้ามาเรื่องผู้ชายอีกแล้ว
“อีหื่น....กูคุยกันแค่ในโทรศัพท์ก็พอแล้ว”
“แล้วคืนละกี่ชั่วโมงล่ะ”
“สาม” ผมตอบสั้น ๆ แต่เพื่อนผมอ้าปากค้าง
“แล้วมึงคุยอะไรกันวะ....ไอ้นพมันก็โทรหากูนะ แต่คุยไม่นานขนาดนั้นว่ะ”
อีแจนถาม ผมก็เล่าให้ฟังหมดไม่มีอะไรปิดบัง
แต่เรื่องที่วุธไปส่งผมเมื่อวานผมยังต้องปิดไว้อยู่
*
*
*
วันนี้เพื่อน ๆ ผมมีนัดกับบรรดาแฟนมันอีกแล้ว ฝนก็ทำท่าจะตก
พอออกมาจากโรงเรียนอีพวกนั้นก็ถลาเข้าไปหาแฟนมันกันหมด
เหลือผมที่ต้องเดินห้อยท้ายคนเดียวอีกแล้ว วุธเอารถหลวงพี่มันมาเหมือนเดิม
ผมกับวุธไม่ได้ทักทายกันเลยพอผมจะอ้าปากทัก มันก็หันไปคุยกับเพื่อนมัน
ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรก้มหน้าก้มตารื้อของในกระเป๋าแก้เก้อ เงยหน้าขึ้นมาอีกที
ไอ้พวกนั้นก็กระโดดขึ้นกระบะหลังเรียบร้อยแล้ว
ผมก็ต้องขึ้นไปนั่งหน้ากับวุธตามระเบียบ
......แปลกแฮะ....มันไม่พูดกับผมซักคำ
ผมก็ไม่เริ่มคุยกับมันก่อนด้วย
ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าเราจะไปไหนกัน
เพราะเมื่อตอนกลางวันพวกเพื่อนผมมันบอกแค่ว่ามันนัดกับพวกผู้ชายเอาไว้
ผมมันประเภทไปไหนไปกันไม่ถามให้มากความ รถแล่นไปเรื่อย ๆ
ผมก็รู้ด้วยตัวเองว่ามันกำลังมุ่งหน้าไปบ้านไอ้ตั้ม....แล้วมันไปทำอะไรกันวะ
ผมคิดในใจ สักพักก็มาถึงบ้านตั้ม
ยังไม่ทันที่อีแจนจะลงจากรถเป็นคนสุดท้ายเพราะมัวแต่ห่วงกระโปรงจะแหก
ฝนที่ตั้งเค้ามานานก็เทกระหน่ำลงมาจนอีแจนรีบกระโดดดังตุ๊บ
ทุกคนขำกันใหญ่อีแจนมันกลัวฝนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ใช่กลัวเป็นหวัดนะครับ
แต่กลัวผมเปียกแล้วมันจะฟู พวกเรารีบวิ่งเข้าบ้านถอดรองเท้าล้างไม้ล้างมือ
ผมเพิ่งสังเกตุว่าไอ้วุธมันยังไม่ลงจากรถ
มองฝ่าสายฝนออกไปเห็นมันนั่งนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่
ผมมองซ้ายมองขวาไม่มีใครอยู่แถวนี้
หันไปเห็นร่มที่ข้างประตูก็คว้ามากางแล้วเดินออกไปที่รถ
ก๊อก ๆ ผมเคาะกระจกมันสองที มันหันมาแล้วเลื่อนกระจกลง
“ทำอะไรอยู่....ทำไมไม่เข้าบ้านอ่ะ” ผมถามทำหน้าตาเรียบ ๆ
เหมือนไม่อยากคุยกับมัน
“กำลังจะไปแล้ว” มันเลื่อนกระจกขึ้นแล้วเปิดประตูออกมา
ผมก็รีบเอาร่มไปกางให้มัน (เป็นไปเองนะครับไม่ได้ตั้งใจเป็นคนดีหรอก)
มันมองหน้าผมนิดนึงแต่ก็ยอมเข้ามาในร่มแต่โดยดี
เราเข้ามาในบ้านก็ยังไม่คุยกันอีก บรรยากาศข้างนอกอึมครึมทั้ง ๆ
ที่มันเพิ่งจะห้าโมงกว่า ๆ เอง
แต่บรรยากาศระหว่างผมกับวุธมันดูตึงเครียดยังไงก็ไม่รู้
หลายครั้งที่เราสบตากันด้วยความไม่ตั้งใจ (หลายครั้งจริง ๆ
หันไปที่ไรก็เจอ
บางครั้งผมก็แอบมองมันแล้วมันหันมาผมก็หลบไม่ทันอ่ะดิ)
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อวานมันยังดี ๆ อยู่เลย
แต่จะให้ผมไปพูดกับมันก่อนผมก็ทำไม่ได้
ตอนนี้อีพวกคู่รักทั้งสามคู่อัดกันอยู่ในครัว
ไอ้ตั้มเจ้าของบ้านกับอีตาลนั่งหั่นหมูหั่นผักเตรียมทำกับข้าวง่าย ๆ
กินกัน..
...คู่อีนัทยืนปอกมะม่วงดิบมันจะทำน้ำปลาหวาน.....คู่อีอ๋าทำอะไรไม่เป็นก็ได้แต่ช่วยหยิบจับนิด
ๆ หน่อย ๆ
มันอาสาเป็นคนเก็บล้างตอนพวกเรากินเสร็จ......ผมเพิ่งจะรู้ตอนที่มาถึงนี่ว่าพวกมันนัดกันไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว......คู่อีแจนนี่เค้าอยู่ในห้องรับแขกเพราะอีแจนไม่ชอบเข้าครัวกลัวผมเหม็น
สวีทกันมากนั่งดูวิดีโอกระหนุงกระหนิง
(สมัยนั้นวีซีดียังไม่ค่อยมีน่ะครับ)
ส่วนผม....กับวุธเหรอ นั่งกันคนละทิศเลย ผมอยู่หน้าบ้าน มันอยู่หลังบ้าน
พอผมเดินไปดูเพื่อน ๆ ในครัวเจอมันแถวนั้น มันก็เดินออกไปหน้าบ้าน
ผมอึดอัดมาก
อยากจะกลับบ้านเดี๋ยวนั้นเลย แต่ฝนตกหนักอย่างนี้คงออกไปลำบาก
ซักพักผมเห็นไอ้วุธเดินไปเข้าห้องน้ำ
ผมก็เลยไปนั่งหลบมุมอยู่หน้าบ้านตรงม้าหินอ่ะครับ
ไม่นานนักไอ้วุธก็เดินออกมามันชะงักเมื่อเห็นผม
แต่ยังเดินทำหน้าเฉยเข้ามา.....มันเดินเลยผมไปทางตู้ปลาข้าง ๆ
“วุธ....” ผมตัดสินใจเรียกมัน....เงียบ.....”วุธ”
ผมลองอีกทีเสียงดังขึ้นนิดนึง ผมได้ยินเสียงตอบรับในลำคอ แต่ไม่หันมา
ผมก็เลยเงียบมั่ง ไม่ถึงสองนาทีมันก็หันมาเจอผมที่กำลังจ้องมันอยู่
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถาม
“เปล่า” มันตอบสั้น ๆ แล้วหันกลับไปสนใจกับปลาต่อ เท่านั้นแหละครับ
ตบะแตก
ผมลุกพรวดเข้าไปในบ้านโชคดีที่คู่ของอีแจนไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว โกรธมาก
หาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมมันต้องทำท่าเย็นชาอย่างนี้
ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด หรือทำให้มันเสียใจ ผมทำดี
พูดดีกับทุกคนอาจจะมีกัดกันบ้างแต่นั่นมันก็รู้กันว่าผมล้อเล่น
ระหว่างที่กำลังเก็บของผมได้ยินเสียงเดินเข้ามาในบ้านเป็นใครไม่ได้หรอกครับนอกจาก......
“จะไปไหน” มันถามเสียงเบา ผมไม่ตอบ ก้มหน้าเก็บของต่อทั้ง ๆ
ที่มันไม่มีอะไรมาก แค่สมุดหนังสือ 2-3 เล่ม กระเป๋าเล็ก ๆ ใส่พวกปากกา
กระปุกแป้งเด็ก
ผมกะว่าจะขอถุงพลาสติกตั้มมาใส่กันฝนไม่ให้สมบัติผมเปียกอะครับ
ของคงไม่เปียกแต่ขอบตาผมเริ่มเปียกซะแล้ว
น้ำตาผมมันคลอจนแทบล้นออกมานอกขอบตา
“ฝนตกหนัก.....จะกลับยังไง” ผมไม่ตอบอีก....และมันก็จับแขนผมเขย่า
ผมหันไปมองหน้ามันพยายามไม่ให้น้ำตาไหล แต่พอเงยปุ๊บน้ำตาก็หยดปั๊บ
หน้ามันเหวอไปเลยครับ คงตกใจที่เห็นผมร้องไห้
ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมแค่นี้ต้องร้องด้วย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
“ร้องไห้ทำไม” มันเอื้อมมือมาจะเช็ดน้ำตาให้ผม ผมสะบัดหน้าหนี
“เป็นอะไรเนี่ย......พูดดิ” มันหงุดหงิด ผมไม่สนใจเดินเข้าห้องน้ำ
พอเห็นสภาพตัวเองในกระจกแทบรับไม่ได้ ตาแดงก่ำเลยครับ
ผ้าเช็ดหน้าก็ดันอยู่ในกระเป๋าอีก หันไปเจอทิชชู่เช็ดตูด
เอานี่แหละวะเช็ดหน้าเช็ดตา ผมล้างหน้าให้ดูสดชื่นขึ้น มันก็โอเคนะครับ
แต่แววตาของผมก็ยังเศร้าอยู่
สักพักก็มีเสียงเคาะประตูตามด้วยเสียงอีอ๋าตะโกนเรียก
ผมรับคำแล้วเปิดประตูออกมา โห ทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันมองผมเป็นตาเดียว
“เฮ้ย....เอ้ มึงเป็นอะไรมากรึเปล่าวะ” อีนัทถามเสียงกังวล ผมงง
“มึงกลับก่อนก็ได้ เดี๋ยววุธไปส่ง” อีแจนพูดต่อ
“อะไรของมึง” ผมงง
“ก็ไอ้วุธบอกว่าเอ้ไม่สบาย....เนี่ยไอ้วุธไปสตาร์ทเครื่องรอแล้ว....”
นพบอกในมือมันมีกระเป๋าผมด้วย
“เราไม่ได้เป็นอะไร” ผมสั่นหน้าแรง ๆ
“หิวเว้ย....กูจะได้แดกข้าวเย็นปะเนี่ย”
ผมเปลี่ยนเรื่อง หันไปถามอีนัท
“มึงไม่เป็นไรแน่นะ”
“แหกเนตรดูสิมึง.....กูไม่เป็นไรง่าย ๆ หรอก I will survive”
ผมแกล้งทำตัวสดใสร่าเริง.......เพื่อนผมหน้าเจื่อน ๆ
ก็มันรู้นี่ครับว่าผมไม่ได้โอเคอย่างท่าทาง
เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานก็ต้องรู้อยู่แล้ว
“เออ ๆ เดี๋ยวกูไปทำกับข้าวต่อล่ะกัน” อีตาลจูงมือตั้มทำท่าลากไปห้องครัว
“เฮ้ยตาล.....ไม่ต้อง กูทำเอง ขืนรอพวกมึงสามทุ่มก็ไม่ได้แดก”
ผมเดินแซงมันไป
“ก็ดีเหมือนกัน....ของเตรียมไว้ให้แล้วนะเอ้”
ไอ้ตั้มยิ้ม....ก็คงรู้อยู่ว่าถ้าทำเองคงกินไม่ได้
“จัดโต๊ะรอได้เลย....ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเสร็จ”
*
*
*
กับข้าวที่ผมทำวันนั้นมี ต้มยำปลากระป๋อง ไข่เจียวหมูสับ ผักบุ้งไฟแดง
ส่วนน้ำปลาหวานผมไม่ทำเพราะมันจะเหม็นติดเสื้อผม ผมเลยทำพริกกะเกลือ
แถมแบบใช้กะปิอีกถ้วยเล็ก ๆ ระหว่างที่ผมทำกับข้าวอย่างขะมักเขม้น
ไอ้วุธก็เดินป้วนเปี้ยนไปมาอยู่หน้าห้องครัว ผมไม่สนใจเลยซักนิด
พอผมเผลอมันเดินมาที่ตู้เย็นที่ผมยืนอยู่ ผมก็เดินไปล้างมือ
พอมันเดินมาที่ซิงค์ ผมก็เดินไปที่เตา มันทำท่าจะเดินตามผมก็เคาะกระทะดัง
ๆ
กะว่าให้เพื่อน ๆ ผมเข้ามาด่า ได้ผลครับมันเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปเลย
และแล้วอาหารเย็นง่าย ๆ ก็เสร็จด้วยมือผม
ทุกคนกินกันอย่างรวดเร็วเหมือนแร้งลง
คงจะหิวมาก ฝนก็ยังตกหนักสลับกับปรอย ๆ .....ทันทีที่อีอ๋ามันล้างจานเสร็จ
ผมก็บอกลาทุกคนไม่เว้นแม้แต่วุธเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย วุธมองหน้าผมแบบงง
ๆ
ไม่มีใครทัดทานผมเพราะผมพูดด้วยเสียงและคำพูดทีบอกโดยนัยว่ายังไงกูก็จะกลับ
ไอ้พวกผู้ชายมันก็คงไม่รู้เรื่อง
แต่เพื่อนผมนี่รู้เลยว่าผมมีอะไรผิดปกติแล้ว
หางตาผมเห็นวุธลุกลี้ลุกลนมองมาบ่อย ๆ
ตั้มจะให้ยืมร่มแต่ผมขอแค่ถุงใส่กระเป๋าไม่ให้เปียกก็พอ
*
*
ผมเดินออกมารอรถสองแถวที่หน้าปากซอยบ้านตั้ม ฝนตกขนาดนี้น้ำท่วมด้วย
รถในซอยก็ติดไม่แพ้ถนนใหญ่
พยายามหลบในที่ร่มแล้วแต่ฝนก็ยังสาดมาโดนตัวจนได้
ผมรู้สึกหนาวจนตัวสั่น.....จะขึ้นแท็กซี่ก็ไม่มีว่างซักคัน เอาแล้วไง
รถกระบะสีบล็อนด์คันคุ้นตากระพริบไฟอยู่ไม่ไกล
ผมถอยหลังหนีไม่ให้ไอ้คนขับเห็น
ไม่ทันแล้วครับมันเห็นผมแล้ว รถติด ๆ
อย่างนี้มันลงจากรถมาหาผมถึงฟุตปาทเลยครับ
“ไปขึ้นรถ....” มันพูดเสียงแข็ง
ผมยิ่งโมโหเดินกอดกระเป๋าหนีมัน...ตากฝนก็ยอมวะ
“บอกให้ขึ้นรถไง” มันจับแขนผมลากขึ้นรถ ผมสะบัดก็ไม่หลุด
คนเริ่มมองกันแล้ว
“ไม่ไป.....มึงจะพากูไปไหน” ผมพูดเสียงดังให้คนมอง กะว่าให้มันอาย
“กลับบ้าน....ไอ้น้องเหี้ย....บ้านช่องไม่กลับ ไม่ห่วงพ่อแม่มั่งไง”
นอกจากมันไม่อายแล้วมันยังทำให้คนมองผมมากขึ้นอีก
“กูไม่ใช่น้องมึง.....ไม่ปายยยยยยยยยย” ผมแหกปาก “โอ๊ย” ผมร้อง
ก็ไอ้วุธมันตบกบาลผมน่ะดิ รถเริ่มเลื่อนแล้ว
“จะไปดี ๆ หรือจะให้อุ้มไป” มันขู่ผม
ตัวมึงก็ไม่ได้ใหญ่กว่ากูซักเท่าไหร่
อุ้มไหวก็อุ้มดิ ผมคิดในใจ.....มันฉุดกระชากลากถูผมไปจนใกล้ถึงรถ
แล้วมันก็อุ้มผมจริง ๆ แต่ไม่ได้อุ้มแบบในหนังในละครนะครับ
มันช้อนใต้แขนผมแล้วล็อกตัวลากขึ้นรถไปเลย พอมันปล่อย ผมก็ทำท่าจะลง
มันชี้หน้าผมทำท่าโหด ๆ (ลองคิดสภาพเด็กช่างชี้หน้าดิ มันน่ากลัวมาก ๆ
ผมคิดว่าเดี๋ยวค่อยหาทางลงก็ได้)
*
*
*
“ขอโทษ” มันทำลายความเงียบ “เจ็บมั๊ย” มันเอื้อมมือมาจะจับหัวผม
ผมเอนตัวชิดประตูทันที
“ทำไมดื้ออย่างนี้อ่ะ” ผมไม่พูดกับมัน ไม่แม้แต่มองหน้ามัน
ได้ยินมันถอนหายใจเฮือกใหญ่
“คนเราทำอะไรไปมันก็มีเหตุผลทุกคนนะเอ้....แต่บางที....มันก็แค่อารมณ์อยากสนุก
ไม่ได้ตั้งใจทำให้ใครรู้สึกไม่ดี เราไม่ได้โกรธหรือเกลียดเอ้นะ
แต่เรามีเหตุผลของเราที่ไม่คุยกับเอ้วันนี้” ตาไม่มองมันแต่หูผมก็ฟังอยู่
มันถอนหายใจอีกที “ซักวันเอ้ก็จะรู้” มันพูดเสียงเบา
“ไม่อยากรู้หรอก.....ถ้าไม่คิดว่านายเป็นเพื่อนของแฟนพวกไอ้แจนนะ......”
ผมเว้นไว้
“ทำไม” มันเสียงแข็งอีกแล้ว
“หึ.....หน้านายเราก็ไม่อยากมอง”
“ใช่ดิ....เรามันเด็กช่าง ไม่ใช่เด็กมอปลาย เรียนเก่ง แต่งตัวหรู ๆ
พูดเพราะ ๆ
เที่ยวห้างดัง ๆ เด็กช่างน่ะมันไม่มีอะไรดีซักอย่าง เรียนก็ไม่เก่ง เถื่อน
ถ่อย
สกปรก พูดดี ๆ ไม่เป็น เกเร ไม่มีใครอยากจะสนใจ แม้แต่คนที่บ้าน
ก็จ้องจะจับผิด” มันระบายอกมาเป็นชุด
ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ เราคนนึงแหละที่ชอบเด็กช่าง
เปล่าผมไม่ได้พูดอย่างนั้น
ผมแค่คิดในใจ แต่ที่ผมพูดน่ะเหรอ
“รู้ตัวก็ดี.....เถื่อน ถ่อย ชอบใช้กำลัง ไม่มีความคิด ถ้าทำตัวยังไง
คนก็มองอย่างนั้น” ผมพูดลอย ๆ
“ขอโทษนะ ขอโทษจริง ๆ ไม่ต้องยกโทษให้ก็ได้ เพราะมันคงไม่มีประโยชน์อะไร”
“อืม” ผมรับคำสั้น ๆ “เราไม่เคยใส่ใจกับอะไรที่ไร้สาระหรอก”
ตอนนี้ใกล้ถึงปากซอยบ้านผมแล้ว “ทุกอย่าง....จบ”
ผมหมายถึงเรื่องที่ผมโกรธ
“โอเค....จบแล้ว....แต่เราขอพูดอะไรกับเอ้อีกนิดได้มั๊ย”
มันเปิดไฟเลี้ยวจะเข้าซอยบ้านผม
“เสียเวลาเปล่า ๆ เรารีบกลับมีคนรออยู่....มันไม่มีประโยชน์อะไรไม่ใช่เหรอ.....
ขอเราลงตรงนี้เลยล่ะกัน“ ไม่ทันที่มันจะพูดอะไรผมก็เปิดประตูลงมาเลย
(รถติดไฟแดงอ่ะครับ) ตั้งใจที่จะไม่ขอบคุณมัน ก็ไม่ได้เต็มใจมาด้วยนี่นา
ผมเดินไปขึ้นแท็กซี่คันข้างหน้าที่ติดไฟแดงอยู่
กะจะขึ้นมอไซค์แต่ฝนยังตกหนัก ผมนั่งเอนตัวลงเหมือนคนหมดแรง ถอนหายใจเฮือกใหญ่จนคนขับต้องมองหน้าผมทางกระจกหลัง เมื่อกี้นั่งมากับไอ้วุธผมเกร็งซะปวดเมื่อยไปหมด ผมพยายามที่จะไม่คิดถึงมันอีก.....ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง (จริง ๆ แล้วก็หันแหละ ตอนใกล้ถึงบ้าน แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันจะตามมาอ่ะ) สะใจ แต่นึก ๆ ดูก็ใจหายกลัวมันโกรธอยู่เหมือนกัน

********************************T********B*********C****************************************

ขอบคุณพี่เอ้มากมายคับป๋ม
แล้วเจอกันนะครับ