การเดินทางของศิลากับฟ้าคราม : เส้นทางสุดท้าย (.....สู่บทสรุป)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: การเดินทางของศิลากับฟ้าคราม : เส้นทางสุดท้าย (.....สู่บทสรุป)  (อ่าน 242933 ครั้ง)

nartch

  • บุคคลทั่วไป
 :-[
จบแล้วววววว สวยงามครับบบบ ติดตามกันมาตั้งแต่ภาคแรก... เสียน้ำตากันตามอัตภาพ... :m15:
และดีใจมากมายยยยที่จบลงด้วยความประทับใจแบบนี้.....เชื่อสิ โลกยังมีความรักที่สวยงามเสมอ...
...ความรักที่งดงามล้วนต้องผ่านการทดสอบ.... :teach:
 :m26:
ชอบเนื้อเรื่องที่พาพวกเราร่วมเดินทางไปกับศิลาและฟ้าคราม...ได้ท่องเที่ยวไปพร้อม ๆ กัน...
ได้ติดตามการเดินทางของชีวิตทั้งคู่...ยามเจอเรื่องราวร้าย ๆ ก็ห่วง ก็เศร้า เหงาและเสียใจไปพร้อม ๆ กัน
แอบอมยิ้ม เขิน หรือ....ยามสเมิร์ฟกัน... ไม่ได้หื่นนนน อย่าเอาผมไป vote สาขานี้นา... :try2:
คิด ๆ ไปแล้วก็ใจหาย ยามที่เรื่องราวที่เราติดตามกำลังจะปิดตัวลง.... :เฮ้อ:
 o14 o15
ขอบคุณมากมายยยยกับการสละเวลานำเรื่องราวดี ๆ มาให้ได้ติดตามกัน +ความน่ารักให้เพิ่มเติม...
ติดสินบนไว้ล่วงหน้า เพื่อให้นำเรื่องใหม่ ๆ มาเสนอให้เพื่อน ๆ ในบอร์ดต่อไป.... :m13:

ปฐพีโอบอุ้มน้ำ...ฟากฟ้าครามงามวิไล
หมู่เมฆาประดับไซร้...ชื่นฉ่ำใจได้เฝ้ามอง
ตามติดชีวิตคู่...เริ่มเฝ้าดูยามเศร้าหมอง
สานรักสองคู่ครอง...หวังทั้งผองสุขนิรันดร์

 :m1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2007 12:46:37 โดย nartch »

ออฟไลน์ ~prince™~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +161/-2





                              ............................จบได้อย่างซาบซึ้ง..........................  :m2:

                             ...................................กินใจ...................................... o7

                             .................................ประทับใจ.................................. :impress:

                             ......................และอบอุ่นใจมากเลยคับ......................... :o8:




....................อยากจะบอกว่าผมชอบเรื่องนี้มากๆคอยติดตามอ่านมาตลอดตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคนี้..............

....................ชอบการใช้ภาษาและความหมายของความรักที่คนเขียนได้เรียงร้อยออกมาซาบซึ้งมากคับ.........

.....................เกินคำบรรยายจริงๆอ่านแล้วอยากจะร้องไห้เพราะความซาบซึ้ง.....ชอบจิงๆคับ.........................


.................ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้นะคับ.....ขอบคุณที่ทำให้ผมได้อ่านเรื่องที่ดีๆ........ขอบคุณครับ.. o1







gobgab

  • บุคคลทั่วไป

...........ง่ะ... :o8:....อิจฉาจังเลย...........

..........“วันต่อไปจะมีกันหรือไม่ ไม่สำคัญ  วันนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุด ที่เรา - - มีกันและกันก็พอ”

.........ขอบคุณพี่ต้นนะคับ......เขียนได้ประทับใจจัง........... o15 o14

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ จบไปแบบประทับใจอีกเรื่อง  :impress:  :impress:  :impress:
ขอบคุณคนแต่ง สำหรับเรื่องราวดี ๆ  o15
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ จะรอติดตามผลงานต่อไปน้า  o1

t_warawut

  • บุคคลทั่วไป
ขอชื่นชมจากใจจริงครับ ว่า "เยี่ยมมาก" ครับ

นอกจากเรื่องนี้ ภาษาจะสวย ตัวละครมีมิติ มีเหตุผลและที่มาที่ไปของการกระทำแล้ว  ผมขอชื่นชม ที่คุณทำการบ้านมาดีมาก เกร็ดความรู้ต่างๆ  ที่สอดแทรก เข้ามา มันทำให้รู้ว่า คุณใส่ใจรายละเอียดทุกส่วนของเรื่อง มันทำให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น


ขอบคุณนะครับ ที่ทำให้ผมได้อ่าน เรื่องๆ ดี เช่นนี้


จะติดตามผลงานชิ้นต่อไปนะครับ




ปล.  พีมาคุยไรกับเมฆครับ....ยังอยากรู้อยู่นะครับ อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2007 21:03:39 โดย t_warawut »

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
จบแบบซึ้งมากเลยคับ ประทับใจจิงๆเลย จะรอบทสรุปนะคับ


Givesza

  • บุคคลทั่วไป
จบซะแล้วอ่ะน่ะ.....แต่ก็ แฮปปี้ๆ ๆ ๆ ชอบๆค่ะ ไม่แสดงความเห็นหละ :impress:
เค้าเขียนกันหมดเปลือกหละ พี่ต้นเขียนได้แบบว่า...สุดย๊อดดดดดดดด มาก๊อดแนส อิอิ สลิตอังกฤษแหมหละ :try2:
ว่างๆมาแอ่วเจียงใหม่น่ะ แล้วจะพาเที่ยว อิอิ........ อิจฉา เมฆกับซัน....อยากได้.....ซักคน อิอิ :m10:
ขอบคุณนะคะ ที่แต่งเรื่อง....แบบสุดยอดอ่ะ แถม.ขอบอกว่าพี่ต้นเข้าใจคนอ่านมากเลยค่ะ
พี่บรรยายได้ขนาดนั้นถ้าที่ทำให้มันจบแบบไม่แฮปปี้อ่ะนะ โกรธมากมาย..อิอิ โหวตค้า โหวตค้า o17
ปล. อยากไปเที่ยวด้วย....ไปด้ายป๊ะ อิอิ :m13:

sun

  • บุคคลทั่วไป
แหม ชมกันจนผมขนลุกเลยคับ คงม่ายขนาดนั้นมั๊งคับ แต่แค่ถ้าอ่านแล้วมีความสุขกันผมก้อดีใจคับ
 o14

ปล. sp นี่ไอ้ต้นไม่รู้จักอ่ะคับ  :m17: รู้จักแต่ sm  :m30:
ปล. ปากดีนะไอ้น้องชาย ว่าแต่สอบเสดเมื่อไหร่หวา กว่าจะมารีของกรูได้ จบพอดี  :angry2: เจอหน้าจะจับไปตัดสกินเฮดให้เข็ด
 


งั้น ซินจะอ่าน SM SM SM SM SM SM SM SM SM SM SM SMSM SM SM SM SM SM อิอิ

ออฟไลน์ Ex'ecuzě

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1016
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-1
เชียร์ด้วย ๆ ตาม คุณ sun
พี่ต้น ขอ sm sm sm sm sm sm sm sm sm sm
จะแต่ง รึว่า เรื่องกะพี่ทึ่ม ก้อด้ายนะ หึหึหึ  :o8:

ปล. ทุก ๆ คนอย่ายอตาต้นมากคับ เด๋วพี่แกตัวลอยอ้ะ ยิ่ง "สูง ๆ " อยู่ด้วย  :m20:

zest

  • บุคคลทั่วไป
ตามอ่านเรื่องของต้นมานานแล้ว
ตั้งแต่บอร์ดอื่น(คงรู้ว่าบอร์ดไหน)
อ่านแล้วหยุดไม่ได้ต้องตามอ่านจนจบตลอด
จบแล้วก็รอ
รอแล้วก็ได้อ่าน
มีความสุขเสมอที่อ่านเรื่องที่ต้นเขียน
ผมว่าพัฒนาการด้านการเขียนของต้นดีขึ้นเรื่อย
เรื่องนี้ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สื่อถึงอารมณ์ได้สุดจริง
เวลาเศร้าก็รู้สึกเศร้าตาม :m15:
เวลาสนุกก็สนุกจริงๆ :m4:
ได้ทุกอารมณ์จริงๆ

*** เขืยนเรื่องมาให้อ่านอีกบ่อยๆนะครับ ชอบ++ :m3: :m3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ไอ้ซูชิ

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ

ชอบความรักของคู่นี้มากครับ o13

ninaprake

  • บุคคลทั่วไป
Re: การเดินทางของŪ
«ตอบ #521 เมื่อ06-10-2007 07:24:13 »

ในที่สุดก้อได้อ่านของพี่ชายจนจบแร้น o7
ชอบมากมายเรยอ้ะ พี่ต้น ๆ คิดถึงน้า ๆ
ไว้ปายเที่ยวกานเท้อ (หลังสอบอ่ะ)
น้า ๆ ชวนพี่ปืน พี่วิก ปายด้วย น้า ๆ ๆ ๆ อยากเที่ยว (อยากมีคนเลี้ยง)  :o8:

ปล.หนึ่ง จามีใครในโลกนี้ เป็นแบบ ไคลน์ บ้างป่าวหว่า .... อยากเจอจางเร้ย  :undecided:
ปล.จ๋อง คุณ BlueWizard คับผม พี่ต้น แกทำบุญไม่ได้หรอกคับ หึหึ  :m19:

1. อยากเจอ อยากได้บ้างเหมือนกันนนนนนน o9  แต่ขอแบบซันกะเมฆน้า ชอบๆๆ
2. ทำไมต้นทำบุญไม่ได้เหรอคับ? แปลกใจๆ หรือจะเกี่ยวกะที่เป็น SM  o17 อิอิ ล้อเล่นน่า .... ต้นทำไม่ได้ก็ฝากผมทำก็ได้นะค้าบ  :a10:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2007 07:26:24 โดย BlueWizard »

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ขอเพียงเข้มแข็งและเชื่อใจกัน จะฝ่าฟันและคู่เคียงกันไปได้ตลอด

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวๆดีครับ
ทั้งเพลิดเพลินและได้ข้อคิดเตือนใจในการดำเนินชีวิต

อยากจะพบรักแท้สักครั้ง ก็ต้องมอบรักแท้ให้คนอื่นเสียก่อน
 :m11: :m11: :m11:

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
 o13  o13  o13  o13  o13
เอาไป 5 รอบสำหรับความเยี่ยมของนิยายเรื่องนี้เลยครับ ต้น

รู้สึกเสียดายมากๆที่ทันมาอ่านตอนครึ่งหลังแล้ว ใกล้จะจบ

ขอบคุณมากๆสำหรับเรื่องราวดีๆแบบนี้นะครับ ไม่ได้มีความรู้สึก "อิ่ม" แบบนี้มานานแล้ว

แต่เรื่องนี้ มันทำให้ผมยิ้มได้เวลาอ่านจริงๆครับ

สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  o1 (ข้าน้อยขอคารวะ)

ninaprake

  • บุคคลทั่วไป
ขอเพียงเข้มแข็งและเชื่อใจกัน จะฝ่าฟันและคู่เคียงกันไปได้ตลอด

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวๆดีครับ
ทั้งเพลิดเพลินและได้ข้อคิดเตือนใจในการดำเนินชีวิต

อยากจะพบรักแท้สักครั้ง ก็ต้องมอบรักแท้ให้คนอื่นเสียก่อน :m11: :m11: :m11:

..... แล้วจะรู้ได้ยังไงหล่ะครับว่า ... ใคร ... คือคนๆนั้น ที่เราสมควรจะมอบรักแท้ให้  o7 ยังไม่มีใครที่มองมากกว่าความเป็นเพื่อนอยู่รอบตัวเล้ยยยย  o7

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Epilogue

(หนึ่งปีผ่านไป.............)


ผมกำลังวิ่งเหยาะๆพร้อมกับเลี้ยงลูกบาสเอาไว้ในมือ เมื่อผมเข้าไปใกล้ใต้แป้นบาสมากขึ้นผมก็กระโดดลอยตัวขึ้นสูงพร้อมกับปล่อยลูกบาสให้หลุดออกจากมือแล้วไหลลอดห่วงไป ผมรีบเอื้อมมือไปคว้ามันกลับมาไว้ก่อนที่มันจะกลิ้งกระดอนไปไกลแล้วผมต้องวิ่งไปตามเก็บมันกลับมาอีก

“ผมว่าผมต้องกลับแล้วล่ะ” ผมหันไปบอกเพื่อนร่วมสนามของผมอีกสามคน แล้วก็โยนลูกบาสคืนให้กับแอนดี้

“อ้าว ทำไมกันล่ะ เหนื่อยแล้วรึไง” แอนดี้รับลูกบาสเอาไว้แล้ววิ่งเหยาะๆขึ้นไปกระโดดชู๊ตซะเอง

“หรือว่าวันนี้ต้องรีบไปไหนรึเปล่า” โคล หนุ่มผิวดำที่เล่นบาสกับผมเป็นประจำถามขึ้นบ้าง

“เปล่าหรอก แต่ว่าเย็นนี้ผมมีธุระนิดหน่อยน่ะ” ผมหันไปยิ้มให้กับเขา เดินมานั่งลงข้างริมสนามแล้วยกขวดน้ำขึ้นดื่ม

“อย่างนี้ท่าทางจะมีธุระสำคัญจริงๆแฮะ ถึงขนาดไม่อยู่รอคนอื่นๆมาจนครบเนี่ย” แอนดี้หัวเราะเบาๆ

“ช่าย ธุระทางใจน่ะ” ผมตอบออกไป ทำให้ทั้งสามคนหัวชอบใจกันยกใหญ่

ผมมองไปรอบๆกาย แดดร่มๆ ลมเย็นๆที่พัดมาอย่างต่อเนื่องช่วยให้ผมรู้สึกสบายขึ้นได้มาก ทั้งร่างกายแล้วก็จิตใจ....... เปล่า ไม่ใช่ว่าที่ผมมาเล่นบาสวันนี้นี่เป็นเพราะผมกำลังมีเรื่องกลุ้มใจอยู่หรอก ผมเองก็มาเล่นบาสที่นี่เวลานี้เป็นปกติอยู่แล้ว และมันก็ทำให้ผมได้รู้จักคนอื่นๆและมีเพื่อนเล่นมากขึ้นหลายคนด้วย เพียงแต่ว่าวันนี้ ตอนนี้ เวลานี้ ผมกำลังคิดถึงบางสิ่งที่มันอาจจะเปลี่ยนแปลงอนาคตและความรู้สึกบางอย่างในใจของผมไปได้ตลอดการเลยทีเดียว....... บางสิ่งที่เป็นก้าวสำคัญที่ผมเฝ้ารอคอยมันมานานแสนนานแต่ก็ยังอดรู้สึกกังวลไม่ได้เมื่อมันกำลังจะมาถึงเข้าจริงๆ

ผมลุกขึ้นยืนบอกลาทุกคน และเดินออกจากสวนสาธารณะประจำของเรากลับไปยังบ้านหลังที่ผมใช้พักอาศัยมามากกว่าหนึ่งปี และเมื่อผมเปิดประตูบ้านเข้าไป ผมก็ได้ยินเสียงห้าวๆเสียงหนึ่งที่ผมคุ้นเคยดังออกมาจากบนชั้นสองทันที

“แม่ อย่าลืมบอกไคล์ด้วยนะว่าพรุ่งนี้ให้มันเอากระเป๋าเป้ผมมาคืนด้วย”

ผมเดินไปหยุดอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกและเห็นแม่กุ้งกับพ่อเล็กกำลังเดินลงมาจากบันได

“จ้าๆ รู้แล้วน่า เดี่ยวยังไงคืนนี้แม่โทรกลับมาหาอีกที........เอ แต่คิดไปคิดมาไม่โทรดีกว่า” แม่กุ้งหัวเราะคิกคักทำเอาผมที่ได้ยินอดรู้สึกเขินจนหน้าแดงไปด้วยไม่ได้

“อ้าวเมฆ กลับมาจากเล่นบาสแล้วเหรอ” พ่อเล็กเป็นคนเห็นผมแล้วทักขึ้นมาก่อน

นับตั้งแต่ปีที่แล้วหลังจากที่เรากลับมาจากแกรนด์ แคนยอน ผมก็เริ่มเรียกป้ากุ้งว่าแม่ และเรียกลุงสันต์ว่าพ่อเล็กแทนคำว่าคุณลุง และมันก็มีความหมายว่าเขาคือพ่อคนที่สองถัดจากพ่อเอก พ่อแท้ๆของผมนั่นเอง

“ครับ เพิ่งกลับมาถึงเดี๋ยวนี้เอง ว่าแต่นี่จะออกไปกันจริงๆเหรอครับเนี่ย”

“ไปสิ วันนี้มันไม่ใช่วันของพ่อกับแม่นี่นะ” พ่อเล็กเดินลงมาจากบันไดแล้วตรงเข้ามาตบบ่าผมเบาๆพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “ตามสบายเลย คืนนี้บ้านหลังนี้เป็นของเราสองคนแล้ว”

ผมก้มหน้าเพราะความอายแต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มกว้างอยู่เช่นกัน ถึงยังไงๆผมก็ยังคงไม่เคยชินกับการถูกคนอื่นนอกจากพ่อของผมพูดตรงๆกับผมในเรื่องแบบนี้อยู่ดี

“อ้าว เมฆ มาพอดีเลย นี่แม่กำลังจะออกไปกันแล้วเนี่ย แต่กำลังรออีกหนึ่งหนุ่มให้เขาแต่งตัวให้เสร็จก่อนน่ะนะ” แม่กุ้งเดินเข้ามากอดผมเบาๆ “อาหารอะไรก็เตรียมพร้อมแล้วใช่มั๊ย วันนี้แม่วานให้ริต้าเขามาทำไว้ให้แล้วนี่นะ เหลือแค่เอาไปอุ่นก็น่าจะใช้ได้แล้วล่ะมั๊ง”

“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้ “ว่าแต่....... ไอ้ซันไม่รู้เรื่องนี้ใช่มั๊ยครับ”

“โอ๊ยยย ลูกแม่คนนั้นน่ะนะจะรู้อะไร ทั้งชีวิตมันเข้าไปในครัวก็แค่ไปเปิดตู้เย็นหาของกินกับดื่มน้ำเท่านั้นแหละ มันไม่เคยสนใจอย่างอื่นหรอก” แม่กุ้งหัวเราะ “ตอนนี้ก็นั่งเล่นคอมอยู่ในห้องนั่นน่ะ เห็นว่าต้องพิมพ์รายงายอะไรสักอย่าง ถ้าพร้อมแล้วค่อยขึ้นไปเรียกเขาก็แล้วกัน”

“แต่จริงๆแล้วพ่อกับแม่ก็ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้หรอกนะครับ ผมเกรงใจจริงๆ”

แม่กุ้งวางมือลงบนบ่าของผมเบาๆ จากนั้นก็ยิ้มให้กับผม “แม่เคยพูดแล้วไง ว่าแม่ฝากลูกชายของแม่เอาไว้กับเมฆ แม่รักลูกชายของแม่ทั้งสองคนนะ ยิ่งแม่ได้เห็นความรักที่ลูกมีให้แก่กันแล้วแม่ก็ยิ่งภูมิใจมากขึ้นไปอีก พ่อแม่ทุกคนในโลกต่างก็มีความสุขเมื่อเห็นลูกของตัวเองมีความสุขทั้งนั้นแหละ ซันเป็นลูกชายคนเดียวของแม่ และความปรารถนาสูงสุดของแม่ก็คือการได้เห็นลูกแม่มีความสุข และเมฆก็เป็นคนๆนั้นที่ทำให้ซันเป็นแบบนี้ แถมดูตอนนี้สิ ลูกทั้งคู่ต่างก็กำลังมีความสุขกันมากจริงๆ เพราะฉะนั้น วันนี้ที่เป็นวันสำคัญของลูกทั้งสองคน ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นที่พ่อกับแม่ต้องอยู่บ้านเป็น กขค นี่จ๊ะ”

“ไม่ใช่แบบนั้นเลยนะครับ ผมไม่ได้คิดว่าพ่อกับแม่เป็น กขค อะไรเลยอย่างนั้นเลยจริงๆนะ” ผมรีบท้วง

“พ่อรู้ๆ แม่เขาก็พูดไปแบบนั้นเองล่ะน่า......” พ่อเล็กเดินมาจับบ่าของผมไว้แล้วดึงตัวผมออกไป “ถ้าเป็นวันครบรอบวันแต่งงานของพ่อกับแม่ เราสองคนก็อยากจะอยู่กันตามลำพังเหมือนกันนั่นแหละ และนี่ก็เป็นวันครบรอบครั้งแรกของลูกชายเราด้วย เพราะงั้นพ่อกับแม่ก็มีหน้าที่เดียวที่ต้องทำนั่นก็คือหายตัวไปจากที่นี่ให้ไกลที่สุดยังไง วันนี้เป็นวันสำคัญที่คนทั้งสองคนควรจะจดจำไว้นี่นะ ขอให้มีความสุขกันก็แล้วกัน เข้าใจแล้วนะ”

ผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง............


.
.
.


คืนหนึ่ง ไม่นานหลังจากที่เรากลับมาจากท่องเที่ยวครั้งนั้น ผมกับไอ้ซันก็เดินเข้าไปในห้องนอนของพ่อเล็กกับแม่กุ้งเพื่อบอกถึงความสัมพันธ์ของเราสองคน และสิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนตอบกลับมามันก็ทำให้ผมอึ้งไปเลยทีเดียว...........

“ไอ้ซัน มึงแน่ใจนะว่าจะให้กูเข้าไปด้วยน่ะ” ผมถามมันเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง รู้สึกราวกับว่าหัวใจของผมมันเต้นแรงจนกำลังจะหลุดออกมาจากหน้าอกอยู่แล้ว

“เออ แน่ใจสิ มึงเชื่อกูสักทีเหอะน่าว่าไม่เป็นอะไรหรอก กูพนันด้วยตูดปีโป้ของมึงสามคืนเลย” ไอ้ซันหัวเราะ

“มึงจะยังมีอารมณ์มาตลกอีกนะ” ผมหันไปทำตาเขียวใส่มัน รู้สึกอยากจะตบกบาลมันที่ทำเป็นเล่นตลกไม่รู้จักดูเวลากาลเทศะซะบ้าง

“กูบอกให้มึงเชื่อใจกูก็พอแล้ว เอ้า ไปเร็ว” ไอ้ซันยื่นมือให้ผมจับ ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไม่คิดว่าการที่มันจูงมือผมเดินเข้าไปในห้องนอนของพ่อกับแม่ของมันนั้นจะเป็นความคิดที่ดีเท่าไหร่นัก “มาเหอะน่า” ไอ้ซันคว้ามือของผมแล้วก็ฉุดให้ผมยืนขึ้น จากนั้นมันก็กึ่งเดินนำกึ่งลากผมไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องนอนใหญ่ มันเคาะประตูลงไปสองสามที ไม่นานนัก แม่กุ้งก็เป็นคนเปิดประตูออก

“ผมขอเข้าไปคุยหน่อยได้มั๊ย แม่ มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยน่ะครับ” ไอ้ซันพูด

แม่กุ้งมองมายังมือของเราสองคนแว่บหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม จากนั้นก็เปิดประตูออกให้กว้างขึ้น

เมื่อเราสองคนเดินเข้าไปในห้อง ไอ้ซันก็พูดขึ้นทันที “แม่ครับ พ่อครับ ผมรักไอ้เมฆครับ รักมากด้วย รักมานานมากแล้ว ผมเคยเกือบจะเสียมันไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง เพราะงั้นตอนนี้ผมจะไม่ยอมสูญเสียมันไปอีก พ่อกับแม่เข้าใจผมมั๊ยครับ”

ผมมองหน้ามันด้วยความรู้สึกตกใจแบบสุดๆ ผมรู้สึกใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวแต่ก็รู้สึกราวกับกำลังจะเป็นลมไปได้ทุกเมื่อด้วย เมื่อผมละสายตาออกไปจากใบหน้าของมันแล้ว สิ่งเดียวที่ผมกล้าสบตาด้วยก็คือปลายเท้าของผมเอง

“แม่ว่าแม่เห็นมันได้ชัดเจนแล้วล่ะ” แม่กุ้งพูดขึ้น “เล่นจับมือกันเข้ามาแบบนี้เลยนี่”

ผมพยายามจะชักมือกลับทันที แต่ไอ้ซันก็ขืนแรงเอาไว้

“แล้วเมฆล่ะ คิดว่ายังไง” พ่อเล็กพูดขึ้นบ้าง

“ผม เอ่ออ..... ผม.......” ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับท่านแค่เพียงครู่หนึ่งจากนั้นก็ก้มหน้าลงไปอีกครั้ง “ผมเองก็รักมันครับ” ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้สภาพในห้องตอนนี้คนอื่นเขาทำหน้ากันยังไงหรือยืนอยู่ตรงส่วนไหนกันบ้าง และสิ่งถัดมาที่ผมรู้สึกนั่นก็คือ ความอบอุ่นจากมือของแม่กุ้งที่จับอยู่บนแก้มของผมแล้วช้อนให้ผมเงยหน้าขึ้นมาเบาๆ

“ไม่เป็นไรหรอกลูก พ่อกับแม่รู้อยู่แล้วล่ะ” แม่กุ้งยิ้มอย่างอ่อนโยน

ผมหันไปสบตากับไอ้ซันแล้วก็เห็นมันยืนยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว จากนั้นผมก็หันกลับมาสบตากับแม่กุ้งอีกครั้ง

“คนเป็นพ่อเป็นแม่น่ะย่อมดูออกอยู่แล้วล่ะว่าลูกของตัวเองกำลังมีความรักรึเปล่า และที่สำคัญ ยิ่งคนที่ลูกของแม่หลงรักมาอาศัยอยู่บ้านเดียวกับเราแบบนี้ มันก็ยิ่งดูออกง่ายเข้าไปใหญ่ จริงมั๊ย พ่อ” แม่กุ้งหันไปหาพ่อเล็กที่กำลังนอนยิ้มอยู่บนเตียง

“หึๆ อย่างไอ้ซันน่ะเหรอจะหัดเก็บความรู้สึกเป็น ถ้าเรื่องอื่นๆล่ะก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าเป็นเรื่องของเราล่ะก็ เมฆ มันไม่เคยโกหกพ่อกับแม่ได้เลยสักที” พ่อเล็กหัวเราะเบาๆ

“แม่มองตาของเราสองคนแม่ก็รู้แล้วว่าเราทั้งคู่น่ะรักกันมากแค่ไหน ตั้งแต่สมัยที่เรายังเรียนอยู่ด้วยกันแล้วด้วยซ้ำ โดยเฉพาะหลังจากที่เมฆเข้าโรงพยาบาลน่ะนะ....... เฮ้อ แม่ก็แค่รอวันที่ลูกทั้งสองคนพร้อมจะเดินมาบอกพ่อกับแม่เองแบบนี้เท่านั้นแหละ”

“คือ...... คุณลุงกับ..... เอ๊ย ขอโทษครับ ผมหมายถึง แม่กุ้งกับพ่อเล็ก.......” ผมรีบแก้คำพูดตัวเองเมื่อเห็นสีหน้าของแม่กุ้ง “ทั้งสองคน....... แบบว่า รับเรื่องนี้ได้เหรอครับ.......” ผมถามออกไปอย่างยากลำบาก เพราะกลัวความคิดที่ว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกเขาเป็นแบบนี้ แถมยังมีหน้ามาอาศัยอยู่บ้านของเขาอีก

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ พ่อกับแม่ก็บอกแล้วไงว่ารู้มาตั้งนานแล้ว คุณเอก พ่อของเราน่ะ ยังรับได้เลยนี่นา แถมเมฆก็เป็นเด็กดีมากด้วย มีอะไรให้เสียล่ะ” แม่กุ้งตอบ

“แต่ผมยังมีปัญหาอยู่สองอย่างนะครับ แม่” ไอ้ซันพูดขึ้นบ้าง ผมเองก็หันไปมองมันด้วยความประหลาดใจ รู้สึกว่าตอนนั้นหัวสมองของผมมันยังทำงานได้ไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่นัก

“ปัญหาอะไรอีกล่ะ พ่อกับแม่ก็บอกแล้วไงว่าเราเข้าใจและไม่มีปัญหากับเรื่องนี้” แม่กุ้งถาม

“อย่างแรกเลยคือ ผมอยากจะแน่ใจว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธ หรือ ไม่ผิดหวังในตัวของผมใช่มั๊ยครับ.......”

“จะผิดหวังทำไม เรารักลูกชายของเรา และลูกของเราก็เป็นคนดีไม่ได้ไปฆ่าไปแกงหรือทำตัวเหลวไหลอะไรสักหน่อย” แม่กุ้งพูด

“ใช่ และที่สำคัญ ถ้าเป็นเมฆล่ะก็ยังถือว่าดีกว่าคนอื่นๆเยอะ ดีกว่ายัยผู้หญิงที่แกเคยคบด้วยเมื่อก่อนหน้านี้หลายสิบเท่าด้วยซ้ำ ซัน” พ่อเล็กพูดเสริม

“โถ่ พ่อ ไม่พูดถึงเรื่องเดิมๆแล้วน่า......” ไอ้ซันโอดครวญ “แต่ปัญหาอีกอย่างนึงก็คือ พ่อกับแม่จะไม่ได้อุ้มหลานแล้วนะ”

“โอ๊ยยย ช่างมันเถอะ ถ้าได้อุ้มหลานแต่ลูกชายแม่ไม่มีความสุขล่ะก็ แม่ก็ไม่เอาหรอก และที่สำคัญ อุ้มหลานไอ้ไคล์มันก็ได้นี่นา คงต้องรออีกหลายปีหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไรหรอก”

ผมกับไอ้ซันมองหน้ากัน แล้วไอ้ซันก็หัวเราะออกมาเบาๆ แต่ผมกลับรู้สึกแปลกๆและทำหน้าไม่ถูก

“ผมว่าเราสี่คนคงต้องคุยกันอีกเยอะเลยล่ะครับ” ไอ้ซันพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้า “คืนพรุ่งนี้พ่อกับแม่กลับมากินข้าวเย็นที่บ้านนะ เดี๋ยวผมให้ที่รักทำกับข้าวไว้รอ แล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยรายละเอียดกันอีกที”

ผมหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้งแล้วก้มหน้าลงทันทีเมื่อได้ยินมันเรียกผมแบนั้นต่อหน้าพ่อและแม่ทั้งสองคน

“แบบนั้นก็ดี พ่อกับแม่เองก็อยากจะคุยเรื่องนี้กับเราสองคนเหมือนกัน แต่วันนี้มันก็ดึกมากแล้วด้วย พรุ่งนี้พ่อต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า เพราะงั้น มีอะไรก็ค่อยว่ากันพรุ่งนี้อีกทีก็แล้วกัน” พ่อเล็กพูด

“ไม่ต้องกังวลไปนะ เมฆ” แม่กุ้งดึงตัวของผมเข้าไปกอด “แม่รักลูกนะจ๊ะไม่ว่ายังไงก็ตาม แล้วก็ฝากดูแลไอ้ลูกชายตัวแสบของแม่นี่ด้วยก็แล้วกัน”

คืนนั้นผมเดินออกมาจากห้องนอนของพ่อกับแม่ไอ้ซันด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้นอย่างบอกไม่ถูก นอกจากความยอมรับที่ผมเพิ่งได้รับมาแล้ว ผมยังได้รับความรักและการต้อนรับเข้าเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้อย่างเป็นทางการอีกด้วย เย็นวันต่อมาบนโต๊ะอาหาร เราทั้งสี่คนก็นั่งคุยเรื่องของเราสองคนอย่างจริงๆจังอีกครั้ง เราเล่าทุกอย่างเท่าที่เล่าได้ให้ท่านทั้งสองฟัง เราคุยกันถึงเรื่องในอดีต คุยถึงเรื่องของอนาคตที่ผมกับไอ้ซันตั้งใจไว้ว่าจะทำด้วยกัน และยังรวมไปถึง.......... เรื่องของไคล์กับคนอีกคนหนึ่งด้วย


.
.
.


ผมยกข้อมือขึ้นมาทำเป็นดูเวลาเพื่อแก้เขิน และตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงๆหนึ่งดังขึ้นจากตรงบันได

“ผมพร้อมแล้วครับ ขอโทษนะครับที่ให้รอ.........” พีเดินลงมาพร้อมกับกระเป๋าสะพายบ่าใบเล็กใบหนึ่ง “อ้าวพี่เมฆ กลับมาแล้วเหรอครับ” เขาเดินตรงเข้ามากอดผม

“ไปหาไคล์ใช่มั๊ย” ผมยิ้ม

“ถ้าพูดจริงๆแล้วต้องบอกว่า ผมหาเรื่องลี้ภัยออกจากบ้านหลังนี้ไปคืนนึงมากกว่าครับ” พียิ้มกว้าง

หลังจากที่เรากลับมาจากอเมริกา เราทุกคนก็ยังคงติดต่อกับพีอยู่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผมที่เขาอุตส่าห์เข้ามาคุยด้วยตั้งแต่ก่อนวันที่เราจะกลับออกจากแกรนด์ แคนยอนกันแล้วว่า เขาต้องการคำปรึกษาเรื่องการมาเรียนต่อที่อังกฤษนี่ เขาต้องการกำลังใจและการสนับสนุนจากพวกเราเยอะมาก ไม่ว่าจะทั้งจากไคล์ ผม ซัน และครอบครัวของเราทุกคนที่นี่ เขาต้องฝ่าฟันและพูดคุยหลายสิ่งหลายอย่างกับพ่อแม่ และเขาก็ยอมเสียเวลาไปอีกหนึ่งปีเพื่อที่จะได้มาอยู่ใน “สถานที่” ที่เขาต้องการจะอยู่และรู้สึกสบายใจมากที่สุด และท้ายที่สุดแล้ว...... ผมก็มีรอยเท้าๆเล็กที่เดินตามหลังผมมาโดยเห็นแผ่นหลังของผมเป็นแบบอย่าง และครอบครัวของเราก็ได้สมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน

“พูดดีเข้าไปเห้อออ แล้วอีกแค่ไม่กี่วันก็จะถึงวันของใครบ้างแล้วล่ะ” ผมหยิกแก้มเขาเบาๆ

“เอาล่ะๆ งั้นเราก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวที่บ้านนั้นเค้าจะรอเราไปทานอาหารเย็นนานเกินไป” พ่อเล็กเร่ง จากนั้นก็เดินออกจากประตูบ้านไป ตามด้วยแม่กุ้งที่เดินตามไปติดๆ

“ฝากบอกไคล์ด้วยนะ ว่าเจอกันพรุ่งนี้” ผมหอมแก้มของพีเบาๆ และเขาก็หอมแก้มผมกลับเช่นเดียวกัน

“ขอให้มีความสุขนะครับ พี่เมฆ”

“พี่คิดว่าพี่ต้องมีแน่ๆครับ ไม่ต้องห่วง” ผมยิ้มกว้าง จากนั้นก็เดินไปส่งพวกเขาทุกคนขึ้นรถ จนกระทั่งพ่อเล็กขับรถออกไปแล้ว ผมจึงเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง คราวนี้บ้านทั้งหลังก็เหลือเพียงแค่ผมกับไอ้ซันอยู่กันตามลำพังตลอดทั้งคืนแล้ว ผมปิดประตูบ้านลง แล้วก็เดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง ผมเดินผ่านหน้าห้องของพีที่เคยเป็นห้องของผมมาก่อนครั้งหนึ่งไปยังห้องของผมกับไอ้ซัน เมื่อผมเปิดประตูเข้าไป ผมก็เห็นไอ้ซันกำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองอยู่ มันหันหลังกลับมามองผมทันทีที่ได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออก

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page

“อ้าว เมฆ กลับมาแล้วเหรอ พ่อกับแม่ไปยังวะ” มันหันหน้ากลับไปพิมพ์งานต่ออีกครั้ง

“อืมม ไปเมื่อกี๊นี้เอง” ผมเดินเข้าไปหยุดอยู่ด้านหลังของมันแล้วก็กอดคอมันเบาๆ “ทำงานเหรอ ยุ่งอยู่รึเปล่า”

“ใช่...... แต่ไม่ทำแม่งแล้วว่ะ ขี้เกียจ” ไอ้ซันกดเซฟไฟล์ ถอดแว่นตาออกวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็หันมาหอมแก้มผมเบาๆ “ได้กลิ่นเอ็กซ์ๆแบบนี้นี่ไม่มีอารมณ์จะทำงงทำงานแม่งแล้ว” มันลุกขึ้นยืนแล้วก็ซุกหน้าลงที่ซอกหูของผม

“เฮ้ยย ไม่เอาน่า” ผมหัวเราะเบาๆจากนั้นก็ดันตัวมันออกไป “หิวรึยัง”

“ก็นิดหน่อยว่ะ แต่หิวอย่างอื่นมากกว่า........” ไอ้ซันยิ้มกว้างจากนั้นก็โผเข้ามาหาผมอีกครั้ง แต่ผมก็ยังคงดันมันออกไปอีกอยู่ดี

“เดี๋ยวๆ กูหิวโคตรๆเลย เล่นบาสมาแบบนี้ แถมยังไม่ได้กินข้าวกลางวันอีกด้วย ขอกูไปเตรียมมื้อเย็นก่อนนะ แล้วเดี๋ยวค่อยว่ากัน”

“เออๆ ตามใจมึง งั้นกูทำงานต่อก่อนก็ได้ เสร็จแล้วมาเรียกด้วยก็แล้วกัน” ไอ้ซันหันกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้คอมแล้วหยิบแว่นตากลับมาสวมไว้เหมือนเดิม

“ตามใจกูเหรอ งั้นกูอาบน้ำก่อนได้ป่ะ” ผมแกล้งแหย่

ไอ้ซันหันขวับกลับมามองผมทันที “ห้ามเรื่องนั้นเรื่องเดียว”

ผมหัวเราะ “เออๆ กูรู้น่า ถ้างั้นมึงทำงานไปก็แล้วกัน เดี๋ยวกูเตรียมอะไรเสร็จหมดแล้วกูมาเรียก” ผมหันหลังกลับแล้วเดินตรงไปยังประตู แต่สายตาของผมมันก็ไปหยุดอยู่ที่สมุดเล่มหนึ่งที่หน้าปกเป็นรูปของแกรนด์ แคนยอนที่วางอยู่บนตู้โชว์ที่ตั้งอยู่ข้างๆประตูห้องเสียก่อน

ผมเดินไปหยิบมันขึ้นมาพลิกดูด้านใน สมุดเล่มนี้เป็นเล่มที่ไอ้ซันซื้อมาไว้ให้กับ “เราสองคน” และนับตั้งแต่เรากลับมาจากแกรนด์ แคนยอนจนถึง ณ เวลานี้ หน้ากระดาษทุกหน้าของมันก็เต็มไปด้วยภาพถ่ายของท้องฟ้ากับก้อนเมฆที่ผมกับไอ้ซันถ่ายและเอามาแปะเอาไว้ เพื่อเตือนความจำถึงความผูกพันและสายใยที่เราทั้งสองเคยมี ยังคงมี และจะมีตลอดไป...........

ผมยิ้มให้กับตัวเองน้อยๆจากนั้นก็วางสมุดเล่มนั้นลงที่เดิมแล้วเดินออกจากห้องไป ผมมุ่งหน้าตรงเข้าไปในครัวเพื่อสำรวจอาหารที่ริต้าเตรียมเอาไว้ให้ ในเตาอบนั้นมีเนื้ออบจานใหญ่สองจานวางอยู่ นอกจากนั้นก็ยังมีน้ำเกรวี่ มันบด ผักลวกรวม แล้วก็ยังข้าวผัดอีกด้วย ผมจัดการอุ่นอาหารทั้งหด จากนั้นก็หยิบเครื่องจานชาม ของตกแต่ง และเชิงเทียนที่แม่กุ้งเตรียมไว้ให้ทั้งหมดออกมา มันเป็นเครื่องใช้ที่พวกเราจะเอาไว้ใช้เฉพาะเวลามีแขกหรือเป็นโอกาสพิเศษเท่านั้น ผมค่อยๆยกพวกมันทั้งหมดออกมาจัดเรียงเอาไว้บนโต๊ะ และคอยระแวงว่าไอ้ซันมันจะเดินลงมาหรือเปล่าตลอดเวลา ผมเดินกลับเข้าไปในครัวและหยิบขวดแชมเปญที่ผมซื้อเตรียมไว้ในตู้เย็นออกมาแช่น้ำแข็งรอ เมื่ออาหารทุกอย่างพร้อมเสร็จหมดแล้ว บนโต๊ะก็ถูกตบแต่งเสร็จอย่างสวยงามพอดี ผมยืนมองโต๊ะด้วยความรู้สึกภูมิใจและหวังว่ามันน่าจะชอบสิ่งที่ผมเตรียมไว้เพื่อมันนี่บ้างนะ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นคนทำอาหารด้วยตัวเองก็เถอะ เพราะเวลามันไม่พอจริงๆ

แล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมต้องทำแบบนี้ด้วยงั้นหรือ คำตอบนั้นมันง่ายนิดเดียว มันก็คือ “ความรัก” ยังไงล่ะ ถึงแม้ตอนแรกที่ผมได้เจอกับมัน ผมจะไม่เคยคิดเลยว่าผมจะสามารถรู้สึกอะไรกับมันได้มากถึงเพียงนี้ แต่ถ้าหากความรักคือการเรียนรู้แล้วล่ะก็ การเรียนรู้ของเราสองคนก็นำพามาซึ่งความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถมีให้แก่มันได้จริงๆ ไอ้ซันมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากคนอื่นๆ และความแตกต่างนั้นเองที่ช่วยเติมเต็มหัวใจในส่วนที่ขาดหายไปของผมได้ ตอนแรกที่เราคบกันนั้น ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม ผมไม่เคยรู้และแน่ใจเลยว่ามันนั้นคิดยังไงกับผม แต่เมื่อเวลาผันผ่านไป ความสัมพันธ์และสายใยของเรามันก็แน่นแฟ้นมากขึ้นเรื่อยๆจนผมไม่มีข้อสงสัยในเรื่องความรักที่มันมีให้แก่ผมอีกต่อไป.........

ทุกๆวันนี้ บางคืนที่ผมตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วเห็นใบหน้ายามหลับของมัน ผมยังเคยร้องไห้ออกมาเบาๆคนเดียวเลยด้วยซ้ำ ไอ้ซันไม่เคยรู้เรื่องนี้หรอก มันอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระก็ได้ แต่ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่งผมอาจจะบอกมันออกไปก็ได้........ บางที ผมอาจจะบอกมันในวันที่เราฉลองครบรอบห้าสิบปีก็ได้นะ

ผมหันหลังกลับแล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสองอีกครั้ง แต่ว่าคราวนี้ผมกลับเลี้ยวเข้าไปในห้องของพี แล้วเดินตรงเข้าไปยังโต๊ะเขียนหนังสือของเขาก่อน กล่องกำมะหยี่สีดำกล่องเล็กๆที่ผมฝากเขาเอาไว้เมื่อหลายวันก่อนวางอยู่ตรงนั้นพร้อมกับโน้ตแผ่นเล็กๆแผ่นหนึ่ง ผมดึงโน๊ตนั้นออกมาอ่านก็พบว่ามันเป็นลายมือของพีที่เขียนอวยพรให้ผมกับซันเอาไว้ ผมอ่านมันแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ ผมวางกระดาษกลับลงไปบนโต๊ะเหมือนเดิมจากนั้นก็หยิบกล่องสี่เหลี่ยมนั่นขึ้นมา ผมเปิดฝาครอบออกช้าๆ ภายในนั้นเป็นแหวนทองคำเรียบๆสองวงที่มีขนาดเท่ากัน ทางด้านบนของแต่ละวงนั้นมีเพชรเม็ดหนึ่งฝังอยู่ซึ่งเป็นเพชรขนาดที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป เป็นอะไรที่ผมชอบและคิดว่าไอ้ซันเองก็คงต้องชอบแบบนี้ด้วยเช่นกัน

ผมหยิบแหวนวงหนึ่งขึ้นมาดูแล้วก็นึกย้อนไปถึงพ่อของผม............


.
.
.


เมื่อสองเดือนก่อนผมบินกลับไปเยี่ยมพ่อของผมอีกครั้ง เราสองคนใช้เวลาในคืนแรกนั่งทานข้าวเย็นกันที่บ้าน ผมมีเรื่องเล่าให้พ่อของผมฟังมากมายเหลือเกิน ทั้งๆที่ปกติเราก็คุยโทรศัพท์กันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่เมื่อได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ได้กลับมาอยู่บ้าน ได้นั่งทานข้าว ได้พูดคุย และได้หัวเราะด้วยกัน........ นี่แหละ คือความหมายของคำว่า “ครอบครัว” เพียงอย่างเดียวที่ผมคุ้นเคยมาตลอดยี่สิบปี

“แล้วซันล่ะเป็นยังไงบ้าง สบายดีรึเปล่า” พ่อของผมถามขึ้นเหมือนกับทุกๆครั้งที่เราคุยกัน “เมื่อวันก่อน ก่อนที่เมฆจะมานี่ พ่อก็ยังได้คุยกับเขาอยู่เลย พ่อชวนเขาให้กลับมาด้วยแต่เขาก็บอกว่าเขาไม่ว่างน่ะนะ”

“มันก็ไม่ค่อยว่างจริงๆแหละครับ แต่จริงๆแล้วมันบอกผมว่ามันอยากให้ผมมาอยู่กับพ่อสองคนมากกว่าน่ะ แต่ว่ามันก็ยังบอกอีกนะครับว่าเดี๋ยวครั้งหน้ามันจะมาด้วยแน่นอน”

“เกรงจงเกรงใจอะไรกัน คนครอบครัวเดียวกันแล้วแท้ๆ” พ่อของผมส่ายหัวแล้วหัวเราะเบาๆ

“พ่อครับ...... พ่อไม่เหงาเหรอครับ ที่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้” ผมถามพ่อออกไปอีกครั้ง หลังๆมานี่ผมถามคำถามนี้กับพ่อบ่อยเหลือเกิน และพ่อเองก็เข้าใจความหมายของผมดีด้วย

“ไม่หรอก พ่อก็ยังมีงานเป็นเพื่อนนี่น่ะ งานพ่อมันก็เยอะแล้วก็หนักอยู่เหมือนกัน พ่อไม่มีเวลาไปสนใจอย่างอื่นหรอก”

“แต่ผมไม่อยากให้พ่ออยู่คนเดียวแบบนี้นี่นา มันเหมือนกับผมหนีพ่อไปมีความสุขที่อังกฤษอยู่คนเดียว แล้วก็ทิ้งพ่อเอาไว้ที่บ้านแบบนี้......”

“ไร้สาระน่า เมฆ” พ่อพ่นลมหายใจออกทางจมูกแรงๆ “พ่อเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ แก่แล้วด้วยซ้ำ ไม่ต้องกังวลอะไรที่มันไร้สาระนักหรอกน่า พ่อไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่รู้ว่าลูกพ่อกำลังมีความสุข พ่อก็มีความสุขมากแล้ว เรามันพ่อลูกกันครอบครัวเดียวกันอยู่แล้วนี่”

“นั่นแหละครับที่ผมพูดถึง พ่อเป็นครอบครัวของผมที่ผมมีคนเดียวมาตลอดยี่สิบปีนะครับ ผมเองก็เป็นครอบครัวคนเดียวของพ่อเช่นกัน ผมรู้ว่าพ่อมีความสุขเมื่อเห็นผมมีความสุข แต่ผมก็อยากให้พ่อรู้ว่าความสุขของผมก็เกิดขึ้นได้โดยการที่เห็นพ่อมีความสุขด้วยเหมือนกันนะ ผมอยากให้พ่อมีความสุขของตัวเองโดยที่มันไม่ต้องมาจากการที่เห็นผมมีความสุขก่อนบ้างนี่”

“ฟังนะเมฆ พ่อมีความสุขดีอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก ไอ้เหงาน่ะ พ่อก็มีเหงาบ้างตามประสาคนแก่นั่นแหละนะ แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น พ่อยังคงมีเพื่อนที่ทำงาน มีงาน แล้วก็มีลูกชายกับแม่ของเขาอยู่ในใจพ่ออยู่ตลอดเวลาด้วย”

“พ่อรักแม่มากมั๊ยครับ........” ผมถามประโยคเดิมๆออกไปอีกครั้ง ผมจำไม่ได้จริงๆว่าผมเริ่มถามประโยคนี้ออกไปครั้งแรกเมื่อตอนที่ผมอายุเท่าไหร่ แต่เท่าที่ผมจำได้ก็คือ ผมถามมันออกไปบ่อยมาก และไม่ว่ากี่ครั้งๆที่ผมถาม พ่อของผมก็จะตอบกลับมาด้วยประโยค สีหน้า และความรู้สึกแบบเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง.......

“รักมากที่สุดในชีวิตของพ่อเลย” พ่อส่งยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น และมันก็ทำให้ผมต้องยิ้มตอบกลับไปด้วยทุกครั้ง ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมได้ยินพ่อตอบแบบนี้แล้วผมจะไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กที่มีความสุขและรู้สึกอบอุ่นมากที่สุดในโลก

“อีกสองเดือนผมกับไอ้ซันก็จะครบรอบหนึ่งปีแล้วล่ะครับ” ผมพูดออกไป “ตลกดีนะครับ ทั้งๆที่รู้จัก ทั้งๆที่รักกันมาตั้งนานแล้วแท้ๆ แต่เรากลับเพิ่งจะครบรอบคบกันอย่างเป็นทางการได้แค่ปีเดียวเท่านั้นเอง”

“อ้าว อย่างนี้มันก็ข่าวดีน่ะสิ” พ่อของผมหัวเราะ “แบบนี้มันต้องฉลองกันหน่อยแล้ว รอพ่อแป๊บนึงนะ” พ่อลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะกินข้าวแล้วเดินหายเข้าไปในครัว เมื่อพ่อกลับมา พ่อก็เดินออกมาพร้อมกับไวน์แดงขวดหนึ่งแล้วก็แก้วไวน์อีกสองใบ “จริงๆแล้วเฉลิมฉลองน่ะ มันต้องแชมเปญนะ แต่พ่อไม่รู้เลยไม่ได้แช่มันเอาไว้ก่อน เอาไวน์แก้ขัดไปก่อนก็แล้วกัน” พ่อรินไวน์ลงในแก้ว จากนั้นก็ส่งมาให้ผมใบหนึ่ง

“ขอบคุณมากครับพ่อ” ผมรับแก้วไวน์มา จากนั้นก็จิบมันเล็กน้อย

“แล้วมีแผนจะทำอะไรกันรึเปล่าล่ะ วันนั้นน่ะ”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ยังไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษเลย”

“ไม่ได้นา วันครบรอบปีแรกเนี่ย มีมื้อค่ำๆดีๆสักมื้อ มีแชมเปญสักขวด แล้วก็น่าจะมีของขวัญเล็กๆน้อยๆให้เขาหน่อยนะ ตอนพ่อกับแม่ก็ทำแบบนี้เหมือนกัน” พ่อแนะนำ

“เอ่ออ พ่อครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าผมจะทำได้ขนาดนั้นรึเปล่า อย่างแรกเลยก็คือ ครอบครัวของเขาก็อยู่ที่บ้านด้วย เราคงจะทำอะไรกันตามใจนักไม่ได้ ไอ้ครั้นจะพามันไปที่ร้านอาหาร ผมก็ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าผมแคร์หรอกนะครับ แต่ถ้าเป็นวันดีๆของเราสองคน ผมก็อยากให้มันเป็นวันพิเศษจริงๆที่ไม่ต้องมีคนอื่นมาซุบซิบนินทา แล้วก็อยากจะให้เป็นอะไรที่มีแค่ผมกับมันสองคนด้วย ส่วนอย่างสุดท้าย ผมนึกไม่ออกจริงๆว่าจะมีของขวัญอะไร ‘เล็กๆน้อยๆ’ อย่างที่พ่อบอกให้แก่มันได้ แบบว่า ถ้ามันอยากได้อะไร ปกติมันก็มักจะได้ทุกอย่างอยู่แล้วอ่ะครับ แถมมันเรื่องมากด้วยนี่สิ เดาใจยากจะตาย..........” ผมถอนหายใจ

พ่อของผมมองหน้าของผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง “ไอ้เรื่องครอบครัวของเขาน่ะ ไม่มีปัญหาหรอก เชื่อพ่อสิ แต่ไอ้การที่เมฆถอนหายใจแบบนั้นเนี่ย แปลว่าเรามีคิดเอาไว้อยู่แล้วเหมือนกันสินะ ว่าอยากจะซื้ออะไรให้กับเขาน่ะ”

“ก็........ ครับ” ผมยอมรับ “ผมอยากซื้อแหวนให้มันน่ะครับ แหวนแบบแหวนจริงๆ ไม่ใช่แหวนเครื่องประดับธรรมดาๆ ก็อย่างที่ผมบอกพ่อน่ะครับ ถึงมันจะเป็นครบรอบแค่ปีเดียว แต่ถ้านับระยะเวลาจริงๆแล้วล่ะก็ ผมคิดว่ามันก็น่าจะถึงเวลาแล้วเหมือนกัน......... แต่ตอนนี้ผมก็ยังซื้อมันไม่ได้หรอกครับ เงินเก็บผมยังมีไม่มากพอ”

“ทำไมล่ะ เล็งอะไรที่มันหรูหราเอาไว้รึไง”

“เปล่าครับ เปล่าเลย ไอ้ซันมันไม่ชอบอะไรที่มันเว่อร์ๆหรอกครับ นั่นล่ะ เป็นข้อดีของมันอย่างนึง มันชอบอะไรเรียบๆแต่ก็ต้องดูดี ซึ่งผมก็ยังหาอะไรแบบนั้นไม่ได้เลยจริงๆ” ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

“รอพ่ออยู่ตรงนี้แป๊บนึง” พ่อของผมลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะอาหารไปอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสอง ผมนึกแปลกใจว่าพ่อคิดจะทำอะไร และไม่ถึงห้านาทีถัดมา พ่อก็เดินกลับลงมาพร้อมกับกล่องสี่เหลี่ยมกำมะหยี่สีดำกล่องหนึ่งบนมือ จากนั้นก็วางมันลงตรงหน้าของผม “เอ้า ลองเปิดดูสิ”

ผมมองหน้าของพ่อผมงงๆ แต่ก็เอื้อมมือไปหยิบมันมาวางเอาไว้ที่ฝ่ามืออย่างทะนุถนอม ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงต้องทำแบบนั้น แต่ความรู้สึกบางอย่างมันบอกผมว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามที่อยู่ในนั้น มันเป็นของที่ควรค่าแก่การดูแล และการทะนุถนอมอย่างที่สุด ผมค่อยๆเปิดฝาออกช้าๆ และสิ่งที่วางอยู่ในนั้นก็คือแหวนทองคำที่มีเพชรเม็ดหนึ่งฝังประดับอยู่ทางด้านบน ผมจำมันได้ทันที มันคือแหวนแบบเดียวกับที่พ่อของผมใส่อยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายทุกวันนั่นเอง

“ใช่แล้ว นี่คือแหวนของแม่ของลูก เมฆ ก็อย่างที่ลูกรู้ มันเป็นแหวนวงแรกที่พ่อซื้อให้แม่ตั้งแต่พ่อเรียนอยู่มัธยมปลายน่ะ” พ่อของผมถอดแหวนที่พ่อใส่อยู่วางลงข้างๆกล่องนั้น และเมื่อลองมองเปรียบเทียบกันดูดีๆแล้ว แหวนของพ่อผมจะมีตำหนิและดูเก่าอยู่มากกว่านิดหน่อย “มันอาจจะไม่ได้เป็นของใหม่ และไม่ได้มีค่างวดอะไรมากมายนะ เพราะมันเป็นแหวนวงแรกที่พ่อซื้อมาตั้งแต่ยังเด็กอยู่เลย แต่มันก็มีความหมายกับพ่อและแม่มาก ลองหยิบมันขึ้นมาดูสิ แบบนี้เมฆชอบมั๊ย และมันน่าจะเป็นแบบที่ซันชอบรึเปล่า”

 “ไม่ครับพ่อ ไม่มีทาง” ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพ่อทันที และเมื่อเห็นสายตาของท่านแล้ว ผมก็ต้องรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “เอ๊ย ขอโทษครับ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ผมหมายถึง มันสวยมาก สวยมากจริงๆ นี่แหละคืออะไรที่ทั้งผมและมันชอบล่ะ แต่ว่าผมรับไว้ไม่ได้หรอก มันเป็นของๆพ่อกับของๆแม่นะครับ แถมมันก็ไม่ใช่ราคาถูกๆด้วย ถึงพ่อจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ผมรู้ว่ามันก็แพงมากอยู่ดี ไม่มีทางเลยครับพ่อ ผมไม่เอาของๆพ่อไปเด็ดขาด ไม่มีทาง” ผมยืนกราน จากนั้นก็วางแหวนลงไปที่เดิม

“ไร้สาระ” พ่อของผมพูด “มันไม่ใช่ของๆพ่อหรือของๆแม่เราหรอก แต่มันเป็นของๆครอบครัวเราต่างหาก เมฆ เราน่ะคือลูกชายของพ่อ และซันก็เป็นลูกชายของพ่อเช่นเดียวกัน แหวนของแม่ลูกน่ะ เก็บเอาไว้เฉยๆก็ไร้ค่า เชื่อสิว่าถ้ามันได้ไปอยู่บนนิ้วของคนที่ลูกรักล่ะก็ ทั้งตัวมันเองและแม่ของลูกก็จะต้องดีใจมากแน่ๆ”

“แต่...... แต่ว่า...... มันเป็นเหมือนเครื่องเตือนความทรงจำ เป็นเหมือนของดูต่างหน้าของแม่ไม่ใช่เหรอครับ”

“ทั้งใช่และไม่ใช่...... ฟังนะ ความทรงจำน่ะ มันอยู่ที่นี่” พ่อใช้นิ้วชี้เคาะที่ขมับของตัวเองเบาๆ “ส่วนแม่ของลูกน่ะ อยู่ในนี้” พ่อเลื่อนนิ้วลงมาจิ้มที่หน้าอกข้างซ้าย “เพราะฉะนั้น กะไอ้แค่สิ่งของน่ะ มันไม่มีค่าอะไรสำหรับพ่อหรอก สู้พ่อมอบมันให้แก่คนที่พ่อรักและคู่ควรกับมันยังจะดีซะกว่า เข้าใจมั๊ย....... เอ้า เอาล่ะ คราวนี้ก็แค่ปรับขนาดของแหวนเท่านั้น รู้ขนาดนิ้วของซันเค้ารึเปล่า”

ผมพยักหน้าออกไปช้าๆ “นิ้วมันเท่ากับผมเลยครับ”

“ดีมาก ถ้างั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อเอาไปให้ร้านเพื่อนพ่อเขาแก้ให้ ดูซิว่ามันจะทำอะไรให้ได้บ้าง ถ้าไม่ได้ เดี๋ยวพ่อก็หาทางให้ได้เอง ไม่ต้องห่วง อีกไม่กี่วันก็คงได้แล้วล่ะ น่าจะได้ก่อนเมฆกลับไปอังกฤษแน่ๆ”

ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของพ่อ จากนั้นก็ก้มลงกราบลงบนตักของท่าน ความรู้สึกทั้งสุขทั้งเศร้าหลายๆอย่างมันผสมปนเปกันจนบอกไม่ถูก แต่ที่แน่ๆผมรู้อยู่อย่างหนึ่งว่า ผมโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นลูกชายของผู้ชายที่ยิ่งใหญ่คนนี้มากขนาดไหน

“ขอบคุณมากครับพ่อ ผมรักพ่อจริงๆนะครับ..........” ผมรู้สึกถึงน้ำตาหยดเล็กๆที่ค้างติ่งอยู่ที่หางตาของตัวเอง

พ่อดึงตัวผมขึ้นจากนั้นก็สวมกอดผมอย่างแนบแน่น “พ่อก็รักลูกมากเหมือนกัน...........”


.
.
.


ผมวางแหวนกลับเข้าไปที่เดิมจากนั้นก็ปิดฝากล่องลง ผมยัดมันใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกงของผมอย่างระมัดระวัง แล้วก็เดินออกจากห้องของพีไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องของเรา หลังการเคาะประตูสามครั้งผมก็เปิดประตูเข้าไป

“หิวข้าวรึยัง อาหารพร้อมแล้วนะ”

“หิวแล้ววว กำลังรออยู่เลย” ไอ้ซันหันกลับมาหาผมจากนั้นก็ลุกขึ้นเดินตรงเข้ามาดึงผมไว้ในอ้อมแขน “แต่ขอกินมึงก่อนได้ป่าววว”

“ไม่ได้” ผมหัวเราะ “ต้องกินข้าวก่อนเท่านั้น แล้วก็ต้องทำอะไรให้กูอย่างนึงด้วย”

“ทำอะไรวะ” ไอ้ซันนิ่วหน้า

“ปิดตา”


ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
“ปิดตาเนี่ยนะ” ไอ้ซันทวนคำด้วยความแปลกใจ “ปิดทำไมวะ”

“เอาเหอะน่า เดี่ยวมึงก็รู้เองแหละ กูแค่อยากเล่นอะไรให้มึงแปลกใจนิดหน่อย” ผมดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็ผูกมันเข้าที่ตาของไอ้ซัน ผมพามันเดินออกจากห้อง ประคองมันเดินลงบันได และเมื่อผมพามันมาถึงที่โต๊ะกินข้าวแล้ว ผมก็บอกให้มันเปิดผ้าออกได้

“เฮ้ยยยย เนื่องในโอกาสอะไรวะเนี่ย” ไอ้ซันร้องอุทานออกมาทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า “แค่คืนนี้มึงจะได้เสียตัวอีกครั้งนี่มึงต้องทำขนาดนี้เลยเหรอวะ”

ผมหัวเราะ “มึงลืมไปแล้วจริงๆด้วยว่าวันนี้วันอะไร”

ไอ้ซันขมวดคิ้วและทำท่าใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะร้องออกมา พร้อมกับรีบเดินตรงเข้ามาคว้ามือของผมเอาไว้

“กูขอโทษ เมฆ กูลืมไปสนิทเลย วันนี้เป็นวันที่เราคบกันครบรอบหนึ่งปี วันแรกที่เราตกลงคบกันเป็นแฟน........” ไอ้ซันหน้าเสียลงทันที “กูขอโทษจริงๆเมฆ ช่วงหลังๆมานี้กูมัวยุ่งกับงานที่มหาลัยจนลืมไปเลย กูไม่เคยลืมวันที่หรอกนะ เพียงแต่ช่วงนี้กูมึนๆไปหน่อยจนลืมนับไปเท่านั้นเอง”

“ไม่เป็นไรหรอก กูเข้าใจ.......” ผมยิ้มแล้วก็ชะโงกหน้าไปหอมแก้มมันเบาๆ “เอ้า นั่งเถอะ เดี่ยวอาหารจะเย็นซะก่อน วันนี้ปล่อยให้กูบริการมึงเอง”

ไอ้ซันนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นผมก็เดินไปยกอาหารจากในครัวออกมาเสิร์ฟ

“อื้อหือออ นี่มึงทำเองทั้งหมดนี่เลยเหรอวะ”

“เปล่า ริต้าทำน่ะ” ผมหัวเราะ “จริงๆกูก็อยากจะทำให้มึงกินด้วยตัวเองนะ แต่กูไม่มีเวลาว่ะ ทั้งวุ่นวายเรื่องที่พ่อแม่แล้วก็พีจะออกไปนอกบ้าน ทั้งกลัวว่าทำยังไงมึงถึงจะไม่รู้ว่ากูเตรียมของพวกนี้เอาไว้ และถ้ากูมัวแต่มาทำอาหารให้มึงเองล่ะก็ สถานการณ์มันก็คงไม่ได้ออกมาเป็นแบบนี้หรอก” ผมอธิบายขณะที่รินแชมเปญใส่แก้วของมัน

“นี่แปลว่าทุกคนรู้เรื่องนี้หมดเลยเหรอวะ แล้วที่เค้าบอกจะไปนอนค้างที่บ้านของไคล์นี่ก็เพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะเลยเหรอเนี่ย”

“ใช่” ผมนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง จากนั้นก็ยกแก้วแชมเปญขึ้นมา “อ่ะ มาเร็ว ดื่มเพื่อฉลองครบรอบหนึ่งปีแรกที่น่าจะมีมานานแล้วของเรา”

ไอ้ซันยิ้มกว้าง จากนั้นก็ยกแก้วขึ้นมาชนกับผม อาหารเย็นมื้อนั้นเป็นมื้อที่อร่อยและทำให้ผมมีความสุขมากที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมาในบ้านหลังนี้เลยทีเดียว เราพูดคุยและหัวเราะกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องในอดีตที่เราต่างก็ช่วยกันรื้อฟื้นความเป็นมาของกันและกันจนกว่าที่เราจะมามีวันนี้ได้ ความทรงจำที่ทั้งสวยงามและขมขื่นต่างก็ถูกยกขึ้นมาเล่าให้ฟังกันและกันอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ ความทรงจำในอดีตทั้งหลายเหล่านั้นที่ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์หรือความสุข มันก็กลับกลายเป็นความทรงจำที่อบอุ่นและสามารถเรียกเสียงหัวเราะออกมาจากเบื้องลึกในใจของเราทั้งสองคนได้ทุกเรื่องจริงๆ

เมื่ออาหารบนโต๊ะรวมทั้งของหวานที่เป็นพายบลูเบอร์รี่ที่ผมซื้อมาจากร้านที่ไอ้ซันชอบหมดลง เราสองคนก็นั่งสบตาและจิบแชมเปญกันเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขที่สุดเลย........ แต่ทว่าผมยังไม่ยอมให้ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นมันหมดลงไปง่ายๆแค่นี้หรอก

“มึงจำได้มั๊ยซัน ตอนที่กูเคยบอกมึงว่า เวลาที่กูมองดูท้องฟ้าน่ะ กูจะรู้สึกโหยหาและรู้สึกเหมือนไขว่คว้าหาบางสิ่งอยู่ตลอดเวลา แต่กูก็ไม่รู้ว่าสิ่งๆนั้นมันคืออะไร”

“อืมม จำได้ๆ แล้วตอนนี้มึงรู้คำตอบนั้นรึยัง”

“กูคิดว่ากูรู้แล้วล่ะ..........” ผมยิ้ม “และกูก็พาคำตอบของกูมาด้วย”

“มึงพาคำตอบของมึงมาด้วยงั้นเหรอ” ไอ้ซันเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“ใช่ กูมีเซอร์ไพรส์ให้มึงอีกอย่างนึงนะ”

“อะไรอีก นี่มึงยังทำอะไรไว้อีกล่ะเนี่ย”

“มึงหลับตาก่อนสิ”

“อีกแล้วเหรอ” ไอ้ซันทำเสียงโอดครวญ

“หลับตา” ผมเปลี่ยนเป็นออกคำสั่ง และคราวนี้มันก็ยอมทำตามแต่โดยดี ผมล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำนั้นออกมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าของมัน “เอ้า ลืมตาได้แล้ว”

“นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย” ไอ้ซันพูดขึ้นเมื่อมันลืมตาขึ้นมาเห็นของที่วางอยู่ตรงหน้า

“เปิดดูสิ” ผมพูดออกไปพร้อมรอยยิ้มกว้าง

ไอ้ซันหยิบกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา และเมื่อมันเปิดฝากล่องออก มันก็รีบเงยหน้ากลับขึ้นมาสบตากับผมทันที

“มึงชอบมั๊ย” ผมถาม

“เมฆ..... นี่มัน..... นี่มัน.........” ไอ้ซันอ้าปากค้าง

“หยิบมันออกมาดูสิ แล้วบอกกูทีว่ามึงคิดยังไง”

“คิดยังไงงั้นเหรอ มึงจะบ้ารึไง” ไอ้ซันร้องออกมาก่อนจะวางกล่องนั้นลงบนโต๊ะเหมือนเดิม “นี่มันเกินไปแล้วนะเว้ย นี่มันเกินไปจริงๆ”

“มึง...... มึงไม่ชอบเหรอ งั้น....... งั้นกูขอโทษ กูคงเร่งรัดมึงเกินไป......” ผมรู้สึกใจเสียมาก ผมเอื้อมมือออกไปจะคว้ากล่องนั้นกลับคืนมา แต่ไอ้ซันก็จับข้อมือของผมห้ามเอาไว้เสียก่อน

“ไมใช่แบบนั้นเมฆ กูขอโทษ กูแค่ช็อคมากไปหน่อยน่ะ นี่มันสุดยอดเลย นี่มันสวยมากจริงๆ กูไม่คิดเลยว่ามึงจะทำให้กูถึงขนาดนี้ นี่มึงไปซื้อเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นี่มันน่าจะแพงมากเลยไม่ใช่เหรอวะ” ไอ้ซันปล่อยมือของผมออกแล้วก็หยิบแหวนขึ้นมามองดูใกล้ๆหนึ่งวง

“กูไม่ได้ซื้อหรอก.......” ผมยิ้มออกได้ในที่สุดเมื่อรู้ว่าไม่ใช่ว่ามันไม่ต้องการแหวนของผม “แต่มันเป็นของๆพ่อกับแม่กูเอง”

ไอ้ซันเงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมกับอ้าปากค้าง “มึง...... มึงว่าไงนะ แล้วมึงเอาของสำคัญแบบนี้มาให้กูได้ยังไง”

ผมลุกขึ้นเดินแล้วไปนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าของมัน “ก็เพราะมันเป็นของสำคัญไง กูกับพ่อถึงอยากจะให้มึงเก็บมันเอาไว้ และแม่ของกูก็ต้องดีใจมากด้วยเช่นกัน ถ้าเขารู้ว่ากูกำลังจะมอบความรักในแบบที่เขาเคยมีให้กับพ่อให้แก่คนที่กูรักมากที่สุดน่ะ.......... ซัน มึงจะใส่มันได้มั๊ย”

“กู........ กูไม่รู้จริงๆว่ากูทำอะไรให้มึงถึงได้คู่ควรกับของสำคัญแบบนี้นะเมฆ ขนาดวันนี้กูยังลืมเลย แถมกูยังไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้มึงอีกด้วยซ้ำ” ไอ้ซันพูดตะกุกตะกัก

“ความรักที่มึงมีให้กูนั่นแหละ ซัน ที่ทำให้มึงคู่ควรกับทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่กูจะมอบให้แก่มึงได้ แค่มีมึงนั่งอยู่กับกูตรงนี้ อะไรๆก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว...... และนี่ไง คือคำตอบของสิ่งที่กูบอกมึง คำตอบของความหมายของการที่กูเฝ้าแหงนหน้ามองท้องฟ้าและก้อนเมฆที่ลอยอยู่เคียงคู่กันตลอดเวลา......... และตลอดกาล” ผมดึงมือซ้ายของมันออกมากุมเอาไว้ แล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาของมัน “ตอนนี้กูมีท้องฟ้าเป็นของๆกูเองแล้ว และไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่มึงยังเป็นท้องฟ้าที่นำพาความรักมาให้แก่กูด้วย มึงเป็นคนที่สอนให้กูได้รู้จักความรัก และที่สำคัญ มึงยังเป็นคนที่พากูให้มาได้รู้จักกับคำว่า ‘ครอบครัว’ ถ้าไม่มีมึง กูก็คงไม่มีวันได้มีแม่เหมือนคนอื่นๆในโลกแบบทุกวันนี้ มึงเข้ามาในชีวิตของกูพร้อมๆกับความรัก ครอบครัว และสถานที่ที่เป็นของกูและกูควรจะอยู่........ นั่นแหละ คือคำตอบของสิ่งที่กูเฝ้าแหงนมองดูมาทั้งชีวิตนี้” ผมคลี่มือของมันออกแล้วหยิบแหวนวงนั้นออกมา ผมจำมันได้ทันทีว่ามันคือแหวนของแม่ของผม “คราวนี้กูขอถามอีกครั้งนะ ฟ้าคราม......... ด้วยแหวนวงนี้ แทนสัญญาและเป็นตัวแทนความรักที่กูจะมอบให้แก่มึงตลอดไป มึงยินดีที่จะรับมันเอาไว้มั๊ย”

เมื่อผมพูดจบผมก็เห็นน้ำใสๆเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของมัน ไอ้ซันยิ้มให้กับผมทั้งๆที่มีน้ำตาอาบแก้มจากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ “ไอ้เหี้ยเอ๊ย กูรับ เมฆ........ กูยินดีรับจริงๆ”

ผมค่อยๆสอดแหวนเข้าไปในนิ้วนางของมันช้าๆ  และเมื่อแหวนของแม่ผมเข้าไปอยู่ในนิ้วของมันเรียบร้อยแล้ว ผมก็จูบลงบนแหวนเบาๆ เมื่อผมทำแบบนั้นเสร็จ ไอ้ซันก็ดึงให้ผมเป็นฝ่ายขึ้นไปนั่งอยู่บนเก้าอี้แทนมัน คุกเข่าลงตรงหน้าของผม แล้วก็คว้ามือซ้ายของผมไปกุมเอาไว้ด้วยเช่นกัน

“เมฆ มึงคือคนเดียวที่มองเห็นทะลุไปถึงเบื้องใต้หน้ากากของกู และมึงยังเป็นคนเดียวที่กล้ายอมรับในสิ่งที่กูเป็นด้วย มึงทำให้กูรู้จักตัวเอง ทำให้กูก้าวข้ามเส้นกั้นที่กูสร้างมันเอาไว้มาทั้งชีวิต มึงสอนให้กูรู้จักรัก รู้จักเจ็บ และที่สำคัญ มึงสอนให้กูรู้จักกับความรักที่บริสุทธิ์ที่สุด นั่นก็คือความรักที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน กูอาจจะทำแบบนั้นให้แก่มึงหรือคนอื่นๆไม่ได้ แต่ว่ามึงก็แสดงมันออกมาให้กูได้เห็นและทำเพื่อกูมาตลอดระยะเวลาสามปีตอนมอปลาย และตอนนี้กูก็รู้แล้วว่า สิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุดน่ะ ไม่ใช่ความรักของมึงหรอก....... แต่เป็นจิตใจและตัวตนของมึงต่างหาก” ไอ้ซันละสายตาไปจากใบหน้าของผมแล้วหันไปหยิบแหวนอีกวงบนโต๊ะลงมาถือเอาไว้ในมือ “ศิลา....... ด้วยแหวนวงนี้ แทนสัญญาและเป็นตัวแทนความรักที่กูจะมอบให้แก่มึงตลอดไป มึงยินดีที่จะรับมันเอาไว้มั๊ย”

น้ำตาของผมมันเริ่มจะไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ด้วยเช่นกัน ผมไม่เคยรู้สึกปลื้มใจและมีความสุขจนตัวเองต้องหลั่งน้ำตามากขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ

“รับครับ........ ด้วยความยินดีอย่างที่สุดเลย” ผมตอบออกไปอย่างยากลำบากเพราะเสียงสะอื้นของตัวเอง ไอ้ซันค่อยๆสอดแหวนเข้ามาในนิ้วนางของผมอย่างช้าๆและทะนุถนอม จากนั้นมันก็จูบลงบนแหวนแบบเดียวกับที่ผมทำ

เมื่อพิธีเล็กๆของเราสองคนเสร็จสิ้นลง เราทั้งคู่ต่างก็สวมกอดกันแล้วก็ร้องไห้ออกมาโดยไม่มีคำพูดใดๆมาบรรยายความรู้สึกของเราสองคนได้อีก ในที่สุด ความรัก ความฝัน และความปรารถนาทั้งหมดของผมก็เป็นจริงขึ้นได้แล้วในคืนนี้ ผมรักมันมากเหลือเกิน และผมก็รู้ด้วยว่ามันเองก็รักผมมากเช่นกัน ต่อจากนี้ไปเราคงยังต้องเผชิญหน้ากับอะไรอีกมาก เราอาจต้องเจ็บช้ำ เราคงต้องล้มลุกคลุกคลาน แต่ตราบใดที่เรามีกันและกันและยึดมั่นในความรักของเรานี้ ผมเชื่อว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะมาทำลายสายใยแห่งความผูกพันของเราสองลงได้อย่างแน่นอน


ความผูกพันของท้องฟ้ากับก้อนเมฆ และความรักที่จะไม่มีวันตายจากไปพร้อมกับกาลเวลา................


--------------------------------------------------------------------------------


ตะวันเอย ขอจงสดใสเรื่อยไป เรื่อยๆไป
ทั้งเธอ และฉันตราบแม้สักวัน เราต้องจากกัน
หากถึงวันนั้น อย่าลืมสายใยผูกพัน - - ระหว่างเรา

by ระจัน




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2007 11:19:11 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
บทส่งท้ายจากไอ้ต้นนุ่มนิ่ม


งานเขียนของผมถ้าแบ่งใหญ่ๆมันก็จะมีอยู่สองชิ้น นั่นก็คือ เรื่องเล่าที่มาจากชีวิตจริง ประกอบไปด้วย รักครั้งแรก รักครั้งที่สอง และรักครั้งที่สาม ซึ่งทั้งสามงานนั้นเป็นงานแรกที่ผมคิดเริ่มต้นเขียนอะไรบางอย่างออกมาเลยทีเดียว โดยเฉพาะรักครั้งแรกของผมกับไอ้เบียร์นั้น มันเป็นความสุข ความเศร้า ความเจ็บปวด และประสบการณ์ครั้งแรกของผมเลยจริงๆ และมันก็ยังทำให้ผมได้เป็นไอ้ต้น ExecutioneR หรือ ต้นนุ่มนิ่ม ในทุกวันนี้ด้วย แต่ต่อมาเมื่อผมรู้สึกสบายใจกับการเขียนมากขึ้น ได้เรียนรู้และฝึกฝนมากขึ้น (โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ) จากการเล่าเรื่องทั้งสามเรื่องนั้น มันก็ทำให้ผมเริ่มเขียนงานอื่นๆออกมาอีก และงานชิ้นที่สองชิ้นใหญ่ของผม และคราวนี้มันก็เป็นเรื่องแต่งล้วนๆ นั่นก็คือ ซีรี่ยส์ของท้องฟ้ากับก้อนเมฆ ที่ประกอบไปด้วย เวลาที่ถูกหยุดเอาไว้ เวลาที่เริ่มเดินอีกครั้ง และ การเดินทางของศิลากับฟ้าคราม นี่เอง

แต่ถึงจะบอกว่าเป็นเรื่องแต่ง แต่ยังไงๆมันก็ยังคงมีจุดเริ่มต้นมาจากเรื่องราว ความคิด และ ประสบการณ์ของผมบ้างอยู่ดี โดยเฉพาะเรื่องของท้องฟ้ากับก้อนเมฆนี้ เป็นเรื่องราวที่ผมอยากจะถ่ายทอดมุมมองทางความคิดและความรักออกมาให้เห็นกันอย่างชัดเจน ถึงภาคแรกและภาคสองนั้นมันจะเน้นอารมณ์ไปที่อย่างๆเดียว แต่ภาคที่สามนี้ เป็นเรื่องราวที่ผมเขียนออกมาเพื่อแสดงออกถึงเบื้องลึกและพื้นฐานของอารมณ์ของทุกๆคนมากขึ้น และความตั้งใจของผมนั้นก็คือ ผมอยากจะมอบเรื่องราวของพวกเขานี้ให้กับทุกๆคนครับ อยากให้ทุกคนได้รู้สึกอบอุ่น มีความสุข และได้เห็นมุมมองของความรักมากขึ้น ไม่ว่าจะความรักที่ถูกเก็บเอาไว้ในใจภายใต้ขีดจำกัดของตัวเองของซันเมื่อหลายปีก่อน ที่เหมือนเป็นทางเดินคู่ขนานกับความรักที่ทำทุกอย่างเพื่อความสุขของคนที่เขารักของเมฆ ความรักที่ไม่สมหวังของไคล์ที่มีให้กับซัน ความรักที่สมบูรณ์แบบแต่สุดท้ายก็ไม่ยั่งยืนของพีกับภู ความรักของพ่อที่มีให้กับลูก ความรักของลูกที่มีให้แก่ผู้เป็นแม่ที่แม้แต่ไม่เคยได้สัมผัสความอบอุ่น และยังความรักของคนอื่นๆที่มีให้แก่กันและกันอีกมากมาย

เรื่องราวการเดินทางของสองคนนี้นั้น อาจจะไม่ได้สวยหรูครบถ้วนทางอารมณ์แบบนิยายเรื่องอื่นๆมากนัก อาจจะไม่มีจุกหักเหใหญ่ๆ ไม่มีตัวร้าย ไม่ได้มีอะไรให้น่าติดตาม หรือพูดง่ายๆก็คือมันอาจจะ “น่าเบื่อ” นั่นเอง ผมยอมรับและก็รู้ตัวตั้งแต่ก่อนจะเขียนแล้วว่า เรื่องนี้นั้นอาจจะไม่ประทับใจคนหลายๆคนเท่าไหร่ ผมรู้ตัวว่ามันคงไม่ “สนุก” ได้เท่ากับเรื่องอื่นๆ แต่ก็เพราะผมตั้งใจจะถ่ายทอดชีวิตจริงให้ออกมาในรูปแบบของนิยาย หรืออาจจะเรียกได้ว่า ผมพยายามถ่ายทอดนิยายให้ออกมาในรูปแบบชีวิตจริงก็ไม่ผิดด้วยเช่นกัน เพราะความเป็นจริงนั้นเรื่องราวความรักของคนบางคน (หรือหลายคน) มันก็คงไม่ได้หวือหวาเสียวไส้ได้มากมายนัก มันอาจจะเรียบง่าย แต่ก็สามารถยิ่งใหญ่ และงดงามได้ไม่แพ้ความรักที่ต้องเจอกับอุปสรรคนานัปการได้เช่นกัน และนั่นก็คือที่มาของการเดินทางครั้งนี้ครับ.......

ถึงนิยายยังไงมันก็เป็นนิยาย แต่เรื่องราวความรักนั้นมันก็เกิดขึ้นได้จริง อย่างที่ผมบอกไงครับว่าเรื่องนี้มันก็มีพื้นฐานมาจากความเป็นจริงอยู่ด้วย ดังนั้นผมจึงขอมอบเรื่องราวความรักหลายแบบหลายมุมมองนี้ให้เป็นเหมือนบ่อน้ำเล็กๆให้ทุกคนที่อ่าน ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เพื่อให้ช่วยปลอบประโลม และเป็นความหวังให้ทุกคนได้พบกับความรักที่บริสุทธิ์และสวยงามที่สุดกันนะครับ ถึงแม้มันอาจจะเป็นรักไม่สมหวัง แต่ก็ขอให้ทุกคนได้มีความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่ในใจ ขอให้ทุกคนได้รู้จักกับตัวตนของตัวเอง และได้เรียนรู้ความรักที่งดงามที่สุดที่แฝงอยู่ในตัวของทุกๆคน และเมื่อไหร่ที่รู้สึกท้อแท้ ผมก็หวังว่าเรื่องราวของพวกเขาเหล่านี้จะสามารถเติมเต็มความหวัง และช่วยส่งเสริมทัศนคติของทุกๆคนได้ไม่มากก็น้อยนะครับ


และถ้ายังไม่เบื่อพวกเขากัน ศิลากับฟ้าครามและคนอื่นๆก็อาจจะกลับมาพบกับทุกคนอีกก็ได้หนา........ หุหุหุหุ


จุ๊บๆ ขอบคุณทุกคนมากครับ ^_^


ปล. เอาไว้ถ้าไอ้ต้นมีอารมณ์มาแก้ไขเนื้อหาและข้อผิดพลาดทั้งสำนวน เนื้อหา และ ตัวหนังสือของภาคยาวนี้แล้วจะมาบอกนะคับ สำหรับคนที่เซฟเก็บไปแล้วก็ไม่ต้องห่วงคับ ถ้าผมแก้เสร็จแล้วเดี๋ยวผมส่งให้ถึงที่อีกทีเลยคับพ้ม

ปล.สอง อีกประมาสามถึงห้าวัน ผมจะพาพวกเขาทุกคนมาคุยด้วยนะคับ ถือซะว่าเป็นของแถมชิ้นสุดท้าย จะให้เมฆ ซัน และคนอื่นๆมาพูดอะไรนิดหน่อย แต่นั่นแปลว่าทุกคนก็ต้องมีอะไรอยากจะถาม อยากจะคุยกับพวกเขาด้วยนะคับ ก็คิดซะว่าพวกเขาเป็นนักแสดง ไอ้ต้นเป็นผู้กำกับ และอยากถามอะไรก็โพสคำถามไว้ได้เลย อะไรก็ได้ เดี๋ยวผมลากพวกเขามาตอบให้เองเน้อออ เพราะผมคิดว่าบางคนอาจจะสงสัยความคิดหรือเรื่องราวในอดีตของพวกเขาบางคนกันอยู่บ้างแหละ คิดซะว่าขำๆ เป็นการส่งท้ายการเดินทางของพวกเขาสี่คนเนอะ ผมไม่อยากให้พวกเขาเป็นแค่ตัวละครน่ะคับ แต่อยากให้พวกเขามีชีวิตอยู่จริงๆ อย่างน้อยๆก็ในตัวหนังสือทุกๆตัวเนี่ยแหละ เพราะงั้น....... อีกไม่นานเจอกับพวกเขาแน่นอนคับ ถ้าชาติต้องการ ^o^


t_warawut

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณมากครับ


อยากอ่านต่ออีกอะ...ทั้งตัวผม และ ชาติก็ต้องการคราบ อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักอีกแระ พบกันอีกนะเพราะพี่ต้องการ มาบ่อย ๆ หน่อยก็ดีจ้า

sun

  • บุคคลทั่วไป
อ่านไป ยิ้มไป อย่างมีความสุขอีกครั้ง    :m4:
ทุกๆเรื่องราวที่ผ่านออกมาเป็นตัวหนังสือ
ถึงมันจะเรียบๆ ง่ายๆ
ไม่หวือหวา..
แต่อ่านแล้ว..
รับรู้ สัมผัสได้
ถึงความรัก 
ความสุข 
...ในมุมมอง ต่างๆ ได้อย่างดีเลแล่ะค่ะ   :m1:
"ขอบคุณนะคะ"  ที่ทำให้ยิ้มได้ อีกแล้ว

จอรอบทสัมภาษณ์ ของ ทั้ง สี่หนุ่ม นะคะ คุนต้น     :m3:
 :m21:    เอ?...แล้ว ซินจะถามอะไรน่อ อิอิ
ขอไปคิดคำถามก่อน ฮี่ๆ    :m18:

 :a12:      คร้อกกกกกกกกกกก!~    (เจ้ย.... ม่ายยจ้ายแล่ะ แหะๆ)         :m23:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
 :impress:
ประทับใจอย่างสุดซึ้งงงง อ่านไปเขินไป จนสุดท้ายน้ำตาก็ร่วงจนได้....เมื่อถึง...

"ฟ้าคราม/ศิลา......... ด้วยแหวนวงนี้ แทนสัญญาและเป็นตัวแทนความรักที่กูจะมอบให้แก่มึงตลอดไป ...
มึงยินดีที่จะรับมันเอาไว้มั๊ย” :give2:
รู้สึกเป็นสุขและดีใจไปด้วยกับความรักของศิลาและฟ้าคราม.....ก้อนเมฆที่จะอยู่คู่ท้องฟ้าตลอดไป  :m1:
 :catrun:
...ร่วมเดินทางตามศิลามาหารัก
ผ่านปัญหาแสนหนักรักอ่อนไหว
พบฟ้าครามงามรื่นชื่นหัวใจ
การเดินทางถึงจุดหมายให้รื่นรมณ์...

 :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2007 00:36:11 โดย nartch »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ตอนนี้ทำน้ำตาคลออีกแล้ว แต่แบบมีความสุขนะ นั่งยิ้มหน้าจอคอมฯ  :m1: :m1:

ขอบคุณคุณต้นมากๆสำหรับเรื่องราวความรักดีดีมีข้อคิด  o1 ติดตามผลงานต่อไปจ๊ะ

เดี๋ยวกลับไปคิดคำถามก่อนจะถามไรดีน๊า  o17 o17

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
เป็นเรื่องราวที่รู้สึกยิ่งใหญ่มากๆ ครับ
เป็นอีกเรื่องที่จะประทับใจไม่ลืมเลือนแน่นอน

ขอโทษนะครับพอดีเขียนอะไรไม่ค่อยเก่ง แล้วจะมารออ่านบทสัมภาษณ์นะครับ

ป.ล. อยากให้มีคนเอาไปสร้างเป็นหนังจัง ทั้งสามภาคเลย

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ชีวิตจริงอาจไม่สวยงามแบบนี้ นั่นก็อาจเป็นเพราะมุมมองที่เรานึกคิด
บางคนก็อาจจะเจอมันได้ง่าย ถ้ารู้จักจะเลือก
 :m1: :m1: :m1:

อิอิ จะสัมภาษณ์ไรดีหนอ

ถามซันละกัน ตอนเจอหน้าเมฆครั้งแรก รู้สึกอย่างไรเหยอ
 :m11: :m11: :m11: :m11:

(ไม่รู้ในเรื่องมีป่าว อิอิ)  :m23:

ninaprake

  • บุคคลทั่วไป
Re: การเดินทางของŪ
«ตอบ #536 เมื่อ09-10-2007 19:44:32 »

โหยๆๆๆๆ เป็นบทสรุปจบที่สวยงามและทำให้รู้สึกมีความสุขมากๆๆๆๆๆ เลยครับ  :m3:  :m3:  :m3:

.... ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้นะครับ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วทำให้อบอุ่นๆและมีความหวังขึ้นมาจริงๆเลยเชียว  :impress:

--------------------------------

สำหรับคำถามนะครับ

1. ซันคิดว่า"รอยยิ้ม" ของเมฆเพียงอย่างเดียวมีส่วนกี่ % ที่ทำให้ซันหลงรักเมฆได้?

ที่ถามไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ พอดีผมเป็นคนที่ยิ้มง่าย ยิ้มเก่ง และอารมณ์ดีตลอดด้วย (แต่ไม่ได้บ้านะ)  ผมคิดว่าความรู้สึกหลายๆอย่างมันน่าจะสามารถสื่อทางรอยยิ้มและสายตาได้ใช่ม้า ทั้งความจริงใจและความรู้สึก ..... ผมก็เลยอยากรู้ว่า "รอยยิ้ม" ของผมเพียงอย่างเดียวเนี่ย จะสามารถทำให้ผมชนะใจคนได้มากน้อยกี่ %  เหอะๆๆๆ  :laugh3:  .... แบบว่าอยากรู้อ่ะ เพราะผมว่าผมคงไม่ได้หน้าตาดีเท่าเมฆที่จะทำให้มีแต้มบวกจากเรื่องหน้าตาด้วย อิอิ  ..... แต่ผมก็นิสัยดี จริงใจเหมือนเมฆนะ หุหุ  ถ้าใครได้รู้จัก ผมก็คงได้แต้มบวก (ไม่ใช่เลือดบวกนะ) จากตรงนี้บ้างแหละ

2. อยากเป็นเพื่อนกะซันและเมฆอ่ะ ได้ป่ะ?

หุหุ ได้เป็นเพื่อนกะคนสนุกสนาน อย่างทั้ง 2 คนน่าจะสนุกนะ แถมเมฆยังใจดี เข้าอกเข้าใจคนอื่นดีด้วย  :impress:

3. ทำบุญยังไงหรือใช้คาถาบทไหน  :amen: ถึงจะโชคดีด้านความรักเหมือนซันกะเมฆอ่ะ? ถ้าไปไหว้องค์พระตรีมูรติจะช่วยได้มั๊ยครับ?   :m5: 

อยากโชคดีเรื่องความรักบ้างงงงง ขอสักคนก็พอ   :m5:

------------------------------------------

อ่ะๆ วันนี้ขอถามเท่านี้ก่อนละกันนะครับ อิอิ อย่าลืมตอบหล่ะซันกะเมฆ

ปล. งานพบปะนักแสดงคราวนี้พีกะไคล์ไม่ได้มาด้วยใช่มะ?  เพราะถ้ามาจะได้มีคำถามมาถามด้วยอ่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-10-2007 17:35:53 โดย BlueWizard »

KevinKung

  • บุคคลทั่วไป
เย้ยยยย มะได้เข้ามาเดือนเดียวจบแล้วหรอ  :m15:
เด๋วจะรีบอ่านให้จบแล้วมาเม้นต์ใหม่ค้าบ  :m17:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
เหงาเลยเมื่อเรื่องนี้จบ คิดถึงเมฆกะซันจังเลย
ถามคำถามก่อนดีกว่า เผื่อไม่เจอกันจะได้ตอบได้เลย
1.  ซันกะเมฆมาเรียนอะไรที่อังกฤษจ๊ะ
2.  เรียนจบแล้วจะทำงานอะไร แล้วจะกลับประเทศไทยหรือว่าจะอยู่ที่อังกฤษตลอดไป
3.  อยู่ด้วยกันเนี่ย เมฆต้องคอยเป็นแม่บ้านให้ซันตลอดเลยหรือ เพราะเห็นแม่กุ้งบอกว่าซันทำเป็นแค่เปิดตู้เย็นหาอาหารและน้ำมากินเท่านั้น
4.  ทำไมเมฆถึงได้ทำอาหารเก่งล่ะ
5.  แล้วเมฆไปทำงานพิเศษด้วยหรือเปล่าขณะที่เรียน

พอก่อนดีกว่า เด๋วต้นจะตอบไม่ทัน  รักเมฆกันซันมากเลย ฝากจุ๊บๆ ด้วยนะ :m3: :m3: :m3:

ออฟไลน์ ~prince™~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +161/-2


                  ถ้าไม่ได้อ่านเรื่องนี้แล้วมันก็เหมือนจะขาดอะไรไปซักอย่าง

                  พอเข้ามาในบอร์ดทีไรก็ต้องเข้ามาอ่านเรื่องนี้ก่อนเลยทุกที

                  อยากให้มีภาคต่ออีกจังเลยครับ.........จะได้รึเปล่านะ :m17:

                 
                  ผมไม่อยากให้เรื่องดีๆแบบนี้จบลงแค่นี้เลยจริงๆนะครับ

                  แต่ไม่ว่าจะยังไงก็จะรอติดตามเรื่องต่อๆไปอีกนะครับ o15


                  คำถามคับ........
               
                 1).................ซันรู้สึกว่าตัวเองรักเมฆตั้งแต่ตอนไหนคับ..........................

                  ........เพราะตอนแรกซันจีบแฟนเมฆถึงมาเป็นเพื่อนกันใช่มั้ยคับ.........

                  ...................แล้วเปลี่ยนใจมารักเมฆตั้งแต่เมื่อไหร่...........................


                 2).........ตอนก่อนที่เมฆจะมาที่อังกฤษซันเคยมีแฟนแล้วหรอคับ...........

                    .....................ไหนบอกว่ารักแล้วก็คิดถึงเมฆมากไง..........................

                    ........................แล้วทำไมถึงไปมีแฟนที่นั่นได้ล่ะ..............................


               ...............วันนี้ถามแค่นี้ก่อนดีกว่าคับแล้วพอคิดคำถามออกอีกแล้วจะมาถามใหม่................ o1





 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด