ผมรับสมุดเล่มนั้นมาแล้วก็เปิดออกดูรูปที่ถูกแปะเอาไว้ข้างใน เมื่อผมเห็นรูปๆแรกผมก็จำได้ทันทีว่ามันคือรูปที่ไหนและเมื่อไหร่ มันเป็นรูปตอนที่เราไปไฮค์กันเมื่อวานตรงช่วงที่กำลังจะเดินไปยังพลาโตพ็อยท์ และมันคือรูปของก้อนเมฆที่มีรูปทรงแปลกประหลาดและสวยงามที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลยทีเดียว
“ไอ้ซัน นี่มึงถ่ายไว้เมื่อไหร่วะเนี่ย” ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับมัน
“ตอนเรากำลังจะเดินกลับน่ะ กูหันหลังกลับไปเห็นมันพอดี ก็เลยถ่ายเอาไว้ได้” ไอ้ซันยิ้มกว้าง
ผมหันกลับมาดูรูปถ่ายในมือนั้นอีกครั้ง มันเป็นรูปของก้อนเมฆสีขาวที่สยายเป็นแฉกออกไปจากด้านหลังของภูเขาคล้ายกับปีกของนางฟ้าอย่างไรอย่างนั้น มันช่างเป็นรูปทรงราวกับปาฏิหาริย์จริงๆ ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ผมไล่สายตาลงไปยังด้านล่างของรูปมีลายมือของไอ้ซันเขียนเอาไว้สั้นๆว่า.......
"you're my angel" ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับไอ้ซันก็เห็นมันยิ้มเขินๆรอผมอยู่แล้ว
ผมพลิกหน้ากระดาษหน้าถัดไป รูปนี้ก็เป็นรูปตอนที่เราไปไฮค์กันอีกเช่นกัน ทางด้านหลังของภูเขาแกรนด์ แคนยอนนั้นเป็นรูปก้อนเมฆที่โค้งยาวขึ้นไปเป็นรูปทรงคล้ายกับพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ผมแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเลยสิ่งเหล่านี้มันจะเกิดขึ้นได้จริง มันเป็นความงดงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ให้เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น และไอ้ซันก็ยังอุตส่าห์เก็บภาพพวกนี้เอาไว้ได้......... แถมยังทำโดยที่ผมไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ถัดจากนั้นมาอีกสี่รูปก็เป็นภาพของก้อนเมฆรูปทรงแปลกที่สวยมากๆเช่นกัน ผมจำได้ทันทีว่ามันเป็นรูปที่ถูกถ่ายบริเวณลานจอดรถที่มาร์เก็ตพลาซ่านั่นเอง
“กูอยากให้มึงดูรูปสุดท้ายนะเมฆ” ไอ้ซันเอื้อมมือมาพลิกหน้ากระดาษไปยังรูปสุดท้าย มันเป็นรูปของท้องฟ้าที่ถูกถ่ายเหนือขึ้นไปจากป้ายรถบัสทางด้านหลังของยาวาพาย คาเฟทีเรีย และบนท้องฟ้านั่นก็ไม่มีก้อนเมฆลอยอยู่เลยสักก้อนเดียว “มึงจะคิดว่ายังไงกูก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ว่ากูไม่อยากจะเป็นแบบนี้อีกแล้ว....... ครั้งแรกที่กูเห็นท้องฟ้าแบบนี้กูก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันที มันเป็นภาพของท้องฟ้าที่เหงาและเศร้าสร้อยที่สุดสำหรับกูจริงๆ ท้องฟ้าที่ไร้เมฆ.......” ไอ้ซันค่อยๆปิดสมุดเล่มนั้นลง ดึงมันไปจากมือของผมแล้ววางมันลงบนพื้น จากนั้นมันคว้ามือของผมทั้งสองข้างไปกุมเอาไว้ “มึงจะสัญญาได้มั๊ย ว่ามึงจะไม่ทำให้ท้องฟ้าของมึงเป็นท้องฟ้าสีครามที่ปราศจากก้อนเมฆอีกต่อไป.........”
ผมมองหน้ามันนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกไป “มึงมีปากกามั๊ย ซัน”
ไอ้ซันปล่อยมือของผมออกแล้วล้วงลงไปในกระเป๋าของมันทันที เมื่อมันหาของที่ผมต้องการเจอมันก็ยื่นปากกาด้ามหนึ่งมาให้ผม ผมรับมันมาจากนั้นก็เปิดไปยังหน้าถัดไปจากรูปท้องฟ้าสีครามรูปนั้นแล้วก็เริ่มต้นเขียนคำตอบของผมลงไป........
“Cloud belongs to the Sky, just like I belong to you, and I always will. I already knew I love you with all my heart and I know you feel the same way too. I can’t promise you a ‘forever’ but I can give you my ‘tomorrows’ my love. I love you”ผมยื่นสมุดคืนให้ไอ้ซัน และเมื่อมันอ่านประโยคของผมจบลง มันก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของมันช้าๆ
“กูก็รักมึงเหมือนกัน เมฆ.........”
“กูรู้อยู่แล้ว.........” ผมยิ้มตอบแล้วคว้ามือของมันมากุมเอาไว้
“กลับห้องกันเถอะ กูชักหนาวแล้วว่ะ” ไอ้ซันพูดกลับมาพร้อมกับใช้แขนเสื้อของตัวเองเช็ดน้ำตาเบาๆ
เราสองคนถอดถุงมือออกแล้วเดินจูงมือกันไปขึ้นรถบัสกลับไปยังห้องของเราโดยที่ไม่ได้ปล่อยมือออกจากกันและกันเลย แน่นอนว่าเราทั้งคู่ตกเป็นเป้าสายตาของคนหลายคน แต่ผมไม่สนใจ และไอ้ซันก็ไม่สนใจด้วย จนเมื่อเรามาถึงยังห้องพักและเปิดประตูเข้าไปแล้ว ไอ้ซันก็จูบลงปากของผมอย่างดูดดื่มทันที เมื่อเราทั้งสองคนถอนปากออกจากกันและกัน ผมก็มองลึกลงไปยังดวงตาสีดำขลับคู่นั้นแล้วก็เอามือลูบหัวเกรียนๆของมันช้าๆ ผมรักมันมากเหลือเกิน ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะรักใครได้มากถึงเพียงนี้ และจากสายตาของมันที่กำลังมองผมอยู่นั้น ผมก็บอกได้ด้วยว่ามันก็รู้สึกแบบเดียวกันกับผมเช่นกัน.........
“กูอยากจะรักมึงให้ตลอดไปจริงๆ ซัน แต่กูก็ไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นอย่างไร กูไม่รู้ว่ากูจะออกแบบความรักของกูให้มึงได้อย่างที่มึงต้องการรึเปล่า แต่กูสัญญาว่ากูจะรักมึงมากเท่าที่หัวใจของกูดวงนี้จะมอบให้แก่มึงได้ ซัน ในเมื่อกูรู้แล้วว่ามึงเองก็รักกูมากขนาดไหน กูจึงไม่สามารถรักมึงได้แค่หัวใจครึ่งดวงของกูอีกต่อไป....... กูพร้อมจะเดิมพันหัวใจทั้งดวงของกูเพื่อมอบความรักที่ไม่มีวันหมดนี้ให้แก่มึงคนเดียว ตลอดไป.......”
“ทำไมความรักถึงจะออกแบบไม่ได้ เมฆ สำหรับกูแล้ว กูออกแบบให้มันได้แน่นอน มึงรู้มั๊ยว่าเพราะอะไร....... เพราะความรักที่เรามีนั้นมันคือความรักของ ‘เรา’ สองคน เราสร้างมันขึ้นมาพร้อมๆกัน แล้วทำไมเราถึงจะออกแบบให้มันเป็นอย่างที่เราอยากให้มันเป็นไม่ได้ล่ะ อย่างน้อยๆ แค่การที่กูตั้งใจว่ากูจะรักมึงไปตลอดทั้งชีวิตของกูนั้นก็เท่ากับกูออกแบบให้มันเป็นความรักที่สวยงามที่สุดสำหรับมึง........ สำหรับเราสองคนไปแล้ว.......” ไอ้ซันลูบผมของผมช้าๆ เราสองคนสบตากันและกัน และผมก็เห็นน้ำตาหยดเล็กๆที่กำลังจะไหลออกมาจากดวงตาของมันอีกครั้ง “เมฆ มึงคือหัวใจของกูไปแล้ว เพราะฉะนั้นกูก็จะอยู่กับมึง อยู่เคียงคู่กับมึงไปตลอดเวลา”
ไอ้ซันจูบลงริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา และครั้งนี้ผมก็รู้สึกถึงน้ำตาที่กำลังไหลลงมาอาบแก้มของผมเองด้วยเช่นกัน
.
.
.
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมเฝ้าแหงนมองท้องฟ้าของผมอยู่เสมอๆ ทุกๆครั้งที่ผมได้แหงนหน้ามองขึ้นไปยังเบื้องบนนั้น ความสวยงามและความยิ่งใหญ่นั่นมันช่างดูเกินจริงและห่างไกลเกินกว่าที่คนตัวเล็กๆอย่างผมจะจับต้องและรู้สึกได้เหลือเกิน แต่ทว่าผมก็ยังคงพยายามเอื้อมมือและไขว่คว้าหามันไว้อยู่ตลอดเวลา........... และบัดนี้ หลายปีผ่านไป ผ่านช่วงเวลาที่ทั้งดีที่สุดและเลวร้ายที่สุดมาแล้ว ผมเดินผ่านความเหงา ความเศร้า และความเจ็บปวด ผมเก็บความทรงจำของเสียงหัวเราะ ความอบอุ่น และความรักเหล่านั้นเอาไว้ในใจ และเฝ้าภาวนาว่าผมคงไม่มีวันลืมเลือนและสูญเสียมันไปเด็ดขาด แต่ในที่สุด เวลานี้ผมก็มีท้องฟ้าที่จะคอยโอบอุ้มและปกป้องผมเอาไว้แล้ว เป็นท้องฟ้าที่ให้คำสัญญาว่าจะไม่มีวันลาจากก้อนเมฆไปไหน เป็นท้องฟ้าที่สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุดเพื่อคนตัวเล็กๆอย่างผม และเป็นท้องฟ้าที่สัญญาว่าจะรักก้อนเมฆของเขาไปตราบจนวันสุดท้ายของลมหายใจ เพราะฉะนั้น ผมเองก็จะเป็นก้อนเมฆที่จะรัก และไม่มีวันทรยศท้องฟ้าของเขาด้วยหัวใจดวงใหม่ทั้งดวงนี้ด้วยเช่นกัน ผมไม่ต้องจมปลักอยู่กับอดีต และไม่ต้องกังวลว่าผมจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มและลืมเลือนความอบอุ่นของเขาในอนาคตอีกต่อไป เพราะว่านับจากนี้ เราสองคนจะโอบอุ้มซึ่งกันและกันไปจนถึงวินาทีสุดท้ายที่เข็มนาฬิกาหยุดเดิน...............
นับต่อแต่นี้ เวลา และ ทุกๆนาทีของเราจะไม่เหลื่อมล้ำกันอีกต่อไป
กูรักมึง ท้องฟ้าสีคราม...........
(จบ)