^
^
^
แต่ละคนทะลึ่งตึงตัง 
จินตนาการกว้างไกลแบบนี้ ต้องจิ้มคนละทีสองที

==================
(ขัดดอก)ข้าง....ข้างใจ
ใครบางคนที่คุยผ่านทางโทรศัพท์อยู่เมื่อคืน ตอนนี้ตัวเป็นๆกลับมายืนยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้า ไม่ต้องรอให้เจ้าของบ้านออกมารับขาเจ้ากรรมมันก็ก้าวมาเองเสียแล้ว
"หวัดดีครับพี่ขิม มาได้ไง" คำทักทายที่มาพร้อมรอยยิ้มสดใจของเจ้าเด็กศิลป์ผมยาวในตอนแรกก็ดีอยู่หรอก แต่ไอ้คำถามตรง(ตามเคย)ที่ได้ยินนี่ซิ ทำเอาคุณหมอแทบจะหลุดหัวเราะออกมา ประมาณว่า..นึกแล้วว่าต้องโดนถาม
"ขับรถมา ออกเวรก็มาเลย" ชายเอิงเลิกคิ้วมองหน้าเจ้าของคำตอบกวนๆ ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางแล้วแสร้งถอนหายใจ ที่จริงก็พอจะมองออกว่าอีกฝ่ายยังอยู่ในชุดทำงานที่แปรสภาพเป็นชุดลำลองโดยการพับแขนเสื้อขึ้นไปถึงศอก กระดุมเสื้อด้านบนที่ปลดออก หน้าตายังดูอิดโรยเหมือนคนไม่ได้นอน
"ไปล้างหน้าล้างตาก่อนไหมครับ สภาพดูไม่ได้เลยอ่ะ" คุณหมอที่กำลังยืนยิ้มถึงกับใจฝ่อไปกว่าครึ่ง ก็ไม่ได้มั่นใจว่าตัวเองดูดีอะไร แต่พอโดนสบประมาทแบบนั้นก็เล่นเอาจ๋อยไปได้เหมือนกัน สายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนโบกไม้โบกมือเหมือนจะส่งสัญญาณบางอย่าง
"พี่ขิม!!! ขอบคุณครับที่มา ผมลืมโทรบอกตั้งแต่วันเดินทาง" เป็นไอ้เจ้าเด็กวายุที่เดินเข้ามาได้ถูกจังหวะ แถมส่งมุขมาให้อีกต่างหาก ที่จริงแล้วรู้เรื่องที่ทุกคนยกโขยงมาที่นี่ก็เพราะคุยโทรศัพท์กับคนตรงหน้านี้ต่างหาก แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้แสดงอาการแปลกใจ...จนอดน้อยใจไม่ได้(น้อยใจทั้งที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวหรือป่าวก็ไม่รู้..)
"ไม่เป็นไร" หมอขิมหันไปสบตาแล้วยิ้มให้เจ้าของงานเหมือนจะรู้กัน ..จะไปโทรคุยกับไอ้เด็กโย่งตอนไหนล่ะ ว่างเมื่อไหร่ก็โทรหาไอ้หนุ่มผมยาวตรงหน้านี่แหละ
ประโยคพูดคุยของไอ้คุณเพื่อนกับคุณหมอทำเอาใครบางคนที่วิ่งมาก่อนคิด...ถึงกับมึน ...ที่แท้ก็มาเพราะงานบุญ...งั้นหรอกเหรอ แบบนี้ก็น่าจะปล่อยให้คุยกับเจ้าของบ้านไปก็ได้นี่หว่า ไม่น่าจะวิ่งออกมารับเองให้หน้ายับเล่นเลยไอ้ชายเอิงเอ๊ย!!
"ไอ้...เอิง!! เหม่อไรวะ!!?"
"ไรวะ!!? ตกใจหมด.." คนที่กำลังยืนคิดอะไรกับตัวเองถึงกับสะดุ้งตอนที่ได้ยินเสียงเพื่อนตะโกนแทรกเข้ามาในความคิด
"จะบอกว่าพาพี่ขิมไปที่บ้านยายให้ที เดี๋ยวไปเรียกเฮียแล้วจะตามไป" พอหันกลับมาสนใจสถานการณ์ตรงหน้าอีกที คุณหมอก็มายืนยิ้มอยู่ตรงหน้าพร้อมกับสัมภาระในมือเรียบร้อยแล้ว ...จะว่าไป..ก็เกือบลืม..ว่าพี่ขิมเป็นเพื่อนกับพี่ตุลนี่หว่า เพราะงั้นก็ต้องรู้จักบ้านกันเป็นเรื่องธรรมดา
"จิกหัวใช้กันเลยนะเว้ย นี่เพื่อนมาเป็นแขกนะครับ!!" ชายเอิงหันไปเหล่มองเจ้าของงานด้วยหางตา แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธคำขอ อย่างน้อยๆก็ยังดีกว่าวิ่งมารับหน้าเก้อ(ทำไมไม่คิดได้ก่อนหน้านั้นวะไอ้เอิง)
"หรือจะแลกกัน!!?" ดูไอ้คุณเพื่อนมันถาม!!? เดี๋ยวปั๊ดแลกซะจริงๆ แล้วมันจะมานั่งหน้าเศร้า ปากดีเหลือเกิ๊นนนน เพื่อนใครวะ!!
"ถ้าน้องเอิงยุ่งอยู่ก็ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่กล้ากวน..." คุณหมอคนฉลาดเลือกใช้คำว่า'ไม่กล้า'แทนคำว่า 'ไม่อยาก' เพราะไม่ใช่ว่าไม่อยากแต่เพราะไม่กล้ากวนใจ...ใช้เพียงสายตาจ้องมองไปยังใบหน้าของอีกฝ่ายแทน
ชายเอิงเหลือบมองทางคุณหมอที เพื่อนตัวเองทีสลับกันไปมา สองคนนี้จะเหมือนกันก็ตรงที่ชอบใช้สายตาอ้อนทางอ้อม ปากพูดไปแต่ในแววตากลับบอกอีกอย่าง คนหนึ่งทำตาละห้อยทั้งที่ปากดีเหลือเกิน กับอีกคนทำเป็นเกรงใจแต่ดูทำมองมาซะ....น่าสงสาร!!...แบบนี้มัน...บังคับกันชัดๆ
"แต่ละคน!!" เสียงบ่นพึมพำกับตัวเองเหมือนอะไรบางอย่างไม่ได้ดั่งใจ ไอ้หนุ่มผมยาวทำหน้าหงุดหงิดหายใจฟึดฟัดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาทำหน้าเซ็ง
"สรุปว่าตกลง พี่ขิมรีบไปเลยครับ ไอ้นี่มันยิ่งเปลี่ยนใจง่ายอยู่ด้วย" ไอ้คุณเพื่อนหันไปดันไหล่คุณหมอให้ขยับมาใกล้ (แล้วตอนแรกทำเป็นจะให้ไปปลุกเฮียแทน...ใครกันแน่วะ ที่เปลี่ยนใจง่าย) สร้างเรื่องเสร็จมันก็วิ่งเข้าบ้านตัวเองไปทันที..เจริญล่ะ!!
หมอขิมเหลือบมองคนข้างตัวเองอย่างระแวง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรแต่รู้สึกว่าจะนิ่งเหลือเกิน....จะโกรธรึ? ก็ดูเหมือนไม่น่าจะใช่ หรือจะไม่พอใจ..ใบหน้าก็ยังดูเฉยๆ เพราะมัวแต่พูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ นานๆทีถึงจะได้มีโอกาสเจอหน้าตัวเป็นๆ
"น้องเอิงครับ..." ไอ้หนุ่มผมยาวที่กำลังเดินนำไปเงียบหยุดชะงัก หันกลับมามองหน้าคนที่เรียกชื่อตัวเองอย่างแปลกใจ..เรียกแค่นั้นแล้วก็เว้นว่างให้บรรยากาศโดยรอบดูเงียบไปทันที
"อ๊ะ!!..."
"มีอะไรติดอยู่ที่ผมก็ไม่รู้ พี่หยิบออกให้นะ" ด้วยความที่วันนี้ไม่ได้ออกไปไหน ผมที่ยาวประบ่าก็เลยไม่ได้รวบเอาไว้ข้างหลังเหมือนทุกที..ยังไม่ทันจะได้ถามไถ่ อีกฝ่ายก็ถือวิสาสะยื่นมือเข้ามาใกล้แบบไม่ทันให้ตั้งตัว เล่นเอาคำพูดที่ค้างไว้ชะงัก ลมหายใจเหมือนจะสะดุดไปชั่วขณะ แต่แล้วฝ่ามือนั้นก็ชักกลับไปตามมารยาทเพียงแค่นั้น
"ขอบคุณครับ.." พูดโดยไม่กล้าเหลือบมองหน้า เจ้าของที่ติดมือคุณหมอออกมาคาดว่าน่าจะเป็นเส้นขนมฝอยทองที่เพิ่งเข้าไปแอบลองชิมมาเมื่อครู่....น่าอับอายยิ่งนัก ไอ้เอิงเอ๊ย!!
"หวาน.." เท่านั้นแหละ...ไอ้เอิงหันไปมองคุณหมอตาโต เพราะแทนที่จะทิ้งไป หมอขิมกลับเอาเข้าปากแล้วยังบอกหน้าตาเฉยว่า...หวาน!! ประเด็นคือ...ก็แค่คำว่าหวานทำไมไอ้เอิงจะต้องใจเต้นตูมตามด้วยก็ไม่รู้ดิ..นี่แหละที่งง
"ถ้าอยากกิน ผมไปขอคุณยายมาให้ก็ได้ ไม่เห็นจะต้อง..." เสียงบ่นพึมพำที่เหมือนจะพูดกับตัวเองเสียมากกว่า แต่อีกคนที่ได้ยินเต็มสองหูกลับคลี่ยิ้มออกมาได้
"ยังไม่ได้อยากกินขนาดนั้นหรอกครับ แค่อยากลองชิมดู" คำพูดที่ฟังเหมือนธรรมดาคล้ายจะพูดถึงเรื่องขนม หากแต่สายตาที่ทอดมองมา กลับทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนใบหน้าจะร้อนวูบวาบได้ แบบนี้เค้าเรียกว่าอาการ...เขินรึเปล่า!!? แต่...เค้าพูดเรื่องขนมกันไม่ใช่เหรอ...!!?
หลังจากที่สนทนาตามประสาขนมหวานจบลง ชายเอิงก็พาแขกผู้มีเกียรติอย่างคุณหมอมาถึงเรือน แล้วก็จริงอย่างที่คิด หมอขิมดูเหมือนจะคุ้นเคยกับคุณยายเป็นอย่างดี เข้าไปกราบและพูดคุยทักทายโดยไม่ต้องแนะนำด้วยซ้ำ
“วิ่งไปแค่นี้กลับมาทำเป็นหน้าแดง ไอ้คุณชายเอ๊ย!!” คนที่เพิ่งจะย่อตัวลงนั่งข้างถาดขนมโดนเพื่อนหยกปากดีกัดเข้าให้หนึ่งแผล
“ลองวิ่งไปมั่งดิ ตัวเองนั่งชิมขนมอยู่นี่ สบายเกิ๊น!!” ก็ในเมื่อมันเข้าใจผิดว่าเหนื่อย ก็ยิ่งต้องเล่นให้สมบทบาท มิเช่นนั้นอาจจะโดนไล่ต้อนเหมือนไอ้คุณเพื่อนวายุได้
“แล้วใครใช้ให้แกวิ่งไปล่ะ..?” กรรม!!? จำได้ว่าไม่มีใครใช้ซักคนนี่หว่า...ตอบไงดีวะ!!
“ก็เห็นว่ารถมันคุ้นๆ ก็เลยวิ่งไปดู”
“วิ่งไปซะไกลเลยเนอะ!!” ไอ้คุณป๋าหันไปพยักหน้าสบตาเหมือนส่งซิกอะไรที่รู้กันสองคน
“อะไรๆ ก็แค่เลยไปหน่อยเดียว แล้วก็เห็นว่าเป็นคนรู้จักพอดีหรือพวกแกจะวิ่งกลับ เห็นหมอนะเว้ย ไม่ได้เห็นผีจะได้วิ่งหนี!!” คำแก้ตัว..กลบเกลื่อนไปเรื่องอื่นได้เนียนกริบฉบับไอ้เอิง เพราะพอพูดถึงเรื่องผี ไอ้หยกมันก็ดีดนิ้วตัวเองเสียงดังเป๊าะ เหมือนกับจะนึกอะไรขึ้นมาได้ทันที
“เออ!! เรื่องเสียงที่ได้ยินเมื่อคืน ตกลงมันเสียงยังไง เล่ามาด่วน!!” นั่นปะไรการเบี่ยงประเด็นสำเร็จอย่างสวยงาม
“เสียง!!?” คนที่กำลังจะเบี่ยงประเด็นได้สำเร็จแทบจะคลี่ยิ้มออกมากับตัวเอง ถ้าไม่ได้หันไปสบตากับใครบางคนเข้าเสียก่อน สติที่อุตส่าห์ตั้งไว้ว่าจะหาเรื่องโม้ก็เลยเป็นอันต้องกระเจิง เพราะดันนึกได้แต่คำพูดคุยของคนในโทรศัพท์เมื่อคืน
“ว่าไงล่ะ อย่ามาลีลา” ไอ้หยกเขย่าแขนพลางขยับเข้ามาใกล้เหมือนลุ้นผลทำนายหวย 3 ตัวงวดนี้
“จำไม่ได้แล้วอ่ะ ลืม!!” พูดได้เท่านั้นก่อนจะลุกพรวด วิ่งให้ห่างมือเท้าของสองเพื่อนซี้ที่ทำท่าจะตามมาขย้ำ...
ที่จริงไม่ได้กลัวจะโดนเพื่อนฆาตกรรมหรอก แต่...ทนนั่งให้ตัวเองเป็นเป้าสายตาไม่ได้ต่างหาก เหมือนจะทำตัวไม่ถูก..ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไปแล้ว ก็เคยคุยเล่นกันมากกว่านี้ทางโทรศัพท์ออกจะบ่อย พอมาคุยกันต่อหน้าตาต่อตาแบบนี้...ไม่ดีต่อหัวใจยังไงก็ไม่รู้แฮะ...!!
=====================
คู่นี้มาแบบสั้นจริงอะไรจริง(ขัดดอกอ่ะ)
ก่อนอื่นต้องขออภัย ช่วงนี้อาจช้าบ้างอะไรบ้าง
เนื่องจากกำลังปั่นงานอีกอันให้เสร็จทันเวลาที่(ตัวเอง)กำหนด(เอง) 
แต่จะไม่หายหน้าหายตาไปแน่นอน
ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามกันอย่างเหนียวแน่นหนึบ หึหึ
โอบกอดทุกคนด้วยความร้ากกกกกกก