" งั้นเหรอ...อ้อ จริงสิ...ที่เคยพูดว่าท่านอาเหม็ดเป็นผู้สนับสนุนให้อัลชาอ์ได้ครองราชย์น่ะ หมายความว่าเขาไม่คิดจะครองราชย์ตั้งแต่แรกเหรอ? " มาเฟียหนุ่มเลิกคิ้วงงๆ
"...ท่านอาเหม็ดเป็นน้องชายของฝ่าบาทอาซิซ...เสด็จพ่อของชีค..ตามประเพณีของเซเนียยา เจ้าชายคนโตจะได้ครองบัลลังค์ ส่วนเจ้าชายคนรอง จะได้ครองจารเซ....จารเซเป็นเมืองที่สำคัญ ทั้งทางยุทธศาสตร์ เมืองท่า หรือกระทั่งเป็นหน้าด่านชายแดนคุ้มครองประเทศ..ท่านอาเหม็ดมาครองจารเซจนสิ้นรัชสมัยของฝ่าบาทอาซิซ ..พวกเสนาบดีหรือกรมทหาร ต่างก็อยากให้ท่านปกครองประเทศ เพราะยามนั้นราชบัลลังค์ยังว่าองยู่ "
ฟังฮาซานเเล็คเชอร์เรื่องราวความเป็นมาของตำแหน่งผู้นำแล้วขมวดคิ้วมุ่น คาวัลโลอ้าปากถามไปอย่างสงสัยจัด
" ว่าง...ก็อัลชาอ์ไม่ใช่เหรอที่เป็นลูกชายของชีคคนก่อน..แล้วจะมาว่างได้ยังไง? " ฟังแล้วนึกงงไม่น้อย จึงหันไปมองหน้า พบว่าฮาซานยืนมองหน้าเขานิ่งๆสีหน้าเคร่งขรึม..
"..มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น..." ฮาซานยิ้มออกมาอย่างชืดชา..
"...มีอะไรที่ผมรู้ไม่ได้อีกงั้นเหรอ? " คาวัลโลส่งยิ้มไปให้คนเล่าอย่างไม่เห็นขันแม้แต่น้อย ก่อนที่เขาจะนึกเอะใจบางอย่างได้ " หรือที่ว่า...อัลชาอ์เป็นลูกของผู้หญิงยิปซี..ต่างชาติ...มันจะเป็นปัญหา? ผู้คนไม่ค่อยยอมรับเขาเหรอ "
"คุณรู้... "ฮาซานมองหน้าเขาพลางขมวดคิ้ว..
"...อืม....." รับคำด้วยสีหน้าปกติ แต่คาวัลโลก็ไพล่ไปคิดถึงคำพูดของนักโทษที่เขาเจอตอนนั้น หมอนั่นมันพล่ามว่าอัลชาอ์ไม่สมควรเป็นกษัตริย์ เพราะสายเลือดของหญิงยิปซี คนต่างชาติ...หรืออะไรเทือกนั้น แถมพูดเรื่องนี้ยังถูกอัลชาอ์โกรธเอาเสียด้วย..
"....เช่นนั้นคุณก็ต้องรู้สิ...ว่าตามประเพณีของเซเนียยา...ทายาทของผู้นำรัฐต้องมีเชื้อสายของเราโดยสมบูรณ์.." ฮาซานออกปากอธิบายสีหน้าเคร่ง " ฝ่าบาทอาซิซ แต่งงานกับเส็ดจ แม่ของชีค...ซึ่งท่านไม่ใช่สตรีชาวเซเนียยา...ท่านเป็นชาวยิปซี การที่ฝ่าบาทแต่งงานกับท่านทำให้เกิดเสียงคัดค้าน..ไม่มีใครต้องการให้คนต่างถิ่นมาเป็นรานีของเรา.. จนเกิดรัฐประหาร...พระนางคลอดชีคออกมาไม่นานก็ถูกลอบสังหารจนเสียชีวิต..และฝ่าบาทอาซิซก็ส่งชีคไปอยู่ที่อังกฤษ.."
"......" คาวัลโลนิ่งฟังประวัติชีวิตอันโชกโชนของอัลชาอ์ด้วยสีหน้าอัศจรรย์ใจ นึกไม่ถึงว่าเพราะเรื่องบัลลังค์และความเหมาะสมทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น สมัยนี้แล้วยังมีเรื่องแบบนั้นอยู่อีก...
"...ฝ่าบาทอาซิซอภิเสกอีกครั้งกับท่านอัลลิยะ...ซึ่งเป็นเสด็จ แม่ของเจ้าชายฟาลซาอ์.."
"..เอ๋? งั้นฟาลซาอ์ก็เป็นน้องชายของอัลชาอ์งั้นเหรอ? " คาวัลโลอ้าปากค้าง สีหน้าตกตะลึงไม่น้อย
"..ไม่ใช่....เจ้าชายฟาลซาอ์เป็นลูกของท่านอัลลิยะห์ก็จริง..แต่เขาเป็นบุตรของสามีคนก่อนของท่าน..ไม่ใช่บุตรของฝ่าบาทอาซิซ..."ฮาซานเล่าด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม " แต่ด้วยเชื้อสายแล้วเขาก็เป็นคนในราชตระกูลชั้นสูงของเซเนียยาเช่นเดียวกับท่านรามิล...อีกทั้งฝ่าบาทอาซิซยังทรงเอ็นดูจึงรับท่านฟาลซาอ์เป็น
บุตรบุญธรรม.."
"........." คาวัลโลพยักหน้ารับ..อย่างเริ่มจะเข้าใจ แผนผังครอบครัวอันแปลกประหลาดนี้แล้ว..
"..เมื่อฝ่าบาทอาซิซเสียชีวิตจากการถูกลอบสังหาร...ท่านอาลิยะห์ก็บาดเจ็บหนัก....เจ้าชายฟาลซาอ์ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ..ทุกคนจึงพร้อมใจกันหนุนให้ท่านอาเหม็ดขึ้นเป็นผู้นำ...ทว่า ท่านอาเหม็ดก็ไม่ได้สนใจรับคำขอนั้น แต่กลับหันไปสนับสนุนชีคแทน..หากท่านจะเป็นกษัตริย์จริงก็สามารถทำได้แล้ว..ไม่จำเป็นจะต้องลำบากช่วยชีค ท่านต้องเสี่ยงชีวิตและทำสงครามมากมายหลายปี กว่าจะนำบัลลังค์เซเนียยาที่สมบูรณ์ถวายแด่ชีคได้..และนั่น..ตอนนี้...ท่านจะเป็นฝ่ายมาชิงบัลลังค์นั้นแทนงั้นหรือ?..มันเป็นไปได้ด้วยรึไง?"
"........." คาวัลโลฟังแล้วนิ่งเงียบ..เรื่องสงครามลูกชิงบัลลังค์พ่อหรือพี่ชิงบัลลังค์น้องนั่นเขาพอจะเข้าใจ แต่ทง่าเรื่องการเสียสละอันคาดไม่ถึงของอาเหม็ดนี่มัน...เกินจะเข้าใจจริงๆ
"...เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน " เขายักไหล่ เพราะถึงจะเคยดียังไง มันก็แค่"เคย"ปัจจุบันจะเป็นแบบนั้นรึเปล่านั่นน่ะอีกเรื่อง..ในเมื่อตอนนี้หลักฐานและความ
เชื่อมโยงทั้งหมดมันอยู่ที่ชายคนนั้น เขาก็ควรจะสงสัยอาเหม็ด..และสืบหาเรื่องราวต่างๆโดยพุ่งเป้าไปที่ชายคนนั้นตามสมควร..
"........." ฮาซานก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขารู้ดีว่าการจะโน้มน้าวเปลี่ยนใจใครไม่ใช่เรื่องง่าย และยิ่งหากคนๆนั้นยังคิดยึดมั่นในความคิดของตัวเอง จะฝืนพูดมากไปก็ชวนให้วิวาทกันเพียงเท่านั้น..
คาวัลโลอ้าปากหาวเบาๆ ด้วยความเหนื่อยหน่าย เขากำลังจะอ้าปากชวนคุยแก้เบื่อ แต่หางตากลับมองเห็นเงาดำวูบไหว...ชวนให้ฉุกคิด...
สายลมเย็นพัดพาหอบกลิ่นของควันไฟและเม็ดทรายมาตามกระแสลม คาวัลโลหรุบตาลงเมื่อลมหอบเอาเม็ดทรายเล็กๆสาดปะทะสู่ใบหน้า เขายกแขนขึ้นมากั้นด้วยอัปกริยาเป็นธรรมชาติ แต่เอียงใบหน้าไปด้านซ้าย กวาดสายตาเหลือบแลหาที่มาของเงาดำที่ทำให้เขานึกสงสัยนั่น..
คาวัลโลตวัดผ้าคลุมมาครอบศรีษะกันลมพลางออกปากบ่น เขาขยับตัวขึ้นคล้ายเมื่อยขบ แต่องศาการนั่งกลับเปลี่ยนเป็นหันข้าง รวมทั้งแววตาที่ถูกปิดบังโดยผ้าผืนหนาที่กวาดมองหาต้นตอของสิ่งผิดปกติ..
ร่างเงาสีดำซุ่มเงียบอยู่ตรงเพิงสำหรับเก็บอุปกรณ์ก่อสร้างเล็กๆน้อยๆ...คาวัลโลมองเห็นร่างนั้นค่อยๆเคลื่อนตัวถอยหลัง โดยที่ใบหน้าจับจ้องอาการของเขาไม่วางตา..
ชายหนุ่มเกร็งตัวแน่น นัยน์ตาทั้งสังเกตและหลบมองอย่างระแวดระวัง...
ร่างของฮาซานที่ยืนถัดไปไม่ห่างนักนึกผิดสังเกตที่อีกฝ่ายเงียบไป องค์รักษ์หนุ่มขมวดคิ้วก้มมองดูร่างที่นั่งพิงกองหิน..เขามองเห็นเสี้ยวหน้าที่เหลือบแลด้านซ้าย..ด้วยท่าทีเคร่งขรึมชวนสงสัย..
ฝ่ามือแตะลงตรงยังเอวที่มีปืนพกขนาดสั้นเหน็บอยู่ กำลังจะหันซ้ายขวามองโดยรอบ...หากทว่า..
"..อย่าเพิ่ง.." น้ำเสียงเรียบๆของคาวัลโลทำให้เขาชะงัก..
" แต่..."
" อย่าทำท่าทางรู้ตัวให้พวกมันเห็น...มันมากี่คนไม่รู้...ดูให้แน่ก่อนแล้วค่อยโต้ตอบ..." คาวัลโลสั่งการสั้นๆ ด้วยท่วงท่าระวังระไว.. " อย่าลืมว่าคนที่มีอาวุธมีแค่คุณ...ถ้ามันมามากกว่าหนึ่ง เราคือฝ่ายเสียเปรียบ.."
" ผมจะส่งข่าวให้ทหารของเรารู้ " ฮาซานเอ่ยถึงทหารที่เฝ้าอยู่ที่กระโจมพักซึ่งห่างไปไม่ไกล..
"....ถ้ามีเสียงปืนพวกเขาจะรู้ตัวเอง...เอาตัวให้รอดก่อน.." คาวัลโลปรามพลางขยับตัวเอนหลังแนบก้อนหินใหญ่... "...ทางซ้ายของผมมีหนึ่งคน...มันกำลังอยู่ที่อาคารเก็บอุปกรณ์..."
"........". ฮาซานกวาดตามองด้านขวาของฝั่งตนบ้าง นัยน์ตาสีเข้มเหลือบแลเห็นร่างที่กำลังเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วไปด้านกำแพงเมือง..และกระโจมที่กางไว้..
"...ดูข้างบนด้วย..." คาวัลโลเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้าเครียดขึ้ง ขณะที่กวาดตามองหาทางรอด..
"...ทางนี้มีสี่..." ฮาซานเอ่ยเสียงเครียด ทางด้านซ้ายที่เป็นทางไปสู่ตัวเมืองมีเหล่าคนในชุดดำอยู่ค่อนข้างมาก พวกมันคงกะจะตัดทางไม่ให้พวกเขา
เข้าไปหลบภัยในเมืองได้ อีกทั้งคอยกันท่า จัดการทหารที่กำลังเฝ้ากระโจมอยู่ไม่ให้แจ้งข่าวกับกำลังพลส่วนอื่นที่ประจำอยู่ในเมืองให้ตามมา..
"...ไปแจ้งพวกทหารที่เฝ้ากระโจม..ห้ามกระโตกกระตาก.." คาวัลโลสั่งการ
"...แต่คุณ...." ฮาซานออกปากท้วง อย่างไม่แน่ใจ
" เอาปืนมาให้ผม...ผมดูแลตัวเองได้.." คาวัลโลตอบสั้นๆ...เขาขมวดคิ้วกับความเงียบที่ได้รับ เมื่อเหลียวไปพบมีหน้าเคร่งเครียดของฮาซานก็ชักสีหน้าหงุดหงิด
" จะเลือกชีวิตคนหรือคำสั่งก็ตามใจแล้วกัน..." มาเฟียหนุ่มตอบเสียงเรียบ..กับองค์รักษ์หนุ่มที่กำลังชั่งใจว่าจะทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายที่ให้เฝ้าดูแลแต่ไม่มอบอาวุธให้กันหลบหนี หรือจะเสี่ยงมอบให้ในยามมีอันตรายเพื่อรักษาชีวิตเอาตัวรอด แม้จะเสี่ยงกับการที่อีกฝ่ายจะออกไปก็ตาม..
"..หากคุณสาบานว่าจะไม่ไปไหน..." ฮาซานตอบเสียงเครียด
"...จนกว่าหน้าที่ของผมจะจบลง.." คาวัลโลตอบ สายตาจ้องความมืดของทะเลทรายกว้างเบื้องหน้า มองไปยังขอบฟ้าที่มีแสงดาวพราวระยับต่ำราวกับจะ
เอื้อมถึงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง..
".....สิ่งแรกที่คุณจะสั่งให้ทหารทำคือแจ้งอัลชาอ์...อย่าให้พวกเขาขยับปืน..เพราะนั่นจะเป็นสัญญาณปลิดชีวิตตัวเอง..."
ฮาซานพยักหน้ารับก่อนจะทิ้งกระบอกปืนลงบนผืนทรายแล้วผินตัวหันหลังไปยังกระโจมด้วยท่าทีปกติ หากแต่ดวงตาฉายแววร้อนรน นัยน์ตาเข้มกราดมองไปยังกลุ่มผู้บุกรุกที่ต่างก็ซุกซ่อนจากสายตาของตนอย่างเชี่ยวชาญ..ขณะที่ก้าวไปด้วยหัวใจระทึก...
ปัง! ปัง ! ปัง !
เสียงปืนที่ดังเป็นสามนัดติดๆกันเป็นดั่งสัญญาณให้ออกวิ่ง คาวัลโลถีบตัวลุกพรวด กระโจนเข้าหากระบอกปืนที่แน่นิ่งอยู่บนผืนทรายท่ามกลางแสงอันเลือนราง ทัศนะวิสัยที่แทบจะเรียกได้ว่ามืดบอดยามคว้ากระบอกปืนและหาทางหนีนั้นทำให้ต้องถลามายังเพิงหินที่เดิม.. นัยน์ตาสีน้ำทะเลตวัดมองกระโจมพักที่มีร่าง
ของทหารสองนายแน่นิ่งอยู่อย่างเคร่งเครียด พลันเสียงปืนก็ดังขึ้นติดๆกันอีกคำรบ..พร้อมกับความร้อนที่แล่นผ่านผิวแก้มทำให้ตัวเย็นวาบ รีบถลาออกจากที่กำบัง
โดยพลัน..
เมื่ออีกฝ่ายที่มีมากกว่าสามารถมองเห็นได้ยามที่มีแสงสลัว นั่นทำให้คาวัลโลตัดสินใจวิ่งสุดฝีเท้าไปยังผืนทะเลทรายอันมืดมิดเบื้องหน้า...หลอกล่อให้อีกฝ่ายติดกับเพราะความมืดมิดของกลางคืนและความไม่คุ้นชินต่อสภาพพื้นที่ซึ่งอาจจะสร้างปัญหา ระหว่างถ่วงเวลารอคนของอัลชาอ์ให้ปรากฏกาย..
เอื้อมมือกุมซี่โครงพร้อมกับหอบยาวจนตัวสั่นเมื่อวิ่งจนสุดฝีเท้า...คาวัลโลกลิ้งตัวคลุกเม็ดทรายเมื่อเนินทรายที่ก่อรุปร่างอันไม่แน่นอนทำให้ฝ่าเท้าสะดุดล้ม
".แฮ่กๆ...." ก้มตัวลงแล้วถลาไปหาเงาตะคุ่มของต้นปาล์มที่ยืนต้นโดดเดี่ยวอยู่ใกล้เพิงผา.. คาวัลโลได้ยินเสียงสถบเป็นภาษาอังกฤษดังขึ้นเป็นระยะ สลับกันเสียงปืนที่ดังขึ้น ขณะที่เขากระโจนเข้าซุกกายบนผืนดินแข็งปนหิน แม้ทั้งร่างและฝ่ามือจะครูดกระแทกกับผืนดินเสียจนเจ็บชาเขาก็ไม่ได้สนใจ มาเฟียหนุ่ม
คลานหมอบตัวไปโดยไม่ใส่ใจงูหรือสัตว์อะไรก็ตามที่จะสร้างอันตราย ประสาทสัมผัสที่ตื่นตัวเต็มที่บอกให้รู้ว่ามีเสียงเครื่องยนต์คำรามอยู่ไม่ไกลจุดความหวังให้เกิดขึ้นอีกครา..
ปัง !!
เสียงปืนที่ดังขึ้นใกล้กว่าที่คิดทำให้ตัวเย็นวาบ คาวัลโลถีบตัวขึ้นจากพื้น ล้วงเอาปืนที่ฮาซานทิ้งไว้ให้มาปลดเซพอย่างเชี่ยวชาญ ขณะที่สายตาสอดส่องหาเป้าหมายท่ามกลางความมืดมิดและเสียงลมพัดหวีดหวิว
" โอ๊ย!!...." ความเจ็บที่พุ่งพรวดทำให้คาวัลโลร้องออกมาอย่างทนไม่ไหว...ชายหนุ่มรีบสะบัดมือขึ้นจากที่วางยันพื้น และรีบลุกจากพื้นพร้อมกับออกแรงวิ่งอย่างรวดเร็ว..แผลที่มือแม้จะเจ็บแปลบและแสบร้อน แต่เขาก็ไม่มีโอกาสจะดูด้วยซ้ำว่าตัวอะไรที่กัด ทำได้เพียงรีบลุกออกมาก่อนจะโดนอะไรที่ร้ายกว่านั้นทำให้เกิดแผลซ้ำ แม้จะนึกกังวลขึ้นมาวูบหนึ่งว่าอาจะเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรง ทว่า...ตอนนนี้ที่ชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตราย..สิ่งที่ควรสนใจคือการเอาตัวรอดเฉพาะหน้า
"#$%^&*() " คราวนี้เสียงสถบที่ดังขึ้นนั้นเป็นภาษาอาหรับ..คาวัลโลขมวดคิ้ว ขณะที่ถอยหลังวิ่งไปสู่ทะเลทรายกว้างและห่างจากเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ เขามองไม่เห็นคนหรือกำลังพลที่เดินทางมาเลยสักนิด..และยิ่งนึกเสียใจที่ตัวเองหลอกล่อคน พวกนี้เข้ามาในทะเลทราย สำนึกรู้บอกว่ามันทำให้ตัวเองตกหลุมพรางชัดๆ แม้ความมืดที่รายล้อมจะช่วยอำพรางตัว ทว่าก็ทำให้สายตาของเขามืดบอดด้วยเช่นกัน และในเมื่อคนที่โจมตีเขาเหล่านี้เป็นชาวทะเลทรายก็ย่อมคุ้นเคยที่นี่มากกว่าเขาอยู่แล้ว!!
"..บ้าชิบ..." ชายหนุ่มสถบลั่น แผลที่มือมันปวดบวมเป่งมีอาการชาแขนสั่นระริกจนจับแล้วรู้สึกได้..ขาที่วิ่งสะเปะสะปะก็เริ่มอ่อนกำลังลงพร้อมกับอาการเจ็บแปลบตรงซี่โครงด้วยความเหนื่อยหอบ ได้ยินเสียงพูดคุยดังลั่นของกลุ่มคนที่เขามองไม่เห็นแต่ที่น่าตระหนกคือมันใกล้เข้ามา....ใกล้ตัวเข้ามาทุกที..
คาวัลโลสถบพรืดอย่างไม่พอใจ เขากัดฟันกรอด ไม่มีทาง..อนาคตบอสมาเฟียตระกูลเก่าแก่ของอิตาลี คนอย่างเขา คาวัลโล วาลกัส จะมาพ่ายแพ้ถูกฆ่าเพราะเรื่องแบบนี้ ต้องมาตายอยู่ที่นี่งั้นเหรอ...ไม่มีทางหรอก...
นัยน์ตาสีน้ำทะเลวาวโรจน์อย่างไม่ยอมแพ้...เรื่องอะไร..เรื่องอะไรจะยอม..เรื่องอะไรจะต้องมาตาย...ด้วยสาเหตุโง่เง่าไร้สาระ...
ไม่มีทาง...ไม่มีวัน...จะยอมแพ้..
.....ฝีเท้าที่สั่นไหวกลับมามั่นคงอีกครา คาวัลโลได้ยินเสียงเครื่องยนต์คำรามใกล้มาเรื่อยๆ...เขากระชากผ้าคลุมในมือมาฉีกเป็นชิ้นยาว ฝ่ามือที่บวมเป่งถูกปลาย
นิ้วโป้งข้างขวากดเคล้นลงบนบาดแผลแรงๆ บีบให้หยดเลือดไหลออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนำผ้าที่ฉีกไว้นั้นพันรอบแขนข้างที่ถูกกัดเป็นการห้ามเลือดและหยุดพิษรักษาพยาบาลเบื้องต้นชั่วคราว..
...กระชับปืนในมือแน่น ขณะที่ออกแรงวิ่งไต่บนเนินทรายลูกโตไปยังส่วนยอด เขาได้ยินเสียงร้องภาษาอังกฤษผสมกับภาษาอาหรับดังสะท้อนในอากาศ หรี่ตาลงเมื่อแรงลมสาดปะทะ สมองคิดหาทางรอดด่วนจี๋ ประกอบกับสังเกตสังกากลุ่มคนนี้ไปในตัว..หากเป็นชาวอาหรับคนของที่นี่...แน่นอนว่าจะคุ้นชินและไม่มีการตะโกนคุยกันแบบนี้แน่นอน..แต่ประโยคพูดภาษาอังกฤษจุดความสงสัยให้วาบขึ้นในใจ..กลุ่มกองกำลังต่างชาติที่เข้ามาในเซเนียยา...ประเทศที่แทบจะเรียก
ว่า"ปิด" โดยสมบูรณ์แบบ...
..ใคร..มาทำไม...ต้องการอะไรกันแน่?
หัวคิ้วสีเข้มขมวดมุ่น ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ขณะที่ปลายเท้าก้าวไม่หยุดเพื่อขึ้นไปบนเนินทรายหวังหลบพักกาย..
.....พรึ่บ.....
หากทันทีที่ก้าวเท้าขึ้นยังเนินทรายลูกโต ผลตอบแทนที่ความเหนื่อยล้า กลับกลายเป็นแสงไฟจ้าจากรถโฟร์วีลที่สาดเข้าปะทะร่าง...
..คาวัลชะงักค้างด้วยสีหน้าตกตะลึงและคาดไม่ถึง..
....อุบายร้ายกาจ...แผนการ์ณหลอกล่อที่สมบูรณ์แบบ...
นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองคนในชุดโธปและชุดเชิ๊ตสากลที่ยืนปะปนกันอยู่...คนเหล่านั้นจ้องมองสีหน้าของเขาด้วยความพึงพอใจ..สายตาวาววับนั้นชวนให้หนาวเยือกและความคั่งแค้นปะทุหนัก...
....บ้าที่สุด !!!!
คาวัลโลกัดฟันกรอด ...หากก็จำต้องทิ้งปืนลงข้างกายบ่งบอกอาการยอมแพ้..นัยน์ตาสีน้ำทะเลกวาดมองทั่วบริเวณ มองหน้าผู้คนที่อุกอาจ หาญกล้าที่จะมาซุ่มจับตัวเขาท่ามกลางการคุ้มครองของชีคหนุ่มเเห่งเซเนียยา.. มองหาเจ้าของแผนการ์ณอันแยบยลที่หลอกล่อให้เขามาหาตัวเองตามที่วางไว้..
ไม่ใช้ชาวอาหรับ...คอยท่าให้เขาออกมาห่างจากการคุ้มกัน..
แกล้งไล่ล่าให้เขาเหนื่อยอ่อน กวาดต้อนจนทำให้ว้าวุ่นครุ่นคิด..
จุดความสงสัย..ทำให้เขาตัดสินใจออกมาแทนที่จำหลบหนีไปพร้อมๆกับคนคุ้มกัน...
คาวัลโลหอบเบาๆด้วยความเหนื่อยล้าหัวสมองหมุนติ้วแม้ท่าทีอ่อนล้า...เขาครางออกมาเบาๆเมื่อ แผลที่ฝ่ามือเริ่มบีบรัดจนเจ็บปวดอีกครา ชายหนุ่มตวัด
สายตามองฝ่ามือตัวเอง เขาพบว่ามันมีเลือดสีคล้ำเปื้อนอยู่บนแผลช้ำลือดและบวมเป่งจนน่ากลัว
ประตูรถโฟล์วีลเปิดออก และร่างของชายคนหนึ่งก็ก้าวออกมา..คนที่ทำให้คาวัลโลเบิกตากว้าง...มองเห็นเส้นผมสีบลอนด์ที่ซีกจางจนเกือบขาว...ใบหน้าหล่อ
เหลาราวเทพบุตร หากทว่าเย็นชาราวกับฉาบด้วยน้ำเเข็งบางๆที่ไม่มีวันละลายดูราวกับว่าเป็นเขาเองเป็นผู้ที่ทำให้ทะเลทรายแห่งนี้หนาวเย็นขึ้นมากะทันหัน..และ
นัยน์ตาสีเทาคู่นั้นเย็นยะเยียบเช่นเดียวกับใบหน้าที่แข็งกระด้างมองมาอย่างมาดร้าย...
....คาวัลโลยิ้มออกมาช้าๆเมื่อพบว่าคำตอบของคำถามที่เขาอยากรู้คืออะไร...
.......เมื่อได้มองเห็นคนๆนี้อยู่ตรงหน้า...ความสงสัยทุกอย่างก็กระจ่างชัดขึ้นมาทันที...
.........ชายคนนี้....ราฟาเอลโร่ บอนต์เต้
........................................
ฝาแฝดหวานโฮกฮากปนหื่น ฮ่าๆๆๆ..ช่วงนี้เครียดค่ะ หงุดหงิดกับเรื่องซวยๆ และเวลาเครียดเราก็มีวิธีระบายออกกับนิยายอยู่สองอย่าง หนึ่งคือเขียนฉากดราม่า และสองคือเขียนฉากหื่น !

ลงแบบนี้แล้วหวังว่าคงไม่มีคนเชียร์ให้อิชั้นเครียดเยอะนะ (เพราะเสี่ยงจะลงอีกฉาก และนี่ไม่ใช่หวยล๊อก ฮ่า...)
เรื่องฝาแฝดตอนนี้ก็อยากจะบอกสั้นๆคือ...
อเล็กซิส....หื่นนะลูก....

( ยื่นผ้าซับเลือดให้ชาวบ้าน)
...ส่วนช่วงนี้ที่หายไปนานไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ พอดีหนีไปอยู่กินกับอเล็กเซย์มา

(โยกศรีษะหลบลูกปืน) แหะๆ...ช่วงนี้ยุ่งค่ะ และมีเรื่องซวยซับซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อน นั่นก็คือ...กระเป๋าตังค์หาย !!!
ไอ้เงินในนั้นไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ...แต่นี่มันเอทีเอ็มสองใบ บัตรนักศึกษา บัตรประชาชน หายไปหมด ตอนนี้เลยต้องพกบัตรเหลืองเหมือนต่างด้าว ต้องรอท่านๆเถียงกันเสร็จก่อน ฮึ่ยยยย..และที่สำคัญที่สุดคือกุญแจห้องงงงง..เช็ดเป็ดเถอะพี่น้องงงงงงงเงินน่ะอยากได้ก็เอาไป แต่ไอ้กุญแจห้องน่ะขอได้ม้ายยย ไม่อยากโดนอาม่าแกโวยนะเฟ้ย !
..ส่วนคาวี่ที่รัก...ตอนนี้กิ๊กเก่ามาตามสินะ..(อุ๊บส์) ฮ่าๆ...ตอนนี้คาวี่แอบน่าสงสาร แอบเหงาแถมถูกคนเขียนทารุณกรรมอีก...หลังจากใจร้ายจนโดนแฟนๆถามตีก้น ตอนนี้ก็สงสารพ่อคุณเขาหน่อยเต๊อะ..
ปล. ตอนนี้ผังครอบครัวสอัลชาอ์ออกแล้วนะ มีงงๆกันบ้างรึเปล่า?