พิมพ์หน้านี้ - Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Serin ที่ 01-10-2010 21:59:06

หัวข้อ: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 01-10-2010 21:59:06
gLK****************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 01-10-2010 22:04:46
แนะนำตัวละครค่ะ


  คาวัลโล่ เตอเกียเร่ วาลกัส
   ลูกชายคนสุดท้องของตระกูลวาลกัส หนึ่งในสี่ตระกูลเก่าแก่ทรงอิทธิพลของอิตาลี หลานชายสุดที่รักของ เฟเดริโก้ วาลกัส บอสมาเฟียตระกูลวาลกัส กำลังจะเข้ารับตำแหน่งบอสของแกงค์ เมื่ออายุครบยี่สิบปี แต่ก่อนหน้านั้น เขารับทำภารกิจจัดการกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่มักจะรบกวนการขนส่งสินค้าของแกงค์ แต่ข้อมูลที่ได้รับมากลับผิดพลาด กลายเป็นว่ากลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่เขาและพรรคพวกโจมตี คือขบวนเสด็จของชีคผู้นำประเทศ นั่นทำให้เขาตกอยู่ในฐานะมือลอบสังหาร ต้องคดีลอบสังหารผู้นำประเทศ ซึ่งมีโทษสูงสุดคือประหารชีวิต.. !!

   ชีค อัลชาอ์ ยาฮิลยะห์ มูซา มุอัซซิน
      ชีคหนุ่มผู้นำประเทซเซเนียยา ประเทศเล็กๆติดกับสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์และประเทศโอมาน เป็นคนหนุ่มเคร่งครัดกับประเพณีและวิถีปฎิบัติของศาสนาตนอย่างมาก พยายามจัดการปัญหาการก่อการร้ายภายในประเทศอย่างสุดความสามารถ มีปัญหาเรื่องบัลลังค์กับผู้เป็นอาของตัวเองและเมื่อพบคาวัลโล จึงพยายามหาข้อมูลและใช้เป็นเหยื่อล่อตัวการที่แท้จริงออกมา

    อเล็กซิส จิโอวานนี่ อเล็กเซย์ จอร์จิโอนี่ วาลกัส
  สองพี่น้องฝาแฝดคนโตของบ้านตระกูลวาลกัส มีคำนิยามง่ายๆก็คือ “ไม่สนใจใครมากกว่าฝาแฝดของตัวเอง”
     อเล็กซิสคนพี่นิสัยติดจะเคร่งขรึม พูดน้อย จริงจังเอาการเอางานสมเป็นพี่ใหญ่ของบ้าน สนใจเรื่องการตกแต่งบ้านและงานสถาปนิก แต่ที่สนใจมากที่สุดคือเรื่องของน้องชายฝาแฝด   
     อเล็กเซย์แฝดคนน้องนิสัยร่าเริง ช่างพูด ช่างเจรจาชื่นชอบงานเกี่ยวกับความเร็วและการผจญภัย เป็นครีเอททีฟหัวดี คิดอะไรแปลกๆแหวกแนวออกมาได้เสมอ ชอบสาวๆและการเข้าสังคม แต่ยังไงสิ่งที่เขาสนใจที่สุดคือพี่ชายตัวเอง

...................................
ตัวละครหลักๆก็คือสี่คนนี้ค่ะ บอกแต่ประวัติไปก่อน ยังไม่ได้แปะรูปค่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 01-10-2010 22:09:20
 :3123:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 01-10-2010 22:35:50
Line : 1

ปัง ! ปัง ! ปัง !

  เสียงปืนดังก้องสะท้อนทำลายความเงียบงันในท้องทะเลทรายกว้าง เพิงหินสีเข้มร้อนระอุพอๆกับปลายปืนที่ส่งกลิ่นดินปืนโชยคลุ้ง ฝ่ามือกระชับด้ามจับสีเงินแน่นพร้อมกับเล็งไปยังเป้าหมายที่เป็นเงาตะคุ่มท่ามกลางแสงดาวเจิดจรัสไร้แสงไฟ...

ฟุ่บ !!

 ร่างหนึ่งที่เห็นเรือนลางท่ามกลางความมืดทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วพอๆกับความเร็วของลูกปืนที่ถูกส่งไปด้วยปืนสั้นเสียบปลายกระบอกยาวเป็นที่เก็บเสียง ขณะที่เสียงเปรี้ยงปร้างดังสวนขึ้นมาจากกลุ่มคนอีกฝั่งของผืนทราย ที่เริ่มกระจายตัวโอบล้อม นั่นทำให้ผู้เฝ้ามองเริ่มขมวดคิ้วเครียด..

  “ shit !!..จะทำยังไงดีครับ พวกมันมีเยอะเกินกว่าที่เราคิดไว้ “ น้ำเสียงสถบดังขึ้นบนศรีษะทำให้บุรุษหนุ่มที่อยู่ในชุดเสื้อกางเกงพรางตัวสีดำสนิทเม้มปากแน่น คิ้วเข้มเหนือดวงตาคู่โตวาวแสงสีน้ำทะเลขมวดปมอย่างครุ่นคิด เส้นผมสีน้ำตาลอัลมอนต์ถูกเจ้าตัวใช้มือซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยถุงมือหนังสีเดียวกับชุดเสยขึ้นอย่างหงุดหงิด..ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนเยาว์ซ่อนอยู่ภายใต้หมวกปีกสีดำสนิทท่าทีครุ่นคิดพร้อมๆกับเปลี่ยนกระสุนให้กับปืนสั้นในมือไปด้วย..

  “..กองกำลังติดอาวุธ...” ริมฝีปากสีซีดจางเอ่ยพึมพำเบาๆ สายตาจ้องเขม็งไปที่ลูกปืนในมืออย่างครุ่นคิด

  “..ฟิลลิเป้..เมื่อไหร่กำลังเสริมหลักจะมา..” เอ่ยถาม พร้อมกับหมุนลูกโม่เข้าที่เดิม มือซ้ายสับไกปืนขึ้นเตรียมยิงตอบโต้..

   “..คุณสเตฟาโน่บอกว่าอีกสิบนาทีครับ..” น้ำเสียงตอบกลับมาแผ่วเบาทั้งผสานไปด้วยเสียงหอบเหงื่อ เมื่อเจ้าตัวถูกกระสุนเข้าที่ไหล่ ร่างเพรียวสอบผุดลุกขึ้นชันเข่า มือขวาผลักไหล่ลูกน้องผู้ถูกยิงเมื่อครู่เบาๆเป็นเชิงชี้ให้ไปพัก ก่อนจะหันขวับมาจ้องเล็งกลุ่มคนบนเนินทรายที่บัดนี้ดูจะมีคนตามมาสมทบมากขึ้นเรื่อยๆ..
  “..ไหนรายงานบอกว่ามีประมาณสามสิบคนไง ?ทำไมถึงโผล่มาเกือบห้าสิบแบบนี้ได้..ทางเรายังมีกันแค่สิบคนเองน่ะ กำลังเสริมก็ชักช้าจริง !!! “

  “..ขออภัยครับ ท่านคาวัลโล..เมื่อครู่คุณสเตฟาโน่วิทยุแจ้งมาว่าติดอยู่กับกองคาราวานอีกแห่ง คาดว่าจะมาถึงช้ากว่าที่คิดครับ..”

  “..บัดซบ...” ชายหนุ่มสถบเครียด สายตามองตรงไปข้างหน้าพร้อมกับแล่นไกปืนขณะที่สมองกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก..

..ย้อนกลับไปเมื่อสามชั่วโมงก่อน..

      ตัวเขา คาวัลโล เตอเกียเร่ วาลกัส กำลังสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้เป็นลุงที่เป็นถึงหัวหน้าแกงค์มาเฟียยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลี  ถึงภารกิจที่ตนเองรับมาทำ ก่อนจะได้ขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าแทนที่เมื่ออายุครบยี่สิบปี..นั่นคือการ”กำจัด” กองกำลังติดอาวุธที่เพ่นพ่านคอยตัดกำลังกลุ่มแกงค์ของเขาในประเทศเล็กๆแต่เป็นสถานที่สำหรับขนถ่ายอาวุธอย่างดีนามว่า “เซเนียยา” หลังจากรับภารกิจนี้มาพร้อมกับรายละเอียดและกำลังคนจำนวนมากพอควรแล้ว เขาก็ได้นำคนสนิทจำนวนหนึ่งไปเข้ามายังบริเวณที่เป็นที่พักของกลุ่มกองกำลังนั้น นั่นคือโอเอซิสนามว่า ปายุล เมื่อสบโอกาสจึงเข้าโจมตี แต่นึกไม่ถึง ว่ากำลังเสริมจะมาช้ากว่าปกติและตัวเขา...กำลังถูกไอ้กลุ่มติดอาวุธที่ว่านี้ล้อมจับ..

  ..คนที่เป็นถึงอนาคตบอสของแกงค์มาเฟียใหญ่กลับต้องมาถูกกลุ่มกองกำลังไม่ทราบฝ่ายบุกล้อมจับ..รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น เสียศักดิ์ศรีชะมัด!!

 คาวัลโล กัดปลายนิ้วโป้งของตัวเองแน่น สายตาจับแน่วไปยังเงาตะคุ่มที่เคลื่อนตัวเข้ามาโอบล้อม ..และเล็งปืนผ่านแนวล้อมนั้นไว้..

ถ่วงเวลา จนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง...

ทว่า...

ปัง ๆๆๆๆๆๆๆๆ !!!

    เสียงรัวปืนกลดังลั่นมายังเพิงหินที่หลบอยู่ ทำให้คาวัลโลสะดุ้งเฮือก ชายหนุ่มหลบพิงหลังครูดลงไปกับกองหินใหญ่ ใจคิดพะว้าพะวงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น..กองกำลังติดอาวุธ..กับอาวุธหนักอย่างปืนกลไม่ใช่เรื่องแปลก..ทว่า..ในระยะเวลากระชั้นชิดแบบนี้ พวกมันจะไปเอาเวลาจากไหนนำอาวุธนี้มา..และถ้ามีก่อนแล้ว ทำไมมันไม่ยิงตั้งแต่แรก..

...มันแม่นยำเกินไป จังหวะดีเกินไป..จน..ไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญ..

..จนน่ากลัวว่าพวกมันเตรียมตัวมาแล้ว..และ..รู้ทุกอย่างตั้งแต่แรก..

สังหรณ์ร้ายที่คิดออกทำให้คาวัลโลถอนใจเฮือก กวาดสายตามองบรรดาพรรคพวก..พลันก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่าคนเหล่านั้นต่างก็นอนจมกองเลือดและถูกสังหารโดยชายในชุดครุมรุ่มร่ามที่มาถึงที่นี่โดยไม่มีใครรู้ได้อย่างง่ายดาย..

      คาวัลโลมองบรรดาลูกน้องของตน ชายหนุ่มเม้มปากแน่น ยกกระบอกปืนขึ้นจ่อหน้าผากอีกฝ่าย..ชายผู้นั้นตวัดมือขึ้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาลั่นไกปืน แรงสะเทือนของอาวุธในมือเกิดขึ้นพร้อมกับผ้าสีขุ่นที่อีฝ่ายเขวี้ยงเข้ามาใส่ใบหน้า..

     คาวัลโลเบี่ยงตัวหลบ และพุ่งเข้าเล็งฝ่าเท้าอีกฝ่ายที่คลุกเข้าหา ชายหนุ่มโยนปืนขึ้นเหวี่ยงมันปะทะกับสันกรามอีกฝ่าย ทว่าร่างนั้นหลบเบี่ยงตัวออกอย่างรวกเร็วพร้อมกับปลายมีดที่ตวัดเข้าหา..

      ฝ่ามือพุ่งเข้าไปจับข้อมือที่ถือมีดสั้นไว้แน่น พลิกบิดจนกระดูกลั่นกรอบ..คาวัลโลกระชากมีดจากมือของอีกฝ่าย หลบไปด้านหลังยามที่ฝ่าเท้าตวัดเข้าหาที่ท้องน้อย พร้อมกับกระชากแขนร่างใหญ่กว่าเข้าหาตัว ลำแขนสอดเข้าหาร่างใหญ่กระแทกสันมีดลงบนชายโครงอย่างแรง จนร่างใหญ่กว่าในชุดรุ่มร่ามนั้นทรุดฮวบ พร้อมกับที่เขากระชากคมมีดเข้ากับผิวเนื้อบริเวณลำคอคู่ต่อสู้โดยแรง..

    เลือดสีเข้มสาดเข้าใส่ใบหน้า เปื้อนกระเซ็นเพียงเล็กน้อยก่อนร่างนั้นจะแน่นิ่ง นัยน์ตาสีเขียวอมฟ้าตวัดมองรอบกายที่บัดนี้ กลุ่มติดอาวุธที่ว่านั่น..เข้ามาล้อมรอบกายจนไม่อาจหาช่องว่างหลบหนีได้อีก..

  คาวัลโลกัดฟันกรอด นัยน์ตาวาววับกวาดมองรอบกาย พลันชายหนุ่มก็ลันชะงักเมื่อแว่วเสียงม้าร้องลั่นพร้อมกับฝีเท้าที่ห้อตะบึงมาใกล้..

    นัยน์ตาสีน้ำทะเลตวัดมองร่างใหญ่บนหลังม้า ชายหนุ่มถือมีดสั้นในมือไว้แน่น กวาดสายตามองร่างในชุดคลุมรุ่มร่ามของพวกอาหรับที่ล้อมรอบกาย แสงดาวสะท้อนเสี้ยวหน้าแบบตะวันตกให้เห็นพร้อมจะต่อสู้ยิบตาหากมีคนใดลงมือ..

..ยังดีที่พวกมันไม่คิดจะรุมทำร้าย..

   คาวัลโลเหลือบตามองร่างสูงใหญ่ที่ลงจากม้าเข้ามาใกล้ ในมือของคนๆนั้นถือคบไฟส่องแสงเรื่อ..ชายหนุ่มเริ่มคิดเจรจาต่อรอง หากอีกฝ่ายเป็นหัวหน้ากลุ่มโจรที่ว่า..

...หากอีกฝ่ายเป็น...หัวหน้าโจร..

...ซึ่งคาวัลโลคิดว่า..อาจจะไม่ใช่..

   เสี้ยวหน้าคมเข้มสะท้อนแสงไฟสว่างเรื่อเรือง ใบหน้าคมแบบชาวตะวันออก ผิวกายขาว เรือนร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมแบบอาหรับ ที่ประดับเพชรพลอยวาววับสะท้อนเข้าตาเสียจนต้องหน้านิ่ว ใบหน้าคมเข้มนั้นประกอบดวงดวงตาเรียวรีสีดำสนิท จมูกโด่งเป็นสัน และเรือนผมหยักสลวยสีขนการะใบหน้าจรดคางที่ปรกด้วยหนวดเคราจางๆ..

...ภพลักษณ์ที่ไม่ต้องบอกก็รู้..ว่าคงไม่พ้นมหาเศรษฐี หรือพวกชีคแถบประเทศนี้แน่..

..และที่แน่กว่า..คือไม่น่าจะใช้ภาพลักษณ์ของหัวหน้ากลุ่มกองกำลังติดอาวุธ..ที่ตัวเขานั้นควรจะไปกำจัด..

  “74)*()*(&%&^...” อีกฝ่ายออกปากถามเป็นภาษาอะไรบางอย่างที่เขาฟังไม่ออก...อาจเป็นภาษาอารบิคที่แถบนี้ใช้กัน..ซึ่งแน่ว่าไม่ได้ใช่ในอิตาลีหรือยุโรป...

   ปึก !!

  ขณะกำลังจมอยู่ในห้วงคิด ต้นขากลับถูกกระแทกโดยแรงจนต้องทรุดกาย พร้อมกับปลายดาบที่พาดลำคอขาวสะท้อนแสงไฟจนคมดาบเปล่งประกายวาบ..

   “...คุกเข่าซะ..ถ้าไม่อยากให้ดาบนี่ปลิดชีพเจ้า..” ภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น แต่ทว่าคาวัลโลก็ฟังออก..ก็พอๆกับปลายมีดสั้นที่จ่อเข้ากับคอหอยอีกฝ่ายเช่นกัน..

  “...หรือจะพูดว่านี่ก็ไม่ต่างกัน..”

“%***(&IUI_)+” ชายคนนั้นเอ่ยออกมาอีกครั้ง พร้อมกับยกมือขึ้นช้าๆ นั่นทำให้ปลายดาบที่พาดลำคอห่างออกไป ทว่ามือหนาก็กดหัวไหล่ไว้ไม่ห่าง..

  “...แล้วคุณจะช่วยเก็บกริชในมือไว้ได้รึยัง?..” คำถามสำเนียงอังกฤษรื่นหู ทำให้คาวัลโลจำต้องวางมือลงเก็บมีดสั้นที่ถูกเรียกว่ากริชไว้ข้างกาย..

   “..ทางที่ดี..คืนเจ้าของเขาไม่ดีกว่าหรือ?.” แววตาสีเข้มตวัดมอง..กดต่ำ... นั่นทำให้คาวัลโลเม้มปากแน่น..

   “..คนตายไปแล้ว..ใช้ไม่ได้.. “ ชายหนุ่มตอบห้วนๆ..เรียกมุมปากอีกฝ่ายยกขึ้นสูง..

   “..ใช่แล้ว...ถ้าอย่างนั้น คุณจะช่วยบอกชื่อ..สกุล และผู้ว่าจ้างได้รึยัง..เราจะได้ให้คนของเรา ออกประกาศในฐานะ..”คนลอบสังหาร..” คำพูดนั่นทำให้คาวัลโลชะงัก..ชายหนุ่มมองหน้าคนพูดพลางมองเหล่าผู้คนโดยรอบ..ก่อนจะหลุดปากออกมาในที่สุด..

  “คาวัลโล เตอเกียเร่..”

  ผู้ฟังยิ้มน้อยๆ..ทำให้ใบหน้าคมเข้มดูดีขึ้นอย่างประหลาด..

  “..ยินดีที่ได้รู้จัก ผม ชีค อัลชาอ์ ยาฮิลยะห์ มูซา มุอัซซินแห่งเซเนียยา..”

     ประโยคนั้นทำให้คาวัลโลนิ่งงัน..ก่อนจะถูกคุมตัวไปพร้อมกับร่างไร้สติหรืออาจจะไร้ชีวิตของเหล่าคนสนิท..ชายหนุ่มตวัดสายตามองผู้เป็น”ชีค” สมองตีความได้ถึงสาเหตุของกำลังรบอันเพียบพร้อมในทันที..

...และตระหนักได้อีกด้วยว่า..ความปลอดภัยในชีวิตตนกำลังหมิ่นเหม่เพียงใด..


...

ว่าด้วยที่มาของเรื่องนี้ แค่อยากเอาอาชีพเมะมาชนกันแค่นั้นเอ๊ง.. เำพราะถ้าถามว่าเมื่อคุณอ่านิยาย พอคิดถึงมาเฟียและชีคแล้วเนี่ย จะต้องนึกถึงเมะ หล่อร้าย ซาดิสต์และหื่นเป็นแน่แท้..เราก็เลยอยากจับชีคกับมาเฟียมาตบตีกัน  :impress2: (ไม่ใช่รักหรอกเรอะ..)
   นิยายเรื่องนี้ไม่เครียดนะค่ะ ออกแนวตลกร้ายมากกว่า มีการชิงไหวชิงพริบกันพอสมควร และนิสัยนายเอกรับรองว่า น่าลักไปฆ่าเป็นที่สุดค่ะ  :laugh:
ไม่ได้เขียนผิดหรอก น่าลักไปฆ่าจริงๆ
   พรุ่งนี้จะมาลงตอนสองค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับกำลังใจงับ  :L1:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 01-10-2010 22:44:24
ต้อนรับกันหน่อย :mc4:

เป็นกำลังใจให้จ้าาาา :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 01-10-2010 23:17:40

ไม่ว่าจะนิยายเรื่องไหน...ถ้ามีชีคเราอ่านได้หมดนะ...ยิ่ง y ด้วยแล้ว หึๆ (หัวเราะแบบ...ปราบปลื้ม)

ชีค ขึ้นชื่อว่ามีอำนาจ...ส่วน มาเฟีย แถมอิตาลีด้วยนี่คงใช้กำลัง+หัวสมอง ...
จะรออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 01-10-2010 23:33:18
 :impress3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 02-10-2010 01:33:59
แค่ดูก็อยากรู้แล้วว่าคู่นี้จะเอาเวลาไหนไปรักกัน :m20:
 แต่งงานนี้ท่าจะมีคนโดนหลักหลังนะ  :z2:เดาเอาอย่าใส่ใจเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: kboom ที่ 02-10-2010 02:31:00
น่าลักไปฆ่า
55555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 02-10-2010 02:37:51
โอ้ว แอคชั่นมาอีกเรื่องแว้ว

 :กอด1:เป็นกำลังใจให้ค่ะ
 :L2: :L2:สู้ๆค่ะทั้งเรื่องนี้และก็เรื่องน้องเนมนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 02-10-2010 08:41:07
น่าหนุกจังเลย  ปูเสื่อรอตอน 2 จ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 02-10-2010 09:37:37
จริง ๆ แล้วไม่ค่อยชอบอ่านนิยาย ที่มีตัวละครเป็นพวก ตะวัึนออกกลาง หรือสเปน อิตาลีอะไรพวกนั้น

เพราะ อิชั้นไม่มีความสามารถในการจดจำชื่อตัวละครเหล่านั้นได้ เนื่องจากชื่อ แต่ละคน โคดดดยาว

และอ่านยากมากกกกกก

แต่เรื่องนี้ ออกแนวแอ๊คชั่นรึเปล่า แล้วที่สำคัญ จับเมะชนเมะ อิชั้นปลื้มเป็นการส่วนตัว เลยขอเข้ามาอ่านซักกะหน่อย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 02-10-2010 10:36:05
แวะมาอ่านขอรับ
+ 1 ไปโลด :a1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 02-10-2010 10:39:10
สนุกมากกกกกกกกกกกกก

ชื่อตัวละครนี้ย๊าว  ยาววววววววว

เนอะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 02-10-2010 18:53:15
 :L1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 02-10-2010 19:04:48
สงสัยจะต้ิองมึนกับชื่อตัวละครไปซักพัก ชื่อย๊าวยาวกันจริงๆ 555
อยากจะรู๋เอาเวลาที่ไหนไปรักกันได้ มาเฟียกับท่านชีค...
ท่าทางจะรักต้องฆ่าอะไรแบบนี้รึเปล่า 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 02-10-2010 19:14:19
ตัวละครชื่อยาวได้อีก...
แต่เนื้อเรื่องน่าสนใจจริงค่ะ   o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 02-10-2010 21:01:34
Line : 2

นี่อาจจะเป็นการคิดผิด..

ไม่สิ..อาจบอกได้ว่าคิดผิดตั้งแต่แรก..

    คาวัลโลหรี่สายตาลงมองขบวนคาราวานที่กำลังนำตัวบรรดาลูกสมุนของเขาไปฝังลงบนทะเลทราย แม้จะรู้ว่ามันเหี้ยมโหดและไม่ควรทำ แต่ตัวเขาที่กลายเป็นพวกมือลอบสังหาร จะมีสิทธิ์ทักท้วงอะไรได้..พูดไปจะได้โดนด้วยประไรและอีกอย่าง..สำหรับมาเฟียที่ทุกวินาทีในชีวิตก็พาดลำคออยู่กับกระบอกปืนอยู่แล้ว..เขา เห็นว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาเกินกว่าจะร้องอุทธรณ์

..และจากการอนุมานของเขา ลูกน้องที่โดนฝังไว้ ยังมีโอกาสรอดมากกว่าตัวเขาที่ถูกจับไว้เลย

  การเดินเท้าท่อมๆในทะเลทรายไม่ใช่เรื่องน่าสนุก แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาค่ำคืน ไม่มีแสงอาทิตย์ร้อนๆคอยแผดเผากาย แต่ทว่า การเดินทางท่ามกลางทะเลทรายในยามนี้นั้น ทั้งหนาวเหน็บจากอุณหภูมิที่ลดต่ำลงอย่างมากและยังต้องคอยหรี่ตายกมือปิดหน้าจากลมที่พัดพาเอาเม็ดทรายเม็ดเล็กแต่สากระคายมาถูกใบหน้าและร่างกายเสียจนแทบก้าวไม่ออก

   แถมยังต้องถูกคุมตัวให้เดินเร็วๆ ให้ทันม้าของท่านชีคคนนี้เสียด้วย !!

 บ้าชะมัด ..คาวัลโลสถบเป็นภาษาบ้านเกิดงึมงำในลำคอ ไม่รู้ว่าป่านนี้แล้วพวกกองกำลังเสริมจากสเตฟาโน่จะมาถึงและทราบเรื่องหรือยัง และถ้ารู้แล้วจะแจ้งท่านลุงของเขาไม่..แต่ถ้ารู้...เฮ้อ...ไม่อยากจะคิด

..แค่นึกว่าท่านมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ เฟเดริโก้ วาลกัส ได้ทราบเรื่อง..ก็นึกได้ถึงอนาคตที่เขาต้องไปนั่งแกร่วฟังเทศน์จากท่านแม่และท่านพ่ออีกแน่ๆ..และยังต้องถูกยืดเวลาการเข้ารับตำแหน่งเป็นอีกสองปีข้างหน้าตามข้อแม้ของท่านแม่อีก..เฮ้อ..แค่คิด.ก็น่าปวดหัว..

   นัยน์ตาสีน้ำทะเลวาวแสงจ้องไปยังขอบฟ้าที่เริ่มมองเห็นแสงไฟริบหรี่ พระจันทร์ที่เดินทางไปค่อนฟ้าและฝีเท้าที่ล้าหนักไร้เรี่ยวแรงแล้วทำให้ชายหนุ่มรู้ซึ้งว่าตัวเองเดินทางมาไกลแค่ไหน

    แต่นั่นไม่น่าสนใจเท่ากับการมีอยู่ของเมืองตรงหน้า..ถ้ามีเมือง ก็คงต้องมีโทรศัพท์ มีอินเตอร์เน็ต..หรือถ้าใช้ของพวกนั้นไม่ได้ ขอแค่เอกสิทธิ์ทางการทูต ขอความช่วยเหลือจากสถานกงสุลประเทศข้างๆอย่างโอมานหรือ UAE ก็ได้

...แต่พูดถึงความช่วยเหลือ จะว่าไป ทางตระกูลของเขา..ก็มีความสัมพันธ์อย่างดีกับพวกตระกูลเจ้าผู้ครองทะเลทรายแถบนี้นี่..ถ้าจำไม่ผิด ชีคของประเทศนี้..ก็ใช่ด้วย...

   “..อัล..ชาอ์....” อืม...คาวัลโลครางงึมงัมในลำคอ ครุ่นคิดถึงรายชื่อของเหล่าผู้ปกครองดิบแดนแถบนี้ ยอมรับว่ากับสาธารณรัฐเล็กๆที่ไม่ค่อยมีชื่อปรากฏอยู่ในเวทีโลก ตัวเขาก็ไม่ได้สนใจใคร่รู้อะไรนัก แถมไอ้”เซเนียยา”เนี่ย..มันก็ยังมีปัญหาการก่อการร้ายภายใน ชอบมายุ่งวุ่นวายกับเส้นทางขนอาวุธของเขาอีก..จะว่าไปนั่นก็คือเหตุผลที่คาวัลโลรังานออกมากำจัด..แต่ใครจะคิด ว่ากลับพลาดไปอย่างไม่น่าให้อภัยแบบนี้..

       ปึก!!

  สันกระบอกปืนกระแทกเข้าที่กลางหลังทำให้รู้สึกเจ็บไม่น้อย คาวัลโลจึงหันขวับไปมองหน้าผู้กระทำอย่างเอาเรื่อง ทว่ากลับถูกกระชากเส้นผมแรงๆให้หันหน้าไปมองสบแววตาสีเข้มที่จ้องมองมาจากคนบนม้า..

   “..เรียกชื่อผม..ไม่ทราบว่ามีอะไรอยากถามงั้นเหรอ?...” น้ำเสียงถามไม่ได้คุกคามข่มขู่ ตรงข้ามกลับสุภาพเรียบเฉย..แต่นั่นทำให้คาวัลโลรู้สึกหงุดหงิดกว่าการถูกกระชากเสียงใส่เสียอีก

   นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่บัดนี้เข้มขึ้นเบือนมาสบตา ก่อนเจ้าตัวจะยักไหล่ช้าๆ

  “ ผมแค่สงสัย..ว่าจะขอทนาย หรือคุยกับทางสถานทูตได้ไหม?..” ออกปากถามเป็นภาษาอังกฤษด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ผู้ฟังกลับยกมุมปากยิ้มออกมา..แต่แววตาคล้ายจะดูถูกกันเสียด้วยซ้ำ

ประกอบกับเสียงหัวเราะแผ่วต่ำของเจ้าคนที่จับตัวเขาไว้ นั่นทำให้คาวัลโลนึกหงุดหงิดขึ้นเป็นเท่าตัว

  “..หึ...ประเทศของผม..เป็นแค่สาธารณรัฐเล็กๆ..เรื่องสถานกงสุลหรือสถานทูตน่ะ ลืมไปได้เลย..แถมทนาย..ก็ไม่ใช่อาชีพที่ใครก็จะสามารถเรียกใช้ได้..”
  “......... “ อ้อ...สรุปว่าโบร่ำโบราณและไร้ความศิวิไลซ์สิน่ะ..

   “..อีกอย่าง..เมื่อคุณมาประเทศเรา คุณก็ต้องปฎิบัติตามกฎหมายของเรา..ซึ่งกฎหมายของเซเนียยา ก็ระบุชัดเจน..ว่าผู้ที่ลอบสังหารผู้นำรัฐนั้น..มีโทษสถานเดียว คือประหารชีวิต..”

   “...............” ช่างให้กำลังใจกันดีเหลือเกินจริงๆ!!

    คาวัลโลถอนใจแรงๆไม่ถามอะไรไปอีก..ประเทศมุสลิมที่เคร่งครัดขนาดนี้ นอกจากจะไม่ยอมเปิดประเทศรับอารยธรรมและความทันสมัยของโลกภายนอกแล้ว ก็ยังถือกฎโบราณคร่ำครึ เป็นกบอยู่ในกะลาเสียด้วยสิน่ะ..

   คาวัลโลหลับตาลงเมื่อรู้สึกถึงเม็ดทรายที่ตกต้องใกล้ดวงตา  ขณะที่สมองก็ครุ่นคิดหาทางรอดอย่างไม่ยอมแพ้..

..อำนาจทางการทูต..การต่อรองระหว่างประเทศไม่ต้องพูดถึง..

...ทนายสู้คดี..มันไม่น่าจะมีศาลไหนให้เขาขึ้นเสียด้วยซ้ำ..

แล้วถ้าเป็น...อำนาจของผู้ครองรัฐล่ะ..?

   ทางตระกูลของเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำของประเทศในแถบนี้..ถึงเขาจะนึกไม่ออกว่ามีความสัมพันธ์”ดีเป็นพิเศษ”กับเจ้าชายหรือราชนิกุลองค์ไหนของประเทศนี้..แต่ถ้าให้อำนาจของสุลต่านต่างรัฐหรือชีคของประเทศอื่นมาช่วย..มันก็น่าจะ...

แต่ว่า..

..ใครจะยอมช่วย..ไอ้คนที่เจอข้อหาลอบสังหารล่ะว่ะ !! ไปๆมาๆจะเจอข้อกล่าวหาว่าเป็นคนบงการเขามาเสียด้วย..

...ถ้าอย่างนั้นวาลกัสก็คงไม่ต่างกัน..ถ้าเปิดเผยตัวว่าเป็นใคร..รับรองได้ว่าแกงค์ของเขาโดนเล่นงานแน่..

แต่...จะให้เขาเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่...ด้วยความเข้าใจแบบผิดๆ..ของตัวเองนี่น่ะ...

พระเจ้าช่วยเถอะ..ให้ตายยังไงตัวเขาก็ไม่มีวันยอม..

  “..นำตัวไปขังที่คุกใต้ดิน..” น้ำเสียงเรียบเรื่อยในภาษาอังกฤษทำให้คาวัลโลเบิกตากว้าง เขาพบว่าบัดนี้ขบวนคาราวานเดินทางมาใกล้ประตูเมืองแล้ว และ..มีนายทหารสองคนกำลังหิ้วปีกเขาไปอีกทางห่างจากขบวนเสด็จที่กำลังจะเข้าไปในเมือง..

แค่นึกถึงคุกใต้ดิน..ภาพการทรมารและสารพัดทัณฑ์ทรมารก็ผุดขึ้นมาในสมองราวกับดอกเห็ด..ไม่ได้แล้ว..ถ้าขืนยังโอ้เอ้...มีหวังได้ไปมีตติ้งกับยมทูตในนรกแน่..
  “...เฮ้ !! ถ้าผมจะบอกว่ามีข้อมูลของผู้ว่าจ้าง คุณจะว่ายังไง !!! “ คาวัลโลตะโกนถามดังลั่น พยายามขืนตัวจากการจับกุมสุดฤทธิ์

  ภาพของม้าทรงที่ชะงักฝีเท้าพร้อมกับใบหน้าที่หันมามองทำให้คาวัลโลเริ่มมีความหวัง..

   “..ก็ดี...ผมจะได้ให้เพิ่มระดับการสอบสวนให้”เข้มข้น” ยิ่งขึ้น..”  สิ้นเสียงบรรดาคาราวานทั้งหลายก็เคลื่อนขบวนไปยังหน้าประตูเมือง ขณะที่คาวัลโลถูกยัดใส่รถจี๊บ..ซึ่งแล่นอ้อมไปทางด้านข้างกำแพงและลัดเลาะไปตามสันทราย..เสียแต่กว่าจะได้จดจำทัศนียภาพมากกว่านี้ ถุงดำกลับคลุมหัวเขาไว้จนมิดพร้อมกับบางอย่างที่กระแทกศรีษะของชายหนุ่มอย่างแรง จนไม่อาจรับรู้อะไรได้อีกเลย..

  ก่อนสติที่เลือนลางจะดับวูบ..คาวัลโลนึกสถบสาบานในใจ ว่าใครก็ตามที่แม่งทำให้เขาเจอเรื่องบัดซบขนาดนี้ พอรอดไปแล้ว..ถ้าไม่ได้เอาเลือดมันมาล้างเท้า ก็อย่าหวังว่าจะให้เขาหายเคืองได้ !!


แข็ง..แห้ง...เจ็บ..

   สามสิ่งที่คิดออกในวินาทีที่ลืมตาขึ้นมาและพบว่าตัวเองนอนกองอยู่กับพื้น..ที่มีเศษหญ้าแห้งๆปูไว้บางๆ นัยน์ตาสีน้ำทะเลกระพริบปริบๆ ใช้เวลาลำดับความคิดเพียงชั่วครู่ก็ผุดลุกขึ้น..เอื้อมมือสัมผัสบริเวณท้ายทอยของตัวเองที่รู้สึกเปียกชุ่ม..ไม่ใช่เพราะน้ำ..ในคุก ณ เมืองกลางทะเลทรายไม่มีน้ำให้อยู่แล้ว..ที่นึกได้ก็มีแต่.. ของเหลวสีแดงที่ติดมาจากมือ..มันคือเลือด..

    คาวัลโลคลำแตะแผลของตัวเองพลางครางออกมาเบาๆอย่างหัวเสีย ปวดหัวและระบมไปหมดทั้งตัว ไม่นับลำคอที่แห้งผากและดวงตาที่แทบลืมไม่ขึ้นจาดเม็ดทรายเล็กๆที่เกาะเปลือกตาและขนตาจนเต็มไปหมด

  คาวัลโลถอดเสื้อออกมาเช็ดหน้า ยังดีที่เขายังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิม..ที่ถือว่ารัดกุมและทนทานไม่น้อย แทบนึกไม่ออกเลยว่าหากเขาตัดสินใจ “สวมสูท ผูกไท ใส่รองเท้าหนัง“ตามคำแนะนำของพี่ชายบ้าๆของเขาจะเป็นอย่างไร..ไอ้คนบ้าที่นึกว่าเขาจะมาเจรจาธุรกิจไม่ได้มาฆ่าคนน่ะ..

.พูดถึงเรื่องนี้ก็นึกขึ้นได้อีกหนึ่งตัวช่วย..พี่ชาย..

   แต่คาวัลโลก็ติดสินใจปัดตัวเลือกนี้ออกจากสมองทันที จะให้พี่ชายเขามาช่วยน่ะหรือ..คงต้องรอให้รายนั้นเลิกสนใจฝาแฝดของตัวเองและเลิกตามติดกันให้ได้เสียก่อนเถอะ..

  แซ่กๆ...

    เสียงบางอย่างทำให้ชายหนุ่มชะงัก พลางหันไปหาที่มาของเสียง พลันก็ตัวแข็งทื่อ เมื่อพบว่าสิ่งที่อยู่ตรงนั้น คือร่างเพรียวยาวปราดเปรียวสีเทา...ของงูหางกระดิ่งทะเลทราย !!

  “..เฮ้ย !! “ ตะโกนดังลั่นอย่างไม่สนใจรอบข้างพลางลุกพรวด สายตาจับจ้องไปยังร่างของเจ้างูตัวอันตรายที่บัดนี้เลื้อยปราดๆเข้าหา..

นั่นทำให้คาวัลโลยืนนิ่ง ตัดสินใจยกเท้าขึ้นและ..

ตึก!!

  ฝ้าเท้าในรองเท้าบูทแบบทหารอย่างดีเหยียบลงบนหัวเล็กๆที่โผขึ้นมาทันควัน ดีที่ว่าเร็วกว่าอาการชูศรีษะมาฉกของเจ้างูตัวนั้น เพราะหากช้าเกินไป..มันคงจำกัดเขาก่อนเป็นแน่..

 “..ฮึ่ย....” ครางฮึ่มฮั่มในลำคออย่างหงุดหงิด ฝ่าเท้าก็บดขยี้ศรีษะและลำตัวท่อนบนของเจ้างูตัวนั้นไม่เลิก เหมือนระบายอารมณ์ แม้มันจะใช้ปลายหางเกี่ยวกระหวัดเข้ากับขาของเขา แต่คาวัลโลก็ไม่สนใจ อาจจะเพราะมันตัวไม่ใหญ่มากนัก..ถ้าตัวเขื่องๆ เขาคงไม่กล้าจัดการมันด้วยวิธีนี้..

    ละฝีเท้าออกมาเมื่อคิดว่าเจ้างูตัวนั้นคงแน่นิ่ง..เพราะเขามองเห็นหยดเลือดที่ไหลออกมาจากพื้น..และแน่นอนว่าประสาทสัมผัสบอกว่าเสียง”กร็อบ”เมื่อครู่ คือเสียงของอวัยวะอันมีชื่อว่า”หัว” ของงูตัวนั้นได้แตกยับคาเท้าไปแล้ว..

   “...........” นิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อมองเห็นว่าท่อนหางของมันยังพยายามตวัดแขนของเขาที่เอื้อมจับ..แต่ส่วนหัวที่เละจนไม่อาจจะเรียกได้ว่าหัวนั้นทำให้คาวัลโลนึกเบาใจ..อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ฉกเขาตายก็แล้วกัน..

    ชายหนุ่มแตะมือลงบนไหล่ หน้าผากและอกรวมสามแห่ง พึมพำสวดให้เจ้างูที่มอดม้วยด้วยฝ่าเท้าของเขาไปดี สัตว์โลกตัวนี้ไม่ได้อยากจะเป็นศัตรูกับเขา มันทำไปตามสัญชาติญาณและแน่นอนว่าเขาที่กระทืบมันลงไปด้วยอยากป้องกันตัวและความโมโห ไม่ได้โกรธแค้นกับมันซักนิดก็ควรจะ..ระลึกถึงการจากไปของมันและส่งมันไปหาพระผุ้เป็นเจ้าบ้าง..

   “..จะเอามาฆ่ากันรึไง..? “ พึมพำอย่างหงุดหงิด มือก็คีบซากงูที่แน่นิ่งไปแล้วเหวี่ยงลงบนพื้นและเอาหญ้าแห้งกองสุมๆกันไว้ หากว่าเขาอารมณ์ดีกว่านี้อีกสักนิด คาวัลโลอาจจะเพี้ยนพอที่จะทำศพให้มันด้วยแน่นอน..

   “..อะไรนักหนา ไม่หัดดูแลนักโทษซะบ้างเลย ห้องขังนักโทษในอัฟกันยังดูดีกว่า..ให้ตาย..”บ่นพลางทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้าที่เขาเอามันมากองสุมๆให้นุ่มพอจะทรุดตัวลงนั่งได้สบาย และพบว่าพื้นของห้องขังนี่เทด้วยคอนกรีตหยาบๆ หากมีพลั่วหรืออะไรแข็งๆเขาคงขุดลงไปได้สบาย..

  แต่นี่ไม่ใช่การ์ตูนเด็กเสียหน่อยที่จะขุดออกไปที่นั่นที่นี่ได้ แล้วเรื่องอะไรเขาจะต้องมาหาทางออกแบบนี้ด้วยว่ะ..ต้องออกไปอย่างสมศักดิ์ศรีเซ่ !!

   “..กี่โมงแล้ว...” พึมพำพลางกวาดตาไปทั่วคุก.. ไอ้คุกนี่ขอบอกว่าโบราณมากจนนึกไม่ถึง เทคอนกรีดหยาบๆ มีลูกกรงเหล็กกั้นและทางเดินแคบๆก็จุดคบไฟไว้...คบไฟ? สมัยนี้ยังมีคนใช้คบไฟอีกเรอะ ไฟฟ้ายังไม่เข้ารึไง !?

...และเรื่องนาฬิกาก็คงไม่ต้องหวัง..

  เหลือกตามองเพดานที่ทำด้วยไม้แข็งๆสอดเข้าไปและตรึงด้วยตะปูเพียงไม่กี่ตัวแล้วก็ต้องส่ายหัว..ขอบคุณท่านลุงที่ทำให้เขารู้ว่า ยังมีประเทศไหนที่มีคุกเก่าแก่กันดารขนาดนี้อยู่ในโลก..

  บิดกายคลายเมื่อยขบ พลางสำรวจตรวจตราตัวเอง..แน่นอนว่าอาวุธต่างๆที่พกติดตัวมาถูกริบไปหมด กระทั่งเข็มทิศและกระเป๋าสตางค์ก็ยังหายไปด้วย..

..แต่เดี๋ยวน่ะ...กระเป๋าเงิน..?

คาวัลโลนิ่ง..สมองคิดทบทวนอย่างเร็วจี๋

  “..ขอบคุณพระเจ้าที่ลูกไม่ได้พกอะไรมาด้วยนอกจากบัตรและพาสปอร์ตปลอม..”

   ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก ดีที่เขาไม่ได้พกข้าวของอะไรที่มีชื่อจริงติดอยู่สักอย่าง  มีแต่บัตรและข้าวของที่ปลอมออกมาอย่างแนบเนียนเท่านั้น การที่ชายคนนั้นจะทราบชื่อจริงของเขาคงไม่ใช่เรื่องดีแน่..ในเมื่อนามสกุลจริงๆของเขามันเด่นเสียขนาดนั้น..

   คิดแล้วก็ทบทวนข้อมูลที่ท่านลุงบังคับให้ท่องไปพลาง..เขาคือ นายคาวัลโล ตอเกียเร่ ภูมิลำเนาอยู่ในเมืองปาแลร์โม แคว้นซิซิลี ประเทศอิตาลี พ่อแม่เสียชีวิตแล้วและเขาสังกัดอยู่กับกลุ่มมือปืนรับจ้าง ไร้สังกัด ไม่มีเจ้านาย รับงานนี้มาจากนายจ้างนิรนาม(งานที่ว่าในตอนแรกคือการถล่มกลุ่มติดอาวุธ) ลุงของเขาสร้างหลักฐานที่อยู่ของเขาไว้มากพอตั้งแต่เขาอายุสิบขวบ เรียกว่าทำจนเขาเป็นคนอีกคนไปได้เลย มีกระทั่งชื่ออยู่ในสำเนาทะเบียนราษฏร์ของรัฐบาลเสียด้วยซ้ำ..

พูดถึงงาน..ดันโพล่งออกไปแล้วเสียด้วย..ว่ามีข้อมูลของนายจ้างน่ะ..

แล้วความจริง..เขามีเสียที่ไหนกัน..


"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
 UAE = สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 02-10-2010 21:17:51
Line : 3

วิบัติ..

   เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนคาวัลโลคิดว่าชีวิตของเขาตกอยู่ในความซวย โชคร้ายอย่างสมบูรณ์แบบ..แต่มา ณ วินาทีนี้ คงต้องบอกว่า มันคือความวิบัติฉิบหายของชีวิตแท้ๆ..

เลือกงานผิดคิดจนตัวตาย..นี่คือคำนิยามอย่างเดียวที่ตัวเขาคิดออกจริงๆ..

  ในฐานะที่ใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่กับวงการมืดมานับแต่ลืมตา เขาพบเห็นการทรมารมาหลากหลายประการ ทั้งการตัดนิ้ว ตัดแขน ตัดขา ควักลูกตา หรือการเฆี่ยนด้วยแส้แล้วเอาน้ำทะเลสาดใส่ กระทั่งทรมารด้วยการจับแช่น้ำกรด คาวัลโลยังเคยลองทำมาหมดแล้ว..

แต่..

ไอ้ภาพตรงหน้านี้มัน...

..นรกบนดินหรือยังไงไม่ทราบ???

   ชายหนุ่มได้แต่เพ่งตามองภาพเบื้องหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง..ห้องขังที่อยู่ตรงข้ามซึ่งตัวเขาไม่เคยรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ จนกระทั่งมีทหารสองคนหิ้วปีกชายคนหนึ่งเข้ามา..และเริ่มก่อกองไฟอยู่ในห้องขังซึ่งใช้เศษหญ้าแห้งเป็นตัวจุด ร่างของชายคนนั้นถูกตรึงไว้บนผนัง ขณะที่กองไฟโหมปะทุได้ที่ ทหารนายหนึ่งก็หยิบมีดที่มีลักษณะหยักโค้งคล้ายเปลวเพลิง ซึ่งคาวัลโลทราบแล้วว่ามันคือกริช มายื่นส่วนโลหะเข้าไปยังกองไฟ รอเวลาจนมันแดงร้อนจากเปลวเพลิง จึงค่อยๆกดมีดลงบนร่างของชายคนนั้น เชือดเฉือนเอาเนื้อหนังบริเวณลำแขน และขา ออกมาสดๆ จนเลือดสีแดงไหลลงพื้นและนองเอ่ออย่างรวดเร็ว

   แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกคลื่นเหียนคล้ายจะอาเจียน คือกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ของเนื้อหนังที่ไหม้ไฟและกำลังถูก “ปิ้ง” ราวกับเนื้อสัตว์ที่มนุษย์ทานเป็นอาหารอยู่ตรงหน้า กลิ่นมันอาจจะทำให้ผู้ที่ไม่ได้เห็นภาพนึกน้ำลายสอ..แต่..กับตัวเขาที่มองภาพเบื้องหน้าชัดเจนแล้ว..ความรู้สึกแสนจะสะอิดสะเอียนนี้ไม่ได้เกินจริงไปเลย..

โดยเฉพาะเมื่อทหารนายหนึ่งป้อนชิ้นเนื้อนั้นลงไปในปากของชายผู้ถูกตรึงบนกำแพง..

  “ อุ่ก...” คาวัลโลเอามือปิดปากแน่น แม้ท้องไส้ของเขาตอนนี้กำลังหิวโหย แต่ทว่าภาพตรงหน้ามันชวนขย้อนของเก่าเสียจนไม่กล้าจะมองด้วยซ้ำ..

   “..ไม่ทราบว่าหิวรึเปล่า?..” วาจาที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าส่อเสียดนั้นทำให้โทสะพุ่งพรวด คาวัลโลหันไปจ้องเขม็งใส่ผู้พูดทันที นับแต่จำความได้ นอกจากคนในครอบครัวและเหล่าเพื่อนฝูงแล้ว ไม่เคยมีใครกล้าเอ่ยวาจาเย้ยหยัน ล้อเลียนเขาแบบนี้ เพราะทุกคนต่างก็ทราบดีว่าเขาเป็นใคร...เป็นคาวัลโล วาลกัส ชายหนุ่มผู้จะขึ้นเป็นนายของเหล่ามาเฟีย และกุมอำนาจควบคุมวงการใต้ดินของประเทศไปถึงหนึ่งในสี่..

..ไม่มีใครเคยกล้าล้อเลียน และหยามเกียรติ..

   “..ป่าเถื่อน..สมกับเป็นพวกอาหรับ..” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มวาววับ ใบหน้าเชิดขึ้นสบมองแววตาสีเข้มอย่างไม่ยอมหลบ แม้จะรู้ว่าตนเองอยู่ในฐานะไหน..แต่ก็ใช่ว่าจะยินยอมให้ผู้ที่เหนือกว่ามาหยามกันง่ายๆ

  “..งั้นรึ..?..แล้วคุณอยากลองทานเนื้อตัวเองดูไหม..จะอร่อยสมกับเป็นเนื้อพวกคริสเตียนรึเปล่า! “ วาจาที่เอ่ยขึ้นมาดุเดือดไม่แพ้กัน ปัญหาที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธของภูมิภาคนี้ ไม่ใช่เรื่องของความรุนแรงทางลัทธิศาสนาและการก่อการร้ายหรอกหรือ..แล้วเป็นนักโทษ ยังจะกล้ามาพูดจาส่อเสียด ยุยงให้นึกเกลียดชังยิ่งขึ้นไปอีก

    “..Fuck !!! “ คาวัลโลสถบใส่คนพูดอย่างแรง พร้อมกับชี้นิ้วกลางใส่ตรงๆด้วยความโมโห เขาไม่ใช่คนใจเย็นใจดีอะไรนัก จะให้มาสงบปากสงบคำกับสิ่งที่เขาไม่ได้ทำงั้นรึ ไม่มีทาง

   “..หึ..” รอยยิ้มแสยะนั้นดูราวกับใจเย็น แต่แววตาโชนแสงนั้นบอกว่าไม่ใช่ คาวัลโลมองชายที่ยืนอยู่ในอาภรณ์หรูหรา ซึ่งกำลังยืนอยู่นอกห้องขังและยืนมองภาพการทรมารนักโทษด้วยสายตาเย็นชา..

  “..พวกคุณนี่มันทำอะไรป่าเถื่อน ทำเหมือนเขาไม่ใช่คน..” คาวัลโลเม้มปากแน่น เอนหลังพิงผนังห้องขังแล้วส่งสายตายั่วโทสะคนพูด แน่นอนล่ะว่าเขาผูกใจเจ็บจากการถูกกระทำเมื่อครู่ แต่ไม่ได้คิดสงสารเจ้านักโทษคนนั้นหรอกเพราะจะพูดไปแล้วเขาก็เคยทำบ่อยไป “ ทำแบบนี้ มิน่าถึงมีคนอยากกำจัด..”

  ..คาวัลโลชะงักกึก..

นึกขึ้นได้ว่ากำลังขุดหลุมฝังตัวเอง ทั้งที่อุตส่าห์หาเรื่องเบี่ยงประเด็นได้แล้วน่ะ ให้ตาย..

   ชายหนุ่มกัดฟันกรอด อยากจะทึ้งหัวตัวเองซักสิบรอบเพราะสายตาของท่านชีคคนนั้นจ้องมองมาที่ตัวเขาอีกครั้งตาไม่กระพริบ..เพราะไอ้ความเป็นคนปากชอบหาเรื่องถึงต้องลำบาก ท่านลุงก็บอกไว้แล้วแท้ๆ

  เก้าอี้แกะสลัดจากไม้..ฝังมุก..ประดับพลอย ติดด้วยทองคำ..และ....อะไรอื่นๆมากมายที่เขานึกไม่ออกถูกวางไว้ ณ ปากประตูห้องขัง โดยมีร่างของท่านชีคตัวสูงใหญ่นั่งตระหง่าน เบื้องหลังคือชายสองคนที่ยืนคุมเชิง พร้อมกันนั้นก็มีแบ็คกราวน์เป็นห้องขังฝั่งตรงข้ามซึ่งกำลังมีการ”ย่างสด”กันอยู่..

   อยากจะถอนหายใจเฮือกและส่ายหัวด้วยความเดียดฉันท์ถึงรสนิยมอันย่ำแย่ในการสอบปากคำของท่านผู้นำคนนี้ แต่เขาก็ทำได้แค่นั่งลงบนพื้น ส่งสายตาไม่รู้ร้อนรู้หนาวให้คนที่อยู่ตรงหน้าแก้เบื่อ..

  “..เอาล่ะ...” น้ำเสียงเรียบเรื่อย..สำเนียงอังกฤษแท้ๆ ท่าทางจะไปอยู่อาศัยที่นั่นมานานพอดูดังขึ้นในความเงียบ..ไม่สิ..ไม่เงียบหรอกเมื่อยังมีเสียงกรีดร้องของนักโทษดังอยู่ด้านหลัง...คาวัลโลรู้สึกขำขึ้นมาเมื่อพบว่าคิ้วหนาๆสีเข้มนั้นกระตุกถี่...ยามที่เสียงหวีดร้องนั้นดังขั้นมาอีกระลอก..

   “..เฮ้.. แนะนำให้เย็บปากไอ้หมดนั่นซะดีมั้ย..ไม่อย่างนั้นก็ตัดลิ้นก็ได้..หนวกหูว่ะ..” ออกปากเสนอแนะออกมาอย่างชาชิน พร้อมกับฝ่ามือที่ซุกเข้าไปในกองหญ้าแห้ง..ช้าๆ...

    “ นั่นเป็นสิ่งที่คุณอยากให้เกิดกับตัวเองรึไง?..มิสเตอร์คาวัลโล..” คิ้วของหมอนี่ขยับด้วยความฉุนทุกครั้งที่เขาออกปากพูด..มองแล้วน่าหัวเราะแต่ก็ทำได้เพียงกลั้นขำ เพราะคำพูดคำจาเหมือนครูอนุบาลเตือนลูกศิษย์นั้นชวนให้เขาขบขันมากกว่า..

   “..ถ้าถามผมนะ..ขอแนะนำอีกครั้งว่าคุณควรจะ...มีท่าทีขึงขังและเน้นเสียงอีกนิด เวลาพูดมันจะได้ไม่เหมือน...”

   “..เลิกเบี่ยงประเด็น..แล้วพูดออกมาตามตรง..” ชิ..คาวัลโลกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ..เขายังไม่เจอ”นั่น”เลยนะ ไม่น่าเอาไปไว้ซะไกลเลย..

   “..แล้วคุณต้องการอะไรจากผมล่ะ?..ข้อมูล..เรื่องราวเป็นมา..หรือว่า “ชีวิต”..” เขาจ้องสบตาคู่สีดำสนิทคู่นั้นเขม็ง..เห็นแววตาที่..คล้ายจะพึงพอใจเพียงแค่ครู่หนึ่ง..เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว..

   “..คาดว่าคุณคงจะต้องเสียอย่างหลังไปในไม่ช้า..ถ้ายังเล่นลิ้นไม่เลิก...”

   “..งั้น...”..คาวัลโลเลิกคิ้ว..พลางจองมองใบหน้าเข้มของอีกฝ่าย นึกอิจฉาขึ้นมาวูบหนึ่งว่าทำไมเขาไม่มีใบหน้าแบบนี้บ้าง.เข้มๆแมนๆแบบเนี๊ยะ เผื่อสาวจะหลงมากขึ้นอีกหน่อย เพราะเทรนด์ปีนี้กำลังนิยมหนุ่มหล่อเข้ม. “..คุณจะเสนออะไรให้ผมล่ะ?..คงไม่คิดหรอกน่ะ..ว่าผมจะยอมพูดง่ายๆแลกกับคำสัญญาไร้สาระว่าจะปล่อยตัว..จะ..อะไรทำนองนั้น..”

  “..แล้วคุณคิดว่าสิ่งที่คุณมี..เป็นประโยชน์อะไรกับทางเราบ้างละ..” อัลชาอ์ยิ้ม..รู้สึกว่าการสอบสวนที่อุตส่าห์ลงมือเองครั้งนี้ก็สนุกดีไม่หยอก เพลินเพลินกับการได้ฟังคำพูดยอกย้อนเล่นลิ้นนั่น...และ แววตาวาววับไร้ความหวั่นกลัวของนักโทษเบื้องหน้า..

   “..มากกว่าที่คุณคิด..” โทษทีว่ะ..ความจริงไม่มีอะไรเลย

    “..เช่น...” ชีคอัลชาห์ ยาฮิลยะห์ มูซา มูอัสซิน เลิกคิ้วขึ้นช้าๆ พลางจ้องมองใบหน้าที่ดูเป็นเด็กหนุ่มเกินวัย นึกวิเคราะห์ลักษณะท่าทางและประสบการณ์ทางการต่อสู้ของอีกฝ่าย..

    “...บอกคุณแล้วผมจะได้อะไรล่ะ?..” คาวัลโลเลิกคิ้ว จ้องหน้าอีกฝ่ายกลับ..มั่นใจว่ากว่าจะพูดกันรู้ความก็ต้องรอให้เขาอ้อมโลกเสียครึ่งรอบซะก่อน..เพราะอย่างนั้น..เวลาในการค้นหา”นั่น” ก็คงไม่มีปัญหา..

   “..ต้องการอะไรล่ะ..คุณคาวัลโล..” อัลชาอ์ถามกลับอีกฝ่าย..คิดว่าการได้ต่อปากต่อคำแบบนี้ก็รื่นเริงพอสมควร..

   “..อิสรภาพ...”

   “..................”

   คำตอบของคาวัลโลทำให้ห้องขังเงียบกริบ..มีเพียงเสียงครางอู้อี้ของนักโทษฝั่งตรงข้ามและเสียงเนื้อไม้แตกเปรี๊ยะ..และเสียงแซ่กๆ..ของมือซ้ายที่กำลังควานหาบางอย่างบนพื้นห้อง..

    “..ที่ไม่ใช่ในสภาพของ”ร่างไร้วิญญาณ..”..เหมือน”เจ้านี่”..”

ตุ๊บ..

    ทันทีที่ซากของงูหางกระดิ่งตัวขนาดกำลังโตหล่นตุ๊บลงบนตักของอัลชาอ์ ชีคหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นทันควัน เขาส่งสายตาวาววับด้วยความโกรธไปยังร่างที่ยังคงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตรงหน้า องค์รักษ์ด้านหลังจะโผนไปจัดการ แต่อัลชาอ์ยกมือห้าม และก้าวเท้าไปยังร่างของนักโทษหนุ่มเบื้องหน้า

   เศษซากร่างงูทิ้งตัวลงบนพื้น พร้อมกับปล่ายมีดสั้นแหลมคมที่พุ่งตัดลำคอของงู..ห่างจากรองเท้าบู๊ทที่สวมอยู่ไม่ถึงคืบ ทำให้ดวงตาของคาวัลโลเบิกขึ้นด้วยความตื่นเต้น..แต่ไร้ความตกใจโดยสิ้นเชิง..

   “..ไม่คิดบ้างเหรอ? ว่าการทำแบบนี้อาจจะทำให้คุณมีสภาพแบบงูนี่..เร็วขึ้น..” อัลชาอ์เอ่ยเสียงเหี้ยม นึกเคืองไม่น้อยที่รายนั้นยังดึงมีดจากพื้นเขวี้ยงส่ง..ไม่สิ..เขวี้ยงใส่ไปยังองค์รักษ์ของเขาหน้าตาเฉย..

    “..ต่อให้ไม่ทำ ผมก็คงมีสภาพแบบนั้นอยู่ดี ไม่ช้าก็เร็ว..” คาวัลโลยิ้มแสยะ..พลางสบมองแววตาวาววับเบื้องหน้า “ ..อีกอย่าง..ถ้าเป็นผม จะไม่เตือนใครด้วยวิธีนี้หรอกน่ะ..เพราะ...อาจจะทำให้สถานการณ์พลิกผันได้..”

   เขาผุดลุกขึ้นช้าๆ สบมองแววตาของชีคหนุ่มราวกับจะวัดใจ

 “..ถ้าเมื่อครู่..ผมหยิบมีดนั้นขึ้นมา..แล้วยกมันจี้ลงบนลำคอของคุณ..แค่นั้นเรื่องราวมันก็เปลี่ยนได้แล้ว..” ฝ่ามือขาวจัดแตะลงบนลำคอของชีคหนุ่มอย่างท้าทาย..น่าแปลกที่ฝ่ายนั้นยอมให้แตะต้องง่ายๆ..มีเพียงดวงตากร้าวแสงที่ยังคงมองสบ..ไม่ผละห่าง..

   “..ถ้าคิดว่าทำอะไรได้ง่ายขนาดนั้น..ฉันคงไม่สามารถเป็นผู้นำของประเทศนี้ได้หรอก..” อัลชาอ์ยิ้ม พร้อมกันนั้นฝ่ามือก็ออกแรงบีบนิ้วเรียวที่ยังคงวางอยู่บนลำคอของตน..อย่างแรง..

   “..โอ๊ย!!..แหย่ไม่ได้เลยนะ..ให้ตาย..”คาวัลโลดึงมือออก สะบัดแล้วครางอู้.ไม่สนใจดวงตาที่วาววับของอีกฝ่าย..

    “..หึ...เลิกเล่นได้แล้ว..รีบๆบอกสิ่งที่รู้มาซะ..” อัลชาอ์ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง รอยยิ้มพึงใจปรากฏอยู่บนใบหน้าเมื่อพบว่าอีกฝ่ายมีอะไรมากกว่าที่คิดไว้..

    “..บอกแล้วไง..ว่าต้องให้”อิสระ”กับผม..” คาวัลโลต่อรอง..ขณะที่ทรุดตัวลงแล้วควานหาหญ้าแห้งมาคลุมศพงูหางกระดิ่งผู้โชคร้าย..

   “..แลกกับแค่การที่คุณบอกข้อมูลที่รู้มากับทางเรางั้นเหรอ?..หึ..คิดว่ามัน...ให้ตายสิ...เลิกทำอะไรเพี้ยนๆได้ไหม? หรืออยากให้ล่ามโซ่ไว้เหมือนไอ้ห้องตรงข้ามนี่ !! “ อัลชาอ์สถบออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อเห็นว่าคาวัลโลกำลังจะเริ่มพิธี”ทำศพงูหางกระดิ่ง” โดยไม่ได้สนใจคำถามของตนเท่าไหร่เลย..

   “...อะไรกันเล่า..รู้ไหม? มันไม่ได้เพี้ยนมากเท่าไหร่หรอกน่ะถ้าเทียบกับ”จีฮัด”ของพวกคะ...โอเคๆ..ไม่พูดแล้วก็ได้..”คาวัลโลโบกมือขอโทษเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีเคืองโกรธขึ้นมา ยามที่เขาออกปากถึงเรื่องที่ไม่ว่ายังไง คนยุโรปอย่างพวกเขาก็ไม่เข้าใจชาวอาหรับอยู่ดี กับ”จีฮัด”สงครามการก่อการร้าย สงครามที่พวกมุสลิมถือว่าศักดิ์สิทธิอะไรนั่น ถ้าเป็นปกติเขาคงอยากจะชวนคนตรงหน้าถกกันเรื่องจีฮัดกับครูเสดซักครั้ง..แต่ว่าตอนนี้ แค่เถียงกันเรื่องชีวิตของเขาก็คงเกินพอแล้ว..

   “...ผมบอกพวกคุณแล้วไง..จะทำอะไรกับผมต่อ จะเตรียมแพ็คเกจ”ตายฟรี ไม่มีโลงศพ”ให้ หรือว่าอภิสิทธิในการเป็น”ทาสรับใช้”พิเศษดูแลคุกกันล่ะ” คาวัลโลออกปากถาม พลางกอดอกพิงผนังห้องขัง “ โอเค..ผมทราบดีว่าในฐานะ”นักโทษ” หรืออะไรก็แล้วแต่ที่คุณตั้งมา มันหมายความว่าชีวิตผมอยู่ในมือคุณ จะทำอะไรกับผมก็ได้...แล้วไง ถ้าผมบอก”ทุกอย่าง”กับคุณไปแล้วเนี่ย..ผมจะได้อะไรเหรอ?..หือ..จะบอกว่าตายโดยไม่ทรมารเหรอ? มุขนั้นมันเก่าไปแล้วนะ ข้อเสนอมันไม่น่าจูงใจพอ ..แบบนี้จะต่างอะไรกับการตายหลังจากถูกทรมารตรงไหน?..”

   อนาคตบอสของมาเฟียวาลกัสแห่งอิตาลียิ้มมุมปาก นัยน์ตาทอดมองใบหน้าที่เคร่งขึ้นของผู้ได้ฟังคำถามของเขา..จะว่าไปแล้ว เพราะประสบการณ์ในฐานะผู้เคยสอบปากคำมาบ้างนี่แหละ ทำให้เขารู้จักวิธีรับมือกับนักโทษดี พอๆกับวิธีที่จำพวกข้อเสนอและคำพูดคำขอต่างๆของนักโทษมาใช้ ทั้งชักจูง..และ..บีบบังคับให้พวกมันยอมเผยความลับ..ยอมทำตามสิ่งที่เขาบอก..

    “..หรือจะบอกว่าจะจับพ่อแม่พี่น้องของผมมาทรมาร”..คาวัลโลยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงครอบครัวตนเอง “ขอบอกน่ะว่าผมเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ตายแล้ว..คนที่เลี้ยงมาก็เหมือนกัน ..ต่อให้ไปจับป้าโอลิเวีย ยัยแก่ข้างบ้านที่ชอบเอาอะไรมาให้กินก็ใช่ว่าจะทำให้ผมยอมคายความลับออกมาหรอกนะ..อีกอย่างบ้านผมอยู่ที่อิตาลี ต่อให้พวกคุณกล้าไปจับก็ยังต้องมีเรื่องงัดข้อกับมาเฟียที่คุมที่นั่นอยู่ดี..”

    “...ถ้าผมจะทำแบบนั้น..” อัลชาอ์ยิ้มออกมา..มองหน้าคนพูดแจ้วๆอย่างนึกขบขัน “ สู้ไปจ้างมาเฟียพวกนั้นจับมาเลยไม่ดีกว่ารึไง?..ดีกว่าการดั้นด้นไปเองตั้งเยอะ..แต่พูดไปก็เท่านั้นเพราะดูท่าทางต่อมจิตสำนึกของคุณมันจะบกพร่องไปตั้งนานแล้วนี่..”

   “.......” หืม?..คราวนี้คาวัลโลเป็นฝ่ายหน้าเบี้ยวบ้าง..ต่อมจิตสำนึก..บกพร่อง...งั้นเหรอ? มันอะไรกันว่ะ นี่กำลังด่าใช่ไหม? นั่นคือคำด่าใช่ไหม?

    “...ถ้าอย่างนั้นการจะจับคุณไปโยนรวมในฮาเร็มของผม..คิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมั้ยล่ะ?..”

    “ หา????...” คาวัลโลครางออกมา อ้าปากค้างแล้วเอียงคอมองหน้าคนพูด ชายหนุ่มกวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า..เท้าจรดหัวแล้วมองอย่างนั้นกลับไปสามสี่รอบ..ก่อนจะกอดอกตัวเอง..แล้วถอนใจเบาๆ..

   “..หน้าตาก็ดีน่ะคุณ..ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น..แต่ก็เอาเถอะ ผมรู้ตัวเองดีว่ามีสเน่ห์แค่ไหน..ต่อให้เป็นพวกชีคหน้าดุนิสัยโง่ๆ จะมาหลงรักผม..นั่นก็ไม่แปลก..”

   “..หุบปาก !! “ คราวนี้คนที่ตวาดใส่ก็คือคนถูกกระแนะกระแหนบ้าง คาวัลโลแสร้งเบิกตากว้างแล้วส่งนัยน์ตาออดอ้อนไปให้อย่างชวนประสาทเสีย..ส่วนอัลชาอ์ถอนใจแรงๆ รู้สึกเหมือนเส้นประสาทจะกระตุกและอายุสั้นขึ้นอีกหลายปี..ทั้งที่ตั้งใจจะก่อกวนเจ้านักโทษปากดีเสียบ้าง แต่นอกจากจะรู้สึกหงุดหงิดแล้วยังขายหน้ากับท่าทางจริงจังนั่นอีก..

  “....โปรดจงเข้าใจไว้เถอะ..ว่าคนอย่างผมไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น..และต่อให้เป็นแบบนั้นจริง ก็ไม่มีทางเลือก”แบบนี้”ไปแน่ๆ..” หมายถึงประเภทที่ถ้าอยู่ด้วยนานแล้วเส้นเลือดในสมองอาจจะแตกตาย..หรืออะไรประเภทนั้น..

   “..เห..แบบนี้..แบบนี้มันหมายความว่ายังไงน่ะ..แบบนี้มันดูถูกกันชัดๆ..”เห็นแบบนี้เขาถูกเลือกเป็นหนุ่มในฝันของมาเฟียสาวทั่วอิตาลีตั้งสามปีซ้อนน่ะเว้ย..อยากจะอวดนักแต่ก็ต้องกัดริมฝีปากไว้เงียบๆแทน..

    “..หยุดประเด็นนั้นไปซะ..และว่าด้วยอิสรภาพที่คุณต้องการ..ขอบอกว่าแม้จะยอกย้อนมาจนตอนนี้..ผม..ก็ยังไม่ได้รับคำตอบไหนเป็นรูปธรรมจากคุณเลย..คุณนะเรียกร้องแค่สิทธิ อย่าลืมกล่าวถึง”หน้าที่”ของตัวเองที่ต้องทำด้วยสิ..” อัลชาอ์เอ่ยพลางหรี่ตาลงน้อยๆ สบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่หรุบต่ำลงอย่างครุ่นคิดของผู้ฟัง “..จะให้เราปล่อยคุณเป็นอิสรภาพ ทั้งที่คุณอาจจะกลับมาที่นี่..แล้วทำอะไร”โง่ๆ”แบบเดิมนะเหรอ..ต่อให้มีโอกาสสำเร็จศูนย์เปอร์เซ็นต์เราก็ยังต้องจัดการ”เก็บ”อยู่ดีน่ะ รู้ไหม?..”

   “..........” ศูนย์เปอร์เซ็นต์เชียว.. คาวัลโลขบริมฝีปากแน่น..

   “..เอาล่ะ..บอกมา..ผู้จ้างวานคือใคร?..” อัลชาอ์ตัดสินใจโยนความหฤหรรษ์แบบแปลกๆในการสอบปากคำครั้งนี้ทิ้งไป แล้วออกปากถามทันควันอย่างไม่อยากเสียเวลา..

  “...ผมสามารถ..ช่วยคุณจับ”ตัวการใหญ่”ในครั้งนี้ได้..” คาวัลโลกัดริมฝีปาก จ้องมองหน้าคนฟังอย่างหนักแน่น..

   “..น้อยไป...” อัลชาอ์เอ่ยช้าๆ..ยิ้มมุมปากอย่างผู้กำชัยชนะ..

   “..พร้อมหลักฐาน..”นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองดวงตาดำใหญ่ราวกับหลุมลึกเขม็ง..

   “..หาเองก็ได้..” อัลชาอ์โคลงหัวคล้ายไม่ใส่ใจ..นั่นทำให้คาวัลโลหรี่ตาลงช้าๆ..

    “..แน่นอนหากรู้ตัวการ..รู้เส้นทางขนส่งอาวุธ..ผู้ร่วมมือจากต่างประเทศ..และ...”ผู้สนับสนุนหลัก”..”

   “........” คราวนี้อัลชาอ์เป็นฝ่ายหรี่ตาลงบ้างพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด..

    “..ทั้งหมดนั่น..ผมให้คุณได้...” คาวัลโลยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาเริ่มวาววับ..

   “..จาก..มือปืนรับจ้าง..นะหรือ จะมีข้อมูลพวกนี้..คำถามนั้นทำให้คาวัลโลหรี่ตาลง เม้มปากแน่นอย่างครุ่นคิด ก่อนจะคลายลงเป็นรอยยิ้มมั่นใจ..

   “..ผมไม่ใช่..แค่หนูตัวเล็กๆแบบที่คุณคิด..อีกอย่าง ถ้าคุณเห็นผมเป็นแค่นั้น..จะจับผมมาทำไม? จริงไหม?..” คาวัลโลเอ่ยก่อนจะยิ้มน้อยๆ “ ผมได้ติดต่อกับผู้ว่าจ้างโดยตรง..และ...ทุกอย่างที่ผมพูดไป..หลักฐานหาได้..ที่โรงแรมแกรนด์ฮิลตัน UAE ห้อง 1454 และพยานยืนยันที่อยู่.. อเล็กเซย์..จีโอวานนี่ วาลกัส..”

    คาวัลโลบอกพร้อมกับรอยยิ้มอย่างมาดมั่น..นึกไพล่ไปถึงไอ้คนที่เขาลากมาร่วมวงซวยด้วย.นึกห่วงใยความปลอดภัยในชีวิตของมันแค่สามวินาที.แต่ก็ปัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว..เพราะถ้าคนอย่างเล็กเซย์..พี่ชายของเขาเป็นอะไรไปจริงๆ.. อเล็กซิส..ไอ้บ้าอีกคนได้ตามฆ่าล้างโคตรพวกท่านชีคตระกูลนี้แน่..

   “.................. “อัลชาอ์ยังคงยิ้มมุมปาก..ไม่พูดอะไร..

    “ ..ไม่มีเอกสารที่คุณต้องการหรอก เพราะพรรคพวกที่เหลืออยู่คงกวาดมันไปหมดแล้ว..แต่ผมจะบอกว่า..นั่นคือพยานยืนยันที่อยู่..และ..คนที่ผมรู้จัก..เขาเดินทางมาติดต่อเจรจา”ธุรกิจ”กับคนของประเทศแถบนี้..ซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะรวม...คนที่กำลังหาทางลำเลียงอาวุธหนักผ่านชายแดนโอมาน..ข้ามมาแถวนี้..ซึ่งกำลังมีรายชื่ออยู่ในลิสต์ผู้ว่าจ้างเสียด้วยสิ..”

   คราวนี้องค์รักษ์นายหนึ่งของอัลชาอ์ครางออมาเบาๆพลางก้มกระซิบบางสิ่งใส่หุเจ้านาย คาวัลโลนึกหงุดหงิดที่มันเป็นภาษาอารบิค ไอ้พวกหุ่นหน้าตายที่ยืนทื่ออยู่นั่น..มันฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องนิ..เสียเปรียบชะมัด ถ้ารอดไปได้..หมายความว่าหากรอดไปได้นะ..เขาจะบอกให้พ่อหาครูภาษาอาหรับให้สักคน.

   “...ตอนนี้ทางเรากำลังขาดล่ามภาษาอิตาลี..และสเปน งานแปลภาษาคงไม่ยากไปสำหรับคนแถบนั้นใช่ไหม?..อย่าเขียนอะไรแปลกๆลงมาละ..” รอยยิ้มมุมปากของคนพูดนั้นไม่ได้สำคัญไปมากกว่าใจความที่ได้รับ คาวัลโลครางรับในลำคอด้วยความพึงใจ ขอแค่ไม่ต้องเป็นนักโทษที่รอการประหาร..แค่นั้นเขาก็สามารถหาทางติดต่อ”เคลียร์”กับทางครอบครัวได้อยู่แล้ว..

    “..มีระยะทดลองงานรึเปล่า?..” คาวัลโลออกปากถาม นัยน์ตาวาววับ..

   “..ไม่มี...เพราะเราจ้างคุณแค่..”สามเดือน..” หืม?..คาวัลโลเลิกคิ้ว..มองร่างสูงที่ลุกออกไปจากห้องขัง และองค์รักษ์ทั้งคู่กำลังล่ามโซ่ประตูห้องไว้ความหมายของการทำงานสามเดือนถูกหยุดไว้ชั่วคราว เมื่อพบว่ากำลังจะถูกขังไว้ที่เดิม คาวัลโลอ้าปากจะท้วง

     “...เฮ้...นี่จะ....” เขาจะถามถึงที่อยู่ที่ยังไงก็ไม่น่าพิสมัย แต่ทว่าคำตอบก็ดังมาราวกับรู้ทันควัน

     “..ระหว่างนี้ก็เชิญพักผ่อนที่ห้องรับรองพิเศษของเราไปก่อนแล้วกัน.” คำตอบนั้นทำให้คาวัลโลอ้าปากค้าง เบิกตากว้างมองตามร่างที่เดินออกไปและมองห้องฝั่งตรงข้ามที่ยังคงมีร่างของเจ้าคนที่...ถูกไฟคลอกไปครึ่งหน้าแล้วครางอู้อี้ออกมา..ชายหนุ่มแบะปากออกทันที..นี่กะจะแกล้งให้นอนกับภาพไอ้คนตรงนั้นที่หันมาหาเขาแบบพอดิบพอดีใช่มั้ยว่ะ!!


............................................................................................

บอกแล้วค่ะ ว่านิสัยนายเอกของเรา น่ารักเป็นที่สุด หุหุ o18

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 02-10-2010 22:09:59

ถ้าถูกสอบสวนแบบนี้ ก็สนุกดีพิลึก...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 02-10-2010 22:45:19
บอกได้คำเดียวว่า...
สนุกว่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: yunchun ที่ 03-10-2010 03:20:20
 o13 คิดไม่ถึง ชีคกับมาเฟียย  :impress2:
กว่าจะรักกันได้คงเลือดสาดน่าดู  :z1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 03-10-2010 08:43:30
จริงแล้ว น่าจะลงโทษโดยการเข้าไปอยู่ในฮาเร็มของชีคซะเลยเนอะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 03-10-2010 12:57:57
555 นายเอกนี่น่ารักน่าถีบ เอ้ย!น่าหยิกดีนะ หุหุหุ นานๆจะได้เจอนายเอกกวนประสาทซักที ไม่ติดตามไม่ได้แล้วววว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 03-10-2010 18:39:58
ความจริงลงโทษแบบจับเข้าฮาเร็มก็เวิร์คนะคะเนี่ย...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 03-10-2010 21:46:21
มีแต่คนสนับสนุนให้โยนนายเอกเข้าฮาเร็มนะเนี่ย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: intoucha ที่ 04-10-2010 09:26:52
สนุกมากค่ะ นายเอกน่ารัก น่าหยิกจริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 04-10-2010 10:59:20
ฮาเร็ม ก็ดีนะ อิอิ :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 07-10-2010 17:54:07
 ชอบค่ะ:-[
มาต่อเรื่อยๆนะคะ  :L2:
เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 08-10-2010 09:14:33
นอนรอ  :a12:

เมื่อไรจะมาซักที  :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 10-10-2010 06:54:49
นายเอกเราน่ารักดีจริงๆ


อยากสารภาพว่ายังจำชื่อไม่ได้อ่ะ แฮะๆ


ต่อๆเลยเด้อ จะได้จำได้เร็ว



ปล.ฮาเร็มก็ดีนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 10-10-2010 10:55:11
แวะมาเจิมเรื่องใหม่ค่ะ  เด๋วตามมาอ่านเน้อ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: iranen ที่ 10-10-2010 16:57:11
น่าติดตามสุดๆเลย
แปลกดี
 o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 10-10-2010 18:23:54
น่าสนุก น่าติดตาม มาต่อบ่อยๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: zombiepe ที่ 10-10-2010 19:22:39
สนุกอ่ะ
มาอีกเร็วๆนะค่ะ
ชอบนิสัยของคาวัลโล ช่างเถียงดี แต่ท่านชีคมันต้องขรึมเเล้วจะเถียงทันคาวัลโลเหรอเนี่ย
ปล.  ไว้อาลัยให้งูผู้น่าสงสาร   55
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: ☥ŹeMî☠kändä☥ ที่ 10-10-2010 20:02:51
สนุกได้อีกจริงๆ ขอรับ

อยากรู้จริงๆ ว่าคู่นี้เขาจะลงเอยกันอย่างไร?

รอตอนต่อไปเสมอนะขอรับ

ตื่นเต้น~  :-[

 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 10-10-2010 20:26:11
นอนรอตอนต่อไปอยู่จ้าๆ  :t3::call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 11-10-2010 09:42:47
หนุกจัง ๆ  o13

รอตอนสามนะจ๊ะ :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 11-10-2010 15:01:48
เมื่อมาเฟียกับซีคมาฉะกันมันจะแรงขนาดไหนเนี่ย


เลือดสาดกระจายแน่งานนี้รออ่านตอนต่อไปค้าบบบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 11-10-2010 16:17:33
นายเอกน่ารักดี ทั้งเจ้าเลห์และกวนประสาทในเวลาเดียวกัน
แล้วไม่จับโยนเข้าฮาเร็มแล้วหรอ
แอบลุ้นตั้งนาน :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 11-10-2010 17:20:20
รออ่านต่อไปค่ะ
อ่านแล้วอ๊างจริงๆ มาเฟียกับชีคเนี่ย
หุหุหุ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: dear77 ที่ 11-10-2010 22:26:47
สนุกจังเลย   555++++  ชอบนางเอกแบบนี้จัง


 :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 11-10-2010 22:30:34
โดนๆๆ โดนใจเป็นที่สุด เมะเจอเมะ อ๊าก~
เป็นอะไรที่โฮกมากๆคะ สู้ตายเลยพี่ ขอนั่งเฝ้าตามติดเลยนะคะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 11-10-2010 23:29:53
ตามมาอ่านจ้ะที่รัก
เชื่อมั่นในฝีมือ
อย่าดราม่ามากนะ T.T

แล้วก็อย่าดองแบดกายนะตัวเธอออว์
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 12-10-2010 01:35:11

.. .

ชอบอ่ะคร่าาา าาาาา  :m1:
แบบว่า แบบ ชอบบบบอ่าาา
นายเอกนิสัยแบบนี้ก็ชอบบบ น่ารักอ่ะ ปากจัดดี  o13
แค่เปิดก็กัดกันจะแย่แล้ว
แล้วต่อไปนี่ไปอยู่ด้วยกัน ไม่ปวดหัวแย่หรอ ฮ่า
รอตอนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 12-10-2010 13:17:05
 o3 o3

นิสัยนายเอกนี้ น่าลักไปฆ่า อย่างที่บอกจริงๆ นะค่ะเนี๊ย

ช่างกวน+ต่อปากต่อคำดีแท้ 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 12-10-2010 14:21:38
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 12-10-2010 22:04:17
ว้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อ่านตามจบแล้วววววว ~*
นิสัยนายเอกเราออกจากน่ารัก ไม่เห็นจะน่าลักไปฆ่าเลยค่ะ
แต่น่าลักไปให้พระเอกไปปู้ยี้ปู้ยำบนเตียง - -''
ปากงี้มันน่าจับจูบให้เลือดกลบ
มาต่อเร็วๆนะตัวเธอออออออ
รู้ไหมมมมม เรื่องมันน่าติดตามมว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 12-10-2010 23:38:24
กรี้ดดด มาตามอ่านอีกเรื่องแล้วว
ชอบคาแรกเตอร์นายเอกหม๊วกกกกกก 
เนื้อเรื่องน่าติดตามจิงไรจิง  :-[
รอๆๆๆ ไรเตอร์มาอัพด่วนน้าาา
ค้างมากมายยยยย :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 13-10-2010 01:00:20
อ๊าก~ เฝ้ารอๆ มาลงไวไวน้า จุ๊บๆ ชอบมาเฟียเป็นชีวิตจิตใจ หุหุ ^-^ สู้ตายค่า~wirter
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 13-10-2010 09:37:47
สนุกอ่า อยากอ่านต่อ
นายเอกกวนติงจริงๆ น่ารักน่าถีบสุดติ่ง
เรื่องนี้ไม่ใช่ เมะเมะ ใช่มั้ยเนี่ย
แต่ถึงยังไงเราก็จิ้นหน้านายเอกแบบน่ารักโคตรไปแล้วล่ะ
เพื่ออรรถรสในการอ่าน  :o8: 55
ตอนต่อไปมาไวๆน้า รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 13-10-2010 17:50:59
อ่านแล้วอยากอ่านต่อเรื่อยๆเลย หุหุปลื้มเรื่องนี้อย่างแรง แต่ก็อย่าลืมเรื่องนู้นนะคะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 13-10-2010 22:40:29
 :impress2:  แนวนี้เราปลื้มอย่างแรงงงงงงง !!
พระเอกมันต้องโหดๆ ดุๆ นายเอกมันต้องไม่ยอมคน และไม่อ่อนแอ
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

  :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 14-10-2010 15:33:55
ฉลาดเป็นกรด รู้จักเอาตัวรอด กวนโอ๊ยได้โล่ห์จริงๆนายเอกนี้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 14-10-2010 15:47:41
พระเอกก็ขรึมๆ ข่มๆ รู้ทันนายเอกเราเหมือนกันน้า อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 14-10-2010 22:56:31

Line : 4

  ให้ตาย..ให้ตาย..ให้ตายสิ....

   คาวัลโลครางในลำคออย่างหัวเสีย ขณะที่ถอดเสื้อสีดำแขนยาวออกมารองศีรษะไว้และเอาแขนมาหนุนอีกรอบ..แต่ไม่ว่ายังไง ยังไงก็นอนไม่หลับ เพราะกลิ่นเนื้อไหม้ก็ยังอวลคละคลุ้งเสียงครางอืดๆแบบคนจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ก็ยังดังออกมาแว่วๆ แถมที่ปลายเท้าของเขาก็ยังมี”ศพที่ถูกประกอบพิธีลวกๆ” ของงูหางกระดิ่งสัตว์โลกผู้โชคร้ายพังพาบส่งกลิ่น..แปลกๆอันไม่น่าพึงประสงค์มา..

   นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองภาพเพดานผุพังซึ่งแทรกไปด้วยรากไม้และต้นหญ้าสองสามอันแล้วพยายามจินตนาการว่ากำลังนั่งชมภาพศิลปะที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติในกรุงโรม หรืออย่างน้อยก็ภาพเขียนสวนอีเดนที่โบสถ์ในวาติกัน แล้วจิบเอสเปรสโซ่หอมกรุ่น..ภายใต้บรรยากาศแสนสดใสของบ้านเกิด..แต่ ยังไงก็มองเห็นไอ้เพดานผุพังและเสียงครางอู้อี้บวกกับกลิ่นเหม็นไหม้พวกนี้เป็นอย่างอื่นไม่ได้จริงๆ..

   คาวัลโลส่ายหน้าไปมาอย่างนึกหงุดหงิด นี่ก็คงจะใกล้เช้าแล้ว ทั้งทำงานทั้งเดินทางทั้งต้องปะทะคารมเจรจาอะไรแทบตาย..แทนที่จะเหนื่อยจนแทบสลบ แต่กลับต้องมาตาค้างแบบนี้ เจ็ทเลทหรือเปล่าน่ะ..แต่ถ้ามันจะเป็น ก็ต้องเป็นตั้งแต่วันแรกแล้วสิ..

   เหงื่อชุ่มๆยังคงไหลราวกับน้ำป่าทะลักลงสู่ฝ่ามือที่รองรับเส้นผมนุ่มไว้ คาวัลโลนึกอยากจะร้องโหวกเหวกขึ้นมาสักรอบให้หายบ้าจริงๆ ถึงเขาจะเคยถูกท่านลุงลงโทษด้วยการให้ไปนอนในห้องเก็บศพทั้งอาทิตย์ก็เถอะ..แต่ไอ้ห้องนั้นมันไม่ได้ร้อนระอุและมีกลิ่นเหม็นหึ่งแบบนี้นี่เฟ้ย อย่างน้อยที่นั่นก็มีระบบกำจัดกลิ่นและจัดการความเย็นก็แล้วกัน ไม่ได้มีแต่ไอ้..ระบบกำจัดตัวเองแบบนี้..

    “ เฮ้...นายน่ะ ยังไม่ซี้แหงแก๋ใช่มั้ย?..มาคุยกันหน่อยดิ...” ในที่สุดก็อดรนทนกับความหงุดหงิดที่ยิ่งปะทุและความร้อนที่โหมเข้าหาไม่ไหว..คาวัลโลลุกขึ้นนั่งบนพื้น เอนตัวพิงผนังหันหน้าไปยังร่างที่ถูกแขวนไว้บนกำแพง..ก็ยังดี ที่พวกนั้นไม่ได้เย็บปากถาวรไปเหมือนที่แนะนำ..แค่หาอะไรมายัดๆปาก..ทำให้เขามีเพื่อนคุยแต่จะว่าไปว่ามา ที่ครางโอยจนเขานอนไม่หลับนี่..ก็เพราะมันไม่ใช่เรอะ

    “...เฮ้...เป็นไงมั่งนายนะ...” คาวัลโลเดินไปเพ่งมองอีกฝ่ายชัดๆ พบว่ายังลืมตาอยู่ และใบหน้าที่ถูกไฟคลอกไปครึ่งนึงยังถลึงมองมาที่เขาราวกับวิญญาณรอการแก้แค้น..

   “..ถูกจับข้อหาอะไร...” ออกปากถามพลางนั่งลงบนพื้น

   “...........” ไม่มีคำตอบ..คาวัลโลพบว่ามีเพียงความเงียบ..

   “..พูดก็พูดมาน่า...ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ใช่เหรอ?..” คาวัลโลว่าใส่อีกฝ่าย..ก่อนจะขมวดคิ้ว เมื่อลืมนึกไป..ว่าบางทีหมอนี่อาจจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้..
   ว้า...ความไม่เท่าเทียมกันของวัฒนธรรมและการศึกษาสินะ สรุปเองเออเองแล้วก็ถอนใจเฮือก ทำท่าจะเอนตัวนอนอีกรอบ..

   “..ข้อหาเดียวกับแกนั่นล่ะ..” หืม?..คำพุดนั้นทำให้คาวัลโลเลิกคิ้ว หันไปมองอีกฝ่ายที่พุดออกมาจนได้..

    “..อืม...เหรอ..ผู้นำประเทศนี้นี่มีแต่คนจ้องจะฆ่านะ..” ว่าแล้วก็หัวเราะขำ ท่าทางจะต้องลองสืบดูเสียหน่อยว่าพี่ท่านไปทำอะไรไว้..

    “..คนเดียวนั่นละ แกก็น่าจะถูกจ้างมาจากคนเดียวกันไม่ใช่รึไง?..” คาวัลโลฟังแล้วเหยียดยิ้ม มองหน้าที่แทบไม่เหลือเป็นหน้าของมันแล้วได้แต่เถียงตอบในใจ..คนละเรื่องกับที่แกพูดมาเลยละ !!

     “..แล้วได้เจอ”ท่าน”ตรงๆไหม?..” เลียบๆเคียงๆถามเผื่อจะรู้อะไรเพิ่มขึ้นบ้าง..จะได้เอามาหลอกล่อท่านชีคเพื่อยื้อชีวิตตัวเองให้นานขึ้นก่อนความจะแตกเสียหน่อย..

    “...หึ....ระดับอย่างชั้นเหรอจะไม่เจอ..” มองสารรูปมันแล้วอยากจะนึกเถียง ..ว่าระดับอย่างแกที่ตอนนี้กลายเป็นไก่ย่างอยู่สินะ..

     “..ท่านเป็นคนยังไง..ผมไม่เคยเจอเลยสักครั้ง..” แน่นอน..ไม่สักครั้งในชีวิต ไอ้ท่านบ้าท่านบอนี่..

     “..ท่านที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำ..แทนเจ้าชีคโง่เง่านี่ไงละ..สายเลือดแห่งบรรพบุรษ..ที่จะปกป้องชาวเซเนียยา ไม่ใช่เลือดของนังกะหรี่ในขบวนคาราวานยิปซี!! “
   จากการอนุมานอีกครั้งของคาวัลโล..เจ้านี่ต้องเป็นพวกบ้านท่านผู้นำ น่าจะอยู่ในระดับค่อนข้างสูงที่รู้เรื่องราวภายในบางอย่างดีพอสมควร ประเทศนี้น่าจะมีความขัดแย้งเรื่องสายเลือดและสายเลือดที่เป็นปัญหาของผู้นำคนปัจจุบัน.ส่วนไอ้คนที่กำลังพล่ามเหมือนคนบ้าตรงหน้า..มันไม่ยอมสารภาพอะไรออกมาแหงแซะ..

    “...เฮ้อ..แล้วป่านนี้ท่านจะเป็นเช่นไรบ้างนะ..ผมอยากรู้จริงว่าท่านอยู่ที่ไหน..จะได้ส่งข่าวได้..ไม่ให้เสียแรงที่ท่านคอยชุบเลี้ยงมา..”คาวัลโลแสร้งตีหน้าเศร้าพลางทอดถอนใจ..สงสัยตอนทรมารเจ้านี่จะไม่ได้ยินที่เขาพูดกับชีคอัลชาอ์แน่ๆ..ว่าต่อรองขายพวกที่ไม่มีตัวตนไปยังไงบ้าง..เพราะอย่างนั้น..ถ้ามันอัดอั้นนัก เขาก็จะให้มันคายออกมาทั้งหมดเอง..

 “..อย่าห่วงไปเลย..ท่านน่ะมีผู้คนคอยสนับสนุน ทั้งสุลต่านใกล้ๆนี่ และยังมีมาเฟียอิตาลีด้วย..กำลังตกลงลำเลียงอาวุธไปวังท่านกันใหญ่..” น้ำเสียงภาคภูมิใจนั้นไม่ได้น่าสนใจเท่ากับคำที่เจ้านั่นพูดของมา..

   ..แสดงว่าที่เขาบอกมั่วๆเรื่องขนอาวุธเป็นเรื่องจริง มิน่าตอนนั้นเจ้าองค์รักษ์นั่นถึงพูดอะไรบางอย่างออกมา..ไอ้ท่านที่อยู่เบื้องหลังนี่..มีวังเป็นของตัวเอง..น่าจะเป็นคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด และผู้ร่วมขบวนการณ์ยังมีสุลต่านใกล้ๆนี่..กับมาเฟียอิตาลี...

มาเฟีย...เห?..

   “.มาเฟีย...” คาวัลโลเลิกคิ้ว...ออกปากถาม..

   “..ใช่...ตระกูลใหญ่ของอิตาลี..” ว่าแล้วไอ้บ้านั่นก็หัวเราะลั่น “ ..ตกลงเรื่องส่งอาวุธให้กับท่านแล้ว เมื่อก่อนมีแต่ไอ้อัลชาอ์ได้ไป..คราวนี้ก็เป็นทีของพวกเราบ้างละ..”

...มาเฟียตระกูลใหญ่..วาลกัส..เรกาโซ่...กราดอน..เซเคนี..?

...ใครส่ง?..

รู้แต่ว่าแกงค์ของเขาส่งอาวุธให้กับ”คนของที่นี่” แล้วโดนปล้นประจำ..จะเป็นอัลชาอ์หรือไอ้”ท่าน”ที่ว่าละ?

    “..ดีแล้วครับ..ผมเบาใจขึ้นเยอะ..” ใบหน้าที่แสนปลาบปลื้มนั่นดูน่าเกลียดซะจนคาวัลโลไม่อยากจะมองดูตัวเอง.. แต่ยังส่งผลให้ไอ้บ้าที่โดนมัดอยู่ยิ้ม..ยิ้มแบบที่น่าสยองขวัญเสียจริงๆ..

      “..ใช่..ข้าจะได้ตายตาหลับ..” นี่กำลังสั่งเสียหรือเปล่า?..น่าเศร้าจริงๆที่ต้องมานั่งฟังแบบนี้..

     “..ขอผมฟังคำสั่งเสียของคุณได้มั้ย..ความคะนึงหาที่คุณฝากให้กับท่าน..” แม้จะน่าสะอิดสะเอียน แต่ถ้าได้แงะอะไรออกมาจากสมองไอ้บ้านี่อีกนิด เอาไว้ป้องกันชีวิตก็น่าสนใจดี แม้เขาจะเชื่อได้ครึ่งต่อครึ่งเพราะดูเหมือนไอ้หมอนี่จะเพี้ยนจนกู่ไม่กลับก็เถอะ..

   ไอ้บ้านั่นกำลังยิ้ม..ยิ้มอีกแล้ว..เหอะ...ดูน่าสยองขวัญสิ้นดีอย่ายิ้มด้วยหน้าที่ครึ่งนึงมันโดนเผาเกรียมไปแล้วได้ไหม?..คนมองรู้สึกเศร้าสิ้นดีเลยวะ..

   “...เราจะทำให้ตระกูลพวกเลือดโสโครกมันจบสิ้นลงให้ได้..แม้จะต้องสละชีวิต..ร่างกาย..หรือสิ่งใดก็ตาม.ท่านอาเหม็ด...”

อะฮ้า !!

  ทีนี้สิของเด็ด..อยากจะเอาปากกามาจดไว้จริงๆ อาเหม็ด..ไอ้”ท่าน”นั่นมันชื่ออาเหม็ดใช่ไหม? ดี..คราวนี้จะได้มีข้อมูลครบพร้อมส่งตรงไปยังท่านผู้นำเสียที..หึหึ

    “..ตัวเจ้าในฐานะผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของท่านอาเหม็ด..จง...”

   “คุณเป็นคนสเปนใช่มั้ย?..” สำเนียงการพูดมันบ่งชัดเสียจนไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่น “..ไม่ก็ไปเรียนที่สเปนมา..”

   “..แกรู้ได้ยังไง !! “ น้ำเสียงคราวนี้กระชากห้วน..คาวัลโลนึกอยากจะบอกว่าแกออกเสียงไม่ชัดฟ่ะ แถมยังติดภาษาถิ่นมาเสียด้วย..แต่ก็ไม่พูดอะไร..
  “..แกเป็นคนของไอ้อัลชาอ์ใช่มั้ย?..เจ้าชีคชั่วกล้าใช้วิธีต่ำทรามกับข้าเชียวเรอะ..แก..ไอ้.....” คาวัลโลฟังคำสถบด่าที่ยังคงอุตส่าห์แปลให้เป็นภาษาอังกฤษแล้วเลิกคิ้วคล้ายจะรำคาญ ไม่บอกออกไปให้มันหัวใจวายเล่นว่าคนที่พูดออกมามันแกต่างหาก ไอ้โง่..

  แต่ก็ช่างเถอะ...ได้ข้อมูลพอที่จะสืบเองแล้ว..ถ้าต้นตอมันอยู่แถวๆวังจริงๆก็สาวต่อได้ไม่ยาก..ว่าแต่ว่า..ในวังนั้นมีคนชื่ออาเหม็ดกี่ชื่อกันนะ..ได้ข่าวว่ามันเป็นชื่อพื้นฐานของพวกอาหรับเลยไม่ใช่รึ? แบบนี้ไม่ต้องพลิกหาแทบตายเลยรึไง..?

     หันไปมองไอ้บ้านั่นที่ยังก่นด่าสาปแช่งเขาอยู่แล้วนึกอยากจะถามว่าท่านอาเหม็ดนี่สูงต่ำอ้วนผอมยังไงแน่..แต่ไปๆมาๆก็เลิกสนใจ เพราะเสียงท้องร้องมันดังแว่วขึ้นมาอีกแล้ว..

    คาวัลโลครางแล้วเอามือกดท้องที่กลวงเปล่าของตัวเอง หิวข้าวก็หิว หิวน้ำก็หิว ไม่มีมารยาทในการดูแลนักโทษเลยสิให้ตาย..คอยดูนะถ้าออกไปได้ พ่อจะซัดให้เต็มคราบเลยทีเดียว..

    แต่ตอนนี้ที่ทำได้ก็คือนอนกุมท้องอยู่แบบนี้..คาวัลโลพยายามเอาตัวเองไปสู่กรุงเวนิสหรือกรุงโรมในจินตนาการอีกครั้ง..แม้จะทำได้ยากเต็มทน แต่คราวนี้ความเหนื่อยอ่อนบวกกับความโล่งใจก็ทำให้เขาหลับสนิทไปในไม่ช้า..

...............................................................................................

   แสงสีทองของดวงอาทิตย์สาดส่องมายังเม็ดทรายละเอียดที่ก่อร่างเป็นเนินทรายสลับกันราวกับเนินเขาขนาดย่อมสลักเสลาทอดออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา ยามนี้ดูราวกับเม็ดทรายจะเปล่งแสงเป็นสีทองระยับ ฟากฟ้าที่กลายเป็นสีนิลเต็มไปด้วยดวงดาราพร่างพรายปรากฏขึ้นแม้ดวงอาทิตย์จะยังไม่ลาลับ ช่างดูราวกับดินแดนในฝันที่ดวงอาทิตย์จะไม่มีวันตกดินกระนั้น..

    คาวัลโลมองภาพนั้นจากระเบียงของอาคารก่ออิฐถือปูนสีสด แม้เขาจะถูกประณามมาตลอดว่าไร้ความละเอียดอ่อนและไม่มีจินตนาการ แต่ภาพของทะเลทรายยามพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินของที่นี่ ก็ยังสวย..สวยจนไม่อาจจะละสายตาไปได้..แม้เขาไม่รู้จะเอาคำพูดสวยหรูใดๆมาพร่ำพรรณนา แต่คำว่าสวย..ราวกับอยู่ในความฝัน ก็ไม่ได้เกินจริงไปเลย..

   “...เชิญทางนี้ครับ...ชีครอคุณอยู่..”  เสียงขององค์รักษ์หน้านิ่งตาดุคลุมผ้าอะไรเต็มหัวดังขึ้นทำให้คาวัลโลละสายตาจากภาพที่เห็น หลังจากหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ตื่นขึ้นมาอีกทีก็กลายเป็นตอนเย็นไปเสียแล้ว แถมยังมีนายองครักษ์มายืนหน้านิ่งเป็นหุ่นหน้าห้องขัง เรียกเขาให้ออกไปพบท่านชีคเสียที

   “...อืม....” คาวัลโลหันไปจะคุยด้วยเสียหน่อย แต่ไอ้หุ่นหน้านิ่งนั่นกลับหมุนตัวแล้วเดินหนีเสียเฉย..ทิ้งให้คนมองได้แต่บ่นงึมในลำคอ ผู้คนที่นี่มันไร้มนุษย์สัมพันธ์สิ้นดี First impression ความประทับใจแรกน่ะ พวกแกรู้จักกันมั้ยครับ !! หัดยิ้มซะบ้าง ไม่ใช่ถ้าไม่หน้านิ่งก็ทำหน้าดุ จะยิ้มแย้มให้กันนี่มันยากนักหรือไงว่ะ

   ชายหนุ่มบ่นงึมงำในลำคอแต่ก็ยอมเดินตามชายคนนั้นมาแต่โดยดี ขณะที่หางตาก็กวาดมองสำรวจโดยรอบ รู้สึกว่านี่จะเป็นอาคารก่อกิฐถือปูนมีลวดลายสถาปัตยกรรมโบราณเยอะแยะ แต่ดูไม่ค่อยหรูหราเท่าไหร่นัก ไม่มีพื้นปูพรมกำมะหยี่สีแดง หรือว่าแบบหินอ่อนขัดมัน ไม่มีภาพเขียนขึ้นชื่อ หรือแจกันใบสวยลำค่า ที่เห็นมีเพียงเพดานสีอิฐ พื้นปูด้วยพรมเปอร์เซียถูกๆ..ไม่มีโคมไฟระย้าอันยักษ์ มีเพียงหลอดไฟเล็กๆส่องแสงยามที่อาทิตย์ใกล้จะตกดินเท่านั้น..

     คาวัลโลแบะปากลงอย่างหงุดหงิด เห็นเป็นชีค เป็นผู้นำประเทศ ไอ้เรานึกว่าวังของท่านจะเลิศหรูดูดีเหมือนวังที่อาบูดาบี ตอนเขาได้รับเชิญไปเที่ยวพักผ่อนซะอีก..แต่นี่...ไม่เห็นมีอะไรเลยสักนิด..ดูวังของท่านแล้วก็มีแต่อาคารสองชั้นสถาปัตยกรรมโบราณ มีไฟมีน้ำ ไม่มีสวน ไม่มีสระว่ายน้ำ ไม่มีลานโบว์ลิ่ง ไม่มีรถคันที่ร้อย..งั้นที่หมอนั่นบอกว่าตัวเองมีฮาเร็มคงโกหกแหงแซะ

   เดินตามองค์รักษ์หนุ่มหน้าเหี้ยมเข้าไปเงียบๆ คาวัลโลมองเห็นท่านชีคที่เขากำลังนินทา นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานขนาดหรู กำลังสั่งการอะไรไม่รู้ผ่านแลปทอปเป็นภาษาอารบิครัวเร็ว..นี่เป็นอีกครั้งที่คาวัลโลเตือนตัวเองว่าเขาควรจะหาครูสอนภาษาอาหรับให้ตัวเองได้แล้ว..

   นัยน์ตาสีน้ำทะเลกวาดมองรอบห้อง คาดว่าน่าจะเป็นห้องทำงาน การตกแต่งในนี้ดีกว่าภายนอกอย่างมาก ถึงจะไม่ได้ปุพรมกำมะหยี่หรือพรมหนังสือดาว แต่พรมถักนุ่มเท้าก็พออนุโลมได้ ภายในห้องมีหลอดไฟในโคมเล็กๆส่องสว่าง ไปทั่ว ภาพวาดสวยๆที่เขาอยากเห็นก็แขวนไว้สองสามอัน มีชุดรับแขกอันประกอบด้วยโต๊ะและเก้าอี้สามสี่ตัว มีโทรศัพท์ และเครื่องปรับอากาศที่ครางหึ่งๆ..ทำให้อากาศเย็นสบายกว่าข้างนอกเป็นอย่างมาก..

   คาวัลโลหันไปมองชีคหนุ่ม ใยหน้าเคร่งขรึมมาดแมนสมชายอาหรับที่เขาอิจฉานั้นเงยหน้ามามองเข้าแว้บเดียวแล้วหันไปคุยอะไรเป็นภาษาบ้านเกิดต่อ คาวัลโลหน้านิ่ว และเริ่มมองสำรวจไปทั่วห้องอีกครั้งหนึ่งอย่างเหนื่อยหน่าย..

   กวาดมองอีกรอบนึงเขาถึงรู้สึกเบื่อขึ้นมา คาวัลโลหันมามองหน้าอัลชาอ์อีกครั้งก่อนจะกอดอกจ้องด้วยท่าทีเอาเรื่อง..

   “..เรียกผมมาแล้วทำไมไม่คุย..ถ้างานยังไม่เสร็จก็ยังไม่ต้องลากผมมาสิ..”

      คนฟังชะงัก เลิกคิ้วเข้มข้างหนึ่งขึ้นช้าๆ คาวัลโลอดหงุดหงิดไม่ได้ที่ตัวเองเห็นว่ามันทำให้ใบหน้านิ่งๆนั้นดูดีขึ้นอีกโข ทว่าท่านชีคอัลชาอ์ยังคงไม่ปิดแลปทอป..ยังคงสั่งการต่ออย่างไม่ระหยี่

   “...คนเป็นลูกจ้างควรจะมีความอดทนรอคอย..คุณว่าไหม?..” น้ำเสียงนั้นราบเรียบ แต่ทำให้คนฟังกระตุกคิ้วถี่ยิบ..อัลชาอ์ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะตัดสินใจเดินไปยังโต๊ะรับแขก

   “...ผมคิดว่ายังไม่ได้เชิญให้คุณนั่ง..”

   “ ผมคิดว่า..ต่อให้เป็นเจ้านายก็ไม่มีสิทธิ์ละเมิดสิทธิ์ในการพักผ่อนของลูกน้องนะ..” คาวัลโลตอบกลับ สีหน้าไม่ระหยี่ “ ในเมื่อคุณยังสั่งงานอยู่ ผมก็ควรจะหาที่นั่งสิ..”

   “..หึ....ท่าทางแบบนี้..สมกับเป็นพวกมาเฟียดีจริงๆนะว่าไหม ..”ประโยคนั้นทำให้คาวัลโลชะงัก..หรี่คาลงน้อยๆ

   “..คุณตรวจสอบประวัติผม..”

  “...ใช่..มิสเตอร์คาวัลโล เตอเกียเร่..วาลกัส....ผมไม่ยักรู้นะ ว่าบอสคนต่อไปของตระกูลนี้มีความสนใจเป็นพิเศษต่อ”หัว”ของคู่ค้า..”อัลชาอ์เอ่ยช้าๆ..พลางผายมือไปที่โต๊ะรับแข็งซึ่งคาวัลโลยังไม่ได้นั่งลง “ เชิญนั่งเลยครับ..ผมว่าคราวนี้เราคงมีเรื่องคุยกันยาว..”

   “ แน่นอน..”คาวัลโลยักไหล่ และนั่งลงบนเก้าอี้ทันที สีหน้าไม่ได้หวั่นวิตก “ เพราะผมก็ไม่คิด..ว่าอุตส่าห์ใบ้ไปซะขนาดนั้นแล้วจะไม่มีใครตามจนรู้ว่าที่จริงแล้วผมเป็นใคร..ถ้าบอกไปแล้วยังไม่รู้ว่าผมเป็นใคร..ไอ้หมอนั่นก็ไม่ควรจะมาร่วมมือด้วยหรอก...ว่าไหม?..”

   “..พูดเหมือนกับว่า...เรารู้ว่าคุณคือใคร แล้วคุณจะไม่เสียหาย ต่อให้คุณเป็นมาเฟียตระกูลดัง มีทรัพย์สมบัติและกำลังคนอยู่ในมือแค่ไหน..ผมก็ใช่จะปล่อยคุณไป..เมื่อคุณทำแบบนี้..” อัลชาอ์เดินออกจากโต๊ะทำงาน ก้าวเท้ามาประจัญร่างของชายหนุ่มเลือดอิตาเลี่ยนเบื้องหน้า รอยยิ้มในหน้าของชายหนุ่มวัยรุ่นที่แทบไม่น่าเชื่อว่ามีตำแหน่งในอนาคตเป็นถึงบอสตระกูลมาเฟียชื่อดัง ยังคงปรากฏอยู่ แม้มันจะไม่รวมถึง..รอยยิ้มซึ่งไม่ปรากฏในแววตาที่ชาเฉยนั้นก็ตาม..

  “ นั่นก็ช่ายยยยย...” คาวัลโลยากเสียงยาว อย่างไม่นึกสำเหนียกตัวเองว่ากำลังกวนประสาทผู้ที่กุมชะตาชีวิตตัวเขาอยู่ นัยน์ตาสีฟ้าอมเขียวอย่างท้องทะเลแถบมิเดเตอเรเนียนยังคงจับจ้องใบหน้าหล่อคมชนิดบาดตาคนเห็นและชวนให้ผู้ชายด้วยกันอยากจะเอาปืนมาลั่นกระสุนใส่หน้าผากให้หมดคู่แข่งของท่านชีคผู้ยิ่งใหญ่แห่งเซเนียยา ประเทศที่เขากำลังเหยียบอยู่นี้..

   “..แต่ถ้าคุณใจเย็น..และฉลาดพอที่จะไม่เป่ากบาลผมหรือลากไปทรมารเหมือนเมื่อวาน...”ว่าแล้วก็แบะปากลงเมื่อนึกถึงสภาพไอ้แก่โง่ๆที่กลายเป็นเศษเนื้อไปแล้วเมื่อเช้านี้ “..ก็น่าจะมีใจคิดไตร่ตรองหาเหตุผลซะหน่อย ว่าทำไม..และเพราะอะไร ..รวมถึงความไม่สมเหตุสมผลทั้งปวงที่ทำให้ผมมาอยู่ตรงนี้ พยายามลั่นกระสุนให้ทะลุพระเศียรงามๆของคุณเมื่อคืนวาน...นั่นมันคงโอเคกว่าจะเป่ากบาลผมเสร็จแล้วแจ้งไปทางครอบครัวผมให้เกิดเรื่องใช่ไหม?..”

   “..........” อัลชาอ์ไม่เอ่ยตอบอะไรนอกจากจะลุกพรวดและผินกายไปทางอื่น ไม่อยากให้ไอ้นักโทษเวรตะไลคนนี้เห็นว่ามันกำลังทำเขาปวดหัวชนิดอยากฆ่ามันให้ตายซะร้อยรอบ..

   
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [2+3] UP !! 2/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 14-10-2010 23:05:23

   “...งั้นผมว่าเราเข้าเรื่องกันดีกว่า...” คาวัลโลรีบเสนอเมื่อเห็นว่าเขาอาจจะยั่วโมโหจนเส้นประสาทมิสเตอร์อัลชาอ์ใกล้จะแตก..ซึ่งนั่นไม่เป็นผลดีกับเขาอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะทางไหน..

   “...มีอะไรจะแก้ตัว..ว่ามา...เพราะถ้าขื่นโยกโย้ต่อไป ผมไม่รับประกันว่าจะเดินไปเรียกองค์รักษ์สักคนมาเป่าหัวว่าที่บอสมาเฟียคนนี้ให้สมองกระจุย !! “ อัลชาอ์ตะคอกใส่คนพูดอย่างหมดความอดทน ก่อนจะโยนเอกสารใส่หน้าหนุ่มอิตาเลี่ยนแรงๆ

   “..หืม.....อ้อ....เรื่องที่คุณไปสืบเกี่ยวกับผม..”คาวัลโลหยิบรูปถ่ายและรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับตัวเขา ซึ่งมันเป็นภาษาอาหรับ..อยากจะท้วงว่ารูปถ่ายไอ้พี่เวรมันดูดีเกินไป..แต่ก็หุบปากไว้ทันเพราะเกรงว่าท่านชีคผู้ยิ่งใหญ่ตรงหน้าอาจจะบรรลุโทสะถึงขั้นถ้าเขาไปกวนใจเข้า...

   “...ประเด็นแรก...ว่าด้วยการมาที่นี่ของผม..” คาวัลโลเอนตัวลงกับพนักพิง ไขว้ขาซ้ายทับขาขวาอย่างชำนาญ มือทั้งสองข้างสอดประสานกันอยู่บนหน้าขา...แม้จะอยู่ในสภาพหน้าโทรมหัวยุ่งเสื้อผ้าผิดลักษณะ แต่คนมองก็ยังเห็นถึงรัศมีแห่งความองอาจและเป็นผู้นำ..รวมทั้งรอยยิ้มการค้าอันแสนจะจอมปลอมที่มอบให้ตนทุกๆสามนาทีอีกด้วย..

  “..เหตุผล...” อัลชาอ์ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง และยอมนั่งสนทนาอย่างเป็นการเป็นงานกับเจ้าตัวกวนประสาทที่คราวนี้พอจะพุดจารู้เรื่องกับเขา..

   “..เส้นทางขนอาวุธ...” คาวัลโลหรี่ตาลงช้าๆเมื่อนึกถึงรายละเอียดต่างๆที่ได้ฟังมาจาก สเตฟาโน่ เลขาคนสนิทของผู้เป็นลุง “ .. จากโอมาน..กับUAE มันต้องผ่านประเทศของคุณ..ผมไม่ทราบหรอกนะ ว่าที่นี่มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จะเป็นกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน..ปัญหาเรื่องศาสนา..การก่อการร้าย หรืออะไรก็แล้วเถอะแต่... ทว่า..สิ่งที่ผมทราบแน่ชัด..คือ เมื่อมีลูกค้ารายใดสั่งอาวุธกับทางเรา..ซึ่งในที่นี้เหมือนว่าคุณจะเป็นคู่ค้าของวาลกัสด้วยใช่ไหม?..”

  “ .........”อัลชาอ์พยักหน้าช้าๆแทนคำตอบ นัยน์ตาจับจ้องชายหนุ่มผู้กำลังอธิบายที่มาที่ไปของเรื่องราวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง..

   “..การขนอาวุธแต่ละครั้ง..ใช้จ่ายเงินทุนไม่น้อย ทั้งต้องจ้างกองกำลังคุ้มกัน ต้องแจ้งเรื่องกับทางผู้ปกครองระดับสูงของประเทศนั้นประเทศนี้..แถมต้องจ่ายใต้โต๊ะกันอุตลุด..เพราะอย่างนั้นการที่เราขนอาวุธมาแล้วโดนปล้นเป็นประจำนี่...คาดว่าคงไม่คุ้ม โดยเฉพาะเมื่อเกิดกับการขนถ่ายอาวุธที่ประเทศของคุณพอดีด้วย...โอเค...คุณพอจะเห็นถึงปัญหารึยัง?..” คาวัลโลเอ่ยถาม ก่อนจะยิ้มออกมาชืดๆ “และถือว่าเป็นความผิดพลาด...อันไม่น่าจดจำเลยของผม..เมื่อทางวาลกัสเราตกลงกันว่าคราวนี้จะส่งคนมากำจัด ไอ้กลุ่มที่ชอบมาปล้นเราให้หมดๆไปเสียที..แต่ข้อมูล..พิกัด..หรืออะไรต่างๆที่ผิดพลาด..นั่นทำให้ผม..โจมตีคุณ..แทนที่จะเป็นไอ้พวกกองโจรหัวเหม็นพวกนั้น..”

   “..จะบอกว่าพลาด..?” อัลชาอ์ถาม..ยิ้มออกมาอย่างไม่เห็นขัน..

   “..ผมก็อยากจะคิดแบบนั้นอยู่หรอกนะ..แต่...ผมเป็นพวกไม่ยอมรับความผิดพลาดแบบนี้ว่ะ..บอกตามตรง..ว่าผม คิดว่าคงมีเกลือเป็นหนอน..” คาวัลโลหน้านิ่วอย่างไม่พอใจนักเมื่อคิดถึงเรื่องนี้.. “ ถ้าคุณไม่ทราบละก็...อีกห้าเดือนครึ่ง..ผมจะเข้ารับตำแหน่งบอสของวาสกัสอย่างเป็นทางการ ซึ่งนั่น...อาจจะทำให้มีคนไม่พอใจผมจนคิดจำจัด..”

   “...โอเค...ผมเข้าใจแล้ว..” อัลชาอ์ยิ้มพลางยกมือสองข้างขึ้นอย่างประชดประชัน พร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก “ จะบอกว่าเพราะมีคนทรยศ..คุณเลยโจมตีขบวนของผม..แทนที่ขบวนกลุ่มก่อการร้าย ไอ้พวกลักอาวุธที่คุณว่า....แต่ขอโทษนะ..ถึงสาเหตุมันจะมาจากอะไร ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวข้อง..กับความสัมพันธ์ของผมและคุณในฐานะผู้ถูกลอบสังหาร กับผู้พยายามจะสังหารอยู่ดี..”

   “....ใจแคบเกินไปแล้ว...ท่านชีคครับ..” คาวัลโลหัวเราะหึหึ จ้องมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเริ่มไม่สบอารมณ์”ผมพอจะเข้าใจที่ว่าคุณเคืองผม...แต่มันเรื่องอะไร...ที่เราจะต้องมาวิวาทกันเรื่องไร้สาระพวกนี้ คนเป็นใหญ่น่ะต้องใจกว้าง..ไม่รู้ว่าคุณเคยได้ยินรึเปล่า..แต่ถ้าจะเคืองกันเพราะไอ้ความผิดพลาดนี่..มันไม่น่าพิศมัยเลยนะ..ว่าไหม?...”

   “..โอ..เป็นอย่างนั้นเหรอ?..” อัลชาอ์ยิ้มมุมปาก สบตาอีกฝ่าย “...ผมว่าเพราะเหตุนี้ล่ะ..ทำให้ผมรู้ ว่าประสิทธิภาพในการทำงานของพวกคุณอยู่ในระดับไหน..แล้วอย่างนี้สู้ผมไปคบค้า...กับตระกูลอื่นไม่ดีกว่ารึ?”

  “........” ไอ้เวรเอ๊ย...คาวัลโลหัวเราะรับหึหึ ทว่ามือที่กุมกันอยู่กระชับแน่นนึกเคืองขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน..จะบอกว่าพวกเขามันไร้น้ำยาเรอะ..คอยดูเถอะ..ถ้าแกไปคบค้ากับพวกตระกูลอื่น พ่อจะส่งอาวุธไปบรรณาการไอ้ท่านอาเหม็ดให้มาถล่มวังโสโครกของแกซะยับ..

  “..ถ้าคิดแบบนั้น ผมก็คงไม่มีอะไรจะมาทักท้วง..แต่ว่า...ผมคาดว่าตระกูลอื่นที่คุณเอ่ยถึงคงจะไม่ทราบถึง ต้นตนของพวกก่อความไม่สงบในประเทศของคุณละมั้ง..หรือคิดว่ายังไงครับ...”

  “....ยังมีเรื่องโกหกอะไรจะบอกผมอีกงั้นเหรอ?..”

   “.......” คาวัลโลมุมปากกระตุกถี่ยิบ นัยน์ตามองจ้องสบตาของท่านชีคผู้องอาจ ที่เขาบอกกับตัวเองไว้ ว่ามันกวนประสาทตนเองได้น่าสั่งเก็บพอๆกัน นี่ถ้าไม่ใช่เพราะยังไงๆตัวเองก็อยู่ในฐานะเสียเปรียบเต็มประตู จ้างให้เขาก็ไม่คิดจะมานั่งเจรจาต่อรองกับท่านชีคงี่เง่าพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้หรอก..

  “...ไม่รู้จะเป็นเรื่องโกหกรึเปล่า...แต่ว่า...คุณจำนักโทษเมื่อวานได้ไหม..ไม่รู้ว่าคุณมีเทคนิคในการสอบปากคำยังไง...โอ้..บางทีอาจจะบอกว่ารสนิยมพิลึกก็ยังได้..” ชายหนุ่มยักไหล่เมื่อนึกถึงสภาพของเศษเนื้อที่เคยถูกเขาล้วงข้อมูลมาเสียหมดเปลือก “..แต่ว่า...ผมคิดว่าตัวเองที่อยู่กับไอ้หมอนั่น ทนดมกลิ่นเนื้อเน่าๆเหม็นๆไปไม่กี่ชั่วโมง กลับได้ข้อมูลที่น่าสนใจกว่าที่คิดเสียอีก..”

     “.........”

    “ ข้อหนึ่ง...คนของใกล้ชิดคุณ...กำลังทรยศ”.คาวัลโลเอ่ยพร้อมกับยิ้มน้อยๆ “ ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นการบังเอิญจนเกินไปที่ผมไปโจมตีคุณ..ผมก็คิดแบบนั้น และคาดว่านี่คงไม่ใช่เพราะพรหมลิขิตอะไรแบบในนิยายรักหวานแหวว..แต่เป็นความตั้งใจต่างหาก...ลองคิดดูนะครับ...ท่านชีค....”

   อัลชาอ์หรี่สายตาลงช้าๆ ถึงจะโกรธเคืองและอารมณ์ขุ่นมัวเพราะคำพูดของบุรุษตรงหน้าจนไม่อยากจะฟังอะไรนอกจากให้คนของเขาลากคอมันไปยิงเป้าหรือถลกหนังหัวทิ้งไว้กลางทะเลทราย แต่ถึงกระนั้น ยังอดยอมรับไม่ได้ถึงพลังในคำพูดของว่าที่บอสมาเฟียคนนี้...ทั้งข้อสันนิฐาน ทั้งการอนุมานและวาทศิลป์ที่สามารถพลิกลิ้นให้ฝ่ายตนเองขึ้นมาได้เปรียบ ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นสักนิด ทำได้กระทั่งการจับเอาข้อมูลมามั่วให้เขานึกสนใจ และมันก็เผลอตรงกับความจริง หลอกให้เขาไว้ชีวิตเจ้าตัวอย่างไม่น่าเชื่อ

    ชีคหนุ่มสูดหายลึก มองเสี้ยวหน้าแบบตะวันตกที่ประกอบไปด้วยเส้นผมสีน้ำตาลอัลมอนด์..โครงหน้าเรียว จมูกโด่งสันชัดเจน และดวงตาสีน้ำทะเล กับริมฝีปากประดับรอยยิ้ม..เด็กหนุ่มตรงหน้านั้นเหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัยมากกว่าว่าที่บอสมาเฟียเสียอีก พิจารณาอีกฝ่ายแล้วได้แต่หงุดหงิดอารมณ์เสีย แทบไม่ต้องพูดอะไรก็รุ้อยู่แล้ว..ว่าเขาฆ่าเจ้าหมอนี่ไม่ได้ พอๆกับที่มันเอาเรื่องเขาไม่ได้นั่นแหละ !!

  “..คนทรยศของคุณส่งข่าวให้กับคนทรยศในกลุ่มของผม ร่วมมือกัน จับมือกับ..มิสเตอร์..อะไรซักอย่างที่กระหายอยากจะบริหารประเทศนี้เสียเหลือเกิน..คนทรยศฝั่งผมก็คงจะได้กำจัดเสี้ยนหนามตัวเบ้อเร่อแบบผม” คาวัลโลลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินวนรอบกายกำยำของชีคหนุ่มพลางออกปากอธิบาย

    ” ส่วนฝั่งคุณก็คงไม่ต้องบอก...แผนการ์ณก็ง่ายๆ ให้ผมที่รับงานนี้ได้แผนที่ พิกัด และที่อยู่ของคุณไป ผมที่ต่อสู้โดยไม่รู้อะไรอาจจะถูกจับตาย..สูญหายไปในทะเลทราย..หรือถ้าผมทำสำเร็จ เป่าขมองคุณได้ ประเทศของคุณก็จะมีชีคคนใหม่..กระทั่งถ้าผมหรือคุณถูกอีกฝ่ายจับตัว ก็จะทำให้ความสัมพันธ์ในฐานะคู่ค้าของเราร้าวฉาน...เห็นไหม...ง่ายๆแต่แทบไม่ต้องเสียอะไรเลย..”

   “.....แต่มันจะไม่ง่าย..หากคุณกับผมจะไม่ยอมเล่นตามเกมส์ของพวกมัน..” อัลชาอ์มองสบตาคนพูดพลางก้มลงหยิบเอกสารที่เขาปาใส่อีกฝ่ายเมื่อครู่ “ ถ้ามันอยากให้ผมกับคุณ..หรือตระกูลวาลกัสกับประเทศเซเนียยามีเรื่องบาดหมาง...หนึ่ง...หากผมฆ่าคุณ วาลกัสรู้ข่าว ความสัมพันธ์ของผมกับทางคุณก็จบ.. สอง หากคุณฆ่าผม..แม้จะเป็นไปไม่ได้ แต่จะเกิดเรื่องอะไรต่อมาก็น่าจะรุ้กันดี หรือสาม ที่มันเป็นอยู่ในขณะนี้ ผมและคุณต่างก็รอด เราอาจจะตกลงกันได้ และจากกันไปด้วยดี แต่ว่าผมก็จะไม่สั่งอาวุธกับวาลกัส ซึ่งนั่นมันก็เข้าทางกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอีก...นั่นใช่ไหมที่คุณจะสื่อ..มิสเตอร์วาลกัส..”

   “....โอ...ใช่.... ดี...เข้าใจอะไรง่ายเหมือนกันนี่ครับ..” คาวัลโลพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน ก่อนจะเอื้อมมือจิ้มเข้าที่แผ่นอกหน้าทันที “ เพราะอย่างนั้น..ผมจึงอยากทำความตกลงง่ายๆกับคุณ..เพราะผมไม่ขำเลยที่ถูกหักทั้งหน้าทั้งหลังจนกระดูกร้าวแบบนี้...แน่นอนว่าคุณคงไม่ต้องการได้เรื่องปวดหัวเพิ่ม..อย่างการมาวิวาทกับตระกูลมาเฟีย...เพราะงั้น....ให้ผมอยู่ที่นี่และช่วยทำเป็นรู้ไม่ชี้เพื่อเปิดทางให้ผมสืบเรื่องพวกนี้อย่างสะดวกๆหน่อยได้ไหมครับ !! “

หมับ...

   ฝ่ามือหนาคว้าเอาปลายนิ้วที่จิ้มลงบนแผ่นอกตัวเองแรงๆ คาวัลโลพยายามดึงออก แต่อีกฝ่ายไม่สนใจจะปล่อย ซ้ำยังจับจ้องมาที่เขาเขม็ง..

  “...เฮ้.....”

   “.รู้อะไรไหม..ว่าต่อให้เป็นพระเจ้าของคุณ ก็ไม่มีสิทธิมาออกคำสั่งกับผมแบบนี้..” อัลชาอ์เอ่ยเสียงเรียบ มือหนาบีบปลายนิ้วเรียวยาวแน่น พร้อมทั้งคว้าเอามืออีกฝ่ายมากำแน่น “ หรือคุณไม่เคยเรียนรู้..ว่าอย่าขัดใจคนที่มีอำนาจ..”

   “...ใครว่าผมไม่รู้ เพราะผมก็ใช่จะไร้อำนาจ !! “ คาวัลโลเอ่ยเสียงเย็น พยายามสะบัดมืออกจากการเกาะกุมและบีบแน่น แต่เป็นไปได้ยาก อีกทั้งเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าตอนนี้อัลชาอ์กำลังโกรธเขาอยู่..

    “..ไม่ใช่ที่นี้...ไม่ใช่ในนี้...” ริมฝีปากหนากระซิบแผ่วเบาข้างใบหูบาง “ คุณที่เป็นแค่”ว่าที่”...นั้นยังอ่อนหัดหลายๆเรื่อง..ไม่รู้กระทั่งว่าตัวเองตกอยู่ในแผนของศัตรู ไม่รู้กระทั่งว่าตนเองกำลังตกเป็นเหยื่อ...ถ้าหากคิดจะเติบโตและเป็นใหญ่...อย่าได้ประมาทแบบนี่เป็นอันขาด...ไม่อย่างนั้นอย่าหวังว่าจะมีครั้งที่สองสำหรับคุณ !! “

   “...งั้นครั้งนี้ ก็ปล่อยให้ผมแสดงฝีมือสิ..” ตาวัลโลจ้องสบตากับอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้ “..ถือว่าผมเป็นศิษย์รักมานั่งเรียนวิชาบริหารและปกครองก็แล้วกัน..จะให้ผมแบบนั้นใช่ไหมครับ.....ชีคครับ.....”

    ไร้คำตอบจากชีคหนุ่มที่ยืนทื่อ ขณะที่นัยน์ตาสีดำสนิทกำลังสบมองแววตาสีน้ำทะเลที่ยามนี้พราวระยับน่ามอง แววตาที่แม้จะรู้ว่ามันเสแสร้งและโกหกอยู่เต็มหัวใจนั้นยังฉายยั่วล้อ แพขนตาสีอ่อนหรุบต่ำลงและเปิดขึ้นช้าๆพลางเอ่ยเรียกชื่อตนเบาๆ...หวาน...เสียจนอัลชาอ์ต้องปล่อยมือขาวที่ตนบีบไว้แน่นทันควัน..

   “ ผมไม่อนุญาตให้คุณมาแสดงพฤติกรรมล้อเลียนผมน่ะ !! มิสเตอร์คาวัลโล !! “ ชีคหนุ่มปล่อยมืออีกฝ่ายทันควันราวกับต้องของร้อน ใบหน้าที่ไม่รู้ว่าจะแสดงอารมณ์ไหนดีระหว่างเคืองโกรธกับตกใจทำให้คนมองต้องเม้มปากแน่น พยายามข่มไม่ให้ตนเองหัวเราะออกมาสุดชีวิต ก่อนจะช้อนตามองอีกฝ่ายตาหวานอีกรอบ..

    “..ทำไมละครับ..ไหนว่าจะโยนผมเข้าไปในฮาเร็มของคุณด้วยไง..เห็นอย่างนี้ผมสเน่ห์แรงนะครับ..”การแลกระหว่างความหน้าบางของตัวเองกับอาการที่เรียกว่าแทบจะจิกทึ้งหนังหัวของตัวเองนั้นทำให้คาวัลโลอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิมนับสิบเท่า..ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อท่านชีคผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้กล้าขึ้นเสียงและกล้ามาตวาดใส่เขา ..รู้จักคาวัลโลน้อยไปซะแล้วละ..มิสเตอร์อัลชาอ์เอ๋ย

      “....อย่ามา....ล้อเลียนผม..” อัลชาอ์ครางเสียงต่ำอย่างไม่พอใจ แม้จะรู้ดีว่าที่อีกฝ่ายทำนั้นก็แค่เอาคืนเล็กๆน้อยๆจากการทะเลาะทุ่มเถียงกันเมื่อครู่...แต่อย่างไรก็ตาม การอยู่ใกล้กับชายหนุ่มที่มีฟีโรโมน..ไม่น้อยกว่าหญิงสาวอย่างชายตรงหน้านั้น..มันถือได้ว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง..

     “...หวา...ดุจังฮะ...” อาการเสแสร้งของอีกฝ่ายมันไม่แนบเนียนจนน่าหมั่นไส้..ชักทำให้ชีคหนุ่มอยากเอาปากกระบอกปืนตบกบาลอีกฝ่ายเรียกสติ...โชคดีที่อีกสองวินาทีต่อมาคาวัลโลก็เลิกทำหน้าตาตอแหลและกลับสู่โหมดปกติในที่สุด..

   “...คุณจะตกลงไหม?...เยสหรือโน....” คาวัลโลถามเข้าประเด็น

   “...ห้ามก้าวก่ายเรื่องหน่วยงานของผม อย่ามาวิพากษ์วิจารการบริหารประเทศ...และ....อย่าทำอะไรโดยพละการเป็นอันขาด..ถ้าก้าวข้ามเส้นแม้แต่นิดเดียว คุณจะได้ไปเซย์ฮัลโหลกับบรรพบุรุษในนรกแน่..” อัลชาอ์เดินตัวปลิงไปยังโต๊ะทำงาน หยิบเอกสารห้าหกฉบับมาไว้ในมือ “ระหว่างนี้ก็จงทำงานของคุณไปเงียบๆ..ถ้าสามเดือนไม่ผ่านก็เตรียมตัวแพ็คของกลับบ้านเก่าอีกเช่นกัน..”

   “...หวา...โหดจริงแฮะ....” เอกสารห้าหกปึกนั้นถุกโยนมาตรงหน้า คาวัลโลหยิบมาดูพลางทำหน้านิ่วกับความหนาของมัน “ หนากว่ารายงานสมัยมัธยมอีก...อ้อ...จริงสิ....อย่าแจ้งกับทางบ้านว่าผมอยู่ที่นี่..หรือยังมีชีวิตอยู่ ผมอยากสืบเงียบๆ..”

   “...แน่นอนอยู่แล้ว คิดว่าผมจะให้แขนขาคุณมันยาวยืดไปได้มากกว่านี้รึไง..” อัลชาอ์เอ่ยเสียงห้วน ยกปลายนิ้วคลึงขมับเบาๆพลางชี้ไม้ชี้มือไปยังกระดาษในมือคาวัลโล “เอาละ..คุณเลขา ช่วยทำงานในส่วนของตัวเองด้วย..ให้เรียบร้อยนะครับ...ภายในคืนนี้...”

   “...หา?....” คาวัลโลอ้าปากค้าง...มองเอกสารห้าหกปึกตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

  “...เฮ้...มันจะมากไปหน่อยไหม?..อย่างนี้ผมมีสิทธิฟ้องสหภาพแรงงานได้นะ..อัลชาอ์..เฮ้ !! ท่านชีคครับ มาใช้งานกันแบบนี้จริงๆสู้เอาผมไปนอนอ้าอยู่ในฮาเร็มคุณไม่ดีกว่าเรอะ...ถึงผมจะไม่คิดว่าวังซอมซ่อแบบนี้จะมีอะไรนอกจากคอกแกะก็เถอะ..”

      คาวัลโลโวยวายใส่คนตัวสูงที่เดินตัวปลิวออกไปจากห้องแล้ว หนุ่มอิตาเลี่ยนอยากจะกระชากหน้าหล่อๆนั่นมาแทบเท้าแล้วกระโดกระทืบๆๆๆให้เละคาเท้าเสียจริง..มองเอกสารในมือแล้วมองนาฬิกาแขวนผนังด้วยความหนักใจ คาวัลโลครางออกมาเบาๆเมื่อพบว่ากระเพาะของเขายังคงว่างเปล่าไร้สารอาหารมาเติมเต็มเช่นเดิม..

   “...เวรเอ๊ย...นี่พวกแกอยู่ในช่วงถือศีลอดหรือไงว่ะหา...ไม่จำเป็นต้องให้คริสต์ศาสนิกชนอย่างผมทำด้วยก็ได้น่ะโว้ย มันนอกรีต !! “

..............................................................
   กลับมาแล้วค่ะ แฮะๆ หายไปนาน พอดีช่วงนี้ยุ่งหัวหมุน วันนี้ตอนแรกจะกลับบ้าน แต่ติดเรื่องทุนเลยไม่ได้กลับ ชอกช้ำใจเลยมานั่งเขียนนิยายระบายอารมณ์(ห้าๆ)
ตอนนี้งงไหมค่ะ? มีรายละเอียดค่อนข้างมากค่ะ และก็ยาวด้วย  o18
   อาจจะสรุปง่ายๆคือ มิสเตอร์คาวัลโล หรือน้องคาวี่ของเราโดนคนในกลุ่มหักหลังดังเอ๋ง(ไม่ใช่ผลั่วเหรอ? o22) จนต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้ หลับจากตบตี..เอ๊ย...ตกลงกับอัลชาอ์เรียบร้อยแล้ว คาวี่ของเราเลยได้โอกาสในการยืดชีวิตตัวเองอีกสามเดือนค่ะ
    ตอนแรกไม่มีหรอก ฉากน้องคาวี่แกล้งพระเอก แต่ไม่รู้เป็นไงเขียนไปแล้วมันออกมาเอง...ก๊าก...แบบว่าหยอดวันละนิดจิตแจ่มใส ห้าๆ ส่วนคนที่บอกว่าชื่อจำยาก จำเป็นน้องคาวี่กับอัลชาอ์ก็พอแล้วเนอะ ตอนแรกๆอาจจะก่งก๊งไปบ้าง นานไปจะแม่นขึ้นเองฮับ
   น้องคาวี่น่าจับจูบจริงๆนะเออ ปากแบบนี้ทำเอาคนเขียนต้องสะกดอารมณ์ตัวเองไม่คว้ามาจูบเองหลายรอบและ อิอิ(โยกหัวหลบฝ่าตรีนปริศนา :z2:)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 14-10-2010 23:30:22
แปะๆๆ
------------
มาต่อแล้ววววววว  :mc4: นึกว่าไรท์เตอร์จะให้ค้างซะแร้นนนน
ดีใจๆ น้องคาวี่ของเรามีวิธีในการหาข่าวได้น่ารัก น่าเตะมากๆ
แต่ก็ได้ข่าวมาเยอะนะจ้ะ จริงมั๊ย

ความจริงแล้วอัลชาอ์เป็นคนที่ใจเย็นมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นะค่ะ
แต่คงสติแตกเวลาคุยกับคาวี่
สมควร - -llll ที่พี่ชายจะไม่สนใจ (ล้อเล่นนนนนนน)
อัลชาอ์เขาใจดีด้วยมากๆ แล้วนะค่ะนู๋ขา
อยากได้อะไรอีก ก็ไปโปรยรอยยิ้มหวานๆ ปลดกระดุมเสื้อออกซักสามเม็ด
รับรอง . . .  โดนลากเข้าฮาเร็มสมใจแม่ยกแน่

ขอให้ความสัมพันธ์ขงพระเอกนายเอกรุดหน้าเร็วๆๆ ด้วยเถิดดดดดดดดด
ช้าแบบแบดกายคนอ่านก็ท้อใจนะเออ TAT

อยากรู้ว่ามาเฟียกับชีคสุดหล่อใครจะมีวิธีทรมานนักโทษได้โหดกว่ากัน . . .

ไรท์เตอร์สู้ๆ ค่ะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 15-10-2010 00:31:19
ขอให้สามเดือนนี้คุณพระเอกของเราจะไม่เส้นเลือดในสมองระเบิดตู้มกลายเป็นโกโก้ครั้นซ์
หรือเอาปืนมาเป่าขมองนายเอกของเราทิ้งซะหรอกนะ  :try2:

คาวัลโลนี่แสบได้โล่จริงๆ ฝีปากช่างน่าลักไปฆ่ายิ่งนัก
ขอปรบมือให้แก่อัลชาอ์เลยที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ขนาดนี้  :m4:

อยากให้ความสัมพันธ์คู่นี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วจริงๆนะ
แต่ถ้าจะหวังให้ชัดเจนนี่น่าจะเป็นไปได้ยากสินะคะ
ฟีลลิ่งมาเฟียทะเลทรายขนาดนี้ จะรักกันสวีทหวานจ๋อยก็คงไม่ใช่
รอดูฉากอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ (โหดๆ) น่าจะหวังได้มากกว่า *ฮา*

เอาวะ ! อย่างน้อยท่านชีคก็โดนฟีโรโมนคาวี่ไปเต็มๆแล้วนี่ อีกไม่นานคงได้เข้าไปอยู่ในฮาเร็มสมใจอยากแน่หนุ่มน้อยเอ๋ย

 :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: zombiepe ที่ 15-10-2010 00:38:43
ในที่สุดก็มา T^T
ยิ่งอ่านยิ่งชอบคาวี่ ชอบคนแบบนี้ดีค่ะ
สบายๆ ปากร้าย ดูท่าท่านชีคของเราจะต้องเหนื่อยไปอีกนานนะ 55
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 15-10-2010 01:49:44
เย้ๆๆมาต่อซักที
ชีค๋าวันหลังไม่ต้องไประงับอารมณ์กะน้องคาวี่มันหรอกนะ จับกดเล้ย ก๊ากกกกกก :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 15-10-2010 02:40:18
โหยยย


ท่านชีคเราอ่ะ  คาวี่จังอุตสาห์เสนอตัวขนาดนั้นแล้วน๊า  :z3:


ติดตามๆ :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 15-10-2010 08:51:05
มาต่อแล้ววววววววววววววววววววววววว
น้องคาวี่น่ารักจิงๆ ฮิๆ
อ่านแล้วก้ยังสงสัย ไอ่ 2 คนนี้มันจะเอาเวลาที่ไหนไปรักกัน
ปากแบบน้องคาวี่นี่ สงสัยต้องมีซักวันที่จะโดนท่านชีคสั่งสอน
หวังก้แต่อย่าเพิ่งโดนเป่าซะกระจุยซะก่อนนะน้องคาวี่~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 15-10-2010 09:15:43
น้องคาวี่ปากคอเราะร้ายจริงนะ

ตอนที่จับมือนึกว่าจะโดนกระชากมาจูจุ๊บซะแล้ว อุตส่าห์แอบลุ้น  :เฮ้อ:


แต่ที่แน่ ๆ ท่านชีคโดนฟีโรโมนของน้องคาวี่เล่นงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 15-10-2010 14:32:09
นายเอกของเรา ร้ายจริงๆ
ล้วงความลับเก่งพอๆกับกวนประสาทเลย
มาทำงานด้วยกันแบบนี้สงสารพ่อชีคจริงๆ
จะเส้นเลือดในสมองแตกก่อนวัยอันควรไหมเนี่ย
คาวี่ยั่วๆบ่อยเลย คนอ่านชอบ :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 15-10-2010 16:47:17
wirter น่ารักได้โล่จริงๆว่าจะถามตั้งแต่แรกและละ
ฉากทรมานนักโทษแบบหยดหยองนี่ wirter ได้ไอเดียมาจากไหนเหรอคะ
มันอึ๋ย~มากๆเลยจ๊ะ ช่วงนี้ยิ่งมีแต่หนังซอมบี้เลือดสาด กัด แหลก แหวก ทะลุ ออกมาอยู่ด้วย
หลอนนักแล ชะเอิงเอย~ (>.<")
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 16-10-2010 10:11:15
หนุกจัง :m4: ช่างยั่วจริงๆเลยนะ คาวัลโล
+1 จ๊ะ มาต่อเร็วๆนะจ๊ะ :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 16-10-2010 14:47:12
เย้ๆ มาต่อแล้วๆ คาวัลโลนี่ก็น่ารัก น่าถีบคงเส้นคงวาเหมือนเดิม 555
พออ่านๆไปแล้วก็สงสัย ว่าน้องคากับท่านชีคของเราจะสปาร์คกันยังไง เอ๊ะ!หรือสปาร์คกันไปเรียบร้อยแล้วนะ อิอิ

+1 เป็นขวัญและกำลังใจให้ไรท์เตอร์จ้าาาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: ☥ŹeMî☠kändä☥ ที่ 16-10-2010 22:04:25
ยังคงชิงไหวชิงพริบกันได้ดีดังเดิมขอรับ

รอตอนต่อไปนะขอรับ

สนุกดี  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 17-10-2010 01:23:24

.. .

ไม่อยากบอกว่าอ่านซ้ำสองรอบ เอิ๊กกก ก
มันอ่านแล้วมันเพลินอ่ะค่ะ ใจความไม่ค่อยได้จับเลย เอิ๊กกกก

หนูคาวัลโลจ้ะ อยากไปฮาเร็มขนาดนั้น เดี้ยยย ได้ไปสมใจ ฮ่าๆๆ
ท่านชีคยิ่งหวั่นไหวกับฟีโรโมนของเธออยู่นะจ้ะ หุหุหุ
แต่ปากอย่างงี้มันก็น่าตบ ...ด้วยปากอยู่อ่ะนะ ฮ่าๆ ๆ ท่านชีคจัดไปอย่าให้เสียเลยจ้ะ

ไรเตอร์ขาาาา
มาอัพไวๆๆๆน้าาา เค้าชอบมากมายอ่าส์
รออยู่นะจ้ะ จุบุๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 17-10-2010 12:51:27
มารออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 17-10-2010 13:20:23
ตามมาค่า
ชอบๆ แนวแบบนี้ ชิงไหวชิงพริบดี
นายเอกเราเป็นคนเก่งมาก ไม่งั้นไม่น่ารอดออกมากวนขนาดนี้ได้
นี่แค่เริ่มชิมิ มาเฟียอิตาลี 555+
ท่านชีคอดทนหน่อยนะคะ ระวังเส้นเลือดในสมองแตกเอานะ
น่าหมั่นไส้นักก็กดๆ ไปซะ แอร๊ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: som~ ที่ 17-10-2010 14:47:20
เพิ่งมาอ่านค่ะ     ทำไม่ชีคไม่เอาหนูคาวัลโลไปฮาเร็มละ                :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 17-10-2010 18:46:32
หนูคาวี่จะถูกโยนเข้าฮาเร็มเมื่อใดนั้นมานั่งลุ้นด้วยคน กร๊าก~ (>_<-)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 17-10-2010 19:58:45
เป็นคู่ที่ :impress3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 17-10-2010 21:15:28
อ่านแล้วดึงดูดใจมาก ชีคกับมาเฟีย แรงทั้งคู่แน่นอน น่าติดตาม
แต่นายเอกเรื่องนี้สุดยอดกวนได้ใจมาก พระเอกก็ถือว่ามีความอดทน
อย่างสูงนะ แต่โกรธมาก ๆ เมื่อไรจับเข้าฮาเร็มไปเลย เผื่อจะได้ลด
ความซ่าลงได้บ้าง อิ อิ  :pighaun:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 18-10-2010 13:34:24
^
^
^
กร๊าก~ รอดูอยู่เหมือนกันค่า ว่าแต่คาวี่จะได้กินเมื่อไหร่ละนั่น ฮ่าๆๆ (^_^=)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 19-10-2010 06:17:35
คาวี่ ถ้าเป็นคนอื่นคงโดนประกบจูบไปแล้วสินะ 555
เอาผมไปอยู่ในฮาเร็มคุณเถอะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 19-10-2010 13:52:44
ยั่วได้อีก หุหุ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 19-10-2010 15:38:08
หายไปนายเชียวครับเย้ๆๆมาต่อแล้ว


แหมใช้เล่ห์เหลี่ยมกันพอตัวเชียว



คาวัลโลเนี่ยฝีปากเยี่ยมจริงๆ


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 19-10-2010 21:22:35
เรื่องนี้น่าหนุดีแฮะ เป็นความแตกต่างที่เหมือนจะลงตัว

น่าจะจับคาวัลโลไปไว้ในฮาเรมซ่ะ

อยากเห็นมาเฟียในคราบ........ :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 20-10-2010 11:30:32

Line : 5

    โรงแรม แกรนด์ฮิลตัน UAE ห้อง 1454

  ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มเชื้อสายอิตาเลียนยืนวนเวียนกระส่ายกระสับอยู่ภายในห้องสูทสุดหรู วิวสวยยามค่ำคืนของแดนสวรรค์บนดินอย่างอาหรับเอมิเรตส์ ไม่ได้ทำให้อารมณ์ร้อนรนวุ่นวายลดลงสักนิด ใบหน้าที่ฉายแววยุ่งยากนั้นทำให้ลูกน้องที่ยืนอยู่ในห้องได้แต่มองตามกันเลิ่กลั่ก...

   “โอย....ให้ตาย....ไม่ได้อยากจะด่านะ..แต่โทษทีเถอะ..สเตฟาโน่....ไอ้น้องเวรนั่นมันหายหัวไปไหน !! “      อเล็กเซย์ จิโอวานนี่ วาลกัส ลูกชายคนรองของตระกูลวาลกัส และชายหนุ่มผู้โดนน้องชายในใส้โยนปัญหาใส่โครมใหญ่ยืนกระส่ายกระสับ ร่างในชุดสูทสีเทาสุดหรูของอาร์มานี่ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ พลางใช้สายตาเข้มๆจ้องมองไปยังผู้ที่เป็นลูกน้องคนสนิทของเฟเดริโก้ วาลกัส ท่านลุงของเขา ที่ตามมาช่วยดูแลคาวัลโล...ไอ้น้องเวรที่เสร่อเอากำลังคนไปวิวาทกับชาวบ้านแล้วหายหัวไป..

    “...ผมไปดูที่จุดเกิดเหตุ..คือ...” สเตฟาโน่มองร่างสูงเพรียวของพี่ชายคนรองของตระกูลวาสกัสที่กำลังหงุดหงิดตกใจอย่างเหลือแสน เขาก็พอเข้าใจอยู่ว่าอีกฝ่ายจะตกใจแค่ไหน ที่พอไปเจรจาธุรกิจ”อื่น” เสร็จสิ้น กลับต้องมาพบว่าน้องชายตัวเองหายไป

    “...ผมไม่สนใจหรอกนะ สเตฟาโน่ ว่าคาวัลโลมันจะเอาคนไปรบรากับใครที่ไหน เรื่องนั้นมันก็ธุรกิจของคุณลุง..ผมไม่ยุ่งเกี่ยวและไม่แสดงความคิดเห็น..แต่...แต่ว่า...การที่คาลมันมาพร้อมผมแล้วมันหายตัวไป...” อเล็กเซย์สอดนิ้วเข้าไปในเส้นผมสีทองหยักสลวยของตนเองแล้วทึ้งมันเบาๆอย่างสิ้นหวัง..ก่อนจะเบิกตาสีฟ้าสวยขึ้นอย่างสติแตก “ ไม่คิดบ้างรึไงว่าผมจะโดนแม่เล่นงานนะ !!  ไม่อยากจะพูดนะว่าคุณนายอลิสน่ะหวงไอ้น้องบ้านี่แค่ไหน..ยิ่งมางานนี้ด้วยแล้ว...โว้ยยยยยยย...จะบ้าตาย..”

     เลขาคนสนิทของบอสตระกูลวาลกัสมองชายหนุ่มร่างเพรียวใบหน้าหล่อเหลามีสเน่ห์ที่กำลังคร่ำครวญแบบคนสติแตกตรงหน้า แล้วกลืนน้ำลายเอื้อก นึกอยากจะบอกว่า..ตัวเขา ในฐานะที่ได้รับความไว้วางใจจากบอส ให้มาช่วยงานหลานชายสุดรักผู้กำลังจะเป็นบอสมาเฟียรายต่อไปนั้น ก็หนักใจพอๆกันล่ะ ว่าจะไปแจ้งข่าวกับทางบอสยังไง...ไม่ให้เจอคำสั่งระเบิดหัวตัวเองตายภายในสามนาที โทษฐานพาหลานชายสุดที่รักมา...ตายหรือหายสาบสูญ

    สเตฟาโน่ถอนใจเฮือก นับสิบชั่วโมงแล้วที่เขาและพรรคพวกระดมพลกันตามหาคุณชายคาวัลโล ที่พาคนออกไปจัดการกับกลุ่มติดอาวุธตามที่ได้รับคำสั่งมา กลับกลายเป็นว่า..เมื่อเขาไปถึงในที่สุด พื้นที่ซึ่งควรมีคนอยู่กลับว่างเปล่า..ไม่มีใคร หรือร่องรอยการต่อสู้ใดๆเกิดขึ้น...ทว่าเมื่อลองกระจายกำลังค้นหา กลับพบว่าจุดที่ปะทะ..มันห่างจากจุดที่วางแผนกันว่าจะดักโจมตีแทบเป็นอีกฟากหนึ่งของทะเลทราย

      และไม่พอ เมื่อไปถึงกลับพบว่าลุกน้องส่วนใหญ่เสียชีวิตแล้วจากการถูกยิง ไม่ก็ถูกฝังลงไปในทะเลทราย..แต่กลับไร้ร่องรอยของอนาคตบอสใหญ่..ที่หายสาบสูญไปอย่างไร้เบาะแส ไร้ร่องรอย และตัวเขาก็เกือบจะเชื่ออย่างจริงจังว่า..คาวัลโลอาจจถูกฝังลงไปในทะเลทรายทั้งเป็นเสียแล้ว..

     และบางที..ถ้าเพื่อการนั้นพวกเขาอาจจะต้องขุดทะเลทรายทั้งผืนเพื่อหาศพอนาคตบอสให้เจอก็ได้ และเมื่อเจอศพแล้ว..ตัวเขาสเตฟาโน่ก็จะโทรไปบอกบอส และจะได้รับคำสั่งให้ทิ้งตัวลงไปวัดพื้นจากชั้นที่สิบสี่ของโรงแรมแกรนด์ฮิลตันUAE พร้อมกับได้ออกข่าวกรอบเล็กๆในหนังสือพิมพ์รอบเช้าของประเทศนี้ในสภาพหน้าเละหัวแบะแทบจำเค้าเดิมไม่ได้.....

   แค่คิด..ชายหนุ่มวัยสี่สิบสองก็แทบจะหยิบลูกปืนมากรอกปากตัวเองเป็นการตัดปัญหาเสียแล้ว..ถ้าคุณชายอเล็กเซย์จะไม่โทรตามมาว้ากใส่เป็นรอบที่สามว่าตามหาคาวัลโลไม่เจอ..และกำลังจะถูกแม่ตัวเองฉีกอกตาย...

    สเตฟาโน่มองไปยังคุณชายคนรองของบ้านวาลกัสที่ตอนนี้แทบจะเอาหัวทิ่มลงไปในลิ้นชักเพื่อหาเศษผมหรือเงาหัวของคุณชายคาวัลโล ขณะที่มือขวาก็จิ้มโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ติดสัญญาณดาวเทียมเรียบร้อยแล้วกดโทรออก..

    “...จริงสิ...คาวัลโลมันก็น่าจะมีของพวกติดดาวเทียมหรือบอกพิกัดอะไรบ้างนี่..ไม่ลองหาดุเหรอ..” อเล็กเซย์โงหัวขึ้นมาจากลิ้นชักบนโต๊ะเครื่องแป้งที่มีแต่ไรฝุ่นให้ดมหา

   “...ไม่มีครับ..ถ้าไม่ถูกทำลายไปแล้ว..ก็....อาจจะหาย..” สเตฟาโน่บอกแล้วถอนหายใจเฮือก”..ผมจะโทรบอกบอส...” ประโยคนี้ชายวัยกลางคนเหลือบมองลูกน้องที่ต่างก็ขยับตัวหวาดๆแล้วได้แต่กลั้นหายใจเตรียมตัวรับพายุโทสะลุกใหญ่จากนายใหญ่ของตน

   “..บางทีเราอาจจะติดต่อกับเครือข่ายแถวนี้ ให้ช่วยหาตัวคุณชายคาวัลโลอีกที..ถึงจะหายตัวไป แต่เรายังไม่เจอข้าวของเครื่องใช้หรือร่องรอยอะไรเลย..บางที..ผมคิดว่าคุณชายอาจจะหนีไปได้..”

   อเล็กเซย์ฟังแล้วกรอกตาขึ้นฟ้า ถอนหายใจเฮือก

   “ก็หวังอย่างนั้น..” ขอให้คราวนี้มันอึดเป็นแมลงสาบและเอาตัวรอดได้แบบจิ้งจกกิ้งกือเหมือนทุกทีแล้วกัน 

   “...Ciao !.(สวัสดี).อเล็กซี่...” ปลายสายกดรับทำให้พี่ชายคนรองของวาลกัสออกปากทักทันที แม้จะเครียดแค่ไหนกับสถานการ์ณแบบนี้ แต่กับคนที่เขาโทรไปหา แค่ได้คุยด้วยก็เบาใจว่าจะต้องมีอะไรดีขึ้นว่าเดิมแน่

    “..Cara mia,.(ตัวเอง,ที่รัก).เกิดอะไรขึ้นกับคาวัลโล..” ปลายสายออกปากถามเข้าประเด็นทันควัน ทำให้คนฟังถอนหายใจเฮือก..

   “ฉันจะเกลียดมันก็เพราะแบบนี้แหละ ไอ้บ้านั่นก่อเรื่องอีกแล้ว หายตัวไป หาไม่เจอเลย..” อเล็กเซย์เปิดปากบ่นทันควัน “ รู้ไหมว่าฉันจะโดนแม่แหกอกแน่ๆ...ให้มาด้วยกันจะได้ดูแลกัน โทษทีเถอะ ไอ้บ้านั่นกับฉันมันทำงานด้วยกันรึไง ฉันมาเซ็นสัญญาที่งาน EXPO แท้ๆ..”

   “..โอเคๆ...แล้วมันหายไปได้ยังไง ไม่ให้ใครเฝ้าไว้เล่า..ขอคุยกับคนของคุณลุงหน่อยสิ..” อเล็กเซย์ยื่นโทรศัพท์ให้สเตฟาโน่ที่เพิ่งกดวางสายด้วยสีหน้าเครียดขึ้ง เขาเอื้อมมือมารับไว้และคุยด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่..

   “..เซย์...อย่าเพิ่งไปไหน..อย่าเพิ่งใจร้อนนะ..รอก่อน บางทีไอ้บ้านั่นอาจจะโผล่หัวมาก็ได้..” พอกลับมาคุยอีกรอบ ปลายสายก็กำชับทันที อเล็กเซย์มองสีหน้าของสเตฟาโน่ที่ดูผ่อนคลายลง แล้วรับคำเบาๆพร้อมกับพยักหน้าไปด้วย..

   “..ถ้ามาก็ดี..คอยดู คราวนี้ฉันจะฉีกอกมันเอง..” ชายหนุ่มหมายมั่นปั้นมือด้วยสีหน้าเอาเรื่อง “ ให้ตายสิอเล็กซ์.. คราวหน้าฉันไม่มากับมันเด็ดขาด...น่าจะไปไคโรกับนายแทน...”

   “..อย่ามาอ้อน...ก็ตกลงมาเองไม่ใช่เหรอ...ไม่เป็นไรหรอก ไอ้บ้านั่นหาเรื่องเอง..”

  “...อืม....อเล็กซิส...เมื่อไหร่จะเสร็จธุระล่ะ...” อเล็กเซย์เหลือบตามองลูกน้องของสเตฟาโน่ที่ทยอยเดินออกไปจากห้อง พร้อมทั้งสเตฟาโน่ที่เดินสำรวจในห้องพักของน้องชายเขาอีกครั้ง ด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้กับน้ำเสียงติดจะอ้อนๆของตัวเขา... ชายหนุ่มจึงไม่คิดจะสนใจอีก.

   “...ไม่นาน...แล้วนี่อยู่ทางนั้น พอจะจัดการได้ไหม?..”

   “..ได้...นอกจากเรื่องที่ไอ้บ้านั่นหายไป ก็ไม่มีอะไรหรอก..” นัยน์ตาสีฟ้าสวยทอดมองวิวยามเย็นในแบบร้อยแปดสิบองศาที่สะท้อนกระจกใสเบื้องหน้า
  เสียงแกร่กกรากที่ประตู ทำให้ชายหนุ่มต้องหันตัวกลับไปมอง พบว่าสเตฟาโน่กำลังทำสัญญาณว่าจะเดินออกไปจากห้อง เขาจึงพยักหน้ารับ และทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุนวมหนานุ่มใกล้ๆตัว..

   “..อยากให้ไปหามั้ยล่ะ...” น้ำเสียงคล้ายจะหยั่งความต้องการทำให้คนฟังเงียบไป นัยน์ตาสีสวยกรอกขึ้นมองเพดานห้อง นิ่งคิดถึงงานและธุระของอีกฝ่ายที่มีความซับซ้อนและยุ่งยากกว่าของเขามากมาย..แล้วครางรับคำในลำคอเบาๆ..

   “..อืม....”

  “ ทำไม...” น้ำเสียงปลายสายเรียบสนิท แต่...เขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องการได้ยินอะไร..แบบไหน...

    อเล็กเซย์มองเงาของดวงอาทิตย์ที่ทอดผ่านตัวตึกและทิ้งเงายาวเบื้องล่าง ปลายนิ้วยกขึ้นเกี่ยวพันกับเส้นผมสีทองที่เป็นประกายภายใต้แสงแดดอ่อนของยามเย็นที่สะท้อนเข้ามาด้วยนัยน์ตาหรี่ลงเล็กน้อย

“....Cara mia  , Mi manchi…Mi manchi moltissimo...(ตัวเอง..ผมคิดถึงคุณ ผมคิดถึงคุณมากๆ)”

“ Ah…. Ti penso sempre ( อา...ผมคิดถึงคุณเสมอนะ..)“

“Cara mia, Come sei bella.( ตัวเอง ทำไมน่ารักแบบนี้เนี่ย ).” อเล็กเซย์หัวเราะเบาๆกับปลายสาย ก่อนจะอ้อนเสียงหวาน

 “Voglio vederti stasera..( ผมอยากพบคุณคืนนี้ครับ.)”

   ตู้ด....ตู้ด.....

     ปลายสายที่วางไปไม่ได้ทำให้คนฟังนึกหงุดหงิด อเล็กเซย์ยังคงหัวเราะเบาๆ แถมยังแอบส่งจูบให้กับคู่สนทนาอย่างอารมณ์ดี ปลายนิ้วเรียวไล้เส้นเนคไทและคลายมันออกช้าๆ ตัดสินใจจะเอาเรื่องงี่เง่าของน้องชายไว้ทีหลัง คืนนี้...ควรจะเตรียมตัวรอการมาของใครบางคนดีกว่า...

    จะว่าไปแล้ว.เรื่องการกายตัวไปของน้องชาย จะส่งผลดีก็อย่างเดียว คือทำให้เขาได้เจออเล็กซิสแฝดผู้พี่..เร็วขึ้นละมั้ง..

   “Cara mia Cara mia ..คิดถึงเธอจริงๆเล้ย ~~ “ ว่าแล้วพี่ชายผู้แสนดีก็ลุกออกจากห้องพักของผุ้เป็นน้องชายไป เก็บเรื่องน่าปวดหัวทั้งหลายเเหล่ทิ้งไว้ในห้อง 1454 แล้วปิดประตูปัง..

....เพื่อที่จะได้ออกไปเจอกับ Cara mia ของเขาเสียที..

ส่วนคาวัลโล วินาทีนี้  มันจะตายหรือเป็นก็ช่างหัวเถอะ ไอ้แมงสาบเอ๊ย!!

.............................................................

 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [4] UP !! 14/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 20-10-2010 11:34:24

   “ ฮัดเช้ย !!!

      อีกฟากหนึ่งของทะเลทราย บนเก้าอี้ตัวเดิมคาวัลโลกำลังนั่งอ่านเอกสารในมือด้วยดวงตาขุ่นเขียว การจามเมื่อกี้ทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งขึ้น จากที่ที่หงุดหงิดมากๆ..อยู่แล้ว เสียงโครกครากในกระเพาะยังคงสอดประสานกันราวกับเสียงดนตรีวงซิมโฟนีออเคสตร้า..เสียงแต่ตอนนี้แม้จะมีวงเวียนนาออเคสตร้าที่บัตรเข้าชมราคาแพงหูฉี่มาบรรเลงเพลงให้ฟังก็ไม่ได้ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นได้..

    รองเท้าบู๊ทที่เปื้อนทั้งฝุ่นทรายพาดลงบนโต๊ะทำงานสุดหรู พาดเฉียดเอกสารสามสี่ปึกบนนั้น แต่แน่นอนว่าไม่ได้ทำให้เขานึกจะสนใจ เสียงคำรามของกระเพาะต่างหากที่ดึงความสนใจได้ดียิ่งกว่ากระดาษที่อยู่ในมือเขาเป็นไหนๆ...

    คาวัลโลกระดิกปลายเท้าช้าๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นแกว่งแรงขึ้น...แรงขึ้นเรื่อยๆ...และแทบจะยกฝ่าเท้ากระทืบโต๊ะสวยๆนี่ให้แหลกคาเท้า..ชายหนุ่มหันไปมองนาฬิกาแทบทุกๆสามวินาที...มันกำลังบอกเวลาหกโมงสิบห้านาที...เสียงสวดมนต์ภาษาอาหรับที่ได้ยินเงียบลงไปแล้ว..นี่มันคงจะเป็นเวลาทานอาหารหรืออาบน้ำหรือทำอะไรเทือกๆนั้น...แต่ว่า....แต่ว่านะ....

   ทำไมเขาจะต้องมานั่งอ่านเอกสารบ้าบอของชาวบ้าน ทั้งที่อยู่ในสภาพนี้ด้วยว่ะ !! เวรเอ๊ย...

    “...ผมกำลังจะมาบอกว่า...จะหาเก้าอี้มาให้คุณนั่งทำงาน..แต่....” น้ำเสียงเรียบๆที่ดังขึ้นทำให้คาวัลโลหันขวับไปมองด้วยดวงตาขุ่นเขียว

เขายื่นมือซ้าย ชูนิ้วกลางอันเป็นสัญลักษณ์สากลให้ชี้คหนุ่มเงียบเสียงลง..

   “...คุณคิดว่ากระเพาะของผมมันเหมือนอูฐที่กินวันเดียวแล้วเก็บได้สิบวันหรืออะไรทำนองนี้รึเปล่า...บอกตามตรงว่าผมไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้ว หิวข้าวพอที่จะเดินไปกระชากคอยามหรือตัวอะไรก็ตามข้างนอกนั่นมากินกันตาย..เข้าใจไหม?...ไม่ต้องสรรหาอะไรมาใช้งานหรือสั่งการผมตอนนี้ เพราะไม่งั้นผมจะเดินไปกัดหูคุณมากินหรือไม่ก็คอแหว่งทั้งเป็นๆนี่ล่ะ..หรือว่าจะ....”

    “...โอเค...เข้าใจ สรุปว่าตอนนี้หิวจนจะเป็นบ้า...” อัลชาอ์สรุปกับท่าทางที่แทบจะเรียกได้ว่าหิวจนสติแตกทั้ง ตาขวางและแยกเขี้ยวใส่ทุกคนที่เข้าใกล้..

    “........”  คาวัลโลไม่พูดแต่ส่งสายตาประณามสุดฤทธิ์ไปยังชายหนุ่มตรงหน้า จนอัลชาอ์ต้องถอนหายใจเฮือก

    คาวัลโลส่งสายตาขุ่นๆมองตามหลังของชี้คหนุ่มที่เดินไปสั่งอะไรกับทางลูกน้องด้านนอก..หวังว่ามันคงจะสั่งอาหารหรืออะไรเทือกนั้นมาให้เขา ถ้าหากไอ้ชี้คบ้านี่ยังทำอะไรงี่เง่าไร้สาระ คาวัลโลจะขอกระโดดกัดคอหอยมันให้เลือดพุ่งเหมือนน้ำพุ เสร็จแล้วก็จะกัดลูกกระเดือกมันให้....

     “...เอาล่ะ...ระหว่างนี้....”อัลชาอ์เดินกลับมาแล้วทรุดตัวนั่งที่ตรงข้าม นัยน์ตาสีเข้มเขม้นมองปลายเท้าที่สวมรองเท้าบู๊ทสีเข้ม มีเศษทรายติดอยู่ประปรายซึ่งกำลังกระดิกยิกอยู่ข้างหน้าตัวเขา..และ...ไม่คิดจะเอามันออกไปเลย..

    หันไปสบมองแววตาขุ่นมัวและสีหน้าอวดดีแบบขาดสติของคนที่หิวจนแทบกัดคอคนได้แล้วก็พยายามปัดเรื่องไร้สาระให้หายไปจากสมอง พยายามบอกตัวเองว่า...มันก็แค่..นักเลง ไอ้ตัวกวนตีน ไอ้บ้าที่น่าเอาปีนยัดปาก..ไอ้บ้าที่กำลังเอาเท้าชี้หน้าผู้นำแห่งเนียยา..

   “...พอใจที่จะอยู่แบบนี้...มีอะไรไหม?..” นัยน์ตาสีน้ำทะเลวาววับอย่างเอาเรื่อง คราวนี้ไม่มีแม้แต่แววตา กวนโมโห ท่าทีซ่อนเลศนัยมีอะไรแอบซ่อนอีก...ที่เห็นตรงหน้าคือความโกรธ และเคืองจนหน้ามืดชนิดที่ว่ายอมทำทุกอย่างเพื่อกวนประสาท..ให้อีกฝ่ายรู้สึกหงุดหงิดอารมณ์เสียเช่นเดียวกับตน..

    “..ไม่เป็นไร หากมีมารยาทที่ถูกสั่งสอนมาเพียงแค่นั้น..” ชีคหนุ่มรับคำสีหน้าเรียบเฉย..นึกขบขันนิสัยเหมือนเด็กไม่ยอมโตของชายหนุ่มตรงหน้า..

   “..พอดีโดนเสียมารยาทใส่ซะก่อน เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องมีมารยาทด้วย !! “ คาวัลโลกระชากเสียงใส่ทันควัน แล้วโยนเอกสารในมือลงบนโต๊ะอีกโครม ใบหน้ายังคงบูดบึ้ง แบบอารมณ์เสียอย่างสุดๆ...

   “..ไอ้อาวุธที่คุณจะซื้อนี่...ขอย้ำว่าควรไปทบทวนลิสต์รายการซะเดี๋ยวนี้...ไม่ทราบว่าจะประหยัดทำซากอะไรนะครับ..ถึงได้ซื้อแต่ปืนรุ่นเก่าๆของตกรุ่นที่กำลังจะกลายเป็นมือสอง เอามาประกอบเป็นโลงใส่ศพตัวเองรึไงไม่ทราบ..” ชายหนุ่มวิจารณ์เสียงห้วนอย่างอารมณ์เสีย “ อย่าไปซื้ออาวุธจากประเทศที่สองที่สามมา ของแบบนั้น เขาโละทิ้งแสดงว่าไม่ต้องการแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นจะเอามาใช้อีกทำไม แม้ว่าคุณจะอยากได้ของให้กำลังพลตัวเองใช้ แต่เอาของห่วยๆมาใช้แบบนี้ ยืนถือไม้หน้าสามแล้วไล่ตียังจะมีประสิทธิภาพกว่าซะอีก !! “

  “ อย่างไอ้นี่น่ะ..” คาวัลโลกางหน้าเอกสารเสร็จแล้วก็เสือกเข้าหน้าชี๊คหนุ่มอย่ารวดเร็ว.. “เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวณ/โจมตีเบา Kawasaki OH-1 ใช้นักบิน 2คน อาวุธที่ติดอยู่ก็เป็น ปืนกล 3ลำกล้องหมุนขนาด 20มม. อาวุธต่อต้านรถถังและจรวดหลายลำกล้องไม่นำวิถี..ราคา 678,000ล้านดอลล่าห์...ให้ตายเถอะ นี่ไปประมูลกันมาใช่ไหม? ประมูลอะไรถึงได้ราคาเพิ่มขึ้นกว่าเดิมครับคุณ  รุ่นนี้ที่ญี่ปุ่นพัฒนาขึ้นเองโดยบริษัท Kawasaki เป็นผู้สร้าง ซื้อจากประเทศเขาโดยตรงน่ะ ราคายังไม่เกินห้าแสนดอลล่าห์เลยเถอะ รวมภาษีนำเข้าอะไรสารพัดแล้วน่ะ..สั่งของต้นแบบมายังดีกว่า นี่ไปประมูลมา...ประมูลห่าเหวอะไรไม่ทราบ..อย่าทำเหมือนประเทศ XXX ได้ไหม? งบพัฒนาทางการทหารกี่แสนล้านเอาไปซื้อของมือสองตกรุ่นแถมได้ราคาแพงกว่าของใหม่ลิบ..โชว์โง่แบบนี้ถึงว่าสิ ประเทศชาติแม่งไม่ค่อยพัฒนา !! “

    อัลชาอ์นิ่งเงียบพิจารณารายละเอียดที่ถูกขีดฆ่าและแก้โยงจนลายพร้อย กระดาษแผ่นสั่งซื้อที่แนบมาถุกขีดฆ่าออกแทบทุกรายการ พร้อมกับปากกาแดงๆขีดฆ่าจนเต็มหน้า ชายหนุ่มพยายามข่มความไม่พอใจกับถ้อยคำเสียดสี พลางพิจารณาถึงรายละเอียดที่ว่า..เพราะถ้ามันจริงก็แสดงว่าเขาคงต้องมีการเรียกคนที่จัดการเรื่องสั่งซื้ออาวุธต่างๆมาคุยด้วยสักครั้ง..

   “..รายละเอียด?..” อัลชาอ์เอ่ยถามเรียบๆ “ไม่ทราบว่าผมจะรู้ได้ยังไง..ว่าที่คุณพูดมามันจริง..”

   “..ไปเปิดดูในเน็ตไป...ไม่งั้นก็โทรสายตรงถามที่บริษัทผู้ผลิตโน่น แค่เบอร์พวกนี้ก็คงมีปัญญาหาใช่ไหม? ถ้าไม่มีแม่งก็งี่เง่าเต่าถุยกันทั้งประเทศล่ะว่ะ..”คาวัลโลสถบปนด่าอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันมาจ้องหน้าคนที่กำลังถลึงตามองเขาอยู่อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก.. “พูดจริงนะ...ผมชักอยากรู้แล้วว่า..คุณน่ะบริหารประเทศนี้มากี่ปีแล้ว..และปกครองกันยังไง แบบไหน..ทำไมถึงปล่อยให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้..อย่างพวกผมถึงเป็นมาเฟีย ทำธุรกิจผิดกฎหมายแต่อย่างน้อยพวกเราก็ไม่ได้มีการทรยศหักหลังกันแบบนี้..ไม่สิ..จะบอกว่ามีก็ได้..แต่ยังไงพวกเราก็ไม่เคยปล่อยไว้จนมันกลายเป็นเนื้อร้าย..เวรเอ๊ย...พูดไปก็เข้าตัวว่ะที่มาเป็นซากอยู่ที่นี่ก็เพราไอ้พวกเวรนั่นแท้ๆ..”

    คาวัลโลขยี้ผมตัวเองแรงๆอย่างหงุดหงิด..ไม่สนใจใบหน้าที่คล้ายจะกลั้นขำกับอาการประสาทๆของชีคหนุ่มตรงหน้า ที่พอเจ้าตัวมองเห็นก็ถลึงตาใส่ทันควัน..

   “..อย่ามาขำใส่ผมนะ..อย่างน้อยผมก็ยอมรับตัวเองล่ะว่ะ....”อนาคตบอสมาเฟียบ่นใส่อัลชาอ์ที่ยกยิ้มุมปากแบบเยาะส่งมาให้แทนอาการขบขัน ซึ่งเขาคิดว่าไอ้ที่ได้มานี่มันเลวร้ายกว่าซะอีก..

   ก๊อกๆ

     เสียงเคาะประตูพร้อมกับประตูที่เปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงใหญ่ขององค์รักษ์หนุ่มหน้านิ่งสนิทที่คาวัลโลนึกก่นด่าหมอนี่ในตอนเช้า แต่..ตอนนี้เขาเริ่มจะชอบมันขึ้นมาบ้างเนื่องจากถาดอาหารที่อยู่ในมือนั้น..
 
“ ขอบใจ...” ว่าแล้วถาดอาหารในมือก็หายไปอยู่ตรงหน้าคาวัลโลเรียบร้อย จากนั้นสองนายบ่าวก็ต้องหันมามองหน้ากัน กับภาพการกินแบบเป็นพายุบุแคมของชายหนุ่มสายเลือดอิตาลี่ยนตรงหน้า..ซึ่งสามารถยัดอาหารสำหรับคนสองคนกวาดลงกระเพาะตัวเองจนหมด..

    “..เฮ้อ...ค่อยยังชั่ว...” คาวัลโลยิ้มหวาน พลางยกน้ำมาดื่มล้างปาก

    “หายบ้าแล้วใช่ไหม?..” ประโยคนี้ไม่เหมือนคำถามแต่เหมือนคำด่าเสียมากกว่า..แต่สำหรับคนที่กำลังมีความสุขอยู่กับการกินแล้ว..คาวัลโลจะขอทำหูทวนลมไปสักครั้ง..จึงพยักหน้ารับด้วยสีหน้าปกติ..

     “...ฮาซาน..นี่คือมิสเตอร์คาวัลโล วาลกัส..” อัลชาอ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท ขณะที่คาวัลโลหันไปยักคิ้วให้องค์รักษ์หนุ่มที่มองมาที่ตัวเอง..

   “..ฮาซานเป็นองค์รักษ์ของผม..เขาจะคอย”ดูแลและอำนวยความสะดวก”คุณในทุกๆเรื่อง ระหว่างที่คุณยังอยู่ที่นี่..” คาวัลโลฟังแล้วเลิกคิ้ว พร้อมรอยยิ้มพรายบนริมฝีปากที่กลับมาอีกครั้งหลังจากอิ่มท้อง จะให้มาดูแลเหรอ?..จะให้มาจับผิดล่ะสิไม่ว่า..

    “พรุ่งนี้ผมจะเมืองหลวงแล้ว..คงไม่มีเวลามาดูแล เพราะฉะนั้นก็ช่วยกรุณาอย่าทำตัวโดดเด่น ถ้ายังอยากทำงานอย่างสงบสุขไร้สายตาคอยสอดส่อง..” อัลชาอ์จ้องมองแววตาสีน้ำทะเลที่ยังคงวาววับแล้วยิ่งไม่ไว้ใจ

   “..เห...เดี๋ยวนะ..บอกว่าจะกลับเมืองหลวง..นี่ไม่ใช่วังของคุณเหรอ?..ผมนึกว่านี่เป็น...”

   “..นี่เป็นแค่เมืองหน้าด่าน..เมืองหลวงของเซเนียยาชื่อว่าทัสคานี..นี่เป็นแค่ที่พักชั่วคราว..และพรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับเมืองหลวงกัน..” อัลชาอ์ขัดคำพูดหรือคำถามกวนใจทั้งหลายไว้แค่นั้น คาวัลโลพยักหน้ารับช้าๆก่อนจะอุทานด้วยดวงตาวาววับ..

   “..งั้นแสดงว่า..วังของคุณไม่ใช่บ้านอิฐผุๆแบบนี้ใช่ไหม? ไอ้ผมก็นึกว่ามันจะมีแค่นี้..แสดงว่าคงจะมีสาวๆ..เฮ้....อะไรเนี่ย...” เขาออกปากโวยเมื่ออัลชาอ์โยนกองเสื้อผ้าใส่หน้าอย่างอดรนทนไม่ไหว คาวัลโลสถบพึมพำ หมอนี่ถ้าไม่เป็นตุ๊ดมันคงเป็นเกย์แหงแซะ แค่ถามเรื่องผู้หญิงทำเป็นทำร้ายร่างกายกลบเหลื่อน..หลงรักเขาเข้าแล้วสิไม่ว่า..โทษทีว่ะ คนมันมีสเน่ห์ หึหึ..

    “..นี่เป็นเสื้อผ้าของคุณ..ไปเปลี่ยนซะก่อนที่สารรูปเน่าๆนี่จะโผล่ไปให้ใครสมเพชมากกว่านี้..” อัลชาอ์เอ่ยเสียงเย็น..ข่มอารมณ์อยากจะเอาปืนยัดใส่ปากหมอนี่เป็นครั้งที่ร้อยของวัน..คิดว่าคนอื่นเขาจะไม่ได้ยินเสียงพึมพำของตัวเองรึยังไง..? ถึงได้พูดจาหลงตัวเองแบบนี้..

    “..เสื้อผ้า...เห้....นี่มัน...อะไรนะ..” คาวัลโลทำหน้ายุ่งกับชุดยาวในมือ เขายกขึ้นชูให้อัลชาอ์ดู “อธิบายหน่อย..”

   “ นี่เป็นชุดประจำชาติของเรา..เป็นการแต่งกายอย่างถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม ถ้าไม่อยากโดดเด่นก็จงทำตัวกลมกลืนด้วยการใส่มันไปซะ..เข้าใจไหม?..” อัลชาอ์แทบจะยกมือกุมขมับ..เขาข่มอารมณ์หงุดหงิดแล้วชี้มือไปยังผ้าคลุมศรีษะสีขาวล้วนในมืออีกฝ่าย “..เรียกว่า กุตราห์ เราใช้ป้องกันฝุ่นผง ความร้อนและกันแดดในทะเลทราย เมื่อสวมกุตราห์แล้วจะสวมทับด้วย “อิกัล” เป็นเชือกถักสำหรับใช้รัดผ้ากุตราห์ไม่ให้หลุดเลื่อน มันทำจากเชือกขนสัตว์และนี่... โธป เป็นชุดยาวคลุมข้อเท้า ผ่าหน้ากว้างนี่คือแบบเสื้อแขนยาว ..นี่คือที่คุณต้องใส่ เข้าใจไหม?...”

   “.........” แต่คาวัลโลกลับหน้านิ่วแทนที่จะพยักหน้าอย่างเคยชายหนุ่มชะงัก ก่อนจะเอื้อมมือกุมสร้อยรูปไม้กางแขนบนแผ่นอก ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ...

  “..ผมไม่ขอใส่ผ้าคลุมแบบนี้...” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบๆด้วยท่าทีจริงจัง.. “ ถึงคุณจะรู้อยู่แล้ว แต่ขอบอกอีกครั้งว่าผมเป็นคริสต์ศาสนิกชน..ถ้านี่เป็นการแต่งตัวตามหลักศาสนาอื่น..ผมคิดว่า.....”

   “....คุณ...จะบอกว่า มันทำให้ศรัทธาในพระเจ้าของคุณลดลงงั้นหรือ?..” อัลชาอ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบสนิทเช่นกัน “ งั้นก็เลือกเอา..ว่าระหว่างพระเจ้าของคุณ กับชีวิตของคุณ จะเลือกสิ่งไหน..”

   “..อย่าบังคับผมนะ..นี่ผมพูดจริง..เรื่องชุดยาวนี่ผมพอรับได้ แต่เรื่องผ้าคลุมแบบนี้..ไม่ก็คือไม่..ถึงมันจะทำผมหน้าม้านโดนแดดเผาตายไปจนถึงวังคุณก็เถอะ..”คาวัลโลตอบกลับด้วยท่าทีจริงจัง..

   “...งั้นก็...ใส่คาฟียะห์แทน..”  ยังไงอัลชาอ์ก็ไม่อยากให้แผนการณ์ที่วางกันมาล่มเพราะเรื่องศาสนาที่แตกต่าง “ เคยเห็นพวกโจรก่อการร้ายในปาเลสไตน์หรืออิรัคใส่กันไหม?..ผ้าสี่เหลี่ยมรูปตารางหมากรุก..ที่พวกเขาใส่ปิดหน้าปิดตาเวลาออกกล้องนั่นล่ะ..ใส่คลุมแค่ตอนเกินทาง ส่วนในวัง จะใส่แค่โธปก็ได้ ผมไม่ว่า..ขอแค่อย่าทำตัว”เด่น”เกินไปแล้วกัน..”

   “...อา...งั้นก็ได้...” คาวัลโลยอมตกลงในที่สุด เพราะว่าเขาก็ใช่จะอยากเสี่ยงชีวิตกับเรื่องแบบนี้..ถึงเขาจะเป็นพวกเคร่งศาสนาแค่ไหน..แต่การจะมาแลกชีวิตด้วยนี่มันก็..ออกจะหนักไปหน่อย “ แต่เดี๋ยวน่ะ ผมไม่ต้องใส่ก็น่าจะได้ไม่ใช่รึไง..อย่าบอกนะว่าที่วังคุณไม่มีคนต่างชาติต่างศาสนาเลยสักคน..”

   “..มี...แต่พวกเขาไม่ได้ทำหน้าที่สำคัญเท่าไหร่..และอย่าลืม..ว่าที่สำคัญ..คุณเข้ามาเพื่ออะไร..ในเมื่อมีจุดประสงค์ไม่เหมือนคนอื่นยิ่งต้องระวังให้มาก..”

   “...เฮ้อ...ก็ได้ๆ..” คาวัลโลงึมงำรับคำ “ ดีเหมือนกัน อยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งนานแล้ว ใส่ชุดนี้มาแล้วเป็นวันๆ..กลิ่นมันเริ่มโชยแล้วเนี่ย..” ว่าแล้วก็ก้มลงไปสูดกล่นจากเสื้อกล้ามสีดำพลางทำจมูกฟุดฟิด..ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มเหย “เอ้อ...จะบอกว่าผมใส่ไม่เป็นนะ..ช่วยหน่อยสิ...”

   “..........” คราวนี้ไม่มีคนตอบรับ อัลชาอ์ลุกพรวดเดินดุ่มไปนั่งบนโต๊ะทำงานเช่นเดิม ทำให้คาวัลโลหันไปมองฮาซาน..ซึ่งมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ในสภาพเหลือเพียงเสื้อกล้ามรัดรูปสีดำตัวเดียวและกางเกงทรงทหารพร้อมรองเท้าบู๊ทสีเข้ม องค์รักษ์หนุ่มทำหน้าเหมือนเหม็นเบื่ออะไรซักอย่าง ก่อนจะชี้ไปยังเสื้อคลุมตัวยาวที่เรียกว่า”โธป” พร้อมกับเอ่ยเสียงเรียบ..

    “..แค่เอามันสวมลงบนหัว..คิดว่าคงไม่เกินความสามารถหรอกนะครับ..”

 ว่าแล้วองค์รักษ์หนุ่มหน้านิ่งก็เดินตรงออกไปนอกห้องเช่นเดิม..

    “..นี่....แค่ช่วยผมให้แต่งตัวเหมือนชาวบ้าน มันจะยากอะไรขนาดนั้นครับ..เดี๋ยวก็ถอดโชว์ซะหรอ..” คาวัลโลตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ก่อนนัยน์ตาสีน้ำทะเลจะวาววับ เมื่อมองเห็นชีคหน่มนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องเดียวกับเขา..

   คาวัลโลซ่อนยิ้มในหน้า เดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานของชีคหน่ม เขาวางมือลงบนโต๊ะทำงานทำให้นัยน์ตาสีดำคู่นั้นหันมาสบมอง..ชายหนุ่มค้อมตัวลงสบตาใกล้ๆ..แล้วยิ้มหวานส่งไปให้..

   “..อัลชาอ์ครับ...ช่วยผมแต่งตัวหน่อยสิ...”   

     และเขาได้รับที่เสียบปากการูปนกอินทรีทำจากทองแดงปลิวหวือออกมาจากมือของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาเป็นคำตอบ

.........................................................................

  เมื่อไหร่คาวัลโลมันจะโดนกดเนี่ย..พ่อคุณยั่วเหลือเกิ๊น..ห้าๆ :laugh:
    ความจริงก็ไม่เชิงจะยั่วหรอกนะค่ะ รายนั้นเขาแค่แกล้ง ประกอบกับฝังหัวสุดๆว่าพ่ออัลชาอ์แกอยากได้ตัวเองไปอยุ่ในฮาเร็ม..เลยชอบแกล้งหยิกแกล้งหยอกอยุ่เรื่อย..
  ส่วนอัลชาอ์..เขินรุนแรงนะค่ะท่านชีค..(รองเท้าปลิวมาแทนคำตอบ)
   แฮ่ม..ส่วนคู่บน..พ่อคู่แฝดอินเซนต์ของเรา..หวานกันออกนอกหน้าเหลือเกิน..แต่ก็เอาเถอะ เพราะสองคนนี้โดนเรากลั่นแกล้งมามากพอแล้ว(ห้าๆ) อีกอย่างเรทติ้งของคาวี่ดีในหมู่พี่น้องซะเหลือเกิน มีคนเรียกนายว่าไอ้บ้าสามคนแล้วนะคาวัลโล ปรับปรุงตัวหน่อยยย..
  ความรู้เพิ่มเติม
   Kawasaki OH-1  นี่เป็นฮ.ลาดตระเวณ/โจมตีเบา ซึ่งรุ่นนี้ญี่ปุ่นพัฒนาขึ้นเองโดยบริษัท Kawasaki เป็นผู้สร้าง แต่ใช้เครื่องยนต์ของ Mitsubishi ใช้นักบิน 2คน อาวุธที่ติดอยู่ก็เป็น ปืนกล 3ลำกล้องหมุนขนาด 20มม. อาวุธต่อต้านรถถังและจรวดหลายลำกล้องไม่นำวิถี
   สเปกนี้มีจริงค่ะ เป็นของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น(หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามต่อสหรัฐอเมริกา สหรัฐเข้ามาควบคุมกำลังทหารของญี่ปุ่น ให้ญี่ปุ่นต้องร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่โดยมีข้อห้ามว่า ไม่อนุญาติให้ญี่ปุ่นทำสงครามกับประเทศใดๆเลยเว้นแต่กระเพื่อป้องกันประเทศ ที่สำคัญคือไม่มีศาลทหารและกระทรวงกลาโหม ถึงแม้ว่าเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาญี่ปุ่นจะจัดตั้งกระทรวงกลาโหมขึ้นมา แต่ว่าก็ยังคงชื่อไว้ว่า กองกำลังป้องกันตนเองกองกำลังป้องกันตนเองประเทศญี่ปุ่น หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Japan Self-Defence Force หรือเรียกสั้นๆว่า JSDF ) เพิ่งเข้าประจำการเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ...ทำเองใช้เอง..พอเหลียวมองดูพี่ไทย.. :เฮ้อ:.
ที่มา..เว็บบอร์ดดราม่าค่า :กอด1:
 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 20-10-2010 14:05:19
สงสัยถ้าคาวี่อยู่ไปนานๆ ท่านชัคคงจะปรอทแตกดขเ่ซักวัน
ยั่วได้ยั่วดี(หมายถึงยั่วโมโหหน่ะ...)
ส่วน 2 แฝดผู้พี่นี่ รักกัรปานจะกลืนกินจริงๆ ไม่มีห่วงน้องตัวเองอ่ะ....
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 20-10-2010 14:31:12
ไม่เสียแรงที่นั่งเฝ้าทุกวัน มาต่อแล้ว เย้ๆ คาวี่น้อ อัลซาตะบะแตกเมื่อไหร่เดี๋ยวได้รู้กัน ฮ่าๆๆๆ (>_<=)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 20-10-2010 14:42:41
แล้วมันจะไปรอดไหมอะคู่นี้อะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 20-10-2010 14:43:35
ยั่วต่อไประวังจะโดนไม่รู้ตัวอิอิ


รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 20-10-2010 18:06:32
ช่างยั่ว(โทสะ)ซะเหลือเกินนะนายเอกของเรา

ระวังท่านชีคทนไม่ได้ขึ้นมาจะงานเข้า  :laugh:


ส่วน 2 แฝด แลดูรักน้องมากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 20-10-2010 18:24:24
-*- .. บางทีอัลชาอ์อาจจะเริ่มคิดได้ว่าตัวเองไม่น่าให้คาวัลโลมีชีวิตรอดตั้งแต่แรก
ขยันกวน ขยันยั่วเหลือเกินจริงๆคาวี่เนี่ย  :เฮ้อ:

ส่วนเจ้าแฝดนี่ถ้าคิดถึงกันขนาดนั้นแล้วจะห่างกันตั้งแต่แรกทำไม
cara อย่างโน้นอย่างนี้ สวีทหวานจ๋อยไม่สนใจใยดีน้องนุ่ง  :o11:

รอตอนต่อไปนะคะ 
:m13: :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 20-10-2010 19:14:00
ยั่วกันอย่างนี้

ต้องมีสักวันที่โดนดีแน่ คาวัลโล่

 :haun4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 20-10-2010 19:43:06
อ่านๆ ไปกลัวท่านชีคเส้นเลือดในสมองแตก ก่อนจะได้เลิฟๆ กันนะสิค่ะ  :laugh: :laugh:

ดูคาวี่ ก็นะช่าง ยั่วโมโหดีแท้

แต่คู่พี่ชายนี้จะหวานไปไหนค่ะนั้น อ่านไปยังแอบเขิลแทนเลยยยยยยย   :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 20-10-2010 21:02:59
5555 ปล่อยคู่พี่น้องเค้าสวีทไปค่ะ


ไม่จำเป็นต้องตามหาคาวี่แต่อย่างใด

น้องไม่ได้หายไปไหน แค่จะไปมี "ผัว" เป็นตัวเป็นตน o18


 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 20-10-2010 21:27:45
ุู^
^
กร๊ากกกกกกก :laugh: :laugh:
อยากจะบอกว่าต่อให้ไม่รอด พวกพี่ๆเขาก็ไม่สนใจหรอกค่า (หลบตีนคาวัลโล :z6:)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 20-10-2010 21:48:58
มันกลับกันรึเปล่าคะ เจ้าคาวี่ดูออกจะแม๊นแมน แต่ชีคดูเรียบร้อยกว่า
เลยเริ่มสับสนละว่าใครพระเอกนายเอกกันแน่ แต่นายเอกแบบคาวี่
กวนได้สุดใจจริง ๆ จะรอดจากฝ่าพระบาทของชีคไปได้อีกกี่มื้อเนี่ย
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 20-10-2010 22:06:48
ซักวันเถอะ ไม่รอดแน่คาวี่ อยากยั่วท่านชีคดีนัก เอ...ว่าแต่จะโดนเตะหรือโดนกดก่อนกันละ 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 21-10-2010 00:17:39
หมันไส้คาวี่
ยั่วได้ยั่วดี
ระวังจะเจอดีเขาซักวัน 5555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 21-10-2010 06:39:43
เพิ่งมาตามอ่าน สนุกดีๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 21-10-2010 16:42:28
มีแต่คนลุ้นให้โดน ฮ่าๆๆ ถ้ารอดไม่โดนตื้บไปซะก่อนทำโล่ให้คาวี่เลยดีกว่า โฮะๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 21-10-2010 17:15:11
น่าสนดีจังฮะ
คงได้ติดตาม อิกเรื่องแล้วสิเรา 555

ขอบคุณคับบบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 21-10-2010 17:40:46
ท่านชีคเขินแรงไปหน่อยอ่ะป่าว
555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 21-10-2010 17:56:09
ชอบแล้วสิ ทำไงดีคับ
....ถ้างั้นมาอัพ ไว ๆได้มั๊ยฮะ อาการ อยาก เริ่มประท้วงเสียแล้ว 555
แล้วจะติดตามนะฮะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 21-10-2010 20:30:36
ชั้นเชิงการยั่วเหลือร้ายจริงอะไรจริง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 21-10-2010 21:50:02
ประเทศXXX มันคุ้นๆนะคะไรเตอร์ อ่านไปฮาไปโดนเฉพาะตรงนี้ ฮาอย่างแรงแทบตกเก้าอี้ :jul3: (ฮาจริงไม่ได้มุข)
มาต่อไวไวนะคะ  :pig4:
ปล..ถ้าสองแฝดนั่นรู้ว่าหนูคาลจะไปมีสามีน่ะ คงจะเลิกตามหาตัว :m20:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 21-10-2010 22:19:09
คาวี่ด่าได้แร๊งส์ ประเทศxxxนี่ แหม่ เกือบสะดุ้ง ก๊ากกกกกกก :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 21-10-2010 22:35:57
ยั่วได้ยั่วดีเหลือเกิน เดี๋ยวโดนกดจริงๆจะพูดไม่ออก
หวังว่าระหว่างนี้พ่อชีคจะไม่เครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกก่อนนะ
พี่ๆของคาวี่รักกันดีจังเนาะ หว๊าน หวาน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: ☥ŹeMî☠kändä☥ ที่ 21-10-2010 22:39:20
ยั่วได้อีกจริงๆ เหอะๆ

พี่น้องเขารักกันดีจริงๆ หวานซะไม่แคร์สื่อเลยนะขอรับ โฮะโฮะ

รอตอนต่อไปนะขอรับ เป็นกำลังใจให้ต่อไป

ปล. เมื่อไหร่จะได้มีโอากาสเห็นคาวัลโล่โดนกดน้า~  :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 21-10-2010 23:52:14
มาต่อแล้ววว ว ฮ้ะอร๊ายย ดีใจอ่ะ >_________<///
ไม่อยากบอกว่าติดมากมายก่ายก่องอะค่ะ  :-[

ทำไมไม่เข้าไปช่วยแต่งไปเลยล่ะอัลชาอ์
หมั่นไส้ตาคาวัลโลเล็กๆ
ชีช่างยั่วเกินไปแล้วว วว จับกดไปเลยค่ะคุณชีคค
ยั่วกันแบบนี้มันต้องกดกับกด!!ไปเลยค่ะ

คู่แฝดหวานกัน มีภาษาอิตาลีวันละ(หลายๆ)คำด้วย
ชอบประโยคนี้อ่ะค่า
 “Voglio vederti stasera..( ผมอยากพบคุณคืนนี้ครับ.)”
ชอบๆ

รออ่านตอนต่อไปอยู่นะค่าาา
มาอัพเร็วๆน้า
ปล.อยากให้มาต่ออาทิตย์ละสองตอนจังเลยน้า :z2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 22-10-2010 13:20:21
ใช่ๆๆ เห็นด้วยกับทุกรีพายเลยค่า~ กร๊ากกกก~ ^-^ writer สู้ตาย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 23-10-2010 00:14:50
:m22:

:a11:

:m32:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 23-10-2010 16:48:40
  Line : 6

    มิสเตอร์คาวัลโล วาลกัส

    ชายหนุ่มอายุสิบเก้าปีหกเดือน กำลังจะขึ้นเป็นบอสมาเฟียตอนอายุยี่สิบ หนุ่มในฝันของมาเฟียยาสาวๆทั่วอิตาลีสามปีซ้อน(ส่วนตำแหน่งหนุ่มในฝันที่โหวตโดยสาวๆทั่วไปในอิตาลีตกเป็นของ อเล็กซิส วาลกัส พี่ชายผู้สมบูรณ์แบบแต่...ก็นั่นแหละ) หน้าตาดีไม่เป็นสองรองใคร สมบูรณ์แบบทั้งรูปร่างหน้าตา คุณสมบัติครบถ้วน ชนิดที่สาวๆเห็นเป็นต้องหลงรักทุกราย..

   มิสเตอร์คาวัลโล วาลกัส..เป็นคนมีสเน่ห์ มีสเน่ห์มาแต่กำเนิด ไม่ว่าจะโดยฮอร์โมนหรือฟีโรโมนตัวไหนส่งกลิ่นก็ตาม จะสาวแก่แม่ม่าย ไม่เว้นกระทั่งชายหนุ่มถ้าลองได้รู้จักเป็นต้องหลงรักและยอมศิโรราบทุกคนไป แม้คนๆนั้นจะเคยเหม็นขี้หน้าและเกลียดเขาชนิดเข้ากระดูกดำ ขอแค่ลองได้หว่านสเน่ห์ร้อยทั้งร้อย ผู้คนเหล่านั้นจะตกมาเป็นทาส ยอมทำทุกอย่างตามที่มิสเตอร์คาวัลโลต้องการ..

  มิสเตอร์คาวัลโล รู้และเชื่อ ว่าตนเองเป็นแบบนี้มาตลอด

   เพราะอย่างนั้น ณ ปัจจุบันนี้ ในช่วงเวลาที่เขาคิดว่าชีวิตกำลังตกต่ำถึงขีดสุด ความเชื่อนี้ก็ยังไม่สั่นคลอนไปแม้ว่าคนที่เขากำลังพยายามหว่านสเน่ห์ด้วย จะเป็นเพศผู้ร้อยเปอร์เซ็นต์และจะจัดอยู่ในสปีชี่..หล่อเลือกได้ไม่ต่างกันก็ตาม..

   เพราะยังไง คนมีสเน่ห์ ก็ยังมีสเน่ห์อยู่วันยังค่ำ คนหล่อ หน้าตาดี จะมาแพ้ผุ้ชายทื่อๆที่ทำเป็นแต่จับปืนและยกปากกาเซนเอกสาร ได้ยังไง..

    ทั้งที่คิดแบบนั้น และควรเป็นแบบนั้นแท้ๆ...แต่ว่า...

ไอ้ชีคเวรที่กำลังจับเขายัดใส่รถจี๊บเปิดประทุน แล้วมัดแขนขาไว้นี่..มันหมายความว่ายังไง?

   “ชีคครับ..แบบนี้ มันหมายความว่ายังไงไม่ทราบ..”คาวัลโลถามเสียงแข็งด้วยหน้าตาเซ็งๆ..ไม่สามารถมองหน้าสบตาใครได้เนื่องจากฝุ่นทรายที่ปลิวเข้าตา แม้ว่าจะใช้ผ้าพันศรีษะไว้เยี่ยงโจรก่อการร้ายในอัฟกานิสถานแล้วก็ตาม..

  “..เรากำลังจะกลับเมืองหลวง..”คำตอบไม่ได้ทำให้อะไรกระจ่างแจ้งขึ้นมาสักนิด..

   “นั่นผมรู้”คาวัลโลรับคำด้วยน้ำเสียงอู้อี้ พยายามเพิ่งมองภาพตรงหน้าฝ่าเม็ดทรายที่ปลิวว่อน “ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้อง...”คาวัลโลพ่นเอาเสื้อที่หรุบเข้าปากตัวเองที่อ้ากว้างออก” ต้องมาถูกมัดมือมัดเท้าทำให้ผมเคลื่อนไหวไม่ได้แบบนี้ มันละเมิดสิทธิมนุษย์....แค่กๆ....”

   คาวัลโลสะบัดหน้าแรงๆพ่นผ้าที่หรุบเข้าปากตัวเองออกอีกรอบ..

  “..จะให้ผมมัดปากหรือจะสงบปากสงบคำดีๆ..”แต่ดูเหมือนว่าท่านชีคอัลชาอ์จะไม่ได้มีน้ำอดน้ำทนยอดเยี่ยมอะไรนัก..

     คาวัลโลขยับตัวมองท่านชีคที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆในสภาพหัวสั่นหัวคลอนเพราะรถกำลังแล่นไปในทะเลทรายอย่างรวดเร็ว..ชายกนุ่มทำเสียงเป็นห่วงเป็นไยพลางเหลือบมองอีกฝ่าย

  “ มีปัญหาอะไรเหรอครับ?..”

       อัลชาอ์หันมายิ้มให้ด้วยสีหน้าเครียดเขม็ง..

 “..จะมีก็เพราะคำพูดของใครบางคนนี่ล่ะ ช่วยอย่าทำให้ผมนึกเสียใจที่ไว้ชีวิตคุณได้ไหม?..”

     คาวัลโลฟังแล้วชักสีหน้าหงุดหงิด เขาก็ไม่ใช่คนเซ่อซ่าไม่ดูตาม้าตาเรือประสบการณ์สิบเก้าปีในการยั่วโทสะพี่ชายคนโตผู้เงียบสงบคล้ายทะเลวันไร้คลื่น..บอกเขาว่า การยั่วโมโหคนอื่นเวลาที่เจ้าตัวอารมณ์เสียนั้น..จะเป็นภัยต่อตัวเองอย่างยิ่ง...

    ดังนั้นคาวัลโลจึงยักไหล่ไม่แคร์ หันไปมองสภาพทะเลทรายเบื้องหน้าต่อด้วยอารมณ์สุนทรีเพราะอย่างน้อยมองทะเลทรายเอาหน้าคลุกฝุ่นผงไปพลางๆก็ยังดีกว่ามองหน้าท่านชีคที่ตอนนี้หงุดหงิดพอจะงับหัวเขาได้แล้วกัน..

   จะว่าไปแล้วมันก็น่าสงสัยพอควร จากหลักสูตรการสอนจากท่านอาจารย์พิเศษคนใด ทุกคนต่างบอกกันเป็นเสียงเดียวกันว่า การเดินทางในทะเลทรายสมควรจะเดินทางกลางคืน เพราะการเดินทางในตอนกลางวันนั้นจะร้อนระอุและเต็มไปด้วยเศษฝุ่นทรายที่จะพัดพาเข้ามาทำให้เสี่ยงต่อการหลงทางเป็นอย่างยิ่งและถึงจะเดินทางกลางวัน อย่างน้อยก็ควรจะเดินทางตอนเย็นๆไม่ก็ตอนเช้าไม่ใช่เดินทางตอนตะวันตรงหัวอย่างที่เขาและพลพรรคของท่านชีคอัลชาอ์แห่งเซเนียยากำลังทำอยู่ตอนนี้..

   เหมือนมีอะไรลนก้น..เหมือนกับว่ากำลังหนีอะไรซักอย่าง..หรือกำลังตามล่าบางอย่าง..

  จากประสบการณ์และการคาดเดาจากพฤติกรรมรีบเร่งเคร่งเครียดของผู้ร่วมเดินทาง คาวัลโลก็เดาออกมาได้เพียงเท่านั้น..

   แต่จะหนีอะไร..หรือจะตามอะไรอยู่นั้น..มันก็น่าสนใจไม่น้อย..

    นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลหรี่ลงเล็กน้อย ขณะที่เอนตัวพิงหนักเบาะ รอยยิ้มทาบบนริมฝีปากอย่างอารมณ์ดีอีกครั้ง.. ถึงเขาชอบจะลงมือปฏิบัติทั้งก่อกวน ทั้งสืบข่าว แต่การได้นั่งเงียบๆคอยสังเกตเฝ้ามองปฏิกิริยาของผู้คนรอบกาย ก็น่าสนใจพอๆกัน..

    อัลชาอ์มองร่างของหนุ่มต่างชาติข้างกายที่เงียบเสียงลงและมีท่าทีผ่อนคลายอารมณ์ดีอย่างน่าประหลาด นั่นมันควรจะทำให้เขานึกวางใจ..แต่เปล่าเลย มันกลับทำให้ชีคหนุ่มต้องเกร็งตัวและเฝ้าระวังรอบกายมากกว่าเคยเสียอีก..

    อัลชาอ์มองเสี้ยวหน้าที่มีผ้าคาฟิยะห์ลายตารางหมากรุกพันไว้จนมีเพียงลูกตาโผล่มาของชายหนุ่มข้างตัวอย่างครุ่นคิด.. การทีเขาจับตัวบอสมาเฟียในอนาคตของแกงค์หนึ่งมาไม่ใช่เรื่องล้อเล่น มันเหมือนกับการแหย่เท้าเข้าไปในวงการมืดเสียครึ่งตัวอยู่แล้ว แถมตระกูลวาลกัสของคนๆนี้ดูจะมีอิทธิพลและสายข่าวในท้องถิ่นนี้ดีเกินคาด เพราะไม่ถึงสี่สิบแปดชั่วโมง กำลังคนของตระกูลวาลกัสที่กระจายตัวกันค้นหาชายหนุ่มในบริเวณทะเลทรายโดยรอบซึ่งอยู่ในพื้นที่การปะทะก็เริ่มรุกเข้ามาในเมือง..และทำท่าจะเข้ามาถึงตัวชายคนนี้แล้ว หากเขาออกจากเมืองมาช้าอีกสักนิด อาจจะต้องเจอปัญหาใหญ่กว่านี้แน่ๆ..

    แต่การจะปล่อยตัวไปก็ทำไม่ได้อีกเช่นกัน..นอกจากเรื่องศักดิ์และศรีที่ถูกเหยียบย่ำแล้ว มันยังหมายถึงความปลอดภัยในชีวิตของคนอีกหลายคน กระทั่งต้นตอของผู้ที่ก่อเหตุเหล่านี้ขึ้น เรียกได้ว่าคาวัลโล วาลกัส ชายหนุ่มคนนี้ คือจิ๊กซอว์สำคัญตัวหนึ่ง ที่หากขาดไปแล้ว..ภาพนี้จะไม่เสร็จสมบูรณ์ได้เลย..

ดังนั้น ถึงจะกวนโมโห ปากดีและน่ารำคาญแค่ไหน..การให้คนๆนี้มาอยู่ใกล้ๆมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ..

   “ มีคนของผมตามมาเหรอ?..” คาวัลโลออกปากถามเรียบๆ..แต่ทำให้ชีคหนุ่มชะงัก..ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที..

   “...คุณรีบออกมา..บอกได้สองอย่างคือกำลังตามหาอะไรซักอย่างหรือหนีบางสิ่งบางอย่าง..” คาวัลโล พยายามพ่นเอาผ้าที่จะเข้ามาในปากของตัวเองอย่างนึกรำคาญ “..คุณไม่ได้ใช้แผนที่วิทยุหรือกระดาษจดอะไรมากมายอย่างที่ควรมีตอนไปหาใคร..แต่คุณรีบออกมา มัดมือเท้าผมไว้ทั้งที่ไม่จำเป็น พาขึ้นรถแล้วนั่งขนาบซ้ายขวา..แถมทำหน้าเครียดๆเหลือบมองผมบ่อยๆอีก..อย่างนี้ไม่รีบเอาตัวผมมาเพราะกลัวใครมาเจอแล้วจะว่ายังไง?..”

   “............” อัลชาอ์นิ่งเงียบ ไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับ ทว่าคนพูดก็รู้ดีอยู่แล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง เพราะแค่หัวคิ้วที่กดลึกเข้าหากันนั้นมันก็บอกอะไรมากเกินพอแล้ว ขณะที่อัลชาอ์เงียบ..คราวนี้ถึงคราวที่เขาต้องยอมรับอีกข้อ ว่าผู้ชายคนนี้ฉลาดมากกว่าที่เขาคิด..

   “...ไม่เป็นไร..ผมไม่คิดหนี ต่อให้เจอคนของผม ผมก็ไม่ไป..”คาวัลโลสะบัดหน้าเร็วๆเมื่อผ้ากำลังจะเข้าปากตัวเองอีกรอบ..”..เพราะงั้นจะช่วยกรุณาเอาเชือกที่มัดแขนผมออก หรือไม่ก็เอาผ้าคลุมนี่ออกจะดีมากเลย..แม่ง....ผ้านี่มัน...”

    ว่าแล้วเขาก็สถบพรืดพยายามจะพ่นผ้าที่เข้าไปในปากอีกรอบอย่างหงุดหงิด มันช่วยไม่ได้เมื่อการขับรถด้วยความเร็วสูงจะทำให้ลมที่เข้ามาปะทะนั้นแรงกว่าปกติ และเมื่ออ้าปาก ผ้าที่ปิดหน้าอยู่มันก็เข้ามาในปากที่อ้าออกทันควัน..เวรเอ๊ย..

   “..แค่หุบปากเงียบ..นั่นผมคิดว่ามันคือทางแก้ที่ดีกว่า..” อัลชาอ์ตอบกลับก่อนจะหันมามองตา จ้องนัยน์ตาสีน้ำทะเลเขม็ง..

   “..เลิกพูดปาวๆแบบนี้ได้แล้วถ้าคุณไม่รู้สึกว่าตัวเองน่ารำคาญ ก็ช่วยคิดด้วย ว่ามันทำให้ตัวเองดูน่าสมเพช..”

  คราวนี้คาวัลโลไม่ตอบ เพราะผ้าสีเข้มเข้ามาอุดปากเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...

........................................................

    ท่ามกลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่ที่แผ่ออกไปสุดลูกหูลูกตา โอเอซิสเล็กๆที่มีต้นปาล์มและอินทผาลัมขึ้นอยู่ประปรายนั้นเป็นที่พักผ่อนชั้นดีสำหรับนักเดินทาง ดังนั้น ขบวนของอัลชาอ์จึงตกลงใจพักผ่อนเพื่อรับประทานอาหารและรอคอยเวลาเดินทางอีกครั้ง..เนื่องจากตอนนี้ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตรงหัวเข้ามาทุกที อุณหภูมิที่ร้อนอยู่แล้ว จึงร้อนขึ้นโดยไม่ต้องสงสัย..

    กระโจมพักที่ทำมาจากหนังสัตว์ซึ่งป้องกันความร้อนและฝุ่นทรายได้ดีกว่าวัสดุสังเคราะห์ทั่วไปถูกกางขึ้นสามสี่หลัง แต่ทุกกระโจมที่กระจายตัวอยู่ต่างก็ล้อมวงรอบกระโจมใหญ่ที่สุดราวกับเป็นกำแพงรักษาความปลอดภัย..

    ปลายเท้าสีขาวแช่ลงบนแอ่งหินที่มีตาน้ำเล็กๆผุดขึ้นมาแล้วแกว่งสะบัดเท้าเล่นคลายอารมณ์ คาวัลโล กระชากผ้าคุลมลายตารางหมากรุกออกจากใบหน้าที่เปียกชื้นด้วยเหงื่อ ชายหนุ่มหยิบน้ำสะอาดที่ได้รับมาล้างหน้าโดยเฉพาะส่วนดวงตาที่เปื้อนฝุ่นทรายเม็ดเล็กๆ

    “..เฮ้อ....ร้อนชะมัด...” มือขาวไล้เส้นผมตรงท้ายทอยที่เปียกชื้นแนบต้นคอ หรี่ตาลงมองทะเลทรายกว้างที่มองไปทางไหนก็เจอเปลวแดดไหวระยับ..ยิ่งมองสีสันของมันแล้วก็ยิ่งร้อน..

    “..เฮ้...เอาไหม?..” ออกปากถามองค์รักษ์หน้านิ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังเหมือนเงาตามตัว พลางยื่นขวดน้ำสะอาดในมือไปให้ เขามองเห็นฮาซานรับไปถือ แต่ใบหน้าใต้กุตราห์สีขาวกลับเพ่งมองมันด้วยท่าทีจริงจังเสียจนคาวัลโลนึกระอาใจ..

   “..ผมไม่เอายารึอะไรใส่ไปหรอกน่า มีเวลาที่ไหน..” ชายหนุ่มออกปากบ่นด้วยสีหน้าติดจะรำคาญ “ บอกว่าจะมาก็คือมาสิ บอกว่าจะอยู่ก็คืออยู่...หน้าตาผมมันเหมือนคนชอบโกหกนักรึไง?..”

    คาวัลโลบ่นลอยๆพร้อมกับชักเท้าออกมาจากตาน้ำ สวมมันกลับเข้าไปในรองเท้าบู๊ทพลางสะบัดมือที่เปียกน้ำทำให้มันแห้งด้วยการเช็ดลงกับโธบตัวยาวที่เขาสวมอยู่ ทำเมินสีหน้าตำหนิติเตียนจากฮาซานแล้วเดินดุ่มเข้าไปในกระโจม..

    ตวัดมือเปิดผ้าบังกระโจมสีเข้มแล้วแทรกตัวเข้ามาเงียบๆ เหล่ตามองชีคหนุ่มที่กำลังสั่งการอะไรกับคอมพิวเตอร์เป็นภาษาอาหรับยาวพรืดแล้วนึกเบื่อระอา คาวัลโลจึงกระโจนไปนั่งบนเก้าอี้หวายที่สามารถขนมาด้วยได้อย่างน่าอัศจรรย์

   ความเงียบลอยตัวอยู่ในบรรยากาศได้เพียงห้านาทีก็ถือว่ามากไปแล้วสำหรับคาวัลโล ชายหนุ่มสายเลือดอิตาเลี่ยนมองเสี้ยวหน้าเคร่งขรึมของชีคหนุ่มที่เปลี่ยนจากการสั่งงานทางคอมพิวเตอร์ไปดูอะไรในคอมพ์ด้วยสีหน้าครุ่นคิด..

   “....นี่...”

  “...ตอนห้าโมงเย็นเราจะเริ่มเดินทางกันอีกครั้ง..” น้ำเสียงขัดเรียบๆดังขึ้น ทำให้คนฟังชะงัก และชักสีหน้าหงุดหงิด แต่ก่อนจะได้พูดอะไรรูปถ่ายห้าหกใบก็ถูกยื่นมาให้

   “......เห?...” คาวัลโลครางงึมงำในลำคอ หรี่ตามองภาพ....ดินเนอร์สุดหรูที่ปรากฏอยู่ด้วยสีหน้ายากจะบรรยาย เขาคงไม่คิดจะสนใจมันหรอก ถ้าหากคนในรูปจะไม่ใช่พี่ชายคนโตทั้งสองของเขา ที่มีสีหน้า”ระรื่น”กันจนเกินเหตุ ทั้งที่พวกมันน่าจะรู้ข่าวเรื่องการหายตัวไปของเขาแล้วแท้ๆ..

   “..นี่เป็นภาพที่คนของผมส่งมาให้..รู้สึกว่าเพิ่งจะไปทานกันมาเมื่อคืนที่แล้วนี่เอง...” อัลชาอ์เอ่ยด้วยสีหน้าปกติ แต่ไม่รู้ทำไม คาวัลโลถึงสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามันแฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่เรียกว่า”สมน้ำหน้า สาแก่ใจ”

   “....เอออออออ” หนุ่มอิตาเลี่ยนลากเสียงรับคำยาวๆด้วยสีหน้าเซ็งๆ รู้อยู่แล้วว่าไอ้”ความรักในหมู่พี่น้อง”ที่เขาได้รับจากพี่ชายทั้งสองน่ะสามารถเรียกได้ว่า”ดูแลกันไปอย่างนั้น” ประมาณว่าแค่ห่วงกันไปแกนๆ ไม่ได้ไยดีอะไรนักหรอก นี่เรียกว่าเป็นระดับที่รับได้แล้วหลังจากที่เขาทำการ”กลั่นแกล้ง”พี่ชายฝาแฝดของตัวเองครั้งล่าสุด..ที่ทำเอาพี่ชายคนรองเกือบจะทำฆาตกรรมในครอบครัว..และพี่ชายคนโตแทบจะสั่งมือปืนมาเก็บน้องชายตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด..

   แต่ว่า..ไอ้ความรักอันแน่นแฟ้นของพี่น้องแบบนี้เนี่ย มันไม่น่าจะถูกแฉ...เอ๊ย...ถูกพบเจอโดยคนภายนอกนี่นา..เพราะอย่างนั้นตอนนี้ เขาถึงได้หน้าชานิดๆหน่อยๆ..กับพฤติกรรมที่แทบจะเรียกได้ว่า”ฉลองการจากไปอย่างยินดี” ของไอ้พี่เวรทั้งคู่..

  “..นี่เป็นภาพที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นหรอกนะ..โดยเฉพาะกับพี่ชายที่รู้ว่าน้องชายตัวเองหายตัวไป..แล้ว....” อัลชาอ์หรี่ตาลง มองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าที่มีสีหน้าเหนื่อยหน่าย..เขายิ้มมุมปาก..ไม่ได้อยากจะเย้ยเยาะแค่อดรนทนไม่ไหวก็เท่านั้น..

     “...อืม...มันก็จริง...” คาวัลโลพยักหน้าหงึก..มองภาพดินเนอร์สุดหรูของพี่ชายสุดที่รักทั้งสองแล้วตัดสินใจได้ว่า”ครั้งต่อไป”ที่เขาได้เจอหน้าพวกมัน...รับรองว่าจะต้องทักทายกันหนักหน่อย.. “ แต่ว่า..อ่า....ถ้าคุณคิดว่าพี่ชายของผม..อเล็กซี่ย์ทั้งสองจะร่วมกันวางแผนหักหลังทำร้ายผมล่ะก็....ข้อสันนิษฐานนี้เป็นไปไม่ได้..”

   “...ทำไม?....หรือคุณไม่เชื่อ..คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้งั้นเหรอ?..” อัลชาอ์ออกปากถามพลางยิ้มมุมปาก หากชายตรงหน้าเขายังเชื่อว่าเพียงเพื่ออำนาจ..พี่น้องจะไม่หักหลัง..พวกพ้องจะไม่ทรยศแล้ว..นั่นเป็นความคิดที่อ่อนด้วยสิ้นดี..

   “..โอ....ผมรู้ ...รู้ว่า...หลายคนทำได้ทุกอย่างเพื่ออำนาจและเงินทอง..ไม่ว่าจะพี่น้อง..พ่อแม่ หรือญาติสนิทมิตรสหาย...” คาวัลโลถอนใจเฮือกพลางโบกรูปในมือไปมา “แต่กับสองคนนี้น่ะ ขอเถอะ...”

   เขาหยิบรูปถ่ายใบแรกที่เป็นของพี่ชายคนโตผู้เพียบพร้อมและแย่งตำแหน่งหนุ่มในฝันของสาวๆทั่วอิตาลีไปครอบครองพลางโบกไปมา..

    “...อย่างคนนี้...อเล็กซิส...พี่ชายคนโตของผม...มิสเตอร์เพอร์เฟก..สมบูรณ์แบบทุกอย่าง..ถ้าเขาจะวางแผนหักหลังผมหรือฆ่าใครล่ะก็ เชื่อเถอะว่าต่อให้อีกสิบปีก็จับไม่ได้หรอก..”คาวัลโลบ่นพร้อมกับเอารูปถ่ายชายสองคนผุ้มีใบหน้าประพิมพ์ประพายคล้ายกันมาวางคู่แล้วชี้ให้อีกฝ่ายดู “ เขาจับงาน”ถูกกฏหมาย”ของครอบครัวผม..ทั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์นั่นโน่นนี่เยอะแยะ..พ่อผมไว้ใจเขามากเลยนะ..ทั้งฉลาดทั้งหน้าตาดีหนุ่มในฝันของสาวๆเชียว..แต่ว่า...อา...จุดอ่อน...ขุดอ่อนของหมอนี่กลับเป็น...ไอ้คนนี้...”

   ว่าแล้วมือเรียวก็ชี้ไปที่ชายหนุ่มอีกคนในรูปแล้วเคาะเบาๆ ราวกับชายหนุ่มสองรายในรูปไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับตนเอง และเหมือนกับว่ากำลังวิจารณ์คู่แข่งของตัวเองเสียมากกว่า..ทำให้อัลชาอ์ต้องหันมามองคนที่เขาเคยพูดไปว่าต่อมศีลธรรมชำรุด...ตอนแรกเขาก็แค่พูดเฉยๆแต่ตอนนี้เขาคิดว่ามันอาจจะจริง..

  “..อเล็กเซย์..พี่ชายคนรองของผม ฝาแฝดของอเล็กซี่....หมอนี่ยิ่งต้องตัดออกไปเลย..เขาไม่สนใจหรอกไอ้เรื่องในแกงค์..ออกจะรังเกียจด้วยซ้ำ..ถ้าถามว่าเขาสนใจอะไรที่สุด น่ากลัวจะต้องตอบว่าเป็น..กันและกัน..เฮ้อ....” คาวัลโลครางงึมงัมในลำคอ รู้สึกแปลกๆที่เขาต้องมาอธิบาย”ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก”ของพี่ชายฝาแฝดทั้งสองให้คนนอกรู้..

  “..ไอ้เรื่องนี้นะ...” คาวัลโลมีสีหน้าเครียดไม่น้อยเมื่อบอกกล่าว แต่อัลชาอ์กลับมองเห็นแววตาระยับคล้ายถูกใจของเจ้าตัวชัดกว่า “ ไม่อยากจะบอกเลยว่าไม่แปลกใจที่พอเจอกันต้องมาดินเนอร์..พี่ชายผมสองคน..เลิฟกันมากกว่าที่ใครจะเอาฝ่าเท้าไปเบียดขอที่ตรงกลางได้..โอเค๊...เพราะงั้นที่ฉลอง..มันไม่เกี่ยวกับการหายตัวไปของผมหรอก ถ้าบอกว่าฉลองการพบกันยังจะฟังขึ้นกว่า..”

   “..มองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว..” อัลชาอ์ปรามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

   “...ถ้าคุณรุ้จักสองคนนี้..จะบอกว่าผมมองโลกในแง่ร้ายซะด้วยซ้ำ..” คาวัลโลส่ายหัวพลางถอนใจเบาๆ “ เอาเป็นว่านะ...บ้านผมมีลูกตั้งห้าคน..ชายสี่หญิงหนึ่ง..และไม่จำเป็นด้วยประการทั้งปวงที่จะมาฆ่าผมเพื่อจะแย่งตำแหน่งบอสมาเฟีย..พี่ชายผม ถ้าเขาอยากจะได้ เขาก็รับไปตั้งนานแล้ว เพราะลุงของผมก็ขอตัวเขาตั้งนาน แต่หมอนั่นไม่เอาเอง..สุดท้ายเวรกรรรมเลยต้องมาตกกับคนสุดท้องแบบผมไง..สรุปว่า..ต่อให้คุณมองว่าความรักในหมู่พี่น้องของผมมัน..ดูแย่แค่ไหน..บอกได้เลยว่าไม่มีสมาชิกคนใดในตระกูลวาลกัสอยากได้ตำแหน่งบอสมาเฟียไปครองครอง..”

   “...จะให้ผมเชื่อ..? “ อัลชาอ์หรี่ตาลงน้อยๆ..

   “..ไม่จำเป็น..อันที่จริงขอบใจด้วยซ้ำนะ..ที่ช่วยตามเรื่องให้..” คาวัลโลรับพลางถอนใจเบาๆ “ที่ผมอยากพุ่งเป้าไป น่าจะเป็นฝั่งของลุงผมมากกว่า..ถึงจะไม่อยากรู้เลยว่าใครทำก็เถอะ..”

    “...เรื่องแบบนี่ก็ทำใจยากเสมอ..” คำพูดของชีคหนุ่มทำให้คาวัลโลชะงัก...หันไปสบมองนัยน์ตาสีดำสนิทของอีกฝ่าย..ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบางสบมองแววตาอีกฝ่าย..นิ่ง..นาน....

..นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้สึก..ว่ากำลังเผชิญกับสิ่งเดียวกัน...

...อำนาจ..การรักษาไว้ซึ่งอำนาจ...

การทรยศ..การถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจ...

   นัยน์ตาสีดำคู่นั้นสบมองแววตาสีน้ำทะเลที่เต็มไปด้วยความเข้าใจลึกซึ้งอย่างที่ไม่เคยพบ..และรอยยิ้ม..ที่คราวนี้แปลกตาไป ด้วยมันดูจริงใจกว่าครั้งไหนๆ...

...กระทั่งกริยาท่าทางก็ดูนุ่มนวลกว่าที่ผ่านมา..

   “...เพราะงั้นผมถึงบอกไง...ว่าต้องร่วมมือกัน..”ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนหลังมือของอีกฝ่ายเพียงแผ่วเบา คาวัลโลยิ้มให้อย่างจริงใจ..แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้หวายตัวใหญ่ ชายหนุ่มเดินฮัมเพลงหงุงหงิงออกไปจากกระโจม ไม่ได้หันหลังกลับมาแต่อย่างใด เพราะงั้นเขาเลยไม่ได้เห็นสีหน้าที่ราวกับมีคนเอาขี้อูฐไปป้ายหน้าของชีคหนุ่ม และอัลชาอ์ก็ไม่ได้เห็นสีหน้าของคาวัลโลเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่มีโอกาสเหยียบความมั่นใจของชายหนุ่มซึ่งกำลังอารมณ์ดีอย่างยิ่ง..กับความคิดของตัวเอง..

...ไม่ว่ายังไง สเน่ห์ของมิสเตอร์คาวัลโลก็ใช้ได้เสมอ..

.

.

.

.

.

...ซึ่งคราวนี้มันอาจจะไม่ใช่เสมอไป..

........................................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [5] UP !! 20/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 23-10-2010 16:51:35
  โรงแรม แกรนด์ฮิลตัน UAE ห้อง 1453

       บนเตียงนอนขนาดใหญ่ในห้องสูทสุดหรูของโรงแรมระดับโลก..มีร่างของชายหนุ่มสองคนนอนทอดตัวนิทราอย่างมีความสุข มีเครื่องปรับอากาศส่งเสียงครางเบาๆแหวกความเงียบภายในห้อง

  ก๊อกๆ...

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มสองคนที่นอนก่ายเกยกันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด..ภายในห้องยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวกระทั่งเสียงเคาะประตูนั้นดังขึ้นเป็นครั้งที่ห้า เสียงครางในลำคอของชายหนุ่มคนหนึ่งจึงดังขึ้นเบาๆพร้อมการขยับกาย..

  “...Cara mia~(ตัวเอง,ที่รัก)..อเล็กซี่...” เสียงครางในลำคอมาจากชายหนุ่มร่างเพรียวที่นอนขดตัวและดวงตาปิดสนิทเช่นเดิม ฝ่ามือขาวจัดออกแรงสะกิดอีกฝ่ายเบาๆ..ทำให้ชายหนุ่มใบหน้าคมเข้ม ผิวขาวจัดซึ่งพาดแขนลงกับร่างของตนลืมตาขึ้นมาช้าๆนัยน์ตาสีฟ้าเข้มปรือขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือไม่น้อย แขนหนาที่พาดลำตัวอีกฝ่ายผละออกมายกขึ้นขยี้เส้นผมสีทองของตัวเองเบาๆ..

    ก่อนจะโน้มตัวใกล้ใบหน้าที่เหมือนกันจนแยกไม่ออก ทว่ามีเพียงตัวเขาที่รู้ว่ามีอะไรแตกต่าง..ทั้งนัยน์ตาอีกฝ่าย สีของดวงตาที่อ่อนแสงกว่า เส้นผมที่หยักสลวยมากกว่าของเขาที่เหยียดตรงและมีสีเข้ม ริมฝีปากบางสีสด และวงหน้าที่หวานกว่ามาก...ทั้งเรือนร่างผอมเพรียว และแขนขาเล็กๆ..

   ก๊อกๆ..

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาอารมณ์โรแมนติกตอนเช้าแทบจะสลายหายไปในอากาศ ความอิ่มอกอิ่มใจที่ได้จ้องมองดวงหน้าคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงก็พลอยหายไปด้วย ทำให้ต้องผุดลุกขึ้นจากเตียงนุ่มแล้วคว้าเอาเสื้อคลุมที่ถูกสลัดทิ้งบนพื้นขึ้นมาสวม..

   “..มีอะไร?..” สเตฟาโน่ไม่รู้ว่าเพราะถูกกวนตอนเช้าหรือยังอยู่ในอาการเมาเครื่อง ร่างกายปรับตัวกับเวลาที่แตกต่างไม่ได้รึเพราะเหตุผลอื่นใด คุณชายอเล็กซิสที่เปิดประตูออกมาหาจึงมีสีหน้าหงุดหงิดและอารมณ์ขุ่นพอตัว..ทั้งที่ใบหน้าของเจ้าตัวก็บึ้งพออยู่แล้ว..

   “..ทางเราพบข้อมูลใหม่เกี่ยวกับคุณชายคาวัลโลครับ..” สเตฟาโน่ยื่นซองเอกสารให้อีกฝ่าย อเล็กซิสพยักหน้ารับ พลางเอามากวาดตาดูลวกๆ..

   “..โอเค...ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็มาแจ้งแล้วกัน..ข้อมูลนี่เดี๋ยวผมจะขอดูก่อนแล้วจะสั่งการไปทีหลัง..” สเตฟาโน่พยักหน้ารับ แต่ไม่ทันที่จะอ้าปากถามอะไรคุณชายอเล็กซิสก็ปิดประตูห้องเสียโครมใหญ่ไปแล้ว..

   รูปถ่ายและข้อมูลเมื่อกวาดตาดูคร่าวๆทำให้เล็กซิส จอร์จิโอนี่ วาลกัส บุตรชายคนโต พี่ใหญ่แห่งตระกูลวาลกัสขมวดคิ้วน้อยๆอย่างครุ่นคิด..ขณะที่ทรุดตัวลงบนเตียงหนาอีกครั้ง..

  “Buon giorno (อรุณสวัสดิ์)..เซย์...” ริมฝีปากหนากดลงบนหน้าผากเบาๆ ทำให้คนที่ครางงึมงำลืมตาขึ้นมาในที่สุด นัยน์ตาสีท้องฟ้าสบกับนัยน์ตาสีฟ้าเข้มแล้วยิ้มหวานให้อีกฝ่าย

   “..มีอะไรเหรอ?..” ขยี้ตาเบาๆพลางสบตาคนตัวโตกว่า อเล็กเซย์พาดแขนลงกับไหล่หนาพลางซุกใบหน้าลงกับแผ่นอกที่คุ้นเคยด้วยอาการง่วงงุนปนออดอ้อน..

   “..ข่าวของเจ้าคาล..” อเล็กซิสตอบ พลางทิ้งตัวลงบนเตียงหนาอีกครั้งโดยที่มีแฝดผู้น้องเอนทับตัวเขาไว้ อเล็กเซย์ครางรับเบาๆ ก่อนจะปรือตาขึ้นมามองเอกสารที่อีกฝ่ายยื่นมาให้..
 
  “..ยังไม่ตายอีกเหรอ?..” นั่นไม่ได้แช่ง แต่กับข่าวที่รู้มามันก็ต้องคิดแบบนั้นจริงๆ

   “..หนังเหนียวขนาดนั้นไม่ตายง่ายๆหรอก...นี่ไง...คนของเราบอกว่าหลังการปะทะที่เกิดขึ้นน่ะ..มีคนไปเจอขบวนเดินทางไปที่เมืองหน้าด่านของเซเนียยา แล้วคนที่มาก็เป็นชีคเจ้าของประเทศ..” อเล็กซิสบอกเสียงเรียบ..พลางพิจารณารายละเอียดรายงานที่ได้รับ..

  “..มันไปมีเรื่องกับชีคนั่นรึไง..? “ อเล็กเซย์ถามงงๆ ปรือตามองรายละเอียดตามฝาแฝดของตนบ้าง..

  “..ไม่รู้สิ...” กระดาษในมือถูกละทิ้งความสนใจเมื่อริมฝีปากหนางับติ่งหูแฝดคนน้องเบาๆ ทำเอาอเล็กเซย์หัวเราะรับ..ชายหนุ่มปรือนัยน์ตาสีฟ้าสวยของตัวเองสบกับแววตาของฝาแฝด ความนัยน์ที่รู้กันดีในแววตาทำให้รอยยิ้มประดับบนริมฝีปากทันที..

  “คิดอะไรอยู่ หืม?...”

  “..นิดหน่อย..” อเล็กซิสตอบด้วยท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะยักไหล่าช้าๆ “เอาเป็นว่า..เจ้าคาลยังไม่ตายแน่ๆ ก็คงจะกำลังดิ้นรนอยู่ล่ะมั้ง..”

   “..อืม...เจอดีบ้างก็ดีเหมือนกัน..” อเล็กเซย์รับคำเบาๆ..ก่อนจะยิ้มหวานให้แฝดผู้พี่ “งั้นตอนที่มันยังหายหัวไป..เราก็เอาช่วงตามหา..มาสืบข่าวไปพลางๆแล้วก็พักร้อนกันไปพลางๆดีกว่า..”

   “...น่าสนใจดีนี่...” อเล็กซิสขยับรอยยิ้ม สบมองแววตาของคู่แฝดอย่างอารมณ์ดี..

   “..เนอะ...”

   “..เนอะ...” ปลายจมูกกดลงบนผิวแก้ม เรียกเสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆก่อนที่เอกสารรายงานการหายตัวไปของน้องชายสุดที่รักจะถูกปัดลงบนพื้นห้องอย่างไม่ใคร่จะมีคนสนใจ..

   “...เดี๋ยวนะ...” อเล็กซิสชะงัก..ฝ่ามือที่กำลังตรึงร่างอีกฝ่ายลงกับเตียงผละออกพลางคว้าโทรศัพท์มือถือมากดโทรออก  ท่ามกลางเสียงหอบประท้วงของคนใต้ร่าง..

    “...ชู่ว....ใจเย็นสิ..” ริมฝีปากหนากดลงบนเรียวปากบางที่ส่งเสียงประท้วง กดคลึงมันเบาๆอย่างอารมณ์ดีพลางแนบใบหูกับโทรศัพท์มือถือ..

   “ครับ..” เสียงตอบรับของสเตฟาโน่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงตุ๊บ...ร่างกำยำของแฝดผู้พี่ถูกอเล็กเซย์ผลักให้เป็นฝ่ายนอนลงกับพื้นเตียงบ้างพร้อมกับร่างเพรียวเป็นฝ่ายทาบกายลงแทนที่..

     “...ฉันดูเอกสารแล้ว..”ปลายสายที่มีเสียงขยับกายเสียดสีและเสียงเนื้อปะทะกันนั้นทำให้สเตฟาโน่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย..ถึงแม้ว่าทุกคนที่พบเจอแฝดพี่น้องของวาลกัสจะพอมองออกถึงความสัมพันธ์ที่แนบสนิทชิดเชื้อชนิดที่ว่าเกินไปของทั้งสองคน...แต่ว่า..

     “..ครับ...” ชายวันสี่สิบสองรับคำเบาๆ พยายามไม่สนใจประโยคที่แทรกเข้ามาประมาณว่า”เดี๋ยวสิ..เด็กดี..”หรือไม่ก็..”ดีมาก..ที่รัก” แต่ทว่าเสียงหอบที่ดังแทรกขึ้นมาก็ใช่จะทำเมินเฉยได้ง่ายๆ..

     “..ค้นหาต่อไป...กระจาย....”ปลายเสียงเงียบลงด้วยสาเหตุบางอย่างที่สเตฟาโน่ไม่ทราบ เขาเพียงแต่ได้ยินเสียงจ๊วบจ๊าบเบาๆแทรกขึ้นมาเท่านั้น  “ กระจายกำลังคน...ค้นหา แต่ไม่ต้องเข้าไปวุ่นวายในเมืองมากนัก ..อ่ะ.....(เสียงพ่นลมหายใจแรงจนดังมาถึงหู) เดี๋ยวจะไปเหยียบหางพวกผู้มีอิทธิพลแถวนี้เข้า.แค่นี้นะ..”

   สเตฟาโน่มองโทรศัพท์มือถือของตนที่ส่งเสียงตื้ดมาสองสามครั้งแล้วกระพริบตาปริบๆพลางถอนหายใจอีกเฮือก ..ปลอบใจตัวเองว่าบางทีเขาก็แก่แล้ว..แก่เกินจะเข้าใจเรื่องราวของเด็กหนุ่มๆ..ใช่...หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น..

  เขาวางสายแล้วหันไปสั่งการลูกน้องที่รอคำสั่งอยู่ พลางมองกระดาษพริ้นสีเต็มหน้าเป็นรูปของอนาคตบอสหนุ่มของแกงค์ ที่จะกระจายส่งไปยังชีคเจ้าของประเทศและเหล่าราชวงศ์ในแถบนี้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูล เพื่อช่วยกันตามหาร่าง..ไม่ก็โครงกระดูกของคุณชายคาวัลโล วาลกัส ให้เจอ..

  ไม่ว่าจะเหลือแค่โครงกระดูกก็ต้องหา ไม่ว่าจะไม่มีชีวิตก็ต้องเจอ !!

  นี่เป็นคำประกาศิตที่ได้รับจากเจ้านาย ที่สเตฟาโน่ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี...

......................................................

มิสเตอร์คาวัลโล...ไม่รู้ว่าสเน่ห์ของนายจะใช้ได้อีกแค่ไหนนะ ห้าๆ :laugh:
ตอนนี้เหมือนว่าท่านชีคกับคาวี่จะร่วมมือกันแบบแปลกๆ เกือบจะหวานแล้วเชียว ถ้าคาวี่มันไม่ทำเสียเรื่องซะก่อน คึคึ
  ตอนนี้มีกดแล้วนะค่ะ ใครว่าไม่มี เพียงแต่ไม่ใช่คู่เอกเท่านั้นเอง เอาคู่คุณพี่ชายที่แสนดีไปเชยชมก่อน จะว่าไปก็น่าสงสารลุงสเตฟาโน่มิน้อย เด็กสมัยนี้ทำอะไรไม่เกรงใจคนแก่เลยเนอะ.. o18
ตอนหน้า..และแล้วคาวัลโลก็ไปถึงเมืองหลวง..และ..ได้จะเจอฮาเร็มของท่านชีคในที่สุด...
..พ่อคุณจะโดนโยนเข้าฮาเร็มตามที่ว้อนรึไม่..โปรดติดตามตอนต่อไปค่า.. :bye2:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 23-10-2010 18:04:54
 :z13:
สองพี่น้องฝาแฝดหวานกันซ่ะ :-[

สเตฟาโน่ก็โทรมาขัดจังหวะอีก :impress2:

 :z1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 23-10-2010 18:29:34
พี่ชาย 2 คนกินกันเองซะแล้ว ฮ่าๆ แต่แหมๆท่านชีคไม่คิดจะหลงเสน่ห์ของคาวัลโลหน่อยเหรอคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 23-10-2010 20:00:54
สองแฝดนี่ห่วงน้องบ้างป่าวเนี่ย


ลั้นลามีความสุขกันอยู่สองคนอ่ะ



รออ่านตอนต่อไปค้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 23-10-2010 20:30:19
 :m25: :m25: :m25:



อยากอ่านคู่แฝดเต็มๆอ่า :serius2:


ท่านชีคค่ะ ทำไรให้มันสม"เมะ"ซะมั่ง คาวี่จังยั่วขนาดนั้นแล้ว คงไม่ต้องบอกนะว่าต้องทำไรต่อน่ะ :angry2:


อย่ามาแอ๊บแบ๊วค่ะท่านอัลชาอ์ หัดเอาคู่พี่เค้าเป็นแบบอย่าง :-[



 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 23-10-2010 21:06:47
เสน่ห์ของคาวี่ไม่ได้ใช่ไม่ได้หรอก
 แต่พ่อชีคของเรา ตายด้านตะหาก  :laugh:
แอบสงสารลุงสเตฟานยิ่งนัก
2 หนุ่มนี้ ทำอะไรไม่เกรงใจลุงเลยนะ
แต่ทำบ่อยๆนะ คนอ่านชอบบบ :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 23-10-2010 22:26:43
ฝาแฝดทำไรไม่แคร์จิตใจคนปลายสายที่ฟังอยู่เลยเนอะ

สเตฟาโน่เจอเซ็กส์โฟนไปเต็ม ๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: zombiepe ที่ 24-10-2010 00:29:21
นี่สินะแฝดที่เฝ้ารอคอย  หึหึ
สมใจเป็นที่สุดค่ะ
รักกันแบบนี้ เรารักและเชียร์เท่าชีวิตเลย

ท่านชีคอย่าใจร้ายกับคาวัลจังมากไปนักล่ะ ปล่อยให้กวนๆไปนั่นแหละ น่ารักออก 55
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 24-10-2010 11:00:22
กร๊ากกกกกกกกกกกกกก~
ฮ่าๆๆๆ ขอฮาแบบลั่นโลกก่อนนะ กร๊ากกกกก
ตอนนี้ฮาได้โล่จริงๆเลยขอบอก สุดยอดเลยอะ writer จ๋า แบบว่า กร๊ากกกก ฮาค่า~
ขำทุกฉากทุกตอน ยิ่งฉากที่ประชดประชันพี่ชายของคาวี่...
ฮะๆๆ นึกถึงพี่ตัวเองไงชอบกล(รายนั้นมันก็ไม่สนใจน้องตัวเองเหมือนกัน)
รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อเลยค่า writer สู้ๆ ^-^ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 24-10-2010 17:13:27
โอ๊ย พ่อชีคอัลชาอ์เจ้าขาาา คาวัลโล่มันยั่วขนาดนั้นก็จัดการมันไปซะเลยเส่ :m31: :m16:
หมั่นไส้คาวี่จริงจัง ฮาาาา มันน่าให้จับกดจริงๆนะเอ้อ
ตอนหน้า ไปอยู่ในฮาเร็มเต๊อะ สาธุ ฮ่าๆ ๆๆ

แฝด หวานนน นไม่เกรงใจใครเลยนะเค๊อะเนี้ยยยย  o13
รักกันปานจะกลืนกิน
ไม่ต้องรีบตามหาน้องแบบนี้และดีแล้วจ้ะ ให้เจ้าคาลของพวกเธอไปเป็นของชีคหนุ่มน่ะดีแล้วว วว

รอตอนต่อไปนะจ้ะ  :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 24-10-2010 18:24:03
ฝาแฝดคู่นี้มันช่าง............... :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 24-10-2010 18:55:00
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 24-10-2010 21:35:14
โธ่! พ่อชีคหน้ามึน ถ้าคาวี่ชอบยั่ว(โมโห)นักก็จัดการซะสิจ๊ะ แต่...ชอบฝาแฝดอะ หื่นกันจริงจริ๊งง 5555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 25-10-2010 09:16:44
คู่เอกนี่...ยังหาแววที่จะเอาเวลามารักกันไม่เจอจริงๆ 555555555555
คาวี่นี่ก้ยั่วได้ยั่วดี แต่รู้สึกเหมือนจะทำได้แค่ยั่วโมโหท่านชีคมากกว่านะ
ตอนหน้าท่านชีคจะจับคาวี่โยนเข้าฮาเร็มเลยรึเปล่า...555
ส่วนคู่แฝด...เกรงใจคนแก่ ณ ปลายสายนิดนึง เดี๋ยวจะหัวใจวายตายไปซะก่อนนะเออ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 25-10-2010 19:59:57
ว๊ากกกกกกกกกกกกกก
ลุ้น ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ทีแรกดูเหมือนเนื้อเรื่องจะเรียบ ๆ แต่ที่จริงแล้วมันน่าตื่นเต้นจังฮะ
แบบว่า ให้รู้สึกลุ้น ๆ ดี
ถูกใจ ชอบมากเลยฮะ
แล้วจะติดตาม..ตอนต่อไปนะคัฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 25-10-2010 22:34:01
แอบฮาคู่แฝด ตามหาไปพักร้อนไปซะงั้น
กว่าจะเจอ ก๊ากกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: ☥ŹeMî☠kändä☥ ที่ 26-10-2010 12:31:25
โอ้ สุดยอดมาก  o13 สงสารลุงเขาเหมือนกันนะนั่น  :laugh:

แต่อ่านไปอ่านมา น่าจะให้ลุงเขาโดนด้วยอ่ะ  :m20:

รอตอนต่อไปขอรับ สู้ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 26-10-2010 13:44:09
อยากอ่านต่อมากมาย แอร๊ยมากๆ จิ้นคาวี่กับอัลซาไปถึงไหนต่อไหนแล้วนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 26-10-2010 15:50:28
ฝาแฝดคู่นี้เรียกเลือดได้ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [6] UP !! 23/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 27-10-2010 15:54:42
  Line : 7
      ไม่อยากจะยอมรับว่าตัวเองไม่มีสเน่ห์ มันเป็นเพราะผู้ชายที่เขากำลังหว่านสเน่ห์เป็นมนุษย์”ตายด้าน” ต่างหาก...

  คาวัลโลแน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อเดินทางมาถึงเมืองหลวงของประเทศเซเนียา ชื่อว่าทัสคานี  ไอ้ตึกรามบ้านช่องทันสมัยหรือชาวบ้านชาวเมืองที่มารับท่านชีคน่ะ ไม่ได้ทำให้เขานึกสนใจเท่ากับ”สาวๆ”ที่มารอรับท่านอยู่หน้าวังเลยสักนิดเดียว..

     ครั้งแรกที่คาวัลโลมองเห็น”วัง”ของท่านชีคถนัดตา ก็ต้องหรี่สายตาลงอย่างพิจารณา ว่าด้วยความหรูหราของมันแล้ว..ภายนอกอาจจะเทียบเท่ากับวังอาบูดาบี..แต่ข้างใน มันกลับดูหรูไฮแบบทันสมัยเยี่ยงพระราชวังดูไบ.. สรุปว่าไอ้วังชั่วคราวที่เขามาอยู่ตอนแรกๆนั้นเทียบไม่ได้กับเศษขี้เล็บของวังในเมืองหลวงของท่านชีคเล้ย..

  แต่คิดแล้วก็ต้องมองหน้าอัลชาอ์อีกรอบ..และอีกรอบเป็นการพิจารณาซ้ำ..ว่าด้วยข้อสงสัยที่ว่า..หนึ่ง... วังของท่านก็ออกจะหรูหรายิ่งใหญ่..เหตุไฉนถึงแปรพระราชฐานไปเดินเล่นในทะเลทรายได้..และสอง..ไหนเอ็งบอกว่าไม่มีฮาเร็ม..ไอ้สาวๆที่มารอรับนี่มันอะร้ายยยยย..เหอะ หวงกันกลัวเขาไปห่านสเน่ห์ให้สาวๆพวกนี้มาหลงรักสิท่า..

    ว่าแล้วก็มองสาวสวยเชื้อสายอาหรับสามสี่นางที่ยืนเรียงกันยิ้มหวานให้ท่านชีคอยู่..แต่ละคนทั้งสวยทั้งอึ๋มแถมยังยิ้มหวานเอาใจเก่งด้วย..ไม่เหมือนแม่สาวแถบยุโรปที่ออกจะมั่นอกมั่นใจเกินเหตุ ไม่เคยจะมาพินอบพิเทาเอาใจแบบนี้หรอก..แล้วดูสาวๆพวกนี้สิ นอกจากจะยิ้มหวาน เอาน้ำเอาอะไรมาต้อนรับแล้ว ยังทำกระทั่งเอารองเท้ามาเปลี่ยนให้ท่านชีคที่ยืนทื่อสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิดอีก..เหอะ..ดูแล้วมันน่าอิจฉาชะมัด 
 
   แต่เสียงกรุ๋งกริ๋งของสร้อยและกระพรวนข้อเท้าที่ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏกายของหญิงสาวอีกคนหนึ่งยิ่งทำให้คาวัลโลเลิกคิ้วสูงขึ้นอีก..ชายหนุ่มยืนเงียบอยู่ในขบวนผู้ติดตามอย่างไม่กระโตกกระตาก แม้อยากจะอ้าปากค้างแล้วผิวปากใส่แม่สาวคนนี้แค่ไหนก็ตาม..

   คาวัลโลเคยมาเที่ยวประเทศในแถบนี้ค่อนข้างบ่อย ทั้งมากับลุงหรือมาเองตามคำชวนคำเชิญของคนโน้นคนนี้..แต่ตามถนนหนทางที่เขาเดินไปหรือกระทั่งในร้านอาหารภัคตาคารต่างๆก็จะเจอแต่หญิงสาวชาวอาหรับที่คลุมผ้าสีดำทั้งตัว ชนิดที่เหลือแต่ลูกกะตาดำให้มอง แถมมองมากยังไม่ได้อีก เพราะงั้นความงามของสาวๆชาวอาหรับนี่..ต้องมองแล้วมองอีก ชนิดที่ว่าเพ่งจนลูกกะตาแทบปลิ้นถึงจะได้ยลว่าโฉมของท่านงามแค่ไหน..

    แต่กับแม่สาวคนนี้...ถึงเธอจะอยู่ในชุดเสื้อคลุมตัวยาวและคลุมใบหน้าไว้เสียครึ่งหนึ่งก็ตามแต่..ทว่า แค่ดวงตาสีดำสนิทที่คมเข้มโดดเด่นขนตางอนยาว และผิวแก้มขาว สันจมูกโด่งที่โผล่ออกจากผ้าคุลมหน้าเพียงรำไร ก็เพียงพอแล้วที่จะให้ชายใดได้มองแล้วใจสั่น..เรือนร่างสะโอดสะโองแม้จะสวมเสื้อคลุมตัวยาวสีพีชก็ไม่อาจจะปิดบังความสวยงามของเรือนร่างไปได้..กระทั่งรอยยิ้มหวานๆที่ซ่ออยู่ภายใต้ผ้าคุลมหน้าก็ยังเปล่งประกาย แสดงออกมาทางแววตาคู่นั้นจนเขามองแล้วยังนึกเคลิ้มแทน..

   แต่ก็นั่นแหละ...ทำไมมันถึงใช่ไม่ได้ผลกับชีคอัลชาอ์เล่นเดิม เพราะท่าก็ยังทำหน้านิ่งๆมึนๆของท่านต่อไปอย่างนั้น..ดูแล้วคาวัลโลชักจะแน่ใจว่าหมอนี่ต้องเป็น Lady boy ..แบบว่าชายอยากเป็นหญิงจนตัวสั่นแหงๆ เพราะหญิงสวยขนาดนี้ยังไม่แล แถมชายหนุ่มหล่อๆมีสเน่ห์แบบมิสเตอร์คาวัลโลก็ยังนิ่ง..แบบนี้กระเทยชัวร์ !!

  “...ท่านพี่...” เสียงหวานๆของสาวคนนั้นทำให้คาวัลโลหลุดจากภาวะการสาปแช่งและวิเคราะห์ตัวตนของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยา..เขามองไปทางหนึ่งชายและหนึ่งหญิงที่พอมายืนเคียงคู่กันแล้วดูเหมาะสมและงดงามเหมือนภาพฝัน..เพียงแต่มันคงดีกว่านี้ถ้าชายคนนั้นจะไม่มีสีหน้านิ่งสนิทจนน่ารำคาญใจ คาวัลโลชักอยากไปยืนตรงนั้นแทนแล้วยิ้มหวานให้แม่สาวสวยคนนี้เสียรู้แล้วรู้รอด..

   “..ฟาติมะห์..ขอบคุณที่มารับ..” น้ำเสียงของท่านชีคตอนนี้นุ่มหูและแปลกจากที่เคยได้ยินเสียจนคาวัลโลต้องแอบหัวเราะ..ทีพูดกับสาวละก็หวานเชียวทำไมไม่หัดสุภาพกับชายชาวอิตาลีบ้างก็ไม่รู้

   “..ไม่เป็นไรค่ะ..พี่อัลชาอ์..น้องเพิ่งมาถึงพอดีเหมือนกัน..” สาวสวยนั่นก็ตอบเสียงหวาน..เสียแต่คาวัลโลฟังไม่รู้เรื่องเนื่องจากมันเป็นภาษาอารบิค เขาก็ได้แต่มองหน้าหวานๆนั่นไปพลางๆ

    “.....” ความเจ็บแปล๊บๆตรงปลายเท้าทำให้คาวัลโลหันขวับ..เขามองสบตาฮาซานที่ยืนอยู่ข้างๆ..ก้มมองปลายเท้าของตนเองที่เท้าใหญ่ๆในร้องเท้าบู๊ทอันยักษ์ของฮาซานกำลังขยี้มันช้าๆ...ชนิดที่ว่าเจ็บจี๊ดไปถึงขั้วสมอง..

   “...อย่ามองมาก...นั่นไม่ใช่คนที่คุณจะเอื้อมถึง..” เสียงกระซิบนั้นทำเอาคนฟังชักเดือด คาวัลโลถลึงตาใส่ฮาซานเป็นคำตอบ..ในใจเขากำลังนึกเคืองกับคำพูดขององค์รักษ์หนุ่ม..เอื้อมไม่ถึง มีอะไรที่เขายังเอื้อมไม่ถึง คนอย่างคาวัลโล วาลกัส อยากได้อะไรก็ต้องได้ ต้องการอะไร เพียงแค่ออกปากทุกอย่างก็จะมากองตรงหน้าแบบที่ปรารถนา..ตัวเขาที่เป็นถึงอนาคตบอสมาเฟียที่มีทั้งอิทธิพลและเงินมหาศาล..จะมีใครกล้าชัดใจ และจะมีใครกล้าปฏิเสธงั้นหรือ?..

   “...คุณก็ระวังปากไว้เสียบ้าง..ไม่อย่างนั้นจะเสียใจภายหลัง..” คาวัลโลสบตาฮาซานกระซิบบอกอีกฝ่ายเสียงเย็น..เขาเกลียดการถูกขัดใจ..และเกลียดที่สุดกับการดูถูกดูแคลนว่าเขาทำไม่ได้..อีกทั้งตอนนี้อารมณ์ของเขาก็ไม่ได้ปกตินัก อาจจะนึกอยากคว้าปืนขององค์รักษ์หนุ่มมาระเบิดสมองเจ้าตัวให้เละคามือสักครั้งก็ได้..

   คาวัลโลหันกลับไปมองภาพการสนทนาที่ยังไม่เลิกราสักทีของสองหนุ่มสาว..ขณะที่ฮาซานนิ่งเงียบ จ้องมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มสายเลือดตะวันตกอย่างครุ่นคิด...ไม่อยากจะยอมรับว่าสายตาเมื่อครู่นั้นทำให้เขาเย็นวูบไปทั้งตัว..แววตาของชายหนุ่มที่บ่งบอกว่าอย่าคิดจะลองดี และประกายความเหี้ยมโหดที่ฉายออกมาลึกๆ.ทำให้เขาต้องเปลี่ยนความคิด จากที่เคยคิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าดีแต่พูดมากไร้สาระ..

    “ อัลชาอ์...ยินดีที่ได้พบ..” น้ำเสียงของชายร่างใหญ่..ในชุดโธปตัวยาวคลุมทับด้วย”มิชลาฮ์”เสื้อคุลมสีทองที่ใช้สวมทับโธปซึ่งเหล่าราชวงศ์หรือผู้มีอันจะกินทั้งหลายมักนิยมใส่กัน..ชายคนนั้นสวมกุตราห์สีขาวและอิกัลสีทองแบบมีภู่ห้อย..ใบหน้าค่อนข้างอวบอูมและมีสีแดงอยู่ตลอดเวลาคล้ายคนแพ้ความร้อน ปลายคางมีหนวดเคราที่ถูกตัดเล็มสั้นๆตามที่ชาวอาหรับนิยมไว้กัน..ดวงตาของชายคนนั้นเล็กเรียวจ้องมองมายังอัลชาอ์พร้อมกับสวมกอดและแตะแก้มกันตามประเพณี

    “..เช่นกันขอรับ..ท่านลุงอาเหม็ด..” ถึงคาวัลโลจะฟังภาษาอาหรับไม่รู้เรื่อง..แต่คำว่าอาเหม็ด...ที่ได้ยินนั้นทำให้คิ้วของคนฟังขมวดมุ่น..ชายหนุ่มได้ยินเสียงพ่นลมหายใจแรงด้วยความรังเกียจของฮาซานใกล้หู ทำให้เขารู้ว่าชายคนนี้คงไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก..

     “...ลุงก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน..พร้อมๆกับเจ้านั่นแหละ...อ้า....” ชายคนนั้นชะงักและหันไปยิ้มให้ชายอีกคนที่เพิ่งมาถึง..คาวัลโลหรี่สายตาลง มองชายหนุ่มอีกคนที่เดินมาสมทบ..ชายชาวอาหรับที่มีดวงตาสีเขียวมรกตและวงหน้าหล่อเหลาคมเข้ม เส้นผมสีดำสนิทตัดสั้น เขาไม่ได้สวมชุดโธปเช่นคนอื่น แต่อยู่ในชุดขี่ม้าและเส้นผมที่ค่อนข้างยุ่งและเปียกชื้นก็บอกได้ว่าคงกำลังออกกำลังกายมาหมาดๆ..

     “..ท่านลุง...ท่านพี่อัลชาอ์...” ชายหนุ่มที่มาใหม่เดินเข้ามาแตะแก้มทักทายกับทั้งสองหนุ่ม และยิ้มทักทายสาวสวยคนเดียวในกลุ่มเล็กน้อย..รอยยิ้มที่แสนจริงใจและที่สเน่ห์ที่โปรยออกมาทำเอาสาวๆที่อยู่ในแถบนั้นทำหน้าเคลิ้มกันเป็นแถว..ส่วนคาวัลโลแบะปากเป็นเชิงหมั่นไส้ ไอ้รอยยิ้มจริงใจใสซื่อทรงสเน่ห์แบบนี้ เขาเห็นจากพี่ชายคนรองมามากพอ..และมากพอจะรู้ด้วยว่ามันเป็นรอยยิ้มหลอกลวง พอๆกับยิ้มของตัวเองนั่นแหละ...

     “..ฟาลซาอ์..ยินดีเช่นกัน..” การกอดทักทายเป็นธรรมเนียมแบบแกนๆ ดูหลองลวงยิ่งกว่าความสัมพันธ์อันแนบแน่นของคาวัลโลและผองพี่เสียอีก..และแบบนี้ท่านชีคอัลชาอ์ยังจะมีหน้ามาเยาะเย้ยเรื่องครอบครัวชาวบ้านเขาอีกเหรือนี่..ไม่ได้ดูตัวเองสักนิด..

    “..ดีจริงที่มาเจอกันพร้อมหน้า..อัลชาอ์ ลุงว่าเราไปทานอาหารเที่ยงกันเลยดีไหม?..ให้พวกคนติดตามของหลานได้...” น้ำเสียงของอาเหม็ดชะงักไปเมื่อกวาดมองเหล่าผู้ติดตามที่ยืนทื่ออยู่แล้วมองเห็นร่างของชายหนุ่มชาวยุโรปยืนอยู่ในหมู่คน แน่นอนว่ามันเหมือนกับเกมส์โฟโต้ฮันท์ ที่คาวัลโลเป็นสิ่งแปลกปลอมซึ่งคนมองสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน..

   แต่ท่าทีชะงักและผงะไปเล็กน้อยนั้นมันเหมือนมีอะไรแฝงมากกว่าที่เห็น คาวัลโลมองเห็นว่าในดวงตาคู่นั้นมันฉายแววตกตะลึงและช็อคค้างไปไม่น้อย...แววตาแบบนี้เขารู้จักดีกับท่าทางของคนที่ได้รู้จักและพบเจอเขาในฐานะทายาทของมาเฟียตระกูลวาลกัส..แต่ทว่า..ท่านอาเหม็ดคนนี้จะรู้จักเขาได้ยังไง?..

    “..เขาเป็นเลขาส่วนตัวที่ผมตกลงจ้างมานะครับ..” อัลชาอ์พูดเรียบๆเป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับหันมามองหน้าคาวัลโล.. “เชิญครับ..มิสเตอร์คาวัลโล...”

   คาวัลโลก้าวเข้าไปตามคำเชิญ ทว่าสายตาเหลือบมองอาเหม็ดที่ยิ่งผงะเมื่อได้ยินเชื่อของเขา..และกริยานั้น..กระทั่งชายหนุ่มที่ชื่อฟาลซาอ์ก็ยังมีด้วย..

   นัยน์ตาสีน้ำทะเลหรี่ลงเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด ขณะที่เขาโค้งตัวเล็กน้อยและแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงนุ่มหู

   “...ผม คาวัลโล เตอเกียเร่..ยินดีที่ได้รู้จักครับ..” รอยยิ้มการค้าอันเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวปรากฏขึ้นอีกครั้งกระทั่งน้ำเสียงก็ยังนุ่มนวลเสียจนคาวัลโลนึกอยากจะอ้วก..ทว่าเขาก็ยังคงยิ้มตาใสด้วยมาดชายหนุ่มหน้าตาดี มีความรู้..และ..ไร้เล่ห์เหลี่ยมอันตรายใดๆ..

    “..ท่านนี้คือท่านลุงของผม ชีคอาเหม็ด อัล ทาร์คาน มูซา มูอัสซิน.. “ ชื่อทั้งยากและยาวเสียจนเปลืองเม็มโมรี่ในสมอง คาวัลโลยิ้มรับพลางยื่นมือจับกับมืออวบอูมของฝ่ายตรงข้ามขณะที่บอกตัวเองว่าจำแค่อาเหม็ดก็มากพอแล้ว เขาก็ยังคงสวมมาดชายหนุ่มคงแก่เรียนเช่นเดิม และยังมีรอยยิ้มนุ่มๆพาดผ่านริมฝปากเช่นเคย...

    “...ยินดีที่ได้รู้จักครับ ท่านชีค หวังว่าผมคงมีโอกาสรับใช้..” ริมฝีปากเอ่ยคำพูดออกมาอย่างคล่องปาก กระทั่งกริยาท่าทางก็ไร้ที่ติ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่ารอยยิ้มและท่าทางเหล่านั้นเป็นเรื่องปั้นแต่งทว่าอัลชาอ์ก็อดจะทึ่งกับการแสดงของอีกฝ่ายไม่ได้..

    “..ผมฟาลซาอ์ครับ..เจ้าชาย ฟาลซาอ์ โมฮัมเหม็ด  บิน ราชิด..ยินดีที่ได้รู้จัก..”ท่าทียินดี”เกินไป”ของเจ้าชายหนุ่มที่แทบพุ่งมาจับมือจุดความสนใจของคาวัลโลอีกครั้ง..เขาสบมองดวงตาสีเขียวของอีกฝ่ายที่พราวระยับด้วยความดีอกดีใจเป็นพิเศษและยิ่งนึกสงสัย ทว่าคาวัลโลก็ยังคงยิ้มรับและจับมือกับชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันตรงหน้า...และ...ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า..ว่ามือคู่นั้นจับมือของเขาแน่นเป็นพิเศษ..

 “....ยินดีเช่นกันครับ..เจ้าชาย..” ...ทำอย่างกับเจอดาราในดวงใจ..คาวัลโลเหลือกตาขึ้นแว้บหนึ่งอย่างนึกสงสัย แต่เขาก็ยังยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเคยชิน และพบว่ารอยยิ้มที่ได้กลับมามันช่างหวานเสียจนน่าขนลุก..

...หรือว่า...ฟีโรโมนตัวไหนของเขามันส่งกลิ่นอีกไม่ทราบ..

 “..อืม..ฟาลซาอ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมเอง....เขากำลังเรียนอยู่ที่อังกฤษตอนนี้เป็นช่วงซัมเมอร์เลยกลับมาเที่ยวบ้านน่ะ....”อัลชาอ์แทรกขึ้นมาเสียงเรียบ คาวัลโลทำหน้าเข้าอกเข้าใจพลางยิ้มให้ฝ่ายนั้นและแงะมือตัวเองออกมาจากมืออีกฝ่ายช้าๆ..ใช่ว่ามิสเตอร์คาวัลโลจะเป็นเด็กน้อยไร้ประสบการณ์ แม้ไม่อยากจะจดจำประสบการณ์ถูกผุ้ชายด้วยกันจีบสักเท่าไหร่..แต่ก็จำได้แป๊ะ..ว่าความรู้สึกมันแบบนี้ชัดๆ.
..
..กับไอ้คนที่ไม่ต้องการนี่..ฟีโรโมนมันช่างแรงเหลือเกินนะ..

   คาวัลโลลอบถอนหายใจและพยายามอย่างยิ่งในการจะหลบหลีกสายตาของเจ้าชายหนุ่ม..ไม่ใช่ว่าอาย แต่ไม่อยากจะหาเรื่องให้ตัวเองโดดเด่นเป็นที่สนใจมากกว่านี้ต่างหาก..เขาหันไปยิ้มหวานให้หญิงสาวคนเดียวในกลุ่ม จะอ้าปากแนะนำตัวแต่เธอกลับหลบตาไม่ยอมมองซะนี่..

  ...อยากจะเกาหัวแกรกๆให้รู้ว่าสงสัย..แต่เขาก็ตัดสินใจเงียบก่อนที่ท่านชีคอัลชาอ์จะทำหน้าเหมือนอยากกินหัวเขาไปมากกว่านี้..

   “..อย่างนั้นผมเชิญคุณไปร่วมทานอาหารกับเราด้วยแล้วกัน..ได้ไหมอัลชาอ์..กับเลขาของหลานก็คงไม่เป็นไรกระมัง..” ท่านอาเหม็ดออกปากด้วยท่าทีเป็นมิตร ขณะที่อัลชาอ์ชะงัก มองหน้าลุงตัวเองก่อนจะพยักหน้าช้าๆ..

  “...ได้สิครับ..คุณคาวัลโลก็คงไม่ปฏิเสธหรอกใช่ไหม?..” น้ำเสียงถามนั้นแสนสุภาพและเป็นกันเอง แต่กับแววตาที่มองมานี่ไม่ใช่ คาวัลโลยิ้มหวานแสยะให้อีกฝ่ายแล้วก้มหัวรับคำช้าๆ

   “..ครับ..ได้มีโอกาสร่วมโต๊ะกับราชนิกูลของประเทศทั้งที..ผมไม่ปฏิเสธแน่นอน..”มาดชายหนุ่มแสนสุภาพและกริยามารยาทนุ่มนวลช่างแสนจะจับตาเหล่าผู้กุมอำนาจของรัฐไว้เหลือเกิน จนแววตาจ้องเขม็งของอัลชาอ์ไม่ได้ทำให้เขาสะเทือนด้วยซ้ำ..คาวัลโลตอบรับคำเชิญแล้วก็ขอตัวไปจัดการตัวเองพร้อมกับพรรคพวกที่เดินทางไปด้วยกัน..ระหว่างทางเขาก็ยังคงยิ้มหวานให้กับเหล่านางกำนัลไปด้วยโปรยสเน่ห์ไปด้วยอย่างคนอารมณ์ดี..

   “..นี่เป็นห้องพักของคุณ...” ฮาซานบอกเสียงเรียบ พลางผายมือและส่งกุญแจห้องให้อีกฝ่าย อยู่ห่างกับห้องบรรทมของฝ่าบาทแค่สองห้อง เผื่อพระองค์จะเรียกใช้ด่วนตอนกลางคืน..” เรียกใช้อะไรกันว่ะ? คาวัลโลอยากจะถามไอ้คนพุดไปตรงๆซะจริง แต่เขาก็ทำได้แค่หยักหน้ารับและหยิบกุญแจมาจากมือฮาซานเท่านั้น...

   “..อีกสักครู่จะมีนางกำนัลมาเชิญคุณไปทานอาหารกลางวัน..กรุณาแต่งตัวสุภาพและฝึกมารยาทบนโต๊ะอาหารให้ดีด้วยนะครับ..”

   ว่าแล้วองค์รักษ์หนุ่มก็เปิดประตูห้องให้และปิดมันลงดังโครม..ทิ้งให้คาวัลโลยืนนิ่งอยู่ในห้อง และก้มมองกุญแจในมือตนเองเงียบๆ..

  ...มารยาทบนโต๊ะอาหาร?

    มือขาวบีบกุญแจบนฝ่ามือแน่น คาวัลโลชักอยากจะปามันลงพื้นขึ้นมารำไร เขาส่งสายตาจ้องเขม็งไปทางประตูอย่างหงุดหงิด ไม่รู้ว่าไอ้บ้าฮาซานมันมีอะไรกับเขานักหนา พูดจาแต่ละทีไม่ด่าก็ประชดประชัน ทำเอาอยากจะคว้าคอมันมาทุ่มลงกับพื้นนัก..

  ทำเป็นมาพูดว่าให้ฝึกมารยาทบนโต๊ะอาหาร ไอ้เวรเอ๊ย...ไปฝึกพูดมาก่อนซะเถอะแก !! กล้ามาสั่งสอนให้มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่อย่างคาวัลโล วาลกัส ฝึกมารยาทบนตะอาหารเรอะ แค่มีดที่ใช้ตัดสเต็ก ชั้นก็เอามันเขวี้ยง ใส่กบาลแกจนตายได้นะเฟ้ย !!

    ฟึดฟัดฮึดฮัดไปก็เท่านั้น เพราะยังไงหมอนี่มันก็ต้องเป็นคนคอยตามติดเขาอยู่ดี นึกไปถึงเจ้านายของมันแล้วยิ่งหงุดหงิด อัลชาอ์มันรู้ทันเขาเกินไปจริงๆเสียด้วยสิถึงส่งองค์รักษ์นิสัยแบบนี้มา..ชิ น่ารำคาญได้ทั้งเจ้านายทั้งลุกน้อง..

   คาวัลโลเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหงุดหงิด เขาเงยหน้ามองเตียงสี่เสาแบบโบราณแล้วเบ้หน้า..ห้องนี้เป็นห้องที่ตกแต่งแบบยุโรป มีเตียงสี่เสาแบบโบราณใช้ผ้าสีพีชขลิบมุมบนหัวเตียงโดยรอบ แถมผ้าห่มยังเป็นสีชมพูลายดอกไม้อีก หวานแหววอย่างกับผู้หญิง ดูแล้วขนลุกชะมัด !!

  ทั้งที่เป็นประเทศในโซนร้อนบรรลัย มีทะเลทรายอยู่โดยรอบ แต่ในห้องพักนี้กลับมีกระทั่งเตาผิงด้วยซ้ำ..เก้าอี้สองตัวและโต๊ะเตี้ยๆถูกวางไว้ตรงหน้าเตาผิง ผนังห้องสีขาวครีมติดวอลเปเปอร์สีชมพูลายดอกไม้ เพดานสีมุขมีโคมไฟห้อยลงมาจากเพดาน ฝั่งซ้ายของเตียงเป็นระเบียงห้องผ้าม่านสีชมพูเข้มทิ้งตัวลงปิดแสงสว่างที่ส่องลอดออกมา คาวัลโลเดินไปเปิดผ้าม่านแง้มออกช้าๆ มองเห็นวิวของสวนสวยในวังและยามรักษาการเป็นจุดๆ ระเบียงกับห้องที่นี่ถูกกั้นด้วยประตูกระจกใสที่สามารถเปิดออกไปสุดอากาศภายนอกได้

    โดยรวมแล้วห้องดูดี..แต่จะดีกว่านี้ ถ้ามันไม่ได้มีสีสันแบบห้องของผู้หญิง...ดูแล้วนอนไม่หลับโว้ย !! จะนั่งลงบนเตียงยังต้องคิดแล้วคิดอีกเลย..ทำแบบนี้ยังกะจงใจแกล้งกันชัดๆ

   คาวัลโลเดินไปที่ประตูห้องแล้วกระชากออก แน่นอนว่าสิ่งที่เขาคิดเป็นจริงเมื่อพบว่าฮาซานมันยังคงเสร่อเฝ้าอยู่ข้างนอกเหมือนเดิม..องค์รักษ์หนุ่มจะอ้าปากทักแต่เขายกมือกันไว้ กระชากเสียงห้วน..

   “...แน่ใจนะว่านี่เป็นห้องพักของผม !! “ น้ำเสียงของเขาแทบจะเป็นกระชากด้วยซ้ำ..

   “...ครับ...ใช่..” ฮาซานหยักหน้ารับด้วยสีหน้าปกติสุข..

   “...ขอเปลี่ยนห้อง..” น้ำเสียงของคาวัลโลแผ่วต่ำ นัยน์ตาหรุบลงช้าๆ ถ้าเป็นคนที่รู้จักกันแล้วละก็ พวกเขาจะถอยห่างเพราะรู้ได้ว่าอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้นเมื่ออยู่ใกล้...แต่ทว่าฮาซานไม่รู้และเขาก็ยังคงยืนนิ่งๆอยู่ตรงนี้เช่นเดิม..

   “...ทำไม?..นี่เป็นคำสั่งของชีค..ให้คุณอยู่ห้องนี้ อย่าเรื่องมากนักเลย “ และน้ำเสียงขององค์รักษ์หนุ่มที่กวนใจมาทั้งวันก็ยังดังออกมาอย่างเหยียดๆเช่นเดิม..
กริ๊ก....

   “...งั้นแกจะมาแลกห้องกับชั้นมั้ยล่ะฮาซาน..ก่อนที่หัวสมองของแกจะถุกเป่ากระจุย..” ปืนพกที่ปกติจะเหน็บอยู่บนบั้นเอวถูกแย่งมาแต่เมื่อไหร่ไม่รู้...ที่ฮาซานเห็นตอนนี้คือดวงตาสีน้ำทะเลที่วาววับด้วยความหงุดหงิดโมโห และปากกระบอกปืนสีดำที่จ่อลงบนขมับของตน..

   “...ผมไม่อนุญาต..” น้ำเสียงราบเรียบของตัวการดังขึ้นข้างหลังทำเอาคาวัลโลกัดฟันกรอด เขาหันขวับไปมองหน้าท่านชีคอัลชาอ์ที่ยืนพิงผนังอยู่เบื้องหลัง..ด้วยสีหน้าไม่รู้สีกรู้สาอะไร..

   “.....นี่คุณจะแกล้งกันใช่ไหม?..ถึงให้ผมอยู่ห้องแบบนี้..นี่มัน...”

    “..ก็คุณบอกว่าอยากอยู่ในฮาเร็มผมนัก...ผมเลยนึกว่าจะชอบของแบบนี้ไง...” วาจาของท่านชีคทำเอาคนฟังเริ่มแยกเขี้ยว..ปากกระบอกปืนที่จ่ออยู่บนขมับขององค์รักษ์หนุ่มเริ่มจะเปลี่ยนทิศ...

   “...เชิญมีรสนิยมแบบนี้ไปคนเดียวเถอะ...ท่านชีค...Lady boy ...”  คาวัลโลส่งเสียงเรียบพลางออกแรงเหวี่ยงปากกระบอกปืนกระแทกศรีษะคนพูดสุดแรง...เขาสถบเป็นภาษาอิตาเลียนดังลั่น ไม่สนใจอัลชาอ์ที่หลบปลายกระบอกปืนพ้นอย่างหวุดหวิดโดยมีเสือดสีเข้มไหลออกมาจากหน้าผาก..

     คาวัลโลกระชากคอเสื้อชีคหนุ่มแล้วออกแรงเขย่าๆแรงๆด้วยความหงุดหงิด..ไม่ใช่ว่าเขาจะมาฟิวส์ขาดเพราะเรื่องห้องนอนงี่เง่าแบบนี้ แต่นี่เป็นความหงุดหงิดที่เขาเก็บมานับแต่ได้เจอหน้า ทั้งถูกยั่วโมโหและพูดจาเสียดสีกวนประสาท..แม้จะเอาคืนอีกฝ่ายไปมากพอกันหรือมากกว่า..แต่ความโกรธเคืองก็ไม่ได้หายไปไหน..และมันก็มาขาดสะบั้นลงง่ายๆเพราะไอ้คำพูดของอัลชาอ์เมื่อครู่..

   “...ผมไม่ใช่ตัวตลกหรือของเล่นของคุณนะ...ถ้าอยากจะทำตามที่ตกลงกันไว้ก็อย่าทำแบบนี้ ถึงชีวิตผมจะอยู่ในกำมือคุณ..แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีสิทธิทำอะไรกับผมก็ได้แบบนี้ !!!  ไปตายซะไป !!..”

     คาวัลโลหลบฝ่ามือที่พุ่งเข้ามาจัดการตัวเขาได้อย่างง่ายดาย เขาส่งลูกเตะไปที่ท้องของฮาซานอย่างรวดเร็ว และปล่อยมือจากคอเสื้อของชีคหนุ่มด้วยนัยน์ตาวาววับไปด้วยความโกรธเคือง..เขาออกแรงถีบประตูห้องตัวเองแรงๆแล้วเดินเข้าไปปิดประตูโครม..

     กระแทกตัวลงบนเก้าอี้เบาะนวมหนานุ่มหน้าเตาผิงปลอมๆดูทุเรศตา ความโกรธที่แล่นพล่านในสมองยังไม่ลดลง ถึงเขาจะรู้ว่าการทำแบบนี้ไม่ต่างกับการฆ่าตัวตาย แต่จะทำไงได้ในเมื่อคนมันโมโหจนขาดสติ..

     คาวัลโลยกมือขึ้นเสยผมยุ่งๆของตัวเองอย่างหงุดหงิด..ต่อให้ตอนนี้จะมีพวกทหารหรืออะไรพวกนั้นกรูกันเข้ามาจับตัวเขาและเอาไปยิงทิ้งก็ไม่อยากจะสนใจ..มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่เขาจะต้องมาก้มหัวนอบน้อมคนพวกนี้ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ต่อให้เขาจะตั้งใจฆ่าอัลชาอ์จริง หมอนั่นก็ไม่มีสิทธิมาพิพากษาการกระทำของคนอื่น เพียงเพราะว่าตัวเองไม่ชอบใจอย่างนี้..

    ออกแรงถีบเก้าอี้ตรงปลายเท้าแรงๆจนมันเอนลงไปบนพื้นโครมครามแล้วก็ยังไม่หายหงุดหงิด ตั้งแต่ถูกจับแล้วเขาก็เครียดมาตลอด คิดเรื่องสารพัดทั้งเรื่องที่บ้านเรื่องแกงค์ แล้วยังต้องมาปรับตัวต่างๆนาๆ เพื่อที่จำทำตามแผนให้สำเร็จ..แต่ดูผลตอบแทนของมันเถอะ ไอ้บ้านั้นทำอย่างกับเขาเป็นของเล่น เป็นตุ๊กตาเสียบกบาลหัวกลวงไว้เขย่าเล่นเท่านั้น..

 แอ๊ด...

   “..อะไร...ถ้าจะมาจับผมไปยิงทิ้งหรืออะไรเทือกนั้นละก็ ไม่ต้องมาลีลาพูดมาก..จะทำก็ทำ” คาวัลโลตวาดเสียงห้วน ไม่ได้หันกลับไปมองด้วยซ้ำว่าใครเดินเข้ามา..

   “..คุณคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นรึไง...” น้ำเสียงคุ่นหูดังขึ้นพร้อมกับร่างของอัลชาอ์เดินมาดึงเก้าอี้ที่เอนล้มมานั่ง คาวัลโลพ่นลมหายใจแรงๆออกจากจมูก มองดูใบหน้าของชีคหนุ่มอย่างโกรธเคือง หน้าผากข้างซ้ายที่มีร่องรอยถูกกระแทกจนเลือดไหลออกมาซิบๆไม่ได้ทำให้เขาหายโมโหขึ้นเลยสักนิด..

  “..แล้วไง..รึว่าจะจับผมประจานก่อน..” คาวัลโลสวนกลับ ฝ่าเท้าออกแรงถีบโต๊ะเตี้ยๆที่คั่นระหว่างเขาสองคนแรงๆเป็นการระบายอารมณ์..

  “..ใจเย็นสิ...” อัลชาอ์ไม่มีท่าทีโกรธเคืองแบบที่เขาคิด แถมยังนั่งนิ่งด้วยอารมณ์เย็นเกินคาด เขาออกปากปรามเสียงเบาและใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กๆติดอยู่ ชวนให้ขัดหูขัดตากว่าเดิม

    “เย็นอะไรอีก...” คาวัลโลตอบเสียงห้วน “รู้ไหมว่าผมต้องใช้ความอดทนแค่ไหนในการอยู่ร่วมกับคุณ..แม่งเอ๊ย...ตั้งแต่เรื่องงี่เง่าสารพัดที่เกิดขึ้น สมองผมยังไม่ได้พักเลยนะ นี่น่ะสุดจะทนแล้ว สติแตกแล้ว รู้จักมั้ย !! เป็นบ้าและอยากจะฆ่าคนน่ะ.. อัลชาอ์ !!“

   “..อยากให้แผนการ์ณของเราล้มเหลวรึไง..ทั้งที่เรื่องมันมาจนป่านนี้แล้ว..” อัลชาอ์ออกปากถาม ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินเข้ามาใกล้คาวัลโลที่ยังออกอาการหงุดหงิดฮึดฮัดไม่พอใจ

   “..ไม่!! ผมไม่สนใจ..ไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องบ้าพวกนี้แล้ว ไปติดต่อคนของผมเดี๋ยวนี้ จัดการให้มันเสร็จๆไปเลย จะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายอีก!!” คาวัลโลประกาศกร้าว ไม่คิดจะร่วมมืออีกต่อไป จะต้องเสียงเงินหรือเสียคู่ค้าหรือต้องสู้กัน อะไรก็ช่างหัวมันแล้ว เรื่องคนทรยศเขาก็สืบเองได้ ไม่จำเป็นต้องมาอยู่แบบนี้เลยสักนิด ไม่จำเป็น !!..

   “..นี่....ทำไมคุณพูดจาเอาแต่ใจแบบนี้...” อัลชาอ์เอื้อมมือกำแขนอีกฝ่ายแน่น..สบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่เต็มไปด้วยความว้าวุ่นและหงุดหงิดใจ พอจะเข้าใจว่าคนที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยการตามใจและไม่เคยถูกใครบังคับเช่นคาวัลโล มาเจอกันสภาพที่ต้องทนอยู่แบบนี้ ก็ต้องอึดอัดและหงุดหงิดใจเป็นธรรมดา..

   “..แล้วไง...มันเรื่องของผม..คนที่คิดจะฆ่าผมแบบคุณน่ะอย่ามาพูดจาห่วงใยหน่อยเลย !! “ คาวัลโลสะบัดแขนหนี ออกแรงผลักร่างสูงของชีคหนุ่มที่เข้ามาประชิดตัวให้ขยับห่างออกไปจากตัว..ทว่ามือหนากลับลอกแขนเขาไว้แน่นทั้งสองข้าง และพาดเขามากันไม่ให้ตัวเขาลุกขึ้นได้อีก..

   คาวัลโลกัดฟันกรอด พยายามขยับกายหนี แต่ขนาดตัวที่ต่างกันมากทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้อย่างใจ  เขาถลึงตาใส่อัลชาอ์อย่างหงุดหงิด แต่เมื่อสบมองนัยน์ตาสีเข้มของชีคหนุ่ม อีกฝ่ายกลับมีแววตาประหลาดที่เขาไม่เคยเห็นทอดมองมาเสียอย่างนั้น... คาวัลโลชะงัก เขาจ้องมองนัยน์ตาคู่นั้นด้วยความงวยงงกึ่งสงสัย..

   “...เอาเป็นว่าผมขอโทษคุณที่ให้อยู่ที่นี่...ความจริงมันเป็นห้องของฟาติมะห์ที่เธอจะมาพัก..แต่ผมเห็นว่าคุณเป็นคนสำคัญเลยอยากให้อยู่ใกล้ๆ..ถ้าคุณโกรธ..ผมขอโทษนะ...คนดี...”วาจาชวนขนลุกและน่าสยดสยองแบบที่เขายังไม่เคยได้ยินจากอัลชาอ์ดังขึ้นจากปากชีคหนุ่ม..ความนัยนั้นทำเอาคาวัลโลตัวแข็งทื่อ เขาอ้าปากค้าง จ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่มอย่างตะลึงพรึงเพริด...

   “..อะ....อัล..ชาอ์.....” คาวัลโลถึงกับพูดไม่ออก..เขาได้แต่อ้าปากค้างขณะที่สมองมึนตื้อ..ได้แต่มองหน้าชีคหนุ่มที่ยังส่งแววตาหวานๆมาให้ แววตาที่ส่งมาให้ราวกับว่าเขาเป็นสุดที่รัก เป็นดวงใจของอีกฝ่ายทำเอาขนหัวพากันลุกพรึ่บพรั่บและใบหน้าร้อนผ่าวไปถึงลำคอ..

   “...นะ...นะครับคาล..ผมรู้ว่าผิดที่บังคับคุณ..แต่ผมทำลงไปเพราะคุณเป็นคนสำคัญของผมจริงๆ...” วาจาหวานเลี่ยนนั้นยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่ยอมหยุดลงแค่นั้น..คาวัลโลขยับปากคล้ายจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ถูกริมฝีปากหนากดทับให้ทุกสิ่งเงียบสนิท..

ในหัวของเขายังคงมีคำถาม..ว่าเกิดอะไรขึ้น...และ

อัลชาอ์จูบเก่งชะมัด..

.....................................................................................

  เกิดอะไรขึ้นกับมิสเตอร์อัลชาอ์??? หรือว่าท่านชีคจะจับคาวี่ของเราไปไว้ในฮาเร็มจริงๆ
ส่วนคาวี่...ที่โมโหเนี่ย...โมโหหึงชิมิจ๊ะลูกรัก..(โดนคาวี่ถีบ :z6:) เพราะเอ็งงอนสะบัดได้สาวแตกมาก กร๊ากกกกกกก.... :laugh: :laugh:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 27-10-2010 16:24:42
อึ้งแดร๊กกก กันไปเลยใช่มั้ยกับว่าจาหวานเลี่ยนของท่านชีค

แถมยังโดนจูบอีก

ท่านชีค มีแผนอะไรหรือเปล่าเนี่ย

รอลุ้นดีกว่าว่าคาวี่จะทำยังไงต่อไป  :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 27-10-2010 16:32:50
ท่าทางท่านชีคสตอฯมากกก



ไหนๆคาวี่ของเราท่าจะนอนห้องนั้นไม่หลับเเล้วก็ย้ายไปนอนห้องท่านชีคเลยดิ  o18



ปล."ผมขอโทษนะ...คนดี.." << ประโยคนี้ทำหนูขนลุกอ่ะ  :m15:
ปล.2 คนที่สาวแตกท่าทางจะเป็ฯคาวี่มากกว่าล่ะม๊างงงง :laugh:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 27-10-2010 16:50:09
ตกใจท่านชีค อยู่ๆก้มาโหมดหวานแหวว...มึนเลย
ทีนี้คาวี่ก้ไปต่อไม่ถูกซะแล้ว ท่านชีคมาโหมดใหม่...
จะสะตอฯแค่ไหน...ก้ทำคาวี่มึนไปเหมือนกัน...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 27-10-2010 17:45:30
พฤติกรรมเช่นนี้ของท่านชีคทำให้งงงวยสับสนอยู่ไม่น้อย อึ้ง!!!มากค่ะ

ไม่ใช่ว่าแบบ เมื่อไหร่ที่อยู่ไกล้เธอฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไปหรอกนะ คาวี่น่าร๊ากกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 27-10-2010 17:50:04
อ้าวๆๆๆ แอบนิ่งมาตั้งนาน ไงท่านชีคเปลี่ยนอารมณ์ไปหวานสะดื้อๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 27-10-2010 18:48:05
งง  :o10: o2


และ




ค้างงงง :serius2:

 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 27-10-2010 19:22:07
 :o อัลชาอ์จะมาไม้ไหนเนี่ย จริงหรือตอแหล ?
จู่โจมกระทันไปมั๊ย อย่าว่าแต่คาลขนหัวลุกเลย แม้แต่คนอ่านยังขนลุก แบบว่าปรับตัวตามอารมณ์ไม่ทัน   :z3: :z3:
ถ้าท่านชีคเกิดจะเอาจริงขึ้นมา คาวี่คงไม่พ้น เสร็จแหงๆ
ฟาติมะห์ นี่เป็นน้องสาวท่านชีคหรือเป็นอะไรกันแน่ล่ะ ?

ปอลอ. คาวี่มันสาวแตกจริงๆนั่นแหล่ะ เห็นภาพสะบัดบ๊อบใส่กันเลยทีเดียว
 :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: pearleye ที่ 27-10-2010 20:17:48
 o18 มันต้องมีใครดูอยู่แน่ๆเลย

...ใช่ไหมคะ

 :laugh:

กราบ สวัสดีท่านปุ้ยอีกครา ยังจำกุหลาบอยู่ได้ไหมเอ่ย ><
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Five_Prince ที่ 27-10-2010 21:17:47
ไม่ใช่คาวี่คนเดียวที่ตั้งตัวไม่ทัน

คนอ่านก็ตั้งตัวไม่ทันด้วย  o22
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: JinJin ที่ 27-10-2010 22:01:44
 :z10: ค้างอะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 27-10-2010 22:10:07
 :o  :o :sad3: o21

ทำเอาอึ้งกันไปเลยกับพ่อชีคอัลชาอ์ของเรา
ป๊าดดดดดด ดดด
นั่นมันอ่ะร๊ายยย ยย ขนลุกด้วยคน
มาแบบไม่ทันตั้งตัว อยู่ๆก็มาแบบนี้มันก็  :a5: :a5:
มีเรียก คาล ด้วยอ่ะ เหอๆๆ
จูบอีกต่างหาก!!!!  :m12:
ระวังติดใจล่ะสิเจ้าคาวี่เอ๋ย ฮ่าๆ ๆๆ


ตอนต่อไปนี่มาด่วนเลยนะค๊าาาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 27-10-2010 22:21:09
...อ่านตอนนี้แล้วอึดอัดขัดใจตาม คาลไปด้วย

แบบ ฮึ้ยยย มันต้องเป็นแผนอะไรแน่นอน
หลอกใช้กรูอยู่แหง๋ๆ
เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวมีล้างแค้น

แอบอยากซัดฮาซานตามไปด้วย (อินอ่ะ อิน)
โดนเตะไปทีเดียว ไม่สะจวายยยเลย

ยังไงก็แล้วแต่ ยกนี้น้องคาน เอ้ย คาลแพ้อัลชาเห็นๆ 1-0

T^T
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 27-10-2010 22:42:14
์ำMe // หัวเราะกึกึๆ ขนหัวลุกดันทั้งกระทู้เลยวุ้ย..
.
.
. เป็นนิยายเรื่องแรกจริงๆที่พระเอกจูบนายอกแล้วคนอ่านขนหัวลุกแทนที่จะชอบ (ฮ่าๆ)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 27-10-2010 22:44:27
ต้องเป็นแผนของชีคหนุ่มสุดหล่อแน่นอน

เพราะพี่แกดูจะไม่ใช่แนว หวานซึ้ง


แกก็ชอบนะ   :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 27-10-2010 22:56:09
ให้เดานะ ต้องมีใครมาแอบดูแน่ๆ เลย

ไม่งั้นท่านชีคคงไม่มาพูดหวานๆ + ถึงเนื้อถึงตัวคาวี่แบบนั้นแหละ


แต่ก็ทำเอาเราตั้งตัวไม่ทันเลยแหะ  :laugh:

เอ๊ะ หรือว่าท่านชีคตัดสินใจส่งคาวี่ไปฮาเร็มตามคำขอแล้ว  :m20:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 27-10-2010 23:22:16
ตายแล้วโดนจูบซะแล้วท่านชีคมีแผนอะไรป่ะเนี่ย


จับกดเลยๆๆๆเชียร์ๆๆๆอิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 28-10-2010 05:07:19
แบบว่า...อึ้ง ไปตามๆ กันทีเดียวเชียวล่ะฮะ
มาโหมดนี้....เล่นกันงี้ก้แย่ดิ
รับไม่ทันเลยอ่ะนะ
แต่ว่า....ค้างมากเลยนะฮะ

มาต่อเลยดีกว่า
แล้วจะรอตอนต่อไปคัฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 28-10-2010 08:20:10
งงละซิครับท่าน ชีคนี่ก็เปลี่ยนอารมณ์เร็วจริงนะ สงสัยคงมีใครเข้ามา แต่...เป็นแบบนี้ก็ดีนะ ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 28-10-2010 10:34:34
เกิดอะไรขึ้นกับท่านชีค o22 o22
แล่วๆๆๆ
คาลงานเข้าๆ :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 28-10-2010 12:15:44
ท่านชีคผีสิงเหรอ  ทำไมจู่ๆก็...คาลสาวแตกแน่ๆงานนี้ 55+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 28-10-2010 12:49:23
ปรับตัวไม่ทันจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 28-10-2010 13:30:05
กร๊ากกกกกกก ฮ่าๆๆๆๆ มีตอนไหนไม่ฮาบ้างมั้ยเนี่ย กร๊ากสุดโต่งจริงๆเลยพี่ท่าน จบตอนได้หักมุมสุดๆจริงๆ กร๊ากกกก
ประโยค “..ก็คุณบอกว่าอยากอยู่ในฮาเร็มผมนัก...ผมเลยนึกว่าจะชอบของแบบนี้ไง...”
โดนสุดๆเลยจริงๆให้ตายเถอะซาร่า กร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 28-10-2010 17:29:53
อัลชาอ์จูบเก่งชะมัด..
ประโยคนี้เด็ด

คาวี่สาวแตก ท่านชีคของเราก็มาดหลุด??
แต่อยู่ๆมาหวานแบบนี้ปรับตัวไม่ทัน
สู้ให้ตบแล้วจับกดให้หายโกรธยังจะชินกว่า 555555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 28-10-2010 21:30:31
อยู่ๆชีคก็เปลี่ยนไป
แต่เปลี่ยนไปทางที่ดีนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 29-10-2010 09:26:37
แอร๊ยยยเกิดอะไรขึ้น
ทำไมอยู่ๆ มาพูดจาได้น่าสยองเช่นนี้
ว่าแต่ท่านชีคจีบเก่งจริงเด่
โฮะๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 29-10-2010 13:45:16
ไรเตอร์คะ...ค้างค่ะ!! :serius2:

คาลอึ้งกิมกี่...คงไม่ใช่มีใครดูอยู่หรอกนะ อัลชาอ์ทำแบบนี้ทำให้นึกถึงคู่อเล็กซี่กับเซย์  o13

งานนี้ไม่รู้คาลจะเคืองเพิ่มหรือเคลิ้มเพราะจูบกันแน่  :o8:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 29-10-2010 13:46:33
Line : 8

      คาวัลโลเบิกตากว้าง..ขณะที่ชีคหนุ่มยังคงมอบจูบหวานๆให้อย่างไม่ยอมหยุด..เขาได้แต่อึ้ง..และมึนงงความโกรธที่เคยปะทุปานภูเขาไฟระเบิดถูกดับมอดไปเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้..เขารู้แต่ว่าตอนนี้ริมฝีปากของชีคหนุ่มกำลังประกบริมฝีปากของเขาแนบแน่น ปลายลิ้นพยายามเข้ามาตวัดเกี่ยวกับลิ้นของเขา..และฝ่ามือทั้งสองข้างก็เลื่อนเข้ามาประคองใบหน้าไว้ คาวัลโลพยายามผลักร่างที่ทาบทับตัวเขาไว้ทั้งตัวให้ขยับห่าง แต่ก็เป็นไปได้ยากเพราะแรงที่เขาผลักไปกลายเป็นแค่การสะกิดเล็กๆและทำให้อีกฝ่ายยิ่งทวีความร้อนแรงกับจูบ..แรกของพวกเขาทั้งคู่มากขึ้น..

   แม้จะหมดเรี่ยวแรงจะขัดขืน แต่คาวัลโลก็ยังพยายามคิดดิ้นรนหาทางออก หัวสมองหมุนติ้วพยายามหาสาเหตุว่าไปแตะสวิชต์หื่นตัวไหนของเจ้าตัวเข้า เรื่องมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ทั้งที่ผ่านมาเขาทั้งยั่วทั้งล่อลวงก็ยังไม่เห็นผล..

   “...อือ.....” คาวัลโลพยายามสะบัดหน้าหนีเพราะเริ่มหมดอากาศหายใจ ก็ใครใช้ให้จู่ๆท่านชีคอัลชาอ์หน้าเป็นคนนี้มาจูบเขาล่ะเว้ย จากที่เคยเชี่ยวก็กลายเป็นเด็กน้อย หัวสมองที่เคยแล่นฉิวกลับเฉื่อยชาขึ้นมาทันควัน..กระทั่งหายใจยังจะไม่ทันเลย..ทั้งที่ปกติเขาไม่ได้เป็นแบบนี้เสียหน่อย นี่แค่ตกใจต่างหาก...

  “....อัล...”

เพล้ง....

  เสียงของตกพื้นทำให้สองหนุ่มชะงัก...คาวัลโลหายใจหอบเมื่ออีกฝ่ายยอมผละจากริมฝีปากของเขาได้ในที่สุด..ขณะที่อัลชาอ์ยืดตัวขึ้น เบิกตากว้างจ้องมองประตูห้องด้วยสีหน้าตะลึงพรึงเพริด..

   คาวัลโลเช็ดริมฝีปากตัวเองด้วยแขนช้าๆอย่างงุนงง เขายืดตัวขึ้นจาเก้าอี้มองตามอีกฝ่าย..ก่อนจะชะงัก..สีหน้าเหรอหราไม่ต่างกัน..

   ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขาคือสาวสวยที่ชื่อฟาติมะห์ เธอมีแก้วน้ำและถาดใส่อะไรบางอย่างอยู่ในมือ และเบื้องหลังก็เป็นเจ้าชายฟาลซาอ์ที่เพ่งมองพวกเขาทั้งสองคนด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง..

   “..นี่มัน....” เจ้าชายหนุ่มเอ่ยออกมาช้าๆ...จ้องมองหน้าเขาสลับกับอัลชาอ์ไปมา..

   “...พี่....อัลชาอ์...” หญิงสาวคนนั้นอุทานชื่อชีคอัลชาอ์เบาๆ คาวัลโลหัวหมุนติ้ว เขาไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จึงไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี..จะบอกว่าไม่จริง..ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันก็ไม่ได้..และจะบอกว่าท่านชีคนี่จูบเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้เหมือนกัน เพราะเมื่อกี้เขาก็แอบผสมโรงด้วยนิดหน่อย..ไม่ใช่สิ..ก็แค่..ไหลไปตามน้ำ แต่นั้นเอง..

   “...เอ่อ.....คือ.....”

   “..คาล....อย่าพูดอะไรเลย...” คาวัลโลอ้าปากจะพุด ทว่ามือหนาของชีคอัลชาอ์ตะปบเข้าที่เอวของเขาแล้วกระชากเข้าหาตัวทันที..ด้วยแรงที่ไม่ใช่น้อยๆ แม้ในสายตาของคนอื่นมันจะเป็นการแตะเนื้อต้องตัวด้วยความสเน่ห์หา แต่คาวัลโลรู้แน่ว่ามันไม่ใช่..

  เขามองฟาติมะห์ที่สะอื้นออกมาเมื่อท่านชีคคว้าตัวเขาไปใกล้ และเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง...

   “...ท่านพี่อัลชาอ์...ผมอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น..” องค์ชายฟาลซาอ์เอ่ยขึ้นมาช้าๆ..สบมองพวกเขาสองคนอย่างเคร่งเครียด..เจ้าชายหนุ่มเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษเป็นการถามเขาไปในตัว..

   “...นี่...”

   “...หยุดได้แล้ว..”คาวัลโลตัดบทเรียบๆ..เขาก้มหน้านิ่งสะบัดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของฝ่ามือหนา.. “...พอ..ผมจะกลับ...”

   “..คาล....” อัลชาอ์ทำหน้าเหมือนโลกจะสลายเมื่อเขาทำท่าจะเดินออกไป พลางออกแรงกระชากเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว..คาวัลโลแสร้งปลิวไปตามแรงนั้นเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง..ชีคหนุ่มกอดเขาไว้แน่น..ก้มหน้ามาเหมือนจะกอดไว้ไม่ให้ไปไหน..

   “...แผนสูงนักน่ะท่านชีค..เล่นแบบนี้สักวันเถอะ..” คาวัลโลกัดฟันกรอด กระซิบเสียงเหี้ยมกับแผ่นอกของอีกฝ่าย..

  “...ช่วยกันหน่อยน่า..เร็ว..” อัลชาอ์เอ่ยตอบเสียงเรียบ..” อย่าทำเสียเรื่อง ผมอุตส่าห์วางแผนมาตั้งขนาดนี้แล้ว..”

  “.......”คาวัลโลไม่ตอบแต่เอื้อมมือซัดกำปั้นลงบนท้องของอีกฝ่าย แม้ในสายตาคนอื่นจะดุไม่รุนแรงอะไร แต่คนชกและคนถูกชก รู้ดีเชียวว่ามันเจ็บแค่ไหน..

   “...ผมบอกคุณแล้ว...” คาวัลโลผละออกมาจากแผ่นอกหนา นัยน์ตาสีน้ำทะเลแดงก่ำและคลอไปด้วยหยดน้ำตาที่จะรินไหล... ชายหนุ่มยกมือขึ้นเช็ดตาตัวเองแรงๆไม่อยากเสียน้ำตาให้ใครเห็น..

  “คุณเป็นชีค..เป็นผู้นำประเทศ..ผมกับคุณ...เราไม่มีทางไปกับได้หรอก...คุณมีผู้หญิงที่ดี...เพียบพร้อมและน่ารักอยู่ข้างๆแล้วแท้ๆ...จะ...คุณจะ...พาผมมาอีกทำไม...” เขาเอ่ยเสียงสั่น ไม่ยอมสบตาใครคนไหน มือทั้งสองข้างกุมใบหน้าไว้ มีเพียงเสียงพูดที่พร่าสั่นลอดออกมาแผ่วเบา..

   “...คาล...” อัลชาอ์เอื้อมมือดึงแขนคาวัลโลไว้แน่น..ใบหน้าของเขาฉายแววเจ็บปวดแสนสาหัส.. “ อย่าพูดแบบนี้..ผมขอโทษ..ผมจะ...”

   “..ไม่ เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้..ปล่อยผมไปเถอะ...”คาวัลโลเม้มปากแน่น สะบัดแขนหนีการจับต้องของอีกฝ่าย เขาพยายามดึงตัวออกมา แต่อัลชาอ์ดึงแขนเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยให้ชายหนุ่มจากไปไหน..

   สีหน้าของชายหนุ่มทั้งสองคนฉายแววเจ็บปวดแสนสาหัส แววตาสองคู่ที่สบมองกันนั้นทั้งเศร้าสร้อยและปวดร้าวเสียจนคนมองยังรู้สึกได้ นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ฉ่ำชื้นไปด้วยรอยน้ำตาที่รื้นขึ้นมาสบมองนัยน์ตาสีดำสนิทของชีคหนุ่มจ้องเขม็งราวกับพยายามจะสื่อความนัย

 “ ...เล่นให้แนบเนียนหน่อยซี..เดี๋ยวแผนก็แตกกันพอดี” นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง..

  “.เงียบไปเลย คุณนั่นแหละแสดงแย่ สมควรได้รางวัลแรซซี่อวอร์ด “ ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องตอบอย่างไม่ยอมแพ้ เขาดึงแขนออกจากมือขอชีคหนุ่มที่ชักจะบีบแรงขึ้นเรื่อยๆ..

“..ใครกันแน่ที่ไม่แนบเนียนนะหา..ที่เอาปืนฟาดหัวผมเมื่อกี้ยังไม่ได้ชำระความเลยนะ” อัลชาอ์ออกแรงบีบแน่นขึ้นอีก พลางส่งสายตาเอาเรื่องให้อีกฝ่าย

“ งั้นเหรอ ที่ผมทำนี่ไม่ได้ช่วยคุณเลยรึไงกัน..อย่ามาบงการหน่อยเลย” คาวัลโลถลึงตาใส่ชีคหนุ่มพลางสะบัดแขนออกสุดแรง..

    “ปล่อยผม !!  อัลชาอ์ ปล่อย...” คาวัลโลดึงแขนตัวเองออกมาพลางทำท่าจะถลันออกไปจากห้อง..ทว่าเขาก็ชนกับร่างอวบอูมทีถลันเข้ามา..และถูกเจ้าชายฟาลซาอ์ดึงแขนขึ้นมาทันควัน...

   ถ้าปกติเขาคงหันไปด่าเจ้าคนสองคนที่มาเสือกไม่เลือกที่..แต่ตอนนี้ที่ต้องสวมบทบาทคนรักของท่านชีคอัลชาอ์ ผู้ซึ่งกำลังจะเสียสละให้คนที่รักไปมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ..และทำเพื่อคนที่รักอย่างสุดชีวิต ดังนั้นคาวัลโลจึงได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามแรงฉุดดึงของเจ้าชายฟาลซาอ์ที่พยุงเขาขึ้นมาจากพ้นช้าๆ...อย่างที่เขาคิดว่ามันจะช้าเกินไปแล้ว..

  “..เป็นอะไรรึเปล่าครับ..” น้ำเสียงถามแสนห่วงใยของเจ้าชายหนุ่มทำให้คาวัลโลแอบแบะปาก มองเห็นแววตาแสดงความสงสัยแว้บนึงเข้าจึงเริ่มเบ้ปาก..และ...สะอื้นออกมาเบาๆ...

  “...อัลชาอ์..นี่มันเกิดอะไรขึ้น..ฟาติมะห์..ลุกเป็นอะไร?..” น้ำเสียงถามภาษาอาหรับของท่านชีคอาเหม็ดทำให้อัลชาอ์นิ่งและเม้มปากแน่น..ขณะที่ฟาติมะห์เริ่มตัวสั่นและสะอื้นฮักออกมา..

   “...ท่านพี่อัลชาอ์..ขอคำอธิบายกับเรื่องนี้ด้วยครับ..” เจ้าชายฟาลซาอ์เอ่ยเสียงเรียบ พยุงไหล่ของคาวัลโลไว้และบีบเบาๆคล้ายจะปลอบใจชายหนุ่มที่กำลังกลั้นสะอื้นจนตัวสั่น..

    “..คาล...มาหาผม..”อัลชาอ์ยื่นมือมาหาคาวัลโลที่ยืนอยู่ในอ้อมแขนของเจ้าชายฟาลซาอ์ นัยน์ตาคู่นั้นเหมือนจะวาววับขึ้นด้วยความโกรธ..

   “....ไม่.......” คาวัลโลเอ่ยเสียงสั่น ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตาใคร...เพื่อที่จะได้ไม่มีใครรู้..ว่าเขากำลังกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น..

  “...คาวัลโล...มาหาผมเดี๋ยวนี้ !! “ อัลชาอ์ตวาดลั่น ทำเอาคนที่อยู่ในห้องต่างสะดุ้งเฮือก เจ้าชายฟาลซาอ์เผลอปล่อยไหล่ของหนุ่มอิตาเลียนอย่างลืมตัว และนั่นทำให้ชีคหนุ่มคว้าแขนอีกฝ่ายเข้ามาหาตัวอย่างรวดเร็ว..

  “..ไอ้บ้าเอ๊ย..เบาๆหน่อยไม่เป็นรึไงหา..” คาวัลโลกระซิบเสียงเครียดกับแผ่นอกหนาที่ดึงเขามากระแทกอกอีกรอบ..

   “ เงียบไปเลย ผมเห็นนะว่าคุณกำลังกลั้นหัวเราะ” อัลชาอ์ตอบเสียงขุ่น และนั่นทำให้คาวัลโลต้องกลั้นหัวเราะอีกรอบ แต่เขาก็ฉลาดพอที่จะยกมือมากอดเอวชีคหนุ่มและซุกหน้าลงไปเพื่อจะได้ไม่มีใครมองเห็นสีหน้าของเขา..

  “..ขอห้าวิ..” คาวัลโลกระซิบตอบเนื้อตัวสั่นกึกๆด้วยอาการกลั้นขำ..

  “..ถ้าชักช้าล่ะก็..” อัลชาอ์เอ่ยเสียงเรียบ และคาดโทษไว้ด้วยการตวัดแขนกอดรัดร่างที่ซบอกเขาไว้อย่างแนบแน่น...แน่น...จนคาวัลโลแทบจะกระดูกแหลก..

   “..ฟาติมะห์...อัลชาอ์...นี่...นี่มัน...” ท่านชีคอาเหม็ดถึงแก่การพูดไม่ออก  เขาเพ่งดวงตาเรียวเล็กของตัวเองจ้องมองภาพการโอบกอดของชายหนุ่มสองคนตรงหน้า...ความสงสัยเคลือบแคลงในใจนับแต่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องยิ่งมีมากขึ้นกับพฤติกรรมของชายทั้งสอง..

   “...ท่านลุง...ผมขอโทษ...” อัลชาอ์เอ่ยเสียงเครียด เขายังคงกอดร่างของหนุ่มชาวต่างชาติไว้แนบอกและเงยหน้ามามองสบตาทุกคนด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดและแววตาเคร่งเครียด..

    “หมายความว่ายังไง อัลชาอ์..” ชีคอาเหม็ดเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ ลุงรู้ข่าวว่าเจ้ามีเรื่องวิวาทกันหน้าห้องพักของฟาติมะห์..แล้วนี่....”

   “..ไม่ได้วิวาทหรอกครับ..แค่ปรับความเข้าใจเล็กน้อย..” อัลชาอ์ออกปากตอบ เขาก้มหน้าลงต่ำ..พึมพัมอะไรสักอย่างกับคนในอ้อมแขน พร้อมกับอ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้นราวกับชายหนุ่มต่างชาติคนนั้นจะเลือนหายไป..นั่นยิ่งทำให้ชีคอาเหม็ดยิ่งคลางแคลงใจหนักขึ้น..

  “..จะหยุดหัวเราะได้รึยัง..ถ้ายังจะขำต่อ..” อัลชาอ์กระซิบถามเครียดๆ

  “..รู้แล้ว..ปล่อยผมซักทีสิ..” คาวัลโลกระซิบตอบพลางออกแรงดันให้แขนหนานั้นผละออกจากร่างกายของตน..

   “..ไม่มีอะไรหรอกครับ...ผม..ขอตัว...” คาวัลโลผละออกมาจากอ้อมกอดของชีคหนุ่มแล้วบอกทุกคนในเหตุการณ์เรียบๆ..ทว่ามือของเขากลับถูกชีคหนุ่มแห่งเซเนียยากุมไว้แน่น..

   “..ไม่...คุณไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น..คาล..อยู่กับผม..” อัลชาอ์จ้องมองตาอีกฝ่าย คาวัลโลเม้มปากแน่น..นัยน์ตาที่มีน้ำใสเอ่อคลอไหลอาบแก้มช้าๆ..

   “..คุณจะบ้าหรือไง..” คาวัลโลตวาดชีคหนุ่มด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า “ คุณดูสิ...ที่นี่คือที่ไหน..พวกเขาคือใคร..นี่เป็นประเทศของคุณไม่ใช่เหรอ? นี่เป็นญาติพี่น้องของคุณไม่ใช่รึไง.....คุณเป็นผู้นำประเทศ..แล้วผม...ผมเป็นใคร..ผมเป็นแค่คนธรรมดา...และ...ผมเป็นผู้ชาย...เข้าใจไหม...ว่ามันเป็นไปไม่ได้..”

   “..อัลชาอ์..!!! “ อาเหม็ดร้องลั่น แค่ฟังเรื่องร่าวและดูท่าทีของชายหนุ่มทั้งสองคนก็บอกอะไรได้มากเกินพอแล้ว..”..นี่มันอะไรกัน..ชายคนนี้...คนๆนี้....”

  “เขาเป็นคนรักของผม/เราไม่ได้เป็นอะไรกัน !! “ อัลชาอ์และคาวัลโลประสานเสียงตอบ ทว่าเนื้อความกลับขัดแย้งกันอย่างประหลาด ร่างซวนเซของหนุ่มต่างชาติส่ายหัวแรงๆขณะที่ก้มหน้าก้มตาเช็ดน้ำตาตัวเองลวกๆ

   “...คนรัก....”อาเหม็ดมองหน้าหลานชายด้วยสีหน้าตกตะลึง..เขามองหน้าหนุ่มต่างชาติและหลานชายตนเองสลับกันไปมา...” คนรัก...อัลชาอ์ หลานรู้รึเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา...”

   “..ผมรู้...”อัลชาอ์รับคำอย่างหนักแน่น พลางมองหน้าลุงของตนเอง.. “ เรื่องฟาติมะห์ผมเสียใจ..แต่ผมคิดกับเธอแค่น้องสาวจริงๆ..ผม....”

    “ ไม่นะครับ !! “คาวัลโลร้องลั่น ใบหน้าเปื้อนไปด้วยน้ำตา เขาหันไปจ้องหน้าอาเหม็ดด้วยท่าทีตื่นตระหนก “ ผมกับอัลชาอ์ไม่ได้เป็นอะไรกัน..เรา....เราแค่รู้จักกันเฉยๆ..ผม...ผมกับเขาไม่ได้มีอะไรกันนะครับ..นี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด..”

    “คาล !! “ อัลชาอ์ตวาดใส่อีกคนด้วยสีหน้าเจ็บปวด “...ทำไมถึงพูดแบบนั้น...เราสองคนระ...”

     “ไม่ !!!! “ คาวัลโลตะโกนลั่น ส่ายหัวแรงๆ สีหน้าของชายหนุ่มชาวอิตาเลียนดูเจ็บปวดสับสนโดยเฉพาะเมื่อเอ่ยคำๆหนึ่งหลุดออกมาจากปาก “..ผม....ไม่ได้รักคุณ...”

    “คาวัลโล.....” อัลชาอ์จ้องหน้าอีฝ่ายด้วยสีหน้าเจ็บปวด...เขาพยายามจะเอื้อมมือไปหาหนุ่มคนรัก ทว่าอีกฝ่ายกลับขยับตัวหนีทันควัน..

     “...ผม....ผมไม่ได้รักคุณ...คุณเข้าใจผิดไปเอง..มัน...มันเป็นแค่เรื่องผิดพลาด...”คาวัลโลพึมพำออกมาเสียงสั่น...เขาจ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่มแล้วถลึงตาใส่อีกฝ่าย “..คนที่เป็นเจ้าสาวของคุณคือผู้หญิงคนนี้ !! อย่ามายุ่งกับผม...!!”

   “......อัลชาอ์...” อาเหม็ดมองภาพเบื้องห้าด้วยสายตาคาดไม่ถึง..เขาจ้องมองชีคหนุ่มผุ้เป็นหลานอย่างผิดหวัง..” นี่คือผลตอบแทนของความรักที่ฟาติมะห์มีให้หลานรึ..ทำไมแกถึงได้...”

   “...ผมขอโทษ...” อัลชาอ์มองหน้าผู้เป็นลุงด้วยแววตาสำนึกผิด.. และหันไปมองญาติสาวสวยที่น้ำตานองหน้า เขาเม้มปาก และพุดกับหญิงสาวเบาๆ” ขอโทษจริงๆ ฟาติมะห์ ที่พี่รักเธอไม่ได้ ..พี่เห็นเธอเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น...ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ..”

   “...ไม่ใช่นะ!! “ คาวัลโลร้องลั่น เขาส่ายหัวไปมาอย่างแรง “..ผม...ผมบอกแล้วไงว่ามันไม่ใช่ นี่มันเรื่องเข้าใจผิด..ผมไม่ได้รักเขา..เราไม่ได้รักกัน...นี่มัน...ปล่อย !!! “

   “..คาวัลโล..”อัลชาอ์ดึงแขนอีกฝ่ายแน่น ทว่าหนุ่มอิตาเลียนร้องลั่นพลางสะบัดแขนเขาออกด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา...

   “...ไม่..มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด...ผม....ผมไม่ได้.....ผม.....” ร่างเพรียวทรุดตัวลงกับพื้นแล้วสะอื้นจนไหล่สั่นสะท้าน อัลชาอ์มีสีหน้าเจ็บปวดขณะที่ค่อยๆทรุดกายลงโอบกอดร่างของชายหนุ่มคนรักไว้..คาวัลโลพยายามดิ้นรนหนีอ้อมแขนของอีกฝ่ายทว่าไม่นาน เขาก็ต้องสิ้นฤทธิ์ในอ้อมแขนหนาและร้องไห้ออกมาพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบกอดร่างของชีคหนุ่มแน่น..

    “...........” อาเหม็ดมีสีหน้าเครียดขึ้ง เขายืนนิ่ง มองภาพชายหนุ่มสองคนโอบกอดกันด้วยสายตาผิดหวัง เสียงสะอื้นของชายหนุ่มต่างชาติดังประสานไปกับเสียงร่ำไห้ของลุกสาวตนเอง..ทำให้เขาตัดสินใจคว้าแขนลุกสาวตนออกมาจากห้องด้วยความโกรธเคือง..

   “...ฉันผิดหวังในตัวแกจริงๆ..อัลชาอ์ !! “

    เสียงตะโกนของอาเหม็ดดังลั่นห้องขณะที่เดินออกไป ยิ่งทำให้เสียงร้องไห้ของร่างเพรียวดังขึ้นอีก..อัลชาอ์ประคองร่างของคนรักให้หยัดกายขึ้นโดยใช้ตัวเองเป็นที่ยึดเกาะให้อีกฝ่าย..ชีคหนุ่มสบตาเจ้าชายฟาลซาอ์ที่ยืนเงียบ..ด้วยสีหน้าเรียบเฉย..

    “...ออกไปก่อน..พี่มีเรื่องต้องจัดการ..” ชีคหนุ่มจ้องเขม็งมาที่เขาพร้อมออกปาก นั่นทำให้ฟาลซาอ์ไม่อาจจะขัดคำพุด..ที่เป็นดั่งคำสั่งนี้ได้ เขาได้แต่จ้องมองร่างของชายหนุ่มชาวต่างชาติที่สะอื้นสั่นอยู่ในอ้อมแขนของลูกพี่ลูกน้องตนแล้วเดินออกไปจากห้อง พร้อมกับปิดประตูลงเงียบๆ..

  กระทั่งปิดประตูลง เขาก็ยังได้ยินเสียงปลอบประโลมคนรักของอัลชาอ์ดังขึ้นเบาๆ..

    ฟาลซาอ์หันไปมองหน้าขององค์รักษ์หนุ่มนามว่าฮาซานที่ยืนเงียบ แม้จะมีสีหน้าตกตะลึงก็ตาม..เขายิ้มเนือยๆให้อีกฝ่ายอย่างเห็นใจ ก่อนจะก้มหน้าเดินออกไปจากบริเวณนั้นด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง..

..............................................

  
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [7] UP !! 27/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 29-10-2010 13:53:18


   “...ห่วยแตกชะมัด...” ภายในห้องสีชมพูหวาน..ร่างของคู่รักบันลือโลกทั้งสองหนุ่มผละออกจากกันอย่างรวดเร็วทันทีที่ประตูห้องปิดลง..คาวัลโลเช็ดน้ำตาตัวเองอย่างรวดเร็วพลางเอ่ยวิจารณ์การแสดงของอีกฝ่ายด้วยท่าทางอ่อนอกอ่อนใจ..

   “..ใครกันแน่ที่หัวเราะจนเกือบถูกจับได้..” อัลชาอ์จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างจับผิด แววตาแสนหวานอันแสดงความรักและความห่วงใยอย่างสุดซึ้งจากหายไปราวกับไม่เคยปรากฏอยู่..

   “...แล้วไง..จากนั้นผมก็บีบน้ำตา..” ว่าแล้วคาวัลโลก็ทำปากเบี้ยวสีหน้าเจ็บปวดอีกรอบ.. “อย่างสมจริงจนชาวบ้านชาวช่องเขาเชื่อกันหมด ไม่เหมือนคุณที่พอไม่ต่อบทให้ก็เงียบทื่อ ไร้เซนท์ชะมัด...”

  “...หึ...ใครจะแสดงได้สมบทบาทเท่าคุณชายคาวัลโลล่ะ...” อัลชาอ์ยิ้มแสยะให้อีกฝ่ายทันควัน..”ใช่ไหม.. สวมบทชายผู้อาภัพรัก ยอมจากไปเพราะอยากให้คนรักมีชีวิตที่ดีกว่า..บทดีแบบนี้...ผมจำไม่ได้ว่าเขียนสคริปต์ให้ตอนไหน..”

   “..แน่นอนอยู่แล้ว จะมีผู้กำกับคนไหนห่วยเท่าคุณอีกหล่ะ..การเตรียมการก็ไม่มี..จู่ๆก็มาล่วงละเมิดทางเพศหนุ่มหล่อแบบผม...ไม่ฟ้องศาลให้มันหมดตัวดีเท่าไหร่..” คาวัลโลเหยียดยิ้มใส่ชีคหนุ่มทันควัน..”..วางแผนไว้ตั้งแต่แรกล่ะสิท่า..กะให้ผมประสาทเสียเพราะเรื่องห้องปัญญาอ่อนนี้ แล้วเรียกคุณมาเคลียร์ จากนั้นก็จะยั่วโมโหผมจนมีเรื่องกันใหญ่โต พอทุกคนมาดูเหตุการณ์..ก็จะ...”

  ว่าแล้วมาเฟียหนุ่มก็ทำหน้าสยองขวัญกันสิ่งที่ผ่านไปหมาดๆ ก่อนจะชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง..

    “..นี่คุณติดหนี้ผมอีกครั้งแล้วนะครับมิสเตอร์อัลชาอ์.. แล้วไม่ทราบว่าทำไมถึงได้ไม่ชอบแม่สาวคนนั้น เธอก็ออกจะสวย รึว่าคุณ....” ว่าแล้วก็ทำท่าครุ่นคิดก่อนจะหรี่ตาลงช้าด้วยสีหน้าเคลือบแคลง “เกิดหลงรักผมเข้าจริงๆ เลยจะเอาเหตุการณ์นี้มาแอบอ้างให้ผมเป็นของคุณ..บอกก่อนนะว่าผมไม่ยอมแน่ๆ...”

    “...ผมคิดว่าตัวเองมีทางเลือกพอที่จะไม่คว้า....” ว่าแล้วก็กวาดมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ..

   “..หึ....แล้วเมื่อกี้ใครกัน..ทั้ง..อย่าไปจากผม..ผมรักคุณ...ที่รักอย่างโน้นอย่างนี้...จะบอกรักก็บอกกันมาตรงๆสิครับ ผมจะได้รับไว้พิจารณา..อย่ามาทำวางมาดเลย..”คาวัลโลแสร้งถอนใจราวกับหนักอกในความป๊อปปูล่าห์ของตัวเองนักหนา..ทำให้ชีคหนุ่มได้แต่ถอนหายใจเฮือกอย่างนึกระอาใจอีกรอบ..

   “..ถ้ามีทางเลือกดีกว่านี้..ผมก็ไม่อยากจะใช้..”คนบ้า” มาหลอกลวงคนอื่นหรอก..แต่เผอิญมันเร่งด่วน หาได้แค่นี้ก็ต้องเอา..” อัลชาอ์มีสีหน้าเสียไม่ได้ปรากฏชัดแจ้ง จนคาวัลโลชักอยากจะเขวี้ยงฝ่าเท้าใส่หน้าตงิดๆ..

   “...ทำเป็นพูด...เหอะ....”ชายหนุ่มส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่ยอมแพ้..จ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่มแห่เซเนียยาเขม็ง” และขอบอกไว้ก่อน..ว่าถึงจะร่วมมือกับคุณ แต่ผมก็ยังไม่หายเคืองเรื่องที่คุณทำกับผม..มิสเตอร์อัลชาอ์...”

  “..แล้วที่คุณเขวี้ยงปืนมาปาใส่ผมล่ะ..มิสเตอร์คาวัลโล...” อีกฝ่ายก็หรี่ตาลงอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน..

  ก๊อกๆ...

   “..ชีคครับ..ท่านอาเหม็ดแจ้งว่าจะกลับ จารเซแล้วครับ..” เสียงของฮาซานดังขึ้นภายนอกทำเอาสองหนุ่มชะงัก..อัลชาอ์มีสีหน้าครุ่นคิดแต่ก็เดินไปหาองค์รักษ์หนุ่มอย่างรวดเร็ว ขณะที่คาวัลโลทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุนวมตัวเดิม..ทำท่าก้มหน้าก้มตาราวกับคิดหนัก..

   เสียงพุดคุยภาษาอาหรับดังขึ้นเบาๆก่อนที่ประตูจะปิดลงอีกรอบ และชีคหนุ่มทรุดกายลงตรงหน้าอีกครั้ง คาวัลโลจ้องหน้าอีกฝ่ายตอบกลับ..

  “...ที่คุณเอาปืนเขวี้ยงใส่ผม แลกกับที่คุณยอม..แล่นละครนี่กับผม..จะถือว่าลบล้างกันไปก็แล้วกัน..” อัลชาอ์บอกเรียบๆ แต่คนฟังมีสีหน้าไม่ชอบใจ..

      “...เท่ากันเรอะ...ไอ้ที่ผมทำคุณน่ะ..มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของไอ้แผนบ้านี่ด้วยนี่ ใครบอกให้ทำตัวกวนประสาทกับผมก่อน.ยังจะมีหน้ามาเอาเรื่องชาวบ้าน..” คาวัลโลจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ  “ แล้วนี่น่ะ..ผมยังต้องมาถูกลวนลามอีก..เสียเนื้อเสียตัวฟรีๆอย่างผมนี่ไม่ใช่ว่าใครคิดจะแตะก็แตะได้นะครับท่านชีค..”

   “..งั้นเหรอ?..จูบแรกรึไง..หรือว่าเกิดมาเพิ่งมีคนมากอดถึงได้หวงเนื้อหวงตัวเสียขนาดนี้..” ปากคอเราะร้ายของท่านชีคทำเอาคนฟังแยกเขี้ยวงุด

   “..หวงงั้นเหรอ?..ผมไม่ได้หวง แต่ไม่ได้เป็นของสาธารณะ..ผมจะยอมให้แตะเฉพาะกับคนที่ผมพอใจจะให้เขาแตะต้อง.....และ....นั่นไม่ใช่คุณ...”คาวัลโลหรี่ตาลงมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินไปมองระเบียงที่มีกระจกใสกั้นอยู่...ก่อนจะหันมามองหน้าคนฟัง

    “..แล้วก็นะ...ถ้าคุณยังมีสามัญสำนึก..สักนิด...แค่นิดหน่อยเองก็ได้...จะขอบคุณผมที่ช่วยให้รอดจากแม่สาวคนนั้น..หรือจะขอบใจที่ผมยอมร่วมมือด้วย..น่าจะดีกว่ามาถากถางคนที่คุณออกปากว่าจะร่วมมือกันมาหมาดๆ..”

   “ น่าจะขอบคุณ...ที่ผมไม่ฆ่าคุณทิ้งเสียยังจะดีกว่า..” อัลชาอ์ตอบกลับ..ปฏิเสธไม่ได้ว่าประโยคของคาวัลโลทำให้เขานึกหงุดหงิดขึ้นมา..โดยเฉพาะกับถ้อยคำที่ว่า..กับใครก็ได้..ที่ไม่ใช่ตัวเขานั่น..

   “...รื้อฟื้นเหรอ?..จะทวงบุญคุณรึไง...” คาวัลโลจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างท้าทาย

    “..เปล่า...แต่ให้ใครบางคนรู้ตัว..ว่าอยู่ในฐานะอะไร..” อัลชาอ์ตอบเรียบๆจ้องมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลคู่งามที่วาววับเอาเรื่อง..

    “..ผม...อยู่ในฐานะ...คนรักของท่านชีคอัลชาอ์ไงครับ.....คนที่รักนักหนาถึงขั้นยอมละทิ้งหญิงสาวที่คบหากันมานาน และฝ่าฝืนประเพณีของเชื้อชาติ....รักมากเลยล่ะครับ..ท่านชีค...คนที่ทำให้คุณยอมได้ถึงขนาดนั้น ผมก็อยากจะเห็นเหมือนกัน...”

    “........... “ อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าและแววตาอีกฝ่ายที่วาววับเอาเรื่อง..คาวัลโลก็จ้องตอบอย่างไม่ยอมหลบ เขาทนกับพฤติกรรมที่เอะอะไม่พอใจก็ขู่จะฆ่าของท่านชีคคนนี้มานานเต็มที.. ก่อนหน้านี้ท่าทีที่มีต่อกันอาจจะเป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่เมื่ออีกฝ่ายแสดงชัดว่ายังไงก็มองเขาเป็นนักโทษ ก็ไม่รู้จะหาทางญาติดีไปด้วยทำไม..

     “..ต้องการอะไร?..” ในที่สุดอัลชาอ์ก็ออกปากถามขึ้นมา..

    “..เลิกให้ฮาซานตามผมซักที..รำคาญ..” คาวัลโลบอกเสียงห้วนเมื่อนึกถึงองค์รักษ์หนุ่มหน้าห้อง..

    “..ไม่ได้...”

    “....ทำไมไม่ได้...” คาวัลโลมีท่าทีเอาเรื่องขึ้นมาทันควัน..

   “..เพราะจากนี้ผมจะยุ่งกับการบริหารงาน..ไม่ได้ว่างมาจับตาดูคุณทุกฝีก้าว..”

   “..แล้วทำไมต้องมาตามดูด้วยไม่ทราบ..คนธรรมดาๆคนนึงแบบผมจะทำอะไรได้เหรอ? จะทำวังคุณล่มรึไงถึงได้กลัวนักหนา..” คำถามของมาเฟียหนุ่มทำให้คนฟังได้แต่ยิ้มเครียด..นัยน์ตาสีนิลจ้องมองร่างตรงหน้า คนธรรมดา...คนธรรมดางั้นหรือ? ถ้าอย่างคาวัลโลเป็นคนธรรมดา ผู้คนในโลกนี้คงได้เป็นแค่อะมีบ้ากันหมด เจ้าตัวพูดเหมือนกับว่านับแต่ปรากฏตัวขึ้นมาเขาทำเรื่องวุ่นวายให้อัลชาอ์น้อยไปเสียอย่างนั้น

   “...ผมคิดว่าถ้าปล่อยคุณไป...ไม่ใช่ก็คงใกล้เคียง...” อัลชาอ์ตอบอีกฝ่ายทันที และจ้องมองใบหน้าของหนุ่มอิตาเลียนเขม็ง “..แล้วอีกอย่าง คิดว่าหลังจากที่คุณเปิดเผยกับ..ญาติๆของผมว่าเราเป็นอะไรกันแล้ว จะได้ใช้ชีวิตสงบสุขงั้นหรือ?..”

  “...นั่นเป็นหน้าที่ที่ท่านชีคอย่างคุณจะปกป้องคนรักแบบผมไม่ใช่เหรอครับ? “คาวัลโลยิ้มให้อีกฝ่ายตาใสปิ้ง “ ผมคิดว่า..ชายหนุ่มแสนดีและไร้พิษสงแบบผมเนี่ย..คงไม่มีปัญญาไปต่อกรกับใครเขาได้หรอก ต้องให้ท่านชีค..ที่แสนจะองอาจของผมคอยปกป้องต่างหาก..”

   “....เพราะอย่างนั้นผมถึงต้องให้ฮาซานคอย”ดูแล” คุณยังไงล่ะครับ..ที่รัก...” คาวัลโลแสยะยิ้มตอบกับคำพูดที่ได้ฟัง และสองหนุ่มต่างเชื้อชาติก็เริ่มจ้องหน้ากันเขม็งภายในห้องสีหวาน มองภายนอกอาจจะเหมือนคู่รักกำลังฮันนีมูน...แต่หากจ้องลุกเข้าไปแล้วไซร้ ก็จะได้พบความจริงที่ว่า..ทั้งสองคนรักใคร่กันแค่ไหน..

   “...เลิกให้ไอ้บ้านั่นกวนประสาทผม..ไม่อย่างนั้นไม่รับรองความปลอดภัย..” คาวัลโลครางเสียงต่ำ.. “ ถ้ามันเสือกพูดจาพล่อยๆกับผมอีก..รับรองว่าสมองกระจุยแน่ๆ...”

  “...ก็ได้...” อัลชาอ์รับคำด้วยสีหน้าไม่ระหยี่

   “..อ้อ...อีกอย่าง...” คาวัลโลเกริ่นขึ้นมาพร้อมกับเริ่มปลดกระดุมในส่วนคอของโธปตัวยาวที่เขาใส่อยู่ช้าๆ ทำเอาอัลชาอ์เริ่มชะงัก...และขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างรวดเร็ว..

   “...” โธปสีขาวตัวยาวถูกถอดออกมาจากศรีษะแล้ว ด้านในคือเสื้อกล้ามสีดำรัดรูปตัวเดิม คาวัลโลยังคงมีสีหน้าปกติขณะที่เริ่มถอดเสื้อกล้ามออกอีกเช่นกัน..และเมื่อร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าผิวกายขาวสะอาดปรากฏสู่สายตา ชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาก็เริ่มจะลุกจากเก้าอี้ด้วยไม่มั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตตนเอง..

   “...เฮ้...จะลุกพรวดพราดทำหน้าเหมือนโดนข่มขืนไปทำไมครับอัลชาอ์..” คาวัลโลถามอีกคนด้วยสีหน้ารำคาญ..และก้มลงถอดเข็มขัดออกจากกางเกงตัวเดิมที่ใส่อยู่..โดยไม่รู้เลยว่าท่านชีคอัลชาอ์ใกล้จะเผ่นออกจากห้องด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเต็มทีแล้ว..

  ก๊อกๆ

..แอ๊ด......

  “...ท่านพี่อัลชาอ์....” เจ้าชายฟาลซาอ์ โมฮัมเหม็ด  บิน ราชิด แห่งเซเนียยาที่เปิดประตูห้องเข้าด้วยอารามรีบร้อน เขาเดินเข้ามาภายในห้อง หากพลันก็ต้องชะงัก..นัยน์ตาสีเขียวมรกตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นสภาพภายในห้องและสองหนุ่มที่อยู่บนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่..

      ภาพที่มองเห็นชัดเจนคือสภาพห้องที่มีเสื้อผ้าถูกเขวี้ยงทิ้งระเกะระกะ..โธปตัวยาวสีขาว และเสื้อกล้ามสีดำถูกเขวี้ยงทิ้งบนพื้นอย่างไม่มีใครใคร่จะสนใจ เข็มขัดก็นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น และบนเก้าอี้ตัวนั้น..มีร่างของสองหนุ่มนั่งอยู่...ชายหนุ่มผมสีดำสนิทนัยน์ตาสีเดียวกันและใบหน้าคุ้นเคยคือญาติผู้พี่ของตนที่กำลังโอบกอดร่างของหนุ่มชาวต่างชาติ ผู้มีดวงตาสีน้ำทะเลสดใสและใบหน้าน่าหลงใหล เส้นผมสีมะฮอกกานีนั้นกำลังนั่งบนตักและซุกซบใบหน้าอยู่กับไหล่หนาของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยา..ขณะที่แก้มขาวนั้นแดงจัดจนซุกซ่อนอย่างไรก็ไม่หมด..และร่างกายสมส่วนผิวกายขาวสะอาดน่าสัมผัสก็อยู่ในอ้อมแขนของญาติผู้พี่ตน ซึ่งมือใหญ่ก็โอบรอบเอวบางแน่น และหันมาจ้องมองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ..

    “...มีอะไร...ฟาลซาอ์...” น้ำเสียงของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาขุ่นมัวอย่างที่บ่งว่าไม่ชอบใจเมื่อถูกขัดจังหวะ..นั่นทำให้ฟาลซาอ์ชะงัก..และก้มมองพื้นทันควัน.
.
   “..ผมจะมาแจ้งว่า..นายพลกาซิม มารอเข้าเฝ้าอยู่ที่ห้องทำงานขอรับ..” เจ้าชายหนุ่มเอ่ยกุกกัก หรุบสายตามองพื้น ไม่กล้ามองภาพชายหนุ่มสองคนกอดประคองกันอย่างแนบสนิท..โยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อชายคนนั้นคือชีคแห่งเซเนียยา..

   “...อืม...บอกเขาให้รอสักครู่..” อัลชาอ์รับคำเบาๆ..ขณะที่สายตาจ้องเขม็งไปยังเจ้าชายหนุ่มที่ออกปากขอตัวเงียบๆและรีบเดินเข้าไปปิดประตุห้องให้อย่างรวดเร็ว...

    “...อะไรกันเนี่ย..ไม่หัดมีมารยาทกันซะบ้างเล้ย...” เสียงบ่นจากชายที่นั่งคร่อมตักทำให้อัลชาอ์หันมายิ้มแสยะให้ทันควัน สีหน้าของชีคหนุ่มแดงจัด..และยิ่งแดงมากขึ้น...แต่ทว่านานเข้าก็เริ่มมีสีเขียว..

    “..เห...เป็นอะ....อ้อ โทษทีๆ...” คาวัลโลเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วยิ้มเฉยให้ ก่อนจะขยับเข่าออกจาก”หว่างขา” ของชีคหนุ่ม ด้วยสีหน้าไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด “ ก็แหมมันเร่งด่วนนี่..ผมก็เลยรีบกระโดดลงมา...กลัวไม่เนียนไงคุณ..”

   “........” คำขอโทษของชายหนุ่มตรงหน้าเหมือนจะไม่เข้าหู  อัลชาอ์มีสีหน้าทะมึนด้วยความหงุดหงิด..

    “.แล้วนี่จะทำอะไร..จะยั่วผมรึไงถึงได้ถอดเสื้อผ้า..” อัลชาอ์ถามอีกฝ่ายแล้วหรี่ตาลงช้าๆ กวาดมองร่างที่นั่งบนตักเขาแต่หัวจรดเท้าพลางถอนใจ “ แต่ถึงจะถอด...ก็ไม่ได้เรื่อง...”

   พูดไปก็ไม่ต่างจากคำโกหก เพราะรูปร่างของมาเฟียหนุ่มแห่งอิตาลีถือได้ว่ายั่วยวนน่ามอง ร่างเพรียวสมส่วน ผิวกายขาวจัดอย่างคนแถบเมืองหนาว ร่างกายถือว่ายังเป็นหนุ่มน้อยไม่เติบโตเต็มที่ กล้ามเนื้อในร่างกายจึงมีไม่มากเท่าที่ควร ทว่าเรี่ยวแรงของอีกฝ่ายไม่ได้น้อยเช่นรูปร่างที่ออกจะผอมบางอย่างนี้แน่ เรื่องนี้อัลชาอ์รู้ดีทีเดียว..

  “..หึ....ไม่ได้เรื่อง ไหงจ้องหุ่นผมซะตาถลนเลยล่ะคร้าบบบบ..” คาวัลโลลากเสียงยียวน เขาหรี่ตาสีฟ้าน้ำทะเลของตนเองน้อยๆจ้องมองใบหน้าขึ้นสีของชีคหนุ่มอย่างล้อเลียน.. “เอาเถอะ จะเขินเพราะจู่ๆก็ได้หนุ่มหล่ออย่างผมมานั่งตักในสภาพกึ่งเปลือย หรือหน้าแดงเพราะ”ไอ้นั่น”โดนทับก็เรื่องของคุณ..แต่สาเหตุที่ผมจู่ๆก็ลุกมาถอดเสื้อผ้าน่ะก็คือ...”

   “คุณ...” ปลายนิ้วจิ้มลงไปบนแผ่นอกหนาในโธปตัวยาวสีขาว นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องสบแววตาอีกฝ่าย..

   “..ช่วยทำให้ผม”ตาย”ที..”

   “........” คิ้วเข้มของคนฟังขมวดเข้าหากัน ขณะที่มองใบหน้าระรื่นของหนุ่มอิตาเลียนที่นั่งเปลือยครึ่งท่อนบนตักเขาอย่างครุ่นคิด อัลชาอ์กระพริบตาช้าๆ พยายามเรียบเรียงข้อมูลที่ได้รับมา เขาหูฝาดไปรึเปล่า ถึงได้ยินว่าอีกฝ่าย เสนอให้เขา”ฆ่า”ตัวเอง..

...........................................................................................

   หลังจากที่พระเอกของเราป้อคำหวานแล้วขนลุกขนพองกันไปทั้งกระทู้ มาตอนนี้ความจริงก็เปิดเผยแล้วค่ะ จู่ๆท่านอัลชาอ์ของเราจะมาหวานและพิษวาส คาวี่เรอะ...เหอๆ..มันเป็นไปไม่ด้ายยย แต่แผนสลัดสาวของท่านชีคดูแปลกๆเนอะ แอบลวนลามเขาอ่ะสิอัลชาอ์( โดนถีบ :z6:)
 ..ส่วนคาวี่..ตอนนี้แสดงได้สุดยอดมากค่ะ เกือบจะซึ้งแล้วน่ะถ้าไม่ติดว่าเอ็งมันตอแหล เอาออสการ์ไปเหอะ ไอ้คู่หูคู่นี้ตอนสะตกชาวบ้านล่ะแลดูเข้ากันแบบแปลกๆ ..(ห้าๆ :laugh: :laugh:)
  และตอนจบ..แฮ่มๆ...โปรดสังเกตว่าคาวี่ยังนั่งตักท่านชีคอยู่เลย ระวังเหอะ เดี๋ยวโดนจับกดนะย๊ะ มีถ่งมีถอด หุหุ...ร้ายน่ะพ่อคุณ.. :z1:
  และสุดท้าย..คาวี่จะให้อัลชาอ์ฆาตกรรมตัวเองอิท่าไหนล่ะนี่?..โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ หุหุ :bye2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 29-10-2010 16:04:57
555 เอาออสก้าไปคนละตัวได้เลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 29-10-2010 16:57:10
จัดไปให้คาวี่ซักทีสิ  ให้ตายแบบ ตาย คาอก หน่ะ ทำได้มั้ยจ๊ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 29-10-2010 17:49:45
โอ้โหหหห ตัวเธอ เนียนได้เนียนดีจิงๆ :z3:
กร้าดดดดด แหม่นั่งตัักนานไปไหมคาวี่.... ก๊ากกกกก  เด๋่๋วได้ตายคาอกอัลชาอ์หรอกตัวเธอ :oo1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 29-10-2010 18:14:44
บทโศกตรงข้างต้านถ้ามันเป็นกับนิยายเรื่องอื่นเราคงจะเสียน้ำตาให้ แต่เพราัะมันเป็นนิยายเรื่องนี้
อ่านแล้วฮาาาาาาาาาาาาาาาาา 55555555555555555555
คาวี่เอ้ย...ขนาดไม่เตี๊ยมบทยังแหลได้ขนาดนี้...ตอแหลอวอร์ดปีนี้หนูเอาไปเถอะ...
แถมอีกรางวัลให้ท่านชีคด้วย...เล่นบทเจ้าชายผู้หลงรักคนเดินดินได้ซะเรา...ขนลุก...
ไอ้คู่นี้นี่...ดูๆไปมันก้เหมาะสมกันทุกอย่าง ดูซิไม่ได้ตกลงบทอะไรกันเลย มันยังต่อบทกันได้เรื่อยๆ
แบบนี้นี่มองตาก็รู้ใจแล้ว...แถมยังส่งสายตาประสาใจกันก้วย...
แล้วตอนหลังคาวี่...จะ ยั่ว หรอ? ก่อนหน้านี้คงทำได้แค่ ยั่วโมโห แต่ตอนนี้ดูๆไปอีกไม่นานก้คงจะ ยั่ว ขึ้นแล้วนะ...แต่คงหลังจากท่านชีคไปรักษาชีคน้อยให้หายระบมก่อนหน่ะ เพราะ ท่าทาง คาวี่ ตัวก้คงไม่ได้เบาเท่าไหร่ แถมยังทุ่มตัวลงไปเต็มแรงด้วยค.รัก(?)
แต่ก้ไม่แน่ ไปขอให้ท่านชัคฆ่าตัวเอง อาจจะได้ตาย คาอก ท่านชีคก้ได้...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 29-10-2010 18:38:42
แล้วจะให้ฆ่าด้วยวิธีไหนหละจ๊ะ
แสดงกันเก่งจริงๆนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 29-10-2010 19:23:02
ฆ่ายังไงอะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 29-10-2010 20:24:05
ช่างเป็นบทโศกที่เรียกน้ำตาเหลือเกิน
อ่านไปก็ขำจนน้ำตาไหลเลยอ่ะ
2 หนุ่มนี้แค่มองก็ตาก็รู้ใจแสดงได้เนียนสุดๆ
ว่าแต่ชีคจะฆ่าคาวี่ยังไงล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 29-10-2010 23:18:24
มันช่างสุดยอดดด ออสก้าเอาไปเลยจ้ะพ่อคูณณณณณ

เฮ้อออ แต่ก็ชอบอ่ะ ก๊ากกกกก :m12:
แล้วจะให้ฆ่าแบบไหนล่ะจ้ะเนี้ย คาวี่
ไม่บอกเดี๋ยวได้ตายคาอกอย่างที่ คุณหมวยลำเค็ญ  ว่าหรอกก  o13


มาต่อเร๊วว ววว
เค้ารออยู่นะตัวเองงง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 29-10-2010 23:43:52
สตรอเบอแหลเรียกพี่กันทั้งคู่เลยนะ

อ่านไปก็น้ำตาไหลไป แต่ที่น้ำตาไหลเนื่องมาจากหัวเราะมากไปนั่นเอง

ฮาไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ กับตอนนี้

อ้าวแล้วอิหนูคาวี่จู่จู่จะให้ท่านชีคฆ่าตัวเองทำไมล่ะเนี่ย  :confuse:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 30-10-2010 00:25:46
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มันยอดมากเลยคัฟฟฟฟฟ

ถูกใจเป็นบ้าเลย....คิดได้ไงเนี่ย
นายเอก...แบบว่า......ทำไปได้ 5555

แล้วจะรอติดตามตอนต่อไปคัฟฟฟ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 30-10-2010 00:58:32
ฮ่าๆๆๆ ถ้าไม่เกรงใจว่าดึกแล้ว จะหัวเราะให้ลั่นบ้านเลยจริงเชียว ฮาสุโค่! (>.<-)
ชอบที่สุดเล้ยค่า~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 30-10-2010 01:48:56
พระเอกนายเอกประจำออสก้าปีนี้ เหมาะกว่านี้จะมีอีกไหม
เล่นกันได้แบบ...
ระวังเล่นละครแล้วจะเข้าเนื้อตัวเองนะจ้ะ โฮะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 30-10-2010 09:45:41
อ๊ายยย เราแอบเดาถูก
อัลซาอ์นี่ร้ายไม่ใช่เล่น ไม่อยากแต่งงานกับสาวสวยขนาดนั้น
เล่นละครกันซะ
แล้วทำไมคาวัลโล จู่ๆ ถึงอยากตายละเนี่ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 30-10-2010 10:36:17
 :m20: กินกันไม่ลงจริง ๆ คู่นี้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 30-10-2010 13:08:57
อยากจะซึ้งกว่านี้...ถ้าไม่บังเอิญเป็นผู้อ่านที่ดีที่อ่านทุกคำพูดที่แอบกระซิบกันสองคนอ่ะนะ  :m20:

แล้วคาลมีแผนจะทำอะไรต่อเนี่ย...สร้างข่าวว่าตัวเองตาย จะได้เคลื่อนไหวสะดวก ๆ หรอ?  :a5:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 30-10-2010 22:02:33
ถ้าไม่ใช่คาวี่จะมีใครตามท่านฮัลซาทันไหมเนี่ย เอรึต้องกลับกันหว่า 5555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 30-10-2010 23:57:04
โอ้ยเราก็นึกว่าเกิดพิศวาสขึ้นมาไหงเป็นการแสดงละครซะได้


เล่นกันเนียนอีกต่างหากโอะแค่มองตาก็สื่อกันรู้เรื่องเลยน่ะเนี่ยคู่นี้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 31-10-2010 03:56:21
อ่านทีเดียว 3 ตอนรวด  :really2:
ตอนล่าสุด สุดยอดมาก เนียนกันจริงๆ น้ำหูน้ำตาแตกกันกระจาย มีแก้ผาอ่อยกันอีก :laugh: อย่างฮา


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 31-10-2010 22:27:11
เข้ามาแปะเด๋วไปอ่าน

แหมๆ เนียนกันซ่ะจริงเชียว :z1:


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 31-10-2010 22:58:58
ไม่รู้ว่าใครเนียนกว่ากัน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 01-11-2010 00:33:58
เข้ามานั่งรอฉากหวานปนเค็ม (เอ๊ะ!ยังไง) 555 บวกหนึ่งรอไรท์เตอร์จ้าาาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 01-11-2010 18:13:19
รออย่างใจจดจ่อ มุขจี้เส้นมากๆ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 04-11-2010 19:03:00
รอมาหลายวันแล้วน้า :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 04-11-2010 20:46:22
อา.....ยังไม่มาอิกหราฮะ คิดถึงคาลแล้วนะ

มาเถอะนะ มาทีเถอะ จุฟๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 04-11-2010 22:44:03
ดันๆๆ ดันกันสุดฤทธิ์ อยากฮาอีกค่า (>_<=) จู้ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: iranen ที่ 04-11-2010 23:29:55
คาลจะว่างแผนอะไรอีกละเนี๊ย
ท่านชีคตายด้านจริง
เค้ายั่วซะขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 05-11-2010 00:22:50
ตอนนี้ฮาอ่ะ เราขำจนปวดหัว ปวด ท้อง  :jul3:


ดราม่ามาก 2 คนนี้เนี่ย =='

ปล. ตอนหน้าเอ็นซี (มั๊ย?)
ปล.2 คิดถึงคู่อิแฝด  :impress2:


 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 05-11-2010 00:49:19
เข้ามานั่งรอ ...

เมื่อไหร่จะมาา าาาา
เข้ามารอหลายวันแล้วน้าา า  :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 05-11-2010 23:11:09

ุ^
^
จิ้มทะลุไปถึงรีบนสุด..
พรุ่งนี้อัพจ๊ะ..
รอแปปนะตัว ตอนนี้ขอเวลานอนซบคาวี่สบายๆซักวันก่อน(วิ่งหลบตรีน)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 06-11-2010 00:07:07
มาสักทีสิคัฟ....เค้ารออยู่นะ
คิดถึง คาล และคุณพี่ชีคทะเลทราย มากมายแล้วนะคัฟ 5555 เป็นเอามากเลย
รอ ๆ..~~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: ☥ŹeMî☠kändä☥ ที่ 06-11-2010 00:54:46
 o13 o13

ออสการ์ตัวพ่อเลยคาวี่จัง

รอตอนต่อไปเสมอนะขอรับ

ค้างจริงๆ

หรืออยากตายเพราะจะได้ทำอะไรได้สะดวกๆ งั้นหรอ?

ชั่งเถอะ เอาเป็นว่ามาต่อเร็วๆ นะขอรับ

เป็นกำลังใจให้ต่อไป  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 06-11-2010 12:10:30
รอด้วยใจจดจ่อเลยจ้า จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 06-11-2010 13:16:39
รออยู่นะครับผม
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 06-11-2010 17:07:28
สิ่งที่จะทำต่อไปนี้คือการ

"ดัน"

 :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 06-11-2010 21:25:36
ร่วมด้วยช่วยกันดัน  :กอด1: :L2:
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 06-11-2010 21:50:32
ฉุดกระชากลากถูออกจากอกคาวี่ คนอ่านอดใจไม่ไหว จิ้มๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 06-11-2010 21:53:24
  Line : 9

   ขณะนี้เวลาสิบสองนาฬิกาสามสิบห้านาที ณ พระราชวังทัสคานี  ในเมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเซเนียยา

     ด้วยสภาพภูมิประเทศแล้วภายนอกกำลังร้อนระอุ ทว่าภายในห้องนอนสีหวานที่มีร่างของชายหนุ่มต่างเชื้อชาติสองคนนั่งจ้องตากันนั้นกลับเย็นฉ่ำเพราะเครื่องปรับอากาศทำงานอยู่เงียบๆภาพของสองหนุ่มที่รายหนึ่งเปลือยท่อนบนอยู่บนตักของอีกหนุ่มที่อยู่ในชุดโธปสีขาว..ดูแปลกประหลาดและไม่สอดคล้องกับสถานที่เป็นอย่างยิ่ง..โดยเฉพาะเมื่อคำพูดบางประโยคของชายหนุ่มชาวอิตาเลียนตรงหน้าเอ่ยปากออกมา

   “...เฮ้ !! “ นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นกระพริบอย่างเชื่องช้าและเงียบ..เงียบไปนานพอที่จะทำให้คนเกลียดความเงียบอย่างคาวัลโลออกปากทัก...นั่นทำให้อัลชาอ์หลุดจากภวังค์หันมามองหน้าคนบนตักเขาในที่สุด.

   “..จะอึ้งอะไรนักหนา..” หนุ่มอิตาเลียนขยับตัวออกจากตักของชีคหนุ่ม น้ำหนักที่หายไปทำให้เสี้ยวหนึ่งของความคิดแอบเสียดายเล็กๆ...แต่ก็เป็นเสี้ยวเล็กที่อัลชาอ์รีบปัดมันออกจากสมองโดยไว ก่อนจะหันมามองหน้ามาเฟียหนุ่มเจ้าปัญหาต่อ..

   “...ที่บอกว่าฆ่านะ..ไม่เข้าใจรึไงครับ?..แบบว่าตาย..ตายโดยการแจ้งข่าว..ตายโดยหลักฐาน ตาย..โทษนะ..ตายหลอกๆนะโอเคมั้ย?...ผมต้องการให้มันเป็นแบบนั้น เพราะจากที่เห็นพฤติกรรมของคุณบวกกับสมรรถภาพคนของผม..บอกได้เลยว่าพวกเขาต้องตามหาผมไปทั่วและไปถึงเมืองที่เราอยู่กันจนถึงเมื่อวานแล้วใช่ไหม?...”

  “.....” อัลชาอ์พยักหน้ารับช้าๆโดยไม่พูดอะไร..

   “ และเพราะสาเหตุนั้น..ทำให้ผม มิสเตอร์คาวัลโล วาลกัสไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้...โอเคไหม? คือถ้ายังไม่มีคนพบศพผม..ไม่รู้ว่าผมตายแล้ว พวกเขาก็ยังจะดันทุรังหากันต่อไป..และ...ผมจะต้องทำให้พวกเขาเจอศพผมหรืออะไรก็ตามที่บ่งบอกว่าผมตายแล้ว ก่อนที่พวกนั้นจะเอารูปถ่ายของผมไปแปะให้พวกท่านชีคคนนั้นคนนี้หรือพวกสุลต่านทั้งหลายแถบนี้เห็น..แล้วความจะแตกในที่สุด..ไม่ต้องถามหาเรื่องตามหาคนหรือทำตามสัญญาอะไรเลย..ที่ตามมาก็คือคุณพัง..ผมพัง...ชิบหายวายวอดทั้งคู่..”

    “...แสดงว่านี่คือเหตุผลที่คุณมาถอดเสื้อผ้าโชว์ผม...”อัลชาอ์เลิกคิ้ว ออกปากถามกลับเรียบๆ.

    “...ครับ...ใช่...”คาวัลโลพยักหน้ารับสีหน้าปกติสุข” ผม...จะเอาเสื้อผ้าพวกนี้ให้คนของคุณเอาไปแปะๆใส่โครงกระดูกของไอ้โง่ที่ไหนสักคนแล้วเอาไปทิ้งไว้กลางทะเลทรายหรืออะไรพวกนั้น...ถึงจะตรวจดีเอ็นเอแล้วพบว่าไม่ใช่ อย่างน้อยก็ยันเวลาเป็นสามเดือน...ยืดเวลาให้ผมได้เคลื่อนไหว หาไอ้มือมืดของคุณได้สบายๆ..”

    “...คิดว่านั่นก็ยังไม่ใช่สาเหตุที่จะให้คุณมาถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผมอยู่ดี..คาวัลโล วาลกัส..ไม่ทราบว่าพวกคนอิตาเลียนนี่มีประเพณีเปลือยกายในบ้านรึยังไง..ถึงได้ชอบทำเรื่องอะไรพวกนี้นัก..”อัลชาอ์ส่ายหัวช้าๆอย่างนึกระอา เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้และหันไปทางชายหนุ่มที่ลูกมาก่อนแล้ว หากพลันก็ต้องสะดุ้งเฮือก..เบิกตากว้างเมื่อพบว่าร่างของหนุ่มชาวต่างชาติกำลังอยู่ในสภาพเกือบเปลือย...ชนิดเหลือแค่บอกเซอร์ ปราการด่านสุดท้ายก่อนที่กางเกงในจะปรากฏ...

    “...อ้า...โทษทีๆ...ก็แบบว่าผมเห็นเสื้อผ้าวางอยู่แล้วในห้อง เลยกะจะเปลี่ยนแล้วเอาเสื้อผ้าให้คุณเลยไง..เฮ้ย...อย่าทำหน้าตาตื่นแบบนั้นได้มั้ย...มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ..” คาวัลโลกระพริบตาปริบๆอ้าปากอธิบายกุกกักกับชีคหนุ่มที่ยืนนิ่งเงียบสีหน้าทะมึนอยู่..แต่รู้สึกว่ายิ่งเขาพูดไป หมอนี่ก็ชักจะมีสีหน้าทะมึนขึ้นเรื่อยๆ

  “.........”

    “..โอเคๆ...ผม..ใส่ก่อนก็ได้...นะ...ฮ่าๆๆ...แหะ...” คาวัลโลชักสีหน้าไม่ถูกเมื่อชีคหนุ่มยังมองหน้าเขานิ่งด้วยสีหน้านิ่งๆจนน่ากลัวขึ้นไปทุกที อาจจะเพราะครั้งนี้เขาจงใจจะล้อเลียนอัลชาอ์ด้วยความตั้งใจเลยก็ได้ เลยรู้สึกผิดมากหน่อยที่ท่านชีคทำหน้าทำตามแบบนี้ใส่กัน..

  ผั่วะ...

    กางเกงขายาวและเสื้อกล้ามที่ถูกถอดทิ้งไว้ถูกปามาใส่หน้าเต็มอัตราทำเอาชายหนุ่มสะดุ้ง คาวัลโลอ้าปากจะด่าเพราะเข็มขัดก็ถูกปารวมๆกันและฟาดใส่หน้าเขาด้วย..

     “..อย่ามาทำกริยาท่าทางแบบนี้กับผมอีก...ผมคิดว่าเราทั้งสองคนอยู่ในวัยที่มีวุฒิภาวะพอสมควรแล้ว..อย่ามาเล่นเป็นเด็กๆ ผมไม่ใช่เพื่อนเล่น...”น้ำเสียงกดต่ำและใบหน้าถมึงทึงของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาทำให้คาวัลโลได้แต่เงียบนิ่ง...ชายหนุ่มเงยหน้าสบตาอัลชาอ์สบมองแววตานั้นแล้วถอนหายใจเบาๆ..

   “..โอเค...จบการล้อเล่นได้...”

     คาวัลโลตัดบทด้วยสีหน้าเฉยชา เขาหมุนตัวก้มลงคว้ากางเกงสีเข้มมาใส่อย่างรวดเร็ว รู้สึกเบื่อๆเซ็งๆขึ้นมาทันควัน ไม่อยากจะยอมรับ ว่าคำพูดที่บอกไปเหมือนกับการประชดตัวเองกลายๆว่าเขามัน..ไอ้งี่เง่า..ที่ชอบล้อเล่นไปเรื่อยเหมือนเคย..แต่ก็แค่ล้อเล่น..ไม่เห็นต้องจริงจัง...คนจริงจังต่างหากที่ผิด..

   “..งั้นก็ขึ้นประเด็นแรก...จัดการหาศพไร้ญาติที่ไหนก็ได้มาใส่เสื้อผ้าผมให้เรียบร้อย...อย่างแนบเนียนนะครับ...แนบเนียน ไร้ช่องโหว่...แม้ดีเอ็นเอและฟันจะตรวจได้..แต่มันก็ทำให้เราชะลอเวลาการถูกค้นหาและถูกล่วงรู้แผนการได้ “

   “........” อัลชาอ์พยักหน้ารับ..

  “..สอง...คนที่รู้เรื่องผม...มีกี่คน...” คาวัลโลออกปากถามสั้นๆ..

  “...ผมคนเดียวรุ้เรื่องทั้งหมด ส่วนฮาซาน..และองค์รักษ์คนอื่นๆรวมพวกคนติดตามที่รู้จักหน้าตาคุณตอนไปปะทะกันก็ประมาณห้าสิบคน..”คำอธิบายนั้นทำให้คาวัลโลพยักหน้ารับ เขาหรี่ตาลงช้าๆคล้ายจะครุ่นคิดก่อนจะออกปาก..

  “...ฆ่าปิดปากให้หมด...”

  “....ไม่จำเป็น..” อัลชาอ์ยิ้มเครียด “ ทุกคนจงรักภักดีต่อผม..”

   “...คุณเป็นคนแหกปากบอกผมเองว่าพี่ชายผมอาจจะร่วมกันวางแผนฆ่า..คุณบอกว่าสนิทสนมหรือผูกพันกันแค่ไหนก็ไม่ควรไว้ใจ..คุณเป็นฝ่ายพูดเอง...” คาวัลโลนั่งลงตรงปลายเตียงพลางขยับยิ้มเย็น..” แต่นี่..ห้าสิบคน...ถึงจะไม่ได้รู้ทั้งหมด แต่ไอ้คนที่รู้ว้าผมมาจากไหนก็เป็นเบาะแสที่ มากพอจะให้แผนทั้งหมดล่มได้..แล้วจะให้ไว้ชีวิตเหรอ?..คิดว่านี่เป็นเรื่องเล่นๆรึไง?..”

  “...ผมไม่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่น..แต่ผมมีวิธีปิดปากของผม..” อัลชาอ์จ้องมทองชายหนุ่มตรงหน้าที่เปลี่ยนจากท่าทีชอบหยอกล้อกวนอารมณ์มาเป็นเย็นชาเคร่งขรึม...ทันทีที่เขาออกปากตวาดไปแบบนั้น...เปลี่ยนท่าทีไปเร็ว....เร็วเสียจนเขาอดจะนึกถึง..คนที่เคยนั่งบนตักเขาเมื่อไม่ถึงสิบนาทีก่อนขึ้นมาไม่ได้..

   “..ยังไง?...” คาวัลโลจ้องกลับ พร้อมกับรอยยิ้มบางๆในหน้า..

   “..เป็นวิธีของผม..” อัลชาอ์ตอบสั้น..

   “...วิธีของคุณ...ถ้าแผนมันล่มเพราะวิธีของคุณก็จะมาโทษผมอยู่ดีใช่ไหม?..เลือกเอาแล้วกัน..ว่าจะฆ่า..จะปิดปากพวกมัน..หรือจะให้ผมจัดการตัดลมหายใจพวกมันทั้งหมดด้วยตัวเอง..”

   “..คิดว่าทำได้งั้นเหรอ..?” อัลชาอ์หัวเราะเบาๆในลำคอกับคำพูดของมาเฟียหนุ่ม..

   “..คุณก็เคยเห็นแล้วนี่...ว่าผม....ทำอะไรได้บ้าง..” แววตาสีน้ำทะเลทอดมองมาดูเย็นชาและสงบนิ่งอย่างไม่อาจรู้ว่าอารมณ์ภายในจะเป็นเช่นไร..อัลชาอ์หรี่ตาลงช้าๆ...มองดูท่าทีของเจ้าตัว..

   “...เอาเป็นว่าผมจะจัดการปิดข่าวเอง..เรื่องนี้อย่ายุ่ง ถ้าข่าวมันรั่ว..ผมจะยกให้คุณจัดการแล้วกัน..”

   “..ปัดภาระ..” คาวัลโลส่งสายตาแทนคำว่า งี่เง่า ไปให้อีกฝ่าย..

   “..นั่นเป็นหนึ่งในข้อตกลงแต่แรกแล้ว..อย่ามายุ่งเรื่องของผม..ถ้าคุณจำไม่ได้..” อัลชาอ์ตอบกลับเสียงเรียบ คิดไปเองรึเปล่าว่าเขามองเห็นไฟลุกโชนในดวงตาของคนตรงหน้า..

   “...ก็ได้..ไม่ยุ่ง...ก็ไม่ยุ่ง..” คาวัลดลตอบก่อนจะถอนหายใจเฮือกออย่างระงับอารมณ์

    “..ระวังคนชื่ออาเหม็ดไว้ด้วย..”

  “...อาเหม็ด...”อัลชาอ์เลิกคิ้วขึ้นช้าๆส่ายหัวอย่างไม่เห็นขัน..

  “..ไม่เชื่อก็ตามใจ..แต่ตาแก่นั่น..ชื่ออาเหม็ด เป็นชื่อที่ออกมาจากปากของนักโทษที่คุณจับมาขังวันเดียวกับผม..” คาวัลโลบอกช้าๆสีหน้าครุ่นคิด..

   “...คนชื่ออาเหม็ดมีมากมาย..ถ้าคุณไม่รู้..”

  “ แล้วอะไร..ที่เป็นสาเหตุให้คุณปฏิเสธลูกสาวของท่านอาเหม็ดล่ะ..” คาวัลโลถามออกไปเรียบๆพลางจ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่มเขม็ง..” อย่าหลอกตัวเอง..อย่า..มองโลกในแง่ดีเกินไป...คุณเคยบอกผมเช่นไร..ผมก็บอกคุณด้วยประโยคเดียวกันนี่ล่ะ..”

  “...ผมไม่สามารถแต่งงานกับเธอได้..” อัลชาอ์ตอบเรียบๆ..ยืดกายขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่..

  “..แล้วคุณรักเธอรึเปล่า..?..” คำถามนั้น..ไม่ว่าคนถามจะอยากรู้หรือไม่ แต่นั่น..ก็ทำให้ฝีเท้าที่จะก้าวออกจากห้องพลันชะงักงันลง..

  “..ไม่ใช่หน้าที่..ที่ผมต้องตอบ..”

  “..หลอก...ตัวเอง..”คาวัลโลยกมือขึ้น ชี้ปลายนิ้วไปยังร่างของชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงสีหวาน..แล้วหัวเราะขึ้นมาเบาๆ..

   “..เหตุผลก็รู้กันอยู่แท้ๆ..ยังจะ..”

ตุบ...

   “..พูดแบบนั้น..คิดว่าเพราะอะไร..” ฝ่ามือหนาวางลงบนผ้าปูที่นอนสีหวาน ข้างแขนเพรียวของคนที่นอนทิ้งตัวบนเตียง..อัลชาอ์โน้มตัวลงสบนัยน์ตาคู่สีน้ำทะเล..จับจ้องด้วยแววตาที่คาวัลโลก็ไม่สามรถเดาได้ว่าคนทำกำลังรู้สึกอย่างไรกันแน่...

    “...คุณรักเธอ..มาก...” ปลายนิ้วสีขาวไล้ใบหน้าหล่อเหลาช้าๆ จากปลายคางมาถึงโหนกแก้ม.. “..แต่ว่า..ไม่อาจจะทำร้ายเธอ..ด้วยการให้เธอมาเป็นภรรยาของคนที่จะฆ่าพ่อของตัวเอง..”

    “..ไร้สาระ..” อัลชาอ์เม้มปากเข้าหากัน..สูดหายใจลึก..

    “..คุณรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าใครเป็นคนทำ..รู้แล้วด้วยซ้ำว่าทำเพราะสาเหตุอะไร..” คาวัลโลยันกายขึ้นมาจากเตียง สบมองนัยน์ตาสีนิลในระยะประชิด..” ใช่ไหม..คุณลูกชายของผู้หญิงยิปซี...”

   ตึง !!

    “...อย่าใช้กำลังสิครับ...สงสารขาเตียงซะบ้าง..” คาวัลโลบอกเสียงเรียบ..ฝ่ามือของชีคหนุ่มกำลังจะฟาดลงมาบนใบหน้าของเขาเมื่อครู่..ทว่าเขาก็ปักมันออกไปสุดแรง จนฝ่ามือนั้นปะทะกับขาเตียงโครมใหญ่..

   “..นั่นเป็นคำพูดที่ผมได้ยินมาจากนักโทษคนนั้น..” คาวัลโลเอ่ยช้าๆ.. “..นี่มันคือความจริงขะ.....อ๊ะ.....”

  “...อย่ามากล่าวถึงแม่ผมด้วยท่าทีแบบนั้น...”อัลชาอ์ดวงตาวาววับจ้องสบด้วยความไม่พอใจ..

  “..ผมบอกแล้วไงว่าเป็นคำพูดคนอื่น..” คาวัลโลยักคิ้วตอบพร้อมกับยิ้มมุมปาก..จงใจยั่วโมโห “แล้วรู้สึกรึยัง..ว่าการถูกคนอื่นดูถูกน่ะ..มันเป็นยังไง..”

    “....ผมขอเตือนนะ..ว่าผมกับคุณน่ะ..”คาวัลโลหรี่ตาลงช้าๆพลางยิ้มหวานออกมา “..ถ้าเป็นมิตร..เราจะเป็นมิตรที่ประเสริฐแต่หากเป็นศัตรู เราก็จะเป็นศัตรูตัวฉกาจ..เพราะฉะนั้น..อย่าทำให้ผม...อยากเป็นศัตรูกับคุณ ไม่อย่างนั้นผมจะทำความวิบัติฉิบหายให้กับคุณและคนรอบข้างได้มากกว่าที่คิดแน่นอน..”

   กริ๊ก...

    เสียงสับไกปืนดังขึ้นเบาๆในความเงียบทำให้อัลชาอ์เสียวสันหลังวาบ นัยน์ตาของเขายังคงจับจ้องใบหน้าประดับรอยยิ้มระรื่นของมาเฟียหนุ่ม ขณะที่ปากกระบอกปืนสีดำมะเมื่อมจ่ออยู่กับศรีษะของตน..เป็นอาวุธปืนซึ่งอีกฝ่ายแย่งของเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจจะรู้ตัว..

     “..อัลชาอ์ครับ..ถ้ายังจะทำตัวไม่สุภาพกับผมซึ่งตอนนี้เป็นสุดที่รักของคุณอยู่ละก็..รับรองว่าลูกกระสุนจะเข้าไปฝังอยู่ในกะโหลกศรีษะของที่รักแบบไม่รู้ตัวแน่ๆ...โอเคมั้ยครับ..ดาร์ลิ้งค์..”คาวัลโลยิ้มหวานพลางยกปลายนิ้วไล้สันจมูกโด่งอย่างถือสิทธิ์ ไม่สนใจสีหน้านิ่งขึงของชายหนุ่มตรงหน้า “...ผมให้เวลาคุณจัดการเรื่องยุ่งยากวุ่นวายทั้งหลายแหล่นี่แค่หนึ่งวันนะครับ..วันพรุ่งนี้...ผมจะได้เริ่มทำงานของตัวเองซักที..”

   ฝ่ามือของอัลชาอ์สัมผัสวัตถุสีดำขนาดเหมาะมือที่อีกฝ่ายยื่นให้อีกครั้งด้วยสีหน้าประดับรอยยิ้มเช่นเคย..คาวัลโลคว้าเสื้อผ้าที่วางอยู่บนเตียงนับแต่เขาเข้ามาเข้ามาไว้ในมือและเบี่ยงตัวออกจากร่างที่ทาบทับเขาไว้ครึ่งตัวพร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดีไปพลาง..

ปัง !!

     เสียงประตูห้องน้ำปิดลงพร้อมกับความเงียบที่เข้ามาลอยตัวอยู่ในห้องอีกครั้ง ทำให้ชีคหนุ่มขยับตัวเอนตัวขึ้นจากเสาเตียงสีขาว นัยน์ตาสีเข้มจับจ้องประตูห้องน้ำที่เพิ่งปิดลงราวกับจะมองให้ทะลุถึงร่างที่หายเข้าไปเมื่อครู่..มือซ้ายของเขาถือปืนพกไว้ในมือ ขณะที่เริ่มครุ่นคิดอย่างจริงจังว่าควรจะทำสิ่งใดเป็นสิ่งแรก..ระหว่างเล็งปืนไประเบิกศรีษะมาเฟียหนุ่มทันทีที่อีกฝ่ายเปิดประตูห้องน้ำออกมา..หรือว่าบุกเข้าไปลั่นกระสุนให้ฝังอยู่ในร่างของอีกฝ่ายอย่างทันทีทันใด..

   แต่ทว่าความอยากก็เป็นได้แค่ความอยาก และความคิดก็เป็นได้แค่ความคิด เพราะทั้งเขาและคาวัลโลต่างก็รู้..ว่าต่างฝ่ายต่างก็ฆ่ากันไม่ได้..แม้อยากจะทำมากเท่าไหร่ก็ตามเถอะ..

  เพราะพวกเขาร่วมมือกันไปแล้ว..

   อัลชาอ์ระบายลมหายใจช้าๆ ขณะที่เพ่งพินิจกระบอกปืนในมือ และนึกถึงข้อมูลที่ได้รับมาจากลูกน้องของเขา เกี่ยวกับตัวตนของ”คาวัลโล เตอเกียเร่ วาลกัส” ที่อยู่ในห้องน้ำคนนั้น..

    ตอนแรกเขานึกขำ ว่าเหตุใดเฟรเดริโก วาลกัส มาเฟียเจ้าของตระกูลผู้เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ทรงอิทธิพลของอิตาลี..เพราะอะไร..ทำไมถึงกำหนดให้หลานชายวัยสิบเก้าของตนสืบทอดแกงค์ทั้งที่ยังมีคนที่เก่งกาจและมีประสบการณ์อยู่อีกข้างตัวมากมาย..

  เหตุผลที่ว่าอยากได้คนสายเลือดเดียวกับมาปกครองแกงค์มันโง่เง่าเกินไปแล้วในยุคสมัยนี้..เพราะขอเพียงเข้มแข็งและมีความสามารถไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถเป็นใหญ่ได้ แล้วเพราะอะไร เฟรเดริโก้เสียสติไปแล้วหรือถึงได้ให้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งมาเป็นใหญ่ในแกงค์..

   แต่ทว่า..เมื่อเขาพบศักยภาพของชายหนุ่มคนนี้..ทั้งเห็นและสัมผัสด้วยตัวเอง มันบอกให้รู้ว่าเหตุใดคาวัลโลถึงได้รับเลือกเป็นหัวหน้ามาเฟีย

...ใจแข็ง เด็ดขาด และไม่ปราณีใคร...

   ช่วยไม่ได้ที่เขานึกได้เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น..อัลชาอ์พบว่าคาวัลโลไม่มีความอนาธรร้อนใจต่อสิ่งใด ไม่มีความอาลัยให้ใครคนไหน..และ ไม่มีความอ่อนข้อให้ใครทั้งนั้น..

ไม่มี...กระทั่งความเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเสียด้วยซ้ำ..

เหมือนสมองของฝ่ายนั้นจะสั่งแค่ให้ทำทุกอย่างเพียงเพื่อสิ่งที่ตนปรารถนา..

   ..อัลชาอ์ระบายลมหายใจช้าๆ..ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องสนใจว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบไหน..และจะใช้วิธียังไงที่จะทำให้เรื่องราวทั้งหมดเป็นไปตามที่คาดหวัง..แค่รู้ว่าคาวัลโล วาลกัส จะทำให้เขาเจอตัวคนทรยศคนนั้นตามสัญญาก็เพียงพอแล้ว..

    กระจกเงาพ่นทรายเป็นสวดสายเถาดอกไม้จางๆช่างดูงดงามปนหวานแหววจนน่าขนลุก..แต่ทว่ามันก็ช้าเกินจะเปลี่ยนใจออกไปอาละวาดอีกรอบเสียแล้ว.. ผิดเองที่เดินเข้ามาในห้องน้ำในห้องของผู้หญิง..

   แล้วก็นึกขึ้นมาได้..ว่าเขาควรจะให้อัลชาอ์หาห้องใหม่ให้ตัวเองได้แล้ว..

     คาวัลโลยืนมองเงาตัวเองอยู่หน้ากระจก พลางใช้ปลายนิ้วกดลงบริเวณแอ่งชีพจรเบาๆ แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อวัดอัตราการเต้นของหัวใจ แต่เขาทำไปเพราะผิวเนื้อตรงนั้นมันรู้สึกคันยิบๆ จะด้วยความระคายเคืองหรือแมลงกัดก็แล้วแต่..รู้แต่ว่าตอนนี้ มันเกิดเป็นรอยแดงเด่นชัดแล้ว..

   มันเหมือนรอยคิสมาร์ครึเปล่านะ..? เอียงคอมองแล้วมองก็ไพล่ไปคิดเรื่องแปลกๆ ก่อนที่คาวัลโลจะยกรอยยิ้มมุมปาก เหมือนก็ช่าง..ใครจะสนใจ..

   คาวัลโลหันไปเปิดน้ำในอ่างและลงแช่หลังจากสะบัดเสื้อผ้าทั้งหลายออกไปกองหมดแล้ว..เขานึกไม่ชอบที่จะต้องมาใส่กางเกงผ้าขาวแบบที่ชาวอาหรับเขานิยมใส่กัน แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะยังไงก็ต้องถอดให้อัลชาอ์เอาไปใส่ให้”ศพ” ของตัวเองก่อน

   พูดถึงอัลชาอ์แล้ว..ไม่ทราบว่าเมื่อครู่..ท่านชีคจะโมโหรึเปล่า?

  คาวัลโลกรอกตาขึ้นฟ้าอย่างครุ่นคิดกึ่งล้อเลียน เพราะยังไงก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เขาจะสนใจ โกรธได้โกรธไปเพราะยังไงก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี..

   ปลายเท้าขาวสะอาดพาดอยู่กับอ่างอาบน้ำขนาดพอดีตัว คาวัลโลนอนหลับตาครางฮืมในลำคออย่างอารมณ์ดี ถึงห้องนี้จะห่วยไปหน่อย..ไม่สิ ห่วยมากๆ แต่ถึงยังไงข้าวของเครื่องใช้อะไรก็ครบครัน และการได้นอนแช่น้ำเย็นๆหลังจากที่ทนกับอากาศร้อนบรรลัยในทะเลทรายและปวดหัวกับเรื่องสารพัดที่ท่านชีคก่อแล้ว ได้พักแบบนี้ก็ถือว่าขึ้นสวรรค์ล่ะ..

    คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันช้าๆ อย่างครุ่นคิดเมื่อไพล่ไปนึกถึงเรื่องวุ่นของฝ่ายนั้นเข้า..นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองปลายเท้าตนอย่างครุ่นคิดถึงสาเหตุของการกระทำทั้งหมด..ที่เกิดขึ้น..

  ถ้าอยากจะเลิกกับแม่สาวคนนั้นมากนัก..ทำไมไม่บอกเลิกไปเลย เป็นถึงชีคผู้นำประเทศ ใครมันจะไปกล้าขัดใจ..

   และถึงจะไม่อยากปฏิเสธตรงๆเพราะกลัวสาวเจ้าเสียหน้า ก็พาผู้หญิงคนอื่นมาแนะนำ ยังจะดีกว่าการพา”ผู้ชาย” มาทำให้เรื่องกลายเป็นแบบนี้..ภาพพจน์ไม่เสียหมดเหรอ?..ไม่กลัวชาวบ้านเขานินทารึไง?

   ถึงจะไม่ได้สนใจอะไรกับประเทศแถบนี้นัก แต่คาวัลโลก็รู้ว่าไอ้”รักร่วมเพศ”ในประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามเนี่ย มันถือเป็นข้อห้ามเด็ดขาดและมีโทษถึงประหารชีวิต..ไม่ต่างกับคำสอนของพระผู้เป็นเจ้าของเขา ที่ไม่สนับสนุนให้เกิดความรักที่เปล่าประโยชน์..เพราะไม่สามารถสืบเผ่าพันธุ์ได้..

    และกับอัลชาอ์ ที่เขาคิดว่าหมอนี่น่าจะมีจุดอ่อนซึ่งถูกชาวบ้านจ้องเล่นงานก็เรื่องที่มีแม่เป็นผู้หญิงยิปซี แล้วแทนที่จะทำตัวเองให้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ กลับหาเรื่องให้โดนโจมตีเพราะมีคนรักเป็นผู้ชาย..

  ..คิดแล้วก็ยิ่งสงสัย..ไอ้การอุปโลกขึ้นมาว่าพวกเขาสองคนเป็นคนรักกัน..ในสมองของท่านชีคนี่คิดอะไรอยู่กันแน่..หรือว่า..สมองผิดปกติไปแล้ว..?

...แต่จะว่าไป ถ้าอัลชาอ์สมองผิดปกติ เขาก็คงไม่ต่างกันหรอก..ไม่รู้นึกบ้าอะไรถึงไปยอมร่วมมือแบบนั้น..

    อาจจะแค่นึกสนุกล่ะมั้ง... คาวัลโลสรุปสาเหตุของตัวเองออกมาแค่นั้น เพราะตอนที่เล่นละครกันเขาก็คิดได้แต่ทำไปสนุกๆแค่นั้นเอง..จะเอาอะไรกับพวกที่ชอบแกล้งชาวบ้านแบบเขากันล่ะ..

  จะน่าสงสารก็แต่แม่สาวคนนั้น..สวยก็สวย..น่าเสียดาย..

    คาวัลโลเงยหน้ามองเพดานห้องที่ยังคงมีการตกแต่งอย่างหวานแหววจนชวนขนลุกไปถึงกระดูก ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อนึกถึงหน้าตาหวานๆที่เปื้อนน้ำตาแบบนั้น..นี่ถ้าเป็นสถานการณ์อื่นเขาคงได้ถลาไปช่วยซับน้ำตาอย่างเร็วแน่ๆ..แต่กับผู้หญิงคนนี้..น่าเสียดายจริงๆ แม่คุณอกหักไปเขาก็เสียบไม่ได้ด้วยสิ.เพราะดันเป็นคนร่วมด้วยช่วยกันหักอกผู้หญิงซะแล้ว..

..เฮ้อ....เรื่องแบบนี้ล่ะเขาไม่ถนัดจริงๆ..

    ปลายนิ้วสีขาวยกขึ้นไล้จมูกตัวเองเบาๆ..พลางหลับตาลงอีกครั้ง..นึกถึงสัมผัสบนปลายจมูกโด่งสันของชีคหนุ่มเมื่อครู่กับคำที่เขาเอ่ยออกไป..

..รัก...เพราะรักมาก...

   พุดไปแบบนั้น..ทั้งที่ตัวเขาก็ไม่ได้เข้าใจมันเลยแท้ๆ..

   ความรัก...รักที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อคนที่รัก..ยอมเจ็บปวดเสียใจเพื่อให้คนที่ตนเองรักมีความสุข..ความรู้สึกแบบนั้นมันเป็นยังไงกันนะ..

   พูดถึงรักผู้หญิง..เขาก็มีสาวๆมากมาย..แต่กลับไม่รู้สึก”รัก”พวกหล่อนซักนิด..ถ้าแค่ชอบล่ะก็ใช่ ส่วนความรักนั้น. ตอนแรกก็รักที่สุด..แต่พอเบื่อก็หาที่สุดใหม่..
เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่รู้..ว่าพวกคนที่รักเดียวใจเดียวมั่นคงกับคนๆเดียวนี่..ไม่เบื่อบ้างรึไง..

    คาวัลโลถอนใจเบาๆอย่างนึกสงสัย..พี่ชายฝาแฝดสองคนของเขาที่เคยแสดงให้เห็นกับตาแล้วว่า”รัก”กันได้แค่ไหน สิ่งเหล่านั้นมันยังติดตรึงในใจไม่หาย..แต่ทว่าพอคิดจะรักแบนั้นกับใคร..มันก็เป็นไปไม่ได้ซะทุกคน..

   เคยออกปากถามเรื่องนี้กับอเล็กเซย์..พี่ชายคนรองที่ดูจะชอบสาวๆเป็นพิเศษ.. หมอนั่นก็แค่กวาดตามองเขาอย่างเหยียดๆแล้วยักไหล่พร้อมกับบ่นประโยคประมาณ” ไอ้โง่อย่างแกไม่เข้าใจหรอก”แล้วจากไป..

   แล้วที่อัลชาอ์ทำแบบนั้น..กับผู้หญิงคนนั้น..เพราะรักแน่เหรอ?..ถึงจะดูออกว่ามีความสำคัญมากแค่ไหน แต่ก็ไม่รู้ว่า”รัก”รึเปล่าอยู่ดี..

  คาวัลโลเหลือกตาขึ้นฟ้ากับสิ่งที่คิดว่าทั้งชีวิตนี้ก็คงไม่เข้าใจ ก่อนจะหลับตาลงแล้วผลุบหายลงไปใต้สายน้ำเย็นๆ..

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 06-11-2010 22:06:36
 
แอ๊ด...

 เปิดประตูห้องน้ำออกมาก็ไม่เห็นเงาของชีคหนุ่มแล้ว คาวัลโลกวาดมองรอบห้องแล้วก็ไม่พบอะไร เขาจึงทำได้เพียงยักไหล่ช้าๆ แล้วเดินออกไปหน้าห้อง..

  “..ชีคเชิญคุณไปร่วมทานอาหารครับ..บอกว่าเสื้อผ้าที่ต้องให้ให้นำมาให้ผม..” ฮาซานที่ยืนอยู่หน้าประตูบอกออกมาทันทีที่เขาเปิดประตูออกไป..คาวัลโลเลิกคิ้วมององค์รักษ์หนุ่มที่เลิกทำหน้ากวนตีนและหยุดพุดจาดูถูกเขาแล้วอย่างรวดเร็วทันใจ ชายหนุ่มยอยิ้มมุมปากอย่างสาแก่ใจพลางยื่นเสื้อผ้าในมือตัวเองให้อีกฝ่ายรับไปจัดการ

  “..แล้วอัลชาอ์ล่ะ?..” เขาออกปากถามพลางยกมือขึ้นไล้เส้นผมที่เปียกชื้นของตัวเองเบาๆ..

  “..ชีคมีธุระด่วนต้องจัดการ..ทรงฝากบอกมาว่าให้คุณลงไปทานก่อนได้เลย..” ฮาซานมีสีหน้าตึงขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อท่านชีคที่เขาแสนเคารพอย่างไร้มารยาท..ทว่าก็ออกปากบอกอย่างสุภาพเช่นเดิม..ทำให้คาวัลโลยิ้มเยาะอย่างครึ้มอกครึ้มใจ

   “..เชิญที่ห้องอาหารครับ..” ฮาซานผายมืออกแล้วพยักหน้าให้นางกำนัลที่มายืนรออยู่..คาวัลโลก้าวเท้าตามร่างของหญิงรับใช้ในชุดคลุมสีเข้ม โดยมีฮาซานเดินตามห่างๆ นัยน์ตาสีน้ำทะเลกวาดมองโดยรอบอย่างสังเกตสังกา..เขาไม่เห็นพวกทหารหรือคนรับใช้ออกมาเพ่นพ่าน จะมีก็แต่เงาของผู้คนเดินแว้บไปแว้บมาเร็วๆ คล้ายทำธุระเร่งด่วน
    ผนังประดับรูปภาพและตามทางเดินมีของประดับตกแต่งเล็กน้อยทว่ากะราคาแล้วมันน่าจะไม่น้อยเลย..บันใดเวียนขั้นยาวชวนให้เมื่อขายังคงคลาสสิคเสมอไม่ว่าจะเป็นพระราชวังของที่ไหน.. แน่นอนว่าโคมไฟคริสตัลขนาดใหญ่ราคาแพงลิ่วก็เป็นของที่ขาดไม่ได้เช่นกัน..รวมไปถึงเก้าอี้บุนวมสีทองสวยหรูและช้อน..ส้อม..จาน ที่ทำมาจากทองแท้..

   คาวัลโลอยากจะถอนใจเฮือกแล้วออกปากบ่นกับการสิ้นเปลืองอย่างไม่ควรของคนที่นี่ ขนาดบ้านเขาที่ถือว่าร่ำรวยติดอันดับของอิตาลี ยังไม่มีของสิ้นเปลืองพวกจานชาวที่ทำมาจากทองเลย แค่เงินแท้ก็พอแล้วพวกทองน่ะขอเป็นเครื่องประดับตกแต่งดีกว่า..

   ปลายเท้าชะงักลงเมื่อพบว่าในห้องนั้นยังมีชายหนุ่มอีกหนึ่งนั่งอยู่..คาวัลโลหรี่ตาลงช้าๆขณะที่ยิ้มหวานทักทายชายที่เขาจำได้ว่า..ชื่อฟาลซาอ์..รึอะไรประมาณนั้น..

   “..สวัสดีครับ..” อีกฝ่ายทักทายพร้อมกับเชื้อเชิญอย่างเป็นกันเองทำให้คาวัลโลรับคำและเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม จากหางตามองเห็นฮาซานกับนางกำนัลคนนั้นรออยู่ตรงทางเข้า ไม่ตามมาแต่อย่างใด..

   จานอาหารถูกวางลงตรงหน้าอย่างรวดเร็วและเงียบกริบด้วยฝีมือสาวใช้ที่ยืนประจำอยู่..คาวัลโลมองอาหารในจานแล้วเลิกคิ้วออกมาอย่างงงๆเพราะในนั้นส่วนใหญ่จะมีอาหารแถบยุโรป และมีอาหารอิตาเลี่ยนประเภทซาลามี่ พาสต้าและรีซ้อตโต้ เจอกระทั่งผักโขมอบชีส และมันฝรั่งอบอีกด้วย..

   คาวัลโลเลิกคิ้วขึ้นอย่างงวยงงไม่น้อย..หรือว่าคนในวังนี้เขาชอบทานอาหารประเภทนี้มากกว่า..

   “..ท่านพี่อัลชาอ์สั่งให้พ่อครัวทำนะครับ..คงจะจัดไว้ให้คุณด้วย..” เจ้าชายหนุ่มยิ้มและตอบออกมาเบาๆเมื่อเห็นแววตางวยงงสงสัยของหนุ่มต่างชาติตรงหน้า..

   “..อ้า...ครับ...” คาวัลโลรับคำเบาๆมองเห็นสายตาประเภท”พี่อัลชาอ์เอาใจใส่คุณมาก” จากเจ้าชายหนุ่มตรงหน้าแล้วพาลเส้นขนลุกเกรียวกราว..

   “..รับกาแฟมั้ยครับ?.. “ นัยน์ตาสีเขียวคู่นั้นจ้องมองมายังเขาด้วยท่าทีเป็นมิตรเช่นเคย ทำให้คาวัลโลอดจะยิ้มตอบไม่ได้..

  “ ขอเอสเพรสโซ่นะครับ..” คาวัลโลบอกพร้อมกับเริ่มจัดการอาหารตรงหน้า..

   “..คุณเจอกันพี่อัลชาอ์ที่ไหนเหรอครับ..?”ทานไปได้ไม่เท่าไหร่ คำถามที่คิดไว้แล้วว่าจะต้องเจอก็ดังขึ้น..ทำให้คาวัลโลที่กำลังยัดสปาเกตตี้เข้าปากชะงัก..เขาค่อยๆกลืนมันลงคอพร้อมกับสบมองแววตาสีเขียวของเจ้าชายหนุ่มตรงหน้า ด้วยแวววตาเศร้า..

  “..คุณคงรู้สึกไม่ดี...กับเรื่องนี้..” แววตาสีน้ำทะเลที่หรุบต่ำลงและหม่นแสงทำให้ฟาลซาอ์ชะงัก เจ้าชายหนุ่มวางแก้วน้ำทรงสูงในมือลงพร้อมกับส่ายหน้าทันควัน..

   “  โอ้..ไม่ใช่นะครับ..ถึงผมจะนับถือองค์อัลเลาะห์..แต่ก็ไม่ได้รังเกียจเรื่องนี้..วางใจได้..” ฟาลซาอ์รีบออกปากเมื่อพบว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีสีหน้าหม่นลง “ โลกตอนนี้ก้าวไปถึงสมัยไหนแล้ว..วางใจเถอะครับ..เรื่องแบบนี้..ในแถบนี้ท่านพี่อัลชาอ์ใช่จะเป็นคนแรก..”

   “...ครับ..” คาวัลโลนึกสงสัยกับคำพูดของเจ้าชายหนุ่มไม่น้อย..ไม่ใช่คนแรก..แสดงว่าท่านชีคผู้เคร่งขรึมเต็มไปด้วยหนวดเคราและมีหน้าตาถมึงทึงอยู่ตลอดเวลาที่เขาพบเจอมาหลายๆท่านนั้น เบื้องหลังอาจจะมี”ชายอันเป็นที่รัก”แบบนี้..งั้นสิ..

   “..ผมแค่อยากรู้เท่านั้นเอง..” ฟาลซาอ์หยิบแก้วน้ำมาจิบอีกครั้งพลางมองสบตาชายหนุ่มตรงหน้า “ ผมไม่ค่อยได้อยู่วังเท่าไหร่..เพราะไปเรียนที่ต่างประเทศนานๆจะได้กลับที พอเห็นพี่อัลชาอ์มีคนรู้ใจจึงอยากพูดคุยให้คุ้นเคยกันไว้เท่านั้น..”

  “...เรียนที่ไหนเหรอครับ?..” คาวัลโลยิ้มรับแต่ออกปากถามเบี่ยงกระเด็นอื่นเสียก่อน..อาจจะเพราะเขาขนลุกกับคำว่า”คนรู้ใจ”จนพูดอะไรไม่ค่อยจะออกก็ได้..

   “...อังกฤษครับ..ที่ออกซ์ฟอร์ด..” ฟาลซาอ์ตอบ พลางกวาดสายตาพิจารณาคนตรงหน้าแต่หัวจรดเท้า “ ผมว่าหน้าตาคุณยังดูเด็กอยู่เลย..อายุเท่าไหร่เหรอครับ..?”

  “...ยี่สิบเอ็ดครับ..” คาวัลโลตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม่ในใจนึกอยากจะเดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด เรื่องอะไรมากสอบสวนกันแบบนี้ว่ะ “..ผมจบมหาลัยปีนี้เอง..”

  “..ดูเด็กกว่าอายุจริงมากเลยนะครับ..ไม่น่าเชื่อ “ เออ..ก็ไม่น่าเชื่อนะสิ ตูอายุสิบเก้าเฟ้ย !! คาวัลโลสถบงึมงำในใจ แม้ใบหน้าจะยังยิ้มให้เช่นเดิม..

   “...งั้นไปเจอพี่อัลชาอ์ที่ไหนล่ะครับเนี่ย..เพราะพี่ชายผมก็ไม่ได้ไปไหนบ่อยๆ..” ไอ้....นี่แกจะสืบสวนไปถึงไหนว่ะ !! คาวัลโลหัวเราะเบาๆส่งยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาฆาตกร..อุตส่าห์เปลี่ยนเรื่องแล้ว..ยังจะถามมากอยู่ได้..

    “..ที่UAE ครับ..เจอกันที่นั่น..” คาวัลโลแสร้งบอกด้วยสีหน้ามีความสุขปนขัดเขิน แม้ในสมองตอนนี้กำลังครุ่นคิดหาคำโกหกชนิดรวดเร็วปานไฟแล่บ  “ ..ผมมาเที่ยว..ฉลองเรียนจบไฮสคูลเมื่อสามปีก่อน..แล้วได้เจอกันที่นั่น..”

    คาวัลโลหรุบตาลงช้าๆ พลางถอนหายใจด้วยสีหน้าปนเศร้าเล็กน้อย..
   
    ”ก็แค่เวลาสั้นๆน่ะครับ..แต่ก็..ทำให้ลืมไม่ลงซักที..”

  “...เมื่อสามปีก่อนพี่ผมยังไม่ได้ครองราชย์เลยนะครับ..” สีหน้าสงสัยงวยงงของเจ้าชายหนุ่มตรงหน้าทำเอาบทโศกที่คิดออกมาพลันชะงัก..บทของชีคหนุ่มที่ไปพบกับคนธรรมดาแล้วเกิดมีความสัมพันธ์กันอย่างในนิยายที่แต่งมาสดๆร้อนๆให้เข้ากับสถานการณ์แทบจะพังครืนไปต่อหน้า..ชวนให้คาวัลโลชักอยากจะลุกไปคว้าคอเจ้าคนต้นเรื่องให้มาแหกปากบอกเลิกทำเรื่องบ้าๆนี่สักที

   “..อ่า..นั่น...”

หมับ..

   “..แล้วมีอะไรหรือ?..ฟาลซาอ์...” ฝ่ามือหนาที่ทาบลงบนไหล่และบีบ..เบาๆในสายตาคนอื่น ทำให้คาวัลโลหันไปมอง แล้วยิ้มออกมาช้าๆ ขณะที่ส่งแววตาเอาเรื่องให้อีกฝ่าย..

   “..ท่านพี่..” เจ้าชายหนุ่มอุทานเบาๆพลางขยับตัวลุกขึ้นให้เกียรติ แต่ชีคหนุ่มก็โบกมือปฏิเสธแล้วทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ข้างกายหนุ่มชาวต่างชาติ..

   จานช้อนส้อมและแก้วน้ำถูกนำมาวางตรงหน้าชีคหนุ่มอย่างรวดเร็วเงียบกริบ..ฟาลซาอ์มองเห็นฝ่ามือของญาติผู้พี่เอื้อมจับมือขาวจัดของชายหนุ่มข้างกายแล้วบีบเบาๆ..พร้อมกับส่งสายตาห่วงหาอาทรไปให้..

  “..ไอ้บ้าเอ๊ย..ไม่มาตอนความแตกซะเลยล่ะ” คาวัลโลกัดฟันกรอด กระชากเสียงใส่ชีคหนุ่มที่เอนกายมาใกล้ ด้วยสายตาฆาตกรแต่มีรอยยิ้มหวานประดับบนใบหน้าอย่างมืออาชีพ..

  “..หุบปากแล้วอือออไปก็พอ..” อัลชาอ์กระซิบเสียงตอบห้วนๆ ก่อนจะเอื้อมมือลูบเส้นผมสีน้ำตาลของคนข้างกายเบาๆ..ด้วยสีหน้ารักใคร่..

  “..เป็นยังไงบ้าง..อาหารถูกปากไหม?..ผมให้พ่อครัวทำแต่ของที่คุณชอบมาทั้งนั้นเลยนะ..” น้ำเสียงนุ่มหูและฝ่ามือที่ลูบเส้นผมเบาๆทำให้คาวัลโลยิ้มรับ..

  “..ครับ..ขอบคุณมาก..” ยังดีที่เรื่องอาหารมันยังเป็นเรื่องจริง ถึงจะไม่ใช่ของที่ชอบทั้งหมดแต่ก็ยังพอกินได้และจะดีกว่ามาก..หากไอ้ท่านชีคเวรนี่จะเลิกกระชากเส้นผมชาวบ้านสักที !!

   “..ทานเยอะๆนะ..ผมเห็นคุณผอมลงทุกครั้งที่เจอกันเลย..” อัลชาอ์บอกด้วยรอยยิ้มอาดูร พลางละมือจากเส้นผมสีอ่อน และตักปลาแซลม่อนอบชีสไปให้..

  “..ขอบคุณครับ..” คาวัลโลยิ้มรับ..ท่านชีคครับ ..คุณชายคาวัลโลเกลียดปลาแซลม่อนอบชีสเฟ้ย!! ดันทุรังตักมาให้ทำไมครับ..

   “..คุณก็เหมือนกัน..ทานเยอะๆนะ..” คาวัลโลกำลังคิดอยู่ว่าจะเอาอะไรใส่จานท่านชีคดี ฝ่ามือของคนตรงหน้าก็ยึดมือของเขาไว้พร้อมกับออกแรงบีบ...ชนิดที่เจ็บไปถึงกระดูก

   “..อย่ามามัวตักให้ผมเลย..ทานของคุณเถอะครับ..” อัลชาอ์เอ่ยเสียงนุ่ม..แม้แววตานั้น..มันจะบอกว่า “อย่ามาหาเรื่องเอาคืนกันเหมือนเด็กๆ!! ก็ตาม..

   “..แหม..อัลชาอ์ก็..ห่วงตัวเองบ้างสิครับ..อย่าเอาแต่ห่วงผมสิ..” คาวัลโลหัวเราะรับพลางเอื้อมมือกุมแขนหนาไว้..พร้อมกับออกแรงบีบกลับ..สุดแรง..

   “..ไม่เป็นไรหรอก..ทานข้าวเถอะครับที่รัก..” รอยยิ้มของชีคหนุ่มแข็งค้าง..ขณะที่แขนซ้ายเจ็บแปลบจนสั่นระริก...แต่ในสถานการณ์นี่เขาก็ได้แต่ยิ้มพร้อมกับส่งแววตาเอาเรื่องไปให้เจ้าตัวที่ทำหน้าระรื่นอยู่ข้างๆ

   “..ดูพี่มีความสุขมากเลยนะครับ..”น้ำเสียงแฝงความพอใจของเจ้าชายหนุ่มทำให้อัลชาอ์ยิ้มมุมปากขณะที่คาวัลโลหันไปยิ้มให้อย่างขัดเขิน..ความสุขบ้านแกสิ!!

   “..เป็นเช่นนั้นแน่นอนอยู่แล้ว..” อัลชาอ์รับคำด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ สบมองแววตาสีเขียวสดของญาติหนุ่ม “..เมื่อครู่ถามอะไรรึ..ฟาลซาอ์..”

   “..อ้อ...แค่อยากรู้นะครับ..ว่าไปเจอกันได้ยังไง..ก็ท่านพี่เล่นอุบเงียบไว้เลยนี่นา..” เจ้าชายหนุ่มออกปากแซวอย่างอารมณ์ดี..

  “..อย่างที่คาลบอกนั่นแหละ..เมื่อสามปีก่อน..ตั้งแต่ก่อนที่พี่จะได้ครองราชย์แล้ว..” อัลชาอ์บอกพลางยิ้มน้อยๆให้คนข้างกาย “ยังจำได้เลย ว่าตอนนั้นเจอกันในสภาพไหน..?ใช่ไหมครับ..หนุ่มน้อยแสนซนของผม.”

  “..อะไรกันครับ..อย่าแซวสิ..” คาวัลโลหัวเราะเบาๆด้วยท่าทีขัดเขิน..ขณะที่ปลายเท้ากระแทกลงบนฝ่าเท้าของชีคหนุ่มใต้โต๊ะ

   “..จริงๆนี่นา..ตอนนั้นคุณน่ารักมาก..” อัลชาอ์หัวเราะรับเบาๆ..ขณะที่ปลายเท้าใต้ตะสะบัดไปมาพยายามแกว่งหาเจ้าของฝ่าเท้าคู่นั้นอย่างเอาเรื่อง..

   “..พอเลยครับ..ไม่รื้อฟื้นแล้ว..” คาวัลโลทำหน้ามุ่ยด้วยท่าทีขัดเขิน..

   “..ขี้อายไปได้น่ะ..เอาเถอะ..ผมไม่แกล้งแล้ว..ฟาลซาอ์ มีอะไรจะถามอีกรึเปล่า?..” อัลชาอ์หันไปมองหน้าญาติผู้น้องตน แม้จะถาม..แต่แววตาคู่นั้นบ่งชัดว่าไม่พอใจที่ถูกละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว..

  “..อา..ไม่แล้วละครับ..” ฟาลซาอ์รีบปฏิเสธทันควัน..ก่อนจะเบิกตาขึ้นเหมือนนึกได้ “..แล้วท่านลุงอาเหม็ดกับฟาตะมิห์...”

   “..เรื่องนั้น..” อัลชาอ์ยิ้มเครียดๆส่วนคนข้างกายหรุบสายตาลงต่ำอย่างไม่สบายใจ “..ฉันจะคุยกับท่านลุงทีหลัง..ตอนนี้ท่านคงโกรธจัด..ไม่มีประโยชน์ที่จะไปดื้อดึงอธิบาย รอให้สงบสติอารมณ์ได้แล้วคงค่อยๆคุยกันได้..”

   “...ส่วนฟาติมะห์..เธอยังคงเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม..แม้จะไม่ได้แต่งงานกันเธอก็ยังคงเป็นน้องสาวคนสำคัญของฉันเสมอ..”

  “..ครับ..หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี..” ฟาลซาอ์หรี่ตาลงแล้วถอนหายใจเบาๆ..

    ทั้งที่บทสนทนาเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเองเช่นการสนทนาในครอบครัว แต่คาวัลโลกลับสัมผัสได้ถึงท่าทีที่ค่อนข้างแข็งกร้าวของชายหนุ่มทั้งสอง..เขามองเจ้าชายฟาลซาอ์ที่สนทนาเรื่อยเปื่อยกับอัลชาอ์ด้วยสีหน้าปกติแล้วหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด..สงสัยว่าในวังนี้ อาจจะมีเรื่องเน่าๆรอให้เขาค้นพบอีกมากล่ะมั้ง..

  ทั้งเรื่องสองพ่อลูกที่ออกจะทรงอิทธิพลอย่างแปลกๆ..

  เรื่องชาติกำเนิดของท่านชีคที่ท่าทางจะเป็นเป้าโจมตีชั้นดี..

   และเรื่องของลูกพี่ลูกน้องที่ภายนอกเหมือนจะสนิทสนมกลมเกลียวกันดี แต่เขาหลับมองเห็นรอยร้าวลึกระหว่างคนสองคนชัดเจน..

......................................

      และแล้วก็ยังเป็นละครลิงกันต่อไป เหอๆ
   ตอนนี้ถือว่าเป็นช่วงปรับตัวและสังเกตสังกาอะไรหลายๆอย่างของคาวี่เขาละค่ะ มีอารมณ์คิดถึงคนอื่นเขาด้วยแนะ ปกติไม่เห็นมีเลยอ่ะพ่อคุณ..แถมยังนิสัยร้ายกาจอีก มิน่า คนเขาถึงว่าเอ็งเป็นไอ้บ้าอ่ะ (โดนถีบ  :beat:) ส่วนอัลชาอ์..ทนๆไปก่อนนะค่ะชีคแล้วค่อยเอาคืน กร๊ากกก :laugh: :laugh:
ปล. โปรดสังเกต..
- นายเอกถอดไปเกือบหมดแล้วนะเธอ
- นายเอกโดนพระเอก "คร่อมบนเตียง"แล้วนะจ๊ะ
...........แต่อัลชาอ์ก็ยัง.. :เฮ้อ:
ไปหาม้ากระทืบโลงกับโด่ไม่รู้ล้มโ๊ด๊ปมันดีป่ะเนี่ย.. :laugh:
ปล. สอง พรุ่งนี้พบกับพี่โตน้องเนมซีซั่นสองนะค่ะ ไปรอได้เลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 06-11-2010 22:08:40
จิ้มๆๆๆๆๆ



-----------------------------


นั่นเด้ ท่านชีคเราตายด้านรึเปล่าค่ะ  :angry2:


เป็นพระเอกที่นิสัย(ตายด้าน)ไม่ดีเลยอ่า


ปล.รอน้องเนมกะพี่โตด้วยคน :กอด1:


 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: katte ที่ 06-11-2010 22:39:40
เข้ามาบอกว่า ทำไมไม่แก้ชื่อกระทู้ :m26:


ไม่รู้เลยว่าอัพนี่ถ้าไม่สังหรใจคงไม่ได้อ่านใช่ม้ายยยยยยยยยยย :o211:

ไปอ่านก่อนเด่วมาดิท o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 06-11-2010 23:06:08
อิเดียท..เมื่อกี้คอมพ์คนเขียนเจอบั๊กละตัว :m15: :m15: :m15: :o12: :o12:

ไม่มีอะไรเสียหายมากหรอกค่ะ แค่นิยายที่แต่งค้างไว้หายนไปกับสายลมแค่นั้นเอ๊ง o22
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [8] UP !! 29/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 06-11-2010 23:08:24
เข้ามาด้วยลางสังหรณ์เช่นกัน....  อัพแล้ว เย้ๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 06-11-2010 23:49:48
โอ้วววว....คาล กวนได้ใจมากเลยฮะ ห้าห้า
น่ารักไปอิกแบบนะฮะ
เรื่องราวชักจะมีเงื่อนงำ เข้าให้แล้วสินะ น่าสนมาก

แล้วจะติดตามคัฟ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 06-11-2010 23:51:42
ไม่ได้เม้นท์นาน คิดถึงเรื่องนี้มาก จ๊วฟๆๆๆๆ  :กอด1:
ต้องขอบอกก่อนเลย ว่าชอบคู่แฝดมากกกกกกกกกก รักกันปานจะกลืนกิน
อร้ายยยยยยยยย
ละครลิงของคาวัลโลกับอัลชาอ์ตอนก่อน ...... แบบว่า .........................
เอาตุ๊กตาทองไปเลย ยกให้  อัลชาอ์เขาวางแผนเก่งจริงๆ นะ ถึงความรู้สึกจะชอบแล่นไปตามที่คาวี่เขาคาดหวังไว้ แต่เวลาวางแผนอะไร คาวี่ก็ต้องลงไปในหลุมทุกที   ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คาวี่แสบมาก !! แสบจนน่าจับหยิก จับตีซะให้เข็ดหลาบ

อัลชาอ์ --- หรือว่าจะตายด้านจริงๆ จ้ะ  อีกฝ่ายเขาอุตส่าห์ยั่วขนาดนั้น
สนองเขาหน่อยสิ อย่าให้ต้องมุดจอเข้าไปส่งยาโด๊ปให้พระเอกเรื่องนี้ 5555555555555555555

อัลชาอ์ค่ะ ปากเสียๆ อย่างน้องคนนี้ ไม่สนใจจะสยบดูบ้างเหรอจ้ะ ?  หึๆๆๆ   ปากร้ายยังงี้ต้องจับจูบซะให้เข็ด !!!!!
คาวี่ไม่เคยรักใครเหรอจ้ะ ?  อยากจะรู้จริงๆ ว่าต่อไปจะเป็นยังไง
ตื่นเต้นนนนนนน


พรุ่งนี้พี่โตน้องเนมจะมาเหรอค่ะ
อย่ามาม่ามากนะจ้ะ แค่นี้ผมก็ร่วงแล้ว - -lll   เอาไปให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมดีกว่าเนอะ
กร๊ากกกกกกกกกกกก
ไรท์เตอร์สู้ๆ ค่าาา ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆ หลงรักไปแล้วน๊า  :o8:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: iranen ที่ 06-11-2010 23:52:47
มันจะน้ำเน่าสักแค่ไหนนะ
กลิ่นเดียวกับคลองแสนแสบหรือเปล่า
จะรอลุ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 07-11-2010 00:06:32
เอิ้กกกกกกกกกกทำไมอัลชาห์ถึงได้ผล่อยคาวี่ไปอาบน้ำซะได้ :z3: :z3:
 แหม่ อุสส่าห์แอบลุ้นว่าจามีไรมากกว่านั้น
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 07-11-2010 01:05:56
สรุปแล้วสองคนนี้จะผลัดกันรับผลัดกันรุกใช่มะ :m18:


ปอลอ..กำลังว่าจะทวงพี่โตแต่เห็นบอกว่าพรุ่งนี้ งั้นพรุ่งนี้เจอกัน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 07-11-2010 01:22:58
^
จิ้มๆ
อ้ายยย โหดร้าย (รึทำจริงดีฟ่ะ)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 07-11-2010 01:29:38
คาวี่เค้าให้ท่าขนาดนี้แล้วนะ
ชีคของชาวเราเนี่ย ไม่เข้าท่าจริงๆด้วย :laugh:
ละครลิงก็ยังดุเด็ดเหมือนเดิม รักกันปานจะกินเลยจริงๆคู่นี้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: zombiepe ที่ 07-11-2010 02:19:07
หนุ่นน้อยแสนซนของผม
ถ้าเป็นเรื่องอื่นอาจจะมีการกรี๊ดเสียจริตเล็กน้อยด้วยความถูกใจ
แต่เรื่องนี้อ่านซ้ำไปมาเพราะเราว่ามันฮาอ่ะ 555

คาลจัง กวนโมโหโทโสต่อไปนะ คนอ่านปลื้ม~~
ท่านชีค อย่าทะมึนให้มันมากนักดิ ชีวิตหัดชิวๆมั่ง

ไปรอพี่โตกับน้องเนม
(อย่าดราม่ามากนะภาคนี้ T^T)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 07-11-2010 03:23:29
คาลกวนได้ใจ แต่อัลก้มีวิธีเอาคืนเหมือนกันนะเนี่ย................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 07-11-2010 10:09:59
อัลชาอ์ตายด้านจริงๆชิมิ :z6:
คาวี่มันยั่วซะขนาดนั้น ไมไม่กดไปเลยเล่าา าา โด่ :angry2:
คาวี่ยังสามารถกวนโมโหได้ตลอด ชีคเราจะทนไหวม่ะเนี้ย ยย
เปลี่ยนจากอยากเป่าสมองคาวี่มาอยากกด ดีกว่านะ อัลชาอ์

มาต่อไวๆนะ รออยู่ ๆ ๆ ๆ

วิ่งไปรอน้องเนมกับพี่โต  :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 07-11-2010 10:40:55
ยังมองไม่เห็นหนทางที่ชีคกับมาเฟียจะรักกันได้เลย
เห็นเจอหน้าก็เอาแต่กัดกัน ลอบทำร้ายกันทั้งด้วยวาจา
และร่างกาย และเมื่อไหร่จะจะได้สวีทกันล่ะจ๊ะ ... :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 07-11-2010 10:49:02
ในที่สุดก็มาต่อแล้ว ตอนนี้หวานกันแบบเจ็บๆแฮะ 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 07-11-2010 11:26:57
สรุป มันจะรักกันตอนไหน

มีแต่กัดกันไปวันๆ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 07-11-2010 12:56:17
โอ้สุดยอดเล่นละครกันได้ยอดเยี่ยม


รออ่านตอนต่อไปค้าบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 07-11-2010 13:08:23
สงสัยต้องให้คาวี่กระโดดคร่อมเองแล้วออนทอปเลย พี่แกถึงจะเข้าใจ 555555555
เรื่องก็ยังคงงึมงำๆกันต่อปายยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 07-11-2010 13:48:33
ท่านชีคของเราช่างไม่มีน้ำยาในเืรื่องบางเรื่องจริงๆ :seng2ped:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ☥ŹeMî☠kändä☥ ที่ 07-11-2010 14:39:25
ถึงจะคร่อมแล้ว ถึงจะถอดแล้ว... แต่ทำไมยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น?  o22

ยังคงแกล้งกันได้แม้ในการแสดงละครจริงๆ คู่นี้ เหอะๆ

รอน้องเนม + รอหนูคาวี่ขอรับ

เป็นกำลังใจให้เสมอ  :L1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 07-11-2010 15:25:07
เวลาอ่าน 2 คนนี้หยอดคำหวานกันทีไร ขนลุกทุกที ฮา...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 07-11-2010 17:39:56
หนทางความรักของทั้งคู่ยังคงอีกยาวไกล

 :เฮ้อ:

 :z10:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 07-11-2010 18:32:05
ฮาจริงจัง
สองคนนี้อาจขาดกันไม่ได้โดยที่ไม่รู้ตัวก็ได้
อารมณ์ประมาณหายไปไหน ทำไมเหงาๆ ปาก

เอิ้กกก

ต่อไปถ้าเซทว่ามาเฟียอิตาลีตายแล้ว อาจทำงานง่ายขึ้นก็ได้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 07-11-2010 19:25:34
กรรม..เมื่อไหร่คู่นี้จะพัฒนาฟ่ะ   :z3:   หรืออาจจะฆ่ากันตายก่อนรักกัน   กร๊ากกกกกก
รออ่านคู่ ฝาแฝดอ่ะ  ชอบ  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 07-11-2010 20:25:01
 :m29: เล่นละครลิงกันแนบเนียนใส่หน้ากาก กระชากสีหน้ากับสุดฤทธิ์จริงๆ ทั้งสองคนเนี่ย
กำลังแอบคิดว่าถ้าละครลิงกลายเป็นละครจริงขึ้นมานี่ .. เราควรจะกรี๊ดกร๊าด จริงมั๊ย ?
แม้ว่าคาวี่จะไม่เคยมีความรัก แต่เชื่อว่าอีกไม่นานคงจะมี ..

อาจจะเกิดขึ้นอย่างเถื่อนผิดปกติล่ะนะ  :undecided:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: yagin ที่ 07-11-2010 20:52:05
ชอบมากมาย   o13 พึ่งได้เข้ามาอ่าน

เป็นแรงใจให้น่ะ รอติดตามจร้า

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 07-11-2010 21:27:02
555+
ไอชีคตายด้านนนนนนนนนนนนนน
เราก็ว่าหามาให้ชีคกินเหอะ
จะได้มีความรู้สึกกับเขาบ้าง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 08-11-2010 08:40:03
เป็นเรื่องที่แปลกมากเลย จะติดตามต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 08-11-2010 11:26:04
ยังมองไม่เห็นอนาคตของสองนี้แฮะ...เหมือนจะเริ่มหวั่นไหว แต่ก็ปัดความรู้สึกนั้นทิ้งกันง่าย ๆ  :เฮ้อ:
เรื่องความสัมพันธ์ของคนในวังชักจะซับซ้อนขึ้น...คงมีเรื่องสนุก ๆ ให้คาลเล่นแก้เบื่อได้ล่ะนะ จะได้มีเวลากวนโมโหอัลน้อยลง :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 10-11-2010 00:46:18
มาต่อได้แล้ว ทวงๆๆๆๆ o11
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 10-11-2010 16:29:12
โอยช่วงนี้ชีวิตมีแต่เรื่องซีเรียส ขอยลคาวี่ให้ชื่นใจหน่อยเต๊อะ ซู้ดๆ ผิวๆขาวๆ แขนขาเรียวๆ โฮะๆๆ
(ฮัลซายังไม่รู้สึกใช่มิ งั้นเราฉกเลยดีกว่า หุหุ)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 14-11-2010 04:52:40
สนุกดีค่ะ นั่งอ่านรวดเดียวจนตามทันแล้ว
เลิฟๆน้องคาวี่มาก นิสัยน่ารักน่าหยิกเป็นที่สุด  :laugh:
ชอบคู่พี่ชายด้วยค่ะ หวานดี  :impress2:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 14-11-2010 18:29:03
อัพด่วนค่ะ  รอมาหลายวันแล้ว

 :call: :call: :call: :call: :call: :call:
 :call: :call: :call: :call: :call:
 :call: :call: :call: :call:
 :call: :call: :call:
 :call: :call:
 :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 14-11-2010 22:53:37
คนแต่งหายยยยยยยยยยยยยยยย


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: lolilo ที่ 15-11-2010 01:58:30
 :man1: :man1:    มาค่อไวๆ นะจ๊ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: katte ที่ 15-11-2010 02:24:39
พรุ่งนี้ตอนเย็นๆอัพนะค่ะทุกท่าน
* เอาอเล็กซี่ไปซ่อมมา เล็กซี่ฟื้นคืนชีพแล้วววววววววว (ชื่อโน๊ตบุ๊ค)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 15-11-2010 02:34:11
^
^
^

จิ้มข้างบนจ๊า งั้นฝากอัพพี่โต&น้องเนมด้วยเลยล่ะกันนะค่ะ o18


จะได้มิต้องเปิดคอมบ่อย ประหยัดไฟช่วยชาตินะค่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 15-11-2010 02:37:45
อูยยยยย
จะบอกว่าเอาลอกอินชาวบ้านมาเม้น ลืมตัว อร้ากกก (แบบว่าล้ออินนี้ต้องขอไว้มาเปลี่ยนหัวข้อในแบดกายแหะๆ)
ปล. รีบน เค้าอัพแล้วอ่ะตัว ไปอ่านได้เลยจ๊ะ
ปล.2 อเล็กซี่อ่ะ คอมพ์คนเขียนเอ๊ง T T
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 15-11-2010 23:34:33
Line : 10

        ท่ามกลางอากาศร้อนระอุของเมืองทะเลทราย อาจจะทำให้คนขี้หงุดหงิดตบะแตกได้ง่ายๆ เพราะแบบนี้รึเปล่า พวกที่เติบโตมาท่ามกลางทะเลทรายหรือพวกที่อยู่ในเขตร้อนๆนี่มักจะมีจุดเดือด "ต่ำ" เป็นพิเศษ

   คาวัลโลคิดแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ยิ่งเมื่อได้มาพบกับท่านชีคอัลชาอ์แล้ว ความคิดนี้ของเขาก็ชักจะเป็นทฤษฏีอะไรที่จริงจังมากกว่าเดิม ก็คิดดูเถอะ ไอ้ตัวเขาที่รุ่งเช้ามาก็โดนลากไปจัดการ"ทำศพ"ตัวเองจนถึงเย็นเนี่ย ทั้งเหนื่อยทั้งร้อน แถมยังเหนะหนะเหนียวตัวอยากจะอาบน้ำจะแย่ แล้วกว่าจะมาถึงวังของท่านชีคอัลชาอ์ที่รักน่ะ เล่นเอาซะหน้าเกรียมไปเลยเชียว

       เพราะงั้น คาวัลโลถึงไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆว่าจะมาโกรธอะไรนัก กับเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่...พอมาถึง เขาก็โผล่ไปทักทายอย่างมีมารยาท แถมยังอุตส่าป้อนคำหวานให้ชื่นใจด้วยอีก แล้วมีเหตุผลอะไรจะมาโกรธกันละครับเนี่ย...

ก็แค่ตอนโผล่หน้าไป"ทักทายที่รัก" มีนายพลหนวดเฟิ้มหน้ายักษ์นั่งคุยธุระกับอัลชาอ์แค่นั้นเอง..

 แค่นั้น..ทำไมท่านชีคต้องทำหน้าโมโหเหมือนจะกินหัวกัน แถมยังให้ฮาซานมันลากคอเขาไปนั่งจ๋องอยู่ในห้องลายดอกสีหวานชวนสยองคนเดียวด้วยล่ะ

ไม่มีเหตุผลกันจริงๆ..

   มาเฟียหนุ่มแห่งอิตาลีบ่นงึมงัมอยู่คนเดียว ขณะที่นอนแช่น้ำผ่อนคลายอารมณ์อยู่ในห้องน้ำที่เดิมกับเมื่อวาน สมองก็คิดไปถุงเหตุการ์ณที่ทำให้เขาโดนลากออกมาเมื่อครู่..

     หลังจากลงจากรถจี๊บเปิดประทุนที่นั่งแล้วเศษทรายติดหน้าแทบล้างไม่ออก คาวัลโลก็รีบดึงคาฟียะห์ที่ใช้คลุมหน้าตาออก  หนุ่มชาวอิตาเลียนเดินขึ้นไปยังห้องทำงานของอัลชาอ์ การที่ต้องมาทนร้อนทนเหนื่อยทั้งวันนี่มันชวนหงุดหงิดเป็นบ้า เพราะงั้น..หึหึ

  ต้องไปคลายเครียดกันซะหน่อย..

แล้วคลายเครียดแบบไหน จะสนุกที่สุด ถ้ามันไม่ใช่การเข้าไปยั่วโมโหท่านอัลชาอ์สุดที่รักของเขากัน เล่า

   ว่าแล้วก็เปิดประตุออกทันที ขณะที่ปากก็ไปก่อนตัวเสียแล้ว คาวัลโลฉีกหน้ายิ้ม ส่งเสียงหวานชวนสยองขวัญไปทันที

" กลับมาแล้วครับ..ที่รัก........................................................."

        และโยคคำพูดถึงกับกลายเป็นความเงียบสงัดวังเวงยาวนาน เมื่อหันไปมองเบื้องหน้าแล้วได้พบกับชายวัยกลางคน ในชุดทหารสีเข้ม คลุมหน้าด้วยกุตราสีขาวเช่นเดียวกับท่านชีคซึ่งนั่งนิ่งอยูบนโต๊ะทำงาน ไรหนวดหนาของนายทหารตรงหน้าถึงกับกระตุกถี่ยิบ เช่นเดียวกับใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความโมโหโทโส ช่างสอดคล้องกับสีหน้าราวกับจะฆ่าคนได้เของอัลชาอ์เสียจริงๆ..

     "^&$^%*(^*(()))_)^%$% " วาจาภาษาอารบิคดังขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับฝ่ามือของนายพลท่านนนั้นชี้มายังตัวเขา ด้วยอาการเคืองโกรธเสียจนตัวและหนวดสั่นระริก ก่อนจะหันไปถามท่านชีคด้วยท่าทีไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

    "....ฮาซาน...." น้ำเสียงที่เปล่งออกมา ไม่ใช่ชื่อของเขา แต่เป็นชื่อขององค์รักษ์หนุ่มหน้าตายที่ยืนตะลึงอยู่หน้าประตู คาวัลโลหันกลับไปมองหน้า พบเพียงนัยน์ตาที่ฉายแววเคืองโกรธที่ทำเอาขนหัวลุก..

    "^%*&^*(*)_)+_*&$%%%$ " อัลชาอ์หันไปพูดกับนายทหารคนนั้นที่ยังมีท่าทีเคืองโกรธไม่หาย ขณะที่คาวัลโลค่อยๆถอยเท้าพาร่างตัวเองออกมาจากห้องทำงานของชีคหนุ่ม โดยที่แขนขวาของเขาถูกบีบแน่นด้วยฝ่ามือขององค์รักษ์หนุ่มที่ตอนนี้โกรธเสียจนไม่อยากมองหน้าตนเอง..

     "..........เอ่อ..........." หลังจากโดนลากมาถึงหน้าห้องแล้ว..คาวัลโลรีบเอามือกั้นประตูที่กำลังจะถูกปิดพร้อมกับร้องทักฮาซานที่เหมือนโกรธจนแทบขาดสติ..

     ".........."

     ".....เมื่อกี้..ผมทำให้ใครไม่พอใจรึเปล่า..? "คาวัลโลเลิกคิ้วถาม ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนห่วงใยความรู้สึกของคนอื่นหรือว่าอะไรหรอก แต่ว่า.. แค่รู้สึก ว่าการไปทำร้ายจิตใจชาวบ้านหรือโผล่ไปไม่รุ้เวลาของตัวเองตอนนี้ จะนำพาความโชคร้ายอย่างยิ่งมาให้ในอนาคตอันใกล้

    "...ทุกคนที่พบคุณ ไม่มีใครพอใจทั้งนั้นแหละ !! " ฮาซานตอบเสียงห้วน แววตาที่มองมามันฉายแววเกลียดชังชัดเจนเสียจนคาวัลโลต้องปล่อยมือที่กุมบานประตูไปแล้วปล่อยให้องค์รักษ์หนุ่มปิดประตูใส่หน้าตัวเอง..

ปัง !!!

    "เฮ้อ....." คาวัลโลถอนหายใจเบาๆ ขณะที่สะบัดปลายเท้าเล่นกับฟองสบู่ในอ่างน้ำ.. ปกติเขาก็ไม่ชอบแช่น้ำนักหรอก แต่กับที่นี่ ไม่แช่นานๆแล้วรุ้สึกว่าตัวเองยังไม่สะอาด ตัวเหนียวเหนอะหนะตลอดเวลายังไงไม่รู้สิ..

   อืม...แล้วตกลงว่าที่โผล่ไปนี่..ไปทำความเดือดร้อนให้ใครอีกล่ะ?

    "อูยยยยย " ครางอู้เมื่อฝ่ามือที่มีรอยแผลถูกน้ำทำให้แผลเปิดออก วันนี้เขาถูกลากไปยังบริเวณทะเลทรายนอกเมืองที่ห่างไกลผู้คน พร้อมกับเสื้อผ้าข้าวของและ"ศพ" ที่อยู่ในสภาพโครงกระดูกของตัวเองเพื่อทำศพปลอมของตัวเองเป็นการสกัดการค้นหาเบื้องตนไปก่อน ว่ากันตามสภาพแล้ว คนที่ตายไปสองสามวันเนี่ย มันก็คงจะอยู่ในสภาพเกือบอืด แต่ว่าหากอยู่ในสภาพเกือบอืดแล้วแน่นอนว่าต้องถูกจับได้ สุดท้ายเลยต้องเอาศพที่ถุกเลาะเนื้อเถือหนังจนเหลือแค่โครงกระดูกขาวโพลนมาใส่เสื้อผ้าตัวเองและฝังไว้กลางทะเลทราย แต่เพื่อความแนบเนียน นอกจากเขาต้องใส่เสื้อผ้าให้โครงกระดูกนี้เองแล้ว ยังต้องกรีดเลือดตัวเองให้เปื้อนเสื้อผ้าและเอาใส่แถวๆโครงกระดูกเพื่อความแนบเนียนในการทำหลักฐานเสียด้วยสิ

  แล้วไม่ได้คิดไปเองด้วยนะ ว่าไอ้พวกที่พาเขาไปทำศพนี่..มันจงใจใช้งานให้เขาจัดการใส่เสื้อให้โครงกระดูก และกรีดเลือดเขาลงไปด้วยสีหน้าสะอกสะใจสุดๆ
 หึหึ คอยดุเถอะ ถ้ามีโอกาสจัดการละก็ พวกแกต้องเจอดีแน่ๆ..

    คาวัลโลหัวเราะหึหึ ขู่อาฆาตเหล่าองค์รักษ์และคนสนิทของอัลชาอที่พาเขาไปจัดการศพในวันนี้ เนื่องจากท่านชีคสุดที่รักของเขาติดภารกิจทั้งวันจนไม่มีเวลาไปร่วมกับสะใจอีกแรง..

     มาเฟียหนุ่มปรือตาลงช้าๆ ขณะที่คำนวนถึงผลลัพท์ของผลการปฏิบัติงานนี้ คนของเขาไม่ได้โง่พอที่จะถุกหลอกง่ายๆจากศพปลอมทั้งหลาย ดังนั้น เพื่อความแนบเนียน นอกจากจะใส่เสื้อผ้าเหมือนกันแล้ว ยังต้องมีพวกเลือดของเขา รวมถึงเส้นผมที่ถูกดึงไปประกอบด้วย แม้โครงกระดูกนี้จะขาวโพลนแทบไม่มีเนื้อติด(ฮาซานบอกว่าเป็นลักษณะของการตายที่ถูกเลาะเนื้อออกสดๆ) ก็ยังต้องมีเส้นผมเลือดและอื่นๆไปด้วย

   เพราะการตรวจเลือดนั้นมีวิธีที่ทำให้รู้ผลว่าเป็น ศพเขาจริงหรือไม่แค่ภายในสามวัน แม้จะเป็นการตรวจคร่าวๆก็เถอะ ส่วนพวกเส้นผมและโครงกระดุกหรือฟันพวกนั้น มันก็ต้องยันผลแน่นอนตั้งสามเดือน เพราะแน่นอนว่าลุงของเขาไม่พอใจแค่กับการพิสูจน์เบื้องต้นแน่ๆ เพราะอย่างนั้นแผนทุกอย่างจึงต้องรัดกุมให้มากที่สุด

  แต่ในเบื้องต้นแล้ว เมื่อพบศพ การค้นหาก็จะต้องถูกระงับชั่วคราว และเมื่อผลตรวจเลือดออกมาว่าเป็นเขา อาจจะทำให้การค้นหาถูกหยุดลง และพรรคพวกถูกเกณฑ์กำลังไปซ้อมรบ..แทนที่จะมาหาคนอยู่อย่างนี้..

    เมื่อไม่ถูกค้นหาแล้ว ที่ต้องให้ท่านชีคเตรียมตัวแน่ๆก็คือพวกสายลืบที่จะเข้ามาหาตัวการ ว่าใครกันแน่เป็นคนสังหารเขา และยังต้องให้เตรียมคนรับการลอบสังหารและการถูกไล่ล่าจากมาเฟียตระกูลวาลกัสอีกด้วย

  แน่นอนอยู่แล้วว่าเมื่อข่าวออกมาว่าเขาตาย.. เฟรเดริโก้ วาลกัส ผู้เป็นลุงของเขาย่อมไม่ยอมให้หลานรักตัวเองต้องตายเปล่า จะต้องมีการเริ่มไต่สวนสาเหตุและสืบหาคนทรยศในกลุ่ม และเตรียมการรบกับคนที่ฆ่าเขาด้วย เพื่อศักดิ์ศรีและเพื่อทวงความยุติธรรม นั่นเป็นเรื่องปกติที่ควรทำอยู่แล้ว..

     ส่วนพ่อแม่..... คิดมาถึงตรงนี้ก็ต้องนิ่วหน้า พ่อแม่เขาคงเสียใจไม่น้อย ยิ่งเเม่ที่ห้ามเขาตั้งแต่แรกที่คิดจะสืบทอดอาณาจักรของผู้เป็นลุงแล้ว..น่ากลัวว่าจะเกิดเรื่องใหญ่..

  รวมทั้งพวกพี่ๆทั้งสี่คนของเขา อเล็กซิส.. อเล็กเซย์   เฮเลนน่า  และคาร์โล

  แต่จะทำยังไงได้...

   ถึงจะเสียใจไม่น้อยที่ต้องโกหก แต่ก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอดของตัวเองและ..เพื่อหาคนทรยศ กำจัดพวกมันก่อนที่จะกัดกร่อนฐานที่นั่งของเขาไปมากกว่านี้..
อีกหกเดือนเขาจะขึ้นรับตำแหน่ง..ทุกอย่างต้องเรียบร้อย พวกศัตรูและคนทรยศต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก..

  คนที่ติดว่าตัวเองเหมาะสมที่จะขึ้นเป็นบอสของวาลกัส และจะกำจัดเขาไปให้พ้นทาง..พวกมัน ต้องตาย

เพราะคนที่เหมาะสมที่สุด คือเขา คาวัลโล เตอเกียเร่ วาลกัส

ลุกชายคนที่ห้าของตระกูลวาลกัลแห่งอิตาลี เชื้อสายซิซิเลียน-เยอรมัน ผู้ที่ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะต้องขึ้นเป็นบอสมาเฟีย

    ทุกอย่างในวงการมือนั้นคือของเขา นับแต่เกิด ทุกอย่างนั่นต้องกลายเป็นของเขา..เขาที่ถูกกรอกหูมาทุกเมื่อเชื่อวันว่าต้องขึ้นเป็นบอสมาเฟียที่เเข็งเเกร่งที่สุด..

พวกมดปลวดทั้งหลายที่กล้ามาท้าทายอำนาจ..ต้องพบกับความหายนะ..

...

แกร๊ก..

   เมื่อแต่งตัวและเดินออกมาจากห้องน้ำ คนแรกที่เขาเห็นคือฮาซานที่ยืนนิ่งอยุ่ตรงประตูห้อง คาวัลโลเลิกคิ้วขึ้นช้าๆ มองหน้าองค์รักษ์หนุ่มอย่างงวยงงไม่น้อย

    " มีอะไรงั้นเหรอ? อัลชาอ์ให้มาเรียกรึไง? "ออกปากถามพลางเอาผ้าขนหนูสีขาวผืนนิ่มเช้ดเส้นผมที่เปียกชื้นไปพลาง คาวัลโลก้มลงมองกระจกตรงหน้า ไม่ได้สนใจสีหน้าถมึงทึงของฮาซานและอัปกริยาสูดหายใจแรงขึ้นเฮือกหนึ่งเมื่อได้ยินเขาเรียกชื่อท่านชีคของตัวเองสั้นๆแบบไม่มี"ท่าน"อยู่ตรงหน้า

    "..เปล่า.." นั่นทำให้คาวัลดเลิกติ้วอีกรอบ เป็นเชิงว่าแล้วมีอะไร แต่ก็ยังก้มตัวส่องกระจกในห้องและมองหน้าองค์รักษ์หนุ่มผ่านกระจกบานใหญ่..

    " การกระทำของคุณวันนี้... " ฮาซานเอ่ยช้าๆ พลางเม้มปากแน่น " มันเป็นการลบหลู่ชีค.."

   " ยังไง? ไม่เข้าใจ " คาวัลโลถามกลับสั้นๆ สนใจปลายผมที่แตกปลายมากกกว่าสีหน้าของฮาซานเสียอีก

    "...คุณหยามเกียรติชีค ทำให้ชีคกลายเป็นตัวตลก.." น้ำเสียงที่ชักเข้มขึ้นทำให้คาวัลโลชะงักพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้ง มือที่แตะอยู่บนเส้นผมเปียกชื้นเริ่มขยับลงจากศรีษะ และดึงผ้าขนหนูที่เช็ดผมมาคล้องอยู่บนไหล่ตัวเองช้าๆ

   "...แล้ว........."

  ผลั่วะ !!!

     ร่างขององค์รักษ์หนุ่มปราดเข้ามาประชิดตัวอย่างรวดเร็ว คาวัลโลยังไม่ทันเอ่ยประโยคนั้นเสร็จเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มรู้สึกถึงวัตถุสีดำมะเมื่อมและความเย็นที่แสนคุ้นเคย เขาเงยหน้าไปจ้องสบตาแข็งกร้าวของฮาซานที่จับแขนข้างหนึ่งของเขาไว้แน่นและผลังลงบนเตียงสีหวานนั้นอย่างรวดเร็ว..

   มาเฟียหนุ่มหรี่ตาลงน้อยๆ แน่ล่ะว่าคนที่พกปืนไปโรงเรียนตั้งแต่เจ็ดขวบ และถูกลักพาตัวไม่ต่ำกว่าสิบครั้งอย่างเขาชินชากับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว บางทีหากฮาซานรู้มันคงไม่ทำแบบนี้ แต่ก็นั่นล่ะ.. เพราะมั้นไม่รู้ไง มันถึงทำ

     "..คุณไม่น่าทำแบบนี้..." คาวัลโลสบตาคู่นั้นพลางเอ่ยออกมาช้าๆ " คุณก็รู้ว่าเขารักผม...ถ้าทำแบบนี้ อัลชาอ์จะเกลียดคุณไปชั่วชีวิต"

    "..ผมยอมถูกชีคเกลียด ดีกว่าต้องยอมให้ท่านถูกหยามเกียรติ !! " ฮาซานเอ่ยเสียงหนัก มือไม่แม้แต่จะสั้นไหว ยาวที่กดปากกระบอกปืนลงบนลำคอของชายหนุ่มตรงหน้า แต่ทว่าแววตากับสั้นไหว..กับคำว่าเกลียดที่เขาได้ยิน

    " หยามเกียรติ..อะไร.. "คาวัลโลยิ้มมุมปากออกมา เขารีบตีสีหน้าขื่นขมอย่างรวดเร็ว " ถุกเหยียดหยาม เพราะเขารักผม..ที่เป็นผุ้ชายรึไง..? "

     " ใช่สิ..เพราะถ้าไม่มีแก ชีคต้องไม่เป็นแบบนี้ !!! " ฮาซานตะโกนลั่นพลางกัดฟันกรอด ปืนในมือเขาเริ่มสั่นไหวด้วยความอัดอั้นตันใจ " ข้าจงรักภักดีทำงานกับชีคมาทั้งชีวิต..กว่าท่านจะครองราชย์ได้มันยากแค่ไหน แกจะรู้บ้างไหม? ทั้งที่เซเนียยาจำต้องมีผู้นำที่เพียบพร้อม แต่แกกลับทำมันพัง เพราะชีครักแก !! "

    "..............." คาวัลโลจ้องหน้าเจ้าตัวนิ่ง ไม่พูดอะไรออกมา...

    ".. คาวัลโล เตอเกียเร่...คุณน่ะ มันเป็นจุดอ่อน เป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตของฝ่าบาท.." ฮาซานสูดหายใจลึก พลางค่อยๆขึ้นไกปืนช้าๆ " เพราะฉะนั้น ถ้าเพียงคุณจะไม่มีชีวิตอยู่..นั่น คือทางออกของทุกอย่าง ชีคจะได้แต่งงานกับท่านฟาติมะห์ หญิงสาวที่เพียบพร้อมที่สุด และจะบริหารประเทศนี้ต่อไป..ทุกอย่าง..จะสวยงามและสมบูรณ์แบบ..."

    " เพียงแค่ไม่มีผม..." คาวัลโลยิ้มมุมปาก ขณะที่สมองวิ่งพล่านหาทางรอด ฮาซานมันไม่ใช่คนโง่ ไม่ได้เป็นคนใช้ที่สมองทึบ มันฉลาดและจงรักภักดี รวมทั้งพร้อมทิ้งชีวิตไว้กับอัลชาอ์ด้วยซ้ำ..คนแบบนี้...จะฆ่าก็น่าเสียดาย แต่จะเอาไว้ ก็อันตรายพอกัน..

    "...ถ้ารักชีคจริงๆ.." ฮาซานเอื้อมมือหยิบหมอนบนหัวเตียงมาไว้ในมือ " ก็จงยอมสละชีวิตเพื่อความเจริญรุ่งเรื่องของเซเนียยา และเพื่อตัวฝ่าบาทเอง..แล้วผมจะให้คุณไปแบบสบายๆ ไม่เจ็บปวด.."

    "....อย่า.... "คาวัลโลเอ่ยเสียงสั่น น้ำตาไหลพราก ระหว่างบีบน้ำตาให้ฮาซานมันไขว้เขว เขาก็กระชับผ้าขนหนูในมือแน่น...

     "...หลับตาซะ..ผมจะเอาหมอนปิดไว้ ไม่ให้เสียงดังและสมองกระจุย จะเลือกยิ่งขมับแบบที่ครั้งเดียวก็ตาย คุณจะได้ไม่ทรมาณ..และศพจะดูได้..." ฮาซานเอ่ยช้าๆ มองร่างคนรักของชีคผู้เป็นนนายเหนือหัวของเขาที่ตัวสั่นอยู่เบื้องล่าง หยดน้ำตาไหลอาบสองแก้มของเจ้าตัว พร้อมกับส่ายหัวช้าๆด้วยท่าทีหมดแรง..

    ".. คุณจะต้องเสียใจภายหลัง..ถ้าทำแบบนี้.." คาวัลโลเอ่ยช้าๆ น้ำตาแห้งเหือดไปแล้วพร้อมกันนนั้นเขาก็กระชับผ้าขนหนูในมือแน่น รอจังหวะ

    " ไม่เป็นไร ถ้าคุณตาย เดี๋ยวผมก็จะตายตามเอง.. " ฮาซานเอ่ยช้าๆ ขยับปืนออกมาพลางเอาหมอนเตรียมปิดศรีษะของชายหนุ่มตจรงหน้าเป็นการเก็บเสียงไปในตัว... "...จงสวดขะ........อุ๊ก !!"

     ผ้าขนหนูสีขาวพาดใส่ใบหน้าพร้อมกับฝ่าเท้าที่พุ่งตรงเข้ากลางลำตัวมาจากคนที่แสร้งกลัวจนตัวสั่น ปืนที่เตรียมลั่นไกนั้นถุกหักปากกระบอกปืนไปด้านอื่น พร้อมกับผ้าขนหนูผืนเดิมที่ตวัดเข้ากับลำคอหนา คาวัลโลใช้ฝ้าเท้าข้างหนึ่งเหยียบเท้าฮาซานไว้พร้อมกับออกแรงรัดลำคอหนาแน่น..


ปัง !! ปัง !!!ปัง !!!

  ปืนในมือถูกปลายนิ้วที่เกร็งแน่นแตะเหนี่ยวไกจนมันพุ่งทะลุเข้าไปยังกำแพงห้องหลายนัด คาวัลโลรีบแตะปลายปืนที่หลุดลงพื้นไปที่อื่น พร้อมกันนั้นก้ออกแรงดึงผ้าหนหนูในมือแน่นขึ้นจนฮาซานเริ่มกระตุกร่างถี่ๆ..

   ปึงๆๆๆ

     " คาวัลโล !!! เกิอะไรขึ้นน่ะ..." เสียงทุบประตูดงังขึ้นพรร้อมกับเสียงเรียก แต่เหมือนว่าประตุจะถุกล้อกจึงไม่อาจจะเปิดออกมาได้ คาวัลโลได้ยินเสียงเหล่าองค์รักษ์และทหารวิ่งวุ่นไปตามเสียงสถบด่าเป็นภาษาอารบิคของอัลชาอ์ดังยาวเหยียดข้างนอก เขาแสยะยิ้ม ขณะที่กระตุกผ้าในมือแน่นขึ้นอีก

   " จะบอกอะไรให้นะ... ฮาซาน "มือเรียวเกร็งข้อมือเม็ง ส่งผลให้ฮาซานเริ่มตาเหลือก ส่งเสียงขลุกขลักในลำคอ " ชั้นเป็นคนอิตาลี..เชื้อสายซิซิเลียน.."

   ปึงๆๆๆๆๆๆ

    เสียงทุบประตูและเขย่าประตูดังขึ้นภายนอกช่างพร่ามัว ขณะที่ประสาทหูอึ้งอึงส่งเสียงวิ้งๆไม่หยุด ฮาซานรู้สึกมือเท้าชาไปหมด นัยน์ตาที่เบิกกว้างของตนเองมองเห็นแต่วงหน้าของหนุ่มต่างชาติที่ตนตั้งใจจะมาปลิดชีวิต ใบหน้าที่เคยเปื้อนน้ำตาและยอมแพ้บัดนี้จางหายไปราวกับไม่ปรากฏ เหลือเพียงแววตากร้าวเเข็งและรอยยยิ้มมมุมปากเย็นยะเยือกประดับบบนใบหน้าแข็งกร้าวแปลกตา..

ก่อนสติจะเลือนหาย เขาได้ยินคำๆหนึ่งในประโยคที่ชัดเจน แต่ไม่รู้..ว่าเขาจะหูฝาดไปรึเปล่า..

     ".. วิธีการฆ่าคนของมาเฟียซิซิลี..ที่พวกเราถนัดที่สุดคือการ"ฆ่ารัดคอ" .. "

ปัง !!!

     " คาวัลโล.... ฮาซาน !!!!! " เสียงตะโกนของอัลชาอ์ดังลั่น ขณะที่นัยน์ตามองเห็นร่างของมาเฟียหนุ่มกำลังจัดการกับองค์รักษ์คนสนิทของเขา คาวัลโลละมือจากผ้าขนหนูที่รัดอยู่บนลำคอของฮาซาน ทำให้ร่างสูงใหญ่นั้นโซซัดโซเซลงบนพื้น ไอโขกด้วยดวงตาแดงก่ำและท่าทีทรมาร..

    "...นี่มันเกิดอะไรขึ้น !!! " อัลชาอ์ตวาดลั่น ด้วยนัยน์ตาคุโชนด้วยความไม่พอใจ..

    "..เขาจะฆ่าผม... " คาวัลโลเอ่ยเสียงเรียบ มององค์รักษ์หนุ่มที่ทรุดตัวลงปรือตาหอบสั่นไปทั้งตัว ฮาซานเงยหน้ามามองนายเหนือหัวของตนก่อนจะหรุบตาลงด้วยความละอายใจ

   หางตามองเห็นปืนที่ถูกเตะทิ้ง เขารีบคว้ามันออกมาจ่อลงบนขมับ ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเหล่าองค์รักษ์ที่กรุกันเข้ามาในห้อง..

     " ฮาซาน !!! อย่า..."

ผลั่วะ !!

ปัง !!!!


   ปืนกระบอกนั้นกระเด็นออกจากมือขององค์รักษ์หนุ่ม ขณะที่ใบหน้าอาบไปด้วยเลือดที่ไหลออกจากจมูกนัยน์ตาปิดลงและลำคอพับทันที ใบหน้าและคางปรากฏรอยแดงเถือกชัดเจน ขณะที่ทุกคนเงียบ พากันจ้องมองชีคหนุ่มด้วยแววตาตกตะลึงไม่น้อย..

   " พามันไปหาหมอ ทำแผลเสร็จแล้วขังมันไว้ซะ ! " อัลชาอ์เอ่ยช้าๆ พลางหันไปมองหน้าชายหนุ่มข้างตัวที่ทำตาโตมองเขา ชีคหนุ่มมองเห็นรอยน้ำตาที่ไหลเปื้อนข้างแก้มของคนตรงหน้า คิ้วหน้าจึงขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็เอื้อมมือคว้าแขนของอีกฝ่ายให้ออกจากห้องและเดินตามเขาไป..

    
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 15-11-2010 23:43:52
เลือดเยนมากมากเลยน้อง  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [9] UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 15-11-2010 23:45:03
    ตุบ..

  คาวัลโลถูกพามาเหวี่ยงตัวลงบนเตียงหนา ขณะที่ชีคหนุ่มมีสีหน้ายุ่งยากใจ พลางเดินสั่งเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ในห้อง

    " ผมไม่เป็นไรซักหน่อย.. "คาวัลโลขมวดคิ้ว ถามงงๆ

    " แน่ใจเหรอ ?.." อัลชาอ์กระตุกยิ้มเย็นชา ขณะที่ลากคนไม่เจ็บไปส่องกระจกให้ดุกันชัดๆ

    "อ่า............" คาวัลดลมองตัวเองในกระจกแล้วหัวเราะเเหะๆ เพิ่งรู้ตัววว่าเขามีแผลที่ศรีษะและหางคิ้วจนเลือดไหลออกมามากพอดู.. มันคงจะเป็นแผลจากการชุลมุนตอนเเย่งปืนจากฮาซานซึ่งเขาไม่ทันรู้ตัว

     "มานี่.... " อัลชาอ์ถอนหายใจหนักๆ พลางลากแขนอีกฝ่ายมานั่งบนโซฟาหน้าเตียง ขณะที่คาวัลโลมองไปรอบๆห้อง เมื่อเห็นโต๊ะทำงานที่ถูกกันไว้ก็ร้องอ้อเมื่อรู้ว่านี่คือห้องนอนของอัลชาอ์นั่นเอง..

    "มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น.. " อัลชาอ์กอดอกพลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนออกอ่อนใจ " ตั้งแต่คุณมานี่ทำเรื่องให้ผมปวดหัวตลอกเลยนะ ทั้งเย็นนี้ที่จู่ๆก็โผล่เข้ามา ทั้งเรื่องฮาซาน..ตกลงว่ามีอะไรกัน? "

   " ก็บอกแล้วไงว่าหมอนั่นจะฆ่าผม " คาวัลโลขมวดคิ้ว ก่อนจะครางซี้ดออกมาเมื่อรู้สึกปวดแปลบ ตอนแรกๆแผลเกิดยังชาๆไม่รู้ตัว แต่พอรู้ว่ามีแผลแล้ว ขยับนิดขยับหน่อยมันก็พาลเจ็บไปซะได้ " ฮาซานมันเข้ามา ถือปืนมาเล็งแล้วพล่ามห่าเหวอะไรของมันไม่รู้ แต่สรุปแล้วคือมันจะฆ่าผม เพราะผมทำให้ท่านชีคของมันต้องเสียเกียรติ ..ไม่รู้เกียรติบ้าบออะไร ผมไปได้ทำอะไรกันเล่า !! "

     "...ฮาซานพูดแบบนั้น ? " อัลชาอ์ออกปากถามช้าๆ

    " เออสิ...แล้วบอกว่าผมต้องตาย ท่านชีคจะได้แต่งงานมีเมียอย่างคนปกติเขา " คาวัลโลยกมือแตะหัวคิ้วตัวเองแล้วครางอู้ " ให้ตายสิ แสบชะมัด.."

   " เดี๋ยวจะทำแผลให้ อย่าไปแตะมัน " อัลชาอ์ปรามเสียงเข้ม พอดีกับเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆและองค์รักษ์นายหนึ่งเดินเข้ามาเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้..

     "...ฮาซานเป็นยังไงบ้าง.. " ชีคหนุ่มเอ่ยปากถามอีกฝ่ายเป็นภาษาอารบิค ซึ่งนั้นทำให้คนฟังไม่รู้เรื่องหน้ามุ่ย..

     " มันฟื้นแล้วครับชีค แต่มันพยายามจะฆ่าตัวตายตลอดเลย ตอนนี้จับมันไปขังที่คุกได้ดินแล้วครับ.."

       "อา..ดี เฝ้ามันไว้ล่ะ "

           องค์รักษ์คนนั้นหนักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปจากห้อง..

       "..ฮาซานฟื้นแล้ว " อัลชาอ์บอกสั้นๆเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าตาสงสัย " แต่มันคลั่ง พยายามฆ่าตัวตายอยู่ตลอดเวลา "

       " โห..เจอคุณแตะปลายคางจนสลบแล้วยังคิดอีกเหรอเนี่ย ? "คาวัลโลหัวเราะหึหึ ยามนึกถึงเหตุการ์ณเมื่อครู่ ฮาซานมันจะฆ่าตัวตาย แต่โดนท่านชีคเตะทีเดียวเอาซะสลบเหมือดไปเลย..

       " มันคงช๊อก... ขยับมานี่.. " อัลชาอ์เปิดกล่องปฐมพยาบาลพลางเรียกอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้

       "..เหรอ?  ตอนมันบอกผม มันว่าถ้าฆ่าผมแล้วก็จะฆ่าตัวตายตาม..คงรับชีวิตที่ถูกคุณเกลียดไม่ได้ละมั้ง.." คาวัลโลว่า ก่อนเขาจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อถุกมือหนาแตะเข้าตรงแผล "เจ็บนะคุณ..มือหนักขนาดนี้ไปเรียกหมอมาเลยไป...มาทำเองเพื่ออะไรเนี่ย.."

       " ..มีคนบาดเจ็บเพราะผม ถือเป็นความรับผิดชอบของผม.." อัลชาอ์ตอบเสียงห้วน.. พลางหยิบสำลีชุบเเอลกอร์ออล์มาแตะลงบนหัวคิ้วของมาเฟียหนุ่ม ทำเอาคาวัลโลสะดุ้งสุดตัว..

       " ถ้าแบบนี้ไม่รับผิดชอบดีกว่า...อูย...มันแสบนะ !! " หันไปด่าคนที่กดสำลีลงบนหน้าผาก ก่อนจะร้องจ๊ากแทบไม่ทันเมื่ออีกฝ่ายกดแรงขึ้นอีก..

       " เป็นมาเฟียประสาอะไร แผลแค่นี้มาทำเป็นร้อง " อัลชาอ์ว่าให้เจ้าคนที่แสบจนน้ำตาเล้ด...

      " แล้วไง...มาเฟียก็คนน่ะเฟ้ย !!  " คาวัลโลบ่น ก่อนจะเบ้หน้า มากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ลดแรงลงเลยสัดนิด " พอๆเลย ไม่ต้องทำนะ ไปเรียกหมอมาเลย !!

       "ทำไม ? "ชีคหนุ่มถาม หน้าตาบูดบึ้ง

      " เจ็บสิถามได้ !! มือหนักจะตาย " คาวัลโลร้องว้ากกลับ "ไปเรียกหมอ ไม่ก็สาวๆสวยๆมาทำแผลให้ผมเลย วันนี้มันเป็นอะไร โดนคนมาฆ่าไม่พอ ยังเจอผู้ชายตัวยักษ์มาทำแผลให้อีก..สยองขวัญตายชัก "

     " บอกแล้ว ว่ามันเป็นความรับผิดชอบของผม " อัลชาอ์ตอบสั้นๆพลางจ้องหน้าเจ้าตัว " ไม่ว่าคุณจะพอใจรึไม่ก็เถอะ แต่ถ้าเจ็บเพราะผม..ผมก็ต้องรับผิดชอบผล ของการกระทำของตัวเอง.."

     "..............." คาวัลโลจ้องหน้าอัลชาอ์แล้วถอนหายใจเฮือก ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ "เบาๆนะ.. " เขาสั่งสั้นๆ ก่อนจะเอนตัวลงบนพนักเก้าอี้ ปล่อยให้ชีคหนุ่มจัดการรอยแผลของตัวเองตามลำพัง..

     " ..รู้รึเปล่า ว่าใครจ้างมันมา.... " เงียบได้ไม่นาน ชีคหนุ่มก็ออกปากถามขึ้นมากลางความเงียบ..

     "...ไม่มีหรอก " คาวัลโลถอนหายใจพรู " มันทำเอง..."

     " รู้ได้ยังไง ? " อัลชาอ์ที่โน้มตัวเหนือร่างที่นั่งหลับตาบนเก้าอี้บุนวมถามสั้นๆ ขณะที่มือกดสำลีที่ใส่ยาทำแผลลงบนศรีษะเจ้าตัว ท่ามกลางแสงโคมไฟสลัวเขามองเห็นแพขนตาสีอ่อนขยับไหวก่อนเจ้าตัวจะเริ่มขยับริมฝีปากสีพีช

     "  ฮาซานมันจงรักภักดีกับคุณ.." คาวัลโลรู้สึกจักจี้กับปลายนิ้วที่แตะลงบนหางคิ้วไม่น้อย ได้แต่ขยับเปลือกตาถี่ๆ " ที่มันทำ เพราะมันหวังดี..ไม่อยากให้คุณถูกดูหมิ่นหยามเกียรติอะไรก็ว่าไป..และที่มันคิดอีก..ก็คือ คุณไม่สมควรจะมีคนรักเป็นผู้ชาย เพื่อขจัดรอยด่างในชีวิตของท่านชีคอัลชาอ์..มันเลยคิดจะฆ่าผม แต่ก็ไม่อยากจะใช้ชีวิตท่ามกลางความเกลียดชังของคุณ เลยคิดจะฆ่าตัวตายตาม.."

      ".....งั้นเหรอ?" อัลชาอ์รับคำแค่นั้น แล้วเงียบเสียงไป ขณะที่ติดสำลีและผ้าก๊อซลงบนหางคิ้วร่างตรงหน้า..

      " จะทำไงกับหมอนั่นต่อ.." คาวัลโลถามกลับ

      " ไม่แน่ใจ..บางทีก็คงต้องกำจัด.." อัลชาอ์ตอบช้าๆ ก่อนจะแทบสะดุ้งเมื่อนัยน์ตาสีน้ำทะเลคู่นั้นลืมขึ้นมาจ้องหน้าเขาทันควัน..

      " เดี๋ยวขอผมคุยกับหมอนั่นก่อนได้ไหม?.." มาเฟียหนุ่มต่อรอง หรี่ตาลงน้อยๆเมื่อฝ่ามือหนาหยิบผ้าก๊อซหันลงตรงขมับ จากหางตามองเห็นลำคอและปลายคางมนที่มีไรหนวดสั้นๆอยู่ประปราย และสันจมูกโด่งขัดเจน..

      " จะคุยอะไร? "อัลชาอ์หันมาจ้องมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลคู่สวยอย่างจริงจัง..

      "..ผมจะทำให้หมอนั่นเลิกฆ่าผมไง.." คาวัลโลขยับรอยยิ้มประดับบนใบหน้า

       "...ยังไงโทษที่ขัดคำสั่งก็ไม่เปลี่ยนไปหรอก.." อัลชาอ์ละสายตาจากดวงตาคู่นั้น และก็เก็บอุปกรณ์ทำแผลลงในกล่องปฐมพยาบาล..

       " ผมรู้..แต่น่าเสียดายหากคิดจะกำจัดคนที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีขนาดนี้.."

       " ไม่โกรธรึไง? "อัลชาอ์ยืดตัวขึ้น หันมาถามคนที่นั่งเอนตัวสบายๆอยู่บนเก้าอี้..

         "จะโกรธก็ไม่เห็นเกี่ยว หมอนั่นมันคนของคุณ..และผมก็มีวิธีแก้แค้นในแบบของตัวเอง.." คาวัลโลยิ้มมมุมปากพลางสบมองแววตาของอีกฝ่ายด้วยแววตาพราวระยับ " เพราะงั้น..ให้ผมไป..โอเคนะครับ?"

         "...คืนนี้กลับมานอนที่นี่ด้วยล่ะ.." คำสั่งสั้นๆทำเอาคาวัลโลกระพริบตาปริบๆ เขาหันมามองหน้าอัลชาอ์พลางเลิกคิ้ว แต่ชีคหนุ่มไม่มองหน้าเพียงแต่หันไปทำอะไรวุ่นอยุ่กับเอกสารอย่างไม่ยอมสบตา

         "..ห้องนั้นมันพังไปแล้วนี่..อีกอย่าง..เป็นแฟนผมไม่ใช่รึไง?.."

         "อ้อ......" คาวัลโลพยักหน้ารับสีหน้าไม่รู้สึกรู้สา พลันมาเฟียหนุ่มก็จุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตรงมุมปาก ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปใกล้อัลชาอ์ สบโอกาสก็วาดแขนกอดรวบบั้นเอวหนาไว้ทันควัน

จุ๊บ...

       " แล้วจะรีบกลับมานะครับ..ที่รัก..."

     ว่าแล้วหนุ่มอิตาเลียนตัวแสบก็เผ่นแล้วออกมาจากห้องทันควัน ทิ้งให้ชีคหนุ่มผุ้ถูกแอบหอมแก้มชะงักค้าง ตัวแข็งทื่อ โดยมีเอกสารในมือร่วงพรูลงไปกองกับพื้นพรม..

..................................................................TBC.

 กลับมาแล้วค่ะ หุหุหุหุ :3123: :3123:
หายไปนานเพราะอเล็กซี่ที่รัก(โน๊ตบุ๊คจ๊ะ) ไม่สบาย เพิ่งดีๆมาคืนนี้ล่ะ
ส่วนตอนนี้..ฮาซานเอ๊ย..เล่นกับไผไม่เล่น ไม่โดนรัดคอจนขี้แตกดีเท่าไหร่ (ปรากฏการ์ณนี้เกิดขึ้นบ่อยมากในเรื่อง The godfather )
   เหมือนว่าเวลาไม่เถียงกัน อัลชาอ์กับคาวี่มันก้เข้ากันได้ดีอยู่หรอก เหอๆ.. และคาวี่..เล่นแบบนี้ ระวัง ระวังเข้าตัวนะจ๊ะเบบี๋ ถ้าอัลชาอ์มันเอาจริงขึ้นมา เถอะจะขำไม่ออกนะเอ๊า..555+ o18 o18
นี่ถือเป็นฉากประวัติศาสตร์นะเคอะ หวีดโดยไม่ต้องแสดงละคร หุห และหวังว่าจะพัฒนาอย่างเร็วในเร็ววัน :z1:
ปล. ตอนต่อไป ฝาแฝดจะมาเรียกคะแนนอีกแล้ว (ฮ่าๆ)

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 15-11-2010 23:49:56
จิ้มตูดก่อนนนนนนนนนน

อูยยยย ตอนประวัติศาสตร์จิงๆ หอมจิง ไม่มีตัวแสดงแทน
คาวี่ เหมือนถูกเลี้ยงมาให้อยู่เหนือทุกคน ไม่มีความรัก ความเห็นใจ
มีแต่ว่า ทำอะไร กับใครแล้วจะสร้างประโยชน์ให้ตัวเองมากที่สุด

แล้วถ้าวันนึงคาวี่รักอัชลาห์ขึ้นมาจริงๆล่ะ จะทำไง

ปล. อยากเห็นอิหนูคาวี่โดนแกล้งคืน 5555555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: zombiepe ที่ 16-11-2010 00:13:49
ขอสารภาพค่ะ
เผลอจิ้นฮาซานกะคาวี่ไปแล้ว
กร้ากกกกก

ลุ้นท่านชีคจนเหน็ดเหนื่อย ลุ้นฮาซานดีกว่ามั้ง
555

ท่านชีคที่ทำของหล่นตอนโดนหอมนี่ อารมณ์ไหน
เขิน? โมโห? อยากโดนหอมอีกข้าง?
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 16-11-2010 00:21:43
โดนเข้าให้แล้วฮาซานคิดยังไงไปต่อกรอ่ะ



ไม่ไหวเกือบตายแล้วไหมล่ะ




อิอิท่านชีคถึงกับอึ้งเลยอ่ะโดนจุ๊ป



รออ่านตอนต่อไปค้าบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 16-11-2010 00:44:19
^
 :z13:
รีบน(zombiepe)
อาจจะข้อสุดท้าย(พยายามหวังแบบนั้นอยู่)555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 16-11-2010 00:44:49
ฮาซานนี่ดูไม่ออกเหรอว่าเค้าเสแสร้งกัน โถๆๆ อย่าปล่อยให้แหว่วๆบังตาสิ 555 แต่...ชอบบรรทัดสุดท้ายที่สุด เอิ๊กๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 16-11-2010 00:56:06
มาต่อแล้ววววววววว

คาวี่ยั่วซะจนชีคของเร่นิ่งเลยอาะ5555


แต่ว่าเหมือนท่านชีคจะ...นิ่งๆไปนะ
ค้ลายว่าอ่อนใจแล้ว555
คนสวยเขาดื้ออะเนอะ



รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 16-11-2010 01:59:32
คาวี่จะจัดการยังงัยกะฮาซานกันนะ...............
ตอนหน้าคงสนุกน่าดู
มาต่อไวไวนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: lolilo ที่ 16-11-2010 04:05:42
 :o8: :o8: 

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย คุณน้องทำอะไรเนี้ย >[]<"
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 16-11-2010 06:32:13
แอร๊ยยย มีแอบหอมแก้มกันด้วย :o8:
ฮาซานสงสัยจะได้ไปเป็นลูกน้องคาวี่จริงๆก็งานนี้แหละ
ปอลอ..ฮาซานมันคงรักท่านชีคของมันมาก หรือว่าที่อยากฆ่าคาวี่เพราะอิจฉา อยากได้ไว้เอง :jul3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 16-11-2010 10:24:20
เหมือนจะมองเห็นแววทางที่ไอ้คู่นี้มันจะมารักกันแบบลางๆ
ย้ำว่า ลางๆ! เท่านั้น! 555
คาวี่เล่นแบบนี้บ่อยๆ เจออัลชาอ์คิดจริงขึ้นมา ฮาแน่ๆ...
แต่ตอนที่อัลชาอ์บอกคาวี่ให้มานอนห้องนี้ เพราะ คุณเป็นแฟนผม นี่...
มันชวนให้คิดนะ ว่าอัลชาอ์แอบคิดอะไรอยู่นึเปล่า...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 16-11-2010 10:38:21
คาวี่ชนะเลิศ  :mc4: ชอบจริงๆเลย
มือหนัก เท้าหนักแถมยังโหดอีก มาให้ฟัดทีนึง  :impress2:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 16-11-2010 10:48:15
มีขโมยจุ๊บกันด้วย น่ารักๆ
ลบภาพคาวีสุดโหดคนเมื่อกี้ได้เรียบเลย
หวานแบบไม่แสดงละครอ่ะ น่ารักอ่ะ
นานๆทีท่านชีคจะเว้อบ้าง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ☥ŹeMî☠kändä☥ ที่ 16-11-2010 17:06:49
คาวี่ยั่วได้อีก  :haun4:

หุหุ รอลุ้นตอนต่อไปนะขอรับ เป็นกำลังใจให้เสมอ  :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 16-11-2010 19:33:44
คาวี่ออกตัวแรงมากเลยค่ะหนู  :impress2:


ท่านชีคนี่ไม่เคยโดนผู้ชายหอมรึไง ทำเป็นสาวแรกรุ่นไปได้

55 นอนร่วมเตียงแล้วเว้ยเฮ้ย


งั้นฉากนั้นก็ไม่นานเกินรอแล้วดิ o18

(แต่อาจจะไม่ใช่เพราะอย่าง แบดกายฯ ทำเรารอซะเหนื่อยเลย คนเขียนชอบลีลาค่ะ 5555)


 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 16-11-2010 20:25:25
ทะเล้น เปรี้ยว เซี้ยว แร่ดมาก คาวี่
จะน่ารักไปไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 16-11-2010 21:56:11
โอ้มายพระพุทธเจ้า............
คาวัลโล โคตรๆๆๆๆๆ...เจ๋งอ่ะ
สุด ๆ เล่นเอาประทับใจอย่างแฮง 555

เท่ บอกได้คำเดียว คาวี่เอฟซี คัฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 16-11-2010 22:36:08
โหด มันส์ ฮา

ครบทุกรส

 :z3: :z3:

 :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 16-11-2010 23:07:43
หนุคาวี่ ตุ๊กตาทองปีนี้ต้องป็นของหนูแน่ๆ เลย

น้ำตาไหลพราก ๆ เนี่ยทำไ้ด้ไง เนียนจริงๆ


ท่านชีคโดนจุ๊บแค่เนี้ยทำเป็นไม่เคยไปได้ มากกว่านี้ก็ทำมาแล้วนิ :man1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 17-11-2010 19:23:34
พึ่งเข้ามาอ่านเรื่องใหม่ หลังจากที่ เเวบไปเเวบมา อ่านได้ถึงตอนที่ 5 เเล้วอยากจะบอกว่า ชอบ คาวี่ อย่างเเรง น่ารักนะ เราชอบนายเอกนิสัยเเบบนี้ อะ 55++ (สงสัยจะพอกัน) +1 ให้ไปเลย เเล้วจะตามมาอ่านให้ทันนะคะ

ปอล้อ . เเบดกายยังไม่ได้ตามไปอ่านเลย ภาค 2 มา 2 ตอนเเล้ว 55++
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 17-11-2010 19:34:15
 :z1: คาวี่เล่นบ่อยๆเด๋วงานเข้านะเทอ  เอิ้กกกกกกกกกก
ปล.แอบสงสัย ฮาซานแอบชอบอัลชาห์รึป่าว  ก๊ากกก คิดไปได้ตัวเรา 555 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 17-11-2010 19:42:53
มีลุ้นแล้วโว้ย หุหุ >_<"
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 17-11-2010 20:13:49
 :pig2:

ขำท่านชีค  :laugh:

แต่จะว่าไปก็น่ารักดีนะคู่ นี้   :impress2: :laugh:หวานๆฮาๆๆ 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 18-11-2010 13:55:38
อ่านมาทันเเล้ว ชอบมากเลยยังไงก็ไม่เปลี่ยนใจ เค้าชอบ คาวี่ ชอบนายเอกเเบบนี้อะ 55++ มีไปจุ๊บเค้าด้วย เมื่อไหร่จะโดนกด เเตถ้าโดนเเบบโชกเลือดดูท่าจะไม่ดีนะ อันตราย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 18-11-2010 22:12:43
ความซื่อสัตย์ของพวกอาหรับมุสลิมนี่น่ากลัวจริงๆ ค่ะ
คาวี่ค่ะ ถึงหนูจะเก่งขนาดไหน แต่อย่าลืมว่า

"เหนือฟ้ายังมีฟ้า"

ดังที่สักวันนึงนู๋ก็ต้องสยบอยู่ภายใต้ร่างของอัลชาอ์สุดหล่ิอ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :z2:

ขนาดบาดเจ็บยังไม่รุ้สึกตัวเลยนะค่ะลูกขา ! ต้ิองให้พระเอกเขามาช่วย
อัลชาอ์นี่น่ารักใจเย็นดีจัง ไม่โกรธคาวี่เลยแหะ
ซ้ำยังมีความรับผิดชอบ เป็นสุภาพบุรุษที่น่ารักมาก คิดแ้ล้วก็สงสารอนาคตพี่แก ที่ต้องมีเมียยังงี้ 555555555555

ตอนนี้แอบหวานนนน คาวี่เอ๋ย ระวังเถอะ ถ้าเขาเอาคืน อาจจะไม่ใช่แค่หอมแก้มนะจ้ะ หึหึ

เอาใจช่วยไรท์เตอร์
และคุณชีคผู้น่ารัก
ให้ได้เมียเป็นหัวหน้ามาเฟียเร็ว

ตอนหน้าาา กรี๊ดดดดดดดดดดดด ฝาแฝด อร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 18-11-2010 23:34:58
Line : 11

     ห้องขังสี่เหลี่ยมมืดทึบที่ทำมาจากวัสดุอย่างดีเยี่ยงที่ห้องขังของอารยะประเทศเขามีกัน ทำให้คาวัลโลนึกดีใจแทนประชาชนชาวเซเนียยาขึ้นมาบ้าง ที่อย่างน้อยก็จะถูกขังในสถานที่สะอาด ถูกสุขลักษณะเช่นห้องขังที่อื่นๆแต่พอเดินเข้าไปเห็นเจ้าคนโดนขัง ที่ถูกใส่กุญแจมือและนั่งพิงผนังสีเข้มด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก เขาก็หมดอารมณ์จะชื่นชมไปชั่วคราว

   องค์รักษ์ที่นำไปนั้นยืนแน่วอยู่เบื้องหลัง ขณะที่เปิดประตูห้องขังให้เขาเดินเข้าไปและเเทรกตัวเข้ามาด้วยอย่างรวดเร็ว..

คาววัลโลหันไปมองหน้าองค์รักษ์นายนั้น ก่อนจะขมวดคิ้วน้อยๆ..

   " ออกไปรอข้างนอกก็ได้..ผมไม่คุยนานหรอก.." เรื่องของเรื่องคือที่เขาจะคุยกับฮาซาน มันไม่ควรให้คนภายนอกรู้ต่างหาก

   "..........." มันไม่ตอบ แต่ยืนนิ่งด้วยท่าทีและสายตาประมาณว่า "ไล่ให้ตายก็ไม่ไป"

    " ถูกมัดใส่กุญแจมือแบบนี้ เขาทำอะไรไม่ได้หรอกน่า...ผมมีธุระสำคัญจะคุยกับฮาซาน..ออกไปรอข้างนอกก่อน.." คาวัลโลถอนหายใจแรง หันไปเจรจากับองค์รักษ์นายนั้นอีกรอบ..

   "....แต่ ชีคสั่งไว้ว่า......" องค์รักษ์นายนั้นยังมีท่าทีไม่ยอมทำตามคำสั่ง คาวัลโลเริ่มตาขวาง เขาถอนใจฮึดฮัด..

    " เดี๋ยวนี้..."

    "............."

   " เดี๋ยวนี้ครับ.." เอ่ยพลางเอื้อมมือเปิดประตูห้องขังและผายมือเชิญองค์รักษ์นายนั้นออกไปนอกห้องขัง " รออยู่หน้าห้องโถงครับ..ไม่ใช่หน้าห้องขัง.." เขาออกปากว่าเมื่อองค์รักษ์นายนั้นทำท่าจะยืนอยู่หน้าห้องขัง คนถุกไล่มีท่าทีลังเลพอสมควร แต่เมื่อถูกถลึงตาใส่เป็นรอบที่สาม เขาจึงยอมเดินออกไปโดยดี

    เสียงฝีเท้าย่ำกับพื้นดังสะท้อนในความเงียบ จวบจนกระทั่งได้ยินเสียงปิดประตูใหญ่แล้ว คาวัลโลจึงหันไปลากเก้าอี้ว่างในห้องขังมานั่ง เขากอดอก ยกขาข้างหนึ่งพาดลงบนหน้าตักแล้วกระดิกเล่นช้าๆ ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวผ่าราวกับว่ากำลังทดสอบความอดทนของตนและคู่กรณี..

   "..ชีคจะสั่งฆ่าผมเมื่อไหร่? " ในที่สุดฮาซานก็เอ่ยขึ้น องค์รักษ์หนุ่มเงยหน้ามามองชายหนุ่มชาวอิตาเลียนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางอันแฝงอำนาจแสนจะคุ้นชิน..

   "..ไม่รู้สิ..นั่นมันเรื่องของเขา .." คาวัลโลยักไหล่ช้าๆ ก่อนจะก้มตัวลงมาสบมองใบหน้าที่บวมช้ำและลำคอที่มีรอยแดงของคู่กรณี ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ " โว้ว..ท่านชีคของคุณนี่..เท้าเเม่นพอดู"

    เขาเห็นว่าดั้งจมูกขององค์รักษ์หนุ่มนั้นคงจะหักไม่ก็เกือบหัก ส่วนปลายคางนั้นก็มีรอยแดงเป็นปื้นยาว พาดบนใบหน้าดูดีของเจ้าตัวแลดูแปลกตา

    "............. "ฮาซานเงียบ ดูราวกับกำลังระงับสติอารมณ์หรือกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่..

    "............."

    "...คุณเป็นใคร...กันแน่? " คำถามนั้นทำให้คาวัลโลเลิกคิ้ว เขาหันไปมองหน้าฮาซานที่จ้องมองมาที่ตก นัยนน์ตามันไม่ได้ฉายแววเกลียดชัง หรือเหยียดหยันที่นึกชังอีกแล้ว ตรงกันข้ามมันมีแววของความแวดระวังและเคร่งเครียดปนอยู่..

   "....อา......" คาวัลโลหรี่ตาลงช้าๆ โคลงหัวคล้ายกำลังคิดว่าจะบอกออีกฝ่ายดีหรือไม่ " แล้วคิดว่าไงล่ะ? "

   "คุณไม่ใช่แค่...พวกมือปืนกระจอก หรือนักศึกษาเพิ่งจบปริญญาแบบที่ชีคบอก " ฮาซานเอ่ยสั้นๆ ทำให้คนฟังหัวเราะก๊าก..

  " อัลชาอ์บอกแบบนั้นเหรอ? แล้วไม่คิดบ้างรึๆไง ว่ามันขัดกันชะมัด " ว่าแล้วคาวัลโลก้กุมท้องหัวเราะก๊ากราวกับมันน่าขำนักหนา " ไม่ว่าจะ.. โอย..แปปนะ ไม่ไหวๆ..."

      คาวัลโลเช็ดน้ำตาที่ไหลพรากออกมาเนื่องจากหัวเราะมากเกินไป มองหน้าฮาซานที่มีท่าทีหงุดหงิดกับท่าทางของตัวเองแล้วได้แต่ยิ้มขำ

   "..เอางี้ดีกว่า..ก่อนจะตอบคำถาม..ผมถามคุณก่อนดีกว่า มิสเตอร์ฮาซาน..คุณคิดบ้าอะไร ถึงจะฆ่าผม " รอยยิ้มทาบบนริมฝีปากอีกฝ่าย แต่ไม่รวมถึงนัยน์ตาที่ฉายแววกร้าวเเข็ง..

    " บอกแล้วไง..ว่าเพราะชีครักคุณ..ผมถึงต้องฆ่า " ฮาซานตอบสั้นๆ " ผมคิดแล้วจะไม่มีการเสียใจภายหลัง ต่อให้ชีคต้องเกลียดผมจนตาย ผมก็ไม่สนใจ "

    " บอกว่าไม่เสียใจภายหลัง แต่รีบยกปืนมาฆ่าตัวตายเลยงั้นเหรอ? " คาวัลโลเลิกคิ้ว ออกปากถามอีกฝ่าย ทำให้ฮาซานชะงัก หรุบตาลงต่ำ.. " ไม่เสียใจ แต่ทำแล้วก็จะฆ่าตัวตายทันที...นั่นนะ...มันการกระทำของคนขี้แพ้ชัดๆนะ ฮาซาน "

    "..ที่ผมฆ่าตัวตาย เพราะคุณยังไม่ตายต่างหาก..." ฮาซานเอ่ยเสียงกร้าว แววตาลุกโชน

    " ช่ายๆ ไม่ตาย แถมยังจะฆ่าคุณกลับด้วย.. "คาวัลโลรับคำแล้วหยักหน้าหงึกๆ " จะบอกอะไรให้นะฮาซาน จุดอ่อนของแผนนี้นะ..."  
            
      "...ข้อแรก คุณเตรียมการแล้ว ถือปืนมา ล็อกห้อง รอผมออกจากห้องน้ำ แทนที่จะยกปืนมาซัดเลย ดันรีรอท่ามาก..." ว่าแล้วคาวัลโลก็แบะปากลงช้าๆ " ทำให้ผมเริ่มรู้ตัวจนได้ ว่าคุณแปลกไป ถ้าเข้ามาแล้วยิงเลย ต่อให้เสียงดังก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะยังไงคุณก็มีเวลาฆ่าตัวตายอยุ่แล้วนี่.."

      " ข้อสอง...รู้ไหมว่าฆาตกรพวกที่รอฟังเหยื่ออ้อนวอน หรือรอคุยกับเหยื่อนะ สามสิบเปอร์เซนต์น่ะ มันจะทำให้เหยื่อคิดหาทางหนีรอดได้ ทางที่ดีนะ จะฆ่าก็ฆ่า อย่ารีรอ อย่าคุย อย่ามา....." คนพุดหรี่ตาลงช้าๆแล้วถอนใจแรง "พล่างเรื่องราวความแค้นหรือเรื่องงี่เง่านั่นโน่นนี่ให้ผมฟัง แค่ซัดโป้งเดียวก็พอแล้ว..ไม่เห็นต้องรอท่าคุยกันให้มากความ "

    " ข้อสุดท้าย..เป็นความผิดพลาดอย่าสูงสุด...." คาวัลโลยิ้มพลางยืดตัวขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ " พลาดที่แกคิดจะฆ่าฉัน......ฮาซาน แกนี่มันโง่บัดซบเลยว่ะ "

     "..........." ฮาซานไม่พูดอะไร นอกจากจ้องมองแววตาเยือกเย้นของคนตรงหน้า พลันเขาก็หนาวสันหลังเยือก เมื่อรู้ว่าเจ้านายของตนกำลังเผชิญอันตรายชนิดใดอยู่..

    "ใครส่งแกมา ... แกทำยังไงให้ชีคไว้ใจจนยอมให้แกอยู่ข้างๆ !!  บอกมา!! " เสียงตะโกนโวยวายของฮาซาน มีผลแค่ทำให้คนฟังถอนหายใจอย่างหน่ายระอา คาวัลโลมององค์รักษ์หนุ่มผู้ถูกใส่กุญแจมือ และล่ามโซ่ไว้ ซึ่งกำลังพยายามลุกกระโจนมาหาเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะเหวี่ยงฝ่าเท้าใส่ท้องน้อยชายหนุ่มตรงหน้าเต็มแรง..

   " อุ่ก....." ฮาซานครางออกมาเบาๆ รู้สึกถึงน้ำขมๆที่ไหลย้อนออกมาจากกระเพาะ จนเขาทนไม่ได้ ต้องอ้าปากปล่อยให้มันไหลลงมากองกับพื้น..ภาพที่เห็นคือน้ำเลือดและน้ำย่อยปนกันอย่างน่าแขยง..

    "  ทำไมแกชอบดูหมิ่นฉันนักว่ะ ฮาซาน " คาวัลโลหรี่ตาลง กระชากเสื้อสีขาวที่ชายหนุ่มใส่อยู่แรงๆให้เจ้าตัวหันมาสบตา " แกนี่มันโลกแคบจริงนะ กะลาที่ครอบหัวแกมันใหญ่เท่าเซเนียยาทั้งประเทศ รึว่าแค่วังที่นี่รึยังไงกัน? หัวสมองถึงชอบคิดแต่ว่าคนทุกคนในโลกคิดจะฆ่านายแกกันหมด  "

   "อ้ากกก................อึก อึก อึก...." เสียงกรีดร้องที่ออกมาจากคอองค์รักษ์หนุ่มเงียบลงเมื่อเขาถูกบีบกรามแน่นเสียจนพุดไม่ออก หลังจากฝ่าเท้าของหนุ่มต่างชาติตรงหน้าบดขยี้แผ่นอกของเขาสุดแรง..

   "...โง่เง่า...ไอ้พวกไร้สมองเอ๊ย " คาวัลโลสถบด่าอย่างไม่พอใจ ละฝ่าเท้าจากแผ่นอกของชายตรงหน้าแล้วหันมานั่งบนเก้าอี้อย่างหงุดหงิด " น่ารำคาญจริงว่ะ !! เอาแต่คิดว่าชั้นจะมาฆ่านายแก อัลชาอ์มันน่าฆ่าตรงไหน ค่าหัวเหรอ? จะเท่ากับพวกอาชญากรสงครามในอิรักรึก็เปล่า? จะได้ผลประโยชน์อะไรนักหนารึก็ไม่ใช่...จำใส่กะโหลกไว้นะฮาซาน ชั้นเป็นมาเฟีย ที่ชั้นยอมลากสังขารมาที่นี่ได้ก็เพราะรักเจ้านายแก ไม่งั้นพ่อไม่มาเหยียบให้เสียอารมณ์หรอก !! "

   " รัก... "ฮาซานครางออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อหู

   " ละ...แล้วไง...เพราะเหตุผลนี้ไม่ใช่รึไงที่แกฆ่าฉัน.." คาวัลโลชักจะลืมบทพูดท่าอุตส่าห์ท่องมาซะดิบดีก็อีตอนต้องมาพร่ำพรรณนาความรักที่สวนทางกับวิถีชีวิตแบบนี้ล่ะ ยิ่งสายตาเหลือเชื่อของฮาซานที่มองมานี่มัน...ฮึ่ย ดุแล้วหงุดหงิดชะมัด " จะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ อ้อ  อีกอย่าง ที่แกควรจะสนใจมากกว่าความรักที่ผิดศีล ผิดหลักศาสนาของฉันกับฮาซาน ก็คือตอนนี้ มีคนคิดจะฆ่านายแก จำไว้ซะ !! "

    " ..หึ....ไร้สาระ !! " ไม่รู้ว่าฮาซานมันคิดว่าความรัก(ปลอมๆ)ของเขากับอัลชาอ์ รึที่เขาบอกว่ามีคนจะฆ่าอัลชาอ์มันไร้สาระ รู้แต่ตอนนี้เขาฟังแล้วหงุดหงิดสุดๆ..

     " แกสิไร้สาระ..เป็นองค์รักษ์ประสาอะไร เจ้านายโดนหมายหัวแล้วยังไม่รุ้เรื่อง เรื่องฉันกับอัลชาอ์จะรักกันมานานเท่าไหร่มากแค่ไหนอันนั้นแกไม่จำเป็นต้องรู้.. ที่แกควรสนใจ ควรจะคิดน่ะ มันเรื่องของอัลชาอ์ที่กำลังโดนลุงตัวเองหมายหัว เจ้างี่เง่า.."

    " ไม่จริง " ฮาซานปฏิเสธทันรควัน น้ำเสียงแข็งกร้าว " ท่านอาเหม็ดน่ะเป็นคนผลักดันให้ชีคครองราชย์แท้ๆ ไม่มีทางจะทำอันตรายชีคได้ "

    " นั่นสินะ อัลชาอ์ก็คิดแบบนี้ แกก็คิดแบบนี้ คนทั้งวังก็คิดแบบนี้ ต่อมาให้วันนึงอัลชาอ์จะเผลอทำปืนลั่นใส่กบาลตัวเองแล้วตายไป พวกแกก็จะให้อาเหม็ดครองราชย์แทนโดยไม่คิดอะไรงั้นสินะ " คาวัลโลหน้าบึ้ง เขาขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่พอใจ " นี่ทำให้ฉันต้องมาอยู่ที่นี่ไงล่ะ...เพื่อจะไม่ให้คนที่ตัวเองรักตายห่าไปก่อนเวลาอันควร เพราะทั้งวังมีแต่พวกโง่เง่าไร้สมอง "

     "...นั่นมัน..."

     " พอแล้ว !! " คาวัลโลลุกพรวด หมดอารมณ์จะเจรจาอะไรอีก " ฉันมาที่นี่ จะมาบอกว่า อัลชาอ์จะไม่ฆ่าแก หรือลงโทษแก เขาจะให้แกเป็นองค์รักษ์ของฉันต่อไป เพราะถึงยังไง เจ้าโง่อย่างแกก็ฆ่าฉันไม่ได้อยู่แล้ว.."

    " ไม่มีทาง  " ฮาซานร้องอย่างตกตะลึงไม่น้อย จะเป็นไปได้หรือที่เขาฝ่าฝืนคำสั่ง คิดจะฆ่าดวงใจของชีคแล้วชีคจะปล่อยให้เขารอด

     " มี...เพราะแกรู้อะไรมากเกินไป เป็นเหมือนมือขวาของอัลชาอ์ น่าเสียดายเกินไปถ้าจะกำจัด แถมยังมีฝีมือดี ความจงรักภักดีสูง...ถึงจะโง่ไปหน่อย แต่เรื่องนี้มันก็ฝึกกันได้ เพื่อสักวันหนึ่ง ถ้าชั้นไปแล้ว แกจะได้ดุแลอัลชาอ์ แทนฉัน.."  คาวัลโลหรี่ตาลงแล้วยิ้มมุมปาก พร้อมกับหัวเราะหึๆ ราวกับจะเย้ยหยันตัวเอง..

     " ....สักวัน..." ฮาซานพยุงตัวขึ้นมาจากพื้น เขาขมวดคิ้วมุ่น..

    " คิดว่าฉันจะอยู่ที่นี่ตลอดไปรึไง?...มันไม่ใช่ที่ของฉันซักหน่อย ถ้าหมดเรื่องฉันก็ไปแล้ว เพราะงั้น อย่าคิดจะฆ่าชั้นอีก คิดฆ่าแค่คนที่จะมาทำร้ายอัลชาอ์ก็พอ..." คาวัลโลหรุบตาลงก่อนจะถอนหายใจเบาๆ " แล้วก็...จำไว้ ตอนนี้แกไม่ใช่ผู้คุมชั้นแล้ว แต่ฉันต่างหากที่จะจับตาดูแก เพราะชั้นถือคติ"จงอยู่ใกล้ชิดมิตร แต่จงอยู่ใกล้ชิดศัตรูยิ่งกว่า"..ถ้าเข้าใจ แล้วก็เลิกคิดอะไรโง่ๆ และกลับมาทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้ว "

   แอ๊ด...

     คาวัลโลก้าวไปเปิดประตูห้องขัง และก้มลงล็อกกุญแจจากภายนอกด้วยสีหน้าปกติ ไม่ได้สนใจท่าทีงวยงงขององค์รักษ์หนุ่มตรงหน้าเลย..

   "เดี๋ยว...." น้ำเสียงเรียกนั้นทำให้ต้องชะงักฝีเท้า คาวัลโลเลิกคิ้ว มองหน้าฮาซานที่มองตรงมายังเขา

   " ถ้าจัดการเรื่องพวกนี้แล้ว จะไปจากที่นี่งั้นเหรอ? "

   "...ใช่..." คาวัลโลยิ้มรับคำถามนั้น ก่อนจะเดินออกไป ขณะที่ฮาซานนั่งนิ่ง เขามองเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของเจ้าตัวพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอนัยน์ตาชัดเจน.. ชัด...เสียจนนึกโกรธคำพูดและการกระทำของเจ้าคนที่เขาอยากฆ่าไม่ลง

       ขณะที่คนทำหน้าเศร้าเดินออกจากห้องขังช้าๆ สีหน้าเศร้าสร้อยก็เปลี่ยนเป็นยิ้มมุมปากอย่างรวดเร็วราวกับสลัดหน้ากาก แต่ท่าทีนั้นก็ไม่ได้หลุดพ้นสายตาของคนที่ยืนมองอยู่ตรงบันได้ห้องขังเลย..

   "...มาตั้งแต่เมื่อไหร่? " คาวัลโลหันไปเลิกคิ้วถามชีคหนุ่ม ไม่สนใจสีหน้าหน่ายระอาของฝ่ายนั้นสักนิด..

   " องค์รักษ์ผมเข้ามาบอก ว่าคุณขอคุยกับฮาซานแค่สองคน พวกนั้นกลัวว่าคุณจะเจออันตรายอีก  อัลชาอ์ตอบเรียบๆ

   " อ้อ...." เหมือนว่าองค์รักษ์พวกนั้นจะไม่ได้สำเหนียกเลยว่าคนที่เคยเกือบฆ่าฮาซานไปแล้ว จะถูกมันที่โดนมัดมือมัดเท้าจัดการได้อีกยังไง

    " บทละครของคุณนี่...ไปจำมาจากไหน? " อัลชาอ์ถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

    "...หึหึ นี่แผนหาลูกน้องของผมไง เชื่อเถอะ ว่าจากนี้มันจะเชื่องเป็นลูกหมาน้อยๆ.. "คาวัลโลหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินนำขึ้นบันได้อย่างร่าเริง " ส่วนที่ถามว่าเอาบทละครมาจากไหน ..ผมจะบอกว่า แม่ผมเป็นนักเขียนนิยาย ส่วนพี่สาวน่ะ เป็นนักแสดง.."

..............................................................................................

       แก้วคริสตัลทรงสูง ก้ายยาวเพรียวราวกับจะหัก มีไวน์แดงราคาแพงอยู่ในนั้นครึ่งแก้ว มันถูกวางอยู่บนโต๊ะเตี้ยๆสีขาว ท่ามกลางทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองสวรรค์ที่ไม่มีวันหลับไหลอย่างสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ส่องแสงนวล แม้จะผ่านไปครึ่งค่อนคืนนั้นสาดแสงกระทบกับพื้นห้องปูด้วยหินอ่อนราคาแพงและทับด้วยพรมถักราคาสูงลิ่วสัมผัสนุ่มเท้า ทิวทัศน์ของเมืองและทะเลยามค่ำคืนสุดลุกหูลูกตาตามความกว้างร้อยแปดสิบองศาของกระจกใสเบื้องหน้า ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งเงียบอยู่ท่ามกลางความมืดในห้องสนใจไปได้มากกว่ากระดาษสามสี่ใบในมือ..ที่ทำให้เขาต้องทิ้งตัวลงบนเก้าอี้แย่างหมดแรง

 ..ใบหน้าหล่อเหลาพาดอยุ่บนพนักด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง นัยน์ตาสีฟ้าสวยปิดลงเหลือเพียงขนตาสีอ่อนยาวปิดทาบผิวแก้ม จมูกโด่งสันพ่นลมหายใจที่สั่นไหวออกมาช้าๆ ริมฝีปากสีจางเม้มแน่นเข้าหากัน ปลายนิ้วข้างหนึ่งสอดไล้เส้นผมสีทองประกายของตนช้าๆอย่างครุ่นคิด..

   สภาพศพที่เหลือเพียง"โครงกระดูกเปื้อนเลือด" ที่ส่งมานั้น มันไม่ได้ทำให้หัวใจสั่นไหวได้เท่ากับข้าวของและเสื้อผ้าของศพ ที่เขาจำได้ดี จำได้ติดตาว่ามันเป็นของใคร..

    อเล็กเซย์ จอร์จิโอนี่ วาลกัส รู้สึกว่าตัวเองมือสั่นระริก ขณะที่หยิบรูปถ่ายนั้นมาดูอีกครั้ง หลังจากเขาได้รับแจ้งจากสายข่าวที่กระจายกำลังกันตามหาอย่างเอาเป็นเอาตาย...สามวัน...สามวันถัดมา ที่เขาเจอ กลับกลายเป็น "ศพ" ที่ถูกกรีดเนื้อเถือหนังออกไปจนเหลือเพียงโครงกระดูกสีขาว แทบไม่มีชิ้นเนื้อติดอยู่ ฟันถูกเลาะทิ้ง เหลือเพียงเส้นผมสีอ่อนคุ้นตา รอยเลือด และเสื้อผ้าที่สวมใส่เประเปื้อนสีสันแห่งความทรมารเสียจนสามารถจินตนาการได้เลย ว่าในยามที่เจ้าของร่างนี้เป็นมนุษย์ สิ่งที่ต้องประสบพบเจอ จะโหดร้ายและน่าสยดสยองเพียงใด..

    พาสปอร์ตปลอม บัตรประจำตัวประชาชนของปลอม และบัตรเครดิตในชื่อ"คาวัลโล เตอเกียเร่" ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของศพนั้น เป็นสิ่งที่เขามีโอกาสได้เห็นยามเดินทางมากับเจ้าตัวต้นเรื่องเมื่อไม่ถึงอาทิตย์นี้เอง แล้วนี่ ที่เขาต้องพบเจอวันนี้..คือศพของเจ้าตัวที่เหลืออยุ่เพียงโครงกระดูกเท่านั้นหรือ?

   นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดไว้สักนิด แม้จะรู้ว้าน้องชายถูกจับ หายตัวไป หรือมีอันตราย เขาก็เชื่อ เชื่อด้วยสิ่งที่เขาเชื่อและรู้เห็นมาตลอดว่าเจ้าคนนนั้นมันจะต้องรอด รอดกลับมาเอาคืนพวกที่ทำแบบนี้อย่างสาสมเช่นทุกครั้ง..

แต่...ที่เขาเห็น..นี่มันอะไรกัน..

    อเล็กเซย์เม้มปากแน่น รู้สึกลำคอแห้งผาก เขาเอื้อมมืออันสั่นเทาหยิบแก้วไวน์มาจิบช้าๆ ราวกับจะประคองสติตัวเองให้มั่นคง อย่าสั่นไหว..

    บนโต๊ะตัวเตี้ยมีโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุด ต่อกับเครือข่ายดาวเทียม สามารถโทรหาและแจ้งข่าวกับใครก็ได้อย่างรวดเร็ว กับเรื่องที่เขาพบนี้..แต่ตอนนี้เขายังไม่อยากบอกใคร และคนที่เขาอยากบอกที่สุด ตอนนี้ก็..ไม่อยู่...ที่เขาทำได้เพียงตอนนี้คือนิ่งนั่ง ปล่อยให้ทุกอย่างค่อยๆเคลื่อนผ่าน โดยที่ตัวเองก็นั่งนิ่งซึมซับกับความสูญเสียเงียบๆ

   ภาพรถราบนถนนที่ยังคงคึกคักจอแจแม้จะล่วงเที่ยงคืนมาแล้วทำให้เขาต้องหรี่ตาลงช้าๆ มองมันแล้วระลึกถึงอีกคน..ที่ตอนนี้ คงจะกำลัง..ออกเดท ..กินข้าว..พูดคุย และ ไปถึงไหนต่อไหนกับแม่ดาราสาวนั่นไปแล้ว..เพราะอย่างนั้น ในตอนนี้เขาจึงไม่ควรจะแจ้งข่าว ไม่ควรจะโทรไปบอกข่าวนี้กับเจ้าตัว แม้ว่าจะอยากให้รู้ หรือจะอยากคุยด้วยสักเท่าไหร่ก็ตาม..

    มันเป็นข้อตกลง....

  อเล็กเซย์ขยับตัวช้าๆ บนเก้าอี้อีกครั้ง พลางคลายเน็กไทบนเสื้อเชิ๊ตให้คลายตัวลง ด้วยรู้สึกหายใจไม่ออก เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ อากาศหายใจดูจะน้อยลงทุกที..หรี่ตาลงยามนึกถึงข้อตกลงที่เขาสองคนมีต่อพ่อและครอบครัว..ความรัก แม้ว่าเขากับ..อเล็กซิส แฝดผู้พี่นั้นจะ"รัก"กันแค่ไหน รัก...กันจนสละชีวิตแทนกันได้ แต่ความรักของพวกเขานั้น..จะมีใครสักคนที่เข้าใจมัน..

 พวกเขาสองคนเป็นฝาแฝด..

 และเขาทั้งสองคนเป็นผู้ชายทั้งคู่..

  ตระกูลวาลกัสที่ยิ่งใหญ่ เป็นหนึ่งในสี่ของตระกูลทรงอิทธิพลของอิตาลี ครึ่งหนึ่งแยกตัวเป็น"มาเฟีย"ทำธุรกิจมืด และอีกครั้งนั้นทำธุรกิจถุกกฏหมาย คอยหนุนเนืองกันอยู่ไม่ได้ขาด..

เพราะอย่างนั้น ตระกูลของเขาจะต้องไม่มีสิ่งผิดพลาด จะต้องไม่มีข้อบกพร่อง ไม่ว่าอะไร...

  และความรักที่เกินในสายเลือดเดียวกัน ความรักที่คนสองคนนั้นต่างเป็นชาย..มันทั้งผิดศีลธรรมและผิดกฏข้อห้ามของศาสนา.. สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มันช่างเป็บบาปอันใหญ่หลวงและเป็นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน..

   อเล็กเซย์ถอนหายใจด้วยลมหายใจที่ขาดห้วงสั่นไหว..กว่าที่เขาและอเล็กซิสจะมาถึงจุดๆนี้ได้นั้นไม่ง่าย กับความสัมพันธ์ที่ท้ายสุดก็ได้รับการยอมรับจากครอบครัว กลับมาได้รับความรักใคร่จากบิดามารดากว่าจะผ่านพ้นมาได้มันช่างยากลำบากและชวนให้หดหู่ใจทุกครั้งที่นึกถึง..

  พวกเขากลับมาอยู่เคียงข้างกันและสามารถ"รัก"กันได้ด้วยข้อแม้สั้นๆจากผู้เป็นบิดา..

    ...พวกเขา ต้องให้โอกาสและเปิดโอกาสให้กับหญิงสาวที่พ่อหรือคนรอบข้างหามาให้เสมอ  ต้องคบหา..ได้พูดคุย รู้ถึงนิสัยใจคอ..เผื่อว่าสักวัน..สักวันจะมีใครคนหนึ่งเกิดรักใครสักคนขึ้นมา..และนั่น...ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับเขาหรืออเล็กซิส อีกคนก็ไม่มีสิทธิร้องห้าม ไม่มีสิทธิจะปฏิเสธไม่ยอมรับ..

....เพื่อแลกกับการได้มายืนอยู่ข้างๆกันอีกครั้ง..

      และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คืนนี้ เขาไม่มีสิทธิจะโทรไปหา..หรือไปบอกว่า"กลับมา" เพื่อให้อเล็กซิสรู้ข่าวเรื่องการพบสิ่งที่อาจจะเป็น"ศพ"ของน้องชาย หรือเพื่อให้อีกฝ่ายกลับมากอดเขาไว้แน่นๆและกระซิบว่ารัก...และไม่มีวันเปลี่ยนใจไปไหน..

ร่างเพรียวถอนหายใจเฮือก หยิบแก้วไวน์มาจิบอีกครั้งเพื่อสงบจิตใจ บางทีถ้าไม่ไหวก็คงต้องซัดวิสกี้หรือว้อดก้าแรงๆซักแก้วแล้วค่อยคิดต่อ..

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr...

 เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้คนเหม่อสะดุ้งเฮือก อเล็กเซย์เอื้อมมือหยิบอุปกรณ์สื่อสารมากดรับพลางสูดหายใจลุก..

    " คุณชายอเล็กเซย์ครับ...ไม่ทราบว่าจะให้เราทำยังไงต่อไปดี..." คำถามของปลายสายทำให้คนฟังชะงักไปด้วยความว้าวุ่นใจ จะหยุดค้นหา รึจะตามต่อไป..

    "....อ่า.....ชั้น....."

    " ขอคุยกับคุณชายอเล็กซิสได้ไหมครับ " สเตฟาโน่ออกปากถามสั้นๆ แต่นั่นทำให้คนฟังต้องเม้มปากแน่น

    "..อเล็กซิสไม่อยู่ ไม่ต้องโทรไปกวนเขา..." อเล็กเซย์สั่งสั้นๆก่อนจะถอนหายใจเฮือก ออกปากสั่งการเท่าที่คิดออก

   " เรื่องกำลังคน กระจายตัวค้นหาต่อไป บางทีนี่มันอาจจะเป็นกลลวงของพวกที่จับตัวเจ้าคาลไว้ แล้วรีบส่งรอยเลือดกับเส้นผมไปตรวจ...เราจะไม่หยุดค้นหาจนกว่าผลพิสูจน์เบื้องต้นจะรู้ว่านั่นเป็น..." อเล็กเซย์เม้มปากแน่น ลมหายใจสั่นไหว " ศพ คาวัลโลจริงๆ.."

   " ครับ..รับทราบ..." ปลายสายรับคำสั้นๆ แล้ววางสายไป ขณะที่อเล็กเซย์มองโทรสัพท์มือถือในมือตนเองด้วยนัยน์ตาครุ่นคิด..

ก๊อกๆๆๆ

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ทำให้เขาชะงัก อเล็กเซย์เดินไปหน้าประตูออก เขาก้มลงมองลอดช่องประตูแมวไป มองเห็นพนักงานโรงแรมกำลังยืนอยุ่ตรงหน้า..

   " ใครครับ..? " เอ่ยถามสั้นๆ ถึงเขาจะไม่สนใจหรือชอบอะไรในวิถีทางของมาเฟียที่เต็มไปด้วยอันตราย ทว่า.. สัญชาติญาณที่สั่งสมมาก็ทำให้เขามีความระแวดระวังพอสมควร..

   " รูมเซอร์วิสครับ.."

   " ผมไม่ได้สั่งอะไร " อเล็กเซย์ตอบสั้นๆ

   " เอ่อ...มีดอกกุหลาบมาให้ครับ สั่งมาเมื่อครู่เอง... " คำพูดนั้นทำให้เขาขมวดคิ้วมุ่น อเล็กเซย์ชะงักไปด้วยได้กลิ่นขจองความไม่ชอบมาพากล แต่เขาก็ตัดสินใจเปิดรับเพราะคนของเขาก็พักอยู่ห้องข้างๆมีอะไรก้เรียกหาได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว..

  แอ๊ด....

     " นี่ครับ... "พนักงานชายของโรงแรมถือดอกกูหลาบช่อใหญ่มาพลางยื่นให้ ก่อนจะยกรอยยิ้มมุมปาก

     "  มีข้อความแนบมาด้วยนะครับ..ว่า... Buona notte..(ราตรีสวัสดิ์)"

     อเล็กเซย์เอื้อมมือหยิบดอกกุหลาบนั้นมาไว้ในมือ เขามองหน้าคนส่ง และเมื่อได้ยินข้อความที่ฝากมา ชายหนุ่มก็ใจหายวาบ เขาเงื้อแขนเขวี้ยงช่อดอกไม้ไปยังโถงทางเดินให้ไกลตัวที่สุดชนิดสุดแรง  ก่อนหูจะได้ยินเสียงดังเปรี๊ยะ..ดังลั่น พร้อมกับภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏเป็นทุ่งทะเลเพลิง แว่วเสียงสัญญาณความปลอดภัยดังขึ้นทั่งบริเวณ แต่สีสันของเลือดที่ไหลอาบเปลือกตาก็ปิดบังทุกสิ่งทุกอย่าง ก่อนที่สติของเขาจะมืดดับลง..

...................................................................................................

        
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [10]ลอบสังหาร !! UP !! 15/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 18-11-2010 23:38:23
...................................................................................................

          เตียงใหญ่ที่นอนหนานุ่มในห้องหรูหราและสมเป็นผู้ชายของท่านชีคอัลชาอ์ตอนนี้ดูจะไม่น่านอนเสียเท่าไหร่แล้ว เพราะไอ้คนข้างๆเขาที่กำลังนอนหันหลังและตัวแข็งทื่อชนิดว้าคนโง่ก็ดูออก คาวัลโลถอนหายใจฟึดฟัด.. ตอนแรกตัวเองเป็นคนตกปากชวนให้เขามานอนห้องนี้แทนห้องเดิมสุดสยองที่ต้องปิดซ่อมแล้ว เหตุใดท่านชีคอัลชาอ์ถึงทำท่าเป็นสาวแรกรุ่น นอนตัวแข็งทื่อแบบกลัวเขาปล้ำแบบนี้ล่ะ..

  เอ?.. รึจะเพราะที่โดนเขาหอมแก้มตอนนั้น..

     คาวัลโลหรี่ตาครุ่นคิด ขณะที่พลิกตัวไปมาอย่างมีความสุขบนเตียงนอนหนา รู้สึกว่ายิ่งเขาพลิกตัวมากเท่าไหร่ อัลชาอ์ก็ยิ่งตัวเเข็งมากขึ้นเท่านั้น ชวนอยากให้เอาฝ่าเท้าไปถีบให้กระเด็นตกเตียงเสียจริงๆ

งั้นแกล้งละเมอดีไหม?

   มาเฟียหนุ่มผู้เป็นจ้าของความคิดชั่วร้ายทั้งหลายเริ่มแผนกลั่นแกล้งชาวบ้านด้วยจิตใจอันเป็นสุขยิ่ง คาวัลโลแกล้งส่งเสียงหายใจฟรี๊ แบบคนหลับลึกเบาๆ  ขณะที่นัยน์ตาหรี่ลงลอบมองความเคลื่อนไหวอีกฝ่าย ปลายเท้าเริ่มตวัดส่งไปช้าๆ พาดขาท่านชีคไปหนึ่งผลั่วะ..

ตุ๊บ...

 อัลชาอ์สะดุ้ง หันขวับมามองหนุ่มชาวต่างชาติที่นอนหลับเป็นตายบนเตียงของตัวเอง ซึ่งนอกจากเจ้าตัวจะนอนหลับสบายแบบไม่เกรงใจเจ้าของเตียงแล้ว ยังนอนกินที่ได้อย่างน่ารังเกียจ และถือวิสาสะเอาขามาพาดขาเขาอีกด้วย..

   " อื้อ..." เสียงครางงึมในลำคออย่าไม่พอใจมาพร้อมกับฝ้าเท้าสองข้างที่ออกอาการถีบแรงๆอย่างไม่พอใจเมื่อถูกเขาสะบัดขาของเจ้าตัวออก

   ตุ๊บ...

      และมาอีกหนึ่งเมื่อคาวัลโลพาดแขนลงบนแผ่นหลังเขาสุดแรง อัลชาอ์ถอนหายใจเฮือก แค่นอนร่วมเตียงเขาก็นอนไม่ค่อยหลับอยุ่แล้ว ยังจะมาดิ้นไปมาอีก แบบนี้มันน่าถีบตกเตียงเสียจริงๆ..

 " คร่อกกกกกกก... "

 เจ้าตัวส่งเสียงกรนออกมาสั้นๆเมื่อถูกดึงแขนออกและผลักให้นอนหงาย อัลชาอ์ถอนหายใจอีกเฮือก นี่ถ้าไม่เพราะห้องนั้นมันปิดซ่อมและคนทั้งวังรู้ไปแล้วว่าเจ้าหนุ่มตรงหน้าเป็นคนรักของเขาแล้วล่ะก้ จ้างให้ก็ไม่พาเจ้าตัวมานอนด้วยเด็ดขาด..

   ตุ๊บ...

" ง่าาาา..... " เสียงครางคราวนี้มาพร้อมแขนและขาที่พาดบั้นเอว ทำเอาอัลชาอ์สะดุ้งอีกรอบ แรงน้ำหนักตัวที่ทิ้งลงมามันไม่ใช่น้อยๆ เล่นเอาเกือบจะจุกเลยเชียว

  "ฮื้อออออออ.. "เจ้าตัวครางออกมาอย่างขัดใจเมื่อถูกดึงแขนขาออก ไม่พอ ยังขยับตัวมาใกล้แล้วถีบเขาเป็นการไล่ที่เสียอย่างนั้น

ตุ๊บ...

   คราวนี้แผ่นหลังหนาถึงกับถูกฝ่าเท้าอันอุกอาจของเจ้าตัวฟาดเข้าให้ ทำเอาอัลชาอ์สะดุ้งสุดตัวและลุกขึ้นมาจากเตียงทันควัน นัยน์ตาสีเข้มทอดมองหนุ่มอิตาเลียนตัวแสบที่บัดนี้นอนยึดเตียงของเขาไปทั้งหมดแล้วด้วยท่วงท่าการนอนอันแปลกประหลาดแสนอุจจาดตา ดูยิ่งกว่าเด็กประถมนอนดิ้น..

 ขลุกๆ

   ".........."  อัลชาอ์ถึงกับกัดฟันกรอด เมื่อเขาตั้งใจจะนอนอีกฝั่งเเทนที่เจ้าตัวซึ่งยึดที่นอนของตนไปแล้ว ทว่าคาวัลโลกลับพลิกมานอนอีกข้างราวกับจะรู้ ชีคหนุ่มชักจะหมดความอดทน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าถ้าเขาคิดจะนอนฝั่งเดิมก็ต้องเจอแบบนี้เเน่ๆ ร่างสูงถอนหายใจแรง ก่อนจะสังเกตเห็นแพขนตาสีอ่อนที่ขยับเพยิบไหวราวกับกำลังกลั้นหัวเราะ ทำให้ชีคหนุ่มยิ้มเหี้ยม มองร่างขาวจัดในชุดนอนขายาวและเสื้อแขนสั้นของเจ้าตัวแล้วยิ้มมุมปาก ก่อนจะตัดสินใจ...

ตุ๊บ...

  คร่อมทับมาเฟียจอมนอนดิ้นตัวแสบ กักทางหนีทั้งตัวไปเลย

     " อะ.....อือ....." คาวัลโลครางอกมาเสียงสั่นๆ ขณะที่ร่างสูงทาบลงบนร่างตนและทิ้งตัวลงข้างๆพร้อมกับพาดแขนทับบั้นเอว ทำเอาสะดุ้งสุดแรง..

    ลมหายใจหนาที่รินรนหลังใบหูทำเอาตัวสั่นระริก คาวัลโลหลับตาปี๋ เริ่มรู้สึหวาดหวั่นต่อความปลอดภัยของชีวิตและร่างกายของตัวเองขึ้นมาทันควัน บางทีท่านชีคคนนี้อาจจะเป็นเกย์ พอโดนเขาแกล้งยั่วมากๆอาจจะทนไม่ไหว มิสเตอร์คาวัลโลยิ่งมีฟีโรโมนแรงสูงอยุ่ด้วย อ้ากกกก

     " ผมรู้นะว่าคุณยังไม่หลับ..." สะดุ้งเฮือกกับลมหายใจที่รดรินจุดอ่อนของร่างกายอย่างหลังใบหู คาวัลโลลืมตาพรึ่บ สบมองนัยน์ตาสีนิลที่วาววามด้วยแววเยาะ..

    "...เอ่อ.....นี่ผมหลับแล้ว ตื่นเพราะคุณนั่นแหละ.." ชายหนุ่มแก้ตัวทันควัน

    " หึ...อย่าคิดมาแกล้งผมอีกนะ เดี๋ยวเจอดี... " คำขู่อาฆาตมาพร้อมกับริมฝีปากที่งับใบหูไม่เบานักและร่างสูงใหญ่ ที่หันไปเอนกายนอนบนที่นอนฝั่งตัวเองเรียบร้อยแล้ว ทิ้งให้ มิสเตอร์คาวัลโล วาลกัส มาเฟียหนุ่มอายุสิบเก้าปี หกเดือน ผู้มีเชื้อสายซิซิเลียน-เยอรมัน นอนนิ่งตัวแข็งทื่อ ใบหน้าร้อนผ่าว ฝ่ามือสองข้างจิกหมอนแน่น เมื่อแว่วเสียงหัวเราะในลำคออย่างเหนือกว่ามาจากคนข้างกาย นัยน์ตาสีน้ำทะเลวาววับ นี่ดีที่ในห้องนี้มีหมอนแค่สองใบ ถ้ามีมากกว่านี้ล่ะก็ ระวังไว้ให้ดีเถอะ หลับสบายๆจะได้ไม่ตื่นขึ้นมาอีกรอบแน่..


     บนฟากฟ้าสีหม่นประดับดวงดาวของค่ำคืนนี้ ผู้คนมากมายกำลังทำกิจกรรมหลากหลาย ทั้งพี่ใหญ่ของตระกูลวาลกัสที่กำลังดินเนอร์อยุ่กับดาราสาวสวย ซึ่งเจ้าตัวผละออกมาทันทีที่ทราบข่าวการวางระเบิด ณ โรงแกรมแกรนด์ ฮิลตัน UAE  หรือ พี่รองของตระกูลที่นอนจมเศษเลือดและกำลังถูกพาตัวออกไปส่งโรงพยาบาล ฮาซานที่นั่งเอนตัวพิงผนังห้องขังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ตนกระทำ และคาวัลโล วาลกัส อนาคตบอกมาเฟียแห่งตระกูลวาสกัส เจ้าตัวกำลังครุ่นคิดหาทางลอบสังหารท่านชีคอัลชาอ์ที่นอนอยู่ข้างกายด้วยนัยน์ตาวาววับหากใบหน้ายังแดงจัด..

  โดยที่ต่างคนต่างไม่รู้เลย ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง....

...
  สวัสดีค่ะ
ช่วงนี้เจอกันบ่อย มันมาจากแรงผลักดันของก๊อดฟาเธอร์ จากแรงกรี้ด ดอนวีโต้ คอร์เลโอเน่เเท้ๆ (555+)
 ว่าด้วยตอนนี้ ฮาซานท่าจะกลายเป็นหมาเชื่องๆตามที่คาวี่บอกน่ะเเหละ แถมคาวี่เธอก็ยังคิดบทละครได้ยอดเยี่ยมชนิดเป็นต่อยหอยอยุ่ได้สมแล้วจ๊ะที่มีแม่เป็นนักเขียน (อิชั้นเองเคอะ 55+ ตอนแรกจะเดิมนิยายวายไปแล้ว แต่เกรงใจคาวี่  :laugh:)
   และฝาเเฝด แฮ่ๆ ฝาแฝดก็ใช่จะมาแบบหวานๆนะเออ..เขามีเศร้าบ้าง เครียดบ้าง คู่นี้เรื่องมันไม่มีทางออก เดินต่อไม่ได้จะถอยก็ไม่ได้อีก เหอๆ ว่าด้วยเรื่องของสองคนนี้ มันเป็นภาคแรกของเรื่องนี้น่ะเอ๊า แต่ยังแต่งไม่จบ ( o18) เริ่มเขียนก่อนคาวี่ แต่ไหงคาวี่เร็วกว่าก็ไม่รุ้ อาจจะเพราะเรื่องนั้นมันฮาร์ดคอร์ มันซาดิส มันทำร้ายจิตใจ มันทำให้คนเขียนซึมไปสามชั่วโมงทุกครั้งที่นั่งเขียน เลยไม่ค่อยได้เยอะ กลัวเสียสุขภาพจิต 555+
และสุดท้าย... คาวี่โดนแกล้งแล้วว้อยยยยยยยยยยยยยยยย 5555+ เชื่อว่าหลายคนรอดูฉากคาวี่โดนแกล้งกลับ เหอๆ ใครบอกไปยั่วเขาก่อนล่ะคาวี่ เป็นไง เจอไปงับเดียว เล่นเอาตาค้างทั้งคืน (กร้ากกก) อารมณ์สาวน้อยมากอ่ะคาวี่ ผิดกับที่แกโหดใส่ชาวบ้านข้างบนจริงๆ ( :laugh: :laugh:)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 18-11-2010 23:53:08
ฝาแฝดแอบเศร้านะ

แล้วจะเปนรัยป่าวอ่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 19-11-2010 00:02:53
โอ๊ย เครียด แฝดคู่นี้อึดอัดดีแท้
 :เฮ้อ: ไหนจะเครียดเรื่องศพลึกลับ
แล้วยังเจอระเบิดอีก คุณพี่รีบกลับมาอยู่กะคุณน้องเลยนะ
คู่คาวีกำลัน่ารักเลย แกล้งกันไปแกล้งกันมา  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: zombiepe ที่ 19-11-2010 01:14:59
อ่านจบแล้ว ในหัวมีคำเดียว
ท่านชีคงับหูคาวี่  *-*
ถือเป็นพัฒนาการที่ดี 555
ท่านชีคแกขรึมมานานนมจนเกือบลืมฉากแบบนี้

คาวี่เคะฉายชัดนะตัวเธอว์ตอนนี้อ่ะ โฮะๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 19-11-2010 01:54:03
ว้าววววววววววววววว
สุด ๆอ่ะ น่ารักมากอ่ะคาวี่ อะไรจะแสดงได้ขนาดนี้ไม่มีอิกแล้ว 555

แล้วสรุปคุณแฝด โดนใช่มั๊ยคะ???
รุนแรงกันได้อิก

แล้วจะรอนะฮะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 19-11-2010 03:12:17
แอบสะใจไปกับท่านชีค หุหุ คาวี่อยากแกล้งเค้าดีนักเจอเค้าแกล้งกลับไปไม่เป็นเลย  :m20:

แฝดอเล็กซ์จะเป็นไงบ้างนา เป็นห่วงอ่า :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 19-11-2010 06:11:31
แฝดน้องจะเปนไรรึเปล่าเนี่ย...........
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 19-11-2010 09:35:14
่คาวี่ไงละตัวเธอ แกล้งเค้าดีนัก พอโดนเอาคืนถึงกับไปไม่เป็นเลยเชียว


แฝดพี่มัวแต่ไปเดท แฝดน้องมีอันตรายแล้ว รู้มั่งหรือเปล่าวะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 19-11-2010 10:17:40
ขอบคุณนะคะ ตอนใหม่ ชอบคาวี่อะ อ่านเเล้วไม่เครียดดี ฮา เพราะเราไม่ชอบบริโภคมาม่าเท่าไหร่อะนะ คุคุคุ ดี คาวี่จะได้เเมวเหมียวมาเลี้ยงดู เเต่เราก็ จะรอดูวันที่คาวี่โดนมากกว่านี้อยู่ ดี คุคุคุ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 19-11-2010 15:26:16
 :laugh: :laugh: คววี่เปงไงละ เล่นจนได้เรื่อง ก๊ากกก
เจอพี่อัลชาห์เอาคืนไปทีเดียวเงียบเลย ก๊ากกกกก :z1:
 ปล.ฝาแฝดแอบเศร้าอะ :sad11:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 19-11-2010 16:20:59
เค้าเรียกว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า แะแล้วก็โดนเข้าจิงๆนะคาวี่
แบบว่า ให้อารมณ์สามน้อยมากกกกก ผิดกะไอ่ที่ทำกะคนอื่น
หรือที่เรียกว่า เกิดมาเพื่อคนคนนี้ กร๊ากกกกกกกกกกกกกก

ส่วนแฝด เฮ้ออออ  :a5: ในเมื่อเลือกที่จะรักก็ต้องเดินกันต่อไป
แฝดน้องงงจะเป็นไงบ้างเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 19-11-2010 18:54:53
กด คาวี่ไปเลย ท่าน อัลฯ
ปล่อยไว้ทำม้ายยยยยยยย ให้ลอยนวล
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 19-11-2010 19:06:52
จุใจเลยค่ะสองตอนรวด แฮ่ชอบจัง
เรื่องนี้มาเฟียเราเก๊งเก่ง ประทับใจที่สุด
ความฉลาดเป็นเลิส ความกวนก็ไม่รองใครจริงๆ
ที่ถ้าจะมาสยบเพราะท่านชีครึเปล่านะ
รอดูละกันค่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 19-11-2010 19:16:59
นายเอกของเรานับวันยิ่งสาวแตกขึ้นทุกที ฮ่าๆ

คู่แฝดเราเศร้าอ่า  :serius2:

ปล.ช่วงนี้ขยันอัพเรื่องนี้จังนะค่ะ(แต่ก็ใช่ว่าไม่ชอบ เหอ เหอ) ลำเอียงๆไปอัพเรื่องนู้นต่อเลย  :angry2:

 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 19-11-2010 19:50:59
ฝาแฝดแอบเศร้าจริงๆ...
ที่จริงแล้ว อเล็กเซย์ห้ห่วงน้องชายตัวเองนี่...นึกว่าจะห่วงแต่ฝาแฝด...
คาวี่นี่...ไปกวนท่านชีคมากๆ...โดนเอาคืนเลย...555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 19-11-2010 19:53:22
ยิ่งอ่านยิ่งหมั่นเขี้ยวคาวี่    :m3:
ท่านชีคปล่อยไว้ไม่ได้แล้วนะ  :m12:
แล้วก้อ.. ถ้าพี่ชายสุดที่เลิฟรู้ว่าน้องไม่ได้ตายจริงนะ งานนี้คงสนุกกว่าเดิมแน่ๆเลย  :laugh:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ







หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 19-11-2010 20:11:56
ดุเด็ดเผ็ดมันส์ แต่แอบฮาคาวี่ สมน้ำหน้า....แกล้งเขาไว้มาก พอโดนแกล้งกลับ ถึงกับไปไม่เป็นกันเรยงานนี้ 555
รออ่านตอนต่อไปคร่า^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 19-11-2010 23:19:50
มันต้องอย่างนี้สิคะชีค เยี่ยมคะ ดีมากๆ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 20-11-2010 00:15:00
เป็นห่วงจัง

ขออย่าให้เป็นอะไรเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: van ที่ 20-11-2010 00:47:41
ตามมาอ่านค่ะ....สนุกสนานเช่นเคย o13
คาวี่กวนได้ใจอย่างแรงเลยค่ะ  คู่แฝดก็  โอ๊ย...ชอบ ๆ ๆ
แล้วเอล็กเซย์จะเป็นอะไรมากมั้ยคะเนี่ยะ .......  :sad4:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 20-11-2010 01:02:41
นั่นไงงง งง
ท่านชีคอัลชาอ์จัดไปเยอะ ๆๆ ๆ ๆ เลยย ยยย
ฮ่า ๆ ๆ ๆ
ชอบเห็นคาวี่ทำไรไม่ถูกแบบนี้ ก๊ากก รู้สึกเหมือนสะใจเล็กๆๆ ฮ่า ๆๆ o13
เอาเยอะๆเลยนะจุ๊

อเล็กเซย์!!! ใครมันส่งระเบิดมาเนี้ย :m31: :m31:
อัพบ่อยๆแบบนี้นะเค๊อะ เค้าชอบบ ฮ่า ๆๆ

ไม่อยากบอกว่ายังไม่ได้ไปอ่านน้องเนมภาค2เลย  :z3: :z3:
ก็เค้ายังไม่กล้าอ่านอ่ะ ...เง้อ!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 20-11-2010 01:13:55
อ้ากเอล็กเซย์โดนขนาดนั้น


จะไหวไหมเนี่ย



โอ้ยท่าทางเรื่องใหญ่มากขึ้นไปอีกแล้ว



รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 20-11-2010 08:59:50
ง่า แฝดจะเปนไรมั้ยนิ

เรื่องนี้หนุกดีค่ะ นายเอกฮามากมาย 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: treerat002 ที่ 20-11-2010 12:22:03
ชอบฮาซานค่ะ หุหุ :-[ จะมีคู่กับเค้าป่าวเนี่ย :impress2:

ชอบเรื่องนี้มากมายค่ะ ภาษาสวยมาก รีบมาอัพต่อนะคะ สู้ ๆ  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 20-11-2010 15:48:22
ชักเครียดแล้วอ่ะ...เซย์จังจะเป็นไรมั้ยอ่ะ? :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 20-11-2010 16:36:35
 :monkeysad:

ชอบสุดๆเลยค่ะ  แต่งได้เยื่ยมยอดมากๆๆ คะแนนเต็มสิบให้ร้อยเลยค่ะ

ตัวละครน่ารักดี เนื้อเรื่องก็สนุกสนาน  ฮา ปน โหด ได้อย่างลงตัว

รอตอนต่อไปอยู่นะค่ะ  อย่านาน เดี๋ยวให้ชีคส์จับหมกทะเลยทราย น้า...555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ☥ŹeMî☠kändä☥ ที่ 20-11-2010 20:01:27
โดนเข้าไปแบบนั้นจะเป็นอะไรไหมนั่น?

ส่วนคาวี่เอย.... นายมัน.... แสบได้อีก!!

รอตอนต่อไปเสมอนะขอรับ สู้ๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 21-11-2010 10:55:57
รออย่ีางใจจดจ่อ คาวี่น้อฮ่าๆๆ อีกไม่นานร้อก....
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 21-11-2010 14:20:14
ดันๆ อึ๊บๆ :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 21-11-2010 21:39:03
กะอยู่แล้วว่าเรื่องของซี่กับเซย์ จะไม่ได้ง่าย เพราะเป็นพี่น้อง ยิ่งกว่าที่คลานตามกันมา
เพราะว่าเป็นฝาแฝด
แต่ใครเขาจะว่าอะไร ก็ช่างเขา มีกันและกันก็พอค่ะ !!
กลัวว่าแฝดน้องจะเป็นอะไร T^T พี่ซี่ตามมาหาเขาไวๆ นะ

อัลชาอ์กับคาวัลโล .....
คู่นี้จะกลายเป็นฮาแตกอยู่แล้ว 555555555555555555555555
ฮาซานเอ๋ย ยอมกลายเป็นแมวเชื่องๆ ไปเลยเหอะ ก่อนที่จะโดนคาวี่เขารัดคอฆ่าแกหมกทะเลทรายอีก

คู่พระนายเรื่องนี้ น่ารักมากกกกกกกกกค่ะ
เป็นความต่างที่ผสมผสามกันได้แบบไม่ลงตัว
แต่น่ารักโคดดดดดดดด 555555555555555555555

ไรท์เตอร์สู้ๆ ค่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 22-11-2010 16:59:06
มาเฟีย vs. ท่านชีค
มันน่าจะเป็นอะไรที่ซีเรียสกว่านี้สักนิด แต่ที่ไหนได้ ยังไม่เคยเจอบทเครียดเลย เจอแต่บทฮาแตก ทำเอานั่งขำเแป็นคนบ้าอยู่หน้าคอมคนเดียว


อยากอ่านเรื่องของแฝดมากกว่านี้จังเลยน้า~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 23-11-2010 19:23:11
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 23-11-2010 20:04:00
เอาใจช่วยทุกๆคน
อย่าเป็นอะไรน่ะ :z3:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 24-11-2010 18:47:12
อยากอ่านต่อใจจะขาดแล้ว ดันสุดฤทธิ์ ฮึบๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 24-11-2010 23:02:24
Line 12

   ภาพวาดของเทวดาน้อยๆที่มักประดับบนโบสถ์อันเป็นที่สำหรับประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาคริสต์นั้น อัลชาอ์มันจะเห็นเด็กน้อยรูปร่างจ่ำม่ำ ผิวขาว เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนๆ นอนหลับตาพริ้มด้วยท่วงท่ามีความสุข และปลายนิ้วน้อยๆของเจ้าตัวมักจะแตะอยุ่บนริมฝีปากสีชมพูฉ่ำ หรือหากเป็นเด็กหนุ่มวัยแรกรุ่นก็มักจะขดตัวนอนด้วยท่าทีมีความสุข...ภาพที่เห็นเหล่านั้นมันทำให้ชายหนุ่มวัยไม่ถึงยี่สิบดีนักตรงหน้ามีลักษณะอายุสมองใกล้เคียงกับเด็กน้อยเหล่านั้นอยู่มาก เพราะตอนนี้ เวลาหกโมงสามสิบนาที บนเตียงหนาในห้องนอนของเขา มีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งนอนนิ่งอยู่ เจ้าตัวไม่มีท่าทีระคายต่อแสงแดดอ่อนๆทอลอดม่านมาตกกระทบใบหน้า แพขนตาสีอ่อนยังปิดสนิททาบบนผิวแก้มขาว เส้นผมสีน้ำตาลอัลมอนด์ทอประกายหยอกล้อแสงแดด ใบหน้าซุกซบอยุ่กับหมอนใบโตอย่างสุขขี  และลำตัวก็กลิ้งพันเอาผ้าห่มขนเป็ดนุ่มหนาไว้แสดงการจับจองเป็นเจ้าของเรียบร้อยแล้ว..

    อัลชาอ์ถอนหายใจเฮือก ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นพวกหวงของหรือเป็นคนที่ชอบรังควานคนอื่นนักหรอก แต่ท่าทีการนอนหลับสนิทเกินไปจนเลยเวลาตื่นกับท่านอนที่แสนกวนใจนี่มันช่างกระตุ้นต่อมระอาใจให้ทวีขึ้นมาอีกสิบเท่า..

และนั่นอาจจะเกี่ยวข้องกับหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษภาคเช้าที่เขาถือไว้ก็ได้..

   ชีคหนุ่มถอนหายใจอีกรอบ ขณะที่กำลังตัดสินใจว่าจะปลุกเองหรือให้คนอื่นมาปลุกแทน..แต่เขาก็เลือกไม่ได้ เพราะอัลชาอ์ก็รู้ดีว่าเขาต้องเป็นคนปลุกเจ้าตัวให้ลุกขึ้นด้วยตัวเอง เพราะคำว่า"คนรัก"ที่ค้ำคออยู่..

       ขณะที่คาวัลโลกำลังอยู่กับนิทรารมย์อันแสนสุข เขายังไม่รู้สึกอยากจะตื่นเลยซักนิด เพราะผ้านวมผืนหนานุ่มกับเตียงอุ่นๆนี่มันช่างแสนสบายเสียจริงๆ ดังนั้นเมื่อมีฝ่ามือหนาแตะลงบนไหล่แล้วเขย่าเบาๆ จึงทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันควัน..

  " คาวัลโล...มิสเตอร์คาวัลโล..." น้ำเสียงเข้มๆที่แทรกผ่านสติอันเลือนรางมานั้นช่างแสนน่ารำคาญหู คาวัลโลครางเบาๆในลำคอ เขาสะบัดตัวดิ้นสองสามครั้งด้วยความไม่พอใจพลางยกผ้าห่มมาคลุมศรีษะ แสดงอาการ"ไม่ยอมตื่น" ที่เขาทำเป็นประจำเวลาไม่อยากลุก ซึ่งคนใช้ในบ้านก็จะรู้ดีและจะไม่ปลุกอีกเป็นครั้งที่สอง จนกว่าเขาจะลุกขึ้นมาเอง...

     "...คาวัลโล....คาล..." น้ำเสียงนั่นยังซ้ำซี้ต่อไม่เลิก คาวัลโลครางฮือ สมองที่ยังไม่แจ่มใสและยังเรียบเรียงความคิดไม่เสร็จ พาลคิดไปถึงน้ำเสียงกิ๊กคนล่าสุด ชายหนุ่มจึงครางอือ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม

    " เดี๋ยวก่อนน่า สควอล่า..."

    "........." สควอล่าไหน? อัลชาอ์ชักจะรู้สึกคันมือคันไม้ขึ้นมาตงิดๆ เพราะไม่ทราบว่าน้ำเสียงของเขาไพล่ไปเหมือนสาวคนไหนของเจ้ามาเฟียตรงหน้า อัลชาอ์ถอนหายใจเฮือก เขาเดินไปหยิบแก้วใบที่ใกล้มือที่สุด แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ เปิดเลือกน้ำที่"เย็นที่สุด" มาไว้ในแก้ว ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งด้วยอารมณ์ขมุกขมัว..

   " มิสเตอร์ คาวัลโล วาลกัส " น้ำเสียงเข้มๆนั่นแสนคุ้นแต่ก็ชวนระคายหูชอบกล คาวัลโลขมวดคิ้วน้อยๆภายใต้โปงผ้าห่มหนา

"  นับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ลุกขึ้น...1.........2................3...."

ซ่า !!!

   "เฮ้ยยยยยยยยย......" คาวัลโลเด้งตัวพรวดขึ้นมาจากผ้าห่ม ไม่ตื่นก็ต้องตื่น เมื่อถูกมือดีกระชากคอเสื้อเขาขึ้นแล้วรดน้ำเย็นๆมาเต็มแผ่นหลัง มาเฟียหนุ่มทะลึ่งตัวพรวดขึ้นมาจากผ้าห่มด้วยความตกใจปนเอาเรื่อง เขาอ้าปากจะโวย แต่เมื่อเห็นสีหน้าทะมึนทึกทักของอัลชาอ์แล้วมันก็...

    " ........." ชีคหนุ่มไม่พูดอะไรนอกจากชี้ไปที่นาฬิกาบนหัวเตียง ซึ่งบอกเวลาหกโมงสี่สิบนาที..

    " มันก็ไม่เห็นจะ...." คนเถียงหน้ามุ่ยเมื่ออัลชาอ์ชี้หน้าหมับ..

   " อย่าให้ผมต้องมาปลุกอีก..." ชีคหนุ่มเอ่ยเสียงห้วน พลางวางแก้วน้ำลงบนเก้าอี้ที่ตนนั่งอยู่ คาวัลโลลุกขึ้นมาจากเตียงพลางสะบัดเสื้อไปมาความจริงน้ำที่ถูกสาดใส่หลังก็ไม่มากเท่าไหร่ เเต่เนื่องจากมันเย็น เขาเลยรู้สึกว่ามันมีปริมาณเยอะเท่านั้นเอง

     " หงุดหงิดอะไรกันเนี่ย.." คาวัลโลบ่นงึมงัม ขณะที่เดินตัวปลิวไปที่ตู้เสื้อผ้า เขาหยิบเสื้อผ้าตัวเองที่ถูกจัดมาให้แล้วเดินเข้าห้องน้ำ พลางปิดประตูปัง..

       อัลชาอ์มองตามแล้วขมวดคิ้ว หงุดหงิดอะไรเรอะ ยังจะมาถาม หงุดหงิดที่คนอย่างเขาคต้องมานั่งปลุกเจ้าคนนนอนขี้เซาที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับชีวิตเลยนี่สิ ตั้งแต่เกิดมา สาบานได้ว่าเขาไม่เคยต้องปลุกใครหรือต้องมาเซ้าซี้ใครแบบนี้ มันช่างน่าหงุดหงิดเป็นที่สุด

      ชีคหนุ่มกางหนังสือพิมพ์รอบเช้าอ่านไปพลางๆรอเจ้าตัวออกมาจากห้องน้ำ สักพักคาวัลโลก็เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ แล้วเดินโฉบมาทางโต๊ะทำงานของเขาอย่างรวดเร็ว..

   " อืม..อาหย่อย...." เสียงพึมพัมดังมาจากปากที่คว้าขนมปังในมือของอัลชาอ์เข้าปากตัวเองไปเป็นที่เรียบร้อย อัลชาอ์ถลึงตาใส่ แต่เจ้าคนทำหัวเราะเบาๆรับ แถมยังทำท่าจะมาจิบกาแฟร่วมถ้วยกันเสียอีก..

    " ของคุณอยู่นั่น..." ว่าพลางชี้ไปยังอีกถาดที่วางอยู่ใกล้ๆ คาวัลโลพยักหน้าหงึกๆ ลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามร่างสูง แต่ทว่า..เขาก็ยังหยิบขนมปังของอัลชาอ์กินอยู่ดี...

    " อย่าทำเหมือนเด็ก.." อัลชาอ์ส่ายหัวกับกริยานั้น แต่คนทำไม่สนใจ เขาหัวเราะเบาๆในลำคอ ก่อนจะหยิบขนมปังมารองท้องอีกสองสามแผ่น ตามด้วยซดกาแฟอีกแก้ว..

    " แล้วที่มาเรียกผมนี่...มีอะไร " คาวัลโลออกปากถาม พลางอ้าปากหาวอีกรอบ

    "......." ร่างสูงไม่ตอบ แต่ค่อยปิดหนังสือพิมพ์และพับลงช้าๆ พร้อมกับยื่นหน้าแรกให้อีกฝ่าย..

    ... ซึ่งมันมีภาพโรงแรมดังที่ถูกระเบิด และภาพคนเจ็บถูกหามส่งโรงพยาบาลโดยหน่วยกู้ภัยชัดเจน..

คาวัลโลหรี่ตาลงช้าๆ มองหัวข้อข่าว"วางระเบิดโรงแรมแกรนด์ฮิลตันUAE "

    มาเฟียหนุ่มขมวดคิ้ว ตอนนี้สมองที่เอื่อยเฉื่อยเริ่มทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ...แกรนด์ฮิลตัน...ชั้น14 ...

คาวัลโลพลิกไปดูรายละเอียดอย่างรวดเร็ว หัวคิ้วยิ่งขมวดเข้าหากันหนักขึ้นไปอีก...เมื่อพบรายงานที่ว่า..ต้นเหตุอยู่ที่ห้อง 1456 และ..นักธุรกิจชาวอิตาลีวัยยี่สิบแปดบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อ นายอเล็กเซย์ จิโอวานนี่ วาลกัส...

...และไม่มีชื่อเล็กซิส จอร์จิโอนี่ วาลกัส.

   คาวัลโลพับหนังสือพิมพ์ลง หัวคิ้วยังขมวดไม่หาย ริมฝีปากเม้มแน่น....

     ที่น่าตกใจพออยู่แล้วคือข่าวบาดเจ็บสาหัสของพี่ชายคนรอง แต่ที่น่าแปลกใจกว่าคือ..ทำไมไม่มีอเล็กซิสอยู่ในนั้น ไม่มีในรายชื่อผู้บาดเจ็บ หรือผู้ประสบเหตุ..จะบอกว่าถูกขอร้องไม่ให้นำเสนอชื่อก็ไม่น่าใช่ เพราะอย่างนั้นจะปล่อยให้สื่อเสนอชื่ออเล็กเซย์ไปได้ยังไง?..

   แล้วปกติสองคนนี้ตัวติดกันยิ่งกว่าอะไร...ยิ่งข่าวบอกเกิดเหตุตอนกลางคืน...อเล็กซิสจะไปไหนโดยไม่มีอเล็กเซย์ไปด้วย..จะมีเหรอ?...

 คาวัลโลระบายลมหายใจช้าๆเขาหรี่ตาลงมองภาพพาดหัวข่าว พลางทบทวนถึงสิ่งต่างๆที่ได้ทราบมา...อเล็กเซย์เจ็บหนัก...อเล็กซิสไม่อยู่...เอ๋...ไม่สิ..

     นัยน์ตาสีน้ำทะเลวาววับเมื่ทราบถึงสาเหตุที่พี่ชายไม่ร่วมประสบเหตุด้วย ก่อนมาเขาพอทราบข่าวมาบ้างจากพี่สาวที่เป็นนักแสดง ว่าจะเเนะนำเพื่อนสาวในวงการเดียวกันให้กับพี่ชาย..ตามที่พ่อขอ..

เพราะอย่างนั้น ถ้ามันหายไปทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับแม่นักแสดงนั่น..ป่านนี้ก็คงอยู่แถวๆนั้นสินะ...

คาวัลโลยิ้มออกมาช้าๆ สมองคิดทบทวนแผนการ์ณที่วิ่งเข้ามาในสมองแบบด่วนจี๋ ก่อนที่มาเฟียหนุ่มจะยิ้มกว้าง หันไปมองอัลชาอ์ด้วยรอยยิ้มสว่างไสว..

   " ผมอยากคุยกับพี่..."

   " ทำไมผมต้องอนุญาต " อัลชาอ์มองท่าทีนั้นของเจ้าตัวแล้วหรี่ตาลงช้าๆทว่าก็ไม่ยอมอนุญาติให้อีกฝ่ายเจอครอบครัว..

   " แค่คุยโทรศัพท์ก็ได้.." คาวัลโลต่อรอง

    " ไม่"

    " เฮ้...ผมไม่หนี บอกแล้วไง"

    " ไม่"

    "นี่..." คาวัลโลถอนหายใจเฮือก จ้องหน้าอัลชาอ์ที่มีท่าทีปฎิเสะอย่างชัดเจนแล้วถอนหายใจเฮือก " ถ้าอย่างนั้นเอาหนังสือพิมพ์นี่มาให้ผมดูทำไมครับ? ทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้นี่ จะมาหวังดีบอกข่าวผมเพื่ออะไร"

    " แค่ผมคิดว่านั่นจะทำให้คุณทำงานเร็วขึ้น " อัลชาอ์เลิกคิ้วช้าๆ

   " ก็คงใช่ นี่ผมก็กำลังทำงานอยู่ไง " คาวัลโลตอบ ก่อนจะถอนใจเบาๆ " ฟังนะครับ ท่านชีค ผม...คิดว่าไอ้เจ้าคนที่คิดฆ่าผมเนี่ย ตอนนี้มันชักจะเหิมเกริม คิดจะฆ่าล้างโคตรผม พ่อ แม่ และพี่ๆไปแล้ว เพราะงั้น...เรื่องนี้ผมจัดการอย่างรวดเร็วแน่นอน.."

  " และฟังนะ...ผมต้องการทราบข่าว..ความเป็นไปของคนของผมที่อยู่ในอิตาลี และที่เหลืออยู่ใน UAE อย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สุด...เพราะไอ้คนที่กล้าทำแบบนี้ มันไม่ใช่ระดับเด็กอมมือ แน่นอน.." คาวัลโลสูดหายใจลึก เขาลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่เเละเริ่มเดินวนไปรอบเก้าอี้ของท่านชีคแห่งเซเนียยาที่ยังมีสีหน้าตายด้านอย่างสม่ำเสมอ " ..ตอนแรกผมกะจะใช้คนสืบ แต่ต่อให้นักสืบคนนั้นมันเก่งแค่ไหน ทางที่จะล้วงข้อมูลจากคนระดับสูงๆอย่างลุงผมรึพ่อผม..มันเป็นไปไม่ได้..."

   " เพราะงั้น ผมจึงต้องการหาพวก..ทางโน้น" คาวัลโลวางมือลงบนพนักวางมือบนเก้าอี้ของชีคหนุ่ม และจ้องหน้าอัลชาอ์เขม็ง " เมื่อมันเกิดเหตุการ์ณแบบนี้ ผมเลยคิดว่าจะติดต่อกับพี่ ให้หมอนั่นเป็นสายให้เรา หาคนทรยศทั้งฝั่งคุณฝั่งผม รับรองว่าคนอย่างอเล็กซิสไม่มีวันถูกจับได้ และไม่มีวันถูกใครขู่ โอกาสจะใช้หมอนั่น มีแค่ตอนนี้ ตอนที่มันกำลังแค้นแทบบ้าที่อเล็กเซย์เจอระเบิด..เข้าใจไหม? "

   "นั่นเรื่องของคุณ " อัลชาอ์ยักไหล่ ก่อนจะสบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลเบื้องหน้า "อย่าลืมว่าผมไม่ได้อยู่ครอบครัวเดียวกับคุณ ผมไม่ได้มีความเดือดเนื้อร้อนใจใดๆกับการที่คุณหรือตระกูลของคุณจะโดนใครฆ่าเกลี้ยง ที่ผมต้องการ คือ..คนทรยศในกลุ่มของผม ไม่ใช่ของคุณและไม่จำเป็นต้องสนใจครอบครัวคุณ.."

   " ผมจะใช้หมอนั่น...คนที่เราสงสัย คนที่ผมสงสัยและคนทางฝั่งผมที่ถูกสงสัย สืบสาวหาตัวการทางฝั่งคุณ ผมจำเป็นต้องหาข้อมูลทั้งสองด้าน " คาวัลโลขมวดคิ้วแน่น..นัยน์ตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้าด้วยความไม่พอใจ แต่เขาก็รู้ว่าคนมีสิทธแค่อธิบายให้อัลชาอ์เข้าใจ และทำให้ชีคหนุ่มเห็นด้วยกับเขาเพียงเท่านั้น ชายหนุ่มเม้มปากแน่น สบมองนัยน์ตาสีนิลที่ดำสนิทอย่างไม่อาจะเห็นก้นบึ้งก่อนจะถอนหายใจเฮือก พยายามเรียกความใจเย็นและความสุขุมที่ตนควรจะมีกลับมา..

    " นั่นเป็นการหาข้ออ้าง..คาวัลโล ทำให้ผมคิดหน่อย ว่าคุณตั้งใจจะค้นหาคนของผมที่ทรยศจริงๆ ไม่ใช่เอาแต่คิดจะช่วยตัวเอง...ไม่อย่างนั้น คนที่จะตายก่อนใคร ก็คือตัวคุณ.."อัลชาอ์จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าที่มีท่าทีว้าวุ่น ก่อนจะถอนหายใจเบาๆอย่างชาเฉย..

    " ผมจะสืบทางนั้น พร้อมกับทางนี้....นั่นจะทำให้ทุกอย่างรวดเร็วที่สุด..ผมจะไม่หนี และจะบอกให้พี่ชายผมปิดปากเงียบเรื่องที่ถูกจับ เพราะถึงยังไง ถึงบอกไป ผมก็เป็นฝ่ายผิด...ถึงคุณจะจับผมมา ผมก็เป็นฝ่ายผิด คุณมีสิทธิ์ฆ่าผมไม่ใช่เหรอ? คุณจะกลัวอะไร ? " คาวัลโลจ้องหน้าอัลชาอ์ที่ยนังคงมีท่าทีเรียบเฉย สมองวิ่งวุ่น..

    "...นั่นก็ยิ่งทำให้ผมสงสัย ว่าผมจะปล่อยให้คุณมาเดินเล่นในวังผม ทำความวินาศปั่นป่วนให้ที่นี่เพื่ออะไรกัน..."อัลชาอ์ถอนหายใจเบาๆ

    " ผมขอร้อง" คาวัลโลคว้ามือชีคหนุ่มที่กำลังจะขยับกายลุก เขาบีบมือหนาแน่น จ้องใบหน้าคมเขม็ง " นี่...ผมวางใจเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว...ถ้าพวกมันคิดฆ่าคนในครอบครัวผม นั่นจะเป็นความสูญเสียที่ผมจะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง อัลชาอ์...ผมขอร้อง...ผมจะหาคนทรยศของคุณให้ได้โดยเร็วเลย...ขอแค่ผมได้ติดต่อกับพี่และได้ข่าวของทางนั้นด้วย.."

    " มันไม่จำเป็น " อัลชาอ์ถอนใจพรู ไม่สบมองแววตาเว้าวอนที่หาดูยากจากนัยน์ตาคู่นั้น..

    "...อัล..."

    " พอ..." อัลชาอ์ถอนใจเฮือก เขาสะบัดมืออกจากฝ่ามือบางที่กุมมือไว้ " ให้ฮาซานมันทำงานนี้..ติดต่อพี่ชายคุณผ่านทางโทรศัพท์ ต้องผ่านผมก่อนทุกครั้ง และต้องถูกบันทึกไว้ทุกครั้ง..เข้า...."

    " โอ...ขอบคุณ.." คาวัลโลก้าวประชิดร่างสูงใหญ่ เขาหรี่ตามองใบหน้าเคร่งขรึมนั้นแล้วหัวเราะเบาๆ " แหม..คุณนี่ใจดีเหมือนกันน้า~~ มาทำบึ้งหลอกต้มผมซะเปื่อยเลย..."

   อัชาอ์มองท่าทีที่กลับมาร่าเริงอีกครั้งของเจ้าตัวแล้วถอนหายใจเฮือก ชักอยากจะเปลี่ยนใจเสียเดี๋ยวนี้  แต่ทว่า ชีคหนุ่มก็ชะงักกับสีหน้าและแววตาที่มองตรงมาของคนตรงหน้า คาวัลโลยิ้มมุมปากออกมาน้อยๆ เขามองหน้าอัลชาอ์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแตะริมฝีปากเฉียดแก้มสากเบาๆ ทำเอาชีคหนุ่มตัวชะงัก..และสูดหายใจลึก..

    " ผมจะ...ฮื้อ...."

   " อย่ามายั่วกันมากนักนะคาวัลโล...ถึงผมจะไม่ชอบผู้ชาย แต่ก็ใช่จะไม่มีความรู้สึก.." ฝ่ามือหนาตวัดรอบแผ่นหลัง พร้อมกับรั้งใบหน้าอีกฝ่ายแนบชิด อัลชาอ ์กดริมฝีปากทับเรียวปากสีอ่อน ปลายฟันออกแรงขบกัดเบาๆและตวัดปลายลิ้นไล้เรียวฟันขาวอย่างรวดเร็ว เขาผละออกมา มองหน้ามาเฟียหนุ่มตรงหน้าที่ยืนอึ้ง ก่อนจะออกปากเตือน และเดินออกไปนอกห้อง..

   คาวัลโลมองแผ่นหลังที่ยังไม่ลับตา มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบริมฝีปากตัวเองช้าๆ

   " ผมจูบขอบคุณ " เขาออกปากพูดเบาๆ ให้อีกคนเข้าใจว่าเขาแค่ขอบคุณ..ตามประเพณี..

ใบหน้าของชีคหนุ่มโผล่ออกมาจากประตูห้อง พยักหน้ารับ

   " ผมจูบรับคำขอบคุณ"

      นั่นมันใช่วัฒนธรรมที่ทำกันรึไง?...คาวัลโลขมวดคิ้ว..อนาคตบอสมาเฟียผู้เจรจาโน้มใจท่านชีคอัลชาอ์ได้สำเร็จเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้กำลังยืนนิ่งกระพริบตาปริบๆ

..........................................................................................

        บรรดากล้องถ่ายรูปและกล้องบันทึกภาพของสถานีโทรทัศน์ทั้งในและต่างประเทศที่กรูกันเข้ามาขอสัมภาษณ์เมื่อเดินทางเข้ามาถึงอาณาเขตโรงพยาบาลนั้นทำให้ความหงุดหงิดพุ่งปรี้ด อเล็กซิสกำกระดาษเอกสารในมือแน่นเสียจนเเทบขึ้นข้อขาว ขณะที่ก้าวเร็วๆเข้าไปในทางเดินของโรงพยาบาล ดีที่โรงพยาบาลนี้มีการจัดการดีพอที่จะกันพวกนักข่าวออกไปจากบริเวณห้องโถงได้ พี่ใหญ่ของตระกูลวาลกัสก้าวเท้าขึ้นไปในลิฟท์ตามมาด้วยบอดี้การ์ดและคนของสเตฟาโน่ที่ตามมาคุ้มกัน เขาและคนพวกนี้เพิ่งไปเอาของบางอย่างออกมาจากซากห้องที่แทบจะเหลือแค่เศษซากปรักหักพังและโครงเหล็กนั่น ของสำคัญที่จะให้ตำรวจหรือนักข่าวรู้ไม่ได้เด็ดขาด..

     ... ใบหน้าที่แต่เดิมก็เรียบนิ่งอยู่แล้วของคุณชายอเล็กซิส บัดนี้ยิ่งทวีความเย็นชาและกร้าวแข็งขึ้นมากกว่าเดิมนัก จนผู้ติดตามภายในลิฟท์ต่างก็รู้สึกหวาดหวั่น..ขณะที่ลิฟท์เปิดออกบนชั้นที่หก ชายหนุ่มก็รีบเดินสวนออกมาก่อนเป็นคนแรก เขาเดินก้าวยาวๆไปตามทางเดินจนสุดทาง...และไปหยุดอยู่ที่...หน้าห้อง ICU ที่มีบอดี้การ์ดสองสามนายยืนเฝ้าอยู่ภายนอก..

    นัยน์ตาสีฟ้าหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวไปหน้าประตูเพื่อจะเดินเข้าไป ทว่าลูกน้องทั้งสองต่างก็เดินเข้ามากั้น ทำให้หัวคิ้วของเขาขมวดมุ่น.
.
    " มีอะไร? "ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หากส่อแววอันตราย..

    "  คณะแพทย์กำลังเข้าไปตรวจครับ สั่งมาว่าห้ามรบกวน.."

  คำตอบนั้นทำให้คนฟังชะงักและยอมหันไปนั่งอยู่บนม้านั่งเตี้ยๆหน้าห้องแต่โดยดี.... ฝ่ามือกำซองเอกสารในมือแน่น ก่อนจะเปิดออกมาดูช้าๆ

...รูปถ่ายขนาดกลางของภาพ"ศพ"ในมือเขาถูกเปลวไฟเผาวอดไปเพียงเล็กน้อย.. จนสามารถมองเห็นเสื้อผ้า..ตลอดจนเอกสารประจำตัวต่างๆที่อยู่ในรูปถัดไปได้ดี..

      อเล็กซิสยกมือขึ้นกุมศรีษะแล้วทิ้งเส้นผมตัวเองเบาๆอย่างเครียดขึง..แค่พบข่าวว่าอเล็กเซย์บาดเจ็บสาหัส เขาก็กังวลจนแทบไม่เป็นทำอะไรอยู่แล้ว แต่นี่กลับได้รายงานว่าพบเจอ"ศพ"ของน้องชายตัวเองเข้าอีก..

แต่เมื่อเจอเรื่องร้ายแล้ว..เรื่องร้ายกว่าจะตามมาเสมอ..

   ข้อนั้นเขารู้ดี..เพราะอีกไม่นานตัวเขานี่แหละจะต้องมานั่งฟังอาการของคนที่เขารัก และต้องบอกถึงเรื่องราวพวกนี้แก่บิดาและมารดาของตน..

     " คุณชายครับ.." รองเท้าหนังขัดมันปลาบที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นช้าๆ เขาสบมองแววตาเคร่งขรึมของสเตฟาโน่ ที่มองมายังตนก่อนจะหยิบรูปถ่ายสอดเข้าไปในซองเอกสารด้วยสีหน้าเคร่งขรึม.

      " แม่ฉันจะมาถึงเมื่อไหร่ "

      "คุณอลิสจะมาถึงเย็นวันนี้ครับ..ผมจัดคนไปรับเรียบร้อยแล้ว"สเตฟาโน่ตอบสั้นๆ "ส่วนคุณคาเฟรโร่จะมาถึงพรุ่งนี้ครับ.."

      " ให้พักอยู่ที่โรงแรมก่อน อย่าตรงมาที่โรงพยาบาลเลยล่ะ บอกแม่ว่านักข่าวเยอะ ตอนดึกๆค่อยมาเยี่ยม " อเล็กซิสสั่งการสั้นๆปล่อยให้ความเงียบลอยตัวอยู่สักพัก..แต่ว่าสเตฟาโน่ก็ยังไม่ไปไหน

     " มีอะไรจะรายงานอีก.." เขาเอ่ยเสียงเข้ม ใบหน้าเรียบสนิทจนสเตฟาโน่มีท่าทีกระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด..ใช่ มันก็ควรจะมีท่าทีแบบนั้นแหละ ในเมื่อมันพลาด มันปล่อยให้เกิดเรื่องบ้าๆพวกนี้เกิดขึ้น ทั้งที่เขาสั่งมันไปแล้วแท้ๆว่าให้ดูแลและตรวจสอบการเข้าออกของผู้คนบนห้องทั้งชั้นพัก รวมถึงตรวจสอบพนักงานทุกคนที่ขึ้นมาตลอดเวลา แล้วนี่มันอะไร? มันเผลอเรอขนาดไหนถึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น !!

     " ตอนที่เกิดเหตุ.."สเตฟาโน่เอ่ยเสียงบำด้วยท่าทีเครียดขึ้งพอๆกัน "มันเป็นเวลาเปลี่ยนเวรครับ..พวกเราเพิ่งรับคำสั่งจากคุณชายอเล็กเซย์มาว่าให้ค้นหาคุณชายคาวัลโลต่อผมจึงเรียกทุกคนมาสั่งงาน..ดังนั้น.."

    " สั่งอะไร? "อเล็กซิสเอ่ยเสียงเรียบ สเตฟาโน่เงยหน้ามาสบมองนัยน์ตาสีฟ้าที่เยือกเย็นคู่นั้นอย่างไม่เข้าใจในคำถาม " ฉันถามทว่าอเล็กเซย์สั่งอะไรไว้!... "

     "คุณ..คุณชายอเล็กเซย์สั่งการมา หลังจากที่ผมโทรไปขอคำสั่งเรื่องคุณชายคาวัลโล ...คุณชายสั่งให้พวกเรากระจายกำลังค้นหากันต่อไป..และอย่าหยุดจนกว่าจะรู้ผลขั้นต้นว่าใช่ศพคุณชายคาวัลโลรึเปล่า"

   อเล็กซิสฟังเเล้วพยักหน้ารับช้าๆ นั่นเป็นคำสั่งพื้นฐานที่ใครๆก็รู้ และแน่นอนว่าสิ่งที่อเล็กเซย์สั่งนั้นไม่ผิดแผกไปจากที่ควรเป็น แต่ทว่า...

     "ทำไมไม่ถามฉัน..? " เขาเอ่ยถามเพราะทุกครั้ง.. คนพวกนี้จะรอฟังคำสั่งเขาก่อนสเมอ

     " คุณชายอเล็กเซย์บอกว่าคุณไม่ว่าง..ไม่ต้องโทรไปรบกวนครับ..." สเตฟาโน่ตอบสั้นๆ

     " งั้นหรือ " อเล็กซิสพึมพัมรับคำเบาๆ...นัยน์ตาที่เรียบเฉยฉายแววเจ็บปวดวาบขึ้นมาเพราะเขารู้ดี ว่าความรู้สึกของแฝดน้องนั้นคิดอะไรอยู่..

     " .....และเพราะคำสั่งนั่น ทำให้แกเรียกประชุมกัน ประกอบกับมันเป็นเวลาเปลี่ยนเวรยามพอดี เลยลงไปประชุมกันที่ชั้นล่างกันหมดใช่ไหม? " อเล็กซิสเอ่ยถามเสียงเรียบ ฝ่ามือข้างหนึ่งลูบปลายคางช้าๆนัยน์ตาหรุบต่ำ..

     " ใช่ครับ..."

      " ไม่มีใครเฝ้าชั้นบน.." อเล็กซิสเปรยช้าๆ ค่อยลุกขึ้นจากเก้าอี้ " ไม่มีใครอยู่ที่ลิฟต์คอยเปิดดู.... ไม่อย่างนั้นอาจจะจับได้แต่แรกแล้วว่ามันมีระเบิดซ่อนอยู่...ไม่ม่คนคอยรับของ...ถ้ามี อเล็กเซย์คงไม่ต้องเดินไปรับเอง...และต้องเจอกับเรื่องแบบนี้...สเตฟาโน่..."

ปึก!!

   " แกทำฉันเจ็บ สเตฟาโน่...แกทำหัวใจชั้นเจ็บ !!!!" ฝ่ามือขาวหากเต็มไปด้วยเรี่ยวแรงคว้าคอเสื้อของชายวันกลางคนตรงหน้ามากำแน่น  อเล็กซิสออกแรงเขย่าแรงๆจนสเตฟาโน่หัวสั่นหัวคลอน " ถ้าฉันไม่ถือว่าแกเป็นคนเก่าแก่ที่คอยรับใช้คุณลุงมา ฉันจะสั่งฆ่าแก จะระเบิดสมองแกด้วยมือของฉันเอง!!! แกทำพลาด ปล่อยให้น้องฉันตาย..ปล่อยให้คนที่ฉันรักที่สุดต้องบาดเจ็บ !! แล้วตอนนี้ ฉันต้องไปแจ้งข่าวทุกเรื่องกับพ่อแม่ กับคนที่หัวใจสลายเหมือนกันกับฉัน !!! "

ตึง !!

   " ออกไป...ฉันไม่ต้องการเห็นหน้าแก..." เหมือนว่าหลังจากระเบิดอารมณ์ออกไปอย่างรุนแรง อเล็กซิสก็เริ่มจะควบคุมสติได้ ชายหนุ่มปล่อยคอเสื้อของบุรุษตรงหน้าลง ปล่อยให้ร่างอวบอันไร้เรี่ยวแรงของอีกฝ่ายทรุดลงกับพื้น ส่วนตัวเขายืนนิ่ง มือกุมขมับอย่างพยายามสงบสติอารมณ์..ก่อนจะชี้มืออกไปภายนอกอ้าปากไล่ที่ปรึกษาวัยกลางคนของลุงอย่างรวดเร็ว ด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้า..

    "........."

    "ออกไป !!!!! " ชายหนุ่มตะโกนลั่นจนบอดี้การ์ดสองนายที่อยู่หน้าห้อง ICU สะดุ้งโหยง สเตฟาโน่หรุบตาลงต่ำมองใบหน้าที่เครียดเขม็งของชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณนั้นตามคำสั่ง..

   เสียงฝีเท้าย่ำออกไปไกลลงทุกทีและค่อยๆเงียบเสียงลงไปตามลำดับ ที่เหลือตรงนี้มีเพียงบอดี้การ์ดสองสามนายที่พอหันไปมองพวกมันก็หลบตา อเล็กเซย์เดินวนอยู่หน้าห้อง ICU มือข้างหนึ่งลูบใบหน้าตัวเองแรงๆอย่างพยายามเรียกสติ ขณะที่มืออีกข้างกำซองเอกสารแน่น และเมื่อเขารู้สึกว่าตัวเองถืออะไรไว้ ความรู้สึกอึดอัดปนสะอิดสะเอียนก็ทำให้เขาปามันลงพื้นแรงๆหนึ่งทันควัน

   ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก เขาก้มลงหยิบเอกสารที่ปาทิ้งบนพื้นอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกมาจากหน้าห้อง ICUอย่างรวดเร็ว..

   
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 24-11-2010 23:14:35
    ควันบุหรี่สีขาวลอยออกมาจากริมฝีปาก อเล็กซิสนั่งอยู่บนพื้นที่สูบบุหรี่ของโรงพยาบาล..นัยน์ตามองผู้ที่อยู่ในห้องสูบบุหรี่ซึ่งมองมาที่เขาเป็นจุดเดียวและนึกรำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง..และเมื่อผ่านไปสักครู่ชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครารายหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ยื่นนามบัตรมาตรงหน้าทันที

    " ผมชื่อ คาคารอฟครับ..เป็นคนรัสเซีย ทำงานเป็นนักข่าวของสำนักข่าง UHH อยากจะขอสัมภาษณ์อะไรคุณหน่อย " นามบัตรที่วางมาในมือ มีผลเพียงแค่ทำให้อเล็กซิสปรายตามองมันอย่างชาเฉย เขาเขม้นมองชายหนุ่มตรงหน้าที่มันไม่รู้จักมารยาทเอาเสียเลย พวกนักข่าวกระหายข่าวจนหายใจเป็นเงินเป็นทอง รุกล้ำสิทธิเสรีภาพของคนอื่นจนน่ารังเกียจ แบบนี้แหละที่เขารำคาญมันที่สุด..

    " ผมไม่..."

    " เดี๋ยวสิครับ อย่าพึ่งปฎิเสธสิ.." ชายคนนั้นยิ้มออกมาน้อยๆ ยัดนามบัตรกลับเข้าไปในมือเขาที่กำลังจะยัดมันใหเจ้าตัว อเล็กซิสถลึงตาใส่อย่างหงุดหงิด กำลังจะอ้าปากขู่ฟ้องซักกระทง แต่ทว่าแรงจิกลงบนหลังมือทำให้เขาชะงัก..

    " ลองดู "รายละเอียด" ไม่ก็แค่จำ"ชื่อ" ผมไว้ก็ได้ " นักข่าวหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ ขณะที่พลิกด้านหลังนามบัตรมาใส่ในฝ่ามือของตน อเล็กซิสชะงักกับคำพูดส่อนัยยะนั้น เขาก้มลงมองนามบัตรใบมือ หากลายมือที่คุ้นชินทำให้ต้องใจหายวาบ..

   "...มีอะไรสัมภาษณ์ขอคุยเป็นการส่วนตัว...." อเล็กซิสตอบสั้นๆ ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องสูบบุหรี่ไป

       บันไดหนีไฟบนชั้นสี่เป็นจุดปลอดคนพอสมควร อเล็กซิสจึงตัดสินใจหยุดฝีเท้าแค่นั้น เขาหันกลับมามองหน้าชายที่เดินตามมาช้าๆ ชายหนุ่มซุกฝ่ามือลงในกระเป๋า เอ่ยถามสั้นๆ

   "..เท่าไหร่? "

   " อะไร? " คาคารอฟถามด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มขบขัน..  อเล็กซิสหันไปถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด

   " ...ค่าไถ่ตัวคาวัลโล !! ต้องการเท่าไหร่ บอกมา!! " อเล็กซิสกระชากเสียงใส่บุรุษตรงหน้าอย่างหงุดหงิด แม้จะนึกโล่งใจที่น้องชายยังไม่ตาย ในนามบัตรนั้น เขามองเห็นลายมือเขียนเป็นภาษาอิตาเลียนของน้อยชายที่แสนคุ้นตาอย่างชัดเจน..ที่เจ้าคนนี้มาติดต่อเขา แสดงว่าคาวัลโลยังไม่ตายแน่ๆ..

   " หึ.....คุณนี่ต่างกับเขาชะมัด ถ้าเป็นรายนั้น มันจะลีลาอีกร้อยประโยคกว่าจะทำให้คนอื่นรู้ว่ากำลังโมโหหรือจนตรอก...แต่พูดจาตรงประเด็นเลยแบบนี้ สมเป็นนักธุรกิจจริงๆนะคุณน่ะ  " คาคารอฟหัวเราะเบาๆ ขณะที่อเล็กซิสถอนใจยาวๆเขาไม่ใช่พวกชอบพูดมากวกวนกวนโมโหเหมือนคาวัลโล จะให้วกไปวนมากว่าจะบอกเรื่องที่ตนต้องการน่ะหรือ ไม่ใช่หรอก..

   " ผมเป็นนักธุจกิจ.." อเล็กเซย์ตอบสั้นๆ "ส่วนหมอนั่นเป็นนักต่อรอง.."

  " ก็คงใช่ เขาเลยส่งผมมาต่อรองกับคุณ.." นักข่าวหนุ่มตอบ แต่ใจความทำให้คนฟังขมวดคิ้วมุ่น..

  "  ต่อรอง...ต่อรองอะไร ค่าหัวตัวเองรึไง? " รึเจ้าคาวัลโลมันคิดว่าเขาเหม็นขี้หน้ามันจนไม่ยอมจ่าย..

   " ผมไม่ได้ต้องการค่าหัว..
"
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr...

     " มีอะไร? " อเล็กซิสยกมือขอตัว หันไปคุยโทรศัพท์กับลูกน้องที่โทรเข้ามา..

     " หมอที่ตรวจอาการคุณชายอเล็กเซย์ออกมาแล้วครับ พวกเขาบอกว่าอยากจะคุยกับญาติคนไข้."

     " เดี๋ยวฉันขึ้นไป.."

           อเล็กซิสกดวาง ก่อนจะหันมามองหน้าชายหนุ่มตรงหน้า ชายคนนั้นมองหน้าเขากลับก่อยจะเหยียดยิ้มออกมาช้าๆ

      " ผมจะรอที่ล๊อบบี้...จนถึงบ่ายสาม...."

       " ขอชื่อด้วย " อเล็กซิสพยักหน้ารับ

       " ฮาซาน.."

          เสียงเครื่องช่วยหายใจดังขึ้นเป็นจังหวะเบาๆ แทรกตัวอยุ่ภายในความเงียบของห้อง ใบหน้าซีดเซียวถุกบดบังและปิดทับไปเสียครึ่งด้วยอุปกรณ์ช่วยหายใจ หน้าผากถุกผ้าสีขาวพันแผลไว้แน่น ขณะที่แขนขวาถุกเข้าเฝือกและขาทั้งสองข้างก็ถูกพันผ้าพันแผลไว้เช่นกัน นัยน์ตาขวาถูกผ้าขาวปิดทับ ขณะที่ใบหน้าซีเซียวมีรอยแผลฟกช้ำเกิดขึ้นประปรายทั่วร่าง..

   อเล็กซิสไล้ปลายนิ้วลงบนเส้นผมสีทองประกายเบาๆอย่างสเน่หา เขาอยุ่ในชุดปลอดเชื้อสีเขียวและต้องสวมกระทั่งถุงมือยางดังนั้น สัมผัสจากเส้นผมและอุณหภูมิของร่างกายเบื้องหน้าจึงไม่อาจจะรับรู้อย่างแน่ชัดได้เลย..ชายหนุ่มกุมข้อมือขาวซีดที่มีสายระโยงระยางไว้เงียบๆ พยายามหักห้ามตัวเองที่จะก้มลงจูบบนใบหน้าคนที่นอนอยู่บนเตียง..เพราะกลัวว่าเจ้าตัวจะเป็นอะไรไปเพราะเขาอีก..ถ้ามันเป็นอย่างนั้น เขาทนไม่ได้แน่ๆ..

    อเล็กซิสถอนหายใจแผ่วเบา ริมฝีปากกดลงบนหลังมือขาวซีดนิ่ง...นาน....

หุเงี่ยฟังเสียงลมหายใจผ่านเครื่องมือการแพทย์ มันดังออกมาเพียงแผ่วเบา..ราวกับจะจางหายไปไม่วินาทีใดก็วินาทีหนึ่ง..

อเล็กซิสปิดตาลงอย่างเจ็บปวด...หากหายไป..หากคนตรงหน้าหายไปจริงๆ เขาจะทนได้หรือ?

หากไม่อาจจะปกป้องคนรักจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวงได้..จะใช้คำเรียกความรู้สึกนี้วา"รัก"ได้หรือไร?

     "...เซย์....อเล็กเซย์ " เสียงกระซิบดังขึ้นเพียงแผ่วเบา จากลำคอหนา นัยน์ตาทอดมองใบหน้าซีดเซียวอย่างอาดูร รักใคร่...

    "  ลืมตาขึ้นมาเร็วๆนะ...แล้วเราจะไปเอาคืนพวกมันด้วยกัน..."

          พี่ใหญ่ของตระกูลวาลกัสกระซิบอย่างหนักแน่น ใครที่มันกล้ามาปองร้าย ทำให้คนที่เขารักมีสภาพอย่างนี้ รับรองว่าเขาจะตอบแทนมันอย่างสาสม..

คนที่กล้าทำร้ายหัวใจของเขา อเล็กซิส จิโอวานนี่ วาลกัส ขอสาบานว่าจะลากตัวมันมาคุกเข่าขอร้อง ร่ำไห้อ้อนวอนขอความเห็นใจ จะต้องทำให้มันทุกข์ทรมารและลิ้มรสความเจ็บปวดแทบขาดใจเช่นที่เขาพบเจอ !!!

     " ไปรับตัวแม่จากสนามบินมารึยัง? " อเล็กซิสเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ออกปากถามบอดี้การ์ดสองนายที่เฝ้าอยู่สั้นๆ..

     "..เมื่อครู่คุณสเตฟาโน่โทรมาบอกว่าเชิญคุณนายอลิสไปที่พักแล้วครับ "

     " ดี...เฝ้าหน้าห้อง อย่าให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปล่ะ "อเล็กซิสสั่งการ พร้อมกับก้าวเท้าออกจากห้องพักของน้องชายผู้ควบตำแหน่งคนรัก เขาสูดหายใจลึก แม้อยากจะอยู่เฝ้าอเล็กเซย์อีกสักหน่อยอแต่ทว่าสิ่งที่เขาจะต้องทำต่อไปก็สำคัญกว่า...หากสามารถเจรจาสำเร็จและได้ตัวคาวัลโลคืนมา นอกจากจะทำให้เรื่องน่าปวดหัวหมดไปได้อีกเรื่องแล้ว จะได้มันสมองมาช่วยกันหาทางกำจัดพวกที่กล้ามาต่อกรกับพวกเขา..คนที่กล้ามาต่อกรกับตระกูล"วาลกัส"

    ...เพราะฉะนั้น สิ่งแรกที่ควรทำตอนนี้ก็คือการเจรจาตกลงกันและพาตัวคาวัลโลกลับมาให้เร็วที่สุด ถึงจะรำคาญนิสัยบ้าบอของมัน แต่เพื่อการนี้ จะเสียเงินเป็นร้อยๆล้านก็ต้องทำ !!

      " บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้ต้องการเงิน.." ฮาซาน..ที่อยู่ในชื่อปลอมๆว่าคาคารอฟบอกห้วนๆ จ้องหน้าอเล็กซิสอย่างรำคาญใจ

      " ..แล้วต้องการอะไร? หรือต้องการแก้แค้นไอ้คนที่ทำรอยที่คอคุณนั่น " อเล็กซิสออกปากถามพลางจ้องเขม้งไปยังรอยสีเขียวปนม่วงคล้ำที่เด่นชัดบนลำคอหนา ฮาซานชะงักเขากระแอมเบาๆด้วยท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อย..

     " ..รู้รึไงว่าใครเป็นคนทำ "

     " แน่นอน...ในเมื่อผมเป็นเหยื่อสำหรับการทดลองรายแรกของมันนี่...เอาเถอะ ถ้าคุณไม่ต้องการเงิน แล้วคุณต้องการเจรจาอะไร? "
       " เขาส่งผมมาเจรจา..ผมก็เจรจา " ฮาซานบอกช้าๆด้วยท่าทีสบายๆ

      " ผมกำลังทำอยู่.." อเล็กซิสตอบเสียงเรียบเริ่มหงุดหงิดกับการสนทนาที่ยังคงลากยาวไปอย่างไรประโยชน์ พวกเขาสองคนนั่งอยู่ในคอฟฟี่ชอปของโรงพยาบาลและเขาก็มานั่งอยู่ตรงนี้นานพอจะหงุดหงิดได้แล้ว..

      " มิสเตอร์คาวัลโล...น้องชายของคุณ สั่งให้ผมมา..ติดต่อขอความร่วมมือ " ฮาซานออกปากพูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง "ว่าให้คุณ..ยอมร่วมมือ..กับพวกเรา.."

       " เรื่อง..? " อเล็กซิสออกปากถามสั้นๆ

      " คุณต้องรับปากก่อน..แล้วผมจะให้คุณตกลงกับน้องชายของคุณเอง.."

       " ไม่รู้ข้อตกลง แล้วจะให้ผมรับปากได้ยังไงไม่ทราบ.." อเล็กซิสเริ่มทำเสียงขุ่นด้วยความหัวเสีย ช่วยไม่ได้ที่เขาจะหงุดหงิดเพราะวันทั้งวันนี้ก็มีเรื่องให้เขาคิดมากมายพออยู่แล้ว..

      " ทางเราเลยมีข้อเสนอให้คุณเลือกไง..ว่าจะยอมตกลงรับปาก...ช่วยเรื่องที่คุณไม่รู้เพื่อแลกกับชีวิตน้องชาย หรือจะไม่สนใจแล้วให้เราเอา"ศพ"จริงๆของเขาส่งมาให้ดู " ฮาซานเอ่ยเสียงต่ำ จ้องหน้าพี่ชายคนโตของตระกูลวาลกัสอย่างท้าทาย เขามองเห็นประกายวาบในดวงตาสีฟ้าสดคู่นั้น ใบหน้าที่เรียบเฉยของชายตรงหน้ามีร่องรอยของความลำบากใจแล่นผ่านเพียงชั่วครู่ ก่อนจะจางหาย และกลายเป็นรอยยิ้มบางๆที่มุมปาก..

      "..ไอ้บ้านั่นมันจะให้ผมทำเรื่องอะไรอีกผมไม่สนหรอกนะ...เพราะฉะนั้น คนที่ทำหน้าที่แค่"ติดต่อ"อย่างคุณน่ะ ให้ผมคุยกับตัวการได้แล้ว "

.............................................................................................

       คาวัลโลนอนกลิ้งอยู่บนเก้าอี้หวายที่มีผ้านุ่มๆปูรองและหมอนอีกสามสี่ใบวางทับอย่างสบายอารมณ์ ในมือเขามีกระดาษเอกสารสามสี่ใบไว้อ่าน...แต่จะถามว่ามันเป็นเอกสารสำคัญรึเปล่า ก็ไม่หรอก เพราะงานสำคัญๆใครจะยอมให้คนนอกอย่างเขาเข้ามาจัดการ งานหลักจริงๆที่อยู่ตรงนี้น่าจะเป็น "เฝ้าและถูกเฝ้า" โดยท่านชีคอัลชาอ์มากกกว่า..

   หลังจาก"จูบรับคำขอบคุณ"เมื่อตอนเช้าผ่านไปแล้ว ตกสาย อัลชาอ์ก็ให้คนมาเรียกเขาไปที่สวนด้านข้างวัง ที่มีห้องปรับอุณหภูมิที่ทำเป็นห้องกระจก มีพันธ์พืชเมืองร้อนหรือพืชชนิดอื่นที่ปลูกไม่ได้ง่ายๆในทะเลทรายถูกปลูกไว้จนเต็ม และมุมหนึ่งในนี้ ก็ยังมีพื้นไม้อัดยกสูงพอประมาณซึ่งเป็นที่ตั้งของโต๊ะทำงาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอัลชาอ์คงจะหยิบงานมาทำในนี้ค่อนข้างบ่อย..

     และมันก็เป็นเช่นนั้น หลังจากสั่งฮาซาน"บินด่วน" ไป UAe ในตอนเก้าโมงแล้ว ท่านชีคก็นั่งทำงานงกๆ เรียกเขามานั่งๆนอนๆเอาอะไรให้อ่านนิดๆหน่อยๆบางทีก็มีนายพลคนนั้น นายทหารคนนี้ รึใครหลายคนวนเวียนเข้ามาบ้าง ตอนแรกๆทุกคนต่างจับจ้องเขาเหมือนตัวประหลาด แต่พอนานเข้าก็คุ้นชินและมองเขาเป็น"หินแกะสลักประดับสวน" เท่านั้น  ..และพอเที่ยงก็เขาถูกเรียกไปทานข้าว ทานเสร็จก็มาทำงานต่อแถมยังสั่งให้ลูกน้องเอาเก้าอี้หวายลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอนเข้ามามาให้เขาอีก..ตอนนี้เป็นตอนบ่าย ในห้องปรับอุณหภูมิที่ไม่ร้อนเหมือนข้างนอก
แสงแดดที่สาดลงมาตกกระทบก็มีแค่นิดๆหน่อยๆพอให้อุ่น มีผ้านุ่มๆรองและตามมาด้วยหมอนสามสี่ใบน่าหนุน..มันช่างแสนสบายเสียจน...

      " ฟรี้... zzzzzzz" อัลชาอ์กำลังดูรายละเอียดการสั่งอาวุธล็อตใหม่หลังจากรายการเก่าถูกมาเฟียหนุ่มผู้เชี่ยวชาญจัดการขีดฆ่าและบ่นเรื่องงบการทหารที่นำไปใช้ไม่ถูกส่วน เขาอ่านเอกสารคร่าวๆและหันไปหาคนที่อยู่บนเก้าอี้หวาย หวังว่าจะให้เจ้าตัวลองช่วยตรวจสอบ ..แต่สิ่งที่เห็นทำเอาชีคหนุ่มถอนหายใจเฮือกอย่างหน่ายระอา..

     ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน ยืนมองเจ้าตัวที่นอนกลางวันไปเรียบร้อยแล้วด้วยท่าทีเกียจคร้านเหมือนแมว โธปสีขาวที่เจ้าตัวใส่อยู่กลมกลืนกันดีกับหมอนนุ่มที่ถูกกอดซบ แนบใบหน้าลงไปด้วยท่าทีสบายๆ ใบหน้าอ่อนเยาว์ เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนส่องประกายหยอกล้อกับแสงอาทิตย์เบื้องบน ผิวแก้มขาวบัดนี้ขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อยอย่างสุขภาพดี ริมฝีปากสีอ่อนเผยออกพ่นลมหายใจสั้นๆราวกับเด็กทารก ดูราวกับเทวดาตัวน้อยๆหรือเด็กหมุ่นผู้งดงามในวรรณคดีของโฮเมอร์..แต่ที่แตกต่างแต่กลมกลืนกันดีกับเจ้าตัวคือโธปสีขาวที่สวมใส่อยู่...ทำให้ดูราวกับฑูตขององค์ยะโฮวาห์ที่มาพบศาสดาโมฮัมเหม็ดกระนั้น..

     อัลชาอ์หรี่ตาลงน้อยๆ ก้มอยู่เหนือร่างที่หลับตาพริ้ม พบว่าหลังจากยอมรับกับตัวเองเงียบๆว่าคาวัลโลในตอนนอนนั้นช่างดูน่ารักและไร้เดียงสาราวกับบุตรของพระผู้เป็นเจ้า แม้ยามตื่นเจ้าตัวจะเป็นเหมือนบุตรของซาตานก็ตาม...

ทว่า..เมื่อได้จองมองนานเข้าแล้ว...ตนก็เริ่มพบความยากลำบากในการจะละสายตาจากใบหน้าของชายตรงหน้า...รู้ว่ามันทำได้ยากขึ้นทุกที..

     ปลายนิ้วสีขาวแตะลงบนเส้นผมสีน้ำตาลอัลมอนต์เบาๆ อัลชาอ์ไล้สัมผัสแทรกลงไปในกลุ่มผมนุ่ม สัมผัสลื่นมือนั้นช่างติดตรึงไม่ต่างจากที่เคยสัมผัสเมื่อครั้งที่เขาแสดงละคร"โกหก" ฟาติมะห์และคนในครอบครัว.. แต่ทว่าครานี้ความเงียบและความรู้สึกต่อต้านที่ค่อยอ่อนลงนั้น ทำให้เขาไม่นึกรำคาญหรือเหนื่อยหน่ายเช่นที่เคยเป็น..

     อัลชาอ์กระพริบตาช้าๆ ใบหน้าก้มต่ำทอดมองแพขนตาสีอ่อนที่ทาบลงบนแก้มขาว มันดูน่าจับต้องราวกับปีกของผีเสื้อ รวมทั้งริมฝีปากสีอ่อนที่ยามเช้าตนได้ประทับรอยจูบลงไปเพียงไม่นาน ทว่ามันก็ซาบซึ้งตรึงใจนัก..

   แกร๊ก.....

        " ท่านพี่อัล........." ฟาลซาอ์เปิดประตูเรือนกระจกและเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เจ้าชายหนุ่มออกปากทัก ทว่าก็เงียบเสียงลงเมื่อมองเห็นญาติผู้พี่ตนกำลังโน้มกายอยู่บนร่างของคนรักหนุ่มชาวต่างชาติ ที่กำลังหลับสนิท...เขาตาไม่แฝดแน่ที่มองเห็นแววตาที่ลุกโชนด้วยความไม่พอใจจากชีคหนุ่ม แต่ร่างสูงสง่านั้นก็ยันกายลุกขึ้นทันที เมื่อร่างเพรียวตรงหน้าส่งเสียงครางเบาๆพร้อมกับขยับกาย...

        " มีอะไรรึ..ฟาลซาอ์ " อัลชาอ์กระแอมเบาๆ ออกปากถามญาติผู้น้องของตน แสร้งทำสีหน้าขึงขังกลบเกลื่อนสีหน้าที่เข้มขึ้นยามมาเฟียหนุ่มปรือตาขึ้นมาจากเก้าอี้และมองหน้าตนช้าๆ

        " มีโทรศัพท์มาจากฮาซานครับ..." ฟาลซาอ์ตอบสั้นๆพลางยื่นโทรศัพท์ในมือให้ญาติผู้พี่ของตน

        " โอนสายขึ้นไปบนห้อง...คาล...มากับผม.. " ฝ่ามือหนายื่นออกมาแทรกกลางระหว่างฝ่ามือของเจ้าชายหนุ่มที่กำลังจะเอื้อมไปจับมือทักทายคาวัลโลที่ร้องทักอย่างรื่นเริง...ทำเอามาเฟียหนุ่มกระพริบตาปริบๆ ส่วนฟาลซาอ์ก็ยิ้มแห้งๆและทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังหนาของญาติผู้พี่และคนรักที่เดินจูงมือกันออกไป

        "..ฮาซานโทรมาเหรอ...ฮ้าวววววว....." คาวัลโลถามเบาๆขณะที่เดินตามแรงกึ่งลากกึ่งจูงของชีคหนุ่ม

        "อืม...." อัลชาอ์เหลือบมองวงหน้าของคนข้างกาย ก่อนจะเบือนหน้าหนีแล้วถอนใจอีกครั้ง..

       " มีอะไรรึเปล่า ? " คาวัลโลออกปากถามงงๆ อัลชาอ์เพียงแต่หันมามองหน้าเขาอีกรอบแล้วส่ายหัวช้าๆเท่านั้น..

            มาเฟียหนุ่มมองหน้าท่านชีคแห่งเซเนียยาที่กำลังนั่งลงบนโตีะของตนด้วยสีหน้าสงสัย คาวัลโลหยิบเก้าอี้มานั่งใกล้ๆกัน ก่อนจะเท้าคางลงบนโต๊ะทำงาน หรี่ตาลงมองและฟังเสียงรวมถึงท่าทีของอัลชาอ์ด้วยความตั้งอกตั้งใจ..

       "...สวัสดี..ผมอเล็กซิส วาลกัส พูด " ปลายสายนั้นเป็นเสียงของพี่ชายไม่ผิดแน่.. คาวัลโลฟังแล้วพยักหน้าหงึก..

       " สวัสดี..ผมอัลชาอ์.."

       " คุณมีอะไรที่จะเจรจากับพวกเรา บอกมาได้เลย.." อเล้กซิสบอกสั้นๆ เขาเหลือบมองหน้าฮาซานที่กำลังยืนอยู่หน้าตู้โทรศัพท์ ชายคนนั้นบอกให้เขาติดต่อกับนายของตนด้วยโทรศัพท์สาธารณะเช่นนี้..

       "...อย่าเพิ่งใจร้อน..ผมไม่ใช่คนที่มีเรื่องตกลง..คนที่จะตกลง คือคนของคุณต่างหาก.. "อัลชาอ์กำหูโทรศัพท์ไว้ เหลือบตาสบมองแววตาสีน้ำทะเลที่จ้องมองมายังเขาอย่างสนอกสนใจ..

      " แล้ว...."

      " ผมแค่จะบอกสั้นๆ......ว่าอย่าคิดจะตามหาตัวเรา ที่อยู่ ตลอดจนพยายามสืบหาที่มาของเรา..มิฉะนั้น..น้องชายของคุณจะกลายเป็นศพ.." อัลชาอ์ออกปากสั้นๆ ก่อนจะยื่นหูโทรศัพท์ให้คาวัลโล มาเฟียหนุ่มรับมาขณะที่มองอัลชาอ์ซึ่งกดปุ่มบันทึกการสนทนาและ สปีคเกอร์โฟนทันที..

      " โย่ว...ว่าไงพี่..." น้ำเสียงกวนประสาทที่แสนคุ้นชินทำให้อเล็กซิสถึงกับลอบถอนหายใจโลงอกพร้อมกับพายุโทสะที่พุ่งขึ้นอีกรอบ ชายหนุ่มกำหูโทรศัพท์แน่น ขณะที่กรอกเสียงตามสายไปด้วยสำเนียงห้วนกระชาก..

      " คาล....คาวัลโล...หึ แกยังไม่ตายสิน่ะ หายหัวไปไหนมา เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างรู้บ้างไหม !! "

       " รู้สิ..ไม่งั้นจะรีบติดต่อทำไม อย่ามาหงุดหงิดใส่น่า "คาวัลโลหน้าเบ้อย่างเหนื่อยหน่าย และยิ่งมองเห็นรอยยิ้มขำบนมุมปากของท่านชีคที่ฟังเสียงสนทนาของพวกเขาไปด้วยแล้วยิ่งรู้สึกเสียหน้าขึ้นทุกที " อเล็กซี่เป็นไงบ้างล่ะ "

       " ปลอดภัยแล้ว ตอนนี้อยู่ในห้องฉุกเฉิน " เหมือนว่าเรื่องของน้อยชายฝาเเฝดจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้อเล็กซิสลดโทสะลงได้บ้าง น้ำเสียงที่ตอบจึงเริ่มเรียบนิ่ง.." แล้วแกมีอะไรมาเจรจาต่อรองกัน คาล แกถูกจับเหรอ? รึว่าแอบไปเล่นตลกอะไรอีก "

      " ....ถูกจับนั่นแหละ.." คาวัลโลหรี่ตาลงขณะที่เอนตัวลงบนพนักพิงเก้าอี้ " แต่แหม...คนอย่างผมน่ะนะ ต่อให้ถูกจับก็ใช่จะสิ้นไร้ไม้ตอก...เรื่องแบบนี้คุยกันได้อยู่แล้ว.."

      " แล้วตอนนี้แกก็สุขสบายดีงั้นใช่ไหม? และปล่อยให้พวกฉันยุ่งกันหัวหมุนที่นี่ คาล.." อเล็กซิสประชดใส่เสียเต็มที่...

      " สุขอะไร...บอกแล้วไงว่าโดนจับ...ไปนังกินเจลาโต้ซักถ้วยไป อเล็กซิสเผื่อพี่จะใจเย็นขึ้นบ้าง ร้องขวิดกันยังกับวัวกระทิงแบบนี้จะคุยอะไรกันรู้เรื่อง.." คาวัลโลถอนหายใจพลางออกปากบ่น แม้จะรู้ว่ามันเป็นเร ื่องช่วยไม่ได้ ถึงปกติพี่เขาเป็นคนใจเย็น แต่ความใจเย็นนั้นจะหมดไปทันที่ที่มีเรื่องเกิดขึ้นกับอเล็กเซย์ฝาแฝด คนเรามันก็มีจุดอ่อนกันทั้งนั้น ..และครั้งนี้หมอนี่ก็โดนเล่นงานถึงจุดอ่อนเสียจุกเลยด้วย..

        "...ก็ได้......คาวัลโล..สรุปว่าตอนนี้แกอยู่ในสถานการ์ณไหน ต้องการอะไร ?" อเล็กซิสพยายามสงบอารมณ์ตามคำพุดของน้องชาย มันก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่ามานั่นล่ะ..

        " อเล็กซี่เจ็บหนักไหม?..แม่จะมาเมื่อไหร่? พ่อล่ะ? ลุงรู้เรื่องศพของผมรึยัง? "คาวัลโลถาม มองหน้าอัลชาอ์ที่เงี่ยหูพวกเขาคุยกันอย่ด้วยท่าทีใคร่รู้

      "..เซย์ยังไม่ฟื้น....แม่บินมาถึงเมื่อกี้นี้เอง แต่ยังไม่ได้ไปเยี่ยมนักข่าวแห่มากันเต็มเลย...และเรื่องศพ..คาล..มันเป็นมายังไง?" อเล็กซิสออกปากถามน้องชายทันควันเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น ก่อนที่เขาจะนึกเอะใจขึ้นมา "นี่แกกำลังคิดจะทำอะไร? "

      " โอเค...คำถามสุดท้ายนั้นล่ะที่ตรงประเด็นที่สุด....และนี่คือสิ่งที่ฉันจะเสนอกับพี่... "คาวลโลเงยหน้าสบตาอัลชาอ์ที่มองมายังตนเอง และถอนหายใจพรู " เพื่อช่วยผม ช่วยตัวเอง ช่วยครอบครัวและช่วยตระกูลของเรา...ร่วมมือกับผม ทำตามที่ผมบอกซะ"

       " ..แกจะทำอะไร? "

       " รับปาก "คาวัลโลตัดบทสั้นๆ

      " จะให้ฉันรับปาก ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องอะไรรึ วันนี้ฉันถูกบังคับให้รับปากเรื่องบ้าบอของแกมาสองครั้งแล้วนะคาล ครั้งแรกแนทำไปเพื่อได้คุยกับแก ...แล้วนี่ฉันต้องมารับปากอะไรอีก จะต้องเอาความปลอดภัยของทุกคนมาเสี่ยงกับเรื่องที่ฉันไม่รู้เลยนี่น่ะรึ ?! " อเล็กซิสถอนหายใจเฮือก ออกปากว่าน้องชายอย่างอดรนทนไม่ไหว " แกให้ฉันรับปากเรื่องที่ฉันไม่รู้ นี่มัน...."

      " แล้วพี่คิดว่าผมจะทำเรื่องอะไรที่เป็นอันตรายกับพวกเรารึไง !!อเล็กซิส เพราะพี่เป็นพี่ชายผม..เป็นพี่ที่ผมไว้ใจ ถึงได้ขอร้อง...จะไม่ไว้ใจฉันเลยรึ ? " คาวัลโลขมวดคิ้ว ลุกพรวดจากเก้าอี้อย่างหงุดหงิด เป็นแบบนี้ทุกที คุยกับพี่ชายไม่ทะเลาะกันก็คุยไม่รู้เรื่อง งี่เง่าที่สุด!!

       "..........ก็ได้...ฉันรับปาก..." อเล็กซิสเอ่ยสั้นๆ " ขอโทษคาล ฉันเครียดเลยงี่เง่าไปหน่อย "

       " ช่างเถอะ.." คาวัลโลถอนใจเบาๆ มองหน้าอัลชาอ์ที่กำลังเคาะนิ้วลงกับโต๊ะแล้วสำเหนียกขึ้นมาได้ว่าเขาควรจะตกลงกับพี่ชายให้รวดเร็วที่สุด.. "  อเล็กซิส..เรื่องระเบิด พี่คิดว่ายังไง? "

      " พวกมันกล้ามาลองดีถึงที่นี่ ยังจะพูดอะไรอีก " อเล็กซิสขมวดคิ้วมุ่น หรี่ตาลงช้าๆ

      " คิดว่าเป็นพวกศัตรูของเรางั้นเหรอ? " คาวัลโลออกปากถามสั้นๆ

    " แล้วแกคิดว่าจะมีใคร? "

     " งั้น..เรื่องของฉันล่ะ " คาวัลโลถามกลับ

      "  แกถูกโจมตี เพราะเอาคนไปไม่พอ และเหมือนจะไปปะทะกับพวกที่ไม่ทราบฝ่ายด้วยไม่ใช่รึไง" อเล็กซิสทบทวนสิ่งที่เขาทราบมาจากรายงานบอกกับอีกฝ่าย ขณะที่คิดว่านี่คือโอกาศดีที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

     " ไม่ทราบฝ่ายก็ใช่อยู่หรอก " คาวัลโลรับคำพลางมองหน้าอัลชาอ์" แต่ผม...ถูกจัดฉากให้ปะทะกับอีกฝ่าย...ที่ไม่ใช่กลุ่มที่เราวางแผนไว้ต่างหาก.."

     "....อะไรน่ะ? "

      " ผมถูกจัดฉาก..อเล็กซิส.. มีคนทรยศอยุ่ในกลุ่มพวกเรา " คาวัลโลถอนหายใจเฮือก ขณะที่บอกปลายสายช้าๆ " มันจัดฉากให้ผมถูกจับ จัดฉากให้ผมถูกฆ่า..เหมือนกับที่มันกำลังหมายหัวอเล็กเซย์และพี่ รวมทั้งคนอื่นๆด้วย"

      " ใครจะทำแบบนั้นคาล..แกคิดว่ามันจะเป็นไปได้เหรอ? " อเล็กซิสถามอย่างไม่แน่ใจ

      " ถ้าไม่โดนจับ ไม่โดนหักหลังผมก็คงจะคิดแบบนั้นอยู่หรอก พี่...." คาวัลโลมองหน้าอัลชาอ์อีกครั้ง ก่อนจะรีบคุย " แต่..ผมโดนหักหลัง มันหลอกให้ผมไปปะทะกับคนอีกกลุ่ม..ฟังน่ะ อีกห้าเดือนผมจะขึ้นเป็นบอส...ถ้ามันอยากจะกำจัดผม มันก็ต้องทำในช่วงนี้ และ...คนที่ผมปะทะด้วย คนที่จับผมมา....โอเค...ก็อัลชาอ์ที่พี่คุยด้วยเมื่อกี้นั่นล่ะ.. ก็ถูกทรยศ "มัน" ร่วมมือกับอีกคน เพื่อจะหลอกล่อให้ผม..กับอัลชาอ์ฆ่ากันเอง ถ้าสำเร็จก็ดีไม่สำเร็จ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกฆ่า พวกมันก็ไม่มีทางเสียประโยชน์.."

    "เล่ามาต่อสิ..."

    "  ผมเลยตกลงกับอัลชาอ์..ผมขอเวลาเขาเพื่อสืบเรื่องนี้ ลากคอไอ้คนทรยศนั่นมาให้ได้..โดยเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน " คาวัลโลชะงักเมื่อได้ยินเสียงสูดหายใจลึกของปลายสาย " ผมขอเวลาสามเดือน แต่คนของเรามันสืบมาจนเกือบจะเจอเบาะแสเล้ว ผมเลยต้องให้พวกเขาทำศพปลอมขึ้น เอาเสื้อผ้า เส้มผม ตลอดจนเลือดของผมเทใส่..และนี่เป็นเรื่องแรกที่ผมจะขอพี่...อเล็กซิส...ผลพิสูจน์หลักฐานเบื้องต้นจากเลือด มันออกมาว่าเป็นศพผมแน่ ที่พี่ต้องทำ คือแจ้งเรื่องนี้กับทุกคนให้หยุดการค้นหาและเตรียมงานศพ..โอเคไหม? พี่ต้องไม่บอกใครว่าผมมีชีวิตอยุ่ ไม่บอกว่าได้พบผม ได้คุยกับผม ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งอเล็กซี่.."

     " อืม...ฉันตกลง.." อเล็กซิสถอนหายใจเบาๆ "เเต่เรื่องโลงศพแก ในเมื่อมันเป็นงานปลอมๆจะเอาไม้ผุๆมาทำโลงก็คงไม่เป็นไรใช่ไหม? "

    " เออ" คาวัลโลว่ายกนิ้วกลางให้อัลชาอ์ที่หัวเราะเบาๆออกมาอย่างหมั่นไส้ " และอีกเรื่อง ตอนแรกฉันตั้งใจจะสืบเงียบๆทางนี้ มันก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรง แต่..พอเห็นข่าวเเล้วฉันคิดว่ามันชักจะเอาใหญ่..มันต้องการจะฆ่าเราทุกคน..ทุกคนที่มีสิทธิจะขึ้นเป็นบอสมาเฟีย ทุกคนในตระกูลวาลกัส บอกตรงๆน่ะ ...ผมว่าจุดหมายที่แท้จริงของไอ้ระเบิดนั่น มันคือพี่ต่างหาก ไม่ใช่อเล็กซี่..เพราะมัน..คงรู้แน่นอนว่าถ้ามีของมาส่ง คนจะเปิดประตูออกมาคงเป็นพี่..อย่าถามว่าทำไมฉันรู้ เพราะครั้งล่าสุดที่ฉันไปลากอเล็กซี่มา UAe เจ้านั่นมันนอนแก้ผ้าอยู่บนเตียงส่วนพี่ก็ออกมาสั่งว่ารออีก 5 นาที "

    " "มัน" ก็คงจะรู้เรื่องนี้พอสมควร เพราะงั้นมันน่าจะเป็นพวกระดับสูงพอตัว..มันถึงรู้เรื่องพวกนี้ รู้กระทั่งกิจวัตรประจำวันที่พี่จะทำ เพียงแต่โชคดีที่คืนนั้นพี่ไม่อยู่.เลยกลายเป็นอเล็กซี่เเทน.. อย่ามาคิดงี่เง่าล่ะว่าเพราะพี่อเล็กซี่ถึงเจอระเบิด จำใส่กะโหลกพี่ไว้เลยว่าเพราะพวกมันต่างหาก และ..ที่ฉันจะบอกพี่ต่อไปนี้ คือสิ่งที่ฉันจะให้พี่ทำ.."

     " ข้อแรก..ถ้ามีข่าวอะไรเกี่ยวกับการโจมตี การค้นหา หรือการทำอะไรเกี่ยวกับตัวผม ..โทรมาบอกด้วย"

     " ข้อสอง..ติดตามและเฝ่าดูพวกระดับสูงที่มีท่าทางแปลกๆ ตรวจสอบเงินในบัญชีของพวกมัน ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ด้วย..ผมรู้ว่าพี่ทำได้และมไม่มีใครจะห้ามพี่ด้วยถ้าคิดจะทำ"

     " สุดท้าย..จับตาดูขบวนขนสินค้าล๊อตต่อไปของเราที่จะผ่านทาง UAe ...ผมว่ามันต้องมีอะไรที่มากกว่าอาวุธอยู่ในลิสต์แน่ๆ "

     " สรุปคือแกจะให้ฉันเป็นสาย "อเล็กซิสถามกลับช้าๆ

     " ใช่ เพื่อชีวิตผม และทุกคน ฝากด้วยแล้วกัน.." คาวัลโลรับคำ ก่อนจะชะงักเมื่อมองเห็นอัลชาอ์พยักเพยิดไปทางนาฬิกา "โอเค..ไม่มีอะไรแล้ว ตกลงตามนี้ ถ้าจะโทรมาแจ้งข่าวก็ใช้เบอร์นี้ล่ะ ระวังถูกดักฟังด้วย แล้วก็..ตอนนี้ผมสุขสบายดี ไม่มีอะไรให้เป็นห่วง...อ๊ะ... "

      " ... ตกลงเรียบร้อยแล้ว..ขอให้ทำตามที่คุยกันด้วย  มิสเตอร์วาลกัส..สวัสดี "

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [11]เริ่มเกมส์ !! UP !! 18/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 24-11-2010 23:16:49
แกร๊ก..

      เสียงตื้ดๆดังขึ้นทำให้อเล็กซิสขมวดคิ้วน้อยๆ ชายหนุ่มมองหน้าจอตู้โทรศัพท์ที่ว่างเปล่าแล้วค่อยๆเดินออกมา มองสบตาฮาซานที่ยืนอยู่เบื้องนอก..ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือกับชายตรงหน้าช้าๆ

      "...ฝากบอกเขาด้วย..ว่าจะทำตามที่บอก "

      " ครับ..ยินดี..." ฮาซานรับคำ จ้องมองใบหน้าของพี่ใหญ่ตระกูลวาลกัสสักครู่ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาน้อย " ผมขอพูดด้วยแล้วกัน..ว่าเขา...ถูกสั่งสอนมาเพื่อจะเป็นมาเฟียจริงๆ"

      " ขอบคุณที่ชม "

     อเล็กซิส รับคำ ชายหนุ่มรับนามบัตรของบุรุษตรงหน้ามาไว้ในมือ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปยังตึกผุ้ป่วยที่อยู่ตรงข้าม มือหนาลูบฝบหน้าช้าๆพยายามตั้งสติเมื่อรู้ว่าหากบอกข่าวการเสียชีวิตของน้องชายออกไป อะไร จะเกิดขึ้น..

       "ไร้มารยาทจริงๆ "คาวัลโลบ่นเมื่อถูกแย่งโทรศัพท์ไปจากมือ "ปล่อยให้คนเขาร่ำลากันสักนิดตามประสาพี่น้องก็ไม่ได้ "

     " พี่น้องเหรอ? "อัลชาอ์ทำสีหน้าพึลึกพิลั่น "ผมนึกว่าคุณกับเขาเป็นคู่อริกันซะอีก "

       " ...พุดแบบนี้ได้ไง พวกผมพูดกันแบบจริงใจหรอก หึ " คาวัลโลแบะปาก ก่อนจะหรี่ตาลงช้าๆ "กลัวอ่ะเซ่ ว่าผมจะบอกอะไรออกไป..กลัวว่าจะมีคนมาช่วยผมหนีรึไง?"

      " ไม่จำเป็นต้องกลัว " อัลชาอ์ยักไหล่

       " ...แน่นอน..ผมก็ไม่จำเป็นต้องหนีเหมือนกัน ที่นี่ก็อยู่กินสบาย สงบเงียบจากเรื่องหนวกหูเหมือน...แถมยัง...หลับสบายเสียด้วย " คาวัลโลว่าพลางหรี่ตาลงและหัวเราะเบาๆ

   อัลชาอ์ชะงัก มองหน้าเจ้าตัวที่ยิ้มแย้มด้วยท่าทีรู้ดี แล้วขบริมฝีปากเข้าหากันช้าๆ

     " งั้นหรือ? เมื่อคืนผมคิดว่าเห็นใครสักคนนอนไม่หลับ"

       "อึก......." วาจานั้นทำเอาคนฟังชะงัก คาวัลโลเม้มปากแน่นเมื่อคิดถึงเหตุการ์ณที่ผ่านมา แต่ก็เงียบได้เพียงชั่วครู่ เพราะอีกวินาทีต่อมาชายหนุ่มก็ยิ้มมุมปากด้วยท่าทีเริงร่า

      "  แต่วันนี้ผมนอนหลับน่ะ โดยเฉพาะเมื่อกี้...หลับฝันเห็นใครไม่รู้กำลังจะ....."

      ".............." อัลชาอ์ไม่ตอบ แต่จ้องหน้าคนพุดด้วยสีหน้าตกตะลึง

     "......จุ๊ๆ คนอย่างผมน่ะ ใครเข้ามาใกล้ขนาดนั้นแล้วไม่รู้ตัวเนี่ย มีชะตากรรมตายไวชัดๆนะครับ.." คาวัลโลจุ๊ปากเบาๆแล้วหรี่ตาลงช้า "แต่ก็ช่วยไม่ได้ด้วยน้า ก็ผมมันคงสเน่ห์แรงนี่นา...อัลชาอ์..เฮ้ !! ที่จริงก็อยากจะจูบผมใช่มั้ยล่ะ 555+ "

         คาวัลโลหัวเราะร่วน มองตามแผ่นหลังหนาที่ลุกพรวดออกจากห้องไปแล้วด้วยแววตาขบขัน...

        "..ถือว่าตอบแทนที่ทำผมอึ้งไปตอนเช้าล่ะกัน " คาวัลโลยักไหล่ พึมพัมบอกอีกฝ่ายไปตามความเงียบ ก่อนจะขยับตัว หันไปมองเตียงหนาในห้องแล้วตัดสินใจทุ่มตัวลงนอนอีกครั้งอย่างสบายอารมณ์...

.. ความจริง..เมื่อกี้ก็แอบหลับอยู่ล่ะนะ มาตื่นก็โดนเล่นผมนี่แหละ ..จะตื่นก็นึกเสียดาย..เพราะปลายนิ้วที่ลูบไปมาเบาๆมันรู้สึกดีไม่น้อยเหมือนกัน..

...แต่ใครจะให้อัลชาอ์รู้ล่ะ..

..........................................................

   ตอนนี้มันตอนโชว์"แมน"ของพวกเมะๆเขารึไงเนี่ย..
   รายแรกคาวี่..รู้ฤิทธ์"จูบรับคำขอบคุณ"ของอัลชาอ์รึยังจ๊ะ เหอๆ จะว่าไปตอนนี้คาวี่เขาก็ห่วงพี่ๆน้องๆอยุ่นา ใครว่าไม่ห่วงแหมๆ เขาเรียก อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆต่างหาก 555+
   ส่วนอเล็กเซย์ ลุกแม่ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ... คุณแม่ขาทำร้ายหนูมากไปป่ะนี่ อาการหนักเลยนะอเล็กซ์ จ๋า แต่อดทนไว้ค่ะ เพื่ออนาคต(ของคนแต่ง 555+)
   ส่วนอัลชาอ์  แมนมากค่ะท่านชีค ตอนนี้ท่านแมนมากกกก เมะมากกกกกกกก 555+ อย่างหวานเหอะตอนนี้ มีแอบมองแอบเคลิ้ม ท่านชีคเคลิ้มแล้วค่ะ แต่ปัญหามันไม่ได้อยุ่ที่ชีคมันอยู่ที่คาวี่ต่างหาก หึหึหึ o18
และสุดท้ายอเล็กซิสจ๊ะ..โมโหได้น่าโฮกอ่ะ คุณแม่ขาชอบคำว่า"แกทำหัวใจฉันเจ็บ"สุดๆเลยค่ะ
 อนึ่ง..เราลอกเลียนแบบประโยคนี้มาจาก ก๊อกฟาเธอร์ภาค 2  555+
ปล. ในที่สุด...นิยายเรื่องนี้ก็เป็นนิยายโรแม้งกับเขาได้ซะที ฮริ้วววววว :impress2:
ปล. สอง เรื่องการเรียกชื่อของแฝด คงมีหลายคนสังเกตว่าบางทีมึงก็เซย์มึงก็อเล็กซ์เอาไงแน่.. 555+  เรื่องของเรื่องคือ แฝดสองคนเนี้ย จะมีชื่อเรียกกันสองต่อสองว่า"เซย์"กับ"อเล็กซ์" น่ะค่ะ
อเล็กซิส = อเล็กซ์ อเล็กเซย์ = เซย์  ส่วนถ้าอยู่กับคนนอกก็จะเรียกชื่อเต็มกันตามปกติค่ะ ส่วนคาวี่ ไอ้รายนั้นมันเกรียน จะเรียกพี่ชายสองคนว่าอเล็กซี่ทั้งคู่ ประมาณว่าคุยกับคนพี่ก็จะเรียกคนน้องว่าอเล็กซี่ ถ้าคุยกับคนน้องก็จะเรียกว่าอเล็กซี่เหมือนกัน และถ้าคุยกับคนอื่นก็จะเหมาว่า"อเล็กซี่ทั้งสอง" ไปเลย..
สุดท้าย..ตอนนี้ยาวมากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 24-11-2010 23:26:24
มีจูบกันซะด้วยอ่ะ

อิจฉา ๆ

ตกหลุมรักพ่อหนุ่มน้อยคาวี่แล้วล่ะซิ

 :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 25-11-2010 00:46:20
ยาวสะใจมากค่าตอนนี้
เปิดตอนมา อัลชาอ์กะลังท๊อปฟอร์มอยู่ดีๆ มาตกมาตายตอนจบซะงั้น
คราวหน้าค่อยแก้มือใหม่ละกันนะลูก^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 25-11-2010 00:56:12
อิอิท่านชีคแอบเคลิ้มกับความน่ารักของคาวาโล่


อิอิรออ่านตอนต่อไปค้าบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 25-11-2010 01:40:31
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
ตอนต่อไปเมื่อไหร่คะเนี่ย.................
ขออย่างด่วนได้มั้ยคะ
ชอบฉากที่คาลยืนอึ้งกะจูบของอัลอ่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 25-11-2010 03:25:07
ยาวสะจายยยย
"จูบรับคำชอบคุณ" กรี๊ดดดดดดด :o8:
อย่ามัวแต่อายกันอยู่นะจ๊ะ คนอ่านเค้ารอฉากหวีทๆกันอยู่เด้อ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 25-11-2010 04:11:53
รัศมีนิยายโรแมนซ์เริ่มโผล่แล้ววว :mc4:

ท่านชีคบอกไม่ให้คาวี่ยั่วเนี่ย มันจะได้ผลแน่เหรอ เธอออกจะเเรงนะ ฮ่าๆ

ปล.รอตอนต่อไป มันเริ่มหลงกันเเล้ววุ้ยยย

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 25-11-2010 09:29:27
ท่านชีค แอบหวั่นไหวล่ะสิ
แหม๋ ก็คาวี่เสน่ห์แรงออก
เดี๋ยวนี้มีจูบกลับด้วย น่ารักชะมัด
อเล็กเซย์ เจ็บหนักเลย  :sad4:
หายไวๆนะอยากอ่านแฝนสวีทๆมากกว่าแฝดมาม่าอ่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 25-11-2010 09:37:29
จูบรับคำขอบคุณ ชอบว่ะค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 25-11-2010 09:39:58
ท่านชีค :o8:

ชอบตอนที่นู๋คาวี่คุยกับอเล็กซ์ตามภาษาพี่ๆน้องๆค่ะ :laugh:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 25-11-2010 09:56:54
สนุกเว่ออ่ะ^^ :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 25-11-2010 10:12:11
ตอนนี้ยาวจริงๆ อ่านจุใจมากๆ
อัลชาอ์เริ่มหวั่นไหวไปกันการยั่วของคาลแล้วซิ ไม่รู้ว่าใครจะหลงรักใครก่อนนะเนี่ย อิอิ ส่วนอเล็กซิสก็แมนมากๆ ชอบจังที่บอกว่า 'แกทำหัวใจฉันเจ็บ' รู้สึกถึงความรักที่มีให้เซย์เลยค่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 25-11-2010 10:18:01
ู^
รีบน :z13:
 เน๊อะ~~ ชอบประโยคนี้มากค่ะ ตอนดูหนังนี่แบบ..ฮ้ากกกก อัล ปาชิโน้่นี่เท่ห์เป็นบ้า :impress2: :impress2:
 จะบอกว่ารายนั้นคือต้นรแบบของคาวี่เลยล่ะค่ะ เหี้ยมลึก หึหึหึ o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 25-11-2010 11:07:33
กร๊าสสสสสสสสสสสสสสสสส
โฮฮฮ อัลซาร์ชักติดใจจูบมาเฟียเข้าซะแล้ว
ว่าแต่มาเฟียนี่มันแสบจริงๆ
อึ้งได้ไม่นานสินะ 555

ได้พวกฝั่งโน้นแล้ว รีบสืบหาความจริงนะ
อย่าให้ใครมาหยามมาเฟียซะได้
สงสารแฝดพี่เหมือนกัน เจ็บได้ก็คงอยากเจ็บแทนคนรัก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 25-11-2010 11:13:20
ขอบคุณนะคะตอนใหม่ ยาวโฮกได้ใจมากเลย ชอบคาวี่มาก กรี๊ด น่ารักที่สุดเหอะ ตอนนี้เเบบว่า รอตอนใหม่ทุกสัปดาห์อะ คาวี่ + อัลชาห์ เค้ามีมุมเเอบหวาน คุคุคุ ตอนหน้าขอยาวอย่างนี้เลยนะคะ คุคุคุ +1 เอาไปเลย  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 25-11-2010 12:46:49
ตอนใหม่ยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก รักไรท์เตอร์มากมายเลยค่า
ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้ที่ไม่เครียดมากไป จนทำให้ลืมความกดดันจากแบดกายไปเลย T^T
ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ฮืออออออออออ

สงสารพี่เซย์อะ ขอให้ซี่หายไวๆ TT_______________TT
สงสารคู่แฝด เฮ้อ . . .  . . . .

น้องคาวี่ รู้มั๊ยว่านู๋ทำให้ชีคบางคนเขาหลงเสน่ห์เข้าแล้วอะ

กรี๊ดกับเรื่องนี้
รักเรื่องนี้มากจริงๆ นะเธออออออออว์

ไรท์เตอร์สู้ๆ ค่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 25-11-2010 13:32:29
ยา่วได้อีกอะ สมกับการรอคอยคะ รักตายเลย....จ๊วบๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 25-11-2010 14:06:28
อเล็กซิสเมะสินะ แอบสงสัยอยู่นาน 555
ท่านชีคขาแมนมาก จูบรับอรุณ อ๊ายยยยยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 25-11-2010 15:12:40
มาคราวนี้ท่านชี้คแมนจริงๆนั่นแหละค่ะ
แบบว่าทำเอาคนอ่านหลงได้ง่ายๆเลยนะคะเนี่ย

ชอบจูบรับคำขอยคุณจังเลย :-[
555ว่าอึ้งทั้งคนโดนจูบทั้งคนอ่านอ่ะ

น่ารักดีค่ะ  แถมยังมีแอบหวั่นไหวกันเล็กๆทั้งสองฝ่ายแล้วด้วย
แบบนี้ต้องจุดผลุฉลอง  5555 :mc4:


สงสารอเล็กซี่ทั้งสองจัง
ตอนนี้เท่ทั้งพี่ทั้งน้องเลย
ชอบค่ะ

สู้ๆนะคะไรเตอร์
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 25-11-2010 19:19:33
+1แทนคำขอบคุณ ตอนนี้ยาวมากกกกกกกกกก ชอบค่ะ สนุกมากกกกกกก ด้วย
ชีคและมาเฟียเริ่มมีความรู้สึกดี ๆ ให้กันแล้วสินะ รอตอนเปิดใจให้กันมากกว่านี้
แต่ก็ยังเดาไม่ออกว่าใครจะเป็นพระเอกหรือนายเอกกันแน่ บุคลิกของทั้งมาเฟีย
และชีคก็เป็นได้ทั้งสองแบบเลย รอลุ้นต่อไปค่ะ ..... :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 25-11-2010 19:24:33
ชอบตอนนี้จัง ^_^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 25-11-2010 20:03:34
แนวมาก เลย
ชอบเรื่องนี้แระหล่ะ คนแต่ง

เรื่องยาวมั้ยเอ่ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 25-11-2010 20:38:45
 :z1:เอิ้กกกกกกกก  แอบติดใจกันและกันแล้วดิ  ก๊ากก โรแม้นกะเขาซะทีคู่นี้
โอ้ย  สงสารทั้งสองอเล็กซ์เลยอะ    :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 25-11-2010 20:49:04
ยาวสะใจ  :z2:

ทั้งคู่ก็ได้อายกันไปคนละทีสองที
แอบน่ารัก :-[

Ciao! Autore
tu sei buon autore.
Tie mo.
Buona Notte.

:กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 25-11-2010 21:31:07
เพิ่งเข้ามาอ่าน อยากบอกว่า แนวทะเลทรายนี่ ในฝันเลยจริง ๆ  ชอบทั้งท่านชีคและนู๋มาเฟียคาวี่
มีชิงไหวชิงพริบลองเชิงกันน่าดู อ่านไปขำไปลุ้นไป สนุกมาก แล้วมาลงตอนต่อไปเร็ว ๆนะ +1ให้จ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 26-11-2010 16:59:50
หุหุ บวกได้แล้ว~ แวะมา +1 ให้จ้า ปลื้มมากๆเลย

ปล.ฮัลซาจ๋าาา ลวนลามบ้างอะไรบ้างน่ารักมากๆเลยจ๊ะ 555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 26-11-2010 21:22:01
ยาวดีอ่ะ เราชอบ  :o8:
่อ่านตอนแรกดูคาวี่เมะเกิ๊น เกือบเลิกอ่านไปแล้วมั้ยล่ะ
แบบว่าเราไม่ชอบ เมะเมะ อ่ะนะ ไม่ใช่เพราะมันไม่หนุกหรืออะไรนะคะ
แต่แบบ พออ่านต่อไปเรื่อยๆ.. เฮ้ยย มันหนุกง่ะ อ่านแล้วหยุดไม่ได้เลยค่ะ 55
แถมคาวี่ก็ดูเคะขึ้นเรื่อยๆดูด้วย ฮุฮุ ข้อนี้แหละสำคัญมาก
ขอให้คาวี่เป็นนายเอกเถอะค่ะ อย่าสลับบทบาทกันเล้ย  :sad4:
คู่ฝาแฝดก็ดูรักกันดีนะ น่ารักอ่ะ
และแล้วคุณองครักษ์ก็หันมาจงรักภักดีกับคาวี่จนได้ 55
แอบทึ่งกับความสามารถรอบด้านของคาวี่จริงๆนะเนี่ย..
รอตอนต่อไปนะคะ ชอบจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 27-11-2010 00:10:27
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 27-11-2010 00:59:47
ดันๆๆๆอึ๊บ!! :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 27-11-2010 12:59:41
ตอนนี้ยาวดี ชอบๆ อิๆ

ท่านชีคเริ่มเอนเัอียงแล้ว แ่ต่สงสัยจะบิ้วไม่ขึ้นเพราะคาวี่นี่ล่ะ หุๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 27-11-2010 22:02:45
ขอให้เจอตัวคนทรยศเร็ว ๆ เน้อ~ อยากให้อัลกับคาลมีโอกาสหวานกันบ่อย ๆ อย่างตอนนี้อีกเร็ว ๆ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 27-11-2010 22:10:08
ยาวได้ใจมากกกกกกมายมหาศาล 55555
ตัวละครมีพัฒนาการดียังไงบอกไม่ถูก
แต่ว่านะ....มันสนุกมาก มันส์อ่ะ บอกได้เลยว่า อ่านไปลุ้นไป ตื่นเต้นดีนะฮะ
ชอบ อยากให้หวานแหววกันหนัก ๆอ่ะ รัก ๆ กันซะที 5555 โลภ

รอตอนต่อไปนะคัฟฟฟ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ☥ŹeMî☠kändä☥ ที่ 27-11-2010 22:58:02
ตอนนี้ยาวมากกกกกกกกขอรับ

แหมๆ วี่จังก็เคลิ้มไปกับอัชจังเสียแล้ว

ยังไงก็รอตอนต่อไปเสมอนะขอรับ เป็นกำลังใจให้เสมอ  :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 28-11-2010 10:48:16
มา + ให้แต่เช้าอัพไวไวนะคะ หนุ่มหัวเงินสู้ๆ \(^.^)/

---------------------------------

เดี๋ยวนี้พอเห็นหนุ่มหัวเงินทีไรนึกถึงคนโพสทุกที ว่าแต่คนโพสกับคนเขียนคนเดียวกันรึเปล่าคะ :really2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 29-11-2010 21:49:12
เข้ามารอหลายวันแล้วค่ะ  o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 29-11-2010 23:04:49
Line 13

       ภายในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน ร่างของมารดายังนั่งซึมนิ่งอยู่ข้างกายเช่นเมื่อวาน และบิดาที่เพิ่งมาถึงก็ต้องออกไปจัดการธุระนอกห้อง อเล็กซิสผละจากการพูดคุยอย่างเคร่งเครียดด้านนอกเข้ามานั่งข้างผุ้เป็นแม่ที่ยั่งมีท่าทีซึมเหม่อ หลังจากเมื่อวานเย็นได้ทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกชายคนเล้กของบ้าน และ..วันนี้ ซึ่งผลการตรวจสอบเเบื้องต้นออกมา อย่างที่ควรจะเป็น นั่นคือเลือด เกล็ดเลือดที่ติดอยู่กับศพที่ถุกค้นพบนั้น..มีผลตรงกับของ คาวัลโล วาลกัส น้องชายที่หายสาบสูญไป..

     เอเลียชา วาลกัส  ทราบข่าวตั้งแต่เย็นวานและรับปากจะพยายามทำใจเรื่องนี้แล้ว แต่เมื่อทราบผลเข้า ผู้เป็นมารดาก็ถึงกับเป็นลมล้มพับไปด้วยความเสียใจ เรื่องวุ่นวายเริ่มก่อตัวขึ้นทันทีที่มันบานปลายและอาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ

    อเล็กซิส เอื้อมมือไปโอบไหล่ผู้เป็นแม่ไว้ขณะที่สายตาก็จับจ้องไปยังร่างของแฝดคนน้องที่ยังไม่ฟื้นจากการผ่าตัด แม้จะล่วงเข้าวันที่สองแล้วก็ตาม..คิ้วสีเข้มขมวดเข้าหากันช้าๆทบทวนประเด็นการสนทนาเรื่องราวของแกงค์ข้างนอก..ที่ตอนนี้ผู้เป็นลุงและบิดาของเขากำลังโกรธจัดและเร่งสืบสวนหาตัวการเรื่องนี้ให้ได้ การเสียคาวัลโลไปไม่ได้เป็นแค่การเสียสมาชิกในครอบครัว แต่นั้นหมายถึงตำแหน่งบอสที่เจ้าตัวจะรับช่วงต่อในไม่กี่เดือนก็ว่างเปล่า ต้องหาคนใหม่ที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งแทน และเมื่อข่าวนี้รั่วไปถึงพวกตระกูลอื่น ก็อาจจะมีมือดีชิงลงมือสังหารเหล่าทายาทที่เหลืออยู่ เพื่อจะเป็นการตัดกำลังของแกงค์วาลกัส และลุกลามไปกระทั่งอาจจะเกิดสงครามมาเฟียขึ้นอีกครั้ง..

   แค่เรื่องเดียวก็ชวนปวดหัวมากพอแล้ว แต่นอกจะจากต้องมารับศึกหนักด้านนอกที่มีแววว่าจะเกิดแล้ว ยังต้องรับกับศึกภายใน สืบหาและติดตามตัวคนทรยศที่ตนเองรับปากเจ้า"น้องที่ตายแล้ว"ไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะทำเองอีกต่างหาก..

พี่ใหญ่ของตระกูลถอนหายใจเฮือก เมื่อบรรยากาศที่เขาไม่อยากเจอกลับมาอีกครั้ง "สงครามมาเฟีย"ครั้งที่แล้ว คาวัลโลมันยังไม่ได้ตกลงใจจะเป็นบอสเลย ท่านลุงก็แค่สอนเจ้าตัวเพราะมันขอเท่านั้น คนที่ลุงของเขาหมายมั่นปั้นมืออยากให้เป็นบอสมาเฟียนักหนาก็คือตัวเขา...อเล็กซิส วาลกัส คนนี้ แต่ที่เขาไม่ตกลงใจ ไม่ยอมรับก็เพราะ"กฏ" หนึ่งของมาเฟีย ที่เขายอมรับไม่ได้...กฏ..ที่จะทำให้เขากับอเล็กเซย์ไม่มีวันได้อยู่ร่วมกัน...

...นั่นคือกฏเกณฑ์ที่ว่า..มาเฟียห้ามมีความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศ...และยังต้องมีภรรยา...รักภรรยาของตนเพียงคนเดียว กฏแบบนั้น..เขาไม่อาจจะทำได้จริงๆ..

 ครั้งนั้นแม้เจ็บหนักและเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย ทว่าทุกอย่างก็คลี้คลายเมื่อน้องชายของเขา คาวัลโล วาลกัส ตัดสินใจรับช่วงตำแหน่งบอส และได้แสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์ว่าเจ้าตัวก้เก่งกาจและยัง"เหี้ยมลึก" อย่างหาได้ยาก

 แต่คราวนี้...มันต่างกันตรงที่ไม่มีคาวัลโลอยู่...ทำให้"เป้าหมาย"ต่างๆพุ่งมาหาตนอีกครั้ง

 ทั้งเป็นเป้าหมายของการเป็นบอสคนใหม่แทนที่น้องชายที่ทุกคนคิดว่ามันตายไปแล้ว

..และเป้าหมายของการ"ลอบสังหาร"ทั้งจากคนในและนอกแกงค์..

  อีกทั้งตอนนี้...ก็ยังมีอเล็กเซย์ที่บาดเจ็บหนัก...ยังไม่ฟื้นคืนสติ ให้เขาต้องกางปีกปกป้องอย่างสุดกำลังอีกคน..

   " อเล็กซิส... "น้ำเสียงสั่นๆของมารดา ทำให้ชายหนุ่มชะงัก หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นคลายออกช้าๆ และหันไปสบมองนัยน์ตาสีเดียวกันของมารดา..เขามองเห็นแววตาอิดโรยและอ่อนล้า ใต้ตาแดงก่ำจากการร้องไห้ เส้นผมสีทองสว่างไสวนั้นดูยุ่งเหยิงแปลกตาใบหน้าที่ยังคงความงดงามอ่อนวัยนั้นดูอ่อนล้า จนดูราวกับแก่ลงไปอีกสิบปี ฝ่ามือสั่นเทาของผู้เป็นแม่เอื้อมมาบีบมือของเขาไว้ช้าๆ อเล็กซิสสังเกตว่าอุณหภูมิของฝ่ามือตนและมารดานั้นต่างกัน ทว่าเขาก็ไม่แน่ใจว่ามือของตนหรือผู้เป็นแม่กันแน่ที่เย็นชืดและสั่นไหว..

   " ครับ.....แม่.... "

   " ได้คุยกับน้องบ้างรึเปล่า? " คำถามนั้นทำให้เขาขมวดคิ้วน้อยๆ...มองสีหน้าของผู้เป็นแม่ราวกับจะถามว่าเอ่ยถึง"น้อง"คนไหน แต่เมื่อพบว่าสายตาของมารดามองตรงไปยังร่างที่นอนอยู่บนเตียง เขาก็พยักหน้ารับช้าๆ..

  " ผมกลับมาหาอเล็กเซย์ได้สามสี่วันแล้วครับ..." ออกปากบอกพลางบีบฝ่ามือขาวที่สั่นเทาเบาๆ  " ..ผมก็ไม่ได้ทำตามที่พ่อสั่งไปซะทุกอย่างหรอก " เอ่ยพลางยกยิ้มมุมปากบางๆ

   " ...นั่นสินะ " อเลียชา หรือ อลิส ยิ้มรับน้อยๆ ก่อนจะค่อยก้มหน้าลงช้าๆ " แม่หมายถึงเรื่องที่ไปกินข้าวกับเลทิเซีย..ตามที่พอบอกน่ะ "

   " อ้อ " อเล็กซิสครางรับเบาๆ มองมารดาที่ก้มหน้าต่ำก่อนจะถอนหายใจเบาๆ  " ก็...ว่าไงล่ะครับ พวกผมก็ต้องทำตามที่บอกไว้นี่..จะว่าไปรอบนี้ก็ถือเป็นความโชคดีของผมนะ ที่ออกไป ...ยังกับพ่อรู้ ว่าจะมีคนส่งระเบิดมาให้อย่างนั้นล่ะ "

    " โอ...ไม่ใช่นะ อเล็กซิส...พ่อกับแม่ไม่มีใครรู้เรื่องนะ "เอเลียชาเบิกตากว้าง มองหน้าลูกชายอย่างตกตะลึง " ... พ่อกับแม่เสียใจเรื่องนี้นะเอล็กซิส..เราทั้งคู่ไม่ได้ต้องการให้ลูกต้องมีอันตราย..ไม่มีใครคิดแบบนั้น.."

    " ขอโทษครับ.." อเล็ซิสถอนหายใจเฮือก "ผมขอโทษ...ผมแค่เครียดครับแม่...เพราะผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีก.."

    "........"

   " เรื่องไปเดท ...อเล็กเซย์ก็ไม่พูดอะไรหรอก..เราเข้าใจดี ถึงเจตนาดีของพ่อและแม่..แต่ผมก็อยากให้เข้าใจ อย่างที่เราสองคนพยายามมาตลอด ว่ายังไงก็เป็นไปไม่ได้ "อเล็กซิสขยับยิ้มพลางทอดสายตาไปมองคนที่นอนบนเตียงอย่างอาดูร " ถึงมันจะผิด ถึงมันจะเป็นบาป ผมก็ไม่สนใจหรอกครับ..เพราะตั้งแต่เกิดมา อเล็กเซย์ก็เป็นของผม เหมือนกับที่ผมเป็นของอเล็กเซย์..ไม่มีใครจะมาแทรกกลางได้หรอก.."

   " เมื่อคราวที่แล้ว "เอเลียชาถอนหายใจ พลางหลับตาลงช้าๆ " ทั้งแม่และพ่อ รวมถึงพวกเราทุกคน ได้รับบทเรียน ว่าสิ่งใดที่เกิด ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป จะยื้อหรือฝืนเอาไว้ก็รังแต่จะไร้ประโยชน์ และทำให้สิ่งนั้นแห่งเหี่ยว ไร้วิญญาณ และอาจจะแตกสลายไปทั้งอย่างนั้น..ทว่า...เราก็ยังไม่อาจจะวางใจ ไม่อาจจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่ลูกทั้งสองปราถนา จึงยังขอขีดเส้น พยามยามหาโอกาสจะเปลี่ยนแปลง"ตัวตน"ของลูกอยู่..."

   " แต่ครั้งนี้...ไม่รู้สินะ...แม่ก็แก่แล้ว อาจจะควรวางใจ วางมือลงและเลิกยุ่งกับเรื่องของบรรดาลูกๆเสียที แม่และพ่อไม่อยากเห็นลูกชายตัวเองต้องมานอนเจ็บอยู่ในโรงพยาบาลอีกแล้ว..การต้องพบเจอเรื่องแบบนี้หลายครั้งเข้า มันทรมารใจจนเกินจะทน"

  " ถ้าเป็นแบบนั้นจริง....ผมก็ดีใจ " อเล็กซิสยิ้มน้อยๆให้ผู้เป็นแม่ "ดีเสียอีก ลูกชายแต่งงานแล้วก็แยกครอบครัวไปอยู่กับภรรยา แต่ผมกับอเล็กเซย์ยังไงก็อยู่กับแม่ Realy ?.."

  " หึ..พอชี้ทางให้ละยิ้มร่าเชียว " คนฟังหัวเราะรับทอดมองบุตรชายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน " แต่ยังไงก็ต้องพยายามนะ พยายามให้เห็นด้วยล่ะ "

  แอ๊ด.....

  ประตูห้องเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับร่างของบิดาเดินเข้ามาด้วยสรหน้าเคร่งขรึม อเล็กซิสมองดูผู้เป็นพ่อที่หันไปจ้องบุตรชายคนรองของตนที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง ไหล่หนาสะท้านน้อยๆยามสูดหายใจลึก มือหนาแตะลงบนเส้นผมสีทองบนขมับพลางไล้มันเบาๆ ด้วยปลายนิ้วที่สั่นไหว..
   " ..หลับนานเกินไปแล้วรึเปล่า? " น้ำเสียงนุ่มลึกเปรยขึ้นมาช้าๆ เหมือนจะคุยกับเจ้าตัวที่ยังไม่ยอมตื่นขึ้นมาเสียที

   "นั่นสินะครับ...ขี้เซาซะจริง " อเล็กซิสยกรอยยิ้มมุมปาก จ้องมองร่างของฝาแฝดที่ยังคงหลับตานอนนิ่งบนเตียง..

   " รู้ว่าฉันจะมาหาล่ะมั้ง ถึงได้หลับทุกที  เจ้าคนนี้มันชอบหลบหน้า พอพ่อออกไปแล้วเดี๋ยวคงลุกมาหัวเราะคิกคักกับพี่ชายสองคน..จริงรึเปล่า อเล็กซิส ? " นัยน์ตาสีน้ำทะเลหันมาสบมอง ทำให้คนฟังยกยิ้มรับ

   " ก็หวังแบบนั้นอยู่ " อเล็กซิสยักไหล่ นัยน์ตาที่ทอดมองร่างของคนที่นอนอยู่ยังฉายแววอาทรยิ่งนัก " หมอบอกว่ายาสลบหมดฤทธิ์.....ไปนานพอสมควรแล้ว "

    " งั้นรึ...อาการเป็นยังไง? " คาเฟรโร่ วาลกัส ก้มลงแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากลูกชายคนรองเบาๆ ก่อนจะผละออกมานั่งลงข้างกายภรรยาของตน

     "...ขาหักสองข้าง..แขนเดาะ...ไหล่หลุด..." อเล็กซิสบอกออกไปช้าๆนัยน์ตาหรุบต่ำ " ส่วนตา...หมอบอกว่าอาจจะมีสะเก็ดระเบิดเข้าไป รอฟื้นถึงจะได้ดูอาการ "

    "อา....." ผู้เป็นพ่อฟังแล้วถอนหายใจเฮือกนัยน์ตาหรุบลงต่ำ ขณะที่มารดาหลับตาลงอย่างปวดร้าว "..หนัก...พอสมควรนี่ "

    " ถือว่าดีแล้วละครับ...ถ้าอเล็กเซย์รู้ตัวช้ากว่านี้..อาจจะต้องเสียเขาไปแล้วก็ได้...."

    "...อืม " ทำได้เพียงรับคำในลำคอขณะที่ผู้เป็นแม่สะอื้นออกมาเบาๆ และเริ่มจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ด้วยความสะเทือนใจเพราะการรู้ข่าวว่าลุกชายคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัสและอีกคนเสียชีวิตแล้วนั้น มันช่างหนักหนาเกินกว่าที่จิตใจคนเป็นแม่จะรับไหว..

     "...บอกข่าวนี้ให้อเล็กซานดร้า กับคาร์เนโร่ รู้รึยัง ? " ออกปากถามถึงอีกสองคนที่เจ้าตัวอาจจะไม่ทราบเรื่อง

    " บอกแล้วครับ ซานดร้าติดถ่ายละคร บอกว่าจะมาเยี่ยมอีกสองวัน ส่วนคาร์โล พรุ่งนี้ก็คงถึง " อเล็กซิสตอบ " ความจริงผมว่าไม่น่าจะมาก็ได้..ถ้าอเล็กเซย์ฟื้น ย้ายไปที่โรงพยาบาลในเครือเราที่อิตาลีเลยดีกว่า ที่นี่นักข่าวจุ้นจ้านน่ารำคาญ เป็นเป้าให้พวกฉวยโอกาสมาโจมตีอีก "

    " ช่วยไม่ได้ เจ้าตัวจะมาเองนี่ บอกไปก็ฟังซะที่ไหน...แล้วบอกไปทั้งหมดเลยรึ หรือว่า ..." นัยน์ตาคนเป็นพ่อหรี่ลงเล็กน้อย มีสีหน้าเครียดขึ้น

    " บอกแค่เรื่องอเล็กเซย์ครับ ก็คงเห็นข่าวด้วยแหละ ส่วน.....อีกเรื่อง...ผมคิดว่าพูดกันเองน่าจะดีกว่า "

   "อืม.."

   "...แล้ว.....พวกนั้นเอา..คาวัลโลไปไว้ที่ไหน.." ใบหน้าที่ขมวดคิ้วแน่นราวกับมีบางอย่างทำให้เจ็บปวดของบิดาทำให้อเล็กซิสปวดใจไม่น้อย เขาอาจจะดูเป็นคนที่คุมสติได้ดีที่สุด ดูเหมือนจะเสียใจน้อยที่สุด..แต่ทว่า เขาก็ปวดหัวมากที่สุดเช่นกัน เพราะความจริงคืออะไรก็รู้อยู่แก่ใจ แต่การรู้แล้วออกปากบอกใครไม่ได้ และต้องมามองเห็นบิดามารดาเศร้าสร้อยเช่นนี้ก็ทำให้เจ็บปวดแล้วรู้สึกผิดไม่น้อย..ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่ยากจะโกหกใคร...แต่...ก็ต้องทำเพื่อชีวิตของคนที่เขารักทุกๆคน..

    " อยู่ที่ Lab ..ของคลีนิคพวกเราที่นี่ครับ...พ่อจะไปดูเหรอ? "

    " อืม...."คาเฟรโร่รับคำเบาๆ ขณะที่ลูบเส้นผมสีทองสลวยของภรรยาช้าๆ ปลอบให้ร่างที่สั่นไหวด้วยอาการสะอื้นทุเลาอาการลง เอเลียชา วาลกัส ดูจะอ่อนไหวกับชื่อ เรื่องราวที่เอ่ยถึง หรือแม้แต่การพาดพิงอะไรก็ตามถึงเรื่องของลูกชายคนเล็ก น้ำตาหยดเล็กๆมักจะรินไหลอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อได้ยินเรื่องราวเหล่านี้..นั่นทำให้สองพ่อลูกดูจะลำบากใจที่สุดดังนั้นคาเฟรโร่จึงดึงแขนลูกชายออกไปคุยธุระข้างนอกอีกครั้ง..

    ทั้งที่อยากอยู่ต่ออีกนิด แต่ก็ไม่อยากจะคุยเรื่องราวน่าเศร้าให้สะเทือนใจผู้เป็นแม่ อเล็กซิสจึงเดินออกมาตามที่ถูกเรียก จากหางตามองเห็นผู้เป็นแม่ลุกขึ้นไปกอดร่างของแฝดผู้น้องของเขาแน่น พลางร้องไห้ออกมาเบาๆ ภาพนั้นทำให้อเล็กซิสรู้สึกหนาววูบในหัวใจ  ถ้าอเล็กเซย์ยังนอนอยู่แบบนี้ต่อไป คนที่จะทำเช่นเดียวกับมารดาตอนนี้ ก็อาจจะเป็นตัวเขาเอง..

     " มีอะไรอีก..พี่.." เสียงของบิดาที่ดังขึ้นเบาๆทำให้อเล็กซิสชะงัก เขาหันมามองตาเฟรเดริโก้ วาลกัส ผุ้เป็นลุงที่ตอนนี้กุมอำนาจแกงค์มาเฟียไว้ในมือ เขาเป็นชายร่างสูง ใบหน้าคงเค้าความหล่อเหลาไว้มากเส้นผมสีน้ำตาลเข้มถูกหวีเก็บเป็นทรงอย่างดี เจ้าตัวอยู่ในชุดสูทกึ่งทางการสีเทา มีท่าทีฉุนเฉียวปนเครียดขึ้ง..

    "..คาเฟรโร่ " เฟเดริโก้เดินเข้ามากอดน้องชาย ก่อนจะหันไปหาหลานชายคนโต " จิโอวานนี่ "

    " เรียกอเล็กซิสเถอะครับ " อเล็กซิสเอ่ยทักผุ้เป็นลุงที่มักเรียกชื่อกลางซึ่งเป็นภาษาอิตาเลียนมากกว่าชื่อต้นของเขา " มาถึงเมื่อไหร่หรือครับ พักผ่อนรึยัง? "

    " ถึงเมื่อกี้ ฉันรีบมา อยากมาเยี่ยมหลานชายก่อนจะออกไปทำธุระน่ะ " เฟรเดริโก้เอ่ยสั้นๆ ยังคงมีท่าทีหงุดฟงิดแม้จะเริ่มสงบสติอารมณ์ได้แล้ว

    "  ....ยังไม่ฟื้นครับ แม่เฝ้าอยู่ข้างใน " อเล็กซิสตอบเบาๆ

   " งั้นรึ..." เฟรเดริโก้พยักหน้ารับก่อนจะเอื้อมมือตบไหล่น้องชายแรงๆ สีหน้าเคร่ง " คาเฟรโร่..ฉันเสียใจ..."

   "........." คาเฟรโร่ วาลกัสยืนนิ่ง ไม่ได้เดินเข้าไปในอ้อนแขนของผุ้เป็นพี่ที่อ้าออกเพื่อแสดงความเสียใจและปลอบใจ..สีหน้าของผู้นำตระกูลบัดนี้เรียบเฉย ทว่าแฝงความไม่พอใจเอาไว้อย่างเงียบงัน..

   "....ฉันเสียใจ ... "อเล็กซิสหลับตาลงช้าๆเมื่อผุ้เป็นลุงหันมามองหน้า ไม่อาจะปฏิเสธได้ว่า "งานและแกงค์"ของลุง เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องราวนี้ขึ้น พ่อของเขานั้นรับช่วงทำธุรกิจต่อจากบรรพบุรุษรุ่นก่อน ขณะที่ผู้เป็นลุงก็รับช่วงดูแลแกงค์มาเฟีย ตามหลักแล้ว แม้พวกเขาจะเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นญาติสนิทกัน ทว่า ครอบครัวของพ่อ ที่บริหารงานด้านธุรกิจจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรมากกับเร ื่องของแกงค์ แม้จะได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจของตระกูล ทว่า...คนของทั้งสองครอบครัวก็ถูกแบ่งไปชัดเจน ครอบครัวของบิดาที่ทำธุรกิจจะไม่ยุ่งกับงานของผุ้เป็นลุง แม้จะอาศัยเกื้อกูลกันบ้าง แต่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องเต็มตัวโดยเด็ดขาด

     แต่ทว่าเมื่อลุงของเขามีภรรยา แต่ไม่อาจมีลูกได้  เจ้าตัวจึงออกปากของลูกชายของพ่อไปเป็นบอส...ชักนำคนของตระกูลที่จับงานธุรกิจ ไไเกี่ยวข้องกับมาเฟีย ไปคลุกคลีกับแกงค์...และ..ตอนนี้ งานนั้นมันทำให้พ่อแม่ของเขาเสียลูกชายไปหนึ่งคน และ อีกคนกำลังบาดเจ็บสาหัส..จากการก้าวเข้ามาพัวพันกับมาเฟีย จากการตกเป็นเป้าหมาย เพียงเพราะว่า"เป็นทายาท"

   ...นั่นทำให้เสี้ยวหนึ่งในจิตใจ มันก็อดจะกล่าวโทษไม่ได้...ว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ เพราะใครกัน..

    "คาเฟร...."

   " เมียฉันร้องไห้อยู่ข้างใน.."คาเฟรโร่ วาลกัสเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท " เพราะลูกชายฉันตาย..."

ฝ่ามือกำแน่นจนเส้นเลือดผุดขึ้นมาชัดเจนทุบลงไปบนแผ่นอกหนาแรงๆ ใบหน้าฉายแววปวดร้าวและเม้มปากแน่น..

   " ฉัน..."

   " อีกคนบาดเจ็บสาหัส...ขาหัก...พันแผลไปทั้งตัว หน้าตาแทบมองไม่เห็นเพราะเครื่องช่วยหายใจมันบังไปหมด !! "น้ำเสียงทุ่มกังวานนั้นดังก้องสะท้อนไปบนทางเดินที่ไร้ผู้คน "..เพราะคืนนั้นมีใครสักคนเอาระเบิดไปให้มัน...ที่ฉันเคยทำร้าย เคยลงโทษ..เคย..ไล่มันไปไกลๆ ฉันยังไม่เคยทำให้มันต้องมานอนในโรงพยาบาลด้วยสภาพอย่างนี้...แต่ตอนนี้...มันมีสภาพแบบนี้แค่เพราะ...เพราะ..พี่..."

   " ฉันไม่อยากจะรู้ข่าวว่าลูกชายตัวเอง...ต้องมาเจ็บ มาตาย เพียงเพราะเรื่องแกงค์มาเฟียอีกต่อไปแล้ว.. ต่อไปนี้ !.... ถ้าลูกชายฉันเกิดอุบัติเหตุ ฉันจะคิดว่ามันเป็นเพราะพี่... ถ้าฟ้าผ่าลูกชายฉันตาย ฉันก็จะคิดว่ามันเป็นเพราะพี่  ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกๆของฉันอีกทุกอย่างมันจะเป็นเพราะพี่ !! สาบานมาซะ...ปฏิญาณว่าจะปกป้องลูกๆของฉัน...เมื่อพี่ลากพวกเขาเข้าสู่สมรภูมิ ก็จงสาบานออกมา !! "

        อเล็กซิสนิ่งเงียบขณะที่สายตาจ้องมองภาพลุงผู้องอาจของตนซบหน้าลงกับฝ่ามือด้วยดวงตาที่แดงก่ำ บิดาของเขากำลังมีใบหน้าเครียดเขม็งเส้นเลือดบนขมับเต้นตุบๆ ระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมาอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน ก่อนที่ผู้เป็นลุงของเขาจะเอื้อมมือออกมาจับฝ่ามือของผู้เป็นพ่อของเขาไว้ มือที่สั่นเทานั้นบีบมือพ่อแน่น ก่อนเจ้าตัวจะยกฝ่ามือนั้นขึ้นเสมอดวงตาที่จ้องมองกันอยู่ และเป็นฝ่ายกดริมฝีปากลงไปในที่สุด..

   " ฉันสาบาน..คาเฟรโร่ ฉันจะปกป้องคุ้มครองชีวิตลูกๆของแกทุกคน..จะไม่ยอมให้แกเสียใครไปอีกแล้ว.."

       แขนของพ่อโอบรอบร่างของผู้เป็นลุงที่อ้าแขนออก บุรุษผู้นำครอบครัวทั้งสองยืนกอดกันแน่นซบใบหน้าลงบนบ่าของกันและกัน ฝ่ามือของผู้เป็นลุงตบบ่าหนาเบาๆเพื่อส่งผ่านความเสียใจออกมาอย่างเงียบงัน

...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 29-11-2010 23:15:42
...

     การที่เคยพูดไว้ว่าจะไม่ต้องการเข้ามาปลุกเป็นครั้งที่สอง มันคือ ความต้องการแท้จริงที่แสดงออกไปอย่างจริงใจที่สุดแล้วว่าไม่อยากจะทำ.. แต่การต้องมายืนมองคนที่ทำให้เขาต้องพูดคำๆนั้น  และเจ้าตัวก็จัดการให้เขาต้องมาปลุกเองไม่ต่ำกว่าห้าครั้งแล้ว มันช่างเป็ยนการทำลายความตั้งใจและความอดทนในแต่ละวันอย่างใหญ่หลวง

   อัลชาอ์ไม่รู้ว่าชาวอิตาเลียนมีภูมิคุ้มกันความร้อนความเย็นต่ำแค่ไหน เพราะทุกครั้งที่เจ้าตัวบ่นว่าร้อนไปหรือแอร์เย็นเกิน มักจะลงเอยด้วยการมานอนหลับไปเสียทุกที่ แต่ที่น่ารำคาญยิ่งกว่าคือเมื่อต้องไปปลุก พอหลอกล่อให้อารมณ์ขุ่นเสียหน่อยรายนั้นก็ลืมตาตื่นมาเยาะเย้ยเสียอย่างนั้น.

   มันน่า.....นัก...

       อัลชาอ์ยืนมองคาวัลโลที่ตอนนี้ก็นอนหลับอยู่บนเก้าอี้ในห้องทำงานของเขา หลังจากบอกให้รอ..แค่ครึ่งชั่วโมง  อาการที่ว่างเป็นหลับ ขยับเป็นกวนประสาทแบบนี้ มันชวนให้สงสัยจริงๆว่าเจ้าตัวจะมีความตั้งใจในการช่วยสืบหคนทรยศคนนั้นมากแค่ไหน..

   จะว่าไปแล้ว เรื่องคนทรยศเป็นใคร เขาก็รู้ดี..

เพียงแต่อยากได้หลักฐาน อยากรู้ให้แน่ชัด ไม่ใช่เพราะจะนำมาจับกุมหรือทำร้ายเจ้าตัว แต่ทว่า เพียงเพื่อย้ำกับตัวเองให้รู้..ว่าคนที่ทำคือคนๆนั้นจริงๆ.. จะได้ไม่ใจอ่อนกับคนเหล่านั้นอีก

     ฝ่ามือหนาฟาดลงกับแก้มขาวเบาๆแทนการปลุกด้วยวาจา ทำให้คนนอนหลับสะดุ้งนิดๆ แต่เจ้าตัวก็ครางฮือ และหลับตานิ่งต่อไป..
อัลชาอ์ถอนหายใจเฮือก พร้อมกับเอื้อมมือข้างนั้นบีบจมูกเจ้าตัวไว้ทันที..

  พรวด !!

    จากที่นอนนิ่งได้แค่ไม่ถึงครึ่งนาที คาวัลโลก็ลุกพรวด นัยน์ตาสีน้ำทะเลกราดมองตาขวางไปยังเจ้าของมือที่บีบจมูกตัดอากาศหายใจเขาหน้าตาเฉยด้วยแววตาขวางๆ

   " นี่.."

   " ใครบอกให้ไม่ยอมตื่น " อัลชาอ์สวนกลับเรียบๆ พลางหรี่ตาลงช้าๆ " สามสี่วันมาแล้ว เอาแต่นอน ไหนว่าจะรีบทำงาน ? "

   " ผมทำอยู่ " คาวัลโลใช้มือลูบจมูกของตัวเองเบาๆ พลางตอบออกมา

   " ตอนไหน? "

   " ตอนไหนก็ช่างน่า รวบรวมข้อมูล โอเค๊ ..อย่าถามมากรับรองว่าหางพวกนั้นโผล่เมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้กัน " คาวัลโลบ่นงึมพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขามองนาฬิกาแล้วทำหน้ามุ่ย "หิวแล้ว"

   " เ อาแต่กิน " อัลชาอ์บ่นออกมาพลางเดินนำออกมานอกห้อง คาวัลโลเดินตามมาพลางกวาดตามองชีคหนุ่มที่วันนี้อยู่ในชุดรัดกุมแปลกๆ
    " วันนี้คุณจะไปไหน? " เขาออกปากถาม

    " ผมจะไปตรวจพื้นที่แถบชายแดน" อัลชาอ์บอกสั้นๆ แต่คนฟังนัยน์ตาวาววับทันควัน

    " ไปด้วยนะ "

    "ไม่ "

     " อะไรกันเล่า " คาวัลโลหน้ามุ่ย มือคว้าแขนหนาของคนข้างกายหมับ " ผมขอไปด้วย นะ.. อยู่ที่นี่นานไปมันน่าเบื่อ ยิ่งไม่มีคุณอยู่ด้วยอีก แถวนี้ใครคุยกับผมรู้เรื่องที่ไหน นะ ขอไปด้วย ผมอยากไปกับคุณ "

    ".........." ไม่รู้ว่าประสาทหูผิดพลาดรึภาษาอังกฤษได้ฟังมาเจ้าตัวสื่อสารผิด อัลชาอ์ถึงได้ยินประโยคทำนอง" อยากอยู่กับคุณ " รึอะไรประมาณนั้น

    " นะ...เผื่อมีอะไรจะได้..."

    " ผมจะไปที่ จารเซ " อัลชาอ์ตอบ ทำให้คิ้วของคนฟังขมวดเข้าหากันช้าๆ " ที่นั่นเป็นเมืองที่ท่านลุงอาเหม็ดช่วยดูแลอยู่..ฟาติมะห์อยู่ที่นั่น คิดว่าผมควรพาคุณไปด้วยรึไง?"

    " อ้อ... " คาวัลโลร้องรับ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันน้อยๆและละมือจากแขนหนาทันที " จะนอกใจผมงั้นสิ "

     "............" คราวนี้อัลชาอ์ถึงแก่เงียบกริบอีกรอบ ชีคหนุ่มจ้องหน้าหนุ่มชาวอิตาเลียนที่จ้องหน้าตนเขม็งพร้อมกับกอดอกท่าทีเอาเรื่อง พยายามค้นหาแววตาล้อเลียนหรือปนหัวเราะที่ซ้อนอยู่ภายในให้เจอ..ทว่า ที่พบกลับมีแค่ความหงุดหงิดที่แฝงอยู่เท่านั้น

     " นั่นสินะ " คาวัลโลแสยะยิ้ม ยกมือจิ้มแผ่นอกหนาแรงๆทีหนึ่ง " คุณมันก็คนแบบนี้อยุ่แล้วนี่...จะทิ้งผมไปไหนหรือทำอะไรก็ไม่บอกหรอก ถ้ายังจะไปหาเขาอยู่ แล้วจะพาผมมาที่นี่ทำไม..ให้เขารู้ทำไมว่าอะไรเกิดขึ้น ทำลืมว่าผมมีชีวิตอยู่เสียสิ มันง่ายกว่าไม่ใช่รึไง แทนที่จะพาผมมาให้คนเขานินทา ทำให้เสื่อมเสีย "

     ".........." ฟังคำบริภาษนั้นแล้วอัลชาอ์ทำได้แค่ยืนเงียบ พยายามคิดว่ามีใครอยู่ตรงนี้หรือไม่? หรือเจ้าตัวพยายามเล่นเกมส์แบบไหน แต่คิดหาช่องโหว่จากคำพุดพวกนั้นเพียงใด ก็ยังไม่พบอะไรเช่นเดิม..

     "...งั้นจะไปไหนก็ไปสิ ทิ้งไว้ให้ผมก่อความวินาศอยู่ที่นี่เลย ตามสบาย.." คาวัลโลว่าพลางขยับเท้าเดินหนีอย่างหงุดหงิด

    ".......รีบไปเก็บของ "

.....และในที่สุด อัลชาอ์ก็จำต้องรับปากไปทั้งที่ยังงงๆอยู่เช่นเดิม

    "...แท้งกิ้ววววววววววว... " คาวัลโลก้าวฉับๆเข้าไปในห้องนอนพลางรับปากอย่างรวดเร็ว ด้วยสีหน้ารื่นเริง...ผิดกับท่าทางเอาเรื่องเมื่อครู่ลิบลับ

      อัลชาอ์มองตามแผ่นหลังที่หายลับไปในห้อง ถามตัวเองเป็นรอบที่สองว่า สิ่งที่เจ้าตัวพูดมานั้นมันมันไม่ใช่เรื่องจริงเสียหน่อย ไอ้"อะไร" ที่ว่ามันก็ไม่เคยเกิดขึ้นด้วย แล้วตัวเขาจะรับปากไปเพื่ออะไร?


 และที่สำคัญที่สุด...คาวัลโลออกปากพุดเรื่องพวกนั้นขึ้นมา เพราะอะไร?

 อย่าบอกนะ...ว่าเจ้านั่นคิดจะเอาจริง...

      มองดูแผ่นหลังที่กำลังขยับไปมาอย่างรวดเร็วในการเก็บข้าวของแล้วก็ยิ่งชวนให้สงสัย อัลชาอ์ยืนกอดอกมองเจ้าตัวเงียบๆ คำพุดอันแสนจะชวนไม่เข้าใจยังดังก้อง

อยู่ในสมอง ไม่เข้าใจจริงๆว่าเจ้าตัวต้องการจะสื่ออะไร และยิ่งไม่เข้าใจ ว่าทำไมตัวเขาเองต้องสนใจอะไรมันขนาดนี้ด้วย

...ก็แค่"ไอ้บ้า"คนหนึ่งที่จับพลัดจับผลุมาวางแผนร่วมกัน ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ไม่นานเจ้าตัวก็ต้องจากไป

ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันอะไรแบบที่ทำให้ทุกคนเข้าใจเสียหน่อย

   พอคาวัลโลเป็นฝ่ายพูดจาอย่างสมบทบาททั้งที่ไม่มีเหตุจูงใจแบบนั้นขึ้นมา มันทำเอาต้องมาขบคิดอย่างจริงจังว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ ...ถ้าคิดจะล้อเล่นน่ะไม่ว่า แต่ถ้าคิดจริงๆ คาดว่าปัญหาคงตามมาอีกไม่ไกลแน่ๆ

     " หือ ?...มีอะไร ? " คาวัลโลมองหน้าคนที่ยืนรออยู่เงียบๆ  ออกปากถาม

     " เมื่อกี้ มัน...." อัลชาอ์ออกปากถามทันทีอย่างข้องใจ

     " อ้อ...." คนฟังหัวเราะหึหึ หันมามองหน้าสคนถามทันที " ทำไมเหรอ? คิดว่าผมจะทำอะไร....แหมๆก็แค่อยากลองพูดแค่นั้นล่ะ บอกตามตรงก็ได้ว่าผมอยากตามไปหาอะไรบางอย่างที่โน่น....อีกอย่าง..ป้องกันไม่ให้คุณนอกใจผม "

 ว่าพลางยกนิ้วชี้ไปยังชีคหนุ่มทันควัน ด้วยสีหน้าปกติราวกับคำถามนั้นคือ "กินข้างรึยัง" วะอย่างนั้น

     ".............." อัลชาอ์มอง

เจ้าตัว ที่หันไปเก็บเสื้อผ้าต่อ จากที่ฟังแล้วเคยพูดไม่ออกยังไง ตอนนี้ก็ยังพูดไม่ออกเหมือนเดิม

     "...เป็นคนรักผมจริงๆรึยังไง? ถึงพูดแบบนั้น " อัลชาอ์ออกปากถาม สีหน้าเหนื่อยหน่าย ขี้เกียจจะคิดตามเสียแล้ว ว่าคาวัลโลกำลังคิดพิเรนอะไรอยู่

    " ใช่สิ "

 แต่ก็ไม่เคยหวังว่าจะได้คำตอบแบบนี้เลยสักนิด..

  "... จะบ้ารึไง....."

   " คุณเป็นคนพูดเอง " คาวัลโลฟังแล้วหันมาชี้หน้าอัลชาอ์แล้วออกปากยืนยันอีกรอบ " SEXก็ทำไปแล้ว จูบผมก็ทำไปแล้ว นอนด้วยกันด้วย นี่เรียกว่าอะไร?... เพื่อนทางจดหมายรึไงครับ "

    " มิสเตอร์คาวัลโล วาลกัส " อัลชาอ์ขมวดคิ้ว นัยน์ตาเริ่มขุ่น " ไม่ทราบว่าคุณคิดอะไรในเรื่องที่เราทำลงไปนะ แต่นั่นมันการ..."

    " เงียบ !! " คาวัลโลตะโกนลั่น ลุกพรวดขึ้นจากกกองเสื้อผ้า แล้วเดินเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับฝ่ามือที่ยกขึ้นเหนื่อศรีษะ

เพี๊ยะ !!!

   " ไอ้คนงี่เง่าเอ๊ย !!! " หนุ่มอิตาเลียนสถบลั่น ขณะที่ฟาดมือลงบนใบหน้าของชีคหนุ่ม เขามีท่าทีโกรธเกรี้ยว จนตัวสั่นระริก หากแต่อาการนั้นก็พอๆกับความโกรธของอัลชาอ์ ขณะที่ใบหน้าซีกซ้ายที่รองรับแรงกระแทกนั้นหันมามองสบดวงตาสีน้ำทะเลด้วยความเคืองโกรธ นัยน์ตาสีดำสนิทวาววับ

   " โอ๊ย..." คาวัลดลร้องอุทานเมื่อมือหนาคว้าแขนเขาเข้ามาบีบอย่างแรง ถึงจะเคยฝึกร่างกายมามากมาย ทว่าแรงบีบไม่น้อยนั้นก็สร้างความเจ็บปวดได้ไม่แพ้กัน เขาหน้าเบ้พยายามดึงแขนตนออกจากมือหนา ปลายเท้าพยายามก้าวเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว..

    " จะไปไหน !! " อัลชาอ์ตวาดลั่น ความเจ็บชาตรงใบหน้าซีกซ้ายไม่ได้มากมายเท่าไหร่หากเทียบกับความโกรธเกรี้ยวที่พุ่งขึ้น ไม่ใช่เพราะเจ็บ หากเพราะอาการอุกอาจของคนตรงหน้าต่างหากที่ชวนโมโห เป็นใครกันกล้ามาตบเขา เป็นแค่นักโทษในกำมือ ต่อให้จะเป็นมาเฟียยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ตตอนนี้ก็มีฐานะเป็นแค่คนรักกำมะลอ เห็นว่าอ่อนข้อให้เลยเอาใหญ่งั้นหรือ กล้ามาลอเล่นล้อเลียนไม่ว่า แต่จุ่ๆมาทำดกรธทำหึงหวงเหมือนเขาเป็นของๆตน แล้วพอเขาจะเอ่ยยืนยันความจริงทำเป็นดกระเกรี้ยว มันจะเกินไปแล้ว !!

     " โอ้ยย... อัลชาอ์ ไอ้บ้า ปล่อยสิ....ปล่อยผมนะ....." คาวัลโลพยายามสะบัดเเขนข้างที่ถูกบีบแน่น ทว่านอกจากจะสลัดไม่หลุดแล้วยังถูกลากด้วยมืออีกข้างที่ดึงตัวเขาเข้ามาหาอีก มือพยายามคว้าประตุห้องน้ำเป็นตัวยึก แต่แรงฉุดกระชากลากถุกที่มากขึ้นทุกทีทำให้เท้าเริ่มทำงานแทนเสียอย่างนั้น

   ตุ๊บ..

     " ไอ้คนบ้า !! .."

ปัง!!

      "ซี้ด......" อัลชาอ์ครางออกมาเบาๆ พลางกุมท้องที่ถุกฝ่าเท้าของหนุ่มอิตาเลียนยันโครม  คาวัลโลสะบัดมือเขาเข้าไปในห้องน้ำแล้วพร้อมกับคำผรุสวาทดังลั่นชวนโมโหเข้าไปใหญ่ ยิ่งทำให้เพลิงพิโรธลุกโชน เขาเอื้อมมือคว้าประตุห้องน้ำอย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะรู้ว่ามันต้องถูกล็อคแน่ๆ แต่ทว่าประตุห้องที่ไม่ไอ้ปิดล้อคทำเอาความงวยงงเกิดขึ้น เพราะเขาไม่คิดว่าคนอย่างคาวัลโลจะโง่พอ แต่ทว่าความโกรธมันก็บังตาจนแทบไม่อยากคิดอย่างอื่น ถ้าหากไม่ได้ลากเจ้ามาเฟียงี่เง่านี่มากระทืบให้หายเคืองละก็ อย่ามาเรียกเขาว่าอัลชาอ์เลย !!

  แอ๊ด....

    " กว่าจะเข้า....โอ๊ย !! ทำอะไรอีกเนี่ย " คาวัลโลยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำเขาอ้าปากทัก ทว่าฝ่ามือที่บีบเข้าที่แขนอย่างแรงทำเอาสะดุ้งเฮือก ไม่พอ กลับถูกลากไปทุ่มลงใกล้อ่างอาบน้ำอีก

    " ทำไม? เมื่อกี้ยังมาปากดีอยู่เลยนี่ " อัลชาอ์เอื้อมมือบีบกรามคนพุดแน่น ขณะที่ลำตัวท่อนล่างกดทับร่างของหนุ่มต่างชาติไม่ให้กระดิก

    " ...นี่...โอ๊ย....ฟัง..ผม..... " คาวัลโลร้องจ๊ากเมื่อแรงบีบที่มากขึ้นทำเอาพูดไม่เป็นคำ เพราะไม่ทันระวังตัว ถึงได้ถูกพันธนาการทั้งมือทั้งเท้า แถมคนทำก็ยังมีท่าทีโกรธจนไม่ยอมรับรู้อะไรอีกเวรเอ๊ย !! ใครจะคิดว่าไอ้ชีคบ้านี่พอเข้าโหมดแล้วจะน่ากลัวได้ขนาดนี้ ฟังอะไรกับมั่งสิฟ่ะไอ้บ้า

     " มีอะไร !! กล้ามากนะที่ทำแบบนี้..สำคัญตัวผิดคิดอะไรโง่เง่าไปถึงไหนแล้วกัน ... " อัลชาอ์กัดฟันกรอด บีบคางมนแน่น มองใบหน้าที่ยังคงฉายแววอวดดีนั่นแล้วยิ่งนึกโมโห หางตาเห็นน้ำที่ถูกเปิดไว้ปริ่มของอ่างอาบน้ำ จึงลุกออกมาจากร่างที่ทับไว้ แต่เมื่อคาวัลโลทำท่าจะโซเซลุกขึ้น เขาก็รีบผลักมันลงกับอ่างอาบน้ำทันที

  ซ่า !!!

     ความเย็นที่สัมผัสมาพร้อมกับฝ่ามือที่ตะครุบลงบนลำคอแล้วออกแรงบีบแน่น คาวัลโลตาเหลือ เพราะดูท่าทางอัลชาอ์จะบ้าขึ้นแล้วจริงๆ เวรเอ๊ย แค่โดนตบหน้ากับโดนด่าว่างี่เง่านี่มันแรงนึกรึไง ไอ้ %%#%%

  ผลั่วะ !!

     " W^%*&^*(.. " คาวัลโลสถบเป็นภาษาอิตาเลียนดังลั่น ใช้ฝ่าเท้าถีบร่างหนาเบื้องบนออกสุดแรง เขาความหาสายฟักบัวที่อยู่ใกล้มือแล้วลุกพรวด สบตากับอัลชาอ์ที่ลุกขึ้นแล้วมองเขาด้วยดวงตาที่วาววับด้วยความโกรธ

    " เข้ามาสิ ได้เลือดออกจากหัวแน่ " คาวัลโลง้างฝักบัวในมือขึ้นแล้วออกปากพูด สบมองนัยน์ตาที่เริ่มเย็นลงของอัลชาอ์แล้วถอนหายใจเบาๆ เขายกมือเสยผมที่เปียกชื้นเขาๆพลางพ่นลมออกจากริมฝีปากพรู

    " .....เป็นบ้าอะไร ? "อัลชาอ์ออกปากถามเสียงห้วนสั้น

    "คุณสิบ้า... แต่โดนตบหน้ากับโดนด่านี่อะไรนักหนาว่ะ " คาวัลโลยกฝักบัวชี้หน้าชีคหนุ่มที่นัยบน์ตาวาวขึ้นด้วยความโกรธอย่างระแวดระวัง " โอเค จะโกรธก็ได้ แต่ตอนนี้ฟัง มีคนติดกล้องวงจรปิดกับเครื่องดังฟังไว้ในห้องนอน ห้องทำงาน และวังคุณทั้งวัง รู้ไหม? "

   " นั่นเป็นสาเหตุที่ทำตัวบ้าๆขึ้นมารึไง  "อัลชาอ์ถามห้วนๆท้าทางยังไม่หายโมโหง่ายๆ

    " ก็เหลือแต่ห้องน้ำนี่ที่มันไม่ติด แต่หาวิธีบอกคุณมาคุยกันในนี้ไม่ได้ซักที เลยต้องทำแบบนั้น " คาวัลโลยักไหล่ ก่อนจะเขวี้ยงฝักบัวลงบนพื้นอาางน้ำที่เขายืนอยู่ " ใครจะคิดว่าจะบ้าขึ้นมาว่ะ อูย...เจ็บนะเนี่ย ทั้งบีบแขนบีบคอ ยังมาจับกดน้ำอีก ไอ้บ้า ไอ้บ้า ไอ้บ้า ไอ้..."

     " หุบปากไปเลย ! " คนโดนด่ากราดตามองอย่างหงุดหงิด ทำให้คาวัลโลยอมเงียบลงไปในที่สุด " รู้เรื่องเมื่อไหร่ ตอนไหน "

     " วันนี้..ตอนที่ขึ้นมา " คาวัลโลก้าวเท้าออกจากอ่างน้ำพลางยกมือขยี้เส้นผมตัวเองช้าๆ

     " เลยพูดจาแบบนั้น...และทำตัวแบบนี้ " อัลชาอ์กอดอกมองสภาพคนตรงหน้าอย่างรู้สึกผิดนิดหน่อย

      " อย่าถามมากได้ไหม มีสมองก็น่าจะรู้ ... ไม่น่าช่วยเลยให้ตาย รู้งี้บอกตรงๆก็ได้... ใครบอกให้พูดชื่อจริงนามสกุลจริงผมมา ถ้าเรื่องแดงนี่จะทำไงหา.? " คาวัลโลบ่นงึมพลางถอดเสื้อตัวเองที่เปียกชื้นออกแล้วเขวี้ยงลงบนตระกร้าในมุมห้องแรงๆ เขาหันมามองหน้าอัลชาอ์พลางกอดอกแน่น แบะปากลงช้าๆ " ขอโทษผมมาเลย "

   ว่าแล้วก็ชี้ไปที่แขนสองข้างที่เริ่มมีรอยแดง ทั้งบนคอที่เริ่มปรากฏอย่างเอาเรื่อง แต่ทว่าอัลชาอ์ก็ชี้ไปที่หน้าตัวเองกลับบ้าง..

      " นั่นมันการแสดง ผมไม่ได้ตบแรง อย่ามาบ้า " คาวัลโลยังไม่ยอมแพ้

     " มันเป็นการหมิ่นเกียรติของผมอย่างถึงที่สุดรู้บ้างไหม? " อัลชาอ์หน้าตึง บอกสั้นๆ " ให้ผมถุกเห็นภาพโดนตบหน้าออกอากศงั้นรึท ผมไม่ฆ่าคุณเลยดีเท่าไหร่แล้ว ที่กล้ามาทำผมอับอาย คาวัลโล "

    "  นี่ ก็บอกว่าผม..."

     " ขอโทษ  ไม่สิ ขออภัยอย่างสูง " อัลชาอ์ตวัดเสียงห้วน

      " ไม่ !! " คาวัลโลตวาดกลับ

      " จะทำไม่ทำ !! " อัลชาอ์ถลึงตาตอบ

      " อย่ามาทำเป็นเด็กนะ !! ผมก็โดนคุณทำร้าย หนักกว่าด้วยซ้ำ คุณนั่นแหละต้องขอโทษผม " คาวัลโลหยน้าบึ้งกลับบ้าง " หมิ่นแล้วไง ผมทำไปเพื่ออะไรก้รู้แล้วนี่ อย่ามาโกรธ....อ๊ะ...."

      "................"

      " อื้อ........." ริมฝีปากบางถูกขบแรงๆ ราวกับเป็นการลงโทษทำให้คาวัลโลครางฮือ  ออกแรงผลักคนตัวโตที่ดึงเขาเข้ามาใกล้แรงๆที่ก็ไม่มีผล ทว่าจูบรุยนแรงเหมือนกับการลงโทษนั่นค่อยช้าลงแล้ว คราวนี้กลับค่อยเปรนปรนราวกับจะขอโทา ทำเอาคุณชายคาวัลโลแห่งตระกูลวาลกัสเริ่มหัวหมุน งวยงงกับท่าทีซึ่งเปลี่ยนไปขนาดนี้ แต่เมื่อฝ่ามือหนาแตะลงกับบั้นเอว เขาก็ครางฮือและยอมจูบตอบแต่โดยดี ไม่สิ...จะบอกว่าจูบตอบแบบแสดงฝีมือเต็มที่ดีกว่า ใครจะยอมแพ้กันเล่า..

      " หายกันแล้ว " ทันทีที่ผละออกจากกันท่านชีคอัลชาอ์ก็อ้าปากพุด...ทำเอาบรรยากาศโรแมนติกแทบถล่มไปต่อหน้าต่อตา คาวัลโลแยกเขี้ยวรับพยายามง้างมือวัดใส่คนตรงหน้าอีกซักผลั่วะกับหลักการตอบแทนงี่เง่าปัญญาอ่อนนี่

     "...นี่ ถึงจะ...."

     " อยากต่อก็ตามมาที่เตียงแล้วกัน " ไอ้บ้าอัลชาอ์นี่ เมื่อกี้ที่ถูกยัน ท่าทางจะไปโดนอะไรซักอย่างแน่ๆ หัวสมองถึงได้กระทบกระเทือนแบบนี้ พาลคิดว่าจูบกันแล้วจะทำให้หายดกระ หายโกรธบ้าสิ แค่หายเคืองแต่เปลี่ยนเป็นมีอารมณ์มากกว่า เอ่อ ไม่ใม่ใช่สิ แค่หายเคืองแต่ทดแทนอะไรไม่ได้..

     ...ถึงจะได้จุบแบบนั้นอีกซักสิบรอบก็ไม่ได้ทำให้แผลหายหรอกนะ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นยี่สิบครั้ง ก็อาจจะหายเร็วขึ้นนิดนึง

    คาวัลโลสรุปพร้อมกับพยักหน้ากับตัวเองหงึกๆ มองกระจกที่สะท้อนภาพกึ่งเปลือยของเขาและริมฝีปากที่บวมช้ำพอดูแล้วขมวดคิ้ว เอียงคอนิดหน่อยเพื่อจะดูว่าหล่อขึ้นรึเปล่า อัลชาอ์มันถึงได้มีท่าทีพิศวาสขึ้นมาแบบกะทันหัน รึจะเป็นเพราะกางเกงสีขาวที่เปียกน้ำ กับสภาพเนื้อตัวที่มีรอยแดงจากฝีมือหมอนั้น ตอนจูบกันรุ้สึกได้นิดหน่อยว่าบางอย่างของอัลชาอ์ก็แข็งแรงพอสมควร..ก็อาจจะพอๆกับของเขา เอ้อ...จะบอกว่าใหญ่กว่านิดหน่อย แค่นิดหน่อยก็ได้ แต่แหม ถึงสภาพเขาตอนนั้นจะดูดีแค่ไหน มันก็ไม่น่าใช่สาเหตุที่ต้องโดนจูบนะ มันน่าจะมีอย่างอื่นสิ แบบว่า..อยากลองทักษะ รึอะไรประมาณนั้น...แต่ถ้าหมอนั่นพูดแบบนี้จริงๆก็คงบ้าไปหน่อย

ถ้างั้นจะ..... จูบไปทำไมล่ะ?

  อืม...มันชวนงงพอๆกับจูบรับคำขอบคุณเมื่อสองวันก่อน อันนี้จะเรียกอะไร จูบแทนคำขอโทษเรอะ? ไม่มั้ง..

เอาเป็น...อยากจูบก็จูบ แล้วกัน...

   " อยากจูบก็จูบเรอะ ? " คาวัลโลมองริมฝีปากตัวเองที่ขยับเป็นคำพูดหน้ากระจก ทบทวนเหตุการ์ณอันไม่สมเหตุสมผลมาตั้งแต่แรกเริ่ม และถามตัวเองอีกครั้ง ว่านี่เขาและอัลชาอ์ เป็นบ้าไปแล้วรึยังไง?

คาวัลโล วาลกัสมีแฟนเป็นผู้ชายไม่ได้...ก็พอๆกับที่อัลชาอ์มีคนรักเป็นผู้ชายไม่ได้เหมือนกัน...

พวกเขาสองคนก็แค่มาเจอกันด้วยเหตุการ์ณอันไม่น่าจดจำ และอีกไม่นานก็จากไป

...จะผูกพันกันมากไปถึงขั้นนี้ มันก็...ออกจะ....เกินไปหน่อย

     " สงสัยต้องสไตรค์ตัวเอง.... " คาวัลโลบ่นงึมงัมออกมาอีกรอบ ก่อนจะหมุนตัวก้าวไปที่อ่างอาบน้ำซึ่งน้ำที่อยู่ในอ่างกระฉอกล้นพื้นไปเกือบครึ่ง..

    ขณะที่ยืนมองน้ำกำลังไหลเพิ่มเข้าไปในอ่าง หัวสมองที่หมุนติ้วก็ยังพยายามคิดหาคำแก้ตัวให้ตัวเอง กับเหตุการ์ณที่ผ่านไปหมาดๆ ไอ้ที่ทำไปก็อาจจะไม่ดี...เท่าไหร่ ถ้าเป็นผู้ชายด้วยกัน และยิ่งไม่ดีใหญ่ถ้าคิดจะจริงจัง เพราะขนาดไม่จริงจัง ไม่คิดอะไรมันก็ยังเลยเถิดได้ขนาดนี้.....แต่ว่า....แต่ว่า....

  ก็เคยคบกับสาวๆแบบนี้บ่อยไป ไม่ต้องคิดมากอะไร มันก็แค่ความต้องการของร่างกาย Sex  ไม่ได้แปลว่ารัก จูบ ก็ไม่ได้แปลว่าชอบ ผู้ชายน่ะ แยกความรักใคร่กับเรื่องเนื้อหนังออกจากกันได้อย่างเด็ดขาดอยุ่แล้ว ..ใช่ แบบนั้นก้ไม่มีปัญหา ไม่ปวดหัว ไม่วุ่นวาย ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับความรู้สึก..

...ไอ้เรื่องแบบนี้มันไม่เกี่ยวกับรักไม่รัก ตั้งแต่มาที่นี่เขาก็ไม่มีโอกาสไปปล่อยตัวกับใครที่ไหน จะอึดอัดจนเผลอไปก็ไม่เห็นแปลก

  ใช่ ใช่ เรื่องนี้แค่เรื่องปกติ....โอเค...ไม่ต้องคิดมาก...ทุกอย่างยังเหมือนเดิม...

ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป....จริงๆ.....

           ทั้งๆที่คิดแบบนั้น...แต่ว่า...

 อัลชาอ์มันจะมานอนแผ่บนเตียงด้วยสารรูปแบบนั้นทำไมนี่ !!!

    ไอ้รุปภาพชายกล้ามล่ำในนิตยสารไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรมากกว่าอิจฉา รูปปั้นเดวิดอันเลื่องชื่อที่มีไอ้นั่นเล็กนิดเดียวก็ทำให้เขานึกแค่สมเพชมันนิดๆ แน่นอนว่ารูปโป๊รูปเปลือยนั้นในอิตาลีเมืองแห่งศิลปะวัฒนธรรมขึ้นชื่อ มองมันเป็นเรื่องปกติ เขาก็ชินกับมันจนไม่รุ้จะชินยังไง เพราะยังเคยชมการแสดงสดของพี่ชายสองคนเต็มๆตามานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เรื่องจะมาอายจะมาเขินกับแค่"ผู้ชายเปลือย" นี่มันเป็นไปไม่ได้
แต่...แต่ว่านะ...

    ทำไมท่านชีคอัลชาอ์ต้องมานอนแผ่หราบนเตียงบในสภาพกึ่งเปลือย ผ้าผ่อนไม่ใส่แถมยังสีหน้าปกติด้วยล่ะ บ้า...หมอนี่บ้าไปแล้วแน่ๆ บ้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ คาวัลโลถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งอย่างไม่ปิดบัง..ไม่ต้องการน่ะครับ ไม่ต้องการจะมองเลยไอ้ซิกแพ๊คเป็นลอนๆน่าอิจฉา และแผ่นอกน่าซบ..น่า..ไม่สิ..มันก็แค่ภาพที่ชินตา ไม่ควรจะตื่นเต้น ใช่...

   " เสร็จแล้วเหรอครับ... "หวานเลี่ยนจนน่ารำคาญ แต่คิดว่าทั้งกล้องทั้งเครื่องดักฟังท่าจะยังไม่ได้ถุกเอาออก คาวัลโลจึงยิ้มหวานไปให้ แล้วเดินไปนั่งบนเตียงใกล้ๆตัวชีคหนุ่มทันที

   " มานอนอยู่ตรงนี้ทำไมครับ ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะ " ฝ่ามือของเขาถูกจับไว้และมีปลายจมูกโด่งสันก้มลงแตะเบาๆ ทำเอาขนลุกวาบ...

   " แล้วคุณล่ะหืม...รีบใส่ทำไมกัน แค่อาบน้ำก็พอแล้ว " มือหนาไล้บั้นเอวช้าๆพร้อมกับใบหน้ายื่นเข้ามาใกล้.. และปลายลิ้นที่แตะลงบนริมฝีปากของตนอย่างรวดเร็ว ทำเอาคาวัลโลสะท้านเฮือก..

    " อย่าสิครับ...ไหนว่าจะพาผมไปจารเซ " คาวัลโลออกแรงผลักร่างหนาที่ชักจะเอนทับเขามากเกินไปแล้วไม่เบานัก แต่ก้ไม่ได้ทำให้ร่างของอัลชาอ์สะเทือนเลยสักนิด

     " ผมอยากขอโทษ ที่ทำรุนแรงเมื่อกี้ ไม่เจ็บใช่ไหม? " มากไปแล้ว รู้สึกว่ามันจะมากไปแล้ว แสดงแนบเนียนเกินไปแล้วครับ ทั้งกอด ทั้งจูบ ทั้งผลักมานอนบนเตียง โอเคครับ โอเค อัลชาอ์ คราวนี้ปล้ำผมเลยน่ะที่รัก ...จะได้เป็นจริงซักทีไอ้เรื่องของเราน่ะ

     " ไม่ครับ...อ่ะ..... "ริมฝีปากหนาแตะลงบนผิวแก้มขาวเบาๆเพียงปัดผ่าน พร้อมกับร่างหนาทิ้งตัวลงใกล้ๆ คาวัลโลหลับตาลงเมื่อริมฝีปากหนาแตะลงกับหน้าผากตนเบาๆ..

      "  นี่...เมื่อกี้ผมพูดจริงนะ " เสียงกระซิบภาษาอิตาเลียนทำเอาคนฟังขมวดคิ้วมุ่น  คาวัลโลแทบอ้าปากค้าง ไม่น่าเชื่อว่าหมอนี่จะพูดเป็น !!

      " ตรงไหน? " คาวัลโลขมวดคิ้วกลับ กระซิบถาม

     " ขอโทษไง... "อัลชาอ์บอก พลางไล้ปลายนิ้วกับแก้มนิ่มเบาๆเหมือนหยอกล้อ

     " ...ผมก็ขอโทษ Mi scuci ..และ...ขอโทษนะที่รัก เราต้องนอนนี่อีกนานแค่ไหน..." คาวัลโลถามกลับ ชักจะรู้สึกไม่ไว้ใจการแสดงของอัลชาอ์ขึ้นทุกที ทุกที...

     " อีกพักนึง ขอผมพักก่อน..."

          แล้วมาบ่นว่าคนอื่นนอนไปเรื่อย คาวัลโลขมวดคิ้วกับท่าทีที่เปลี่ยนไป เป็นหน้ามือหลังเท้า พอโดนเขาตบก็โมโหแทบคลั่ง แต่พอรู้เรื่องกลับดีเสียจนนน่าขนลุก เอ...จะไถ่โทษกันรึไงนะ?

   คิดพลางเหลือบตามองวงหน้าคมที่อยู่ไม่ไกล มองหน้าหล่อเหลานั้นหลับตาพริ้ม ทว่าเมื่อรับรุ้ถึงสายตาของเขา นัยน์ตาคู่นั้นก็เปิดขึ้นและริมฝีปากที่อยู่ห่างจากหน้าผากเขาเพียงเส้นผมคั่นก็แตะลงอีกครั้งเบาๆ...

      เอออ....เอออ.เอาเข้าไป

    คาวัลโลครางงึมงัมในลำคอพลางหลับตาลงบ้าง สร้อยไม้กางเขนที่แขวนในลำคอตอนนี้เย็นเจี๊ยบผิดกับความร้อนของใบหน้าและร่างกายสุด ๆ... ให้ตายสิ พระเจ้าครับ  ตัวท่านเองที่พาผมมาเจอกับเขาแบบนี้ เพราะฉะนั้นหากผมจะเป็นเกย์ขึ้นมา มันก็เพราะท่านนั่นแหละ...
.............................................................................................

     
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [12] สายลับ UP !! 24/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 29-11-2010 23:31:47

     สามวัน..

   อเล็กซิส จอร์จิโอนี่ วาลกัส ยืนนิ่งมองภาพที่เขามองเห็นมานับเป็นวันที่สามแล้ว นั่นคือน้องชายฝาแฝดซึ่งควบตำแหน่งคนรักของเขานอนนิ่ง...นิ่งอยู่แบบนั้น เปลือกตาปิดลง หลับพริ้ม ในสภาพที่มีเครื่องช่วยหายใจครอบอยู่ แขนและขาถุกเข้าเฝือก รอยแผลบนหน้าผากและดวงตาที่ปิดลงก็ไม่ได้หายไป สามวัน..สามวันที่เจ้าตัวเอาแต่นอนนิ่งๆ ไม่ไปไหน...

     น้องสาวและน้องชายคนที่สาม อเล็กซานดร้าและคาร์เนโร มาเยี่ยมแล้วเมื่อวาน  พ่อและแม่ ตอนนี้ก็กำลังพักผ่อนอยู่ที่โรงแรม คุณลงุตามสะสางจัดการธุระไม่ให้เขาต้องปวดหัว ตอนนี้ที่ทุกคนรอ..รออยุ่ คือเมื่อไหร่ เมื่อไหร่อเล็กเซย์ จิโอวานนี่ วาลกัส  จะฟื้นขึ้นมาเสียที

    ปลายนิ้วไล้ลงบนเส้นผมสีทองเบาๆ พลางถอนหายใจ อเล็กซิสลากเก้าอี้ไปนั่งชิดของเตียงน้องชายแล้วกำมือบางไว้แน่น...เขามอง มองอยู่แบบนั้น ราวกับจะเฝ้ารอให้เจ้าตัวตื่นขึ้นมาไม่วินาทีใดก็วินาทีหนึ่ง..

ทางหมอเองก็บอกว่ายาสลบหมดฤทธิ์แล้ว ปกติจะฟื้นตั้งแต่วันแรก แต่ทว่าที่ไม่ฟื้น อาจจะเพราะร่างกายยังเหนื่อยอ่อน อยากพักผ่อน หรือไม่ก็เป็นความต้องการของเจ้าตัวเอง ที่ไม่อยากตื่น..

ทำไมจะไม่อยากตื่นล่ะ? มีสาเหตุอะไรที่อยากตื่นมาหาเขางั้นหรือ.?

โกรธเรื่องที่ออกไปพบคนอื่น หรือว่าเสียใจที่คาวัลโลตาย...

หรือว่ามีเหตุผลอะไรที่ยังอยากจะหลับอยู่อย่างนี้..

รึต้องการทรมาร ต้องการกลั่นแกล้งเขาให้ตายทั้งเป็น..

    " อเล็กเซย์....เซย์....ที่รัก..ตื่นขึ้นมาเถอะ...ตื่นมาได้แล้ว .." ริมฝีปากหนากระซิบแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงรวดร้าวทรมาร ความอึดอัดที่ยังฝังแน่นอยู่ในใจนับแต่วันที่เจ้าตัวเจ็บหนักมีมากเกินจะทานทนไหว อเล็กซิสซบใบหน้าลงกับมือขาวจัด น้ำตาไหลพรากลงมาอย่างไม่อาจจะกลั้นอีกต่อไป..

   ...ตื่นขึ้นมาได้แล้ว..หัวใจของฉัน..

         ท่ามกลางสติที่เรืองลาง และภาพฝันที่ขาดๆหายๆ อเล็กเซย์ได้ยินเสียงผู้คนมากมาย นับแต่ฝีเท้าที่กรูกันเข้ามาหา เสียงคนหลายคนพุดคุยกันอย่างเอะอะ ด้วยภาษาที่เขาไม่รุ้จัก รู้สึกถึงร่างกายที่หนักอึ้งและทรมาร เจ็บร้าวไปหมดทั้งร่าง เปลือกตาหลับเสียจนลืมไม่ขึ้น มือเท้าชาไม่อาจจะยกไหว กระทั่งสติรับรู้ยังสะลึมสะลือหนัก..

     ไม่รู้ว่าผ่านมากี่วันคืน..แต่สิ่งแรกที่เขารู้สึกได้คือความอุ่นร้อนที่หยุดลงบนหลังมือ พร้อมกับริมฝีปากแห้งผากที่แตะลงไปช้าๆ..ทว่ากดย้ำ ซ้ำไป...ซ้ำมา...ราวกับเฝ้าคอย จดจ่อ อบอุ่น อ่อนหวานอย่างบอกไม่ถุก...

ในอกวาบลึก...และสติที่ไม่เป็นรูปเป็นร่างค่อยก่อตัวขึ้นช้าๆทบทวนถึงทุกสิ่งทุกอย่าง...รูปภาพ...โทรศัพท์..ดอกไม้....ระเบิด...และ อเล็กซิส....

Cara mia..

 อเล็ก...อเล็กซิส...

    สิ่งแรกที่มองเห็น เมื่อเปิดเปลือกตาออกมาไม่ใช่ภาพของเพดานห้องสีขาว หรืออุปกรณ์พยาบาลรกรุงรัง แต่เป็นสีทอง...เส้นผมสีทองคุ้นตาที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือถึง เส้นผมที่ทุกคราวมันจะถูกจัดเป็นทรงอย่างดี ทว่าตอนนี้มันยุ่งเหยิง และสั่น สั่นเพราะเจ้าตัวกำลังร้องไห้ เขารู้สึกถึงแรงสะอื้นและน้ำตาที่หยดลงบนหลังมือ จนรู้สึกเจ็บแปลบไปด้วย เจ้าน้ำตานี่สินะที่ทำให้เขาตื่นขึ้นมาได้ในที่สุด... จะว่าไปแล้ว เป็นฝาแฝดกันนี่...อีกฝ่ายรู้สึกอะไรเขาก็รู้สึกแบบนั้นไปด้วยเสียหมด ไม่ดี ไม่ดีเลยจริงๆ..เพราะมันทำให้ตอนนี้ เขาเป็นฝ่ายร้องไห้ออกมาบ้างแล้ว...
ไม่รู้ทำไมถึงเจ็บในอก มันปวดใจ...

นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองเส้นผมสีทองเบื้องหน้าอย่างรวดร้าว..เพราะนายใช่ไหม อเล็ก...เพราะที่รักของฉันร้องไห้ เศร้าใจ ฉันถึงต้องร้องไห้แบบนี้
ได้ยิน...กระทั่งคำพูดที่ซ้ำไปซ้ำมา..วนเวียนแต่คำว่า ที่รักของฉัน...

Cara mia.. กลับมาเถอะ Cara mia.. ตื่นขึ้นมายิ้มให้ฉันทีเถอะ...

   " อเล็กซ์....Cara mia.. Cara mia.."  เสียงกระซิบแผ่วเบามันช่างแสนคุ้นหู...อเล็กซิสชะงัก..รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของปลายนิ้วที่เขาจับไว้..นัยน์ตาสีฟ้ามองหลังมือขาวจัดจนเห็นเส้นเลือกที่ปลายนิ้วขยับช้าๆ...และเมื่อเงยหน้าขึ้นไป..เขาก็พบกับสีฟ้าสีเดียวกัน..นัยน์ตาคู่นั้น...ที่จดจำได้จนขึ้นใจ

    " .........เซย์...."  ที่รัก...น้ำเสียงเบาๆนั้นเรียกชื่อและเรียกขานคำที่แสนหวานหากคุ้นหู...ที่รัก นายคือที่รักของฉัน เราคือที่รักของกันและกัน..

    "...ขี้เซาจริงๆ.." อเล็กซิสเอ่ยเสียงเบาเเทบเป็นกระซิบ เขามองดวงตาสีฟ้าใสที่เปิดขึ้นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ขณะที่เจ้าตัวกำมือเขาไว้แน่น และเป็นฝ่ายพยายามลุกขึ้นมากอดเขาไว้เสียเอง...

    "...อืม..." ซบใบหน้าลงกับแผ่นอกหนา ขณะที่แขนทั้งสองข้างกอดเอาไว้แน่น อเล็กซิสยิ้มออกมาน้อยๆ กับความพยายามอันแสนอแน่วแน่ของเจ้าตัว ซึ่งเขาก็ทำได้เพียงกอดไว้ กอดไว้ให้แน่นๆ แน่นที่สุด..เท่าที่จะทำได้..

ตามคำสัญญา ตามคำสาบาน

จะไม่จากไปไหน จะไม่ห่างไกล..จะไม่ปล่อยมือไปจากกัน..

     "..Cara mia, ti voglio bene ( ที่รัก ผมรักคุณ).."คำหวานที่ได้รับฟัง ทำให้อเล็กเซย์ยิ้มรับ

     " อืม...." รับคำเบาๆพลางหลับตาลงช้าๆ " อเล็ก..ง่วง.."

     " จะไปเรียกหมอมานะ..." อเล็กซิสกระซิบเบาๆพลางกดริมฝีปากลงบนกลุ่มผมสีทองคุ้นตา

     " ฉันอยากนอนกับนาย..นะ " พอคนป่วยจะอ้อน คนฟังเลยได้แต่ยิ้มรับ อเล็กซิสแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากบางอีกครั้ง เขายิ้มออกมาทั้งที่ดวงตายังแดงก่ำ

     " โอเค..เเต่เราต้องให้หมอถอดเครื่องช่วยหายใจของนายก่อน ตกลงนะ เพราะมันทำให้ฉันจูบนายไม่ได้ "

            อเล็กเซย์ฟังแล้วหัวเราะเบาๆ ขณะที่เอนกายลงบนเตียงนุ่มอีกครั้งและหลับตาลงช้าๆเมื่อปลายนิ้วของแฝดพี่แตะเช็ดรอยน้ำตาบนแก้มออกอย่างนุ่มนวล

   ขระที่ร่างของสมาชิกครอบครัววาลกัสอันประกอบไปด้วย เอเลียชา คาเฟรโร่ และ อเล็กซานดร้า ลูกสาวคนเดียวของครอบครัวยืนนิ่ง ต่างฝ่ายต่างมองตากันผ่านภาพอันแสนน่ารักและซาบซึ้งของสองพี่น้องฝาแฝด ทว่ามันคงจะซาบซึ้งกว่านี้ หากจะไม่มีภาพการโบกมือไล่ของอเล็กซิส แทนที่มือที่ยกขึ้นเป็นเชิงทายทักของอเล็กเซย์ที่ฟื้นขึ้นมา...

     อเล็กซานดร้าดึงแขนบิดาตนออกมา ขณะที่มารดาเป็นฝ่ายปิดประตูห้องลงช้าๆ แม้จะอยากอยู่กับลุกเพียงใด แต่ทว่าความสุขของลุกรักทั้งสองก็สำคัญกว่า...

อเล็กซานดร้าหันมองหน้าบิดาที่บูดบึ้งเมื่อโดนไล่ หญิงสาวออกแรงกระตุกแขนเสื้อมารดาเบาๆก่อนจะหันไปออกปาก

    "  แม่ค่ะ... ฉันว่าพี่อเล็กซิสต้องแอบเคืองพ่ออยู่แน่ๆ "

    " นั่นสินะ.." เอเลียชารับคำพร้อมกับพยักหน้า " ก็ใครบอกให้ไปขวางทางเขาเสียขนาดนั้น.... แก่แล้วไม่จำจริงๆ"

.........................................

สวัสดีค่ะ ทอล์คยาวเว่อร์มาอีกแล้ว(555+)
   ตอนนี้ชื่อคนมาเยอะ แบบว่าขนครอบครัวคาวี่มาหมดแล้วมั้งนี่ (555+)เพราะงั้นเราเลยจะมาร่างแผนผังครอบครัวให้ดูกัน( อนึ่ง คนอิตาเลียนนิยมมีลูกมาก อย่าแปลกใจถ้าครอบครัวนี้จะลูกดก มีกันตั้งห้าคน เรียงอายุตามนี้เลยนะค่ะ)
     คาเฟรโร่ วาลกัส (พ่อ) + เอเลียชา วาลกัส(แม่) (ชื่อเดิม อลิส โรเซนเบิร์ก เชื้อสายเยอรมัน)
 อเล็กซิส จอร์จิโอนี่ วาลกัส(28),อเล็กเซย์ จิโอวานนี่ วาลกัส(28),อเล็กซานดร้า มาซีโลนี่ วาลกัส(24),คาร์เนโร่ เอปัสซีโย่ วาลกัส(22), คาวัลโล เตอเกียเร่ วาลกัส(19)
   แต่ละชื่ออย่างยาว(กร๊าก ) เพราะส่วนใหญ่จะนิยมใส่ชื่อ ลุงป้า น้าอา หรือพ่อแม่เป็นชื่อกลางด้วย กรณีที่ชื่อสามคนแรกดูจะไม่ใช่อิตาเลียนเท่าไหร่เพราะเเม่เขาอยากตั้งชื่อภาษาเกิดใส่ไปด้วย( อิชั้นเองค่าาาาาาาาา ) สามรายแรกชื่อคล้ายแม่เพราะหัวทองกันซะส่วนใหญ่ ส่วนสองคนหลังสีผมจะคล้ายพ่อเลยได้ชื่อเหมือนพ่อมาด้วย
     ครอบครัวคาวี่มากันทั้งเซตแล้ว แต่ครอบครัวอัลชาอ์ยังโผล่ไม่เท่าไหร่เอง ก็แหม...ท่านชีคเค้าต้องลึกลับสิ หุหุหุ(ที่จริงยังคิดชื่อพ่อแม่ไม่ออก ชื่ออาหรับนี่มันตั้งยากชะมัด ต้องไปเปิด(โคตร)คัมภีร์เลยนะคู้นนน)
   และว่าด้วยกฏของมาเฟีย คนอิตาเลียนส่วนใหญ่ก็เป็นคาทอลิคเห็นแบบนี้มาเฟียส่วนใหญ่ค่อนข้างเคร่งศาสนาและกลุ่มแกงค์ที่ตั้งกันมาจะมีประวัติยาวนานหลายปี หลายชั่วอายุคน ยิ่งกับครอบครัวของคาวี่ที่ถือว่าค่อนข้างจะอยู่มานานกฏเลยเคร่งเป็นพิเศษและ..คนในครอบครัวก็จะต่อต้านเรื่องรักร่วมเพศอยู่มาก เพราะถือว่าผิดหลักศาสนา ผิดกฏ คราวอเล็กซี่ทั้งสองเลยอ่วมอรทัยกันยิ่งนัก (เราจะไม่พุดถึงอดีตที่ยังแต่งไม่ถึงไหน555+แต่เอาเป็นว่าอาน) และ...เมื่อลูกชายไปสองเเล้ว ถือว่าทรพยากรบุคคลที่เหลืออยู่ทรงคุณค่ายิ่งและคนเป็นบอส...จะเป็นตัวอย่างในทางแย่ให้ลูกน้องดูก็กระไรอยู่...หุหุหุ(me / กลิ้งท่อนซุงขวางทางรัก)
....แต่ปัญหาเรื่องกฏมันยังนับว่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปัญหาใหญ่สุด..นั่นคือตัวพ่อคาวี่นั่นเอง..
เพราะงั้น..สู้ๆนะค่ะ อัลชาอ์(แล้วตูจะแกล้งเอ็งให้ถึงที่สุด 555+)
ส่วนตอนนี้ ฮึ ฮึ ฮึ อัลชาอ์ คาวี่ พวกเอ็งนี่มัน...สวีทกันด้วยเลือดรึง๊ายยยยยยย พ่ออัลชาอ์ค่ะ ทะเลาะกันแล้วมีอารมณ์ ? (5555+)
...และในที่สุดดดดดดด อเล็กซี่ลูกแม่ก้ฟื้นแล้ว ตอนนี้ก็หวีดกันตามสบายเคอะ
ปล. ตอนหน้า...เราจะหวีดสยองกันกลางทะเลทราย หุหุหุ
ปล. สุดท้าย ฉากกอคุณพ่อคาเฟรกะพี่ชาย..อย่า-คิด (กันไว้ก่อน555+)




หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 30-11-2010 00:43:30
วี่จ๋าาาาาาาา ท่าทางจะไปไม่เป็นแล้วอ่ะดิลูกชั้น
ท่านชีคค่ะ ไอ่ที่เล่นได้สมบทบาทขนาดนี่ คิดไรป่าวค่ะท่านนนนน คึคึ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 30-11-2010 00:56:28
กรี๊ดดดด เล่นละครแบบนี้บ่อยๆก็ดีนะ มันจะได้สปาร์คกันจริงๆซักที ชอบอะตอนนี้ น่ารัก ^_^

+1 เป็นกำลังใจจ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 30-11-2010 00:58:28
อเล็กเซย์ฟื้นแล้วววววววววววววว ฮี่ๆๆ
โล่งอก...
คู่อัลชาร์กับคาวี่ เวลาจะอ่านบทสะตอสวีททีไร มันก้ชวนให้ฮาทุกที
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่างคู่นี้มันต้องแบบ รักต้องฆ่าประมานนี้มั้ง
แต่แหม่ะ มีกล้องติดทั้งวังแบบนี้ ได้เล่นบทสวีทบ่อยๆ เดี๋ยวก้ใจอ่อนกันไปเองน่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 30-11-2010 01:01:55
อ๊ายยย คาวี่จังยิ่งนานยิ่งสาวค่ะ :-[

เริ่มหวีทกันเล้ว(?)คู่แฝดเนี่ย นะ หวานได้สม่ำเสมอ


สุดท้ายขอบคุณหลายๆจ๊า :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 30-11-2010 01:07:38
 :laugh: :laugh: อ้ายๆๆๆ แอบหวานแบบแปลกๆนะอัลชาห์กะนู๋คาล
โอ้ย :sad4: แอบน้ำตาซึมสงสารอเล็กซิสอะ ดีนะที่เซย์ฟื้น :L1: :L1:
ปล.ไรเตอร์ห้ามไม่ทันแล้วคะ  แอบจิ้นพ่อกะลุงของคาลไปแล้ว  ก๊ากกกกก  :z2:
 :call: :call:รอตอนหน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 30-11-2010 01:14:48
อยากอ่านตอนหน้าแล้วอ่ะ
มีสวีทกันในทะเลทรายด้วย..........
ในที่สุดเซย์ก้ฟื้นแล้ว อเล็กซ์จะได้ทำหน้าที่ที่คาวี่มอบหมายให้ทำได้เต็มที่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 30-11-2010 01:28:47
:laugh: :laugh: อ้ายๆๆๆ แอบหวานแบบแปลกๆนะอัลชาห์กะนู๋คาล
โอ้ย :sad4: แอบน้ำตาซึมสงสารอเล็กซิสอะ ดีนะที่เซย์ฟื้น :L1: :L1:
ปล.ไรเตอร์ห้ามไม่ทันแล้วคะ  แอบจิ้นพ่อกะลุงของคาลไปแล้ว  ก๊ากกกกก  :z2:
 :call: :call:รอตอนหน้าาาาาา
นั่นสามีช้านนนนนน (หลบตรีน)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 30-11-2010 02:21:40
แอบจิ้นพ่อกับลุง -//- วายมันเข้าสายเลือดเรามากไปเปล่าเนีย แฮะๆ

หนูอเล็กซ์ฟื้นแล้ว ฟื้นมาก็หวีดหวานกันเลยน่ะ เขินๆ ที่รัก :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 30-11-2010 10:49:28
ขอบคุณนะคะ ตอนใหม่มาเล้ว ดีที่เตือนไว้ฉากคุณพ่อกับพี่ชายเเต่ไม่ทันล่ะเเอบคิดไปเเล้วเเต่ก็คิดว่า มันมีกฏไง คงไม่ใช่เเต่ว่านะ เห็นกฏอันนั้นเเล้วสงสารคาวี่ + อัชชาห์อะ อุปสรรคเยอะโคตรเหอะ ชอบมากเลย ตอนยาวดีเเต่ว่านะคะ ขอ 3 พาร์ทเเบบคาวี่ + อัชชาห์ เน้นๆล้วนๆเลยได้ไม๊คะ รู้สึกว่า คาวี่น่ารักดี ชอบมากเลยอะ อ่านคาวี่เเล้ว จินตนาการถึง วาล หรือ ทาคาบะ นายเอกของ อ.ยามาเนะ เลยอะ +1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 30-11-2010 12:14:42
ตอนนี้ยาวดีจริงๆ สวีททั้ง2คู่เลย ถึงคู่คาวี่กะชีคจะมีแอบบู๊เล็กน้อย แต่ก็น่ารักดี
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 30-11-2010 14:13:22
แอร๊ยยย ยาวได้ใจ
เรื่องของสองเอล็กซี่ เป็นอันว่าผ่าน ไม่มีใครขัดขวางแล้วชัวร์ :z2:
คาวี่ มันหวั่นไหวเว้ยเฮ้ย  :laugh: แต่ก็อย่างว่าจะให้มันยอมรับคงไม่ใช่เรื่องง่าย
ท่านชีคคะ จริงจังใช่มั้ยคะ แอบเนียนล่ะสิ :a1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 30-11-2010 17:59:03
ขอบคุณค่ะ มาแบบยาวๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 30-11-2010 19:04:12
ยาวสะใจมากกกกกก สำหรับตอนนี้


แต่ท่านชีคคะ จะหวานเกินไปมั๊ยค่ะนั้น  เห็นแล้วอยากไปเป็นคนคุ้มเจ้ากล้องวงจรปิดนั้นซะจริงเชียว   :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 30-11-2010 20:34:03
ท่านชีคกับคาวี่ คิดเป็นจริงเป็นจังไปเลยดีกว่าค่ะ 55
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: aiwjun ที่ 30-11-2010 20:42:02
ฮึ่ม  :m16:  จบได้แบบค้าง ๆ คา ๆ มากเลยอ่ะ 

แล้วพรุ่งนี้จะเรียนรู้เรื่องไหมเนี่ย  !!!  ^_^ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 30-11-2010 20:59:58
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 30-11-2010 21:22:08
คราวนี้อเล็กซิส กับ อเล็กเซย์ ก็คงไม่มีอะไรมาขวางอีกแล้ว (มั้ง) ครอบครัวยอมรับแล้วล่ะ สงสารเซย์อ่ะ
คาวี่น่ารักไปไหนค่ะนี่ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ryneyz ที่ 30-11-2010 21:57:18
กรีสสสสสสสสสส   :-[  :-[

อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่า

ไรเตอร์รีบอัพไว ๆ นะ  นู๋รออยู่ 

ตอนต่อไปเป็นบู้ล้างผลานกลางทะเลทรายด้วยนิหน่า  :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 30-11-2010 23:20:35
ปล.สุดท้าย ไม่ได้คิดจริงจิ้ง ฮ่าๆๆ
แอบอึ้งตามกับคำพูดของคาวี่ไปนิดหนึ่งถึงจะรู้สึกทะแม่งๆก็เถอะ

" คุณเป็นคนพูดเอง " คาวัลโลฟังแล้วหันมาชี้หน้าอัลชาอ์แล้วออกปากยืนยันอีกรอบ " SEXก็ทำไปแล้ว จูบผมก็ทำไปแล้ว นอนด้วยกันด้วย นี่เรียกว่าอะไร?... เพื่อนทางจดหมายรึไงครับ "

ทำไปแล้ว ทำไปตอนไหน ทำไมเราไม่เห็น....แอร๊ย

ตอนนี้คาวี่ตบ ฮัลซาจูบ โอ้เข้าพระเข้านางกันดีแท้ กร๊ากกกกก ฮ่าๆๆๆ ชอบๆๆ
นั่งลุ้นอยู่หน้าคอม ค่อยหายเครียดกับการเรียนหน่อยช่วงนี้มีแต่อะไรหนักๆทั้งนั้นเลย~ (>_<=)

--------------------------------------------------------------

เห็นด้วยกับความคิด คุณ butajang มากๆเลย
คู่ของฝาแฝดส่วนใหญ่แนวดราม่าเครียดๆ ผิดกับคู่ของคาวี่กับฮัลซาริบเลยตลกฮาๆกว่าเยอะ
+1 ให้ทั้งคู่เลยนะจ๊ะ  o13
กว่าจะบวกได้ยากมากๆระบบ error ตลอดไม่รู้เพราะอะไร
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 01-12-2010 00:51:49
^
 :z13:
ไอ้ประโยคนั้นมันสะตอ (555+)
แบบว่าคาวี่พูดต้องเอามากรองอีกที จะเหลือความจริงแค่สามสิบเปอร์เซนต์ :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 01-12-2010 09:18:49
โหย...แบบว่าเริ่มซึ้ง กะแฝดเลย รักกันจริง ๆ
แต่ใครจะสู้คาลได้ดีขนาดนี้ ไม่มีอิกแล้ว
เป็นไรที่ฉีกแนวมากเลยฮะ นายเอกของเราเจ๋งดีอ่ะ มารยามหาจักรวาล>>>>ว่าไปโน่น 555
ชอบคาลที่สุดเลยฮะ เป็นไรที่สนุก...เมื่อนึกถึง 555

KAVY FC>>>>บ้า!!
รอตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 01-12-2010 10:05:30
หายไปพัก ใหญ่ กลับมาให้เต็มอิ่ม

หนุก หนาน มากมายเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 01-12-2010 12:20:53
ง่ะ ปล.สุดท้ายมาดักไว้ก่อน เพราะคิดไปแล้วจริงๆ พออ่านทอล์คลงมาถึงปล. ฮาก๊ากเลยค่ะ ดักถูกทางจริงๆ 55555555+
แฝดต้องฝ่าฟันอุปสรรคให้ได้นะ เป็นกำลังใจให้ อิอิ
ส่วนคู่น้อง สงสัยเป็นรักรุนแรงแฮะ ได้เลือดกันแต่มีโรแมนติกผสม เอิ๊กกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 01-12-2010 13:24:21
ดีใจที่แฝดฟื้นมาแล้ว
โล่งเนอะต่อไปคงได้ทำงานกันเต็มที่แล้วล่ะสิ
คู่ท่านชีคนี่ตาต่อตา ฟันต่อฟันที่สุดเลยอ่ะ
ต่างคนต่างหวั่นไหวแล้วน่ะสิ
ต่อไปจะทำยังไงถ้าเกิดรักกันขึ้นมาจริงๆ
กฏมาเฟียที่ห้ามรักร่วมเพศ ท่านชีคก้เหมือนกัน  อาเมน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: irksome ที่ 01-12-2010 18:42:51
อ่านครบ 13 ตอนเเล้วมาเม้นรวดเดียว

คาวี่น่ารักมากอ่ะ >< อัลชาห์เริ่ม...กับคาวี่เเล้วอ่ะดิ่
กรี๊ดดดดดมากกกกกกกก

อ่านคู่นี้เเล้วโฮกจริงๆ หวีด(?)กันได้เรียกเลือดจริงๆ =.,= หุหุ
รอตอนหน้า !

ปล. ตอนนี้ยาวถูกใจมากค่ะ ! ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 01-12-2010 19:20:30
มาแบบยาวมากก สะใจเลยอ่ะ

เย้ ในที่สุดเซย์ก็ฟื้นแล้ว ทำให้แฝดพี่ใจชื้นขึ้นเยอะ :เฮ้อ:

แต่คู่คาวี่นี่ยังไงๆอยู่น่ะ ท่านชีค :impress2:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 01-12-2010 19:24:36
ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว   :monkeysad:

คู่คาลวัลโลแอบ หวาน ผสมโหดๆ     :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 01-12-2010 22:22:45
ในที่สุดก็ฟื้นซะที ฟื้นปุ๊บก็หวีดหวานกันปั๊บ

คาวี่กะท่านชีคก็ไม่น้อยหน้า ถึงจะเป็นไปตามบทบาท แต่ก็แอบอินกันบ้างอะไรบ้างใช่มั้ยล่ะทั้งคู่



ปล. สุดท้าย ฉากกอดคุณพ่อคาเฟรกะพี่ชาย..อย่า-คิด (กันไว้ก่อน555+)     รู้สึกจะไม่ทันแล้วล่ะคนแต่งเพราะจิ้นตั้งแต่ตอนอ่านแล้ว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 02-12-2010 05:32:41
ยาวมากเลย แต่ก็สนุกดีครับขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 03-12-2010 06:51:57
ยาวดีค่ะ เราชอบบ
อเล็กเซย์ฟื้นแล้ว เย้ !
คู่อัลชาห์คาวี่นี่แอบดุเดือดนะ  :o8:
อัลชาห์บทจะโหดก็โห๊ดโหด บทจะหวานก็หวานซะ

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: zombiepe ที่ 03-12-2010 16:02:55
ฝาแฝดเหมือนจะราบรื่น?
แต่แอบอ่านข้ามทุกครั้งที่คาวัลจังพูดว่าทำตามแผน 55
เราไม่รับรู้ว่ามีกล้องสอดแนมเลยทำเป็นหวานกันนะ
นี่เขาหวานกันจริงๆจังๆเข้าระบบประสาทต่างหาก

แม้จะมีการห้ามกันแล้วว่าอย่าจิ้นคู่พ่อ
มิอาจทันค่ะ โฮะๆๆ
เราเป็นโอจิค่อนนะ 55
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 03-12-2010 17:22:25
เกาะติดทุกวัน รอลุ้นฉากทะเลทราย 555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 03-12-2010 17:50:05
ยาวดีค่ะ เราชอบบบ สนุกมาก :z1:

รอตอนต่อไปค่ะ :mc4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 03-12-2010 21:57:17
หายไปนานกลับมาอ่านแล้วแบบว่าา า....

เค้าไปกันไกลแล้วนี่หว่าาา า ฮ่า ๆๆๆ :-[
คาวี่กับท่านอัลชาอ์สวีทหวานได้น่ารักมากกก ก เอร๊ยยย ย ชอบบบ บ ฮ่า ๆๆๆ
เล่นละครกันไปบ่อยๆเดี๋ยวมันตึงรักกันเองแหล่ะ ฮ่า ๆๆ
คาวี่ฮาตลอดอ่ะ ฮ่า ๆๆๆ นานๆไปดูคุณเธอจะเริ่มสาว
ไม่อยากบอกว่าเราลืมว่าคาวี่มันอายุ19!! ฮ่า ๆๆๆ

อเล็กซ์เซย์น่าสงสาร T_______T
แต่ก็ฟื้นแล้วว ว ดีนะที่ไม่เป็นไรมาก (เรอะ?!!!)

รอยลฉากหวานกวางทะเลทรายก่ะ
มาต่อไวๆๆๆๆๆน้าา าา

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 03-12-2010 22:23:04
รอ..ร๊อ..รอ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 04-12-2010 10:44:18
เเวะเข้ามาดู เเล้วก็เข้ามารอเผื่อได้ตอนใหม่ เพราะคงไม่ได้เข้าเน็ต จนกว่าจะถึงวัน อังคาร หงิง หงิง คิดถึง คาวี่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 04-12-2010 18:22:25
เราคิดว่าถ้าจะหวัง "ฉากหวีท" จากคู่คาวีกับท่านชีคน่ะ คงอีกนาน เพราะตั้งแต่ต้นยันปัจจุบันเราได้เห็นแค่ "ฉากหวีด" เท่านั้นเอง T^T



ว่าแต่ เล่นละครกันบ่อยๆ เมื่อไหร่จะหวั่นไหวกันจริงจังสักทีล่ะ


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 04-12-2010 18:42:51
^
ตอนล่้าสุดเค้ามีเก็บไปคิดกันแล้วคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 05-12-2010 00:59:47
หายไปหลายวันแล้วนะ  :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 05-12-2010 22:54:56
ตามมาดูอีกรอบ :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ทับทิมกรอบ ที่ 05-12-2010 23:55:55
ตามอ่านมาจนทันแล้ว  :laugh:

 เป็นแฟนคลับคาวี่แล้วน่ะครับเนี่ย

สนุกมากๆเลยครับ  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 06-12-2010 02:24:25
 :call: :call: :call:มาปูเสื่อรอคาวี่กะอัลชาห์ค่ะ 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 06-12-2010 02:48:24

Line : 14  พายุทะเลทราย
               

   ...เพราะกล้องวงจรปิดพวกนั้นแท้ๆ       
 
บ่ายสี่โมงเย็น..หลังจากทำพิธีละหมาดประจำวันเสร็จขบวนของชีคแห่งเซเนียยาก็ได้เวลาจัดเตรียมและออกเดินทาง คนในวังเดินกันวุ่นเอาข้าวของที่จัดเตรียมมาใส่รถเพื่อจะทำการเดินทางต่อไป ขณะที่หนุ่มต่างชาติผมสีอัลมอนด์นัยน์ตาสีน้ำทะเลก็นั่งทำหน้ามุ่ยๆอยู่ข้างกายท่านชีคอัลชาอ์ ยาฮิลยะฮ์ มูซา มูอัสซิน ซึ่งยืนคุยกับนายทหารที่มีหน้าที่รักษาการแทน ไม่นับดวงตาที่มักจะมองมาทางตนราวกับเป็นตัวประหลาดบ่อยครั้ง หรือท่าทางแปลกๆของพวกทหารทั้งหลายที่คร้านจะใส่ใจแล้ว สิ่งที่ทำให้คาวัลโลหน้ามุ่ย..อารมณ์เซ็งๆ ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก...

    ใครเคยถูกปฏิบัติด้วยราวกับตุ๊กตาบ้างล่ะ ขอถามเถอะ พออัลชาอ์ลากเขาออกมาจากห้อง ทานข้าวได้ไม่ทันเท่าไหร่ก็ถูกแม่พวกสาวๆนางกำนัลลากไปอาบน้ำ ถ้าคนมาคุมจะเปแนสาวสวยๆอึ๋มๆน่ะพอได้ ไม่ใช่ยัยแก่เหนียงยานหน้าเหี้ยมที่มายืนเฝ้าให้สาวๆมารุมขัดตัวเขาให้สะอาด จะบ้าตายสิ เกิดมายังไม่เคยมีใครขัดตัวให้เลย ยัยพวกนั้นก็บอกสาเหตุแค่ว่า "ชีคบอกว่าคุณจะตามไปดูแล" ไม่เอาแม่สาวๆไปด้วย พอไม่เอาไปด้วย ก็จะไม่ม่คนคอยปรนนิบัติชีค และเมื่อไม่มีคนทำ เขานั่นแหละต้องทำ !!! โดนจับขัดทั้งตัวชนิดว่าผิวขาวๆของเขาแดงเถือกไปหมดทั้งตัวไม่พอ แม่สาวๆพวกนั้นยังมาชมว่าผิวขาวอย่างนั้น เนียนอย่างนี้ แล้วจับใส่ชุดคลุมเข้าไปซะเต็มตัว ถลกหนังกันเสร็จก็ลากเขาพามานั่งเงียบ รอให้อัลชาอ์ยกไป-ลากมา เดี๋ยวๆก็กอด เดี๋ยวก็หอมเหมือนกำลังอุ้มตุ๊กตาอยุ่จริงๆ แล้วจะไม่ให้ผู้ชายทั้งแท่งหวั่นไหว..ไม่สิ จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไงกัน

    พอถาม อัลชาอ์ก็แค่บอกให้แสดงให้สมบทบาท เพราะยังไม่เอากล้องวงจรปิดออก ให้ตายสิ ..

   ฉะนั้นตอนนี้ คาวัลโล วาลกัส เลยได้แต่นั่งนิ่ง เป็นตุ๊กตาตัวสวยให้อัลชาอ์อุ้มไปลากมาอวดพวกทหารกับพวกในวังให้ตาโตเท่าไข่ไดโนเสาร์ โดนผู้ชายมองยังพอว่า แต่โดนสาวๆจิกตาใส่แบบไม่พอใจ แบบนี้มันทำร้ายจิตใจชะมัด !!

        " ทำไมไม่เอากล้องออกไปซะที " คาวัลโลกระซิบเสียงเครียด เมื่อถูกพามานั่งรถเตรียมออกเดินทางได้ในที่สุด..

       " เอาไว้ก่อน รอให้รู้ตัวว่าใครเป็นคนเอามาติด.." อัลชาอ์ตอบสั้นๆ ก่อนจะพยักหน้าให้คนขับเข้ามา ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...ฮาซาน องค์รักษ์หนุ่มคนเดิมนั่นเอง..

      " ......." คาวัลโลเลิกคิ้ว มองหน้าฮาซานที่โค้งให้อัลชาอ์เงียบๆแล้วขึ้นมาขับ ข้างๆคือองค์รักษ์อีกนายหนึ่งที่เดินเข้ามาสมทบ คาวัลโลหรี่ตา เมื่อมองเห็นกระบอกปืนที่เหน็บอยู่สีข้างของร่างองค์รักษ์นายนั้นชัดเจน..

      "...ไหนว่าไปเยี่ยมท่านลุง จะขนอาวุธสงครามไปด้วยทำไมล่ะครับ? " ถามพลางเลิกคิ้วด้วยสีหน้าระรื่น ชวนให้คนมองอยากจะดีดปากแก้แค้นสักที
     " ก็ครั้งที่แล้วไป แล้วเจอคนบ้าที่ไหนไม่รู้มาไล่ยิง เลยต้องป้องกันตัวไว้ก่อน " พอแขวะเข้าหน่อยทำมาประชด คาวัลโลแยกเขี้ยวใส่ชีคหนุ่ม เอนหลังพิงเบาะแล้วหันไปมองสภาพบ้านเมืองตามรายทางบ้างอย่างสนอกสนใจ..

     หืม? มีรถใช้กันด้วย บ้านก็เป็นตึกสองสามชั้นอยู่กันนี่นา มันก็ไม่ได้โบร่ำโบราณอะไรนี่ฟ่ะ ถนนตัดผ่านก็หลายสาย มีทางด่วนด้วย มีพวกตึก อพาร์ทเม้นท์อยู่อีก ดุๆไปมันก็สภาพพอๆกับแถวไคโรเลยนี่นา  ถึงจะไม่หรุเริ่ดเท่าUAE แต่ก็น่าอยู่พอๆกับเมืองหลวงของอียิปต์ ไม่เห็นจะไร้ความศิวิไลซ์ตรงไหน ใครกันคิดว่ามันไม่เจริญเนี่ย.. อ้อ จะว่าไปก็เขาเองสินะ..

   คาวัลโลหรี่ตาลงเมื่อรถขับตัดผ่านบริเวณใจกลางเมือง พวกร้านค้าต่างๆก็เปิดเป็นปกติ แต่ที่ต้องจ้องมอง คือหญิงมุสลิมที่คลุมตัวด้วยผ้าสีดำทั้งหมด บางรายคลุมกระทั่งตาด้วยซ้ำ น่าสงสัยจริงว่าแม่คุณเดินไปมาโดยบม่ชนชาวบ้านได้ยังไง..

    "..ผู้หญิงที่นี่น่าสงสาร.." คาวัลโลพึมพัมพลางถอนใจเบาๆ

    " ทำไม? "อัลชาอ์ถามกลับช้าๆมองตาสายตาของหนุ่มอิตาเลียนข้างกาย

    "ก็..." คาวัลโลหรี่ตาลงแล้วถอนใจ "พวกผุ้ชาย ทำเหมือนเธอเป็นแค่เครื่องประดับ เป็นตุ๊กตาที่จะจับไปวางตรงไหนก้ได้ ไม่ให้อิสระภาพเธอเลย น่าสงสารออก.."

     " เอาอะไรมาวัด...ว่าพวกเธอไม่มีความสุข ? "อัลชาอ์เลิกคิ้ว ถามากลับ

     "...ไม่จำเป็นต้องหาอะไรมาวัดเลย แค่ดุก็รู้นี่ มันยุคไหนกันแล้ว ทั้งสิทธิมนุษย์ชน ความเท่าเทียมกันทางเพศ..ไม่มีเลย.." คาวัลโลว่าพลางถอนใจเบาๆแต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของคนข้างกาย

    " หึ...ก็คนยุโรปนี่นะ.." อัลชาอ์เอ่ยพลางหัวเราะเบาๆ "เอาอะไรมาวัด? เอาความพอใจของตัวเอง สังคมของตัวเอง ไอ้พวกสิทธิมนุษย์ชน หรือสิทธิบุรุษและสตรี ของพรรคนั้นน่ะ มนุษย์เป็นฝ่ายรังสรรค์ขึ้นมาเองทั้งนั้น..แนวคิดของพวกคุณ..ในโลกตะวันตก..เป็นคนคิดขึ้นมาและให้สิ่งนั้นกับคนของตัวเอง และยังเอามาเผยแพร่..หรือยัดเยียดให้คนอื่น..สังคมอื่น.."

    " แต่ที่นี่ไม่ใช่ยุโรป..ไม่ใช่อิตาลี ไม่ใช่ประเทศของคุณ...ที่นี่คือเอเชียกลาง..หรือตะวันออกไกลแบบที่พวกคุณเรียก เรามีวัฒนธรรมของเรา สังคมของเรา..มีความสุขในแบบที่ตัวเองเป็น...ผู้หญิงพวกนี้... "เอ่ยพลางชี้ไปยังนอกฟหน้าต่าง " ที่คุณบอกว่าน่าสงสาร..คาวัลโล..ไม่ลองคิดดุบ้างหรือว่าพวกเธอมีความสุขดี พอใจกับวิถีชีวิตของตัวเอง..เราใช่ว่าจะไม่เจริญ ไม่รับเอาวิวัฒนาการใหม่ๆมา แต่พวกที่เอาแต่อ่านบทความวิจัยหรือข้อมูลไร้สาระของพวกนักสิทธิมนุษย์ชนชาวตะวันตก พากันคิดไปเองว่าพวกเธอทุกข์....เพียงแค่เพราะแนวคิดความเท่าเทียมกันและอิสระ..ไม่คำนึงเลยว่านี่คือวัฒนธรรม ประเพณี ที่ไม่ต้องการให้กระแสวัตถุนิยมเข้ามาทำลาย.."

    " อืม...จะบอกว่าพวกเราคิดผิด..."คาวัลโลขมวดคิ้ว ออกปากถาม

    " ก็เปล่า เพียงแค่อยากบอกว่ามันคืออีกวัฒนธรรม....กฏเกณฑ์อย่างเดียวมันใช้กับคนทั้งโลกไม่ได้.." อัลชาอ์ตอบพลางหรี่ตาลงช้าๆ เมื่อเห็นว่าคนข้างกายเริ่มอ้าปากหาว.."อิสลามเราไม่ต้องการจะกดขี่เพศหญิง แต่ต้องการให้พวกเธอทำหน้าที่แม่และผู้หญิงที่ดี.."

     "...." คาวัลโลพยักหน้ารับ ด้านนอกเปลี่ยนจากทิวทัศน์ของเมือง มาเป็นภาพของทะเลทรายที่ไกลลิบๆเบื้องหน้า  นี่เป็นถนนทางด่วนตัดใจกลางเมืองออกสู่นอกเมือง ที่สามารถขับได้โดยไม่จำกัดความเร็ว รถราบนทางด่วนมีไม่มากนัก การเดินทางจึงคล่องตัวพอสมควร ตอนนี้ดวงอาทิตย์กำลังทาบแสงลงบนเนินทรายบ่งบอกว่าเวลาค่ำกำลังมาเยือนแสงของมันส่องประกายสะท้อนกับเม็ดทรายระยับ  สีทองสาดทะลุผ่านฟิล์มกรองแสงสีทึบเข้ามาได้ไม่น้อย แต่มันทอสัมผัสอุ่นวาบ ไม่ได้ร้อนแรงจนต้องขยับหนีแต่อย่างใด

     อัลชาอ์จ้องมองภาพการเดินทางเบื้องหน้าอย่างใจเย็น นึกแปลกใจที่คนข้างกายเงียบเสียง ชีคหนุ่มหันไปมองคนข้างกายช้าๆ รู้สึกถึงแสงแดดอุ่นที่ลอดเข้ามาในตัวรถ และพาดผ่านใบหน้าของคนข้างกาย สะท้อนเส้นผมสีน้ำตาลอัลมอนต์ให้เปล่งประกายราวกับเม็ดทรายต้องแสงอาทิตย์ เสี้ยวหน้าแบบตะวันตกเหม่อมองไปด้านนอกรถ ปลายคางวางลงบนแขนเจ้าตัวอยู่ในชุดโธปสีขาววางแขนก่ายลงบนขอบประตู  ปลายจมูกโด่งสันถูกเงาของแสงอาทิตย์สาดส่อง ริมฝีปากสีจางเผยอออกน้อยๆ แพขนตายาวแปลกตาหรุบลงตากแสงจ้า หากสะท้อนดวงตาสีน้ำทะเลที่กำลังจ้องมองภาพเบื้องหน้าอย่างสนอกสนใจได้อย่างลงตัว

    ชีคหนุ่มยิ้มมุมปาก แปลกใจที่ในอกตนเองฟูฟ่องด้วยความภาคภูมิใจราวกับได้คนข้างกายมาเป็นของตน และภูมิใจ แม้ว่าจะเป็นเพียงการครอบครองจอมปลอมด้วยเวลาเพียงชั่วครู่ก็ตาม..นัยน์ตาสีนิลทอดมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน มากกว่าทุกครา..แม้จะไม่รู้ตัวก็ตาม

   ฮาซานขมวดคิ้ว เมื่อมองเห็นทุกอย่างผ่านกระจกมองหลังชัดเจน แววตาของชีคที่หาได้ยากยังทอดมองร่างของหนุ่มชาวต่างชาติอยู่เช่นนั้น พลันนึกไปถึงคำพุดของคาวัลโล ..จากไป..เจ้าตัวพุดว่าจะจากชีคไป..มองดูภาพนี้แล้วน่าสงสัยเสียจริงว่ามันจะทำได้จริงๆนะหรือ..

    " มีอะไรรึ...ฮาซาน.." น้ำเสียงของคนข้างกายถามเบาๆ ทำให้องค์รักษ์หนุ่มหลุดจากภวังค์ ฮาซานคลายหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัวออก พร้อมๆกับแร่งความเร็วรถลงจากทางด่วน และขับอ้อมออกทางเลียบเมือง เพื่อจะได้ตะลุยเข้าทางหลวงที่ตัดผ่านทะเลทรายได้อย่างรวดเร็ว..

     " .....จาฟา...เรียนชีคด้วย ว่าเราจะหยุดขบวนก่อนจะออกทางหลวง..เมื่อกี้วิทยุรายงานข่าวว่ามีพายุทะเลทราย.."

..........................................

    เม็ดทรายที่เคยสวยๆตอนถูกแสงอาทิตย์สาดกระทบตอนนี้ปลิวว่อน เสียงประทบกระจกกริ๊กๆฟังเหมือนเสียงฝน เสียงแต่ว่าฝนตกใส่แล้วอย่างมากเราก็แค่เปียก แต่ถ้าเผลอเจอทรายมุดเข้าตาเมื่อไหร่ก็ได้เป็นเรื่อง.. คาวัลโลหรี่ตาลงช้าๆ มองกระจกที่สั่นกึกๆอย่างน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกไปเมื่อเม้ดทรายนับล้านปลิวเข้ามาปะทะเป็นระลอก รถร่วมขบวนคันใหญ่ๆต่างพากันจอดนิ่งอยู่กลางถนนหลวง เปิดไฟท้ายกระพริบให้สัญญาณหยุดขณะที่รอคอยอย่างใจเย็นให้พายุทะเลทรายพัดผ่านไป..

     จากนาฬิกาดิจิตอลที่หน้าคอนโซลรถบอกเวลาทุ่มกว่าๆแล้ว แต่ขบวนเดินทางที่ออกจากเมืองหลวงมาตั้งแต่บ่ายสี่โมงกลับยังไปไม่ถึงไหน เดินทางแล้วหยุดกันเป็นระยะเพราะมีพายุทรายก่อตัวพัดผ่าน สีแดงของเม็ดทรายปะปนกับฝุ่นผงของดินม้วนตัวเป็นพายุหมุนทิ้งงวงลงต่ำดูคล้ายกับพายุเฮอริเคนที่เคยดูจากสารคดี แต่ก็ยังชวนเบาใจได้ว่ามันไม่มีความหนักหนาเท่า เพราะหากเป็นเออริเคนแล้วล่ะก็ มันคงสามารถพัดรถทั้งคันให้ปลิวไปได้อย่างง่ายดาย..

    คาวัลโลมองภาพภายนอกที่ยังคงมองเห็นได้จากแสงอาทิตย์ที่ยังทิ้งปลายแสงสุดท้ายเหลืออยู่ ทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นไม่แย่เท่าไหร่เพราะถ้ามันเกิดขึ้นตอนที่ไม่มีแสงอาทิตย์แล้วล่ะก็ คงจะแย่กว่านี้แน่นอน

        คนที่ไม่เคยเห็นอย่างเขาดูมันอย่างตื่นเต้นปนร้อนใจอยู่ในที กลัวว่ามันอาจจะพัดเอารถปลิวไปไหนต่อไหนมันอาจจะรุนแรงเหมือนกับเฮอริเคนแคทรินาที่ถล่มนิวส์ออร์ลีนเสียป่นปี้ แถมยังกลัวว่ามันอาจจะพัดอยุ่แบบนี้จนกระจกรถทานแรงไม่ไหว ปริแตกแล้วพัดทรายเข้ามาเต็มรถ..โอ๊ย..แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว แต่ผู้คนรอบกายนี่สิมันดูใจเย็นผิดคาด ทั้งอัลชาอ์ที่ตอนนี้นั่งมองแผนที่ในมือพลางจิบกาแฟไป ฮาซานกำลังฟังวิทยุซึ่งรายงานอะไรบางอย่างมาเป็นระยะๆ ส่วนองค์รักษ์ที่นั่งข้างๆก็กำลังเอาผ้ามาขัดกริชพกประจำตัวอย่างใจเย็น..ใจเย็นมากกก แต่ละคนใจเย็นกันจนมาเฟียอย่างเขาดูแล้วหงุดหงิดสายตา...

     " จะหันซ้ายหันขวาไปทำไม..คาวัลโล...รออีกสักชั่วโมงสองชั่วโมงนั่นแหละ พายุถึงจะสงบ...อย่ากังวลไปเลย..." อัลชาอ์ออกปากบอกเมื่อหนุ่มต่างชาติข้างกายทำหน้าแตกตื่นเกินไปเสียจนน่าหัวร่อ

     " อีกสองชั่วโมง.." คาวัลโลทำตาโต พลางมองไปรอบๆรถอย่างระแวดระวัง.. " แน่ใจนะว่ารถจะไม่ถุกพัดไปน่ะ ดูสิ ทรายมันปลิวน่ากลัวออกขนาดนี้..มันจะแรงขึ้นอีกไหม แล้วมันจะ.."

     " พอๆ..." อัลชาอ์ยกมือห้ามเมื่อคนข้างกายทำท่าจะฟุ้งซ้านเกินเหตุ " มันก็แค่พายุทะเลทราย คาวัลโล..เรื่องปกติของที่นี่ มันพัดผ่านมาแล้วมันก็ไป ไม่ได้รุนแรงอะไรหรอก....เดี๋ยวถ้าเดินทางไปกลางทะเลทราย ยิ่งต้องเจออีกหลายครั้ง.."

     " หา? " คาวัลโลร้องออกมาอย่างตกใจ "มีอีกเหรอ จะมีอีกงั้นเหรอ? ทำไมมันเยอะจังล่ะ มันมีฤดูรึไง มันเป็นเทศกาลพายุอะไรรึเปล่า"

     " ...ไม่ใช่ "อัลชาอ์พยายามอธิบายอย่างใจเย็น ขณะฟังเสียงลูกน้องของเขาหัวเราะเบาๆ  " มันก็เรื่องปกติล่ะน่า..โอเคไหม...ทะเลทรายมีอากาศแปรปรวน พอลมร้อนเจอกับลมเย็นๆ มันก็จะเกิดปรากกการ์ณแบบนี้ขึ้น..ไม่มีอะไรหรอก ถ้าออกไปกลางทะเลทรายก็อยู่ในเต้นท์ ไม่ก็อยู่ในรถ แค่นั้นเอง มันทำอะไรเราไม่ได้...โอเคไหม? "

      " งั้นเหรอ" คาวัลโลกระพริบตาปริบๆ " ดูแล้วมันน่ากลัวจริง...ที่อิตาลีไม่เห็นมีแบบนี้เลย.."

      "..หึ ก็คนละพื้นที่นี่..เอ๊า....กาเเฟ...ป้องกันอาการฟุ้งซ่าน " อัลชาอ์เอ่ยพลางยื่นกาแฟให้คนข้างกาย

          คาวัลโลรับมาจิบ แต่ก็ยังเหลือบมองข้างนอกอย่างสนอกสนใจปนหวาดๆอยู่ดี เขาหันไปมองอัลชาอ์ที่ยังตั้งใจอยู่กับแผนที่ไม่เลิก แล้วชะโงกไปมองบ้าง อย่างสนอกสนใจ..

     " แผนที่อะไร? ที่ไหน? "  นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องเป๋ง ชะโงกถามอย่างสนอกสนใจ..

     " อยากรู้ไปซะทุกเรื่องเลยนะ..แผนที่แบบละเอียดของเซเนียยาไง...ที่ๆเราอยู่ คือตรงนี้ ทางหลวงหมายเลข 028 จากทัสคานี มุ่งสู่ โอเอซิสฟายุม..." อัลชาอ์ลากปลายนิ้วชี้จุดบนแผนที่แสดงรายละเอียดผืนใหญ่ ขณะที่คาวัลโลขยับเข้ามาใกล้ ชะโงกมองอย่างอยากรุ้อยากเห็น

    " เอ๋..แล้วจารเซอยู่ที่ไหน? ทำไมต้องไปพักที่โอเอซิสก่อนล่ะ " คาวัลโลออกปากถามพลางก้มมองแผนที่งงๆ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเรียนรู้การอ่านแผนที่ แต่ว่าแผนที่นี้มันมีแต่ภาษาอาหรับตัวยาวๆไม่มีภาษาอังกฤษกำกับอีก ดูแล้วมึนชอบกล

    " ไปแวะเติมน้ำ กับพักผ่อนก่อนสิ..แล้วจารเซ ห่างไปอีกหกสิบกว่ากิโลเมตร..มีสถานะเป็นแคว้นนึงของเซเนียยา มีความสำคัญเป็นอันดับสอง รองจากทัสคานีเมืองหลวง ผู้ครองแคว้นคือท่านชีคอาเหม็ด อัล ทาร์คาน มูซา มูอัสซิน  ขบวนของเราจะเดินทางจากเมืองหลวง ไปพักที่โอเอซิสฟายุม และเดินทางตัดผ่านทะเลทราย เพราะมันเร็วกว่าจะเดินทางเข้าไปในเมือง จุดหมายคือการไปถึงจารเซในคือพรุ่งนี้ และจะออกตรวจพื้นที่วันมะรืน.."

     อัลชาอ์อธิบายสั้นๆ พลางมองหนุ่มอิตาเลียนที่ชะโงกมามองแผนที่อย่างสนอกสนใจ คาวัลโลขยับตัวมาใกล้ ก้มมองแผนที่ด้วยท่าทีอยากรู้เกินคาด

      " แล้วที่ๆเราเจอกันคือที่ไหน? "คาวัลโลออกปากถาม มองหน้าอัลชาอ์ที่จ้องมองตนเองอยู่..

     " นั่นน่ะเหรอ..? ...อยู่ตรงนี้....." เอ่ยพลางชี้ไปยังแนวทะเลทรายในแผนที่ " มันอยู่ติดกับชายแดนของ UAE กับ โอมาน เราเรียกมันว่าพื้นที่สามเหลี่ยมชายแดน...ขบวนของผมมากจากตรงนี้....."

      " หืม? ไหนๆ...เห็นไม่ชัดน่ะ " คาวัลโลเอื้อมมือคว้าแขนหนาของคนตรงหน้าไว้ พลางเสือกกายเข้าประชิดร่างหนา ใบหน้าชะโงกเข้ามามองแผนที่อย่างสนอกสนใจ ชวนให้น่าเอ็นดูปนขบขัน..

      " ขยับตัวก่อนซิ " อัลชาอ์เอื้อมมือลูบเส้นผมสีน้ำตาลนุ่มมือแล้วจับโยกศรีษะเจ้าตัวเบาๆ รู้สึกดีไม่น้อยกับท่าทีสนอกสนใจของชายหนุ่มข้างกาย ชีคหนุ่มรู้สึกสนุกสนานราวกับว่ากำลังสอนเด็กเล็กๆให้เรียนรู้เรื่องราวและประวัติศาสตร์ของประเทศตน จึงมีท่าทีผ่อนคลายอย่างมาก อัลชาอ์ดันตัวคาวัลโลให้กลับไปนั่งตัวตรงอีกครั้ง เขากางแผนที่ยาววางทับหน้าตักของคนสองคนที่มาต่อกันอย่างตั้งอกตั้งใจ

      " มันเห็นไม่ชัดน่ะ.." คาวัลโลบ่น เพราะแสงจ้าของหลอดไฟในรถทำให้กระดาษของแผนที่ซึ่งส่วนใหญ่มีสีขาวและบอกรายละเอียดอย่างที่พับเก็บได้ จึงเป็นกระดาษเนื้ออ่อน มีแสงทะลุถึง เหมาะสำหรับกางไว้บนโต๊ะหรือถือดูในลักษณะตั้งฉากมากกว่าวางบนพื้นไม่ราบท่ามกลางแสงไฟเช่นนี้

      "นั่นสินะ.. "อัลชาอ์รับคำ กวาดตามองรอบๆห้องโดยสาร ก่อนจะตัดสินใจขยับตัวเอนแนบเบาะนั่งให้มากที่สุด ทำให้เหลือพื้นที่บริเวณด้านหน้าตักอีกไม่น้อย ชีคหนุ่มพับแผนที่ช้าๆวางไปด้านซ้ายมือของตนอย่างลวกๆ ก่อนจะกวักมือเรียกคนที่นั่งด้านขวามือและกำลังจ้องมองมาอย่างใจจดใจจ่อ

      " มานั่งตรงนี้..." อัลชาอ์เอ่ยพลางตบลงบนเบาะนั่งด้านหน้าเบาๆ เพราะห้องโดยสารของรถมีที่นั่งค่อนข้างกว้างขวาง ดังนั้นเมื่อลองขยับตัวดีๆจึงสามารถนั่งซ้อนกันได้

      " เห? เอางั้นเหรอ? " คาวัลโลเลิกคิ้ว ละมือที่กำแก้วกาแฟไว้พลางมองหน้าอัลชาอ์ราวกับจะหาจุดประสงค์อื่นที่หลบซ่อนในท่าทีนั้น..และเหนือกว่านั้น คือความเหมาะสมด้วยสถานะ..ของเขาและอีกฝ่าย

      ".........." อัลชาอ์ชะงักกับท่าทีของมาเฟียหนุ่ม สบมองแววตาสีน้ำทะเลที่กำลังสื่อคำถาม..ที่ทำให้เขาก็มีท่าทีนิ่งไปไม่แพ้กัน.. 
   
    " เร็วสิ.." ทว่าเพียงครู่เดียวอัลชาอ์ก็ออกปากเร่งเช่นเดิม เมื่อไม่เห็นท่าทีว่าคนชวนจะคิดมากอะไร  คาวัลโลจึงวางแก้วกาแฟลงบนที่วางด้านหลัง แล้วขยับตัวลุกขึ้น พลางเสือกตัวเข้าไปนั่งซ้อนด้านหน้าที่นั่งของอัลชาอ์อย่างรวดเร็ว

             น่าเจ็บใจนิดๆที่ความสูงและที่นั่งมันช่างพอเหมาะพอเจาะกับตัวเขาอย่างมาก ด้านหลังเป็นร่างสูงใหญ่ของอัลชาอ์ที่มีท่าทีผ่อนคลาย ขาทั้งสองข้างเหยียดยาวคู่กันกันท่อนขาของเขาที่วางซ้อนอยู่ ขนาดความสูงของร่างกายที่ไม่สูงใหญ่จนบังสายตา เส้นผมสีน้ำตาลอัลมอนต์ของอีกฝ่ายวางอยู่เทียบแนวบ่า ทำให้สามารถแทรกใบหน้าลงได้ข้างๆทำให้ตอนนี้กลายเป็นว่าคาวัลโลนั่งซ้อนตักอัลชาอ์อย่างสมบูรณ์แบบเสียแล้ว ที่น่าเจ็บใจกว่าคือสามารถนั่งได้แบบเหมาะเจาะพอดีเสียด้วย..

        คาวัลโลบ่นในใจงึมงัมแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ยิ่งอีกฝ่ายขยับมือ กางแผนที่มาวางตรงหน้าซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนทั้งคนอยากรู้และคนอธิบายแล้ว ความสนใจเรื่องท่านั่งอันไม่ปกติก็หมดไปอย่างสิ้นเชิง นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองตามปลายนิ้วยาวซึ่งชี้บอกจุดต่างๆบนแผนที่ตามอย่างที่เขาสนใจอย่างเพลิดเพลิน การเรียนรู้เรื่องราวของประเทศอื่น ภูมิอากาศ สภาพพื้นที่ การกินอยู่หรือแม้กระทั่งวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ชื่นชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มันเป็นเสมือนการเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆให้ตนเอง  และกับประเทศที่เขาต้องมาใช้ชีวิตอยู่อย่างน้อยก็สามเดือนจะไม่รู้ไปเสียบ้างก็กระไรอยู่..

       เสียงพูดคุยเบาๆของเจ้านายและคนรักดังมาถึงบริเวณที่นั่งคนขับ ต่อให้ไม่หันไปดูกระจกมองหลังก็สะท้อนภาพ ชีคหนุ่มกำลังตั้งอกตั้งใจพุดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของประเทศตนผ่านทางแผนที่ด้วยใบหน้าที่ผ่อนคลายแปลกตา และร่างของหนุ่มคนรักชาวอิตาเลียนที่นั่งซ้อนตักของอัลชาอ์กำลังก้มหน้าก้มตามองและฟังเรื่องราวต่างๆอย่างสนอกสนใจ...บางครั้งก็หันมาถามและยิ้มให้กันอย่างเผลอไผลบ้าง มันช่างเป็นภาพที่ชวนปลาบปลื้มและหนักใจไปในคราวเดียวกัน

  ดีใจที่มีคนสนอกสนใจในวัฒนธรรม ประเพณี ตลอดจนเรื่องราวของประเทศตน

  ดีใจที่ ชีค อัลชาอ์มีท่าทีผ่อนคลายและมีความสุขแบบที่เห็นได้ยาก

     ฮาซานเอื้อมมือหรี่เสียงวิทยุให้เบาลงช้าๆ ขณะที่หันมองสบตากับเพื่อนองค์รักษ์ข้างกาย นัยน์ตาของอีกคนก็มองมาทางเขาและสบกันอย่างเงียบๆด้วยความนัยน์ที่รู้กันดี ผ่านเสียงพุดคุยและเสียงเจื้อยแจ้วของคนสองคนด้านหลัง..

  .....ฮาซานเหลือบมองใบหน้าเริงร่าของหนุ่มต่างชาติในอ้อมแขนของชีค นึกถึงคำพูดที่อีกฝ่ายเคยมอบให้กับตนแล้วลอบถอนใจ..อยากรู้นัก ที่บอกว่าจะจากไปในที่สุดแล้ว เจ้าตัวจะทำได้จริงๆหรือ...

...จะละทิ้ง..ความสุขขนาดนี้ไปได้ลงคอจริงๆหรืออย่างไร?

.....................................................

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 06-12-2010 03:02:36
    สองชั่วโมงให้หลัง ขบวนรถจึงสามารถเดินทางต่อไปได้ คาวัลโลนอนเอนตัวลงบนเบาะอย่างเบื่อหน่าย นั่งไปเกือบสองชั่วโมงใครก็ต้องเบื่อเป็นธรรมดา ศึกษาแผนที่โน่นนี่จากอัลชาอ์มาจนปรุแล้วคราวนี้เขาเลยกลับมานอนกลิ้งบนเบาะรถ จิบกาแฟไป ทานขนมปังรองท้องไปพลางๆ เสียแต่จะวางศีรษะไปเลยก็ไม่ได้ เพราะรถเริ่มขับเข้าพื้นที่แถบทะเลทราย จึงเริ่มขโยกเขยกตามสภาพพื้นที่

    หลังจากกาแฟเกือบจะกระฉอกใส่เป็นรอบที่สามคาวัลโลจึงล้มเลิกความคิดจะนอนกิน ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งบนเบาะรถอีกครั้งเมื่อใช้สายตามองออกไปนอกรถ ก็พบว่าทะเลทรายยามกลางคืนดูสวยงามลึกลับ น่าค้นหา มีสเน่ห์พอๆกับตอนกลางวันเลยทีเดียว เขากวาดสายตามองทิวทัศน์ภายนอกที่มีภาพเนินทรายสีดำสลับสูงๆต่ำๆดูน่าเวียนหัวชอบกล ก่อนจะมองไปยังคอนโซลรถ ที่ยังคงมีเสียงวิทยุดังเล็ดลอดออกมาอย่างต่อเนื่อง มองเห็นแสงไฟหน้ารถสาดปะทะกับฝุ่นทรายที่ยังคงปลิวคละคลุ้งภายนอก ฮาซานเปลี่ยนกับองค์รักษ์ที่นั่งข้างกายให้เจ้านั่นขับแทนแล้ว ส่วนเจ้าตัวกำลังก้มมองแผนที่สลับกับเข็มทิศในมืออย่างไม่วางตา

     " เดินทางในทะเลทรายนี้ลำบากน่าดู..." คาวัลโลเปรยพลางมองอัลชาอ์ที่นั่งอยู่ข้างกาย "นั่นเครื่องมือดูทิศทาง ที่จะเดินทางไปงั้นเหรอ?"

      "ใช่..เพราะไม่ได้เดินทางไปตามเมือง เลยต้องอาศัยความระมัดระวังกว่าปกติมากน่ะ..."อัลชาอ์ตอบก่อนจะหรี่ตาเมื่อมองเห็นคนข้างกายหาวหวอด "ถ้าง่วง...จะนอนอีกมั้ยล่ะ...? "

         คาวัลโลฟังแล้วนิ่วหน้าเมื่อถูกล้อเลียน หลังจากนั่งเป็นลูกศิษย์ให้อัลชาอ์สอนเรื่องเมือง รึพื้นที่ประเทศต่างๆนาๆแล้ว รอตั้งนานสองนานพายุก็ยังพัดอยู่ดี..ไม่อยากจะยอมรับเลยว่านั่งพิงอกอัลชาอ์แล้วอุ่นเป็นบ้าไปๆมาๆเลยเอนตัวนอนซะเต็มเหนี่ยวเผลอหลับไปวูบหนึ่งหน้าตาเฉย..พอถูกปลุกเพราะรถจะเดินทางต่อเลยถูกล้อไม่เลิกว่าขี้เซานักหนา

   ไม่อยากจะพูดให้ได้ใจว่าเพราะได้พิงตัวหนาๆของท่านชีคเลยหลับง่าย เพราะมันน่าเจ็บใจเสียจริงๆ

       อีกชั่วโมงกว่า รถก็มาถึงบริเวณโอเอซิสที่วางแผนไว้ว่าจะพัก คาวัลโลมองนาฬิกาที่บอกเวลาสามทุ่มกว่า ก่อนจะมองออกไปยังโอเอซิสด้านนอกที่มีต้นไม้ยืนเงาตะคุ่มอยู่ประปราย เขามองเห็นพวกทหารเดินออกไปสำรวจพื้นที่สักพักก่อนจะพากันลงจากรถและเตรียมตั้งเต้นท์พัก ฮาซานและองค์รักษ์อีกรายขอตัวลงจากรถไปเงียบๆทิ้งให้เขาและอัลชาอ์นั่งอยู่ในรถ

     คาวัลโลมองบรรยากาศด้านนอกด้วยความตื่นเต้น อยากจะลงไปจะแย่แล้ว แต่ท่านชีคข้างๆนี่สิยังเอาแต่อ่านหนังสือเงียบๆอยู่แบบเดิม เขาหันไปมองอัลชาอ์ที่ยังเงียบก่อนจะออกปาก

        " จะออกไปล่ะนะ "

       " อย่าเพิ่ง..รอทหารจัดการเต้นท์เสร็จก่อน.." อัลชาอ์ปรามสั้นๆ

       " ทำไมล่ะ? ออกไปรอไง ไม่ได้เหรอ" ออกปากถามพลางมองออกไปนอกรถด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

       "  ไม่ได้ แถวนี้เป็นแหล่งน้ำ อาจจจะมีพวกงูหรือสัตว์กลางคืนออกมาเพ่นพ่าน ไปเดินสุ่มสี่สุ่มห้าโดนกัดเข้าจะแย่..ไม่ได้เอาหมอมาด้วยนะ.." ถึงความอยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่ายจะชวนขันปนเอ็นดู ทว่าก็ต้องออกปากห้ามไว้ก่อน อัลชาอ์มองเห็นท่าทางขัดใจราวกับเด็กเล็กแล้วก็ส่ายหัวช้าๆ อย่างขบขัน

        " ขากลับ...ถ้าว่างอาจจะพาไปดูดาว.."

        " เอ๋?  จริงนะ " ถึงการดูดาวมันจะเป็นกิจกรรมที่ออกจะหวานแหววไปหน่อย แต่การได้ดูดาวท่ามกลางทะเลทรายแบบนี้ต้องมีอะไรน่าสนใจแน่ๆ

       " ถ้าหากว่าง...บางทีมีงานด่วน อาจจะต้องกลับเลย..."อัลชาอ์ทำเสียงเคร่งปรามออกมาสั้นๆเมื่อเห็นท่าทีเริงร่าเกินพิกัดของเจ้าตัวป่วน

       " หึหึ..ว่างสิ..." ท่าทีหมายมาดกับคำพูดนั่นทำเอาคนฟังชะงัก " ต้องว่างสิครับ.."

      "........." ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า อัลชาอ์ถึงได้มีลางสังหรณ์ว่าเจ้าตัวอาจจะพยายามทำอะไรบางอย่างกับคาราวานเดินทางของเขาเพื่อให้ตัวเองได้ออกมาดูดาวตามที่ต้องการจนได้...

      " คาวัลโล" น้ำเสียงเนิบช้า เปรยออกมาเบาๆ

      "หืม? " มาเฟียหนุ่มหันมามองตาใส

     " อย่าสนุกให้มากนักนะ.."

             เหมือนกับพูดไปก็เท่านั้น เพราะคาวัลโลยังคงพยักหน้ารับด้วยสีหน้าไม่รู้สึกรู้สา และหันไปมองด้านนอกด้วยท่าทีรื่นเริงต่อไป...

...บางที อาจจะคิดผิดแต่แรกแล้ว ที่เอาเจ้าตัวมาด้วย... อัลชาอ์ลอบถอนใจออกมาแผ่วเบา..

..............................................

   เสียงเม็ดทรายปลิวเปะปะกระทบกับเต้นท์ทำให้คาวัลโลถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย การมานอนกลางทะเลทรายนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยทำก็จริง แต่ถึงอย่างนั้น การมาแล้วถูกพายุทะเลทรายพัดกระหน่ำใส่สองสามรอบนี่ก็ชักจะทำให้เขาสงสัยแล้ว ว่าทะเลทรายหรือไอ้ประเทศนี้เนี่ย มันยินดีต้องรับเขาอยู่รึเปล่า  ออกมาก็เจอพายุทะเลทรายในรถไปทีล่ะ แถมพอมาพักกลับเจอพัดถล่มมาอีกระลอก น่าเบื่อจริงๆ

    กลอกตาขึ้นมองเหนือศรีษะที่เห็นเพียงสีน้ำตาลเข้มแสนคุ้นตาของเต้นท์หนังสัตว์ที่กันฝนกันลมและกัน"พายุ"ได้อย่างดียิ่ง เงาในเต้นวูบไหวไปมาเนื่องจากตะเกียงใหญ่ที่จุดอยู่เอนไหวไปมาเพราะแรงปะทะของผืนเต้นท์กับเม็ดทรายเบื้องนอก ที่นี่เป็นเพียงโอเอซิสเล็กๆ ไม่มีคนอาศัย มีเพียงพืชพรรณต้นไม้ขึ้นอยู่ประปราย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีไฟฟ้าใช้ อัลชาอ์บอกว่าปกติพวกเขาจะ"ปั่นไฟ"ใช่ด้วยเครื่องรถยนต์ แต่มันก็ไม่เป็นเรองจำเป็นอะไรนักหนาในตอนนี้ อีกทั้งสภาพอากาศก็ไม่เอื้อต่อการทำแบบนั้นอีก ดังนั้นคืนนี้ท่านชีคที่ปกติทานข่าวเสร็จแล้วจะยุ่งอยู่กับการทำงานง่วน จึงว่างงานชั่วคราว..

     คาวัลโลนอนกลิ้งอยู่กับม้ายาวแบบพับได้ที่พกพามาด้วยอย่างสบายอารมณ์ มองเห็นอัลชาอ์กำลังก้มหน้าก้มตาปูที่นอนก็เลิกคิ้ว ออกปากถาม

      " จะนอน...แบบนั้นเหรอ? "ถามเมื่อเห็นว่ากำลังปุผ้าลงบนพื้นที่มีพรมผืนใหญ่ปูรองไว้หลายชั้น มันก็ดูนุ่มๆน่านอนอยู่หรอก แต่ที่น่าสงสัย คือทำไมอัลชาอ์ถึงได้มาก้มหน้าก้มตาปูที่นอนอยู่คนเดียว พวกองค์รักษ์หรือพวกทหารทั้งหลาย ทำไมไม่มาทำแทนล่ะ

       " ทำไมล่ะ? "อัลชาอ์ถามกลับเรียบๆ มองหน้าคนพูด

       " ก็ไม่อะไร แค่แปลกใจ เพราะเคยเห็นแต่คนอื่นทำ เลยไม่คิดว่าคุณจะทำเป็น "คาวัลโลตอบกลับ

       " เป็นสิ ถ้าเอาแต่พึ่งคนอื่น ไม่ลองทำดู จะรู้ได้ยังไงว่างานนั้นมันลำบากแค่ไหน "คำตอบนั้นทำให้คนฟังพยักหน้ารับหงึกๆ และคาวัลโลมองชีคหนุ่มด้วยแววตาเริ่มจะนับถือ..

       " นั่นสินะ...ปกติผมก็แค่สั่งพวกลูกน้องไปทำงาน..แบบว่า จัดการนั่นโน่นนี่ ไปฆ่าไอ้คนนั้นที สั่งสอนไอ้พวกนี้หน่อย..ไม่ค่อยลองทำเองเหมือนกัน พอได้ทำ ถึงรู้ว่ามันสนุกกว่าที่คิด..." รอยยิ้มบางๆทาบบนมุมปากของคนพูด อัลชาอ์ส่ายหัวช้าๆ ด้วยไม่ได้ต้องการจะฟังประสบการ์ณแบบนี้จากคนพูดสักเท่าไหร่..

      " เรื่องแบบนั้นผมไม่ค่อยสนับสนุนหรอก " อัลชาอ์ตอบสั้นๆด้วยสีหน้าเอือมระอา

      " ฮ่าๆ รู้หรอก..ก็คุณเป็นผู้นำประเทศนี่ ถึงจะทำเรื่องดีบ้าง..ไม่ดีนิดๆบ้าง..แต่ก็ไม่ได้เป็นมาเฟีย ไม่ได้ทำงานนอกกฏหมายแบบผม.."คาวัลโลหัวเราะหึหึกล่าวเสียงใส "ฟังคุณเล่าเรื่องประเทศของตัวเองมาเยอะแล้ว อยากรู้บ้างไหม? ว่า"มาเฟีย"ที่พวกคุณรู้จักกัน กับของจริงๆน่ะ มันเป็นยังไง.."

      "ของจริงก็อยู่ตรงนี้แล้วนี่....ไม่ใช่รึไง ?" อัลชาอ์เลิกคิ้ว มองหน้าคนพูด..

      " แล้วไม่อยากรู้เรื่องอื่นๆบ้างเหรอ? อย่างน้อยก็...เรื่องพวกมาเฟียในอิตาลี ที่คุณคิดจะค้าขายด้วยน่ะ "คาวัลโลยิ้ม ยักคิ้วยั่ว..

      " มีอะไรแลกเปลี่ยนอีกล่ะ ? " อัลชาอ์ถามทันทีอย่างรู้ทัน ทำให้มาเฟียหนุ่มที่กำลังเสนอตัวแฉเรื่องราวความเป็นไปของตนเองถึงกับหัวเราะก๊าก คาวัลโลกลิ้งตัวลงมาจากม้ายาวที่นอนอยู่นั่งยองๆเบื้องหน้าชีคหนุ่มที่กำลังปูที่นอนเสร็จเรียบร้อยด้วยรอยยิ้มกว้าง..

       " ให้ผมนอนด้วยคนสิ.."

       อัลชาอ์มองหน้าเจ้าตัวที่ยังคงยิ้มให้แบบอ้อนๆแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

        " คนไม่ทำงาน  มีสิทธิจะขอความสบายด้วยเหรอ? "

        " แหม...ก็ไม่บอกผมนี่นา...ทึ้งของพวกนี้ออกอีกรอบสิ เดี๋ยวผมช่วยเต็มที่เลยเอ๊า.." ว่าพลางเอื้อมมือจะถลกที่นอนซึ่งจัดเรียบร้อยด้วยจริงๆ อัลชาอ์ส่ายหัว ตีมือคนทำแรงๆให้ละมืออก

        " ..ทำอะไรให้ยุ่งยากอีกทำไม..และอีกอย่างเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่จิตสำนึก เมื่อไม่ลงมือทำก็ไม่มีสิทธิเก็บผลของมันนะ..."

        " ผมเลยกะตอบแทนด้วยการเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังไง..นี่ความลับนะ เรื่องใหญ่นะ ฟังจากตัวจริงน่ะไม่ดีเลยเหรอ !! " ฟังเจ้าตัวพูดแล้วเหมือนพวกโฆษณาชวนเชื่อเข้าไปทุกที ชีคหนุ่มยิ้มมุมปากเงี่ยหูฟังมาเฟียของจริงตรงหน้ากำลังอ้าปากสาธยายความลับอันยิ่งใหญ่ที่จะเล่าให้เขาฟังเพื่อ"ที่นอนคืนเดียว"อย่างขบขัน

         " ออกปากบอกความลับง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงกัน? "เลิกคิ้วถามเจ้าคนที่กำลังพล่ามสรรพคุณของความลับอันยิ่งใหญ่ที่ว่าไปเรื่อย ทำให้เจ้าตัวชะงัก คาวัลโลหันมามองหน้าคนถาม พยักหน้าหงึกๆ

         " ...มันเป็นความลับ แต่ไม่ได้โดนห้ามบอกต่อ ไอ้คำว่า"ความลับ"น่ะ มันต้องมีคนรู้มากกว่าหนึ่งคนอยู่แล้ว.." คาวัลโลยักไหล่" เป็นแค่ข้อมูลทื่ห้ามบอกใครมั่วซั่วเท่านั้นเอง...คุณก็ไม่ใช่พวกทั่วไปนี่ถึงจะบอกไม่ได้..แล้วผมก็คงไม่พล่ามอะไรที่ทำให้ครอบครัวผมล่มจมหรอก.."

         " แล้วนั่นยังเรียกว่ามีความสำคัญอยู่อีกเหรอ? " อัลชาอ์เลิกคิ้วถาม

        " ก็แล้วแต่จะคิด..เพราะเรื่องบางเรื่องที่ไม่สำคัญกับคนอีกพวหหนึ่ง อาจจะสำคัญมากๆสำหรับคนอีกกลุ่มก็ได้.."คาวัลโลทิ้งตัวนั่งลงบนผืนพรม ขณะที่เงยหน้าขึ้นเมื่อเสียงเม็ดทรายซัดลงกับเต้นท์ดังลั่นขึ้นพร้อมกับผืนหนังที่สั่นกึกๆเหมือนจะปลิวไปไม่วินาทีใดก็วินาทีหนึ่ง ทำเอาเขาต้องหรี่ตาอย่างเครียดๆ

       " นี่..อัลชาอ์  ให้ผมได้นอนทีเถอะ ก่อนจะประสาทกับพายุข้างนอกมากกว่านี้ น่ากลัวเป็นบ้าสิน่า..." คาวัลโลบ่นงึม หันไปมองหน้าชีคหนุ่มที่ทิ้งตัวลงกับที่นอนแล้ว  มองพื้นที่ซึ่งเหลืออยู่พอสมควรแล้วรีบแทรกตัวลงนอนข้างๆทันที

       " เฮ้..ใครอนุญาตน่ะ หือ? " เสียงถามของบคนข้างกายทำให้คนฟังหน้ามุ่ย คาวัลโลแบะปาก หันหน้าไปมองเสี้ยวหน้าคมสันที่อยู่ห่างจากใบหน้าตนไม่มากนัก

       " อย่ามางกน่า  นอนด้วยกันมาเป็นอาทิตย์แล้วอย่ามาทำหวงเนื้อหวงตัว..เดี๋ยวก็ไม่เล่าให้ฟังหรอก.." ว่าพลางขยับศรีษะกระแทกกับไหล่หนาเบาๆเป็นเชิงหยอกล้อ

           เบิกตามองผืนหนังสีเข้มที่อยู่ด้านบนในกระโจมพักขนาดกลาง มันกำลังสะบัดเป็นริ้วระลอกด้วยสายลมและเม็ดทรายที่สาดปะทะ เสียงของทรายกระทบผืนหนังฟังไปก็เหมือนสายฝน แต่ถ้าเปรียบเป็นฝน มันคงเป็นฝนที่เจ็บสุดๆเป็นแน่..

 กระโจมนี้มีเพียงพรมขนาดใหญ่วางลวกๆด้วยฝีมือพวกทหาร เพราะอย่างที่แม่สาวๆบอกว่าชีคไปไหนไม่ชอบพกพวกเธอไปด้วย เรื่องที่นอนอะไรเลยต้องพกพามาเองจัดการเอง จะหาความงดงามเป็นระเบียบในการพักแค่คืนเดียวคงหาได้ยากเต็มที แต่กระนั้นอัลชาอ์ก็ยังอุตส่าห์ลากเอาเจ้าม้านอนตัวโปรดมาให้เขานอนกลิ้งจนได้ ในเต้นท์ก็มีพวกเขาแค่สองคน พวกทหารไม่ออกมายุ่มย่ามแน่เพราะพายุทะเลทรายที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่นี่ นั่นเป็นสาเหตุที่อัลชาอ์ต้องปูที่นอนเองสิน่ะ..

         " ไหนบอกจะเล่า..." เสียงเข้มๆดังขึ้นทำให้คนคิดเพลินๆชะงัก คาวัลโลเงยหน้ามองหน้าคนพูดด้วยหน้าตาเหรอหรา

        " อ้าว? จะฟังด้วยเหรอ เห็นบ่นๆเลยนึกว่าไม่อยากรู้ " เพราะคิดว่าอัลชาอ์อาจจะมีเรื่องปวดสมองมากพอแล้ว คงไม่อยากได้เรื่องของพวกขบวนการใต้ดินประดับสมองให้ยุ่งยากอีกหรอก

        " ก็....แค่คิดว่ารู้ไว้บ้างก็คงดี " คำแก้ตัวถูกตอบออกมาช้ากว่าปกติ ทำให้คาวัลโลนึกงงอีกรอบ แต่เขาก็ทำไม่สนใจมันไปเสีย

        " อยากรู้อะไรล่ะ "

         " อะไรก็ตามที่อยากเล่า " อัลชาอ์ตอบสั้นๆ

        " หืมมมมม..เอาที่มันเป็นประโยชน์กับคุณสิ อยากรู้เรื่องพวกแกงค์ที่คุณอยากไปติดต่อซื้อขายหลังจากผมลาไปยมโลกมั้ยล่ะ " คาวัลโลว่าพลางหัวเราะเบาๆ " เอาจริงๆนา...จะว่าหลงตัวเองมั้ยล่ะแต่เห็นแบบนี้แกงค์ของผมก็อยู่ในเกณฑ์ทำตัวดี ไม่ค่อยมีปัญหาให้รัฐบาลปวดหัวล่ะนะ.."

       " แน่ใจเหรอ? " อัลชาอ์ถามกลับสั้นๆ เพราะเห็นว่าถ้ามีบอสแบบนี้อาจจะอยู่ในเกณฑ์"สร้างปัญหา"มากกว่าทำตัวดีด้วยซ้ำ..

       " ก็คุณเคยเจอแต่ผมนี่..จะไปว่าอะไรได้ ลองเจอพวกตาเฒ่างี่เง่าทำตัวทุเรศก่อนเถอะค่อยพูด.." คาวัลโลแบะปากทำเสียงขึ้นจมูกอย่างล้อเลียน " ไอ้พวกนั้นน่ะนะ เหอะ!!  ต่อหน้ากล้องล่ะทำเป็นใจบุญ  ลับหลังล่ะสารพัดเรื่อง เคยได้ยยินชื่อ "เซเคนี" มั้ยล่ะ พวกนั้นน่ะ...ศัตรูอันดับหนึ่งของผมเลยนะ.."

        " เซเคนี....คิดว่าเคยได้ยิน...ผ่านๆล่ะมั้ง.." อัลชาอ์รับคำสั้นๆ ขณะที่คิ้วขมวดมุ่น ไม่บอกเจ้าคนที่กำลังพูดว่าเซเคนี คือเเกงค์ที่เขาคิดว่าอาจจะไปติดต่อซื้อขายด้วยหากเสียความสัมพันธ์กับตระกูลวาลกัสไป

       "....พวกเซเคนีมันแมงดา หากินกับผู้หญิง " คาวัลโลเหยียดยิ้มออกมาอย่างเยาะหยัน " พวกนี้คุมเส้นทางค้ายา ค้าอาวุธแถบเอเชียตะวันออก.....ที่น่ารังเกียจที่สุดคือเอาผู้หญิงของประเทศแถบนั้นมาหากิน..โกยเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ไอ้แก่เซลโซนี่มีแต่คนรังเกียจ..แค่ทำอะไรไม่ได้เท่านั้นล่ะ มันถึงยังรอด....แต่คอยดูเถอะ สักวันมันต้องถูกกระทืบให้จมดิน.."

      " นั่นพูดด้วยอคติของตัวเองล้วนๆรึเปล่า? "อัลชาอ์ถามสั้นๆ

     "  จะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ แต่เรื่องเกลียดมันล่ะใช่แน่...พวกแมงดา หากินกับเพศแม่ตัวเอง ไม่เคยให้เกียรติผู้หญิง.." คาวัลโลร้องฮึออกมาเบาๆ " คุณอาจจะคิดว่าทำไมผมรังเกียจเรื่องนี้ ทั้งที่พวกเรามันก็ทำเรื่องชั่วมาตั้งมาก แต่ยังไงๆ ที่ไม่คิดจะทำคือซ่อง..ลูกผู้ชายชาวอิตาเลียนต้องให้เกียรติผู้หญิง..ไม่ทำร้ายทุบตี ต้องดูแลเธอ อย่าหมิ่นเกียรติของเธอ ต้องปฏิบัตต่อเธออย่างดี....ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ไอ้พวกเซเคนีมันทำ.."

      "...ส่วนพวกต่อมาคือพวกกราดอนกับเรกาโซ่.....พวกนี้คุมเรื่องสหภาพในประเทศ...พวกคนขับรถ สหภาพแรงงาน  และสนามแข่งม้า บ่อนส่วนใหญ่ และโรงเหล้า ก็ของพวกนี้ กราดอนไม่จับเรื่องยาเสพติดเลย...ส่วนเรกาโซ่ก็พวกเฮโรอีนหรือผงขาว...สองแกงค์นี้มีความเกี่ยวพันกันอยู่...ถ้าอยู่แกงค์เดียวไม่น่ากลัว แต่ถ้ารวมกันได้..ก็อาจจะ....." นัยน์ตาคนพูดหรี่ลงช้าๆ ก่อนจะระบายยิ้มอันไม่น่าไว้ใจตรงมุมปาก " ซึ่งเป็นไปไม่ได้แล้วในตอนนี้..."

     " หือ? " อัลชาอ์ถามกลับเบาๆ หลังจากเงียบฟังไปพัก

     "   พวกกราดอนซวยไปหน่อย รุ่นนี้มีทายาทคนเดียวและยังเป็นผู้หญิง....เลยจะให้แต่งกับคนของเรกาโซ่..คิดจะรวมแกงค์ล่ะมั้ง.." คาวัลโลตอบ " แต่ว่า...มันก็เป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ..."

     "...ทำไม? " อัลชาอ์เลิกคิ้ว ถามกลับอย่างเริ่มจะสนใจ

     " ความลับ " คาวัลโลสวนขวับแล้วหัวเราะร่วน หยุดประเด็นสนทนาไว้เพียงแค่นั้น ทำเอาคนฟังชะงักค้าง พร้อมๆกับฝ่ามือที่ขยี้ลงไปบนกลุ่มผมของเจ้าตัวแรงๆทันควัน

     "......ถ้าคิดจะมาเล่าแค่นี้ล่ะก็.."

    " เปล่าซะหน่อย..ฟังเรื่องของพวกผมไม่ดีกว่ารึไง เพราะยังไงตอนนี้เราก็ยังเป็นพันธมิตรกันอยู่นี่.." คาวัลโลว่า ส่วนคิ้วคนฟังขมวดเข้าหากันช้าๆ ตอนนี้...ยังเป็น แสดงว่าอนาคตอาจจะไม่สินะ..

    "...ตระกูลผมมาจากซิซิลี.. เป็นคนรุ่นแรกๆที่มาตั้งรกรากอยู่ที่โรมา เพราะเราถูกดอนที่นั่นขับไล่ "

    " โรมา? ดอน? " อัลชาอ์ออกปากถามกับศัพท์ที่ไม่คุ้นหู

     " โรมไง...กรุงโรมในภาษาอิตาเลียน เรียกว่า โรมา อย่างเนเปิ้ลส์ก็นาโปลี เวนิส ก็เวนิเซีย..ฟลอเร้นซ์ก็  ฟีเรนเซ่ ส่วนมิลานก็ มิลาโน่ .." คาวัลโลแล็คเชอร์ภาษาอิตาเลียนสั้นๆให้เจ้าตัวฟัง "ส่วนดอน..คือคำเรียกของคนที่มีอำนาจ "

     "  บรรพบุรุษของผมออกจากซิซิลีตอนก่อนสงครามโลกครั้งแรก เราอยู่เงียบๆแบบนั้น จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สองเกิด...พอมุสโลลินีเรืองอำนาจเราก็มีกำลังตามไปด้วย..แต่เราต่างกับมุสโสลินีตรงที่เราทุ่มเทให้กับเศรษฐกิจ ทำธุรกิจกับสงคราม แต่ไม่ได้ลงไปเล่นกับมันเต็มตัว " คาวัลโลบอก พลางขยับตัวเปลี่ยนท่านิดหน่อยอย่างไม่สบายตัว สุดท้ายจึงเห็นช่องทางในการเอาศรีษะตัวเองพาดลงบนท่อนแขนของชีคหนุ่มซึ่งเขาก็ทำมันทันควัน " ... จนถึงตอนนี้..ตระกูลผมแบ่งเป็นสองสาย...หนึ่งคือพวกที่ยินดีอยู่กับสังคมมืดแบบเต็มตัว และสอง..สำหรับคนที่ไม่ต้องการแปดเปื้อน...ลุงผมรับช่วงดูแลแกงค์ต่อ ส่วนพ่อผมดูแลธุรกิจของเรา ทั้งบริษัทลงทุนข้ามชาติ บริษัทสินเชื่อ เงินกู้ต่างๆ รวมทั้งบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ... และลุงผม ทำงานของแกงค์ เรื่องการค้าอาวุธ...ค้าของเถื่อน ...บ่อนพนันถูกกฏหมาย และ ยาเสพติด..."

     " เรื่องยา...ผลประโยชน์สูง..รายได้มาก ต่อให้เราไม่ทำ คนอื่นก็ทำอยู่ดี  เพราะฉะนั้นแทนที่จะมองมันเฉยๆ สู้กระโจนลงไปจับตาดูและควบคุมมันด้วยดีกว่า..นั่นเป็นความคิดของลุงผมน่ะ จะว่าถูกมันก็ใช่ เพราะอย่างน้อย เราก็ไม่เคยขายให้เด็ก ผู้หญิง และไม่อนุญาติให้ก่ออาญชากรรมใดในพื้นที่ของเราทั้งสิ้น.."

      "..และเรื่องตำแหน่ง ลุงผมไม่มีลูก แต่งงานมาหลายปีแล้วก็เถอะ...มาเฟียเรามีกฏที่ต้องอ่อนโยนและให้เกียรติแก่ภรรยา...แม้ว่าเธอจะมีลูกไม่ได้ นั่นไม่ได้หมายความว่าจะต้องหย่าร้าง ลุงผมเลยคิดว่าจะเอาทายาทจากฝั่งพ่อผมนี่ล่ะ ตอนแรกหมายตัวพี่ชายผมไว้นะ คนโตน่ะ....คุณเคยเห็นนี่ ไอ้บ้าที่นั่งดินเนอร์กันไง..."

      พูดถึงเรื่องนี้แล้วชักจะหงุดหงิดนิดหน่อย ยิ่งฟังเสียงหัวเราะของอัลชาอ์แล้วคาวัลโลจึงหน้ามุ่ย เอาหัวกระแทกคางของฝ่ายนั้นไปเสียทีหนึ่ง..

        "..แต่เขาไม่ทำ.. เขาไม่ยอมเป็นมาเฟีย ...ไม่มีทางเลยไม่ว่าจะทำยังไง.." คาวัลโลหรี่ตาลงน้อยๆ " จะว่าไปแล้วนี่เป็นเรื่องนึงที่ผมไม่เข้าใจนะ...เพราะเขาคิดว่าคนที่รักสำคัญกว่าทุกอย่าง..เลยไม่ยอมเป็นบอส..."

       " ทำไมหรือ?...คนที่รักคนนั้น..ไม่ยอมรับรึไง?" อัลชาอ์ออกปากถาม

      " เปล่า...จะว่าไปแล้ว พวกเราต่างหากที่ไม่ยอมรับ.." คาวัลโลบอก เขาพลิกตัวหันหลังให้ชีคหนุ่มแล้วบ่นงึมงัม "นี่เป็นความลับสำคัญเลยนะ เรื่องใหญ่ด้วย ผมไม่อยากจะบอกใครเลยจริงๆ..แต่เพราะเห็นว่าคุณคงรู้บ้างหรอก..ไม่สิ เดี๋ยวก็คงรู้อยู่ดี.."

       " อะไรเหรอ?"  อัลชาอ์ตะแคงตัวตามบ้าง ก้มหน้าลงถามเจ้าตัวในระยะประชิด

      " พี่ผมชอบผู้ชาย.. "คาวัลโลงึมงัมบอกสั้นๆ " แถมคนๆนั้น...ยังเป็นพี่ชายผมด้วย..."

      " หือ? "เหมือนว่าคำตอบนั้นจะทำให้งวยงงอยู่ไม่น้อย อัลชาอ์จึงเลิกคิ้ว ถามกลับ..พร้อมกับก้มมองใบหน้าด้านข้างของคนพูด จากแสงไฟที่สาดลงมองเห็นลำคอขาวและใบหูที่มีเส้นผมสีเข้มปรกชัดเจน รวมทั้งผิวแก้มใสซึ่งกระทบกับแสงไฟทิ้งเงาลงตามรูปหน้า..

        " ...ก็........" เหมือนคาวัลโลจะลังเลไม่น้อย จึงหันมามองหน้าคนที่เขาจะบอกอย่างไม่แน่ใจ ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กๆเมื่อพบว่าใบหน้านั้นโน้มเข้ามาใกล้กว่าที่คิด ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันน้อยๆลากปลายฟันขบลงด้วยท่าทีไม่มั่นใจนัก " ห้ามหัวเราะเยาะนะ "

      " อืม.."

      " ห้ามทำท่ารังเกียจ สะอิดสะเอียนด้วย"

      " มันเป็นเรื่องที่น่าอายขนาดนั้นเลยรึไง?" อัลชาอ์ขมวดคิ้วเมื่อท่าทีของเจ้าตัวดูจะกระวนกระวายผิดปกติ

      " ไม่รู้สิ...สำหรับผมน่ะ ยังไงก็ได้...แต่คนอื่นนี่สิ.." คาวัลโลบอกงึมงัม " ก็....พี่ผม...รักกับฝาแฝดตัวเอง.."

      "..............." เหมือนว่าอัลชาอ์ฟังแล้จะชะงัก..นิ่งไปกับคำตอบนั้น แต่นั่นก้ทำให้เขาได้รู้ว่าในภาพที่ได้มาครั้งก่อน ท่าทีของชายหนุ่มสองคนที่ไปดินเนอร์กันในคืนนั้นหมายความว่าอย่างไร

       "...เงียบไปเลยล่ะสิ.." คาวัลโลมองท่าทางนั้นก่อนจะถอนใจเบาๆ เอาใบหน้าแนบลงกับท่อนแขนของชีคหนุ่มโดยไม่รู้ตัว " ...นั่นมันร้ายแรงกว่าคำว่า"ชอบผูชาย"อีกนะ.. แค่ชอบผู้ชาย พระผู้เป็นเจ้าก็ไม่อาจจะอวยพรให้แล้ว ยังรักกับฝาแฝดตัวเอง..สายเลือดเดียวกันอีก....แม่ผมรู้เรื่องแล้วแทบใจสลาย...เหมือนกับว่าบาป...ที่เราเคยทำ เคยก่อกับคนอื่นมา มันไม่เคยได้รับการอภัยจากพระเจ้า...สุดท้ายมันก็วนเวียน กลับมาหาครอบครัวของเราในรูปแบบนี้..."

       "....ในสายตาคุณ นั่นมันผิดบาปมากนักหรือ ? " อัลชาอ์ออกปากถาม

      " แล้วคุณล่ะ " ใบหน้าที่ซุกอยู่กับท่อนแขนหนาหันมามอง

      "...พระอัลเลาะห์...ไม่อนุญาติให้สาวกของพระองค์ มีความรักที่ไร้ประโยชน์ รัก..ที่ไม่สามารถสืบเผ่าพันธ์ได้..." อัลชาอ์เอ่ยพลางมองหน้าคนถาม หากใบหน้ากลับฉายความว้าวุ่นออกมาไม่น้อย... "...นั่นเป็นหลักที่ยึดถือกันเช่นเดียวกับศาสนาของคุณ....แต่ผมคิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิตัดสินความรักของคนอื่น ว่าถูกหรือผิดอย่างไร"

       "......มันไม่ใช่ความรัก แต่มันคือความผิดปกติ.."

          
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [13] UP !! 29/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 06-12-2010 03:23:38
  
    อัลชาอ์ชะงัก...ขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย มองเห็นเสี้ยวหน้าที่เคร่งขรึมนั้นชัดเจน อะไรบางอย่างเสียดแทงเข้ามาในใจกับท่าทีนิ่งขึงของคนตรงหน้ากับ....คำพูดราวกับไร้หัวใจเช่นนั้น..

       " นั่นเป็นคำพูดของคนที่ไร้หัวใจรึเปล่า? ..คนที่ไร้ความรักจะพูดแบบนั้นหรือ?"

       " ....ก็คงงั้น..." คาวัลโลยกรอยยิ้มมุมปากราวกับเยาะหยัน " ผมพูดแบบนี้ต่อหน้าพวกเขาสองครั้ง ครั้งแรกถูกชก ส่วนครั้งที่สอง ถูกตบด้วยกระบอกปืน"

        "......"

        " ...ผมมันพวกไร้หัวใจ..ใครๆเขาก็ว่างั้น...แถมยังเป็นแค่ตัวสำรองที่ไม่มีใครเห็นหัว...ถ้าพี่ชายผมไม่เป็นแบบนี้ ไม่มีวันหรอก ที่ผมจะได้เป็นบอส...แต่เขาเป็นมาเฟียไม่ได้...ไม่มีวันเป็นได้ เพราะมันผิดกฏ..มันเป็นบาปที่ใหญ่หลวง...แต่อะไรที่น่าขำกว่านั้นรู้ไหม?......"

        " คนที่ทำให้เรื่องของสองคนนั้นเปิดเผยออกมา ก็คือผมเอง..."

       "............."

       " ผมเป็นเด็กขี้อิจฉานะอัลชาอ์..ของที่ผมอยากได้ ไม่ว่าอะไร จะเคยเป็นของใคร ผมก็จะเอามันมาเป็นของตัวเองตามที่ต้องการนั่นแหละ..ไม่ได้น่ารัก ไม่ได้เป็นคนดีแบบคนอื่นเขาหรอก...เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง....คนอื่นถึงได้ระแวงผมกันไปหมด..แม้กระทั่ง...พ่อแม่ตัวเอง.."

      "...คนที่เป็นเด็กขี้อิจฉา จะออกมาพูดปาวๆแบบนี้งั้นเหรอ? "อัลชาอ์เลิกคิ้ว มองดูใบหน้าที่แข็งกร้าวของเจ้าตัว ก้มมองริมฝีปากสีจางที่ถูกกัดย้ำจนมันขึ้นสีก่ำ  "คุณก็แค่รู้สึกผิด จนพาลคิดว่าคนอื่นเขารังเกียจไปเสียหมดมากกว่า..เด็กแบบนี้น่ะ ไม่มีทางจะคิดร้ายกับคนสำคัญของตัวเองได้หรอก..."

     ".......อย่ามาพูดยังกับรู้จักผมดีนะ.." คาวัลโลส่งเสียงอู้อี้ออกมาจากริมฝีปากและใบหน้าที่กดลงบนท่อนแขนหนาจนแน่น อัลชาอ์มองเจ้าตัวแล้วถอนหายใจเบาๆฝ่ามือข้างที่ท่อนแขนนั้นถูกทับไปแล้ว สอดประสานกับฝ่ามือที่วางทับไว้ช้าๆ

     " ก็แค่อยากมีคนบอกว่า"ไม่เป็นไร" ไม่ใช่รึไง ?"

     " เงียบไปเลย ไม่เล่าให้ฟังแล้ว..." คาวัลโลพยายามสะบัดมืออกจากปลายนิ้วที่สอดประสานอยู่ แต่ก็ไม่หลุดเสียที

     "...หึ....งั้นถามอีกอย่างเดียวก็พอ..." อัลชาอ์กระซิบเบาๆกับใบหูของเจ้าตัว

      " อะไร?" คาวัลโลเงยหน้ามาถาม คิดว่าพอบอกว่าเขาทำเรื่องอะไรไปบ้างแล้ว จะทำท่ารังเกียจหรือระเเวงรับไม่ได้เสียอีก แต่กลับยังอยากจะคุยด้วยอีกงั้นเหรอ?  แต่ทว่าเมื่อนัยน์ตาที่ฉายแววงุงงสบกับนัยน์ตาสีเข้มที่ทอดมองตรงมาจองอีกฝ่าย ก็ชะงักเขารีบมุดหน้าลงไปทันควัน เพราะรู้ว่าเมื่อครู่นัยน์ตาของตัวเองมันแดงก่ำแค่ไหน..

      "...อยากเป็นบอสมาเฟียเพราะอะไร?..."

       "...เพราะนั้นคือที่ของผม " น้ำเสียงเอ่ยออกมาช้าๆไร้อาการลังเลหรือไม่แน่ใจ " ตั้งแต่เกิด ผมรู้เพียงแค่อย่างเดียว ว่าผม ต้องได้เป็นบอส.."

      " งั้นหรือ? ไม่ว่ายังไง ก็จะเป็นสินะ.."

     "ใช่.."

        อัลชาอ์ก้มมองเส้นผมสีน้ำตาลนุ่มที่อยู่ใกล้เพียงสายลมคั่น ได้กลิ่นของสายลมและน้ำทะเลอบอวลจากร่างของคนตรงหน้า ชีคหนุ่มเงียบเสียงลงไปนัยน์ตาฉายแววครุ่นคิดขณะที่ทอดมองแผ่นหลังบางและร่างกายที่ซุกอยู่กับอ้อมแขนของตน เสี้ยวหนึ่งของความคิดกำลังกระซิบอย่างชั่วร้ายถึงสารพัดวิธีการที่จะทำลายความต้องการของคนตรงหน้าให้หมดสิ้นไป..เพียงเพื่อจะได้อยู่ตรงนี้...ไม่ไปไหน..

   ...ไม่เป็นได้ไหมนะ..มาเฟีย..

 ...ไม่ไป...ได้ไหม?..

       อัลชาอ์ชะงัก กระพริบตาช้าๆ ขณะที่ร่างกายของตนเองกำลังโน้มตัวเหนือแผ่นหลังที่กำลังอ่อนแอและต้องการความอบอุ่นอย่างประสงค์ร้าย ชีคหนุ่มตัวเย็นวูบเมื่อสำนึกรู้บอกว่าตนเองกำลังคิดจะทำอะไร..

ฝ่ามือเย็นชืด ผิดกับอีกข้างที่ปลายนิ้วเรียวสอดประสานไว้ไม่ปล่อย ขณะที่น้ำเสียงของตัวเขาเองก้องสะท้อนในสมอง.."...พระอัลเลาะห์...ไม่อนุญาติให้สาวกของพระองค์ มีความรักที่ไร้ประโยชน์ รัก..ที่ไม่สามารถสืบเผ่าพันธ์ได้ "

..ทำไม่ได้..

เช่นเดียวกับที่เปลี่ยนใจ ให้คนบางคนเลิกคิดจะเป็นบอสมาเฟีย...

...

        ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน..

อเล็กซานดร้า มาซีโลนี วาลกัส เกิดมาบนครอบครัวที่ร่ำรวยและเพียบพร้อม พ่อแม่ก็ถือว่าใจดีและรักใคร่กันมาก  ครอบครัวก็ปกติสุข แม้จะมี"เบื้องหลัง"มากไปหน่อย นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา

  การเกิดมาเป็นลูกสาวคนเดียวยิ่งทำให้ถูกรักใคร่และเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ ตั้งแต่เกิดจนโตได้รับความสนอกสนใจจากผู้คนโดยรอบมาตลอด กระทั่งเข้าวงการบันเทิง แสดงละครแต่ละครั้งยังได้รับความสนใจล้นหลาม ดังนั้น ในชีวิตนี้ ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เธอจะคิดว่าต้องมาถูกละทิ้ง ไม่ให้ความสำคัญกับการมีอยู่ของตนเองขนาดนี้

 แต่นั่นมันก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้น..

 ....หลังจากทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ว่าพี่ชายคนรองได้รับบาทเจ็บเธอก็รีบถ่ายละครและมาเยี่ยมทันที แม้ว่าจะต้องรอคอยถึงสามวันกว่าพี่ชายจะฟื้น(แต่สำหรับเธอถือว่าต้องรอคอยแค่วันเดียว แต่นั่นน่ะมากเกินพอแล้ว)แต่ในที่สุดพี่ชายของเธอก็ฟื้น และกำลังนั่งยิ้มอยู่บนเตียง แม้จะมีสภาพบาดเจ็บอยู่ก็ตาม...

...บิดาและมารดามาเยี่ยมตอนเช้าตรู่ของวันนี้และกลับไปเมื่อครู่..น้องชายก็มาเยี่ยมและออกไปจัดการเรื่องย้ายโรงพยาบาล ทำให้ตอนนี้เหลือเธอและพี่ชายคนโตคอยเฝ้าไข้..

แต่ไม่ว่าจะทำยังไง เธอก็ทำให้เจ้าพี่ชายฝาแฝดทั้งสองคน รับรู้ว่ามีบุคคลที่สามอยู่ด้วยไม่ได้สักที..

     อเล็กซานดรามองภาพพี่ชายฝาแฝดของหล่อนกำลังนั่งป้อนข้าวกันอยู่ ร่างของอเล็กเซย์พี่ชายคนรองนั่งเอนๆบนเตียง มีโต๊ะเตารีดแบบพับเก็บได้อยุ่ตรงหน้าและมีถาดอาหารเช้าวางอยู่ อาจจะเพราะคนป่วยไหล่หลุดไปข้างหนึ่ง ยังใช้ แขนขวาไม่ได้นั่นทำให้อเล็กซิส พี่ชายคนโตต้องลากเก้าอี้ไปนั่งข้างเตียงผู้ป่วยและค่อยๆตักอาหารให้แฝดน้องของตนเองอย่างเอาใจใส่...เอาอกเอาใจ..และ....ไม่เห็นหัวเธอเลยสักนิด...

...และที่สำคัญที่สุด...มีการป้อนข้าวที่ไหน ป้อนกันด้วยปากแบบนี้ไม่ทราบ..

     อเล็กซานดร้าปิดนิตยสารในมือฟึ่บหลังจากนั่งมองการกินข้าวเช้าที่ดูท่าทางจะยืดยาวไม่จบสิ้นง่ายๆ ตวัดสายตามองพี่ชายฝาแฝดของตนที่เพิ่งจะละริมฝีปากออกจากกันได้อย่างหน่ายระอา รุ้แก่ใจอยู่หรอกว่าสองคนนี้"รัก"กันปานจะกลืนแค่ไหน..แต่บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องแสดงออกให้คนภายนอกรับรู้ด้วยก็ได้..

     " ซานดร้า ไปไหน? "คนป่วยออกปากถามงงๆเมื่อพบว่าน้องสาวกำลังจะเดินออกไป ใบหน้าสวยงามอันประกอบไปด้วยดวงตาสีฟ้าเข้ม และเส้นผมสีทองยาวสลวยหันมาตวัดมองเพียงครู่ ก่อนเจ้าตัวจะถอนหายใจ..

     " ไปซื้อกาแฟกินข้างล่างค่ะ...รอพวกพี่"ป้อน"ข้าวเช้ากันเสร็จก่อนแล้วจะขึ้นมา..โอเคนะ...อ้อ..พี่อเล็กซิส เอากาแฟสักแก้วไหม?.."

      " เอสเพรสโซ่.."อเล็กซิสตอบพลางยกยิ้มให้น้องสาวที่เดินออกไปจากห้องเขายิ้มขันกับท่าทีแสนงอนของเจ้าตัว ขณะที่คนป่วยบนเตียงส่ายหัวระอา

      "...เพราะนายแหละ ทำอะไรโจ่งแจ้ง เดี๋ยวได้โดนหมั่นไส้เอา.." อเล็กเซย์บ่นระอากับการแสดงออกของฝาแฝดผู้พี่..

      " ไม่รู้ล่ะ..ก็ฉันคิดถึงนายนี่..." อเล็กซิสส่ายหัวเชิงไม่สน ทำให้คนฟังหัวเราะหึ รู้ว่าลองเจ้าตัวทำท่าทางแบบนี้แล้ว ห้ามไปก็เท่านั้น  เขามองท่าทีรั้นๆที่หาดูได้ยากของคนรักอย่างขบขัน..ด้วยดวงตาที่มองเห็นเพียงข้างเดียวแลดูแปลกตา..

     " ..หมอเขาว่ายังไงนะเรื่องตา.."อเล็กเซย์ออกปากถาม ทำให้คนที่กำลังตักอาหารอยู่ชะงัก อเล็กซิสมองใบหน้าคนถาม แม้เจ้าตัวจะมีท่าทีรื่นเริงขึ้นและอาการดีขึ้นมากแล้ว สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจและย้ายออกจากห้อง ICU ได้ แต่ทว่าบาดแผลก็ยังคงอยู่เช่นเดิม รวมทั้งที่ดวงตาซึ่งยังคงถูกปิดไว้..

     " อ้อ...บ่ายนี้จะลองเปิดดูน่ะ ถ้าไม่มีอะไรก็ดี แต่ถ้าสะเก็ดระเบิดมันเข้าไป..ก็คงต้องผ่า.." อเล็กซิสบอกช้าๆเขาจ้องมองดวงตาสีฟ้าใสที่มองตอบ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบเปลือกตาบางเบาๆ..

    " อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ..ฉันไม่เป็นไรหรอก " อเล็กเซย์ยิ้มบางๆเอนตัวพิงแผ่นอกหนาอย่างปลอบประโลม

    "....ถ้าฉันไม่ไป..เรื่องมันคง..."

    "....ชู่ว...อย่าน่า...." อเล็กเซย์จุ๊ปากเบรกคำพูดของฝาแฝดไว้เพียงเท่านั้น เขาเงยหน้าไปมองเสี้ยวหน้าที่แสนคุ้นเคยนั้นอย่างอาดูร "อย่าคิดมาก..นะ...ฉันไม่เป็นไร...อเล็ก...ยังไงเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว หาทางเอาคืนพวกมันดีกว่า...."

    "..เอาคืนส่วนนี้แทนเจ้าคาลมันด้วย.."

           อเล็กซิสพยักหน้ารับช้าๆ หลังจากฟื้นไม่นานอเล็กเซย์ก็รู้ข่าวของน้องชาย จะว่าไปแล้วเจ้าตัวก็คงทำใจไว้ก่อนหน้าเพราะคนที่รู้ข่าวคนแรกก็คือตนเอง..แม้จะยังไม่รู้ผลชันสูตร แต่ทว่ารูปภาพและหลักฐานก็บอกอะไรได้มากพอแล้ว.. แม้จะมีท่าทีเศร้าสร้อยลงบ้างเมื่อทราบข่าว ทว่าพวกเขาก็รู้ดี ว่าสิ่งที่ควรทำต่อไปนี้คือการเตรียมพร้อมกับเรื่องที่จะเกิดต่อไป ไม่ใช่จะมาโศกเศร้า หวนไห้อาลัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น..

     อเล็กซิสเอื้อมมือไปลูบเส้นผมนุ่มเบาๆ ทอดมองเสี้ยวหน้าของคนป่วยด้วยดวงตาครุ่นคิด แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกเรื่องการตายที่แท้จริงของคาวัลโลให้ทราบ และไม่ได้บอก...เรื่องที่พูดคุยกับผุ้เป็นลุงไว้เช่นกัน..

 นัยน์ตาสีฟ้าสดก้มมองถ้วยอาหารของคนป่วย ช้อนในมือเขาคนมันช้าๆ เพื่อลดความร้อน ขณะที่ครุ่นคิดถึงเรื่องของ"ผู้นำ"ที่ผู้เป็นลุงยกขึ้นมาพูด...ก็เป็นอย่างที่คาด ว่าเมื่อคาวัลโลมัน..ตาย หรือมีผลพิสูจน์ว่าเจ้าตัวได้"ตาย"ลงในฐานะศพที่มีเพียงโครงกระดูกเช่นนั้นแล้ว การขาดผู้นำรุ่นต่อไป ทำให้เกิดภาวะวุ่นวายขึ้นได้ไม่ยาก  เฟรเดริโก้ ผุ้เป็นลุงมาตกลงกับเขาเงียบๆเรื่องแผนการ์ณในสามเดือนให้หลังนี้ ทั้งการชันสูตรศพตามขั้นตอน การจัดงานศพหลังจากรู้ผล..และ"สงคราม"จัดการเจ้าพวกที่กล้ามาปองร้ายคนระดับบอสของตระกูลวาลกัส..

     แผนคร่าวๆที่วางเอาไว้ คือหลังจากทำเรื่องย้ายตัวอเล็กเซย์ไปยังโรงพยาบาลที่ครอบครัวของพวกเขาถือหุ้นอยู่ ในอิตาลีเรียบร้อยแล้ว จะทิ้งคนไว้สืบหาต้นตอผู้ลงมือสังหารคาวัลโลจากทางนี้กลุ่มหนึ่ง และจะเริ่มสงครามที่อิตาลี..เตรียมกำลังพล สืบหาต้นตอที่คาดว่าจะต้องมีเอี่ยวกับผลประโยชน์ด้านนี้ไม่น้อย  ที่แน่ๆคือระหว่างรอผลชันสูตรศพอย่างเป็นทางการ ตระกูลวาลกัสจะเตรียมการล่วงหน้า ในการเริ่มสงคราม..มาเฟียตระกูลวาลกัสทั้งหมด จะเปิดฉากบรรเลงบทเพลงมรณะให้กับพวกที่บังอาจมาปองร้ายคนของพวกเขา...เป็นการล้างแค้นให้กับผู้ล่วงลับ..โดยมีเขา อเล็กซิส จิโอวานนี่ วาลกัส..เป็นผู้นำ..

   ..เป็นไปตามคาดว่าสุดท้ายแล้ว ลุงของเขาก็ยังต้องการให้ตำแหน่ง"บอส" แก่ตนเองอยู่..

ต่างกันที่ตอนนี้เขายอมรับมันกลายๆ ไม่ใช่เพราะต้องการ แต่เพราะหากอยู่ในตำแหน่งนี้จะสามารถทำอะไรได้"สะดวก"ขึ้น ทั้งการตรวจสอบต่างๆ การสั่งการ ทำงาน ที่จะสามารถทำได้ดีกว่าอยู่ในฐานะอื่น

และอีกอย่าง...การเป็นบอสของเขา ไม่ใช่ตำแหน่งฐาวร เพราะเขาก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าเจ้าคนนั้นมันยังอยู่ ที่เขาต้องทำ คือการสืบหาตัวต้นตอและปูทางให้เจ้าของตำแหน่งที่แท้จริงกลับมาได้โดยสวัสดิภาพ..

ดังนั้น การจะ ยอมรับปากเป็นบอสแค่ไม่กี่เดือน ..เพื่อภาระที่เขารับผิดชอบ และเพื่อปกป้องคนของตัวเองให้ได้ ทางเลือกนี้ถือว่าดีที่สุดแล้ว..

    "อเล็ก... " เสียงเรียกเบาๆดังขึ้นทำให้หลุดออกจากภวังค์ อเล็กซิสหันไปสบตาคนถาม พบว่าเจ้าตัวกำลังขมวดคิ้วมองหน้าเขาอยู่ด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็น..

    "  ฉันรู้ว่าตอนนี้มีเรื่องให้คิดเยอะ..จนต้องขมวดคิ้วตลอดเวลา แต่ว่า...ถ้ามีอะไรก็บอกกันบ้างนะ..อย่าเก็บไว้คนเดียวสิ.." ออกปากบอกคนที่มักทำหน้าเครียดอยุ่เสมอด้วยแววตาอ่อนโยน อเล็กเซย์ยกมือไล้รอยย่นตรงหว่างคิ้วของฝาแฝดและกดวนเบาๆให้มันคลายตัวออก " ถึงฉันจะยังบาดเจ็บ..ช่วยตัวเองไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากเป็นภาระนะ.."

      "พูดอะไรกัน..นายไม่เคยเป็นภาระสำหรับชั้นนะ เซย์.." อเล็กซิสกุมมือขาวจัดที่มีสายน้ำเกลือระโยงระยางไว้แล้วลูบหลังมือเบาๆ

       " อ้า...ก็เห็นกำลังเครียดอยู่นี่...อืม....การคอยปกป้องชั้นมันก็ดีอยู่หรอก แต่อย่าห่วงไปเลย ตัวนายเองน่าเป็นห่วงกว่าเยอะ ถึงจะไม่อยากยุ่งกับเรื่องของคุณลุงแต่ฉันก็พอรู้ ว่าต่อไป มันจะเกิดอะไรขึ้น.." ฝ่ามือที่ถุกกุมไว้บีบรับมันเบาๆ พลางสบมองแววตาของคู่แฝดอย่างเข้าอกเข้าใจ "...เรื่องมันก็ใช่จะไม่เคยเกิดขึ้นนะ อเล็ก...ฉันรู้ว่านายรู้สึกแย่ และกำลังเอาจริงเอาจังอยุ่กับการเป็นห่วงและคอยดูแลฉัน..แต่ต้องดูแลตัวนายเองด้วย..ตกลงไหม?...ฉันรู้สึกได้นะว่าตั้งแต่ฟื้นมาเนี่ย นายมีเรื่องปวดหัวให้คิดอยู่ตลอดเวลาไม่หยุดหย่อนเลย หน้าบึ้งได้ตลอด แถมยังแอบถอนหายใจบ่อยๆด้วย..ดุแลตัวเองบ้างสิ ถ้านายเป็นอะไรไปอีกคนน่ะ มันจะยิ่งแย่นะ.."

      "เฮ้อ...ปิดนายไม่เคยได้เลยนะ เซย์..." อเล็กซิสหัวเราะออกมาเบาๆกับคำพุดของแฝดน้อง แม้ในสายตาของคนนอก อาจจะมองว่าอเล็กเซย์เป็นคนไม่ได้เรื่อง คอยเป็นตัวถ่วงทำให้เขาเป็นห่วงและยังเป็นตัว"เกะกะ"ชั้นดีที่ทำให้เขาไม่ยอมรับตำแหน่งบอส แต่กับตัวเขาแล้วอเล็กเซย์เป็นคนสำคัญ เป็นคนที่คอยห่วงใยและให้กำลังใจอยู่ตลอด เป็น"ครึ่งหนึ่ง"ของชีวิตที่แสนสำคัญและไม่มีวันที่เขาจะยอมให้เจ้าตัวเป็นอะไรไปได้..

      " นั่นแหละ..บอกมาซิ ว่าเรากำลังจะทำอะไร ฮึ..." อเล็กเซย์ยกมือบีบแก้มฝาแฝดเบาๆแล้วทำปากจู่ส่งไปให้ ท่าทางของเขาเรียกเสียงหัวเราะเบาๆที่หาได้ยากจากแฝดคนพี่ ก่อนที่อเล็กซิสจะตักอาหารเช้าเข้าปากและเป็นฝ่ายชิง"ป้อน"เขาเสียก่อนราวกับจะตัดคำถาม..

      " อืม..." ปลายลิ้นที่ตวัดอยู่ในโพรงปากเกี่ยวพันไม่ยอมถอดถอนออกง่ายๆแม้ว่าอาหารเช้าจะถูกกลืนลงท้องไปแล้ว อเล็เซย์ครางเบาๆแขนซ้ายที่ยังใช้การไได้อยู่กำเสื้อเชิ๊ตของอีกฝ่ายไว้แน่น..

      "..อิ่มแล้ว..." รีบออกปากประท้วงเพราะเห็นท่าว่าอาหารมื้อเช้าจะไม่จบลงง่ายๆ การป้อนกันแบบนี้อาจจะเป็นปกติของพวกเขา แม้มันจะไม่ปกติในชีวิตของคนอื่น นั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาสนใจก็จริง แต่กับสภาพสถานการ์ณและร่างกายแบบนี้แล้วนี่..จะป้อนไปจนร่างกายมันเกิดซุกซนขึ้นมาก็ไม่ดีเพราะสภาพของเขาตอนนี้ก็ไม่อำนวยพอจะทำกิจกรรมแบบนั้นเสียด้วย

       " หือ?....ยังไม่อิ่มเลย.." คำพูดของคนไม่ได้ป่วยประท้วงออกมาพร้อมกับอ้อมแขนที่กอดรัดจนแน่น อเล็กเซย์หรุบตามองเส้นผมสีเดียวกันของแฝดผู้พี่ซึ่งกำลังซบใบหน้าลงบนไหล่ของเขา เจ้าตัวโอบกอดเขาไว้ด้วยท่าทีทุนุถนอม ซบไหล่และกอดรัดโยกตัวเขาช้าๆ เหมือนกับกำลังปลุกปลอบและเติมพลังให้กับตัวเองอย่างไรอย่างนั้น..

       "........." อเล็กเซย์ยกมือข้างซ้ายลูบเส้นผมของอีกฝ่ายช้าๆ เขาซบหน้าลงกับไหล่หนาแล้วหลับตาลง อาจจะเพราะเป็นฝาแฝดกัน อาจจะเพราะว่าผูกพันหรือรู้จักกันดีมามากกว่าครึ่งชีวิต เขาจึงสามรถรับรู้ได้ว่าอารมณ์ความรู้สึกของแฝดผู้พี่กำลังเครียดขึ้งและหวั่นไหว...

        "...il Ti amo...   " คำบอกรักที่ได้ยินจนชินหู หากเมื่อไหร่ก็ยังรู้สึกยินดีทุกครั้งดังขึ้นพร้อมกับริมฝีปากที่แตะลงบนผิวแก้มเบาๆ อเล็กเซย์หลับตาลงช้าๆเมื่อถูกประทับรอยจูบลงบนเปลือกตา สันจมูก..และริมฝีปาก..อีกฝ่ายแตะลงไปเบาๆ กดนิ่งอยู่แบบนั้น ไม่ได้สอดปลายลิ้นเข้ามาพัวพัน หากแต่ก็ทำให้รู้สึกอุ่นซ่านวาบไปถึงหัวใจ

        " Ti amo..Alex..." กระซิบตอบเบาๆ พลางลืมตามาสบมองดวงตาสีฟ้าสดที่แสนคุ้น อเล็กเซย์เป็นฝ่ายกดแนบริมฝีปากของตนเข้ากับอีกฝ่ายแรงขึ้น ..จูบเบาๆ..กดย้ำซ้ำราวกับจะเรียกความมั่นใจและสัมผัสที่ห่างหายไปเพียงไม่กี่วัน หากเนิ่นนานเหลือเกินในความรู้สึก..

        " cara mie..." หากมีคนคอยปลอบประโลมและดูแลในช่วงเวลาที่ว้าวุ่นหรือหนักใจ คนเรามักจะมีท่าทีอ่อนลงโดยอัตโนมัติ และจะยอมเผยทุกสิ่งทุกอย่างแก่คนๆนั้น อเล็กซิสเองก็เช่นกันเขากอดร่างของแฝดคนน้องแน่นขึ้น หลับตาลงและจูบริมฝีปากอีกฝ่ายซ้ำๆ กระซิบคำรักไปมาราวกับคนละเมอ..

       "..แย่ที่สุดเลย..ตอนที่นายหลับอยู่ ฉันมัวแต่คิดว่าถ้านายไม่ตื่นขึ้นมาฉันจะทำยังไง..เซย์..."อเล็กซิสหลับตาลงซุกใบหน้าลงกับไหล่ผอมและสูดดมกลิ่นกายของอีกฝ่าย " ฉันคิดถึงนายจะแย่..เอาแต่คิด ว่าถ้าฉันไม่ไปตามที่พ่อสั่งเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ฉันโกรธกระทั่งพ่อ คิดไปว่าพ่อเป็นคนทำเรื่องแบบนี้....ให้ตายสิ ฉันนี่รักนายเกินไปแล้ว รักนายจนจะบ้าแล้วจริงๆ..."

       อเล็กเซย์กอดร่างอีกฝ่ายไว้แน่น ไม่บ่อยนักที่อเล็กซิส..ฝาแฝดคนพี่ ผู้ชายเก็บอารมณ์จอมเคร่งเครียดคนนี้จะยอมพูดอะไรแบบนี้ออกมา แม้เวลาที่เจ้าตัวอยู่กับเขาจะมีท่าทีผ่อนคลายกว่าปกติ ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงลักษณะเดิมของตนเองไว้ไม่เปลี่ยน ดังนั้น นี่ถือว่านานๆครั้ง..นานพอดูทีเดียวกว่าเจ้าตัวจะยอมออกปากพูดอะไรหรือระบายอะไรแบบจริงๆจังให้เขารู้...รอยยิ้มบางๆทาบบนริมฝีปากที่สั่นระริก..ไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือร้องไห้ดี เมื่อความคิดที่อีกฝ่ายพูดออกมามันเป็นความกัลวลเกี่ยวกับเขาทั้งนั้น..รัก...รักมากเกินไปแล้ว อเล็ก..ฉันก็เหมือนกัน..ฉันก็รัก...รักจนแทบบ้าเหมือนกัน...

      โต๊ะเตารีดที่ใช้วางอาหารถูกพับเก็บไว้เมื่อไม่ได้ใช้งาน อเล็กซิสขยับตัวมานั่งเอนๆบนเตียงพยาบาล  โดยให้คนป่วยเป็นฝ่ายพิงตัวเขาไว้ พูดคุยและกอดจูบอีกฝ่ายเป็นพักๆอย่างควบคุมตัวไม่ได้ ซึ่งอเล็กเซย์ก็ไม่ได้ออกปากห้ามปรามอะไร ยอมเป็นตุ๊กตาตัวโปรดให้คนรักกกกอดแต่โดยดี...

  นัยน์ตาคนฟังหรี่ลงช้าๆเมื่อได้ฟังเรื่องของการเตรียมตัวเปิดสงครามมาเฟียของครอบครัว ครั้งนี้มันได้รับแรงสนับสนุนจากทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายลุงที่เป็นมาเฟียและฝ่ายพ่อของเขาที่ทำธุรกิจ กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่คิดจะค้าน ไม่ใช่เพราะโกรธแค้นรื่องของตัวเองที่โดนทำร้าย แต่เพราะแก้แค้นให้กับน้องชาย...แก้แค้นให้กับ คาวัลโล วาลกัส ที่ต้องตกเป็นเหยื่อ..

    อเล็กเซย์หรุบตาแล้วถอนหายใจเมื่อนึกถึงน้องชายคนสุดท้อง ถึงคาวัลโลมันจะชอบก่อกวนหรือชอบแกล้งพวกเขายังไง น้องก็คือน้อง เขาก็รักและผูกพันกับเจ้าตัวไม่ใช่น้อย..

....คาวัลโลยังเป็นคนสำคัญที่ทำให้ปัญหาเรื่อง"ตำแหน่งบอส"จบลง  ทำให้เขาและอเล็กซิสสามารถรักกันต่อไปได้..

อีกทั้งการสูญเสียคนในครอบครัว เป็นใครก็ย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดา..

     " อเล็ก..." เสียงเรียกของฝาแฝดดังขึ้นหลังจากที่ก้มลงจูบเจ้าตัวเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่อาจนับได้...อเล็กซิสครางรับเบาๆขณะที่จูบปลายนิ้วอีกฝ่ายเล่น..

     "..ใครจะเป็น....คนจัดการเรื่องครั้งนี้..." เขาหมายถึง..คนที่อาสาจะจัดการเรื่องกหารโจมตีและสงครามทั้งหมด...ซึ่งหมายถึง คนที่จะเป็นบอสคนต่อไป..

     " ฉันเอง" แรงกดเบาๆชวนจั๊กจี้จากหลังมือที่ถูกจูบ แทรกเข้ามาในหัวใจที่เย็นวาบได้อย่างยากเย็น อเล็กเซย์กระพริบตาอย่างเชื่องช้า..ในอกหนาววูบ...

...อเล็กซิส...

 ตกลงรับปากจะเป็น"บอส"งั้นหรือ?  

...

ฮ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ขอกรี้ดอย่างไม่มีเหตุผลซักทีนึง555+(นั่นคือเสียงกรี้ดแบบอัพเลเวล กรี้ดยกกำลังสองจากกรี้ดดดด เป็นฮ้ากกกกก แทน)

       ไม่ไหวเหอะ อะไรเนี่ย นี่มันอะไรเนี่ย พวกนายเป็นอะไรไปหา อัลชาอ์? คาวี่? เคยจำรึเปล่าว่าเมื่อวานยังเอาฝ่าตรีนฟาดกันอยู่เลย แล้ววันนี้มันมีอะไร WTF!!  มาสวีต ดูแผนท่งแผนที่ อิจฉาอ่ะ ถ้าตอนเรียนดูแผนที่ชั้นมีคนสอนแบบนี้ รับรองได้4+++ มากินแล้วย่ะ !! (หมั่นไส้วุ้ย)

     แต่ชอบอารมณ์แบบนี้นะ 55+ คือแบบไม่หวานมากหรอก ได้แค่พุดคุยอะไรกันแบบสนิทสนม ด้วยความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย มันก็ถือว่าโอเคแล้วนะ ดีกว่ามาวิวาทฟาดปาก หรือปั้นหน้าแสดงละครสวีตกันเยอะ รู้สึกว่ามันเป็นธรรมชาติดี ดูแบบว่า เออ ก็คุยกันรู้เรื่องนี้ ถ้าเลิกปากไม่ดีใส่กันก้คุยกันรู้เรื่องนี่ อืมๆ(555+) นี่ถือป็นการพัฒนาแบบว่าก้าวเล้กๆ แต่แสนยิ่งใหญ่ของมนุษย์ทั้งสองเชื้อชาติ ( :laugh: :laugh:)
ประเด็นคือตอนนี้คาวี่มันน่ารักอ่ะ เหมือนเด็ก(ก็ยังเด็กอยู่นะนี่)แบบว่าอยากรู้อยากเห็น ตื่นเต้นกับของที่ไม่เคยเจอน่ารักน่าฟัดชะมัดยาดดดดด(น้ำลายหก)
    ส่วนในเต้นท์..คือเอิ่ม...ตอนแรกอิชั้นกะจะให้คาวี่เล่าเรื่องมาเฟียในอิตาลีเป็นการปูพื้นความเข้าใจนิดหน่อยแล้วสวีตกันแค่นั้นเอ๊งงง ทำม้ายยย ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้... ทำเอาท่านชีครู้ตัวเลยล่ะ 555+

   และทำให้คาวี่กลายเป็นพญามารน้อยๆเช่นกัน ประโยค" มันไม่ใช่ความรัก มันคือความผิดปกติ "นี่เจอในกระทู้ค้ำคอร์(แฟนการ์ตูนคงรู้ว่ามันคือแนวไหน ) ที่พันทิป มีคนเม้นแบบนี้ปั๊บ...อ่านแล้วแบบว่า...เจ็บกระแทกจนจุกอั่กกกกกกก คือไม่ได้สนับสนุนค้ำคอร์น่ะ แต่ถึงงเป็นนิยายที่ตัวเองแต่งมันก็ยัง...โอย...จุกเลยเหอะ ไม่แปลกใจหรอก ว่าคาวี่พุดแบบนี้แล้วจะโดนทำร้ายร่างกาย เหอๆ

    และเรื่องบุคลิกแบบนั้นของเจ้าตัว ไอ้เรื่องการไม่เชื่อเรื่องความรักนี่ถือเป็นเมนหลักๆของคาวี่เลยนะค่ะ  แบบว่าฉันสนแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ คนอื่นจะเจ็บจะตายจะอะไรช่างมัน ไม่คิดจะสนใจใคร ไม่มีหรอกนายเอกแสนใจดี ทำตัวบริสุทธิ์ผุดผ่องน่ะ ไปหาเอาเรื่องอื่น(555+)  แบบนี้ล่ะคาวี่ เมื่อท่านชีคพลัดตกหลุมรักของคาวี่แล้วไซร้ รับรองว่างานนี้อัลชาอ์ได้กระอักเลือกออกมาแน่ๆนะเออ อีกไม่นานคงมีคนเชียร์ให้พระเอกไปรักคนอื่นแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรจีะคาวี่ คุณแม่ขารักหนูเสมอออออ :กอด1:

  ส่วนอเล็กซี่ทั้งสอง..สวีตกันแบบแปลกๆ ฮ่า....เรื่องบุคลิคของอเล็กซิสนี่...  พี่แก....รักรุนแรงเหมือนจะหลุดโลกเลย เวลาจริงจังก็จริงจังมาก สังเกตว่าเวลาน๊อตหลุด จะกลายเป็นเด็กไปเลย  ชอบกอดชอบหอมบอกรักพร่ำเพ้อไปมาเหมือนหยุดไม่ได้  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าขาดใครไปสักคน สองหน่อนี่อาจจะเป๋จนถึงขั้นอยากตายตามก็ได้(เคยถึงขั้นนั้นมาแล้วนี่..อุ๊บ..สปอยล์)

ปล. ช่วงนี้งดอัพพี่โตน้องเนมชั่วคราว วุ่นวายกับการส่งของทำหนังสืออยู่ ส่วนเรื่องนี้ที่เอามาลงได้เพราะมันมีสต๊อกจ๊ะ
ปล. สอง เพราะโดนเรปบนทวงถุกเวลาเลยเอามาลง รู้ได้ไงนิว่าแอบแว่บมาดูทู้น่ะ :laugh:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 06-12-2010 06:14:14
 ไม่ต้องไปได้ไหม.... ?

ก็ให้น้องผู้ชายอีกคนนึงเป็นไปสิ บอสมาเฟียน่ะ ส่วนคาวี่ก็ ทำอะไรอย่างที่ใจต้องการ
แต่ความต้องการของคาวี่ก็คือการได้ขึ้นเป็นบอสนี่นะ... เปลี่ยนใจไม่ได้เลยเหรอ?
แต่มันจะมีเหตุผลอะไรล่ะที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจ


ส่วนแฝดทั้งสองไม่ขอเมนต์ หวานเกินนนนนน อิจฉา^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 06-12-2010 06:25:08
อัลชาเริ่มมีใจให้คาวี่แล้วสินะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 06-12-2010 08:43:59
บทจะหวานไอ่คู่นี้มันก็หวานได้ถูกใจแม่ยกซะจริง
หวานแบบธรรมชาติแบบนี้อ่ะ แอร๊ยยยยยยยยยยย ><
ที่แท้คาลก็มีปมนี่เองสิเนาะ ถึงได้ว่าร้ายตัวเองแบบนั้น
เพราะไม่เคยมีใครเห็นหัวเลยต้องทำใช่ไหม คาลเหมือนคิดว่าตัวเองไม่มีใครรักเลย
อัลชาร์อย่าฝืนใจตัวเองไปเลย แต่กฏหมายอิสลามก็หนักนาอยู่
เฮ้อ... มองไม่ออกว่าสองคนนี้จะอยู่ด้วยกันได้ยังไง
แต่ก็ยังจะเชียร์ๆๆๆ ต่อไป
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 06-12-2010 08:59:07
แอร๊ยยยยยยยยยย

อ่านตอนนี้แล้วอยากจะกรีดร้อง มันจะน่ารักไปไหนเนี่ยหนูคาวี่ ท่านชีคแลดูหวั่นไหวแล้วเห็นมะ

โคตะระชอบฉากในรถเลยตอนอ่านแผนที่อะ ขอกรี๊ด 38 ทีติดเหอะ ถ้าเป็นเค้านะคงจะแอบหอมแก้มหนูคาวี่แน่ๆ แลดูน่ารักน่าหยิก :man1:อิจฉาท่านชีคว่ะค่ะ


ส่วนฝาแฝดก็ปล่อยเค้าหวานกันต่อไป
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 06-12-2010 10:09:31
น่ารักทั้ง 2 คู่เลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: treerat002 ที่ 06-12-2010 10:31:19
 :sad4:

หวานก็หวาน เศร้าก็เศร้า  :m15:

รอตอนต่อไปค่ะ

 :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 06-12-2010 12:07:47
โอ๊วว เริ่มหลงกันแล้วสินะ
ฉากในรถสวีทมากกก ชอบๆ
แต่ไม่สิ.. เหมือนท่านชีคจะหลงคาวี่อยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า
แล้วเมื่อไหร่จะได้ลงเอยกันล่ะเนี่ย? สงสัยจริงเชียว
ส่วนคู่ฝาแฝด ....
โอ๊วววว แอบสงสารน้องซานดร้าขึ้นมาเลยทีเดียว
กลายเป็นหมาหัวเน่าในทันทีทันใด 55555
แบบ หวานกันสุดขีดไม่เห็นใจคนรอบข้างเลยนะ

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 06-12-2010 12:16:53
ในที่สุด เราก็ค้นพบ "ฉากหวีท" สักที "หวีท" จริงๆแบบไม่เสแสร้ง แต่ว่า..เหมือนท่านชีคจะหวีทคนเดียวแต่คาวี่ไม่ได้อยู่ในอารมณ์หวีทด้วยแฮะ


แล้วก็นะ อ่านตอนนี้ก็รู้สึกว่าท่านชีคน่ะต้องหลงหนูน้อยมาเฟียก่อนแหงๆ และคิดว่ามันคงจะใจร้ายกับท่านชีคน่าดูชมเลยล่ะ

แต่ช่างมันเถอะ เดี๋ยวอ่านไปอ่านมาก็รู้เองล่ะ



ปล. คิดถึงพี่โตน้องเนม
ปลล. ไอ้สองฝาแฝดน่ะ มีฉากไหนมั่งไหมที่มันจะไม่หวีทกันน่ะ หา!?
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 06-12-2010 12:31:35
มีสวีทกันด้วย อยากให้นู๋คาวี่สวีทกับท่านชีคบ่อยๆ จะได้ไม่ต้องกลับไปเป็นมาเฟีย
ให้อยู่กับท่านชีคไปนาน ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 06-12-2010 14:07:37
 :a5: มันเกิดอะไรขึ้น ทำมายมันหวานหยดย้อยอย่างเง้  ตอนนี้หวานอมขมกลืนจิงๆอะ :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: april_o_ ที่ 06-12-2010 15:23:14
 o18 คาวี่ตอนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กน่ารักมากมาย ท่าชีกก็ตามใจกันจังเลยน้า :o8: :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 06-12-2010 15:44:22
+1 ให้ทั้งคนแต่งทั้งคุณ Smirnoff เลยจ้า
ฉากนี้หวานได้อีกจริงจิ้ง~ แหมๆ มีนั่งตงนั่งตัก ซบหลับกันอีกต่างหาก
โอย....น่ารักไปไหนเนี่ยคาวี่จัง~ แกกลายเป็นเด็กไปแล้วเรอะ....

จากฉากเหี้ยมๆกับฮาซานไปไม่กี่วันเองนะเนี่ย อึ้ย!! อ่านแล้วหมั่นเขี้ยวจริงๆเลย~
รู้สึกเหมือนท่่านซีคเลี้ยงแมวเปอเซียตัวใหญ่ๆ เอาไว้เลย~ แอร๊ย

เพิ่งนึกขึ้นได้ตอนนี้ไม่มีฉากจูบของคู่คาวี่เลยแฮะ
ส่วนฝาแฝดก็หวานซะ.....ฮ้า~

คนแต่งนี่น่ารักจริงๆเลย~

ปล.ฝากจุ๊บคาวี่ซะสองจุ๊บนะคะ 555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 06-12-2010 17:49:47
ท่านชีคเริ่มหลงคาวี่น้อยของเราแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 06-12-2010 18:41:50
บทจะหวานก็แบบบ สุดยอดดดดดด
แต่ที่น้องวี่มันทำน่ะ เหมือนทำไปเป็นอัตโนมัติ คิดอะไรก็ทำ
อยากซบก็ซบเค้า เฮ้ออออ แต่ว่า เวลาที่วี่มันตกหลุมรักชีคขึ้นมาจิงๆน่ะ
นานมั้ยที่จะรู้สึกตัว
แต่คำว่า "ผิดปกติ" นี่ จุกอั๊กเต็มๆเหมือนกัน ยอมรับเลยว่าตอนนี้กลับไปอ่านนิยายแบบที่เค้าเรียกว่านิยายปกติไม่ได้แล้วอ่ะ
อ่านแล้วรู้สึก "อืมมมม ช่วยกลับมาอิงความเป็ยจิงมั้งได้มั้ยเนี่ย" แม้แนว B-love มันจะไม่ใช่ความรักที่พบเจอได้ในปัจจุบันบ่อยนัก
แต่ก็ยังแต่งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงอยู่บ้างหนิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 06-12-2010 18:51:21
หวานเว้ยเฮ้ย หวานเว้ยเฮ้ย   o18
ท่านชีครู้ใจตัวเองแล้วค่ะทู้กคน  :laugh: ส่วนหนูคาวี่ที่แท้ก็เป็นเด็กมีปมนี่เอง..แต่ไม่ต้องกลังนะจ๊ะท่านชีคจะช่วยคลายปมเอง
 ปอลอ..คิดถึงพี่โตนะคะ แอบแวะไปทำหนังสือไม่เป็นไรให้อภัย แต่อย่านานนะเพราะเค้ารออยู่  :m9:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 06-12-2010 19:17:31
ไม่อยากนึกภาพตอนคาวี่ต้องยอมรับว่ารักพระเอกเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 06-12-2010 21:22:31
จุดหมายที่เหล่าผู้อ่านต่างก็เฝ้ารอ ใกล้เข้ามาอีกนิดแล้ว 555+ คาวี่นี่ออกอารมณ์สาวน้อยมากขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ เอิ๊กๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: irksome ที่ 06-12-2010 21:32:40
vอยากรู้ตอนจบจะเป็นไง
พระเอกเป็นชีค คงจะรักกับ ผู้ชายไมไ่ด้ ?
เเล้วคาวี่ก็จะเป็นบอสคนต่อไป ก็ห้ามมีความรักกับผู้ชายด้วยกัน
เเล้วสรุปจะเป็นไงนิ? อู้วว น่าติดตาม ! 

มาต่อเร็วๆนะะะะะะ   
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 06-12-2010 22:17:25
กรี๊ดดดดดดดด ตอนนี้เป็นตอนที่รุคกี้โปรดปรานมว๊ากกกกกกกก ค่ะ
แบบว่าน้องคาวี่เธอน่ารัก ใสๆ สมกับวัย 19 แบบพอดีๆ ไม่ใช่แบบโชกเลือดที่ผ่านมา
ทั้งความอยากรู้อยากเห็น ช่างซักช่างถาม อร้ายยยยยย ใครเขาเห็นก็คิดว่าเป็นคู่รักกันจริงๆ หมดแล้วนะค่ะ
ขนาดฮาซานเอง .. ยังคิดเลยว่าน้องคาวี่ของเราจะไม่อาจผละไปจากความสุขแบบนี้ไ้ด้อีก !!
ทั้งพระเอกและนายเอกเรื่องนี้ล้วนแต่ใจแข็ง และเลือดเย็น นึกแล้วสงสารครอบครัวของคาวัลโลขึ้นมาถนัดตา
- -'' ต้องเผชิญกับปีศาจแบบนั้มาตั้ง 19 ปี
โดยเฉพาะอเล็กซ์กับเซย์  :monkeysad: น่าสงสารง่ะ
"นั่นไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความผิดปกติ"
จึ๊ก . . . !!!!   งั้นเราก็ผิดปกติด้วยสินะ -*-  
แต่ . . .   มันเป็นความผิดปกติที่มีความสุข ดีกว่าจะต้องทนทุกข์กับความ"ปกติ"  ไม่ใช่ว่าทำไมถึงแตกต่าง แต่ไม่มีเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องเหมือนกับคนอื่นเขา จำไว้นะ อเล็กซี่ !  อเล็กเซย์ !   :o12:   คาวี่กับพี่อัลก็จำไว้ด้วยนะค่ะ เพราะอีกหน่อยก็จะต้อง"ผิดปกติ"  หึหึหึ
อยากจะจุดเทียนฉลอก  14 ตอน !! กับความคืบหน้าทางความรู้สึก 55555555 ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะพี่โตกับน้องเนมก็รอมาแล้ว ตั้ง40กว่าตอนชิมิค่ะ? กว่าพวกเขาจะได้เป็นสามีภรรยาทางพฤตินัย 55555555555   แฟนคลับทนได้ ~~ ค่าาาา

รักนิยายเรื่องนี้จังเลย . . . .
ไรท์เตอร์สู้ๆ นะค่ะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 06-12-2010 22:20:29
นู๋คาวี่  :จุ๊บๆ: น่ารัก วัยใส  :laugh:
สวีทกันจริงๆ อ่านแล้วเขินเลย หุหุ
ท่านชีคล้ำหน้านู๋คาวี่ซะแล้ว... หลงเสน่ห์ว่าที่บอสมาเฟียจนได้  :impress2:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 06-12-2010 22:47:15
อ๊ากกกก น้ำตาลในเส้นเลือดพุ่ง ตอนนี้มันหวีทกันแบบจริงๆอ่า  :m3:

ท่านชีคเห็นความน่ารักในตัวคาวี่จังเราแล้วอ่ะดิ

ธีมเรื่องเจิดอ่ะค่ะ คนนึงขัดกับแนวคิดขัดกับหลักของมาเฟียคนนึงขัดกับหลักศาสนา


รอตอนต่อไปจ๊า :pig4:

ปล.งดพี่โตเหรอ ที่รักเค้าเลยนะนั่น :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 07-12-2010 01:45:54
อร๊ายยยย หวานน นน หยดมากมายอ่าาาา โฮววว  :-[
เอาอีกกกก เอาอีกได้ป่าวววววว  :impress2:
มันสวีทกันน่ารักเนอะ โอ๊ย ตายๆๆ
พ่อชีคอัลชาอ์เราถึงคราเคราะห์ไปหลงยัยคาวี่ก่อน ฮ่า ๆๆๆ รอยลชีคเจ็บปวด
คาวี่ตอนนี้สาวมากกก น่ารักอ่ะ! มีน้ำตาซึมตาดงตาแดงแล้วยังไปซบเค้าอีกแน่ะ ..ความจริงอัลชาอ์กดไปเลยก็ดีนะ ฮ่า ๆๆๆ

"...ไม่เป็นได้ไหมนะ..มาเฟีย.."
" ...ไม่ไป...ได้ไหม?.."

อ่านแล้วแบบ ต่อไปมันต้องเจ็บหนักแน่ๆอ่ะพ่อชีคของเรา
นั่นสิ ไม่ต้องไปเป็นมันหรอก ทั้งคาวัลโล และอเล็กทั้งสองอ่ะ
ให้น้องคนเล็กเป็นแทนไปเลยย

รอตอนต่อไปนะค่าาาา
เค้ารู้ยังมีในสต๊อกชิมิล้าา าาา o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ทับทิมกรอบ ที่ 07-12-2010 04:01:27
คาวี่กับชาวี่น่ารัก ฮ่ะๆๆ  :laugh:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 07-12-2010 05:11:54
ปล. สุดท้าย ฉากกอคุณพ่อคาเฟรกะพี่ชาย..อย่า-คิด (กันไว้ก่อน555+)

 คิดไปแล้ว

ว่าแต่ แรกเนี่ยเลือดสาด แต่หลังชักจะสาดนำตาลใส่จน
มดขึ้นคอมแล้ว  :impress2:

 :pig4:มาอัพเรวๆน้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 07-12-2010 10:58:17
ขอบคุณนะคะ ตอนใหม่มาเเล้ว เกือบสมหวังที่ขอไว้ 3 หน้า คาวี่ + อัลชาห์ คุคุคุ เเต่ว่านะ อ่านมาตั้งเเต่ต้นก็ อบอุ่นหัวใจอย่างเเรงอะ เเต่มามาม่าตอนท้าย ปวดใจหลาย อีกคนกำลังคิดจะรั้งไม่ให้ไปเเต่ก็คิดได้เพราะวัฒนธรรม ส่วนอีกคนไม่สนใจใครนอกจากตัวเองไม่เชื่อในความรักเเละไม่ยอมรับความจริงในสิ่งที่ตนไม่ต้องการ โอ้ เเม่เจ้า ปวดใจเเต่ก็ลุ้นตอนต่อไป 55++ ขอเช่นเดิม คาวี่ + อัชชาห์ 3 หน้าเเต่ถ้า มาม่า ขอเปลี่ยน เป็นคนอื่นไปเลยละกัน +1คุคุคุ ใหกับช่วงเเรก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 07-12-2010 15:48:04
เรื่องกำลังซับซ้อนเลยค่ะ...มันเคลื่อนไหวไปเร็วจนแทบตามไม่ทันแล้ว(หมายถึงอารมณ์อ่ะนะ)
ไม่ใช่ว่าเหตุผลจริง ๆ ที่คาลรับตำแหน่งบอสเพราะรู้สึกผิดที่ทำให้สองแฝดโดนพ่อทำโทษหรอกนะ...แล้วเหตุผลที่เปิดเผยเรื่องของสองแฝดคงไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องเดียวกับ"เด็กขี้อิจฉา"เห็นพี่ ๆ รักกันจนไม่สนใจตัวเองก็เลยเกิดอาการเคืองจนเผลอก่อกวนจนเกินเหตุไปหรอกนะ...คาลให้บุคลิกซุกซนเหมือนเด็กอ่ะ แบ่งคนออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ "สำคัญ" กับ "ไม่สำคัญ" ถ้าสำคัญก็แกล้งกันพอให้สนุก แต่ถ้าไม่สำคัญแกล้งทีมีสิทธิ์ถึงตาย กรณีของสองแฝดน่าจะเป็นอย่างแรก...แต่เผลอหนักมือไปหน่อยล่ะมั้งก็เลยไถ่โทษด้วยการรับปัญหาการเป็นบอสของพี่ชายมาไว้ซะเอง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 07-12-2010 18:27:16
อื็อหืออออออออออออออออออออออออออออออ
อยู่ๆไอ้คู่หลักมันก้สวีทกันวุ้ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
พายุทะเลทรายทำสมองกลับหรือเปล่า
ตอนนนี้คาวี่ทำตัวดูน่ารักแอ๊บแบ๊วจิงๆนั่นแหละ
เหมือนท่านชีคจะหลงไปแล้วนะ แต่ยังไม่รู้ตัว
อ่านตอนที่คาวี่เล่าเรื่องตัวเองตอนเด็กๆให้ฟัง ก้ดูจะแอบน่าสงสารนิดนึงนะ
แล้วสุดท้ายจะต้องเปลี่ยนกฏของแก๊งค์ยังไงดีหล่ะ ไม่งั้นม่านชีคคงไม่ยอมมั้ง
ท่านชีคก้อีกคน ส่อแววว่าจะหลงาวี่ขนาดนี้ จะทำไงกับเรื่องวัฒนธรรมของบ้านเกิดตัวเองดี
ส่วนอิคู่ฝาแฝด มันก้หวานกันจนน่าหมั่นไส้วุ้ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 08-12-2010 00:00:25
กด+ให้กับตอนยาวๆ
ชีคเริ่มรู้ใจตัวเองแล้ว
ส่วนฝาแฝดก็หวานไม่เกรงใจใคร
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 08-12-2010 02:52:37
เข้ามานั่งอ่านอีกรอบบ บ
ชอบอ่ะ ตอนนี้ :-[

มาต่อไวๆน้าา าา :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Dangerous_patz ที่ 08-12-2010 06:20:14
อ๊ากกกกกก

 :m1: :m19: :m1:


มาต่อเดี่ยว ไวๆ น้าา:m16:


 :m31: :m31:




 o13 o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 08-12-2010 15:09:31
อ้ากกกกกกกเอล็กซิสเหมาะจะเป็นบอสจริงๆๆนั่นแหละ



ไม่เห็นเป็นไรเลยกฎแบบนี้ห้ามให้รักเพศเดียวกันเก่าไปแล้วมาเฟียต้องเปิดกว้างอิิ



โว้อัลซาล์คิดอะไรหรือป่าวทำไมถึงไม่อยากให้เป็นบอสมาเฟียล่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 08-12-2010 23:02:24
รอลุ้นฉากต่อไป ซุก ซบในโอเอซิส (>_<=) 555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Dangerous_patz ที่ 09-12-2010 01:11:59
แอบมาทวง ตอนต่อไป



 :call: :call: :call:


อิอิ


มาเยยยย น้าาาาาา :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: zombiepe ที่ 09-12-2010 18:44:16
คาลจังเหมือนเด็กจังแหะตอนนี้
เด็กแบบน่ารักๆแต่มีฤทธิ์เดช ท่านชีคอ่อนลงเยอะมากนับจากตอนแรก
ทาซานแกยอมรับคาลจังได้แหละนะย่ะ 55
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 10-12-2010 02:50:04
กรี๊ดไปกะฉากหวีดหวานปานจะกลืนกินให้แดดิ้นตายกันไปข้าง
อิคุณแฝดคู่นี้ชอบทำให้ชาวบ้านชาวช่องตาลุกไหม้ร้อนผ่าวๆเรื่อยเรย.....เห็นใจคนไร้คู่บ้างซิยะ!!!!
ส่วนนายเอกก้อช่างขยันร่ายมนต์สะกดใจท่านชีคเหลือเกิน  นี่ก้อดูท่าจะไปไหนไม่รอดแระ
ไม่ใช่ว่าต่อไปเมื่อชีครู้ใจตัวเองแล้ว แต่นายเอกกลับไม่ยอมจะรู้ใจตัวเองซักทีไรงี้นะ.......สงสารชีคตายเรยงานนี้
แต่ก้อแอบเชียร์ให้ลูกคนที่สี่มาเป็นหัวหน้าแก๊งค์แทนเหมือนกัน จะได้ช่วยปลดล็อคคาวัลโลซะที....แต่เหนือสิ่งอื่นใด
น้องนู๋คาวี่ก้อคงต้องปล่อยวางตำแหน่งบอสให้ได้ก่อนอะนะ  ไม่งั้นคาวี่ก้อคาวี่เหอะ อาจกลายเป็น"คาที่"โดยบรรดาแฟนขับของท่านชี้คได้นะเออ!!!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 11-12-2010 02:42:58
เข้ามารอจ๊า  :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 12-12-2010 22:19:38
แหม....ก้เพื่อน้อง
ทำ ๆ ไปเถอะนะ 555555555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 12-12-2010 22:37:09
i really love this fiction so much !
So ,, please come back quickly ~~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 13-12-2010 02:27:03
เข้ามาทวงตอนต่อไปจ๊ะ o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: pha ที่ 13-12-2010 09:25:26
สนุกมากค่ะ
อ่าน ๆ ดูแล้ว สงสัยว่าบอสคนต่อไป
จะกลายเป็น ซานดร้า หรือเปล่าคะนี่
ในเมื่อพี่ ๆ น้อง ๆ ทำผิดกฎกันหมดแน่ อิอิ

เป็นกำลังใจให้นะค้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 13-12-2010 16:21:42
จิ้มรีบน  :z13: :z13:
บอสคนต่อไปเป็นซานดร้าเลยเหรอ ผู้ชายก็ยังเหลืออีกคนนึงนี่  :z2:
แต่บอสหญิงก็เท่ดีแฮะ แอบหนับหนุนนิดหน่อย
เซย์น่ารักค่ะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 13-12-2010 17:37:44
วันนี้ 13 เเล้วน๊าา


(คุณพี่คนเขียนบอกมีธุระถึง 12 นะค่ะ o18)


รอจ๊ารออ  :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 14-12-2010 00:19:13
เข้ามา ทวง!!!

 :z13:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 14-12-2010 00:32:34
มารอด้วยคนจร้า^W^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 14-12-2010 12:22:15
  T T
จะอัพตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว..
แต่คาวี่มัน...ฮือ ร้ายกาจนักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คาวี่มันแกล้งแอิชั้นิอ่ะค่ะ กำลังแก้คำสัพทือยู่ดีๆ ดันเกิดปัญหาทางเทคนิค(ปบบง่าวๆ) สุดท้ายจบลงที่เซฟหน้าเปล่าแทนนิิยายทั้งตอนซะง้านนนน
ฮืออออออออออออ เอานิยายช้านคืนม๊าาาาาาาาาาาาาาาา (คนเขียนกำลังทำใจอยู่ ณ ที่นี้)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Dangerous_patz ที่ 14-12-2010 15:06:58
  T T
จะอัพตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว..
แต่คาวี่มัน...ฮือ ร้ายกาจนักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คาวี่มันแกล้งแอิชั้นิอ่ะค่ะ กำลังแก้คำสัพทือยู่ดีๆ ดันเกิดปัญหาทางเทคนิค(ปบบง่าวๆ) สุดท้ายจบลงที่เซฟหน้าเปล่าแทนนิิยายทั้งตอนซะง้านนนน
ฮืออออออออออออ เอานิยายช้านคืนม๊าาาาาาาาาาาาาาาา (คนเขียนกำลังทำใจอยู่ ณ ที่นี้)

โอ๋ๆๆๆๆ

เดว เค้าปลอบใจ น้าาาา


555

แต่ ขอพ่นไฟ ใส่ก่อน  :m31: :m31: :m31:



เดว เค้า จา ยิงคาวี ทิ้งๆๆๆๆๆๆ อิอิ ล้อเล่นน้า



 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 14-12-2010 22:57:02
เข้ามาเป็นกำลังใจค่ะ :กอด1:

แต่ขอทวงอีกรอบ :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 15-12-2010 09:36:02
มะ...มะ...ไม่น๊า!!!! :serius2:

Very Sad~

 :seng2ped:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 15-12-2010 10:07:05
เเวะเข้ามารอเเละ คราง หงิง หงิง หงิง  นิยายหายตอนกำลังทำ น่าสงสารอะ เเต่เราก็อยากอ่านอะ (ตึง ตึง ตึง (เสียงทุบโต๊ะ รออย่างทรมาน)55+)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 15-12-2010 20:24:32
เข้ามาดูอีกรอบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 15-12-2010 20:37:29
อัพวันนี้จ๊ะ ขอตรวจสอบตัวสะกดก่อน (และหวังวา่าจะไม่ลงอิหรอบเดิม) น่าจะประมาณ 4 ทุ่มค่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 15-12-2010 20:47:37
เข้ามาปู่เสื่อรอค๊า :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 15-12-2010 22:27:15
 :m21: เลยไปหน่อยไม่เปงรัย

ป๊อปคอร์นหมดไปสามกล่อง

แต่ยังรอต่อไปน๊า

สู้ๆ :L2:

 :กอด1:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 15-12-2010 22:43:29
แปปนึงค่าาาาาาา พอดีคุยเรื่องหนังสือกับโรงพิมพ์อยู่ กำลังตรวจสอบคำสัพท์ รอสักครู่(ใหญ่ๆ)

นั่งดู USA vich ให้ฮาเบาสมองเคล้าป๊อปคอร์นก่อนก้ได้นะค่ะ

ปล. จองงงงงงงงงง ที่ลง
ปล.2 เอาเนื้อเพลงประกอบเรื่องมาแปะ


เนื้อเพลง ศัตรูที่รัก - บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์

เธอเป็นหมือนศัตรู อยู่เหมือนหนามยอกใจ
ใกล้กันคงไม่ได้ ต่อให้ใจนั้นจะไหวหวั่น
คงเป็นเหมือนศัตรู เป็นยอดชู้ในฝัน
ไม่มีทางรักกัน แต่ผูกพันยิ่งกว่ารักใด

แต่ก็ไม่อาจจะยอมรับ และไม่อาจจะลืมเรื่องเธอไป
ต่อให้ฉันทำยังไง แต่ความจริงที่ฉันมีคงหลุดพ้นมันไม่ได้
เปรียบดังเส้นขนาด แบ่งโลกฉันกับเธอ
ไม่มีวันได้เจอะเจอ ไม่มีวันที่จะรักกัน
ห้ามใจมากเท่าไหร่ มันกลับยิ่งผูกผัน
เหมือนหัวใจเธอและฉัน อยู่ตรงข้ามแต่เข้าใจ

แต่ก็ไม่อาจจะยอมรับ และไม่อาจจะลืมเรื่องเธอไป
ต่อให้ฉันทำยังไง แต่ความจริงที่ฉันมีคงหลุดพ้นไปไม่ได้
ต่อให้หนีอย่างไร ไปให้แสนสุดไกล
แต่สุดท้ายเธอก็ยัง อยู่ในความคิดและหัวใจ
อยากจะหนีอย่างไรก็คงทำไม่ได้
ต้องยอมรับเธอใช่ไหม ศัตรูที่รัก...ที่รักของฉัน

แต่ก็ไม่อาจจะยอมรับ และไม่อาจจะลืมเรื่องเธอไป
ต่อให้ฉันทำยังไง แต่ความจริงที่ฉันมีคงหลุดพ้นไปไม่ได้
ต่อให้หนีอย่างไร ไปให้แสนสุดไกล
แต่สุดท้ายเธอก็ยัง อยู่ในความคิดและหัวใจ
อยากจะหนีอย่างไรก็คงทำไม่ได้
ต้องยอมรับเธอใช่ไหม ศัตรูที่รัก...ที่รักของฉัน

โอ้ว โอว ศัตรูที่รัก
ศัตรู ศัตรู ศัตรูที่รัก....



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ishiya ที่ 15-12-2010 22:47:20
แล้ววันนี้ไรท์เตอร์จะอัพพี่โตและน้องเนมหรือป่าวจ๊ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 15-12-2010 23:23:07
ุุู^

พี่โตน้องเนมพรุ่งนี้ค่ะ วันนี้อัพปกอัพรูปเล่มที่เด็กดีนะค่ะ อยากเห็นตามไปดุได้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 16-12-2010 00:49:18
Line : 15

     บนฟากฟ้ายังมีสีดำและมีแสงดาวปรากฏหากที่เส้นขอบฟ้ากลับมีแสงสีทองของพระอาทิตย์ที่ฉาบฉาย เมฆก้อนใหญ่บดบังแสงสีทองไว้เจือสีแปลกตา ท่ามกลางทะเลทรายกว้างเวิ้งว้างมีเสียงสวดดังขึ้นเบาๆ ในบรรยากาศเงียบสงบ มันดูเข้ากันได้ดีกับทะเลทรายกว้าง ซึ่งเม็ดทรายบนพื้นกำลังจะส่องประกายขึ้นมาอีกครั้งด้วยแสงของดวงอาทิตย์..

    คาวัลโล วาสกัสโผล่หน้าออกมาจากกระโจมด้วยท่าทีง่วงงุน เส้นผมสีน้ำตาลอัลมอนด์ดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง และเจ้าตัวก็ยิ่งไปเพิ่มให้มันดูยุ่งขึ้นอีกด้วยฝ่ามือที่ออกแรงเกาศรีษะเบาๆ นัยน์ตาสีน้ำทะเลซึ่งหรี่ปรือลงต่ำราวกับยังไม่ตื่นนั้นทอดมองไปยังกระโจมพักที่เขาได้ยินเสียงสวดดังขึ้น  ก่อนจะตวัดมองไปยังต้นปาล์มที่ยืนทอดเงาตะคุ่มอยู่ริมบ่อน้ำ..

     บ่นที่กว้างไม่ถึงเมตรนี้เป็นตาน้ำซึ่งมีน้ำไหลออกมาตลอดปี อย่างที่ถูกเรียกว่า"โอเอซิส" ท่ามกลางทะเลทรายซึ่งมีภูมิประเทศอันแห้งแล้งและโหดร้ายทารุณต่อสิ่งมีชีวิตเช่นนี้ เพียงบ่อน้ำเล็กๆก็เปรียบเหมือนดั่งสวรรค์ ของทั้งสรรพสัตว์ พืชพันธ์ไม้ หรือแม้แต่นักเดินทาง ดังนั้นมันจึงไม่แปลกเลย ที่ ณ โอเอซิสแห่งนี้จะมีต้นไม้และต้นหญ้างอกเงยขึ้นทั่วบริเวณ..

      คาวัลโลนั่งลงบนก้องหินทรงกลมขนาดไม่ใหญ่นัก เขาก้มมองเงาตนเองในน้ำใส ก่อนจะเอื้อมมือวักน้ำนั้นมาล้างหน้า สร้อยกางเขนเงินที่แขวนไว้บนลำคอทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วงสะท้อนอยู่บนพื้นน้ำ และลำแสงของดวงอาทิตย์ที่เริ่มทอดยาว คาวัลโลหันไปมองท้องฟ้าด้านทิศตะวันออก ขมวดคิ้วน้อยๆอย่างนึกแปลกใจ เพราะเมื่อครู่เขาเดินออกมา ดวงอาทิตย์ยังเพิ่งจะขึ้น และกำลังทาบเงาเริ่มฉายแสง หากแต่เมื่อเดินออกมานั่งตรงนี้ได้แค่ไม่นาน มันกลับโผล่พ้นขอบฟ้าปรากฏเป็นลูกกลมๆสีส้มที่ดูใหญ่โตมากกว่าทุกที่ ที่เคยได้พบและฉายแสงออกมามากขึ้น...

....คำกล่าวที่ว่าดวงอาทิตย์ในทะเลทรายมักจะขึ้นเร็วนี่ท่าจะจริง..

    คาวัลโลหรี่ตามองดวงอาทิตย์ดวงโตก่อนจะยกชายเสื้อมาเช็ดหน้าตัวเองลวกๆ ขณะที่เสียงสวดมนต์ภาษาอาหรับ หรืออีกชื่อก็คือกิจกรรมทางศาสนายามเช้านามว่า"ละหมาด"ยังดำเนินต่อไป เขาเงี่ยหูฟังเสียงที่ดังกังวานไปกับทะเลทรายกว้าง มันเป็นท่วงทำนองสูงๆต่ำๆ ไพเราะราวกับกำลังร้องเพลงอยู่...ยามที่ดังขจรกระจายอยู่ในท้องทะเลทรายนี้ ช่างดูเหมาะสมกันเสียจริงๆ..

     "..The Mouth of the just shall meditate wisdom       
        and his tongue shall speak judgment...."

      ฮัมเพลงสวดออกมาเบาๆบ้างราวกับจะเอาเยี่ยงอย่าง เสียแต่คาวัลโลไม่ได้เคร่งขนาดนั้น แม้คาทอลิคจะเป็นคริสต์นิกายที่เรียกว่าเก่าแก่และเคร่งครัดที่สุด ทว่าตัวเขาก็ไม่ได้ไปโบสถ์ทุกวันหรือรับศีลทุกเช้าเช่นที่มารดาของเขาได้ทำ..อาจจะเพราะไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดนั้น...และอีกสาเหตุหนึ่งที่ใหญ่กว่า นั่นคือก่อนจะทำพิธีมิสซารับศีลมหาสนิทนั้น..จะกินข้าวก่อนทำพิธีไม่ได้ กับคนอื่นมันอาจจะเป็นสาเหตุเล็กๆ แต่กับตัวเขาแล้ว นั่นล่ะ...เรื่องใหญ่...

      เสียงฝีเท้าที่ย่ำใกล้เข้ามาทำให้ชะงัก...คาวัลโลหันไปมองหน้าเจ้าของฝีเท้า พบว่าอัลชาอ์กำลังเดินเข้ามาหา เสียงสวดมนต์เงียบลงไปแล้วและคาดว่าพวกทหารคงจะเริ่มเก็บข้าวของกันอยู่..

  " อรุณสวัสดิ์..." คาวัลโลอ้าปากทักทาย ขณะที่ร่างในชุดโธปสีน้ำตาลเข้มก้าวเท้ามาหาและทรุดกายลงข้างๆ

  " เช่นกัน.." อัลชาอ์รับคำ ทอดมองเงาของตนเองและคนข้างกายที่สะท้อนอยู่บนแอ่งน้ำ ขณะที่คาวัลโลเอียงหน้ามองเสี้ยวหน้าคมของชายผู้อยู่ข้างกาย คิดไปถึงเรื่องของเมื่อคืน...ที่เขาออกปากระบายความอัดอั้นให้ได้รู้...ทั้งที่อีกฝ่ายมีฐานะเป็น"คนอื่น"สำหรับเขา...แต่ทำไมกันนะ...ถึงได้...

   " มีอะไรรึ? " คำถามนั้นทำให้คาวัลโลชะงัก และพบว่าตัวเองกำลังตจ้องหน้าของชีคหนุ่มอย่างเอาเป็นเอาตาย คาวัลโลยิ้มออกมาแทนคำตอบ และหันกลับไปมองยังแอ่งน้ำเบื้องหน้าเช่นเดิม

   " ไม่มีอะไร" เขาตอบ พร้อมๆกับได้ข้อสรุปว่า..ที่พูดกับคนอื่น..เพราะคนอื่น ไม่ใช่คนที่สำคัญกับเรายังไงเล่า เพราะอย่างไรอัลชาอ์กับเขาก็คงได้อยู่ด้วยกันไม่เกินสามเดือน...จากนั้นก็คงไม่มีธุระอะไรกันอีก..เพราะอย่างนั้นล่ะ ถึงได้ออกปากพูดคุยได้อย่างสบายใจ เพราะไม่มีทางที่จะถูกเปิดโปงหรือถูกพูดให้ใครหัวเราะเยาะ..

    " เมื่อกี้ผมได้ยินเพลงสวด..." อัลชาอ์ออกปากถามสั้นๆ ทำให้คนฟังขมวดคิ้วน้อยๆ พลางหัวเราะหึ

    " เพลง  Lilium  ..." มาเฟียหนุ่มออกปากบอกสั้นๆ " เป็นภาษาสันสกฤต หมายถึงดอกลิลี่..สัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ บทสวดมันค่อนข้างหดหู่นะ..แต่ผมชอบ..."

      คาวัลโลเอ่ยก่อนจะท่องเนื้อเพลงนั้นขึ้นมาเบาๆ..

                  The Mouth of the just shall meditate wisdom
                (ปากที่เอื้อนเอ่ยแต่คำสอน)
                and his tongue shall speak judgment.
                (ซิวหาพร่ำพรรณนาแต่การพิพากษา)
                Blessed is the man that endureth temptation
                (พรอันประเสริฐย่อมเป็นของผู้อดทนต่อสิ่งเย้ายวน)
                For when he hath been proved, he shall receive the crown of life
                (เมื่อคนผู้นั้นผ่านการยืนยันว่าตนจักได้รับซึ่งมงคลแห่งชีวา)
                Lord, fire divine, have mercy
                (พระผู้สร้าง เพลิงแห่งทวยเทพ ได้โปรดเมตตา)
                Oh how holy, how serene
                (โอ ช่างศักดิ์สิทธิ์ ช่างสงบ)
                how benevolent, how pleasant
                (ช่างเมตตา ช่างน่ายินดี)
                Oh Lily of purity
                โอ ลิลลี่แห่งสัญลักษณ์บริสุทธิ์


      "...ความหมายดี..." อัลชาอ์ออกปากชมสั้นๆ

      " ก็นะ....ผมชอบแค่ท่อนแรกๆน่ะ..." คาวัลโลยิ้มมุมปาก  "คิดว่ามันดูสมจริงดี เสียดสี...สันดานดิบของมนุษย์...ปากที่เอาแต่พูดพร่ำ บอกไปแต่ใจคิดอีกอย่าง...แต่พูดแบบนี้ไปก็โดนด่าเละ เห็นว่าทำบทสวดเขาเสียหายหมด.."

      "หึ..." อัลชาอ์ส่ายหัว นิ่งฟังเจ้าคนมีปัญหาเล่าเรื่องพฤติกรรมแปลกๆของตัวเอง..

      "...ผมศรัทธาในพระเจ้า แต่ไม่เชื่อเรื่องการสวดอ้อนวอนหรอก"คาวัลโลยักไหล่ มือก้มลงถอนวัชพืชใกล้ตัวออก " ถ้าอธิฐานแล้วสมหวังไปเสียทุกอย่าง โลกนี้จะมีคนผิดหวัง คนที่โศกเศร้างั้นเหรอ?..และสิ่งที่ได้มาด้วยการวอนขอ ไม่ได้มาด้วยกำลังของตัวเอง มันน่าภูมิใจหรือยังไง...การทำความต้องการให้เป็นจริงด้วยมือของตนเอง นั่นต่างหากที่ดีที่สุด.."

       " รสชาติของผลไม้ที่ลงแรงปลูกเองและดูแลมัน ย่อมหอมหวานและอร่อยกว่าเสมอ" อัลชาอ์เอ่ยขึ้นบ้าง นั่นทำให้คนข้างตัวพยักหน้าแรงๆอย่างเห็นด้วย..
      " นั่นเป็นเหตุผลที่ผมต้องพยายามไง.." คาวัลโลยิ้มร่า ก่อนจะออกปากพุดเรื่องความไฝ่ฝันของตัวเอง "ฟังนะ ...นี่เป็นความลับสุดยอดของผม...บอกคุณคนเดียวนะ ดีใจไว้ซะล่ะเรื่องที่ผมตั้งใจจะทำถ้าได้ขึ้นเป็นบอสน่ะ.."

      " หือ?...แค่ผม..." อัลชาอ์เลิกคิ้ว..ออกปากถามคล้ายไม่มั่นใจกับสิ่งที่ได้ยิน

      " คุณ ..... คนแรก..." คาวัลโลตอบรับ ก่อนจะทอดสายตามองไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มกว้าง "...ถ้าผมได้เป็นบอส...สิ่งแรกที่จะทำคือเชือดไอ้คนที่คิดจะหักหลังผมซะก่อน...เสร็จแล้วก็จะปรับปรุงเรื่องการทำงานของคนในแกงค์ และถล่มไอ้พวกเซเคนีให้ยับ....ผมจะทำให้แกงค์ของตัวเองเป็นแกงค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์..จะทำให้มาเฟียทั่วอิตาลีเป็นหนึ่งเดียว...."

       " .........." อัลชาอ์พยักหน้ารับช้าๆ นัยน์ตาที่มองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มข้างกายที่เอ่ยถึงความฝันของตนอย่างหมายมาดและมีความสุขด้วยแววตาครุ่นคิด..

       "...ถ้าคุณทำงานนี้ให้ผมเสร็จนะ.."

       "... แหม...ก็เสร็จอยู่แล้ว...ผมไม่ยอมให้พลาดหรอกน่า..." คาวัลโลยักไหล่ ก่อนจะผินกายลุกขึ้น " หิวแล้วล่ะ มีอะไรกินบ้าง.."

      " มีแต่กาแฟ...ทานรองท้องไปก่อน อีกสองชั่วโมงก็ถึงจารเซแล้ว..." อัลชาอ์ตอบอีกฝ่ายสั้นๆ

       " โหยยยย ฟังแล้วหมดแรงเลย..." คาวัลโลบ่นอู้ พร้อมกับเดินเซมาเกาะแขนชีคหนุ่มไว้ แล้วเอาคางพาดลงกับแขนหนาทันที...

       "  เดินดีๆ" อัลชาอ์ถอนหายใจ ออกปากบ่น..

       " ไม่มีแรงแล้ว...เฮ้อ...."คาวัลโลบ่นงึมงัมและออกแรงเกาะอีกฝ่ายแน่นกว่าเดิม อัลชาอ์ส่ายหัวอย่างระอา ชีคหนุ่มพยายามเอื้อมมือไปเเงะเเขนตนเองออกจากมือขาวจัดที่เกาะกุมไว้ แต่ก็ทำได้เพียงสะกิดให้เจ้าตัวครางงงึมงัมใส่เท่านั้น

       " จะเหนื่อยอะไรนัก เมื่อกี้ยังมีแรงนักหนาอยู่ไม่ใช่รึ..." ชีคหนุ่มเอ่ย ในที่สุดตนก็ต้องเป็นฝ่ายเดินไปยังกระโจมด้วยสภาพมีร่างของหนุ่มชาวอิตาเลียนตามติดไม่ยอมห่าง..

       "....ก็ร้องเพลงไง เหนื่อยยยยย" คาวัลโลลากเสียง

       " ...คาวัลโล...เพื่อนเล่นรึไง" อัลชาอ์ออกปากเตือนเจ้าตัวด้วยน้ำเสียงต่ำๆ..

       " เปล่า...คนรู้จัก..." คำตอบนั้นทำให้ฝีเท้าชะงักงัน อัลชาอ์ยิ้มมุมปากด้วยความสมเพชตัวเอง ที่ได้ฟังคำตอบเช่นนั้นแล้วถึงกับนิ่งงันไปด้วยความรู้สึกชาวาบทั้งกาย...

       " หือ? " ใบหน้าที่ซุกลงกับไหล่หนาเงยขึ้นมามอง พลันขมวดคิ้วช้าๆเมื่อรู้สึกว่าเสี้ยวหน้าคมนั้นฉายแววเจ็บปวดขึ้นมาวูบหนึ่ง..
..นัยน์ตาคนมองหรี่ลงเล็กน้อย...

       " ถามอะไรหน่อยสิ.." อัลชาอ์ก้าวเท้าเดินอีกครั้ง และยังพกพาเจ้าคนที่ออกปากว่าหมดแรงไว้ด้วยเช่นเดิม " อะไร...ที่จะทำให้คุณเลิกคิดจะเป็นบอสมาเฟีย.."

       " ไม่มี " คำตอบสั้นๆ กระชับ ทำให้ผู้ฟังสมหายใจสะดุด อัลชาอ์สบตาสีน้ำทะเลที่เงยหน้ามามอง เขาจ้องตาคู่นั้น ออกปากถามออกไปอีกครั้ง..

       " ไม่มีจริงๆหรือ..? "

      " เมื่อผมตาย " คาวัลโลยิ้มมุมปากด้วยท่าทีเย็นชา ใบหน้าที่ซุกซบกับแขนหนาผละออกและเดินเข้าไปทันควัน ราวกับท่าทีหมดแรงเมื่อครู่ไม่มีอยู่.. ขณะที่ชีคหนุ่มนิ่ง...ค่อยก้าวเท้าเข้ามาในกระโจมอย่างเชื่องช้า...

...ไม่มีทาง...จะล้มเลิก

    อัลชาอ์ขยับยิ้มเบาบาง กับคำตอบที่ได้รับ....ชีคหนุ่มมองใบหน้าที่กำลังก้มลงเก็บของรู้สึกถึงฝ่ามือที่เย็นเฉียบ...และความคิดร้ายๆที่พุ่งขึ้นมาราวกับสายน้ำหลาก..

....จะเก็บไว้...ไม่ให้ได้ไปไหน..

จะกักขังไว้...

จะซุกซ่อน ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน...

....เพื่อ...สิ่งที่ต้องการ...

   อัลชาอ์เม้มปากแน่น สะบัดหน้าบ่ายไปดูข้าวของของตนเองบ้าง พยายามสะบัดทิ้งความคิดอันชั่วร้ายของตนให้ทิ้งตัวตกตะกอนอยุ่ภายในใจ..ไม่ให้โผล่ออกมาอีก..

......เพราะมันเป็นไปไม่ได้....

     ...และอีกด้าน คาวัลโล วาสกัส กำลังจัดการข้าวของตนเองด้วยท่าทีไม่รู้เรื่องราวอะไร หากที่จริงเขาหรี่ตาลงมองเสี้ยวหน้าคมอีกคราด้วยท่าทีสังเกตสังกา.. ทำท่าทีเป็นกำลังเก็บของ แต่มองเห็นแววตาของชีคหนุ่มที่มองมายังตนได้อย่างชัดเจน..

...ริมฝีปากสีจางเม้มเข้าหากันช้าๆ... เมื่อมองเห็นประกายวาบในดวงตาคู่นั้น..

   ...อย่าบอกนะ...ว่า...

............................................................................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 16-12-2010 00:52:01
 
    เสียงเครื่องยนต์คำรามดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับรถยนต์ที่เคลื่อนที่ออกไปจากโอเอซิสอันเป็นที่พัก ทิ้งไว้เพียงรอยล้อรถและฝุ่นควันจางๆ ที่อีกไม่นานก็คงปลิวหายไปกับสายลมและถูกฝุ่นทรายกลบทับจนมิดเช่นเดิม  และยังทิ้งเยื่อใยความรู้สึกบางๆที่ถักทอขึ้นอย่างเชื่องช้าไว้เช่นกัน เพราะในรถยนต์ที่เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ ร่างของชายหนุ่มสองเชื้อชาติที่เคยสนิทสนมชิดเชื้อ ตอนนี้กลับห่างเหิน...นั่งเอนกายบนเบาะรถคนละฝั่ง..

       นานเท่านานที่ความเงียบอวลอยู่ในห้องโดยสาร มีเพียงวิทยุสื่อสารด้านหน้าคอนโซลรถที่ส่งรายงานมาเป็นระยะ ขณะที่ร่างของชีคหนุ่มนั่งเงียบ จิบกาแฟไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง และกำลังก้มอ่านหนังสือพิมพ์อยู่อย่างสงบ อีกฝั่งของที่นั่งคือร่างของชายหนุ่มชาวต่างชาติที่มาฐานะเป็นคนรัก...เจ้าตัวนั่งมองทิวทัศน์ของทะเลทรายเงียบ ไม่มีคำถามหรือท่าทีจะพูดคุยอะไรเช่นเมื่อวาน..

      ฮาซานสูดหายใจลึกๆด้วยท่าทีอึดอัดไม่น้อยยามที่ห้องโดยสารมีแต่ความเงียบ กระทั่งรถได้เดินทางมาถึงทางเข้าตัวเมืองจารเซ บรรยากาศคึกคักภายในเมืองนั้นสมเป็นเมืองที่มีความสำคัญเป็นอันดับสองและถูกปกครองโดยชีคผู้มีอำนาจ ประชาชนชาวเซเนียยาเหมือนจะได้ทราบข่าวว่าประมุขของประเทศได้เดินทางมา ตามรายทางจึงมีประชาชนคอยโบกธงให้การต้อนรับอยู่ไม่น้อย..

      คาวัลโลมองเมืองที่ค่อนข้างทันสมัยทัดเทียมกับเมืองหลวงด้วยสายตาอยากรู้ แต่เมื่อเห็นคนที่เฝ้ารออยู่รอบทางเขาก็ชะงักและพยายามทำตัวให้โดดเด่นน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหากมีใครรู้จักหรือสนใจในตัวเขา มันคงไม่ดีเท่าไหร่..

  อัลชาอ์เหลือบมองท่าทีของคนข้างกาย เขายกรอยยิ้มเหมือนจะขบขัน หากแต่ก็ไม่พูดอะไร อาจจะเพราะบรรยากาศที่หนักอึ้งซึ่งดำเนินมานั้นทำให้ความคิดที่จะพูดคุยลดน้อยลง แม้จะอยากรู้สาเหตุที่ความเงียบเกิดขึ้น และท่าทีเปลี่ยนไปเป็นเงียบนิ่งของคนข้างกายก็ตาม..

      " ชีคครับ...ท่านอาเหม็ดแจ้งมาว่าจะรอรับเสด็จอยู่ที่วังครับ.." ฮาซานเอ่ยกับนายเหนือหัวตนเบาๆ อัลชาอ์พยักหน้ารับคำเงียบๆ

      " ผมต้องไปรึเปล่า ? "จู่ๆ คำถามก็ดังมาจากคนที่เคยนิ่งเงียบ อัลชาอ์หันไปมองคนพูดและเขายังพบว่าเจ้าตัวมองออกไปนอกหน้าต่างเช่นเดิม

       " หมายถึงอะไร ?" ชีคหนุ่มออกปากถามกลับ

       " ก็พวกกินข้าว...รึอะไรประมาณนั้น..." คาวัลโลตอบ

       " ไม่ต้องหรอก...ผมไม่ได้แจ้งว่าจะพาคุณมาด้วย...." อัลชาอ์ตอบ เพราะที่ตนมาก็เพื่อจะพุดคุยเกี่ยวกับเหตุการ์ณเมื่อครั้งที่แล้วกับอาเหม็ดผู้เป็นลุงและฟาติมะห์ ดังนั้นจึงไม่ควรพาคาวัลโลไปไหนมาไหนให้ขุ่นข้องใจ เพราะที่พาเจ้าตัวมาด้วยก็ถือว่าเป็นการเสียมารยาทมากพออยู่แล้ว..

        " ดี..ผมจะได้ไม่ทำร้ายจิตใจผู้หญิง " คาวัลโลยักไหล่ พลางหันไปมองหันไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง

         " ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าก่อเรื่อง...หรือทำตัวโดดเด่นให้มันมากนัก.."

          " เข้าใจแล้ว" น้ำเสียงรับคำเรียบเรื่อยนั้นทำให้ผู้ฟังชะงัก อัลชาอ์หันไปมองเสี้ยวหน้าของเจ้าตัวที่ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง ทั้งที่คำตอบรับเมื่อครู่นั้นแสดงให้เห็นว่าเข้าใจดีถึงสถานะและการทำตัวของตน หากแต่มันกลับให้ความรู้สึกหนักอึ้งและชวนหดหู่อย่างน่าประหลาด..

     ชีคหนุ่มขมวดคิ้ว อยากจะออกปากถามถึงอาการที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย แต่ทว่า...เสี้ยวหน้าที่ชาเฉยนั้นทำให้ต้องนิ่งคิด..และในที่สุด ตนจึงเป็นฝ่ายผละไปและหันหน้ามองตามข้างทางบ้าง..

....เพราะมัน ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องสนใจ..

    ขบวนรถเข้าไปในตัวเมืองด้วยความเร็วปกติ ผ่านทางเข้าคฤหาถ์ของชีคอาเหม็ดที่มีต้นปาล์มน้ำมันถูกปลูกไว้นับร้อยไร่ คาวัลโลชะโงกมองอย่างนึกสนใจ เขาหันไปอ้าปากจะพูดคุยกับอัลชา ทว่ารถก็จอดลงและร่างของชีคหนุ่มเเห่งเซเนียยาก็ก้าวลงไปทันควัน..

     นัยน์ตาสีน้ำทะเลหรี่มองบุคคลต่างไที่เข้าให้การต้อนรับ ทั้งคนที่เขารู้จักอย่างอาเหม็ดหรือแม่สาวฟาติอมะห์คนงาม อีกทั้งยังมีร่างของชายในชุดนายทหารชั้นสูงอีกหลายราย เข้าแถวยืนรอรับเสด็จอยู่ ขณะที่ตนเองนั่งนิ่งอยู่ในรถที่กำลังเคลื่อนตัวไปช้าๆ

         "....การมาครั้งนี้ ไม่ควรจะทำให้ท่านอาเหม็ดขุ่นเคืองใจ.." ฮาซานที่นั่งอยู่ด้านคนขับออกปากบอก ซึ่งคาวัลโลก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เพราะการจะพาเขาซึ่งเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งไปด้วยมันคงเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง..

รถจอดลงที่ลานด้านข้างของตัวคฤหาสถ์ ฮาซานปลดเบครมือและใส่เกียร์ว่าง และกำลังจะปิดเครื่อง..

       "ฮาซาน.." น้ำเสียงเรียบเฉยออกปากเรียก

      " มีอะไรหรือครับ? "ฮาซานรับคำเบาๆ

       "...สวนปาล์มข้างหน้าเป็นของท่านอาเหม็ดใช่ไหม?" คาวัลดลออกปากถามสั้นๆ ทำให้คนฟังชะงัก

      " ใช่ครับ"

     " งั้นเหรอ....มิน่า คนยืนเล็งปืนอยู่เต็มเชียว.." คาวัลโลเอ่ย ก่อนจะเปิดประตูรถและเดินลงไป..

         คำพูดนั้นทำให้ผุ้ฟังชะงัก ฮาซานขมวดคิ้วนัยน์ตาเกลื่อนไปด้วยความประหลาดใจ เพราะหากมีอะไรเกิดขึ้นเช่นที่อีกฝ่ายว่า เขาคงต้องไปตรวจสอบ ก่อนจะเกิด "เหตุ" อะไรขึ้นมาจริงๆ..

...

     ...ก็ไม่ใช่จะไม่รู้หรอก..

    คาวัลดลยืนมองห้องพักของตนก่อนจะสรุปกับตัวเองเงียบๆ กับคำพูดของอัลชาอ์ที่ว่าไม่มีใครทราบว่าพาเขามาด้วย..จะบอกว่าสายข่าวของอาเหม็ดดีพอสมควรก็ได้ เพราะห้องที่เขาอยู่นี่มัน...จะว่าไงดีล่ะ

      ชายหนุ่มกวาดตามองทั่วห้องขนาดเล็กที่สาวใช้พาเขามาเมื่อครู่  สัมภาระวางอย่างปลายเตียง ขณะที่เขากวาดตามองห้องที่ตนต้องพัก...

     ห้องสี่เหลี่ยมเล็กแคบที่มีเตียงขนาดกลางตั้งอยู่ ในห้องมีพัดลมปรับอากาศที่เพดาน ห้องน้ำเล็กจนไม่มีทางยัดอ่างอะไรเข้าไปได้เลย...จะว่าไงดีล่ะ...มันก็เป็นห้องที่ออกจะ โกโรโกโสไปหน่อยสำหรับแขกของชีค..

...รึแม่คนนั้นนึกว่าเขาเป็นแค่ทหารติดตามกันนะ...

       คาวัลโลเดินย้ำไปมาสำรวจทั่วห้อง เขามองเห็นตู้เสื้อผ้าอยู่ตรงผนัง ชายหนุ่มเดินไปเปิดมันช้าๆ ขมวดคิ้วเมื่อเจอเสื้อคลุมเก่าๆแขวนอยู่ เขาเอื้อมมือจับมันแล้วลองดมกลิ่นดู พลางเบ้หน้า...แต่ก็เอาเถอะ จัดห้องแบบนี้จะมีโครงกระดูกหรือศพโผล่มาก็ไม่แปลกใจหรอก...

    มาเฟียหนุ่มเริ่มสำรวจข้าวของในห้องอีกครั้งด้วยความสนอกสนใจ พบว่าในห้องโกโรโกโสแบบนี้ไม่มีกล้องวงจรปิดหรือเครื่องดักฟังอะไรอยู่ตามคาด แต่ของที่เขาพบนี่สิ มันน่าสนใจเสียจริงๆ..

  นอกจากเสื้อเก่าๆที่อยู่ในตู้แล้ว เขายังพบ"กล่อง"อะไรซักอย่างที่มีขนาดพอให้ใครซักคนยัดตัวลงไปได้สบาย และยังพบเครื่องเงินที่ดูหรูหราเกินกว่าจะเอามาประดับห้องโทรมๆแบบนี้อีกหนึ่งอัน..

    ริมฝีปากบางยกรอยยิ้มขึ้นมาช้าๆเมื่อสามารถคาดเดาได้ว่า...กำลังจะเจอกับอะไร...

....แบบนี้ต้องเล่นกันเสียหน่อย...

  คาวัลโลเดินไปเปิดสัมภาระของตัวเอง หยิบโธปสีดำขึ้นมามองแล้วยิ้มออกมาช้าๆ เขาเข้าไปในห้องน้ำ อาบน้ำชำระร่างกายด้วยอารมณ์ระรื่นผ่องใส การถูกหมายหัวแล้วมีความสุขนี่จะเรียกว่าโรคจิตรึเปล่านะ แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่ เพราะชีวิตของเขามันต้องพบเจอกับเรื่องน่าสนุกแบบนี้สิถึงจะดี...

   ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาเดินไปยังหน้าต่าง รูดปิดม่านลงช้าๆให้เหลือแสงส่วงลอดออกมาแต่เพียงน้อย ก่อนจะหยิบเครื่องเงินในมือไปวางไว้ใกล้หน้าต่าง อย่างประสงค์จะให้มันเป็น"เป้า"ชั้นดี

มองนาฬิกาที่เดินไปช้าๆ..ด้วยรอยยิ้มสนุกสนานที่พาดลงบนริมฝีปาก..

เลือดในกายเดือดพล่าน...กับความสนุกที่กำลังรออยู่เบื้องหน้า..

  แต่ที่สำคัญกว่าตอนนี้คือ...อาหารของเขา ทำไมยังไม่มีซักที..

...

     โต๊ะยาวสำหรับงานเลี้ยงอาหารกลางวันมีชีคหนุ่มเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะ และตรงข้ามก็คือผู้เป็นลุงที่นั่งอยู่ ด้านซ้ายของตนคือฟาติมะห์และถัดไปเป็นบรรดานายพลและภรรยาที่มาร่วมงานเลี้ยงรับรองต้อนรับการเดินทางมาครั้งนี้ของตน อัลชาอ์นึกโล่งใจที่ท่าทีของผู้เป็นลุงและฟาติมะห์ไม่ได้เคืองโกรธตนเองมากมายนักทั้งคู่ยังคงยิ้มแย้มและพุดคุยกับเขาอย่างปกติ หากแต่เพราะเหตุใดก็ไม่ทราบ หัวใจจึงยังขุ่มมัวด้วยความกังวลแปลกๆถึงท่าทีของผู้เป็นลุง..

       อัลชาอ์กวักมือเรียกฮาซานที่ยืนอยู่เบื้องหลังให้โน้มกายเข้ามาหา ออกปากสอบถามสั้นๆ

       " อยู่ไหน ?" ไม่บอกก็คาดเดาได้ว่าเป็นใคร ฮาซานโน้มตัวลงกระซิบตอบ ขณะที่สายตากวาดมองคนรอบด้าน

        " ที่ห้องครับ กำลังพักผ่อน "

        " คอยจับตาดูไว้ล่ะ อย่าให้ออกมาเพ่นพ่าน" อัลชาอ์สั่งการสั้นๆ

        " ครับ" รับคำเบาๆ ขณะที่สายตากวาดมองผู้ร่วมงานและทหารรักษาการเบื้องนอก ฮาซานครุ่นคิดถึงคำพูดของคนรักของชีคที่บอกกับตน แม้จะยังนับถืออีกฝ่ายได้ไม่สนิทใจ หากสิ่งที่ได้ยินมาใช่จะละเลยกันได้ง่ายๆ

      งานเลี้ยงกลางวันนี้ มีผู้มาร่วมงานมากมายและส่วนใหญ่ก็เป็นนายพลที่ประจำอยู่ที่นี่ หรือเหล่าบุคคลคนสำคัญของเซเนียยาก็ดี แต่ทว่า นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องมีการประจำการ ตรึงกำลังคงไว้มากเสียขนาดนั้น เพราะคฤหาสถ์ที่นี่ก็เป็นดั่งปราการเหล็ก มีทหารรักษาการอยู่มากมาย และรอบนอกก็เป็นบ้านของเหล่านายพลต่างๆซึ่งก็มีการรักษาความปลอดภัยมากกว่าปกติอยู่แล้ว ดังนั้นคนที่จะเข้ามาปองร้ายก็ย่อมต้องผ่านกำแพงมนุษย์เหล่านั้นมาให้ได้ก่อนจะถึงบคฤหาสถ์ การวางกำลังมากมายขนาดนั้นมันไม่จำเป็นเลย...

..... องค์รักษ์หนุ่มเม้มปากแน่น ดูท่าเขาต้องรีบทำการตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นเสียแล้ว ก่อนจะมีอะไรเกิดขึ้น...

...........................................................

        แสงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงตามเวลาที่ผ่านผัน เสียงละหมาดยามเย็นดังอยู่ทั่วเมืองและสะท้อนก้องไปในทะเลทรายอันเวิ้งว้าง แต่ในห้องเล็กๆห้องหนึ่งในคฤหาสถ์ของชีคผู้ครองเมืองกลับมีชายชาวต่างชาติผู้กำลังใกล้จะคลั่งตายด้วยอาการหิวโหย..

   ให้ตายสิ !!!

    คาวัลโลกัดฟันกรอด เดินวนไปมารอบๆห้องด้วยอารมณ์ขุ่นมัวอย่างยิ่ง นับแต่เช้าวันนี้ที่กินกาแฟไปแค่นั้นแล้ว เขาก็ยังไม่ได้ทานอะไรอีกเลย อาหารกลางวันก็ไม่มาถึง อาหารเย็นก็หายจ้อย

   อยากจะเดินไปเปิดประตูและโวยวายให้สมกับความหงุดหงิด แต่เพราะสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ก่อนกวน เขาจึงต้องนิ่ง เงียบและรออยู่อย่างนั้น แต่เมื่อทนไม่ไหว จะเดินออกไปกลับพบว่าห้องที่ตัวเขาพักอยู่ ลูกบิดประตูกลับถูกล็อค ซึ่งก็หมายความตรงตัวว่าเขาถูก"ขัง"

     อยากจะถีบประตูโครมออกไปโวยวาย แต่เพราะถูกสั่งไว้เขาถึงได้เงียบ เงียบ และพยายามเงียบให้ได้มากที่สุด แม้ว่าความหงุดหงิดโมโหที่คั่งค้างอยู่ภายในจิตใจมันจะใกล้ระเบิดขึ้นมาแล้วก็ตามที....คอยดูเถอะ ถ้านี่อีกห้านาที ไม่มีใครเอาข้าวมาให้กินล่ะ จะถีบโครมออกไปโวยให้พังกันเป็นแถบๆเลยคอยดู...

       ไม่รุ้ว่าคนพวกนี้ถึงฤดูอดอาหารกันอีกรึเปล่า ถึงได้ไม่สนใจกันขนาดนี้ หรือนี่มันเป็นวิธีทรมารคนที่ฮิตมากๆกันฮึ อัลชาอ์ก็ทำแบบนี้ทีแล้ว นี่ก็ยังมาเจออีก ผอมกระหร่องไปหมดแล้วน่ะเฟ้ย !!

      แกร๊ก...

         ประตูถูกเปิดออกพ้อมกับร่างของสาวใช้เดินถือถาดอาหารเข้ามา เหมือนเธอรู้ว่าจะถูกนินทา เจ้าหล่อนจึงพูดอะไรออกมาสักอย่างแล้วเดินเอาถาดอาหารมาวางและเดินจากไป..

คาวัลโลกระโจนเข้าหาอาหการในถาดด้วยท่าทีกระตือรือล้น หากแต่มือที่คว้าแก้วน้ำจะเข้าปากกลับชะงักลง ชายหนุ่มเขม้นมองอาหารในถาดและน้ำทับทิมคั้นในแก้วของตน พลันขมวดคิ้วออกมาช้าๆ

  ความหิวมันไม่ได้บังสติมากขนาดที่จะไม่รู้สึก"สงสัย"

    ...ทำแบบนี้เพื่ออะไร?

ไม่ได้ลืมว่ามีเขาอยู่ ไม่ได้จงใจแกล้งให้อดอยากเพราะความไม่พอใจที่เขาไปแย่งอัลชาอ์มา  ทำเหมือบตบหัวแล้วลูบหลัง หรือทำเหมือนหวัง..และกำลังวางแผนอะไรอยู่..

   สมองของมาเฟียหนุ่มกำลังคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน เขาไม่ใช่คนโง่ และยิ่งกับวิถีทางในโลกของมาเฟียนั้นยังสอนอะไรเขามากมาย..เรื่องแบบนี้....มันทำให้เขาสามารถเดาตอนจบมันได้ง่ายๆ

...วางแผนอะไรไว้?

   เมื่อคิดคำนวนถึงข้าวของที่ได้พบแล้ว เขาก็เข้าใจได้ไม่ยาก...ตอนนี้เป็นเวลาเย็น ...เท่าที่เห็นรถรามากมายเข้าออกก็เดาได้ไม่ยากว่าน่าจะมีงานเลี้ยงต้อนรับอัลชาอ์ที่นี่...เป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายนั้นจะยุ่งจนไม่มีเวลามาสนใจเขา และหากเขาอยู่ในห้องแบบนี้เงียบๆไปซักชั่วโมงสองชั่วโมง..และมาถูกพบอีกครั้งว่ากลายเป็นศพไปแล้ว...มันก็คงจะไม่แปลก..

   ช่างเป็นแผนที่สมบูรณ์แบบ...

       คาวัลโลยิ้มบางๆ เขายกแก้วน้ำขึ้นมาอีกครั้ง หเากครั้งนี้ทดลองจิบมันเข้าไปอึกหนึ่ง...

       " เฮ้อ..."    ว่าแล้วเชียว...

           ประสาทสัมผัสไม่ได้ตายด้าน จนไม่รู้สึก"มึน" กับน้ำที่ลองจิบไป คาวัลโลสถบพึมพัมพลางเดินเข้าไปในห้องน้ำ ถ่มน้ำลายออก บ้วนปากกลั้วคอด้วยอารมณ์ขุ่นๆ เขาเทน้ำทิ้งไปในชักโครกอย่างรวดเร็ว ขณะที่เดินดุ่มๆเข้ามาในห้องอีกครั้ง และมองอาหารตรงหน้าด้วยสายตาพิจารณาใคร่ครวญมากขึ้น..

      แม้ท้องจะส่งเสียงร้องโครกคราก แต่ยังไงชีวิตก็สำคัญกว่า ยาสลบที่ไร้รส ไร้กลิ่น และสีมีมากมาย..วิธีการตรวจสอบขั้นต้นนั้นจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก...แต่การลองชิมมันไม่ใช่ทางที่เขาเลือก มันไร้ประโยชน์ที่จะลองเสี่ยงเลือกหาอาหารที่ไม่มียาแล้วกินมัน..แบบนั้นมันเสี่ยงเกินไป...

     อาหารในถาดเป็นซุปและแกงอะไรบางอย่างข้นๆ สองสิ่งนี้เป็นน้ำ สามารถตัดออกไปได้เลย คาวัลโลเดินถือมันเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง เขาเทมันลงไปในชักโครกอย่างละพอสมควร ช้อนก็ต้องคนๆมันและปล่อยคาเอาไว้ ขนมปังในถาดมีลักษณะแห้งชืดไม่นุ่มหอมอย่างที่อบใหม่ๆ แสดงว่าปลอดภัยและทานได้อยู่ เพราะหากเป็นขนมปังที่อบใหม่แล้ว คงไม่แคล้วจะมีอะไรแปลกๆผสมมาด้วย แต่ที่เป็นแบบนี้ คาดว่าคนทำคงคิดว่ามันเกินพอแล้วล่ะมั้ง..

   บิดเอาขนมปังนั้นออกมาพอประมาณและรีบยัดลงท้องแก้หิวไปก่อน คาวัลโลวางอาหารทั้งถาดลงบนโต๊ะเตี้ยๆไปลายเตียง...เขายิ้มมุมปาก ก่อนจะเอนกายลงบนโต๊ะ และหลับตาลงช้าๆ...

แกร๊ก...

  ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง คาวัลโลเห็นชายผ้าคลุมสีสวยและปลายเท้าที่โผล่พ้นออกมาก็วางไจว่าคนที่มาคงเป็นหญิง เขาหลับตาลง รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวรอบๆกาย..

    "@#$%^&*()" น้ำเสียงคุยกันภาษาอาหรับดังอยุ่บนศรีาะ ขณะที่ถาดอาหารถูกยกออกไป เขาได้ยินเสียงถ้วยกระทบกันดังกริ๊ก..

     "+@#$%^&*(" น้ำเสียงอีกเสียงที่คุ้นหูไม่น้อยดังขึ้น พร้อมกับที่เขารู้สึกว่าร่างของตนถูกยกลากขึ้นไปบนเตียงโดยแรงของหญิงสาวประมาณสามสี่คน คาวัลโลรู้สึกอยากจะหัวเราะให้ลั่น เพาะแม่สาวสอิสลามนี่ได้ชื่อว่าหวงเนื้อหวงตัวนักหนา ขนาดจะมองยังต้องแอบมองเจ้าหล่อนเลย แล้วนี่อะไร เป็นฝ่ายมาถูกเนื้อถูกตัวผู้ชายอย่างเขาเอง รับรองแม่พวกนี้กลับไปต้องได้ล้างตัวตั้วแต่หัวจรดเท้าล้างราคีคาวแน่ๆ

      "@#$%^&*() " ประตูตู้เสื้อผ้าถูกแง้มเปิดและปิดเบาๆ... เสียงพูดคุยกันดังขึ้นรอบตัวเขาอีกสองสามประโยค แล้วทั้งหมดก็เงียบลงพร้อมกับเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นเบาๆ...

          นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลค่อยๆเปิดขึ้นมาครั้ง คาวัลโลพบว่าตัวเองกำลังนอนนิ่งห่มผ้าเรียบร้อยบนเตียง ชายหนุ่มยกรอยยิ้มขบขัน พยุงตัวขึ้นมาบนเตียง และยิ้มมุมปากออกมาช้าๆ...

แผนที่สมบูรณ์แบบ...

....แต่ใช้ผิดคน...

     หากเป็นไอ้โง่ไอ้บ้าคนอื่น คนไม่พ้นต้องนอนตายอนาถอยู่ในห้องแบบนี้ เสียแต่คนๆนั้นเป็นเขา คาวัลโล วาลกัส ที่ถูกลักพาตัวมานับแต่จำความได้ ถูกลอบสังหารมาอีกมากกว่าสิบครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งนั้นวิธีการของมันซับซ้อนปและเหนือกว่านี้นับสิบเท่า..

......แล้วนับประสาอะไรกับ...แผนของเด็กอนุบาลหัดเดินแบบนี้เล่า...

     ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ คนที่ตั้งใจจะเดินบนทางสายอันตรายอย่างมาเฟียในโลกมืด มีหรือจะไม่ถูกฝึกให้ระวังตัว ไม่ถูกฝึกให้ชำนาญให้ฉลาดและเก่งกล้า รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกงสารพัดของมนุษย์.....

         หากคนพวกนี้รู้ว่าเขาเป็นใครแล้วล่ะก็ คงจะรู้ตัวและไม่เลือกใช้วิธีเด็กๆเช่นนี้ แต่เพราะพวกเขาไม่รู้นั่นล่ะ จึงได้เลือกใช้วิธีลอบสังหารง่ายๆ พื้นๆ และยังวางใจมากขนาดที่รอเวลาได้อย่างไม่ระหยี่..

คิดผิดเสียแล้ว...

  มาเฟียจอมเจ้าเล่ห์ขยับรอยยิ้ม คาวัลโลลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เขามองเห็นกระบอกปืนที่ถูกวางลงบนพื้นตู้ชัดเจน...

   ..ไม่ผิดไปจากที่คิด...

    คาวัลโลเดินไปที่เตียงอีกครั้ง เขาทิ้งกายลงนอนบนเตียง เมื่อรู้แผนทั้งหมดแล้ว ที่ต้องทำก็คือรอให้เวลานั้นมาถึง ลิ้มรสชาติของ"ภัย"ที่มาถึงตัวอีกครั้ง หลังจากไม่ได้เจอมันมาเสียนานเพราะในอิตาลีนั้น ถือได้ว่าคนในวงการนั้นรู้จักพิษสงของเขาดีเกินพอแล้ว การจะมาปองร้ายหรือทำอะไรจึงมีไม่บ่อยนัก เพราะมีชีวิตทื่น่าเบื่อเช่นนั้น เขาจึงได้ออกมารับงานวัดกับพวกกลุ่มโจรให้หายเบื่ออย่างไรเล่า

แต่ใครจะนึก ว่ามันกลายเป็นว่าตกหลุมพรางไปเสียให้ได้...

    บ่นงึมงัมในลำคอกับความผิดพลาดที่เขาไม่คิดจะให้อภัยตัวเองเด็ดขาด ...คาวัลโลกลิ้งตัวนอนบนเตียง มองนาฬิกาที่บอกเวลาหกโมงครึ่ง น่าจะอีกสองสามชั่วโมงแผนการ์ณนี้ถึงจะเริ่มขึ้น

ดังนั้น...ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร..

  มาเหียหนุ่มยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาหนุนศรีษะ นัยน์ตาสีน้ำทะเลวาววับไปด้วยความคาดหวัง และความรื่นรมย์ที่รอคอย...การใช้ชีวิตสงบสุขก็ดี...แต่ชีวิตที่มีสีสันแบบนี้ มันน่าสนุกยิ่งกว่า..

น่าสงสาร ที่เจ้ามือลอบสังหารคนนั้น..มันไม่รู้ว่ามันจะเจออะไรในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า...

..ถ้ามันรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น อาจจะอยากวิ่งเเจ้นไปขอถอนตัวก็ได้...

.................................................................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [14] พายุทะเลทราย UP !! 6/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 16-12-2010 00:57:32
  
     ในยามที่รถของแขกในงานวิ่งออกจากลานจอดด้านหน้า นั่นเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะเริ่มเตรียมตัวรับมือ คาวัลโลลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ มองไปที่หมอนข้างซึ่งบัดนี้ถูกจับใส่ชุดโธปของเขาและคลุมโปงอยู่ ชายหนุ่มเดินอย่างระมัดระวังท่ามกลางความมือสลัว เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า และแทรกกายอยู่ในนั้นอย่างเงียบเชียบ

       ปืนที่วางอยุ่ถูกหยิบขึ้นมาประกอบอย่างช้าๆขณะที่สายตาจ้องมองไปยังเบื้องนอก ผ่านช่องระบายอากาศเล็กๆ..

แกร๊ก...

    ขึ้นไกปืนเสร็จเรียบร้อย หน้าต่างที่ปิดอยู่ก็ถูกเปิดออก คาวัลโลมองเห็นเงาดำค่อยๆแทรกกายเข้ามาในห้องของตน  ร่างนั้นคลุมตัวด้วยผ้าสีดำสนิทเป็นการพรางกาย เขามองเห็นมันเดินวนรอบเตียงช้าๆ ก่อนจะยกปืนที่ใส่ที่เก็บเสียงไว้ และจรดไกปืนลงบนเตียง..

ปุ ปุ ปุ

   " ผลั่ก !! "
     คาวัลโลเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกไปและกระโจนเข้าไปหาอย่างรวดเร็วในจังหวะเดียวกับที่ชายคนนั้นลั่นไกลงบนเตียง สิ่งแรกที่เขาทำ คือการเหวี่ยงฝ่าเท้าฟาดเข้าที่ปลายคางของมือปืนรายนั้นอย่างแรง ร่างหนาทิ้งตัวลงบนพื้นเพราะไม่อาจจะตั้งตัวทัน และเขาก็ไม่ปล่อยให้มันมีโอกาส ปลายเท้าจึงตวัดเตะมือที่ถือปืนไว้ ให้กระบอกปืนกลิ้งไปไกล หมัดสองหมัดซัดลงที่ลิ้นปี่จนมันจุกแน่น และเขาจึงค่อยคว้าลำคอเจ้าตัวให้ลุกขึ้นยืนโดยเร็ว

    " เงียบ !! "คาวัลโลกระซิบเสียงเหี้ยม เขาจ่อปืนเข้าที่กระหม่อมของมัน ขณะที่เเขนรัดลำคอหนาไว้แน่น..
.
         ขยับกายเดินเข้าไปใกล้เตียง หากแสงวาบที่หางตาซึ่งสะท้อนจากเครื่องเงินที่อยู่ใกล้หน้าต่างทำให้สะดุด คาวัลโลใจหายวาบ เขาดึงร่างของมือปืนที่ถูกจับไว้บังกายทันที..

ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    เสียงรัวปืนกลดังลั่น ขณะที่ร่างของมือปืนหนุ่มผู้ถูกคุมตัวไว้สะท้านเฮือก ร่างกายสั่นไหวไปมายามที่ถูกกระสุนปืนสาดใส่อย่างไม่บันยะบังยัง ส่งผลให้เลือดไหลออกมาจากร่างของเจ้าตัวราวกับสายน้ำ สาดกระเซ็นเปื้อนร่างของเขาไม่น้อย คาวัลโลเหวี่ยงร่างนั้นลงบนเตียงหนา ส่วนตัวเองรีบทรุดกายลงคลานบนพื้น ขยับตัวอย่างรวดเร็วเข้าไปหลบอยู่ใต้เตียงทันที...

      เสียงเอะอะดังขึ้นเเว่วๆพร้อมกับประตูที่ถุกเปิดออก แสงไฟถูกเปิดขึ้นจนสว่างจ้าทำให้เห็นสภาพห้องที่เต็มไปด้วยร่องรอยกระสุน มีกลิ่นดินปืนและกลิ่นฝุ่นผงโชยคลุ้งปะปนกับกลิ่นเลือดทำให้หลายคนผงะ  เลือดสีเข้มที่หลั่งรินออกมาจากร่างที่พาดกายอยู่บนเตียงทำให้หลายคนเบิกตามองด้วยความตกใจ ขณะที่เสียงกรีดร้องดังมาจากลำคอของสาวรับใช้..

     "......." คาวัลโลหมอบคู้ตัวอยู่ภายใต้เตียงหนา เขานึกเบาใจที่ทุกอย่างจบลงแล้ว ทว่าร่างที่จะขยับออกไปกลับต้องชะงัก ...เมื่อรู้สึกถึงแรงกดทับบริเวณด้านหลังของเหล้ดเสริมพื้นเตียงที่แข็งทื่อ...ซึ่งเป็นด้านใต้ของเตียงและตัวเขาก็กระโจนพรวดเข้ามาทับบนลังไม้ที่วางไว้ก่อนหน้าและใต้เตียงนี้ไม่ได้สูงอะไรนักหนา การที่คนหนึ่งคนกระโจนพรวดทับกล่องขนาดที่ยัดใส่ของได้..มันก็ถือว่าสอดตัวทับไปได้..มาก...เกินพอแล้ว..
  คาวัลโลกระพริบตาปริบๆ...แผ่นหลังที่ครูดไถเริ่มออกอาการแสบร้อน เขาลองขยับตัวสองสามครั้งแต่ผลที่ได้รับก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
  ...อย่าบอกนะว่า....

     ร่างสูงก้าวเท้ายาวๆขึ้นบันไดมาตามหลังองค์รักษ์ของตนที่วิ่งนำหน้า อัลชาอ์ยังอยู่ในชุดงานเลี้ยง ใส่โธปสีขาวมีมิชลาฮ์สีทองคลุมทับเดินตามหลังคนของตัวเองอย่างร้อนรน เมื่อเสียงรัวปืนกลดังลั่นขึ้นภายในคฤหาสถ์...แต่ที่ชีคหนุ่มต้องใจหายวาบ นั่นคือห้องที่เกิดเรื่องนั้น มันเป็นห้องพักของคาวัลโล วาลกัส !!

     หน้าประตูห้องมีคนรับใช้และเหล่าทหารยืนมุงอยู่ จนต้องออกแรงผลักให้หลีกไปด้วยความร้อนรน ร่างกระหืดกระหอบของผู้เป็นลุงเดินตามหลังออกปากเรียกเสียแต่อัลชาอ์ไม่ได้นึกจะสนใจ และสภาพห้องนั้นทำให้ชีคหนุ่มชะงัก...นิ่งอึ้ง...

         ทั้งห้องเต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกห่ากระสุนซัดสาด กระจกหน้าต่างแตกออกและตกลงบนพื้น ม่านสีเข้มมีรอยปุปะและขาดวิ่น ขณะที่ในห้องมีกลิ่นคละคลุ้งของดินปืนลอยอยุ่ปะปนกับกลิ่นของฝุ่นผง ชีคหนุ่มมองเห็นรอยเลือดที่ไหลเอ่อเป็นวงกว้าง จากร่างที่หมอบนิ่งอยู่บนเตียง....ที่ทำให้หัวใจกระตุกสั่น..

        " อย่าแตะต้อง !!! " ตะโกนสั่งทหารนายหนึ่งซึ่งกำลังจะเดินไปดู น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลนั้นทำให้ผุ้คนโดยรอบต่างสะดุ้งเฮือก กับโทสะที่ตนไม่เคยได้พบ..

        "...ฮาซาน !!...ไปดูที่หน้าต่าง " อัลชาอ์ตะโกนสั่ง และตนเป็นฝ่ายก้าวยาวๆเข้าไปในห้อง มือหนาเอื้อมไปยังร่างในชุดสีดำที่คุลมกายแน่นหนา หัวใจเย็นยะเยียบด้วยความหวาดหวั่น...

..ขอเถอะ...อย่า...อย่าเป็นคนๆนั้น....

      พรึ่บ !

       ใบหน้าที่ไม่เคยคุ้นปรากฏขึ้นในสภาพตาเหลือกกว้าง มีเลือดไหลอาบหน้าเพราะกระสุนเจาะตรงกะโหลกศรีษะ หากแต่ภาพสยองขวัญนั่นก็ทำให้ใจที่หวาดหวั่นค่อยลดความหวาดหวั่นลงไม่น้อย..เพราะ..มันไม่ได้เป็นร่างของคนๆนั้น ไม่ใช่ร่างไร้วิญญาณของเจ้าของห้องที่ตนกำลังร้อนรน ..ตามหา...

   นัยน์ตาสีเข้มกวาดมองทั่วห้อง มองเห็นกระเป๋าสัมภาระที่คุ้นตาดีวางอยู่ หากแต่ไม่มีเงาของคนที่ควรจะอยู่ในนี้

       " คาวัลโล ?" อัลชาอ์เอ่ยปากเรียก...หากแต่ทุกอย่างก็ยังเงียบกริบ " คาวัลโล !! คาล...."

      " ชีคครับ" ฮาซานเรียกนายเหนือหัวตนเบาๆ ทำให้ผุ้ฟังชะงัก นัยน์ตามองไปยังร่างที่นอนตาเหลือ แต่สิ่งที่ทำให้ต้องขมวดคิ้วและใจหายวาบ คือใต้ร่างนั้น มีผ้านวมที่ถูกทับอยู่มันนูนขึ้นคล้ายกับมีร่างของใครอยู่ข้างใต้ ชีคหนุ่มขมวดคิ้ว หากพลันลมหายใจก็สะดุดหยุดลงยามที่ได้เห็นร่องรอยของกระสุนปืนที่ฝังตัวลงไป..และมีรอยเลือดสีเข้มปรากฏอยู่...

       มองเห็นโธปสีดำคุ้นตาโผล่พ้นออกมานอกผ้าห่ม ทำให้หัวใจเย็นวาบ...ชีคหนุ่มรู้สึกว่าลมหายใจของตนสะดุดไหว หัวใจพลันเย็นเฉียบราวกับหนาวเหน็บ..
นัยน์ตาสีเข้มกวาดมองร่างของผู้คนที่ยืนอยู่ที่ประตูด้วยนัยน์ตาวาววับด้วยความไม่พอใจ ทำให้ต่างที่สบมองก็ต้องสะดุ้ง ตัวแข็งทื่อ...กับแววตาอันวาวโรจน์และเคืองแค้น ฮาซานนิ่ง เม้มปากแน่น เมื่อมองเห็นร่องรอยความเจ็บปวดแฝงอยู่ชัด มันเป็นแววตาของราชสีห์...ราชสีห์ผู้สูญเสียสิ่งของอันเป็นที่รัก...คนที่ตนให้ความสำคัญ...

      ฮาซานมองไปยังฝ่ามือของเจ้านายตนซึ่งค่อยๆยกผ้าห่มหนาขึ้นช้าๆ ในหัวของเขากำลังพร่ำภาวนาของพรต่อองค์อัลเลาะห์ ขอให้ทรงคุ้มครองชายคนนั้น คนที่เป็นดั่งหัวใจของชีคแห่งเซเนียยา ขอให้รอดปลอดภัย และไม่เป็นอันตรายเช่นทุกครั้ง ขอเถิด...อย่าจากไป อย่าให้คนๆนั้นจากไปพร้อมกับหัวใจของเจ้านายตน...

   "........."  ผ้าห่มหนาเปิดออกช้าๆ หากแต่เบื้องล่างคือหมอนข้างซึ่งถูกจับใส่ชุดโธป อัลชาอ์กระพริบตาช้าๆราวกับจะทดสอบว่านั้นไม่ใช่ความฝัน ชีคหนุ่มยิ้มมุมปากออกมาอย่างเผลอไผล และเกือบจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นภาพดังกล่าว เมื่อแน่ใจว่าใครเป็นคนทำมัน

     " คาวัลโล... คาวัลโล !!! "อัลชาอ์ออกปากเรียกหาด้วยท่าทีเเช่มชื่นขึ้น หากแต่ก็ยังมีท่าทีเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย เพราะยังไม่พบตัวคนที่หายไป คิ้วเข้มขมวดดมุ่นด้วยความหวั่นผวา หากว่าถูกจับไปเล่า?...

     " คาวัลโล !!! อยู่ไหน !!! " ชีคหนุ่มตะโกนลั่น  เมื่อยังไม่มีท่าทีว่าเจ้าตัวจะโผล่มาตรงไหน หัวใจที่สงบลงเพียงชั่วครู่เริ่มเต้นกระหน่ำด้วยความหวาดหวั่นอีกครา อัลชาอ์กวาดสายตามองทั่วห้อง อย่างหวังให้เจ้าตัวออกมาจากที่ใดที่หนึ่งแล้วยิ้มแป้นด้วยท่าทีกวนประสาทเช่นเคย...

 ........ หากแต่ไม่มี..

     "....นี่...." เสียงคุ้นหูดังขึ้นเบาๆ เบาจนนึกว่าตนองอาจจะหุฝาด แต่สำเนียงที่คุ้นหูทำให้คิ้วหนาขมวดเข้าหากันช้าๆ

     " ผม...อยู่นี่......" อัลชาอ์กวาดตามอง พลันก็ต้องสะดุดกับแขนขาวจัดที่โผล่ออกมาจากใต้เตียงหนา ชีคหนุ่มรีบถลาไปยังจุดนั้น ก้มศรีษะลงมองใต้เตียง และพบกับใบหน้าอันขมุกขมอมหากคุ้นเคยยิ่งนัก จนอดจะยิ้มออกมาไม่ได้

     " คาวัลโล..."อัลชาอ์ออกปากเรียก ยื่นมือไปดึงเจ้าตัวออกมาด้วยความยินดี.. " ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม? "

    " ผมไม่เป็นไร...." คาวัลโลตอบ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดไม่น้อยยามถูลากออกมาจากใต้เตียทำเอาคนมองใจหายวาบ

         อัลชาอ์ใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดร่างของคนที่ถูกดึงออกมาจากใต้เตียงชีคหนุ่มมองใบหน้าที่มอมแมมเต็มไปด้วยรอยเลือดและเศษฝุ่นแล้วอดจะยิ้มออกมาไม่ได้...หากคนที่มีท่าทีอ่อนเปลี่ยนและกำแขนตำไว้แน่นกลับถลึงตาใส่ราวกับรู้สึกเคืองที่ถูกล้อ

     " เจ็บตรงไหนรึเปล่า?" ถามออกมาพร้อมกับยกชายเสื้อเช็ดใบหน้าขาวที่มีรอยเลือดอย่างอ่อนโยน..

      "ไม่...ผมไม่เป็นไร แค่ออกจากใต้เตียงไม่ได้..." คาวัลโลออกปากสารภาพออกมาด้วยสีหน้าอ่อนระโหย..พลางเกาะแขนหนาไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม

      " ออกไม่ได้? "อัลชาอ์ทวนขำ ยิ้มมุมปาก แต่ไม่คิดจะหัวเราะออกมาให้เจ้าตัวโมโห ชีคหนุ่มเลื่อนมือไปโอบเอวบางไว้ และคองเจ้าตัวออกมาช้าๆด้วยท่าทีรักใคร่ยิ่ง..

      " อัลชาอ์ " น้ำเสียงสั่นๆของผู้เป็นลุงที่ออกปากเรียก ทำให้ผู้ได้ยินชะงัก ชีคหนุ่มเงยหน้าขึ้นกวาดตามองผู้คนโดยรอบด้วยสายตาอันแข้งกร้าวและเย็นยะเยือก...จนผุ้ที่สบมองต่างตัวสั่นระริก..

     " หวังว่าผมจะได้นับคำตอบที่ฟังได้....เกี๋ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนะครับ...ท่านลุง" น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยช้าๆ...

       " เรื่องนี้......."

      " ฮาซาน ! เก็บข้าวของของคาวัลโลออกมาแล้วนำไปที่ห้อง จาฟา...ตรวจสอบหลักฐานและสืบหาเรื่องทั้งหมด ผมต้องการได้รับผลการสืบสวนอย่างเร็วที่สุด !! " อัลชาอ์สั่งการลุกน้องของตน โดยไม่สนใจท่าทีของผู้เป็นลุงซักนิด...

       " ท่านพี่อัลชาอ์....." ฟาติมะห์ก้าวเท้าออกมาพยายามจะเอ่ยกับอีกฝ่าย ทว่าดวงตาเฉยชาที่มองมาทำให้ร่างพลันนิ่งงัน..

       " หลีกก่อน ฟาติมะห์ พี่จะพาคนรักของพี่ไปทำแผล..." วาจาแสนเย็นชานั้นเอ่ย ขณะที่อัลชาอ์ก้มตัวลงช้อนกายคนรักหนุ่มชาวต่างชาติมาแนบอก ฝ่ามือขาวจัดของอีกฝ่ายกระตุกเสื้อคลุมมิชลาฮ์ช้าๆให้ใบหน้าคมก้มลงมาฟังสิ่งที่เจ้าตัวอยากจะบอก

       " หิวข้าว..วันนี้ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย " น้ำเสียงกระซิบนั่นแม้จะไม่เข้าเรื่องแต่ก็ทำให้คนฟังขมวดคิ้ว อัลชาอ์หันไปกวาดตาสบมองใบหน้าของญาติสาวอีกครั้งด้วยแแววตาแฝงความตำหนิเอาไว้อย่างไม่ปิดบัง

      " ช่วยจัดอาหารให้คนรักของพี่ด้วย ฟาติมะห์ เพราะวันนนี้เขายังไม่ได้ทานอะไรเลย"

         เอ่ยแล้วชีคหนุ่มก็อุ้มร่างของคนรักตนไว้ในอ้อมแขน เดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

  ฟาติมะห์มองตามแผ่นหลังกว้างไปด้วยแววตารวดร้าว หญิงสาวยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตาเบาๆ ด้วยท่าทีหัวใจสลาย นอกจากจะไม่ได้แก้แค้น ให้สมกับที่ถูกทำลายศักดิ์ศรีและสมกับควสามเจ็บปวดใจแล้ว หล่อนยังต้องถูกมองด้วยสายบตาตำหนิ สูญเสียภาพของสตรีผู้งดงามและเพียบพร้อมในสายตาของบุรุษผู้ที่เธอหลงรักไปแล้ว

    หญิงสาวสบตาบิดาที่นิ่งอึ้งด้วยความร้าวราน ก่อนจะผินกายจากไปเพื่อเตรียมอาหารให้คนรักของผู้ชายที่เธอหลงไหลด้วยความร้าวรานใจ..

..........................

      กะละมังใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะเล็กๆบนหัวเตียง ขณะที่ร่างของมาเฟียหนุ่มผู้เเป็นเป้าถูกสังหารนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ใบหน้าที่เปื้อนฝุ่นผงและหยุดเลือดนั้นถูกเช็ดออกด้วยผ้าขาวสะอาดในมือหนา ร่างของชีคหนุ่มเเห่งเซเนียยานั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ลากมาข้างเตียง และกำลังขมักเขม้นเช็ดใบหน้าของคนที่นอนอยุ่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างอ่อนโยน...ดูแปลกตา...

     ...ชีคแห่งเซเนียยาที่เคร่งขรึม เงียบงัน และเย็นชาจนเกือบจะเเข็งกร้าว..

เขากำลังโน้มกายเหนือร่างของมาเฟียหนุ่มแห่งอิตาลี ผู้ซึ่งบัดนี้มีฐานะเป็นทั้งคนรักกำมะลอ และยังเป็นดั่งนักโทษในกำมือ...

     นัยน์ตาสีน้ำทะเลปรือขึ้นช้าๆ สบมองแววตาสีนิลที่ล้ำลึกและยากจะหยั่งถึง หากแต่เขาก็มองเห็นความห่วงใยที่แฝงมากับท่าทีอันอ่อนโยนได้ไม่ยาก...

คาวัลโล วาลกัส สะดุ้งและนิ่วหน้านิดๆยามความเย็นเฉียบแตะลงที่หางตา นิ่วหน้าหากแต่ก็ยังนอนนิ่งให้อีกฝ่ายนั้นเช็ดหน้าอย่างไม่ปริปาก..

    ....คาวัลโล วาสกัส มาเฟีย ที่ไม่เคยไว้ใจใคร...และไม่เคยจะสนใจใครนอกจากตัวเอง...

....พวกเขาทั้งสองต่างแสดงบทบาทที่ตนเองไม่เคยมี ..และไม่เคยคิดว่าจะมี หรือจะยอมให้มันเกิดขึ้น...จุดชนวนความสงสัยและสะกิดความอยากรู้เพียงเล็กน้อยในหัวใจ..

...เพราะอะไร?

       คาวัลโลหรี่ตาลงมองผ้าสีขาวในมือหนา  เขากำลังอ่อนเพลีย ทั้งยังเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย ภาวะเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าความระแวดระวังหรือเกราะป้องกันตัวจะลดน้อยถอยลง ตรงกันข้าม มันกลับหนาแน่นขึ้นมากกว่าปกติด้วยซ้ำ..

หากทว่า...ทำไม...ถึงได้วางใจ...ทำไม ถึงได้...ไว้ใจ..

  ...คนที่ออกปากว่าจะฆ่าเขาเมื่อทำงานไม่สำเร็จ... ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นคนแบบนั้น...

       ทำไมกัน?

         จับจ้องวงหน้าขาวจัดที่เปื้อนเลือดและฝุ่นผง ที่บัดนี้ถูดผ้าเช็ดหน้าในมือเช็ดมันจนไม่มีอะไรเปื้อนติด หากแต่ปลายนิ้วยังคงจุ่มผ้าลงกับอ่างน้ำใบเล็ก บีบออกช้าๆและเริ่มต้นเช็ดที่ลำคอบ้าง...

นัยน์ตาสีน้ำทะเลคู่นั้นเบือนมาสบ ไม่มีคำพูดใด หากแววตานั้นถูกส่งมาราวกับคำถาม..

   อัลชาอ์หรุบตาลงและยังคงไล้ผ้าขาวในมือเช็ดบนลำคอขาวต่อไปอย่างไม่เอ่ยคำ..

เพราะไม่มีคำตอบ...

    เหตุใดจึงห่วงใย...ใกล้ชิด...

ไม่มีคำตอบใดที่สามารถเอ่ยออกมาได้..ไม่ไม่คำพูดใดจะสามารถสื่อถึงสิ่งที่ในใจกำลังประสบและครุ่นคิด..

  อัลชาอ์วางผ้าขาวในมือลงบนขอบอ่าง ชีคหนุ่มยังคงโน้มกายเหนือร่างของคาวัลโล วาลกัส ไม่ผละห่างไปไหน..

      ปลายนิ้วที่เคยเช็ดหยดเลือดออกไปบัดนี้แตะลงบนเปลือกตาที่ปิดพับลงเบาๆ ทำให้สีสันของน้ำทะเลในดวงตาคู่นั้นเปิดเผยขึ้นให้ได้พบเจออีกครา..

       " เป็นอะไรมากรึเปล่า?" น้ำเสียงถามไถ่ดังขึ้นเบาๆ ด้วยความห่วงหา ฝ่ามือทาบลงบนผิวแก้มซ้ายส่งผ่านความอบอุ่นไปหา..

       " ไม่ครับ...ผมไม่เป็นไร " คาวัลโลตอบรับ เขาสบมองแววตาคู่นั้นด้วยรอยยยิ้มอ่อนจางตรงริมฝีปาก ไม่ได้หลบหลีกไปไหน...และเป็นฝ่ายทาบฝ่ามือลงบนมือหนาของอีกฝ่ายเบาๆ..

       " จริงๆหรือ?...ไม่มีอะไรจริงนะ" อัลชาอ์ยังคงออกปากถามเช่นเดิม คาวัลโลเลิกคิ้ว ปกติแล้วคำถามพวกนี้มันน่ารำคาญ แต่สำหรับตอนนี้การถูกถามคำถามเดิมจากคนๆเดียวซ้ำไปซ้ำมา มันกลับไม่ดูน่าหงุดหงิดสักนิด ตรงกันข้าม มันกลับทำให้เสี้ยวหนึ่งของหัวใจนึกยินดีขึ้นมา...

   เพราะห่วงใย...เพราะห่วงหา...จึงได้เอ่ยถาม  สนใจ และคอยดูแล..เพราะ...มีความสำคัญ....

       " ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ...อัลชาอ์...." ริมฝีปากสีจางขยับเอ่ยคำตอบที่ทำให้หัวใจที่เต้นเร่าด้วยความหวาดหวั่นสงบลงช้าๆ...ขณะที่นัยน์ตาสีเข้มยังจับจ้องใบหน้านั้นไม่ห่างหาย มองมันราวกับจะจำหลัก จารึกภาพนั้นไว้ในหัวใจ บอกให้รู้ว่าคนๆนี้ยังมีชีวิตอยู่...ยังเอ่ยปากพูดคุย ยังยิ้มแย้ม ยังหัวเราะเช่นเดิม

ไม่ได้จากไป...ไม่ได้หายไปไหนเช่นที่เคยหวาดหวั่น...

       " ดีแล้ว..." ฝ่ามือที่ทาบบนผิวแก้มเลื่อนเข้ามาวางบนศรีษะ ลูบไล้เส้นผมนุ่มเบาๆ ด้วยท่าทีอาดูร.. " ดี....ที่ไม่เป็นอะไร "

       "..............." ริมฝีปากหนาแตะลงบนหน้าผากมนช้าๆ แผ่วเบาราวกับสัมผัสปุยนุ่น คาวัลโลชะงัก เขารู้สึกถึงลมหายใจที่กระตุกไหวยามที่ชีคหนุ่มปฏิบัติกับตนเช่นนี้ ทั้งทะนุถนม ทั้งอ่อนโยน ปฏิบัติราวกับว่าเขาเป็นสิ่งล่ำค่าของอีกฝ่าย ราวกับว่ากลัวเขาจะแตกสลายหายไปต่อหน้า..

       นัยน์ตาสีน้ำทะเลเกลื่อนไปด้วยความงวยงงเพียงชั่วครู่ เพราะเมื่อสัมผัสนั้นทาบลงไปเรียกเสือดให้มารวมตัวกันบนใบหน้าจนอุ่นวาบ มันทำให้รู้สึกดี...และดีเสียจนไม่อยากจะคิดหาเหตุผลอะไร..

         ฝ่ามือขาวเอื้อมไปกำเสื้อคลุมขลิบทองของอีกฝ่ายแน่น คาวัลโลหลับตาพริ้ม และยังเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปกอดรัดแผ่นหลังหนาของอีกฝ่ายราวกับจะออดอ้อน..

     ...อุ่นวาบกับอ้อมแขนที่โอบอุ้มไว้...ไม่รู้เเพราะเหตุใดมันจึงคล้ายกับอ้อมแขนที่ไฝ่หา ...ความอบอุ่นเอื้ออารีไร้รอยหวาดผวาที่ต้องการเสมอมา...

     และคนที่ยื่นมือเข้ามาหากลับเป็นคนๆนี้..คนที่กำลังเล่นละครหลอกลวงผุ้คนอยุ่กับเขางั้นหรือ?

            ก๊อกๆ...

     เสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้สองหนุ่มหลุดจากภวังค์ นัยน์ตาที่สบมองกันอย่างเผลอไผลเกลื่อนไปด้วยความเคอะเขินเพียงชั่ววูบก่อนจะกลับเป็นปกติ อัลชาอ์หยัดกายลุกขึ้น แต่เขาก็ยังคงเอื้อมมือไปกุมมือของอีกฝ่ายไว้ และพามานั่งยังหน้าเก้าอี้ในห้องทำงานของตน...

     ฮาซานก้าวเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารในมือ  ด้านหลังคือร่างของจาฟา และองค์รักษ์อีกสองนาย พวกเขาหิ้วปีกร่างของชายคนหนึ่งในชุดผ้าโพกหัวสีดำ และชุดโธปสีเดียวกันเข้ามา และที่รออยู่ด้วยสีหน้าซีดเผือกและเป็นกังวลคือชีคอาเหม็ดและบุตรสาว..

      ทั้งสองหันมามองสบตากันช้าๆ...คาวัลโลเลิกคิ้วขึ้นคล้ายจะสงสัยกับผลของการปฏิบัติงานที่แสนรวดเร็ว หรือท่าทีของคนทั้งหลาย หากแต่เขาไม่รู้ว่าที่ทุกคนยั่งเงียบนิ่งไม่ออกปากอันใด มันเป็นเพราะฝ่ามือของทั้งสองยังเกาะกุมกันไว้ไม่ห่างเสียมากกว่า..

  ทว่าก็ป่วยการที่จะเอ่ยปากพูดถึงสิ่งนั้น ฮาซานทำได้เพียงกระแอมเบาๆ แล้วเดินนำเข้ามาด้วยสีหน้าปกติแม้ในใจจะไม่คิดแบบนั้นก็ตาม..

.........................................................


กว่าจะอัพได้ เหอๆ ตอนนี้ลำบากมากค่ะ อยากจะร้องไห้ นั่งเขียนไปแล้ว จบแล้ว ทำไปทำมาเซฟหน้าว่างได้หน้าตาเฉย โอยยยย ไม่ไหวจะเคลียร์ ต่อไปนี้ชั้นจะเซพสำรองไว้อีกไฟล์นึงเลยคอยดู้ววววววว(โหยหวน :serius2:)
  อ่านแล้วเป็นไง คึคึ เรื่องกำลังเริ่มวุ่นแล้วค่ะ คาวัลโลเริ่มจะรู้ตัวแล้ว...พอๆกับชีค แต่รู้ตัวไปในทางที่ต่างกันนะ คาวี่ยังคิดว่าชีคเป็นแค่"คนรู้จัก""คนไม่สำคัญ"อยุ่เลย..ซึ่งรับรองว่าการรู้ตัวแบบนี้คงจะพาเรื่องยุ่งมาแน่ๆ เพื่อปลอบใจ ตอนท้ายๆเลยมีหวานๆให้อิจฉากันนิดนึง..ไม่หรอก อิจฉามากกกก หวานแบบไม่รู้ตัว หวานแบบอารมณ์พาไป..น่ากรี้ดดีค่ะ
เพลงที่คาวัลโลท่องในตอนต้น คือเพลง lilium ค่ะ เป็นบทสวด ทำนองหดหู่ขวัญผวาอย่างแรง แต่คนเขียนชอบนะคะ คิดว่าเพราะดีถูกใช้เป็นเพลงเปิดอนิเมเลือดสาดเรื่อง Elfen Lied ด้วย (เปิดในห้องตะกี้ เพื่อนมาหาแล้วทักว่า"...นี่แกเปิดเพลงแบบนี้ตลอดเลยเหรอ" ด้วยสายตาแบบว่า.... :o)
  ตอนนี้มีการเปรียบว่าอัลชาอืเหมือนกับสิงโต คิดแบบนั้นล่ะค่ะ แลถ้าอัลชาอ์เป็นสิงโต คาวัลโล..ในสายตาอิชั้นคงเป็นเหยี่ยว ไม่ก็ไฮยีน่า...(แต่เอนไปชื่อหลังนิดๆ)เพราะมันทั้งเจ้าเล่ห์และร้ายกาจ แต่ก็เท่ห์เหลือหลาย
ส่วนท่านอาเหม็ด...คิดจะเล่นกับไผไม่เล่น งานนี้รับรองยาวค่ะ..
ปล. ตอนหน้าฝาแฝดจะมาพร้อมน้องสี่ผู้ที่ยังไม่เคยออก(และหลายคนอยากให้เขาเป็นบอส แต่จะได้เร้อออ)
ปล.2 พี่โตอัพพรุ่งนี้ วันนี้มีคอลเลคชั่นหนังสือมาอัพที่ในเด็กดี ไปตามลิ้งค์นี้โลดดดดด http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=524334&chapter=80 (ก๊อปวางนะเออ)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: zombiepe ที่ 16-12-2010 02:28:35
แล้วไอ้อลูมิเนียมใต้เตียงนั่นคืออันใด ?
อ่านแล้ว อ่านซ้ำตรงที่ท่านชีคแกตะโกนเรียกคาลจัง
ดูห่วงหามากกว่าที่คิด 555
เปลี่ยนชื่อตอนเป็นดวงใจราชสีห์
ฆ่าม้านนนนน ฝีมือนังคู่หมั้นคนนั้นแน่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 16-12-2010 02:41:07
ตอนแรกว่าจะเข้ามาทวง ฮ่า ๆๆๆ
แต่พอเห็นว่าได้อัพแล้วแทบกรี๊ดด  ดดดด

คาลเริ่มหวั่นไหวแล้ววว วว
ตอนนี้มันน่ารักอ่ะ ชอบบ
เท่ห์ด้วยอีกต่างหาก ฮ่า ๆๆๆ
เห็นแววว่าต่อไปชีคเราจะน่าสงสาร เหอๆๆๆ
ดูจากท่าทีของคาวี่ตอนนี้แล้วช่างง...(?)
อัลชาอ์นี่ถ้าต้องจากกับคาวี่ไปดูท่าจะอยู่ไม่ไหว จิตคงหลุด
เข้าขั้นรักไปแล้วนะน่ะ ไม่ใช่แค่ชอบแล้วว ว

ฟาติมะห์ ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นคนเยี่ยงนี้
โหดมากนะเธอว์ แต่คาวัลโล โหดกว่า

เอามาอีกก กก ก  รอตั้งสิบวันแน่ะ!
เอามาอีกตอนเลยนะ ฮุๆๆๆๆ

เห็นด้วยกับzombiepe
แล้วอะลูมิเนียมใต้เตียงคืออะไร๊??
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 16-12-2010 03:25:40
ู^
เป็นพื้นเตียงแหละค่ะ แบบว่าเตียงที่มีท่อนๆใส่ไว้ให้เอาฟุกลง แต่ใต้เตียงมันจะมีลังไม้อยู่แล้ว คาวี่โดดไปใต้เตียง = ขึ้นไปเกาะป๊าบบนลังไม้ ใต้เตียงมันใช่จะสูงนักเล่นซ้อนสองอย่างนี้เลยออกไม่ได้ค่ะ

ปล. อาจจะบรรยายไม่ชัดเจน เดี๋ยวจะลองแก้ดูค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 16-12-2010 03:38:11
^
เรากำลังจะมาอีดิทเลยว่า พอไปอ่านอีกรอบแล้วมันก็เข้าใจมากขึ้น
แล้วไรเตอร์มาบอกอีกทีก็แสดงว่าเราเข้าใจถูกแล้ว แฮ่ๆ

อาจเป็นเพราะเรารีบอ่านด้วยอ่ะค่ะ
มันเลยไม่เข้าใจ เอิ๊กๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 16-12-2010 03:46:12
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 16-12-2010 03:58:38
^
(คุณNutsuki)
ของแบบนี้มันต้องค่อยๆอ่าน ไม่งั้นจะหาไม่เจอว่าตอนนี้คาวี่มันเอ๋อเเค่ไหน (ฮ่าๆ)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 16-12-2010 08:18:35
 :เฮ้อ: แอบสงสารฟาติมาห์เหมือนกันนะ
 :m3: :m11: แอร้ยยยยย  ตอนนี้หวานไปมั้ยยยย
คาลทำท่านชีคแอบปวดใจนะเนี่ย  เมือ่ไหร่จะรุ้ตัวซักที :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 16-12-2010 08:48:07
คุ้มค่ากับที่รอคอยจิงๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 16-12-2010 09:09:32
สวีทปนโหดนะเนี่ยคู่เนี้ย ดูเหมือนทั้งคู่จะเิริ่มหวั่นไหวกันแล้วล่ะซิ

อยากรู้เร็ว ๆ จังว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 16-12-2010 10:14:47
ตอนนี้แอบหวานหน่อยๆแฮะ  :-[
คาวี่อ้อนๆแบบนี้ น่ารักเนอะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 16-12-2010 10:56:34
หัวใจของแต่ละคนเริ่มเกิดอาการแล้วสินะนี่
คาวี่คงโดดเดี่ยวใช่มั้ย งั้นไม่ต้องเปนแล้วมาเฟียอ่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 16-12-2010 11:07:05
ตอนนี้หวานกันแบบเลือดสาด

แลดูทั้งคู่เหมือนจะใจตรงกัน แต่ยังสงวนท่าที(เพื่อ)


ปล้ำลิง หนูคาวี่ก็ยังน่ารักน่ากอดเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 16-12-2010 11:10:13
.....อ่า......ในที่สุดสวรรค์ก็เป็นใจ
ไรเตอร์สู้ๆ  o13
ใกล้ปีใหม่แล้วอย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
จะได้ไปเที่ยวอย่างสนุกสนานเนอะ จุ๊บๆ

ตอนนี้ที่นี่กำลังพจญกับพายุข้อสอบต้อนรับคริตมาสจ๊ะ
มาแบบติดๆถี่ๆไม่ให้ได้นอนเลยละ....:impress3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 16-12-2010 11:32:44
โอ้ยๆๆๆๆหวานมากอ่ะเริ่มรู้ตัวกันแล้วอ่ะ


ต่างฝ่ายต่างมีใจอิอิ


เลือดสาดกระจายรออ่านตอนต่อไปค้าบบบบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 16-12-2010 11:43:34
ขอบคุณนะคะ ตอนใหม่มาเเล้ว เเถมสมใจอยาก คาวี่+อัชชาห์ 3 ท่อนรวด ตอนหน้าเเฝดกับน้องสี่มา เเต่คาวี่ก็อย่าหายนะ 55++ (ติดอย่างเเรงเหอะ ถึงเป็นไฮยีน่า เราก็รัก) เเต่น้องสี่เป็นบอส อะดีเเล้ว คาวี่จะได้เป็นเมีย ชีค กร๊ากกกก คิดไปได้ เเต่เเอบ งง ตอนที่คาวี่ไปอยุ่ใต้เตียงตอนเเรกคิดว่าโดนยิง กรรมดันติดใต้เตียงออกไม่ได้ เเค่นั้น เเต่ตอนนี้เค้าอ้อนกัน น่ารักดี เเต่เราชอบความคิดชีค "....จะเก็บไว้...ไม่ให้ได้ไปไหน..

จะกักขังไว้...

จะซุกซ่อน ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน...

....เพื่อ...สิ่งที่ต้องการ..." ท่อนนี้เลย เเต่กว่าจะทำได้จะ ม่องก่อนเปล่าเนี่ย เอาเลยค่ะ ชีคขาเราเชียร์สุดใจเลย อยากได้มาเฟียเป็นเมียต้องสู้ค่ะ ขอให้สำเร็จ อาเมน เเละจะได้ใช้คำนี้ซะที เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคาวี่ยังมีอัชชาห์ 55+++  :z1:

ปล.เพลงนั้นยังไม่ได้ฟัง เดี๋ยวไปลองหาดูก่อนนะ  +1 ให้ไฮยีน่า ของ ชีค กรั๊กกๆๆๆ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 16-12-2010 11:52:54
เวลาที่หายไปมันช่างคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มาจริงๆ ฮา...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 16-12-2010 14:37:46
หว๊านหวาน

 :o8:

ชอบตอนนี้มากมายขอบอก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 16-12-2010 16:22:00
เปิดมาแรกๆ นี้เจ็บแทนท่านชีคเลยแหะ

คาวี่ พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยน้าาาว่าเป็น"คนรู้จัก"อ่า  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

แต่มาตอนหลังเกือบท้ายนี้หว๊านนนนหวานนะค่ะ อ่านไปยังเขินแทนคาวี่มันเลย  :laugh:


ปุลิง  คาวี่นี้มีแววจะเป็นมาโซหนอ  อยู่อย่างสงบไม่ได้ ชอบให้คนเค้าทาหาเรื่องนะ ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 16-12-2010 17:28:09
เอิ่ม.. นู๋คาวี่ แรกๆมาก้อดูเท่ห์ดีอยู่หรอก แต่.. ติดอยู่ใต้เตียงเนี่ยนะ ???   :m29:  :laugh:
อ่านตอนนี้แล้วหวานมาก แต่มันเป็นความหวานที่ดูจะขมขื่นไงไม่รู้ คือแบบ.. ไม่อยากจะคิดถึงวันข้างหน้าเลย  :เฮ้อ:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 16-12-2010 18:37:08
ดูเหมือนชีคอัลชาอ์จะมีใจให้หนูคาลแน่แล้ว
แต่คาลลี่นี่สิ ยังไม่รู้ใจตัวเองเลย ยังเห็นแค่ชีคเป็นคนรู้จักแค่นั้นเอง
ตอนที่แล้วหวานแบบละมุนละไม แต่ตอนนี้อึมครึมแถมบทจะหวาน
ดันกลายเป็นหวานแกล้มบู๊ซะนี่ เฮ้อ...... แล้วในอนาคตอีก โฮกกก
//ทึ้งผมตัวเองไปมา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 16-12-2010 19:54:54
คะเลิ้ม เคลิ้มไป มากมายจริงๆแหล่ะ
 คาวี่ นี่ ให้ความสำคัญ กับอัลชาห์ แค่คนรู้จัก

จริงเร้ออออออออออออ
ขอบคุณ สำหรับ อารมณ์หวานของตอนนี้
แต่เราก็วางใจไม่ได้  ว่า ใคร จะเจอกับอารายอีก
ตอนหน้า ขอหวานกว่านี้อีกได้ป่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 16-12-2010 21:30:06
อ่านตอนนี้แล้วแอบเขินจริงอะไรจริง แม้จะสวีทกันแบบโหดแปลกๆ ก็ตามที -*-
ตัวอัลชาอ์เองก็คงรู้แล้วว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับคาวี่เนอะ แต่เจ้าคาวี่นี่สิ
แบบนี้เมื่อไหร่มันจะได้อยู่ด้วยกันมั๊ยเนี่ย ต่างคนต่างก็มีภาระ
แต่ถ้าเป็นอย่างที่อัลชาอ์จะทำก็ดีนะ สมบทชีคทะเลทรายหน่อย  :laugh:

รอๆ พี่โตพรุ่งนี้ด้วยจ้า  :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 16-12-2010 21:49:09
คาวี่แอบอ้อนอัลชานิดๆอ่ะ
ชอบมาก.......... o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: evasaki ที่ 16-12-2010 22:08:34
    // สวีตหวานจิ้งงงงงงงง~

     จนคนอ่านจะอาย


    แทนคาวี่ไปแล้วววนะเฟ้ย

 
    :-[  :-[  :-[  :-[  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 16-12-2010 22:40:06
ยาวสะใจดีมากค่ะ 55
คาวี่ดูจะเป็นคนคิดอะไรแปลกประหลาดกว่าชาวบ้านเขานะเนี่ย
แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นเสน่ห์อีกอย่างนึงของเขาเลยล่ะ  :o8:
ท่านชีีคน่ารักอ่ะ แสดงออกซะชัดเจนเชียวว่ารู้สึกไงกับคาวี่ของเค้า (?)  :impress2:
แต่แบบ คาวี่เก่งอ่ะ เดาทางฟาติมะห์ออกหมดเลย กร๊ากก สะใจ  :z1:
เสียนิดนึงตอนออกจากเตียงไม่ได้นี่แหละ 555 ฮาแตกเลย
ตอนท้ายแอบหวานน ชอบจังเลย รักกันเร็วๆสิ เค้ารอลุ้นอยู่น๊า  :-[

รอตอนต่อไปค่า มาไวๆน๊า รออยู่ๆ  :mc4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 16-12-2010 22:50:49
อ๊ายยย น่ารักสมการรอคอย

เค้าตกหลุกกันแล้วว แว้ว แว้ว ววววว  o7

หวานเกิ๊น (อินี่อ่านไปกรี้ดไป)

รอตอนต่อไปจ๊า + รอพี่โตด้วยๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ทับทิมกรอบ ที่ 16-12-2010 23:29:45
มาต่อยาวได้ใจมาก  :pig4: ไรเตอร์ครับ

ว่าแต่  :impress2: จะหวานกันท่ามกลางกระสุนนี่ก็สุดยอดจริงๆ  :really2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 16-12-2010 23:57:31
เพลงนี้เพราะแบบหลอนๆดี

ชอบเหมือนกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 17-12-2010 02:30:20
อ่า..คราวนี้มาอ่านทีเดีนวรวด
ติดใจคาลยิ่งกว่าน้องเนมอีกล่ะ
สงสัยเรามันพวกซาดิสชอบนายเอกร้ายๆแรงๆฉลาดและเก่งแบบนี้แหละ...ใช่เลย..
จองรวมเล่มเลยแล้วกัน ฮึ่ม คราวนี้ไม่ให้พลาดเหมือนพี่โตหรอก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 17-12-2010 03:51:14
 :o8: หวานปิดท้ายน่ารักสุดๆอ่ะ
ทั้งท่านชีค ทั้งคาลจัง
...ไม่เข้าใจพวกนั้นจริงๆ คงคิดว่าถ้าฆ่าคาลจังได้แล้ว ขอโทษท่านชีคจะยกโทษให้รึไง  :m31:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 17-12-2010 06:28:50
ว๊ากกกกกกกกก...รู้สึกดีจัง 4555555
เริ่มเห็นเค้าลางความหวานบ้างแล้ว ดี ๆ หัวใจกระชุ่มกระชวย 55555
สนุกดีอ่ะ ตอนโดนบุกห้องนอนคาล

ยิ่งตอนอัลชาอ๋เรียกหาอิก....โอ๊ยยย ชอบบบบ
รอตอนต่อไปนะคร๊าบบบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 17-12-2010 07:21:23
อุ้ย มาอัพเมื่อไหร่เนี่ยไม่ทันตั้งตัว!!
นู๋คาวี่มัวแต่แปลกใจจนลืมหิวไปแล้วใช่มะเนี่ยยยยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 17-12-2010 07:32:06
ชิ! คิดจะทำร้ายหัวหน้ามาเฟียที่ยิ่งใหญ่ชาติหน้าตอนสายๆนะจ๊ะ
โฮะๆ
งานนี้ท่านชีคต้องลงโทษอิพวกลอบกัดให้หนักนะคะ อย่าได้ไว้ชีวิตมัน

เหมือนสองคนนี้เริ่มจะอะไรๆ กันละ กรี๊ดดดดดดดด ชอบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 17-12-2010 16:04:00
เริมจะรู้ตัวกันทั้ง 2 ฝ่าย
แหม มีแววมาแต่ไกลว่าถ้าไอ้คู๋นี้มันรักกันเมื่อไหร่ สงสัยไม่แพ้คู่แฝดแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 17-12-2010 21:31:36
สองคนนี้เริ่มรู้สึก อ๊ายยยยยย ดีใจจัง
แต่แหม ไอ้หนูคาวี่เนี่ย เย็นชาจังเลยน้า~ เป็นได้แค่คนรู้จักเองเหรอ? ช่างเถอะ เดี๋ยวมันก็พัฒนาไปเองแหละ คิคิคิ


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 19-12-2010 14:05:12
มีตอนไหนไม่ลุ้นไม่ฮาบ้างมั้ยเนี่ย ฮ่าๆๆ หวานๆชอบๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 19-12-2010 19:59:25
ชอบตอนนี้จังเลยค่ะ ดูท่านชีคแบบว่า  สติหลุดี 5555  ไม่ค่อยมีสติเวลาคิด ฮ่าๆๆ
มันเป็นสิ่งที่อยากจะทำจริงๆ ใช่มั๊ยล่ะคะ่ อัลชาอ์ขา
น้องคาวี่ดูเหมือนยังไม่ได้ฟังเสียงหัวใจตัวเองเลยนะค่ะ !!
รู้สึกดีกะเขาก็บอกมา ไม่ใช่แค่"คนรู้จัก"นะ มันมากกว่านั้น คนอ่านทั้งฟันธงทั้งคอนเฟิร์ม

อ่านเรื่องนี้แล้วใจมันเต้นตุบๆ ๆ  ตลอดเว (อร้าวว ถ้าไม่เต้นก็ตายสิจ้ะ//ไรท์เตอร์)
อ่านแล้วสงสัย คาวี่มันไม่ได้เย็นชาอย่างเดียว มันซื่อบื้อด้วยสินะค่ะ หัวใจตัวเองยังไม่รู้สึก !
ป๊าดดดดดดดดดดด

ดูท่าคนที่รู้ดีที่สุดจะเป็นฮาซาน  :m20: พี่ท่านเล่นมองออกทุกอย่าง
ยังรู้สึกว่าคาวัลโลยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย เล่นไปตามแผนของคนอื่นเขา ดูสิ ผิดท่า หายไปอยู่ใต้เตียงเลย  :laugh:
ต้องขอบคุณนะค่ะที่ทำให้เกิดงานนี้ขึ้นมา อัลชาอ์กับคาวัลโลเลยได้สวีทหวาน จนคนอ่านแบบว่า !!  อร้ายยยยยยยยยย    :o8:
เขินแทนนนนนนน อ๊ะ !!!!!!!!!!
มีจุ๊บหน้าผาก จับมือ กรี๊ดดดดดดดดดดดด แค่นี้ก็แทบคลั่ง ถ้าเกิดได้เสิยกันทางพฤตินัยเมื่อไหร่แล้วรุคกี้ไม่กรีดร้องวิ่งรอบบ้านเลยเหรอค่ะ ><!!

ตอนนี้ถูกใจมว๊ากกกกกกก ค่ะ !!!  o13
ps. รุคกี้ไม่กล้าอ่านแบดกาย กลัวเครียด กลัวเฟล กลัวจิตตก ช่วงสอบ กลัวพาลไม่อ่านหนังสือ (ความจริงไม่อ่านอยู่แล้ว . . . )

ไรท์เตอร์สู้ๆ นะค่ะะะะะะะะะะะะะะะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: SeLoFENa ที่ 19-12-2010 20:07:16
อยากอ่านต่อจังเลยค่ะไรเตอร์

หนุกๆอะชอบๆๆๆๆ ทั้งสองคนเลย ๕๕๕

เฮอะ คาดเดาตอนหน้าๆไม่ค่อยออกเลยว่าจะเป็นไง

เฮอะ ชีคหนุ่มสู้ๆ เมื่อไหร่จะได้คาวี่ละเนี่ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: snowice ที่ 20-12-2010 19:29:18
พึ่งได้เข้ามาอ่านผลงานเรื่องนี้ บอกได้คำเดียวเลยค่ะ

มันมากกกกก o13 อ่านแล้วลุ้นตลอด ชอบตัละครมากๆเลยค่ะ

ฝาแฝดก็น่ารัก หวานกันตลอดๆ ส่วนท่านชีคนี่ก็....รีบๆรู้ใจตัวเองแล้วจัดการ

นายเอกจอมแสบของเราสักทีนะคะ เอาใจช่วยท่านมากๆเลย

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 20-12-2010 20:41:51
เครียดๆๆ โอย....อยากอ่านคาวี่ต่อจังเลย กระซิกๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: april_o_ ที่ 21-12-2010 02:02:07
แอบหวานแต่ทำไมอ่านไปหนักใจแทนทั้งสองคนก็ไม่รู้

หรือเราคิดมาไปเองหว่า... :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 21-12-2010 12:02:48
มาต่อหน่อยนะจ้ะ
คนอ่านรออยุ่น้า
 :call:
ปล.ชอบคาวี่จังน้า :o8:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 21-12-2010 23:42:09
พรุ่งนี้อัพค่าพี่น้องงงงงงง
//ใกล้สอบแล้วยิ่งบ้า อ้ากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 21-12-2010 23:44:30
รอค่ะรอ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 22-12-2010 02:12:03
รอค้ารอ :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 22-12-2010 21:17:04
รออย่างใจจดจ่อ พรุ้งนี้สอบเช้าบ่ายเล้ย อ๊ากกกกกกกกกกก~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 22-12-2010 22:32:26
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 22-12-2010 22:51:07
 :call:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ishiya ที่ 23-12-2010 00:14:38
รอเหมือนกัน...ขอให้ไรท์เตอร์ทำข้อสอบฉลุยนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 23-12-2010 00:54:07

Line : 16  กลับรัง

       ร่างของชายในชุดคลุมสีดำนั้นถูกลากตัวให้คุกเข้าลงบนพื้นพรมหนา อัลชาอ์ทอดมองคนผู้นั้นด้วยแววตาครุ่นคิด ขณะที่คาวัลโลกวาดสายตามองคนในห้อง หยุดสังเกตท่าทีของสองพ่อลูกด้วยแววตาใคร่ครวญ..

    ชีคอาเหม็ด อัล ทาร์คาน มูซา มูอัสซิน สบมองแววตาอันบ่งบอกจุดประสงค์ไม่ได้ของชายหน่มต่างชาติ ผู้เป็นคนรักของหลานชายอย่างไม่ยอมหลบ แน่ว่าแผนการทั้งหมดนี้คือความคิดของเขา...ด้วยตนจะไม่ยอมให้ใครที่ไหน มาหยามเกียรติ ดูถูกบุตรสาวคนเดียวเช่นนี้อีกแล้ว กับอัลชาอ์ผู้เป็นหลานชายซึ่งได้มั่นหมายเป็นคู่ครองกันตั้งแต่อายุสิบห้า จะมาบอกเลิก บอกล้างสัญญาหมั้นหมายนั้นว่าแย่แล้ว แต่ที่ยิ่งน่าอดสูกว่า กลายเป็นว่าผู้ที่ครองใจหลานชายตนนั้นกลับเป็นชายหนุ่ม...ชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่ทั้งผิดหลักศาสนา และยังทำให้ตนเองอาจจะตกเป็นเป้าโจมตี ทั้งที่มีผลเสียถึงเพียงนั้น อัลชาอ์กลับไม่ใส่ใจและยังป่าวประกาศว่าจะรักมั่น...นั่นหมายความว่าบุตรสาวของเขา"แพ้"แม้กระทั่งชายคนหนึ่งที่ไม่สามารถทำหน้าที่ของผู้หญิง แพ้กระทั่งคนที่ไม่อาจจะมีบุตรสืบสกุลได้กระนั้นหรือ?

..นั่น มันทั้งเป็นการหยามเกียรติ..ทำลายเกียรติยศของตนอย่างเหลือแสน...

  ทางเดียวที่จะชดใช้ได้ คือความตายของมันผู้นั้น คนที่บังอาจมาเหยียดหยามลูกสาวเขา ต่อให้มันเป็นที่รักของอัลชาอ์...ต่อให้ท้ายที่สุดต้องถูกลงโทษ กล่าวหา แต่เพียงเพื่อให้มันสิ้นชีวิตไปแล้ว อะไรเขาก็ย่อมแลกได้...

    ....ต่อให้ต้องตกที่นั่งลำบาก หากเพื่อกำจัดมันแล้ว จะอย่างไรก็ยอมทำ!

   อาเหม็ดสูดลมหายใจลึก มองใบหน้าของชายหนุ่มชาวยุโรปตรงหน้าอย่างไม่หลบหนี อีกฝ่ายก็สบมองมาเช่นกัน ด้วยแววตาเรียบนิ่ง ไม่มีท่าทีเคืองโกรธ หรือเอาเรื่องแต่อย่างใด..

คาวัลโลพ่นลมหายใจออกจากริมฝีปากช้าๆ และเขาเพิ่งจะรู้สึกว่าตนเองกำลังกุมมือไว้กับอัลชาอ์ไม่ปล่อย สีหน้าของมาเฟียหนุ่มเกลื่อนไปด้วยความประหลาดใจเพียงวชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะค่อยดึงมือออกจากฝ่ามือหนาที่กุมไว้ช้าๆ เรียกนัยน์ตาสีดำสนิทหันมาสบมองอย่างรวดเร็ว..

    อัลชาอ์หันมาสบนัยน์ตาสีน้ำทะเล ก่อนเขาจะค่อยดึงมือตนออกอย่างอ้อยอิ่ง มองชายหนุ่มที่กำลังคุดคู้อยู่เบื้องล่างพลางออกปากถาม

      " ..จำหน้าได้ไหม?"

      " ผมไม่รู้ " คาวัลโลส่ายหน้าช้าๆ "ผมเห็นแต่หมอนั่น...ที่ตายอยู่ในห้อง.." คาวัลโลตอบตามตรง พลางหันมองอัลชาอ์อย่างขอคำตอบ

      " ผมให้คนไปดูลาดเลาที่สวนปาล์มด้านหน้า..ตามที่คุณบอก "ฮาซานจ้องไปยังร่างของคาวัลโล " เราเจอเขาที่หลบออกมาจากด้านข้างกำแพงรั้ว..."

      " อ้อ...." คาวัลโลร้องรับคำ ขณะที่อัลชาอ์ส่งสายตาทึ่งๆปนสงสัยที่พบว่าคนสองคนที่เคยวิวาทกันมาแค่อาทิตย์กว่าๆก็สามารถทำงานร่วมกันได้แล้ว...แถมองค์รักษ์ของตนก็ดูจะ"เชื่อฟัง" นายน้อยตระกูลวาลกัสเป็นอย่างดีเสียด้วย

      "...ก่อนอื่น...เชิญท่านลุงกับฟาติมะห์เข้ามานั่งคุยกันเสียก่อนแล้วกัน.." อัลชาอ์เอ่ยผายมือเชื้อเชิญสองพ่อลูกที่ยืนนิ่งอยู่ตรงประตูห้อง และตัวเขาก็เป็นฝ่ายเอื้อมมือแตะเอวให้คาวัลโลลงมานั่งข้างๆ โดยแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาตำหนิของผุ้เป็นลุง

      " เอาล่ะ..." อัลชาอ์นั่งประสานมืออยู่บนตัก ยิ้มให้อย่างเป็นทางการ และแฝงด้วยความเกรี้ยวกราดเล็กๆอย่างที่ปิดอย่างไรก็ไม่มิดเขาเอ่ยถามเรียบๆเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ด้วย

     " ในเมื่อเรามากันครบแล้ว...ผมขอถามคำถามแรกเลยก็แล้วกัน..." ชีคหนุ่มตวัดสายตามองร่างของชายในชุดคลุมสีดำที่ถูกจาฟาจับแขนไพล่หลัง "....ท่านลุงครับ....ไม่ทราบว่าท่านตีความหมายของคำว่า"คนรัก"ของผมต่ำไปไหม?...ถึงได้ทำอะไรที่ไม่ให้เกียรติกันเช่น...ขัง...เขาไว้ในห้อง...บังคับให้เขาอดอาหาร..หรือแม้แต่...ปล่อยให้มือปืนฝ่ายไหนไม่รู้มาจัดการเอาได้.."

    อัลชาอ์ยิ้มมุมปาก ใบหน้าปกติ หากแต่ท่าทีพร้อมจะเอาเรื่อง ชีคหนุ่มพาดแขนซ้ายลงบนพนักพิงตวัดโอบไหล่ของคาวัลโลไว้ด้วยท่าทีเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
    คาวัลโลกระพริบตาปริบๆ...เหลือบมองมือที่ไหล่ตน กระนั้นนี่ก็เป็นครั้งที่สองที่เขาตัดสินใจจะปล่อยผ่านและไม่ใส่ใจมัน..และ ยังเป็นฝ่ายเอนตัวไปพิงไหล่ของอีกฝ่าย"เพื่อความแนบเนียน" ด้วย

    "....ลุงไม่รู้เรื่อง " อาเหม็ดตอบสั้นๆ ด้วยท่าทีเฉยชาขณะที่ดวงตายังจับจ้องใบหน้าของคาวัลโลเขม็ง

    " งั้นหรือครับ? "อัลชาอ์ยิ้มมุมปาก จ้องมองผู้เป็นลุงของตน " มีคนก่อเรื่องอยู่ภายในบ้านของท่าน แล้วไม่รู้เรื่อง...ถ้าเป็นแบบนั้น การจะดูแลจารเซนี่...ผมชักจะไม่แน่ใจเสียแล้วว่ามันเป็นภาระที่"หนัก"เกินไปรึเปล่า?"

     " นั่นคือคำขู่งั้นรึ อัลชาอ์ " อาเหม็ดหรี่ตาลงอย่างเคร่งเครียด

     " ไม่ใช่คำขู่ครับ...ท่านก็รู้ว่าผมไม่เคยขู่ใคร " อัลชาสอ์ตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง หากแฝงแววอันตราย

     " คนๆเดียว..." อาเหม็ดหัวเราะเสียงขึ้นจมูก " เพียงเพราะคนๆเดียวงั้นรึ ถึงกับกล้าขู่ญาติพี่น้องที่เหลือเพียงไม่กี่คนของตน...อัลชาอ์...คนรักที่เป็นผู้ชายน่ะ นอกจากจะสร้างปัญหาแล้ว ยังไม่สามารถจะให้กำเนิดทายาทได้ อีกทั้งจะทำให้ตัวเจ้าเสื่อมเสียเกียรติ หรือหลานคิดว่าอย่างไร?"

     "เกียรติของผม...ผมรักษาเองได้ ท่านลุงอย่าลำบากมาห่วงกังวล "ชีคหนุ่มดวงตาวาววับ จ้องมองญาติทั้งสองของตนไม่กระพริบ..

     " คิดว่าตัวเจ้าปีกกล้าขาแข็งดีแล้วหรือ หากขาดการสนับสนุนจากทางนี้ไป คิดว่าจะทำอย่างไร? " อาเหม็ดจ้องหน้าหลานชาย "อย่าลืม...อย่าลืมว่าตนเองเป็นใคร...อย่าลืมว่าสิ่งที่เจ้าทำอยู่มันผิดต่อพระอัลเลาะห์..อัลชาอ์หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป คิดรึ ว่าจะสามารถทำอะไรได้ตามใจชอบอีก.."

      " นั่นขึ้นอยู่กับท่านลุงครับ ว่าขจะตัดสินใจเช่นไร " อัลชาอ์ลุกขึ้นช้าๆ เขามองไปยังร่างของบุรุษในชุดดำที่ถุกคุมตัวไว้ด้วยท่าทีครุ่นคิด...

       "...จาฟา พาตัวมันไปที่คุกใต้ดิน จัดเวรยามดูแลป้องกันให้แน่นหนา.." เอ่ยแล้วหันมาสบมองผู้คนโดยรอบ "ท่านลุง ผมคิดว่าคืนนี้เราเหนื่อยอ่อนและตกใจกันมามากพอแล้ว ผมคิดว่าเราควรจะได้พักผ่อนกัน...และ....คุยเรื่องนี้ในวัยรุ่งขึ้น..."

           อาเหม็ดและฟาติมะห์ลุกเดินออกไปทันทีโดยไม่ต้องรอให้เชิญ ชีคเฒ่ามีสีหน้าบูดบึ้งขณะที่บุตรสาวนั้นกำลังซับน้ำตาอย่างเศร้าหมอง คาวัลโลเด้งตัวขึ้นมาจากโต๊ะ มองผ่านทั้งสองที่เดินออกไปและรี่เข้าหาถาดอาหารที่วางบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว...

       " ค่อยๆกินก็ได้..." อัลชาอ์เปลี่ยนจากใบหน้าเคร่งขรึมเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน ทอดมองเจ้าตัวนั่งทานอาหารอย่างขบขัน

       " เป็นผมที่โดนแกล้งให้แขวนกระเพาะไว้ทั้งวันบ้างสิ! "คาวัลโลถลึงตาใส่ พลางยัดขนมปังใส่ปากอีกอัน "จริงๆนะ พวกคุณชอบใช่ไหม? พอใจล่ะสิที่ได้ทรมารคนอื่นด้วยวิธีนี้ โอ้ยยย ถึงจะเป็นมาเฟียนะ ผมยังไม่เคยใช้วิธีอดอาหาร ถึงจะตัดปากมันทะ...."

       " อย่าพูดไปกินไปซี...ข้าวตกเกลื่อนแล้วนะ " อัลชาอ์บ่นชีคหนุ่มเอื้อมมือหยิบเศษขนมปังจากข้างริมฝีปากสีจางออก แต่แทนที่จะทิ้ง กลับเป็นฝ่ายเอามันเข้าปากเสียเอง ทำเอาคนมองชะงัก คาวัลโลรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงแปร๊ด..อ้าปากค้าง...

       ".....อ่ะ...แค่กๆ "มาเฟียหนุ่มถึงแก่สำลักกระอักกระไอดังลั่น คาวัลโลคว้าแก้วน้ำไปดื่มอึกใหญ่ ขณะที่ตัวก็ยังหอบแฮ่กและจ้องมองหน้าของอัลชาอ์ด้วยสีหน้าตื่นตะลึง..

       " ให้ตายสิ ทำอะไรน่ากลัวเข้าไปทุกวัน คุณนี่ " เขาบ่นงึมงัม และเริ่มซ่อนใบหน้าแดงๆของตัวเองไว้ที่แก้วน้ำ ส่วนอัลชาอ์ก็ยิ้มออกมาอย่างขบขัน

       "  หือ? เขินเป็นด้วยเหรอ? "สีหน้าของอัลชาอ์นั้นแสร้งทำเป็นประหลาดใจอย่างแนบเรียนเสียจนคาวัลโลแยกเขี้ยวรับ

       " เขินอะไร? ใครเขิน แค่ตกใจร๊อก.." ยืนกระต่ายขาเดียวอย่างหนักแน่นพลางคว้าแก้วน้ำมาซดอีกอึกแล้วเอนตัวพิงพนักอย่างพึงพอใจ และสบายท้อง... พร้อมกับเรออกมาเอิ้กใหญ่...

            ทำเมินสีหน้ารังเกียจของฮาซานที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน คาวัลโลสบตาองค์รักษ์หนุ่ม อ้าปากถามอออกไปอย่างที่สงสัย

       " ตอนจับไอ้คนนั้นได้..มันกำลังทำอะไรอยู่ หนี? แบกปืน? โดนล่า? วิ่งหัวซุกหัวซุน ? "

       "...โดนล่า..." ฮาซานตอบสั้นๆ

       " โอ.....ภารกิจล้มเหลว..." มาเฟียหนุ่มอุทานออกมาอย่างล้อเลียน " คงกะฆ่าปิดปากแต่พลาดไปสินะ ...นี่ อัลชาอ์ที่รัก ผมง่วงแล้ว อุ้มหน่อยสิ..."

        ".....ง่วงแล้วเหรอ? "อัลชาอ์ออกปากถาม ขณะที่ฮาซานเดินเข้ามาเก็บถาดอาหารและออกไปอย่างรู้ตัวดี ชีคหนุ่มจ้องมองใบหน้าของมาเฟียตัวร้ายที่ฉายรอยยิ้มอ้อนๆ และยกแขนสองข้างกางออกมา

        " พูดจริงหรือพูดเล่น? "อัลชาอ์เดินเข้าไปหาเจ้าตัวบนเก้าอี้ สบมองแววตาสีน้ำทะเลที่หรี่ปรือเล็กน้อย ในสายตาเขามองว่ามันดูยั่วยวนก็ไม่ผิดนัก โโนเฉพาะเมื่อเจ้าตัวกำลังมีสีหน้าอ้อนๆอย่างเห็นได้ยาก

        " อุ้มน่า...." พูดจาเอาแต่ใจแล้วขยับตัวนิดหน่อยก็คว้าคอเสื้อของชีคหนุ่มได้แล้ว อัลชาอ์ถอนหายใจเบาๆ เขาค่อยสอดเเขนเข้าไปใต้ร่างของชายหนุ่มเบื้องหน้า และออกแรงอุ้มตามที่เจ้าตัวอ้อนขอ 

       "...โอเคๆ..แล้วก็ไปที่เตียงได้เลย..." แขนขาวจัดสองข้างตวัดรอบไหล่หนา ใบหน้าซุกซบลงกับแผ่นอก พ่นลมหายใจร้อนรินรดลงบนลำคอ...แค่นั้นก็พอแล้ว ทั้งคำพูดและลักษณะท่าทาง มันก็มากพอที่จะทำให้ใครหลายคนต้องการเสียจนขาดสติ

        "....พาผมไปที่โคมไฟหัวเตียงหน่อยสิ...ปิดไฟดีกว่าเนอะ " น้ำเสียงหวานๆกระซิบกระซาบด้วยท่าทางที่ไม่เคยเห็น ทำยิ่งส่งผลให้เลือดในกายร้อนวูบ อัลชาอ์เดินเข้าไปใกล้หัวเตียง เขามองเห็นโคมไฟส่องสว่าง ขณะที่มือขาวจัดเอื้อมไปที่ด้านหลังยิ่งเพิ่มความคาดหวังให้มากยิ่งขึ้น ปลายนิ้วนั้นตวัดสายเชือกกระตุกสำหรับเปิดปิดไว้ พร้อมกับกระตุกลงทันควัน

   พรึ่บ !!

       โคมไฟดับลงทำให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิดอย่างรวดเร็ว หากแต่มันเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ เพราะในวินาทีต่อมามันก็สว่างวาบ และร่างของมาเฟียหนุ่มในอ้อมแขนก็ไถลตัวลงจากอ้อมกอดแล้ว อัลชาอ์อยากจะเอื้อมคว้าให้เจ้าตัวยังอยู่ที่เดิม ทว่าของที่อยู่ในฝ่ามือของอีกฝ่ายทำให้หัวคิ้วของเขาขมวดมุ่น...

    " กล้อง?" ชีคหนุ่มเอ่บ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันช้าๆ

    " ช่ายยยย....แต่ไม่น่าจะมีเครื่องดักฟังนะ ผมดูคร่าวๆแล้ว....น่าจะไม่..." คาวัลโลพึมพัม สีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะโยนของในมือลงบนเตียงและทิ้งตัวลงไปตาม "เฮ้ออออ ....ร้ายอกาจ ร้ายกาจจจจ...."

     นั่นพูดถึงตัวเอง ? "อัลชาอ์นั่งลงข้างๆออกปากถามอย่างขบขัน

    " บ้าเรอะ..."คาวัลโลตวัดตาค้อน " ผมหมายถึงคุณพ่อกับลุกสาวที่น่ารักคู่นี้ต่างหาก น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ "

     "...นั่นถือเป็นการ...รักษาเกียรติ..." อัลชาอ์ตอบด้วยสีหน้าครุ่นคิด..

    " เกียรติ...? "คาวัลโลเลิกคิ้ว ก่อนจะถอนใจพรู "คนเรานี่มีวิธีคิดอะไรทำอะไรที่ช่างทำให้ตัวเองลำบากได้มากมายซะจริง...เฮอะๆ.."

   " เล่าให้ผมฟังหน่อย ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง.." อัลชาอ์ออกปากถาม คนข้างกายที่กำลังอ้าปากหาวหวอด

   " ก็....ตอนแรกพามาที่ห้อง..เสร็จ แล้วก็ขังผมไปจนถึงเย็น.."คาวัลโลเล่า ขณะที่ผู้ฟังขมวดคิ้วมุ่น " อ้อ.....ตามที่ผมสำรวจดู ก็เหมือนจะเตรียมเสื้อโค้ท ปืนและอะไรต่างๆนานๆไว้สำหรับอำพรางศพเรียบร้อยแล้วด้วย....แล้วเขาก็เอาเอาหารมาให้หลังจากที่พวกคุณละหมาดกันเสร็จน่ะ...แต่เสียอย่างเดียวมันผสมยานอนหลับ.."

   "คุณรู้? แล้วทำไมไม่ออกมาบอก? "อัลชาอ์ยิ้มกระตุก มองใบหน้าระรื่นของคนข้างกายอย่างเริ่มจะเคืองๆไม่น้อย

   " หืม....ก็ถ้าแค่ใส่ยานอนหลับในอาหาร...ไอ้เรื่องแค่นั้น จะโวยเรียกคุณมามันก็ใช่ที่...มันต้องมีคำถามตั้งแต่ ผมรู้ได้ไง? แน่ใจเหรอว่าไม่ได้เอาไปใส่เอง? อะไรประมาณนี้...อีกอย่างผมไม่อยาก"เด่น"เกินไป นี่อุตส่าห์ระวังตัวตามที่คุณบอกนะเนี่ย.."ว่าพลางจ้องหน้าคนถามอย่างรื่นเริง "อีกอย่าง ถ้ามันทำแบบนี้ ก็น่าจะรอแผนให้ออกมาก่อนสิว่าจะทำอะไร เพราะอย่างนี้ถึงได้รู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรต่อ ความผิดใหญ่ๆที่เห็นได้ชัดเจนแบบนี้ มันไม่สามารถจะยอมกันได้เหมือนเรื่องประเภทยานอนหลับรึอะไรทำนองนั้นเสียหน่อย..."

    " มันก็ใช่ แต่รู้ไหมตอนนี้ก็มีคำถามที่น่ากังขากว่าคุณ"รู้"ได้ยังไงว่ามียนานอนหลับ...นั่นก็คือคุณเป็นใคร มีความสามารถอะไรงั้นเหรอถึงได้รอดจากมือปืนที่ถือปืนเข้าไปฆ่าได้.."อัลชาอ์จ้องตาสีน้ำทะเลคู่นั้นเขม็ง "คราวนี้เริ่มรู้สึกรึยัง คาวัลโล ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นต่อ..คุณบอกว่าจะไม่ทำตัวเด่น ใช่...ไม่เด่นเลย....ไม่เด่นเลยจริงๆ..."

     "...อ่า...นั่นมันก็....." เหมือนว่าตอนทำเขาจะไม่ได้คิดเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้า คาวัลโลหน้ามุ่ยนิดๆ แหม...ก็ตอนนั้นมัวแต่คิดจะสนุก จะดัดหลังพวกมันให้กระอักเลือดตายกันไปข้าง...ลืมคิดเรื่องที่ตัวเองจะโดนเปิดโปงไปเสียสนิท

     "....ให้ตายสิ..." อัลชาอ์กระตุกยิ้มเครียดๆ พลางยกมือขึ้นเสยผม

     " อะไรกันเล่า สุดท้ายผมก็รอดมาได้นะ !! " คาวัลโลหน้ามุ่ย ออกปากโวยวาย

    " ใช่ ใช่ รอดมาได้...รอดมาทำความวุานวายให้มากขึ้นอีก..." อัลชาอ์เม้มปาก เข่นเคี้ยวบ่นออกมาอย่างหงุดหงิดไม่น้อย ชายหนุ่มเอื้อมมือไปขยี้เส้นผมสีมะฮอกกานีของคนที่นอนอยู่ด้วยความหมั่นเขี้ยว

     "เหอะ....อย่ามาโวยเลย...คุณเป็นคนทำเรื่องเองนี่ เรื่องคู่หมั่นนี่น่ะ..." คาวัลโลสะบัดหัวหลบฝ่ามือทั้งสองข้างพลางผุดลุกขึ้น " ผมไม่ควรจะมาเกี่ยวไม่ใช่รึไง ถ้าคุณไม่มีทำเรื่องซะก่อน ความผิดคุณนั่นแหละ ความผิดคุณ "

        ว่าพลางใช้นิ้วชี้จิ้มแผ่นอกหน้าแรงๆอย่างกล่าาหา อัลชาอ์มีสีหน้าเหนื่อยหน่าย แต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายจิ้มๆต่อไปตามแต่พอใจโดยดี..

     "...อ้อจริงสิ...." อัลชาอ์เอื้อมมือกุมปลายนิ้วที่ยังคงจิ้มๆผลักๆอกของตนอย่างรวดเร็ว พลางก้มสบนัยน์ตาสีน้ำทะเลของคนข้างตัว "เรื่องนี้ทำผมแปลกใจนะ ไปทำยังไง ฮาซานถึงได้เชื่องกับคุณได้? "

     " หึ...มันความสามารถส่วนบุคคล..." คาวัลโลยักไหล่ด้วยท่าทีเหนือกว่าก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงอีกรอบแล้วหัวเราะร่า

     " ..ความจริงหมอนั่นทำเพื่อคุณต่างหาก ผมก็แค่บอกแปลกใจอย่างโน้นอย่างนี้...คนของคุณน่ะฉลาดนะ เพียงแต่มุ่งมั่นกับหน้าที่มากเกินไป..ก็ไม่ได้ให้วอกแวกหรอก แต่พวกเขายึดถึงคำสั่งของคุณแบบ"ตรงไปตรงมา"จนเกินไป " คาวัลโลบอก พลางอ้าปากหาว "ง่ายๆนะ แบบว่าคุณบอกให้ขับรถ พวกนั้นก็จะทำแค่ขับรถและดูทางแค่นั้นจริงๆ ...ไม่ได้มองข้างทาง หรือสังเกตนั่นโน่นนี่เหมือนผมนี่...ลูกน้องที่ดีไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งทุกอย่างเสมอไปหรอก มันต้องรู้จักทำตามและคิดตามด้วย...เพราะเจ้านายไม่ได้อยู่กับคุณทุกที่ไป....และบางครั้ง ความคิดของคนเป็นนาย ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่สุด...."

      "อืม...." อัลชาอ์รับคำด้วยสีหน้าครุ่นคิด..

      " จริงสิ...พรุ่งนี้คุณจะไปไหน ?" คาวัลโลออกปากถาม

      " ตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างสถานีรถไฟ กับเยี่ยมหมู่บ้าน" อัลชาอ์ตอบ " มีอะไรหรือ? "

      " อย่าบอกนะ ว่าเกิดเรื่องเเบบนี้ขึ้นแล้ว คุณจะยังให้ผมอยู่ที่นี่คนเดียวอักน่ะ ความปลอดภัยของผมมีมากพอๆกับเจ้าคนที่โดนจับเมื่อกี้เลยนะ..." คาวัลโลตอบพลางทำปากยื่นอย่างล้อเลียน " เสียใจด้วยนะ ที่บอกว่าให้ผมอยู่นิ่งๆเงียบๆกับที่แล้วไม่ทำตัวเด่นเนี่ย มันเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่ที่คุณคิดออกมาแล้วล่ะ "

      "....เรื่องนั้นผมรู้อยู่แล้ว "อัลชาอ์รับคำด้วยสีหน้าปลงตก

      " แต่ไม่คิดเหรอ ว่าไปกับผม โอกาสโดนโจมตี โโนทำร้ายก็มากพอกัน "

     " หืม? " คาวัลโลเลิกคิ้วออกปากถาม

     " เรารู้กันอยู่แก่ใจว่าคนทำคือใคร และเมื่อเรารู้ ท่านลุงของผมก็ไม่มีหน้าที่จะต้องมาปกปิดท่าทีอะไรอีกแล้ว เขาไม่พอใจคุณ เขาต้องการกำจัดคุณ คุณอยู่ในคฤหาสถ์นี้ไม่ปลอดภัยแน่นอน และข้างนอก...คุณก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน .."

      " ก็ยังดีกว่าเป็นเป้านิ่งละน่า.." คาวัลโลบอก พลางส่ายหัวช้าๆ " แล้ว.....ก็ใช่จะไม่มีวิธี..."

      " ก็คงอย่างนั้น " อัลชาอ์รับสั้นๆท่าทีครุ่นคิดไม่น้อย

       "...แล้วคุณจะทำยังไงกับสองคนนั้น " คาวัลโลออกปากถาม ขณะที่หยิบกล้องวงจรปิดซึ่งถูกกระชากออกมาแล้วมาเพ่งมอง

      " หมายถึง..."

     " อาเหม็ดกับคู่หมั้นของคุณ " คาวัลโลตอบ ก่อนชายหนุ่มจะขมวดคิ้วน้อยๆ "นี่ ..ผมสงสัยจริงๆนะ ว่าทำไมคุณต้องเอาผมมาเป็นข้ออ้างในการบอกเลิกกับสาวคนนั้นล่ะ ทั้งที่มันไม่จำเป็นสักนิด "

     " ไม่จำเป็น? "เหมือนว่าอัลชาอ์จะสนใจคำถามที่สองมากกว่า

      " ใช่ ไม่จำเป็น "คาวัลโลพยักหน้ารับ "คุณเป็นผู้นำประเทศ จะทำอะไรมีใครกล้าขัด  จะไม่แต่งกับแม่สาวคนั้นแล้วจะมีใครโวยวายเรอะ..ทำไมคุณต้องเอาผมที่เป็นผู้ชายมาเป็นข้ออ้างด้วย มันยิ่งทำให้ตัวเองดูแย่ คุณก็น้าจะรู้ไม่ใช่เหรอ?"

      "นั่นมัน...."

       " อย่าบอกว่าเพราะหาฉุกเกฉินตอนนั้นล่ะ คุณมีเวลาตั้งนานแล้ว มาคิดได้อะไรเอาตอนนั้น" คาวัลโลออกปากดักคอคนจะพูดอย่างรู้ทัน " แล้ว....การกระทำของคุณเมื่อกี้ที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจ หรือคิดจะปกป้องผมโดยไม่สนใจคำครหาของใครน่ะคิดว่าผมจะซึ้งจนน้ำตาไหลพรากรึไง?....ทำไปทำไม?เพื่ออะไรกัน? คุณจะตอบคำถามใครต่อใครว่ายังไง ถ้าวันหนึ่งผมกลับไป...ผมไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอดกาลนะ...นี่ไม่ใช่ที่ของผม คุณก็รู้อยู่แก่ใจ "

        " ไม่เว้นช่องว่างให้ผมตอบเลยนะ..." อัลชาอ์ยกมุมปากขึ้นช้าๆ

         " แน่นอน...เพราะผมต้องการคำตอบ ไม่ใช่คำแก้ตัว หรือเฉไฉ.."คาวัลโลยักไหล่ เขาวางกล้องที่เสียแล้วไว้ตรงโคมไฟข้างตัว มองเห็นเสี้ยวหน้าของชีคหนุ่มสะท้อนกับแสงสว่างของแสงไฟซึ่งมันแลดูกระด้างแปลกตา..

        ".....ไม่ใช่หน้าที่...ที่คุณจะต้องมาซักไซ้ไล่เรียงผม หรือจำข้อตกลงของเราไม่ได้..." อัลชาอ์ตอบสั้นๆ คำตอบนั้นทำให้คาวัลโลพ่นลมออกทางจมูกแรงๆ แล้วกลิ้งตัวเข้าไปนอนหนุนหมอนใบโตอย่างรวดเร็ว...

        " พอตอบไม่ได้...หรือไม่อยากตอบ ก็พูดแบบนี้ทุกที " ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างรังเกียจ " นั่นสินะ....อย่าถามๆ จะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ...."

        " ก็ตามใจ "

             มาเฟียหนุ่มยักไหล่ แล้วปิดปาดหาวอย่างไม่คิดจะใส่ใจ ขณะที่อัลชาอ์จ้องมองโคมไฟที่ส่องแสงระเรื่องด้วยสีหน้าเรียบเฉย...หากดวงตาฉายแววขัดเคืองไม่พอใจ...

.....................................................

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 23-12-2010 00:59:27
 
          ผ้าสีขาวที่พันรอบดวงตาถูกคลี่ออกช้าๆ ด้วยฝีมือของพยาบาลสาว  นัยน์ตาสีฟ้าสดกระพริบไหวอย่างใจจดใจจ่อไม่น้อย มองเห็นร่างของคนรักนั่งบนเก้าอี้ข้างๆและกุมมือไว้ ถัดมาคือพ่อแม่และน้องๆที่นิ่งรออยู่ อเล็กเซย์กำลังรอลุ้นให้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับดวงตาของตนเองหรือไม่ ตอนนี้มันถึงเวลาที่จะเปิดออกแล้ว หากไม่เป็นไรเขาก็สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ แต่ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น คงไม่แคล้วได้ไปนอนโรงพยาบาลที่ไหนซักที่อีกรอบแน่ๆ ซึ่งขอบอกตามตรง ว่าแค่นี้มันก็น่าเบื่อมากพออยู่แล้ว..

        ผ้าถูกดึงออกแล้ว และหมอเจ้าของไข้ก็ออกปากบอกให้ลองลืมตาขึ้นช้าๆ อเล็กเซย์ยกมือแตะลงที่ดวงตาข้างที่บาดเจ็บเบาๆค่อนจะค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น...

สิ่งแรกที่เขาทำ คือการจ้องมองไปที่แฝดคนพี่ด้วยดวงตาทั้งสองข้าง....มองเห็นใบหน้าที่เหมือนกับเขาแทบทุกกระเบียดนิ้วฉายแววยินดีท่ามกลางแสงของดวงอาทิตย์..

     " อ๊ะ....." อเล็กเซย์ยกมือขึ้นแตะดวงตาอีกครั้ง หัวคิ้วขมวดมุ่น

     " เป็นอะไรไป..? เจ็บตรงไหนรึเปล่า?" อเล็กซิสออกปากถาม ลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ทันควัน ขณะที่แพทย์เจ้าของไข้เดินมาใกล้ ยกมือกันญาติที่กรูกันเข้ามาหาอย่างใจเย็น

     " สักครู่ครับ..ขอตรวจดูก่อน..." เอ่ยพลางคว้าไฟฉายมาจากกระเป๋า... ปลายนิ้วดึงหนังตาขึ้นและค่อยทำการตรวจอย่างรวดเร็ว

            อเล็กซิสมองนายแพทย์หนุ่มที่กำลังตรวจดวงตาของแฝดน้องอยู่ด้วยแววตาร้อนใจ เขาหันกลับไปสบมองแววตาของคนในครอบครัวที่ต่างยืนชะเง้อ...ด้วยความกังวลใจไม่น้อย...

     " ...เวลาอยู่ในที่ๆแสงแดดจ้า...ภาพจะค่อยๆจางลงเรื่อยๆ "นายแพทย์หนุ่มเอ่ยออกมาช้าๆหลังจากได้ตรวจอาการได้ไปสักครู่แล้ว

     " ครับ" อเล็กเซย์พยักหน้ารับ...

     " งั้นหรือครับ...อ่า.....ขอคุยกับญาติคนป่วยสักครู่นะครับ..."  นายแพทย์หนุ่มออกปาก แล้งวเดินออกไปจากห้อง โดยมีผู้เป็นพ่อและแม่เดินตามหลัง พร้อมกับน้องสาวอีกราย

      "..ลุงขอตัวก่อนแล้วกันนะ..." เฟรเดริโก้ที่เข้ามาดูด้วยออกปาก พลางเดินเข้ามาใกล้เตียงคนไข้ เขาคว้าตัวหลานชายคนรองไปจูบแก้มแรงๆสองสามทีแล้วผละออก เมื่อมองเห็นสีหน้าดุดันของหลานชายคนโตที่จ้องมองมาจนต้องหัวเราะขำ

     "....ครับ...." อเล็กเซย์กอดตอบ ส่ายหัวกับสีหน้าเคืองๆของแฝดผู้พี่...

    "...เป็นอะไรนะ "อเล็กซิสถาม เขาเอื้อมมือไปลูบเส้นผมสีทองของอีกฝ่ายเบาๆ

     "...ตาของฉัน..." อเล็กเซย์พึมพัมเบาๆ "เวลามอง...เมื่อกี้ ฉันมองแล้ว ตอนแรกมันชัด แต่จู่ๆก็เบลอมองไม่ค่อยเห็น..." เขาเล่าด้วยสีหน้าลำบากใจพอสมควร

     " งั้นเหรอ  " อเล็กซิสพึมพัม เอื้อมมือแตะลงบนผิวแก้มขาวใกล้ดวงตาที่ถูกปิดไว้แล้วไล้เบาๆ ด้วยสีหน้าห่วงหา..

     "...ลืมตาก่อนสิ.."กระซิบบอกแฝดน้อง พลางขยับตัวเข้าไปใกล้...

      " อืม...." อเล็กเซย์ค่อยๆลืมตาขึ้น และมองเห็นปลายจมูกโด่งสันของแฝดผู้พี่ชัดเจน มันโฉบมาใกล้กับใบหน้าของเขา และแตะลงปลายผม ขณะที่ริมฝีปากนั้นทาบลงบนเปลือกตาช้าๆ

      " เดี๋ยวก็หายนะ ไม่เป็นไร..." เสียงกระซิบนั้นแสนห่วงหา พร้อมกับอ้อมแขนหนาที่กอดเอาไว้แน่น...และจูบที่ยังคงพร่างพรมไปทั่วใบหน้าอย่างอ่อนโยน ทำให้อเล็กเซย์อดจะยิ้มออกมาไม่ได้...

เคร้งงงงงงง

      "...........มีอะไรรึเปล่า?" สองพี่น้องชะงักกึก...อเล็กซิสแสยะยิ้มเหี้ยม ด้วยสีหน้าไม่พอใจ...พร้อมกับหันไปมองโซฟารับแขกด้านหลังทันควัน...

      " เปล่าครับ.." สีหน้าคนตอบช่างเรียบเฉย ขณะที่เจ้าตัวก้มหยิบแก้วน้ำที่ตกลงบนพื้นเสียงสนั่นหวั่นไหว...

      " แน่ใจเหรอคาร์โล..ว่าแกไม่ได้อยากจะลุกไปเข้าห้องน้ำ กินข้าว หรือดื่มแกแฟอะไรพวกนั้น..." อเล็กซิสยังคงออกปากถามด้วยท่าทีเหี้ยมเกรียม..

      "...ไม่...ผมทำมาหมดแล้ว " ตอบด้วยสีหน้าไม่รู้สึกรู้สา คาร์เนโร เอปัสซีโย่ วาลกัส หรือคาร์โลกำลังอ่านหนังสือเล่มบางที่นำติดตัวมาด้วย ใบหน้าของบุตรชายคนที่สามแห่งตระกูลวาลกัสนั้นเรียบเฉยไม่ปรากฏท่าทีใด เขาเป็นชายร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลาแบบชาวอิตาเลียนแท้ๆ สวมแว่นสายตากรอบบางใสท่าทีคงแก่เรียน มีเส้นผมสีน้ำตาลทองยาวระไหล่ถูกมัดรวบไว้ตรงท้ายทอย นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนซ้อนอยู่ใต้เลนส์สำหรับอ่านหนังสือ และมีผิวขาวจัด

      " อีกอย่าง ผมมาเฝ้าอเล็กเซย์ของผม..."

      " ของแกงั้นเหรอ คาร์โล? " อเล็กซิสเริ่มขึงตาใส่น้องชาย ขณะที่คนต้นเรื่องได้แต่ถอนหายใจเฮือก

      " ใช่สิ.... แล้วจะทำไม " คาร์โลจ้องตาพี่ชายคนโตตอบอย่างไม่ยอมแพ้...

       "...โอ้ย...ขอเถอะน่าทั้งสองคน  "อเล็กเซย์ร้องห้ามสีหน้ายุ่งยาก " จะมาเขม่นกันทำไมล่ะเนี่ย พี่น้องกันแท้ๆ....คาร์โล ขอเถอะนะ..ถ้าห่วงพี่จริงๆก็ช่วยหยุดยั่วโมโหพี่ชายนาย และเลิกทำเสียงน่ารำคาญพวกนั้นด้วยแล้วกัน.."

 คนป่วยร้องบอกพลางถอนหายใจพรู ขณะที่อเล็กซิสตวัดสายตาจ้องเขม็งด้วยท่าทีรำคาญใจ

     " ครับ...พี่ .."คาร์โลจ้องมองพี่ชายสองคนที่กำลังกอดรัดกันอยุ่ผ่านกรอบแว่นสีน้ำเงินเข้ม " แค่จะบอก.... ว่าอาการอย่างที่พี่อเล็กเซย์"ของผม"พูด...มันไม่ได้หนักหนาอะไรเท่าไหร่..."

        "....รู้ได้ยังไง? " อเล็กซิสถึงจะไม่พอใจกับคำพูดของน้องชาย แต่ความอยากรู้ก็ทำให้ขมวดคิ้ว ออกปากถาม

      " ............." หนังสือที่อยู่ในมือซึ่งอีกฝ่ายชูขึ้นคือคำตอบ...

      " ก็ดี....จะได้กลับอิตาลี...." อเล็กซิสพ่นลมหายใจออกจากจมูก พลางละอ้อมแขนออกจากร่างของแฝดน้อง

      " ...แค่นี้ก็ไม่สนใจจะอ่าน ปากก็บอกว่าสำคัญนักหนา ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง...." คาร์โลเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยคล้ายจะเอ่ยกับสายลม พลางหรี่ตาลงน้อยๆด้วยท่าทีนิ่งขึงแม้ว่าใจความนั้นจะทำให้พี่ชายคนโตนึกเคืองขึ้นมาอีกรอบก็ตาม " แต่นั่นคือสิ่งที่อยากจะถาม  ว่าพี่จะเอายังไง "

      " อะไร? "อเล็กซิสขมวดคิ้วจ้องน้องชายตาเขียว

     "...เรื่องคาล..."

     " ทำไม?"

     " จะปล่อยเรื่องที่คนของเราออกค้นไว้ที่นี่ หรือจะให้กลับไป.." คาร์โลเอ่ยถาม พลางเอื้อมมือถอดแว่นกรอบบางที่สวมอยู่

     " กลับ...." อเล็กซิสตอบสั้นๆ " เราไม่มีหน้าที่อะไรที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกแล้ว..."

     "............" คาร์โลเพียงแต่เลิกคิ้ว โดยไม่พูดอะไรก่อนจะก้มลงอ่านหนังสืออีกครั้ง โดยวางแว่นของตัวเองลงบนโซฟาอย่างไม่ใส่ใจ

           อเล็กซิสมองน้องชายคนที่สามด้วยสีหน้าระแวงปนรำคาญใจ...ขณะที่คนป่วยมองสองพี่น้องที่ทำสงครามเย็นกันแล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะถอนหายใจแรงๆ...

..........................................................................

แปะๆ ไว้ก่อนจ๊ะ...

 มาแค่ครึ่งเดียว ต้องไปอ่านหนังสือก่อนค่ะ พรุ่งนี้จะสอบแว้ววววววว โต้รุ่งชัวร์วันนี้.... :sad4: :sad4:
ปล. คาร์โลก็งี้แหละตัว กวนทีนค่ะ ชอบแหย่ด้วย ฮ่าๆ (แอบสงสารอเล็กซิสเล็กน้อย น้องคนนึงทำท่าจะแย่ง ส่วนอีกคนนึงทำท่าจะไล่งับ 555+)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [15] เป้านิ่ง UP !! 16/11/53
เริ่มหัวข้อโดย: ishiya ที่ 23-12-2010 01:01:55
โทษทีค่ะ...ไม่รู้ว่ายังต่อไม่จบ เม้นคั่นซะงั้น   :z1:
 :z13:  โชคดีในการสอบนะคะ....
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 23-12-2010 01:39:29
โชคเอในการสอบนะคะ
รอครึ่งหลัง...................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: ทับทิมกรอบ ที่ 23-12-2010 03:33:40
 :z1: นึกว่าจะ  :jul1: เลือดท่วมจอซะอีก คาวี่กับชาวี่ หวานซะ  :-[

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 23-12-2010 07:41:09
โหยยย ช่วงนี้หวายเย๊อะเยอะ ชอบ :impress2:

เดี๋ยวก็รักกันเเล้วดิ ส่อเค้ามาแล้วเหอะๆ

ครอบครัวนี้มีอะไรมากกว่าที่เราคาด ฮ่าๆอเล็กซิสคงงงามน่าดูนะเนี่ย

รอตอนต่อไปค๊า  :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 23-12-2010 08:07:43
ดูท่าทางแล้วอัลชาอ์คงไม่ปล่อยคาลวี่ไปง่ายๆแน่ๆ เริ่มรักปักอกขนาดนี้ ฮ่าๆ เตรียมตัวเตรียมใจเสียเถิดคาลวี่ที่รัก
ส่วนอเลกซิสก็ปวดหัวไม่น้อย ทั้งพี่ทั้งน้องมารุมแย่ง เอิ๊กกกกก หนุ่มเนื้อหอมของแท้ 555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 23-12-2010 08:23:15
บอกไปเลยท่านชีค ว่าทำไปเพราะหวั่นไหว 555 จะรออีกครึ่งนึงอย่างใจจดใจจ่อเลย^_^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 23-12-2010 10:13:36
ท่าทางอัลชาร์จะหลงคาวี่อย่างหนัก...
มีแววยุ่งมากกว่าเดิม ทั้งกฏของบอสมาเฟียว่าห้ามชายรักชาย แล้วยังจะกฏของศาสนาอีก
สงสัยกว่าจะรักกันได้ คงได้มีเสียเลือดกันไปข้าง
แล้วเรื่องของแฝด มันจะยังไง รักกันอยู่ 2 คนดีๆ มีน้องชายคนที่ 3 เข้ามาอีก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 23-12-2010 10:28:41
กรีีดดดด ว่าไปเราก็เขินแทนมาเฟียนะเนี่ย
แต่สิ่งที่คาวี่ต้องแสดง มันกลายเป็นการยั่วไม่รู้ตัวจริงๆ อ่ะแหละ
มาเฟียนี่ฉล๊าดฉลาด ท่านชีคหวั่นไหวจนไม่รู้จะยังไงแล้วเนี่ย
ฮิ้ววววว

สงครามเย็นพี่น้องแอบฮานะเนี่ย
ทะเลาะกันเบาๆ คนกลางก็เหนื่อยใจ ..เพลีย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 23-12-2010 11:23:20
ขอบคุณนะที่แวะมาลงให้ก่อนสอบ.....ขอให้สอบผ่านนะจ๊ะ

อยากให้ชีคกะคาวี่ลงเอยกันซะที...เจอแต่เรื่องร้ายๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 23-12-2010 12:04:51
ขอให้ดชคดีในการสอบค่ะ
และจะตั้งตารอครึ่งหลัง อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 23-12-2010 14:47:24
ช่างเป็นครอบครัวที่แปลกจริงๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 23-12-2010 18:02:40
ในทีสุดก้อมา  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: SeLoFENa ที่ 23-12-2010 18:08:27
อ้ากกกกกกกกกกกมาแล้วส์ มาแปะๆๆๆ

รอมาสักพักละไรเตอร์ อยากอ่านๆๆๆ ไรเตอร์สู้ๆ  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 23-12-2010 18:43:33
ดีใจจังมาแล้ว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 23-12-2010 18:49:11
โหยยย ดีใจเป็นบ้าเลย..เลิกงานมาเหนื่อย ๆ หายเลย.............ก้ไรเตอร์มาอัพน่ะสิ
ตอนที่แล้วอ่ะ..อ่านแล้วอ่านอิก มันปลื้มอัลชาห์มากมายเลย สุด ๆ ถูกใจ...
   แต่พอมาตอนนี้คาลเล่นเอาเราสะอึกเลยอ่ะ ตึงอ่ะ!...ตรงที่บอกว่า'ไม่จำเป็น' แรงดีจริง ๆ 5555
เจ็บปวด......เห็นใจพระเอกเสียจริง 55555 เชียร์เต็มที่ฮะพระเอกของเราน่ะ

ปล.สอบได้ ๆๆๆๆๆๆ นะฮะไรเตอร์  
     รอคับ...รอ~ o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 23-12-2010 19:41:19
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
อยากบอกว่าสนุกมากกกกกกกกกกกกกกกก
ชอบมากกกกกกๆๆๆๆๆ  o13

รอตอนต่อไปค่ะ
เปนกำลังใจให้คนแต่งนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 23-12-2010 21:32:49
มีมุมน่ารักเป็นครั้งคราววุ้ย คาวัลโล วาลกัส  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 23-12-2010 22:16:44
คาวี่รีบๆหวั่นไหวซะทีสิ
อยากเห็นสองคนนี้ลงเอยกันแล้วนะ  :sad4:
โอ๊ว ในที่สุดน้องสี่ของตระกูลวาลกัสก็โผล่มาจนได้
นิสัยขรึมๆแบบนี้แหละดี เหมาะแก่การเป็นบอสมาเฟีย
จากนั้นก็ให้คาวี่ไปเป็นภริยาท่านชีค จบเรื่องจบราว แฮปปี้เอนดิ้ง 55
รอตอนต่อไปนะคะ ขอให้สอบได้คะแนนดีๆ อ่านอะไรไปก็ขอให้จำได้ ไม่รู้อะไรก็ขอให้เดาถูก!  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 23-12-2010 22:34:20
ท่านชีค รักเค้าชอบเค้าก็บอกเค้าไปเหอะ :m12:

จะมามัววางท่าเก๊กขรึมอยู่ใย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 23-12-2010 22:54:27
ช่วงสอบต้องโต้รุ่งจริงๆๆ


พยายามเข้าน่ะครับ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 23-12-2010 22:56:28
 :z3: คาวี่  ความตรงไปตรงมาของนู๋ยังสามารถทำให้อัลชาห์เจ็บจี้ดๆได้เหมือนเดิมนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 23-12-2010 23:55:15
อย่างแรกนี่เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเลยน่ะ :เฮ้อ:
แต่แหมคาลยังไม่รุอีกหรอว่าชีคของเราทำไมมันดูจริงจังขนาดนั้นอ่ะ :z1:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 24-12-2010 00:39:15
เค้าอัพแล้วรึนี่...ว้าวๆๆๆ
ขอให้ไร้ท์เตอร์จงเจริญ!!
ว่าแต่คาร์โลมิได้ติดคาวี่หรอกเหรอ? ไหงทำท่าจะแย่งอเล็กเซย์กะเขาด้วยซะงั้น?
แต่แลดูฉลาด สุขุมดีนะ ถ้าเหี้ยมและรอบจัดด้วยก้อขึ้นแทนคาวี่ได้สบายๆเรย อิๆ ก้อยังแอบหวังนี่นะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: zombiepe ที่ 24-12-2010 00:59:49
นี่มันรักไปเต็มเปาแล้วมิใช่เรอะท่านชีค หึหึ
คาลจังอย่าพูดมากไปนะ พี่แกยิ่งมีความคิดจะจับขังไม่ให้กลับอยู่
น้องคนสุดท้ายโผล่มาแล้ววววว
นิสัยแบบนี้เป็นมาเฟียได้สบายเฉิบ
ปัญหามันอาจะอยู่ที่คาลจังคนเดียวแล้วล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 24-12-2010 10:13:15
ขอบคุณนะคะ ตอนใหม่ถึงมาเเค่ครึ่งเดียวเเต่ครึ่งเเบบนี้รับได้ คุคุคุ เเหม ชอบท่อนนี้ของท่านชีคมากเลยอะ "เกียรติของผม...ผมรักษาเองได้ ท่านลุงอย่าลำบากมาห่วงกังวล " เเรง เเรงได้อีก เเต่ว่านะดูท่าท่านชีค คงไม่ยอมง่ายๆซะเเล้วสิ เเล้วจะจับมาเฟียร้อยเลห์ยังไงเนี่ย เเต่ตอนนี้เริ่มชอบ คาร์โล นิดๆ เเววบอสมาลอยมาเลยนะนั่น ฉลาดเเล้วก็ดูกวนๆด้วย ชอบๆๆ ครอบครัวนี้น่ากลัวดี   +1 ให้คาร์โล ค่ะ มาตอนเเรกก็ทำซะปลื้มเลย

ปล. สู้ๆๆนะคะ เรื่องสอบถ้าไม่ไหวก็นอนก่อนก็ดีนะ ทู้อ่านไป มันจะไม่รุ้เรื่องเอานา 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 25-12-2010 00:10:57
มารอครึ่งหลัง :z10:

 :call:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 25-12-2010 00:26:14
อัลชาอ์ก็หวั่นไหว  คาวัลโลก็หวั่นไหว
คนอ่านก็หวั่นไหว อร้ายยยยยยยยยย อ่านไปกรี๊ดไป จนแมวตกใจวิ่งรอบห้อง ><
ชอบตอนทีอัลชาอ์โอบน้องคาวี่ แล้วน้องลงไปซบ อร้ายยย มันกระแทกตาอาเหม็ดกับฟาติมะห์สุดๆ เลยอะสิ
หึหึหึึ
น่ารักที่สุดดดดดดดดดดดด เดี๋ยวก็รักกัน เนอะๆๆๆๆ รักกันเร็วๆ นะ
ความจริงเขารักกันแล้วแหละ แต่ยังไม่รู้สึกตัว

สงสารอเล็กซิสจริงๆ มีน้องแต่ละคน ดูจะไม่ได้รักพี่คนโตเลย 5555555555555

ไรท์เตอร์สู้ๆนะค่ะ เก็ทเอน๊า

ps. สงสัยเล็กน้อยถึงปานกลาง เรื่องนี้กับแบดกาย เรื่องไหนยาวกว่ากันค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 25-12-2010 00:58:41
มาช่วยดันนิยายเรื่อง


สักแว่บ  อิอิ


Merry Christmas  !!!!!!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 25-12-2010 06:19:28
แวะมา Merry X'mas ค๊า (รวบยอด 2 เรื่องเลย รวมพี่โตด้วย ฮ่าๆๆ)

รอๆคาวี่จัง  :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 25-12-2010 10:49:10
MerrY ChristmaS

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 25-12-2010 11:36:02
(http://www.dazzlejunction.com/graphics-holiday/christmas/merry-christmas-red-1.gif)

มารอที่เหลือด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 25-12-2010 12:02:44
 :L2: Merry Christmas :L2:

สุขสันต์วันChristmasนะคะ พยายามเข้านะ เป็นกำลังใจให้เสมอจ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 27-12-2010 12:11:51
อยากอ่านต่อแล้วอ่ะครับ....
ไรเตอร์เมื่อไหร่จะมาล่ะฮะ
คิดถึงนายเอกมากมาย ชอบจริง ๆ 555555

รออยู่นะฮะ~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 28-12-2010 22:19:57
Thinking.

Pensate dello scrittore.
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 29-12-2010 22:54:12
รอค่ะ คิดถึงคาวี่จัง อยากอ่านแล้วน๊า  :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 30-12-2010 11:33:55
 :o11: :o11: :undecided: :undecided:  มารอคาวี่ กะอัลจัง

เมือ่ไหร่จามาอัพพพพ  เค้ารอนานแล้วน้าาาาาาาา o9
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 31-12-2010 01:10:11
      อเล็กเซย์อ้าปากงับหลอดดูดน้ำจากแก้วในมือของน้องชายตัวแสบ ทั้งที่มือก็ไม่ได้พิการอะไรมากนักหนา จะหยิบเองเจ้าคาร์โลมันดันบอกว่าในเมื่อเขากล้าให้อเล็กซิสป้อน ก็น่าจะให้ตัวมันป้อนอีกคน

อยากจะแหกปากบอกนักว่าอเล็กซิสกับมันไม่ใช่คนเดียวกัน แต่ก็กลัวว่าเจ้าคาร์โลจะกวนประสาทอีกรอบฐานพูดจาไม่เข้าหู

      คนป่วยแอบถอนใจเบาๆอย่างนึกเอือมระอา หลังจากก่อสงครามเย็นกันสักพัก อเล็กซิสก็ถูกตามตัวไปข้างนอก ทำให้โอกาสในการยั่วโมโหพี่ชายของคาร์โลมันกลับมาอีกครั้ง ไม่รู้สองคนนั้นจะฮื่อแฮ่อะไรใส่กันนักหนา และไม่รู้อเล็กซิสจะบ้าจี้ตามไปทำไมนัก คาร์โลมันก็แค่เด็กติดพี่ ที่ชอบทำเป็นหวงและแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเขาเหมือนตอนเด็กๆนั่นล่ะ ช่วยไม่ได้นี่ เพราะเขาเป็นพี่เลี้ยงเจ้าคาร์โล แถมบางทียังเผลอไปซัดโฮให้เจ้าตัวเห็นตอนที่เขามีเรื่องกับอเล็กซิสและยังไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้ นั่นอาจจะทำให้คาร์โลมัน"หมั่นไส้"พี่ชายคนโตบ้างไม่มากก็น้อย ส่วนอเล็กซิสน่ะหรือ รายนั้นเป็นพี่เลี้ยงคาวัลโล เพราะตั้งแต่เล็กมันก็แสบเสียจนใครหน้าไหนก็เอาไม่อยู่...

      คิดพลางยกมือขยี้หัวน้องชายที่เลี้ยงมาตั้งแต่เดินไหวอย่างใจลอย คาร์เนโร่ วาลกัส ซึ่งปัจจุบันอายุปาเข้าไปยี่สิบสองแล้วเหลือบมองพี่ชายของตนเล็กน้อย ตั้งท่าจะขยับศรีษะที่กลายเป็นที่รองมือออก แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ทำและยังปล่อยให้พี่ชายขยี้หัวเขาตามชอบใจอยู่แบบนั้น

      ใบหน้าหล่อเหลาเอนซบลงบนผ้าห่มเนื้อบางที่คลุมร่างพี่ชายอยู่ คาร์โลวางปลายคางพาดลงกับท่อนแขน ขณะที่เหลือบมองพี่ชายของตนซึ่งลูบผมเขาอย่างใจลอยไม่ยอมหยุด..ใบหน้าที่ยังมีร่องรอยของอาการบาดเจ็บนั้นฉายแววครุ่นคิดปนเหม่อลอย แต่สัมผัสที่ลูบไล้บนเรือนผมนั้นยังเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและห่วงใยไม่ต่างจากวันวาน...

      "...จะกลับไปนิวยอร์ควันไหน? "จู่ๆ คำถามก็ดังขึ้นเหนือนหัว คาร์โลเลิกคิ้ว ขยับแว่นกรอบบางบนปลายจมูก

      " อีกอาทิตย์...จะกลับไป...ขอดูโครงการใหญ่ของบ้านเราเสียก่อน " คาร์โลหัวเราะหึหึพลางยกรอยยิ้มมุมปาก..

      " ระวังจะตกเป็นเหยื่อนะคาฟ.." น้ำเสียงตักเตือนที่แฝงแววเคร่งเครียดไม่น้อยนั้นทำให้ต้องเงยหน้าไปสบตา มองเห็นสีฟ้าสดใสในแววตาคู่นั้นยังคงทอดแววอาดูรมาไม่จาง.. " ถ้ามีใคร...หรือเกิดอะไรขึ้น มันก็จะยิ่งทำให้สถานการ์ณตอนนี้แย่ขึ้นไปอีก.."

      " ผมรู้...." คาร์โลขยับกายและนั่งตัวตรงอีกครั้ง ทำให้มือขาวซีดที่มีสายน้ำเกลือติดอยู่ของพี่ชายเลื่อนไปวางแปะอยู่บนหน้าขา "...แต่ที่น่าห่วงน่ะ ไม่ใช่ผมหรอก พี่ก็น่าจะรู้นี่ "

      " อืม..." อเล็กเซย์รับคำเบาๆพอจะรู้ว่าน้องชายหมายถึงคนไหน...คนที่ตกเป็นเป้าหมายใหญ่ในการถูกโจมตีครั้งนี้ ึคงไม่พ้นอเล็กซิส...ฝาแฝดของเขา..

       "...กระทั่งเรื่องที่พี่เจ็บ...นั่นยังทำให้ผมสงสัย..." แววตาวาววับของน้องชายทำให้อเล็กเซย์ยกฝ่ามือฟาดขาเจ้าตัวแรงๆเป็นการลงโทษ

       " อย่าพูดแบบนี้นะ คาฟ..อุบัติเหตุก็คืออุบัติเหตุ ไม่ว่ามันจะมุ่งเป้ามาที่ใครก็ตาม....อย่าเอาเรื่องนี้มาคิดว่ามันเป็นเพราะใคร...แล้วถ้าแกขืนอ้าปากพูดเรื้องนี้แล้วโทษว่าเป็นเพราะอเล็กซิสล่ะก็...."

       "  โอ้.....Capisco (ฉันเข้าใจ) รู้แล้วๆ..." คาร์โลรับคำด้วยสีหน้าบูดๆ " เพราะพี่น่ะเห็นพี่อเล็กเป็นทุกอย่างในชีวิต ไอ้เรื่องจะแตะต้องหรือทำให้เขาไม่สบายใจเพราะคำพูดของผมน่ะเป็นไปไม่ไเด้หรอก...แต่โทษนะ ไม่ให้ใครว่าว่าเขา แล้ว ถ้าคนแบบนั้นมันทำพี่เสียใจอีกล่ะ...รู้ๆอยุ่ว่าตอนนี้มันจะมีอะไรเกิดขึ้น หรือจะเถียง? "

        ".............."  อเล็กเซย์สบตาน้องชายที่จ้องมองมาแล้วถอนหายใจเฮือก ด้วยรู้ว่าไม่มีสิทธิค้าน....เพราะ....มันก็เป็นความจริงอยู่ส่วนหนึ่ง ความจริงที่ไม่ว่ายังไงก็หนีไม่พ้น

        " ...ไม่ว่าหรอกนะว่าพี่ชายผู้สมบูรณ์แบบของเราน่ะ สามารถจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยได้...ใช่ เขาดูแลได้ทุกอย่าง ยกเว้นแต่ความรู้สึกของคนที่เขารักที่สุด  " คาร์โลจ้องหน้าพี่ชายที่เขารักและผูกพันมากที่สุดด้วยสายตาวาววับ เพราะเห็นมามาก มากเกินพอแล้วว่าอะไรมันเกิดขึ้นบ้าง เรื่องพี่ชายเขาจะรักใคร่ชอบพอกันนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจ ไม่เลย...แต่ที่เขาไม่ชอบใจน่ะ มันเป็นเพราะสุดท้ายแล้ว...คนที่ต้องเสียใจกลับต้องเป็นอเล็กเซย์มากกกว่า จากการกระทำของคนที่เขารักนักหนานั่น..

        " เรื่องมันผ่านไปแล้ว....คาฟ...อย่าไปจำอะไรให้มันมากนักเลย...ตอนนี้พี่มีความสุขดี โอเคไหม...มีความสุขมากกว่าที่ตัวเองจะคิดไว้ด้วยซ้ำ..." อเล็กเซย์ลูบแขนน้องช่ยเบาๆสบดวงตาคู่นั้นอย่างพยายามสื่อความนัย..

        "....ความสุขที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย..." คาร์โลพึมพัมลอดริมฝีปากออกมาอย่างอดทนไม่ไหว

         "........" อเล็กเซย์ส่ายหัวกับคำพูดนั้น..

       "  พอกลับไปที่โรม พี่อเล็กก็จะเข้ามาดูแลเรื่องทั้งหมด..ตอนนั้นล่ะมันเกิดปัญหาแน่ๆ เพราะคุณลุงที่รักของเราก็แสดงออกชัดเจนพอแล้วนี่...ว่าหวังอะไรไว้....และเชื่อเถอะว่าต่อให้เขาต้องใช้วิธีทุเรศขนาดไหน พี่ก็ต้องถูกลากออกไปจากชีวิตของพี่อเล็กอยู่ดี " คาร์โลถอนหายใจพรู แล้วลุกขึ้นช้าๆ "รู้ไหม ระหว่างที่พี่นอนป่วยอยู่นี่....เรื่องมันไปถึงไหน พี่นั่งยิ้มนั่งหัวเราะกับพี่อเล็ก...แต่เคยรู้ไหมล่ะ ว่าข้างนอกห้องผู้ป่วยนั่น พวกเขากำลังวางแผนอะไรกัน "

       ".......ขอเถอะ อย่าเอาเรื่องพวกนั้นมาใส่หัวฉันตอนนี้ได้ไหม "อเล็กเซย์ยิ้มเครียด

      "...ถ้าผมอยู่กับพี่ได้ตลอดเวลาก็คงไม่พูดออกมาหรอก "คาร์โลจ้องมองใบหน้าของพี่ชายคยรองอย่างไม่สบายใจ " ผมไม่อยากกลับไป แล้วได้ฟังข่าวพี่หายไป..หรืออะไรทำนองนั้นอีกแล้ว เข้าใจไหม?....ผมดูแลพี่ตลอดไม่ได้และผมไม่ไว้ใจ ให้พี่อเล็กมาทำด้วย..."

      " อย่าไว้ใจลุงเฟรดดี้...ไม่อย่างนั้น คนที่รักพี่จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต "

     " คาร์โล "อเล็กเซย์ถอนใจช้าๆ พลางส่ายหัว " ฉันว่าแกระแวงมากไปแล้ว ลุงเฟรดดี้ไม่กล้าทำอะไรอีกแล้วน่า.."

     " ถ้าพี่ตาย...จะฟื้นกลับมาได้รึเปล่า? "

     " หา?...."อเล็กเซย์จ้องหน้าน้องชายด้วยท่าทีไม่แน่ใจ

     " ถ้าตราบใดที่ฟื้นมาไม่ได้ ก็อย่าหวังให้ผมเลิกระแวงลุง....ตอนนี้กระทั่งคาลมันก็ไม่อยู่แล้ว ไม่มีใครช่วยกันพี่กับพี่อเล็กให้ห่างจากพวก"มาเฟีย"อีกแล้วนะ " คาร์โลถอนหายใจเบาๆ พลางขยับตัวนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง " ผมต้องพูด ถึงจะทำให้พี่ไม่สบายใจ แต่นี่คือความจริง ถ้าพี่คือตัวเกะกะในสายตาของพวกเขา ลุงเฟรดดี้จะฆ่าพี่ เพื่อให้พี่อเล็กยอมเป็นบอส "

      " ฮ่ะๆๆๆๆๆ..." อเล็กเซย์ส่ายหัว ขำออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว เขายกมือตบไหล่น้องชายผลั่วใหญ่แล้วบีบแน่นๆ หลังจากที่หยุดอาการขบขันของตัวเองได้ในที่สุด

      "......ต่อให้ฉันตาย เรื่องแบบนั้นก็ไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก...คาร์โล....พี่อเล็กของนายน่ะ...ไม่มีวันขึ้นเป็นบอสด้วยการเหยียบข้ามศพของฉันไปหรอกนะ ไม่มีทาง "

      " แล้วไง !! มันเกือบจะเกิดขึ้นมาแล้วนี่ !! "คาร์โลลุกพรวด ปัดมือพี่ชายออกอย่างไม่พอใจ

      " ...ตราบใดที่พี่ไม่เป็นศพ พี่ก็ไม่คิดตจะเชื่อใช่ไหม? ตราบใดที่พี่ไม่นอนจมกองเลือดเกือบตายเหมือนครั้งนั้น พี่ก็คงจะไม่สน...หัดคิดถึงคนอื่นนอกจากอเล็กที่รักของพี่เสียบ้างว่าจะมีใครเสียใจรึเปล่า ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่ร้องไห้หาเขาคนเดียว!!"

      " นี่ ......." อเล็กเซย์เริ่มตาขุ่น เขาจ้องมองน้องชายตัวเองด้วยดวงตาวาววับแปลกตา " เอาอะไรมาคิด...ว่าฉันสนใจแต่อเล็กซิสคนเดียว.."

       " เหอะ...." คาร์โลกอดอก หน้าบึ้ง แทนคำตอบ

       "....ถ้าฉันสนใจแต่อเล็กซิสคนเดียว ไม่ใส่ใจคนรอบๆตัว ป่านนี้น่ะเหรอ ฉันไม่มาอยู่ตรงนี้หรอก ไม่ต้องมานั่งฟังเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ เราสองคนคงหนีไปไหนไกลๆแล้ว...ไม่ต้องอยู่รองรับสายตาทิ่มแทงและคำพูดส่อเสียดของคนโน้นคนนี้ให้เจ็บใจเล่น ...พี่รู้ว่าแกห่วง คาร์โล แต่จำไว้ ว่านี่เป็นทางที่เราเลือกแล้ว..ก็เหมือนกับที่แก...เลือกจะไม่อยู่กับครอบครัวและไปตามทางของตัวเองนั่นล่ะ...."

       " ............." คาร์เนโร่ไม่พูดอะไรอีกนอกจากจะยักไหล่น้อยๆ เขามองหน้าพี่ชายที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยแววตาครุ่นคิดจริงๆจัง และในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ใช้ความเงียบให้เป็นคำตอบสำหรับการโต้เถียงในเรื่องเดิมๆที่ยังไงตนเองก็ไม่เคยชนะ และพี่ชาย..ก็ไม่เคยยอมให้เขาชนะเสียที

       " งานศพ....." อเล็กเซย์นิ่วหน้าเล็กน้อย เมื่อเอ่ยปากออกมา    " จะจัดวันไหนนะ? "

        " เรื่องนั้น..." คาร์โลถอนหายใจรับ " ยังไม่รู้...พวกนั้นขอพิสูจน์ศพก่อน..สามเดือนล่ะมั้ง กว่าจะรู้ผล "

        " งั้นเหรอ....." อเล็กเซย์พึมพัม สีหน้าเศร้าหมองไม่น้อย

        " พี่เชื่อรึเปล่า...เรื่องที่คาลมันตายไปแล้ว.." คาร์โลออกปากถามพี่ชายสั้นๆ  อเล็กเซย์ถอนหายใจเบาๆ

         " นี่เรากำลังพูดถึงเรื่องคนตายอยู่นะ...คนที่ตายไปแล้ว..." อเล็กเซย์พึมพัมเบาๆ " ฉันเข้าใจ แกดีเลยล่ะคาฟว่าทำไมถึงไม่อยากอยู่บ้าน ไม่อยากยุ่งกับใครทั้งนั้น...ทั้งที่ชีวิตเป็นของเรา แต่คนมากมายก็เข้ามายุ่งเกี่ยว อยู่ที่นิวยอร์ค ทำตามความฝันที่ตัวเองต้องการแบบแก มีความสุขกว่ากันตั้งเยอะ.."

         " แล้วทำไมไม่ทำ...? "คาร์เนโรออกปากถาม สีหน้าแฝงแววประชดประชันอย่างเห็นได้ชัด

         " เพราะฉันทำไม่ได้.." อเล็กเซย์พึมพัมเบาๆ พลางถอนหายใจแล้วเอนกายลงบนเตียงอีกครั้ง " พูดก็พูดเถอะ เลิกกวนประสาทพี่ชายนายซักทีน่า ต่อจากคาล..แกก็จะมาทำต่อ ไม่คิดจะให้อเล็กซิสพักบ้างรึไง เดี๋ยวหมอนั่นได้สมองแตกตายกันพอดี "

        " ไม่สน " วาจาแสนตัดรอนนั่นทำให้คนฟังส่ายหัว

        " อะไรจะหมั่นไส้ขนาดนั้น นั่นนะพี่ชายนายนะ " อเล็กเซย์อ้าปากหาวออกมาอย่างง่วงงุน เพราะฤทธิ์ยา

       " เพราะพี่ชายน่ะสิถึงแค่หมั่นไส้ เป็นคนอื่นล่ะจะกระทืบให้ตาย "คาร์โลตอบคำถามพร้อมกับลุกขึ้นคว้าผ้าห่มที่ตกอยู่ข้างเอวของพี่ชายที่เขารักนักหนามาคลุมให้เจ้าตัว เขาวางมือลงบนแผ่นอกเรียบบาง และลูบมันเบาๆอย่างอ่อนโยนแล้วก้มลงกระซิบข้างหูคนที่ค่อยๆหลับตาลงอย่างอ่อนโยน พลางกอดไว้หลวมๆ

        " หลับเถอะพี่ อีกไม่นานเราจะได้กลับบ้านกัน "

เสียงกระซิบที่เต็มไปด้วยความห่วงใยนั้นทำให้รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของคนป่วยอย่างเงียบงัน..

.............................................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(มาครึ่งนึง) UP !! 23/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 31-12-2010 01:21:15
 เสียงสวดมนต์ที่แสนจะคุ้นหูแม้ไม่อยากจะคุ้น ดังขึ้นเป็นทำนองสวดอันรื่นหู ทำให้เปลือกตาที่ปิดพับลงเริ่มขยับไหวระริก  และสิ่งแรกที่นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองเห็น คือเพดานห้องสีครีม และแสงอาทิตย์ที่เรื่อเรืองทอจับผืนฟ้าและทอดเงาลงมายังบานหน้าต่างกรุกระจกอย่างงดงาม...

    ความคิดต่างๆยังกระจัดการะจายในสมอง ทำให้ต้องปิดเปลือกตาลงและนิ่งคิดทบทวนสักครู่...พลันดวงตาที่ง่วงงุนก็เปิดขึ้นมาอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำทะเลวาววับและริมฝีปากสีจางก็เริ่มเม้มเข้ามาหากันช้าๆ...ตามมาด้วยหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว...

...ความคิดทั้งหมดจดจ่อไปยังคนๆนั้นคนเดียว..

อัลชาอ์ !

   คาวัลโลสูดหายใจลึกด้วยความไม่สบอารมณ์ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องที่จะลืมได้ง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องที่นอนหลับไปตื่นหนึ่งแล้วจะหายเคืองโกรธ...ถ้าทำแบบนั้นได้จริงเขาก็คงไม่มานั่งหน้านิ่วอยู่แบบนี้หรอก

มาเฟียหนุ่มถอนหายใจฟึดฟัด ยกมือขึ้นมาสะบัดลูบลำคอตัวเองลวกๆด้วยอารมณ์หงุดหงิด กระจกตรงปลายเตียงสะท้อนให้เห็นภาพชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาท่าทางหัวเสียและอยู่ในสภาพเสื้อผ้าค่อนข้างหลุดลุ่ยชัดเจน...ชัด ....เสียจนเขานึกอยากจะหาอะไรเขวี้ยงใส่ให้รู้แล้วรู้รอด

    คาวัลโลสะบัดผ้าห่มออกจากตัว เขาหันไปมองข้างกายที่หมอนใบโตยังทิ้งรอยไว้ นัยน์ตาวาววับขึ้นชั่วครู่ จากนั้นฝ่ามือก็เอื้อมไปหามันอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับการจิกมือลงไปด้วยสีหน้าเคียดแค้นและหงุดหงิดจนยากจะแก้ไข...

 บ้าที่สุด !!!

    เหวี่ยงหมอนลงบนเตียง ขณะที่ความทรงจำเมื่อคืนยังเด่นชัด ...ชัดพอๆกับสภาพของตนเองและรอยขบสีจัดที่ประดับอยู่บนลำคอ นัยน์ตาคู่สวยถลึงเบิกกว้างอย่างไม่สบอารมณ์ แม้จะรู้ดีว่าระบายไปกับหมอนมันก็เท่านั้น แต่คาวัลโลก็ยังอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปจิกทึ้งมันต่อไปอยู่ดี

    ยิ่งจับยิ่งทุบก็ยิ่งนึกถึงเจ้าคนนั้น ยิ่งนึกถึงมันก็ยิ่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ภาพเหล่านั้นมันวนเวียนในหัวไม่ยอมหลุดไปเสียที...

....บ้าไปแล้ว...หมอนั่น..

คาวัลโลเข่นเขี้ยว เขาทิ้งตัวลงบนเตียง ขณะที่สมองไพล่คิดไปถึงบนสททนาเมื่อคืน หลังจากการพุดคุยที่ไม่ได้อะไรไปมากกว่าการวิวาทของพวกเขาสองคนนั่น...

     ภายในห้องนอนอันใหญ่โตโอ่โถงของชีคหนุ่มแห่เซเนียยา เตียงนอนขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้องนั้นรองรับร่างของบุรุษหนุ่มสองคนไว้ หนึ่งในนั้นคือมาเฟียจอมหาเรื่องและอีกหนึ่งก็คือชีคเจ้าของห้องนั่นเอง

เสียงเครื่องปรับอากาศครางเบาๆ ขณะที่อากาศภายในห้องเย็นสบายน่านอน แต่บรรยากาศภายในห้องยังไม่สงบ มันกำลังคุกรุ่นและรอที่จะปะทุขึ้นหลังจากการถกเถียงกันนั้นจบลงด้วยความไม่พอใจในคำพูดของแต่ละฝ่าย

   คาวัลโลนอนหน้าบึ้ง เขาขดตัวกินที่บนเตียงอย่างไม่สนใจคนข้างกาย พยายามระงับความโกรธด้วยการนอนหลับ แต่เหมือนว่าตอนนี้พื้นอารมณ์ที่ไม่แจ่มใสจะทำให้อะไรก็แย่ไปหมด เสียงอะไรก็ดังน่ารำคาญไปซะทุกอย่าง ทั้งเสียงครางของเครื่องปรับอากาศ เสียงนาฬิกาแขวนผนังดังติ้กๆ หรือกระทั่งเสียงลมหายใจของคนข้างตัวที่บัดนี้ยังเปิดโคมไฟตรงหัวเตียงอ่านหนังสือเงียบๆ..

...เงียบ...แต่น่ารำคาญ

    ถอนหายใจแรงๆอีกสามสี่ทีแล้วขยับตัวพลิกอย่างหงุดหงิด คาวัลโลเอาผ้าห่มคลุมศรีษะตัวเองเขาถอนหายใจเฮือกๆขยับตัวยุกยิกอย่างอารมณ์ขุ่น.
.
      " เงียบสักทีได้ไหม? " ในที่สุดชีคหนุ่มก็เป็นฝ่ายหมดความอดทน อัลชาอ์หันไปมองคนข้างกายที่นอนพลิกไปพลิกมาหลายตลบจนตนเองนึกรำคาญใจ

      ".............." ไม่มีคำตอบ

      " หยุดทำตัวไร้สาระเสียที "น้ำเสียงของอีกฝ่ายดังขึ้นมาทำให้คาวัลโลแยกเขี้ยวหงุดหงิด เขาพลิกตัวกลับมาอีกรอบจ้องตาชีคหนุ่มที่นอนเอนๆอยู่ข้างกายด้วยสายตาเฉยชา...

      " เรื่องของผม "

       " งั้นไปนอนโซฟา "ชีคหนุ่มเอ่ยปากไล่

       " ก็ได้..." คาวัลโลกระชากผ้าห่มและหมอนพรวดลงจากเตียง พลางเดินลงไปที่โซฟายาวในห้องนอน พร้อมๆกับทิ้งตัวลงบนนนั้นด้วยสีหน้าหงุดหงิด

       " ทำอะไรโง่เง่า " อัลชาอ์ปรายตามองก่อนจะพับหนังสือลงวางข้างโคมไฟตรงหัวเตียง

        " หุบปากไปเลย จะนอนก็นอนไปสิ ! " คาวัลโลตวัดเสียงใส่ห้วนๆ " จะทำแบบนี้ ใครจะทำไม งี่เง่านักก็สั่งทหารคุณลากคอผมไปที่อื่นไป ! "

 เหมือนว่าอีกฝ่ายจะรอเปิดประเด็นในการถกเถียงด้วยความไม่พอใจที่ถูกปิดบังเรื่องราวมาตั้งแต่เมื่อครู่ คาวัลโลผุดลุกจากโซฟา จ้องหน้าชีคหนุ่มด้วยท่าทางเอาเรื่อง

       " อย่ามาหาเรื่องประชด "และเหมือนว่าอัลชาอ์ก็ไม่ได้ท่าทีอารมณ์ดีอะไรเสียเท่าไหร่นัก

       " ใครจะมาประชดประชัน คิดว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้นรึไง " นัยน์ตาสีน้ำทะเลปรายมอง พร้อมกันนั้นเจ้าตัวก็เหยียดรอยยิ้มตรงมุมปาก"...ก็แค่ไอ้คนที่ไม่มีปัญญาจัดการกับปัญหาของตัวเองจนต้องให้คนอื่นมาช่วย......"

        " นี่......" อัลชาอ์หันขวับ นัยน์ตาลุกโพลงกับคำพูดแสนจะบาดหู

        " ทำไม? รึไม่จริงล่ะหา?...ทำอะไรก็ไม่ชัดเจน มีอะไรก็จัดการไม่ได้ กระทั้งคำถามสั้นๆก็ยังตอบไม่ได้...คนแบบคุณนี่มัน......"

        " อย่าคิดว่ารู้เรื่องของผมแล้วผมจะไม่กล้าโยนคุณไปในคุกใต้ดินนะ... อยากตายตอนนี้มากนักใช่ไหม? " อัลชาอ์คำรามเสียงต่ำในลำคอ ด้วยท่าทีไม่พอใจ

        " เหอะ !! อย่ามาพูดดีไปเลย อัลชาอ์....เอะอะอะไรก็ขู่จะฆ่า มีอะไรมากกว่านั้นไหม ผมดูเหมือนคนที่กลัวจนหัวหดรึไง !! " คาวัลโลลุกพรวดจากโซฟา จ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่มที่ถมึงทึงด้วยสายตาเอาเรื่อง เขากอดอก เดินเข้าไปหาร่างสูงด้วยสีหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นอาการหยามหมิ่นที่ชวนให้คนมองหนาววูบไปทั้งใจ

        "....อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไร...เลิกคิดไปซะ !! ผมไม่โง่พอจะไม่รุ้ว่าคุณกำลังคิดบ้าๆอะไรอยู่!! " คาวัลโลจ้องหน้าคนพูดพลางเอ่ยออกมา เขามองเห็นสีหน้าตื่นตะลึงของชีคหนุ่มด้วยสีหน้าอันเหยียดหยามอย่างร้ายกาจ " น่าเศร้าเป็นบ้าที่คนอย่างคุณคิดได้แค่เรื่องพวกนี้ แผนอะไร...เรื่องอะไรที่จะให้ผมทำน่ะมันโกหกทั้งเพ ! อย่าคิดว่าผมไม่เห็นท่าทีของคุณ ไม่เห็นว่าคุณกำลังมองผมด้วยแววตาแบบไหน!! ไม่รู้ว่าที่คุณ"เงียบ" กับคำถามของผมเพราะอะไร...เห็นไอ้แววตาหวานเลี่ยนของคุณแล้วมันทำให้ผมคลื่นไส้ ! "

         " ปากก็บอกว่าทำไม่ถูกใจจะส่งผมไปโยนไว้ในคุก ...เหอะ !! แล้วไอ้โง่ที่ยอมทำตามคำสั่งผมยังกับคนไม่มีสมองนั่นมันอะไร..หลายวันมานี่ผมสังเกตท่าทีของคุณแล้วขนลุกว่ะ....ทั้งตอนที่อยู่ในรถ ตอนที่พัก หรือแม้กระทั่ง ที่นี่...คุณไม่กล้ากระทั่งจะบอกว่าตัวเองไม่พอใจคำพูดที่ผมพูด ไม่อยากฟังที่ผมบอกว่าคุณมัน "ไม่สำคัญ" " เป็นแค่คนอื่น"หรือกระทั่งที่ผมบอกว่าจะไป...มันอะไรกัน....คนที่ผมเคยเจอตอนแรกๆน่ะมันหายไปไหน.. เป็นพวกเกย์วิปริตมาตั้งแต่แรก หรือว่าว่างงานนักจนอยากเปลี่ยนรสนิยมกันน่ะ หา !? ...แล้วที่น่าผิดหวังที่สุด...."คาวัลโลจ้องมองร่างของคนตรงหน้าเขม็ง " คุณเป็นคนสั่งให้คนพวกนั้นมันมาโจมตีผม !!"

       ".........." นัยน์ตาของชีคหนุ่มเบิกขึ้นอย่างคาดไม่ถึง ขณะที่ร่างของคนตรงหน้าเดินเข้ามาประชิดและมองมายังเขาด้วยแววตาหยามหยันปนรังเกียจชัดเจน

       " น่าทุเรศ...ที่อยากจะรั้งผมไว้ด้วยเรื่องแบบนี้...คิดจะให้ผมหวาดกลัว หรือว่าซาบซึ้งในตัวคุณจนร้องไห้รึไง คิดว่าคนแบบผมมันจะคิดอะไรแบบนั้นงั้นเหรอ หา?  คุณสั่งคนเอาไว้แล้วว่าให้ทำตามแผน !! คุณสั่งการมาตั้งแต่มาถึงเพราะต้องการจะรั้งผมไว้ด้วยวิธีแบบนี้...คุณมันเป็นคนสร้างเรื่องเองทั้งหมด โง่เง่าบ้าบอที่สุด !! "

   ผลั่ก!!

         ร่างของคาวัลโงถูกผลักไปกระแทกลงบนเตียง ขณะที่ร่างสูงใหญ่ของชีคหนุ่มคร่อมทับไว้ อัลชาอ์จ้องมองคนตรงหน้าด้วยแววตาสับสนและเคืองโกรธ รวมทั้งความผิดหวังและเสียใจที่ยังไงก็ปิดไม่มิด...

        " ....รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่...." เขาถามด้วยน้ำเสียงเบายิ่งกว่ากระซิบ

        "....ตั้งแต่ฮาซานมันลากไอ้คนนั้นเข้ามาในห้อง..." คาวัลโลแสยะยิ้มหยัน " ผมไม่โง่พอจะไม่เห็นว่าไอ้หมอนั่นถูกคุณเรียกตัวไปคุยตอนอยู่ในงานเลี้ยง...และไม่งี่เง่าพอจะไม่เห็นว่าคุณปฏิบัติตัวยังไงกับสองพ่อลูกนั่น.."

        "..........." อัลชาอ์ไม่พูดอะไร นอกจากจะกำแขนขาวจัดของอีกฝ่ายไว้แน่น ทว่าคาวัลโลรู้สึกอย่างชัดเจนว่ามันสั่นไหว...เขาพยายามสะบัดตัวออกไป ทว่าก็ไม่เป็นผล...

         "....ปล่อยผมไป..." เขาเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้าเฉยชา

         " ไม่....." อัลชาอ์ออกแรงกดแนบลำแขนขาวลงกับผ้าปูสีครีมแน่นขึ้นไปอีก

         " คุณจับผมไว้ตลอดไปไม่ได้..." คาวัลโลจ้องสบแววตาสีนิลที่มองจ้องมา และคราวนี้มันสะท้อนความรู้สึกชัดเจนจนชวนหนาวเยือกในอก

         " ผมทำได้..."

         " ผมไม่ได้รักคุณ...ผมไม่เคยคิดจะรักคุณ...คุณไม่เคยเป็นอะไรนอกเหนือกจาก"คนอื่น"ในสายตาของผม " แรงบีบที่แขนมีมากขึ้นพร้อมกับสีหน้าอันแฝงแววเจ็บปวดที่สะกดกลั้นไว้อย่างยากเย็น หากทว่ามองแล้วคาวัลโล วาลกัสก็เพียงแต่พ่นลมหายใจออกจากจมูกอย่างนึกรังเกียจ

       "...กลับมาเป็นคนเดิมซะ...แล้วผมจะยอมตกลงเรื่องนี้กันแบบ"คนมีสติ" อีกครั้ง ...และจะไม่จำเรื่องบ้าบอของคุณอีก เข้าใจไหม?..."

       " คาวัลโล..."

       "....ผมเคยบอกคุณแล้วไง ว่าคิดยังไง แบบไหน ....มันไม่ใช่ความรัก...." มาเฟียหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบา..เบือนหน้าหนีไม่สบมองนัยน์ตาที่อ่อนแอแพ้พ่ายซึ่งเขาคิดว่ามันน่าสมเพชเสียเหลือเกิน

       " คาวัลโล วาลกัส "

        " มันเป็นความผิดปกติ...คุณแค่หลงไหลกับสิ่งที่ไม่เคยเจอแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ......."

       " เงียบ !! " น้ำเสียงตวาดลั่นดังก้องในห้องสี่เหลี่ยม ขัดคำพูดทุกอย่างให้กลืนหายลงไปในลำคอ คาวัลโลจ้องมองใบหน้าที่ฉายแววสับสนปนเปสลับกับความเคียดขึ้งของชายตรงหน้า และเเรงบีบที่ข้อมือก็มากขึ้น....มากขึ้นทุกที...

       " อย่ามาคิด...ตัดสินความรู้สึกของผม.." อัลชาอ์เอ่ยเสียงเรียบ นิ่ง...

        " ผมรู้ดีว่าแววตาของคุณไม่เคยมีความครัก..หรือสิ่งที่ใกล้เคียงคำว่ารัก...ท่าทางทุกอย่างนั่นด้วย คุณทำเพราะอยากเล่นสนุกเพราะควาเอาแต่ใจตนเองแท้ๆ.." ชีคหนุ่มส่งเสียงหัวเราะในลำคอแผ่วเบา " คุณรู้ตัวพอๆกับที่ผมรู้นั่นแหละ...คาวัลโลคุณมันช่างเป็นคนที่เลือดเย็นและน่ารังเกียจ..."

       "....แล้วไง? "ยกยิ้มตอบรับราวกับคำพูดนั้นไม่ได้ทำให้หัวใจเจ็บขึ้นมาวูบหนึ่ง..

       " ผมไม่ได้หวังความรักจากคุณเลย.. หลงตัวเองมากไปรึเปล่า? "อัลชาอ์เอื้อมมือที่เย็นเยียบของตนบีบลงบนสันกรามของอีกฝ่ายเบาๆ "...และรู้ไหม? ต่อให้ผมชอบคุณแค่ไหน นั่นไม่ได้หมายความว่าคนๆนั้นจะสามารถมาเหยียดหยาม...หรือเยาะเย้ยผมขนาดนี้..."

       " ถ้าคุณปล่อยให้ผมชอบคุณเงียบๆ เรื่องมันคงจะจบดีๆ...แต่นี่คุณพลาดเองนะ คาวัลโล...พลาดเพราะคุณเป็นฝ่ายพูดออกมา...พลาดเพราะคุณดูถูกผม...และผมจะไม่ทนให้มันเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว.."

       " หา.....อ๊ะ........."

            คาวัลโลสะดุ้งเฮือก เมื่ออีกฝ่ายก้มลงบดเบียดริมฝีปากกับเรียวปากของเขาอย่างรุนแรง  แรงเสียจนกลิ่นคาวเลือดอบอวลและสัมผัสนั่นมันไม่ได้ชวนเคลิ้มสักนิด เขาเบิกตากว้าง มองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียใจของอีกฝ่ายได้ชัดเจน จนรู้สึกหนาววูบ

         พยายามดิ้นเพื่อจะเอาตัวรอด แต่แรงของเขาไม่สามารรถสู้กับอีกฝ่ายได้เลย โดยเฉพาะเมื่ออัลชาอ์ยังคงมีท่าทีโกรธเคืองจนเกือบจะไร้สติยั้งคิดแบบนี้..ผิวเนื้อขาวจัดสะดุ้งไหวยามที่ริมฝีปากลากลงมาทีลำคอเพื่อกดย้ำมันแรงๆจนเข้าต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ...ชุดนอนถูกกระชากกระดุมเม็ดบนออกแรงๆจนมันยับยู่ทั้งชุด คาวัลโลเริ่มดิ้นหนักขึ้น เขาพยายามสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายอย่างสุดกำลัง

    “ แค่ปล่อยให้ผมรักอยู่เงียบๆ มันยากเกินไปรึยังไง? “ น้ำเสียงของอีกฝ่ายที่พึมพำออกมานั้นช่างสั่นเสียจนน่าเห็นใจ แต่คาวัลโลก็ยังคงมีสีหน้าราวกับมีอะไรที่ไม่พึงประสงค์มาจ่ออยู่ตรงจมูก มาเฟียหนุ่มฉวยโอกาสจากจังหวะนั้น เขากระชากแขนตนเองออกจากมืออีกฝ่ายสุดแรง!

        เพี๊ยะ!

     " ทำบ้าอะไรอยู่ " เขาสะบัดมือฟาดเข้ากับมือของอีกฝ่ายแรงๆพร้อมกับถามเสียงเย็น

     " สั่งสอน ว่าอย่าดูถูกความรู้สึกของคนอื่น..." อัลชาอ์ยกยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะปล่อยมือของอีกฝ่ายออกหจากตัว " ชัดเจนแล้วว่าคุณรังเกียจ และชัดเจนแล้วว่าผมจะไม่ปล่อยคุณไปไหน...นอนหลับซะ คาวัลโล..."

      " นี่คุณจะบ้า..."

      " แล้วคุณจะรู้...ว่าผมบ้าได้มากกว่านี้เยอะ..." ชีคหนุ่มเผยรอยยิ้มเย็นชาตรงมุมปาก...เขามองสบตาอีกฝ่ายพร้อมกับสลัดความห่วงหาในแววตาออกไปได้อย่างรวดเร็ว

      " .....แล้วอยากบอกอะไรคุณสักอย่าง....ผมไม่ได้เป็นพวกหลงไม่ลืมหูลืมตาแบบที่คุณคิด "

      ".........แล้วมันต่างกันมากนักรึไง ? "คาวัลโลยิ้มออกมาเหยียดๆ พลางเอนกายพิงพนักเตียง เขามองดูอัลชาอ์เดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยสีหน้ากระด้างเย็นชา..

      " พวกโง่เง่า " ชายหนุ่มสถบออกมาอย่างเหลืออด...

...........................................

       " หึ..." คาวัลโลพ่นลมหายใจออกจากจมูกแรงๆ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นแบบไหน และใช่จะไม่เห็นว่าอัลชาอ์เริ่มมีท่าที "หลงไหล" เขาออกนอกหน้านับแต่วันที่ออกปากอนุญาติให้เขาติดต่อกับพี่ชายได้แล้ว...ทั้งที่มันไม่จำเป็นสักนิด ไม่จำเป็นเลยที่จะให้เขาได้ทำตามใจ และนานไปมันก็ยิ่งมากขึ้น...มากขึ้นเรื่อยๆจนเขาต้องตัดสินใจพูดออกมาตรงๆ

....หลงรัก...เรื่องโง่เง่าพรรคนั้นทำไมต้องเกิดกับเขาประจำก็ไม่ทราบ..

  ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก ไม่ใช่ว่าไม่เห็นหรอกกับสายตาแฝงความเจ็บปวด หรือท่าทีของอีกฝ่าย ยอมรับด้วยว่าที่เขาทำตัวออดอ้อนหรือให้ความหวังอีกฝ่ายก็เพื่อดูท่าที...และที่จริง จะบอกเองก็ยังได้ว่าเพราะแบบนั้น เพราะเขาจงใจทำเช่นนั้น อัลชาอ์ถึงได้หลงเขามากขึ้นเรื่อยๆ..

  แน่นอนว่าเขาเป็นคนร้ายกาจที่ชอบทำร้ายคนอื่น แต่ทว่า การปล่อยให้คนๆหนึ่งพร่ำเพ้อกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้นั้น มันไม่ยิ่งแย่กว่าเหรอ เพราะหวังดีหรอก ถึงได้ทำแบบนั้น เขาถึงกระชากให้ชีคหนุ่มออกมาจากความหวังพร่ำเพ้อด้วยการตีแรงๆให้ตื่นเสียที...

ความรักที่อีกฝ่ายพูดพร่ำ..มันช่าง..ไร้สาระสิ้นดี

    มาเฟียหนุ่มเอนตัวพิงขอบเตียงพลางจ้องมองประตูห้องที่ปิดสนิทด้วยแววตาชาเฉย...คนประเภทที่เขาเกลียดมากที่สุดคือคนจำพวกคลั่งรัก...และอัลชาอ์ก็แสดงออกมาอย่างน่าสมเพชพออยู่แล้วว่าหมอนั่นมันหลงรักเขาเสียจนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขาได้มาอยู่เคียงข้าง กระทั่งสร้างเรื่องให้เขาโดนโจมตีเพื่อจะดึงเอาหัวใจเขาไปเป็นของอีกฝ่าย...ช่างเป็นคนขี้ขลาดและน่าผิดหวัง...ที่กระทั่งคำพูดจะพูดออกมาตรงๆยังไม่ได้ อ้อมค้อมไปมาเพื่อจะไม่เผยมันออกมา กระทั่งเขาเตือนไปตรงๆก็ยังไม่ยอมรับ...

 โง่... คนแบบนี้ทั้งโง่ทั้งน่ารำคาญทั้งนั้น...

    เพราะเป็นแบบนั้น เพราะเขาหวังดีกับอีกฝ่าย ถึงต้องปลุกให้ชีคหนุ่มตื่นมามองโลกรอบๆตัวบ้างให้ตื่นจากห้วงรักอันน่าขยะแขยงนั่นออกมาสู่โลกแห่งความจริง..โลกที่ไม่ได้มีแต่เขากับคำรักโง่ๆ...แต่มีคนเป็นล้านที่พร้อมจะไม่ยอมรับและขับไล่ไสส่ง...

...คนโง่เง่าที่คิดว่ารักคือทุกสิ่งทุกอย่างน่ะ...ขอให้มีแค่พี่ชายทั้งสองคนของเขาก็เกินพอ..

มาเฟียหนุ่มหรุบตาลงช้าๆ...พลันได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาในห้อง เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเหวี่ยงหมอนปาใส่หน้าอีกฝ่ายแบบจังๆ...

   อัลชาอ์ก้มลงหยิลบมันขึ้นมาพลางมองหน้าคนที่อยุ่บนเตียง อีกฝ่ายมีสีหน้าเฉยสนิทราวกับไม่ได้ทำอะไรลงไปมากกว่าอยู่นิ่งๆ

 คาวัลโลเป็นฝ่ายคาดถูกว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะทำอันตรายอะไรเขาอยู่แล้ว ทว่าแววตาที่มองมานั้นมันกลับทำให้เขาต้องชะงัก..

....เพราะมันเย็นชาราวกับเป็นคนล่ะคน

...............................................................................


ทำไมครึ่งแรกกับครึ่งหลังมันยังกะหนังคนล่ะม้วน? เหอๆ
อย่าทำร้ายคนแต่งนะเธอ...เพราะเรื่องมันมาแบบนี้จริงๆ อิหนุคาวี่ของอิชั้นฮีเป็นคนใจร้ายแบบนี้ล่ะเออ...เจอตรงๆแล้วก็เจ็บ อั่ก อั่ก อั่ก...
คาวี่ใจร้ายอ่ะ แต่ก็รักนะ 555+  จะว่าไปอัลชาอ์ช่วงนี้ก็มากไปนั่นแหละท่านชีคล่ะชัดเจนเกิน....จนเกินไปแล้วจริงๆ สังเกตุได้ชัดเลยล่ะคะ เหมือนเป็นคนละคนกับตอนแรก เพราะท่านชีคหลงคาวี่จนไม่ลืมหูลืมตาแล้วบอกตามตรงว่าหลงจนอาจจะทำให้หลายๆเรื่องพังได้...เพราะทำกระทั่งวางแผนนี้ไปแล้วนี่ สังเกตว่าเตี้ยมกันมาอย่างดีเชียว เลยต้องถูกอัปคัทสักที ...คาวี่น่ะหวังดีนะ เพียงแต่การกระทำของเจ้าตัวนั่นมัน.... :เฮ้อ:
 ไม่รู้จะมีใครเข้าใจคาวี่รึเปล่าว่าการกระทำของเขาหมายความว่ายังไง การที่จู่ๆก็มาใจร้ายแบบนี้นี่คะแนนนิยมคงตกพรวดๆ(ฮ่า) แต่ในจุดนี้อิชั้นก็ว่าอัลชาอ์มันเกินไป ทั้งรักทั้งหลงเกินลิมิต จนต้องเจอของเเข้งแบบนี้ล่ะ
แต่เอาเถอะทำแบบนี้ไม่นานเธอนั่นแหละจะเจอดี...มาเฟียก็มาเฟียเถอะ งานนี้มีเจ็บหนักแน่ๆ (ฮ่าๆ)
 ส่วนคาร์โลกับพี่อเล็กเซย์ เขาไม่ได้รักแบบพิศวาสอะไรนะค่ะ แต่รักประมาณน้องหวงพี่ หุหุ
-- ตอบคำถามคุณ Rukkie  เรื่องนี้กับแบดกายอันไหนยาวกว่ากันไม่แน่ใจ เพราะโครงเรื่องว่ากันไปแล้วแบดกายยาวกว่า แต่เนื้อหาของตอนนี่ต้องบอกว่าเรื่องนี้ยาวกว่า ท่าจะได้วัดเป็นหน้าซะล่ะมั้ง 555+
... ขอโทษทุกคนด้วยค่ะที่อัพช้า นอกจากจะยุ่งกับการส่งของแล้วยังเฟลหลายๆเรื่อง บอกตามตรงว่าช่วงนี้ไม่มีสมาธิกับการสอบเลย ไม่ใช่เพราะแค่ยุ่งเรื่องหนังสือ แต่เป็นเพราะรู้สึกไร้แรงบันดาลใจขึ้นมาดื้อๆเหมือนกับว่าไอ้สิ่งที่เราคาดหวังงว่าจะทำและจะเป็นเมื่อเข้ามาเรียนเนี่ย ตอนนี้มันถูก"ปลายเท้า"ของใครหลายคนขยี้ลงต่อหน้าต่อตา ไอ้ที่เราพยายามร่ำเรียนมากลายเป็นแค่กระดาษเปล่าในสายตาของคนอื่น ได้นั่งคุยกับอาจารย์เรื่องตุลาการภิวัฒน์แล้วเหนื่อยใจ อยากจะกรีดร้องว่า"สิ้นหวังแล้ว" ดังๆเสียจริงๆ...พูดตามตรงว่ากระบวนการยุติธรรมไทยสมัยนี้ ทำให้อิชั้นคิดอยากจะไปขายกล้วยแขกมากกว่าเป็นผู้พิพากษาเสียแล้วสิ
เฮ้อ..... ว่าแล้วก็ตรอมตรมต่อไป.. :เฮ้อ:.

* แก้นิดหน่อย ไม่เกี่ยวกับประเด็นซีวิคนะ คุยเรื่อง Lagal Positivisim ของไทยแล้วมันปวดขมองจริงๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 31-12-2010 01:38:46
ความรักมันช่างรุนแรงอะไรเช่นนี้นะ :a5:
ติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: nootnoot ที่ 31-12-2010 02:48:09
ตกลงไม่มีกปฏ ไม่มีคนคิดปองร้ายเหรอ ตกลงทั้งหมดเป็นแผนไม่ให้คาวี่เรากลับอิตาลีเหรอ
เราเข้าใจถูกป่ะหว่า มาต่อไวไวนะ รออ่านอยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 31-12-2010 03:36:27
อ๊ากกกกกกกกกกกก...นายเอกเราสุดยอดจริง ๆ ไรจะฉลาดปานนั้น นับถือ ๆๆๆ
อัลชาท์น่าเห็นใจจะตายนะ...สู้! ถึงร้ายก้รักไปแล้วววววววว 55555

แบบบว่า รอคอยอยู่เลยฮะ..มาดูทุกวัน อัพทีก็ชื่นใจสุด ๆ อ่ะ
อยากอ่านต่ออิกจังฮะ มันเข้มข้นดีจริง ๆ 5555555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 31-12-2010 08:31:04
โหววววว ท่านชีคทำเราอึ้งไปเลยอ่ะ
ที่แท้ก้แผนรึเนี่ย
แล้วต่อไปจะทำยังไงด
 ดูอึมครึมมากๆ เหอะ
ทาทางมาเฟียเรายังสรัทธาความรักเสียด้วยซ้ำ
เฮ้อออออ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 31-12-2010 08:55:53
สงสารท่านชีค.....คาวี่ใจร้าย

Ps.สู้ ๆ นะ Serin สวัสดีปีใหม่นะ

(http://www.rd1677.com/backoffice/PicUpdate/76103.jpg)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 31-12-2010 09:38:14
เจอคาวี่หักดิบแบบนี้ปวดใจแย่เลยพี่ชีค
งานนี้จะรักมากแค้นมากหรือป่าวเนี่ย
เดี๋ยวมาเฟียจะโดนเลื่อนตำแหน่งเป็นจำเลยรักนะเออ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 31-12-2010 09:38:45
คาวี่จะไม่ใจอ่อนจริงๆเหรอ สงสารชีคเค้านา อุตส่าห์ทุ่มสุดตัว อิอิ ยังไม่ยอมรับอีกเหรอว่าตัวเองก็แอบหวั่นไหวเหมือนกันน่ะ ไม่งั้นคงไม่รู้สึกเจ็บหรอกใช่มั้ย ^_^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 31-12-2010 10:12:06
คาวี่ ใจเย็นๆนะลูก เด๋วเจออัลชาอ์ งอนบ้างจะ ร้องเอานะ 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: ทับทิมกรอบ ที่ 31-12-2010 10:20:37
 :serius2: ยังไงก็อยากให้รักกัน  :z1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 31-12-2010 10:57:56
นู๋คาวี่นี่มีเสน่ห์จริงๆน๊าาา ไม่ใช่แค่ท่านชีคหรอก คนอ่านยังหลงเลย  :laugh:
ท่านชีคผู้น่าสงสาร รู้ทั้งรู้ก้อยังจะทำอีกเนอะคนเรา
แต่ว่านะ.. หลังจากนี้ยิ่งต้องสนุกมากแน่ๆ เพราะท่านชีคถูกนู๋คาวี่กระทุ้งเข้าให้แล้ว
เอ.. รึว่านู๋คาวี่จะเป็นพวกมาโซ  :z1:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 31-12-2010 11:09:47
รู้สึกๆมึนๆอึนๆหรือเราพลาดอะไรไปเปล่าหว่า ?

ส่งท้ายปีเสือต้อนรับปีกระต่ายนะคะไรเตอร์ ขอให้สนุกสนานกับเทศกาลนะคะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 31-12-2010 12:34:45
ในพูดร้าย ๆ มีความหวังดีซ่อนไว้ รึเปล่านะ เฮ้อ คาวีฉลาดเกินไปแล้ว ไอคิวทะลุเพดาน 200 แล้วม้าง
สงสารท่านชีคอ่ะ และก็สงสารคาวี่มันด้วยต่อไปจะไม่ได้เห็นท่านชึคที่มองตัวเองด้วยความรักแล้วนะ มันน่าเสียดายแล้วก็ใจหายสุด  ๆ เลยหละ ทำแบบนี้มันดีแล้วจริง ๆ นะเหรอ
เซย์กับคาฟผูกพันกันมากเลย ที่คาฟสงสัยหนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็อำมหิตเกินไปแล้ว ลุงเฟรดี้คิดฆ่าคาวีกับเซย์เพื่อให้อเล็กขึ้นเป็นบอสเหรอ อึ๋ยย ขอให้ไม่ใช่เฮอะ
ปล. แอบสงสัยชื่อเรื่อง กุหลาบทราย มันหมายความว่าอะไรเหรอค่ะ
HAPPY NEW YEAR ค่ะ จะรอตอนต่อไปนะค่ะ
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: iranen ที่ 31-12-2010 13:31:46
อ่ะนะก็แรงกันทั้งคู่นะะนะ
คาลก็ไม่สัทธาในเรื่องความรัก
และอัลซาร์ก็แสดงความรักไม่เป็น
เรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 31-12-2010 14:13:45
รอหลังปีใหม่ ...มาอัพต่อ


เรื่องราวกำลังจะเข้มข้นมากขึ้นนนนน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 31-12-2010 14:36:00
คาวี่มองโลกตามความเป็นจริงมาก
ฉลาดเป็นกรดแบบนี้สงสัยจะโดนดีเข้าสักวัน
ท่านชีกหนุ่มเราไม่เคืองจนคิดใช้วิธีรุนแรงยิ่งกว่าบังคับขู่เข็นหรอกนะ
ยิ่งตอนนี้คาวีเราเหมือนแย้ในกรงทอง เอ้ย ลูกไก่ในอุ้มใจอยู่
แต่เราว่าท่านชีคยังไงก็แพ้ทางคาวี่น่ะ
ต่อให้ต่อไปเมินเฉยเย็นชายังไงก็คงไม่เลิกรักคาวี่แน่
ยิ่งคาวี่แสดงความฉลาดออกมาแบบนี้
ยิ่งหลงไปใหญ่มากกว่า
คนไม่เคยเจอไม่เคยโดนอะไรแรงๆแบบนี้
เหมือนคนไม่เคยกินเผ็ดแล้วมาได้ลองพอลองบ่อยๆแล้วก็เลิกไม่ได้หรอก
โดยวิสัยชายผู้เป็นใหญ่ความอยากเอาชนะมีมากกว่าคนอื่นด้วย
รอดูว่าท่านชีคจะใช้วิธีไหนมายื้อใจหนูคาวี่เรา
และเป็นกำลังใจให้ไรเตอร์สู้ๆ :L2:
รับขวัญวันปีใหม่จ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: nanahashi ที่ 31-12-2010 15:08:41
อืมเรื่องราวชักจะบานปลายกันใหญ่ หวังว่าตาคาวี่จะเข้าใจมากขึ้นเถอะ
คุณ Serin สู้ๆนะคะ มาให้กำลังใจ เรากะว่าจะต่อสาขานี้อยู่(คิดว่าคุณเรียนกฎหมายนะ)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 31-12-2010 17:23:55
อัลชาอ์เปลี่ยนเป็นภาคน้ำแข็งแล้ว...........
คาวี่จะโดนทำไรบ้างล่ะเนี่ย...........
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: ishiya ที่ 31-12-2010 19:13:39
มาให้กำลังใจเเก่ไรท์เตอร์จ๊ะ...อย่าคิดมากกับกระบวนกฎหมายไทยเลย มันเป็นอย่างนี้มาช้านาน เเละ (อาจ) จะเป็นอย่างนี้ตลอดไป  :เฮ้อ:
อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะขึ้นปีใหม่เเล้ว เริ่มต้นกับสิ่งดี ๆ ความคิดที่ดี ๆ กันดีกว่าเนอะ
...Happy New Year...ล่วงหน้าแล้วกันนะ...น้องปุ้ย... :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 31-12-2010 19:36:00
สวัสดีปีใหม่นะคะ *-*

เหมือนหนังคนละม้วนจริงๆ หวานๆบู๊ๆ กลายเป็นดราม่าหนักๆซะงั้น โฮกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 01-01-2011 00:43:53
สงสารชีคเหมือนกันนะเนี่ย
ดันมารักคนที่ไม่มีความรักในหัวใจอย่างคาวี่
แต่แบบ คุณเธอหักดิบได้ใจร้ายมากกก
ทำร้ายจิตใจท่านชีคสุดๆอ่ะ
แต่เรื่องแผนคุณชีคนี่ เราก็แอบช็อคเหมือนกันนะ
แล้วก็แอบงงหน่อยๆด้วยย 55
แบบว่า ตกลงว่าเรื่องลอบฆ่านี่มันแผนท่านชีคเหมือนกันเรอะ?
เดี๋ยวต้องย้อนกลับไปอ่านอีกรอบซะแล้ว
รอตอนต่อไปนะคะ

ปล. สุขสันต์วันปีใหม่นะคะ! :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 01-01-2011 02:18:31
สรุปแล้ว คาวี่เป็นพวกซาดิสม์สินะ
สองคนนี้นี่มีปมกันจริงเล๊ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 01-01-2011 12:30:41
 :z3: :z3: :z3:  คาวี่นู่หวังดีอะเข้าใจ  แต่ไอ่การทำแบบนี้ก้อเกิน สงสารอัลจังเค้านาาาาาา
ติดตามตอนต่อไป 
ปล. พี่ปุ้ยสู้ๆๆค่ะ   :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 01-01-2011 14:19:05
คาวี่ฉลาดมากก กกก ถึงมากที่สุดอ่ะเธอว์
มองออกหมดทุกอย่างจริงอะไรจริง
อัลชาอ์ก็เกินไปเน้อ เรื่องนี้เนี้ย
เราเดาว่าคนที่เข้ามาในห้องเป็นของท่านลง ส่วนที่เล็งเป้าอยู่ไกลๆนั่นเป็นของชีคชิมิเค๊อะ?
อาจเป็นเพราะผิดหวังด้วยรึเปล่า คาวี่อ่ะ ก็แบบไม่คิดว่าอัลชาอ์จะเล่นวิธีแบบนี้ เลยใส่ไปเสียชุดใหญ่เลย เหอๆๆ
แต่สงสารท่านชีคอ่ะ เง้อออ  :serius2:
ต่อไปท่านชีคของเราจะกลับไปเป็นคนเย็นชาๆคนเดิมรึเปล่า??? 
โฮ่ๆๆๆ กลับไปเป็นแบบเดิมก็ดีเค๊อะ อยากให้คาวี่เจ็บบ้างไรบ้าง ฮ่า ๆๆๆๆ

เป็นกำลังใจให้นะค่ะไรเตอร์ สู้ๆน้า
และ

Happy New Year 2011  !!

:L2: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 02-01-2011 16:32:58
ง่ะ โผล่มาอ่านอีกทีสามตอนรวดๆ ตอนแรกๆก็หวานชื่นกิ๊วกิ้วดี ไหงตอนสุดท้าย มัน.........  o22
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 02-01-2011 17:39:37
อารมณ์หลังอ่าน o22

 :a5:

แต่ก็ Happy New Year 2011 คร๊าบบ

 :L2:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 02-01-2011 20:56:07
คาวี่ใจร้ายจัง ทำร้ายจิตใจท่านชีตแบบนั้น
ก้รู็นะว่าหวังดี แต่แหม หักอกกันแบบแรงๆแบบนี้ สะเทือนใจกันไปหมด
ว่าแต่ท่านชีตอนท้ายนี่ เอ่อ เข้าข่ายรักมากแค้นมากไปแล้วรึเปล่า?
เริ่มเป็นห่วงสวัสดิภาพคาวี่ขึ้นมาตงิดๆ
แต่อ่านครึ่งหลังแล้ว แอบคิดว่า ทำไมในหมู๋พี่น้องของคาวี่เนี่ย
ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า คาวี่ถูกทิ้งนะ
เหมือนพี่น้องไม่ใยดีอะไรประมาณนั้นเลย ไม่รุ้สิ คิดไปเองมั้ง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 03-01-2011 23:14:24
 o22 o22 o22

ท่านชีคเราวางแผน ทำไมคนเขียนชอบเขียนแบบหักอารมณ์เราอย่างงี้  :dont2:

คาวี่โหดร้ายเหอะค่ะ เค้าก็อุตสาห์คิดว่าเริ่มชอบกันบ้างแล้วซะอีก

หวานได้ไม่ถึง 2 ตอนจริงๆเหรอ?

อิหนูคาวี่บอกว่า ให้คนที่คืดว่ารักชนะทุกอย่างมีแค่ท่านพี่แฝดก็พอแล้ว

อยากเห็นวันที่ต้องกลืนคำพูดตัวเองจังเลยค่ะ  :laugh:

รอตอนต่อไปจ๊า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 03-01-2011 23:49:49
สุขสันติ์ปีใหม่ 2554
ขอให้โชคดีมีสุขกันถ้วนหน้า
สุขภาพแข็งแรงไร้โรคา
โชคลาภมาตลอดปีดีทุกคน

เรื่องนี้หนุกมากอ่ะ
ชอบเรื่องที่มีฉากเป็นทะเลยทราย
กับประเพณีของประเทศแถบนี้ด้วย(บางเรื่อง)


เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์
มาอัปบ่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 04-01-2011 01:16:30
อีกรอบ

เพิ่งนึกออกว่าเค้าอิมเมจเดียวกันเป๊ะๆ

(http://image.dek-d.com/24/2575727/106449357)


อิมราน  อับบาส กับ ท่านชีค ของเรา

ว่าไง คล้ายมั๊ยๆ





หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 04-01-2011 01:36:01
^
ู :z13:
 จิ้มรีบน

ใช่แล้วค่ะ อิมเมจของท่านชีคคือหนุ่มสุดหล่อผู้นั้นแหละค่า หุหุ

คลิ๊ก (http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=665158&chapter=1) ในนี้มีคาวี่ที่รัก ท่านชีค และฝาแฝดอยุ่ด้วยจ๊ะ

ปล. อิชั้นแปะรุปจากข้างบนไม่ได้ ไม่รู้มันเป็นอะไร :serius2: มันไม่เคยขึ้นเลย

ทำได้แต่ไอ้เเนบข้างล่างแบบนี้แหละ
 V
V
... จนปัญญา..

ปล. รูปแรกผู้ท้าชิง อิมเมจท่านชีครายที่สอง 555

หนุ่มข้างล่างคือนุ้งคาวี่ อาจจะเคะไม่ถุกใจเท่าไหร่ แต่มันใช่อ่ะ แบบว่าคาวี่แน่นอนลลลล ของจริง ต้องแบบนี้..555+

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 04-01-2011 18:33:36
ขอบคุณนะคะ คนเเต่งที่มาต่อจนจบ เอ่อ อืม เอ่อ อ่านจบเล้วอาการเเบบนี้เกิดเลย พูดไม่ออกบอกไม่ถูกไป่เป็น เฮ้ออออ ถอนหายใจได้อย่างเดียว สงสารอัชชาห์เเต่ยังไงเราก็รัก คาวีห์อยู่นะ ไม่รุ้เรื่องจะจบไงเเฮะ เเต่ถ้าคาร์โลห์ ห่วงพี่ขนาดนั้นก็มาเป็นบอสมาเฟียจิ คุคุคุ

ปล.สู้ๆนะไรเตอร์ เรื่องกฏหมายไทยมันเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่มันเน่าโตขึ้นมาก็ได้ไม่ดี เเต่เราก็ต้องมีวิธีเเละเเนวทางของเราเองทำในสิ่งที่เราทำได้ สู้ๆนะไม่มีอะไรยากเกิน ถ้าเราเชื่อเเละจะทำ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 04-01-2011 20:15:40
โอย รูปสุดยอดมาก :z2:

คาลน่ารักสุดๆ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 04-01-2011 22:08:28
รูปโอเคอยู่นะฮะ 555
แต่ไรเตอร์อ่ะแหละ มาต่อเลย!!!
อยากรู้ใจจะขาดแล้ว...แรงมาแรงตอบ กันดี จริง ๆ มันส์!!!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 04-01-2011 23:00:03
(=v=) ชอบรูปอิมเมจค่าวี่ที่ซุ้ดดดดดด~ แบบว่าแอร๊ยมากมายอะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 04-01-2011 23:05:07
กรี้ดดดด อิหนูคาวี่น่ารักอ่ะ

ถึงแม้ว่าในจินตนาการ คาวี่จะดูดาร์กกว่านี้ก็ตาม ฮ่าๆ

ในรูปนี้ดูเด็กและสดใส (จะว่าไปความจริงอายุมันก็เด็กนะ :o11:)

ฝาแฝดหล่อมากกก รูปอิมเมจเหมือน 3 คนนี้(แฝดและคาล) เหมือนพี่น้องกันจริงๆเลย  :m1:

ปูเสื่อรอตอนต่อไปจ๊า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 04-01-2011 23:10:39
มารอตอนต่อไปค่ะ
ติดมากมายเข้ามาดูทุกวัน วันละหลายรอบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: ammer ที่ 05-01-2011 00:21:26
ถึงร้ายก็รักไปแล้วจริงๆงานนี้ :a5:

คาวี่ก็ฉลาดเป็นกรดดดด o13

ท่านชีคก็ไม่น่าเชื่อว่าจะหลงได้ขนาดนี้ o22

งานนี้หนูคาวี่ใจร้ายมาก หักดิบกันเลยทีเดียว :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 05-01-2011 01:02:57
...คนโง่เง่าที่คิดว่ารักคือทุกสิ่งทุกอย่าง.......โดนอ่ะประโยคนี้
แต่ก็มีหลายคน(รวมทั้งเค้าด้วย)ที่ยอมโง่เพราะความรัก :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 05-01-2011 01:17:10
พี่ปุ้ยย ยยยย

นัทไปอ่านฟิคชิซายะที่แต่งไว้ในบล็อกของพี่มาอ่ะค่ะ
ชอบบบบบบบบบบบ บบ ชอบมากกกก  o13 o13
แต่งอีกนะตัวเอ๊ง งงงง  :impress2:

รอตอนต่อไปนะจุ๊  :call:

อิมเมจคาลน่ารักก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 06-01-2011 04:31:23
อย่าเพิ่งท้อนะserin เพราะยังต้องเจออีกเยอะ
อย่าลืมว่าสังคมไทยโดยพื้นฐานมันมาจากระบบอุปถัมภ์ที่หยั่งรากลึกเกินกว่าจะถอนมันออกไปได้ง่ายๆ
ไม่เว้นแม้กระทั่งองค์กรที่ผู้คนหวังพึ่งพิง ระบบนี้ก็ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ไม่น้อย
เอาเถอะ เครียดไปทำไมมี รีบอัพคาวี่กันดีกว่าเนอะ เจ้มจ้นเข้าไปทุกทีจนพี่ตั้งตารอแทบจะลงแดงแระ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 06-01-2011 09:35:59
กรี๊ดดดดดดดดดดด วิ่งเต้นไปรอบบ้าน ทำไมครึ่งหน้ากับครึ่งหลังมันถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้ล่ะเจ้าค่ะ !!
แทบไม่รู้สึกเลยว่าเป็นตอนเดียวกัน เหอๆๆๆๆๆๆๆๆ
น้องคาร์โลนี่ดูท่าจะหวงพี่ชายเอาสุดๆ หรือน้องท่านแกก็ืลืมไปแล้วว่าพี่อเล็กซิสก็เป็นพี่ชายตัวเองเหมือนกัน 555555555

ก็รู้สึกว่าอัีลชาอ์เองก็เกินไป แสดงออกมาแบบนั้น ซ้ำยัง . . .   
เฮ้อ . .  แต่คาวี่เองก็ผิดนะ -*- ไม่รู้สิ รู้สึกว่าผิดทั้งสองฝ่าย
คิดว่ายังไงอัลชาอ์ก็ไม่ใช่พวกรักจนหลงจนหลงลืมทุกอย่างรอบตัว ไม่ไ้ด้เป็นคนโง่เง่าที่รักจนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
รุคกี้เข้าใจ เพราะรุคกี้ก็เป็นอย่างนั้น เนอะอัลชาอ์เน๊อออออออออออ
คาวี่อ่ะเป็นพวกหัวดื้อมากเกินไป ไม่ยอมรับแนวความคิดอื่นนอกจากทัศนคติและค่านิยมของตัวเอง
คนแบบนี้มันน่าจับตบจูบจริงๆ เน๊อออออออ อัลชาอ์

อัลชาอ์อย่าเพิ่งหมดรักคาวี่ล่ะ - -'' คนอ่านใจไม่ดี
เห็นพี่ท่านตีสีหน้าเย็นชาใส่  คาวี่เอ๋ย ทำใจดีๆ ไว้นะลูก อะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องยอมรับมัน 55555555555555555555
ดังนั้นเรื่องที่อนาคตหนูจะต้องตกเป็นเมียชีค ก็ต้องยอมรับบบบบบ

ว่ะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไรท์เตอร์สู้ๆ นะค่ะ เรื่องเรียนก็พอเข้าใจ ถึงไม่รู้่ว่าเซ็งเรื่องอะไร แต่ว่าก็พยายามเข้านะค่ะ
มาต่อเร็วๆ นะ
รักเรื่องนี้ขึ้นทุกวันเลยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 07-01-2011 01:43:03
Line : 17 เหยี่ยวทะเลทราย


        การที่จู่ๆทำเรื่องที่อีกฝ่ายไม่ชอบและอาจจะถึงขั้นไม่ยอมรับขึ้นมา มันก็แน่อยู่แล้วว่าการถูกปฏิบัติด้วยมันคงไม่ดีเท่าไหร่ คาวัลโลก็เตรียมใจรับเรื่องนั้นไว้แล้วพอสมควร แต่เมื่อมองเห็นแววตาเฉยชาที่มองมา เขาก็ยังอดจะแปลกใจนิดๆไม่ได้..

...บางคนที่ถูกเขาทำแบบนี้ อาจจะโกรธแค้นและชิงชังเสียจนไม่อยากมองหน้า..

...แต่ว่า....ไม่เคยมีคนกลับมาเป็นปกติได้เร็วแบบนี้...

ถ้าตีโครมเดียยวแล้วตื่น...โลกนี้คงไม่มีคนจำพวกบ้ารัก...

  นั่นเป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้จากเรื่องไร้สาระพวกนี้ ทั้งกับครูสอนพิเศษที่เขาเคยสนิทด้วย หรืออาจารย์ที่มาสอนความรู้ระดับมหาวิทยาลัยให้สำหรับคนที่ไม่คิดจะไปเรียนร่วมกับใครแบบเขา...หรือกระทั่งบอดี้การ์ดคนสนิท...คนพวกนั้น ก็อยู่ในจำเภทตีกี่ครั้งก็ไม่ยอมตื่น จนต้องจับมันไปถ่วงน้ำให้หายบ้า..
.
  คาวัลโลพ่นลมหายใจพรู....ก้มมองอาการที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ...เขายักไหล่ เพราะการเล่นละครจบไปฉากหนึ่งแล้ว การแสดงความสนิทสนมเกินจำเป็นให้ชวนเหนื่อยใจ แบบที่เขาเคยทำเลยไม่ควรจะเกิดอีก...ซึ่งก็ดี....เพราะเขาก็ใช่จะอยากยุ่งกับคนอื่นสักเท่าไหร่..

     ต่อให้ได้รับความเกลียดชังเป็นผลตอบแทน ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะประหลาดใจ...

     มาเฟียหนุ่มอ้าปากหาวเบาๆ พลางลุกขึ้นสะบัดตัวไปเข้าห้องน้ำ ในเมื่ออัลชาอ์ไม่พูด เขาก็ไม่พูด ถือว่าเรื่องที่คุยกันเมื่อคืนมัน"เคลียร์"กันไปแล้ว..ไม่จำเป็นต้องยกมารื้อฟื้นอีก ลืมไปเลยก็ยิ่งดี เพราะเขาก็ใช่จะอยากจำมันสักเท่าไหร่ และหวังว่าการล่วงละเมิดทางเพศทั้งหลายมันจะจบลงตรงนี้เสียที...

      ประตูห้องน้ำปิดดังปัง พร้อมๆกับร่างของมาเฟียหนุ่มผลุบหายเข้าไปในนั้น นัยน์ตาสีเข้มของชีคมองตามแผ่นหลังบางไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย....
อัลชาอ์ทรุดกายลงนั่งบนโซฟาตัวยาวในห้อง สีหน้าของชีคหนุ่มแม้จะเป็นปกติ ทว่า ภายในกลับปั่นป่วนด้วยความรู้สึกมากมายยากจะบรรยาย..

รอยยิ้มเยาะหยันทาบบนริมฝีปาก...ด้วยความสมเพชเวทนา..ตนเอง...

  อัลชาอ์หรี่ตาลงน้อยๆยามนึกไปถึงเรื่องราวทั้งหลาย...ต้นเหตุของการกระทำของตนที่มันทั้งโง่เง่า..และน่าสมเพช ดังเช่นอีกฝ่ายพูดออกมาไม่มีผิด..

 มันเริ่มขึ้นในคืนที่แสนน่าเบื่อหน่าย ในงานฉลองการครองราชย์ครบยี่สิบปีของชีคประเทศข้างๆซึ่งเขานับถือ..ในคืนที่บุคคลสำคัญระดับประเทศต่างก็มารวมตัวกันมากมาย ตัวเขา...ที่ดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐก็ยืนเบื่อหน่ายอยู่เพียงลำพัง..

งานเลี้ยงการ์ลาดินเนอร์ครั้งนี้มีทั้งบรรดาชีคผู้ครองรัฐ นายทหารคนสำคัญ หรืกระทั่งผู้นำประเทศต่างๆ มาร่วมงานมากมายเป็นการให้เกียรติเจ้าของงานวันนี้ บ้างก็พาภรรยาหรือคนสนิทมาออกงานด้วย กองทัพสื่อมวลชนหลายแขนงต่างก็ปักหลักทำข่าว ดังนั้นในงานจึงเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แต่ทว่าต่างก็สวมหน้ากากเข้าหากันด้วยท่าทีเป็นมิตร ด้วยรอยยิ้มอันจืดชืดและดวงตาที่แฝงความเบื่อหน่ายไม่ต่างกัน..

    แม้อยากจะออกไปแค่ไหน ทว่าก็ต้องบอกตัวเองให้ยืนนิ่ง ยิ้มแย้มทักทายผู้คนที่ผ่านไปมาอยู่เช่นนี้ ผู้คนที่มาในงานต่างก็มีหลากหลุยจุดประสงค์ เช่นเดียวกับความต้องการของเขา ที่ทำให้ตัวเองต้องรอคอยมันต่อไป..

 นัยน์ตาคมปลาบจ้องไปยังมุมห้อง มองเห็นร่างของบุรุษชาวต่างชาติหลายรายยืนสนทนากันอยู่กับผู้นำรัฐในแถบนี้...อัลชาอ์ยิ้มมุมปาก ขณะที่จิบเชมเปญรสเลิศ..เขามองเห็นคนของตนเดินไปคุยกับชายผู้นั้นที่อยู่ท่ามกลางหมู่คน และเพียงชั่วครู่ เขาก็มองเห็นรอยยิ้มสุภาพบนใบหน้าของชายผู้นั้น ที่ก้มศรีษะมาทางตน..
ชีคหนุ่มพยักหน้ารับช้าๆ... ด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน... มองดูชายผู้นั้นยืนคุยกับผู้คนโดยรอบขณะที่คนของเขาเดินเข้ามาหา

     " มิสเตอร์วาลกัสของเวลาสักครู่ครับ แล้วเดี๋ยวจะมาทักทาย"

         อัลชาอ์พยักหน้ารับช้าๆ...เขาวางแชมเปญลงบนถาดของบริกรที่เดินผ่านขณะที่ครุ่นคิดถึงเผนการ์ณของตนเงียบๆ..วาลกัส มาเฟียชื่อดังของอิตาลีที่ติดต่อทำงานขนส่งอาวุธให้กับผู้นำประเทศในแถบนี้  คนที่เขาต้องการซื้อขายด้วย เพื่อจัดการเสี้ยนหนามที่มักทำความรำคาญให้กับตนอยู่เสมอ..หากการเจรจาธุรกิจเป็นไปด้วยราบรื่น ทุกอย่างก็คงออกมาดีตามแผนที่วางไว้.

.นัยน์ตากวาดมองทั่วห้องอีกครั้งอย่างเบื่อหน่ายหากยังไม่พบสิ่งใดที่ทำให้เกิดความสนใจ หลังจากคุย"ธุรกิจ"กับชายคนนั้นเสร็จแล้วเขาคงต้องลากลับเสียที..

....เขาสะดุดใจกับกลุ่มนคนที่ยืนคุยกับชายคนหนึ่งซึ่งไม่ไกลนักจากกลุ่มของวาลกัส คนในกลุ่มนั้นมีทั้งบุรุษและสตรี ทุกคนต่างจับจ้องและพยายามพุดคุยกับใครคนหนึ่งในวงล้อมนั้นด้วยท่าทีคาดหวัง..

ชีคหนุ่มขมวดคิ้วช้าๆ เขาไม่ได้สนใจรายชื่อแขกที่จะมา แต่ทว่าก็แน่ใจว่าไม่มีใครเชิญดารานักแสดงคนไหนมาในงานนี้..และปฏิกริยาราวกับพบคนที่คลั่งไคล้นักหนานี่มันอะไรกัน

     จ้องมองกลุ่มคนที่ยังคงจับกลุ่มกันอยุ่ด้วยความสนอกสนใจ เหนือกว่านั้นคืออยากรู้ ว่าเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลทองที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนนนั้นคือใคร...เป็นคนเช่นไรถึงได้รับความสนใจมากมายเช่นนั้น..

หากเมื่อคนๆนั้นหลบเลี่ยงออกมจากวงล้อมด้วยท่าทีสุภาพแต่แฝงความห่างเหิน คนที่ต้องนิ่งงันกลับกลายเป็นตัวเขาเอง..

  ร่างในชุดสูทกึ่งทางการของอาร์มานี่เป็นบุรุษหนุ่มรูปร่างสูงเพรียว ผิวขาวจัด สายเลือดของชาวยุโรปปรากฏเด่นชัดบนใบหน้า ประกอบด้วยโครงหน้าหล่อเหลา นัยน์ตาของเจ้าตัวเป็นสีฟ้าน้ำทะเลมันหรี่ปรือลงน้อยๆ ดูยั่วเย้าอย่างร้ายกาจ ทั้งคอยปิดบังความหน่ายเหนื่อยในแววตาคู่นั้นได้อย่างแนบเนียน ริมฝีปากสีอ่อนนั้นยังคงประดับรอยยิ้มบางๆบนในหน้า เส้นผมสีน้ำตาลทองที่จัดทรงอย่างดีด้วยการจัดมันเป็นทรงสวย ปล่อยปอยผมระใบหน้าขณะที่ส่วนอื่นถูกเก็บไว้ด้วยฝีมือของช่างผมมืออาชีพ ทำให้ดูองอาจทว่าก็มีกลิ่นอายของความเป็นหนุ่มน้อยไม่จาง สีทองประกายของเส้นผมนั้นส่องประกายหยอกล้อแสงไฟ ยามที่ยิ้ม...รอยยิ้มสดใสนั้นช่างจับตายิ่งนัก..

   คนๆนั้นไม่ใช่ชายหนุ่มผุ้หล่อเหลาบาดตา หากแต่ลักษณะท่าทางตลอดจนทุกอย่างที่ประกอบเป็นเจ้าตัวกลับสร้างสเน่ห์น่าหลงไหลเสียจนแทบละสายตาไปไม่ได้...ยามที่ชายคนนั้นยกรอยยิ้มตรงมุมปาก..อัลชาอ์เห็นว่ามันไม่แปลกเลยที่หญิงสาวหลายคนจะเฝ้ามองรอยยิ้มนั้นด้วยอาการทอดถอนใจราวกับละเมอ..

   ..หรือกระทั่ง...ชายหนุ่มก็ตาม...

  อัลชาอ์ขมวดคิ้วน้อยๆยามที่ฝ่ามือของคนๆนั้นถูกคว้าไปจับอย่างรวดเร็วเสียจนดูเป็นไร้มารยา ชีคหนุ่มมองเห็นแววตาแฝงความหงุดหงิดที่กราดมองเพียงชั่วครู่ หากพลันก็เปลี่ยนเป็นรื่นเริงเป็นมิตรด้วยรอยยิ้ม.. จนทำให้ฝ่ามือที่จับทักทายกันตามทำเนียมถูกจับแน่นและนานขึ้นเสียจนไม่ยอมปล่อย...เขามองเห็นชายคนั้นพยายามดึงมันออกอย่างสุภาพ..แม้จะทำได้ยากเย็นนัก...

....อัลชาอ์มองเห็นคนๆนั้นดึงมืออก และกวาดสายตามองไปรอบๆ....พลัน...ก็สบตากับเขาเพียงชั่วครู่...

....เพียบเสี้ยวเดียวเท่านั้น...หากแต่มนต์สเน่ห์ในแววตาคู่นั้นกลับตรึงให้จ้องมองเจ้าตัวอย่างไม่อาจจะถอน..

   "ชีคครับ..." น้ำเสียงของคนสนิททำให้ชะงัก อัลชาอ์หันกลับมามองยนายทหารคู่ใจ..ฝ่ายนั้นจ้องมองเขากลับด้วยสีหน้าแสดงความสงสัย...

    "...ผู้ชายคนนั้น...." เอ่ย พลางทอดมองไปยังคนที่ยังคงเป็นจุดสนใจไม่เลิกรา "ไปสืบเรื่องของเขามาให้ฉันที"

ราวกับเรื่องตลก.. ราวกับเรื่องกลั่นแกล้งของโชคชะตา..หรือพระเจ้ากำลังลงโทษ...

   ....อัลชาอ์....ชีคแห่งเซเนียยา ตกหลุมรักชายหนุ่มที่ไม่รู้จักชื่อคนนั้นอย่างสมบูรณ์..

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ตลกที่สุด...น่าขันที่สุด....หรือ...น่าเศร้าที่สุด...

    ...เพราะเมื่อชื่อ "คาวัลโล วาลกัส" ออกมาจากปากของคนสนิท ทำให้เขาต้องนิ่งงันอย่างไม่รู้จะใช้คำพูดใด

วาลกัส.... ตระกูลทรงอิทธิพลของอิตาลี

วาลกัส.....มาเฟียที่เขากำลังจะติดต่อซื้อขายด้วย

....และ....คาวัลโล วาลกัส...คือชายที่จะขึ้นเป็นบอสคนต่อไป..

...กระทั่งจะคุยกันธรรมดายังยาก...ไปเสียด้วยซ้ำ..

   แต่ถึงจะรู้...คนเราก็ใช่จะลืมอะไรไปได้ง่ายๆ..

ความรักมักจะใช้เวลายาวนานกว่าจะรู้ตัว หากความหลงไหลกลับรุนแรงและไปมาเพียงชั่วครู่...

   แรกๆนั้น อัลชาอ์ แน่ใจว่าความรู้สึกของตนนั้นคือความหลงไหล..

หลงไหลต่อก้อนเพชรที่ยังไงก็เอื้อมคว้าไม่ได้..

หลงไหลต่อคนที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางจะได้รัก..

... เขาสั่งให้คนค้นหาข้อมูล สืบประวัติของอีกฝ่ายมากมาย..รู้...แทบทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนๆนั้น และอาจจะรู้ มากกว่าที่เจ้าตัวรู้เสียด้วยซ้ำ..

คาวัลโล วาลกัส เป็นบุตรชายคนสุดท้อง ในครอบครัวที่มีลูก 5 คน

คาวัลโล วาลกัส ..เป็นคนฉลาด...ฉลาดมาตั้งแต่เด็ก เขาเรียนจบหลักสูตรการศึกษาระดับพื้นฐานตอนอายุสิบห้า และตัดสินใจเรียนระดับมหาวิทยาลัยโดยการมีครูมาสอนเป็นการส่วนตัว..

คาวัลโล วาลกัส เก่งกาจ และโหดเหี้ยม เขาถูกเลือกเป็นบอสแทนพี่ชายซึ่งปฏิเสธตำแหน่ง เขาเปิดสงครามมาเฟียกับศัตรูและใช้เวลาเพียงสองเดือนในการทำลายล้างคู่แข่งเสียจนสิ้นซาก

คาวัลโล วาลกัส...ชอบกุ้งลอบเสอต์และเกลียดปลาแซลม่อน เขาเกลียดการทานอาหารไม่ตรงเวลา

คาวัลโล วาลกัส  มีนามสกุลและตัวจนปลอมซึ่งถูกทำขึ้นว่า คาวัลโล เตอเกียเร่...

คาวัลโล...คาวัลโล ชายหนุ่มที่เขาหลงไหลคนนั้น..

อยู่คนละโลกกับเขาโดยสิ้นเชิง..

   หลังจากการติดตามและเฝ้าคลั่งไคล้คนที่ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่าถูกหมายปอง เขามองเห็นความพยายามและคงามเก่งกาจของคนๆนั้นชัดเจน ชัด...เสียจนกลายเป็นแรงผลักดันให้กับตัวเอง และชัด...จนทำใจให้เก็บเรื่องราวของชายคนนี้ไว้ในก้นบึ้งของความทรงจำ..

...พวกเขาอยู่คนละโลกและไม่มีทางได้พบกัน..ดังนั้น โลกแห่งความฝันจึงต้องจบลงเพียงเท่านั้น

เก็บทุกสิ่งไว้ในหัวใจและดำเนินชีวิตอย่างปกติต่อไปด้วยความมุ่งมั่น..อัลชาอ์เชื่อว่านี่เป็นเพียงความหลงไหลชั่วครั้งคราว ที่นานไปเขาจะลืมเลือน
..
...หากแต่ที่ทำให้เขาคาดไม่ถึง คืออีกหนึ่งปีต่อมา คนๆนั้นจะปรากฏตัวต่อหน้า..

ราวกับตลกร้ายที่ถูกกลั่นแกล้งจากใครที่กำลังควบคุมชะตา ส่งให้ฝ่ายนั้นมาอยู่ในอุ้งมือ ในวันที่เขาเกือบจะลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว..

..แต่สิ่งที่เลวร้ายกว่าคือความหลงไหลอันไม่มีที่สิ้นสุดนั้นได้กลับมาอีกครา....ทั้งที่พยายามเหลือเกินที่จะห้ามใจ พยายามเย็นชา ไม่สนใจ ทั้งที่รู้เห็นอยุ่เต็มตาว่าฝ่ายนั้น"ร้ายกาจ"แค่ไหน แต่ไม่ว่ายังไง ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน..คาวัลโล วาลกัส มนุษย์ที่แสนร้ายกาจคนนั้นก็ยังเข้ามายึดพื้นที่ในหัวใจของตนเสียจนหมด

...แม้จะรู้ดีว่าไม่ต่างกับการเล่นกับไฟ..แม้จะเเจ้งใจว่าคนๆนั้นไม่มีวันจะรักใครเป็น

แต่สุดท้าย เขาก็เป็นฝ่ายตกหลุมที่ตัวเองขุดไว้เสียเต็มเปา..

แม้มันจะเป็นเรื่องจริงที่คาวัลโลและเขาต่างก็ถูกหักหลังด้วยกันทั้งคู่ ด้วยการหลอกให้มาห้ำหั่นกันเอง แต่ทว่า...หลังจากที่อีกฝ่ายถูกลุกน้องของเขาทำร้าย ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเจ้าตัวกลับจุดความคิดอันร้ายกาจในใจโดยฉับพลัน

คิดเรื่องตลกราวกับคนโง่าเง่าที่ไม่รุ้จักจำ วางแผนให้ฝ่ายนั้นถูกโจมตีและจะได้โผมาซบอกเขาอีกครา

หากแต่นึกไม่ถึง ว่าจะมีคนวางแผนไว้เช่นเดียวกับเขา และเป็นจุดประสงค์เพื่อการ"ฆ่า"อย่างจงใจ

และนึกไม่ถึงว่าคาวัลโลจะมองออกทุกอย่าง..มองออกกระทั่งความรู้สึกที่เขาพยายามปิดบังไม่ให้ตนเองพบเห็น

 เจ็บปวดและอับอายกับถ้อยคำที่ดังชัด มองเห็นแววตาหยามหยันรังเกียจและทุกท่าที..บ่งชัด...ว่าตัวเขา ชีคอัลชาอ์ เจ้าผู้ครองประเทศ ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน...ไม่ว่าจะสามารถทำให้เจ้าตัวเป็นหรือตายเพียงแค่สั่งการ...คาวัลโล วาลกัสก็ไม่คิดจะรักเขาสักนิด..

ต่อให้พยายามเช่นไรก็สูญเปล่า

ต่อให้ทำยังไงก็ไม่มีวันสมหวัง..

...อัลชาอ์ถอนหายใจช้าๆ ขณะที่แว่วเสียงเปิดประตูห้องน้ำ มองเห็นร่างเพรียวเดินออกมาด้วยท่าทีเฉยชา เขาหลับลงตาเพียงครู่ เพื่อจะควานหาเกราะป้องกันตัวเองจากถ้อยคำและท่าทีของคนๆนั้นให้เจอ..

จากนี้...กระทั่งความรักหรือแววตาห่วงหา ก็อย่าแสดงออกมาให้เห็น..

ไม่ใช่เพียงเพราะอีกฝ่ายไม่ควรคู่ หากแต่เพราะตัวเขาไม่ควรจะมีมันอีกต่อไป

...
.
     "...ถ้าไม่ยากจนเกินไป ตอนเที่ยงก็ช่วยลงไปทานให้ตรงเวลาด้วย " คำพูดของท่านชีคดังขึ้นเรียบๆทำให้คาวัลโลขมวดคิ้ว เขาพยักหน้ารับช้าๆ ขณะที่กลืนขนมปังลงคอ

     " ความจริงผมก็ลงไปเองได้นี่ เอามาให้ทำไม? " คำถามนั้นทำให้คนฟังหน้าตึง อัลชาอ์ปรายตามองแล้วพ่นลมหายใจออกจากจมูก

     " ทุกคนทานอาหารเช้ากันตอนหกโมงเช้า จะให้คุณที่ตื่นสายโด่งไปถามหามื้อเช้าน่ะหรือ ทำไปให้ผมถูกหัวเราะเยาะรึไง "

      " เหอะ แค่นี้ก็ต้องหัวเราะเยาะกันด้วย ?" คาวัลโลเลิกคิ้ว ก่อนจะอ้าปากหาวอีกรอบ

      " รีบกินซะ จะได้ออกเดินทาง "อัลชาอ์สั่งการพลางลุกขึ้นจากโซฟา

      " ไปไหน? "

       " ตรวจการสร้างเขื่อน คุยกันแล้วไม่ใช่รึไง " อัลชาอ์ตอบสั้นๆ

       " ไปทำไม?" คาวัลโลเหลียวหน้ากลับมามองคนที่กำลังค้นหาอะไรในลิ้นชักอยู่

       " ..อะไรคือไปทำไม? "อัลชาอ์ขยับยิ้ม แม้รอยตึงบนใบหน้าจะบอกชัดว่าเขาไม่เห็นขัน

       " ที่บอกว่าจะไป ก็เพราะผมมีอันตรายนี่...ซึ่งความจริงมันมีซะที่ไหน " คาวัลโลว่า พลางยักไหล่

       " งั้นเหรอ? "อัลชาอ์พ่นลมหายจากริมฝีปาก " จะฉลาดทั้งที ก็ช่วยคิดอะไรให้ถึงที่สุดหน่อยสิ คาวัลโล  "

       " หา?" คนฟังหน้าเบี้ยว ขมวดคิ้วมุ่น

       "...คิดว่าผมจะลงทุนอะไรขนาดนั้นเลยรึไง?"

        " จะปฏิเสธว่าคุณไม่ได้ให้คนพวกนั้นทำงั้นเหรอ?ช้าไปรึเปล่า?" คาวัลโลอ้าปากท้วงด้วยสีหน้าเหน็บแนม

       " ผมไม่ปฏิเสธ แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด " อัลชาอ์ตอบห้วนๆ " ถามหน่อยแล้วกันว่าผมให้คนเข้าไป แล้วทำไมต้องวางยาสลบ ทำไมต้องให้คนจัดปืนกลไปยิงถล่มห้องด้วย " อัลชาอ์ถอนหายใจพลางออกปาก " สรุปเลยคือผมทำ แต่แค่เจ้าคนที่เข้าไป โอเคไหม?"

        " อ้อเหรอ...." คาวัลโลพยักหน้ารับ แต่สีหน้าไม่เชื่อถือ "งั้นฝีมือวางยากับปืนถล่มก็ไม่ใช่คุณสิเนี่ย แหม อุตส่าห์คิดว่ารอบคอบแล้วเชียว "

        " คาวัลโล !!......" อัลชาอ์ตวาดเสียงเรียบ ชีคหนุ่มหันกลับไปจ้องหน้าคนพูดที่นั่งอยู่บนโซฟา คาวัลโลเลิกคิ้ว สบมองแววตาคู่นั้น ก่อนจะยักไหล่

        " โอเคๆ....ไม่พูดแล้ว เชื่อก็ได้ " รับคำงึมงัม ก่อนจะเอนตัวลงบนโซฟา " งั้น....จะให้ผมไปด้วย "

        " ใช่"

         " คนทางนี้ล่ะ " เขาหมายถึงอาเหม็ดและฟาติมะห์ที่อาจจะก่อเรื่อง

       " ผมให้คนจับตาดูไว้แล้ว พวกเขาไม่ใช่คนโง่ ...ไม่พยายามหาเรื่องใส่ตัวอีกหรอก.." อัลชาอ์ตอบสั้นๆ ก่อนจะหมุนตัวออกไปจากห้อง "รีบแต่งตัวแล้วออกมาซะ ! "

       " โห....พอโดนหักอกทิ้งหน่อยก็โหดใส่เชียว อีแบบนี้ล่ะทุกราย  "คาวัลโลหน้าเบ้ออกปากบ่น มาเฟียหนุ่มยกมือขึ้นเท้าคางจ้องมองอาหารตรงหน้าด้วยแววตาครุ่นคิด..

         " แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกนะว่าเจ็บจี๊ดๆ...นิดหน่อย "

   ถอนใจเบาๆพลางงึมงัม แต่ต่อให้จะเจ็บมากๆหรืออะไรแบบไหน เรื่องมันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เขาไม่ยอมให้ความเจ็บปวดชั่วครั้งชั่วคราว มาหยุดยั้งความต้องการอันยิ่งใหญ่ของตัวเองหรอก

.....ต่อให้ต้องเจ็บ เพื่อจะเป็นบอสแล้ว เรื่องพวกนี้มันก็มีความสำคัญแค่นิดเดียว..

.......................................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 07-01-2011 01:46:52
     สีน้ำตาลวาววับราวกับลูกปัดสะท้อนออกมาในดวงตากลมเล็ก  มันจ้องมองมาที่เขาอย่างสนใจใคร่รู้และแลดูไว้ตัวอยู่ในที จงอยปากสีเทาแหลมยาวนั้นขยับไปมาเบื้องหน้า  นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองมันอย่างไม่ยอมหลบด้วยความสนอกสนใจ คาวัลโลยกมือขึ้นและเอื้อมไปแตะบนส่วนหัวของมัน แต่ยังไม่ได้ทำอะไร จงอยปากคู่นั้นกลับอ้ากว้าง ส่งเสียงแกว๊ก..แกว๊ก...ดังลั่น

หมับ !

     " เล่นอะไร? อยากตาบอดเหรอ!? " ฝ่ามือหนากระชากมือของเขาและออกแรงดึงให้ห่างจากเจ้าตัวนั้น คาวัลโลเงยหน้าไปมองแววตาดุๆของชีคหนุ่ม ขณะที่แว่วเสียงหัวเราะแผ่วเบาจากด้านข้าง

     " ระวังหน่อยครับ..มันดุใช่เล่น  " เจ้าของประโยคคำพูดนี้คือบุรุษหนุ่มในชุดโธปสีขาวขลิบทอง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลวาววับ เขาคือ รามิล ทาร์คาน เซฮามัค  เพื่อนสนิทของชีคแห่งเซเนียยา และมีฐานะเป็นญาติห่างๆกับราชตระกูลมูอัสซิน รามิลไปศึกษาถึงต่างประเทศในเรื่องการก่อสร้างและเป็นวิศวะกรมากด้วยความสามารถ จึงได้รับความไว้วางใจให้มาควบคุมการก่อสร้างทเขื่อนจารเซแห่งนี้...ซึ่ง เมื่อชีคหนุ่มมาถึง สิ่งแรกที่รอต้อนรับไม่ใช่เจ้าตัว หากแต่เป็นเหยี่ยวขนยาวตัวสวยน่าสนใจยิ่งกว่า  เขาเดินเข้ามาใกล้และยกปลายนิ้วลูบไล้เส้นขนสีน้ำตาลอ่อนบนศรีษะเล็กๆนั้นอย่างง่ายดาย

    ทำให้คนมองตาลุกวาบคาวัลโลแยกเขี้ยวอย่างหงุดหงิดเมื่อพบว่าเจ้านกบ้าตัวนั้นมันร้องรับในลำคออย่างออดอ้อน นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองไปยังเจ้าเหยี่ยวตัวโต ขนสีน้ำตาลอ่อนสลับกับสีขาว รูปร่างของมันปราดเปรียวน่ามอง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนดำมันจ้องมองผู้คนโดยรอบด้วยความหยิ่งยโส ชวนให้คนมองอยากจะเอาอะไรไปฟาดมันนัก

     มาเฟียหนุ่มแยกเขี้ยวหงุดหงิด เขาจ้องมองเจ้าเหยี่ยวออสเปรสีน้ำตาลที่เกาะอยู่บนคอนที่ทำจากวัสดุอย่างดี ลักษณะของที่เกาะนั้นเหมือนกับเก้าอี้นั่งแบบกลมๆที่ไม่มีพนัก มีขาตั้งยาวและมีพื้นที่กว้างสำหรับนกใช้เกาะ ที่ขาของมันมีสายรัดที่ทำด้วยหนังสีน้ำตาลเข้มล่ามยาวกับโซ่เส้นเล็กๆขนาดพอดีมือซึ่งถูกล่ามไว้ด้านล่างของเสา และถูกฝังลงไปใต้เม็ดทรายสีน้ำตาลอ่อนละเอียดยิบ..

     คาวัลโลจ้องมองมันด้วยความสนอกสนใจกึ่งหมั่นไส้ เขาเคยเห็นเหยี่ยวตัวเป็นๆก็จริงแต่กับเหยี่ยวทะเลทรายนี่เขาไม่เคยพบเห็นมันจะๆเสียที รู้ว่ามีการฝึก และมีการเลี้ยงกันอย่างเป็นกิจลักษณะของคนชั้นสูงในแถบนี้...แต่พอมาเห็นชัดๆแบบนี้ มันน่าสนใจชะมัด !!

     เจ้าเหยี่ยวตัวนั้นมองเขากลับด้วยท่าทีหยิ่งยโส ยอมรับว่ามันสวยและสง่ามีค่าพอที่จะทำให้คนยอมเอาอกเอาใจเลี้ยงดู ดวงตาของมันมันวับราวกับลูกปัด รูปร่างสวยงาม ขนสีน้ำตาลสลับขาวน่าลูบไล้ อุ้งเท้าแหลมคมมีเล็บสีดำคมปลาบ ช่างน่าจับต้องและเอามาเป็นของตัวเองเสียจริงๆ

     โอยยยยยย...อยากได้จริงๆให้ตายจสิ !! คาวัลโลจ้องเจ้าเหยี่ยมตรงหน้าตาเป็นมัน ในสมองกำลังวาดฝันถึงความต้องการของตน ถ้าเขากลับไปแล้วจะสั่งเอาเหยี่ยวแบบนี้ไปเลี้ยงสักตัว ต้องเป็นตัวที่สวยๆและน่ามองกว่าเจ้าหยิ่งตรงนี้ด้วย !

คาวัลโลมองมัน ...มองแล้วมองอีกอย่างไม่ยอมละความสนใจไปได้ รู้สึกเข้าอกเข้าใจไอ้ความรู้สึกที่เรียกว่า"อยากได้" มากขึ้นทุกที อยากได้มากๆ และของมันมาอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่กลับคว้าไว้ไม่ได้ ได้แต่มอง มอง มอง สมองก็คิดทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา...แม้ว่าความคิดนั้นจะงี่เง่าแค่ไหนก็เถอะ...ให้ตายสิ ให้ตายสิ ให้ตายสิ ชักจะเข้าใจอัลชาอ์ขึ้นมาบ้างแล้ว !

    " หึ..." เขาพ่นลมหายใจออกจากจมูกใส่มันอย่างหงุดหงิด ทีกับเจ้านายล่ะอ้อนเอา ทีกับเขาล่ะทำหยิ่งใส่ มองมากๆก็ยังทำท่าจะมาจิกลูกกะตากันอีก น่าหมั่นไส้ชะมัด นี่ถ้าแกไม่สวยจนอยากได้แทบตัวสั่นล่ะก็ เขาจะจับมันมาถอนขนเสียให้เข็ด !!

     "  อะไรกันล่ะนั่น " ชายหนุ่มในชุดโธปสีขาวขลิบทองหรูหรา ซึ่งกำลังยืนคุยกับชีคแห่งเซเนียยาขยับยิ้มขบขัน เมื่อมองเห็นนัยน์ตาที่วาววับและความสนอกสนใจที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะลดลงของหนุ่มชาวต่างชาติตรงหน้า

     " ปล่อยไปเถอะ.ห้ามไปก็เท่านั้น เจอเองถึงจะรู้สึก " อัลชาอ์เหลือบมองเพียงเล็กน้อย พลางพ่นลมหายใจเบาๆด้วยท่าทีระอาใจ

     " จะดีหรือ? หากเขาบาดเจ็บท่านจะไม่กล่าวโทษผมหรอกหรือ? " คำถามนั้นมาพร้อมกับแววตาพราวระยับรู้ทัน ชีคหนุ่มมองแล้วส่ายหัวไม่สนใจสีหน้าล้อเลียนนั่น

     "...ทำงานของคุณดีกว่า..รามิล " คำตอบนั้นทำให้ผู้ฟังหัวเราะเบาๆรับ เพราะมันไม่น่าเชื่อถือเเม้แต่น้อย กับนัยน์ตาที่มักจะเหลือบแลไปยังร่างของคนที่ยังคงสนใจไม่เลิกกับเหยี่ยวที่เกาะอยู่บนคอนนั่น.. รามิล เซฮามัค ก้มมองรายละเอียดการก่อสร้างในมือตามคำสั่ง หากใบหน้าซ่อนยิ้ม

    ...วันนี้มีโครงการตรวจการก่อสร้างเขื่อนซึ่งชีคจะมาดูแลเอง เหล่าผู้คนโดยรอบและชาวบ้านแถบนี้ต่างก็ตื่นเต้นดีใจกันใหญ่ และมันช่างเป็นขบวนเสด็จที่สร้างความแปลกใจให้ทุกคนเสียจริง เพราะร่างของชาวต่างชาติผมสีน้ำตาลตาสีฟ้าที่อยู่ข้างกายชีคนั้นจุดความสงสัยของทุกคนให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว...กระทั่งตัวเขา รามิล ทาร์คาน เซฮามัค วิศวะกรที่รับผิดชอบโครงการนี้ เพื่อนสนิทของชีคแห่งเซเนียยา ยังอดจะแปลกใจไม่ได้..

     คนๆนั้นคุ้นตาอย่างประหลาดทั้งที่เขาไม่เคยพบ หากเพียงไม่นานก็จำได้...ก็ชายคนนี้เองไม่ใช่หรือ ที่อัลชาอ์เคยสนใจ หลงไหลคลั่งไคล้..

นึกว่าเจ้าตัวจะลืมมันไปแล้ว แต่นี่...

       " มีข้อสงสัยอะไรรึเปล่า?" อัลชาอ์ออกปากถามสั้นๆ เมื่อพบว่าเพื่อนรักยังจ้องมองใบหน้าของตนไม่กระพริบ

       " เปล่าครับท่าน ไปพักหน้ากระโจมกับดีไหม ร้อนมากแล้ว " รามิลเอ่ย และผู้ฟังก็พยักหน้า สองบุรุษในชุดโธปกันลมเดินเยื้องเข้ามาในบริเวณกระโจมใหญ่ที่กางขึงไว้กลางทะเลทราย การสร้างเขื่อนในพื้นที่แห้งแล้งไม่ใช่เรื่องง่าย หากยังดีที่ประเทศนี้มีสายน้ำไหลผ่าน ทำให้สามารถทำการเกษตรได้ดีพอสมควร แต่กระนั้น สายน้ำที่มักเปลี่ยนทางเดินบ่อยๆทำให้ประชาชนเดือดร้อน จึงต้องมีการสร้างเขื่อนเพื่อเก็บรักษาน้ำไว้ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค

      พื้นที่สำหรับสร้างเขื่องส่วนหนึ่งอยุ่แถบทะเลทรายที่ค่อนข้างแห้งแล้ง โอเอซิสขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่รวบรวมผู้คนอยุ่ถัดไปไม่มากนัก ทำให้สามารถปักหลักก่อนสร้างได้ไม่ยาก  และโครงการตอนนี้ก็เป็นไปได้ด้วยดีมากกว่าครึ่งแล้ว

   สองบุรุษนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่ถูกนำมาวางไว้ ท่ามกลางสายลมแรงที่พัดพาทั้งไอเย็นและเปลวทรายร้อนระอุ รามิลหยิบแปลนแบบสร้างเขื่อนมาพิจารณา ขณะที่ชีคหนุ่มจิบน้ำทับทิมคั้นในแก้ว สายตาจ้องมองไปยังร่างของหนุ่มชาวต่างชาติที่นั่งยองๆจ้องมองเหยี่ยวตัวนั้นอย่างไม่ยอมเลิกรา

      "..เขามาอยุ่กับคุณได้ยังไงล่ะ? "รามิลวางแปลนลงบนตัก ออกปากถามชีคหนุ่มสั้นๆ ขณะที่ตวัดสายตามองตามนัยน์ตาคู่นั้น

      "....แค่ข้อตกลง...ชั่วคราว....." อัลชาอ์วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ ตอบสั้นๆ

      " ไม่น่าทำแบบนี้ไม่ใช่รึไง "รามิลเลิกคิ้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องดวงตาของผู้เป็นสหายสนิท " หลงมากๆเข้า เวลาจะจากกันมันเจ็บ..ก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือ?"

      " หึ...ต่อให้อยู่ตรงนี้ก็ไม่ต่างกันหรอก "อัลชาอ์ยกยิ้มมุมปากราวกับเยาะหยัน ชีคหนุ่มหรี่ตาลงช้าๆ พลางจิบน้ำทับทิมในแก้วอีกรอบ " เขารู้ดี.."

     " เขา? "รามิลเลิกคิ้ว

      " ใช่ เขา...เขานั่นแหละ "อัลชาอ์พึมพัมเบาๆ พลางทอดถอนใจ

       " อา...งั้นหรือ? " รามิลพึมพัมรับ ชายหนุ่มจ้องมองไปยังร่างของหนุ่มชาวต่างชาติอีกครั้งด้วยแววตาครุ่นคิด  

       " คุณก็รู้วิธีฝึกเหยี่ยวนี่...อัลชาอ์ " รามิลเลิกคิ้ว เปรยชึ้นมาช้าๆ

        " นั่นน่ะร้ายกว่าเหยี่ยวเสียอีก " ชีคหนุ่มพึมพัมรับคำ

        " แล้วก็ใจฝ่อไปเลยสิน่ะ เอ้า!!.....ฮาบาล..." ร่างสูงผุดลุกขึ้น รามิลออกปากเรียกพร้อมกับเป่าปากสั้นๆ มือซ้ายตวัดเอาถุงมือหนังมาพันแขน ขณะที่ชูมันขึ้น และมีร่างของเจ้าเหยี่ยวแสนรู้โผจากคอนมาเกาะลงบนแขนของตนอย่างรวดเร็ว

        "...อ่า......." คาวัลโลมองตาม ไม่พูดอะไร แต่มีท่าทีขัดใจอย่างเห็นได้ชัด

       " คุณฝึกมันยังไง ? " มาเฟียหนุ่มออกปากถาม สีหน้าขัดข้องใจไม่น้อย

       "อืม..."รามิลหรี่ตา ขณะที่ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้โดยที่มีเหยี่ยวของตนเกาะอยู่บนแขน ส่งเสียงร้องเบาๆไม่ขาดหู  ปลายนิ้วของชายหนุ่มลูบไล้ส่วนหัวของมันเบาๆเพื่อให้เสียงนั้นเงียบลง " เราฝึกวิธีเดียวกับการทำให้มันเป็นเชลยน่ะ"

        " หา? " คาวัลโลขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัย

        " ผมบอกว่า...เราใช้วิธีจับมันเป็นเชลย.." นัยน์ตาคู่นั้นจัองมองใบหน้าของคนพูดก่อนจะตวัดมองนัยน์ตาสีนิลของชีคหนุ่มข้างกาย

        " เชลย? "

       " ใช่...จับมันมาตั้งแต่เล็กๆ สอนมันให้รู้ว่าที่ไหนคือที่ๆมันควรอยู่ ทำให้มันรู้...ว่าที่ๆมันจะอยู่ได้คือที่นี่...และทำให้รู้....ว่าเมื่อทำผิดมันก็ต้องโดนลงโทษ แต่หากทำตัวดี มันก็จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า..." รามิลยิ้มน้อยๆ ขณะที่จ้องมองเหยี่ยวของตนที่เกาะอยู่ในอ้อมแขน " ปล่อยให้มันบินบ้าง...แต่ทำให้มันรู้ ว่าที่ๆมันสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย คือที่นี่เท่านั้น "

        "............." คาวัลโลไม่พูดอะไร เขาจ้องมองใบหน้าของคนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับรู้...ว่าคนพูดต้องการจะสื่อถึงอะไร

       " เคยมีตัวที่หนีไปบ้างไหม?"มาเฟียหนุ่มออกปากถาม

      " เคย.." รามิลพยักหน้ารับ "แต่สุดท้ายแล้วมันก็กลับมา เพราะมันหาอาหารกินเองไม่เป็น สุดท้ายก็ต้องกลับมาพึ่งพามนุษย์อยุ่ดี "

      "...แต่มนุษย์น่ะ...มีทางไปเสมอนะ..." เเววตาของคนพูดเรียบเฉยพอๆกับใบหน้า แต่กลับทำให้คนฟังชะงัก สีหน้าอึกอัก

      "  นั่นสินะ " ชายหนุ่มรับคำ ก่อนจะออกคำสั่งให้เหยี่ยวตัวนั้นโผลงไปเกาะคอนอีกครา รามิลสะบัดถุงมือหนังออกจากมือ  เหลือบมองสบแววตาของชีคแห่งเซเนียยาที่มองมายังตนอย่างเวทนากึ่งระอาใจ

      "   แล้วคุณล่ะ มีบ้างไหม? " คาวัลโลหันไปถามชีคหนุ่มที่นั่งนิ่ง นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองมาอย่างเรียบเฉยเพียงชั่วครู่ ก่อนเจ้าตัวจะพยักหน้ารับ

      " อะไรล่ะ?...เหยี่ยว สิงโต รึว่าเสือ..." คาวลโลออกปากถามอย่างสนอกสนใจ นัยน์ตาที่พราวระยับด้วยความคาดหวังนั้นไม่ได้รับการตอบแทนด้วยรอยยิ้มขบขันหรือท่าทีอาดูรเช่นเคย หากมีเพียงนัยนร์ตาที่ปรายมองชั่วครู่ ราวกับกำลังมองดูใครสักคนที่ไม่มีความสำคัญอันใดกับชีวิต....เป็นแววตาที่เคยมี ในยามที่พบเจอกันครั้งแรก..

      "....ไฮยีน่า..." อัลชาอ์ตอบสั้นๆ  "...เลี้ยงไม่เคยเชื่อง "

     " หือ? " คนฟังเลิกคิ้ว นัยน์คาเริ่มขวางเมื่อจับแววประชดประชันในคำพูดรวมถึงแววตาคู่นั้นซึ่งแสดงอารมณ์ที่เขาเกลียดแสนเกลียด " ช่วยไม่ได้ ไฮยีน่ามันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนี่...ไม่โดนมันกัดเข้าซักแผลดีเท่าไหร่ "

    " ...ตัวแค่นั้นทำให้มีแผลไม่ได้หรอก " อัลชาอ์จิบน้ำทับทิมในแก้วด้วยท่าทีไม่หยี่ระ

     " ....หึ...งั้นก็พูดได้ว่าไม่เสียใจที่มันไปสินะ....งั้นยิงทิ้งไปเลยไม่น่าสนใจกว่ารึไง "

     " ก็คิดอยู่....." อัลชาอ์รับคำสั้นๆ ทำให้คนฟังชะงัก เม้มปากแน่น

         รามิลจ้องมองท่าทีของคนทั้งคู่ขณะที่ฟังวาจาอันแฝงแววประชดประชันแสนเจ็บแสบของสองบุรุษตรงหน้าด้วยสีหน้ายากจะบรรยาย คาดไม่ถึงว่าการรับมาคุมงานก่อสร้างตามอาชีพที่ร่ำเรียนมาเพียงไม่นาน จะทำให้เขา"พลาด" อะไรไปได้มากขนาดนี้ เพราะการได้พบว่าคนที่อัลชาอ์หลงไหลถึงขึ้นคลั่งไคล้จู่ๆก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างๆชีคหนุ่มก็ว่าแปลกแล้ว หากคำพูดและท่าทีของคนสองคนที่ทำท่าว่าจะอยู่กันได้ไม่ถึงสิบนาทีกลับทำให้เขาสงสัย แปลกใจมากกว่า..

     " อา.....จริงสิ คืนนี้พักที่ไหน...ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว แดดแรงๆแบบนี้ ต่อให้อยู่ในกระโจมก็เอาไม่อยู่นะ " ออกปากพูดเพื่อลบบรรยากาศแตกร้าวชวนวิวาทกันไว้แค่นั้น รามิลยิ้มบางๆอย่างเป็นมิตรให้คนทั้งคู่

     "....กลับ " ชีคแห่งเซเนียยาตอบสั้นๆ

    " เอ๋....? ไม่จริงน่าท่านชีค..นานๆทีคุณจะออกมาตรวจงานสักที พวกเราไปเที่ยวแถวๆอาบูดาบีสักคืนดีไหม? ฉลองรถที่คุณซื้อให้ผมด้วยไง " รามิลยิ้มร่า พยายามเปลี่ยนประเด็น ชายหนุ่มพยักเพยิดไปทางรถพอร์ช คาเรร่า จีที สุดหรู ราคาเกือบยี่สิบล้านที่อัลชาอ์เพื่อนรักส่งมาเป็นของกำนัลเมื่อไม่กี่วันมานี้

     " เป็นแค่ของตอบแทนน้ำใจเล็กๆน้อยๆ รับไว้เถอะ " อัลชาอ์ตอบสั้นๆ ด้วยท่าทีไม่สนใจ

     " ...คุณล่ะครับ..ไม่ทราบว่าอยากให้เกียรติลองนั่งกับผมสักคืนไหม?" รามิลยิ้ม หันไปสบมองแววตาสีน้ำทะเลที่มองรถหรูซึ่งจอดอยู่ใกล้กับอาคารพักชั่วคราวคาวัลโลหน้านิ่ว ก่อนจะตอบออกมาสั้นๆ

     " ไม่ล่ะ...ผมชอบบูกาติมากกว่า " วาจาแสนอวดดีนั้นทำให้คนฟังหน้านิ่ว ขณะที่คนพูดก็ทำหน้าเฉย รามิลแอบส่ายหัวกับวาจาและท่าทางที่ขัดกับหน้าตาอย่างสุดขั้วนั่น บูกาติ เวย์รอน รถยนต์ราคาเกือบหกสิบล้านที่คาวัลโลพูดถึง คงมีแต่คนประเภทรวยจนไม่มีอะไรทำแบบเศรษฐีหรือมาเฟียนั่นแหละถึงจะควักกระเป๋าซื้อได้หน้าตาเฉย..

      " ผมนึกว่าคุณชอบแบบโรสลอยด์ซะอีก " รามิลออกปากถามสั้นๆ โรสลอยด์ขึ้นชื่อว่าเป็นรถที่เหมาะสมสำหรับ"มาเฟีย"ที่สุด และแน่นอนว่าเขาจงใจเปิดประเด็นเพื่อแขวะอย่างชัดเจน ขณะที่อัลชาอ์ถอนหายใจพรู ชีคหนุ่มลุกเดินหนีเข้าไปในกระโจมอย่างไม่คิดจะสนใจประเด็นการโต้เถียงที่เริ่มดุเดือดขึ้น...จากคนไม่ยอมคนและคนชอบกวนประสาททั้งสอง..

     " โรสลอย์มันรถโบราณแล้ว...ก็เหมาะกับพวกวิสัยทัศน์เน่าๆ...ชอบคิดอะไรตื้นๆ "คาวัลโลยิ้มบางๆพร้อมกับตอบสั้นๆ ถ้าเปรียบกับภาพวาดหรือการ์ตูนล่ะก็ ตอนนี้มันต้องมีคำว่า"ฉึก" ออกมาพร้อมกับลูกศรที่ทิ่มเข้าไปตรงศรีษะของรามิล ทาร์คาน เซฮามัค แน่ๆ วิศวะกรหนุ่มจ้องมองใบหน้าของคนพูดที่ยักไหล่ไม่สนอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

และในที่สุด.....เขาก็ต้องเป็นฝ่าย....เเพ้......

      ผ้าที่ปิดด้านหน้ากระโจมถูกเปิดออกทำให้ลมร้อนพัดมาเพียงชั่วครู่ รามิลจ้องมองร่างของชีคแห่งเซเนียยา ที่นั่งอยุ่บนเก้าอี้ กำลังจ้องมองรายงานในมือเงียบๆ ชายหนุ่มหน้ามุ่ย ทรุดตัวลงตรงข้ามกับอีกฝ่ายด้วยท่าทีไม่ชอบใจ

     " ...อยุ่ที่ไหนล่ะ? "ออกปากถามสั้นๆ แน่นอนว่าอัลชาอ์ไม่ได้ถามถึงคนที่เพิ่งเข้ามาแน่ๆ

     " ข้างนอก..ยังวุ่นวายกับนกไม่เลิก โดนจิดตาเสียให้เข็ดก็คงดี " รามิลพ่นงึมงัมอย่างหงุดหงิด

     " แค่เถียงแพ้ จะอารมณ์เสียอะไรนัก "อัลชาอ์ตอบสั้นๆ อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ

      " หึ...นิสัยเสียจริงๆนะเจ้าหมอนั่น ร้ายกาจ...." รามิลถอนหายใจเอือกพลางออกปากบ่น "ให้ตาย....คุณไป...ขอโทษนะ หลงรัก....เข้าไปได้ยังไง "

     "............" อัลชาอ์ไม่ตอบ แต่จ้องมองแววตาของคนตรงด้วยดวงตาวาววับแปลกตา

      " โอเค...ไม่ว่าเขาแล้วก็ได้... "รามิลยกมือยอมแพ้...

      " ว่าก็ว่าไปเถอะ จนกว่าคุณจะพอใจก็แล้วกัน  " อัลชาอ์ตอบสั้นๆ "เพราะผมก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าคนๆนั้นไม่ใช่คนดีอะไรสักหน่อย "

      " นิสัยเสียจนอยู่ในขั้นยากจะเยียวยาแล้วมากกว่า " รามิลบ่นพึมพัมพลางถอนหายใจ " ผมล่ะนึกสงสาร...คนที่มาชอบปีศาจน้อยๆอย่าง........"

   แกว๊ก......

     เสียงร้องของเหยี่ยวสุดที่รักดังลั่นทำให้รามิลชะงัก ชายหนุ่มผุดลุกดขึ้นเกือบจะพร้อมๆกับชีคแห่งเซเนียยา เพราะกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ทว่า เขาก็ต้องชะงัก เมื่อมองเห็นเงาร่างของชายหนุ่มชาวยุโรปเพียงหนึ่งเดียวในบริเวณนี้ยืนอยู่หน้ากระโจม ในมือของเจ้าตัวมีเหยี่ยวสุดที่รักนามว่าฮาบาลของเขาอยู่ในมือ...ในอุ้งมือกำขาทั้งสองข้างของมันแน่น ยึดไม่ให้เหยี่ยวตัวขนาดสองกิโลกรัมโผบินไปหรือถลันเข้าไปจิกใส่เจ้าตัว มันจึงได้แต่อ้าปากส่งเสียงร้องแกว๊กๆ...ส่วนหน้าตาของคนถือบัดนี้ก็ถมึงทึง

      "....นี่....นี่มันอะไรกัน?  " รามิลเบิกตากว้าง ถลาไปหาเหยี่ยวของตน แต่เขาก็ยังแตะมันไม่ได้เพราะไม่มีถุงมือหนังจึงไม่อยากจะเสี่ยงกับการที่ผิวเนื้อโดนเล็บของมันทำร้าย ชายหนุ่มขยับตัวสวนออกจากกระโจม กระแทกไหล่คาวัลโลที่ยืนขวางอยู่ด้วยอารามรีบร้อน แต่คนที่ถูกชนตาวาววับเขาคว้าหมับที่ไหล่ของชายหนุ่มด้วยแววตาหาเรื่อง

   แกว๊ก....

      แรงดึงที่ไหล่มันรุนแรงกว่าที่คิดทำให้คนที่จะก้าวออกไปถึงกับเซถลา รามิลหันกลับ หากเขาก็ร้องลั่นแทบไม่ทันเมื่อมองเห็นกรงเล็บของเหยี่ยวสุดที่รักในระดับใกล้สายตาจนเสียววาบ ดีที่เจ้าฮาบาลมันรู้ว่าใครเป็นนายของมัน และไม่โง่ขนาดจะจิกเล็บมาตรงดวงตา เหยี่ยวสุดที่รักของเขาจึงโผบินไปเกาะอยู่บนโต๊ะทำงานอย่างรวดเร็ว ขณะที่เจ้าของของมันเซลงกับเสากระโจมอย่างหมดท่า และมีสีหน้าเหยเกอย่างเห็นได้ชัด

       "....นี่คุณทำอะ....."

        " ..........." คาวัลโลไม่ตอบ แต่ส่งนิ้วกลางอันเป็นสัญลักษณ์สากลมาให้ด้วยดวงตาวาววับ นัยน์ตาที่ฉายแววเคืองโกรธชัดเจนทำให้คนมองอ้าปากค้าง ชายหนุ่มมองเห็นแววตาคุกรุ่นในดวงตาสีฟ้าคู่สวยชัดเจน...ชัด...เสียจนเขาเองเป็นฝ่ายพูดไม่ออก

       " ...อย่าคิดนะว่าฟังไม่ออกแล้วผมจะไม่รุ้ว่าคุณพูดอะไร...." น้ำเสียงเย็นๆที่เล็ดลอยออกมาจากปลายฟันที่ขบกันแน่นดูน่ากลัวจนเส้นขนพากันลุกวาบ " มีหน้าที่ทำงานก็ทำไป อย่ามาแส่หาเรื่องคนอื่น..."

       "..........." ปลายเท้าในชุดโธปสีเดียวกันดูแปลกตาเหยียบลงใกล้มือของสถาปนิกหนุ่มก่อนเจ้าตัวจะปิดผ้าที่คลุมทางเข้ากระโจมใส่หน้าอย่างไม่สนใจ ทิ้งให้รอยฝุ่นผงเม็ดทรายปรากฏคราบบนใบหน้าคนพูดชัดเจนถนัดตา

         เสียงแกว๊กๆของเหยี่ยวสุดที่รักยังดังขึ้นเบาๆ นั่นทำให้คนฟังหายจากอาการอึ้ง รามิลค่อยๆพยุงตัวขึ้นมาจากพื้น ชายหนุ่มเหลือบไปจ้องมองชีคหนุ่มผู้เป็นเพื่อนสนิทซึ่งนั่งลูบขนเหยี่ยวของเขาที่ยังคงส่งเสียงร้องไม่ขาดหู

      "...ให้ตายสิ " วิศวะกรหนุ่มสถบออกมาอย่างหงุดหงิด

      "ไปล้างหน้าล้างตาก่อนสิ...ดูแลเหยี่ยวของคุณด้วย ดูท่ามันจะตกใจไม่น้อยนะ " อัลชาอ์เอ่ยปากสั้นๆ ขยับตัวลุกจากเก้าอี้ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่น้อย

      " แล้วคุณจะไปไหน? " รามิลมองตามร่างของเพื่อนสนิท ที่ขยับตัวเดินออกจากกระโจม

     " ก็ไปจัดการหมาบ้าที่อาละวาดอยู่ไง " ชีคหนุ่มถอนหายใจสั้นๆ พลางออกปาก

     ".........." รามิลนิ่งเงียบ มองเห็นแววตาของอัลชาอ์ แล้วนึกอยากจะถาม ว่าจะไปจัดการหมาบ้า หรือจะไปให้หมาบ้าขย้ำจนตายคาที่กันแน่..

       ชายหนุ่มสถบพึมพัมพลางเดินเข้าไปลูบหัวเหยี่ยวตัวโปรด มองมันที่ยังคงร้องครางเบาๆด้วยท่าทีขวัญเสียแล้วนึกเสียววาบในใจ...

.....หมอนั่นมัน...ร้ายกาจชะมัด...

.................................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 07-01-2011 01:53:23
 อารมณ์เสีย

ตอนนนี้เขากำลังอารมณ์เสีย

   คาวัลโล วาลกัสกำลังหงุดหงิดถึงที่สุด หลังจากเจอไอ้บ้าที่เป็นคนคุมงานก่อสร้างเขื่อนที่มาดูตั้งแต่เช้า เห็นท่าทางของเจ้าตัวก็ว่าไม่ชอบขี้หน้าอยู่แล้ว แต่ยิ่งชวนหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ กับคำพูดและท่าทางของเจ้าหมอนั่น เห็นบอกว่าเป็นเพื่อนสนิท เหอะ สนิทก็สนิทสิ เพื่อนสนิทท่านชีคแล้วมีสิทธจะมาทำหน้าทำตาดูถูก อ้าปากกวนประสาทกันปาวๆรึไง แถมอัลชาอ์ยังนิ่ง พอเห็นว่าเป็นเพื่อนหน่อยก็ไม่ว่าอะไร แถมยังวกมากัดเขาได้หน้าตาเฉย

  พวกบ้า...

   คาวัลโลสถบอย่างหงุดหงิด เเบบนี้ทุกที พอมาชอบแล้วเขาไม่สน จากไอ้ท่าทีดีๆก็กลายเป็นตาขวางใส่ หน้าบึ้งใส่ อะไรทำนองนั้นเสียหมด มันอะไรกันนักกันหนา มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไง ที่คนๆนึงจะชอบหรือไม่ชอบใครก็ได้น่ะ มันเป็นเรื่อง"ปกติ"ไม่ใช่เหรอ ที่เขาจะมีสิทธิ์รักใครก็ได้ตามใจชอบ แล้วมันอะไรกัน ตัวเองไพล่มาชอบเขาก่อน พอไม่ชอบตอบกลับมาทำหน้าบึ้ง ไม่พอใจใส่เหมือนกับว่าเขาทำผิดนักหนา

    พวกนั้นบอกว่าใจร้ายมั่งล่ะ ไม่เห็นหัวคนอื่นบ้างล่ะ ไม่มีหัวใจบ้างล่ะ จะบ้าหรือไง ตัวเองเป็นฝ่ายมารักเองแท้ๆ เคยไปกระชากคอใครเอาปืนมาขู่ให้รักให้หลงรึก็เปล่าพอเลิกกันแล้ว พอบอกว่าไม่ได้ชอบ จะเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรือไง? คบกันแบบเพื่อนมันดีกว่าไม่ใช่เหรอ? พุดแบบนี้ไปแม่สาวๆที่เขาคบด้วยพวกนั้นก็แทบจะสาดเหล้าใส้หน้า บ้างก็ตบเขาจนหน้าชาไปเป็นแถบ แล้วยังมาด่าว่าเขาอีกมากมาย งี่เง่าจริงๆ

   กระทั่งกับอัลชาอ์ก็เถอะ ตอนแรกก็แปลกใจอยู่ที่หมอนั่นทำใจได้รวดเร็ว นึกว่าจะคุยเป็นเพื่อนกันได้ ที่ไหนได้ กลับกลายเป็นว่ามาทำขรึมเคร่งๆใส่แบบที่เคยเจอกันแรกๆ ถามอะไรก็ทำเมิน พูดอะไรก็ชอบขึงตาใส่... บ้าบอชะมัด

      แถมคนอื่นยังชอบมองว่าการกระทำของเขาผิดนักหนา ไอ้สายตากล่าวหากับท่าทีหาเรื่องของนายรามิลนั่นมันอะไรกันนะ  เพราะเป็นเพื่อนกันเลยต้องเข้าข้างรึไง ทำท่าหาเรื่องใส่แล้วพาลว่าเขา"ผิด"ที่ไม่รัก ผิดที่ไปทำร้ายจิตใจ แล้วจะผล่อยให้อัลชาอ์มันพร่ำเพ้อบ้าบออยู่คนเดียวจนตายรึไงไม่ทราบ

    คาวัลโลสถบพึมพัมอย่างหงุดหงิด ก้มมองฝ่ามือที่มีรอยเล็บแดงๆของเจ้าเหยี่ยวตัวปัญหาตัวนั้น คนอย่างเขาน่ะ ต่อให้รักแค่ไหน พอมันทำอะไรไม่ถูกใจมาก็ขยี้ให้ตายได้ทั้งนั้นแหละ กระทั่งเจ้าเหยี่ยวตัวนั้นที่ตอนแรกขาชอบมันนักหนา  แต่พอเห็นมันทำหน้าตางี่เง่าใส่บ่อยครั้ง บอกกับท่าทีของเจ้านายมันเข้า ความชอบก็เปลี่ยนเป็นความไม่ชอบ และพาลหงุดหงิดจนอยากฆ่ามันได้หน้าตาเฉย

     มาเฟียหนุ่มสถบพึมพัมอย่างหงุดหงิด  ขณะที่ผ้าปิดกระโจมถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง และร่างเงาของชีคหนุ่มที่เดินเข้ามาหาก็สะท้อนอยู่ภายใต้เเสงอาทิตย์ที่เริ่มจะร้องแรง

    นัยน์ตาคู่นั้นปราดมองมา คาวัลโลนึกหงุดหงิดกับความเย็นชาที่ปรากฏขึ้นไม่น้อย ไม่ใช่ว่าเขาเสียดาย แต่เขาไม่ชอบใครมาทำแบบนี้ต่างหาก มองกันอย่างกับคนที่ต่ำต้อย อยู่คนละโลก มองเห็นแล้วน่าหงุดหงิดเสียจนต้องเบือนหน้าไปไกล

      "...มือคุณเป็นแผล " น้ำเสียงนั้นทักเรียบๆ  คาวัลโลก้มมองฝ่ามือตัวเองแล้วยักไหล่

      " ก็ไม่ได้เจ็บมากมายอะไร "

       " ระวังจะอักเสบ มันเจ็บใช่เล่นนะ "อัลชาอ์บอกสั้นๆ ตอนแรกที่ออกมาก็ตั้งใจจะต่อว่า แต่สุดท้ายแล้ว พอเห็นฝ่ามือของเจ้าตัวกับหน้าตาบูดบึ้งนั่นแล้ว ความห่วงใยก็ทำให้เขายอมแพ้ ในที่สุด

      "...เอาเถอะ....ผมรนหาที่เองนี่ "คาวัลโลยักไหล่ ก้มมองเม็ดทรายตรงปลายเท้าที่ยังคุระอุ.
.
      " ไปขอโทษรามิลเสียด้วยล่ะ " อัลชาอ์ออกปากสั้นๆ

       " อะไรนะ ? "คราวนี้คนฟังตาขวาง

       " คุณทำตัวเสียมารยาทกับเขานี่ ขอโทษเสียมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึไง " ชีคหนุ่มชี้ แจงสั้นๆ แต่คนฟังหน้าบึ้ง ด้วยความไม่พอใจ

       " เขาก็เสียมารยาทกับผม " ดวงตาสีฟ้าตวัดมองอย่างไม่พอใจ " จริงสินะ ไม่เข้าใจพวกคุณจริงๆเลย "

          ชายหนุ่มเปรยขึ้นก่อนจะผุดลุกจากเก้าอี้ ฝ่ามือคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อของชีคหนุ่มแล้วกำแน่น มองสบแววตาสีดำคู่นั้นด่วยความไม่พอใจเด่นชัด

       " เพื่อนคุณมันบ้ารึไง ถึงชอบมาหาเรื่องผม ..ทำเหมือนผมผิดอะไรนักหนา อัลชาอ์....ผมไม่ปฏเสธหรอกนะว่าใจร้ายและทำร้ายจิตใจของคุณ..แต่ขอโทษเถอะ ! ....นี่มันสิทธของผมไม่ใช่รึไง หา! ผมจะชอบใครไม่ชอบใครก็เรื่องของผมไม่ใช่เหรอ แค่ผมไม่รักนี่มันผิดมากนักรึไง แค่ผมทำอะไรตามใจ ทำไมต้องมองผมอย่างกับฆาตกรด้วย มาหาเรื่องผมเพราะเรื่องแค่นี้เหรอ!! แค่ผมไม่ได้รัก แค่....."

        " พอแล้ว..." ฝ่ามือเย็นเยียบดึงมือที่กุมคอเสื้อไว้แล้วปล่อยมันร่วงอย่างรวดเร็วคาวัลโลขมวดคิ้วเมื่อพบว่านัยน์ตาคู่นั้นปิดสนิทและลมหายใจของชีคหนุ่มก็ถูกสูดขึ้นแรงๆราวกับระงับอารมณ์...

        " เข้าใจแล้ว....ผมเข้าใจดี " ริมฝีปากสีจางตอบรับสั้นๆ แม้ใบหน้าจะหันมองไปทางอื่นราวกับสงบอารมณ์...และ...นั่นทำให้คนมองเริ่มเข้าใจถึงอะไรบางอย่าง คาวัลโลขมวดคิ้ว อ้าปากจะพูด

        "...ผะ....."

         " ต่อไปนี้จะไม่ให้ใครมากวนใจคุณอีก...ไว้ใจได้เลย " คำตอบรับสั้นๆควรจะทำให้เขาสบายใจ แต่กลับทำให้คิ้วของคนฟังขมวดเข้าหากันมากยิ่งขึ้น คาวัลโลเผลอขบริมฝีปากตัวเองอย่างลืม ตัวลมหายใจสะดุดลง เมื่อมองเห็นแววตาที่แฝงไว้ด้วยความรวดร้าวนั้นชัดเจน..
.
   มาเฟียหนุ่มมองตามแผ่นหลังกว้างที่ลับหายไปในกระโจมด้วยความสับสน....คาวัลโลหน้าเสีย เมื่อสำนึกได้ว่าคำพูดของเขามันก่อผลอะไรเข้า..

เขาต้องการพูดให้มันชัดเจนก็จริง แต่เขาก็รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้ แค่ครั้งเดียวมันก็เกินพอแล้ว ยิ่งอัลชาอ์ไม่ได้มีท่าทีต้องการจะพูดถึงมันอีก เขาก็ไม่ควรจะออกปากพูดพล่ามอะไรออกไป..เป็นครั้งที่สอง..

...... เขา...ไม่ได้ต้องการจะตอกย้ำ หรือทำร้ายจิตใจใคร...

..........ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ........

............................................................................................


กลับมาแล้วจ๊ะ หุหุ สวัสดีปีใหม่ด้วยแล้วกัน :L1:
ตอนนี้มาแบบยาวๆแล้ว และคาวี่ยังทำร้ายจิตใจชาวบ้านอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งเปิดเผยว่าอัลชาอ์เขาไปตกหลุมรักกันตอนไหน อีท่าไหนส่วนเรื่องวางแผน เคีลยรืแล้วนะค่ะ ว่าคนที่วางแผนหักหลังทั้งสองคนยังไม่เผยตัว คนที่วางแผนวางยาและมือปืนที่ยิ่งกระสุนถล่มมาไม่ใช่ของชีคค่ะ ของชีคคือคนที่เข้ามาในห้องเท่านั้น..
แอบสงสารรามิล แต่ก็แอบหมั่นไส้ (ฮ่าๆ) เรื่องเหยี่ยวนี่นั่งหาข้อมูลเหยี่ยวทั้งวันทั้งคืน หาพันธ์ทะเลทรายเป็นภาษาไทยไม่เจอ ต้องเเล่นไปเซิร์ซเป็นภาษาอังกฤษ แล้วมานั่งถ่างตาแปล เอากับมันสิ...(กุเกิ้ลทรานไม่เคยมีประโยชน์สักนิดถ้างงล่ะก็ใช่ :z3:)
ได้มาแล้วมานั่งถ่างตาดูรุปว่าพันธ์ไหนสวยๆ เอาแบบว่าสวยจนคาวี่อยากได้อย่างแรง เลยมาชอบเจ้าเหยี่ยวออสเปรนี่ล่ะค่ะ มันดุซะด้วย แต่ถึงอย่างนั้น คาวี่ฮีก็ยังจัดการได้เช่นเคย จับขาเหยี่ยวยังกะจับขาไก่ ถ้าไม่ใช่คาวี่ทำไม่ได้นะเนี่ย(55+)
      ปล. แบดกายอัพพรุ่งนี้จ้า
 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [16] กลับรัง(ครบแล้ว) UP !! 30/12/53
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 07-01-2011 01:54:37
แปะนิดหน่อย..

* ตอบคำถามคุณ คนของเธอ เรื่องชื่อกุหลาบทราย..ถ้าถามว่ามันหมายถึงอะไร ก็คงหมายถึงคาวี่แหละค่ะ ประมาณว่าถ้าเทียบเป็นอดกไม้ หมอนี่ก็ไม่ใช่ดอกไม้ที่ทำจากแก้วแสนบอบบางอะไรประมาณนั้น แต่เป็นต้นกุหลาบทรายที่แข็งแกร่ง ทรหด สามารถอยู่ท่ามกลางทะเลทรายที่แห้งแล้งได้อย่างดี แต่ท้ายที่สุดพี่ท่านก็ยังต้องพึ่งพิงหินแบบอัลชาอ์อยุ่ดี สังเกตชื่อที่บอกว่า่"ใต้"เงาหิน  :laugh:
  อีกอย่าง ชื่อนี้มาจากเพลง Stone rose's ซึ่งเป้นเพลงที่ทำให้คิดนิยายเรื่องนี้ออกมา เลยเอามาใช้ชื่อเดียวกันกับเรื่อง ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษน่ะค่ะ
     
ได้เมาส์ปากกามาตอนวันที่31พอดี ไปเดินท่อมๆซื้อในพันทิปตามประสาคนไม่มีอะไรทำ เจอลดราคาพิเศษซะด้วย!  เลยสอยมา นั่งวาดรุปด้วยความมึนมาก เพราะไม่เคยวาดภาพจากคอมพ์เลย เมื่อวานนั่งวาดคาวี่...ได้มาคนนึง แบบว่าคาวี่หูแมว..หุหุ โมเอ้กระแทกตาชัดๆ แปะไว้ข้างล่างนะจุ๊...
..อีกนิด รูปคาวี่เคะมาก วาดออกมาสาวมากกกกกกก มากจนคาดไม่ถึงงงงงง  :laugh: สีมั่ว เส้นมึน มือใหม่ใช้ได้สามวัน โปรดอภัย :กอด1:
อีกหน่อย..อิชั้นวาดอะไรก็ออกมาเคะหมดค่ะ เพราะงั้นอย่าให้วาดอัลชาอ์เลยนะ เพราะมันอาจจะทำร้ายจิตใจคนมองได้
สุดท้าย...นี่คือรูปแมวเมา ประมาณว่าพึงตื่น..

คาวี่ : หา..เพิ่งตื่นอะรายยยย

อิชั้น  ; ระวังหลังหน่อยนะค่ะคุณลุกขา555+

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 07-01-2011 02:30:43
รักแรกพบหรือนี่
ชอบจังประโยคตอบโต้กัน

รูปแบ้วได้อีกค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 07-01-2011 03:30:48
ว้ากกกกก ในที่สุดก้มาแล้วววว
แวะมาทุกวัน ใจจดใจจ่อ...รอลุ้นกันเลยทีเดียวเชียวล่ะฮะ 5555555

ชอบมากเลยอ่ะ ดีใจจริง ๆ ที่ได้มาอ่านเรื่องนี้ที่นี่ฮะ มีความสุขจัง~ หุหุ *3*
ขอบคุณคร๊าบบบ แล้วจะรอตอนต่อไปครับผม
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 07-01-2011 05:52:54
คาวี่มาแย้วววว
ที่แท้พ่อชีคของเราก้อหลงใหลได้ปลื้มนู๋คาวี่ของเรามากว่าแรมปีแล้วนิ สะใภ้มากกกกก~!!
แต่พ่อหนูของเราก้อนะ จะแดกดันเขาแล้วก้อมานั่งจี๊ดใจตัวเองยังงี้อีกนานไหมคะ...
ระวังแม่ยกพ่อชีคมาแหกอกเอาน้าาาา O(><)O
รออ่านตอนต่อไปนะคะ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 07-01-2011 07:28:32
คาวี่หายไปนาน กลับมายาวจุใจ
แหม แหม แหม ใจแข็งจริงจริ๊ง
ไม่เห็นใจท่าน อัลสักกะติ๊ด
ระวังไว้เหอะ เด๋วเจอดีแน่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 07-01-2011 08:00:07
โธ่เ้อ้ยยยคาลวี่  ปากไวเกินไปแล้ว   แค่โดนอัลชาอ์เมินใส่ไม่พูดด้วยเหมือนก่อนบอกรัก ก็หงุดหงิดอาละวาดฟาดหัวฟาดหางแล้ว  ยังไม่รู้ใจตัวเองอี๊กกกก
เฮ้ออออ ชีคอัลเสียใจไปนู่นแล้ว ง้อด่วนนนนนน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 07-01-2011 08:19:53
สงสารท่านชีคอะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 07-01-2011 09:54:33
คาวี่ใจร้าย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 07-01-2011 09:57:33
คาวี่อ่าน่าตีๆ ไปพูดอย่างนั้นได้ไง ชีคเสียใจเลยเห็นปะ โป้ง!คาวี่แล้ว แต่...เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าชีคแอบรักแอบหลงคาวี่มานานแล้ว โถๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 07-01-2011 10:34:49
อ่าว ท่านชีคตกหลุมสเน่ห์คาวี่มานานแล้วนี่นา
แรกๆนี่ทำซึนนะ ไม่บิกไม่รู้ว่าแอบรักเขามานาน
คาวี่ก้ใจร้ายจังน้า ทำร้ายจิตใจท่นชีคอีกละ
อีคู่นี้มันชีกะเข้าอีหรอบว่ารักต้องฆ่าขึ้นทุกทีๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 07-01-2011 11:09:08
พึ่งรู้นะเนี่ยว่าหลงคาวี่มานานแล้ว
น่าสงสารอ่ะ
คาวี่ก็ใจร้ายเกิ๊ล
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: ทับทิมกรอบ ที่ 07-01-2011 12:50:35
มันเป็นรักแรกพบ  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 07-01-2011 13:27:36
ดีใจมากค่ะที่มาต่อ แถมยาววววววอีกด้วย ฮ่าๆๆ  :mc4:
อ่านแล้วแบบคาวี่ใจร้ายจัง แต่ก้รู้สึกว่าคาวี่ต้องคิดอะไรกับอัลชาร์บ้างล่ะ :m3:
แต่แค่ความฝันกับความตั้งใจที่จะเปนบอสมาเฟียมันมากจนไม่คิดว่าจะมีอะไรมาทำให้ล้มเลิก
ขนาดเปรียบให้รู้ว่าต่อให้ชอบให้รักมากแค่ไหนถ้าทำไม่ถูกใจพี่แกก้พร้อมจะทำลายได้ง่ายๆ เหอๆ
อย่างน้อยตอนนี้ก้ทำให้รู้ว่าคาวี่ก้มีความรู้สึกว่าห่วงต่อความรู้สึกของอัลชาร์ล่ะนะ ขอคิดเข้าข้างอัลชาร์หน่อยละกัน ฮ่าๆๆ  :laugh:
จะรอตอนต่อไปนะคะ ขอแบบยาววววววววววววๆยิ่งดีค่ะ
 :กอด1: ไรท์เตอร์ค่ะ
ปล. อัลชาร์หนออัลชาร์ ตกหลุมคาวี่มานานแล้วก้ไม่บอก ฮ่าๆๆ  :laugh:


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: zombiepe ที่ 07-01-2011 14:02:27
พระเจ้าอ่านตอนนี้แล้วอ่านตอนเจอน้องเหยี่ยวอยากให้น้องเหยี่ยวจิกคาลจังไปสักสามสี่ที
สงสารท่านอัลอว่างสุดซึ้งค่ะ เมื่อไหร่คาลจะรู้ตัว
ตัวเองก็ยังบอกว่าเจ็บจี๊ดๆไม่ใช่เหรอไง -*-

รูปแอบฮานะค่ะ ตรงที่มีชีคที่ไหนไม่รู้ทำตาวาวถือเชือกเนี่ย 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 07-01-2011 14:24:44
กรี๊ดดดดดดดดดด  1.ด้วยความดีใจ 2.ด้วยความเศร้าน้ำตาไหลพราก คาวี่ถ้าไม่ติดว่ารักนี่นะ ฮึ่ม มันน่าจับเป็นอาหารเหยี่ยวเลย สงสารอัลชาห์ เเต่มันก็มีบรรยากาศเเปลกๆระหว่าง สองคนใช่ไม๊ค่ะ คนเขียน คาวี่บอกว่าไม่ชอบเเต่มันก็ไม่ใช่มันบอกไม่ถูก สงสารอัลชาห์เเต่รูปน่ารักมากเลยค่ะ โมเอ้ เกินนะนั่น เเต่ท่านชีคตลกดี เเต่มันค้างน่ะค่ะ รอตอนต่อไปนะ +1 สงสารอะ ท่านชีค   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 07-01-2011 14:28:34
 :sad4: :sad4: :sad4:  งืออออ สงสารอัลชาห์อ่าาาาาาาา
คาวี่นู๋ปาดไวไปนะจ้ะ :serius2:  :o12:
ปล.ชอบท่าจับเหยี่ยวมากอะ เลิศ 55555  เหยี่ยวนะไม่ใช่ไก่คาวี่แรงงงงงงงงงงงงง  o13 o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 07-01-2011 20:35:38
รูปคาวี่น่ารักมากกกก (ไปมั้ย?) ฮ่าๆๆๆ โมเอ้ขนาดนี้แต่จับขาเหยี่ยวมือเปล่า โหดได้อีกค่ะคุณ
แล้วก้อเอิ่ม.. ต่อไปเค้าจะไม่ว่าท่านชีคเยอะแระ เพราะนู๋คาวี่อุตส่าห์เป็นรักแรกพบของท่านชีคทั้งทีนี่เนอะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ปอลอ.ชอบประกายตาวิ้งค์ๆของท่านชีคในรูปวาดมากเลยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 07-01-2011 23:16:49
ว้าวว กลายเป็นว่าชีคตกหลุมรักคาวี่มานานแล้วซะงั้นน่ะ
แต่แบบ เสน่ห์แรงจริงๆคาวี่  :o8:
ร้ายอีกต่างหาก ไฮยีน่าจริงๆนั่นแหละ
แต่เราว่าคาวี่ก็แอบมีใจให้ชีคเหมือนกันนะเนี่ย
ถึงปากจะบอกว่าไม่เสียดาย แต่ท่าทางมันบอกนะจ๊ะ 55  :impress2:
สงสารชีคเหมือนกันนะ แต่ดูจากชื่อเรื่องท่าทางเรื่องนี้จะจบแฮปปี้ด้วยดี ฮุฮุ  :กอด1:
เป็นกำลังใจให้ชีคค่า ขอให้คาวี่ตกหลุมเลิฟไวๆน๊า 55 เอาใจช่วยๆ

ปล. รูปคาวี่เคะมากกก น่าร๊ากกก  :pighaun:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 07-01-2011 23:17:13
รูปคาวี่โมเอะขนาด ฮ่าๆ

อิวี่ใจร้ายอย่างแรง ทำร้ายจิตใจคนอ่านอ่ะ  :o12:

แต่ก็นะ คาวี่เธอก็เหมือนจะสับสนในความรู้สึก

ไม่ชอบเค้าแต่อยากให้เค้าเอาใจ อยากให้เค้าดีด้วย อิชั้นล่ะอึ้งจริงๆ

ชื่อเรื่องพี่คนเขียนแปลว่ากุหลาบทราย "ใต้" เงาหิน ล่ะเค้าคิ๊ดคิด

เมื่อไหร่กุหลาบจะอยู่ "ใต้" หินซะทีล่ะ รออยู่นะ  :z1:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 07-01-2011 23:32:34
นับถือในความพยายามหาข้อมูลเรื่องเหยี่ยวมากๆจ๊ะ (Googleแปลไม่รู้เรื่องจริงๆ)
แต่ขอติงเรื่องบทบรรยายเหยี่ยวมันซ้ำกันสองบทนะจ๊ะ อ่านแล้วมันเหมือนวนอยู่ที่เดิม

รู้สึกเข้าใจอัลซามากขึ้นเยอะเลย มาเฉลยเอาตอนนี้นี่เอง สับสนอยู่นาน ฮ่าๆ
ตอนนี้คาวัลโลแสดงอารมณ์เหวี่ยงๆอย่างเต็มที่แอบขำตอนเจ้ารามิลถูกเล่นงานเข้าให้ โฮะๆ
ยังอุตส่าห์เข้าใจ?เอาเองได้อีกด้วยว่าเค้าพูดอะไรกัน ฮาได้อีกอะ คาวี่สุดยอด ฮ่าๆๆ  o13

ปล.วาดคาวี่ได้น่ารัก น่าหม่ำจริงๆเลย~ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 07-01-2011 23:33:55
ขอแปะก่อนนะค่ะ พรุ่งนี้สอบเสร็จจะมาอ่าน+เม้นท์
ไรท์เตอร์ซื้อเมาส์ปากกามาเท่าไหร่ค่ะ รุคกี้อยากได้บ้างงงงง
ปล. เรื่องนี้ต้องมีรวมเล่มนะค่ะ เพราะรุคกี้รักเรื่องนี้มากกกกกกกกก อยากได้เป็นรูปเล่ตั้งแต่ตอนนี้เลย
555555 ไปอ่านสือสอบต่อล่ะค่าา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: ammer ที่ 07-01-2011 23:47:20
ถ้ารักท่านชีคขึ้นมาบ้างแล้วจะรู้สึก :a14:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 08-01-2011 00:01:22
คาวี่อ่ะ ทำมั้ยต้องทำร้ายจิตใจอัสชาอ์ด้วยนะ รู้แล้วว่าไม่รัก ไม่ต้องย้ำมากก้อได้ ท่านชีคเค้าเสียใจนะ :m15: :monkeysad: :sad11:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 08-01-2011 01:03:30
จะรอดูวันที่คาวี่มันรักท่านชีค จะยุให้ท่านชีคสะบัดบ๊อบใส่เลยคอยดูสิ  :angry2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: TO.EYEz ที่ 08-01-2011 16:45:20
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ด   :o12:

สงสารชีคจับจายยยย ย โฮฮฮฮ ฮ ..
ถึงว่าล่ะทำไมชีคมันถึงเพ้อหนักหนา ทั้งๆที่เพิ่งเจอกันไม่นาน

ที่แท้แอบมีเบี้องหลังนี่เอง  o18


โฮฮฮ ฮ คาวี่จ๋าาา เธอทำอารายลงปายย ย (*ฟาดก้น)
ทำร้ายคนที่รักเธอได้ลงคอออ กระซิกกๆ TvT
แววตารวดร้าวของท่านชีคทำเรารวดร้าวตามเลยยย โอ๊ยย สงสารอ่ะ (*กวักมือเรียกอัลชาอ์)
ถ้าวันใดนู๋คาวี่มันยอมศิโรราบนี่ต้องจัดหนักให้เลยนะ  :z1:  แก้แค้นๆ ๕๕๕๕

ไรเตอร์ไฟท์ติ้ง!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 08-01-2011 17:50:15
รักหนอรัก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 09-01-2011 01:44:40
สงสารท่านชีคอ่ะ...คาลใจร้ายหลายรอบแล้วนะ...ถึงจะหวังดีก็เถอะ :เฮ้อ:
แต่เพิ่งรู้เลยนะเนี่ย...ว่าอัลหลงรักคาลตั้งนานแล้ว แถมเป็นรักแรกพบซะอีก
ทั้ง ๆ ที่คาลก็เริ่มหวั่นไหวแล้วแท้ ๆ อยากให้รู้ใจตัวเองเร็ว ๆ ก่อนจะทำร้ายความรู้สึกกันไปมากกว่านี้นะ
ในกรณีของอัล...รายนั้นคงเตรียมใจรับมือกับทุกอย่างเอาไว้อยู่แล้ว เป็นคนที่กว่าจะก้าวถึงที่สูงต้องผ่านช่วงเวลาที่ลำบากและโดนหยามหมิ่นมาเยอะ น่าจะเข้มแข็งและรับมือกับเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดหรืออยู่นอกแผนที่วางไว้ได้ดีกว่าคาลที่ทุกอย่างเต้นอยู่บนฝ่ามือมาตั้งแต่ต้น เกิดในตระกูลที่ดี เป็นที่รัก ฉลาดหลักแหลม มีอำนาจอยู่ในมือตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงจะต้องผ่านการฝึกฝนที่ยากลำบาก แต่การฝึกกับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัวก็ต่างกัน
อ่านเรื่องนี้แล้วมีเรื่องให้คิดเยอะอ่ะ...แต่ก็จะรอตอนต่อไป  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 09-01-2011 16:04:11
คาวี่ใจร้ายยยย  พูดแบบนี้ได้ยังไงกัน สงสารท่านชึคจริงๆ เลย เล็งไว้ตั้งนาน เพิ่งมีโอกาส  :o12: :o12:
เปรียบคาวี่เป็นไฮยีน่าเหรอ ใช่ไอ้ตัวที่ชอบไปแย่งอาหารของสัตว์อื่นในสารคดีรึเปล่า ชื่อมันคุ้น ๆ แต่เปรียบเทียบซะ
 :กอด1: :กอด1: รูปน่ารักมากเลยค่ะ ถ้าเปรียบเป็นคาวี่ ท่านชีคเห็นแบบนี้คงอดใจไม่ไหวนะ จับปล้ำแม่งเรยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 10-01-2011 00:22:25
สงสารอัลชาอ์อ่ะ
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 10-01-2011 08:37:55
ก้อทำไปแล้วนิ :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 10-01-2011 18:43:56
มาแล้วๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 12-01-2011 00:18:19
อยากเลี้ยงเหยี่ยวว



อิอิอิอิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 13-01-2011 12:48:06
i love you
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 13-01-2011 19:43:35
มาช่วยดัน อัพไวไวนะคะ writer สู้ๆ (^_^)
....................................................
 :serius2: หนาวๆ คิดถึงคาวี่-ฮัลซาจัง :-[
...........................................................
แวะมาส่งไออุ่นผ่านความคิดถึงก่อนแวะเข้านอนจ้า คิดถึงมากๆเลย~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 13-01-2011 22:21:53
ไรเตอร์...อย่าหายไปนานสิ ก๊ากกกก
คาลเนี่ยเย็นชาได้อิก โหดได้อิกนะฮะ...แสบทรวงมากเลยอ่ะ มันส์ ๆ ชอบ!!

มาสักทีสิฮะ....รออยู่~ ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 14-01-2011 18:07:40
คาวี่ร้ายอย่างนี้
ต้องให้อัลชาห์ :beat: จูบเสียให้เข็ด

เอาให้ตัวอ่อนไปเลย :laugh:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: TO.EYEz ที่ 14-01-2011 19:06:50
เข้ามาดูทุกวัน วันละสามครั้งหลังอาหารได้ค่ะ TvT
ไรเตอร์หายนานเกิ๊นน น เกินที่ความคิดถึงจะรับไหววว  :m15:

มาอัพไวไวเน้อ.. รออยู่และเป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 14-01-2011 19:22:20
เข้ามาทวงจ้า o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: liptudzii_chi ที่ 16-01-2011 00:34:00
 :fire:รอจนใจลุกเปงไฟด้วยความอยากอ่านต่อมากมาย :serius2: :angry2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 16-01-2011 19:45:08
สงสารอัลชาอ์จริงจัง คนมันรักมาตั้งนาน พอไ้ด้มาเจออีกครั้งจะดีใจก็ไม่แปลก
คาวี่นะคาวี่ . . .  ทั้งที่แอบมีใจให้เขา แต่เหมือนมีอะไรบังเอาไว้สินะ เลยมองไม่เห็นความรู้สึกนั้นน่ะ
ชอบตอนนี้มากเลยนะค่ะ แบบมีเหยี่ยว ชอบเหยี่ยวอ๊ะ!! ><!!
อัลชาอ์ สู้ๆ นะคะ่
ทำให้คาวัลโลเจ็บจนจุกไปเลยยยยยยยยยย

ตอนหน้าอยู่หนายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 16-01-2011 19:52:37
เข้ามารอค่ะ
คิดถึงคาวี่ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 16-01-2011 19:55:00
คิดถึงอัลชาร์กับคาวี่แล้วววววววววว  :impress2:
รอค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 17-01-2011 09:11:35
เเวะเข้ามาส่องยังไม่มาเลยนิ คึดฮอด คาวี่หลาย ถึงร้ายเค้าก็ยังรักอยู่นะ หงิงหงิงหงิง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 17-01-2011 18:46:38
 :serius2: :z3:พี่ปุ้ยหายไปหนายยยยยยยยยย
ทำเราค้างๆคาๆแล้วหายเงียบไปเลยน้าาาา   สงสารอัลชาห์ :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 17-01-2011 21:12:10
เพิ่งได้อ่าน


แหมๆๆๆอัลซ่าแอบหลงรักคาวัลโลมาก่อนแล้วเหรอเนี่ย



โธ่ๆๆๆน่าสงสารจังอ่ะโดนย้ำอยู่นั่นแหละว่าไม่รัก



เฉาใจจริงๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 17-01-2011 21:51:11
10 วันล่ะเด้ออออ

ต่อเหอะนะ  :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 18-01-2011 11:20:45
Line : 18 ฝุ่นทราย

   การที่ตัวเขาทำแบบนี้มันไม่ดีแน่...ก็รู้..

ไปตอกย้ำทำร้ายจิตใจใครเขามันไม่ดี..ก็รู้อยู่เหมือนกัน

แต่ว่า... ท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่ได้ออกปากขอโทษไปอย่างที่ควรจะทำ

   คาวัลโล ขมวดคิ้วน้อยๆ ขณะที่นั่งอยู่บนพื้นพรมด้วยท่าทีเซ็งชีวิต บนเนินทรายที่ไม่ห่างกันนักมีร่างของบุรุษชาวทะเลทรายสี่ห้าคนนั่งสวดมนต์ยามเย็นอยู่ เสียงของมันก้องกังวานไปทั่วท้องทะเลทราย ด้านหลังเป็นเมืองเล็กๆนั้นมีประชากรไม่มาก ส่วนใหญ่ก็ทำงานเป็นลูกจ้างรัฐในการสร้างเขื่อน  คนเหล่านี้ต่างนั่งอยู่ด้านหลังของเขา นั่งคุกเข่าหมอบกรานสวดละหมาดตามจารีตแห่งศาสนาตน โดยมีอัลชาอ์และหมอศาสนาของที่นี่เป็นผู้นำท่ามกลางทะเลทรายที่อาทิตย์ใกล้จะตกดิน บรรยากาศในที่แห่งนี้ช่างเต็มไปด้วยมนต์ขลัง มนเน่ห์แห่งทะเลทรายที่ใครหลายคนงว่าไว้ ชายหนุ่มพบว่าเขาเพิ่งค้นพบมันอย่างจริงจังก็คราวนี้...

    ทะเลทรายกว้างใหญ่...ดูทั้งยิ่งใหญ่และเงียบเหงา หากมองมาจากท้องฟ้า ด้วยสายตาของนกที่กำลังบินว่อน มนุษย์...คงไม่ต่างจากมดตัวเล็กๆที่เกาะกลุ่มกันอยู่ภายใต้ท้องฟ้ากว้าง ส่งเสียงสวดมนต์ดังกังวานไปทั่ว จากเหล่าผู้ศรัทธาในศาสนาและศาสดาของตน ต่างก็สวดพร่ำเพื่อความหวัง เพื่อศรัทธา...

     ก้อนหินก้อนใหญ่ซึ่งถูกลากมาสร้างเขื่อนที่เขาพิงอยู่มันยังอุ่นร้อน แสงอาทิตย์ที่อ่อนกำลังลงสอดผ่านเหลือศรีษะกระทบกับส่วนบนของหิน คาวัลโลขยับตัวซุกลงใต้เงาของมันหลบหลีกสายตาที่จ้องมองมาอย่างงวยงง สนอกสนใจ หรือบ้างก็เป็นอริ..

      มาเฟียหนุ่มเม้มปากน้อยๆ ลอบผ่อนลมหายใจลงอย่างช้าๆ เป็นเรื่องไม่แปลกหรอกที่จะถูกจ้องมอง ทั้งด้วยรูปร่างหน้าตาที่แตกต่าง หรือลักษณะท่าที ตลอดจนการกระทำของเขา ชายต่างชาติที่ใส่ชุดโธปตามหลักศาสนาอิสลาม ทว่าไม่ได้สวมกุตราห์ หรือคาฟิยะห์ ทั้งยังไม่สวดมนต์ภาวนาต่อพระเจ้าของคนที่นี่..
เป็นคนแปลก..แตกต่าง แตกแยกกับพวกเขามาตั้งแต่แรก ก็สมควรถูกจ้องมอง และ...มุสลิมหัวเก่าบางคนก็คงไม่ชอบนักที่จะเห็นหน้าพวกต่างศาสนา โดยเฉพาะชาวคริสต์ ชาวตะวันตกที่มาก่อเรื่องมากมายในทวีปตะวันออกไกลแห่งนี้...

    เป็นเรื่องปกติ...แต่ชวนหนาวสันหลังเยือกชอบกล...

มาเฟียหนุ่มถอนหายใจอีกเฮือก..เชื่อเลยว่าถ้าเขาไม่ได้มากับอัลชาอ์ คนพวกนี้คงหาทางไล่เขาไปไกลๆตาเสียแน่ๆ..

   ฝ่ามือที่คันยิบระคนเจ็บแปลบทำให้ต้องก้มลงมอง คาวัลโลขมวดคิ้วกับรอยเล็บของเจ้าเหยี่ยวชื่อ ฮาบาล ตัวนั้น บนฝ่ามือ ที่ตอนนี้มันขึ้นเป็นรอยแดงมีร่องรอยของผิวหนังที่ถูกขูกลอกจนเลือดไหลซิบ..

มองแล้วก็ก้มลงใช้ลิ้นเลียเเผล็บชิมรสเลือดฝาดๆของตัวเองและสัมผัสความเจ็บแปลบที่แล่นมาตามผิวหนังอย่างชาชิน จนแอบคิดไม่ได้ว่าตัวเขาเองอาจจะเป็นมาโซหน่อยๆ ไม่สิ อาจจะมากๆด้วยซ้ำ...

    คาวัลโลมองดุแผ่นหลังของชีคหนุ่มที่เห็นอยู่ไม่ไกลนักด้วยสายตาครุ่นคิด  วิธีการขอโทษหรือสำนึกผิดมีมากมายก็จริงแต่เมื่อที่สุดแล้วเขาเลือกจะไม่ขอโทษ ก็ควรจะทำต่อไปให้ตลอดรอดฝั่ง บอกตามตรงว่าในความคิดของตนเอง การขอโทษ..มันก็แค่เป็นคำพูดหนึ่งเท่านั้น..อ้าปากบอกได้ง่ายๆทว่าจะคิดหรือเสียใจกับมันจริงจังจริงรึไม่ก็ไม่มีใครทราบ..

    เขากำลังคิดหาวิธีไถ่โทษในแบบของตัวเอง...อย่างที่เคยทำมาตลอด..

    คิดหาวิธีที่จะ"ให้"ในสิ่งที่เขาเผลอทำลายมันไป แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งเดียวกันตอบแทน...ด้วยสาเหตุว่าให้ไม่ได้หรือให้ไปก็เท่านั้นก็ตาม แต่เขาเชื่อเสมอเรื่องความยุติธรรรม ใครทำอะไรก็ต้องเจอแบบเดียวกัน ดังนั้น ถ้าเขาทำร้ายจิตใจใครหรือทำอะไรให้ใคร จะปล่อยวางไม่ได้ ต้อง"ชดใช้"คนเหล่านั้นด้วยค่าที่เท่ากัน..

    ...ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะรู้หรือไม่ ไม่ว่าพวกเขาจะทราบถึงการตอบแทนนั้นไหม...ก็ตาม...

     ดวงตะวันยังคงไม่ลาลับขอบฟ้า คาวัลโลวางฝ่ามือลงบนผิวแก้ม เงยหน้าขึ้นมองดวงตะวันและภาพเบื้องหน้า ขณะที่สมองพาลคิดไปถึงเหล่าคนในครอบครัวทั้งหลาย..

ปฏิเสธไม่ได้ว่าแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกแปลกแยก....แตกต่าง

และปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่ามันทำให้เขาคิดถึงบ้าน..

...และไม่ปฏิเสธเช่นกันว่าเขากำลังเหงา...ที่ข้างกายไม่มีใครคอยยิ้มให้สักคน...

..............................................................

       สิ่งที่อเล็กเซย์ จิโอวานนี่ วาลกัส ชื่นชอบเป็นที่สุดคือเรื่องของความเร็ว เขาชอบการขับรถ เขาชอบกิจกรรมผาดโผน ชอบเรื่องตื่นเต้น ท้าทาย และไม่เคยอยู่กับที่ได้นานเลยสักครั้ง ต่อให้มีหน้าที่ความรับผิดชอบมากขึ้นเพียงไหน มันอาจจะทำให้เขาไม่มีโอกาสออกไปทำอะไรตามใจเท่าไหร่ แต่ทว่า พี่ชายคนรองของตระกูลวาลกัสก็ยังคงชื่นชอบที่จะวิ่งแจ้น กระโดดโลดเต้นไปมาให้หายเฉื่อยอยู่ตลอด..

   ....อเล็กเซย์เชื่อว่าเขาเป็นมนุษย์ประเภทที่ไม่ได้ขยับแล้วเท่ากับตาย...

และตอนนี้ ทฤษฎีนั้นก็ไม่ผิดพลาดเลยสักนิดเดียว..

     หลังจากเดินทางกลับมายังอิตาลีด้วยสายการบินพิเศษที่เช่าเหมาลำมาเพื่อความปลอดภัย และลงจากเครื่องโดยมีบอดีการ์ดและรถคุ้มครอง ประกบติด แต่ก็มาเจอการจราจรในกรุงโรมในชั่วโมงเร่งด่วนที่เข้าขั้นเรียกได้ว่าเป็นอัมพาต แต่คงไม่เท่ากับร่างของคุณชายคนรองแห่งตระกูลวาลกัสที่ทำหน้าเหมือนใกล้จะแห้งตายเป็นซากติดกับเบาะหนังชั้นดีของรถ แมคคาเลน เมอซิเดส SLR สปอร์ต ซึ่งต่อให้รถมันจะสวยเบาะนุ่มหรือเครื่องเสียงดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถปรับพื้นอารมณ์ที่กำลังอยู่ในขั้นวิกฤติของชายหนุ่มที่อยู่ในสภาพขาสองข้างเข้าเฝือกให้ดีขึ้นมาได้...

    กระทั่งมีร่างของแฝดคนพี่สุดที่รักนั่งข้างๆ ก็ยังไม่สามารถทำให้อเล็กเซย์เลิกถอนหายใจเฮือกๆหงุดหงิดฟึดฟัด ยังดีที่อเล็กซิสส่งสายตาปรามมองมาเป็นระยะๆ นั่นจึงเป็นสิ่งเดียวที่คอยรั้งไว้ไม่ให้อเล็กเซย์อาละวาดคว้าคอคนขับโยนลงบนถนนแล้วขับรถฝ่าไฟแดงแล่นทะลุตึกรามบ้านช่องออกไปให้ถึงบ้านแม้เจ้าตัวจะอยู่ในสภาพขาพิการก็ตามทีเถอะ...

     " นั่งถอนใจไปรถมันก็ไม่ไปเร็วขึ้นหรอกนะพี่อเล็กซ์ " คาร์เนโร่เหลือบตามองมาจากเบาะหน้าข้างคนขับ ก่อนจะปรายตามองไปยังพี่ชายคนโต " แล้วนั่นก็นั่งวิเคราะห์หุ้นเก็งกำไรไปถึงโลกไหนแล้วไม่ทราบ...ลุกไปนั่งจิบกาแฟสักหน่อยไหมครับคุณชาย "

      " เพราะฉันนั่งเล่นหุ้นอยู่น่ะสิ แกถึงมีปัญญาเอาเงินไปหว่านทิ้งกับโครงการวิจัยฝุ่นไร้สาระนั่น " อเล็กซิสถลึงตากลับแล้วเริ่มอ้าปากฟัดกับน้องชายสุดที่รัก(?)

      "....ทั้งสองคน..เงียบไปเลยไป ! " เสียงตลวาดที่ไม่ได้มีมาบ่อยนักของอเล็กเซย์ทำให้สองหนุ่มยอมหุบปาก อเล็กซิสหันไปมองร่างของคนรักที่กำลังอารมณ์เสียถึงขีดสุดแล้วลอบถอนใจ เขาปิดแลบท๊อปบนตัก  วางมันลงบนเบาะนั่งอย่างไม่สนใจ ก่อนจะขยับกายเข้าไปใกล้ พลางดึงเอาตัวคนอารมณ์เสียมาแนบชิด..

     "  อารมณ์เสียอะไรนักหือ? "เสียงพึมพัมเบาๆในท่วงทำนองแสนออดอ้อนนั่นไม่ได้คุ้นหูคนอื่นเท่าไหร่นัก คาร์เนโรเหลือบมองไปยังกระจกมองหลังอย่างหน่ายระอา ขณะที่ฝ่ามือก็ซัดเข้าที่กกหูของคนขับรถที่ทำท่าจะชะแง้มองอย่างไม่เบานัก

     " มองข้างหน้าไป แก....." เอ่ยพลางถลึงตาใส่มันเงียบๆ ส่วนฝ่ามือก็จัดการบิดกระจกนั้นให้หันมาทางด้านของตัวเอง ไม่ให้คนขับรถมอง และรวมถึงตัวเขาที่จะไม่เห็นภาพน่าหมั่นไส้พวกนั้นด้วย...

    .....แค่ฟังเสียงก็เอียนจะตายแล้ว..

      "...ไม่เอา ร้อน...." ช่วงนี้อารมณ์คนป่วยไม่นิ่งเสียจริงๆ ยิ่งกับคนป่วยที่ไฮเปอร์ไม่ยอมนิ่งอย่างอเล็กเซย์ต้องมากลายเป็นคนพิการขาหักนั่งรถเข็นด้วยแล้ว...ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่..

      " หือ? อะไรกัน...ไม่สนใจฉันแล้วเหรอ? " เอ่ยถามพลางจับเอาฝ่ามือที่เอื้อมมาผลักใบหน้าของตนที่แนบชิดเมื่อครู่ ไว้อย่างคาดโทษ..ดวงตาจ้องเขม็งสบกับนัยน์ตาสีเดียวกันที่ฉายแววหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด..

      " เปล่า..... "น้ำเสียงนั้นยังแฝงแววกระเง้ากระงอด แม้ว่าจะลดอาการปั้นปึ่งลงมากแล้ว ท่าทีนั้นบอกให้อเล็กซิสรู้ว่าจะดุไปก็เสียเรื่องเปล่า ที่ทำได้ก็มีแต่ปลอบให้เจ้าตัวลดอาการอารมณ์ไม่คงที่ก็เท่านั้น

      "...แล้วเป็นอะไรล่ะหือ? นี่ก็รถติดแบบนี้ปกตินั่นล่ะ " ..แน่นอนว่าพวกเขาที่อยู่อิตาลีมาครึ่งชีวิตมีหรือจะไม่ชินกับชีวิตตามใจตนและไร้ระเบียบอย่างร้ายกาจของชนชาติตัวเอง หรือกระทั่งสภาพการจจราจรที่เต็มไปด้วยคนทำผิดกกจราจร พวกไม่รู้เรื่อง หรือพวกชอบทำอะไรตามใจ ให้ตำรวจคอยวิ่งว่อนไปหมด...ทั้งหมดนี่นั่นล่ะ มีอยู่ใน"อิตาลี" บ้านของพวกเขา

      "....อเล็ก....อึดอัดจะตายอยู่แล้ว..." อเล็กเซย์พึมพัมออกมาหย่างหงุดหงิด เขาโขกหน้าผากกระทบกับไหล่หนาในชุดสูทของอเล็กซิสแฝดผู้พี่เบาๆด้วยท่าทีจนใจ " ไม่ไหวแน่ๆ ให้ฉันอยู่แบบนี้ฉันต้องตายแน่ๆ...โอยยยยยยยยยย"

     " ก็เจ็บอยู่นี่ จะทำไงได้ล่ะ " อเล็กซิสส่ายหัวกับความต้องการที่เป็นไปไม่ได้ของแฝดน้อง

    "....เดี๋ยวคาร์โลก็กลับ เดี๋ยวนายก็ไปทำงาน พ่อด้วย ซานดร้า ลุงเฟรโด้ก็ด้วย กระทั่งแม่ก็ต้องนั่งแต่งนิยายไปตามเรื่อง ทิ้งให้ฉันนั่งเฉาตายบนรถเข็นกับเจ้าลาบาดอร์งี่เง่าอีกสองสามตัว...ไม่เอานะอเล็ก...ฉันต้องตายแน่ๆ ฉันต้องเบื่อตายแน่ๆๆๆๆ "

      " ผมยังไม่กลับน่า "คาร์เนโรท้องออกมาเบาๆ

      " เดี๋ยวแกก็ไปน่ะ  ถึงอยู่แกก็เหมือนไม่อยู่ อยู่ดีนั่นล่ะ !! " อเล็กเซย์ถลึงตาใส่น้องชายอย่างเอาแต่ใจ

     " อะไรกัน! ที่ไม่อยู่น่ะหมายความว่าไง? ไม่เห็นหัวเหรอหา? หรือคิดว่าไม่มีตัวตนกันแน่" คราวนี้คาร์โลเริ่มเปิดแนวรบใส่อย่างไม่ยอมแพ้

     " หา? เดี๋ยวแกก็แจ้นไปคุยโทรศัพท์ เดี๋ยวแกก็ไปเปิดคอมพ์ติดต่ออะไรมากมาย ตอนบ่ายก็เข้าไปสำนักงานวิจัย แกอยู่บ้านตรงไหนว่ะหา? แกมาบ้านน่ะแค่มากินข้าวกับซุกหัวนอนเท่านั้นล่ะโว้ยยยย " อเล็กเซย์โวยใส่อย่างไม่ยอมแพ้

     " แล้วไงล่ะฮึ..ทีพี่ล่ะ เคยอยู่นานซะที่ไหน เดี๋ยวแจ้นไปโน่นมานี่ มาด่าว่าชาวบ้านเขาอยู่แค่นอนกับกิน ทีพี่ล่ะว่ะ ขนาดห้องตัวเองยังไม่อยู่เลย ! " คนเป็นน้องเริ่มสาวไส้กลับถึงพฤติกรรมที่กำลังอยู่ในขั้นอยู่กินฉันท์สามีภรรยาของพี่ชายทั้งคู่ ประเภทที่นอนด้วยกัน ออกไปกินข้าวด้วยกันสองต่อสอง หรือหายหัวไปสองคนไม่บอกใครตอนวันเสาร์อาทิตย์บ้าง...อะไรแบบนั้น

     "....เรื่องของฉัน ! ไอ้คนที่หาอิตัวสองสามคนไปกกตอนวันหยุดน่ะอย่ามาโวยหน่อยเลย ไอ้..."

     " นี่มันใช่เวลามาสาวไส้กันรึไงน่ะหา !? " อเล็กซิสที่นั่งนิ่งฟังสองพี่น้องซึ่งสนิทสนมกัน"ดี" สาวไส้กันไปมาแล้วชักปวดหัวขึ้นมา เขาเอื้อมมือไปปิดปากคนข้างตัวไว้ก่อนเป็นอันดับแรก ตวาดใส่น้องชายเป็นคำรบสอง ให้ทั้งคู่รู้ตัวเสียทีว่าตอนนี้คนขับรถกำลังกลั้นหัวเราะเสียจนตัวสั่น...บวกกับสายตาของรถคันข้างๆที่เริ่มเมียงมองทะลุกระจกติดฟิล์มกรองแสงเข้ามาอย่างอยากรู้..

....พี่น้องตระกูลดังนั่งทะเลาะกันกลางถนน สาวไส้ด่ากันท่ามกลางสายตาชาวบ้านชาวช่อง น่าสรรเสริญนักนี่...

      " เหอะ.... "คาร์โลส่งเสียงครืดคราดในลำคอ แน่นอนว่าเขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ควรจะเงียบไว้ก่อน ดังนั้นคุณชายคนที่สามของบ้านจึงหันไปทำเสียงฮัดอัดใส่คนขับแทนเป็นการระบายอารมณ์

      "...ชิ " อเล็กเซย์พิงไหล่แฝดพี่อย่างไม่สนใจ แถมยังทำลอยหน้าลอยตาใส่น้องชายคนสนิทเสียด้วย..

      ".........." อเล็กซิสแอบถอนหายใจเฮือก กับคู่พี่น้องที่บทจะดีก็ดี บทจะทะเลาะกันก็เล่นเอาลั่นไปทั้งบ้านอย่างระอาใจ..

            แน่นอนว่าหากบวกอเล็กซานดร้าและคาวัลโลอีกคนเข้าไปแล้ว ครอบครัวพี่น้องสุขสันต์บ้านแตกของพวกเขาจะ...สมบูรณ์แบบแน่นอน..

   คิดพลางอดจะยกรอยยิ้มกับภาพอดีตที่ผ่านเข้ามาในห้วงคิดไม่ได้ ภาพอเล็กเซย์นั่งคุยจิกจิกกับคาร์โลโดยมีเขานั่งข้างๆ ส่วนคาวัลโลมันก็คอยวิวาทถอนหงอกอยู่ห่างๆ พ่วงมาด้วยแม่น้องสาวคนเดียวของพวกเขาซึ่งกำลังชั่งใจว่าวันนี้จะเดทกับหนุ่มคนไหน ที่ใดดีถึงจะไม่มีพี่ชายน้องชายคนไหนตามไปรังควานให้เดทของหล่อนเหลวอีกเป็นครั้งที่หลายสิบ...

        ...คิดแล้วมันช่างแตกต่างกับตอนนี้เสียเหลือเกิน ดูห่างไกลราวกับอยู่คนละโลกเสียด้วยซ้ำ...

    เหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนรักพลางลอบถอนใจแผ่วเบา...ตอนนี้ สิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ทุกสิ่งกลับไปเป็นเหมือนเดิม ก็คือการต่อสุ้เพื่อสิ่งที่เขารักทั้งหมด..

....เพื่อจะควานหาตัวคนที่แย่งชิงความสงบสุขของพวกเขาไป...นั่นคือหน้าที่ซึ่งพี่ใหญ่ของบ้านอย่างเขาต้องทำ..

...กางปีกปกป้องคนที่รักอย่างสุดความสามารถ...

 ด้วยชีวิต..

       " อเล็ก....โกรธเหรอ? " อเล็กเซย์สังเกตว่าคนข้างกายนิ่งเงียบไปผิดปกติ เขาจึงหันไปส่งเสียงอ้อนอีกฝ่าย.. และนั่นทำให้คนที่นิ่งขึงครุ่นคิดอยู่รู้สึกตัวขึ้นมาได้

      " หือ?...เปล่าหรอก....ไม่มีอะไร " ตอบพลางคว้าร่างของคนรักให้แนบชิด จรดริมฝีปากลงบนหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆอย่างรักใคร่

       " เฮ่ย...กลางถนนนะ..." คาร์เนโรส่งเสียงเตือนสั้นๆ

      "....รู้แล้ว...." สองแฝดรับคำในลำคองึมงัม แต่ก็ยังไม่ผละออกจากอ้อมกอดของกันและกันแต่อย่างใด จนคนมองต้องส่ายหัวอย่างหน่ายระอา

....เอาให้รุ้กันทั้งอิตาลีเลยมั้ย ถึงจะพอใจกันน่ะ!!

        คาร์โลบ่นพึมพัมในลำคอกับนิสัยชอบแสดงความรัก ความสนิทสนมแนบชินจน"เกินไป" ออกมาสู่สาธารณชนอยู่เนืองๆของคู่แฝด  ที่สักวันคงได้มีรูปอล่างฉ่างโผล่ขึ้นนสพ.แท๊ปลอยด์หัวใดหัวหนึ่งสักวันแน่..และถ้าวันนั้นมาถึง ต่อให้ใช้เม็ดเงินและอิทธิพลแค่ไหนก็เถอะ งานนี้คงเอาไม่อยู่แน่ๆ..

        นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือกขึ้นสูง ก่อนจะเสมองไปยังถนนเสีย เมื่อสายตาปะทะกับช๊อตการแลกอากาศหายใจของพี่ชายทั้งสองเต็มๆตา...

...ไม่ว่าหน้าไหนก็บ้าๆบอๆไปเสียหมด...

คาร์โลบ่นดังๆในหัว อย่างอารมณ์เสีย เมื่อพบว่าตัวเองดูจะปกติที่สุดในหมู่มนุษย์ต่างดาวพวกนี้ซะแล้ว..

........................................................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 18-01-2011 11:27:55
หลังจากฝ่าการจราจรอันติดขัดมาได้อเล็กเซย์ก็มานั่งทำหน้าตายอยู่บนรถเข็นประจำตำแหน่ง..ที่ต่อให้มันเลิศหรูดูดีแค่ไหน มันก็ไม่สามารถจะต่อขาให้เขาเดินได้..หรือว่าจะใช้มันบินไปไหนมาไหนได้ตามชอบ..คฤหาสถ์กว้างใหญ่ของตระกูลวาลกัสใจกลางกรุงโรมนั้นยิ่งใหญ่และสวยงามเหมือนเก่า แต่ทว่าไม่มีครั้งไหนเลยที่คุณชายรองของบ้านจะรู้สึกขัดอกขัดใจกับอาณาเขตกว้างๆของมันเท่าวันนี้...

    อเล็กเซย์นั่งทำหน้าไม่พอใจใส่พาหนะชั่วคราวของตัวเองเขากวาดตามองลูกน้องของลุงที่เข้ามาประจำการในบ้านเพื่อรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มกำลังแล้วเหลือบไปสบตาฝาแฝดที่กำลังออกแรงเข็นรถพาตัวเขาไปสู้ด้านในของบ้าน..สังเกตเห็นผู้คนในบ้านที่เพิ่มขึ้นจากปกติ..ทว่าเขาก็ไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกมา สักพักก็ร่วมวงนั่งทานข้าวเย็นตลอดจนพูดคุยกันคนในครอบครัวพอหอมปากหอมคอ เเละออกปากขอตัวออกมาพักผ่อนตามประสาคนป่วยทั่วไป..

     นั่งลงบนเตียงพลางนวดต้นขาตัวเองเบาๆด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย ขณะที่แฝดพี่ผู้ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลคนป่วยก็กำลังขยับจัดรถเข็นให้เข้าที่พร้อมใช้ส่งเสียงก๊อกๆแก๊กอยู่ใกล้หู..อเล็กเซย์กวาดตามองไปรอบห้องนอนที่แสนคุ้นเคย บนเตียงกว้างผ้าปูสีน้ำตาลอ่อน หัวเตียงมีหนังสือสองสามเล่มวางอยู่ ด้านขวามีโคมไฟดีไซน์เก๋ กรอบรูปลายกราฟฟิกที่วางอย่บนโต๊ะเล็กๆตัวเดียวกันมีรูปของเขาและฝาแฝดใส่อยู่ด้านใน รูปวาดสีน้ำมันของศิลปินต่างแดนที่เขาชื่นชอบติดอยู่บนผนังด้านหัวเตียง ด้านปลายเท้ามีโต๊ะเครื่องแป้ง ติดกระจกสำหรับวางข้าวของจุกจิกเล็กๆน้อยๆและครีมบำรุงผิว น้ำหอมเคลวินคลายน์ ขวดสีดำของอเล็กซิสวางอยู่ข้างๆขวดน้ำหอมทรงสูงสีขาวของแชนเเนลกลิ่นโปรดของเขา
     
    โทรทัศน์จอLCD 32 นิ้วและเครื่องเล่นDVD พร้อมเครื่องเสียงโฮมเทียเตอร์ถูกทิ้งร้างเมื่อเจ้าของไม่ได้สนใจมันสักเท่าไหร่ ผนังสีขาวมีตู้แบบบิลด์อินท์สำหรับใส่เสื้อผ้าซ่อนอยู่อย่างแนบเนียนและมีสไตล์  ถัดจากนั้นคือชั้นสำหรับวางหนังสือ และของตกแต่งต่างๆที่ทำจากไม้สนซีดาร์ทาสีดำเผยเปลือกลายเงาวับ ส่วนมากของที่วางอยู่คือโมเดลจำลองของรถรุ่นต่างๆที่ตัวเขาชอบสะสม และคริสตัลราคาแพงที่แกะสลักเป็นรูปสิ่งก่อสร้างอันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองต่างๆเป็นสถาปัตยกรรมที่อเล็กซิสชื่นชอบ..ทั้งหอไอเฟล พระราชวังบัคกิ้งแฮม หอนาฬิกาลอนดอน หรือกระทั่งคริสตัลแกะจำลองวังวาติกันอันลือชื่อ...

     ม่านหนาหนักสีเข้มทิ้งตัวลงบนผนังห้องด้านขวาที่มีบานกระจกเลื่อนเปิดออกเป็นทางไปสู่ระเบียงกว้าง ในปลายเดือนสิงหาคมที่สายลมเย็นเริ่มชายโชยมานิดๆชวนให้หนาวยะเยือกเล่นๆแต่ฟ้าเปิดกว้างก็เหมาะสำหรับการดูดาวและมีกล้องโทรทัศน์ขนาดกลางตั้งอยู่..

   ผนังด้านซ้ายมีประตูเล็กๆภายในที่สามารถเปิดออกไปยังด้านข้างได้...และมันก็เปิดแง้มอยู่นิดๆ อเล็กเซย์แอบชะเง้อมองห้องของตัวเองซึ่งไม่ได้เข้าไปนานพอดูด้วยสายตาสำรวจตรวจตรา แต่เมื่อพบว่ามันยังคงอยู่ในสภาพเรียบร้อยแบบไม่มีใครสนใจเช่นเดิมเขาก็ละสายตาไป..

...ถอนหายใจอย่างพึงใจเมื่อพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเก่า..บ้านที่ยังคงเป็นบ้าน...และห้องนี้ก็ยังคงเป็นห้องนอนที่เขาเคยคุ้น.

ยังคงเป็นห้องที่เขาชื่นชอบมันมากที่สุด..ที่ๆมีทั้งตัวตนของเขาและอเล็กซิสอยู่รวมกันและผสมกลมกลืนกันเป็นหนึ่ง...

....หนึ่งเดียวที่เขาอยากให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดกาล...

    ชายหนุ่มปรือตามองปลายเตียงเมื่อชักจะคิดถึงอีกฝ่ายขึ้นมากะทันหัน..เขามองเห็นเส้นผมสีทองของฝาแฝดเดนชัดจึงครางออกมาเบาๆ พลางยื่นมือขึ้นชูสูงบนอากาศ

      "...อาบน้ำ..." น้ำเสียงเรียกร้องปนออดอ้อนดังขึ้นทำให้อเล็กซิสละมือจากการตรวจสอบดูความเรียบร้อยของรถเข็น มองเห็นร่างของแฝดคนน้องที่กำลังอยู่ในสภาพพิการครึ่งท่อนนอนไม่กระดิกกระเดี้ยตัวอยู่บนเตียงนอน หากเจ้าตัวก็ยังโบกมือชูสูงออดอ้อนให้รีบเดินไปหาโดยอัตโนมัติ

      "...จะนอนแล้วเหรอ..หืม?.." ร่างสูงเดินเข้ามาคร่อมทับไว้พร้อมกับก้มลงถามกระซิบ ริมฝีปากลากไล้ตามกกหู พร้อมกับแตะจูบเบาๆอย่างสเน่หา

      "....อืม....อาบน้ำหน่อย..." พยักหน้ารับพลางยกมือคล้องลำคอของอีกฝ่าย อเล็กเซย์ส่งจูบไปยังต้นคอของแฝดพี่บ้างเป็นการโต้ตอบเรียกเสียงหัวเราะเบาๆเป็นคำขอบคุณ..

      "..ซนนัก..เดี๋ยวจะเจอดี.." คำขู่นั่นมีผลแค่ให้คนได้ฟังหัวเราะรับ อเล็กเซย์แยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายอย่างหยอกเย้า

      " เอาสิ..หืม...กล้าแกล้งคนป่วยรึไง?" ทั้งที่พูดแบบนั้น แต่มือข้างหนึ่งที่คล้องคอหนากลับลดลงมาไล้ต้นคอเบาๆพลางกดมันลงบนเเอ่งชีพจรของฝาแฝด
ขณะที่อเล็กซิสออกแรงอุ้มร่างของน้องชายฝาแฝดเข้าไปในห้องน้ำอย่างคุ้นเคย

      "  ให้ทำมั้ยล่ะ? " คำพูดสองแง่สองง่ามเรียกเสียงหัวเราะขำ อเล็กซิสวางร่างของคนรักลงบนเก้าอี้ที่ถูกเตรียมไว้ด้านใน  เขาเอื้อมไปหยิบยาสีฟันและ
แปรงสีฟันมาหยิบเตรียมไว้อย่างรู้งานพร้อมกับเปิดน้ำยื่นส่งไปให้ฝาแฝดที่นั่งมองกระจกอยู่..

       ".. หน้าฉันโทรมมากๆแน่เลย.." อเล็กเซย์บ่นพลางทำหน้าเบี้ยวกับกระจก หรี่ตามองใบหน้าตัวเองอย่างพินิจพิเคราะห์

       " ไม่เห็นโทรมตรงไหน...ยังไงเซย์ของฉันก็น่ารักที่สุดอยู่ดีนั่นล่ะ " ฝ่ามือหนาจับปลายคางให้หันไปรับจูบเบาๆตรงริมฝีปาก.. อเล็กเซย์สบมองแววตาอันรักใคร่ของคนรักด้วยความพึงใจก่อนจะแลบลิ้นแตะกับริมฝีปากหนาเบาๆอย่างหยอกเย้า

      ".. แปรงฟันก่อนสิ.." ชายหนุ่มหัวเราะเมื่อมองเห็นแววตาคุกรุ่นของคนรักสะท้อนผ่านกระจกเบื้องหน้า...

      "....งั้นฉันช่วยถอดเสื้อนะ.."  ไม่ทันรอคำตอบรับ ฝามือหนาก็เริ่มลัดเล่าผ่านเสื้อเชิ๊ตตัวบาง อเล็กซิสลงมือปลดกระดุมเสื้อของแฝดคนน้อง หากนัยน์ตาจับจ้องไปยังกระจกใส ส่งผ่านความนัยน์ไปยังแววตาสีเดียวกันที่มองตอบ...

....กระดุมเสื้อค่อยๆหลุดจากรังทีละเม็ด....ทีละเม็ด....

    อเล็กเซย์ขยับแปรงฟันในมืออย่างเชื่องช้าลงเรื่อยๆ...แก้วน้ำในมือซ้ายถูกยกขึ้นจรดริมฝีปาก ยามที่แปรงฟันในมือขวาถูกฝ่ามืออีกข้างของฝาแฝดเกาะกุมไว้และขยับมันขึ้นลงอีกสองสามทีแบบส่งๆแล้วจึงดึงออกจากโพรงปาก..น้ำสีขุ่นเพราะฟองขาวถูกบ้วนลงลงอ่างล้างหน้า ขวดน้ำยาบ้วนปากถูกส่งมาให้ กลั้วคอเบาๆไม่กี่ครั้งก็ถูกวางทิ้งไว้เพียงแค่นั้น...

  เสื้อเชิ๊ตสีขาวหลุดลงไปกองบนพื้นหินอ่อน และตามมาด้วยกางเกงผ้าเนื้อดีและกางเกงในสีเข้ม..

    ขณะที่ร่างของอเล็กเซย์ถูกโอบกอดและอุ้มเข้าไปยังอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่คนสองคนสามารถเข้าไปอาบด้วยกันได้อย่างง่ายดาย น้ำอุ่นถูกเปิดไว้เพียงแค่ครึ่งอ่างมันเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยามที่ร่างเพรียวถูกวางลงช้าๆ ทั้งที่ริมฝีปากของพวกเขายังคงเฝ้าคลอเคลียจุมพิตกันอย่างอ่อนหวาน...

     ขาทั้งสองข้างมีเฝือกสีขาวอันใหญ่ครอบไว้โดยรอบพาดลงบนพื้นด้านนอกอ่าง ทำให้อเล็กเซย์อยู่ในสภาพเปลือยกาย อ้าขากว้างพาดลงกับขอบอ่าง..ซึ่งเป็นกริยาที่ดูน่ามองนักสำหรับแฝดผู้พี่ที่กำลังบีบครีมอาบน้ำลงบนอ่าง และตีมันเบาๆให้ฟองขาวลอยฟ่องส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ..

     "..อือ....นี่แกล้งกันนี่...." คนป่วยออกปากท้วง ใบหน้าแดงจัดเมื่อพบว่าอีกฝ่ายทิ้งให้เขาเปลือยกายอ้าซ่าอยู่ในอ่าง

     " เดี๋ยวสิ..อย่าใจร้อน.. " อเล็กซิสจูบปลายจมูกโด่งสันของแฝดน้องออกปากปลอบเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว.. " อาบน้ำก่อนสิ..จริงไหม?ไม่ทำจริงเดี๋ยวหมอมาตรวจได้ลากพยาบาลมาสอนอีกแน่ๆ..."

        เอ่ยพลางยิ้มมุมปากอย่างขบขันไม่น้อย กับเหตุการ์ณที่ทำให้อเล็กเซย์ค้อนใส่ตาคว่ำ...กับการอาบน้ำที่เขายืนยันจะไม่ให้พยาบาลสาวคนไหนแตะคนป่วยเด็ดขาด ทั้งโวยทั้งขู่ จนสุดท้ายพยาบาลจึงได้ลากตัวเขาไปสอบวิธีการอาบน้ำคนป่วยแบบ"สาธิตสด" กับร่างของฝาแฝดที่ถูดจับแก้ผ้าอล่างฉ่างเป็นนายแบบให้เขาทดลองงานอาบน้ำผู้ป่วย..และเหตุการ์ณนั้นก็ถือได้ว่าเป็นประสบการ์ณน่าขายหน้าที่อเล็กเซย์ปฏิญาณว่าจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นแน่..

      "...อาบดีๆนะ " นัยน์ตาสีฟ้าใสเขม่นมองแบบดุๆ พลางจิกปลายนิ้วขาวสะอาดลงบนไหล่หนาที่ยังคงสวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มติดกาย

      " แน่นอนอยู่แล้ว..จะอาบให้สะอาดทกมุมเลย " กระซิบเย้าแหย่พลางเลื่อนมือไปหาไหมขัดตัวนุ่มๆอเล็กซิสเผยรอยยิ้มร้าย..ขณะที่เริ่มเอื้อมมือไปหาร่างของแฝดผู้น้องที่เอนตัวนิ่งราวกับเป็นเหยื่อชั้นดี...

            ร่างขาวจัดตอนนี้กลายเป็นสีชมพูระเรื่องด้วยเลือดฝาด..อเล็กเซย์ปรือตาลงต่ำขณะที่ผิวแก้มเป็นสีจัดด้วยแรงอารมณ์ที่ทวีขึ้นสูง...จากปลายนิ้วที่ลูบไล้ด้านในของต้นขา ไหมขัดตัวที่นุ่มและชุ่มน้ำถูกลูบไล้แผ่วเบาไปตามร่างกายอย่างชำนิชำนาญ..ทั้งทำความสะอาด และวกวนหยอกล้อจุดอ่อนไหวในร่างกาย...ทั้งลำคอ...ต้นขา...แผ่นอกและหน้าท้องผอมที่เสียววาบยามปลายนิ้วสะกิดร่องสะดือต่ำมายังส่วนกลางลำตัว..

     อเล็กเซย์เชิดหน้าขึ้นสูงพลางครางออกมาแผ่วๆ...การปลุกเร้านี้ทั้งทรมารและปรนเปรอเขาไปพร้อมๆกัน...ไม่มากขนาดดิ้นเร่าจนทนไม่ไหว ไม่น้อยไปจนไม่รู้สึกรู้สา..ทว่า..ชวนให้มัวเมา ลุ่มหลงหนัก...

        พลันสัมผัสทั้งหมดก็ย้ายไปยังด้านบน ปลายนิ้วแทรกเข้าไปในเรือนผมสีทอง สายน้ำอุ่นพร่างพรมลงบนเส้นผมนิ่มตามมาด้วยแชมพูส่งกลิ่นหอม...ฝ่ามือหนาแทรกเข้าสอดไล้บนหนังศรีษะพลางออกแรงนวดสลับเกามันเบาๆ มองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยหลับตาพริ้มด้วยใบหน้าเคลิ้มสุข....

      อเล็กซิสยิ้มอ่อนโยน ทอดมองใบหน้าอันเปี่ยมสุขของคนรักเบื้องหน้า ชายหนุ่มโน้มตัวเหนือศรีษะอีกฝ่าย ก้มลงจรดริมฝีปากแตะไล้เรียวปากบางและสอดปลายลิ้นเข้าลึก..พัวพันกันในโพรงปากอย่างอดรนทนไม่ไหว..

     อเล็กเซย์ครางฮืมในลำคอ....ชายหนุ่มเอื้อมมือออกแรงบีบท้องแขนของฝาแฝดด้วอารมณ์หวามไหว..
และในที่สุด...เมื่อริมฝีปากผละจากและสายน้ำอุ่นชโลมล้างเส้นผมจนหมด...อเล็กเซย์ก็ปรือตาขึ้นมองร่างของแฝดผู้พี่ที่โน้มตัวอยู่ด้านบนศรีษะ...ปลายฟันงับลงบนเรียวปากเบาๆเขาส่งสายตาวอนเว้าไปให้อีกฝ่ายอย่างอดรนทนไม่ไหว..

     "...อเล็ก......" น้ำเสียงแฝงแววยั่วดย้าปนออดอ้อนชวนหัวใจสั่นไหว...อเล็กซิสเหลือบมองเรียวขาที่ยังคงมีเฝือกอันใหญ่ครอบไว้อยู่เพียวชั่วครู่ ก่อนจะโน้มกายลงไปหาคนรัก ฝ่ามือควานหาจุกเปิดอ่าง พร้อมกับดึงออกให้สายน้ำเริ่มลดระดับลง..

  เขาแตะริมฝีปากลงบนเรียวปากบาง..บดขยี้มันเบาๆ..ปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตที่เปียกชื้นออกและเหวี่ยงมันลงกับพื้นอย่างไม่สนใจ..

      "....อา....อเล็ก..."ริมฝีปากแดงฉ่ำร้องครางออกมาเสียงหวานอย่างไม่อาจห้ามใจ อเล็กเซย์ครางเสียงสั่นไหว...กอดรัดร่างของแฝดผู้พี่ไว้แน่น..ปลายเล็บจิกลงบนแผ่นหลังของอีกฝ่าย..ขณะที่ใบหน้าเเหงนเงยขึ้นสะท้อนแสงไฟในห้องน้ำ..

      "..อืม...." อเล็กซิสครางรับเบาๆ...เสียงเนื้อกระทบกันดังกระทบเป็นจังหวะภายในห้องน้ำกว้าง ในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่..เขาโน้มกายคร่อมทับร่างของแฝดน้องแทรกกายเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายไม่หยุด ใบหน้าหล่อเหล่าเหยเกบิดเบี้ยวด้วยอารมณ์รักที่โหมกระหน่ำ..

      "...อ่า...อา....อเล็ก...อเล็ก...." อเล็กเซย์ครางเสียงหวิวถี่กระชั้นด้วยห้วงอารมณ์ใกล้จะถึงที่สุด...เขาพยายามอ้าขาออกกว้างเผยช่องทางให้คนรักได้สอดแทรกเข้ามาในกายของตนลึกขึ้น..แม้ว่าขาที่บาดเจ็บจะเป็นอุปสรรคในการเคลื่อนไหว แต่จังหวะรักที่เร่าร้อนก็ไม่สะดุดหงุดลงแต่อย่างใด.. ตรงกันข้ามชายหนุ่มยิ่งกอดรัดพัวพันเต็มที่ในการเปิดทางให้อีกฝ่ายกระโจนเข้าหา..

       "....อา.....ฮื้ออออ..." ร้องครางเสียงสั่นเมื่อแก่นกายที่แทรกอยู่ในร่างทำท่าจะถอดถอนออกไป..อเล็กเซย์ครางประท้วง หาก็เปลี่ยนเป็นเสียงหวีดสั้นๆเมื่อกายที่ถอดออกพลันกระแทกเข้าหาหนักหน่วง รุนแรง... สะโพกบางขยับรับกับแรงโหมกระหน่ำที่สาดเข้าหา ฝ่ามือจิกเข้ากับไหล่หนาสุดแรงเมื่อรู้สึกดีเสียจนน้ำตาปริ่ม..อเล็กเซย์หอบสะดุดลมหายใจถี่กระชั้น....เมื่อความรู้สุดทั้งหลายกำลังถึงขีดสุด

       "...อีก...สิ...อื้อ.....ใช่......อา..อเล็ก....ฉัน...อา...จะ........." อเล็กเซย์ครางเสียงหวาน ร่ำร้องกับแผ่นอกหนาที่ชิดใกล้...เขาเอื้อมมือไปคว้าใบหน้าของฝาแฝดไว้..โผเข้าประทับจูบลงบนริมฝีปากหยักหนา สอดไล้เข้าพัวพันอย่างดูดดื่ม..จังหวะกระแทกกระทั้นเบื้องล่างยังไม่ลดความเร็วลง ขณะที่ส่วนกลางของร่างกายรู้สึกดีจนแทบทนไม่ไหว..อเล็กเซย์กวาดลิ้นทั่วโพรงปากของคนรัก ส่งเสียงครางอู้อี้ในลำคอด้วยความเต็มตื้นในอารมณ์..

..... ผละจากกันเมื่อหยดสีขาวขุ่นสาดกะจายบนหน้าท้อง..และรู้สึกร้อนวาบในกาย อเล็กเซย์ครางออกมาเบาๆ นัยน์ตาหรุบต่ำอย่างเหนื่อยอ่อน...ผิวแก้มแดงจัด
ถูกมือหนาของอเล็กเซย์ประคองไว้เบาๆ พร้อมกับแนบจูบพร่างพรมจูบไล้หยาดน้ำใสตรงหางตาอย่างทะนุถนอม..

    "  Ti amo..." เสียงกระซิบบอกรักแสนคุ้นหู...ทำให้ดวงตาสฟ้าใสปรือขึ้นมาสบมองด้วยรอยยิ้มหวาน...

    "..Il Ti amo..."

        เสียงกระซิบตอบรักเสียงหวานดังขึ้นเบาๆ ขณะที่เปลือกตาของคนป่วยปรือปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อน..อเล็กซิสอุ้มร่างของฝาแฝดมาแนบอก ชายหนุ่มก้าวยาวๆไปยังเตียงนอน วางร่างของคนรักลงไปและน้ำผ้าสะอาดมาเช็ดทั่วร่างผอมอย่างอาดูร

 นัยน์ตาสีฟ้าสดปรือขึ้นมามองด้วยความรักเพียงไม่นานก็ปรือปิดลงเพราะทานความอ่อนล้าของร่างกายไม่ไหว..อเล็กซิสยิ้มออกมาน้อยๆ ฝ่ามือลูบหน้าผากบางก่อนจะประทับจูบลงไปเบาๆ...

    " ...Buona notte...Cara mia.... "

........................................................................

       อากาศในทะเลทรายเริ่มเย็นลงเรื่อยๆจนเห็นได้ชัดเมื่อดวงอาทิตย์ค่อยลาลับขอบฟ้าไป ฝุ่นทรายยังคงปลิวคลุ้งในทะเลทรายสีมืดหม่น คาวัลโลเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีดวงดาวปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน อีกทั้งดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ไร้เมฆบดบัง ส่องประกายหยอกล้อกระทบเม็ดทรายสีเข้ม โดดเด่นท่ามกลางโขดหินและต้นกระบองเพชรที่ยืนหยัดอยู่อย่างทรหดท่ามกลางผืนทรายเวิ้งว้างสวยงามน่ามองนัก..

     ลมหนาวลอยมาปะทะกับผิวหนังจนเย็นวูบ คาวัลโลยกมือลูบแขนตัวเองเบาๆ ขณะที่สายตาทอดมองไปยังกลุ่มคนและงานเลี้ยงที่ดำเนินอยู่ยังจตุรัสใจกลางมือง ซึ่งห่างจากที่ๆเขาอยู่พอสมควร
มาเฟียหนุ่มตวัดผ้าคลุมเนื้อนุ่มพาดคลุมใบหน้า จากที่เคยสงสัยมาตอนนี้เขารู้ซึ้งถึงประโยชน์ของผ้าคลุมและเครื่องแต่งตัวทั้งหลายอย่างชัดเจนเมื่อมาอยู่แถบทะเลทรายแบบนี้ ทั้งโธปตัวยาวใช้กันลมและฝุ่นผง หรือกระทั่งผ้าคลุมที่คลุมใบหน้าจากฝุ่นทรายที่สาดปะทะ..

     "..มีอะไร? " ออกปากถามเงาร่างดำๆที่เดินมาใกล้ จากแสงไฟที่สาดส่องมาจากกระโจมที่กางไว้ในยามเช้า ใกล้กับตัวเขื่อนซึ่งมีรถหรูของวิศวะกรรามิลจอดอยู่ใกล้ๆ ส่องให้เห็นว่าผู้ที่มาคือองค์รักษ์หนุ่มนามว่าฮาซานซึ่งเขาคุ้นเคยดี..

      "..ชีคให้ผมมาดูแล ..เพราะคุณยังอยู่ในอันตราย " ฮาซานตอบสั้นๆ ขณะที่องค์รักษ์หนุ่มยืนนิ่งอยู่ใกล้โขดหินซึ่งคาวัลโลนั่งพิงอยู่

     " อันตราย ? "คาวัลโลเลิกคิ้ว เขาร้องหึในลำคอก่อนจะยักไหล่รับ " ไม่ให้ผมพกปืนล่ะ ง่ายกว่าไม่ใช่เหรอ?"

     "..เราไม่คิดจะยื่นมีดให้ขโมย.." ฮาซานตอบกลับ

     " อะไรกัน..ซ้ายก็ทะเลทราย ขวาก็ทะเลทราย คิดว่าผมจะหนีไปไหนได้" คาวัลโลส่ายหัวอย่างขบขัน

     "..ผมคิดว่าต่อให้ขังไว้ อย่างคุณถ้าคิดจะไปก็คงแปลงร่างเป็นแมลงวันบินหนีได้แน่ " ฮาซานจ้องหน้าคนพูดอย่างไม่ยอมหลบ คาวัลโลฟังแล้วชะงัก ก่อนจะหัวเราะถูกใจ

      " ให้ตายสิ...ไม่คิดจะไว้ใจกันเลยสินะ.." ชายหนุ่มบนพึมพัม " ชีคของคุณคิดมากเกินไปแล้ว..แค่ผมไม่ถูกเชิญไปงานเลี้ยง ไม่ได้หมายความว่าจะโดนชาวบ้านที่นี่ทุบหัวแล้วลากไปฝังซักหน่อย "

           เขาเอ่ยถึงเรื่องงานเลี้ยงเย็นนี้ จากที่รามิลและชาวบ้านสามารถรั้งอัลชาอ์ให้อยู่ร่วมละหมาดตอนเย็นได้ กิจกรรมของท่านชีคก็เริ่มลากยาวเป็นการตรวจเยี่ยมชาวบ้าน คุยกับครูสอนศาสนาที่โรงเรียนประจำเมือง อยู่ดูอูฐเผือกซึ่งมันคลอดลูกออกมาวันนี้และช่วยตั้งชื่อมัน ลองชิมน้ำสมุนไพรสูตรโบราณและอื่นๆอีกมากมาย...จนต้องค้างคืนและอยู่ร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ในที่สุด..

         และสำหรับเขา..คนต่างชาติต่างศาสนา..หลังจากนั่งนิ่งตอนชาวบ้านเขาสวดละหมาดกันแล้ว จากนั้นก็โดนสายตาไม่พอใจโจมตีมาเป็นระยะ หลังจากติดสอยห้อยตามไปเยี่ยมชาวบ้าน จนกระทั่งถึงตอนที่ท่านชีคไปคุยกับครูสอนศาสนา ..ก็ถุกรั้งตัวออกไปโดยละม่อมจากฝีมือของคนในพื้นที่ แสดงให้เห็นถึงความป๊อปปูล่าห์...จนอัลชาอ์คิดว่าให้เขาออกมาห่างๆจากหมู่บ้านและรออยู่แถวๆที่สร้างเขื่อนยังจะดีกว่า ดังนั้นเมื่องานเลี้ยงลากยาวมาจนถึงเดี๋ยวนี้..แน่นอนอยู่แล้ว ว่าคาวัลโลไม่ได้ถูกรับเชิญและถูก"หมายหัว"ไว้แล้วโดยสิ้นเชิง

      " เรื่องนั้น ชีคฝากมาว่าขอโทษแทนชาวบ้านด้วย..เพราะพวกเขาไม่ค่อยคุ้นกับคนต่างชาติเลยรู้สึกว่าคุณไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของพวกเขามากเกินไป " ฮาซานเอ่ย

      "..อืม...ไม่เป็นไรหรอก " คาวัลโลรับคำ เรื่องส่วนตัวที่ว่า..อาจจะเป็นการพูดคุยหรือเรื่องราวต่างๆที่ช่าวบ้านอยากคุยกับชีค..กับผู้นำประเทศของตัวเอง ถึงเขาจะพ่วงไปด้วยในฐานะที่ปรึกษา แต่ทว่าอัลชาอ์ซึ่งอยู่ในฐานะเจ้าของประเทศก็คงไม่อยากจะผิดใจกับพลเมืองของตัวเองด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างการพาเขาไปไหนมาไหนให้ชาวบ้านรู้สึกแปลกๆและไม่ไว้ใจในตัวผู้นำประเทศของตัวเอง..

       ...พูดถึงการเป็นผู้นำแล้ว วันนี้ที่เขาไปดูอัลชาอ์ในฐานะผู้นำประเทศ..รู้สึกว่าชีคหนุ่มเป็นทีรักใคร่และเคารพของชาวบ้านมากพอดู..การแสดงความชื่นชอบของตัวเขานั้น หากไม่ปรบมือก็อาจจะส่งเสียงเชียร์ ทว่ากับคนที่นี่..การเดินเข้าไปคุกเข่าหรือก้มหัวให้ดูจะเป็นสิ่งที่นิยมทำมากกว่า..มองแล้ว มันรู้สึกถึงการเคารพอย่างถึงที่สุดแสนน่าปลื้มใจจนไม่แปลกเลยที่อัลชาอ์จะยิ้มออกมาอย่างเต็มตื้น..จากที่เคยบึ้งเงียบมาทั้งบ่าย

...ผู้นำที่ดี...ผู้นำที่เพียบพร้อม..องอาจและสูงศักดิ์...นั่น คงเป็นมุมมองในสายตาของเหล่าชาวบ้านที่เฝ้ามอง..

....ในสายตาของเขา ก็ยอมรับว่าอัลชาอ์ทำหน้าที่ได้ดี..เป็นผูนำที่ดี และเป็นผู้ชายที่..ดี..

....ไม่ได้โกรธที่โดนด่าว่าจนคิดจะลากคอเขาไปขังหรือทำอะไรรุนแรงงี่เง่าอย่างที่สามารถจะทำ..ควบคุมอารมณ์ได้ดีและฟังเหตุผลของเขา..อย่างที่ไม่ค่อยมีใคร
ทำได้นัก..

..เป็นคนดี...เป็นคนที่นิสัยดีและะน่าคบหา..

ถ้าเพียงแต่จะ...ตัด...เรื่องความรู้สึกพวกนั้นออกไปได้สักนิด...

     คาวัลโลเท้าคางหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด ยอมรับว่าถ้าเป็นไปได้..เขาก็อยากจะคบหากับชีคหนุ่มในฐานะ "เพื่อน" ที่มีอะไรก็สามารถปรึกษาได้อย่างวางใจ เพราะที่ผ่านมาอัลชาอ์ก็ไม่ได้มีนิสัยแย่ๆอะไรที่ทำให้เขาลำบากใจหรือไม่ชอบขนาดนั้น ถ้าเพียงแต่เรื่องนี้จะจบลง..ความรู้สึกเกินเลยของอีกฝ่ายที่มีต่อเขาจะจบลงได้แล้วล่ะก็...

      " ฮาซาน "  จู่ๆคนที่นั่งเงียบก็โผล่งขึ้น ทำให้ฮาซานชะงัก..

      "..ตามกฏหมายอิลลามน่ะ..รักร่วมเพศมีโทษขนาดไหน?"

      "....คุณหมายภึง..." องค์รักษ์หนุ่มนิ่ง..สีหน้าเครียดขึ้นทันที

      "...ก็กฏหมายไง..อยากรู้ ตอบหน่อยสิ.."

       "..มีโทษหนัก...ถึงประหาร..ด้วยการแขวนคอต่อหน้าสาธารณะชนเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่น.."องค์รักษ์หนุ่มตอบ

      "...ถึงขนาดนั้น...ก็ยังจะทำงั้นเหรอ...ทั้งที่เป็นผู้นำ...." คาวัลโลพึมพัมเป็นภาษาอิตาเลียนเบาๆ ทำให้คนฟังขทวดคิ้ว..แต่ทว่ามาเฟียฟนุ่มที่จมอยู่กับ
ความคิดก็ไม่ได้สนใจอะไร ในสมองเขายังคิดเรื่องที่ฮาซานตอบมา..ทั้งที่ผิดขนาดนั้น..และทั้งที่ตัวเองเป็นถึงผู้นำประเทศซึ่งควรปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่าง...แต่นี่...อัลชาอ์กลับ...

   หัวคิ้วสีอ่อนขมวดเข้าหากันข้าๆ พลางสูดหายใจลึก...ทำไมกันนะ...ทำไมถึงได้...

      "....ไม่ใช่เพราะไม่กลัวตาย...ไม่ใช่พราะไม่หวั่นกับบาป...แต่ทว่าเพราะรัก.  " น้ำเสียงเรียบๆของคนที่เฝ้าอยู่ไม่ไกลทำให้คนฟังชะงัก..คาวัลโลมองหน้าคนที่พูดราวกับรู้ดีนักหนาด้วยสีหน้านิ่งอึ้ง...

..เพราะรักมาก...มากจนไม่อาจจะห้ามหักใจ...

...รัก....จนไม่คิดจะกลัวโทษทัณฑ์ทั้งหลาย...

...จริงๆหรือ?

       "...แปลกจัง...ที่คุณทำเหมือนจะยอมรับมันได้.." มาเฟียหนุ่มเลิกคิ้ว..สีหน้าแปลกใจ

       " ผมไม่ได้ยอมรับได้...แต่...ที่สุดแล้ว...ความสุของชีคก็สำคัญกว่า " ฟังคำตอบบวกกับสีหน้านิ่งๆของฮาซานแล้วนึกนับถือองค์รักษ์ตรงหน้าขึ้นมาอีก
นิด..ความจงรักภักดีและความรักแบบถวายหัวของหมอนี่มันสุดยอดจริงๆ มิน่า..อัลชาอ์ถึงยอมให้ฮาซานเป็นคนสนิทที่คอยอยู่ใกล้ๆ...เพราะขนาดเรื่องที่ตัวเองไม่
สามารถยอมรับได้ สุดท้ายมันก็ยังยอมรับเพื่อความสุขของคนที่ตัวเองเทิดทูนบูชา..

       "...หืม...ทั้งที่ผมก็จะไป.." แน่นอนว่าคาวัลโลยังไม่ลืมคำพูดของตัวเองที่เคยบอกไว้..

      "....เรื่องนั้น..มันไม่อาจจะเปลี่ยนใจคนๆหนึ่งได้หรอก "ฮาซานตอบกลับสั้นๆ "ชีคเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว การได้ขึ้นครองราชย์ที่ว่ายาก
ยังทรงฟันฝ่ามาได้เพราะความมุ่งมั่นแน่วแน่..หากลองไตั้งใจทำสิ่งใด ชีคจะไม่ยอมละความพยายาม..เช่นเดียวกับที่รู้สึกรักและผูกพันกับใครแล้ว..มันก็ยากจะเปลี่ยนแปลง.."

      " แต่ทว่าเมื่อเปลี่ยนไปแล้ว...ก็จะไม่มีวันกลับเป็นเหมือนเดิมอีกเลย.."

      "..........." คาวัลโลมองสบตาฮาซานแล้วนิ่งเงียบ นี่มันกำลังจะบอกเขาทางอ้อมอยู่รึเปล่า ว่าการจะจากอัลชาอ์ไปนั้นหมายความว่าตลอดไป..และจะไม่มี
วันได้รับความรู้สึกอะไรแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง..และนั่นมันคุ้มที่จะเสี่ยงหรือไม่?

...หรี่ตาลงน้อยๆ...แต่สุดท้ายก็ปัดความคิดนี้ให้พ้นไปจากสมอง..เพราะ...ยังไงเขาก็ไม่ได้ชอบ...หรือรัก...อยู่แล้ว..

      "...แต่มันอาจจะเป็นผลดีกับพวกคุณไม่ใช่เหรอฮึ..." คาวัลโลดูจะสนุกสนานกับการทดสอบเนื้อแท้ของความจงรักภักดีที่แสดงออกมาอย่างยิ่ง "..ถ้าเขาเปลี่ยนไปได้จริงๆ ก็อาจจะกลับไปรักผู้หญิงคนหนึ่งได้ไม่ใช่เหรอ? อย่างฟาติมะห์ หรือ..คนอื่นๆที่ดีพร้อมและสามารถจะเป็นคู่ครองที่ดีได้..ไม่เหมือนผู้ชาย ต่อให้
ชอบให้รักยังไง คนอื่นๆก็มองว่ามันผิดอยู่ดี "

      " นั่นคุณกำลังพูดให้ร้ายตัวเองงั้นเหรอ? หรือว่าต้องการให้ผมทำอะไรกันแน่ " ฮาซานขมวดคิ้ว ออกปากถามชายตรงหน้าอย่างสงสัยไม่น้อย

       " เปล่าๆ..ก็แค่แนะนำ.  แต่พูดเฉยๆ" คาวัลโลยักไหล่

      "...คุณบอกเรื่องนี้กับอัลชาอ์รึเปล่า...เรื่องที่ผมบอกว่าจะไป..."

      "...ไม่.." ฮาซานตอบสั้นๆ

      " อืม..."คนฟังพยักหน้ารับ " นั่นยิ่งหาเหตุผลไม่เจอเลยนะ เรื่องที่เขาทำ..ใช่ไหม? "

      "........" ฮาซานนิ่งเงียบ จ้องมองแววตาวาววับของผู้พูดที่จับจ้องมายังตัวเขาเองนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่แวววะวับในความมืดนั้นทำให้องค์รักษ์หนุ่มต้องหรุบตา
ลงไม่ยอมสบ

      "..ผมคิดว่าเพราะรู้..ว่าผมกำลังทำอะไร อัลชาอ์เลยตัดสินใจสั่งการให้คนพวกนั้นมาก่อเรื่อง...แต่ว่า....." คาวัลโลถอนหายใจเบาๆพลางกระชับผู้คลุมที่ตวัดพาดไหล่เข้าหาตัว

       " นั่นไมใช่คนของชีคทั้งหมด " ฮาซานตอบกลับ " มันมีคนของกลุ่มอื่นอยู่ด้วย "

       " งั้นพอจะเชื่อได้รึยังล่ะ..ว่าคนที่ผมพูดน่ะ เขาเป็นคนทำจริงๆ..." คาวัลโลเลิกคิ้วถาม

       "...การเกิดเรื่องในพื้นที่ของท่าน...ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นฝีมือของท่านอาเหม็ด.." ฮาซานตอบสั้นๆ ทว่ายังยืนยันความคิดของตนเอง..
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [17] เหยี่ยวทะเลทราย UP !! 7/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 18-01-2011 11:35:01
       " งั้นเหรอ...อ้อ จริงสิ...ที่เคยพูดว่าท่านอาเหม็ดเป็นผู้สนับสนุนให้อัลชาอ์ได้ครองราชย์น่ะ หมายความว่าเขาไม่คิดจะครองราชย์ตั้งแต่แรกเหรอ? " มาเฟียหนุ่มเลิกคิ้วงงๆ
   
    "...ท่านอาเหม็ดเป็นน้องชายของฝ่าบาทอาซิซ...เสด็จพ่อของชีค..ตามประเพณีของเซเนียยา เจ้าชายคนโตจะได้ครองบัลลังค์ ส่วนเจ้าชายคนรอง จะได้ครองจารเซ....จารเซเป็นเมืองที่สำคัญ ทั้งทางยุทธศาสตร์ เมืองท่า หรือกระทั่งเป็นหน้าด่านชายแดนคุ้มครองประเทศ..ท่านอาเหม็ดมาครองจารเซจนสิ้นรัชสมัยของฝ่าบาทอาซิซ ..พวกเสนาบดีหรือกรมทหาร ต่างก็อยากให้ท่านปกครองประเทศ เพราะยามนั้นราชบัลลังค์ยังว่าองยู่ "

   ฟังฮาซานเเล็คเชอร์เรื่องราวความเป็นมาของตำแหน่งผู้นำแล้วขมวดคิ้วมุ่น คาวัลโลอ้าปากถามไปอย่างสงสัยจัด

       " ว่าง...ก็อัลชาอ์ไม่ใช่เหรอที่เป็นลูกชายของชีคคนก่อน..แล้วจะมาว่างได้ยังไง? " ฟังแล้วนึกงงไม่น้อย จึงหันไปมองหน้า พบว่าฮาซานยืนมองหน้าเขานิ่งๆสีหน้าเคร่งขรึม..

       "..มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น..." ฮาซานยิ้มออกมาอย่างชืดชา..

       "...มีอะไรที่ผมรู้ไม่ได้อีกงั้นเหรอ? " คาวัลโลส่งยิ้มไปให้คนเล่าอย่างไม่เห็นขันแม้แต่น้อย ก่อนที่เขาจะนึกเอะใจบางอย่างได้ " หรือที่ว่า...อัลชาอ์เป็นลูกของผู้หญิงยิปซี..ต่างชาติ...มันจะเป็นปัญหา? ผู้คนไม่ค่อยยอมรับเขาเหรอ  "

       "คุณรู้... "ฮาซานมองหน้าเขาพลางขมวดคิ้ว..

        "...อืม....." รับคำด้วยสีหน้าปกติ แต่คาวัลโลก็ไพล่ไปคิดถึงคำพูดของนักโทษที่เขาเจอตอนนั้น หมอนั่นมันพล่ามว่าอัลชาอ์ไม่สมควรเป็นกษัตริย์ เพราะสายเลือดของหญิงยิปซี คนต่างชาติ...หรืออะไรเทือกนั้น แถมพูดเรื่องนี้ยังถูกอัลชาอ์โกรธเอาเสียด้วย..

        "....เช่นนั้นคุณก็ต้องรู้สิ...ว่าตามประเพณีของเซเนียยา...ทายาทของผู้นำรัฐต้องมีเชื้อสายของเราโดยสมบูรณ์.." ฮาซานออกปากอธิบายสีหน้าเคร่ง " ฝ่าบาทอาซิซ แต่งงานกับเส็ดจ แม่ของชีค...ซึ่งท่านไม่ใช่สตรีชาวเซเนียยา...ท่านเป็นชาวยิปซี การที่ฝ่าบาทแต่งงานกับท่านทำให้เกิดเสียงคัดค้าน..ไม่มีใครต้องการให้คนต่างถิ่นมาเป็นรานีของเรา.. จนเกิดรัฐประหาร...พระนางคลอดชีคออกมาไม่นานก็ถูกลอบสังหารจนเสียชีวิต..และฝ่าบาทอาซิซก็ส่งชีคไปอยู่ที่อังกฤษ.."

       "......" คาวัลโลนิ่งฟังประวัติชีวิตอันโชกโชนของอัลชาอ์ด้วยสีหน้าอัศจรรย์ใจ นึกไม่ถึงว่าเพราะเรื่องบัลลังค์และความเหมาะสมทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น สมัยนี้แล้วยังมีเรื่องแบบนั้นอยู่อีก...

       "...ฝ่าบาทอาซิซอภิเสกอีกครั้งกับท่านอัลลิยะ...ซึ่งเป็นเสด็จ แม่ของเจ้าชายฟาลซาอ์.."

       "..เอ๋? งั้นฟาลซาอ์ก็เป็นน้องชายของอัลชาอ์งั้นเหรอ? " คาวัลโลอ้าปากค้าง สีหน้าตกตะลึงไม่น้อย

       "..ไม่ใช่....เจ้าชายฟาลซาอ์เป็นลูกของท่านอัลลิยะห์ก็จริง..แต่เขาเป็นบุตรของสามีคนก่อนของท่าน..ไม่ใช่บุตรของฝ่าบาทอาซิซ..."ฮาซานเล่าด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม " แต่ด้วยเชื้อสายแล้วเขาก็เป็นคนในราชตระกูลชั้นสูงของเซเนียยาเช่นเดียวกับท่านรามิล...อีกทั้งฝ่าบาทอาซิซยังทรงเอ็นดูจึงรับท่านฟาลซาอ์เป็น
บุตรบุญธรรม.."

       "........." คาวัลโลพยักหน้ารับ..อย่างเริ่มจะเข้าใจ แผนผังครอบครัวอันแปลกประหลาดนี้แล้ว..

       "..เมื่อฝ่าบาทอาซิซเสียชีวิตจากการถูกลอบสังหาร...ท่านอาลิยะห์ก็บาดเจ็บหนัก....เจ้าชายฟาลซาอ์ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ..ทุกคนจึงพร้อมใจกันหนุนให้ท่านอาเหม็ดขึ้นเป็นผู้นำ...ทว่า ท่านอาเหม็ดก็ไม่ได้สนใจรับคำขอนั้น แต่กลับหันไปสนับสนุนชีคแทน..หากท่านจะเป็นกษัตริย์จริงก็สามารถทำได้แล้ว..ไม่จำเป็นจะต้องลำบากช่วยชีค ท่านต้องเสี่ยงชีวิตและทำสงครามมากมายหลายปี กว่าจะนำบัลลังค์เซเนียยาที่สมบูรณ์ถวายแด่ชีคได้..และนั่น..ตอนนี้...ท่านจะเป็นฝ่ายมาชิงบัลลังค์นั้นแทนงั้นหรือ?..มันเป็นไปได้ด้วยรึไง?"

      "........." คาวัลโลฟังแล้วนิ่งเงียบ..เรื่องสงครามลูกชิงบัลลังค์พ่อหรือพี่ชิงบัลลังค์น้องนั่นเขาพอจะเข้าใจ แต่ทง่าเรื่องการเสียสละอันคาดไม่ถึงของอาเหม็ดนี่มัน...เกินจะเข้าใจจริงๆ

      "...เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน " เขายักไหล่ เพราะถึงจะเคยดียังไง มันก็แค่"เคย"ปัจจุบันจะเป็นแบบนั้นรึเปล่านั่นน่ะอีกเรื่อง..ในเมื่อตอนนี้หลักฐานและความ
เชื่อมโยงทั้งหมดมันอยู่ที่ชายคนนั้น เขาก็ควรจะสงสัยอาเหม็ด..และสืบหาเรื่องราวต่างๆโดยพุ่งเป้าไปที่ชายคนนั้นตามสมควร..

     "........." ฮาซานก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขารู้ดีว่าการจะโน้มน้าวเปลี่ยนใจใครไม่ใช่เรื่องง่าย และยิ่งหากคนๆนั้นยังคิดยึดมั่นในความคิดของตัวเอง จะฝืนพูดมากไปก็ชวนให้วิวาทกันเพียงเท่านั้น..

          คาวัลโลอ้าปากหาวเบาๆ ด้วยความเหนื่อยหน่าย เขากำลังจะอ้าปากชวนคุยแก้เบื่อ แต่หางตากลับมองเห็นเงาดำวูบไหว...ชวนให้ฉุกคิด...
สายลมเย็นพัดพาหอบกลิ่นของควันไฟและเม็ดทรายมาตามกระแสลม คาวัลโลหรุบตาลงเมื่อลมหอบเอาเม็ดทรายเล็กๆสาดปะทะสู่ใบหน้า เขายกแขนขึ้นมากั้นด้วยอัปกริยาเป็นธรรมชาติ แต่เอียงใบหน้าไปด้านซ้าย กวาดสายตาเหลือบแลหาที่มาของเงาดำที่ทำให้เขานึกสงสัยนั่น..

     คาวัลโลตวัดผ้าคลุมมาครอบศรีษะกันลมพลางออกปากบ่น เขาขยับตัวขึ้นคล้ายเมื่อยขบ แต่องศาการนั่งกลับเปลี่ยนเป็นหันข้าง รวมทั้งแววตาที่ถูกปิดบังโดยผ้าผืนหนาที่กวาดมองหาต้นตอของสิ่งผิดปกติ..

  ร่างเงาสีดำซุ่มเงียบอยู่ตรงเพิงสำหรับเก็บอุปกรณ์ก่อสร้างเล็กๆน้อยๆ...คาวัลโลมองเห็นร่างนั้นค่อยๆเคลื่อนตัวถอยหลัง โดยที่ใบหน้าจับจ้องอาการของเขาไม่วางตา..

   ชายหนุ่มเกร็งตัวแน่น นัยน์ตาทั้งสังเกตและหลบมองอย่างระแวดระวัง...

      ร่างของฮาซานที่ยืนถัดไปไม่ห่างนักนึกผิดสังเกตที่อีกฝ่ายเงียบไป องค์รักษ์หนุ่มขมวดคิ้วก้มมองดูร่างที่นั่งพิงกองหิน..เขามองเห็นเสี้ยวหน้าที่เหลือบแลด้านซ้าย..ด้วยท่าทีเคร่งขรึมชวนสงสัย..

   ฝ่ามือแตะลงตรงยังเอวที่มีปืนพกขนาดสั้นเหน็บอยู่ กำลังจะหันซ้ายขวามองโดยรอบ...หากทว่า..

       "..อย่าเพิ่ง.." น้ำเสียงเรียบๆของคาวัลโลทำให้เขาชะงัก..

       " แต่..."

       " อย่าทำท่าทางรู้ตัวให้พวกมันเห็น...มันมากี่คนไม่รู้...ดูให้แน่ก่อนแล้วค่อยโต้ตอบ..." คาวัลโลสั่งการสั้นๆ ด้วยท่วงท่าระวังระไว.. " อย่าลืมว่าคนที่มีอาวุธมีแค่คุณ...ถ้ามันมามากกว่าหนึ่ง เราคือฝ่ายเสียเปรียบ.."

       " ผมจะส่งข่าวให้ทหารของเรารู้ " ฮาซานเอ่ยถึงทหารที่เฝ้าอยู่ที่กระโจมพักซึ่งห่างไปไม่ไกล..

       "....ถ้ามีเสียงปืนพวกเขาจะรู้ตัวเอง...เอาตัวให้รอดก่อน.." คาวัลโลปรามพลางขยับตัวเอนหลังแนบก้อนหินใหญ่... "...ทางซ้ายของผมมีหนึ่งคน...มันกำลังอยู่ที่อาคารเก็บอุปกรณ์..."

       "........". ฮาซานกวาดตามองด้านขวาของฝั่งตนบ้าง นัยน์ตาสีเข้มเหลือบแลเห็นร่างที่กำลังเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วไปด้านกำแพงเมือง..และกระโจมที่กางไว้..

       "...ดูข้างบนด้วย..." คาวัลโลเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้าเครียดขึ้ง ขณะที่กวาดตามองหาทางรอด..

       "...ทางนี้มีสี่..." ฮาซานเอ่ยเสียงเครียด ทางด้านซ้ายที่เป็นทางไปสู่ตัวเมืองมีเหล่าคนในชุดดำอยู่ค่อนข้างมาก พวกมันคงกะจะตัดทางไม่ให้พวกเขา
เข้าไปหลบภัยในเมืองได้ อีกทั้งคอยกันท่า จัดการทหารที่กำลังเฝ้ากระโจมอยู่ไม่ให้แจ้งข่าวกับกำลังพลส่วนอื่นที่ประจำอยู่ในเมืองให้ตามมา..

       "...ไปแจ้งพวกทหารที่เฝ้ากระโจม..ห้ามกระโตกกระตาก.." คาวัลโลสั่งการ

       "...แต่คุณ...." ฮาซานออกปากท้วง อย่างไม่แน่ใจ

       " เอาปืนมาให้ผม...ผมดูแลตัวเองได้.." คาวัลโลตอบสั้นๆ...เขาขมวดคิ้วกับความเงียบที่ได้รับ เมื่อเหลียวไปพบมีหน้าเคร่งเครียดของฮาซานก็ชักสีหน้าหงุดหงิด

       " จะเลือกชีวิตคนหรือคำสั่งก็ตามใจแล้วกัน..." มาเฟียหนุ่มตอบเสียงเรียบ..กับองค์รักษ์หนุ่มที่กำลังชั่งใจว่าจะทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายที่ให้เฝ้าดูแลแต่ไม่มอบอาวุธให้กันหลบหนี หรือจะเสี่ยงมอบให้ในยามมีอันตรายเพื่อรักษาชีวิตเอาตัวรอด แม้จะเสี่ยงกับการที่อีกฝ่ายจะออกไปก็ตาม..

       "..หากคุณสาบานว่าจะไม่ไปไหน..." ฮาซานตอบเสียงเครียด

       "...จนกว่าหน้าที่ของผมจะจบลง.." คาวัลโลตอบ สายตาจ้องความมืดของทะเลทรายกว้างเบื้องหน้า มองไปยังขอบฟ้าที่มีแสงดาวพราวระยับต่ำราวกับจะ
เอื้อมถึงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง..

      ".....สิ่งแรกที่คุณจะสั่งให้ทหารทำคือแจ้งอัลชาอ์...อย่าให้พวกเขาขยับปืน..เพราะนั่นจะเป็นสัญญาณปลิดชีวิตตัวเอง..."

         ฮาซานพยักหน้ารับก่อนจะทิ้งกระบอกปืนลงบนผืนทรายแล้วผินตัวหันหลังไปยังกระโจมด้วยท่าทีปกติ หากแต่ดวงตาฉายแววร้อนรน  นัยน์ตาเข้มกราดมองไปยังกลุ่มผู้บุกรุกที่ต่างก็ซุกซ่อนจากสายตาของตนอย่างเชี่ยวชาญ..ขณะที่ก้าวไปด้วยหัวใจระทึก...

     ปัง! ปัง ! ปัง !

           เสียงปืนที่ดังเป็นสามนัดติดๆกันเป็นดั่งสัญญาณให้ออกวิ่ง คาวัลโลถีบตัวลุกพรวด กระโจนเข้าหากระบอกปืนที่แน่นิ่งอยู่บนผืนทรายท่ามกลางแสงอันเลือนราง ทัศนะวิสัยที่แทบจะเรียกได้ว่ามืดบอดยามคว้ากระบอกปืนและหาทางหนีนั้นทำให้ต้องถลามายังเพิงหินที่เดิม.. นัยน์ตาสีน้ำทะเลตวัดมองกระโจมพักที่มีร่าง
ของทหารสองนายแน่นิ่งอยู่อย่างเคร่งเครียด พลันเสียงปืนก็ดังขึ้นติดๆกันอีกคำรบ..พร้อมกับความร้อนที่แล่นผ่านผิวแก้มทำให้ตัวเย็นวาบ รีบถลาออกจากที่กำบัง
โดยพลัน..

     เมื่ออีกฝ่ายที่มีมากกว่าสามารถมองเห็นได้ยามที่มีแสงสลัว นั่นทำให้คาวัลโลตัดสินใจวิ่งสุดฝีเท้าไปยังผืนทะเลทรายอันมืดมิดเบื้องหน้า...หลอกล่อให้อีกฝ่ายติดกับเพราะความมืดมิดของกลางคืนและความไม่คุ้นชินต่อสภาพพื้นที่ซึ่งอาจจะสร้างปัญหา ระหว่างถ่วงเวลารอคนของอัลชาอ์ให้ปรากฏกาย..

     เอื้อมมือกุมซี่โครงพร้อมกับหอบยาวจนตัวสั่นเมื่อวิ่งจนสุดฝีเท้า...คาวัลโลกลิ้งตัวคลุกเม็ดทรายเมื่อเนินทรายที่ก่อรุปร่างอันไม่แน่นอนทำให้ฝ่าเท้าสะดุดล้ม

      ".แฮ่กๆ...." ก้มตัวลงแล้วถลาไปหาเงาตะคุ่มของต้นปาล์มที่ยืนต้นโดดเดี่ยวอยู่ใกล้เพิงผา.. คาวัลโลได้ยินเสียงสถบเป็นภาษาอังกฤษดังขึ้นเป็นระยะ สลับกันเสียงปืนที่ดังขึ้น ขณะที่เขากระโจนเข้าซุกกายบนผืนดินแข็งปนหิน แม้ทั้งร่างและฝ่ามือจะครูดกระแทกกับผืนดินเสียจนเจ็บชาเขาก็ไม่ได้สนใจ  มาเฟียหนุ่ม
คลานหมอบตัวไปโดยไม่ใส่ใจงูหรือสัตว์อะไรก็ตามที่จะสร้างอันตราย ประสาทสัมผัสที่ตื่นตัวเต็มที่บอกให้รู้ว่ามีเสียงเครื่องยนต์คำรามอยู่ไม่ไกลจุดความหวังให้เกิดขึ้นอีกครา..

     ปัง !!

        เสียงปืนที่ดังขึ้นใกล้กว่าที่คิดทำให้ตัวเย็นวาบ คาวัลโลถีบตัวขึ้นจากพื้น ล้วงเอาปืนที่ฮาซานทิ้งไว้ให้มาปลดเซพอย่างเชี่ยวชาญ ขณะที่สายตาสอดส่องหาเป้าหมายท่ามกลางความมืดมิดและเสียงลมพัดหวีดหวิว

    " โอ๊ย!!...." ความเจ็บที่พุ่งพรวดทำให้คาวัลโลร้องออกมาอย่างทนไม่ไหว...ชายหนุ่มรีบสะบัดมือขึ้นจากที่วางยันพื้น และรีบลุกจากพื้นพร้อมกับออกแรงวิ่งอย่างรวดเร็ว..แผลที่มือแม้จะเจ็บแปลบและแสบร้อน แต่เขาก็ไม่มีโอกาสจะดูด้วยซ้ำว่าตัวอะไรที่กัด ทำได้เพียงรีบลุกออกมาก่อนจะโดนอะไรที่ร้ายกว่านั้นทำให้เกิดแผลซ้ำ แม้จะนึกกังวลขึ้นมาวูบหนึ่งว่าอาจะเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรง ทว่า...ตอนนนี้ที่ชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตราย..สิ่งที่ควรสนใจคือการเอาตัวรอดเฉพาะหน้า

    "#$%^&*() " คราวนี้เสียงสถบที่ดังขึ้นนั้นเป็นภาษาอาหรับ..คาวัลโลขมวดคิ้ว ขณะที่ถอยหลังวิ่งไปสู่ทะเลทรายกว้างและห่างจากเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ เขามองไม่เห็นคนหรือกำลังพลที่เดินทางมาเลยสักนิด..และยิ่งนึกเสียใจที่ตัวเองหลอกล่อคน พวกนี้เข้ามาในทะเลทราย สำนึกรู้บอกว่ามันทำให้ตัวเองตกหลุมพรางชัดๆ แม้ความมืดที่รายล้อมจะช่วยอำพรางตัว ทว่าก็ทำให้สายตาของเขามืดบอดด้วยเช่นกัน และในเมื่อคนที่โจมตีเขาเหล่านี้เป็นชาวทะเลทรายก็ย่อมคุ้นเคยที่นี่มากกว่าเขาอยู่แล้ว!!

    "..บ้าชิบ..." ชายหนุ่มสถบลั่น แผลที่มือมันปวดบวมเป่งมีอาการชาแขนสั่นระริกจนจับแล้วรู้สึกได้..ขาที่วิ่งสะเปะสะปะก็เริ่มอ่อนกำลังลงพร้อมกับอาการเจ็บแปลบตรงซี่โครงด้วยความเหนื่อยหอบ ได้ยินเสียงพูดคุยดังลั่นของกลุ่มคนที่เขามองไม่เห็นแต่ที่น่าตระหนกคือมันใกล้เข้ามา....ใกล้ตัวเข้ามาทุกที..

     คาวัลโลสถบพรืดอย่างไม่พอใจ เขากัดฟันกรอด ไม่มีทาง..อนาคตบอสมาเฟียตระกูลเก่าแก่ของอิตาลี คนอย่างเขา คาวัลโล วาลกัส จะมาพ่ายแพ้ถูกฆ่าเพราะเรื่องแบบนี้ ต้องมาตายอยู่ที่นี่งั้นเหรอ...ไม่มีทางหรอก...

  นัยน์ตาสีน้ำทะเลวาวโรจน์อย่างไม่ยอมแพ้...เรื่องอะไร..เรื่องอะไรจะยอม..เรื่องอะไรจะต้องมาตาย...ด้วยสาเหตุโง่เง่าไร้สาระ...

ไม่มีทาง...ไม่มีวัน...จะยอมแพ้..

.....ฝีเท้าที่สั่นไหวกลับมามั่นคงอีกครา คาวัลโลได้ยินเสียงเครื่องยนต์คำรามใกล้มาเรื่อยๆ...เขากระชากผ้าคลุมในมือมาฉีกเป็นชิ้นยาว ฝ่ามือที่บวมเป่งถูกปลาย
นิ้วโป้งข้างขวากดเคล้นลงบนบาดแผลแรงๆ บีบให้หยดเลือดไหลออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนำผ้าที่ฉีกไว้นั้นพันรอบแขนข้างที่ถูกกัดเป็นการห้ามเลือดและหยุดพิษรักษาพยาบาลเบื้องต้นชั่วคราว..

 ...กระชับปืนในมือแน่น ขณะที่ออกแรงวิ่งไต่บนเนินทรายลูกโตไปยังส่วนยอด เขาได้ยินเสียงร้องภาษาอังกฤษผสมกับภาษาอาหรับดังสะท้อนในอากาศ หรี่ตาลงเมื่อแรงลมสาดปะทะ สมองคิดหาทางรอดด่วนจี๋ ประกอบกับสังเกตสังกากลุ่มคนนี้ไปในตัว..หากเป็นชาวอาหรับคนของที่นี่...แน่นอนว่าจะคุ้นชินและไม่มีการตะโกนคุยกันแบบนี้แน่นอน..แต่ประโยคพูดภาษาอังกฤษจุดความสงสัยให้วาบขึ้นในใจ..กลุ่มกองกำลังต่างชาติที่เข้ามาในเซเนียยา...ประเทศที่แทบจะเรียก
ว่า"ปิด" โดยสมบูรณ์แบบ...

  ..ใคร..มาทำไม...ต้องการอะไรกันแน่?

     หัวคิ้วสีเข้มขมวดมุ่น ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ขณะที่ปลายเท้าก้าวไม่หยุดเพื่อขึ้นไปบนเนินทรายหวังหลบพักกาย..

.....พรึ่บ.....

      หากทันทีที่ก้าวเท้าขึ้นยังเนินทรายลูกโต ผลตอบแทนที่ความเหนื่อยล้า กลับกลายเป็นแสงไฟจ้าจากรถโฟร์วีลที่สาดเข้าปะทะร่าง...

..คาวัลชะงักค้างด้วยสีหน้าตกตะลึงและคาดไม่ถึง..

....อุบายร้ายกาจ...แผนการ์ณหลอกล่อที่สมบูรณ์แบบ...

นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองคนในชุดโธปและชุดเชิ๊ตสากลที่ยืนปะปนกันอยู่...คนเหล่านั้นจ้องมองสีหน้าของเขาด้วยความพึงพอใจ..สายตาวาววับนั้นชวนให้หนาวเยือกและความคั่งแค้นปะทุหนัก...

   ....บ้าที่สุด !!!!

คาวัลโลกัดฟันกรอด ...หากก็จำต้องทิ้งปืนลงข้างกายบ่งบอกอาการยอมแพ้..นัยน์ตาสีน้ำทะเลกวาดมองทั่วบริเวณ มองหน้าผู้คนที่อุกอาจ หาญกล้าที่จะมาซุ่มจับตัวเขาท่ามกลางการคุ้มครองของชีคหนุ่มเเห่งเซเนียยา.. มองหาเจ้าของแผนการ์ณอันแยบยลที่หลอกล่อให้เขามาหาตัวเองตามที่วางไว้..

ไม่ใช้ชาวอาหรับ...คอยท่าให้เขาออกมาห่างจากการคุ้มกัน..

แกล้งไล่ล่าให้เขาเหนื่อยอ่อน กวาดต้อนจนทำให้ว้าวุ่นครุ่นคิด..

จุดความสงสัย..ทำให้เขาตัดสินใจออกมาแทนที่จำหลบหนีไปพร้อมๆกับคนคุ้มกัน...

     คาวัลโลหอบเบาๆด้วยความเหนื่อยล้าหัวสมองหมุนติ้วแม้ท่าทีอ่อนล้า...เขาครางออกมาเบาๆเมื่อ แผลที่ฝ่ามือเริ่มบีบรัดจนเจ็บปวดอีกครา ชายหนุ่มตวัด
สายตามองฝ่ามือตัวเอง เขาพบว่ามันมีเลือดสีคล้ำเปื้อนอยู่บนแผลช้ำลือดและบวมเป่งจนน่ากลัว

    ประตูรถโฟล์วีลเปิดออก และร่างของชายคนหนึ่งก็ก้าวออกมา..คนที่ทำให้คาวัลโลเบิกตากว้าง...มองเห็นเส้นผมสีบลอนด์ที่ซีกจางจนเกือบขาว...ใบหน้าหล่อ
เหลาราวเทพบุตร หากทว่าเย็นชาราวกับฉาบด้วยน้ำเเข็งบางๆที่ไม่มีวันละลายดูราวกับว่าเป็นเขาเองเป็นผู้ที่ทำให้ทะเลทรายแห่งนี้หนาวเย็นขึ้นมากะทันหัน..และ
นัยน์ตาสีเทาคู่นั้นเย็นยะเยียบเช่นเดียวกับใบหน้าที่แข็งกระด้างมองมาอย่างมาดร้าย...

....คาวัลโลยิ้มออกมาช้าๆเมื่อพบว่าคำตอบของคำถามที่เขาอยากรู้คืออะไร...

.......เมื่อได้มองเห็นคนๆนี้อยู่ตรงหน้า...ความสงสัยทุกอย่างก็กระจ่างชัดขึ้นมาทันที...

.........ชายคนนี้....ราฟาเอลโร่ บอนต์เต้

........................................

ฝาแฝดหวานโฮกฮากปนหื่น ฮ่าๆๆๆ..ช่วงนี้เครียดค่ะ หงุดหงิดกับเรื่องซวยๆ และเวลาเครียดเราก็มีวิธีระบายออกกับนิยายอยู่สองอย่าง หนึ่งคือเขียนฉากดราม่า และสองคือเขียนฉากหื่น !  :laugh:
 ลงแบบนี้แล้วหวังว่าคงไม่มีคนเชียร์ให้อิชั้นเครียดเยอะนะ (เพราะเสี่ยงจะลงอีกฉาก และนี่ไม่ใช่หวยล๊อก ฮ่า...)
  เรื่องฝาแฝดตอนนี้ก็อยากจะบอกสั้นๆคือ...
อเล็กซิส....หื่นนะลูก.... :m25:( ยื่นผ้าซับเลือดให้ชาวบ้าน)
...ส่วนช่วงนี้ที่หายไปนานไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ พอดีหนีไปอยู่กินกับอเล็กเซย์มา :z2:(โยกศรีษะหลบลูกปืน) แหะๆ...ช่วงนี้ยุ่งค่ะ และมีเรื่องซวยซับซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อน นั่นก็คือ...กระเป๋าตังค์หาย !!!
ไอ้เงินในนั้นไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ...แต่นี่มันเอทีเอ็มสองใบ บัตรนักศึกษา บัตรประชาชน หายไปหมด ตอนนี้เลยต้องพกบัตรเหลืองเหมือนต่างด้าว ต้องรอท่านๆเถียงกันเสร็จก่อน ฮึ่ยยยย..และที่สำคัญที่สุดคือกุญแจห้องงงงง..เช็ดเป็ดเถอะพี่น้องงงงงงงเงินน่ะอยากได้ก็เอาไป แต่ไอ้กุญแจห้องน่ะขอได้ม้ายยย ไม่อยากโดนอาม่าแกโวยนะเฟ้ย !
..ส่วนคาวี่ที่รัก...ตอนนี้กิ๊กเก่ามาตามสินะ..(อุ๊บส์) ฮ่าๆ...ตอนนี้คาวี่แอบน่าสงสาร แอบเหงาแถมถูกคนเขียนทารุณกรรมอีก...หลังจากใจร้ายจนโดนแฟนๆถามตีก้น ตอนนี้ก็สงสารพ่อคุณเขาหน่อยเต๊อะ..
ปล. ตอนนี้ผังครอบครัวสอัลชาอ์ออกแล้วนะ มีงงๆกันบ้างรึเปล่า?
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: MoPPeT ที่ 18-01-2011 12:36:27
ผิดไหมทีี่จะบอกว่าชักเกลียดขี้หน้าคาวัลโลสุดๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 18-01-2011 12:45:29
จิ้มแรงหนึ่งที 5555 ตอนนี้รู้สึกปวดหัว เรื่องชีคกับคาวี่ก็ยังไม่ดีขึ้น แฝดก็มาหื่นใส่กัน แถมคาวี่ยังตกที่นั่งลำบากอีก ปวดเฮดดด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 18-01-2011 12:47:36
อ้ากกกกกกคาวัลโลพลาดเสียแล้ว


ค้างอ่ะๆๆๆๆๆ โอ้ยเอล็กหื่นเหลือเกินอ่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 18-01-2011 13:17:47
แฝดหื่นจริงอะไรจริงขายังพาดอยู่ในอ่างอยู่เลย
แต่รับรู้ได้ถึงความรักต่อกันและกัน
ว่าแต่คนที่ไล่ล่ามาเฟียคือใครอ่ะ
แย่แล้ว.. ท่านชีคไปไหนเนี่ย
มาช่วยด่วนๆ ตัวอะไรกัดก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 18-01-2011 13:53:51
กรี๊ดดดดด  ขอบคุณนะคะ ตอนใหม่มา ค้างได้อีก ไม่นะ ตานั่นใครเครียดนะเนี่ย ชีคอยู่หนายยยย มาช่วยคาวี่เร็วเข้า (ถึงจะรู้ว่า คาวี่เอาตัวรอดได้) จะเป็นไรมาหไม๊เนี่ยโดนไรกัดก็ไม่รู้ งูทะเลทรายเปล่าอันตรายโคตรอะ สู้ๆนะคะ ถือซะว่าซวยเเทนเรื่องที่มันจะร้ายกว่านี้ เรื่องร้ายๆเดี๋ยวมันก็จะดีขึ้น ตอนต่อไปไม่นานขนาดนี้หรอกเนอะๆๆ  หงิง หงิง หงิง สงสาร คาวี่อะ

ปล.ผังครอบครัว อัลชาห์ ไม่งงนะคะ เข้าใจน่าสงสาร อัลชาห์ อะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 18-01-2011 14:40:52
หายไปนาน
และก็คุ้มกับการรอคอย
ย้าว ยาว ดีจัง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 18-01-2011 15:05:35
 :jul1: :haun4:  ซิสกะเซย์หื่นมากลูก  ก้อเปงฝาแฝดก้อต้องเหมือนกันดิเนอะ  :m20:
ราฟาเอลโล่เปงคัยหว่า  กิ้กเก่าคาวี่จิงงะ :serius2:
คาวี่นู๋จาชดใช้อังจังยังไงลูก  อยากรุ้ๆๆๆ  งุงิ    :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 18-01-2011 15:30:19
ชีคจะมาช่วยคาวี่ทันไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 18-01-2011 15:31:19
ซิสเซย์ โลกนี้มีเพียงเราสอง
ยิ่งอ่านยิ่งงง
แล้วผู้มาใหม่นั่ใครกันหล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 18-01-2011 15:59:59
เรื่องราวลึกลับซับซ้อน ปมเยอะขึ้นทุกที

สนุกมากๆเลยค่า^^

มาต่อเร็วๆน๊า เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 18-01-2011 17:14:26
ฝาแฝดคู่นี้ คนนึงก็ช่างยั่ว อีกคนก็ยั่วขึ้นซะเหลือเกิน
ตอนนี้ก็เลยเสียเลือดเสียเนื้อกันไป
คุณท่านชีค รีบพาคาวี่กลับด่วนเลย
โดนต้อนจนมุมแล้วนั้น
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: ammer ที่ 18-01-2011 18:44:41
คู่แฝดดด :m25:

แล้วคนที่โผล่มานี่ใครหว่า? :really2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 18-01-2011 19:37:28
มาซะทีนะฮะ^^
ดีใจโคตร ๆ วันนี้ที่โรงเรียนจัดบูธด้วย เหนื่อยแสนเหนื่อยฮะ แต่ได้อ่านอัลชาห์กะคาล ก้ชื่นใจสุด ๆ

กิ๊กเก่าที่ว่าคือ....ยังไงฮะ
(ศัตรูหรือว่าชู้ ก๊ากกกกกกกกกกก) เค้าเคยออกมาตอนไหนอิหนูก้ลืมไปแล้วด้วย

เอาเป็นว่า มาต่ออิกไว ๆ นะฮะ ติดใจมากมายเลย ไม่งงไรทั้งนั้นแหละ
ปล.แต่คาลนี่ด้านชา-เย็นได้อิกอ่ะ เห็นใจชีคเราบ้างก็น่าจะดีนะ เพี้ยงงงง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: zombiepe ที่ 18-01-2011 19:38:39
นิยายเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เข้าเฝือกไม่เป็นปัญหาต่อการทำจิ้มแจ่ว
555
อ่านตอนนี้แล้วสงสารทั้งท่านชีค(ที่รักของเค้า*-*)และคาลจัง
คนนึงเจ็บเพราะรักมาก คนนึงเหงาสับสน หัวรั้น
ถึงจะดูเหน็บคาลจังมากกว่าเห็นๆแต่ก็รักนะคาลจัง
นี่มันรักสามเศร้า เราสามคนเหรือเปล่า คนที่โผล่มาท้ายสุดนั่นน่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 18-01-2011 19:50:58
อ้ากกกกกกกกกกกกก จบได้ค้างมากๆๆๆๆ  :serius2:
มันเปนใคร มันเปนใคร อยากรู้มากๆๆๆๆๆๆ
ตอนนี้มาอีกเรื่อยๆ โผล่มาอีกแล้ว ใครหนอ?
อัลชาร์จะมาช่วยคาวี่ทันมั้ยเนี่ยยยยยย
แต่สองแฝดดดด ไม่ไหวแล้ววววว :haun4: ๕๕๕๕
รอตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 18-01-2011 19:53:50
รู้จักกันด้วย ? ราฟาเอลโร่ บอนต์เต้
ชื่อฝั่งอิตาลี่แบบนี้
ตัวช่วย หรือ ตัวฉุดล่ะเนี่ย...??
หรือจะมาเป็นมารหัวใจ ดี กร๊ากๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: TO.EYEz ที่ 18-01-2011 20:30:25
กรี๊ดดดดดดด... อะไรกันนนน กิ๊กเก่าคืออารายยย ย โฮฮฮ ฮ
ฮ่วย.. อย่ามาทำให้อยากแล้วจากไปจั๋งซี่ TvT (ถึงกับอุทานออกมาเป็นภาษาฝรั่งเศษบ้านเกิดกันเลยทีเดียว..)
คือไม่ไหวมาก อยากรู้มาก ยิ่งมาทลอ์คแ้ล้วยิ่งน้ำลายฟูมปาก! ๕๕๕ ๕
ตายกันไปข้างเลยทีเดียว..

ตอนนี้ชักจะสงสารนุ้งคาวี่ขึ้นมาอีกแระ โดนลอบทำร้ายเพื่อแผนการดักฉุด(?)เองรึนี่
อุวะฮะฮ่าๆๆ ว่าแต่ ราฟาเอลโร่ บอนต์เต้นี่มันคือครายย(?)
ถ้าหล่อกว่าชีค นี่เราจะยอมยกกายถวายตัวเอง เอ้ย! คาวี่ให้เรยนะเนี่ย ๕๕๕

แอบเสียดายนิดๆที่ไม่มีฉากชีคกับคาวี่ปะทะฝีปากกันเลย แอบเหงา(ปาก)ชอบกล TvT

เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้เจอเรื่องโชคดีไวไว
Ps. ผังครอบครัวไม่งงค่า แต่แอบอยากอยู่ในผังด้วยจัง =..= ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 18-01-2011 20:50:35
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดด.......



ต่อด่วนนนเลยยยยยย ค้างงงงงง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 18-01-2011 21:19:24
อึ้งสองวิกับฉากอะโลฮ่าของสองแฝด  :a5: :m25:
อยากให้ชีคกับคาวี่มีฉากแบบนี้บ้างง โฮฮฮฮ  :o12:
คงอีกนานแน่ๆ ฮือๆๆ ไม่นะ  :z3:
ตอนนี้ท่านชีคไม่โผล่มาซักช็อต โหดร้ายมาก  :m15:
แต่แบบ อ๊ากกก ท่านชีคหายหัวไปไสคะ!? มัวแต่ไปเฮฮาปาร์ตี้อยู่อ่ะดิ
ที่รักเอ็งจะแย่แล้วนะโว้ยยย  :serius2:
ขอให้มาช่วยทันทีเถอะ
แต่คือ ไอ้ราฟาเอลโล่นั่นมันใครกัน? กิ๊กเก่าคาวี่จริงรึคะ?
เสน่ห์แรงจริงนะคนเนี้ยย  :impress2:

รอตอนต่อไปค่ะ ค้างอย่างแร๊งงง  :m31:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 18-01-2011 21:38:27
โอ้ว อเล็กซิส หื่นเรียกเลือดได้อีก :m25: :haun4:

คาลนิสัยอย่างนี้ต้องให้ท่านชีคจับ :oo1: :oo1:สักสองสามทีน่ะ

แล้วชายคนนี้....ราฟาเอลโร่ บอนต์เต้ คือใคร :z3: :z3:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 18-01-2011 22:00:28
.........ชายคนนี้....ราฟาเอลโร่ บอนต์เต้

ชายคนนี้ มันคนไหนล่ะ  :a5:

หักอารมณ์กันแทบไม่ทัน หื่นอยู่ดีๆ มาดราม่าสุดชีวิตซะงั้น

อย่าทำร้ายคนอ่านนักเลยค่ะT^T

ปล.ของน้องก็หายเหมือนกันค่ะ แต่หายแค่เอทีเอ็ม พี่คนเขียนโชคร้ายกว่า  :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 18-01-2011 22:02:55
 :pighaun: :really2:  :serius2:
หลากหลายอารมณ์
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 18-01-2011 22:03:39
ไม่แน่ใจว่าตาราฟาเอลโร่นี่เป็นใคร แต่ว่าเปิดตัวอย่างเท่ห์เลยอ่ะ
หล่อ เย็นชา แถมต้อนซะนู๋คาวี่จนมุม อร๊ายยยยยยยย  :-[ หวั่นไหวๆ
(แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ยังจะกล้ากรี๊ดตาคนนี้อีกมั้ย ฮ่าๆๆ)

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 18-01-2011 23:07:12
 :jul1: สังเวยเลือดให้กับคู่แฝดไปเต็มๆ โอว...
ส่วนคาวี่ SM ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว อิอิ
อ่า... :call: writer เจ๋งสุดยอด สู้ตายเลยค่า
บรรยายบทได้สมจริงนึกภาพตามได้เป็นชอตๆเลยจ้า ทึ่งมาก
ปล.ว่าแต่ทำไมคนร้ายถึงหน้าตาดีนักละ แอร๊ยยยย~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 19-01-2011 02:08:45
ราฟาเอลโล่ บอนต์เต้เป็นใครอ่ะ?
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 19-01-2011 10:36:13
คาวัลโลเริ่มมีความรู้สึกขึ้นมาบ้างแล้วเหรอค่ะลูกขา รู้สึกว่าที่ผ่านมามีอัลชาอ์คอยอยู่ข้างๆ ทุกเวลาทุกสถานการณ์ คาวี่เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากมาย
แต่มาตอนนี้แหละ ที่อัลชาอ์เริ่มตีตัวและหัวใจออกห่าง จะได้รู้สึกันซักที หึหึ แต่ก็ยังไม่เข้าใจ ถ้าเป็นคนอื่นที่คาวี่ไปทำร้ายจิตใจเขา หนูจะไปขอโทษแล้วก็บอกว่าเสียใจ ไม่ได้ต้องการพูดออกไปอย่างนั้น แต่ว่า ทำไมกับอัลชาอ์ถึงไม่พูดล่ะค่ะ ?  ทิฐิเหรอค่ะลูกขา T_T

ขอกรี๊ดและสครีมดังๆ กับฝาแฝด อร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เห็นน่าัรักๆ ว่าง่ายๆ(มั้ง)อย่างอเล็กเซย์นี่ก็แอบดื้อเงียบกับเขาเหมือนกันนะ แต่เป็นการดื้อที่น่ารักน่าฟัดที่สุด ! อเล็กซิส โอ๋หน่อยเร่เร๊วววว >w<!!!
เซย์ขี้อ้อนนนนนนนนนนนนน น่าร๊ําก เลยกลายเป็นฉากเรียกเลือดของฝาแฝดเลย ....... หุๆๆๆ
ขนาดเซย์เจ็บอยู่ยังขนาดนี้ แล้วถ้าเกิด . . . อร้ายยยย ไม่อยากคิด กลัวเลือดพุ่ง  :o8:

ชอบประโยคนี้ของฮาซานจังเลยค่ะ
อ้างถึง
   "....ไม่ใช่เพราะไม่กลัวตาย...ไม่ใช่พราะไม่หวั่นกับบาป...แต่ทว่าเพราะรัก.  "
รู้สึกว่าแบบ . .  ใช่เลยอะ ! มันคือชีคพระเอกของเราจริงๆ ก็รักไปแล้ว ให้ทำไง จริงมั๊ยล่ะค่ะ ? ><
จากคำที่ฮาซานพูด พระเอกของเรารักมันคงราวหินผา ที่ไม่มีหินปูนมาผสม จึงไม่มีผลต่อการละลายของน้ำ ...... (เกี่ยวมั๊ย?)
อัลชาอ์เป็นคนรักเดียวใจเดียว และจะรักเพียงคนเดียวตลอดไป อร้ายยย โรแมนติกจังเลยค่ะ ! มันไม่มาโรแมนติกก็ตรงที่คนที่ท่านรักดันเป็นพวกบ้าน่าจับตีตูดที่สุดในเวิล์ดน่ะสิค่ะ ไม่เป็นไร เรารอได้ ซักวันที่คุณจะรักกัน  :o12:
พอได้รู้ผังครอบครัวของพระัเอกเรามาคร่าวๆ สรุปแล้่วอาเหม็ดเป็นตัวไม่ดีจริงป่ะเนี่ย -*- ในเรื่องของนิยาย อะไร ๆ ก็เป็นไปได้ ดังนั้นเราก็ได้แต่รอต่อไป
แต่่ว่าถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้พ่อพระเอกอัลชาอ์ของเราเสียความรู้สึกมากขนาดนี้  อัลชาอ์จะทิ้งให้คาวัลโลอยู่คนเดียวมั๊ย T_T
ทิ้งให้คาวัลโลอยู่คนเดียว ก็เลยเกิดเป็นเรื่องขึ้นจนได้ ฮืออออออออออออออออออออออออออออออ
แผลที่มือก็ยังไม่หายดี ก็เพราะไม่ยอมให้อัลชาอ์เขาดูแผลให้อะแหละ น้องหนูที่ทิฐิสูงจริงๆ ! เป็นมาโซเหรอค่ะ ! ถ้างั้นอัลชาอ์ก็ต้องซาดิสม์นะสิ
แหม ..... อยู่ด้วยกันได้พอดีเลย หึๆๆๆ
อัลชาอ์ค่ะ คาวี่หนีลูกตะกั่วหายไปไหนกลางทะเลทรายแล้วก็ไม่รู้ T_T ตัวเองก็บาดเจ็บอยู่ ไม่รู้โดนตัวอะไรกัดบ้างรึเปล่า
แถม .......
ราฟาเอลโร่ บอนต์เต้   คุณเป็นใครวะค่ะ ! ถึงได้มาทำร้ายคาวี่ไ้ด้ถึงเพียงนี้ !!! -*-
ถ้ามาโจมตีแบบนี้ ก็แสดงว่าต้องมีคนรู้แล้วสิว่าคาวัลโลยังไม่ตาย หรือเป็นพวกเดียวกับที่มาโจมตีชีค
โอ้ย สงสัยเยอะเกิน
ดังนั้นไรท์เตอร์มาต่อเร็วๆ นะค่ะ 555555555555555
รักษาสุขภาพด้วยค่า ไฟท์ติ้งงงงงงงงงง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: ทับทิมกรอบ ที่ 19-01-2011 12:37:25
คาลวี่จะรอดใช่ไหม  :serius2:

แล้วคุณลุง ราฟาเอลโร่ บอนต์เต้ นี่เป็นใครอีกละเนี่ย  :really2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 20-01-2011 22:16:59
ยังไม่ได้เห็นคาวี่ไถ่โทษท่านชีคเลย อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ  :serius2: :serius2:
ท่านชีคมาช้าจริงๆ เลย คาวี่แย่แล้ว
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: love_y ที่ 21-01-2011 04:03:23
อ๊ากกกกกกกกกกก ทรมาณ ค้างอย่างรุนแรงงง ตัวร้ายออกมาแล้ว แล้วเค้าคือใครอ่ะ
แล้วคาวีจะเป็นอะไรมั้ยยย  :m15:
อ่านๆไปสงสารท่านชีคสุดใจเลย รักมากรักมานาน โดนย้ำว่าไม่รักแบบนี้มันยิ่งกว่าปวดใจอีกนะ
รออ่านตอนต่อไปอยู๋นะคะ ตอนนี้ติดเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆ อยากอ่านทุกวันๆมาลงบ่อยๆนะคะ ติดจิงจังอ่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: april_o_ ที่ 22-01-2011 20:35:23
 :serius2: :serius2:  ค้างอย่างแรง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 23-01-2011 19:17:36
ท่าน Rukki วิจารณ์ได้ตรงใจมากเลยคะ +1 ให้เลย เห็นด้วยๆ คาวี่นี่น่าตีจริงๆ 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 23-01-2011 20:40:40
กิ๊กเก่าคาวี่โผล่!? (o[]o'')
อัลชาอ์อยู่หนายยยย รีบมาด่วนด่วนเลยยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 23-01-2011 20:49:28
อยากอ่านแล้วคร๊าบบบบบบบบบบ....หยุดนานไม่ได้ จะขาดใจเลยเรื่องนี้ มันส์ดี

รอ~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: melody ที่ 23-01-2011 21:00:01
หายไปไหน คิดถึงนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 23-01-2011 21:45:35
แวะมารอค่ะ   :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 23-01-2011 22:12:46
พรุ่งนี้ค่าาาาา
(เพิ่งฟื้นสังขารจากกีฬามหาลัย)
รอก่อนนะจุ๊
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: love_y ที่ 24-01-2011 00:11:07
^
^
^
เย้ๆๆๆ  พรุ่งนี้จาได้อ่านแล้ววว
มีแววว่าจะเข้ามากดF5หน้านี้ทั้งวันแน่ๆๆๆๆๆๆๆ o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 24-01-2011 19:45:36
คุณปุ้ยขา พรุ่งนี้ที่คุณปุ้ยบอกก็วัน นี้ใช่เปล่า สาตุ๊ๆๆ มาเถอะนะเป็นห่วง คาวี่ หลาย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: katte ที่ 24-01-2011 22:42:13
เมื่อเวลาประมาณ...22.20 น. ดิฉันได้รับเสียงตามสายจากคุณป้าเจ้าของเรื่องว่า...
.
.

วันนี้มีเหตุจำเป็นไม่สามารถมาโพสนิยายได้

เนื่องจากคอมพิวเตอร์เชื่อมต่ออินเตอร์เนตไม่ได้

จึงเเจ้งให้คนอ่านทราบโดยทั่วกัน นะคะ
ต้องขอโทษคนอ่านทุกคน


ขออภัยที่เจ้าคนเเต่งไม่สามารถมาเเจ้งด้วยตนเอง..

ปุ้ย...

..................................
 :bye2:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 25-01-2011 09:41:06
^
^
^
^

ขอบคุณค่ะที่มาเเจ้งข่าว มิเป็นไร เราก็จะรอต่อไป สู้ๆๆนะคะ สาธุ ๆ ขอให้เชื่อมเน็ตได้เร็วๆเท้อออออ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: love_y ที่ 25-01-2011 17:09:11
 :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 25-01-2011 20:36:19
รออยู่นะคะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 25-01-2011 21:17:13
โอมมะรึกกึกกึ๋ย~เพี้ยง จะติดๆ เนตเอ่ย จงติดๆ เพี้ยงๆๆไรเตอร์สู้ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 25-01-2011 22:39:52
Line : 19  บ้าคลั่ง

    สายลมกลางทะเลทรายยังคงพัดหวีดหวิว นำเศษฝุ่นผงและเม็ดทรายมากระทบใบหน้า ในค่ำคืนอันหนาวเย็นและเงียบเหงาของทะเลทรายแห่งนี้ กลับมีร่างของชายหนุ่มหลายคนยืนอยู่ท่ามกลางผืนทรายอันเวิ้นว้าง..แสงไฟจากรถโฟร์วีลสี่ล้อคันใหญ่สาดตรงไปยังร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนเด่นอยู่บนเนินทราย ท่ามกลางกระบอกปืนที่หันเข้าหา..

     หากราวกับเวลาทั้งหมดหยุดนิ่ง เมื่อชายอีกคนค่อยสาวเท้าจากตัวรถ ...ก้าวมายังร่างของชายคนนั้นที่ยืนนิ่งอยู่อย่างยอมจำนน..

หากทว่า..แววตากลับยังวาววับ กร้าวแสง ไม่ยอมแพ้..

     ห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว..ปลายเท้าในรองเท้าบู๊ทมันปลาบก็หยุดลง..นัยน์ตาสีชาสบกับดวงตาสีน้ำทะเล..พลันใบหน้าที่เย็นชานั้นกลับปรากฏรอยยิ้มตรงมุมปาก

  ...มันไม่ใช่รอยยิ้มที่แสดงความยินดีในการพบพาน..หรือรอยยิ้มแสยะด้วยความรังเกียจ หากรอยยิ้มนั้น บ่งชัด...ถึงคำเยาะหยัน..บอกชัดเจน ถึงชัยชนะ...

คาวัลโลสบมองแววตาคู่นั้นไม่ยอมหลบ เขามองเห็นรอยยิ้มน่ารังเกียจนั้นชัดเจน ชัดเสียจนอยากจะเบือนหน้าหนีไปให้พ้น หากก็ทำไม่ได้ ด้วยเหตุผลเดียวกับที่ชายตรงหน้าไม่ละสายตาไปจากตัวเขาเช่นเดียวกัน..

   ราฟาเอลโร่ บอนต์เต้..

ชื่อที่เขาจำได้ดีดังขึ้นมาในสมองทันทีที่เจอหน้า..ทุกอย่างของคนตรงหน้าถูกจารจำไว้ในสมองอย่างไม่มีวันลืม..ทั้งดวงตาสีชาที่ไร้ความอบอุ่น มีเพียงความเย็นชาและกร้าวแข็ง ใบหน้าที่เรียกได้ว่าหล่อเหลาราวเทพบุตร หากเฉยชาเสียจนน่าขนลุก..และ..เส้นผมสีอ่อนจางจนเกือบขาวของบุรุษตรงหน้า..

จำ...ไม่ใช่เพราะรัก..แต่เพราะจำมันไว้..ในฐานะ"ศัตรู"

   ราฟาเอลโร่ บอนต์เต้...แห่งเรกาโซ่..

หลานชายคนเดียวของบอสแกงค์เรกาโซ่.. ชายผู้มีพร้อม ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ เงินทอง หรือ แม้แต่ความสามารถ...สมบูรณ์แบบทุกสิ่งทุกอย่าง..

..ชายตรงหน้าครองความเป็นหนึ่งอยู่นาน..จนกระทั่งเขาก้าวขึ้นมาทำลายทุกสิ่งของมัน..

...ทั้งแกงค์...ทั้งความสามารถที่เหนือกว่า  อนาคต หรือ แม้กระทั่ง...คนๆนั้น...

คนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ราฟาเอลโร่ตามล่าเขาราวกับคนบ้า...คนบ้าที่พยายามช่วงชิง...สิ่งที่ตนเองทิ้งลงไปกับมือ...

     "..นึกแล้ว..แผนการณ์แบบนี้เป็นใครไม่ได้..นอกจาก..." คาวัลโลยิ้มเหยียด เขาแสยะยิ้มกอดอกมองหน้าบุรุษหนุ่มผู้องอาจทั้งหน้าราวกับตนเองไม่ได้ถูกจับ และตกอยู่ในอันตราย..

     " และคนโง่ที่ตกหลุมซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็เป็นใครไม่ได้เช่นกัน..." ราฟาเอลโร่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หากดวงตาวาวโรจน์ "..โง่เสียจนตายไปได้ก็ดีแล้วแท้ๆ"

     "..พอดีว่าผมตัดสินบนยมบาลไว้..เลยปีนออกมาจากปากทางเข้านรก..."คาวัลโลตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ หากส่อเสียด ไม่ยอมแพ้..

    "...เสียแต่ว่าครั้งนี้ คงทำได้ยากหน่อย..และผมคิดว่า...การตายอย่างสงบๆคงจะดีเกินไปหน่อยสำหรับคุณ..ว่าไหม? " ราฟาเอลโร่เเสยะยิ้ม ชายหนุ่มสอดมือเข้าไปใต้เสื้อโค้ทกันลมช้าๆ พร้อมกับหยิบปืนกระบอกสีเทาเพรียวยาวที่แสนคุ้นตาออกมาช้าๆ...

....มาเฟียหนุ่มค่อยจ่อปลายกระบอกปืนลงกับหน้าผากคนตรงหน้า มองสบนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ยังคงจ้องตอบด้วยความแน่แน่ว ไม่ยอมหลบ..

กริ๊ก...

เสียงขึ้นไกปืนดังขึ้นเบาๆ ทว่าดังชัดเจนในสมอง คาวัลโลยังคงมีท่าทีนิ่งเงียบแต่ในสมองกลับดิ้นพล่าน ชายหนุ่มรู้สึกถึงปลายนิ้วที่สั่นไหวระริกและชื้นเหงื่อของตัวเอง ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะบาดแผล หรือเพราะความตายที่กางปีมาเยือน ใกล้..เสียจนหลบไม่พ้น..

โดยมัจจุราชสีขาวที่เขาแสนจะเกลียดชัง..

   "...คาวัลโล วาลกัส.."น้ำเสียงเรียบ..นิ่ง เอ่ยออกมาเพียงแผ่วเบา หากชัดเจนท่ามกลางสายลมที่พัดหวีดหวิว..

   " เชื่อไหมว่าผมประหลาดใจ แค่ไหนที่ได้ข่าวว่าคุณ...ตายไปแล้ว.."

   "..หึ....ประหลาดใจ? "คาวัลโลเลิกคิ้ว สีหน้าแปลกใจพลันเปลี่ยนเป็นหัวเราะขบขัน..เขายิ้ม โค้งตัวให้ราวกับรับเกียรติ " ดีครับ..ผมดีใจมาก..ที่คนอย่างคุณจะ....รู้สึกอะไรได้เสียที ถือเป็นพัฒนาการที่ดีนะครับ แม้ผมจะนึกไม่ถึงว่าคนที่ได้รับจะเป็นตัวเองก็ตาม.."

    "..แน่นอน...ผมก็แปลกใจพอดู..." ราฟาเอลโร่ก้าวเท้าเข้าไปหาร่างที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เขาเอื้อมมือไปสัมผัสผิวแก้มขาวจัดที่สะท้อนแสงไฟของชายตรงหน้า พลันยิ้มออกมาอย่างเฉยชา " แปลกใจจริงๆ ว่ากับคนที่ผมสาบานว่าจะฆ่ามันให้ตายกับมือ..ถูกใครกันมาแย่งไปได้..แต่ก็ยังดี..."

  ปลายนิ้วขาวซีดสะบัดกระดาษสีขาวขนาดเอสี่แผ่นหนึ่งออกมาและปล่อยให้มันหลุดลอยไปกับสายลมที่โชยพัด ทว่าคาวัลโลมองเห็นชัด..ว่านั่นคือรูปของเขาขนาดเต็มหน้าเอสี่...และมีข้อความภาษาอังกฤษและภาษาอาหรับประกอบอยู่ด้านล่าง..

   หัวคิ้วสีเข้มขมวดเข้าหากันช้าๆ...คาวัลโลหรี่ตาลงมองสบนัยน์ตาสีเทาอย่างงวยงงไม่น้อย...

     " ยังดีที่ผมมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้นำแถบนี้ จึงได้ทราบข่าวที่น่าตกใจว่า...คุณ....แกล้งตายและกลายเป็น"ของ" ของใคร...." นัยน์ตาสีชาฉายประกายหยามหยัน สะบัดมองเสียจนคาวัลโลหน้าชาวาบ แม้เขาจะรู้ว่าไม่จริง..แต่ยังอดหงุดหงิดไม่ได้...

  ต้องมาเจอกับไอ้บ้าเย็นชาและโรคจิตแบบนี้ว่าแย่แล้ว

แต่เรื่องของเขาที่เล็ดรอดไปให้มันรู้น่ะ มันยิ่งกว่าแย่เสียอีก...

    "..หึ.....พญาอินทรีแห่งตระกูลวาลกัสงั้นเหรอ? "ราฟาเอลโร่เอ่ยเบาๆ  พลางจรดกระบอกปืนลงไปยังหน้าผากมนเบื้องหน้า พลางแสยะยิ้มเย็นชา..." กลายเป็นเหมือนโสเภณีทอดตัวให้คนอื่นเพื่อความอยู่รอด ...น่าอดสูสิ้นดี.."

    " แก...." คาวัลโลกัดฟันกรอด ดวงตาลุกวาบกับคำดูถูกที่ทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน

    "...ทำไมล่ะ..นั่นเป็นความจริงแท้ๆ..." ราฟาเอลโร่ยิ้มหยัน.. กวาดตามองชายหนุ่มตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ทำให้คนมองชาวาบไปทั้งร่าง..

    " น่าจะดีใจ..ที่ผมช่วยกลบข่าวให้ตายๆไปกับคุณ..ก่อนจะลอยไปถึงหูครอบครัวให้คนพวกนั้นอกแตกตาย...กับลูกชาย..ปีศาจ...."

    "...แกพล่ามจบรึยัง? " คาวัลโลตัดบทด้วยสีหน้าบึ้งตึง เขาโมโหเสียจนแทบไม่ได้สนใจแล้วว่าตอนนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์ไหน..และ..กำลังเสี่ยงชีวิตเพียงใด..

    "...และท้ายที่สุด ก็ต้องมาสิ้นชื่อเพราะผม..เพราะราฟาเอลโร่แห่งเรกาโซ่.."  ราฟาเอลโร่สอดปลายนิ้วมายังไกปืนด้วยสีหน้าเย็นชา "..เรกาโซ่ที่เขากล้าทรยศ...เพื่อวาลกัสที่สุดท้ายก็ต้องตาย..ไม่เหมาะสมกับที่เขาตัดสินใจเลือกเลยนะ..เขาไม่รู้เลยว่าตั้งแต่เลือกเอาคุณมา...นั่น...ก็ถือเป็นการกำหนดวันตายของคุณแล้ว..."

   แววตาที่วาบขึ้นของชายตรงหน้าทำให้หนาววูบ คาวัลโลหลับตาลงในชั่ววินาทีที่ปลายนิ้วยาวนั้นแตะลงบนไกปืน ชาวาบในอก...สำนึกรู้บอกเขาว่านี่คือช่วงเวลาสุดท้ายชองชีวิตแล่นพล่าน...หัวสมองหมุนติ้ว คิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น...

นอกจาก..ใบหน้าของคนๆหนึ่ง...

..แชะ แชะ แชะ แชะ...

หากเสียงที่ได้ยินทำให้เปลืกตาเปิดขึ้นมาอย่างงวยงง คาวัลโลมองเห็นสีหน้าหงุดหงิดที่เห็นได้ยากของชายตรงหน้า ราฟาเอลโร่สถบเบาๆ ตวัดสายตาไปยังด้านหลังเพียงชั่วครู่อย่างไม่พอใจ..

    "..บ้าจริง ! หึ.....แต่ดีแล้ว..คาวัลโล ผมไม่ฆ่าคุณตอนนี้ บอกแล้วไง ว่าคนอย่างคุณ ตายสบายๆน่ะมันง่ายไป..." นัยน์ตาสีชาวาววับปั่นป่วนขึ้นมาครู่หนึ่ง..จากนั้นจึงตวัดมามองอีกครั้งด้วยสายตาหยามหยัน..

    " น่าสงสารนะ..ถ้าผมฆ่าคุณไปเมื่อกี้ ก็น่าจะไปสบายๆแล้วแท้ๆ...แต่ก็ดีแล้วล่ะ..สาสมกับคนอย่างคุณดี..."ฝ่ามือหนาแตะไหล่ของเขาไม่เบานักพลางผลักให้เดินเข้าไปใกล้รถโฟล์วีลที่จอดอยู่.. "ไปสิ...เร็ว.."

     "แล้วแกจะต้องเสยใจ ราฟาเอล..นี่ไม่ใช่อิตาลีที่จะทำอะไรได้ตามใจชอบหรอกนะ " คาวัลโลตวัดสายตาเขม้นมอง

    "...ถ้าหมายถึงผู้นำประเทศนี้ล่ะก็...คนที่อ่อนแอขนาดนั้น..ไม่อยู่ในสายตาของผมหรอก.." ราฟาเอลโร่ตอบกลับอย่างเฉยชา "..อีกอย่างถ้าคุณไม่ทราบ..จะบอกให้ก่อน"ตายทั้งเป็น" ก็ได้..ว่าคนที่นี่น่ะ..มีสายสัมพันธ์ที่ดีเป็น"พิเศษ"กับเรกาโซ่ของเรา "

     " แกหมายถึงอาวุธ "คาวัลโลครางต่ำๆ..ขณะที่ถูกกระชากแขนให้เดินเข้าไปใกล้รถโฟล์วีลคันใหญ่..

     "..นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณจะได้รู้..." ชายหนุ่มตอบสั้น มือง้างเปิดประตูรถก่อนจะหันกลับมามองหน้าด้วยสีหน้ากึ่งสังเวช แสนแปลกตา " รู้ว่าแต่นี้ไป..จะใช้ชีวิตแบบไหนดีกว่า.."

     "........" คาวัลโลไม่พูดอะไร นอกจากจะมองสบตาของบุรุษตรงหน้าด้วยท่าทางไม่พึงใจ ทั้งการทำตัวที่"ดี"ผิดปกติของมัน หรือกระทั่งอาการพูดพล่ามและแสดงท่าทางผิดปกติ..ผิดกับราฟาเอลโร่ บอนต์เต้คนเดิมนั้น มันทำให้เขานึกสงสัยปนสังหรณ์ร้ายในใจ...

    ..ผู้ชายคนนี้ไม่เคยปราณี...ไม่เคยใจอ่อน

ไม่อ่อนข้อให้ใครเช่นเดียวกับเขา ราฟาเอลโร่ บอนต์เต้ ฉายาเทพบุตรแห่งเรกาโซ่ ชายผู้งดงาม หากไร้หัวใจราวกับไม่ใช่มนุษย์..

หากตัวตนของเขาคือความโหดร้ายและเหี้ยมลึก ชายตรงหน้าคือความเย็นชาและไร้หัวใจเช่นเดียวกัน..

...คนที่สามารถออกปากลั่นสาบานจะฆ่าได้กระทั่ง..คนที่ตัวเอง"รัก"สุดหัวใจ..

    ไม่มีเหตุผลกลใดที่จะมาปราณีตัวเขา ที่มันถือว่าเป็นศัตรู...

     " มาแล้วเหรอ? " น้ำเสียงรื่นเริงที่คุ้นเคยทำให้ดวงตาเบิกกว้าง...คาวัลโลหันขวับไปจ้องมองชายที่นั่งอยู่ด้านในของรถอย่างตกตะลึง..มองเห็นนัยน์ตาสีเขียวมรกตและเส้นผมสีบลอนด์ของชายคนนั้น..ชัดเจน...เสียจนเขาขนลุกซู่...!!

    ตวัดสายตามองแววตาหยามหยันที่แฝงเเววสาใจปนสมเพชของราฟาเอลโร่ชัดเจนเสียจนหากไม่สิ้นท่าขนาดนี้แล้วล่ะก็ เขาคงต้องกระโจนเข้าไปซัดกับมันซักตั้ง คาวัลโลตัวสั่นเทิ้ม ไม่ใช่เพราะหวาดกลัว แต่เพราะโกรธ....โกรธเสียจนตัวสั่น !!!!

     "..ตัวสั่นแปลกๆนะ..." น้ำเสียงแสลงหูที่เขาชิงชังนั่นทำให้คนฟังเม้มปากแน่น คาวัลโลพยายามสะบัดมือออกจากการเกาะกุม หากฝ่ามือหยาบกร้านทั้งคู่กลับตวัดกุมไว้แน่นเสียจนไม่อาจจะทำอะไรได้..อีกทั้งด้วยคาวัลโลรู้ดีว่าคนตรงหน้ามัน...โรคจิต..แค่ไหน..

    นัยน์ตาสีน้ำทะเลสบกับนัยน์ตาสีเขียวมรกต และใบหน้าหล่อเหลาที่แฝงความดิบเถื่อนเอาไว้ได้ทุกตารางนิ้วบนร่างกาย..ทั้งรอยสักตรงท่อนแขนเลื้อยยาวจากหลังคอไปจนถึงข้อมือ ใบหน้าหล่อเหลาหากไว้เคราจางๆตรงคาง เส้นผมสีทองที่ตัดสั้นเกรียนแทบติดหนังศรีษะ รวมทั้งจมูกและปลายลิ้นที่ถูกเจาะและใส่ห่วงเม็ดใหญ่..บวกกับแววตาหื่นกระหายและฝ่ามือที่ลูบอยู่บนบั้นเอวแล้ว..ชายตรงหน้า คือคนที่เขารังเกียจมันอย่างจริงจังโดยไม่ต้องสงสัย...!!

    " ฟิลิเป้..." คาวัลโลเค้นเสียงออกมาจากลำคอแผ่วเบา... " แก...."

   "....คิดถึงฉันไหม..หืม? คาล...คาวัลโลที่รัก..." ฝ่ามือไล้ไปตามท้องแขนและวกไปยังบั้นเอว...ตอนนี้คาวัลโลนึกดีใจที่เขายังใส่โธปตัวยาวที่คุลมไปจนถึงข้อเท้า เพราะหากใส่เสื้อกางเกงปกติ ตอนนี้ฝ่ามือน่ารังเกียจนี่คงล้วงไปถึงไหนต่อไหนอย่างไม่ต้องสงสัย..

   "..ใครเป็นที่รักแก...ไอ้....ฮื้อออออ...." วาจาจาบจ้วงนั้นถูกริมฝีปากหนาทาบลงไปพร้อมกับบดเบียดอย่างรุนแรง คาวัลโลพยายามดิ้นหนี หากแต่ฝ่ามือทั้งสองข้างที่ถูกยึดไว้ทำให้เขาไม่อาจจะทำอะไรได้ และยิ่งไม่อยากจะยอมรับคือไอ้บ้าตรงหน้ามันฝึกร่างกายมาดีกว่าเขา เพราะฉะนั้นต่อให้ดิ้นแค่ไหน สะบัดปลายเท้าพลิกตัวเท่าไหร่มันก็ยังสามารถจะกันได้ทุกท่วงท่า.... บ้าที่สุด !!

    "...อืม...ฉันว่ารสชาติมันเหมือน...ไวน์...นะ..ว่าไหม? "เลือดสีเข้มไหลลงจากริมฝีปากที่บวมเจ่อ คาวัลโลเขม็งมองชายตรงหน้าที่ตวัดปลายลิ้นไล้เลียหยดเลือดจากริมฝีปากเขาด้วยแววตาเคลิ้มสุข แล้วขนลุกซู่....เมื่อเริ่มจะสำเหนียกได้แล้วว่าหากตกไปอยู่ในมือของชายคนนี้ เขาจะต้องเจอกับอะไร..

....แบบนี้ตายๆไปไม่ดีกว่ารึไง !บ้าเอ๊ย !!

    ตัวดสายตามองไปยังร่างของคู่แค้นที่นั่งอยู่ตรงเบาะหน้าของรถ ...คาวัลโลใจหายวาบ เมื่อพบว่ารถโฟล์วีลคันนี้เริ่มขยับ...

...นัยน์ตาสีน้ำทะเลกวาดมองทั่วคันรถที่มีเพียงคนของพวกมันนั่งอยู่...ถ้าหากเขาหายไป...หากเขาถูกจับไปจริงๆ...

...จะทำยังไง?

..เรื่องราวจากนี้มันจะเป็นยังไง ตระกูลของเขาจะสืบมาจนได้แล้วเปิดสงครามกับเซเนียยาไหม? คนอื่นๆจะเป็นอย่างไร...และ..

 อัลชาอ์จะรู้ไหมว่าเขาไม่ได้หนีไป..แต่ถูกจับไปโดยไม่เต็มใจต่างหาก..

...จะเชื่อรึเปล่า..

และจะเสียใจไหม?

   " อยู่กับฉันแล้วใจลอยไปถึงไหน? ...ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยหรือไง คาวัลโล? " ปลายนิ้วเรียวสอดไล้จากปลายคางลงมาที่ลำคอ คาวัลโลขยับตัวอึดอัด มองหน้าคนตรงหน้อย่างไม่พอใจ..

    "มีอะไรที่ฉันต้องทักทายแกอีก..หลังจากที่แกแทบจะ fUCK ฉันอยู่รอมร่อนะ..ฟิลิเป้  " น้ำเสียงที่บ่งชัดว่าไม่พอใจและรังเกียจชัดเจน ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ...ฟิลิเป้แสยะยิ้มบางๆขณะที่มองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาแสดงความกระหายอย่างปิดไม่มิด..

    "...นั่นสินะ..ว่าแล้วก็อยากทำซะตอนนี้เลย.." นัยน์ตาที่วาวขึ้นของคนพูดทำเอาคาวัลโลตัวเย็นวาบ เขาถลึงตาใส่ไอ้บ้าโรคจิตที่อยู่ตรงหน้า พลันแว่วเสียงหัวเราะโรคจิตของมันพร้อมกับรอยยิ้มเยาะของชายที่นั่งอยู่เบาะหน้าบนกระจกมองหลังชัดเจน..

   หัวสมองวิ่งลิ่ว..พยายามหาทางออก แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกเสียจริงๆ..

 มันเป็นการจับคู่ที่บ้าบอที่สุด เมื่อไอ้บ้าสองตัวนี่มาร่วมมือกันได้!

หากเจอฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตัวต่อตัว เขาจะไม่คิดมากขนาดนี้เลย แต่นี้..เมื่อฟิลิเป้..ไอ้คนโง่แต่มีร่างกายที่ฝึกมาอย่างแข็งแกร่งช่ำชอง มาร่วมมือกับ ราฟาเอลโร่...คู่อริที่ฉลาดอย่างเหลือร้าย ..

  ทั้งสองคนนี้มีจุดอ่อนที่ทดแทนกันได้อย่างดี เมื่อฟิลิเป้มันขาด"สมอง"ที่จะทำงานใหญ่ และราฟาเอลโร่ก็ขาด"กำลัง" ในการจัดการทำงานต่างๆ..

 ราฟาเอลโร่ต้องการให้เขาก้าวออกไปพ้นทางของการเป็นบอส ต้องการกำจัดเสี้ยนหนามตำใจที่ตนเองเกลียดชัง

ขณะที่ฟิลิเป้ต้องการตัวเขา..เพื่อสนองความต้องการที่เข้าขั้นโรคจิตของมัน..

เมื่อความต้องการมันเข้ากันได้ดีเสียขนาดนี้..และพวกมันก็มาจับมือกันจนได้และพวกมันทั้งคู่ก็ทำงานร่วมกันได้ดี...ดีเสียจนคาวัลโลนึกอยากจะฆ่าตัวตายหนีไปเสียให้พ้นๆนัก..

   
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 25-01-2011 22:54:55
    "..เดี๋ยวก่อนสิฟิลิเป้..ใจคอจะทำทั้งๆที่เขายังมีแผลอยู่เต็มตัวแบบนี้น่ะเหรอ?" คำพูดที่เหมือนจะห่วงใยนักหนา แต่คาวัลโลรู้ดีเลยว่าไม่ใช่ มาเฟียหนุ่มเกร็งตัว สบมองนัยน์ตาสีมรกตที่กวาดมองทั่วร่าง...และหยุดลงที่ฝ่ามือซึ่งชุ่มโชกไปด้วยเลือด..

    " โดนอะไรกัดเนี่ย.." ฟิลิเป้ออกปากถาม พลางจับฝ่ามือที่ขาวซีดและมีรอยแผลบวมเป่งจนน่ากลัว สีม่วงปนเขียวช้ำของรอยแผลนั้นทำให้นัยน์ตาของคนมองหรี่ลงช้าๆ....พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะแผ่วเบา...ที่ชวนให้ขนลุกวาบ...

    " ....น่าสงสารจริงเฮ้ย !! พวกแก นี่มันแผลตัวอะไรกัด ใครรู้บ้าง !! "เสียงตะโกนโหวกเหวกไม่ต่างกับนักเลงข้างถนนทำให้คาวัลโลมีสีหน้าเหนื่อยหน่าย เขากวาดตามองภายในรถ นอกจากเบาะหน้าที่มีราฟาเอลโร่นั่งกับคนขับแล้ว เบาะหลังก็มีแค่เขากับฟิลิเป้...และ....

     นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกตะลึงไม่น้อย เมื่อมองเห็นชายหนุ่มที่นั่งข้างราฟาเอลโร่ในชุดโธปสีดำกำลังพุดคุยกับเจ้านั่นโดยไม่มีท่าทีว่าจะรู้จักเขาสักนิด..

คาวัลโลตวัดสายตามองเขม็งด้วยท่าทีสังเกตสังกา....มันจะไม่รู้จักเขาได้ยังไงในเมื่อเจ้านั่น...

  รามิล?.... ไม่ใช่สิ

.... มาเฟียหนุ่มคลายหัวคิ้วลงเมื่อสังเกตดีๆพบว่าชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาสีดำ ตรงหน้าเพียงแต่มีใบหน้าประพิมประพายคล้ายเหมือน "รามิล เซฮามัค" คนนั้นเสียเหลือเกิน...เหมือน เสียจนหากไม่มองดีๆก็อาจจะนึกว่าเป็นคนๆเดียวกันด้วยซ้ำ..

   ดวงตาคู่นั้นตวัดมาสบมองเขาเพียงชั่วครู่....หากวาววับ...แฝงนัยยะบางอย่าง...

   "แมงป่องทะเลทรายงั้นเหรอ?...เจ้าหมอนี่มันบอกมาว่าแบบนั้น น่าสงสารจริงๆน้า..คาลของฉัน..." ฟิลิเป้เอ่ยพร้อมกับพลิกฝ่ามือของอีกฝ่ายมามองด้วยแววตาที่ไม่น่าไว้ใจอย่างยิ่ง คาวัลโลพยายามจะชัดมือออก แต่ทว่า..ผลมันก็เป็นเช่นเดิม นั่นคือไม่ว่ายังไงก็ทำอะไรไอ้บ้าตรงหน้าไม่ได้เสียที...

แถมยังส่งผลร้ายยิ่งกว่า เมื่อฟิลิเป้มันจับมือขวาของเขามัดเข้ากับฐานเบาะรถด้านหน้า แน่นเสียจนไม่อาจจะขยับ

    "...หึ... ฉันถูกกัดเพราะใคร ถ้าไม่ใช่พวกแก..." คาวัลโลสบมองแววตาของชายหนุ่มตรงหน้า เอ่ยเสียงเย็น....

    " หืม?...ถ้ายอมเป็นของฉันตั้งแต่แรก...ก็ไม่ต้องเจ็บตัวแล้วแท้ๆ..." ปลายนิ้วไล้จากลำคอขึ้นมาที่ปลายคาง คาวัลโลหรี่ตาลงอย่างระแวดระวังกับท่าทีของบุรุษเบื้องหน้า..

    "...ถ้าอะไรที่ได้มาง่ายๆ...มันจะมีค่าสำคัญอะไรล่ะ.." รอยยิ้มมุมปากประดับบนใบหน้าและดูยั่วเย้าหากแฝงอันตรายอยู่ในที... นั่นทำให้ฟิลิเป้หัวเราะในลำคออย่างถูกใจ ชายหนุ่มสบมองแววตาสีน้ำทะเลที่น่าหลงไหลของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้า มือซ้ายของเขากำข้อมือเปื้อนเลือดไว้ ขณะที่มือขวาไล้ปลายนิ้วลงมายังฐานชีพจร กดย้ำมันเบาๆ...

    "..นั่นสินะ...แบบนี้สิถึงจะมีค่าน่าค้นหา..." ฟิลิเป้ออกแรงกระชากร่างเพรียวให้มานั่งเกยตัก เขามองเห็นแววตาหวั่นไหวของชายตรงหน้าปรากฏชั่วครู่..และจางหายไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มโน้มตัวไปหาร่างเพรียวของมาเฟียหนุ่มที่เขาหมายปองด้วยความพึงใจ....

...คาวัลโล วาลกัส...

    คุณชายคนที่ห้าของตระกูลวาลกัส...ที่ผ่านๆมาแทบไม่มีอะไรโดดเด่นจับตาเขา ฟิลิเป้ แห่งเรกาโซ่คนนี้...

ทุกแกงค์ต่างจับจ้อง เพ่งเล็งไปยังชายคนนั้น อเล็กซิส วาลกัส ชายหนุ่มที่องอาจะเพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบ ผู้ที่จะมาเป็นบอสของวาลกัส..ตระกูลมาเฟียที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่ของอิตาลี..

หากทว่า...คาวัลโล วาลกัส  ชายหนุ่มตรงหน้า กลับกลายมาเป็นบอส...ชายคนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขามาตลอด..

...ทั้งเจ็บใจ ทั้งอับอาย เมื่อถูกเจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมรุกไล่ วางแผนตลบหลังจนเสียหายหนัก...ให้แค้น เเค้นเสียจนพูดไม่ออก..

 ฟิลิเป้ตั้งใจรวบรวมพรรคพวกไปสั่งสอนเจ้าเด็กจองหองให้รู้ซึ้ง แต่ทว่าเมื่อได้มองเห็นคาวัลโล วาลกัส อยู่ท่ามกลางเปลวไฟและกลิ่นโลหิตที่ชายโชย ภาพนั้นกลับทำให้ความปราถนาเบื้องลึกในใจถูกปลุกขึ้นมาอย่างง่ายดาย..

....เจ้าของฉายา พญาเหยี่ยวแห่งตระกูลวาลกัส  เส้นผมสีน้ำตาลทอง ดวงตาสีน้ำทะเลที่น่าหลงไหล...เขานี่แหละ จะกระชากปีกคู่นั้นมาครอบครอง จะบดขยี้ให้คนๆนี้ต้องร่ำไห้อ้อนวอนขอความเมตตาอยู่ใต้ร่าง จะกรีดรอยเลือดสลักบนผิวกายสีขาวให้กลายเป็นสีของโลหิตที่ชโลมทั่วกาย จะล่ามโซ่ ขังไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน..

จะต้องเป็นของเขาตลอดกาล...

   รอยกระหายในแววตาของไอ้โรคจิตที่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจคั่นชวนให้คาวัลโลสังหรณ์ร้ายชอบกล... พลันมาเฟียหนุ่มก็สะท้านเฮือก เมื่อปลายลิ้นเปียกแฉะไล้เลียใบหู ประกอบกับเสียงลมหายใจแรงๆ..ที่ชวนให้ขนลุกซู่..

   "อึก!! ..." คาวัลโลกัดฟันกรอด ฝ่ามือที่ถูกพันธนาการไว้สั่นระริก เขาเม้มปากแน่นเมื่อความเจ็บแปลบเกิดขึ้นตรงลำคอ พร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่อบอวล..

   "...อา...กลิ่นหอมจริงๆ...." ฟิลิเป้หัวเราะเบาๆใบหน้าผละออกจากลำคอขาวที่บัดนี้มีรอยฟันปรากฏชัดเจน..พร้อมกับรอยเลือดที่ไหลอาบบนผิวขาวจัด...และกลิ่นคาวจางๆอวลไปทั่วคันรถ ขณะที่คาวัลโลพยายามระงับความโกรธในใจไว้อย่างยากเย็นเมื่อแว่วเสียงหัวเราะที่คุ้นหูของราฟาเอลโร่ตรงเบาะหน้า..

   "..ทำแผลให้เขาก่อนสิครับ ฟิลิเป้..เดี๋ยวที่รักคุณก็เจ็บแย่ " น้ำเสียงกระเซ้าแหย่ที่แฝงแววอารมณ์ดีเกิดคาดของคุณชายน้ำแข็งไม่ได้ทำให้คาวัลโลนึกดีใจสักนิด  มาเฟียหนุ่มพยายามกระชากแขนอีกข้างของตนออกหจากการพันธนาการ ทว่าสายเชือกป่านก็ยังไม่ยอมคลายลง มีผลเพียงแค่ทำให้ข้อมือร้อนผ่าวและเจ็บแสบจากเกลียวเชือกที่บาดผิวเพียงเท่านั้น...

   "....นั่นสินะ..เฮ้...ซาเฟ..ปกติแล้วพวกแแกปฐมพยาบาลกันยังไง? " ฟิลิเป้ออกปากถามชายที่อยู่ในชุดโธปคนนั้น มันปรายตามามองแผลของเขาอย่างไม่สนใจ

   " เขาห้ามเลือดไปแล้ว พิษแมงป่องคงไม่ลามไปหนักกว่านี้..จากนี้ ก็ควรจะเอาเลือดเสียพวกนนี้ออกไป.." น้ำเสียงบอกออกมาเรียบเรื่อย..คาวัลโลพยายามขยับตัวหนี..เสียแต่ไปไหนไม่ได้ไกลมากกว่านี้เสียแล้ว

   " อ้า...เอาเลือดพวกนี้ออกไปสินะ " ฟิลิเป้หัวเราะเบาๆ ปลายนิ้วไล้อุ้งมือโชกเลือกของคาวัลโลด้วยท่าทีสนุกสนาน..

คาวัลโลหรี่ตาลงช้าๆ ลมหายใจผิดจังหวะด้วยความหวาดหวั่น..

   "....อ้ากกกกกก!!!!! " เสียงร้องหวีดด้วยความเจ็บปวดของอนาคตบอสมาเฟียตระกูลใหญ่ไม่ใช่สิ่งที่จะได้ฟังง่ายๆ โดยเฉพาะกับคนที่หยิ่งทะนงและร้ายกาจเช่นคาวัลโล วาลกัส ราฟาเอลโร่ตวัดสายตามองกระจกมองหลังที่สะท้อนภาพฝ่ามือชุ่มเลือดอันสั่นระริก ด้วยเหล็กเส้นเล็กแทงพรวดทะลุหลังมือ ชายหนุ่มมองเห็นฝ่ามือขาวซีดนั้นพยายามขยับหนี เสียแต่มือของฟิลิเป้ยึดไว้มั่น ปลายนิ้วอีกข้างกดเหล็กเเท่งยาวในมือไว้ด้วยสีหน้ารื่นรมย์..หมุนคว้างและขยับขึ้นลงไม่หยุด โดยไม่สนใจหยุดเลือดที่ไหลทะลุก หรือ แม้กระทั่งสีหน้าเจ็บปวดอย่างสุดแสนของมาเฟียหนุ่มบนตักสักนิด..

   ราฟาเอลโร่หัวเราะเบาๆในลำคอด้วยความพึงใจ จากที่เคยหงุดหงิดอารมณ์เสียเมื่อไม่ได้"ฆ่า"มันอย่างใจ แต่ทว่า ภาพแห่งความทรมารและกลิ่นเลือดที่คาวคลุ้งไปทั่วรถกลับทำให้เขายินดียิ่งนัก...

นัยน์ตาสีชาวาววับด้วยความพึงพอใจ...ราฟาเอลโร่จับจ้องภาพการละเล่นของฟิลิเป้ไม่กระพริบ...เขารู้ ว่าสำหรับของเล่นชิ้นโปรด ที่ทั้งอยากได้ ทั้งรักใคร่และเคียดแค้นแสนสาหัสอย่างคาวัลโล วาลกัส  รับรองว่าฟิลิเป้ต้องให้มันได้รับความเอ็นดูอย่างที่สุดเป็นแน่..

   เสียงครางที่พยายามกลั้นอย่างสุดแสน เช่นคนรักศักดิ์ศรียิ่งชีพยิ่งกระตุ้นจิตใจให้กู่ก้องด้วยความยินดี  ตะปูหัวกลมขนาดใหญ่ส่องประกายวาววับในมือของฟิลิเป้ ขณะที่หนุ่มอิตาเลียนผู้บ้าคลั่งออกแรงตรึงฝ่ามือที่เปียกโชกด้วยเลือดเอาไว้บนเบาะรถแน่น นัยน์ตาที่วาววับด้วยความพึงใจผสานกับความชื่นชอบอันผิดปกตินั้นจ้องมองหยาดเลือดสีสดบนฝ่ามือหนา

...ภาพอันน่าสมเพชของมัน...ภาพที่น่าขัน น่าหัวร่อของมัน..

อยากให้คุณได้รู้ ได้มาเห็นนัก...

อยากจะรู้เสียจริงว่าหากได้เห็นภาพนี้ ยังจะเลือก"มัน"อีกไหม..

และยังจะหนีห่างไปจากอุ้งมือของผมได้อีกรึเปล่า...

ฉึก!!

  " สีแดงของเลือดมันเข้ากับผิวของคุณเหลือเกิน คาวัลโลของผม...เห็นไหม... ถ้าตรึงไว้แบบนี้ แม้แต่มือจะจับปืนก็ยังทำไม่ได้ กระทั่งมือที่จะหนีจากผมก็ยิ่งทำไม่ได้....ตลอดไป ตลอดไป...." เสียงพร่ำพรรณนาของฟิลิเป้เแทรกเข้ามาในสติที่เลือนรางด้วยความเจ็บปวดอันบ้าคลั่งได้เพียงน้อยนิด คาวัลโลมองเห็นปลายเเหลมของตะปูพุ่งเเทงเข้าไปในฝ่ามือของเขาอันเเล้ว อันเล่า..ตรึงฝ่ามือให้แน่แนบอยู่กับเบาะนั่งอย่างไม่อาจจะขยับไหว ริมฝีปากที่ขบกัดกันแน่นไม่ให้เสียงร้องเล็ดลอดออกไปนั้นคาวอวลไปด้วยกลิ่นเลือด ดวงตาพร่ามัวด้วยหยดน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้อย่างยากเย็น... ขณะที่สติสัมประชัญญะนั้นเลือนราง อยากหลีกหนีความเจ็บปวดทุรนทุรายนี้ไปให้ไกลเสียที...

   ปัง !!!!

     เสียงปืนดังขึ้นทำให้นัยน์ตาสีชาซึ่งจ้องมองภาพฝ่ามือโชกเลือกและเต็มไปด้วยตะปูที่ถูกตรึงไว้กับเบาะ ต้องละออกมามองภาพเบื้องหน้าอย่างระแวดระวัง แสงไฟจากรถฉายให้เห็นเพียงฝุ่นทรายคละคลุ้ง พร่ามัวเสียจนไม่รู้ว่าเกิดอะไรและใครอยู่ที่ไหน..

  ปังๆๆๆๆๆๆๆ

   เสียงปืนรัวถี่ยิ่งทำให้หัวคิ้วขมวดมุ่น  ราฟาเอลโร่หันไปตวาดใส่ฟิลิเป้ให้หยุดเสียงพร่ำพรรณนาราวกับคนบ้าของตัวเอง ชายหนุ่มเม้มปากแน่น ท่าทีครุ่นคิด

   "...มันเกิดอะไรขึ้น ไหนบอกว่าผู้นำของที่นี่อำนวยคงามสะดวกให้เรา " หันไปปรายตามองคนขับที่มีท่าทีอึกอัก แม้จะพยายามขับตามรถนำขบวนไปอย่างสุดความสามารถ

   " ไม่ทราบครับ แต่เราได้รับการยืนยันมาแบบนั้นจริงๆ ! " คำตอบไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ราฟาเอลโร่ พยายามเพ่งสายตามองความเคลื่อนไหวเบื้องนอก แต่ก็เป็นไปได้ยากนักเมื่อฝุ่นทรายยังคงคละคลุ้ง จะจอดรถตั้งหลักยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ ชายหนุ่มนึกหวั่นใจว่าอาจจะถูกทหารตรวจตราแถบชายแดนตามประกบ เพราะทั้งตัวเขาและคนในอาณัติทั้งหลาย ต่างก็ข้ามพรมแดนมาที่ประเทศนี้อย่างผิดกฏหมายด้วยทั้งนั้น...

     ปัง !!

 เอี๊ยดดด....

   เสียงปืนดังลั่นพร้อมกับกระสุนที่เจาะเข้าตรงยางหน้า ทำให้รถเริ่มเสียหลักส่ายไปมา  ราฟาเอลโร่มองเห็นรถนำขบวนที่เจอภาพไม่ต่างกัน มันเสียหลักตกหลุมทรายไม่เป็นท่า และคนของเขาก็ตัดสินใจโดดลงมาจากรถเพื่อตั้งป้อมสู้..

   นัยน์ตาสีชาปรายมองร่างของมาเฟียคู่อริเบื้องหลังด้วยความขุ่นเคือง ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าสิ่งที่นำให้คนพวกนั้นมา คงไม่พ้นเจ้าหมอนี่เป็นแน่

    "...ฟิลิเป้ ! หยุดก่อน ตอนนี้เรากำลังถูกโจมตี ! " ราฟาเอลโร่ตวาดเสียงห้วน

    "...แล้วยังไง แกมีหน้าที่คุ้มครองก็ทำไปสิ ฉันได้ตัวคาวัลโลแล้ว นอกจากนั้นมันหน้าที่แก " วาจาไร้ความรับผิดชอบมาจากฟิลิเป้ที่บัดนี้ค่อยก้มลงแกะเชือกที่พันธนาการมือของมาเฟียหนุ่ม และกำลังตั้งท่าจะใช้ตะปูในมือตอกมือขวาของคาวัลโลที่บัดนี้แทบสิ้นฤทธิ์ ทำได้เพียงครางเสียงสั่นพร่าไม่ได้ศัพท์..

     "... คนพวกนั้นมันมาตามตัวคาวัลโลของคุณ ถ้ายังอยากจะเล่นอยู่ล่ะก็ เตรียมตัวโดนเเย่งไปเสียเถอะ ! " คำพูดนั้นทำให้ฟิลิเป้กัดฟันกรอด ขณะที่ราฟาเอลโร่ร้องสั่งการเสียงเย็นผ่านวิทยุสื่อสาร สั่งบรรดาคนติดตามให้ไปตั้งหลักร่วมกับพรรคพวกด้านหน้า ฟิลิเป้ก้มมองร่างอ่อนปวกเปียกของมาเฟียหนุ่มในอ้อมแขนด้วยสีหน้าขัดใจ เมื่อความสนุกต้องถูกขัดจังหวะ..

    "..เซฟา..แกไม่ต้องตามฉัน ดูแลคาวัลโลให้ดี อย่าให้เขาหนีไปได้ อย่าประมาทเด็ดขาด ถ้าแกไม่อยากตาย จำไว้ !!! " สิ้นเสียงตะโกนลั่น ฟิลิเป้ ก็กระโจนพรวดออกมาจากรถตามหลังราฟาเอลโร่และคนขับ ทิ้งให้ร่างของคาวัลโล วาสกัสอยู่ในอ้อมแขนของลูกน้องตน..ขณะที่มือซ้ายยังคงถูกตรึงไว้กับเบาะนั่งสีน้ำตาลเข้ม..

    นัยน์ตาสีดำสนิทหรี่ลงน้อยๆ มองชายหนุ่มชาวอิตาเลียนที่ตนต้องดูเล ขณะที่เบื้องนอกเริ่มมีการยิงปะทะโต้ตอบกันไปมา แม้ว่าการหลบในรถจะอันตรายพอๆกับการหลบอยู่ข้างนอกหรือมากกว่า แต่ทว่าเมื่อฝ่ามือของคาวัลโลก็โดนตรึงไว้เสียจนไม่อาจจะขยับไปไหนมันก็ยังเป็นปัญหา ก้มลงแกะเชือกที่มัดมือข้างขวาไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นเซฟาจึงขยับดันร่างของมาเฟียหนุ่มให้พิงบนพนัก สายตาก้มมองฝ่ามือที่ชุ่มเลือดอย่างใคร่ครวญ..

    "อึก....." เสียงครางในลำคอของมาเฟียหนุ่มดังขึ้นเมื่อปลายนิ้วของเซฟาแตะลงบนผิวเนื้อ คาวัลโลลืมตาขึ้นมาช้าๆ สายตามองไปยังฝ่ามือตัวเองที่ยังคงเจ็บแปลบ..เจ็บเสียจนมือและร่างทั้งร่างสั่นไหว หากชายหนุ่มก็ยังพยายามประคองสติตนเองไว้อย่างยากเย็น แม้ตามกลไกของร่างกายมนุษย์ ความเจ็บปวดที่ได้รับมันจะสั่งให้เจ้าตัวสลบไสลไปเพื่อหนีความเจ็บปวดก็ตามที..

    เสียงปืนดังขึ้นอย่างหนักหน่วงเบื้องนอกทำให้ใจชื้นขึ้นไม่น้อย คาวัลโลพยายามบอกตัวเองว่าเขายังมีหวัง เสียงปืนที่ดังขึ้นมานั่นคงเป็นอัลชาอ์ที่มาตามหาเขาแน่ๆ เพราะฉะนั้นตอนนี้สิ่งที่เขาควรทำคือหาโอกาสหนีให้รอดจากคนของฟิลิเป้และราฟาเอลโร่...

    "ฉันทำเอง... "เขากลั้นใจบอกคนของฟิลิเป้ที่ไม่โง่พอจะคิดอยู่ในนี้กับเขา เสี่ยงโชครอความตายอย่างที่เจ้านายมันสั่ง คาวัลโลสุดหายใจลึก ยามที่มองเห็นฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเลือดและตะปูสี่ห้าตัวที่ฝังอยู่ในอุ้งมือและติดตรึงอยู่บนเบาะ..

   โชคยังดีที่เบาะนี้เป็นเบาะหนัง โชคดีเหลือเกินที่ฟิลิเป้มันไม่คิดพิเรนยิ่งกว่านี้ด้วยการเอามือเขาไปตรึงกับแผ่นไม้หรือคอนโซลรถด้านหน้า ไม่อย่างนั้นกว่าจะเอาออกได้เขาคงอยากจะกลั้นใจตายหนีความเจ็บเสียก่อน..

   แต่ถึงกระนั้น ความเจ็บแปลบยามที่ขยับฝ่ามือก็ยังทำให้นัยน์ตามัวพร่า คาวัลโลเม้มปากแน่น ไม่สนใจความเจ็บแสบที่ได้รับยามริมฝีปากเม้มเข้าหากันซึ่งมันแห้งผากและปริแตก นัยน์ตาของเขาจับจ้องไปยังฝ่ามือตัวเอง โดยใช้แสงจากรถที่ยังไม่ดับเครื่อง!?

    ..บรืนนนนน....

 เสียงรถแล่นทำให้หัวคิ้วขมวดมุ่น คาวัลโลหันขวับไปมองชายหน้าตาเหมือนรามิลที่กระโจนไปนั่งบนที่นั่งคนขับ เจ้าตัวสตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งอย่างช่ำชอง แต่ที่ทำให้นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้างอย่างงวยงงคือรถคันนั้นกลับไส่เกียร์ถอย วิ่งถอยหลังเข้าไปหากลุ่มที่คาดว่าคงเป็นของอัลชาอ์ด้านหลัง..

    โครม !

 ล้อรถที่ถูกระเบิดไปข้างหนึ่งพลันถูกกระสุนกระหน่ำเข้าอีกชุด คาวัลโลก้มลงหมอบบนพื้นรถ ขณะที่ประตูรถฝั่งของเขาก็เปิดอ้ากว้าง และเหวี่ยงเข้าออกโครมครามให้ฝุ่นผงคลุ้งทะลัก..

     "...ฮึก......" เขากัดฟันกกรอดเมื่อแรงโยกเขย่าของรถทำให้ไม่อาจจะประคองร่างเอาไว้ได้ แต่ที่แย่ที่สุดก็คงเป็นมือซ้ายของเขาที่ถูกตรึงไว้กับเบาะรถ แรงขยับกระชากนั่นทำให้ความเจ็บแปลบแล่นจากฝ่ามือมาสู่ไขสันหลัง

     ปัง !!

      " รีบดึงมืออกมาได้แล้ว !! หรือจะให้ผมทำ !! " น้ำเสียงตะโกนเป็นภาษาอังกฤษดังขึ้นท่ามกลางเสียงปืนและล้อรถอีกข้างที่ถูกเจาะ คาวัลโลขมวดคิ้วด้วยความงวยงงกับท่าทีของชายตรงหน้า หากเขาก็รู้ว่าสิ่งที่ควรทำคือการดึงมือออกจากเบาะจริงๆ..

    เม้มปากแน่น ขณะที่มือขวาสอดเข้าใต้ฝ่ามือที่ชุ่มเลือดคาวัลโลรู้ดีว่าการจะดื้อดึงกระชากตะปูออกจากมือตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ฉลาด ทางเลือกของเขามีเพียงการดึงมือออกและค่อยหาเวลาไปแกะตะปูที่อื่นเท่านั้น..

    "..อึก... " ปลายนิ้วสอดไปใต้บริเวณแผล นิ้วชี้กับนิ้วกลางข้าวขวาหนีบคู่กันราวกับตะเกียบ เพื่อค่อยๆดึงฝ่ามือที่ถูกตรึงไว้ออกจากเบาะทีละนิด...ทีละนิด...
...ราวกับเวลาผ่านไปชั่วกัปชั่วกัลป์ กว่าจะสามารถดึงตะปูตัวหนึ่งออกจากเบาะได้..

ปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางเปียกลื่นด้วยเลือดที่ยังคงไหลไม่หยุด บางครั้งพยายามคีบแล้วเลื่อนหลุด..กระทบกับผิวเนื้อหลังมือเสียจนต้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด..

" โอ้ยยยย... " เขาร้องลั่นเมื่อรวมแรงเฮือกสุดท้ายในการดึงมือตัวเองออกจากเบาะ คาวัลโลหอบแฮ่ก..เอนตัวพิงกับเบาะอย่างหมดแรง  เขาก้มมองฝ่ามือตัวเองที่สั่นระริกเพราะความเจ็บปวดด้วยดวงตาพร่ามัว มาเฟียหนุ่มพยายามสูดหายใจลึก..เรียกสติตัวเองออกมาจากภวังค์ความเจ็บปวดที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะหายง่ายๆ..

    "..เสร็จรึยัง ! " น้ำเสียงตะโกนดังขึ้นจากเบาะหน้า ทำให้คาวัลโลหันขวับ มาเฟียหนุ่มสบตาของคนขับจากกระจกมองหลัง เขาพยักหน้ารับพร้อมกับสูดหายใจลึก..

    "..กระโดดออกไป แล้ววิ่งไปหลบตรงเพิงหินตรงนั้น " น้ำเสียงบอกคล่องแคล่ว  เจ้าตัวยังคงขับรถอย่างเชี่ยวชาญและหลบกระสุนไปได้อย่างเเฉียดฉิว

    " ...แกเป็นใคร " คาวัลโลกระชากเสียงถาม...มือขวากำแท่งเหล็กดขนาดยาวที่เปื้อนเลือดตัวเองไว้แน่น พลางจี้มันลงกับลำคอของชายตรงหน้า..

     " รู้จักผมไม่ใช่รึไง !! " น้ำเสียงกึ่งตะโกนของชายตรงหน้าทำให้คาวัลโลขมวดคิ้ว ก่อนอีกฝ่ายจะเฉลย "รามิล"

     "..แกไม่ใช่รามิล ! " เขาตวาดกลับสั้นๆ 

      " แน่นอน...แต่ผมเป็นฝ่ายคุณ กระโดดได้แล้ว เร็ว !!! ......"

เอี้ยดดด...

           ตุบ...

  คนขับกระทืบเบรคเต็มแรง ทำให้ล้อรถหมุนคว้าง ประตูที่เปิดอ้าเหวี่ยงร่างของคนที่อยู่ด้านในให้ปลิวออกไปอย่างแรง ร่างของคาวัลโลกระโจนลงจากรถและกลิ้งลงกับผืนทราย ฝ่ามือที่ยังคงมีตะปูฝังอยู่สั่นระริกด้วยความเจ็บปวด แต่คาวัลโลไม่มีเวลาจะมาสนใจ เขาผุดลุกขึ้น วิ่งพรวดเข้าไปที่เพิงหินดำทะมึนเบื้องหน้า หูได้ยินเสียงปืนและเสียงพูดคุยกันดังลั่น...

    หอบแรงๆจนตัวสั่นยามที่วิ่งห้อสุดแรงให้ไปถึงเร็วที่สุด  ลูกกระสุนเฉียดผ่านใบหน้าจนร้อนวูบ แต่เขาไม่มีกะใจจจะหันไปมองด้วยซ้ำ คาวัลโลมองเห็นร่างของชายที่ช่วยเขาไว้ในชุดโธปสีดำวิ่งนำไปอย่างเชี่ยวชาญ..

หมับ !!

    " อะ...." ทั้งที่กระโจนพรวดเข้ามาในกลุ่มของอัลชาอ์ เพราะเขามองเห็นใบหน้าขอเหล่างองค์รักษ์ที่คุ้นตา ทว่าก็ยังมีมือใหญ่ของใครไม่รู้ตะปบเข้าที่แขน คาวัลโลหันขวับ คราวนี้เขาตั้งใจว่าจะสะบัดมือที่ถูกตะปูเจาะใส่หน้ามันเสียแรงๆเลยคอยดู..

    "....คาวะ.....นี่มันอะไร..." นัยน์ตาสีดำสนิทของชายเบื้องหน้าและใบหน้าแสนคุ้นเคยทำให้หัวใจอุ่นวาบความโล่งใจแล่นผ่านอย่างรวดเร็ว คาวัลโลมองเห็นแววตารวดร้าวของชีคหนุ่มผ่านแสงจันทร์ริบหรี่เมื่ออีกฝ่ายมองเหฌรสภาพของเขาชัดถนัดตา และพลันร่างทั้งร่างก็ถูกอุ้มไปอยู่ในวงแขนแกร่ง พร้อมกับฝีเท้าของอัลชาอ์ที่วิ่งไปยังรถจิ๊บที่จอดแฝงความมืดอยู่ไม่ไกล..

   " นี่..ปล่อยผมก่อนก็ได้ "คาวัลโลอ้าปากท้วงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหายใจหอบสั่น เสียแต่อัลชาอ์ไม่สนใจจะฟังแต่อย่างใด ชีคหนุ่มอุ้มร่างของเขาไปวางบนรถจี๊บอย่างเร่งร้อน ก่อนจะหันไปสั่งการกับลูกน้องเป็นภาษาอารบิกยาวเหยียดด้วยท่าทีเคร่งเครียด..

   "...เฮ้...นี่มันอะ...."

   "..เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน..." อัลชาอ์กระซิบเสียงแผ่วขณะที่ปลายนิ้วลูบเส้นผมสีน้ำตาลทองบริเวณหลังหูเบาๆ และประทับริมฝีปากลงบนปากที่เปื้อนเศษฝุ่นและเลือดของมาเฟียหนุ่มก่อนจะผละหนี...

   "หา...? "คาวัลโลครางออกมางงๆ เขากระพริบตาถี่และจ้องมองแผ่นหลังหนาที่ห่างไปท่ามกลางแสงจันทร์อย่างงวยงง

      ทว่าภาพการต่อสู้เบื้องหน้าก็ดึงความสนใจของเขาไปได้อย่างรวดเร็ว คาวัลโลนิ่งฟังเสียงปะทะกันท่ามกลางความเงียบ มีบอดี้การ์สี่นายเฝ้าดูแลรักษาความปลอดภัยให้เขาอยู่ ขณะที่อัลชาอ์นำกำลังทหารเข้ารุกไล่ แน่นอนว่าทั้งด้านกำลังพลและความชำนาญในพื้นที่ อัลชาอ์เป็นฝ่ายได้เปรียบ เพราะไม่นานนักพรรคพวกของราฟาเอลโร่และฟิลิเป้ก็ต่างรามือและพยายามหลบหนีกันอย่างสุดความสามารถ..

     รถจี๊บของทหารห้าหกคันวิ่งกวดไล่ตามคำสั่งของอัลชาอ์ ขณะที่ชีคหนุ่มหันกลับมาหาเขาที่นั่งรออยู่ คาวัลโลมองเห็นท่าทีเหนื่อยอล้าของชีคหนุ่มชัดเจน อัลชาอ์กระโจนขึ้นรถคันเดียวกับเขาและนั่งลงข้างกายด้วยท่าทีเคร่งขรึม..

    ฝ่ามือหนาพาดลงบนไหล่และโอบรอบกอยอย่างรวดเร็วทำให้คาวัลโลอดสะดุ้งไม่ได้ แต่เมื่อรถเคลื่อนที่และชีคหนุ่มเป็นฝ่ายตวัดผ้าคลุมห่มร่างของเขากันฝุ่นผง อ้อมแขนที่เเข็งแรงนี้ก็เป็นดังปราการพักพิงชั้นดี..

    คาวัลโลเงยหน้ามองเสี้ยวหน้าคมที่สะท้อนแสงจันทร์สีเงินยวง อาบไล้โครงหน้าคมเข็มให้หล่อเหลาทรงสเน่ห์ยิ่งกว่าทุกวัน..เขาได้ยินเสียงหอบหายใจและเสียงหัวใจเต้นแรงของตนดังก้องในหู ที่ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะเสี่ยงอันตรายมา หรือเพราะชายตรงหน้ากันแเน่...

     มาเฟียหนุ่มหรุบตาลงช้าๆ เมื่อพบว่าแสงจันทร์ที่สาดส่องและเรื่องราววุ่นวายที่พบเจอชักจะทำให้หัวใจสั่นไหวมากขึ้นทุกที..

.......................................................

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 25-01-2011 23:00:00
 โรงพยาบาลเล็กๆประจำเมืองบัดนี้มีร่างของทหารและเหล่าองค์รักษ์เดินรักษาการโดยรอบ ขณะที่ด้านในอาคาร มีร่างของคนเจ็บหลายคนถูกนำส่ง ชาวบ้านหลายรายที่ตื่นขึ้นเพราะเสียงปืนต่างมีท่าทีตกใจปนอยากรู้อยากเห็น และยิ่งเมื่อรถจิ๊ปคันใหญ่แล่นผ่านผู้คนเข้าไปเข้าจอดยังหน้าโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ร่างของหนุ่มชาวต่างชาติที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมทั่วกายในอ้อมแขนของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาทำให้ผู้คนต่างหลีกทางให้โดยอัตโนมัติ

    " ออกไป " สิ้นคำสั่งของผู้นำ ร่างขององค์รักษ์ที่ปรี่เข้ามาช่วยเหลือก็หลบห่าง อัลชาอ์อุ้มร่างอ่อนเพลียไร้สติของคาวัลโลมายังเตียงที่ผ้าม่านถูดรูดปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว ร่างเพรียวถูกวางลงบนเตียงพยาบาลอย่างเร่งร้อน ขณที่แพทย์ประจำเมืองเดินรี่เข้ามาหา...ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วมุ่นกับฝ่ามือโชกเลือดที่มีตะปูขนาดกลางสามสี่ตัวฝังอยู่..

 สีหน้าร้อนรนของชีคหนุ่มทำให้นายแพทย์วัยกลางคนยิ่งนึกลน ร่างในชุดลำลองเพราะร่วมงานเลี้ยงเดินฝ่าผู้คนไปยังกล่องปฐมพยาบาล..ขณะที่คนป่วยปรือตาขึ้นช้าๆด้วยท่าทีสะลึมสะลือ..

คาวัลโลหรี่ตาลงเพราะแสงไฟสว่างจ้า ชายหนุ่มครางเบาๆในลำคอ ขณะที่มองสบนัยน์ตาสีนิลที่คุ้นเคย ซึ่งเต็มไปด้วยแววตาห่วงหาอย่างปิดไม่มิด..

    " เจ็บตรงไหนบ้าง? " ชีคหนุ่มออกปากถามด้วยสีหน้าซีดเซียว การเดินทางจากทะเลทรายเข้ามายังตัวเมืองใช้เวลาไม่นานนักก็จริง แต่ทว่าเมื่อเห็นร่างอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงของมาเฟียหนุ่มที่เอนตัวซบไหล่ของตนอยู่ ชีคหนุ่มก็ใจหายวาบ..นัยน์ตาที่ปิดพับลงและร่างกายอ่อนเปลี้ยราวกับไม่มีแรงของชายหนุ่มที่เคยเข้มแข็งนักหนาสร้างความหวาดหวั่นอยู่ในใจอย่างมากมาย

     "...อ่า...เยอะแยะ..." คนเจ็บยังคงส่งเสียงกวนประสาทและยิ้มออกมาฝืดๆ คาวัลโลถูกพยุงตัวขึ้นเอนกายนั่งพิงหัวเตียงพยาบาล เขาปรือตาขึ้น แว่วเสียงพุดคุยและบรรยากาศวุ่นวายหลังม่านสีข่าวที่ไหวพะเยิบ มาเฟียหนุ่มหรุบตาลงช้าๆพลางถอนหายใจเบาๆราวกับจะเรียกสติ ขณะที่แพทย์วัยกลางคนเดิยนเข้ามาหา จ้องมองตะปูที่ฝังบนผิวเนื้อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด..

    "...รอสักครู่นะครับ ผมขอเตรียมยาชาแล้วจะดึงเอาตะปูออก " น้ำเสียงเรียบเฉยของผู้พูด ทำให้คาวัลโลพยักหน้ารับ ความเจ็บปวดที่ฝ่ามือยังคงไม่จางหาย มันยังเจ็บ..ยังปวดแสบปวดร้อนจนเกินบรรยาย..

      มาเฟียหนุ่มขบปลายฟันเข้าหากันช้าๆด้วยท่าทีหมายมาด...ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม ไม่ใช่เพราะความกลัวแต่เพราะความโกรธที่แผ่โหมทั่วร่าง...

ราฟาเอลโร่..และฟิลิเป้... ไอ้เวรสองคนนั้น..

    "...." อัลชาอ์จ้องมองฝ่ามือซ้ายที่มีเลือดชุ่มโชกและถูกตะปูสามสี่ตัวแทงทะลุ ชีคหนุ่มนิ่งเงียบ ก่อนจะค่อยกวาดสายตาทั่วร่างของคนที่เขาหลงรัก ทั้งใบหน้าที่มอมแมมเปื้อนฝุ่นทราย มีรอยเลือดไหลจากหน้าผากเป็นทางยาว ริมฝีปากบวมเจ่อแดงก่ำและแตกระแหงพร้อมเลือดสีเข้มที่ทิ้งรอยไว้บนมุมปากทำให้คนมองยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้น  และเมื่อมองเห็นรอยฟันที่กัดย้ำจนเลือดไหลเปื้อนชุดโธปสีขาว ชัดเจนบนลำคอ ภาพนั้นทำให้อัลชาอ์สูดหายใจลึกด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างลึกซึ้ง..

    ชีคหนุ่มเหม่อมองใบหน้าที่ฉายชัดถึงความเหนื่อยล้าและอ่อนแรงของมาเฟียหนุ่มตรงหน้า มองดวงตาที่ปรือต่ำอย่างเหนื่อยอ่อนและท่าทีนิ่งเงียบผิดวิสัย..พลันรู้สึกถึงไฟโทสะที่สุมอยู่ในอกจนแทบทนไม่ได้

อัลชาอ์กัดฟันกรอด...พยายามสูดหายใจลึกระงับอาการโกรธเกรี้ยวอย่างสุดกำลัง แม้จะทำมันได้ยากเพียงใดก็ตาม..

...ใครที่ไหน? คนของฝ่ายใด ที่กล้ามาทำแบบนี้ กล้า...มาทำร้ายคนตรงหน้า..

ทั้งมือซ้ายที่ถูกทำอย่างโหดร้าย ทั้งบาดแผลตามร่างกาย ทุกสิ่งทุกอย่างนั่น...มันแสดงถึงความเหิมเกริมอย่างถึงที่สุด..

กล้า...มาทำร้ายคนของ.เขา กล้า..มาก่อเรื่องในประเทศของเขา...กล้า ..มาเหยียบย่ำหัวใจของเขาโดยไม่ให้เกียรติ...

และที่สำคัญที่สุด คนพวกนั้น กล้าทำร้าย คาวัลโล วาลกัส !

  ...กล้าทำร้ายคนที่เขาพยายามปกป้องดูแลอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้คาวัลโลหน้าจะทำร้ายจิตใจ จะเหยียดหยามหรือว่ากล่าวอะไรเขาก็ยังไม่เคยคิดจะรังแกอีกฝ่าย...ไม่เคยคิดจะทำให้คนๆนี้ต้องเจ็บปวดและเสียใจแม้แต่นิด ไม่แม้แต่จะลงโทษทำร้ายให้คาวัลโลต้องเจ็บปวด..
แล้วคนพวกนั้นมันเป็นใครกัน ถึงกล้ามาทำร้ายดวงใจของเขา !!

     "...ขอล้างแผลก่อนนะครับ.." เสียงของนายแพทย์ที่เดินเข้ามาทำให้อัลชาอ์หลุดจากภวังค์ ชีคหนุ่มผุดลุกจากปลายเตียงและยืนขึ้นให้ผู้ที่เข้ามาจัดการได้สะดวก..

    "........." คาวัลโลหรี่ตาลงน้อยๆและสะดุ้งเป็นพักๆเมื่อสำลีสีขาวชุบน้ำค่อยเช็ดบนฝ่ามือของตัวเอง เขามองเห็นสีของน้ำในอ่างสีขาวขนาดกลางที่กลายเป็นสีแดงเถือกและมองเห็นฝ่ามือของตัวเองชัดเจนอีกครั้ง..เห็นชัด..ว่ามือซ้ายของเขามีอะไรถูกฝังอยู่...

    รอยเล็บสีแดงของเหยี่ยวยามเช้านั้นกลายเป็นเพียงรอยแผลที่ไร้ความสำคัญเมื่อมองเห็นหัวตะปูที่โผล่ขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บแสบ..ปวดแปลบจนแทบทนไม่ไหว...คาวัลโลเม้มปากแน่น เขารู้สึกว่าฝ่ามือและร่างทั้งร่างเริ่มสั่นระริก ทั้งขอบตาที่เริ่มร้อนผะผ่าว เมื่อระลึกถึงความเจ็บปวดในยามนั้นขึ้นมาได้อีกครา..

...เจ็บ....เจ็บเสียจนทนไม่ไหว..

พยายามดื้นก็ยิ่งเจ็บซ้ำ พยายามจะหยุดมันก็ทำไม่ได้...

   หมับ..

ฝ่ามือหนาที่วางลงบนไหล่และบีบเบาๆทำให้ได้สติขึ้นมาอีกครั้ง คาวัลดลเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้หมอกำลังหันไปหยิบยาชาและเข็มมาจากจานสแตนเลสต์ที่เตรียมไว้...และรู้ ว่าเขากำลังสั่น...เนื้อตัวสั่นไหวไปทั่วร่าง..

    " ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร.." น้ำเสียงกระซิบเบาๆตรงข้างหูทำให้ขอบตาที่ร้อนผ่าวคล้ายจะมีน้ำใสๆเอ่อคลอ คาวัลโลเม้มปากแน่น พยายามเก็บเอาความทรงจำอันเลวร้ายนี้ไว้ในส่วนลึก และซุกซ่อนความหวาดหวั่นไม่ให้ใครเห็น แต่ทว่าเสียงกระซิบเบาๆและฝ่ามือที่คอยปลอบโยนนั้นทำให้เขาอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเหลือเกิน..

 ถ้าไม่มีเสียงกระซิบเบาๆ..ที่ปลอบประโลมอยู่..และไม่มีความอบอุ่นจากฝ่ามือหนาที่ส่งผ่านมาจากหัวไหล่..เขาคง....ทนไม่ไหว..

   ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันช้าๆ...บาดแผลที่ได้รับแม้จะไม่มาก ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรมากนักก็จริง แต่ความเจ็บปวดกลับฝังรากลึก...ฝังตัวเข้าไปในสมอง ตัวเขาเคยฝึกฝนมานักต่อนัก เขาเคยออกปากสั่งให้ทรมารผู้คนมามากมาย..แต่ไม่เลย...ไม่เคยฝึกที่จะมารับความเจ็บปวดในยามที่ร่างกายถูกทำร้ายทรมารราวกับของเล่นเช่นนี้..

    "...รอสักครู่นะครับ " หลังจากเข็มฉีดยาถูกกดลงบนผิวเนื้อ ร่างของนายแพทย์วัยกลางคนก็เดินเอาอุปกรณ์ไปเก็บ...ฤทธิ์ของยาชาไม่ได้ออกอาการทันที ทว่าความเจ็บปวดที่น้อยลงเรื่อยๆก็ทำให้ลมหายใจที่สั่นไหวเริ่มกลับมาเป็นจังหวะได้บ้าง..

 นัยน์ตาคุกรุ่นของอัลชาอ์ยามได้สบมองนั้นทำให้ใจชื้นแต่ก็ชวนหวั่นไหวไม่น้อย...กับแววตาโกรธเกรี้ยวที่แฝงไว้และพยายามระงับอย่างยากเย็น..

    ชีคหนุ่มทรุดตัวลงบนเตียงอีกครั้ง จ้องมองร่างของมาเฟียหนุ่มตรงหน้าเขม็ง มองราวกับจะจารจำภาพของคนตรงหน้าไว้นานเท่านาน...ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะทาบลงบนหน้าผาก เช็ดหยดเลือดที่ไหลออกมาเบาๆ..

   "...ผมไม่เป็นไร " คาวัลโลกระซิบตอบเบาๆหากน้ำเสียงหนักแน่นอย่างประสงค์จะบอกตัวเองและชายหนุ่มตรงหน้าให้เบาใจ...ก่อนจะยกรอยยิ้มมุมปากส่งไปให้ชีคหนุ่มอย่างอ่อนล้า..

   "ขอบคุณ "

   ".........." อัลชาอ์ไม่ตอบอะไร นอกจากจะโน้มกายไปหา ประทับริมฝีปากตรงหน้าผากบางเพียงแผ่วเบา..

   " จากนี้ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณคลาดสายตาไปไหนอีกแล้ว "

น้ำเสียงเรียบนิ่ง แม้จะแฝงแววสั่นไหวหากแต่บ่งชัดถึงเจตนารมย์อันแน่วแน่ของผู้พูด คาวัลโลเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาที่แนบชิด มาเฟียหนุ่มผ่อนลมหายใจลงช้าๆค่อยปิดเปลือกตาลง ขณะที่ริมฝีปากของผู้พูดแตะลงกับริมฝีปากของเขา..

...แผ่วเบา...แต่ลึกซึ้งและตราตรึงยิ่งนัก...

............................................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [18] ฝุ่นทราย UP !! 18/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 25-01-2011 23:05:10
   ร่างของมาเฟียหนุ่มชาวต่างชาติหลับตาพริ้มสลบไสลไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขนของอัลชาอ์ นัยน์ตาสีเข้มของชีคหนุ่มจ้องมองไปยังทิวทัศน์ด้านหน้า ขณะที่ริมฝีปากเม้มแน่น บ่งชัดถึงความไม่พอใจที่เกิดขึ้น..เสียงเครื่องยนต์ครางเบาๆดังขึ้นภายในรถยนต์คันหรู..พอร์ช คาเรร่า จีที  ที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่จารเซอย่างรีบร้อน คนขับดานหน้าคือเจ้าของรถอย่างรามิล เซฮามัค และข้างกายคือ..ร่างของชายอีกหนึ่งคนที่มีใบหน้าประพิมประพายคล้ายเหมือนเสียจนแทบแยกไม่ออก..

    "..พวกมันหนีไปที่ไหน? " น้ำเสียงห้วนสั้นและเย็นชา แตกต่างจากวาจาที่เคยเอ่ยกับคนในอ้อมแขนลิบลับ อีกทั้งใบหน้ากระด้างเย็นชาและไร้อารมณ์ยิ่งทำให้คนมองหนาวเยือก..

    ต้นเหตุของความโกรธเกรี้ยวมาจากอะไรคงไม่ต้องบอก มันก็เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่ถึงสามชั่วโมงก่อนหน้านี้ กับการลักพาตัวและทำร้าย คาวัลโล วาลกัส อย่างโหดเหี้ยม...ที่ปลุกให้สัญชาติญาณความโหดเหี้ยมและเลือดร้อนของอัลชาอ์ให้ตื่นขึ้นมาอีกครา..

    "..ไม่แน่ใจ...พวกมันออกจากชายแดนฝั่งเราไปที่ฝั่งของประเทศอื่น..ทหารที่ประจำอยู่แถบชายแดนได้ยินเสียงปืนเลยมาตรวจดู ยืนยันจะไม่ให้คนของเราข้ามพรมแดนไป "

    อัลชาอ์พ่นลมหายใจออกจากจมูกอย่างไม่พอใจ  "...แล้วทหารของเรา ปล่อยให้พวกมันข้ามมาได้ยังไง "

     น้ำเสียงเครียดเคร่งของอังชาอ์ทำให้สองหนุ่มตรงที่นั่งด้านหน้าเหลือบมามองสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก่อนเสียงถอนหายใจจะดังขึ้นมาอีกครั้ง จากชายหนุ่มในชุดโธปสีดำสนิท..

    "...มีคนหนุนหลังพวกเขา "

    " ราเซย์......." อัลชาอ์หรี่ตาลงน้อยๆ เรียกชื่ออีกฝ่ายสั้นๆ..

     "...คุณก็รู้..ว่าผมอยู่กับพวกเขา ทำหน้าที่สายลับตามที่ท่านต้องการไงล่ะ ฝ่าบาท " ชายที่ถูกเรียกว่าราเซย์ยักไหล่ช้าๆ  " ผมประจำอยุ่ที่นี่ ตามที่คุณสั่งการ ผมระแวดระวังเรื่องแถบชายแดนพยายามสืบข่าวตามที่คุณต้องการ.. มีคนป่าวประกาศหาพรรคพวก..บอกว่ามีชาวต่างชาติเงินหนา ต้องการพรรคพวกเพื่อจัดการอะไรบางอย่าง..โดยมีผู้นำของเราสนับสนุน...ผมจึงไปกับพวกนั้นด้วย "

     "....สนับสนุน " อัลชาอ์ขมวดคิ้ว เพราะแน่นอนว่าเขาไม่เคยสนับสนุนให้ใครมาก่อเรื่องในประเทศของตน..

     " ผมถึงว่ามันแปลกๆไง คงมีคนแอบอ้างชื่อคุณเป็นประกัน ...พวกนั้นวางแผนกันสองสามอาทิตย์ หลังจากหาคนได้แล้ว....ผมส่งข่าวเตือนไปที่จารเซ...เเต่เหมือนไม่ได้รับการใส่ใจสักเท่าไหร่" ราเซย์ยกรอยยิ้มมุมปากอย่างหยามหยัน "เห็นได้ชัดว่ามันทำกันเป็นขบวนการเลยทีเดียว...เพราะข่าวการมาของคุณผมยังไม่ทราบเสียด้วยซ้ำ..คนพวกนี้ปิดข่าวกันอย่างแนบเนียน แน่นอนว่าคนของฝ่ายเราก็ต้องร่วมด้วย "

     "............" อัลชาอ์ไม่พูดอะไร ชีคหนุ่มนิ่งเงียบ หากทว่าดวงตาวาววับด้วยความไม่พอใจ เมื่อข้อสันนิษฐานและความจริงทุกอย่างต่างบ่งชัด....เกลือเป็นหนอน..มีคนทรยศ...

     "..ผมโชคดีที่ถูกใจเจ้าคนหนึ่งในนั้น...พวกมันทำงานกันเป็นสองทีม ฝ่ายหนึ่งวางแผน อีกฝ่ายทำตาม..ข้ามชายแดนเราได้อย่างไม่กระโตกกระตากเพราะมีคน...ที่คอยอำนวยความสะดวก และซุ่มรอจังหวะให้คนที่เขาต้องการตวโผล่มา..." ราเซย์ตวัดสายตาจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มผุ้อยู่ในอ้อมแขนของอัลชาอ์ที่เบาะหลัง นัยน์ตาสีดำวาววับขึ้นอย่างถูกใจ " จะว่าไปแล้ว..เขาก็อึดใช้ได้นะ...ถูกทำแบบนั้นแล้วยังเอาตัวรอดได้อย่าง...."

     " ราเซย์ เซฮามัค !! "น้ำเสียงตวาดสั้นๆ บ่งชัดว่าไม่ต้องการจะรับรู้ถึงเรื่องราวความเจ็บปวดของคนในอ้อมแขนไปมากกว่านี้ ส่วนคนถูกปรามก็ยักไหล่ด้วยท่าทียอมแพ้...

     "...ผมไม่ลืมชื่อตัวเองหรอก ต่อให้ต้องเป็นสายลับใช้ชื่ออื่นไปทั้งชีวิตก็เถอะ "นัยน์ตาของผู้พูดวาววับ ขณะที่รามิลลอบถอนหายใจเหนื่อยชน่าย แท้แล้วชายที่นั่งอยุ่ข้างเขา คือ ราเซย์ ทาร์คาน เซย์ฮามัค พี่ชายของเขานั่นเอง เจ้าตัวทำงานให้กับอัลชาอ์ ด้วยการเป็นสายลับ ปลอมตัวคอยสืบข่าวในจารเซและแถบชายแดน...

      "...รู้ที่ซ่อนของพวกมันไหม? " อัลชาอ์ผ่อนลมหายใจลงช้าๆ ชีคหนุ่มชะงักเมื่อแว่วเสียงครางในลำคอเบาๆของคนในอ้อมแขน นัยน์ตาสีนิลก้มลงมองแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น..

       คาวัลโล วาลกัส หลับสนิทไแล้วปด้วยฤทธิ์ยาระงับประสาท หลังจากจัดการเอาตะปูพวกนั้นออกจากฝ่ามือของเจ้าตัว และพบว่าคาวัลโลยนั้นยังถูกแมงป่องทะเลทรายกัดเข้าให้อีกแผล ดีที่เจ้าตัวห้ามเลือดไม่ให้พิษแล่นสู่กระแสเลือดได้ทัน และโชคดีเหลือเกิน ที่รอยแผลจากการถูกตะปูพวกนั้นเจาะทะลุฝ่ามือไม่ได้ถูกเส้นเลือดหรือเส้นเอ็นสำคัญๆ ไม่เช่นนั้นเจ้าตัวอาจจะต้องเสียมือข้างซ้ายไปตลอดชีวิต หรือไม่ก็อาจจะตายเพราะพิษแมงป่องเข้าสู่กระแสเลือด..แต่ทว่าคืนนี้อาจจะมีไข้และมือเกิดอาการปวดบวม ดังนั้นเขาจึงรีบออกเดินทางเพื่อไปถึงจารเซที่มีหมอฝีมือดีและอุปกรณ์ที่ครบพร้อมกว่าคอยดูแล..

       ฝ่ามือที่เย็นชืดไล้วงหน้าที่หลับสนิทแผ่วเบา ขณะที่กระชับอ้อมแขนเข้าหากันแน่นขึ้น ยามที่คาวัลโลขยับตัวยิกยิกและนิ่งไปอีกครั้ง..

    "...เจ้าคนที่ชื่อราฟาเอลโร่...ผมไม่แน่ใจ มันกับพวกน่ะฉลาดมาก พวกมันพูดกันเป็นภาษาอิตาเลียนไม่ยอมแม้กระทั่งจะคุยกันเป็นภาษาอังกฤษเสียด้วยซ้ำ... แถมยังระวังตัวมากผมเลยไม่รู้ว่าพวกมันจะไปกบดานกันที่ไหน...แต่อีกคนที่ชื่อฟิลิเป้นั่น...ผมคิดว่า...ตัวเองพอจะรู้อยู่..." ราเซย์ตอบขระที่ขมวดคิ้วน้อยๆ

    "ดี....เตรียมตัวไว้ซะ.." อัลชาอ์ออกปากสั่งการสั้นๆ ขณะที่ดวงตาวาววับ " ส่วนเรื่องรายละเอียดทั้งหมด รอคาวัลโลฟื้น...แล้วค่อยคุยกัน..."

ชีคหนุ่มก้มมองใบหน้าของคนในอ้อมแขนอีกครั้งพลางเม้มปากแน่น นัยน์ตายามที่ทอดมองท้องถนนเบื้องหน้าช่างวาววับและเต็มไปด้วยความโกรธเคือง...

....ใครที่กล้ามาหยามกันถึงถิ่น และใครที่กล้ามาทำร้ายคาวัลโล..คนๆนั้นต้องพบจุดจบ !!!

................................
 อ้ากกกกกกกกกกก (กรี้ดอีกรอบบบบ)
ช่วงนี้เรื่องให้กรี้ดมากมายเหลือเกินนน ทั้งเรื่องเน็ตเนาๆ (เล่นไม่ได้เลยจะบ้าตาย :m31:) เรื่องการทารุณคาวี่ที่รัก ตอนนี้สงสารคาวี่มากมาย เขียนไปก็สงสารไปเจ็บปวดแทนคุณลูกขาหลายๆ...และเรื่องความหวานของอัลชาอ์ ฮ่าาาาา  ไม่รู้ว่าจะคิดเหมือนกันไหม แต่อิคนเขียนคิดว่า เวลาเจอเรื่องร้ายๆมาแล้วสวีตกันทีนี่หัวใจมันชุ่มชื่นจริงๆน้อ..หุหุ :-[
ส่วนราฟาเอลโร่และฟิลิเป้...โนคอมเม้นท์กับราฟาเอลโร่นะ บอกตามตรงว่าเซ็งราฟามากกว่าฟิลิเป้ เพราะไอ้ราฟานี่ตัวดีเลยเชียว แต่ว่า แหม...หมอนี่มันเท่ห์เนอะ(กร้ากกก) :impress2: และยังมีคดีกับคาวี่อีกยาว
  สำหรับฟิลิเป้ เหอๆ อยากบอกว่าเกลียดแกว่ะ (555+) โง่และโรคจิต เหมือนจะมาเพื่อให้ชาวบ้านเกลียดโดยเฉพาะเลยน้ออออออ แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะจากนี้อัลชาอ์จะจัดการพวกสูเอง...ไปแหย่หนวดสิงโตทำท่านชีคโกรธแล้วไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่ ใครที่เคยคิดว่าอัลชาอ์จะเป็นชายหนุ่มผู้แสนดีและเป็นสุภาพบุรุษ..โปรดระวังจะช๊อค..(นิสัยแบบนั้นสงวนไว้เฉพาะบุคคลนะจ๊ะ)
  ส่วนบุคคลที่ถือว่าเป็นฮีโร่ของตอนนี้ก็ว่าได้ ราเซย์...เท่ห์และกวนตีน  :laugh: นิสัยพี่น้องคู่นี้นี่พอกัน ตอนนี้กำลังมีแพลนจะเขียนเรื่องของสองพี่น้องนี่ด้วย มุ่งมาดจะเอาสามพีไปเลย 555+(แอบเเปะรุปเคะน้อยแสนน่ารัก(?)ของสองหน่อนี่ไว้ในเอกซ์ทีนและ)
ปล. พรุ่งนี้อัพแบดกายเน้ออออ (รู้นะว่าจะมีคนทวง)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 25-01-2011 23:52:07
อ่านตอนนี้แล้วสงสารคาวี่ อิฟิลิเป้แม่งโรคจิตจริงๆ กล้าดียังไงมาทำไมแบบนี้กับคาวี่  :m31:
ราฟาเอลโล่มันมีคดีอะไรกับคาวี่นะ อยากรู้จริง (คงต้องให้ Serin มาเฉลย หุหุ)
แต่ไม่ว่ายังไงแกสองตัวก้น่าจะรู้ไว้นะว่าทำให้อัลชาร์ที่รักโกรธจริงๆซะแล้ววว หึหึ
อยากรู้จังว่าอัลชาร์จะเอาคืนยังไงในความกล้าดีนั้น หึหึ :laugh: เอาให้มันสาสมนะคะ Serin
หวังไว้เป็นอย่างยิ่งมากว่าตอนหน้าจะหวานๆๆ  :give2: ดูท่าคาวี่นี่ใกล้จะตกหลุมอัลชาร์เข้าซะแล้ว  :o9: ๕๕๕
จะรอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ  :กอด1:

ปล.พี่ชายฝาแฝดของรามิล ชอบค่ะ แพลนที่วางไว้จะรอให้มันเป็นจริงนะคะ  :m1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: iranen ที่ 26-01-2011 00:02:38
อัลซาร์สุดยอด
ยอมไม่ได้
งานนี้ล้างบางเลย
ทั้งของตัวเองและของคาล
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: MoPPeT ที่ 26-01-2011 00:07:41
อัลชาเท่คอดๆ เอาพวกมันให้ตายเลยนะ ตอนตออกตะปูนี่แบบ เจ็บตามคาวี่ไปด้วยเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 26-01-2011 00:24:32
 o13ยาวววววววววววได้ใจ เอาไปเลย!!+1
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: love_y ที่ 26-01-2011 00:31:31
เง้ออออออออออ คาวีของเค้า  :o12: บอบช้ำกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วววว
ไอ้บ้าฟิลิปเป้ ไอ้โรคจิตนี้แกไม่ได้ตายดีแน่ๆ :z6: อัลชาฆ่ามันๆๆๆๆๆไอ้ราฟาเอลอีกคน เอาไว้ไม่ได้
แต่จากสถานนะการนี้ คาวีจะใจอ่อนกับท่านชีคขึ้นอีกเยอะๆๆเลยใช่มั้ย :impress2:
ทำไมถึงรู้สึกว่าอ่านยาวแค่ใหนก็ไม่เคยพอเลยย ภวนาให้เน็ตเล่นดีไม่มีหลุดนะคะ จะได้มาต่อบ่อยๆ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: chompoonut139 ที่ 26-01-2011 00:50:08
สงสารคาวี่ที่สุดดดดดดดดดดดดดดดด       :o12:


โดนทำซะ    :serius2: 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 26-01-2011 00:52:25
 :m31: :fire:
โอ้ยยยยยยอ่านตอนนี้แล้วแทบคลั่งตามชื่อตอน
หนูคาวี่ของผมมมมมมมมม
อัลซ่าเอามันสองคนให้ :beat: :z6: :beat: :z6:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 26-01-2011 01:28:06
อ่านก็เจ็บแทนคาวี่ไป โอ๊ยยยยยแบบว่าเสียวอ่ะ  :serius2: :serius2: :serius2:



แต่ก็พอทดแทนกันได้ด้วยความหวานของท่านชีค :laugh:


หวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะพอช่วยให้คาวี่ใจอ่อนกับท่านชีคบ้างนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 26-01-2011 02:09:48
เรื่องได้บรรยากาศทะเลทรายดีจัง อ่านแล้วนึกภาพตามได้เป็นตุเป็นตะเลย  o13
ชอบมากกว่านิยายแปลแนวทะเลทรายสัญชาติญี่ปุ่นบางเรื่องซะอีก

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 26-01-2011 02:32:14
 :m15: สงสารคาวี่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 26-01-2011 02:49:54
โรคจิต ฟิลิเป้มันโรคจิต ฮืออออ
อัลชาเท่โฮก..อย่างเท่ 555 +
จำได้จากตอนแรกๆที่คุกใต้ดิน ว่าชีคเราซาดิสต์ใช่ย่อย เรื่องทรมานคน
แล้วนี่อะไร..เล่นอะไรไม่เล่น มาทำร้ายหัวใจกันแบบนี้ต้องเอาคืนให้สุดๆ เอาให้แสบไปถึงทรวง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: ammer ที่ 26-01-2011 04:19:16
อ่านไป :a5: เจ็บไป :sad4: เสียวไป :sad5:
อิฟิลิเป้ เมิง!!!!! :z6: ท่านชีคจัดการมันด่วนๆเลยนะ :angry2:
คนที่ทำให้คาวี่เจ็บปวดได้ต้องมีแต่ชีคเท่านั้น(เอ๊ะ!!ยังไง?) :m28:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 26-01-2011 08:58:42
เหมือนคาวี่จะยังไม่รู้ตัวว่าหลงรักอัลชาอ์ซะแล้ววว...55+
พระเอกของเราหล่อซะขนาดนั้น....ตอนนี้ฮีโร่มากมาย....อัลชาอ์เก่งที่ซู้ด....^ ^
ดีที่มาช่วยไว้ทัน...ไม่งั้นไม่รู้ว่าจะโดนตะปูไปอีกกี่ตัว...คิดแล้วสยองมากเลยอะ..
หวังว่าช่วงดูแลคนป่วยนี้อัลชาอ์จะได้คะแนนเพิ่มนะคะ....เชียร์อัลชาอ์สุดใจเลยอ๊ะ..>.<
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 26-01-2011 09:30:14
อร๊ายยยย
ยาวสะใจมากค่า
แต่สงสารคาวี่อ่ะ
คงจะเจ็บน่าดูเรย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 26-01-2011 09:55:53
ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไอ้บ้า 2 ตัวที่มันบังอาจมาทำร้ายคาวี่ ไปลงนรกซะ!!!!!!!!!
ท่านชีค ปลิดชีพมันทั้ง 2 โดยด่วนนนนนนนนนนน

ปล.ตอนนี้ท่านชีคเท่โฮวกกกกกกกกกกกก เขินนนนนนนน
ปล2.ถ้าท่านชีคไปช่วยคาวี่ไม่ทัน อะไรจะเกิดขึั้นกับคาวี่ต่อจากถูกตอกตะปูใส่มือนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 26-01-2011 10:09:32
เลือดสาดกันไป ตอนนี้ สงสารคาวี่อ่ะ มือเป็นรู ๆ
ยังดีว่ามีหมอดีมาช่วยทัน  :เฮ้อ:
ตอนนี้ท่านชีคได้ใจไปเต็ม ๆ เท่ห์โก๊ดดดดดดดดดดดดด :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 26-01-2011 10:11:58
หนูคาวี่ น่าสงสาร

อิ2 ตัวนั้น ท่านชีคจัดมันให้หนักๆ ไปเลยนะ อย่าให้เหลือแม้แต่ซาก



ส่วน 3 พี คู่พี่น้อง รออ่านค่าาาาาาาาา  :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 26-01-2011 10:50:44
หวัดดีจ้าคุณปุ้ย

ชอบอ่านแนวทะเลทรายมาก แต่แนวนี้ ทะเลทรายปะทะมาเฟียนี่ ก็เพิ่งเคยเจอ
สนุกมากค่ะ หลากหลายรสชาดดีจัง

ตอนล่าสุดนี่ ทั้งตื่นเต้น หวาดเสียว และอบอุ่นค่ะ (แตกต่างกันสิ้นเชิง)
เรียกว่า ตอนชีคตามมาทันเนี่ย เฮลั่นเลยนะคะ สะใจมาก โล่งใจมาก
ยิ่งตอนเค้าดูแลกัน ก็ยิ่งอบอุ่น

จะตามอ่านต่อไปนะคะ ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวสนุกๆ มาให้อ่าน
เรื่องนี้มีโคงการรวมเล่มมั้ยคะเนี่ย ขอจองไว้เนิ่นๆเลยน้า

(กลัวช้าเหมือนพี่โตน้องเนม กว่าจะตามไปรู้เรื่องกับเค้า
ก็ช้าไปอีกแล้ว เฮ้อ)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 26-01-2011 10:57:50
โฮกกกกกกกกกก บู๊สนั่นจอกันเลยทีเดียวตอนนี้
สงสารคาลวี่ ทั้งเจ็บตัว ทั้งแค้นใจ   เสียวแทนเลยตอนฉากถูกตอกตะปูนั่น *///*
อัลชาอ์เท่ที่สุด รอดูอัลชาอ์บู๊ในตอนเอาคืนตอนหน้าค่ะ
ออกจะดูแลมดไม่ให้ใต่ ไรไม่ให้ตอมขนาดนั้น มีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้มาทำให้คาลวี่เจ็บ ฮึ่มมมม
อยากเห็นตอนเอาคืนมาก แง่งงง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 26-01-2011 11:01:45
หลงรักอัลชาอ์เลยอ่ะ สุดยอด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 26-01-2011 11:14:37
สงสา่ร คาวี่ แต่งานนี้ท่าทาง พี่ชีคของเราจะทำคะแนนรุกหัวใจน้องคาวี่ได้นะเนี่ย

+1 ให้กับความอึดของ นู๋คาวี่ด้วยจ้า

ตอนหน้าอยากได้หวาน ๆ เบา ๆ บ้าง ให้นู๋คาวี่ได้พักเหนื่อยบ้างเถอะนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: liptudzii_chi ที่ 26-01-2011 11:44:11
 :serius2: สงสารคาวี่มากมาย  คัยทำคาวี่ต้อตายสถานเดียว :m20: :m16:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 26-01-2011 11:57:37
สงสารคาวี่ แต่ตอนที่คาวี่อ่อนแอแบบนี้ก็ดูน่ารักดีนะ 55+ สงสัยจะโรคจิตเหมือนฟิลิเป้ซะแล้วเรา
ท่านชีคเอาคืนให้หนักเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 26-01-2011 12:18:41
หลงอัลชาร์ล่ะ :-[
เข้มได้ใจ ดี พวกนั้นจะได้รู้ว่าอะไรแตะได้ แตะไม่ได้ เหอๆๆ :m16:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 26-01-2011 13:49:04
ขอบคุณนะคะ คุณปุ้ย อ่านตอนนี้เเล้วกรี๊ดดดดดดดดด  เลือดมาโซพลุ่งพล่าน  สงสารคาวี่อะ  :m15:  ถ้าเจ็บเพราะ ท่านชีค จะไม่ว่าอะไรเลย เเง้ๆๆๆ ไม่ให้ตาโรคจิต กับตาหัวเกือบขาวเค้าคู่กันล่ะ จากที่ คาวี่วิเคราะห์ออกจะเหมาะสมกันโคตรๆอะ เเต่คู่พี่น้องสามพีเนี่ย คงไม่ได้รวมท่านองครักษ์ ด้วยใช่ไม๊  คุคุคุ  เฮ้อ อ่านตอนนี้เเล้วเครียดเเต่ชอบ เเละรักท่านชีคมากมาย  

+1  ให้อัลชาห์น่ารัก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 26-01-2011 15:21:24
โอ้ยสุดยอดครับคาลน้อยอึดเหลือเกิน


ฟิลิปเป้เถื่อนมากอ่ะแก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 26-01-2011 16:52:24
โอยยย ค่อยโล่งปอดขึ้นมาหน่อย 55555
ซีเครียดตามเลยนะฮะ
โอเค คาลทนมาก อัลชาห์เท่ได้อิกอ่ะ แมนว่ะ

สามพีแล้วใครอิกหนึ่งล่ะฮะ อ๊ากกกก
รอ ๆ..รอตอนต่อไปนะคร๊าบบบบ~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: zombiepe ที่ 26-01-2011 16:56:00
อ่านมาทุกตอนสนุกหมดแต่บอกจากใจจริง
ว่าตอนนี้อ่านซ้ำมากกว่าห้ารอบ 55
ชอบตอนที่คาลจังโดนปู้ยี่ปู้ยำเพราะนานๆทีจะทีท่าอ่อนแรง
ความเด่นในเรื่องตัวร้ายชวนนิ้วเท้ากระดิก ราฟากะฟิลิเป้ มาสูสีนะ -*-
แต่ถ้าให้เลือกชอบฟิลิเป้มากกว่าอีตาราฟานะ
ไม่รู้ทำไม  :-[  (เพราะแกเลือดsmน่ะสิ)
ตอนหน้าขอท่านชีคที่รักลุยโหด
ปล. จองราเซย์ได้ป่ะ =w=
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 26-01-2011 18:34:13
ฆ่ามานนนนนนน อัลชาอ์
หนอยกล้ามาทำร้ายคาลของเรา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 26-01-2011 20:14:18
กรี้ดดดดดมาต่ออย่างเยอะมากเลยยยย



มาอีกเร็วๆๆๆๆ นะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 26-01-2011 20:47:06
กรี้ดดดดด ตอนนี้ท่านชีคเราหล่อมากเลยอ่ะ  :impress2:

 :beat: อิสองตัวนั่น (รู้นะว่าตัวไหน)

ทำไมทำร้ายคาวี่จังเราเช่นนี้ ไปเคียดแค้นอะไรกันนักหนา

ดูจากแววแล้วกว่า คุณพี่นักเขียนจะเฉลย น้องคงต้องรอจนหัวหงอก ฮา

ตอนนี้ยาว สะใจมาก แต่ก็ค้างมากๆเหมือนกัน :m15:

รอตอนต่อไปจ๊า เดี๋ยวไปเฝ้า กระทู้พี่โตต่อ ฮ่า  :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 26-01-2011 20:58:12
 :m15: :m15: :m15: คาวี่ โฮฮฮฮฮฮฮ เกือบแล้วนะเนี่ย
ไอ้บ้าสองคนนั่น  :angry2: ฆ่ามันเลยท่านชีค 
มันมองข้ามท่านชีคไป งี่เง่า ทำให้มันรู้ซึ้งถึงการที่ทำร้ายหัวใจชีค  :m31:
แต่รู้สึกเหมือนกับว่าพอผ่านเหตุการณ์นี้ไปสถานการณ์ของสองคนนี้ต้องดีขึ้นแน่ ๆ
 :-[ จริง ๆ ก็อยากเห็นมานานแล้วล่ะ อยากให้คาวี่อยู่ในอ้อมกอดที่ปกป้องของท่านชีค
 :กอด1: :กอด1: กอดจ้า รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 26-01-2011 22:30:26
ท่านชีคอัลชาห์เจ้าขา~ ทำไมท่านถึงได้น่ากอด น่าซุก น่าขบ น่าเคี้ยว อย่างเน้~ หล่อแบบโฮกฮากเลยท่าน อยากได้ท่านกลับบ้านจังเลย ฮ่ะๆ (หนูจะเอาๆ) 


ส่วนอิตาฟิลิเป้เนี่ย แอบเห็นมีแต่คนด่า แต่เราแอบชอบเค้านะตัวเอง :-[ อ๊ายยยย จิตนิดๆ(ไม่มั้ง?)แบบนี้แหละ โอ๊ย โดนใจวัยโจ๋



ps. ขอมอรางวัลแมงกะจั๊วแห่งปีให้คาวี่เลย เพราะมันอึดจริงๆ (นี่ไม่ได้เชียร์ให้มันไม่อึดแล้วรีบตายนะ *0*)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 27-01-2011 04:35:37
ท่านชีคฆ่ามานนนนนนนนนน!!!!!!!!!!!! :pigangry2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 27-01-2011 09:55:50
 :fire: :m31: :angry2:  อิราฟากะฟิลิเป้  บังอาจมากกกกกกก  ทำกะะคาวี่แบบนี้ได้ไง  อ่านไปปวดใจไป สงสารคาวี่อะ :m15:   แต่แอบสะใจนิสๆนะเนี่ย  แบบว่าคาวี่ทำกะคนอื่นเ้ค้าไว้เยอะไง   o18
 o13 :-[ อัลชาห์ตอนนี้เท่ห์หม้วกกกกกกกกกก   หวานไปไหนค่ะพ่อคุน 
ปล.อยากอ่าน3พีๆๆ ราเซย์กะรามิลกวนพอกันเลย 555 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 27-01-2011 10:43:05
รู้สึกสะใจหน่อย ๆ แต่ก็ดีใจนะที่อัลมาช่วยทันก่อนที่จะโดนทำอะไรไปมากกว่านี้อ่ะ
หวังว่าตื่นมาจะแผลงฤทธิ์กับอัลน้อยลง...และใจอ่อนเร็ว ๆ นะ :angry2:

ฟิลิปเป้จิตได้อีก o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 27-01-2011 11:06:15
+1 ให้กับความทรมานของคาวี่ อ๊ากกกกกกกกกก โหดได้อีกอะ สุดๆ
ไอบ้าซาดิสโรคจิตฟิลิเป้ (เหอๆ...สอดคล้องกันแบบแปลกๆ)
จับมันไปเฉือนเนื้อแล่หนังเอาเกลือโรยแล้วย่างให้กินแบบที่ทรมานนักโทษเลย ฮึ่มๆ
(คิดว่าแบบนี้โหดสุดแล้วนะ ยังมีโหดกว่านี้อีกไหมเนี่ย....บรื่อ~)
บังอาจมาทำมือคาวี่เป็นแผลฉกรรจ์เลือดโชก ต้องเอาคืนให้สาสม หึๆๆ

อ่านเรื่องนี้ทีไรรู้สึกเหมือนนั่งดูหนังเอ็กชั่นดราม่าอยู่ยังงั้นเลย ที่สำคัญสนุกจนอยากอยากดูต่อเรื่อยๆเลย อิอิ ไรเตอร์สู้ืๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 27-01-2011 12:57:36
สงสารหนูคาวี่ โดนแมงป่องกัดยังไม่พอ มือยังมาโดนตอกตะปูอีก มันนึกว่
คาวี่เป็นเยซูคริสต์และสาวกหรือยังไง!! ดีนะที่อัลชาร์มาช่วยทันเนี่ย เฮ้อ!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 27-01-2011 13:00:55
เจ็บแทนนู๋คาวี่ โอยยย.. โหดมากๆ
ท่านชีคโกรธแล้ว ดีๆเราอยากเห็นท่านชีคโหด หุหุ
รอตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: TO.EYEz ที่ 27-01-2011 19:43:52
กรี๊ดดดดดดด ด อยากจะสกรีมอย่างบ้าคลั่งให้สมกับชื่อตอน อุอุ
กว่าเน็ตมันจะยอมเอื้อเฟื้อให้กดคอมเม้นต์ติดเล่นเอาล่าช้าไปสองวัน!  :m31:
ฮือออออ..

ตอนนี้น้องคาวี่สะเดิด(?)ได้ใจม๊ามากฮ่ะ TvT ฮืออออ อ
ช๊อบชอบบบ กรี๊ดดดดด ด คือแบบสงสารน้องเหมือนกันนะที่โดนอะไรแบบ..รุนแรงอย่างงี้
*กอดหมับ จับฟัดแก้ม* แต่คือคุณเตยก็แอบหงุดหงิดเหมือนกันที่ตอนที่แล้วๆมามันไม่ยอมคุยกันซ๊ากกะที
จนชักอยากจะเอาไม้มาง้างปากทั้งอัลชาอ์ทั้งนุ้งคาวี่ให้มันรู้กันไปเลยว่าใครน้ำลายบูดมากกว่ากัน =_=;;

พอตอนนี้ก็อยากจะกรี๊ดดดด ด สวีทหวานแหว๊วมากฮ่ะนู๋เอ๊ยยย..
ชอบจริงๆตอนที่นุ้งคาวี่ปวกเปียกอยู่ในอ้อมกอดเนี่ยยย... น่ารักมว๊ากกกก ก TvT
เป็นเคะที่จิ้มลิ้มน่าฟัดอะไรอย่างเง้ ฮ่า..
อีกอย่างก็แอบสะใจที่อัลชาอ์มาโหมดโหด เพราะบาดแผลของคาวี่มันปลุกใจเสือป่า(?)ใช่มั๊ยล่ะ? โมโห..หึงหวง กร๊ากก ก
เป็นไงล่ะ ตอนแรกล่ะก็เล่นสงครามประสาท แหม..พอตอนนี้ล่ะก็รีบไปคว้าตัวมากอดมับ หนึบหนับ(?)กันเลยทีเดียว
(ได้ข่าวว่าตอนที่แล้วแกสงสารมันที่โดนน้องคาวี่แรงใส่อยู่ไม่ใช่เรอะ!!  o18)
ความจริงคุณเตยแอบชอบฟิลิเป้มากกว่าราฟาอีกนะ  :impress2:
หึหึ.. คงเป็นเพราะอารมณ์อยากข่มเหง? รังแก? น้องคาวี่แบบเดียวกัน  :z1: :z1: :z1:

Ps. อ๊ายย ย ตายแล้ว.. อัลชาอ์มันแอบหล่อเลวรึเนี่ย.. อุอุ แบบนี้ยิ่งช๊อบชอบเลยค่ะ
สุภาพบุรุษเกินไปมันจะไม่ทันกาลเอา ฮ่าๆๆๆ

รอคอยตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อ.. ไฟท์ติ้งนะฮะ!



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: ทับทิมกรอบ ที่ 28-01-2011 00:12:35
มันช่างน่ากลัวนัก  :a5:

ตายซ่ะ ไอ้ฟิลิเป้  :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 28-01-2011 02:16:10
คนที่หักหลังราฟาเอลโล่แล้วมาอยู่กะคาล นี่เป็นใครอ่ะ
อยากรู้ๆๆๆๆ
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 28-01-2011 20:07:59
แวะมารอค่ะ.. :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 28-01-2011 21:50:08
โอ๋ คาวี้น่าสงสาร :m15:

แต่ได้อกอุ่นๆของท่านชีคให้ซบแล้วเดี๋ยวคงหายดีแล้วน่ะ

ส่วนฟิลิเป้กับราฟา ทั้งสองต้องโดนราชสีห์อย่างท่านชีคฉีกเนื้อแน่ไ  :fire:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: monster_narak ที่ 30-01-2011 16:03:15
กรี้ดกร้าดดด

เพิ่งมาอ่านค้ะ

ยังอ่านไม่ถึงเรยคะแฮะแฮะะ

สนุกมากคะได้บันยากาศทะเลทรายดี น้องคาวี่ฉลาดมากกกกกก

น่ารักด้วย

ไปอ่านต่อคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 31-01-2011 14:49:09
 :กอด1: อยากบอกว่า ...รออยู่นะค่ะ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: april_o_ ที่ 01-02-2011 08:47:52
 :sad4:  :m16: :o8:

หนูคาวี่เมื่อไหรจะใจอ่อนให้ท่านชีคซักที

น่าสงสารคาวี่มือข้างเดียวโดนซะขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 01-02-2011 14:00:39
สงสารคาวี่อ่าาา  :sad4: แค่อ่านก็รู้สึกเจ็บแล้ว
ไอ้ฟิลิเป้แม่งง เป็นใครมาจากไหนฟระ มาทำกับคาวี่แบบนี้ได้  :angry2:
แต่เอาเถอะ เดี๋ยวท่านชีคจะเป็นคนคิดบัญชีให้เอง หึๆ  :beat:
แล้วก็ เหมือนว่าคาวี่จะเริ่มหวั่นไหวกับท่านชีคแล้วสินะเนี่ย
ถือว่าไม่เจ็บตัวเปล่าแฮะ 555  :laugh: อุตส่าห์ทำให้คาวี่รู้ใจตัวเองได้เนี่ย
แต่แบบ ท่านชีคแมนมากค่าา!
หลงรักท่านชีคแล้วอ้ะ ฮุฮุ
แบบ ชอบอ่ะ อ่อนโยนแต่กับคาวี่คนเดียวด้วยย! น่ารักจัง  :-[
จะรอดูจุดจบของราฟาเอลโร่กับฟิลิเป้นะคะ  o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 01-02-2011 14:08:33
รออยู่เน้ออออออ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 01-02-2011 14:12:47
รอตอนต่อไปอยู่จ้า :impress2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 01-02-2011 16:32:06
อ่านทันแล้ว ใช้เวลาตั้ง 2 วัน

สนุกค่ะ แรกๆก็หมั่นไส้นายเอกมากๆ

คนอะไรจะโหดปานนั้น แถมปากไม่ดีอีกต่างหาก

โดนทำร้ายซะน่าสงสารมาก 

รออ่านต่อจ้า... :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 01-02-2011 16:51:54
สงสารน้องคาวี่มากกก โดนเหยี่ยวจิกมือเป็นแผล โดนสัตว์มีพิษกัน แล้วยังโดนจับตัวไปอีก !!
ปีเบญจเพศรึเปล่าค่ะลูกขา ! แต่อายุก็ยังไม่ถึงนี่เนอะ - -''
บู๊กันสนั่นจนแทบจะเป็นโรคหัวใจกันเลยทีเดียวนะค่ะ
น้องคาวี่ต้องมาเจอกันพวกโฉดชั่วเลวระยำาาา !! ทีเดียวถึงสองคน
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ไอ้บ้าานั่นนนนนนนน จะหลงรักหรืออะไรก็ช่างหัวมันเต๊อะ ! ทำไมต้องมาทำร้ายกันแบบเน้ !!
รู้มั๊ยว่ามีผู้ชายบื้อๆบางคนที่แอบหลงรักคาวี่มาตั้งนาน เฝ้าทะนุถนอมยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ต่อให้คาวี่จะว่าว่าเป็นพวกผิดปกติยังไงก็ไม่ทำร้ายเลยนะเฟร้ยยยย
.... ฮึ่ยยยยยยยยย !!!
ทีแรกนึกว่าไรท์เตอร์จะใจร้ายข้ามไปตอนใหม่กว่าอัลชาอ์จะมาช่วยน้องคาวี่
โล่งค่ะโล่ง ...... พระเอกเราถึงมาช้าแต่ก็ยังไม่ถึงตอนจบ
คาวี่ดูเป็นเด็กน้อยอ่อนแอน่าปกป้องในทันที !! อร้ายยยยยยยยยยย น่ารักที่สุดดดดดดดดดดดด
อัลชาอ์ค่ะ จัดการมันโลด ! อย่าให้มันลอยนวลไปอีก มันจะได้ไม่มาทำร้ายน้องคาวี่อีกนะค่ะ

รุ้สึกเหมือนคาวี่จะเริ่มรู้สึกคิดถึงชีคหนุ่มสุดหล่อแล้วใช่ม๊ะล่ะค่ะ ฮิยะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ !!!!
รักกันเร็วๆ นะ จะได้เห็นฉากหวานๆของสองคนนี้เร็วๆ
ไรท์เตอร์สู้ๆค่าาาาา
รักฟิคเรื่องนี้ที่สุดเลยยยยยยยยยยยยย :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: bleach_pa ที่ 01-02-2011 18:29:52
อ่านเรื่องนี้มาจากเด็กดี พอมาเจอที่นี่
ไหงท่านอัพเลยมาไกลกว่าอันนั้นจังเลย  :z3:
รีบตามอ่านมาจนครบ
รู้สึกหนูคาวี่ใจร้ายกับท่านชีคมากมาย
ท่านชีคออกจะรักจะหลงขนาดนั้นใจอ่อนบ้างเหอะ
พออ่านไปถึงตอนที่สิบเก้าคาวี่น่าสงสารมาก
จากโมโหคาวี่เลยโมโหท่านชีคแทนทำไมไปช่วยช้าแบบนี้
เดี๋ยวคาวี่ก็ตายกันพอดีหรอก  55+
มาอัพต่อไวๆๆนะค่ะท่านไรเตอร์  :bye2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 02-02-2011 17:23:07
ไรเตอร์ฮะ ใกล้มาได้ริยัง
จะทนไม่ไหวแล้วววววววว 5555
รอ ๆ.............รอใจจดใจจ่อแล้ว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 02-02-2011 17:25:16
รอตอนต่อไปจนจะบ้าคลั่งเหมือนชื่อตอนแล้วค่ะ

โฮะ ๆ ๆ เป็นไปมาก


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 02-02-2011 23:42:10
ไรเตอร์จ้าเค้าเข้ามาทวงตอนต่อไปจ๊ะ o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 03-02-2011 00:04:27
พรุ่งนี้อัพค่า
คอมพ์เสียอะเกน อะเกน แอนด์อะเกน เพิ่งซ่อม  :o211: :sad2: T0T
ตอนนี้กำลังปั่นอยู่  :pigwrite:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 03-02-2011 01:11:47
จิ้มเจ้คนเขียน :z13:

เดี๋ยวพรุ่งนี้นั่ง จ้องหน้าคอมรอเลย อย่าช้านะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: bleach_pa ที่ 03-02-2011 01:13:47
พรุ่งนี้จะมารอนะค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 03-02-2011 18:44:47
คอยดูท่านซีคมาดโหด หุหุ
สุขสันต์วันตรุษจีนนะคะ :mc4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: monster_narak ที่ 03-02-2011 19:33:46
ว้าววววพรุ้งนี้ได้อ่านเร้วหรออ
รอคะรอ

ชีคจะเอายังงัยต่อคะเนี้ยย  เเร้วสองตัวร้ายมาไหม่ระว้าวว

ตื่นเต้นนค้าบบ

ตรุษจีนเเร้ววววววววววววววววววว อังเปา ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 03-02-2011 21:19:05
มาดัน
อึ๊บ
อึ๊บ
อึ๊บ
^
^
^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 03-02-2011 23:53:38
Line : 20 คืนนิทรา

     ตีหนึ่งสี่สิบห้า...ทั้งที่เป็นเวลาดึกสงัดและทั้งเมืองมีแต่ความเงียบสงบ กลับมีเสียงรถนับสิบคันแล่นเข้ามาในคฤหาสถ์อย่างรีบร้อน นั่นทำให้ผู้คนในนี้ต่างเริ่มขยับกาย ร่างขององค์รักษ์และทหารต่างกรูกันลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว พวกเขาพากันแยกตัวเข้าตรวจสอบพื้นที่รอบๆวัง ขณะที่ร่างของชีคหนุ่มเเห่งเซเนียยาเดินเข้าไปในคฤหาสถ์ โดยที่ในอ้อมแขนมีร่างของหนุ่มคนรักชาวต่างชาตินอนหลับตาพริ้มอยู่..

     ชีค อาเหม็ด อัล ทาร์คาน มูซา มูอัสซิน เดินลงมาจากบันไดยาวในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีเข้ม สีหน้าของชายวัยกลางคนแสดงความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดกับขบวนเดินทางกลับของหลานชายที่มีศักดิ์เป็นถึงผู้นำประเทศ รวมทั้งสีหน้าโกรธเกรี้ยว นัยน์ตาวาววับ บ่งชัดว่าไม่ต้องการให้มีใครมาขัดความต้องการใดๆของตนทั้งสิ้นของอัลชาอ์

    " ขออภัยที่ผมไม่ได้แจ้งล่วงหน้า...ท่านลุงช่วยเรียกหมอมาดูแลคนรักของหลานด้วย " อัลชาอ์อุ้มร่างของคาวัลโลขึ้นไปบนบันได ออกปากเอ่ยกับผู้เป็นลุงอย่างรีบเร่ง..

    "...เกิดอะไรขึ้นรึ อัลชาอ์ ? "อาเหม็ดออกปากถามหลานชายตนอย่างงวยงงไม่น้อย   แม้จะออกปากสั่งการให้คนของตนโทรหาหมอตามที่หลานชายขอร้องก็ตาม..

    "...พรุ่งนี้เราจะคุยกันเรื่องนี้ขอรับท่านลุง....อ้อ...." อัลชาอ์เดินตามหลังคนรับใช้ที่เปิดประตูห้องนอนให้ตนเอง ก่อนจะหันกลับมาสบมองนัยน์ตาของผู้เป็นลุงอย่างเคร่งขรึม " พรุ่งนี้หวังว่าท่านลุงจะไม่มีธุระไปไหน อยากรบกวนให้ท่านติดต่อนายทหารระดับสุงที่ดูแลจารเซทุกคนมาประชุมกัน...พรุ่งนี้...."

     ปัง...

ประตูห้องปิดลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับร่างของหลานชายที่อุ้มคนรักเข้าไปด้านใน อาเหม็ดขมวดคิ้วมุ่น หันหลังกลับจากห้องที่ปิดลงแล้ว แต่พลันก็ต้องขมวดคิ้วอีกครา..เมื่อมองเห็นร่างของบุรุษที่ตนคุ้นเคยดีอยู่ตรงหน้า..

    " ราเซย์...รามิล.. นั่นพวกเจ้าใช่หรือไม่? "

    " ท่านลุงอาเหม็ด " ราเซย์ค้อมหัวคำนับ ตามมาด้วยน้องชายของตน อาเหม็ดมองหน้าสองพี่น้องซึ่งมีศักดิเป็นหลานชายและญาติห่างๆของตนแล้วยิ้มออกมาช้าๆ

    " มากันได้ยังไงล่ะ...หึ...พวกหลานสองคนนี้เหมือนกันเสียจนแทบดูไม่ออกเลยนะ " ชีคเฒ่าเอ่ยกับญาติของตน มองหน้าสองหลานชายวัยหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันเสียจนแทบแยกไม่ออก

    "นั่นสิครับ ถึงกับมีคนทักว่าเป็นฝาเเฝดกันบ่อยๆ...จะว่าผมหน้าเด็กรึรามิลหน้าแก่ดีล่ะ" ราเซย์ยิ้มให้ผู้เป็นลุง พลางเอ่ยสัพยอกน้องชายไปด้วย.

    "...แล้วมาเจอกับอัลชาอ์ได้ยึงไงรึ...ราเซย์ไหนว่าไปทำงานที่แท่นขุดเจาะน้ำมันไม่ใช่หรือ? " อาเหม็ดลูบแขนหลานชายในชุดโธปสีเข้ม " แล้วหน้าไปโดนอะไรมาล่ะรึว่ามีเรื่อง? " ชีคเฒ่าเริ่มสังเกตเห็นร่องรอยบาดเจ็บบนตัวหลานชายตน พร้อมกับเริ่มเอะใจถึงท่าทีอันผิดปกติของอัลชาอ์ขึ้นมาได้

    " เรื่องนี้คงต้องคุยกันพรุ่งนี้ล่ะครับ..คืนนี้ขอรบกวนท่านลุงสักคืน " ราเซย์ตอบรับพลางยิ้มออกมาช้าๆ

    " ได้สิ...เอ๊า....ตามหลังทหารสองคนนี้ไปเลย...ราตรีสวัสดิ์นะ " อาเหม็ดไม่ได้สนใจไถ่ถามต่อเมื่อได้รับคำบอกปัด ชีคเฒ่าหันไปเรียกให้ทหารยามที่ประจำใกล้ๆเดินนำญาติทั้งสองไปพักผ่อน หากดวงตาที่มองตามแผ่นหลังของทั้งสองพี่น้องกลับฉายแววครุ่นคิด.และเคร่งเครียด..

  ท้องฟ้ายาค่ำคืนของจารเซมีเพียงแสงจันทร์เสี้ยวสีเงินยวงอาบไล้อย่างอ่อนโยน ขณะที่แสงดาวช่างริบหรี่และโดนเมฆดำปกคลุมไปเกือบหมด..

     อาเหม็ดถอนหายใจพลางละสายตาออกมาจากหน้าต่างบานสูง ชีคเฒ่าเดินช้าๆกลับไปยังห้องนอนของตน โดยไม่ได้สนใจจะข้องแวะความเคลื่อนไหวในห้องนอนของหลานชายตน ที่มีเสียงพูดคุยดังออกมาแผ่วเบาผ่านรอยแยกของประตู

...เพราะตนรู้ จะถามไถ่อะไรจากคนที่ไม่ต้องการบอก นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว ยังจะเสียเวลาเปล่าอีกด้วย

.........................................................................

        วางร่างของหนุ่มอิตาเลียนตัวแสบที่บัดนี้สิ้นฤทธิ์ลงบนเตียงกว้าง อัลชาอ์ทรุดกายลงข้างเตียงนัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองใบหน้าที่หลับตาพริ้มแม้ยังดูซีดเซียวแล้วถอนหายใจเเผ่วเบา...

ฝ่ามือหนาไล้ผิวสีอ่อนตรงข้างแก้มขาวอย่างทะนุถนอมราวกับอีกฝ่ายคือแก้วใบเล็กๆที่เปราะบางและพร้อมจะแตกร้าวได้อย่างง่ายดาย..

   " อือ....." หัวคิ้วสีเข้มขมวดเข้าหากันยามที่เสียงครางเครือเบาๆดังมาจากริมฝีปากสีจัด สีหน้าที่เริ่มมีสภาพไม่ปกติของคาวัลโลชวนให้คนมองนึกห่วงนัก อัลชาอ์เม้มปากแน่นที่ไม่ว่าอย่างไร ตัวเขาก็ไม่อาจจะทำสิ่งใดให้สีหน้าที่แฝงความเจ็บปวดทรมารนี้ลดลงไปได้สักนิด...

    ชีคหนุ่มโอบร่างเพรียวที่นอนอยู่บนเตียงหนามาไว้ในอ้อมอกอีกครั้ง อัลชาอ์รู้ดีว่าเจ้าตัวจะยังหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาหากแต่สีหน้าที่แฝงความทรมารกับเนื้อตัวที่เริ่มสั่นเทานี้ก็ทำให้เขาไม่อาจจะวางเฉยหรือนั่งมองให้ภาพนี้ดำเนินต่อไปได้โดยไม่ทำอะไร..

   แม้จะรักษาหรือทำให้อาการเหล่านี้หายไปไม่ได้ แต่ทว่ายามนี้ ชีคหนุ่มก็ขอแค่ให้ตนเองสามารถโอบกอบ และคุ้มครองร่างของคนที่ตนหลังรักจนหมดหัวใจได้ หรืออย่างน้อย ก็สามารถให้ความอบอุ่นกับร่างที่กระส่ายกระสับราวกับหวาดหวั่นอะไรสักอย่างได้เพียงน้อยนิด..

   อัลชาอ์ปรือตาลงต่ำ แววตายามที่ทอดมองร่างในอ้อมแขนช่างอ่อนโยนนัก...อดจะยิ้มออกมานิดๆไม่ได้เมื่อเจ้าตัวยุ่งที่ดิ้นพล่านเมื่อครู่เริ่มสงบลงในอ้อมกอดของตน ฝ่ามือซ้ายที่พันผ้าพันแผลไว้อย่างดีขยุ้มโธปสีขาวตัวยาวของเขาไว้ราวกับที่พึ่ง..

...อดจะภูมิใจและดีใจไม่ได้ที่ตนเป็นที่ต้องการ แม้จะเป็นเพียงใครสักคนที่ไม่ปรากฏใบหน้าในความฝัน...แม้ที่สุดแล้วจะเป็น"คนอื่น"ในสายตาของคาวัลโลก็ตาม..

     ขยับกายเอนตัวพิงพนักเตียงไว้ โดยกอดประคองร่างของมาเฟียหนุ่มไว้ไม่ยอมห่าง ด้วยท่าทีทะนุถนอม และอาจจะเพราะใบหน้าที่หลับพริ้มซบลงกับท่อนแขนของเขา หรือเพราะสีหน้าที่สงบลงอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดของตน..ทำให้อัลชาอ์ก้มลงกดปลายจมูกลงไปยังเส้นผมสีน้ำตาลอัลมอนด์อย่างอดรนทนไม่ไหว..

     สูดเอากลิ่นของสายสม....และความสดชื่นของท้องทะเลที่ราวกับเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของชายหนุ่มในอ้อมแขนไว้ราวกับละโมบ อาจจะเพราะรู้ รู้ดีว่าเมื่อเจ้าตัวฟื้นกลับคืนสติ ไม่มีทางเลย ที่คาวัลโล วาลกัส จะมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา..

ชีคหนุ่มกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น พลางขยับยิ้มเฝื่อนกับห้วงความคิดของตน...

    ...แม้จะทะนุถนอมหรือคอยดูแลเช่นไร เขาก็ตระหนักอยู่เสมอ ว่าคนอย่างคาวัลโล ไม่ใช่คนอ่อนแอ ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ต่อสิ่งใดง่ายๆ

 ความปราถนาของเจ้าตัวบ่งชัด...และมาดหมายจะทำให้สำเร็จ กระทั่งออกปากประกันความฝันนั้นด้วยชีวิต

ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เลิกล้ม ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมละความตั้งใจ ..

...จะหยุดยั้งไม่ให้ก้าวต่อไปได้ ก็มีแต่ความตายเท่านั้น..

คาวัลโลไม่มีวันทิ้งตำแหน่ง ครอบครัวหรือแก๊งค์ของตน..เช่นเดียวกับที่เขาไม่อาจจะทิ้งประเทศ ตระกูล และบังลลังค์ของเซเนียยาให้คนอื่นสืบต่อ..

...ในใจรู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ทว่าใจนั้นอีกเช่นกันที่แอบคาดหวัง ลอบเฝ้าฝันว่าจะได้รับความรัก จะได้รัก และได้ครอบครองคนในอ้อมแขน..

รักแล้วอย่างไร? เปลี่ยนแปลงสิ่งที่พวกตนต้องทำและต้องเป็นได้หรือไม่ รัก...แล้วจะเปลี่ยนใจไม่ให้ทำตามที่ฝันได้หรือ?

...คำตอบคือเปล่า

   คำถามของคาวัลโลที่ตะโกนก้องด้วยแววตาอัดอั้นและเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจว่าเพียงเพราะ"ไม่รัก"คนๆหนึ่ง นั้นมีความผิดมากนักหรือ ทั้งที่เป็นความคิด เป็นสมองของเขาเป็นสิทธิของเขาที่จะรักใครแท้ๆ แล้วจะมากล่าวโทษ มาเดียจฉันท์คนๆหนึ่งเพียงเพราะไม่รักได้หรือไร...นั่น ทำให้ตนนึกเข้าใจในบางสิ่งบางอย่างที่มาเฟียหนุ่มต้องการจะบอก...

...หากมีเพัยง"อัลชาอ์ มูอัสซิน"และ"คาวัลโล วาลกัส" ไม่มีประเทศ ไม่มีครอบครัว ๆไม่มีมาเฟีย แกงค์ และเรื่องราวมากมายที่ต้องดูแล หากมีเพียงคนสองคน เรื่องราวทุกอย่างมันคงจะง่าย...กว่านี้มากนัก

โลกนี้ไม่สามารถหล่อเลี่ยงทุกสิ่งได้ด้วยรัก แม้รักจะเป็นสิ่งสำคัญ ทว่าที่สุดแล้ว ก็มีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่า...

 เพราะเราไม่ได้มีเพียงแค่เรา...

เพราะเราเป็นดั่งขุนเขาให้คนอื่นพักพิง..

 รักของเขาจึงเป็นได้เพียงความต้องการที่ไม่มีวันประสบผล..

     ข้อนี้คาวัลโลและเขาก็รู้ดีแก่ใจ หากแต่คนหนึ่งเลือกที่จะดันทุรังสร้างความสัมพันธ์ต่อ ส่วนอีกคน เลือกที่จะ"ตัด"มันออกไปโดยไม่ยอมให้โอกาสได้เริ่ม..
ทางเลือกของคาวัลโลอาจจจะถูกต้อง เพราะเมื่อต้องจากกันไกล ยามนั้น คงไม่เร่าร้อนทุรนทุราย ไม่เจ็บปวดอะไรมากนัก..

 ยอมเจ็บเพียงน้อยเสียตอนนี้ ดีกว่าเจ็บเป็นทบเท่าพันทวียามที่ความรักต้องล้มครืนลง..

..และคงถึงเวลาจริงๆแล้วที่จะต้องตัดใจ..

    "......... "ริมฝีปากหนาทาบลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อเบาๆ อัลชาอ์ปิดพับดวงตาของตนลงพลางสูดหายใจลึก เมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากที่สั่นไหวของตนเองชีคหนุ่มกระชับอ้อมแขนกอดรัดร่างเพรียวแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าเจ้าตัวจะหลายไปเป็นธาตอากาศ..
 
    "....อัลชาอ์....." น้ำเสียงพึมพัมเพียงเเผ่วเบา หากชัดเจนในหูนั้นทำให้ชีคหนุ่มชะงัก..นัยน์ตาสีเข้มเปิดขึ้นมาช้าๆสบกับนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่มองตรงมาอย่างงัวเงียไม่น้อย..

      "ตื่นแล้วเหรอ? " ชีคหนุ่มเอ่ยปากถามสั้นๆ แม้จะยังไม่คลายอ้อมแขนของตนออก หากแววตาของคนฟังกลับหรี่ลงช้าๆ และดูเลื่อนลอยแปลกตานัก

     " อัล.. ..." ฝ่ามือขาวเอื้อมมือคล้องลำคอของเขาไว้แล้วโน้มกายเข้าหา ใบหน้าที่เคยพิงอยู่กับท่อนแขนแกร่ง บัดนี้ย้ายมาซบอยู่บนแผ่นอกหนาด้วยแรงกำลังของคนป่วยเอง...หากบัดนี้นัยน์ตาคู่นั้นกลับปิดลงอีกครั้งพร้อมกับใบหน้าที่หลับพริ้มมีความสุขของมาเฟียหนุ่ม..

     "........" อัลชาอ์ถึงแก่เงียบนิ่งอย่างพูดไม่ออก นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองร่างเพรียวของคนป่วยที่กำลังทำตัวอย่างที่เรียกว่าอ้อน"ได้อย่างเต็มปากอย่างตกตะลึงไม่น้อย....ชีคหนุ่มนึกโมโหตนเองนักที่นึกยินดี แน่นอนว่าหัวใจที่แห้งเหี่ยวและเจ็บร้าวเพราะการถูกปฏิเสธนั้นกลับมาพองโตอีกครั้ง และมันยังปัดความคิดจะตัดใจที่เมื่อครู่กำลังตั้งใจอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะให้ปลิวหายไปกับสายลม...

....โอบแผ่นหลังแล้วกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น พลางขยับกาย ชีคหนุ่มจ้องมองคนในอ้อมกอดอีกครั้ง..ไม่รู้จะนึกระอาฝ่ายไหนดี ระหว่างคนป่วยที่ยังทำท่าทางให้ความหวังกันโดยไม่รู้ตัวไม่เลิกรา หรือว่าตัวเขา ที่ยังคงยึดมั่นจะมีความสุขกับฝันลมๆแล้งๆที่มีอายุเพียงไม่กี่วันของตัวเอง..

     อัลชาอ์เอื้อมมือไปลูบแก้มขาวเบาๆ พลางทอดถอนใจอย่างหน่ายระอา..

      " จะแกล้งทรมารผมไปถึงไหน หือ?คาวัลโล "

   คำถามนั้นถูกถามออกไปโดยไม่ได้รับคำตอบกลับมา ...มีเพียงเสียงถอนใจเบาๆ ผสมกับเสียงลมหายใจเป็นจังหวะ...เชื่องช้า หากก็ยังเต็มไปด้วยความยินดี..

....ก็ใช่ว่าจะไร้หวัง

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 03-02-2011 23:55:32
ก๊อกๆ

     ร่างของนายแพทย์หนุ่มที่ก้าวเข้ามาชะงักฝีเท้าเล็กน้อย เมื่อมองเห็นภาพความสนิสนมของเจ้าผู้ครองประเทศของตนและคนป่วยเบื้องหน้า ชายหนุ่มยกปลายนิ้วดันเเว่นเบาๆ พร้อมกับกระแอมออกมาเบาๆ อย่างไม่ต้องการจะขัดจังหวะ

    " เชิญ " อัลชาอ์เหลือบไปเห็นร่างของหมอที่เดินเข้ามาในห้องก็พยักหน้ารับ ชีคหนุ่มวางร่างคนป่วยบนเตียงอย่างนุ่มนวล พร้อมกับขยับตัวออกห่างเพื่อไม่ให้ขัดขวางการตรวจ

          แพทย์หนุ่มวางกระเป๋าเอกสารของตนลงบนพื้นหินอ่อนปูพรมแคชเมียร์ราคาแพงระยับ สีหน้าของผู้ตรวจฉายแววกังขาอย่างเห็นได้ชัด ยามมองเห็นฝ่ามือซ้ายที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลจนหนาเตอะ

     " เป็นบาดแผลจากอะไรหรือครับ?" เอ่ยพลางสำรวจร่างของคนป่วยที่หลับตาพริ้มอยู่ในสภาพอ่อนแรง

     " ถูกแมงป่องกัด..และ....ตะปูตำมือ " คำตอบของชีคหนุ่มทำให้ผู้ฟังมีสีหน้างวยงงอย่งปิดไม่มิด ถูกแมงป่องกัดไม่แปลกเท่ากับตะปูที่ยังมาทะลึ่งตำเข้าอีกแผล..ไม่สิ อาจจะมากกว่าหนึ่งแผล เพราะจากรอยเหลือที่ยังซึมออกมาจากผ้าพันแผลสีขาวเป็นวงกว้าง บ่งชัดว่าคงบาดเจ็บมาไม่น้อย

     " ฉีดยากันบาดทะยัก กับเซรุ่มรักษาพิษแมงป่องรึยังครับ "

     " เรียบร้อยแล้ว "อัลชาอ์พยักหน้ารับขรึมๆ..

     " เอ่อ...แล้ว " หมอหนุ่มอึกอัก อยากถามท่านผู้นำให้แน่ใจว่าที่เรียกตนมานี่เพื่อจุดประสงค์อะไร ในเมื่อได้รับการรักษาต่างๆแล้ว..

     " หมอคนที่รักษา บอกว่าคืนนี้เขาอาจจะจับไข้ ผมเลยอยากให้พวกคุณดูแลอย่างใกล้ชิด "คำตอบของท่านชีคชวนให้คนฟังนึกอยากจะถอนใจอีกสักเฮือก ถึงแม้ตัวเขาจะทำงานเป็นหมอประจำที่นี่มาหลายปี พอจะทราบถึงความห่วงใยของชนชั้นสูงผุ้เคยชินกับการ"ต้องๆได้" และ"เดี๋ยวนี้" ว่าเป็นเช่นไร ว่าหากเกิดบาดแผลหรือมีใครบากเจ็บก็จะห่วงมากมายเสียจนต้องมีพวกเขาเฝ้าดูตลอดเวลา แต่ทว่า กับแผลแบบนี้..

     " เอ่อ...ถ้างั้นกระหม่อมขออนุญาติให้น้ำเกลือ และฉีดยาฆ่าเชื้อ"

     " แล้วมีอย่างอื่นอีกไหม? " อัลชาอ์ขมวดคิ้วน้อยๆ คล้ายกับว่าไม่คิดว่าการให้ยาไม่กี่อย่างจะทำให้แผลหาย

     " ...ในเมื่อทำการรักษาเบื้องต้นแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องจัดการมากนักพะยะคะ " คำตอบนั้นทำให้คนฟังขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นขึ้นอีก จนหมอหนุ่มอดใจหายวาบไม่ได้

     "...แล้วถ้าเขาเพ้อ...มีไข้....."

     " เรื่องนั้นคงต้องรอดูอาการครับ..."คำตอบไม่ได้ให้ความกระจ่างโล่งใจอะไรมากกว่าที่เป็น แต่ทว่าอัลชาอ์ก็รู้ดีว่าจะเอาใจมากไปไม่ได้ ชีคหนุ่มจึงพยักหน้ารับอย่างจำยอม มองดูผู้ช่วยที่นำอุปกรณ์ต่างๆตามที่ได้รับคำสั่งมามอบให้ พยาบาลสาวแขวนกระปุกน้ำเกลือเข้ากับเสาโลหะที่ตั้งอยู่ปลายเตียง ขณะที่นายแพทย์หนุ่มนายนั้นก็จัดการวัดอุณหภูมิร่างกาย และฉีดยาแก้อักเสบเข้าที่ต้นแขนขาวอย่างรวดเร็ว..

     ร่างของหมอและพยาบาลขอตัวออกไปเงียบๆ แต่อัลชาอ์ไม่ได้นึกเบาใจขึ้นมาเท่าไหร่ ชีคหนุ่มมองใบหน้ายามนิทราของคนที่ตัวเองห่วงใยนักหนาอย่างครุ่นคิด ก่อนจะถอนหายใจเบาๆแล้วทิ้งตัวลงข้างกายคนป่วย โอบประคองร่างที่หลับสนิทมาแนบอก ขณะที่ฝ่ามือขาวจัดก็คว้าชายเสื้อหมับแล้วซุกใบหน้าเข้าหาอย่างลืมตัว..

.............................

     อากาศในยามค่ำคืนในทะเลทรายนั้นเย็นยะเยียบจับจิต อุณหภูมิที่ต่ำลงกะทันหันนั้นอาจจะทำให้คนที่ไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศล้มป่วยเอาได้ง่ายๆ แล้วนับประสาอะไรกับคนต่างถิ่นและกำลังป่วยอย่างคาวัลโลเล่า...

อาการ"เพ้อ"และมีไข้นั้นยังว่าน้อยไปสำหรับตอนนี้ อย่างน้อยอัลชาอ์คิดว่าคาวัลโลนอนหลับและเพ้อไปเสีย ยังจะดีกว่าตื่นขึ้นมามีสติ โดยที่ต้องอดทนกับความเจ็บปวดจากพิษไข้ที่แล่นเข้ารุมเร้า..

    นัยน์ตาสีน้ำทะเลปรือลงต่ำ ริมฝีปากร้อนผ่าวและแห้งผากด้วยพิษไข้นั้นพ่นลมหายใจร้อนๆออกมาไม่ขาดสาย สีหน้าซีดเผือกของคนป่วยที่บัดนี้หน้านิ่วคิ้วขมวดยกปลายนิ้วกดขมับตัวเองเป็นระยะๆนั้นชวนให้คนมองใจหายวาบ แม้หมอจะมาฉีดยาลดไข้และยาแก้ปวดไปแล้ว ทว่าเจ้าตัวก็ยังมีอาการกระส่ายกระสับนอนไม่หลับอย่างต่อเนื่อง...

      "...เจ็บตรงไหน ?" อัลชาอ์บีบไหล่ผอมเบาๆ พลางออกปากถามคนป่วยที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียง

      " ผม...ปวดหัว...ปวดตา เจ็บไปหมดทั้งตัวเลยให้ตาย... "คาวัลโลครางออกมาเบาๆ พลางขยี้เส้นผมตัวเองแรงๆอย่างลืมตัว ก่อนมาเฟียหนุ่มจะเงยหน้าขึ้นมองรอบๆห้อง พลันสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจทันควัน..

     " ที่นี่....."

     " จารเซ...." อัลชาอ์ตอบกลับสั้นๆ

     " เอ๋?...คุณกลับมาแล้วเหรอ ทางโน้นล่ะ? " คาวัลโลขมวดคิ้ว ออกปากถาม หากพลันก็ต้องหน้านิ่วขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมา

      " ไม่เป็นไร ผมตรวจการสร้างเขื่อนเสร็จแล้ว ความจริงจะกลับมาก่อน แต่ก็ติดพวกชาวบ้าน..." ชีคหนุ่มตอบก่อนจะถอนหายใจหนักๆ " กลับมาก่อน...ดีกว่าแท้ๆ "

       "..เรื่องนั้น...." คนฟังชะงัก สีหน้าของคาวัลโลพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที มาเฟียหนุ่มหรี่ตาลงช้าๆ มองฝ่ามือตนที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาวด้วยแววตาเครียดขึ้ง..

    อัลชาอ์วางฝ่มือลงกับหน้าผากชื้นเหงื่อ สัมผัสถึงอุณหภูมิที่เริ่มลดลงเพราะยาที่ให้ไป แต่สีหน้ายุ่งของคนป่วยก็ไม่ได้ทำให้ชีคหนุ่มวางใจได้ คาวัลโลนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียงอย่างไม่สงบมาเฟียหนุ่มจ้องมองแผลบนมือซ้ายที่สั่นระริกของตนด้วยแววตาเคืองโกรธ ริมฝีปากเม้มแน่น ราวกับจมอยู่ในห้วงคิดจนไม่อาจจะหลับได้ลง กระทั่งสัมผัสของฝ่ามือใหญ่บนหน้าผากก็ไม่อาจจะทำให้เจ้าตัวออกปากทักท้วงอะไรมาได้

    " คาวัลโล "อัลชาอ์ขมวดคิ้ว ชีคหนุ่มเอื้อมมือไปกุมไหล่ผอมทั้งสองข้างไว้แล้วบีบแน่น มองดูท่าทีของคนป่วยด้วยแววตาไม่สบายใจ

    ".........." ไม่มีคำตอบจากคนที่ถูกเรียก ซ้ำเจ้าตัวยังกัดฟันกรอด จ้องมองรอยบแผลบนฝ่ามือเขม็งผิดกับท่าทีอ่อนระโหยที่เกิดขึ้นก่อนจะหลับไปราวกับคนละคน

    " คาวัลโล.." อัลชาอ์กดเสียงเข้ม พร้อมกับออกแรงบีบไหล่เจ้าตัวแน่นขึ้น อีกด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

     " พวกมัน...." มาเฟียหนุ่มคำรามออกมาเบาๆ สีหน้าแค้นเคืองแสนสาหัส

     " พวกเขาหลบหนีออกไปจากเซเนียยาแล้ว..." อัลชาอ์บอกอีกฝ่ายสั้นๆ

     " แล้ว..? " สีหน้าของคาวัลโลฉายแววไม่พึงใจ เขาจ้องหน้าอัลชาอ์เขม็ง..

     "...พวกเขาหนีไปจากประเทศของผมแล้ว...ออกไปที่ประเทศอื่น ทหารของที่นั่นไม่อนุญาติให้คนของผมข้ามไป "

     " แค่นั้น....." คาวัลโลกัดฟันกรอด มองหน้าคนพูดเข็มง " แค่นั้น ! เพราะข้ามไม่ได้ แค่นั้นใช่ไหมคุณเลยยอมแพ้?  อ้อ....ใช่สิ คนเจ็บไม่ใช่คุณ โทษทีแล้วกันที่ผมเป็นตัวถ่วง!! "

      ชีคหนุ่มถึงกับนิ่งงันกับถ้อยคำที่แสบร้อนของคนพูด ความไม่พอใจตีตื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว...อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าที่ฉายแววเคืองโกรธนั้นอย่างผิดหวัง...หากไม่ห่วงใย หากไม่สนใจ หากคิดว่าเป็นตัวถ่วงจริงๆ...เขาจะช่วยเหลือ จะดูแลด้วยตนเอง จะร้อนอกร้อนใจขนาดนี้เชียวหรือ?

    จ้องสบมองแววตาที่มีเเต่เความเครียดขึง...ทั้งน่าโมโหและน่าเศร้าที่ทำอย่างไรความห่วงใยของเขาก็ไม่อาจจะแทรกเข้าไปในหัวใจของคนตรงหน้า ที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้คาวัลโล วาลกัส นึกรู้อะไรขึ้นมาบ้างแลยหรือ?....

        " โอ้ยยย นี่...." คาวัลโลร้องออกมาพลางหันขวับ มองเห็นแขนซ้ายที่ถูกแรงดึงให้เข้าไปประชิดร่างสูงอย่างรวดเร็ว เขาอ้าปากจะตวาดอย่างไม่พอใจหากเมื่อสบกับแววตาเอาเรื่องของคนทำเขาก็ต้องเงียบเสียง

          " ไม่ห่วงงั้นเหรอ คาวัลโล!! " อัลชาอ์กระชากเสียงถามเข้มๆ คนตรงหน้านี้ช่างไใม่เข้าใจอะไรเอาเสียเลย ทั้งที่เขาทั้งห่วงใยนักหนา  ทั้งที่คอยดูแลเฝ้าทะนุถนอม นี่เหรอผลตอบแทนของการทุ่มเทนั้น!!

         ..ทำไมถึงไม่เห็นเสียบ้างว่าคนอื่นรักและห่วงใยแค่ไหน แทนที่เจ้าตัวจะเอาเวลานี้มาพักผ่อนกลับมานั่งโกรธแค้นทั้งที่ร่างกายยังไม่ปกติอยู่แบบนี้มันดีแล้วหรือไง ? เขาที่ห่วงใยกลับต้องถูกด่าว่างั้นหรือ !!

        " พูดว่าตัวเองเป็นตัวถ่วง เป็นคนไม่สำคัญ ทำไมคุณชอบคิดว่าตัวเองไม่มีใครสนใจอยู่เรื่อย !! ผมไม่สนใจคุณใช่ไหม? คุณเป็นแค่ตัวเกะกะใช่ไหม!! แล้วผมจะไปตามหาคุณทำไม ผมจะคอยดูแลคุณอยุ่แบบนี้เพื่ออะไรกัน !! "

       " ผะ......" คาวัลโลสะดุ้งเฮือก มาเฟียหนุ่มเม้มปากแน่น เขาถึงกับตัวแข็งทื่อเมื่อสบมองแววตากราดเกรี้ยวและน้ำเสียงตวาดที่บ่งบอกความหงุดหงิดชัดเจนของอัลชาอ์...มันไม่เหมือนกับทุกครั้ง แววตาที่โกรธเกรี้ยวแต่แฝงความเสียใจและปวดร้าว เสียงตวาดลั่นอย่างโกรธเคืองแต่ความนัยน์นั้นกลับบ่งบอกถึงความห่วงใยอย่างปิดไม่มิด...

   .......ทำไมถึงชอบคิดว่าตัวเองไม่มีใครสนใจอยู่เรื่อย...

    คาวัลโลเม้มปากแน่น มาเฟียหนุ่มหรุบสายตาลงต่ำ กับคำพูดที่สะท้อนบางสิ่งในหัวใจออกมาชัดเจนเสียจนต้องเจ็บแปลบ

...และบางที ที่เป็นแบบนั้น อาจจะเพราะ...ความปวดร้าวในแววตาที่มองมาก็ได้...

       "..........."

       " แค้นนักเหรอ? คุณโกรธเกลียดพวกมันมากแค่ไหนทำไมผมจะไม่รู้ แต่มันใช่เวลาที่เหมาะสมรึไง ! พวกมันจะทำอะไรน่ะค่อยคุยกันพรุ่งนี้ ! ที่คุณควรทำคือนอนหลับพักผ่อน ไม่ใช่เอาเวลานอนมานั่งคิดแค้นโมโห หรือคิดว่าตัวเองจะไปเอาคืนได้ในสภาพแบบนี้ !! อัลชาอ์ขมวดคิ้ว ตวาดใส่เจ้าคนที่ทำตัวเหมือนเด็กแปดขวบอย่างหงุดหงิด ชีคหนุ่มหอบหายใจเร่า กับการระเบิดอารมณ์โกรธของตนเองที่ไม่เกิดขึ้นมานาน...แต่เพียงเพราะเรื่องนี้ เรื่องนี้เท่านั้นที่เขาทนไม่ได้ เรื่องของคาวัลโล วาลกัส เพียงคนนี้คนเดียว

... คนที่ตอนนี้นั่งนิ่ง ก้มหน้าต่ำลง ชวนให้ใจที่เร่าร้อนทุรนทุรายด้วยความโกรธเคืองปะปนกับความรวดร้าวในหัวใจค่อยสงบลง...

     แค่มองเห็นท่าทีเงื่องหงอยลงและท่าทีหวาดหวั่น...พายุในใจก็เริ่มสงบลง...หากปฎิเสธไม่ไเด้ว่ามันยังคงเจ็บแปลบ ราวกับมีปลายมีดกรีดลงไปอีกครั้ง..

       .....เจ็บปวดเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เพราะคำพูด เพราะท่าทางของคนๆนี้...

อัลชาอ์ถอนหายใจแรงๆ รู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นเหมือนคนโง่ที่ไร้สติเหลือเกิน โง่  โง่เสียจนเกินเยียวยา คนโง่ที่เฝ้ารัก เฝ้าหลงไหลคนที่ไม่เคยสนใจ....คนที่ทำเพื่อคนๆนั้นทุกอย่าง แต่อีกฝ่ายไม่เคยเห็นค่า จะถูกด่าว่าเฉยเมยแค่ไหนกลับยังคงทนมัน...และไม่เคยคิดจะโกรธเคืองอีกฝ่ายสักนิด...

 คนที่โง่ โง่เพราะความรัก...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [19] บ้าคลั่ง UP !! 25/1/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 03-02-2011 23:58:16
   ตุ๊บ...

      " ถึงผมไม่โดนเอง ผมก็"เจ็บ"พอๆกับคุณ หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ... อย่ามาพูดจาดูถูกน้ำใจกันอย่างนี้นะคาวัลโล นอนหลับตาไปซะ อย่าให้ผมต้องเรียกหมอมาฉีดยาสลบ... " ร่างเพรียวถูกดันให้เอนกายลงบนเตียงนุ่ม จากแรงกดทับของชีคหนุ่ม อัลชาอ์เอ่ยเสียงเรียบอย่างพยายามระงับอารมณ์ กับคนป่วยที่นั่งนิ่ง ชีคหนุ่มถอนหายใจแรงๆ และลุกขึ้นจากเตียงก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำเพื่อสงบอารมณ์ ทิ้งให้คาวัลโล วาลกัส คนป่วยหัวดื้อที่ถูกตวาดเสียจนต้องแน่นิ่งนอนตัวเเข็งทื่ออยุ่บนเตียงตามลำพัง...

ปัง !!!!

    ...เสียงปิดประตูห้องน้ำดังลั่นเสียจนต้องสะดุ้งโหยง บนเตียงนุ่มที่เคยอบอุ่นตอนนี้หนาวเหน็บ...คาวัลโลขบริมฝีปากตนเองด้วยปลายฟันเสียจนเจ็บแปลบ หากแต่คนป่วยยังไม่สนใจ ชายหนุ่มกำลังนิ่งอึ้งสีหน้าแปรเปลี่ยนจากความโกรธเกรี้ยวเป็นสีหน้าจืดเจื่อน...ซีดเซียว...

    เหลือบมองประตูห้องน้ำที่ปิดไปแล้ว นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองมันนิ่ง

คาวัลโลมีท่าทีอ้ำอึ้ง เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง...แต่ก็พูดไม่ออก...

...เขาเป็นคนผิดเอง

คาวัลโล วาลกัสคนนี้นี่แหละที่งี่เง่า ตัวเขาที่โกรธเคืองเจ้าสองคนนั้นเสียจนคิดอะไรไม่ออก พลั้งปากด่าว่าพูดจาทำร้ายจิตใจอัลชาอ์ไปอีกแล้ว..

ทั้งที่ไม่น่าจะทำอีก แต่ก็ยัง...เผลอพูด..ทำตัวงี่เง่า...

  ความโกรธบังตา ความไม่ได้ดั่งใจทำให้เขาอารมณ์เสียจนพูดจาแบบนั้น ทั้งๆที่ อัลชาอ์ช่วยเขาแท้ๆ..

ชายหนุ่มเป็นฝ่ายมาช่วยเหลือ ฝ่าดงกระสุนฝ่าอันตรายมาช่วยนักโทษที่ไม่มีความสำคัญอะไรอย่างคาวัลโล วาลกัส

จะปล่อยให้เขาถูกจับไป หรือปล่อยให้เขาตายไปเสียก็ยังได้ แต่ก็ยังดูแล ยังไปช่วยเหลือกลับมา ซ้ำยังนั่งเฝ้าห่วงใยเสียขนาดนี้...

แล้วนี่เขาทำอะไรลงไป....

     หัวใจพลันเจ็บแปลบด้วยความรู้สึกผิดท่วมท้น คาวัลโลรู้สึกว้าวุ่นเสียใจคิดอะไรไม่ออก...ปลายเท้าเหยียบลงบนพรมผืนหนาด้วยฝีเท้าที่สั่นไหวราวกับไม่แน่ใจตัวเอง คาวัลโลเม้มปากแน่นก้าวเท้าจากปลายเตียงไปยังประตูห้องน้ำที่ยังปิดสนิทด้วยสีหน้าร้อนรน...มาเฟียหนุ่มถึงแก่หน้าเสีย เขายกมือขึ้นคล้ายจะเคาะประตูห้องน้ำ แต่ก็ชะงักไปด้วยความไม่แน่ใจ

   ยกมือขึ้นๆลงๆอยู่แบบนั้นสี่ห้าครั้งก็ยังไม่กล้าจะทำอะไร คาวัลโลบีบมือแน่นด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ น่าขันที่คนแบบลุยเป็นลุย เผชิญหน้าก็ไม่กลัวแบบเขาจะมาลังเลหรือหวาดหวั่น กระทั่งตอนที่ถูกไล่ต้อน โดนราฟาเอลโร่เอาปืนจ่อหัวเขาก็ยังไม่หวั่นกลัวอะไร แต่นี่...มามือสั่นใจสั่นกับแค่การเคาะประตู้องน้ำเพื่อขอโทษผู้ชายคนหนึ่งงั้นเหรอ?

    ปวดขมับตึ้บๆไม่ยอมหาย แถมยังรู้สึกว่ามันดูจะบีบแรงขึ้นให้เจ็บขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำเพราะเรื่องแบบนี้ ประสาทตาที่พร่ามัวก็ชักจะลืมไม่ขึ้นทุกทีเพราะฤทธิ์ยา ร่างกายแบบนี้มันน่าขัดใจนัก คาวัลโลครางในลำคอขึ้นมาเบาๆ เขายกมือขึ้น อีกครั้งเพื่อจะเคาะประตูให้ได้ เพื่อที่จะออกปากขอโทษอัลชาอ์ด้วยสีหน้ามุ่งมั่น...

 แกร๊ก....

    แต่ประตูห้องน้ำที่เปิดออกพร้อมกับร่างสูงของชีคแห่งเซเนียยาก้าวออกมาเบื้องหน้าทำให้ต้องชะงัก อัลชาอ์จ้องมองคนป่วยที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาไม่เข้าใจ หากพลันสีหน้าที่เริ่มสงบนิ่งของชีคหนุ่มก็เคร่งเครียดขึ้นอีกครั้ง ฝ่ามือหนาตวัดเข้าหาคนที่ยืนทื่ออยู่ตรงประตู ออกแรงอุ้มร่างของมาเฟียหนุ่มมาอยู่ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว

    ตุ๊บ!

    "....ลุกออกไปทำไมกัน คาวัลโล ไม่ได้ฟังที่ฟังที่หมอบอกรึไงว่าป่วย ร่างกายอ่อนแอ ทำตัวเป็นคนเหล็กรึไงหา ถึงได้ทะเล่อไปยื่นอยู่ตรงนั้น นอน-ลง-เดี๋ยว-นี้ !! ไม่อย่างนั้น คราวนี้ผมจะเรียกหมอให้มาฉีดยาสลบคุณเอาให้หลับไปสักอาทิตย์นึงเลย !! " ร้องตวาดใส่เจ้าคนที่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยอย่างหัวเสีย อัลชาอ์ถอนหายใจแรงๆ เรื่องที่ทะเลาะกันว่ามันงี่เง่าแล้ว แต่การกระทำที่เดาหาที่มาไม่ได้ของคาวัลโลก็ชวนปวดหัวขึ้นอีกหลายเท่า ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าจะรั้นไปถึงไหน ทั้งที่ตัวเองก็ป่วยอยู่ มือก็เจ็บยังทำอะไรไม่ได้  ทำไมต้องมายืนบื้ออยู่ตรงหน้าห้องน้ำอีก หรือจะมาหาเรื่องอะไรกับเขาอีกกัน เรื่องจะเคืองโกรธคนพวกนั้นน่ะหรือเขาน่ะมันเเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทำไมต้องมานั่งโมโหให้สุขภาพจิตเสีย ทั้งที่ตัวเองป่วอยู่แบบนี้ด้วย ให้ตายสิ คนที่เคยฉลาดเจ้าเล่ห์คนนั้นหายไปไหนหมด หรือพอเลือดเข้าตาขึ้นมาก็กลายเป็นหมาบ้าไปเสียได้ ปากก็พร่ำว่าโกรธเคืองนักหนาแล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปแก้แค้นถ้ายังทำตัวบ้าๆแบบนี้อยู่น่ะ      

    "........" คาวัลโลหน้าเสีย คนป่วยถึงแก่จนคำพูดเมื่อโดนตวาดใส่ไปเสียอีกหนึ่งคำรบ มาเฟียหนุ่มลอบมองร่างสูงที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงไม่หันมามองเขาสักนิดก่อนจะมองเลยไปที่นาฬิกาซึ่งบอกเวลาตีสองเกือบตีสาม...

...ก็สมควรโกรธหรอก ต้องมาเฝ้าเขาไม่ได้หลับได้นอน ยังมาถูกงี่เง่าใส่..

   แต่ว่า....ที่เขาลุกขึ้นไปน่ะ จะไปขอโทษหรอก ทำไมต้องมาตวาดใส่แบบนี้กัน ฟังกันสักนิดก็ไม่มี

คนป่วยหน้านิ่วใส่แผ่นหลังของอัลชาอ์ที่นั่งห่างไปอีกฟากของเตียงอย่างหงุดหงิด ถึงจะรู้ตัวก็เถอะว่าป่วยอยู่ แต่ว่ามันก็...

    หมับ...

   ลมหายใจแรงพ่นออกมาจากจมูกโด่งสันราวกับระบายอารมณ์ ขณะที่ร่างสูงใหญ่ก็ทิ้งตัวลงมานอนข้างๆ และคว้าร่างของตนไปโอบกอดอย่างรวดเร็ว...คาวัลโลรู้สึกถึงลมหายใจที่รดรินอยู่ตรงกระหม่อม พร้อมกับอ้อมแขนที่โอบกอดร่างของเขาไว้แน่น กอดรัดราวกับว่ากลัวจะหายไปไหน..

    ขมวดคิ้วนิดๆกับการกระทำปุบปับนั่น ลมหายใจแรงๆที่สัมผัสได้บ่งบองว่าคนกอดคงยังระงับอารมณ์เคืองไม่ได้เท่าไหร่

     เหลือบมองใบหน้าคมที่ฉายแววเหน็ดเนื่อยแล้วความรู้สึกผิดก็แทงใจวูบ เพราะความโกรธและไม่พอใจ เขาเป็นฝ่ายพูดพล่ามไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจว่าคนๆนั้นจะรู้สึกเช่นใด .. พูดมาได้ว่าเขาไม่ใช่คนสำคัญ แต่ที่อีกฝ่ายมาตามหา ลำบากมากมาย กระทั่งนอนเฝ้าไข้คนป่วยอย่างเขาและดูแลจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนก็ยังจะเรียกว่าไม่ห่วงอยุ่อีกหรือ...อย่างที่อัลชาอ์พูดนั่นแหละ ว่าอาจจะห่วงกว่าเขาด้วยซ้ำ...

  ..ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอัลชาอ์รักเขามากแค่ไหน

แล้วยังจะพูดจาแบบนั้น...

     คาวัลโลเม้มปากแน่นสูดหายใจลึก ...

     " ขอโทษ" ฝ่ามือขาวจัดกำเสื้อคลุมผืนบางตรงช่วงอกแน่น พลางเอ่ยปากออกมาเเผ่วเบา ทำให้อัลชาอ์ชะงัก..

     " ..........."ชีคหนุ่มขมวดคิ้ว กับคำพูดของเจ้าตัว แต่ก็ยังไม่มีคำพูดอะไรตอบรับ ยิ่งทำให้คนมองยิ่งใจเสีย...

     " ผมขอโทษ..ผมมันงี่เง่าเอง ขอโทษนะ ..ผม...." นัยน์ตาสีน้ำทะเลเงยขึ้นมาสบมอง ไม่รู้ว่าเพราะพิษไข้หรือเพราะอะไรกันแน่ แก้มขาวๆนั้นจึงขึ้นสีก่ำ กระทั่งแววตาที่มองมายังดูขัดเขิน และเว้าวอนอยู่ในที

...แล้วแบบนี้ ใครจะยังโกรธลง..

     "..ช่างเถอะ..." อัลชาอ์ตอบรับเบาๆ พลางพ่นลมหายใจลงช้าๆ  สุดท้ายไม่ว่ายังไงก็โกรธคนตรงหน้านานๆไม่ได้เสียทีความโกรธที่เคยมีเหมือนปลิวหายไปกับสายลมเมื่อได้ฟังคำขอโทษ ที่แม้ไม่หวานหู แต่ก็มาจากใจจริง..เพียงแค่นั้นเอง

     " คุณเจ็บอยู่...เพราะคนพวกนั้น ผิดเองที่ผมปกป้องคุณไม่ได้ ทำคุณเจ็บแล้วยังทำอะไรคนพวกนั้นไม่ได้ สมควรที่คุณจะโกรธ เพราะไร้ความสามารถ..."

     " ไม่ใช่...คือผม...." คาวัลโลหน้าเสียกับคำพูดกล่าวโทษตัวเองนั้น ทั้งที่เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเขา คนที่มาหาเรื่องก็เพราะโกรธเกลียดเขา ไม่ได้เกี่ยวกับอัลชาอ์ ไม่ใช่เลย..

 เขาเสียอีกที่ผิด ลากอัลชาอ์มาเกี่ยวข้องกับเรื่องวิวาทของตน ซ้ำยังมาทำไม่พอใจที่ทำอะไรคนพวกนั้นไม่ได้.. ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวกับอัลชาอ์สักนิด

       " พอเถอะ " อัลชาอ์ถอนหายใจช้าๆ " ทำท่าจะหลับตาลงเสียเท่านั้น

        " อัลชาอ์..ไม่ใช่นะ ผม.....ผมผิดเอง ผมผิดเองที่พูดแบบนั้น...." คาวัลโลครางเสียงอ่อน ฝ่ามือกำชายเสื้อของชีคหนุ่มแน่นราวกับจะเว้าวอนขอความเห็นใจ

        " คาล...." อัลชาอ์ถอนหายใจช้าๆ คว้ามือเรียวที่กุมชายเสื้อไว้แล้วบีบหนักๆ "พักผ่อนซะเถอะ.."

       " คุณยังไม่ยกโทษให้ผม..." มาเฟียหนุ่มสบมองนัยน์ตาสีเข้มพลางออกปาก

       " ผมยกโทษให้คุณแล้ว...โอเคไหม? "อัลชาอ์หรี่ตาลงพลางออกปาก เพราะรู้สึกถึงผิวกายแนบชิดและลมหายใจของคาวัลโลที่ชัดทำให้เขาเตลิดมากขึ้นทุกที..

     " เรื่องเมื่อวานด้วย ผมขอโทษ....ขอโทษที่พูดไม่ดี..." คาวัลโลเม้มปากแน่น ลมหายใจผ่าวร้อนด้วยพิษไข้ริรดลงบนแผ่นอกหนาจนร่างสูงถึงกับสะท้าน แต่คนพูดไม่ได้รับรุ้อะไรเอาเสียเลย เขาไพล่คิดไปว่าที่อัลชาอ์ขยับหนี ก็เพราะโกรธกับคำพุดงี่เง่าพฤติกกรรมระรานและคำพูดที่ทำร้ายจิตใจนั่น

      " ผมขอโทษ...ผมไม่ได้ตั้งใจ..." ปลายฟันขบลงไปอย่างลังเล คาวัลโลไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยอ้อนวอนใครสักคน และยิ่งเพราะทำผิดด้วยแล้วยิ่งไม่มีใหญ่ อย่างมากเขาก็เอ่ยปากขอโทษไปส่งๆและชดใช้ให้คนๆนั้นแต่ว่า...กับอัลชาอ์แล้วยอมรับว่าตอนนี้เขานึกกลัวขึ้นมา ว่าถ้าอัลชาอ์ไม่ยกโทษให้...จะเป็นยังไง

อดจะกลัวไม่ได้ เพราะเขาจำได้ดีถึงอาการใจหายวาบเมื่อคิดว่าต้องถูกพาตัวไปจากที่นี่จริง

ตอนนั้นไม่ใช่ แค่กลัวว่าชีวิตจะตกอยู่ในเงื้อมือของราฟาเอลโร่และฟิลิเป้ แต่เขาจำได้ดีว่าตัวเองยังกลัว.. กลัวว่าจะไม่ได้เจออัลชาอ์อีกด้วย

เพราะอย่างนั้น....ตอนนี้ ถ้าอัลชาอ์ยังไม่หายโกรธเรื่องนั้นแล้ว จะทำอย่างไรล่ะ...เขาจะต้องทำอะไร ยังไงถึงจะหายโมโหกันแน่..

     "..อัลชาอ์ ผม..........อือ......" ครวัลโลเงยหน้าขึ้น หวังว่าจะออกปากขอโทษให้อีกฝ่ายใจอ่อนอีกสักนิด แต่ทว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นกลับแนบชิด พร้อมกับริมฝีปากหนาที่ทาบลงมาบนริมฝีปากแห้งผากและร้อนผ่าวด้วยพิษไข้ของตน..

        คาวัลโลสบมองนัยน์ตาสีเข้มที่ทอดตรงมา...น่าแปลก...เพราะทุกครั้งที่อีกฝ่ายบังคับจูบ อย่างมากเขาก็แค่ยอมให้ทำตามใจ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น แต่ทว่าตอนนี้ เขากลับเป็นฝ่ายสอดปลายลิ้นเข้าหา และยอมให้ปลายลิ้นของอีกฝ่ายสอดลึกเข้าคอลเคลียกระชากลมหายใจอย่างไม่ขัดขืน ซ้ำยังให้ความร่วมมือดีเสียอย่างนั้น..

   ..นั่นใช้แทนคำขอโทษได้รึเปล่า?

     คาวัลโลปรือนัยน์ตาลงต่ำ เอื้อมมือไปวางลงบนบ่าของชีคหนุ่มอย่างเผลอไผล ท่ามกลางลมหายใจร้อนผ่าวและอากาศหายใจที่ถูกช่วงชิงจนสมองเบลอพร่าเขาพยายามคิดว่านี่คือวิธีลงโทษของอัลชาอ์กับคนงี่เง่าและดื้อด้านอย่างตนเองใช่ไหม..และเมื่อลงโทษแล้ว อีกฝ่ายจะหายโกรธใช่หรือเปล่า?

    เปล่งเสียงครางเครืออกมาเบาๆเมื่อถูกริมฝีปากที่เชี่ยวชาญและปลายลิ้นอันเก่งกาจนั้นรุกไล่เสียจนมือไม้อ่อนเปลี้ย สติสัมปะชัญญะเริ่มเลือนรางไม่รู้ว่าเพราะยาหรือว่าจูบที่แสนหวานชวนมึนเมานี้กันแน่ แต่ก่อนสติจะเลือนหาย คาวัลโลก็อดจะยอมรับไม่ได้ว่า ถ้าลงโทษแบบนี้แล้วอัลชาอ์จะหายโกรธล่ะก็....อยากทำตอนไหน มากเท่าไหร่ก็ไม่ว่าหรอก...

     เสียงลมหายใจขาดห้วงและสั่นไหวดังประสานกับลมหายใจที่แรงขึ้นอย่างลืมตัวของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยา ขณะที่ร่างของคนป่วยซึ่งอยู่ในสภาพมึนเบลอปนง่วงงุนหลับตาพริ้มและซุกอยุ่กับอ้อมแขนหนา ริมฝีปากของเจ้าตัวแดงก่ำจากฤทธิ์จูบ ขณะที่คนเริ่มนั้นกลับต้องเป็นฝ่ายยังยั้งความต้องการของตัวเอง

   อัลชาอ์เขม้นมองเจ้าคนป่วยตัวดีที่หลับไปแล้วอย่างอ่อนอกอ่อนใจ จะอย่างไรก็รับไม่ไหวเสียจริงๆกับคนๆนี้ บางครั้งก็แข็งกร้าวไม่สนใจใคร ออกปากทำร้ายจิตใจเสียจนอยากจะตัดใจหนีห่างไปนับร้อยหน แต่บางครั้งกลับออดอ้อน เว้าวอนขอความเห็นใจเสียจนน่ารักนักหนา เปลี่ยนไปมาราวกับว่ามีเป็นสิบบุคลิก...จะรุกเร้ามากไปก็ไม่ได้ แต่ทว่าจะผละจากออกไปก็ไม่เป็นผล

    ชีคหนุ่มยกมือเกลี่ยผิวแก้มขาวเนียนเบาๆอย่างครุ่นคิด ส่วนคนถูกแกล้งก็ส่งเสียงครางพ้อออกมาเบาๆ พลางขยับตัวซุกอ้อมกอดของเขามากขึ้นราวกับลูกแมวไซ้หาไออุ่นจากตัวคน..

     อัลชาอ์คำรามเสียงต่ำในลำคอด้วยสีหน้ายากจะบรรยาย ถ้าคาวัลโลจะร้ายกาจไปตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นไอ้ตัวไฮยีน่าที่ไม่เหลือเศษเสี้ยวความน่ารักหรือน่าหลงไหลอะไรพวกนี้ไว้ล่ะก็ เขาคงตัดใจได้นานแล้ว...

  แต่กับเจ้าแมวน้อยที่เจ็บตัวอยู่แถมยังนอนซุกอยู่ตรงอกด้วยท่าทีออดอ้อนจนชวนใจอ่อนแบบนี้ จะให้ใจแข็งไม่รักได้ยังไงไหว...

    "...แล้วแบบนี้ จะไม่ไห้ผมหลงรักคุณได้ยังไง " ชีคหนุ่มพึมพัมเบาๆกับร่างที่นอนหลับตาพริ้มซุกอยุ่กับแผ่นอกของตน พลางถอนหายใจเฮือก ฝ่ามือหนาตวัดเอาผ้าห่มที่กองอยุ่บนปลายเตียงขึ้นมาคลุมร่างตัวเองและคาวัลโลไว้ สอดไล้ลูบเส้นผมสีอ่อน ก่อนจะประทับจูบราตรีสวัสดิ์ตรงหน้าผากเพียงแผ่วเบา..

   อ้อมกอดอุ่นตวัดโอบร่างเพรียวแนบอก ก่อนนัยน์ตาของชีคหนุ่มจะปิดลงช้าๆ...และลมหายใจค่อยแผ่วเบาสม่ำเสมอ เข้าสู่นิทราไปอย่างรวดเร็วด้วยไร้กังวลและยังอิ่มใจยิ่งนัก โดยไม่ได้รับรู้ถึงลมหายใจที่สะดุดไหวและผิวแก้มขาวๆที่แดงจัดอย่างรวดเร็วของชายหนุ่มในอ้อมแขนสักนิด..

    คาวัลโลปรือตาขึ้นมาอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำทะเลเหลือบขึ้นจ้องมองใบหน้าคมเข้มของชีคหนุ่มผู้เป็นเจ้าของอ้อมกอดอุ่น...ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันช้าๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจแตะริมฝีปากลงบนปลายคางสากระคายเบาๆ

     " ราตรีสวัสดิ์ครับ..." เสียงกระซิบนั้นเเสนแผ่วเบา แต่สำหรับอัลชาอ์แล้วคงได้ยินชัด เพราะไม่อย่างนั้นชีคหนุ่มคงไม่ยิ้มออกมาและออกแรงกระชับอ้อมแขนให้แนบแน่นขึ้นเข้าไปอีก... ส่วนมาเฟียหนุ่มผู้ถูกหลอกเข้าจังๆก็ถลึงตาพรืดผิวแก้มแดงจัดขึ้นทันที เขาแอบจิกเล็บสั้นๆของตัวเองลงบนแผ่นอกหนาสองสามทีเป็นการลงโทษ เสียแต่คนถูกปองร้ายก็ไม่สะดุ้งสะเทือน จนต้องหลับตาลงไปพร้อมกับแก้มขาวๆที่แดงจัดและรอยยิ้มเหมือนคนบ้าที่ประทับบนริมฝีปาก

     แสงจันทร์นวลลอดผ่านหน้าต่างกรุกระจกหนาเข้ามาในห้องอย่างอ่อนโยน เผยให้เห็นภาพของชายหนุ่มสองคนนอนอิงแอบกันด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขชวนให้อิ่มใจนัก..

....และมันเป็นสิ่งที่ใครคนหนึ่งในนี้ต้องการให้เป็นอยู่ตลอดไป จะเหลือก็แต่ชายหนุ่มอีกคน ว่าจะยอมให้มันเกิดขึ้นหรือไม่..ก็เท่านั้น...

........
...........
สวัสดีค่ะ :L2:
  ตอนนี้ตั้งใจจะซัดให้หวานเลี่ยนจุกตายกันไปข้าง ตอบแทนฉากเลือดสาดของคาวี่ตอนที่แล้ว เรื่องบู้ระห่ำแผนการ์ณหนักหัวอะไรวางไว้ก่อน มาหวานกันดีกว่า หุหุหุ
ตอนที่แล้ว แปล๊ก แปลก มีคนชอบคาวี่เลือดสาดดดด ฮุๆ เห็นหนุ่มๆอ่อนระทวยแล้วมันเลือดเอสเอ็มพลุ่งพล่านสินะ คุคุคุ เข้าใจค่ะ เรามันสปีชี่เดียวกัน ฮ่า...
ตอนนี้คาวี่น่าถีบนิดๆ(อาจจะไม่นิดสำหรับบางคน) แต่น้องมันก็อ้อนขอโทษแล้วนะ เพราะงั้นยกโทษให้เถอะเ เเหะๆ
--สำหรับคนเขียนช่วงนี้คอมพ์เจ๊งบ่อยมาก เซ็งมันจริงๆค่ะ แง่งงงง
ปล. แบดกายยังไม่มีกำหนดอัพ ช่วงนี้ใกล้สอบ อาจจะต้องงดนิยายทั้งสองเรื่องไว้ก่อน
ปล.  :mc4: จุดพลุฉลองตรุษจีนค่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 04-02-2011 00:06:01
อ่านแล้วแทบสำลักความหวานจริงๆค่ะ
ตอนนี้ ท่านชีคเรา ออกตัวแรงแล้ววว
เมื่อไหร่มาเฟียหนุ่มเราจะใจอ่อนคะเนี่ย  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 04-02-2011 00:22:06
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

หวานนค่ะหวาน

สมแล้วกับที่รอมาเนิ่นนาน

เขิลแทนค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: lolilo ที่ 04-02-2011 00:28:14
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
นู๋อยากให้เค้าหวานกันมากขึ้นเรื่อยๆ TT"
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 04-02-2011 00:34:51
หวานมากค่ะ  :-[ :-[    คาวี่หนูป่วยแล้วเปลี่ยนไปนะ  แบบนี้นะดีแล้ว ทำตามที่หัวใจตัวเองซะบ้าง  :L2: :L2: :L2:
ถ้าหายแล้ว จะกลับไปเป็นแบบเดิมอีกมั้ยน้า   :serius2: :serius2:
 :impress2: เป็นไรมั้ยถ้าจะบอกว่า อย่าเพิ่งให้คาวี่มันหายเลย ให้มันป่วยไปอีกซักสิบตอน แบบนี้...ชอบบบบบ
 :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: chompoonut139 ที่ 04-02-2011 00:37:22
โอ้ยๆๆๆๆๆๆ           :กอด1: :กอด1:


มดกัดไปหมดทั้งตัวแล้ว


จะหวานอะไรกันขนาดนั้น        :L2: :L2: :L2: :L2:



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 04-02-2011 00:37:44
คิดถูกจริงๆที่ยังไม่ปิดคอม ฮ่าๆๆๆ
อัพแล้วๆๆ ตอนนี้คาวัลโลน่ารักมากกกกกกกกกกก  :-[
ถึงจะน่าถีบตอนแรกๆก้เถอะ   :jul3:
อัลชาร์นี่ยิ่งแล้วใหญ่ น่ารักกว่าคาวัลโลเยอะ  :laugh: พี่แกซื่อตรงต่อความรู้สึกสุดๆ o13
อยากให้อัพเวลความหวานขึ้นเรื่อยๆๆ จนคาวัลโลอ่อนเปนขี้ผึ้งเรยเชียว
อยากจะเห็นซะจริงๆ ซึ่งดูจากตอนนี้แล้วก้หวังว่าคงอีกไม่นาน  :laugh:
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 04-02-2011 01:17:38
หวานที่สุดเลยอ่ะ
 :-[ :-[ :-[
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 04-02-2011 02:09:57
มดขึ้นเต็มจอเลย
ชอบมากๆ
ชีคสุภาพบุรุษสุดๆ
กด+ให้จ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 04-02-2011 04:11:48
หวานค่ะหวาน คาวี่อ้อนขอโทษได้น่ารักมาก :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 04-02-2011 04:30:36
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
โคตร ๆๆๆ นารักอ่ะ หวานกำลังดี
ลงโทษแบบนี้..แล้วหายโกรธ เท่าไหร่ก้ไม่ว่ากัน อ๊ากกกก>>>จูบ ๆๆๆ 555
โอเค พอทำใจได้อยู่นะ รอได้ ๆ สอบเสร็จแล้วมาต่อด่วนเลยนะฮะ^^ ฮ่า ๆ[สั่ง]
ขอบคุณครับบบบ...สนุกมาก ไปอ่านอิกรอบ หุหุ~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 04-02-2011 05:39:17
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ สนุกมากๆ เลยค่ะ คาลก็กวนโอ้ย ทั้งน่ารัก น่าหลงและน่าทีบ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ส่วนอัลชาร์นี่ก็ลักษณะชายในฝันจริงๆ ทั้งรัก รักหลงตามใจสารพัด ถึงแรกๆ พี่แกจะยังสงวนท่าทีอยู่ก็เถอะ

มาตอนล่าสุดก็หวานปนกวนเหมาะกับทั้งคู่จริงๆ :laugh: :laugh: :laugh:

แล้วจะรอตอนต่อไปนะคะ  :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 04-02-2011 08:17:16
ท่านชีคคะ  :o8: ถูกว่าจนงอลไปหลายตลบแต่ก็ยังใจดีกลับมาโอ๋คาวี่เหมือนเดิม น่ารักอ๊าาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 04-02-2011 08:29:28
ท่านชีคพอจะมีความหวังแล้วใช่ใหมเนี่ย ดีใจจริง ๆ

+1
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 04-02-2011 09:41:34
อุ กรี๊ด อิ๊ง อร๊างงง น่ารักอะ น่ารักมากเลย ชอบคาวี่ ชอบท่านชีค คุคุคุ อารมณ์ต่างกันอย่างเเรงราวฟ้ากับเหวเลย ตอนนี้กับตอนที่เเล้ว รักคาวี่มากมาย ยิ่งตอนที่บอกว่าถ้าจูบคือการลงโทษจะยอมให้ทำเท่าไหร่ก็ได้ โอ้ๆๆๆ เลือดจินจะพุ่ง กร๊ากกกกก


ปล.ซินเจี่ย ยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ อั่งเปาตั่วๆไก๊ นะคะ ตั้งใจสอบนะ +1 โฮะ โฮะ โฮะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 04-02-2011 09:46:08
คาวี่ ออดอ้อนได้ใจมากเลย
แต่คำพูดเนี่ย ทำร้ายชีคได้เหมือนเดิม
ดีนะที่มาอ้อนขอโทษ น่ารักมาก ให้อภัยๆ
ตอนนี้หวานดีจัง ชอบอ่ะ ^_^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 04-02-2011 10:38:45
หวานจุกอกมากกกกกกกกกกกกกกกกกก อยากให้หวานกันตลอดๆๆเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 04-02-2011 10:43:41
บทจะหวานก็หวานกันไม่เกรงใจเลย...น้ำตาลพุ่ง มดไต่ยั้วเยี้ย  :-[
คาลทำตัวน่ารักก็เป็น...ขอบ่อย ๆ ให้ชื่นใจอัลชาเขาหน่อย เดี๋ยวเกิดตัดใจขึ้นมาจริง ๆ มันเดือนร้อนหลายคน  :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 04-02-2011 11:02:16
ทั้งรัก ทั้งหมั่นไส้ คาวี่ จริงๆ
เมื่อไหร่ จะถึงตอนให้ อัล เอาคืนบ้าง เนาะ....
จัดให้หนักๆ เร้ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 04-02-2011 11:22:47
ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะหวานกันได้

คาวี่น่ารักนะตอนนี้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 04-02-2011 11:42:19
โอ้ยตายแล้วๆๆๆๆ


หวานมากเลยอ่ะ


คาวัลโลน่ารักจังอ่ะ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 04-02-2011 11:53:12
ในที่สุด คาล ก็เริ่มเปิดใจแล้ว
เหลือแค่จะยอมรับใจตัวเองได้เมื่อไหร่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: april_o_ ที่ 04-02-2011 12:45:00
 :o8: :o8: :-[ :-[ 
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย  หวานรับเทศกาลแห่งความรักจริงๆ

คาวี่น่ารักมีอ้อนด้วยให้ควารู้สึกเหมือนเด็กน่ากอดน่าทะนุถนอมที่สุด

เอาใจช่วยท่านชีคอย่ามีเรื่องให้เจ็บปวดอีก :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: llPETCHll ที่ 04-02-2011 13:14:04
ชอบบบบ -..-

น้องคาวี่ น่ารักขึ้นทุกวันเลยค่าาา > <


มาต่อเร็ววววววๆ ๆๆน๊าาาคร๊าบบ >//<
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: ammer ที่ 04-02-2011 18:39:16
บทจะหวานก็หวานซ้าาา :impress2:
แต่ยังไงก็ยังสงสารท่านชีคอยู่ดีอ่ะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: luckyzaaa ที่ 04-02-2011 19:08:31
คาวี่เอ้ย อ้อนเก่งอย่างเนี้ย แล้วท่านชีคจะไปไหนพ้นล่ะลูก

น่ารักมาก หวานมาก  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 04-02-2011 19:25:16
โฮ้ว พระเจ้า เหมือนหลุดไปอ่านนิยายอีกเรื่อง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ปกติมันเคยหวานขนาดนี้ที่ไหน เอาโมเม้นหวานๆตั้งแต่ตอนแรกรวมกันมาถึงตอนล่าสุดก่อนหน้านี้ยังได้ไม่ถึงครึ่งของตอนนี้เลย
หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แหม้ คาวี่ปกติทำตัวเหมือนแมวเวลาขู่ศัตรู ฟ่อดๆ
มาตอนนี้เป็นแมวโหมดใหม่ อ้อนขนาดนี้
อัลชาร์คงตัดใจไม่ลงจริงๆนั่นหล่ะ
อ่านแล้วเขินเลยยยยยยยยยยยย ขอแบบนี้อีกหลายๆตอนนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 04-02-2011 19:42:56
คาวัลโล่(โคตร)น่ารักเลยอะชอบมากๆ ฉลองต้อนรับวาเลนไทน์รึเปล่าเอ่ย อิอิ ตอนนี้จุใจกับคู่ซีคแบบเต็มพิกัดไม่มีใครมาคั่นเลย....เป็นปลื้ม (^-^)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: janaj ที่ 04-02-2011 19:51:20
อ๊อก

บุ๋งๆ

ชะ..ช่วย...ด้วย

จะจมน้ำเชื่อมตายแล้ว

หวานได้อีกตอนนี้^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 04-02-2011 20:56:37
แหม... ตอนนี้หวานเอาใจท่านชีคจริงๆ :o8:
นู๋คาวี่โหมดลูกแมว น่ารักก้อไปอีกแบบ :m1:
รอตอนหน้าค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 04-02-2011 21:10:44
ชอบแบบนี้อะ อยากได้อีกจังหนูคาวี่อ้อนแบบนี้เนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 04-02-2011 22:23:02
เริ่มมีแวว ที่คาลกะลังหวั่นไหว
อัลชาเริ่มมีหวังแล้วนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 04-02-2011 22:41:34
หวานโคตรๆๆ
ตอนนี้น่ารักมากค่ะ ทั้งคาวี่และท่านชีค
คาวี่อ้อนน่ารักมากกก เหมือนน้องเหมียวเลยอ่ะ  :-[
แล้วแบบ ยินยอมให้ท่านชีคลวนลามอีกต่างหากนะ ฮุฮุ ชอบจัง  :o8:
ถ้ารักกันแล้วจะเป็นแบบนี้ก็ขอให้รักกันไปนานๆเถอะค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดี  :impress2:
สงสัยว่าคาวี่ก็คงเริ่มจะหวั่นไหวกับท่านชีคแ้ล้วล่ะ ใกล้ความจริงแล้วว!  o13

รอตอนต่อไปนะคะ ชอบเรื่องนี้มากๆเลยอ่ะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 04-02-2011 22:56:48
หวานเลยที่เดียว 555+

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 04-02-2011 23:31:59
หวาน น้ำตาลยังอาย ~

ฮ่าๆ ตอนนหน้า ขอโหดกระชากหวานได้มั๊ย

จัดหนักๆ เลือดสาดเลยยิ่งดี 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 05-02-2011 00:02:33
ขอหวานๆ แบบนี้อีกซัก 2-3 ตอนนะจ๊ะ  :call:

เป็นกำลังใจให้กับความขมที่จะตามมา (รึเปล่า)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 05-02-2011 00:30:02
อ๊ายยยยย
มดไต่จอคอมเต็มไปหมดแล้วววว

แต่คาวี่จ้ะ ถ้าไม่คิดจะตอบรับรักเค้า
ก็อย่าไปให้ความหวังมานักสิ
รู้ว่าอยากขอโทษ แต่แบบนี้อัลชาอ์จะยิ่งเจ็บนะ ถ้าคาวี่ปฏิเสธอีก
เอ๊ะ หรือหลงรักเขาเข้าให้แล้วล่าา 5555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 05-02-2011 01:21:45
หวานมากอ่ะ... :o8:
รอแค่ว่าเมื่อไหร่คาวี่มันจะยอมรับใจตัวเอง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 05-02-2011 11:36:37
กิ๊ดดดดดดดดดดดดดดด หนูคาวี่ อร๊ายยยยยย น่ารักง่ะ :man1:

อ้อนแบบนี้บ่อยๆ ท่านชีัคหลงตายเลย


โคดดดดหวานเหอะตอนนี้ อยากอ่านแบบนี้อีกเยอะ ชอบคาวี่โหมดนี้จริงอะไรจริง  :m3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 05-02-2011 12:26:49
กรี๊ดๆๆ......คาวี่น่าฟัดอ่ะ วุ้ย อิจฉาอัลชาร์ชะมัด :m25:
เริ่มรักเค้าแล้วล่ะซี้...ก็นะ ผู้ชายหล่อโฮกขนาดนั้นมาหลงรักหัวปักหัวปำ มันต้องมีรู้สึกบ้างอะไรบ้าง เนาะ เหอๆๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 05-02-2011 13:36:45
 :impress2:น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ขอหวานๆๆๆๆๆๆๆๆๆกว่านี้อีกกกกกกก o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: MoPPeT ที่ 05-02-2011 15:25:24
หวานมากกกกกกกก จนอยากให้เป็นแบบนี้อีกต่อไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: happiness_ja ที่ 06-02-2011 00:14:21
อ่านตอนนี้แล้ว น้ำตาลพุ่ง..หวานมากรับกับเดือนแห่งความรักจริงๆ

อยากให้ จบ แบบ happy  happy อ่ะ (.......................) ^ ^


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 07-02-2011 00:25:03
โอ๊ย มดกดเลย
หวานมากมาย :z2:

แล้วเมื่อไหร่ทั้งสองจะได้โป๊งชึ่งกันซ่ะทีเนี่ย :z1: (หมายถึงรักกันน่ะ อย่าคิดลึก)

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 07-02-2011 03:28:32



  กรี๊ดดดดดดด น่ารักง่ะ

  แล้วมาต่อเร็วๆนะคะ


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 07-02-2011 07:58:15
หวานอ่ะ พอให้ใจคนอ่านได้ชื้นกันมั่ง 55
อย่างน้อยท่านชีคก็มีความหวังล่ะงานนี้ เอาสิ
ว่าแต่อิสองคนนั่นใจร้ายมาก เดี๋ยวมันไม่ได้ตายดี
มาทำหัวใจของชีคคนเก่ง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 07-02-2011 15:04:35
ตอนนี้หวานบาดใจ โอ๊ยโอ๊ยยย ><
นับวันยิ่งหลงรักคู่นี้มากขึ้นทุกทีๆ โฮกกกก
เวลาตีกันก็เครียดตาม แต่เวลาหวานใส่กัน คนอ่านนอนตาย เอิ๊กกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 08-02-2011 22:51:27
โอ้ย โอ้ย


หวานไปไหนเนี่ย ให้ตาเถ๊อะ



มดยังบอกว่า  หวานเกินไม่เอา เลยยย ย ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 08-02-2011 23:00:40
มารอคอยน้องคาวี่คนดีของท่านชึค  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: moony ที่ 09-02-2011 01:00:21
น่ารักสุดๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 09-02-2011 19:22:55
รอด้วยคนคร๊าบบบบบบบ~ ^^
อยากอ่านต่อมากมายเลย!!!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: yakusa ที่ 09-02-2011 21:24:02
จัดเต็ม น้องคาวีหวานๆ เลยได้ไหม ชอบอะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 09-02-2011 23:09:44
 :oo1: :-[ :z3:  หวานนนนนนนนนน  น้ำตาลทะลักแล้วตอนนี้   
คาลกลายเปงไอ่แมวน้อยไปแล้ว  น่ารักกกกกก  :กอด1:  อัลชาห์เลยใจอ่อนอีกตามเคย :m20:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: lasnorches ที่ 10-02-2011 00:52:57
โอ๊ยยย อ่านแล้วร้องไห้ด้วย โฮกกก บีบคั้นน้ำตาา
สงสารคาวี่ ฮือๆๆๆ ตอนแรกๆอ่านแล้วน้ำตาคลอเลยอ้าก เจ็บปวดรวดร้าวที่สุด ฮืออ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: zombiepe ที่ 10-02-2011 02:07:28
อ่านตอนนี้แล้ว มีวูบนึงคิดว่าเข้ามาผิดเรื่อง 555
รึจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น..แม้ทรายยังหวานนะตัวเธอ...
ความเจ็บปวดของท่านอัลนั้นเรารับรู้แล้ว แหม อยากจะเอาหัวพุ่งทะลุจอเข้าไปซบอก
ตอนที่แล้วหลงฉากทรมานคาลจัง ตอนนี้หลงฉากอ้อนของคาลจังสุดตัว
แมวมาเฟียมีขายที่ไหน อยากได้มาลวนลามสักตัว โฮะๆๆ
ลางสังหรณ์อันเลือนลางบอกว่าคนแต่งนั้นคงไม่ให้หวานกันในตอนหน้าไงไม่รู้ 55
หวานกันต่อไปนะ
ปล. คิดถึงฮาซานเล็กๆ พ่อทาสผู้ซื่อสัตย์หายไป

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: TO.EYEz ที่ 10-02-2011 21:28:28
ตอนนี้หวานกันจนแทบลมจับ!
อะไรมันจะเปลี่ยนโหมดไวขนาดเน้! กรี๊ดดดดดด ด ฮ่าๆๆ
ตอนที่แล้วแบบบู๊ระห่ำ น้องคาวี่มาในโหมดอ่อนปวกเปียกจนอยากปล้ำ เหอๆๆ
ตอนปัจจุบันยิ่งแล้วใหญ่! .. ไหงน้องคาวี่กลายมาเป็นลูกแมวน้อยขี้อ้อนขนาดเน้.. ฮ่าๆ
จะว่ามันน่ารัก มันก็..อืมม น่ารักน่าปล้ำอยู่นะ แต่แอบน่าถีบนิดนุงด้วยอ่ะ =_=;;
มันชักจะแฮ่ดสะบัดเกินหน้าเกินตา(เรา)มากไปแระ กร๊ากกกกก ก
เราแฮ่ดได้คนเดียวเฟร้ย อุอุ..
แต่ก็แอบชอบนะคะ.. น้องคาวี่ตอนนี้โคตรปลุกใจเสือป่า(?)อัลชาอ์ของแท้ 55555
เป็นแมวน้อยที่น่าขย้ำ(?) ปู้ยี่ปู้ยำอารายแบบนี้อ่ะนะ ๕๕๕๕ (ยอมรับว่าหลงเหมือนกัน)

ชอบตอนบอกราตรีสวัสดิ์มากอ่ะค่ะ TvT
เป็นวิถีแฮ่ดที่มันแบบ.. ไม่น่าถีบนะเออ เป็นแ๋ฮ่ดแบบน่าร๊ากก แอ๊บแบ๊ววว ว..
ช๊อบชอบบ บ อิอัลชาอ์ก็ยิ้มแก้มแตก เออ.. อิสองคนนี้มันผลัดกันหวานแฮะ
น้องคาวี่ก็แบบ.. กรูหวานเอง เขินเอง =_=;; โดนตัวเอง (ไม่น่าเลยเอ็ง..)

Ps. ไรเตอร์คงจะสงสัยว่าแฮ่ดมันคือ..? อิรีดเดอร์คนนี้มันนั่งพล่ามอะไรของมันไม่รู้ ฟังบ่ออก =_=;;
แฮ่ดมันเป็นคำศัพท์ภาษาฝรั่งเศษบ้านเกิดรีดเดอร์นี่เอง โฮ๊ะๆๆๆ มันแปลว่าแรดจ่ะ TvT
(/โดน FC คาวี่ถีบ) ฮือออ อ  ถึงน้องจะแฮ่ดแต่ก็รักน๊า... TwT

เป็นกำลังใจให้ค่าไรเตอร์... มาต่อไวไวนะค๊า จะครบสัปดาห์แล้วเน้ออออ.. >*<
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 10-02-2011 22:52:27
เข้ามารอคาวี่ค่า  :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 10-02-2011 23:50:42
เข้ามาเล่นบอร์ทนี้ เพราะมาตามนิยายเรื่องนี้โดนเฉพาะเลยค่ะjavascript:void(0);javascript:void(0);
ทนรออ่านในเด็กดีไม่ไหว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 11-02-2011 17:48:06
เข้ามาทวงตอนต่อไปจ้า :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 12-02-2011 13:11:50
รออย่างใจจดจ่อกำลังต้องการความหวานอีกซะตอน...อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 12-02-2011 21:03:26
คืนนี้อัพค่า
(อาจจะหลังเที่ยงคืนมั้ง ถ้าทันก้อาจจะก่อนเที่ยงคืน )
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 12-02-2011 21:25:15
เข้ามารอค่า าา
><
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 12-02-2011 22:26:34
มาปูเสื่อรอจ๊า  :z2:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 12-02-2011 22:36:26
เตรียมตัวให้พร้อมมมม
...รอ ๆๆ ^^ (เป็นเอามาก..อยากอ่านที่สุดเรื่องนี้)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 13-02-2011 01:00:13
 :กอด1: ขอกอดคนเขียนหน่อนะ  :กอด1:


ให้ความรู้สึกหลากหลายอารมณ์มากอ่ะ


ทั้ง มันส์ ดิบ เถื่อน ความรักแบบพี่น้อง คาวมรักของชีค กะ มาเฟีย


สรุปว่า สนุกมาก ชอบมาก


ขอบคุณครับ  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 13-02-2011 01:47:41
Line  21 เอาคืน

    สิ่งที่คนป่วยควรทำคือการนั่งๆนอนๆพักผ่อนจนกว่าจะหายดี

ข้อนั้นเป็นสิ่งที่คาวัลโลรู้ และรู้ดีว่าจะคิดขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะอัลชาอ์กำชับไว้อย่างหนักแน่นว่าอย่าคิดจะดื้อรั้นทำตัวงี่เง่าถ้าไม่อยากถูก "ลงโทษ "แบบเมื่อคืนอีก...

แต่ว่า...แต่ว่านะ การเจ็บมือ มันเกี่ยวอะไรกับขา..

     นั่นเป็นสิ่งที่คาวัลโลข้องใจมากๆ ไอ้ข้อที่ว่าคนป่วยไม่สบายควรพักน่ะเขาไม่ขัด แต่ทำไมคนที่เจ็บมืออย่างเขา ต้องมานอนแบ่บอยู่บนเตียงด้วยความเชื่อแบบนั้นด้วย มีใครใช้มือเดินต่างเท้ารึไง หรืออัลชาอ์คิดว่าเขาเป็นคนประเภทที่ทำเรื่องแบบนั้นได้ ถึงได้บังคับให้อยู่บนเตียงตลอดเช้า ไม่ให้ออกไปทำอย่างอื่นเสียบ้าง ไม่อนุญาตกระทั่งให้เขาลุกออกไปจากเตียงซะด้วยซ้ำ !

   มาเฟียหนุ่มถอนหายใจเฮือกพลางบ่นงึมงัมอย่างหงุดหงิด ขณะที่เอนตัวนั่งพิงหัวเตียง ภายในห้องนอนสุดหรูของท่านชีคอัลชาอ์ในคฤหาสถ์ที่จารเซ  ขณะที่นาฬิกาเดินติกๆบอกเวลาสิบเอ็ดโมงเช้าแล้ว แสงแดดจ้าเบื้องนอกสะท้อนอยู่ภายใต้หน้าต่างกรุกระจก ขณะที่ในห้องเย็นฉ่ำน่านอนด้วยเครื่องปรับอากาศ คาวัลโลอ้าปากหาวพลางวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะตรงหัวเตียงเมื่อพบว่าไม่สามารถใช้มันเป็นเครื่องมือแก้ไขความน่าเบื่อหน่ายนี้ได้
 
    มาเฟียหนุ่มโคลงหัวถอนหายใจเฮือกอย่างหงุดหงิด และเริ่มยกปลายเท้าถีบผ้านวมบนร่างเป็นการระบายความอัดอั้น คาวัลโลจ้องมองฝ่ามือตนเองที่มีอ
าการตึงและเจ็บหนึบเขาลองกระดิกปลายนิ้วและกำมือเข้าออกไปพลางๆ แม้มันจะเจ็บใช่เล่นเวลาทำแบบนั้น แต่อย่างน้อยเขาก็ดีใจที่ไม่ได้มีเส้นเอ็นเส้นประสาทตัวไหนเสียหรือใช้การไม่ได้ขึ้นมา แผลฟกช้ำที่เกิดจากการถูกกระสุนถากหรือร่องรอยจากการวิ่งล้มลบุกคลุกคลานก็มีอยู่ประปราย ทว่าก็ไม่ได้มากเสียจนขยับไม่ไหว มันก็แค่เจ็บเวลาแตะโดนและหางคิ้วที่ฉีกไปเล็กน้อยก็ถูกเย็บเข้าหากันเรียบร้อยแล้ว ทั้งตัวมีแค่อาหารเคล็ดขัดยอกเล็กน้อยและตรงกล้ามเนื้อบางส่วน อาการปวดหัวและมึนหัวนั้นหายไปแล้ว เขาเพียงแต่รู้สึกหน้ามืดและมึนๆเป็นบางครั้งเวลาที่ขยับตัวเร็วๆก็เท่านั้นเอง

     สำรวจร่างกายตัวเองแล้วมาเฟียหนุ่มก็ส่ายหัวบ่นพึมพัม มันไม่ได้เป็นอะไรที่หนักหนาขนาดห้ามลุกออกจากเตียงเสียหน่อย ไม่ได้หนักหาขนาดที่ต้องมียามมาเฝ้าหน้าห้องและตรวจดูยากับอาหารที่หมอและคนรับใช้เอามาให้ แผลพวกนี้ยังน้อยนักหากเทียบกับสิ่งที่เขาเคยเจอเมื่อตอนฝึกหรือตอนมีเรื่องกับเเกงค์อื่นๆ ไม่จำเป็นต้องห่วงนักก็ได้..

     ...แต่พุดไปก็เท่านั้น สำหรับคนห่วงแล้ว...ไม่ว่าจะมีอาการอย่างไรฝ่ายนั้นก็เอาแต่ระวังระแวงแทนเขาหมดทุกอย่าง ยอมรับว่าการดูแลแบนี้มันก็ชวนให้เบาใจและลดความตึงเครียดลงไปบ้าง แต่ว่า มากเกินไปมันก็ทำให้คนถูกเฝ้าอย่างเขาเบื่อหน่ายขึ้นมาเหมือนกัน

 อีกอย่าง ทำแบบนี้มากๆเข้า เกิดเขาติดนิสัยลดคงวามระแวงระวังลงไปและติดสุขสบายแบบเด็กๆไปเสียแล้ว จะทำยังไงล่ะ..

     ถอนหายใจพลางโคลงหัวช้าๆ คาวัลโลขยับตัวจะก้าวเท้าลงจากเตียง การอุดอู้อยู่ในนี้นอกจากจะไม่ใช่นิสัยของเขาแล้ว ยังทำให้รู้สึกว่าตัวเองป่วยหนักใกล้จะตายจนต้องมีคนคอยเฝ้าเสียด้วย พาลให้นึกอยากจะนอนหลับตาไปตลอดกาลเลยสิไม่ว่า
 
  แอ๊ด....
 
     ประตูห้องที่เปิดออก ทำให้คนป่วยที่ตัดสินใจจะออกไปทำอะไรแก้เบื่อชะงัก คาวัลโลชักขาตัวเองขึ้นและสอดตัวกลับไปนั่งเอนหลังอย่างสงบบนเตียงทันควัน แน่นอนว่าเขาไม่อยากถูก"ลงโทษ"อย่างที่อัลชาอ์ขู่อีก...ถึงแม้มันจะเอ่อ...รู้สึกดี แต่ว่า ยังไงก็มีฤทธิ์ทำให้สมองเบลอคิดอะไรไม่ออกและพาลจะถูกทำอะไรๆง่ายขึ้นสิไม่ว่า เขายังไม่อยากจะใช้ชีวิตเป็น"เมีย"ใครนะเฮ้ย

 คนที่เดินเข้ามากลับไม่ใช่อัลชาอ์ คาวัลโลจ้องมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดโธปสีขาวสวมกุตราห์สีเดียวกัน ใบหน้ามีรอยยิ้มเยือนอันเคยคุ้น...พร้อมทั้งดวงตาสีน้ำตาลพราวระยับกับใบหน้าที่เขารู้จัก...หมอนี่ รามิล เซฮามัค !

        "........" คาวัลโลเลิกคิ้วมองคนที่เข้ามา เขาไม่พูดอะไร ขณะที่ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ นัยน์ตาสีน้ำทะเลหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อสบมองแววตาและท่าทางของอีกฝ่าย...

รูปร่างหน้าตานั้นบอกว่าคือรามิล แต่ว่า...บุคลิคท่าทางที่พยายามจะให้"เหมือน"ยังไงก็ไม่ใช่..

...หมอนี่ไม่ใช่รามิล...แต่เป็น...เจ้าคนที่พาเขาหนีออกมาจากพวกของราฟาเอลโร่และฟิลิเป้...คนที่เป็นลูกน้อง หรือไม่ก็ปลอมตัวเป็นลูกน้องของฟิลิเป้ที่อยู่ในรถคันนั้น
 
       " สวัสดีครับ คาวัลโล เป็นยังไงบ้าง? " รอยยิ้มและท่าทีของคนที่"พยายาม"เป็นรามิลตรงหน้าทั้งดูแข็งๆและโกหกแบบซึ่งหน้า คาวัลโลพ่นลมหายใจออกจากริมฝีปากเบาๆ แล้วเหล่ตามองเจ้าคนตรงหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย
 
        "...ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้น เจ้าคนที่ไม่ใช่รามิล .." คำพูดนั้นทำให้คนฟังชะงัก และพลันรามิล เซย์ฮามัคตัวปลอมตรงหน้าก็หัวเราะออกมาเบาๆ
 
        "..สวัสดีครับ คาวัลโล วาลกัส ผม ราเซย์   ทาร์คาน เซฮามัค...ผมเป็นพี่ชายของวิศวะกรรามิลยินดีที่ได้รู้จักนะครับ...Mafie..." ชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าลุกขึ้นและโค้งตัวต่ำ รอยยิ้มเยือนในใบหน้านั้นหายไป มีเพียงแววตาวาววับที่ฉายแววเจ้าเล่ห์ และรอยยิ้มมุมปาก อันเป็นตัวตนที่แท้จริงๆของชายตรงหน้า..
 
         "....ครับ ยินดี.....ที่ได้รู้จัก .." คาวัลโลยิ้มออกมาอย่างชาเฉย เขาเอ่ยปากรับถ้อยคำแนนะนำตัวสั้นๆ ขณะที่ดวงตาฉายแววไม่พอใจขึ้นมาวูบหนึ่งกับคำว่า"มาเฟีย"ที่ออกมาจากปากชายตรงหน้า
 
        "...อืม...เห็นได้ชัดว่าคุณก็สบายดี...และ....ถือว่าฉลาดมากนะที่มองออกว่าผมกับรามิลไม่ใช่คนเดียวกัน " คำชมนั้นไม่ได้ทำให้คนฟังดีใจแต่อย่างใด คาวัลโลหรี่ตาลงช้าๆ อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อจับน้ำเสียงประชดประชันและแฝงแววไม่พอใจจากชายตรงหน้าได้ชัดเจน โดยเฉพาะกับคำชม ที่เขาไม่เคยดีใจที่ได้รับนั่น
 
        " ...ขอบคุณ...." คาวัลโลรับคำสั้นๆ ขณะที่ลอบสังเกตใบหน้าของชายตรงหน้าและมองเห็นได้ถึงความแตกต่างของสองพี่น้องตระกูลเซฮามัคได้มากขึ้นเรื่อยๆ แม้ใบหน้าของรามิลและราเซย์จะคล้ายคลึงกัน ทว่าราเซย์.... ชายตรงหน้าเขานั้นมีรูปหน้าที่คมเข้มกว่าผู้เป็นน้อง เส้นผมของเขาเป็นสีน้ำตาลแดงและหยักศกเล็กน้อย ผิดกับเส้นผมของรามิลที่เป็นสีน้ำตาลเข้มและเหยียดตรง ดวงตาของเขาคมปลาบและมีสีเข้มกว่าดวงตาของผู้เป็นน้อง รอยยิ้มและลักษณะท่าทางก็แตกต่างกันค่อนข้างมากเพราะราเซย์มีท่าทีแข็งกร้าวกว่ารามิลอย่างเห็นได้ชัด อาจจะเป็นเพราะประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากอาชีพของตน หรือไม่ก็เพราะบุคลิกพื้นฐานที่มีมาก่อนหน้า
 
      "....สายลับ...." คาวัลโลหรี่ตามองหลางเอ่ยปากออกไปสั้นๆ เขาสบมองแววตาคมปลาบของราเซย์พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น " ทำยังไง พวกนั้นถึงยอมรับคุณเป็นพวก "
   
    " อ่า...เข้าใจอะไรง่ายดีนี่..." ราเซย์ยักไหล่ มองไปยังใบหน้าอ่อนวัยของมาเฟียหนุ่มตรงหน้า "แต่ก่อนอื่น..เราควรจะตกลงหันก่อนไหม ว่าจะให้ผมถามคุณ รึให้คุณถามผม "
   
     "...คุณจะสอบถามผมเรื่อง อะไรไม่ทราบ " คาวัลโลจ้องหน้าราเซย์เขม็ ง " ผมเป็นนักโทษของคุณรึไง? "
   
     "...เอ๋? รึตอนนี้คุณไม่ใช่? "ราเซย์เลิกคิ้ว ทำสีหน้างวยงงหนัก
 
      " ไม่ใช่นักโทษ "ของคุณ"..." คาวัลโลจ้องตากลับ ตอบเสียงสั้น
 
      " อืม...เรื่องนั้นผมไม่เถียง เพราะเป็นนักโทษของฝ่าบาทอัลชาอ์ย่อมได้รับความดูแลและ"เอ็นดู"มากกว่าอยู่แล้ว " คำพูดนั้นทำให้คาวัลโลจ้องมองราเซย์ด้วยดวงตาวาวโรจน์ ใบหน้าตึง บ่งชัดว่าไม่รู้สึกขำกับถ้อยคำของบุรุษหนุ่มตรงหน้าสักนิด
 
       "..อ้า...ขออภัยเป็นอย่างสูง..คุณ.....คาวัลโล วาลกัส..." ราเซย์ยกมือสองข้างขึ้นอย่างบ่งชัดว่ายอมแพ้กับท่าทีเอาเรื่องนั้น "...เอาเป็นว่า มาคุยรายละเอียดอะไรกันหน่อยดีไหม? ถึงสาเหตุของคุณ และเหตุผลที่ทำให้ชีคต้องไปโยนระเบิดใส่พวกนายพลข้างนอกนั่น "
 
      " พวกนายพลที่ทำงานไม่ได้เรื่องพวกนั้น เป็นญาติฝ่ายไหนของคุณรึไง? " คาวัลโลกอดอก ยิ้มให้อย่างไม่นึกขัน " ถึงได้มาหาเรื่องผมน่ะ หือ?"
 
        " ก็เปล่า...แค่ผมข้องใจ " ราเซย์ลากเก้าอี้บุนวมที่อยู่ปลายเตียงมานั่งลงยังข้างเตียงคนป่วย
   
     "............."
 
       " ทั้งข้องใจว่า...ทำไมและเพราะอะไรคุณ..ที่เป็นถึงมาเฟียตระกูลดังถึงได้มาเที่ยวเล่นให้โดนจับอยู่แถวนี้ สงสัยกระทั่งว่าเพราะอะไรอดีตนายจ้างของผมทั้งสองคน ถึงได้"ชื่นชอบ"คุณนักหนา...อยากได้ตัวกระทั่งยอมทำการใหญ่ท้าทายชีคของผมซะขนาดนั้น.."ราเซย์ยิ้ม หากแววตาคมปลาบที่จ้องมองมาแฝงไว้ด้วยความกร้าวเเข็งชัดเจน "..และยังสงสัย ว่าคุณทำยังไง ให้ท่านชีคของผมหลงเสียขนาดจะลากกองทัพไปถล่มคนพวกนั้น "
   
     " หือ? ก็สาสมแล้วนี่ " คาวัลโลเลิกคิ้ว อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่

        "...โอ.....ก็ใช่สินะ ในเมื่อคุณคิดแต่เรื่องการแก้แค้นนี่ แล้วจะทำเองในสภาพไม่มีมือเท้ารับใช้ แถมยังพิการแบบนี้ก็คงไม่ได้ " ราเซย์เอียงคงมองฝ่ามือขาวที่มีผ้าพันแผลสีขาวพันไว้อย่างแน่นหนา เลิกติ้วขึ้นช้าๆพลางสบมองแววตาของชายตรงหน้า

        "....นั่นมันเป็นเรื่องที่คุณควรจะสนใจงั้นเหรอ? มิสเตอร์ราเซย์...ถ้าว่างนัก ทำไมไม่ลองตอบคำถามผมบ้าง ว่าคุณทำยังไงให้พวกนั้นรับคุณเป็นพวก " คาวัลโลจ้องมองแววตาคู่นั้นอย่างไม่ยอมหลบ  " เพราะจะว่าไปแล้ว...เรื่องราวที่แสนพอเหมาะพอดีนี่...ก็ชวนให้คิดได้หลายๆแง่นะ ว่าท้ายสุดแล้ว มันเป็นฝีมือใครกันแน่ ว่าไหม? "

         " คุณสงสัยผม? "ราเซย์หน้าตึง

         " ผมยังไม่ได้พูดแบบนั้นเสียหน่อย... "คาวัลโลยักไหล่ "ส่วนเรื่อง..ผมไปทำอะไรยังไง..ไม่จำเป็นต้องบอกคุณให้เสียเวลา "

          " คุณเป็นสายลับนี่...ก็สืบเองสิ...ใช่ไหม? "

             สายลับหนุ่มหน้าเคร่งเมื่อฟังคำพูดออกมาจากปากของมาเฟียชาวอิตาเลียน ราเซย์จ้องมองใบหน้าของคาวัลโลที่ยังคงยิ้มน้อยๆให้เขาอย่างอวดดีปนท้าทาย อีกทั้งคำพูดไม่สะทกสะท้านนั่นเล่า ยิ่งชวนให้อารมณ์ขุ่นยิ่งนัก สายลับหนุ่มพ่นลมหายใจพรูด้วยสีหน้าหน่ายระอา คนประเภทนี้...ประเภทมาเฟียที่ทำทุกอย่างเพื่อความต้องการของตน ถือว่าเป็นอะไรที่ยากจะต่อกรที่สุดสำหรับเขา ราเซย์ทำงานเป็นสายลับก็ด้วยคำสั่งของผู้นำของตน เขาถือว่านี่เป็นการทำงานเพื่อชาติ การจะเข้าพวกใคร จะกลับกลอกหลอกลวงเพื่อประเทศชาตินั้นในความคิดของตนมันไม่ใช่สิ่งที่ผิด ต่างกับคนอย่างคาวัลโล วาลกัส ที่ขนาดป่วยอยู่ก็ยังพ่นพิษเสียขนาดนี้ ไม่ได้นึกด้วยซ้ำว่าเขานี่แหละเป็นคนช่วยออกมาจากการถูกทารุณ และยังมีหน้ามาสงสัยกันเสียด้วย...

... จะยังไงก็ไม่ยอมให้ข่มเลยจริงๆ

  จ้องสบแววตาที่มองมาอย่างไม่ยอมหลบอย่างหน่ายเหนื่อย  สำหรับเขา ยอมรับว่าออกจะตกตะลึงอยู่ไม่น้อย เมื่อทราบว่าผู้นำของตนนั้นกำลังทั้งรักทั้งหลงชายหนุ่มตรงหน้าอยู่ รู้ว่าเป็นชายแทนที่จะเป็นหญิงว่าแย่แล้ว แต่ยังเป็นชายที่เป็น"มาเฟีย" ในตระกูลใหญ่ของอิตาลีนั้นแย่ยิ่งกว่า แต่ที่แย่ที่สุด คงเป็นการที่ตนเองพบว่าระหว่างสองคนนี้ยังไม่ได้เป็น"ความรัก" อย่างที่ร่ำลือกัน กลายเป็นว่าชีคของเขาเป็นฝ่ายรักข้างเดียวไปเสียมากกว่า ...แต่ก็อดจะยอมรับไม่ได้ว่าคาวัลโล วาลกัสที่นั่งอยู่บนเตียงเบื้องหน้า ช่างสมเป็นบุรุษที่ทำให้ผู้ชายตกหลุมรักโดยแท้...

      มาเฟียหนุ่มตรงหน้ามีรูปร่างหน้าตาผิดแผกกับนิสัยโดยสิ้นเชิง ทั้งใบหน้าอ่อนวัยไม่ได้หล่อเกลาองอาจหากแต่เปี่ยมไปด้วยสเน่ห์...สเน่ห์ที่แฝงความอันตรายเอาไว้เต็มเปี่ยม ทั้งดวงตาวาววับไม่ยอมใคร ริมฝีปากเหยียดรอยยิ้มร้ายและจมูกเชิดรั้นเอาแต่ใจ ดวงตาสีน้ำทะเลตัดกับเส้นผทสีอัลมอนด์..รวมกันเป็นชายหนุ่มที่ทรงสเน่ห์อย่างร้ายกาจเหลือล้น น่าหลงไหลเสียจนเขาก็พอจะเข้าใจหัวอกของอัลชาอ์หรือกระทั่งฟิลิเป้..มาเฟียโรคจิตที่"เคย"เป็นเจ้านายของตน..ว่าเพราะเหตุใดจึงได้หลงไหล ต้องการ เสียขนาดนั้น...

    ความต้องการของมนุษย์นั้นไม่มีสิ้นสุด ยิ่งถูกปิดไว้ ยิ่งคว้าไม่ได้ ยิ่งยากเท่าไหร่ก็ยิ่งอยากเป็นเจ้าของ..

และกับสิ่งที่น่าครอบครองมากขนาดนี้..
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 13-02-2011 01:51:31

           แอ๊ด....


   ประตูห้องเปิกออกอีกครั้ง ครานี้เป็นร่างของชีคอัลชาอ์ซึ่งอยู่ในชุดโธปสีดำสนิท ร่างที่ก้าวเข้ามาชะงักฝีเท้าเล็กน้อยเมื่อพบว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย นัยน์ตาคู่นั้นตวัดมองคนที่นั่งอยู่บนเตียงและร่างของสายลับหนุ่มญาติสนิทของตนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงแล้วพ่นลมหายใจลงช้าๆ ราเซย์โคลงศรีษะแล้วรีบลุกให้ผู้นำของตนโดยไว แต่ทว่าอัลชาอ์กลับไม่ได้มีท่าทีสนใจที่ว่างของเก้าอี้นั้น ชีคหนุ่มเดินอ้อมไปอีกฝั่งและเอื้อมคว้าร่างของคนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียงให้เอนมาหาตนและจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากทันควัน

     คาวัลโลชะงักค้าง อ้าปากหวอกับพฤติกรรมอันอุกอาจของท่านชีคหนุ่ม เขาอ้าปากจะโวย แต่ทำได้ยากนักด้วยริมฝีปากหนาที่โฉบลงมาไล้เลียริมฝีปากแห้งผากของตน มาเฟียหนุ่มครางฮึ่มในลำคอ ทำได้เพียงออกแรงเหวี่ยงหมัดสะเปะสะปะใส่ร่างสูงใหญ่เบื้องหน้าเท่านั้น

     แน่นอนว่าอัลชาอ์ไม่ได้มีท่าทีสะดุ้งสะเทือนใดๆสักนิด ตรงกันข้ามกลับทำให้นึกอารมณ์ดีเสียด้วยซ้ำ ดวงตาสีนิลสบมองแววตาสีน้ำทะเลคู่งามอย่างหลงไหล ร่างสูงโน้มกายเข้าหาร่างเพรียวพร้อมกับตวัดอ้อมกอดรัดรึงไว้ไม่ให้ห่าง ดวงตาคู่นั้นเหลือบเเลข้ามสีผมสีน้ำตาลทองไปยังร่างของญาติหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ชีคหนุ่มเห็นร่างของราเซย์ยืนเตร่หันหลังให้ตนอย่างไม่ประสงค์จะแอบดู นั่นทำให้อารมณ์ขุ่นมัวจากความหึงหวงของอัลชาอ์ลดลงช้าๆ

       "....นี่...หยุดนะ...." เสียงกระซิบห้วนจัดพร้อมกับดวงตาวาววับราวกับแมวจอมแปรปรวนทำให้ร่างสูงของชีคหนุ่มจำต้องละริมฝีปากและอ้อมแขนออกอย่างเสียดายหนัก  ใบหน้านิ่วเล็กน้อยเมื่อฝ่าเท้าของคนป่วยออกแรงยันโครมเข้าให้
 
      "...คุณดื้อด้านเองนี่...บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าไม่ทำตามจะเจออะไร " แววตาวาววับแสนเจ้าเล่ห์ของอัลชาอ์ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก เสียแต่ตอนนี้คนมองไม่ได้ปลาบปลื้อมกับมันสักเท่าไหร่ คาวัลโลตาขุ่น เขาออกแรงผลักร่างสูงของท่านชีคให้ผละห่างเอ่ยเสียงห้วน

       " อะไร? ความผิดผมเหรอ? โน่น...คนของคุณลากผมออกจากผ้าห่มให้มานั่งสอบสวนหรอก " คำพูดนั้นทำให้ราเซย์ชะงัก ร่างของสายลับหนุ่มหันตัวกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจ
   
    " ...ตอนผมเข้ามา คุณกำลังจะออกไปพอดี "สายลับหนุ่มชี้หน้าของคนป่วยมากฤทธิ์ทันควัน คาดโทษที่อีกฝ่ายโยนความรับผิดชอบมาให้ตนเฉยๆ

       " ไม่ต้องมามองหน้า ผมจะเข้าห้องน้ำ....แล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์อะไรมาห้ามผมเดิน " เมื่อท้ายสุดตัวเองก็เป็นฝ่ายละเมิดข้อห้าม คาวัลโลจึงตวัดเสียงห้วน กอดอกทำหน้าไม่สนใจใครเสีย บ่งชัดว่าในเมื่อเขาไม่คิดว่าเป็นการทำผิด ก็อย่าคิดว่าจะมาไล่เบี้ยเอาอะไรกับตนเองได้

       "........."  ชีคหนุ่มส่ายหัวอย่างระอาใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้ผมคนป่วยด้วยความหมั่นไส้เสียทีหนึ่ง คาวัลโลหน้าบูดแยกเขี้ยวใส่ แต่คนทำไม่สนใจ แถมยังทรุดกายลงไปนั่งบนเตียงข้างกายคนป่วยได้หน้าตาเฉย..

       "........" ราเซย์มองท่านชีคของตนด้วยแววตาหน่ายระอา สายนลับหนุ่มชักสีหน้าไม่ถูกเมื่อพบเจอชีคหนุ่มผุ้เคร่งขรึมและองอาจของตนในมุมที่ใกล้เคียงกับคำว่าปัญญาอ่อน จะหันหน้าหนีไม่มองเสียก็คงเป็นการเสียมารยาท แต่ทว่าการจ้องมองซึ่งหน้าเขาก็คิดว่ามันคงจะเป็นการเสียมารยาทกว่า สุดท้ายจึงได้แต่เงยหน้ามองเพดานห้องไปเรื่อยเปื่อย..

        แอ๊ด...
 
      " อ้อ....อยู่ที่นี่กันนี่เอง " รามิล เซย์ฮามัคเดินเข้ามาในห้อง พลางออกปากทักแต่พลันคิ้วของวิศวะกรหนุ่มก็ผุกเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคลายลงและเลิกขึ้นข้างหนึ่งอย่างไม่รู้จะแสดงกริยาอาการอย่างไรดีกับหนึ่งคนป่วยจริงที่นั่งอยู่บนเตียง กับหนึ่งชีคที่นั่งเอนกายอยู่ข้างๆคนป่วยด้วยสีหน้าไม่รู้สึกรู้สา และอีกหนึ่งสายลับที่เงยหน้ามองเพดานห้องด้วยสีหน้าสุดจะพรรรณนา...
มันมั้งชวนขำ..ทั้งน่าขัดเขิน และหน่ายระอาพอๆกัน
 
      "...ฮาซานไม่มาอีกคนล่ะ จะได้ครบ " คาวัลโลบ่นออกมาพลางดิ้นขยุกขยิกใส่คนข้างกายที่ยังคงนั่งข้างกายเขาด้วยสีหน้าแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเห็นได้ชัด
 
      " ฮาซานถูกยิง.." คำตอบเบาๆจากคนข้างกายทำให้คาวัลโลชะงักมาเฟียหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจปนตกใจเล็กน้อย เพราะอย่างไร องค์รักษ์หนุ่มผุ้เคร่งขรึมคนนั้นก็เป็นคนที่เผชิญอันตรายร่วมกันมาและหากไม่ได้ความช่วยเหลือของฮาซาน เขาอาาจจะแย่กว่าที่เป็นอยู่ก็ได้
 
      " ตายแล้วเหรอ? " นี่เป็นคำถามจากคนที่เป็นฝ่ายตกใจ
 
       " ยัง...โดนยิงกระสุนถากใส่เอว กับที่ไหล่ ตอนนี้กำลังพักฟื้นอยู่ " อัลชาอ์ตอบพลางส่ายหัวระอากับคนปากร้าย ชีคหนุ่มมองเห็นร่างของผู้ร่วมแผนการณ์มาครบแล้ว จึงได้ขยับกายออกจากเตียงนุ่ม รามิลลากเก้าอี้อีกสองสามตัวมาวางไว้ข้างเตียงอย่างรู้งาน ขณะที่ราเซย์ลุกพรวดจากโต๊ะ สมัครใจเป็นฝ่ายยืนฟังมากกว่าจะอยู่ใกล้ๆ
 
       คาวัลโลมองเห็นท่าทางเตรียมพร้อมของเหล่าผู้เฝ้าไข้ กับบรรยากาศที่เป็นทางการขึ้นมากะทันหัน ก็ขยับตัวเล็กน้อยด้วยสีหน้าแสดงความสนใจ

      "...ยังปวดหัวหรือเจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า?" อัลชาอ์ออกปากถามคนป่วยเสียงอ่อน คาวัลโลเหลือกตาขึ้นพลางถอนหายใจเฮือก แอบระอาใจกับคน"ห่วงนัก"

      " ไม่...ผมดีขึ้นแล้ว คุยเรื่องอื่นดีกว่า...อย่างเรื่องที่คุณไปโยนระเบิดใส่พวกนายพลแก่ๆข้างนอกนั่น " คาวัลโลว่า พลางโบ้ยปากใส่ราเซย์ที่ยืนอยู่เบื้องหลังชีคของตน ให้รู้ว่าเขาได้ข่าวสารทั้งหลายมาจากไหน

      "...ก็ทำงานพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย..." อัลชาอ์ตอบเสียงสั้น ด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ชีคหนุ่มกวาดตามองใบหน้าของมาเฟียหนุ่มที่ดูดีขึ้นภายใต้แสงสว่างของดวงอาทิตย์ในยามกลางวัน ผิดกับดวงหน้าซีดเซียวเมื่อคืนวานแล้วก็เริ่มเบาใจ ชายหนุ่มกระเเอมเบาๆ ตบเก้าอี้ว่างข้างกายให้สายลับหนุ่มที่ยืนอยู่มานั่งข้างๆ

        " แนะนำตัวกันก่อนแล้วกัน...คาวัลโล นี่ราเซย์ เซฮามัค  พี่ชายของรามิล เขาทำงานให้กับผม เป็นสายลับสืบข่าวอยู่ที่นี่..." ชีคหนุ่มเอ่ยพลางผายมือไปยังร่างสูงใหญ่ของราเซย์ที่ค้อมหัวให้เขาเล็กน้อยแล้วทรุดตัวลงบนเก้าอี้บุนวมข้างกายชีคแห่งเซเนียยาและน้องชายของตนตามคำสั่งกรายๆของผู้เป็นนาย

       " ...ยินดีที่ได้รู้จัก ผมคาวัลโล วาลกัส " คาวัลโลแสยะยิ้มมุมปากให้เป็นคำทายทัก แน่นอนว่ากับราเซย์ที่รู้เชื่อจริงนามสกุลจริงหรือแม้แต่ฐานะจริงๆของเขาแล้ว จะโกหกไปก็เท่านั้น อีกอย่างสายลับหนุ่มคนนี้ก็เพิ่งจะมาทายทักเขาด้วยไมตรีจิตเมื่อครู่นี้เอง

     มาเฟียหนุ่มจะหรี่ตาลงน้อยๆ คาวัลโลกวาดสายตามองร่างของชายหนุ่มสามคนเบื้องหน้า ก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง
 
     " ตรวจดูห้องรึยัง? ไม่ใช่ว่าจะมีพวกกล้องวงจรปิดอยู่อีกหรอกนะ "
 
      " ผมสั่งให้ค้นดูตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว วางใจได้ "อัลชาอ์รับคำเบาๆ ก่อนจะเหยียดยิ้มเครียด
 
     " เอาล่ะ ในเมื่อมากับพร้อมแล้ว ก็เริ่มกันเลยดีกว่า....ราเซย์ ช่วยเล่าเรื่อง"ทั้งหมด" ที่เกิดขึ้นด้วย "

        ราเซย์พยักหน้ารับผู้เป็นนาย สายลับหนุ่มมองหน้ามาเฟียตัวร้ายตรงหน้าเพียงชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยช้าๆ


      " ตามที่ผมได้รับคำสั่ง ให้มาประจำที่นี่..." ราเซย์ออกปากเล่าเสียงเรียบ "..ตั้งแต่ช่วงต้นปีมานี้...พบการเคลื่อนไหว...อย่างผิดปกติในหลายจุด ตามที่ผมได้แจ้งกับฝ่าบาทไปแล้ว "

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มสบมองแววตาของชีคหนุ่ม อัลชาอ์พยักหน้ารับช้าๆสีหน้าครุ่นคิด

       " และประมาณสองอาทิตย์ก่อนหน้านี้ มีกลุ่มคนหลายพวกที่แทรกตัวเข้ามาในเซเนียยา ตามที่ผมตรวจสอบ พวกเขามี "สิ่งนี้" แจกจ่ายและป่าวประกาศไปทั่ว รวมทั้งส่งไปให้บรรดาผู้นำประเทศเเถบนี้ดูด้วย " ราเซย์ดึงเอากระดาษขนาดเอสี่สีซีดขาวออกมา คาวัลโลมองมันแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ มาเฟียหนุ่มไพล่นึกไปถึงกระดาษที่ราฟาเอลโร่ถือเมื่อตอนที่เขาพบเจอกับมันครั้งแรกนั่น

       อัลชาอ์รับแผ่นกระดาษจากมือของเรเซย์ หากทว่ามองแล้วชีคหนุ่มไม่ได้มีสีหน้าแปลกประหลาดใจแต่อย่างใด เขาพยักหน้ารับเงียบๆ ก่อนจะส่งไปให้คาวัลโลที่จ้องมองมันตาวาวอยู่ก่อนแล้ว

       คาวัลโลรับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับครางในลำคอเบาๆ เมื่อในกระดาษแผ่นนั้นมีรูปของตนเด่นหรา ข้างใต้มีตัวอักษรภาษาอารบิกเรียงพรืด และมีภาษาอังกฤษกำกับด้านล่าง เป็นข้อความว่า"พบเห็นบุคคลในรูป กรุณาแจ้ง...มีรางวัลให้ " อะไรประมาณนี้

        " นี่มันแพร่ไปถึงไหน " คาวัลโลขมวดคิ้ว อดคิดไม่ได้ว่ากลับไปแล้วเขาควรจะสั่งลงโทษหรือขึ้นเงินเดือนให้คนพวกนี้ดี พวกที่ทำงานได้เกินประสิทธิภาพนี่  คิดว่าตัวเอง"เร็ว"กว่าเเล้วเชียว แต่ผู้ช่วยของลุงก็ทำงานได้ดีเกินคาด

         " แถบนี้ก็ได้กันหมด ที่ผมก็ด้วย "อัลชาอ์รับคำสั้นๆด้วยสีหน้าปกติ " ได้วันแรกตั้งแต่ที่คุณ...."

          "..........." คาวัลโลทำตาขุ่นใส่คนพูดอย่างเคืองๆกับสิ่งที่เขาไม่ได้รู้ ถ้าอัลชาอ์รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาเป็นใคร แล้วนี่เขาจะแสดงละครไปให้เหนื่อยทำไมกันนะ

          " แต่และมาณสัปดาห์ให้หลังพวกนี้ก็ถอนตัวออกไป " ราเซย์เริ่มรายงานต่อ คาวัลโลฟังแล้วก็พยักหน้ารับช้าๆ แน่สิ ถ้าพวกมันไม่ถอนตัวออกไปตาม"แผน"ของเขาแล้วล่ะก็ คงได้วุ่นวายปั่นป่วนอีกเยอะ " และมีพรรคพวกใหม่เข้ามา คนพวกนี้ป่าวประกาศหาคนในพื้นที่ ที่เชี่ยวชาญไปทำงานกับพวกเขาและ"แอบอ้าง"ว่าเป็นงานที่ได้นับอนุญาติจากชีค.."
 
         "........." อัลชาอ์ไม่พูดอะไรแต่สีหน้าเครียดขึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

          " ...ผมได้แจ้งข่าวมาทางจารเซแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ " ราเซย์รายงานต่อไปด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท " จึงตัดสินใจเข้าร่วม คนพวกนี้แบ่งเป็นสอง
กลุ่มหลักๆ กลุ่มแรกมีไม่มากนำโดยชายที่ชื่อราฟาเอลโร่ พวกนี้ไม่เชี่ยวชาญด้านการรบมากนัก แต่มียุทธวิธีที่ดีเยี่ยม และอีกกลุ่ม นำโดยชายที่ชื่อฟิลิเป้ กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นคนที่เชี่ยวชาญด้านการรบมาก คาดว่าคงฝึกมาอย่างหนัก พวกเขาซุ่มรออยุ่ที่ชายแดนและลงมือตามที่ได้รับข่าวมา...หลังจากเกิดเรื่อง ผมลองค้นหาข้อมูลของพวกเขา แต่ก็ได้ไม่มากพอ..คาดว่าคงต้อง... "

         "  ราฟาเอลโร่ บอนต์เต้กับ ฟิลิเป้ เรากาโซ่  " คาวัลโลเท้าคางออกปากอธิบายเรื่องราวของสองมาเฟียด้วยสีหน้าเฉยชา " ราฟาเอลโร่เป็นหลานชายของบอสตระกูลเรกาโซ...ส่วนอีกคน ฟิลิเป้ เรกาโซ่ ลูกชายของบอสเรกาโซ่.."

         "คุณรู้จักพวกเขา ? "ราเซย์เอ่ยปากถามกลับ สีหน้าข้องใจ

          "หา?....ไม่รู้จักแล้วพวกมันจะมาลากคอผมไปทำไม " คาวัลโลพ่นลมหายใจสีหน้าเหนื่อยหน่าย เขาจ้องมองแผลที่ฝ่ามือตัวเองแล้วหน้านิ่ว " ยังไงก็ต้องรู้จักอยู่แล้ว ด้วยหลายๆสาเหตุล่ะน่า... ที่น่าสงสัยน่ะ คือพวกมันรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ต่างหาก ...จะว่ารู้จากไอ้ป้ายประกาศนี่....มันก็....ออกจะ Non sense ไปหน่อย ยิ่งกับราฟาเอลโร่ มันมีมีทางเชื่อของพรรคนี้หรอก ถ้าไม่มีข่าว..อะไรจริงๆจังๆ มันก็คงไม่มารนหาที่ถึงที่นี่.."
 
        " คุณรู้จักพวกเขาดีไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่ลองเดาสาเหตุดูล่ะ " ราเซย์ถามกลับ
 
        " ผมพูดตอนไหนว่ารู้จักดี " คาวัลโลเลิกคิ้ว ถามกลับ " แค่รู้จักมันไปอย่างนั้นเอง คนที่อยู่ในวงการเดียวกันก็ต้องรู้จักกันไว้บ้าง อย่างน้อยก็เอาไว้ยิงแสกหน้าได้ถูกคน "
 
        " อย่างนั้นพวกเขามีความแค้นอะไรกับคุณรึเปล่า? " รามิลขมวดคิ้ว ออกปากถามบ้าง
 
         " เยอะแยะ " มาเฟียหนุ่มผู้มีศัตรูอยู่ทั่วทุกสารทิศยักไหล่ตอบสั้นๆ

          "......แล้วพฤติกรรมของ..ฟิลิเป้ที่มีต่อคุณนี่...." ราเซย์ยังข้องใจ กับลักษณะท่าทางที่บ่งชักว่าพิศวาสบาดจิตแค่ไหนของฟิลิเป้

          "......มันโรคจิตไง " คาวัลโลแบะปาก มุ่ยหน้า " แค่นั้นล่ะเหตุผล ผมไม่เคยคุยกับมัน นอกจากครั้งที่ไปบุกเผาบ้านมันทิ้งแล้วลากลูกน้องมันไปลงนรกยี่สิบกว่าคนมื่อสองสามปีก่อน...ก็แค่นั้น "

          "นั่นมันก็มากเกินพอแล้ว " ...ที่ใครสักคนจะแค้นมากเสียจนอยากตามฆ่า รามิลนึกต่อในใจ

           " พวกคุณไม่เข้าใจ "คาวัลโลถอนใจแล้วส่ายหัว "ตอนนั้นน่ะมันสงครามนะ ... ในเมื่อฝ่ายนั้นโต้ตอบมา เราก็ต้องบุกกลับไป จะแน่นิ่งให้พวกมันทำฝ่ายเดียวเหรอ?แล้วฟิลิเป้มันยังกล้ามาแหกกฏ "โอเมอร์ตา"เป็นยังไงมันก็รู้ดี ยังกล้าคาบเรื่องไปบอกตำรวจ ไม่จับมันถ่วงลงทะเลก็ดีเท่าไหร่ "

          "...เอาเถอะน่า โลกเบื้องหลังก็มีสังคมของคนเบื้องหลัง เรื่องที่จะมาคิดน่ะ ไม่ใช่ว่าเพราะอะไรพวกมันถึงทำ แต่เป็น เพราะอะไร พวกมันถึง"กล้า"ทำต่างหาก "

          "....รวมถึงเรื่องคนของเราด้วย "อัลชาอ์เอ่ยสั้นๆ พลางถอนหายใจแผ่วเบา บอกปัดตัวเองไม่ให้สนใจเรื่องราวโชกเลือดของมาเฟียหนุ่มตรงหน้ามากนัก เพราะมันชวนให้รู้สึกแย่ มากกว่าอะไร และยิ่งอีกฝ่ายพูดด้วยสีหน้าไม่รู้สึกรู้สาด้วยแล้ว...

          " ที่ผิดสังเกต ..."ราเซย์สูดหายใจลึกพลางออกปากอีกครั้ง "คือหนึ่ง... พวกเขาแจ้งว่าได้รับการสนับสนุนจากทหารของเรา รวมทั้งตัวชีคเองด้วย...สอง พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากประเทศเพื่อนบ้านของเรา ให้เข้าไปหลบหนี  สาม นายทหารที่นี่จงใจปิดบังข่าวสารและปล่อยผ่านให้พวกเขาเข้าเมืองมาง่ายๆ และสี่..มีคนที่รู้กำหนดการของชีค รู้กระทั่งว่าชีคค้างที่หมุ่บ้านทั้งที่ไม่มีแจ้งไว้ล่วงหน้าและอยู่เบื้องหลังทั้งหมด "

          " ....ราฟาเอลโร่..." คาวัลโลเปรยออกมาเบาๆ สีหน้าครุ่นคิด "บอกผมว่า พวกมันมีความสัมพันธ์อันดีกับผุ้นำประเทศในแถบนี้ ...และ....บอกว่าผู้นำที่อ่อนแอ เขาไม่สนใจ "

          "........." อัลชาอ์ไม่พุดอะไร แต่สีหน้าเคร่งขึ้นถนัดใจ คาวัลดลไหวไหล่พลางถอนหายใจเบาๆ

         " ก็นั่นมันในสายตาคนอื่น ..." มาเฟียหนุ่มเอ่ยช้าๆ พลางพ่นลมหายใจ "แต่ว่าที่มันพูดก็น่าคิด พวกเขาพูดเรื่องอาวุธ...เรื่องผู้นำ...และเรื่องที่ได้รับการสนับสนุน "

          "...คุณจะบอกว่า มีคนติดต่อกับพวกเขา ในนามของผู้ที่ต้องวการสนับสนุนและ...ต้องการตำแหน่งผู้นำ..." รามิลถามกลับ วิศวะกรหนุ่มขมวดคิ้วเคร่งพลางสบตากับพี่ชายที่นั่งข้างกายอยู่ครุ่นคิด

          ".....สนับสนุนน่ะใช่ ส่วนเรื่องตำแหน่งผู้นำ พวกคุณก็รู้ดีอยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอ?.." คาวัลโลสบมองแววตาเคร่งขรึมของชีหนุ่มแล้วถอนหายใจเบาๆ " เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับคุณ อัลชาอ์..."

           ".....ผมพอจะเดาได้..ว่าฟิลิเป้ไปหลบอยู่ที่ไหน " ราเซย์เอ่ยปากพูด หลังจากความเงียบโรยตัวลงมาสั้นๆ หลังคำพูดของคาวัลโล

           " หือ? " มาเฟียหนุ่มออกปากซักอย่างเริ่มจะสนใจ

            " ..ถ้าชีคช่วยจัดการเรื่องทหารรักษาการแถบชายแดนให้...และเรื่องคนของเราที่ให้ความคุ้มครอง....ผมคาดว่าพวกมันยังไปไหนไม่ได้ไกล เพราถูกคนของเราล้อมไว้ " ราเซย์รายงาน

            " แล้วอีกคน " ชีคหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบ

            " เรื่องนี้ผมไม่ทราบครับ พวกเขาอาจจะแยกกันไป "

            " ถ้าจะจับก็คงต้องจับทั้งสองคน ไม่งั้นเรื่องที่ผมอยู่ที่นี่ก็คงปิดไม่มิด " คาวัลโลครางเบาๆ สีหน้าครุ่นคิด

            "....จับตาย ถ้าจำเป็น "ชีคหนุ่มบอกเสียงห้วน ทำให้ทุกคนชะงัก

             " แต่ว่า......." รามิลออกปากค้านขึ้นมา

             " เรื่องนี้มันอาจลุกลามเป็นปัญหาระหว่างประเทศ.." ราเซย์มีสีหน้าลังเล ไม่แน่ใจ

             "...สั่งให้ทหารรักษาการชายแดน ตามจับมาให้ได้ ต่อให้ได้แค่ศพก็ตาม การเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายมีโทษไม่มาก แต่ในเมื่อกล้าจะก่อการกบฏ..." ชีคหนุ่มเอ่ยเสียงเย็น กวาดตามองสองพี่น้องข้างกาย " มีโทษฐานเดียวคือประหารชีวิตเท่านั้น ! "

           " อัลชาอ์ นี่มัน....."

           " หรือคุณพอใจจะถูกทำร้ายโดยไม่ตอบโต้ "อัลชาอ์สบมองดวงตาสีน้ำทะเล ถามกลับเสียงเรียบ

            "มันไม่ใช่...แต่ผม....." คาวัลโลผงะไปกับแววตาสีนิลที่วาวโรจน์ มาเฟียหนุ่มอ้าปากอธิบายอย่างเร่งร้อน ไม่ใช่ว่าเขาหายโกรธหรืออะไร แต่ว่า ยามนี้ที่มีสติพอจะคิดอะไรได้ถี่ถ้วน การทำแบบนี้ไม่ต่างกับการฆ่าตัวตายชัดๆ

            "...ใครที่ไม่ทำตามคำสั่ง จะเจอโทษเดียวกับพวกที่กล้าเข้ามาก่อความวุ่นวายในนี้..." อัลชาอ์ลุกยืนขึ้นจากเก้าอี้ สีหน้าเรียบสนิท " ผมมีคำสั่งนี้ไปยังผู้บังคับการทุกหน่วยของเราแล้ว"
 
           "....เรื่อง....."

           " ไม่ทำตามคำสั่ง  มีโทษประหารชีวิต "

                 คาวัลโล ชะงัก อ้าปากค้างกับอัปกริยาหันกันแบบไม่คิดชีวิตของชีคหนุ่ม ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีใจที่มีคนมาโกรธแค้นแทนตนเองและคอยดูและขนาดนี้ แต่กับปัญหานี้น่ะ มันจะเกินไปรึเปล่า
 
            หมับ
 
        " ผมขอคุยกับคุณสองคน " มาเฟียหนุ่มคว้าแขนหนาพลางออกแรงกระชากเบาๆ ทำให้ร่างสูงชะงัก

          ".....ผมกำลัง..." อัลชาอ์มีสีหน้าเคร่ง ออกปากท้วง

   
        " เรื่องสำคัญ..." คาวัลโลจ้องสบแววตาสีนิลเขม็ง ให้คนมองชะงัก..
 

         "...ก็ได้.....รามิล ราเซย์ ออกไปก่อน " อัลชาอ์ยอมนั่งลงในที่สุด ขณะที่สองพี่น้องตระกูลเซฮามัคค้อมตัวลงและเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [20] คืนนิทรา UP !! 3/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 13-02-2011 01:59:18
ปัง...

        เสียงปิดประตูดังขึ้น ทำให้ความเงียบลอยอวลอยู่ในบรรยากาศ คาวัลโลจ้องมองสีหน้าเคร่งขรึมของชีคหนุ่มข้างกายแล้วถอนหายใจแผ่วเบา เขาละมืออกจากแขนหนา สีหน้าครุ่นคิด

         " ผมรู้ว่าคุณทำเพื่อผม แต่แบบนี้มันไม่ได้ส่งผลดีอะไรเลย "...เปรยออกมาเบาๆ ทำให้คนฟังชะงัก

         " ไม่ใช่แค่คุณ แต่เพื่อตัวผมและประเทศของผม...การที่ผม"ยอม"ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รู้ คาวัลโล บางทีเราก็ต้องทำอะไรเพื่อให้พวกมันรู้เสียบ้าง " อัลชาอ์ถอนหายใจ พลางออกปาก

         "คุณบอกว่าสิ่งสำคัญที่มาเฟียรักษาไว้ได้ด้วยชีวิตคือเกียรติของตนเอง แต่กับผม...สิ่งสำคัญทีต้องปกป้องรักษา ไม่ใช่แค่เกียรติของตน แต่เป็นเกียรติของประเทศด้วยเช่นกัน ผมในฐานะเจ้าของประเทศ ผู้ปกครองประเทศนี้ จะต้องปกป้องอธิปไตยของชาติ ไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรตามอำเภอใจ เซเนียยาแม้จะไม่ใช่ประเทศใหญ่ แต่อย่างไรนี่ก็คือประเทศของผม เรามีกฏหมายของเรา มีกฏระเบีบให้ปฏิบัติตาม ไม่ใช่เป็นที่ๆใครก็ได้จะมาทำอะไรตามอำเภอใจ "  

        " .............." คาวัลโลชะงัก...มาเฟียหนุ่มหรี่ตาลงน้อยๆด้วยท่าทีครุ่นคิด

         " ก็ถูกของคุณ " เขารำพึงออกมาเบาๆ "แต่ว่า การจะลงทุนด้วยเรื่องนี้....ไม่เห็นจะต้องเอาชีวิตเจ้าพวกนั้นมาอ้าง " มาเฟียหนุ่มส่ายหัว

         " ผมไม่ได้อ้าง แต่พวกเขาทำผิดจริง เกียรติภูมิของประเทสถูกเหยียบย่ำ ด้วยน้ำมือคนต่างชาติ..ผมไม่มีสาเหตุอะไรจะต้องปราณี..."

         " ถ้าพูดถึงเรื่องประเทศ...อัลชาอ์ คนพวกนั้นเป็นคนของประเทศผม...เช่นเดียวกับที่คุณมีหน้าที่ปกป้องประเทศ รัฐบาลของผมก็มีหน้าที่ปกป้องชีวิต
ประชาชน ยิ่งกับเจ้าพวกที่มีฐานเสียงในสภาด้วยแล้ว.." คาวัลดลขมวดคิ้ว ครางออกมาเบาๆ "ผมกลัวมันจะถุกแทรกแทรงด้วยอิทธิพลของประเทศอื่นน่ะสิ..."

         " นั้นเป็นเรื่องของการฑูต..กับ เรื่องของการตกลงผลประโยชน์ " อัลชาอ์หรี่ตาลงช้าๆ สีหน้าครุ่นคิดพอกัน " เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่ผมปล่อยมันไปไม่ได้.."

         "...แต่บางที ถ้า....."
 
       " หรือคุณ เป็นห่วง? อัลชาอ์เลิกคิ้ว สีหน้าประหลาดใจพอควร " ห่วงคนที่ทำแบบนี้กับคุณเหรอ? คาวัลโล "

          ฝ่ามือหนาเอื้อมจับมือซ้ายที่มีผ้าพันแผลสีขาวพันไว้แน่น สีหน้าไม่เข้าใจของชีคหนุ่มทำให้คนมองส่ายหัว  คาวัลโลวางมือขวาลงบนฝ่ามือหนาที่กุมมือของตนไว้เขาบีบมันเบาๆ และสบมองนัยน์ตาสีนิลของคนตรงหน้า..

          " ไม่.....ผมเป็นห่วงคุณ..."
 
           "......"

            " ราฟาเอลโร่กับฟิลิเป้มันจะเป็นจะตายผมไม่สนหรอกนะ แต่อย่าลืม...พวกมันไม่ได้มีแค่ตัวมันสองคน คุณยังไม่รู้จัก"ความแค้น"ของคนพวกนี้ดีพอ...อัลชาอ์..." นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองสบอย่างแน่แน่ว หากไม่ได้คิดไปเอง อัลชาอ์ก็บอกตัวเองว่าเขาเห็นแววตาที่แฝงความห่วงหาไว้อย่างชัดเจน  " คนๆหนึ่งตายในประเทศของคุณ ต่อให้พวกเขาทำผิดจริง คุณก็ยังไม่มีสิทธิจะตัดสินยังไม่มีสิทธิ์จะจับตายพวกมันอย่างที่ใจคุณอยาก ใครว่าผมไม่เเค้น แต่ถ้าพวกนั้นตายไปแล้วคนของพวกเขาตามมาเอาเรื่องคุณ อะไรจะเกิดขึ้น "

           ".....เรื่องนั้นผมรู้..." อัลชาอ์รับคำเสียงเบา " แต่การปิดข่าว..."
 
         "...คุณก็รุ้เรื่องการแทรกแทรงระหว่างประเทศดี พวกสายลับที่เข้ามาก่อข่าว ก่อเรื่องสร้างความแตกแยกสร้างความวุ่นวายจนเกิดจลาจล...ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น คุณรุ้จักความร้ายการจของมาเฟียน้อยไป อัลชาอ์ ผมไม่อยากให้คุณเสี่ยงโดยเฉพาะในตอนที่ประเทศของคุณยังมีพวกหนอนบ่อนไส้อยู่แบบนี้.."

          "....จะบอกให้ผมยอมปิดตาลงข้างหนึ่ง...แล้วให้พวกเขาลอยนวลไปง่ายๆงั้นหรือ? ..." ชีคหนุ่มพ่นลมหายใจลงช้าๆ

           "...แค่พวกมันสองคนก็พอ..." คาวัลโลเผยรอยยิ้มร้าย " ผมไม่ได้ห้ามคุณจับ แต่ขอแค่จับเป็น ต่างคนก็ต่างเป็นคนสำคัญของแกงค์นั้นทั้งคู่ คุณก็แค่จับตัวมาขังไว้ เราเรียกร้องอะไร ต้องการอะไร พวกเขาเหรอจะไม่กล้าให้ ในเมื่อมีคนของตัวเองอยู่ตั้งสองคน"

           " หือ?...ร้ายกาจ " คาวัลโลฟังแล้วหัวเราะเบาๆ ดีใจที่ในที่สุดเขาก็ทำให้อัลชาอ์กลับมาอารมณ์ดีได้อีกครั้ง

           " แน่นอน ก็ผมเป็นมาเฟียนี่ "

           "...แล้วคุณกับคนพวกนั้นมีความสัมพันธ์กันยังไง? "อัลชาอ์ออกปากถามเมื่อนึกขึ้นได้ สีหน้าคาดคั้น

           " ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร " คาวัลโลเหลือกตาขึ้นมองเพดาน

            " อย่าปิดผม " นัยน์ตาสีเข้มคู่นั้นตามมาจ้อง คาวัลโลครางเบาๆในลำคอย่างสิ้นหวัง เมื่อรู้ว่าในที่สุดแล้วตนเองก็ต้อง...ยอมแพ้...

            " ฟิลิเป้มัน....เอ่อ....ว่าไงดี หลงรักผม ล่ะมั้ง..." ว่าแล้วมาเฟียหนุ่มก็ทำหน้าแสยง แต่คนฟังชะงัก ใบหน้าดำทะมึน

           "...หลงรัก "อัลชาอ์ทวนเสียงครียด พลันก็คิดได้ว่าดีแล้วที่เขาไม่จับตายมันเสียเดี๋ยวนั้น และกำลังคิดว่าเขาจะ"ลงโทษ"เจ้าคนๆนั้นอย่างไรดีถึงจะสาสม

           " ผมไม่สนหรอกน่า..." คาวัลโลบ่น ก่อนเจ้าตัวจะถอนหายใจเบาๆ

           "แล้วอีกคน..." อัลชาอ์ถามซ้ำอย่างไม่ยอมละความสนใจ..

           " ผมไม่คิดว่าคุรอยากจะรู้เรื่องนี้ "คาวัลดลมองเสี้ยวหน้าคมที่อยุ่ใกล้ หรุบตาลงช้าๆ...
 
           " หรือมีเรื่องอะไรร้ายแรง " ชีคหนุ่มเอ่ยถามกลับ..

            " ก็......" คาวัลโลบ่นพึมพัม สีหน้าเคร่งขรึม เขามองสบนัยน์ตาสีนิลก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา...

           " นั่นสินะ ยังไงคุณก็ต้องรู้อยู่ดี...ไม่วันใดก็วันหนึ่ง " น้ำเสียงเปรยเบาๆนั้นทำให้คนฟังขมวดคิ้ว กับ...ลางสังหรณ์บางอย่าง. "..จำได้ไหมที่ผมเล่าเรื่องแกงค์ของผม " คาวัลโลเอ่ย ชายหนุ่มเอนตัวพิงพนัก แล้วพ่นลมหายใจลงช้าๆ "  ผมเล่าว่าตระกูลเรกาโซ่ กับกราดอนอยากจะกระชับความสัมพันธ์กัน แต่ทำไม่ได้แล้ว คุณเคยถามว่าเพราะอะไร แต่ผมไม่ตอบ "

          " แล้ว...." อัลชาอ์ทวนคำ คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างเริ่มจะสังหรณ์ใจ ถึงอะไรบางอย่างที่เริ่มเด่นชัด..

            "..สาเหตุที่ราฟาเอลโร่ตามมาฆ่าผมถึงที่นี่ เพราะผม...ไปแย่งคนรักของมันมา..."
 
           " ซิลเวีย กราดอน คือคู่หมั้นของผม "

            "............." อัลชาอ์นิ่ง ชีคหนุ่มไม่พูดอะไรนอกจากจะจ้องมองแววตาสีน้ำทะเลคู่นั้นที่มันจริงจังและมองมาอย่างไม่หลบ บ่งชัด ว่านี่คือความจริง
 
 ชีคหนุ่มรู้สึกว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าแข็งค้าง อยากจะยกริ้มฝีปากมาแสยะยิ้มล้อเลียนตนเอง แต่ก็ทำได้เพียงขยับมุมปากที่สั่นระริกและแแข็งทื่อ

...พลันรู้สึกสมองว่างเปล่า และบางสิ่งบางอย่างในอกพังครืนลงมาต่อหน้าต่อตา..

   คำหวาน..จูบและอ้อมกอดยามนิทรา

 มันคือคำหลอกลวงดีๆนี่เอง..

              " ผมขอโทษ " คาวัลโลหรุบตาลงต่ำ ไม่สบมองแววตารวดร้าวคู่นั้น มาเฟียหนุ่มเสมองไปอีกทาง พลางเอ่ยคำพูดออกมาจากริมฝีปากที่แข็งชืดของตน
 

            "  ผมบอกแล้ว ว่ามันเป็นไปไม่ได้ "
  

           " ไม่ใช่ความผิดของคุณ.." ผ่านโมงยามแห่งความเงียบงันเพียงชั่วครู่ อัลชาอ์ก็เอ่ยปากตอบสั้นๆ ชีคหนุ่มลุดพรวดขึ้นจากเตียงนุ่มที่ตนเองเอนตัวลงไปนั่งอย่างรวดเร็ว

         ใบหน้าคมเข้มทอดมองไปยังบานประตูด้วยสีหน้าเรียบเฉย หากแววตาร้าวไหว แจ่มชัด...

            " เรื่องแผนที่คุณเสนออมา ผมจะลองคิดดู "
 
           "เดี๋ยว! " ฝ่ามือขาวจัดพลันคว้าชายเสื้อโธปสีเข้ม คาวัลโลลุกพรวดขึ้นจากเตียง ร่างกายโซเซไปูบหนึ่งเพราะกำลังมึนงงและยังมีอาอารไม่สบาย แต่อัลชาอ์ก็รีบถลามาคว้าตัวไว้อย่างเร่งร้อน สีหน้าของชีคหนุ่มยังแฝงแววห่วงใยและอาทรไม่จาง แม้จะถูกอีกฝ่ายทำร้ายจิตใจมากเพียงไหน

   นั่นทำให้คนมองรู้สึกปวดแปลบในหัวใจไม่น้อย คาวัลโลเอื้อมมือกำโธปสีเข้มแน่น เขาพยุงตัวขึ้นมาจากพื้นอย่างมั่นคงอีกครั้ง สบมองแววตาสีนิลที่พยายามซ่อนความรวดร้าวไว้อย่างยากเย็น เสี้ยวหนึ่งส่วนใดในหัวอกพลันเจ็บร้าว เสียจนทนไม่ไหว..

     เขาจ้องมองใบหน้าหล่อเหล่าที่พยายามมองไปที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ใบหน้าของตน พลันความสงสารและปวดร้าวก็แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ
 
  ....อัลชาอ์...อัลชาอ์

  คนโง่ คนงี่เง่าที่มัวแต่หลงรักเขาอยู่ข้างเดัยว
 
         ฝ่ามือขาวจัดสัมผัสผิวหน้าทำให้ชะงัก อัลชาอ์ขมวดคิ้ว แม้พยายามเตือนตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบได้ว่าอย่างปล่อยใจให้หลงยินดี หรือปลาบปลื้มกับท่าทางห่วงใยแต่ไม่ได้แฝงสิ่งใดมากกว่านั้นของเจ้าตัวเอีก

บอกตัวเองว่าอย่าไหวหวั่น..มิฉะนั้นก็จะเจ็บร้าว...เจ็บปวด เช่นที่รู้สึกตอนนี้...

    หากแววตาสั่นไหวที่มองมาอย่างห่วงหานั้น กลับทำให้หัวใจเต้นกระหน่ำ...
 
        "...ผมมีเขา แต่ตอนนี้ ผมเป็นห่วงคุณ..."
 
      ผมเป็นห่วงคุณ....

ห่วงใยคุณจากใจจริง....

     สีหน้าของผู้ฟังวูบไหวไปครู่หนึ่ง ก่อนจะระบายลมหายใจหนักอัลชาอ์ก้มไปหาร่างของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้า ขณะที่สมองมีแต่คำว่า"ผมเป็นห่วงคุณ"ก้องสะท้อนไปมา

...   วงแขนหนาโอบรัดร่างเพรียวเข้าหาตัว คาวัลโลหลับตาลงช้าๆเป็นฝ่ายเงยหน้ารับจูบแสนหวานจากชีคหนุ่มตรงหน้าอย่างเต็มใจ

ผมมีเขา...

แต่ผมเป็นห่วงคุณ...

  มีเขาอยู่ทั้งคน...แต่ก็ห่วงใย...

คุณ ที่อยู่ตรงหน้า...

     อัลชาอ์ปรือตาขึ้นมองวงหน้าที่หลับตาพริ้มของชายในอ้อมแขน ดวงใจเสี้ยวหนึ่งรวดร้าว หากอีกเสี้ยวหนึ่งแสนยินดี เต้นสลับกันไปมา

 ทั้งทุกข์ ทั้งสุข...

เจ็บปวด หากแต่ก็สุขสม...รวดร้าว แต่ก้เต้มไปด้วยความยินดี...

เป็นดั่งรสชาติอันขมปร่าแต่หอมหวานของคำว่ารัก..

     ชีคหนุ่มโอบกอดร่างของมาเฟียตัวร้ายในอ้อมแขนแน่นขึ้น ราวกับจะพยายามเหนี่ยวรั้งและฉุดดึงให้คาวัลโล วาลกัสอยู่ข้างกายตนตลอดไป...

ดวงตาสีนิลปิดลงช้าๆ ขณะที่ก้มลงช่วงชิงลมหายใจจากชายหนุ่มในอ้อมกอด ชายที่มีคนรักแยู่แล้ว มีคู่หมั้นอยุ่แล้ว แต่ยังห่วงใย เป็นห่วงตนที่อยู่ตรงหน้า...

...คนๆหนึ่ง จะทนกับความปวดร้าวได้มากแค่ไหน..อัลชาอ์อยากรู้นัก

คนหนึ่งคน จะทนรักและรับความเจ็บปวดจากความรักนี้ได้มากแค่ไหน...ตนอยากรู้ และได้วางเดิมพันไว้กับชายหนุ่มตรงหน้า..

....จะอดทน"รัก"คุณแบบนี้ได้นานแค่ไหนกัน..

 คาวัลโล วาลกัส

   หวังเพียงว่าเมื่อในวันหนึ่งถึงจุดสิ้นสุดของความอดทนนี้ ทั้งคุณและผม จะไม่มีใครต้องเสียใจภายหลัง...
...............................................................................

อืมมมมมมมมม.... จะว่าไงดี
 
    ออกอาการตื้อๆตันๆเมื่อเขียนตอนท้ายๆนี้ เฮ้ออออ...จะว่าสงสารท่านชีคมั้ย สงสารสิ มากด้วย ท่านชีคอัลชาอ์ช่างเป็นผุ้ชายที่แสนดีหนักหนา ส่วนคาวี่มันก็...นะ เอ็งนี่มัน..เฮ้อ...เลี้ยงไข้นี่หว่า...ประเภทที่ไม่รัก แต่ก็ยังให้ความหวัง .แต่จะว่าอะไรมากนักก็ไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นเรื่องที่ขึ้นอยุ่กับคนสองคน.. แต่ก็ยังดีน่า ที่คาวี่มันยัง"ห่วง"ได้บ้างแล้ว ไม่ใช่ทำร้ายจิตใจเขาก็นิ่ง ทำคนอื่นเขาเสียใจก็เฉย มันแอบมีพัฒนาการอยุ่ในความเจ็บปวดของท่านชีคล่ะนะ..

มีเขาอยู่ แต่ผมเป็นห่วงคุณ
    อารมณ์อาจจะเหมือน "ฉันรักคุณแต่ประภาคารก็สวยดี"ของคุณปราย"พันแสง ล่ะมั้ง ( อย่าทำหน้าเหมือนไม่ได้อ่านนะ บอกมาเซ่ว่าอ่านนนนน ) ประมาณว่าฉันรักคุณนะ แต่คนที่ฉันอยู่ด้วยตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน จะเป็นไรไปล่ะถ้าเราไม่ได้อยู่ในประภาคารแต่ได้จ้องมองแสงของมันเพียงไกลๆก็รู้สึกดีแล้ว อารมณ์ประมาณ "รักเธอแต่กอดคนอื่น" หวานปนขมกล้ำกลืนเหลือประมาณสำหรับคนที่เจอคนแบบนี้ (ซวยแท้ท่านชีค)
 ....ซิลเวีย กราดอน...โผล่มาแค่ชื่อก้ทำช๊อคได้ ฮ่าๆเป็นสาวอีกคนที่ปุ้ยชอบมากมายในเรื่องนี้ (รองมาจากคุณแม่อลิซล่ะมั้ง)สมน้ำหน้าราฟามันซะแบบนั้น ถือว่าการที่ซิลเวียมาหมั้นกับคาวี่ ก็เออ สาสมดี เพราะแกทำตัวเองล่ะ ราฟา (สปอยล์ 555+) แต่ประเด็นที่คาวี่มันทำแบบนี้กับคนอื่น อันนั้นไม่นับ
   ตอนนี้อาจจะเครียดๆบ้างนิดหน่อย รู้สึกว่าไม่มีใครเกิด"รักแรกพบ"กับคาวี่แบบท่านชีคสักเท่าไหร่ อารมณ์ประทับใจหน้าตาคงใช่แต่กับนิสัย คาวี่เจอกับใครก็ฉะกับชาวบ้านเขาตลอด ตั้งแต่ฮาซาน มารามิล แล้วก็ราเซย์ กระทั่งอัลชาอ์เองก็เถอะ ตอนแรกก็วิวาทฟาดปากกันไปมิใช่น้อย คาวี่อาจจะเป็นพวกที่นานๆไปถึงจะนึกชอบมาได้ล่ะมั้ง 555+
    เอาเอ็มวีนี้มาฝาก ไปเจอมาจากบอร์ดดราม่า

ดูแล้วร้องเหยยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
        คลิ๊ก (http://www.youtube.com/watch?v=vscmxyoXpCE)
แทบจะเขย่าจอคอมพ์ ท่านชีคโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เอ็งไม่ได้อยู่ตรงนั้นใช่ม้ายยยยยยยย
อยู่ในนี้ต่างหาก 555+
    คลิ๊ก (http://www.youtube.com/watch?v=3IAnw_sFkN8&feature=related)
(ชอบเอ็มวีนี้มากมายค่ะ )
ย้ำว่าคนที่อ่านเรื่องนี้ ต้องดูเอ็มวีนี้ให้ได้ โฮะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 13-02-2011 02:05:09
ปล. ด่วนๆๆๆๆ ค่ะ ประกาศๆ

ในฐานะที่ตอนนี้ใกล้วา่เลนไทน์ขึ้นมาทุกที อยากถามว่าใครอยากได้ ตอนพิเศษเกี่ยวกับวาเลนไทน์บ้างค่ะ
คู่ไหนก้ได้ไม่เกี่ยง ใครมีไอเดียดีๆลองเสนอมาได้ค่ะ หุหุ (แบบสมมุติสถานการ์ณก็ได้ )
เรื่องเรทไม่เอา Nc นะฮ้าฟฟฟ เอาแบบว่าเกือบๆน่ะพอได้ (555+)
อยากได้คุ่ไหนก็บอกกันมาได้ค่ะ ไอเดียใครเจ๋งๆจะแต่งออกมาซักตอนส่งท้ายวาเลนไทน์ (ไม่ได้บอกว่าต้อนรับ เพราะคาดว่าจะแต่งไม่ทัน 14 กุมภา :laugh:)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 13-02-2011 02:15:33
อ๊ากกกกกกก ค้างง่ะ

ตอนจบของตอนนี้จะสื่อไรมั๊ย ไม่หรอกนะ อิคนอ่านหมกหมุ่นไปเอง  :haun5:

ไม่เข้าใจ พี่คนเขียนจะสปอยล์ทำไม มันอยากรู้นะเฟ้ย  :angry2:

ตอนมีชื่อนางคู่หมั้นออกมา คิดอย่างเดียวว่าหมั้นแต่ไม่ได้รัก (บอกเค้าหน่อยว่าไม่ได้รัก)

ตอนนี้คาวี่ ดูเจ้าชู้มาก ให้ท่าเขามากนะอิหนูน่ะโคดให้ความหวังเลย เริ่มหมั่นไส้จริงๆจังๆแล้วนะ ฮ่าๆ

ปล.เรื่องตอนพิเศษ ขอ....ราเซย์ รามิล ฮาซาน 3P ได้ม่ะ ??


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: ammer ที่ 13-02-2011 02:22:12
มีลางว่ามาม่าจะอืดดดดดดดด :z3:
สงสารชีค  :m15:
คาวี่ไม่รักก็อย่าให้ความหวังสิอิหนู :serius2:
เจ็บอมขนกลืนจริงๆ :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 13-02-2011 02:26:30



   กระซิกๆๆ เจ็บแค่ไหนก็ยังทน เจ็บแค่ไหนก็ยังรัก น่าสงสารคุณชีคจริงๆ
   ว่าแต่ว่ามิสเตอร์คาวัลโลคะ นั่นคือคุณได้พยายามไม่ให้ความหวังแล้วใช่ไหม

   แต่ก็ว่าจะ คนมานเสน่ห์แรง ขนาดไม่ได้ให้ความหวัง ให้แต่ความเกลียดก็ยังมีมิสเตอร์ฟิลิเป้คอยตาม



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 13-02-2011 02:29:32



   เรื่องตอนพิเศษวาเลนไทน์ กลางทะเลทรายอย่างเซนียาคงไม่มีการฉลองวาเลนไทน์หรอกมั้งคะ คนละศาสนาเลยอ่า
   แต่ถ้าเป็นคุณคู่แฝด คงฉลองกันชัวร์!!



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 13-02-2011 02:55:31
เจ็บปวด ดด  :serius2: :serius2:
สงสารชีคอ่ะ ไม่คิดว่าคาลจะมีคู่หมั้น เฮ้อ อ อ อ :z3:

เราว่าตอนนี้คาวี่มันชอบชีคแล้วล่ะ ฮ่าๆ ๆๆๆ
ถ้าไม่ชอบ ไม่สนใจ มันจะรู้สึกแบบนั้นเหรอ??
แต่ตอนจบมันจะเป็นแบบไหนก็ยังเดาไม่ออกเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 13-02-2011 03:22:27
โห ท่านชีคหนุ่ม
ตกบ่วงเสน่ห์ของคาวี่ไปไหนไม่รอดซะแล้ว
ไม่ว่าจะมองทางไหน ก็เป็นไปไม่ได้สักทาง
มีทางเดียว
กักขังด้วยกุญแจมือ ล่ามไว้ด้วยโซ่
ฮึฮึ  o18ชั่วพอมะ
หรือไม่ก็เป็นฝ่ายทำให้คาวี่รักเท่านั้นล่ะมั้ง :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: lolilo ที่ 13-02-2011 03:35:10
อ่านแล้วสงสารอัล
ทำไมว่ะ แมร่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 13-02-2011 03:43:54
เฮ้อสงสารท่านชีคอ่ะอ่านแล้ว
คิดถึงเอ็มวีแพ้คำว่ารักของCalories Blah Blahเลยค่ะ
แพ้คำว่ารัก (http://www.youtube.com/watch?v=yEkrQz-8lMI&feature=related)
ลองเข้าไปฟังนะ มันสุด :o12: :o12: :o12:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 13-02-2011 09:12:54
 :serius2: :serius2: :serius2:

อัลขาาาาา ทำไมน่าสงสารแบบนี้  โดนอิหนูคาวี่มันทำร้ยจิตใจตลอดเวลา โถ่ๆๆๆพ่อคุณทูนหัว

อิหนูคาวี่ก็เหมือนกัน รู้มั๊ยว่าทำแบบนั้นมันให้ความหวังเค้าโคตรๆๆๆๆ 

PS.1 เรื่องเอ็มวีๆ   :m20: :m20: ก็ขอให้อัลโผล่มาในอันที่สองนะค่ะ ถ้าอันแรกนี้  o22
PS.2 วาเลนไทน์นี้ อยากอ่านเรื่องคุณพี่ฝาแฝดของคาวี่อ่ะค่ะ ถ้าจะหวานมากกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 13-02-2011 09:48:30
คาวี่ดูเหมือนจะเริ่มมีใจให้ท่านชีคนะนั่น

ปล.ตอนพิเศษ ขอเป็น คาวี่กับท่านชีคเถอะ อยากให้คู่นี้หวานกันมั่ง

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Saffron ที่ 13-02-2011 10:13:49
โอ๊ยย เด๋วมาอ่านน๊าา เรียนอยู่

555555555555555



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 13-02-2011 10:16:31
  :z3:โธ่...น่าสงสารท่านชีคจังเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 13-02-2011 10:27:41
ทำไมคาวี่ทำกับท่านชีคอย่างงี้ ให้ความหวังกันทำไมอ่ะ ใจร้าย :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: liptudzii_chi ที่ 13-02-2011 11:01:52
 :o12: คนอ่านเจ็บหัวใจไปพร้อมๆกับท่านชีคเลย ภาวนาอย่าให้คาวี่ทำร้ายท่านชีคไปมากกว่านี้ :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 13-02-2011 11:15:36
อย่าให้ความหวัง ....เกิดฉันเหงา และไม่ทันคิด

รับได้ใช่มั๊ย ถ้ามีใครเจ็บเพราะเธอ ?????


คาวี่ ไม่รักก็อย่าทำแบบนี้นะลูก สงสารชีคมันบ้าง

แค่นี้ก็เพ้อจะตายแล้วว ... ขอมากกว่าคำว่าห่วงน่ะ ...ได้มั๊ย

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 13-02-2011 11:23:18
โอ้โห ดูเหมือนว่า หนมางจะยาวไกลเสียเหลือเกินนนนน  :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 13-02-2011 11:23:59
กรี๊ด..คาวี่ทำอย่างนี้ได้ยังไง
คู่หมั้น ..แถมไปฉกเขามาด้วย..โอย
สงสารอัลชาร์ซะจริง เวรกรรมนำชักแท้มารักมาชอบเด็กร้ายกาจอย่างนี้ อยู่ด้วยไปนานเข้าจะรักท่านชีคของเดี้ยนขึ้นมาบ้างไหมเล่า เฮ้อ :z3:

พูดถึงวาเลนไทน์ก็ขอคู่คาวี่กับอัลชาร์นี่แหละ เอาหวานๆหน่อยเถอะ เพราะในเรื่องโดนคาวี่มันร้ายใส่ตลอดๆๆ

..นะจ๊ะ..เจ้  ฮี่ๆๆ :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 13-02-2011 11:34:22
อ่านตอนนี้แล้วสงสารท่านชีคแต่ดูเหมือนหนูคาวี่ก็เริ่มมีใจบ้างแล้วใช่มั้ย?

เอิม... เรื่องวาเลนไทน์ ขอควบสองคู่ได้ป่ะ  :impress2:

อยากรู้ว่าทะเลทรายเวลาหวานจะเป็นงัย (แอบให้กำลังใจท่านชีค)

อีกคู่แค่คิดมดก็เดินกันมาเป็นรังแล้ว

แต่ยังงัยก็แล้วแต่ไรท์เตอร์นะคะ จะรออ่านจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 13-02-2011 11:39:07
javascript:void(0);สงสารอัลชา~~~~~~~
javascript:void(0);คาลให้ความหวังโคตร

เจอแบบนี้ฆ่ากันเลยดีกว่า javascript:void(0);javascript:void(0);javascript:void(0);

ปล.วาเลนไทน์ อยากอ่านของคู่เอก
ปล2.เอ็มวีอันที่สองสวยมากจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 13-02-2011 11:50:50
 :serius2:สงสารท่านซีคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค


เมื่อไหร่จะรักกันน้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 13-02-2011 12:56:31
สงสารอัลชาร์อ่า ทำไมคาวี่ทำแบบนี้เนี่ยยยยยย :z3:
คาวี่ใจร้ายยยยยยย :o12:
แต่ถึงงั้นก้เถอะ อย่างน้อยก้มีคำว่าห่วงมาพอให้คนอ่านได้หวังไปกับท่านชีค :เฮ้อ:
แต่ Serin เมื่อไหร่คาวี่มันจะได้เป็นเมียอัลชาร์สักที  :serius2: หึหึ

ปล.ตอนพิเศษขอคู่นี้แหละ อัลชาร์กะคาวี่ เอามาทดแทนตอนนี้ที่ท่านชีคเจ็บปวด
อยากได้หวานๆกลางทะเลทราย นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: monster_narak ที่ 13-02-2011 14:56:32
 :monkeysad: :m15: :sad11:

สงสารท่านชีคจังเรยยย

ขอไห้คาวี่ใจอ่อนมารักชีคตอบสะที

ป้าจะลงแดงตาย

สงสารคนรักข้างเดียวเจ้าคเา
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 13-02-2011 15:24:08
เริ่มเข้มข้นทุกทีแล้ว ชอบมากเลย

ชอบเรื่องนี่ตรงไม่งองแงง อ่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: chompoonut139 ที่ 13-02-2011 15:39:46
ท่านชีคน่าสงสาร

ทิ้งคาวี้แล้วมาสบอกป้าก็ได้น่ะค่า

อิอิ


 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 13-02-2011 15:44:10
เรื่องมันเศร้า...แต่ความหวั่นไหวของคาลมันเหมือนแสงแห่งความหวังนะ
ไม่รู้ว่าอัลต้องเจ็บอีกกี่ครั้ง แต่ก็อยากให้รอต่อไปอ่ะ อย่าเพิ่งหมดความอดทนนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 13-02-2011 16:04:24
อ๊ากกกกกกกกกก อ่านแล้วสงสารท่านชีคจริงๆๆ  ผมเป็นห่วงคุณ คำนี้คำเดียวทำท่านชีคตัดใจไม่ได้อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 13-02-2011 16:04:45
ฮากกกกกกกกกเจ็บปวดอีกแล้วตอนนี้
ตอนที่คาวัลโลสราภาพ เราก็แอบใจหายตามชีคไปเลยอ่ะ
งานนี้วัดใจกันหน่อยนะชีคนะ
รักเธอกอดคนอื่นนึกภาพออกเลย
แต่คำนี้อย่างเจ็บอ่ะ..ผมบอกแล้วว่ามันไปไม่ได้
แล้วเคลิ้มทำไม -..-
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 13-02-2011 16:28:51
โอ้ยยยยยยยย


คาวัลโลมีคู่หมั้นแล้วอ่ะ



ตายๆๆๆเจ็บปวดแทนซีคอ่ะ



แล้วจะทำไงล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 13-02-2011 17:48:46
 :z3: :m15: :o12:   โอ้ยยยยยย  ทั้งเศร้าทั้งหดหู่ สงสารอัลชาห์อะ    ก้อนะคนมันรักทำไงได้ :เฮ้อ:
คาวี่ก้อนะ  ไม่ได้รักแน่หรอเนี่ย  :serius2: แล้วมาเป็นห่วงทำไม  ให้ความหวังนินา :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [1] 1/10/53
เริ่มหัวข้อโดย: keekeekub ที่ 13-02-2011 18:17:44
 :impress3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 13-02-2011 20:13:45
  กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด   :serius2:
  ไรเตอร์คร๊า ทำไมเรื่องนี้มันอยู่ในเล้าด้วยหละเนี่ย  เสียเวลารออ่านที่ Dek-d ตั้งนานแง่งๆ 
  อ่านแล้วสงสารอัลซาล์มากๆเลยอ่ะ คาวี่ใจร้ายมากๆ 
  แต่นอกจากจะคิดว่าอัลซาล์ตอนก่อนๆทำหน้าที่ไม่สมกับซีคแล้ว 
  ตอนนี้กลับรู้ว่าอัลซาล์โมโหง่าย  โหด และหึงแรงเป็นที่สุด 
  แต่สองคนนี้ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะเนี่ย  โดยเฉพาะคาวี่จังอ้อนเหมือนลูกแมวเลยอ่ะ  น่ารักๆ
  ตอนนี่เลยกลายเป็นหนูคาวี่ที่ต้องคอยเตือนสติอัลซาล์  อิอิ 
  ไม่อยากให้เรื่องนี้จบเศร้าเลยอ่า   สาธุๆ :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 13-02-2011 20:21:22
โถ คู่นี้ มันจะได้รักกันมั้ย
จู่ๆก้ค้นพบว่าน้องหนูคาวี่มีคู่หมั้นเป็นชะนีน้อยแล้วทั้งคน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 13-02-2011 20:24:21
เมื่อไหร่จะหวาน
โดยที่ไม่มีมาม่าเนี่ย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 13-02-2011 20:28:24
ความรักทำมีแต่ขวางหนามเต็ไปหมด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 13-02-2011 21:36:09
ตายล่ะ...2จิต2ใจเหมือนกันเลยพี่คาล 5555555
มีอยู่แล้วแต่เราก้ปันให้กะคนอื่นด้วย กร๊ากกกกก
ไม่ดี ๆๆ น่าสงสารทั้งเค้าและคนของเราเลยเนอะ
แต่ว่าในที่นี้..ขอล่ะ ปันใจให้อัลชาห์เต็มที่เลยฮะ*0*
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 13-02-2011 22:10:08
สงสารทั้งคู่เลยอ้ะ ทั้งท่านชีคและก็คาวี่
จะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งมั้ยน้อ   :m15: :m15:
ชอบราเซย์อ้ะ ร้าย ๆ กวน ๆ ดี    :L1:

ปล.อยากเห็นตอนพิเศษของ ผู้ร้ายเรื่องนี้ ราฟ กับ ฟิลิเป้  :z1: :z1:
ปล.2 ราเซย์มีคู่รึเปล่าค่ะ  แต่ที่แน่ ๆ คนนี้เกดจอง  :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 13-02-2011 23:04:34
กรีสสสสสสส  อะไรเนี่ยยยยยยย
คาวี่........  โอ๋ๆ  อัลชาร์  อย่าเพิ่งท้อนะ

  กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด   :serius2:
  ไรเตอร์คร๊า ทำไมเรื่องนี้มันอยู่ในเล้าด้วยหละเนี่ย  เสียเวลารออ่านที่ Dek-d ตั้งนานแง่งๆ 
  อ่านแล้วสงสารอัลซาล์มากๆเลยอ่ะ คาวี่ใจร้ายมากๆ 
  แต่นอกจากจะคิดว่าอัลซาล์ตอนก่อนๆทำหน้าที่ไม่สมกับซีคแล้ว 
  ตอนนี้กลับรู้ว่าอัลซาล์โมโหง่าย  โหด และหึงแรงเป็นที่สุด 
  แต่สองคนนี้ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะเนี่ย  โดยเฉพาะคาวี่จังอ้อนเหมือนลูกแมวเลยอ่ะ  น่ารักๆ
  ตอนนี่เลยกลายเป็นหนูคาวี่ที่ต้องคอยเตือนสติอัลซาล์  อิอิ 
  ไม่อยากให้เรื่องนี้จบเศร้าเลยอ่า   สาธุๆ :call: :call:
สาธุๆ ด้วยคนค่ะ   :call: :call:
ไม่จบเศร้านะคะ  ไรเตอร์....
ปล.วาเลนไทน์  ขอโลภหน่อยได้ไหมคะ  คู่คาวี่  คู่พี่แฝด  คู่พี่น้องหน้าเหมือนด้วยอ่ะ  ไม่ต้องNCก็ได้ค่ะ  ขอSweetหวานๆก็พอและ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 13-02-2011 23:08:00
ตอนนี้คาวี่น่ารักจัง  :o8:
แต่แบบ นังคู่หมั้นนี่มาจากไหน  :a5:
ยังไงก็เถอะ เราว่าคาวี่เริ่มจะหวั่นไหวกับท่านชีคแล้วล่ะ  :-[
โฮะๆ ใกล้ความจริงแล้วว  :z2:
อาฮะ ส่วนเรื่องตอนพิเศษอยากได้ท่านชีคกับคาวี่ตอนรักกันแล้วจัง  :sad4:
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 13-02-2011 23:31:08
สุขปนเศร้า...

อดทนหน่อยนะคะชีค ท่าทางคาวี่จะเริ่มมีใจให้บ้างแล้วล่ะ
มาเฟียก็ใจอ่อนเป็นเหมือนกันเนอะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 14-02-2011 01:42:30
มันสุขแบบอึดอัดๆนะนิ สงสารท่านชีค อะไรเป็นคนดีศรีเซเนียยาขนาดเน้ห๊าา  :เฮ้อ:
อ้อ เพิ่งนึกได้ แม่คู่หมั้นนี่ยังมีชีวิตอยู่ดีครบสามสิบสองหรือคะ
ทำไมตอนอ่านตอนที่แล้ว ไม่รู้อะไรดลใจให้เราคิดว่าชีเดดไปแล้วล่ะเนี่ย แบบว่าคิดมั่วๆเอาเอง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 14-02-2011 09:09:38
(http://www.commentnation.com/comments/happy_valentines_day_fireworks.gif)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 14-02-2011 10:54:02
อ่านตอนนี้จบเล้ว โฮๆๆๆ น้ำตาไหลพรากๆเลยอะ สงสารท่านชีค อย่างเเรงอะ ผู้ชายเเบบนี้ ปวดใจเเฮะร้องไห้รับวาเลนไทน์กันเลยทีเดียว ตอนก่อนหน้าหัวใจพองฟูอย่างรุนเเรง ตอนนี้เเฟบอย่างเเรง เเถมอาบเลือดด้วย สามตอนล่าสุดเป็นตอนที่เรียกได้อารมณ์ ต่างกันมากอะ โฮๆๆๆ เลือดไม่มีให้ซับ ถ้าจะซับก็น้ำตาที่กลายเป็นสายเลือดอะ

ปล. สอบเสร็จเเล้วเหรอค่ะ คิดว่าจะนานกว่านี้เเล้วก็ สาวคู่หมั้นเนี่ยเค้าน่าจะเเกร่งพอตัว อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด คุคุคุ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 14-02-2011 12:17:38
จิ้มรีบน
 :z13:
ยังไม่ได้สอบเลยค่ะ เหอๆ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 14-02-2011 23:54:37
เข้ามาจะบอกว่า

Happy Valentine's Day :L2:

เดี๋ยวค่อยอ่าน อิอิ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 15-02-2011 00:38:06
ขอแบ่งความเจ็บปวดจากท่านชีคสักหน่อยได้ไหม :z3:

 :o12: :o12:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 15-02-2011 00:47:46
เข้ามาแฮปปี้วาเลนไทน์ ท่านชีค คาวี่จัง กับพี่คนเขียนจ้่า

อย่าลืมนะตอนพิเศษ ฮ่าๆ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 15-02-2011 18:16:45
เจ็บเรื่อยๆเนาะท่านชีค ความอดทนเป็นเลิศจริงๆ
แอบหมั่นไส้คาวี่เล็กๆ ไม่รัีกแต่ก็ให้ความหวัง
สงสารท่านชีค สุขๆเจ็บๆ เลือกบริโภคเอาเองเน้อ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 15-02-2011 22:18:06
แปะรุปไม่ได้ค่ะ เป็นอะไรไม่รู้ ทำตามขั้นตอนที่กระทู้สอนแปะรุปทุกอย่างแล้ว แต่ยังไม่ได้เลย

ใครทำเป็นสอนหน่อยค่า จะแปะตอนพิเศษพร้อมกับรุปแต่แปะรุปไม่ได้ T T
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: llPETCHll ที่ 15-02-2011 23:15:09
เห้ยยังไง !!

คู่หมั้นมาไงอ่๊าาา -0-!!

ม่ายยยย นะพี่น้องงงงง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: katte ที่ 15-02-2011 23:29:42
มาเเปะรูปแทนเจ้าของเรื่องค่ะ
นาแปะรูปไม่เป็น... :z6:
(http://image.ohozaa.com/i/d28/2e565.jpg)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 15-02-2011 23:34:05
    โอเค ลองมาแปะต่อ

    (http://image.ohozaa.com/i/9bd/44545.jpg)

วาดท่านชีครูปแรก หล่อแบบจริงจัง  :o8:
หล่อขนาดนี้ ยังมีไอ้บ้าบางคนไม่รักไม่หลงอีกเนาะ ง่าวจริงๆ (คาวี่ถีบกลับ)  :z6:
รูปบนคาวี่เมาเหล้า (555+) คือหน้ามันแดงเกิน แถมหูแดงด้วย วาดแบบรีบๆไม่ได้ดูเลยว่าพื้นหลังมันทำปฏิกริยาอะไรกับรุปบ้างแล้วยังสีเสื้อสิ้นคิด 555+ เห็นว่าธีมวาเลนไทน์เลยจับสีแดงสีชมพูยัดไปชุดใหญ่ เอาซะคาวี่เหมือนไอ้บ้าเลย กร้ากก วาดคาวี่เพิ่งเสร็จตะกี้ ทั้งรีบทั้งลน ผลเลยออกมาไม่ค่อยโอเท่าไหร่
     ของชีคด้วยทั้งทะเลทรายแดงทั้งคาฟิยะห์แดง แต่อัลชาอ์หน้าไม่ค่อยจอยกับเทศกาลเท่าไหร่ เห็นว่าไม่เกี่ยวกับประเทศเขา แถมอารมณ์ค้างจากตอนที่แล้ว
 จะว่าไปแล้วสีผมอัลชาอ์เข้มกว่านี้น่ะ *-*
 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 15-02-2011 23:41:01
  (http://image.ohozaa.com/i/1ab/alex2.jpg)

โพสต์ติดแล้ว กรี้ดกร้าด 555+

 อิคู่แฝดนี่หวานเกินไม่ไหวจะเคลียร์ แอบคิดว่าพวกเอ็งน่าจะจัดงานแต่งไปให้รุ้แล้วรู้ิรอดนะ 555
วาดไปหน้า่สองคนนี้ไม่ค่อยเหมือนกัน อาจจะเพราะทรงผม กับสีหน้าด้วยมั้ง แล้วยังสูทอเล็กซิสสีชมพู5555+
เขียนวาเลนไทน์ผิดหมดเลย อับอายจริงๆ  o6

เดี๋ยวเอาตอนพิเศษมาลงค่ะ ตรวจอักษรแป๊ป
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 15-02-2011 23:53:35
มาดักรอตอนพิเศษ o18

ท่านชีคหล่อมากกกกกกกก  :m3:

คู่แฝดนี่อารมณ์หน้าไม่เหมือนกันเลยเนาะ ฮาาา าา

คาวี่นี่เหมือนคนเมาจริงจัง นอกจากจะหน้าและหูแดง สีหน้ามันยังดูกึ่มๆด้วย ฮ่าๆ

รอก็เธอเมื่อไหร่เธอจะ เมาจริง เมารักอัลชาห์ (กรี้ดดด มุกลิเกมาก)

ปล.ถ้าเค้าคั่นก็ขออภัยจริงๆ  :m5:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 16-02-2011 03:09:46
Special : Happy Valentine ?

วันวาเลนไทน์...
ไร้สาระ
วันวาเลนไทน์..
ไม่ว่าง
วันวาเลนไทน์...
เอาของขวัญมาให้ผมสิ !!!

..............................

วันวาเลนไทน์...

      " ไร้สาระ" สิ้นคำตอบสั้นๆอย่างไร้ซึ่งความสนอกสนใจใดๆออกมาจากปากของท่านชีคอัลชาอ์ มูอัสซินแห่งเซเนียยา ทำให้ความเงียบลอยอวลอยู่ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ ร่างของชายผู้นั่งรอคำตอบโดยวางปลายคางลงกับแขนตนเองบนพนักพิงของเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ขยับยุกยิก สีหน้าหงิดทันควัน
      
       " โหดร้ายจริง " ถ้อยคำตัดพ้อนั้นทำให้คนฟังเลิกคิ้ว หัวเราะหึ นัยน์ตาสีเข้มปรายจากเอกสารบนโต๊ะไปยังร่างของคนพูดที่นั่งมองหน้าตนอยู่ อัลชาอ์ขยับยิ้มมุมปาก สบมองดวงตาสีน้ำทะเลที่จ้องมองมาทางตนเขม็งเเลิ้วค่อยเลิกคิ้วขึ้นอย่างเนิบช้า

       " มันไม่ใช่ประเพณีของผมเสียหน่อย "

        " ไม่เกี่ยวกับศาสนาซักหน่อย " คาวัลโลหน้านิ่วมองหน้าคนพูดแล้วออกปากค้านเหยง " เทศกาลแห่งความรักนะครับ รู้จักม้ายยย ความรัก ความรัก ไม่ใช่เรื่องของศาสนา ประเพณี หรือว่าเพศไหนอะไรทั้งสิ้น...รักไม่มีพรมแดนไง.."

        " ...กับคนที่บอกปาวๆว่าตัวเองรักใครไม่เป็น ยังจะมาขอ ? "อัลชาอ์เลิกคิ้ว มองสบนัยน์ตาที่กระพริบปริบๆมองมาอย่างเชื่องช้าด้วยสีหน้ากึ่งขบขัน กึ่งพึงใจ

        "ไม่เห็นเกี่ยวซักหน่อย " มาเฟียหนุ่มยักไหล่ด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ " มันเป็นเทศกาลวัดเรทติ้งตั้วเองต่างหาก อีกอย่าง...ถ้ามีคนมาให้ก็ต้องรับไว้สิ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรักเท่านั้นเสียหน่อย "

         " เรทติ้ง ? "อัลชาอ์เลิกคิ้ว มองเจ้าคนพูดด้วยสีหน้าแปลกใจ

          "อ่าฮะ...ปีที่แล้วผมได้มาตั้งยี่สิบสองกล่องนะ นัดเดทอีกสี่ราย แต่ละคนลูกสาวเจ้าพ่อ นักการเมือง นักการฑูตทั้งนั้น.." ว่าแล้วคนสเน่ห์แรงก็หัวเราะหึๆด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ส่วนคนฟังเลิกคิ้ว ยิ้มมุมปากออกมาน้อยๆ

          " แล้วปีนี้.........? "

         " ก็รออยู่ไง " ว่าแล้วมาเฟียหนุ่มก็หัวเราะร่วนจ้องมองสบดวงตาสีดำสนิทที่มองมาด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับ

        "...ก็ดี....งั้นก็ไปสิ " ชีคหนุ่มออกปากสั้นๆ ก้มหน้าลงมองเอกสารในซองสีน้ำตาลประทับตราในมือตนอีกครั้ง

        " ไปไหน? "คาวัลโลอ้าปากหวอ มองหน้าคนพูดอย่างงวยงง

        " ก็ไปซื้อดอกกุหลาบมาให้ผมไง "

         " หา? คุณสิต้องเอามาให้ผม..."

วันวาเลนไทน์..

         " เอาของขวัญมาให้ผมสิ !!! "

          "หึ...ฮ่าๆ..." คราวนี้คนฟังถึงกับหลุดขำ อัลชาอ์ส่ายหัวพลางมองสีหน้ากระฟัดกระเฟียดของชายหนุ่มตรงหน้าด้วยดวงตาวิบวับ ทั้งยั่วล้อทั้งขบขัน

         " ที่แท้ก็อยากได้ของขวัญ...ร้องขอเอาเหมือนเด็กเลยนะ คาวัลโล มีเทคนิคกว่านี้หน่อยสิ "

           " อ้อมโลกไปมากว่านี้คนซื้อบื้ออย่างคุณจะรู้ก็คงปีหน้าโน่นล่ะ " ว่าแล้วก็แลบลิ้นแผลบเข้าให้อีกนิด คาวัลโลเปลี่ยนจากท่านั่งเท้าคางบนเก้าอี้ มาเป็นนั่งยืดตัวตรง ชายหนุ่มมองใบหน้าคมเข้มของท่านชีคแห่งเซเนียยาที่กำลังจดจ่อกับการอ่านเอกสารปึกหนา ใบหน้าคมเข้มที่ฉายแววเคร่งขรึมจริงจังนั้นดูน่ามองราวกับมีมนต์ขลัง ดูองอาจหล่อเหลาเสียจนนึกอิจฉาขึ้นมารำไร เรือนร่างแข็งแกร่งสมชายซ่อนตัวอยุ่ภายใต้ชุดประจำชาติสีขาว  ฝ่ามือเรียวยาวสีน้ำนมนั้นจับปากกาปากเกอร์สีดำตวัดเซ็นเอกสาร ดวงตาสีเข้มกวาดมองอย่างรวดเร็วด้วยความชำนาญ และหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันนิดๆอย่างคนคร่ำเคร่งจริงจัง ...ดูยังไงก็มองได้ไม่เบื่อ...

           " หือ? มีอะไร หรือว่าหลงไหลในความหล่อของผมเข้าให้แล้ว " คำพูดนั้นทำให้คนเหม่อถึงแก่สะดุ้ง คาวัลโลเงยหน้าขึ้นมองสบตาสีดำสนิทที่ฉายแววยั่วล้อ แล้วแยกเขี้ยวกลับ มาเฟียหนุ่มหน้าร้อนผ่าวลุกพรวดออกจากเก้าอี้ตัวโตทันที คาวัลโล วาลกัส กอดอกสีหน้าเอาเรื่องแต่ก็ทำได้เพียงเดินกลับไปกลับมาในห้องด้วยความไม่ได้ดั่งใจ

            มุมปากของชีคหนุ่มผู้เฝ้ามองหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ นัยน์ตาเรียวรีสีดำสนิทหรี่ลงน้อยๆ ขณะที่ตวัดปากกาในมือเซ้นชื่อตน และหยิบตราประจำตัวออกมากดประทับให้เรียบร้อย ชีคหนุ่มสอดเอกสารที่ตนเซ็นเสร็จแล้วเข้าไปในซองสีน้ำตาลแก่แล้วปิดผนึกลงไปอย่างรวดเร็ว

           " วันนี้ผมจะไปเปิดงานประกวดเหยี่ยว...อยากได้มาเลี้ยงสักตัวไหมล่ะ? " คำถามนั้นทำให้คนที่หงุดหงิดงุ่นง่านชะงัก คาวัลโลเงยหน้าขึ้น อย่างลังเลด้วยสนใจในข้อเสนอไม่น้อย แต่ว่า...

            "ไม่เอา " แค่สบมองนัยน์ตาที่ยังคงแววขบขันนั่นแล้วความหงุดหงิดก็พุ่งริ้วๆ คาวัลโลกัดปลายนิ้วโป้งตังเองอย่างไม่พอใจ ให้ออกปากอยากได้ของวัญวันวาเลนไทน์ด้วยตัวเองก็น่าอดสูพอแล้ว ยังจะต้องมารับของขวัญที่ให้ตามธรรมเนียมเพราะตัวเองเป็นคนขอเองอีก เสียศักดิ์ศรีเป็นบ้า!! ใครจะยอม เหอะ

            " แน่ใจเหรอ? "อัลชาอ์ลุกจากโต๊ะทำงานแล้วหยิบเอกสารติดมือมาด้วยเพื่อยื่นให้กับฮาซาน องค์รักษ์ของตนที่ยืนรออยุ่หน้าห้อง

      บานประตูปิดลงโดยที่ยังไม่ได้คำตอบจากฝ่ายที่ถูกถาม อัลชาอ์มองแผ่นหลังของร่างเพรียวที่นิ่งไปอย่างเริ่มสงสัยว่าตัวเองจะแกล้งอีกฝ่ายหนักมือไปรึเปล่า แต่ทว่าเขาก็นึกสงสารได้แค่วูบเดียว เพราะอีกไม่ถึงวินาทีต่อมา คาวัลโลก็หันกลับมามองตา แล้วส่ายหัวยิก

           " ไม่เอา ผมเอามาเลี้ยง เดี๋ยวมันจะเป็นพวกสปอยโฟเบีย..."

 อัลชาอ์ฟังแล้วเลิกคิ้ว...มองหน้าคนพูด....

   ...รู้ตัวเสียด้วยสิ...

            ..............................................

วันวาเลนไทน์...

        "ไม่ว่าง " อเล็กเซย์ร้องเหวอ สีหน้าขัดอกขัดใจเป็นที่สุด ชายหนุ่มนั่งหน้างุ้มอยู่ในห้องทำงานมือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือแนบข้างหู ขณะที่อีกข้างคว้าเอากุญแจรถในลิ้นชักออกมาอย่างเร่งร้อนจนมันส่งเสียงแกรกกราก

        "....อืม..ขอโทษ....วันนี้มีนัดเซ็นสัญญากับหุ้นส่วนตอนสามทุ่มครึ่ง บินกลับมาไม่ทันแน่ " ปลายสายตอบเสียงอ่อน

        " เซ็นสัญญา ? ไหนว่าไม่มีงานแล้วไงล่ะ ผู้บริหารบ้าบออะไรกันมาเซ็นสัญญาตอนสามทุ่ม ไม่มีเวลาให้ลุกเมียซะบ้างเลย "บนยิก พลางลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ทำงานสีดำสนิท อเล็กเซย์ก้มหน้าลงไปมองข้าวของในลิ้นชักที่เต็มอื้อเสียจนไม่สามารถหากุญแจรถพบ ชายหนุ่มสถบงึมงัมขณะที่เริ่มหยิบเอากระดาษและข้าวของต่างๆวางลงบนโต๊ะทีละอย่าง ด้วยความเร่งร้อน

         "...ก็งานด่วนของพ่อนั่นล่ะ " คำตอบจากพี่ชายฝาแฝดทำให้คนฟังต้องพ่นลมหายใจพรูดด้วยรู้ว่าถ้าเป็นงานจากบิดาตนล่ะก็ ยังไงก็ปฎิเสธหรือคัดค้านไม่ได้อยู่ดี เสียงโครมครามดังมาจากปลายสายอีกครั้ง ทำให้อเล็กซิสขมวดคิ้ว ขณะที่แฝดน้องที่อยู่อีฟฝั่งก็ค้นเจอกุญแจรถของตนในที่สุด

         " เลียงอะไรเซย์?..." อเล็กซิสออกปากถามกลับอย่างงวยงงไม่น้อย

          " อ่า...ฉันค้นหากุญแจรถน่ะ เจอแล้วล่ะ " ว่าแล้วก็ถอนใจพรู  อเล็กเซย์เริ่มจัดการยัดกระดาษที่เอาออกมากองไว้เข้าไปในลิ้นชักของตนแบบส่งๆอีกครั้งหลังจากดึงออกมาอย่างรีบร้อนจนส่งเสียงดัง  ขณะที่ในมือก็ควงกุญแจรถอัลฟ่า โรเมโอคันโปรดของตนที่ส่งซ่อมและเพิ่งมาถึงในที่สุด...

         " คงเอาของไปทับมันอีกล่ะสิ..." ปลายสายว่าอย่างรู้ทันทำให้อเล็กเซย์หัวเราะเบาๆในลำคอรับ

         " เอาเถอะ...ตอนนี้ฉันจะไปดูโรงงานของเราก่อนนะ...ขอโทษจริงๆที่ปีนี้อยู่ด้วยไม่ได้ กลับไปค่อยฉลองกันนะ เซย์ "

          " อืม...." อเล็กเซย์รับคำเสียงอ่อย สีหน้ารื่นเริงเปลี่ยนเป็นเงื่องหงอยเมื่อคิดว่าคืนนี้คงไม่ได้ใช้เวลาในคืนพิเศษร่วมกับคนรัก

          " ...อย่าเศร้าไปเลย กลับไปแล้วจะชดเชยให้นะคนดี "

          "...ฉันจะรอนะ " อเล็กเซย์บอกอุบกับปลายสายด้วยสีหน้าเงื่องหงอย

          "...เหมือนกัน... รถมาแล้ว งั้นแค่นี้ก่อนนะ "

          " อืม...รักนายนะอเล็ก..."

          "รักเหมือนกัน...cara mie .."  บอกลาปลายสายแล้วกดวางก่อนจะถอนหายใจเบาๆ อเล็กซิสหันไปทำตาขุ่นใส่ชายที่นั่งข้างกายแล้วถอนหายใจพรู

          " อะไร ทำไมมองฉันอย่างนั้น หือ? " ร่างสูงของชายวัยกลางคนที่มีเค้าโครงคล้ายคลึงกับตน หากมีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มและดวงตาสีเขียวสดเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่รู้สึกรู้สา อเล็กซิสเบือนหน้าหนีแล้วเพ่งมองทิวทัศน์เบื้องนอกจากกระจกด้านข้างของตนอย่างไม่ประสงค์จะต่อความ หากแต่เสียงหัวเราะแผ่วต่ำจากฝ่ายนั้นยังคงตามาหลอกหลอนพร้อมๆกับฝ่ามือหนาทว่าอบอุ่นนักออกแรงขยี้เส้นผมสีทองบนศรีษะของตนเบาๆอย่างหยอกล้อ

            "...หน้าบึ้งอะไรนักไอ้ลูกชายเดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว ยังจะมาอารมณ์เสีย "คนที่ทำการอุกอาจเช่นนี้ได้จะเป็นใครเสียนอกจากบิดาบังเกิดเกล้า คาเฟรโร่ วาลกัส นัยน์ตาสีเขียวคู่นั้นวาววับเจ้าเล่ห์ด้วยแววหัวเราะ ขณะที่หันไปสั่งเครื่องดื่มจากแอร์โฮสเตสสาวที่เข็นถาดอาหารเดินเข้ามาใกล้

             " ผมไม่ชอบโกหก " อเล็กซิสตวัดสายตามองผู้เป็นบิดาที่กำลังคุยกับแอร์สาวชาวต่างชาติคล่องปรื๋อแล้วเบือนหน้ากลับมามองทิวทัศน์ของมหานครปารีสที่เริ่มเล็กลงทีละนิด...ขณะที่เครื่องบินก็เริ่มถีบตัวสูงไต่ระดับขึ้นจากผืนดินอย่างรวดเร็ว.." ครั้งที่แล้วก็ถูกคาดโทษไว้ว่าไม่ให้ทำ รายนั้นโกรธขึ้นมาแต่ละทีน่ากลัวแค่ไหนพ่อก็รู้ "

... ว่าแล้วคุณชายอเล็กซิสก็ถอนหายใจเฮือก ขณะที่ลูบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าอย่างใจลอย  หลังจากโทรไป"โกหก" คนรักของตนตามแผนการณ์ของผุ้เป็นพ่อ อาทิตย์นี้ทั้งอาทิต์เขากับบิดาต้องมาที่ฝรั่งเศสเพื่อมาดูแลโรงงานและเซ็นสัญญากับคู่ค้า กำหนดการกลับคือบ่ายวันที่ 14 กุมภาพันธ์ งานเสร็จแล้ว แต่ฝ่ายพ่อบังเกิดเกล้ากลับสั่งให้บอกว่าต้องทำงานต่อ ขณะที่ความจริงแล้วกำลังขึ้นเครื่องจากปารีสกลับโรมแล้วแท้ๆ

            " ที่จะกลัวก็มีแต่แกซะล่ะมากกว่า...ทำหงุดหงิดแบบนี้เดี๋ยวก็ให้นั่งทำงานต่อที่นี่อีกอาทิตย์หรอก "คาเฟรโร่สัพยอกลูกชายอย่างขบขัน ขณะที่สีหน้าของคนฟังมืดทะมึน

            "  ผมลางานอาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์ "

             "...หือ? ลางานเพราะอะไร ป่วยก็เอาใบรับรองแพทย์มายืนยันสิ ถือว่าเป็นรองประธานกรรมการแล้วจะทำอะไรก็ทำได้เหรอฮึ  ขาดมากเดี๋ยวฉันจะไล่แกออก " คาเฟรโร่ว่า ขณะที่คนฟังหันมาจ้องหน้าบิดาตนอย่างท้าทาย

          " กล้าก็ลองสิครับ จะไม่โดนแม่ไล่ให้ไปนอนกับลูกหมาเกิดใหม่ก็ให้รู้ไปสิ.."สีหน้านิ่งขรึมทั้งกวนทั้งรวนทำให้คนเป็นพ่อหัวเราะเบาๆในลำคอแล้วยกมือขยี้ผมลุกชายตัวเองอีกรอบอย่างนึกขัน คาเฟรโร่หยิบที่ปิดตามาคล้องหู ก่อนจะปรับเบาะเอนตัวลงช้าๆ

         " ..เอาเถอะน่า ถ้าถูกโกรธ พ่อจะไปยืนยันให้แล้วกันว่าเป็นฝ่ายขู่ลูกเอง...ถ้าว่างนะ "

         "........." วาจายียวนจากผู้เป็นบิดาทำให้คนฟังขมวดคิ้วเครียดแล้วถอนหายใจเบาๆ หันไปมองข้างกายที่บิดาตนหลับไปแล้วก็ถอนหายใจพรู อเล็กซิสหยิบที่ปิดตามาเตรียมจะนอนพักบ้าง ขณะที่เอนตัวลงบนเบาะ นัยน์ตาสีฟ้าเข้มทอดมองบิดาวัยกลางคนของตนก่อนจะปรายตามองทิวทัศน์ยามค่ำคืนผ่านกระจกใสข้างกาย

        ...ทั้งคำพูด และท่าทางของบิดาตนนั้นชวนให้นึกถึงคนอีกคน ที่คล้ายคลึงกับผู้เป็นพ่อนัก ทั้งความเจ้าเล่ห์ ยียวนหรือแม้กระทั่งการกระทำที่แสนวกวนจนแทบหาสาเหตุที่แท้จริงไม่พบนั่น

    นัยน์ตาสีฟ้าตวัดมองร่างของบิดาที่นอนหลับไปแล้วอีกครั้ง ฝ่ามือหนาดึงผ้าห่มที่กองอยู่ตรงเอวมาคลุมแผ่นอกของผุ้เป็นพ่ออย่างอาดูร

ทำไมจะไม่รู้...ว่าการกระทำของบิดาตนนั้นคืออะไร

....พ่อก็แค่อยากคุยกับลุก อยากสนิทสนมร่าเริงกันเช่นในอดีต

...แค่คิดถึงวันเวลาที่แสนสุขในความทรงจำ ในยามที่มีครอบครัวอยุ่กันพร้อมหน้า

พ่อก็คิดถึงมัน อย่างที่เขาคิดถึงอยู่นั่นล่ะ..

....คิดถึงคาวัลโล วาลกัส เจ้าน้องชายตัวแสบที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้อีกแล้ว..

แต่อย่างน้อย มันก็คงกำลังมีความสุข...

หรืออะไรแบบนั้นล่ะมั้ง..

........................................................................................

    
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line [21] เอาคืน UP !! 13/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 16-02-2011 03:12:08
  ยืนจ้องมองนัยน์ตากลมใสวาววับของเจ้าเหยี่ยวออสเปรในมือของรามิล เซฮามัคที่กำลังนั่งประคบประหงมมันเยี่ยงลูกในไส้แล้วยิ่งหมั่นไส้หนัก เจ้าของเหยียวว่ากวนใจแล้ว ยังไม่เท่าเจ้าเหยี่ยวตัวดำขลับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่ร้องแกว๊กๆใส่เขาไม่หยุดตั้งแต่ย่างเท้าลงมาจากรถ

    คาวัลโลพ่นลมหายใจออกจากจมูก ขณะที่กระชับคาฟียะห์สีน้ำตาลลายตารางหมากรุกคลุมหน้าป้องกันเม็ดทรายเล็กๆที่ปลิวมาตามสายลมแรง  ในวันแห่งความรัก นอกจากต้องออกมาเผชิญกับแดดร้อนเปรี้ยงและทรายที่ปลิวเข้าใส่ตา มองเหยี่ยวหลากสายพันธ์ที่ส่งเสียงร้องลั่นแล้ว...ยังต้องมาเสียอารมณ์กับสายตาของผู้คนที่มองมายังตัวเขาอีกด้วย..งี่เง่าดีจริงๆ

    ตวัดสายตามองท่านชีคแห่งเซเนียยาที่กำลังยืนพูดอะไรสักอย่างเป็นภาษาอารบิคคล่องปรื๋อท่ามกลางแดดจ้าแล้วถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ผู้ชายอะไรไร้ความโรแมนติกสิ้นดี คนแบบนี้นี่มันน่าสิ้นหวังเป็นที่สุด

           แกว๊ก...

เสียงเจ้าเหยี่ยวของรามิลร้องดังลั่นชวนให้เส้นประสาทกระตุกถี่ยิก คาวัลโลพ่นลมหายใจแรงหันไปมองเจ้าของเหยี่ยวและเหยี่ยวจอมกวนประสาทอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าที่มันส่งเสียงร้องดังลั่นเพราะเจอกับญาติฝ่ายไหนสักฝ่ายของมันที่เกาะอยู่บนแขนของราเซย์ เหยี่ยวพันธ์เดียวกันสีน้ำตาลเข้มสลับขาวและตาสีดำสนิท มันอ้าปากร้องลั่นเมื่อสองพี่น้องเดินมาใกล้กัน ชวนให้คนฟังอย่างคาวัลโลนึกอยากจะเอาทรายยัดปากเจ้านกน่าหนวกหูพวกนี้นัก

        " นี่มันงานประกวดนกเขาชวารึไงว่ะ เสียงดังชิบหาย " ไม่ทันจะบ่น คนที่ตามหลังราเซย์ก็บ่นอู้เข้าให้ก่อนแล้ว เจ้าตัวตวัดผ้าคลุมแบบเดียวกันกับเขาพาดเข้าที่ไหล่ สีหน้ายุ่ง ดวงตาเรียวรีสีดำสนิทจ้องมองเหยี่ยวสองตัวที่ยังคงส่งเสียงร้องหากันไม่หยุดอย่างหงุดหงิด

         " ...ธรรมดาน่า " ราเซย์บอกเสียงอ่อน พลางทรุดตัวลงนั่งข้างกายน้องชาย สายตาจับจ้องไปที่เหยี่ยวตัวอื่นที่เจ้าของมัดมันโชว์ไว้กลางแดดจ้าและส่งเสียงร้องแซ่แซ่ง

         "  ไอ้สองตัวนี่น่ะ แหกปากดังกว่านกของคนอื่นไม่รู้กี่เท่า หักคอมันซะดีไหม " คำพูดนั้นทำให้คาวัลโลหัวเราะรับอย่างชอบใจ ส่วนเจ้าของนกปากมากทั้งสองตัวก็หน้ายุ่ง ราเซย์หันมามองหน้าคนที่เอ่ยปากจะหักคอนกตัวเองและน้องชายแล้วถอนกายใจเบาๆ

         " ครับๆ...จะเอาไปมัดรวมกับคนอื่นก็ได้ ...โอเคนะ? "

         " รีบๆไปเลย " ว่าแล้วเจ้าตัวก็ทำหน้าหงิก รามิลครางเสียงอ่อน แต่พอดวงตาคู่นั้นหันมามองเจ้าตัวก็ยอมรับคำแล้วเดินตามหลังพี่ชายไปอย่างเสียไม่ได้

            คาวัลโลหัวเราะขำกับอาการจำยอมแพ้ของสองพี่น้องที่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก  น่าขอบใจชายหนุ่มข้างกายเขาไม่น้อยที่ทำให้ได้เห็นอะไรน่าสนุก ช่วยให้ความหงุดหงิดคลายตัวลงได้บ้าง  มาเฟียหนุ่มหันไปมองร่างที่นั่งลงข้างๆ แล้วเลิกคิ้วให้ ฝ่ายนั้นก็ยักคิ้วส่งตอบมาพลางถอดคาฟียะห์สีตุ่นออกจากศรีษะ

         " ขอบคุณ ช่วยได้เยอะ " คาวัลโลเอ่ยปาก พลางยกปลายนิ้วเข้ากดใบหู

         " เห็นคุณดูหงุดหงิดนี่ เป็นอะไร หรือว่าท่านชีคทำอะไรให้เคืองอีก "

         "ประจำนั่นล่ะ " คาวัลโลบ่นงึมงัมพลางมองไปยังกลุ่มคนและเหยี่ยวหลายสิบตัวเบื้องหน้า "คนทื่อๆไม่มีความโรแมนติกนี่มันน่าสิ้นหวังจริงๆ "

         " หา? " เหมือนประโยคนั้นจะสร้างความงวยงงให้คนฟังไม่น้อย นัยน์ตาสีดำสนิทราวกับลูกปัดคู่นั้นจึงมองมาที่เขาอย่างสนเท่ห์

         " ไอ้ความโรแมนติกบ้าบอนั่นสำคัญกับชีวิตคุณมากขนาดนั้นเลย ? น่าแปลกใจนะเนี่ย  "ว่าแล้วก็หัวเราะหึๆ ส่วนคาวัลโลก็พ่นลมหายใจพรูออกจากริมฝีปากสีหน้าหน่ายเหนื่อยเกินจะบรรยาย

          ชายหนุ่มข้างตัวผุดลุกขึ้นเมื่อมองเห็นฝ่ามือของราเซย์โบกไหวเป็นเชิงเรียก เขาออกปากบอกลาสั้นๆและเดินเตร่ออกไป ทิ้งให้คาวัลโล วาลกัส มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่นั่งทำหน้าเบี้ยวอยู่คนเดียว เขาพ่นลมหายใจออกจากริมฝีปากด้วยความเหนื่อยหน่าย มองตามแผ่นหลังของหนุ่มต่างชาติผู้มีชะตากรรมไม่แตกต่างอะไรจากตนเองมากนักแล้วพ่นลมหายใจฮึดฮัด

          บอกว่าไม่สำคัญ ก็เพราะพวกเอ็งมันเป็นมนุษย์ดิบเถื่อนไม่มีความซิวิไลซ์น่ะเซ่ เจ้าพวกเอเชีย !

..................................

           เสียงเพลงดังลั่นจากลำโพงราคาแพงจับใจกระหึ่มในรถคันโปรด ไม่ได้ทำให้อารมณ์เหนื่อยหน่ายกระเตื้องขึ้นได้เลยสักนิด อเล็กเซย์ถอนหายใจพรูทั้งที่วันนี้น่าจะดีใจที่ได้รถอัลฟ่า โรเมโอคันโปรดคืนจากอู่จะเอามาวิ่งให้สนุก แต่ก็หมดอารมณ์ทันควันที่ได้ข่าวจากคนรักว่ามาไม่ทัน กลับมาหาเขาไม่ทันในวันวาเลนไทน์แบบนี้เนี่ยนะ เฮ่อ....

        กวาดตามองออกไปยังร้านรวงข้างถนนที่ต่างประดับประดาด้วยข้าวของสีสันสวยสดรับวาเลนไทน์ ทั้งดอกกุหลาบช่อโต คิวปิด หรือแม้แต่ช๊อคโกแลตรูปร่างต่างๆ เสียงเพลงทำนองอ่อนหวานบรรเลงไม่ขาดสาย สอดคล้องกับสีหน้ารื่นเริงสุขสันต์ของบรรดาคู่รักที่ควงแขนกันออกมาดูบรรยากาศเทศกาลแห่งความรักอันครึกครื้น กับเมืองที่ว่าโรแมนติกมากๆอีกแห่งหนึ่งของโลก..

      แล้วดูเอาเถอะ ตอนนี้เขากลับต้องมานั่งเหงา กอดพวงมาลัยรถแบบเซ็งๆอยู่อย่างนี้ เพราะคนรักต้องทำงานต่อ

จะโวยวายกล่าวโทษไปก็เท่านั้น เพราะงานก็คืองาน ยิ่งงานที่พ่อสั่งด้วยแล้วยิ่งขัดไม่ได้เข้าไปใหญ่

    เสียดายก็แต่โต๊ะดินเนอร์ที่เขาจองไว้ก็ต้องเป็นหมัน อุตส่าห์จองล่วงหน้าตั้งเป็นเดือนทั้งโทรไปบอกไปขู่เจ้าของร้านให้เลื่อนคิวของเขามาจนได้ แต่สุดท้ายก็ต้องโทรไปแคนเซิ่ลให้โดนด่าเล่นๆ  พ่นลมหายใจแรงแล้วเอื้อมมือไปกดแตรรถซ้ำๆสองสามทีเมื่อรถคันหน้าไม่ยอมเคลื่อนไปไหน มองถนนที่มีรถติดยาวเฟื้อยแล้วหงุดหงิดนึกอยากจะซิ่งทะลุรถราที่ติดอืดอยู่บนถนนไปถึงบ้านเร็วๆเสียจริง

     ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเมื่อรถคันหน้ายังไม่ยอมขยับ อเล็กเซย์ครางฮึ่มเอื้อมมือไปกดแตรรถอีกสามสี่ทีระบายอารมณ์หงุดหงิด แต่ทว่ามันก็ยังไม่ได้เคลื่อนไปไหน

ตั้งใจจะลงไปเคาะกระจกรถแล้วเชียวถ้าไม่มีเสียงกุกกักมาจากด้านข้างเสียก่อน อเล็กเซย์หันไปมองด้านข้าง พลันขมวดคิ้วมุ่นเมื่อมองเห็นร่างของชายตังสูงใส่แว่นดำเคาะกระจกรถของเขาสองครั้งด้วยท่าทีเคร่งขรึม

    เหลือบมองเห็นรถคันหน้าที่จอดอยุ่มีชายในชุดสูทดำกรูกันลงมาอย่างรวดเร็วก็ใจหายวาบ อเล็กเซย์เม้มปากแน่นพร้อมกับเอื้อมมือไปควานหาปืนได้คอนโซลรถ แต่ความว่างเปล่าของมันก็ให้ใจหายวูบ ให้ตายสิ เขาลืมไปเลยว่าเก็บออกไปตอนเอารถไปซ่อม แถมไม่ได้พกอาวุธอะไรติดตัวมาด้วยเลย

     ผลั่วะ !!

    ประตุรถเปิดอ้าออกทั้งที่ล๊อกอัตโนมัติไว้ทำให้ดวงตาเบิกกว้าง อเล็กเซย์มองเห็นกุญแจรถที่เสียบคาอยู่ในมือของชายในชุดสูทคนนั้น เขาอ้าปากค้าง ดีดตัวออกจากเบาะนั่งฝั่งคนขับไปอีกด้านทันควัน หากแต่ร่างที่ล้อมรอบรถทำให้ความหวังในการหนีรอดแทบดับหาย ฝ่ามือของชายที่เปิดประตูรถคว้าหมับเข้าให้ที่ข้อเท้าแล้วลากมาหาตัว อเล็กเซย์ออกแรงถีบใส่หน้าและลำตัวมันแรงๆอย่างไม่ยอมแพ้ มือเขาพยายามคว้าหาอะไรก็ได้ที่จะมาเป็นอาวุธ แต่กระทั่งกระเป๋าเอกสารก็ถูกเขวี้ยงไปไว้ยังเบาะหลังเสียแล้ว

      " นี่ พวกแก อุ๊บ!! ..." เขาร้องลั่นพยายามดิ้นหนีเมื่อถูกลากออกมาจากรถด้วยพละกำลังมหาศาล อเล็กเซย์พยายามดิ้นหนี หากแต่กลับถูกมือปริศนาปิดปากและผ้าสีดำปิดรอบดวงตาอย่างรวดเร็ว

  กลิ่นฉุนจัดของยาสลบที่กดลงอย่างรวดเร็วบนจมูกทำให้ร่างที่ดิ้นรนค่อยสงบลงอย่างรวดเร็ว สติหลุดลอย  ร่างของคุณชายอเล็กเซย์ถูกอุ้มไปไว้ในรถโรสลอยซ์คันหรูที่จอดไว้เบื้องหน้าทันที ขณะที่เสียงเพลงจากรถอัลฟ่าโรเมโอนั้นยังดังลั่นก่อนมันจะถูกปิดลงและขับออกไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของเหล่าผู้คนบนสองข้างทาง ที่ไม่กล้าแม้แต่จะแจ้งตำรวจให้ช่วยเหลือ

    .........

       สติที่มึนเบลอเริ่มกลับมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว อเล็กเซย์ครางงึมงัมลืมตาขึ้นแต่เขาก็พบเพียงความมืดมิด สัมผัสเย็นๆของผ้าที่ปิดดวงตาอยุ่ทำให้รู้ว่ามันยังไม่ได้หลุดไปไหน ไม่มีเสียงของความเคลื่อนไหวใดๆในห้องนอกจากตัวเขาที่เริ่มขยับ แแต่แน่นอนว่าเเขนสองข้างยังถูกมัดไว้ทำให้ไม่อาจจะช่วยเหลือตนเองได้ตามใจ

   โงนเงนตัวพยายามลุกขึ้นได้ในที่สุด อเล็กเซย์พบว่าตัวเองถูกวางลงบนเตียงนุ่ม หัวคิ้วขมวดเข้าหากันช้าๆ อย่างครุ่นคิด ขณะที่ได้กลิ่นของอาหารที่โชยมาและฝีเท้าที่เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว..

        " นี่คุณเป็นใคร?  มีธุระอะไรกับผม "  ออกปากถามไปสั้นๆ เมื่อรับรู้ว่ามีคนอยู่ในห้อง อเล็กเซย์ขมวดคิ้วมุ่นขณะที่ลุกขึ้นบนเตียงอย่างสะเปะสะปะ หากฝ่ามือนั้นกลับผลักเข้าให้นั่งลงที่เดิมเบาๆ

        " นี่....ตอบมาสิ  จับผมมาก็น่าจะรู้ใช่ไหมว่าผมเป็นใคร...มีอะไรก็พูดมาสิ " หัวคิ้วยิ่งขมวดมุ่นเข้าหากันมากขึ้น อเล็กเซย์ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยถูกจับตัวเรียกค่าไถ่หรืออะไรประเภทนั้น เขาเคย แถมบ่อยเสียด้วย เพราะรูปร่างหน้าตาที่เหมือนพี่ชายฝาแฝด ทำให้หลายคนมักเข้าใจผิดว่าเขาคืออเล็กซิสจึงถูกจับผิดตัวบ่อยๆ
          เสียงเปิดจุกไวน์ดังขึ้นเบาๆพร้อมกับเสียงแก้วกระทบกันดังกริ๊ก ชักทำให้อเล็กเซย์ไม่แน่ใจแล้วว่าคนที่พาตัวเขามาอยู่ในจุดประสงค์ไหน...

      ฝ่ามือหนาคว้าท่อนเเขนของเขาให้เดินไปอย่างรวดเร็ว เสียจนตั้งตัวไม่ทัน อเล็กเซย์รู้สึกได้ว่าเขาถูกจับให้นั่งลงบนเก้าอี้ อาหารและไวน์กำลังส่งกลิ่นยั่วน้ำลายจนท้องร้องโครก ให้ตายสิ นี่มันเลยเวลาอาหารแล้วนะ

          " เฮ้...อุ๊บ....." ริมฝีปากที่อ้าโวยวายพลันถูกปิดทับด้วยปลายลิ้นที่สอดลึก อเล็กเซย์ครางเบาๆในลำคอเมื่อริมฝีปากหยักหนากดประทับรสจูบอันเคยคุ้น....กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นชินโชยมาจากร่างของชายที่บังคับจูบเขาอย่างเอาแต่ใจ..ทำให้หัวอกอุ่นวาบด้วยรู้ชัด ว่าใครกันแน่ที่อยุ่ตรงหน้า

       " อเล็ก...." เสียงหวานครางหอบเบาๆเมื่อริมฝีปากหยักหนาคู่นั้นละออก อเล็กเซย์ครางชื่อฝาแฝดออกมาเบาๆ พร้อมกับเชือกที่รัดข้อมือเอาไว้บัดนี้ถูกดึงออกและปล่อยทิ้งลงบนพื้น

       "...happy Valentine.." เสียงทุ้มกระซิบแผ่วพร้อมกับผ้าสีดำที่ปิดดวงตาถูกดึงออก เผยให้เห็นร่างของคนรักยืนส่งยิ้มหวานอยุ่เบื้องหน้า

       "....อ่า....นี่ ....เจ้าบ้า ไหนนายบอกว่ามันนี้มาไม่ได้ไง ! " นิ่งอึ้งเมื่อพบร่างของคนที่บอกว่าไม่ว่างยืนยิ้มหวานให้ พร้อมกับโต๊ะดินเนอร์เบื้องหลัง ความดีใจปนอึ้งเกิดขึ้นพร้อมกับความหงุดหงิดที่พุ่งริ้วๆ จ้องมองใบหน้าที่เหมือนเขาทุกระเบียดแล้วกระชากเสียงถามไปอย่างหงุดหงิด

       "...ขอโทษ...ก็ถูกพ่อแกล้งนี่ " คนถูกดูว่าเสียงอ่อยแล้วบีบไหล่เขาเบาๆ ใจความนั้นทำให้คนฟังขมวดคิ้วน้อยๆ

        " อะไรนะ "

       " ทั้งหมดนี่เป็นแผนของพ่อน่ะ ทั้งบังคับให้ฉันโกหกนาย แล้วยังให้คนไปลักพาตัวมาอีก..." คำพูดนั้นทำให้คนฟังคลายหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นลงช้าๆ อเล็กเซย์ถอนหายใจเฮือก อย่างไม่รู้ว่าควรจะโกรธหรือควรจะขันดี

        " ไม่โกรธนะ "น้ำเสียงอ่อนและแววตาวอนเว้าชวนให้ใจสั่นไหว อเล็กเซย์ส่ายหัวและเอื้อมมือไปโน้มศรีษะคนรักให้มารับจุบ

         " อืม...ช่างเถอะ " บอกปัดไปทำให้อเล็กซิสยิ้มหวานก่อนที่เจ้าตัวจะยืนดอกกุหลาบช่อใหญ่มาให้

          ".....Ti amo ..." คำบอกรักนั้นทำให้คนฟังยิ้มรับ อเล็กเซย์เอื้อมมือรับช่อกุหลาบจากมือของคนรักแล้วยิ้มหวานเขาก้มลงสอดปลายลิ้นเข้ากับริมฝีปากของชายหนุ่มเบื้องหน้าแทนคำขอบคุณ

          "..Ti amo ..."  กระซิบเบาๆตอบรับแล้วละอ้อมแขนออกจากกัน อเล็กเซย์ปรายตามองโต๊ะดินเนอร์ บนนั้นมีเค้กช๊อคโกแลต และอาหารจานโปรดของเขาวางอยู่  ทั้งห้องมืดสลัวมีเพียงแสงสว่างจากเทียนที่อยู่บนโต๊ะ เขาเลิกคิ้วขึ้นช้าๆเมื่อเห็นขวดไวน์ที่วางอยุ่

         " พ่อให้มา " อเล็กซิสตอบเมื่อมองเห็นสายตาของผู้เป็นน้อง กับไวน์ชื่อดังหายากที่บิดาสะสม และนานๆทีจะเปิดออกมากินสักครั้ง

          "..นึกยังไงถึงแกล้งกันเล่นแบบนี้ล่ะ พ่อนะพ่อ " เขาบ่นแล้วส่ายหัว "นึกว่านายกลับมาไม่ทัน ฉันหัวเสียไปเลย อุตส่าห์จองโต๊ะไว้ " อเล้กเซย์อดจะบ่นไม่ได้ ส่วนคนฟังก็ส่ายหัวใบหน้าเปื้อนยิ้ม

         " ไม่รู้สิ สงสัยว่างล่ะมั้ง แต่ก็ช่างเถอะ...แบบนี้ก็ตื่นเต้นดี " นัยน์ตาวาววับนั้นมองมาที่เขาอย่างสื่อความหมาย นั่นทำให้อเล็กเซย์เลิกคิ้วขึ้นอย่างงวยงงไม่น้อย ชายหนุ่มก้มลงมองตัวเอง พลันใบหน้าก็แดงจัดเมื่อพบว่าเขาถูกลอกคราบเสียจนแทบหมดตัว เหลือเพียงเชิ๊ตสีขาวตัวเดียวบนร่าง และมีเครื่องประดับเพียงอย่างเดียวอยุ่บนลำคอก็คือสร้อยเพชรรูปลูกกุญแจ

           " อ่ะนี่....." อุทานออกมาแทบไม่เป็นคำ ก็ว่าอยู่ว่าทำไมมันเย็นๆโล่งพิกล อเล็กซิสหันไปมองฝาแฝดที่ควบตำแหน่งคนรัของตนตาเขียว แต่คนทำจุ๊ปาก ส่ายหน้า

            " ของขวัญวันวาเลนไทน์ไง รู้หรอกว่านายไม่ได้เอามา " วาจานั่นทำให้อเล็กเซย์เลิกคิ้วขึ้น เขาเอื้อมมืไปสัมผัสสายสร้อยที่ลำคอแล้วลูบมันเบาๆก่อจะยืดตัวขึ้นจากโต๊ะ พร้อมกับรอยยิ้มุมปาก ที่ทำให้คนมองรู้สึกแปลกใจไม่น้อย

            " แต่ฉันหนาวนี่ งั้นของนั่งแบบนี้แล้วกันนะ " ทรุดตัวลงบนตักของฝาแฝดด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน สอดปลายนิ้วเข้ากับฝ่ามือหนาที่หยิบแก้วไวน์แล้วจิบช้าๆ สายตาแลสบดวงตาวาววับของฝาแฝดที่มองมา

             " ยั่วกันอีกแล้วนะ หืมมม" เสียงกระซิบเบาๆนั่นทำให้คนฟังหัวเราะ อเล็กเซย์ยักไหล่ ขณะที่เอื้อมมือไปหาสร้อยเพชรบนลำคอของอเล็กซิสซึ่งเป็นรูปเดียวกันแล้วคลึงเล่น

             " ก็ขี้โกงนี่ ของฉันก็เตรียมของขวัญไว้ แต่เอามาไม่ได้เท่านั้นเอง"

             " ฉันเอาวันอื่นก็ได้...เซย์..." ปลายฟันคมขบใบหูเบาๆพร้อมกับปลายลิ้นที่เลียไล้ " แต่วันนี้...ขอเป็นนายนะ อเล็กเซย์ของฉัน "

             " อืม...ได้อยุ่แล้ว " ริมฝีปากของทั้งสองโน้มเข้าหากันอีกครั้งอเล็กเซย์พลิกตัวกลับไปประจัญหน้า พาดแขนลงบนไหล่ของฝาแฝด ขณะที่ท่อนขาเปลือยเปล่าตวัดรอบเอวหนาให้พี่ชายอุ้มร่างของตนวางไว้ เขาละริมฝีปากออกเพียงชั่วครู่ และก้มลงเป่าเทียนที่จุดอยู่ให้ดับลงทันควัน

               " อืม...ข้าวเย็นล่ะ " อเล็กซิสครางเบาๆแล้วออกปากถาม

               " ไม่เป็นไร....วันนี้ฉันให้นายกินก่อน " เสียงกระซิบนั้นทำให้อเล็กซิสหัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มโอบร่างของคนรักแน่นขึ้นแล้ววางลงบนเตียงเขายิ้มออกมาท่ามกลางความมืดมิด สลัดเสื้อเชิ้ตที่ติดกายลงบนพื้นย่างไม่ใส่ใจ พร้อมสำหรับการลงมือทานอาหารมื้อพิเศษของตนในวันพิเศษแล้ว..

.................

              แสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงเริ่มอ่อนลงแล้ว พร้อมๆกับงานที่ใกล้จะเลิก คาวัลโลมองเห็นร่างของอัลชาอ์เดินมาหาตนพร้อมกับร่างของสองพี่น้องรามิลราเซย์และคนพิเศษของพวกเขาทั้งคู่ ส่วนตัวเขานั่งมองการแข่งอยู่อย่างเหนื่อยหน่ายด้วยไม่คิดจะสนใจอะไรนัก มองนกที่อยู่ในมือราเซย์ที่ส่งเสียงร้องชวนปวดหูและมองรามิลที่พูดคุยกับคนรักด้วยสีหน้าแช่มชื่นแล้วยิ่งนึกโมโห ไม่ว่าหน้าไหนก็มีความสุขกันทั้งนั้น ยกเว้นก็แต่เขากับอัลชาอ์จอมทื่อซื่อบื่องี่เง่านี่แหละ หึ

         " แล้วเจอกันครับชีค ...วันนี้ไปไม่ได้ครับ..พวกเราจะไปฉลองกันเสียหน่อย " คำปฏิเสธของรามิลดังขึ้นเมื่ออัลชาอ์ออกปากชวนไปร่วมทานข้าวยิ่งชวนให้ความหงุดหงิดพุ่งพรวด ราเซย์เปิดประตุรถแลนซ์โรเวอร์ของตนออกและวางกรงเหยี่ยวลงบนเบาะหลังขณะที่ชายหนุ่มร่างเพรียวที่เคยคุ้นก็หันมาโบกมือให้เขาด้วยสีหน้าเริงร่า

          "...งั้นหรือ โชคดีนะ .." อัลชาอ์พยักหน้ารับปรายตามองร่างของสามหนุ่มที่จากไปด้วยรอยยิ้มบาง ชีคหนุ่มหันไปสั่งการอะไรสักอย่างกับฮาซานที่ยืนอยู่ข้างๆ ขณะที่คาวัลโลหน้าตึง บ่งบอกว่าชักจะหงุดหงิดมากขึ้นทุกที

           " ไปขี่ม้ากันไหม? " คำถามพร้อมกับใบหน้ายิ้มเยื้อนนั้นไม่ได้ทำให้อารมณ์ดีขึ้นสักนิด คาวัลโลส่ายหัว ตอนนี้สิ่งเดียวที่อยากทำคือกลับไปทานข้าวแล้วนอนให้มันหลับๆไปเสียหมดเรื่องมากกว่า

            "...แป๊ปเดียว..." ชีคหนุ่มต่อรองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ชวนให้หงุดหงิดมากกว่าเก่า

            " ไม่เอา ผมหิวข้าว " คาวัลโลหน้ามุ่ย

            " โอเค งั้นแค่นั่งไปกับผมก็ได้ เดี๋ยวผมจะขี่เอง " ไม่ทันให้ได้ปฏิเสธเสียด้วยซ้ำเพราะอัลชาอ์โผนตัวขึ้นม้าที่ฮาซานจูงมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดึงมือเขาแรงๆให้ไปด้วย

            คาวัลโลถอนหายใจเฮือกแต่ในที่สุดก็ยอมกระโดดขึ้นนั่งบนหลังม้าแต่โดยดี เขาจะซ้อนอยู่ด้านหลัง แต่อัลชาอ์ไม่ยอม บังคับให้มานั่งอยู่ด้านหน้าแล้วกระตุกบังเหียนบังคับม้าให้วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

      สายลมที่ปะทะใบหน้าทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวเริ่มดีขึ้นมาบ้าง คาวัลโลกวาดสายตามองรอบกายที่แสงอาทิตย์เริ่มมืดดับลงอย่างอยากรู้ว่าอัลชาอ์จะพาเขาไปไหน  หัวคิ้วยิ่งขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นเมื่อชีคหนุ่มชักม้าให้ไต่ขึ้นไปบนเนินทรายเตี้ยๆ ขณะที่สายลมโชยหอบเอาเม็ดทรายมาปะทะหน้าเสียจนเข้าต้องยกมือขึ้นกัน

        " ถึงแล้ว..." เสียงกระซิบดังขึ้นเบื้องหลัง ทำให้ผ้าที่เขาใช้ปิดตาถูกดึงออก คาวัลโลมองตามสายตาของร่างสูงใหญ่เบื้องหลังอย่างอยากรู้ไม่น้อย พลันใบหน้าของเขาก็ขึ้นสีอย่างรวดเร็วจนแดงก่ำ

        ภาพเบื้องหน้าคือสีแดง...สีแดงของต้นไม้ชนิดหนึ่งขึ้นแน่นขนัดอยู่เบื้องหน้า จนผืนทรายสีทองถูกบดบังด้วยสีแดงแปลกตา แสงอาทิตย์ยามเย็นอาบไล้ใบหน้าทิ้งความอบอุ่นไว้ไม่จางหาย  ขณะที่ท้องฟ้าบัดนี้เริ่มมืดครึ้มมีดวงดาวปรากฏอยู่เหนือศรีะษะ ดวงตะวันกลมโตใกล้จะลับตกดิน แสงของมันเป็นสีแดงจัดเช่นเดียวกับสีของทุ่งดอกไม้ที่กลายเป็นสีแดงในยามนี้

        " เซเนียยาไม่มีเทศกาลแห่งความรักที่ใครเขามีกันหรอก " เสียงกระซิบเบาๆของอัชาอ์ดังขึ้นแทรกเสียงลมหวีดหวิด " ที่นี่มีเพียงทะเลทรายกับแสงอาทิตย์ มีแต่ผืนดินแห้งแล้งและรกร้าง...ที่ขึ้นได้ คงมีแต่ต้นกุหลาบหินต้นเล็กๆเท่านั้น... "

        "  แม้มันจะไม่สวยและมีกลิ่นหอมอย่างดอกกุหลาบราคาแพงพันธ์อื่นๆ แต่มีเพียงมันเท่านั้นที่สามารถใช้ชีวิตอยุ่ท่ามกลางทะเลทรายที่โหดร้ายได้ ...ดอกเล็กๆของมันแทบไม่มีสีสัน แต่เมื่อมันมาอยู่รวมกันมากๆ...ก็จะกลายเป็นทุ่งดอกไม้ที่สวยได้ไม่แพ้ที่ไหน "

          " พวกเราเรียกที่นี่ว่าทุ่งกุหลาบ มันอาจจะมีตาน้ำหรือว่าน้ำใต้ดินไหลอยู้ตื้นๆถึงได้หล่อเลี้ยงให้ต้นกุหลาบหินพวกนี้อยู่ได้และแพร่พันธ์มากขนาดนี้.."

          "....วันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับประเพณีและศาสนาของผม ผมไม่เคยให้ดอกกุหลาบกับใคร...."


            "...นอกจากกุหลาบหินที่ทุ่งนี้ ...กับคุณคนเดียว.."


                      คาวัลดลจ้องมองแววตาสีดำสนิทที่ทอดมาอย่างอ่อนหวานแล้วอมยิ้มเขาคลายมือลงจากหลังม้าปรายตาไปยังทุ่งดอกกุหลาบหินเบื้องหน้า...
           ".....ไม่ไปเก็บมาให้ผมซักต้นแล้วยังจะมาพูดอีกเหรอ? หือ " คาวัลโลยิ้มรับออกปากกระเซ้าด้วยสีหน้าแช่มชื่น

           " ขอโทษ...ผมไม่ได้อยากให้คุณโกรธ " ชีคหนุ่มรับคำเสียงอ่อน

          " ของขวัญผมก็ไม่มี คิดเหรอว่าของแบบนี้จะทำให้ผมหายโกรธ..." คาวัลโลเลิกคิ้วหันไปมองสบนัยน์ตาสีเข้มของชายที่อยู่เบื้องหลังตน

          "............" อัลชาอ์นิ่งไปอย่างจนคำพูด ชีคหนุ่มเพียงแต่จับจ้องนัยน์ตาสีน้ำทะเลน่าหลงไหลนั้นอย่างแน่แน่ว จนในที่สุดคาวัลโลก็ต้องยอมแพ้
   เขาส่ายหัวช้าๆ และยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ

           "..คิดถูกแล้วล่ะ เพราะผมหายเคืองคุณทันทีเลย "

                       คาวัลโลเอื้อมมือคว้าไห่ลของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาไว้แล้วออกแรงดึงเบาๆให้ใบหน้าคมก้มลงมาหา เพื่อประทับริมฝีปากท่ามกลางผืนทรายสีทองและทุ่งกุหลาบหินสีแดงสดเบื้องหน้า..

            อัลชาอ์โอบกอดร่างเพรียวไว้แนบกายก่อนจะพรมจูบลงบนเปลือกตาสีอ่อน ชีคหนุ่มทาบริมฝีปากลงบนเรียวปากของมาเฟียตัวร้ายอีกครั้งอย่างแนบแน่น ขณะที่ลำแสงสีทองของดวงอาทิตย์ซึ่งใกล้จะลาลับ ส่องผ่านร่างของพวกเขาสองคนบนหลังม้า สลักเงาทอดลงบนผืนทรายสีทอง ...ราวกับเป็นนิรันดร์..

.....................................

  จบแล้วค่ะ ตอนพิเศษ หุหุ

      โพสต์รูปไปก่อนตั้งนานแล้วนิยายเพิ่งมา เน็ตหลุดอีกแล้วค่ะ หงุดหงิดมาก กว่ามันจะดีอีกรอบ เซ็งจริงๆ
ส่วนตอนนี้ไม่มีอะไรจะพูดมาก เอาเป็นว่าหวานกันทั้งคู่ แต่ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นรเวลาไหน ตอนไหน คิดกันเองเอง 555+
และอ่ะแฮ่ม...ตอนนี้มีบุคคลปริศนาโผล่มาหนึ่ง นั่นคือ......สุดที่รัก(มั้ง)ของรามิลและราเซย์ เรายังไม่บอกชื่อ หุหุ มีเพียงลักษณะสันฐานเบื้องต้นและนิสัย....555+แก้ข่าวว่าสองคนนี้เป็นเมะนะ ใครว่ารามิลกะราเซย์เป็นเคะ ไม่ช่ายยยย
ปล. ขอย้ำ ตอนพิเศษนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวของอะไรกับเนื้อเรื่องจริงนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: anuyasha ที่ 16-02-2011 03:47:15
รูปอัลชาอ์หล่อโฮกฮากไม่ไหวแล้วววว >.,<!!
ขอซักคนได้มั้ยเนี่ย เหอๆๆ (คาลี่กระโดนถีบ)

ตอนพิเศษน่ารักมากค่า :D
อัลเซอไพร์น่ารักมากกกอ่ะ! เขินมั้ยเนี่ยกุหลาบวาเลนไทน์ครั้งแรก? คึๆ
คาวี่ขี้งอน :P น่ารักเสมออออ ที่รักเลยคนนี้ 555+

ติดตามต่อไปค่ะ ! :)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: lolilo ที่ 16-02-2011 05:46:17
 :sad4: :sad4: :sad4:

ซึ้งงงงงงง แต่ก็แอบอยากให้มันเกี่ยว
คาวี่ทำท่านอัลของเราปวด-อก มากกับตอนที่ผ่านมา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 16-02-2011 08:20:55
โอย ตอนพิเศษหวานมากกกกกก ลึกๆแล้วแบบว่า...
เค้าก็อยากให้คู่ของท่านชีคกับคาลวี่ ลงเอยกันด้วยดีนะคะ
เล่นบอกว่า ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องจริง แอบใจแป้วเล็กๆ
แต่ก็เชื่อนะคะว่า คู่นี้น่าจะแฮปปี้เอนดิ้ง ^ ^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 16-02-2011 08:23:57
น่าร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 16-02-2011 09:33:27
ให้มันเกี่ยวกับเรื่องจริงจักน้อยเตอะ
อยากให้ท่านชีคกับคาวี่สมหวังแบบนี้จริงๆ
พอคิดว่าเรื่องจริงจะเป็นไปไม่ได้ก็ :z3:
เอ๋...แต่เรื่องยังไม่จบนี่เนอะ
รอลุ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: monster_narak ที่ 16-02-2011 09:53:25
 :impress2: ท่ายชีคค้าาาาหล่อมากกกกกกกกกกกกก

กรี้สสสสสส

ตอนพี่เศษคาวีกะท่านชีคหวานมากกก

หวานได้บรรยากาศอาหลับสุดสุดดดโรเเมนติกเกิ้นคู่นี้
อาเฮียยคาวี่ก้อเหวี่ยงได้น่ารักเกิ้นเขิลเขิล :impress2:

สองพี่น้องก้อหวานปนหื่นตลอดเวลาาาาอ้ากกก

ว่าเเต่นางในดวงใจสองหนุ่มเปนใครกันนะ  ลุ้นลุ้น
 :กอด1: :bye2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Saffron ที่ 16-02-2011 10:35:07
โอ๊ยยย มาเฟียคนนี้น่ารักจริงๆ


>////////////<


เมื่อไรจะได้หวานๆ กันแบบนี้น๊าาา



เห้ออ~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: homealone ที่ 16-02-2011 10:39:41
ว้าวววววว

พึ่งมาอ่านค้าาาน่ารักมากมากเรยค้าาาา


เเปลกดีคะ ท่านชีคกะมาเฟียยย

กรี้ดดด

ตอนพิเศษก้อหวานดีค้ะะน่ารักดีี

ขอบคุนค้ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 16-02-2011 10:55:07
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด หวานแบบที่หาได้ยากในเนื้อเรื่องสำหรับคู๋ชีคและคาวี่
ส่วนคู่แฝด อืม ควรจะชินสินะ
ขอให้ในเนื้อเรื่องหลักคู่ชีคและคาวี่วานแบบนี้บ่อยๆเถอะนะ
มาแล้วตัวละครปริศนาผู้จะมาปราบพยศรามิลและราเซย์
เป็นคนต่างชาติซะด้วย ท่าทางาชินีนะ ล่อเอาสองศรีพี่น้องหงอเชียว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 16-02-2011 10:56:12
 :m25:

อิ่มอร่อย... กีสส
น่ารักที่ซู้ดดด

(ว่าแต่นี่มันเป็นเรื่องอีกนานแค่ไหนเนี่ย -_-;)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 16-02-2011 10:59:58
 :-[ท่านชีคแอบทำหวานใส่คาวี่น่ารักมากมาย

 :z3:แต่อยากรู้ว่าบุคคลปริศนาคนนั้นเป็นใครคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 16-02-2011 11:14:18
หวานสมกับตอนพิเศษจริงๆ แต่ว่าเมื่อไหร่จะหวานกันจริงๆ ซะทีล่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 16-02-2011 11:33:31
เพิ่งจะเห็นแววน่ารักของคาวี่ก็ตอนนี้แหล่ะ
มดทะเลทรายทำงานหนัก เพราะหวานกันหยดเลยนะเนี่ย
น้ำตาลเกลื่อนไปหมด...หวาน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 16-02-2011 11:47:28
กรี๊ดดด ชีคขา ขอสักต้นได้มั๊ยย
ชอบตอนที่ พาไปทุ่งกุหลาบหินค๊า ขอบอกว่าอ่านแล้วขนลุก
แหนะๆ ขนลุกจากความตื้นตันนะ นะไม่ใช่อย่างอื่น 555+
ยังไงดี คำพูดชีค ดึงอารมณ์ได้สุดๆประมาณนั้น กดไล๊ให้เลย ^^
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 16-02-2011 11:55:54
หวานกันดีจัง  :L1: :L1:
กุหลาบหิน อันที่จริงก็จะซื้อเหมือนกัน แต่ชั่งใจไปมา ซื้อต้นกุหลาบดอกโตซะงั้น แต่กุหลาบหินโรแมนติกได้เหมือนกันนะเนี่ย  :กอด1: ท่านชีคน่าจะแถมเหยี่ยวให้คาวี่อีกซักตัวนะค่ะนี่
รามิลกะราเซย์ 3P กันเหรอค่ะ
สองอเล็กเค้าหวีดหวานกันได้ตลอดนะ แอบตื่นเต้นไปกับเซอร์ไพร์สด้วย คิดอยู่เหมือนกันว่าต้องเป็นฝีมืออเล็กซิสนะ
อยากให้เอาไปรวมกับเนื้อเรื่องจริง ๆ จังเลยค่ะ
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: moony ที่ 16-02-2011 14:54:39
อ่านรวดเดียวเลย สนุกสุดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 16-02-2011 15:18:12
ท่านชีคหวานไม่แคร์สื่อ 55+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 16-02-2011 16:15:56
อัลชาร์หวานมากกกกกกกกกกกกก  :-[
อ๊ายยยยยยย คาวี่ก้น่ารัก  :impress2:
ทำม้ายยย ทำไมมันช่างแตกต่างจากปกติซะเหลือเกิน  :เฮ้อ:
หวังเปนอย่างยิ่งว่าเนื้อเรื่องหลักจะเปนแบบนี้มั่ง นะคะ  o18
แต่ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ อ่านแล้วชุ่มชื่นหัวใจดี  :m1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 16-02-2011 16:50:38
หวานเนาะ...ถึงจะไม่ชอบวิธีตบหัวแล้วลูบหลังเท่าไหร่ แต่เซย์กับคาลเข้าใจก็โอเค :กอด1:
Happy Valentine's Day ย้อนหลัง 1 วันค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 16-02-2011 17:52:33
  หวานเลี่ยนมาก  น้ำตาลท่วมจอ  โดนมดกัด 
  แต่สงสัยจังว่าคนที่อยู่กับ รามิล  และราเซย์เป็นใคร  เขาจะโผล่มามีบทบาทด้วยใช่ไหม  และคู่นั้น 3P ด้วยใช่ป่ะเนี่ย 
  อยากรู้ ๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 16-02-2011 17:54:40
 :z3: :L2: หวานกันมากไปมั้ยแต่ละคู่     o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: llPETCHll ที่ 16-02-2011 19:21:39
อ๊ากกก น่ารักเว่อค่ะะะ !! > <

เขิลแทนคาลวี่ แอร๊ยย -w-
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 16-02-2011 20:11:58
น่ารักเวอร์ ๆ   


ให้ตาย  เถอะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 16-02-2011 21:35:50
บุคคลสุดที่รักของรามิลและราเซย์เนี่ย ผู้หญิง ผู้ชายค่ะ  :haun5:

คู่แฝดจะโหดก็ได้แค่นั้นล่ะน๊า าา สุดท้ายก็กลับมาหวานเหมือนเดิม

แต่คู่คาวี่นิสิ  :m3:

เนื้อเรื่องจริงให้หวานแค่สักครึ่งหน่อยก็ดีนะ ><

รอตอนต่อไปจ๊าา าา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 16-02-2011 22:11:16
อ้ากกกกหวานมากๆๆๆๆ


น่ารักจังอ่ะ



คุณพ่ออยากให้เซย์เซอร์ไพร์เล่นซะตกใจเลยอิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 16-02-2011 22:42:31
รูปสวยค่าาาา ยิ่งรูปนู๋คาวี่เมา?  ฮ่าๆๆ (แอบหน้าแดงอมชมพูจริงๆด้วยค่ะ)
ตอนพิเศษหวานน่ารักกันถ้วนหน้า ว่าแล้วก้ออยากเห็นคนพิเศษของคู่รามิลกับราเซย์นะคะ เมะ?? โอ้ววว.. คาดไม่ถึงจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 16-02-2011 22:49:42
ว้าวววววววววววววววววววววววววว
ถึงจะบอกว่าไม่เกี่ยวกะเรื่องจริงก้เถอะนะ แต่ว่ามันก้สนองจิตได้ดีทีเดียวเชียวล่ะคร๊าบบบ^^
ขอบคุณครับ สนุกดี ชอบ ๆ
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 16-02-2011 23:32:15
ย่องมาอ่านตอนพิเศษ
อ่านแล้วน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงเลยทีเดียว
เมื่อไรเนื้อเรื่องหลักมันจะรักกันจริงๆซะเท้....

 :pig4:&  :L2:  To  Writer
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 16-02-2011 23:41:35
ปล. ขอย้ำ ตอนพิเศษนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวของอะไรกับเนื้อเรื่องจริงนะค่ะ


โอ้โห เซงเลย แสดงว่าตอนจริงๆอาจจะไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอย่างงี้เหรอ  :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 16-02-2011 23:58:47
กรี๊ดดดดดดดดดดดด
อัลชา คาวัลโล ขนาดนี้แล้วคบกันเลยดีกว่า :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 17-02-2011 00:54:32
รูปคาวี่ เมาแล้วสาวจัง อิอิ :laugh:

แต่ท่านชีคนี่ไม่ไหว :sad4: หล่อดี

ส่วนตอนพิเศษนี่หวานมากมายก่ายกองเลย แล้วเมื่อไหร่เนื้อเรื่องหลักจะหวานอย่างนี้มั่งเนี่ย
เห็นแต่บู๊กระหน่ำเลือดสาดเลยอ่ะ :z3:

:L1:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 17-02-2011 01:14:23
 :impress2:ท่านซีคน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


คาวัลโลขี้งอลลลลลลลล แต่ก้อน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกก o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงแสดงตัว ที่ 17-02-2011 03:20:50
หวานน้ำตาลทะลุเลย :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: HyaSiness ที่ 17-02-2011 03:50:35
 :-[ :-[ :-[ :-[

ตอนพิเศษ โฮกไม่ไหวจะเป็นลม

หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หวานกันไปข้าง แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


ชอบฝาแฝดมากกกกกกกกก (ใจจริงแอบอยากให้เซย์เหวี่ยงบ้างไรบ้าง กร๊ากก)

ชอบน้องคาวี่ด้วย ขอของขวัญเองจากปากเลย
น่ารักแบบหนูใครจะไม่อยากให้ของขวัญล่ะลูกกกกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 17-02-2011 13:31:20
ตรงกว่านี้มีอีกมั้ยจ๊ะคาวี่
แต่หวานถูกใจมากเลย

ส่วนคู่แฝดก็เล่นกันแรงนะเนี่ย
เกิดเซย์อาละวาดล่ะก็ ฮึ่มมมม
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 17-02-2011 14:10:33
โอยยยย จะละลาย  เล่นให้กุหลาบทะเลทรายเป็นทุ่งเลย
ใครว่าอัลชาอ์ไม่โรแมนติกเนี่ย (ได้ข่าวว่าคาลวี่)(ฮ่าๆ)
ตายๆๆ คนอ่านนอนสลบกลางทรายแล้ว (เอิ๊กกกก)
คู่แฝดก็น่ารัก แต่ป๊ะป๋าเล่นแรงนะเนี่ย เหอๆ ระวังลูกๆเอาคืน โฮ่ๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 17-02-2011 16:22:24
เออ...ถ้าเข้าใจไม่ผิดสองคนนั้นมันมีแฟนคนเดียวกันชิมิ...ทั้งพี่ทั้งน้อง

คาวี่น่ารัก...ดูออกเคะมากมายเลยอ่า ทุกทีต้องเชิดๆหยิ่งๆไม่มีมาตอแยอะไรแบบนี้แน่นอน
ซีคก็แม้นแมน เท่อะ อึ้ยๆ เขินๆ ซีคเท่ได้อีกอะ รักสุดๆเลย~ (>,<-)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 20-02-2011 11:49:41
มารอคาวี
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 20-02-2011 17:11:57
มันหวานแบบค้างๆคา ครึ่งๆกลางๆ ไปหน่อย หุๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 20-02-2011 23:16:04
หวานนน  :-[
อยากให้เป็นเรื่องจริงจังเลยอ่ะ ฮุฮุ
หวังว่าในเรื่องจริงจะได้รักกันแบบนี้บ้างน้า
แบบว่าคาวี่ดึงท่านชีคเข้ามาจูบเองเลยอ่ะ อร๊างงง  :impress2:
แต่รู้สึกเหมือนกันนะว่าคาวี่ดูหวานกว่าตัวจริงไปนิด 55
อย่างคาวี่น่ะ ต้องเริ่ดๆเชิดๆ  :o8:
ยังไงก็น่ารักอ่ะ ชอบจังเลย

รอตอนต่อไปนะคะ ชอบเรื่องนี้สุดๆอ่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 21-02-2011 16:00:53
ขอบคุณนะคะคุณปุ้ย  สำหรับตอนพิเศษ หวานมากอะ โฮะๆๆ พึ่งเข้ามาอ่าน ชอบท่อนนี้มาก "...นอกจากกุหลาบหินที่ทุ่งนี้ ...กับคุณคนเดียว.." กรี๊ดดดด ท่านชีคของคาวี่ อยากจะลงไปกลิ้ง ชอบๆๆ มีมาบ่อยๆนะคะ ตอนพิเศษ เเล้วก็ คุณพ่อน่ารักดีตอนที่กล่าวถึงพ่อรูสึกคิดถึงความรักของครอบครัวขี้นมาเลยอบอุ่นมากเลย


+1  ให้คุณพ่อ เเละ ความหวานของท่านชีค โฮะๆๆๆ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 21-02-2011 16:59:53
มารอคาวี่กะอัลชาร์ค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 21-02-2011 19:00:56
หวานๆๆๆๆๆ มากๆๆๆๆๆ

รักคาวี่ที่สุด รอมาต่อน่ะค่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Gasil[+] ที่ 22-02-2011 07:54:08
มดกัดๆๆๆๆ ><

มดจะรุมตอมคนเล่นคอมอยู่แล้ว....อา วาเลนไทน์ที่หอมหวาน หึหึหึ

หวานจริงๆ น่าร๊ากกกก.... :impress2:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 22-02-2011 09:39:43
หวานมากทั้งสองคู่
ของแฝดเป็นอะไรที่เซอร์ไพรสมากๆ
หัวใจจะวาย
ของท่านชีคโรแมนติกอ่ะ
อยากเห็นทุ่งกุหลาบหินมั่ง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 23-02-2011 00:40:53
มารอตอนต่อไปจ้า :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 23-02-2011 01:02:16
 :o8: ตอยพิเศษหวานมากกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ว่าเรื่องจริงเมื่อไหร่จะลงเอยกันอ่ะ
สงสารท่านชีค  :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 24-02-2011 04:42:05
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 24-02-2011 16:11:49
มารอจ้า  :laugh3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: bleach_pa ที่ 24-02-2011 16:41:55
มารอคอยท่านต่อไป  :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 25-02-2011 21:59:44
ท่านชีคอยู่ไหน คาวี่ ยู้ฮู  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 25-02-2011 22:12:38
แวะมาส่อง  :m22:

 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 26-02-2011 10:12:42

Line 22 : ลงมือ

      เข็มเวลาเดินเลยเลขสิบสองไปไกลโขแล้ว แต่ทว่าอเล็กซิส วาลกัส กลับไม่มีแม้แต่เวลาจะลุกไปกินข้าว  บนตึกสูงใจกลางกรุงโรมซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทตนชายหนุ่มนั่งอ่านเอกสารต่างๆที่ทยอยมาส่งที่ห้องทำงานไม่หยุดด้วยสีหน้าเครียดเคร่งขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อกาแฟดำขมจัดในถ้วยถูกยกขึ้นมาอีกครั้งและพบแต่ความว่างเปล่าแล้วนั่นล่ะ คุณชายใหญ่ของบ้านจึงเงยหน้าออกมาจากกองเอกสารได้..

      เขากดอินเตอร์โฟนเรียกให้เลขานำกาแฟถ้วยที่สองให้ ขณะที่เอกสารอีกปึกใหญ่ก็เพิ่งมาถึงด้วยฝีมือของลูกน้องคนสนิท

        " หมดรึยัง? "อเล็กซิสถอนหายใจเฮือก ออกปากถาม

         " ครับ นี่ชุดสุดท้ายแล้ว " คำตอบจากชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาขรึมตรงหน้าทำให้นึกเบาใจขึ้นได้เล็กน้อย แต่ก็เพียงเล้กน้อยเท่านั้น เพราะมันยังมีเอกสารกองเท่าภูเขารอให้เขาตรวจสอบและสะสางอยู่นี่

         " แล้วพวกกรรมการ กับพวกที่แกงค์มีใครสงสัยถามอะไรบ้างรึเปล่า ? "ชายหนุ่มออกปากถามอีกครั้ง ด้วยสีหน้าใคร่ครวญ

         " ไม่ครับ " คำตอบของคนสนิททำให้หัวคิ้วของเขาเลิกขึ้นอย่างงวยงงไม่น้อย " ผมแจ้งไปว่าคุณชายต้องการตรวจสอบงบประมาณรายรับกลางปี.."

          " อืม..." อเล็กซิสรับคำเบาๆ เรื่องที่คาวัลโลตายและเขาจะมารับช่วงต่อทั้งตำแหน่งบอสและประธานบริษัท คนพวกนั้นก็คงทราบแล้วสินะ และมันคงไม่แปลกอะไรถ้าเขาจะตรวจสอบเอกสารรายรับรายจ่ายต่างๆก่อนที่ตัวเองจะได้รับตำแหน่ง

          " แล้วเรื่องตรวจสอบการใช้โทรศัพท์.."

          " ที่บ้านของพวกเขามีการติดเครื่องป้องกันการดักฟัง และเปลี่ยนคู่สายบ่อยๆ ...แต่ตอนนี้กำลังเร่งเจาะระบบอยู่ครับ.." คำตอบนั้นทำให้คิ้วของคนฟังขมวดเข้าสหากันอีกครั้ง แต่อเล็กซิสก็ถอนหายใจเบาๆ เรื่องการป้องกันการถูกดักฟังหรือการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์นั้นเป็นหลักพื้นฐานของการป้องกันความรับรั่วไหล แน่นอนล่ะ ว่าสำหรับแกงค์มาเฟียอย่างพวกเขานั้น การที่ใครหรือครอบครัวไหนจะเลินเล่อ ไม่ป้องกันมันนั้นมันเป็นไปไม่ได้ เพราะนอกจากมันจะเป็นการฆ่าตัวตายทางอ้อมแล้ว ยังเสี่ยงทางแกงค์จะรู้เรื่องความลับที่รั่วไหล มีสิทธิถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกทรยศ ขายความลับได้

           "....ก็ดี.....แล้วอเล็กเซย์..." ชายหนุ่มเกริ่นถึงคนป่วยที่พักอยู่ที่บ้าน คนที่น่าห่วงพอกัน กับพื้นอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆเรื่อยๆจนแทบเดาใจไม่ถูกนั้น

           " เมื่อครู่ออกไปกับคุณชายคาร์เนโร่ครับ..." คำตอบนั้นทำให้คนฟังขมวดคิ้วมุ่น อเล็กซิสรับคำเบาๆในลำคอ ขณะที่เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นมาอีกครั้ง และร่างของเลขาสาววัยกลางคนของตนก็เดินเข้ามาในห้อง เธออกปากขออนุญาติเบาๆ ก่อนจะวางแก้วกาแฟเอสเพรสโซ่สีเข้มลงบนโต๊ะ...

             บทสนทนาของเขาและลูกน้องเองขาดหายไปจนกระทั่งหญิงสาวปิดประตูลงอีกครั้ง อเล็กซิสขมวดคิ้วน้อยๆมองหน้าคนสนิทที่ยืนนิ่ง คล้ายมีอะไรจะบอก

            " มีอะไรอีกรึเปล่า? " เขาออกปากถามพลางยกกาแฟขึ้นจิบอีกครั้ง

            " เมื่อครู่...คุณซิลเวียเธอเข้าไปที่คฤหาสถ์.. " อเล็กซิสเลิกคิ้วขึ้นอย่างงวยงงไม่น้อย ก่อนจะพ่นคำสถบอุบเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเจ้าน้องชายทคี่ตายไปแล้ว มันโยนอีกหนึ่งภาระใหญ่ๆมาให้เขาเต็มๆ ....ทั้งยังเป็นภาระที่น่าปวดหัวดีเสียด้วย...

            "....แล้ว...เธอว่ายังไงบ้าง.."

             " ...คุณซิลเวียมาถามเรื่องคุณชายคาวัลโล...ผมจึงเชิญไปหาคุณอลิสครับ.." ฟังแล้วอเล็กซิสก็พยักหน้ารับ นั่นสินะ เรื่องแบบนี้ ให้ผู้หญิงคุยกันน่าจะดีกว่า...อีกทั้งเมื่อนึกถึงแม่สาวคนนั้นแล้ว..เขาก็ไม่แน่ใจตัวเองเสียด้วยว่าจะอดทนรับมือกับหล่อนยังไงให้ไหวโดยที่ความไม่แตกไปเสียก่อน

            คิดแล้วอเล็กซิสแทบจะยกมือกุมขมับ...ดีแล้ว..ดีแค่ไหนที่แม่เขาเป็นฝ่ายรับหล่อนไปคุยด้วยเสียเอง...

            "....และ....ข่าวจากคุณซิลเวีย..." คำพูดนั้นทำให้อเล็กซิสขมวดคิ้วแล้วครางในลำคอ...ลางสังหรณ์ร้ายที่สุดตอนนี้ที่เขาคิดได้ คือทุกแกงค์จะร่วมมือกันถล่มวาลกัส..แต่ทว่า ...มันก็ยังไม่ร้ายเท่ากับการดอนจะร่วมมือด้วย เพราะนั่นหมายถึงพวกเขาเป็นฝ่ายเลี้ยงจิ้งจอกไว้ในกลุ่มเสียเองด้วยซ้ำ

            " ข่าวอะไร ?"

            " เธฮบอกว่า...ทางเรกาโซ่เริ่มเคลื่อนไหว และกำลังสำคัญของแกงค์ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในอิตาลีแล้วครับ " คำพูดนั้นทำให้อเล็กซิสเบิกตากว้าง เขาสถบเบาๆ ก่อนจะพยักหน้ารับคำให้ลูกน้องออกจากห้อง ชายหนุ่มคว้าเอาโทรศัพท์มือถือของตนออกมากดเบอร์ของคนที่เขาต้องการคุยด้วยอย่างเร่งร้อน

       อเล็กซิสผ่อนลมหายใจลงและจิบกาแฟลดอาการปวดหัวที่เเล่นจี๊ดเข้าสมอง เขานิ่งฟังเสียงรอสายด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ...

            "..Ciao .(สวัสดีค่ะ)...." เสียงตอบกลับจากปลายสายเป็นเสียงเรียบๆคุ้นหู อเล็กซิสผ่อนลมหายใจลงช้าๆ สายตาจับจ้องไปที่กรอบรูปที่ใส่รูปของตนเองและครอบครัวไว้

             " ciao ...ซิลเวีย นี่ผมเองนะ อเล็กซิส..."

             "..อ้อ....ค่ะ พี่อเล็กซิส...ได้รับข้อความที่ฉันฝากไปแล้วสินะ " ปลายสายออกปากถามตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม...อันเป็นอีกลักษณะนิสัยหนึ่งที่ทำให้คาวัลโลนึกถูกใจเธอคนนี้...

             " ครับ...ตอนนี้อยู่ที่ไหนเหรอ? ที่บ้านของผมรึเปล่า? "

             " ฉันกลับมาแล้วค่ะ..ขอโทษจริงๆที่ไม่ได้บอกก่อน "

            " ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน " อเล็กซิสเอ่ย พลางยิ้มมุมปากกับคำพูดของตน...ครอบครัว...ก็ถ้าเธอสามารถจะอดทนรอได้จนถึงตอนที่คาวัลโลมันกลับมามีชีวิตอีกครั้งล่ะนะ

             "ขอบคุณค่ะ...ยังไงกราดอนก็ไม่คิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกคุณตอนนี้หรอก " อีกแล้ว...กับคำพูดที่ราวกับรู้ใจคนฟัง อเล็กซิสเผลอยยิ้มมุมปากออกมาอย่างเปลอไผล เมื่อคิดได้ว่ามันช่าง"เหมือน"ใครบางคนเสียเหลือเกิน

              " ยังไงผมก็ขอบคุณข่าวที่ให้มา.." เขาเกริ่นเข้าเรื่อง..

              " คงไม่ถามนะว่าฉันไปรู้มาจากไหน..."

               " โอ...ไม่ ผมรู้ว่าเธอสนิทกับฝ่ายนั้น หรืออย่างน้อยก็เคยสนิท..." หลังจากเรื่องวิวาทใหญ่โตที่เคยเกิดขึ้น และทำให้พวกกราดอนและเรกาโซ่เข้าหน้ากันไม่ติดอีกนาน..

               "ฮ่ะๆ...ก็ได้ ฉันยอมแพ้เลย...ฉันได้ข่าวมาจากโรซาลน่า..เธอเผลอพูดออกมาน่ะ แต่ฉันคิดว่ามันคงมีประโยชน์กับคุณบ้าง .." อเล็กซิสรับคำเบาๆกับคำตอบนั้น

               "...เธอบอกว่าแฟนกับพี่ชายตัวเองออกไปเที่ยวกันแถบที่พวกคุณเคยไปมา เธอยังบ่นเลย ว่ากลัวพวกเขาจะเจออุบัติเหตุแบบที่ลงข่าว..."

                " โอ้.... ขอบคุณมากนะ ซิลเวีย... "

                "..ค่ะ....ไม่เป็นไร...งั้นแค่นี้ก่อนนะค่ะ "

                "........"

        เสียงกดวางสายดังขึ้นก่อนที่เขาจะได้ทันกล่าวลาอีกครั้ง ทำให้อเล็กซิสโคลงหัว กับมารยาทที่ออกจะติดลบไปสักหน่อยแต่คิดอีกแง่เขาก็ว่าดีเหมือนกัน ดีกว่าพวกที่โทรมาพุดคุยออดอ้อนฉอเลาะไม่ยอมวางเป็นชั่วโมงๆโดยไม่รู้ว่าปลายสายจะว่างรึไม่เสียอีก  แต่ก็นั่นล่ะ ทำแบบนี้ยิ่งทำให้เขานึกภาพซิลเวียเป็นนายหญิงของแกงค์ไม่ออก ผู้หญิงของมาเฟียที่ต้องเรียบร้อยอ่อนหวานและอยู่ในโอวาทสามี ...เกรงก็แต่ว่าถ้าเป็นสองคนนี้ สามีและภรรยาจะแย่งกันเป็นบอสเสียล่ะไม่ว่า...

 ยังไงนั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต...และเวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาสนใจเรื่องราวที่ยังไม่มาถึงเสียด้วย เพราะข่าวที่ได้มานั้นมันสำคัญยิ่งกว่า

...แหล่งข่าวที่ว่าคือ โรซาลน่า ดีไลว่า ลูกพี่ลูกน้องของ ปิลิเป้ เรกาโซ่ และเป็นแฟนสาวของ ราฟาเอโร่ บอนด์เต้...

  อเล็กซิสขมวดคิ้วน้อยๆ พยายามเรียบเรียงความสัมพันธ์ที่อิรุงตุงนังของคนเหล่านี้ให้ได้...

...คนพวกนี้ล้วนอยู่คนละแกงค์..แต่ที่มาเกี่ยวกันแบบนี้ นอกจากจะเพราะการเป็นปฏิปักษ์กันทางสายอาชีพแล้ว ยังเป็นเพราะ ไอ้น้องชายของเขา คาวัลโล วาลกัส มันโผล่ไปยุ่งกับชาวบ้านเสียด้วย...

.....เริ่มมาจากการที่ซิลเวีย กราดอน กับราฟาเอลโร่ บอนด์เต้...หมั้นหมายกันมานานด้วยสัญญาของบอสทั้งสองแกงค์..

...และหลังจากสงครามมาเฟียครั้งล่าสุดเมื่อสามปีก่อน ไม่รู้ว่าน้องชายของเขามันไปคิดอะไร ทำอะไรอีท่าไหน ถึงทำให้กราดอนและเรกาโซ่มีเรื่องกัน...จนทำให้สองคนนั้นถอนหมั้นและเป็นปรปักษ์กันแบบถาวร...

 จากนั้นซิลเวียก็มาหมั้นกับคาวัลโล ...โอเค เขายอมรับว่ามันฉลาด ที่ทั้งเหยียบหน้าพวกเรกาโซ่และช่วยสานสัมพันธ์กับกราดอน สร้างอาณาจักรของพวกเขาให้ยิ่งใหญ่ขึ้น แม้จะเป็นแค่การรวมกันแบบหลวมๆก็เถอะ..

...ส่วนทางเรกาโซ่ตามที่เขาได้ข่าวมา ราฟาเอลโร่ก็หันไปคบกับญาติสาวห่างๆของตน ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องสาวของฟิลิเป้ บอสรุ่นต่อไปของเรกาโว่ ก็คือโรซาลน่า ดีไลว่า...

..ความสงสัยของอเล็กซิสจุกแน่นในสมอง หนึ่ง คือซิลเวียกับโรซาลน่า...สองสาวนั้น "สนิท" กันได้ยังไง ทั้งที่เป็นแฟนเก่าและแฟนใหม่ของผู้ชายคนเดียวกัน

 สอง...คือเรกาโซ่รู้ได้ยังไง ว่าคาวัลโลออกไปทำงานแถวนั้น

งานที่น้องชายเขารับไปทำเป็นงานของแกงค์และเป็นความลับที่มีคนไม่กี่คนรู้...แล้วเพราะอะไร แกงค์อื่นถึงรู้ได้

และสาม..ที่สำคัญที่สุด คือเจ้าพวกนั้น ตอนนี้มันกำลังถูกน้องเขาจัดการ หรือ ไปจัดการน้องชายเขาอยู่...

...อเล็กซิสถอนหายใจเบาๆอย่างเครียดเคร่ง  ก่อนจะเปิดเอกสารในมือต่อ เพื่อที่เขาจะได้ตรวจมันให้เจอเสียทีว่าหนอนตัวนั้นอยู่ที่ไหน...

 คนทรยศที่ขายข่าวพวกเขาให้กับทั้เรกาโซ่ และศัตรูพวกอื่น ยิ่งปล่อยไว้นานเท่าไหร่ ยิ่งเสียหายมาเท่านั้น...

......................................................

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 26-02-2011 10:21:13

      ความเงียบลอยตัวอยู่ท่ามกลางห้องนอนของชีคแห่งเซเนียยา ขณะที่ชายหนุ่มสองคนยืนจ้องตากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่ยอมใคร หนึ่งคือท่านชีคอัลชาอ์ผู้เป็นเจ้าห้อง และอีกหนึ่ง ก็คือร่างของมาเฟียชาวอิตาเลียนตัวแสบ ที่นั่งหน้ามู่ทู่อยู่บนเตียงอย่างไม่พอใจ

          นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องสบกับนัยน์ตาสีดำสนิทของอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมหลบ คาวัลโล วาลกัส มีสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่งยวด เขากระแทกตัวลงนั่งบนเตียงหนามีสีหน้าหงุดหงิดเหลือจะกล่าวมาเฟียหนุ่มตวัดมือซ้ายที่ถูกพันแผลไว้ขึ้นๆลงๆ สลับกับการสะบัดเท้าไปมา ช่างเป็นการออกฤทธิ์ออกเดชที่น่าปวดหัวนัก

         " ทำไมผมจะไปไม่ได้ กะอีกแค่มือแบบนี้มันอะไรกันนักกันหนา นี่มันเรื่องของผมนะมัน..." คาวัลโลอ้าปากโวยวายไม่ยอมหยุด หลังจากทราบว่าอัลชาอ์จะไม่ยอมให้เขาไปด้วย ทั้งที่ช่วยกันวางแผนคิดอะไรแทบตายแท้ๆ

          " ไม่ไปก็คือไม่ไป อย่าให้ผมเห็นคุณนะคาวัลโล วาลกัส ไม่งั้นเราจะได้เห็นดีกันแน่ ! " ชีคหนุ่มคำรามเสียงห้วนอย่างไม่ยอมใจอ่อน

            และจากนั้นริมฝีปากของคนป่วยก็พ่นสารพัดคำก่นด่าสถบบ่นแสนจะไม่เข้ากับหน้าตาและไม่เข้าหู ชวนให้เส้นประสาทที่ขึงตึงใกล้จะขาดอยู่รอมร่อ อัลชาอ์พ่นลมหายใจออกจากจมูกอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจใช้ยุทธวิธีสุดท้ายจับคอเสื้อเจ้าตัวโวยวายแล้วกระชากให้นอนลงบนเตียงก่อนจะใช้ผ้าห่มผืนหน้าคลุมฝ่ายนั้นไว้อย่างรวดเร็ว และเดินออกมาจากโคมไฟตรงฟัวเตียงที่มาเฟียรายนั้นกำลังกระชากออกมาอาละวาด
    มันเป็นภาพที่รามิลกับราเซย์มองแล้วไม่รู้จะขำหรือสังเวชใจดีเมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงของตกแตกกระทบพื้น และร่างของท่านชีคแห่งเซเนียยาเดินออกมาด้วยสีหน้ามืดทะมึน

       " เขวี้ยงเข้าไปนะของ ถ้าผมกลับมาแล้วรู้ว่าไปเหยียบเอาอะไรเข้าอีกแผลล่ะก็ คราวนี้ไม่ต้องลุกไปไหนกันแล้ว ! " ฝ่ามือหนาตบประตูโครมพลางร้องตวาดสวนกับเสียงโครมครามในห้อง ผลคือเสียงก่นด่าดังลอยมาตอบรับ พร้อมกับเสียงโครมครามดังกว่าเดิมเสียงอีก

        "...ตอนนี้ก็ไม่ได้ลุกไปไหนไม่ใช่รึไง! โว้ยยยยยย...." เสียงตะโกนตอบรับพร้อมกับสารพัดคำสถบหยาบคายที่แแว่วมาทำให้ราเซย์ชักสีหน้ารังเกียจ ส่วนอัลชาอ์ก็คำรามในลำคออย่างไม่พอใจ ชีคหนุ่มส่งกุญแจไว้ที่องค์รักษ์คนสนิท เอ่ยเสียงห้วน

        " เฝ้ามันไว้ล่ะ อย่าให้ออกมาได้เชียว "

        " อารมณ์ร้ายซะจริง... "รามิลออกปากบ่นพลางทำหน้าเบ้ เมื่อแว่วเสียงโครมครามดังมาจากห้องไม่หยุด

         " ไม่เคยได้ยินหรือไง หงุดหงิดง่าย อารมณ์ไม่คงที่ ชอบทำอะไรตามใจ นั่นล่ะ คนอิตาเลียน..." ราเซย์บอกน้องชายพลางชักสีหน้าหงุดหงิด รามิลฟังแล้วโคลงหัวพลางหัวเราะในลำคอเบาๆ ...ก็ไอ้นิสัยร้ายๆที่พี่เขาเอ่ยมา มันมีในตัวของเจ้าบ้าที่เพิ่งโดนขังไปเมื่อครู่ทุกอย่างเลยนี่...ส่วนไอ้ข้อดีอย่างเป็นมิตร หรือมีอารมณ์ศิลปิน คาดว่าคงหาไม่เจอ..

         แอ๊ด...

      " เอาล่ะ มากันครบรึยัง..." บานประตูห้องถูกเปิดออก ขณะที่ร่างของชีคอัลชาอ์เดินนำเข้าไปด้วยสีหน้านิ่งขรึมหากแต่เมื่อลองคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว คงบอกได้อย่างเดียวว่าอัลชาอ์กำลังอารมณ์บูดถึงที่สุด..

           ร่างของชีคหนุ่มนั่งลงบนหัวโต๊ะ รามิลและราเซย์นั่งลงบนที่ว่างข้างๆ ในห้องประชุมขนาดกลางมีร่างของนายทหารหลายนายนั่งเงียบอยู่ ซึ่งเป็นนายพลผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาการพื้นที่แถบชายแดน"ส่วนน้อย"ที่ไม่ถูกท่านชีคทิ้งระเบิดใส่เมื่อสองวันก่อน และถูกเรียกมาเพื่อทำงานลับให้กับผู้นำของตน สีหน้าของทุกคนมีแววครุ่นคิดไม่น้อย บางรายจ้องมองใบหน้าของผู้นำตนด้วยสีหน้ากังขา..ปนกับความสงสัย

          บานประตูปิดลงอีกครั้งเมื่อผู้ร่วมประชุมมาถึงกันครบพร้อม ภายในห้องประชุมที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ มีโปรเจกเตอร์และหน้าจอวิดิโอคอนเฟอรเรนซ์เพื่อรายงานสถานการณ์สด กระดาษสีขาวขนาดกลางที่มีรอยหมึกถูกขีดเขียนและแก้โยงจนลายพร้อยวางอยู่บนหัวโต๊ะ และด้านหน้าของทุกคนจะมีรายงานและรายละเอียดต่างๆของปฏิบัติการ"เก็บ"ผู้บุกรุก ซึ่งจะทำการประชุมเป็นครั้งสุดท้ายและออกไปเริ่มงานกันในวันนี้..

        อัลชาอ์กวาดตามองรายงานบนโต๊ะของตนอย่างคร่าวๆชีคหนุ่มพยักหน้ารับให้คนของตนฉายภาพแผนที่แถบชายแดน นัยน์ตาสีเข้มกวาดตามองมันอย่างละเอียด ขณะที่ฟังนายทหารผู้ประจำการอธิบายเกี่ยวกับพื้นที่นั้นอย่างตั้งใจ

         "...แล้วทหารทางนั้นล่ะ ติดต่อได้รึยัง? " ชีคหนุ่มเปรยเสียงเรียบ หลังจากการพุดคุยในหัวข้อข้างต้นจบไปแล้ว..

         " ผมติดต่อไปแล้ว..ทหารฝั่งนั้นจะประจำอยู่ตรงชายแดน หากผู้บุกรุกจะข้ามไป พวกเขาจะทำการต่อต้านอย่างเต็มที่ครับ ! " พยักหน้ารับฟังคำรายงานด้วยสีหน้าสงบ อัลชาอ์หรี่ตามองแผนที่ในมือก่อนจะออกปากถาม

         " ล่าสุด...พวกนั้นไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน  ในสองวันนี้ มีการเคลื่อนไหวอะไรเพิ่มเติมรึเปล่า"

         "...จากที่ตรวจสอบดู ผู้บุกรุกเคลื่อนกำลังไปประชิดแถบชายแดน แต่หลังจากถูกรุกไล่มาเมื่อวาน ตอนนี้พวกเขาอยู่ในเขตแดนของเรา ..ทหารของเราได้รับคำสั่งให้เฝ้าจับตามองห่างๆ...ตอนนี้มีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย พวกนั้นยังไม่กล้าจะทำอะไรบู่มบ่ามครับ.." เสียงรายงานเรียบเรื่อยจากปากราเซย์ทำให้ผู้ฟังพยักหน้ารับช้า หัวคิ้วสีเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ยามได้สบมองแววตาของผู้ร่วมประชุมที่จ้องมองมาทางตน ชีคหนุ่มผ่อนลมหายใจลงช้าๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ

         " ดี....ถ้างั้นวันนี้ตอนบ่ายสอง บอกทหารของเราที่ประจำอยู่ตรงนั้นเริ่มโจมตีได้เลย...จำไว้ จับเป็นไว้ก่อน ถ้าขัดขืนจึงจับตาย นำตัวหัวหน้ามันมาให้ได้ ! " น้ำเสียงหนักแน่นนั้นทำให้ผู้ฟังพยักหน้ารับ ร่างของนายพลผู้รับผิดชอบลุกขึ้นยืดตัวตรงทำความเคารพ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องประชุมเมื่ออัลชาอ์พยักหน้ารับ

        ภายในห้องเหลือเพียงร่างของชีคหนุ่มและสองพี่น้องตระกูลเซย์ฮามัค พร้อมกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่อีกสองรายที่นั่งนิ่ง จ้องมองสีหน้าของผู้นำประเทศตนอย่างเคร่งขรึม

          " ท่านนายพล กาซิม...มีอะไรจะรายงานผมอีกไหม? " น้ำเสียงเรียบนิ่ง หากส่อแววอันตราย...ทำให้ผู้ถูกเรียกชะงัก...ริมฝีปากเม้มแน่น...

         "....เรื่องที่ชีคให้ผมไปตรวจสอบ..."

         "....ได้ความว่า...." นัยน์ตาสีนิลคมปลาบจ้องมองผ่านฝ่ามือสองข้างที่กำแน่น

         " ครับ...." น้ำเสียงตอบรับดังแผ่วเบาทำให้คิ้วเข้มกดลึกลงยิ่งขึ้น "ทหารที่ประจำอยู่บริเวณใกล้เขื่อน..ยอมรับแล้วว่าเป็นคนของท่านอาลิยะห์..."

            ผู้ฟังหรี่นัยน์ตาลงเล็กน้อยด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น ขณะที่ราเซย์หันไปสบตาน้องชายที่อ้าปากหวอ สีหน้าตกตะลึงและคาดไม่ถึงอย่างแจ่มชัด...

อาลิยะห์....

ท่านหญิงอาลิยะห์ มูอัสซิน หญิงที่เคยดำรงตำแหน่งรานีองค์ก่อนของประเทศ ..ผู้มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของอัลชาอ์ และเป็นมารดาขององค์ชายฟาลซาอ์..

และตอนนี้....เหตุใดจึงกลับมามาดร้าย ปองร้ายต่อราชวงศ์ที่ตนอุ้มชู...

          "...แล้วฟาลซาอ์..." ชีคฟหนุ่มยังมีสีหน้าสงบนิ่ง ออกปากถามถึงชายอีกคนสั้นๆ

          "..ยังไม่มีรายงานว่าเจ้าชายฟาลซาอ์ทราบเรื่องครับ..."

          "..งั้นหรือ.."

           " ฝ่าบาท...จะทรงให้หม่อมฉันจัดการ....."

           " ยัง..."ฝ่ามือหนาโบกหยุดคำพุดของนายพลคนสนิท อัลชาอ์กวาดตามองแผนที่ประเทศบนจอโปรเจกเตอร์ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว

           "...ปล่อยไป...ให้พวกมันเข้าใจว่าเป็นท่านอาเหม็ดที่ถูกสงสัย.. ตรวจสอบการติดต่อระหว่างฟาลซาอ์กับทางบ้านให้ดี...จำไว้ว่าถ้าฟาลซาอ์รู้เห็นเป็นใจกับแผนการณ์นี้เมื่อไหร่ ให้รีบมารายงาน.." ฝ่ามือหนาหยิบกระดาษสีขาวที่มีข้อความบางอย่างพิมพ์ไว้ออกมาพินิจ ขณะที่นายพลกาซิมพยักหน้ารับคำสั่งเบาๆ แล้วเดินออกไปจากห้อง...ท้ายที่สุด จึงเหลือแต่ร่างของอาเหม็ดและสองพี่น้องตระกูลเซย์ฮามัคที่นั่งมองชีคของตนนิ่ง..

       ร่างสูงถอนหายใจแผ่วเบา ใบหน้าเครียดเคร่ง ขณะที่อาเหม็ดลุกขึ้นตบบ่าหลานชายเบาๆด้วยสีหน้าลำบากใจไม่น้อย..

           " เวลาเปลี่ยน...คนก็เปหลี่ยน อย่างที่เจ้าคิดไว้ อัลชาอ์....." น้ำเสียงเรียบเรื่อยดังข้างกายพร้อมกับเสียงลมหายใจของผู้เป็นลุง " นึกไม่ถึงจริงๆ...ว่าคนกันเองจะทำร้ายกันได้มากขนาดนี้..."

          "...ท่านลุงควรจะโกรธ...เพราะพวกเขาป้ายความผิดมาให้ท่าน..." อัลชาอ์จ้องสบใบหน้าผู้เป็นลุง ดวงหน้าอวบอูมนั้นมีแววอ่อนล้า หากผู้ฟังก็ยิ้มรับ พลางส่ายหัวช้าๆ

          "...เพราะข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่ใช่คนไร้เหตุผล...อีกทั้ง..เหตุผลที่จะทำร้ายหลานชายของตนนั้น....ไม่มี..." ร่างท้วมในชุดโธปสีขาวก้าวออกไปนอกห้องด้วยฝีเท้าที่มั่นคง อาเหม็ดหันมามองหน้าสองพี่น้องรามิลและราเซย์ก่อนจะสบมองแววตาสีดำสนิทของหลานชายตนด้วยรอยยิ้มบาง

          "...ทุกคนที่อยู่ในเซเนียยา มีหน้าที่ปกปักษ์รักษาบ้านเกิดของตน ผู้ที่ช่วยเหลือคนต่างถิ่นให้มาก่อความวุ่นวาย..ควรจัดการอย่างไรเจ้าก็รู้ดี..."

          "..........."

             "...แล้ว.........ท่านจะทำอย่างไรต่อไป....ฝ่าบาท...." ราเซย์ออกปากถามผู้นำตนแผ่วเบา หลังจากอัลชาอ์นั่งนิ่งเงียบไปกับถ้อยคำของผู้เป็นลุง...

ที่ชวนระลึก...ถึงคนบางคนเสียเหลือเกิน...

            "....จัดการเรื่องพวกที่เข้ามาก่อน...ส่วนเรื่องอัลลิยะห์และพวก..ปล่อยให้พวกมันวางใจไปก่อน..." อัลชาอ์ตอบ ชีคหนุ่มก้มลงดูเอกสารในมืออีกครั้ง

            ".......แล้ว....ไอ้บ้าที่อยู่บนนั้นล่ะ " รามิลเลิกคิ้ว ถามถึงไอ้บ้าที่ป่านนี้คงนั่งทำเสียงโครมครามโวยวายไม่หยุดแน่ๆ

             "...ไม่ต้องสนใจ ไม่ใช่หน้าที่ที่จะต้องไปตามใจให้เสียเรื่อง..." ชีคหนุ่มตัดบทสั้นๆ แต่ทำให้หัวคิ้วของสองพี่น้องขมวดมุ่น..

           "....แต่ถ้าพูดถึงคนที่จะช่วยมันก็....." ราเซย์เกริ่นเบาๆ เพราะหากจะนับเรื่องกำลังรบในฐานะที่มีชื่อเป็น"มาเฟีย"ย่อมยืนยันได้ว่าไม่ใช่พวกไร้น้ำยา อีกทั้งความคุ้นเคยรู้เท่าทันกับกลุ่มที่เขาตามล่านั้น...คาวัลโล วาลกัสก็ถือเป็นตัวเลือทกี่ดีไม่น้อย

           "คนป่วย..เอาไปด้วยก็เป็นตัวถ่วงเปล่าๆ "ราเซย์เลิกคิ้วขึ้นสูงอีกรอบ...กับคำพูดนั้น ท่านชีคบอกว่าคาวัลโลป่วย....นั้นหมายถึงมือที่พันแผลหนาเตอะไว้...และ"คนป่วย"ที่กำลังอาละวาดเขวี้ยงปาข้าวของด้วยความไม่เต็มใจอยู่ข้างบนน่ะหรือ?

           " ก็ไม่ได้...."

           " ผมบอกว่าไม่ไปก็คือไม่ไป เอาไปก็ทำป่วน เสียเรื่อง น่าปวดหัว ทิ้งไว้ที่นี่แหละดีแล้ว "คำตัดบทเด็ดขาดของอัลชาอ์ทำให้คนฟังจำต้องพยักหน้ารับคำตามนั้น สองพี่น้องเซฮามัคเหลือบมองหน้าสบตากันเพียงชั่วครู่ ก่อนจะเดินตามหลังชีคของตนออกไป แว่วเสียงโครมครามดังลั่นด้านชั้นบน แต่อัลชาอ์ก็เดินผ่านไปอย่างไม่สนใจชีคหนุ่มกระโจนขึ้นรถแลนซ์โรเวอร์คันโต โดยมีรถจี๊บของทหารแล่นตามไปอย่างรวดเร็ว

   ทิ้งให้คาวัลโล วาลกัส ยืนฮึดอัดอารมณ์เสียตามประสาคนถูกทิ้งไว้บนห้องพัก..

............................

         คาวัลโล วาลกัส นั่งฮึดฮัดอยู่บนเตียงนอนอย่างอารมณ์เสีย มาเฟียหนุ่มกวาดสายตามองเศษโคมไฟคริสตัลที่แตกเป็นเสี่ยงๆด้วยสีหน้าไม่แยแส นัยน์ตาขุ่นขวางยังปรากฏอยู่ไม่หายไปนับตั้งแต่ถูกขังให้อยู่ในห้อง ไอ้นิสัยไม่พอใจก็ขว้างปาทำลายข้าวของเหมือนเด็กน่ะ ถ้าเลือกได้เขาก็ไม่อยากทำหรอกนะ แต่เรื่องที่มันเกิดขึ้นน่ะ จะไม่ให้โวยวายได้ยังไง

     ใครมันกล้ามากันเขาออกจากเรื่องของตัวเองกันฮ่ะ !

มาเฟียหนุ่มคำรามฮึ่มฮั่มในลำคออย่างหงุดหงิด  ไอ้พวกที่มาลอบทำร้ายนั่นก็มายุ่งกับเขา คนที่พวกมันตั้งใจจะมาฆ่าให้ตายนั่นมันก็เขา คาวัลโล วาลกัสคนนี้โว้ยยยยย ไม่ใช่ท่านชีคอัลชาอ์หรือนายพลท่านไหนที่กำลังถูกใช้ให้ไปรุมสับไอ้โง่สองตัวนั่น เข้าใจม้ายยยยย
  แล้วมันยังมีหน้า....

      คาวัลโลแยกเขี้ยวงุด นัยน์ตาสีน้ำทะเลกวาดมองมือซ้ายที่ยังคงมีผ้าพันแผลพันไว้อย่างแน่นหนา อัลชาอ์อ้างว่าที่ไม่ให้เขาไปด้วยก็เพราะป่วย....ป่วย...หมายถึงมือข้างซ้ายข้างเดียวนี่น่ะหรือ?ถึงมือซ้ายจะยังเจ็บ แต่มือข้างที่เหลือกับขาสองข้างก็ยังไม่เป็นอะไร แค่นี้น่ะมันก็เพียงพอที่จะออกไปลั่นกระสุนทะลุสมองใครสักคนสองคนได้แล้ว ไม่รู้จะห่วงอะไรนักหนา..

      นึกถึงคนห่วงนักแล้วก็ถอนหายใจอีกเฮือก ไอ้ห่วงน่ะไม่ว่าหรอก แต่นี่มันชักจะเกินไปแล้ว ไอ้เขาน่ะยังไงก็ปะพะยี่ห้อมาเฟียไม่ใช่พวกกระจอกงอกง่อยที่จะได้ทะเล่อทะล่าไปให้โดนสอย ถึงเขาจะเจ็บอยู่แต่มันก็ไม่ใช่อาการบาดเจ็บมากมายอะไรไม่จำเป็นต้องมาทำเหมือนเขาเป็นคนที่ป้องกันตัวเองไม่ได้..

     ราฟาเอลโร่และฟิลิเป้...ขึ้นชื่อว่าเป็นมาเฟีย แต่ให้จนตรอกแค่ไหนพวกมันก็ยังไม่หมดเขี้ยวเล็บง่ายๆ ราฟาเอลโร่ทั้งฉลาดและเจ้าเล่ห์ ส่วนฟิลิเป้ ถึงมันจะโง่ แต่มันก็เป็นคนโง่ที่มีความสามารถ ถ้าลองได้เลือดเข้าตาขึ้นมาจะทำให้พินาศวอดวายกันได้ไม่ใช่น้อยๆ...
      คนพวกนี้ยังไม่รู้จักมาเฟียดีพอ...

     คาวัลโลโคลงหัวพลางถอนหายใจ...ถึงจะมีกำลังรบที่เหนือกว่า ถึงจะเชี่ยวชาญพื้นที่และขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของประเทศ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาไม่อยากให้ย่ามใจเสียจนมีโอกาสถูกตลบหลังให้เสียหมากันใหญ่ ไม่ประมาทจนถูกลูบคมเหมือนประเทศXXXแถวนี้..

อีกทั้งการวิวาทหาเรื่องกับมาเฟียด้วยกันนั้น คนที่คุ้นเคยกับมันมากที่สุดก็เป็นเขาไม่ใช่หรือ?

..แล้วพวกนั้นก็ยังจะไปกันเอง ไม่ยอมให้เขาตามไปละเลงเลือดด้วยสักนิด...

       ปึงๆๆ..

           ฝ่ามือตบประตูห้องที่ถูกล๊อกไว้แรงๆ ขณะเงี่ยหูฟังเสียงการเคลื่อนไหวภายนอก คาวัลโลใช้ปลายเท้าเขี่ยเศษคริสตัลราคาแพงระยับไปให้ไกลเท้าอย่างไม่คิดจะสนใจว่าตนเองทำของตกแต่งราคาแพงจับใจของเจ้าบ้านและเป็นเศษแก้วไปแล้ว

      " เฮ้...ใครอยู่ข้างนอกน่ะ " ออกปากถามเมื่อยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดตอบรับ

      "..ครับ....จะเอาอะไรไปพังอีก "น้ำเสียงอิดหนาระอาใจแสนคุ้นหู ไม่พ้นว่าคนเฝ้าคงเป็นฮาซานองค์รักษ์จอมอึดที่สามารถฟื้นตัวมาทำงานได้หลังจากพักฟื้นแค่สองวัน...ทนทานราวกับแมลงสาบจริงๆ..

      "..เปิดหน่อยสิ...." คาวัลโลต่อรองยิกๆ

       " ไม่ครับ ชีคสั่งไว้ว่าห้ามคุณออกไปไหน " น้ำเสียงตอบกลับมายังเฉยชาแบบที่คุ้นแสนคุ้น คาวัลโลโคลงหัว อ้าปากต่อรองด้วยความคุ้นเคย

        " อะไรกัน รถก็ไม่มี ผมจะไปไหนได้..." โกหกไปอย่างนั้นแหละ เพราะสำหรับเขาแล้ว

        " ต่อให้ไม่มี คุณก็ไปได้อย่ามาหลอกล่อผมซะให้ยาก..." ชิ ..ไอ้หมอนี่มันรู้ทันดีจริงๆ นิสัยแบบเดียวกับเจ้านายเป๊ะ..ยังกับโขกกันมาอย่างนั้น...

        "...ผมจะให้เข้ามาเก็บเศษแก้ว มันบาดเท้าผมแล้วเนี่ย.." เมื่อต่อรองไม่ได้ผลก็ต้องใช้ แทคติคกันบ้าง คาวัลโลกวาดตามองหาเศษคริสตัลขนาดเหมาะมือพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี เมื่อนึกอะไรสนุกๆออก...

         "....คุณ....."

          " ไหนอัลชาอ์บอกว่าให้ดูแลผม...ตอนนี้ผมเป็นคนป่วยที่มือเจ็บและยังเท้ามีเลือดออกอีกแผล...จะเอาไง ? " ว่าไปอย่างนั้น กับคนเจ็บที่เริ่มดึงผ้าพันแผลในมือตนออกช้าๆ คาวัลโลจ้องมองไปที่บานประตูอย่างรอคอย ขณะที่ผ้าก๊อซสีขาวทิ้งตัวลงบนพื้นพรมอย่างต่อเนื่อง เขาตวัดสายตามองฝ่ามือตนเองเล็กน้อย ขยับปลายนิ้วที่ตึงแน่นช้าๆ และยิ้มออกมาได้เมื่อมันไม่ได้เจ็บมากเท่าไหร่แล้ว

          "...รอสักครู่ " สิ้นเสียงจากทางประตู คาวัลโลก็แทบจะร้องเฮ มาเฟียหนุ่มหัวเราะหึพลางดึงผ้าก๊อซรัดฝ่ามือแน่นขึ้น หลังจากคลายผ้าไม่ให้รัดแน่นและเทอะทะจนไม่สะดวกที่จะขยับมือ แต่ก็ไม่ได้คลายออกหมดให้ระคายแผล ทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแบบนี้ คนที่ต้องการอยู่กับกลิ่นเลือดและควันปืนไม่รู้และศึกษาไว้เสียบ้างก็โง่เต็มที

      เศษแก้วคริสตัลขนาดพอดีมือถูกจับกระชับแน่นที่มือข้างซ้าย คาวัลโลยิ้มบางๆแฝงไว้ในสีหน้าเมื่อประตูเปิดออกและร่างของสาวใช้ที่มีหน้าที่เก็บกวาดก็เดินก้มหน้าก้มตาเข้ามา เขามองเห็นฮาซานยืนมองตนเองและแม่สาวคนนั้นอยู่หน้าประตู มาเฟียหนุ่มสืบเท้าไปใกล้ จ้องสบแววตาระแวงปนสงสัยที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนนั้นด้วยรอยยิ้ม

      เขารอจนแม่สาวคนนั้นขยับตัวไปพ้นรัศมีการจู่โจมแล้วนั่นล่ะ คาวัลโลจึงถลาพรวดเข้าหาเหยื่อที่แม้จะยืนระวังตัวเต็มที่...แต่ก็...

     เสียงหวีดของแม่สาวใช้คนนั้นดังขึ้นเมื่อคาวัลโลกระโจนพรวดเข้าไปล็อคคอองค์รักษ์หนุ่มผู้องอาจ รอยยิ้มบางๆยังคงทาบบนผิวหน้าของเขายามที่จรดเศษแก้วแหลมคมเข้าไปใกล้ลำคอของฮาซาน ฝ่ามือขวาบีบล๊อคแขนหนาทั้งสองข้างไว้แน่นไม่ยอมให้ขยับ ทั้งยังเขี่ยปืนที่ถูกชักมาใช้อย่างไม่ทันการไปห่างมืออย่างเชี่ยวชาญ...

         " ให้ตายสิ...." ฮาซานคำรามเสียงต่ำในลำคอ คาวัลโลหัวเราะรับเบาๆ สายตามองเห็นทหารยามสามสี่คนวิ่งเข้ามาหา ต่างทำสีหน้าไม่ถูกเมื่อคนป่วยและแขกคนสำคัญของผู้นำตนกำลังใช้เศษแก้วคริสตัลจี้ลำคอองค์รักษ์คนสนิทของเจ้าผู้ปกครองประเทศไว้ด้วยสีหน้าระรื่น...

          " ...ก็ผมขอดีๆแล้วไม่เปิดเองนี่...." คาวัลโลตวัดสายตามองทหารยามที่ยืนคุมเชิงอยู่อย่างลั่นเลิก ส่งเสียงเอะอะร้องเรียกอะไรกันสักอย่างอย่างร้อนรน

          " ถึงจะเชือดผมลงตรงนี้ ก็ไม่มีใครยอมให้คุณไปหรอก..." ฮาซานกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์...

           " อะไรกัน...ผมไม่ได้คิดจะทำรุนแรงขนาดนั้นสักหน่อย......เชื่อสิ " ด้วยรอยยิ้มแสนจริงใจและใบหน้าที่ยิ้มหวานนั่นแหละ...ที่ทำให้ฮาซานคิดว่าหมอนี่มันต้องเชือดเขาแน่ๆ

          ".......คุณรู้รึเปล่า ว่ากำลังทำให้หลายคนเขาลำบากใจ " ฮาซานเปรยเสียงเรียบ ก่อนที่ร่างท้วมของชีคอาเหม็ดจะเดินกึ่งวิ่งมาหา สีหน้าเครียดเคร่งของชีคเฒ่าทำให้คาวัลโลเผลอสถบ ...ลืมไปเสียสนิทว่าถ้าจะก่อเรื่องก็ยังมีตาแก่นี่เป็นไม้กันหมาอยุ่ทั้งคน

      ....นึกว่าแห่กันไปแถวนั้นกันหมด ไม่นึกว่าจะเหลือไว้รับมือเขาเสียด้วย

          " นี่มันอะไรกัน? " น้ำเสียงถามภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น แต่ก็ไม่ยากเกินเข้าใจนัก ทำให้คาวัลโลปวดหัวจี๊ด เขาใช้ปลายเท้าเหยี่ยบฝ่าเท้าใต้รองเท้าหนังของฮาซานพอให้รู้สึก ก่อนจะบอกอีกฝ่ายห้วนๆ

           " บอกเขา...ว่าผมอยากไปหาตัวผู้บุกรุกด้วย " ฮาซานอ้าปากพูดเป็นภาษาอารบิคตามที่ได้รับคำสั่ง สิ้นประโยคคำพูดผู้ได้รับสารจึงมีสีหน้างวยงงกึ่งแปลกใจ..

           " ท่านชีคสงสัยว่าคุณจะไปทำไม? .......ผมก็ด้วย "

           "อ่ะ.....บอกไปว่าผมกลัวว่าจะมีการเล่นตุกติก...." คำพูดของคาวัลโลทำให้คิ้วของคนฟังเลิกขึ้นอย่างงวยงง ฮาซานออกปากพูดไปตามที่ได้ฟัง คาวัลโลมองเห็นสีหน้าของชีคอาเหม็ดลังเลปนครุ่นคิดอยุ่ไม่น้อย ก่อนรายนั้นจะส่ายหัว ซึ่งก็บอกได้ดีแล้วว่าคงไม่คิดจะสนใจคำขอของเขาให้เสียเวลา

          "...ชีคถามว่าคุณกลัวอะไร ที่นั่นเป็นเขตแดนของเซเนียยา สามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าฝ่าบาทจะมีอันตราย "

          " ไม่ได้กลัวว่าจะมีใครเป็นใครตาย แต่ผมกลัวพวกนั้นจะหนีไปได้ ..." คาวัลโลหน้าเบี้ยวไม่มีอารมณ์จะมายืนคุยกันแบบนี้เสียเท่าไหร่ มาเฟียหนุ่มกำลังคำนวนนับเวลาที่ผ่านไปยิกๆอย่างคนใจร้อน " พลาดนิดเดียวก็มีโอกาสวอดวายได้นะฮาซาน ถ้าเกิดพวกนั้นหนีไปได้....รับรอง แกกับเจ้านายแกเตรียมตัวเละได้เลย "

           "....คุณแค่อยากไปแก้แค้น " คำพูดนั้นมันแทงใจจี๊ด คาวัลโลออกแรงกระทืบเท้าองค์รักษ์ร่างสูงใหญ่ที่แทบบังตัวเขามิดอย่างอารมณ์เสีย สีหน้าหงุดหงิด

            " มีหน้าที่พูดก็พูดไป อย่ามาสะเออะออกความเห็น ! " ฮาซานหันกลับไปด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อเกินทน ก่อนจะออกปากพูดกับชีคอาเหม็ดด้วยสีหน้าราบเรียบ คาวัลโลถอนหายใจฟึดฟัดไม่อยากจะยอมรับเลยว่าคำพูดของฮาซานมันจี๊ดเข้าสมอง

     ไอ้เรื่องแก้แค้นหรือเชือดพวกมันน่ะ รอให้ได้ตัวมาก่อนก็ได้ไม่มีปัญหา จะถลกหนังควักลูกตาตัดแขนตัดขาก็ไม่ยากหรอก แต่ที่เขาอยากไปน่ะ เพื่อไปล้างอายให้กับตัวเองที่ถูกฟิลิเป้มันทำร้าย..และเพื่อ พิสูจน์ให้พวกมันเห็นว่าเขายังเป็นคนเดิมยังเป็นคาวัลโล วาลกัสที่แข็งเเกร่งและไม่ได้มุดหัวอยุ่ใต้เงาของคนอื่นให้คอยปกป้อง

ไม่ได้กลายเป็นโสเภณีอยู่บนเตียงคนอื่นอย่างไร้ศักดิ์ศรีอย่างที่ราฟาเอลโร่มันปรามาสไว้...

...แค่เรื่องนี้เท่านั้น ที่เขาจะให้มันหยามไม่ได้ และเพียงแค่การมีตัวตนของเขาในฐานะจอมปลอมนี้เท่านั้น ที่จะให้พวกมันเพร่งพรายออกไปไม่ได้เด็ดขาด..

            "...คุณจะเอาอะไรมายืนยัน..." คำถามของฮาซานทำให้ความหงุดหงิดแล่นริ้วๆ คาวัลโลกัดฟันกรอด ถลึงตาจ้องหน้าชีคเฒ่าก่อนจะคำรามออกมาอย่างเหลืออด

           " เวลาที่คุณกับผมมายืนคุยกันอยู่นี่ ตอนนี้ทางนั้นจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ อย่าทำอะไรให้เสียเวลานักได้ไหม ? " คำถามกระชากห้วนอย่างที่ไม่มีใครกล้าเรียกให้ใบหน้าอวบอูมชะงักค้าง  " เลือกเอาแล้วกัน ว่าจะให้ผมไปดีๆ หนือจะให้ผมเชือดเจ้าหมอนี่ให้ตายอยู่ตรงนี้...ถ้าผมไป ทางนั้นได้กำลังเสริม ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ถ้าไม่ให้ผมไป ก็คอยดูแล้วกัน ว่าฤทธิ์เดชของพวกผู้บุกรุกพวกนั้น จะก่อเรื่องวินาศอะไรให้ที่นี่ได้แค่ไหน "

           "..หยาบคาย..." น้ำเสียงกล่าวหาจากฮาซานทำให้เส้นประสาทกระตุกยิก คาวัลโลออกแรงบีบแขนขององค์รักษ์หนุ่มแรงๆเป็นการลงโทษฐานปากดีและทำหน้ากวนประสาท ขณะที่อาเหม็ดถอนหายใจแผ่วเบา สีหน้าเคร่ง...

            "....คุณไปคนเดียว ไม่มีอะไรเปลี่ยน...คุณเป็นคนป่วย " ไม่มีประโยชน์จะใช้ล่ามกวนประสาทอย่างฮาซาน ต่อให้มันเป็นภาษาอังกฤษแบบงูๆปลาๆ คาวัลโลก็ยังพยายามถ่างหูฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ต่อให้มันจะ...ระคายหูขนาดไหนก็เถอะ..

           " คุรก็เห็นว่าผมทำอะไรได้..." เลิกคิ้วแล้วสบตากลับ คาวัลโลออกแรงกระชับฝ่ามือที่กุมแขนทั้งสองข้างของฮาซานแน่นเข้าอีกนิด...

            "....อัลชาอ์......"

            " ผมจะบอกเองว่ามันเป็นการตัดสินใจของผม ผมก่อเรื่อง คนอื่นไม่เกี่ยว.." คาวัลโลบอกสั้นๆ ขณะที่อาเหม็ดหรี่ตาลงช้าๆ มองชายหนุ่มชาวต่างชาติตรงหน้าอย่างหลากใจในข้อเสนอที่พูดออกมา ยอมรับว่าในสายตาตน ฮาซานเป็นองค์รักษ์ที่เก่งกาจ และที่พลาดท่าให้ชายคนนี้แสดงว่าเขาคงมีความสามารถอยู่มากจริงๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่สาเหตที่จะ...

           " ...ช่วยตอบผมมาตามตรง....คุณต้องการไปที่นั่น ด้วยจุดประสงค์อะไร? "อาเหม็ดตัดสินใจถาม เพราะจากสาเหตุสารพัดสารพันที่ชายคนนี้บอกออกมา มันยังอ่อนไป...สำหรับการที่จะดิ้นรนไปสมรภูมิรบด้วยตัวเองอยุ่ดี...

และเขาก็พอจะรู้ ว่านั่น...ไม่ใช่คำตอบที่แท้จริงเสียเท่าไหร่...

           "...โอเค.....ผมอยากไปถล่มพวกมันด้วยตัวเอง ไม่งั้นคงอยู่ไม่เป็นสุข...คุณก็น่าจะรู้นี่ ว่าการ"แก้แค้น"น่ะ มันรอเวลาไม่ได้..."

           ".........." อาเหม็ดถอนหายใจรับเบาๆพลางส่ายหัวแล้วโบกมือให้ทหารที่ยืนคุมเชิงอยู่ถอยห่างออกไป ชีคเฒ่าพูดอะไรบางอย่างกับฮาซานเป็นภาษาอารบิค องค์รักษ์หนุ่มจึงพยักหน้ารับด้วยท่าทีไม่เต็มใจ

      แค่นั้นคาวัลโลก็รู้แล้ว่าการเจรจาของเขาสำเร็จผล มาเฟียหนุ่มยิ้มร่าปล่อยตัวประกันออกจากคมแก้วอย่างรวดเร็ว เขาโค้งตัวให้อาเหม็ดเป็นเชิงขอบคุณ หางตามองเห็นฮาซานมันหงุดหงิดฮึดฮัดแล้วเดินโครมๆลงไปชั้นล่างของคฤหาสถ์ พลางออกปากตะโกนให้เขารีบๆลงมาขึ้นรถอย่าได้เสียเวลาไปมากกว่านี้.

        " คุณจะทำให้คนรอบข้างลำบากใจอีกมาก ถ้ายังไม่เลิกนิสัยแบบนี้...."

    คำพูดของชีคเฒ่าดังขึ้นเมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องไปในห้องเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า..ทำให้คนฟังเลิกคิ้วขึ้นช้าๆ เขาหันไปมองเจ้าของคำพูดอย่างกังขา หากแต่คนพูดก็หายไปจากบริเวณนั้นเสียแล้ว...

            ..........................................

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : special Valentine+แปะรูป 15/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 26-02-2011 10:29:43
         เสียงปืนดังขึ้นติดๆกันหลายนัดบนเชิงผาที่ใช้เป็นที่ซ่อนตัว รถจี๊ปเปิดประทุนสองสามคันและรถเเลนซ์โรเวอร์อีกสองคันจอดนิ่งเพราะใช้การไม่ได้ เสบียงร่อยหรอ  กระสุนเครื่องกลหนักที่พกพามาเต็มกำลังบัดนี้วางเกร่ออยู่ทั่วตัว หากเหลืออยู่เพียงน้อยนิด...

      แสงแดดแผดเผาจนร้อนระอุแทบไม่มีที่พักพิง ราฟาเอลโร่พิงเพิงพินที่หลบมาอย่างเหนื่อยอ่อน เอื้อมมือเช็ดหยาดเหงื่อที่ทิ้งตัวลงบนผิวแก้มหากปต่แผ่นหลังที่พิงหินอยู่ร้อนผ่าวจนต้องขยับตัวออกมา ขณะที่มองฝ่าสายลมและฝุ่นทรายคละคลุ้งเบื้องหน้า เห็นเปลวแดดไหวระยิบและเงาตะคุ่มของรถที่จอดทิ้งไว้ไม่ไกล..

       ใบหน้าชื้นเหงื่อและเปื้อนฝุ่นผงคราบไคล ร่างของลูกน้องคนสนิทหลายรายบาดเจ็บร้องโอดโอยบ้างก็ไข้ขึ้นอยู่ใกล้ๆ ยาระงับปวดที่พกพามามียังคงมีอยู่หลายแผง ทว่าน้ำสะอาดสำหรับล้างแผลหรือแม้แต่จะทานยังไม่มี...

สองวัน !!

      สองวันมาแล้วที่ถูกรุกไล่จนแทบเอาตัวไม่รอด ไม่สามารถข้ามไปอีกฝั่งของประเทศที่ชีคของประเทศนั้นอ้าแขนรับ เพราะทหารที่ชายแดนประจำแน่นหนา ตรึงกำลังไม่ให้พวกเขาข้ามไปได้...สองวันที่พรรคพวกต่างล้มตายบาดเจ็บไปทีละน้อย  ลูกน้องที่มาจากอิตาลีนั้นยังสมัครใจจะอยู่ร่วมเป็นร่วมตาย แต่เหล่าคนของที่นี่กลับหนีหาย พวกมันไม่ยอมอยู่ร่วมเมื่อรู้ว่าพวกเขาเป็นปรปักษ์ต่อชีคของตน !

        " กรอด....ไหนพวกนั้นบอกว่าจะช่วยไง หายหัวไปไหนกันหมด ! " เสียงคำรามของไอ้ตัวโง่และไร้ประโยชน์ข้างกายยิ่งทำให้ความหงุดหงิดพุ่งพรวด ราฟาเอลโร่หยิบเอากระสุนปืนมาใส่ให้เต็มแม๊กอย่างอารมณ์เสีย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาหงุดหงิดแค่ไหน ที่แผนการณ์มันผิดพลาดมาได้ขนาดนี้  ทั้งที่อุตส่าห์ยอมลำบากเสี่ยงมาที่นี่เพื่อจะกำจัด"มัน"ไปให้พ้นๆทางเสียที นอกจากจะทำไม่ได้แล้ว ตอนนี้ยังถูกไล่ล่า หมายเอาชีวิตอีกด้วย

       ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ

           เสียงลั่นกระสุนดังลั่นเข้ามาในระยะใกล้ พร้อมกับเสียงคำรามของเครื่องยนต์ทำให้ดวงตาเบิกกว้าง ราฟาเอลโร่เงยหน้าพรวดขึ้นจากเพิงหิน ขณะที่ลูกน้องในแกงค์ซึ่งผลัดเวรขึ้นไปสังเกตการวิ่งถลาลงมาหาด้วยหน้าตาตื่นตระหนก

       " คุณราฟาเอลโร่ครับ พวกมันมากันแล้ว ! "

       "...ให้ตายสิรับนี่ไป ! " โยนระเบิดมือและปืนเอ็มสิบหกส่งให้อย่างไม่รีรอ ขณะที่เหล่าลูกน้องก็กระโจนพรวดเข้ามาหยิบปืนไปอย่างไม่รอช้า ราฟาเอลโร่หยิบไรเฟิลคู่ใจออกมากำแน่น พาดลูกกระสุนอยู่บนไหล่ เขาได้ยินเสียงฟิลิเป้คำรามฮึ่มฮั่มในลำคอ จึงบีบไหล่มันไว้ ขยับริมฝีปากส่งซิกไปให้แยกกำลังโจมตีอย่างไม่รอช้า

       ฟิลิเป้นำพรรคพวกที่มากกว่ากระโจนเข้าคลุกฝุ่นกลางทะเลทรายเป็นทัพหน้า ส่วนเขาและพรรคพวกจะลอบซุ่มโจมตีอยู่ที่นี่...ราฟาเอลโร่กัดฟันกรอดเมื่อแว่วเสียงปืนดังลั่นและเสียงล้อรถบดถนนชัดหู ชายหนุ่มกระชับไรเฟิลไว้แนบไหล่ ขณะที่นอนราบลงกับพื้น เพ่งสายตามองฝ่าทรายที่คละคลุ้งเบื้องหน้า...

    ....รู้ดีว่าทางรอดนั้นช่างมีน้อยเหลือแสน...

         พวกเขารู้ดีว่าคงรอดไปจากที่นี่ยากนัก...หนึ่งเพราะกำลังที่เหลือไม่มากจากการปะทะเมื่อสามวันก่อน อีกทั้งเขารู้ ว่ากองทัพของที่นี่กำลังคอยจับตาดูความเคลื่อนไหว ตัดน้ำ อาหาร ตัดเสบียงให้ร่อยหรอ เฝ้ารอให้พวกเขาอ่อนแอแล้วค่อยลงมือจัดการ...

      ราฟาเอลโร่รู้ดีว่าในฐานะที่พวกเขามาเยือนประเทศนี้โดยไม่บอกกล่าว ไม่มีแม้แต่คำขออนุญาติหรือพาสปอร์ตแปะหน้านั้นถือเป็นเรื่องที่โง่เง่าและหยามเกียรติหยามกฏหมายอย่างร้ายแรง...ตอนแรกวางใจว่าคนของทางนี้จะช่วยดูแล แต่ทว่าเมื่อเกิดเรื่องก็รู้ชัด ว่าทางนั้นก็คงลำบากไม่ต่างกัน..

     อีกทั้งการเข้ามาก่อเรื่องของพวกเขา ไม่เป็นที่นิยมของผู้นำที่นี่แน่ๆ...

...และที่สำคัญที่สุด พวกเขาต่างประจักษ์แล้ว ว่าข่าวการเสียชีวิตของคาวัลโล วาลกัสนั้นโกหกทั้งเพ..

    มันยังอยู่ ยังคงมีตัวตนและกำลังดำเนินแผนการณ์บางอย่างอยู่เงียบๆ เพราะราฟาเอลโร่รู้ว่ามันไม่มีทางสิ้นคิดถึงขนาดจะไปเป็นเมียเก็บของใครจริงๆ...

...ดังนั้นเมื่อพวกเขารู้ถึงการมีตัวตนของมันแล้ว การจะหยุดไม่ให้ข่าวแพร่ออกไป มีทางเดียวเท่านั้นคือกำจัด...พวกเขาให้สิ้นซาก...

มันกำลังขีดเส้นตายให้เขาเดินตาม...

    ....ราฟาเอลโร่เสยผมสีบลอนด์ของตัวเองแรงๆราวกับพยายามทำจิตใจให้นิ่งไม่สั่นไหว ในสมองกำลังคิดพิจารณาแผนการณ์ที่วางไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วน...ถึงพวกมันจะขีดเส้นไว้ แม้ว่าเจ้านั่นมันกำลังวางแผนเชือดพวกเขาแบบหนูจนตรอกอย่างที่มันถนัดนัก....แต่หากวางแผนดีๆก็ใช่จะไม่ชนะ

...เขาให้ฟิลิเป้และคนของมันเข้าไปลุย เพราะความจัดเจน ชำนาญการรบนั้นจะทำให้การบุกเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และข่มขวัญพวกมันไปได้ในตัว

ส่วนเขาและลุกน้องคอยดักซุ่มยิง...โจมตีพวกที่ไม่ทันตั้งตัว...และหากสบโอกาส...การเลือกเฟ้นหาตัวประกันสักคน ไม่ใช่เรื่องยาก....

เพียงเท่านั้น...ก็จะ...

   ตูม !

    เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับฝุ่นควันและเม็ดทรายที่ปลิวคลุ้งพร้อมกับแว่วเสียงรถยนต์คำรามเข้ามาใกล้ ราฟาเอลโร่แนบตัวลงกับพื้น พยายามเพ่งตามองผ่านทัศนียภาพที่พร่ามัวเพื่อเล็งเป้าสังหาร...

          ฝุ่นที่อวลตลบค่อยจางลงไป เผยให้เห็นร่างสูงของบุรุษชาวอาหรับในชุดโธปสีขาวบ้างดำบ้าง พวกเขาสวมผ้าคลุมลายตารางหมากรุกพันรอบใบหน้าจนโผล่พ้นมาแต่ดวงตา มีอาวุธครบมือและใส่เครื่องกันกระสุนพร้อมรบ ทั้งหมดนั้นนั่งอยู่ในรถจิ๊บลายพรางสีเขียวที่ติดปืนกลหนักสีเข้มทะมึน อีกจำนวนหนึ่งกระโจนลงมาล้อมจับพร้อมกับลั่นกระสุนอย่างต่อเนื่อง  ราฟาเอลโร่ขมวดคิ้วเมื่อพวกมันยังไม่มีท่าทีว่าจะยิงถล่มสาดกระสุนใส่ฟิลิเป้และพวกที่กำลังสู้ยิบตาอยู่อย่างที่ควรทำ...

       ร่างของฟิลิเป้กระโจนคุลกฝุ่นพร้อมสาดกระสุนปืนกลในมืออย่างต่อเนื่อง มันหมอบอยู่ที่เนินทรายห่างไปจากตัวเขาไม่กี่เมตร  ราฟาเอลโร่มองเห็นร่างของทหารฝ่ายนั้นหลายนายที่ทรุดตัวลงกับผืนทรายเพราะกระสุนที่เจาะเข้ากลางหน้าผากและบริเวณอื่นของร่างกาย..

        หรือมันไม่คิดจะจับตาย..
.
    ราฟาเอลโร่ครุ่นคิด ขณะที่สอดปลายนิ้วเข้ากับไกปืนช้าๆ เมื่อเจาะจงตำแหน่งของเป้าหมายได้ชัด เขาเม้มปากแน่นเมื่อพวกมันเริ่มทำการสาดกระสุนกลับ บ่งบอกว่าคงได้รับคำสั่งเด็ดขาดมาจากผู้นำของตนแล้ว..

   มองเห็นร่างของพรรคพวกที่ล้มลงทีละรายอย่างแค้นใจนัก ราฟาเอลโร่กัดฟันกรอด ขณะที่เริ่มเหนี่ยวไกเล็งไปยังเหล่าทหารที่ระดมยิงเข้ามาพร้อมกับเคลื่อนกายกระชับวงล้อมเข้าใกล้ ใจจริงเขาอยากยิงเจ้าพวกที่นั่งเฝ้าปืนใหญ่เป็นป้านิ่งอยู่มากกว่า ทว่า การยิงไปที่ตรงนั้นไม่ต่างกับการแสดงตน แม้วิถีของไรเฟิลจะไปถึง แต่ทว่ารถพวกนั้นยังถอยห่างให้ทหารราบเป็นเหล่าคุ้มกันไม่ได้เข้าร่วมในสมรภูมิ แน่นอนว่าพวกที่เป็นแนวหน้าอย่างฟิลิเป้มันต้องสนใจบุกพวกทหารที่ดาหน้าเข้ามา มากกว่าจะมายิงพวกกองสนับสนุนด้านหลัง ดังนั้น หากเขายิงไปก็ไม่ต่างกับการเผยตัว และนั่นจะทำให้ผลของการต่อสู้เปลี่ยนไปทันที

    ตูม !

       ระเบิดมือที่เขวี้ยงลงไปทำให้ฝุ่นทรายที่คละคลุ้งอยู่แล้วยิ่งโหมหนัก ราฟาเอลโร่สะดุ้ง ถอยตัวหลบเข้ามาด้านในเมื่อลูกกระสุนตกลงใกล้ตัว ชายหนุ่มหลับตาลงกระเถิบตัวเข้าไปในเพิงหินให้มากขึ้นอีก ...แต่กระบอกปืนยังส่องประกายวาววับ

           ขณะที่ราฟาเอลโร่กำลังซุ่มอยู่ด้านหลัง ฟิลิเป้กำลังหยีตาฝ่าทะเลทรายที่คละคลุ้งไปด้วยฝุ่นผงและเม็ดทราย ชายหนุ่มกระหน่ำยิงไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ลืมหูลืมตา อะดรีนาลีนในกายหลังออกมาอย่างเต็มที่ยามที่กระโจนตัวกลิ้งกลบห่ากระสุนจากปืนกลที่สาดซัด... เขาได้ยินเสียงคำรามของลูกน้องข้างกายตนราวกับสัตว์ที่บาดเจ็บ มองเห็นเลือดสีเข้มที่สาดกระจายเข้าสู่ใบหน้า ยิ่งทำให้ต้องกัดฟันกรอด

        " บ้าชิบ กระสุนหมดแล้ว !! " เขาร้องลั่นเมื่อพบว่ากระสุนที่พาดไล่มาด้วยถึงคราวหมดไปอย่างรวดเร็ว ฟิลิเป้คำรามเสียงต่ำ หันกายไปหาลูกน้องข้างๆเผื่อจะได้ออกปากถามเอาลูกกระสุน หากแต่ชายหนุ่มก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อพบว่าร่างของลูกน้องข้างกายนอนจมกองเลือดอยู่...

        นัยน์ตาสีเขียวสดกวาดมองทั่วบริเวณอย่างไม่แน่ใจ พลันก็หนาววูบเมื่อพบว่าร่างของลูกน้องคนสนิทหลายนายกำลังแน่นิ่ง อีกไม่น้อยโอดโอยด้วยอาการบาดเจ็บ หายใจรวยริน...

...ไม่มีทางชนะ...

    ลางสงหรณ์บ่งชัดแบบนั้น ทำให้ต้องกัดฟันกรอด หากฟิลิเป้ไม่นึกหวั่นผวาเขากระชากสลักระเบิดในมือ แล้วเขวี้ยงไปยังเหล่าทหารที่สืบเท้าเข้ามาใกล้อย่างไม่หวาดหวั่น..

....ปืนสั้นสีดำสนิทที่พกติดตัวอยู่เสมอถูกดึงออกมาจากรองเท้าบู๊ตราคาแพงลิ่ว ฟิลิเป้แสยะยิ้มเย็น ขณะที่ลุกพรวดขึ้นท่ามกลางฝุ่นทรายที่คละคลุ้งและปลายกระบอกปืนที่หันเข้าหา มาเฟียนุ่มยกปืนในมือขึ้นเล็งอย่างรวดเร็ว...พลันเผยรอยยิ้มุมปากเมื่อร่างเงาที่เดินเข้ามาใกล้หายไปทีละคน...ทีละคน..

หนึ่งคน...สองคน...และ...

     ปัง !!

   ชาวูบที่หัวเข่าซ้ายจนต้องทรุกตัวหอบระริก ความเจ็บปวดยังไม่เกิดขึ้นในยามนี้ มีเพียงความร้อนวูบและประสาทสัมผัสที่ชาด้าน ฟิลิเป้กัดฟันกรอดแล้วค่อยพยุงตัวขึ้นลุกจากพื้นอย่างโซซัดโซเซ เขายันร่างไว้ด้วยเข่าข้างที่ไม่บาดเจ็บ ก่อนจะยกปืนขึ้นแล็งอีกครั้ง...

   " อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกก...."

           ฟิลิเป้มองเห็นร่างเงาสีดำย่างก้าวมาเบื้องหน้าตนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปลายดาบของฝ่ายนั้นที่ชูสูงส่องประกายล้อแสงแดดระยับ ท่ามกลางฝุ่นผงและเม็ดทรายที่คละคลุ้ง มาเฟียหนุ่มมองเห็นเพียงใบหน้าที่ถูกผ้าลายตารางหมากรุกพันไว้จนเหลือเพียงดวงตาสีดำสนิทที่ฉายแววโหดเหี้ยวและเกรี้ยวกราดเสียงจนทำให้ตัวแข็งทื่อ และสิ่งต่อมาที่รู้ คือกระบอกปืนในมือถูกแตะทิ้งอย่างรวดเร็วเสียงจนเขาตั้งตัวไม่ทัน และความเจ็บปวดจากกลางฝ่ามือข้างที่ถือปืนไว้แล่นปร่า

        เลือดสีเข้มสาดกระจายลงบนท่อนแขนและผิวหน้าตน ความเจ็บปวดทำให้สติปลาสไปสิ้น ฟิลิเป้ถูกปลายเท้าในชุดสีเข้มนั้นยันแผ่นอกไว้แล้วเหยียบแน่น ร่างสูงใหญ่อย่างชาวยุโรปของตนผงะหงายเมื่อถูกปลายดาบใหญ่จ่อเข้าที่ลำคอจนเนื้อตัวสั่นระริก..
.
       มาเฟียหนุ่มสบมองนัยน์ตาที่จ้องเขม็งมาคู่นั้น พลันความหนาวยะเยือกก็เข้าเกาะกุมหัวใจ  มองเห็นความเย็นชาที่ฉาบฉายไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและเหี้ยมโหดจับจ้องมายังตนชัดเจน..

    ปลายเท้าที่เหยียบอยุ่บนแผ่นอกหนัก...และกดทับแผ่นอกจนจุกแน่น หากราวกับผู้ทำพอใจจะให้มันเป็นเช่นนั้น ปลายเท้าจึงได้เหยียบลงน้ำหนัก ขยี้ฝีเท้าลงไปอย่างไม่ปราณี ราวกับเคียดแค้นมาเนิ่นนานนัก...

         " อ่ะ...คั่ก....."พยายามจะอ้าปากพูดแต่ทว่าไม่มีกระทั่งเสียง หอบเอาเศษฝุ่นเข้าไปในลำคอจนต้องถ่มมันออกมาทั้งที่น้ำลายเหนียวหนืด ฟิลิเป้มองเห็นเลือดสีเข้มที่ไหลออกมาจากบาดแผลบริเวณกลางฝ่ามือยาวไปถึงท่อนแขน เผยให้เห็นสีเนื้อที่ออกชมพูสดเปื้อนด้วยหยดเลือดสีแดง...สีแดงที่เขาชื่นชอบมันนักหนา...

         นัยน์ตาสีเขียวหรี่ปรือลงและร้องครางในลำคอแผ่วเบายามที่เจ้าของฝ่าเท้าบนร่างเขาออกแรงบดขยี้ให้แรงขึ้น ฟิลิเป้เงยหน้าขึ้นอย่างหมดเรี่ยวแรง ยิ้มออกมาบางๆเมื่อมองเห็นแสงจากปลายกระบอกปืนไรเฟิลเข้าตา..

        ร่างของชายในชุดดำที่โผล่เข้าไปจัดการฟิลิเป้นั้นยืนเด่นอยู่ท่ามกลางเศษเนื้อซากชีวิตของผู้แพ้ ท่ามกลางทะเลทรายที่ฝุ่นของมันยังคงคละคลุ้ง ขณะที่ผู้คนโดยรอบยืนนิ่งลดปืนลงเมื่อเห็นว่าผู้บุกรุกนั้นถูกกำจัดจนไม่อาจจะหยิบปืนมาทำอะไรได้อีก ชวนให้แค้นเคืองนัก..

      มองเห็นคนๆนั้นออกปากสั่งการอะไรกับคนรอบกายทั้งที่ฝ่าเท้ายังเหยียบร่างของเจ้าฟิลิเป้ไม่ยอมห่าง..บ่งชัด...ว่ามันคือผู้สั่งการในการเข้าจับกุมครั้งนี้..

        ปลายกระบอกปืนไรเฟิลเล็งเข้าที่ร่างของชายหนุ่มผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ราฟาเอลโร่ยิ้มมุมปากแน่นอนว่าเขาไม่ได้ความทจำสั้นขนาดคิดไม่ออกไม่ได้ว่านั่นน่าจะเป็นใคร..

...ท่านชีคแห่งเซเนียยา..ผู้ที่ตอนนี้กำลังหลงไหล"มัน"เสียจนเข้าขั้นคลั่งไคล้...

     หัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างหมายมาด ขณะที่ปลายนิ้วสอดเข้าที่ไกปืนอย่างช้าๆ ชายหนุ่มเลียมุมปากด้วยความชอบใจ...นัยน์ตาวาววับ เขาแทบจะนึกถึงวินาทีที่ร่างนั้นทรุดลงราวกับเป็นหุ่นเก่าๆตัวหนึ่งไม่ไหว..


  กริ๊ก....











      " เก็บเสียงหัวเราะแกไปก่อนดีมั้ย เพราะมันสะเทือนไปถึงนรกเลยว่ะ "

....

       ราฟาเอลโร่ บอนด์เต้เกร็งตัวแน่น ปลายนิ้วที่จะแตะไกปืนเข็งชืดเสียจนไม่อาจขยับ เมื่อรู้สึกถึงโลหะสีดำมะเมื่อมที่จ่ออยู่ตรงขมับและรอยยิ้มอีกทั้งน้ำเสียง...อันน่าชังของ"มัน"

  เจ้าของฉายาเทพบุตรแห่งเรกาโซ่เงยหน้าไปสบมองรอยยิ้มเยื้อนของผู้มาใหม่ด้วยหัวใจที่ร้อนระอุ เขามองเห็นมันชัดเจน...ตัวมันที่ทั้งเหมือนกับเขา และแตกต่างกับเขา..

     มันที่เกิดและเติบโตมาในที่ๆไม่ต่างจากเขา..

  มันที่อยู่ในฐานะไม่ต่างกัน..

      หากแต่เพราะอะไรมันถึงได้โดดเด่นเจิดจรัสราวกับดวงตะวันในฤดูร้อนแบบนั้น..

   คาวัลโล วาลกัส..

       นัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลกำลังเป็นประกายยั่วล้อด้วยความสาใจ เส้นผมสีน้ำตาลทองที่โผล่พ้นจากผ้าคลุมลายตารางหมากรุกสีแดงที่สวมไว้ลวกๆสะท้อนกับแสงแดดจ้าจนไม่ต่างกับสีของทองคำ ใบหน้าและรอยยิ้มหยันของมันช่างแสนคุ้นตานัก...รอยยิ้มที่เหนือกว่า รอยยิ้มที่บ่งชัดถึงความพ่ายแพ้ของตน....เช่นทุกครั้ง...

             "..หึ....ถ้าชั้นกระตุกไก...ทางนั้นก็ตายเหมือนกัน " หัวใจพลุ้งพล่านด้วยความอิจฉาริษยา...และความเคียดแค้นแน่นอก เขาพูดราวกับไม่รู้ว่าตนเองพลาดไปแล้ว..สำหรับการวซุ่มยิง หากพลาดจากเป้าหมาย หรือถูกพบตัวแล้ว การจะปฏิบัติงานให้สำเร็จนั้น..ไม่มีทางเลย...

         บัดนี้....มีทางเลือกเดียว คือตาย

             " พูดให้ขำ..ทำอย่างกับแกไม่รู้ว่าตัวเองน่ะพลาด.." วาจาเรียบเรื่อยราวกับขบขันนักหนา หากแต่มือที่เหี่ยวไกยังคงจ่อแน่นไม่ยอมละลง..บ่งชัด ว่ามันไม่มีโอกาสให้เขาหนี..

            "....หายดีแล้วเหรอแกถึงได้ออกมาเพ่นพ่าน.." อาจจะเฟังเหมือนคำถามนั้นช่างแสนห่วงใย แต่เปล่าเลย มันเจือแฝงนัยเยาะหยันไม่ต่าง.."นึกว่าแกยังจะร้องโอดโอยอยู่"บนเตียง"ไม่ออกไปไหนเสียอีก "

           "รับรองว่าจากนี้แกนั่นล่ะจะเป็นฝ่ายร้องขอความเมตตาจากฉันเองล่ะ ! "คาวัลโลหน้าบึ้ง กระชากเสียงห้วนและถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ...เมื่อรู้ว่าชายตรงหน้ากำลังกล่าวเย้ยหยันเขาเรื่องอะไร...

                 ราฟาเอลโร่ขยับตัวลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างจำยอมเมื่อพบว่าทหารอีกหลายนายต่างก็เล็งปืนมาที่ตน และที่สำคัญที่สุด คือคนที่อยู่ตรงนี้ก้เล็งมาที่เขาเช่นกัน ชายหนุ่มยกมือขึ้นประสานบนท้ายทอยช้าๆขณะที่กวาดตามองหาพรรคพวกที่น่าจะซุ่มตัวอยู่แถวนี้อย่างใคร่ครวญ

            "มองหาใครเหรอ? ใช่พวกนี้รึเปล่า?..."  น้ำเสียงเยาะหยันนั้นดังอยู่ข้างหู พร้อมกับแรงกระชากคอเสื้อเขาแรงๆให้มองภาพร่างจมกองเลือดของลูกน้องที่นอนแน่นิ่งอยู่เบื้องหลัง พวกนี้ต่างก็ถูกจัดการไปเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้

            " แกนี่มันโง่จริงๆ...ทั้งหัวเราะเสียงดังทั้งไม่สนเสียงปืนแบบนั้น จะตายแล้วก็ไม่แปลก " คาวัลโล วาลกัสหัวเราะเบาๆ พร้อมกับกระชากคอเสื้อของเขาให้เดินลงเนินทรายไปหาพวกที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์จ้า ฟิลิเป้รู้สึกชาวาบไปทั้งกาย เมื่อตระหนักรู้ในทีสุดว่าเขาพลาดอะไรไป..

      เขาพลาด...พลาดที่ไม่นึกถึงการมีตัวตนของคาวัลโล วาลกัส...

    พลาดที่ไม่นึกว่ามันก็รู้ทันเขา เช่นเดียวกับที่เขารู้ทันมัน..

       พลาด...ตรงที่ไม่บรรจุมัน..ซึ่งมองเห็นถึงแผนการณ์ของตนทุกอย่างไว้ในแผนของตัวเองด้วย..    

               ร่างของสองแกนนำผู้บุกรุกถุกผลักลงไปกองรวมกัน สภาพสะบักสะบอมและโทรมบักโกรกชนิดไม่เหลือดีของสองศัตรูที่เข้าเกลียดมันเข้าไส้ทำให้คาวัลโลเหยียดยิ้มอย่างยินดี ยิ่งเมื่อเห็นรอยแผลยาวจนถึงต้นแขนของฟิลิเป้แล้ว เขาก็อดจะหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆอย่างยินดีไม่ได้...

           นัยน์ตาสีน้ำทะเลหัวขวับมามองชีคหนุ่มที่อยู่ในชัดโธปสีดำสนิทและกำลังเก็บดาบเข้าไปในฝัก ด้วยสีหน้าเรียบสนิทไม่เหลือบแลมาทางตนสักนิด ทำให้มาเฟียหนุ่มครางงึมงัมในลำคอบอกตัวเองว่าต้องตามง้อก่อนที่รายนี้จะงอนไปใหญ่ คาวัลโลตวัดสายตามองสองผู้บุกรุกที่ถูกจับมัดยัดใส่ในรถจิ๊บพร้อมลูกน้องที่มีอาการบาดเจ็บไม่มากของตนอย่างพึงใจ แล้วเดินตามหลังชีคหนุ่มที่กำลังเดินเข้าไปใกล้รถแลนซ์โรเวอร์คันโตที่จอดติดเครื่องทิ้งไว้ ..

          ฝ่ามือขาวจัดออกแรงดังลำแขนหนาใต้ชุดโธปป้องกันแสงแดดอย่างดีด้วยรอยยิ้ม คาวัลโลยิ้มร่าออกปากพูดชมอีกฝ่ายไม่หยุดปากด้วยสีหน้าระรื่น..

             " สุดยอดเลยอัลชาอ์..เมื่อกี้ที่คุณยกดาบใส่ไอ้ฟิลิเป้น่ะมะ........"





   เพี๊ยะ!!!!

            เสียงฝ่ามือกระทบผิวแก้มไม่ได้ดังไปมากกว่าเสียงลมหวีดหวิดหวิวกลางทะเลทรายเสียงด้วยซ้ำ ทว่ามันกลับก้องในหูของคนที่ได้ยินอย่างไม่น่าเชื่อ รามิล เซย์ฮามัคที่นั่งอยู่ด้านหน้าคนขับเบิกตากว้าง...จ้องมองร่างของผู้นำประเทศของตนและมาเฟียคู่กรณีอย่างลืมตัว..เขามองเห็นสีหน้านิ่งค้างไปอย่างตกตะลึงของคาวัลโล วาลกัสชัดเจน...ชัดพอๆกับรอยแดงบนผิวแก้มที่เห่อร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว..

          " ......... "

                   ไม่มีแม้กระทั่งคำพูดใดสีหน้าไม่ส่อเค้าอารมณ์และใบหน้าที่เฉยชาของชีคอัลชาอ์ มูอัสซินแห่งเซเนียยายังตราติดอยู่ในห้วงคำนึงไม่คลาย นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้างนิ่งขึงไปทั้งร่างด้วยอารมณ์หลากหลาย ความเจ็บปร่าแสบร้อนแล่นไปทั่วซีกหน้าด้านซ้าย ไม่มีคำพูดด่าว่าหรือตัดรอน...แต่กลับทำให้ทำให้ร่างทั้งร่างนิ่งงันอย่างจนด้วยคำพูด...มองเห็นร่างสูงใหญ่เดินขึ้นไปบนรถและปิดประตูโครม...สั่งให้มันออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เศษฝุ่นผงและเม็ดทรายปลิว่อนเกาะบนผิวหน้าชื้นเหงื่อของคาวัลโล วาลกัส อย่างไม่มีใครสนใจจะเช็ดมัน...

                 ................................................................

อะเเฮ่ม...
ตอนนี้ลงมือจริงๆนะ (ฮ่าๆ)ลงมือในหลายๆแง่ ว่าแล้วก็อยากได้อีกซักข้าง (คาวี่เอามีดจิ้มพุง o18)
ตอนนี้ใครถุกใครผิดจะเชียร์ใครแล้วแต่ใจคิด แ่ละคนก็มีเหตุผลพอกัน กับอัลชาอ์คงไม่ต้องบอกมั้งว่า"ห่วง"แค่ไหนแล้วพอคาวี่ทำแบบนั้น...เขาอุตส่าห์ไม่ให้มาเพราะกลัวโดนเป่าขมอง แต่เจ้าตัวก็ดัน.. :เฮ้อ:.ส่วนคาวี่ ก็อย่างที่บอก รายนั้นต้องการมาล้างอาย...ศักดิ์ศรีที่ถูกกล่าวหาไว้มันทำให้ยอมไม่ได้ล่ะนะ..หรือคุณจะยอมได้ถ้ามีใครหาว่าคุณเป็นโสเภณีที่เกาะคนอื่นเป็นที่กำบัง? ยิ่งกับคาวี่ที่เป็นมาเฟียถือเกียรติยิ่งชีพแล้วมันก็..:m16:..
 แล้วทำมาซึนบอกว่าห่วงกลัวโดนเหมือนประเทศ XXX แหม..(ประเทศไหนไม่รู้นะ..หึหึ  :laugh:)ไปๆมาๆทำไมรู้สึกว่าคาวี่มันนางร้ายจัง 555+
คนที่ให้การสนับสนุนพวกราฟากะฟิลิเป้คือ อัลลิยะห์..แม่เลี้ยงของอัลชาอ์ แต่จะทั้งหมดมั้ย อันนี้ต้องตามกันต่อไป
และซิลเวีย...หล่อนโผล่มาแต่เสียง แต่ทำหลายคนสะดุ้งใช่ไหม? 555+ ความหลังแบบชิงรักหักสวาทท่าจะงงไปในสายตาของพี่อเล็กซิส เอาง่ายๆเป็นน้องเอ็งไปแย่งแฟนชาวบ้านที่ระหองระแหงกันมานาน แค่นั้นก็จบ
ปล. ทำไมไม่รู้นึกขึ้นมาวูบนึงว่าให้ราฟาเอลโร่หลงรักอัลชาอ์แล้วมาแย่งกับคาวี่มันคง.....(ก๊ากกกกก :laugh:)แต่จะว่าไป รู้สึกว่าเขียนๆแล้วความคิดที่ราฟามีต่อคาวี่นี่ออกแนวทั้งรักทั้งเกลียดยังไงชอบกล คือเกลียดนะ แต่ก็อดหลงไม่ได้ อะไรแบบนั้น..
ปล.2 ไม่ได้มาต่อเลย เน็ตเน่า กาก ไม่ได้เล่นมาเป็นอาทิตย์แล้ว T T นี่เล่นเน็ตคาเฟ่เอานะเนี่ย.. :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Saffron ที่ 26-02-2011 10:42:47
ท่านชีคมาแล้วววววว


ขอไปอ่านก่อนน๊าา~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 26-02-2011 11:02:07
+1 ให้กำลังใจนู๋คาวี่...ดื้อจนโดนท่านชีคตบซะแล้ว

แล้วแบบนี้ใครจะต้องเป็นฝ่ายง้อกันล่ะนี่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 26-02-2011 11:11:53
จ๊ากกกก....คาวี่โดนตบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 26-02-2011 11:19:03
กรี๊ดดดด ตอนใหม่มาเเล้ว เเม่หญิง ซิลเวีย เเรงจริงๆ อืม ชีคงไม่เป็นปัญหามากนักตามความคิดเเต่อ่านเเล้วมาสะดุ้งที่สุดก็ เสียง"เพี๊ยะ"สุดท้ายนี่เเหละ  o22 เเม่เจ้า ใจตกลงไปที่ตาตุ่ม อยากอ่านต่อเเล้วอะ มันค้างสู้ๆๆนะคะ คุณปุ้ย มาต่อเร็วๆเน้อ เน็ตเน่าไม่ใช่อุปสรรค คุณปุ้ยอย่าเน่าพอ 55+++

+1 ค่ะ ให้ความพยายามของคุณปุ้ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: akike ที่ 26-02-2011 11:30:07
อีหนูคาวัลโลโดนตบ
สามีเค้าเป็นห่วงเลยฉุน
กลับไปนี่จะมีฉาก...หรือเปล่าน๊า
สงสัยจาโดนขังลืม
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 26-02-2011 11:47:54
คาวี่จังกลับมาแล้ว  :mc4: :mc4:
คาวี่อารมณ์รุนแรงจัง ทั้งเหวี่ยง ทั้งวีน เคะราชินีที่แสนเอาแต่ใจ
โดนตุ๋นครั้งใหญ่ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ลุงอาเหม็ดเหรอเนี่ย กลับเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายแทนซะงั้น ชีคอาเหม็ดใจอ่อนอ้ะ เดี๋ยวก็โดนหางเลขไปพร้อมฮาซานที่แน่นอนว่าต้องโดนรางวัลที่ 1 โทษฐานปล่อยคาวี่ไปแน่ ๆ เลย  o18
แม่นางซิลเวียแน่มาก ชักจะชอบผู้หญิงคนนี้ซะแล้วซิ ให้เธอเป็นอาเจ๊ของกราดอนไปเลย ไม่ต้องไปแต่งงานกับผู้ชายให้เสียเวลาและปวดหัวไปปล่าว ๆ  o13
รู้สึกถึงการ ' ลงมือ '  จริงๆ ก็อีตอนหนูคาวีโดนตบนี่แหละ คงจะทั้งโกรธทั้งห่วงเลยนะท่านชีคเนี่ย แต่ถ้าคาวี่มาไม่ทัน นี่ท่านม่องเท่งดับไปแล้วนา คาวี่มันก็มีผลงานเหมือนกัน เอาใจช่วยหนูคาวี่สุดริด  :กอด1:
เอ่อ ท่านชีคแต่ทิ้งไว้แบบนี้มันจะดีเหรอ ตบเค้าแล้วปิดประตู (รถ) ใส่หน้าเลยเนี่ย หายไปจะทำไงเล่า   :z3:
จะง้อยังไงดีละคาวี่ ยิ่งงอนหนัก ก็ต้องยิ่งง้อหนัก ๆ ฮึ  :haun4: :haun4: คิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย  :beat:  ตบตัวเองเรียกสติ หนูคาวี่ไม่ใช่โสเภณีหรอกจ๊ะ  :z1:  คนสองคนเต็มใจมันก็  :-[

รอตอนต่อไป หนูคาวี่ แก้แค้น & ง้อคนงอน
เอาใจช่วยท่านพี่อเล็กซิสด้วย หาคนทรยศให้เจอเร็ว ๆ เจ้าค่ะ ทางโน้นเค้าเจอแล้ว  :fire: :fire:

เอิ่ม  :o8: เม้นยาวไปป่าววะ กลับไปอ่านเองยังตาลาย

รอตอนต่อไปนะค่ะ  :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 26-02-2011 12:01:24
โอ้ คาวี่ โดนตับ กรี้ดกราดดดดดด  :m31:

แต่เป็นท่าน ชีด เราไม่ว่า อิอิ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 26-02-2011 12:01:52
มาต่อแล้วเย้ๆๆๆๆๆๆ  :mc4:

ตอนแรกๆๆ ก็มันส์ อยู่หรอ

พออ่านตอนท้าย นี่ ทำ อึ้ง เลย

โฮ่ะๆๆๆๆๆๆ   :a5:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 26-02-2011 12:15:35
 o18 o18 o18คาลวี่โดนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 26-02-2011 12:31:17
คาลวี่เอ้ย  คนเค้าห่วงเลยไม่ให้มา ก็ยังดื้อเนาะ
โดนโกรธไปแล้วไง งานเข้าเพราะทำตัวเองนะเนี่ย เฮ้ออ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 26-02-2011 12:32:02
ท่านชีคหล่ออีกแล้วววว สะใจฟิลิเป้ กร๊ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: liptudzii_chi ที่ 26-02-2011 13:12:17
ท่างชีคคงโกรธมากแหละ งั้นไม่ทำหรอกเน้อ รักมากก้อโกระมากเป็นธรรมดา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 26-02-2011 13:12:31
ไม่รู้จะเชียร์ใคร
แรงทั้งผัวทั้งเมีย
แต่เราแอบงอนแทนคาวี่
รู้ว่าห่วงแต่ทำไมไม่นึกว่าคาวี่ก็เป็นลูกผู้ชายอกสามศอกเหมือนกัน
เคยผ่านอะไรมาเยอะแล้ว
มันจะเป็นอะไรไปแค่ชวนไปสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกัน
แบบนี้มันทั้งไม่ไว้ใจ ทั้งดูถูกตัวตนของคาวี่นะ
เป็นวิธีการปกป้องที่พลาดไปหน่อยนะท่านชีค
แล้วทีนี้จะคืนดีกันยังไงล่ะเนี่ย
มีหวังงอนยาว หาทางเคลียร์ก่อนจะกลายเป็นความบาดหมางดีกว่านะชีค
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 26-02-2011 13:27:29


  ฮะๆๆ ท่านชีคเริ่มจะตอบโต้บ้างแล้วสินะ นึกว่าจะยอมให้คาวัลโลรังแกอยู่อย่างเดียว
  เริ่มเอาจริงบ้างแล้ว!!!



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 26-02-2011 13:42:53
ป๊าด ฉาดใหญ่ งานเข้าแล้วหล่ะหนูคาวี่เอ๋ย
เข้าข้างไม่ถูกเลยง่ะ
แต่งานนี้หนูก้ผิดจริงนะ ท่านชีคไม่ให้มาก้ยังจะมาอีก
ท่าทางยาวหล่ะงานนี้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: lasnorches ที่ 26-02-2011 14:32:07
กรี้ดดดดดด ตอนต่อไป!!! โอ๊ยท่านชีคแกตบคาวี่ซะหน้าหันเลย
งื้อออ ยังสงสัยเลยถ้าคาวีี่ไม่มาด้วยเนี่ย ท่านชีคแกจะไม่โดนเป่าดับเอาเรอะ *หัวเราะ
ตายแน่ๆ กลับวังแล้วคาวี่งานเข้าแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 26-02-2011 14:35:49
ตอนนี้ดุเดือดจริง
ทิ้งคาวี่ไว้ด้วยอ่ะ อย่างไงล่ะเนี่ย
คาวี่ก้อดื้อได้อีกนะ เค้าอุส่าเปนห่วง
งานเข้าเลยคราวนี้ โกรธไม่ธรรมดาซะด้วย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 26-02-2011 15:26:25
ชอบคาวี่มากิ่ บุคลิกหลายๆอย่างเข้าใจด้วแหละ เป็นคนที่ไม่สามารถอยู่ข้างหลังใครได้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: llPETCHll ที่ 26-02-2011 15:29:44
ห่วงได้แรงมากค่ะ คุณชีค!!=[ ]+!!

คาวี่หนูจะคอหักปะเนี่ยยยย ตบแรงซ๊าาาา !! แอร๊ยยยยย  :z1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 26-02-2011 15:52:47
ชีคขา จะรีบงอล เอ้ย กลับไปไหน..
ถ้ามันไม่บ้า เอ้ย ไม่ห่วงมันก็ไม่มาช่วยตัวเองหรอกน๊า นี่ดีแค่ไหนที่มันมาด้วยย ไม่งั้นชีคคงโดนเป่าไปแล้วว  :L2:
รีบกลับไปห้องนอนก็นอนไม่ได้อยู่ดี เพราะก่อนมาคาวี่มันถล่มหมดแล้ว (เจ้ยย เว่อไปๆๆ)
เสร็จงานนี้คงต้องสร้างวังใหม่  เพราะคาวี่มันเขวี่ยงโน่นขว้างนี่จนไม่เหลือซาก ถ้ามีนิวเคลียร์วังคงราบเป็นหน้ากลอง
ว่าแต่อัลชาห์ แรงม๊ากกกกกกกกกกกก !!!
ช็อกกันไปตามๆกัน  ทำร้ายหัวใจตัวเอง อัลชาคงจะเสียใจมากๆอ่าน้า
ค้างอย่างแรง ตอนหน้ารีบมาง้อกันเร็วๆน่อ จุ๊บๆๆ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 26-02-2011 16:04:26
อ้าว งานเข้าซะแล้วคาวี่
จะง้อชีคยังไงล่ะเนี่ย

คนนึงก็ห่วง อีกคนก็ดื้อ
ได้มีวีรกรรมกันอีกแน่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 26-02-2011 17:07:10
ก็ดื้อซะขนาดนั้น ขนาดบอกไว้แล้วว่าไม่ให้ออกมาถึงแม้จะไม่ได้บอกว่าเป็นห่วงก็ควรจะรู้
โดนตบแล้วทิ้งไว้กลางทะเลทราย? ใครจะพากลับ? 55 ตอนที่โดนอัลตบรามิลกับราเซย์ยังอึ้ง
แสดงว่าไม่คิดว่าอัลจะตบคนที่ตัวเองรักใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 26-02-2011 17:40:57
อัลชาอ์ลงมือขนาดเนี้ย
จะง้อกันแบบไหนหล่ะเนี่ย..........
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 26-02-2011 17:56:58
งานเข้าแล้วไง คาวี่จะง้อยังไงล่ะ  :z1:

ปล.ให้ราฟามาชอบชีคก้ดีเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 26-02-2011 18:00:30
ต้องลงไม้ลงมือซะหน่อย
โหดเหมือนกันนี่นะ ท่านอัล
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 26-02-2011 18:46:09
อูยยยยยยย โดนตบ กึ่งสมน้ำหน้ากึ่งสงสารแฮะ เอาแต่ใจตัวจริงๆหนูคาโล แต่ก็พอเข้าใจล่ะนะ โดนด่าว่าเป็นโสเภณีบนเตียงนิ หึๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: yakusa ที่ 26-02-2011 19:12:22
อีหนู  :angry2: โดนตบแบบนี้อย่าไปง้อ ถึงผิดก็นิดเดียว :z2:

เอาคืนด้วยการไม่ยอมให้เข้าห้องเลย อิอิ

จะได้จำ ว่าอย่าทำร้ายร่างกายเราด้วยวิธีนี้  :beat:

ถ้าตบด้วยปากก็โอเค้เค้าไป o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: icezygang ที่ 26-02-2011 19:22:13
คาวี่มาแล้วววววว ไม่รุ้จะคอมเมนต์อะไร  นอกจาก"ชอบมากกก" สู้ๆค่ะไรเตอร์
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 27-02-2011 02:16:42
ดื้อซะจนโดนตบเลยมั้ยล่ะคาวี่ ไปตามง้อชีคด่วนๆเลยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 27-02-2011 02:53:29
เอ่อ..ถึงจะแอบคิดว่าโดนซะมั่งก็ดีก็เหอะนะ o18
แต่ครั้งนี้อัลก็ทำเกินกว่าเหตุไปนิดนะ...คาลมีความดีความชอบที่ช่วยไว้ได้ทันหวุดหวิดด้วยอ่ะ :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 27-02-2011 04:28:04
มันส์มากค่ะตอนนี้ สู้กันเลือดตาแทบกระเด็น
หมดงานนี้ คงได้ง้อกันยาวจริงๆด้วยค่ะ มีงานเข้าๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 27-02-2011 04:37:29
 o18คาวี่โดนอัลชาล์เอาจริงแล้วไง อึ้งไปเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: melody ที่ 27-02-2011 05:12:45
สมชื่อตอนจริงๆ ลงมือ
ลงมือบนหน้าคาวี่ เต็มๆ จัดหนัก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: ayanae ที่ 27-02-2011 06:20:24
คราวนี้ท่านชีคงอนหนักแน่ๆ โกรธจนถึงขั้นตบหน้าคาวี่แบบนี้
คนทรยศทางนี้ก็รู้แล้วว่าเป็นใคร ผิดคาดเหมือนกันนะเนี่ย
เอาใจช่วยให้คาวี่ง้อท่านชีคได้สำเร็จนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 27-02-2011 11:57:27
เฮ้อ..ทั้งรักทั้งห่วง เป็นอัลชาร์นี่น่ากลุ้มชะมัด
แต่ถึงขนาดโดนตบนี่..สงสารคาวี่เหมือนกันนะ
ถึงจะร้ายจะเอาแต่ใจยังไง น้องเค้าก็..น่ารักน่าลุ่มหลงล่ะน่า  เนอะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 27-02-2011 13:08:20
อย่างนี่เรียกตบสั่งสอนชิมิคะเนี่ย งานนี้ท่านชีคโมโหใหญ่แล้วจะตามมง้อยังไงละเนี่ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 27-02-2011 22:53:17
อัลชาห์เท่ว่ะ!!!!!!..ตบหน้าแล้วปิดประตูขึ้นรถไปเลย 5555555555
คาลงงอ่ะ..โคตรงง แหมแต่พระเอกเราเค้าหวงห่วงนายหรอกนะ อย่าได้โกรธเชียว
เอาเป็นว่า อยากให้ราฟาเอโร่ หลงรัก คาล มากกว่าไปหลงชีคเราเลยนะฮะ กร๊ากกกกก ห้ามนะ
รอตอนต่อไปคร๊าบบบ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 27-02-2011 23:31:57
คิดว่าตัวร้ายตัวจริงคงยังไม่โผล่แน่เลย

ส่วนคาวี่ ถ้าเป็นเรานะ โดนตบหน้าปานนั้นเราไม่ง้อหรอก
ก็รู้ว่าห่วงแต่มันก็เกินไปนะ เพราะถ้าคิดในแง่มุมของคาวี่
ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไม่ออกไปสู้ แค่มือเจ็บน่ะ ไม่ใช่เหตุผลหรอก
หรือถ้าอัลห่วงก็น่าจะคิดบ้างว่าการที่ชีคอย่างตัวเองถูกหยามเกียรติทนไม่ได้
แล้วมาเฟียโดนหยามเกียรตินี่ต้องทนเหรอ แถมเป็นการหยามที่แม้แต่เรายังโกรธเลย
และคาวี่ก็เป็นเหมือนตัวกลางของเรื่อง แต่กลับถูกกันออกมาใครจะยอม

สุดท้ายแล้วคาวี่ก็ยังเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่กำลังจะเป็นบอสมาเฟีย และที่สำคัญผู้ชายคนนั้นคือคาวี่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 28-02-2011 14:29:21
 :beat: ทำแบบนี้กับคาวี่ได้ไง

ไม่ยอม  o9
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 28-02-2011 15:10:26
 :a5: ลงมือจริงๆด้วย
เต็มๆหน้าคาวี่เลย โธ่ๆๆ เค้าอุตสาห์มาช่วย
พี่ชีคก็เกินไป ก็รู้อยู่ว่าห่วงแต่ยังไงคาวี่ก็ผู้ชายนะ
ไม่ใช่สาวน้อยบอบบางที่ต้องการการปกป้องตลอด
งานนี้ง้อกันยาว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 28-02-2011 18:03:23
ท่านชีคอุตส่าห์ทั้งรักทั้งห่วง ทั้งหวงท้ังหลงซ่ะขนาดนี้
โดนซ่ะมั่งเป็นไงล่ะน้องคาวี่ :laugh:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 28-02-2011 18:29:05
ชอบจังเลยยย
เดี๋ยวนี้เราชอบเรื่องนี้ที่สุดเลยนะเนี่ย
เข้าเว็บมาก็จะมองหาเรื่องนี้ก่อนตลอดเลย
มาอัพบ่อยๆนะคะ เรารออยู่ ขอใ้ห้เน็ตใช้ได้ไวๆน๊า  :impress2:
คาวี่น่ารักอ่ะ มีเสน่ห์เว่อร์ๆ อยากให้รักกับชีคเร็วๆจังอ่ะ  :o8:
แต่ดันไปทำชีคโกรธซะได้อ่ะนะ ท่าทางจะโกรธโคตรๆเลยอ่ะ ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลยทีเดียว
แต่เค้าก็ห่วงของเค้านี่นะ 55
ถึงงั้นก็เหอะ ถ้าคาวี่ไม่มา ไม่แน่ว่าีชีคอาจโดนเป่าขมองไปเรียบร้อยแล้วก็ได้  :serius2:
รอตอนต่อไปนะคะ อยากอ่านแล้ววว
ปล. อยากให้คาวี่โดนฟิลิเป้ลวนลาม(?)อีกจัง  :z1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 28-02-2011 22:11:25
 :z3:  เอาแล่วๆๆๆ   คาวี่งานเข้าแล้วนะเออ  ง้อด่วนค่ะ :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 02-03-2011 19:23:02
เนื้อเพลง ใจน้อย (http://www.youtube.com/watch?v=i-rwI_m2Ygc)

ยอมรับว่าชั้น บางทีก้อหวงเธอไปหน่อย
คนมันมีใจเดียวก้อเงี้ย ใจน้อย
แต่ที่จริงมันเป็นห่วงเธอที่คอยเฝ้าถามเธอบ่อยๆ
เธอจะไปกับใครที่ไหนอย่างน้อย
บอกชั้นหน่อยนะคนดี

ไม่รักก้อคงไม่ห่วงอย่างนี้
ที่ต้องหวงก้อเพราะเธอนะมีแค่คนเดียว
หากเธอเป็นอะไร ความผิดชั้นคนเดียว
ที่ดูแลเธอไม่ดี จะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง

ยอมรับว่าชั้น บางทีก้อวุ่นวายไปหน่อย
คนมันมีใจเดียวก้อเงี้ย ใจน้อย
แต่ที่จริงมันเป็นห่วงเธอ ที่คอยเฝ้าถามเธอบ่อยๆ
เธอจะไปกับใครที่ไหน อย่างน้อย
ก้อให้บอกชั้นหน่อย นะคนดี

ไม่รักก้อคงไม่ห่วงอย่างนี้
ที่ต้องหวงก้อเพราะเธอนะมีแค่คนเดียว
หากเธอเป็นอะไร ความผิดชั้นคนเดียว
ที่ดูแลเธอไม่ดี จะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง

ไม่รักก้อคงไม่ห่วงอย่างนี้
ที่ต้องหวงก้อเพราะเธอนะมีแค่คนเดียว
หากเธอเป็นอะไร ความผิดชั้นคนเดียว
ที่ดูแลเธอไม่ดี จะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง

หากเธอต้องเสียใจ จะไม่มีวันให้อภัย ตัวเอง

อ่านตอนนี้แล้วเพลงนี้มันดังอยู่ในหัว...ซีคฮัลซา...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 04-03-2011 00:04:19
ไม่น่าาาาาาาาา



มาต่อด่วนเลยย


ไรเตอร์


จะเกิดอะไรขึ้นนนนนน ต่อไปอ่ะาาาาาาาา



ไม่นานนนนนน   อย่าหายไปนานเลยยย ไรเตอร์
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: ZooS ที่ 04-03-2011 04:10:23
คาวี่ โดนซะมั่งเหอะ ฮึ!!!

ใจร้อนเอาแต่อารมณ์อ้างไปเรื่อย

ถือว่าเค้าชอบตัวเลยเอาแต่ใจอ่ะดิ

ให้มันรู้ซะมั่งว่าเค้าเป็นห่วงเเค่ไหนเนอะชีคเนอะ

^^ ฮ่าๆ อินจัด

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: katarena ที่ 04-03-2011 15:23:19
หนูซิลเวียนี่ดูท่าแล้วจะไม่ธรรมดาจริงๆด้วย
ส่วนคาวี่..
โฮะๆๆๆ แรงอย่างนั้น โดนไปซักฉาดก็ดีนะคะ ก๊ากๆๆๆ
เผื่อจะลดดีกรีความแรงซะมั่ง
ก็แหม..  อัลชาอ์เป็นฝ่ายยอมมาตลอดนี่นา ฮึดบ้างเป็นบางทีก็ดีออก คิกๆ
แล้วจะรอดูผลในตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 05-03-2011 09:37:04
เเวะมาส่อง โอ้ ยังค้างกับการฝากรอยบนเเก้มคาวี่ ....คุณปุ้ยคะ มาต่อไม๊คะ วันนี้ คิดถึงมากมายยยยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 05-03-2011 17:18:44
อยากอ่านต่อเล้วอ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 05-03-2011 23:53:22
คนเขียนติดสอบค่า ประมาณวันที่สิบจะอัพค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 06-03-2011 06:17:49
รอจ้าา ขอให้ประสบความสำเร็จในการเด้อ สู้ๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 06-03-2011 10:34:17
ความเดิมจากหนังสือ "ฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอ ชีวิต" มันมีอยู่ว่า

...........
เมื่อรักใครคนหนึ่ง
จึงไม่สำคัญเลยว่าเราจะได้กอดกันหรือไม่
...
ความรักบางอย่างในชีวิตคนเราเอื้อมไม่ถึง
สัมผัสไม่ได้
เหมาะสำหรับเอาไว้มองดู...
ไว้ชื่นชมอยู่ไกลๆ
....
ดวงไฟประภาคารสวยล้ำค่า
ยามเราล่องเรืออยู่ในทะเลลึก
จนหาทางกลับไม่ได้
...
เราจ้องมองดวงไฟ
เพียงให้รู้ว่าควรเดินหน้าไปทิศทางใด
ใช่จะต้องเบนหัวเรือ..เพื่อมุ่งไปจอดเทียบท่า
หน้าประภาคารเสียเมื่อไหร่
....
ได้รักเธอ...ประภาคารก็ดูสวยดี
คนที่ฉันกอดได้
ก็ทำให้รู้ว่าโลกนี้สดชื่นสว่างไสว
....
อย่าสนใจเลยนะคนดี
ว่ารักเธอแล้ว ฉันคนนี้จะกอดใคร
แค่เชื่อว่าฉันรักเธอตลอดไป
เพียงพอแล้ว
,,,,,,,,,,,,,,,

*รักเธอ...กอดคนอื่น" เป็นงานขียนชิ้นหนึ่งจากพ็อคเก็ตบุ๊ค "ฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอ ชีวิต" ของคุณปราย พันแสง

.......
   เอามาแปะค่ะ ช่วงนี้อารมณ์ไม่คงที่ ซีเรียสชอบกล
เปิดคอมพ์มาเช็คเมล์แป๊ปเดียวก็ต้องกลับไปดุหนังสือแล้ว  :m15: แอบเศร้าแฮะ..
ชอบงานของคุณปรายมาก โดยเแพาะบทกวีที่แปลออกมาได้สวยงามละเมียดละไม...แต่ช่วงนี้"รักเธอ กอดคนอื่น"คงพีคที่สุดล่ะ..
..อ่านๆแล้วคิดถึงความรู้สึกอัลชาอ์แล้วก็.. :เฮ้อ:
แต่มีหลายคนบอกว่าสงสารคาวัลโลมากกว่า เพราะเขาคนนั้นไม่เคยรู้จักรัก ไม่เคยรู้จักความรัก และไม่คิดว่าตัวเองจะรักใคร...
...คนแบบนั้นอาจจะต้องเสียใจภายหลังในสักวันหนึ่งก็เป็นได้
บางทีมันอาจจะจบแบบนี้...แต่ไม่จำเป็นว่าต้องเศร้าเสมอไป

บางครั้งความรักก็ไม่ได้หมายถึงการได้ครอบครอง
ฉันรักเธอ แต่ไม่ได้หมายความว่า เธอจะต้องมารักฉัน เสียเมื่อไหร่
ปัจจัยที่ทำให้เราได้รักกันมันมีหลายอย่าง
คำว่า "รัก" ของแต่ละคน ย่อมมีนิยามที่แตกต่างกัน
รักเธอ กอดคนอื่น
คงจะเสมือน
ฉันรักเธอ แต่ฉันก็ไม่สามารถเคียงข้างเธอได้ อย่างนั้นกระมัง
แต่เราก็มีความสุขกับการได้มองเห็นเขาอยู่..ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม..

มาเพ้อนิดๆแล้วจากไป..สวัสดีทุกคนค่ะ ไม่กี่วันจะกลับมาอัพ  :กอด1:
อยากเขียนนิยายต่ออ่ะ แต่ทำไม่ได้ ไม่อ่านแล้วสอบไม่ได้แหงๆ :monkeysad:
*นิดนึง แค่เพ้อ ไม่ได้เกี่ยวกับอนาคตของนิยายเรื่องนี้นะ บอกไว้ก่อนเดี๋ยวตกใจกัน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 06-03-2011 23:57:14
^

แอบตกใจ คิ้วขมวดไปสี่วิ
อ่านถึงบรรทัดสุดท้ายแล้วตบอกปุปุ

ฟู่ว~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 07-03-2011 02:33:23
ตกใจไปแล้วค่าา าาา  :serius2:
อ่านแล้วเศร้าอ่ะ ,,ความรักแบบนี้  ..ทนได้ยังไงกันนะ

แต่นิยามความรักของคนเรามันไม่เหมือนกันจริงนั่นแหละค่ะ  o13
ชอบๆ

สู้ๆนะค่าไรเตอร์ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: pasallatel ที่ 07-03-2011 20:16:25
แล้วจะเป็นยังไงต่อไปคะเนี่ย คาวี่โดนตบ เหอๆ

หวังว่าคงไม่คิดโกรธคนตบจนหนีไปนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 08-03-2011 09:20:20
ขอบคุณนะคะคุณปุ้ยที่มาเเจ้งข่าว  เเล้วจะคอยค่ะ เรื่องสอบก็สู้ๆนะคะ อนาคตเราสำคัญกว่าอื่นใด เเล้วก็ ดีเเล้วค่ะที่นิยายไม่ได้จบเหมือนอย่างมที่คุณปุ้ยลง เพราะไม่งั้นอาจจะวิ่งออกไปเลยก็ได้ คุคุคุ พอดี ชอบ มาโซ มากกว่า มาม่า นิ คุคุคุ เรื่องอารมณ์ใจเย็นๆนะคะ เป็ฯธรรมดา ขึ้นๆลงๆ ยิ่งกว่าคลื่นในทะเล เดี๋ยวก็ดีขึ้นค่ะ

ปล. บทความจากหนังสือที่มาลง เศร้ามากค่ะ เเต่มันไม่ซึ้งสำหรับเรา คุคุคุ ถ้าสนใจวิจารณ์บทความกันได้นะคะ คุคุคุ   
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 08-03-2011 11:07:27
เต็มๆๆๆๆโดนเต็มๆหน้าเลยอ่ะ


เง้อช็อคไปเลยอ่ะ



รออ่านตอนต่อไปค้าบบบบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 08-03-2011 16:32:37
พึ่งได้เข้ามาอ่าน อ่านไปอ่านมาติดเลยอะ ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

คาวี โดนซะบ้างก็ดี ท่านชีคเป็นห่วงขนาดนี้ยังจะออกมาอีก  ไม่เคยฟังกันบ้างเลย  :เฮ้อ:


  แอบสะใจนิด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 08-03-2011 17:57:29
พอดีไปเจอมา

(http://img100.imageshack.us/img100/1456/p100pq0.jpg)

(http://img100.imageshack.us/img100/1001/1203970570dt5.jpg)

ข้อมูล

ชีคฮัมดัน บิน โมฮัมหมัด บิน ราชิด อัล มักตูม... (Sheikh Hamdam Bin Mohammad Bin Rashid Al Maktoum)

เป็นมกุฏราชกุมารแห่งดูไบค่ะ ทรงรั้งตำแหน่ง crown prince (รัชทายาท) ด้วย
แถมเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลกอันดับที่ 5 อีก

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[







หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 08-03-2011 19:02:07
กริ๊ด~~~~~~~ชีคตบน่าคาลเหรอ แถมทิ้งอีกต่างหาก ถ้าคาลหายอย่ามาตามน่ะ

ถ้าคาลไม่มาสงสัยว่าท่ายชีคโดนเก็บเเน่ๆ *555*

รอมาต่อน่ะค่ะ


*fcคาลจังที่รัก 555*
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 09-03-2011 12:04:54
konnarak

สุดยอดคะ !!! ขนตาท่านซีคเหมือนวาดมาเลยนะเนี่ย >,<
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 11-03-2011 00:02:11
เข้ามารอคาวี่กะอัลชาร์ค่ะพี่ปุ้ย :))
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 22 : ลงมือ 26/2/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 11-03-2011 01:23:42
Line : 23  ด้วยรักและไม่เข้าใจ

       เม็ดทรายปลิวคลุ้งกระทบกระจกหน้าเป็นระยะ ทัศนวิสัยกล่าวได้ว่าค่อนข้างแย่เพราะฝุ่นผงที่ปลิวคลุ้งไม่ขาดสายจากรถคันหน้า ขณะที่รถจี๊ปคันย่อมแล่นตามขบวนรถที่มาทำภารกิจพิเศษตามคำสั่งของผู้นำตน และกำลังพากันเดินทางกลับจารเซ ห้องโดยสารขนาดเล็กมีร่างของชายหนุ่มสองคนนั่งอยู่ หนึ่งชายหนุ่มชาวต่างชาติผมสีน้ำตาลทองนัยน์ตาสีน้ำทะเลมีท่าทีหงุดหงิดไม่พูดไม่จา เขายังอยุ่ในชุดโธปสีดำที่ใส่ขึ้นลวกๆ ใบหน้าปรากฏรอยเลือดและรอยขีดข่วนเล็กน้อย ซึ่งก็ไม่ได้"ชัด"อะไรถ้าเทียบกับรอยแดงรูปนิ้วที่พาดตรงแก้มซ้าย...

    ไม่มีคำพูดอะไรในบทสนทนา มีเพียงเสียงแกร่กกรากของวิทยุสื่อสารแบบตามตัวที่ติดอยู่ในรถ ขณะที่ชายหนุ่มที่ขับรถอยู่ข้างกายก็นิ่ง เขาทำเพียงขับรถตามหน้าที่ของตนเท่านั้น...

      "ผมบอกคุณแล้วว่าจะทำให้หลายคนลำบากใจ "...คงเพราะทนความทเงียบได้ไม่นานนัก...เสียงของฮาซานจึงดังเข้าหูในที่สุด แต่มันดูจะเป็นการเริ่มบทสนทนาที่ค่อนข้างแย่ เพราะมันทำให้  ทำให้คาวัลโล วาลกัส ผู้ฟังหน้านิ่ว ชายหนุ่มนั่งกอดอกสีหน้าตึงอยู่บนเบาะรถจี๊ปคันเดิมที่นั่งมา โดยมีผู้โดยสารคนเดิม คนขับคนเดิม..เท่าเดิมเป๊ะ...

      "...อ้อ...งั้นฉันควรจะนอนสบายอยู่บนเตียง  แล้วรอข่าวเจ้านายแกถูกเป่าสมองสินะ " ริมฝีปากบางเหยียดออกเป็นรอยยิ้มแสยะ นัยน์ตาที่จับจ้องไปยังเส้นทางที่มีฝุ่นคลุ้งเบื้องหน้าฉายแววไม่พอใจแจ่มชัด..

      "...เรื่องนั้นมันก็อีกเรื่อง...เรื่องที่คุณฝ่าฝืนคำสั่งมันก็อีกเรื่อง...คุณอย่าเอามารวมกันสิ" องค์รักษ์หนุ่มออกปากแก้ตัวให้เจ้านายตน

      "...คนละเรื่องตรงไหน? ในเมื่อมันเป็นผลต่อเนื่องกันอยู่แล้ว จะบอกว่าถ้าฉันไม่ไป พวกแกจะจับราฟาเอลโร่ได้งั้นเหรอ? ฉันไม่เห็นทางจะเป็นไปได้ เห็นแต่พวกคนสะเพร่า....หยักสมองตื้นกันทั้งนั้น " คาวัลโลเม้มปากแน่น ริมฝีปากสีอ่อนกราดด่าออกไปอย่างหงุดหงิด  " ไม่พอใจนักก็ปล่อยฉันทิ้งไว้กลางทะเลทรายสิ จะลำบากพามาอีกทำไม "

       คำกล่าวนั้นทำให้ฮาซานรู้ว้าคนตรงหน้าหงุดงหงิดและขัดเคืองที่ถูกทิ้งไว้กลางทะเลทรายไม่น้อย...ไม่นับรอยแดงบนแก้มที่มาจากฝีมือของคนที่ก็รู้ๆกันอยู่..ตอนนี้คาวัลโล วาลกัสก็เพิ่มแผลที่หัวคิ้วอีกแผลและแผลที่ฝ่ามือ...ซึ่งรู้สึกว่าเลือดจะเริ่มไหลซึมออกมาอีกครั้งเพราะปากแผลที่เปิดกว้าง..

        " มือคุณเป็นยังไงบ้าง? "ฮาซานออกปากถามเบาๆ

        " ไม่เป็นไร แค่มือเจ็บ ฉันไม่ได้จะตาย " คาวัลโลเท้าศอกลงบนประตูรถพลางหรี่นัยน์ตาลงน้อยๆ มองรถที่นำขบวนบดล้อลงบนถนนจนทรายคลุ้ง เขาก้มมองแผลที่ฝ่ามือซ้ายตัวเองอีกครั้ง...ก่อนจะถอนหายใจพรู

        "....บอกว่าไม่จำเป็น.แต่พูดไปก็เท่านั้น...ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครคิดจะเข้าในเรื่องที่ตัวเองไม่เห็นด้วย...ก็น่าจะรู้อยู่แล้ว....." คำพูดนั้นทำให้องค์รักษ์หนุ่มหน้านิ่ว  สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม....

        " คุณหมายถึงอะไร..."" เขาได้ยินเสียงตัวเองถามกลับเบาๆ นัยน์ตาเหลือบมองเสี้ยวหน้าที่ก้มลงน้อยๆ เปลือกตาสีอ่อนหรุบต่ำลงมองรอยแผลบนมือตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจพรู

        " ก็เปล่าหรอก...แค่คิดว่าการสื่อสารกันด้วยคำพูดมันไม่ได้ทำให้อะไร"ชัดเจน"พอ..คงเพราะฉันกับเจ้านายแกต่างกันเกินไป..."

                  วาจานั้นทำให้ผู้ฟังขมวดคิ้วอย่างนึกแปลกประหลาดใจนัก ฮาซานไม่แปลกใจที่คาวัลโลดิ้นรนนักหนาที่จะไปร่วมรบกับชีคของตน ไม่แปลกใจนักที่อีกฝ่ายจะโมโหเมื่อถูกลงโทษ...แต่เขาแปลกใจ กับคำพูดที่ออกมามากกว่า..

        "...แล้วมันมีปัญหาอะไร...." ชายหนุ่มเลิกคิ้ว สีหน้าข้องใจไม่น้อย...

         "............" คาวัลโลชะงัก มาเฟียหนุ่มหันไปมองหน้าผู้พูดด้วยสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะขึ้นมาเบาๆ...

         "..คนที่เหมือนกันอยู่ด้วยกันนานไปก็น่าเบื่อ...แต่คนที่ต่างกันเกินไป อยู่ด้วยกันนานเข้าจะยิ่งไม่เข้าใจกัน..." คาวัลโลโคลงหัวก่อนจะพ่นลมหายใจพรูลดอาการหงุดหงิด

        " ชีคเป็นห่วงคุณมาก.." ฮาซานขัดเสียงเรียบ สีหน้าเริ่มเคร่งขึ้นเรื่อยๆ..

         " ก็รู้..."

        "...แล้วนี่คือสิ่งที่คุณตอบแทนความห่วงใยของคนๆหนึ่งงั้นเหรอ?...ทำไมคุณไม่...."

        " นั่งอยู่กับที่แล้วทำตามคำสั่งซะ.." คาวัลโลต่อประโยคให้จบอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าระอาใจไม่น้อย นัยน์ตาสีน้ำทะเลพราวระยับไปด้วยแววของความขบขันริมฝีปากบางอ้ากว้างเปล่งเสียงหัวเราะสยองขวัญออกมาอย่างเริ่มจะอดกลั้นกับความทื่อ งี่เง่า และเผด็จการของผู้คนที่นี่ไม่ไหว..

      องค์รักษ์หนุ่มขยับตัวยุกยิกแล้วเหลือบมองร่างของมาเฟียตัวแสบข้างกาย..เเน่นอนว่าฮาซานจำได้ไม่ลืมถึงประสบการณ์การถูกรัดคอ กระทืบท้อง หรือแก้วจี้ไปที่ลำคอของตนด้วยฝีมืออีกฝ่าย...และแน่นอนเขาคิดว่าหากคาวัลโลนึกบ้าจะถีบเขาตกรถรึฆ่ายัดกระโปรงรถด้วยความหงุดหงิดแล้วล่ะก็ตัวเองก็คงมีทางรอดยาก..

         " ฉันมีมือ มีเท้า มีสมอง มีแข้งขา อวัยวะใช้งานได้ทุกส่วน ฉันเป็นผู้ชายคนนึงที่มีไอ้นี่ไอ้นั่นเหมือนกับแกและผู้ชายทุกๆคนบนโลกนี้ แล้วเรื่องอะไรว่ะฉันถึงต้องหดหัวอยู่ในกระดองเพียงเพราะมือเป็นรูน่ะ หา?...... พวกแกก็สักพูดแต่จะล้างแค้น เอาแต่เห่าหอนว่าถูกหยามเกียรติจนรับไม่ได้..แล้วชั้นล่ะว่ะ ฉันล่ะ " ริมฝีปากนั่นอ้าออกตะโกนใส่เขาเสียงดังลั่นเสียจนฮาซานแทบอ้าปากค้าง สีหน้ามืดทะมึนและเต็มไปด้วยความไม่พอใจทำให้ฮาซานนึกผวาอยู่ไม่น้อย มองเห็นฝ่าเท้าในรองเท้าบู๊ตออกแรงกระทืบแรงๆลงบนคอนโซลรถด้านหน้าอย่างอารมณ์เสีย

        "  ฉันก็มีศักดิ์ศรีของฉันเหมือนกัน เรื่องอะไรฉันต้องมาหดหัวอยู่ในกระดองด้วย ! อย่ามาคิดว่าฉันเป็นพวกไม่มีสมองไม่มีเรี่ยวแรง ฉันไม่ใช่คนอ่อนแอที่ต้องให้ใครมาปกป้อง...ฉันดูแลตัวเองได้ดีกว่าพวกแก แก และ แกที่นั่งฟังฉันพูดอยู่ด้วยซ้ำ...ห่าเอ๊ย! อย่าคิดนะว่ากูไม่รู้ว่าวิทยุสื่อสารมันเปิดทิ้งไว้นะ !! "

        ".............." แว่วเสียงโครมครามโวยวายและเสียงซ่ายาวเหยียดจากวิทยุสื่อสารประจำรถแล้วรามิลก็ได้แต่ชักสีหน้าเหย ชายหนุ่มเอื้อมมือไปปรับสัญญาณ แต่ฝ่ามือของชีคหนุ่มแตะไว้ แล้วเจ้าตัวก็กดปิดมันจนเหลือเพียงความเงียบอวลอยู่ในตัวรถ..

   แต่แน่นอนล่ะว่าประโยคสุดท้ายของมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ยังดังก้องอยู่ในสมอง... รามิลอดยอมรับไม่ได้ว่าตัวเองหน้าชาวาบ...ด้วยความอายและความอึ้งจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันชนิดไม่ทันให้ตั้งตัว..

   ยอมรับว่าการจับหนึ่งในตัวการได้ทำให้พวกเขาลำพองใจ จนนึกไม่ถึงว่าพวกนี้จะมีลูกเล่นอื่นอยู่มากกว่านั้น...

   ....ก็ปล่อยปละละเลยแบบที่คาวัลโลพูดนั่นล่ะ..ทั้งที่อีกฝ่ายเตือนแล้วเตือนเล่าให้ระวังตัวให้ดี บอกซ้ำๆเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่นรู้ว่า"มาเฟีย"นั้นร้ายกว่าที่คิด..
ทว่าสุดท้ายก็ยังพลาด...เป็นการพลาดที่หากเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆแล้วพวกเขาคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิต

... แต่ที่อึ้งกว่านั้น คงเป็นเรื่องความโกรธของคนข้างกายมากกว่า

   ชีคอัลชาอ์รู้ถึงการมาของคาวัลโลนับแต่เจ้าตัวขึ้นรถมาแล้ว เพราะวิทยุสื่อสารที่มีประจำอยู่ในรถทุกคัน และฮาซานก็จงใจเปิดทิ้งไว้ ทำให้พวกเขาทราบความคืบหน้า และทราบถึงความโกรธเคืองซึ่งปะทุขึ้นมาอย่างเชื่องช้าของผู้นำของตน..

แต่ถึงยังไง การ"ลงมือ"ของอัลชาอ์ก็ยังทำให้เขาอึ้ง...

อีกทั้งยังเป็นการตบหน้าแล้วสั่งให้รถขับจากไป ทิ้งให้คาวัลโลยืนนิ่งอยู่กลางทะเลทราย ปล่อยให้นั่งรถคันเดิมกลับกับฮาซานอย่างไม่สนใจเสียอีก..

   ...แน่นอนล่ะว่าฝ่ายนั้นต้องโมโหแทบคลั่ง...แต่แตกต่างกันก็ตรงที่ฝ่ายนี้ก็โมโหไม่ต่างกันเลยน่ะสิ..

รามิลเหลือบมองเสี้ยวหน้าเคร่งขรึมของชีคหนุ่มข้างกายแล้วถอนหายใจพรู....ต่างฝ่ายต่างก็เป็นแบบนี้...วันนี้กลับไปทัสคานี จะเกิดอะไรขึ้นอีกก็สุดจะคาดเดา..
     "คุณก็ทำเกินไป" ราเซย์เคาะกระจกรถเบาๆพลางเปรยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย..

     "........." รามิลเหลือกตามองพี่ชายตัวเอง..กับการกระทำที่บ่งชัดว่าหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ หากแต่ราเซย์ที่นั่งหน้าเฉยอยู่บนเบาะหลังก็ไม่ได้มีท่าทีจะสะดุ้งสะเทือนอะไรกับใบหน้าที่ตึงขึ้นและลมหายแรงของอัลชาอ์

    "..ผู้ชายเราน่ะถือศักดิ์ศรีเหนือกว่าสิ่งอื่นใด...อย่างที่เขาพูดนั่นล่ะ เราก็มีศักดิ์ศรี เขาก็มีเช่นกัน...เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะทนงอมืองอเท้าอยู่ข้างหลังใครได้ คุณก็น่าจะรู้...."

      "............" ยังไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากของชีคแห่งเซเนียยา บรรยากาศอึมครึมในรถก็ยังดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน..

      " การที่หวังดีแบบนี้กับเขา นอกจากจะไม่ได้รับความร่วมมือแล้ว ยังพาลจะทำให้"ค่า"ของตัวเองลดลงอีก...แถมอีกฝ่ายยังเป็นมาเฟียคู่แข่ง ผมก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอกที่เขาทำแบบนี้.." ราเซย์ทอดสายตามองออกไปนอกรถ ก่อนจะหันมาสบตาอัลชาอ์ทางด้านกระจกมองซ้าย...

      "...เอาเถอะ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องสอดมือเข้าไปยุ่ง...ถ้าคิดว่าทำแบบนี้ดีแล้วก็เป็นสิทธิ์ของคุณ......."

              ราเซย์เอนตัวพิงผนังเบาะอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหรี่ลงเล็กน้อยราวกับครุ่นคิดบางสิ่ง ขณะที่อัลชาอ์จ้องมองทิวทัศน์เบื้องหน้าด้วยสีหน้านิ่งขรึม แต่หัวคิ้วกดลึก บ่งชัดว่าเขาก็ครุ่นคิดกับคำพูดนั้นไม่น้อย..

  ...............................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 11-03-2011 01:32:34
            ข้าวของส่วนตัวถูกจัดเก็บเรียบร้อย อยู่ในขบวนเดินทางที่พร้อมจะออกจากจารเซกลับสู่ทัสคานี  หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จแล้วขบวนก็จะเริ่มออกเดินทางกลับอีกครั้ง แน่เสียยิ่งกว่าแน่ว่าคาวัลโลไม่ได้ไปเสนอหน้าทานข้าวร่วมกับใคร คนที่ใครๆต่างก็เหม็นขี้หน้า ก็ยังคงมีแต่คนเหม็นขี้หน้าอยู่วันยังค่ำ.. 

        แต่ก็ดีแล้วที่ไม่ต้องเสียเวลามานั่งปั้นหน้ายิ้มร่าหลอกใคร เพราะตอนนี้เขากำลังหงุดหงิดและอารมณ์เสียมากๆอยู่....แถมยังเป็นอารมณ์หงุดหงิดที่หาทางระบายออกไม่ได้เสียด้วย คาวัลโลอยากจะเดินไปหาเรื่องกระทืบราฟาเอลโร่กับฟิลิเป้เเก้เครียดเสียหน่อย แต่เพราะที่นี่คือจารเซ ตัวเขาที่เป็นไอ้ตัวขวางหูขวางตาจึงไม่มีสิทธิจะไปเดินท่อมๆเข้านอกออกในได้ขนาดนั้น..

       นั่งทำหน้าเมื่อยอยู่บนชุดรับแขกเล็กๆในห้องนอนของท่านชีคอัลชาอ์ ด้านหน้าของคาวัลโลมีถาดอาหารที่ทานเสร็จแล้ววางอยู่ ชายหนุ่มจิบน้ำในแก้วขณะที่นัยน์ตาก้มมองฝ่ามือของตนเองที่มีผ้าพันแผลอันใหม่พันไว้เช่นเดิม หลังจากที่แผลปริแตกไปไม่น้อยจากที่เขาไปร่วมละเลงเลือดด้วยวันนี้...

      มาเฟียหนุ่มถอนหายใจเบาๆพลางยกมือแตะหัวคิ้วที่มีรอยเลือดซึม  ร่างกายบาดเจ็บจากการวิวาทครั้งนี้เพียงเล็กน้อยแผลพวกนี้ไม่ได้มากมายอะไรสำหรับเขา...และ....รอยแผลแค่นั้นก็ยังไม่เท่าที่หน้าของเขาหรอก...

     คาวัลโลขยับบิดตัวคลายเมื่อยขบขณะที่สมองแล่นฉิว ปลายนิ้วแตะลงบนผิวแก้มซ้ายที่แดงเห่อเป็นรอยมือขึ้นมาอย่างชัดเจน ยันกายขึ้นไปหยิบกระจกขนาดเล็กที่อยู่ตรงโต๊ะแต่งตัว มาเฟียหนุ่มเพ่งมองรอยนิ้วที่ประทับบนผิวแก้ม...ริมฝีปากเม้มแน่น...

   ...ยิ่งนานวันยิ่งไม่เข้าใจ...ยิ่งพยายามจะ"เข้าใจ"มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่เข้าใจขึ้นมากเท่านั้น..

      เช่นเดียวกับที่เขาพูดออกมาในรถวันนี้...ความแตกต่างทั้งวัฒนธรรม ประเพณี ลักษณะนิสัย หรือแม้กระทั่งการแสดงออก ความแตกต่างเหล่านี้มากเกินไป มากเสียจนพยายามจะเข้าใจมันอย่างไรก็ยิ่งไม่เข้าใจหนักขึ้น..

       ....ไม่เข้าใจว่าทำไมอัลชาอ์ถึงได้ชื่นชอบการปกป้องที่ไร้สาระนี่นัก และยิ่งไม่เข้าใจ ว่าในสายตาของอัลชาอ์แล้ว คาวัลโล วาลกัส คือผู้ชายที่ไม่ต่างกับตัวเองรึเปล่า..

พฤติกรรมของฝ่ายนั้นทำให้เขาสงสัย...กระทั่งรอยตบนี่...ก็ยังคงนำพาความสงสัยมาให้..

 อัลชาอ์คิดว่าเขาคืออะไร  ผู้ชายคนหนึ่ง มาเฟีย คนที่ตัวเองหลงรัก หรือเป็น "สมบัติ" ส่วนตัวที่ได้มาและต้องปกป้องรักษาหวงแหนยิ่งชีวิต
คาวัลโลขมวดคิ้ว หน้าเบ้ พลางลูบแก้มตัวเองอีกครั้ง...เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องหน้าตาตัวเองนักหรอกว่าจะเป็นแบบไหน ยังไงรอยตบ มันก็แค่รอยบตบ แต่ขณะเดียวกัน มันก็ยัง"เป็นถึง"รอยตบ

....คาวัลโลไม่ได้โกรธที่ถูกทำร้าย ไปมากกว่าโกรธที่อีกฝ่ายเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเขาจนแทบติดดิน..

เขาโกรธและอึ้งที่ถูกทำร้ายร่างกาย...แต่ไม่เท่ากับสภาพของเรื่องราวตอนนั้น...อัลชาอ์ที่ตบเขาท่ามกลางสายตาขององครักษ์ ทหาร และที่สำคัญ ต่อหน้า "ราฟาเอลโร่และฟิลิเป้"

.....ทำแบบนี้มันต่างอะไรกับการจับเขาไปแห่ประจานรอบเมือง หรือออกข่าวให้กระฉ่อนไปทั่วโลกกัน??

   แค่เรื่องที่อัลชาอ์ทิ้งให้เขาอยู่โยงเฝ้าวัง คาวัลโลก็เคืองมากพอแล้ว แม้เขาจะเริ่มทำใจว่าเป็นเพราะความห่วงของอีกฝ่ายอย่างที่ฮาซานมันพล่ามให้ฟังตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในรถ...แต่ทว่า พอมาถึง เขาที่อุตส่าห์มาช่วยกลับได้รับผลตอบแทนเช่นนั้น..

หรือต่อให้ไม่นับเรื่องมาช่วย...อัลชาอ์มีสิทธ์อะไรจะมาประนามเขากลางสมรภูมิรบ ให้ได้อับอายกันไปข้าง...โดยเฉพาะต่อหน้าเจ้าคู่แข่งคนนั้น...คนที่เขาจะไม่ยอมพ่ายแพ้เด็ดขาด..

    คาวัลโลเม้มปากแน่นพร้อมกับกัดฟันกรอด ไม่ใช่ว่าจะไม่พยายามหาเหตุผลต่างๆมาหักล้างเพื่อไม่ให้ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล แม้พยายามเต็มที่ที่จะเข้าใจ แต่อย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจ...

....เขาอึดอัดกับการถูกปฏิบัติด้วยไม่ต่างกับผู้หญิง อึดอัดกับสายตาที่แฝงนัยยะล้อเลียนของผู้คนโดยรอบ และอับอาย..กับแววตาเยาะหยันของราฟาเอลโร่ที่สาดเข้าหาแม้เพียงชั่วครู่...

    คาวัลโล วาลกัส เป็นผู้ชาย ผู้ชายคนหนึ่ง คนที่กำลังจะเป็รบอสมาเฟีย ....คนที่พบเจออะไรมามากมายและเเข็งแกร่งไม่แพ้ใคร..

เขาไม่ใช่ ผุ้หญิงอ่อนแอบอบบางให้ต้องปกป้อง เขาไม่พวกห่วยบรมที่ทำอะไรไม่เป็น...และที่สำคัญ เขาไม่ใช่โสเภณีที่ยอมทอดกายให้ใครก็ได้เพื่อความอยู่รอด..

นี่เขากำลังพยายามจะรักษาตัวตนของตนเองไว้...เขาพยายามจะทำให้ทุกคนรู้ว่า คาวัลโล วาลกัส ไม่ได้มีหน้าที่ หรือบทบาทอะไรแบบที่พวกมันหยามหยัน..

....แต่ทำไม อัลชาอ์ถึงไม่เข้าใจ...

   เขาไม่ชอบถูกทะนุถนอม ไม่ชอบถูกหวงแหน ไม่ชอบจะถูก"ห่วง"เสียจนทำอะไรไม่เป็น นั่นไม่ใช่ตัวเขา เขาไม่ใช่ไม้เลื้อยที่มีชีวิตอยุ่ได้ด้วยการเกาะเกี่ยวกิ่งไม้ใหญ่ เขาคือไม้ที่กำลังยืนต้นเติบโตด้วยตนเอง..

...ไม่จำเป็นจะต้องทำหลักให้เกาะยึด ไม่จำเป็นจะต้องมาสร้างเพิงบังแดดบังฝน..

     ถ้าแค่ยอมรับและเชื่อมั่นในตัวตนของเขายังทำไม่ได้...แล้วจะเข้าใจกันได้ยังไง..

   ถ้าหากต้อการเขาที่เป็นชายหนุ่มแสนดีเชื่อฟังแสนสุภาพแล้วล่ะก็...สิ่งที่อัลชาอ์มองเห็นและหลงไหล มันเป็นแค่เปลือกสวยๆงามๆที่เขาสร้างขึ้นเพื่อหลอกล่อคนอื่นเท่านั้น ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงเลย..

แกร๊ก...

     " เคาะประตูบ้างจะตายไหม? "คาวัลโลโพล่งออกไปโดยไม่หันไปมอง มาเฟียหนุ่มวางกระจกลงบนโต๊ะ หน้านิ่ว..

      " อ่ะ....ขอโทษครับ..."น้ำเสียงกวนประสาทและกวนใจแบบนี้คือรามิลไม่ผิดแน่ คาวัลโลหันไปมองหน้าวิศวะกรหนุ่มเขาเลิกคิ้ว สีหน้างวยงง

      "... ห้องนี้นี่เข้านอกออกในกันง่ายเหลือเกินนะ " มาเฟียหนุ่มบ่น "ห้องนอนของผู้นำประเทศแท้ๆ เห็นมีแต่คนนั้นคนนี้วุ่นวายเยอะแยะ.."

      " ก็มีแค่ผมกับราเซย์ และฮาซานกับคนที่ได้รับคำสั่งเท่านั้นเองจะเข้ามาได้..ไม่มีใครกล้าพรวดพราดเข้ามาหรอกน่า " รามิลเอ่ยพลางทรุดตัวลงตรงข้ามร่างของมาเฟียหนุ่มชาวต่างชาติเบื้องหน้า " ผมจะมาบอกว่าให้เตรียมตัวไว้ อีกยี่สิบนาทีเราจะออกเดินทางกันแล้ว "

        " อ้อ....."เขารับคำ ก่อนจะหรี่ตามองหน้าชายหนุ่มเบื้องหน้า "ที่ว่า"เรา"นี่หมายถึงคุณก็ด้วยงั้นสิ "

        "ใช่...แต่ผมไปแค่สองสามวันแล้วกลับนะ พอดีทางรัฐจ้างสถาปนิกมาออกแบบอาคารหอสมุดแห่งชาติ ผมจะไปคุยเรื่องการก่อสร้างอะไรนิดหน่อย.." รามิลรับคำหน้าระรื่น ก่อนจะมองเลยไปยังฝ่ามือของชายตรงหน้า "แล้วคุณเป็นไงบ้าง แผลโอเคไหม? "

         " อืม...แค่นี้เอง ไม่มีอะไรมากมายหรอก.." คาวัลโลยักไหล่ สีหน้าไม่หยี่ระ

         " เห?...แต่ก็ท่าจะเจ็บน่าดูนี่ แผลตรงนั้น..." นัยน์ตาของคนมองทอดเลยมายัง"ตรงนั้น"ทำให้หัวคิ้วขมวดเข้าหากันฉับ

         " ถ้าจะมาหาเรื่อง ...ไสหัวออกไปไกลๆ " เขาไม่คิดจะคุยเรื่องงี่เง่าในตอนนี้..โดยเฉพาะกับคนที่ไม่มีวันเข้าข้างตัวเองแน่ๆอยู่แล้วอย่างเจ้านี่..

         "  ...ผมแค่ถาม ไม่ได้จะมาโวยวายอะไร...ก็มันเรื่องส่วนตัวนี่.." รามิลยักไหล่ พลางส่ายหัว

          "..........." คาวัลโลหรี่ตาลง ไม่พูดอะไร ขณะที่สมองกำลังประมวลผลออกมาอย่างรวดเร็วว่ามันไม่มีทางเป็นเรื่องส่วนตัวในสายตาคนอื่นแหงเเซะ

          "..แล้วเจ็บมากไหม...มันแดงเห่อจนน่ากลัวเลย " รามิลมองด้วยสีหน้าแสยงอยู่ไม่น้อย คาวัลโลฟังแล้วพ่นลมหายใจแรง...นี่ขนาดเรื่องส่วนตัวนะ เหอะ

          " ...เคยเจ็บกว่านี้เยอะ ...ที่มันเห็นชัดเพราะสีผิวต่างหาก.." คาวัลโลตอบสั้นๆ...เพราะฤทธิ์ของรอยตบมีแค่ความเจ็บชาแล้วจางไป ..แต่ความโกรธและไม่พอใจยังคงอยู่อย่างชัดเจน..

          "...ผมก็ไม่คิดจะพูดอะไรซ้ำๆซากๆหรอกนะ..แค่อยากจะบอกว่าคนนอกอย่างผมขำแทบแย่...ที่พวกคุณทะเลาะกันเพราะต่างฝ่ายต่างก็หัวดื้อซะขนาดนั้น..." ใช่ คาวัลโลไม่อยากจะฟังอะไรประเภทเพราะห่วงคุณ หรือเพราะอยากปกป้องคุณ..นอกจากรำคาญแล้วเขายังไม่ต้องการมันสุดๆ..

           "...กรณีนี้ผมบอกได้ว่าพอๆกัน...คุณมันประเภทะไม่ยอมใครอยู่แล้ว...ส่วนอัลชาอ์ก็เป็นพวกขี้ห่วงจนเกินกว่าเหตุ..ถึงจะมีสาเหตุว่ามันเป็นเพราะสภาพแย่ๆของคุณที่เขาไม่อยากเห็นอีกก็เถอะ..."คำพูดนั้นทำให้คาวัลโลขมวดคิ้ว...หากเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำแล่นขึ้นมา...กับประโยคหนึ่งในยามที่เขาเคยเสียท่าถูกจับได้....."ผมจะไม่ปล่อยให้คุณคลาดสายตาอีกแล้ว" ....คำพูดนั้นยังแจ่มชัด...

           "...โตๆกันแล้วก็คุยกันเอง..." รามิลหัวเราะขำในลำคอ จ้องมองสีหน้ามาเฟียหนุ่มตรงหน้าด้วยรอยยิ้มขัน " เอาล่ะ...ผมมาแจ้งข่าวแล้วก็ขอตัว อยู่กับคุณมากๆจะได้ซวยทุกทีไป "

           "........." คาวัลโลส่งนิ้วกลางไปให้คนพูดที่หัวเราะขัน มาเฟียหนุ่มบ่นงึมงัมในลำคอ มองตามแผ่นหลังของรามิลด้วยดวงตาหรี่เล็กลงอย่างครุ่นคิด..

....คนรั้นกับคนที่ขี้ห่วงเกินไป...งั้นหรือ?

จะดีกว่าไหมนะ ถ้าจะลองลดนิสัยแย่ๆส่วนนั้นแล้วหันมาใส่ใจคนอื่นเสียบ้าง..

คาวัลโลถอนหายใจแผ่วเบา มาเฟียหนุ่มจ้องมองแสงสีทองของดวงอาทิตย์ยามเย็นที่พาดผ่านตัวอาคารอย่างครุ่นคิด เขาได้ยินเสียงประตูเปิดเข้ามาเงียบๆและฝีเท้ามั่นคงก้าวสวบสาบอยู่เบื้องหลัง ความนิ่งสงบแบบนี้ไม่ต้องเดาให้ยากก็รู้ว่าเป็นใคร..นัยน์ตาสีน้ำทะเลหันกลับไปจ้องมองร่างของชีคแห่งเซเนียยาที่เดินมายืนข้างหลังเขาเงียบๆ..แล้วค่อยเลิกคิ้วขึ้นอย่างเนิบช้า...

    นัยน์ตาคู่นั้นสะท้อนสิ่งใดออกมาเขาไม่แน่ใจ...และเพราะไม่เข้าใจถึงได้เริ่มฉุนกึก ชายหนุ่มพ่นลมหายใจพรู....

     " จะมาตบหน้าผมอีกข้างรึไง...ถึงศาสนาของผมจะมีหลักว่า"ถ้าเขาตบแก้มซ้ายของเจ้าก็จงยื่นแก้มขวาให้เขาตบ"ด้วย...แต่ผมไม่คิดจะยอมหรอกนะ..."

       " อย่าหาเรื่อง...." น้ำเสียงที่ตอบกลับมามีแววขุ่นเคืองพอตัว แต่ร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่ได้ขยับออกห่างไปไหน คาวัลโลขมวดคิ้ว อยากจะถามกลับนัก ว่าที่ทำนี่มันไม่ใช่การยั่วโมโหเขารึไง

       "....แล้วมีอะไร? " เสหลบตาไปมองขอบหน้าต่างสีทองวาววับสะท้อนสงอาทิตย์...ยอมรับว่าตอนนี้เขายังเคืองอยู่ ถ้าไม่อยากให้โวยวายโมโห มีทางเดียวเท่านั้นคือไม่มองหน้าเสีย

       "...กลับทัสคานีได้แล้ว " อัลชาอ์เอ่ยสั้นๆ พลางออกแรงดึงข้อมือของชายหนุ่มตรงหน้าให้ก้าวตามหลัง คาวัลโลขมวดคิ้วมุ่น อ้าปากค้างอยากจะโวยวายให้ลั่นสมกับการชากลากถูที่มากไปทุกที แต่เพราะสีหน้าเฉยเสียจนน่าแปลกนั่น ทำให้เขาต้องหุบปากเงียบแล้วยอมจ้ำตามแผ่นหลังนั้นไปอย่างไร้ปากเสียง...

....ยามที่มองแผ่นหลังสะท้อนแสงอาทิตย์ เสี้ยวหนึ่งเขาเริ่มคิด...ว่าหากคาวัลโล วาลกัส ไม่ใช่บอสมาเฟียแล้ว จะรักผู้ชายคนนี้ได้ไหม?

         .............................

    สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...

   คาวัลโลย้อนนึกไปถึงความคิดของตัวเองเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้  สถานการณ์ปัจจุบันนอกจากจะไม่ชวนให้เขาคิดจะลองปรับลดนิสัยรั้นๆแล้วยังทำให้ความหัวดื้อของเขาพุ่งทะลุปรอดไปได้ง่ายๆ...

     นัยน์ตาสีน้ำทะเลตวัดมองร่างสูงข้างกาย ผ่านบทสนทนาไร้สาระของสองพี่น้องตระกูลเซฮามัคที่ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น สีหน้านิ่งเฉยและท่าทีเงียบขรึมนั้นทำให้คาวัลโลพ่นลมหายใจออกจากจมูกอีกรอบ......พอเคืองทีไรก็เป็นแบบนี้ทุกที..

      หลังจากเดินเข้ามาลากแขนเขามานั่งในรถ อัลชาอ์ก็ไม่เปิดปากพูดอะไรกับเขาอีกเลย และดูเหมือนเจ้าตัวจะอยุ่ในอารมณ์ที่ไม่ต้องการจะพูดอะไรออกมาโดยสิ้นเชิง กระทั่งราเซย์อ้าปากคุยด้วยก็ยังแทบไม่หือไม่อือ..

      นึกว่าจะได้คุยอะไรกันเป็นเรื่องเป็นราว...แต่เปล่าหรอก ไม่มีอะไรเป็นเรื่องเป็นราว ไม่มีอะไร"เคลียร์"ทั้งนั้น...อาจจะเพราะถ้าคุยกับที่จารเซ เกิดเรื่องวิวาทใหญ่โตแล้วจะทำให้อะไรแย่ลงไปในสายตาคนภายนอกอีก...แน่นอนว่าตอนนี้อัลชาอ์ก็เคือง คาวัลโลก็เคือง และไม่มีใครเป็นฝ่ายอ้าปากพูด...เพราะแน่นอน..เขาคิดว่าตัวเองไม่ผิด...ไม่จำเป็นต้องพูด ไม่จำเป็นต้องขอโทษ

    เขาไม่จำเป็นจะต้องปรับตัวเข้าหาใคร ทุกคนมีหน้าที่ต้องปรับตัวเข้าหาเขา...นั่นเป็นสิ่งที่คาวัลโลคิดมาตลอด เพราะฉะนั้น...นี่ก็ต้องเป็นแบบนั้นอีกครั้ง

  ถ้าไม่ทำก็ใช้ชีวิตอยู่กับความเงียบและเป็นละครใบ้อยู่อย่างนี้จนกว่าจะจบเรื่องเถอะ...

       นาฬิกาดิจิตอลที่หน้าคอนโซลรถบอกเวลาสองทุ่มสี่สิบ...เป็นเวลากว่าสี่ชั่วโมงแล้วที่ออกมาจากจารเซ ตอนนี้คาราวานเดินทางออกมาจากถนนทางหลวงเส้นหลักสู่เส้นทางเดินรถในทะเลทรายกว้าง โอเอซิสขนาดเล็กที่มองเห็นต้นไม้ขึ้นเป็นเงาตะคุ่มอยู่ไม่ไกล และรถทหารหลายคันที่นำจอดไปก่อนแล้วทำให้รู้ว่าเวลาพักผ่อนกำลังมาถึง คาวัลโลมองกระจกข้างกายที่สะท้อนภาพท้องทะเลทรายมืดมิดและดวงดาวเปล่งประกายระยับ....หัวคิ้วกดลึก....ไพล่คิดไปถึงตอนขามา...ที่มีบรรยากาศแตกต่างกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิง..

      จำได้ว่า...มีใครบางคนบอกไว้...ว่าขากลับอาจจะได้นั่งดูดาว

    .....ชายหนุ่มเพ่งมองท้องฟ้ากว้างที่มีดวงดาวพราวพร่างด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขาได้กลิ่นกาแฟและมองเห็นแผนที่ขนาดใหญ่บนตักของรามิล...ขณะที่ตัวเขาและชีคอัลชาอ์ที่นั่งอยู่อีกฝั่งต่างก็พากันนิ่งเงียบ ไม่มีอะไรสักอย่าง..

  ...คาวัลโลเบือนหน้าหนีจากภาพแผนที่บนตักของรามิล เซย์ฮามัค นัยน์ตาสีน้ำทะเลตวัดมองท้องฟ้าสีดำประดับดาวนอกกระจกรถอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วเข้าหากันและพยายามสนใจขมับที่ปวดหนึบของตนเอง มากกว่าอาการวาบลึกในอก...ที่เสียดแทงขึ้นมาภายในใจอย่างเงียบงัน...

         " คุณจะพักที่ไหน? "คำถามจากราเซย์ทำให้คนฟังเลิกคิ้ว คาวัลโลมองหน้าคนถามเป็นเชิงสงสัยไม่น้อย ฝ่าเท้าในรองเท้าบู๊ทสีดำเหยียบลงบนผืนทรายที่ยังทิ้งรอยอุ่น แม้อากาศรอบด้านจะเริ่มหนาวยะเยือก มีสายลมหวีดหวิวพัดเอาฝุ่นผงปลิวกระจายรอบกาย

         "....ที่ไหนก็ได้ " คาวัลโลตอบสั้นๆ แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาไม่มีสิทธิ์เลือก แต่ก็เข้าใจดีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงถาม เพราะดูจากสภาพการณ์แล้ว สองพี่น้องเซย์ฮามัคคงคาดว่าอัลชาอ์ที่นิ่งเงียบอารมณ์ขุ่นจะเคืองจัดจนไม่อยากเห็นหน้าเขา...หรือไม่ พวกมันสองคน คงกลัวว่าถ้านอนที่เดียวกัน เขาสองคนอาจจะฆ่ากันตาย

        " ที่เดิม " เสียงของท่านชีคแห่งเซเนียยาดังขึ้นเรียบๆพร้อมกับพ่นลมหายใจแรง รามิลและราเซย์เลิกคิ้วสงสัย แต่ก็ไม่คิดจะค้าน ขณะที่คาวัลโลพยักหน้ารับ แล้วหันหลังเดินเตร่ไปยังโอเอซิสเล็กๆด้านหลัง..

            ไม่มีเสียงบ่นว่าระวังพวกงูหรือตัวอะไรเหมือนครั้งที่แล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปหา และมองเห็นเพียงแผ่นหลังคุ้นตาเดินก้าวยาวๆเข้าไปในกระโจมเท่านั้น...

            คาวัลโลพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ก้าวเท้าเดินแหวกพงหญ้าไปยังโขดหินเล็กๆที่เป็นต้นกำเนิดของตาน้ำที่นี่ แสงไฟที่สาดมาจากรถโฟร์วีลคันใหญ่ส่องกระทบเหล่าพรรณไม้จนเกินเงาดำวูบไหว คาวัลโลเอื้อมมือไปวักน้ำใสสะอาดจากตาน้ำเล่นอย่างใจลอย จากมุมที่เขาอยู่นี้พอเงยหน้าขึ้นก็สามารถเห็นดวงดาวนับล้านกระพริบอวดแสงบนฟากฟ้าสีดำได้อย่างชัดเจน..

          ทรุดกายนั่งลงบนพื้นหญ้า ขณะที่ใบหน้าแหงนเงยมองท้องฟ้าพร่างดาว คาวัลโล วาลกัสถอนใจออกมาอีกครั้งด้วยความรู้สึก.....เหนื่อยหน่ายชอบกล...

        " คุณไม่ควรมาอยู่ตรงนี้..." ไม่รู้ฮาซานมันเป็นผีห่าซาตานหรือตัวอะไรรึเปล่า มันถึงได้สามารถตามเขาเจอได้ทุกที่ คาวัลโลชักสีหน้าหงุดหงิดใส่องค์รักษ์ของอัลชาอ์...ซึ่งตอนนี้มันกลายเป็นผีประจำตัวเขา...

        "....เดี๋ยวแมงป่องไม่ก็งูทะเลทรายจะกัดเอานะคุณ...แค่นี้ยังมีแผลไม่พออีกหรือ? "

        " ฉันไม่โง่ซ้ำซากหรอกน่า "คาวัลโลบ่นอู้ เขาไม่ใช่ประเภทไม่รู้จักจำเสียหน่อย ที่ถูกกัดไปก็เพราะรีบร้อนบวกกับไม่เห็นต่างหาก ไม่อยางนั้นอย่าหวังว่าตัวอะไรจะมาทำอันตรายเขาเอาได้

        "...แล้วนี่ไปทำอะไรมา? "  เลิกคิ้วถามเจ้าองค์รักษ์ที่หายหน้าไปนับแต่กลับมาถึงจารเซ ฮาซานมองหน้าเขา ก่อนเจ้าตัวจะส่ายหน้า

        " ผมบอกแล้วไง...ว่าการกระทำของคุณทำให้ใครหลายคนลำบากใจ...และ เดือดร้อน "

        "ทำไมไม่บอกไปว่าฉันบังคับแก...ฮาซาน...." นัยน์ตาคนฟังหรี่ลงช้าๆ สีหน้าขึงตึงไม่พอใจ...

        "...ผมไม่ชอบโบ้ยความผิดไปให้คนอื่น...และอีกอย่าง ผมก็ไม่ได้เสียใจกับการกระทำของตัวเอง " ฮาซานตอบเสียงเรียบ นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองสีหน้าของหนุ่มต่างชาติที่บ่งชัดถึงความไม่พอใจอย่างเคร่งขรึม "และคนที่คุณควรจะขอโทษ ไม่ใช่ผม "

      " นี่......."

      " ...... "

       " จะเอาเรื่องตัวเองมาเป็นข้ออ้างรึไง...หา? "คาวัลโลยกมือขึ้นเสียผม สีหน้าหน่ายเหนื่อย..

       " ......" ฮาซานไม่ตอบ องค์รักษ์ร่างใหญ่จ้องมองใบหน้าขาวจัดนั้น สบตาสีนิลเงียบๆ ก่อนจะผินกายหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว..

....ทำไมถึงมีแต่คนว่าเขาเป็นคนผิดกันนะ ! คาวัลโลมองตามแผ่นหลังของฮาซานด้วยสีหน้าไม่พอใจ
............

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 11-03-2011 01:40:07
      ก้าวเท้าเข้าไปในกระโจมที่แสนคุ้นตา กวาดตามองเห็นม้านอนตัวเดิมที่เขามักจะใช้นั่งๆนอนๆกางอยู่บนนั้น ขณะที่อัลชาอ์นั่งเปิดอ่านเอกสารด้วยตะเกียงแสงสีนวลที่แขวนไว้ลวกๆ  มองเห็นเงาของผิวหน้าตกกระทบบนโต๊ะสะท้อนภาพใบหน้าคมเข้มภายใต้แสงตะเกียงที่ดูเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ...

        คาวัลโลนั่งลงบนม้านอนตัวโปรดนั่งกระดิกเท้าได้ครู่เดียวทหารก็เดินเอากล่องยามาให้....ทำให้เขานึกได้ว่ายังไม่ได้เปลี่ยนผ้าพันแผล

    แกะเอาผ้าก๊อซสีขาวออกจากฝ่ามือ อย่างชำนาญ คาวัลโลจ้องมองฝ่ามือตัวเองผ่านแสงตะเกียงสีนวลมองเห็นรอยบวมแดงของแผลจากตะปูบนฝ่ามือ ลองขยับมือดูก็พบว่ามันตึงแน่นขึ้นกว่ายามเช้าที่เขาปรี่ไปร่วมสหบาทาราฟาเอลโร่กับฟิลิเป้มาก และบวมช้ำขึ้นกว่าเดิมด้วยอาจจะเป็นเพราะยังไม่หายดีเขาก็ไปทำอะไรที่มันกระเทือนแผล ยังโชคดีที่ไม่อักเสบไปมากกว่านี้...

      ไม่แน่ใจว่าแผลแบบนี้จะใช้ระยะเวลานานแค่ไหนกว่าจะหาย ผ่านมาสามวันแล้วมันก็ยังบวมอยู่ไม่น้อย..บางทีอาจจะต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์เลยล่ะมั้ง...

          วางกล่องปฐมพยาบาลลงกับพื้นเมื่อทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย อยากรู้ว่ามันกี่โมงแล้วแต่ก็ไม่ได้ออกปากถามออกไป คาวัลโลสอดแขนตัวเองเข้าไปหนุนศรีษะ..เขาหลับตาลงช้าๆครุ่นคิดถึงสารพัดสารพันคำพูดของผู้คนที่ผ่านหู...และ...นั่งคิดถึงเหตุผลของคนที่เขาบอกว่ารับไม่ได้...อย่างจริงจังอีกครั้ง...

      ...ทำไมต้องห่วงเกินไป...

คำตอบนั้นเขาก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว...เพราะรัก....เพราะว่ารักถึงได้...ห่วง

..ไม่ใช่ว่าเขายอมรับความรักของอัลชาอ์ไม่ได้ ถึงได้ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายห่วงใยตนเอง เพียงแต่ว่า ความห่วงใยของอัลชาอ์นั้น ควรจะอยู่ในระดับ"พอรับได้เสียบ้าง"

สลับกัน หากเป็นตัวเองที่ถูกทำแบบนี้บ้างล่ะ จะดีใจหรือ?

...ไม่เข้าใจ...เพราะต่างคนต่างไม่เข้าใจกัน ดังนั้นจึงมีแต่เรื่องที่ทำให้ขัดเคือง โกรธกันอยู่แบบนี้

ระหว่างพวกเขาไม่ได้เป็นแค่ คาวัลโลและอัลชาอ์  ความแตกต่างที่ว่า ไม่ได้เป็นเพียงเพราะคนสองคนเท่านั้น

 เส้นทางและระยะห่างของชีคและมาเฟีย...มันมีมากแค่ไหน เขาก็เพิ่งรู้วันนี้เอง...

       "....ลงโทษฮาซานทำไม? "เสียงขยับกระดาษเงียบลงไปนานแล้ว ทำให้คาวัลโลอ้าปากถามในที่สุด

       "........"

      " ให้ตอบ ไม่ได้ให้เงียบ..." ความเงียบมันน่าโมโหเสียยิ่งกว่าอะไร " ฮาซานมันถูกผมบังคับ...กระทั่งชีคอาเหม็ดที่ปล่อยให้ผมไป นั่นก็เพราะถูกขอร้องไม่ใช่เพราะอยากจะให้ไปเสียหน่อย"

      "....คำสั่งก็คือคำสั่ง " อ้อ...เคร่งกฏเสียยิ่งกว่ามาเฟียแบบเขาอีก แต่ทำไมกฏที่ตัวเองสมควรจะจำใส่กะลาหัว อย่างห้ามรักผู้ชายนี่ ไม่จำมันไว้เสียบ้างล่ะ

      "...ถ้าคนพวกนั้นไม่ขัดคำสั่ง คุณก็ได้ไปนอนในโลงแล้ว...กฏเกณท์ศักดิ์ศรีบ้าบออะไร พล่ามมาได้..."คาวัลโลแสยะยิ้ม ก่อนจะหันไปเผชิญหน้าชายที่นั่งอ่านเอกสารอยู่เบื้องหน้า...เพราะเขารู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะคุยกันให้จบๆไปเสียที

...คาวัลโลเกลียดความเงียบ เกลียดการเลี่ยงบทสนานาด้วยการเพิกเฉย...แต่ที่เขาเกลียดยิ่งกว่า คือการต้องมานั่งอึมครึมโดยมีอะไรขัดข้องให้ให้โมโหอยู่แบบนี้...

       "....คุณห่วงทุกคน...ยกเว้นตัวเอง...." คำพูดนั้นทำให้คาวัลโลเลิกคิ้วคล้ายฉงน จำไม่ได้ว่าตัวเองไป"ห่วง"ใครเสียจนออกนอกหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาจำได้ก็แต่ว่าทำอะไรคนอื่นไว้..และเขาก็ต้องรับผิดชอบการกระทำที่ตัวเองเป็นผู้ก่อ

       "....ผมห่วงตัวเองมากกว่าที่คุณคิด....หวงแหนชีวิตตัวเองและคิดสารพัดสารพันวิธีแล้วที่จะเอาชีวิตรอด...ถ้าคุณจำไม่ได้ "คาวัลโลจ้องมองนัยน์ตาสีเข้มผ่านแสงนวลของตะเกียงที่แกว่งไกวเพียงแผ่วเบา "...ไม่จำเป็นเลยที่จะให้ใครมาห่วงว่าผมจะเป็นอะไร...ไม่จำเป็นเลย...โดยเฉพาะในกรณีที่ผมใช้สมองของตัวเองเลือกแล้วว่าจะทำอย่างไร "

       " คุณไม่ต้องมาพูดว่าเพราะตัวเองคิดแบบนั้นแบบนี้ ....อย่างที่ผมบอกกับฮาซานและที่คุณได้ยินตอนเช้า...ผมมีสมอง มีศักดิ์ศรีของผม...ผมไม่จำเป็นต้องทน และไม่จำเป็นต้องให้ใครมาแก้แค้นแทน อัลชาอ์...ถ้าแค่เรื่องเล็กๆแบบนี้คุณยังคิดไม่ได้ ก็เลิกมายุ่งย่ามวุ่นวายกับชีวิตผมเสียทีเถอะ..."

       "................." นั่นอาจจะเป็นคำด่าว่าหรือตัดรอนที่รุนแรง แต่คาวัลโลก็แสร้งไม่เห็นนัยน์ตาที่ฉายแววเจ็บปวดขึ้นมาคู่นั้น...รู้ว่าร้าย แต่บางครั้งก็จำต้องเด็ดขาดเสียบ้างเพราะนี่คือทางของเขา คือศักดิ์ศรีและชีวิตของเขา...ทุกอย่างเป็นของเขาและเขาจะตัดสินใจทำทุกอย่างเอง ไม่จำเป็นต้องให้ใครมายุ่ง ไม่จำเป็นจะต้องให้ใครมาปกป้อง...

ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาคอยพยุง เพราะเขามี"ขา"ที่จะเดินเอง...

       "......ผมไม่คิดจะสนใจว่าคุณตบหน้าผมด้วยความรู้สึกแบบไหน เพราะนั่นมันเป็นเรื่องของคุณ...แต่ผมจะบอกว่าที่ผมตามไป...นอกจากเพราะศักดิ์ศรีของตัวเองแล้วก็เพราะผมเป็นห่วงคุณ....เป็นห่วงคุณอย่างที่ผมเคยบอก..." คาวัลโลหัวเราะหึ รอยยิ้มที่เผยออกมาทางมุมปากบิดเบี้ยวด้วยความขมปราที่แล่นวาบขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ " ......แต่ถ้าผลของมันกลายเป็นแบบนี้ ก็ต่างคนต่างอยุ้เสียเถอะ...ผมไม่คิดจะยอมให้คุณหยามไปมากกว่านี้หรอกนะ "

       "...แล้วทำไมไม่คิดบ้าง ว่าผมก็คิดเหมือนกับคุณ...." อัลชาอ์จ้องมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่สั่นไหว...มองเห็นรอยยิ้มเยาะหยันตรงมุมปากบางเด่นชัด..
.
       " คำว่าห่วงของเรามันไม่เหมือนกัน...อัลชาอ์....ผมมานั่งคิด ถึงรู้ว่ามันเป็นเพราะคุณกับผมต่างกันเกินไป...คุณไม่เข้าใจผม ผมไม่เข้าใจคุณ.....คุณไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงไม่ต้องการให้คุณห่วงใยผมจนเกินไป ขณะที่ผมก็ไม่เข้าใจ ว่าคุณจะห่วงอะไรผมนักหนา..."คาวัลโลเสยผมด้วยท่าทีหงุดหงิด แม้จะดีใจว่านี่คือการทะเลากันด้วยเหตุผล ทุ่มเถียงกันด้วยสาเหตุของตัวเองแทนที่จะวิวาทโวยวายกันเหมือนครั้งก่อน...ดีแล้ว จะได้รู้ถึงลิมิตของตัวเอง จะได้รู้เสียทีว่าใครจะต้องการแบบไหน

...รู้ และตัดสินใจกันให้เด็ดขาดไปเลย ว่าจะเลือกทำอะไร แบบไหน..

    "อย่างที่ผมบอก ผมเป็นผู้ชาย ผมเป็นมาเฟีย ผมเป็น"คน"ที่มีทุกอย่างครบถ้วน ไม่มีความจำเป็นจะต้องหลบอยู่ในเกราะกำบัง ตามที่คุณบอก...คุณอย่ามาถนอมผมเหมือนผมไม่มีปัญญาใช้ชีวิตได้เองเลย มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า "

      "...ผมแค่ไม่อยากให้คุณเป็นอะไรไป...คาวัลโล วาลกัส "ชีคแห่งเซเนียยาเปรยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับอ่อนแรงนักหนา " เหตุผลของผมมีเพียงเท่านั้น ผมห่วงคุณ ผมดูแลคุณ เพราะผมไม่ต้องการให้คุณต้องมาเจ็บ..ผมบอกแล้วว่าผมจะปกป้องคุณ...แต่คุณไม่เคยเห็นค่าของมัน....คุณคิดแต่ว่าการปกป้องของผมทำให้คุณเสียเกียรติ...แต่เหตุผลมันอาจจะเป็นอย่างที่คุณพูด....ไม่มีใครผิด เพียงแค่เราต่างกันเกินไป..."

       ".........ก็คงเป็นอย่างนั้น..." คาวัลโลกระซิบบอกเสียงเบา...ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายพูดพล่าม แต่พอได้ยินจากปากอีกฝ่าย ทำไม...เขาถึงได้เจ็บ กับคำพูดที่ว่าต่างกันเกินไปนั่น...

... นี่อาจจะเป็นความรู้สึกที่อัลชาอ์ต้องเจอเมื่อได้ยินมันมาจากปากของเขา.. ใช่ไหม?

       "....แล้วจะให้ผมทำยังไง...ต้องทำแบบไหนถึงจะได้อย่างใจคุณ? ห้ามผมห่วง ห้ามผมรักงั้นหรือ คิดว่ามันง่ายขนาดนั้นรึไง!   " นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นวาววับขึ้นราวกับทนไม่ไหว...อัลชาอ์กัดฟันกรอด จ้องมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลอย่างร้าวไหว...ก่อนจะหัวเราะฝืดเฝื่อน ถามไป ทั้งที่รู้คำตอบของมันดีอยู่แล้ว...

       ...ทำแบบไหน ถึงจะได้อย่างที่ใจต้องการ...

พยายามทุกทางแล้ว ทั้งรัก ทั้งห่วง แสดงออกทุกอย่าง เพียงเพื่ออยากให้อีกฝ่ายรับรู้ รู้สึกถึง"รัก"ในใจตนเสียบ้าง..

แต่นอกจากคนๆนี้จะไม่รับรู้...ไม่รู้สึกถึงมันแล้ว ยังตั้งท่าปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตาย...

...หากเป็นอย่างที่คาวัลโลพูด ว่าต่างคนต่างมีศักดิ์ศรีของตัวเอง...ศักดิ์ศรีที่มีมาตลอดในฐานะชีคแห่งเซเนียยา ฐานะผู้นำประเทศ และศักดิ์ศรีในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง กำลังพังทลาย

มันค่อยๆหมดลงไปทีละเล็กละน้อย เพราะเขายอมทุกอย่าง...ยอมทุ่มเทและทำทุกทางเพียงเพื่อจะขอความรักจากชายหนุ่มตรงหน้า..

จะมีความรักที่ไหนที่ไร้ศักดิ์ศรีและน่าสังเวชเท่านี้ไหม...อัลชาอ์อยากรู้นัก

ทำทุกอย่าง ทุกทาง จนน่าสังเวช  น่าสมเพช ราวกับว่าเขาไม่มีหนทางไป

ทุ่มเททุกสิ่งจนตัวตนแทบหล่นหาย แต่สิ่งที่ได้มา ก็ยังเป็นความว่างเปล่าอย่างนั้นหรือ?

...ถ้าเลิกง่ายขนาดนั้น...โลกนี้จะมีคนที่ยังคงจ่อจมอยุ่ในความผิดหวัง...ทรมารอยู่กับความรักที่ไม่มีทางเป็นไปได้หรือ?

     "....เลิกรักผมเสียที "

         คำตอบไม่ผิดจากที่คิด...

....สบมองนัยน์ตาที่ยังคงไร้ซึ่งความรู้สึก มองใบหน้าที่ยังคงเฉยชา....คำว่า"ผมเป็นห่วงคุณ"ของชายหนุ่มตรงหน้า ที่คอยหล่อเลี้ยงหัวใจที่แห้งผาก ก็หายวับไปราวกับเศษผง...

อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าที่ตนเองหลงรัก...หลงไหล...

เขาเฝ้าถามตัวเองอย่างไร้หนทางว่าทำไม...ทำไมถึงได้รัก ทำไมถึงได้หลงไหลเสียจนยอมทำทุกอย่างราวกับคนไร้ศักดิ์ศรี ไร้หนทางไป..

...รักที่ท่มเทลงไปหมดหัวใจก็ยังไม่ได้อะไรตอบแทน...อัลชาอ์หรุบตาลงช้าๆ...ชีคหนุ่มก้าวเข้าไปหาร่างของคาวัลโล วาลกัส จ้องมองใบหน้าเปี่ยมสเน่ห์น่าหลงไหลของอีกฝ่าย มองดวงตาที่สะท้อนภาพของตน หากยังไร้ความรู้สึกใด มองสีหน้าที่ยังชาเฉยจนน่าใจหาย และมองดูรอยแผลที่เขาทิ้งไว้บนใบหน้าของฝ่ายนั้น

เขาทาบฝ่ามือลงบนผิวแก้มขาวที่เป็นรอยแดงของชายหนุ่มตรงหน้า...ยังระลึกได้ถึงความรู้สึกที่ประเดประดังมายามที่ลงมือทำร้าย"หัวใจ"ของตัวเองชัดเจน

...ทั้งโกรธ ทั้งห่วง ทั้งไม่เข้าใจ...ไม่รู้ว่าทำไมคาวัลโล วาลกัส ถึงไม่คิดจะฟังคำพูดของเขา ไม่คิกจะสนใจความห่วงใย และทุกสิ่งที่ตนมีให้บาง..

หากแต่ตอนนี้ความสงสัยทุกอย่างกระจ่าง...ย้ำชัด

ความจริงที่ตนเฝ้าปฏิเสธ และยายามจะสร้างความหวังมาบดบังมันครั้งแล้วครั้งเล่า..

      ชีคหนุ่มกดริมฝีปากของตนทาบลงบนเรียวปากอีกฝ่ายเพียงแผ่วเบา...หากย้ำชัด...

ร่างสูงผุดรอยยิ้มขื่น....อัลชาอ์ผินกายลุกขึ้นและเดินออกจากกระโจม ปลายนิ้วแตะเรียวปากตนเอง ยังรู้สึกถึงรอยจูบอุ่นร้อน ทว่าชืดชาของตน

....จูบที่ขมปราและเย็นชืด...ราวกับ...เป็นคำบอกลา...


      "...จะให้ผมเลิกรัก...แล้วให้ความหวังผมทำไม? "คำถามที่ออกมาจากปากของชายหนุ่มตรงหน้า...กับรอยจูบแผ่วเบา...หากเจ็บแปลบ เพราะปลายฟันที่ขบเข้ากับริมฝีปากของเขาจนเลือดซิบ...ทำให้เจ็บ แต่ไม่เจ็บเท่ากับแววตารวดร้าวของชีคหนุ่มเบื้องหน้า...

    คาวัลโลทำได้เพียงแต่นิ่ง เขาปล่อยให้สีแดงสดของเลือดไหลเปื้อนริมฝีปากแดงก่ำของตัวเอง...เสี้ยวหนึ่งเขาก็คิด ว่ามัน"สาสม"ดีแล้ว

....เพราะคำว่าห่วงของเขาให้ความหวังกับอัลชาอ์...ทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บกับคำพูดของตนซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

ทั้งที่สุดท้ายคำตอบมันก็เป็นแบบนี้...

นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองตามแผ่นหลังที่จากไป เขาหรุบตาลงช้าๆ...จ้องมองฝ่ามือตนเองแล้วนิ่งเงียบ...

จากเรื่องความไม่เข้าใจ สุดท้ายก็วกกลับมาเรื่องนี้..

คาวัลโลเคยเยาะหยัน พวกที่ว่ารักคือทุกสิ่งอย่างเช่นพี่ชายของเขา...หากตอนนี้ เขากลับต้องนิ่งคิด..

การกระทำของอัลชาอ์....สาเหตุความโกรธแค้นของราฟาเอลโร่ ...หรือกระทั่งการตามตัวเขาราวกับคนบ้าของฟิลิเป้ ทุกอย่างนั้นก็มาจากสาเหตุเดียวกัน..

ความรัก...คือคำตอบของการกระทำทุกอย่าง จริงหรือ?

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 11-03-2011 02:03:48
    หากรักแล้วต้องทิ้งศักดิ์ศรีของตนมากองแทบเท้าอีกฝ่าย หากรักแล้วต้องยินยอมทุกสิ่งจนไม่เหลือตัวตนของตนเอง...หากรักแล้ว..ต้องทอดทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง..
...ก็ไม่ต้องการ

นั่นเป็นคำจตอบที่ชัดเจนของคาวัลโล วาลกัส ซึ่งเป็นคำตอบที่อัลชาอ์มีอยู่ในใจตนเช่นเดียวกัน..

  อัลชาอ์เดินออกมาจากกระโจมพัก นัยน์ตาสีเข้มกวาดมองทิวทัศน์รอบกาย ที่มีเพียงความมืดและแสงดาวระยับบนฟ้า กับสายลมที่พัดหวีดหวิวให้ลมหนาวบาดผิวจนเจ็บแปลบ...

รอยเลือด....กลิ่นคาวขมปร่า และความเจ็บปวดที่ทิ้งรอยสลักอยู่ในหัวใจ...ยังคงเด่นชัด..

เขาทิ้งเดิมพันทุกสิ่งไว้กับประโยคคำพูดอันน่าอดสูไร้ทางไปของตน คำพูดที่ถามว่า "....แล้วจะให้ผมทำยังไง...ทำแบบไหนถึงจะได้อย่างใจคุณ  " อันน่าสังเวชนั่น..

เขาไม่ได้ถามในฐานะชีคแห่งเซเนียยา แต่ถามในฐานะของอัลชาอ์ ถามในฐานะของผู้ชายคนหนึ่งที่รักใครบางคนอย่างหมดหัวใจ

ถาม...เพียงเพื่อจะอยากได้คำตอบที่ทำให้ได้หัวใจนั้นมาครอง...

แต่ผลตอบแทนของมัน คือคำตอบให้เลิกรัก...

 เพราะพวกเขาต่างกันเกินไป..

เพราะที่สุดแล้ว ชีคกับมาเฟียก็ไม่อาจจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้..

ระยะห่างของคนสองคนมันกว้างเกินจะหยั่งถึง...

ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจกัน...ก็ควรทิ้งคำรักนั้น...แล้วบอกลากันโดยไร้คำพูดให้ระคายใจ

....คนโง่ที่ยังคงเฝ้าหลงรักงมงาย ควรจะตัดใจ เสียที.....


...........................................

...อะแฮ่ม..จบตอนแล้วค่ะ (เขย่าคนอ่านให้ได้สติ )
     กลับมาแล้วค่ะ เพิ่งสอบเสร็จ ช่วงสอบกังวลจนนอนหลับไม่สนิททุกคืนเลยค่ะ คืนที่แล้วนี่ไปใหญ่เล่นตาค้างทั้งคืน ประมวลกฏหมายตีกันในสมองอย่างเมามันส์ ย้ำคิดย้ำทำแต่ว่าถ้ามาตรานี้มาXX มันจะXXX แล้ว @#$#&^ ไปเยอะมาก ผลคือสอบเสร็จแล้วกลับห้องนอนสลบเลยค่ะ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนห้าโมงเย็น แต่ตื่นสามทุ่มครึ่ง ! โทรศัพท์ปิดเครื่องมิสคอลมาสามสี่สิบสาย แบบว่าเปิดเครื่องมาโดนด่ากระเจิงเลย 5555
  ส่วนชื่อตอนนี้ ด้วยรักและไม่เข้าใจ 55+ คือว่ามันก็จริงนะ รักก็จริงแต่ไม่เข้าใจกัน ด้วยรักและไม่เข้าใจ มีจริง แต่ขึ้นอยุ่กับว่าจะทนไม่เข้าใจอีกฝ่ายไปได้นานแค่ไหน และในเมื่อคาวี่ทนไม่ได้ อัลชาอ์ก็ทนไม่ได้ ผลของมันก็จะกลายเป็น = ไม่ต้องรักดีกว่าว่ะ เหนื่อยแล้ว อะไรประมาณนั้น
   สำหรับตอนนี้ยืนยันว่าไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก มีแต่"คนไม่เข้าใจกัน"เท่านั้นเอง แต่เชื่อว่าหลายคนแอบหมั่นไส้คาวี่ ทำไมเอ้งมันเอาแต่ใจแถมไม่สนใจคนอื่ยนได้ขนาดนี้ฟ่ะ ไอ้ XXXX นี่ถ้าไม่ติดน่ารัก (ฮ่า) และเป็นนายเอกนะ ตูเกลียดเอ็งไปแล้วเฟ้ยยยย แถมตอนนี่ยังถึงขั้นขึ้นกูมึงเลยทีเดียว 555+ ไอ้คำหยาบของพวกฝรั่งนี่แปลออกมาเป็นไทยคงได้อารมณ์แบบนั้น ประมาณว่าอารมณ์ขึ้นสุดๆ
ส่วนอัลชาอ์ตอนนี้ก็หมดท่าแบบน่าใจหาย (เอื้อมมือไปตบไหล่อัลชาอ์ปุๆ) ตอนนี้อัลชาอ์ไม่ใช่ชีค ไม่ใช่ผู้นำประเทศ เป็นแค่ผู้ชายคนนึงที่ผิดหวังในความรัก เท่านั้นเองล่ะค่ะ...
ก่อนจากเอารูปนี้มาแปะเรียกเรทติ้งคาวี่ ...เชิญลวนลามแมวมาเฟียได้ตามสบาย 555+

(http://image.ohozaa.com/i/711/miewwww.jpg)
ปล.แบดกายกำลังปั่น อาจจะทันคืนนี้ ไม่ทันก็คืนพรุ่งนี้นะจุ๊
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 11-03-2011 02:05:13
 :z13:
ตามติดขอบจอแบบช๊อดต่อช๊อด
รีเฟรชหลายรอบในหน้าเดียว
ยิ่งกว่าระครช่องหลายสีอีกวุ้ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 11-03-2011 02:20:35
เฮ้อ!!! คนอ่านก็เข้าใจนะ แต่เมื่อไหร่เขาสองคนจะเข้าใจกันซะที
คนอ่านรอลุ้นกันจะแย่ อยากได้น้ำตาลบ้างหลังจากเสียน้ำตาไปหลายตอนแล้ว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 11-03-2011 02:26:55
อ๊ากกกกกก หมั่นไส้มันแล้วนะคาวี่อ่ะ :angry2:

อ่านแล้วเสียอารมณ์ นายเอกไม่ได้ดั่งใจ

ใจนึงก็อยากเชียร์ท่านชีค ให้เลิกรักมันซะ เมินมันเลย  :angry2:

แต่ก็ทำใจไม่ได้   :m15:

อุตสาห์คลิกเข้ามาอย่างว่อง กลายเป็นเข้ามาทำร้ายจิตใจตัวเองเล่นๆซะงั้น (อินจัดอ่ะ)

รอตอนต่อไปอยู่นะค่ะ  :monkeysad:

ปล.พี่โตเค้าก็ยังรออยู่น๊า าาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 11-03-2011 02:32:45
สงสารทั้งสองคนอ่ะ
ต่างคนก้ต่างไม่เข้าใจกัน ยิ่งคาวี่นี่ออกแนวเห็นแก่ตัวไปนิดอ่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 11-03-2011 02:34:50
ดราม่าาาา :sad4: :sad4:
ทะเลาะกันคราวนี้จะคืนดีกันยังไงล่ะเนี่ย  :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: morphinelike ที่ 11-03-2011 02:42:26
ในที่สุดคาวี่น้อยก็กลับมาแล้ว   :mc4:

สงสารอัลชาอ์จังเลย เมื่อไหรี่คาวี่จะใจอ่อนสักทีนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: ammer ที่ 11-03-2011 02:53:11
ป๊าดดโธ่ๆๆ ด้วยรักแต่ก็ไม่เข้าใจกันจริงๆนั่นแหละ
ถึงรักแทบตาย แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจกันก็จบ :z3:
ปล ยาวจริงอะไรจริง o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 11-03-2011 02:59:05
 :เฮ้อ:เป็นเพราะไม่เข้าใจกัน ก็เลยต้องถึงกับให้เลิกรักเลยหรอคะ การที่จะให้เลิกรักใครสักคนมันไม่ง่ายอย่างนั้นนะคะ :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 11-03-2011 03:04:31
 :เฮ้อ:

เข้าใจกันทีเถอะ   เเบบนี้มันทรมานทั้งสองฝ่ายนะ   :m15: :m15: :m15: :m15:



 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 11-03-2011 03:08:50
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 11-03-2011 03:15:29
อ่านแล้วกดดันหัวใจดีแท้
สงสารอัลชาอ์ แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของคาวี่
ต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจ ถึงแม้ว่าจะรักกัน แต่ถ้าความรู้สึกยังไม่ตรงกันแบบนี้
อยู่ไปก็รั้งแต่จะเสียใจไปเปล่าๆ รักไปก็มีแต่เจ็บ สู้ถอยห่างเสียจะดีกว่า

แต่แบบนี้ก็ไม่เอานะ อยากให้สองคนรักกัน หวีดหวานกัน อย่าทะเลาะกันเลยน้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 11-03-2011 03:31:05
 :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 11-03-2011 06:26:16
มาแบบยาวอ่านจุใจไปเลย :pig4:

ความไม่เข้าใจกันมันทำให้ทุกข์ใจได้เสมอ
ถ้าอยากอ่านตอนที่สองคนนี้สวีทกัน
คงต้องรอแค่ในตอนพิเศษเท่านั้นรึป่าวเนี่ย
ตอนปกติแต่ละตอนเล่นซะชีคกะมาเฟียปวดใจกันขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 11-03-2011 07:19:22


   หา...หา...หาาาาาาาาาาาาา
   ไหงผลออกมางี้ล่าาาาา แต่อย่างน้อยได้เคลียกันบ้างก็ดีก่าไม่ได้เคลียกันเลยน้าาา

   แต่รอบนี้คนแต่งอัพย่วจุใจจริง ขอบคุณนะค้าาาาาา

    o15  o15  o15


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 11-03-2011 07:51:34
นํ้าตานองหน้าค่ะ สงสารทั้งคู่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 11-03-2011 08:24:11
งง มึน ซึง ตึง เหมือนเดิม คู่นี้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 11-03-2011 08:29:01
อ่านตอนนี้แล้วพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลย ต่างเหตุผลและต่างความเข้าใจและไม่มีใครผิดไม่มีใครถูกอัลชาร์และคาวี่ต่างก้มีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้นและทั้งคู่ก้ต่างรับเหตุผลของกันและกันไม่ได้สุดท้ายความไม่เข้าใจก้เกิดขึ้น เหนื่อยใจแทนอัลชาร์มากแต่บางทีคาวี่ก้เอาแต่ใจเกินไปพูดแรงเกินไป เฮ้ออออ หนูไม่อยากกินมาม่านะพี่ปุ้ย 5555 หวานไม่เท่าไหร่เลย แต่ยังไงก้ขอบคุณค่ะ ตอนนี้ยาวมากกกกกกกกกก :))
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 11-03-2011 08:45:22
เหอ เหอ ขอบคุณค่ะ คุณปุ้ยดีใจนะคะที่มาลงตอนใหม่ ดีใจทั้งน้ำตา เเต่ว่าเรารู้ตัวก่อนอ่าน (เเอบอ่านเมนท์ชาวบ้านเขา) ตอนนี้ขอข้ามนะคะ เนื่องจากเราเป็นเรื่องความต้านทานมาม่าต่ำ เหอ เหอ เเต่จะเข้ามาเป็นระยะๆ นะคะ สู้ๆนะ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Saffron ที่ 11-03-2011 08:52:05
โอ๊ยยย สงสารคาวี่ สงสารท่านชีค
เห้อออออ



อินเลิฟเหอะ อ่านแบบนี้แล้วปวดใจ TT^TT
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 11-03-2011 10:12:22
สงสารใครดีเนี่ย ระทมกันทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 11-03-2011 11:52:42
สุดท้ายเรื่องก็วนกลับมาที่เดิม...ความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายไม่ยอมพัฒนาซักที หรือว่ามันสุดถึงทางตันแล้วถึงได้แต่หยุดอยู่กับที่ไม่ก็ต้องถอยกลับ
อ่านแล้วก็ถอนหายใจ... :เฮ้อ:
ขอให้ตอนหน้ามันเคลียร์กว่านี้...ถ้าจะยังไม่เข้าใจกันเหมือนเดิมหรือความสัมพันธ์ยังไม่คืบหน้าก็จัดการให้แตกหักไม่ต้องคลุมเคลืออยู่อย่างนี้อีกเลยนะคะ เหนื่อยใจ :m31:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 11-03-2011 11:54:30
เห็นใจทั้งสองคนจริงๆ แต่คนที่เค้าเห็นใจที่สุด เป็นท่านชีคค่ะ
อย่ายอมแพ้ๆนะท่านนนนน สู้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: love_y ที่ 11-03-2011 12:02:46
ยาวได้ใจจริงๆ  :กอด1:
งื่อออ คาวี ทำไมถึงใจแข็งแบบนี้ ทั้งๆที่ตัวเองก็เริ่มรู้ตัวว่ารักแล้วเหมือนกันอ่ะ
สงสารชีคโคดๆ :monkeysad: รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ เชื่อว่าหลังจากนี้
คาวี จะรู้ใจตัวเองมากขึ้นถ้าท่านชีค เริ่มตัดใจ คนเรายิ่งตามก็ยิ่งหนีคิดว่าคาวีก็น่าจะเป็นคนแบบนั้น
มาต่อไวๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 11-03-2011 12:44:30
แต่คราวนี้เราเข้าข้างคาวี่นะขอบอก

ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่มาจากไหนเวลาเคลียร์เรื่องเค้ายังต้องไปเคลียร์ที่บ้านเลย
นี่ตบหน้าฉาดเบ้อเร่อ ต่อหน้าคู่แค้นตัวเอ้ด้วย

ตบหน้าเชียวนะ

...สำหรับผู้ชายแล้วตบหน้านี่รู้สึกโดนหยามกว่าโดนต่อยอีกนะ
เคล็ดการอยู่คู่กันให้ยืดเค้ายังว่าไว้เลย
อยู่ข้างนอกต้องให้เกียรติกัน เดี๋ยวค่อยไปฉะกันที่บ้านอ่ะ

เข้าใจอัลจังนะที่คาวี่หนีออกมา แต่ ณ จุดนี้เป็นจุดที่รับไม่ค่อยจะได้เหมือนกันอ่ะ

หุหุ รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: pasallatel ที่ 11-03-2011 12:52:33
เฮ้อ.... ขึ้นชื่อว่าศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย โดยเฉพาะลูกผู้ชายที่ถูกสอน
ให้โตขึ้นมาเพื่อเป็นบอสมาเฟียโดยเฉพาะอย่างคาวี่แล้ว
ซิ่งที่อัลซาทำ มันก็เหมือนการดูถูก ดูหมิ่นคาวี่อย่างร้ายแรงจริงๆ
อยากจะเข้าข้างอัลซานะคะ ที่ทำไปเพราะว่ารัก เพราะว่าห่วงมากจริงๆ
แต่ก็ถามหน่อย ถ้าไม่ลองไปเปนคาวี่ที่ถูกฝึก ถูกเลี้ยงมาแบบนั้น คงไม่รู้หรอก
ว่าการถูกเหยียดหยามแบบนี้มันสุดขั้วขนาดไหน ยังคิดอยู่เลย ว่าคาวี่ ใจเยนเกินไปแล้ว
ยอมได้ยังไง ยอมให้เขาเหยียดได้ขนาดนี้เลย

............
ไม่ใช่ว่าเข้าข้างคาวี่นะคะ แต่มันเรื่องจริง คนเราโตในสิ่งแวดล้อมแบบไหน
ถูกเลี้ยงมายังไง บางสิ่งบางอย่างมันก็แตะต้องไม่ได้
ก็เพราะคาวี่มันถูกเลี้ยงมาเพื่อเป็นนายคนอย่างเดียวนะ ไม่ใช่เมียคนอื่น หรือโสเภณีอย่างที่คาวี่มันคิดนั่นแหละ ถูกแล้ว....
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 11-03-2011 13:11:18
แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจกันน๊าา ต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าเหตุผลของตัวเองดี ไม่ลดๆยอมๆกันซะมั่งเลยเมื่อไหร่จะลงเอยกัน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 11-03-2011 13:34:29
เข้าใจทั้งสองฝ่าย เพราะศักดิ์ศรีคือสิ่งที่ใช้ชีวิตด้วยความภูมิใจในตัวเอง

รักแบบอยู่ด้วยกันไม่ได้มีเยอะแยะไป คำว่าคนรักกันต้องอยู่ด้วยกันเสมอไปน่ะหรอ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 11-03-2011 13:43:24
ต่างฝ่ายต่าง "ห่วง"

ต่างฝ่ายต่าง "ไม่เข้าใจ"

แล้วยิ่ง ต่างฝ่ายต่าง "ไม่เปิดใจ"

สุดท้าย ต่างฝ่ายต่าง "เจ็บ"

จะมีหวานๆ มาปลอบใจคนอ่านบ้างมั้ยคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 11-03-2011 15:09:44
โฮกกก เศร้าได้อีก :o12:

คาวี่ TT ทำไมลูกทำแบบนี้

แต่ ก็นะ แตกต่างกัน

แล้วมันจะจบแบบไหนนี้ :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 11-03-2011 15:14:16
ขอให้โดนเอาคืนหนักๆ เลยคาวี่เนี่ย
ทำร้ายจิตใจ อัล ตาหลอด แง่งงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 11-03-2011 16:37:12
ซึ้งอ่ะ............มีแต่อะไร ๆ ซึ้ง ๆ ทั้งนั้นเลยเว้ยยยย(น้ำตาเล็ด+ล่วง 55)
โอเค ตัดใจเสียทีนะอัลชาห์ เราอยู่ข้างนาย
ทำใจกันต่อไป....
รอตอนหน้าครับบบ!!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 11-03-2011 16:58:58
 :เฮ้อ:

 :z3: :z3:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 11-03-2011 17:37:21
โอ๊ย คู่นี้ พอมันมีแววว่าจะรักขึ้นมาซักนิด สุดท้ายแสงนั้นมันก้ดับไป
"เมื่อไหร่จะเข้าใจ เมื่อไหร่จะรักกัน
หากเราทั้งสองไม่ยอมเปิดใน ให้คำว่ารักเดินทางมาเจอกัน"
มันเหมาะกับคู๋นี้ ณ เวลานี้มากจริงๆ... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 11-03-2011 19:27:35
กลัวเจ็บอ่ะอ่านคอมเม้นเเต่ล่ะคอมเม้น เปะโป้งไว้ก่อนน่ะค่ะ


อย่าลืมต่อที่เด็กดีน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 11-03-2011 19:49:36
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
เศร้าโว้ยยยยยยยยยยย  :angry2:
ทำไมมันดู อึน กันจังเลยอ่ะ
เครียดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :serius2:อ :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 11-03-2011 20:22:31
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
อึมครึมกันจริง ต่างคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง คาวี่เองก็ขยันพูดจาทำร้ายจิตใจกันจริงน้า ท่านชีคถอดใจแล้วเห็นมั้ย
ตอนนี้สองพี่น้องเซฮามัคดูดีมีเหตุผลที่สุดแล้ว มีบทน้อย แต่คำพูดท่านวันนี้โดนใจทุกประโยคเลยล่ะพี่น้องคู่นี้

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 11-03-2011 22:37:07
ตอนนี้ยาวมากค่ะ  ซะใจไปเลย 55+
แต่อ่านแล้ว   :sad4:  กะ  :serius2:

 :pig4: และ  :L2: นะคะ  ไรเตอร์
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 11-03-2011 23:13:02
 :monkeysad: ตอนนี้มันเศร้า..มันอึนๆเกินไปล่ะ

เพราะต่างคนต่างไม่เข้าใจกัน ปิดกันตัวเองไว้ตลอด อีกคนถูกเลี้ยงมีอีกเเบบอีกคนโดนเลี้ยงมาอีกเเบบกว่าจะจูนกันได้ต้องใช้

เวลานานพอดู  ลองเปิดใจตัวเองดู ซักครั้งเชื่อเถอะเดี๋ยวก้อเข้าใจกัน


เเต่ตอนนี้ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 11-03-2011 23:32:08
อ่านแล้วแทงใจจึ๊กๆๆๆ แหมนิสัยคาวัลโลคล้ายเราจริงจริ๊ง (แต่เราไม่โหด ทรหด อดทนเท่าคาวัลโลมันหรอกนะ!-*-)

ชอบชื่อตอนมากเลยค่ะ เข้ากับเนื้อเรื่องตอนนี้มาก

รออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อ พร้อมกับมีความคิดผุดขึ้นมาว่า แล้วเมื่อไหร่คู่นี้มันจะเริ่มปรับตัวเข้าหากันฟระ!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 12-03-2011 00:11:06
มันไม่ควรเป็นแบบนี้นะ ไรเตอร์


ทำไมถึงเป็นแบบนั้น
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: KaZuKi ที่ 12-03-2011 00:51:44
โอ้ยยย รวดร้าววว ทั้งสองคนมีปัจจัยในชีวิตตัวเอง และ ชีวิตส่วนรวมมากเกินไปมันเลยเป็นแบบนี้
โฮกกกกก เมื่อไรจะลงเอยกัน จะลงเอยกันยังไง ทั้งที่รักมากถึงขนาดนี้ แล้วทำไม? เฮ้อ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: lolilo ที่ 12-03-2011 01:45:52
เมินๆ ไปเถอะอัล
ปล่อยเค้าไป =.="

ไม่รักก็คือไม่รักก็แค่นั้น
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 12-03-2011 02:06:42
อ่านตอนนี้แล้วอึน เครียด มาคุเกินไปแล้วว ว :z3:


"เมื่อไหร่จะเข้าใจ เมื่อไหร่จะรักกัน
หากเราทั้งสองไม่ยอมเปิดใจ ให้คำว่ารักเดินทางมาเจอกัน
เมื่อไรจะเข้าใจ ได้ไหม คนดี
ช่วยพังทลายกำแพงที่มี ให้ใจของเรามีวันที่ดี ที่สวยงาม"

เอาเพลงนี้ไปเลยฮ้า าาาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 12-03-2011 17:09:28
เป็นแบบนี้ต่อไป...คนนอกเห็นแล้วยังเหนื่อยใจแทนเลยค่ะ พี่น้อง
จริงๆเห็นด้วยกับที่คาวี่พูดนะ ถ้ามันเหนื่อยมากนักก็เลิกรักกันเหอะ (จะโดนรุมสกรัมไหมหนอเรา)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 12-03-2011 21:20:18
เย้ คนเขียนสอบเสร็จแล้วว(รึป่าว?)
ดีจัง จะได้มาอัพบ่อยๆไง
ช่วงนี้เรารอเรื่องนี้เรื่องเดียวเลยนะเนี่ย ติดมากกก  :o8:
เห็นว่าอัพแล้วนี่รีบคลิกเข้ามาอย่างเร็ว
แต่อ่านเสร็จแล้วเจ็บปวดหัวใจ  :o12:
ชีคห้ามเลิกรักคาวี่เด็ดขาดเลยน๊าาา เค้าไม่ยอมม
แต่แบบ คือมันก็น่าเหนื่อยใจอ่ะนะ ทุ่มไปหมดใจแล้วแต่ก็ไม่ได้อะไรเลย
เข้าใจ แต่ก็ไม่อยากให้เลิกรักอ้ะ! ยังอยากเห็นฉากอัศจรรย์ของสองคนนี้อยู่นะ  :haun4:
เอ่อ ไม่ใช่ละ = ="
แล้วเมื่อไหร่คาวี่จะเริ่มหวั่นไหวกับชีคซะทีล่ะเนี่ยยย ทั้งลุ้นทั้งรอจนเซ็งละน้า  :sad4:
แถมมีเหตุแบบนี้อีก แล้วเมื่อไหร่จะได้เรื่องกันล่ะเนี่ย

ไงก็รอตอนต่อไปนะคะ ชอบมากอ่ะ สนุก ถ้ารวมเล่มนี่ซื้อแน่นอนค่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 13-03-2011 21:30:28
จิตตกกันหมดทั้งพระเอก ทั้งคนอ่าน
สุดท้าย กะไอ่ประโยคเบสิคๆ "รักข้างเดียว" ก็ยังเป็นอะไรที่กระชากอารมณ์ได้ตลอด
ฮือออออออออออ สงสารอัลชาอ์ แต่จิงๆควรจะสงสารคาวี่มากกว่า พวกไม่รู้ใจตัวเองน่ะ น่าสงสารกว่าน้าาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 13-03-2011 22:11:43
ตอนนี้ยาววววววว ได้ใจมากๆ กดไลค์!!!

ส่วนเนื้อเรื่องก็ อึม ๆ ครึมๆ อ่านละเหนื่อย สงสารซีคแหะ ไม่น่ามารักไอ่นี้เลย

ไม่ใช้ว่าคาวี่ไม่ดีนะ แต่ถ้ามันยุ้งยากมากก็ เลิกรักกันเหอะ เหมือนคู่นี้รักกันแต่ก็ทำร้ายกันเองอย่นั้นแหละ  :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 13-03-2011 23:57:22
บรรยากาศอึมครึมจังช่วงนี้...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 14-03-2011 12:05:55
อ่านแล้วเหนื่อยเลยอ่ะตอนนี้
ขัดใจสุดๆ อิหนููคาวี่จะกินศักดิ์ศรีเป็นอาหารรึไง
ส่วนท่านชีคศักดิ์ศรีมันหายไปไหนโมดดดดดด
ยอมขนาดนี้แล้วยังไม่เห็นค่าเนี่ย เลิกรักเหอะ
แต่พออ่านของคาวี่ รักต่อก็ได้ อยู่ในช่วงสับสน 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 14-03-2011 13:41:13
   สงสารอัลชาอ์อ่ะ  รักมากก็เจ็บมาก   
   นู๋คาวี่เองก็ปากแข็งอ่ะชอบพูดให้อัลชาอ์เจ็บ  แต่พูดเองก็เจ็บเองอ่านะ   
   เหมือนอัลชาอ์จะมีความหวัง  รึเปล่านะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 14-03-2011 15:00:20
ไม่รู้ยังไงแต่ตอนนี้คิดว่านู๋คาวี่เท่ห์ดีอ่ะ เค้าชอบ :laugh:
ส่วนท่านชีค อืม... เค้าคิดว่าท่านชีคทำได้ดีกว่านี้น่าาา...  :o9:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: carmel ที่ 14-03-2011 22:40:58
เนื่องจากอ่านวันเดียวรวดเลย
เป็นการคอมมเม้นครั้งแรก
อยากจะบอกว่า เป็นนิยายที่ทำให้อินถึงขีดสุด
แอร๊ยยยยยยยย
มันเจ็บปวดรวดร้าวมาก
แต่ก่อนเคยเห็นแต่นายเอกเจ็บปวดเพราะรักพระเอกแต่เรื่องนี้
กลับกลายเป็นพระเอกต้องมาขอความรัก

สนุกมากๆๆเลยคะ ปูเสื่อรอตอนต่อไป
เมื่อไหร่ คาวีตะใจอ่อนซักทีนะ
รุ้มั้ยคนอ่านอย่างเราๆๆเจ็บหัวใจไปกับท่านชีคแล้ว
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: RenaBee ที่ 14-03-2011 22:59:10
อยากให้เข้าใจกันเร็วๆ :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 15-03-2011 00:09:59
 :z3: :o12: :sad4:   มาม่ามากกกกกก   
อ่านไปก้อใจวูบๆตลอดเลย  อัลชาห์อย่าเพิ่งตัดใจเลยนะ 
 คาวี่ก้อรักเค้าเข้าแล้วไม่ใช่รึไงหนะ  รีบๆเข้าใจกันซักที :L2: :L2: :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠♥♦♣ ที่ 16-03-2011 12:46:21
มาลงชื่อตามอ่านด้วยคนค่ะ ยังตามไม่ถึงไหนเลย รายงานตัวไว้ก่อน +1 ก่อนค่า ไว้อ่านทันจะมาเม้นอีกทีนะคะ :3123:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 16-03-2011 21:50:25
รอคอย :m18:รอวันที่จะสมหวังกัน

ปูเสื่อนั่งรอค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 19-03-2011 01:18:38
Line : 24  สับสนวุ่นวาย

        แสงตะเกียงส่องสว่างวูบไหวภายในห้อง ทำให้คนมองต้องหรี่ตาลงแล้วพับปิดดวงตาลง...หากแต่ก็ทำได้เพียงครู่ ก่อนจะเปิดขึ้นมามองกระโจมสีน้ำตาลขุ่นอีกครั้ง...คาวัลโลถอนหายใจเฮือก พลิกกายที่นอนอยู่บนม้านอนตัวเดิมเงี่ยหูฟังสรรพเสียงเบื้องนอก ที่มีเพียงเสียงหวีดของลมและเสียงร้องของสัตว์กลางคืนดังแว่วมา...

       ยกมือซ้ายมองดูรอยแผลพันผ้าก๊อซของตนเองแล้วถอนหายใจเฮือก นัยน์ตาที่เบิกค้างปวดรุมเพราะอยากนอนแต่นอนไม่หลับ..หลับตาลงก็ปวดหัวแต่ลืมตาขึ้นมาก็ปวดตา...ช่างเป็นทางเลือกที่ลำบากลำบนเสียจริง

      ถามว่าทำไมถึงมานอนตาค้างอยู่แบบนี้ คำตอบก็มีเพียงอย่างเดียว ก็คือว่าด้วยการหายตัว..ไม่สิ การเดินออกไปจากระโจมที่พักของท่านชีคอัลชาอ์เมื่อตอนใกล้เที่ยงคืน...ตอนนี้เวลาปาเข้าไปตีสี่กว่าๆเกือบใกล้เช้า...ยังไม่เห็นจะกลับมาเหยียบตรงนี้สักนิด

      รู้ล่ะว่าอย่างอัลชาอ์ไม่มีทางคิดโง่ๆประเภทเดินดุ่มๆออกไปกลางทะเลทราย ฆ่าตัวตายประชดรัก..แต่เขาก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี..อาจจะเพราะรู้ ว่าสาเหตุมันเป็นเพราะเขาด้วย...

นัยน์ตาสีน้ำทะเลปิดพับลงอีกครั้ง คาวัลโลยกปลายนิ้วกดลงตรงกระบอกตาที่ปวดระบมเบาๆ ริมฝีปากอ้าหาว แต่ง่วงยังไงก็หลับไม่ลง...

    ไม่มีหน้าไปเดินตามเพราะรู้ว่าด้วยสภาพแบบนี้เอาตัวไม่ค่อยรอด...และอีกอย่าง...อัลชาอ์คงไม่ต้องการเท่าไหร่..

      ในเมื่อตัดใจแล้ว...อ้าปากบอกให้ฝ่ายนั้นเลิกรักแล้ว ตัวเขาก็ทำได้เพียงนิ่งเงียบเท่านั้น

    ....คาวัลโลรู้ดีว่าเขาเป็นคนใจร้าย...แต่ไม่ว่าเขาอยากจะทำหรือไม่ ยังไงเขากับอัลชาอ์ก็ไปกันไม่ได้อยู่ดี

         จะว่างี่เง่าเห็นแก่ตัวยังไงก็เถอะ...เขายอมรับว่าตัวเองมันเป็นไอ้งี่เง่า ยอมรับว่าตัวเองเห็นแก่ตัว....ไม่รักแล้วยังไปให้ความหวัง ไม่รักแล้วยังไปหวั่นไหว...ไม่ว่าจะรู้สึกยังไง ปากก็ยังบอกว่าไม่รัก สมองก็พร่ำบอกแต่ว่าไม่รัก...ไม่รัก...

        ในใจจะรักหรือไม่...ยังไงก็ต้องไม่รัก

      ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะอย่างนั้นก็ต้องไม่รัก

      ไม่มีทางเข้าใจกัน ไม่มีทางยอมรับวิถีทางของกันและกัน เพราะฉะนั้นก็ไม่รัก...

         ...จิตใจของมนุษย์น่ะมันแสนจะเเปลกประหลาด ถ้าต้องการให้อะไร"จริง"ขึ้นมา หากเฝ้าบอกตัวเองอยู่อย่างนั้น สักวันมันก็จะจริงขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

        วิธีคิดอย่างเดียวกับพวกที่สร้างโลกในจินตนาการขึ้นมาเพื่อหนีความจริงอันโหดร้าย ต่างกันเพียงแต่เขาเฝ้าบอกตัวเองแบบนี้...เพื่อที่จะตัดปัญหา...เพื่อที่จะไม่ให้เกิดอะไรไปมากกว่านี้

         ใจคนไม่ใช่อิฐไม่ใช่หินขนาดของแบบนั้นยังมีวันผุกร่อน แล้วนับประสาอะไรกับจิตใจของคนที่เป็นแค่ก้อนเนื้อก้อนเล็กๆ...

             คาวัลโลเม้มปากแน่น ถอนหายใจเฮือก ยามที่ความคิดจุกเร้าในสมอง...หัวใจปวดระบม..

         ..ภายนอกอาจจะมองเห็นว่าเขาไมาคิด ไม่หวั่นไหว...แต่ภายในใจ เขารู้ดีว่ามัน"หวั่น"มากแค่ไหน...

            แต่เพราะเขามันคนขี้ขลาด เพราะตัวเองเป็นคาวัลโล วาลกัส จึงได้แต่เฝ้าบอกตัวเองว่าไม่รัก จึงได้แต่พร่ำบอกตัวเองว่าไม่รัก...เหมือนแนวป้องกันสุดท้าย...วิธีป้องกันตัวเองจากเรื่องราววุ่นวายทั้งหลายที่จะตามมาเป็นพรวน..

                เพราะมันเป็นไปไม่ได้ แค่คิด...ว่าหากรักแล้วจะเกิดอะไรขึ้น..แค่นั้น...เขาก็ไม่กล้าจะให้มันเกิดขึ้นแล้ว

         เพราะเขามีสังคมและมีคนรอบข้างมากเกินกว่าจะไม่สนใจอะไร...และเพราะสุดท้ายแล้วเขาเป็นมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวเกินกว่าจะปล่อยให้อะไรหลุดมือไปได้ จึงต้อง"ตัด"อะไรเท่าที่มันจะตัดได้เสียก่อน..

          ....นัยน์ตาสีน้ำทะเลปรือต่ำ...คาวัลโลจ้องมองแสงไฟจากตะเกียง...มองมันแกว่งไกวสั่นไหวน้อยๆ...หากดวงตายิ่งมัวพร่า..

                 เมื่อต้องการจะเดินทางสู่อำนาจ.เมื่อต้องการจะเป็นบอสมาเฟีย..เมื่อต้องการอยุ่เหนือผู้คน จึงต้องไม่มีหัวใจ...

              เมื่อไม่ต้องการหัวใจ จึงต้องไม่มีความรัก...

          เพราะฉะนั้น...เขาจึงต้องไม่รัก..ไม่รัก...และ....ไม่รัก....เท่านั้น

             แกร่ก....

                    สายลมเย็นพัดวูบเข้ามาพร้อมกับเสียงผ้าปิดกระโจมถูกแหวกออก ทำให้นัยน์ตาสีน้ำทะเลหันไปมองทันควัน...คาวัลโลสบมองนัยน์ตาสีรัตติกาลที่จ้องมองมาทางเขา...ร่างสูงของท่านชีคแห่งเซเนียยายืนนิ่งจ้องมองตัวเขาด้วยสีหน้าที่บอกได้ว่าคงไม่ได้พักผ่อนเช่นเดียวกัน..

              คาวัลโลดันตัวลุกขึ้นนั่ง มองสบตาอัลชาอ์ที่สืบเท้ามายืนอยู่ตรงหน้า ด้วยสีหน้าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง..ไม่ต้องบอกก็รู้...ไม่ต้องพูดก็เห็น สีหน้าที่บ่งชัดว่าตัดสินใจได้แล้ว..แววตาที่บ่งถึงความสงบนิ่งและไร้แววหวั่นไหว..

            " คุณคงมีเรื่องอยากจะบอกผม.." คาวัลโลเปรยขึ้นมาช้าๆ..ผ่านวินาทีที่เงียบสงบ...เขามองเห็นอัลชาอ์คว้าเก้าอี้มานั่งอยู่เบื้องหน้า..พร้อมกับทรุดกายลงอย่างเชื่องช้า..

            "...ก็ใช่...เรื่องข้อตกลงของเรา...." อัลชาอ์มองหน้าเขา ถอนหายใจเพียงแผ่วเบา..ก่อนจะยืนมือมาตรงหน้า..

            "...ผมจะบอกว่า...ข้อตกลงของเรายังคงเหมือนเดิม.." ใช่..เหมือนดิม...ตกลงในฐานะ "ผู้ร่วมแผนการณ์"...ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

            "...ครับ...." คาวัลโลแตะปลายนิ้วทาบเข้ากับฝ่ามือหนา ...สัมผัสอุ่นวาบจากปลายนิ้ว...เพียงชั่วครู่หากหัวใจเสียดวาบ

             "...ที่ผ่านมา...ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณลำบากใจ.." ปลายนิ้ว..ฝ่ามือ..และความอบอุ่นนั่นผละออก...เหลือเพียงความเย็นของอากาศเบื้องนอกที่บาดผิว คาวัลโลชักมือกลับเขายิ้มให้ใบหน้าสงบนิ่งของชีคหนุ่ม..

             "..ผมด้วย..."ริมฝีปากเอ่ยตอบคำเบาๆ....เขาสบตาคู่นั้นเงียบๆ

             "....ขอสัญญาว่าจากนี้จะไม่มีเรื่องแบบนั้นอีก..คุณจะได้ทำงานของตัวเองต่อได้อย่างสบายใจ..." อัลชาอ์ระบายยิ้มสุภาพบนใบหน้า คาวัลโลพยักหน้ารับช้าๆ...รู้ดี ว่านั่นหมายถึงความต้องการของเขาสมปราถนา...

         .....จะไม่มีอัลชาอ์คนโง่ที่เฝ้าหลงรักเขาอีกแล้ว..

              "....ครับ...อ้อ...จริงสิ......" คาวัลโลปรายตามองร่างสูงที่ผุดลุกขึ้นและผินหลังออกจากกระโจม ปลายนิ้วเขาสะกิดไหล่หนาให้ร่างนั้นหันกลับมาอย่างรวดเร็ว

   เพี๊ยะ!!

               "...ถ้าคุณบอกว่าจบ..ผมก็จะจบ...เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน..." คาวัลโลระบายรอยยิ้มบางในหน้า ฝ่ามือขวาร้อนผ่าวขณะที่มองรอยแดงบนฝ่ามือตัวเองลุกลามจากแรงกระทบผิวเนื้อ

              เขาจ้องมองสีหน้าของชีคแห่งเซเนียยาที่นิ่งขึงไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจเพียงแผ่วเบา..

               "...ผมไม่ชกคุณ...เพราะถ้าเห็นชัดๆมันคงไม่ดีเท่าไหร่.."แน่นอนว่าคาวัลโลไม่ลืม ว่าอัลชาอ์คือชีคผู้นำประเทศ "...และที่ผมไม่ตบหน้าคุณ...เพราะผมไม่คิด ว่าจะมีใคร"ดีใจ"ถ้าถูกทำแบบนี้.."

              "...ไม่เป็นไร...คุณทำถูกแล้ว..." อัลชาอ์ยิ้มออกมาบางๆ ขณะที่ก้มมองรอยตบอันไม่ปรากฏแผลที่ร้อนผ่าวใต้ผืนผ้า...

              "...เพราะตอนที่ผมทำ...ผมก็เจ็บตรงนี้เหมือนกัน.."

                    ลมหนาวพัดเข้ามาตามรอยแยกของผ้าปิดกระโจมที่เปิดกว้างอีกครั้ง..คาวัลโลจ้องมองชายเสื้อคลุมสีเข้มที่ลับไปก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ เขาก้มมองฝ่ามือตัวเองที่แดงก่ำหลังจากออกแรงฟาดลงบนแผ่นอกซ้ายของอัลชาอ์เต็มแรง   

               เขามองมันแล้วเอ่ยถามตัวเอง......ศักดิ์ศรีที่เขายึดถือเยี่ยงชีพ มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ?..

                  มาเฟียหนุ่มทำได้เพียงยิ้มขัน...เขาทิ้งตัวลงบนม้านอน เงยหน้ามองตะเกียงที่ยังคงแกว่งไกวอีกครั้ง

             หยิบไม้กางเขนเงินที่ห้องอยู่บนลำคอมาจ้องมอง...คาวัลโลหลับตาลงช้าๆ....นึกถึงบ้าน นึกถึงครอบครัว...นึกถึงแกงค์ของตัวเอง คนเหล่านั้นยังมีคู่ มีคนรัก มีครอบครัว มีเพื่อนฝูง...ช่างแตกต่างกับเขา ที่ตอนนี้อยู่คนเดียวโดยแท้จริง...

                    ความเย็นของกางเกนเงินราวกับจะแผ่ซ่านมายังหัวใจ...ชั่วขณะหนึ่งเขาไพล่คิดไปถึงความอบอุ่นที่ได้จากฝ่ามือหนาและอ้อมแขนคู่นั้น  ทำได้เพียงยิ้มหยันเมื่อรู้ดี ว่าตัวเองได้ปัดมือนั้นทิ้งไปด้วยตัวเองแล้ว ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเพียงแผ่วเบา...พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไม่เคยไหล ทิ้งตัวลงมากระทบผิวแก้มอย่างเงียบงัน

..............................................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 19-03-2011 01:22:05
       อากาศวันนี้ค่อนข้างขมุกขมัวด้วยกลุ่มเมฆที่ก่อตัวหนาบดบังแสงแดด แต่มันไม่ได้ทำให้อากาศที่ร้อนอยู่แล้วเย็นลงเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับยิ่งอบอ้าวและมีลมพัดแรงกว่าเดิมจนฝุ่นปลิวคลุ้งไปทั่ว ท้องฟ้าที่แสงแดดถูกเมฆหมอกปกคลุมนั้นครึ้มทะมึนบวกกับฝุ่นทรายที่ยังคงปลิวคลุ้งทำให้สภาพโดยรอบนั้นราวกับมีหมอกหนาเรียกได้ว่าทัศนวิสัยที่แย่อยู่แล้วยิ่งแย่ไปอีกจนถึงขึ้นติดลบ

        แต่ทว่าบรรยากาศแบบนี้ดูจะเป็นที่ชื่นชอบนัก เพราะคาวัลโลสังเกตว่าเหล่าชาวทะเลทรายทั้งหลายมีสีหน้ายินดีไม่น้อยกับสภาพอากาศเช่นนี้...ชวนให้สงสัย...

       "..เป็นสัญญาณบอกว่าอีกไม่นานฝนจะตกน่ะ "รามิลเล่าด้วยสีหน้ายินดี " ถึงจะเสียดายที่เขื่อนยังไม่เสร็จก็เถอะนะ....นี่อากาศมืดมัวแบบนี้สักวันสองวันฝนก็จะมา "

       "...ยังกับพายุจะมามากกว่า "คาวัลโลเปรย เพราะถ้าที่อิตาลีเจอแบบนี้...คงได้แต่รีบแจ้นหลบในบ้านกันทันควัน

       " ก็อาจจะมี..ประเภทพายุทรายน่ะ...พัดเข้าเมืองตอนที่แล้งมากๆแต่ตอนนี้มีแค่แถบทะเลทรายเท่านั้นล่ะ " รามิลว่า ก่อนจะเปิดวิทยุหาคลื่นสันญาณอย่างเชี่ยวชาญ คาวัลโลมองตามแล้วพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะปรือตาปิดลงช้าๆอย่างง่วงงุน

       " กาแฟไหม?" น้ำเสียงถามดังขึ้นเบาๆจากข้างกาย คาวัลโลเปิดเปลือกตาขึ้นมองแก้วกาแฟที่ถูกยื่นมาตรงหน้า เขาเหลือบตามองคนถือเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัว

       " ไม่เป็นไร ขอบคุณ "เขาบอกปัดก่อนจะเอนพิงเบาะอีกครั้ง  ส่วนคนที่ยื่นแก้วให้เมื่อครู่ก็ไม่ได้เซ้าซี้หันไปจิบกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เงียบๆ..

          ชายหนุ่มเท้าแขนลงบนขอบกระจกรถ มองเหม่อไปด้านนอกทั้งที่มีเพียงเศษทรายปลิวว่อนให้ได้เห็น  มาเฟียหนุ่มอ้าปากหาวเบาๆ ยกปลายนิ้วกดเปลือกตาอย่างง่วงงุนไม่น้อย หลังจากคุยกันเมื่อคืนแล้วอัลชาอ์เดินออกไป พอตอนเช้าเดินมาเรียกเขาทานข้าวด้วยสีหน้าปกติ พูดคุยอย่างปกติ...และไร้ท่าทีทอดสนิทห่วงหา ปกติแบบที่ปฏิบัติกับ"บุคคลอื่นทั่วไป"อย่างที่เขาต้องการ

   ....เป็นอย่างที่ได้คุยกันเมื่อคืน...ใช่แล้ว...

  ...ในเมื่อเขาบอกให้อีกฝ่ายตัดใจ...นี่ก็เป็นการ"สนอง"ความต้องการของเขาแล้ว...

    ...อัลชาอ์ที่หลงรักเขาและเฝ้าดูแลใส่ใจ...ไม่มีแล้ว

    ตอนนี้มีแค่ชีคแห่งเซเนียยาและมาเฟียตระกูลวาลกัส...คนสองคนที่เป็น"หุ้นส่วน"ผู้ทำข้อตกลงร่วมกันเท่านั้น...

     พฤติกรรมของอัลชาอ์ไม่ใช่การนิ่งเพราะโกรธ ไม่ใช่การห่างเหินเพราะไม่พอใจ แต่เป็นแค่การ ลดระดับความสัมพันธ์เป็นแค่คนรู้จักที่ร่วมงานกันเท่านั้น..

    ต้องการแบบนี้เมื่อได้แล้วก็ไม่มีสิทธิ์จะบ่น ในเมื่อไม่ต้องการจะพิงต้นไม้ต้นไหนตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องมาอาลัยอาวรณ์ คุยกันด้วยเหตุด้วยผลแล้ว คุยกันดีๆแล้ว แต่เมื่อต่างฝ่ายต่างก็รับตัวตนของกันและกันไม่ได้..คำตอบที่ดีที่สุดของความสัมพันธ์แบบนี้ก็คือการถอยหลังกลับมาอยู่จุดเดิม...และใช้ชีวิตแบบเดิม เป็นตัวเองที่ไม่เปลี่ยนไป ไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจอะไร...เช่นเดิม

      .....ความปราถนาของคาวัลโล วาลกัส ยังไงก็คือตำแหน่งบอสมาเฟียไม่มีวันเปลี่ยน ที่เขาควรจะสนใจตอนนี้คือความเคลื่อนไหวทั้งหมดต่างหาก

     ปลายนิ้วสีขาวยกเคาะกระจกหนาเบาๆ...และไล้ความเย็นเฉียบนั้นไปมาอุณหภูมิที่แทรกซึมมาตามผิดเนื้อบาดลึกเข้าไปในหัวใจ...ราวกับว่าเขากำลังสัมผัสหัวใจตนเองอยู่ก็ไม่ปาน

    ...โลหะเย็นยะเยียบที่แขวนอยู่ที่ลำคอชวนให้คิดถึงน้ำตาในยามย่ำเช้าของวัน.. นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองดวงตาของตนที่สะท้อนมาอย่างเลือนรางภายใต้แสงอ่อนจางของท้องฟ้า....คาวัลโลได้แต่เตือนตัวเอง...อีกครั้ง...และอีกครั้ง....บอกตัวเองเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ ถึงหน้าที่ ภาระและสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อไปให้ถึงจุดมุ่งหมาย..

        ...ไม่มีเวลามานิ่งเงียบหรือเศร้าสร้อย ไม่มีเวลามาเสียดาย...อะไรที่ตัวเองทิ้งไปแล้ว

        อย่าทำตัวเหมือนไอ้โง่ราฟาเอลโร่ที่เขาด่ามันไปไม่นาน...อย่าเสียใจหากทิ้งมันไป อย่ามาเสียใจภายหลัง เพราะสิ่งที่ปล่อยมือไปแล้วไม่มีวันกลับมาอีก...

     ...ไม่มีวันเป็นเหมือนเดิมอีก

            คาวัลโลถอนหายใจเบาๆ...เมื่อชักจะ....รู้สึก เข้าใจราฟาเอลโร่ขึ้นมานิดหน่อย..

         เพราะคนเรา ถึงออกปากว่าจะทิ้ง ถึงพูดว่าจะไม่อาลัยอาวรณ์มันก็ใช่จะทำได้ทันที...

        ...และนี่อาจจะเป็นความรู้สึกของอัลชาอ์ ยามที่ถูกเขาต่อว่าต่อขานด้วย..ใช่ไหม?

          อย่างนี้ก็คงไม่ต่างกัน..กรรมตามสนองสินะ...

         "...กลับไปขอโทรไปทางโน้นได้ไหม" คาวัลโลออกปากร้องขอ หลังจากนิ่งคิดไปชั่วอึดใจ..

         " ....เรื่อง? " น้ำเสียงถามกลับสั้นๆพร้อมกับแววตาหรี่เล็กลงเชิงจับผิดทำให้คนถูกมองกระพริบตาปริบๆ

         " ก็...ราฟาเอลโร่กับฟิลิเป้...." มาเฟียหนุ่มเอ่ย สบนัยน์ตาที่ฉายแววเด็ดขาดจ้องมองมาแบบที่ไม่ได้เห็นมานาน...นานนับแต่อัลชาอ์เริ่มจะแสดงออกความรักแบบออกนอกหน้า

          "....สอบสวนยังไม่เสร็จ ไม่อนุญาติ " ว่าแล้วคนพูดก็ยกกาแฟขึ้นจิบ สีหน้าเรียบเฉย

          " โถ่....ก็เผื่อถามทางโน้น....."

          " ...."ทางโน้น" ไม่ได้มีตัวประกันเหมือนทางนี้ คาวัลโล "นัยน์ตาสีดำสนิทปราดมองอย่างไม่อ่อนข้อ...คาวัลโลเหลือกตาขึ้นมองเพดานรถ...เมื่อ ความเหนื่อยยากในการต่อรองกับอัลชาอ์และการขออะไรๆมันเริ่มจะกลับมาอีกครั้ง

          ".......ทางโน้นก็ไม่ได้โง่พอจะไม่รู้ว่าคนของตัวเองหายไป " แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคร่ำครวญหวนไห้อะไรให้เสียเวลา คาวัลโลก็แค่ต้องปรับตัว..เท่านั้น..

          "...นั่นยิ่งไม่ควรติดต่อไปใหญ่ "

          "...ก็ผมมีสาย.."คาวัลโลว่าก่อนจะพ่นลมหายใจพรู "เชื่อเถอะว่าไม่นานพรรคพวกของเจ้าสองคนนั้นต้องพยายามบุกมาถึงที่นี่แน่ รู้เรื่องกำลังคน อาวุธ ไว้ก่อนไม่ใช่เรื่องเสียหาย "

          "....คุณ"สามารถ"รู้ได้ถึงขนาดนั้น? "นี่มันกำลังด่าว่าเอ็งคิดว่าแน่มาจากไหนใช่ไหม? คาวัลโลหน้าเบ้ เมื่อคืนไม่ได้นอนแถมตอนนี้ยังง่วงและปวดหัวขึ้นมาจี๊ดๆ...

          "...อย่างน้อยก็รู้ก่อนที่พวกนั้นจะยกกันมาแถวนี้แล้วกัน...อีกอย่างสินค้าล๊อตล่าสุดที่คุณสั่งไปกำลังมา..." มาเฟียหนุ่มหรี่ตาลงช้าๆก่อนจะยักไหล่.. "ประจวบเหมาะเกินไป..."

          "...แค่นั้น..."

         "...และเรื่องที่......"

               อัลชาอ์ยกมือขึ้นเป็นเชิงให้หยุดพูดเมื่อโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ชีคหนุ่มกดรับพลางพูดภาษาอารบิกใส่ปลายสายอย่างเคยคุ้น คาวัลโลทำได้เพียงนั่งนิ่งมองอัลชาอ์คุยกับปลายสาย และต่อจากนั้นก็หันไปคุยกับรามิลและราเซย์ แน่นอนว่าคนทั้งสามใช้ภาษาอารบิกซึ่งคาวัลโล วาลกัส ชายชาวอิตาเลียนไม่แม้แต่จะรู้ว่ามันออกเสียงยังไงเสียด้วยซ้ำ...มาเฟียหนุ่มลอบถอนใจ หากเขาก็ทำได้เพียงแค่รอ..และไม่ได้ออกปากท้วงให้ใครมาอธิบายให้เขาฟังเหมือนทุกที...รู้ชัดว่าจากการกระทำของอัลชาอ์มันบอกชัดว่าเขาไม่มีสิทธิ์จะรับรู้...และเขาก็ไม่ใช่"คนแรก"ที่สมควรจะได้รับการใส่ใจอีกแล้ว..

        ...สถานะเปลี่ยนไป...ความสัมพันธ์การวางตัวและอื่นๆก็ต้องเปลี่ยนไปตาม

...ต่อจากนี้เขาก็ไม่ใช่คนสำคัญของชายหนุ่มอีกต่อไป..

คาวัลโลบอกตัวเอง...ขณะที่จ้องมองอากาศขมุกขมัวภายนอก ที่ไม่ต่างอะไรกับหัวใจของเขานัก..

..................................................................

       อเล็กเซย์ จิโอวานนี่ วาลกัส นั่งมองพี่ชายฝาแฝดผู้ควบตำแหน่งคนรักนั่งหน้านิ่วใส่"โทรศัพท์มือถือ"ของตัวเองอย่างประหลาดใจนัก ขณะที่เขากำลังเขวี้ยงจานพลาสติกออกไปจากมือเป็นรอบที่ร้อย และเจ้าไซบีเรียนฮัสกี้สีขาวตัวโปรดผู้เริงร่านามว่า"เชอรี่"ของเขาก็วิ่งไปคาบมันมาเป็นรอบที่ร้อยกว่าๆอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เสียงเห่าของเจ้าเชอรี่ดังขึ้นติดๆกันสามสี่ครั้งเพื่อเรียกร้องเอารางวัลจากมืออเล็กซิสก็ยังไม่ทำให้ชายหนุ่มหันไปหา และยังคงยืนนิ่ง จ้องโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเคร่งต่อไปอย่างน่าสงสัยหนัก

         เขาเอื้อมมือไปกระตุกชายเสื้อเชิ๊ตของฝาแฝดไม่เบานักเพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวเสียหน่อย และอเล็กซิสรู้ตัวในที่สุด ว่าเจ้าเชอรี่กำลังจะกระโดดงับมือตัวเองข้างที่ถือกล่องขนมไว้ล่อสุนัข เพราะงั้นเขาเลยโยนให้มันทั้งกำ

นัยน์ตาสีฟ้าสวยมองเจ้าหมาโง่ที่วิ่งร่าไปกินขนมที่ถูกโยนลงบนพื้นหญ้าด้วยสายตาระอาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันมามองชายผู้ยังจมจ่อกับมือถือขจองตัวเองไม่เลิก...

        "....อยากซื้อมือถือใหม่เหรอ? อเล็ก" นั่นไม่ใช่คำถาม แต่เป็นคำขู่กรายๆที่อเล็กซิสรู้ดี  ที่สุดแล้วชายหนุ่มจึงยอมยัดมือถือใส่ในกระเป๋ากางเกง เพราะรู้ว่าหากมันขวางหูขวางตาอเล็กเซย์ผู้ที่ตอนนี้ชักจะหงุดหงิดขึ้นทุกวันแล้วล่ะก็..ได้กลายเป็นเศษซากใต้ล้อรถเข็นแน่ๆ...

        " มองอะไรนัก รอใครโทรมากัน? " คนป่วยที่ถูกเมินหน้านิ่ว ออกปากซักไซ้

       "...อ่า...ก็คาร์โลไง มันบอกว่าไปถึงแล้วจะโทรมา ยังไม่เห็นโทรมาเลย "

       " ...แหม ไม่นึกว่านายจะห่วงน้องเสียขนาดนี้ .....แต่โทษทีนะ เจ้าคาร์โลมันโทรมาหาฉันตอนมื้อเช้าแล้วไง" อเล็กเซย์เอ่ยถึงน้องชายผู้ต้องเดินทางกลับกรุงนิวยอร์คด่วน ด้วยเรื่องงานวิจัยที่มีปัญหา

      "..เอ่อ....."อเล็กซิสมีสีหน้าชะงักชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มบาง " ก็....แบบว่าฉัน...."

      "รอใครติดต่อธุระอะไรมาล่ะ..." นัยน์ตาคู่นั้นหันมามอง..นิ่งๆ ไม่ได้ข่มขู่...แต่ชวนหนาวไขสันหลังชอบกล..

       "...มันเรื่องงาน...." อเล็กซิสตอบเบาๆ อยากจะบอกคนรักว่ากำลังรอการติดต่อจากน้องชายที่ตายไปแล้วคนนั้นอยู่ อยากบอกให้อีกฝ่ายรู้นักหนาว่าควัลโลมันยังไม่ตาย อยากให้พ่อแม่และน้องสาวรู้ บ้านเขาจะได้ไม่อึมครึมหมองเศร้าเหมือนอยู่ในป่าช้าแบบนี้...แต่ก็เพราะสัญญาและเรื่องราวทั้งหลายนั้นหละ เขาถึงไม่อาจจะบอกได้..

      " ไม่มีกะใจมาพักก็ไปทำงานซะไป..."คนป่วยตาขวางใส่อย่างรวดเร็วอเล็กซิสบีบไหล่ของคนรักเบาๆให้แฝดน้องคลายอาการหงุดหงิด

      " ขอโทษ...." เขากระซิบบอก...รู้ดีว่าที่อเล็กเซย์ทำตัวดื้อดึงชอบพาลแบบนี้ก็เพราะหงุดหงิดจากอาการป่วยของตัวเอง..ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะโกรธ..

      "...ทำไมเอาแต่...ยุ่ง...ไม่สนใจฉัน..." ถ้อยคำตัดพ้อริมฝีปากสั่นไหวเรียกให้หัวใจหนักอึ้ง...อยากจะบอกเรื่องราวยุ่งยากใจกับคนรัก...แต่ว่า...

      "...นายก็รู้ เซย์....ว่าฉันต้องเคลียร์งานบริษัทด้วย ของแกงค์ด้วย.."

       ".........."ฝ่ามือที่วางอยู่บนพนักรถเข็นเกร็งขึ้นพร้อมกับกำแน่นทันควัน อเล็กเซย์หรุบตาต่ำ...เหลือบมองเสี้ยวหน้าของฝาแฝด..

       "...ที่นายจะรับตำแหน่งบอส...จริงรึเปล่า...อเล็ก.."

       "....ใช่....."น้ำเสียงรับคำแผ่วเบา...อเล็กเซย์เสมองเจ้าหมาไซบีเรียนบ้าพลังจอมซื้อบื้อของตัวเอง ก่อนที่ปลายนิ้วจะจับล้อรถเข็นผลักร่างตัวเองไปใกล้มันอย่างเชื่องช้า

      " งั้นไม่เป็นไร...ไปดูงานเถอะ...ฉันไม่กวนล่ะ...."

       "....เซย์...." อเล็กซิสถอนใจ เดินตามหลังคนรักด้วยท่าทีอึดอัด รู้ดีว่าอเล้กเซย์กลัวอะไร และกำลังกังวลเรื่องไหน...แต่ว่า...สำหรับเขาแล้วเรื่องนี้มัน.
..
        "...คุณชายอเล็กซิสครับ! " น้ำเสียงเร่งร้อนของคนสนิททำให้หัวคิ้วขมวดมุ่น อเล็กซิสหันไปมองร่างในชุดสูทที่เดินมาหา ก้มกระซิบข้อความบางอย่างที่ทำให้เขาเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงไม่น้อย

        "...เซย์...ฉัน...."

        "..อืม...ฉันรู้ว่ามีเรื่องด่วน ไปเถอะ..." อเล็กเซย์รับคำแผ่วเบา เขารู้สึกถึงอ้อมแขนที่ตวัดกอดร่างตนพร้อมกับริมฝีปากที่โฉบผิวแก้มเพียงชั่วครู่ ก่อนร่างของคนรักจะเดินก้าวยาวๆเข้าไปในตัวบ้านอย่างเร่งร้อน

            ร่างของคุณชายคนรองของบ้านนั่งอยู่ในสวยสวยกับเจ้าหมาตัวโปรด นัยน์ตาสีฟ้าสวยมองตามแผ่นหลังของคนรัก ก่อนที่อเล็กเซย์จะถอนหายใจออกมาแผ่วเบา..

        นิ่งคิดถึงคำพูดของน้องชายคนสนิท...อเล็กเซย์เวี้ยงจากหมุนออกไปอีกครั้ง จ้องมองเจ้าเชอรี่วิ่งแจ้นไปคาบมันมา...นัยน์ตาฉายแววครุ่นคิด..

        สุดท้ายเรื่องมันก็วนกลับมาแบบเดิม..

        ที่เขาเคยต่อสู้มันไป มีผลอะไรบ้างรึเปล่า?

        ปากบอกว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก...แต่มันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมจนได้..

         ....เหมือนเดิมที่อเล็กซิสรับปากจะเป็นบอส เหมือนเดิมที่เขากลายเป็นตัวเกะกะ..เหมือนเดิม ที่ไม่นานเขาก็จะต้องไป

         ...อเล็กเซย์รู้ดี เขาไม่ได้มั่นใจว่ามันจะไม่เกิดขึ้น...เพียงแต่ทำใจไว้แล้ว ว่าสักวันมันต้องเป็นแบบนี้ต่างหาก

...........
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 19-03-2011 01:26:04
   ..นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น !

    อเล็กซิสกัดฟันกรอด ฝ่ามือกำแน่นนัยน์ตาจับจ้องเอกสารตรงหน้าพร้อมกับเงี่ยหูฟังรายงานจากปากลูกน้องคนสนิทด้วยสีหน้าเครียดเคร่งขึ้นเรื่อยๆ..

      ..ทำไมถึงเป็นแบบนี้

           ชายหนุ่มครางในลำคอเสียงเบา รู้สึกอยากจะยกมือขึ้นมากุมหัวแล้วทึ้งผมตัวเองให้สาสมกับเรื่องยุ่งๆที่เกิดขึ้น แต่อเล็กซิสก็ทำได้เพียงโบกมือไล่ลูกน้องออกจากห้องและนั่งรอการมาถึงของชายผู้เป็นคำตอบของทุกอย่างด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แม้ในใจจะเดือดพล่านด้วยความร้อนรนและไม่เข้าใจ...

      นัยน์ตาสีฟ้าเข้มก้มมองโทรศัพท์มือถือของตนแล้วครางเบาๆในลำคอ เมิ่อนึกไปถึงเจ้าน้องชายที่ควรจะติดต่อมา แค่นึกว่ารู้เรื่องแล้วมันจะทำหน้าแบบไหน ยังไง เขาก็แทบจะอยากทึ้งหัวตัวเองอีกรอบให้รู้แล้วรู้รอด...

       แม้จะเข้าใจว่านี่มันเป็นเรื่องของคนหลายคน แต่"มติ"ที่ออกมาแบบนี้ มันต้องทำให้คาวัลโลไม่พอใจแน่ๆ ถึงแม้จะด้วยข้อแม้ที่ว่ามัน"ตาย"ไปแล้ว แต่คนตายกระดูกยังไม่ทันฝัง พิธีศพก็ยังไม่ได้จัดการ ตรวจดีเอ็นเอไอ้ศพที่ไม่ใช่มันยังไม่เรียบร้อย แล้วจะมาตั้งเขาเป็น"บอส"ทันทีที่คาวัลโลมันตายได้ยังไง ที่เขารับปากว่าจะเป็น ก็เพราะรู้ว่าคาวัลโลยังไม่เป็นอะไร และถือโอกาสนี้ช่วยน้องชาย แต่พวกผู้บริหารระดับสูงในแกงค์ กลับพากับยกตำแหน่งให้เขาแบบถาวร..กระทั่งจะจัดให้มีการสาบานตนทั้งที่ยังไม่รู้ผลการตรวจเสียด้วยซ้ำ... ให้มันได้อย่างนั้นสิ

      แอ๊ด...

       เสียงประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้เป็นลุงที่เดินเข้ามาทำให้อเล็กซิสหันไปมอง เขาสบมองนัยน์ตาของ เฟเดริโก้ วาลกัส ชายผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแกงค์หรือบอสคนปัจจุบันของวาลกัสด้วยสายตาแสดงความไม่พอใจและไม่เข้าใจอย่างชัดเจน ...ขณะที่เฟเดริโก้ทรุดตัวลงนั่งแล้วยิ้มให้กับท่าทีมึนตึงของเขา

          "...คิดว่าหลานคงอยากถามว่าเกิดอะไรขึ้น " เฟเดริโก้เปิดฉากถาม

          " ครับ....เชิญคุณลุงอธิบาย " อเล็กซิสออกปากเสียงเรียบ พลางกอดอกแน่น

          " ...ผลการตรวจออกมาแล้ว...ว่านั่นคือศพของคาวัลโล..." คำพูดนั้นทำให้หัวคิ้วของคนฟังขมวดเข้ากันแน่นขึ้น...อเล็กซิสจ้องมองใบหน้าของคนเป็นลุงด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ มันจะเป็นไปได้ยังไง เพราะคาวัลโลมันยังมีชีวิตอยู่..ไอ้การเอาเลือดหรือรอยนิ้วมือไปทำอะไรกับศพนั้นเป็นการปลอมแปลงชั้นดีจริง แต่ถ้าจะตรวจจากกระดูก หรือฟัน...มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ผมจะออกมาว่าใช่

           "...การตรวจยืนผลสามเดือนไม่ใช่หรือครับ? " เขาถามออกไป

           " ตอนนี้เรารอไม่ได้แล้ว..ข่าวออกมาแล้ว แกงค์อื่นกำลังเตรียมจะถล่มเรา...ดังนั้น...ตอนนี้เราเลยต้องจัดเตรียมอะไร....."

           " ผมถามว่าผลการตรวจจะออกยืนยันชัดเจนได้สามเดือน แล้วทำไมคุณลุงถึงทราบว่ามันเป็นศพคาวัลโล...ทั้งที่ส่งไปตรวจในแล็บได้แค่สามอาทิตย์ " อเล็กซิสสวนคำไม่ยอมฟังผู้เป็นลุงพุดจนจบ เขาจ้องหน้าเฟเดริโก้นิ่ง แววตาไม่พอใจ

           "....ลุงรู้ว่าหลานกำลังหวัง...."เฟเดริโก้ถอนหายใจเบาๆ "รู้ดีว่าการเสียคนในครอบครัวไปใช่จะทำใจได้ง่ายๆแต่ตอนนี้เราต้องเตรียมการ..."

           "...ผมอยากทราบคำตอบ...."

          "...วิธีตรวจพิเศษ ดูจากประวัติการทำฟัน " เฟเดริโก้ยอมตอบในที่สุด เมื่อหลานชายออกปากคาดคั้นอย่างไม่ยอมแพ้

          "...ศพนั่นถูกเลาะฟันออก " อเล็กซิสจ้องหน้าลุงของตนเขม็ง "วิธีที่ตรวจได้คือดีเอ็นเอจากศพเท่านั้น...คุณลุงไม่มีสิทธิ์จะมาตัดสินว่านั่นคือศพของคาวัลโลจริงรึเปล่า...ตราบใดที่ผลไม่ออกมา "

         "...ก็ใช่..."เฟเดริโก้พยักหน้าด้วยสีหน้าอิลักอิเหลื่อ " แต่ตอนนี้มันไม่มีเวลา ลุงเลยจัดการให้ตรวจจากประวัติการทำฟันก่อน ถึงจะถูกเลาะฟันออก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ถ้าจะตรวจก็ทำได้ "

          "..พอผลออกมา...ก็เลยลงมติตั้งผมเป็นบอส...ทำไมต้องรีบขนาดนั้นครับ ในเมื่อคุณลุงยังอยู่ต่อได้อีกนาน " โกหกชัดๆ ...อเล็กซิสไม่มีทางเชื่อว่าหมอจะตรวจพลาด..แต่ที่บอกว่าใช่ มันต้องเป็นแผนของใครสักคนแน่ๆ

         "....ตอนนี้สถานการณ์ไม่ปกติ...เราต้องเตรียมการล่วงหน้า " เฟเดริโก้ยักไหล่ สีหน้าไม่หยี่ระ

         " ไม่ใช่เรพาะรอโอกาสนี้มานานหรอกหรือครับ? " อเล็กซิสจ้องหน้าผู้เป็นลุงเขม็ง

          "...พูดอะไร...อย่ามองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้นอเล็กซิส...ลุงก็พอรู้ว่าหลานไม่พอใจเรื่องเมื่อสามปีก่อนอยู่มาก...แต่....ตอนนี้มันไม่ใช่..."

          " แล้วถ้าคาวัลโลยังมีชีวิตอยู่ ไม่คิดบ้างหรือครับ ว่ามันจะทำให้เขาไม่พอใจแค่ไหน "อเล็กซิสซักต่ออย่างไม่ยอมแพ้ " ตามกฏ ตามประเพณี หรือกระทั่งตามมารยาท...ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ คาวัลโลตาย...หรือหายสาบสูญไป ผลการตรวจยังไม่แน่ชัด ไม่มีคนสอบสวนพวกที่รอดชีวิตจากการปะทะครั้งนั้นไม่พอ...ยังจะมาตั้งผมเป็นบอสใน"เกือบ"ทันทีอีก...เข้าใจผิดอะไรไปรึเปล่าครับ...ผมยอมรับเป็นผู้ดูแลเรื่องทั้งหมด ไม่ใช่เพราะอยากเป็นบอส...แต่เพราะอยากปกป้องครอบครัวของผม และล้างแค้นให้กับน้องชายของผม..."

            " เรื่องพวกนั้น ไม่มีตำแหน่งบอส ทำไม่ได้ "เฟเดริโก้ยิ้มเย็น...สบตาหลานชายเงียบๆ

             " ผมรู้ แต่ไม่ใช่หน้าที่อะไรที่คุณลุงจะมายกให้...ผมมีความสามรถที่จะทำมันได้โดยไม่ต้องพึ่งตำแหน่งผู้นำอย่างเป็นทางการ...ของแบบนั้น เก็บไว้ให้คนที่อยากได้เถอะครับ "

            " คนอยากได้...มันไม่อยู่แล้ว...ถึงต้องมอบให้คนที่มีความสามารถที่สุด นี่เป็นมติของทุกคนในที่ประชุม อเล็กซิส " เฟเดริโก้ วาลกัส สบตาหลานชายหยักยิ้มเย็น

             "...ผมไม่รับ จนกว่าผลจะออกมาแน่ชัด..."

            "....จะรอให้ผลแน่ชัด...หรือจะรอให้เรากลายเป็นเป้าหมาย...ก็เลือกเอา หลานรัก " เฟเดริโก้ตบบ่าหลานชายพลางบีบเบาๆ นัยน์ตามองไปยังสวนหน้าบ้านพร้อมรอยยิ้มบาง

            "..ตอนนี้ทั้งบ้านก็เหลือแค่หลานกับอเล็กเซย์ที่ป่วย อเล็กซานดร้าที่เป็นผู้หญิง ส่วนคาร์เฟโร่กับอลิสก็กำลังอยู่ในช่วงทำใจจาการสูญเสีย...และลุงก็คิดว่าตัวเองแก่เกินกว่าจะมาทำสงครามกับพวกอื่นๆอีกแล้ว....ใครที่เหมาะสมจะเป็นผู้นำในเหตุการณ์นี้...หลานก็รู้ตัวดี "

              " อย่างน้อย ก็เพื่อปกป้อง"คนสำคัญ"ของตัวเอง"

                  แรงบีบที่ไหล่หนักขึ้น พร้อมกับสายตาของผู้เป็นลุงที่จับจ้องไปยังสวนหน้าบ้าน อเล็กซิสมองตาม ...ก่อนจะตัวเย็นวาบเมื่อมองเห็นสายตาของผู้เป็นลุง จับจ้องไปยังร่างของแฝดผู้น้องนั่งอยู่บนรถเข็นกับเจ้าสุนัขตัวโปรด..


            " เรื่องคาวัลโล...ต่อให้มันรอดชีวิต...คนที่พ่ายแพ้ไปแล้ว..ก็ไม่มีสิทธิบ่ายหน้ากลับมา..."


         คำพูดนั้น ทำให้คนฟังหันไปจ้องหน้าผู้เป็นลุงด้วยสีหน้าตกตะลึง อเล้กซิสเม้มปากแน่น มองร่างในชุดสูทสีดำสนิทที่เดินออกไปจากห้อง เขารู้จักลุงของตนมาตั้งแต่เกิด แต่เพิ่งมารับรู้ ถึงความโหดเหี้ยมของชายผู้อยู่ในเส้นทางของ"มาเฟีย"ก็วันนี้...

       นัยน์ตาสีฟ้าเข้มจับจ้องโทรศัพท์มือถือของตนเขม็ง...จากที่เคยภาวนาให้น้องชายโทรมาเร็วๆ แต่ตอนนี้ อเล็กซิสนึกอยากให้เจ้าตัว"ลืม"ไปเสียว่าจะต้องโทรมาหาเขาเสียด้วยซ้ำ

      ...เพราะไม่รู้จะบอกน้องชายยังไง...ว่าท้ายที่สุดแล้ว เจ้าตัวก็เป็นแค่.....คนที่ถูกใช้แล้วทิ้ง...

           ชีวิตและร่างกายที่คาวัลโลทุ่มเทลงไป...มันเปล่าประโยชน์

.....................

            เดินลงมาจากรถที่เข้าจอดยังหน้าพระราชวังที่ทัสคานีอีกครั้ง คาวัลโลเดินตามหลังสองพี่น้องเซย์ฮามัค เขามองเหล่าสาวๆนางกำนัลที่มารอรับอัลชาอ์ มององค์รักษ์ที่ตั้งแถวรอแล้วยิ้มบางๆด้วยความรู้สึกราวกลับได้กลับบ้าน

           "...ท่านพี่อัลชาอ์ " ร่างของเจ้าชายฟาลซาอ์เดินดุ่มออกมาต้อนรับมีสีหน้ายิ้มแย้ม...คาวัลโลจ้องมองเจ้าชายหนุ่มที่มีศักดิ์เป็นน้องบุญธรรมของชีคแห่งเซเนียยาด้วยสีหน้าใคร่รู้

         รามิลและราเซย์เข้าไปยืนทักทายด้วยตามมารยาทคาวัลโลก็ยื่นมือจับทักทายอีกฝ่ายเช่นกัน ก่อนที่คณะผู้ติดตามทั้งหลายจะเดินเข้าไปในห้องโถงโอ่อ่าเพื่อจะแยกย้ายไปอาบน้ำแล้วลงมาทานอาหารเที่ยง

            "...ท่านพี่ครับ..วันนี้มีแขกมาเยือนไม่ทราบว่าท่านสะดวกจะเจอเขาไหม? "  จู่ๆฟาลซาอ์ก็ออกปากพูด แน่นอนว่าเป็นภาษาอาหรับ แต่คงเป็นประเด็นที่น่าสนใจเพราอัลชาอ์ฟังแล้วขมวดคิ้ว

            " ใคร..? "

            "..เอ่อ....เขามาตามที่ท่านเคยอนุญาติไว้นะครับ ...แต่ไม่ทราบว่าอยากให้มาพบตอนนี้รึว่า..." ฟาลซาอ์ยังทำท่าเหมือนกุมความลับของชาติไว้อยู่ แถมยังเหล่มองมาทางตนทำให้คาวัลโลขมวดคิ้วมุ่นอย่างอยากรู้ตามไปด้วย

            " แล้วใครมากัน..." ชีคหนุ่มขมวดคิ้ว สีหน้าเริ่มตึงขึง

            "...ที่ผมโทรไปแจ้ง..."

           "..อ้อ....บอกเขาด้วยว่าฉันเชิญทานอาหารกลางวันด้วยกัน..จัดห้องพักให้เขารึยัง? " ชีคหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะเริ่มออกเดินอีกครั้ง

           "...แน่ใจหรือครับ? " เจ้าชายหนุ่มชักสีหน้าลังเล..

           "..ตามที่ผมสั่ง...เชิญ...." นัยน์ตาสีนิลฉายแววหงุดหงิด ทำให้เจ้าชายหนุ่มนิ่งเงียบ ส่วนคาวัลโลกระพริบตาปริบๆ...ด้วยสีหน้าไม่รู้เรื่อง

           "..เอ้อ...ตกลง...เมื่อกี้คุยอะไรกัน? " คาวัลโลออกปากถามฮาซานที่กำลังยกกระเป๋าเดินนำเขาเงียบๆ...

           "...มีแขกของชีคมาหา.." ฮาซานตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินนำไปยังห้องพักที่จัดเตรียมไว้...คาวัลโลอ้าปากจะทักว่าผิดห้อง..แต่ก็นึกได้ ว่าเขาไม่ควรจะอยู่ห้องเดียวกับท่านชีคแห่งเซเนียยาอีกต่อไป..

                  นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองห้องพักขนาดกลางที่ตกแต่ออกมาอย่างดีแล้วก้าวเท้าเข้าไป...ก็ยังดีที่มันไม่ใช้ห้องหวานแหววห้องเดิม..

            "...รบกวนเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วสักครู่ผมจะมาตามไปทานอาหาร "ฮาซานบอก พร้อมกับปิดประตูห้องลงช้าๆ..

           คาวัลโลนั่งลงบนเตียงนุ่ม ปูผ้าสีน้ำเงินเข้มเรียบหรู...ปลายนิ้วไล้ตามแนวเรียบของตะเข็บอย่างใจลอย...จมูกรู้สึกตื้อขึ้นมากะทันหัน

         เพราะอะไรไม่รู้ เขาถึงอึดอัดและอยากจะร้องไห้ขึ้นมารำไร..

......

            ไม่ต้องรอฮาซานเคาะประตู พออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเขาก็เดินดุ่มออกมาจากห้อง คาวัลโลมองซ้ายมองขวา ไม่เห็นหน้าองค์รักษ์หน้าตายอยู่แถวนี้ แต่ก็ช่างปะไร ในเมื่อเขาเดินไปได้อยุ่เเล้ว

              "..นี่คุณ...." เสียงทักจากด้านหลังทำให้ต้องหันไปมอง คาวัลโลมองหน้าคนทักก่อนจะเลิกคิ้วสูง

                  การแต่งตัวอย่างยุโรปของอีกฝ่ายชวนให้แปลกใจได้มากพอสำหรับสถานที่แบบนี้ แต่หน้าตาทาทางนี่สิน่าสนใจกว่า คาวัลโลมองสบตาชายหนุ่มนัยน์ตาสีเขียวอ่อน เส้นผมสีชาที่มองสบตาเขาด้วยรอยยิ้มพราวระยับ ใบหน้าที่บอกไม่ได้ว่าแก่หรือหนุ่มกว่าตนสักกี่มากกี่น้อยเอียงคอมองเขาอย่างร่าเริง นัยน์ตาหวานเจ้าชู้ไม่น้อย อีกทั้งใบหน้าสวยมีสเน่ห์...สรุปได้ว่าดุดีนับแต่หัวจรดเท้า...ชวนให้ลางสังหรณ์บางอย่างเกิดขึ้นกะทันหัน

       ....หรือว่านี่....

               " สวัสดีครับ...ผมโรเบิร์ต..โรเบิร์ต ชอว์ตัน ยินดีที่ได้รู้จัก..." พออีกฝ่ายยื่นมือมาให้พร้อมยิ้มร่าแบบนั้นจะทำหน้ามึนไม่สนใจก็ชักจะใจร้ายไปหน่อย คาวัลโลเอื้อมมือสัมผัสปลายนิ้วอีกฝ่ายและหยิบหน้ากากชายหนุ่มแสนดีมาใส่อย่างรวดเร็ว

              "...ครับ...สวัสดี ผมชื่อคาวัลโล เตอเกียเร่.." คาวัลโลมองหน้าชายหนุ่มพร้อมกับภาวนาอยู่ในใจ ขอเถอะ...หมอนี่ อย่าได้รู้จักหรือจำหน้าเขาได้จากนิตยสารแท๊ปลอยด์หรือป้ายประกาศจากไหน...ขอทีเถอะ...

              "...คุณเป็นแฟนของอัลชาอ์เหรอ? "คำถามแรกที่ดังขึ้นทำเอาสะอึกอึ๊ก...คาวัลโลชักสีหน้าเหยมองหน้ามิสเตอร์โรเบิร์ตนี่อีกที พร้อมกับส่ายหน้าวืด

              "...เปล่า...เอ่อ...ผมเป็น "อยากจะบอกว่าผู้ชายตรงหน้ายังเหมาะสมจะเป็นแฟนอัลชาอ์มากกว่าเขาเสียอีก ทั้งเมื่อกี้ที่เดินออกมาจากห้องของท่านชีคไม่ใช่รึ

               "...เขาเป็นที่ปรึกษาของอัลชาอ์น่ะ..." ฝ่ามือตะปบเข้าที่ไหล่อีกที่ ก่อนน้ำเสียงเริงร่างของคุณชายรามิล เซฮามัคจะดังขึ้นเบื้องหลัง

                " อ้อ.....ฮาย รามิล...ไม่เจอกันนาน..." โรเบิร์ตพยักหน้าทักทายรามิลพร้อมกับกอดคออีกฝ่ายทันควัน...คาวัลโลรีบขยับตัวให้ห่างจากร่างชายหนุ่มทั้งสอง แขวนค้างอยู่กลางเรื่องด้วยความงวยงงไม่น้อย

                 "...คุณคงไม่รู้จัก...คาวัลโล นี่โรเบิร์ต...อ่า....เพื่อน"สนิท"ของอัลชาอ์น่ะ..."ลงท้ายคำว่าสนิทเสียชวนคิด ..คาวัลโลมองหน้าคนพูดอย่างกังขา

                "บอกว่าเป็นแฟนเก่าก็ได้..ผมไม่ถือ..." หนุ่มหล่อเบื้องหน้าหัวเราะขำอย่างไม่ซีเรียสนัก...คาวัลโลฟังแล้วพยักหน้า...คิดไปถึงข้อมูลที่ฮาซานบอกว่าอัลชาอ์ไปอยู่อังกฤษตั้งแต่เด็ก...และอืม...สเปกของท่านชีคคงประมาณนี้..หน้าตาโซนยุโรป ผมสีทอง ตาสีเขียวไม่ก็ฟ้า...หน้าตาดี อะไรเทือกนี้..

                 " ตอนผมมาฟาลซาอ์บอกว่าอัลชาอ์มีแฟนใหม่แล้ว นึกว่าเป็นคุณเสียอีก...แหม เล่นเอากลัวแทบแย่ว่าจะมาขัดจังหวะ "โรเบิร์ตหัวเราะร่า พูดคุยกับรามิลด้วยท่าทีสนิทสนม

                 "...ฮ่ะๆ...คงจะโดนอำมาล่ะมั้ง...ฟาลซาอ์ก็ขี้เล่นแบบนี้ล่ะ " รามิลหัวเราะรับ  ก่อนจะหรี่ตาลงด้วยท่าทีล้อเลียนหน่อยๆ "แล้วนี่....คุณแอบไปไหนมา...เที่ยวซุกซนค้นวังไปเรื่อย ระวังจะถูกจับตัดมือ "

                 " อะไรกัน...ผมแค่เอาของฝากไปให้เฉยๆ "ชายหนุ่มเบื้องหน้าแตะริมฝีปากตัวเองอย่างมีเลศนัยแล้วหัวเราะขำ...ไม่ต้องมองดูริมฝีปากสีจัดนั้นก็รู้...ว่าของฝากจะเป็นอะไร ในเมื่อคำพูดมันส่อขนาดนั้น...คาวัลโลครางฮึมในลำคอ กลอกตามองพื้นพรม ขณะที่ท้องร้องโครกคราก หวังว่ารายการงี่เง่านี่จะจบลงโดยเร็ว

                  "....โอ้...ผมหิวจัง อัลชาอ์บอกว่าให้ไปรอทานอาหารข้างล่าง...ผมลงไปได้รึยังเนี่ย? " โรเบิร์ตยิ้มกว้าง ออกปากถาม

                 " อืม ได้สิ ...อ๊ะ....เดี๋ยวผมคุยธุระกับคาวัลโลแป๊ปนึงแล้วจะตามไป "รามิลยิ้มรับ โบกมือให้อีกฝ่าย

                " ครับ...งั้นผมลงไปก่อนนะ คุณด้วยขอโทษนะที่เคุยเพลินจนเสียมารยาทไปเลย "โรเบิร์ตหันมาขอโทษขอโพยด้วยสีหน้ารู้สึกผิด คาวัลโลหยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ต่อให้เขาถูกลืมไปจริงๆก็ไม่คิดจะโกรธหรอก เพราะสีหน้าของคนขอโทษมันจริงใจเสียขนาดนั้น

                 "...ไง...เขาน่ารักดีใช่มั้ยล่ะ "รามิลทัก ขณะที่โบกมือให้โรเบิร์ตที่เดินลงไปข้างล่าาง

                " อืม..." คาวัลโลมองตามแล้วรับคำเบาๆ...นิสัยดี หน้าตาดี ดีทุกอย่างเลยด้วย...ผิดกับตัวเขาลิบลับ หมายถึงแค่นิสัยนะ..

                 "...แล้วมีอะไรจะคุยกับผม "

                 " อ้อ...จะบอกเรื่องนี้ล่ะ "รามิลหัวเราะ ก่อนจะชี้แจง " เรื่องคุณกับอัลชาอ์ผมบอกไปว่าเป็นแค่ที่ปรึกษา เพราะงั้น..."

                 "...ก็มันไม่มีอะไรจริงๆนี่...ผมไม่ว่าอะไร "คาวัลโลยักไหล่ มองหน้ารามิลที่ยิ้มให้

                 "...ขอบคุณนะ..." หือ?...คำขอบคุณจากรามิลทำให้หัวคิ้วขมวดเข้าหากันหนักขึ้น...กระพริบตาปริบๆ

                "....ขอบคุณที่คุณไม่รับรักอัลชาอ์..โอเคว่าผมไม่ได้ดีใจที่เขาผิดหวัง แต่ยังไงก็ดีใจที่เซเนียยาจะมีทายาทสืบต่อ ..." รามิลว่า "ยังไงผมก็เป็นคนเซเนียยานี่ เรื่องนี้ผมก็ต้องดีใจ "

                "....อืม....." คาวัลโลทำได้เพียงรับคำในลำคอ...พยายามนึกว่าหมอนี่ประชดรึเปล่าแต่ก็ช่างมันแม้จะนึกเถียงในใจว่า แน่ใจหรือว่าท่านชีจะไม่คิดรื้อฟื้นอดีตกับแฟนเก่า

                "...แล้วก็หวังว่าคุณจะไม่เสียใจภายหลัง "รอยยิ้มของรามิลฉาบบนใบหน้า แต่แววตาแฝงนัยยะบางอย่างที่ทำให้คนฟังหน้านิ่ว...คาวัลโลถอนหายใจแผ่วเบาก่อนจะปัดมือหนาที่พาดบนไหล่ออก

                " คนอย่างผม ทำอะไรแล้วไม่เสียใจภายหลังหรอก..."

               " ก็ดี " รามิล เซฮามัคยิ้มรับแล้วผละจากไป....คาวัลโลมองตาม ใหน้าของมาเฟียหนุ่มนิ่วน้อยๆ...

          .....อาจจะไม่เสียใจภายหลัง...

................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 23 : ด้วยรักและไม่เข้าใจ 11/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 19-03-2011 01:29:59

        เสียงหัวเราะร่าเริงบันเทิงใจดังขึ้นจากโต๊ะอาหาร โรเบิร์ต ชอว์ตัน ชายหนุ่มที่คาวัลโลรู้ข้อมูลคร่าวๆว่าเป็นชาวอังกฤษ รู้จักกับอัลชาอ์มานานนมและคบกันนานพอสมควร กลายเป็นอาคันตะกะผู้สร้างเสียงหัวเราะไปเสียแล้วนั่งอยู่ข้างชีคหนุ่มผู้นั่งเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะ คาวัลโลตักอาหารเข้าปากขณะที่เงี่ยหูฟังเสียงสนทนาของผู้คนโดยรอบไปพลางๆ...และพ่นลมหายใจหลบหนีสายตาเห็นอกเห็นใจของฟาลซาอ์ เจ้าชายผู้ไม่รู้อะไรเลยเงียบๆ

              ตัก"คีบับ"อาหารพื้นเมืองที่ทำมาจากเนื้อวัวย่างซอสเข้าปาก พลางเตือนตัวเองว่าเขาควรจะโทรไปหาพี่ชายสุดที่รักได้แล้ว เพราะขาดการติดต่อมาอาทิตย์กว่าๆแล้ว เดี๋ยวอเล็กซิสมันจะพาลคิดไปว่าเขาถูกเก็บไปเสีย แล้วอาจจะหาเรื่องยกพวกมาตีกับที่นี่เหมือนพวกเจ้าโง่ราฟาเอลโร่และฟิลิเป้เข้าให้

             " หือ? " ครางในลำคอเบาๆเมื่อพบว่าสายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องมาที่ตน คาวัลโลวางส้อมที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาพันเส้นสปาเกตตี้อย่างเอาเป็นเอาตายแล้วหันไปมองงงๆว่าที่มองนี่เพราะการกินแบบทำลายล้างของเขารึเปล่า

             "....อ้อ....เมื่อกี้ร๊อบถามคุณเรื่องอิตาลีน่ะ เขาเพิ่งไปเที่ยวมา "ราเซย์อธิบายคร่าวๆ

            " อ้อ...."ครางรับในลำคอ พลางเลิกคิ้วมองหน้าชายหนุ่มเบื้องหน้า..." ว่าไงครับ? "

            "..ผมอยากคุยกับคนอิตาเลียนน่ะ....ไปเที่ยวมาเลยเห่อนิดหน่อย...ผมชอบไร่องุ่นที่นั่นมากเลย ตอนเช้าๆโรแมนติกมากเลยนะให้ตาย..."ว่าแล้วชายชาวอังกฤษเบื้องหน้าก็ทำหน้าตาเคลิ้มฝัน ชวนขันไม่น้อย

            "...บ้านผมเป็นเมืองโรแมนติกอันดับหนึ่งของโลกไง " คาวัลโลหัวเราะหึๆ "แล้วคุณไปเที่ยวที่ไหนมาล่ะ ทางเหนือหรือว่าทางใต้.."

            " ผมเริ่มจากไปเที่ยวโรมครับ แล้วไปต่อเรื่อยๆ ได้เที่ยวที่เกาะซิซิลีด้วยล่ะ เขาว่าแถวนั่นมาเฟียเยอะใช่ไหม..."คนพูดทำหน้าตาขนลุก คาวัลโลฟังแล้วหัวเราะเบาๆในลำคอมองสีหน้าของคนฟังรอบๆแล้วยิ่งขำ อยากบอกนักว่า"มาเฟีย"ก็นั่งอยุ่ตรงนี้ตัวเป็นๆแล่วไงเล่า

             " อืม....บ้านผมอยู่ที่ปาร์เลโม ไม่ยักสนใจเรื่องนั้นนะ..."เอาจริงๆไม่ได้โกหก เพราะบ้านเดิมที่ครอบครัวย้ายมาก่อนจะตั้งรกรากที่โรม ก็อยู่ที่แคว้น ปาร์เลโม เกาะซิซิลีจริงๆ...

             " โว้ว....คุณ...อยู่ที่เกาะนั้นเหรอ? "โรเบิร์ตว่าพลางมองหน้าเขาอย่างอึ้งๆ " ชักอยากรุ้แฮะว่ามันมีจริงไหม?"

             " แล้วแต่ว่าคุณจะสนใจไหม...ถ้าไม่ยุ่งกับพวกนั้นเขาก็ไม่มายุ่งกับเราหรอก ใช่ว่าพวกที่เดินตามถนนจะมีป้ายแขวนคอบอกไว้ว่าเป็นมาเฟียเสียหน่อย "คาวัลโลยักไหล่ "ส่วนเรื่องสมาคมลับที่พวกสื่อต่างชาติชอบเอามาเล่น...ก็ไร้สาระ แถวนั้นมีแต่ไร่องุ่นกับไร่มันฝรั่ง " วงเล็บว่ามีคฤหาสถ์โบราณตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกกับหลุมศพมาเฟียในแกงค์เก่าๆด้วยนะ

             " งั้นเหรอ? แต่มันน่าสนใจจริงๆนา...ได้บรรยากาศเดอะก๊อดฟาเธอร์เลย " คนพูดหมายถึงหนังสือวรรณกรรมอาชนิยายที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนต์ บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับมาเฟียจากอิตาลี

             "...คงเพราะเขาอิงจากเกาะซิซิลีล่ะมั้ง " คาวัลโลยักไหล่...

             "....แล้วอยู่ที่นั่นคุณทำอาชีพอะไร "ชักจะเหมือนการสอบสวนเข้าไปทุกที คาวัลโลกรอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย

            "....ก็...ไกด์นำเที่ยว สำหรับพวกนักท่องเที่ยวสอดรู้สอดเห็นอยากไปเหยียบหางพวกตาเเก่ขี้โมโหแถวนั้น "

            " ฮ่ะๆ...เอ่อ...งั้นเหรอ.." ว่าแล้วโรเบิร์ต ชอว์ตัน ชายผู้มีมนุษย์สัมพันธ์เลอเลิศและสอดรู้สอดเห็นนิดหน่อยก็หันไปทานอาหารต่ออย่างไม่ต่อความถามไถ่อะไรอีก..ซึ่งก็ดีแล้วเพราะถ้ายังเสือกจะถามต่อทั้งที่เขาประชดไปเสียเต็มกำลังแล้วล่ะก็...อีกเสี้ยวขี้ตาแมงหวี่ หมอนี่ก็จะกลายเป็นไอ้บ้าไร้กาละเทศะไปแล้ว
         
              "...ให้ตาย" รามิลที่นั่งอยู่ข้างๆทำหน้าเบี้ยวใส่เขาแล้วส่ายหัว

             " อะไร..."คาวัลโลคำรามกลับ ก็ใครใช้ให้มา"ยุ่ง"กับเรื่องส่วนตัวของคนอื่นเกินไปแบบนี้ ทั้งที่เป็นคนอังกฤษซึ่งขึ้นเชื่อเรื่องมารยาทและเป็นผู้ดีเสียเปล่าเรื่องแบบนี้ก็ไม่เข้าใจ

             "...แค่แฟนเก่าอัลชาอ์มาเยี่ยมไม่เห็นต้องหงุดหงิด ไม่กี่วันเขาก็ไปแล้ว....แล้วคุณก็เป็นฝ่ายทิ้ง...อุ๊ก...."

             " เงียบไปเลยไป " ซัดฝ่าเท้าใส่หน้าแข้งรามิลเสียทีหนึ่งแล้วถลึงตาใส่...ช่างจับเรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำให้เป็นเรื่องเสียเหลือเกิน มันเกี่ยวอะไรกับหึงหวงตรงไหน เขาก็แค่ไม่พอใจที่มาละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวเท่านั้นล่ะ..

             "..ก็เห็นเข้ากันได้ดีขนาดนี้..ทำไมถึงเลิกกันซะล่ะ "คาวัลโลออกปากถามพลางปรายตามองทางหัวโต๊ะที่อัลชาอ์นั่งคุยกับโรเบิร์ตด้วยท่าทีคุ้นเคย

              "...ไม่รู้เหมือนกัน "รามิลยักไหล่..." เห็นคบกันมานานพอดู จู่ๆก็บอกว่ากลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว.."

                "อืม....อาจจะมีรีเทิร์นก็ได้มั้ง "คาวัลโลตักสปาเกตตี้เข้าปากแล้วเปรยขึ้นเงียบๆ

              "...หึ...พูดเหมือนตัวเองไม่เกี่ยวนะ "รามิลหัวเราะหึๆ

             "...ช่วงที่อกหักน่ะ คนเรามันจิตใจอ่อนไหว ไม่รู้รึไง "คาวัลโลยังคงพูดประเด็นเดิมอย่างไม่คิกจะสนใจถ้อยคำจิกกัดของพี่น้องตระกูลเซฮามัค

           "  ไม่เห็นคุณเป็นแบบนั้น " ไอ้เวรนี่ยังไม่เลิก คาวัลโลถอนใจพรู หยิบแก้วน้ำเปล่ามาจิบ บ่งบอกว่าอิ่มหลังจากฟาดเรียบมามากกว่าครึ่งชั่วโมง

            "...ผมไม่ใช่คนเจ็บ...รึจะเถียง "

           " อืม...ชัดเจนเลย แบบนี้ยิ่งชัดเข้าไปใหญ่ " คราวนี้รามิลแสยะยิ้มออกมาด้วยท่าทีหงุดหงิด "ว่าแล้วก็ชักอยากจะให้รีเทิร์นแบบที่คุณว่าจังเลยนะ อยากรู้จริง ว่าคนแถวนี้มันจะนึกเสียใจขึ้นมาบ้างไหม"

           "............." คาวัลโลไม่ตอบแต่ขยับฝ่าเท้ากระทืบลงบนหลังเท้าของรามิล เซย์ฮามัคอีกครั้ง เขาวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ มองสบแววตาเห็นอกเห็นใจไม่เลิกของเจ้าชายฟาลซาอ์และเลยไปถึงแววตาสงสัยจัดของฮาซานที่เฝ้าอยู่ตรงประตูหน้า นึกหงุดหงิดว่าคนพวกนี้จะห่วงอะไรเขานักหนา ก่อนจะตัวดสายตามองอัลชาอ์ที่นั่งคุยกับโรเบิร์ต เขาสังเกตเห็นฝ่ามือของหนุ่มชาวอังกฤษวางบนหน้าขาของท่านชีคแห่งเซเนียยาอย่างสนิทสนมแล้วนิ่วหน้าน้อยๆ...สบมองนัยน์ตาสีดำสนิทแล้วผงกหัวเชิงขอตัวไปที่อื่นด้วยหวังจะให้จบรายการงี่เง่าบนโต๊ะอาหารเสียที

          อัลชาอ์พยักหน้าน้อยๆให้เชิงอนุญาติ เขาจึงลุกจากเก้าอี้ออกไปจากห้อง ใคร่ครวญเรื่องราวทั้งหมดพร้อมถามตัวเองว่านี่จะเป็นแผนของอัลชาอ์อีกไหม..แต่เขาก็ปัดมันทิ้งไป เพราะรู้ว่าท่านชีคแห่งเซเนียยาไม่ได้ว่างพอจะมาเล่นเกมส์ทดสอบหรือประชดอะไรกับเขาให้เสียเวลาอีก...

          ฝ่าเท้าของคาวัลโลย่ำลงไปยังห้องขังใต้ดินของวัง เขาปัดเรื่องวุ่นวายยุ่งยากทั้งหมดออกจากสมองอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปากยามมองเห็นร่างของราฟาเอลโร่ บอนด์เต้ และ ฟิลิเป้ เรกาโซ่ สองมาเฟียคู่อริอยู่ในสภาพถูกล่ามโซ่ไว้ในห้องขัง  สั่งให้ฮาซานที่เดินตามมาเปิดประตูห้องขังของราฟาเอลโร่ ก่อนจะลากเก้าอี้ไปนั่งหน้าร่างที่เอนตัวพิงผนังห้องขังนิ่งเงียบด้วยรอยยิ้มพึงใจ

         เสียงเปิดประตูเเละเสียงครูดของโต๊ะกับพื้นห้อง ทำให้ราฟาเอลโร่ลืมตาขึ้นมาในที่สุด เขามองเห็นร่างของคู่แข่งตลอดกาลนั่งอยู่เบื้องหน้าบนเก้าอี้สีทึบ สบมองรอยยิ้มที่เหนือกว่าของมันพร้อมกับฟังเสียงทายทักที่บ่งบอกว่ามันพร้อมจะเอาคืนเขาแล้วอย่างสาสม..แบบที่เจ้าตัวมันบอก

           " สวัสดี ราฟาเอลโร่ หลับสบายดีไหม? "

                ราฟาเอลโร่ บอนด์เต้ เพียงแต่ขยับยิ้มหยัน...เย้ยหยันทั้งโชคชะตา ทั้งตัวเอง และทั้งชายหนุ่มตรงหน้า

   .....ไม่รู้ว่าเจ้าคนที่กำลังพยายามดิ้นรนจะเป็นจะตายตรงหน้าจะรู้ไหม...ว่าคนที่มันรักนักหนา กำลังหักหลังมันอยู่...

...........

หนาวอ่ะ...ฮู่ววว
สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ขี้เกียจมาก (ไม่ใช่เพราะสอบเสร็จแล้วนะ ) หมายถึงขี้เกียจลุก เพราะอากาศมันชวนนอนต่อมากมาย :man1:.. ช่วงนี้กรุงเทพเป็นอะไร รู้สึกเหมือนกำลังกลับไปเที่ยวบ้านตอนหน้าหนาวก็ไม่ปาน ขนาดปุ้ยอยุ่ทางเหนือมาค่อนชีวิตยังไม่ชินกับอากาศหนาวแบบนี้เลยเหอะ โทรไปที่บ้านแม่ก็บอกว่าหนาว แถมฝนตกด้วย เกิดอะไรขึ้นเนี่ยฮู้ยยย (ไม่เกี่ยวกับซึนามิรึโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นนะ อย่าบ้าเอาเบต้าดีนป้ายคอเหมือน ฟอเวิร์ดเมล์ล่ะเออ)
  ...ส่วนตอนนี้ หึหึ ศัตรูความรักมาแล้วเรอะ (โดนเตะ :z6:) แต่ไม่ได้มาแนวนางร้ายหรือแย่งอะไรนะ บอกตามตรงว่าปุ้ยไม่ชอบเขียนเลยแฮะ ไอ้เรื่องที่พระนาย(ฮ่าๆ)ทะเลาะกันแล้วมีมือที่สามมาทำให้หึงให้หวงเนี่ย รู้สึกว่ามันงี่เง่าอ่ะ แต่ไปๆมาๆ นั่งคิดนอนคิดยังไงก็พบว่าอิวี่(อัพเดทชื่อใหม่ของคาวัลโลแล้ว :laugh: )มันจะต้องเจอแบบนี้ถึงจะรู้สึกรู้สาซะบ้างแต่ไปๆมาๆนังวี่ก็ออกแนวไม่สนอยู่ดี แต่มีแอบพาลแอบเหวี่ยงตามประสา
      ส่วนเรื่องเล็กซิสหึหึหึ บรรยากาศทางโน้นก็เริ่มมาคุแล้วนะค่ะ..ถ้าคาวี่รู้เรื่องเมื่อไหร่ล่ะก็...รับรองงงานนี้มีเฮ
  แอบสะใจนังวี่(ตั้งด้วยความรักจริงๆ)นิดนึงตอนอัลชาอ์เดินมาบอกว่าจะไม่มีอะไรอีกแล้ว แถมไปตบหัวใจเค้าอีก เจออัลชาอ์สวนคำเดียวจอดเลย พอเขาไม่สนก็แอบมามึนๆซึมๆ ชะ ทำตัวเองแท้ๆ..แถมยัง...อืม คาวี่มันไซโคตัวเองแฮะ แบบว่าเฝ้าบอกตัวเองว่าไม่รักๆๆ ไม่สนว่าความจริงตัวเองจะรู้สึกยังไง ไซโคแบบนั้นไปเรื่อยๆเพราะเชื่อว่าในที่สุดมันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เอาเข้าจริงคาวี่มัน"เด็ก"กว่าที่แสดงออกมากมาย ภายนอกอาจจะมองว่าดูแกร่งและเป็นผู้ใหญ่ แต่ถ้าลองมองเข้าไปลึกๆก็เป็นแค่เด็กที่ใช้วิธีหนีความจริงและตัดปัญหาไม่อยากให้ลุกลาม แค่นั้น... เราก็ได้แต่รอดูกันไปว่าจะได้ผลไหม
ตอนนี้ไม่มีอะไรมากนัก รอตอนหน้าเรามาสอบสวนราฟาเอลโร่กับฟิลิเป้กันดีกว่า อะหึหึหึหึ o18
ปล. ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยรักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ
ปล.2 ใครที่หนาวแล้วไม่อาบน้ำ สารภาพมาซะ !  :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 19-03-2011 01:39:29
รอมาทั้งวัน ในที่สุดก้อได้อ่านแล้ววววววววววววว
ขอบคุณค่ะ
ปล.2 ไม่ได้อาบมาจะ2วันและ นิด ๆ หน่อย ๆ หุหุ


คุณลุงเริ่มน่าสงสัยซะและ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 19-03-2011 01:47:04
รอมาทั้งวัน ในที่สุดก้อได้อ่านแล้ววววววววววววว
ขอบคุณค่ะ
ปล.2 ไม่ได้อาบมาจะ2วันและ นิด ๆ หน่อย ๆ หุหุ


คุณลุงเริ่มน่าสงสัยซะและ


 :z13:
รีบน กลิ่นตุๆ.. (me/โดนถีบ :z6:)
จะบอกว่าตัวเองก็ไม่อาบมาวันนึง วันนี้เล่นอาบตอนเที่ยงเลย หนาววว :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 19-03-2011 02:32:45
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:เครียดดดดดดดดดดดดดดด
เจ็บปวดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 19-03-2011 02:53:25
กรี้ดดดดดด กดไลค์ตอนนี้ได้มั๊ยเนี่ย :m3:

หมั่นไส้คาวี่มัน เชียร์ให้อัลชาห์เมินมันนานล่ะ (อินจัด + แค้นฝังหุ่น)

แต่ก็น่าสงสารวี่ถ้ารู้ว่าอีกฝั่งจะหาคนมาแทนที่ตัวเองแล้วจะรู้สึกไงเนี่ย  :เฮ้อ:

ตอนนี้ยาวสะใจมาก ขอบคุณหลายๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 19-03-2011 03:17:04
ยาวซะใจจริงๆตอนนี้
ดีค่ะกระตุ้นเยอะๆคาวี่มันจะได้รู้สึกตัวซะที เลิกหลอกตัวเอง

ปล.ไม่ได้อาบเหมือนกัน พอดีสองวันนี้ตรงกับวันหยุดด้วย สบายหละตู 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 19-03-2011 03:22:31
ยาวสะใจ o13
คาวี่หนอ คาวี่ เจ็บที่ไปบอกเขาแบบนั้นแต่ก็ต้องทน
ถ้ารู้ว่าตอนนี้ทางอิตาลีเปลี่ยนบอสแล้วจะทำยังไง คงเจ็บปวดใช่ม่ะ?  :m15:
คนอย่างคาวี่ก็คงหยิ่งในศักดิ์ศรีต่อไปแหง ในเมื่อบอกอัลไปแบบนั้นแล้ว  คงไม่คิดจะง้ออีก :sad4:
อากาศช่วงนี้หนาวมากก นี้มันหน้าร้อนหรือหน้าหนาวฟ่ะ! หนาวกว่าตอนหน้าหนาวอีก :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: lolilo ที่ 19-03-2011 03:59:21
หมั่นไส้คาวี่เสมอต้นเสมอปลายต่อไปเจ้าคะ =3="
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 19-03-2011 04:09:59
มายาวสะใจมาก แต่บรรยากาศในเรื่องก็ยังอึดอัดเหมือนเคย แต่ก็พอจะเข้าใจนิสัยคาวี่นะ เพราะตัวเองก็นิสัยแบบนี้เหมือนกัน หยิ่งในศักดิ์ศรีแล้วก็ฐิถิในตัวเองสูงมากเพราะโดนเลี้ยงมาให้เป็นผู้นำคนอื่นเลยลงให้ใครไม่ค่อยเป็น ต่อให้มีเรื่องที่จะต้องสูญเสียและทำให้เสียใจ แต่ก็บอกกับตัวเองแบบนี้แหละว่า ช่างมัน จะไม่มีนั่งเสียใจกับอะไรที่ตัวเองตัดสินใจไปแล้วนานนั้น จากนั้นก็จะเดินหน้าต่อ ไม่หันกลับไปสนใจสิ่งนั้นอีก นิสัยแบบนี้แย่เหมือนกันเนอะ แต่แก้ไม่ได้จริงๆ เพราะงั้นเห็นคาวี่เหมือนเห็นตัวเองเลยค่ะ
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 19-03-2011 05:08:31
อ่านแล้วโกรธลุง :m16: ทำงี้กับนู๋วี่ได้ไงฟร่ะ!!! (อัพเดทชื่อนู๋วี่แล้วเหมือนกัน อิอิ)
อยากให้นู๋วี่อาละวาดซะให้หนักๆเลย โอ๊ยยยย โกรธ!!!!
กลับมาที่ท่านชีค อ่าาาา... แบบนี้ค่อยดูดีขึ้นหน่อย เดี๋ยวคนใจแข็งก้อทุรนทุรายเองแหละ :laugh:
(ดูเหมือนอะไรๆก้อไม่เป็นใจให้นู๋วี่เลยเนอะ ฮ่าๆๆ)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 19-03-2011 06:14:49
 :เฮ้อ:คาวี่นี่มันเด็กจริงๆมีการหลอกตัวเองด้วยว่าไม่รักๆ แล้วพอเค้าทำตามที่ตัวเองอยากได้ก็มานั่งซึมเอง

ปล.รู้ได้ไงค่ะว่าเค้าไม่ได้อาบน้ำ :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 19-03-2011 06:39:18
แอบสะใจ อิ วี่ จัง
เมื่อไหร่พร้อม จัดหนักให้ อิวี่สักหน่อย จะได้ซึ้งไป นาน นาน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 19-03-2011 08:09:46
--*-- ทำไมอยู่ๆ ถึงเกิดความคิดร้ายๆเข้ามาในหัวว่า หรือจริงๆแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นเป็นแผนของคุณลุงที่้ต้องการให้อเล็กซิสกลับเข้ามารับช่วงสืบต่อหัวหน้าแก๊ง จริงๆแล้วอาจจะไม่มีคนทรยศในแก๊งค์ก็ได้ แต่เป็นคุณลุงเองที่ วางแผนจัดการเรื่องเองทั้งหมด .......มันไม่ได้เป็นแบบที่หนูคิดใช่มั้ยคะ T T

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 19-03-2011 09:29:19
แอบสะใจ คาวี่พลักไสเค้าดีนัก
เป็นไงล่ะ พอเค้าไม่สนใจก็อึน
ไม่รู้ใครทรยศใครมั้งเรื่องนี้ เยอะเกิน
รอติดตามอย่างเงียบๆต่อไป
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 19-03-2011 10:59:14
ยิ่งอ่านยิ่งเครียด

แต่ก็จะอ่านต่อไป 5555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 19-03-2011 11:27:52
คุณลุง...ใจร้ายว่ะ(แต่ก็สมกับเป็นมาเฟียอยู่ หรืออีกที อาจเป็นคนวางแผนทั้งหมดก็ได้!?!)

... งั้นที่คาวัลโลพยายามปฏิเสธว่า ไม่รักๆๆๆก็ไม่มีความหมายเลยน่ะสิ

T^T
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 19-03-2011 11:41:03
คาวี่น่าสงสารนะ ถูกหักหลังโดยลุงตัวเองเนี่ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: liptudzii_chi ที่ 19-03-2011 12:02:39
 :z3: เมื่อไรจ ะรักกันค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 19-03-2011 12:55:57
 :monkeysad: ปวดใจ เศ้ราทำไมมันเศร้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 19-03-2011 13:24:39
คาวี่น้อ....โดนคุณลุงสุดที่รักเล่นงานเข้าให้แล้วไหมละ...

นี่ละน้า...."มาเฟีย" ( - -")
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 19-03-2011 13:45:56
ทำไมลุงทำอย่างนี้หละคะ...สงสารคาวี่เน้อ...T_T
รู้สึกว่าตอนนี้คาวี่จะโดนทิ้งจังแฮะ..55+..จ๋อยไปหน่อยนึงแล้ว...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 19-03-2011 13:46:54
เอาไงดีคาล.......เรื่องแย่ ๆ ยุ่ง ๆ เข้ามาไม่หยุดหย่อนเลยเนอะ เฮ้อออ
ท่านชีคเราก้สุด ๆ จริง ๆ....เก่งว่ะเก็บอาการได้อิก  แล้วไหนจะอิแฟนเก่านั่น ป๊าดดด
เอาเป็นว่า ขอให้คาลสู้ต่อไปอย่างสง่า.........
....รู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวเลย ทำไงได้พี่แกเลือกที่จะทิ้งมันไป......

รอตอนต่อไปคร๊าบบ~  ^^
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 19-03-2011 14:00:48
อา..ชักได้กลิ่นปัญหาซะแล้วสิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 19-03-2011 14:32:34
นี่คุณลุงเหมือนกับเป็นคนวางแผนทั้งหมดเลยนะ...
ชิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: ZooS ที่ 19-03-2011 14:57:31
--*-- ทำไมอยู่ๆ ถึงเกิดความคิดร้ายๆเข้ามาในหัวว่า หรือจริงๆแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นเป็นแผนของคุณลุงที่้ต้องการให้อเล็กซิสกลับเข้ามารับช่วงสืบต่อหัวหน้าแก๊ง จริงๆแล้วอาจจะไม่มีคนทรยศในแก๊งค์ก็ได้ แต่เป็นคุณลุงเองที่ วางแผนจัดการเรื่องเองทั้งหมด .......มันไม่ได้เป็นแบบที่หนูคิดใช่มั้ยคะ T T


แอบเห็นด้วย เนอะๆๆๆ น่าคิดๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 19-03-2011 14:59:38


    อ้ากกกกกกกกก มีปมใหม่มาขยายต่อมความอยากรู้อีกแล้ว
    เรื่องตำแหน่งบอสมาเฟียยังไม่คลี่คลายเลย งี้คาวัลโลจะได้เป็นบอสกะเค้าไหมเนี่ย
    อย่าบอกนะว่าต้องล้มพี่ชายก่อนถึงจะได้เป็นบอสน่ะ

    ว่าแต่ ตอนคาวัลโลหึงเนี่ย น่ารักดีนะ อิอิ



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 19-03-2011 15:26:36
   ด้านแฝดออกอาการเครียดขึ้นแบบกะทันหัน  คุณลุงก็ทำตัวน่าสงสัยขึ้นมาทันควัน  แถมยังแอบร้ายด้วยการขู่แฝดซะด้วย 
   ด้านนู่ก็ออกแนวพูดเอง  คิดเอง  เจ็บเอง  แต่แฟนเเก่าของอัลซาล์นี่ยังไงอยู่นะ  เหมือนโดนจ้างมาลองใจนู๋วี่ยังไงก็ไม่รู้  แต่ก็เหมือนนู๋วี่ไม่สน 
   เหอะๆ  งานนี้ไม่รู้ว่าสงสารแล้วเห็นใจใครดี :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 19-03-2011 15:50:19
 :angry2:ราฟาเอโร่ สารภาพมาซะดีๆ  คัยบังอาจมาหักหลังคาวี่ รึจาเปงอิลุง
อึ้ยๆ เปงไงละคาวี่ :เฮ้อ: ปวดใจกันไปทั้งตอน  รอลุ้นตอนหวานๆเมื่อไหร่จะมาอีกอ่า :z3: :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 19-03-2011 15:51:28
มาคิดๆดูแล้ว เหตุผลทั้งหมดทั้งมวลมันอาจจะมาจากลุงของคาลวี่ก็ได้นะ
ถ้าเกิดกลับไปแล้วรู้ว่าไม่มีที่ให้ยืนอีกต่อไป คาลวี่จะเสียใจแค่ไหนเนี่ย
กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง TTATT
ตอนนี้สงสารอเล็กเซย์ด้วย หักมุมให้สองคนพี่น้องมาดามใจกันเองไปเลย (ได้ข่าวว่าคาลวี่ไปหักอกเค้านะ เหอๆ)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Indigo ที่ 19-03-2011 18:16:57
แอบเลวค่ะ สะใจเบาๆ หมันไส้คาวี่มานานแล้ว
รู้สึกว่าตัวเองแอบโรคจิตที่สะใจเวลาเป็นคาวี่ไม่พอใจที่อัลชาห์ แบบว่ารู้สึกว่าโดนซะมั่งก็ดี o13
รอดูต่อไปว่าชีวิตคาวี่มันจะพลิกผันไปอีกเท่าไหร่ แต่ก็แอบสงสารนะคะแต่สงสารในความสะใจ

PS.เป็นเม้นที่สับสนในตัวเองมาก 55555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 19-03-2011 18:37:54
 :angry2:ราฟาเอโร่ สารภาพมาซะดีๆ  คัยบังอาจมาหักหลังคาวี่ รึจาเปงอิลุง
อึ้ยๆ เปงไงละคาวี่ :เฮ้อ: ปวดใจกันไปทั้งตอน  รอลุ้นตอนหวานๆเมื่อไหร่จะมาอีกอ่า :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Saffron ที่ 19-03-2011 18:44:20
เอิ่มมมมม พูดไม่ออกไปเลยยย

คารวี่แอบหึงโดยไม่ยอมรับใช่ไหมเนี้ย
5555555555555


ปล.สงสารคู่แฝดมากกกกกกกกก



หวังว่าตอนหน้าจะพอมีอะไรให้กระชุ่มกระช่วยบ้างนะคะ
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


แต่คาดว่า พายุทะเลทราบน่าจะเข้า..รึป่าวว 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 19-03-2011 19:16:06
 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 20-03-2011 01:58:30
อ่านตาแฉะ รวดเดียว

กำลังสงสัยอยู่ว่า ลุงของคาลเองรึเปล่าที่สั่งเก็บหลานตัวเอง

ฮึ่ยยย

ชอบเรื่องนี้มากค่าา

ดิบ เถื่อน ได้ใจหนูไปครอง ฮ่าาาๆๆๆ


 :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 20-03-2011 02:45:48
ซิส - เซย์ สู้ๆนะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: pasallatel ที่ 20-03-2011 14:26:03
ว่าแล้วเชียว เริ่มจะเข้าใกล้ความคิดของเราไปทุกทีๆ

สงสัยตั้งแต่แรกแล้ว ว่าคนที่หักหลังคาลน่ะ ใคร

เริ่มเข้าเค้านะเนี่ย ไอ้ลุงตัวแสบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 20-03-2011 14:48:02
ตกลงลุงเป็นคนวางเเผนหรือเปล่า มันปวดร้าวทั้งเรื่องเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 20-03-2011 15:09:32
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
คาวี่  :impress3: สองเรื่องที่ประดังประเดมาพร้อมกัน สงสารวะ
เรื่องชักยุ่งขึ้นไปทุกที  :เฮ้อ: ปวดตับเจง ๆ
ถ้าคาวี่นิสัยเหมือนหนูนทีบ้างก็ดีนะ
แฟนเก่าท่านชีค มาได้จังหวะจริงจริ้ง  :m16: เอาแฟนเก่ามาเปรียบเทียบกับคาวี่เหรอ  :m31:
คาวี่เค้าไม่สนก็ไม่ต้องไปแคร์เค้าหรอกลูก หันมา  :กอด1: กับพ่อราฟดีกว่า หล่อกว่ากันเยอะเลย แถมเป็นมาเฟียเหมือนกันด้วย เค้าจะได้เข้าใจเราบ้าง คาวี่นิสัยเด็กอ้ะ เราก็เข้าใจนะ เพราะว่ามันนิสัยเหมือน  :o8:

เป็นฝีมือลุงเองเหรอ  :fire: ต้องขอบใจลุงมาก ถ้าไม่มีลุงก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้หรอกใช่มั้ย แล้วแกมองไปที่เซย์ทำไม ขู่อเล็กซิสพี่ใหญ่อีกแระ  :angry2:
คนในครอบครัวนี่จัดการยากเนอะ  :beat: :beat:

 :L2: :L2: :L2: เรายังยืนข้างคาวี่เสมอ ตำแหน่งบอสนี่ยกให้คาร์โลไปเหอะ ว่างสุดแล้วนั่น  :กอด1:
ถ้าคาวี่กลับไปก็ต้องโดนเก็บอีกแหงๆ อยู่ที่เซเนียยาก็จะไม่มีที่ยืนอีกต่อไป ท่านชีคเค้าไม่สนอีกแล้ว  :sad4:
มาอยู่กับเกดนี่มา  :impress2:

รอตอนต่อไปค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 20-03-2011 16:50:17
อ่านไปเจ็บอกไป นอยด์นะนี่ไม่อยากให้อะไรๆมันแย่ลงไปกว่านี้เลยให้ตายเถอะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-03-2011 16:52:25
โอ้ววว  ปวดตา  ตามเก็บไม่ไหว  สนุกมาก ๆ ๆ ๆ 
+1 ให้คนแต่งก่อนค่อยมาอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 20-03-2011 17:13:48
มาตามอ่านสองตอนปวดใจมากๆ
เลือกกันแล้วใช่ไหมที่จะเป็นกันแบบนี้
สงสารคาวัลโลเบาๆ อ่ะ อยากเป็นใหญ่ก็ต้องไม่มีหัวใจ
พอมาอ่านว่ารู้สึกยังไง แต่แสดงออกมาไม่ได้แล้วต้องตัดออกไปให้หมด
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
มีแอบร้องไห้ด้วย
งานนี้แฟนเก่าเค้าก็มา คาวัลโลจะทนได้สักเท่าไหร่กัน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 20-03-2011 17:25:36
สรุปว่า เรื่องนี้ ลุง ของคาวี่เรามีส่วนทำให้ คาวี่ หลุดจากตำแหน่งแน่นอน



เหอๆ ............. สรุปว่าเป็นแผนการร ร ร     
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 20-03-2011 18:03:44
ฮือๆ ไม่น่าอ่านคอมเมนท์ก่อนเลย
ไม่กล้าอ่าน กีซซซ รอตอนหน้าาา

**************************

ซิกๆ อ่านแล้ว ..
ฮือ คนที่ทรยศได้แนบเนียนที่สุด และเจ็บปวดที่สุด ก็คนใกล้ตัวนี่แหละ
ถึงจะมีเหตุผลดูดีล้านแปด สุดท้ายฟังแล้วน่าให้อภัย..

แต่.. จะทนได้เหรอ กีซซซ

คาลวี่รู้แล้วจะทำยังไงนะ?

แล้วอเล็กซ์ จะแก้ปัญหาเองได้มั้ย
ไม่รู้ทำไม อ่านๆไป ดูฮีแก้ปัญหาเองไม่ค่อยจะได้เรื่องเลย...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 20-03-2011 19:09:43
ถ้าคุณลุงเป็นคนวางแผนเบื้องหลัง
คาวี่จะทำยังไงเนี่ย

แล้วชีคล่ะ ถอดใจแล้วจริงๆเหรอ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 20-03-2011 22:08:37
ต้องหลอกให้นังวี่รู้สึกถึงใจตัวเองซ่ะทีน่ะ อัลชาห์
งัดออกมาใช้หลอกนังวี่เลย มีกี่แผนเอาออกมาใฃ้ให้หมด
ให้นังวี่รู้ใจตัวเองซ่ะที
มามา เดี๋ยวช่วยนั่งคิดหาวิธี :m17:
เอ่อ ตอนนี้คิดไม่ออก คิดเองไปก่อนน่ะ :m23:

สู้ๆน่ะอัลชาห์ :m15:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 20-03-2011 22:58:26
ไม่นะ! หมางเมินกันซะแล้วว
อย่างนี้จะยังมีโอกาสได้อ่านบทอัศจรรย์ของสองคนนี้อยู่อีกรึป่าวเนี่ย  :o12: (ยังแอบคาดหวัง  :z1:)
แต่แบบเฮ้ยย ร๊อบน่ารักอ่ะ คาวี่น่าจะนิสัยงี้เนาะ รักตายเลย
ว่าแต่ ร๊อบดีขนาดนี้ ทำไมถึงได้เลิกล่ะ น่าสงสัยจริงๆ
เอ๊ะ หรือเพราะอัลชาอ์มาปิ๊งคาวี่  :a5: เห้ยย งี้ก็มีโอกาสรีเทิร์นอ่ะดิ
ม่ายยยยยยย  :m31:
แต่แบบนะ ถ้าคาวี่รู้ว่าโดนถอดออกจากตำแหน่งบอสแล้วจะทำไงเนี่ย
อย่างนี้ที่พยายามมาตลอดก็สูญเปล่าอ่ะดิ แถมยังหมดโอกาสเลิฟๆกับชีคไปฟรีๆอีกต่างหาก โอ๊โนววว  :z3:
แต่เป็นแบบนี้ก็มีข้อดีน๊า เพราะถ้าไม่ต้องเป็นบอสแล้ว คาวี่ก็สามารถกุ๊กกิ๊กกับชีคได้โดยไม่มีความผิดน่ะสิ ว้าว!
เอาเป็นว่ารอตอนต่อไปนะค๊า รักเรื่องนี้ที่สุดเลย!

ปล. เราอาบน้ำทุกวันนะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 20-03-2011 23:51:29
 :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: carmel ที่ 21-03-2011 12:36:57
ลุ้นพอๆกับข้อสอบปลายภาค
ฮ่าๆๆๆ

ไอ่วี ถ้ารุ้ความจริงทั้งหมดคงจะปวดหัวใจน่าดูเชียว
ตัดใจจากท่านชีคของเราเพื่อตำแหน่งหัวหน้า
แต่ไหนลุงถึงทำแบบนี้ซะงั้น

ว่าแต่คนที่หักหลังนั้นใคร??อะไรยังไง

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 21-03-2011 15:23:38
เหอๆๆ ตอนใหม่มาเเล้ว สู้ๆนะคะ คนเเต่ง วิ่งเข้ามาเเล้วก็เลี้ยวกลับไป เดี๋ยวมาเจอกันใหม่ จะมาเมนท์ต่อ  +1 ไปก่อน ให้คนเเต่ง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 21-03-2011 20:11:45
ชีคน่าสงสารที่สุด  มามะ  จะกอดปลอบให้
คาลเองก็สับสนในตัวเองมาก ๆ ช่วงนี้  เฮ้อ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 21-03-2011 20:43:05
 :sad4:
ช่วนี้กำลังอึนๆเครียดๆ
อ่านเรื่องนี้แล้วไม่ช่วยคลาดเครียด
แต่ช่วยเปลี่ยนเรื่องเครียดแทน555+
(บ้าไปแล้ว :really2:)


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: ai_no_uta ที่ 21-03-2011 21:10:43
หลังจาก เป็นรีดเดอร์ในเงามานาน ขอแสดงตัวก็ตอนนี้อ่ะค่ะ
ตั้งแต่แรก รักคาวี่มากกกก แต่ตอนนี้เริ่ม จะหมั่นไส้ นีดนึงแหละนะคะ อย่าโลเลอย่านี้เซ่
ไม่เห็นใจ อัลชาว์มั่งเลยยย เดี๊ยะถ่านไฟเก่าคุขึ้นมานะ อย่าให้รู้ว่า น้ำตาเช็ดหัวเข่า!!!!


ปล. อิน เกินไปป๊าวววเนี่ย =]]] ต่อไวๆนะคะ ไรท์เตอร์ เป็นกำลังใจให้ จุ๊ฟๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 22-03-2011 14:13:27
ถ้าคาวี่รู้ว่าลุงเป็นคนทำละ :a5: ถ้าคาวี่ไม่เป็นหัวหน้า คาวี่จะเป็นภรรเมียท่ายชีคไม ถ้าท่านชีคมันรู้ว่าใครเป็นคนวางแผนท่านจะช่วยคาวี่ไม

ท่านชีค  :sad11:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: ammer ที่ 22-03-2011 19:11:38
แบบว่าแอบดีใจคะ่ที่ท่านชีคตัดใจซะที แล้วก็ถ้าไม่ถึงวันที่คาวัลโลรักท่านชีคจริงๆก็ไม่อยากให้ท่านชีคแสดงท่าทางว่ามีเยื่อใย อยากให้ตัด!!!!ให้ขาดไปเลยจริงๆ
มีปมขึ้นมาอีกแล้ว เรื่องอะไรกันอีกละเนี่ย แล้วคาวัลโลจะเป็นยังไงถ้ารู้เรื่องทั้งหมดว่าตัวเอง"ไม่เป็นที่ต้องการ"แล้ว ทั้งทางนี้และทางโน้น
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 23-03-2011 10:20:47
I miss you... :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 26-03-2011 01:03:56
พรุ่งนี้อัพค่า ~~
วันนี้ปั่นอยู่ คาดว่าไม่ทัน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 26-03-2011 01:24:31
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 26-03-2011 01:38:37
มารอ ๆ พรุ่งนี้ ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 26-03-2011 07:26:53
รอจ้า... :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 26-03-2011 12:44:17
คิดว่าท่านซีคกำลังแอบยั่วให้หึงอยู่รึเปล่าเอ่ย ประมาณว่าอยากดูปฎิกิริยาของหนูคาวี่อะไรแบบนั้น

อ่านไปอ่านมารู้สึกสะใจหน่อยๆแฮะตอนนี้ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 27-03-2011 00:53:47
Line : 25  สอบสวน


    คาวัลโลนั่งนิ่งบนเก้าอี้ รอยยิ้มของเขาปรากฏบนริมฝีปาก หากแต่จ้องมองสีหน้าอวดดีเย่อหยิ่งของราฟาเอลโร่ บอนด์เต้ ชายผู้มีสมญาว่าเทพบุตรแห่งเรกาโซ่ด้วยแววตาวาววับ...วูบหนึ่งที่ความโกรธเกรี้ยวผลักดันให้เขาอยากจะควักปืนมาซัดกระสุนใส่มันให้ตายตกลงไปอย่างที่ใจหวัง อยากจะฆ่ามันแล้วเอาทิ้งกลางทะเลทรายให้เป็นเหยื่อแร้งกา ให้สัตว์พวกนั้นจิกทึ้งร่างนี้จนเหลือ แต่โครงกระดูก แล้วจึงส่งไปเป็นของกำนัลให้กับพวกเรกาโซ่...ให้พวกมันแค้นใจจนกระอัก ให้สาสม กับสิ่งที่พวกมันทำไว้กับเขา....ความคิดนี้ลอยเวียนวนในสมองไม่ยอมผละจาก นับแต่ก้าวลงมายังห้องขังนี้ ยิ่งได้สบมองแววตาท้าทาย แววตาอวดดีที่ไม่เคยจางหายนั้นแล้ว..ความเคียดแค้นและโกรธเกรี้ยวยิ่งทบทวี....

...แต่แล้วเขาก็ถอนใจพรู หลับตาลงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง...


  การแก้แค้นเป็นอาหารเลิสรส เมื่อมันเย็นแล้ว...


     คาวัลโลเตือนตัวเองอย่างเคร่งเครียด ...หากเขายังไม่"เย็น"พอจะจัดการมันได้ ทุกอย่างก็จบกัน การนำ"อารมณ์"ของตัวเองมาร่วมในการสืบสวนรีดข้อมูลไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ ถึงอยากจะฆ่ามัน ถึงอยากจะทำร้ายมันให้สาสม...แต่นี่มันไม่ใช่เมื่อยี่สิบปีก่อนที่จะได้ฆ่าใครได้ตามใจ และเขาก็ไม่ใช่มาเฟียหัวเก่าที่ใช้การเข่นฆ่าเพื่อข่มขวัญหรือต่อรองพวกศัตรู...

    อาวุธที่"ดี"ที่สุดในยุคนี้ ไม่มใช่ปืนผาหน้าไม้ ไม่ใช่ระเบิดหรือมือสังหาร เป็น"เงิน" ต่างหาก

จะฆ่าใครสักคน ไม่จำเป็นต้องปลิดชีวิตมันให้จบลงต่อหน้า

หากแต่ตัดทางหากิน ตัดเม็ดเงินที่หล่อเลี้ยงธุรกิจ ค่อยฟาดฟันมันช้าๆให้มันค่อยๆตายลงอย่างทรมาร...

...การแก้แค้นที่สาสม ไม่ใช้เพียงการทำร้ายร่างกายหรือฆ่ามันทิ้ง แต่มีวิธีมากมายนัก..

ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ไม่จำเป็นต้องโกรธหรือฉุนเฉียว ในเกมส์นี้มันเป็นเหมือนหนึ่งในบททดสอบความ"เหนือชั้น"ว่าระหว่างเขากับราฟาเอลโร่ ใครที่จะพลาดแสดงอารมณ์ออกมาก่อนกัน..

...ต่อให้มีอำนาจล้นมือ สามารถสั่งฆ่ามันได้ในพริบตา แต่หากการสืบข้อมูลล้มเหลว การเจรจาไม่เป็นผล ปล่อยให้ความโกรธเกรี้ยวครอบงำสติ...นั่น.... ไม่ต่างจากพ่ายแพ้...

 และศักดิ์ศรีของเขาก็บอกว่าเขาพ่ายแพ้ไม่ได้...ในเมื่อเขายอม"ทิ้ง"ทุกอย่างเพื่อเดินบนเส้นทางของมาเฟีย..

   ...ยอมปล่อยมือและปัดทิ้งความรักที่ยื่นมาหา ยอมละทิ้ง"รัก"ที่มีตัวตนอยู่ตรงหน้า...ไม่ต่างจากที่ราฟาเอลโร่ บอนด์เต้ มันเคยทำ.

     ฮาซานยืนอยู่หน้าประตูเหล็ก องค์รักษ์หนุ่มจ้องมองบรรยากาสเงียบงันในห้องขัง มองสีหน้าของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้าที่ค่อยหลับตาลงและนิ่งเงียบด้วยความกังขา เมื่อพบว่าเจ้าตัวสงบกว่าที่คิด ทั้งที่น่าจะโกรธเกรี้ยวรุนแรง เมื่อผู้สร้างรอยแผลและความอัปยศนี้ก็คือชายตรงหน้ามิใช่หรือ?

...แต่เมื่อนึกถึงการสืบสวนที่ตยนเคยพบเจอ ฮาซานก็เตือนตัวเองว่า ความนิ่งสงบเช่นนี้ ภายในคงดั่งพายุใหญ่ถาโถม..ไม่ต่างจากความ"นิ่ง"ในวันที่สืบสวนเขาเลยแม้แต่นิด...

...นิ่ง สงบ ไม่แสดงอารมณ์ เลือดเย็นหากแฝงความเกรี้ยวกราดไว้ทุกการกระทำ..

  ...นัยน์ตาสีน้ำทะเลเปิดออกอีกครั้งอย่างเชื่องช้า คาวัลโลหันกลับมาสบตาฮาซานที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องขัง เขาออกปากบอกให้มันหาอะไรสักอย่างมาอุดปาก ฟิลิเป้ เรกาโซ่ ที่ถูกล่ามโซ่อยู่อีกห้องเพราะรังเกียจแม้แต่จะได้ยินเสียงมัน ชายหนุ่มมองเห็นฮาซานเดินออกไปอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาสีน้ำทะเลกวาดมองทั่วห้อง และเงยหน้ามองเพดานที่มีกล้องวงจรปิดกระพริบสีแดงถี่...

       "....หลับสบายดีไหม? " คาวัลโลเอ่ยถามสั้นๆ ราวกับว่าทักทายญาติสนิท หาใช่ศัตรูที่จ้องหมายเอาชีวิต

       "...ก็ดี...เสียแต่พื้นห้องขังมันแข็งไปหน่อย " ราฟาเอลโร่สบตาเขาพลางเหยียดยิ้มหยันอันแสนคุ้นตา " แต่พื้นเตียงข้างบนนั่นคงนุ่มน่าดูว่าไหม? แกถึงได้ติดใจจนไม่ยอมลุก..."

        "......" คาวัลโลสูดหายใจลึกควบคุมอารมณ์โกรธที่แล่นริ้ว เขาบอกตัวเองอย่างแข็งขันว่าอย่าไปสนใจคำพูดพล่ามนั้น...อย่าพลาดพลั้ง จนกว่าจะได้คำตอบที่มาดหมายนั่น...

      "...อย่างน้อยก็ดีกว่าเตียงห้องแก ที่ใครก็นอนไม่ได้...อ้อ.....แต่ก็มีแม้สาวพิการคนนึงสินะ..." คาวัลโลแสยะยิ้มหยัน "สงสัยว่าเส้นประสาทจะ"แข็ง"ไปจนไม่รับรู้เสียแล้ว"

      "......แก......" นัยน์ตาวาววับนั้นทำให้คนมองหัวเราะเบาๆในลำคอ...คาวัลโลจ้องมองนัยน์ตาคู่นั้นอย่างรู้เท่าทัน...มันรู้ว่าจะเอาเรื่องไหนมาเล่นงานเขา..และคาวัลโล ก็ใช่จะไม่รู้ว่าต้องเอาเรื่องไหนมาจัดการชายตรงหน้าเสียหน่อย

เรื่องที่เขาไม่ชื่นชอบการตกเป็นที่หมายปองของเพศชายด้วยกันไม่ใช่เรื่องลับที่ใครไม่รู้...และเป็นเรื่องปกติเช่นกันสำหรับบุรุษ ใครจะดีใจหากรู้ว่ามีผู้ชายมาหลงรัก?
และเรื่องที่ราฟาเอลโร่ต้องโกรธเกรี้ยวทุกครั้งที่นึกถึง ก็คือเรื่องของคนๆนั้น....กับผุ้หญิงของมัน...ที่มันต่างพลาดท่าเสียทีให้กับเขาทั้งคู่...

ถึงราฟาเอลโร่จะได้เปรียบตรงที่มันสามารถยกเรื่องที่เขามาอยู่ที่นี่มาเหยียบย่ำได้...แต่เมื่อเขา"ปัด"มือนั้นทิ้งไปแล้ว จะต้องโกรธ จะต้องสนใจไปไย...

 ต่างกับราฟาเอลโร่ เรื่องคนรักเก่าที่ถูกแย่งชิงและร่วมมือกับเขาหักหลังมัน...กับคนรักใหม่ที่กลายเป็นคน"พิการ"ด้วยแผนการณ์ของเขาและด้วยกระสุนจากปลายกระบอกปืนของซิลเวีย กราดอน คุ่หมั้นเก่าของมัน เป็นความจริงที่ราฟาเอลโร่แค้น...แค้นเสียจนกระอัก...แค้นแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันจริง...และแค้น....ทุกครั้งที่มีคนพูดถึง...

...แต่ไหนเล่าจะแค้น...เท่ากับคนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นั้น มาพูดเย้ยหยันต่อหน้า..

       "...จะว่าไป....คุณก็ไม่ได้โตขึ้นจากวันนั้นสักนิดนะครับ..."ภาษาทางการราวกับแสดงความนับถือ แต่สำหรับผู้ได้ฟัง...คงไม่ใช่ "นี่ก็จะสามปีมา
แล้ว...ยัง"โง่ "และ"ไร้ค่า"เหมือนเดิมไม่มีผิด...น่าสงสารบอสเรกาโซ้นะครับ ได้แต้ทายาท"ไม่สมประกอบ"ทั้งนั้น..ไม่ "ไร้ความสามารถ"ก็"ไร้สมอง" น่าเศร้าจริงๆ...."

       "...เรกาโซ่เรามีทายาทหลายคน...และเป็น"ชายแท้ที่สามารถสืบสกุลได้"ครับ...เพราะแะนั้นไม่จำเป็นต้องห่วงว่าอนาคตจะตกไปอยู่ในมือของ"พวกวิปริตผิดเพศ" ...จนต้องหา"ตัวแทน"มาอยู่ในตำแหน่ง..คุณไม่จำเป็นต้องเศร้าแทนเราก็ได้ คาวัลโล วาลกัส..."

      คาวัลโลสูดหายใจลึก...กับคำปรามาสที่ชวนให้ในอกคำรามด้วยความไม่พอใจ...เขาจ้องหน้าราฟาเอลโร่ที่ยิ้มหยันด้วยแววตาที่พยายามซ่อนความเกรี้ยวกราดอย่างเต็มที่...เมื่อมันกล้าจะดูถูกครอบครัวของเขา..

    เรื่องพี่ชายทั้งสองคน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดสงครามมาเฟียครั้งที่แล้ว รสนิยมทางเพศและความรักที่ไม่อาจะเปิดเผยได้เนั้น เป็นที่รู้กันอย่างลับๆของพวกระดับสูงในแกงค์ต่างๆมาเนินนาน...เสียงเหยียดหยันที่พวกมันมีนั้นลอยเข้าหูแม้กระทั่งในงานเลี้ยงที่ต้องสวมหน้ากากมายิ้มแย้มให้แก่กัน..และเสียงเยาะหยันกว่าวว่า"ตำแหน่ง"ที่เขาได้มาเป็นเพียงตัวแทนของพี่ชายผู้เพียบพร้อมซึ่งไม่อาจจะดำรงตำแหน่งได้ ด้วยเหตุผลเรื่องรักของเจ้าตัวนั้น..

   นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาโกรธเกรี้ยว และแสดงความโกรธของตนออกมาในรูปแบบของคฤหาสถ์ที่ถูกเผาทำลาย ศพที่ถูกฆ่าทิ้ง และการฟาดฟันทางเศรษฐกิจที่ดุเดือดไม่ยอมอ่อนข้อ...

  ....เขาตัด...แขนขาเรกาโว่ด้วยการดึงวิลเวีย กราดอนและแกงค์ของเธอมาเป็นพรรคพวก..

....เขาดึงแขนขวาของพวกมัน...ฟิลิเป้ เรกาโ.ซ่ ให้พบกับความย่อยยับ ปราชัย จนมันทั้งรักทั้งคลั่งแค้นในตัวเขา..

    เพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง เพื่อล้างลบคำสบประมาท เพื่อแก้แค้นให้กับพี่ชายทั้งสอง และที่สำคัญที่สุด...เพื่อ"เพื่อนรัก"ของเขาที่ต้องตายไปกับเหตุการณ์นั้น...
 เขาไม่เคยลืม...ไม่เคยลืมวันที่เจ้าคนนั้นมันต้องตายด้วยกระสุนปืนที่ซัดใส่ร่าง ดังนั้นเขาจึงทำให้ราฟาเอลโร่ไม่ลืมเลือนมัน ด้วยกระสุนที่พุ่งทะลุกระดูกไขสันหลัง จากปลายกระบอกปืนของซิลเวีย...หญิงสาวที่เคียดแค้นและชิงชังราฟาเอลโร่ กับคนรักของมันที่ร่วมกันวางแผนฆ่าหล่อน...สร้างชีวิตดั่ง"ตายทั้งเป็น"ของ โรซาลน่า ดีไลว่า วาดฝันร้ายไม่เคยจางให้คนที่เธอชังนัก...

      คาวัลโลจ้องหน้าชายหนุ่มผมสีอ่อนนัยน์ตาสีเทาเบื้องหน้า...เมื่อเขาคิดถึงสาเหตุและความเป็นไปของเรื่องราวครั้งนั้น ความโกรธเกรี้ยวเริ่มจะลดลง หากแต่ความทรงจำมันค่อยปะทุขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย...

ราฟาเอลโร่ บอนด์เต้ ที่จะฆ่าซิลเวีย กราดอน...ทำด้วยเหตุผลไหน? เขาไม่เคยถามมัน...และไม่เคยถามซิลเวียเมื่อเจ้าตัวไม่คิดจะเล่าให้ฟัง

เขารุ้เพียงสองคนนั้น"แค้น"และต้องการแก้แค้นขึ้นอยู่กับว่าเขาจะดึงมือฝ่ายไหนมาหาก็เท่านั้น..

เขาไม่เคยถาม ว่าราฟาเอลโร่มันแค้นเขาถึงเพียงไหน...และเช่นเดียวกัน ราฟาเอลโร่ไม่เคยถาม ว่าเขาแค้นมันแค่ไหน...

 ศัตรูกันไม่จำเป็นต้องคุยกันให้มากความ แค่คอยหาช่องโอกาศในการทำลายอีกฝ่ายด้วยความมาดหมายเท่านั้น..

แล้ววันนี้...เขากลับต้องมานั่งถามมันถึงสาเหตุและเรื่องราวทั้งหมด...ที่มันเกิดจากเมื่อสามปีก่อน...งั้นหรือ?

   คาวัลโลพ้นลมหายใจเบาๆ มองสบนัยน์ตาสีชาคู่นั้นก่อนจะออกปากถามไปเรียบๆ...ถึงคำถามแรกที่เขาต้องการจะรู้...

      " ทำไมต้องการ...เอาคนที่เขาไม่อยากจะอยุ่ตรงนั้น กลับไปอีก? "

เขาจ้องตามัน เลิกคิ้ว....

      ....จะเอาคนที่แกไม่รัก จะเอาคนที่แกต้องการฆ่า ไปอยู่ข้างกายแกอีกทำไม?

...จะเอาคนที่ไม่เคยเต็มใจจะอยู่ใกล้ ไปเป็นของตัวเอง...คิดว่าจะมีความสุขนักหรือ? อยากรู้นัก

..............
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 27-03-2011 01:07:58

   " ทำอะไรอยู่ครับ? " เสียงทักทายดังขึ้นพร้อมกับร่างของหนุ่มชาวอังกฤษเดินมาหา ทำให้อัลชาอ์ละสายตาจากภาพเบื้องตรงหน้า ชีคหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบมองนัยน์ตาสีเขียวสดที่ทอดตรงมา ร่างของ โรเบิร์ต ชอว์ตัน ยืนอยู่ที่ประตูห้องซึ่งเปิดออกรับแสงจากดวงอาทิตย์

      ".........." อัลชาอ์ไม่ตอบ แต่ส่งสายตาเชิงดุไปใให้ชายตรงหน้า โรเบิร์ตเพียงหัวเราะรับ โคลงศรีษะ

     " ครับ...รู้แล้วว่าเวลางาน คุณบ้างานนะผมรู้...แต่...." ว่าแล้วคนพูดก็พยักเพยิดไปทางคอมพิวเตอร์พีซีของอัลชาอ์ซึ่งกำลังฉายภาพจากกล้องวงจรปิด ชายหนุ่มมองมันคล้ายจะกังขา "...ไม่นึกว่าคุณจะสอดส่องงานของลูกน้องเสียขนาดนี้.."

     "....ปิดประตูก่อน.."ชีคหนุ่มสั่งการสั้นๆ ขณะที่ร่างของอดีตคนรักก็เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเอนตัวดูภาพจากกล้องวงจรปิดด้วยท่าทีสนใจ

     "...เอ๋? กำลังสอบสวนนักโทษเหรือครับ? " โรเบิร์ตมองแล้วออกปากถามงงๆ "แล้วนั่น...ไหนบอกเป็นที่ปรึกษาคุณ "

     " ใช่ "อัลชาอ์รับคำสั้นๆ เหมือนไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก สายตาของชีคหนุ่มจับจ้องไปที่กล้อวงจรปิดพร้อมกับหน้านิ่ว...เมื่อพบว่าทั้งจำเลยทั้งผู้สอบกำลังคุยกันด้วยภาษาอิตาเลียนที่ตนไม่อาจเข้าใจ

     " คุณใช้งานเขาหนักเกินไปแล้ว "โรเบิร์ตส่ายหัวพลางบ่นพึมพัม

      " นี่ก็เป็นงาน..." อัลชาอ์ถอนหายใจพรู ก่อนจะกดอินเตอร์โฟนสั่งการให้ฮาซานไปบอกคนในคุกใต้ดินให้คุยเป็นภาษาอังกฤษเสียที โรเบิร์ตมองร่างของอดีตคนรักที่มองภาพและฟังภาษาในจอแล้วหน้านิ่ว ขมวดคิ้วพลางถอนหายใจไปพลางๆแล้วก็ได้แต่ยิ้มขัน

      "...ทำไมไม่ลงไปดูซะล่ะครับ ในเมื่อคุณก็ไม่ได้คิดจะทำงานอยู่แล้ว "ว่าพลางพยักเพยิดไปทางเอกสารที่ถูกจัดเรียงอยู่บนโต๊ะ...

       "...ร๊อบ..ถ้าว่างขนาดมาประชดประชันผม ก็เอาเวลานั่นไปหาคนที่ควรจะไปเสียสิ " อัลชาอ์ถอนหายใจยาว หันไปจ้องตาคนฟัง

        "...ฮ่ะๆๆ....รู้ทันจริง "โรเบิร์ตส่ายหัว ชายหนุ่มคล้องแขนพาดลำคอของชีคหนุ่ม ใบหน้าซุกซบลงบนซอกคอหนา หลับตาพริ้มแล้วถอนหายใจเเผ่วเบา...

        "...เดี๋ยวเจ้านั่นก็ไม่พอใจหรอก.." อัลชาอ์เอ่ยเตือนอีกฝ่าย ไม่ได้ขยับตัวหนีห่าง ทว่าก็ไม่ได้เอื้อมมือไปกอดไว้เช่นกัน

        "...เขาก็ไม่เคยพอใจอะไรอยุ่แล้วนี่ "น้ำเสียงขึ้นจมูกของโรเบิร์ตทำให้คนฟังถอนหายใจอย่างขำปนฉิว อัลชาอ์เอื้อมมือไปลูบเส้นผมสีอ่อนเพียงแผ่วเบา ชีคหนุ่มละสายตาจากภาพในกล้องวงจรปิดมาสบมองดวงตาสีเขียวอ่อนที่หรุบต่ำ..

       ".....อัลชาอ์...." น้ำเสียงอู้อี้ คนฟังครางรับเบาๆ ฝ่ามือไล้เส้นผมสีอ่อนอย่างเคยมือ

       " เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้รึเปล่า? " คำถามนั้นทำให้คนฟังนิ่ง ปลายนิ้วที่ลูบไล้เส้นผมสีอ่อนชะงัก นัยน์ตาสีดำสนิทที่สบกับนัยน์ตาสีเขียว เกลื่อนด้วยแววประหลาดใจเพียงชั่วครู่ ลังเลเพียงชั่วกระพริบตา

       "....เราไม่เหมือนเดิมแล้ว ทั้งคุณ ทั้งผม.. " อัลชาอ์เอ่ยตอบ เขาละมือจากเส้นผมสีอ่อน นัยน์ตาหันกลับไปมองภาพในกล้องวงจรปิดอีกครั้ง

       "  เขาสำคัญกับคุณใช่ไหม? " โรเบิร์ตจ้องมองร่างของอดีตคนรักที่มองภาพในจอคอมพิวเตอร์ไม่วางตา โดยเฉพาะผู้ชายผมสีอัลมอนด์นัยน์ตาสีน้ำทะเลคนนั้น..

       " พอผมมาถึง ฟาลซาอ์ก็ทำท่าอึกอัก บ่นๆกับผมว่าคุณมีคนรักคนใหม่...ดูจากสีหน้าแววตาที่คุณมองเขาผมก็รู้..เพียงแต่สงสัยว่าทำไมถึงไม่บอกเรื่องนี้กับผมตามตรง.."     

       ".....ก็แค่รักข้างเดียว "ชีคหนุ่มบิดริมฝีปากคล้ายแสยะยิ้มพ่นลมหายใจพรู

       " งั้นผมก็ยังมีหวังสิ...ใช่ไหม? " นัยน์ตาสีเขียวหันมาสบมอง...อัลชาอ์ถอนหายใจแผ่วเบา..เรื่องราวระหว่างเขาและชายหนุ่มตรงหน้าคล้ายจะผ่านผันมาเนิ่นนานทั้งที่เป็นเวลาแค่ไม่กี่ปี เปรียบเปรยไปมันคงเหมือนรักครั้งแรก..รักที่สุดท้ายก็ได้แต่ยิ้มและถอนใจกับความโง่เขลา ความรักที่รุนแรงราวกับพายุ และสุดท้ายก็พัดผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือแค่อดีตอันงดงามในหัวใจเท่านั้น..

        "...อย่าพูดอย่างนี้ ถ้าคุณไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ.." ชีคหนุ่มแตะปลายนิ้วลงบนผิวแก้มขาวของชายหนุ่มตรงหน้า "แล้วตอนนี้ผมก็ไม่ได้ว่างพอจะมาผิดใจกับราเซย์...ในเรื่องเดิมอีกหรอกนะ "

        "....ผมไม่อยากพูดเรื่องนั้น "โรเบิร์ตเม้มปากแน่น นัยน์ตาเริ่มขุ่น

        "...ถึงได้บอกให้คุยกันให้เรียบร้อย..คุณน่ะชอบทำนิสัยแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่พอใจก็ยิ้มประชด หงุดหงิดอะไรก็เอาแต่ยิ้มเฉยเสียจนน่าโมโห.." อัลชาอ์ส่ายหัวพลางถอนใจ " เรื่องที่ราเซย์ทิ้งคุณมาทำงานกับผมมันดูแย่ก็จริง..จะโทษผมด้วยก้ได้ว่าผมผิด...แต่ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาอยู่กับผมให้เจ้าคนนั้นมันอกแตกตายหรอกนะ "

     อัลชาอ์เอ่ยปากอย่างรู้เท่าทัน และที่สุดเมื่อมีคนรู้จัดประสงค์ โรเบิร์ต ชอว์ตันก็ครางฮึ่มในลำคออย่างหงุดหงิด

         " ผมถึงบอกไงล่ะ ว่าคุณยังดีกว่าเจ้าคนงี่เง่านั่นไม่รู้กี่เท่า ! " ชายหนุ่มบ่นพึมพัมสีหน้าหงุดหงิด กับคนที่ยังทำหน้าตา"ไม่รู้ไม่สน"อะไรเอาเสียเลยจนน่าโมโหคนนั้น " เจอกันก็ทำเฉย ทักทายก็ทำท่าเหมือนไม่มีอะไร กระทั่งผมจะกลับมาคบกับคุณอีกก็ยังเฉย จนอยากจะรู้นักว่าในใจเขามีผมอยู่บ้างไหม!? "

        "....ไม่เอาน่า..." ชีคหนุ่มไล้ปลายนิ้วเช้ดน้ำตาปริ่มของชายตรงหน้าเบาๆ 

        "....จะให้ผมทำยังไงล่ะ เขาถึงจะ"รู้สึก"อะไรบ้างเสียที !! " คราวนี้โรเบิร์ตยิ่งหน้าเบ้หนัก ทำท่าจะแบะปากร้องไห้ออกมาไม่กี่วินาทีข้างหน้า ทำเอาชายหนุ่มผู้รู้ฤทธิ์เดชของหนุ่มอังกฤษตรงหน้ามาไม่น้อยแล้วเริ่มมีสีหน้ากังวลอย่างปิดไม่มิด

        "..ชู่ว...เบาๆสิ...อย่าร้องไห้ " อัลชาอ์ถอนใจ แล้วกอดปลอบอดีตคนรักอย่างรวดเร็ว...ไม่ใช่เพราะความพิศวาสหากแต่เพราะรู้ ว่าถ้าโรเบิร์ต ชอว์ตันได้ร้องไห้ขึ้นมาล่ะก็...

        "....หมอนั่นมันงี่เง่า...ถ้าเขาแค่ขอโทษ...ถ้าเพียงแต่เขาขอโทษ ผมก็จะไม่โกรธแล้วแท้ๆ "โรเบิร์ตบ่นงึมงัมในอ้อมแขนหนา 

        "...คุณก็น่าจะรู้..ว่าใช้วิธีนี้กับเขาไม่ได้ รังแต่จะทำให้เจ็บใจไปเสียเปล่าๆ " อัลชาอ์ส่ายตัว ละอ้อมกอดออกจากร่างของหนุ่มชาวอังกฤษเมื่อพบว่าชายตรงหน้าไม่ได้มีท่าทีเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว

       "..ทำไมล่ะ? " โรเบิร์ตหน้านิ่ว...

       " ก็เขารู้...ว่าผมจะไม่กลับไปไงเล่า " อัลชาอ์ตวัดสายตามองกล้องวงจรปิดอีกครั้ง สีหน้าใคร่ครวญว่าจะลงไปดู หรือจะปิดมันดี เพราะถ้าโรเบิร์ตยังมาวนเวียนอยู่แถวนี้ คงไม่มีแม้แต่สมาธิจะดูแน่ๆ

       "...เรื่องที่คุณชอบคาวัลโลงั้นสิ " โรเบิร์ตมองตามสายตาของอดีตคนรักก็เข้าใจได้ไม่ยาก

        " อืม..." อัลชาอ์รับคำแผ่วเบา มองหน้าโรเบิร์ตแล้วลอบถอนใจ ถึงแม้โรเบิร์ตจะเลิกกับเขาแล้วไปคบกับราเซย์ทว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ยังถือว่าจบกันด้วยดี...สามารถคบกันเป็นเพื่อนสนิทได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ แต่ถ้าจะให้มาช่วยไกล่เกลี่ยสองคนนี้เหมือนก่อน เขาคงไม่ว่างพอจะทำได้..

         "...ทำไมเขาไม่ชอบคุณ.." นั่นก็อยากรู้เหมือนกัน...อัลชาอ์ฟังคำถามแล้วได้แต่ถอนหายใจ

        "...เขาคงใจร้ายพอๆกับราเซย์...ไม่สิ...มากกว่าด้วยล่ะมั้ง...ถึงไม่ชอบผม " ชีคหนุ่มโคลงศรีษะ

       "โถ่... จะมีด้วยเหรอที่คุณจีบใครแล้วมีคนไม่ชอบ..." โรเบิร์ตขมวดคิ้วท่าทีสงสัย

       " ก็คนนี้ไง "อัลชาอ์พยักเพยิดไปทางกล้องวงจรปิด ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อพบว่าคาวัลโล วาลกัสกำลังลุกจากเก้าอี้ไปกระซิบอะไรบางอย่างกับนักโทษรายนั้น

       "...ทั้งที่คุณออกจะ...เพียบพร้อมแบบนี้เนี่ยนะ "โรเบิร์ตยังสงสัยไม่หาย พลางตวัดสายตามองกล้องวงจรปิดตามชีคหนุ่ม " ยิ่งคุณรักใคร...คุณให้เขาได้หมดเสียด้วยซ้ำ คุณเป็นคนรักที่ดีมากนะอัลชาอ์ ถึงตอนโมโหจะน่ากลัวนิดหน่อย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่...แล้วเขา...เจ้าหมอนี่ก็ยังไม่ชอบคุณอีกเหรอ? "

       " จะชมผม ก็ไม่มีอะไรให้หรอกนะ " อัลชาอ์ยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา

       " คุณก็รู้ เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่ว่าใครดีกว่า ใครเพียบพร้อมกว่า...ในโลกของความรักที่ซับซ้อนวุ่นวายสุดท้ายก็มีเพียงคำตอบน่าเบื่อแค่สองคำ...รัก..กับไม่รักเท่านั้น "

       "..........."

       " และคุณ...โรเบิร์ต..ทุกคนมีเรื่องเจ็บปวดในใจกันทั้งนั้น  และต่อให้หนีไปไกลลิบโลกก็หนีไม่พ้น ”ชีคหนุ่มละสายตาจากนัยน์ตาสีเขียวสด " คุณกับราเซย์ยังดีที่รักกัน...ก็รีบไปคุยกันเสีย ..."

        "...ผม...."

        "...จะได้ไม่มาเสียใจภายหลัง.."

       " ดีจังนะครับอัลชาอ์ .." โรเบิร์ตนิ่งไปสักพักก่อนจะมองหน้าอดีตคนรัก เขายิ้มออกมาน้อยๆ

       "ตอนนั้น...ถึงพวกเราจะยังเด็ก แต่ความทรงจำของผมที่มีต่อคุณ ยังเป็นเรื่องดีอยู่เสมอนะ...ดีจริงๆ...ที่เรารักกัน คุณทำให้ผมรัก..."

       " ถึงมันจะจบลงแบบไหน  ..ผมก็ดีใจจริงๆ.."

            ชีคหนุ่มยิ้มรับ...เขาสบมองนัยน์ตาสีเขียวสดอีกครั้ง มองใบหน้าที่คุ้นเคยและเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำ...แม้จะเป็นอดีต แม้จะผ่านมาเนิ่นนาน ทว่ากลิ่นของควงามหลังแสนสุขก็ยังคงอายอวลในหัวใจเสมอ...

  ฝ่ามือหนาทาบลงบนผิวแก้มขาว อัลชาอ์ไล้ปลายนิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะยันกายลุกขึ้นแตะริมฝีปากจูบไล้หางตาที่มีน้ำใสเอ่อคลอเเผ่วเบา...หยอกเย้าเช่นในอดีต..

        " ขี้แยจริง.." ชีคหนุ่มกระซิบเอ่ยคำ..พร้อมกับหัวเราะในลำคอแผ่วเบา...

ไม่ใช่ด้วยความรักใคร่อยากครอบครอง..

ไม่ใช่ความสมเพชเวทนาหรือสงสาร

หากแต่เป็นสัมผัส...และอ้อมกอดของ"เพื่อนเก่า"ที่คุ้นเคยกันมานานแสนนาน ปลอบประโลม และหวังดีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม...

..............................

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 27-03-2011 01:12:25


   " ทำไมต้องการ...เอาคนที่เขาไม่อยากจะอยุ่ตรงนั้น กลับไปอีก? "


     ราฟาเอลโร่ บอนด์เต้..ฟังคำถามนั้นแล้วเงียบนิ่ง เขามองสบแววตาสีน้ำทะเลที่จ้องมองมาคล้ายรอคำตอบ...หากเจ้าของฉายาเทพบุตรแห่งเรกาโซ่กลับยังนิ่ง..

ใช่ว่าจะไม่คิด หากแต่เพราะคิด เพราะคิดถึงคำตอบของคำถามนี้ นั่นล่ะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเงียบ..

 ...จะเอาคนที่เขาไม่อยู่ตรงนั้น กลับไปทำไม?

      เขามองหน้าคาวัลโล วาลกัส และไพล่คิดไปถึงอีกคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ คนที่เขายังต้องการให้กลับไป..ทั้งที่ปากบอกว่าจะ"ฆ่า"ให้ตาย...แล้วเหตุใดถึงต้องการตัว เหตุใดถึงต้องเฝ้าเกลียดชังและเฝ้าเคียดแค้นชายตรงหน้า ที่แย่งชิงคนๆนั้นไปจากเขา

ราฟาเอลโร่ไม่ใช่คนโง่ เขารู้ รู้ตัวเองดีว่าเพราะอะไร แต่...เขาไม่เพียงแต่จะไม่ยอมรับ หากยังผลักไส...ปัดความรู้สึกของตัวเองทิ้ง

....หากถามว่าทำไมถึงต้องการคนๆนั้นกลับไป ทั้งที่เขาไม่ได้ต้องการ

 คำตอบของเขาคงจะเป็นการดันทุรัง..คำตอบของเขา ก็คงเพราะตนเองนั้นเสียใจภายหลัง..

ถึงจะโกรธเกลียดเคียดแค้นที่ถูกทำร้าย แต่ทว่าสุดท้ายก็ยังรัก...

เพราะรัก จึงได้พยายามคว้ากลับมา...เพราะรัก...จึงได้เสียใจภายหลังและเฝ้าพยายามอย่างบ้าคลั่ง..

...ราฟาเอลโร่มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยดวงตาแวววับ..หากชนะ...เขาก็ไม่ได้หัวใจเธอ ใช่...แม้จะชนะก็ยังไม่ได้"หัวใจ"ของคนๆนั้นคืนมา

 เพราะฉะนั้น ทำไปเพื่ออะไร ตัวเขาก็ยังไม่รู้เอาเสียเลย.


.
“Oh credono, il mio cuore, oh credere (โอ้ จงเชื่อใจของเจ้า จงเชื่อ)
Niente a che si ? perso! (ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าจะสูญเสีย)
Il vostro ? s? la tua, ? ci? che si desidera (ของเจ้า ใช่ มันเป็นของเจ้า ความปรารถนาเอย)
Tuo, quello che hai amato (อีกทั้งรักนี้ก็เป็นของเจ้าเช่นกัน)
Quello che hanno lottato per la (เป็นสิ่งยืนยันว่าเจ้าได้ต่อสู้เพื่อแย่งมันมา)”



     บทเพลง“Resurrection”ของมาห์เลอร์ดังขึ้นจากริมฝีปากที่เหยียดยิ้มคลายเยาะหยัน...คำพูดที่มาจากบทเพลงนี้เมื่อดังจากปากของคาวัลโล วาลกัส...ความหมายของมันไม่ได้แตกต่างอะไรกับคำตอบในหัวใจเขา...ความหมายที่บ่งชัด ว่ามันรุ้ รู้ว่าเหตุใดเขาถึงได้ทำแบบนี้...นั่น ทำให้ราฟาเอลโร่นิ่งงัน...

      " Niente a che si ? perso! ..งั้นหรือ...ไม่มีสิ่งใดจะสูญเสีย...ราฟาเอลโร่ แกทิ้งเขามาแล้ว ยังจะเฝ้าต่อสู้เพียงเพื่อจะได้หัวใจที่ไม่ใช่ของตัวเองเนี่ยนะ.."  คาวัลโลหรี่ตามองมาเฟียหนุ่มคู่อริที่กลายเป็นนักโทษอย่างขบขัน...ปนเย้ยเยาะ " เชื่อ..ว่าหากเป็นของตัวเองแล้ว จะทำลายมันอย่างไรก็ไม่มีวันจะเสียไป..ถึงเขาจะเดินหนีไปก็เป็นฝ่ายแย่งกลับมางั้นเหรอราฟาเอลโร่..."

     "Figlio di una cagna!! (ไอ้บ้า) " คาวัลโลก้มกระซิบใกล้หูของคนฟังอย่างหงุดหงิดปนเย้ยหยัน " เขาเป็นของฉัน ฉันไม่มีวันให้แกมาแย่งเอาไป...ไม่มีวัน..ถ้าแกได้มีชีวิตรอดกลับไปก็จำไว้เสียล่ะ ว่าอย่ามายุ่งกับเราอีก..ราฟาเอลโร่...เพราะฉันรุ้สึกเสียศักดิ์สรีเป็นบ้าที่ถูกแกตามล่า เพียงเพราะเรื่องผู้หญิง "

      "  le..coatto(ชั้นต่ำ)” ราฟาเอลโร่ยอกย้อนอย่างไม่ยอมแพ้ " พวกชั้นต่ำ...ยังไงก็เป็นได้แค่พวกชั้นต่ำ..ฉันไม่ว่างพอจะมาฆ่าแกเพื่อจะแย่งผู้หญิงคนเดียวหรอก "


  ปึก !

       "อุ่ก! " เสียงครางในลำคอของราฟาเอลโร่ดังขึ้นเมื่อปลายเท้านั้นเหยียบลงบนหน้าท้องพร้อมกระทืบรุนแรง เสียจนตัวงอ

      "ถ้าแกกล้าพูดถึง  La fidanzata(คู่หมั้น) ของฉันแบบนี้อีก...ฉันจะฆ่าแก จำไว้ !! " ปลายเท้าที่เหยียบย่ำไม่ได้เจ็บไปมากกว่า La fidanzata ประโยคที่สะท้อนอยู่ในสมอง

...ราฟาเอลโร่กัดฟันกรอด เม้มปากแน่น ไม่ยอมเอ่ยเสียงร้องใดออกมาแม้จะเจ็บแปลบไปทั่วกาย ชายหนุ่มมองเห็นนัยน์ตาสีน้ำทะเลวาววับเหนือร่างนั้นทอประกายไม่พอใจอย่างชัดเจ้ง...หากความชัดเจนของเจตนารมย์ที่จะปกป้องเกียรติของตนและคู่หมั้น..กลับทำให้หัวใจปวดเเปลบ

...La fidanzata

La fidanzata

 คู่หมั้น..ที่เคยเป็นของเขา ผู้หญิงที่เคยเป็นของเขา...

ตอนนี้ไม่ใช่ของเขาอีกแล้ว..


แกร๊ง....


    เสียงประตูห้องขังเปิดออก ทำให้ทั้งสองคนชะงัก คาวัลโลชะงักฝ่าเท้าที่กระหน่ำลงบนร่างของราฟาเอลโร่หยุดลงและหันไปมองคนที่เข้ามา เขานิ่งไปก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเห็นร่างของชีคหนุ่มและชายชาวอังกฤษยืนอยู่หน้าห้องขัง ตามมาด้วยฮาซานที่กำลังไขกุญแจให้เปิดออก

   มาเฟียหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อมองเห็นร่างของชายหนุ่มที่เขาได้ข่าวว่าเป็นแฟนเก่าของอัลชาอ์ยืนอยู่ด้วย...ไอ้ยืนอยู่น่ะไม่ว่า แต่อัลชาอ์จะให้คนนอกมายุ่งกับเรื่องนี้อีกกี่คนถึงจะพอใจ

 สำนึกมั้ยว่าที่กำลังทำอยู่นี่ต้องปิดเป็นความลับ ทำไมให้คนนั้นคนนี้มายุ่งวุ่นวายอยู่ได้

     " ...ไหงถึงนึกอยากจะมาดู ? " คาวัลโลเลิกคิ้ว ลุกจากเกาอี้ให้เพื่อชีคหนุ่มนั่งลงตามมารยาท  และยืนนิ่งอยู่ใกล้ร่างที่หมอบคุดคู้ของราฟาเอลโร่ บอนด์เต้..."แล้วนั่น..."

      " อะไร? " อัลชาอ์เลิกคิ้ว ด้วยสีหน้าคล้ายไม่รุ้สึกรู้สา

      " ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณเรื่อง"ปิดข่าว"อีกรอบหรอกนะท่านชีค...จะให้ย้ำอีกกี่ครั้งกัน " คาวัลโลขมวดคิ้วมุ่น พ่นลมหายใจพรู

      " โรเบิร์ตเป็น...."

     " จะเป็นอะไรก็ช่าง "คาวัลโลสวนขวับทันควัน" ผมไม่ได้อยากจะรู้ว่าใครเกี่ยวอะไรกับคุณ...แต่ผมต้องจัดการคนรอบตัวเอง...คนนอก..."

      " โรเบิร์ตไม่ใช่คนนอก " คาวัลโลอ้าปากคล้ายจะเถียง...แต่สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ...

       "...ก็ตามใจ ตายไปก็ไม่เกี่ยวกับผม " คาวัลโลยักไหล่  ทำเมินสายตาไม่พอใจที่ตวัดมาหาไม่บ่อยนักอย่างชาเฉยอารมณ์ที่ดีๆมาเริ่มขุ่นมัว..และ....เริ่มจะ"เย็น"อย่างที่เคยเป็นมาไม่ไหว...

        "............" ต่างเงียบกันไปด้วยความไม่พอใจทั้งคู่....คนต้นเรื่องที่เป็นเหตุได้แต่หน้าเหย...รู้สึกแย่ที่ขออัลชาอ์ตามลงมาเป็นที่สุด

        " เอ่อ...ถ้าผมไป....."โรเบิร์ตเกริ่นขึ้นมาเบาๆ

        " ไม่/ไม่ต้องครับ " คาวัลโลกับอัลชาอ์สวนขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนที่มาเฟียหนุ่มจะเอ่ยปากต่อ

        " เมื่อท่านชีคพอใจจะพาคุณมา...ผมเป็นแค่ลูกจ้าง ไม่มีสิทธิไล่ใคร " คนพูดยักไหล่ แม้คนฟังอยากจะนึกเถียงว่าที่ทะเลาะหันเมื่อครุ่มัน"กล้า"เกินลูกจ้างไปแล้ว


     " คุณเคยบอกว่าการสอบสวนคนพวกนี้ไม่ควรใช้ความรุนแรง "ในที่สุดอัลชาอ์นั่งลงบนเก้าอี้ และออกปากถาม..

     " ถ้ามันดื้อด้านนัก...บางทีมันก็ต้องใช้บ้าง.." หนุ่มอิตาเลียนยักไหล่อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ

      " คุณไม่พูดภาษาอังกฤษ " อัลชาอ์หมายถึงที่เขามาเพราะฟังไม่รู้เรื่อง

      " อ้อ...โทษที เผอิญเมื่อกี้ผมแค่คุยเรื่องจิปาถะตามประสาเพื่อนร่วมชาตินิดหน่อย "คาวัลโลยักไหล่ " คุณมาก็ดีแล้ว อยากรุ้อะไรก้ถามันเอง ให้ผมถามเดี๋ยวจะ"ลืมตัว"กระทืบมันให้จมดินเสียเปล่าๆ "

      " parlo, rido e tu, tu non sai perch...(ฟังที่แกพูดแล้วน่าหัวเราะเป็นบ้า)."เสียงของราฟาเอลโร่ที่ยังจะดึงดันพูดเป็นภาษาอิตาเลียน ทำให้คนฟังพ่นลมหายใจออกจากจมูกแรงๆอย่างไม่พอใจ 

       " Dumb (ไอ้โง่) "  คาวัลโลหน้านิ่วด้วยความไม่พอใจ

       "...คุณคงไปไหนไม่ได้ "อัลชาอ์เอ่ยเสียงเรียบ พลางจ้องมองมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้าอย่างใคร่ครวญ

       " ก็คงงั้น "  คาวัลโลรับคำ พ่นลมหายใจพรู

        " ถ้ายังอยากจะมีชีวิตรอด ราฟาเอลโร่ บอนด์เต้...แกช่วยบอกฉันดีๆ...ว่าใครเป็นคนสนับสนุนแกให้ก่อเรื่องนี้ขึ้น " ภาษาอังกฤษห้วนๆที่ดังขึ้นทำให้โรเบิร์ตชัดสีหน้าไม่ค่อยดี ชายหนุ่มกำพนักเก้าอี้เบื้องหลังอัลชาอ์แน่น..จ้องมองการสืบสวนต่อไปด้วยสีหน้าตื่นกลัวปนอยากรู้อยากเห็น..

        "...ยังไงฉันก็ต้องตายอยู่แล้ว ทำไมฉันจะต้องบอก " บทจะพูดมันก็พูดได้....คาวัลโลเหลือกตามองเพดานคุกอย่างหน่ายระอา

        "....ใครบอกว่าแกจะตาย? " คาวัลโลเลิกคิ้ว " ถึงแกมันจะน่าฆ่าให้ตายแค่ไหน...แต่เก็บไว้ทรมารคงสนุกกว่าเยอะ"

        " หึ...รนหาที่ " ฟังแล้วก็ได้แต่ความหงุดหงิด...

        "...ก็คงไม่เท่าแก ที่วิ่งโร่มาหาที่ตายถึงแถบนี้...ว่างมากนักหรือไง? " คาวัลโลเลิกคิ้วถาม สีหน้ายียวน

         "...นายทหาร "ราฟาเอลโร่ตอบสั้นๆ

         " หือ? " ทุกคนที่ได้ยินต่างก็นิ่งด้วยควงามสงสัย

          "...ฉันบอกได้แค่นายทหาร...แค่นั้น " แน่นอนว่ามาเฟียหนุ่มเบื้องหน้าไม่ใช่คนโง่ ที่จะไม่รู้ว่าเขาไม่อาจจะตายได้และหากพูดก็จะรอดไปได้อย่างปลอดภัย

          " ...ถึงจะแปลกใจที่แกพูด แต่ก็ช่วยขยายความด้วย "

          "....ถึงจับพวกฉันได้ แกก็ฆ่าฉันไม่ได้ แกไม่ใช่คนโง่นี่คาวัลโล ถึงจะได้ไม่รู้ว่าถ้าฆ่าฉันแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้น "ราฟาเอลโร่แสยะยิ้ม "แต่ก็ขอโทษนะ...ข่าวที่แกพยายาม"ปิด"น่ะ มันไปถึงคนของเราที่อิตาลีแล้ว อีกไม่นาน...ก็คงจะได้ต้อนรับเพื่อนเก่าที่แวะมาหาแน่ๆ..."

           "....เรียกมันมาตาย..ฉันไม่กลัว "คาวัลโลสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ แม้ตอนนี้จะเริ่มปวดหัวตุบ..

          "..แกก็รู้ ว่าเราไม่ได้มีแค่วิธีนั้น...คาวัลโล..." คนฟังหน้านิ่ว คาวัลโลเม้มปากแน่นอย่างไม่พอใจ เพราะเขารู้...รู้ตามที่มันบอก ว่าวิธีการของมันคืออะไร..

          "........."

           "..แต่ก็ไม่จำเป็นต้องบอกพวก"โสเภณีไร้ค่า"ให้เสียเวลาอีกแล้ว... "



ผลั่วะ!!!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 24 : สับสันวุ่นวาย 19/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 27-03-2011 01:19:23
      ฝ่าเท้าที่ตวัดแตะใบหน้าสุดแรง ทำให้ราฟาเอลโร่ถึงกับผงะหงาย ร่างที่ทรงตัวอยู่ได้ด้วยการนั่งเอนตัวพิงขอบลูกกรงทรุดฮวบ เลือดสีเข้มกระเซ็นจากปากและจมุกเละปลายคาง หากแต่คนถูกกระทำยังหัวเราะเบาๆราวกับไม่เจ็บปวด...ไม่หยี่ระใดๆทั้งสิ้น

      ไม่ต่างกับผู้กระทำที่แม้แววตาจะวาววับ ก็ยังคงเปล่งเสียงหัวเราะเยาะหยันออกมาราวกับอารมณ์เย็นนักหนา..หากดวงตาวาววับคุระอุด้วยความหงุดหงิดสะสมที่พร้อมจะระเบิดออกมาเมื่อเจอคำพูดหยามหยันที่ตนรังเกียจนัก

           "...แก....ถอน-คำ-พูด ซะ "ฝ่ามือกำแน่นกระชากคอเสื้อเชิ้ตขาวเปื้อนเลือดเปื้อนฝุ่น นัยน์ตาสีน้ำทะเลวาววับด้วยความไม่พอใจ

           " แค่ก...ฮึ....เรื่องอะไร....โสเภณีก็ยังเป็นแค่สะ....อั่ก!!" หมั่นลุ่นๆซักเข้าให้ตรงสันกรามจนได้ยินเสียงเปรี๊ยะลั่นในหู  หากราฟาเอลโร่ยังคงหัวเราะแม้จะเจ็บแปลบไปทั่วตัว เขาได้ยินเสียงพูดคุยโวยวายไม่เป็นศัพท์ผ่านเปลือกตาที่กลายเป็นสีแดงเข้ม บดบังทัศนะวิสัยให้มืดดับ และสติก็หลุดลอยไปอย่างรวดเร็ว...
.
            " ปล่อย !! " คาวัลโลกระชากเสียงห้วนนัยน์ตาสีน้ำทะเลกราดมองร่างของราฟาเอลโร่บอนด์เต้ที่สลบคาเท้าไปอย่างเคียดแค้น คำพูดของมันยังคงดังก้องอยู่ในหุ คำหยามหยันที่เขาเกลียดชังที่สุดยังดังก้อง...โสเภนี...มันกล้าด่าเขาว่าเป็นพวกไร้ค่า...ทั้งที่มันพ่ายแพ้ แต่ทำไม...

           " คาวัลโล ตั้งสติหน่อย !! " เสียงตวาดของชีคหนุ่มดังลั่น พร้อมกับแขนหนทาที่คว้าแขนของเขาทั้งสองข้างไปล๊อกไว้เมื่อไหร่ไม่ทราบได้ ฝ่ามือนั้นบีบแน่น จนไม่อาจจะขยับไปไหน เขาทำได้เพียงคำรามอย่างไม่พอใจและดิ้นรนจนสุดแรงเท่านั้น

          "....ไม่...ปล่อย...ผมจะฆ่ามัน คอยดู!! " แผดเสียงร้องลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว แม้ว่าราฟาเอลโร่ บอนด์เต้จะสลบไปแล้ว แต่ทว่าเขายังอยากจะทรมารมัน อยากจะกรีดเนื้อเถือหนัง ทำร้ายให้มันสาสมกับที่เขาเคยเจ็บ เคยเสียศักดิ์สรีเพราะมัน !    
 
          " คาวัลโล !! " อัลชาอ์ตวาดลั่น นัยน์ตาวาววับด้วยความไม่พอใจ ขณะที่ฮาซานทำได้เพียงยืนคุมเชิงระวังระไวไม่ให้เจ้านายถูกคนอารมณ์ขาดทำร้าย ส่วนโรเบิร์ตถูกกันไปยืนนอกวง อ้าปากค้างหน้าตาช๊อกเหวอ

           "...เงียบไปเลย คุณไม่โดนมันด่านี่ ! " คาวัลโลสะบัดเท้าดิ้นรนแม้จะถูกล๊อคไว้จนตัวลอยจากพื้น คำรามในลำคอเสียงห้วนไม่ต่างกับเสียงครางฮึ่มอํ่มไม่พอใจของชีคหนุ่มเบื้องหลัง

           " คุณไม่เป็นแบบนั้นแล้วจะโกรธทำไม!!" น้ำเสียงตลวาดลั่น หากใจความทำให้คนฟังชะงัก...

           ".........."

           " คุณไม่ใช่แบบที่มันพูด จะโวยวายให้มันได้ใจงั้นเหรอ? ตั้งสติหน่อย ! "  อัลชาอ์เขย่าแขนคนบ้าที่ยังคงดิ้นรนไม่เลิกแรงๆจนคาวัลโลแทบหัวสั่นหัวคลอน แต่ใจความนั่นสามารถทำให้คนที่กำลังโมโหจนขาดสติ ค่อยนิ่งเงียบ ควบคุมอารมณ์ไม่พอใจได้ในที่สุด

           ".....ให้ตายสิ....คุณไม่ต้องทำแล้ว เสียเรื่องเปล่าๆ "อัลชาอ์คำรามในลำคอ ปล่อยแขนมาเฟียหนุ่มที่ตนเองกำแน่นไว้อย่างอารมณ์เสีย..

           "...ขอโทษ..."คาวัลโลเม้มปากแน่น งึมงัมขอโทษอัลชาอ์เบาๆ

          "..ออกไปซะ..." ชีคหนุ่มทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ เอ่ยปากเสียงห้วน

          " หา? แต่ว่า....." คาวัลโลอ้าปากค้าง สีหน้าเหรอหรา

          " ออกไป  คาวัลโล เตอเกียเร่ คนที่ปล่อยให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผลจนขาดสติ ไม่มีคุณสมบัติจะทำงานนี้..." ชีคหนุ่มกอดอก นัยน์ตามองร่างของนักโทษที่โดนทำร้ายและเริ่มได้สติมาอีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย

           "...แต่ผม....."คาวัลโลกัดปากแน่น...นึกโกรธตัวเองว่าอุตส่าห์เตือนแล้วว่าอย่างไปไหลตามเกมส์ของราฟาเอลโร่มัน แต่ทว่สสุดท้ายเขาก็พลาด...แต่ยังไงเขาก็ยังอยากจะได้ข้อมูล...และ ยังมีเรื่องมากมายที่อยากจะถามมัน...

         "...ออกไปเดี๋ยวนี่! " ปลายนิ้วชี้ไปยังประตูไม่แม้แต่จะหันมามองหน้า ผสานกับเสียงหัวเราะแผ่วเบาในลำคอของราฟาเอลโร่ ทำให้ความหงุดหงิดพุ่งปรี๊ด... คาวัลโลเม้มปากแน่น เขากัดฟันกรอด แต่ที่สุดแล้วก็ต้องเดินออกไปตามคำสั่งของอัลชาอ์..


        " Mi chiederai tu, morto disadorno, d'abbandonare questa disperatapassione  di essere nel mondo? "

        "..shit !  "


ปัง !!


         ฝ่าเท้าของคาวัลโล วาลกัสถีบลงบนโครงเหล็กใกล้บริเวณที่ร่างของราฟาเอลโร่ บอนด์เต้หมอบคุดคู้อยู่ ประโยคคำพูดภาษาอิตาเลียนของชายหนุ่มมีความนัยน์เช่นใดไม่มีใครรู้ ทว่ามันคงจะไม่ได้สวยงามอะไรนัก เมื่อผู้ฟังอย่างคาวัลโลถึงกับเดินมาถีบประตูห้องขังอย่างไม่พอใจทันควัน...

          อัลชาอ์มองตามร่างของมาเฟียหนุ่มที่ฮึดฮัดจากไปด้วยสายตาหน่ายระอา ขณะที่โรเบิร์ต ชอว์ตันมองร่างของหนุ่มชาวอิตาเลียนไปลับตา เขากลืนน้ำลายเอื้อกด้วยสีหน้าอิลักอิเหลื่อ...


         " ผมว่า....ที่เขาไม่ชอบคุณ อาจจะดีแล้ว...จริงๆนะ "

              เสียงกระซิบนั่นแฝงความหวั่นผวา อัลชาอ์ฟังแล้วพยักหน้ารับ...ก็ใช่ นิสัยร้ายกาจแบบนี้ไม่รับรักเสียก็ดีจะได้ไม่ปวดหัว แต่เสียอย่างเดียว คือเขาดันไปหลงรักเจ้าตัวเข้าจนถอนตัวไม่ขึ้นไม่สนกระทั่งจะมีเรื่องปวดหัวแค่ไหนให้เจอนี่สิ....

...........................


      เรื่องของ ราฟาเอลโร่ ซิลเวีย และโรซาลน่า เป็นออรินอร์มอลของปุ้ยเองค่ะ (เคยแต่งชายหญิงนะ 555+)แต่งเรื่องนั้นไม่จบ แต่โครงเรื่องมันยังอยู่ในหัว ประกอบกับคิดเรื่องคาวี่ขึ้นมาได้เพราะเรื่องนี้เองละพล๊อตมันอยู่อิตาลีแต่แรก เลยเอามาฟิวชั่นกันตัวละครหลายตัวก็มาจากออริเรื่องนั้น ทั้งพี่อเล็กทั้งสอง ทั้งคุณพ่อ และพวกการ์ดอย่างฮาซานก็ใช่(โครงเรื่องมีจนจบล่ะ แต่ไม่ลงมือเขียน น่าสงสารจริงๆ)
ฉายาซิลเวียในเรื่อง คือ นกกราเวน ค่ะ นกกราเวนเป็นนกที่ว่ากันว่าจะร้องเรียกเมื่อมีคนตายหรือมีสงครามถือเป็นลางร้าย ยิ่งกว่าอีกาเสียอีก
ส่วน ราฟาเอลโร่ เทพบุตรแห่งเรกาโซ่ ราฟาหัวขาวตาก็เกือบขาวในเมื่อมันขาวๆไปหมดเเลยกลายเป็นฉายาราฟาซะ
คาวัลโล...อันนี้คงรู้กันมั้ง ฉายาคนอื่นจะเรียกคาวี่ว่าเหยี่ยวนะ พญาเหยี่ยวแห่งวาลกัส ไม่ใช่ไฮยีน่า ไอ้ไฮยีย่ามันอัลชาอ์เรียกเอง สำหรับปุ้ยก็ได้ทั้งสองอย่าง คือถึงมันเจ้าเล่ห์ร้ายกาจแบบไฮยีน่า แต่ก็เท่ห์และองอาจเหมือนเหยี่ยวนะ
ส่วนท่านชีค ก็สิงโตค่ะ สิงโตเท่านั้น เปรียบอัลชาอ์เป็นเจ้าป่า ตอนเเรกเห็นคาวี่เป็นหนู  หนูที่ทำให้บัลลังค์เจ้าป่าสะเทือน แล้วกลายเป็นเหยี่ยวบ้าศักดิ์ศรีที่ไม่ยอมบินลงมาหาสิงโตง่ายๆเสียด้วย งานนี้สิงโตเลยต้องไต่ขึ้นฟ้าเอาเอง :laugh: :laugh:

...ตอนนี้แสลงใจฉฉากอัลชาอ์กับร๊อบเล็กน้อย...แต่ก็นะ เขาเป็นแค่เพื่อนค่ะ เขาแค่เป็นอดีตคนรัก แค่อดีตจริงๆ...แต่ถึงจะเป็นอดีตก็อดแสลงใจไม่ได้ เห็นท่านชีคหวานกับคนอื่นแล้วมันคันๆมือ/ได้ข่าวว่าเขียนเอง? :z6:
ส่วนร๊อบกับราเซย์. ร๊อบเป็นตัวละครสำคัญในเรื่องรามิลกับราเซย์เลยล่ะ หนุ่มที่กิ๊กกับสองพี่น้องนี่ในตอนพิเศษมันผมดำตาดำและเอเชียชัดๆ..เพราะงั้นหุหุ..เรื่องนี้ยังอีกยาวค่ะ
 ...แล้วราฟาก็ซวยเป็นที่ระบายคาวี่จนได้ ตอนแรกพ่อคุณก็เย็นอยุ่หรอก พอหลังๆมาทะเลาะกับอัลชาอ์เลยเย็นไม่ค่อยอยู่ แล้วยังจะว่าไม่สนอีกนะคนเรา
ปล. ประโยคสุดท้ายที่ราฟาพูดกับคาวัลโล หมายถึงอะไรเชิญไปตบตีกับกุเกลิ้นทรานได้...แม้ความหมายที่ออกมาจะวายป่วงก็ตาม ไม่งั้นก็รอเฉลยตอนหน้าค่ะ
 :bye2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 27-03-2011 01:36:57
+1 ให้ค่ะ ปวดหัวแทนคาวี่จัง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 27-03-2011 01:58:57
แอบปวดใจกับฉากของอัลกับร็อบ มันหวานเกิ๊น :serius2:
คาวี่ก็ตอนแรกเหมือนจะเย็นนะ พออัลเข้ามากับแฟนเก่าเท่านั้นล่ะ ปรี๊ดแตกกก :angry2:
ถึงร้ายอย่างนี้แต่อัลก็รักเหมือนเดิมนะ :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Saffron ที่ 27-03-2011 02:15:54
เฮ้อออออออ หนทางรักยังอีกยาวไกลนักกก


อยากกินน้ำตา มากกว่ากลิ่นเลือดอ่ะ 555555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: ammer ที่ 27-03-2011 02:21:32
อ่านแล้วมึนเล็กน้อยถึงปานกลางค่ะ :really2:
คาวี่จะโหดไปไหนลูก พอได้ฟังวีรกรรมในอดีตแล้วสยองเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 27-03-2011 02:39:18
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 27-03-2011 03:08:20
บีบคั้นอารมดีจริง ๆ
เบื้องหลังนี่รู้สึกจะเป็นปัญหาลึกนะเนี่ยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 27-03-2011 03:37:13
ยังคงปวดหัวกับคาวี่ต่อไป  o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 27-03-2011 04:28:27
 :pig4:

พ่อเหยี่่ยวผู้องอาจของเราจะมีหึงพ่อโตบ้างไหมนะ

หึงสักหน่อยก็ยังดี

เนอะ

 :n1:

 o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 27-03-2011 05:28:28
ว้ากกกกกกก
แบบว่า...รอมานานมากยังไงไม่รู้สินะฮะ ยังไม่เต็มอิ่มเท่ารายยย...555555
ตกลง ตอนหน้าครับ
รอ ๆ~ ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 27-03-2011 05:52:54
ฮ่าๆ ฮาแฟนเก่าอัลชา นิสัยแตกต่างกับคาวี่ลิบลับเลย ดูเค้าออกจะบอบบาง
แต่ไหงคาวี่เรามันช่างเถื่อน ดิบ ถ่อย กะล่อน ตอแหลงี้ฟร่ะ
ตกลงสเป็กอัลชามันแบบไหนเนี่ยย แต่ที่แน่ๆ ชอบฝรั่งจ๋าสิน๊ะ หึหึหึ
ปล. Mi chiederai tu, morto disadorno, d'abbandonare questa disperatapassione  di essere nel mondo?
แปลในกูเกิ้ลแล้ว ปวดตับมากๆเลย คนอ่านถึงขั้นกุมขมับ ><
ขอแปะไว้รอเฉลยตอนหน้าดีกว่า ฮี่ๆๆ +1 ค๊า จุ๊บ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 27-03-2011 06:05:43
 :z13:
จิ้มรีบน
ประโยคนี้ลองแปลในกุเกิ้ลทราน ลองหลายครั้งได้ไม่เหมือนกันนะค่ะ :laugh: อิชั้นล่ะแปลกใจกะมันจริงๆ  :really2:
ส่วนสเปกท่านชีค จะว่าไปเพราะไปอยู่อังกฤษมาแต่เล้ก อัลชาอ์เลยชอบหนุ่มยุโรปมากกว่า
สังเกตได้ว่าร๊อบกับคาวี่มีอะไรคล้ายๆกันอยู่ ทั้งสีผม สีตา และเป็นประเภท"ภายนอก"ดุเหมือนผู้ชายที่ออกแนวน่ารัก น่าทะนุถนอม
ท่าชีคหลงรักคาวี่นั้นตอนแรกหลงแค่"รูป"ภายนอกจริงๆค่ะ ตอนนี้ก็ยังเป็นอะไรประมาณนั้น ก็รับนิสัยกันไม่ค่อยได้ ถึงได้อึมครึมกันอยู่
ถ้ารักแท้จริงๆนิสัยยังไงก้รักได้เน๊อะ..แต่อันนี้มันยังไม่จริง(เท่าไหร่)เลยน่าปวดหัวพอดู
เรื่องน่ารัก ร๊อบอ่ะน่ารักจริง...แต่คาวี่....
.
.
.
 ละไว้ในฐานที่เข้าใจ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 27-03-2011 06:06:59
ค้างงง อลังการ  :serius2:

หนูก็เริ่มตงิดๆนะค่ะว่าร็อบเนี่ยต้องมีซัมธิงกับใครแถวนั้นแน่ๆ ที่เเท้ก็ราเซย์นี่เอง

รอตอนต่อไปจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 27-03-2011 10:45:32
ปวดหัวเลยจริงๆ
รู้สึกว่าคาวี่ยังตเองโดนไล่ล่าตามฆ่าอะไรอีกแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 27-03-2011 11:39:54
เมื่อไหร่ชีคกับมาเฟียจะมีหวาน ๆ กันมั่งนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 27-03-2011 14:41:03
ลองเอาไปแปลมั่ง จากอิตาลี่เป็นไทย แล้วยังต้องแปลไทยเป็นไทยในหัวอีก อ่านแล้วงงไงไม่รู้
ร็อบกันท่านชีคนี่ อันตรายในความสัมพันธ์จริง ๆ ถ่านไฟเก่ามันร้อน ถ้าท่านชีคเซย์เยสไปจริง ๆ ละก็... :m31:  :m31:
ทำแบบนี้สงสารราเซย์บ้างมั้ยร็อบ ถามจริง  :m16:
อ่านตอนก่อน ๆ ซิลเวียกับโรซาลน่ายังดีกันอยู่เลย ซิลเวียน่ากลัวอ้ะ แต่เธอเด็ดขาดดี  :กอด1:
ฟิลิเป้ หนุ่มบ้าเลือดไม่มีบทเลย โดนอุดปากไปซะงั้น
เอิ่ม ท่านชีค ไล่คาวี่ออกไปต่อหน้าร็อบนี่ มากเกินไปแล้วนะ ที่คาวี่พูดก็ถูก ร็อบเป็นคนนอก และก็ไม่สมควรเข้าไปร่วมในงานนี้ด้วย นี่เป็นเรื่องของคาวี่โดยตรงนะเฮ้ย ถึงท่านจะเป็นคนจับได้ก็เหอะ  :angry2:



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Indigo ที่ 27-03-2011 14:45:58
เจอพี่กู(เกิ้ล)เข้าไปถึงกับมึนเลยค่ะ  สาบานได้ว่าที่ชั้นอ่านอยู่คือภาษาไทย  :z3:
อ่านตอนนี้แล้วแอบสงสารราฟาเอลโร่นะคะ เง้ออออออออออออ...
ความรักนี่มันทำให้อะไรวุ่นวายจริงๆ

อ้างถึง
" คุณก็รู้ เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่ว่าใครดีกว่า ใครเพียบพร้อมกว่า...ในโลกของความรักที่ซับซ้อนวุ่นวายสุดท้ายก็มีเพียงคำตอบน่าเบื่อแค่สองคำ...รัก..กับไม่รักเท่านั้น "

ประโยคนี้ของท่านชีคมันบาดลึกจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 27-03-2011 15:22:15
คาวี่แรงดีไม่มีตก  แต่ปากอย่างราฟาก็น่าเอาเท้าอัดเข้าไปจริง ๆ นั่นแหละ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 27-03-2011 15:27:36
ท่าน ชีคอัล น่ะ ใจดีมากๆเลย
จะหวานกันหยดกับอดีตยังไง เราก็มิได้ใส่ใจ
ยังไงซะ จะรอตอน อิวี่มันโดนเอาคืน อยากสะใจ
คนอะไรน่าหมั่นไส้ ชิกหัย เลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 27-03-2011 17:00:30
เรื่องชักจะมีปัญหา...หนักใจแทนคาวี่จริงๆ
ไม่น่าไปรุนแรงกับราฟาเอลเล้ย...แต่นะ ปากอย่างนั้นก็น่าจะโดนสักทีจริงๆแหละ
...ว่าแต่ เรื่องที่บ้านก็ยังอึมครึมอยู่เลยน้อ แถมมีปัญหา ตึงๆกับท่านชีคอยู่ด้วย...เหอะๆๆ เเล้วจะเอายังไงหนอ คาวัลโล?
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 27-03-2011 18:22:18
ชอบให้คาวี่เจ็บอ่ะ กร๊ากกก /โดนแฟนคลับคาวี่ตบ
เอาอีก เอาอีกเยอะๆเลย เอาฉากสวีทให้นังวี่มันรู้สึกเสียที ฮ่า ๆๆๆ
ไหนว่าไม่สน อารมณ์ขึ้น พุ่งปรี๊ดแตกมากจ้ะหนูคาล ชอบจัง(จิตมาก...)

ไปปลุกปล้ำกับเฮียกู๋มาแล้ว ,,เหมือนจะเข้าใจนะ แต่ก็ไม่เข้าใจอ่ะ!!! :serius2:
มีลางสังหรณ์อีกแล้วว่าคาลจะ ....... แน่เลย เอิ๊กก (แต่คงไม่อ่ะ คาลเป็นคนที่เข้าใจยาก ฮาาาา)

รออ่านตอนต่อไปนะค่าา า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 27-03-2011 21:21:39
 :z13: รีบน คาลจะ...   อะไรอ้ะ อ่านเม้นต์นี้แล้วจุดชนวนความคิดมากมาย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 27-03-2011 21:38:37
 :z13:
จะ ....ถูกทิ้งงงงงงง
ฟิ้ววววววว/โกยแน่บ
.
.
.
.
เค้าล้อเล่นนะตัว  :z6:(อินี่ทำเหมือนว่างจัด)
รีล่าง
 :z13:
หาบิลค่าเน็ตเจอรึยัง? ปุ้ยยังหาไม่เจอเลย :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 27-03-2011 21:40:31
 :z3:  มาย กั้ดดดด  ตกกะใจกะฉากหวานของอัลชาห์กะร๊อบมาก 555  :z3:
ปล. รอตอนหน้า พี่ปุ้ยเฉลยมาซะดีๆ :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 27-03-2011 23:39:01
ไงล่ะ หนูคาวี่ อย่างนี้เขาเรียกว่า
โมโหแล้วไปพาลคนอื่นน่ะ :laugh:
ไม่ไหวๆ :เฮ้อ:
ส่วนอัลชาห์ก็ใจร่มได้อีก สุดยอด o13

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 27-03-2011 23:49:25
มีฉากหวานด้วยยยยยยย...แต่ถ้าให้ดีหวังให้เป็นอัลซากะคาวี่นะTT^TT
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: lolilo ที่ 28-03-2011 00:27:08
น้องคาวี่ยังคงทำให้หงุดหงิดงุงิ อยู่ ตล๊อดๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 28-03-2011 01:22:36



   แหมๆๆ บทคาวี่จะหลุดนี่ก็หลุดเอาได้ง่ายๆนะ
   ที่หลุดเนี่ยเพราะอัลชามาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นใช่ไหม



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 28-03-2011 11:28:34
เจ้าเหยี่ยวหลายอารมณ์เอ๊ย
นึกว่าจะได้บินร่อนงามๆ ได้ความลับง่ายๆ
สุดท้าย ก็ตบะแตกจนได้

สงสัยมีหึงหน่อยๆ ก็เลยบินสะเปะสะปะไปเลย อิอิ
เอ๊ะ จะช่วยหรือซ้ำเจ้าคาวี่ดีล่ะเนี่ย
โทษฐานมาทำร้ายใจเจ้าป่าของเรา

ผูกกันได้หลายปมมากจ้าน้องปุ้ย ค่อยๆ แกะนะ
เดี๋ยวพันกันเป็นฝอยขัดหม้อล่ะยุ่งแน่ 555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 28-03-2011 12:06:15
  หึหึ  งานนี้ปรับอารมณ์ไม่ถูกเลยแหะ
  คาวี่ นี่ก็รักศักดิ์ศรีเกินไปแล้วนะ 
  พอเจอไรเตอร์  ออกมาบอกว่าชีคหลงรูปร่างภายนอกของคาวี่นี่ ขอ :z6: ชีคสักที  หมั่นไส้   
  ว่าแล้วก็ชิ่งหนี  แฟนคลับซีค :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 28-03-2011 20:04:20
ปวดหัวจิงๆๆ    :really2:

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 29-03-2011 09:24:01
ปวดใจ  :o12:

 ดราม่าขึ้นเรื่อยๆน่ะนี้  :fire:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: anuyasha ที่ 29-03-2011 12:39:11
อยากรู้ราฟาเอลโร่พูดอารายยยย TT'
ถ้ามันจะแปลยากขนาดนั้นละก็นะ...

ตอนแรกก็ว่าแล้วล่ะ ว่าถ้าแปลเป็นไทยเลยคงไม่รู้เรื่อง
จะให้แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลไม่ออกซะงั้น 5555555

เลยลองแปลเป็นสเปนดู อื้ม.... เกือบจะแปลออกแล้วเชียว
เสียใจ T^T อ่านแล้วก็แอบเข้าใจ แต่ก็ยังงง
งั้นไม่พูดดีกว่าว่าแปลได้ว่าไร อายชาวบ้าน ฮ่าๆๆ = =;;

ปล.อารมคาวี่นี่แปรปรวณดีแว๊ พอเค้าบอกรักก็ไม่พอใจ
พอเค้าไม่ใส่ใจก็มารู้สึกแปลกๆ -___- (เหมือนเป็นกลอน..)

รักกันเร็วๆนะเธอ (หรือไม่เร็วดี เรื่องจะได้ไม่จบ 55)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 29-03-2011 22:52:21
Goolgel ไม่ได้ช่วยอะไรเลย...T^T  :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 29-03-2011 23:51:43
น่าจะหลุดอยู่อ่ะ คือ ถ้าชีคไม่พาร็อบ คนที่คาวี่รับรู้ว่าเค้าน่าจะรีเทิร์นมาด้วย

อารมณ์คงไม่พุ่งขนาดนั้น แถมมาเจอโดนด่าว่า "โสเภณี" อีก

สำหรับคนที่รักศักดิ์ศรียิ่งกว่าชีวิตตัวเองแบบคาวี่น่ะ มันน่าจะแรงที่สุดแล้ว

โดยรวมเข้าใจคาวี่ และสงสารชีคเหมือนกันนะที่รักคนแบบนี้ ถ้าไม่ใช้เวลาและการพยายามในการรออย่างมาก

ส่วนใหญ่ก็จบเห่กันทั้งนั้น ว่าแต่ ชีค ไม่เอะใจว่าคาวีมันเองก็เอนมาหาตัวเยอะแล้วเหมือนกันนะเลยเหรอ

หรือมองแค่ความเจ็บปวดของตัวเองเท่านั้น

ส่วนร็อบ ยอมรับเลยว่า แบ๊วจนเราเกลียด ฮาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 30-03-2011 00:12:18
อ่านแล้วปวดใจ ปวดตับ ไต ไส้ พุง จริงๆ
ยิงไปแปรประโยคนั้นในกูเกิ้ล  โอย  ปวดหัว ปวดกระดูกไขข้อ
แต่พยายามทำความเข้าใจ  น่าจะเกี่ยวกับ
ราฟา ถามคาวี่  เกี่ยวกับว่า  ถ้าตายจะละทิ้งความรักที่เป็นความหวังของการอยู่ในโลกได้รึไม่?
อะไรประมาณนี้อ่ะนะ  ที่เข้าใจจากกูลเกิ้ล
มึนมาก  รอเฉลยในตอนหน้านะคะ

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 30-03-2011 22:59:59
อยากอ่านต่อแล้ววว
อยากเห็นฉากหวานของคาวี่กับท่านชีคเร็วๆด้วยอ่า  :sad4:
ถึงมันจะยาวแค่ไหนก็เถอะ แต่รู้สึกว่ายังไงก็ไม่พอ
สงสัยเพราะเราติดตามอยู่เรื่องเดียวด้วยแหละนะ 55
ดีจังที่ร๊อบกับท่านชีคดูไม่มีทีท่าจะรีเทิร์น กำลังกังวลอยู่เล้ย
แต่แบบนะ เราว่าคาวี่ก็แอบหึงท่านชีคกับร๊อบอยู่หน่อยๆเหมือนกันแหละ 55 ทำเป็นกระฟัดกระเฟียด
ถ้าเรื่องนี้ยังอีกยาวจริงๆก็ดีเลยค่ะ เราจะได้ตามอ่านไปนานๆ ชอบมากๆเลยค่ะ
แต่ห้ามทิ้งเรื่องนี้เด็ดขาดเลยนะคะ ไม่งั้นเราอกแตกตายแน่ๆเลย  :z3:

รอตอนต่อไปนะค๊า เป็นกำลังใจให้พี่ปุ้ยค่า (เรียกอย่างนี้ได้ใช่มั้ยคะ?  :monkeysad:)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 31-03-2011 01:05:27
อ๊า อ๊า อ๊า..

อยากเห็นฉากที่คาวัลโลรู้ว่าตัวเองโดนหักหลังเร็วๆจังเลย :impress2:

มันต้องจี๊ดใจแหง๋ๆ~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: kumaichill ที่ 31-03-2011 15:23:54
ถ้ารอสิงโตปีนขึ้นไปคงนานแน่ๆ
ช่วยทำให้เหยี่ยวร่อนลงมาหาสิงโตหน่อยสิ
 o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 31-03-2011 16:20:29
ราฟาเอลโร่ร้ายอ่ะ...ทำคาวี่สติหลุดเลย o13
แล้วเรื่องบอสตกลงจะเป็นไงอ่ะ...คงไม่ใช่ลุงนั่นหรอกนะที่วางแผนจะกำจัดคาวี่ทิ้งเพื่อที่จะบีบให้เล็กซิสรับตำแหน่งโดยเอาคนในครอบครัวของน้องชายเป็นตัวประกันน่ะ :m16:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 31-03-2011 21:42:08
ใจแข็งมากกก ทั้งคู่เลย

โหดได้ใจจริงๆ คาวัลโล ชอบบบบ

ว่าแต่ คาลจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 01-04-2011 17:57:52
line : 26  หมดทางไป


  " Mi chiederai tu, morto disadorno, d'abbandonare questa disperatapassione  di essere nel mondo? "

      คำพูดนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของคาวัลโล วาลกัส ไม่จางหาย ชายหนุ่มนอนนิ่งอยู่ปลายเตียง สีหน้าครุ่นคิดปนหงุดหงิดกับประโยคที่ยังดังก้อง แม้จะเดินออกมาจากห้องขัง และกลับมานั่งๆนอนๆในห้องแล้วก็ตาม...แววตาของราฟาเอลโร่ บอนด์เต้ และความนัยของประโยคนี้ยังคงอวลอยู่ในสมอง...

 Mi chiederai tu, morto disadorno,d'abbandonare questa disperatapassione di essere nel mondo? ?

..ข้าเอ่ยถามหากเจ้านั้นวางวาย จักละทิ้งความรักอันสิ้นหวัง และทรยศโลกนี้ได้หรือไม่?..

          ความรักที่สิ้นหวัง...หมายความว่ายังไง

ถ้าตัวเองต้องตายเพราะความรัก เลยถามว่าทิ้งมันได้รึเปล่า งั้นหรือ?

แต่ว่า...disperatapassione di essere nel mondo?  ความรักที่สิ้นหวัง...

   คาวัลโลกรอดตามองเพดานห้องอย่างงวยงงไม่น้อย เขาไม่ใช่พวกอารมณ์อ่อนไหว จะได้มาซาบซึ้งหรือตีความหมายของบทกลอนในศตวรรษที่19เหมือนไอ้บ้าราฟาเอลโร่นี่ อย่างเขาก็ได้แต่แปลความหมายมันทื่อๆตรงๆ เท่านั้นเอง ไอ้กลอนประเภทเอ่ยถึงความสูญเสีย การสาปสูญของความรักหรือเรื่องอารมณ์อ่อนไหวนั่นโน่นนี่น่ะ ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาหรอก

  หรือมันจะพูด เพราะแน่ใจว่าเขาตีความไม่ได้กัน?...

disperatapassione di essere nel mondo?  ..ความรักที่สิ้นหวัง โลกที่สูญสลาย..โลก ...นัยยะที่หมอนั่นต้องการพูดถึงมันคืออะไร?

  ...แต่...เดี๋ยวนะ...

 คาวัลโลเบิกตาโพลง ริมฝีปากขบเข้าหากันอย่างเร่งร้อน เมื่อนึกถึงอีกทางหนึ่ง..อีกที่หนึ่งของความหมายนั้น...

...ถ้ามันหมายถึงโลกของเขา..

เขาไม่ตายเพราะรักที่ไม่สมหวัง แต่"โลก"ของเขาจะดับสลายหายไป..ทั้งความหวังที่ทิ้งไป.....

...โลก....โลกของเขา โลกของคาวัลโล วาลกัส มันจะหมายถึงอะไรได้ นอกจากโลกของมาเฟีย และตำแหน่งที่เขาหมายตาไว้...

สิ้นหวังในความรัก และทรยศโลกนี้...นั่นมันหมายถึง ตัวเขางั้นเหรอ?..
.
     มาเฟียหนุ่มขมวดคิ้วแน่นสีหน้าลังเลและข้องใจอย่างที่สุด...ถ้าหากมันหมายถึงแบบนี้ แล้ว..แล้วความนัยทั้งหมดนั่น มัน...รู้อะไร?

ที่มันพูด...มันพูดเหมือนรู้ มันพุดเหมือน"เห็น"อะไรบางอย่างที่เขาไม่เห็น

 คาวัลโลขมวดคิ้วแน่น....พยายามนึกปะติดปะต่อเรื่องราวที่ผ่านมาให้ได้..

..คนรัก...

..ความตาย..

..การทรยศ..

......คำสั้นๆที่อยู่ในบทกวี..และเรื่องราวที่เป็นที่มาของมัน..หมายถึงอะไรกันแน่...

หรือว่า...มันหมายถึงเรื่องราวเมื่อสามปีที่แล้ว

สงคราม คนทรยศ การต่อสู้ที่เกิดจากเรื่องราวของความรัก....

หรือจะเกิดเรื่องที่ไม่ต่างกับเมื่อวันวาน...

สงครามที่เกิดจากความรักของพี่ชายเขา แลัสงครามที่เขา"แย่ง"คนรักของมันมา..

หรือมันต้องการจะเอาคืน...ต้องการจะทวงคืนสิ่งที่เคยเป็นของตัวเอง...

..ราฟาเอลโร่ บอนด์เต้...กำลังจะคิดทำอะไรกันแน่...

แล้วยัง...เรื่องวันนี้...

  คิดแล้วก็ถอนใจแรง คาวัลโลมองเหม่อไปที่หน้าต่างเห็นสภาพอากาศขมุกขมัวอึมครึมพอๆกับอารมณ์ของตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

  ก็ไม่อยากจะคิดมากหรือไม่พอใจอะไร ไม่ใช่ว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว...แต่ว่า...ไอ้เรื่องที่อัลชาอ์ลากคนอื่นมานี่มันอะไรกันแน่

   อ้อ..ไม่สิ มาเฟียหนุ่มแสยะยิ้มเยาะบนใบหน้า บอกตัวเองทันควันว่าหมอนั่นไม่ใช่คนอื่น จะแฟนเก่าที่จะกลับมารักกันใหม่รึเปล่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญที่เขาจะสนใจ รู้แต่ว่าในสายตาอัลชาอ์ หมอนี่ไม่ใช่คนนอก...หึ ไม่ใช่คนนอก แถมไม่มีท่าทีอันตรายอะไร ออกจะน่ารักแสนดีแบบที่คนอย่างเขาไม่มีวันเป็นได้

    พลิกตัวพลางถอนหายใจแรงๆอย่างหงุดหงิด ก็สมควรแล้วนี่ที่จะไม่พอใจ ในเมื่อนั่นมันเรื่องของเขา เรื่องของคาวัลโล วาลกัสโดยตรง สมควรเป็นเขาที่จะเข้าไปจัดการ และสมควรที่เขาจะพิจารณาว่าใครควรยุ่งไม่ควรยุ่ง ต่อให้อัลชาอ์จับพวกมันมาได้ แต่ยังไงก็ถือเป็นเรื่องของเขา กับอัลชาอ์ยังพอจะแบ่งความรับผิดชอบกันครึ่งหนึ่งได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าครึ่งหนึ่งนั้น ท่านชีคจะพาคนนั้นคนนี้มายุ่งเกี่ยว แค่สองพี่น้องเซฮามัค ฮาซาน กับทหารอีกครึ่งกองร้อยนั่นก็น่าปวดหัวพออยู่แล้ว นี่ยังจะพา โรเบิร์ต ชอว์ตัน หมอนั่นมาอีก ไม่คิดบ้างหรือไงว่าถ้ารู้อะไรมากเกินไป จะกลายเป็นทำความซวยให้หมอนั่นจนอาจจะโดนเก็บซะเอง...

    ...อ้อ ไม่สิ เพราะเป็นไม่ใช่คนนอก คนสำคัญของอัลชาอ์ทั้งที คงไม่ปล่อยให้เจ็บอะไรง่ายๆหรอก หึ

แล้วมาพูดพร่ำว่ารักเขานักหนา ไม่ข้ามวันก็ไปอี๋อ๋อกับคนอื่น.. ช่างเป็นคนที่”ใจมั่นคง”เสียจริง

เสียแรงที่เขาเสียใจ รู้สึกผิด ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ ไม่สนเสียตั้งแต่แรกยังจะง่ายกว่า

   กับคนที่กล้ากันเขาออกจากเรื่องตัวเอง คนที่ไล่เขาออกมาแบบไม่ไว้หน้าอย่างนั้น ไม่น่าจะไปสนใจ ไม่น่าจะ”เจ็บ”ให้เสียดายความรู้สึกตัวเองเสียเลย ไม่น่าจะร้องไห้ เสียน้ำตากับเรื่องแบบนี้เสียด้วยซ้ำ...

  ก็แค่เป็นอีกหนึ่งคนที่มองเขาเพียงรูปลักษณ์ภายนอก หลงใหลเฝ้าฝันกับภาพมายาและบุคลิกปลอมๆที่เขาสร้างขึ้น ไม่ได้รู้เสียเลยว่าที่จริงมันเป็นอะไร พอมาเจอ”ตัวตน”ที่แท้จริงของเขา ก็ไม่มีใครรับได้สักคน

 ก็เป็นแบบนี้ตลอดล่ะ...พวกที่คอยพร่ำพรรณนาถึงความรักมากมายพอเจอนิสัยจริงๆของเขาเข้าก็วิ่งหนีกันแทบไม่ทัน

...กระทั่งคนที่เขาคิดว่าจะรับได้ คนที่จริงจังเสียจนทำเขาเสียน้ำตาเมื่อปฏิเสธมันไป ท้ายสุดแล้วก็ไม่ต่าง...กับคนอื่นเลย..

 จะมีก็แต่หมอนั่น....มีก็แต่เจ้านั่นเท่านั้นล่ะมั้ง ที่รับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา เจ้าคนที่เข้าใจเขาเสมอไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น...เข้าใจโดยไม่ต้องเอ่ยปาก รู้ ว่าเขารู้สึกอย่างไรเพียงแค่มองตา ต่อให้กำลังหัวเราะหรือร้องไห้ในใจ เจ้านั่นมันก็รู้...

...เพียงแต่มันไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว...

       “ ให้ตายสิ....” นัยน์ตาสีน้ำทะเลลอยเหม่อ คาวัลโลถอนใจยาว ปลายนิ้วแตะสร้อยกางเขนที่ห้อยคอเบาๆ...ยามนึกถึง”เพื่อน”คนสำคัญของตน นึกถึงเจ้าของสร้อยเส้นนี้...นึกถึงอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เขามุ่งมั่นจะเป็นบอสมาเฟีย..

...สานต่อความฝัน แทนที่ความปราถนาของมันซึ่งไม่มีวันสมหวัง..

    “ ถ้าเป็นแกตอนนี้แกจะทำยังไง จอร์จิโอ้...”

     มาเฟียหนุ่มเอ่ยถามกับความว่างเปล่า...เขาเกลียดเหลือเกินกับเหตุการ์ณแบบนี้ เกลียดเหลือเกินที่ทำอะไรไม่ได้ ทั้งที่หลักฐานก็มากองอยู่ตรงหน้า ทั้งที่ตัวการก็เห็นกันอยู่ทนโท่ แต่ก็ทำไม่ได้สักอย่าง...

   ไร้ประโยชน์สิ้นดี...

เคว้งคว้าง..ไม่มีที่ยืน...มีเพียงแต่ความปรารถนาที่คอยประคองไม่ให้เซถลากลืนไปสู่ความมืดมิดที่รายล้อมอยู่รอบกาย..

 แอ๊ด....

      "...ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วครับ " ฮาซานเปิดประตูออกมาและพูดสั้นๆ ให้ร่างของมาเฟียหนุ่มที่นอนกลิ้งเหม่อลอยอยู่บนเตียงได้สติ คาวัลโลพยักหน้ารับอย่างเลื่อนลอยยังคงขมวดคิ้วแน่นอย่างครุ่นคิด แม้ว่าจะเดินไปถึงโต๊ะอาหารด้านล่าง ที่มีผู้คนนั่งกันอยู่พรักพร้อมก็ตาม  ฝีเท้าที่เดินมาชะงักลงเมื่อใกล้จะถึงโต๊ะอาหาร เขาขมวดคิ้วเพื่อมองหา"ที่อยู่"ของตัวเอง...

  ...อัลชาอ์นั่งอยุ่หัวโต๊ะ ถัดมาก็เป็นฟาลซาอ์และโรเบิร์ต และถัดไปอีกก็เป็นสองพี่น้องเซฮามัค...

..แล้ว ที่ของเขาอยู่ไหน?

     คาวัลโลเผลอขมวดคิ้วอีกครั้งอย่างเผลอไผล เมื่อพบว่าที่อยู่ของเขา ตรงนี้...ณ ที่แห่งนี้ กลายเป็นไม่มีไปเสียแล้ว..

ทั้งที่เมื่อไม่นาน เขายังได้นั่งอยู่ตรงนั้น ยังมี"ที่"ของตัวเองอยู่เลย..

แต่ตอนนี้...

     " ทำอะไรอยู่ ไม่นั่งลงล่ะ "เสียงทักจากรามิลทำให้คนกำลังคิดอะไรเพลินชะงัก คาวัลโลยักไหล่ก่อนจะสาวเท้าเดินไปนั่งที่นั่งถัดจากชายหนุ่ม จานอาหารและแถ้วน้ำถูกนำมาวางตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ปกติเขาก็จะตั้งหน้าตั้งตากินอย่างรวดเร็วแบบไม่สนใคร แต่เพราะเย็นนี้ไม่ค่อยหิวรึไงก็ไม่ทราบ เขาถึงได้เสมองไปยัง
หน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลซึ่งสะท้อนภาพท้องฟ้ายามเย็นขมุกขมัวแปลกตายิ่งนัก...

     " ฝนไม่ตก " คาวัลโลเอ่ยไปถึงคำพูดของสองพี่น้อง ที่ว่าอากาศแบบนี้ ฝนจะตกอะไรนั่น

     " ก็ยัง...แต่อีกไม่นานก็คงจะตก " ราเซย์เอ่ยตอบเบาๆ คาวัลโลพยักหน้ารับ ตักพาสต้ามากินแม้หัวคิ้วจะขมวดแน่นไม่หาย...

 ไอ้ประโยคพูดบ้าบอของราฟาเอลโร่ยังก้องอยู่ในหัว ทำเอาหมดอารมณ์จะกินจริงๆ

       “ หือ? แปลกที่คุณไม่ค่อยหิว...” เสียงทักของราเซย์เข้าสู่โสตประสาทอย่างเชื่องช้า กว่าที่คาวัลโลซึ่งขมวดคิ้วแน่นอยู่จะรู้ตัว ก็เมื่อความเงียบลอยอวลบนโต๊ะอาหารแล้ว

        “ อะไร? “มาเฟียหนุ่มกระพริบตาปริบๆ สบกับดวงตาหลายคู่ที่หันมา

        “...เหม่ออะไร? “ รามิลเอ่ยปากถาม สีหน้าฉงนสนเท่ห์ “ ทุกทีเห็นคุณกินเอาๆแท้ๆ “

        “...จะว่าผมตะกละรึไง...” คาวัลโลเหลือตามองคนพูด ก่อนจะยักไหล่ “ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่ไม่ค่อยหิว “

        “ แปลกไปจริงเสียด้วย “ พี่น้องเซย์ฮามัคพากันหัวเราะขำเยาะ ทำให้คนฟังแยกเขี้ยวใส่ ก่อนจะเอื้อมมือตักลาซานญ่าอบผักโขมมาใส่จานตัวเองกันคำครหาว่าเขากลายเป็นตัวประหลาดจากสองพี่น้องจอมกวนประสาทนั่น..

     “ ที่เจ้าคนนั้นพูด...หมายถึงอะไร “ หือ? คำถามจากชีคแห่งเซเนียยาทำให้คาวัลโลชะงัก  เขาเงยหน้าไปสบตาคนถามที่จ้องมองมาอย่างเคร่งขรึม ท่ามกลางบรรยากาศเฮฮาบนโต๊ะอาหารที่ค่อยเงียบลงอีกครั้ง..

      “ แน่ใจว่าอยากรู้ “เพราะที่ตรงนี้ยังมีเจ้าชายฟาลซาอ์อีกคน...และสองพี่น้องเซฮามัคก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับการสอบสวน นั่นยิ่งทำให้คาวัลโลข้องใจไปใหญ่ อย่างรามิลกับราเซย์ยังรู้ตัวไม่เข้าไปยุ่งย่าม แล้ว”หมอนั่น”เอาอะไรคิดถึงได้ขอเข้าไปดูด้วย..

ไม่สิ ต้องถามว่าคนอนุญาตเอาอะไรคิดต่างหาก..

      “ มันคงจะไม่เสียหายอะไรนักหนาหรอก “พอได้ยินแบบนั้นคาวัลโลก็ได้แต่พ่นลมหายใจแรง

     “ก็ได้...  Mi chiederai tu, morto disadorno,d'abbandonare questa disperatapassione di essere nel mondo?..ข้าเอ่ยถามหากเจ้าต้องวางวาย จักละทิ้งความรักอันสิ้นหวัง และทรยศโลกนี้ได้หรือไม่?.... แค่นั้น “ คาวัลโลเอ่ย ด้วยสีหน้าไม่รู้สึกรู้สา “ ถึงจะข้องใจที่มันพูด แต่...ช่างเถอะ “
     ".....บทกวีรึไง? " ราเซย์ออกปากถามสั้นๆ

     " หืม?...รู้จักด้วย" คาวัลโลเลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะหึๆ " ผมไม่ค่อยสนใจหรอก เรื่องพวกนี้ แต่ก็ได้ฟังมาบ้าง หึ....ถ้าตัวเองต้องตายเพราะความรัก จะทิ้งมันไได้รึเปล่าอะไรประมาณนั้นล่ะมั้ง "

     " ....แล้วเกี่ยวอะไรกัน..." รามิลมีสีหน้าข้องใจ บทกวีมันอาจจะสวยหรือเพราะ แต่ว่า...มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นกัน

      " มันคงคิดว่าเกี่ยวมั้ง..."คาวัลโลหรี่ตาลงช้าๆ "แต่ถ้าพูดว่าจะเป็นสาเหตุก็อาจจะใช่ แต่นั่นมันเรื่องที่หมอนั่นตั้งใจบอกกับผมคนเดียวนา... ตามประสาคนรู้จักก็ต้องมีเรื่องส่วนตัวบ้าง อะไรบ้าง "

      "แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ...มันก็ยังไร้สาระสิ้นดี สู้เอาเวลาพูดคำน้ำเน่าพวกนี้ไปทำอย่างอื่นยังจะดีกว่า  กับไอ้โง่ที่เอาแต่คิดว่าตัวเองเป็นผู้สูญเสีย ไม่คิดบ้างล่ะว่าทำอะไรไว้บ้าง เอาแต่พร่ำว่าตัวเองเสียประโยชน์ ถูกแย่ง ถูกทำร้าย  แบบนั้นก็ได้แต่เป็นคนถูกรังแกทั้งชาติ  "

    " อืม...." ราเซย์หรี่ตาลงช้าๆ มองหน้าคนพูดด้วยสายตาใคร่ครวญ

    " มองเห็นแต่ด้านของตัวเอง ไม่มองด้านคนอื่นบ้าง เอาแต่คร่ำครวญเอาแต่คิดเข้าข้างตัวเอง ก็สาสมแล้วจะไม่มีใครต้องการ  "

ครืด....

     " ขอโทษ ผมขอตัว.." จู่ๆร่างของโรเบิร์ต ชอว์ตันที่นั่งอยู่ด้านขวามือของชีคแห่งเซเนียยาก็ลุกพรวดออกจากเก้าอี้ หนุ่มชาวอังกฤษเอ่ยปากขอตัวห้วนๆด้วยใบหน้าตึงขึงที่บ่งชัดว่าไม่พอใจ ก่อนจะผลุนผลันก้าวยาวๆออกจากห้องอาหารไปอย่างรวดเร็ว

    " เอ่อ........" คาวัลโลถึงแก่ชะงักค้าง เขามองตามแผ่นหลังของโรเบิร์ตไปด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจจริงว่าเขาเผลอไปเหยียบหาง หรือไปทำอะไรให้"คนสำคัญ"ของท่านชีคตอนไหน..เจ้าตัวถึงได้...กล้าเสียมารยาทขนาดลุกพรวดออกไปทั้งที่เขากำลังพูดอยู่แบบนี้...

     "..ไม่ต้องงหรอก ก็แค่โดนพูดจี้ใจดำน่ะ "ราเซย์ตอบสั้นๆ ก่อนจะยกแก้วน้ำจิบและค่อยลุกออกจากเก้าอี้เช่นกัน " ผมก็ขอตัว "

     "........." คาวัลโลยังคงนิ่ง หนุ่มอิตาเลียนตัวแสบยังคงแขวนค้างอยู่กลางเรื่องด้วยสีหน้างวยงงชวนขบขันปนเอ็นดูนัก..

     "...ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นน่า...คุณก็พูดได้ถูกจังหวะแล้ว "รามิลหัวเราะเบาๆและเอ่ยสัพยอกชายหนุ่มที่ยังคงมีสีหน้างวยงงไม่หาย " แถม.....แผนรีเทิร์นอะไรนั่นของคุณท่าจะเป็นหมันเสียด้วย "

     " หา? "คาวัลโลขมวดคิ้ว กลับมามองหน้าคนพูดอีกครั้ง

     "...เปล่าคร้าบ ไม่มีอะไร ...ผมก็อิ่มแล้วเหมือนกัน เจ้าชายครับ อิ่มแล้วเราไปเล่นไพ่ทาโร่ต์ด้วยกันไหม? " รามิลเอ่ยปากชวนเจ้าชายฟาลซาอ์ที่แปรสภาพเป็นหินแกะสลักประดับโต๊ะอาหาร ชายผู้ถูกเมินมาตลอดมื้อ แต่ใจความนั้นยังทำให้คนฟังขมวดคิ้วอยู่ดี...เล่นไพ่ทาโร่ต์เนี่ยนะ...ได้ข่าววาเขาใช้ทำนายดวงไม่ใช่เหรอมิสเตอร์รามิล..

     ขมวดคิ้วแต่ก็ไม่คิดจะออกปากทักท้วง และยิ่งเงียบเมื่อพบว่าตอนนี้ทั้งห้องเหลือแค่เขากับอัลชาอ์สองคน กำลังคิดจะพูดขอตัว แต่ความอยากอาหารกลับเพิ่มขึ้นมากะทันหันซะงั้น และ...ไม่ได้เกี่ยวกับการได้กินกันสองต่อสองแต่อย่างใด เชื่อสิ

         ตักเอารีซอตโต้ใส่จานตัวเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ทั้งโต๊ะมีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบกันเท่านั้น คาวัลโลเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมของชีคแห่งเซเนียยาก่อนจะลอบถอนหายใจแผ่วเบา...กินแบบนี้กินคนเดียวคงง่ายกว่า ไม่อึดอัดแบบนี้แถมยังสบายอารมณ์กว่าเสียด้วย กินด้วยกันแล้วทำเงียบ ลุกออกไปเลยให้สิ้นเรื่องดีไหม

        "....ผมขอ....."

        " เดี๋ยว " อ้าปากจะลุก ทว่าอัลชาอ์ก็ทักท้วงไว้ ทำให้คาวัลโลขมวดคิ้วมุ่น..

       "...พรุ่งนี้ตอนบ่าย มาพบผมที่ห้องทำงานด้วย " น้ำเสียงสั่งเป็นทางการ คาวัลโลฟังแล้วพยักหน้ารับ...เขาทำท่าจะลุก หากก็ชะงัก ศรีษะที่ถูกปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลทองเอียงน้อยๆอย่างครุ่นคิด

       " ตอนเช้าผมขอโทรไปที่บ้านแล้วกัน. ..." หวังว่าคราวนี้คงอนุญาต คาวัลโลได้แต่ต่อเองในใจ

       "...อืม...ผมอนุญาต " คำพูดนั่นทำให้คนฟังพยักหน้ารับ คาวัลโลสาวเท้าออกจากโต๊ะอาหารด้วยสีหน้าพึงใจ ทว่าก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องเขาก็ชะงัก หันมามองหน้าชีคหนุ่มเหมือนนึกอะไรออก

       "จริงสิ " นัยน์ตาสีน้ำทะเลทอดมองร่างสูงสง่าที่นั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวในห้อง " ถึงผมคิดว่าจะไม่อยากพูด แต่ว่า การสอบปากคำฟิลิเป้ ผมขอบังอาจใช้ความรุนแรงนะครับ และถ้ากลัวว่า"คนสนิท"ของคุณจะไม่พอใจ ก็อย่าได้พาเขามาดูภาพทารุณกรรมสัตว์โลกเลย เดี๋ยวจะสะเทือนใจไปเสียเปล่าๆ "

        ".........." ไม่มีคำตอบจากชีคแห่งเซเนียยา และคนพูดก็ไม่ได้รอฟังเช่นเดียวกัน อัลชาอ์รวบช้อนกับส้อมเข้าหากันช้าๆ เอื้อมมือหยิบผ้าเช็ดปากมาทำความสะอาดก่อนจะจิบน้ำเย็นในแก้วอย่างเชื่องช้า...สีหน้าของชีคหนุ่มไม่ปรากฏอารมณ์ใด มีเพียงรอยยิ้มหยันประดับบนริมฝีปาก ยามทอดมองภาพท้องฟ้ามืดมิดไร้แสงดาวจากหน้าต่างบานใหญ่เบื้องหน้า

      เสียงแก้วกระทบกับจานรองแผ่วเบา หากดังชัด ในยามที่ห้องนี้ไม่มีใครอยู่...

ไม่มีใคร....สักคน

................................................

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 01-04-2011 18:05:47

ก๊อกๆ...

   ยกมือเคาะประตูเบาๆสามสี่ทีก่อนจะเปิดเข้าไป นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองนาฬกาที่บอกเวลาสิบเอ็ดโมงเช้าเป็นสิ่งแรก ก่อนจะฉีกยิ้มออกมาอย่างเสเสร้งเป็นที่สุดเมื่อได้สบตาโรเบิร์ต ชอว์ตันที่นั่งทำตาแดงๆบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของท่านชีคแห่งเซเนียยา

    เขาทำเมินนัยน์ตาที่มองมาเป็นเชิงตำหนิที่เข้ามาโดยไม่ขออนุญาติก่อน อย่างไม่สนใจ ยอมรับก็ได้ว่ามันเป็นความเคยชินไปเสียแล้วที่เขาจะเปิดประตูเข้าออกโดยไม่ได้ใส่ใจจะเคาะประตู หรือรอให้ใครอนุญาต กับห้องทำงานที่เขาคุ้นเคย หรือแม้กระทั่งห้องนี้ที่ติดกับห้องนอน ซึ่งเคยเป็นที่อยู่ของตัวเอง

...เอาเถอะ ก็เคาะประตูไปแล้ว คราวหน้าจะยืนทู่ซี้จนกว่าจะได้คำขออนุญาตแล้วกัน..

     " รอฟังคำอนุญาตสักนิดมันคงไม่เสียเวลาอะไรสักเท่าไรใช่ไหม? " อัลชาอ์หยิบปากกามาเขียนอะไรสักอย่างลงในกระดาษโน๊ตขนาดเล็ก และเพราะกำลังก้มเขียนอยู่จึงไม่ได้เห็นสีหน้าแววตาของคนฟังที่ขึงตึงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว...และโชคร้ายเสียด้วย ในเมื่อโรเบิร์ตมองเห็นแววตาวาววับของผู้ฟังอย่างชัดเจน

      "ขอโทษแล้วกันครับ ไว้คราวหน้าผมจะระวังตัว " ใบหน้าที่บอกได้เลยว่ามีสเน่ห์ดูดีของหนุ่มชาวอิตาเลียนเบื้องหน้ากระตุกวูบอย่างชวนให้หวั่นว่าเส้นอารมณ์พ่อเจ้าประคุณจะขาดเมื่อไหร่  โรเบิร์ตยังจำได้ดีว่าหมอนี่เวลากระทืบชาวบ้านน่ากลัวได้ขนาดไหน หนุ่มอังกฤษมองสีหน้าของสองบุรุษในห้องและได้แต่ครางในลำคอเบาๆ นึกโทษตัวเองอีกครั้งว่าเขาอยู่ผิดที่ผิดทางเป็นที่สุด...

 ไม่ได้อยากจะเป็นสาเหตุให้ใครเขาไม่พอใจกัน และไม่ได้อยากจะนั่งนิ่งท่ามกลางบรรยากาศคุกรุ่นแบบนี้หรอกนะ..

   เหล่มองใบหน้าของอดีตคนรักที่เฉยชาอย่างที่เขาไม่เคยชอบแล้วก็ได้แต่ลอบถอนใจเบาๆ...เวลาอัลชาอ์โกรธก็ว่าน่ากลัวแล้ว แต่เวลาเฉยนี่สิ...สำหรับโรเบิร์ตเขาคิดว่ามันน่ากลัวกว่านับสิบเท่า...

....แล้วสองคนนี้...

    หนุ่มอังกฤษยกปลายนิ้วขยี้จมูกแดงก่ำของตัวเองที่เกิดจากเรื่องงี่เง่าบ้าบอ ซึ่งเขาประสบจากเจ้าบ้าคนหนึ่งพลางลอบสังเกต คาวัลโล เตอเกียแร่ และอัลชาอ์ มูอัสซิน ที่ต่างฝ่ายต่างก็นิ่ง ไม่มีใครเอ่ยถ้อยคำใดออกมา

...ยิ่งกว่าทำสงครามเย็นกันเสียอีก...

   โรเบิร์ตถอนหายใจงึมงัม ให้ทะเลาะวิวาทกันยังดีกว่ามาเงียบกันแบบนี้ อัลชาอ์ก็ไม่ยอม คาวัลโลก็ไม่ยอม แล้วแบบนี้มันจะลงเอยกันได้อย่างไรนี่...

คนหนึ่งก็นิ่งไม่พูด อีกคนก็หยิ่ง ทำเฉย...ทั้งที่ต่างฝ่ายก็ร้อนใจแทบตาย "คนภายนอก"แบบเขายังมองออกเลยนะ ว่าสองคนนี้มันต้องมีอะไรแฝงอยู่แหงๆ

...แต่ดูเอาเถอะ...

หนุ่มเมืองผู้ดีคิดในใจอย่างหน่ายระอา...ถ้ายังเอาแต่นิ่งกันแบบนี้ ก็คงไม่มีวันจะได้รักกันหรอก..

        แผ่นกระดาษที่มีตัวเลขเขียนอยู่สองสามแถวถูกวางไว้ตรงหน้า เมื่อชีคหนุ่มเสียบปากกาเก็บเข้าที่เดิม คาวัลโลขมวดคิ้วน้อยๆ มองตัวเลขนั้นอย่างกังขา หากเมื่ออัลชาอ์ชี้ไปที่เก้าอี้บุนวมสีมะเกลือที่ตั้งอยู่ข้างโต๊ะที่วางโทรศัพท์อยู่ เขาก็เข้าใจได้ไม่ยาก..

       "...ให้คุยตรงนี้? "คาวัลโลเอื้อมมือหยิบกระดาษแผ่นนั้นมามอง แล้วออกปากถาม

       " ใช่ " อัลชาอ์พยักหน้ารับ ....แต่คนฟังถอนหายใจเฮือก ไม่ได้ลืมหรอกว่าชีคหนุ่มตั้งข้อกำหนดไว้อย่างไรบ้างเกี่ยวกับการจะติดต่อกับคนทางนั้นของเขา แต่ว่า....มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องมาคุยให้คนอื่นฟัง ?

    มันไม่จำเป็นจะต้องคุยให้ ไอ้คุณโรเบิร์ต ชอว์ตันฟังนะเว้ย! ไม่มีอยู่ในข้อตกลง อย่ามาทำนิ่งทำเฉย เรื่องตอนสอบสวนเจ้าราฟาเอลโร่ก็ทีแล้ว  เมื่อวานเขายอมลงให้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะตลอดไปเสียหน่อย.. อย่ามาทดสอบความอดทนของเขาด้วยเรื่องงี่เง่าแบบนี้ได้ไหม?

       " คุณก็จำได้ดีถึงข้อตกลง..." ใช่ ข้อตกลงที่ว่าต้องคุยต่อหน้า ต้องให้ฟังด้วย ต้องไม่มีความลับ....ใช่เลย

        " แล้วมีข้อไหน ที่บอกว่าผมต้องคุย...." คาวัลโลเลิกคิ้ว เขาไม่เอ่ยคำว่าคนนอก คนอื่นหรืออะไรแบบนั้นออกมา เพราะไม่อยากจะได้ยินคำประเภทที่ว่าโรเบิร์ตไม่ใช้คนอื่นหรืออะไรทำนองนั้น...จะเป็นคนสำคัญของใครก็เรื่องของพวกมัน แต่สำหรับเขามันไม่ใช่..

        ".....งั้นผมขอตัว..." โรเบิร์ตรีบแทรกขึ้นพลางลุกพรวด เขายิ้มออกมาด้วยสีหน้าจืดเจื่อน " ผมคุยธุระเสร็จแล้ว ขอตัวไปก่อนแล้วกัน "

        " ..คุณยังพูดไม่จบไม่ใช่เหรอ? ร๊อบ...." อัลชาอ์พูด...ดึงแขนหนุ่มต่างชาติที่ตั้งท่าเดินลิ่วออกไปแบบไม่เห็นหัว เพราะแน่นอนว่าหนุ่มอังกฤษคนนั้นไม่เสียสติพอจะนั่งอยู่ให้คนอื่นเขาทะเลาะกันอีกเป็นครั้งที่สอง

       สีหน้าของมาเฟียหนุ่มที่มองภาพการยื้อยุดระหว่างชายหนุ่มสองคนเบื้องหน้ากระตุกวูบ นัยน์ตาสีน้ำทะเลฉาบฉายไปด้วยความไม่พอใจและความรวดร้าวเพียงชั่วครู่ ก่อนเจ้าตัวจะกรอกตาขึ้นมองเพดานห้องเม้มปากแน่น..

        " ผมจะไปคุยที่อื่น " คาวัลโลขมวดคิ้ว ไหวไหล่ "  ห้องไหนก็ได้ที่ติดไอ้เครื่องดักฟังหรือกล้องวงจริปิดเอาไว้ ไม่งั้นก็ฟังจากโทรศัพท์นี่ก็แล้วกัน "

        "  ไม่อนุญาต "

        " .........." คาวัลโลไม่พูด อะไร หากนัยน์ตาสีน้ำทะลคู่สวยเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างน่ากลัวว่าจะตบะแตกเมื่อไหร่ มาเฟียหนุ่มหรี่ตาลงช้าๆหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่กระดาษในมือตัวเองอย่างไม่อยากจะมองต้นเหตุแห่งความหงุดหงิดนั้นให้อารมณ์ขุ่นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

       " คุณจะไว้ใจคนเป็นร้อยเป็นพันก็เรื่องของคุณ   คุณจะอนุญาติให้ใครเขารู้เรื่องนั้นเรื่องนี้เหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญก็ตามใจคุณ....แต่ผมไม่....ผมไม่อยากจะทะเลาะกับคุณด้วยเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมามันก็น่าหงุดหงิดมากพอแล้ว .... " นัยน์ตาสีน้ำทะเลเหลือกขึ้นมองเพดานห้องพลางถอนหายใจแรงๆอย่างคนกำลังควบคุมอารมณ์

        " และคุณที่มีเรื่องจะคุยกับคนสำคัญ ก็คงไม่มีเวลาจะมานั่งจับผิดผมทางโทรศัพท์หรอก เดี๋ยวจะมีสัญญาณรบกวน "

ปัง !!

        ประตูห้องที่ปิดลงแล้ว ทำให้โรเบิร์ตมีสีหน้ายอกแแสยงปรากฏขึ้นทันควัน ชายหนุ่มหันมามองหน้าอดีตคนรักที่ขมวดคิ้วแน่นสีหน้าเจ็บปวดที่ปรากฏขึ้นทำให้เขาก็ได้แต่ถอนหายใจแผ่วเบา

         "...เพราะผม...."

         " ไม่ใช่.."ชีคแห่งเซเนียยาระบายลมหายใจเบาๆสีหน้าเริ่มกลับมาเป็นปกติ อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าและดวงตาแดงก่ำของอดีตคนรัก เขาถอนหายใจแผ่วเบา ประสานมือสอดเข้าใต้คางช้าๆ

         "...เล่าเรื่องของคุณมาดีกว่า... ตัดสินใจซะ ร๊อบ..ว่าจะเอายังไงกับราเซย์กันแน่....."


      คาวัลโลจ้องมองโทรศัพท์แบบตั้งโต๊ะเครื่องหรูในมือด้วยสีหน้าเรียบเฉย มาเฟียหนุ่มกดหมายเลขโทรศัพท์และรหัสสำหรับโทรออกของที่นี่จากกระดาษในมือ ขณะที่นั่งเงียบอยู่ในห้องทำงานของอัลชาอ์...ฮาซานมาตามตัวเขาให้กลับไปที่นั่น และเมื่อมาถึงก็ไม่มีร่างของตัวกวนโมโหตัวไหนนั่งอยู่อีกแล้ว  ซึ่งก็ถือว่าดี เพราะถึงจะเป็นอัลชาอ์นั่งอยู่คนเดียว สภาพอารมณ์หงุดหงิดของตนเองก็คงทำให้คาวัลโลอาละวาดใส่ท่านชีคแห่งเซเนียยาได้ไม่ยาก

  ...ริมฝีปากเม้มแน่นเข้าหากันยามเงี่ยหูฟังเสียงรอสาย หัวคิ้วย่นเข้าหากัน กดลึกอย่างบ่งชัดว่าไม่พอใจ...ไม่พอใจอย่างมาก

      เหนือกว่าความไม่พอใจเรื่องที่โรเบิร์ตเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ มากกว่าความไม่พอใจที่อัลชาอ์ไม่เห็นว่าเรื่องของเขาสำคัญเขา...แต่ที่เขาไม่พอใจกว่านั้น คือการพบว่าตัวเองที่เสียที่อยู่ตรงนี้ไปแล้ว ไม่มีพื้นที่ยืนใน"หัวใจ"ของอัลชาอ์เหมือนเดิม มันทำให้เขาหงุดหงิดเสียจนน่าตกใจ..

      เรื่องความเฉยชา หรือความยากลำบากในการจัดการอะไรต่างๆซึ่งจะไม่ง่ายเหมือนในตอนที่อัลชาอ์โอนอ่อนผ่อนตามเขาไปเสียทุกเรื่องเพราะความรักนั้นแน่ชัดอยู่แล้ว เขาก็เข้าใจดี..

    แต่นึกไม่ถึง ว่าจะกลายเป็นแบบนี้

 นึกไม่ถึง ว่าสิ่งที่เสียไป นอกจากจะเป็นหัวในของอีกฝ่ายก ก็ยังเป็นความรู้สึกของตัวเองด้วยเช่นกัน...

   ....อิจฉา...

    ...เขากำลังนึกอิจฉาหมอนั่น อิจฉาโรเบิร์ต ชอว์ตันคนนั้น อิจฉาที่หมอนั่นได้ในสิ่งที่ตัวเองทิ้งไปแล้ว อิจฉาที่คนๆนั้นกลายเป็นคนสำคัญ...ทั้งที่คาวัลโลก็ทำตัวเองแท้ๆ..

    ถ้าหากเป็นคาวัลโล วาลกัสคนเดิม คนที่อยู่ในตำแหน่งมาเฟีย คนที่จะเป็นบอสของวาลกัส เขาคงไม่ลังเลเลยที่จะกำจัดตัวเสี้ยนหนามที่รกหูรกตานี้ออกไปไกลๆ

  แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ เพราะตอนนี้ไม่ใช่ เขาถึงได้ซาบซึ้งว่าการถูกเมินและความรู้สึกที่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนน่ะมันเป็นยังไง

....ทั้งที่ทำตัวเองแท้ๆ ก็ยัง...


      " ครับ "

       " พี่...นี่ผมเองนะ "  เสียงตอบรับจากปลายสายปลุกให้หลุดจากภวังค์ คาวัลโลกรอกเสียงไปตามสายอย่างกระตือรือล้น เขาแว่วเสียงขยับตัวแกรกรากจากปลายสายเบาๆก่อนที่ฝ่ายนั้นจะเอ่ยพูดออกมาอีกครา

      " หายหัวไปนานเลยนะแก เป็นไงมั่ง " เสียงของพี่ชายออกจะรีบร้อนปนลนลานแปลกๆ แต่คาวัลโลก็ทำเมินไปเสีย เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังโทรไปขัดจังหวะธุระสำคัญอันใดของพี่ชายอยู่..

       "...ก็ดี.....เออ จริงสิ อเล็กซี่...พี่ได้ข่าวจากทางโน้นเรื่องพวกเรกาโซ่บ้างมั้ย? "

       " หรือว่าข่าวที่พวกมันไป UAE จะจริง " อเล็กซิสฟังคำพูดของน้องชายก็เบิกตาโพลงอย่างตกใจไม่น้อย

       " อืม....ตอนนี้พวกมันถูกจับ อยู่ที่นี่ "

       " พวกมันมาตามล่าแกเหรอ? มันรู้ได้ยังไง " อเล็กวิสใจหายวาบ รีบถามกลับ ทราบข่าวนี้คร่าวๆจากซิลเวียแล้วก็จริง ทว่าเขาก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้

       " นั่นฉันก็อยากรู้เหมือนกัน " คาวัลโลหัวเราะหึ มุมปากกระตุกอย่างเย้ยหยัน "พวกโง่ที่รี่เข้ามาติดกับเองน่ะ พอได้ข่าวก็คงจะรีบมา เพราะกระสันอยากจะแก้แค้นเสียจนตัวสั่นล่ะมั้ง "

       " แกอย่าประมาท "เสียงเตือนจากปลายสายทำให้คนฟังพ่นลมหายใจพรู

    " รู้เแล้ว "รับคำเบาๆ พลางคิดไปถึงสีหน้าท่าทางของคนพูด...คาวัลโลสูดหายใจลึกบอกตัวเองให้ใจเย็นเช่นเดียวกับคำเตือนนั้น เพราะหากเขาวู่วามก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น ในเมื่อตำแหน่งบอสแทางนั้นเป็นเพียงหนึ่งเดียวในความหวังของเขา เป็นที่ยืนที่สุดท้ายที่เหลืออยุ่เขาย่อมต้องปกป้องมันด้วยชีวิตและให้ใครมาพรากเอาไปไม่ได้เด็ดขาด

           "..แล้วทางนั้นว่ายังไง? " อเล็กซิสออกปากถามน้องชาย ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น สีหน้ายุ่งยากใจไม่น้อย ยิ่งเมื่อ....นึกถึงเรื่องที่เจ้าน้องชายคนนี้มันไม่รู้ด้วยแล้ว เขาก็ยิ่ง...

          " ....ก็โดนจับไง ตอนแรกทางนี้จะฆ่าทิ้งให้สิ้นเรื่อง แต่ฉันขอไว้...รู้สึกว่าพวกมันจะมีสายแถบนี้ด้วย เพราะเจ้าราฟาเอลโร่มันบอกว่ามีพรรคพวกเป็นชีคประเทศแถบนี้ ลองตรวจเรื่องนี้หน่อยก็ดี "

         " อืม"

         " แล้วดูความเคลื่อนไหวของพวกมันด้วย ข่าวที่ราฟาเอลโร่กับฟิลิเป้โดนจับน่าจะไปถึงแล้ว..." คาวัลโลขมวดคิ้วน้อยๆเมื่อสดับฟังความเงียบผิดปกติจากปลายสาย...ปลายนิ้วเรียวหมุนปากกาปากเกอร์สีทองที่วางอยู่ใกล้ๆจับหมุนเล่นแก้เบื่อ ขณะที่จดจ่อกับบทสนทนาและครุ่นคิดกับปฏิกริยาประหลาดของพี่ชาย

        "...อืม.."

       " สินค้าที่จะส่งมาที่นี่ล๊อตล่าสุดจะมาถึงอีกกี่วัน?  ให้คนของเราแฝงเข้าไปในขบวนด้วย " เพราะอาการที่รับฟังคำสั่งอย่างเชื่อฟังซึ่งแทบไม่เคยเกิดขึ้นเลยของพี่ชาย ทำให้เขายิ่งขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่เข้าใจ และเริ่มร้องจิ๊กจักในลำคออย่างหงุดหงิด

        "อืม..."

        " นี่พี่เป็นอะไร? " ที่สุดแล้วคาวัลโลก็หมดความอดทน นี่ถ้าจำเสียงไม่ได้ เขาคงสงสัยว่ามันไม่ใช่พี่ชายตัวเองแน่ๆ มีที่ไหนที่อเล็กซิสจะทำตัวเชื่อฟังไม่ถามไถ่อะไรแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นกัน

        " ...เปล่า "อเล็กซิสกระแอมเบาๆในลำคอ พี่ใหญ่ของตระกูลวาลกัสมองเอกสารบนโต๊ะทำงานก่อนจะเสมองหน้าต่างที่สะท้อนภาพสวนหน้าบ้าน ซึ่งมีร่างของชายในชุดสูทหลายคนยืนตรวจตราอย่างขันแข็ง...

ทั้งที่บ้านของเขาไม่เคยอนุญาตให้คนพวกนี้เข้ามาแสดงตนอย่างชัดเจนขนาดนี้

ทั้งที่พ่อของเขายืนยันว่าตนคือนักธุรกิจที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเส้นทางมาเฟีย...

ทว่าตอนนี้ ทุกอย่างมันกลับ...

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 01-04-2011 18:15:48
 
      "...ฉันกำลังคิด " น้ำเสียงเคร่งขรึมของพี่ชายดังลอดจากปลายสาย ทำให้คนฟังถอนหายใจแรง...สีหน้าข้องใจ

         " หรืองว่าที่บ้านมีอะไร? " คิดได้อย่างเดียวว่าเรื่องที่ทำพี่ชายเครียด ก็มีแค่...เรื่องของฝาแฝดตัวเองเท่านั้นล่ะ

         "....คาล...." อเล็กซิสเอ่ยชื่อน้องชายเบาๆ เขามองรูปถ่ายครอบครัวที่ใส่กรอบเล็กๆวางตรงหัวโต๊ะ และมองภาพถ่ายของตนและฝาแฝดอีกครั้ง...ริมฝีปากเม้มแน่น...ลังเล ที่จะพูดออกไปว่าเกิดอะไรขึ้น

...ไม่อยากจะบอก ว่าเจ้าตัวไม่เป็นที่ต้องการแล้ว ไม่อยากจะพูดว่าคนที่น้องชายของเขาเคารพรักไม่แพ้ผู้เป็นพ่อทำอะไรลงไป..แต่ว่า...

...จะปิดไปก็ไม่ได้ประโยชน์..จะทำนิ่ง เฉย ก็ยิ่งส่งผลเสียมากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับเขา เพียงแค่มันมีชีวิตอยู่ เพียงแค่มันยังอยู่ในโลกใบนี้...

ตรงไหนก็ได้ ยังไงก็ได้ ไม่ต้องเป็นบอสมาเฟียก็ได้ ไม่ต้องยิ่งใหญ่ ไม่ต้องรับผิดชอบเพื่อให้ความรักของเขากับแฝดน้องกลายเป็นความจริง ไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้...

เพียงแค่น้องชายมีชีวิตอยู่ ก็พอแล้ว...

...แต่ทว่า อเล็กซิสก็รู้เช่นกัน...ว่าสำหรับคาวัลโล การ"ไม่มี"ตำแหน่งบอสนั้นไม่ต่างจากเจ้าตัวตายไปจากโลกนี้...

แลกกับการบอกความจริง กับการปล่อยให้เฝ้าพยายาม เพ้อฝันถึงอิสระ และตำแหน่งของตน..ทั้งที่ความจริงมันไม่มี เขาจะเลือกทางไหนได้เล่า

        "....เงียบทำไม พี่ " คาวัลโลขมวดคิ้วแน่น ออกปากซักอย่างเริ่มจะหงุดหงิดใจมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งกว่านั้น เขาเริ่มรู้สึก สังหรณ์ร้ายขึ้นมารางๆ

...มันต้องเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ...

          "....ซิลเวียมาหาที่บ้าน "ที่สุดแล้วอเล็กซิสก็ยังไม่กล้าจะเอ่ยปาก เขาจึงได้แต่พูดเรื่องอื่นดึงความสนใจของน้องชายไปพลางๆก่อน...

        "...แล้ว....ทำไม....เขามีอะไรรึเปล่า " คาวัลโลเลิกคิ้วงงๆกับคำพูดของพี่ชาย พลันนึกถึงประโยคนั้นของราฟาเอลโร่อีกครั้ง...

 Mi chiederai tu, morto disadorno,d'abbandonare questa disperatapassione di essere nel mondo? ?

...บทกวีนี้เอ่ยถึงความรักไว้ด้วย...หรือราฟาเอลโร่มันจะหมายความถึงซิลเวียกัน

...หรือมันจะบอกว่าซิบเวียทรยศเขา?

     มาเฟียหนุ่มขมวดคิ้วโคลงศรีษะช้าๆ...ระหว่างรอคำตอบของพี่ชายที่ชักจะนานขึ้นทุกที ไม่ทราบว่าเพราะระยะทางไกลรึเปล่า คำตอบมันถึงได้ดีเลย์ขนาดนี้..
แต่ว่า เรื่องที่กราดอนจะทรยศวาลกัส...นั่น...เป็นเรื่องงี่เง่าเรื่องสุดท้ายที่น่าจะเกิดขึ้นได้

ไม่ใช่ว่าเพราะกราดอนจงรักภักดีหรือเป็นมิตรอะไรกับเขาจริงจังหรอก แต่ว่า...มันเป็นเพราะกราดอนไม่มีทางจะไปดีกับพวกเรกาโซ่หรือเซเคนีได้ต่างหาก..

...แล้วซิลเวีย ก็ไม่ได้สิ้นคิดขนาดจะปล่อยให้พ่อตัวเองทำเรื่องแบบนั้นเสียด้วย

          "...ก็มาถามเรื่องแก...แล้วเอาข่าวของพวกเรกาโซ่มาบอก "

          " เห? " คำตอบนั้นชวนงงไม่น้อย เอาข่าวจากพวกเรกาโซ่...ที่ประกาศเป็นศัตรูกันนี่นะ ยัยนกมรณะนั่นไปทำอะไรท่าไหนถึงได้รู้กัน

          " ซิลเวียบอกว่าได้ข่าวจากโรซาลน่า ดีไลว่า " อเล็กซิสบอกน้องชาย เขาขมวดคิ้ว ถอนหายใจเฮือก ปลายนิ้วแตะกระจกกรอบรูปที่เย็นเฉียบ..

          "....อ้อ.....งั้นเหรอ..." พอฟังว่าได้ข่าวจากใครคาวัลโลก็หัวเราะหึ นึกอยู่แล้วว่าซิลเวียคงไม่ได้เจอราฟาเอลโร่หรือคนอื่นๆในแกงค์นั้นหรอก แต่ถ้าเป็นแม่โรซาลน่านั่นก็ไม่แน่ ยัยสาวพิการเก็บกดนั่นคงจะพูดพล่ามหลุดปากออกมาแบบไม่ทันคิดซะล่ะมั้ง...

            " จริงสิ อเล็กซิส... Mi chiederai tu, morto disadorno,d'abbandonare questa disperatapassione di essere nel mondo?  พี่เคยได้ยินหรือเปล่า? "คาวัลโลเอ่ยถามพี่ชายถึงบทกลอนกวนประสาทของเจ้าราฟาเอลโร่ เขาแว่วเสียงครางงงึมงัมของคนฟังอย่างสังสัยจัด ชวนให้หัวเราะขำ เพราะพี่ชายคงไม่นึกว่าอย่างเขาจะมาสนใจบทกลอนอะไรพวกนี้ได้

              " ของ ปาซีโลนี (Paolo Pasolini) " อเล็กซิสเอ่ยถึงนักประพันธ์และผู้กำกับภาพยนต์ชาวอิตาเลียนเจ้าของบทกลอนนี้ " ทำไม...นึกอะไรขึ้นมาถึงถาม "

              " อยากรู้ความหมายของมันไง...ไม่ใช่ความหมายปกติน่ะ แล้วก็ไม่ใช่ความหมายแบบกวีด้วย " คาวัลโลตอบกลับ พลางโคลงศรีษะเบาๆ  " พอดีได้ยินมาจากปากไอ้คนน่าโมโหคนนึง เลยมาถามเพื่อพี่จะคิดอะไรออกบ้าง "

             " หืม? ก็ความหมายในภาษิตของมาเฟียไง  Mi chiederai tu, d'abbandonare questa disperatapassione di essere nel mondo ระวังจะตายเพราะคนที่รักทรยศ..." อเล็กซิสเอ่ยตอบไปตามปกติ...หากพอพลั้งปากออกไปคนพูดกลับต้องนิ่ง...เงียบไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย...

             "...อา....งั้น..เหรอ.." คาวัลโลก็นิ่งงันไปเช่นกัน มาเฟียหนุ่มเผลอเม้มปากแน่นอย่างเผลอไผล..เมื่อกวีบทนี้มัน...

             " ใคร " อเล็กซิบกำโทรศัพท์แน่น เอ่ยปากถามน้องชายเสียงห้วน " ใครเป็นคนพูดให้แกได้ยิน คาวัลโล ! "

             "...เอ๊ะ...." คาวัลโล ชะงักไปกับน้ำเสียงห้วนจัดของพี่ชายที่โพล่งขึ้นมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว " อะไรกัน "

            "...ฉะ....ฉันแค่อยากรู้ว่าใครพูด " อเล็กซิสตะกุกตะกักเสียงอ่อนเมื่อรู้ตัวว่าเขาเผลอแสดงอารมณ์ออกไปชัดเจนเกินจะควบคุม...และส่วนหนึ่งหัวใจก็ร้อนเร่าด้วยความสงสัย และความอยากรู้

...ใคร...

ใครที่พูด...ราวกับรู้ รู้ทันว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ใครที่มันพูดเหมือนรู้ว่าคาวัลโลมันจะถูก....


             " ราฟาเอลโร่ " คาวัลโลตอบพี่ชายเสียงเบา....ชายหนุ่มนิ่งไปสักพัก ขณะที่ขมวดคิ้วแน่นอย่างลืมตัว ปากกาที่เขาถือเอาไว้คลึงเล่นแก้เบื่อ หลุดจากมือที่นิ่งค้างหล่นไปกองบนพื้นพรมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

            "...แต่ก็เท่านั้นล่ะ ฉันก็ลืมนึกไปเลยเรื่องภาษิตของพวกเรา...มันพูดเรื่องนี้ คงรู้สิ ว่าในหมู่ของพวกเรามีคนทรยศ หรือกระทั่งรูเรื่องที่ฉันถูกพวกนั้นมันล่อให้มาติดกับ.. ฮ่ะๆ "

             "............" เสียงพูดเจื่อเจื่อนและรัวเร็วของน้องชายไม่ได้ทำให้อเล็กซิสรับคำแต่อย่างใด...พี่ใหญ่ของตระกูลวาลกัสยกมือกุมขมับครางในลำคอเบาๆอย่างเครียดขึง...

ไม่ได้แล้ว..จะปิดมันไม่ให้รู้ จะปล่อยให้มันตะเกียดตะกายพยายามแบบนี้ทั้งที่มันต้องกลายเป็นสิ่งไร้ค่า เขา...ทนไม่ได้...

    ....ยังไง ก็ต้องพูดออกไป...เพื่อจะไม่ให้มันต้องลำบากมากกว่านี้...

             "....แกถูกจับอยู่ที่ไหน...คาล "คำถามเสียงเข้มจากพี่ชายทำให้คนฟังขมวดคิ้ว...คาวัลโลอ้าปากหวออย่างลืมตัว พลางขมวดคิ้วแน่น หลังจากพยายามปัดเรื่องคำพูดของราฟาเอลโร่ให้หลุดไปจากสมอง

           ".....ฉันบอกไม่ได้...พี่ก็รู้ " แน่นอนว่าเขาไม่ลืมเรื่องที่ตกลงกับอัลชาอ์เอาไว้ อีกทั้งไม่จำเป็นจะต้องผิดคำสัญญาโดยเปล่าประโยชน์

            "...ฉันจะรีบส่งคนไปช่วยแกไง ทำไมจะบอกไม่ได้ คาล " อเล็กซิสขมวดคิ้วแน่น ถามกลับ

           " จะบ้ารึไง ฉันบอกแล้วว่าดูแลตัวเองได้ พี่ส่งพวกมันมาตายเปล่ารึไง ? " คาวัลโลขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจคำพูดของพี่ชายสักนิด " ฉันจะหาคนทรยศของเราและคนทรยศของคนที่จับฉันไว้ พอสำเร็จพวกเขาก็จะปล่อยฉันไป ฉันก็กลับไปอย่างสมสักดิ์ศรีไงพี่  ตามที่ตกลงกันไว้แต่...."

           " พอแล้ว ศักดิ์ศรีบ้าบอพวกนั้นมันกินได้รึไง !!!! " อเล็กซิสลุกพรวดฝ่ามือทุบโต๊ะเสียงตึงใหญ่ เขาขมวดคิ้ว ปวดหัวจัดแล้วเริ่มเดินว่อน

           "....ฉันจะให้พวกมันไปช่วยแก แล้วให้แกไปอยู่ที่ปลอดภัยจนกว่าฉันจะจัดการทางนี้ได้ ไม่ต้องสนใจเรื่องจะหนีออกมายังไงแล้ว ฉันจะ...."

          " นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? " ที่ทีแปลกๆของพี่ชายกับประโยคคำพูดที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากปากคนๆนี้ก็บอกได้ชัดเจนพออยู่แล้วว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นทางโน้นแน่ๆ คาวัลโลโพล่งถามพี่ชายออกไปอย่างรวดเร็ว " พี่ตกลงกับฉันไว้แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจ? แล้วยังจะให้ฉันหลบไปอยู่ที่ปลอดภัยอีก ที่บ้านเรามันไม่ปลอดภัยรึไงหือ ทั้งพ่อแม่ทั้งคุณลุงอีก จะมีอะไรมาทำฉันได้ ให้พี่รับมือไปก่อนแล้วฉันจะรีบกลับไปรับช่วงต่อไงเล่า "

            "....คาล.... "อเล็กซิสเม้มปากแน่น ครางงึมงัมในลำคอ " ...แก ....ทำตามที่ฉันบอก ฉันจะให้คนไปรับแก แล้วพาแกไปซ่อนตัวก่อน ฉันจะจั...."
           " ไม่ !!! บอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้น "คาวัลโลเขวี้ยงปากกาในมือลงบนพื้นทันควัน มาเฟียหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อลางสังหรณ์และสัญาชาติญาณของตนกำลังกรีดร้องบอกเขาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันต้องร้ายแรง...และ ส่งผลกระทบกับเขามากมายแน่ๆ

           "บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ !!! "

             ".....ไอ้..... " อเล็กซิสกัดฟันกรอด เขาขบริมฝีปากแน่น หัวสมองวิ่งวนดิ้นพล่านอย่างว้าวุ่นหากแต่สุดท้ายพี่ใหญ่ของตระกูลวาลกัสก็ตัดสินใจจะบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปตรงๆ

            " Mi chiederai tu,d'abbandonare questa disperatapassione di essere nel mondo!! แกถูกทรยศ!! เข้าใจรึยัง ที่นี่ไม่มีใครต้องการแกแล้ว ลุงกับพวกผู้บริหารระดับสูงในแกงค์ให้ฉันเป็นบอส งานศพแกเราจะจัดอย่างเร่งด่วนที่สุด ส่วนโครงกระดูกจอมปลอมนั่นเขาก็สั่งให้ผลการตรวจออกมาแล้วว่าเป็นศพแก ....ลุงจะฆ่าแกถ้าแกกลับมา เพราะแกที่พลาดท่าไม่มีคุณสมบัติจะเป็นบอสอีกแล้ว พอใจรึยัง !!  ลุงเฟรดี้ไม่ต้องการแกแล้ว เข้าใจมั้ย !! "

         ตื้ด....ตื้ด......ตื้ด......

            " อ่ะ....เฮ้...!! คาล....เดี๋ยวสิ แกอย่าเพิ่ง......คาล !!.... คาวัลโล!! แก......" อเล็กซิสตะโกนใส่โทรศัพท์เสียงดังเมื่อพบว่าปลายสายเงียบไปแล้ว แต่ตะเบ็งจนเจ็บคอก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ....พี่ใหญ่ตะกูลวาลกัสกัดฟันกรอด อเล็กซิสคำรามในลำคอเสียงห้วน เขายกมือขึ้นลูบหน้ากุมขมับอย่างเครียดเคร่งด้วยรู้สึกหงุดหงิดและเสียใจเป็นที่สุดที่พลั้งปากไป...

          " ให้ตาย.....นี่ฉัน........." ชายหนุ่มกำหมัดแน่น สีหน้าซีดเผือก

เขาก็แค่...อยากให้มันมีชีวิตอยู่...

เขาแค่อยากให้น้องชายตัวเองปลอดภัย...อยากให้มันมีชีวิตรอดกลับมา...


เพล้ง !

       ฝ่ามือที่ตั้งใจจะวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ กลับเผลอปัดใส่กรอบรูปจนมันหล่นลงบนพื้น....อเล็กซิสก้มมองกรอบรูปขนาดเล็กที่เศษกระจกแตกกระจาย...ชายหนุ่มใจหายวาบ...เมื่อพบว่ามันเป็นรูปน้องชายคนสุดท้องของตนนั่นเอง...

  คาวัลโล....

      พี่ใหญ่ตระกูลวาลกัสครางเสียงสั่นแทบจะไม่หลุดออกมาจากลำคอ...


..........................

       แอ๊ด....

          เสียงเปิดประตูห้องเข้ามาแทบจะไม่ได้รับการสนใจเลยเมื่ออัลชาอ์พบว่าคาวัลโลยังคงนิ่ง ชีคหนุ่มมองร่างของหนุ่มอิตาเลียนตัวแสบเบื้องหน้าด้วยสีหน้างวยงงไม่น้อย เมื่อคาวัลโล วาลกัส ยังคงยืนนิ่ง...มือซ้ายกำหูโทรศัพท์ทิ้งลงข้างกาย อัลชาอ์มองเห็นกระดาษโน๊ตที่เขาจดรหัสสำหรับโทรออกและเบอร์โทรให้เมื่อครู่ถูกขยำจนยับยู่...ปากกาปากเกอร์ด้ามสีทองกลิ้งอยู่บนพื้นพรมไม่ไกลนัก และ....สายโทรศัพท์ที่ถูกกระชากออกจากเครื่องเมื่อใดก็ไม่ทราบได้...

          "คาวัลโล ? " ฝ่ามือหนาแตะลงบนไหล่....ให้ร่างที่นิ่งเงียบงันจนผิดวิสัยหันมาหา

          ปึก !

         "............" ร่างของมาเฟียหนุ่มหมุนตัวกลับมาให้เห็นเพียงชั่วครู่ กระแทกหัวไหล่เข้ามาชนกับแผ่นอกของตนไม่เบานัก ก่อนร่างเพรียวนั้นถลาวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วเสียจนคว้าไว้ไม่ทัน

      ชีคหนุ่มยืนนิ่ง ขมวดคิ้วสีหน้าเคร่งขึ้นมาทันควัน แรงกระแทกที่ได้รับไม่ได้มากมายอะไรหากเทียบกับไหล่ผอมบางที่สั่นระริกซึ่งตัวเขาได้สัมผัสมันเมื่อครู่...อีกทั้งแววตา....นัยน์ตาสีน้ำทะเลคู่นั้นที่แดงก่ำ...ประกายความรวดร้าวที่แสดงออกมาอย่างแจ่มชัดแม้จะเป็นการสบตาเพียงชั่วครู่ แต่ก็ทำให้แน่ใจ...ว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกแน่ๆ

       อัลชาอ์มองนาฬิกาซึ่งบอกเวลาเที่ยงสิบห้า ชีคหนุ่มก้าวเข้าไปเก็บเศษกระดาษและเก็บหูโทรศัพท์พ่วงเครื่องให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย...ปลายนิ้วแตะลงบนปากกาด้ามหรูที่กลิ้งโค่โร่อยู่บนพื้นพรม สีหน้ายิ่งเคร่งเครียดหนัก...

.....วางมันลงบนโต๊ะวางโทรศัพท์เครื่องเดิม ชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาหลับตาครุ่นคิด....ถอนหายใจยาว...

   เกิดอะไรขึ้น?....

และควรจะเข้าไปถามเจ้าตัวตอนนี้รึเปล่า...

       เศษกระดาษที่ถูกขยำจนยับยู่ถูกปาลงในถังผง...อัลชาอ์สูดหายใจลึก...ขณะก้าวขาออกจากห้องทำงาน ไปยังห้องอาหารเพื่อทานอาหารเที่ยงตามปกติ..
ถึงจะยังห่วงใย...ถึงจะอยากรู้ว่าเพราะอะไรถึงมีท่าทีแปลกไปเช่นนั้น...แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมา ก็บ่งชัด ว่าการเข้าไปคุยกับเจ้าตัวในยามพื้นอารมณ์ไม่มั่นคง ไม่มีอะไรดีขึ้น...

   การพูดคุยกับคาวัลโลในยามที่หงุดหงิดอารมณ์เสีย ไม่ต่างกับเอาเหล็กร้อนไปเผาไฟ ยิ่งมีแต่จะร้อนกับร้อน มีแต่เสีย...กับเสีย

เวลาเจ้าตัวหงุดหงิด จะพลั้งปากพูดจาอะไรที่ทำร้ายตัวเขาได้อย่างง่ายดาย..

เวลาที่คาวัลโลอารมณ์ร้าย...เจ้าตัวจะทำร้าย คนที่ห่วงใยอย่างเขาได้หน้าตาเฉย

และเพราะเป็นแบบนั้น...การปล่อยให้อยู่คนเดียวไปจนกว่าจะสงบสติอารมณ์ได้บ้าง....ก็คงดีกว่าการแล่นเข้าไปชนเจ้าตัวตรงๆ

   เพราะไม่มีมนุษย์คนไหน จะดื้อด้านอดทนต่อความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้นาน

      "ชีคครับ ! " หากเมื่อเปิดประตูออกไปกลับพบร่างขององค์รักษ์รายหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาหา อัลชาอ์ฟังคำรายงานนั้นแล้วเบิกตากว้าง ชีคหนุ่มสถบเบาๆในลำคอ เมื่อพบว่าการรอเวลาเหมาะสมที่จะเข้าไปถามหาเหตุผล การจะไม่เอาตัวเข้าไปพัวพันกับอารมณ์คลุ้มคลั่งของพ่อหนุ่มมาเฟียตระกูลวาลกัสนั้นไม่เป็นผลเสียแล้ว..



  ปึง !!!

     " เฮ้ !!! คุณจะทำอะไร !! " เสียงร้องเรียกของฮาซานไม่ได้เข้าหุ ไม่ได้ทำให้สนใจไปมากกว่าร่างของเจ้านักโทษที่เขาเกลียดชังเบื้องหน้า ฝ่าเท้าของเขาแตะเข้าไปที่ลูกกรงที่มันนอนอยู่เต็มแรงจนร่างนั้นสะดุ้งเฮือก หากเมื่อมันลืมตา เมื่อมันมองเห็นเขา เจ้าตัวกลับหัวเราะเบาๆ เปล่งเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจออกมาจากลำคอซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

      " แก........" เขาได้ยินเสียงตัวเองคำรามออกมาผ่านลำคอที่ตีบตัน ฝ่ามือเขย่าลูกกรงสีดำสนิทแรงๆราวกับคนบ้า....คนที่บ้าไปแล้ว...

      ...ไม่ได้ยินเสียงร้องเรียกของฮาซาน ไม่ได้ยินเสียงมันห้าม ไม่สนใจมันที่ออกแรงดึงตัวเขาให้ออกห่าง

     ไม่สนใจเสียงตะโกนเพรียกพร่ำน่ารำคาญของพวกมัน และเพราะไม่อยากได้ยิน เขาจึงใช้ฝ่าเท้าแตะเข้าไปที่ร่างนั้นเต็มแรง อีกทั้งระดมซัดกำปั้นลงไปซ้ำๆ เอาให้รุนแรงเหมือนกับว่าเจ้าคนนั้นมันยืนอยู่ต่อหน้า

คนที่มันยังหัวเราะเยาะเขาอยู่ไม่หยุดหย่อน คนที่มันถูกล่ามโซ่อยู่ในคุก ทั้งที่มันกำลังลำบาก ทั้งที่มันกำลังเข้าตาจน แต่ทำไม ทำไม....

ทำไมมันถึงหัวเราะ แล้วทำไมเป็นเขา ทำไมเป็นคาวัลโล วาลกัส คนนี้ที่ต้องทุรนทุรายเหมือนคนบ้า...

      " รู้อะไร !!! แกรู้อะไร !!! บอกฉัน บอกฉันมา !!!!!!!!! " ลำคอของเขาเจ็บแสบเพราะเสียงตะโกนของตัวเอง ฝ่ามือเขย่าลูกกรงสีดำนั้นแรงๆจนมันสั่นไหว จ้องมองใบหน้าของมันผ่านม่านน้ำตาที่เรือนลาง คาวัลโลแว่วเสียงหัวเราะนั้นดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับคำที่เขาเกลียดชังมันสุดใจ..

       "  " Mi chiederai tu, , d'abbandonare questa disperatapassione  di essere nel mondo?  ฮ่ะๆ...ทรยศไง คาวัลโล ทรยศ " ราฟาเอลโร่จ้องมองภาพความโกรธเกรี้ยวของศัตรูตนอย่างพึงพอใจ ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน ขบขัน กับอาหารทุรนทุรายเช่นนี้เหลือเกิน

          "....แกมันรู้จัก"มาเฟีย"น้อยไป คาวัลโล....ฉลาดงั้นเหรอ? เก่งงั้นเหรอ? เรื่องแบบนั้นมันเทียบอะไรได้บ้าง ในเมื่อแกก็แค่เบี้ยที่ใช้แล้วทิ้ง..." เขาลุกขึ้นจากพื้น เดินเข้าไปใกล้ร่างของมันที่จ้องมองตนเองด้วยดวงตาวาววับหากแดงก่ำ...มองภาพนี้ให้ตราตรึง มองและหัวเราะออกมาด้วยความสาแก่ใจ..

          "....แกคิดว่าที่ตัวเองทำอยู่มันเป็นอะไรที่เกินสติปัญญาของพวกเราหรือ..แผนการณ์ตื้นๆโง่ๆ...ที่ทำให้เกียรติของตระกูลถูกเหยียดหยามจนป่นปี้..." ราฟาเอลโร่หัวเราะออกมาพลางจ้องมองสีหน้าร้อนรนทุรนทุรายนั้นอย่างพึงใจ

        "...ตั้งแต่แกถูกจับมา แกก็ไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว....ต่อให้ดิ้นรนแค่ไหน กลับไปก็ไม่มีใครต้องการ !!!! "   ราฟาเอลโร่จ้องมองสีหน้าและแววตาของศัตรูตัวฉกาจอย่างพึงใจ...เขาหัวเราะเบาๆในลำคอ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนพื้น มองดูสีหน้าพ่ายแพ้ มองดูความคุ้มคลั่งไร้ทางออกของมันให้สาใจ...

แต่เสี้ยวหนึ่งของความพึงใจ กลับเสียดแทรกความเจ็บร้าว สิ้นหวัง...

...เขาก็กลายเป็นหมากที่กำลังจะถูกทิ้งเช่นกัน เพราะเขาก็พลาด ...พลาดพลั้งเช่นเดียวกัน

...ระหว่างเขากับมันต่างถูกทิ้ง ต่างไม่เป็นที่ต้องการ หากทว่า....เพราะมันมีคนๆนั้นอยู่ข้างกาย...เขาจึงได้แต่รู้สึกพ่ายแพ้ แพ้อย่างที่เป็นมาตลอด...

ต่อให้เสียอะไร มันก็ยังมีเธออยู่ใกล้ๆ...

ต่างกับเขา ที่ต่อให้พยายามแค่ไหน เธอก็ไม่มีวันหันกลับมาอีกแล้ว...

  Mi chiederai tu, morto disadorno, d'abbandonare questa disperatapassione  di essere nel mondo?

ต่อให้ตายก็ทิ้งความรักนี้ไปไม่ได้...

บทกวีนี้...เป็นของเขาที่พ่ายแพ้นั่นเอง..

             มองนัยน์ตาสีควันบุหรี่คู่นั้นที่ฉายแววเย้ยหยันและพึงพอใจ ริมฝีปากทาบรอยยิ้มขบขันมองดูสีหน้าเย้ยเยาะและรับฟังถ้อยคำที่ประหนึ่งจะตราตรึงอยู่ในสมองของตัวเอง...เรี่ยวแรงที่เคยมีราวกับจะจางหาย ราวกับถูกดึงออกไปจากร่าง...

    ไม่มีใครต้องการ....อีกแล้ว....

ที่ๆเคยยืน บัดนี้ ไม่เหลืออีกแล้ว..

ไม่มีใครอยากให้เขามีตัวตนอยุ่ ไม่มีค่า ไม่มีความสำคัญกับใครอีก...


       "....คาวัลโล นี่มันเกิดอะไรขึ้น !! " เสียงตะโกนแฝงแววเกรี้ยวกราดร้อนรนที่เคยคุ้น...ใบหน้าแสนคุ้นตาที่ฉายแววสับสนปนเครียดเคร่ง ทำให้เขาละมือจากลูกกรงสีเข้มทันควัน  มองสบนัยน์ตาสีนิลคู่นั้นอย่างอ่อนล้า....ริมฝีปากที่สั่นระริกไหวคล้ายจะเอ่ยพูดขึ้นมา หากแต่ท้ายที่สุดก็นิ่ง...ไม่เอ่ยคำ..

   ...มือที่ยื่นมาหา...ก็ปัดทิ้ง...เพราะยึดมั่นกับความต้องการบ้าๆ ความเพ้อฝันโง่ๆของตน

     ....ที่ๆเคยยืน...ที่ๆเคยอยู่ ตอนนี้กลับหายไป ไม่ใช่ของเขา...

      เมื่อตัดใจทิ้งมันแล้วก็ไม่มีสิทธิจะเรียกร้องเอากลับคืนมา เมื่อยืนยันว่าจะไม่รัก ก็ไม่มีสิทธิจะออกปากว่าเสียดาย

...ถึงตอนนี้จะเสียใจภายหลัง ก็สายไปเสียแล้ว...

รอบกายเหลือเพียงทางเดินที่มืดมิด แสงสว่างที่หลอกตัวเองว่าเคยมีอยู่บัดนี้ดับหาย

ผืนดินปลายเท้าที่เคยเหยียบย่ำ มันสั่นไหว แตกร้าว และพังทลายลงอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ร่างของเขาดิ่งลงเหวลึกที่ไม่มีทางไป..


ไร้....ที่ยืน


..............................

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 25 : สอบสวน 27/3/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 01-04-2011 18:20:13
......ตอนนี้คาวี่กลับมาเรียกคะแนนสงสารหลังจากโดนคนอ่านเซ็งมาหลายตอน  :laugh:   สำหรับคาวี่ที่เหลือที่อยู่แค่ที่เดียวก็คือตำแหน่งบอสนั่น การที่ถูกพี่อเล็กซิสดึงพรวดเดียวนี่ทำเอาพ่อเหยี่ยวปีกหักของเราถึงกับหล่นตุ๊บ...เอาจริงถ้าจะเล่นงานคาวี่มันต้องซัดโครมเดียวเลยนะค่ะ เพราะถ้าแบบค่อยเป็นค่อยไปหมอนี่มันจะฟื้นตัวได้ แต่พอซัดไปโครมเดียว ก็เล่นเอาเจ็บหนักจนลุกไม่ไหวเลยเชียว (นี่คือ how to เล่นงานคนแบบคาวี่ ? )

   อเล็กซิสก็เครียดแทนเหมือนกัน เพราะรายนั้นเหมือนรับเละ น้องก็โยนปัญหามาให้จัดการเสียโครมใหญ่ แล้วลุงก็ยังจะมาตามคาดคั้น แถมเอาชีวิตคนรักเป็นตัวประกันกลายๆอีก..จะว่าไปแนวทางที่อเล็กซิสว่ามามันก็โอเคนะค่ะ คือให้คนช่วยคาวี่ออกมาแล้วมากบดานเงียบๆซักที่ รอให้พี่แกจัดการทางนี้เรียบร้อยก่อน(จริงๆคือเชือดลุงตัวเอง)แล้วค่อยให้คาวี่กลับมาเป็นบอส จะทำอะไรก็ว่ากันไป  ตามประสาพี่ที่เห็นความปลอดภัยของชีวิตสำคัญที่สุด แต่สำหรับคาวี่มันไม่ใช่...
 
   และประโยค   " Mi chiederai tu, morto disadorno, d'abbandonare questa disperatapassione  di essere nel mondo? "  จากตอนที่แล้วซึ่งทำเอาหลายคนอยากจะกรี้ดใส่พี่กู(เกิ้ล) ก็เฉลยแล้วนะจุ๊ มันเป็นบทกวีค่ะ  ปุ้ยตัดตอนออกมาจากบทกวี ของลุงปาซิโลนี(ผุ้โด่งดังจากหนังโหด เรื่องร้อยกว่าวันที่โซดอม*-*จริงๆคือร้อยหนึ่งหรือร้อยสองไม่แน่ใจ เลยเรียกร้อยกว่าวันมาตลอด 555+ ) เพราะงั้นแปลภาษาปกติจะไม่ค่อยเกท อันนี้ปุ้ยก็เอามาจากหนังสืออีกที ถ้าแปลภาษากวีก็จะได้อย่างที่คาวี่มันคิด และถ้าตัด morto disadorno ซึ่งหมายถึงเรื่องรักๆใคร่ๆออก นัยยะประโยคนี้ก็จะเป็น คนที่รักทรยศจนตายค่ะ แบบนี้ ปุ้ยเลยเอามาใส่เป็นภาษิตมาเฟียเสียเลย (ตั้งเองนะค่ะ เพราะงั้นไม่รับประกันว่าจะใช้ต่อได้ )

     จอร์จิโอ้....พ่อคนดีที่ตายแล้ว ( :laugh:) ไม่ใช่กิกเก่าคาวี่นะค้า เป็นเพื่อนสนิทสุดน่ารักของจริงค่ะ หุหุ เสียดายจริงคนดีตายเร็ว เหลือคนเกรียนให้ปุ้ยแกล้งเล่น

ตอนนี้ยาวมาก เหนื่อย ...ส่วนตอนหน้า.... o18
ปล. วันนี้อัพสองเรื่องรวด ฮู่วววว
ปล.2 แปะ sd คาวี่กะร๊อบ

 โรเบิร์ต พ่อคนดี ที่ไม่มีใครเอา ( :z6:)

    (http://image.free.in.th/z/tt/1qghj.jpg)

   กะคาวี่ เวอร์ชั่นน่ารัก จะโกรธเขาลงจริงอ๊ะ?

       (http://image.free.in.th/z/tm/2sssss.jpg)

... แค่ความปราณีตของเส้นกับวิธีลงสีก็บอกได้ล่ะว่ารักใครมากกว่ากัน  :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 01-04-2011 18:59:51
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไม่ไหวแล้ว ๆ บีมหัวใจมากอ่ะ ทำไมทำร้ายกันขนาดนี้ล่ะ
เข้มแข็งไว้นะคาวี่ ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 01-04-2011 19:18:37
 :z3: :o12: :o12:  สงสารคาวี่อะ
โดนทรยศ อ้ากกกกก  อยากฆ่าอิลุงบ้านั่นจังเลยเว้ยยย :m31:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 01-04-2011 19:19:22
เรื่องนี้มาลงพร้อมกะอีกเรื่องเลย

แหมไรเตอร์ใจดีจริงๆ :L1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 01-04-2011 19:28:59
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


....ไร้คำบรรยาย .....มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 01-04-2011 19:31:39
อ๊ายยยยยยยยยยยย สุดยอดดดดดดด ตอนนี้สงสารคาวี่มาก โถ....อุตส่าทิ้งความรักเพื่อตำแหน่งสุดท้าย...ก็ไม่เหลืออะไรเลยTT^TT

ชีวิตน่าเศร้างี้นี่เอง...แต่ลุงอะไรนั่น เลวว่ะ!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 01-04-2011 19:57:59
 :o12: :a5: o22
บรรยายไม่ถูกเลยตอนนี้
อยากร้องไห้ให้คาวี่ แต่ร้องไม่ออก
ขอให้คาวี่กลับมายืนหยัดได้เร็วๆ
 :call:
และขอตอนต่อไปเร็วๆน๊า
แบบนี้ยิ่งห่วงคาวี่มากกว่าเดิม :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: melody ที่ 01-04-2011 20:04:10
สงสารคาวี่อะ
เหมือนทุกอย่างประดังเข้ามาพร้อมๆกัน
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 01-04-2011 20:16:28
โอยยยยยยย เจ็บปวดแทนโดนคนใกล้ตัวทรยศนี่มันสุดแสนจะทรมาน แล้วจะเป็นยังไงต่อละนี่ คาวี่น้อย  :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Saffron ที่ 01-04-2011 20:25:58
*กอดน้องคารวี่*


โอ๊ยยยยยยยยยย ทิ้งทิำฐิ ศักดิ์ศรีลงไปบ้างงง

TT^TT



แต่จริงๆ เรื่องแบบนี้จะให้ละง่ายๆ ก็ยากอ่ะนะ


แต่การโดนคนใกล้ตัวทรยศนี่มันเลวร้ายที่สุดแล้วจริงๆ อ่ะ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: lasnorches ที่ 01-04-2011 20:30:36
โอียยย ไม่ไหวแล้วดราม่ามาก!!!!!!!! อ่านแล้วเจ็บแทนคาวี่ *กรีดร้อง
ตะ ตายแล้ว แล่วแบบนี้จะทำยังไงเนี่ยเห้ยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 01-04-2011 20:33:29
น้ำตาไหล

ไม่ยอมๆๆๆๆๆๆๆ

ค้างเติ่ง สงสารคาวี่ อัลชาปลอบหน่อยเร็ว

คาวี่เคว้งคว้างไม่มีที่ยืนแล้วว โฮ

มาต่อโต้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยเด้อ  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: KaZuKi ที่ 01-04-2011 20:36:52
กรี้ดดดด เจ็บปวดอ่ะ คาวี่จะเป็นยังไงบ้างเนี้ย เห็นใจคาวี่อ่ะ จู่ๆทางเดินที่เคยมีทั้งหมดก็หายไป จู่ๆก็ไม่เป็นที่ต้องการและไม่ใช่คนสำคัญ แต่ว่าเห็นด้วยกับอเล็กอ่ะว่า ทิ้งศักดิ์ศรีลงไปก่อนได้มั้ย คือตอนนี้คาวี่หนูไม่ใช่ไม่เหลือใครนะลูก หนูยังมีท่านชีคอยู่นะ แค่เพียงเปิดใจ...แต่มันคงง่ายไปใช่มั้ยค่ะ ฮือออ รอตอนต่อไปนะค่ะ มาๆไวๆเน้ออ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 01-04-2011 20:44:20
จนได้อะคาวี่ สงสารอ่า... โอยยย...อ่านตอนนี้มันบีบหัวใจ ขอตัวไปกินใบบัวบกแก้ช้ำในก่อนแล้วกัน ฮือ...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 01-04-2011 20:52:18
เจ็บปวด :monkeysad: ว่าอ่านตอนที่ลุงพูดก้อว่าแย่แล้ว แต่ยังไม่เท่าตอนที่พี่อเล็กซิสพูดกับนู๋คาวี่เลย
สนับสนุนให้กลับไปเชือดลุงด่วนๆเลย หนอย... กล้าเขี่ยนู่คาวี่ทิ้ง  o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 01-04-2011 20:54:09
คุณพี่ซิสกระชากซะคาวี่ดิ่งลงเหวเลย
คนอ่านกะจิตตกตามคาวี่ไปแล้ว :sad4:

สงสารคาวี่
สงสารซิส-เซย์
 :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: ammer ที่ 01-04-2011 20:58:23
 :o12: ว่าแล้วเชียวววว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 01-04-2011 20:58:32
ตอนนี้คาวี่น่าสงสารง่า
แง้ กลัวใจคาวี่จะทำอะไรบ้าๆขึ้นมา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 01-04-2011 21:01:59
คาวี่  :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
ลองใหม่ไม่ได้เหรอท่าน พยายามอีกครั้งไม่ได้เหรอท่าน คาวี่กำลังแย่นะ
ตอนที่คาวี่เคาะประตูแล้วเข้ามาเลยนะ FCคาวี่อย่างเรา แทบจะเขวี้ยงป้ายไฟใส่ท่านนะ  :m16: ทำอย่างนี้ได้ยังไง มันเกินไปแล้วนะท่านชีค  :fire: :fire: :fire: :fire:
ร๊อบจะเอาอย่างไงกันแน่เนี่ย มันมีปัญหาอะไรกับราเซย์นักหนา ถึงแก้ไม่ได้ซักที แล้วยังมาทำแบบนี้อีก  :m31:
อเล็กซิสทำถูกแล้วล่ะพี่ พูดตรงๆ ไปเลย คาวี่จะได้เตรียมตัวหาที่ทาง ก็คนแถวนั้นเค้าไม่ไยดีกันขนาดนี้  :angry2:

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 01-04-2011 21:05:14
อ๊ากกกกกกกกกกก

อ่านตอนนี้แล้วเจ็บแทนเลยอ่ะ คาวี่ที่ผ่านมาเค้าขอโต๊ด ดดด   :sad4:

ท่านชีคเลิกเมินคาวี่ได้แล้วนะ สงสารมันง่ะ  :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 01-04-2011 21:22:19
สงสารคาวี่  เจ็บเจียนตายกับเส้นทางที่ตัวเองเลือก
ทั้งที่คิดไว้แล้วว่าดี  เอาหัวใจของตัวเองเข้าแลก
แต่สุดท้ายแล้วกลับโดนทรยศจากคนที่ไว้ใจที่สุด  
เจ็บลึก  เจ็บนาน  เจ็บเจียนตาย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: jokirito ที่ 01-04-2011 21:47:56
คาวี่น่ารักออก ใครจะไปโกรธลงล่ะเฮ้ยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 01-04-2011 21:52:06
เศร้าเลยอ่ะ...คงไม่ใช่ว่าเป็นลุงนั่นหรอกนะที่วางแผนมาโดยตลอดน่ะ :m15:
คาลจะเอายังไงต่อล่ะ...ฆ่าให้หมดแล้วยึดอำนาจเลยมะเล็กซิสต์ก็จะได้ไม่ต้องเป็นบอสด้วย :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 01-04-2011 22:18:02
กรี๊ดดด ได้ฉากรู้ความจริงสมพรปากตัวเอง
จี๊ดใจจริงจัง อ่านซ้ำ อ่านย้อน อ่านวนลูปไม่ยอมจบ

เจ็บแต่สะใจ อิ๊นนอิน

ไม่รู้ทำไมแต่อยาก  :z6: อัลชาห์จังเลย -*-

ฉากหมาไนเลียแผลใจจะเป็นยังไงหนอ?
แล้วฉากไหนที่จะหมายถึงกระจกรูปคาวี่ที่ตกแตกหนอ

แอร๊ยยยส์ ตื่นเต้น
 :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 01-04-2011 22:26:57
บอกตรงๆนะว่า เราเหมือนจะสะใจเลยอ่ะ
แต่ตอนนี้ คาลกำลังทุกข์
ท่านชีครีบทำคะแนนเร็ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 01-04-2011 22:35:38
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อยากบอกว่า ได้ใจมากกกกกที่สุดไป 9 โลกเลยย *[]* เว่อร์คอด ๆ
พี่ชาย..นายแน่มาก ตรงสุดขีด ฮ่า ๆ
...เอาล่ะ คาล รู้ใจตัวเองแล้วนะ ว่าทำอะไรไว้บ้าง
ยังทันมั๊ย??...ถ้าหันหลังมาแล้ว อัลชาห์ยังรอ..อยู่ตรงนี้..ที่เดิม ไม่ไปไกลแล้วใจ~ 5555555

รอตอนต่อไป!!! นะฮะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 01-04-2011 22:41:55
อ๊ากกกก
สรุปว่าอีตาลุงนั่นมันเลวใช่ป้ะ?
อ่านแล้วเจ็บใจแทนคาวี่จริงๆ
สุดท้ายที่อุตส่าห์ทิ้งความรักไปไม่ได้ช่วยอะไร กลายเป็นว่าไม่เหลืออะไรอีกต่างหาก
สงสารอ่ะ สงสารมากๆเลยค่ะ
แต่แบบนะ เป็นขนาดนี้แล้วยังจะรักศักดิ์ศรี ไม่เอาของที่ทิ้งไปแล้วอีกซะงั้น
อย่างน้อยๆ อัลชาอ์ก็ยังรักคาวี่อยู่นะ  :z2:
หวังว่าชีคจะฉวยโอกาสช่วงที่คาวี่กำลังทุกข์แบบนี้รีเทิร์นซะนะ!
ไม่ว่ายังไงก็อยากอ่านเอ็นซีคู่นี้จริงๆค่ะ  :impress2:

รอตอนต่อไปนะคะ อยากอ่านต่อมากๆเลย เป็นกำลัีงใจให้พี่ปุ้ยนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 01-04-2011 23:03:02
กริ๊ด~~~~~ o22โหดร้ายตาเเก่โหดร้ายทำกับคาวี่ได้ เหมือนสิ่งสำคัญ ความฝันมันสลายไป ไม่เหลืออะไรซักอย่าง

 เเล้วความรักที่ทิ้งไปล่ะ เพื่ออะไรล่ะที่นี้ เพราะว่ามันไม่เหลืออะไรเลย  :impress3:

หนูคาวี่จะทำไงเนี่ย :impress3: เเม่ล่ะเศร้า


 ท่านซีคจะกลับมาทำคะเเนนไม ดูเเลหนูคาี่โดน โดนทรยศซะเเล้ว :impress3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 01-04-2011 23:06:25
สงสารคาวี่  :m15: โดนทรยศ
อเล็กซิสก็พยายามจะช่วยน้อง ตอนแรกที่อ่านก็นึกว่าแบบไม่ค่อยรักน้องแต่พออ่านตอนนี้รู้เลยว่ารักน้องชายสุดท้องมากกก
ตอนนี้คาวี่หัวใจกำลังอ่อนแอ อัลรีบเข้าไปปลอบเร็ว  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: MoPPeT ที่ 01-04-2011 23:06:47
จะร้องไห้... สงสารคาวี่ :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: M23 ที่ 01-04-2011 23:09:34
คาวี่น่าสงสาร กระซิก กระซิก
เป็นเรื่องที่แบบว่าซับซ้อนซ่อนเงื่อนน่าติดตามหลายๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 01-04-2011 23:10:05
ทุกสิ่งที่คาวี่ทำไป สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ความรักของตัวเองที่ยอมเสียสละ
สงสารคาวี่ :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 01-04-2011 23:13:29
+1 สงสารคาวี่จัง การถูกคนที่รักทรยศมันช่างเจ็บปวด
ความรู้สึกที่ว่าไม่มีที่ให้ยืนมันมืดมนจนแทบทนไม่ได้ และทั้งหมดมันทำให้รู้ว่าสิ่งที่พยายามทำมามันสูญเปล่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 01-04-2011 23:16:23
โอ้ ก็อต,,, :z3:
ตอนแรกยังยิ้มๆอยู่เลย อ่านไปก็ออกแนวโอ้คาล วันนี้ดีกัน เพราะเราหัวอกเดียวกัน (คิดไว้เรียบร้อยและว่าจะเม้นว่าไร)
แต่พอมาถึงฉากคุยกับอเล็กซิสปุ๊ป นั่นแหละค่ะ ...ดิ่งลงเหวกันไปตามๆกัน
เฮ้อออ  พรุ่งนี้มาอัพตอนต่อเลยได้ป่ะ ฮ่า ๆๆๆ ไม่ไหวแล้วว วววว
สงสารหนูคาวี่อ่า (ตอนก่อนยังเรียกนังวี่ ฮา) ,,โอ๊ยลูก ยังมีที่เหลือสำหรับหนูนะค่ะ
"คนรักของท่านชีคอัลชาอ์" ไงจ้ะ วู้วว วว ....(????)

ลางสังหรณ์เราแอบถูกนะ
แอบภูมิใจ ,,แต่ถูกครึ่งเดียว ฮ่า ๆๆๆ


จังหวะนี้แหละ อัลชาอ์ เสียบเลย!!!


 o13
รอตอนต่อไป ,,,มาอัพวันพรุ่งเลยได้ก่?
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 01-04-2011 23:24:24
สะใจอีวี่จังเลย ไม่สงสาร สักนิดเรย
แต่ว่า เมื่อไหร่จะให้ อัลได้เอาคืนซะบ้าง ก่อนจะปลอบใจที่หลังน๊าาาาาาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 02-04-2011 01:45:19
คนที่ทำร้ายเราได้มากที่สุด คือคนที่รักที่สุดจริงๆ จากตอนนี้คาวี่คงหมดฤทธิ์ไปอีกนาน  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 02-04-2011 02:14:19
"Mi chiederai tu, morto disadorno,d'abbandonare questa disperatapassione di essere nel mondo? ?"

คนหนึ่ง..(เกือบจะ).."ตายเพราะคนที่รักทรยศ" 

อีกคนหนึ่่ง.. "ต่อให้ตายก็ทิ้งความรักนี้ไปไม่ได้"

เฮ้ออออออออออ!!!!!!!!!!! 

===========================

รอตอนต่อไปนะ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 02-04-2011 02:52:32
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 02-04-2011 10:09:07
เจ็บใจ

เครียด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: theblink ที่ 02-04-2011 13:51:12
เมื่อคืนกว่าจะอ่านจบก็ประมาณ ตี5 ได้
เหนื่อยมาก เลยกะว่าตืนแล้วค่อยมาเมนต์ 55
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ  ชอบมากกกกก 
เพราะโดยส่วนตัวแล้วชอบอ่านนิยายมาเฟียมาก ยิ่งวายด้วยนะ ยิ่งชอบมาก (แต่ต้องมาเฟียจริงๆนะไม่ใช่นิยาย 'เล่น' เป็นมาเฟียในนิยายกุ๊กกิ๊ก หวานแหวว)  แต่ไม่รู้ว่ามีนิยายมาเฟียไหนสนุกๆให้อ่านอีกบ้าง นอกจาก the last don กับ the godfather  อยากอ่านอีกจัง (วายก็ดี) ใครรู้ช่วยแนะนำก็ได้นะคะ 55
เจอเรื่องนี้แล้วเหมือน.....โอเอซิสอ่ะ  (เข้ากับบรรยากาศ)
ชอบคาลมาก  หยาบสถุลได้ใจ  ในช่วงแรกๆนะ  ช่วงหลังๆนี่น่ารักขึ้นเยอะ  มีอ้อนมีอะไร ถึงจะน่าหมั่นไส้ไปหน่อยที่มาขยันทำให้อัลชาอ์ของพวกเราเสียใจ  แต่ตอนนี้หนูคาวี่น่าสงสารมาก  อ่ะ  จะยอมใจอ่อนให้นิดนุง  ท่านซีคขา~ มาโกยคะแนน เอ้ย มาดูแลพ่อมาเฟียซึนเดเระคนนี้หน่อยเร้ว ! เวลาแบบนี้แหละ! 

ขอบคุณนะคะ   รีบๆมาอัพนะคะ  อย่าให้คนอ่านทรมานเล่นเลย  ติดเรื่องนี้งอมแงมแล้ว TOT
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 02-04-2011 14:45:01
 :z13:
รีบน ยินดีต้อนรับค่า :3123:
 เรื่อง the last don นี่ใครเขียนเหรอค่ะ มีแปลไทยรึเปล่า? อยากอ่านจังค่า เอามาเสริมจินตนาการ หุหุ
   ส่วนเดอะก๊อดฟาเธอร์... :impress2: ชอบเรื่องนี้มากจริงๆค่ะ ชอบนิยายเรื่องนี้มากกกกกกก หนังภาคแรกก็ชอบ ชอบดอนวีโต้ คอร์เลโอเน่สุดๆ :man1:
หนังภาคแรกก็ชอบมาก เสียแต่ภาคสองมาเราเริ่มไม่ค่อยชอบและ (ไม่ค่อยชอบบุคลิกไมเคิลในหนังแฮะ ไม่ชอบเคย์ด้วย รู้สึกว่าคู่นี้มันไม่เข้ากัน สาวเมกันจ๋าแบบเคย์ไม่เหมาะกับไมเคิลเลย อาปอลโลเนียยังดีกว่า) ยังดีมีดอนวีโคต้อนหนุ่ม(หล่อๆ :haun4:) มาทำให้เรื่องน่าติดตาม ภาคสามก็กรี้ดลูกชายซันนี่  :laugh:
 
    อยากอ่านนิยายมาเฟียเหมือนกัน รู้สึกหนังสือเรื่องพวกนี้มีเยอะนะคะ แต่ไม่ค่อยมีคนแปลออกมา มีเรื่องนึงที่มาเฟียจริงๆเขียนด้วยค่ะ เคยอ่านเจอแต่เลือนๆแล้วว่าเรื่องอะไร แถมมันไม่มีใครหยิบมาแปลนี่สิ เสียดายจริงๆ :seng2ped:
ชอบใจที่บอกว่าคาวี่สถุึล  :laugh: :laugh: ใช่เลยค่าาาา ตั้งใจให้หมอนี่เป็นคนแบบนั้นล่ะ  :jul3:
    :L1: ขอบคุณสำหรับการติดตามนะค่ะทุกคนเลยค่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 02-04-2011 15:24:29
เหมือนโดนกระชากปีก ออกมาทั้งๆที่ยังบินอยู่
ตกลงมากระแทกพื้อน แล้วยังโดนกระทืบซ้ำอีกนะ
สงสารคาวี่ จิงๆเหมือนจะสูญเสียที่ของตัวเองนะ แต่จิงๆก็ยังมีที่ยืนอยู่
เพียงแต่ว่า ที่ยืนที่เก่านั้น อัชชาล์จะยังยอมให้กลับไปยืนอีกมั้ย
ส่วนโรเบิร์ต ระวังเถอะ จะเป็นหมือนคาวี่ ไม่รู้ดิ เหมือนสร้างปัญหา แล้วให้คนอื่นคอยแก้ให้น่ะ
อายุเท่าไหร่แล้ว ยังทำตัวเหมือนเด็กสิบห้า ตัดสินใจอะไรไม่ได้ว่าควรจะทำอะไรกันแน่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 02-04-2011 16:30:19
นั่งอ่านไปก็น้ำตาตกอยู่ในหัวอก สงสารคาลวี่เหลือเกิน
บรรยายได้แบบว่ารู้สึกเลยค่ะว่าคนที่ไม่มีใคร ไม่เหลือใคร มันเป็นยังไง
TTATT เจ็บปวดดดดด ฮืออออ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: aekporamai2 ที่ 02-04-2011 17:35:32
ส่งกำลังใจให้คาลนะ
................
จุก..กับคำนี้มากๆๆ"ไร้....ที่ยืน" o22
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: theblink ที่ 02-04-2011 19:17:00
ดีใจจังที่มาตอบ   55+  ชอบเหมือนกันค่ะ !
the last don เนี่ยคนเขียนคนเดียวกับ godfather เลยค่ะ >>Mrio Puzo มีขายตามร้านหนังสือทั่วไป    แต่โดยส่วนตัวเราชอบ godfather มากกว่า เรารักไมเคิล 55 

 *ขอเพิ่มเติม  งานของ puzo มีหลายเล่มนะคะ  เผื่อสนใจ อยากอ่าน  เราคอเดียวกัน  แถมนิยายพวกนี้หาอ่านยากเย็น TOT  ส่วนเราแบ่งกับเพื่อนซื้อ  ไม่มีงบซื้อเองครบทุกเล่มค่ะ 55 เช่น  Fools Die, The Sicilian, Omerta, The Last Don, The Fortunate Pilgrim,The Fourth K,   มีหลายสำนักพิมพ์ที่รับไปแปล
 *Once Upon A Time In America หนังสือเล่มนี้ทำจากหนัง หนังสือก็มีรายละเอียดมากกว่าเป็นธรรมดา  เส้นทางมาเฟีย  อิิอิ

โอย  เพลินไปหน่อย  ขอบคุณน้าค้า ที่ตอบเม้นต์   แต่ที่สำคัญห้ามลืม !
อัพนิยายด่วน~!!

รักคาวี่   จุ๊ฟที  XOXO
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 02-04-2011 20:17:43
   กรี๊ด คาวี่  น่าเศร้าอ่ะ   
   อ่านแล้วรู้ซึ้งถึงอารมณ์คาวี่เลย  ประมาณที่ๆเคยยืนมันไม่มีอ่ะ    :serius2:
   ฉากตอนกินข้าวแล้วไม่มีที่นั่งของตัวเองทำเอาน้ำตาแทบไหล เจอแบบนี้เข้าไปไม่เจ็บก็ไม่รู้จะพูดว่าไงแล้ว     :sad4: :sad4:
   กลับไปอ้อนซีคจะดีกว่าไหมเนี่ย  เหอะๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 02-04-2011 21:15:49
โฮกกกกกก คาวี่ มาอยุ่กับฉัน ดีกว่าไม  :laugh:

แบบ อ่านแล้ว เครียดแทน รีบต่อเถอะค่ะ

สงสารคาวี่  :m15:

ยุกับท่านชีดไปเลยดีกว่า แต่ก็น่ะ แบบ คาวี่ ทำตัวเองไปแล้ววววว

แล้มที่นี้จะไปซุกยุที่ไหนนนนนน :o12:

มายุกับฉานนนมาาาาาาาาาาาาาาาาาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 02-04-2011 23:45:10
 :m15:เจ็บแทนคาวี  สุดๆ    :กอด1:

ท่านซีค สู้ๆ  คาวีไม่เหลือใครเเล้ว ท่านชีคต้องอยุ่ข้างๆ คาวีนะ   :กอด1:

ปล อ่านตอนนี้ น้ำตาเเทบใหล
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: lolilo ที่ 03-04-2011 01:13:32
แบบว่า ,,,, สะใจเล็กๆ นะเออ
แต่ก็ รีบๆ มีสตินะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Indigo ที่ 03-04-2011 02:04:07
สงสารคาวี่แล้วค่ะ!!!!!

ทำไมชีวิตหนูมันรันทดแบบนี้คะลูก

ท่านชีคมาดูด่วน!! ไม่ต้องยุ่งกะเรื่องชาวบ้าน(ร๊อบ)แล้ว  เอาตัวเองให้รอดก่อนค่ะท่าน :z3:

ค้างมากค่ะ รีบมาต่อนะคะ :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 03-04-2011 10:55:33
เฮ้อ คลื่นซัดแรงจริงๆเสียด้วย...
คาวัลโลตัดโอกาสของท่านชีคแล้ว แล้วยังตัดโอกาสของตัวเองอีกต่างหาก
เอาไงดีหนอ คราวนี้
ว่าแต่ ร็อบน่ะ มีซัมธิ่งอะไรกับราเซย์จริงๆเรอะ!?
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Gasil[+] ที่ 03-04-2011 13:56:08
อ่านเรื่องของพี่โตเสร็จก็มาอ่านเรื่องนี้ต่อ

ความเครียดหนักเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว(อินจัด)

คาวี่น้อยโดนทิ้งไปแล้ว.... :o12:  ใจหนึ่งก็สงสารที่โดนคนที่รักและไว้ใจหักหลัง
แต่อีกใจหนึ่งมันเชียร์ให้คาวี่น้อยโดนทารุณ+เจ็บช้ำเยอะๆเรียกคะแนนสงสาร(อ๊ะ..ยังไง? = ='' 555+)

แล้วท่านชีคจะปลอบใจคาวี่น้อยยังไงกันล่ะเนี่ย...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 03-04-2011 16:28:51
คาวี่น่าสงสารอ่ะ
ใจเย็นๆ ลงหน่อย
ตอนโกรธน่ากลัวมาก
ท่านชีคช่วยด้วยยยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pound ที่ 04-04-2011 13:20:12
สงสารอ่ะ คาลอ่ะ
 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ottomechan ที่ 04-04-2011 17:03:26
คนที่ไว้ใจร้ายที่สุด ~~~

เหมาะกับประโยคนี้จริง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 04-04-2011 17:14:21
ไม่น่าอ่านเลยอ่ะ อยากอ่านต่ออ่ะ มันค้างน่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 04-04-2011 17:47:03
สงสารคาวี่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 04-04-2011 21:00:44
 :กอด1: :กอด1: กอดให้กำลังใจคาวี่ของเจ้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 04-04-2011 21:55:15
แอร๊ยยยส์ ช่วงนี้แทบจะเหล่หาเรื่องนี้ทุกวันว่าอัพรึยัง >.<!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 04-04-2011 23:13:51
รออ่านนะคะ

 :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: liptudzii_chi ที่ 04-04-2011 23:35:23
 :กอด1: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: gogo_jk ที่ 04-04-2011 23:47:15


มานั่งรอ  +   เป็นกำลังใจให้คาวี่อ่ะ  :monkeysad:


 :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: bleach_pa ที่ 05-04-2011 00:50:54
 :m15: สงสารคาวี่
ประโยคนี้แปลว่าแบบนี้เอง
ลุงก็ช่างโฉดทรยศกันเองในครอบครัวแบบนี้
คาวี่ไหนๆกลับไปไม่ได้แล้ว
ปรับความเข้าใจกับท่านชีคแต่งงานอยู่ที่นี่ซะเลย  :impress2:

มาอัพต่อไวๆนะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 05-04-2011 21:53:39
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

คาวี่มาให้เจ้ปลอบหน่อยม้ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 05-04-2011 22:02:25
เป็นห่วงคาวี่ง่า จริงๆนะ
วันนี้จะมามั๊ย  :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 06-04-2011 00:13:33
คาวี่......................งงงง น่าสงสาร



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 06-04-2011 08:17:21
สนุกมากๆเลย สงสารคาวี่มากๆเลยอ่ะ  :monkeysad: โดนหักหลัง แถมจากคนที่รักอีกตั้งหาก
ตาลุงบ้านั้น :m16: ร้ายสมกับเป็นมาเฟียจริงๆ หึ เมื่อไรลุงจะไปนอนในโลงซักทีอ่ะ  :m31:
จะได้จัดงานฉลอง ฮ่าๆๆๆ (เริ่มอินไปกับนิยาย)
เมื่อไรจะปรับความเข้าใจกับท่านชีคซักทีน๊า ต้องรอลุ้น
มาอัพต่อเร็วๆนะคร้า จะรอติดตามจร้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 06-04-2011 11:30:38



   อ้ากกกก รู้ซะแล้ว
   แล้วอย่างงี้คาวัลโลจะทำไงต่ออ่าาาา
   อ่านๆไปเรื่องนี้ชักมีแต่คนน่าสงสารเพิ่มเรื่อยๆเลย
    :sad2:  :sad2:  :sad2:



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 06-04-2011 22:48:27
โดนทรยศจากคนที่รักนั้นมันคงเจ็บปวดอย่างที่สุด :z3: :z3:
รู้ถึงจิตใจของคาวี่ ตอนนี้คงบอบช้ำมากที่สุดแล้วล่ะมั้ง :o12:

แต่หนูคาวี่ยังดีที่มีที่พักพิงทางใจอย่างอัลชาห์คอยโอบอุ้มไว้อยุ่น่ะ :sad4:

ช่วงนี้แหล่ะ อัลชาห์ ช่วงชิงช่วงเวลาที่หัวใจคาวี่กำลังอ่อนแอที่สุด กอบโกยทำคะแนนเลย
เพราะไม่อย่างนั้นหัวใจคาวี่จะไม่เปิดช่องโหว่แล้วน่ะ ลุยโลด  :z2:

ยอมรับตอนนี้แต่งดีมากเลยครับ o13

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 06-04-2011 22:56:09
มาต่อด่วนจ้า :call: :call:  เพราะจะไม่ได้อ่านเป็นเดือนเลย  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 06-04-2011 22:58:28
เข้ามาดูทุกวันว่าอัพรึยัง อยากอ่านง่ะ

คนเขียนทำเค้าติดแล้วไม่รับผิดชอบ :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ottomechan ที่ 06-04-2011 23:12:41
มาต่อด่วนค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 07-04-2011 11:22:31
มาอีกรอบ 
อยากบอกว่าสงสารคาลวี่
กลับตัวก็ไม่ได้ เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง
TTATT
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: anuyasha ที่ 07-04-2011 16:44:02
คะคะคะค้างงงงงงง T^T

อ่านแล้วจะร้องไห้ไปกับคาวี่ T___T
ในเมื่อมันออกมาเป็นแบบนี้แล้วคาวี่จะทำไงดีอ่าาาา

อยุ่กับซีคไปแล้วกันนะที่รัก T^T สงสารอะ..
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: dragonfly08 ที่ 07-04-2011 20:46:48
การไม่มีที่จะยืนมันช่างเจ็บร้าวนัก
คาวี่ผู้น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 08-04-2011 00:49:36
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Rawint_PK ที่ 08-04-2011 02:21:11
เพิ่งมีโอกาสได้อ่านนะครับ..
คนเราที่ไม่เคยสูญเสีย
มาพอเจอครั้งแรก
ก็แทบจะตายให้ได้เสียตรงนั้น
อกหักให้ตาย
ยังไม่แย่เท่าถูกหักหลังคร้ังเดียว...
ตายทั้งเป็น
สงสารคาวี่จังง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: lasnorches ที่ 08-04-2011 04:09:16
*/แดดิ้น
ไรเตอร์คะ รีดเดอร์ใกล้ตายแล้วคะรีบมาอัพด่วน *หัวเราะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 08-04-2011 12:03:19
เพิ่งอ่านถึงหน้า10 ขอมาจิ้มเม้นไว้ก่อน :o8:
สนุกจ้า ชอบบ โหดฮาทั้งคู่
 :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 08-04-2011 13:16:50
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 08-04-2011 13:33:46
มารอทุกวัน คิดถึง 2 หนุ่มมากๆ คร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 08-04-2011 14:47:49
ย่องมาดูคาวี่ตอนบ่ายยยย ฮือออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 08-04-2011 20:50:35
มาดูหลายวันแล้ว ก็ยังไม่มา =.=
คาวี่กำลังใจอ่อน อัลเสียบเล๊ยย =O=v
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 08-04-2011 23:00:18
ตอนนี้ปวดใจมากกกกก

คาลน่าสงสารมาก โดนลุงทรยศ

มาเฟีย ยังไงคาลก็ไม่จนครอกหรอกน่า

มันต้องมีทางที่กลับไปเป็นบอสมาเฟียเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 08-04-2011 23:22:06
ย่องมาส่องตอนดึก  :z3:
ยังไม่มาอีกเหรอค่าาา า  :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 09-04-2011 01:10:26
โฮฮฮฮ
ไม่น่าตามทันเลย  :z3: :o12: :o12: :o12:
โอย สุดจะค้างงง !!! ไม่ไหววน๊า
 :o12: อัพเถิดๆ
 :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 09-04-2011 09:41:28
9 วันแล้วน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 09-04-2011 11:29:12
คาวี่ๆ ใครไม่รักเค้ารักน้า....มามะๆ....(กลายเป็นป้าไปเลยฉัน ฮ่าๆๆ)

คิดถึงนะคะ ไรท์เตอร์
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 09-04-2011 16:35:05
คืนนี้อัพค่ะ รอแป๊ป (กำลังปั่นอยู่)

..
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: aeyja55 ที่ 09-04-2011 16:36:27
รอ รอ อ่านรวดเดียว 2 วันจนทันเลย ติดเรื่องนี้มากกกก สงสาวรคาวี่จัง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 09-04-2011 19:52:02
เข้ามาปูเสื่อรอ
 :a3: :a3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 09-04-2011 21:31:37
รอ ฉันรอเธออยู่  :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 09-04-2011 22:39:45
นั่งรอด้วยคน o4
อยากอ่านน :sad2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 09-04-2011 22:51:09
รอค่ารอ
ช่วงนี้รอแต่เรื่องนี้เรื่องเดียวเลยนะเนี่ย  :o8:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 09-04-2011 22:59:48
Line : 27 บทเรียนกับสายฝน


     สีของท้องฟ้ายามมองเห็นจากหน้าต่างกรุกระจกใสนั้นมืดครึ้มหม่นแสงลงยิ่งกว่าเคย  ม่านหนาหนักทิ้งตัวลงบดบังแสงสว่างที่ลอดทอมาไม่น้อย ทำให้ภายในห้องสี่เหลี่ยมนี่มืดทึบ อับแสงกว่าความจริงเบื้องนอกราวกับว่าตอนนี้เป็นเวลาเย็นค่ำ ทั้งที่ความจริงแล้วนาฬิกายังคงชี้ไปที่เลขสิบสามซึ่งห่างจากโมงยามแห่งความวุ่นวายยุ่งเหยิงมาเพียงไม่นาน  แต่ทว่ายามนี้ คนที่เคยอาละวาดทำร้ายด่าทอหรือโวยวายจนต้องเดือดร้อนกันจ้าละหวั่นกลับยืนนิ่ง  นัยน์ตาทอดมองภาพกระจกใสซึ่งสะท้อนเงาของตัวเองอย่างเลือนรางท่ามกลางแสงสลัวมือครึ้มของท้องฟ้าเบื้องนอก...

     ฝ่ามือของชีคหนุ่มทิ้งลงข้างกาย หลังจากใช้มันเปิดเข้ามาภายในห้องพักส่วนตัวของมาเฟียหนุ่มผู้ก่อปัญหา สีหน้าของอัลชาอ์ยังคงเคร่งเครียดครุ่นคิดหนัก..นัยน์ตาสีนิลจับจ้องร่างของ คาวัลโล วาลกัสไม่ละสายตา

สืบเท้าก้าวเข้าไปใกล้คนที่ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับไม่รู้ ว่าตัวเขากำลังเดินเข้าไปหา..หรืออาจจะบอกได้..ว่าไม่รู้ กระทั่งมีใครเข้ามา นิ่งงันราวกับไร้ชีวิตจิตใจไปเสียแล้ว..

..ว่ากันว่าพายุร้ายมักก่อตัวมาจากความเเงียบ..หากทว่าครั้งนี้มันคงเป็นยิ่งกว่าพายุที่เข้าโหมทำลาย...กวัวว่ามันจะร้ายกว่า...นั่นก็คือพายุนี้ กำลังทำลายตัวมันเอง.
.
      ภาพนี้ไม่ใช่สิ่งที่อัลชาอ์ได้เห็นมันเมื่อยี่สิบนาทีก่อน ไม่ใช่ในตอนที่คาวัลโลวิ่งลงไปยังคุกใต้ดิน เขามองเห็นร่างของมาเฟียหนุ่มพุ่งเข้าไปหาเจ้าผู้ต้องหาคนนั้น ฝ่าเท้าของคาวัลโลเหวี่ยงแตะลงไปที่กรงขังสุดแรง เหวี่ยงสะบัดลงไปซ้ำๆราวกับไม่รู้สึกตัวเอาเสียเลยว่าตัวเขานั้นสวมแค่รองเท้าเนื้อบางสำหรับใส่ในคฤหาสถ์ ไม่คิดเสียบ้างเลยว่าทำแบบนั้นไปก็มีแต่เจ็บ..ซ้ำคนที่ตนกลัวว่าจะเจ็บก็ทำร้ายคนของเขาที่วิ่งรี่ไปห้ามอย่างไม่สนใครหน้าไหน...

      แต่ทว่าเมื่อเอ่ยปากถาม...เมื่อร้องห้ามถามถึงความเป็นไปแล้ว..คนๆนี้กลับนิ่งงัน ร่างทั้งร่างหันมามองสบตาตน...ด้วยนัยน์ตาที่แดงก่ำและหยาดน้ำตาเอ่อคลอจวนเจียนจะรินไหล..ที่ไม่เคยจะได้เห็น...ทั้งแปลกตา และเหนือกว่านั้น..คือปวดใจ..

....เกิดอะไรขึ้นกัน?

 มีอะไรที่เขาไม่รู้ หลังจากปล่อยให้คาวัลโล วาลกัส คนนี้นั่งคุยโทรศัพท์กับครอบครัวตามลำพัง?

...มีเรื่องอะไรที่จะทำให้คนๆนี้เสียใจ..คลุ้มคลั่งเสียจนต้องระบายออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว..

  ..อะไร...ที่ทำให้เหยี่ยวปีกหักที่ยังคงรักในศักดิ์ศรียิ่งกว่าสิ่งใดตนนี้...ต้องเงียบงัน  อ่อนไหว เปราะบางอย่างไม่เคยเป็น..


     " คาวัลโล....? " น้ำเสียงคุ้นหู..ทำให้ภวังค์ความคิดที่ยังคงสับสนวุ่นวายเริ่มรับรู้ถึงความเป็นไป...นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่เหม่อลอยกระพริบช้าๆ...ครางออกมาในลำคอแผ่วเบาเมื่อจำได้ชัด..ว่าเจ้าของน้ำเสียงแสนคุ้นหูนี้คือใคร..

          คาวัลโลหันกายกลับไปมองด้านหลัง เขากระพริบตาถี่จ้องมองใบหน้าแสนคุ้นตาของชีคแห่งเซเนียยาที่จ้องมองตนเองในระยะประชิด ในเวลาอื่นเขาคงคิดแปลกใจว่าเหตุใดตนเองถึงไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามีใครเข้ามาใกล้ตัว หากแต่ตอนนี้ความใกล้...ที่ห่างเพียงอ้อมแขนจะเอื้อมหากลับทำให้หัวใจที่แปรปรวนอ่อนล้า ยิ่งสำนึกได้ว่าสิ่งที่เขาทิ้งไปนั้นมันมีค่าเพียงใด...

  ...ยิ่งใกล้....ใกล้เพียงจะเอื้อมคว้า...แต่ไม่อาจจะโผกายเข้าไปหาก็ยิ่งเจ็บปวดและเสียใจ..

   ...ยิ่งใกล้...ใกล้แค่ไหน ....มือที่ตนปัดทิ้งออกไปก็ยิ่งมีค่ามากขึ้นเท่านั้น...

          สำหรับเขาที่ตอนนี้ไร้ที่ยืน ไร้ที่อยู่ ไม่มีทางออก ไม่มีอะไรเหลือออีกแล้ว..ยิ่งได้มองใบหน้านี้มากแค่ไหน ยิ่งได้สบตาคู่นี้นานเพียงใด...ยิ่งได้มองเห็นฝ่ามือที่เอื้อมมาใกล้แค่ไหน ก็ยิ่งเจ็บปวดและสังเวชใจมากขึ้นเพียงนั้น

...ของมีค่าที่มองเห็นค่าของมันชัด...ยามไร้ใครเหลียวเเล

...เพียงแต่ว่า...เขาได้ปฏิเสธมันไปเสียแล้ว..


     "........."

           เสียงเรียกของตนไม่ได้รับคำตอบ จากร่างที่ผินมาหา...ชีคหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันมากขึ้นยามเอื้อมมือไปใกล้ร่างที่ไม่ห่างจากตน ทว่าก็ไม่ได้แตะต้อง เพียงแต่เอื้อมมือไปหา ยื่นความห่วงหาไปให้อย่างที่เคยเป็น..

...แม้ไม่ได้รับคำตอบ แม้ไม่ได้รับไมตรีใดตอบรับ แต่นั่นก็ไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้คนๆหนึ่งเลิกรัก เลิกห่วงใยคนหนึ่งคนได้งายๆ..
.
      ...ยิ่งเมื่อสบมองดวงตาสีน้ำทะเลที่ฉายแววรวดร้าวคู่นั้น...ดวงตาที่บ่งบอกว่าหมดซึ่งความหวัง ไร้ซึ่งชีวิตจิตใจ...ชัดเจนราวกับมองเห็นเศษซากของหัวใจถูกซัดทำร้ายจนแหลกเหลวลงตรงหน้า..

  และชัด...ชัดมากขึ้นยามน้ำทะเลนั้นค่อยกลั่นตัวลงจากหางตาที่ผ่าวร้อน..ผ่านผิวแก้มและทิ้งลงบนปลายคางอย่างเงียบงัน...

 หยดน้ำตาของมาเฟียผู้แข็งแกร่ง หยดน้ำตาของคนที่ยึดถึงแหละยิ่งในศักดิ์ศรีมากกว่าสิ่งใด..หยดน้ำตาของคาวัลโล วาลกัสผู้ประกาศว่าในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าตัวทำไม่ได้...

ราวกับน้ำกรดฤทธิ์แรง ค่อยเชือดเฉือนดวงใจของเขาช้าๆ...หากฤทธิ์ของมันร้ายแรงและลึกซึ้งยิ่งนัก..


    ...ฝ่ามือหนาค่อยแตะไล้ลงบนผิวแก้มขาว  สัมผัสหยดน้ำตาร้อน สัมผัสน้ำตาของพญาเหยี่ยวผู้ไร้หัวใจ..


  ได้ยินเสียงสะอื้นสั่นในลำคอ ได้ยินเสียงร้องที่พยายามกลั้นออกมาอย่างยากเย็น..ทว่าก็ยังสัมผัสได้ชัด เช่นเดียวกับความปวดร้าวที่แสดงออกมาอย่างเด่นชัดบนใบหน้าและแววตาของมาเฟียหนุ่ม..

      "...คาวัลโล..." เสียงกระซิบห้าวลึก แฝงแววอาทรห่วงหา...คำถามเปี่ยมไปด้วยความอาดูรและความห่วงใย ยิ่งทำให้หัวใจปวดร้าวแทบแหลกสลาย..
...เสียใจที่ถูกทรยศ เสียใจที่ถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจ...

...และเสียใจ..ที่ได้ปัดมือของคนที่รักเขามากมายทิ้ง..เพียงเพื่อความปราถนาของตัวเอง

     และในตอนนี้..ตอนที่ทุกอย่างมันพังทลายลงมาต่อหน้า...ตอนนี้...ตอนที่ไม่เหลืออะไรให้ยึดเหนี่ยว ฝ่ามือที่ไล้ลงบนผิวหน้า ความอบอุ่นร้อนผะผ่าวที่สัมผัสยิ่งทำให้สั้นสะท้านอ่อนไหว..

     นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่เอ่อนองไปด้วยความรวดร้าวท่วมท้นสบกับนัยน์ตาสีนิลที่แฝงแววห่วงหาชัดเจน..คาวัลโลพยายามกลืนเสียงสะอื้นของตัวเองไว้ในลำคอ แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกิน แม้เขาจะพยายามเตือนตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าการขยับเข้าไปหา การเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้ที่เขาปฎิเสธไปแล้วจะยิ่งทำให้เรื่องราวเบื้องหน้าเลวร้ายยิ่งขึ้น เตือนตัวเองว่าการกลับไปทั้งที่เป็นฝ่ายผลักไสอ้อมแขนนี้ไปจะทำให้หลายคนเสียใจ และทำให้เขานั้นเป็นยิ่งกว่าคนหน้าด้าน..แต่...

     ฝ่ามือขาวจัดแตะลงบนหลังมือแกร่งที่สัมผัสผิวแก้มเปื้อนน้ำตาอย่างอาดูรนั้นแผ่วเบา  ปลายนิ้วที่สั่นระริกสอดทับเกาะกุมข้อนิ้วของบุรุษหนุ่มเบื้องหน้า คาวัลโลยึดมือซ้ายของชีคหนุ่มไว้แน่น เขาสะอื้นสั่นในลำคอออกแรงบีบฝ่ามือหนาแล้วเอียงใบหน้าแนบชิดราวกับจะขอที่ยึดเหนี่ยวและรักษาตัวตนของตนเองท่ามกลางเศษซากควาหวังของตนเองที่พังทลาย..

...ต่อให้กลายเป็นคนหน้าด้าน ที่ดันทุรังจะกลับไป ทั้งที่เคยทำร้ายจิตใจคนๆนี้มาครั้งแล้วครั้งเล่า...แต่ตอนนี้ ตอนที่เขาไม่เหลือใคร ตอนที่ความมืดมิดรายล้อมรอบกาย เมื่อมีฝ่ามือที่ยื่นเข้าหา เมื่อมีแสงสว่างที่ลอดเข้ามา จะปฏิเสธมันได้อย่างไร..

   ต่อให้ต้องเสียใจภายหลัง ต่อให้ท้ายที่สุดก็จะทำร้ายคนที่รักเขาครั้งแล้วครั้งเล่า...คนเห็นแก่ตัวอย่างเขา ก็ยังคงต้องการเอื้อมไปหาฝ่ามือที่ยื่นให้อยู่ดี

    "...เกิดอะไรขึ้น?..." น้ำเสียงกระซิบถาม หากคำตอบยังคงมีเพียงความเงียบท่ามกลางก้อนสะอื้นที่ไร้เสียง อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของมาเฟียหนุ่มที่ซบลงบนฝ่ามือของตน อีกทั้งมือทั้งสองข้างก็เอื้อมมากุมมือเขาแน่น ราวกับเป็นที่พึ่งสุดท้าย..

   ..ชวนให้ปวดใจ...หากก็ชวนให้ภาคภูมิใจไปในเวลาเดียวกัน..

..หรือตอนนี้คุณจะเห็นค่าความรักและความห่วงใยของผมบ้าง...?

......แต่ทว่า ความกังขาเล็กๆกลับเกิดขึ้นในเสี้ยวหนึ่งของจิตใจ..

มันเกิดจากอะไร?

มองเห็นผม ต้องการผม...ในวันที่เกิดเหตุการณ์แบบไหนขึ้นกับตัวคุณกัน?

       ปลายนิ้วที่เกาะกุมผิวแก้ม มอบความอบอุ่นจากฝ่ามือและข้อนิ้ว สัมผัสที่ค่อยพยุงร่างกายอันโซเซและบอบช้ำจากความผิดหวังให้ยืนหยัด ค่อยขยับห่าง...ปลายนิ้วที่กระตุกไหวและค่อยผละจากผิวแก้มพร้อมกับดึงออกจากปลายนิ้วที่เกาะยึดช้าๆทำให้เปลือกตาที่ปิดพับลงเปิดขึ้น อัลชาอ์มองเห็นหัวคิ้วที่เคยคลายออกนั้นย่นเข้ากันอย่างรวดเร็ว....สีหน้าตกตะลึงและนิ่งอึ้งบนใบหน้าของมาเฟียหนุ่มชาวอิตาเลียนปรากฏชัด..

  ...เร็วเกินกว่าชีคหนุ่มจะเข้าใจได้ว่าตนเองเป็นฝ่ายดึงเอาฝ่ามือของตัวเองผละจากชายผู้ต้องการที่พึ่งและยึดพิงตัวเขาไว้เป็นที่พักสุดท้ายไปแล้ว

       สีหน้าบิดเบี้ยวราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นเอื้อมไปบีบรัดหัวใจจนเจ็บร้าวของคาวัลโล ชัดเจนขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางความเงียบที่แขวนค้างไว้กลางห้อง อัลชาอ์มองเห็นฝ่ามือทั้งสองข้างที่เคยเกาะเกี่ยวมือของตนเองไว้ตกลงข้างกาย ทิ้งลงแนบสีข้างราวกับไร้เรี่ยวแรง..

    นัยน์ตาที่เคยทอดมองมาด้วยความหวังเบือนหนี รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าบิดเบี้ยวเปื้อนน้ำตากลายเป็นคำโกหกที่โง่เง่าที่สุดในโลกเมื่อแสดงออกมา...แกล้งหัวเราะทั้งที่ตัวเองกำลังร้องไห้..แสร้งทำไม่เป็นไรทั้งที่ตัวเองกำลังสิ้นหวัง..

       ".....ผม...."

       "....ผมอยู่ที่นี่ได้ไหม? "น้ำเสียงระโหยโรยแรงเอ่ยออกมาเพียงแผ่วเบา นัยน์ตาคู่นั้นไม่หันมามองสบตาเสียด้วยซ้ำ  ใจความของประโยคนั้นทำให้ผู้ฟังขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่เข้าใจความหมาย รวมทั้งเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ด้วย

       " คุณพูดถึงอะไร? " ชีคหนุ่มเลิกคิ้วสีหน้างวยงง ขยับฝีเท้าก้าวเข้าประชิด หากร่างของมาเฟียหนุ่มกลับผวาห่างอย่างรวดเร็วเสียจนแทบจะเป็นกระตุก..


      และนั่นเป็นความเงียบที่เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่...อัลชาอ์เม้มปากแน่น ชีคหนุ่มจ้องมองสีหน้าสับสนหากระแวงระไวของมาฟียหนุ่มเบื้องหน้า ก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบาแล้วเป็นฝ่ายชักท้าวถอยหลัง รักษาระยะห่าง...ที่มากกว่าเดิมเอาไว้

       " .....ขอโทษ..." อัลชาอ์เอ่ยเบาๆ ชีคหนุ่มเสมองกระจกใสด้านข้างพลางลอบถอนหายใจแผ่วเบา เริ่มจะเข้าในขึ้นมาบ้างว่าทำไมคาวัลโลชอบมองมันนักหนา คงเป็นเพราะมองมันแล้ว...จะได้จับจ้องเพื่อควบคุมจิตใจที่ว้าวุ่นเพราะแรงอารมณ์ของตนเองไว้ได้..

       " ไม่หรอก..ผมต่างหาก " น้ำเสียงตอบรับนั้นยังคงแหบพร่า ทว่าอีกฝ่ายยังคงฝืนยิ้มท่ามกลางรอยน้ำตาบนผิวแก้มที่ยังไม่ถูกปาดเช็ดออกไป ...อัลชาอ์นึกอยากจะเอื้อมมือไปเช็ดมันอีกสักครั้ง ก่อนจะสำนึกได้ ว่าตัวเขาเองที่เป็นฝ่ายชัดมือออกเมื่อครู่...ดังนั้น...คงไม่มีสิทธิจะเอื้อมมือไปหา

และที่สำคัญ คาวัลโลก็เพียรบอกเขามาหลายครั้ง...ย้ำชัดหลายครา ว่าไม่ต้องการ...

ไม่ต้องการอ้อมกอด ไม่ต้องการการปกป้อง ไม่ต้องการความรักที่มอบให้..

ตอนนี้จะทำได้ก็แต่ ในฐานะของผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกันเท่านั้น...

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 09-04-2011 23:06:39
   
   "...แล้วที่คุณพูด....."

       " ไม่มีอะไรหรอก ขอโทษที่รบกวน " นัยน์ตาคู่นั้นเบือนหลบ กระพริบถี่คล้ายมีสิ่งใดกวนใจ อัลชาอ์จ้องมองสีหน้านั้นของเจ้าตัวด้วยความไม่เข้าใจ  ชีคหนุ่มครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พยายามจับเอาเรื่องราวทั้งหลายมาปะติดปะต่อกันอย่างยากเย็น..

        " คุณมีปัญหาอะไรรึเปล่า? ...คาวัลโล " คำถามนั้นทำให้คนฟังต้องกล้ำกลืนก้อนสะอื้นและความรวดร้าวที่แล่นวาบเข้ามาในใจอย่างยากเย็น คาวัลโล วาลกัส ทำได้เพียงเสหลบตา เขาพยายามฝืนหัวเราะ หัวเราะออกมาอย่างเต็มที่ หัวเราะออกมาเพื่อให้คนตรงหน้าสบายใจว่าเขาไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ

...ไม่เป็นไร...แม้ว่าอัลชาอ์จะ.....ไม่ต้องการแตะต้องตัวเขาอีกแล้วก็ตาม

คุณไม่ต้องการผมอีกแล้ว...

  นั่นเป็นความจริงจากสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เขาต้องยอมรับ ว่าแม้แต่ที่พึ่งสุดท้ายก็ยังไม่มีอีกต่อไปแล้ว..

   ...คาวัลโลนึกสมน้ำหน้าตัวเองนัก นึกสังเวชตัวเองเหลือเกินที่สุดท้ายก็ได้ตามที่เคยต้องการ แต่กลับเป็นตัวเขาที่ต้องเสียใจ..ต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่ผ่านมาแล้ว..
ทั้งที่เฝ้าบอกตัวเองว่าอย่าเสียใจภายหลัง..

แต่เรื่องนี้...แต่กับคนๆนี้..เท่านั้น..ที่ไม่อาจจะเป็นได้อย่างที่ต้องการเลย..

     "....ไม่...ขอผมอยู่คนเดียว "


         เสียงประตูปิดลงเบาๆหลังจากเอ่ยถ้อยคำนี้ไปชั่วอึดใจ เป็นดั่งคำอนุญาติให้ทำนบน้ำตาที่กั้นไว้ไหลทะลักลงมาอีกครา..

...เคยหยิ่งยะโสว่าไม่มีสิ่งใดจะทำร้าย เคยทะนงตนว่าตัวเขาอยู่เหนือกว่าคนทุกคนรอบกาย

เคยมองว่าเรื่องราวความรักมันไร้สาระและมีเพียงคนโง่เง่าที่ยอมให้มันบงการชีวิตและความต้องการของตน

...แล้วตอนนี้เล่า ที่เจ็บปวดอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เพราะรัก...ไม่ใช่เพราะความรักนั้นหรือไง?

 ทั้งคนที่รักและเทิดทูนเคารพพากันหักหลัง

ทั้งคนที่เขามั่นใจมาตลอดว่ารักและไม่มีทางเปลี่ยนแปรผันกลับสะบัดมือทิ้งไม่ยอมแตะต้อง..

...ไม่มีใครต้องการ ไม่มีใครรัก ไม่มีที่อยู่สำหรับตัวเขาอีกต่อไป

เคยหยิ่งทะนงกราดว่าใครไว้ ผลสุดท้ายมันก็กลับวนเวียนมาหาตัวเขาในที่สุด

...ยิ่งเจ็บยิ่งซาบซึ้ง ยิ่งปวดร้าวยิ่งซึมลึก

รับรู้ชัดเจนว่าความรู้สึกของคนไร้ค่าที่ไม่มีใครต้องการน่ะมันเป็นยังไง

..........................


      บานประตูหนักสีทึบถูกปิดพับลงเบื้องหลัง ร่างสูงเอนตัวพิงกรอบกระตูไว้เงียบๆไม่เอ่ยคำพักใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาแผ่วเบา สีหน้าของชีคหนึ่มแห่งเซเนียยาฉายแววครุ่นคิด..จริงจัง..

อัลชาอ์สบมองแววตาใคร่รู้ขององค์รักษ์คนสนิทเบื้องหน้า นัยน์ตาสีเข้มหรี่ลงอย่างครุ่นคิด..

     " ....รีบเอาเทปเสียงโทรศัพท์เมื่อครู่มาให้ผมเร็วที่สุด "

ทางเดียวที่รู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็มีเพียงเท่านี้

สาเหตุที่คาวัลโลร้องไห้..เหตุผลที่คนที่ตนเองหลงรักต้องทุกข์ใจ  ไม่มีสิทธิไปซักไซ้ก้าวก่าย ที่ทำได้ก็เพียงคอยปกป้องอยู่ไกลๆเท่านั้น



ห้าโมงสามสิบห้านาที...

     ท้องฟ้าของทัสคานี เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเซเนียยาปั่นป่วนมืดครึ้มรุนแรง..

     เสียงละหมาดยามเย็นยังคงดังแว่วออกมาจากมัสยิดขนาดใหญ่ใจกลางเมือง อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน...และทุกวันเช่นกัน ที่เหล่าผู้คนในเมืองจะไปรวมตัวกันสวดมต์ถวายพระเจ้าของตน และเป็นปกติของทุกวันเช่นกัน ที่ผู้ซึ่งนับถือพระเจ้าองค์อื่นก็ต้องนั่งเงียบอยู่ภายในห้องอย่างเดียวดาย

    ไม้กางเขนสีเงินที่อยู่ในมือนั้นดูราวกับหนักนักหนา คาวัลโลจ้องมองมันผ่านดวงตาร้อนผ่าวที่แห้งผาก น้ำตานั้นหยุดไหลลงไปแล้ว เพราะที่สุดเขาก็เข้าใจว่าร้องไห้ไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอแล้วที่จะร้อง พอแล้วจริงๆที่จะต้องเสียน้ำตาให้ความผิดหวัง ผิดพลาดทั้งหลาย..

    ต่อให้ยังเสียใจ แต่ก็มากพอแล้วที่จะร้องไห้ เขาไม่อยากจะเสียน้ำตากับมันอีกแล้ว..

     แต่ตอนนี้คาวัลโลก็ยังทำได้เพียงนั่งนิ่งๆบนเก้าอี้ที่ตนเองลากออกมานั่งริมหน้าต่าง จ้องมองฟ้องฟ้าและลมกรรรโชกแรงที่บ่งบอกว่าเมฆครึ้งที่ตั้งเค้ารอท่ามาหลายวัน คงจะกลั่นเป็นฝนได้ก็วันนี้...

  ไม่ต่างจากหัวใจของเขาเลยสักนิด...

    มาเฟียฟนุ่มหรุบตาต่ำ ขยับรอยยิ้มเยาะหยันที่มุมปาก...หัวใจที่ปั่นป่วนและมืดมิดไม่ต่างกับท้องฟ้า และน้ำตาที่ร้องไห้ออกมาก็ไม่ต่างอะไรกับสายฝน..

..ต่อจากนี้...จะใช้ชีวิตอย่างไรดีนะ?

กลับไปก็ไม่ได้...จะเดินต่อไปอย่างไรในเมื่อไร้เป้าหมาย

เขาจะกลายเป็นเพียงร่างกายที่กลวงเปล่าไร้ความคิดความฝันอย่างนั้นหรือ?

หรือว่า...เขาจะต้องตาย..

คาวัลโลไม่ได้ฟั่นเฟือนจนนึกลืมไปว่าแม้แต่ตอนนี้ชีวิตของเขาก็ยังคงมีขาข้างหนึ่งก้าวเท้าไปยังนรกแล้ว

ไม่ตายเพราะตัวเองถลันกลับไปโดยไม่รู้เรื่องจนต้องจบชีวิต ก็ต้องกายเพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็ทำความอับอายให้กับตระกูล

หรือไม่ อาจจะตายเพราะทำงานให้อัลชาอ์ไม่สำเร็จ..

...หรือกระทั่งทำงานให้อัลชาอ์สำเร็จ ตอนนี้มันจะมีความหมายอะไร?

ทำงานให้อัลชาอ์สำเร็จ จะได้กลับบ้าน จะได้กลับไปที่เดิมที่เคยจากมา..

นั่นเป็นคำมั่นทีททำให้เขาพยายามอยู่ทุกวันนี้...แต่...เมื่อไม่มีที่ให้กลับไปแล้ว...จะดิ้นรนไปเพื่ออะไรกัน

   ตอนที่อัลชาอ์เข้ามาหา ตอนที่ท่านชีคแห่งเซเนียยาประคองใบหน้าของเขาไว้ในมือ นั่นเป็นทางออกเดียว เป็นแสงสว่างเดียวที่เล็ดลอดออกมาท่ามกลางความมืดมิดรอบกาย

...ทางเดียวที่จะคิดออกก็คือการอยู่ตรงนี้...

เพียงทางเดียวที่คิดได้ คือขออยู่กับอัลชาอ์ที่นี่ อยู่ตรงนี้ในฐานะอะไรก็ได้ ในสภาพไหนก็ได้ จะกลายเป็นหนึ่งในองค์รักษ์อีกคนก็ได้ หรือจะให้เขาทำงานอื่นให้ก็ยังไหว..

 เพราะการจะอยู่ที่นี่ในฐานะ...คนรักของชีคแห่งเซเนียยามันเป็นไปไม่ได้แล้ว

    ถ้าหากอัลชาอ์จะยังพอเข้าใจ ...และยังพอจะเห็นใจเขาบ้างสักนิด อาจจะอยู่ที่นี่ได้...และอาจจะอยู่ที่นี่ตลอดไป ตลอดชีวิต...

ถึงได้รับความอัปยศจากการถูกหักหลังแค่ไหน ต่อให้ผิดหวังเคว้างคว้างมากเพียงใด เขาก็ไม่อาจจะคิดสั้นจบชีวิตตนเองได้

คาวัลโลไม่ได้ถูกสั่งสอนมาให้ยอมแพ้ต่อชีวิตของตัวเองได้ง่ายขนาดนี้...เพราะฉะนั้น ต่อให้เจ็บแค่ไหน ต่อให้หนึ่งในความเศร้าเสียใจนั้นจะแฝงไปด้วยความสิ้นหวังจนอยากจะตาย แต่เอาเข้าจริงแล้วเขาก็ไม่คิดจะจบชีวิตตัวเองสักนิด..

ถึงจะมีชีวิตแบบไหน...ก็ต้องทน ต้องทนให้ได้...

 ต่อให้ไม่เหลือใคร ต่อให้ไม่มีใครอีกแล้ว....ก็ต้องทน

     ..และอีกเสี้ยวหนึ่งของหัวใจก็ยังครุ่นคิดซ้ำไปซ้ำมาถึงคนอีกคนหนึ่ง..

อัลชาอ์...

ถ้า...

ถ้าหาก...จะเอื้อมมือไปหาคุณตอนนี้ คุณจะยอมรับไหม?

ถ้า...ผมจะหันหลังกลับไป...แขนทั้งสองข้างของคุณจะยังอ้าออกเพื่อต้อนรับผมรึเปล่า?

     "....ให้ตาย...." ฝ่ามือกำแน่น ทุบลงไปบนกระจกหน้าต่างไม่เบานักเพื่อหยุดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองคาวัลโลเม้มปากแน่นขมวดคิ้วเข้าหากัน ต่อให้ทางนี้ก้ไม่มีหวังแล้ว...ต่อให้หน้าด้านกลับไปขอวามรักควงามห่วงใย อัลชาอ์ก็ไม่มีให้อีกแล้ว

..รู้ตัวช้าเกินไป...ไม่สิ....

...เพราะไม่มีทางจะคว้าของที่ต้องการทุกอย่างมาไว้ในมือได้..

ต่อให้พยายามหยิบมาในอ้อมแขนตัวเองแค่ไหน ก็ยังมีบางสิ่งที่ต้องตัดใจทิ้ง มีบางอย่างที่ต้องหลุดลอยไปอยู่ดี..

เมื่อก่อนเขามองเห็นตำแหน่งบอส มองเห็นแกงค์มาเฟียและการกลับไปนั้นสำคัญมากกว่าความรักที่คนๆหนึ่งมอบให้อย่างบริสุทธิ์ใจ เมื่อมันสำคัญกว่าจึงตัดใจทิ้ง จะแปลกอะไร หากอัลชาอ์จะทิ้งเขาบ้าง..

ไปเอาความแน่ใจมาจากไหน ว่าจะมีใครคนหนึ่งทนรักคนที่ไม่ไยดีตัวเองเลยได้ตลอดชีวิต..

ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าสมเพชสิ้นดี...ยิ่งคิด ก็ยิ่งน่ารังเกียจความเห็นแก่ตัวของตัวเอง...

  ...คนโลภมากและเห็นแก่ตัวที่ต้องการทุกอย่างมาอยู่ในมือ โลภเอามากเกินไปสุดท้ายจะไม่มีสิ่งใดเหลือก็ถูกต้องแล้ว..


    แอ๊ด...

       ประตูห้องเปิดขึ้นมาอีกครั้ง คาวัลโลหันกลับไปมอง่างของชีคแห่งเซเนียยาที่นั่งลงบนเก้าอี้ว่างๆเบื้องหน้าตน สีหน้าของคนที่เดินเข้ามาเคร่งขรึม..แววตาที่มองมานั้นแฝงแววห่วงใยและเป็นกังวล ไม่ต้องเดาก็รู้ ว่าบทสนทนาทั้งหมดของเขาและพี่ชายคนคงผ่านการรับรู้ทั้งหมดของผู้ชายคนนี้แล้ว..

....ชั่วขณะหนึ่งเขาอยากจะถามความรู้สึกว่าเป็นเช่นไร..

คุณดีใจหรือเสียใจ คุณสมเพชผมไหมที่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้..?

         "....ผมอยู่ที่นี่ได้ไหม? "แต่เขาก็ยังคงถามคถามเดินที่เคยพูดไป...หากตอนนี้คนฟังคงรู้คำตอบ หากแต่อัลชาอ์ถอนหายใจแผ่วเบา จ้องมองใบหน้าของเขาด้วยดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น...แต่ก็ไม่ได้พยักหน้าหรือส่ายหน้าปฏิเสธ..

        " .....ผมยังไม่อยากจะฟังการตัดสินใจอะไรจากคนที่กำลังผิดหวังและเสียใจ..คาวัลโล.." ชีคหนุ่มมองเสี้ยวหน้าของมาเฟียตัวร้ายเบื้องหน้า ครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ได้รับรู้มากจากบทสนทนาของเจ้าตัวกับพี่ชาย..การทรยศจากคนที่รัก..การถูกลงโทษจากลุงของตน..และ..การถูกประกาศตามล่าจากคนในแกงค์ของตัวเอง..
....เจ็บปวดแค่ไหน ทรมารแค่ไหน เขารู้ซึ้งและเข้าใจดี..

   เพราะตนก็เคยเผชิญหน้ากับความรู้สึกแบบนี้มา และเจ็บปวดกับมันไม่ต่างกัน..

ทางออกของเรื่องนี้ไม่ใช่การจะทำเช่นไร หรือทำอย่างไร แต่เป็นการประคับประคองจิตใจตนเองให้เข้มแข้งและผ่านมันไปให้ได้ต่างหาก..

       " อย่างแกรที่ผมอยากแนะนำ..คือคุณควรจะกลับไปคุยกับพี่ชายตัวเองเสียก่อน...เขาดูจะเป็นหะ....."

       " ไม่!!!!!!" นัยน์ตาของผู้ฟังวาววับขึ้นมาทันควันด้วยความไม่พอใจ คาวัลโลตวาดสวนคำพูดของชีคแห่งเซเนียาไว้แค่นั้น ความโกรธเกรี้ยวที่ค่อยซาลงไปเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครา..อารมณ์ที่พยายามเก็บไว้...กลับค่อยเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น

       "...ทำไมถึงไม่...เขาไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ นี่เป็นแผนของพวกคุณไม่ใช่หรือไง? คิดให้รอบคอบก่อนจะโกรธอะไรบ้างสิ " อัลชสอ์ขมวดคิ้วกลับ จ้องมองสีหน้าไม่พอใจของมาเฟีหนุ่มเบื้องหน้าอย่างตำหนิ

       " ไม่....ผมไม่ต้องการแล้ว...เรื่องนั้นมันผ่านไปแล้ว "นัยน์ตาสีน้ำทะเลเต็มไปด้วยความว้าวุ่น สับสน...หกแต่คาวัลโลก็ยังยืนยันจะปิดหูปิดตาไม่ยอมสนใจเรื่องราวต่อจากนี้อีก  " .ผมขออยู่ที่นี่ได้ไหม? ผม....จะขอทำงานกับคุณหรืออะไรก็ได้....จะให้ผมทำอะไรก็ได้...หรือจะ..."

       "....ไม่...คาวัลโล คุณต้องคุยกับพวกเขาก่อน..." อัลชาอ์ส่ายหัว หน้านิ่วกับอาการโกรธเกรี้ยวนั้น

      " ...ขอแค่งานให้ผม...ให้ผมอยู่ที่นี่....อะไร....ก็.."  คนฟังนั้นปฎิเสธข้อเสนอนี้โดยสิ้นเชิง สีหน้าของคนพูดยิ่งนานยิ่งบิดเบี้ยว นัยน์ตาสีน้ำทะเลเริ่มพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำใสที่เอ่อล้นขอบตา...ดูไร้เรี่ยวแรงราวกับเป็นคนละคน..

      "...คาล !!!" ฝ่ามือหนาคว้าหมับแล้วบีบแน่น ออกแรงเขย่าแขนมาเฟียหนุ่มที่มีอาการบ่งชัดว่าสิ้นหวังจนคิดอะไรไม่ออกตรงหน้า

      " ..ทำไมล่ะ !! ก็ดีแล้วนี่!! " คาวัลโลเม้มปากแน่น  เขาสะบัดแขนออกจากฝ่ามือหนาแรงๆ  " คุณอยากให้ผมอยู่ที่นี่ไม่ใช่ดหรอ? คุณอยากให้ผมอยู่กับคุณไม่ใช่หรือไง? ทำไมถึงจะไล่ผมไปอีก....."

     ".........."

       " ผมไม่เหลือใครแล้วรู้ไหม? ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว...ผมไม่มีค่าอีกแล้ว " น้ำเสียงพร่าสั่นแทบไม่พ้นลำคอ " ...ถ้าผมอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วคุณจะให้ผมไปที่ไหน...ให้ผมไปคุยกับคนที่จะฆ่าผมอีกทำไม...หรือคุณอยากให้ผมตายไปให้พ้นๆซะที..."

      "....คาวัลโล...."

      "....ให้ผมอยู่ที่นี่ได้ไหม?...."ฝ่ามือของเขาเอื้อมมือไปกำโธปสีเข้มของชีคหนุ่มเบื้องหน้าแน่น ..แล้วคาวัลโลก็คุกเข่า...ใช่..เขาคุกเข้าทั้งที่ไม่เคยทำ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทรุดกายลงคุกเข่าแทบเท้าของชีคแห่งเซเนียา จ้องมองใบหน้าของอัลชาอ์ที่ผงะออกไปอย่างตกตะลึงปนงวยงง...น้ำตาของเขาคลอหน่อยและหยดลงอาบแก้มอย่างรวดเร็ว..ขณะที่หัวใจผ่าวร้อน..

....ศักดิ์ศรีที่เคยยึดมั่น สิ่งที่เคยมีมันทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ได้มีความสำคัญอะไรในวันที่ไม่มีจุดมุ่งหมายใดอีกแล้ว..

...รักษาศักดิ์สรีและความทรนงของตนเองไว้ ไม่ยอมอ่อนข้อ ไม่ยอมใจอ่อนและพ่ายแพ้เพื่อที่จะกลับมายืนหยัดได้ในสักวันหนึ่ง

 ...แต่....ในวันที่ไม่เหลืออะไรแล้ว ศักดิ์ศรีของเขาจะสำคัญมากแค่ไหนก็ไม่มีความสำคัญหากไม่มีใครมองเห็นมัน

     ..รักษาชีวิตแลกกับศักดิ์ศรี อย่างที่พี่ชายเขาพูดไว้อย่างไรเล่า..

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 09-04-2011 23:08:34
มาแล้วววววว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 26 : หมดทางไป 1/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 09-04-2011 23:09:42
อ้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย
มาแล้วววว
ดีใจมากมาย
ซัมเมอร์วันสุดท้าย ได้อ่านนิยายที่ชอบมากมากอิก
เป็นปลื้ม~

ไปอ่านล่ะคร๊าบบบบ^^
 :man1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนของสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 09-04-2011 23:10:13
 :monkeysad:สงสารคาวัลโลมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ท่านชีคจะทำอย่างไรต่อไปปปปปปปปปปป


อยากอ่านต่ออะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 09-04-2011 23:12:49
น่าอึดอัดเนาะ
ลุ้น ลุ้น กันต่อไป
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนของสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 09-04-2011 23:17:55
     "...คาวัลโล.."อัลชาอ์ครางขึ้นมาด้วยสีหน้าตกตะลึง ชีคหนุ่มขยับตัวลุก หากแต่ฝ่ามือของคนตรงหน้าก็กำไว้ แน่นขึ้นนัยน์ตาสีน้ำทะเลสะท้อนความโศกเศร้าและสิ้นหวังออกมาอย่างเด่นชัด คาวัลโลกำโธปของตนไว้แน่นขึ้นออกแรงฉุดรั้งไม่ให้ลุกออกไปท่ามกลางเสียงสะอื้นแผ่วเบาหากเด่นชัด...

หากแต่ในหัวของชีคหนุ่มกลับขาวโพลน อัลชาอ์จ้องมองสีหน้าท่าทางของคาวัลโล วาลกัสด้วยดวงตาเบิกกว้างและงวยงง

สมองตะโกนสั่งโดยไม่รีรอว่านี่มันผิดแผกไปจากความจริง...นี่มันไม่ใช่....ไม่ใช่คาวัลโล วาลกัส ไม่ใช่มาเฟียหนุ่มผู้ทรนงองอาจ ไม่ใช่คนที่เมแข็งและมั่นใจในตัวเอ ง ไม่ช่คนที่เจิดจริสน่าลุ่มหลงคนนั้น..

ตรงหน้าเป็นเพียงชายหนุ่มผู้พ่ายแพ้คนหนึ่งที่กำลังอ้อนวอนเขาด้วยน้ำตา ไม่ใช่คาวัลโลคนเดิม ไม่ใช่เลย..

ต่อให้เคยอยากให้คาวัลโลได้ลองพ่ายแพ้ คิดว่าหากคาวัลโลต้องเจ็บช้ำและต้องมาพึ่งพิงตนบ้างก็คงจะดี แต่มันไม่ใช่แบบนี้..

...ไม่ใช้คนที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

     "...ให้ผมอยู่ทีนี่เถอะนะ.."น้ำเสียงสั่นพร่าเอ่ยออกมาพลางร้องสะอื้นในลำคอ " อัลชาอ์ ..ได้โปรดเถอะ ...ให้ผมเป็นอะไรก็...ผมจะเชื่อฟังคุณ ผมจะทำทุกอย่างตามที่คุณต้องการ...ผมจะไม่คัดค้านไม่เถียงไม่ทำอะไรให้คุณไม่พอใจ..ผม..จะยอมทุกอย่าง.."

      "..ผมจะเป็นของคุณ..อัลชาอ์...ให้ผมอยู่ที่นี่กับคุณได้ไหม?"

      "........"ฝ่ามือหนาที่กุมมือบางไว้และกำลังจะแกะออกชะงัก...อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่ยังคงส่งเสียงร้องไห้สะอื้นออกมาอย่างตกตะลึง

..ข้อความนั้นยังดังก้องในสมอง...

...ให้.....ให้ผมเป็นของคุณ.. ผมจะอยู่ที่นี่กับคุณ...

นั่น...เป็นสิ่งที่ตัวเขาต้องการ...ใช่ไหม?


     ต้องการให้คาวัลโล วาสกัสเป็นของตนเอง อยู่ในอ้อมแขนของตน  อยากให้คาวัลโลรักและเป็นสมบัติของอัลชาอ์ผู้นี้..

และตอนนี้ความหวังที่ริบหรี่ โอกาสที่แทบไม่มีกลับถูกหยิบยื่นมาตรงหน้า ด้วยคำพูดของเจ้าตัวเองด้วยซ้ำ..

..หากนี่เป็นสิ่งที่ต้องการ ควรจะดีใจ หากแต่เมื่อได้ฟังกลับเกิดความยินดีเพียงชั่วแล่น ก่อนจะกลายเป็นความผิดหวังอย่างรุนแรง

ไม่ได้โง่พอจะไม่รับรู้ว่ามาเฟียหนุ่มเบื้องหน้าเอ่ยปากเช่นนี้เพราะไร้ทางไป

ไม่ได้"ต้องการ"มากมายขนาดที่จะมองไม่เห็นจุดประสงค์ของคนให้..

...ความรักและความห่วงใยที่มอบให้ มันเป็นสิ่งไร้ค่าในสายตาของคาวัลโลมากมายเพียงนั้นเชียวหรือ ถึงได้ยกมันมาเดิมพันเพียงเพื่อให้ความต้องการของตนเองสำเร็จลุล่วง

   ฝ่ามือหนากุมมือที่กำโธปของตนแน่นและสัมผัสมันเบาๆ อัลชาอ์จ้องมองสบนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่จ้องมายังตนด้วยความรวดร้าวปนทรมาร...ชีคหนุ่มผ่อนลมหายใจแผ่วเบาก่อนจะค่อยแกะปลายนิ้วนั้นออกจากชุดของตนเอง

 ไม่มองสบแววตารวดร้าว ไม่ได้มองสีหน้าตกตะลึงของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้า..

รู้ รู้ดีว่าเจ็บ รู้ว่าปวดร้าวและสับสนต้องการที่พึ่ง

แต่กระนั้น...ชายหนุ่มเองหน้าก็ควรจะรู้ ควรจะได้รับบทเรียนเสียบ้าง ว่าบางอย่าง บางสิ่งนั้นไม่สมควรจะเอามันมาวางเดิมพันหรือออกปากยกให้ใครง่ายๆเพียงเพราะตนไร้หนทางไป

 อยากจะเอื้อมมือไปกอดปลอบประโลม อยากจะปกป้องเป็นที่พักพิงยามเจ้าตัวไม่มีใคร ทว่ากับคนที่ไม่เคยรับรู้ ไม่เคยสนใจว่าตัวเขาทำลงไปด้วยความรู้สึกแบบไหน ต่อให้โอบกอดไปก็ไร้ค่า

เพราะแม้กระทั่งความรัก คาวัลโลยังหยิบมันมาแลกกับความต้องการของตนได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในการเฝ้าทุ่มเทดูแล

    ".....นี่เป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมอยากให้คุณทำ "นัยน์ตาสีนิลจับจ้องดวงตาของคาวัลโลหลังจากไม่สบมองและแกะมือที่สั่นระริกของเขาออกห่างจากกาย สีหน้าของชีคหนุ่มนิ่งเรียบหากแฝงแววขื่นขม น้ำเสียงที่พูดออกมาช่างเรียบเฉยและเย็นชาจนบาดใจนัก "ผมรู้ว่าคุณเจ็บปวดและกำลังเป็นทุกข์ ..ผมอยากช่วย...แต่สิ่งที่คุณกำลังทำมันกลายเป็นการเหยียดหยามผมอย่างที่สุด.."

     " อย่าเอาความรักมาล้อเล่นกับหัวใจคน...คาวัลโล"

       ริมฝีปากของคนฟังสั่นระริกอ้าค้างนิ่งงันกับคำพูดของร่างสูงเบื้องหน้า คาวัลโลกะพริบตาถี่นัยน์ตาที่เบิกมองยังคงมีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง เขามองเห็นภาพอันเลือนรางของแผ่นหลังที่ผละห่าง  ค่อยๆขยับห่างไกลไปจากตัวเขาทีละน้อย...ทีละน้อย ประตูเปิดออกเบื้องห้าและร่างของคนๆนั้นก็หายลับไปจากสายตา..

...ประตูปิดลง ทั่วทั้งห้องเหลือแต่สีเทาและความเงียบงัน

     โลกทั้งโลกเหมือนวูบหาย...กระทั่งเสียงสะอื้นของตัวเองก็ยังดูราวกับห่างไกล ราวกับคนละโลก..

ทั้งที่ทำถึงขนาดนี้..

ยอมคุกเข่าขอร้อง...ยอมอ้อนวอน ร่ำไห้เพื่อขอที่พักพิง

ยอมมอบให้ทุกอย่าง..วางศักดิ์ศรีลงแทบเท้าผู้ชายคนนั้น..

แล้วทำไม..

ทำไมถึงยังไม่มีใครต้องการตัวเขา..

ทำไมอัลชาอ์ถึงบอกว่าเขาเอาหัวใจคนมาล้อเล่น ทั้งที่นี่ก็เป็นหัวใจเขาที่อยาก"พยายาม"จะรักใครสักคน

แล้วทำไมถึงพูดราวกับมันไม่มีค่า..

หรือเพราะเมื่อไม่มีใครต้องการตัวเขาแล้ว...กระทั่งหัวใจ ก็เป็นเพียงเศษเนื้อที่ไร้คนต้องการ


      " ใครบางคนเคยบอกผมไว้...ว่าตัวเขาศรัทธาในความหวัง และไม่เคยคิดจะสวดมนต์อ้อนวอน ทุกสิ่งที่ต้องการ เขาจะทำความต้องการให้เป็นจริงด้วยตัวเอง  เขาบอกว่าจะเอาคืนศัตรูตัวเองให้สาสม เขาจะทำให้แกงค์ของตัวเองเป็นที่หนึ่งในประวัติศาสตร์ ......"
  
    น้ำเสียงที่ดังออกมาจากประตูอีกฝั่งหนึ่ง...ทำให้ร่างที่ทรุดกายร่ำไห้สะอึกสะอื้นถึงกับนิ่งงัน...คาวัลโลเบิกตากว้าง จ้องมองบานประตูสีเข้มนั้นผ่านม่านน้ำตาอันเลือนรางของตน...

     "  ตอนนั้นผมเห็นเขายิ้มและบอกกับผมแบบนั้น..นั่นน่ะเป็นผู้ชายที่องอาจและน่านับถือ แต่ตอนนี้ผมเห็นแค่ไอ้โง่ไร้สติคนนึงที่เอาแต่ทำตัวน่าสังเวชและไม่ยอมลุกขึ้นสักที  ลองคิดเสียบ้างว่าเพราะอะไรคุณถึงกลายเป็นคนไม่มีค่า เพราะคนอื่นประเมินค่าคุณหรือว่าคุณกำลังดูถูกตัวเอง "


      หยดน้ำอุ่นทิ้งตัวลงบนฝ่ามือที่กำจิกพรมแน่น ความร้อนที่แผดเผาผิวหน้าจากการร้องไห้ยังไม่เลือนหาย ร่างกายของมาเฟียหนุ่มชาวอิตาเลียนสั่นเทาไปทั้งร่างด้วยแรงสะอื้นสั่นไหว...

นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองบานประตูสีเข้มที่สั่นไหวเรือนรางเพราะน้ำตา คาวัลโลสูดหายใจลึก...เขาพยุงกายขึ้นช้าๆ...เอื้อมมือไปหาประตูห้องที่อยู่ไม่ไกล..

..ลุกขึ้นและเอื้อมมือออกไปเปิดประตูที่ปิดขังตัวเองจากโลกที่มืดมิดเดียวดาย

ไม่มีใครจะเอื้อมมือมาหาตัวเองได้ตลอด ไม่มีใครจะเข้ามาหาคนที่จมจ่ออยู่กับควาทุกข์ทรมารอละความสูญเสียของตนเองอยู่ร่ำไป

และไม่มีใคร จะคอยพยุงให้ลุกขึ้นได้ตลอดเวลา

เมื่อล้มเอง...ก็ต้องลุกเอง...

แค่ลุกขึ้นและเปิดประตูออกไปสู่แสงสว่างภายนอก..


   แอ๊ด...

     ผ้าคลมุสีอ่อนคุ้นตาพาดลงบนไหล่  มันอบอุ่นหากอุ่นไม่เท่ากับอ้อมแขนหนาที่โอบกอดไว้แน่น...ผิวเนื้ออุ่นร้อนที่เป็นที่พักพิงในยามอ่อนล้า ถ่ายทอดความห่วงหาอาทรเข้าแทรกซึมหัวใจที่อ่อนแอและผดหวัง เยียวยาความสิ้นหวังและเจ็บร้าวอย่างอ่อนโยน

   ..คาวัลโลสะอื้นฮัก....เขาเม้มปากแล้วหลับตาลงช้าๆซบใบหน้าลงกับไหล่แกร่งและซับน้ำตากับแผ่นอกหนาด้วยร่างอันสั่นเทา..

   อัลชาอ์เอื้อมมือลูบแผ่นหลังบางที่สะท้านสั่นเบาๆอย่างอาดูร ชีคหนุ่มระบายลมหายใจลงอย่างเนิบช้า นัยน์ตาสีเข้มสะท้อนภาพร่างอันสั่นระริกและเส้นผมสีน้ำตาลทองอันแสนคุ้นตาของมาเฟียหนุ่มชาวอิตาเลียนเบื้องหน้า...

... ต่อให้เคืองแค่ไหนสุดท้ายก็โกรธไม่ลง

 ต่อให้อยากจะใจเเข็งลงโทษคนที่ทำอะไรไม่คิดให้มากกว่านี้อีกสักนิด แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความห่วงหาของตนเอง..

เพราะยังเด็กนัก...

  ต่อให้เก่งกาจ ต่อให้เข้มแข็งและฉลาดแค่ไหน เด็ก...ก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ...

คนที่เกิดมามีพร้อม มีทุกสิ่งอยู่ในกำมือ ไม่เคยพบความลำบาก ไม่เคยพบเจอความโหดร้ายของ "ชีวิต"ที่แท้จริง ต่อให้แกร่ง ต่อให้เข้มแข็งแค่ไหนเจ็บแล้วก็ล้มได้ด้วยกันทั้งนั้น..

...เด็กน้อยที่ยังอ่อนประสบการณ์และอยู่กับความสุขสมหวังจนชินชา...จึงต้องได้รับบทเรียนและจดจำไว้..

ทุกข์ได้แต่อย่าท้อ...เจ็บปวดล้มลงได้แต่อย่าถอดใจและจมจ่อกับความผิดหวัง..

...ถ้าเพียงแต่เปิดใจ และกล้าที่จะก้าวออกมาจากโลกมืดมนที่เป็นสีเทา

ก็จะพบว่ามีคนที่รัก รอคอยจะอยู่และพร้อมจะเป็นกำลังใจตลอดเวลา..

ถ้ากล้าจะเดินออกมา ก็ย่อมมีความกล้าที่จะเปิดรับเอาสิ่งดีๆมาสู่ตนเอง..

      ................................................

          
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 09-04-2011 23:19:56
   กระจกบานใหญ่ในห้องอาหารสะท้อนภาพท้องฟ้าสีเข้มที่มีหยาดฝนโปรยปรยลงมาอย่างต่อเนื่อง เม็ดฝนสาดกระทบกับกระจกใสจนเกิดเสียงเปาะแปะไม่ขาดสาย สำหรับชาวทะเลทรายและผู้ที่รอคอยการมาเยือนของสายฝน มันช่างน่าฟังและน่ายินดีนัก

       โต๊ะอาหารขนาดใหญ่หรูหราภายในห้องรับประทานอาหาร ณ พระราชวังทัสคานี  หัวโต๊ะที่ว่างเปล่าไร้การจับจองขณะที่โต๊ะเก้าอี้ด้านข้างถูกร่างของผู้ร่วมโต๊ะนั่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วดูแปลกตา ทว่าก็ไม่ได้ขัดหูขัดตาหรือแปลกประหลาดอะไรมากมายนักด้วยผู้ร่วมทานอาหารต่างก็รู้....ว่าเพราะเหตุใดจึงไม่มีร่างของผู้เป็นเจ้าของพระราชวังนี้อยู่ร่วมโต๊ะ อีกทั้งสายตาของทุกคนก็ยังจับจ้องเม็ดฝนที่โปรยมาไม่ขาดสายด้วความแช่มชื้นยินดี

     สายฝนที่โปรดปรายมาหลังจากผ่านวันคืนที่มืดครึ้มและมัวหม่นมาเนิ่นนาน สายฝนที่โปรยปรายสร้างความฉ่ำชื้น และเปรมปรีดิ์ในใจ..

...สายฝนที่โปรยปรายเพื่อมอบชีวิตให้กับผืนดินอันแห้งแล้งได้ชุ่มชื้น

..สายฝนที่แปรเปลี่ยนให้ต้นอ่อนแตกหน่อและผลิบานเกิดใหม่

ความเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้า และการมาเยือนของสายฝน..

จะต้องมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นแน่นอน...

................ TBC.

    กลับมาแล้วค่ะ แหะๆ :L2:
 ขอโทษทุกคนจริงๆค่ะที่อัพช้า ยิ่งมาช้าตอนคนกำลังลุ้นแล้วแบบว่า...แฮะๆ...อิชั้นขออภัยจริงๆค่า.. :monkeysad:
..แล้วตอนนี้...อืม...จะว่าไงดีล่ะ...คาวี่ก็ดูเป็น"คน"ดีจริงๆ แบบว่าเห็นแก่ตัวแล้วไง ไม่นึกถึงคนอื่นแล้วไง ก็ตูเจ็บนี่ ทำแบบนี้ผิดเหรอ...อืม....เวลาคนเราเจ็บปวดก็มักจะคิดว่าความเจ็บของเรามัน"มาก"ที่สุดและไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะเจ็บกว่าจริงๆ
ส่วนท่านชีค...ก็เท่ห์ดีค่ะ ตอนท้าย ส่วยแรกๆคงมีคนอยากกระทืบอัลชาอ์หลายคน แบบว่าเอ็งจะลีลาทำซาก....(ห้าๆ) แต่แบบนี้ก็ดีแล้วเนอะ เพราะถ้าคาวี่มันเสนอมาแล้วท่านชีคสนองทันควัน อีกแบบนี้พี่แกก็ไม่ต่างจากประเภทรักจริงหวังฟัน คอยฉวยโอกาสตอนคนอื่นอ่อนแอเพื่อหาประโยชน์ให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการตรงไหน...
   ตอนนี้กลับบ้านแล้วก็มีเรื่องเยอะ..เยอะแยะดีจริงๆ( :เฮ้อ:) แต่ช่วงนี้แถวบ้านมีฝนแบบในนิยายเลยล่ะค่ะ ยิ่งแต่งยิ่งได้อารมณ์นะเนี่ย
ปล. แบดกายขออัพพรุ่งนี้ค่ะ
ปล.สอง ตอนหน้า........... :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 09-04-2011 23:21:49
จิ้มมมไว้ ........... :man1:
........................................
ชอบบบบบบ !!  o13 o13 o13
น้องคาลน่าสงสาร มาซบมามะ (แต่ซบท่านชีคก้ดีอยุ่แล้วเนอะ o18)
ชีคคนดี ดีใจที่ไม่ได้ตอบตกลงข้อเสนอ :z3:
สงสารน้องคาล รอลุ้นต่อไป
+1จ้า ปลื้มมอินอ้ะ
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: sweardear ที่ 09-04-2011 23:27:34
 :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: cherry blossom ที่ 09-04-2011 23:31:48
สงสารคาวัลโลจัง อ่านแล้วร้องไห้ตามเลย  :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 09-04-2011 23:38:56
โอยยย สงสารนู๋คาวี่  :monkeysad:
เสียศูนย์ไปชั่วคราว ยังดีที่ท่านชีคใจเย็นมากพอที่จะสอน  :กอด1:


นู๋คาวี่หายเศร้าเมื่อไหร่ พี่รอนู๋กลับไปถล่มตาลุงนั่นอยู่นะ :a9:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 09-04-2011 23:39:54
..รักษาชีวิตแลกกับศักดิ์ศรี
 :serius2: :serius2: :serius2:
ไม่อยากได้ยินคำนี้จากคาวี่เลยหงะ
 :m15: :monkeysad: :sad11:
เม้มไม่ออกเลยT-T
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-04-2011 23:41:38
รอตอนหน้าด้วยใจจดใจจ่อ  อิ อิ อิ   :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 09-04-2011 23:42:28
ตอนนี้อ่านแล้วได้อารมณ์มากค่ะ กำลังฝนตก ฟ้ารั่ว บรรยากาศอึมครึมอยู่พอดี

ตอนนี้อ่านแล้วเศร้าจัง ปากแข็งกันทั้งคู่ คิดอะไรไม่พูดออกไป แอบตกใจนิดนึงที่คาวัลโลยอมคุกเข่าให้อัลซา ไม่น่าเชื่อ แต่ตอนนั้น คาวี่คงเจ็บช้ำจริงๆเนอะ น่าสงสาร คงใจสลาย

หวังว่าหลังจากนี้ คงได้เริ่มอ่านคาวี่ กับอัลซาหวานๆบ้างน๊า^^....(คาดว่าคงต้องรอไปอีกนานนนนน :เฮ้อ:)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 09-04-2011 23:46:54
สงสารคาวี่ T_T
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 09-04-2011 23:48:28
ว้ากกกกกกกกกกกกกกก
เป็นปลื้มจนน้ำตาไหลเลยล่ะครับ!! ไหลพรากเลยงิ จริง ๆ นะ

ในที่สุด มันก้ต้องการปืนและปืน สักทีนะ (กันแอนด์กัน 5555)
ตอนหน้า..มีไรริ?? ลุ้น!!! o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: phung ที่ 09-04-2011 23:52:50
น้ำตาหยดแหมะๆเลย โฮฮฮ ตอนหน้าจะแฮปปี้แล้ว (ใช่มั้ยยย) 555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 10-04-2011 00:04:53
อ่านตอนนี้แล้วชอบทั้งคาวี่ทั้งอัลชาอ์เลยค่ะ
ดูเป็น "คน" จริงๆนั่นแหละ 55
ในที่สุดก็ดูเหมือนจะใจตรงกันซะที! (หลังจากรอคอยมานานแสนนาน)

"..ผมจะเป็นของคุณ..อัลชาอ์...ให้ผมอยู่ที่นี่กับคุณได้ไหม?"

อ่านประโยคนี้แล้ว.. ชอบบบบบ  :m25:
จิ้นไปนู่นแล้วค่ะ โฮ่ๆ
แต่แบบ คาวี่ถึงกับยอมทิ้งศักดิ์ศรี ดูแล้วชอบจริงๆเลยค่ะ  :o8: โรคจิตละเรา
ก็แหม นานๆทีเราก็อยากเห็นคาวี่เป็นงี้บ้างนี่นา แอบสะใจนิดๆ  :z2:
แต่ถึงงั้นก็เหอะ แอบน้ำตาซึมเหมือนกันนะ ตอนคาวี่บอกว่า..รักษาชีวิตแลกกับศักดิ์ศรี..
คาวี่ดูสิ้นหวังมากอ่ะ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ตอนหน้า..  :z1: :haun4:
อยากอ่านแล้วอ่าาาา  :z3: ขอเร็วๆนะค๊าา ฉากในตำนานน!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 10-04-2011 00:07:44
 :monkeysad:สงสารคาวี่ๆๆๆๆๆๆ



รอตอนต่อไปปปปปปปปปปปปปปปปปปป :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: aeyja55 ที่ 10-04-2011 00:12:40
 :m15: :m15:เศร้า สงสารคาวี่จัง แต่เพิ่งมาเห็นค่าของอัลซาห์เนี่ยนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pound ที่ 10-04-2011 00:24:09
เศร้าจัง  รอตอนต่อไปค่ะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 10-04-2011 00:26:14
สงสารคาวี่จังเลย

อัลใจแข็งเหมือนกันนะ เวลาที่ทุกข์ใจที่สุด ฝนวันที่ไม่เหลือใคร คาวี่ก็ต้องการใครสักคน

แต่อัลชาร์ออกแนวผลักใสไปไปนิดนึงนะ แอบเศร้าแทนเลย

ฟ้าหลังฝนมาไวๆนะ


ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 10-04-2011 00:27:18
โอ้ย อ่านตอนที่แล้วละปวดใจแทน อ่านตอนนี้แรกๆนี่มืดมนสุดกู่  :เฮ้อ:
สุดแสนจะดีตอนที่เปิดประตูออกไปซบกัน โอ้ว ในที่สุดก็มีวันนี้  :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 10-04-2011 00:31:42
ชอบตอนนี้ค่ะ!
ชอบมากเลย เขียนดีมากๆเลยค่ะ ให้แง่คิดหลายๆเลยอ่าา ชอบๆ

อัลชาอ์คิดถูกแล้วที่สอนหนูคาวี่แบบนี้
แบบให้คาวี่ได้ลุกขึ้นมาจากตรงจุดนั้นเป็นอะไรที่ เริ่ดอ่ะ! o13
แต่ก็ได้รู้อีกอย่างว่าอัลชาอ์ไม่ได้หลงคาวี่แค่รูป ฮ่า ๆๆๆ
รักคาวัลโลที่เป็นคาวัลโล วู้ๆ ๆ ,,ชอบอ่าา า
ไม่รู้จะเขียนยังไงแต่ ชอบอ่ะ ฮ่า าา

รอตอนต่อไปนะคุ๊  :impress2: (อีโมนี้หมายความว่าไงเนี้ยย??)
ปล.คาวี่มันอายุ18นี่เนอะ เกือบลืมไปเลย =___=''
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 10-04-2011 00:32:24
เขียนความรู้สึกของคางี่เศร้าซะจนร้องไห้ตามเลยอ่ะค่ะ  :sad2: เศร้ามากก
ก็จริงอยากที่คาวี่คิดอ่ะ ว่าล้มเองก็ลุกเองได้ เรื่องนี้แฝงข้อคิดให้กับหลายๆคนได้จริงๆ
แล้วที่ท่านชีคหายไปจากโต๊ะอาหารนี้หมายความว่า...? โอ๊ะโอเอาแล้วไง 5555
ดีแล้วที่ท่านชีคไม่ได้รับข้อที่คาวี่พูดออกมา แบบนั้นมันทำให้ท่านชีคกลายเป็นคนเลวไปเลย

อีกสองตอน...อุ๊บส์! รอค่ะรอ แต่รออีกนานมั้ย ไรเตอร์ก็มาต่อเร็วๆนะคะ อย่างตอนนี้ นี่รอมานานมาก เข้ามาดูทุกชั่วโมงมาอัพรึเปล่าน้อ
ก็เป็นกำลังใจให้แต่ละตอนของเรื่องนี้ยาวได้ใจจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 10-04-2011 00:56:15
สงสารคาวี่อ่ะ สู้ๆไอ้หนูลุกขึ้นยืนสิ อยากรู้ตอนต่อไปซะแล้วสิ มาไวๆน๊าาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: darajoy ที่ 10-04-2011 01:00:12
รอให้คาวี่กลับมาเข้มแข็งอีกครั้งนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: KaZuKi ที่ 10-04-2011 01:13:12
เจ็บปวด แต่ หอมหวาน โอ้ยยย ร้าวราวไปกันทั้งคู่อ่ะ ไม่มีใครบอกได้ว่า สิ่งที่ ทั้งสองคนทำมันดีที่สุดหรือไม่ แต่บอกได้แค่ว่ามันส่งผลต่ออีกคนมากมาย เฮ้ออ แต่ว่านะ ตอนนี้อะไรๆต้องดีขึ้น ใช่มั้ยค่ะ ผู้แต่ง  เราไม่สามารถรับความทุกข์ของคาวี่ได้แล้ัว แม่ยกเฮริทท ฮืออออ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 10-04-2011 01:16:13
สู้ๆนะคาล

ยังไม่ตาย ยังเริ่มใหม่ได้

 :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pasallatel ที่ 10-04-2011 01:20:53
น้ำตามันมาจากไหนมากมายเนี่ยเรา :m15:
  :monkeysad:คาล สู้นะ อย่ายอมแพ้ มันต้องมีหนทางสิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 10-04-2011 01:22:04
" อย่างแกรที่ผมอยากแนะนำ..คือคุณควรจะกลับไปคุยกับพี่ชายตัวเองเสียก่อน...เขาดูจะเป็นหะ....."
ตอนแรกที่อ่านประโยคนี้ ก็คิดเหมือนคาวี่แหละว่า จะให้ตูกลับไปตายรึไงห๊า..
แต่อันที่จริง ชีคท่านจะให้โทรกลับไปคุยใช่เปล่า?

ตอนหน้าจะมีฉากลางสังหารที่ อเล็กซ์ทำกรอบรูปคาวี่แตกเปล่าน้อ?
ถ้าคาวี่หายจากอาการช็อคแล้วจะเป็นยังไง จะมีรายการล้างแค้นมั้ย?

ลุงอะไรฟระ..รักแกงค์กว่าหลานอีก....

รอติดตามตอนต่อไปแบบหน้าติดจอเลยทีเดียว
อรั๊งง~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ottomechan ที่ 10-04-2011 01:34:16
ตอนคาวี่พูด แบบนั้น ดิฉันคิดไปไกลแล้วค่ะ
อิอิ พระเอกของเรา เจนฯ มากค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 10-04-2011 01:49:09
กด+ให้จ้า
สงสารคาวี่จริงๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 10-04-2011 02:05:44
....มันคือารัยเหยอจ๊ะ  :m20:
ไม่รุจิงจิ๊ง  o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: lolilo ที่ 10-04-2011 02:07:57
แบนี้แหล่ะ จะได้รู้จักชีวิต รู้ใจตัวเอง ..
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 10-04-2011 02:21:50
ชอบตอนนี้จัง สมเหตุสมผลกับบทสรุปดีค่ะ คาวี่ก็แค่เด็กเอาแต่ใจ ไม่คิดอะไรมากกว่าตัวเองจริงๆ อะแหละ และก็ดีแล้วที่พระเอกเราไม่ฉวยโอกาส  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 10-04-2011 03:40:00



   โอว . . . ลุ้นจนเหนื่อย ในที่สุดก็จูนเข้าหากันได้สักที
   นึกว่าขนาดนี้แล้วจะยังไม่เข้าใจกันอีก


   ว่าแต่ว่า แล้วใครเป็นตัวการหลักให้คาวี่ต้องมาเจออะไรอย่างนี้ละเนี่ย



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 10-04-2011 04:25:48
ล้มแล้วก็ต้องลุก ถ้อได้แต่อย่าถอย คาวี่สู้ๆ
พระเอกสุดยอดไปเลย ไม่ฉวยโอกาสตอนที่คาวี่กำลังอ่อนแอ
แถมยังสอนอีกตั้งหาก ปลื้มจังเลย ฮ่าๆๆๆ
ยิ่งอ่านก็ยิ่งสนุกขึ้นเรี่อยๆ ขอให้คาวี่กลับมาเหมือนเดิมได้เร็วๆ
อยากรู้จังเลยว่าต่อไปจะเป็นยังไง
ค้างมากๆ มาต่อเร็วๆน๊าค๊า จะรอจร้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 10-04-2011 05:32:36
อย่างแรกเลย .... อัลชามีเหตุผลมากเลยนะ เป็นผู้ใหญ่ด้วย หืมๆๆ
อยากจะให้บทเรียนคาวี่หรอ เอาเลยลูกจัดไป จัดหนักๆๆ ตีงูตอนหลังหัก กระทืบซ้ำแล้วเหยียบให้คาตีนแบบนี้แหละดี
คาวี่จะได้เจ็บแล้วจำ อิอิ แต่ถ้าเชื่อง เป็นลุกแมวก็คงไม่ใช่คาวี่แล้วแหละน๊า แต่ก็ช่วยโอ๋มันหน่อยละกัน สงสาร ฮือๆๆ

คาวี่.....อ่านตอนนี้แล้ว กำลังคิดว่า ที่กลับมาหาอัลชานี่ เพราะหมดทางไป ใช่มั๊ย ...???
ถ้าใช่ ชั้นจะปลดแกออกจากตำแหน่งนายเอก
ต่อให้คุกเข่าอ้อนวอน มันก็ยังน่าสมเพชมาก จริงๆ
เอาปืนเป่าหัวตัวเองไปเลยดีกว่า หึ
แต่ถ้าเป็นเพราะเสียงหัวใจเรียกร้อง ก็ ว่าไปอีกเรื่องนึง ฮี่ๆๆๆ

ปล. เม้นเองสับสนเอง ตีกันเอง ตกลงตูอยู่ข้างไหนฟร่ะเนี่ย แหะๆ ก็มันหลากหลายอารมณ์เหลือเกิ๊นน
ชอบเรื่องนี้เปนที่สุ๊ดดดดด เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้า
+  1 จ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 10-04-2011 06:01:42
ยังไงก็ยังสงสารคาวี่อยู่ดีอะคะ...T^T
แต่ก็เข้าใจอัลชาอ์นะคะ...อยากให้ช่วงนี้อัลชาอ์โอ๋คาวี่เยอะๆ...
เพราะสงสัยว่าคาวี่จะกลายร่างเป็นลูกแมวแค่ช่วงนี้อะคะ...55+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 10-04-2011 06:08:11
 :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Mileson ที่ 10-04-2011 08:58:07
ตอนหน้า  :impress2:จริงนะ อย่าหลอกให้ดีใจนะคร้าบบ สงสารคาวี่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 10-04-2011 09:03:26
อ่านแล้วน้ำตาไหลอ่ะ

อัช พอเห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วรู้สึกว่า..

รักเธอมากกว่าเดิมอีก  :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 10-04-2011 10:32:46
โถ..น้องวี่ของพี่ ช้ำซะล่ะ ไม่เป็นไรๆ เก็บแรงถนอมกายไว้เอาคืนแบบถอนรากถอนโคนนะน้องนะ หึหึหึ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: melody ที่ 10-04-2011 10:44:32
น้ำตาแตกกันไปอ่านตอนนี้
สงสารคาวี่จริงๆ แต่หลังจากนี้อะไรมันกำลังจะดีขึ้นใช่มัย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 10-04-2011 10:53:38
หวังว่าตอนหน้าคงจะเป็นฟ้าหลังฝนบ้างเนอะ +1
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 10-04-2011 11:14:56
อ่านตอนนี้จบ ปลื่มท่านพี่ชีคสุดๆอ่ะ
มีมุมมองแบบผู้ใหญ่ ไม่ฉวยโอกาสตอนที่คาวี่อ่อนแอ
แต่ก็นะ นานๆทีคาวี่จะอ่อนให้มากขนาดนี้นะ
ปลอบๆหน่อยแล้วกัน สงสารคาวี่สุดๆเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 10-04-2011 11:43:30
 :m15: :sad11: :monkeysad: :sad4:


............. :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 10-04-2011 12:08:16
อ่านแลัวน้ำตาจะไหล สงสารคาวี่ แต่ยังมีช่วงหลังๆให้ใจชื้นกัน แต่..ตอนหน้าเนี่ยมันจะมีอะไรให้น้อ 5555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Saffron ที่ 10-04-2011 12:58:13
ตอนหน้าจะมีฉากเลิฟเลิฟให้ได้อ่านแล้วใช่ไหมค่ะ??

55+

หลายๆ ตอนมานี้อ่านแล้วปวดใจมากเลยค่ะ

ไม่รู้จะสงสารใครอีก
สงสารทั้งคู่เลยแล้วกันน


ปล.ท่านชีคไม่อยู่...เพราะอยู่กับอีกคนรึป่าวว

55555555555555555555



ปล.ยาวมากกก ชอบจังเลย ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: theblink ที่ 10-04-2011 13:09:44
อุอุ  (เหมือนจะ) สาแก่ใจรึเปล่านะที่เห็นคาวี่เป็นแบบนี้ได้ ? 55 5 5
เอาเถอะ   คราวนี้ความสัมพันธ์คาราคาซังของคาวี่กับพ่อซีคคงคลี่คลายลงได้   คาวี่ก็รู้ตัวว่าใครที่รักเขาและเป็นที่พึ่งในยามสุดท้ายได้มากที่สุด   
ต่อจากนี้อะำไรๆคงดีขึ้น   ขอให้ทั้งสองคนร่วมกันฝ่าฟันแก้ปัญหากันไป 
ขอให้รักกันยืนนานนะจ้ะ      สุดท้ายแล้ว   ตอนนี้คาวี่น่าสงสารมาก 55 5 5
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Indigo ที่ 10-04-2011 14:36:15
คิดไม่ผิดที่รักอัลชาอ์จริงๆ  ผู้ชายคนนี้ดีมากกกกกกกกกกกก :man1:
ชอบอัลชาอ์อย่างแรงค่ะ  ถ้าคาลไม่เอาเราขอนะคะ//โดนโบก :z6:
คาลเวอร์ชั่นอ่อนแอนี่นานๆจะได้เห็นที  คาดว่าตอนหน้าคงกลับไปเป้นคนเดิมแล้วเพราะได้อ้อมกอดท่านชีค แอร๊ยยยยยยยยย
อยากอ่านตอนหน้าใจจะขาดแล้วค่ะ  ขอมาต่อด่วนเลยนะคะ

PS.รอพี่โตด้วยค่ะ 5555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 10-04-2011 15:04:15
อ๊ากกกกก อ่านตอนแรกๆแทบชักตายเพราะสงสารอิคาวี่มัน

อุตสาห์หมั่นไส้อยากให้มันได้รับบทเรียนตั้งแต่ต้นเรื่อง พอได้จริงๆหนูกลับรับไม่ได้  :o12:

แอะๆ เห็นแถวๆบรรทัดสุดท้าย อัลชาห์ไม่อยู่ พี่แกหายไปไหนเหรค่ะ  :z1:

หนูจิ้นไปแล้วน๊า าา ขอตอนหน้าจริงๆเหอะ

ปล.อยากบอกมาก ว่าเรื่องนี้อ่านเท่าไหร่ก็ไม่พออ่ะ อ่านแล้วก็อยากอ่านอีกเรื่อยๆ ยาเสพติดป่ะเนี่ย

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 10-04-2011 15:31:53
อร้ายยยยยยยยยยย อ่านตอนนี้แล้วสงสารหนูคาวี่อ่ะ อะไรจะโหดร้ายกับหนูขนาดนี้
อ่านแล้วอิน น้ำตาท่วมเลยอ่ะ

ตอนหน้าจะได้อ่านแบบหวาน ๆ แล้วใช่มั้ย รอ รอ รอ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 10-04-2011 15:50:58
งืมๆ ให้ความหมายของคำว่า ล้มเองก็ต้องลุกเองจริงๆนะคะเนี่ย...
แต่ว่านะ...ตอนนี้"โลก"ของคาวัลโลทลายครืนลงมาแล้วนี่นะในความรู้สึกเจ้าตัว ท่านชีคสะกิดแรงไปปะนั่น
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 10-04-2011 15:59:10
อ้ากก

ทุกปัญหามันต้องมีทางออก

กลับไปอิตาลี แล้วตอกลุงให้หน้าหงายไปเลย ฮึ่ยยย

กล้าทำกับคาลขนาดนี้ 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 10-04-2011 17:08:26
   ยะฮู้  ในที่สุดนู๋คาวี่ก็คิดได้แล้ว 
   ตอนนี้อัลซาล์ดูเท่มากคร๊า  ถึงจะดูใจดำแต่ก็ทำเพราะรัก 
   อยากรู้จริงๆว่าคาวี่จะทวงจุดยืนของตัวเองคืนมายังไง 
   มาต่อเร็วๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 10-04-2011 18:45:58
ถึงจะทำให้อัลซาล์เจ็บแค่ไหน แต่เมื่อมีปัญหาเมื่อใด ผู้ชายคนนี้ก็ยังคอยให้กำลังใจ
ขอได้ไหมผู้ชายคนนี้?
คาวี่ก็สู้ ๆ ลุกขึ้นมาอีกครั้ง ถึงยังไงก็มีคนเป็นห่วงและให้กำลังใจอยู่ เปิดใจออกให้กว้าง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 10-04-2011 22:29:53
ฮี่ฮี่ฮี่  ไม่ได้มาซะนาน มาอ่านตอนนี้เเล้ว น้ำตาซึม สงสารคาวี่อะ เเต่ชอบท่านชีค นะ ให้ยืนได้ด้วยตัวเอง ลุกขึ้นมาเอง เหมือนกับเเบบว่า" คนอื่นทำให้เราเสียน้ำตาได้เเต่เราต้องเป็นคน เช็ดน้ำตาให้ตัวเองเอง " ชอบๆๆ ซึ้งโคตร ตอนท้ายเหมือนเห็นเเสงจ้ามาจากบานหลังประตู ฮุฮุฮุ    บวกหนึ่งนะค้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 10-04-2011 22:53:36
มาต่ออีกครั้งได้น้ำตา เป็นสายธาร



มาอัพต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 11-04-2011 00:57:41
 :o12:

น่าสงสารคาวัลโลอ่ะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: jokirito ที่ 11-04-2011 03:18:39
 o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: kumaichill ที่ 11-04-2011 13:28:15
หนูคาวี่ น่าสงสารรร :monkeysad:
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 11-04-2011 15:59:13
TTATT โอยยยยย เจ็บปวด
ขอให้เมฆหมอกในชีวิตของคาลวี่จงสลายไปในเร็ววัน
อ่านแล้วน้ำตาร่วงตาม โดยเฉพาะตอนอัลชาอ์ดึงมือออก
ฮึกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: yakusa ที่ 11-04-2011 17:06:41
หวานกันบ้างให้หายปวดใจซักพักได้ป่าว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 11-04-2011 18:01:15
 :sad4: แงงงงง น้ำตาไหลตามคาลเลยอ่ะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Rawint_PK ที่ 11-04-2011 20:07:31
ไม่มีใครไม่เคยผิดหวังหรือว่าผิดพลาด
คนที่ไม่เคยผิด คือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย
.
.
.
.
อ่านมาถึงตรงนี้ พาลให้คิดไปอีกแบบหนึ่ง
ว่านี่คือแผนของลุงของคาวี่...ที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับว่าที่บอสคนใหม่...
อย่างที่ท่านชีคว่า...
คนไม่เคยพบกับความผิดหวัง ครั้งแรกก็ล้มได้ง่ายๆ...
คาวี่ต้องเจอแบบนี้ ในอนาคตจะได้ไม่เป็นอะไรง่ายๆ...เมื่อเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นในแกงค์...
คิดว่าลุงต้องการให้เป็นแบบนี้นะ...
.
.
.
.
สายตาของผู้นำนั้นกว้างไกล
ประสบการณ์อันยาวนานทำให้รู้ และเลือกที่จะสอนด้วยวิธีอันแยบยล...
รักท่านชีคจัง
ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นโรแมนติกมากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 12-04-2011 00:32:54
คนที่เกิดมามีพร้อม มีทุกสิ่งอยู่ในกำมือ ไม่เคยพบความลำบาก ไม่เคยพบเจอความโหดร้ายของ "ชีวิต"ที่แท้จริง ต่อให้แกร่ง ต่อให้เข้มแข็งแค่ไหนเจ็บแล้วก็ล้มได้ด้วยกันทั้งนั้น..

...เด็กน้อยที่ยังอ่อนประสบการณ์และอยู่กับความสุขสมหวังจนชินชา...จึงต้องได้รับบทเรียนและจดจำไว้..

ทุกข์ได้แต่อย่าท้อ...เจ็บปวดล้มลงได้แต่อย่าถอดใจและจมจ่อกับความผิดหวัง..

...ถ้าเพียงแต่เปิดใจ และกล้าที่จะก้าวออกมาจากโลกมืดมนที่เป็นสีเทา

ก็จะพบว่ามีคนที่รัก รอคอยจะอยู่และพร้อมจะเป็นกำลังใจตลอดเวลา..

ถ้ากล้าจะเดินออกมา ก็ย่อมมีความกล้าที่จะเปิดรับเอาสิ่งดีๆมาสู่ตนเอง..

ชอบจังเลยครับ o13

แต่ว่าดีแล้วที่อัลชาห์ไม่ฉวยโอกาศตอนนั้น สมกับบุคลิคที่เป็นตัวตนของพี่แกดี

แต่ว่าน่ะ เอาตอนหน้ามาลงเร็วเร๊วววว :z3: :z3:
ผ่านมาตั้งนานกว่าจะได้ :impress2:  กับเขาซ่ะที

เอ หรือว่าจะไม่ได้หว่า
ไม่ได้น่ะ รอฉากนี้อยู่อ่ะ :oo1: :oo1:
เอาให้เลือดสาดเลยน่ะ เดี๋ยวหาเลือดสำรองเตรียมไว้ก่อน :L2:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 12-04-2011 01:53:57
โอ้ย ตายยยย  ตอนนี้พี่ปุ้ยจัดมาม่าเต็มมตรีมเลยนะคะ  อ่านไปใจจะขาดรอนๆ :sad4:
กรี้ดดด ว้ายๆๆ  :-[ตอนหน้าขอจัดหนักเลยนะคะ  :z1: อิอิ   คาลเสร็จแน่ :oo1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 12-04-2011 14:53:08
ทุกข์ได้แต่อย่าท้อ...เจ็บปวดล้มลงได้แต่อย่าถอดใจและจมจ่อกับความผิดหวัง..

...ถ้าเพียงแต่เปิดใจ และกล้าที่จะก้าวออกมาจากโลกมืดมนที่เป็นสีเทา

ก็จะพบว่ามีคนที่รัก รอคอยจะอยู่และพร้อมจะเป็นกำลังใจตลอดเวลา..

ถ้ากล้าจะเดินออกมา ก็ย่อมมีความกล้าที่จะเปิดรับเอาสิ่งดีๆมาสู่ตนเอง..


 o13 โดนจริงๆประโยคนี้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 12-04-2011 17:20:46
สงสารคาวี อ่ะ   คาวีสู้ๆๆ     

ท่านชีค ก็สุดยอด ให้คาวีได้คิด ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: anuyasha ที่ 12-04-2011 23:57:07
กรี๊ดดดด ตอนหน้า... อะร๊ายยยยยยย >.,<!!

อ่านแล้ัวจุกแทนคาวี่ รู้สึกโหวงๆแปลกๆ T__T ไม่อยากว่าอัลชาเพราะรู้ว่าทำถูกแล้ว
แต่ใจร้ายอะ สงสารคาวี่ T^T สงสารมาเฟียยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 13-04-2011 10:53:18
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ  :m15: :m15: :m15:
สงสารคาวี่มากๆๆ
แต่ก็ปลื้มท่านชึคมากๆ เลยค่ะตอนนี้ ดูมีสติดี แล้วก็ไม่ฉวยโอกาสด้วย
ได้ตัวแต่ไม่ได้ใจมันจะมีประโยชน์อะไร จริงมั้ย
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 13-04-2011 17:55:45
โอยยยยยยยยยย
ทนไม่ไหวแล้ว เข้ามาอ่านซ้ำอิกรอบ!!
แบบว่า มันได้อารมณ์ดีมาก ๆ เลยล่ะฮะ

ชอบอ่ะ ชอบมากมาก ถึงมาากที่สุด><
ชอบจังฮะ ความรู้สึกแบบนี้ มันเข้าถึงอารมณ์ดีจริง ๆ บรรยายซะ เป็นปลื้ม~

รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อเลย!!!!!! ^^ :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 14-04-2011 18:17:44
สู้น่ะควี่ เราจะต้องชนะ เอาคืนมาให้ได้ 555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 15-04-2011 14:50:00
มาต่อทีเถอะคุณปุ้ย :z3: :z3:
รออยู่น๊า :call:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 15-04-2011 15:12:05
มายังคะ รออยู่น้า  :sad4:
อยากอ่านจะตายอยู่แล้วว  :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 15-04-2011 21:56:46
โอ้ย!..สงสารคาวี่จัง

ฟ้าหลังฝนคงจะแจ่มใสมากขึ้นนะ

เอาใจช่วยคาวี่  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 15-04-2011 23:00:34
คนเขียนน นนนน ถ้าจะเปิดประเด็นให้จิ้นตอนหน้าก็อัพเร็วๆหน่อยน๊า าา

คนอ่านใจจะขาดตาย   :o12:

เค้ายังรออยู่นะ  :impress3:

เป็นกำลังใจให้จ้า าา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 16-04-2011 16:42:20
หุหุ อ่านตอนนี้ไปก็สงสารคาวี่มันไปเฮ้อออ อิหนูเอ๊ยยย ชีวิตน่าสงสาร

แต่ว่าตอนหน้า  :impress2: :impress2:  จะรอนะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 17-04-2011 13:24:06
Line :28  พยายาม

         สายฝนเบื้องนอกยังคงลงเม็ดไม่ขาดสาย อากาศเย็นลงทั้งด้วยเป็นเวลาค่ำคืนและด้วยสายฝนที่พร่างพรมลงบนผืนดิน นาฬิกาบอกเวลาทุ่มห้าสิบนาทีซึ่งเลยเวลาร่วมโต๊ะอาหารไปแล้ว ภายในห้องนอนของชีคแห่งเซเนียยาที่เปิดไฟสว่างจ้าจึงมีถาดอาหารสองชุดวางอยู่บนโต๊ะ ข้างกันนั้นคือกล่องปฐมพยาบาลซึ่งมีผ้าพันแผลและขวดยานวดคลายอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเปิดทิ้งไว้ ให้กลิ่นหอมฉุนของสมุนไพรและตัวยาส่งกลิ่นลอยเอื่อยปนเปกับกลิ่นของอาหารที่ถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่มีใครสนใจ   

      บนโซฟาตัวยาวในห้อง มีร่างของหนุ่มอิตาเลียนตัวแสบที่บัดนี้สินฤทธิ์นั่งเงียบอยู่ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องครืนคราง นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ยังคงบวมช้ำและแดงก่ำจากการร้องไห้จ้องมองฝ่าเท้าของตัวเองที่ถูกปลายนิ้วกดย้ำลูบไล้ตัวยาให้ซึมเข้าสู่ผิวหนังเพื่อบรรเทาอาการปวดบวมจากรอยช้ำสีม่วงที่เด่นชัดจนน่ากลัว

     ฝ่ามือของชีคแห่งเซเนียยาเอื้อมไปหยิบผ้าก๊อซสีขาวพันฝ่าเท้าที่ปวดบวมเอาไว้อย่างแน่นหนา นัยน์ตาสีเข้มทอดมองฝ่าเท้าขาวจัดที่สั่นระริกด้วยความเจ็บปวดของอีกฝ่าย ก็ได้แต่ลอบถอนใจแม้จะนึกบ่นว่าตำหนิคนที่ทำอะไรตามอารมณ์โดยไม่นึกถึงสภาพร่างกายตนเองทว่าก็พูดได้แค่ในใจ เพราะไม่อยากจะไปว่าอะไรกระทบกระเทือนจิตใจคนที่กำลังเศร้าซึมให้ร้องไห้โยเยขึ้นมาอีกรอบ

     ฝ่ามือซ้ายที่พันผ้าพันแผลไว้ก็ต้องแกะออกมาเพื่อดูอาการ มองเห็นรอยช้ำสีแดงจัดจากบาดแผลบนฝ่ามือกรากฏชัด ก็นึกเบาใจที่แผลสมานตัวมากพอที่จะไม่เกิดอาการฉีกขาดขึ้นมาอีกจากการใช้งานแบบไม่บันยะบันยังของเจ้าตัว

    มือซ้ายที่เป็นแผลก็ถูกใส่ยาและพันผ้าพันแผลใหม่อีกครั้ง ฝ่าเท้าสองข้างที่เคยออกแรงเตะเข้าใส่ลูกกรงเหล็กสุดแรงแบบไม่กลัวกระดูกแตกก็ต้องใส่ยาลดอาการปวดบวมของกล้ามเนื้อไว้ก่อน ใบหน้าที่เหลือแผลรอยข่วนจางๆตรงหัวคิ้วนั้นจางลงมาก หากแต่จมูกแดงก่ำ และดวงตาบวมช้ำสีเดียวกัน อีกทั้งแววตาที่ยังคงซึมเซาของคาวัลโล ทำให้ตอนนี้สภาพร่างกาย สภาพจิตใจทั้งหมดก็ถึงเวลาเปลี่ยนจากคนเจ็บเล็กๆน้อยๆเป็นคนป่วยได้อย่างไม่ระคายปากเสียที

      อัลชาอ์กุมมือซ้ายที่พันแผลเสร็จแล้วก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ชีคหนุ่มสบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่แดงก่ำก็ทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ ปลายนิ้วแตะลงบนผิวแก้มเบาๆสัมผัสให้คนที่นิ่งเงียบผิดวิสัยหันมาสบตาอย่างเงื่องหงอย

...มองแล้วสงสารแต่ก็อดจะแปลกใจไม่ได้...อัปกริยาแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยๆและอัลชาอ์ขอเรียกมันว่า"แมวป่วย"เสียเลย

แมวน้อยจอมแปรปรวนที่ปกติไม่เคยเชื่องและเอาแต่ขู่ฟ่อๆ ตอนนี้กลับเงื่องหงอยและป่วยไข้ ทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดูไปในเวลาเดียวกัน

เมื่อเจ้าตัวสามารถลุกขึ้นมาได้แล้ว..ตอนนี้ก็คงทำได้แค่ปลอบ..ต้องคอยประคองไม่ให้ล้มไปอีกครั้งอย่างเเข็งขัน

      ฝ่ามือหนากุมมือซ้ายที่พันผ้าพันแผลไว้แล้วบีบมันเบาๆ นัยน์ตาโตๆสีน้ำทะเลคู่นั้นจึงเงยมาสบมองอยางเซื่องซึม

     "...หิวข้าวไหม? " มืออีกข้างที่แตะไล้ผิวแก้มยังคงคลอเคลียสัมผัสมันอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาสีเข้มสบมองแววตาคู่เดิมที่จ้องมองมาที่เขาซื่อๆเชื่องๆเหมือนกับว่าตอนนี้เจ้าตัวจะไม่มีกะจิตกะใจจะคิดอะไรซับซ้อนมากมายให้ปวดหัวอีกแล้ว

     "..........." ศรีษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลทองส่ายไปมาช้าๆ แสดงอาการปฏิเสธโดยไม่มีคำตอบใดเล็ดรอดออกจากริมฝีปาก

     "..กินสักหน่อยสิ....วันนี้ทานแค่ข้าวเช้าเองไม่ใช่เหรอ? " กระเพาะของเจ้าตัวส่งเสียงร้องโครกครากมาสักระยะแล้ว เสียแต่เจ้าตัวไม่ใส่ใจ คงไม่ใช่ว่าไม่หิว แต่ตอนนี้ไร้อารมณ์จะกินอะไรหรือทำอะไรทั้งนั้นมากกว่า

     ".....ก็ได้....." น้ำเสียงที่พร่าแหบเพราะเปล่งเสียงร้องไห้มานานพอดูตอบออกมาเบาๆ...และลุกจากโซฟาเดินตามหลังอัลชาอ์ที่ดึงมือเจ้าตัวให้ตามมานั่งบนโต๊ะที่วางอาหารไว้อย่างว่าง่าย ชีคหนุ่มสังเกตเห็นสีหน้านิ่วและใบหน้าที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยยามขยับเท้าก้าวเดินของคาวัลโลชายหนุ่มตวัดสายตาไปมองฝ่าเท้าที่พันผ้าพันแผลไว้ เพราะคิดเรื่องอื่นจนลืมเรื่องร่างกายตัวเองเสียหมดเป็นแน่ มารู้สึกเจ็บเอาก็ตอนนี้ที่ทำแผลให้นี่เอง

     "........." เสียงแกรกรากและเสียงแก้วและจานชามกระทบกันเบาๆดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ มาเฟียหนุ่มนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบ
ใบหน้าเหม่อมองหน้าต่างที่สายฝนเบื้องนอกยังสาดเข้าปะทะเปะปะไม่ขาดสาย.. อัลชาอ์หยิบถาดอาหารตลอดจนจานเปล่าและช้อนส้อมไปวางหน้าคนป่วยแสนเงื่องหงอยตรงหน้า และสะกิดเจ้าตัวให้ละสายตาจากหน้าต่างให้หยิบช้อนส้อมมาเริ่มทานอาหาร

      แน่นอนว่าอาหารมื้อนี้มีเพียงความเงียบงันในบทสนทนา นอกจากเสียงช้อนส้อมกระทบกับจานและเสียงสายฝนที่ยังลงเม็ดไม่ขาดสายเบื้องนอก ฝ่ามือที่กำช้อนไว้ในมือของคาวัลโลขยับตักอาหารเข้าปากตนเองอย่างเชื่องช้า สลับกับอาการถอนใจยาวๆเป็นระยะ ช่างแปลกตาเสียเหลือเกินกับคนที่เคยคุ้นภาพการกินเป็นพายุบุแคมของเจ้าตัว

       "...ฮาซานเป็นไงบ้าง ?" วางช้อนส้อมลงบนจานของตนเองพลางถอนหายใจออกมาอีกเฮือกแล้วเอ่ยปากถาม นัยน์ตาคนพูดฉายแววละอายใจที่เผลอไปลงอารมณ์ใส่คนที่ไม่เกี่ยวข้อง

       " ก็เจ็บ...แต่ไม่มากหรอก...ยังไงก็ไปขอโทษเขาเสียแล้วกัน " ชีคหนุ่มเอ่ยตอบ สบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลพลางสังเกตสังกาอาการของเจ้าตัวไปด้วย

       "..อืม....." ส้อมในมือขาวพันเส้นสปาเกตตี้เข้าปากคนกินอย่างเนือยๆ ทานเข้าไปอีกคำแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง...ดูไร้ชีวิตจิตใจเสียยิ่งกว่าหุ่นกระบอกตัวนึงด้วยซ้ำ

       "...ขอโทษ...." ไหล่ที่เคยตั้งทรนงองอาจลู่ลงอย่างรวดเร็ว คนพูดถอนหายใจอีกเฮือกและมีสีหน้าไร้อารมณ์ยิ่งกว่าเคย

       " กินข้าวซะเถอะ " มองอัปกริยาของเจ้าตัวแล้วอัลชาอ์นึกอยากจะดึงเจ้าตัวมานั่งตักแล้วป้อนให้เองเสียสิ้นเรื่อง แต่ก็จนใจด้วยคาวัลโลคงไม่ยอม...ไม่สิ...บางทีคาวัลโลอาจจะยอมก็ได้ แต่ตัวเขาก็ไม่คิดจะทำให้มาเฟียหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าไปมากกว่านี้

       "............." พยักหน้าหากแต่ก็หยิบส่อมมาม้วนสปาเกตตี้เข้าปากได้ไม่เท่าไหร่ก็ถอนหายใจยาวแล้ววางลงอย่างคนไร้ซึ่งความอยากทางอาหารโดยสิ้นเชิง..

           มองอาหารส่วนของเจ้าตัวที่ยังเหลืออยู่มากโขแล้วส่ายหัว อัลชาอ์จ้องมองสีหน้าเหม่อลอยของคาวัลโลแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจชีคหนุ่มเอื้อมมือขวาไปหยิบส้อม มือซ้ายกุมมือบางที่วางอยู่บนโต๊ะมาคลายออกได้อย่างง่ายดาย และยัดส้อมใส่มือมาเฟียหนุ่มอีกครั้ง

      สบมองนัยน์ต่สีน้ำทะเลที่มองมาเชิงปฏิเสธ ทว่าชีคหนุ่มก็ยิ้มเคร่งขัดตาทัพไว้ก่อน

      "...อีกสิบคำ..."

       "....ห้าไม่ได้เหรอ? "มองสปาเกตตี้ในจานแล้วถอนหายใจเฮือก นึกถึงก้อนเเข็งๆที่ยังจุกอยู่ในลำคอทุกครั้งที่กลืนอะไรเข้าไปแล้วก็ไม่เหลือความอยากจะทานอะไรอีก

       "....สิบ....ห้ามตักทีละนิดด้วย " มองคนที่ต่อรองเบาๆแล้วก็ส่ายหน้า....ท้ายสุดคาวัลโลจึงพยักหน้ารับและตักอาหารจานโปรดของตัวเองเข้าปากอีกรอบ อีกทั้งนัยน์ตาเซื่องซึมเหมือนแมวคู่นั้นก็ลอบมองมาที่เขาบ่อยๆ ดูเกรงใจและเหมือนมีอะไรค้างคาอยู่ในที

        ชีคหนุ่มลอบสังเกตอาการหลุกหลิกนั้นอย่างใจเย็น มองภาพการทานอาหารของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้าประกอบกับการตักอาหารรับประทานของตนเองช้าๆ

   ...รู้ว่าคาวัลโลคงจะมีหลายอย่างค้างคาอยู่ในใจและต้องการคำตอบ แต่ว่า....ต้องรู้จักใจเย็นบ้าง

    ก่อนจะคิดทำอะไรควรจะรักษาร่างกายตัวเองให้ดีเสียก่อน เมื่อร่างกายพร้อม การคุยธุระต่างๆจึงจะทำได้อย่างไม่ติดขัด

   ทำแผลแล้วกินข้าวให้เรียบร้อยเถอะ...เพราะหลังจากนี้ ก็ยังมีเรื่องคุยกันอีกยาว...

...................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 17-04-2011 13:51:44
       สายฝนยังพร่างพรมไม่ขาดสายแม้นาฬิกาจะหมุนไปยังเลขสาม อากาศกลางคืนในวันฝนตกซึ่งมีอยู่ไม่ถึงเดือนของเซเนียยานั้นเย็นลงอย่างน่าใจหายจนแทบไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศเสียด้วยซ้ำ โคมไฟบนโต๊ะทำงานขนาดย่อมในห้องนอนเปิดไฟส่องสว่าง ขณะะที่ร่างของมาเฟียหนุ่มเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ สวมชุดนอนเนื้อบางนุ่มสบายผ้าขนหนูพาดอยู่บนไหล่ คอยซับน้ำจากเส้นผมที่เปียกชื้น

      นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองไปยังร่างของชีคแห่งเซเนียยาเงียบๆ สวมรองเท้าแตะสำหรับใส่ในห้องแล้วค่อยลากเท้าไปหาคนที่กำลังปิดคอมพิวเตอร์แลปท๊อปและกวัดมือเรียกให้ไปใกล้ๆ

   นั่งลงบนเก้าอี้ขณะที่อัลชาอ์เริ่มทำแผลให้ใหม่อีกครั้งหลังจากเปียกน้ำไปจากการอาบเมื่อครู่ คาวัลโลจ้องมองฝ่ามือหนาที่กำลังลูบไล้ตัวยาบางๆสลับกับนวดเคล้นฝ่าเท้าของตัวเองด้วยแววตาสั่นระริก...

นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ผ่าวร้อนจากการร้องไห้ยังคงแดงช้ำ แม้จะหยุดน้ำตาได้หลายชั่วโมงแล้วก็ตาม เขาจ้องมองฝ่ามือที่กำลังลูบไล้ฝ่าเท้าตนและดูแลให้อย่างอ่อนโยนด้วยสายตาซาบซึ้งยิ่งนัก

    "..ไม่....ต้องทำขนาดนี้ก็ได้..." เสียงพึมพัมห้ามปรามแทบไม่หลุดจากริมฝีปาก แต่นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นก็ตวัดมาจ้อง...สบตาเพียงชั่วครู่หากแต่ผิวแก้มกลับร้อนผ่าว

   ".แค่นี้ไม่เห็นเป็นอะไร " คำตอบนั้นทำให้ คาวัลโลเม้มปากแน่นมองอัลชาอ์ทำแผลเงียบๆ อย่างไม่คิดจะโต้เถียงอะไรอีก ฝ่ามือกำผ้าขนหนูที่เปียกชื้นด้วยน้ำไว้อย่างลังเลไม่น้อย ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร หรือจะ...เริ่มยังไงดี..

  ....เมื่อผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้...เมื่อรู้ว่าอัลชาอ์ทำเพื่อเขาขนาดไหน...มันก็..ใจแข็งต่อไปไม่ไหวเสียแล้ว

  ไม่สิ นับแต่เขารู้ว่าเสียทุกอย่าง...แต่เหลือเพียงผู้ชายคนนี้อยู่ตรงหน้า คาวัลโลก็ไม่คิดจะใจร้าย ไม่คิดจะ....ทำร้ายจิตใจตัวเองไปมากกว่านี้แล้ว...

   รู้ตัวดีว่าที่ถอยห่างออกมาเพราะหวั่นไหว รู้ดีว่าน้ำตาที่ไหลออกมามันออกมาจากใจ...และ...นั่นก็มากมายเกินพอ

   ไม่รู้หรอกว่านี่คือรักรึเปล่า ไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรได้ดีแค่ไหน แต่...ถ้าเพียงแต่มีโอกาส เขาก็จะพยายาม...พยายามให้ดีที่สุด...

   ถ้าคิดจะกลับไป...ถ้าจะกลับไปหา จะได้ไหม

    จะมีใคร...อยู่ตรงนี้แทนที่เขาอยู่รึเปล่า?

       ...รู้ตัวดีว่าการถูกทอดทิ้งจากครอบครัวและแกงค์ ไม่อาจจะหาทางกลับไปได้อีกแล้ว เขาจึงหันกลับมามองที่เดียวที่ตัวเองยังอยู่ได้ตอนนี้
ที่เดียวกับที่ซึ่งฉุดรั้งเขาออกมาจากโลกอันมืดหม่น

...อ้อมกอดของอัลชาอ์...

  ไม่สนหรอกว่ากลับมาแล้วเขามันก็ไม่ต่างกับคนหน้าด้านหรือพวกไร้ทางไป..ในเมื่อมันก็ถูกต้องแล้ว มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

  ถ้าไม่เสียอะไรในมือไป ก็คงมองไม่เห็นค่าของความรักที่ถูกหยิบยื่นมาให้นานแสนนาน

  หากไม่มีแกงค์ ไม่มีครอบครัว ไม่มี"วาลกัส" หรือกฏข้อห้ามทั้งหลาย ไม่มีของพวกนี้..ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธผู้ชายแสนดีตรงหน้า

..แต่....

มันจะสายเกินไปรึเปล่า?

     "...ผมยาวขึ้นนะ..."ปลายนิ้วแตะลงบนเส้นผมเปียกชื้น นัยน์ตาที่จับจ้องมาในระยะประชิดทำเอาคนเหม่อถึงกับสะดุ้งสุดตัว คาวัลโลมองปลายนิ้วที่สัมผัสเส้นผมชื้นของตนแล้วหยักหน้ารับช้าๆด้วยนัยน์ตาฉายแววประหม่าชัดเจน..

...พอรู้ว่าตัวเองคิดจะทำอะไรแล้ว..มันก็...

     "อืม..."รับคำเบาๆพลางสบมองนัยน์ตาสีดำสนิท

    "..อยากตัดไหม? " ปลายนิ้วนั้นยังคลอเคลียใกล้ๆผิวแก้ม ความร้อนผะผ่าวที่แผ่อุณหภูมิใกล้ๆทำให้ผิวแก้มร้อนวูบขึ้นมาอย่างเผลอไผล..พอคิดว่าจะไม่ห้ามใจ พอคิดว่าจะ"พยายาม"เริ่มรัก แค่นี้ก็เริ่มขัดเขินจนทนไม่ไหวเสียแล้ว

     "...ไม่เป็นไร " เขาส่ายหัวปฎิเสธช้าๆ เพราะเส้นผมที่ยาวขึ้นมาก็ใช่จะเกะกะอะไรสักเท่าไหร่

    "..อืม...แบบนี้ก็น่ารักดี "แก้มร้อนวูบกับรอยยิ้มบนริมฝีปากพราวระยับที่แผ่มาถึงดวงตาคู่นั้น คาวัลโลเสหลบตาวูบผละกายออกห่างแล้วบ่นงึมงัมผ่านริมฝีปากด้วยความขัดเขินทำตัวไม่ถูก

    "...ขอโทษ...คุณคงไม่ชอบ "นึกไม่ถึงว่าการขยับกายหนีเพียงเล็กน้อยกลับสร้างช่องว่างขึ้นมาอีกครั้ง หลักจากชิดใกล้กันเพียงไม่นาน สีหน้าของชีคหนุ่มที่ยิ้มละไมเปลี่ยนเป็นนิ่งขึง ทำให้คาวัลโลชะงักนัยน์ตาเบิกขึ้นด้วยความงวยงง

  ..พลันเขาก็นิ่งเช่นกัน...ได้แต่ก้มหน้าและหรุบสายตาต่ำทำได้เพียงเหลือบแลมองปลายคางของอัลชาอ์อย่างเงื่องหงอย

        เมื่อเจ้าแมวน้อยที่เคยเชื่องพลันสะบัดตัวอกห่างและกลายเป็นเงียบซึม  จะอย่างไรก็ใจร้ายกับมันไม่ลงเช่นเดิม อัลชาอ์ผ่อนลมหายใจช้าๆ ฝ่ามือยื่นไปตรงหน้าอีกครั้ง

      "..ผมทำแผลให้ "

             ส่งฝ่ามือซ้ายไปให้ตามเสียงเรียกนั้น วางลงบนฝ่ามืออุ่นร้อนอุณหภูมิที่แตกต่างทำให้หัวใจกระตุกวูบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คาวัลโลมองชีคหนุ่มที่เริ่มใส่ยา และพันแผลให้ตนเงียบๆ เขาเม้มปากแน่นก่อนจะเริ่มเอ่ยปาก

       "...ผม....ขอโทษ..."

       "..ไม่เป็นไร " อัลชาอ์รับคำเบาๆ ไม่ได้เงยหน้าจากบาดแผลขึ้นมาสบตาแต่อย่างใด

       "..ขอโทษ..." นัยน์ตาสีน้ำทะเลกระพริบถี่จ้องมองเสี้ยวหน้าและเส้นผมสีนิลที่หยักสลวยของอัลชาอ์เขม็ง

        "...พอได้แล้ว...." ลมหายใจยาวถูกระบายลงอย่างหนักหน่วง อัลชาอ์เงยหน้าขึ้นมาจากแผลที่มือ อ้าปากจะบอกว่าเสร็จแล้ว แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมากลับเป็นเขาที่ต้องตกใจกับนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่รื้นด้วยหยาดน้ำและขอบตาที่เเดงก่ำขึ้นมาอีกครา

       "...@$#..." ชายหนุ่มสถบเป็นภาษาบ้านเกิดเบาๆก่อนจะถอนหายใจและขยับเข้าใกล้คนที่เปลี่ยนจากคนเข้มแข็งดื้อรั้น กลายเป็นคนอ่อนไหวเจ้าน้ำตาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ฝ่ามือของชีคหนุ่มแตะลงบนผิวแก้มแล้วละเลียดเช็ดน้ำตาหยดเล็กนั้นอย่างเบามือ ชีคหนุ่มส่ายหน้า จับมือของคนขี้เซาไว้ข้างหนึ่งแล้วบีบเบาๆ

      " ผมไม่ได้ไม่พอใจ..แต่คุณไม่ได้ผิดมากมายอะไรขนาดจะต้องขอโทษซ้ำๆซากๆ..." ถอนหายใจแล้วละมือออกจากใบหน้าคนฟัง " มันจะเป็นการตอกย้ำทำร้ายตัวเองเสียเปล่าๆ...เข้าใจไหม? "

      " ....ผม...ขอโทษ...." พูดแล้วแต่คาวัลโลก็ยังคงจะออกปากขอโทษต่อไป อัลชาอ์ถอนหายใจ อ้าปากจะพูดหากเมื่อได้สบแววตาสีน้ำทะเลคู่นั้น กลับทำให้เขาเองที่ต้องนิ่ง....เงียบงันกับสิ่งที่สื่อออกมาผ่านแววตานั้นโดยไร้ถ้อยคำ..

ขอโทษ....

ขอโทษ....

   ขอโทษที่ทำร้ายจิตใจ ขอโทษที่ทำตัวแย่ๆ...และขอโทษ....ที่ใจร้ายเหลือเกิน..

      "...ผม...." คาวัลโลเม้มปากแน่นริมฝีปากที่สั่นระริกพยายามจะอ้าปากพูด แต่อัลชาอ์ก็ถอนหายใจและเอื้อมมือรั้งร่างของเขามากอดเอาไว้หลวมๆ ฝ่ามือหนาลูบศรีษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลทองอย่างเบามือ..

     "...ผมไม่เคยโกรธคุณ...คาล.."

     "....ให้โอกาสผมได้ไหม? " ริมฝีปากที่สั่นระริกเอ่ยคำพูดผ่านไหล่หน้าที่ซุกซบแผ่วเบา หากเด่นชัด..ชัดเจนในสมองของคนฟัง

      " คาวัลโล...?" อัลชาอ์นิ่ง..ขมวดคิ้วออกมาจางๆ...

      " ...ได้รึเปล่า?" ดวงตาคู่นั้นเงยมาสบตา...แววตาเว้าวอนนั้นทำให้ชีคหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น ...ทั้งยินดี...หากก็สงสัยเคลือบแคลงไปในตัวเช่นกัน..

      "...ผมบอกแล้วว่าคุณไม่จำเป็นต้อง...ทำแบบนี้..." รอยยิ้มของชีคหนุ่มแฝงด้วยความเจ็บปวดและอึดอัดใจอย่างชัดเจน...นั่นทำให้ผู้ฟังชะงัก อ้าปากค้างด้วยสีหน้าตกตะลึง...

      " ไม่ใช่...ผม "

       " ฟังนะ คาวัลโล " อ้อมกอดที่เคยมีผละจากไปเหลือเพียงความเย็นยะเยียบของบรรยากาศ ร่างของชีคหนุ่มลุกพรวดจากเก้าอี้ กอดอกและขยับฝีเท้าเดินรอบโต๊ะทำงานช้าๆด้วยสีหน้าครุ่นคิด..ทิ้งให้คาวัลโลนั่งนิ่งอึ้งอยู่บนโต๊ะ เขาได้แต่มองตามร่างสูงของท่านชีคแห่งเซเนียยาด้วยแววตารวดร้าว...ไม่เข้าใจ...

....หรือคำพูดของเขาจะไม่มีน้ำหนัก ไม่มีความสำคัญพอจะเชื่อถืออีกแล้ว..?

     ..............

        "...ที่ผมฟังมา ไม่ใช่ว่าคุณจะไร้หนทาง พี่ชายและครอบครัวคุณยังไม่ได้ตัดขาดเสียหน่อย พวกเขาห่วงคุณมาก...ที่พี่ชายคุณต้องการจะส่งคนมาหาเพราะเขาไม่อยากให้คุณมีอันตราย ถึงลุงของคุณจะ...ยกเลิกการรับตำแหน่งของคุณไปก่อน..แต่ว่าเราก็ใช่จะเปลี่ยนอะไรไม่ได้...ผมจะหาทางช่วยคุณเอง.."

       " อัลชาอ์..."

       " ผมไม่คิดจะฆ่าหรือทำอะไรคุณแล้วนะคาวัลโล สบายใจได้ ตอนนี้ที่ควรทำคือตั้งสติ และหาทางออก คุณไม่ใช่คนที่จะมาจมกับเรื่องราวผิดหวังแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? "

       "..อัลชาอ์"

      " ...ตอนนี้ผมคิดว่าเราควรจะช่วยกันหาทางออก ..ทางที่ดีที่สุดสำหรับคุณและผม...เรา..."

      " เงียบนะ!!! "เสียงตะโกนลั่นของมาเฟียหนุ่มหลังจากคำพูดของชีคแห่งเซเนียยากำลังอธิบายแผนการณ์ด้วยสีหน้าครุ่นคิด...เสียงตะโกนนั้นทำให้ร่างที่เดินว่อนชะงักฝีเท้า และหันมามองตาเขาในที่สุด..

      "...ฟังผม...ผมจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้แล้ว " ร่างเพรียวลุกขึ้นจากกเก้าอี้  ที่สุดแล้วเศษเสี้ยวความอ่อนแอและอ่อนไหวทั้งหลานก็ถูกปัดให้พ้นจากตัว เมื่อโกรธจัดเสียจนคิดอะไรไม่ออก นัยน์ตาสีน้ำทะเลวาววับเพ่งมองวงหน้าคมของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยา คาวัลโล วาลกัสหัสเราะออกมาเบาๆ แม้สีหน้าของเขาจะบ่าชัดว่าไม่ขำ

       "...ไม่ว่าใครจะเป็นจะตายทางนั้น ก็ไม่เกี่ยวกับผมอีกต่อไป ไม่ต้องการคือไม่ต้องการ ไม่เอาคือไม่เอา ...ผมไม่มีสิทธิจะกลับไป...นั่นก็คือไม่มีสิทธิ..."

       " คาวัลโล ..."

       " ผมถามคุณมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว...และยังไม่ได้คำตอบ...." นัยน์ตาสีน้ำทะเลวาววับแดงก่ำ จ้องมองดวงตาของชีคหนุ่มเขม็ง " ผมถามว่าอยู่ที่นี่ได้รึเปล่า...เป็นครั้งที่....สี่...หรือห้า...อะไรแบบนั้น "

           ร่างเพรียวก้าวเท้ามาประจัญหน้า จ้องมองนัยน์ตาสีเข้มเขม็งไม่ยอมหลับ ริมฝีปากของคาวัลโลเม้มแน่น สีหน้าที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการคำตอบนั่นทำให้ชีคหนุ่มต้องประจัญหน้าอย่างหนักแน่นเช่นเดียวกัน

        "...คำว่าไม่ต้องการ ไม่ได้หมายความถึงของที่ไม่อยากได้แล้วก็เขวี้ยงทิ้ง สำหรับ"พวกเขา" ไม่ต้องการ คือไม่มีสิทธิจะกลับไปให้เห็นหน้า ไม่มีค่าที่จะมีชีวิตต่อ...รู้รึเปล่า? " คาวัลโลกลืนก้อนแข็งๆในลำคอลงไปอย่างยากเย็น และเขาก็เริ่มหัวเราะอีกครั้ง " ....ต่อให้เขาจะเป็นลุงผมเขาก็ทำได้ ที่ผมเสียใจเพราะอะไร? คุณคิดว่าเพราะไม่ได้ตำแหน่งงั้นเหรอ..นั่นก็ใช่ แต่ไม่มากกว่าที่ลุงไม่รักผมแล้ว เขาสั่งฆ่าผมทันทีที่ผมกลับไปเหยียบอิตาลี...หรืออาจจะทำแม้กระทั่งผมอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ...ผมจะขัดขืนยังไงกับคนที่มีครอบครัวผมเป็นตัวประกันในมือ ลุงอาจจะเอาพี่ผมเป็นบอส...และเพราะเป็นบอสนั่นล่ะ ครอบครัวของผมถึงได้ตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น..เขาจะฆ่าทุกคน..ที่ขวางทาง...เข้าใจไหม?"

         "...ที่ผมทำได้ก็คือไปให้ไกลจากอิตาลีมากที่สุด...อย่าได้เข้าไปเหยียบที่นั่นอีก...นั่นคือสิ่งเดียวที่ผมทำได้...ต่อให้เก่งแค่ไหนผมก็สู้มาเฟียทั้งแกงค์ไม่ได้..ผมไม่มีที่ให้กลับไปแล้ว..."

         ".........."

          "...เพราะแบบนี้ผมถึงได้ถาม...แต่ถ้ายังไม่มีคำตอบจากคุณ...ก็พอกันที..." ดวงตาคู่นั้นวาววับด้วยน้ำตาที่ใกล้จะรินไหล คาวัลโลสูดหายใจลึก...ล้มได้ก็ต้องลุกได้...ใช่...ล้มแล้วลุกเองได้ แต่จะเหมือนเดิมได้ไหม?
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 17-04-2011 14:03:49
...จะกลับไปที่เดิมที่เคยอยู่ได้รึเปล่า?

  โลกนี้มันไม่ได้มีอะไรที่ง่ายดายขนาดนั้น ราฟาเอลโร่มันก็บอกเขาเป็นนัยๆแล้วว่าตอนนี้ข่าวของเขาแพร่พระจายไปทั่วแล้วว่ากลายเป็นอีตัวอยู่บนเตียง ซุกตัวหลบหลังอยู่ในการคุ้มครองของอัลชาอ์ นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ลุงไม่ต้องการเขา เพราะข่าวเสื่อมเสียแบบนั้น...การกระทำที่ผิดมหันต์สำหรับคนจะเป็นบอส..

      ...เป็นเพราะเขาพลาด คิดจะตายกลบเกลื่อนตัวตน..แต่ความลับไม่มีในโลก เรื่องครั้งนี้พิสูจน์ให้เขาเห็น ว่าข่าวที่พยายามผิดให้มิดแค่ไหน มันก็ไปเร็วมากแค่นั้น

แผนที่คิดว่าสามารถปกปิดได้เหนือชั้นและไม่มีใครมองออก ท้ายที่สุดก็รั่วไหลและสร้างความเสียหายให้คตัวเขามากกว่าที่คาด

..ใช่...เพราะเขาพลาดจึงไม่มีสิทธิกลับไป พลาดตั้งแต่ถูกหลอกให้ไปโจมตีอัลชาอ์ พลาดนับแต่ถูกจับ..บางที อาจจะพลาดตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าสู่ประเทศอาหรับเอมิเรตส์

เพราะชีวิตไม่มีปุ่ม"รีเซ็ต"ให้เริ่มต้นใหม่ เพราะฉะนั้นเขาที่พลาดไปแล้ว..ถึงได้หมดหนทางจะกลับไป..

       "...คุณไม่ได้หมดทางไปขนาดนั้น " อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าของคนพูด ชีคหนุ่มส่ายหน้าช้าๆอย่างเคร่งขรึม

       " ผมถึงได้ถามทางจากคุณไงล่ะ..." คาวัลโลจ้องหน้าคนพูด เขาหัวเราะขื่นๆออกมาพลางยกมือขึ้นเสยผมแรงๆ ราวกับจะสงบสติอารมณ์ " ผม....อยากจะอยู่ที่นี่ ถ้าเป็นไปได้ เพราะอย่างน้อยผมก็...สบายใจ..."

      " ตำแหน่งบอสสำคัญสำหรับคุณมาก..."ชีคหนุ่มจ้องหน้าคนพูดเขม็ง สีหน้าราวกับจะตัดสินใจบางสิ่งบางอย่าง

      "...พอได้แล้ว !!! " ริมฝีปากบางเม้มแน่น ตวาดออกไปเสียงห้วน น้ำตาที่เอ่อคลอนัยน์ตาเริ่มซึมชื้นอย่างช้าๆ " เพราะสำคัญผมถึงเสียใจไง เพราะสำคัญผมถึงได้กลายเป็นไอ้บ้าอยู่แบบนี้ ! ...แต่ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้แล้วจะทำยังไง ผมจะดันทุรังยังไงไหว ในเมื่อตอนนี้มีผมแค่คนเดียว ! ....คุณกำลังเฉไฉ ไม่ตอบสิ่งที่ผมอยากรู้...แต่บางที นี่อาจจะเป็นการบอกให้ผมรู้ทางอ้อมก็ได้..."

      "....ในเมื่ออยู่ที่นี่ไม่ได้ผมก็จะไป...หรือจะลากผมไปฆ่าตามกฏก็เรื่องของคุณ ผมถามคุณคำถามเดียว แต่ในเมื่อยังไงก็ไม่ได้คำตอบ ก็ป่วยการจะซักไซ้ "

   มาเฟียหนุ่มสุดหายใจแรงเขาทำท่าจะพลิกตัวหันหลังกลับ เมื่อรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรจะพูดต่อ ในเมื่อพูดยังไง คนตรงหน้าก็ไม่ยอมฟัง และไม่ยอมเชื่ออยู่ดี..

เอาแต่คิดจะเลือกทางที่เขาทิ้งไปแล้ว คอยแต่จะยัดเยียดสิ่งที่พยายามตัดใจทิ้งมาให้

..ทำไมล่ะ ทำไมล่ะ คุณน่าจะดีใจไม่ใช่เหรอ? คุณน่าจะพอใจที่ผมไม่อยากไปไหนแล้ว แต่ทำไมถึงได้พยายามจะลากผมกลับที่เดิมนักหนา

...ที่ตรงนั้นมันไม่สนุกหรอกนะ ต้องพยายามอยู่ตลอดเวลา ทั้งสูงทั้งหนาว ไม่มีเพื่อน ไม่มีใคร มีแต่ศพคนตายก่อเป็นบันไดให้เดินไปเรื่อยๆ

แล้วทำไมถึงต้องให้ผมกลับไป หรือต้องการจะให้ผมไปไกลๆตากันแน่

      " เดี๋ยวก่อน คาวัลโล นี่คุณกำลังใจร้อนอีกแล้วนะ ทำแบบนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา ! " อัลชาอ์กำแขนมาเฟียหนุ่มแน่น ชีคหนุ่มบีบมันแน่นขึ้นแล้วเขย่าแรงๆราวกับจะให้คนที่โกรธจนโมโหหัวฟัดหัวเกวี่ยงได้สติเสียที

       "...ถ้าผมใจร้อน คุณมันก็ไอ้บ้าที่กำลังหนีความจริง !! " เม้มปากแน่นแล้วจ้องหน้าคนพูดเขม็ง...แต่...ทว่าก็ทำได้เพียงไม่นานนักเมื่อความเจ็บปวดแล่นเริ้วจนเขาต้องหลบตาคู่นั้นอยู่ดี " ...คุณทำเป็นไม่สนใจว่าผมกำลังจะพูดอะไร...ทั้งที่ผมคิดแบบนั้นจริงๆแต่คุณก็ไม่เชื่อ....ผมพยายาม..ผมพยายามแล้วนะ....ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจเสียที "

       ".....เรื่องนั้น..."สีหน้าคนฟังลังเลไปชั่ววูบ แรงบีบที่น้อยลงทำให้คาวัลโลสะบัดแขนตนเองให้หลุดออกจากมือหนาได้ในที่สุด

       " .. คำพูดผมมันไม่น่าเชื่อถือใช่ไหม? ผมมันไอ้คนสับปลับงี่เง่าที่ทำให้คุณเสียใจอยู่ตลอดเวลานี่..จะโกรธผมไม่เชื่อใจผมก็สมควร
แล้ว...ถึงตอนนี้ผมจะบอกว่าอยากอยู่ที่นี่ อยากอยู่กับคุณ คุณก็เอาแต่จะลากผมกลับไปที่เดิม..ทั้งๆที่ผมตัดใจไปแล้ว.." นัยน์ตาสีน้ำทะเลหันกลับมาจ้องมองเขาอีกครั้ง ด้วยแววตาคู่เดิมที่แสนคุ้น เจ้าตัวไม่ได้ร้องไห้ แต่ความสับสนทุกข์ระทมในแววตาแสดงออกเด่นชัด...ก่อนที่น้ำใสๆจะค่อยเอ่อล้นขอบตาและอาบแก้มใสอย่างเชื่องช้า

 ราวกับปลายมีดแหลม ค่อยกดลงตัดหัวใจที่เต้นตุบให้เลือดค่อยนองเอ่อ..

ช้า...หากแต่ทรมารราวกับจะขาดใจ..

       "....ต่อให้ผมเลวแค่ไหนในสายตาคุณ ก็ไม่คิดจะล้อเล่นกับหัวใจใคร...ผมเคยพูดกับคุณยังไง ตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น ...ผมบอกว่า...จะรักใคร..ผมก็จะทำแบบนั้น..." คาวัลโลเม้มปากแน่น นัยน์ตาที่สบมองแววตาของชีคหนุ่มค่อยหรุลงช้าๆ ทิ้งแพขนตาหนาทาบแก้มใส "...ผมจะพยายาม...ได้ยินไหม....ผมจะพยายาม..."

...ถึงมันจะสายไปแล้ว..

ถึงแม้คุณจะไม่ได้รักผมอีกแล้ว.

แต่ขอโอกาสให้ผมหน่อยได้ไหม? ขอโอกาสให้ผม"พยายาม"จะรักใครสักครั้ง..

      ฝ่ามือหนาแตะทาบแก้มขาวที่อาบน้ำตา ปลายนิ้วของชีคอัลชาอ์แตะลงบนเปลือกตาและขนตาเปียกชื้นที่สั่นระริกไหว..ชีคแห่งเซเนียยาทอดมองชายหนุ่มเบื้องหน้าที่ยืนหลับตานิ่ง ริมฝีปากและฝ่ามือสั่นระริกรอคอยคำตอบของเขาที่จะเป็นดั่งคำตัดสินโชคชะตาของตนเอง..

..หัวใจที่เคยเจ็บแปลบบัดนี้เต้นกระหน่ำรุนแรง ปลายนิ้วไล่สัมผัสใบหน้าที่ฝันหาทุกอนู..ทั้งเปลือกตา หางคิ้ว ริมฝีปาก จรดปลายจมูกโด่งสัน..

 หากตกลง จะได้เป็นเจ้าของ..

แต่ก็หาใช่เจ้าของที่แท้จริง

 คำว่า"พยายาม"บอกชัดเจนว่ายังไม่ได้รัก..

แต่จะ"พยายาม"รัก พยายามรู้จักความรัก...

ขึ้นอยู่กับว่าตัวเขาจะให้โอกาสหรือไม่..?

โอกาสที่จะให้ชายหนุ่มที่เป็นดั่งเด็กทารกหัดเดินเรื่องความรักเบื้องหน้าได้รู้จักและเติบโตได้ด้วยคำๆนี้เสียที..

   หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยและถอดใจไปแล้วครั้งหนึ่ง...โอกาสที่ริบหรี่เหลือเกินกลับเปล่งประกายโชติช่วงอยู่เบื้องหน้า..หากแต่ว่า มันอาจจะต้องแลกกับความเจ็บช้ำมากมายนัก..

หากสำเร็จก็จะได้รัก แต่หากไม่สำเร็จ ครั้งนี้คงเจ็บปวดรวดร้าวนัก..

  จะเลือกรักและ"พยายาม"เช่นเดียวกับชายหนุ่มตรงหน้า จะเสี่ยงเดิมพันอีกครั้งเพื่อหัวใจที่ตนเองต้องการ หรือจะรักษาใจของตนไม่ให้เจ็บซ้ำ ด้วยการปล่อยให้ทุกอย่างหลุดลอยไป..

..ขึ้นอยู่กับเวลานี้

       " รักผมไหม คาวัลโล ? " น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาสั่นไหวประหลาดหู คาวัลโลไม่รู้ว่าเพราะมันเจือสะอื้นหรือเพราะด้วยความยินดีกันแน่ ชายหนุ่มนึกสงสัยเปลือกตาของเขากระตุกถี่ หากแต่ก็ยังไม่เปิดขึ้นมา..

       "..ผม......จะ...พยายาม.." เขาพูดได้เพียงเท่านี้ บอกได้เพียงเท่านี้จริงๆ ไม่อยากโกหก และไม่คิดว่าคำโกหกจะทำให้ใครยินดีได้ โดยเฉพาะเรื่องหัวใจ จะอย่างไรคำโกหกว่ารัก มันคือคำโกหกที่ร้ายแรงที่สุดในโลก

มาเฟียหนุ่มค่อยเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ นัยน์ตาสีน้ำทะเลสบมองดวงตาสีนิลที่ฉายชัดถึงความรวดร้าว..ให้หัวใจเจ็บแปลบ..

หากแต่อัลชาอ์ก็ยังยิ้ม..ยิ้มออกมาอย่างกึ่งเศร้ากึ่งสุข..

       "...ถือว่าผมขอ...อย่าให้ความพยายามของคุณและผมเปล่าประโยชน์เลยนะ " ฟังคำพูดนั้นแล้วหัวใจปวดแปลบจนน้ำตารินไหล ไม่รู้ว่าด้วยสุขหรือเศร้าจนปวดใจอ้อมกอดนี้จึงทั้งอุ่นร้อนและเย็นยะเยือกนัก..

หากแต่ในค่ำคืนที่หนาวเหน็บและอ่อนไหว มันก็ยังคงเป็นที่ต้องการ..
แม้เดิมพันครั้งนี้จะสูงจนหากพลาดพลั้งแล้วคงไม่แคล้วต้องขาดใจตายก็ตามที

       "...ผมจะ...รักคุณ...จะเรียนรู้ที่จะรักคุณ...ให้โอกาสผมอีกครั้งนะครับ..อัลชาอ์..." คาวัลโลจ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่ม เขาขยับตัวออกจากอ้อมกอด ทรุดตัวลงคุกเข่าซ้ายลงข้างหนึ่ง พร้อมกับยื่นมือมาหา..

       "........." สีหนาของชีคหนุ่มเปลี่ยนจากขรึมปนเศร้าเป็นตกตะลึงทันควัน เมื่อพบกับท่าทางพิลึกพิลั่นของมาเฟียหนุ่ม อัลชาอ์หน้าเบี้ยวกับมือที่ยื่นมาจากคนตัวเล็กกว่าซึ่งกำลังคุกเข่าขอ...ความรัก?

      "...อย่าทำหน้าแบบนั้น นี่เป็นวิธีขอคบเป็นแฟนไง.." นัยน์ตาสีน้ำทะเลพราวระยับแม้เปื้อนน้ำตาไหลอาบแก้มเป็นสาย หนุ่มอิตาเลียนที่ขึ้นชื่อว่าโรแมนติกติดอันดับโลกกำลังพยายามจะใช้ยุทธวิธีดั้งเดิมสำหรับขอความรักอย่างไว้ลาย จะเสียก็แต่คนที่เขากำลังแสดงให้เห็น ไม่ใช่สาวน้อยนี่สิ

      "..ได้ประ......."

       "...คบกับผมนะ " ร่างทั้งร่างปลิวหวือจากแรงดึงของมือที่แตะลงบนฝ่ามือขวาทำให้ประโยคที่กำลังจะพูดขาดหาย คาวัลโลร้องเหวอในลำคอเบาๆเมื่ออัลชาอ์ดึงตัวเขาไปกอดแน่น แถมยังกระซิบพูดคำที่เขาคิดจะพูดเสียดิบดีด้วยแนะ..

       "...อะไรกัน ขี้โกง ตัดหน้า " นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองค้อน ดูน่ารักน่าชังนักในสายตาคนมองนัก

       "...ก็ผมเป็นคนหลงรัก...ผมต้องพูดสิ.." ชีคหนุ่มยิ้มออกมาได้ในที่สุด แม้ดวงตาจะฉายแววกังวลจางๆ แต่บรรยากาศแสนสุขในห้องทำให้ไม่อาจจะขังตัวเองให้คิดมากอยู่ได้ตลอด โดยเฉพาะเมื่อเจ้าแมวในอ้อมกอดเริ่มออกลายซุกซนให้รื่นเริงอีกครั้ง

       "..ยิ้มแล้ว.." ปลายนิ้วแตะลงบนผิวแก้มแล้วลากวาดตามริมฝีปากที่กำลังยิ้มให้ตนอยู่  " ดีใจที่คุณยิ้ม..."

       "...อืม...." ริมฝีปากหนาแตะลงบนปลายนิ้วเรียวที่วางบนเรียวปาก  อัลชาอ์โอบร่างของมาเฟียหนุ่มและออกแรงกึ่งลากกึ่งจูงเจ้าตัวให้มานั่งบนเก้าอี้นวมตัวเดิม..ขณะที่ร่างของคาวัลโลยังไม่ผละจากอ้อมอกของเขา ดังนั้นทั้งคู่จึงอยู่ในสภาพกอดกกซุกซบกันอย่างสมบูรณ์แบบ..

  ความใกล้ชิดแบบนี้เป็นเหมือนอดีตที่ผ่านผันมานานนักแล้วสำหรับเขาทั้งคู่ เวลาเดือนกว่าๆที่ผ่านมาจะว่าเร็วก็เร็ว ช้าก็ช้าในความรู้สึก...

บางคราสุขนัก..มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะลอยมา บางครั้งก็เคร่งเครียด ทะเลาะวิวาท ไม่พอใจกันจนเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

บางที นี่อาจจะเป็นครรลองของความรัก...วิถีทางของความรู้สึกที่ค่อยพัฒนานเรื่อยๆ

จากรู้จัก เป็นชิดใกล้ และค่อยขยับเจ้ามาหากันทีละน้อย แม้จะผละห่างเป็นบ้างครั้ง แม้จะแตกร้าวบ้างเป็นบางครา แต่ตอนนี้ก็ได้กลับมาใกล้ชิดกันในที่สุด..

...และใกล้มาก..มากกว่าที่เคยเป็นเสียด้วยซ้ำ..

ใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน

        "...อือ...." เสียงครางงึมมันลอดออกมาจากรอมฝีปากบางเมื่อใบหูถูกงับเล่นและไล้เลียแผ่วเบา ชวนให้จั๊กจี้และขนลุกวาบ..

        "...ยังไม่ได้ตอบผมเลย.." ชีคหนุ่มกระซิบถาม อ้อมกอดรัดรึงร่างเพรียวบนตักให้แนบแน่นขึ้นราวกับไม่ให้เหลือช่องว่างใดๆอีก

        " ครับ..ผมจะคบกับคุณ..." นัยน์ตาสีน้ำทะเลหันมามองสบอย่างหนักแน่น แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความจริงใจจนไม่อาจคิดได้ว่าเป็นคำโกหก " ผมจะพยายามรักคุณ..ผมจะรักคุณ...ผมจะเป็นคนรักของคุณ..."

        " ถึงตอนนี้ผมจะไม่รู้ ว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกมันคือความรักรึเปล่า..แต่ผมยืนยันว่าคุณคือคนที่ผมอยากอยู่ด้วย..คุณคือคนเดียวที่ทำให้ผมร้องไห้ คนเดียวที่ทำให้ผมอยากจะรัก..และไม่เคยมีใครทำให้ผมรู้สึกแบบนี้.. นอกจากคุณ "

        "...ผมรักคุณ...คาวัลโล..." ริมฝีปากหนาแตะลงบนหน้าผากมน แผ่วเบา หากแต่หนักแน่น ย้ำชัดราวกับคำสาบานแทนนิจนิรันดร์..คำพูดของชีคแห่งเซเนียยานั้นช่างน่าฟังนัก..

        "..ครับ...ขอบคุณ..." ปลายนิ้วเรียวทั้งสองค่อยสอดประสานกันอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากของคนทั้งคู่ค่อยเคลื่อนเข้ามาหากัน ทาบทับ ดูดดึงและเลียไล้ สัมผัสริมผีปากและปลายลิ้นของอีกฝ่ายอย่างอ่อนหวาน หากร้อนเร่าและค้นหา..

ควานหาทุกอย่างของคุณ... มองหาทุกความลับ.. สัมผัสทุกความอ่อนไหว..

ให้รู้ชัด..ว่าคุณเป็นของผม ว่าตอนนี้เราเป็นของกันและกัน..


      นัยน์ตาที่หลับพริ้มเปิดออกมาอย่างเชื่องช้าพร้อมกับเสียงลมหายใจหอบสั่น ผิวแก้มขาวขึ้นสีจัดด้วยอารมณ์หวามไหวและด้วยดวงตาสีนิลที่จับจ้องไม่ห่าง มันแสนรักใคร่และลึกซึ้งเสียจนใครก็ต้องใจสั่น

 ลุกจากเก้าอี้บุนวมหนาพร้อมกับสืบเท้าไปยังเตียงนอนในห้อง หากริมฝีปากที่โฉบพริ้วทักทายกันก็ไม่ได้ผละห่าง มีเพียงปลายเท้าที่อ่อนโน้มเดินตามร่างสูงใหญ่ที่โอบกอดรัดรึง..

      เสียงลมหายใจหอบหนักขึ้นยามแผ่นหลังสัมผัสเตียงนุ่ม ดวงที่หลับพริ้มเปิดขึ้นมาสบมองแววตารักใคร่หลงไหลของชีคหนุ่มเเห่งเซเนียยาอย่างปลาบปลื้ม ปลายนิ้วแตะไล้ไหล่หนาและแผ่นอกแกร่ง กระหายอยากรู้ทุกส่วนสัดของชายผู้เป็นคนรัก ไม่ต่างจากฝ่ามือหนาที่สอดไล้ชายเสื้อขึ้นมาถึงแผ่นอก สัมผัสผิวขาวสะอาดตาและยอดอกสีสดน่าลองลิ้ม..

      ครางออกมาเบาๆในลำคอ แต่เสียงที่ได้ฟังมีเพียงลมหายใจร้อนแรงที่รินรด ปลายนิ้วที่สะกิดยอดอกสีเข้มทำให้กระแสความอ่อนไหวแล่นพล่านทั่วร่าง เสื้อนอนสีอ่อนถูกถอดจากศรีษะไปให้พ้นตัวเหลือเพียงกางเกงขาวยาวเนื้อนิ่ม ไม่นานโธปสีน้ำตาลเข้มก็ถูกปลายนิ้วเรียวไล่แกะกระดุมออกจนสาบเสื้อแบออกกว้าง เผยให้เห็นแผ่นอกแกร่งหนาน่าสัมผัสไม่แพ้กัน

      "อืม...." ความเย็นวาบจากโลหะที่แขวนอยู่บนลำคอทำให้คาวัลโลครางฮือ มาเฟียหนุ่มผละริมฝีปากออกจากการเกี่ยวกระหวัด นัยน์ตาที่หรี่ปรือพร่าเลือนด้วยแรงอารมณ์กวาดปะทะสร้อยกางเขนสีเงินบนลำคอ ชายหนุ่มมองฝ่ามือสีเข้มและไล้มันเบาๆ ราวกับป็นคำถามที่ส่งมา

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 17-04-2011 14:12:53

  เงยหน้าไปสบมองแววตาคุกรุ่นของชีคหนุ่ม เขามองเห็นกุตราห์สีเข้มบนศรีษะของอัลชาอ์  นัยน์ตาสีน้ำทะเลกระพริบช้าๆราวกับครุ่นคิดสิ่งใด

     "..ถอดไปเถอะ..." แตะปลายนิ้วที่เล่นไล้กางเขนเงินบนลำคอเล่นอย่างเพลินมือเบาๆ ทำให้นัยน์ตาสีเข้มก้มมาสบมองอย่างสงกาไม่น้อย หากแต่เขาไม่ตอบ เพียงแต่พยักหน้ารับเมื่อชีคหนุ่มค่อถอดมันออกจากลำคอเขาและวางลงบนหัวเตียง..

..เช่นเดียวกับกุตราห์สีเข้มที่ถูกฝ่ามือของเขาดึงออกไปเช่นกัน..

     สีหน้าของอัลชาอ์แฝงแววประหลาดใจเพียงชั่วครู่ ชีคหนุ่มก็พยักหน้ารับ ริมฝีปากหนาโฉบลงมาทายทักเรียวปากบางที่เป็นสีจัดอีกครั้ง  หลังจากจัดการถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ทั้งหมดที่มีในร่างให้เปลือยเปล่าทั้งคู่..

ร่างของสองบุรุษกอดกกกันแนบแน่นไม่ยอมผละห่าง ฝ่ามือและปลายนิ้วของทั้งสองลูบไล้เรือนร่างของกันและกันอย่างร้อนแรง ราวกับอัดอั้นและกระหายอยากไม่มีที่สิ้นสุด..

     ..ไม่มีชีค..ไม่มีมาเฟีย..

   ไม่มีศาสนา ไม่มีประเพณีที่แตกต่าง

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหน้า..

ที่ตรงนี้ เวลานี้ มีเพียงผู้ชายสองคนที่กำลังสานสัมพันธ์รักกันเท่านั้น ..

         ร่างของทั้งสองกกกอดกันแนบแน่นเสียจนไม่มีช่องว่าง แสงไฟสว่างที่สาดเข้ามาปะทะร่างทำให้เห็นผิวเนื้อทุกตารางนิ้วชัดเจน  ทั้งผิวกายขาวจัดที่ตอนนี้ขึ้นสีเป็นสีชมพูทั่วกายด้วยแรงอารมณ์ และดวงตาสีน้ำทะเลคู่นั้นที่งดงามเสียยิ่งกว่าอัญมณีใดๆ สีระเรื่อของผิวเนื้อตัดกับผิวกายสีเหลืองนวลของชีคหนุ่ม ฝ่ามือหนาที่ทาบลงบนแผ่นอก ปลายนิ้วสะกิดและบดขยี้ยอดอีกสีสวยของมาเฟียหนุ่มอย่างเพลินมือให้คาวัลโลส่งเสียงครางฮืมในลำคอ ริมฝีปากหนาแตะลงบนผิวเนื้อนุ่มซึ่งบัดนี้ไม่หลงเหลือพื้นที่ใดให้ประทับตราลงไปอีกฝากรอยกลีบกุหลายสีสวยปรากฏชัดบนผิวอ่อนใส  ท่อนขาของมาเฟียหนุ่มกอดไล้และสอดทับร่างสูงใหญ่ของอัลชาอ์ไว้ เสียดสีผิวกายร้อนผะผ่าวเข้าหากันสร้างอารมณ์หวาม ใบหน้าซุกซบลงยังไหล่หนา ริมฝีปากและจมูกซอกซุกสัมผัสซอกคอแกร่งและแผ่นอกหนาของอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้

      ฝ่ามือที่ระเรื่อยมาตามท่อนล่างทำให้ความรู้สึกเสียววูบยิ่งสาดปะทะ ร่างเพรียวครางสั่นในลำคอเมื่อมือหนาสัมผัสส่วนกลางลำตัวแล้วเริ่มหยอกล้อมันอย่างรวดเร็ว แว่วเสียงลมหายใจและเสียงหัวเราะในลำคอของชีคหนุ่มกระซิบใกล้หู คาวัลโลจึงเอื้อมมือไปหาส่วนนั้นของอัลชาอ์เสียบ้าง มาเฟียหนุ่มอดจะครางงึมงัมออกมาอย่างขัดใจไม่ได้ เมื่อสัมผัสถึงขนาดที่แม้ไม่ได้มองก็รู้ว่าแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด คิดแล้วฉุนเล็กๆจนอยากจะกลั่นแกล้งกลับบ้าง ฝ่ามือที่แตะสัมผัสจึงเข้าเกาะกุมมันและไล้เล่นกับส่วนนั้นของอัลชาอ์เช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายทำกับเขา

      เสียงหอบหายใจแรงสลับเสียงเสียดสีกันของผิวเนื้อดังแทนบทสนทนาที่ขาดหาย ริมฝีปากทั้งสองหันกลับมาพบกันอีกคราจากที่เลาะเล็มขบกัดผิวกายอีกฝ่ายหยอกเย้า  บทรักเริ่มแปรเปลี่ยนจากการหยอกเอินสัมผัสเรือนกาย เป็นความเร่าร้อนของทั้งสองฝ่าย ด้วยจังหวะของฝ่ามือทั้งคู่ที่ปฏิบัติการกระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายเต็มที่  ดูกันว่าใครจะสามารถอดทนกับคลื่นอารมณ์ที่ทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆได้ไหว

        ".อ่ะ..." เสียงหอบหายใจแรงถี่กระชั้นและร่างที่เริ่มเกร็งแน่นของมาเฟียหนุ่ม ทำให้อัลชาอ์ขยับยิ้มสมใจ ฝ่ามือของชีคหนุ่มออกแรงกระตุ้นอารมณ์คนใต้ร่างสุดฝีมือกระทั่งแผ่นหลังของอีกฝ่ายหยัดโค้ง ใบหน้าของหนุ่มอิตาเลียนบิดเบี้ยวไปชั่วครู่เมื่อหยดน้ำสีขุ่นกลั่นตัวออกจากปลายยอดของกายตนในมือของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยา อัลชาอ์ก้มลงเลียไล้มันอย่างไม่รังเกียจซ้ำยังดูดดุนจนร่างเพรียวถึงกับสะท้านเฮือกบิดตัวร้องอุธรณ์ออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว

       "..อือ....พอแล้วครับ...อัล...ชาอ์..." ริมฝีปากบางเอ่ยห้ามเมื่อชีคหนุ่มคิดจะรีดทุกหยาดหยดออกจากกายตนทั้งที่บทรักเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่มัวพร่าด้วยหยดน้ำตาพยายามสบมองดวงตาสีนิลที่ฉายแววลามกของชายหนุ่มบนร่างตน คาวัลโลเม้มปากแน่น ฝ่ามือเอื้อมไปจิกกระชากเส้นผมสีดำสนิทนั้นเบาๆเมื่ออัลชาอ์กวาดปลายลิ้นลงไปยังช่องทางคับแคบด้านหลังไล้เลียแค่เพียงภายนอกแต่แค่นั้นก็ทำให้เขาต้องครางฮืออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว.. 

       "...ขี้โกง...อ่า...." ริมฝีปากที่เอ่ยคำบริภาษนั้นกลายเป็นเสียงครางวะหวิว เมื่อปลายนิ้วยาวสะกิดยอดอก ทั้งลูบไล้เพียงแผ่วเบาและบีบดึงอย่างรุนแรง ทำให้ความซ่านสยิวแล่นวูบทั่วร่าง ประกอบกับปลายนิ้วที่กดลงบนช่องทานด้านหลังเบาๆแต่ความเจ็บแล่นพล่านไปถึงกระดูกสันหลัง

       นิ้วเรียวค่อยสะกิดไล้และสอดกายลึกเข้าไปในช่องทางที่ไม่เคยมีใครสัมผัส คาวัลโลครางฮือใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดปนซ่านสยิว เขาสบมองนัยน์ตาสีนิลคู่นั้นที่จับจ้องพร้อมกับเอ่ยเสียงกระซิบปลอบโยนและเชยชม มาเฟียหนุ่มสั่นระริกไปทั้งตัวยามที่ส่วนกลางลำตัวของชีคหนุ่มซึ่งชโลมเจลหล่อลื่นกำลังตระหง่านอยู่เบื้องหน้าช่องทางของตน...

       สีหน้าซีดเซียวปนยอกแสยงของมาเฟียหนุ่มทำให้อัลชาอ์ต้องก้มลงกอดจูบปลอบกระซิบ ปลายนิ้วเรียวที่สอดใส่เข้าไปทำความเคยคุ้นขยับเข้าออกช้าๆเพื่อสร้างอารมณ์หวามไหว และเมื่อดวงตาสีน้ำทะเลงดงามคู่นั้นหรี่ปรือลงด้วยแรงพิศวาสอีดครั้ง แก่นกายหนาจึงค่อยกดเข้าไปยังช่องทางร้อนอย่างช้าๆ...

      แม้จะไม่ดึงดันรุนแรง ทว่าชนาดที่แตกต่างกับนิ้วมากนักก็ยังทำให้ร่างเพรียวตัวสั่นระริก จุกเสียดเสียจนหน้าเขียว กว่าจะขยับผ่านร่างที่เกร็งแน่นมาได้ อัลชาอ์ก็แทบจะพ่นลมหายใจพรู แต่ก็ต้องอดกลั้นไว้ด้วยเพราะความรุ่มร้อนที่รัดรึงอยู่นี้ช่างเย้ายวนนนักจนไม่อาจจะปล่อยตัวปล่อยให้ใจไม่เพลิดเพลินกับมันได้

       ค่อยขยับ...ช้าๆหากแต่เสียงครางสั่นที่พยายามเก็บไว้ในลำคอของคาวัลโลก็ยังดังลอดออกมาจนน่าสงสาร เนื้อตัวสั่นเทาเป็นสีจัดของหนุ่มอิตาเลียนตรงหน้าน่าหลงไหลพอๆกับนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่หรี่ปรือมีหยาดน้ำใสคลอเอ่อ ริมฝีปากเม้มแน่นหากบางคราก็ต้องเปล่งเสียงครางวะหวิว ใบหน้าเหยเกบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดปนเสียวซ่านทั้งน่าสงสารหากแต่เย้ายวนนัก ชวนให้ขยับกายแทรกเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายลึกกว่านี้..ให้แสดงอารมณ์อันหลากหลายและใบหน้าที่ตนเองไม่เคยเห็นมากกว่านี้...เพื่อจะได้เก็บทุกมุมทุกความทรงจำตราประทับไว้ในหัวใจ  เพื่อจะได้รู้จักชายตรงหน้าในทุกแง่มุมที่ไม่เคยสัมผัส

    เสียงครางแผ่วหวานลอดออกมาจากลำคอบางแต่ก็ไม่อาจพ้นการรับรู้ไปได้ เสียงเนื้อเสียดสีกระทบกันคลอไปกับเสียงสมหายใจหอบสั่นและผ่าวร้อนของคนทั้งคู่ ยิ่งกดแทรกกายลึกเสียงหวานของมาเฟียหนุ่มตรงหน้าก็ยิ่งดังสะท้านเป็นห้วงๆ น่าฟังเสียจนกระทั่งผู้ใดผ่านมาได้ยินคงจะหน้าแดงวาบด้วยความอาย เสียงร้องผะผ่าวกระตุ้นให้บทรักยิ่งร้อนเร่าและทะยานไปสู่จุดหมาย ขาเรียวที่พาดลงบนไหล่หนาถูกรั้งสูงขึ้นเมื่อความรู้สึกยิ่งพุ่งทวีขึ้นสูงมากมายจนยากจะหยุด..

   "...อ๊าาา....ผม...อือ...อัล..ชาอ์.." เสียงร้องแหบพร่าสะท้านสั่นของคาวัลโลยิ่งเร่งเร้าให้เลือดในกายเดือดพล่าน ชีคหนุ่มกระโจนจ้วงขยับกายโถมเข้าหาช่องทางอุ่นร้อนที่รัดรึงกายของตนอย่างรุนแรงและรวดเร็ว นัยน์ตาสีนิลสบมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์รักอันยั่วเย้าของคาวัลโล วาลกัสเขม็ง ก้มกายลงไปแนบชิด เรียวปากทาบทับกดย้ำบนริมฝีปากบางที่สั่นระริกไหว..

      "...ฮื้อ!! " เพราะริมฝีปากถูกดูดดุนปลายลิ้นพัวพันกันแนบแน่นเสียงครางจากลำคอจึงออกมาไม่มากนัก หากร่างเพรียวที่สั่นระริกไหวสีหน้าสุขสมฉายชัดทำให้ร่างสูงของชีคแห่งเซเนียยากดกระแทกกายเข้าออกหนักๆย้ำลึกไม่กี่คราความรุ่นร้อนที่บีบรัดร่างกายของตนไว้ก็ทำให้หยดน้ำสีขาวขุ่นปลดปล่อยลงสู่ช่องทางร้อนได้ไม่ยาก..

      ".......คาวัลโล...คาวี่......." เสียงกระซิบผ่านลมหายใจที่หอบสั่นสะท้านไปทั่วร่างด้วยความสุขสมอันรุนแรงและสมปราถนา ช่างเด่นชัดจนทำให้ดวงตาสีน้ำทะเลที่ปรือปิดลงด้วยความอ่อนไหวเปิดขึ้นมาสบมองอีกครั้ง

         แววตาสีนิลที่เต็มไปด้วยความรักและความพึงใจทำให้มาเฟียหนุ่มยิ้มออกมาเพลียๆ คาวัลโลซุกตัวอ้อนร่างแกร่งที่ทาบทับ..ก่อนจะครางออกมาเบาๆยามที่ร่างสูงถอดกายออกจากร่างของตนช้าๆ..

      "...คาวี่? " สีหน้าของคนฟังฉายแววสงสัยรวมทั้งน้ำเสียงที่เอย แม้ดวงตาจะปรือปิดลงอีกครั้งแล้วก็ตามที..ทำให้ชีคหนุ่มยิ้มเอ็นดู

       "...ชื่อนี้ขอผมเรียกคนเดียวนะ.." ริมฝีปากหนาแตะลงบนผิวแก้มไล้ไปถึงกกหู ก้มกระซิบแผ่วเบา

       "..คุณตั้งให้ผม...? " น้ำเสียงที่ถามออกมาช่างแสนน่ารักจนอกจะยิ้มออกมาไม่ได้ อัลชาอ์พยักหน้ารับ กอดรัดร่างของมาเฟียหนุ่มแนบอกไม่ยอมปล่อย

       "...ใช่...คาวี่....ชื่อนี้ของผมคนเดียว..."อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าของเจ้าแมวน้อยที่บัดนี้สิ้นฤทธิ์ได้แต่นอนกระปลกประเปลี้ย นัยน์ตาหรี่ปรือและหอบหายใจเบาๆใต้ร่างของตน ใบหน้ายังคงเป็นสีชมพูจัดจากกิจกรรมที่ผ่านพ้น ริมฝีปากบวมเห่อเป็นสีแดงจัดจากจูบแนบแน่นไม่ยอมผละจาก เส้นผมที่เริ่มยาวขึ้นเเนบต้นคอเปียกชื้นด้วยเหงื่อ ทั้งน่ารักยั่วเย้าและน่าหลงไหลนัก

         "...อืม....." พยักหน้ารับก่อนจะหลับตาลงเมื่อริมฝีปากหนาทาบทับบนหน้าผาก คาวัลโลซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดแกร่งที่คว้าผ้าห่มมาคลุมร่างนัยน์ตาสีน้ำทะเลมองออกไปยังหน้าต่างบานใหญ่ที่ปิดไว้หากสะท้อนภาพสายฝนหล่นโปรยไม่ขาดสาย..

ตวัดสายตามองเสื้อผ้าที่ตกเกลื่อน ลำคอที่ว่างเปล่าชวนให้นึกกระหวัดไปถึงสร้อยกางเขนที่มักจะติดตัวอยู่เสมอ..

สิ่งนั้นเแป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ ซึ่งจะคอยเตือนให้เขาจดจำ"บ้าน" และตำแหน่งบอสที่ต้องการ

...นัยน์ตาหรี่ลงเล็กน้อยด้วยครุ่นคิดและความกังวลที่แล่นวาบ..หากสุดท้ายเขาก็ถอนหายใจ ปัดทุกอย่างทิ้งไปจากสมอง

   เมื่อทิ้งแล้วก็อาอาลัยอาวรณ์ ตัดสินใจแล้วก็อย่าได้หันหลังกลับ..ขอเรื่องของเขากับอัลชาอ์เป็นเรื่องแรกและเรื่องสุดท้ายที่คาวัลโลจะต้องมาเสียใจภายหลัง ต้องกลับหลังจากได้ปฏิเสธมันไป..

มาเฟียหนุ่มถอนหายใจเฮือก ก่อนจะตัดสินใจหลับตาลงและกอดแนบแผ่นอกแกร่งแน่นขึ้นเป็นการปัดทุกสิ้งออกจากห้วงคิด...ให้หัวสมองว่างเปล่า คิดออกแต่เพียงอ้อมแขนและชายที่กอดเขาอยู่เท่านั้น

      เปลือกตาที่เคยเปิดออกปิดลงแล้ว แพขนตาที่ทิ้งทาบลงบนผิวแก้มและลมหายใจยาวก็บ่งชัดว่าเขาจะหลับ หากแต่สัมผัสวาบที่กลางร่างกลับทำให้หนังตากระตุกถี่ยิก รู้สึกถึงฝ่ามือและปลายนิ้วของชีคหนุ่มไล้เล่นกระตุ้นส่วนกลางของร่างกายให้ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง คาวัลโลอ้าปากค้าง เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของชีคหนุ่มที่ยิ้มน้อยๆ...สบตาตนเองด้วยดวงตาหวานระยับ..หากแต่รอยยิ้มนั้นมันดูไม่น่าวางใจเสียเลย

      "...เอ่อ..อัล...ชาอ์...." ถึงขนาดน้ำเสียงตะกุกตะกัก แต่ชีคหนุ่มที่กำลังใช้ปลายลิ้นเลียไล้ใบหูของเขาและออกแรงขบเบาๆก็ไม่ได้หยุดการกระทำของตนเองแต่อย่างใด

     "...หืม? " รับคำพลางกดประทับรอยจูบลงบนต้นคอขาว ขณะที่ฝ่ามือป่ายปะยิ่งรุกเร้าหนักขึ้น

      " ไม่คิดบ้างเหรอว่าผมเหนื่อยน่ะ? ...แบบว่านอนเฉยๆไม่ดีกว่าเหรอ อ่ะ..เฮ้ย! " ร้องเหวอเมื่อร่างของชีคหนุ่มขยับคร่อมกายทาบทับพร้อมกับสองมือประกบฝ่ามือของตนแน่น คาวัลโลสบตาของชีคหนุ่มผูที่ยิ้มหวานมาให้อีกครั้ง แต่ก็เช่นเดิม..คือมันดูน่ากลัวมากกว่าจะน่าปลื้ม

       " ผมคิดมานานแล้วนะ.."อัลชาอ์กระซิบเสียงเบาพลางขบเม้มริมฝีปากแดงจัด ก่อนจะหันมาจ้องมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ฉายแววหวาดๆปนตกตะลึงเคอะเขิน

       " คิดว่าสักวันถ้าได้กอดคุณจริงๆ...จะ"เล่น"ทั้งคืนจนหมดแรงเลยล่ะ "

        "......" สิ้นเสียงกระซิบนั้นผู้ฟังก็ยิ้มค้าง อ้าปากหวอไปเสียแล้ว ยิ่งสบมองรอยยิ้มหวานและนัยน์ตาที่ฉายแววเอาจริงของชีคหนุ่ม คาวัลโล วาลกัส มาเฟียผู้อึดชนิดแมลงสาบยังชิดซ้าย และเผชิญอันตรายมานับไม่ถ้วน ก็ต้องเริ่มคิดถึงความปลอดภัยในชีวิตของตนเองเป็นอย่างแรก..

     หรือเขาจะเป็นผู้ชายคนแรกที่จะพิสูจน์ว่าทฤษฎี ตายคาอก น่ะมันเป็นจริง

        "....เอ่อ..ผมว่ามัน....อุ๊บ!! ...." จะขยับตัวหนีก็ช้าไปเสียแล้ว เพราะแค่อ้าปากพูดริมฝีปากคู่นั้นก็ตามมาประกบ คาวัลโลครางในลำคอเบาๆอย่างรันทดท้อ สายตาเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสี่ทุ่ม บ่งชัดว่า "เวลา"ในค่ำคืนนี้ยังอีกยาวนานนัก...

     ..นี่เขาเริ่มเสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้แล้ว...จริงๆนะ...

...............

        ในที่สุดเอ็นซีก็มาถึง  :laugh: :laugh: หลายคนคงชอบนะค่ะ อาจจะไม่มากมายเท่ากับที่รอคอยมานาน ปุ้ยไม่ถนัดเขียนประเภทบทโรมรันกันทั้งตอนจริงๆ
 แต่คงสังเกตได้ว่าอิคู่นี้ไม่มีใครยอมใครฮ่าๆ...คาวี่ฮีไม่เหนียมนะค้า ตามประสาหนุ่มยุโรป ถึงจะแอบๆอายบ้างไรบ้าง แต่โปรดสังเกตว่าไม่เคยเซย์โน...นอกจากตอนที่อัลชาอ์จะขอเล่นต่ออีกหลายๆรอบ หลายคนอยากให้อัลชาอ์จัดหนักปราบพ่อไฮยีน่าตัวนี้เสียหน่อย ตอนนี้คาวี่ก็กลายเป็นเหมียวตัวน้อยๆละ
    แอบเศร้านิดๆกับท่านชีค..แต่ก็ยังดีน่า...เพราะคำสารภาพของคาวี่มันใกล้เคียงกับคำว่ารักที่สุดล่ะ ถึงจะยังไม่ได้มาทั้งหมด แต่ก็ได้มากกว่าใครที่เคยผ่านมานะคะ (ปัดคู่หมั้นกิ๊กเก่า แฟนสาว เก้าลอเก้าออกไปให้หมด )
ช่วงนี้เป็นช่วงหวานๆ...คงหวานหลายตอนอยู่(มั้ง) เพราะถ้าไม่หวีดตอนนี้ก็ไม่รู้จะหวีดกันตอนไหนล่ะ เป็นท่านชีคคนดีกับคาวี่แมวเหมียวไปหลายๆตอนก่อน หวังว่ายังคงไม่เบื่อกันนะจ๊ะ
- ช่วงนี้เน็ตเน่าจนอยากจะร้องไห้ แต่งนิยายเสร็จมาหลายวันล่ะ เพิ่งได้เอาลงเฮ่อออออออ
ปล. วันนี้เค้าเอาแบดกายมาลงแล้วเน้อ
ปล.สอง ร้อนมากกกกกกกกอ้ากกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 27 : บทเรียนกับสายฝน 9/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 17-04-2011 14:13:54
จองๆๆๆ (กะจะปาดพี่โตด้วยไม่ทัน ชิ  :o12:)


************************************

 :jul1: :jul1: :jul1:

อ๊ากกกกกกกกก อุตสาห์รอตอนนี้มาตั้งนานพอตอนอ่านต้องอ่านไป หยุดพักไป (ไม่ไหวจริงๆหัวใจจะวาย)

ตอนนี้ที่สุดธาตุแท้ท่านชีคก็เปิดเผย ว่าจริงๆแล้วเค้าคนนี้น่ะ "หื่นมากกกกกกกก"

น่ารักเนาะเรียกกัน คาวี้ อ๊ายยย ไม่รู้จะพิมอะไร จะกลับไปอ่านอีกรอบ ฮ่าๆๆ

(แค่ตอนนี้พิมไปมือก็สั่นไป เพ้อมากกก **เวอร์ **)

รอตอนต่อไปนะค่ะ ต่อไปจะเริ่มมีบทสวีทแล้วใช่มั๊ย *คาดหวังๆ*

รอตอนต่อไปจ๊า าา สุขสันต์วันสงกรานต์ย้อนหลังด้วยน๊าาา :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: PAnppyJunJii ที่ 17-04-2011 14:26:25
วันนี้รอคอย  เอิ๊กกก   :oo1:

คาวี่  >//<


เข้ากับบรรยากาศตอนนี้มากกกก   so hot  สุดๆ

แล้วคาวี่จะทำยังไงต่อไปน้อออ 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: phung ที่ 17-04-2011 14:36:00
อร๊ายยยยยยยยยยย อ่านแล้วยิ้ม พอรู้ว่าจะหวานไปอีกหลายๆตอน ยิ้มยิ่งกว้าง
อ๊ากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 17-04-2011 14:54:25
"จะเล่นทั้งคืน"  หูยยย  หื่นนะยะ  เริ่มสงสารคาวี่แล้วล่ะตอนนี้  จะไหวมั๊ยเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 17-04-2011 15:05:31
รอมานานคู๋นี้
มันจะรักกันจริงๆแล้วใช่มั้ย
คาวี่ก้ เจอศึกหนักหน่อยนะหนู เล่นสัญญากับตัวเองไว้แบบนั้น
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 17-04-2011 15:08:37
คาวี่ของป้าาาา ในที่สุด... :jul1:

วันนี้ที่รอคอยยยย ..มันดีกันได้สักที!!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 17-04-2011 15:16:28
ฉากที่คาดหวังไว้สำหรับคู่นี้ เคยคิดว่ามันจะเอ็นซีกันยังไงว่ะ อุ้ยย เกินคาด แม่ยกคาวี่ปลื้มค่ะ  :กอด1:
คาวี่ยอมทิ้งอะไรหลายอย่างไปจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็แอบฮากับฉากขอคบ โห ท่านชีค จะให้คาวี่ทำต่อให้จบก็ไม่ได้  :laugh:
หวานหลายๆ ฉากนะ เรายินดีจ้า  :impress2: ตื่นมาไข้ขึ้นแน่ๆ เลย คาวี่เอ้ย ฮึฮึ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: cherry blossom ที่ 17-04-2011 15:25:43
ในที่สุด!!  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: aeyja55 ที่ 17-04-2011 15:26:48
เย้ ในที่สุดคาวี่ก็โดนซะที  :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 17-04-2011 15:33:36
คุ้มค่ากับการรอคอย

ซับๆๆ เลือดกระเด็นเปื้อนคอม :haun4:

 " คิดว่าสักวันถ้าได้กอดคุณจริงๆ...จะ"เล่น"ทั้งคืนจนหมดแรงเลยล่ะ "  >>> กรี๊ดดด :-[


ขอบคุณมากๆค่ัะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 17-04-2011 15:42:40
ปลื้มค่ะ ปลื้ม  :o12: คาวี่น้อยในที่สุด
ก้อเปิดใจ ดีใจคร่า :กอด1:


ปล เค้าจะหาผุชายแบบท่านชีคได้ที่ไหนคะ คุณปุ้ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 17-04-2011 15:46:47
 :m1: :m4: :m11: :m3:
 :mc4: :m25:
สุดยอดดดดดดดดดดดดดด
วันนี้ที่รอคอยยยยยยยยยย :mc4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 17-04-2011 15:57:36
รักกันแล้วๆ >///<  แต่เช้ามาคาวี่จะลุกขึ้นไหมเนี่ย โฮกกกก
แต่เป็นโรคพารานอยด์อะไรสักอย่าง ที่เวลาพอมีความสุขมากๆ กลัวว่าจะมีดราม่าตามมาซะงั้น (ฮ่าๆ)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 17-04-2011 16:00:07
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: MoPPeT ที่ 17-04-2011 16:05:28
คาวี่น่ารักไปไม๊???

สมใจทั้งอัลชาร์ทั้งคนอ่าน กรี๊ดดดดดดดดดด :m10:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: วิหคท่องนภา ที่ 17-04-2011 16:12:44
 :laugh:หื่นสุดๆเลยท่านชีค ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 17-04-2011 16:28:21
วู๊ววว วันนี่ที่รอคอยจริงๆน้า มีความสุข อิอิ แหมๆ แต่เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าท่านชีคเก็บกดมานานแล้ว กร๊ากกกกกก ทั้งคืนไม่ว่าหรอก แต่ถนอมหนูคาวี่ดีๆน้า เดี๋ยวช้ำหมด อิอิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Mileson ที่ 17-04-2011 16:37:29
เย้..ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง :z1:...จากนี้ไปขอแบบหวานๆแบบนี้อีกนะ :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 17-04-2011 17:17:21
 :mc3: :mc3: ในที่สุดก็มาถึงตอนนี้ซะที

 ว่าเเต่เสียดายอ่าา  ท่านชีคไม่น่ไปาแย่งพ่อหนุ่มอิตาลีเค้าสารภาพรักเลยอ่ะ ท่าออกจะโรแมนติก  :laugh: :laugh:


อืมมม ยังไงก็ขอตอนของท่านชีคคนดีกับน้องเหมียวคาวี่นานๆ หนาอยได้มั๊ยค่ะ อย่าเพิ่งเปลี่ยนโหมดเร็วเลยน้าาา แบบว่าเรายังไม่อยากซดมาม่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 17-04-2011 17:26:12
กรี๊ดดดดด
ในที่สุดก็มาถึงวันนี้สักที :m25:
อัลชาร์นี่ร้ายและแรงจริง! หึหึ :z1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 17-04-2011 17:59:54
และแล้วก็ถึงเวลาที่การรอคอยของเดี๊ยน สิ้นสุด
แหม แหม แหม ว่าจะ "เล่น" ทั้งคืน หาอะไรมาโด๊บหน่อยดีมั้ย อัล แรงจะได้ไม่ตก
สมใจอยาก มากๆ ชอบบบบบบบบบบบบบบบอ่ะ
คาวี่  ซบ อยู่กับอัลน่ะ ดีแล้ว อย่าไปไหนอีกนะ
รักกันยั่งยืน
.........................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 17-04-2011 18:44:58
มาทีหลายตอนเลยนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 17-04-2011 19:17:11
 o22
" คิดว่าสักวันถ้าได้กอดคุณจริงๆ...จะ"เล่น"ทั้งคืนจนหมดแรงเลยล่ะ "

โอ้โห! ช่างคิดนะพ่อคุณ...จะเล่นทั้งคืน....หึหึ
 o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 17-04-2011 19:18:11
ปรับความเข้าใจกันได้ร้อนแรงยิ่งกว่าอากาศบ้านเราตอนนี้อีกน๊าอัลซาร์กับคาวี่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 17-04-2011 19:50:27
ฆ่ากันเลยดีกว่าหวานเกิ้น....กร๊ากกกกกกก  :pighaun:

ปล.สุขสุดๆ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: lolilo ที่ 17-04-2011 20:09:51
อ่านซ้ำไปสองรอบเพื่อย้ำว่าฉากที่เราหวังไว้เนี้ย เรื่องจริง กรี๊ดๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 17-04-2011 20:19:06
กรี้ดดด  วันนี้ที่รอคอย  ตอนนี้คาวี่น่ารัก เจี๋ยมเจี้ยมมากค่ะลูก :impress2:
แหมนะ อย่างงี้อัลชาห์ก็สมใจไปเลย  ก๊ากกกกกก :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 17-04-2011 20:20:45
เรียกว่าเอาคืนก็ไม่ผิดสินะ...อัลชาอ์ :laugh:
ท่าทางจะหวาน แต่ว่าดูขมๆชอบกลนะคะเนี่ย สงบก่อนพายุเข้ารึเปล่าคะ?
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 17-04-2011 20:21:09
เชียร์ท่านชีคให้มัดคาวี่ไม่ให้หนีไปไหนได้อีก

+1 ให้น้องคาวี่ซึ่งคาดว่าเช้ามาอาการจะหนัก 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 17-04-2011 20:40:49
คาวี่ คงต้องเจอชุดใหญ่เลยอะนะ

กว่าจะลงเอยกัน เล่นเอาเควี่เกือบจะเสียโฉม ท่านชีดเกือบจะถอดใจกันเลยทีเดียว

รักกันนานๆอย่าให้ใครมาเป่าหัว รือ เปาหูได้นะจุ๊บๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 17-04-2011 20:42:20
 :m25:  :m25:

เล่นเอาซ่ะเลือดที่เตรียมมาเกือบไม่พอ  :jul1: :jul1:

เดี๋ยวจะมีหวานอีกหลายตอนเหรอเนี่ย :impress2:
บู๊กันมานานหลากหลายตอนเข้าช่วงหวานซ่ะที
ให้ชีคเราได้รดน้ำให้หัวใจของฮีมั่งก็ดีน่ะ
เพราะหัวใจเกือบขาด พังทลายมาหลายตอนเหลือเกิน :laugh:

 o13 :L2:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 17-04-2011 21:01:19
กรี๊ดดดดดดดดด คาวี่(เรียกได้เปล่าหว่า เดี๋ยวโดนท่านชีคเก็บ) ท่านชีค ขรา ชอบมากตอนที่คาวี่ตวาดอะ เออดีจะได้จบๆ กร๊ากกกก น่าสงสารนิ เเต่ก็หวานดี โอเคเลยต่ะ ปุ้ย น่ารักมากอะ เเต่เเอบฮา ตรงคนที่จะพิสูจน์ทฤษฎี "ตายคาอก" กร๊ากกกกกก   บวกหนึ่งค่ะ นี่มาถึงครึ่งเรื่องยังคะ เหอๆๆ เเบบว่ารอลุ้นจะได้กะเวลารวมเล่มน่ะค่ะ  กอดๆๆๆ  :กอด1: ชอบตอนนี้มากมาย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 17-04-2011 21:10:27
  อ่ะหุ  ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ได้หละเนี่ย  ตอนแรกนึกว่าหลังจากเศร้าแทบตายนู๋คาวี่จะฮึดหาทางกลับบ้าน 
  ที่ไหนได้กลับมาอ้อนอัลซาล์ซะงั้น  อ่านตอนนี้แล้วแบบว่าเลือดหมดตัวจริงๆ  :m25: :m25:
  เห็นมุมที่อัลซาล์ลามกแล้วแอบสงสารคาวี่เล็กๆแหะ :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 17-04-2011 21:18:35
 :jul1: :jul1: :jul1:


จมกองเลือดตาย เลยอ่ะค่ะ 555+

แบบ อ็ากกกกก ฉากนี้ ขอรีเศวส บ่อยๆ เลยน่ะค่ะ 555+

โอ้ย อ่าไปหยุดไปแบบ โหแต่งได้หวาบหวานสุดๆ 555+

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: BlueFaith ที่ 17-04-2011 21:45:56
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด สุึดยอด  o13

พรุ่งนี้ตื่นมาคงฟ้าเหลืองด้วยกันทั้งคู่ 555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 17-04-2011 21:47:51
คาวี่ คาวี่ คาวี่ <---เค้าเรียกได้มะอ่า

อัลชาร์ อัลชาร์ อัลชาร์

เอาอีก เอาอีก เอาอีก

เอิ๊กๆ   :o8: :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 17-04-2011 22:11:26
อร๊ายยย ยยย ย /////
ตอนนี้มีหลายอารมณ์ทีเดียววว ฮ่า ๆๆๆ
ตอนแรกๆนี่อึมครึมนิดหน่อย แต่คาวี่น่ารักอ่ะ
ตอนกลางๆนี่โฮ จะทะมึนไปไหนนน น เครียดๆ
ตอนท้ายนี่  :m25: อย่างสงบ ฮ่า ๆๆๆ
อ่านไปกรี๊ดไปค่าา า ตอนแรกที่อ่านถึงตอนไปที่เตียง ตบหน้าตัวเองทีนึง ไม่ได้ฝันใช่ป่ะ??? (ฮาา)
ต่อมาก็เริ่มกรี๊ดกร๊าดด แอร๊ย ๆๆ  ฉากนี้ที่รอคอยจริงๆเลยยยย

จัดเต๋มไปเลยจ้ะอัลชาอ์ขา ฮ่า ๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 17-04-2011 22:15:51
โหยยยยยยยยยยย
อยากบอกว่าเหนือความคาดหมายมากเลยนะฮะ ไม่คิดว่าจะมี เอ็นซี หรอกนะ
....ตอนนี้พยายามข่มอารมณ์ 555 มันสวดยอดมากเลยคร่าคุณ
ในที่สุด พวกเค้าก้ได้รักกันเสียที น่ารักเป็นบ้าเลยอ่ะ คาลอ่ะ อัลชาห์แอบหื่น(หื่น ๆ ดี...ชอบ!! กร๊ากก)

รอตอนต่อไปนะคร๊าบบบบบบ ดีใจเป็นบ้าเลย~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 17-04-2011 22:19:00
ชอบบบบบบบ
ในที่สุดก็.. ฮุฮุ  :impress2:  :o8:
ที่แท้ชื่อคาวี่ก็มาจากชีคนี่เอง แหม๊ คิดนานรึป่าวคะเนี่ย น่ารักเชียวว
แต่แบบนะ ทั้งคืนเหรอ  :z1:
จะหวานอีกหลายตอนน เจ๋งค่ะ แค่คิดก็อยากอ่านแล้วว  :-[
ชอบคาวี่ตอนเป็นแมวเชื่องๆจัง น่ารักมากค่ะ ให้ทำไรก็ทำหมดเลยย 55

รอต่อนะคะ ชอบเรื่องนี้ที่สุดเลย  :m3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 17-04-2011 22:19:58
ตอนนี้น่ารักมากกกก เอ๊ะหรือว่ามีฉากที่รอคอยมันถึงน้ารักเป็นพิเศษอย่างนี้

ขอให้น่ารักไปอีกหลายๆตอน แล้วจากนั้น

อยากจะให้คาวี่(ของอัล)ไปยิงปืนแสกหน้าลุงให้หน้าหงายไปเลย

แค้นแทนวุ้ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 17-04-2011 22:50:59
 :m25: :m25:  :m25:น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 17-04-2011 23:38:08
ในที่สุดก้ได้กันน



ขอบอกคำเดียว 55555555555555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 17-04-2011 23:38:27
น่ารัก ซับเลือด

อร๊ายยยยยยย มีสามีเปนตัวเป็นต้นแล้ว แมวเหมียวของเรา

กรี๊ดดดดดด อัลก็หื่นได้ใจ หื่นมากกกกกกกก  :pighaun:

+ 1 จร้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 18-04-2011 00:25:15
โอยยย เลือดแทบหมดตัว :jul1: :jul1: หวานแล้วก็มาร้อนแรง อู้ยยย ถูกใจเหลือเกิ๊น  :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 18-04-2011 00:26:41
เหมียวคาวี่น่ารักม้ากกกกกกกกกกกกก....โฮกกกกกก....>.<
ชอบให้เป็นเหมียวขี้อ้อนแบบนี้จังเลยคะ....
อย่าเพึ่งรีบคืนร่างเป็นมาเฟียเลยนะ...55+
ชอบตอนคาวี่บอกว่าจะพยายามเป็นคนรักของอัลชาอ์ให้ได้..ได้โอกาสแล้วก็พยายามเข้าเน้อ...^ ^
อัลชาอ์ก็น่ารักมาก...คิดล่วงหน้าไว้นานขนาดไหนเนี่ย...555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: l2ozen ที่ 18-04-2011 00:45:59
อัลซาร์หื่น มีการเคยคิดซะด้วย

สงสารคาวี่ ครั้งแรกก็ทั้งคืนซะแล้ว
 :jul1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 18-04-2011 00:53:17
และแล้ววันนี้ก็มาถึง :m25:

ในที่สุดคาวี่ก็เสร็จท่านชีคจนได้ :z1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeit ที่ 18-04-2011 01:30:53
ตอนนี้หวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนมาก

สมใจอยากที่รอมากนาน

กว่าจะ(เกือบๆ)ลงเอยกันได้ ลุ้นแทบแย่

ชีท หื่นมากกกกกก คาวี่เอ๊ย แกจะรอดไม๊เนี้ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Indigo ที่ 18-04-2011 02:24:58
อ้างถึง
"...ผมรักคุณ...คาวัลโล..."

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :m25:
ผู้ชายแบบท่านชีคหาได้อีกที่ไหนคะเนี้ย โอ๊ยยยยย...คนดีที่1อ่ะพ่อคุณ!!!!!
ตอนนี้หวานจนมดขึ้นเลยค่ะ  อ่านไปลุ้นไปมันจะลงเอยกันมั้ยเนี้ย....สุดท้ายก็มีวันนี้
ขอเก็บเกี่ยวความหวานให้เต็มที่นะคะ  คาดว่าดราม่าอาจะมาอีกระลอกแน่ๆ แต่ตอนนี้ขอยิ้มจนแก้มแตกก่อนนะคะ ฮ่าๆๆๆ

รอตอนหน้าค่ะ  สวีทจนน้ำตาลขมไปเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 18-04-2011 02:29:48
วี้ดวิ้ววววววววววววววววววววว ปิดซอยฉลองเลยดีกว่าแบบเน้  :jul1:
ตอนอ่านว่ามีอิง มีซบกันก้นะ  :a5: นั่งลุ้นมากว่ามันจะสวีทวิ้ดวิ้วกิ๊บกิ้วกันได้ถึงไหนฟร่ะอีคู่นี้
พอถึงฉากน้านนนน ต้องรีบหยิกแก้มตัวเองทันทีทันใด โอ้ว ตรูไม่ได้ฝันไปใช่ม๊ายยย เค้า  :oo1: กันแร้ววววว
คาวี่น่ารัก น่าฟัด ที่ซู้ด  :z1: จะเป็นแมวเหมียวน้อยให้พ่อสิงโตขย้ำอีกหลายๆตอนเลยก็ได้ค่ะ เรายินดีรับชม  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 18-04-2011 03:14:00
อ่านตอนแรกบทโศรกมา แต่หลัง ๆ อ๊ากกกก หวานได้นะคะ
เลยอ่านทวนไปซะ 55 5 ทั้งคืนเลยรึ ๆ จะดีหรออออ อ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 18-04-2011 10:28:06
คาวี่.........น่าร๊ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 18-04-2011 10:38:46
มาแบบนี้ มีกำลังใจอ่านอีกเพียบเลยจ้า
ยิ่งน้องปุ้ย มาโปรยว่ายังหวานๆ ต่อ
ก็ยิ่งอยากอ่านแล้วอ่ะ

 :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 18-04-2011 11:05:31
คาวี่.....นี่ขนาดแค่คบเป็นแฟนแล้วยังไม่ได้รักเค้านะเนี่ย :m20:
ตายแล้วว แต่ก้ชอบนะ :z1: :m25:
อัลซาร์หวานและหื่นมาก คาวี่น่ารักก
 :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 18-04-2011 12:48:32
ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง ฮ่า ฮ่า ฮ่า  :laugh: :laugh: :laugh:


ชอบจังแมวป่วยขี้อ้อนเนี่ย ตอนนี้คาวี่น่ารักสุดๆ  :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Saffron ที่ 18-04-2011 13:03:43
คบกันแล้วว แต่ยังไม่เลิฟเลยยยอ่ะ
-3-



เห้อออ อ่านแล้วก็ยิ่งสงสัยท่านชีค ท่าทางต้องเจออะไรอีกเย๊อะ
กว่าจะได้รักกันจริงๆ

ปล.ขอเรียกว่า "คารวี่" ด้วยคนนะ 55555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: TO.EYEz ที่ 18-04-2011 14:31:03
การี๊ดดดดดดดด กว่าจะได้มาตามอ่าน อยากบอกว่าคอมมันบ่จิ๊(?)มาก
ตอนนี้อาศัยจิ้มมือถืออย่างลำบากลำบน T^T
โอ๊ยยย คือตอนนี้มาแบบน่ารัก น่าข่มขืน น่าปล้ำ  :z1:
เพิ่งจะรู้ว่าคาวี่นี่มัน.... อ๊ากกก (ซับเลือด) ร้อนแรงจริง อะไรจริง หุหุ
อ่านะ.. "คาวี่... ชื่อนี้เป็นของผมคนเดียว" แอร๊ยย ไม่จริง ไม่ให้ ไม่ได้นะที่รัก
 :serius2:ชื่อน่ารักน่ากินแบบนี้ต้องแบ่งกันกินแบ่งกันใช้เฟ้ย
ปล.ตอนนี้แซ่บสะเดิดมากฮ่ะ (ยกนิ้ว แอร๊ยย)
เหนื่อยจัง จิ้มจนกล้ามขึ้นเป็นมัดละ :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 18-04-2011 17:21:02
เป็นปลื้มมมม!!!! :sad4:
ค่อยยังชั่วหลังจากที่เครียดมาหลายตอน...หรือจะบอกว่าเกือบทั้งเรื่องเลยดีล่ะ
หลาย ๆ ตอนได้เลยค่ะ...ชอบคาวี่โหมดแมวขี้อ้อน  :o8:
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีกหลายตอนข้างหน้า...ก็ขอให้อัลดูแลและเชื่อใจคาลด้วยนะ ยิ่งชอบคิดอะไรในแง่ร้ายอยู่ ในขณะที่คาลก็ตรงจนไม้บรรทัดยังอาย...แต่ชอบนะ ไม่รักก็บอกไม่รัก แต่เลือกใช้คำว่า จะพยายามรัก แทน...ความรู้สึกมันอาจใช่แต่ถ้ายังไม่แน่ใจหนูคาวี่แค่ไม่อยากล้อเล่นกับความรู้สึกของใครทั้งที่ยังไม่แน่ใจหัวใจตัวเองแค่นั้นเอง   o13

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 18-04-2011 18:16:48



     อ้ากกกกก ตอนนี้คาวี่น่ารักอ๊ะ มีหวาน มีอ้อนด้วย
      :-[  :-[  :-[
     
     ในที่สุดความพยายามของอัลชาก็สัมฤทธิ์ผลสินะ หลังจากเจ็บหนักไปหลายยก ก็เลยต้องเอาคืนหนักๆหลายๆยกงั้นสิ หึๆๆ
     แต่ไอ้ที่ว่าขอให้ชื่อมีไว้ให้ตัวเองเรียกคนเดียวน่ะ สายไปซะละ พ่อยกแม่ยกหนูคาวี่ทั้งบอร์ดเรียกกันหมดแว้ววว



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 18-04-2011 19:13:35

 :oo1:




ในที่สุด ฉากที่รอค่อยก็มาถึง    :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:


ท่านชีคครับ  จับคาวีฉีดยาเยอะๆๆ เลย จะได้หายป่วยไวๆๆๆ 



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 18-04-2011 21:12:16
อยากจะแซวทั่นชีคอยู่นะ
"คาี่วี่" น่ะ พวกเราเรียกกันก่อนแระ คริๆ
กลับบ้านที่กระบี่มา กลับมาเจอบทนี้เข้าไปก็ต้องบอกว่า
ร้องไห้ตามคาวี่เพราะความกดดันที่ได้รับเหมือนกัน
ก่อนหน้าี่เพราะเจอกับหลายเรื่อง อารมณ์เลยค่อนข้างอ่อนไหว
แต่พอเคลียร์ความรู้สึกแล้วก็คงจะดีขึ้นแล้วเนอะ คาวี่
+1 ให้นะคะ่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 19-04-2011 00:08:52
หุ หุ หุ
ไม่ได้อ่านซะนานเลย
มาอ่านอีกที่ก็อืม..หลากหลายอารมณ์มาก
แต่ที่ดีใจที่สุดคือพระเอก-นายเอกรักกันแล้ว
เฮ้อ...ลุ้นมานาน  รักกันได้ซะที
แล้วเรื่องที่แก็งค์จะเป็นไงต่อเนี่ย
ลุ้นตออีกและ ...

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 19-04-2011 05:53:41
 :pighaun: สุดยอดดดดด เลือดแทบหมดตัวกันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ
ในที่สุดทั้งคู่ก็คบกันแว้ววว รอเวลานี้มานาน ฮุฮุฮุ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: love_y ที่ 19-04-2011 16:01:00
ท่านชีคเรียกได้คนเดียวซ่ะที่ใหน เราก็เรียกคาวีนะ 555
อ่อยยยย เลือดหมดตัวแล้วววววว เป็นเอ็นซีที่กินกันไม่ลงจริงๆ
แต่ยกนี้ ให้ท่านชีควินนะคะเพราะชั่วโมงบินเค้าสูงกว่าคาวีจริงๆ
แต่ ไม่นานเกินรอ คิดว่าคู่นี้คงวินวิน 555 ก็คาวีนะใช่เล่นซ่ะที่ใหน
กร๊ากกกกกกกกกก ขอบคุณสำหรับNCที่รอมานานนะคะ :z1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: kumaichill ที่ 19-04-2011 18:08:12
อิ อิ อิ ปรับความเข้าใจเคล้าน้ำตาเสร็จ
ท่านชีคก็หื่นเลย :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 19-04-2011 19:23:47
หลังจากซดดร่าม่ามานาน  ก้อถึงฉากที่รอคอย กริ๊ด อัลซาลหื่นจริงๆสงสัยเก็บกดมานานเเล้ว หนูคาวี่เลยโดนเล่นทั้งคืนเเน่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 19-04-2011 20:19:51
หวานมาก สมกับที่รอคอยจริงๆ
กด+ให้จ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Gasil[+] ที่ 19-04-2011 20:26:34
ในที่สุดก็หวานกันสักที T T

ฮือๆ...อิจฉา+ดีใจ หลังจากร่วมเครียดกับคาวัลโลมาตั้งนาน
(อยากเรียกคาวี่นะ แต่กลัวท่านชีคอ่ะ = ='')555+

ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆมาให้อ่านนะค่ะ
 :pig4:
สมกับที่รอคอย เข้าใจกันแล้ว :กอด1:


 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 19-04-2011 22:20:51
แบบว่า เป็น NC ที่สนองความต้องการของอัลชาร์
แต่สร้างความสยองให้ คาวี่รึเปล่าคะ  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: *~LPCM~* ที่ 20-04-2011 14:58:30
          สวัสดีงามๆ ค่ะไรเตอร์ ต้องออกตัวก่อนเลยว่าเป็นแฟนเรื่องนี้มาตั้งแต่อัพถึง Line ที่ 13 บอกตามตรงว่าที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ ก็เพราะ ปกติเราอ่านเรื่องอื่น แล้วคิเกียดเข้ามาเช็คหน้า ชอบที่จะให้พี่กู(เกิ้ล)ช่วยหาให้มากกว่า แต่ก็เพราะด้วยความที่ชอบให้พี่กู(เกิ้ล)แกนี่ล่ะค่ะ ถึงได้เจอว่าชื่อเรื่องนี้ มักขึ้นท็อปเสิร์ชของพี่กูแกเสมอ ด้วยความว่าชอบประเทศทางตะวันออกกลางและยุโรปตะวันออกอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นชื่อเรื่อง “กุหลาบทราย” เท่านั้นก็คลิ๊กเข้ามาแบบไม่คิดชีวิตเลยค่ะ
          แล้วที่ว่าตามอ่านมาตั้งแต่อัพถึง line ที่ 23 แต่ดันมาเม้นเอาตอน Line ที่ 28 นี่มันยังไง?
   เรื่องของเรื่องมันก็มีอยู่ว่า ตอนที่ตามอ่านเรื่องนี้เราก็อยู่ในช่วงอ่านหนังสือสอบไฟนอลเมื่อเทอม 2 ของปีที่แล้ว ด้วยว่าไหนจะอ่านหนังสือสอบ ไหนจะปั่นงานส่งอาจารย์ ไหนจะ บลาๆๆ พอสอบเสร็จก็ดันมีคอนเสิร์ตของที่รักเข้ามาให้ดูได้ไม่หยุดหย่อน แถมต้องกลับไปรายงานตัวกันท่านคุณแม่ที่บ้านที่ต่างจังหวัดอีก พอมารู้ตัวอีกทีก็ใกล้จะเปิดเทอมซัมเมอร์แล้ว ว่ะฮ่าๆ แล้วก็ตามมาด้วยคอนเสิร์ตของที่รักอีก โอ้ววว~~~ มันเหนื่อยได้ใจเลยซาร่า ไปๆมาๆ ก็มาถึง line ที่ 28 โฮกกกก กินเวลายาวนานร่วม 2 เดือน
   อยากจะบอกว่าเรื่องนี่เป็นนิยายเรื่องแรกที่เราดั้นด้นเอาไปปริ๊นต์(ฟรี)ที่คณะ เพื่อที่จะได้เอากลับไปอ่านที่บ้านตอนช่วงที่กลับไปรายงานตัวกับท่านคุณแม่ นี่ขนาดว่าปริ๊นต์เป็น 4page ใน 1 A4 ทั้งหน้าและหลังแล้วนะคะ ยังปาเข้าไปร่วม 50 แผ่นได้ โฮกกก แต่ขอบอกว่าเป็นนิยายที่อ่านแล้วสนุกมากๆเลยค่ะ เพราะส่วนตัวแล้วชอบเรื่องที่เป็นแบบ แมนชนแมนน่ะค่ะ แบบไงอ่ะ มันสะใจดี :laugh3: :laugh3:
          แต่โชคดีก็เข้าข้างเมื่อมาถึง line ที่ 28 แล้วก็ได้เจอก็ช็อตเด็ดกันเลยทีเดียว จะบอกว่าเรื่องนี้อ่านไปแล้วไม่ค่อยจะสงสารใครเท่าไหร่ แต่ถ้าจะก็คงสงสารอเล็กคนน้องอ่ะค่ะ ดูเป็นคนที่มีอะไรที่ชอบเอามาคิดมาก(ไปเอง)คนเดียวเยอะแยะไปหมด ยิ่งฝ่ายคนพี่ต้องมารับภาระแทนไอ่คุณน้องตัวแสบแล้วด้วย คงไม่ต้องพูดถึง เค้าคงมีอะไรให้คิดมากขึ้นไปอีก โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ~~~~
   ตัว(ประกอบ)ละครที่ชอบก็เห็นจะมี...
          -   สเตฟาโน่ ที่แบบมาเฟียหล่อเลวได้ชอบได้ใจ(แอบเชียร์ให้ไรเตอร์แต่งคนนี้ต่อแบบเป็นภาคต่อด้วยนะคะ) จะขอเป็นแฟนตัวยงเลยค่ะ
          -   อเล็กพี่+น้อง น่ารักมากเลยค่ะ ชอบเวลาที่เค้าได้อยู่ด้วยกัน ดูเป็นอะไรที่ไม่มีใครได้เห็น แม้มันจะเป็นความรักที่ต้องห้ามก็ตาม(ว่าจะตามไปอ่านอีกเรื่องที่ไรเตอร์แต่งด้วยค่ะ ชอบดราม่าๆ ยิ่งเยอะยิ่งชอบค่ะ แบบว่าแอบซาดิสนิดๆเหมือนกันนะเนี่ยเรา)
          -   ฮาซาล ชายหนุ่มองค์รักษ์พิทักษ์นาย(ในใจของชีค) แบบถึงจะมีบทบาทไม่มา แต่มาแต่ละที เล่นกรี๊สสลบไปเลยค่ะ
         
          ได้ฤกษ์พูดถึงคู่หลักซะที (หลังจากเวิ่นเว้อไปไหนตั้งนาน) คือเรื่องของเรื่องเลย เราชอบอ่านความคิดของตัวละครน่ะค่ะ แบบมันมีอะไรที่น่าสนใจดี อีกทั้งทั้งคู่เป็นคนเก่ง ฉลาด มีความสามารถด้วย ยิ่งทำให้ชอบและรักเรื่องนี้มากๆ เลยล่ะค่ะ เราเองก็มีพี่ที่ตามอ่านฟิคในเล็แนะนำไปหลายคนอยู่ (แอบขอค่าโฆษณาจากไรเตอร์) ชอบตอนเวลาที่คาวี่มันจะคิดอะไรแพลงๆ เพื่อที่ตอบกลับคนที่มาเล่นงานตนเองได้เจ็บแสบมากกกก สะใจๆ  :laugh3: :laugh3: แอบเข้าข้างคาวี่มากกว่าท่านชีคนิดหน่อย เพราะน้องมักจะมีเหตุผล(แบบโง่และเห็นแก่ตัว)มาอ้างต่อความรู้สึกของตัวเองเสมอๆ ในขณะที่ท่าชีคมักจะเลือกที่จะอะไรตามความต้องการของตนเองเสมอ ถึงแม้มันจะมีเหตุผลที่ฟังได้มารองรับการกระทำนั้นได้ก็ตาม แต่ถ้ามองดูดีๆ ท่านชีคมันจะให้ความรู้สึกมานำหน้า ในขณะที่น้องมักจะให้อารมณ์ช่วงวูบ ก็ต่างกันไปคนละแบบ แต่สุดท้ายทั้งสองก็มีเหตุผลเป็นของตัวเองทั้งคู่นะคะ คริคริ
   ฝากถึงไรเตอร์ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ เรื่องที่ทำให้เราได้มาเม้นอะไรไร้สาระยาวๆ ในกระทู้ของไรเตอร์ ขอบคุณที่มาร่วมแชร์สิ่งๆ ให้แก่นักอ่านทุกคน ขอบคุณที่อัพเดตเรื่องราวในชีวิตส่วนตัวให้นักอ่านได้ติดตามรับรู้ความเป็นไปและตัวตนของไรเตอร์ และอีกมากมายสำหรับคำขอบคุณที่ออกมาจากใจของนักอ่านคนนี้
   สุดท้าย ขอสัญญาว่าจะตามอ่านนี้ไปตลอดจนกว่าจะจบคร่าาา จะอ่านแค่ไหนก็รอ เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ต่อสู้กับเน็ตที่บ้านต่อไปเพื่อนักอ่านอย่างพวกเรานะคะ ไรเตอร์ ไฟติ้ง!!!


         
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: anuyasha ที่ 20-04-2011 17:38:22
ไำม่เบื่อแน่ๆ ><!!!!!!!!!!
ให้คาวี่ได้เป็นแมวน้อยไปนานๆ 55555

น่ารักมากอ้ะะตอนนี้ ชอบค่า ><
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: BlueFaith ที่ 22-04-2011 21:57:47
ไรเต๊อร์รรรร.....

ยังรอคอยมาเฟียหนุ่มคาวัลโลฟื้นคืนชีพโหมดโหดๆๆๆ อยู่น๊าาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 23-04-2011 00:34:46
มาเม้นให้อีกรอบ
อยากเห็นคาวี่ขอโทดฮาซาล อยากรู้ว่าจะขอโทษแบบไหน
และทำยังไง อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeit ที่ 23-04-2011 01:07:18
รอน้ำตาลเชื่อมมมมมมมมาให้ชิม

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: keztudio ที่ 23-04-2011 12:21:55
หลังจากติดตามอ่านมานาน ในที่สุด .. T^T

ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องดีๆจ้า

หวั่นแต่ตอนหน้า ..

คงไม่เศร้านะ >w<
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 23-04-2011 13:30:00
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 24-04-2011 02:08:39
เข้ามารออออ อ คาวี่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: liptudzii_chi ที่ 24-04-2011 22:43:55
 :o8: สุดท้ายก้อลงเอยกันสักที เนื่องจากรอ มานาน อิอิอิ  :L1: รักนะค่ะเรื่องนี้งะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 25-04-2011 00:42:29
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 25-04-2011 01:04:54
 :z3: :z3:
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 25-04-2011 09:30:29
อาทิตย์นี้ ทำไมยังไม่มาอิกคร๊าบบบบบบบบบบบบบบ
คิดถึงจะตายแล้วน้า......
มาต่อทีเถอะคร๊าบบบ~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Rawint_PK ที่ 25-04-2011 12:50:30
ก็..เรื่องความอึดความทน
ก็ต้องยกให้พ่อหนุ่มอาหรับเขาล่ะ...
อย่าให้ต้องออกลาย...
ไม่มีท้อแน่นอน..
หุหุ
คาวี่เอ๋ย
ทำใจซะเถอะลูกพ่อ...
ระบมยังน้อยไป
+555
สะจายเจงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 25-04-2011 17:47:33
Line : 29  ความจริงในเรื่องลวง

    เปลือกตาหนักอึ้งยังไม่อยากจะลืมขึ้นมา อาการปวดหนึบทั่วร่างที่ปรากฏขึ้นให้ต้องครางพ้อออกมาเบาๆ พยายามขยับกาย แต่พบว่าร่างกายของตนยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรง อยากนอนต่อสัมผัสนุ่มๆแต่เปียกชื้นของบางสิ่งกระทบกับผิวแก้มเบาๆ ทำให้คนอยากพักผ่อนครางฮือ คาวัลโลยกมือปัดป้องเจ้าสัมผัสรบกวนนั้น ทว่าก็รู้สึกถึงฝ่ามือที่กำแขนของเขาไว้ พร้อมกับลมหายใจอุ่น แนบชิด...

     เสียงสายฝนโปรยปรายตกกระทบหลังคาเป็นสิ่งแรกที่ได้ยินชวนให้รู้สึกสดชื่นไม่น้อย นัยน์ตาสีน้ำทะเลปรือขึ้นมาอย่างง่วงงุน แต่ก็ทนเฉยกับการรบกวนไม่ไหว หากพลันสิ่งที่พบเมื่อลืมตาขึ้น กลับเป็นวงหน้าคมคายที่แสนคุ้นตาของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยากำลังแนบชิดกับใบหน้าของเขาอยู่ รอยยิ้มบางๆทาบบนริมฝีปากหนาและแววตาพราวระยับของอีกฝ่ายชวนให้ชะงัก และหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันควัน...


      " อรุณสวัสดิ์ " น้ำเสียงทักทายเบาๆนั้นเต็มไปด้วยความสเน่หาเต็มที่เสียจนไม่คิดจะปิด และริมฝีปากนั้นยังโฉบมาประทับรอยชื้นตรงผิวแก้มเข้าให้อีก คาวัลโลกระพริบตานิ่ง สมองมึนงงกับท่าทีของอีกฝ่ายหากไม่กี่วินาทีเขาก็นึกเรื่องทั้งหมดออกได้อย่างรวดเร็ว ...ผิวแก้มขาวแดงจึงจัดและเห่อร้อนรับอรุณ และคนปากดีก้ทำได้เพียงนอนนิ่งหัวหมุนติ้วไม่ทำงาน ปล่อยให้ผู้ชายตัวโตหน้าตายิ้มแย้มเข้ามาจูบซ้ายป่ายขวา ก่อนจะกอดประคองไว้อย่างอ่อนโยน คาวัลโลรู้สึกว่าตัวเขาถูกดึงขึ้นไปอยู่ในอ้อมแขนของชีคหนุ่ม และฝ่ามือของฝ่ายนั้นก็ทาบลงที่หน้าผากของตน ใบหน้าหล่อแหลาฉายแววเครียดขึงขึ้นเล็กน้อยเมื่อพบเจอความร้อนบนหน้าผาก


      " คาวัลโล....เป็นอะไรรึเปล่า? ปวดหัวไหม? หรือมีอะไรผิดปกติ ?... " น้ำเสียงถามไถ่นั้นทำให้คาวัลโล วาลกัส กระพริบตาปริบๆเรียกสติและส่ายหัวช้าๆ ฝ่ามือของเขากำแขนเสื้อชีคหนุ่มแน่น นัยน์ตาเพ่งมองไปยังหน้าต่างบานโตที่สะท้อนภาพสายฝนพร่างพรมไม่ขาดสาย

 
       "...ไม่เป็นไร...ผม เพลียกับเหนื่อยๆ....แค่นั้น...." เสียงที่พูดออกมายังกุกกักแปลกไปจากที่เคย คาวัลโลเม้มปากแน่น บ่นตัวเองงึมงัมที่ทำเขินเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาผู้เพิ่งผ่านคืนอันแสนหวานกับชายหนุ่มอันเป็นรักแรก คนแรกของตน แต่จะทำยังไงได้เล่าในเมื่อขยับตัวทีไรร่องรอยความขัดยอกหรือแม้กระทั่งความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นพาลให้นึกถึงค่ำคืนที่มีร่วมกัน..
...ทั้งอ้อมแขน รอยจูบดูดดื่ม และรอยกอดที่ตราตรึงยิ่งนัก..
ริมฝีปาก รอยยิ้ม คำรักที่กระซิบพร่ำบอกใกล้ๆหู..

       " ....งั้นเหรอ? กินยาหน่อยไหม?...." ฝ่ามือคู่นั้นคว้าเข้าที่ไหล่ แล้วดึงตัวเขาที่หันหน้าหนีให้มาสบตา...และ....เมื่อสบมองแววตาสีนิลที่แสนห่วงหาคู่นั้น คาวัลโลก็รู้สึก.....แพ้.....

        "......ผม.....ไม่เป็นไร......." กระทั่งน้ำเสียงที่พูดออกมายังหงุงหงิงตะกุกตะกัก มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย !


        " หันมาหน่อยสิคาวัลโล สบตากันหน่อยสิครับ...คนดี...." น้ำเสียงกระซิบเบาๆแสนหวานหูนั้นทำให้ผิวหน้ายิ่งร้อนผ่าว คาวัลโลเม้มปากแน่นก่อนยอมเผยใบหน้าปรากฏสู่สายตาของชีคหนุ่มอีกครั้งอย่างยอมจำนน..

           สบมองนัยน์ตาสีดำสนิทที่ฉายแววห่วงหา ชีคหนุ่มยกปลายนิ้วลูบผิวแก้มขาวที่แดงก่ำ พร้อมกับขมวดคิ้วนิดๆอย่างห่วงใย
         " คาวัลโล? " น้ำเสียงเรียกนุ่มหู นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นจ้องมองมาในระยะประชิด คาวัลโลใช้ปลายฟันขบริมฝีปากแน่นขึ้น มาเฟียหนุ่มหรุบตาลงต่ำหูยังแว่วเสียงแต้นกระหน่ำของหัวใจตนเองดังก้องไม่หยุด

         " ...ผม..จะ......อะ....อือ....." ติดสินใจว่าจะไม่ปล่อยให้อารมณ์เขินอายงี่เง่านี่มาทำให้เกิดเรื่องแปลกๆขึ้นอีก คาวัลโลเงยหน้าพรวดหวังจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัวทำอย่างอื่นให้เรียบร้อยแม้จะเหนื่อยเพลียแค่ไหน แต่ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเขากลับต้องชะงักกับริมฝีปากที่เขาทาบทับ..และใบหน้าของอัลชาอ์ที่จ้องมาในระยะประชิด...ปรือนัยน์ตาลงช้าๆกับสัมผัสแนบชิดที่เคยคุ้น คาวัลโลครางเบาๆในลำคออย่างเคลิบเคลิ้ม
       
         " คาวี่....."เสียงหอบหายใจแหวกความเงียบเด่นชัด พอๆกับนัยน์ตาสีเข้มฉายแววออดอ้อนและอ่อนหวานเป็นภัยกับความแข็งแกร่งในหัวใจนัก คาวัลโลหอบหายใจเบาๆ ริมฝีปากแดงก่ำ...

ฝ่ามือที่กำโธปสีเข้มแน่นเลื่อนไปเกาะบนบ่าของร่างสูง นัยน์ตาสีน้ำทะเลปรือต่ำลงและค่อยอ้าปากหาวเบาๆด้วยความง่วงงุนแม้ใบหน้าจะยังแดงจัดด้วยความขัดเขิน คาวัลโลซุกตัวแนบแผ่นอกหนาของชีคหนุ่มด้วยกริยาออดอ้อนอย่าลืมตัว
     
         ฝ่ามือหนาสอดไล้เส้นผมสีอัลมอนต์ ลูบสัมผัสมันเบาๆอย่างเพลินมือ อัลชาอ์ยิ้มออกมาเมื่อเจ้าแมวน้อยในอ้อมกอดทำตัวว่าง่ายและออดอ้อนน่ารักอย่างที่ไม่เคยเป็น  ริมฝีปากหนาแตะลงบนหน้าผากและเส้นผมสูดดมกลิ่นหอมของเจ้าตัวอย่างเผลอไผล
     

        “..ยังง่วงอยู่เหรอ? “ ชีคหน่มกระซิบถาม ขณะที่กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

     “ อืมมม”..ริมฝีปากบางเปล่งเสียงครางงึมงัมเบาๆในลำคอ นัยน์ตาที่ปรือปิดด้วยความง่าวงงุนยังไม่เปิดออกมาด้วยซ้ำ ก่อนนันย์ตาสีน้ำทะเลของเจ้าเหมียวตัวแสบจะเบิกโพลงขึ้นมามองหน้าตนเหมือนจะนึกขึ้นได้ "เพราะคุณนั่นแหละ "

     " เอ๋ ? "วาจาจกล่าวหานอกจากจะไม่ทำให้คนทำสลดลงสักนิดแล้ว ยังหันมาทำหน้าไม่รู้เรื่องใส่อีก ชวนให้คนที่ถูกทารุณกรรมมาทั้งคืนต้องค้อนใส่เสียตาคว่ำ
 
    "...เจ็บไปทั้งตัวเลย " และนึกขึ้นได้ในที่สุดว่ากระทั่งเสียงยังแหบแห้ง คาวัลโลทำหน้าบูดใส่ชีคหนุ่มเจ้าของอ้อมกอดอุ่นที่ยังคงยิ้มกว้าง ยิ้มแก้มแตกมาแต่เช้าไม่หยุด ดูมีความสุขเสียจนน่าหมั่นไส้นัก

      " ขอโทษ...แต่คุณน่ารักเกินไปนี่นา..." ว่าแล้วก็เอาหน้าผากมาชนกันแล้วทำตาหวานใส่ เล่นเอามาเฟียหนุ่มผู้เคยถูกชมว่าน่ารัก กับโดนผู้ชายมาทำตาหวานใส่ในระยะประชิดแบบนี้เขินเสียจนหน้าแดงก่ำ

      " ..ตัวร้อนจริงๆด้วยคาวี่..." หัวคิ้วของชีคหนุ่มขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกถึงผิวเนื้อที่ร้อนรุมๆ นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองผิวหน้าที่ยิ่งขึ้นสีขึ้นอย่างเพ่งพินิจ " กินยาสักนิดนะ แล้วค่อยนอนต่อ ดีไหม? เดี๋ยวจะป่วยหนักไปมากกว่านี้ "

       " ....ไม่ เอา...." เสียงบ่นงึมงัมของคนป่วยทำให้อัลชาอ์ขมวดคิ้ว โน้มใบหน้าไปใกล้คนป่วยบนตักอย่างสังสัย

       "....กินยานะครับ " เสียงกระซิบใกล้หูอย่างหยอกล้อ เรียกหมัดลุ่นๆซัดลงบนท่อนแขนไม่เบานัก แต่คนถูกชกกลับยังยิ้มกว้างไม่ถือโกรธสักนิด

       "....ไม่เอาแบบนี้อีกแล้วนะ...ไม่มีแรงเลย..." บ่นงึมงัมกับคนที่หันไปหากล่องยาที่แทบจะกลายเป็นของสำคัญที่ขาดไม่ได้เสียแล้ว อัลชาอ์ฟังคำบ่นพ้อนั้นแล้วเอียงคอนิ่งฟังอย่างครุ่นคิด..

      "...ครับๆ จะพยายามแล้วกันนะ ฮาบีติ..." นั่นมันไม่ใช่การตกลงด้วยซ้ำ แต่คาวัลโลที่กำลังอ้าปากทานยาลดไข้ก็ไม่มีโอกาสทักท้วงอะไรได้ โดยเฉพาะเมื่อคนป้อนนั้นใช้ริมฝีปากและปลายลิ้นของตนในการทำขั้นตอนนี้ด้วยตนเอง

      "....ฮา..บิตี...." หัวคิ้วของคนฟังขมวดเข้าหากัน หลังจากถูกปล่อยเป็นอิสระจากริมฝีปากอันช่ำชองของอีกฝ่าย เจ้าของอ้อมแขนกอดกระชับร่างของเขามากขึ้น กอดรัดแล้วยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย

      "..ฮาบิตี .." ริมฝีปากหนาแตะลงบนหน้าผากเบาๆอย่างรักใคร่

       " หมายความว่าไง ?" หัวคิ้วคนฟังขมวดเข้าหากันน้อยๆ สีหน้างวยงง

       " ไม่บอก..." ชีคหนุ่มโคลงศรีษะ ยิ้มเจ้าเล่ห์

        "..บอกหน่อยสิ..." คาวัลโลหน้างอ นัยน์ตาที่เริ่มหรี่ปรือลงจากฤทธิ์ยายังพยายามจ้องหน้าอัลชาอ์เขม็ง

     “...กินข้าวดีกว่นะ...หิวข้าวไหม? “คำถามที่ส่งมาทำให้ผู้ฟังส่ายหน้า และเบียดกายเข้ามาในอ้อมกอดมากยิ่งขึ้น

   “ ...บอกก่อนสิ.. “ ส่ายหัวแทบคำตัวแล้วขยับตัวขยุกขยิก อ้าปากหาวแล้วขดตัวอยู่ในอ้อมแขนเหมือนเด็กน้อยหากยังตั้งท่าจะเค้นเอาคำตอบเช่นเดิม 

    “..ต้องหาเองครับ......อ้า....”  อุทานออกมาเหมือนคิดขึ้นได้เมื่อมองเห็นสร้อยกางเขนสีเงินอันคุ้นตาอยู่บนหัวเตียง ฝ่ามือหนาเอื้อมไปหยิบมาอย่างรวดเร็ว
พร้อมกับชูมาตรงหน้าคนในอ้อมแขน

    “ ให้ผมใส่ให้ไหม? “ คำถามนั้ทำให้คนกำลังงัวเงียชะงัก ปรือตาขึ้นมาอย่างง่วงงุน ก่อนจะเบิกตาขึ้นมามองสร้อยที่แสนคุ้นตาของตัวเองด้วยแววตาใคร่ครวญ..

..สร้อยที่ได้มาจากผู้เป็นลุง กางเขนสีเงินสัญลักษณ์ของศาสนาและศรัทธาของตนเอง..

...สิ่งเดียวในตัวที่เหลืออยู่และทำให้นึกถึงบ้าน...และ...
ความปรารถนาที่ไม่อาจเป็นจริง..

     “.....คุณเก็บไว้ให้ผมได้ไหม? “ นัยน์ตาของคนพูดฉายแววเศร้าสร้อยจนน่าใจหาย อัลชาอ์มองสบตาคนพูดอย่างครุ่นคิด..หากแววตาคู่นั้นมันหรุบต่ำ และไม่หันมาสบตา..

     ชีคหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบา กอดรัดร่างบางแน่นขึ้น ก่อนจะพยักหน้ารับ..

     “ ..ได้...ผมจะเก็บเอาไว้ “ รับคำพลางนำมันกลับไปวางที่เดิมแล้วก้มลงประทับรอยจูบกับริมฝีปากเรียวบางอย่างดูดดื่ม..
...ประสงค์จะลบเลือนความเศร้าสร้อยที่ยังคงอยู่ในหัวใจด้วยความรัก
ถึงจะเจ็บปวดรวดร้าว..ถึงจะทุกข์ระทมเพราะความผิดหวังแต่เขาคนนี้จะคอยดูแลเยียวยาหัวใจดวงนี้เอง..

      “...ง่วง” สิ้นเสียงลมหายใจที่ขาดห้วง ริมฝีปากบวมเห่อน้อยๆด้วยจูบที่ต่อเนื่องยาวนานในยามค่ำคืนที่ผ่านพ้น ก็กระซิบบอกเบาๆในลำคอ ด้วยท่าทีอ่อนเปลี้ยทำให้อัลชาอ์ยิ้มออกมาอย่างอาดูร ชีคหนุ่มขยับดึงร่างของอีกฝ่ายออกจากอ้อมกอดให้ทอดกายนอนลงบนเตียงหนาของตนอีกครั้ง มองนาฬิกาที่บอกเวลาสิบโมงเช้าแล้วโคลงศรีษะเบาๆ ตัดสินใจปล่อยให้มาเฟียหนุ่มนอนพักผ่อนตามที่ตัวพอใจ

     ฝ่ามือหนาทาบลงบนหน้าผากมนและจรดริมฝีปากจุมพิตเบาๆอย่างรักใคร่ ก่อนจะยืดกายขึ้นจากเตียง ละจากเจ้าแมวน้อยแสนรักอย่างนึกเสียดายนัก ทว่าก็ต้องไปเพื่อทำงานตามปกติ

     “....หนาว...” เดินออกมาไม่ทันจะเปิดประตู เสียงครางงึมงำจากคนที่อยู่บนเตียงก็ทำให้ฝีเท้าชะงัก ชีคหนุ่มหันกลับไปมองร่างของมาเฟียหนุ่มผู้นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ก่อนจะมองไปยังบานหน้าต่างใหญ่ในห้องที่สะท้อนภาพท้องฟ้าครึ้มที่มีหยาดฝนโปรยเม็ดไม่ขาดสาย

     เดินเข้าไปใกล้ ก้มตัวเหนือร่างที่หลับตาพริ้มอัลชาอ์มองดูเสื้อนอนตัวยาวของคาวัลโลซึ่งเขาเป็นผู้ใส่ให้ในยามค่ำคืนที่ผ่านพ้นและเจ้าตัวเหนื่อยอ่อน ทั้งเพลียเกินจะขยับตัวไหว เสื้อขนาดพอดีตัว ผิวสัมผัสอ่อนนุ่มหากก็หนาพอสมควร ทว่าในเช้านี้ที่อากาศหนาวเกินปกติ ผ้าห่มขนเป็ดที่ม้วนตัวอยู่บนเอวจึงถูกฝ่ามือของตนดึงขึ้นมาคลุมให้ถึงผิวไหล่

     มองดูเจ้าตัวคนง่วงขยับตัวขยุกขยิกเล็กน้อยแล้วนิ่งไปด้วยรรอยยิ้มอาดูร ชีคหนุ่มขยับตัวลุกออกจากเตียงอีกครั้งแม้ไม่อยากจะไปแค่ไหน แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่รออยู่ก็ไม่อาจจะรั้งรออยู่ด้วยดังใจ

      “ ...หนาว...." ก้าวเท้าออกห่างจากเตียงไม่ถึงสิบก้าว เสียงที่ดังขึ้นมาอีกครั้งเรียกให้หัวคิ้วของผู้ฟังขมวดเข้าหากันอีกครา อัลชาอ์หันหลังหกลับ สืบเท้าไปหาเจ้าแมวน้อยขี้หนาวบนเตียง หัวคิ้วของชีคหนุ่มที่ขมวดเข้าหากันคล้ายจะครุ่นคิดมองร่างที่นอนขดตัวใต้ผ้าห่มหนา ก่อนจะคลายออกเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน อัลชาอ์ดึงผ้าห่มผืนหนาจากลาดไหล่ไปคลุมถึงลำคอและใบหูร่างเพรียวจนมิด ปลายจมูกจรดลงบนผิวแก้มเบาๆและผละออกอีกครั้ง หวังว่าคราวนี้จะอุ่นพอเสียที ไม่อย่างนั้นคงได้มีการออกกำลังกายยามเช้าเพิ่มความร้อนให้ร่างกายจนไม่ได้ทำงานกันแน่ๆ

    “..หนาว...” เสียงพ้อดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้อัลช่าอ์ต้องหันมามองหน้าคนป่วยอย่างจริงจังเสียที หัวคิ้วของชีคหนุ่มขมวดมุ่น ยามแก้มมองใบหน้าของคาวัลโล วาลกัส ในระยะประชิดด้วยความสงสัยจัดว่าเจ้าหมียวมาเฟียเบื้องหน้าคิดจะทำอะไรพิเรนๆหรือจะแกล้งกันอีกหรือไม่ ก่อนริมฝีปากหนาจะบิดขึ้นเป็นรอยยิ้ม หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันคลายออกเมื่อมองเห็นสีระเรื่อบนผิวแก้มของเจ้าตัว...

    ผ้านวมขนเป็ดผืนหนาถูกป่ายออกจากร่างของคาวัลโล ที่ขดตัวนอนหลับตาพริ้ม อ้อมแขนหนาของชีคหนุ่มพาดลงบนบั้นเอวดึงเอาร่างเพรียวมาแนบอก กอดกระชับแนบแน่น..

   ปลายนิ้วสีอ่อนแตะลงบนท่อนแขนในชุดโธปสีขาวเบาๆร่างที่หลับตาพริ้มนั้นขยับกายแนบชิดราวกับจะอังไออุ่น..
ผ้าห่มหนาที่ถูกดึงออกจากร่างของทั้งคู่ยังคงกองอยู่ปลายเตียงอย่างไม่มีใครใคร่จะให้ความสำคัญ หากแต่ร่างของสองคนที่กกกอดหลับอยู่กลับไม่มีท่าทีว่าจะตัวสั่นเหน็บหนาวแต่อย่างใด..

    ชีคหนุ่มจรดริ้มฝีปากแนบผิวแก้มใส ระบายรอยยิ้มอ่อนนัยน์ตาสีเข้มทอดมองใบหน้าหลับตาพริ้มและลมหายใจที่ค่อยแผ่วเบาและสม่ำเสมอของเจ้าแมวน้อยในอ้อมกอดอย่างรักใคร่..

   ...ออดอ้อนกันน่ารักขนาดนี้ ใครจะใจร้ายผละออกไปได้ลง..

      ลมหายใจของมาเฟียหนุ่มที่แผ่วค่อยและหลับตานิทราสอดประสานกับลมหายใจที่ค่อยสม่ำเสมอของชีคแห่งเซเนียยา  เพียงครู่หนึ่งนัยน์ตาสีน้ำทะเลก็ปรือขึ้นมามองเสี้ยวหน้าคมที่แนบชิดอีกครา คาวัลโลได้ยินเสียงถอนหายใจแผ่วเบาของตนท่ามกลางห้องที่เงียบสงัด ปลายนิ้วสอดประสานกับฝ่ามือหนาที่กอดรัดร่างของตนไว้ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ
หางตายังมองเห็นสร้อยกางเขนเงินของตนวางอยู่บนหัวเตียง โดดเด่นและชัดเจนเช่นเดียวกับความปรารถนาของตนเองที่ตัดสินใจทิ้งมันไปเพื่ออ้อมกอดที่แสนอบอุ่นในยามนี้...

...ชั่วขณะหนึ่งความกังวลทิ้งตัวเกาะกุมหัวใจ คาวัลโล วาลกัส ทำได้เพียงถอนหายใจเนิบช้า และซุกใบหน้าแนบแผ่นอกหนาอย่างปราถนาจะลบเลือนความต้องการที่ไม่มีวันเป็นจริงของตน

เขากระซิบบอกตนเองอย่างหนักแน่น..
ตัดสินใจแล้ว...อย่าเสียใจภายหลัง
.................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 25-04-2011 18:06:39
โรม, อิตาลี , 11.30

     ร่างของชายหนุ่มผู้ได้รับการโหวตว่าเป็นขวัญใจสาวๆทั่วอิตาลี กำลังยืนนิ่งมองกระจกใบใหญ่อยู่ภายในห้องทำงานของตน ฝ่ามือถือกรอบรูปอันใหม่เขาวางมันลงไปในที่เดิมและยังคงเป็นสีมะฮอกกานีสดใส ใบหน้าที่เคยคุ้นและรอยยิ้มมั่นใจของชายในรูปยังชัดเจนและสะท้อนในดวงตาของอเล็กซิส วาลกัส ชายหนุ่มผู้กำลังยืนมองภาพนี้ในชุดสูทสีดำสนิท และใบหน้ายิ้มแย้มสดใส

     ก๊อกๆ...

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มไหวตัวช้าๆก่อนจะเอ่ยปากอนุญาติ อเล็กซิสทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ เขาสบมองแววตาของชายที่เดินมาหาแล้วก้มลงหยิบเอกสารในลิ้นชัดขึ้นมาวางบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว..

   นัยน์ตาสีฟ้าเข้มจ้องมองร่างของบุรุษผมสีแดง นัยน์ตาสีทอง สวมแว่นกรอบสีดำวางบนดั้งจมูก ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเคร่งขรึมเบื้องหน้า..สบตาเพียงชั่วครู่ อเล็กซิสก็ถอนหายใจพรู

     "...พวกเรกาโซ่มันจะจัดการเรื่องนี้ยังไง? " เขาเริ่มเรื่อง ขมวดคิ้วครุ่นคิด...

     "..ทางนั้นมีการเคลื่อนไหว ส่งกำลังคนเข้าไปแล้ว คิดว่าคงจะติดต่อทางการทูตก่อน แต่คงแอบแฝงคนเข้าไปด้วย.." ชายหนุ่มที่เดินเข้ามามองสบตาคุณชายคนโตของบ้านวาลกัส เขาหยิบเอกสารรายงานในมือวางลงบนโต๊ะทำงาน นัยน์ตาสีทองประกายจับจ้องใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มสายเลือดอิตาเลียนตรงหน้าอย่างเคร่งขรึม  

     "...แล้วคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเป็นยังไง? "  อเล็กซิสสบตาชานหนุ่มร่างสูง เส้นผมสีแดงเข้มสุกปลั่งและดวงตาสีทองประกายระยับเบื้องหน้า นัยน์ตาคู่นั้นฉายแววฉลาดเฉลียวและใจเย็น ใบหน้าคมแฝงความเคร่งขรึมและองอาจไว้อย่างเพียบพร้อม  นัยน์ตาใต้กรอบเเว่นสีดำสนิทของบุรุษเบื้องหน้ามองลอดเลนส์หนามาสบมองดวงตาของอเล็กซิสเงียบๆ ก่อนจะกระแอมเบาๆ

      " ทางเรกาโซ่ละเมิด"กฏ"หลายๆอย่าง..." ชายหนุ่มเปรยเรียบๆปลายนิ้วดันแว่นกรอบสีดำสนิทของตัวเองเบาๆ " ทั้งข้อตกลงการไม่ก้าวก่ายเรื่องภายในแกงค์ของแกงค์สมาชิกอื่น ทั้งสี่แกงค์...วาลกัส กราดอน เซเคนี และเรกาโซ่ รวมตัวกันเป็นพันธมิตรอย่างหลวมๆเพื่อแบ่งปันจัดสรรอำนาจและควบคุมดูแล โรม ที่เป็นศูนย์กลางของอิตาลี ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตกลงกันของพวกคุณนั้นส่งผลให้โรมา(โรม)เป็นสงบสุขขึ้น...แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราต่างก็รู้เช่นกันว่าคอยแย่งชิงอำนาจ ช่วงชิงความเป็นต่อกันอยู่เนืองๆ...ดังนั้นเราถึงได้รักษา"กฏแห่งความเงียบ"(โอเมอร์ตา)มาตลอด "

    "...แต่ตอนนี้....เรกาโซ่กำลังทำลายกฏเกณฑ์นั้น พวกเขาไม่ใช่แค่จะปองร้ายอนาคตบอสของวาลกัส แต่ว่า พวกเขากำลัง"ชักศึกเข้าบ้าน" หาศัตรูให้มาเฟียทั่วอิตาลี....โปรดเข้าใจว่าถึงจะแข็งแกร่ง แต่อย่างไร"แกงค์"มาเฟียก็เป็นแค่"แกงค์"มาเฟีย อย่างไรแกงค์สเตอร์ก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เราอาจจะขึ้นชื่อว่าเป็นสมาคมลับ เราอาจจะมีซิซิลีเป็นปราการที่เข้มแข็ง แต่อย่างไร คนจำนวนไม่กี่พันก็ไม่อาจจะเรียกว่าเป็นประเทศ.."

     " เรกาโซ่กำลังจะเปิดสงครามที่ไม่มีทางชนะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเข้าร่วม.."

    " ถึงแม้ว่าการร่วมมือกันอาจจะทำให้เราได้ตัวคาวัลโล? " อเล็กซิสเลิกคิ้ว สีหน้าครุ่นคิด

     " แค่เขาเข้าไปเพื่อจะฆ่าเจ้าหมอนั่นก็บอกได้ชัดเจนพอแล้วไม่ใช่หรือครับ...ว่าเรกาโซ่มีเจตนาอย่างไรกับคนของเรา...และแกงค์ของเรา " นัยน์ตาสีทองสบมองดวงตาสีฟ้าเข้มอย่างแน่เเน่ว " ....อีกทั้งจากที่ได้ฟังบทสนทนาครั้งล่าสุดระหว่างคุณกับเขา ผมก็ไม่คิดว่าคาลอยากได้ความช่วยเหลือจากคนพวกนั้นหรอกนะ "

        " ....ถ้าคุณคิดจะร่วมมือก็เท่ากับเราทำผิดกฏหมายระหว่างประเทศ...กฏหมายไม่ใช่เลือกกระดาษจะได้ฉีกมันง่ายๆเพียงเพราะความต้องการของคน "

      "มันขึ้นอยู่กับคนใช้..." อเล็กซิสยักไหล่

     " ..เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่าอย่าคิดลอง....ตราบใดที่เราไม่"แกร่ง"พอ...เข้าใจดีที่คุณอยากได้ตัวมันกลับมาให้เร็วที่สุด แต่ทำเเบบนี้คนอื่นจะมองว่าเราเป็นโจรที่ไปก่อเรื่องปล้นประเทศอื่นหน้าด้านๆ.."

      "...ผลเสียมีมากกว่า คุณก็เห็นชัดแล้ว ทำไมถึงคิดจะทำ? "

      "..ข่าว..." อเล็กซิสมองสบแววตาใคร่รู้จากฝ่ายนั้น เขาถอนหายใจพรู " ข่าวจากสายของเรา บอกว่าเรกาโซ่...ส่ง"นกต่อ"ไปแล้ว "

      " หืม? " คราวนี้ผู้ฟังมีสีหน้าสงสัยและสนใจอย่างเห็นได้ชัด

      " ....เป็นคนที่ไม่มีทางดูออกเสียด้วย " อเล็กซิสขมวดคิ้วน้อยๆ "  ข่าวนี้ ผมคิดว่าพวกมันพยายามเต็มที่ให้เรารู้ เพราะแน่นอนว่าทางวาลกัสต้องเอาสนับสนุน แต่ว่า..."

       " ..ข่าวลวง? "

       "..นั่นก็สาเหตุหนึ่ง..แต่เช่นเดียวกับที่คุณพูด...ผมไม่คิดว่าการฝากความหวังไว้กับการ"แย่ง"จะได้ผลมากกว่าการเจรจา " อเล็กซิสใช้ปลายนิ้วกดหัวคิ้วตัวเองหนักๆ " แต่.ตอนนี้เร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดี..เพราะฉะนั้นผมถึงได้คิด.. "

       " ผมเข้าใจ" ชายหนุ่มผมแดงพยักหน้ารับช้าๆ สีหน้าเคร่งเครียด

       " พวกเขาคาดว่าหากไม่ได้รับการตอบรับ ...จะบุกชิงตัวประกัน...กำหนดการคาดว่าใกล้เคียงกับอาวุธล๊อตล่าสุดที่เราจะขนไป.." อเล็กซิสถอนหายใจยาว วางเอกสารในมือลงบนโต๊ะ เขาหันมาจ้องหน้าคนพูดอีกครั้งอย่างเคร่งขรึม "  แกเร็ต...ผมคิดว่าคุณรู้ดีถึงความปราถนาของผม...ผมจึงยอมเผยแพร่ความลับที่ผมสัญญาและสาบานไว้ว่าจะไม่แพร่งพรายออกไป...ผมไม่สนว่าจะใช้วิธีใด ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรมากมายเพียงไหน ผมก็ต้องการเพียงให้เขากลับมา......โดยเร็วที่สุด "

      "...ผมเข้าใจดี...ไม่อย่างนั้นคุณจะเรียกผมมาทำไม จริงไหม.." แกเร็ต  เคย์ จ้องมองใบหน้าของบุตรชายคนโตของตระกูลวาลกัสอย่างเคร่งขรึม " จะยังไงคาลก็เป็นเพื่อนผม...ผมไม่ปล่อยให้อนาคตเจ้านายของตัวเองต้องตายไปหรอก"

      "...ผมหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น..." อเล็กซิสผ่อนลมหายใจช้าๆสีหน้าครุ่นคิด " นี่ถือเป็นการทดสอบความสามารถของพวกคุณอีกทางหนึ่ง...ในฐานะมือขวา....."

     "..แล้วเขา..? " พี่ใหญ่ตระกูลวาลกัสอ้าปากค้าง ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าควรมีคนมากกว่านี้อยู่ในห้อง

      " .....หมอนั่น..." แกเร็ตมีสีหน้าเหม็นเบื่อเมื่อได้ยินคำถามนี้..ทว่าก็เป็นหน้าที่เช่นกันที่เขาต้องอ้าปากตอบ

     ปัง!!!!!!!

        " เฮ้ !!! ว่างายยยยยยยย "  เสียงร้องเริงร่ามาพร้อมกับฝ่าเท้าที่ปรี่เข้าถีบประตูโครมใหญ่ทำเอาเส้นประสาทของสองบรุรุษผู้เคร่งขรึมในห้องสั่นระริก และยิ่งมากขึ้นเท่าทบทวีคูณเมื่อชายหนุ่มผู้นั้นถลาเข้ามาในห้องอย่างเริงร่าโดยมีรถเข็นของอเล็กเซย์ วาลกัสผู้ซึ่งกำลังป่วยอยู่ เจ้าตัวหัวเราะร่าด้วยท่าทีเบิกบานใจเป็นที่สุดขณะที่ล้อรถเข็นแล่นฉิว ฉวัดเฉวียนไปมาราวกับเด็กเล่น

       "...................." เสียงหัวเราะร่าของคุณชายคนรองของบ้านผู้อยู่บนรถเข็นและชายปริศนารายนั้นยังดังลั่นห้องทำงาน รถเข็นยังส่ายไปมาอย่างน่ากลัวว่าจะพลิกคว่ำหรือร่างคนเป็นๆบนรถจะปลิวไปถามแรงไถลซ้ายขวาของมัน แต่กว่าสองหนุ่มที่ปรี่เข้ามาจะหยุดรถเข็นและเสียงหัวเราะของตัวเองได้ ก็ทำให้เส้นเลือดบนขมับคุณชายอเล็กซิสปวดตุบถึงขึ้นระเบิดเสียแล้ว

         สีหน้ามืดทะมึนของอเล็กซิสที่รักทำให้แฝดผู้น้องถึงกับยิ้มเหย อเล็กเซย์ยิ้มขัดตาทัพไว้ก่อนอย่างร้อนตัว ขณะที่เสียงหัวเราะในลำคอค่อยแผ่วหายไปในที่สุด แต่ทว่าชายอีกคนที่เป็นผู้คุมรถเข็นกลับยังยิ้มร่าฮึมฮัมด้วยความชอบใจ

    " โย่ว ! " และยังมีหน้ามายกมือทักทายหน้าตาระรื่นเสียงด้วย

     "...ยะ....โย่ว...." ถึงสีหน้าของฝาแฝดจะมืดทะมึนน่ากลัวแค่ไหน อเล็กเซย์ก็ยกมือทักตามอีกคนไปติดๆ...

     "......ทำอะไรกันอยู่? " น้ำเสียงเคร่งเครียดของอเล็กซิสทำให้แฝดคนน้องยิ้มเเหย...สีหน้าจืดเจื่อน...

     "....อ่า...."

     "...อเล็กซิส ! ฉันไปหาลิสซี่มาไง มาเจอเจ้าหนูน้อยนั่งแห้งอยู่บนรถน่าสงสาร ก็เลยจับมาเล่นด้วยสักหน่อย " ว่าแล้วคนพูดก็เอื้อมมือไปฟัดแก้มของคนป่วยอย่างเมามันส์ในอารมณ์

     "...ไม่ได้ถาม !! "คุณชายอเล็กซิสตะโกนใส่หน้าเจ้าคนที่เริงร่าไม่หยุดด้วยสีหน้ามืดทะมึน ทำเอาสองหนุ่มสะดุ้งเฮือก " แล้วหยุดแตะต้องตัวอเล็กเซย์ของฉันเดี๋ยวนี้ !! "

     "...ของฉัน..." ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีบรูเน็ตเผยรอยยิ้มกวนพลางเอียงคอถามทวนประโยคอย่างสนเท่ห์นักหนา อัปกริยานั้นเรียกเส้นประสาทให้กระตุกยิก...

      "....คุณอาก็..." ฝ่ามือของอเล็กเซย์กำแขนชายหนุ่มผู้ไม่กลัวตายไว้แล้วงบีบเบาๆ อย่างปรามๆ

      "...ว่าไงจ๊ะ...ว่าไงๆหลานชายของฉัน~~" เสียงของชายคนนั้นช่างเริงร่าจนน่าปวดหัวนัก อเล็กซิสเม้มปากแน่น กัดฟันกรอดด้วยอาการแทบจะกุมขมับ

    "...เงียบนะ !! " เพราะยืนอยู่ทนโท่แต่เจ้าบ้าตรงนี้ยังทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน ชวนให้หงุดหงิดนักขึ้นเป้นเท่าตัวถึงต้องตวาดไปอีกคำรบ

   " ......." ได้ผล คราวนี้ทั้งห้องเงียบสนิท อเล็กซิสกวาดสายตามองชายหนุ่มสองคนเบื้องหน้าอย่างพยายามควบคุมอารมณ์

     "...อเล็กเซย์...ป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอครับ..ทำไมถึงได้มาทำอะไรอันตรายแบบนี้ ไม่กลัวจะตกรถเข็นแล้ว"พิการ"บ้างหรือไง? " นัยน์ตาสีดียวกันจ้องเขม็ง...ไม่ได้คุกคาม แต่วาจานั้นแฝงนัยยะข่มขู่ชัดเจน จนคนฟังได้แต่กลืนน้ำลายเอื้อก

     "....แล้วคุณอา...." ตวัดสายตาไปให้อีกคนที่ยังคงยิ้มเริงร่าไม่สะทกสะท้าน " อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ เป็นอาผมไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมถึงทำตัวเหมือนเด็กสี่ขวบ..ผมเชิญมาคุยเรื่องใหญ่ ทำไมไม่มา ? "

     "...อะไรก๊านนนน...ก็ฉันแค่ไปหาลิส..."

      "..ว่างมากถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ? " นัยน์ตาของคนเป็นหลานทั้งคุกคามข่มขู่ปนระอาใจ ทำให้ชายหนุ่มผู้ถูกต่อว่ายักไหล่ ไม่ต่อปากต่อคำ

      " ....เซย์...ไปรอฉันที่ห้องก่อนนะ คุยธุระเสร็จแล้วจะไปหา.." ก้มตัวไปยิ้มให้กับฝาแฝด...แต่ก็พบนัยน์ตาสีฟ้าคู้นั้นชักขุ่นขวาง

      " ฉันรู้ไม่ได้..." สีหน้าคนฟังมืดทะมึน

      "..ขอนะ...เดี๋ยวค่อยคุยกัน " สีหน้าคนพูดทั้งออดอ้อนทั้งเคร่งขรึม จึงได้แต่ถอนหายใจรับอย่างเบื่อหน่าย อเล็กเซย์ใช้มือข็นรถไสตัวเองออกจากห้องอย่างเงื่องหงอย


     แกร๊ก...

       ประตูห้องปิดลงอีกครั้ง สายตาของทุกคนที่มองร่างของคนป่วยออกไปเงียบๆก็ละสายตาและหันมาจ้องมองกันท่ามกลางบรรยากาศหนักอึ้ง ร่างของผู้มาใหม่เดินเตร่ไปที่เก้าอี้ซึ่งอยู่ไม่ไกล เขาทรุดตัวลงนั่ง ขาซ้ายพาดทับขาขวารอยยิ้มมุมปากเต็มไปด้วยความมั่นใจยกประดับริมฝีปากอย่างรวดเร็ว

       "  แกปล่อยให้เจ้าหนูนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดไม่สนใจ เดี๋ยวจะได้แห้งเป็นซากซักวัน " ริมฝีปากของคนพูดเหยียดออก พลางหัวเราะหึ

       " ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องยุ่ง " อเล็กซิสเม้มปาก ทรุดกายลงบนเก้าอี้อีกครั้ง

       "...อืม.....ใช่...ฉันไม่ควรยุ่ง จนกระทั่งตอนนี้ที่พี่สาวชั้นตรอมใจเพราะเสียลูกชาย เจ้าหนูน้อยตัวเล็กก็"ตาย" ส่วนเจ้าหนูอีกคนก็บาดเจ็บ เหลือแต่เจ้าคนไม่ได้เรื่องตัวใหญ่ๆนั่งทำหน้าเหมือนมีคนเอาขี้กบมาป้ายหน้าอยู่นี่ " นัยน์ตาสีบรูเน็ตของเจ้าตัวกรอกไปมาพลางพ่นลมหายใจอย่างฉุนจัด

       "ไม่ใช่เรื่องของฉัน แล้วแกเรียกฉันมาทำไม อเล็กซิส "

           คำถามจากนัยน์ตาคู่นั้นและสีหน้าเรียบตึงของผู้พูดทำให้อเล็กซิสขยับตัวอย่างอึดอัด...เขาพ่นลมหายใจช้าๆ สีหน้าเคร่งขรึมสบมองแววตาของ"อา"ที่มีอายุมากกว่าเขาไม่กี่ปี ขณะที่แกรเร็ต เคย์ก็พ่นลมหายใจพรูสมัครใจจะเป็นคนที่ลุกไปเฝ้าประตูแทนที่จะมาฟังบทอาละวาดของสองอาหลาน

      "..ผมต้องการให้คุณไปหาคาวัลโล.."

      " เพื่อ? "

      " คุณไม่ได้อ่านเอกสารที่ผมส่งไปให้รึไง...คาลยังมีชีวิตอยู่ ! " อเล็กซิสขมวดคิ้ว จ้องมองใบหน้าคนพูดอย่างร้อนใจ

      " ...ฉันถามว่าแกจะให้ฉันไปเพื่ออะไร ในเมื่อเจ้าตัวเขาไม่ได้ต้องการ "น้ำเสียงเรียบนิ่ง นัยน์ตาจับจ้องแสดงอำนาจกดดันให้อล็กซิสต้องพ่นลมหายใจพรู ยกมือขึ้นอย่างยอมจำนน

      " ผมไม่ได้อยากให้มันตาย เข้าใจไหม...ผมอยากให้คุณสองคน ในฐานะที่ปรึกษาในอนาคตและมือขวาของคาวัลโลไปช่วยเหลือและตามตัวมันกลับมา ไม่จำเป็นต้องสนใจว่ามันต้องการไหม พอใจรึเปล่า เพราะนี่มันขึ้นอยู่กับความเป็นความตายของคน นี่คือทางดีที่สุดที่ผมคิดได้ "

       "...ความเห็นของแกไม่ใช่ทุกอย่าง.."  นัยน์ตาสีบรูเน็ตจับจ้องแล้วเลิกคิ้วท้าทาย

      " หรือคุณจะปล่อยให้คาวัลโลตาย... คลาร์ก โรเซนเบิร์ก .."

      "  มันขอแกสักคำเหรอให้ไปรับ? ทุกอย่างแกคิดกะเกณฑ์เองทั้งนั้น ...รวมทั้งเรื่องการกระทำบ้าๆการดิ้นรนโง่ๆของพวกแกด้วย " คลาร์ก โรเซนเบิร์กผู้ถูกเรียกชื่อยักไหล่ก่อนจะขยับยิ้มเครียด เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้กวาดสายตามองกรอบรูปแขวนรูปสมาชิกครอบครัว ของตกแต่งประดับกระดาด้วยสายตาราวกับชื่นชมในความงาม แต่อเล็กซิสรู้ดี ว่านี่คือการกดดัน"ทางอ้อม"วิธีที่ชายคนนี้ถนัดนัก..

      "...ก็ได้....ผมยอมแพ้....คุณคิดจะเอายังไงก็บอกมา " พี่ใหญ่ของตระกูลกุมขมับเครียด โบกมือยอมแพ้อย่างยอมจำนน

      "...คิดไม่ออกจริงๆหรือเล็กซิส " คนพูดเหยียดยิ้มเย็น " คิดไม่ออกจริงๆหรือ ว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้เพราะอะไร.."

       "................" ไม่มีคำตอบใดๆจากปากของพี่ใหญ่ตระกูลวาลกัส ผู้ฟังจึงผ่อนลมหายใจลงช้า...ยาวนาน

       "เคยสงสัยไหมว่าตัวเอง"ดี"มากขนาดไหน ถึงทำให้เป็นที่ต้องการ ถึงเหมาะกับตำแหน่งบอสเสียขนาดนั้น " คลาร์กจ้องมองนัยน์ตาสีฟ้าสดที่ฉายแววฉงนฉงายและแปลกใจ " เคยคิดไหมว่าเพราะอะไร "พ่อ"และ"แม่"ของแกถึงไม่คิดจะขยับตัวทำอะไรมากกว่าการอยู่เงียบๆ...และเคยคิด"จริงจัง"แค่ไหน เกี่ยวกับการกระทำของพ่อและลุงของแก "

        " ...คุณกำลังพูดเรื่อง....อะไร? " อเล็กซิสขมวดคิ้วแน่น จ้องมองใบหน้าของชายผู้พูดเขม็ง

      
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 25-04-2011 18:16:50
 " ..อำนาจ..และผลประโยชน์ มันให้อะไรมากกว่าที่ควรจะได้นะ รู้ไหม? " นัยน์ตาสีบรูเน็ตจับจ้องกรอบรูปครอบครัวขนาดใหญ่ในห้อง เอียงศรีษะมองราวกับจะพิศวงสงสัยรอยยิ้มอันเปี่ยมด้วยความสุขของบุคคลในภาพ "..ทั้งที่ต้องการและไม่ต้องการ  สร้างความโลภและความอยากไม่รู้จักจบสิ้น .. แกรู้อยู่แก่ใจว่ามาเฟียจะเอียงสีขาวหรือสีดำก็ตามแต่ผลประโยชน์ที่จะได้  แล้วจะแปลกอะไร หากจะทิ้งเบี้ยบางตัวเพื่ออะไรที่มากกว่านั้น..."


        " ฉันเข้าใจว่ายังไงแกก็เป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่มาเฟีย นักธุรกิจก็ต้องคิดแบบนักธุรกิจ  กำไร เงิน และผลประโยชน์ จากธุรกิจของตนเอง.. ส่วนมาเฟีย....ก็มีวิธีคิดของมาเฟีย.... " คนพูดมองกระจกที่สะท้อนภาพชายในชุดดำสามสี่คนจับกลุ่มคุยกันอย่างเคร่งเครียดแล้วขมวดคิ้ว " ....ศักดิ์ศรี อำนาจ ..และผลประโยชน์....สิ่งเดียวที่นักธุรกิจกับมาเฟียคิดตรงกัน คงเป็นเรื่องผลประโยชน์ .."


        " แล้วถ้ามาเฟียต้องการ "ผลประโยชน์ เงิน และธุรกิจ" ทั้งหมด ล่ะ ...จะเป็นยังไง? "

       "... ข้อกล่าวหาที่คุณพูดนั้นมันใหญ่กว่าที่คิดนะครับ " ชายหนุ่มผมแดงผู้ยืนอยู่ไม่ห่างออกปากทักท้วง..

      "... ฉันถามความเห็นแกรึไง?  " นัยน์ตาสีบรูเน็ตสบกับดวงตาสีทองอย่างไม่พอใจ ผู้ฟังพ่นลมหายใจพรูแล้วเบือนหน้าหนี

     " ...คุณไปเอาเรื่องบ้าๆบอๆพวกนี้ใส่หัวมาจากไหน  " อเล็กซิสเลิกคิ้วถาม แน่นอนว่าเขาเข้าใจสิ่งที่ผู้เป็น"อา"ต้องการจะสื่อได้ไม่ยาก" คุณกล่าวหาว่าลุงจะฆ่าพวกเราเพื่อ...ธุรกิจที่เขาไม่ต้องการมันหรือ? คุณอาศัยอยู่กับพวกเรารึก็เปล่า คุณไม่ได้ใกล้ชิดกับ"วิถีทาง"ของพวกเราเสียด้วยซ้ำ แล้วอะไร ที่ทำให้คุณรู้ ว่าคุณลุงคิดจะทำอะไร "

      "ธุรกิจที่เขาไม่ต้องการ ? " คลาร์ก โรเซนเบิร์กหัวเราะออกมาเบาๆหากคนฟังรู้ชัดว่าเขาไม่ขัน " แกชื่อเฟรเดริโก้หรือ? ถึงรู้ว่ามันคิดแบบไหน และเป็นคนยังไง? หรือคิดว่าวงการมาเฟีย วงการมืดมันมีอะไรงดงามและน่านับถือนักหนา ...แล้ววิถีทางของตระกูลมาเฟีย ตำนานของพวกแก มันยิ่งใหญ่มากมายขนาดฉันต้องสนใจมันรึ? พวกแกคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักหนา แต่สายตาคนภายนอกก็มองว่าเป็น"เดนคน"อยู่ดี "

       " ยังไงมาเฟียก็คือมาเฟีย คนบาปไม่มีวันเป็นนักบุญ เช่นเดียวกับที่มาเฟียไม่มีวันกลายเป็นพ่อพระ !! "

      " ไร้สาระ ! "อเล็กซิสจ้องมองใบหน้าของผู้พูดเขม็ง "คุณพูดแบบนี้ ได้ข่าวมาจาก..."

     " พ่อและแม่ของแก..." ประโยคนั้นทำให้อเล็กซิสชะงัก...นัยน์ตาเบิกกว้าง

      " ...แต่....นี่มัน....." พี่ใหญ่ของตระกูลถึงกับร้องครางตะกุกตะกัก สีหน้าตกตะลึงกับข้อมูลจากปากของผู้พูดไม่น้อย

        หรือใครจะทำใจให้เฉยได้ เมื่อทราบข่าวว่าผู้เป็นลุงวางแผนจะฮุบกิจการของตนและครอบครัว อีกทั้งจงใจปลิดชีวิตพวกตนให้สิ้นชีพ

และกระทั่งความฉงนสงสัย ตกตะลึงกับข่าวที่มาจากผู้ให้กำเนิดทั้งสอง...ซึ่งตนไม่เคยระเเคะระคายเลยแม้แต่น้อย !?

       "  เรื่องเกิดขึ้นแบบนี้ คิดว่าพวกเขาจะไม่คิดไม่ทำอะไรเลยหรือ ? ยังไงพ่อแม่ก็มีหน้าที่ปกป้องลูก..ถึงพวกเขาจะทำโศกเศร้าเสียใจ แต่รู้หรือว่าในใจเขาจะไม่คิดโกรธแค้นกับชีวิตของลูกรักที่ถูกสังเวยไปกับเหตุผลโง่เง่า....โดยเฉพาะกับพ่อของพวกแก...ไม่ลองคุยกับเขาดูล่ะ อเล็กซิส แล้วแกจะรู้ว่าเพราะอะไรกันแน่ และอาจจะรู้กระทั่งว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป "คลาร์กยิ้มออกมาอย่างเฉยชา " ความรักในครอบครัว หรือว่าวิมานของความสุขที่พ่อแม่ของแกสร้างไว้ให้ มันไม่อาจจะปกปิดความจริงได้หรอกนะ อเล็กซิส ว่าครอบครัวของแกมีชีวิตอยู่ในความเสี่ยงมากแค่ไหน..."

       " คนที่คิด"คบ"มาเฟียอยู่ใกล้ตัว ร้อยทั้งร้อยไม่กลายเป็นมาเฟีย ก็ต้องตายด้วยน้ำมือมัน ! "



        " ตอนนี้...ปัญหาเรื่องเรกาโซ่...และคาวัลโล..." เงียบ...นิ่งอยู่นานแกเร็ต เคย์ จึงค่อยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา..

       " ผมอยากให้คุณไป....เอาตัวคาลกลับมา " อเล็กซิสประสานมือเข้าหากันอีกครั้ง...ถอนหายใจแผ่วเบา...ยาวนานราวกับเหน็ดเหนื่อยเกินกำลัง

      " ..เรื่องเจ้าหนูน้อยฉันกับไอ้หัวแดงนั่นจะจัดการเอง ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่พวกเรกาโซ่หรือแม้กระทั่งคนที่จับเจ้าหนูไป ...แต่ความจริงมันเพราะเราพลาดเอง อย่าไปโทษคนอื่น การคิดชิงตัวประกัน หรือว่าร่วมมือกับพวกเรกาโซ่ไปวุ่นวายกับประเทศอื่น เป็นแค่การหาเรื่องใส่ตัวไม่เข้าเรื่อง " คลาร์กเอ่ยแผนการตนเองออกมาสั้นๆ อเล็กซิสจึงนิ่งฟังด้วยความสงบ

     "..ไม่ต้องยุ่ง ไม่ต้องสนว่าฉันจะทำอะไรยังไง ไม่จำเป็นต้องเคลียร์ทางทั้งหมดเพื่อรอให้น้องชายแกกลับมา...ทำตัวอย่างเดิม เหมือนเดิม แต่หาข้อมูลของพวกมันให้ได้มากที่สุด และฉันจะพาน้องแกกลับมาเอง " คลาร์กสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเเจ๊กเก็ตสีเข้ม ปลายนิ้วคีบบุหรี่กับไฟเเช๊กสีเงินขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋า
 
       " คุณจะใช้วิธีไหน...? " อเล็กซิสมองหน้าคนพูดอย่างกังขา

       " เรกาโซ่..." คลาร์กดีดนิ้วเป๊าะ สีหน้าหมายมาด

       " ...ยืมมือฆ่าคน......" อเล็กซิสมีสีหน้าลังเล

      "งานนี้ฉันรับมาแล้ว จากนี้คือการตัดสินใจของฉัน...ก็รอดูแล้วกัน...อเล็กซิส.."

      "....เชื่อมั่นในศักยภาพและมันสมองของน้องชายแก...ถ้าเจอเรื่องแค่นี้แล้วยังไม่มีปัญญาลุกขึ้นมามันก็ไม่มีสิทธิเป็นบอส และไม่มีสิทธิจะมาเป็นเจ้านายของฉัน "  คลาร์กพ่นควันสีขาวออกจากริมฝีปาก นัยน์ตามองปรายไปยังเพดานห้องอย่างหมายมาด ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้สีหน้าเคร่งเครียดพลันเปลี่ยนเป็นเริงรื่นเมื่อมองเห็นรถคาดิแล็กสีขาวคุ้นตาแล่นมาจอดในคฤหาสถ์

       "...ฉันจะไปกับขบวนขนอาวุธ หาชื่อพาสปอร์ตปลอมกับข้อมูลไว้ด้วย........อ๊ะ...ซานดร้าจ๋า~~~ คุณอามาเยี่ยมแล้ว ขอกอดหน่อยเร้วววววววว"


ปัง!

      เสียงฝ่าเท้าถีบประตูและเสียงปิดลงอีกครั้งอย่างรวดเร็วทำให้สองบุรุษที่เหลือในห้องเหลือบมามองตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย..

       "...อายุเท่าไหร่นะ ..." อเล็กซิสบ่นลอยๆด้วยสีหน้าอิหลักอิเหลื่อเกินทน

       "....ปีนี้จะสามสิบเอ็ด " แกเร็ตตอบเสียงหน่ายพอๆกัน ส่วนผู้ฟังก็ถอนหายใจเฮือก นึกสงสารตัวเองไม่น้อยที่"อา"ของตัวเองกลายเป็นชายที่มีอายุห่างกับเขาไม่กี่ปี แถมยังบ้าๆบอๆแบบนี้เสียด้วย

       "  ....เฮ้อ....เอาเป็นว่าผมตกลงแล้วกัน คุณก็ไปบอกคู่หู..."สีหน้าคนพูดออกแนวหน่ายเหนื่อย " ...ของคุณแล้วกันว่ากำหนดการจะไปวันไหน ยังไง และอีกอย่าง ขอส่งข่าวมาทางผมเป็นระยะด้วย "

       "...รับทราบ  " แกร์เร็ต เคย์ พยักหน้ารับ ก่อนจะสาวเท้าออกจากห้องเงียบๆ ส่วนพี่ใหญ่ของตระกูลก็ถอนหายใจพรู อเล็กซิสเอื้อมมือคลายปมเนคไทให้หลวมออก ก่อนจะก้าวลุกจาดโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าผ่อนคลายลง แต่แววตากลับแฝงความกังวลอยู่ในที

    ...ถึงจะไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นสองคนนี้ล่ะก็...เขาก็พอจะวางใจได้

 ที่ปรึกษาที่เก่งกาจ กับมือขวาผู้รู้ใจ คนสองคนที่คาวัลโลเลือกวางไว้ข้างกาย ย่อมมีความสามารถเก่งกาจและไม่มีวันทำพลาด

 ส่งมือและเท้าทั้งสองข้างไปให้ ไม่ต่างอะไรกับส่งทหารทั้งกองพันไปช่วยเจ้าตัวแต่อย่างไร

แต่ที่ควรครุ่นคิดให้จริงจัง น่าจะเป็นสิ่งที่คลาร์ก โรเซนเบิร์กบอกกับตนเองมากกว่า..

     ไม่ใช่จะไม่รู้ถึงความร้ายกาจ และเหี้ยมโหด ทว่า...อเล็กซิสก็ยังไม่อยากจะคิด ไม่อยากจะแน่ใจเอาเสียเลย ว่าลุงของเขาจะคิดทำเรื่องแบบนี้จริงๆ ใช่ว่าจะไม่เคยคิดถึงสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจจากความโลภของคนเช่นนี้ ทว่าความแน่นเเฟ้นและสัมพันธ์อันดีตลอดมา ทำให้เขาอยากเก็บเรื่องนี้ให้เป็นเหตุผลสุดท้าย ของทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ

 เชื่อ อย่างที่พยายามจะเชื่อเสมอมา..เชื่อ...ว่ามาเฟียที่ใครต่างตราหน้าว่าเป็น"คนชั่ว" ก็มีศักดิ์และสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เช่นเดียวกับคนดี

เชื่อว่า"คนชั่ว"นั้นแท้จริงแล้วก็เป็นคนดีในแบบของเขา...เป็นคนดี ในการกระทำอันเลวร้ายที่มีแต่ผู้ประณาม เป็นคนดี ที่ยอมเลวเพื่อจะได้"ดี"

ทว่าทุกสิ่งที่คลาร์กพูด ประกอบกับเรื่องราวต่างๆหากนำมาเรียงร้อยแล้ว..เหตุผลมันกลับเข้ากันได้อย่างสมเหตุสมผล...สมจริงจนไม่น่าเชื่อ

ทั้งแผนการให้พี่น้องมาห้ำหั่นกันเอง แผนการกำจัดอเล็กเซย์ หรือกระทั่งการปลูกฝังเชื้อพันธ์ของความหวั่นระแวงและไม่ชื่นชมในตัวน้องชายคนกลางของเขา

..กำจัดคาวัลโลออกไปเพื่อนำเขาขึ้นมา ถ้าคาวัลโลมันต้องการตำแหน่งบอสที่ตอนนี้เขาแทบจะกลายเป็นเจ้าของมันแล้ว ทางเดียวที่ทำได้คือการแย่งชิง มันไม่มีทางเจรจาแน่นอน เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า"ศักดิ์ศรี"ของมาเฟียที่ควรกระทำ

เช่นนั้น คาวัลโลกับเขาก็จำต้องเข้าห้ำหั่นกันอย่างช่วยไม่ได้..

..ถ้าแผนระเบิดสำเร็จ อเล็กเซย์ก็จะตาย หรือแม้กระทั่งตอนนี้ที่อเล็กเซย์ไม่อาจทำอะไรได้

.. ซานดร้าไม่ต้องพูดถึง "ผู้หญิง"อย่างเธอไม่ได้อยู่ในสายตาของบอส หรือกระทั่งเหลือเธอเพียงคนเดียวจริงๆซานดร้าก็ไม่เคยสนใจจะบริหารงานของแกงค์

..ส่วนคาร์โล มันก็เกลียดชังและตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับวิถีทางของครอบครัวเสมอมา

      หากนี่เป็นแผนการของผู้เป็นลุง ผู้เป็นหัวหน้าแกงค์ ที่ต้องการ"กำจัด"ครอบครัวของเขาทั้งหมดเพื่อครอบครองทุกอย่างจริงๆ

    ลุงของเขาเป็นมาเฟีย อย่างไรก็เป็นมาเฟีย ไม่ได้มีนิสัยเป็นนักธุรกิจ การทำธุรกิจต้องมีกำไรขาดทุน พ่อค้าจะไม่ยอมเสียกำไรของตนเด็ดขาด แต่กับมาเฟียแล้ว บางครั้งแม้จะเสียเท่าไหร่ก็ต้องเสีย เพื่อสิ่งที่ต้องการแล้วไม่ว่าอย่างไรก็เท่าเทียมกับสิ่งที่ขาดไป เช่นนั้นหาก เฟรเดริโก้ วาลกัส ต้องการธุรกิจของตระกูลมาไว้ในกำมือจริงๆ และแผนการนี้เป็นจริงแล้วล่ะก็

...ต้องตัดไฟแต่ต้นลม !

    ถึงจะเป็นนักธุรกิจ แต่ยังไงอเล็กซิสก็เป็นทายาทของตระกูลมาเฟีย และกับผู้ที่ถูกหมายตาจะมอบตำแหน่งบอสให้แต่ต้น มีหรือจะไม่รู้จักวิธีคิดของมาเฟียด้วยกัน
ลุงของเขาจะไม่ใช้คำว่า "อาจจะ" หรือ"บางที" สำหรับแผนการของตน หรือผู้ตนที่มองเห็นว่าเป็นภัยเด็ดขาด ต่อให้คนๆนั้นจะเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมหรือญาติสนิทก็ตาม

    คนที่มองออกและใคร่ครวญว่าสิ่งใดจะเป็นปัญหาหรือเป็นอันตรายสำหรับตนแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นปัญหาจริงหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยจะต้อง"กำจัด" โดยไม่รีรอ
ก่อนจะสายเกินแก้  ตัวเขาด้วยเช่นกัน !

  อเล็กซิสจ้องมองรูปถ่ายครอบครัวอีกครั้ง ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ยกหูโทรศัพท์ขึ้น กดเบอร์ที่จำได้ขึ้นใจดี เขารอฟังเสียงรอสายดังขึ้นเบาๆไม่กี่ครั้งปลายสายก็ส่งเสียงตอบรับกลับมา

     " คาร์โลเหรอ? "อเล็กซิสจ้องมองเอกสารที่แกเร็ตเอามาให้อีกครั้ง และตัดสินใจแน่แน่วว่าจะเปิดออกมาอ่านอย่างละเอียด " มีเรื่องให้ช่วยหน่อย ด่วนเลยนะ..."

      " ไปเอาข้อมูลของ"วาสกัส"จากสำนักงานตำรวจสากลมาให้หน่อยสิ "

..................
     
        ราเซย์ เซฮามัค มีสีหน้าอึ้งๆงงๆปนสงสัย ขณะที่รามิล เซฮามัคขมวดคิ้วน้อยๆสีหน้ากังขา ไม่ต่างกับเจ้าชายฟาลซาอ์ที่เหมือนจะแขวนค้างอยู่กลางเรื่องด้วยความงวยงง แต่จะมีก็เพียงโรเบิร์ต ชอว์ตันที่นั่งทานอาหารเช้าด้วยรอยยิ้มกริ่ม พลางมองไปยังหัวโต๊ะอย่างยินดี
    
      การที่เมื่อวานชีคแห่งเซเนียยาไม่มาร่วมโต๊ะอาหารเย็นอย่างประเพณีที่ทำกันเป็นประจำก็ว่าน่าสงสัยแล้ว หากทว่าอัลชาอ์ยังขาดไปกระทั่งมื้ออาหารเช้า ทั้งที่สามารถลุกขึ้นมาประกอบพิธีสวดในยามเช้าตามปกติได้ตามปกติ และตอนนี้ ชีคอัลชาอ์ มูอัสซินแห่งเซเนียยา ได้มานั่งทานอาหารกลางวันตามปกติ ทว่ามันเป็นความปกติแบบไม่ปกติเสียเลย เนื่องจากผู้ร่วมโต๊ะทุกคนต่างถูกละเลย และกลายเป็นว่าพวกเขาเหมือนเศษอุกาบาตที่วิ่งรอบวงโคจรของคู่รักคู่นี้เสียมากกว่า
    
       ร่างของชีคหนุ่มเเห่งเซเนียยายังคงนั่งบนหัวโต๊ะเช่นเคย และข้างกายก็คือร่างของมาเฟียหนุ่มที่เมื่อวานเจ้าตัวได้"อาละวาด"เสียยกใหญ่ ต่างคาดการณ์กันว่าจะโดนลงโทษมากมายแค่ไหนที่ก่อเรื่องวุ่นวายเสียขนาดนี้ ทว่าใบหน้าที่ฉายแววอ่อนเพลียหากแต่ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าทุกๆสามวินาทีของเจ้าตัว ประกอบกับรอยยิ้มและใบหน้าเปี่ยมสุขของชีคอัลชาอ์ทำให้ผู้มองนึกสงสัยนัก ว่าไปลงโทษกันด้วยวิธีไหนกันแน่

        ข้อศอกของพี่ชายสะกิดแรงๆเมื่อเผลอตัวจ้องมองมากเข้าจนกฃายเป็นการเสียมารยาทแบบออกนอกหน้า ทว่ารามิลก็หัวเราะหึๆไม่ได้สนใจและพอใจจะนิ่งยิ้มและมองภาพเบื้องหน้าต่อ เพราะเขาแน่ใจเชียวว่าต่อให้จ้องจนตาถลน ชายหนุ่มสองคนที่เรียกได้ว่ากำลังตกอยู่ในห้วงรักอย่างสมบูรณ์แบบคงไม่หันมาสนแน่ๆ

    กริยาที่แสดงออกก็ไม่ได้ออกนอกหน้ามากมายอะไร ไม่ได้นั่งตักออดอ้อน หรือพูดจาออดอ้อนฉอเลาะ แต่ทว่าการคุยกันเบาๆหงุงหงิงกันสองคน หรือคอยตักเอาอาหารโปรดของอีกฝ่ายไปให้และกระทั่งการกันมาสบตากันแล้วยิ้มออกมาทุกสามวินาที แค่นั้นมันก็เกินพอแล้ว

      รัศมีแห่งความรักที่บอกได้ชัดว่า"ออกนอกหน้า"ของสองหนุ่ม ทำให้ราเซย์อดจะกระแอมเบาๆเรียกสติไม่ได้ และนั่นทำให้คาวัลโล วาลกัส หันมามองสบตาพวกเขาอย่างงวยงงไม่น้อย แต่นัยน์ตาที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกแปลกใจ ตกใจ หรือเคอะเขินนั้นก็ทำให้คนพี่ของตระกูลเซฮามัคถึงกับแทบจะกุมขมับเครียด..

      "มีอะไรหรือ ?ราเซย์ " ชีคหนุ่มเอ่ยคำถามขัดตาทัพไว้ก่อน ทว่าแววตาเรืองๆที่ส่งมาก็บอกชัดมากแล้วว่าไม่ชอบที่ถูกขัดจังหวะ

      " ไม่มีอะไรครับ แค่จะถามว่า....หายป่วยรึยัง " คำถามนั้นของราเซย์ทำให้คิ้วของอัลชาอ์เลิกขึ้นอย่างเนิบช้า ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มหันไปสบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลอย่างหยอกเย้า

      " ว่าไงครับ คาวัลโล หายป่วยรึยัง หืม? " รอยยิ้มและดวงตาพราวระยับที่ส่งมาทำให้คนป่วยถึงกับค้อนตาคว่ำ

       "ไม่หายสักทีก็เพราะคุณนั่นแหละ "วาจาสองง่ามสามแง่ทำเอาผู้ร่วมโต๊ะถึงกับถอนหายใจระอา พร้อมกับกลอกตาไปสบกันโดยไม่ได้นัดหมาย เมื่อพบว่ามีคู่รักปัญญาอ่อนเกิดขึ้นอีกคู่แล้ว

       " ...รามิล...."กว่าจะหลุดออกมาจากโลกสีชมพูที่มีกันเพียงสองคนได้ ชีคแห่งเซเนียยาก็ต้องใช้เวลาออกจะนานโขอยู่ในสายตาคนมอง ทว่าที่สุดแล้วเมื่อมีคำถามส่งมา รามิล เซย์ฮามัคก็ยิ้มตอบ...เป็นเชิงรับฟัง

       " เมื่อวานผมให้รถไปรับวิศวะกรกับสถาปนิกจากบริษัท ASE Accset..ตอนนี้พวกเขาพักอยู่ที่ไหน? "

       " เอ๋? "รามิลขมวดคิ้ว สีหน้างวยงงไม่น้อย "...ผม...ก็สงสัยอยู่ ...อยากจะถามพอดี เพราะตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ยังไม่มีใครมาแจ้งอะไรผมเลย "

       "....ฟาลซาอ์ ? " ชีคแห่งเซเนียยาตวัดสายตากลับไปมองยังเจ้าชายหนุ่มที่นั่งเงียบอยู่ข้างกายตน..ซึ่งถือเป็นผู้รับหน้าที่นี้จากตนเจ้าชายฟาลซาอ์ โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด แห่งเซเนียยา สบมองแววตาสีดำสนิทที่ฉายแววกังขาของผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายบุญธรรมของตน และชีคแห่งประเทศเซเนียยาด้วยแววตาจืดเจื่อนไม่น้อย ก่อนจะเอ่ยปาก

       "....ทางบริษัทแจ้งมาตั้งแต่เมื่อวาน...ว่าของเวลาอีกวันครับ พวกเขายังไม่ข้ามพรมแดนมาที่นี่เพราะมีสถาปนิกคนหนึ่งหายตัวไป "

       " หายตัว? " ราเซย์ทวนถาม ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าสงสัยจัด

        " ครับ...ผมได้ข่าวตั้งแต่เมื่อวาน...ตอนสามทุ่ม...." เอ่ยพลางมองหน้าอัลชาอ์เล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงเวลา ด้วยให้ท่านชีคเข้าใจว่าที่ไม่รีบมาแจ้งทันทีที่เกิดเรื่อง เพราะอะไร

       "...ให้คนของเราไปช่วยไหม? " อัลชาอ์ขมวดคิ้วน้อยๆออกปากถาม ไม่ได้ติดใจเรื่องการรับข่าวที่ล่าช้าสักเท่าไหร่นัก

       "  คนรถกับพรรคพวกอีกสองสามคนก็ช่วยกันหาอยู่ครับ ทางนั้นก็ร้อนใจเหมือนกัน เพราะหายตัวไปก่อนเดินทางไม่นาน แต่เป็นผู้ชาย..คงจะไม่เป็นอะไรมาก "ฟาลซาอ์ตอบเรียบๆ "คาดว่าวันนี้คงได้คำตอบ ถ้าพวกเขามาถึงแล้วผมจะให้คนเข้าไปแจ้ง "

     " ช่วยดูแลด้วยก็แล้วกัน....งั้นผมขอเลื่อนกำหนดการของพวกคุณไปอีกสักสามสี่วันนะ รามิล ราเซย์... " อัลชาอ์เอ่ยพลางมองไปยังสองพี่น้อง ก่อนชีคหนุ่มจะเลิกคิ้วช้าๆเมื่อรามิล และราเซย์เซฮามัค หันไปสบตาอดีตคนรักของตน โรเบิร์ต ชอว์ตันด้วยท่าทีครุ่นคิด

      "หรือคุณมีกำหนดการอะไร......." ชีคหนุ่มเปรยช้าๆ

      " ไม่หรอกครับ ยินดีอยู่ที่นี่ตามคำสั่ง " ราเซย์ค้อนหัวให้แล้วยิ้มรับ ไม่ต่างกับรามิลและโรเบิร์ตที่หันมาพยักหน้าให้ ขณะที่คาวัลโลมองใบหน้าของชายหนุ่มสามคนที่นั่งทานข้าวแล้วหันมายิ้มให้กันอย่างนึกสงสัยไม่น้อย

      " เหมือนพวกคุณจะมีอะไรอยากทำอยู่นะ " เขาเอ่ยปากทัก พลางเลิกคิ้ว และนั่นทำให้ทั้งสามคนชะงัก

      " ....คิดไปเองล่ะมั้งครับ "ราเซย์ตอบ มองสบตา"คนรัก"ของชีคแห่งเซเนียยาด้วยแววตากล่าวเตือนถึงเรื่อง"ความเป็นส่วนตัว"ชัดเจน

      " อาจจะนะ..อ้อ......จริงสิ...ราเซย์ " คาวัลโลเข้าใจโดยดีว่าชายหนุ่มไม่อยากให้เขายุ่งเรื่องของตัวเอง ซึ่งมาเฟียหนุ่มก็ไม่คิดว่ามันจะน่าสนใจสักเท่าไหร่นักหรอก  หากแล้วก็นึกขึ้นได้ถึงประโยคปริศนาของอัลชาอ์ " คำว่า "ฮาบิตี "น่ะ หมายถึงอะไรเหรอ? "

      "....ฮาบิตี..? "ราเซย์ เซย์ฮามัค ผู้ถูกถามเลิกคิ้วปนยิ้มขบขัน แน่นอนว่าเพื่อมารยาท เขาจะต้องไม่หันไปมองสีหน้าที่เริ่มระเรื่อกระดากอายของอัลชาอ์เข้าไว้      " แน่ใจว่าคุณอยากให้ผมพูด ? "

       " ทำไม ?หรือมันมีความหมายอะไรในเชิงไม่ดี ? "คาวัลโลเลิกคิ้วถาม สีหน้างวยงงปนระแวงเล็กๆ ยิ่งเมื่อเห็นสีหน้าของอัลชาอ์ที่เริ่มอึกอักด้วยแล้ว..

        " ก็ปล่า...แค่ผม..อยากจะเคารพสิทธิส่วนบุคคลของคนพูดสักนิด " ราเซย์ตอบ ขณะที่รามิลยิ้มกริ่มสีหน้าชื่นชมปนขบขันไม่ต่างกับเจ้าชายฟาลซาอ์ที่พยายามทำหน้าตาไม่รู้ร้อนทั้งที่มุมปากกระตุกยิก และกระทั่งโรเบิร์ตก็ยังอมยิ้ม ...แสดงว่าคนที่ไม่รู้ความหมายมีแค่คาวัลโลคนเดียวงั้นสิ แล้วเรื่องอะไรจะยอม

         "...ตกลงมันหมายความว่ายังไง? " สีหน้าคาดคั้นแฝงความเอาเรื่องไม่น้อย กับท่าทางปลงตกของอัลชาอ์ช่วยให้ตัดสินใจได้ไม่ยากว่าควรตอบดีไหม

         " ก็แค่คำพื้นๆน่า...ฮาบิตี หมายถึง "ผู้เป็นที่รัก"ไงล่ะครับ "

              แน่นอนว่าหลังจากนั้นมีเพียงความเงียบวังเวงยาวเหยียดเป็นคำตอบ ในสภาพผู้ฟังร่วมโต๊ะได้แต่อมยิ้มขันและหยอกเย้า ส่วนคนอยากรู้และคนพูดประโยคนั้นน่ะหรือ ต่างก็หน้าแดงแอบค้อนใส่กันอย่เงียบๆน่ะสิ
..........

    
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : line 28 : พยายาม 17/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 25-04-2011 18:20:19
  เวลาบ่ายโมงกว่าๆ ในวันที่ฝนยังตกไม่หยุดของเซเนียยา อาคารกระจกใสตั้งอยู่ด้านปีกซ้ายของคฤหาสถ์ที่มีระเบียงทางเดินเชื่อมต่อเป็นสถานที่ซึ่งชีคอัลชาอ์คิว่ามันเหมาะกับการทำงานไม่น้อย เพราะหลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จ ชีคหนุ่มและคนรักก็พากันไปอยู่ที่นั่น ไม่มีคำสั่งหามรบกวน มีเพียงคำสั่งสั้นๆว่าหากมีธุระเร่งด่วยหรือมีรายงานจากใครก็ให้เดินทางไปหา แต่สำหรับคนสนิททั้งหลาย ต่างก็รู้แน่ว่าการ"ไม่ไปรบกวน" เป็นทางออกที่สบายใจต่อพวกเขามากนัก

...ก็เพราะไม่มีใครอยากจะไปขัดจังหวะ"คู่รัก"ที่เพ่งตกลงปลงใจกันหมาดๆหรอก โดยเฉพาะเมื่อเป็น"คู่นี้"เสียด้วย

        ดังนั้นในห้องกระจกปรับอุณหภูมิเย็นฉ่ำนี้จึงมีเพียงร่างของชีคอัลชาอ์เอนตัวนอนอ่านเอกสารบนม้านอนตัวยาวซึ่งมีหมอนใบเขื่องหลายใบซ้อนกันอยูใต้ร่างเป็นเบาะรองหนานุ่มชวนนิทรา ข้างกายมีโต๊ะเตี้ยๆ สำหรับวางเอกสารและเครื่องดื่มแก้กระหายกับของขบเคี้ยวเล้กๆน้อยๆแก้ง่วง  ใบหน้าของชีคหนุ่มมีรอยยิ้มประดับอยู่ นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองเอกสารในมือสลับกับร่างของเจ้าแมวน้อยที่นอนขดตัวซบอกอยู่ในอ้อมแขนอย่างแสนว่าง่ายนัก

      ฝ่ามือเล้นไล้เส้นผมสีน้ำตาลอัลมอนต์ที่เริ่มยาวระลำคอของอีกฝ่ายอย่างเพลินมือ ร่างเพรียวนอนเหยียดกายก่ายเกยร่างของตนเองแล้วอ้าปากหาวนัยน์ตาสีน้ำทะเลหรี่ปรือลงเล้กน้อย ใบหน้าประดับรอยยิ้มทอดมองปลายคางแลัลำคอที่โผล่พ้นโธปตัวยาว คาวัลโลเผลอเอียงศรีษะน้อยๆคอลเคลียกับปลายนิ้วที่ไล้เล่นเส้นผมตนเองอย่างลืมตัว จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองชักจะเหมือน"แมว"เกินไปแล้ว  

        แต่ทว่าอัลชาอืดูจะชื่นชอบคาวัลโลที่เป้นแมวน้อยแสนว่าง่ายแบบนี้มากกว่าเจ้าแมวอารมณืร้ายที่ชอบขู่าฟ่อๆนัก ดังนั้นมาเฟียหนุ่มจึงคิดจะตามใจท่านชีคแห่เซเนียยาให้นานเท่าที่ตัวเองจะทำได้  แม้จะต้องเสี่ยงกับการถูกล้อเลียนเล็กๆน้อยๆกับนัยน์ตาแฝงความนัยน์ของผู้คนโดยรอบที่จับจ้อง แต่จะคิดมากอะไรเล่า ในเมื่อมันต่างก็เป็นจริงทั้งนั้น

   ตกลงจะรัก พยายามจะรัก ก็ต้อง"รัก" ให้ได้ตามคำพูดนั้น

สายตาของคนอื่น คำพูดระคายหูของคนอื่น ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเก็บไปใส่ใจให้เสียเวลา

      ปลายนิ้วสีขาวหยิบผลไม้ในจานมาแทะเล่นแก้เบื่อ ชิ้นหนึ่งอยู่ที่ปากของเขา ส่วนอีกชิ้นก็ส่งเข้าปากท่านชีคที่อ้ารับอย่างว่าง่าย แต่ไม่วายทิ้งลายแอบลวนวามนิ้วคนป้อนด้วยการดูดปนกัดเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดี คาวัลโลหัวเราะออกมาเบาๆกับท่าทีกริยานั้น พาลนึกไปถึงคู่ควงในอดีตที่ตนเองก็เคยใช้วิธีนี้มาบ้าง..แต่แหม ก็ขอยอมรับอย่างไม่หลอกตัวเองเลยแล้วกัน ว่าอัลชาอ์ทำแล้วน่ารักกว่าแม่สาวพวกนั้นเป็นไหนๆ นี่ขนาดไม่นับเรื่องเมื่อคืนนะ เพราะหากจะตัดเรื่องการลิดรอนเวลานอนของเขาให้น้อยลงไปแล้วล่ะก็...ขอบอกว่ามันทำให้คาวัลโลเข้าใจไอ้ประโยคที่ว่าหากลองได้มีsexกับผู้ชายด้วยกันแล้วจะ"ได้หลังลืมหน้า"อย่างชัดเจนเชียวล่ะ

       อืม....นี่ถือเป็นก้าวแรกของคำว่า"หลงจนโงหัวไม่ขึ้น"หรือเปล่าล่ะเนี่ย หนุ่มชาวอิตาเลียนเอียงศรีษะน้อยๆด้วยสีหน้าครุ่นคิด หลังจากดึงปลายนิ้วตัวเองจากริมฝีปากของอัลชาอ์แล้วนำมันมาแตะริมฝีปากตนเองอย่างลืมตัว ก็ไม่ได้ว่ามันไม่ดีหรอกนะ เพราะถ้าเริ่มหลงแล้ว คำว่ารักก้อยู่อีกไม่ไกล ...ราบรื่นไม่มีปัญหาเพราะพวกเขาทั้งคู่ต่างเข้ากันได้ดี...ใช่ นับแต่คาวัลโลเลิกดื้อเพ่งงี่เง่าเอาแต่ใจและทำตัวทุเรศไปแล้ว

     แน่นอนว่าเขารู้ตัวอยู่หรแกว่าเป้นคนแบบไหน เพียงแต่ไม่คิดจะเปลี่ยนมันเท่านั้นเอง ทว่าอัลชาอ์ที่รักผู้น่าสงสารก็ยอมเขามามากพอจะให้เขาละอายใจและยอมละลายพฤติกรรมนั้นไปบ้าง...ใช่...ยอมละลายไปบ้าง แต่ไม่ได้หมายคงาว่าจะยอมทั้งหมด ยังไงก็ต้องเก็บนิสัยอันแสนประเสิรฐพวกนี้ไว้ต่อกรกับมดปลวกที่เข้ามาตกแยด้วย แต่แค่ไม่แสดงมันต่อหน้าอัลชาอ์แล้วล่ะก้ จะไปทำตัวแบบนี้กับใครไหน ท่านชีคก็ไม่ว่าหรอก เรื่องนี้คาวัลโลแน่ใจเชียวก็เพราะอัลชาอ์รักและตามใจเขามากไงล่ะ ต่อให้เขาจะบื้อและทื่อแค่ไหนก็ดูออก แล้วเรื่องอะไรจะไม่เก็บเอาสิทธิพิเศษนี้ไว้กับตัว อย่างน้อยก็แลกกับการถูก"ทับ"ทั้งคืนแล้วกันน่า

       " คิดอะไรอยู่ ทำหน้าเซ็กซี่เชียว " กำลังคิดเรื่อง"เมื่อคืน"กับเรื่องสิทธิพิเศษในอาณาจักรนี้อยู่เพลินๆเสียงท่านชีคก็แว่วมาใกล้ๆ นัยนืตาสีน้ำทะเลสบมองดวงตาาเข้มแล้วเลิกคิ้วน้อยๆ นึกแซวชายหนุ่มตรงหน้าที่เริ่มมีพัฒนาการระดับคำพูดล่อแหลมสำหรับคู่รักอยู่ในตัวแล้ว ก่อนจะโอบรอบลำคอหนาแล้วส่งปลายลิ้นเข้าไปเย้าแหย่ให้อัลชาอ์สติแตกอีกสักรอบ แน่นอนว่าเขาทำมันดีใช้ได้ สังเกตได้จากนัยน์ตาที่เริ่มคุกรุ่นและมือไม้ที่เริ่มไต่เลาะไม่อยู่กับที่

        "..ทำงานสิครับ ฮาบิตี " หยิกแกมหยอกเอินแต่ก็ทำให้สีหน้าคนฟังสะดุดแล้วยิ้มขัน พร้อมกับปลายจมูกที่กดลงกับผิวแก้มอย่างหยอกเย้า

        "..ครับ....ฮาบิตี " นี่มันกลายเป็นมุกพื้นฐานตั้งแต่เมื่อไหร่? หนุ่มอิตาเลียนเลิกคิ้วส่งปลายนิ้วไปไล้เล่นปลายคางเกลี้ยงเกลาและจ้องมองมันอย่างครุ่นค ิด เพราะดูท่าคำๆนี้จะไม่ใช่ประโยคหวานๆประเภท "cara mie " หรืออะไรที่พี่ชายของเขาชอบพูดมัน แต่กลายเป็นโจ๊กบนโต๊ะอาหารไปแล้วมากกว่า ซึ่งเป็นผลตอบแทนหลังจากเขาโพล่งถามเรื่องนี้ออกไปล่ะนะ

     ก็ช่วยไม่ได้นี่ เรื่องอะไรจะไม่รู้อย่างเดียวทั้งที่ชาวบ้านเขารู้กันทั่วล่ะ  นอกจากจะไม่ยุติธรรมอักโขแล้วเรื่องที่ยอมไม่ได้กว่าคือกระทั่งโรเบิร์ต ชอว์ตันก็ยังรู้ความหมายของมันด้วย...

อืม...

       " โรเบิร์ต ชอว์ตัน "จู่ๆน้ำเสียงของคนรักที่ดังขึ้นเป็นชื่ออดีตคนรักคนเก่าก็ทำให้"ลางสังหรณ์"ของอัลชาอ์กรีดร้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน ชีคหนุ่มละสายตาจากเอกสารในมือพร้อมกับตวัดสายตาไปสบมองแววตาที่เริ่มวาววับขึ้นของหนุ่มอิตาเลียนเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้ม

      " ครับ..คาวี่ " คำนี้น่าฟังกว่า"ฮาบิตี"บ้าบอคอแตกหลายขุม ไม่ใช่ว่าคาวัลโลจะเหยียดชาติพันธ์หรือภาษาของใครหรอก แต่ในเมื่อคำพูดนั้นมันเป็นอะไรที่โหลไปแล้ว อะไรที่คนรักเก่าได้มันแล้ว เรื่องอะไรเขาจะต้องไป"ทับซ้อน"ด้วยไม่ทราบ

      "...ผมก็ไม่คิดจะสนใจอดีตของคุณกับใครให้มากนักหรอกนะ เพราะผมก็มีมันเยอะพอกัน แต่ว่า....ถ้าเขาปรากฏตัวอยุ่แถวนี้เนี่ย มันก็อีกเรื่องนึง " ว่าแล้วไง ชีคหนุ่มแทบจะอุทานคำนี้ออกมาทันควันเมื่อฟังจบ อัลชาอ์จ้องมองนัยน์ตาที่เริ่มวาววับของเจ้าเหมียวตัวน้อย ที่ละความแสบสันต์ได้เพียงชั่วครู่ แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันเริ่มจะดื้อขึ้นมาอีกครั้งเพราะความหวง

   ถูกหึงหวงก็แสดงว่ารักและใส่ใจ มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่น่ากลัว...ถ้าเพียงแต่ว่าอัลชาอ์จะไม่รู้นิสัยหนุ่มอิตาเลียน ในข้อที่ว่า ขี้หึง ขี้ระแวงที่สุดและขี้น้อยใจเป็นที่หนึ่ง
และยังมีข้อที่น่าอดสูที่สุดว่าด้วย....การที่ตัวเองจะเสเพลจะทำตัวแย่ยังไงก็ได้ แต่คนรักของตนต้องไม่ทำตัวแบบเดียวกันให้เห็นเป็นอันขาด มิฉะนั้น....เป็นเรื่อง

  แล้วตอนนี้....

      " เล่ามาสิครับ..." เจ้าเหมียวตัวน้อยป่ายเอกสารออกจากมือของตนอย่างง่ายดายและเคลื่อนกายหยัดตัวจากแผ่นอกมาคร่อมทับ จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาบาดตาของท่านชีคแห่งเซเนียยาเขม็ง แววตาเรืองๆฉายแววเอาเรื่องนั้นทำให้คนถูกมองลอบกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ...

      " เรื่องผมกับร๊อบ ก็เป็นแค่อดีต .." เกริ่นๆให้เจ้าตัวใจเย็นขึ้นบ้าง...ทว่า...ดูเหมือนผลที่ได้รับจะยิ่งแย่ขึ้นมากกว่า

      " งั้นก็เล่ามาสิครับ เรื่อง"อดีต"กับร๊อบ"ของคุณ"ที่เคยนั่งร้องไห้ซบอกคุณและสนิทสนมกันแบบไม่เห็นหัวผมเมื่อวันก่อนนะ.."  ถ้าแยกเขี้ยวขู่ด้วยมันก็คงครบสูตร เพาะตอนนี้เจ้าเหมียวตัวน้อยขู่ฟ่อๆจนเส้นขนลุกซู่ทั่วกาย นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองตนเขม็ง และมีสิ่งหนึ่งที่อัลชาอ์ได้รู้ คือเจ้าแมวน้อยตัวนี้ไม่
ได้"ลืม"หรือ"ไม่ใส่ใจ"ความสนิทสนมของเขาและอดีตคนรักเก่าสักนิด เพียงแต่ว่าเจ้าตัวเก็บเอาไว้และไม่แสดงอาการออกมาก้เท่านั้น

       สำหรับตอนนี้...ชายหนุ่มอิตาเลียนผู้ได้ชื่อเป็นคนรักและมี"สิทธิ"ในการถือตนเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาโดยสมบูรณ์แล้วนั้น กำลังจะ....
เอาคืน...
...................
      


         โหยยยย คนเขียนหนาวค่ะ (นั่งรออัลชาอ์เดินมากอด /โดนคาวี่ถีบโครม) ชิ อิจฉา แต่ปุ้ยก็ชอบมุกนี้นะ มุกหนาวๆ ห้าๆ เข้ากับบรรยากาศช่วง(ก่อน)นี้ดีค่ะ ฝนตกแล้วหนาวมีคนกอดอุ่นกว่าผ้าห่มตั้งเยอะ ฮี่ๆ (อิจฉาคาวี่ ชิ) ตอนนี้อิสองคนนี้กวานกันเกินหน้าเกินตาจริงๆ คาวี่ก็น่ารักน่าหยิกมากกกกกก อยากจะจับมาฟัดให้หายหมั่นเขี้ยวซะจริงๆ (โยกศรีษะหลบฝ่าเท้าท่านชีค) และเปิดเผยความจริงอีกข้อว่าแมวเหมียวมันลามก! 555 ไม่สิ ต้องบอกว่าเปิดเผยตามธรรมดาของหนุ่มยุโรป แถมยังขี้หึงบรรลัย (อนึ่ง ขอใช้คำนี้แทนคำว่ามาก เพราะใช่คำว่า"มาก"แล้วมันยังน้อยไป )แต่ก็ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ เนอะ
  เหมือนว่ายังไงก็เขียนหวานทั้งตอนไม่ถนัด เลยอัพเดทฝังพี่ชายนิดหน่อย  และเปิดตัวตัวละครใหม่อีกสอง กับเรื่องของคุณลุงที่ตกลงว่า...มีจุดหมายอย่างไรกันแน่ อันนี้ต้องรอกันต่อ แต่สำหรับสองคนนี้ ปุ้ยชอบคุณอาแฮะ ฮี่ๆ คาแรกเตอร์นี้เอามาจากท่านกิลเบิร์ตอิสอะออวซั่ม!ในรูปตัวแทนเองล่ะค่ะ คุณอาคลาร์กน่ารักดีชอบโวยวายเหมือนเด็ก แต่ก็เท่ห์ บทจะจริงจังก็อย่างเมพ  สองคนนี้มาอยู่กับคาวี่แล้วกลายเป็น"สามบรรลัย"ได้เลยค่ะ รอพบคุณอาและพ่อคุณแกเร็ตได้เลย  
   ส่วนตอนหน้า อร๊ายยยยย เค้าจะมาแล้ววววววววววววววววว ที่รักปุ้ยจะมาแล้ววววว (โดนคาวี่ตบ) รอคอยการเปิดตัวของเขามากเลยนะค่ะอยากเขียนถึงเร็วๆ แฮ่ๆ คนนี้เค้าน่ารักมากมาย(สำหรับปุ้ย แต่คนอื่นอาจจะไม่...) และหลังจากนี้ก็คงไม่มีตัวละครใหม่มาแล้วล่ะค่ะ และเนื้อเรื่องก็จะทวีความมันส์ขึ้นอีกเยอะ หุหุหุ (จะบอกว่ารอเขียนสงครามมาเฟีย ณ แดนทะเลทรายอยู่ล่ะ )
ปล. เจอเรื่อง The godfather Return อยากจะรำลึกถึงท่านดอนวีโต้ คอเลโอเน่เสียหน่อย ลองเอามาอ่านดู ก็นะ...คนเขียนไม่ใช่ Mario puzo  ยังไงก็ไม่ได้อารมณ์ อีกอย่างมุกมันเก่าไปแล้วสำหรับสมัยนี้ แล้วอิงเล่มเก่ามีทามไลน์อะไรเยอะแยะ แต่ข้อมูลยังไม่แน่นพอ ไปอ่านหงส์เหนือมังกรยังจะดีกว่า (เพราะอย่างน้อยจางเหาก็ยังน่าเลิฟกว่าไมเคิล)
ปล. สอง ตอบนุ๊กค่ะ เอาจริงๆว่ายังไม่ถึงครึ่งเรื่องเลย มีอีกยาวค่า คุคุ
ปล. สาม แบดกายพรุ่งนี้เหมือนเคยจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 25-04-2011 18:33:21
 :impress2:เขิลลลลลลลลลลลลลลลล  น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกก หวานนนนนนนนนนนนนนนนนนน


ไม่ไหวจะเคลียร์  น่ารักทั้งคาลวี่ ทั้งท่ายชีคเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 25-04-2011 18:56:32
ชดเชยส่วนที่ขาดหายเนอะท่านชีค
คาวัลโลอ่อนลงไปมากๆ สงสารก็สงสาร
แต่อย่าเสียใจนานนะ
ต้องกลับมาเข้มแข็งไวๆ ล่ะ
และที่สำคัญ อย่าหยุดพยายามที่จะรักท่านชีคน้า
(แต่เราว่าไปไหนไม่รอดแล้วล่ะ)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 25-04-2011 19:00:06
ฝั่ง คาวี่หวาน //ฝั่ง อเล็กซิส ดูเครียดๆยังไงไม่รู้ 555+

 :z13: :z13: :z13:

รักคนแต่งเรื่องนี้ที่สุดดดด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: phung ที่ 25-04-2011 19:16:00
โฮฮฮ ในที่สุดก็ได้อ่านต่อ

*มันจะหวานน่าอิจฉาไปแล้วนะ!!!*

ไม่ไหววววววววววววววววววว

หนูคาวี่จะอ้อนไปไหนนน อ่านแล้วหน้าแดงงงงง

อยากได้แบบชีคบ้าง จะไปหาที่ไหนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 25-04-2011 19:19:40
บรรยากาศคู่รัก(อันหาได้ยากยิ่ง)ของคู่ท่านชีคกับนู๋คาวี่ อ่านแล้วแช่มชื่นซะจริง
หวานๆแล้วค่อยไปโหดเนอะ ได้อารมณ์ดี
ฝั่งคุณพี่ชาย ชอบคุณอาขาป่วนค่ะ อร๊ายยย เปิดตัวมาได้น่ารักมาก :impress2:
รอวันเชือดตาลุง :m16:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 25-04-2011 19:29:15
มันหวานกันซะจนลืมไปเลยว่ามันเคยกัดกันจะเป็นจะตายมาก่อน
โอ๊ย อิลุงของวาลกัส ชื่อไรนะ? จำไม่ได้
กร๊าซซซซซซซซซ เกลียดมัน วางแผนออกมาได้ไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 25-04-2011 19:41:06
อย่างนี้เค้าเรียกว่าหวานอม ไส้ขมข้างในป่ะ
ยังไม่ถึงครึ่งเรื่อง เลยเหรอเนี่ย

ถึงอย่างไรก็เหอะน คาวีตอนนี้มันน่ารักจริงจริงนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 25-04-2011 19:56:28
อุ่ย โดนมดกัดอ่ะ :pigha2:

แต่เรื่องยังมาไม่ถึงครึ่งเรื่องเลยหรือนี่
หนทางยังอีกยาวไกล :z2:
ติดตามต่อไป

 :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: cherry blossom ที่ 25-04-2011 20:13:02
หวานๆกันแบบนี้ น่ารักดี  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 25-04-2011 20:40:41
อ๊ากกกกกกกก น่ารัก ชอบๆ  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 25-04-2011 20:41:07
หวาน หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คือ พอเปิดใจแล้วอะไรๆก็ดีขึ้น ไม่อึดอัดเนอะ
แต่ตอนนี้สงสัยค่ะ "นกต่อ"ที่ว่า คงไม่ใช่ร็อบนะค่ะ หรือจะเป็นสถาปนิกที่หายไปอ่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: KaZuKi ที่ 25-04-2011 20:53:50
โฮ้ยยยย :-[ อ่านอย่างเต็มอิ่มอ่ะ กรี้ดโฮกมากอะ ท่านชีค ถ้าจะหวานขนาดนี้ ขออิจฉาคาวี่จะได้มั้ยที่ไ้ด้ความรักจากท่านชีค :L1:
อ๊ากก อยากได้ท่านชีคอ่ะ ฮึ่มม คู่ซิส กับ เซย์ จะเป็นยังไงน้า เฮ้อ หวานมาหลายตอน กลัวจะดราม่าจริงๆ เง้อ นอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 25-04-2011 20:59:33
แมวน้อยคาวี่กลายร่างล่ะ จากทำตัวอ้อดอ้อน ก็ขู่ฟ่อๆ เลย ชีคเราโดนซักจนขาวแน่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 25-04-2011 21:05:48
ท่านชีคจะหวานไปไหนนนน นน โฮกก ก  :-[
ชอบคาวี่หึงอ่ะ ฮ่าาา าา
อัลชาอ์มีแววกลัวเมียอยู่รำไรนะจ้ะ ฮ่า ๆๆๆๆๆๆๆ

แต่อ่านตอนอเล็กซิสเครียดอ่ะ เฮ้อออ  ต้องอ่านกันสองรอบกันเลยทีเดียว
เค้าชอบคุณอาอ่า  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 25-04-2011 21:09:58
ขอให้หวานแบบนี้ตลอดไปเถอะ :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 25-04-2011 21:10:55
ฝั่งนึ่งหว้านหวาน อีกฝั่งเครียดสุดบรรลัย   :really2:

เเต่ชอบตอนนี้มากกๆๆๆๆ   หวานไม่เกรงใจคนรอบข้างเลยย  คนอ่าน ยิ้นปากเเทบฉีก  อ่านไป ยิ้นไป เหมือนตัวเองเป็นคนบ้ายังไงไม่รุ้ :m20:

เอาเเล้วไง คาวีจะกลายร่างเเล้ว สมน้ำหน้าท่านชีคอยากทำประชดคาวีนัก  คาวี เอาให้หนักๆ  เลยยย :m20:

ด้านฝั่งพีชาย คุณอา ฮ่าดี   :m20: ชอบ   เเล้วตกลงเรืองมันจะเป็นยังไง โอ้ย ใครคือตัวการที่เเท้จิง  ปวดหัวเเทน  :really2:  :เฮ้อ:

เเล้วตัวละครที่จะมาเพิ่ม  อะ จะเป็นใคร เเล้วจะมาทำไร ให้ปวดหัวอีกป่าวววว  ไม่อยากคิด  





ปล คาวีน่ารักสุดๆๆๆๆๆๆ

ปล2 หนาว   หนาว  หนาว.....


 :กอด1: :กอด1: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 25-04-2011 21:26:09
กอดรับตอนนี้ แอร๊ย ยาวและหวานนนมากค่า  o13 :z1:
มีคำผิดอยุ่แต่ความหวานมันกลบไปหม๊ดดเลยอ่า  :o8: ละลาย..
ชอบอาของน้องคาวี่ อยากเห็นตอนเจอกันท่าทางฮาแตก
ส่วนท่านลุง..เลวไม่เลวไม่รู้รู้ว่าเกลียดไปแล้วว !  :fire:

+1ให้กับความหวาน ชอบมากเลยย :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 25-04-2011 21:37:00
  ว้าว  ทางฝั่งซีคหวานมากเลยคร๊า  ชอบโหมดแมวอ้อนของคาวี่  น่ารักๆ   :กอด1:
 อีกฝั่งก็อึมครึมซะ  เล่นเอาอ่านไปปวดหัวไปเลยแหะ  อะไรมันจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 25-04-2011 21:49:07
เจ้าเหมียวน้อยขี้อ้อนขึ้นเยอะเลย หุหุ ชอบๆๆ

อัลหนาวแน่ๆ ถ้าเคลียร์เรื่องร๊อบไม่ได้ งานนี้โดนแมวข่วนแน่เลยๆ

-------

ลุงเป็นคนอยู่เบื้องหลังจริงๆเหรอ.....น่ากลัวอ่ะ  คนใกล้ตัวทำกันได้ลงคอ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 25-04-2011 21:49:24
อืมม...เหมือนคาวี่จะเริ่มคืนร่างทีละนิดแล้ว...55+
ถึงคนรักเก่าจะอยู่แถวนี้..แต่ว่าเค้าก็มีเจ้าของอยู่นะ..คาวี่จะหึงท่านชีคทำไมอะ..
หรือไหนๆแล้วอัลชาอ์ก็บอกให้ครบทุกคนเลยมั้ยคะ...คาวี่จะได้ไม่ต้องหึงบ่อยๆไง..
เอาแบบพอคาวี่เห็นหน้าปุ๊บ..ประวัติก็ขึ้นมาเป็นลิสต์เลย...555+
ชอบคุณอาสองคนด้วยคะ...อยู่ด้วยกันแล้วน่ารักดี...คนนึงก็ติงต๊อง.อีกคนก็นิ่งสุดๆอะ..55+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 25-04-2011 21:50:45
แมวขี้หวง ฮี่ๆๆ

ปล. ใครนะเป็นสาย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: lolilo ที่ 25-04-2011 21:58:27
โอ้โห้ววววววววววววววววววววววววววววว
แม่เจ้าโว้ย !!!! อ่านตอนนี้แล้วมีความสุขหยุบหยิบไปทั้งตัว
มีความสุข มว๊าก !!!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 25-04-2011 22:14:57
**นั่งกัดหมอน** เค้าเขินอ่า าาาา คนเขียน :m3:

หลังโดน 'ทับ' รู้สึกรัศมีเคะของคาวี่แตกกระจายอ่ะ

แต่อีกฝั่งเครียดไปนะ  :sad2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 25-04-2011 22:18:20
อ่านไป รู้สึก หน้าร้อนผะผ่าว ตลอดเวลา  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeit ที่ 25-04-2011 22:27:31
คู่นี้ตอนสวีทหวานยิ่งกว่าน้ำตาลที่หวานที่สุดในโลกอีกกกกก

หึงโหดน้ะเนี้ยยย คาวี่ 

ความโลภไม่เข้าใครออกใครจิงๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 25-04-2011 22:47:46
คาวี่น่ารักมากกกก แมวเหมียวตัวน้อยๆชัดๆ  :-[ ชอบจังเล้ย
อัลชาอ์ก็แบบว่านะ ดูแลเอาใจใส่ ทะนุถนอมสุดๆไปเลย
(แหงละ เขารักของเขานี่ แถมกว่าจะได้มาก็ยากแสนยาก  :z3:)
แต่แบบ โฮกกกก ยังไม่ถึงครึ่งเรื่อง! แจ่มมากค่ะ จะได้อ่านเรื่องนี้ไปอีกยาวววววเลย (ถ้าพี่ปุ้ยไม่ดองซะก่อนนะ  o18)
ชอบตอนหวานๆแบบนี้จังน้าา อ่านแล้วมีความสุข  :o8:
แต่คือ ตรงฝั่งอิตาลี งงๆนิดหน่อยค่ะ มันดูซีเรียสมากเลยเนอะ  :m23:
ที่รู้ๆก็คือ อีตาลุงนั่น เลววววใช่ป่ะ  :angry2:

เอาเถอะ รอต่อนะคะ ยาวได้ใจจริงๆเล้ย  :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 25-04-2011 23:16:39
เอมันยังไงกันล่ะคะ คาวี่ หวานกันอยู่ดีๆ ไหง เริ่มมาชำระ "อดีต" คนรักของอัลชาร์ ล่ะเนี่ยะ :impress3: แล้วที่ปรึกษากับมือขวาของ คาวี่ จะมาเอาตัวคาวี่ไปแล้ว อัลชาร์จะทำไงล่ะคะ สู้ๆ เพื่อ ฮาบิตี นะคะ

คุณลุงที่รักมาหักหลังกันได้ อย่างนี้ ต้องเอาคืนนะคาวี่ อย่ายอม ทั้งยังหวังทำร้ายครอบครัวอย่างนี้ด้วย เอาไว้ไม่ด้ายยยยย :m31:

ปล. คุณที่ปรึกษาเป็นน้องคุณแม่ของคาวี่ ไม่ใช่น้าเหรอคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 26-04-2011 00:03:29
งานเข้าชีคล่ะ :laugh: จากหวานๆ ลูกแมวน่ารักๆออนอ้อน ตอบไม่โดนใจงานนี้มีกลายร่าง มีข่วนเเน่ๆ :laugh: ลูกเเมวขี้หวงน่ะ หึงโหดด้วย  :jul3:
 :angry2:ตกลงอีตาลุงไม่ดีใช่ไม เมื่อไรจะรู้กัน ฝั่งอิตาลี มันครึมๆ บรรกาศไม่ค่อยดีเลย

+1 หวานชื่น
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 26-04-2011 01:30:34
ตอนนี้หวานสุดๆ น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :z1: :z1: :z1:

แต่เจ้าแมวน้อยขี้อ้อน+ขี้หึง นี่ก็น่ารักสุดๆ จริงๆ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 26-04-2011 02:07:23
คิดเถิ้ง...คิดเถึง คาวี่น่ารักอะไรเยี่ยงนี้หนา หายากมากมายอ่า.....เฮ่อ กว่าสองคนนี้จะลงเอยกันได้ก็ลุ้นกันแล้วลุ้นกันอีก แฮปปี้แบบนี้ มีความสุขดีค่า ชอบมากมายเล้ย ^^=
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 26-04-2011 03:01:21
อ่านะ  คู่อัลชาอ์-คาวี่ นี่
บทจะหวานก็หวานกันซ้า...
คนอ่านแอบอิจฉาไปตามๆกันเลย
 :-[ :o8: :-[

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 26-04-2011 06:40:47
อยากจะกรีดร้องให้เป็นภาษาอิตาลี ทำไมคาวี่ช่างน่าร้ากกกกก ได้ปานนี้  :-[
สวีทวี้ดวิ้วกุ๊กกิ๊กงุ้งงิ้งกันได้น่ารัก น่าเอ็นดู เป็นที่สุด ท่านชีคก็หวานได้อีก
แต่เจ้าแมวน้อยก็ยังคงความเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม ยิ่งรู้ว่าตัวเองถูกรักมากขนาดนี้ด้วย เฮ้อ ปวดหัวแทน
ไม่อยากจะคิดถึงตอนที่คาวี่จะโดนพาตัวกลับไปเลย เหมือนต้องกลับไปเลือกอีกครั้ง
ทั้งๆที่ตอนนี้ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว ถึงแม้อันนี้จะเลือกเพราะไม่มีตัวเลือกให้เลือกก็เถอะ
ออกแนวบังคับเลือกแฮะ แค่คิดก็เครียด(แทนท่านชีค)แล้ว  :z3:
ตัวละครอีกตัวจะมาแบบไหนหว่า หวังว่าคงไม่ใช่เพื่อนที่คาวี่บอกแค่มองตาก็รู้ไปถึงแก่นสมองฟื้นคืนชีพมานะ
ปล. ชอบคุณอาด้วยคน เป็นอาที่แนวมาก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 26-04-2011 09:14:57
อัลชาอ์กับคาวี่นี้หวานซะมดขึ้นจอเลย ฮ่าๆๆ เป็นตอนที่หวานได้ใจเรามากๆ
ดูท่าทางงานนี้อัลชาอ์กำลังงานเข้า เพราะดูจากรูปการณ์แล้ว คาวี่จังกำลังเอาคืน โฮ่ะๆ
แค่คิดก็สนุกแล้วซิ คาวี่น่ารักมากๆเลยจร้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 26-04-2011 09:28:09
คาวี่หวานได้ขนาดนี้ แทบจะนึกภาพเจ้าแมวตัวป่วนไม่ออกเลยทีเดียว
แต่ท่านชีค ต้องเตรียมใจไว้นิดนะคะ บทดีๆ คาวี่ยังป่วนได้ใจ
บทหึงขึ้นมาเนี่ย ท่านชีคจะรับมือไหวมั้ยน้า
 
อ้อ มีอีกวิธีที่จะสยบคาวี่ได้ชะงัด ก็ :haun4: อ่ะนะ
จะได้ไม่มีแรงมาอาละวาด อิอิ

เครียดแทนพี่ใหญ่จริงๆ ไหนจะลุง ไหนจะต้องปกป้องครอบครัว
แต่มีสองมือขวารูปหล่อ (แน่ๆ) มาช่วยนี่ น่าจะหายห่วงได้บ้าง

ชอบนิยายของน้องปุ้ยนะคะ ลงยาวครอบคลุมเนื้อหาได้ดีจริงๆเลย
ของคุณมากๆจ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 26-04-2011 09:50:31
คู่นี้บทจะหวานก็หวานกันซะน่ารักเชียว
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 26-04-2011 11:17:18
โอยยยย ยาวสะใจมากๆค่ะ ^^ ชอบบบบบบ
คาวี่อ้อนน่ารักมากมาย *กรีดร้อง*
อยากเห็นมุมน่ารักๆของสองคนนี้อีก กิ๊ซซซวว
แต่ดูทางฝั่งพี่ชายกับอาแล้ว มันน่าจะดราม่าบังเกิดอีกแล้วสินะ เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 26-04-2011 11:28:16
จะหวานไปไหนค๊าาา า
แมวน้อยคาวี่ อ้อนได้อ้อนดีเลยนะ  :o8:

แต่พอมาทางครอบครัวเครียดเอาการเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 26-04-2011 14:36:24
บทจะหวานก็เล่นหวานจนไม่เกรงใจใครเลยนะค่ะ  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 26-04-2011 15:55:20
โห..แค่คืนเดียวน้องคาวี่แทบจะยึดทั้งอณาจักรของอัลชาร์แล้ว
เริ่มด้วยการซักฟอก คงกะเอาขาวสะอาดแน่ๆ งานนี้ o22
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 26-04-2011 16:20:11
โว๊ะ น่ารักวุ้ย

ตอนหวานๆนี่ไม่สนคนรอบข้างเลยนะ

อยากเห็นฉากยิงกันเลือกสาดแล้วสิ

นี่เราซาดิสไปป่าว ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 26-04-2011 21:00:42
คาวี่  เลือกแล้วเลือกเลย ห้ามเปลี่ยนใจเด็ดขาดนะรู้มั้ย   o18 o18
หวานมากค่ะตอนนี้ คาดไม่ถึงว่าคาวี่จะเหมียวได้ขนาดนี้  :o8:
แลกกับการโดน ทับ ทั้งคืน แหมคุ้มอยู่นา  :haun4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 26-04-2011 21:37:15
 :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 26-04-2011 22:11:25
อ้ายยย มาทีก็จุใจ จัดเต็มทุกครั้งไปนะพี่ปุ้ย :L1: :L1:
แหมนะตอนนี้ อ่านไปก้ออยากฟัดอิหนูคาวี่ซักทีเลยเชียว  ทำตัวน่ารักขึ้นเป็นกอง :impress2: :man1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 26-04-2011 22:17:45
กรี๊ดดดด นี่ยังไม่ครึ่งเรื่องอีกหรือคะ โอ้ววว ช่าวงเป็นการต่อสู่ที่ยาวนาน งั้นเราต้องรีบตักตวงฉากรักของคู่นี้สินะ เพราะเดี๋ยวต้องกลับไปแย่งชิงอำนาจกันอีกแหงมๆ....โถ พ่ออัลซาร์จะโดนคาวี่หักอกอีกไหมนี่ ไม่น๊าาาาาาา :o12:

แอบชอบคุณอา ดูแบ่งภาคได้ ภาคหนึ่งโคตรพ่อมาเฟีย อีกภาค...มันบ้า ชอบๆๆ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: anuyasha ที่ 27-04-2011 02:08:26
กรี๊ด คาวี่หึงงงงงง น่ารักอย่างแรง!! 5555555
นึกหน้าอัลชาฮ์ไม่ออกเลยอะ!

ชอบค่า อยากให้หวานกันไปอย่างนี้นานๆจังนะ ><!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: liptudzii_chi ที่ 28-04-2011 11:16:29
 :L1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 28-04-2011 16:19:07
เพิ่งเห็นพาร์ทนี้เราสะเพร่าจริง..  -*-

ออดอ้อนกันน่ารักมาก ไม่อายฟ้าดินน่าหมั่นไส้เล็กๆ นะเนี่ย 55
ว่าแต่คาวี่เวลาหึงก็เอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 28-04-2011 18:07:34
มารอหนูคาวี่กับชีค อยากอ่านต่อๆๆๆๆ ^_^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: BlueFaith ที่ 28-04-2011 22:44:04
คาลลล.... ถ้าหวานพอแล้ว กลับมาโหดเหมือนเดิมเหอะนะ ^^

คิดถึงโหมดโหดๆๆๆ มาก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 30-04-2011 21:40:45
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ย ย ย ย ย



ทางนี้ก็กำลังหวานนนน น น มดรับประทานน



ทางโน้น น น น น น ก็วุ่นวานไม่มีที่สิ้นสุด




แถมยังจะเอาตัวกลับไปอีก 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 30-04-2011 22:32:05
  :impress2:  หวานกันเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 01-05-2011 00:31:23
เข้ามาทวงตอนต่อไปจ้า o11
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 01-05-2011 01:29:21
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 01-05-2011 11:24:20
เข้ามาปูเสือพร้อมน้ำชารอ

ขอบอกว่าชอบเรื่องนี้มากเลยอ่ะ แบบว่าทุกครั้งที่อ่านเพื่อนมันจะเดินมาแซวทุกครั้งจนตอนนี้มันมานั่งอ่านด้วย

คาวี่น้องเวลาหวานน่ารักมาก บทจะโหดก็ได้ใจแบบว่าอืมเค้าชอบ :-[

ตอนต่อไปอยากเห็นหวานๆ+NC อีกก็อยาก แต่อีกใจก็อยากเห็นตอนโหดๆ (เริ่มสับสนกับตัวเอง)

ยังงัยก็ตามใจคนแต่งนะจ๊ะ แต่คุณอาของคาวี่กะพ่อหนุ่มผมแดงที่ออกมาใหม่เค้าว่ามันมีลางสังหรณ์แปลกๆยังงัยก็ไม่รู้

เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 01-05-2011 14:43:29



  อ่าฮ้า พฤติกรรมของคู่คาวี่นี่ ชักเข้าใกล้พฤติกรรมของคู่แฝดสมัยยังรุ่งเรืองเข้าไปทุกที
  แต่คาวี่จังแอบหึงน่ากลัวอ่า หุหุ

  ตัวละครใหม่นี่น่าสนใจดีนะ โดนเฉพาะคุณอา ^ ^
  ชักอยากเห็นตอนสามแสบมาเจอกันแล้วละสิ
  คาวี่คิดยังไงน้าถึงเลือกเอาสองคนนี้มาเป็นมือขวากะที่ปรึกษา อ๊ะ!! แล้วมือซ้ายล่ะหายไปไหน



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pasallatel ที่ 01-05-2011 16:01:27
ยังไม่ถึงครึ่งเรื่อง มายก็อด o22
 :m31:อิตาลุงเจ้าเล่มาก
สังหรณ์มาตั้งแต่  ตอนแรกแล้วอะ
ที่ว่าคาลมันโดนหลอกไปตายนั่นน่ะ :m16:
แค่สงสัยนะคะ สงสัยจริงๆ ว่าฝีมือลุงมันเองรึเปล่า
แต่ดันมาเริ่มจะเข้าเค้า :call: และมั่นใจว่าใช่ซะแล้วสิ
แต่ก็ยังแอบหวัง ว่าลุงมันจะเลวชาติขนาดนั้นนะ หวังจริงๆ ค่ะ
เป็นเราก็คงไม่ไหว เจอแบบนี้ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pasallatel ที่ 01-05-2011 16:02:13
ยังไม่ถึงครึ่งเรื่อง มายก็อด o22
 :m31:อิตาลุงเจ้าเล่มาก
สังหรณ์มาตั้งแต่  ตอนแรกแล้วอะ
ที่ว่าคาลมันโดนหลอกไปตายนั่นน่ะ :m16:
แค่สงสัยนะคะ สงสัยจริงๆ ว่าฝีมือลุงมันเองรึเปล่า
แต่ดันมาเริ่มจะเข้าเค้า :call: และมั่นใจว่าใช่ซะแล้วสิ
แต่ก็ยังแอบหวัง ว่าลุงมันจะไม่เลวชาติขนาดนั้นนะ หวังจริงๆ ค่ะ
เป็นเราก็คงไม่ไหว เจอแบบนี้ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: pasallatel ที่ 01-05-2011 16:02:31
ยังไม่ถึงครึ่งเรื่อง มายก็อด o22
 :m31:อิตาลุงเจ้าเล่มาก
สังหรณ์มาตั้งแต่  ตอนแรกแล้วอะ
ที่ว่าคาลมันโดนหลอกไปตายนั่นน่ะ :m16:
แค่สงสัยนะคะ สงสัยจริงๆ ว่าฝีมือลุงมันเองรึเปล่า
แต่ดันมาเริ่มจะเข้าเค้า :call: และมั่นใจว่าใช่ซะแล้วสิ
แต่ก็ยังแอบหวัง ว่าลุงมันจะไม่เลวชาติขนาดนั้นนะ หวังจริงๆ ค่ะ
เป็นเราก็คงไม่ไหว เจอแบบนี้ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 01-05-2011 20:16:36

  อ่าฮ้า พฤติกรรมของคู่คาวี่นี่ ชักเข้าใกล้พฤติกรรมของคู่แฝดสมัยยังรุ่งเรืองเข้าไปทุกที
  แต่คาวี่จังแอบหึงน่ากลัวอ่า หุหุ

  ตัวละครใหม่นี่น่าสนใจดีนะ โดนเฉพาะคุณอา ^ ^
  ชักอยากเห็นตอนสามแสบมาเจอกันแล้วละสิ
  คาวี่คิดยังไงน้าถึงเลือกเอาสองคนนี้มาเป็นมือขวากะที่ปรึกษา อ๊ะ!! แล้วมือซ้ายล่ะหายไปไหน

ขำกับคำว่าฝาแฝดสมัยรุ่งเรือง  :laugh: :laugh: เออเนาะ ก็ตอนนี้เค้าป่วยอยุ่แถมมีเรื่องยุ่ง เรื่องหื่นๆเลยพักไปชั่วคราว  :m20:
--> มือซ้ายที่หายไปก็คือคุณอาแหละค่ะ มือขวาคือคนสนิท+คนที่มีฝีมือและเก่งกา่จ
 ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษาก็เหมือนมือซ้าย ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเรื่องต่างๆ ประเภทวางกลยุทธ์ ฯลฯ ชื่อเรียกเฉพาะคือ "คอนซีโยรี" ค่ะ (อ้างอิงจาก The godfather ส่วนใหญ่ใช้่นิยายเรื่องนี้เป็นบรรทัดฐานเรื่องต่างๆของมาเฟีย)
นิยายอีกสองสามวันจะอัพนะค้า วันนี้ขออัพพี่โตก่อน ไม่ได้แตะมาหลายวัน นิ้วซ้นอ่ะ เพิ่งหาย :m15:

แดมเมจรูปคาวี่เล้กน้อย เคยเอารูปน้องตอนผมสั้นมาแปะ ตอนนี้ผมเริ่มยาวแล้ว ก็ประมาณนี้

อันนี้ผมสั้น (ชอบรุปนี้จัง แลดูมีฟีลลิ่ง)

(http://image.ohozaa.com/i/cf3/196_gaspar_10.jpg)


 
นี่ก็สั้นอยู่ (รูปนี้่หล่อมว้ากกก )

(http://image.ohozaa.com/i/9cc/600fullgaspardulliel.jpg)


นี่ก็ยังสั้น  แต่ฮุ้ยยย จ้องเอ๊า จ้องเอา

(http://image.ohozaa.com/i/ddb/gaspardulliel5.jpg)


อันนี้ยาวแล้ว ยิ้มหวานนนนนน ~~ รุปนี้น่ารักมากมายยยยย :impress2:

   
(http://image.ohozaa.com/i/816/gaspard_ulliel_1187191334.jpg)

สักนิด ท่านชีค...


(http://image.ohozaa.com/i/700/104166066.jpg)

หล่ออออ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 01-05-2011 21:07:43
อุ  กรี๊ดดดดดดด ขอสักนิด ก่อนปาดน้ำลาย เหอๆๆๆ ตอนล่าสึดยังไม่ได้อ่านเเต่เเวบเข้ามาเเล้วเจอของดี คริคริ ไปทำอะไรมา ข้อมือซ้นเนี่ย อากาศไม่ดีนะคะ ต้องดูเเลตัวเองดีๆนะ ทุกส่วนด้วย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 01-05-2011 22:09:41
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 02-05-2011 11:12:56
หวาน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: winnie_the_far ที่ 02-05-2011 11:24:35
กว่าจะอ่านทันๆๆๆๆๆๆ

สนุกมากกกก อยากรู้ว่าจะเป็นไงต่อไป อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: BlueFaith ที่ 03-05-2011 16:15:45
เข้ามาส่องคาลลลล... แล้วจากไป ฟิ้ววววว  :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 04-05-2011 20:42:00
เข้ามาช่วยดัน
และทวงเรื่องด้วยจ้า o11
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 04-05-2011 21:02:21
คิดถึง คาวี่จัง  :กอด1:

คนแต่งหายเจ็บมือเร็วๆนะ

นั่งรอต่อไปจ้า

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 04-05-2011 21:05:28
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 04-05-2011 21:09:29
รอคาวี่แมวเหมียวกะท่านชีคคนดี   :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 04-05-2011 22:08:46
คิดถึงแล้ววน้าาา :z3: :z3:

 :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 04-05-2011 22:25:01
เห็นรูปที่คนเขียนเอามาอัพไว้ให้แล้วแบบ อ๊ายย~ :m3: :m3:
แต่ละรูปของคาวี่แบบ หล่อไม่ไหว  :give2:
ถึงกับต้องไปค้นฮันนิบาลมาดูใหม่ทันที คนอะไรหล๊อ หล่อ
พอผมยาวแล้วก็กลายเป็นน่าร๊ากก    :-[
ท่านชีครูปใหม่นี้มาอย่างเซ็กซี่ หล่อพอกัน  :o8:
คนที่มาเป็นอิมเมจท่านชีคนี้เขาชื่ออะไรหรอคะ?
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 05-05-2011 01:04:22
Line :30  เผยความจริง


     สีหน้าของคนพูดไม่เปลี่ยนไปสักกี่มากกี่น้อยยามเอ่ยถึงเรื่องราวของตนและคนรักเก่าในอดีต นั่นเป็นหนึ่งประการที่คาวัลโลยอมรับได้ สองคือไม่มีแววตา"โหยหา"หรืออาลัยอาวรณ์ให้เคืองตาถือเป็นเรื่องดี และสาม....เพิ่งรู้ว่าหลังจากเลิกกับอัลชาอ์ โรเบิร์ต ชอว์ตันได้ไปคนหาดูใจกับราเซย์ เซฮามัคอีกคน และต่อมาก็นักศึกษาป.โทคณะบริหารจากมหาวิทยาลัยดังในอังกฤษอีกรายหนึ่ง ต่อด้วยนายแพทย์หนุ่มที่โรงพยาบาลอะไรสักแห่งที่เขาไม่คิดจะจำ ..ส่วนตอนนี้เจ้าตัวคิดจะกลับมาคบกับราเซย์...ที่เมินเฉยหมอนี่...ไปโดยสิ้นเชิง

         ถึงจะหงุดหงิดนิดหน่อยที่อัลชาอ์และโรเบิร์ตต่างก็เป็น"รักแรก"และครั้งแรกของกันและกัน ชวนให้เคืองๆคันๆในหัวใจและต้องพ่นลมหายใจด้วยอารมณ์กึ่งริษยาสักเล็กน้อย แต่คนเราควรจะใจกว้างกับอดีต ดังนั้นคาวัลโลจึงตัดสินใจปล่อยผ่าน อีกทั้งตอนนี้เป้าหมายของโรเบิร์ตในการรีเทิร์นนั้นไม่ใช่อัลชาอ์ แต่เป็นราเซย์ เซย์ฮามัค หมอนั่นต่างหาก...

       ตัดสินใจจะไม่เคืองหรือเหม็นขี้หน้าโรเบิร์ต แต่รู้สึกจะทำได้ยากนิดหน่อย เพราะอาการ"ออเซาะ"ของผู้ชายคนนั้นยังเห็นตำตา จะลืมน่ะลืมได้ แต่ต้องให้หมอนั่นห่างจากสายตาสักครึ่งปีเป็นอย่างน้อยเสียก่อนสิ ไม่ใช่ว่าจะมายืนเสนอหน้าแถวนี้แล้วจะให้หายเคือง มีตัวต้นเหตุมายืนสลอนมองหน้าแล้วจะให้ไม่หงุดหงิด ขอโทษที่คาวัลโลต้องบอกว่าเป็นไปไม่ได้

       อีกอย่างคือตราบใดที่ชื่อ"ร๊อบ"นั่นยังดังเข้าหูทุกๆสามนาทีจากปากอัลชาอ์และประโยคที่พูดมาก็ประมาณว่าร๊อบเป็นคนดี น่ารัก น่าสงสาร น่าเห็นใจ น่าเอ็นดู หรือน่าดูเอ็นอีกล่ะก็ คราวนี้คาวัลโลจะ"งับ"ไอ้นั่นให้สูญพันธ์เลยคอยดู 

   ...เพราะมันไม่ใช่เรื่องน่าภาคภูมิใจอะไรเลยที่คนรัก(หมาดๆ)ของตัวเองมานั่งพล่ามถึงแฟนเก่าว่าเป็นคนดีอย่างนั้นอย่างนี้ด้วยรอยยิ้ม มิหน้ำซ้ำแฟนเก่าที่ว่านั่นยังอยู่แถวๆนี้อีก นี่ต้องเตือนความจำกันหน่อยไหม ว่าเมื่อคืนที่แล้วไอ้ท่านชีคงี่เง่าตรงหน้ามัน"ขย่ม"ใครเสียจนเครื่องในแทบพัง !

        เพราะสีหน้าที่มืดครึ้มดำทะมึนยิ่งกว่าบรรยากาศอึมครึมของวันนี้ ทำให้อัลชาอ์ตัดสินใจจะหยุดเรื่องเล่าของตนเองไปก่อน และหันมาจับจ้องนัยน์ตาสีน้ำทะเลคู่นั้นอย่างเพ่งพินิจ ชีคหนุ่มพบว่าตนเองสามารถจับคลื่นถี่ของความไม่พอใจได้เเรงสุด ตามมาด้วยคลื่นของความหงุดหงิดและอารมณ์ขุ่นที่เริ่มปั่นป่วนรุนแรง

 ..สภาพอากาศเช่นนี้ทำให้นักเดินเรือไม่อยากออกจากฝั่งฉันใด อัลชาอ์ก็ไม่อยากจะอ้าปากพูดอะไรไปมากกว่านี้ฉันนั้น

เพียงแต่ว่า..

    " เล่าต่อสิครับ " รอยยิ้มของมาเฟียหนุ่มดูแสนจะไม่น่าไว้วางใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประโยคต่อท้าย " เล่าเรื่อง"ร๊อบ"ที่น่าสงสารและแสนดีของคุณต่อหน่อยสิ ผมกำลังฟังเพลินๆเลย "

    "..คาวัลโล..? " ชีคหนุ่มมองหน้าคนพูด ที่ไม่มีท่าทีว่าอยากจะฟังต่ออย่างปากพูดสักนิด ขณะที่หัวคิ้วกระตุกถี่

    "...ทำไมล่ะ?หรือมีอะไรที่ผมรู้ไม่ได้ อย่างเรื่องที่เขาไปนั่ง"ซบอก"คุณได้ยังไง หรือแม้กระทั่งทำไมถึงได้ยึดห้องของคุณเป็นสถานที่สิงสถิตย์เหลือเกินทั้งที่ตั้งใจจะคืนดีกับราเซย์ แล้วทำไม..."คราวนี้แววตาของคนพูดวาววับ" ทำไมถึงได้มีของขวัญ"ต้อนรับ"ไปส่งกันดึกๆดื่นๆขนาดนั้นอย่าคิดว่าผมไม่รู้นะครับ..."

     " คาวี่...." ชักจะรู้สึกว่าเรื่องราวมันไปกันใหญ่ อัลชาอ์เลยต้องพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ชีคหนุ่มเอื้อมมือร้งร่างคนที่คร่อมอยู่บนตัวด้วยดวงตาวาววับและแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆขนตั้งหางชี้ให้โน้มตัวมาซุกอก " นั่นมันเรื่องในอดีตแล้ว..เข้าใจไหม?ผมยอมรับว่าตอนนั้นตัวเองก็อ่อนไหว เพราะผมกำลังผิดหวัง...และผมต้องการคนปลอบใจ..ผมยอมรับ "

     " อ้อ....." คำแก้ตัวนี้ยังฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่ในความรู้สึก คาวัลโล วาลกัสจึงยิ่งกราดตาวาวๆของตนใส่ร่างของท่านชีคผู้กอดประคองตัวเขาไว้ไม่หยุดหย่อน "เรื่องอดีต...ต้องการคนปลอบใจ....ครับ....แล้วไงต่อ? "

       ปลายนิ้วทั้งห้าเกาะท่อนแขนภายใต้ชุดโธปสีอ่อน แม้จะมีเสื้อคลุมมิชลาฮ์สีเข้มคลุมทับไว้อีกชั้น ทว่าความปวดหน่วงๆที่ตามมากระชั้นชิดนี่ไม่ใช่อะไรที่ตนเองอุปปาทานไปเองแน่ อัลชาอ์จ้องมองสบตาเจ้าแมวน้อยในอ้อมแขน เห็นเจ้าตัวหูตั้ง หางชี้ ตาขวาง ขนฟูฟ่องพร้อมกับแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆครบสูตร..

     และปลายนิ้วที่เริ่มออกแรงกดมากขึ้นบนแขนของตนก็เป็นสัญญาณชั้นดี บ่งบอกว่าอีกนิด....อีกนิดเดียวเท่านั้นที่เจ้าแมวตัวนี้จะได้มา"ข่วน"ให้ครบสูตร

     วิธีเอาตัวรอดและในกรณีที่อยากจะเห็นเจ้าแมวน้อยเป็นแมวขี้อ้อนและไม่อยากโดนข่วนให้เจ็บๆแสบๆ ก็ต้องรังสรรค์ประโยนคต่อมาให้ฟังรื่นหูที่สุดเท่าที่จะทำได้...อัลชาอ์รู้ดี

     แต่จะถูกใจคนที่ปกติก็คิดอะไรชอบอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน....ตอนหึงหวงไม่พอใจนี่ไม่ยากกว่านับสิบเท่าหรือ?

       " แต่ผมกับโรเบิร์ตก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านี้ "ในที่สุดหลังประโยค"ร๊อบของคุณ"ออกมาจากปากคาวัลโลเป็นรอบที่สาม อัลชาอ์ก็ตระหนักมาเฟียหนุ่มไม่ต้องการได้ยินสรรพนามสร้างความสนิทสนมของตนกับคนรักเก่าอีก " สารภาพก็ได้ว่าเขาพูดเรื่องกลับมาคบกับผม แต่นั่นทำไปเพราะราเซย์ไม่สนใจเขาเลยและผมก็ไม่ได้ตอบรับเพราะใจผมเปลี่ยนไปแล้ว...เพราะผมรักคุณไง..."

       "....แต่เขาแสนดี ไม่เหมือนกับผมใช่ไหมล่ะ! " เสียงบ่นงึมงัมนั้นทำให้อัลชาอ์เลิกคิ้ว ก้มมองคนที่อยู่ในอ้อมกอดและเอื้อมมือกอดร่างตนไว้แน่นก่อนจะหัวเราะออกมาพรืดนึงส่งผลให้โดนจ้องตาเขียวปั๊ด  แต่ชีคหนุ่มก็ยิ้มรับไม่ได้ถือสา เริ่มใจชื้นว่าเจ้าเหมียวตัวนี้ไม่ได้โกรธมากมายอะไร แค่งอนนิดๆหน่อยๆที่ถูกละความสำคัญไปบางช่วงก็เท่านั้น

       " ..ผมไม่คิดว่าคุณจะสนเรื่องนี้นะ คาล " อัลชาอ์ไล้เส้นผมสีน้ำตาลอัลมอนด์เล่นอย่างเพลินมือ จ้องสบตาสีน้ำทะเลแสนคุ้น...และที่สุดก็ตัดสินใจพูดไปตามใจคิด..

      " เอาเข้าจริงแล้วเรื่องดีหรือไม่ดีน่ะมันไม่มีผลต่อความรักสักเท่าไหร่...คนดีแสนดีก็ยังไม่รัก ไปรักคน"ใจร้าย"ชอบทำร้ายจิตใจกันเสียเฉยๆก็มีเยอะถมไป และคุณก็ยอมรับว่าตัวเองน่ะ"ร้ายกาจ"และ ภูมิใจในความร้ายกาจของตัวเองไม่ใช่หรือ?...รึว่าผมคิดผิดไป "

      " .....ก็ใช่..." เงียบไปสักพักอย่างกลัวว่าคำพูดแสนจริงใจของตนจะไปสะกิดต่อมน้อยใจหรือต่อมอาร์ตตัวไหนของพ่อมาเฟียอิตาลีเข้ารึเปล่า เพราะสีหน้าของเจ้าตัวยังคงมุ่ยหนัก  ทว่าสุดท้ายคาวัลโลก็ออกปากพูด

      " แต่ผมก็อยากได้ยินเรื่องดีๆของตัวเองบ้างนี่ ไม่ได้เหรอ? หรืออย่างน้อย"คนร้ายกาจ"อย่างผมมันจำต้องมาทนนั่งฟังคุณสรรเสริญแฟนเก่าแสนดีด้วยรึไง ? "

       สีหน้าข้องใจเป็นหนักหนาของคาวัลโลเตะตาชีคหนุ่มจนอีกฝ่ายต้องก้มลงฟัดแก้มอีกสองสามรอบให้หายหมั่นเขี้ยว  เขาได้ยินเสียงเจ้าแมวดื้อครางงึมงัมในลำคออย่างขัดใจแต่ท้ายที่สุดก็ยอมให้กอดเอาไว้โดยดี แต่ไม่ลืมส่งสายตาหงุดหงิดใส่เป็นระยะ

        " เอาล่ะ...งั้นสรุปแบบนี้ได้ใช่ไหม? " อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าคนรัก พลางฉีกยิ้มยียวน " คาวี่ที่รักของผมหงุดหงิดเรื่องผมชมโรเบิร์ตว่าดีแสนดีอย่างนั้นอย่างนี้โดยไม่สนใจคนรักตัวเอง แถมยังน้อยใจที่ถูกเรียกว่าเป็นคนร้ายกาจด้วยแนะ ต้องให้บอกด้วยรึไงว่าคุณน่ะเป็นคนร้ายกาจที่น่ารักที่สุดสำหรับผม..หือ?...ต้องบอกอีกกี่ครั้งถึงจะเข้าใจว่าผมหลงรักคุณแทบบ้ามาเป็นปีๆ และแทบลืมเรื่องโรเบิร์ตออกไปจากสมองแล้ว ไม่มีแล้ว...มีแต่ความเป็นเพื่อนที่มีให้กันเท่านั้น "

        "....ก็......ผมอิจฉา......" คาวัลโลหน้าบูด โคลงหัวแล้วพึมพัมเสียงอ่อย

       "..อิจฉา...เรื่องอะไร? " อัลชาอ์เลิกคิ้วสีหน้าข้องใจไม่น้อย

        " ก็อิจฉาที่เขาเป็นรักแรกของคุณ เป็นคนที่ได้เจอคุณก่อนผม และเป็นคนที่รู้จักคุณมานานกว่าผม มากกว่าผมน่ะสิ แล้วคุณยังมาชมเขาไม่หยุดปากต่อหน้าคนรักของตัวเอง จะแรงแวงไม่ได้เลยรึไง นี่...อย่ายิ้มนะ อย่ามาหัวเราะด้วย ! " คาวัลโลเอื้อมมือบีบแก้มท่านชีคอัลชาอ์ซึ่งกำลังยิ้มแก้มแทบแตกอย่างเคืองๆ  " ผมบอกไปแล้วนี่ว่าจะ"พยายาม"รักคุณน่ะ บอกว่าจะเป็นคนรักของคุณน่ะ นี่ผมกำลังทำอยู่นะ คุณควรจะดีใจสิ !! "

        " ก็เพราะดีใจไง ถึงได้ยิ้มแบบนี้...ไม่เอาน่าคาวี่...แก้มผมจะย้วยหมดแล้ว.." อัลชาอ์หัวเราะฟืดฟาดจนในที่สุดคาวัลโลจึงยอมละมือจากผิวแก้มของตน ชีคหนุ่มรั้งร่างของมาเฟียหนุ่มมากอดไว้แน่น ขณะที่ยันกายลุกขึ้นนั่งตัวตรงบนม้านอน เป็นผลให้อีกฝ่ายอยู่ในท่าโอบกอดซบกันและคร่อมทับร่างกายส่วนล่างของตนไว้ด้วยร่างกายและขาสองข้าง "หนุ่มอิตาเลียนนี่ขี้หึงขี้ระแวงจริงๆด้วยนะนี่...เห็นทีผมต้องระวังตัวบ้างแล้ว ว่าอย่าไปทำอะไรเตะตาคุณเด็ดขาดไม่งั้นคงได้ถูกซักจนขาวแน่ๆ "

       "แต่ผมดีใจนะ...ดีใจที่คุณหึงผม ระแวงผม..ตอนนี้มีความสุขมากจนนึกกลัวจริงๆ " แก้มขาวๆถูกปลายจมูกและริมฝีปากสีจางกดย้ำครั้งแล้วครั้งเล่า แถมอ้อมกอดที่กอดรัดแน่นๆและรอยยิ้มที่หวานไปถึงดวงตาส่งมาแบบนี้ใครจะโกรธต่อได้ก็ใจร้ายเกินทน ถึงจะยังเคืองๆอยู่แต่ว่าก็พยายามทำใจอยู่ว่าอดีตคืออดีต คนรักที่ดีไม่ควรจะทำตัวงี่เง่าเซ้าซี่เรื่องแฟนเก่าของเขาไม่เลิก ต่อให้แฟนเก่าที่ว่านั่นมายืนทำหน้ายิ้มเป็นตัวเป็นตนอยู่ต่อหน้าก็เถอะ

เพื่อเป็นคนรักที่ดี จะพยายามก็ได้ พยายาม...ท่องเอาไว้

        "...รู้ว่าผม"เคือง"ก็อย่าได้คิดจะประชดงี่เง่าแบบนี้อีกแล้วกัน...ไม่งั้นล่ะก็....." สีหน้าคนพูดบวกกับนัยน์ตาวาววับปรากฏความมาดร้ายชัดเจนทำให้ชีคหนุ่มหัวเราะรับแม้รอยยิ้มนั้นจะจืดเจื่อนไปบ้างด้วยความสยองที่วาบลึก..หากก็พยักหน้าหงึกโดยอัตโนมัติแบบไม่แม้แต่จะอ้าปากเถียง ก็ลองดูตาวาวๆกับท่าทางของคนพูดสิ ชะรอยว่าต่อไปถ้าเข้าใกล้โรเบิร์ตเกินกว่าสามเมตรโดยไม่มีเหตุจำเป็นเจ้าเหมียวตัวนี้คงได้ตามข่วนเสียจนหน้าม้านเป็นแน่

    ..ชีคหนุ่มไล้ผิวแก้มขาวเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว เป็นแมวน้อยว่าง่ายน่ารักได้ไม่นานก็เริ่มกลายร่างเสียแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นแมวเหมียวขู่ฟ่อก็คงดีกว่าไฮยีน่าตัวร้ายที่เอาแต่ดื้อดึงใจร้ายไม่สนใครก็แล้วกัน แถมเวลาเจ้าเหมียวตัวนี้ขู่ฟ่อๆเพราะความหึงหวงมันก็ยังทำให้เขามีความสุขได้อย่างไม่น่าเชื่อ

        "ครับ...รู้แล้วว่าคุณน่ะขี้หึงเป็นที่หนึ่ง " ชีคหนุ่มยิ้มในหน้าออกปากต่อขานกับเจ้าแมวน้อยบนตัก ก่อนที่อัลชาอ์จะเป็นฝ่ายพลิกกายอีกฝ่ายให้นอนลงด้านล่าง...เผยรอยยิ้มมุมปากอันแสนเจ้าเล่ห์และไม่น่าไว้ใจ...ทำเอาคาวัลโลที่กำลังเริงร่าในชัยชนะของตัวเองชะงักกึก...สังหรณ์ร้ายกู่เรียกอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าคงช้ากว่าท่านชีคผู้เป็นเจ้าของอ้อมกอด ที่บัดนี้กักตัวเขาไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าหล่อเหลาบาดตาก้มลงมาจ้องสบตาจนเหลือระยะห่างเพียงเส้นผมคั่น

        " ฉะนั้นเพื่อความเท่าเทียม คุณก็น่าจะเล่าเรื่องของตัวเองด้วย....ว่าไหม? " ฝ่ามือหนาแตะลงบนหน้าท้องในเสื้อโธปตัวยาวแล้วไล้เล่นเบาๆให้เสียววาบทั้งที่สัมผัสมันผ่านเนื้อผ้า หากแต่คาวัลโลแยกไม่ออกว่ามันเป็นเพราะสัมผัสรักหรือเพราะความสยองของเขากันแน่ " โดยเฉพาะคนที่ผมข้องใจที่สุด....ผู้หญิงที่เป็นคู่หมั้นของคุณ "

        ".................."

    " คาล? " ราวกับว่าจู่ๆบรรยากาศแสนหวานนี้ก็ถูกตัวอะไรสักอย่างดูดวับจนมันหายไปกับตา เพราะทันทีที่ประโยคคำพูดนั้นออกมาจากริมฝีปากของชีคอัลชาอ์แห่งเซเนียยา คาวัลโล วาลกัส มาเฟียผู้นอนทอดกายอยู่ใต้ร่างตนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มออดอ้อนก็พลันตัวเเข็งเกร็ง ใบหน้าผ่อนคลายคล้ายมีใครสักคนขันน็อตมันให้ตึง...ขึง จนไม่แสดงอารมณ์ใดอีกต่อไป

    มีเพียงนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ฉายรอยหม่น...หากยังสบมอง ไม่ละจากไปไหน

         "....ผมจะอยู่ที่นี่กับคุณตลอดไป อย่าพูดถึงเขาอีกเลย " รอยยิ้มในริมฝีปากนั้นไม่ได้เศร้าสร้อยโหยหา ไม่ได้ฉาบอารมณ์รักใคร่อาวรณ์ให้คนที่รักอย่างอัลชาอ์ต้องปวดใจ ทว่า...รอยยิ้มเย็นชาแฝงความขมปร่ากลับทำให้หัวใจของชีคหนุ่มกระตุกวูบ...

          " คาวี่...." อัลชาอ์เอื้อมมือไปแตะริมฝีปากที่ยังคงเหยียดยิ้มนั้น ชีคหนุ่มใช้ปลายนิ้วดึงผิวแก้มลดองศาที่หยักโค้งขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ดึงเบาๆให้มันคลายลง เป็นริมฝีปากที่ฉายรอยหม่นอันเป็นอารมณ์ที่แท้จริง

   ริมฝีปากหนาแตะลงบนผิวแก้มขาวเบาๆ คลอเคลียปลอบประโลมด้วยใจอาทรนัก  ชีคหนุ่มถอนหายใจ ฝ่ามือโอบศรีษะอันปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลทองมาซบลงบนแผ่นอก...นัยน์ตายามทอดมองร่างที่อยู่ในอ้อมแขนตนฉายแววครุ่นคิด..

         ".....ทุกอย่างมีทางออกเสมอ " เสียงกระซิบนั้นแผ่วเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน หากคาวัลโลก็ยังรับรู้ได้ชัดเจน โดยเฉพาะประโยคถัดมา

       " สิ่งใดเป็นของคุณ มันจะต้องเป็นของคุณ ผมสัญญา "

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 05-05-2011 01:06:51

        " อัลชาอ์ ? " นัยน์ตาสีน้ำทะเลเกลื่อนด้วยความประหลาดใจล้นพ้น คาวัลโลเงยหน้าสบมองนัยน์ตาสีดำสนิทอย่างกังขาไม่น้อย..

        ".............." หากชีคหนุ่มเพียงระบายยิ้มบางในหน้า ไม่เอ่ยคำต่อขาดหรือแถลงถ้วยคำของตนแต่อย่างใด

        " ผมไม่เคยรักใคร..." คาวัลโลผละออกจากแผ่นอกร่างสูง แต่ฝ่ามือก็ยังกำโธปของอีกฝ่ายไว้แน่นไม่ละออก " อย่างที่ผมเคยพูด....คนที่ผมบอกว่าจะพยายาม มีเพียงคนเดียวคือคุณ...กับเขา....เป็นแค่ความเหมาะสม เราตกลงกันด้วยผลประโยชน์ ด้วยธุรกิจ และด้วยอนาคตของเราทั้งคู่....ก็เท่านั้น "

        ".............." อัลชาอ์รับฟังเงียบๆไม่เอ่ยคำใด ชีคหนุ่มเพียงระบายลมหายใจเเผ่วเบา ฝ่ามือลูบไล้เส้นผมสีอ่อนของคาวัลโลเบาๆ ด้วยความอาทรห่วงหา นัยน์?ตาสีเข้มมองออกไปด้านนอกอาคารที่ยังคงมีสายฝนโปรยปราย ชั่วขณะหนึ่งหัวใจวาบลึกด้วยความสงสารปนอดสู..ไพล่คิดไปถึงอนาคต...อนาคตที่หากตนเองไม่ได้ตกหลุมรักคาวัลโล และชายตรงหน้าไม่ได้มาพบกับเขา

     ไม่กี่ปีจากนี้คงมีข่าวคราวการแต่งงานของสองหนุ่มสาว คนที่ภายนอก ผู้คนอาจมองว่าคู่แต่งงานมีความสุขและเหมาะสมกัน หากแต่....ใครจะรู้ว่าทั้งสองได้ตัดสินใจทิ้งหัวใจ และทิ้งความสดใสรื่นเริงของวัยตนไว้เพื่อเป็นบันไดให้กับความโลภและความอยากอันไม่รู้จักสิ้นสุดของคน...

เพื่ออำนาจ เพื่อแกงค์มาเฟีย เพื่อผลประโยชน์และธุรกิจ เงินตรา..

คนน่าสงสารสองคนที่ละทิ้งวัยเยาว์ของตน ละทิ้งความใฝ่ฝันและละทิ้งชีวิตวัยรุ่นอันแสนสนุกสนานเพื่อการนี้..

และยิ่งเป็นการตรึกตรองของทั้งสองคนแล้วยิ่งไปกันใหญ่ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคาวัลโลและผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้มองถึง"หัวใจ"อันน่าสงสารของตนเลย

...สำหรับผู้ที่เคยได้ลองลิ้ม"อิสระ"เช่นอัลชาอ์ ตนรู้ดีว่ามันมีค่าแค่ไหน รู้ว่าตนเองโชคดีแค่ไหนที่ได้ลิ้มรสความสุขของชีวิตวัยเยาว์ ได้ลิ้มลองความรักและชีวิตวัยรุ่นอันแสนสดใส มันมีค่ามากกว่าตำแหน่งยศฐาบรรดาศักดิ์ที่ตนได้รับมากมายนัก..

    ชีคหนุ่มตวัดกอดรัดอีกฝ่ายไว้แน่น ด้วยความอาดูร...สงสาร...และโล่งใจนัก ที่คาวัลโลยังมีโอกาสจะเลือก...มีโอกาสจะได้ใช้ชีวิตตามที่ตนต้องการอีกครา ไม่ได้มีชีวิตอยู่ท่ามกลางโซ่ตรวนที่คอยล่ามและกักขังไว้นับแต่ลืมตา ไม่ได้อยู่ท่ามกลางโลกที่จืดชืดมองเห็นเพียงสีเทากับสีดำเท่านั้น..

        " ไม่เป็นไรนะ....อยู่กับผม ใช่ชิวิตอย่างที่คุณต้องการเถอะ"

        " อัลชาอ์ ...." คาวัลโลเงยหน้าไปสบมองนัยน์ตาสีดำสนิท อีกฝ่ายยิ้มให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะเป็นฝ่ายพลิกกายตนเองนอนลงและให้เขาทาบกายบนร่างของตนบ้าง

     "...ผม......" กำลังจะพูดเรื่อง"ชีวิตตามใจตนเอง"ที่อัลชาอ์ออกปากเสียหน่อยว่าเขาไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าการอยู่เงียบๆข้างกายท่านชีคแห่งเซเนียยา  แต่ทว่าบทสนทนาหนึ่งหวนมาในความคิดทำให้ต้องเหวอและอ้าปากค้าง...คาวัลโลจ้องมองนัยน์ตาคนพูดที่จ้องมองมาด้วยรอยยิ้ม ชายหนุ่มเลิกคิ้ว สีหน้าประหลาดใจแบบปิดไม่มิด "  เดี๋ยวก่อนนะ....คุณหลงรักผมมาเป็นปีๆ....อะไร...ยังไง...ตั้งแต่เมื่อไหร่? "


         " เรื่องนั้น..."ชีคหนุ่มหัวเราะแก้ขวย หันมาสบมองนัยน์ตาที่ฉายแววสงสัยของคนมองได้ในที่สุด " จะเล่าก็ได้....แต่ห้ามขำนะ ....ก็.....คุณเคยมางานที่อาบูดาบี...เมื่อสองปีก่อน..จำได้ไหม? "

        " ...เห?...."คนฟังชะงัก เอียงคอมองอย่างสงสัยจัด ขณะที่สมองไล่เรียงถึงบรรดางานเลี้ยงไร้สาระที่น่าเบื่อทั้งหลายไปพลางๆ ที่สุดคาวัลโลก็พยักหน้ารับ " ผ่านมาประมาณปีครึ่งแล้วรึเปล่า...งานเลี้ยงของราชวงศ์น่ะเหรอ? ตอนนั้นผมมากับคุณลุง...."คนพูดนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึง " ก็อย่างที่รู้ว่าจุดประสงค์เพื่อคุยกับ"ผู้ซื้อ"ในแถบนี้เท่านั้น "

         " ผมเริ่มสั่งอาวุธจากพวกคุณหลังงานนั้น.." อัลชาอ์เอ่ยรับคำ " ไปงานนั้นก็เพื่อคุยกับลุงของคุณ...และผมก็ได้เห็นคุณด้วย...ใส่ชุดสูทสีดำ หน้าตายิ้มแย้มแบบเป็นทางการสุดๆ กับทรงผมที่พยายามทำให้ตัวเองดูอายุสักยี่สิบ.."

        ".........." คาวัลโลแยกเขี้ยวกับคำพูดนั้นเมื่อคิดถึงคราวงานเลี้ยงที่ถูกรุมล้อมด้วยสาวสวยและไอ้หนุ่มหื่นๆที่ชวนอยากเอาปืนมาลั่นกระสุนทะลุหน้าผากมันซักลูก แต่เอ...ถึงจะไม่ได้สนใจจดจำคนในงานสักเท่าไหร่แต่คาวัลโลก็แน่ใจว่าเขาไม่เคยคุยกับอัลชาอ์แน่ๆเพราะคนแบบนี้โดดเด่นจะตาย เคยคุยกันก็ย่อมจำได้อยู่แล้ว

        "..ไม่ต้องคิดหรอก เราไม่ได้คุยกัน แต่ผมเห็นคุณ.." อัลชาอ์ยิ้มให้ ก่อนจะถอนหายใจกับภาพฝันอันเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด " ยิ้มออกมาทั้งที่เบื่อและลำบาดใจพอดู แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเปฌนรอยยิ้มที่น่าดูมาก ตาก็สวย...ดูมีสเน่ห์ไปซะหมด ..แค่สบตากันแบบไม่ได้ตั้งใจ ...ผมก็อยากรู้ว่าคุณเป็นใคร..ใช่ ....ผมน่ะหลง"รูป"คุณตั้งแต่แรกเจอ สั่งให้คนค้นหาข้อมูลของคุณทุกอย่าง...ถึงรู้ว่าที่เห็นมันจะเป็น"หน้ากาก"แต่ก็ยังไม่หยุดคิดเสียที แต่ผมก็รู้ว่าคุณน่ะอยู่สุดเอื้อม.."

        " ..บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงหลังจากที่ได้เจอกัน...ทั้งที่ไม่เคยมีหวัง..ผมพยายามกันคุณไปไกลจากหัวใจมากที่สุด พร่ำบอกตัวเองว่าคุณน่ะใจร้ายเลือดเย็นแค่ไหน แต่ยังไงก็ทำไม่ได้ บอกตัวเองว่ามันเป็นแค่ความหลง แต่มันก็ลึกล้ำเข้าไปทุกที...แบบนี้มันน่าอาย แต่ผมก็หลงรักคุณมากขึ้นเรื่อยๆเพราะฉะนั้นตอนนี้เลยดีใจมากที่คุณรับรักผม.."

        นัยน์ตาของคนพูดหรี่ลงและทอดถอนหายใจแผ่วเบาทอดความคิดคำนึงถึงการรอคอยอันยาวนานและแทบไร้ความหวัง ขณะที่ผู้ฟังนิ่งงัน นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่มเบื้องหน้าอย่างตกตะลึงไม่น้อย..คาวัลโลกระพริบตามองอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า...ก่อนจะถอนหายใจออกมาแผ่วเบา..

       "...รู้ไหม...ว่าตอนแรกที่ผมรู้ตัวว่าคุณหลงรักผม....ผมก็คิดว่ามันไม่ต่างอะไรจากที่ผ่านมา " ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มราวกับเยาะหยันอดีตที่ผ่านพ้น "หลายคนเข้ามาพัวพัน วนเวียนในชีวิตของผมเพียงเพราะต้องการอำนาจ อยากได้คงามร่ำรวย หรือแม้กระทั่งเพราะ"หลง"รูปลักษณ์ภายนอกที่มองเห็น....เอาเข้าจริงพอรู้นิสัยของผมก็เปิดกันไปหมด ไม่มีใครทนผมได้ กระทั่งตอนนี้ก็ยังทำพ่อแม่และพี่ๆปวดหัวอยู่บ่อยๆ..."

        " แต่เพราะความพยายามของคุณ...ทำให้ผมกล้าจะเริ่ม..รู้ไหมอัลชาอ์ ว่าผมก็ใช่จะเป็นคนใจแข็งนักหรอกนะ หลายคนที่ผ่านมาถูกใจผมและผมอยากได้เขา ถ้าเพียงแต่พวกเขาจะ"พยายาม"รับผมให้ได้ แต่เพราะไม่มีใครทำได้ ที่ตรงนี้ มันเลยว่างเปล่าตลอดมา " ฝ่ามือหนาทาบลงบนอกซ้ายตามแรงดึงจากเจ้าตัว นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่มไม่กระพริบ " ผมเคยพูดว่าไม่รู้จักความรัก...ใช่ เพราะไม่มีใครเข้ามาได้ ไม่มีใครกล้า และไม่มีใครพยายามจะมาหาผม  แต่เพราะความพยามของคุณทำให้ผมเริ่มคิด...เพราะคิดถึงได้รู้ว่า ความเป็นไปไม่ได้มันมากแค่ไหน ถ้ารักกัน ผมก็ลำบากไม่ต่างกับคุณที่ลำบาก เพราะฐานะที่เราเป็นอยู่..แต่ยังไงคุณก็ไม่ยอมแพ้ มันทั้งน่าเหนื่อยหน่ายทั้งน่าปลื้มใจ....และเพราะผม"เสีย"บางสิ่งไปแล้วถึงได้มองเห็นว่าเหลือใครอยู่ตรงนี้...ดีเหลือเกินที่คุณยังรอผม...ดีจริงๆที่เป็นคุณ..."


       " ตอนนี้ถึงคราวที่ผมพยายามบ้างแล้วนะ...รอผมและให้โอกาสผมด้วย..."


        " ผมรอคุณเสมอ...ที่รัก...."  ฝ่ามือทาบลงบนผิวแก้มและเปลือกตาที่ร้อนผ่าว รั้งเอาใบหน้าของมาเฟียหนุ่มมาแนบชิดจนเหลือเพียงลมหายใจคั่น ปลายนิ้วละจากเปลือกตาลงมาที่ใบหู และไล้มายังลำคอขณะที่อีกฝ่ายเปิดดวงตาทั้งคู่ขึ้นอีกครั้ง มีทั้งความซาบซึ้งและเต็มตื้นในหัวใจ...

       ริมฝีปากสั่นระริกไหวของชายหนุ่มเบื้องหนาถูกแตะเบาๆก่อนจะทาบทับและบดเบียดแผ่วเบาหากแต่แฝงความดุดันดูดดื่มไม่น้อย  เรียกเสียงครางเครือแผ่วเบาจากลำคอของหนุ่มอิตาเลียน ร่างที่ทรุดกายลงบนตักของชีคหนุ่มขยับเอนตัวเข้าหา ฝ่ามือดึงรั้งร่างเพรียวให้ทาบกายลงสู่แผ่นอกแกร่งที่เอนตัวนอนลงบนม้านอนปูหมอนหนานุ่ม  เบียดชิดกายแกร่งและเฝ้าจุมพิตสร้างอารมณ์หวานวาบในใจ ฝ่ามือหนาไล้ระเรื่อยตามลำคอมายังชายโครงและบั้นเอว หากแต่ก็ทำได้เพียงลูบไล้ผิวกายนุ่มผ่านเนื้อผ้าหนาเท่านั้น เพราะตระหนักดีถึงข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่ ท้ายสุดจึงทำได้เพียงจูบไล้คลอเคลียกันอย่างอ่อนหวาน...

       แค่นี้ก็พอแล้วที่จะรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ เพียงปลายนิ้วที่สอดประสานและดวงตาที่สบมองกันอย่างไม่รู้เบื่อ ริมฝีปากพร่ำคำรักใคร่โหยหาอันลึกซึ้งยิ่งกว่าคำพูดใด แล้วใครเล่าจะใจเเข็ง...ไม่รักได้ลง

      หนุ่มอิตาเลียนซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของคนรัก เขายิ้ม...ประสานสายตากับนัยน์ตาสีนิลคู่นั้นอย่างรักใคร่ ความขุ่นเคือง ไม่มั่นคง ตลอดจนความรวดร้าวจากความปราถนาที่ไม่อาจสมหวังในหัวใจที่เคยปะทุขึ้นมาค่อยสงบลงยามได้ฟังเรื่องราวออกจากปากของชายคนรัก ฟังคำปลอบโยนและซุกตัวอยุ่ในอ้อมกอดอุ่นแสนรักใคร่ อ้อมกอดของผู้ชายที่หลงรักและมั่นคงกับเขาที่ไม่เคยรู้ว่าจะได้พบเจอกันหรือไม่มากมายมาจนถึงทุกวันนี้

      แม้ความโศกเศร้าและความผิดหวังจากการถูกทรยศ และความปราถนาอันไม่เป็นจริงจะยังอวลอายในหัวใจ หากคาวัลโลก็ปัดมันทิ้งไป เพราะเขาตั้งใจ..จะใช้ชีวิตอิสระอย่างที่อัลชาอ์บอก

      และถึงจะยังหงุดหงิดเล็กๆเรื่องคนรักเก่า แต่ว่าคาวัลโลก็มั่นใจว่าอัลชาอ์จะไม่เปลี่ยนใจกลับไปหาฝ่ายนั้นง่ายๆ  และเอาเข้าจริงโรเบิร์ตก็มีราเซย์อยู่แล้ว...ใช่ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นเลยที่จะต้องไม่พอใจ..

และที่สำคัญ...ยังไงคาวัลโลก็ดูดี น่ารัก(ยอมรับก็ได้) น่าหลง กว่าหมอนั่นเยอะ!! อันนี้โคตรจะมั่นใจ

...แต่เพื่อความไม่ประมาท...ก็อาจจะแอบสังเกตและเเอบระแวงบ้างนิดๆ...ก็นะ นิดๆน่ะเพื่อความสบายใจส่วนบุคคล..


แอ๊ด...

     "  ท่านพี่อัลชาอ์..." อาการพรวดพราดเปิดประตูมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงของเจ้าชายฟาลซาอ์ ยังทำลายบรรยากาศได้ยอดเยี่ยมเสมอจนน่ายกนิ้วเท้าให้ ทว่าสีหน้าร้อนรนไม่น้อยของคนพูดทำให้คาวัลโลตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ " คนของบริษัท asc accest มากันแล้วครับ "

       "..............." ความเงียบที่ตามมาก่อนจะสังเกตเห็นอาการกกกอดคลอเคลียกันของชายหนุ่มทั้งสอง ทำให้เจ้าชายฟาลซาอ์ผู้มาไม่ถูกเวลาอยู่เรื่อยถึงกับมีสีหน้าจืดเจื่อน...แน่นอน โดยฉพาะในยามที่ใบหน้าของชีคหนุ่มและแจ้าเหมียวบนร่างกำลังจะแนบชิดกันอยู่พอดี..

     "...แล้วจะรีบไป.." ชีคหนุ่มถอนหายใจแรงด้วยถูกขัดจังหวะ แต่ก็ออกปากรับคำชายหนุ่มผู้มาแจ้งข่าวแก่ตน นึกเสียดายไม่น้อยที่คลาดจากจูบหวานๆไปให้อารมณ์สะดุด แต่ทว่างานก็คืองาน โดยเฉพาะเมื่อเป็นงานที่ตนสั่งการมาแล้ว การจะหงุดหงิดกับมันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ

      "...ไปกันเถอะ คา...."

จุ๊บ...

     "...ครับ..." เจ้าชายฟาลซาอ์ยังไม่ก้าวเท้าออกไปเสียด้วยซ้ำ เจ้าเหมียวตัวแสบที่ตอนนี้เริ่มอาจหาญแสดงความรักใคร่อย่างออกนอกหน้าก็ คว้าหมับเข้าที่ลำคอและปราดไปประทับริมฝีปากหนาของชีคหนุ่ม ชนิดต่อหน้าต่อตาเจ้าชายแห่งเซเนียยาที่ยืนตาค้าง โดยไม่สนใจเลยสักนิด

      "...ตัวแสบ.." ฝ่ามือหนาออกแรงฟาดบั้นเอวเจ้าตัวป่วนเบาๆเชิงหยอกล้อ หลังจากละริมฝีปากออกจากกันได้ในที่สุด ทว่าอัลชาอ์ก็ไม่นึกเคืองอะไร แถมยังอารมณ์ดีขึ้นอีกเท่าตัวด้วยซ้ำ จะนึกสงสารขึ้นมาวูบหนึ่งก็แต่เจ้าชายฟาลซาอ์ผู้ที่รีบเดินพรวดออกไปคนนั้นมากกว่า

      " ไปกันเถอะ "อัลชาอ์รั้งร่างของมาเฟียหนุ่มให้ลุกเดินเคียงข้าง คาวัลโลใช้มือข้างหนึ่งกอดเอวหนาไว้อย่างอารมณ์ดี ไม่ต่างกับฝ่ามือที่สอดประสานตรงบั้นเอวของตน

      " บริษัทนี่มันอะไรกัน? " คาวัลโลเลิกคิ้วงงๆออกปากถามชีคหนุ่มเมื่อก้าวออกมาจากอาคารเรือนกระจก ภายนอกยังคงมีฝนตกปรอยปรายและฟากฟ้าเป็นสีหม่นเช่นเคย ทว่ามันก็...เย็นสบายดี

      " บริษัทasc accest จะมารับผิดชอบโครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่ะ..ผมติดต่อหาผู้รับเหมาเริ่มโครงการมาตั้งเเต่ต้นปีแล้ว "อัลชาอ์ตอบสั้นๆ

     " ...ผมไม่เข้าใจ ทำไมต้องจ้าง บริษัทที่นี่ไม่มีเหรอ? งานสร้างเขื่อนรามิลก็ทำนี่...แล้วทำไม.?.." คาวัลโลขมวดคิ้วงงๆ การให้บริษัทต่างชาติมารับเหมาเพื่อคุณภาพงานอะไรก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าทำได้ก็น่าจะสนับสนุนบริษัทในประเทศไม่ใช่เหรอ?

      "ผมรู้...ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากจะจ้างต่างชาติหรอก แต่งานพวกนี้คนของผมยังไม่มีความเชี่ยวชาญพอ...." อัลชาอ์อธิบายขณะที่ทั้งสองเดินตามระเบียงกันแดดกันฝน " เอาเข้าจริงๆประเทศนี้น่ะก็อยู่ในขั้น"กำลังพัฒนา"เราต้องการองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญจากบริษัทต่างชาติมาช่วยด้วย  แต่ผมก็พยายามจะให้เซเนียยาได้ประโยชน์มากที่สุด บริษัท asc accest น่ะเป็นบริษัทลงทุนข้ามชาติ วิศวะกร สถาปนิกส่วนใหญ่ก็มาจากหลายๆพื้นที่ เป็นที่รวบรวมคนเก่งก็ว่าได้ ถ้าได้คนแบบนี้มาช่วยงานในประเทศ ผมคิดว่าก็ย่อมดีกว่า เพราะมันก็จะเป็นการช่วยสอนความรู้ให้คนของเราด้วย.."

        " อืม..." คาวัลโลพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย..มันก็ถูกอย่างที่อัลชาอ์พูด รู้ตัวว่าไม่มีศักยภาพพอ ไม่มีความรู้พอก็ควรจะแสวงหาและใช้กำลังเงินที่มีอยู่อย่างเป็นประสิทธิภาพ ถึงจะจ้างบริษัทต่างชาติก็ดีกว่าจ้างผู้ไม่มีความเชี่ยวชาญแล้วทำงานออกมาแย่ และอาจส่งผลเสียมากกว่าที่คิดในอนาคต

         "..อีกอย่าง..รามิลก็เป็นวิศวะกร ไม่ใช่สถาปนิก..ถึงเขาจะเขียนแบบเป็นแต่ก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ แถมเซนส์เรื่องสิลปะเรียกได้ว่าติดลบสุดๆอย่างมากก็แค่ฟังความเห็นผมแล้วร่างคร่าวๆเท่านั้นล่ะ..การลงรายละเอียดมันต้องใช้คนที่มีประสบการณ์ "ชีคหนุ่มยิ้มให้คนขี้สงสัยบางๆ " สถาปนิกของบริษัทนี้มีคนนึงออกแบบมาถูกใจผมมาก เดี๋ยวคงได้เจอได้คุยกัน "

         "..นั่นสินะ...ผมก็อยาก.....อ่ะ.........." นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองเสี้ยวหน้าของคนรักข้างกาย ก่อนจะสะดุดกับเงาร่างดำๆของชายสองคนที่แสนคุ้นตา ยืนคุยกันอยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่ใกล้ทางเดินหน้าวัง หนึ่งในนั้นคือโรเบิร์ต ชอว์ตัน และอีกหนึ่ง ก็คือ รามิล เซย์ฮามัค...

      ..ถ้าคุยกันมันคงไม่น่าแปลกเท่าไหร่หรอก แต่นี่มีการคุยจับไม้จับมือสนิทสนมหน้าตายิ้มแย้มให้กันจนเกินคำว่าสนิทฉันเพื่อน และที่น่าแปลกใจไปกว่านั้น...ก็คือร่างของราเซย์ เซย์ฮามัค คนที่อัลชาอ์บอกว่าเป็นอีกหนึ่งคนรักเก่าของโรเบิร์ต กำลังยืนมองทั้งสองคนจากประตูห้องฝั่งตรงข้ามเสียด้วยสิ...

        ".....เอ......" อดจะขมวดคิ้วแล้วเอียงหัวแบบงงๆไม่ได้ ก็ไหนอัลชาอ์บอกว่า โรเบิร์ตจะกลับมารักกับราเซย์...แล้วทำไม?

        " คงเพราะราเซย์...ไม่โอเคล่ะมั้ง..." อัลชาอ์เปรยออกมาราวกับรู้ใจ นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นหันมาสบมองแล้วยิ้มให้บางๆ "ก็อย่างที่ผมเคยบอก ว่าเขาค่อนข้าง"เมินเฉย"น่ะ "

       "......" พยักหน้ารับช้าๆและตัดสินใจไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเมื่อพบว่าดวงตาคู่นั้นของชีคแห่งเซเนียยาไม่ได้มีท่าทางอาลัยอาวรณ์หรือเสียดายรึจะโศกเศร้าอยู่ ...ก็ดีแล้ว เพราะถือเป็นการเลิกแล้วเลิกเลยจริงๆ..

...ไปแล้วไม่หวนกลับ ก็ไม่ต่างกับราเซย์ล่ะมั้ง..

คิดแล้วก็นึกถึงคำพูดของฮาซานขึ้นมาได้...คำที่พูดว่ารัก...แล้วไม่ยอมเปลี่ยนไป หากแต่ถ้าเปลี่นใจแล้วก็จะเปลี่ยนไปตลอดกาล.
.
อดจะมองใบหน้าของชีคหนุ่มอีกครั้งอย่างคิดคำนึง...ตระหนักได้ว่าตัวเขาเองโชคดีแค่ไหน...โชคดีที่อัลชาอ์ยังยอมจะหวนกลับมาอีกครั้ง

ดีแค่ไหนที่ไม่ต้องเสียใจภายหลัง ดีแค่ไหนที่ได้สัมผัสความสุขแบบนี้...

      ใบหน้าคมคายนั้นหันมายิ้มให้อย่างคนรู้ว่าถูกจ้อง ประกายความสุขในดวงตาคู่นั้นทำให้คาวัลโลยิ้มตอบบ้าง...ยิ้ม...อย่างมีความสุขเช่นเดียวกัน

แม้จะยังมีรอยความอาลัย และความกังวลทิ้งตัวจางๆอยู่ในหัวใจ

ทว่าสิ่งใดที่พูดไปแล้ว ตัดสินใจไปแล้ว จะไม่หันหลังกลับ จะไม่คืนคำ...เช่นเดียวกัน

............
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 05-05-2011 01:09:46
   
     อเล็กซิส วาลกัสยืนอยู่หน้าบานประตูบานใหญ่ แกะสลักเป็นรูปนกอินทรีตัวใหญ่กางปีกร่อนในเวหา กรงเล็บนั้นคีบเถาองุ่นซึ่งมีหยดน้ำเกาะอยุ่ประปรายงดงาม สัญลักษณ์นี้คุ้นตา...แน่นอนว่าคุ้นแสนคุ้นสำหรับเขา ด้วยว่านี่คือสัญลักษณ์ของวาลกัส ตราสัญลักษณ์ของตระกูลที่มีมาเนิ่นนาน

     เอื้อมมือผลักบานประตูไม้โอ๊กแกะสลักแบบโบราณขนาดใหญ่ช้าๆ เขาฟังเสียงเอี้ยดอ๊าดตามอายุของมันร้องออกมาเบาๆ ขณะที่สายตากวาดมองไปทั่วห้องขนาดใหญ่ มีชั้นใส่หนังสือขนาดใหญ่สูงจรดเพดาน และมีหนังสืออัดแน่นอยุ่เต็มแทบทุกอันที่วางอยู่  ฝ่าเท้าในรองเท้าสำหรับใส่อยู่ในบ้านเหยียบลงบนพรมสีสวยนุ่มเท้า ค่อยก้าวไปตามชั้นหนังงสือโบราณซึ่งส่งกลิ่นอายแห่งยุคสมัยเก่าก่อนมาตามทางที่เขาเดินผ่าน ทะลุจากตู้หนังสือที่ราวกับเขาวงกต ไปจนถึงกลางห้อง อันมีโต๊ะหนังสือขนาดใหญ่ตั้งอยู่พร้อมกับเครื่องคอมพ์พิวเตอร์ วางแยะส่วนและแสงสว่างจากผนังกรุกระจกใส สะท้อนภาพสวนด้านหน้าคฤหาสถ์และแสงตะวันเจิดจ้าในฤดูร้อนของกรุงโรม

     ร่างของชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่นุ่มสบาย ใบหน้าที่มีส่วนคล้ายคลากันนั้นบ่งบอกได้ดีถึงสายเลือดที่เขามีอยู่ในตัว นัยน์ตาสีเขียว เส้นผมสีน้ำตาล และใบหน้าของคนๆนี้...แสนคุ้นตานัก..

 จะไม่คุ้นตาได้อย่างไร ในเมื่อชายคนนี้คือพ่อของเขา...คาเฟรโร่ วาลกัส

   สองมือสอดประสานวางอยู่บนหน้าท้อง มีหนังสือเล่มใหญ่วางอยู่บนแผ่นอกที่กระเพื่อมไหวเบาๆบ่งบอกอาการหายใจ ใบหน้าเคยคุ้นที่มีร่องรอยของวัยที่ร่วงโรยปรากฏอยู่เด่นชัด อเล็กซิสจ้องมองร่างของบิดาแล้วถอนหายใจแผ่วเบา เขาเดินเข้าไปใกล้เก้าอี้ตัวนั้น ก่อนจะค่อยคุกเข่าลงบนผืนพรมนุ่มหนา ดึงเอาหนังสือที่วางอยู่บนอกของบิดาออกแล้วค่อยวางมันลงไปบนโต๊ะพร้อมคั่นหน้ากระดาษเอาไว้อย่างเรียบร้อย

    ปลายนิ้วที่กระตุกไหวและร่างกายที่ขยับช้าๆของผู้ให้กำเนิด ทำให้อเล็กซิสเงยหน้าไปมอง เขาสบมองนัยน์ตาสีเขียวลึกล้ำของบิดา รอยฉงนพาดผ่านบนใบหน้านั้นเพียงครู่ ก่อนรอยยิ้มบางจะประดับบนริมฝีปากซีดจาง และร่างกำยำของบิดาจะขยับกายเปลี่ยนท่าคลายเมื่อยขบบนเก้าอี้ตัวใหญ่อย่างเคยชิน

     แสงแดดจ้าในยามบ่ายทอลอดมาจากผนังด้านที่กรุกระจกให้สะท้อนในดวงตาที่หรี่เล็กลงของบิดา อเล็กซิสลุกขึ้นจากท่าคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้นเดินไปดึงม่านหนาหนักให้ทิ้งตัวลงมาปิดบังแสงแดดจ้า เมื่อเขามัดปมจัดการม่านกำมะหยี่ผืนหนาได้แล้วหันกลับมา ร่างของบิดาก็เปลี่ยนจากท่าทีง่วงงุนมาเป็นกระปรี้กระเปร่าอย่างรวดเร็ว

      ทรุดกายลงนั่งฝั่งตรงข้าม สบมองนัยน์ตาสีเขียวเข้มอย่างจริงจัง เขาค้นพบร่องรอยของความสงสัยในแววตาของผู้เป็นพ่อ หากเพียงครู่เดียวอีกฝ่ายก็ยิ้ม..

       " อเล็กเซย์ล่ะ ?" เอ่ยถามถึงลูกชายคนรองที่ยังคงป่วยและไม่อาจไปไหนได้ไกล

      " พักอยู่ที่ห้องครับ " อเล็กซิสตอบบิดาตนเสียงเบา ก่อนจะกระซิบเตือนตัวเองว่าไม่ควรลืมไปหาฝาแฝดและคุยกันก่อนอเล็กเซย์จะงอนไปมากกว่านี้ 

      " อืม...แล้ว....."

       " เมื่อกี้ผมคุยกับคุณอามา " ถึงอีกฝ่ายจะอายุห่างเขาไปไม่กี่ปี แต่ยังไงคนเป็นอาก็มีศักดิ์เป็นเช่นนั้นจริง ดังนั้นเขาจึงจำต้องเรียกเช่นทุกครั้ง.." คุณอาบอกให้ผมมาถามพ่อ "

        " อืม..."คาเฟรโร่ยิ้มให้โดยไม่มีท่าทีประหลาดใจแต่อย่างใด 

        " เล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหม?" อเล็กซิสขมวดคิ้ว สีหน้าข้องใจ เขาจ้องมองตาบิดาตนเขม็ง เพื่อรอ...รอจิกซอว์ชิ้นสุดท้ายจากผู้เป็นพ่อของตน ที่จะต่อปริศนาทุกอย่างให้เป็นชิ้นเป็นอันเสียที..

จริงหรือไม่ที่ เฟรเดริโก้ วาลกัส ตั้งใจจะ"ฆ่า"เขาและน้องๆให้ตายตกไปตามกัน

จริงหรือไม่ที่ฝ่ายนั้นต้องการให้ตระกูลวาลกัสกลับรวมเป็นหนึ่ง ไม่ใช่แยกเป็นสอง

และ...เพราะเหตุใด เพราะอะไร คุณลุงที่เขานับถือ จึงได้ตัดสินใจ"ฆ่า"น้องชายของเขา

เพราะอะไร เพราะเหตุใดกันแน่?


         "จะฟังก็มานั่งใกล้ๆ คนแก่แล้วจะให้ตะโกนไปถึงไหน " ทั้งที่ยังคงดูหนุ่มกว่าอายุจริงมากโข พ่อของเขายังออกปากพูดเช่นนั้น ทำให้อเล็กซิสอดจะโคลงหัวไม่ได้ แต่ก่อนจะอ้าปากท้วง เขาก็มองเห็นร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าจากแววตาของบิดา จึงลุกจากเก้าอี้ และเดินข้ามโต๊ะอ่านหนังสือตัวยาวไปนั่งทรุดกายขัดสมาธิเอนตัวพิงขาเก้าอี้ของบิดาแต่โดยดี

    เพราะแววตาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แววตาเศร้าสร้อยและสูญเสียหนักหนา ทำให้หัวใจวาบลึก...รู้สึกผิด

    พ่อของเขาที่เคยเป็นคนรื่นเริงแสนเจ้าเล่ห์ชนิดที่ว่าใครบางคนได้นิสัยแบบนี้ไปเสียหมด กลับต้องกลายเป็นคนเงื่องหงอยเศร้าสร้อยเช่นนี้ เพราะเหตุใดกัน ทำไมอเล็กซิสจะไม่ทราบ..

     เพราะการสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รัก การต้องมาอยู่ร่วมในงามศพบุตรในอุทร พ่อแม่คนไหนจะยินดีปรีดากัน..

และที่รู้สึกผิด ก็เพราะตัวเขาไม่อาจจะออกปากบอกผู้ให้กำเนิดว่าคนๆนั้นยังอยู่ดีมีสุข จนทำให้นัยน์ตาของบิดามีรอยร้าวลึก เช่นนี้..

     ฝ่ามือแกร่ง..หากมีร่องรอยกร้านจากการใช้งานมานานปีวางลงบนศรีษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีทองอร่ามของลูกชายคนโตเบาๆ...แล้วลูบไล้ให้ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยน..เสียจนอเล็กซิสอดจะหน้าขึ้นสีด้วยความกระดากอายไม่น้อย เพราะ"โต"จนป่านนี้แล้วยังมาอ้อนพ่อเหมือนเด็กๆ

     แต่ทว่าเขาก็ไม่คิดจะขัดใจผู้เป็นบิดา ในยามที่เรื่องราวรอบตัวกำลังวุ่นวายระส่ำระสายไปด้วยความสูญเสียและความสับสน จะมีใครสักคนที่รักและหวังดีต่อตนได้เท่าบิดามารดาอีกเล่า..

           "...บางครั้งสาเหตุเพียงเล็กน้อยก็นำมาสู่บทสรุปที่ยิ่งใหญ่ " คาเฟรโร่ถอนหายใจเพียงแผ่วเบา น้ำเสียงแผ่วค่อย เอ่ยปากเริ่มเรื่องราวที่ผ่านผันอย่างเชื่องช้า นัยน์ตาสีเขียวสดมีแววระลึก " เพียงเพราะว่า...คำพูดและสายตาของคนภายนอกเท่านั้น "

           " เอ๋? " อเล็กซิสครางออกมางงๆ ขมวดคิ้ว

           " อย่าขัด..." ฝ่ามือของบิดาดึงผมเขาเบาๆเชิงตำหนิ เพราะการลงโทษราวกับเด็กนั้นทำให้อเล็กซิสอดจะหน้านิ่วเล็กๆไม่ได้  เขาจึงหุบปากฉับแล้วนั่งฟังบิดาเล่าเรื่องต่อแต่โดยดี " เรื่องนี้...พ่อระแคะระคายมานานแล้ว สะกิดใจมานาน...แต่ทว่านาน....ไปจนคิดว่ามันไม่มีทางเป็นจริง "

            " อย่างที่ลูกรู้ หรือใครๆรู้ ตระกูลเรามีเรื่องขัดแย้งกันภายในตลอด " คาเฟรโร่ระบายลมหายใจลึก " อเล็กซิส...คนหนึ่งตั้งใจจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมาเฟีย แต่อีกคนตั้งใจจะสืบทอดภาระของตระกูล  เป็นที่มาของการ"แบ่ง"สองขั้วให้ชัดเจน ทว่า....การที่ตระกูลแตกหน่อออกไปเป็นสองทาง ไม่ต่างกับการหาศัตรูภายใน ไม่ต่างเลย.."

              " ที่เราทำแบบนี้เพราะมีคนไม่อยากเป็นมาเฟียใช่ไหม? หนึ่งคน...ไปเป็นมาเฟีย หนึ่งคน...เป็นนักธุรกิจ เราคิดว่าจะคอยเนืองหนุนกันอยู่แบบนี้ เป็นครอบครัวกันอยู่แบบนี้  มันก็เป็นความคิดที่ถูกต้อง จนมาถึงอีกชั่วคนหนึ่ง...คิดง่ายๆนะลูกรัก ครอบครัวหนึ่งมีบุตรได้กี่คน หากวาลกัสฝั่งมาเฟียมีบุตร3คน และฝั่งธุรกิจมี2คน เรื่องมันก็คงจะง่าย เพราะเราจะสืบทายาทของตัวเองไปเช่นนั้น แต่หากว่า...คนหนึ่งต้องการ"อ้างสิทธิโดยชอบธรรม"ของตนเองกับสมบัติในส่วนของอีกฝ่ายล่ะ ? เหตุเพราะพวกเขาก็เป็นคนในตระกูลเหมือนกัน ทำไมไม่ได้ในสิ่งที่ควรได้ แล้วลูกๆของแต่ละคน ก็จะมีลูกของตัวเองอีก แล้วตำแหน่งหัวหน้าที่เข้ามาครอบครองได้เพียงคนเดียว จะเป็นใครคนไหน? ยังไง? "

              " ที่ผ่านมาก็ใช่จะไม่มีปัญหา อเล็กซิส...เราถึงได้ชื่อว่ากำลังเดินอยู่ในเส้นทางแห่งบาป คนภายนอกไม่มองว่าเราเป็นนักธุรกิจครึ่งหนึ่ง หรือมาเฟียครุ่งหนึ่งหรอก ยังไงพวกเขาก็มองเราเป็นแค่มาฟียาเลวๆกลุ่มหนึ่ง...แค่เป็นกลุ่มที่รู้จักทำธุรกิจก็เท่านั้น แล้วทำไมเราจะต้องแบ่งแยกกันแบบนี้ด้วย...ทำไมไม่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวซะ จัดการก็ง่าย จะได้ไม่มีปัญหาแต่ภายหลัง "

                " หมายความว่า...." อเล็กซิสชะงัก เบิดตาค้าง จ้องมองใบหน้าของบิดาตนเขม็ง

                " ใช่....นี่เป็นความคิดของเฟรดี้ ที่เคยพูดไว้...เมื่อนานมาแล้ว...ก่อนจะเป็นบอส ก่อนพ่อจะรับช่วงทำธุรกิจ ในตอนที่เราสองคนเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาเท่านั้น " คาเฟรโร่ถอนหายใจ ก่อนจะหยิบกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะมาจิบด้วยท่าทีเคร่งเครียด " เเรกทีเดียวพ่อไม่คิดสนใจ หากตอนนี้ ...พ่อถึงได้รู้ว่าความปราถนานี้ไม่ได้ถูกลืมเลือนไปจากหัวใจของเขาเลย "

                  " โดยเฉพาะ...เมื่อเขาไม่มีทายาทอีกแล้ว "

                  " ..พ่อครับนั่นหมายถึง ...."อเล็กซิสขมวดคิ้ว เพราะหากเอ่ยถึงทายาทก็ไม่พ้นเป็นคาวัลโล แล้วทำไม...ทำไมลุงของเขาต้องสั่งฆ่า หากต้องการ"ทายาท"จริงๆ

                  " ไม่ใช่ " คาเฟรโร่ถอนหายใจแผ่วเบา หากยาวเหยียด..." ลุงเฟรดดี้มีทายาท...อเล็กซิส...ทายาท ที่ตายไปแล้ว ด้วย"เรา"ที่เขาคิดว่าเป็นต้นเหตุ"

                   " ผมไม่เข้าใจ "

                    " จอร์จิโอ้...." คาเฟรโร่เอ่ยเสียงเบา หากผู้ฟังชะงักค้าง ดวงตาเบิกกว้าง..

    จอร์จิโอ้...เจ้าคนนั้น คนที่เป็นเพื่อนสนิทของคาวัลโล ชายที่ลุงเฟรดี้ของเขาบอกว่าเป็นลูกชายของสมาชิกในแกงค์ที่ถูกฆ่าตายและไร้ที่พึ่ง จึงนำมาเลี้ยงและให้เป็นเพื่อนคู่หูคนสนิทกับน้องชายของเขา...คนที่ตาย....ตายไปแล้วเมื่อสามปีก่อน...

                 " ..เพราะมีลูเซียอยู่ ทำให้เฟรดี้ไม่อาจจะบอกใครได้ว่าจอร์จิโอ้คือลูกชาย ภรรยาน้อยเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ในสังคมมาเฟีย เธอจะถูกรังเกียจ รวมทั้งเด็กคนนั้นเช่นกัน  เขาจึงนำเด็กคนนั้นมาเลี้ยงในฐานะเช่นนี้ หวังให้เขาโตขึ้นและเก่งกาจ จนสามารถบอกใครได้เต็มปากเต็มคำว่านี่คือลูกชายของฉัน...มันก็คงจะเป็นแบบนั้น ถ้าเพียงแต่...."

   ใช่..ถ้าเพียงแต่

   ถ้าเพียงแต่จอร์จิโอ้จะไม่ได้ตายลงไปแล้ว..

                " นั่นเป็นสิ่งที่พ่อคนใดก็รับไม่ได้ ลูกชายต้องมาตาย ต่อให้น้องของลูกจะแก้แค้นพวกมันด้วยวิธีไหน จะฆ่าคนจะเผาทำลายสิ่งของมากมายเพียงใด ทว่ามันก็ไม่เท่าเทียมเลย กับชีวิตคนที่เสียไป และเขาไม่เคยลืม เขาจำมันมาตลอด และวางแผนทุกอย่างมาตลอด จนกระทั่งตอนนี้...."

                 ความเงียบลอยตัวอยู่ท่ามกลางเสียงครางหึ่งของเครื่องปรับอากาศ อเล็กซิสทำได้เพียงนั่งนิ่ง...นิ่งขึงอยู่ตรงขาเก้าอี้ของผู้เป็นบิดา เขายังคงนั่งขัดสมาธิเงียบอยุ่ตรงนั้น...สมองไล่เรียงหาเหตุผลและเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดอย่างรวดเร็ว..และน่าใจหาย

ใจหายที่ว่าทุกอย่างมันช่างสมเหตุสมผลเสียจริง.

...จอร์จิโอ้ตาย...จึงเอาชีวิตคาวัลโลให้ตายตกตามกันไปด้วย

...เพื่อจะได้ครอบครองทุกอย่าง จึงวางแผนการทำลายพวกเขาให้หมดเสี้ยนหนาม...

เพียงเพระความสูญเสีย...และเพราะแรงปราถนาที่ถูกเก็บไว้มานานเนิ่นนาน

      อเล็กซิสสามารถเข้าใจได้เลยว่า ลุงเฟรเดริโก้คงจะคาดหวังให้จอร์จิโอ้เติบโตขึ้นมาเป็นบอสที่ดีพร้อม จากนั้นเขาจะค่อยประกาศเรื่องนี้ออกไปและให้ลูกชายขึ้นเป็นบอส ก่อนจะค่อยจัดการดับเขาและครอบครัวอย่างง่ายดาย..

    หากแต่ เมื่อจอร์จิโอ้ตาย ความอดทนของผู้เป็นลุงคงจะเหมือนขาดสะบั้นไปด้วย ไม่มีแล้วลูกชายที่เป็นความหวัง ไม่มีแล้วสิ่งที่เคยคิดไว้ ไม่เหลืออะไรเลย
 ความผิดที่ทำให้ลูกชายที่รักจต้องตาย ตกอยู่กับน้องของเขา ผู้ที่จอร์จิโอ้เสี่ยงชีวิตป้องกันไว้

และความผิดอีกหนึ่งเสี้ยวนั้นก็ตกมาอยู่ที่เขากับอเล็กเซย์ผู้เป็นต้นเหตุของสงครามเมื่อสามปีก่อน

และสุดท้าย...ความผิดที่ตกอยู่กับครอบครัวของเขาทั้งหมด...เพียงเพราะต้องการยึดทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง โดยไม่ต้องการรีรออะไรอีกแล้ว..


      อเล็กซิสถอนหายใจแผ่วเบา ความกังวลและความหนักใจแผ่บรรยากาศกดดันทิ่มแทง รู้แล้ว รู้สาเหตุเข้าใจถึงทางเดินของปัญหา และพร้อมจะหาทางแก้ ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดถึงได้หดหู่นัก.. อาจจะเพราะความผิดหวัง ความเสียใจ และความโศกเศร้า..เพราะในที่สุด ก็ต้องมีการ"ล้างเลือด"ในตระกูลอีกครั้ง

         "นี่เป็นความจริง...ที่พ่อไม่อยากยอมรับเลย...อเล็กซิส เฟรเดริโก้ วาลกัส คนเดิมของเรา ได้ตายไปเมื่อสามปีก่อนแล้ว " พ่อของเขาเอ่ยถึงผู้เป็นพี่ชายด้วยน้ำเสียงรวดร้าวนัก เพราะใครเล่าจะไม่ปวดร้าวเมื่อรู้ว่าพี่น้องร่วมครรภ์กำลังหมายปองชีวิตของตนและบุตรของตนเอง "..ถ้าเพียงแต่...เราจะดูแล ใส่ใจกันมากกว่านี้.."

อีกแล้ว....ถ้าเพียงแต่

ถ้าเพียงแต่เราจะสนใจกันมากกว่านี้ ถ้าเพียงแต่จะลองคิด ว่าเหตุที่ลุงเฟรเดริโก้เสียใจแทบคลั่งเมื่อสามปีก่อนเป็นเพราะเหตุใดกันแน่

ถ้าเพียงเราจะเปิดโอกาสให้พ่อ..ได้แสดงตัวเป็นพ่อของลูกชายที่รักเพียงสักครั้งในชีวิต

ถ้าเพียงแต่จะพูดคุยถึงเรื่องนี้ เรื่องที่ต่างทำเป็นวางเฉยเพราะไม่อยากสร้างรอยร้าวให้เกิดขึ้น จนบัดนี้มันกลายเป็นแผลลึก เกินจะเยียวยา..

ถ้าเพียงแต่....เราจะ"รัก"กันมากกว่านี้

 ถ้าเพียงแต่....ครอบครัวและเครือญาติของเราจะแน่นแฟ้นกว่านี้

ถ้า....ถ้า....ถ้า......

..ถ้าเพียงแต่จะไม่สายเกินไป..

                   " ไม่มีทางออกให้ลุงเฟรดี้...เลยเหรอครับ...? "อเล็กซิสรู้สึกว่าริมฝีปากของเขาสั่นระริก...หัวสมองปวดตื้อ ยามคิดถึงทางต่อกรที่ไม่ว่าอย่างไรเลือด ก็ต้องล้างด้วยเลือด

      ร่องรอยของชะตากรรมที่กล่าวว่า"วาลกัส"จะล้างผลาญกันเองในตระกูล กำลังเดินทับรอยเดิมอีกครา..

                 " ไม่มีทางออกให้เราด้วย..." น้ำเสียงของผู้เป็นพ่อสั่นระริกไหว...

 เพราะรู้ดีแก่ใจ....หากนิ่งเงียบ...หากไม่ทำอะไร ไม่ฆ่า ก็ต้องเป็นฝ่ายถูกฆ่า..


     อเล็กซิสถอนหายใจเฮือก รู้ดีถึงเหตุผลที่ผู้เป็นพ่อไม่ได้กล่าวเรื่องนี้กับใครก่อนหน้านี้หรือทันทีที่เกิดเรื่อง เขารู้ ว่าเพราะความรัก เพราะชายคนนั้นคือพี่ของพ่อ เพราะลุงเฟรดี้คือครอบครัว ทำให้พ่อไม่อยากพูด ไม่อยากให้ร้าย ไม่อยากจะทำให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โต พยายามมองว่าเป็นผลงานของฝ่ายอื่น จนกระทั่ง.. ถูกบังคับด้วยสถานการณ์จนทนไม่ไหวอีกต่อไป...

       ฝ่ามือหนาของผู้เป็นบิดาลูบศรีษะเบาๆทำให้ความหดหู่ค่อยผ่อนคลายลงบ้าง อเล็กซิสเงยหน้าขึ้นอ้าปากจะขอบใจผู้เป็นบิดา หากแต่เขาต้องนิ่งงัน นัยน์ตาเบิกค้างเมื่อมองเห็นน้ำตาหยดหนึ่งที่ไหลออกจากดวงตาอันโศกเศร้าของผู้เป็นพ่อ

ฝ่ามือที่แสนเคยคุ้นวางลงบนผิวแก้ม สั่นระริกไม่ต่างจากริมฝีปากซีดจางคู่นั้น...


        " อเล็กซิส "น้ำเสียงคนพูดเบา..บางลงราวกับจะหมดลมหายใจ " ช่วยปกป้องทุกคนด้วยนะ....ขออย่าให้พ่อเสียลูกๆคนใดไปอีกเลย "


           ถ้อยคำดังคำฝากฝังและเว้าวอนต่อตนทำให้หัวใจปวดแปลบ พี่ใหญ่ตระกูลวาลกัสลุกขึ้นยืน จ้องมองใบหน้าของผู้เป็นพ่อไม่วางตา จากความสูงที่แตกต่างกัน และใบหน้ายามนี้ของบิดา ทำให้เขารู้ และซาบซึ้งว่าแผ่นหลังที่เคยปกป้องตนนั้น บัดนี้งองุ้ม เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหดหู่และสิ้นหวังเช่นไร...

           ดวงตาสีเขียวที่เคยสดใส บัดนี้โศกเศร้าด้วยความรวดร้าวในความสูญเสีย ฝ่ามือหยาบใหญ่ที่ตรากตรำมาเนิ่นนาน  ไหล่ที่เคยตั้งอย่างทรนงองอาจลู่ลงอย่างไร้เรี่ยวแรง กระทั่งแผ่นหลังยังงองุ้ม ราวกับแบกภาระหนักหนามาทั้งชีวิต

          ทรุดกายลงคุกเข่าบนพื้นพรมอีกครั้งด้วยความเต็มใจกว่าครั้งไหนๆแขนทั้งสองข้างยกขึ้นแล้วตัวกอดร่างของบิดาบนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ไว้ เขากอดร่างของผู้ให้กำเนิดแน่น สัมผัสถึงร่างที่สั่นสะท้านด้วยความเศร้าโศกเสียใจอันไม่มีที่สิ้นสุด  กลืนน้ำลายลงคอช้าๆรู้สึกแสบร้อนในลำคอ และขอบตาผ่าวร้อนขึ้นมาทันควัน


          " ครับพ่อ "ขนาดน้ำเสียงของเขายังสั่นไหวไม่ต่างจากอ้อมแขนของตน "ผมสาบาน...ผมจะไม่ให้เราเสียใครไปอีกแล้ว "


ไม่มีวัน...

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 29 ความจริงในเรื่องลวง 25/4/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 05-05-2011 01:12:06
      ร่างสูงใหญ่ แผ่นหลังกว้างแสนองอาจของบุตรชายคนโตก้าวผ่านไปแล้ว หากยังติดตาไม่คลาย  นัยน์ตาสีเขียวที่ยังคงสะท้อนความร้าวลึกค่อยเบือนไปสบมองนัยน์ตาสีฟ้าสดแสนเคยคุ้นของคู่ชีวิต ร่างเพรียวเล็กของหญิงสาววัยกลางคนผู้ได้ชื่อว่าเป็นนายหญิงของตระกูลวาลกัสก้าวออกมาจากชั้นหนังสือด้านหลังตนช้าๆ นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองมาที่เขา จ้องไม่หลบตาหากแต่สั่นไหวไม่แพ้กัน..

        " โกรธผมไหม? ที่ไม่บอกคุณ ?" ฝ่ามือหนาทาบลงบนแก้มนวลเจือเลือดฝาด...คาเฟรโร่มองเห็นร่างที่เเข็งเกร็งขึ้นของภรรยา หากเพียงชั่วครู่ ฝ่ามือเรียวขาว เเสนบอบบางคู่นั้นก็แตะลงบนฝ่ามือของเขา บีบกระชับและกดแนบผิวแก้มลงไปอย่างอาดูร

         " คุณรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ แต่ไม่ได้เรียกลูกไปคุยที่อื่น นั่นก็เพียงพอแล้วว่าคุณตั้งใจจะบอกฉันด้วย "ริมฝีปากเล็กของเอเลียวา วาลกัส หรืออลิส โรเซนเบอร์กเอ่ยออกมาเพียงแผ่วเบา เธอทอดมองรอยร้าวลึกในดวงตาสามีอย่างห่วงหา ด้วยรู้ ว่าผู้ที่เจ็บปวดกว่าคนที่ไม่รู้อะไรเช่นหล่อน ก็ย่อมเป็นคนที่เก็บงำความลับ ความหลังทั้งหลายด้วยใจรวดร้าวปนระแวงเช่นคาเฟรโร่ วาลกัส สามีของเธอตอนนี้..

          "...เชื่อมั่นในตัวลูกของเรานะคะ ว่าเขาจะพาเราผ่านทุกอย่างไปได้..." แขนเล็กเรียวทั้งสองข้างตวัดกอดลำคอหนาและซุกใบหน้าลงบนไหล่ คาเฟรโร่เอื้อมมือไปกุมมือของภรรยาตนไว้ เขากลืนน้ำลายลงคอช้าๆเมื่อสัมผัสถืงหยดน้ำร้อนๆที่ไหลแตะเป็นวงลงบนเสื้อเชิ๊ตของตน...

        ชายวัยกลางคนค่อยหันกายกลับอย่างเชื่องช้า ก่อนจะรั้งร่างของภรรยาตนมากอดแนบชิด ซับรอยน้ำตาของกันและกันท่ามกลางความเงียบงันของห้องเอกสาร..

      เยียวยาหัวใจอันรวดร้าวด้วยเสียคนลำคัญของตน กอดรับและปลอบประโลมกันด้วยความหวาดหวั่นที่แผ่ซ่าน...

     เพราะทั้งคู่นั้นรู้ เมื่อลูกชายของพวหเขารู้เรื่องทั้งหมด นั่น...หมายความว่า"สงคราม"จะเกิดขึ้น

      แตกต่างกับสงครามเผาทำลายเลือดเนื้อศัตรู เพราะนี่คือสงครามที่เผาผลาญ ล้างชีพพวกเดียวกันเอง...และ.....เพื่อปลิดชีพคนที่เคยคุ้ย ชายที่เคยร่วมเป็นร่วมตาย เคยช่วยเหลือเกื้อกูล รักใคร่ผูกพันกันนักหนา ทั้งเคยเดินทางผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน..

      สัญลักษณ์อินทรีกางปีกคีบช่อองุ่นที่มีประกายหยดน้ำ...สัญลักษณ์ของตระกูลนั้นวาววับเด่นชัดท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามบ่ายสอดส่องเข้ามาเป็นทาง..

    ปลายนิ้วสีอ่อนลูบเงาที่นูนออกมาเบาๆ...หยดน้ำที่ว่า เหมือนจะวาววับเด่นชัดขึ้นกว่าทุกคราที่ได้มอง..

     ราวกับหยดน้ำตา ที่กำลังหลั่งรินลงมาแต่ผู้สูญเสียทุกคน..

.......


       สิ่งแรกที่เขาทำ...ไม่ใช่การออกไปสั่งมือปืนมายิงใครที่ไหน ไม่ใช่การออกไปสั่งฆ่าใครให้หมดเสี้ยนหมาน ไม่ใช่กระทั่งการเดินไปเรียกประชุมด่วนด้วยซ้ำ...ไม่ใช่...หากแต่เป็นการเดินเข้าไปในห้องของตนอย่างเร็วรี่ เพื่อไปพบกับแฝดผู้น้องของตน น้องชาย คนรัก ผู้ที่เป็นครึ่งหนึ่งของเขา ครึ่งหนึ่งของทุกอย่างในโลกของตนเอง...

   เพราะข่าวคราวที่ได้รับและน้ำตาท่ามกลางความปวดร้าวและสิ้นหวังของบิดาทำให้เขาได้ฉุกคิด.. เรื่องราวบานปลายมามากมายแบนบี้เพราะไม่พูดคุยกันและไม่เอาใจใส่กันทำให้รู้ และตั้งใจจะรีบไปตามหาคนที่รักและบอกข่าว บอกทุกสิ่งให้อีกฝ่ายรู้...ต่อให้จะผิดสัญญาต่อน้องชาย ทว่าตอนนี้ ทุกอย่างมันมาไกลเกิลกว่าจะปิดไปได้แล้ว อีกทั้ง...บอกก็ได้ไม่ใช่หรือ... บอกออกไป เพราะทุกครั้ง อเล็กเซย์ก็จะคอยเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างให้แท้ๆ...

     ปัง !

     " เซย์...? เซย์  ....อยู่ที่ไหน? " ฝ่าเท้าก้าวเร็วรี่ไปยังห้องน้ำ และระเบียงนอนไม่ไม่พบร่างของคนที่หาอยู่ บนเตียงก้เช่นกัน อเล็กซิสขมวดคิ้วแน่น  นึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาหยิบโทรศัพท์มือถือ กดเบอร์โทรออก หากแต่เสียงเรียกเข้ากลับดังขึ้นหน้าโต๊ะเครื่องแป้งนี้เอง ชายหนุ่มเดินไปคว้าโทรศัพท์ของคนรักมาสำรวจ  จะเห็นโน๊ตสักตัวหรือข้อความใดๆก็ไม่ปรากฏ ยิ่งงทำให้พี่ใหญ่ของบ้านขมวดคิ้วแน่น ถลาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว

     "เห็นอเล็กเซย์ไหม? " ออกปากถามแม่บ้านที่เดินผ่านมาด้านหน้าห้อง หากเธอก็ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นชวนให้ยิ่งใจสั่น ชายหนุ่มเริ่มวิ่ง...วิ่งผ่านจากปีกซ้ายของบ้านไปยังด้านขวา หันรีหันขวางหาที่อยู่ของคนที่รัก ก่อนจะวิ่งพรวดลงไปยังสนามหน้าบ้านทันควัน

       " อเล็กเซย์อยู่ไหน ? " บอดี้การ์ดหนุ่มในชุดสูททางการมีสีหน้างวยงงไม่น้อยเมื่อคุณชายใหญ่ของบ้านมาเขย่าคอเขาตะโกนถามโหวกเหวกด้วยท่าทีร้อนรน ผิดหูผิดตา หากแต่เมื่อทราบใจความเขาก็พยักหน้า และเอ่ยคำตอบออกไปเร็วที่สุด

        " ออกไปกับคุณเฟรเดริโก้เมื่อครู่ครับ ทราบข่าวว่าจะไปพักที่ซีซีลี...."

               คำตอบนั้นทำให้นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้าง ฝ่ามือที่กำชุดสูทของบอดี้การ์ดหนุ่มลดลงข้างกายอย่างรวดเร็ว ขณะที่หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง..
ออกไปแล้ว...

ไปที่ซิซิลี....

ไปยังเกาะซิซิลี ที่กบดานใหญ่ของเหล่ามาเฟียน่ะหรือ?

      ชายหนุ่มเม้มปากแน่น ขัดข้องใจและทุกข์ระทมทเสียจนไม่อาจทำอะไรได้ อเล็กซิสกระโจนกลับเข้ามาในคฤหาสถ์เดินผ่านส่วนต่างๆของบ้านด้วยความเร็วราวกับพายุ


ปัง !!

    เขาเปิดประตูห้องทำงานดังลั่น สมองแล่นพล่านหากไม่รู้จะทำเช่นไร ในเวลานี้ที่ความกังวลกำลังเกาะกินหัวใจจนแทบบ้า..

ช้าไป....ช้าไปแล้ว....

ลุงรู้แล้วแน่ๆว่าเขาทราบเรื่องทั้งหมด...รู้แล้วว่าเขาต้องกลับมาเอาคืน ดังนั้นจึง....

    อเล็กซิสทรุดกายลงบนเก้าอี้อย่างหงดแรง ฝ่ามือสองข้างกุมขมับแน่น...

สัญญาและสาบานกับน้องชายไว้แล้วว่าจะช่วยเหลือ จะพยายามให้ถึงที่สุด ทว่าสุดท้ายก็เหลวไม่เป็นท่า..

กระทั่งตอนนี้...

     แม้เป็นคำสาบานต่อบุพการี เขาก็ไม่อาจจะรักษาไว้ได้ กระนั้นหรือ?


...................


ท่านชีคว่าคาวี่เด็กนักหนา รู้ไหมจ๊ะว่าท่านอายุเท่าไหร่...

คำตอบ...เท่าอเล็กซานดร้าค่ะ 26 แก่กว่าคาวี่7ปี ประมาณนั้น (แต่ความโหด เหี้ยม (บวกเหี้_ยด้วยก็ได้) คาวี่เยอะกว่าหลายขุม ) จะว่าไปแล้วบุคลิกและการวางตัวของอัลชาอ์นี่ได้แนวคิดมาจาก "ราชาแห่งเจมิไน"ในเรื่องหัวขโมยแห่งบารามอสน่ะค่ะ (อ่านกันใช่ไหมท่าน อ่านใช่ไหม???) ประเภทที่ "คนภายนอกมองว่าประเทศนี้ไม่มั่นคง อ่อนแอด้านการปกครอง สถาบันกษัตริย์เหมือนไม่มีตัวตน คิงก็ดูอ่อนแอพึ่งพาไม่ได้ แต่น่าแปลกที่ประชาชนของเขาก็มีความสุขดี " คะที่ท่านชีค ไม่โหด + ดูแกร่งเหมือนคาล อันนี้ต้องขอบอกว่าเพราะหนึ่งเลย ท่านชีคเป็นนักปกครองคะ ไม่ใช่ทหารไม่เก่งการต่อสู้เท่าคาลหรอก เอาง่ายๆเลยคือ คนที่เป็นเจ้านายคนหรือเป็นผู้นำเนี่ยไม่จำเป็นต้องเก่งเมพเสมอไป แค่คุณรู้จักใช่คน และรู้จักใช้สมองก็พอแล้ว และอีกข้อ ท่านชีคเป็นคนอ่อนนอกแข็งในคะ เอาเข้าจริงคนนี้น่ากลัว เวลาทำอะไรแล้วกัดไม่ปล่อย(เอาง่ายๆกับการตามขอความรักคาวี่ที่คนปกติเขาคงถอดใจไปแล้ว)  เพียงแต่เป็นประเภทเก็บความไม่พอใจไว้แล้วไม่ชอบโวยวาย แต่คาวี่เป็นประเภทขาลุย อารมณ์หุนหันพลันแล่นเลยดูจะโดดเด่นและรุนแรงกว่า ภาพรวมเลยออกมาดูท่านชีคเป็นคาแรกเตอร์อ่อนๆ ยอมคนชอบกล (ความจริงก็ยอมแค่คนเดียวนั่นล่ะ)

  เฉลยเรื่องของคุณลุงแล้วนะคะ เขียนตอนนี้แล้วน้ำตาซึมแฮะ สงสารคุณพ่อกับคุณแม่จัง อเล็กซิสก็ด้วย แล้วอเล็กเซย์ก็ยังซวยไม่มีที่สิ้นสุด เฮ้อ....จะว่าเรื่องคุณลุงก็ไม่รู้ว่าไงดี ยังไงครอบครัวเดียวกัน คุยกันบ้างนะคะ อย่าปล่อยปัญหาให้บานปลาย รอยร้าวเล็กๆก็กลายเป็นแผลใหญ่ได้หากไม่เร่งรักษามัน

  ความจริงตอนนี้จะมีตัวละครใหม่เข้ามาอีกกลุ่ม แต่มันยาวไป (555+)ไม่ต่อเนื่องด้วยเลยตัดฉับไปตอนหน้า เเล้วเจอกันนะคะ
ปล. ร๊อบไม่ได้มั่ว เขาคบทีละคน เพียงแต่มันเป็นคนใกล้ตัวกันเฉยๆ o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 05-05-2011 01:20:05
เห็นรูปที่คนเขียนเอามาอัพไว้ให้แล้วแบบ อ๊ายย~ :m3: :m3:
แต่ละรูปของคาวี่แบบ หล่อไม่ไหว  :give2:
ถึงกับต้องไปค้นฮันนิบาลมาดูใหม่ทันที คนอะไรหล๊อ หล่อ
พอผมยาวแล้วก็กลายเป็นน่าร๊ากก    :-[
ท่านชีครูปใหม่นี้มาอย่างเซ็กซี่ หล่อพอกัน  :o8:
คนที่มาเป็นอิมเมจท่านชีคนี้เขาชื่ออะไรหรอคะ?

เนอะ~ :impress2: กาสปาลหล่อมากกกกกก แต่ตอนผมยาวนี่เครซี่สุดละ
(แต่จะแอบกระซิบอะไรให้ รูปลักษณ์ล่าสุดทำเอาปุ้ยฝันผวาไปหลายวัน )
     คนเป็นอิมเมจชีคไม่รู้ชื่ออะคะ เสียดายเหมือนกัน ถ้ารุ้จะได้ไปหามาเพื่มเหมือนกันนะนี่

แปะรุปคาวี่อีกรอบ ให้ทุกคนน้ำลายไหลกับความน้าเลิฟฟฟฟฟ ฮุฮิ
ผมยาวขึ้นแล้วก็ประมาณณนี้ล่ะค่ะ

  (http://image.ohozaa.com/i/79f/5ycawogfsn3abk6mgyirqk06o1_500.jpg)

  (http://image.ohozaa.com/i/444/gaspard_ulliel_1187191334.jpg)

แปะรุปค่า วาดมานาน(มาก)แล้ว ไม่ได้แปะสักที

คาวี่โหมด โดนทับมาแล้วววว  :laugh:

  (http://image.ohozaa.com/i/27c/kavigl.jpg)

    ท่านชีค(ยังไม่ได้ลงสี) โหมดโหดดดดด

  (http://image.ohozaa.com/i/a95/szacc.jpg)

สวัสดีค่า :3123:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: lolilo ที่ 05-05-2011 01:36:59
:impress2: :impress2: :impress2:
มันซับซ้อนและหวานเยิ้ม ;] ,,,,
อ่านแล้วมีฟามสุขสุดยอดไปเลย ;] ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 05-05-2011 01:46:28
อ๊ากกกกกกกกกกก หวานจริง ๆ
มาขัดจังหวะซะได้นะ หุหุ
คุณลุงนี่ร้ายลึกกกกกก กจริง ๆ นะ วางแผนซะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: KoTo_Nat ที่ 05-05-2011 02:11:52
รีบๆๆมาต่อนะครับ

อยากรู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไง

และอยากรู้วิธีการแก้ปัญหาของพี่ใหญ่ของบ้านด้วย

แล้วอยากรู้ตอนที่คาวัล"ลได้พบกับครอบครัวอีกครั้งครับ

แบบอยากอ่านความรู้สึกว่าซึ้งแค่ไหน

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 05-05-2011 02:12:18
คงต้องยืมมือท่านชีคมาจัดการแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 05-05-2011 02:52:39
อ่านฉากหวานๆระหว่างชีคกับมาเฟียแล้วแบบ แอร๊ยยย ยย น่ารักเน้ออ
คาวี่หึงโหดจริงๆอ่ะ กลัว ฮาาาา

อ่านตอนคุณพ่อเล่าเรื่องแบบ  :serius2: :z3:
เครียดอ่า เครียดได้อีก
แล้วยังอเล็กเซย์อีก โฮกกก จะเอาเซย์ไปหนายยยย เอาคืนมานะ!!

ท่านชีคเอ่ยปากว่าจะเอามาคืนให้ ยังไงก็ต้องได้คืนแน่ๆนะคาล
รอต่อไป
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 05-05-2011 04:00:28
กร๊าซซซซซซ  กรี้ดด้วยคน กัสปาลสุดที่รัก โดนกดซะแ่ลวววววว  เครซี่คนนี้มากด้วยคนค่ะพี่ปุ้ย :man1:
รูปอิหนุคาวี่ตอนดดนกดมันช่าง :m25:  เซ็กซี่เหลือหลาย
่ส่วนรุปอัลชาห์ก้อนะ  กรี้ดดดดด  กรี้ดดดดด  กรี้ดดดด  มีแส้ด้วยนะค้าาาาาา  เลิศอยุ่ :z3: :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 05-05-2011 04:03:50
 o18คาวี่นี่หึงโหดจริงอะไรจริง

ส่วนอเล็กเซย์นี่ก็ซวยไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 05-05-2011 04:26:35
:เฮ้อ: ช่างซับซ้อนซ่อนเงื่อนซะจริงๆ ไปทางไหนก็ต้องมีคนตายอยู่ดี
อ่านตอนที่คุณพ่อเล่าแล้วรู้สึกเข้าใจสัจธรรมของชีวิตขึ้นมาทันที
คนที่คิดว่าหวังดีกับเรามากที่สุด กลับเป็นคนที่ประสงค์ร้ายกับเรามากที่สุด
ช่างเป็นชีวิตที่น่าเศร้าจริงๆ

คาวี่หึงได้โหดมากๆเลย ฮ่าๆๆ สงสัยถ้าท่านชีคไปอยู่ใกล้ใครต้องระวัง
ไม่งันระวังจะโดนแมวตะปรบได้
เป็นคู่ที่หวานจนมดขึ้นมาเป็นรังเลย ฮุฮุฮุ ชอบที่สู๊ด
หวังว่าคงไม่มีอะไรมาทำให้ทั้งคู่ต้องทะเลาะกันอีกนะ
(เรายังไม่อยากกินมาม่า TT-TT)

เซย์จะเป็นอะไรไมนะ  :call: สาธุ อย่าเป็นอะไรไปเลยนะ
เราชอบคู่รักต้องห้ามนี้มากๆเลย

มาต่อเร็วๆนะคร้า จะรอจร้า
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: l2ockyou_l3ody! ที่ 05-05-2011 06:45:42
แหม. มันอึมครึม  :z3: :z3: :z3:

สงสาร ซิส มาก กกกก.
แบกรับ อะไร ๆ ไว้คนเดียว ตลอดดด  :sad4: :sad4:

ห่วงเซย์ อย่างแรง  :o12: :o12:


 :beat: อิเฟรดดี้ ให้หายเคือง  :pig4:


 :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 05-05-2011 07:15:08
อิ วี่นิ นับวันจะน่ารัก ขึ้นทุกวัน คนร้ายกาจของอัลคนเดียว
..... ว่าแต่เซย์ จะเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย ไอ่ลุงมาเฟียมันต้องวางกับดักไว้แน่ แน่
หายไป นานได้ข่าวว่าข้อมือเจ็บ หายแล้วใช่มั้ยคนแต่งคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 05-05-2011 07:28:57
ถึง ร๊อบจะไม่มั่ว คบทีละคน
แต่รับไม่ค่อยได้ก็อิมเมจร๊อบอ่า
ดูอ่อนแอ เหมือนไม้เลื้อยเลย
----------------------------------
เรื่องเล็กๆที่ไม่มีใครรู้ ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ขนาดนี้
เฮ้อ...
ขอแค่ไม่จบเศร้าก็ดีแล้วค่ะ
---------------------------------
เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 05-05-2011 07:30:02
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 05-05-2011 07:39:37
ตื่นมากรีดร้องที่เห็นเรื่องนี้

ฝังทะเลทรายหวานมากดูถ้ามดคงเดินกันเต็มวัง

เรื่องราวตอนนี้กระจ่างมากค่ะกับเรื่องของคุณลุง

เข้าใจว่าคุณลุงรักลูกมาก หวังไว้มากก็เลยเสียใจมาก

แต่ก็แอบเคืองที่เอาความเสียใจมาพาลใส่ คาวี่ กับ สองแฝด

แต่ก็นะถ้าไม่พาลใส่คาวี คาวีก็คงไม่ได้มาซบอกท่านชีค  :o8:

สงสารก็แต่คุณพ่อ  :m15: หวังว่าเซย์ จะปลอดภัยนะ

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 05-05-2011 08:29:37
อเล็กซิสต้องไปช่วยเซย์ให้ทันนะ!
คาวี่กับชีคหวานจนเกือบลืมว่าตอนต้นเรื่องมันจะฆ่ากันตายไปรู้กี่รอบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 05-05-2011 09:08:19
ตอนนี้หวานจังเลยคะ...น่ารักหงะ..^//^
ตอนเจอกันครั้งแรกโรแมนติกจัง..*O*
เพึ่งรู้ว่าคาวี่พอเริ่มหึงแล้วจะหลงตัวเอง...55+
นี่ลงทุนเทียบตัวเองกับร๊อบเค้าเลยนะเนี่ย...
ถ้าคาวี่ยังเป็นแมวเหมียวอยู่อย่างนี้ก็น่ารักกินขาดอยู่แล้วคะ...
แต่ถ้ากลับเป็นไฮยีน่าเมื่อไหร่ก็ติดลบทันทีเลยแหละ..555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: BlueFaith ที่ 05-05-2011 10:11:46
เมื่อคืนพลาดกับไรเตอร์แป๊บเดียวเอง ฮือออออออ

ตามมาต่อแล้วน๊าาาา ^___^~
   :impress2:
 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 05-05-2011 10:13:03
ยังน่ากเหมือนเดิม เเมวน้อย 

ซิสไปช่วยเซยให้ได้น่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 05-05-2011 11:25:46
ตาลุงนั่นหูไวตาไวจริงๆสมเป็นตัวพ่อของมาเฟียเลย  :z3:

จะเป็นไงต่อไปล่ะเนี่ย ลุ้นๆๆ

*****************

อ๊ะจ๊าก รูปท่านชีคถือแซ่ด้วย 5555 คาวีเอ๋ยโดนแน่ๆๆ :o8:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 05-05-2011 11:36:26
แมวเหมียวคาวี่น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก    :-[ :-[


ส่วนถามว่าอ่านหัวขโมยแห้งบารามาสมั๊ย เราอ่านคะ ชอบมากด้วย โดยเฉพาะปริ๊นซ์ที่มาจากเจมิไนนั้นอ่ะ ปลื้มสุดๆ เลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 05-05-2011 11:45:48
+1
หวานครึ่งนึง ขมๆครึ่งนึง   o13
จอร์จิโอมาตอนไหนนะ เค้าจำไม่ได้  :z3:
อเล็กเซย์โดนฉกไปซะแล้ว :sad4:
เป็นกำลังใจให้จ้า :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 05-05-2011 12:35:49
เซย์ ไปไหน ซวยแล้ว

ไอลุงนั่นจะทำอะไรอ่ะ YY

คาวี่ยังน่ารักเสมอในตอนนี้ 555+

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 05-05-2011 13:38:08



   แหมๆๆ ตอนนี้เป็นตอนแห่งการเปิดอกคุยกันเลยนะเนี่ย
   คาวี่กะอัลชาอ์ก็ในที่สุดก็เปิดอกคุยกันซะที จนกลายเป็นคู่รักหวานชื่นไร้ความตะขิดตะขวงใจ
   ส่วนฝั่งวาลกัสก็คุยความลับรุ่นพ่อซะจนได้เรื่อง!!
   ท่านลุงกลายเป็นเดวิลจอมบงการไปซะงั้น
   แล้วเซย์จังจารอดมะอ่า
    :sad4:  :sad4:  :sad4:




หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 05-05-2011 14:13:18
เรื่องราวความรักในครอบครัวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ เขาถึงว่ายิ่งรักมากเท่าไหร่ คนยิ่งสำคัญกับเรามากเท่าใด ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น

เฮ้อ สงสารพ่อกับแม่ สองแฝดนั่นด้วย... ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะจบลงยังไง เศร้าาาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 05-05-2011 14:39:40
ท่านชีคกับคาวี่กำลังไปได้สวย แมวน้อยขู่ฟ่อๆ ก็ยังน่ารักอยู่ดี

ปัญหาของตระกูลวาลกัสพี่ใหญ่จะไวมั้ย ซิสสู้ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: ratrirattikan ที่ 05-05-2011 14:43:07
คู่หลักน่ารัก...แต่คู่รองทำท่าจะร้าว... แง้ว!
โอ้ เพิ่งจะรู้ ท่านวางอิมเมจของท่านชีคเป็นโรเวนหรือนี่!!? เอ๋...หรือว่าเป็นพ่อของโรเวนกันคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 05-05-2011 15:57:31
เซย์จะเป็นไงบ้างเนี่ย ช้าไปก้าวเดียวจริง ๆ นะ  อเล็กซิสสู้ ๆ เหมือนคุณพ่อเค้าจะวางทุกอย่างไว้ให้ลูกชาย ทำให้ได้ล่ะ
ร็อบไม่ได้มั่วจริง ๆ    แต่ว่า หาให้ห่างหน่อยก็ดีมั้ง  ยังไงมันก็ต้องมีคิดบ้างแหละ  :o8:
คาวี่น่ารักกว่าร็อบอยู่แล้วล่ะ ร็อบมันเกินไป เปลี่ยนใจง่ายจริงๆ เหมือนกับว่าเป็นคนที่ขาดความรักไม่ได้ ต้องมีคู่ตลอดอ้ะ
พ่อแม่น่าสงสารมากเลย พี่ใหญ่น่าจะบอกเค้าไปนะว่าแมวเหมียวมาเฟียยังไม่ตาย ท่านจะได้มีกำลังใจขึ้นหน่อย  :L2:
ไอ้บริษัทฯ ที่มารับสร้างอะไรนั่นนะ น่าสงสัยนะ สงสัยว่าจะมีคนรู้จักของคาวี่มาด้วยนะสิ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นคุณอา หรือว่าพวกเรกาโซ่กันแน่
ถ้ารามิลไม่เล่นด้วย จะเดือดร้อนเจ้าชายฟาลซาลมั้ยเนี่ย  :o8:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 05-05-2011 17:25:53
เจ้าแมวน้อยขี้โมโห+หึงคาวี่ น่าัรักน่าหลงที่ซู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :laugh: :laugh:


ส่วนเรื่องครอบครัว ยังคงน่าปวดใจต่อไป  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Mileson ที่ 05-05-2011 17:29:45
คาวี่ท่าทางจะหึงโหด..น่ากลัวแทนท่านชีคซะแล้ว :m29: :m5:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: ease supsnerv ที่ 05-05-2011 18:02:01
ฮ่วย ตาเฟรดี้บ้า!! ต้นเหตุมันอยู่ที่ลุงไม่กล้ายอมรับความจริงนั่นแหละ!!  เอาเซย์ของเค้า(?)คืนมา!!!!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 05-05-2011 18:38:36
อ้าว คุณลุงร้ายตั้งแต่ต้นแล้วนี่นา
ถึงลูกชายตัวเองไม่ตาย ขึ้นเป็นบอสได้ก็ฆ่าเค้าหมดบ้านอยู่ดี

-*-

...จะว่าไป ตาอเล็กเซย์ก็เฟลตลอดจริงๆอ่ะแหละ ก๊ากก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 05-05-2011 18:57:06
  กรี๊ด  เห็นรูปแล้วแบบว่า  ซีคหล่อมากคร๊า 
  หุหุ  เปิดฉากมาก็ออกแนวหวานจนมดขึ้น  อัลซาล์ก็บรรยายซะเห็นภาพแมวขู่ฟ่อเลยแหะ 
  อ่านฉากครอบครัวแล้วก็สงสารลุงไม่น้อย   สังคมมาเฟียนี่บ้างทีก็มีกฏเกณฑ์อะไรที่เข้าใจยากเหมือนกันแหะ  สงสารเอล็กเซย์อย่าเป็นไรไปนะ   


ปล.อยากรู้จังว่าตัวละครใหม่เป็นใคร   
ปลล.รับทราบและเข้าใจบุคลิกซีคคร๊า  ชอบท่านโรเวนค่ะ  ไม่คิดว่าสองคนนี้จะมีบุุคลิกเหมือนกัน  เหอะๆ หวังว่าคงไม่มีรักเศร้าๆเหมือนกันนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 05-05-2011 19:12:50
พี่ใญ่ ช่วยทุกคนให้ได้น่ะ :z3:
เอาใจช่วยอเล็กเซย์

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 05-05-2011 19:29:32
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด




น่ารักมากกก ก กเลยยย



ต่อหน้า ชีคเป็นแมวน้อยขู่ ฟู่   แต่ถ้าเป็นคนอื่น ก็คงกลายเป็นเสือ  เตรียมจู่โจมหล่ะ




แต่สงสารพี่คนโตจิงๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 05-05-2011 19:55:41
อ่านตอนต้นๆแทบสำลักความหวานตานแล้วทำไมท้ายๆมันโคดจะเครียดแบบนี้ล่ะ  :o12:

สงสารบ้านคาวี่อ่า  :monkeysad:

รอตอนต่อไปน๊าาา

ปล.เค้าอ่านนะๆจำได้ด้วย บารามอสอ่ะ (เป็นนิยายที่แอบวายมากก)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 05-05-2011 20:25:13
เรื่องราวมันเลวร้ายไปทุกที่ แล้วแบบนี้เซย์จะปลอดภัยหรือเปล่าน่ะ คาวี่ด้วยชีคจะปกป้องได้แค่ไหน

+1 คราวหน้าขอยาว ๆ แบบนี้อีกนะสนุกมาก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: darajoy ที่ 05-05-2011 20:53:50
ลุงแก้แค้นเพื่อลูกที่ปกปิด

โอ้เรื่องราวซับซ้อนอย่างนี้

สงสารอเล็กเซย์ที่รับกรรมไปเต็มๆ แบบไม่รู้อะไรเลย

อเล็กซิสไปช่วยมาให้ได้นะ

ส่วนคาวี่น่ะฝากท่านชีคดูแล้ได้ไม่ต้องห่วงเจ้าเหมียวน้อย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Indigo ที่ 05-05-2011 20:59:22
เป็นตอนที่อารมณ์สับสนมากค่ะ เพราะอัลชาล์กับคาวี่มันหวานมากกกกกกกกกกกกก
จะสำลักความหวานตายแล้ว  ชอบมากๆ อ่านไปก็เขินงุ้งๆงิ้งๆไป :-[
แต่อเล็กซิสนี่สิ....ดราม่าเลยทีเดียว
กลัวเซย์เป็นอะไรไป  ขอให้ปลอดภัยนะลูก งื้อออออออออออ :o12:

รอตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 05-05-2011 22:56:47
อย่าพึ่งหมดกำลังใจค่ะ อเล็กซิส ทางออกย่มมีเสมอถ้าเราพยายามหา
อย่าลืมสิคะว่า ส่งใครไปหาคาวี่ มือซ้ายมือขวาเชียวนะมันต้องมีทางออกอยู่แน่ๆ สู้ๆ ค่ะ :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: pasallatel ที่ 06-05-2011 01:12:47
อยากร้องไห้ ร้องได้ไหม กดดันเหลือเกิน
ที่ร้องไม่ใช่เพราะสงสารใคร หรืออะไรเลยนะ
แต่ขอร้องให้กับความน่าสมเพชของพวกที่ได้ชื่อว่า มาฟียาที่เกรียงไกรหน่อยเถอะ
นี่เหรออำนาจที่ไขว้คว้า แล้วมีความสุขกับมันดีไหมคะ (ในเรื่องนะคะ...ออกจะอินมากมาย)
เฟรเดริโก ไม่ใช่ว่าไม่สงสารนะ แต่อยากจะบอกว่า ทำตัวเองนะ ช่วยไม่ได้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 06-05-2011 02:03:51
ท่านชีคกับคาวี  หวานไม่เกรงใจใครเลยนะะะะครับบ :-[

เเล้วอเล็กเซย์  จะเป็นไรมั๊ยนั้น  โอ้ย   :m15:

อีกฝ่ายก็หว๊านหวาน   อีกฝ่ายก็เครี๊ยดเครียด

เอ๊า....สู้ๆๆๆ   :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 06-05-2011 16:15:12
อ่านตอนแรกๆคาวี่กับท่านชีคหว๊านหวาน  :-[

แต่ไหงมาหลังๆกลับเครียดซะนี่  :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 06-05-2011 16:41:41
อเล็กซ์เซไม่เอะใจเลยใช่ป่ะถึงได้ตามออกไปง่าย ๆ อย่างนั้นน่ะ(แต่ใครจะไปคิดเนอะ)
แล้วอย่างนี้จะมีการตามตัวคาวี่กลับมาร่วมสงครามด้วยมั้ยอ่ะ...อึดอัด เครียด หวานแป๊บ ๆ กลับสู่ฟีลหลักอีกแล้ว :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 06-05-2011 19:50:43
อเล็กเซย์จะเป็นอะไรมั้ยนี่

คาลวี่กลับไปสะสางปัญหาให้ได้นะ

ทุกคนต้องไม่ตาย (อินมากกกกก)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 07-05-2011 13:17:07
ชีคกับคาวี่หวานได้อีกก แอบกลัวคุณอาจะโผล่มาตอนจู๋จี๋กันนะเนี่ย  :o8:
คนละฟีลกับฝั่งอเล็กซิสเลยค่ะ อันนั้นเครียดมากก
แต่แบบนะ อเล็กเซย์จะซวยไปไหนนั่น  :serius2: บาดเจ็บไม่ทันไรก็จะโดนฆ่าอีกซะงั้นน่ะ
อืม จะว่าไปก็พอเข้าใจอารมณ์คุณลุงนะ แบบ สูญเสียลูกชายสุดที่รักไป มันก็ต้องมีแค้นกันมั่งล่ะ
แต่ไอ้เรื่องอยากฮุบสมบัตินี่มันก็อีกเรื่องนึงนะ แง่ง  :m31:

รอต่อนะคะ
ปล. รูปคาวี่หล่อน่ารักโฮกกกก ชอบจัง  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 07-05-2011 20:09:46
ก่อนอื่นขอรายงานตัวเป็นแฟนคลับเรื่องนี้

ขอบอกเลยว่าชอบมากๆๆเลย

คาวี่  นี้ตอหลังดูน่ารัก  น่าหลงสุดๆๆเลย เป็นแมวน้อยของท่านชีค โอยย อ่านตอนล่าสุดแล้วใจละลาย

หวานมากๆๆเลย คาวี่ กับ ท่านชีค หวานซะทำเอาคนอ่านหยิบอินซูลินแทบไม่ทัน  เบาหวานจะกำเริบซะก่อน

ส่วนท่านชีค  ก็ยัีง โหด   แถมยังหื่นอีก แล้วแบบนี้ คาวี่แมวน้อยของเรา จะไปไหนรอด

ตอนแรกนี้กดดันสุดๆๆเลย ก็คิดเหมือนกันว่าจะรักกันอีท่าไหน

มาเฟีย vs ท่านชีค  พออ่านปุ๊ปรู้ทันทีปับเลย ว่าท่าไหน ที่แท้ก้อท่านี้ :oo1: :oo1: :oo1: นี่เอง :-[ :-[

ส่วน เอล็กซิส กับ เอล็กเซย์ พี่น้องคู่ อินเซ็ด   

เอล็กเซย์ นี้น่าสงสารตลอดเลย

อะไรไม่ดี ไม่ดี ก็มาลงที่ เอล็กเซย์ท่าเดียว

เอล็กเซย์นี้โดนรับกรรมตลอด 

ขอให้เอล็กซิสไปช่วยเอล็กเซย์ทันนะ





อีกคู่   โรเบริต์ กับ ราเซย์ จะไปกันรอดมั้ยนะ ยิ่งคาวีเขม่นโรเบริต์อยู่ด้วย :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ไม่่ใช่มาอกหัดดักเสียบหรอกนะ คิดแล้วเครียดแทน

เป็นเรื่องราวที่น่าสนุกประทับใจ แถมยังกดดัน อ่านแล้วอกจะหงอกออกมา

ชอบท่านชีค กับ คาวี่มากๆๆเลย

ตอนหน้าขอ ท่านชีค กับ คาวี่มากๆๆหน่อยได้ปะครับ

แล้วเรื่องราวจะเป็นไงต่อเนี่ย???

ชอบเรื่องนี้มากๆๆเลย

จะรออ่านตอนต่อไปนะครับ

ขอบคุนครับ :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: __oo__ ที่ 08-05-2011 19:18:53
ไม่อยากให้อเล็กเซตายอ่าา

ฮือออTTTTT
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 10-05-2011 05:40:56
คาวี่น่ารักจิงๆนะให้ดิ้นตายเถอะ  :o8:
ท่านชีคก็ดูเป็นคนดี๊ คนดี เวลาอยู่กะคาล รักเมีย หลงเมียหัวปักหัวปำจิงๆ
มีแอบรักมาเป็นปีเสียด้วย แหม ช่างดวงดี พระเจ้าเข้าข้าง ดรีม คัมส์ ทรู อะไรเช่นนี้
สงสารคู่แฝดอเล็กซ์ ชีวิตดูรันทดยังไงชอบกลนะคู่นี้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 11-05-2011 01:14:55
ท่านชีคกะคาวี่นี่หวานกันซะ  อิจฉาเลยอ่ะ
คนที่มาจากบริษัทที่จ้างมาจากต่างประเทศนี่
จะมีความสำคัญยังไงนะ
แล้วร๊อบจะลงเอยกับใครเอ่ย
ขอให้ซิสไปช่วยเซย์มันทีเท้ออ...
อย่าให้เซย์เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดนะ
ท่านอากะคุณมือขวาจะแฝงตัวเข้าเซเนียยายังไงน้า

เฮ้อ...มีแต่เรื่องให้ลุ้นทั้งนั้นเลย
รอลุ้นตอนต่อไปน้าาา...
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 11-05-2011 09:20:25
Line : 31  Next...

              เสียงสายลมโชยพัดและเสียงสาดซัดของคลื่นกระทบโขดหิน นกนางนวลสีขาวตัวโตบินว่อนไปทั่วหอบเอากลิ่นของทะเลเข้ามาสู่โสตประสาท เสียงกระดิ่งลมที่ทำจากเปลือกหอยดังขึ้นเบาๆประสานกับเสียงดนตรีจากแผ่นเสียงขนาดใหญ่ ในเครื่องเล่นที่มีลำโพงรูปเปลือกหอยแสนคุ้นตา...

             แสงแดดจ้าของดวงอาทิตย์สาดมากระทบดวงตาที่ยังคงทิ้งปัญหาด้านการมองเห็นไว้ไม่น้อย ทำให้อเล็กเซย์ยกมือขึ้นทาบปิดมัน ฝ่ามือของเขาข้างหนึ่งแตะลงบนพนักพิง แผ่นหลังสัมผัสหมอนนุ่มและขณะที่ขาสองข้างซึ่งเข้าเฝือกอยู่ก็วางระพื้นไม้ของเก้าอี้โยกขนาดพอตัว เส้นผมสีทองกระทบกับแสงอาทิตย์เป็นประกายระยับ ใบหน้าประดับรอยยิ้มบางๆ ราวกับไม่หยี่ระต่อบรรยากาศเครียดเคร่งของผู้เป็นลุงที่นั่งทานกาแฟอยู่ในห้องด้านหลัง

             นัยน์ตาสีฟ้ากวาดมองบริเวณสวนด้านหน้าคฤหาสถ์ มองเห็นประตูรั้วเหล็กสีดำที่ มีชายในชุดสูดสีดำยืนเฝ้า ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าทุกคนต่างก็พกปืนประจำตัวกันทั้งนั้น ลานด้านหน้ามีรถโรสลอยซ์คันโตจอดอยู่ สีเขียวสดของพรรณไม้ประจำถิ่นยืนต้นอยู่ด้านหน้าคฤหาสถ์แบบโบราณสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คฤหาสถ์สีน้ำตาลอิฐดูยิ่งใหญ่น่าเกรงขามอยู่ในที ตั้งอยู่ในหุบเขาด้านหลังเกาะซิซิลี...เกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นปราการลับของเหล่ามาเฟีย เบื้องหน้าของมันคือเกาะเล็กๆที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่หนาแน่นด้านหน้าเกาะ เพียงด้านหน้าเพราะทุกคนรู้อยู่แก่ใจ หลังไร่องุ่นและไร่มันฝรั่ง ผ่านถนนหนทางคดเคี้ยวเลี้ยวลด หลังเทือกเขาเตี้ยๆจะเป็นที่ตั้งของคฤหาสถ์ของมาเฟีย..ผู้ครอบครองพื้นที่หนึ่งในสี่ของเกาะนี้

       และตอนนี้....ร่างของชายผู้เป็นบอสของมาเฟียตระกูลวาลกัส ก็กำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่ในห้องรับแขกเบื้องหลังตนไปไม่กี่ก้าว อเล็กเซย์ยัคงยิ้มน้อยๆ นัยน์ตาจับจ้องทิวทัศน์อันสงบและสวยงามของเกาะซิซิลีไม่วางตา..

            ฝ่ามือของเขามีโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูของผู้เป็นลุง ทว่าก็ไม่ได้คิดจะกดโทรออกไปไหน และกระทั่งมีสายเรียกเข้า ปรากฏชื่อ "อเล็กซิส"เขาก็ยังไม่คิดจะกดรับมัน

     ชายหนุ่มเพียงแต่ยิ้ม แล้ววางมันลงบนขอบระเบียงกว้าง เงยหน้ารับแสงอาทิตย์อุ่นร้อนในยามบ่ายแก่ของวัน...ปลายนิ้วเคาะเก้าอี้โยกเป็นจังหวะ ใบหน้ายิ้มแย้มหากสมองครุ่นคิด...

       ...ยามที่ผู้เป็นลุงได้"เชิญ"ให้เขามาเที่ยวที่เกาะนี้ ให้มาพักผ่อนรักษาตัว ด้วยบัตรเชิญสีดำมะเมื่อมจ่อบนศรีษะ เขาทำได้แต่เพียงยิ้ม จ้องมองใบหน้าที่แสนคุ้นเคย ของเฟรเดริโก้ วาลกัส อย่างนึกสงสาร ปนสมเพชในใจ..

     "คุณอา"ของเขาได้เข้ามาพูดคุยนับแต่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน ก่อนจะไปคุยกับพี่ชายของเขาเสียอีก คุณอาได้เล่าถึงเรื่องทั้งหมดของผู้เป็นลุง..เรื่องราวของจอร์จิโอ้ เรื่องความปราถนาทั้งหมด และเรื่องความตายอันน่าเศร้านี่...

  เขาคิดไม่ผิดว่าตนเองจะเป็นเป้าหมาย และเขาก็ทำได้เพียงยิ้มรับ ไม่ตกใจอะไรเมื่อถูก"เชิญ"มาที่นี่...

         " ไม่กดรับล่ะ อเล็กเซย์ "น้ำเสียงของผู้เป็นลุงดังขึ้นเบื้องหลัง ทำให้คนฟังได้แต่ยกยิ้ม..

         " โทรศัพท์ของคุณลุงนี่ครับ..ผมไม่กล้าเสียมาารยาท " เขาออกปากตอบ แม้จะรู้อยู่แก่ใจ เหตุที่เฟรเดริโก้นำโทรศัพท์มาให้เขาถือไว้ ก็เพื่อให้เขาโทรออกไปหรือ กดรับสายและบอกให้แฝดผู้พี่มาหาตน เพื่อให้อเล็กซิสมาตกหลุมพรางที่นี่...

ฉะนั้น...ต่อให้ตกที่นั่งลำบาก เขาก็ไม่คิดจะทำ

          " เสียมารยาทอะไรกัน...เราเป็นครอบครัวเดียวกันแท้ๆ "...ครอบครัวเดียวกัน? อเล็กเซย์ยิ้มให้กับคำพูดนั้น ลุงของเขาก็เป็นเช่นนี้เสมอ วาจาเรียบง่ายไร้การปรุงแต่ง คำพูดแต่ละคำล้วนน่าฟังและออกมาจากใจจริง...แม้ความนัยของมันจะน่าสยดสยองเพียงใดก็ตาม

         " ครับ....ครอบครัวเดียวกัน...." อเล็กเซย์ยิ้ม นัยน์ตาของเขาเหลือบแลไปยังเบื้องหลังของตน ด้านซ้ายของคฤหาสถ์ที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ปลูกไว้ราวกับจะบดบังสถานที่นี่ให้พ้นจากสายตาของคนภายนอก หากแต่เขารู้ ปีกซ้ายของคฤหาสถ์...แค่เพียงเดินออกไปไม่นาน จะปรากฏสุสานขนาดเล็ก...ปกคุลมด้วยดอกกุหลาบพันเกี่ยวกับป้ายหลุมศพ พื้นหญ้าเขียวสดและดอกหญ้าเล็กๆจะปกคุลมผืนดินและปกป้องผู้ที่ทอดร่างหลับไหล...และไกลออกไปไม่เท่าไหร่ ผ่านสุสานที่เต็มไปด้วยป้ายหินสลัก สู่ทางลาดเล็กๆเป็นทางออกไปสู่ทะเล ไม่มีรั้วกัน มีเพียงพรรณไม้เขียวสดคอยป้องกันสายตาคนภายนอกเท่านั้น

...ณ...ที่แห่งนี้ เป็นที่พักผ่อนอันแสนสงบของ"ครอบครัว"ผู้ล่วงลับทุกคน

          "..จะเสียดายก็แต่....เขาไม่ได้มาที่นี่......" น้ำเสียงแผ่วค่อยของหลานชาย ทำให้ผู้ฟังเม้มปากแน่น เฟรเดริโก้กลืนน้ำลายลงคอช้าๆ กล้ำกลืนความเจ็บปวดที่แล่นวาบขึ้น ยามได้ฟังคำนั้น ด้วยรู้...ว่าผู้เป็นหลานเอ่ยถึงใคร..

เลือดเนื้อเชื้อไขของตน ผู้ไม่มีโอกาสจะรู้ด้วยซ้ำว่าใครคือบิดาที่แท้จริง ผู้ที่ไม่มีสิทธิได้ทอดร่างบนผืนดินอันงดงามนี้ ในฐานะ"คนในครอบครัว"

......."ลูกชาย" ผู้อาภัพน่าสงสารคนนั้น

         " .........."

        " น่าเสียดายนะครับ....น่าเสียดาย..." เสียงเรียกเข้าดังขึ้นมาอีกครั้ง ชื่อเดิม คนเดิมที่โทรมาทำให้อเล็กเซย์ยิ้มคล้ายขบขัน นัยน์ตาสีน้ำทะเลเหลือบแลขึ้นสบดวงตาสีเขียวของผู้เป็นลุง....ซึ่งจ้องมองโทรศัพท์เครื่องนั้นไม่วางตา

       "...เสียดายจริงๆ....ที่เขาเกิดเป็นลูกคนขี้ขลาดอย่างคุณ..."

       "อเล็กเซย์ !!!! " เสียงตวาดของผู้เป็นลุง และฝ่ามือที่จิกไหล่เขาแน่น ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก หากความเจ็บปวดที่ได้รับไม่ได้มากไปกว่าความขมปร่าที่แล่นวาบในหัวใจ...ด้วยรู้...ว่าหนทางที่ตนถูกนำพามา คืออะไร...

...เพียงเพื่อเป็นเหยื่อล่อ และท้ายที่สุด ก็สังหารให้สิ้นชีพไปจากโลกนี้

จากคนในครอบครัว ด้วยน้ำมือของ"ครอบครัวเดียวกัน "

         "....ถ้าเรารู้...ผมคงจะได้เรียกเขาว่าน้อง ถ้าเรารู้....ผมคงจะได้ร้องไห้ในงานศพของเขา ...ถ้าเรารู้ เราคงจะได้จูบลาเขาเป็นครั้งสุดท้ายที่โลงศพของเขา...และถ้าเรารู้....เราคงจะปกป้องเขา...อย่างสุดกำลัง..." คำกล่าวถึงเรื่องราวที่ผ่านผันมานั้นทำให้เฟรเดริโก้หลับตาลงอย่างรวดร้าว...กับคำที่ย้ำในจิตใจเหลือเกิน....

ถ้าเพียงแต่จะออกปากพูดออกไป

ถ้าเพียงแต่ทุกคนจะได้รู้...ถ้าเพียงแต่...จะไม่ขี้ขลาดเพียงเพราะกลัวบทลงโทษของสังคมที่หนักหนา...

...ถ้าย้อนเวลาไปได้...ตนเองคงจะได้โอบกอดร่างนั้นยามที่สิ้นหวัง จะได้ยิ้มชื่นชมและยินดีกับความสำเจ็จ..และ..จะได้ก้มลงจูบประทับลงบนฝาโลงของบุตรชาย .จะได้นำร่างของเขามาที่นี่...แทนที่จะเป็นสุสานไร้ชื่อของบรรดาลูกน้องในแกงค์....

ทุกอย่างมันถูกขีดขั้นเพียงเพราะคำว่า"ถ้า"...และคำว่า...ความกล้า เท่านั้น...

     อเล็กเซย์หรุบตาลงช้าๆ เม้มปากแน่นด้วยความปวดหนึบในหัวใจ เขาก้มตัวลงไม่ยอมทอดมองใบหน้าและแววตาอันรวดร้าวของผู้เป็นลุง ยามเขาเอ่ยถึงเรื่องนี้
         " มันเป็นเพราะพวกแก..." ฝ่ามือนั้นจิกแน่นขึ้น พร้อมกับเสียงกระซิบห้วน...หากสั่นไหว... ใจความนั้นทำให้อเล็กเซย์ยิ้ม....ยิ้มรับ

         " ครับ...เป็นเพราะพวกเรา.....เป็นเพราะผม...เป็น....เพราะทุกๆคน "

         " ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว..." น้ำเสียงของผู้เป็นลุง..ช่างรวดร้าว บาดหัวใจ

         "....คุณยังมีเรา....มีผม มีพี่ มีพ่อ แม่ มีคาร์โลและอเล็กซานดร้า รวมถึงป้าลูเซีย..." คำพูดของเขา มีเพียงเสียงหัวเราะตอบรับราวกับเยาะหยันเท่านั้น  ทว่าเขาไม่สนใจ อเล็กเซย์หันไปมองหน้าผู้เป็นลุง มองใบหน้าที่เหี่ยวย่นและทิ้งร่องรอยเหนื่อยล้าด้วยวัยที่ร่วงโรยและความรวดร้าวในหัวใจ ก่อนจะออกปากถาม

         " แต่ฆ่าเราไปแล้ว ลุงจะเหลือใคร? "

 ...ทำลายไปแล้ว จะเหลืออะไร

ฆ่าเขา ฆ่าอเล็กซิส ฆ่าคาร์โล อเล็กซานดร้า และพ่อแม่ของเขา...ทำลายคนที่ตัวเองออกปากพูดว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน....แล้วจะเหลืออะไร

         " บทเรียนจากความตายของคาวัลโล มันยังไม่เพียงพออีกหรือ? " นัยน์ตาสีน้ำทะเลปิดพับลงยามนึกถึงน้องชายผู้ล่วงลับ...เหตุเพียงเพราะ...ชีวิต ต้องแลกด้วยชีวิต...

   ก่อนจะเปิดออกมาอีกครั้งอย่างแน่แน่ว...

       " ได้แก้แค้น...ได้ความสะใจ...ได้อำนาจ ทรัพย์สมบัติเงินทอง.." น้ำเสียงของหลานชายที่นั่งอยู่เบื้องหน้านิ่งสงบ ไม่หวั่นไหว รวมทั้งดวงตาที่มองตรงมายังตน ทำให้ร่างของเฟเดริโก้ วาลกัส นิ่งงันไปด้วยควมรู้สึกหลากหลาย...โดยเฉพาะ เมื่อคำถามนั้นถูกส่งมา

         "...ได้ทุกอย่างแล้ว...จะมีความสุขรึเปล่า?"

.......................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 11-05-2011 09:23:36

          เมื่อก้าวเท้าไปยังลานด้านหน้าของวัง มองผ่านแผ่นหลังของอัลชาอ์ก็เห็นรถสามสี่คันที่จอดเรียงกันอยู่ด้านหน้า พร้อมกับร่างกลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า โดยมีสัมภาระวางไว้ใกล้ตัว ร่างของชายหนุ่มผมดำคนหนึ่งที่มีร่องรอยบาดแผลปรากฏอยุ่ไม่น้อย ทำให้คาวัลโลนึกรู้ว่าเพราะเหตุใดเจ้าชายฟาลซาอ์ถึงมีท่าทีแตกตื่นนัก  คณะของบริษัทผู้รับเหมาโครงการดินทางกันมาสี่พอดีไม่ขาดไม่เกิน บวกคนขับรถเข้าไปอีกสองเท่านั้น นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ยืนยันเจตนารมย์ของอัลชาอ์ถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญจาการจ้างงานคนมีความสามารถในวงเงินสูงลิ่ว สี่คนนี้คงเป็นวิศวะกรและสถาปนิกที่จะมาช่วยงาน นอกจากนั้นก็มีแต่คนของเซเนียยาเท่านั้นที่จะได้รับหน้าที่อื่นๆไป..

        เมื่ออัลชาอ์เดินเข้าไปต้อนรับคณะคนที่เข้ามา คาวัลโลก็ละแขนออกและหยุดฝีเท้าเพื่อให้ชีคหนุ่มเดินเยื้องน้ำหน้าไปก่อนอย่างรู้ตัว เขายิ้มให้กับแววตาหวานที่จ้องมองมา ก่อนจะมองเหตุการณ์ในฐานะที่ปรึกษาอย่างที่ตัวเองเป็น..

      ชายหนุ่มชาวยุโรปคนหนึ่งที่ท่าทางจะเป็นหัวหน้าคณะเดินเข้ามาและโค้งตัวทักทาย จากนั้นก็มีชายหนุ่มอีกสี่คนโค้งกายเคารพและจับมือแสดงไมตรีตามแบบสากล   รอยยิ้มแสดงมารยาทที่ดีและท่าทีองอาจหากแต่ก็ไม่วางตัวของอัลชาอ์ทำให้คาวัลโล อดจะยิ้มออกมาอย่างภูมิใจในตัว"ชีคของเขา"ไม่ได้ มาเฟียหนุ่มมองภาพเบื้องหน้าด้วยสีหน้ายินดี และเมื่ออัลชาอ์ออกปากเรียก เขาจึงเดินเข้าไปใกล้โดยไม่อิดออด สมทบกับรามิล ราเซย์และโรเบิร์ตที่เดินเข้ามาสมทบพอดี

       ผู้ร่วมงานต่างก็มากันครบ อัลชาอ์จึงออกปากเชื้อเชิญให้ทุกคนเข้าไปที่ห้องรับรองด้านในเพื่อนั่งลงทำความรู้จัก คาวัลโลนั่งบนเก้าอี้ใกล้ตัวอัลชาอ์ รามิล ราเซย์ และโรเบิร์ตก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาว ตามมาด้วยคนของบริษัท asc accest ทุกคน

   สรุปรายชื่อคนที่มามีทั้งหมดสี่คน รายแรกเป็น ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าคณะหน้าตาบ่งบอกว่าเป็นคนยุโรปด้วยรูปลักษณ์ ผิวขาวจัด เส้นผมน้ำตาลอมแดงและนัยน์ตาสีน้ำตาลแดง ใบหน้าคมคาย ชื่อ วิลเลียม เซนทิงตัน ตำแหน่งหัวหน้างานและวิศวะกรใหญ่

    สองคือ อิลาดอฟ  เวนโกสกี้ ตำแหน่งวิศวะกรเช่นเดียวกัน  เขาเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ เส้นผมสีบลอนด์ และนัยน์ตาสีอ่อน ใบหน้าคมคายหากนิ่งขรึม ไม่ต้องเดาจากชื่อก็บอกได้เลยว่ามีเชื้อสายยูโก สลาฟเป็นแน่

     คนที่สาม เป็นหนุ่มละตินผิวเข้ม สำเนียงสเนปนิชคุ้นหูจนไม่ต้องบอกก็รู้ชัดว่าเป็นคนประเทศเพื่อนบ้านเรือนเคียงนี่เอง ตาสีเขียว ผมสีน้ำตาลเข้ม ท่าทางใจดีและงกเง่นพอประมาณอย่างคนขาดความมั่นใจชวนให้แปลกใจนัก เจ้าตัวชื่อ แอนโตนีโอ คาริชชี่  เป็นสถาปนิกด้านบริหารโครงการ

    และคนสุดท้ายเป็นสถาปนิกออกแบบและตรวจสอบโครงการ หนุ่มเอเชีย ผิวขาวเหลืองใบหน้าเรียวดูออกหวานหน่อยๆ ที่โดดเด่นคือนัยน์ตาเรียวรีสีดำสนิทกลมใสราวกับลูกปัดรับกับปลายจมูกเล็กโด่งสัน เส้นผมสีดำสนิทยาวระต้นคอ ใบหน้ายามยิ้มออกมาดูมีสเน่ห์น่าสนใจ  ชายคนนั้นแนะนำชื่อจริงนามสกุลจริงของตนเองว่า กฤษธีร์ เกียรติธำรงค์สกุล แน่นอนว่ามันยากไปสำหรับการจดจำ รายนั้นจึงบอกให้เรียกคริสได้ตามสบาย

     ดูชายหนุ่มแต่ละคนที่มาร่วมงานแล้วคาวัลโลแทบจะผิวปากหวือ ที่อัลชาอ์ว่าบริษัทนี้มีคนหลากหลายเชื้อชาติ ท่าจะจริง

      จากนั้นรามิลในฐานะวิศวะกรที่จะมาร่วมงานด้วยก็ออกออกปากแนะนำตัว ตามด้วยราเซย์ โรเบิร์ต และตัวเขา ในชื่อคาวัลโล เตอเกียเร่ ผู้มีฐานะเป็นที่ปรึกษาของอัลชาอ์  แต่ทว่าบรรยากาศการสนทนากลับดูแปลกๆพอสมควรในสายตาของคาวัลโล แน่ล่ะว่านี่ไม่ใช่การคุยกันแบบเป็นทางการ ประเภทเซ็นสัญญาเริ่มโครงการหรืออะไรแบบนั้น แต่ท่าทางของผู้ร่วมโครงการทั้งหลายกลับแปลกไปชอบกล

        สีหน้าตึงของและรามิลและนัยน์ตาที่เหลือบแลไปยังชายหนุ่มผมดำรายนั้นน่าสงสัยและน่าสนใจพอๆกับนัยน์ตาของราเซย์ที่จับจ้อง มองไปที่ชายคนเดียวกันเขม็ง  คาวัลโลมองตามนัยน์ตาของคนทั้งคู่นั้นแล้วได้แต่ขมวดคิ้วหากความสงสัยทวีมากขึ้นเรื่อยๆ  นึกแปลกใจว่าเพราะใบหน้าเขียวช้ำจากการถูกทำร้ายมันดึงดูดความสนใจคนได้มากเป็นพิเศษงั้นหรือ แต่ทำไมนัยน์ตาของสองพี่น้องเซย์ฮามัคที่จ้องมาเขม็งนับแต่มาถึงนั้นมันเบิกโตและวาววับด้วยประกายตาแปลกๆที่มองไม่ออกว่ามันดีใจหรือไม่พอใจกันแน่

               แต่มองดีๆ เหมือนจะเป็นแววของความตกใจ และคาดไม่ถึงเสียมากกว่า  ..

    พอมองปฏิกริยาของสองพี่น้องที่ชวนคิดแล้วก็น่าสนใจจนต้องมองดูชายคนนั้นอีกครั้งว่ามีปฏิกริยาแบบไหน แต่คาวัลโลไม่พบท่าทีของความแปลกใจหรือความรู้สึกเช่นไรในดวงตาคู่นั้น ดวงตาสีดำสนิทสบตาสองพี่น้องเซฮามัคอย่างเฉยเมยเช่นการมองคนไม่รู้จัก ก่อนเจ้าตัวจะเบนสายตาไปจ้องมองนัยน์ตาสีเขียวสดของ...โรเบิร์ต...ชอว์ตัน...?

      หนุ่มชาวอังกฤษก็มองสบตาชายหนุ่มคนนั้นเฉกเช่นเดียวกัน หากแต่มันเป็นแววตาตกตะลึงที่แฝงความรวดร้าวเอาไว้อย่างปิดไม่มิด..เหมือนจะไม่สมดุลกับนัยน์ตาสีดำสนิทของคู่กรณีที่ฉาบฉายด้วยความอ่อนโยนเสียจนสังเกตได้..

....มีอะไร?

     เขาหันไปสบตาชีคหนุ่มราวกับขอความเห็น พบว่าอัลชาอ์ก็มองมาที่ตนก่อนแล้ว ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัยไม่ต่างกัน..รวมทั้งฉงนกับความเงียบที่น่าอึดอัดนี้ด้วย..

          " ผมขอถามเรื่องแบบของอาคารและส่วนอื่น...กับแปลนงานที่ได้มา.. "ในที่สุดชีคหนุ่มก็ลากบรรยากาศเข้าสู่การปรึกษาหารือ อัลชาอ์เปรยขึ้นมาพลางหยิบเอากระดาษแปลนที่ลงรายละเอียดในแฟ้มเอกสารของตนมาดู  ชัดเจนว่าเมื่อมาถึงแล้วก็เริ่มคุยงานกันเลยวิญญาณบ้างานท่าจะเข้าสิงท่านชีคอีกรอบ

         " ครับ ...และที่คอมเมนท์ขอแก้ตรงส่วนลานด้านหน้าและส่วนแปลนที่ยื่นออกมา..." ชายชื่อคริสกระแอมเบาๆแล้วเริ่มเปิดประเป๋าหยิบงานของตัวเองออกมา และจากนั้นบรรยากาศจึงเปลี่ยนจากการพูดคุยแนะนำตัวเป็นการทำงานอย่างรวดเร็ว คาวัลโลสังเกตเห็นเขานิ่วหน้าน้อยๆ คาดว่าแขนซ้ายคงจะบาดเจ็บมาบ้าง แต่ที่ไม่เห็นเพราะเสื้อเชิ๊ตสีดำที่อีกฝ่ายสวมอยู่

          " ...อืม...ขอผมพิจารณาดูแบบสักระ......." อัลชาอ์หยิบเอากระดาษในมือของคริสที่ยื่นมาให้ขยับปากกระแอมพูด แต่ทว่าร่างของจาฟาองค์รักษ์อีกนายก้าวพรวดเข้ามาในห้อง เดินเข้ามากระซิบข่าวบางอย่างแก่ชีคแห่งเซเนียยา  อัลชาอ์จึงขยับกายลุกขึ้นออกปากขอตัว " ...เชิญทุกคนพักผ่อนก่อนนะครับ  วันนี้ผมขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเย็น  "

        อัลชาอ์เดินออกไปจากห้องก่อนใครด้วยอารามรีบร้อนพอควรชวนให้คาวัลโลขมวดคิ้วงงๆ ก่อนที่บรรดาคนของบริษัท asc accest จะเริ่มหันมาคุยกันเบาๆ คาวัลโลเอื้อมมือหยิบแปลนแบบอาคารที่ถูกวางไว้ตรงหน้ามาดู เขาเลิกคิ้วมองมันอย่างสนใจ ปราดเดียวสิ่งที่ดึงดูดคือแบบลงร่างอย่างละเอียดของอาคารแบบสถาปัตยกรรมร่วมสมัยดึงเอาความโด่ดเด่นของราชวังปลายยอดแหลม และสัญลักษณ์ดาวเดือนเสี้ยวที่เป็นของศาสนาอิสลามมาดัดแปลงใส่กับอาคารแบบยุโรป สูงสี่ชั้นในพื้นที่ขนาด6400ตารางเมตร(4ไร่)และมีสวนกับลานน้ำพุด้านหน้า

         "....คุณว่าเป็นไง ? "ออกปากถามรามิลที่นั่งข้างกายและเป็นวิศวะกรผู้สร้างไปในตัว แต่กว่ารามิล เซย์ฮามัคที่นั่งจ้องหน้าชายที่ชื่อคริสคนนั้นจะรู้สึกตัวมาได้ก็ต้องสะกิดไปหลายรอบ รามิลกระแอมเบาๆแล้วหันมาก้มมองแบบอาคารในมือของเขา นัยน์ตาคนมองฉายประกายถูกใจวาบขึ้น หากก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา

         " เรื่องนี้คงต้องถามชีคล่ะครับ ว่าพอใจไหม ...แต่...ผมสงสัยอยู่อย่างว่าร่างแบบไว้เสียหรู จะมีปัญหาตอนสร้างรึเปล่า "

          "...ว่าไงครับ...คุณ.....คริส....." รามิลหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มที่นั่งเอนตัวพิงโซฟาอย่างเรื่อยเฉื่อยปัดท่าทีเป็นการเป็นงานพ้นตัวออกไปทันทีที่อัลชาอ์เดินออกไปจากห้อง นัยน์ตาเหมือนลูกปัดคู่นั้นวาววับขึ้นยามได้ยินคำถาม...เขายิ้มออกมาอย่างเรื่อยเฉื่อย...ก่อนจะยักไหล่

         "ทำงานหรือทำอะไรมันก็มีปัญหาทั้งนั้นแหละครับ ไม่อยากให้มีเรื่องปวดหัวก็มีทางออก แค่ทำคนเดียว...กับไม่ต้องทำ " สถาปนิกหนุ่มเอ่ยช้าๆ รอยยิ้มกวนโทสะประทับตรงมุมปาก ชักทำให้คาวัลโลนึกสนใจขึ้นมาอีกครั้ง...เพราะตอนนี้ในสายตาของเขา...พบแล้วว่าหมอนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่แตกต่างจากตัวเองเท่าไหร่
ประเภทที่"ภายนอก"ดูเป็นอีกอย่าง ส่วน"ภายใน"ก็เป็นซะอีกแบบ...

แถมชะรอยว่าจะเป็นปีศาจะประเภทอินคิวบัสที่ชอบล่อลวงมนุษย์เสียด้วย

          " และต่อให้มีปัญหาตอนสร้าง  วิศวะกรก็มีหน้าที่ใช้"สมอง"ที่มีอยู่ทำให้มันไปได้ราบรื่นไม่ใช่เหรอครับ  "

          " อ้อ.....วาดภาพไว้สวยหรู แต่วางวัสดุโครงสร้างไว้มั่วๆ สุดท้ายก็....ผลักภาระ " ไปกันใหญ่...คาวัลโลกรอกตาขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย ทั้งงวยงงและไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่น่าจะไม่เคยพบเจอกันถึงได้มีปฏิกริยาแบบนี้ อีกทั้งยังงง ว่าปกติรามิล เซย์ฮามัค ก็มีมิตรสัมพันธ์อยู่ในระดับใช้ได้ ถึงจะกวนประสาทไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหนา ทำไมตอนนี้ถึงได้...มารยาททรามแบบนี้กัน

แต่เอ....พอมองเห็นประกายไฟแล่นวาบๆในดวงตาของทั้งสองคนแล้ว คาวัลโลชักไม่แน่ใจว่าไอ้สองคนนี้มันไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ....จริงๆหรือ?

           ".....คุณคงลืมไปแล้วมั้ง ว่ากว่าจะได้งานนี้มีขึ้นตอนยังไง "คริสหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มประดับบนริมฝีปากไม่ได้คลายลงแม้แววตาจะฉาายความหงุดหงิด " ถึงจะต่างความเชี่ยวชาญ แต่แหม....สายงานแบบนี้ก็เกี่ยวข้องกันอยู่ดี ไม่ทราบว่าลืมหรือแกล้งลืมกันแน่ " ริมฝีปากคนพูดบิดเป็นรอยยิ้มร้าย " ถ้าทำไม่ได้ใครจะมา"โง่"ทำ ถ้าทำไม่ได้ใครจะมา"โง่"อนุมัติ และใครจะมาเลือก...ถ้าคิดว่าทำไม่ได้จริงๆ"

       .....ความนัยน์ของประโยคนั้นทำให้คาวัลโลกรอกตาแล้วเหลือบมองรามิลที่ทำท่าเหมือนมีใครเอารองเท้าบู๊ทปาใส่หน้า จะตอบก็ไม่ได้จะด่าก็เข้าตัวเอง เพราะแน่นอนว่า ไอ้ใจความหลังหมายถึงตัวมันเองที่ทู่ซี้ถามเรื่องไม่เป้นเรื่องแบบนี้ นอกจากจะโง่แล้วยังด่าเจ้านายตัวเองว่าโง่ด้วย

เอาง่ายๆคือการสงสัยในตัวของสถาปนิกนายนี้หรือวิศวะกรทั้งกลุ่ม ก็ไม่ต่างกับการดูถูกอัลชาอ์ เพราะอัลชาอ์เป็นคนเลือกพวกเขามาทำงานนี้เอง

     คิดแล้วก็มองคนพูดอย่างเริ่มจะถูกใจ....ปัดความระแวงจากรูปลักษณ์ภายนอกออกไปให้ไกลจากมอง และเมื่อนั้นถึงได้เริ่ม...สนใจขึ้นมาอย่างจริงๆจังๆ คาวัลโล มองเห็นนัยน์ตาวาววับสีดำสนิท และรอยยิ้มมุมปากบางๆ ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นอริอย่างออกนอกกหน้า เพียงแต่ประกาศศักดาให้รู้ว่าอย่าคิดว่าจะมาหาเรื่องกันได้ง่ายๆ รึอะไรแบบนั้น  หนุ่มอิตาเลียนหัวเราะหึในลำคอด้วยความถูกใจไม่น้อยเมื่อพบว่าภายใต้รูปลักษณ์ที่เหมือนจะมีดีแค่หน้าตานั้นกลับมีอะไรที่"น่าสนใจ"กว่าที่คิด  แหม ดูไปดูมาก็ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะ ว่าหมอนี่"เหมือน"กับใครบางคนเสียจริงๆ

   ร่างของกลุ่มวิศวะกรและสถาปนิกจากบริษัทasc accest ลุกจากโต๊ะและลากสัมภาระของตนตามหลังสาวใช้ไปยังห้องพักแล้ว คาวัลโลจึงได้มีโอกาสคุยกับชายหนุ่มสามคนที่ยังนั่งนิ่งเป็นพระประธานอยู่บนเก้าอี้  เขากวาดตามองทั้งสาม นับแต่ราเซย์ เซฮามัค รามิล เซฮามัค และโรเบิร์ต ชอว์ตัน ที่ต่างแสดงปฏิกริยาต่างกันไปอย่างพิจารณา นับแต่รามิลกำลังจับมือโรเบิร์ตไว้แล้วบีบแน่น สีหน้าของเขาฉายแววเคร่งเครียด ไม่ต่างจากโรเบิร์ต ชอว์ตัน ที่มีสีหน้าจืดเจื่อน ใบหน้าเริ่มซีดขาว และเขาไม่ได้ตาฝาดไปเลย ที่มองเห็นฝ่ามือของโรเบิร์ตสั่นระริกอย่างชัดเจน... และ....นัยน์ตาสีเขียวสด ที่จับจ้องไปยังโซฟา....ซึ่งเคยมีร่างของคริสเขม็ง...แม้ว่ารามิล จะคอยกุมมือไว้ แม้ว่าราเซย์จะมองไปยังโรเบิร์ตอย่างห่วงใย...ทว่าหนุ่มอังกฤษก็เหมือนจะไม่ได้ให้ความสนใจ

           " นี่...."คาวัลโลสะกิดแขนของรามิลที่ยังคงมีสีหน้าอยากฆ่าคนเบาๆ เขาพยายามซ่อนยิ้มในใบหน้าขณะที่ออกปากถาม "มีอะไร? คุณไม่พอใจที่อัลชาอ์ใช้คนของบริษัทอื่นมาจัดการแทนคุณ งั้นหรือ? "

           " เปล่า "รามิลไหวไหล่ หันมาจ้องหน้าเขาแม้นัยน์ตาจะฉายแววหงุดหงิด "ผมไม่ใช่เด็กนี่จะได้ไม่รู้เรื่อง  งานแบบนี้ทำคนเดียวได้ที่ไหน มืออาชีพน่ะมาทำงานก็ถูกแล้ว...เพียงแต่.......ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะมี"ประสิทธภาพ" ...แค่ไหน..."ว่าแล้วเจ้าคนพูดก็นิ่วหน้าแล้วพ่นลมหายใจอย่างฉุนๆ

        " อ้อ....เพียงแต่ไม่ชอบขี้หน้าคนบางคนเท่านั้น " คาวัลโลเลิกคิ้วรับคำแล้วหัวเราะเบาๆ "คุณไปหาเรื่องเขาก่อนนะ แถมผมก็ยังไม่เห็นว่าเขาจะไร้ประสิทธิภาพตรงไหน...แบบนี่เขาก็เป็นคนเขียน...สวยดีเสียด้วย..."

        " หึ....คุณไม่รู้จักหมอนั่นดีพอ..."รามิลเบ้ปาก สีหน้าเหม็นเบื่อเกินกำลัง

         " เหรอ? "คาวัลโลยิ้มมุมปาก ...ทว่า นั่นก็เหมือนเป็นสัญญาณบอกให้รามิล เซย์ฮามัคได้ทราบว่าเขาพลาดอะไรบางอย่างไปเสียแล้ว " แล้วคุณคิดว่าตัวเอง"รู้จัก"เขาดีมากพอจะพูดแบบนี้รึไง? "

         " คุณด้วย.....และคุณก็ด้วย.... "นัยน์ตาสีน้ำทะเลกวาดมองชายหนุ่มสามคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันเขม็ง คาวัลโลยิ้ม หากแต่แววตาวาววับชวนให้หนาวสันหลังวาบ

           "...ผมไม่รู้และ...ไม่สนใจ ว่าคุณ คุณ และคุณ...จะมีเรื่องอะไรกับผู้ชายคนนั้น " แววตาของคาวัลโลวาววับขึ้นด้วยความไม่พึงใจเด่นชัด ริมฝีปากของเขาขยับเสียงพูดไม่เบาเกินกระซิบ ทว่าชายหนุ่มทั้งสามคนผู้ถูกกล่าวหาก็ได้ยินชัดเจน " แต่อย่าทำตัว"โง่เง่า"แบบนี้อีก คนพวกนี้เป็นแขกของอัลชาอ์ เขามาทำงาน ไม่ได้มาทะเลากับพวกคุณเป็นการส่วนตัว งานคืองาน อย่าเอาความรู้สึกมายุ่ง หุบปากที่เอาแต่พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องของคุณซะรามิล และคุณ ราเซย์ ...คุณก็หยุดทำหน้าตาแบบนั้นแล้วเอาแต่"จ้อง"ได้แล้ว และคุณ...โรเบิร์ต ถ้าการสงบสติอารมณ์มันยากนัก ก็กลับห้องไปซะ "

            "........" ไม่มีคำตอบใดๆออกมาจากปากของชายหนุ่มผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม มีเพียงนัยน์ตาที่แลสบกันครู่หนึ่งอย่างจืดเจื่อนไม่น้อย สองพี่น้องเซฮามัคลอบถอนใจและพยักหน้ารับเงียบๆ ส่วนโรเบิร์ตก็นิ่ง หุบปากฉับ

             คาวัลโลกอดอก กวาดตามองเจ้าบ้าสามคนที่เงียบไปแล้วด้วยดวงตาขวางๆ อยากจะไล่กระทืบเจ้าคนงี่เง่าสามคนนี้นัก มาแล้วแทนที่จะเตรียมงานกันให้เรียบร้อย คุยงานกันอย่างเป็นกิจลักษณะ กลับทำท่าเหมือนเจอผีบรรพบุรุษออกมาอาละวาด เดือดร้อนให้ตัวเขาซึ่งอยู่ในหน้าที่"ที่ปรึกษา"ต้องแต่ยิ้มขัดตาทัพไว้กระทั่งพวกของบริาทนั้นทยอยกันไปพัก เนื่องจากเจ้าบ้ารามิลและพี่ชาย รวมทั้งโรเบิร์ตทำให้บรรยากาศการพุดคุยเหลวไม่เป็นท่า..

   โตแล้วยังจะไม่รู้จักเก็บอารมณ์ แก่แล้วยังจะมาทำท่าทางเหมือนเด็ก พวกบ้าสมองไม่พัฒนาเอ๊ย !

            ราเซย์ เซฮามัคและน้องชายเป็นฝ่ายหลบดวงตาวาววับของมาเฟียหนุ่มอย่างรู้ตัวดี สายลับหนุ่มที่ได้โอกาสมาอยู่ในวังชั่วคราวลอบถอนหายใจเฮือก ไม่ต่างกับวิศวะกรผู้เป็นน้องชาย รู้ดีว่าการแสดงอารมณ์แบบนี้ออกไปนอกจากจะไม่เป็นผู้ใหญ่แล้วยังจะงี่เง่า...เพียงแต่ว่า....

      นัยน์ตาของเขาหันไปจ้องมองร่างของโรเบิร์ตอีกครั้ง แม้คราวนี้แววตาของอดีตคนรักจะเริ่มสงบลง ทว่าคลื่นความปั่นป่วนในใจก็ยังไม่จางหาย

     เขารู้สึกราวกับคนที่กำลังฝันดี ถูกกระชากแรงๆให้ตกลงมาจากเตียง ราเซย์กวาดมองร่างของน้องชายและโรเบิร์ตอย่างครุ่นคิด...ฝันร้ายที่เคยเลือนหาย กำลังเข้าปกคุลมอีกครา...จากชายคนนั้น และแววตาเย้ยหยัน...เยาะเย้ย ที่แฝงอยู่ในดวงตา รอยยิ้มสดใส..ที่ฉาบทับหน้ากากของความโหดเหี้ยมไร้หัวใจเอาไว้...การก้าวเข้ามาของคนที่ไม่เคยคิดจะได้เจออีกชวนให้หวั่นใจไม่น้อย ด้วยไม่รู้ว่าคราวนี้ จะเกิดอะไรขึ้น   

.......................


     " มีปัญหา ?" ฝ่ามือไล้เส้นผมสีอ่อนเบาๆ น้ำหนักของศรีษะที่ทับบนตักของตนนั้นไม่ได้มีสักกี่มากกี่น้อย ไม่หนักเสียจนต้องผลักไสให้ไกล อัลชาอ์อดจะยิ้มออกมาบางๆไม่ได้กับใบหน้าที่นิ่วและคิ้วที่ขมวดเข้าหากันของคาวัลโล วาลกัส  ชีคหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแล้วเงี่ยหูฟัง"ที่ปรึกษา"ของตัวเองพูดเรื่องกลุ่มคนที่มารับงานเมื่อครู่

        "...ก็.....พวกคนของบริษัทนั้นไม่มีปัญหาหรอกนะ " คาวัลโลว่าแล้วยักไหล่  " แต่ปัญหามันอยู่ที่ฝั่งคนของเรานั้นแหละ...เพราะเหมือนเรื่องนี้จะไปเปิดปมปัญหาอะไรเข้า "

        "หืม? " ชีคหนุ่มขมวดคิ้ว งวยงงไม่น้อยกับคำกล่าวนั้น

        " ..ตั้งแต่คุณลุกไป " คาวัลโลอ้าเล่าเรื่องนับแต่อัลชาอ์ไปรับโทรศัพท์ เอ่ยถึงเหตุการณ์รวมๆจากการสังเกตการของตนเอง บอกเรื่องที่ท่านชีคไม่รู้หลังออกไป และก่อนที่ตัวเขาจะกลับมาคุยกับอัลชาอ์ในห้องทำงาน...เอ่อ โอเค ไม่เชิงคุยก็ได้ เพราะมันกลายเป็นการนอนตักกระหนุงกระหนิงกันมากกว่า...แต่แล้วไงล่ะ นี่มันห้องส่วนตัว ทำอะไรใครจะว่าได้ และต่อให้มีคนมาเห็นใครมันจะ"กล้า"เคือง

      " ปัญหาตอนนี้อยู่ที่รามิล ราเซย์ และโรเบิร์ต " คำพูดนั้นทำให้อัลชาอ์ขมวดคิ้วอย่างงวยงงไม่น้อย " สามคนนี้น่ะ ต้องเคยรู้จัก แถมยังเคยมีเรื่องกับสถาปนิกที่ชื่อคริสอะไรนั่นแน่ๆ "

      " คุณรู้ได้ยังไง? " อัลชาอ์ถามกลับ แม้จะรู้สึกแปลกๆกับท่าทีของสามคนนั้นอยู่ ทว่าก็ไม่ได้เห็นชัดเจนขนาดจะสรุปออกมาได้ว่าเพราะเหตุใด

       " พอคุณไป รามิลก็เริ่มปากเสีย...พูดจาหาเรื่อง " คาวัลโลบ่น " ปกติเขาไม่ใช่คนไร้มารยาทนี่...ถึงจะชอบพูดจากวนประสาทอยู่บ้าง แต่ก็ไม่น่าจะไร้สมองขนาดพูดจาหาเรื่องคนที่จะทำงานร่วมกัน..ต่อให้ไม่ชอบหน้าแค่ไหนก็เถอะ แถมราเซย์..หมอนั่นก็ด้วย ไม่พูดนะ แต่จ้องนายคริสอะไรนั่นเสียเขม็ง...แล้วยังโรเบร์ต...ไม่อยากบอกว่าหมอนี่น่ะมันบ้าสุดๆ จ้องชนิดตาไม่กระพริบ  แถมยังหน้าซีด กุมมือกับรามิลตลอดเวลายังกับกลัวคนอื่นไม่รู้ว่ากำลังคบกัน "

        คนพูดว่าแล้วทำหน้านิ่ว บ่นด้วยอารมณ์หมั่นไส้กึ่งๆไม่พอใจ ให้อัลชาอ์อดจะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ทว่าข้อมูลที่คาวัลโลว่ามา ก็ใช่จะไม่มีมูล...

      " แน่ใจว่าไม่ได้พูดเพราะไม่ชอบหน้า หมั่นไส้ หรืออะไรแบบนั้น ...? "ชีคหนุ่มเลิกคิ้วถาม " ผะ....โอ๊ย ! "

           ปลายนิ้วเรียวลูบปลายจมูกตนเองที่ถูกเจ้าของนิ้วเรียวขาวหยิกเข้าเต็มแรงด้วยสีหน้าบูดเบี้ยว ชีคหนุ่มนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดจ้องมองใบหน้าและตาวาวๆของเจ้าแมวน้อยที่ทำฤทธิ์ให้บนตัก คาวัลโลจ้องมองสีหน้าเจ็บปวดของคนรักแล้วยักไหล่อย่างไม่แยแส เห็นได้ชัดว่าในสายตาเจ้าตัว นี่คืออะไรที่"สาสม"ดีแล้ว

       " สม! ....นี่เห็นผมเป็นเด็กรึไง จะได้มาแกล้งใครเพราะไม่พอใจ...บ้า....." พูดแบบนั้น แต่คนฟังก็นึกค้านในใจว่าเจ้าตัวทำแบบนั้นไปตั้งเท่าไหร่ แต่...เพื่อความปลอดภัยของจมูกและส่วนอื่นๆของร่างกายอัลชาอ์จึงตัดสินใจจะเงียบ..แล้วฟัง

       " เจ้าสามคนนี้น่ะออกอาการแบบไม่กลัวคุณขายหน้าเอาเสียเลย ปกติไม่ใช่แบบนี้เสียหน่อย ไม่แปลกก็เกินไปแล้ว...แล้วเจ้าคนถูกจ้อง...หมอนั่นมีหน้ามายักไหล่ ยิ้มชิวๆเหมือนชินเสียเต็มประดา...โอ้ยยย แบบนี้ล่ะ มีปัญหาชัดๆ "

        " อืม..." อัลชาอ์รับฟังแล้วพยักหน้ารับ " แต่....ผู้ชายคนนั้นแค่มาแก้แบบงาน ดูแลอะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่กี่วันก็ไป"....แล้วไม่กี่วันก็คงวกลับมาอีก..
       " ถึงจะแค่ไม่กี่วันก็เถอะ " คาวัลโลบ่นงึมงัม " แต่นี่น่ะมีปัญหาแน่ๆ คอยดู.."

          และ...คำพูดนั้นก็ไม่ได้เกินจริงไปสักนิดเดียว..

     ชีคหนุ่มกวาดตามองชายหนุ่มมากหน้าหลายตนบนโต๊ะอาหารของตน เว้นแต่มาเฟียหนุ่มสุดที่รักข้างกาย และเจ้าชายฟาลซาอ์ไว้เสียสองคน นอกจากนั้น..ผู้ร่วมโต๊ะของตนต่างก็มีปฏิกริยาแปลกประหลาดกันทั้งนั้น

นับแต่รามิล เซฮามัคที่นั่งทานข้าวไป สลับกับการจ้องมองใบหน้าของ"เป้าหมาย"และหน้าของโรเบิร์ตไปพลางๆ

 ราเซย์ เซฮามัคก็อยู่ในอาการไม่ต่างกัน แม้จะสงบกว่าเล็กน้อย ทว่าความสงบนั้นกลับมีความเย็นยะเยือกแผ่ออกมาประกอบเสียด้วย

 และโรเบิร์ต ชอว์ตัน นั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง โรเบิร์ตไม่เคยกลบเกลื่อนความไม่สบายใจของตัวเองได้อยู่แล้ว และครั้งนี้ยังตามมาด้วยภาวะย้ำคิดย้ำทำที่แสนน่าปวดหัว อย่างการเขี่ยอาหารในจานของตัวเองไปมาแบบไม่คำนึงถึงมารยาทบนโต๊ะอาหารสักนิดเดียว

     และอัลชาอ์จะไม่ตำหนิผู้ร่วมโต๊ะที่มาจากบริษัท asc accest ทั้งหลายเลยที่มีท่าทีแปลกๆ ทั้งวิลเลียม เซททิงตัน ที่ยิ้มในหน้าอย่างหัวหน้าผู้พยายามสานสัมพันธ์กับผู้จ้างวานและทำงานให้ออกมาดีที่สุด อิลาดอฟ เวนโกสกี้ ที่กินข้าวเงียบๆไม่สนใจใครก็พอจะให้อภัยได้ถึงการถือคติไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่น และกับอันโตนิโอ้...หนุ่มสเปนที่เหลียวซ้ายแลขวาหลุกหลิกไปมามอง"เป้าหมาย"ของสองพี่น้องนั่นด้วยสีหน้างวยงงกึ่งสงสัยนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

...และสำหรับ"เป้าหมาย"คนสำคัญที่มาจุดชนวนเรื่องแปลกๆ นับแต่การหายตัวไป การถูกทำร้าย หรือกระทั่งการเป็นตัวเร่งปฏิกริยาประหลาดๆของสองพี่น้องเซฮามัคและอดีตคนรักของตน แม้จะนั่งอยู่ท้ายโต๊ะ...ทว่าสีหน้าระรื่นผ่องใสไม่เห็นหัวใครของชายคนนี้ก็กระแทกตาได้ไม่ต่างกัน

   ถอนหายใจเฮือกแล้วหันไปมองสบตาคนข้างกาย มองเจ้าตัวยิ้มหวานให้แว๊บหนึ่งแล้วอดจะคิดไม่ได้ว่าการทำตัว หรือกระทั่งรอยยิ้มอันไม่น่าไว้วางใจชายที่ชื่อ"คริส"คนนั้นช่างเหมือนกับใครบางคนเสียเหลือเกิน

...อย่าให้สองคนนี้ได้คุยกันหรือสนิทสนมกันจะดีที่สุด !!

    ชีคหนุ่มปฏิญาณในใจเงียบๆ เพราะลางสังหรณ์อันแม่นยำของเจ้าผู้ครองรัฐกระซิบบอกว่าถ้าเกิดสองคนนี้ได้รู้จักกันเมื่อไหร่ล่ะก็....มันคงเป็นอะไรที่น่าปวดหัวสุดจะทานทน!

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 11-05-2011 09:26:02

    เข้าไปนั่งๆนอนๆกลิ้งไปกลิ้งมาในห้องก็ไม่มีอะไรทำ หนังสือบนชั้นในห้องของอัลชาอ์เขาก็อ่านไปหมดแล้ว จะเหลือก็แต่ภาษาอารบิกที่เขาไม่เคยรู้ อยากออกไปเดินนอกวังแต่สายฝนที่ยังสาดซัดมาไม่ขาดสายก็ทำให้หมดอารมณ์จะไปตากไอเย็นให้หวัดกินเล่น คาวัลโลกลิ้งตัวไปมาแล้วกรอกตาอีกสองสามรอบด้วยความเบื่อหน่าย แม้จะดีที่ตอนนี้เขาไม่ใช่นักโทษ ไม่ใช่คนที่ต้องคิดดิ้นรนหาทางรอดของตัวเองเสียจนสมองไม่ได้พัก คิดแล้วก็ไพล่นึกไปถึงราฟาเอลดร่กับฟิลิเป้ที่คงจะกลายเป็นซากแห้งๆอยู่แถวห้องขัง มาเฟียหนุ่มถอนหายใจเฮือก ปัดเรื่องราวกวนใจทั้งหลายให้ไปพ้นสมอง ตอนนี้เขาคือคาวัลโล ที่เป็นคนรักของชีคอัลชาอ์ สิ่งที่ทำได้ก็คือหน้าที่"พยายาม"จะรัก ไม่ใช่หน้าที่สืบสวนหาความผิด หรือทำอะไรกับไอ้บ้าสองคนที่อยู่คุกใต้ดินนั่น

        สมองเริ่มว้าวุ่นขึ้นมาอีกครั้งแค่เพียงคิดถึงเรื่องราวอันน่าปวดหัวของตน มาเฟียหนุ่มถอนหายใจเฮือก ลุกพรวดขึ้นจากเตียงนอน ตัดสินใจจะออกไปเดินเตร่ข้างนอกลดอาการว้าวุ่นของตัวเอง เดินสำรวจวังของอัลชาอ์ให้ถี่ถ้วนด้วยอภิสิทธิ์พิเศษของตนเอง ยังจะดีกว่ามานอนฟุ้งซ่านแบบนี้นัก

      " เอ๋? " ร้องอุทานออกมาเบาๆเมื่อเปิดประตูห้องออกมาแล้วพบร่างขององค์รักษ์ผู้คุ้นเคยยืนอยู่ตรงนั้น...ฮาซานที่ใบหน้ายังปรากฏรอยฟกช้ำ หากแววตานิ่งๆที่สบมองมายังตัวเขาไม่ได้มีแววเคืองโกรธหรืออารมณ์รุนแรง...ทว่ากลับทำให้ความละอายใจแล่นวาบโดยอัตโนมัติ...

...พวกที่ไม่พร่ำเพ้อถึงความเจ็บปวดรวดร้าวของตัวเอง แต่ใช้ความเงียบเป็นตัวต่อสู้ แบบนี้แหละที่คาวัลโลแพ้ทางนัก..

     "...เอ้อ.....ฮาซาน เป็นไง ? "ออกปากถามอึกอักไม่น้อย คาวัลโลมองเห็นรอยฉงนในแววตาคู่นั้น ก่อนเจ้าตัวจะออกปากเรียบๆ

      " สบายดีครับ...ถ้าคุณจะถามแบบนั้นล่ะก็...." เอ่ยปากพลางถอนหายใจ ส่วนคนฟังฉีกยิ้มเหย ไม่แน่ใจว่าคำตอบนั้นถูกต้องนัก ถ้าเทียบกับ..เอ่อ....รอยแผลที่หน้า..

      " ...ฉัน....ขอโทษด้วยนะ เรื่องที่ชกหน้า..." ออกปากอึกอักด้วยความละอายไม่น้อย ส่วนผู้ฟังเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ เพียงวูบเดียวแต่ทำให้คิ้วของมาเฟียหนุ่มขมวดเข้าหากันแบบอึ้งๆ...

     " ผมไม่เป็นไร..." คาวัลโลกระพริบตาปริบๆมองหน้าฮาซานแล้วก้าวถอยหลังออกมาสสองก้าวเป็นอย่างต่ำ นึกสงสัยอย่างจริงจังว่าตอนที่เขาชกมันหัวเจ้านี่ไปกระแทกกับอะไรแข็งๆเข้ารึเปล่า ประสาทมันถึงได้พลิกกลับขนาดนี้ ก็นะ...ยิ้ม....ฮาซานมันยิ้ม!?  ยิ้มให้เขา คาวัลโล วาลกัสที่มันเคยคิดจะฆ่าเสียด้วย น่าสยองน้อยไปเสียเมื่อไหร่

       " ...ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นไปล่ะ " ไม่ถนัดต่อกรกับฮาซานเวอร์ชั่นนี้ คาวัลโลขอบอกตามตรง

       "...คุณจะออกไปไหน? " องค์รักษ์หนุ่มเอ่ยปากถาม..จ้องมองใบหน้าของมาเฟียหนุ่มเขม็ง ...นั่นทำให้คาวัลโลถอนหายใจเอือก ด้วยความโล่งใจที่สมองฮาซานเริ่มกลับมาเป็นปกติ...

       " ออกไปเดินเล่น ไม่ต้องตามนะ ไม่หนีไปไหน " ว่าแล้วก็เริ่มก้าวเท้าเดินเตร่ ไม่รอฟังคำตอบจากปากองค์รักษ์หนุ่มแต่อย่างใด แค่ทว่า ประโยคหนึ่งที่แล่นเข้าหูกลับทำให้มาเฟียหนุ่มแทบจะหน้าทิ่มพื้น

        "....ขอบคุณ..."

             หันกลับไปมองหน้าฮาซานอีกครั้งเพราะคำพูดที่น่าแปลกใจ ทว่ากลับต้องช๊อคกว่าเดิม........กับ....ร่างขององค์รักษ์หนุ่มที่คุกเข่าโค้งตัวให้อย่างนอบน้อม มือข้างหนึ่งแตะลงตรงอกซ้าย แสดงอาการ"เคารพ"นับถือมากมายแบบที่มันเคยทำกับอัลชาอ์...แต่ทว่าตอนนี้...เป็นเขา!?

          สีหน้าตกตะลึงปนกระอักระอ่วนของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้ฮาซานนึกขัน เขายืดกายลุกขึ้นอีกครั้งนัยน์ตาสีสนิมจ้องมองใบหน้าของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้า สบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ยังคงฉายแววฉงนฉงายปนตกตะลึง ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ

         " ขอบคุณ...ที่ทำให้ชีคมีความสุข..."

                นัยน์ตาสีน้ำทะเลกระพริบช้าๆ คาวัลโลจ้องมองร่างของฮาซาน องค์รักษ์หนุ่มผู้เอ่ยขอบคุณตนเองแล้วจึงหันกลับไปยืนเฝ้าหน้าห้องนอนของอัลชาอ์ทั้งที่ไม่มีใครอยู่อีกครั้ง...มาเฟียหนุ่มรู้สึกมือเย็นวาบ ไม่ใช่ด้วยความกลัว แต่เป็นความตกตะลึงกึ่งซาบซึ้ง...ไม่ใช่เพราะอัปกริยาที่คนๆนี้แสดงต่อเขา ทว่าเป็นเพราะ ...ความจงรักภักดี และความหวังดีที่มีต่ออัลชาอ์อย่างไม่มีที่สิ้นสุดของคนๆนี้ต่างหาก...

            หมุนตัวเดินออกมาเพื่อจะ"เดินเล่น"ตามที่ปากบอกเอาไว้ แต่สมองของคาวัลโลก็ยังเฝ้าคิดถึงท่าทางของฮาซานซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า...

สำหรับโลกที่เขาจากมา ...ลูกน้อง คือคนในปกครอง คือคนที่เป็นดังครอบครัวก็จริง ทว่า...มันก็ยังมีค่าเป็นเพียงลูกน้อง คนในแกงค์...ที่ปกครองกันด้วยเม็ดเงิน...

และเขาคิดว่า สำหรับลูกน้อง สำหรับคนของตน สิ่งที่"สำคัญ"ต่อพวกมันมากที่สุดก็คงไม่พ้นเงินที่ตัวเขามี มีมากเท่าไหร่ และให้พวกมันได้มากแค่ไหน  มันก็จะจงรักภักดีและยอมอยู่ด้วยอย่างพึงใจ

แต่..กับที่นี่.....มันไม่ใช่

กับคนของอัลชาอ์ กับองครักษ์ข้างกาย "เงิน"ไม่ได้มีความหมายมากขนาดนั้น

ความซื่อสัตย์และจงรักภักดี ยังน้อยไปสำหรับสิ่งที่มอบให้อัลชาอ์....อัลชาอ์ที่เป็นที่รักของบรรดาคนรอบกายได้ขนาดนี้

ดูต่างกับเขาที่มีมิตร หากรอบกายก็มีศัตรูกลาดเกลื่อน วันๆเอาแต่คิดวางแผนมุ่งร้าย เอาแต่คอยคิดจะหาทางล้มล้าง จัดการคู่ต่อสู้ ฟาดฟันให้มันตายกันไปข้าง

กับประเทศที่เขาคิดว่าล้าสมัย จารีตประเพณีที่คร่ำครึโบราณ...หากทว่า ใจของคนที่นี่กลับสูงค่า มากล้นด้วยสิ่งที่ซื้อไม่ได้ด้วยเงิน

แตกต่างมากมายกับสิ่งที่เคยอยู่ในมือของเขา แตกต่างกับเศษเงินโชกเลือดที่แลกมาด้วยน้ำตา เลือดและชีวิตของคนมากมายหลายคน สำหรับตัวเขาที่ช้"เงิน"เพื่อให้ตนเป็นที่รักของลูกน้อง ช่างแตกต่างกับอัลชาอ์ที่ใช้"ใจ"ผูกมัดให้คนเหล่านี้รักใคร่บูชามากมายนัก

เคยไม่เข้าใจว่าเหตุใดฮาซานถึงได้เป็นเดือดเป็นแค้นแทนอัลชาอ์มากมาย ไม่เข้าใจว่าแค่เพราะ"เสียเกียรติ" เหตุผลเท่านี้ฮาซานถึงคิดจะฆ่าเขา ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยอมทุ่มเทเสียจนตัวตายขนาดนั้น..

กระทั่งยอมรับ...ความรักที่ผิดหลักศาสนาของผู้เป็นนาย และกระทั่งตอนนี้ ที่เจ้าตัวคุกเข่า เอ่ยปากขอบคุณตัวเขาที่รับรักอัลชาอ์ ทั้งที่เคยต่อต้านและชิงชังตัวเขานัก...

   ...มาเฟียหนุ่มหรุบตาลงช้าๆ นัยน์ตาสีน้ำทะเลทอดมองไปยังดวงดาวที่ส่องแสงริบหรี่บนฟากฟ้าหม่น...บอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกเช่นไร...หากแต่อย่างหนึ่งที่เขารู้ คือยินดีและเต็มตื้นในหัวใจเสียเหลือเกินกับความจงรักภักดีที่อัลชาอ์ได้รับจากคนรอบกาย..

        "อะ....." ร่างของผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมอยู่ใกล้ระเบียง แสงไฟจากทางเดินสอดส่องให้เห็นเงาร่างที่ไม่เคยคุ้นและเส้นผมสีดำสนิท คาวัลโลขมวดคิ้ว จ้องมองแผ่นหลังของชายหนุ่มคนนั้นอย่างสงกา แต่อีกวินาทีหนึ่งเขาก็นึกได้ทันทีว่านี่เป็นใคร เมื่อได้มองเห็นดินสอและแผ่นกระดาษในมือของชายคนนั้น

       "  คุณ....คริส ? " เอ่ยปากทัก ทำให้ใบหน้าของชายคนนั้นหันมามอง นัยน์ตาเหมือนลูกปัดนั้นฉายแววสงสัยเพียงชั่วครู่ก่อนจะยิ้มให้เขาบางๆ....บ้าชะมัด...คาวัลโลนึกบ่นในใจ เขาแพ้รอยยิ้มแบบหมอนี่...

        "ครับ...คุณ...คาวัลโลใช่ไหม? สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้ว " ชายคนนั้นหันมามองหน้า เอ่ยปากทายทัก

        " คุณมาทำอะไรที่นี่? " คาวัลโลออกปากถาม เพราะระเบียงชั้นสองนี่ไม่ห่างจากห้องทำงานของอัลชาอ์มากนัก แม้จะมีคนเฝ้าอยู่และที่ตรงนี้จะมองเห็นวิวสวยๆชัดเจนก็เถอะ...แต่ก็ไม่น่าจะมาเพ่นพ่าน

        " อ้อ.....ผมเพิ่งไปคุยกับท่านชีคมา เรื่องแก้แปลนแบบนิดหน่อย เดินผ่านตรงนี้เห็นมัสยิดตรงนั้นสวยมาก...เลยกะจะเอามาเป็นแบบเสียหน่อย " ดินสอในมือของชายคนนั้นชี้ไปยังมัสยิดขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ในเวลาค่ำคืนนั้นยังเป็นจุดเด่นด้วยแสงไฟที่สาดส่องด้วยถุกติดตรงปลายยอดแหลม

          " ส่วนหลังคาของผมมันดูเป็นเอกภาพมากไป ต้องเพิ่มความนุ่มนวลเบรกความเเข็ง อีกอย่างวัสดุและสีสันของ $^#E*%$E%*T{**#$ .." แค่ออกปากถาม หมอนี่ก็พล่ามมาเป็นคุ้งเป็นแคว แถมด้วยศัพท์แสงเฉพาะทางชวนให้ปวดหัวไปใหญ่ แต่ด้วยมารยาทจึงจำต้องยืนฟังทั้งที่ไม่รู้เรื่องและอยากไปไกลๆแค่ไหน  อีกอย่าง ดูสีหน้ามีความสุขนักหนาเวลาพูดถึงงานของตัวเองแล้วจะทำเดินหนีก็ทำไม่ลง..

          " อ้อ...นี่คุณทำงานที่นี่มานานแค่ไหนแล้วล่ะ ? " ผ่านห้านาทีแห่งความมึนงงและไม่เข้าใจ ที่สุดเหมือนว่าชายชื่อคริสคนนี้จะนึกพูดเรื่องอื่นได้เสียที ร่างเพรียวในชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาวและกางเกงแสลคสีดำเรียบๆลุกจากเก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียวแล้วเอนกายพิงระเบียง นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองเขาด้วยความสนใจแล้วฉีกยิ้มกว้าง....อีกรอบ

          " ก็ไม่นานหรอกครับ " ชิ ...บ้าเอ๊ย...หมอนี่มันไปฝึกยิ้มมาจากที่ไหน

           " เหรอครับ..จะขอให้พาเที่ยวเมืองเสียหน่อย ที่นี่น่าสนใจดี " ดินสอในมือถูกสอดเก็บไว้ในกางเกง ขณะที่กระดาษถูกม้วนเก็บ ท่าทางของคนพูดสบายๆขณะที่กวาดตามองทิวทัศน์โดยรอบ

          " อืม...เหมือนอีกโลกนึงเลยใช่มั้ยล่ะ ...ไม่ค่อยมี...เอ.... คุณเป็นคนประเทศไหนเหรอ?จีนรึเปล่า? " จะพูดว่าไม่ค่อยมีที่ไหนสงบและไร้ความวุ่นวายอย่างที่นี่เสียเท่าไหร่ แต่ก็นึกได้ว่าชายคนนี้เป็นคนเอเชีย ไอ้ตาเล็กๆกับสีผิวและสีผมแบบนั้น จะเคยเห็นก็แค่คนจีนที่อยู่ในไชน่าทาวน์ของอิตาลี และตามที่เขารู้ คนเอเชียยังไปไหนมาไหนด้วยช้างด้วยม้ากันอยู่นี่...เอ๊ะ...หรือไม่ใช่?

          " มีแต่คนพูดแบบนั้นนะ.."คริสว่าด้วยสีหน้าเหนื่อยหย่าย " ผมไม่ใช่คนจีน ถึงจะมีเชื้อสายจีนก็เถอะ ผมมาจาก...อืม...ไทยแลนด์ รู้จักไหม?" คริสเอ่ยปาก พลางยิ้มร่าอีกครั้ง...

           " เอ๋ ไต้หวัน?(Taiwan) " คาวัลโลเอ่ยถึงอีกประเทศที่เขาก็เคยได้ติดต่อกับพรรคพวกในประเทศนี้อยู่บ้าง

           " ไม่ช่ายยยยยยย "สีหน้าจากที่เคยยิ้มร่าเปลี่ยนเป็นเหยเกอย่างรวดเร็ว " ไม่ใช่ Tai-wan แต่เป็น Thai Land ..T-h-a-i.. ! " เหมือนคนพูดจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ถูกเข้าใจผิด แต่คาวัลโลก็ไม่ว่าหรอก เพราะคงไม่มีใครชอบ อย่างถ้ามีคนเข้าใจว่าอิตาลีเป็นสวีเดนเขาก็คงโมโหเหมือนกัน

           "....เอ้อ....งั้นเหรอครับ...." ได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้ารับ แม้จะไม่รู้จักไอ้ประเทศนี้เลยก็เถอะ แหม ในโลกนี้มีเป็นร้อยห้าหกสิบกว่าประเทศ รุ้จักได้ห้าหกสิบประเทศก็ดีถมเถ แถมประเทศแถบเอเชียน่ะเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ วัฒนธรรม อาหารการกินน่าสนใจอยู่  แต่หน้าตาคนแถวนั้น เหมือนกันไปซะหมด
...และเอาจริงๆ แถวนั้นเขารู้จักแค่จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง กับไต้หวันเท่านั้นล่ะ

 ไอ้ประเทศ Taiwan เอ๊ย Thailand นี่....มันอยู่ที่ไหนว่ะ !

             " อืม...." คนพูดบุ่ยปากนิดๆท่าทางจะรู้ทันเขาอยู่ไม่น้อยว่าไม่รู้จักบ้านเกิดตัวเอง แต่สุดท้ายก็ยักไหล่ ด้วยท่าทางไม่แยแส  " ช่างเถอะครับ ก็เรื่องปกติล่ะนะ ประเทศผมไม่ค่อยมีคนรู้จัก ถึงรู้จักก็จะมีพวกบ้าคิดว่าตอนนี้เรายังไม่มีไฟฟ้ากับประปาใช้ และอยู่ในถ้ำแถมยังขี่ช้างไปไหนต่อไหน....งี่เง่าจริงๆ ไม่คิดเสียบ้างว่านี่มันยุคไหน "

          " ฮ่าๆ   " ได้แต่หัวเราะรับ เพราะคาวัลโลกำลังจะอ้าปากถามอยู่พอดี ว่าแถวบ้านมีไฟใช้รึเปล่า..อะไรแบบนั้น

           "...จริงสิ....คุณคงมีเรื่องถามผม..." รอยยิ้มของคนพูดลดองศาลงและจ้องมองดวงตาของตนตรงๆ นั่นทำให้คาวัลโลหัวเราะรับบ้าง เมื่อถูกรู้ทัน

..ว่าแล้วเชียวว่าหมอนี่เป็นประเภทไม่ธรรมดาจริงๆเสียด้วย

           " อืม....แล้วคำตอบล่ะครับ " คาวัลโลจ้องตอบ มองใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นเฉยเมย ต่างกับรอยยิ้มกว้างเมื่อครู่ราวกับคนละคนแล้วอดจะขมวดคิ้วน้อยๆไม่ได้

          " เรื่องมันนานมาแล้ว...ขออนุญาติไม่เล่า แต่ผมจะไม่ให้มีผลกระทบกับงาน..." น้ำเสียงเรียบเรื่อยออกมาจากริมฝีปากสีจาง "ผมก็ไม่คิดหรอกนะ ว่าจะได้มาเจอกันอีก...บางครั้งโชคชะตานี่มัน....ช่างร้ายกาจ..."

ว่าแล้วคริสก็หัวเราะเบาๆ...นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นฉายแววครุ่นคิด...เสหลบนัยน์ตาสีน้ำทะเลไปยังฟากฟ้าสีหม่นแเทน

           " แต่ช่างเถอะครับ...ผมจบแล้ว ใครจะทำบ้าอะไรอีกก็เชิญ ไม่ขอยุ่งด้วย....." นัยน์ตาคู่นั้นหรี่ลงเล้กน้อย ก่อนจะตวัดมองไปยังด้านหลัง ประกายความเย็นชาที่วาบขึ้นเป็นผลให้ใบหน้าออกวานนั้นเคร่งขรึม "....ชัดเจนนะครับ...รับรู้เอาไว้ซะ.. "

     คาวัลโลเลิกคิ้วมองร่างของรามิล และ ราเซย์ เซฮามัคที่ปรากฏตัวอยู่ไม่ไกล ก่อนจะหันไปมองนัยน์ตาสีดำสนิทที่เย็นยะเยียบ...กร้าวเเข็ง

...ไม่ต่างกับแววตาของสองพี่น้องเซฮามัคสักเท่าไหร่นัก

             " หืม......ยังไงก็เคยรู้จักกัน.. " คาวัลโลเลิกคิ้ว สบมองนัยน์ตาคู่นั้น อย่างยั่วล้ออยู่ในที ชักจะสนุก...กับการยั่วโมโหชายตรงหน้าและสองพี่น้องเซฮามัคขึ้นมาเสียแล้ว

              "...อย่าดีกว่าครับ....แล้วคุณ...อย่ามายิ้มหวานใส่กันเสียให้ยาก..ผมไม่อยากถูกจับขังคุกหรอกนะ.. " วาจานั้นทำให้คนฟังชะงัก มองรอยยิ้มแสนจะ"รุ้ทัน"ของหนุ่มเอเชียตรงหน้าแล้วนึกบ่นในใจที่ตัวเองแสดงออกมากไปหน่อย ก่อนที่คาวัลโลจะชะงักกับร่างของท่านชีคแห่งเซเนียยาที่ปรากฏตัวขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ และกำลังจ้องมองเขาด้วยแววตา...เอ่อ   กรุ่นๆ

              " เฮ้อ.......ไปก่อนนะคุณคาวัลโล อยากไปพักเสียที ....ยินดีที่ได้คุยกันนะครับ...ท่านชีคด้วย ไว้พรุ่งนั้จะเอาแบบมาเสนอครับผม.. " เมื่อหันกลับมามองหน้าเขา ใบหน้าคมนั้นก็ยิ้มสดใสให้ ...และยังเป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนได้รับแสบตาเช่นเดิม เจ้าตัวออกปากบอกลากับเขา แล้วหันไปโค้งตัวให้อัลชาอ์ที่เดินมาใกล้ ประสานมือเข้าที่ศรีษะแล้วผิวปากเป็นทำนองเพลงอันไม่คุ้นหู ก้าวเท้าเดินเตร่ไปยังห้องพักของตัวเองด้วยท่าทีเริงรื่น ราวกับบรรยากาศเครียดขึงเมื่อครู่เป็นเรื่องโกหก..

และแน่นอน....เมินเฉยสองพี่น้องเซฮามัคที่ยืนอยู่หลังอัลชาอ์ประหนึ่งธาตุอากาศโดยสิ้นเชิง

               "  ............" ฝ่ามือหนาวางหมับเข้าที่ไหล่ ทำให้มาเฟียหนุ่มยิ้มขัดตาทัพไว้ก่อน แต่แววขุ่นในดวงตาของอัลชาอ์ก็ยังไม่หายไป..อดจะถอนหายใจกับความขี้หึงขี้หวงของอัลชาอ์ไม่ได้ แต่ที่น่าสนใจกว่าก็คือสองพี่น้องเซฮามัคที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นมากกว่า

              "... ยังข้องใจอยู่งั้นเหรอครับ? " เลิกคิ้วถามราเซย์ที่ยังคงนิ่ง ชายหนุ่มหันมามองหน้าเขา แล้วถอนหายใจเฮือก

               " หมอนั่นมันอันตราย อย่าไปสนิทกันให้มาก "

               " เห...? คุณคิดว่าเตือนใครอยู่? "คาวัลโลเลิกคิ้ว ดูจากลักษณะท่าทาง อย่างมากคริสก็ทำได้แค่ชกต่อย ไม่มีอะไรมากกว่านั้นและกับเขาที่เป็นมาเฟียจะกลัวอะไรกันเล่า  " และที่สำคัญ...สงบสติอารมณ์ของตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ "

               "...คาล มาคุยกับผมดีกว่ามา "อัลชาอ์ถอนใจแล้วเอื้อมมือมากุมมือของเขาไว้ ทำให้คาวัลโลเลิกคิ้วด้วยความงวยงงกึ่งสงสัย

               " เรื่องสำคัญครับ.." รอยยิ้มของชีคหนุ่มแฝงแววหนักใจไม่น้อย ทำให้คนฟังเลิกคิ้ว คาวัลโลพยักหน้ารับในที่สุด และปล่อยให้สองพี่น้องเซฮามัคยืนทำหน้าเครียดอยู่แถวๆระเบียงนั้นอย่างไม่คิดจะสนใจอีก..

...คนเขาไม่คิดจะเล่นด้วยแล้ว จะทำตัวไร้สมอง ตามทะเลาะกันอีกก็ตามใจ !

.................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 11-05-2011 09:28:12

      ริมฝีปากแดงจัดและเปียกชื้นเห่อร้อนด้วยจูบแสนดุเดือดที่เพิ่งผ่านพ้น เสียงหอบหายใจเบาๆดังขึ้นภายในห้องนอนขนาดใหญ่ของชีคแห่งเซเนียยา ร่างของมาเฟียหนุ่มนอนแผ่อยู่บนเตียงหนา แขนข้างหนึ่งตวัดกอดลำคอหนาของชีคหนุ่มไว้แล้วยิ้มยียวนให้กับแววตาที่ยังคงแสดงความไม่พอใจ คาวัลโลหัวเราะเบาๆในลำคอ ท่อนขาที่ตวัดรัดบั้นเอวหนาละออกแล้วใช้ปลายเท้าทาบบนขาของอัลชาอ์ ออกแรงผลักไม่มากนัก ร่างกำยำของชีคหนุ่มก็เป็นฝ่ายนอนแผ่หราบนเตียง โดยมีตัวเขาปีนขึ้นมาทาบทับบนกายอย่างรวดเร็ว..

        " ...ขี้หึง...." คาวัลโลลากปลายนิ้วไล้เล่นแผ่นอกหนาภายใต้โธปสีขาวอย่าวยั่วเย้า นัยน์ตาพราวระยับขบขัน

        "..... "ท่านชีคแห่งเซเนียยาไม่พุดอะไร หากแต่เบือนหน้าหนีด้วยแววตาขุ่นๆ ชวนให้ความหงุดหงิดแล่นวูบ

        " นี่...อย่ามางี่เง่านะอัลชาอ์ " ตวัดฝ่ามือใส่แผ่นอกของชีคหนุ่มทีหนึ่งให้พอแสบๆคันๆ อย่างหมั่นไส้ คนบ้าอะไรหึงไม่รู้จักกาละเทศะ แค่ไปคุยกับคนอื่นยังมาหน้าบึ้งไม่พอใจ แล้วมาว่าเขาขี้หึง ชะ มิสเตอร์อัลชาอ์ มองตัวเองเสียหน่อยปะไร

         " ...ไม่ใช่....เขาคนนั้นไม่น่าไว้ใจ " อัลชาอ์กำรวบฝ่ามือเจ้าเหมียวจอมอาละวาดไว้ นัยน์ตาสีเข้มสบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลอย่างเคร่งขรึม สบมองให้รู้ว่าเขาพูดจริง..

         " อีกแล้ว...คุณห่วงอะไรนักล่ะ...หมอนั่นก็แค่คนธรรมดา " คาวัลโลถอนหายใจกับคำพูดที่ได้ยินมาเป็นรอบที่สองของวัน ถึงอันตรายจากผู้ชายที่นอกจากจะมีดีแต่คำพูดกับท่าทางแล้วไม่เห็นจะพิเศษอะไรตรงไหน

         "...ไม่ใช่แค่นั้นสิ คาวัลโล "อัลชาอ์ถอนหายใจพรู ก่อนจะยันกายขึ้นมาเอนตัวพิงพนักหัวเตียง โดยมีเจ้าเหมียวตัวแสบนั่งบนบั้นเอวไม่ยอมลุกไปไหน

         " คร้าบๆ เขามีอะไร เป็นนักฆ่าเหรอ? มือปืน ? เป็นCAI  FBI  อินเตอร์โปล รึว่าเจมส์ บอ...." กำลังอ้าปากสาธยายรายชื่อบรรดาองค์กรที่ใครเขาว่ากันว่าน่าเกรงขามอย่างเพลินปาก อัลชาอ์ก็ยกมือตะครุบปากของเขาไว้ ทำเสียงชี่แล้วจ้องตาเขม็ง...

          ก็ได้ๆ...คราวนี้ยอมเงียบ คาวัลโลยกมือสองข้างขึ้นเสมอไหล่อย่างบอกว่ายอมแพ้ เปิดโอกาศให้ท่านชีคแห่งเซเนียยาคว้าเอวเขาไว้แล้วเหวี่ยงให้นอนเเอ้งแม้งบนเตียงอีกตุ๊บ....

          " สักรอบก่อนมั๊ยครับ หา? แล้วค่อยคุยกัน " คาวัลโลกรอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย กับบทสนทนาที่ไม่ถึงไหนเสียทีด้วยมัวแต่ลากกันไปคว้ากันมาแบบนี้ บางทีถ้าลองออกกำลังกายด้วยกันสักยก อาจจะคุยกันรู้เรื่องก็ได้ เพราะไหนๆก็มานอนกลิ้งคุยกันบนเตียงแล้วทั้งที

           "...หึ....ก็อยากอยู่หรอก แต่เดี๋ยวก่อนก็ได้ "คำพูดนั้นทำให้คนฟังแยกเขี้ยวรับ อัลชาอ์เอื้อมมือไปคว้าเอวเจ้าคนพูดแล้วส่งจูบเบาๆไปที่ริมฝีปากแดงจัด
 
           " ตอนนี้....ฟาติมะห์หายตัวไป " หือ? ข่าวที่นอกจากคาดไม่ถึงแล้วยังทำให้คิดว่าเกี่ยวอะไรกับเรื่องคนน่าสงสัยด้วยโผล่ขึ้นมาจากปากอัลชาอ์ ทำให้หัวคิ้วคนฟังขมวดมุ่น คาวัลโลจ้องหน้าคนพูด ก่อนจะพยักหน้ารับ

            " ครับ...แล้วเขาหายไปไหน? " ถึงจะรำคาญและไม่อยากจะสนใจ ทว่า...ยังไงฟาติมะห์ก็เป็นญาติของอัลชาอ์... เป็นแฟนสาว(มั้ง)ของอัลชาอ์ และเป็นคนที่เคยพยายามฆ่าเขาด้วย...อืม พอคิดมาถึงตรงนี้ จะหายๆไปก็ดีแล้วนี่.. เพราะถึงแม่คุณจะไม่หายไป ถ้ามาแถวนี้ คาวัลโลก็จะหาทาง"เชือด"ให้หมดเสี้ยนหนามไปเองนั่นล่ะ

           อะไรนะ ว่าเขาโหดเหรอ ขอโทษนะครับ บอกแล้วว่านิสัยน่ารักแสนดี = อัลชาอ์เท่านั้น ส่วนคนอื่นเหมือนเดิม และอาจร้ายกว่าเดิมสำหรับพวก ก้างขวางคอ อย่างเช่น คู่หมั้น แฟนเก่า หรือสาวๆหนุ่มๆหน้าไหน

             "...ทำหน้าแบบนั้น ดีใจอยู่รึไง? "ถึงจะเครียดไม่น้อยแต่อัลชาอ์ก็อดจะขำกับสีหน้าสะอกสะใจของมาเฟียหนุ่มไม่ได้ " แล้วรู้ไหม ก่อนที่เขาจะหายตัวไป มีอะไรเกิดขึ้น "

             " ..........." คาวัลโลเอียงคอมองคนพูดอย่างงวยงงไม่น้อย สมองก็ไพล่คิดสะระตะถึงเหตุการณ์ที่จะทำให้คนๆนึงอยากหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย.. ประเภทว่าบ้านโดนเผา ทรัพย์สมบัติโดนยึด  โดนลากไปรุมโทรม หรือแฟนหนุ่มพาผู้ชายเข้าบ้าน...เอ๊ะ...?

              "....ใช่.....ข่าวลือเรื่องผมกับคุณ "  อัลชาอ์พยักหน้ารับ เอ่ยปากกับมาเฟียหนุ่มด้วยสีหน้าขรึม  " ผมได้รับรายงาน...ว่าตอนนี้ข่าวเรื่องผมกับคุณแพร่กระจายไปทั่ว...และมันยิ่งโหมทวีขึ้นเมื่อฟาติมะห์หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย บ้างก็ว่าผมสั่งกำจัดเธอ บ้างก็ว่าเธออับอายที่คนรักกลายเป็นแบบนี้ถึงได้หนีไป บ้างก็ว่าเธอเสียใจจนฆ่าตัวตาย....สารพัด "

               ".........." คาวัลโลขมวดคิ้วแล้วหันไปจ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่มอย่างเคร่งเครียดไม่น้อย ยิ่งสบมองเห็นรอยกังวลในใบหน้านั้นแล้วยิ่งชวนให้ใจหาย รู้ชัดว่าสาเหตุของรอยขุ่นในดวงตาของอัลชาอ์ไม่ใช่เพียงเพราะความหึงหวงที่เขากล่าวหาว่าไร้สาระ แต่เป็นเพราะความไม่สบายใจในเรื่องนี้ต่างหาก

             ".. ผมกำลังตามหาเธอออยู่ ว่าหายตัวไปที่ไหน แต่ตอนนี้คงต้องบอกได้ว่าแผนการณ์ของ"พวกมัน"กำลังไปได้สวย " ฝ่ามือหนาไล้เส้นผมนุ่มเบาๆอย่างรักใคร่ นัยน์ตาของคนพูดฉายแววเครียดเคร่งไม่น้อย นั่นทำให้คาวัลโลเม้มปากแน่น..

ใช่ แผนการณ์ หากจะกล่าวว่านี่ถือ "แผน"ที่จะค่อยๆหั่นขาเก้าอี้บัลลังค์ของอัลชาอ์

...ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะผู้ปกครอง ด้วยการกุข่าว...ไม่สิ ด้วยการเผยเรื่องของเขากับอัลชาอ์ ที่ตอนนี้ไม่มีโอกาสแก้ตัวว่ามันไม่จริงเสียแล้ว

เขาเคยพูดไว้ในยามที่พบกับอัลาอ์ครั้งแรก ถึงแผนการณ์ แผนที่จะทำลายพวกเขาทั้งคู่ 

    เมื่อแผนหลอกให้เขาและอัลชาอ์ทำร้ายกันไม่เป็นผล เมื่อผลปรากฏว่าอัลชาอ์กับเขาหันกลับมาร่วมมือกัน พวกมันก็เปลี่ยนแผนการณ์ ใช้เรื่องความสัมพันธ์นี้มาสร้างกระแสต่อต้าน..

    กับประเทศมุสลิมที่ขนบธรรมเนียมปฏิบัติเคร่งครัดและมีมายาวนาน การแหวกกฏเกณฑ์และประเพณีของอัลชาอ์ ไม่ต่างกับการฆ่าตัวตาย
และยิ่งเมื่อฟาติมะห์หายตัวไปด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการโหมข่าวให้กระพือ

             " มีคนจับเธอไปเหรอ? "ถึงไม่ชอบหน้าฟาติมะห์เท่าไหร่(แน่นอนจะใครชอบคนที่วางแผนฆ่า เขาไม่ใช่คนบ้านี่จะได้ไม่รู้สึกรู้สา) ทว่าตอนนี้ การมีเธออยู่ ถือเป็นทางออกที่ดีสำหรับอัลชาอ์

             " ผมกำลังสืบข่าวอยู่...และ...." อัลชาอ์ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างหน่ายเหนื่อย "ตอนนี้มีข่าวที่แย่กว่านั้นมาบอกคุณ...คาวัลโลที่รัก เพราะตอนนี้ กำลังมีสายลับและพวกต่างชาติเข้ามาแทรกซึม ก่อความปั่นป่วนที่นี่.."

             "....พวกเรกาโซ่หรือ? "คาวัลโลจ้องหน้าอัลชาอ์ เอ่ยถามเพราะหากเอ่ยถึงกองกำลังพวกต่างชาติแล้ว การที่จะมีคนเข้าตามตัวฟิลิเป้และราฟาเอลโร่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย..

และ..หากมีการปลุกปั่นมวลชนขึ้นมาจริงๆ อาจจะเกิดการประท้วงขึ้นมาก็ได้

มันประจวบเหมาะกันกับ....

              " หรือว่า...พวกนั้น....." คาวัลโลจ้องหน้าอัลชาอ์อย่างตกตะลึงไม่น้อย เขาเม้มปากแน่นเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าให้...

พวกเรกาโซ่...ร่วมมือกับคนที่นี่ คนที่ต้องการบัลลังค์ของอัลชาอ์นักหนา

...อธิบายได้ถึงกลุ่มมาเฟียที่เข้าร่วมมือกับคนของฝ่ายนั้น ตามข่าวที่เขาทราบจากปากนักโทษที่เคยเจอ การข้ามผ่านพรมแดนอย่างง่ายดายของพวกราฟาเอลโร่และฟิลิเป้..และ...รวมถึงข่าวลือที่ถูกปลุกปั่นขึ้นมา..

 ถ้าเป็นผลงานของพวกเรกาโซ่...สาเหตุทุกอย่างที่ประกอบรวมกันขึ้นมา ก็ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด..

              "....." คาวัลโลจ้องมองใบหน้าเคร่งขรึมของอัลชาอ์อย่างห่วงใย มองเห็นสีหน้าเครียดเคร่งของอีกฝ่ายแล้วนึกอาดูรยิ่งนัก...สมองไพล่ไปคิดถึงเรื่องราวก่อนหน้า..ถ้า...ถ้าเขายังเป็นบอสของวาลกัส ถ้าเขายังมีอำนาจ ถ้าเขาไม่ทิ้งมัน ถ้าเขาไม่ถูกมันทิ้ง...เขา ...อาจจะช่วยอะไรอัลชาอ์ได้บ้างแท้ๆ...

แล้วที่อัลชาอ์เจอข่าวแบบนี้ จะปฏิเสธได้เหรอว่าไม่เป็นเพราะเขา...

            "...อย่าเครียดเลย...ผมเตรียมหาทางป้องกันไว้แล้ว "ฝ่ามือหนาลูบไล้เส้นผมสีอ่อนเบาๆ อย่างรักใคร่ อัลชาอ์ยิ้มบางๆให้กับนัยน์ตาที่ฉายแววกังวลของมาเฟียหนุ่ม..." ไม่เป็นไร...นะ "

           "...แต่........."

           " ผมแค่อยากบอกคุณเท่านั้น ว่าให้ระวังตัว..." อัลชาอ์รั้งร่างของคนรักมาแนบกาย ประทับริมฝีปากบนหน้าผากบางเบาๆ อย่างรักใคร่ " อีกอย่าง...ผมมีที่ปรึกษาคนเก่งอยู่กับตัวแล้ว จะกลัวอะไรล่ะ จริงไหม? "

คำกล่าวนั้นทำให้คาวัลโลชะงัก แววตาของมาเฟียหนุ่มที่หันไปมองอัลชาอ์ฉายแววลังเลเพียงชั่วครู่ ก่อนเจ้าตัวจะยิ้มกว้างออกมาอย่างรวดเร็ว...

            ".....แน่นอนอยุ่แล้ว!!."  รอยยิ้มกว้างและคำพูดแสนจะมั่นอกมั่นใจของคนรัก ทำให้อัลชาอ์ยิ้มกวางออกมาอย่างยินดี ชีคหนุ่มสบมองสีสันของน้ำทะเลในดวงตาคู่สวยของคนรักอย่างรักใคร่ ก่อนจะร้องเหวอในลำคอเบาๆเมื่อเจ้าเหมี่ยวน้อยออกแรงผลักร่างของตนให้หงายผึงลงกับเตียงนุ่มอีกครา..

          แววตาวาววับแสนจะไม่น่าไว้วางใจ ทว่าน้อยกว่าสีหน้าหมายมาดและรอยยิ้มในริมฝีปากสวยนั้น ชีคหนุ่มจ้องมองร่างของคนรักที่ปีนขึ้นมาอยู่บนร่าง ปลายนิ้วลากไล้แผ่นอกและหน้าท้อง ก่อนจะไปหยุดที่ส่วนกลางร่างกายอย่างแม่นยำ...

       สีหน้าซุกซนและนัยน์ตาวาววับนั้นชวนให้เลือดในกายเต้นเร่า โดยเฉพาะเมื่อฝ่ามือขาวตะปบเข้าที่ส่วนกลางของร่างกาย ลูบไล้มันเพียงไม่นานส่วนนั้นก็เริ่มเเข็งขึงดันผ่านเนื้อผ้าเป็นรูปร่างขึ้นมาอย่างรวดเร็วและชัดเจน..

         "...งั้นตอนนี้ มาคลายเครียดกันหน่อยมั้ยครับ? " คำเชื้อเชิญนั้นเรียกรอยยิ้มหมายมาดบนใบหน้าของชีคหนุ่ม และปลายลิ้นเรียวที่เลียไล้ริมฝีปากของเจ้าเหมียวน้อยยามจ้องมองส่วนกลางของร่างกายตนอย่างยั่วเย้า ชวนให้ยิ้มออกมาด้วยความคาดหวัง

           "...วันนี้ผมขอบริการเองนะครับ...เหมียว ~ "  เจ้าแมวยั่วสวาทหรี่ตาลงน้อยๆอย่างยั่วเย้า นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่มองสบตาช่างเย้ายวนน่าหลงไหล  ปลุกเร้าอารมณ์ให้คุโชนอย่างง่ายดายนัก ชีคหนุ่มสอดมือทั้งสองข้างของตนไปยังต้นคอ เอนกายปล่อยให้เจ้าเหมียวน้อยเริ่มการ"บริการ"แบบที่เจ้าตัวว่า ด้วยรอยยิ้มท้าทายหากแฝงแววเย้าหยอกไม่ต่างกัน..

          แว่วเสียงหัวเราะในลำคอของเจ้าเหมียวตัวแสบ ประกายวาบวับในดวงตาบ่งชัดถึงความมุ่งมาดและกระตือรือล้นอย่างน่าให้รางวัลของเจ้าตัว ชีคหนุ่มขยิบตาเรียกเจ้าเหมียวน้อยให้โน้มกายมาหา และร่างเพรียวก็โน้มกายเข้าหาตนอย่างว่าง่าย ปลายนิ้วเรียวไล้เล่นริมฝีปากสีจัดก่อนจะสอดไล้เข้าไปในโพรงปาก ปล่อยให้ปลายฟันขาวขนเล่นไล้กับปลายนิ้วของเขา อีกทั้งยังคว้านควักไล้เล่นกับปลายลิ้นเปียกชื้นอย่างอารมณ์ดี...

        น้ำลายใสไหลเปรอะปลายนิ้วและคาง ทว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้สนใจนัก คาวัลโลคว้าปลายนิ้วเรียวยาวของชีคหนุ่มที่คว้านควักเล่นกับปลายลิ้นตนไว้ด้วยฝ่ามือทิ้งสองช้าง ก่อนที่ปลายลิ้นจะเลียไล้มันเล่นนับแต่ปลายนิ้วจรดโคน นัยน์ตาสีน้ำทะเลสบมองดวงตาสีนิลแฝงนัยยะยั่วเย้าจนเลือดในกายเดือดเร่า ก่อนที่เจ้าตัวจะละจากปลายนิ้วนั้นและดึงมันไปยังด้านหลังของตนเองอย่างเคยคุ้น..

       แม้จะสวมเสื้อผ้าครบชัด หากทว่าความเย้ายวนที่ได้มากลับไม่ต่างกับยามเจ้าตัวเปลือยเปล่าให้เห็นสักนิด ชีคหนุ่มยกรอยยิ้มหมายมาด ปลายนิ้วเปียกชื้นและฝ่ามือทั้งสองข้างคว้าหมับเข้าที่เอวบาง และรั้งร่างของเจ้าแมวจอมยั่วมาอยู่ในอ้อมกอดอย่างง่ายดาย

         " ยั่วกันขนาดนี้...ไม่ต้องบริการผมก็"จัดการ"ให้เต็มที่แน่นอน...คาวัลโลที่รัก..."

             ว่าแล้วร่างของชีคหนุ่มก็กระโจนเข้าหาเจ้าเหมียวจอมยั่ว เพียงไม่นานเสียงครางปนเสียงหอบเร่าด้วยความใคร่ปะปนอยู่ในอากาศ ฝ่ามือลูบไล้เรือนกายและผิวเนื้อขยับเสียดสีกันอย่างเร่าร้อน ต่างฝ่ายต่างถอดเสื้อผ้าอีกฝ่ายแล้วป่ายไปให้พ้นตัวอย่างเชี่ยวชาญ นัยน์ตาสองคู่สบกันอย่างคนที่รู้เท่าทันในความปราถนาของอีกฝ่าย  ปลายนิ้วและเรือนร่างสอดประสานอย่างไร้ถ้อยคำใด..

...และเหมือนว่าต่างฝ่ายจะลืมไปแล้วเสียด้วย...สำหรับเรื่องที่จะคุยกันว่าชายหนุ่มผู้มีนามว่า"คริส"นั้นมีอันตรายเช่นไร

...............
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 30 เผยความจริง 5/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 11-05-2011 09:35:43
  แปลศัพท์เล็กน้อยกันงง
    ยูโก สลาฟ -   เป็นชื่อเรียกเชื้อสายของชาวรัสเซีย ยูเครน เบลารุส ออสเตรีย โปแลนด์ เชค สโลวัค  ฯลฯ ง่ายๆคือเชื้อพันธ์ของคนในแถบยุโรปกลุ่มโซเวียตเดิมและกลุ่มรัฐบอลติก
  สเปนิช - คือสำเนียง สเปน+อิงลิช
   อินเตอร์โปล (International Criminal Police Organization; ย่อ: ICPO ) -  องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ
    ขอแก้ข่าวก่อนว่าอิมเมจชีคไม่ใช่โรเวนนะคะ อิชั้นสับสนค่ะคำพูดนั้นมันคือคำพูดของโรเวน แต่เขากล่าวถึงคิงของเวนอลคนเก่า อนึ่ง...ขอบอกว่าปุ้ยไม่ชอบโรเวนนะคะ(555+) -*- หมอนี่ดูเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกอ่ะ ก็เข้าใจว่าทำเพื่อบ้านเมือง แต่มันก็...โอ้ยยย รักไม่ลงจริงๆคนแบบนี้
 และคุณกริช....คุณกริชที่รักของปุ้ย ฮี่ๆ...ออกมาแล้ววววคุณกริชในสายตาของพวกโรเบิร์ตนี่เป็นตัวร้ายเลยนะคะเอาจริงๆว่าฮีแบดได้จายยยย (555+) ....แทบไม่ต้องเดาแล้วมั้งว่าหมอนี่เอ๊ย คุณคนนี้เป็นใคร..(ปุ้ยไม่กล้าเรียกชื่อ เค้ากลัวววว) ท่านชีคไม่อยากให้คุณกริชได้คุยกับคาวี่ โถ่...ลางสังหรณ์ของท่านถูกต้องนะคะ เพียงแต่ว่า....มันเป็นไปไม่ได้แล้วอ่ะตัว
   คนต่างชาติเขาชอบเข้าใจว่า Thailand กับ Taiwan คือประเทศเดียวกันเยอะมาก ตลอดอ่ะเน๊อะ แถมบางคนยังเข้าใจว่าคนไทยขี่ช้างขี่ม้าไปไหนอยู่เลย  ตอนนี้เขียนให้คาวี่แพ้รอยยิ้มคุณกริช ฮ่าๆ  อยากเขียนมานานแล้วคะคนที่ยิ้มทีแล้วคนมองตายนี่...ประเภทที่หน้าตาก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก แต่ยิ้มได้น่ามองมาก และที่สำคัญ ยิ้มจริงใจแบบไหนจะเท่ายิ้ม ของคนไทย เน๊อะ ~
   และอเล็กเซย์มายเลิฟ // :z6:หลบลูกตีนอเล็กซิส  คุณลูกน่ารักมากคะ 555+ คืออเล็กเซย์อาจจะไม่ใช่คนเก่งเทพ ดูนุ่มนิ่มเหมือนไร้กำลัง เหมือนเป็นฝ่ายถูกกระทำตลอด แต่ว่า เอาเข้าจริงแล้วเอเล็กเซย์ก็แกร่งเหมือนกันนะคะ คิดใช้สมองมากกว่าใช้กำลังอเล็กเซย์ไม่ใช่ประเภทที่ตกอยู่ในอันตรายแล้วรอพระเอกมาช่วย แต่เป็นพวกที่ถึงตัวเองจะอยู่ในอันตรายก็จะช่วยตัวเองและห่วงคนอื่นอยู่เสมอ เพราะแบบนี้ อเล็กเซย์เลยเป็นที่รักของทุกคน (ไม่เหมือนคาวี่ดีบ้างร้ายบ้างจนหลายคนปวดหัว //555+)
    และคาวี่หื่น ตลอดอ่ะเธอนะ :laugh:  น้องเหมียวจอมยั่ว เขียนเองกำเดาจะไหลเอง(สารภาพว่าตอนมัน"เหมียว"นี่คนเขียนแทบจะกุมจมูก) คาวี่เอ๊ย...เอ็งนี่มัน.....ปากบอกไม่เอาแล้วเจ็บไปทั้งตัวแต่การกระทำโคตรจะสวนทาง เดี๋ยวโดนจัดหนักแน่ๆ  :jul3:
และสุดท้าย ตอนนี้เริ่มมีเค้าลางของความวุ่นวายออกมาลางๆ(มีตลอดแหละ //อ่าวเหรอ?)  โปรดระวังตัวหลอกและหน้าฉากของคนบางคนที่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
ปล ช่วงนี้ปุ้ยเสพติดพ่อบ้านมิวสิคัล (kuroshisuji II musical) หายไปนานพอควรเพราะวันๆนั่งเวิ่นเว้นคุณวิล(+เกรลที่รักไว้ณที่นี่ด้วย)และองค์กรยมทูต  หนุ่มแว่นหล่อโฮกมากเลยเคอะ :haun4: (เกรลไม่รับแอดเฟสอิชั้นเสียที เซ็งอ่ะ ทีคุณวิลในอนิเมออกจะขรึม ยังรับแอดเค้าเลย  ชะ )
ปล.2 แบดกายต่อวันนี้ดึกๆจ๊ะ


และสุดท้าย แปะรูปสองพี่น้องตระกูลวาลกัส อเล็กเซย์และคาวัลโลในชุดออกแนววินเทจนิดนึง วางไว้ว่าทั้งสองคนตอนอายุ15 ดูเด็กนิดนึง พอน่ารัก

     (http://image.ohozaa.com/i/7ca/alexxi4t4.jpg) (http://image.ohozaa.com/i/821/kavikavi22.jpg)

คาวี่ :impress2: ชอบคาวี่ชุดนี้คะ น่ารักกกก  อเล็กเซย์ก็ตอนนี้อายุ 15 นะ (ทำไมชุดคาวี่ดูแมนกว่าอ่ะเฮ้ย)เสียดายมากตอนวาดอเล็กเซย์จู่ๆคอมพ์เออเร่อ ไม่ได้เซพรูปไว้เป็นไฟล์ SAi เลยแก้ไม่ได้ กระดุมก็ไม้ได้ลงสี อร๊ากกกก
รูปอเล็กซิสกับท่านชีคก็ว่าจะวาด แต่หารูปหนุ่มใส่โธปหล่อๆไม่ได้อ่ะอยากวาดตัวเต็มแต่กลัวเครื่องแต่งกายผิดประเภท เหอๆ
รูปนี้เป็นอาคาร Museum of Islamic Art ที่การ์ต้าคะ เอามาเป็นแบบที่คุณกริชที่รัก :impress2: ออกแบบไว้

  (http://image.ohozaa.com/i/1bb/surround.jpg) (http://image.ohozaa.com/i/a7e/buildings.jpg)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 11-05-2011 10:30:52
 o13 ชอบ อ่า อิอิ ว่าแต่ สี่คนนั้นเขามีเรื่องไรกันหว่า :m28:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 11-05-2011 10:51:51
อย่าน่ะ อย่าให้เซย์ตายน่ะ ไม่งั้นซิสจะอยู่ยังงั้นล่ะ

คริศอันตราย ยังงั้น เนี่ย

ชีทกับคาวี่ยังหวานช่ำ น่ารักกันอยู่เลย

เเมวเมียว ยั่วชีท
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 11-05-2011 11:06:40
กรี้ด เพิ่งปั่นงานข้ามวันข้ามคืนเสร็จ กำลังจะไปงีบพอดีดั๊นนน มาเห็นคาวี่ซะก่อน
พระเจ้าช่วยจอร์จทอดกล้วย มีคนไทยด้วย แนวจิงๆเรื่องนี้  :a5:
อ่านตอนนี้แล้วเริ่มประทับใจอเล็กเซย์ขึ้นมาสองส่วน จากที่ไม่เคยชอบเลย
และรักคาวี่เวอร์ชั่นแมวยั่วสวาทมากขึ้นอีกเป็นกอง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 11-05-2011 11:19:24
มีลับลมคมในมากขึ้นทุกทีทั้งฝั่งคาวี่และท่านชีค +1
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 11-05-2011 11:21:10
เซอร์วิส อีกนิดก็ไม่เป็นไรน่ะ 55555+

ศริสนี้เค้าคือใครหว่า??ฃ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 11-05-2011 11:30:47
แอบฮากร๊ากตอนที่คนเข้าใจผิดว่าไทยแลนด์ คือ ไต้หวันอ่ะ แล้วก็เรื่องที่ไทยยังขี้ช้างอ่ะ ...เพราะเป็นงี้จริงๆ ต้องอธิบายเค้าตั้งนานแน่ะ555

ปล.รู้สึกเหมือนเคยอ่านว่า ประเทศทางแถบนู้น ถ้ารู้ว่าใครรักร่วมเพศ จะโดนจับตัวมัดแล้วเอาหินปาให้ตายหรือไงเนี่ยล่ะ น่ากลัวจัง...

ลี้ภัยมาประเทศไทยมะ เสรีภาพสุดๆ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-05-2011 11:39:34
อะไร ๆ มันดูจะตุงนังมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่อยากจะเดาปวดหัว  
ชอบคาวี่จริง ๆ เลย  เครียด ๆ ขนาดนี้ยังหื่่นได้อีก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: ease supsnerv ที่ 11-05-2011 11:43:12
หวานกันเหลือเกินนะคู่นี้!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 11-05-2011 11:47:06
คาวี่กะท่านชีคนี่ก้อหวานตลอดดดดดดดดดดดดดดดดด :impress2:


สี่คนนี้เค้ามีปัญหาอะไรกันหว่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Sornpattra ที่ 11-05-2011 12:18:29
ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ จริงนั่นแหล่ะ
อิวี่ช่างน่ารักมากมาย อยากจะให้น่ารักอย่างนี้ไปนานๆ กลัวแต่ว่าเดี๋ยวมันต้องมีแผลงฤทธิ์ไรอีก
เป็นห่วงเซย์ จังเลย ไปพากลับมาจากเกาะเหอะ

และก็ แบ๊ดกาย เป็นห่วง นุงเนม มากๆกว่ากอีกสิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 11-05-2011 12:26:57
หลังจากอ่านความยุ่งเหยิงอิรุงตุงนัง ของ 4 คนนั้น รวมทั้งเรื่องชวนปวดหัวของการแย่งชิงอำนาจ
แต่มาขำก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกับตรงนี้ "...วันนี้ผมขอบริการเองนะครับ...เหมียว ~ "


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด คาวี่ น่ารักที่ซู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 11-05-2011 12:45:41
โอย ...บทจะหวานเล่นเอาเลือดแทบหมดตัว
แต่คุณกริชนี่  ดูท่าจะ..แร๊ง  หึหึหึ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 11-05-2011 13:06:14
กรี๊ด.. คริสตี้ ขโมยซีนน

สองคนนี้จะออกแนวผนึกกำลังคู่ หรือ ไปๆมาแล้วเป็นเสือสองตัวในถ้ำเดียวกันหนอ?
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 11-05-2011 13:36:03
อยากบอกว่าเค้าเริ่มถูกชะตากับคุณคริสแล้วล่ะ (ร้ายๆอย่างงี้แหละเค้าชอบ)

ถ้าจำไม่ผิดคนนี้ใช่มั้ยที่มีโผล่ออกมาในตอนพิเศษ?

เห็นด้วยส่วนใหญ่คนต่างชาติมักเรียก Thailand เป็น Taiwan เราก็เคยโดน

พอบอกว่าไม่ใช่มันก็หัวเราะแล้วบอกว่ามันเหมือนกันแหละ

ตอนนี้คาวี่น้องยั่วมากอิจฉาท่านชีค  :-[

แต่ตอนหน้าถ้าน้องยั่วอีกก็ดีนะ o18  ส่วนเซย์เห็นนุ่มนิ่มยังงี้แต่สมกับเป็นตระกลูวากัสมาก

รอคอยตอนต่อไปจ้า คิดถึงคนแต่งนะจ๊ะ :กอด1:


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 11-05-2011 14:23:04
มีเบื้องลึกเบื้องหลัง อดีตซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรกันน๊อ อยากรู้ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Indigo ที่ 11-05-2011 14:33:26
เลือดหมดตัวเพราะท่านชีคกับคาวี่เนี้ยแหละค่ะ....มันแลดูเรทมาก  อกอีแป้นจะตายเสียให้ได้
อยากรู้เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดมาค่ะ  ลุ้นว่าจะมีอะไรออกมาให้ตกใจอีก

รอตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อค่ะ  รอพี่โตด้วยนะคะ 5555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 11-05-2011 15:20:56
อยู่ ๆ ก็มีตัวละครเพิ่ม...คริสเป็นใครอ่ะ หรือไรเตอร์แต่งอีกเรื่องแล้วให้คริสเป็นนายเอก(ท่าทางจะไม่ธรรมดาสุด ๆ เลย) :o8:
อยู่ ๆ ฟาติมะก็หายตัวไปอีก...มีแต่เรื่องยุ่ง ๆ ทั้งนั้นเลย  อเล็กซ์เซเข้าแข็งมากค่ะ ขอถอนคำพูดจากเม้นท์ที่แล้วเลย (ที่แท้ก็โดนเชิญด้วยกระบอกปืนนี่เอง) :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 11-05-2011 15:43:08
คุณคริส ร้าย??? แต่เราชอบ  :o8:
อ่านแล้วแอบนอกใจท่านชีคชั่วคราว เพราะแอบชอบตอนนู๋คาวี่กับคริสอยู่ด้วยกัน 555+
ก้อเราแพ้คนยิ้มสวยนี่นา :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: beer ที่ 11-05-2011 15:45:02
คริสต้องมีอะไรเบื้องหลังแน่ๆ น่าสงสัย?

แต่เดี๋ยวนี้คาวราน่ารักมาก :-[ ขอให้เป็นแบบนี้ตลอดเถอะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 11-05-2011 21:14:34
ตัวละครใหม่มาแล้ว ท่าทางไม่น่าไว้ใจจริงๆเลย

เอิ้กๆๆ ชอบคาวี่โหมดเหมียวน้อยจังน่ารักดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 11-05-2011 21:41:39
คริสนี่ต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอยู่แน่นอน

ร้ายๆๆแบบนี้สิ ชอบๆๆ แอบชอบตอนคริส กับ คาวี่อยู่ด้วยกัน ไม่รู้อ่า เป็นโรคแพ้คนยิ้มหวาน กร๊ากกก (หลบตีนท่านชีค) :z6: :z6:

แต่ว่าตอนนี้ คาวี่แมวจอมยั่วของท่านชีคน่ารักมากๆๆเลย

ยังงี้สิ ท่านชีคปลื้ม :-[ :-[ :-[

ทำเอาเลือดหมดตัวเลย

รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 11-05-2011 22:06:03
ปมเยอะดี อะไรก็น่าสงสัยไปหมดเลยอ่า  :กอด1:
เซย์ตอนนี้เทห์ที่สุดเลยค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนใจคุณลุงจอมวายร้ายได้รึเปล่านะ
น้องเหมียวคาวี่  :haun4: :haun4: :haun4:
อยากว่าพี่กริชแกจะมามีบทบาทสำคัญอะไรน้อ เดาไม่ถูกเลยล่ะค่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: lolilo ที่ 11-05-2011 22:14:26
คุณกริชจะต้องมีเรื่องต่อแน่นอน คิๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 11-05-2011 23:11:05
:m25: สุดยอดเลยจร้า เลือดแทบหมดตัว ฮ่าๆๆ
ท่านชีคกับคาวี่นี้ก็ยังหวานไม่เกรงใจใครจริงๆ มดขึ้น

คริสนี้มีเบื้องหลังยังไงน๊า น่าสนุกจริงๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 11-05-2011 23:38:00
เราเชื่อว่าคริสเป็นคนดี ต้องมีการเข้าใจไรกันผิดแน่
ทั้งสามคนถึงมองว่าคริสร้ายกาจ ที่ร้ายอาจเพราะเพื่อตอบโต้
ที่ตนถูกกระทำก่อนรึเปล่า ว่าแต่เค้ามีเรื่องบาดหมสงใจอะไรกันนะ
แต่ไงก็เชื่อว่าคริสเป็นคนดี เพราะครืสเป็นคนไทย
ผู้แต่งคงไม่เขียนให่คนไทยเป็นคนไม่ดีหรอกเนอะ
แล้วก็รู้สึกคุ้นๆไงไม่รู้แฮะถ้าจำไม่ผิดนะ
ในตอนพิเศษเหมือนจะมีตัวละครตัวนึงที่เป็นชาวเอเชียอยู่
ซึ่งมากับสองพี่น้องเซฮามัค และดูเหมือนจะมีอิทธิพลต่อทั้งสองไม่น้อย
จะเป็นคนเดียวกันรึเปล่าน้าาาา...แล้วร๊อบล่ะจะเป็นยังไง
 คนๆนี้แท้จริงแล่วมีอะไรแอบแฝงไหม...ถ้าเป็นคนดีก็อยากให้มีคู่นะ
แล้วเซย์ก็น่าปลื้มมากมาย ชอบคำพูดที่พูดกับลุงเฟรดดี้มากเลย
แล้วก็เรื่องราวตอนนี้ซับซ้อนมากเลย ปมเก่าคลาย ผมใหม่ก็มาเลย
ลุ้นมากๆเลย คาโลกับอเล็กซานดราจะกลับมาร่วมช่วยศักนี้ไหมน้า...
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: anuyasha ที่ 12-05-2011 00:40:00
โฮ๊ะ! อ่านแล้วใช่เลย! ไอ้อารมณ์ไต้หวันกับไทยเนี่ย -___-!!

จริงๆเรานึกว่าพวกยุโรปจะรู้จักไทยมากกว่านี้นะเนี่ย เพราะดูเหมือนไทยจะเป็นเมืองท่องเที่ยว
(ที่มีอะไรบางอย่างขายอยู่...เยอะนิดนึง =__=;;ได้ยินมาจากฝั่งนั้นเลยย)

เราเคยไปแลกเปลี่ยนอยู่ที่เมกาใต้ค่ะ โดนประจำ โดนทักว่าญี่ปุ่นไม่ก็จีน
(ทั้งๆที่หน้าเราก็ออกจากไทยแท้ = =!)
แถบนั้นเราว่าเค้าไม่ค่อยเจริญไปกว่าเราเท่าไหร่หรอก ดีไม่ดีเราจะเจริญกว่าอีก
เลยไม่ค่อยพอใจที่เค้าชอบบอกว่าเรามาจากไต้หวัน ๆ เพื่อนร่วมห้องกันแท้ ๆ ยังจะจำผิดอีก!!
เรื่องขี่ช้างขี่ม้าก็จริงอะ เราอ่ะอย่างโมโห เกือบจะตอกกลับไปว่าที่ไทยเจริญกว่าแถวนี้อีกย่ะ!

อ่านแล้วอารมณ์มาคุ 5555555 ชอบคริส หวังว่าไม่ใช่ตัวร้ายยย
คนไทย ยิ้มไทย ยิ้มสยามมมมม :))
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 12-05-2011 00:45:59
ขอบคุณนะคะ อ่านตอนที่  29 เเล้วกรี๊ดดดดดดดดด ชอบมากท่านชีค น่ารักอะ ยิ๋วกิ้วมากเลยที่เรียก คาวี่ว่าคนดี อะ ฮี่ฮี่ฮี่ เเต่มีประโยคที่โดนใจนะเรื่องผลประโยชน์อะ เป็นอะไรที่ไว้ใจกันไม่ได้จริงๆ ตอนนี้โดนเยอะมากอะ คนเราน่ากลัว

ปล. ยังไม่ครึ่งเรื่องก็มิเป็นไร เราจะตามต่อไป อิอิ

อ่านตอนที่ 30 เเล้วค่ะ  :monkeysad: น้ำตาไหลตอนคุณพ่อเลยอะ สงสาร ไม่เป็นไรนะคะ ทุกอย่างต้องผ่านไปด้วยดี คุณพี่ชายต้องทำได้ค่ะ เซย์(ขอเเอบเรียก) ก็เป็นลูกมาเฟียนะคะ จะเเพ้ได้ไงจริงไม๊ล่ะั อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 12-05-2011 01:19:56
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:  น้องเหมียวซ่า  .. :z1: :z1:


ชิส์ คนไทย มีจักรยานขี่เเล้วนะ


อ่านเเล้วมีเเวว เครียดมาเเต่ไกล   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 12-05-2011 01:56:48
อ่านทันเเล้วนะคะ สรุปเเล้ว ปมเยอะอะ ไหนจะปัญหาที่บ้าน พีใหญ่จะพาตัวกลับ ไหนจะปัญหาที่ เซเนียยาอีก เเล้วตอนนี้ปัญหาใหม่อีก เเต่ชอบ คาวี่ กรี๊ดดดดดดดดด น้องเหมียว เลือดเเทบพุ่ง เเละ ชอบเซย์ค่ะ ถามได้ตรงประเด็นเเละโดนใจ ดูเล่นสงครามเน็นมากค่ะ เเต่ก็ยังงงกับ คริสนะคะ รอเฉลยค่ะ

ปล. รูปวาดสวยขึ้นนะคะ พัฒนาเยอะเลยน้า  ถ้าเเบบนี้ปกก็ไม่ต้องจ้างเเล้วสิคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: LimousinX9 ที่ 12-05-2011 02:25:59
ปมเยอะจนปวดหัว  -*- เอาทีละอย่างได้ไหมผูกไว้เยอะแก้ทีเดียวหมดสมองไม่ใช่
Core i7 นะเคอะจะได้ประมวลไวรู้เรื่อง


ดราม่ามาเยอะแหละ อย่ามีคนตายอีกเหล้ย- -*
เหมือนเป็นช่วงกำลังลุ้นอยู่แต่ปมมันเยอะเหลือเกิน  มีดราม่าอีกนี่คนอ่านเครียดกันระเบิดเถิดเทิงแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 12-05-2011 02:36:47
คาวี่...น้องเหมียวยั่ว :z1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: pasallatel ที่ 12-05-2011 02:40:17
ค้างได้อีก   :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 12-05-2011 12:12:05
น่ารัก นึกภาพคาวี่เป็นแมวขี้หึงตามเลย 55555
ว่าแต่คุณกริชนี่เขาเป็นใครน้า
ท่าทางเรื่องจะบาวเพระาคนนี้หรือเปล่า

สงสารฝั่งแฝดจัง ซวยไม่จบสิ้น
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: l2ockyou_l3ody! ที่ 12-05-2011 14:06:18
เซย์สู้ ๆ อดทนไว้พี่น้อง  :m15: :m15:

คาวี่นี่ ได้ทีเอาใหญ่เลยเน้อ.  :haun4:


หันมาทางด้าน รักหลายเส้า - - มาคุอีกละ  :z3: :z3:


 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 12-05-2011 17:01:12
เห็นลางยุ่งเหยิงมาแต่ไกลเลยแฮะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 12-05-2011 17:14:39
คาวี่หื่นเกินคาดจริงๆค่ะ  :-[ ยิ่งกว่าชีคอีกนะเนี่ย มีมายั่วกันซะด้วย
แค่นี้ชีคก็ทั้งรักทั้งหลงจะแย่อยู่แล้วค่าา
แต่แบบนะ ชอบมาดคุณกริชจัง ยิ้มสยามของจริง 555
แอบห่วงอเล็กเซย์อ่ะ อย่าตายเชียวนะ  :o12:

รอตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 13-05-2011 00:39:23
หวานกันปานจะกลืนกิน

ใกล้หมดเวลาหวานแล้วซี

ยังมีทั้งเรื่องของอัลชา และทั้งเรื่องของคาวี่

ผสมปนกันไปหมด และบางทีมันก็เกี่ยวข้องกันด้วยใช่มั้ย??
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 13-05-2011 09:11:16
เหมียวน้อยคาวี่น่ารักมากเนอะท่านชีค อิจฉาอ่ะ

ปัญหามากมายที่หลายรอบ แก้ไขให้ผ่านพ้นไปด้วยดีเถอะ อย่าให้มีการสูญเสียเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 13-05-2011 13:39:52
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกันนนะ




คาวี่ จะเจออะไรอีก

????





แล้วไอ่คริสมันเป็นใคร
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 13-05-2011 23:13:55
บั้งไฟพญานาคไทยก็เกือบไปดวงจันทร์เหมือนกันนะ

แต่ เจ้าเหมียวคาวี่นี่ไม่ไหว สงสัยถึงเจ็บก็ยอก ยั่วซ่ะ :pigha2:
สงสัยยังเจ็บตัวไม่พอ :laugh:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: BallalistitThegto ที่ 14-05-2011 13:31:53
งามจังหู้ :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: หนอนเทพ ที่ 17-05-2011 05:07:46
อยากตะโกนลั่นให้กระทู้ร้าว


ตามอ่านมาสามวัน ในที่สุดก็อ่านทันแล้วโว้ย   :m31:   555  5

จากตอนล่าสุด ลุ้นกับพี่กริชมาก ว่าเฮียแกจะจั่วดำ หรือจั่วขาว

และจากตอนก่อนล่าสุด แอบมีความคิดว่า ถ้าน้องหนูเซย์ตาย ก็ดราม่าดีเนอะ

สุดท้าย...อิจฉาเจ่เจ้วี่จังเลย มีหมอนข้างหล่อๆ ล่ำๆ นอนกอดทุกคืน


รักคนเขียนที่สุด
    :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 20-05-2011 11:57:48
แอบย่องมาหาหนูคาวี่   :กอด1:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: yakusa ที่ 20-05-2011 23:23:46
แวะเข้ามาดู แล้วจุดธูปวิงวอน :call:

ปล.  แอบคิดเหมือนกันนนนนน   
      ว่าถ้าอีหนูเซย์  อีม่องไป
      คงต้องหาอะไรที่ใหญ่กว่าผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตากันละมั้ง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 21-05-2011 12:07:37
Line 32  แค่ยอมรับ


     ฝนตก...ฟ้าครึ้ม ล่วงเลยมาเป็นวันที่สาม

        คาวัลโลเงยหน้ามองท้องฟ้าสีหม่นและหยาดฝนที่โปรยปรายมาไม่ขาดสายอย่างเริ่มจะเบื่อหน่าย นึกสงสัยมามากกว่าหนึ่งครั้งแล้วว่านี่มันเมืองทะเลทรายหรือเมืองที่ฝนตกตลอดปีตลอดชาติอย่างลอนดอนกันแน่ เขากำร่มในมือแน่นขึ้น ขณะที่ก้าวตามกลุ่มคนเบื้องหน้าไปยังสถานที่สำหรับก่อสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ กวาดตามองพื้นที่โล่งกว้างขนาดสี่ไร่ ณ ใจกลางเมืองซึ่งถูกเตรียมไว้สำหรับสร้างอาคารดังกล่าว ตามกำหนดการแล้ววันนี้จะเป็นวันที่ทุกคนมาดูพื้นที่จริงสำหรับก่อสร้าง และก็ต้องเป็นไปตามนั้นแม้ว่าฝนยังโปรยปรายไม่ขาดสาย ในกลุ่มที่เดินทางมาวันนี้ประกอบด้วย อัลชาอ์ ตัวเขา รามิล เซฮามัคในฐานะวิศวะกร ราเซย์ที่มันเสนอหน้ามาทำไมก็ไม่ทราบได้  กลุ่มคนของบริษัท ASC Accest กลุ่มคนงานที่มารอเฝ้า และกลุ่มขององค์รักษ์อีกจำนวนหนึ่ง

       คนประมาณครึ่งร้อยที่รอเกร่อกันอยู่แถวนี้ ทำให้คาวัลโลนึกได้ถึงข่าวลือที่อัลชาอ์พูดถึง เขากวาดตามองไปรอบกาย พลันก็ต้องเบือนหน้าหนี เสไปมองอย่างอื่นแทนลูกตาวาวๆบ่งชัดความไม่พอใจของคนเหล่านั้น ..

      อัลชาอ์ที่เดินอยู่ด้านหน้าเหมือนจะมีอะไรคุยด้วยจึงหันกลับมาหา นั่นยิ่งทำให้คาวัลโลก้าวถอยโดยอัตโนมัติ นิ่วหน้าให้แทนคำปฏิเสธ  ก่อนจะเดินไปหาราเซย์ที่อยู่แถวนั้น หมอนั่นมีสีหน้าประหลาดใจชั่วครู่ แต่เมื่อคาวัลโลทำหน้ายุ่งส่งซิกไปทางกลุ่มชาวเมืองที่อยู่โดยรอบ เขาก็เข้าใจได้โดยไม่ยาก และเป็นฝ่ายโบกมือให้สัญญาณอัลชาอ์รู้

       สีหน้าของชีคแห่งเซเนียยาฉายแววลำบากใจไม่น้อย ทว่าก็ยอมล่าถอยไปคุยกับวิลเลียม เซททิงตัน ผู้เป็นหัวหน้าคณะแต่โดยดี คาวัลโลเหลือบมองกลุ่มคนเหล่านั้นแล้วได้แต่ถอนใจ นี่ถ้าประชาชนไม่พอใจ ถ้าเป็นประเทศของเขาคงได้มีการยกป้ายประท้วง ตะโกนด่าว่ากันวุ่นวายแล้ว แต่เพราะที่นี่คือเซเนียยา....กฏหมายอิสลามมีกฏข้อบังคับที่รุนแรงและน่ากลัวเรื่องเหล่านี้จึงไม่เกิดขึ้น แต่ดวงตาวาววับของคนโดยรอบกับสีหน้าไม่สบายใจของอัลชาอ์ก็ทำให้เขาอดจะลำบากใจแทนไม่ได้

   ข่าวลือ....ยิ่งมีคนโหมกระพือก็ยิ่งไปอย่างรวดเร็วเสมอ และเมื่อเป็นข่าวแย่ๆเช่นนี้ด้วยแล้วมันยิ่งส่งผลเสียเป็นเท่าตัว

        "....นี่ยังน้อยไป " เสียงบ่นพึมพัมของราเซย์ที่อยู่ข้างกาย ทำให้เขาชะงัก คาวัลโลกระชับร่มในมือแน่นขึ้น มองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มข้างกายด้วยแววตากังขา

        " ....คิดว่าจะมีอะไรอีกหรือ? "

        " ไม่แน่ใจ....แต่ดูท่าพวกที่เข้ามาป่วนจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ "ราเซย์บ่นพึมพัมเบาๆ แล้วส่ายหัว "พรุ่งนี้ผมจะไปหาข่าวในเมืองดู...สายผมบอกว่ามีคนของฝ่ายนั้นเข้ามาสืบข่าว "

        " มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?  "คาวัลโลมองหน้าราเซย์ มุมปากของเขายกขึ้น ทว่าไม่ได้เป็นสัญลักษณ์เชิงขบขันแต่อย่างใด ตรงข้ามมันเป็นการเยาะหยันเสียมากกว่า

        " นั่นสินะ " ราเซย์ถอนหายใจพรู นัยน์ตามองร่างของกลุ่มคนที่กำลังทำงานวัดรังพื้นที่กันอยู่เบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด " ก็มีมานานแล้ว....เพราะใจอ่อนเกินไป รากฐานที่ง่อนแง่นเลยมีทางให้พวกมดปลวกมันมาทำรัง จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้"

        "......."

       " ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ " คำเตือนที่ได้มาทำให้คาวัลโลกรอกตามองท้องฟ้าสีหม่น ถอนหายใจเฮือกอีกรอบ

       " ก็บอกแล้วไงว่าผมเป็น...."

       " รู้แล้วว่าคุณเป็นมาเฟีย " ราเซย์เน้นเสียงหนัก...เข้มจ้องมองใบหน้าของมาเฟียหนุ่มเขม็ง " เป็นมาเฟียแล้วยังไง? คุณก็พลาดจนต้องมาอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ อย่ามาอวดอ้างกิตติศัพท์ให้ขำหน่อยเลย "

            วาจานั้นทำให้คนฟังชะงัก คาวัลโลมองหน้าราเซย์อย่างคาดไม่ถึง..เขาทำท่าจะอ้าปากเถียง ทว่าสุดท้ายก็ถอนหายใจเพียงแผ่วเบา...พยักหน้ารับอย่างจำยอม

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาก็"พลาด"อย่างที่ราเซย์พูด เพราะฉะนั้น...ตอนนี้จึงไม่มีสิทธิโอ้อวดอีกแล้ว...

อีกทั้ง...ตอนนี้เขาก็ตั้งใจจะอยู่ที่นี่ อยู่ข้างๆอัลชาอ์จะมาพร่ำเพ้อเรื่อง"มาเฟีย"ไปอีกให้แทงใจตัวเองอีกทำไมกัน

        " แล้วก็อย่าไปยุ่งกกับหมอนั่นมากนักล่ะ " คำเตือนรอบที่สามผ่านหู เกี่ยวกับคนเดิมๆทำให้คาวัลโลอดจะถอนหายใจเฮือกไม่ได้ เขามองไปยังกลุ่มคนของบริษัทก่อสร้างที่กำลังคุยงานกับวิศวะกรและสถาปนิกทั้งสี่นายอยู่อย่างแข็งขัน มองฝ่าสายฝนไปยังร่างสูงเพรียวของชายหนุ่มที่ใครๆก็ว่า"อันตราย"คนนั้น

         " มีอะไรนักหนา หมอนั่นมันสำคัญอะไรมากมายขนาดจะมาระแวงไม่ทราบ ก็แค่คนๆนึง ผ่านมาแป๊ปๆแล้วก็ไป " เขาว่าพลางจ้องหน้ารามิลเขม็ง " คนที่มีปัญหาน่ะ มันพวกคุณเสียมากกว่า จะย้ำคิดย้ำทำสนใจอะไรผู้ชายคนนั้นนัก หลงรักเหรอ? แฟนเก่าหรือไง? "

         แค่พูดประชด แต่คาวัลโลกลับต้องขมวดคิ้วเมื่อสีหน้าของราเซย์พลันเปลี่ยนวูบแสดงอาการพิรุธออกมาจนคนมองสังเกตได้ มาเฟียหนุ่มกระพริบตาช้าๆ มองหน้าของราเซย์ เซฮามัคนิ่ งก่อนจะหันไปมองหน้าสถาปนิกคริสอีกครั้ง สลับกันไปมาสองสามคราอย่างสงสัยไม่น้อย

        " เฮ้......จริงเหรอ? " เขาว่าด้วยสีหน้าสงสัยปนคาดไม่ถึง " คุณ...กับหมอนั่นเคย...."

       " เปล่า...." ราเซย์ส่ายหัวกับข้อสันนิษฐานน่าขัน ส่ายหน้าทันควัน " หมอนั่น...เป็นแฟนเก่าของร๊อบ...."

       " แล้วไง ?" คาวัลโลขมวดคิ้ว ชักจะนึกหมั่นไส้โรเบิร์ต ชอว์ตัน ขึ้นมาอีกครั้งหมอนี่มันสำคัญกับราเซย์และรามิลก็จริง ทว่าไอ้คำเตือนของอัลชาอ์นี่มันอะไรกัน มาเตือนให้ระวัง บอกว่าเขามีอันตรายเพียงเพราะว่าเป็นแฟนเก่าของโรเบอร์ต แค่นี้น่ะหรือ? บ้าไปรึเปล่า ?

  และที่สำคัญ....แค่ไอ้แฟนเก่ามาเจอกัน จะกังวล จะกลัว จะผวาแทนเจ้าหมอนั่นไปไหน? ไอ้คุณโรเบิร์ตคนนั้นมันมีชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเองไม่ได้รึไง ถึงต้องมีคนคอยระวัง คอยพะเน้าพะนอตลอดเวลา

...แล้วนี่ถ้าบรรดากิ๊กเก่าของเขาวนเวียนมาเจอกันบ้าง จะมีใคร"กังวล"แบบนี้บ้างไหม จะมีใครมาพล่ามว่าอันตรายแบบนี้รึเปล่า? สำหรับคาวัลโล วาลกัส ไอ้ฟิลิเป้ที่จ้องจะจับเขาทำเมียจนตัวสั่นมันก็ยังนั่งแช่อยู่ในคุกใต้ดินอยู่เลย ไม่เห็นอัลชาอ์จะอ้าปากบอกว่าอันตราย สมควรอยู่ห่างๆสักคำ!

        " แค่เรื่องนี้น่ะหรือ ถึงได้ระเเวง...บ้ารึเปล่า? " คาวัลโลหน้าบึ้ง ส่ายหัวอย่างไม่พอใจ

        ".....อยากรู้อะไรมากกว่านั้นก็ถามชีคแล้วกัน  "ราเซย์ เซฮามัคตอบกลับสั้นๆ ตัดสินใจจะไม่ต่อบทสนทนานี้กับมาเฟียอิตาลีที่กำลังจ้องเขาเขม็งด้วยแววตา..เอ่อ...น่ากลัวปนรังเกียจรำคาญอะไรก็ไม่ทราบได้..แต่หารู้ไม่ว่าประโยคนั้นไม่ต่างกับการโยนระเบิดไปใส่มือท่านชีคแห่งเซเนียยาผู้น่าสงสารที่กำลังคุยงานอย่างแข็งขันเลยสักนิด  ยังผลให้อัลชาอ์รู้สึกเย็นวาบกับดวงตาสีเขียวน้ำทะเลที่จับจ้องมายังตนชนิดไม่กระพริบและไม่มีปี่มีขลุ่ยของคนรัก..

         "...บอกให้......"

บรึ้ม!!


        เสียงระเบิดที่แหวกขึ้นดังลั่นทำให้ผู้คนโดยรอบต่างสะดุ้งโหยง เสียงหวีดร้องด้วยความตกใจของผู้คนและปฏิกริยาที่ต่างก้มตัวหลบกันโดยอัตโนมัตินั้นปรากฏขึ้นทันที คาวัลโลสะดุ้งเฮือก เขาก้มตัวลงหมบแน่นิ่งกับพื้นมืดสองข้างยกกันศรีษะตัวเองในท่าเตรียมพร้อม ตาจ้องเขม็งมองเศษระเบิดของรถยนต์และเสียงระเบิดของมันที่มีมาตามเป็นระยะสายตากวาดไปยังบริเวณโดยรอบที่เกิดการโกลาหลขึ้นเขามองเห็นรถยนต์คันที่ว่าจอดอยู่ข้างอาคารพานิชย์ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ระยะห่างเพียงเส้นถนนคั่นและไกลจากขบวนรถของอัลชาอ์เพียงไม่กี่เมตรทำให้เขาเย็นวาบในหัวใจเพียงแค่คิด...ว่าหากมาช้ากว่านี้อีกสักหน่อยจะเกิดอะไรขึ้น..

        องค์รักษ์ของอัลชาอ์กรูกันเข้าไปหาตัวผู้นำของตนอย่างรวดเร็ว ราเซย์ดึงแขนคาวัลโลแรงๆให้ลุกจากพื้น มาเฟียหนุ่มวิ่งตามแรงลากนั้นอย่างว่องไว หากนัยน์ตายังคงจ้องมองภาพรถยนต์ที่มีไฟลุกท่วมคันและควันดำที่ลอยโขมงอย่างไม่วางตา...

       สายตาของเขากวาดมองทั่วบริเวณ มองผู้คนที่สับสนวุ่นวาย มององค์รักษ์และตำรวจของที่นี่เริ่มเคลื่อนไหว กวาดสายตามองปฏิกริยาของผู้คนโดยรอบ จ้องเขม็งไปยังกลุ่มของอัลชาอ์ที่นำอยู่ไม่ไกล ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึงปนหวาดหวั่น..หากบางคนนั้น สงบนิ่งอย่างประหลาดชวนให้สงสัยเขามองหมายตาอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะตวัดสายตาไปยังร่างของชีคหนุ่มที่อยู่ท่ามกลางการคุ้มกัน สีหน้าเครียดเคร่งแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจอย่างลึกซึ้ง

      ถูกรุนหลังให้ก้าวเท้าขึ้นรถที่ถูกขับมาจอดอย่างเร่งร้อน โผนกายเข้าไปนั่งบนเบาะหลังข้างกายคนรัก ผู้ร่วมขบวนรายอื่นก็ตามมายังรถคันถัดไป ต่างแยกย้ายและกลับสู่ที่มั่นของตนอย่างรวดเร็ว คาวัลโลหันขวับไปมองหน้าอัลชาอ์ ชีคหนุ่มกำลังนั่งตัวตรงแผ่นหลังตึงเปรี๊ยะ สีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาคู่นั้นมองออกไปยังถนนด้านนอก ราวกับไม่สนใจจะมองภาพโกลาหลยังถนนเบื้องหลังเลยแม้แต่นิด

        แต่ความเงียบและฝ่ามือที่กำแน่นทำให้เขารู้...รู้ว่าอัลชาอ์กำลังโกรธ ...โกรธมากเสียด้วย...

    ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนหลังมือที่กำแน่น ไล้เบาๆแล้วค่อยกุมทับฝ่ามือหนานั้นไว้อย่างไร้คำพูดใด..ส่งผ่านความห่วงใยสู่บุรุษหนุ่มข้างกายอย่างอ่อนโยนและสิ่งที่เขาได้รับ คือปลายนิ้วที่คอยแยกออกและกุมมือสอดประสานกันไว้แนบแน่น...แม้ฝ่ามือที่เคยอุ่นร้อน บัดนี้จะเย็นชืดเพราะความเคร่งเครียดกังวลก็ตาม..

  คาวัลโลได้แต่นิ่งเงียบ เขาจ้องมองเสี้ยวหน้าของคนข้างกายอย่างห่วงใยก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

..การก่อกวน ก่อความไม่สงบ การเคลื่อนไหวที่เขากลัวว่าจะเกิด..ได้เริ่มขึ้นแล้ว

           รถเลี้ยวเข้าไปจอดยังส่วนรับรองด้านหน้าพระราชวังอย่างรวดเร็วร่างของอัลชาอ์ที่นั่งนิ่งไม่ปริปากใดๆก้าวเดินลงจากรถอย่างรวดเร็ว สาวเท้ายาวๆเข้าไปยังห้องโถงขนาดใหญ่ด้านหน้า ออกปากสั่งการบางอย่างด้วยสีหน้าเครียดเคร่งเป็นภาษาอารบิกยาวเหยียด คาวัลโลมองเห็นสีหน้ากังวลแตกตื่นของผู้คนรอบกาย และรับรู้ถึงความเครียดและความไม่พอใจของชายที่กำลังกำแขนเขาแน่น

         " อัลชาอ์....." ปลายนิ้วของเขาแตะลงที่ฝ่ามือหนา ซึ่งบีบแน่นเสียจนรู้สึกเจ็บ และในที่สุดอีกฝ่ายก็รู้สึกตัวและหันมามองแขนของเขาซึ่งเริ่มปรากฏรอยแดงเด่นชัด ทำให้สีหน้าของอัลชาอ์ฉาบฉายด้วยความเสียใจ

         " ผมขอโทษ "ร่างสูงผ่อนลมหายใจลงช้าๆ จ้องมองแขนของเขาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด แต่คาวัลโลส่ายหัว

         " ไม่เป็นไร ไม่ได้เจ็บอะไรหรอก  " ยักไหล่และยิ้มให้อย่างไม่ใช่เรื่องที่อีกฝ่ายต้องกังวล อัลชาอ์ทาบฝ่ามือลงบนผิวแก้มของคนรักด้วยสีหน้าราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเสียงคำรามของรถยนต์ที่ดังขึ้นมาทำให้ชีคหนุ่มจำต้องละมือลง และเป้นฝ่ายเดินออกไปต้อนรับอาคันตุกะและลูกจ้างจากต่างชาติของตนเสียก่อน

         "....ขอโทษด้วยที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ มีใครบาดเจ็บรึเปล่า ? " คำถามนั้นถูกส่งไปยังบรรดาวิศวะกรและสถาปนิกทั้งสี่ ชายหนุ่มสี่คนที่ค่อยลงจากรถมามีท่าทีตระหนกพอควร จะออกอาการเสียขวัญหน้าซีดเผือกก็มีแต่นายวิลเลียมวิศวะกรใหญ่กับสถาปนิกหนุ่มละตินผิวเข้มรายนั้น หากโดยรวมแล้วก็ยังถือว่าปกติไม่มีใครเป็นอะไร

         " ...ไม่เป็นไรครับ " อิลาดอฟ หนุ่มรัสเซียเอ่ยปาก หลังจากผู้ร่วมคณะนิ่งเงียบอยู่นาน และสีหน้าของวิศวะกรใหญ่อย่างวิลเลียมก็ซีดเผือกท่าทางสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

         "....ท่าทางพวกคุณยังตกใจอยู่ เข้าไปนั่งพักกันก่อนเถอะครับ " อัลชาอ์ผายมือเชื้อเชิญยิ้มให้อย่างเข้าอกเข้าใจและปลอบประโลมในฐานะเจ้าบ้านที่ดี

         " นั่นสินะ...." คริสพึมพัมรับเบาๆ ขณะที่เบื้องหลังของตนคือร่างของหนุ่มสเปนร่างเล็ก ที่กำลังเกาะหลังเขาแน่นชนิดเเกะยังไงก็ไม่ออก

     เอี๊ยด...

          เสียงล้อรถบดถนนดังลั่นเรียกความสนใจให้ทุกคนหันขวับ รถพอร์ช คาเรร่า จีที สีดำสนิทราคาแพงลิ่วของรามิลปรากฏขึ้นพร้อมกับร่างของสองพี่น้องตระกูลเซฮามัค  รามิลดีดตัวออกจากเบาะนั่งอย่างรวดเร็วไม่แพ้ผู้เป็นพี่ โยนกุญแจรถให้ทหารยามแถวนั้น ก้าวเท้าเดินเข้ามาคุยกับอัลชาอ์เป็นภาษาประจำชาติด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ต่างกับราเซย์ที่ออกอาการหงุดหงิดจนน่ากลัว ชายทั้งสามยืนคุยกันอย่างเร่งร้อนถกกันหน้าวังแบบไม่เกรงใจแขกเอาเสียเลย..

          แค่นั้นดูท่าจะวุ่นไม่พอ เจ้าเยอรมันเซพเพิร์ตตัวโคร่งกับร๊อตไวเลอร์หน้าดุที่ถูกจูงอยู่ในมือของทหารยามสองนายหน้าวังก็ยังเห่าแข่งกันเสียงขรมเสียอีก ดูวุ่นวายน่าปวดหัวมากขึ้นหลายขุม

        " เอ่อ......" คาวัลโลยิ้มค้าง นอกจากไม่รู้เรื่องที่ชาวบ้านพูดกันแล้ว ยังได้แต่ยืนนิ่งแบบนี้เสียด้วย อยากจะเอื้อมมือดึงแขนอัลชาอ์หรือตะโกนเรียกต่อหน้าต่อตาคนอื่นก็ดูท่าจะไม่สุภาพ มาเฟียหนุ่มจึงทำได้เพียงยิ้มเหย หันไปมองหน้าชายหนุ่มสี่รายที่ยืนรออยู่ อย่างพยายามจะรับมือกับสถานการณ์นี้เต็มที่

        "....เราเข้าไปข้างในกันก่อนมั้ยครับ? "เอ่ยถาม ทว่าไม่มีคำตอบกลับมา นัยน์ตาของทุกคนมองไปที่ชีคหนุ่มซึ่งกำลังพุดคุยกันอย่างเคร่งเครียดราวกับจะถามถึงคำอนุญาติ

        "...ชีคครับ!! ท่านชีค ! ท่านชีคอัลชาอ์ ครับ!! "ที่สุดแล้วจึงต้องเข้าไปร่วมวงสนทนานั้นด้วยจนได้ คาวัลโลเรียกชื่อคนรักหนักๆ นับแต่สรรพนามสั้นๆไปจนถึงเป็นทางการ จนกระทั่งอีกฝ่ายหันมามองนั่นล่ะ เขาถึงหยุดได้

       "...ผมขอพาแขกเข้าไปข้างใน " คาวัลโลโคลงศรีษะจ้องมองคนพูดเชิงขออนุญาติ" และเรื่องที่เกิดขึ้นนี่.."

       "....รบกวนด้วย คุณไปดูแลพวกเขา " อัลชาอ์พยักหน้ารับและชี้มือสั่งสำทับก่อนที่เขาจะได้ออกปากตามไปด้วยเสียอีก " ไม่ต้องตามผมมา ! "

        " แต่......" คาวัลโลส่ายหัวก้าวไปประชิดร่างของชีคหนุ่มอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าร้อนรน เรื่องที่เกิดขึ้นขนาดนี้แล้วจะไม่ให้สนได้ยังไง อย่างน้อยก็ต้องเข้าไปฟังรายงานบ้างก็ยังดีสิ

       "  นี่เป็นเรื่องของประเทศผม ! คนนอกไม่มีสิทธิ์ยุ่ง !!" ใบหน้าคมก้มมาหาสีหน้าเคร่งขรึม และคำพูดเบา หากนิ่ง เฉียบขาดทำให้คาวัลโลทำได้เพียงยืนนิ่ง ไม่มีอะไรจะ"ตรึง"เขามากไปกว่าคำว่า"คนนอก"นั่นอีกแล้ว...

       อัลชาอ์ออกปากสั่งการแล้วหันไปสั่งทหารองค์รักษ์ที่ยืนอยู่ด้านหน้าวังด้วยท่าทีไม่หวั่นไหว นัยน์ตาคู่นั้นไม่เหลือบมามองมาเฟียหนุ่มที่ยืนนิ่ง มองตามแผ่นหลังของชีคหนุ่มราวกับคนไม่รู้จัก นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นเพียงปรายมองไปยังสองพี่น้องเซฮามัค และพากันเดินเข้าไปในวังอย่างรีบร้อน...ทิ้งให้คาวัลโล วาลกัส ต้องเผชิญกับแขกทั้งสี่ตามลำพังด้วยสภาพนิ่งอึ้ง..

        " ยังไงก็.....เชิญครับ " กระพริบตาปริบๆราวกับจะเรียกสติคืนกลับมา ได้แต่ยิ้มฝืดสบตาผู้คนรอบกายอย่างทื่อๆ แล้วผายมือไปยังโถงรับรองด้านหน้า ผ่านเจ้าหมาดมอาวุธสองตัวที่ยังคงเห่าแบบน่าเอาอะไรมายัดปากไปด้วยหัวคิ้วที่กระตุกถี่ แล้วพอทรุดตัวลงบนเก้าอี้บุนวมนุ่มๆได้ไม่เท่าไหร่ ร่างของโรเบิร์ต ชอว์ตันก็เดินหน้าตื่นมาหา

         "  คาวัลโล ผมได้ข่าวเรื่องระเบิด มีใครเป็นอะไรไหม? "

         " ไม่ครับ " ยิ้มให้กับคนที่เข้ามาห่วงใยน้อยๆแม้ความไม่พอใจจะยังคุกรุ่น มองโรเบิร์ตที่เดินมานั่งใกล้ตัวแล้วอยากจะบอกนักว่าเขาเลิกตื่นกลัวกันแล้วแต่จะกลับมาประสาทกินเพราะท่าทางแบบนี้นั่นล่ะ

         " ผมขอโทษด้วยจริงๆที่เกิดเรื่อง วันนี้เราเริ่มทำงานกันแท้ๆ " ต่อให้จะยังค้างคาใจและเคืองกับบางเรื่อง ทว่าตอนนี้เขาก็ต้องปัดมันออกจากสมองเพื่อทำหน้าที่"ที่ปรึกษา" คาวัลโลยิ้มบางๆมองหน้าชายหนุ่มทั้งสี่ที่กระจายตัวกันนั่งโดยรอบอย่างขอลุแก่โทษ

         "  ...ไม่เป็นไรครับ...ทางเราก็...ออกจะคุ้นเคยพอสมควร " วิลเลียมเอ่ยพลางหัวเราะออกมาเฝื่อนๆ ปากบอกว่าเจอมาบ้างแล้ว แต่หน้าตาก็ยังคงซีดเซียว
         "....จะว่าไป.....ตอนทริปอียิปต์หนักกว่านี้นะ...ทั้งจลาจล...ปิดสนามบิน จารกรรม เยอะแยะ "คริสเอ่ยพลางส่ายหัวช้าๆ ยิ้มแล้วสบตาเขาอย่างขบขันปนเหนื่อยหน่าย " แต่...แค่ไม่เคยเจอที่ไหนใกล้ตัวแบบนี้ ก็ขวัญหายกันบ้างเป็นธรรมดาแหละครับ ยังไงทางบริษัทก็ทำประกันชีวิตให้เราแล้ววงเงินตั้งสองแสนยูเอสแนะ .."
           โจ๊กฝืนๆที่หยอดมาในตอนท้ายเรียกเสียงหัวเราะหึในลำคอของอีกสามชีวิตที่อยู่ในทีมเดียวกัน ส่วนคาวัลโลก็ได้ยิ้มให้ ทว่าเขาก็รู้นัยยะประชดประชันในคำพูดนั้นอยู่ดี ต่อให้ได้เงินเป็นแสนเป็นล้านยูเอสดอลล่าห์...หากเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆก็เรียกชีวิตคนๆหนึ่งกลับมาไม่ได้หรอก ถ้ามีใครเป็นอะไรไปจริงๆ ก็คงไม่พ้นอัลชาอ์ต้องรับผิดชอบ

          " ไม่เอาน่า...ผมจะยังทำต่อนะหรือใครว่าไง? " หนุ่มสเปนนาม อันโตนิโอ้เอ่ยขึ้นมา กวาดนัยน์ตาสีเขียวของตนไปยังบรรดาผู้ร่วมโครงการ แน่นอนว่าเมื่อมีปัจจัยด้านความปลอดภัยบวกเพิ่มขึ้นมาความเสี่ยงด้านการทำงานก็ย่อมสูงขึ้นด้วย และมีโอกาสมากที่จะมีการทบทวนข้อตกลงใหม่

          " ก็ตามนั้น..อีกอย่างผมอยู่แค่อาทิตย์เดียว ไม่ซีเรียส " สถาปนิกหนุ่มที่ลอยลำไปแล้วอย่างคริสยักไหล่ พลางเอื้อมมือขอหูฟังจากเพื่อนชาวสเนปข้างกายมาฟังเพลงแก้เครียด

          " ...ถ้าทบทวนเรื่องค่าเสี่ยงภัยใหม่ " อิลาดอฟเอ่ยช้าๆ...หากริมฝีปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์

         " ถ้าดีต้องตีค่าความเสี่ยงด้วย "วิลเลียมที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกคราเมื่อได้ยินเรื่องเงินๆทองๆดีดนิ้วเป๊าะ นัยน์ตาประกายสดใส

          " เฮ้ๆ เขาก็บวกไว้แล้วไม่ใช่หรือไง...จะปรับเรทค่าจ้างขึ้นอีกเท่าไหร่กันครับคุณวิล " หนุ่มเอเชียสมาชิกอีกรายยกมือออกปากท้วงด้วยสีหน้ากึ่งล้อเลียนและขบขัน คาวัลโลยิ้มและหัวเราะรับอันเป็นที่รู้กันแล้วว่าต่างฝ่ายเริ่มหายเครียดจากเหตุการณ์ระเบิดสดๆร้อนๆที่เกิดขึ้น

            "...แล้วอัล...เอ่อ ชีคล่ะครับ? "โรเบิร์ตออกปากถาม คาวัลโลหันไปมองหน้า เขายักไหล่ขึงตาใส่คนพูดแว๊บนึงกับชื่อเรียกนั่น สุดท้ายจึงยอมเปิดปาก

           "...ประชุมครับ "

           " อ้อ....ผมนึกว่ามีใครเป็นอะไร " โรเบิร์ตยิ้มรับ พลางถอนหายใจ โล่งอก "รามิลกับราเซย์คงไม่เป็นไรด้วยใช่ไหมครับ แบบนี้ "

           " ไม่เป็นไรหรอกครับ....บางคนมัน"หนังหนา"จะตาย " คำตอบนั้นไม่ใช่จากปากของคาวัลโล แต่มาจากปากของคริสที่เอนตัวพิงเก้าอี้ตัวยาว แขนพาดลงบนพนักด้านหลังที่เป็นสีทองอร่าม มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มนัยน์ตาจ้องมองคนพูดไม่วางตา

           ".....ใช่ไหมครับ โรเบิร์ต ? "

           " ครับ....ค....คริส "  โรเบิร์ต ชอว์ตันรับคำตะกุกตะกักแล้วหลบตาวูบ หากแต่ผิวหน้าขึ้นสีวาบอย่างรวดเร็วจนสังเกตได้ คำพูดนั้นชวนให้คนฟังขมวดคิ้วมุ่น คาวัลโลมองสองหนุ่มอีกคราแล้วลอบถอนหายใจเบาๆ ด้วยความหน่ายระอากึ่งหนักใจ คิดแล้วก็เหลือบมองพ่อคนพูดอีกคราอย่างใคร่ครวญ

...ปากล่ะบอกว่าจบเรื่องบาดหมางกับรามิลและราเซย์ แต่ตั้งเป้าจะมารีเทิร์นกับโรเบิร์ตที่เป็นแฟนเก่าสิเนี่ย แล้วแบบนี้ มันต่างกับการเปิดสงครามกับพี่น้องนั่นตรงไหน?

        แล้วไอ้คนพูดจาแบบนี้จะโดนเจ้าสองคนนั่นจัดระเบิดส่งให้สักชุดจนไส้ไหลสักวันก็ไม่น่าแปลกหรอก ...รักจะหาเรื่องคนก็ต้องดูกำลังตัวเองต้องรู้จักประเมินความสามารถตนเองเสียบ้างสิ

มองสองหนุ่มแล้วคาวัลโลก็ถอนหายใจ เบือนหน้าหนีแล้วบอกตัวเองทันทีว่า....ช่าง....หัวพวกมัน....
.......
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 21-05-2011 12:13:11

    คาวัลโลถอนหายใจเบาๆเขานั่งเงียบอยู่ในห้องนอนของอัลชาอ์จ้องมองท้องฟ้าที่ฝนหยุดลงแล้วและแสงแดดก็เริ่มสาดจ้า  ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างเผลอตัว เพราะความคิดว้าวุ่นที่ตีกันในสมอง

คำว่าคนนอกดังวนเวียนอยู่ในมองซ้ำไปซ้ำมาเหมือนแผ่นเสียงตกร่องอย่างไรอย่างนั้น

       ไม่ได้น้อยใจหรือหงุดหงิดอะไรกับคำพูดของอัลชาอ์นักหรอก...เพียงแต่ว่า...  ยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย ศักดิ์ศรีและสัญชาติญาติของผู้ชาย ย่อมพอใจที่จะเป็นผู้นำ พอใจที่จะยืดหยัดอยุ่ได้ด้วยตัวเองมากกว่าพึ่งพิงผู้อื่น

       และนิสัยเสียที่ยังไงก็แก้ไม่หายของคาวัลโล...ก็คือการคิดและมองอะไรในมุมมองของ"มาเฟียผู้กุมอำนาจ"อยุ่เสมอ ทั้งที่ตอนนี้ตนเองไม่ใช่แบบนั้น  เอาแต่คิดว่าตัวเอง"มี"ในสิ่งที่เสียไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ทำใจให้ชินชากับความสูญเสียไม่ได้ และมักจะเผลอไผล คิดว่ายังมีมันอยู่เสมอๆ

     แบบเดียวกับที่ราเซย์มันตอกหน้าเขาไว้เมื่อครู่ ตอกหน้าคนที่คอยเอาแต่พล่ามว่าตัวเองเป็นมาเฟีย พล่ามว่ามีความสามารถและยิ่งใหญ่นักหนาว่าตอนนี้"ไม่ใช่" และ "ไม่มี"มันอีกแล้ว

     และไม่ต่างกับที่อัลชาอ์บอกว่านี่คือประเทศของเขา และยังไง คาวัลโล วาลกัส ก็ยังถือเป็นคนนอกอยู่ดี

         อาจจะเป็นคนรักของอัลชาอ์ อาจจะเป็นคนที่เก่งหรือมีความสามารถอะไรล้านแปด แต่ว่า..ยังไงสำหรับที่นี่...สำหรับเซเนียยา สำหรับปัญหาของเซเนียยา สำหรับดินแดนแห่งนี้ ยังไงคาวัลโลก็เป็นเพียงคนนอก และค่าของความสามารถที่มีซึ่งสามารถใช้ได้ในตอนนี้คือ"ศูนย์" ค่อนไปทางติดลบเพราะข่าวเสียหายนั้นด้วยซ้ำ

     สามารถเข้าใกล้ สามารถจะ"ทำ"ทุกอย่างได้ก็แต่ในวังแห่งนี้เท่านั้น แต่ถึงยังไงเรื่องการทหาร การเมือง การปกครองอะไรทั้งหลาย อัลชาอ์ก็ไม่ให้เข้าไปก้าวก่ายเหมือนเดิม

      ต่อให้เป็นที่รักของอัลชาอ์ แต่ทว่าก็เป็นคนนอก คนต่างชาติตต่างศาสนาที่มาอยู่ที่นี่....และเมื่อมองที่มาของตัวเองและมองตามความจริง ตอนนี้สถานะก็ไม่ต่างอะไรกับ ผู้หญิงที่มีหน้าที่ระบายความใคร่ของคนๆหนึ่งเท่านั้น

    มันน่าสมเพช เขารู้ เพราะต่อให้มันเป็นเพราะ"ความรัก"แต่ในสายตาคนภายนอก ใน"นิยาม"ของคนอีกมากมายความหมายก็ยังเป็นเหมือนเดิม

เติมคำว่ารักเข้าไป ในสายตาของคนรอบข้างอาจจะดีขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปอยู่ดี

.     ..คาวัลโลคิด....ไม่ใช่ไม่คิด แต่ก็รู้ดีอยู่เสมอว่าตัวเองไม่มีทางเลือก ตอนนี้ทุกสิ่งมันหมดไปแล้ว มันไม่มีที่ยืนสำหรับตัวเอง มีแค่อ้อมกอดของอัลชาอ์เท่านั้นที่คอยดูแล คอยโอบประคองไว้ แต่ต่อให้ซาบซึ้งกับคำว่ารักแค่ไหน ในใจมันก็เหมือนมีเสี้ยนหนามเล็กๆคอยตำและทิ่มแทงอยู่เสมอ ยิ่งได้มองเห็นคนรอบกาย มองเห็นชีวิตและหน้าที่ของพวกเขา คำถามที่เสียดใจอยู่เนืองๆก็ยิ่งดังก้อง..

     ศักดิ์ศรีในฐานะคนๆหนึ่ง ความภาคภูมิใจในฐานะผู้ชายคนหนึ่งมันหายไปไหนหมด?

    แล้ว...จะต้องใช้ชีวิตที่กลวงเปล่า ไม่มีอะไรแบบนี้ อีกนานแค่ไหน?

      ผู้คนรอบกายมากมาย ทั้ง เจ้าชายฟาลซาอ์ ฮาซาน รามิลกับราเซย์ โรเบิร์ต หรือพวกวิศวะกรที่มาทำงานพวกนั้น

      ทุกคนยืนอยู่บนขาของตัวเอง ทุกคนมีจุดมุ่งหมาย มีเป้าหมายของตัวเอง มี"ชีวิต" เป็นของตัวเอง ไม่เห็นใครจะไร้"วิญญาณ"เหมือนตัวเขาสักคน

      ขนาดโรเบิร์ต คนที่เขามองว่าอ่อนแอเหลาะแหละต้องพึ่งคนอื่นอยู่เสมอ เขาคนนั้นก็ยังมีจุดมุ่งหมายของตัวเอง มีชีวิตเป็นของตัวเองไม่เหมือน คาวัลโล วาลกัสที่ตอนนี้ไม่เหลืออะไรสักอย่าง

   ...จะใช้ชีวิตที่กลวงเปล่า วันๆทำได้เพียงแค่เกาะติดห้อยตามอัลชาอ์ไปมา ไม่มีสิทธิ์มีเสียง ไม่มีปากเสียง ทำตัวว่าง่าย และรอวันตายแบบนี้อีกนานเท่าไหร่

      พยายามคิดว่าดีแค่ไหนที่ยังเหลืออะไรให้คว้า แต่....สิ่งที่ได้มาก็เหมือนจะไม่พออยู่เสมอ

      บอกว่าจะพยายามรัก ก็หมายถึงจะพยายามจริงๆ ...แต่นอกเหนือจากนั้นล่ะ มันมีอะไรไหม? นอกจากอัลชาอ์และ"รัก"ที่อยู่ตรงหน้า มีอะไรให้เขาอีกรึเปล่า? หรือจะต้องใช้ชีวิตที่ไม่ต่างกับพวกนางในฮาเร็มแบบนี้ไปจนตาย...?

     ....จะมีความสุขกับชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ถ้าหาก"ไร้ความภาคภูมิใจในตัวเอง"

      มันเป็นความจริงที่เริ่มตอกหน้าคนแบบ"คาวัลโล วาลกัส"ให้อยู่ไม่สุขมากขึ้นเรื่อยๆ รู้ดีว่าการใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่ตัวเอง ไม่ใช่วิถีชีวิตที่จะมีความสุขกับมันได้

      เกลียดความเงียบ เกลียดความสงบ ชอบกลิ่นควันปืนมากกว่ากลิ่นน้ำมันหอม ชอบรสชาติของความสนุกสนานตื่นเต้นมากกว่าความสงบ

      ความสุข ความสงบ ชีวิตที่ไร้เรื่องกังวลอาจจะทำให้ผ่อนคลายลงได้ แต่...ยังไงมันก็เป็นได้เพียงการพักผ่อนชั่วคราว ไม่ใช่จมอยู่กับชีวิตแบบนี้ตลอดไป ชีวิตที่วันๆเอาแต่อยู่กับที่ไม่ทำอะไร มัน....ไม่ใช่สิ่งที่เขารับได้

      ไม่ได้เสียใจที่กลายเป็นคนนอก ไม่ได้อยากจะร่ำไห้อาลัยอาวรณ์กับสิ่งที่หายไปแล้ว ไม่ได้อยากจะกลับไปคร่ำครวญหาตำแหน่งมาเฟีย...แต่...เขาต้องการแค่ศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจที่จะใชีวิตต่อไปจากนี้สักนิด...

      ความรักของอัลชาอ์ที่มอบให้ไม่ใช่สิ่งไร้ค่า เขารับมาและดีใจกับมันเสียเหลือเกิน แต่ก็ยังเฝ้าถามตัวเอง ว่าจากนี้ล่ะ? จะมีอะไรที่เป็นของตัวเองอีกไหม ชีวิตนี้จะได้ทำอะไรอีกรึเปล่า นอกจากลอยไปวันๆแบบไร้จิตใจ

  ยิ่งเห็นคนรอบกายดิ้นรนเท่าไหร่ ก็ยิ่งสมเพช เวทนาตัวเองมากเท่านั้น..

          " เป็นอะไรไป ?" ฝ่ามือที่แตะลงบนไหล่และบีบเบาๆทำเอาสะดุ้งโหยง คาวัลโลเงยหน้าขึ้นมาจากพรม จ้องมองนัยน์ตาสีดำสนิทของคนรักที่เกลื่อนไปด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะกระแอมเบาๆเรียกสติตัวเอง

          " เปล่า" เขาส่ายหัว จ้องมองร่างของชีคแห่งเซเนียยาที่ยังคงจ้องมองมาที่ตนเขม็ง..

          " หรือไม่พอใจที่ผมดุ...." ฝ่ามือหนาทาบลงบนผิวแก้ม แล้วไล้มันเบาๆ " ผมขอโทษด้วย ตอนนั้นผมกำลังเครียด..."

          "...ไม่หรอก...ผมแค่...." เอื้อมมือจับมือหนาไว้ หากแต่ความอึดอัดที่ยังคงพลุ้งพล่านในใจก็กดดันให้เขาอ้าปากพูดอะไรออกมาจนได้ "อัลชาอ์ ของานให้ผมทำได้ไหม? "

          " หือ? งานอะไร ก็เป็น"ที่ปรึกษาหัวใจ"ผมอยู่แล้วนี่ "คนฟังยิ้มแล้วโน้มใบหน้ามาแตะจูบลงบนผิวแก้มอย่างรักใคร่ แต่คาวัลโลส่ายหน้า ไม่ใช่ไม่พอใจกับสิ่งที่ได้รับ เพียงแต่..

           " ไม่ใช่...ผมหมายถึงงานอย่างอื่น ...ให้ทำอะไรก็ได้ไม่มใช่ลอยชายไปวันๆ ผมอยาก...."

          " ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย แค่เป็นคนรักของผม ให้ผมกอดคุณทุกวันก็พอแล้ว..." อ้าปากอธิบาย แต่ไม่ทันจบอัลชาอ์ก็สวนขึ้นมาด้วยรอยยิ้มหวานพร้อมกับอ้อมกอดแน่นๆ ทว่าใจความของมันทำให้คาวัลดลครางออกมาอย่างรันทดท้อ...เหนื่อยใจ...

           " ผมอยู่แบบนี้ไม่ได้หรอก " คำปฏิเสธนั้นทำให้ชีคหนุ่มตัวแข็ง ชะงักและหันมามองหน้าเขาอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก คาวัลโลสบตาชีคหนุ่มแล้วถอนหายใจยาวๆ " ...ผมทนอยู่โดยไม่ทำอะไรไม่ได้จริงๆ. อยู่แบบนี้นานเข้าผมอาจจะกลายเป็นบ้า มันไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่อยู่กับคุณ ขอแค่ให้ผมรู้สึกสักนิดว่าตัวเองยังทำอะไรได้มากกว่านั่งๆนอนๆหายใจทิ้งไปวันๆ"

           "..............." อัลชาอ์มองหน้าคนรัก สีหน้าของชีคหนุ่มเรียบนิ่งจนไม่อาจะบอกได้ว่ารู้สึกเช่นไร คาวัลโลรู้สึกกลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดว่าเขาสับปลับ ไม่ทำตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้ทั้งที่ผ่านมาไม่กี่วัน เขาจ้องหน้าอัลชาอ์เขม็ง พยายามสื่อความจริงใจไปยังอีกฝ่าย ...บอกว่าเขาไม่ได้ต้องการจะจากไปไหน ไม่ได้ต้องการจะผิดสัญญา เพียงแต่ว่า...ขอ...ทำอะไรบ้างก็เท่านั้น

           "...คิดไว้อยู่แล้วล่ะ " สักพัก แต่นานนักในความรู้สึกของคนรอ อัลชาอ์ก็ถอนหายใจแล้วเหยียดยิ้มออกมาช้าๆ นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นจ้องมองใบหน้าที่ฉายแววฉงนของมาเฟียหนุ่มเขม็ง...ที่สุดจึงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน


           " งานของคุณ ยังคงเป็นการช่วยผม"รับมือ"กับแกงค์มาเฟียนะ คาวัลโล.."


           ".......หมายความว่ายังไง ? "คาวัลโลอ้าปากค้าง คำตอบของอีกฝ่ายผิดความคาดหมายของเขาไปมากโข และยิ่งคนพูดเป็นอัลชาอ์ด้วยแล้วด้วยแล้วมันยิ่งเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงไปกันใหญ่ " ผมไม่ได้ต้องการจะยุ่งกับพะ..."

          " ไม่ได้หมายความแบบนั้น...." ปลายนิ้วแตะลงบนริมฝีปากเบาๆ นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองดวงตาสีน้ำทะเลเขม็ง " ผมบอกแล้ว ว่าผมจะดูแลคุณ ความหมายของมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ "         

           " ผมรู้อยู่แล้ว ว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปได้ไม่นาน คาวัลโล " คำพูดอีกฝ่ายทั้งปลง...ทั้งหนักใจไปด้วยในคราเดียวกัน ทำให้มาเฟียหนุ่มอดจะขมวดคิ้วไม่ได้ " ผมรู้....รู้ว่าคุณเป็นคนแบบไหน เข้าใจดีว่าผู้ชายคนหนึ่งหากจะต้องมาอยู่ในสถานะแบบนี้จะรู้สึกว่าตัวเองมันไร้ค่าแค่ไหน...แล้วยิ่งกับคุณ.....แต่ขอสารภาพ ผมอยากเห็นแก่ตัวให้เราอยู่แบบนี้อีกสักอาทิตย์สองอาทิตย์ ไม่งั้นสักเดือนก็ยังดี แต่เห็นได้ชัดว่าสำหรับคุณ สามวันนี่ก็ดูท่าจะมากไปเสียแล้ว"

           " ถึงคุณจะบอกว่า "ไม่" แต่ไม่มีใครรู้ดีมากกว่าเราสองคนอีกแล้วว่าคุณจะทำ และคนอีกมากมายก็ยังคงต้องการทำร้ายคุณและประเทศของผมอยู่ดี" ฝ่ามือหนาดันร่างของมาเฟียหนุ่มให้เอนตัวลงบนเตียงนอนหนานุ่ม "...ตราบใดที่คุณยังชื่อ คาวัลโล วาลกัส คุณก็ไม่มีทางหนีไปจากมันได้ ไม่มีทางหนีจากชื่อ"วาลกัส"ไปได้ ต่อให้เป็นที่นี่ หรือที่ไหนๆ"

            "...ผมรู้ว่าคุณไม่ต้องการจะกลับไป แต่ศักดิ์ศรีของคุณที่ถูกพวกมันเหยียบย่ำ..ข่าวลือที่ออกมาทำให้คุณเสียเกียรติ ทุกสิ่ง...ทุกอย่างที่พวกมันทำกับคุณ ผมจะเอาคืนมาให้  " นัยน์ตาผู้พูดหรี่เล็กลงช้าๆอย่างครุ่นคิด หากแต่สีหน้าเครียดเคร่งและนัยน์ตาวาววับฉายแววเหี้ยมลึก ทำให้คนมองชะงัก

            "....แต่คุณ...." คาวัลโลส่ายหน้า เขาจ้องมองผู้ชายที่ทาบทับบนร่างของตนอย่างไม่เข้าใจ " แล้วคุณละ อัลชาอ์ ?"

            " ผม?...ผมก็ไม่อยากจะพูดให้คุณสมเพชเวทนาหรอกนะคาวัลโล แต่คุณก็เห็นชัดแล้วไม่ใช่หรือ ว่าผมและกองทัพของผม ยังไม่รู้จัก"มาเฟีย"และกลยุทธ์ของมาเฟียดีพอทีจะต่อกร โดยเฉพาะในสภาพที่มีประเทศของตัวเองเป็นประกันเช่นนี้ ""

            " คุณจะลากผมเข้าสู่สงคราม... "คาวัลโลลุกพรวดจากเตียง ออกแรงดันให้อีกฝ่ายให้ห่างจากร่างของตนแล้วส่งเสียงเคร่ง จ้องหน้าเขม็ง.. " ผมบอกแล้วไงว่าผมจะไม่ยุ่งกับเรื่องแบบนี้อีกแล้ว จะให้พวกมันสมน้ำหน้าผมรึไงที่ไม่มีคนต้องการ...บอกแล้วไงว่าผมจะไม่ยุ่งเกี่ยว ผมจะไม่ทำ ! "

            " คาวัลโล..." อัลชาอ์ครางเสียงอ่อน ชีคหนุ่มรั้งร่างอีกฝ่ายไว้ในอ้อมกอดแล้วส่ายหัว แม้จะงวยงงกับปฏิกริยารุนแรงของอีกฝ่ายแต่ก็เข้าใจดีว่าคาวัลโลคงแสลงใจไม่น้อย  " ผมไม่ได้ให้คุณกลับไป ผมไม่ได้บังคับ แต่ผมอยากจะขอ..คาวัลโล ผมอยากขอร้องให้คุณช่วยผมจะได้ไหม ?"

           " แต่....ทำไมล่ะ ผม......ทั้งที่คุณบอกว่าผมควรอยู่ห่างๆ พอผมออกมาแล้วจะให้ผมยุ่งกับมันอีกทำไม ถ้าผมคิดอยากจะกลับไปอีกล่ะ ถ้าผมทนที่ถูกหยามไม่ได้จนทำอะไรโง่ๆอีกล่ะ คุณจะทำยังไง?" คาวัลโลดิ้นหนีออกจากอ้อมแขนหนา เขาส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ

            "  คาวัลโล คุณไม่ใช่คนสับปลับ ผมเชื่อใจคุณ...และคุณก็เชื่อใจผมไม่ใช่หรือ? ผมอยากจะให้คุณเข้ามาช่วย ไม่ได้อยากตอกย้ำ เพียงแต่ผมไม่อยากให้คุณเป็นแบบนี้อีกแล้ว " ชีคหนุ่มยิ้มในหน้า หากแววตาจริงจังบ่งชัดว่าไม่ขัน " ผมไม่ได้ตาบอดนะ ถึงจะไม่สังเกตเห็น คุณน่ะน่ารักและมีความสุขตอนอยุ่กับผมก็จริง..แต่คุณก็ลอบถอนใจอยู่บ่อยๆไม่ใช่เหรอ ผมเห็นนะคาวัลโล..ว่าสายตาคุณมันเป็นยังไง  ผมไม่ยอมให้คุณกลับไปอยู่แล้ว แต่หากถูกหยามศักดิ์ศรี คุณจะทนได้รึ  "

           " ผม... "...คาวัลโลนิ่งอึ้งเพราะคำพูดของอีกฝ่ายมันแทงใจ ใช่...ถึงจะมีความสุข แต่มันก็ยังมีเศษหนามเล็กๆที่คอยทิ่มแทงใจอยู่เสมอ สิ่งที่เรียกว่าศักดิ์ศรีของเขานั่น..

....อย่างที่เขาคิด คิดในยามที่ออกปากของานทำ...เพียงเพื่อจะหาคุณค่าของตัวเอง

..แต่ ถ้าหาก...ถ้าหากเขาทิ้งอัลชาอ์ไปเล่า..

           "..อาจจะบอกว่านานไปจะเคยชินกับมัน..แต่บางครั้งเวลามันก็ช่วยอะไรไม่ได้ และสำหรับคุณ เวลาที่ว่ามันจะมีค่าแค่คอยทรมารคุณช้าๆ ให้กลายเป็นเพียงตุกตาไขลานอยู่ในอ้อมแขนของผม ถามว่าใครต้องการให้มันเป็นแบบนั้น? คุณหรือ? รึว่าผมที่อยากได้...คนที่ไม่มีชีวิตจิตใจ หายใจทิ้งไปวันๆ "  ชีคหนุ่มจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วถอนหายใจช้าๆ " เวลามันก็จะทำให้ความภาคภูมิใจในตัวเองของคุณเองลดลงไปด้วย หรือจะบอกว่าคุณไม่ละอายใจ ไม่แสลงใจ เวลามองผู้คนข้างนอกนั่น คนที่มีทางเดินเป็นของตัวเอง แต่คุณ...ไม่ "

           " หรือคุณบอกว่าตัวเองไม่อยากแก้แค้นใครก็ตามที่ทำให้คุณต้องเจอเรื่องบ้าๆ ถูกหยาม ถูกทำร้าย และคนๆนั้นก็กำลังเข้ามาทำลายประเทศของผม ที่เป็นบ้านหลังสุดท้ายของคุณ...คุณกลายเป็นคนขี้แพ้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงไม่อยากจะยืนหยัดลุกขึ้นสู้...ไม่ได้สู้ในฐานะมาเฟีย ไม่ได้สู้ในฐานะนางบำเรออย่างที่พวกมันกล่าวหา แต่สู้ในฐานะคนของผม สู้ในฐานะคนรักของอัลชาอ์ เพื่อที่นี่...เซเนียยาที่คุณจะอยู่กับผม.."

           " บ๊าเอ๊ย....คุณรู้จักผมดีเกินไปแล้ว "คาวัลโลยกมือขึ้นเสยผม ทั้งหงุดหงิดทั้งอ่อนอกอ่อนใจ เขาเงยหน้ามองคนพูด  "แล้วยังไง? คุณจะให้ผมทำหน้าที่สอบสวนเจ้ามาเฟียสองคนนั่น และจะช่วยสู้กับมาเฟียงี่เง่าที่กล้าแหย่ขามาแหยมกับประเทศของคุณ เพื่อศักดิ์ศรีของผม เพื่อความถาคภูมิใจของผม และเพื่อให้ผมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง มีอะไรอีกไหมที่คุณจะทำ  หา? "

           " มี....ล่ามคุณไว้เตียงสักสามสี่คืน แล้ว"ทำ"จนคุณต้องอ้อนวอนขอให้ผมหางานอะไรให้ทำอีกรอบ " อัลชาอ์เหยียดรอยยิ้มกลับมองอีกฝ่ายที่มีสีหน้าแสยงวูบแล้วส่ายหน้าขัน "  และถ้าการให้คุณได้มีแรงบันดาลใจสักเล็กสักน้อยในการทำงานเพื่อแลกกับคาวัลโลคนเดิมที่ต่อให้ไม่ว่าง่ายแต่ก็น่าหลงไหลแล้วล่ะก็...ผมก็ยอมนะ "

            ".....หืม....ไม่ชอบผมตอนที่เป็นแมวเหมียวอย่างทุกวันนี้รึไง  " คาวัลโลยกมือเสยผมที่เริ่มยาวขึ้นของตัวเอง แล้วมองหน้าชีคหนุ่มอย่างท้าทาย นึกแปลกใจที่วาจาห้วนๆที่หันใส่กัน มันชวนให้สบายใจไม่ต่างกับคำหวานหูสักนิด

           "....ก็ชอบ...แต่มันไม่ใช่ตัวคุณ เจ้าแมวของผมน่ะมันแมวขาบู๊..นานๆทีถึงจะออกมาออดอ้อนน่ารักแบบนี้บ้าง แต่ไม่เป็นไร เพราะคราวนี้ผมก็จะบู๊กับมันด้วย" อัลชาอ์เอื้อมมือรั้งร่างของมาเฟียหนุ่มมาไว้ในอ้อมแขน " ผมไม่ได้ทำเพราะอยากพาคุณเข้าสู่อันตราย ผมไม่ได้ลากคุณออกมาให้ช่วยเหลือผมหรือเพราะความอยู่รอดของตัวเอง แต่...ผมจะทำเพื่อทวงศักดิ์ศรีของคนที่ผมรักคืน...ให้พวกมันรู้ ว่าการทำร้ายคนรักของอัลชาอ์จะต้องเจอกับอะไร "

            ". ไหนบอกจะให้ผมคุมเอง.." สีหน้างวยงงและสับสนของคนฟังทำให้อัลชาอ์ส่ายหัวช้าๆ แล้วพ่นลมหายใจ

          " .. ใครจะให้คุณคุมเอง ผมแค่อยากให้คุณคอยวางกลยุทธ์ให้เท่านั้นเอง...ส่วนเรื่องจะออกไปรบไหม...ผมไม่อนุญาติ "

           " ไม่เอา...ผมจะไป "คาวัลโลส่ายหน้าพรืด ออกอาการแยกเขี้ยวใส่ทันควัน

           " ไม่ได้...เดี๋ยวคุณจะเป็นอันตราย อีกอย่างถ้าคุณคิดจะกลับไปจริงๆ ผมก็แย่สิ.."

                คำพูดนั้นนั้นทำให้คนรอฟังหน้ามุ่ย คาวัลโลจ้องมองใบหน้าคนพูดแล้วนึกฉุนปนขบขัน ปากบอกไม่หวั่นแต่ความจริงก็แอบกลัว แต่ยังไงอัลชาอ์ก็ยังเป็นอัลชาอ์ คนที่ทั้งดูแลเขาทั้งห่วงใยและหลงรักเขา  ห่วงความรู้สึกเขาและรับปากจะช่วยเขานำศักดิ์ศรีที่ถูกเหยียบย่ำกลับมาให้ และทั้งคอยหาทั้งโซ่ทั้งเชือกสารพัดแบบมามัดเขาให้ดิ้นหนีไปจากเจ้าตัวไม่ได้..เจ้าเล่ห์บวกงี่เง่า สมเป็นอัลชาอ์ของแท้..

           "..ผมไม่ไปหรอก " คาวัลโลเอื้อมมือสอดรัดบั้นเอวคนรักไว้แน่น เขาซบหน้าลงกับแผ่นอกอีกฝ่ายแล้วส่ายหัว "แต่ผมจะไปลุยกับพวกมันด้วย"

          " อันตราย ถ้าคุณเป็นอะไรไป " อัลชาอ์ถอนหายใจแผ่วเบา...

           " แค่สไนเปอร์ก็ยังดี " คาวัลโลส่ายหัว จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างหนักแน่น

           " นั่นก็ยังอันตราย..." อัลชาอ์ถอนหายใจ "รู้ไหมคนดี.."

            " ผมจะไม่ทำให้ตัวเองอยู่ในอันตราย อย่างน้อย ก็ขอให้ได้คอยคุ้มกันคุณก็ยังดี.."

            "คุณจะดื้อไปถึงไหน? "อัลชาอ์ถอนหายใจ คล้ายไม่เข้าใจความคิดอีกฝ่าย แต่กระนั้น มันก็ยังแฝงไว้ด้วยความพึงพอใจ

            "...เปล่า แค่กลัวห่างสายตาแล้วจะมีไอ้บ้าที่ไหนมารอเป่าคุณอยู่อีกก็เท่านั้น "  ยักไหล่ ทำหน้าตาเหมือนไม่สน แต่ใจความนั้นทำให้อัลชาอ์ส่ายหัวกับนัยยะจิกๆกัดๆที่แฝงมา

           "...หลงรักผมแล้วล่ะสิ " ฝ่ามือหนาลูบเส้นผมนุ่มเบาๆอย่างหยอกล้อ

            "....หลงตัวเอง " คาวัลโลบ่น เขาผละจากอ้อมแขนของอัลชาอ์ สบตาอีกฝ่ายมองเห็นความหวาดหวั่นที่แฝงในแววตาคู่นั้นชัดเจน.. คงเพราะอีกฝ่ายก็รู้ไม่ต่างกัน ว่าหากยอมให้เขาจัดการเรื่องนี้ ยอมให้เขาทวงศักดิ์ศรีคืนก็ไม่ต่างกับการพาเขาไปสู่อันตรายและ...อาจจะทำให้เขาคิดหวนกลับไปอีกก็ได้...

            "... ผมบอกว่าจะอยู่ที่นี่กับคุณ...ผมก็จะอยู่ที่นี่กับคุณ...อัลชาอ์ "

จนกว่า...

               "....ถ้างั้น...ก็รอผมอยู่ที่นี่นะ? " ชีคหนุ่มออกปากถาม พลางยิ้มกล่อม

             " ไม่... " เจ้าเหมียวน้อยออกปากแล้วส่ายหัว ก่อนจะออกแรงผลักแผ่นอกหนาให้ชีคหนุ่มเอนกายนอนลงบนเตียงนุ่ม

             " นี่น่ะเป็นศึกทวงศักดิ์ศรีของผม เพราะฉะนั้นผมจะไม่ใจอ่อน ไม่ปล่อยให้พวกมันรอดไปได้ ผมจะไม่กลัวอันตรายเพราะคนอย่างผมไม่มีทางเป็นอะไรไปอยุ่แล้ว...และ...ผมจะไม่มีวันห่างจากคุณผมจะอยู่ข้างๆคุณ "

            " แน่ใจหรือ? " คำพูดคล้ายอ่อนใจหรือไม่ก็ลำบากใจทำให้ผู้ฟังนิ่วหน้า

             "....ผมจะปกป้องคุณเช่นเดียวกับที่คุณปกป้องผม...อย่าลืมว่าผมเป็นมาเฟีย...ไม่มีทางแพ้พวกหมาลอบกัดแบบนั้นหรอก " คำยืนยันหนักแน่นนั้นทำให้คนฟังถอนหายใจ ก่อนชีคหนุ่มจะเลิกคิ้วขึ้นช้าๆ มองหน้าอีกฝ่าย

             " ไหนบอกว่าไม่อยากทำ? "

             " เปลี่ยนใจแล้ว ! " นัยยะยั่วเย้านั้นทำให้คนฟังแยกเขี้ยวงุด ท้ายสุดก็ทำได้เพียงแยกเขี้ยวและประกาศหนักแน่น " ผมไม่ได้ต้องการกลับไป ผมทำเพื่อตัวเอง และเพื่อตัวคุณ ผมไม่มีทางให้ใครมาเหยียบย่ำที่นี่หรอก..."

             " แล้วตอนนี้....ผมไม่ใช่คนนอกอีกแล้วใช่ไหม?"

               " คุณเป็นประชาชนของเซเนียยาแล้ว " ชีคหนุ่มยิ้มรับ ก่อนจะกอดร่างที่ทับกายตนเองไว้แน่น "ชั้นดีที่เสียไปไม่ได้เลยด้วย "

                คาวัลโล หัวเราะรับคำพูดนั้นอย่างพึงใจ เขาเอื้อมมือดึงกระดุมบนโธปตัวโคร่งของอีกฝ่ายออก เผยให้เห็นแผ่นอกแกร่งภายใต้เสื้อตัวในสีเดียวกัน ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ นัยน์ตาเหล่มองนาฬิกาที่บอกเวลาใกล้เที่ยง แค่เขาไม่ใส่ใจ ปลายลิ้นเลียไล้ใบหูของอีกฝ่าย แล้วส่งเสียงกระซิบแผ่วเบา...

            "  งั้นช่วยยืนยันหน่อยสิครับ...ชีคของผม"

..............
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 31 Next.. 11/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 21-05-2011 12:17:32

    " คูณคิดว่าการกระทำแบบไหนที่ให้อภัยไม่ได้มากที่สุด? "หลังจากทำ"กิจกรรมยืนยันความเป็นพลเมืองของประเทศเซเนียยา"กับอัลชาอ์ไปสองรอบ และเลยเวลาอาหารเที่ยงไปเรียบร้อยแล้วคำถามจากปากของชีคแห่งเซเนียยาทำให้คนฟังโคลงหัวอย่างไม่เข้าใจ คาวัลโลซุกตัวแนบใบหน้าซบแผ่นอกหนา ยังคงนอนระรื่นลอยชายแบบมีความสุขทั้งที่ทำให้อีกฝ่ายพลาดนัดรับประทานอาหารเที่ยงไปแล้ว ก็แล้วยังไง ใครจะสนในเมื่อเขาก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน

           " หมายถึงอะไร? " มาเฟียหนุ่มเงยหน้าไปมองคนพูดอย่างงๆ ก่อนจะยิ้มแสยะ" ผมถามถึงเรื่องโรเบิร์ตและเหตุผลที่หมายหัวว่าผู้ชายคนหนึ่งเป็นอันตรายนักหนา.. แล้วมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไม่ทราบ"

      แน่นอนคำถามในตอนต้นคือเรื่องที่ราเซย์ เซฮามัคเล่าให้ฟังเกี่ยวกับแฟนเก่าอดีตรักอันมากมายของโรเบิร์ต ชอว์ตัน สำทับให้ไปถามจากอัลชาอ์เอง...ความข้องใจมากพอดูที่เหมือนว่าท่านชีคจะรู้เรื่องอะไรมากมายของ"แฟนเก่า" จึงเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้คาวัลโลออกปากถาม

          " นี่ก็เป็นคำตอบไง..." อัลชาอ์ยิ้มให้คนในอ้อมแขนแล้วถอนหายใจเบาๆ " นี่...ผมรู้ว่าคุณไม่พอใจ แต่โรเบิร์ตเขาไม่ใช่แค่แฟนเก่า คนรักคนแรก หรือ...อะไรแบบนั้น " อัลชาอ์ยิ้มกลบเกลื่อนเมื่อเจ้าแมวเหมียวตวัดสายตามามองขู่แบบเคืองๆ      

           " ตอนที่ผมเกิดมา ก็มีเรื่องทำให้ผมต้องไปอยู่อังกฤษตั้งแต่เด็ก จนถึงสิบขวบถึงจะได้กลับมาเยี่ยมบ้าน...บ้าง..."อัลชาอ์เอ่ยพลางเขี่ยนจมูกคนฟังเล่นเบาๆ นัยน์ตาจ้องมองเพดานห้องเมื่อคิดถึงเรื่องราวความหลัง " อยู่ที่นี่ถึงจะเป็นกษัตริย์เป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ที่อังกฤษ ยังไงผมก็เป็นแค่คนธรรมดา เด็กเอเชียธรรมดาคนนึงที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์กับพ่อบ้าน...พ่อของฮาซานน่ะ.....เด็กพวกนั้นเรียกผมที่โรงเรียวว่ายังไงรู้ไหม? พวกลิงเหลืองสกปรก พวกเอเชียต่ำต้อยไม่ควรค่าจะมาอยู่ที่นี่ ดูถูกกันสารพัด แล้วผมก็ใช่จะยอมอยู่เฉยๆ ด่ากลับไปทันทีว่าพวกหมูขาว ก่อเรื่องชกต่อยวิวาทกันไม่เว้นแต่ละวัน แผลงี้ได้กลับมาทุกวัน พ่อของฮาซานส่งจดหมายเชิญผู้ปกครองไปให้พ่อผมแทบจะทุกๆเดือน โดนสั่งลงโทษแทบทุกครั้งที่ท่านมา ก่อเรื่องจนโดนขึ้นทะเบียนเป็นเด็กมีปัญหา ที่ไม่โดนไล่ออกก็เพราะเงินสนับสนุนที่พ่อผมจ่ายไปกับทางโรงเรียนทั้งนั้น.... แต่อยู่ที่นั่นผมไม่มีเพื่อน ไม่มีความสุข ...แถมยังเกลียดพวกยุโรปเข้ากระดูกดำ"

           " ...แล้ว....วันนึงผมถึงได้เจอโรเบิร์ต สำหรับคนที่ไม่มีเพื่อนและถูกมองด้วยสายตาดุถูกมาตลอดน่ะ รอยยิ้มและมือที่ยื่นมาหามันมีค่ามากเลยนะคาวัลโล เพราะฉะนั้นเขาถึงได้เป็นคนสำคัญ ไม่ได้มีค่าแค่คำว่าคนรักที่เลิกรากันไป แต่ยังไงเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอ ผมหวังดีต่อเขา และเขาก็หวังดีต่อผม..คำว่าเพื่อนแท้ เพื่อนรักที่ไม่ว่ายังไงก็อยู่เคียงข้างกันได้เสมอคุณก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือ ว่าสำหรับคนที่ไม่เคยมี สิ่งที่ได้รับมามันมีค่าเพียงใด "

           "..........." คาวัลโลไม่ตอบ เขาทำได้เพียงถอนหายใจยาวรับคำถามนั้น...ตอนนี้รู้และเข้าใจความรู้สึกอัลชาอ์ไม่น้อย และรู้ด้วยว่าอีกฝ่ายคงลำบากใจไม่น้อยที่ตัวเขาเองชอบทำหน้าตาไม่พอใจเวลาพูดถึงโรเบิร์ตหรือมีท่าทีห่วงใยสนิทสนม

         คาวัลโลรู้ดีว่าเพื่อน...คำว่าเพื่อนที่อัลชาอ์พูดมันมีค่าแค่ไหน ในชีวิตของคนๆหนึ่ง ก็ย่อมมีบางคนที่สำคัญ บางคนที่แตะต้องไม่ได้ และบางคน..ที่ไม่ว่ายังไงก็ให้อภัย รัก และห่วงใยอยู่ตลอด จะมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าจะจัดเขาไว้ในส่วนใดของหัวใจ โรเบิร์ตไม่ได้เป็นแค่อดีตคนรัก แต่เป็นเพื่อน เป็นคนที่คอยเคียงข้างอัลชาอ์มาตลอด ก่อนที่จะมาเจอตัวเขา ก่อนจะได้มาที่นี่ ในช่วงเวลาที่ยังเป็นเด็กน้อยและถูกรังเกียจจากผู้คนรอบข้าง มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ทั้งสองคนจะสนิทสนมและรู้ใจกันในเรื่องที่คาวัลโลไม่อาจจะแทรกเข้าไปได้..มันก็ไม่ต่างจากกรณีคนรักกับเพื่อนสนิท และไม่ต่างกับการกระทำงี่เง่ากลายๆของเขาที่บอกโต้งๆว่าให้เลือกระหว่างเพื่อนสนิทกับคนรัก ซึ่งเป็นการกระทำที่งี่เง่าดีแท้ๆ

       ไม่ต่างอะไรกับตัวเองที่มีคนๆหนึ่งเป็นเพื่อนรัก มีคนๆหนึ่งอยู่ในใจในฐานะเพื่อนคนสำคัญเสมอ แม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วก็ตาม คนที่เป็นอะไรหลายๆอย่าง..ทั้งแรงบันดาลใจ แรงผลักดัน ทั้งความสุขและความเศร้า

      เราสองคนต่างก็มีอดีตในหัวใจ จะแปลกอะไร หากเมื่อเวลาที่มาพบพานกันในช่วงหนึ่ง จะแอบรัก แอบคิดถึงคนๆนึงไว้บ้าง  

           "...แล้ว...คุณคิดว่าผมจะรู้สึกยังไง ถ้าวันนึงมีคนทำร้ายจิตใจเพื่อนรักของเรา จนเขาต้องฆ่าตัวตาย ผมจะไม่เกลียด ไม่โกรธ ไม่ระแวงเขาเลยเหรอ? "

           "....เอ๋? " ข้อความนั้นทำให้คนฟังขมวดคิ้วมุ่น คาวัลโลมองหน้าอัลชาอ์ ทบทวนคำพูดนั้น นึกถึงคำถามของตัวเองและบริบทก่อนหน้า...คิ้วยิ่งขมวดหนัก " หมายถึง....เชื่อไม่ได้ ไว้ใจไม่ได้ เพราะหมอนั่น...ทำแบบนั้นกับโรเบิร์ต "

           " ผมไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ละเอียดนักหรอกนะ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมาอยู่ที่นี่แล้ว..น่าจะประมาณเกือบๆสองปีก่อน" ชีคหนุ่มขมวดคิ้วถอนหายใจพรู "จากที่ถามรามิล ผู้ชายคนนั้นทำให้โรเบิร์ตหลงรัก ทั้งๆที่ตอนนั้นโรเบิร์ตกำลังคบอยู่กับราเซย์ เหมือนว่าราเซย์จะยอมแพ้ แต่พอราเซย์ยอมแพ้ถอยออกมา เขาก็......หักอกโรเบิร์ต ทันที  โรเบิร์ตรักและทุ่มเทกับความรักครั้งนี้มาก และเสียใจจนถึงขนาดคิดฆ่าตัวตาย.."

           " โอ......" ไม่คิดเหมือนกันว่าเรื่องราวมันจะเป็นแบบนี้ ทว่าคาวัลโลก็ยังไม่เข้าใจ สาเหตุเพียงแค่ว่าเพราะเป็นเพื่อน เป็นอดีตคนรัก และถูกทำร้ายจิตใจแบบนี้น่ะหรือถึงทำให้อัลชาอ์ไม่ไว้วางใจคริส

           "....และที่แย่กว่านั้น คือนั่นทำให้โรเบิร์ตป่วย ป่วยเป็นโรคที่เขาก็ยังรักษาไม่หาย โรคที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็น เขาเป็นโรคโหยหาความรัก โรคจิตชนิดหนึ่งจากผลของการถูกทำร้ายจิตใจแบบนั้น คุณไม่สังเกตหรือ? ทำไมเขาถึงได้เหมือนคนโลเลและต้องการความรักจากคนนั้นคนนี้ตลอดเวลา ทั้งกับผม ราเซย์ หรือกระทั่งตอนนี้ กับรามิล...เขาขาดความรักไม่ได้ ขาดคนรักคนที่คอยพึ่งพิงทางใจไม่ได้ ...เพราะอะไรเหรอ? ก็เพราะการกระทำของคนๆหนึ่งไง ที่ทำให้กลายเป็นแบบนี้ "

           สีหน้าของอัลชาอ์ฉาบฉายไปด้วยความไม่พอใจอย่างลึกซึ้งเมื่อเอ่ยออกมา และ....นั่นทำให้คาวัลโลนิ่งงันไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขาเคยตีความเอาไว้ถึงความไม่ไว้วางใจที่ผู้คนมีต่อผู้ชายคนนั้น อาจจะเพราะมีประวัติอาชญากรรม เคยติดต่อกับพวกไม่ดี หรืออื่นๆ แต่ว่าไม่เคยคิดถึงในแง่นี้เอาเสียเลย กับเหตุผลที่แสนธรรมดาและเป็นอะไรที่ง่ายเสียจนคาดไม่ถึง แต่...ถึงกระนั้น มันก็เป็นเหตุผลที่เขารู้สึกว่าฟังขึ้นมากกว่าเสียอีก..

     กับโรเบิร์ต คนที่เขาเคยประนามเอาไว้ว่าอ่อนแอและเหมือนพวกบ้าที่ต้องโผเกาะคนนั้นคนนี้ตลอด...ใครจะรู้ ว่าเบื้องหลัง...เรื่องราวที่ทำให้ชายคนนั้นต้องเป็นอย่างทุกวันนี้มันจะน่าเศร้าถึงขนาดนี้ น่าสงสารเสียจนคาวัลโลเสียใจที่ตัวเองไปคิดดูถูกอีกฝ่ายเข้า

           " แล้วคุณไม่โต้ตอบ...." คาวัลโลถามกลับ นึกถึงตอนที่คนสำคัญของตนเองต้องเจอแบบนี้บ้าง อย่างไอ้คนที่เคยมาหลอกพี่สาวของเขาตอนหล่อนอยู่ไฮสคูลก็โดนพี่ชายเขาลากคอไปซัดเสียจนน่วมและถูกรังควานเสียจนมันไม่อาจจะอยุ่ในโรมได้อีก กับกรณีแบบนี้ จะปล่อยให้เกิดขึ้นแล้วไม่ทำอะไรเลย จะเป็นไปได้หรือ?

           " ใครว่าผมไม่ทำ " ชีคหนุ่มตอบทันควันอัลชาอ์เผยยิ้มร้ายพลางสบตาสีน้ำทะเลคู่สวย "ถ้าหากมันจะเป็นการเลิกรากันเพราะความรักที่จืดจาง ความไม่เข้าใจ หรืออย่างอื่นน่ะอาจจะพอรับได้ แต่มันชัดเจนว่าเขาทำไปเพียงเพื่อความสะใจของตัวเอง และทำร้ายจิตใจของเพื่อนผมมากมายเสียจนเขาทนไม่ไหว แต่การจะแก้แค้นประเภททำร้ายร่างกายน่ะมันน้อยไป...เขาหลอก เขาทำร้ายคนอื่นด้วยวิธีไหน ก็ต้องได้รับผลตอบแทนแบบนั้น  และมันต้องเจ็บปวดกว่าอีกร้อยเท่า "

          "...เรื่องพวกนั้นผมยกให้ราเซย์กับรามิลจัดการ ...สำหรับผม ก็แค่เล่นงานบริษัทของพ่อเขา ให้ล้มละลาย จนเขาต้องมาทำงานหาเงินงกๆแบบนี้ไงล่ะ "

          ".............." คราวนี้คาวัลโลเงียบไปอีกครั้ง และมองหน้าชีคหนุ่มด้วยสายตาที่ใคร่ครวญขึ้น มองแววตาที่ยังคงฉายรอยสาใจโดยไม่มีร่องรอยความรู้สึกผิดแม้สักเสี้ยวหนึ่งแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก แอบปฏิญาณกับตัวเองเงียบๆว่าคราวหลังจะหาเรื่องอัลชาอ์ต้องคิดดีๆเสียหนึ่งรอบถ้วนก่อน  ขณะที่สมองก็ใคร่ครวญเงียบๆ

          " เพราะงั้นคราวนี้ คนที่เคยหักอกโรเบิร์ต และถูกคุณเล่นงานจนแทบง่อย มาปรากฏตัวขึ้นในเวลาที่กำลังเกิดเรื่อง มันก็น่าจะถูกจับตา และน่าสงสัย ใช่ไหม? "คาวัลโลเลิกคิ้ว ถามกลับ

           " เพิ่มอีกเรื่องด้วยก็ได้ ว่าหมอนั่นมันรู้แล้ว เรื่องผมเล่นงานบริษัทของพ่อเขา "โอ๊ะ โอ....คำตอบแบบนี้ยิ่งทำให้ปวดหัวจี๊ด คาวัลโลมองคนพูด พลางคิดถึงเจ้าคนที่เป็นต้นเหตุ..คิดถึงเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ก็ได้แต่บอกคำเดียวว่า "สมควร"

        เอาเข้าจริงๆการหลอกลวง หรือการทำแบบที่โรเบิร์ตโดนมันก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไป ใช่ว่าจะเพิ่งเกิด คาวัลโลไม่ได้หมายความว่ามันไม่ร้ายแรงหรือน่าเห็นใจ เพราะต่อให้มันมีเรื่องแบบนี้ซ้ำซากมากมายแค่ไหน คนที่ถูกทำร้ายก็ปวดใจอยู่ดี เพียงแต่ว่าคริส..ผู้ชายคนนั้น มันโง่เองที่เลือกเล่นกับหัวใจของคนอื่น และคนอื่นที่ว่าก็ดันเป็นโรเบิร์ต ชอวตัน

 ดันไปเล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับเพื่อนคนสำคัญของท่านชีคแห่งเซเนียยา  จะโดนเอาคืนอย่างสาสมแบบนี้ก็สมควรแล้ว

           "การกระทำที่ยังไงก็ให้อภัยไม่ได้ คือการหลอกลวง หลอกว่ารัก...แล้วหักหลัง นั่นเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด " อัลชาอ์เอ่ยช้าๆด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ชีคหนุ่มหันมาจ้องสบตาสีน้ำทะเลของคนรักแล้วถอนหายใจเบาๆ "เพราะฉะนั้น..นี่คือเหตุผลที่ผมระแวง และอยากให้คุณอยู่ห่างๆเขา ถึงผู้ชายคนนั้นจะทำหน้าเหมือนไม่มีอะไร ไม่คิดอะไรแล้ว แต่ว่าในใจเขาจะคิดเห็นยังไง เราไม่มีทางรู้ "

           " อืม...." รับคำอัลชาอ์เบาๆ สาเหตุที่ได้ฟังมาทั้งหมดก็ฟังขึ้นอยู่ว่าทำไมถึงได้เป็นเหตุให้ไม่ไว้วางใจ "แต่ว่านะ...ถ้าต้องมาระแวงแบบนี้ ก็ไม่ต้องรับเขาเข้ามาทำงานตั้งแต่แรกก็ได้นี่ "

           " เขาเป็นคนของบริษัทที่ผมจ้างมา..ผมไม่รู้หรอกว่าคนที่จะมาเป็นใคร เราเรียกร้องจ้างไป เขาก็คัดเอาคนที่เหมาะสม และ...ผมก็ดันไปถูกใจแบบของเขา มันเลยเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ " อัลชาอ์ตอบเบาๆ ชีคหนุ่มโคลงหัวช้าๆ สีหน้าครุ่นคิด "ที่สำคัญ เราก็สมควรจะเป็นผู้ใหญ่พอที่จะลืมเรื่องในอดีตและทำงาน กันอย่างมืออาชีพ"

         " แต่เห็นได้ชัดนี่ ว่าคุณก็ยังระแวง " คาวัลโลบ่น

         " มันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อคนที่ไม่เคยคิดว่าจะเจอ ต้องมาพบกันอีกอย่างนี้ " คำตอบของคนรักทำให้มาเฟียหนุ่มพยักหน้าอย่างจำยอม...เพราะเท่าที่ดู โรเบิร์ต รามิล ราเซย์ อัลชาอ์ และคริส ก็มาอยู่กันพร้อม เหมือนกับกำลังเคาท์ดาวน์รอความวิบัติฉิบหายกันอีกรอบไม่มีผิด

      ...และ...คาวัลโลนิ่วหน้านิดๆเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเองพบเห็น.. ท่าทางของคริสเมื่อเช้านี้ ...หมอนั่นต่อหน้ารามิลและราเซย์ทำเป็นเฉยก็จริง แต่ว่าพอพ้นสายตาพวกเขาปุ๊บ ท่าทางก็เปลี่ยนไปปั๊บ..แบบนั้น...มันน่าสงสัยเหมือนมีอะไรแอบแฝง

และยังจงใจจะมีความลับอะไรอีกชัดๆ...

          "...และอีกเรื่องที่ผมจะบอก..." อัลชาอ์เกริ่นขึ้นช้าๆ ทำให้คนฟังเลิกคิ้วงงๆ "พรุ่งนี้ เราจะไปจารเซกัน "

          " เอ๋? " คาวัลโลขมวดคิ้ว ครางออกมางงๆ " ทำไม? "

          "  มีบางเรื่อง ที่ผมต้องไปหาคำตอบเอง....ที่นั่น " ชีคหนุ่มตอบอย่างเคร่งขรึม ฝ่ามือหนาแตะลงบนผิวแก้มนิ่มแล้วลูบไล้เบาๆ " การเดินทางครั้งนี้อาจจะอันตรายกว่าครั้งก่อน...ถ้าคุณคิดว่าอยากจะอยู่ทีนี่..."

          " ไม่ "ตอบทันควันเสียงเขียว แทบไม่ต้องคิด เรียกเสียงหัวเราะพรืดจากปากชีคหนุ่ม หากแต่คาวัลโลใช้ตาวาวๆจ้องมองกลับอย่างไม่ยอมแพ้ "  คุยกันเรื่องรับมือกับพวกนั้นเมื่อกี้ก็ทีแล้วนะ อย่ามาอ้างว่าเป็นอันตรายหน่อยเลย ผมจะไป คิดจะทิ้งผมไว้ที่นี่เหรอฮึ ! "

          " ผมก็บอกแล้วไงว่า "ถ้า" ...If นะครับที่รัก If ...ถ้าคุณไม่อยากไป...แล้วไม่ได้ฟังที่ผมพูดว่า "เรา"จะไปด้วยกันรึไงหือ ? " ชีคหนุ่มยิ้มล้อเจ้าคนที่ยังคงนิสัยเดิมไม่เปลี่ยน คนที่ยังคงไม่ยอมหากจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง คนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็พร้อมจะยืนขึ้นและเผชิญอันตรายทุกเมื่อ

          "...ก็คุณพูดเหมือนจะไปเองนี่ ใครจะยอม " คาวัลโลหน้านิ่วเมื่อถูกหลอก แต่เขาก็ยังออกปากทักท้วงชนิดไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

         " ..ผมไม่ทิ้งคุณไปหรอกน่า...ไม่ทิ้งคุณไว้ที่นี่ให้คุณโมโหแล้วแล่นตามผมไป จนเราต้องทะเลากันอีกหรอก " เอ่ยถึงเรื่องราวครั้งที่เคยผ่าน...กับสาเหตุของการทะเลาะวิวาทด้วยสิ่งที่เรียกว่า"ความห่วงใย"  ทะเลาะกันเพียงเพราะห่วงมากไป ทุกข์ทรมารและปวดใจเพราะต่างก็ไม่เข้าใจกัน

...จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว กับคนที่กว่าจะได้มาก็ยากแสนยาก จะไม่ยอมปล่อยไป จะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นอีกแน่นอน..

          "....อืม....." คาวัลโลหรุบตาต่ำ มาเฟียหนุ่มเองก็รู้สึกผิดอยู่ลึกๆ...และดูจะนิ่งๆไปเอ่ยถึงเรื่องนี้ " ผมมาคิดดูดีๆแล้ว ผมมันก็ดื้อแล้วงี่เง่าเองด้วยส่วนหนึ่ง...ขอโทษด้วย"

          " ผมก็เหมือนกัน...ไปขังคุณไว้ไม่ยอมให้ออกไป ทั้งที่รู้อยุ่แแก่ใจว่ายังไงคุณก็ไม่ยอมแพ้...แล้วยังไปทำร้ายคุณต่อหน้าคนอื่นอีก...ผมเองก็ผิดเหมือนกัน  " คำขอโทษและกล่าวถึงความผิดของตัวเอง เมื่อพูดออกไป เมื่อได้เอ่ยปากก็ทุเลาความรู้สึกผิดลงไปได้มากโข และ...ยิ่งทำให้ประกายสดใสในดวงตาสีน้ำทะเลคู่นั้นวาววับขึ้นอย่างน่ามอง ดูแล้วชื่นใจนัก

          "...ก็เหมือนที่รามิลว่านั่นแหละ คนงี่เง่าสองคนทะเลากันเพราะคนนึงห่วงมากไปแล้วอีกคนก็หัวดื้อเกินไป คิดแล้วก็อายสองคนนั้นนะเนี่ย " คาวัลโลบ่นขึ้นมาอย่างขบขัน น่าแปลกที่ตอนทะเลาะกัน ศักดิ์ศรี เหตุผลโง่ๆและทิฐิที่ค้ำคออยู่มันทำให้คิดอยู่ตลอดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกเสมอ อีกทั้งยังคิดว่าเรื่องนี้มันหนักหนามากมายจนยอมไม่ได้ ทั้งที่ความจริงมันก็แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง เรื่องง่ายๆ ที่จะผ่านมันไปได้หากใช้สติ....แล้วดูสิมานึกถึงตอนนี้ที่ผ่านมันมากได้แล้ว เรื่องทะเลาะที่ว่าใหญ่นักหนาในวันวาน มันดูไร้สาระและปัญญาอ่อนเป็นบ้า

        "....พาผมไปดูดาวด้วยนะ..." คาวัลโลกระซิบ นั่นทำให้ชีคหนุ่มเลิกคิ้ว พยักหน้ารับก่อนจะยิ้มซุกซน

       " นอนกลางทรายสักคืนก็ยังได้ หรือว่าจะลอง...out door...อุ่ก..."

       " จะบ้าเรอะ ! สำลักทรายตายกันพอดี  "คาวัลโลบ่นพลางออกแรงซัดกำปั้นใส่แผ่นอกคนพูดแรงๆ แต่อัลชาอ์กลับยิ้มเจ้าเล่ห์

       "...ที่จริงก็สนใจใช่มั้ยล่ะ? "

        "...ไม่เอา...แต่ถ้าไม่มีทรายปลิวว่อนก็อีกเรื่อง
"
                คำตอบรับนั้นทำให้ชีคหนุ่มทำตาโต ส่วนคนพูดก็หัวเราะขบขัน สักพักอัลชาอ์จึงถอนหายใจ จ้องมองเสี้ยวหน้าของคนข้างกายอย่างใคร่ครวญ..

         "..แล้วตอนนี้ เราเข้าใจกัน...รึยัง? "  คำถามจากอัลชาอ์ ทำให้คนฟังกรอกตามองเพดานอย่างครุ่นคิด และยิ้มออกมาเมื่อได้คำตอบในทันที..คำถามถึงความเข้าใจกันในตอนนั้นดูจะยากเย็น...พอมาคิดถึงตอนนี้แล้วคำตอบที่ได้มันก็ช่าง...ง่ายดายเหลือเกิน

       *  "    we will conserve
        only what we love .
         we will love
        only what we understand
          we will understand
         only what we want
            to understand "

            " หืมมมมม...? " คนฟังครางรับ ยิ้มให้กับบทกวี for in the end ของAuther Unknown บทกวีหวานๆที่แฝงปรัชญาของความรักออกมาจากปากของคนที่พูดปาวๆว่าไม่ชอบเรื่องราวเพ้อฝัน อ่อนไหว ทำให้ต้องให้ความสนใจอย่างเต็มที่

          " เราจะถนอมเฉพาะสิ่งที่เรารัก เราจะรักเฉพาะสิ่งที่เราเข้าใจ เราจะเข้าใจ เฉพาะสิ่งที่เราต้องการจะเข้าใจ..ใช่ไหม? "ชีคหนุ่มเอ่ยเอื้อนถึงความหมายของมันออกมาแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย " มีคนบอกผม ว่าความรักสำคัญแค่ไหน ความเข้าใจก็สำคัญยิ่งกว่า คนเรามักมีความอดทนทำความเข้าใจได้ดีกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เมื่อมีความรักต่อสิ่งนั้น เมื่อคนรักกันพยายามทำความเข้าใจกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร...แต่คนเอาแต่ใจ..." ว่าแล้วลูกตาสีดำวาววับคู่นั้นก็ตวัดมองมายังนัยน์ตาสีน้ำทะเลอย่างหยอกเย้า ยั่วล้อจน"คนเอาแต่ใจ"ค้อนเสียจนตาคว่ำ

          " คนเอาแต่ใจมักจะคิดว่า "เธอไม่เข้าใจฉันก็ได้ ขอให้รักและตามใจฉันก็พอ" แต่บางครั้งมันก็ยังไม่พอ ไม่พอดี-ไม่ดีพอสำหรับสิ่งที่คนสองคนต้องการเสียที ความรักที่ไร้ความเข้าใจก็เหมือนฐานง่อนแง่นที่พร้อมจะพังได้ทุกเวลาเมื่อคนๆหนึ่งหมดความอดทน "

    ...ใช่ เหมือนในตอนที่อัลชาอ์ละความพยายามจากการต้องการเข้าใจคนๆหนึ่ง..รากฐานที่ง่อนแง่น มาจากความต้องการที่สวนทางกันเมื่อฝ่ายหนึ่งความพยายามอยู่ในขั้นที่เรียกว่าติดลบ ส่วนอีกฝ่ายกลับมีองศารุนแรงถึงร้อย ความ"ไม่พอดี"ในความต้องการนี้ทำให้สุดท้ายแล้ว แม้จะรักก็ไม่อาจจะอยู่ร่วมกันได้ แม้อยากจะเข้าใจ ก็ไม่อาจจะเข้าใจ เพราะเวลานั้นเขาสองคนต่างเฝ้าดึงดัน คิดไปในทิศทางตรงกันข้าม เมื่อหันหน้าไปคนละฝั่ง ความเข้าใจ ความต้องการสุดโต่งไปคนละทาง ก็ไม่ต่างอะไรกับแม่เหล้กสองขั้วที่ผลักดันกันอยู่เสมอ...ไม่อาจอยุ่ใกล้..

              " อืม....ตอนนี้ผมได้คำตอบแล้ว.." คาวัลโลมีท่าทีครุ่นคิดกับคำพูดของอัลชาอ์เล็กน้อยก่อนจะยักไหล่แล้วยิ่มให้อีกฝ่าย " ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจ หรือไม่เข้าใจที่เราเคยทะเลาะกัน ...รึคนเอาแต่ใจที่คุณว่าน่ะ คนเอาแต่ใจอย่างผม ทำให้ปวดหัว ปวดใจก็จริง แต่รู้อะไรไหม คนที่ชอบทำให้ปวดหัวใจนี่แหละ อาจสอนให้รู้ว่า มนุษย์น่ะสามารถยอมรับได้ ทั้งที่เราอาจจะไม่"เข้าใจ" เลยแม้แต่น้อย...."

             " ไม่จำเป็นต้องเข้าใจ แค่ยอมรับได้ก็พอ ! "

             "........." วาจาเอาแต่ใจและแสนอวดดีจนน่าจับตีก้นแบบนี้มันเหมาะจะเป็นคำพูดของคาวัลโล วาลกัสเสียจริงๆ  ทว่าใจความของมันทำให้ชีคหนุ่มนิ่งไปอย่างครุ่นคิด อัลชาอ์ยิ้มออกมาแล้วสบตาอีกฝ่าย..อย่างเข้าใจ..ทั้งที่เขาไม่อาจจะเข้าใจแม้แต่น้อย..เช่นเดียวกัน

   ไม่จำเป็นต้อง"ปรับ"ทัศนะคติ เปลี่ยนตัวตน พยายามอะไรมากมายเพียงเพื่อจะ"เข้าใจ"คนหนึ่งคน

เปลี่ยนไปก็ไม่ใช่ตัวเอง ปรับเปลี่ยนตามใจคนนั้นคนนี้มากจนเกินพอดีก็อาจจะหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไม่พบ

อยากเปลี่ยนแปลงเพื่อตามใจ เพื่อเข้าใจคนอื่นมากเกินไป ก็ต้องเสียตัวตนของตัวเองไปอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่หากตามใจตัวเองมากเกินไป ก็อาจจะไม่เหลือใคร แม้แต่คนใจร้ายที่มาตำหนิติเตียน

ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไร ไม่จำเป็นต้องฝืนใจ ...แต่เพียงแค่"ยอมรับ"ตัวตนนั้นได้ก็เท่านั้น

    ..หากยอมรับได้หนึ่งอย่างแล้วจากนี้ต่อไปก็จะค่อยๆเรียนรู้ที่จะยอมรับทุกสิ่งในตัวของคนๆนั้นมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจอะไรมากมาย บางครั้งเรายังไม่อาจจะเข้าใจตัวเอง แล้วเหตุใดจึงต้องไปคร่ำครวญคิดมากเรื่องการ"เข้าใจ"ผู้อื่น

ขอเพียงแค่ยอมรับ ค่อยๆยอมรับตัวตนของคนๆนั้น แล้วจะพบว่าระยะห่างที่แสนไกลได้ขยับเข้ามาชิดใกล้จนสามารถ"เข้าใจ"กันได้โดยไม่ต้องมีแม้คำพูดสักคำ!

            ...................................

     * มาจากหนังสือเรื่อง ฉันเกลียดเธอ ฉันรักเธอ ชีวิต ของคุณ'ปราย พันแสงคะ (ชอบงานแปลเล่มนี้ของเธอมาก)
สอบซัมเมอร์เพิ่งเสร็จคะขอโทาด้วยนะคะที่ไม่ได้แจ้ง :m5:
               ยอมรับแต่ไม่ต้องเข้าใจ ไม่ได้หมายความว่าอย่าเข้าใจกันนะคะ ประมาณว่าไม่ต้องเครียดหรอกจะมาเข้าจงเข้าใจอะไรกันมากมาย เรายังไม่เข้าใจตัวเองเลยนับและสาอะไรกับเข้าใจคนอื่น ขอแค่ยอมรับได้ ไม่นานก็จะเข้าใจเองล่ะ เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา ว่าแล้วนึกไปถึงตอนที่สองคนนี้ทะเลาะกัน เพราะมัวซีเรียสเรื่องเข้าใจไม่เข้าใจสิ ถึงได้ปวดหัว(ใจ)กันอยู่หลายตอน

    ตอนนี้ยังไม่ได้อัพเดทฝั่งพี่ชาย....เพราะมันยาวไป (ฮ่าๆ)ตอนหน้าอาจจะจัดฝั่งอิตาลีเยอะหน่อย  เรื่องเริ่มวุ่นละ หุหุ ท่านชีคแงะคาวี่ออกจากโหมดแมวเหมียวไร้วิญญาณได้ในที่สุด เพราะเอาจริงๆแมวว่าง่ายมันไม่ใช่คาวี่อ่ะอย่างคาวัลโลต้องขาบู๊ 555+  และคาวี่ประกาศจะเอาคืนกันแล้วนะคะ ส่วนเรื่องคริส...เคลียร์ไปในระดับหนึ่ง แต่ต้องลุ้นต่อไป ว่าจะเกิดเรื่องอะไรอีกรึเปล่า

     - อาการของโรเบิร์ตเป็นโรคในกลุ่ม  โรคประสาท (neurosis) เรียกว่า ฮิสเทอริคัล นิวโรซิสค่ะ  บุคลิกภาพมีความเป็นเด็กสูง ชอบเรียกร้องความสนใจ จึงมีการแสดงออกทางอารมณ์ค่อนข้างมาก ที่เขาเป็นแบบนี้เพราะขาดความรักในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องการความรักอย่างมาก เมื่อขาดความรักในช่วงนั้นจึงทำให้โหยหาความรักอยู่ตลอดเวลา โรคนี้คล้ายๆฮิสทีเรีย แต่ผู้ชายก้เป็นได้นะคะและไม่ใด้ต้องการเรื่องเซ็กส์เสมอไป จะมีพฤติกรรมเป็นไม้เลื้อยเช่นโรเบิร์ตเป็นต้น

ปล. มีคำถามมาเยอะมาก สำหรับการค้นหาท่านชีคอัลชาอ์เวอร์ชั่นมนุษย์โลก ขอบอกสั้นๆว่าผู้ชายดีๆนี่มันแต่ในนิยาย(วาย) ค่ะ555+(เพราะตอนนี้นิยายรักทั่วไปเขากำลังนิยมพระเอกเลวๆกันอยู่555+)
ปล.2 กร๊าซซซ ยังไม่มีใครเดาออกอีกเหรอว่าคุณกริช(ที่รัก)เขาคือใคร 55+ ความจริงมันก็ตามที่หลายคนทักมาแหละ แล้วตอนนี้ก็เฉลยออกมาเยอะพอควรแล้ว...แต่ไม่ได้เกี่ยวกับดีหรือไม่ดีนะ ตัวเอกปุ้ยนิสัยดีจนน้ำตาไหลได้ทุกค๊นน(ดูพี่โต+พี่กันย์แห่งแดนสิบสองเป็นตัวอย่าง 555+)
...อัพแบดกายแล้วนะง้าบบบบ :a9:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 21-05-2011 12:25:28
คนแรกป่ะ :mc4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 21-05-2011 13:06:15
คาวี่น้อยฟื้นคืนชีพแล้ว ทีนี้ต่อไปก็ต้องมี ดุเด็ดเผ็ดมันส์ แล้วสินี่ ยังเดาคู่คุณกริชไม่ออกแหะๆ  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: *~LPCM~* ที่ 21-05-2011 13:08:25
 :z13: :z13: :z13: จิ้มๆๆๆ ไรเตอร์ค่ะ


มาต่ออีกแล้ววววววว ชอบๆๆ เป็นแฟนนิยายเรื่องมร๊ากกก แต่เพิ่งจะสอบเสร็จแล้วเพิ่งจะมาตามอ่านอ่ะค่ะ

ขอตัวไปอ่านให้ทันก่อนนะคะ แล้วจะมาจัดเต็มคอมเม้นนะคะ >_<

 :bye2: :mc4: :bye2: :mc4: :bye2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 21-05-2011 13:31:10
อัพเร็วจัง :-[
แมวน่ารักๆนานๆมาทีก็ดีนะ
มันชุ่มชื่นหัวใจ(ท่านชีค)ดีอ่ะจ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 21-05-2011 13:54:44
มันอะไรกัน ตอนนี้เหมือนจะไม่หวาน
แต่ก็หวานนำ้ตาลเรียกพี่ ปรับความเข้าใจกันได้แล้ว
ทีนี้ก็ไปลุยโลด
หรือเราโรคจิตที่อยากจะเห็นแต่ฉากบู๊ ฉากต่อสู้ เลือดสาด

ชอบบบบบบ o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 21-05-2011 13:57:40
ยังหวานเหมือนเดิม :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 21-05-2011 14:02:06
ยาวได้ใจมากค่ะ ตอนนี้แค่"ยอมรับ"เดี๋ยวก็เข้าใจเอง o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 21-05-2011 14:06:29
ยาวสะใจกันเลยทีเดียว  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 21-05-2011 14:11:30
กริชคือใครอ้ะ นกต่อของพวกศัตรูหนูวี่เหรอ รึว่าไม่ใช่  :laugh: :laugh:
ตอนนี้ออกแนวปรัชญามากมาย
สงสารหนูร๊อบเหมือนกันนะนี่ ตากริชมันจะมาไม้ไหนไม่มีใครรู้ได้เลย
ปล. คุณอากับคุณเพื่อน ยังมาไม่ถึงอีกเหรอค้า รอมาหลายตอนแล้วนะเออ  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 21-05-2011 15:08:23
กลับมาเป็นเจ้าแมวขาบู๊เหมือนเดิมก็ดีแล้วจ้าาาาาาาาาาาาาาาา อยากเห็นคาวี่ถล่มคุณลุงเต็มที่แล้ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Indigo ที่ 21-05-2011 15:18:07
ชอบตอนนี้มากเลยค่ะ  เหมือนท่านชีคกับคาวี่มีพัฒนาการที่แท้จริง
คือมันรู้สึกได้ว่าไม่มีอะไรติดใจกันกับสภาพที่เป็นอยู่ในตอนนี้แล้ว

อ้างถึง
ปล. มีคำถามมาเยอะมาก สำหรับการค้นหาท่านชีคอัลชาอ์เวอร์ชั่นมนุษย์โลก ขอบอกสั้นๆว่าผู้ชายดีๆนี่มันแต่ในนิยาย(วาย) ค่ะ555+(เพราะตอนนี้นิยายรักทั่วไปเขากำลังนิยมพระเอกเลวๆกันอยู่555+)

สารภาพว่าอ่านแล้วขำมากกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!
อยากจะโคลนนิ่งท่านชีคมาเก็บไว้ที่บ้านสักคนจังเลยค่ะ(คาวี่- :z6:)

มาต่อเร็วๆนะคะ  เรื่องพี่โตด้วย ติดนิยายคุณปุ้ยทุกเรื่องเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 21-05-2011 16:35:18
ตอนนี้ไม่บู๊มากมีหวานประปราย แต่คราวหน้าขอจัดหนักทั้ง 2 แบบเลยนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 21-05-2011 16:57:25
ดีใจ คาวี่จะเอาคืน จัดหนักๆเลยน้อง
แต่...ไม่ว่ายังไงก็ขัดตากับโรเบิร์ตอยู่ดี ประวัติฮีก็ใช้ผู้ชายเปลืองใช่เล่นนี่นะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 21-05-2011 17:59:03
โอย ใจหายหมด ตอนท่านชีคใช้คำว่า "คนนอก"
นึกว่าจะทะเลาะกันอีกรอบ สุดท้ายก็ลงเอยด้วยดี

แอบมันส์ล่วงหน้า ที่คาวี่จะกลับมาทวงบัลลังก์คืน

ตอนนี้มีข้อคิดดีๆแทรกด้วย ชอบมากขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 21-05-2011 18:27:47
 หุหุ  ยาวได้สะใจจริงๆ
 ในที่สุดคาวี่ก็ออกจากบทแมวอ้อนไปสู่บทแมวบู๊แล้ว  อยากรู้จังว่าจะเป็นยังไงต่อ
 ฟากอิตาลีก็วุ่นวายเหลือเกิน  ส่งสารพี่ฝาแฝดทั้งสอง แล้วก็สงสัยว่าเมื่อไหร่ผู้ช่วยทั้งสองของคาวี่จะมาถึงสักที่  อยากรู้ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 21-05-2011 18:38:37
อ่านแบบนี้แล้วก้สงสารโรเบิร์ตแฮะ

คาวี่กับชีคหวานเอาโล่
ลุยมันให้เละไปเลยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 21-05-2011 19:57:28
ชอบจังเลยค่ะตอนนี้ โดยเฉพาะที่บอกว่า ไม่ต้องรักขอแค่เข้าใจ ไม่ต้องเข้าใจ ขอแค่ยอมรับได้อ่ะ ชอบบบบบบบบบบบบบบบบ^^

ปล.เดี๋ยวนี้อัลซาร์ดูจะอ่านคาวี่ได้ขาดขึ้นเยอะ...หรือเพราะเริ่มเข้าใจและยอมรับคาวี่ได้กันนะ
ปล.โรเบิร์ตน่าสงสารT^T
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 21-05-2011 21:03:15
ถึงเวลาออกรบแล้ว
บู๊เลือดสาด :fire:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 21-05-2011 21:03:26
คาวี่น้อยฝนเล็บเเล้ว จะเอาคืนเเล้ว บังอาจนักทำลายชีคเหรอ
คริสนิเลวนะหลอกใช่ความรู้สึกคนอื่น ก้อว่าทำไมพวกราเวย์กับชีคกังวลนัก
 เเต่ตอนที่ชีคว่า คาวี่เป็นคนนอกนั้น เจ็บเเทนเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 21-05-2011 21:29:26
ไม่ต้องเข้าใจทั้งหมด แค่ยอมรับได้ก็พอ คำคมนี้เหมาะกับคาวี่และอัลซาร์
เหมียวน้อยคาวี่เตรียมฝนเขี้ยวเล็บรอล่ะสิ ใครบังอาจทำเรื่องวุ่นวายรบกวนชีค
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 22-05-2011 00:19:24
รอ อัพ เสมอ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 22-05-2011 01:32:23
อืม...เข้าใจโรเบิร์ตมากขึ้นแฮะ ตอนแรกก็ไม่ค่อยชอบเหมือนที่คาวี่หมั่นไส้นั่นแหละ
อย่างนี้คริสจะมีส่วนกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นมั้ยล่ะเนี่ย อยากรู้เหตุผลที่ทำกับโรเบิร์ตอย่างนั้นด้วย

"ยอมรับ" เพิ่งรู้ซึ้งถึงความหมายของมันก็ตอนนี้แหละ ในหลาย ๆ ความหมายอ่ะนะ จุดเริ่มต้นของความเข้าใจ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: kittyfun ที่ 22-05-2011 01:48:23
เรื่องนี้มีปมน่าติดตามอย่างมาก

รู้อย่างนี้แล้วคาวี่ลุยแหลก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: beer ที่ 22-05-2011 02:01:27
หวานที่สู๊ดดดด :-[

รักษาความหวานแบบนี้ตลอดคงดี

แต่คริสต้องมีแผนแน่ๆเลย ทำตัวน่าสงสัย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 22-05-2011 02:28:48
คาวี่ ... เธอจะกลับมาเปรี้ยวแล้วว วว :mc4:

แต่อัลชาห์แบบ ไปเป็นหมอดูมั๊ยลูก ? เดาถูกซะหมดเลย รอตอนต่อไปนะค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 22-05-2011 16:13:57
จิงๆก็เอะใจนิดๆ ตั้งแต่ตอนที่สองพี่น้องแดกดันคริสแล้วแหละ
อ่านแล้วให้นึกถึงคนที่ด่าเรื่องเหยี่ยวแทนคาวี่ ในตอนพิเศษ
แต่ก็ไม่แน่ใจอยู่ดี ความจำตัวเองก็ไม่ค่อยดีเสียด้วย 555
เสียดายคาลเวอร์ชั่นแมวน้อยจัง เราออกจะชอบนะเนี่ย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 22-05-2011 18:16:32
เพิ่งอ่านทัน  คาวี่ น่าร๊ากมว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก

น่าลักไปฆ่าด้วยเช่นกัน อัลชาก็จะแสนดีไปไหนคร๊าเนี่ย

ร้ายๆมั่งก็ได้นะ ตอนนี้รอลุ้นว่าคาวี่จะเอาคืนยังไง

ปล.+1จ๊า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 22-05-2011 20:02:07
ติด ตาม จ้า

เด๋ว ไล่ ตาม อ่าน ให้  ทัน หุหุ  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: *~LPCM~* ที่ 22-05-2011 23:45:36
 :z10: :z10: :z10:
ไรเตอร์ปุ้ยยยยยย เค้ามาแล้วๆๆๆ เป็นแฟนตัวยงของเรื่องนี้เลยนะ
อ่านไปก็รักชีคไป แอบหมั่นไส้น้องมัน บทจะร้ายก็ร้ายซะ บทจะอ้อนนี่ ใครก็เอาไม่อยู่ ดูอย่างท่านชีคดิ หลงหัวปักหัวปรำเลย หุหุ
อ้อนไม่อ้อนป่าว ลากขึ้นเตียงจะตลอด โอกกกกก
ปากก็บนว่าที่ออ่นเพลียก็เพราะท่านชีค แต่พอได้ทีก็  :oo1: :oo1: :oo1: อ่ะนะ เฮ้ออออ เข้าใจๆๆ ว่าหนุ่มเลือดร้อน(รุ้ม) กร๊าาาา

มาถึงตอนของ ร๊อบบ้าง อ่ะนะ ตอนแรกก็แบบใครแว๊ ทำไมดูอ่อนแอจัง (แบบชอบคนแกร่งๆ แบบน้องคาวี่ ไม่ก็อเล็กเซย์) เลยไม่ค่อยคุ้นกะลุกนี้เท่าไหร่
แต่พอรู้ประวัติความเป็นมาของร๊อบ และความเป็นเพื่อนรักกับท่านชีคแล้ว ไม่แปลกเลยที่ท่าชีคจะออกมาปกป้องดูแลซะขนาดนี้
แอบรู้นะที่ท่านชีคไม่อยากแถลงไขเรื่องความสัมพันธ์กับร๊อบแต่แรก ก็เพราะอยากให้น้องมันหึงใช่ไหมล่ะ??  ( :z6: :z6: โดนชีดกระโดดถีบ)

บอกตามตรงนะคะ เป็นคนไม่ชอบเรื่องรบราฆ่าฟันสักเท่าไหร่ แต่พอมาอ่านเรื่องนี้ บอกว่าคำเดียวว่า.....
มันส์มร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แบบอ่านไปก็ลุ้นไป
แต่ฉากสวีทนี่ก็หวานหยดกันไปข้างเลยนะคะ :o8: :-[ :impress2:

ขอตามเป็นกำลังใจให้อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ นะคะไรเตอร์ปุ้ย
ชอบแนวกานเขียน ภาษาและการโยงเรื่องมากเลยค่ะ มีเรื่องอะไรที่เขียนไว้อีกไหมคะ? จะตามไปอ่านค่ะ >_<

รักท่านชีค รักคาวี่ แต่รักน้องคนกลางอ่ะ แต่แอบจำชื่อไม่ได้ หุหุ ออกมาฉากเดียวแล้วก็หายไปเลย อยากเจออีกนะคะค เอาออกมาโชว์บ้างก็ดีนะคะไรเตอร์

ไปแระค่ะ วันนี้ก็ยังคงแนวการคอมเม้นแบบยาวเยียดไว้เช่นเดิม เพราะนานๆ จะมาเม้นสุกที เอาให้มันครอบคุมค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovevva ที่ 22-05-2011 23:49:57
 o18ถึงช่วงเวลาเอาคืนของคาวี่แล้วสินะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 23-05-2011 00:00:54
 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 23-05-2011 01:10:24
ตอนนี้เข้าใจยากอ่ะ ...ไม่เป็นไรทำใจยอมรับก็พอโน๊ะ /me โดนแตะ
(กลับไปอ่านอีกรอบดีกว่าา าา)

กริชเป็นคนรักของราเซย์กับรามิลที่ออกในตอนพิเศษป่ะอ่ะ (ไม่รู้อ่ะ เราคิดไปแล้ววว ฮ่าๆๆ)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: หนอนเทพ ที่ 24-05-2011 20:00:29
ถูกใจพี่กริชจังเลย

 :laugh:


ขอให้ปราบพ่อ 2 รา ให้ได้ในเร็ววัน

 :z10:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: anuyasha ที่ 26-05-2011 22:41:52
บ๊ะ คริสไม่น่าเลยยยยยยยยยย

คาวี่จัดหนักเลยค่ะ อยากให้แมวบู๊ได้แสดงฝีมือ !!
ไม่แสดงฝีมือนาน ตกไปบ้างมั้ยก็ไม่รู้ 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 27-05-2011 00:06:18
ขอบคุณนะคะปุ้ยอ่านตอนนี้เเล้ว ได้ข้อคิดเยอะมากเลย ฮา "ช่าง.หัวพวกมัน" ของคาวี่ เเอบปวดใจกับคำนี้ของท่านชีค"คนนอก" เเต่ก็เเก้ได้ในที่สุด เเต่มันเเอบระเเวงกับคำว่า"จนกว่า"ของคาวี่มันคืออะไร ถึงจะสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันเเต่มันก็เป็นเหมือนเสี้ยนเล็กๆในใจเรา อิอิ เเอบสงสัย เเล้วก็มาถึงตอนท้าย ได้เฉลยประโยคนี้ของเราด้วย "ให้เค้าเกลียดในสิ่งที่เราเป็นดีกว่ารักในสิ่งที่ไม่ใช่เรา" อ่านเเล้วเข้าใจประโยคนี้มากเลย  ตอนนี้ได้ข้อคิดมากๆ

ปอล้อ เเอบฮาท่อนท้ายของปุ้ย พี่โต เเละ พี่กันย์ กรั๊กกกกก เรารู้สึกว่าที่อ่านตอนเเรกๆนี่ อยากจะโหวตพระเอกออกขอใหม่อยู่นะ อิอิ  รอตอนต่อไปเน้อ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: yakusa ที่ 28-05-2011 23:24:06
 :เฮ้อ:   รออย่างตั้งใจ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: iranen ที่ 29-05-2011 01:32:48
หวานมามากแลเว
ต่อไปก็บู๊แหลกลานเลยละสิ
แต่ก็นะเรื่องคริสนะรับรู้แค่ฝ่ายโรเบิตแค่ฝ่ายเดียวหรือเปล่านะ
แต่ไม่รู้เบื้องหลังจริงๆ
ลุ้นจังเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: pigrabbit ที่ 29-05-2011 10:18:41
สวัสดีค่ะ ^^ พึ่งมานั่งอ่านเรื่องนี้ตอนดึกๆ
อ่านมาได้17ตอนอยู่เลยค่ะ พักยกไว้ก่อน อดหลับอดนอน
ตอนแรกเข้ามา ตกใจกับชื่อตัวละคร โอ้~ ชื่อยาวมาก
คิดว่าในเรื่องจะเรียกกันยาวๆอย่างนั้นซะอีก -..-

ตอนนี้ปวดตับกับน้องคาวี่มาก ใจร้ายที่สุดเลยค่ะ 
ท่านชีคของเรา(?) จะช้ำในตายอยู่แล้ว  :o12:
ยิ่งรู้ว่าเค้าหลงรักมาตั่งนานแล้ว ยิ่งหมั่นไส้น้องคาวี่
ตอนอ้อนๆเรารัก ตอนดื้อๆเราหมั่นไส้ :z13:


ปล.
-คุณคนแต่งเป็นแฟนคลับบารามอสด้วยหรือเปล่าค่ะ (เราก็แฟนคลับ♥)
ที่ถามเพราะต้นๆเรื่องตอนที่17ชวนคิดถึง :กอด1:
- แต่ละตอนนี่ยาวมากนับถือจริงๆค่ะ ><
- เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะค่ะ  :L2:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 29-05-2011 17:06:13
ในที่สุดก็ได้ฤกษ์มาเม้นท์ซะที  มีคำถามค่ะคำถามคืออ่านเนือเรื่องไปแล้วไปสะดุดกับประโยคนี้อ่ะ ที่หนูคาีวี่พูดกับอัลชาว่า

 "... ผมบอกว่าจะอยู่ที่นี่กับคุณ...ผมก็จะอยู่ที่นี่กับคุณ...อัลชาอ์ "

จนกว่า... <<<<<<<<< ตรงนี้อ่ะจนกว่าอะไร ไม่อยากคิดอ่ะอย่าบอกนะว่าหนูคาวี่จะทิ้งชีคของเราให้ชอกช้ำอีก  :sad4:

แต่อ่านตอนนี้แล้วเริ่มรู้เลยว่าท่านชีคเรารู้จักคาวี่ดีมาก และตอนต่อไปนี้เจ้าแมวแสนเชื่องจะกลายเป็นแมวป่าซะแล้วซินะ

เนื่องเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อนดีจริงๆ รอติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะ รักคนแต่ง & คิดถึงหนูคาวี่  :L2:


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: *~LPCM~* ที่ 29-05-2011 18:48:39
ประกาศตามหาไรท์เตอร์กะน้องคาวี่คร่าาาาาาา

หายหน้าหายตานานเกินไปแล้วน๊าาาาา

รีบๆ มาตามแก้แค้นซะทีสิคะ ตามเป็นกำลังใจให้อยู่นะคะ คริคริ

ไรท์เตอร์เค้าคิดถึงน๊าาาา

จร๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ  :c3: :give2: :give2:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 01-06-2011 22:40:25
Line 33 : -Arrivederci-

............

          " ได้แก้แค้น...ได้ความสะใจ...ได้อำนาจ ทรัพย์สมบัติเงินทอง.."

         "...ได้ทุกอย่างแล้ว...จะมีความสุขรึเปล่า?"

     ...ไม่มีหรอกความสุข

..ไม่ได้หรอกสิ่งที่เคยคาดหวัง ต่อให้คว้า ต่อให้พยายามหาอย่างไรก็ไม่พบอยู่ดี..

ทุกอย่างที่เคยคิดเคยคาดหวัง ปลิวหายไปกับสายลมของอดีตและความผิดพลาดที่ไม่อาจย้อนกลับมาได้อีกแล้ว

        เฟรเดริโก้ วาลกัส ยืนมองร่างของหลานชายตนที่นั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้โยกตัวเดิมเช่นเมื่อวาน  มองพระอาทิตย์ยามเช้าของซิซิลีที่เริ่มสาดแสงจ้าขึ้นเมื่อเวลาได้ล่วงเลยมาถึงเก้าโมงเช้า โทรศัพท์มือถือเครื่องหรูที่อยู่ในมือของเจ้าตัวนั้นยังคงส่งเสียงร้องไม่หยุดแต่คนถือไม่แม้กระทั่งจะสะดุ้งไหวกับเสียงของมันด้วยซ้ำ..

       บอสของมาเฟียตระกูลวาลกัส มาฟียาผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรแห่งอิตาลีจ้องมองร่างของหลานชายตนเขม็ง ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นเพียงชายที่กำลังป่วยอยู่ ขาสองข้างหรือแม้กระทั่งดวงตาก็ยังไม่ป็นปกติ จะฆ่าไปก็ง่ายแสนง่าย จะกักขังจะทรมารก็ไม่ยากลำบากและเหนือบ่ากว่าแรงสักนิด

    ทั้งที่เป็นเช่นนั้น ...แต่เพราะเหตุใดตัวเขาเองถึงรู้สึกถึงความหนักอึ้ง..ทั้งที่แผนการณ์ดำเนินมาอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหา แต่เพราะเหตุใด เพราะอะไรถึงได้ไม่ยินดี ไม่รู้สึกด้วยซ้ำ ทั้งที่หนทางสู่อำนาจที่แท้จริงนั้นใกล้ขึ้นมาเรื่อยๆ

   รู้สึกเพียงความหนักอึ้ง..ระลึกได้ถึงความหดหู่และเงียบงันเช่นเดียวกับวันที่ทราบข่าวถึงการสูญเสียบุตรชายตนเองไป..

หรือเพราะคำถามของหลานชายที่ยังคงก้องอยู่ในสมอง เพราะนัยน์ตาสีฟ้าสดใสที่จ้องมองมายังตัวเขาไม่วางตา

    หรือจะเป็นเพราะ...ตัวเขาไม่อาจให้คำตอบได้ และมีเพียงความเงียบงัน...

รู้...รู้ดีแก่ใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้พังทลายลงไปแล้ว แต่ยังดึงดันกระทำ

เฟรเดริโก้รู้ตัวดีว่าที่ยังทำเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะอำนาจที่ปราถนา ไม่ใช่เพราะทรัพย์สินเงินทองมากมายจะมากองอยู่ตรงหน้า

แต่เป็นเพราะความสูญเสียอันบ้าคลั่งที่เขาไม่อาจจะทำใจได้ ...เพราะตนเองทำได้เพียงทุกข์ระทมอยู่เดียวดาย ขณะที่ผู้คนรอบข้างยังยิ้ม ยังหัวเราะกันได้ราวกับไม่รู้สึกผิด

เคียดแค้น ปวดร้าว ขิงชัง โกรธเคืองเสียจนไม่อาจจะทนนิ่งเฉย ต้องการทำอะไรสักอย่างให้พวกมันรู้ ให้พวกมันเห็นเสียบ้างว่าความเจ็บปวดของการสูญเสียสิ่งสำคัญของตนเองเป็นเช่นไร..

ต้องการทำลาย ต้องการล้างแค้น...แม้จะไม่ได้อะไรกลับมานอกจากความสูญเสียก็ตาม..

         ท้องฟ้าที่สดใสเริ่มปรากฏเมฆหมอกเข้ามาบดบัง อย่างเชื่องช้า แสงอาทิตย์ที่เคยแผดจ้ากลับถูกบัดบังให้สายลมเย็นชายระเรื่อย อเล็กเซย์ยิ้ม ...เขายิ้มให้กับร่างของผู้เป็นลุงที่เดินเข้ามาด้านหลัง เงาร่างของมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ทาบลงบดบังเงาร่างของตนให้เลือนหายไปจากสายตา..

       เสียงเรียกเข้าที่ดังมาไม่ขาดสายนับแต่เมื่อวานเงียบลงเมื่อปลายนิ้วของผู้เป็นลุงกดรับ และทาบมันลงบนใบหูของเขา

         อเล็กเซย์หลับตาลงช้าๆ ขบริมฝีปากเข้าหากันเมื่อได้ยินเสียงแว่วมาจากปลายสาย น้ำเสียงที่เคยคุ้น แฝงความห่วงใยนักหนา..

      " เซย์...." เสียงของพี่ชาย....และคนที่เขารักสั่นไหวเเละร้อนรนด้วยความเป็นห่วง เปรียบเสมือนน้ำเย็นๆที่ราดรดลงมาบนหัวใจที่สั่นไหวดวยความหวาดกลัวลึกๆ.. อเล็กเซย์สุดหายใจลึกและค่อยผ่อนออกอย่างเชื่องช้า เขาเงยหน้าสบตาผู้เป็นลุง ราวกับจะถาม..ว่าจะให้เขาทำเช่นไร จะให้เขาพูดอะไร

        "..........." อีกฝ่ายเพียงยิ้ม และจ้องมองอย่างไร้คำตอบใด แต่เพียงแค่นี้ อเล็กเซย์ก็รู้ และสามารถเดาถึง"ตอนจบ"ของสิ่งที่เขาเผชิญได้แล้ว..

         ...มันเคยเป็นเช่นไร ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นเสมอมา

ผลของการล้างแค้นด้วยเลือดและน้ำตา จะเกิดและจบลงเช่นไร ต่างฝ่ายก็ต่างรู้อยู่แก่ใจ รู้โดยไร้คำพูด

คำตอบมีเพียงเสียงร่ำไห้ที่ปวดร้าว และบาดแผลลึกในหัวใจ..

         "....คิดถึงจัง..." อเล็กเซย์ยิ้ม...ตอบรับเสียงของคนรักที่ละล่ำละลักด้วยความห่วงใยมาตามสาย เขาหลับตาลงฟังคำถาม ฟังน้ำเสียงแสนห่วงหา ซึมซับเอาความห่วงใยและความรักที่อีกฝ่ายส่งผ่านมาตามเสียงด้วยหัวใจรวดร้าว..ปนปวดแปลบนัก

       " ฉันจะไปหา...." ถ้อยคำนั้นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าหายวับ อเล็กเซย์เปิดตาขึ้นทันควัน  เขาเงยหน้าขึ้นมองสบตาผู้เป็นลุงเพียงเพื่อจะสัมผัสรอยยิ้มร้ายของอีกฝ่าย ชายหนุ่มตัวเย็นวาบ...

       ..เขามองเห็นกระบอกปืนสีดำสนิทที่อยู่ในมือของฝ่ายนั้น มันจ่ออยู่ตรงศรีษะของเขา ส่งสัญญาณไโดยไร้คำพูดให้เขาเลือกระหว่างความเป็นและความตาย
หากเอ่ยปากห้าม..หรือปริปากบอกถึงแผนการณ์หรือสิ่งที่เขาเผชิญอยู่ตรงนี้ออกไป ผลที่ได้รับ คงมีแต่ความตายอย่างไม่ต้องสงสัย

..แต่หากเอ่ยปากตอบรับ ให้อีกฝ่ายมาหา...แม้ความตายจะไม่มาถึง ทว่ามันก็ยังคงกางปีกบินว่อน สยายเข้าครอบคลุมตัวเขาและ...รวมถึงคนอื่นด้วย

   อเล็กเซย์ยิ้ม...นัยน์ตามองเหม่อไป ไกล มองไปยังประตูไม้โอ๊คแกะสลักงดงาม เขามองดูสัญลักษณ์ของตระกูลแล้วยิ้ม..มองกรงเล็บของอินทรี มองหยดน้ำที่สะท้อนแสงวาววับ มอง...เพียงเพื่อจะตระหนักรู้ และยอมรับในสิ่งที่ไม่อาจจะปฎิเสธได้

ต่อให้ออกปากตอบรับแล้วเขาจะไม่ตาย แต่ทว่าไม่ช้าก็ยังต้องตายอยู่ดี

..ถ้าหากชีวิตเดียวและกับชีวิตพี่น้องและคนที่เขารักได้

ถ้าหากเขาจะสามารถหยุดยั้งรอยเลือดที่จะเปื้อนลงบนสัญลักษณ์ของวาลกัส หากจะสามารถห้ามการล้างเลือดในตระกูลให้เสียหายได้น้อยกว่านี้สักนิด

...จะเป็นไรไป..

         อเล็กเซย์สบมองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของผู้เป็นลุง จ้องมองเข้าไปภายในดวงตาคู่นั้น เขายิ้ม ...ประสงค์ที่จะจับจ้องและอยากให้ลุงจดจำแววตาของเขาไปตราบชั่วชีวิต

...เสียลูกชาย เสียดวงใจของตนเองไปเพราะความขาดเขลาของตน หาใช่คนอื่น

....เสียสิ่งที่ตนพึงมีและพึงได้ เพียงเพราะความอ่อนแอของตน..แล้วยังจะหาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเองเพียงเพื่อจะปลิดชีพพวกเขาน่ะหรือ

       " ผมไม่ยอม...ให้มันสำเร็จหรอก "

       อเล็กเซย์แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมมือขวาที่เคยวางอยู่บนพนักเงียบๆกระชากปืนจากมือของผู้เป็นลุงอย่างรวดเร็วเกินกว่าใครจะคว้าทัน  ปลายนิ้วของเขาปลดเซฟ ขึ้นไก และเล็งมันไปยัง"ครอบครัว"ของตนเองเบื้องหน้าอย่างแน่แน่ว ...  แม้ว่าจะไม่อาจเคลื่อนไหว แม้ว่าเขายังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม และ....แม้ว่าตอนนี้จะมีปลายกระบอกปืนจากบรรดาบอดี้การ์ดของผู้เป็นลุงนับสิบจับจ้องมาที่ตัวเขาก็ตาม

     " เรามาแลกกันไหม? " อเล็กเซย์จ้องมองแววตาตกตะลึงของผู้เป็นลุง เขายิ้มขื่น...ออกปากเอ่ยถึงข้อเสนอ แม้ริมฝีปากจะสั่นไหวและหัวใจร้อนระอุ...

     " ผมพร้อมจะตาย...." จ้องมองดวงตาของเฟรเดริโก้ที่ฉายแววนิ่งอึ้ง อเล็กเซย์ยิ้มออกมาอย่างอ่อนล้าปนเศร้าสร้อย...ลำคอเหมือนมีก้อนเเข็งๆจุกอยู่จนน้ำเสียงที่เปล่งออกมาสั่นไหว.." แต่....คุณไม่ "

     "....หลานไม่กล้าหรอก ...อเล็กเซย์ " ในที่สุดเฟรเดริโก้ยิ้มออกมาบางๆ นัยน์ตาวาววับด้วยความพึงใจกับ"การต่อรอง"เบื้องหน้า

     " ..ทำไมจะไม่กล้าล่ะครับ..ผมบอกแล้วว่าผมพร้อมจะตาย ถ้าผมตายคนเดียวแลกกับชีวิตของ"ครอบครัว"ที่เหลืออยู่ จะเป็นไรไป " อเล็กเซย์ จ้องมองใบหน้าของผู้เป็นลุงเขม็ง แม้หยาดเหงื่อจะเริ่มซึมชื้นและปลายนิ้วที่แตะไกปืนจะสั่นระริกไหว..

 ต่อให้เตรียมใจยังไง เขาก็ไม่พร้อมจะตาย ไม่เคยอยากตาย ไม่เคยคิดจะอยากจากโลกนี้ไป

...แต่..มันก็ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว

       " แม้กระทั่ง...ต้องจากกับคนที่รักมากที่สุดน่ะหรือ " เฟรเดริโก้ยื่นโทรศัพท์มือถือที่ยังคงต่อสายคุยกับพี่ใหญ่ของตระกูลมาชูให้เห็นในระดับสายตา อเล็กเซย์ชะงัก นัยน์ตาของเขาวูบไหว เมื่อแว่วเสียงเรียกของพี่ชายฝาแฝด ..หรือคนรักของตนที่ร้องเรียกไม่ขาดปากด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย...

อเล็กเซย์เม้มปากแน่น นัยน์ตาผ่าวร้อน..ริมฝีปากสั่นระริก..

 เขาจ้องมองแหวนทองที่ส่องประกายบนนิ้วนางของตน นึกไปถึงคนที่รักที่สุด...

...และสุดท้าย...เขากลืนก้อนเเข็งๆลงไปอย่างยากเย็น นัยน์ตาที่สั่นไหวกลับมาแน่แน่วอีกครั้ง.. ริมฝีปากบิดขึ้นเป็นรอยยิ้ม ราวกับเยาะหยัน

       " อย่างน้อยผมก็ได้สู้เพื่อคนที่รัก....ดีกว่าคนขี้ขลาดที่ทำอะไรไม่ได้และต้องมาเสียใจทีหลัง "

      "........."

      " ผมไม่ยอมให้มันเป็นไปตามที่คุณคิดหรอก..."

            เฟรเดริโก้ชะงัก บอสมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่มีสีหน้าลังเล...ไหวหวั่นเพียงชั่วครู่   ก่อนจะกดปุ่มเปิดลำโพงโทรศัพท์ให้ได้ยินเสียงอันร้อนรนของอเล็กซิส วาลกัสดังลั่นมาตามสาย..

       "...เซย์....อย่า....ฉันขอร้อง...อย่าทำแบบนี้ " น้ำเสียงคล้ายจะร่ำไห้ของฝาแฝด ทำให้อเล็กเซย์หลุดเสียงสะอื้นอย่างอดรนทนไม่ไหว นัยน์ตาที่ร้อนผ่าวมีน้ำใสเอ่อคลอ ...หากเขาก็ยังคงเล็งปืนไปที่ลุงของตนอย่างไม่ยอมลดละ..และสบตาคู่นั้นอย่างแน่แน่วผ่านม่านน้ำตาของตน..

        " บอกลาสิ..." เฟรเดริโก้กระซิบ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ยังคงยืนนิ่งให้ตกเป็นเป้าสังหารอย่างไม่ยอมเคลื่อนไหว ไม่ได้ประมาทหรือท้าทาย...หากเขากำลังวัดใจ...เสี่ยงท้าทายกับบุรุษเบื้องหน้า..

...หากเราจะต้องฆ่าฟัน...หากเราจะต้องหลั่งเลือดกันจริงๆ..

หาก...ชีวิต จะต้องจบลงเพียงเท่านี้..

  ชะตากรรมของมาเฟียที่ทำแต่เรื่องเลวร้าย ชะตากรรมของชายผู้ยืนอยู่บนกองเลือดและซากศพ

ไม่ตายเพราะคนรักหักหลัง ก็ตายเพราะคนใกล้ตัวทรยศทั้งนั้น...

    อเล็กเซย์จ้องมองใบหน้าของผู้เป็นลุงท่ามกลางดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงจ้าอีกครั้ง...เขากลืนน้ำลายลงคออย่างขมขื่น ความรวดร้าวและความเจ็บปวดปนเวทนาแล่นวาบขึ้นมาในใจ..ยามมองดวงตาคู่นั้น สบมองแววตารวดร้าว แข็งกร้าวหากแต่ก็แห้งผากราวกับไร้ชีวิตจิตใจ..

        "เซย์...." เสียงสั่นไหวของคนรักดังแว่วมาราวกับฝ่ายนั้นจะขาดใจ ..น้ำเสียง ...ที่แสนรักและเคยคุ้น ..สิ่งนั้นเองทำให้อเล็กเซย์ปิดตาลง
เขาแตะปลายนิ้วลงบนไกปืน......และ....ค่อยๆออกแรงเหนี่ยวไกอย่างเชื่องช้า

         "....Arrivederci....cara mia ...."


ปัง !!!

    ...น้ำใสๆหยดหนึ่งค่อยร่วงรินจากผิวแก้มลงสู่พื้นพรม รอยเลือดและน้ำตาสาดกระเซ็นไปต้องสัญลักษณ์รูปเหยี่ยวกางปีกคีบเถาองุ่น ดวงตาของเจ้าเวหานั้นวาววับ...หยดเลือดที่สาดกระเซ็นค่อยไหลอาบ ราวกับมันกำลังร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด..

   ..เลือดของผู้คนที่เดินอยู่บนทางแห่งบาปและความผิด...เลือด...และคำสาปที่วนกลับมาที่เดิมอีกครา..

  ..ผู้ที่มีสายเลือดของมาเฟีย...จะต้องฆ่าฟันรบรากันในตระกูลอยู่ร่ำไป ไม่อาจหลีกพ้น

..........


...Arrivederci....cara mia...


ลาก่อน...ที่รักของฉัน.

ลาก่อน..

     คำๆนั้นก้องสะท้อนอยุ่ในโสตประสาทกังวานอยู่ในสมองและความทรงจำอย่างไม่จางหาย..

ริมฝีปากสั่นระริกอ้าค้าง ดวงตาเบิกกว้าง..

โลกทั้งโลกเหมือนจะดับลง ...วูบสลาย..

เสียงปืนลั่นยังคงก้องอยู่ในสมอง บ่งบอกความจริงที่ไม่ว่าเช่นไรก็ไม่อาจจะหลีกพ้น..

  เสียงสัญญาณที่ขาดหายยังคงดังก้องสะท้อนไปมามือซ้ายที่กำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น สั่นระริก สะท้านไปทั้งตัวด้วยความหวาดหวั่นและความสิ้นหวังที่สาดซัดเข้ามาไม่หยุดหย่อน

     อเล็กซิส วาลกัส ซบหน้าลงกับโต๊ะไม้สีเข้ม  เขาจ้องมองใบหน้า รอยยิ้ม และรูปถ่ายของตัวเขาและคนรักด้วยสีหน้าราวกับจะขาดใจ  ร่างกายทรุดลงราวกับสิ้นแรงภายในห้องทำงานกว้างใหญ่เงียบสนิท..ราวกับทุกอย่างหยุดนิ่ง

เนิ่นนาน...เสียงสะอื้นแผ่วค่อยราวกับสิ้นหวังจึงค่อยเอ่ยออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม..

      "...อเล็กเซย์....."

อเล็กเซย์..

...ไม่มีแล้ว..รอยยิ้มที่แสนคุ้นตา

..ไม่มีแล้ว..เสียงหัวเราะที่แสนรัก...กำลังใจ...ความหมายและครึ่งหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่

จากไปแล้ว...หมดไปแล้ว ไม่มีอีกแล้ว..


เพล้ง !!

   กรอบรูปใบใหญ่ที่มีภาพของทุกคนในครอบครัวถูกเขวี้ยงกระแทกผนังห้องอย่างรุนแรงจนกระจกแตกเป็นเสี่ยงๆ นัยน์ตาของผู้กระทำแดงก่ำวาววับราวกับจะขาดใจ ฝ่ามือทั้งสองกำแน่นจนขึ้นข้อขาว นิ้วนางข้างซ้ายยังคงมีแหวนสีทองวาววับอยู่บนข้อนิ้ว...

   อเล็กซิสทรุดตัวร่ำไห้ราวกับสัตว์ที่บาดเจ็บ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความปวดร้าวที่เข้ามาฉีกกระชากวิญญาณให้แหลกสลาย ฝ่ามือทั้งสองข้างทึ้งเส้นผมสีทองสลวยแรงๆราวกับจะให้ความปวดร้าวนี้ฉุดกระชากตนเองให้ตื่นขึ้นมาจากฝัน ให้ออกจากฝันร้ายนี้ไปยังความจริงที่มีคนรักอยุ่เคียงข้าง

  ...ทว่าก็รู้ รู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความฝัน  และความจริงที่สาดซัดราวกับลูกกระสุนกระหน่ำนี้ก็ทำให้เขาเจ็บปวดรวดร้าวแทบขาดใจ..


        " ทำไม..."

    ทำไมต้องจากฉันไป..

ทำไม....ถึงต้องทำร้าย ทำไมทุกอย่างต้องกลายเป็นแบบนี้..

ทำไมคนที่สนิทชิดเชื้อ คนที่รักใคร่นับถือ คนที่ผูกพันและถือเป็นครอบครัวเดียวกัน จึงได้ทำร้าย...จึงได้ลงมือฆ่ากันอย่างง่ายดาย..เลือดเย็น

..จะฆ่าก็ฆ่าเขา จะทรมารก็ทำกับเขา ทำไมต้องทำกับคนที่เขารักด้วย

เศษกระจกที่แตกเกลื่อนสะท้อนเข้ากับนัยน์ตาแดงก่ำที่วาววับ อเล็กซิสก้มตัวหยิบกรอบรูปที่แตกกระจายออกมาจากเศษกระจกที่ตกเกลื่อน ก้มมองภาพ"ครอบครัว"ด้วยหัวใจร้อนผ่าว ปวดร้าวราวกับจะแดดิ้น..

แควก !

     รูปถ่ายสีสวยถูกฉีกกระชากจนขาดผึง ราวกับจะบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันกลับไปเป็นเช่นเดิม  พี่ใหญ่ตระกูลวาลกัสจ้องมองรอยยิ้มของคนรักในรูปอย่างหวนอาลัย และจ้องมองรอยยิ้มของชายอีกคนในรูปด้วยแววตาเหี้ยมลึก... อเล็กซิสแสยะยิ้มมุมปาก เขาลุกขึ้นยืนช้าๆนัยน์ตาที่เคยสั่นไหวและเต็มไปด้วยความรวดร้าว...เเปรเปลี่ยนเป็นกร้าวแข็ง...

   ชายหนุ่มกดโทรศัพท์โทรออกไปที่เบอร์เดิมอีกครา เสียงรอสายดังขึ้นไม่กี่ครั้งก็มีคนรับ อเล็กซิสสูดหายใจลึก ไม่คิดจะสนใจว่าใครเป็นคนรับ และไม่สนใจ ว่าเฟรเดริโก้จะตายหรือเป็น

     "  Io ti ucciderà!! "

         เขาคำรามเสียงเหี้ยมแล้วกดวางสาย แสยะยิ้มแม้ในใจจะร้อนผ่าวและระทมทุกข์ หากแต่ความเคียดแค้นชิงชังที่ไม่เคยคิดว่าจะมีต่อหนึ่งใน"ครอบครัว"กลับปะทุขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

      Io ti ucciderà..

..ฉันจะฆ่าแก...

...เขาจะเป็นคนฆ่ามันด้วยตัวเอง..จะเป็นคนมอบความตายให้มัน เช่นเดียวกับที่มันเคยมอบให้กับคนที่เขารักที่สุด..

นี่คือการประกาศสงคราม

...ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ต่างฝ่ายต่างก็สูญเสียคนสำคัญ เสียเหตุผลในการมีชีวิตต่อไปแล้ว

เหลือเพียงความเคียดแค้น ชิงชังที่ปะทุเป็นเชื้อไฟในการดำรงชีวิต..

ไม่มีแล้ว ครอบครัว...

ไม่มีแล้ว คำว่า"ครอบครัวเดียวกัน" ไม่มีแล้ว...ผู้ชายคนหนึ่งที่ตัวเขารักและนับถือ..

ทุกสิ่งแหลกสลาย...ทุกอย่างพังทลายลงไปในพริบตา

....สงครามในครอบครัว การล้างแค้น ล้างเลือดในตระกูล ที่พ่อของเขาเคยขอร้องให้มันจบลง "คำสาป"ร้ายกาจที่ไม่มีผู้ใดอยากให้มันเกิดขึ้น ฝันร้ายนั้นกำลังหวนคืนกลับมาอีกครั้ง

และครั้งนี้ เขาจะไม่มีวันอ่อนข้อให้มันอีกต่อไป !!!

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 01-06-2011 22:43:35

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr   

    เสียงเรียกเข้าดังขึ้นแหวกความเงียบดังขึ้นไม่หยุดเสียจนชายหนุ่มผู้จดจ้องอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ต้องหันไปมองมันด้วยความรำคาญกึ่งๆโมโห ปลายนิ้วสีขาวยกขึ้นลูบกระบอกตาที่ปวดรุมของตนเอง มองนาฬิกาที่บอกเวลาตีสามครึ่งแล้วสถบงึมงัม ท้ายที่สุดก็จำต้องถอดแว่นกรอบใสที่ตนเองสวมใส่และลุกขึ้นมาเปิดไฟพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือมากดรับสายอย่างเสียไม่ได้

     เพราะนั่งตรงหน้าคอมพิวเตอร์ทำงานคร่ำเคร่งจดจ่อมาทั้งคืนประกอบกับถอดแว่นสายตาออกไปชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเบื้องหน้าจึงเบลอพร่า จนไม่คิดจะอ่านว่าเป็นใคร คาเนโร่ วาลกัส อ้าปากหาวหวอดด้วยความง่วงงุน ตรงดิ่งไปที่ตู้เย็นมือก็ควานหาน้ำอัดลมเย็นๆมากินให้สดชื่น เขาหยิบโค้กออกมาและกดรับสาย

       " ใครครับ?  " คาร์โลอ้าปากขานรับ

        " ฉันเอง " อยากจะถามกลับว่าฉันไหน แต่น้ำเสียงที่เคยคุ้นนั้นทำให้นึกออกไม่ยาก ขวดน้ำอัดลมที่ยกมาจ่อริมฝีปากเลยละออกทันที คาร์โลถอนใจเฮือก มองนาฬิกาแล้วเริ่มคำนวนเวลาอีกครั้ง...

       " มีอะไรอีก...ข้อมูลที่อยากได้ก็ส่งไปให้พี่แล้วไม่ใช่เหรอ ? จะโทรมาทั้งทีก็ดูเวลาซะบ้าง ที่โน่นมันสิบโมงเช้า แต่ที่นี่น่ะมันตีสาม ! "บ่นใส่ปลายสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ทั้งที่เอาเข้าจริงตัวเองก็ยังไม่นอนแท้ๆ

       " มีเรื่อง...."น้ำเสียงของพี่ชายคนโตนิ่งงันและเคร่งขรึม ที่ถูกต่อว่าไปเมื่อครุ่ก็ไม่โกรธ..ผิดปกติในขั้นมากพอดู คาร์โลขมวดคิ้ว.. เดินไปหยิบแว่นที่ถอดทิ้งไว้มาสวม

        "...อเล็กเซย์อยู่ไหน? " คาร์โลถามเสียงห้วนรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆเพราะเรื่องที่ทำให้พี่ชายคนโตของเขาโทรมาหาและมีน้ำเสียงแบบนี้มีเพียงสองอย่าง นั่นคือเรื่องงานและเรื่องฝาแฝดของตน

..ในเมื่อ"งาน"ที่ทำให้พี่ชายหนักใจเขาก็ทำให้แล้ว...จะเหลือสาเหตุอะไรอีก..ถ้าไม่ใช่...

         "..........."

        " เงียบทำไม? ตอบผมมา ! " ยิ่งอีกฝั่งเงียบไปหัวใจยิ่งเต้นระทึก คาร์โลรู้สึกปวดหัวจี๊ดและเขาก็เริ่มเดินว่อน " โถ่เว๊ย !!อเล็กเซย์อยุ่ไหน ?มีอะไรก็พูดมาเซ่ !! "

        "....อเล็กเซย์....." คำตอบที่ได้นิ่งเรียบ  หากประโยคต่อมากลับทำให้ลมหายใจขาดหาย.." ..ถูก...กำจัด."

        "...อะไรนะ.."  คาร์โลเบิกตากว้าง ร้องเสียงหลง เขาใจหายวาบหากแต่ก็พยายามหัวเราะและบอกว่ามันเป็นแค่โจ๊กขำขัน " หมายความว่ายังไง? ...ใครมันจะกล้าทำ พี่....."

         "....หึ...ใคร....แกก็รู้ดีแก่ใจไม่ใช่หรือ ?. "เสียงหัวเราะเย็นๆของพี่ชายทำให้คาร์โลขมวดคิ้วแน่น " เพราะไม่เชื่อคำเตือนของแกเลยเป็นแบบนี้..แกเป็นคนบอกเองนี่คาร์โล แกเป็นคนพูดเอง......."

         " ...แล้วทำไม...ทำไมพี่ไม่ดูแล ทำไมปล่อยให้มันกลายเป็นแบบนี้  !! " คาร์โลตวาดลั่นชายหนุ่มส่ายหน้ารุนแรงราวกับรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น มันรวดเร็วและโหดร้ายเกินไป...เกินกว่าจะรับไหว... นี่มันอะไรกัน?

         " แกจะด่า จะประณามฉัน จะฆ่าฉันก็ได้..." น้ำเสียงเจือขื่นขมของพี่ชาย ทำให้ความโมโหและความไม่พึงใจของคาร์โลหยุดชะงัก.. "แกจะทำอะไรฉันก็ตามใจ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ "

        " เราถูกทรยศ...คาร์โล..."คำตอบที่ได้นั้นทำให้คนฟังยิ่งงวยงง " ถูกทรยศ เฟรเดริโก้ วาลกัส เป็นคนสั่งฆ่าน้องชายแก และ...เป็นคนพรากอเล็กเซย์ไปจากฉัน.. เขาวางแผนเพื่อฆ่าเราทุกคน....."

        " อะไร....นะ ? "คาร์โลครางออกมาเบาๆอย่างงวยงง ตัวเขาระแวงผู้เป็นลุงก็จริง เขาเคยเอ่ยเตือนให้ทุกคนระวังเฟรเดริโก็ วาลกัส ก็จริง แต่ทว่าเขาก็ไม่เคยคิดว่าลุงจะวางแผนอะไรแบบนี้เขาแค่คิด...ว่าลุงจะวางแผนพรากพี่ชายของเขาออกจากกันเพื่อให้อเล็กซิสเป็นบอสของแกงค์...แล้วนี่ ....มันอะไร?

        " ได้ยินแล้วนี่..."เสียงแข็งกร้าวและเจือแววอมหิตของพี่ชาย...อเล็กซิสพี่ชายที่เก่งกาจและเข้มเเข็งคนนั้นทำให้คาร์เนโร่รู้สึกหนาวสันหลังเยือก "กลับมา..."

          " อะไรนะ.. " คาร์โลครางเสียงสั่น...

         " ...กลับมาที่บ้าน  กลับมาแก้แค้น...ให้กับคนที่เรารัก.... "

         "........."

         " นี่เป็นคำสั่งของฉัน"


ตื้ด...ตื้ด.....ตื้ด...



         เสียงสัญญาณที่ถูกตัดไปยังดังก้องอยุ่ในสมอง กระป๋องโค้กที่อยู่ในมือถูกบีบแน่น...จนน้ำสีดำส่งเสียงซู่ซ่าไหลทะลักออกมาจากฝาเปิด นัยน์ตาสีเขียวสดจ้องมองจอคอมพิวเตอร์ที่ยังคงส่องแสงจ้าท่ามกลางกองเอกสารมากมายและความมืดรอบกาย คาร์เนโร่ วาลกัส เพ่งมองสีสันของแสงไฟอันเลือนรางของมหานครนิวยอร์คผ่านม่านสีทึบเข้ม ก้อนเเข็งๆจุกแน่นในลำคอเสียจนแทบหายใจไม่ออก

....คาร์โลนึกถึงพี่ชายคนรองที่เขาสนิทสนมนักหนา...นึกถึงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของฝ่ายนั้น..และ นึกถึงน้องชายคนสุดท้อง..ผู้มีรอยยิ้มยียวนน่าหมั่นไส้และนัยน์ตาแสนเจ้าเล่ห์วาววับ..

...และสุดท้าย เขานึกไปถึงผู้เป็นลุงที่ตนนึกระแวง...ผู้ชายที่สนิทสนมและคุ้นเคยกันดีคนนั้น...

    กระป๋องโค้กตกลงบนผืนพรมสีอ่อน พร้อมๆกับน้ำที่ล้นทะลักออกมาจากกระป๋อง นัยน์ตาสีน้ำตาลวาววับด้วยหยดน้ำตาที่ค่อยซึมชื้น ฝ่ามือตกลงข้างกายกำแน่น...สั่นระริก

   คาร์โลเม้มปากแน่น ถอนหายใจเคร่งเครียด ปลายนิ้วเกี่ยวเอาแว่นสายตาที่สวมอยู่มาถือไว้ในมือ เขาแสยะยิ้ม..ก่อนจะปามันลงพื้นโดยแรง

หมดทางจะหนี...ไม่อาจจะยื้อและซื้อเวลาต่อไปจากนี้ได้

ต่อให้มีความฝัน ต่อให้มีสิ่งอื่นที่ต้องการ ต่อให้หันหลังและก้าวเท้าเดินจากที่ตรงนั้นมา...ที่สุดแล้วก็ไม่อาจหลบพ้น..

...แก้เเค้นเพื่อพี่ชายและน้องชายที่รัก ...

คาร์โลคำรามในใจ เขาเดินตรงไปที่คอมพิวเตอร์ มองเอกสารที่กองเกลื่อน และหน้าจอที่ยังคงส่องแสงวาบ..

     ชายหนุ่มปัดเอกสารทั้งหลายลงบนพื้นและกระชากปลั๊กคอมพิวเตอร์ออกจากเต้าเสียบอย่างไม่แยแส ฟังเสียงเครื่องสำรองไฟร้องเตือนเพียงไม่กี่ครั้งก็เตะให้มันเงียบเสียงลง คาร์โลเอื้อมมือหยิบกระบอกปืนสีดำสนิทที่อยู่ใต้ลิ้นชัก เหวี่ยงกระเป๋าเดินทางให้เปิดออกและโยนสัมภาระของตนใส่ลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงยี่สิบนาทีเขาก็ก้าวออกจากห้อง ไม่เหลียวไปสนใจเอกสารรายงานหรืองานสำคัญที่ตนกำลังทำอยู่อีกต่อไป

....เพราะยามนี้...ไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่ากับ”ครอบครัว”อีกแล้ว


..............................
 

    เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นและก้องสะท้อนภายในห้องขังที่เงียบเชียบทำให้ดวงตาที่หรี่ปรือของราฟาเอลโร่ค่อยปรือเปิดขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ชายหนุ่มครางเบาๆในลำคอ นัยน์ตาปวดระบมและเจ็บร้าวไปทั้งร่าง ดวงตาที่หรี่ปรือด้วยอาการปวดบวมจากรอยหมัดและฝ่าเท้าค่อยเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า ..ขมวดคิ้วที่แตกเป็นแผลเข้าหากันอย่างอดไม่ได้ เมื่อมองเห็นใบหน้าที่เคยคุ้น...ของคนที่ตัวเขาเกลียดชัง

     รอยยิ้มและสีหน้าเยาะหยันที่ปรากฏบนใบหน้าของมันทำให้ราฟาเอลโร่นึกกังขา เพราะตนยังจำได้ดี เมื่อครั้งที่มันวิ่งพรวดพราดเข้ามาหา ระบายอารมณ์โกรธโกรธาอย่างบ้าคลั่งด้วยใบหน้าสิ้นหวังไร้กำลัง...และ...ผ่านไปเพียงไม่กี่วันมันก็กลับมายิ้มเยาะเย้ยหยัดตัวเขาต่อไปได้แล้วหรือ?

     หรือเพราะ....ใครบางคนที่เดินตามมาด้านหลัง ผู้ชายคนหนึ่งที่มองมันด้วยแววตาอ่อนโยน คนที่มันหันไปยิ้มและคุยกันด้วยท่าทีสนิทสนม..

รึ...เรื่องที่นำมาล้อเลียน ดูถูกมันจะเป็นจริง?

       " หวัดดีราฟาเอลโร่ ...อือ...ลากมันมาด้วยนั่นล่ะ " มันเอ่ยปากทักด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะหันไปบอกทหารให้นำไอ้โง่ที่ร่วมขบวนการอีกคนมาด้วย ราฟาเอลโร่มองสภาพของมันแล้วยิ้มออกมาอย่างสมเพช...ร่างกายที่บอบช้ำเต็มไปด้วยรอยแผลสารพัด และรอยเลือดสดใหม่ที่เกิดบนแขนขวาก็ยังคงมีรอยซึมชื้นสีแดงสด บ่งบอกให้รู้ว่ามันเจอกับอะไร

     คิดพลางมองเสี้ยวหน้าของผู้นำประเทศแห่งนี้อย่างครุ่นคิด...เพราะราฟาเอลโร่ได้ยินฝ่ายนั้นบอกกับเจ้าคนที่เขาเกลียดว่าไม่ชอบใช้ความรุนแรง ไม่อนุญาตให้ใช้กำลังในการสอบสวน..ประกอบกับข้อมูลที่ว่าชายคนนี้อ่อนแอนักหนาทำให้ตนนึกย่ามใจว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าใครจะคิด คนที่ออกปากเช่นนั้นกลับเป็นฝ่ายสอบสวนฟิลิเป้ด้วยตัวเองและทำให้มาเฟียโรคจิตเช่นฟิลิเป้ถึงกับคร่ำครวญด้วยความหวาดหวั่น.. ต่อให้ไม่อาจรับรู้ว่าการสอบสวนนั้นใช้วิธีไหน ทว่าเสียงครางด้วยความเจ็บปวดก็บ่งบอกอะไรได้มากพอ

       นัยน์ตาสีดำสนิทคมปลาบคู่นั้นตวัดมามองราวกับรู้ว่าถูกจ้อง มันเป็นประกายวาบและกร้าวเเข็งเสียจนราฟาเอลโร่สะดุ้ง ..ทว่าเพียงเจ้าคนที่เขาเกลียดนักหันมาหา ดวงตาคู่นั้นกลับอ่อนละมุนลงอย่างรวดเร็ว

..ปฏิกริยาเช่นนั้นทำให้ราฟาเอลโร่ต้องเก็บงำความคิด...

        "...โห...คุณก็เล่นไปไม่เบานี่ แล้วไหนมาว่าไม่ให้ผมใช่ความรุนแรงปาวๆ " คาวัลโลออกปากเย้าเมื่อมองเห็นสภาพฟิลิเป้เต็มตา กระนั้นเขาก็ไม่คิดจะโกรธเคืองอะไร มาเฟียหนุ่มหัวเราะหึหึด้วยท่าทีพึงพอใจเมื่อมองเห็นสภาพย่อยยับเข้าตาจนของฟิลิเป้ แสยะยิ้มมองรอยแผลที่แขนมันแล้วมองรอยแผลบนมือของตนเองบ้าง แผลของเขากำลังจะหาย แต่ของฟิลิเป้มันคงจะยังปวดบวมและไม่อาจสมานง่ายๆ...ดูแล้วสาแก่ใจดีแท้

       "....ผมก็แค่......เล่นมากไปหน่อย "ฟังคำแก้ตัวที่ไม่ใช่กระทั่งคำขอโทษแล้วคาวัลโลก็หัวเราะพรืด เขารับเก้าอี้จากฮาซานมายื่นให้อีกฝ่าย และตัวเขาก็นั่งลงข้างๆไขว้เท้ากอดอกจ้องมองพวกมันอย่างเหนือกว่าด้วยความพึงพอใจอย่างเด่นชัด

      หลังจากปรึกษากันว่าจะไปจารเซและคาวัลโลก็รับปากจะช่วยวางแผนรับมือกับพวกมาเฟียที่เข้ามาก่อกวน ทั้งสองก็ตัดสินใจจะสะสางปัญหาที่ค้างคาอยู่ ปัญหาแรกที่ใหญ่สุด คงไม่พ้นชายหนุ่มผุ้บุกรุกสองคน ที่ต่างก็เป็นทายาทของมาเฟียตระกูลดังทั้งสิ้น..

         " เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันดีกว่า " คาวัลโลฉีกยิ้ม...หาแววตาแฝงความโหดเหี้ยม จ้องมองชายหนุ่มทั้งสองตรงหน้าไม่กระพริบ " ราฟาเอลโร่และฟิลิเป้...บอกมา ว่าพรรคพวกของแกที่รออยู่ข้างนอก มีเท่าไหร่? "

         ".....ทำไมต้องพูด ? " คนถามยังคงเป็นราฟาเอลโร่ที่ปากมันช่างหาเรื่องจนอยากหาอะไรมายัดนัก มาเฟียหนุ่มกลอกตาระอา ก่อนจะสะดุดกับนัยน์ตาที่วาววับของอีกหนึ่งมาเฟียตรงหน้า

         " แล้วแกล่ะ ฟิลิเป้...คิดอยากจะพูดอะไรไหม? " เพราะสีหน้าเหมือนมีอะไรบางอย่างของอีกฝ่ายทำให้คาวัลโลนึกสงสัย จึงอ้าปากถาม

         "...คุณมากับไอ้หมอนี่งั้นเหรอคาวัลโล...." ประโยคคำพุดนั้นประกอบกับแววตาที่ยังคงจ้องเขาอย่างบ่งชัดถึงความต้องการทำให้คาวัลโลขนลุกวาบนึกอยากเอาหัวโขกเข้ากับอกอัลชาอ์ที่รักสักที(จะโขกพื้นไปทำไมให้เจ็บ) คนหนึ่งก็ปากหมาและยอกย้อนชวนโมโห แต่กับอีกคนดั๊น...คอยแต่วกมาประเด็นนี้อยู่เรื่อย

          " แล้วไง ฉันจะมากับใคร เกี่ยวอะไรกับแก " มาเฟียหนุ่มถอนหายใจเฮือก ก่อนจะยิ้มแสยะ " รึว่า....จะให้อัลชาอ์สอบสวนแกต่ออีกซักยกดีนะ "

          "........" ฟิลิเป้ไม่ตอบคำหากร่างของมาเฟียหนุ่มสะดุ้งพรวด นัยน์ตาสีเขียวเบิกกว้างขึ้นอย่างลืมตัว และกริยานั้นก็ไม่อาจจะเล็ดรอดสายตาของคาวัลโลไปได้ เขาจึงหัวเราะออกมาอย่างพึงใจ

          " แหม..ดูท่าฟิลิเป้จะชอบนี่...รึว่ากำลังนึกขอบคุณ...ที่คุณเพิ่มรอยสักเท่ห์ๆให้เขากัน ?" คาวัลโลเลิกคิ้วถามชีคหนุ่ม อัลชาอ์ฟังแล้วร้องหึในลำคออย่างพึงใจ ใบหน้าระบายยิ้มหยัน เมื่อมองไปยัง"รอยสัก"รอยใหม่ของมาเฟียหนุ่ม...   
 
    ร่องรอยของเหล็กร้อนๆขนาดเล็กเป็นจุดกลมๆกว้างไม่ถึงเซนติเมตรปรากฏบนหลังมือซีดขาว มองจากรูปพรรณสันฐานของร่องรอยแล้ว คงไม่แคล้วมาจากวัตถุที่ทำจากเหล็กขนาดเล็กเช่น หัวตะปูที่เผากับไฟจนร้อนจัดแล้วแนบเข้ากับหลังมือกร้านของฝ่ายนั้นจนกลายเป็นรอยแผลสีจัด...

          " ดีแค่ไหนแล้ว...ที่มันไม่ทะลุเส้นเอ็นแกให้กลายเป็นคนพิการ !! " คาวัลโลดวงตาวาววับ คำรามในลำคออย่างชั่วร้าย ยามนึกถึงสิ่งที่ตนเคยถูกกระทำและความเจ็บปวดบนฝ่ามือที่ยังคงตราตรึง

          "......." ชีคหนุ่มยกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่งเสียงเยาะในลำคอเบาๆขณะที่ดวงตาจ้องมองฟิลิเป้ เรกาโซ่ คนนั้นอย่างหมายมาด

      ....มันเคยทำอะไรไว้ ก็ย่อมได้รับผลตอบแทนเช่นเดียวกัน

เคยเอามีดมากรีดเนื้อเถือหนัง เคยเอาตะปูมาตอกลงบนฝ่ามือของคนที่เขารัก...มันก็ต้องได้รับสิ่งนั้นตอบแทนเช่นนั้น กล้าแตะต้องคนที่ตนเฝ้าถนอม กล้าทำร้ายคนที่อัลชาอ์รักสุดหัวใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ให้อภัยไม่ได้ !

   และแน่นอน...มันจะต้องเจ็บปวดมากกว่านัก....มากกว่าที่คาวัลโลเจอนับร้อยเท่าพันทวี !

         " แต่เป็นคนพิการก็ดีนะ ฉันคิดว่าครอบครัวของแกคงไม่รังเกียจ เพราะยังไงก็"เคยชิน"อยุ่แล้วนี่ " มาเฟียหนุ่มแสยะยิ้มร้าย และเนื้อประโยคนั้นก็หันไปวกกัดราฟาเอลโร่ บอนด์เต้ ผู้ที่นั่งเงียบอยู่ได้อย่างรวดเร็ว

         คนฟังชะงัก หากนัยน์ตายังคงวาววับ  " ก็คงดีกว่าครอบครัวของคุณที่ถนัดรับมือกับพวกวิปริตผิดธรรมชาติก็แล้วกัน "

         "............" คาวัลโลกัดฟันกรอดด้วยความไม่พอใจ คงจะตะโกนสวนออกไปด้วยความโมโหแล้วหากอัลชาอ์ไม่รั้งแขนไว้  ชีคหนุ่มดันร่างคนรักให้นั่งลงเงียบๆ ก่อนนัยน์ตาจะกราดมองนักโทษทั้งสองนาย...ท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงลมหายใจของคุกหลวงใต้พระราชวังอันงดงาม

          " ผมให้โอกาสสุดท้าย...ถ้าไม่ตอบ จะหาว่าเราใจร้ายไม่ได้ ในเมื่อคนของคุณมาหาเรื่องเราก่อน "  นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองมาเฟียสัญชาติอิตาเลียนสองนายเขม็ง " ผมเคยบอกไว้ว่าจะไม่ฆ่า ...แต่ถ้าพวกคุณยังจะเอาประชาชนของผมเป็นตัวประกัน...การจับพวกนอกรีตสักคนสองคนแขวนคอประจานกลางเมืองก็ไม่ได้เป็นอะไรแปลกประหลาดสำหรับที่นี่หรอกนะ "

           "......." ถ้อยคำที่ได้รับทำให้สองมาเฟียใจหายวาบ ราฟาเอลโร่เม้มปากแน่น หันไปจ้องสบตาฟิลิเป้อย่างขอความเห็นเงียบๆ ทว่ามาเฟียหนุ่มก็เป็นฝ่ายต้องสถบออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อพบว่าเจ้านั่นมันกำลังจ้องคาวัลโลและชีคคนนั้นเขม็งด้วยแววตากร้าวด้วยความไม่พึงใจ..

..ดวงตาที่วาววับและหมายมาด จ้องมองของที่อยากได้ด้วยความอยากไม่มีที่สิ้นสุด..

          " ....คุณเป็นของผม คาวัลโล...อย่าคิด....ว่าจะหนีผมไปไหนได้..." แค่นี้สถานะของตัวเองยังย่ำแย่ไม่พอสินะ ฟิลิเป้มันถึงได้อ้าปากพูดเรื่องโง่ๆขึ้นมาอีก มันอ้าปากพุดออกมาทั้งที่ตัวเองอยุ่ในสภาพนักโทษสะบักสะบอม...อาจหาญกล้าเอ่ยปากกับคนที่มีสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตายให้ตัวเอง....โง่เง่านัก

...ราฟาเอลจ้อมองมันอย่างไม่พอใจ หวังจะให้มันรู้ตัว แต่คงสายไปสำหรับคนที่ไม่เคยเห็นหัวเขาและมองตนไปมากกว่าคำว่าทาสรับใช้ 

    "...  ต่อให้ครั้งนี้คุณจะรอด แต่ร่องรอยที่ผมประทับไว้บนตัวคุณนะจะไม่มีวันจางหาย....คาวัลโล..."


ผลั่วะ !!!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 32 แค่ยอมรับ 21/5/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 01-06-2011 22:46:11

         ไม่ต้องให้ถึงคราวคาวัลโลลุกไปกระชากคอฟิลิเป้มาด่าแล้วกระทืบให้หนำใจ เพราะฝ่าเท้าของอัลชาอ์จัดการเก็บเจ้าคนปากดีนั้นอย่างรวดเร็วจนร่างของมันล้มลงกับพื้น กระอักกระไอออกมาเป็นเลือดสีเข้มหยดลงบนพื้นซีเมนต์  ชีคหนุ่มแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ออกปากสั่งการฮาซานเป็นภาษาอารบิกสั้นๆที่ฝ่ายนั้นรับคำแล้วเดินหายไปอย่างรวดเร็ว

          " ตกลงว่ายืนยันจะไม่พูดสินะ " น้ำเสียงของชีคหนุ่มที่เปล่งออกมาห้วนกระด้างจนคนฟังชักสีหน้าเหย คาวัลโลจ้องมองคนรักในมาดโหดด้วยสายตาตกตะลึงปนทึ่ง...ก็นะ....ปกติจะเจอแต่อัลชาอ์โหมดคนปกติบ้างอะไรบ้าง ต่อให้เจอกับท่านชีคตอนอารมณ์เสีย อีกฝ่ายก็ยังไม่มีท่าทีเช่นนี้...นี่มันอัลชาอ์เวอร์ชั่นโหดที่เขาไม่เคยเห็น...ดูแล้วน่าประทับใจเป็นบ้า...

           " ...ผมบอกไปแล้วไงเรื่องนายทหาร จะให้เราพูดอะไรอีก ! "ราฟาเอลโร่รีบสวนขึ้นมาทันควัน อย่างไม่ยอมให้ตัวเขาเป็นฝ่ายถูกต้อนให้จนมุม

           " ...ข้อมูลแค่นั้นให้ใครหาก็เจอ...ให้ใครพูดก็ได้ "  อัลชาอ์ยกมุมปากขึ้นช้าๆ จ้องมองดวงตาสีอ่อนจางของมาเฟียเบื้องหน้าอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า

           " แล้วจะเอาอะไรอีก ? " ราฟาเอลโร่ถามกลับสั้นๆ มาเฟียหนุ่มหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด....มองชีคหนุ่มเบื้องหน้า สมองใคร่ครวญอย่างหนักหน่วง..

           " ...คุณก็ได้ยินแล้วไม่ใช่หรือ " อัลชาอ์ตอบสั้น นัยน์ตาสีเข้มปราดมองประตูห้องขัง บัดนี้ร่างของฮาซานองครักษ์หนุ่มคนสนิทก้าวเข้ามาพร้อมกับนายทหารอีกสี่คนเดินเข้ามาด้านใน ในมือองครักษ์หนุ่มมีมีดสั้นลักษณะรูปเล่มโค้งงอน ปลายหยักแหลม ตัวปลอกและด้ามจับประดับอัญมณีและถมทองจนวาววับทั้งอัน คาวัลโลมองมันอย่างสนอกสนใจ เขาหันไปมองหน้าอัลชาอ์อย่างสงสัย หากเพียงฝ่ายนั้นหันมายิ้มให้ มาเฟียหนุ่มก็ร้องอ้า หัวเราะชอบใจ..นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ...

           "...คน...กำลังพล....อาวุธ...ผู้สนับสนุน ผู้ติดต่อ...และ...ผู้บงการ " ชีคหนุ่มเอ่ยช้าๆ สบมองนัยน์ตาของนักโทษสองรายเบื้องหน้าอย่างเยือกเย็น " หนึ่งคำตอบแลกกับชิ้นส่วนหนึ่งชิ้นดีไหม?...แบบที่พวกคุณชอบทำกันไงล่ะ "

       ประกายวาววับบ่งบอกความคมของกริชโค้งรูปจันทร์เสี้ยวที่ถูกชักออกมาจากฝักสะท้อนภายใต้แววตาระแวงปนหวาดหวั่นของนักโทษทั้งสอง  คาวัลโลยิ้มออกมาด้วยความพึงใจอย่างเป็นที่สุดเมื่อได้มองเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวถอดสี ของสองมาเฟียคู่อริ...น่าสมเพชเสียจนอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้ดูยามเบื่อนัก...

     คิดพลางมองใบหน้าด้านข้างของคนรักที่ฉายแววเหี้ยมเกรียม....ถึงจะมองแล้วแอบเคลิ้มแต่คาวัลโลก็ต้องแอบสัญญากับตัวเองเงียบๆแล้ว ว่าคราวต่อไปหากคิดจะหาเรื่องอัลชาอ์ จะต้องทบทวนดูหนึ่งรอบเป็นอย่างต่ำ

              "...พวกเราที่ถูกขังอยู่ในนี้ จะรู้ได้ยังไง !!" ฟิลิเป้เอ่ยเสียงห้วน พลันมาเฟียหนุ่มก็หัวเราะเสียงแผ่ว " หรือหาข้อมูลอะไรไม่ได้แล้วถึงต้องมาเค้นเอากับเรา...ไหนว่าแน่นักไม่ใช่หรือ? "

              "....หึ แน่ใจเหรอว่าไม่รู้ ! " อัลชาอ์เอ่ยเสียงเรียบ จ้องมองใบหน้าผู้พูดเขม็ง "คิดอะไรให้ดีเสียก่อนจะพูดดีกว่า ฟิลิเป้ เรกาโซ่ เพราะผมไม่ได้อยากจะมานั่งฟังคำพูดของพวกไร้สมองให้เสียเวลา "

              " แก....."

              " 150 คน เดินทางมาสมทบจากUAE อีก50 จะมาลงที่โอมาน อาวุธยุทธโธปกรณ์มาจากคนๆนึงที่คอยสนับสนุนเราที่นี่  ติดต่อกับนายทหารคนหนึ่งผ่านสายของเรา..." ก่อนจะเกิดการวิวาทหรืออะไรมากกว่านั้น ราฟาเอลโร่ก้เป้นฝ่ายเอ่ยปากออกมาอย่างรวดเร็ว " และอาวุธที่นายทหารคนนั้นมี ...คือของที่ปล้นมาจากขบวนของวาลกัส .."

               "ผู้บงการ " อัลชาอ์เอ่ยถามต่อ ขณะที่คาวัลโลชะงัก ดวงตาวาววับขึ้นยามได้ยินเรื่องอาวุธที่ถูกปล้น เรื่องของอาวุธที่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขามาเหยียบประเทศนี้

               ".............."

...หากแต่ไม่มีคำตอบใดเล็ดรอดออกมาจากปากของทั้งสองคน

               “ เงียบไปอีกทำไม ?  พวกแกก็บอกออกมาเกือบหมดแล้วนี่ “ คาวัลโลเลิกคิ้ว จ้องมองสองมาเฟียหนุ่มเขม็ง..

                “ โอเมอร์ต้า...”

...คำตอบห้วน...สั้น นั้นทำให้คาวัลโลขมวดคิ้วแน่น..

...โอเมอร์ต้า กฎแห่งความเงียบ...

แสดงว่าคนที่บงการคือ”มาเฟีย”งั้นหรือ?


                "..@$%@%$$& ." อัลชาอ์สั่งการคนของตนเบาๆด้วยภาษาถิ่น และร่างของนายทหารที่เข้ามาประจำก็ลุกขึ้น ตรงเข้ามาตรึงร่างของฟิลิเป้แห่งเรกาโซ่ให้ยืดกายขึ้นอย่างรวดเร็ว เกินกว่าใครจะไหวตัวทัน

          คาวัลโลเบิกตามองฉากที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าอย่างตกตะลึงไม่น้อย ร่างของฟิลิเป้ถูกตรึงเอาไว้บนซี่กรงขังแข็งแรง ขาและแขนสองข้างถูกล๊อก ใบหน้าที่มีเคราครึ้มขึ้นอยู่ประปรายถูกจับให้เชิดขึ้น ขณะที่กริชในมือของอัลชาอ์ส่องประกายสะท้อนแสงไฟวาววับ...

             ".....ไม่มีคำตอบหนึ่งคำตอบสินะ..." อัลชาอ์เปรยเสียงเบาจ้องมองใบหน้าของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้าเขม็ง...ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ " ดี"

             " หนึ่งชิ้น...จะเอาอะไรดีล่ะ ? " ชีคหนุ่มเปรยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบที่แทบไม่มีผู้ใดกล้าขยับตัว  ขณะที่ปลายมีดแหลมนั้นเริ่มชี้ไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย " นิ้วมือ...นิ้วเท้า....หูซ้าย...หูขวา...จมูก....รึว่าปากดี...? "

             ".......ทำแบบนี้คิดว่าจะได้คำตอบอะไรรึไง !! " ราฟาเอลโร่คำรามลั่นด้วยความไม่พอใจ หากผู้ฟังเพียงเลิกคิ้วขึ้นอย่างเนิบช้า

             "....ในเมื่อไม่มีคำตอบ ก็แลกกับมันซะสิ " นัยน์ตาสีดำสนิทปรายมองมาเฟียหนุ่มอย่างไม่ใส่ใจ และราฟาเอลโร่ทำได้เพียงกัดฟันกรอดอย่างจำยอม  นัยน์ตาสีชาจ้องมองกริชเงินในมือของชีคหนุ่มเขม็ง

             " ...ดีล่ะ...ยังถือว่าดีที่ผมได้คำตอบ...ฉะนั้นจะขอจัดการให้ด้วยความหวังดี ด้วยการบริการ"เลาะ" เจ้าหมุดเอ็นน่ารำคาญตานี่ออกไปก็แล้วกัน " อัลชาอ์ยิ้มมุมปาก จ้องมองหมุดกลมสีเงินที่ประดับบนปลายจมูกของมาเฟียหนุ่มนามฟิลิเป้  ขณะที่ในมือก็มีกริชสีเงินส่องแสงวาววับล้อแสงไฟ

             นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองใบหูที่มีตุ้มหูสีเงินขนาดกลางและหมุดแหลมหลายอันร้อยเรียงกัน และกวาดสายตาลงมายังข้างจมูกโด่งสันที่มีหมุดเงินขนาดใหญ่และ....ท้ายที่สุด จึงมองตรงไปยังริมฝีปากของชายเบื้องหน้า เหล่าทหารผู้รู้ใจต่างก็ออกแรงบีบปลายคางให้มาเฟียหนุ่มอ้าปากออกมาอย่างจำยอม และเมื่ออัลชาอ์พยักหน้า ฮาซานก็เดินเข้ามา ในมือมีผ้าเช็ดหน้าผืนบางที่เจ้าตัวใช้รองปลายนิ้วไว้เล็กน้อยเพื่อกันน้ำลาย ก่อนจะค่อยๆ"ล้วง"เข้าไปเพื่อความหาลิ้นของชายหนุ่มเบื้องหน้า

           เสียงครางอู้อี้และเสียงร้องราวกับคนถูกกรอกน้ำร้อนเข้าปากของฟิลิเป้ทำให้สองมาเฟียที่เหลือต่างจ้องมองมันตาไม่กระพริบ  ใบหน้าของคาวัลโลฉายแววอึ้งทึ่งปนสะใจ ขณะที่ใบหน้าของราฟาเอลโร่ซีดเผือกปนคับแค้นใจนัก..

           "....พวกแกมันป่าเถื่อนไม่ใช่มนุษย์ !! " ราฟาเอลโร่ตวาดก้อง อ้าปากเอ่ยประจาณผู้คนเบื้องหน้าอย่างไม่นึกกลัว และสิ่งที่ได้รับ คือเสียงหัวเราะแผ่วเบาในลำคอจากชายหนุ่มผู้นั่งอยู่เบื้องหน้าตนนั้นเอง

           " ..ไปว่าเขา เรามันก็ไม่ต่างกันหรอกว่ะ " คาวัลโลแสยะยิ้มเยาะ ก่อนจะหันไปมองภาพเบื้องหน้าต่ออย่างใจจดใจจ่อ อัลชาอ์กำลังยกมีดขึ้นจรดบนปลายลิ้นเปียกชื้นของฟิลิเป้  ใบหน้าของชีคหนุ่มเเต้มไปด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยมและแววตากร้าวแข็ง ขณะที่ใบหน้าของฟิลิเป้กำลังเหยเกอย่างถึงที่สุด มันซีดขาว นัยน์ตาเหลือกขึ้นด้วยความหวาดกลัว ครางในลำคอและน้ำตาคลอเบ้าเหมือนหมูถูกเชือก


           " อ้ากกกกกกกกกกกกกก..."

            " หึ... " เสียงร้องนั้นดังขึ้นทำให้ชีคหนุ่มอดจะหัวเราะหยันไม่ได้ อัลชาอ์ละมือจากปลายมีดคม จ้องมองสีแดงที่อาบบนคมมีดของกริชสีสวยอย่างพึงใจ ขระที่นัยน์ตาซึ่งฉายแววเยาะหยันหันไปสบมองแววตาของฟิลิเป้ เรกาโซ่ที่เหลือกลานไปด้วยความกลัวเเข้งขาอ่อนจนต้องทรุดลงกับพื้น

...ไม่ได้กรีดลงไปจริงๆ แต่แค่แกล้งแตะปลายกริชลงตรงปลายลิ้น แค่นี้ก็ทำให้ฟิลิเป้หวาดกลัวตัวสั่น..

...แล้วยังรอยยิ้ม...แสดงความพึงใจที่สงครามจิตวิทยาของตนได้ผลนั่น..

            " เล่นแบบนี้ก็คลายเครียดไม่เลวเลยนะ ว่าไหม ? " ชีคหนุ่มเอ่ยถาม กวางกริชลงบนมือขององค์รักษ์คู่กายตน ออกปากสั่งให้หิ้วปีกราฟาเอลโร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงหัวเราะขบขันของชายหนุ่มผู้เป็นที่รักซึ่งยังดังก้องกังวานไม่หาย

           " แหม...น่าจะทำจริงนะเนี่ย " คาวัลโลหัวเราะก๊าก จ้องมองชีคหนุ่มด้วยแววตาวาววับ

         " ...แค่ก็กลัวจนสติแตกแล้ว " ชีคหนุ่มหัวเราะในลำคอ หากแววตายังฉายความเหี้ยมลึกจ้องมองร่างของมาเฟียหนุ่มนามฟิลิเป้ที่ถูกหามไปยังห้องขัง

        ....."กล้า"มาแสดงความเป็นเจ้าของบนผิวเนื้อที่เขาแสนรักแสนหวงก็มากพอแล้ว

 ยังจะกล้ามาเอ่ยปากว่าเป็นเจ้าของ ต่อหน้าเจ้าของที่แท้จริงๆอีก

...จะปล่อยให้มันลอยนวลต่อไปหน้าตาเฉยได้อย่างไร..

          คาวัลโลวางมือลงบนไหล่ชีคหนุ่ม ขณะที่พวกเขาเดินขึ้นมาจากคุกใต้ดิน มาเฟียหนุ่มจ้องมองเสี้ยวหน้าของคนรัก ในใจนึกภูมิใจแม้จะยังหวาดๆหวั่นๆกับท่าทางของอีกฝ่ายไม่น้อย...

      " นี่คุณจงใจทำไปด้วย"เหตุผลส่วนตัว" ล่ะสิ "

        คำกระเซ้านั้นเป็นผลให้คนฟังยิ้มขัน อัลชาอ์เลิกคิ้วอย่างเจ้าเล่ห์ มองสบดวงตาคนรักที่วาววับ ชีคหนุ่มยิ้มมุมปาก ให้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยคำบางคำออกมาสั้นๆ...ทว่า...บอกเหตุผลของการกระทำทุกอย่างได้ชัดเจน

       " ก็ผมหึงนี่ "


...........


         เมื่ออัลชาอ์และคาวัลโลเดินขึ้นมาถึงบริเวณเรือนรับรองด้านหน้า ก็พบกับกลุ่มบุคคลที่ตามหาได้ในที่สุด นัยน์ตาของทั้งสองมองไปยังร่างของเจ้าชายหนุ่มที่ยืนคุยกับหนึ่งในกลุ่มวิศวะกรที่มาทำงานอย่างออกรส และก่อนที่จะได้ทำอะไร ชีคหนุ่มก็ออกปากสั่งให้เจ้าชายหนุ่มเตรียมตัวไปจารเซกับตน ทิ้งความสงสัย...ให้เกิดแค่คาวัลโลและเจ้าชายฟาลซาอ์อย่างรวดเร็ว

          " ทำไมถึงพาไปล่ะ ทุกที..." คาวัลโลถามกลับงงๆ ไม่ใช่เสียดายที่ไม่ได้ไปกับอัลชาอ์แค่สองคนหรอกนะ...ก็แค่สงสัยเท่านั้นจริงๆ

           " เขาต้องไปกับเรา ผมจึงจะได้คำตอบที่ต้องการมาได้ " คำตอบของชีคหนุ่มนั้นทำให้คาวัลโลเลิกคิ้วช้าๆ มาเฟียหนุ่มผู้ไม่ถนัดกับการถกอะไรลึกซึ้งถอนหายใจเฮือก ก่อนจะยักไหล่

           "...แล้วที่นี่....."

          " รามิลและราเซย์จัดการ " อัลชาอ์ตอบสั้น ตาปรายมองสองพี่น้องคนสนิทของตนที่กำลังยืนคุย...และเหมือนจะปรึกษางานอะไรสักอย่างกับวิศวะกรทั้งกลุ่มของบริษัท ASCAcceat อยู่ คาวัลโลมองตามแล้วหน้านิ่ว เขาถอนหายใจเบาๆ

         " แน่ใจหรือ ? "

          "...มีนายพลกาซิมอีกคน ...เท่านี้ผมก็วางใจได้ "อัลชาอ์ตอบ "เพราะ...ผมไม่ไปนานหรอก.."

                คาวัลโลมองหน้าจริงจังของคนพูดแล้วชะงัก รู้สึกผิดนิดๆที่ตัวเขาไปไพล่นึกว่าการเดินทางครั้งนี้คือการไปเที่ยว ทั้งที่ก็ไม่ใช่แถมยังแอบคิดว่านี่เป็นแผนไปฮันนีมูนนอกรอบของอัลชาอ์อีกแน่ะ

          "...มีคนโกหกให้ผมต้องจับตาดู " อัลชาอ์เปรยสั้นๆ หันมาสบตาคนรักดวงนัยน์ตาวาววับ

           " หืม?...." มาเฟียหนุ่มครางในลำคอเบาๆ

           " รอดูได้เลย...อีกไม่นานหรอก " ชีคหนุ่มยิ้มมุมปาก ด้วยนัยน์ตาหมายมาด..

คาวัลโลยิ้มรับคำพูดนั้น เขาจ้องมองใบหน้าคมสันของอีกฝ่ายที่อยู่ไม่ห่าง...นัยน์ตาเป็นประกายด้วยความคาดหวัง..

...คาวัลโลฝากทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในอุ้งมือของชายตรงหน้าด้วยความเชื่อใจอย่างยิ่ง..

..ถ้าอัลชาอ์พูดว่าได้ก็ต้องได้ ถ้าอัลชาอ์บอกว่าจะทำอะไรก็ย่อมทำได้ตามนั้น...

เอ.....นี่เขามีอาการคลั่งท่านผู้นำแบบเจ้าฮาซานมันแล้วหรือนี่..


...................


สวัสดีค่ะ  :3123:
กลับมาแล้ว
 หายไปนานพอควร ช่วงนี้ยุ่งกับการลงทะเบียน เรื่องมหาลัยแบบวุ่นๆ
และตอนนี้ก็เป็นตอนที่ยุ่งไม่แพ้กัน...อเล็กเซย์ของเค้า T T ม่ายยยยยยยยยย  :m15: :serius2:เขียนไปปวดใจเหลือเกิน (เวลาไปเอาหัวโขกกับอกท่านชีคเบาๆ/โดนคาวี่ถีบกลับ :z6:)
ส่วนท่านชีคกับคาวี่ ..ตอนนี้ท่านชีคเท่ห์จัง ฮ่าๆๆๆ เวลาอัลชาอ์โหดนี่มันช่าง..
ปล. ตอนนี้ง่วงมาก ไม่รู้จะพูดอะไร เอาเป็นว่าขอไปนอนก่อนนะงับ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 01-06-2011 23:16:16
เดี๋ยววววว อเล็กเซย์?????
โน่ววววววว วว :sad4: :sad4:
ไม่จริงใช่มั้ย ฮึก!!

คู่รักซาดิส โฮกที่สุด!!!! o13
คาวี่อยากไปฮันนีมูนก็บอกชีคไปสิจ้ะ ><

ตอนนี้เครียดเลือดสาดมาก  :z3:
มาต่อไวๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 01-06-2011 23:31:43
บทนี้เจ็บปวดใจมาก ในตอนแรก อเล็กเซย์ นายยยย ไม่ตายใช่มั้ย
และในตอนหลังก็เจ็บปวดเหมือนกัน แต่แอบสะใจ เสียวนิดหน่อย
แจ่สะใจมากกว่า นี่เราโรคจิต ?? ฮ่าๆๆๆๆ
แล้วอเล็กซิสทำไง บุก ล้างแค้น ไม่รอ คาวี่ก่อนหรอ
ไม่ติดต่อไปหาเลย อ้ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 01-06-2011 23:54:45
ไม่อ๊าว ไม่จริง เค้าไม่เชื่อ เซย์จะจากไปแบบนี้  :o12:
ท่านชีคทำอะไรแต่ละอย่างช่างน่ากลัว แต่เหตุเพราะความหึงคาวี่ ก็โอเค
เรื่องค่อยๆ คลายปม ตื่นเต้นๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 01-06-2011 23:55:38
 :serius2:ม่ายยยย เซย์ต้องไม่ตาย เอาเซย์กลับมาก่อนนนน :dont2:
เปิดสงครามจริงๆจังๆ อ่านแล้วตื่นเต้น แต่...เอาเซย์กลับมา :monkeysad:
ท่านชีคโหด แต่น่าประทับใจมาก อยู่กับตัวแสบ รู้สึกเหมือนเป็นคู่รักจิตๆ ฮ่าๆๆ(เค้าล้อเล่นน๊าคาวี่)
รอความดุเดือดในตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 02-06-2011 00:03:17
อเล็กเซย์ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไม่จริงใช่ไหม คนเขียนจายยยยยยร้่ายอะ กระซิกๆๆๆๆๆ  :serius2: :serius2: :serius2:

ส่วนคู่รักซาดิสต์ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด  อัลชาอ์หึงโหดมากกกกกกกกกก น่ากลัวที่สุด แต่หนูคาวี่คงชอบ เหอะ เหอะ เหอะ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 02-06-2011 00:03:55
กรี๊ด  เชย์จัง  ไม่นะ  อย่าเป็นอะไรไปนะ  ไม่ยอมๆ :m31:
อืม  เหมือนการกระทำแบบนั้นของเซย์จังไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นนะ  ทำให้เกิดการล้างแค้นที่หนักกว่าเดิมอีก  แต่ชอบฉากของซิสและคาโลอ่ะบรรยายได้ใจมากๆค่ะ o13


ฝั่งท่านซีครอบนี้บอกได้คำเดียวว่าเท่ห์มากคร๊า  หุหุ  ประกายความโหดเหี้ยมของผู้นำปรากฏแล้ว
แต่จะว่าไปแล้วคาวี่ออกแนวโรคจิตป่ะเนี่ย   แทนที่จะกลัวกลับชอบซะงั้น
ซีคหึงโหดแบบนี้คาวี่จะทำอะไรก็คิดดีๆก่อนนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 02-06-2011 00:07:16
เซย์ ตายแล้วจิงอ่ะ  o22
ม่ายยยยยยยยยยยยย :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 02-06-2011 00:09:05
สงครามกำลังมา ๆ
เซย์ไม่ตายหรอกมั้งง TT

ท่านชีคก็หึงโหดไ้ด้อีกนะเนี่ย เหตุผลส่วนตัวล้วน ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: beer ที่ 02-06-2011 00:10:16
เหมาะกันจิงๆคู่นี้ น่ากลัวทั้งคู่เลย

แต่เซย์ยังไม่ตายหรอกใช่ไม๊ :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 02-06-2011 00:20:15
โอ้ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด เเม่เจ้าเเง้ๆๆๆๆ ปุ้ยๆๆๆ ใจร้าย ฮึกๆๆ ทำเเเบบนี้ได้ไง ฮึก ๆๆ ฟืดด(เสียงสูดน้ำมูก) สงสารอะ เเต่ปรับอารมณ์เเทบไม่ทัน ฝั่งคาวี่เเม่เจ้า กรี๊ดดด เท่ห์โฮกๆ ท่านชีคขรา สมเเล้วที่ควรคู่กับคาวี่ อิอิ บวกหนึ่งเน้อ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: KaZuKi ที่ 02-06-2011 00:39:25
อ๊ากก  :o12:เซย์ จริงๆหรอ ม่ายย :m15: อ่านไปแล้วเจ็ฐปวดหัวใจ แล้ว ซิสจะทำยังไง ฮือออ T_T :monkeysad:
แอบหวังว่ามันจะไม่จริง :z3: เซย์ไม่ได้่จากไปไหน ได้โปรดดดดดดดด รอตอนหน้านะค่ีะ :sad11:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 02-06-2011 01:01:47
ปืนลั่นเฉยๆใช่ไหม???????
(ทำใจไม่ได้) :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: dea ที่ 02-06-2011 01:07:50
อ๊ากกกกกกก อเล็กเซย์ไม่จริงใช่มั๊ยอ่ะ  :sad4:

ท่านชีคก็หึงโหดมาก อิคู่รักซาดิสต์  :laugh:

รอตอนต่อไปจ๊า  :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 02-06-2011 01:20:57
เข้ามาโวยวายอีกคน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Indigo ที่ 02-06-2011 01:23:25
ช็อคกับเรื่องเซย์มากค่ะ  หวังว่าเซย์จะยังไม่ตายนะ :sad4:

ตอนท้ายๆนี่กรี๊ดกร๊าดท่านชีคมากมายค่ะ  คนอะไร๊ บทจะโหดก็เท่เหลือร้าย :o8:

รอตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: ammer ที่ 02-06-2011 02:24:32
 :a5:
อเล็กเซย์ ตายจริงๆหรอ ม่ายยยยยยยยยยย  สงสารพี่ใหญ่อ่ะ :o12:
จะเกิดศึกในตระกูลกันเองแล้ว ถ้าคาวัลโลรู้ จะกลับมามั้ยนะ?
แต่ว่าวันนี้ท่านชีค เหี้ยมและโหดได้ใจ จนแอบหวาดๆเลยละค่ะ แต่คาวัลโลนี่ยังมีการชื่นชมปลาบปลื้ม เหอเหอ เหมาะกันยังกะคู่แส้กับกุญแจมือแน่ะ  o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 02-06-2011 08:44:22
ลึกลับเนอะมีคนตายด้วยอะ ไม่ดีเลยอะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 02-06-2011 08:52:12
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 02-06-2011 08:55:44
อ่านเม้นเเล้ว เจอบอกว่าอเล็กเซย์ตาย ไม่อยากอ่านตอนนี้เลย   สะเทือนใจอะ

ขอไปทำใจก่อน เดียวกลับมาอ่าน

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 02-06-2011 09:26:29
 :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: pigrabbit ที่ 02-06-2011 09:30:33
 อเล็กเซย์ไม่ตายหรอกเน๊าะคงเป็นความเข้าใจผิด :serius2: :m15:


ตอนนี้มีน้ำตาลอยู่เบาบาง0.05% ของเรื่อง  :monkeysad:
คู่รักเอสเอ็มของเรื่อน่ากลัวจริงๆ อ่อนเปลี้ยเพลียไปเลย เสียวหู  o18



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 02-06-2011 11:33:07
เศร้าอ่ะทำไมเซย์ต้องตายด้วย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 02-06-2011 11:55:19
ได้แต่หวังว่าเซ จะรอด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: BlueFaith ที่ 02-06-2011 15:43:21
เซย์ต้องไม่ตาย
เซย์ต้องไม่ตาย
เซย์ต้องไม่ต๊ายยยยยยยยยยย  :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 02-06-2011 16:18:05
ท่านชีคเท่ห์โฮกมากค่ะ คาวี่ที่ซาดิสห์ว่าโหดยังยอมแถมหลงสเน่ห์ซะงั้น :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 02-06-2011 16:34:34
เซย์ TT

ไม่ ไม่ ไม่จริง!!!!!!!  :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 02-06-2011 17:00:50
เอาจริงหรอที่จะให้เซย์ตายอ่ะ...สงสารอเล็กซิส  :sad4:

ส่วนคู่อัลกับคาลวี่ก็แสดงออกจนกลัวคนอื่นไม่รู้รึไงว่ากำลังอินเลิฟอ่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 02-06-2011 17:41:27
อเล็กเซย์ ตายจริงๆเหรอเนี่ย  อ๊ากกก :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 02-06-2011 17:43:42
ไม่นะ เซย์ ม่ายจริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ไม่ไม่ไม่ไม่ไม่ TT
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 02-06-2011 18:04:34
กำลังคิดว่ายังไงเซย์มันก็ไม่ตายร๊อกกก เหอๆๆๆ

แปลกดีเนอะที่คนเรามักฆ่ากันตายแค่เพราะต้องการอำนาจ...ทั้งที่พอได้แล้วก็ไม่ได้มีความสุขซักนิดเดียวT^T

สนุกและยาวถึงใจมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 02-06-2011 19:36:08
เซย์ต้องไม่ตาย ฮืออออออออออออออ
คาวี่ที่ว่าโหดแล้ว มาเจอท่านชีคนี่ หึงโหดใช่เล่นนะท่านชีค  :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 02-06-2011 21:44:22
อ่านไปอ่าน คาวีกับท่านชีคเป็นคู่ที่สมกันมากกๆๆๆๆ


อเล็กเซย์ ต้องไม่ตายนะ ไม่ยอมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ได้โปรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: *~LPCM~* ที่ 02-06-2011 22:19:59
 :m16: :m31: :jul1:

อาร๊ายยยยย ทำไมอ่านเม้นคร่าวๆ ถึงบอกว่าเซย์ตายอ่า ฮือๆๆ

ทำไมไรเตอร์ปุ้ยทำกับแฟนคลับอย่างนี้

ขอตัวตามไปอ่านก่อนนะคะ เดี๋ยวจิรีบมาเม้นด่วนๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 02-06-2011 23:35:44
อัลชาร์ โหมดนี้คงถูกใจคาวี่มากๆ  (แต่ก็ดูเท่ห์ จริงๆ นั่นแหละ)
มาถึงตอนนี้ คู่รักหวานคู่นี้ดูไปดูมา เหมาะสมกันที่สุด
เพราะบทอัลชาร์จะ(หึง)โหด ขึ้นมา ก็เด็ดขาดไม่แพ้คาวี่เหมือนกัน  :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 03-06-2011 00:10:44
เซย์จ๋าาาาาาาาา ไม่จริงใช่มั้ย  :o12:


ท่านชีคก็นะ....หึงแรงว่ะ น่ากลัวจริงๆ o22


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: นนพี ที่ 03-06-2011 00:13:32
เจ้าชายทะเลทรายโหดมากพะย่ะค่ะ
คาวัลโลเดี๋ยวนี้น่ารักมากกกกกกกก
สงสารพี่ชายยย :sad11:
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 03-06-2011 10:55:42
อ่านถึงตอนที่เซย์ตัดสินใจแล้ว
น้ำตาไหลเลยอ่าาาา

ไม่ยอมน๊าาาาาาาา  ไม่อยากให้มีใครตายย :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 03-06-2011 12:12:17
พิมไม่ถูกอ่ะ รู้แต่อ่านแล้วมือสั่น ถ้าเซย์ตายจริงๆ ถ้าในแง่การเสียสละก็เป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่และน่ายกย่อง
แต่ใจร้ายยยยอ่ะ
ร้องไห้แบบไม่รู้ตัวไปอีกตอน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: yakusa ที่ 03-06-2011 17:27:45
ปวดตับ :a5:



 :m31:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 03-06-2011 18:29:11
อ๊าย....ไม่น้า...เซย์ที่น่ารักของชั้น
นี่ถ้าคาวี่รู้ว่าพี่ไม่อยู่แล้ว อะไรจะเกิดขึ้นเนี่ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 04-06-2011 00:50:31
 :fire:  อิลุงเฟรดดดดดด :z6: :z6:

ตอนนี้ก้อน่ารักอีกละ  คาวี่ติดโรคมาจาดฮาซานแน่ๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 04-06-2011 21:32:29
ตุณปุ้ย ตัดใจฆ่าเซย์จริงๆหรือ :m15:
ไม่จริงใช่ไหม :z3:
แต่อัลชาห์นี่ก็หึงรุนแรงตลอดเลยอ่ะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 04-06-2011 23:49:51
ที่เราสงสัย คิดแล้วคิดอีกคือ แล้วเฟรเดริโก้ ตายรึป่าวหว่า เหมือนปืนจะมีแค่ปังเดียว?  :serius2:
ทรยศ หักหลัง ฆ่าพวกเดียวกันเอง นี่แหละมาเฟีย มันใช่เลย

ชอบท่านชีคเวอร์ชั่นหึงโหดมาก เท่ห์ได้อีก  :-[
โอ้ย คู่นี้ เหมาะกันเสียจนกิ่งทองใบหยกยังต้องตกกระป๋อง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 05-06-2011 00:07:33
ร้ายมากกกกก




55555555+   ซาดิส มากกก 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: flawless ที่ 05-06-2011 19:52:13
ในที่สุดก็ติดตามจนถึงตอน Up date ล่าสุด   :mc4:  เย้ๆ จุดประทัดฉลอง
ต้องขอโทษคนเขียนด้วยนะคะ ที่รวบเม้นท์ มาทีเดียวตอนที่ 33 เลย ก็เค้าเพิ่ง
ได้อ่านเรื่องนี้นี่ 2 วันได้ อ่านจนปวดตากินไทลินอลเลย งุงิ มันติดค่ะ อ่านแล้วติด
แต่ปวดตาจนทนอ่านต่อไม่ไหวต้องพักบ้างอะไรบ้าง

ชอบนิสัยนายเอกอ่ะ มันแสบสันต์วายป่วงดี เหมือนจะไม่แคร์โลก ไม่แคร์ใครแต่
ใจจริงแล้วแอบใจอ่อนนะ อิๆ (ตรงไหนฟร่ะ?)  ชอบพี่น้องตระกูล มาเฟียมากกก
เหมือนจะไม่รักไม่แคร์กัน แต่ความจริงแล้วแคร์กันมากที่สุด ตอนสุดท้ายแอบชอบคาโล
พี่ท่านช่างเท่ห์โฮก... สงสารความรักของคู่พี่ฝาแฝดอ่ะ ความรักต้องห้ามและเหมือน
ถูกสาปไม่ให้พบกับความสุขสมหวัง งืดดดดดดดดดด

พระเอกอิฉันหล่อ เท่ห์ เยือกเย็น และเกินคำจะบรรยาย บอกได้คำเดียวว่าแม้เรื่องนี้มันจะ
อ่านยากกว่าแบดกาย แต่อิฉันชอบเท่าเทียมกัน หรือยกระดับให้เหนือกว่ามิล หนึ่ง กรี๊ดด
ชอบๆ แนวมาเฟีย กับรักกลางทะเลทราย แบบนี้

เป็นกำลังใจให้นะคะ เราชอบสไตล์การเขียนของคุณคนเขียนค่ะ เดาทางยากดี แถมผูกปม
ปัญหา เพิ่มขึ้นมาให้เราเครียดเล่นได้ตลอด ไม่มีตันอ่ะคนๆ นี้  :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 09-06-2011 18:24:40
สวัสดีค่า
มาแจ้งว่าช่วงนี้อาจจะอัพช้า แฮ่ๆ
เอารูปมาแปะด้วย.
อาจจะทำร้ายจิตใจชาวบ้านเล็กน้อย (แต่ก็ยังแปะว่อย )
...พี่อเล็กเซย์...เดธช็อต (เดี๋ยวเอ็งจะเด๊ดเป็นรายต่อไป  :angry2:/คนอ่าน)

(http://image.ohozaa.com/i/73e/kg2er.jpg)

อิชั้นไม่ได้เอาเวลามานั่งวาดรูปนี้จนไม่แต่งนิยายนะ แค่กๆ :z6:
สวัสดีค่า (วิ่งหลบตีนคนอ่าน :m7:)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 09-06-2011 20:03:37
ม่าย :m15: อย่าตอกย้ำกันอย่างนี้เลย

เซย์ต้องรอดใช่มั้ยค่ะ o18 ไม่ได้ข่มขู่นะตัวเอง

เนื่องเรื่องเข้มข้นได้ใจมาก ได้แต่หวังว่าการไปจารเซของหนูคาวี่กับท่านชีคจะไม่ทำให้คนอ่านต้องชอกช้ำอีก

เค้าหวั่นๆยังงัยไม่รู้ซิ ยกมือเห็นด้วยกับท่านชีคเรื่องอย่างว่ากับคาวี่นอกสถานที่(วิ่งหลบกระสุนปืนของคาวี่)

เรื่องอัพช้าไม่เป็นไรยังงัยก็รอได้ คิดถึงหนูคาี่กับคนแต่งมากจ้า

ปล.ไม่ต้องรีบอัพก็ได้แต่เค้ารอตัวเองอยู่นะ   :กอด1:


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: *~LPCM~* ที่ 10-06-2011 18:27:08
 :z13: :z13: :z13:
ไรเตอร์จะรู้ตัวบ้างไหมน๊าาาาาา?? ว่ามัใครคนนึงคิดเถิงมร๊ากกกกกกกกกกกกก
รีบๆพาตัวน้องคาวี่ออกมาสักทีสิคร๊ะ คริคริ คิดเถิงจนจะบ้าอยู่แล้ว
 :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 10-06-2011 21:48:40
 :o12: :o12: ไม่น่าเซย์ต้องไม่เป็นไรสิ :o12:ไม่เอามันเศร้า

ซิสต้องไปช่วยทันน่ะ
 

อัลกับคาวี่นี้เหมาะกันจริงๆ :jul3: พอๆกันเลยคู่นี้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 12-06-2011 20:26:06
คุณSerinบ้านอยู่แถวไหนจะไปปา m79  :m16: :m16:โทษฐานมาอัพช้า ตอนนี้อยากอ่านมาก :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 12-06-2011 20:33:46
กรี้ดดดดด :m30:
รีบนโหดร้ายยยย  :m15:
 :laugh:
วันที่15 จะมาอัพค่า + ตอนพิเศษเนื่องในโอกาสอยากเขียนอีกหนึ่งตอน
@อาบูดาบี "งานเลี้ยงที่น่าเบื่อหน่ายกับการพบกันของพรหมลิขิต"(ชื่ออะไรของมันฟ่ะ  :z6:)
แล้วเจอกันค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 12-06-2011 20:42:03
จะรอตอนพิเศษนะค่ะ คุณ Serin  :กอด1: :กอด1:

หนูว่าพี่รีบหาเสื้อเกราะกันกระสุนเหอะ (มันกันได้มั้ยหว่า :laugh:)
หนูไม่ไปปา m79 ใส่บ้านพี่หรอก หนูอยากไปเข้าฝันมากกว่า จงอัพ จงอัพ  o18 o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 12-06-2011 21:36:50
15 เลยเหรอ??  :serius2: :serius2:
จิบเก๊กหวยรอ ...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 14-06-2011 19:30:08
เอารูปอะไรมาโพส เนี่ย :angry2:

 :beat: :beat: :z6:

 :fire:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 14-06-2011 19:43:22
มีเพื่อนไปเข้าฝันแล้วเดี่ยวคืนนี้เตรียมตัวไปด้วยคน  o18

15 ก็ 15 ยังงัยก็รอได้ค่า

หาหมอนมานอนรอ :t3:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 15-06-2011 23:48:40
มาแล้ววว
......................................


   Line : 34  ผืนทรายสีเขียว


       บรรยากาศยามเดินทางไปจารเซอีกครั้ง...ทั้งที่ผ่านมาไม่ถึงเดือนนั้นแตกต่างกับครั้งที่แล้วพอสมควร การเดินทางครั้งนั้นเป็นไปอย่างเป็นทางการและเรียบร้อย ทว่า ครั้งนี้อัลชาอ์บอกว่าจะไปอย่างเงียบๆและรวดเร็วที่สุด ...ซึ่ง การไปเงียบๆของท่านชีค มันก็คือการไปแบบ"เงียบ"จริงๆ

      ครั้งที่แล้วเป็นขบวนเสด็จใหญ่โตมีรถคุ้มครองของทหารและองค์รักษ์วิ่งนำและห้อมล้อมอยู่ราวสิบกว่าคัน ทว่าครั้งนี้มีเพียงรถแฮมเมอร์คันโตของพวกหน่วยทหารองครักษ์สองคันประกบนำหน้า และรถที่คาวัลโล อัลชาอ์ และเจ้าชาลฟาลซาอ์นั่ง โดยมีฮาซานเป็นคนขับ และรถโฟร์วีลอีกสองคันก็ประกบหลังเพียงแค่นี้ นับรวมแล้วมีแค่ห้าคันและดูจากภายนอกก็ไม่ต่างจากขบวนคาราวานท่องเที่ยวกลางทะเลทรายของนักท่องเที่ยวสักนิด คนที่มาในครั้งนี้ก็ร่วมยี่สิบกว่าชีวิตเท่านั้น ในช่วงที่สถานการณ์ในเมืองค่อนข้างวุ่นวายมันก็น่าห่วงเรื่องความปลอดภัยอยุ่ไม่น้อย ทว่า...พอออกปากทัก อัลชาอ์ก็ยิ้มเฉยไปเสีย

        " ...ให้เข้าใจแบบนั้นน่ะดีแล้ว " คำตอบนั้นทำให้คาวัลโลเลิกคิ้ว...มองรถแฮมเมอร์คันโตติดฟิล์มกรองแสงสีดำทึบเบื้องหน้าแล้วเริ่มคิด อัลชาอ์คงไม่คิดจะฆ่าตัวตายด้วยการหละหลวมเรื่องความปลอดภัยแน่ๆ ดังนั้นจึงเป็นไปได้สูงว่าในรถของพวกองค์รักษ์เหล่านี้ จะมีสรรพอาวุธเตรียมพร้อมและมีการสอดส่องคุ้มกันแน่นหนากว่าที่มองเห็นภายนอกไม่รู้กี่เท่าตัว..

แต่...ให้เข้าใจแบบนั้น?

หมายถึงพวกศัตรูที่จ้องจะโจมตี...แสร้งให้พวกมันตายใจและประมาทงั้นหรือ?..

        "....มันจะเสี่ยงไปไหม? " คาวัลโลเลิกคิ้ว...ไม่แน่ใจในความปลอดภัยมากเท่าไหร่ นึกถึงพวกคนคุ้มกันของอัลชาอ์แล้วก็ลืมไปว่ายังไม่ได้คุยเรื่องยุทธวิธีอะไรกับพวกองครักษ์ละเอียดนัก อีกทั้งการที่คนพวกนี้จะเชื่อฟังหรือปฏิบัติตามคำพูดของตน มันก็ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะภาพพจน์ของเขาก็ใช่จะสวยหรูสักเท่าไหร่..นี่ไม่นับเรื่องไปทำร้ายฮาซานหรือเหวี่ยงโวยไปทั่วแล้วนะ..

        " ไม่เป็นไร..มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก " คำตอบนั้นทำให้คาวัลโลเลิกคิ้ว...มองนัยน์ตาของคนพูดที่ฉายความมั่นใจ หากแฝงแววเคร่งเครียดไม่น้อย...

        "....คุณแน่ใจ? " คาวัลโลเลิกคิ้วถาม เพราะเขาไม่คิดจะเชื่อ ตราบใดที่ไม่ได้เป็นพวกหัวหน้ากลุ่มก่อความวุ่นวายเสียเองแล้วตกลงใจกันว่าจะไม่โจมตีขบวนเดินทางนี้...แล้วอัลชาอ์ไปเอาความมั่นใจมากจากไหน?

        "...ใช่...." ริมฝีปากของชีคหนุ่มโฉบลงตรงขมับแล้วกดเบาๆด้วยท่าทีรักใคร่ ทว่าดวงตากลับวาววับราวกับมีความนัยอะไรบางอย่าง คาวัลโลมองตามนัยน์ตาคู่นั้น...พบว่ามันกำลังจับจ้องไปยังร่างของเจ้าชายฟาลซาอ์ที่นั่งอยู่ด้านหน้า..นั่นยิ่งทำให้เขาต้องครุ่นคิด

...อัลชาอ์บอกว่า...ถ้าไม่มีเจ้าชายฟาลซาอ์มาด้วย ก็จะไม่ได้คำตอบที่ต้องการ..

...ผู้ชายที่ดูงกเงิ่นไร้ความโดดเด่นและเหมือนถูกอัลชาอ์ข่มจนชินแบบนั้น...มีความสำคัญเช่นใดต่อแผลการนี้กัน..

           "..พักเรื่องนี้ก่อนเถอะ..คิดมากไปปวดหัวเปล่าๆ " อัลชาอ์ลูบผิวแก้มขาวจัดเบาๆอย่างรักใคร่ พลางกดปลายนิ้วลงบนหว่างคิ้วที่ขมวดเข้าหากันอย่างลืมตัวของคนรัก "..ดูนี่ดีกว่า...เรากำลังเข้าเขตทะเลทรายแล้ว " 

           " อะไร? "น้ำเสียงชี้ชวนนั้นทำให้คาวัลโลละสายตาจากร่างของเจ้าชายฟาลซาอ์และหันไปมองภาพเบื้องนอกกระจกรถตามน้ำเสียงของชีคหนุ่ม...พลัน เมื่อทอดมองออกไป ดวงวตาของเขาก็เบิกกว้าง ใบหน้าตกตะลึงอ้าปากหวออย่างลืมตัว..

           " โอ้....พระเจ้า...." คาวัลโลอุทานออกมาแผ่วเบา นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องเป๋งไปยังภาพทิวทัศน์เบื้องนอกอย่างตกตะลึงไม่น้อย...ทั้งอยากรู้และเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

           "มานี่สิ...นั่งตรงนี้..."ชีคหนุ่มใช้อ้อมแขนตวัดบั้นเอวของตนให้เข้าไปใกล้และชี้ชวนให้นั่งลงบนตัก แน่นอนล่ะว่าคาวัลโลไม่คิดปฏิเสธอยู่แล้ว มาเฟียหนุ่มลุกพรวดเอนตัวไปนั่งตักชีคหนุ่มทันควันด้วยใบหน้ากระตือรือล้นทว่าทันทีที่ทรุดตัวนั่งลงบนตักอีกฝ่าย เขาก็ยืดตัวเกาะหน้าต่างรถไว้ราวกับจิ้งจกทันควัน นัยน์ตาจับจ้องภาพเบื้องนอกเขม็ง..

          " มันเกิดอะไรขึ้น?...เกิดขึ้นได้ยังไง? " คาวัลโลออกปากถามอย่างงวยงงปนอยากรู้ไม่น้อย กับภาพเบื้องหน้า....ทะเลทรายที่กลายเป็นสีเขียว...พืชพรรณที่พากันผลิดอกแตกใบเต็มเวิ้งทราย ที่เขามองเห็นตอนนี้ไม่ได้มีเพียงสีน้ำตาลของทะเลทรายอีกแล้ว เม็ดทรายร้อนๆปลิวกระจายหากแต่สลับคละเคล้ากับเนินหญ้าและเวิ้นทรายที่มีต้นหญ้าสีเขียวเล็กๆเกาะกลุ่มชูช่อยืนต้นอย่างไม่หวั่นกลัวแสงอาทิตย์จ้าในยามบ่ายแก่ๆ..
กับพื้นที่ที่ไร้น้ำและความชุ่มชื้น...ปกติมีแต่เม็ดทรายทับถมกันเป็นเนินยาวสุดลุกหูลูกตา...แต่บัดนี้มันกลับมีต้นหญ้าเล็กๆชูช่อผลิบานไปทั่วจนละลานตาไปหมด...
ทั้งแปลกตาและน่ามองนัก...

          "...ฝนตกไง "อัลชาอ์ยิ้มบางๆ ชีคหนุ่มกอดร่างคนรักไว้ ปลายคางภายใต้กุตราห์สีขาวกดลงบนผิวไหล่ของมาเฟียหนุ่ม อัลชาอ์ยิ้มบางๆจ้องมองผืนทรายที่มีต้นไม้ปกคุลมอยู่ด้วยแววตารักใคร่...ภาคภูมิและพึงใจในดินแดนที่เป็นของตนและบรรพบุรุษ ปลายนิ้วของชีคหนุ่มกดลงตรงกระจกใส ลากชี้เพื่อให้คนบนตักได้เรียนรู้ด้วยคำอธิบายของตน

         " ...ที่นี่เป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งก็จริง แต่ว่าเมื่อมีฝนตกพวกพืชหญ้าหรือวัชพืชเล็กๆที่ถูกพัดมาตามลมน่ะ ก็จะหยั่งรากเติบโตอย่างรวดเร็ว ...ดินทรายน่ะไม่อุ้มน้ำ ฝนตกลงมาน้ำก็ซึมลงไปเร็วจนต้นไม้ไม่อาจจะเติบโตได้  พายุที่เข้ามาตลอดสามสี่วันนี่น่ะเขาเรียกพายุปลายฤดู ตกนานมากกว่าตกหนัก และน้ำฝนที่รวมตัวกันก็จะเอ่อท่วมพื้นที่พวกนี้มันซึมหายไปเร็วพอๆกับไหลบ่ามาก็จริงแต่ว่า มันก็จะมีระยะเวลาสั้นๆที่พวกต้นไม้เล็กๆวัชพืชหรือพืชพันธุ์ที่อดทนเติบโตอยู่ที่นี่ได้ผลิบานขึ้นมา " ชีคหนุ่มกระซิบบอกคนในอ้อมแขน มองแววตาสดใสกระตือรือล้นของอีกฝ่ายแล้วหมั่นเขี้ยวจนต้องก้มลงกดริมฝีปากหอมแก้มเจ้าตัวป่วนสักฟอด ให้ดวงตาสีน้ำทะเลคู่โตนั้นหันมาสบมองรอยยิ้มของตน

          ".. เพราะฝนเพิ่งหยุดตกไปเมื่อวาน? "คาวัลโลถาม นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่จ้องเป๋งเลิกคิ้วขึ้นช้าๆอย่างครุ่นคิด

          " ใช่...ถ้าเรามาเมื่อวาน บางทีอาจจะได้เห็นรุ้งกินน้ำด้วยนะ " ชีคหนุ่มเอ่ย เรียกให้คนฟังร้องอู้วในลำคออย่างตื่นเต้น ดี๊ด้าดีใจเหมือนเด็กๆ แต่ถึงจะเด็ก...ดูไปแล้วมันก็น่ารัก...

          "...อยากดูจัง..." คาวัลโลหันมาสบตาคนรัก ยิ้มกว้างด้วยดวงตาพราวระยับ " ผมได้ยินว่ามีรุ้งกินน้ำตอนกลางคืนด้วย.." แววตาคนพูดวาววับเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นสุดขีด ...นั่นทำให้ผู้มองหัวเราะเบาๆอย่างอาดูร..ฝ่ามือหนาลูบไล้เส้นผมสีน้ำตาลทองของอีกฝ่ายอย่างเบามือ ก่อนที่ชีคหนุ่มจะดึงเจ้าคนที่ยึดตัวไปมามองซ้ายมองขวาอยู่ไม่สุขให้นั่งลงนิ่งๆ บนตักแล้วจับมาสบตากันเสียดีๆ

          "...มันต้องใช้ความบังเอิญและโชคอย่างมากนะ ถึงจะเจอ " ชีคหนุ่มยิ้มให้คนรัก " ทะเลทรายสีเขียว พระอาทิตย์เที่ยงคืน สายรุ้งจากพระจันทร์ หรือรุ้งกินน้ำกลางทะเลทราย..ของพวกนี้น่ะ ไม่โชคดีจริงๆก็ไม่ได้เจอหรอก..ชั่วชีวิตของคนๆนึงจะได้เจอหรือเปล่ายังไม่รู้เลย "

          " ...งั้นผมก็เป็นคนโชคดีน่ะสิ " คาวัลโลออกปากถามนัยน์ตาวาววับ 

           " ใช่....โชคดีมากๆ...." อัลชาอ์ยิ้มให้กับคนรักที่จ้องมองเขาตาแป๋ว น่าหมั่นเขี้ยวจนต้องหอมแก้มแรงๆอีกสักสองสามที " แต่ผมโชคดีกว่านะ..."

           " หือ? "คาวัลโลเลิกคิ้ว มองหน้าคนพูดที่ดวงตาเป็นประกายระยับ ก่อนจะยิ้มกว้าง" โชคดีที่ได้มาดูกับผม...ใช่ไหมล่ะ  "

                   เพราะมันเป็นเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาหากหวานหู..และใบหน้าคนพูดก็เริ่มแดงจัดด้วยความอาย อัลชาอ์จึงทำได้เพียงกลั้นยิ้มเอาไว้อย่างสุดความสามารถเท่านั้น แต่ก็ทำได้ยากนัก เมื่อความสุขมันล้นปรี่ในหัวใจจนไม่อาจจะห้ามได้ ชีคหนุ่มจ้องมองใบหน้าของคนพูดที่เริ่มเบือนหน้าหนี ขยับตัวขยุกขยิกจะลุกออกไปจากตักและแอบชำเลืองมองชายหนุ่มอีกสองรายที่นั่งอยู่ด้านหน้าด้วยความขัดเขินไม่น้อยที่ถ้อยคำกระซิกระซาบแสดงความรักของพวกเขาทั้งสองนั้นคงจะแล่นเข้าหูได้อย่างไม่ยาก

        อาการ"อาย"เพราะคำพูดตัวเองที่นานๆจะเจอทีทำให้ชีคหนุ่มนึกเอ็นดูอีกฝ่ายนัก อัลชาอ์ยกมือขึ้นเล่นไล้เส้นผมนุ่มของเจ้าตัวแสบบนตักอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะดึงเอาคนที่กำลังทำท่าจะลุกไปจากตักมานั่งซ้อนตัวไว้ด้านหน้า...เช่นเคย...เช่นที่เคยทำมาเมื่อครานั้น..

     เพียงแต่ตอนนี้มันแตกต่างเมื่อสามารถโอบกอดแสดงความรักและความเป็นเจ้าของได้อย่างภาคภูมิ และไม่ได้ตกอยู่ในภวังค์รักอันโง่งมเพียงฝ่ายเดียว.

            " ...อย่าดิ้นเลย...ดูข้างนอกต่อสิ...อีกไม่กี่วันมันก็จะหายไปแล้วนะ "ชีคหนุ่มเอ่ยพลางมองไปด้านข้าง ผ่านกระจกใสที่สะท้อนภาพทะเลทรายสีเขียวชอุ่ม...ซึ่งเป็นภาพที่หาได้ยากนัก..

            "...น่าเสียดาย "คาวัลโลพ่นลมหายใจลงเล็กน้อย...มองตามดวงตาคู่นั้นของชีคหนุ่มไม่วางตา

            " อืม...แต่ไม่เป็นไรหรอก " อัลชาอ์เอ่ย พร้อมกับยิ้มบางๆ " แม้มันจะอยู่ได้แค่ไม่กี่วัน แต่ก็ยังมีปีหน้าและปีต่อๆไป.."

             "...อา......นั่นสินะ " คนฟังนิ่งคิดไปครู่หนึ่งราวกับจะตรึกตรองอะไรบางอย่าง...ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆรับคำกล่าวนั้นอย่างว่าง่าย "...ต่อให้ภาพนี้มันจะหายไปภายในไม่กี่วัน แต่มันก็ยังมีปีหน้า...และปีถัดๆไปอีก...เรา.....มาดูด้วยกัน....ได้..."

            "คาวัลโล? "อัลชาอ์เลิกคิ้ว ก้มมองคนพูดที่มีทำนองเอื้อนเอ่ยแปลกๆ

            "...เปล่า....ผมแค่....คิด....คิดถึงอนาคตน่ะ...." ปลายนิ้วสีขาวไล้ลงบนหลังมือแกร่งเบาๆขณะที่ดวงตายังคงจ้องมองภาพเบื้องนอกตาไม่กระพริบ.. " มันคงไม่แปลกใช่ไหม..ถ้าความเปลี่ยนแปลงในชีวิตอย่างกะทัน ทำให้นึกกลัวขึ้นมา.."

ดวงตาสีน้ำทะเลเงยขึ้นและหันมาจ้องอย่างขอความเห็น อีกทั้งบอกกล่าวเว้าวอนอยู่ในที...นั่นทำให้อัลชาอ์ถอนหายใจพรู

            " ..ไม่หรอก....." ชีคหนุ่มเอ่ย นัยน์ตาจับจ้องภาพทะเลทรายที่มีพืชเล็กๆขึ้นประปรายดูแปลกตา ก่อนจะละจากภาพนั้นมาสบตาคนในอ้อมแขน "  มันก็เป็นธรรมดาของมนุษย์..ใครๆก็ต่างกลัวกับสิ่งที่ไม่เคยพบเจอทั้งนั้น "

        ชีคหนุ่มประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากบาง จ้องมองเส้นผมสีมะออกกานีของคนในอ้อมแขนนัยน์ตาสีเข้มตวัดมองภาพทะเลทรายเบื้องหน้า ก่อนจะถอนหายใจเพียงแผ่วเบา..

ไม่ได้บอกไป ว่าการพบเจอ"โชคดี"ในครานี้ ก็มีนัยยะในทางเลวร้ายอยู่เช่นกัน

...............

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 16-06-2011 00:41:04

   พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ส่องแสงนวลทอดเงาลงมาอย่างอ่อนโยนนั้นเดินทางไปครึ่งฟ้าแล้วยามที่คณะเดินทางได้มาจอดพัก ณ โอเอซิส ที่จะเป็นที่พักแรมในค่ำคืนนี้เมื่อลงจากรถ อากาศหนาวก็ปะทะวูบอย่างไม่ทันตั้งตัวจนขุนลุกเกรียวไปทั้งไขสันหลัง สายลมเย็นที่พัดพาเข้ามาพร้อมกับทรายเม็ดเล็กๆทำให้คาวัลโลต้องรีบยกมือขึ้นปิดบังดวงตาอย่างรวดเร็ว เขาได้ยินเสียงพูดคุยของอัลชาอ์และเหล่าผู้ร่วมขบวนในภาษาถิ่นอยู่ไกลๆ หรี่ตาฝ่าเม็ดทรายและเพ่งมองในความมืดมิดไปยังกระโจมที่ตั้งอยุ่ไม่ไกลและมีตะเกียงขนาดใหญ่แขวนไว้นำทาง

       ใช่ว่าจะไม่เคยเดินทางแบบนี้ แต่ว่าคาวัลโลก็ยังนึกสงสัยท่าทีของอัลชาอ์และคณะไม่น้อย เพราะจากที่ผ่านมาชีคหนุ่มจะลงจากรถและตรงดิ่งไปยังกระโจมทันที ทว่าตอนนี้กลับยืนคุยและสั่งการอะไรกับพวกทหารองครักษ์อยู่ท่ามกลางทะเลทรายยามค่ำคืนที่เย็นยะเยือกและเต็มไปด้วยแรงลม

        "...23 องศา..คืนนี้หนาวน่าดู..." เสียงของเจ้าชายฟาลซาอ์ดังขึ้นใกล้ตัว ทั้งยังเป็นภาษาอังกฤษทำให้คาวัลโลหันไปมอง ด้วยรู้ว่าถ้าไม่ประสงค์จะคุยกับเขา ชายตรงหน้าคงไม่พูดแบบนี้แน่ๆ

       " เพราะฝนตกและเพิ่งหยุดเมื่อวาน..อากาศแถวนี้เลยยังแปรปรวน " เจ้าชายหนุ่มหันมายิ้มให้และออกปากอธิบาย นัยน์ตาสีเขียวมรกตคู่นั้นหันมาสบตาและตวัดสายตาไปมองสภาพอากาศอีกครั้ง  ก่อนจะเอื้อมมือดึงแขนมาเฟียหนุ่มให้เดินตามหลัง กริยานั้นทำให้คาวัลโลชะงักหน้าเหวอ และหันไปมองอัลชาอ์โดยอัตโนมัติ

       แรงดึงนั้นทำให้ชีคหนุ่มชะงัก อัลชาอ์หันกลับมามองสบนัยน์ตาสีน้ำทะเลของคนรักเมื่อรู้สึกถึงปลายนิ้วที่ฉุดรั้งโธปสีเข้มของตนไว้ ชีคหนุ่มยิ้มให้กับใบหน้าเหรอหราของคาวัลโล ฝ่ามือหนาวางลงบนศรีษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลทองแบาๆ ก่อนริมฝีปากจะบิดขึ้นเป็นรอยยิ้ม

       "..ไปกับฟาลซาอ์ก่อน...ผมมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย "

           สิ้นคำกล่าวนั้นคาวัลโลก็หยักหน้ารับ แต่เขาก็ยังบิดข้อมือออกจากฝ่ามือของเจ้าชายหนุ่มอย่างสุภาพ ไม่สนใจสีหน้าประหลาดใจของอีกฝ่าย คาวัลโลเพียงแต่ยกยิ้มไม่เอ่ยคำและเดินตามหลังไปเงียบๆ แม้ในใจจะนึกขัดเคืองไม่น้อย..เขาไม่ใช่ของสาธารณะที่ใครอยากจะจับก็จับ  ไม่ได้หวงตัวเหมือนผู้หญิง แต่ไม่ชอบที่จะให้ใครมาปฏิบัติต่อเขาเหมือนผู้หญิง เข้ามาจับมือแล้วลากนำไปเหมือนตัวเขาไม่มีแรงเดิน เพราะเห็นเขาเชื่อฟังยอมตามหลังอัลชาอ์ต้อยๆเลยทำบ้างรึไง
คนที่จะทำแบบนั้นกับเขาได้ ตอนนี้มีเพียงอัลชาอ์คนเดียวเท่านั้น..

      เข้ามาภายในกระโจมที่อากาศค่อยอุ่นขึ้นและไม่มีลมแรงเช่นภายนอกจึงค่อยเบาใจ แต่อีกใจหนึ่งก็นึกหงุดหงิด เพราะสภาพอากาศแบบนี้จะออกไปไหนได้หรือ แล้วที่สัญญากันไว้ว่าจะไปดูดาวด้วยกัน จะทำได้จริงหรือไง

      "...คุณก็พักที่นี่? " คาวัลโลเลิกคิ้ว...ออกปากถามเจ้าชายหนุ่มที่หยิบฟูกยาวหนานุ่มมาปูบนพรมถักเเข็งๆที่ใช้เป็นที่ปูรองบนผืนทรายและค่อยทรุดกายลงนั่ง ...ส่วนตัวคาวัลโลก็ทรุดตัวตามอย่างรวดเร็ว...เนื่องด้วยในนี้ไม่มีโต๊ะหรือเก้าอี้เตรียมพร้อมสรรพเช่นทุกคราว จะมีก็แต่ตะเกียงที่แขวนไว้ให้ความสว่างเท่านั้น..

      " เปล่า..." คำปฏิเสธและสีหน้าอมยิ้มคล้ายจะรู้ทันของอีกฝ่ายทำให้ผิวแก้มขึ้นสีเรื่อขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนที่คาวัลโลจะกลบเกลื่อนมันอย่างรวดเร็ว " ผมแค่มานั่งรอเป็นเพื่อนคุณ "

      "...เป็นเพื่อนผม?..ทำไม กลัวผมจะชักน้ำลายฟูมปากรึไงถ้าไม่มีคนอยู่ด้วย " คาวัลโลหน้ามุ่ย เบ้ปากใส่คนพูดอย่างหงุดหงิดกับคำตอบนั้น ขณะที่เจ้าชายหนุ่มผู้ได้ฟังยิ้มค้าง...เหมือนจะตะลึงและช๊อคไปไม่น้อยกับวาจาของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้า..

     "..อ่า....ผมแค่ล้อเล่น...ก็บังเอิญว่าท่านพี่อัลชาอ์มีเรื่องต้องจัดการและให้ผมรู้ไม่ได้ จึงต้องมาอยู่ที่นี่กับคุณไงล่ะ " ฟาลซาย์ยิ้มเจื่อนๆก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา ทว่าคำพูดนั้นทำให้ผู้ฟังเลิกคิ้ว..

     "...สรุปว่าความจริงให้ผมคอยเฝ้าคุณสินะ " รอยยิ้มของมาเฟียหนุ่มวาววับ..ชอบใจ

      " ก็..คงงั้นมั้งครับ " เจตนาของผู้สั่งการจะเป็นเช่นไร ใช่หรือไม่ใช่แต่ออกปากตอบรับไว้ก่อนคงดีกว่า

      "น่าสงสัยไม่น้อยนี่...ว่ามีเรื่องอะไรที่คุณรู้ไม่ได้ "ดวงตาคู่นั้นมองสบอย่างสงกาไม่น้อย แต่ก็มีแววท้าทายอยู่ในที

       ". คุณน่าจะรู้ความเป็นมาของผมนี่...แค่ท่านพี่อัลชาอ์อุ้มชูให้ดำรงตำแหน่งก็ดีแค่ไหนแล้ว...กับผู้ที่ไม่ได้มีสายเลือดของผู้ครองแคว้น จะหวังสิ่งใดที่เกินตัวไปทำไม " คำพูดนั้นทำให้คาวัลโลเลิกคิ้ว จ้องมองเจ้าชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างใคร่ครวญอีกครั้ง..ก่อนจะถอนใจพรู..

        "  หน้าตาคุณดูสิ้นหวังกับชีวิตดีนะ "ว่าแล้วมาเฟียหนุ่มก็หัวเราะพรืด "ชวนสงสัย ว่าจะไม่นึกอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้างรึไง?"

        " ผมพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ " ฟาลซาอ์เอ่ยเรียบๆ หากดวงตาสีมรกตคู่นั้นจ้องมองอย่างไม่ยอมหลบ เพื่อแสดงความจริงใจ

        "....นั่นสินะ.. เพราะช่วงนี้ก็มีพวกโง่เข้ามาวุ่นวายที่ประเทศคุณเยอะแยะ" คำกล่าวนั้น ทำให้ดวงตาของผู้ฟังฉายแววสั่นไหวขึ้นมาวูบหนึ่งอย่างปิดไม่มิด และแน่นอน...นั่นไม่อาจจะพ้นจากการสังเกตการของคาวัลโลไปได้  "ก็ได้แต่หวัง ว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรเลวร้ายขึ้นอีก "

        "....ผมก็คิดแบบนั้น " ฟาลซาอ์ตอบสั้นๆ ก่อนจะถอนหายใจและหยัดกายลุกขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงสายลมที่ลอดเข้ามาด้านในจากกระโจมที่เปิดอ้าและร่างของชีคอัลชาอ์เดินเข้ามาภายในกระโจม เจ้าชายหนุ่มผินกายไปโค้งตัวลาแก่ญาติผู้พี่ของตนเงียบๆแล้วเดินออกไปจากกระโจมอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คาวัลโลนิ่งมองด้วยสายตางวยงงไม่น้อย

       "...คุณไปแกล้งอะไรเขาอีกล่ะหืม? " น้ำเสียงทายทักของชีคหนุ่มผู้กำลังหยิบหมอนใบโตและผ้านวมขนเป็ดผืนใหญ่มาปูลงบนฟูกหนาอีกคราทำให้คาวัลโลที่ถูกกันให้ลุกออกไปมองชีคหนุ่มจัดที่ทางภายในกระโจมหน้านิ่ว..

       "อะไรกัน ทำไมต้องว่าผมแกล้งด้วยล่ะ..." น้ำเสียงกระเง้ากระงอดนั้นทำให้คนฟังหัวเราะเบาๆ วางสัมภาระที่ติดตัวมาลงบนพื้นแล้วหันไปคว้าตัวมาเฟียหนุ่มที่กำลังหน้ามุ่ยได้ที่มาแนบอก

       "  แล้วไม่จริง..? "รอยยิ้มและแววตารู้ทันนั้นทำให้คาวัลโลชักสีหน้าหงุดหงิด ทว่าก็ยอมพยักหน้ารับในที่สุด..

       " ก็นิดหน่อย...แค่ถามซักเล็กๆน้อยๆ " คาวัลโลตอบคำและนั่นก็เรียกร้อยยิ้มขันเชิงหมั่นเขี้ยวของชีคหนุ่มพร้อมกับจูบฟอดใหญ่บนแก้มขาว  อัลชาอ์ตั้งท่าจะฟัดเจ้าเหมียวตัวน้อยให้จมเขี้ยวทว่าเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวจึงผละจากอ้อมแขนชีคแห่งเซเนียยามาทิ้งตัวลงบนผ้านวมผืนหนาและกองหมอนนุ่ม  เอาหน้าซบซุกสัมผัสความนุ่มนิ่มชวนนิทรานั้นอย่างรวดเร็ว อัลชาอ์อมยิ้มให้กับกริยาท่าทางเหมือนเด็กน้อยนั้น และเป็นฝ่ายหยิบเอกสารที่ค้างอยู่มานั่งอ่านเสียเอง ฆ่าเวลาเพื่อรออาหารมื้อดึกที่ยังไม่มาถึง

         เอาหน้าซุกหมอนเล่นจนพอใจและดิ้นไปดิ้นมาเหมือนเด็กอย่างที่ไม่ได้ทำมาเสียนานแล้วจึงค่อยเงยหน้าไปมองเงาร่างของคนรัก คาวัลโลเอียงคอมองชายหนุ่มผู้กำลังนั่งเปิดเอกสารบางอย่างด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนที่มุมปากจะกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

    กระดึ้บตัวขยับสามสี่ทีเหมือนหนอนบุ้งพาร่างตัวเองมาคลอเคลียใกล้ๆ แล้ววางฝ่ามือบนท่อนขาของคนรัก พาดปลายคางลงไปแล้วเอนตัวนอนกลิ้ง ภารกิจเป็นอันเสร็จสมบูรณ์

     แว่วเสียงหัวเราะทั้งขันทั้งเอ็นดูของอัลชาอ์ หากเพียงสบมองดวงตาสีดำสนิทที่ฉายแววรักใคร่อาดูรแล้วความคันเคืองในหัวใจกลับปลิวหายไปอย่างรวดเร็ว คาวัลโลยิ้มหวานให้คนรักและเป็นฝ่ายใช้ศรีษะของตนกลิ้งไถต้นขาของชีคหนุ่มอย่างหยอกเย้า ทำกริยาอาการราวกับเด็กน้อยไม่ต่างกับเมื่อครู่เสียเท่าไหร่ และเมื่อฝ่ามือหนาทาบลงบนผิวแก้มมาเฟียหนุ่มที่ตอนนี้ชักจะกลายร่างเป็นเจ้าตัวปัญญาอ่อนก็เอียงแก้มคลอเคลียอย่างรวดเร็ว..

      "..หืม...ทำอ้อนแบบนี้ เป็นอะไรไปล่ะ? " เสียงทุ้มเอ่ยถาม พลางไล้เล่นปลายนิ้วกับผิวแก้ม ริมฝีปากและปลายจมูกของมาเฟียหนุ่ม ผู้ซึ่งนอนทำตาหวานเคล้าคลอเคลียราวกับแมวน้อยอย่างน่ารักนัก

       " อยากทำอ่ะ...ไม่ได้เหรอ? "คำตอบแสนเอาแต่ใจทว่าก็น่ารักน่าชังนัก อัลชาอ์ใช้ฝ่ามือข้างที่ยังคงเล่นไล้กับเจ้าแมวตัวน้อยไม่ห่างลูบเส้นผมและเปลือกตาเจ้าตัวเสียทีหนึ่งเป็นเชิงหยอกเย้า

       " ได้สิ...จะทำอะไรก็ได้...ตามใจคุณ " คำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มหวานจากผู้ฟังและริมฝีปากบางที่กดลงบนฝ่ามือของชีคหนุ่มแทนคำขอบคุณ คาวัลโลยิ้มหวานให้ชีคหนุ่มผู้เป็นคนรักก่อนจะพลิกตัวนอนหงาย ก่ายเกยศรีษะพาดไว้บนท่อนขาของคนรัก นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองผนังกระโจมสีเข้ม ขณะที่ใบหน้ายังคงคลอเคลียกับฝ่ามือของชีคหนุ่มไม่ยอมห่าง...

...อิสระ...การได้ทำอะไรตามใจตนโดยไม่ต้องนึกถึงสิ่งใด ไม่ต้องกลัวเกรงสายตาของใคร ไม่ต้องหวั่นระแวงอะไรทั้งนั้น..

ได้ทำตัวเป็นเด็กน้อยตัวเล็กๆ ออดอ้อนพลอดพร่ำคำหวานกับคนรัก แม้จะดูงี่เง่าปัญญาอ่อน..แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็มีความสุขมากกว่าการทำตัวเป็นชายหนุ่มผู้องอาจและเพียบพร้อมมากนัก..

มาเฟียหนุ่มผ่อนลมหายใจลงช้าๆ...รู้สึก...ถึงน้ำหนักบางอย่างที่กดทับหัวใจ ค่อยคลายลงทีละน้อย...

คววามหอมหวานของอิสระ และความอบอุ่นอ่อนโยนของคนรัก...ความรัก...กำลังค่อยๆผูกตรึงร่างกายและหัวใจของเขาช้าๆ ...

...ไม่ให้กลับไปที่ไหน หรืออยู่ที่ใดได้ นอกจากอ้อมแขนของผู้ชายที่ชื่ออัลชาอ์เท่านั้น...

และเป็นการผูกมัด ที่เขาเต็มใจ...ยิ่งกว่าเต็มใจเสียด้วย..

       ตะเกียงทำจากไม้ฉลุลวดลายงดงามตามแบบโบราณส่องแสงเรื่องเรืองทั่วกระโจม เสียงลมและกรวดทรายเบื้องนอกดังปะทะผืนหนังเปะปะเบาๆ ทั้งที่คราวก่อนนึกกลัวแทบตายแต่ทำไมนะตอนนี้ถึงได้คุ้นเคยนัก ฝ่ามือหนาที่กอบกุมไว้ด้วยฝ่ามือตนเองและแนบอยู่บนผิวแก้มยังคงมีไออุ่น ใบหน้าของชีคหนุ่มคนรักก้มต่ำ นัยน์ตาสีเข้มหรุบต่ำลงฉายแววเคร่งขรึมยามจ้องมองเอกสารในมือ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันน้อยๆ อย่างครุ่นคิด เส้นผมสีดำสนิทหยักสลวยน้อยๆยาวระต้นคอเล็ดลอดออกมาจากกุตราห์สีขาว ใบหน้าคมเข้มตามแบบฉบับชาวอาหรับ ดูดีอย่างที่คาวัลโลเคยบ่นประณามไว้ว่าอยากจะเอาอะไรมาทุบเสียให้หมดคู่แข่ง ทว่ามาตอนนี้ ยามได้จ้องมอง..หัวใจกลับค่อยเต้นแรง..และรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาบนริมฝีปากอย่างห้ามไม่ได้..

   ...สัญชาติญาณกระซิบบอก ว่าเขาโชคดี..โชคดีแค่ไหนที่ได้ชายคนนี้มาเป็นคนรัก..และได้รับความรักจากชายหนุ่มตรงหน้า..

 อัลชาอ์อาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่เก่งกาจเหี้ยมหาญ ไม่ใช่คนที่แสดงความเเข็งแกร่งของตนเองออกมาในรูปแบบของการใช้อำนาจและกำลังกดขี่คนอื่น.

.ทว่า ความแข็งแกร่งในจิตใจผู้ชายคนนี้กลับแสดงออกมาเป็นความอ่อนโยน มุ่งมั่น และความรักที่ทุ่มเทมาให้เขา

ผู้แข็งแกร่งไม่จำเป็นต้องแสดงอำนาจหรือรุนแรงโหดร้าย..ผู้นำที่ดีไม่จำเป็นต้องปกครองคนด้วยความกลัว

..ดูแลและปกครองคนด้วความรักและความดี จึงเป็นที่รัก...ถึงได้มีแต่คนจงรักภักดี..

ความจริงที่ได้พบทำให้คาวัลดลยิ้มกว้าง..หัวใจฟูฟ่องด้วยความปลาบปลื้ม..

..ทั้งดีใจ ทั้งภาคภูมิใจในตัวอัลชาอ์เหลือเกิน

        "....อัลชาอ์..." น้ำเสียงเรียกของมาเฟียหนุ่มดังขึ้นเบาๆทำให้อัลชาอ์ชะงัก ชีคหนุ่มเลิกคิ้วมองหน้าผู้พูดที่นอนหนุนตักออดอ้อนตนเองอยู่ราวกับเด็กน้อย ฝ่ายนั้นใช้ดวงตาหวานๆจ้องมองตนเองไม่กระพริบชวนให้หัวใจกระตุกวาบด้วยความรักใคร่..

        ".....หืม? " ชีคหนุ่มรับคำเบาๆ ขณะที่คาวัลโลยันตัวลุกขึ้นจากตักของคนรัก และเป็นฝ่ายนั่งจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างใคร่ครวญ..

        " คุณนี่หล่อจังเลยแฮะ " คำชมที่ได้รับทำให้ชีคหนุ่มชะงักด้วยสีหน้าเหวอไปครู่หนึ่ง...ก่อนที่อัลชาอ์จะวางเอกสารทั้งหมดของตนลงบนฟูก แล้วเริ่มหัวเราะ
       " ไหนบอกว่าผมหลงตัวเอง? "อ้อมแขนหนาตวัดกอดเอวบางไว้แล้วรั้งเจ้าตัวมาแนบกาย อัลชาอ์มองหน้าคนที่จู่ๆก็ลุกมาทำตัวน่ารักน่าชังแถมออกปากชมกันอย่างซึ่งหน้าด้วยความสงสัยไม่น้อย ทว่ากริยาของอีกฝ่ายกลับดูใสซื่อและไร้ความนัยใดแอบแฝง และดูจริงใจเสียจนนึกปลาบปลื้มไม่ได้..

       "...ก็มันจริงๆนี่...คนรักของผม....ชีคอัลชาอ์นี่หล่อที่สุด ! "คำประกาศจากปากของคาวัลโล ทำให้หัวคิ้วของชีคหนุ่มย่นเข้าหากันชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะลั่นออกมาอย่างถูกใจ  ปลายจมูกโด่งกดลงบนผิวแก้มขาวอย่างหมั่นเขี้ยว ออกแรงทิ้งน้ำหนักตัวลงไปทาบทับร่างเพรียวเจ้าของคำพูดแสนน่ารักและตรงไปตรงมา เจ้าเหมียวตัวน้อยของเขาดิ้นฟืดฟาดบ่นว่าหนักสองสามทีสุดท้ายก็ยอมเงียบเสียงลงเมื่อถูกระดมจูบ...จูบเบาๆที่ริมฝีปากราวกับผีเสื้อโฉบทับ แต่ติดกันหลายๆครั้งจนเจ้าเหมียวใต้ร่างครางฮือ ออกปากยอมแพ้ต่อกันทั้งที่ใบหน้ายังแดงก่ำ

      "อะไรกัน ผมออกปากชมแท้ๆ " คาวัลโลบ่นอู้ งึมงัมผ่านแผ่นอกหนาที่แนบชิด

     "ก็รางวัลสำหรับคนน่ารักไง...หืม..." ชีคหนุ่มยิ้มกว้าง และกดริมฝีปากลงบนผิวแก้มขาวอีกรอบอย่างรักใคร่ ก่อนจะเอ่ยปากถามยิ้มๆ "แล้วเกิดอะไรขึ้นถึงได้ทำตัวน่ารักขนาดนี้เนี่ย "

     "..ก็ผมพูดตามความจริงนี่ "คาวัลโลตอบตาใส ก็มันจริงนี่...เป็นความจริงที่รู้แต่แรกเลยล่ะ เพียงแต่ไม่อยากยอมรับเท่านั้นเอง มาตอนนี้พอยอมรับแล้วกลับถูกหาว่าทำตัวแปลกๆอีก ชะ

     "...งั้นผมจะพูดว่าคุณหน้าตาดี น่ารัก น่าหลงไหลที่สุด..ดีไหม? " อัลชาอ์ยิ้มหวานให้คนใต้ร่าง ริมฝีปากหนาจูบไล้ปลายคางของเจ้าแมวน้อย ไล้ลงยังเส้นชีพจนใต้ลำคอเรียกเสียงครางเครือสั่นนิดๆอย่างเร้าอารมณ์..

     " ..ก็เป็นความจริงอยู่แล้วนี่ "นัยน์ตาสีน้ำทะเลคู่สวยหันมาสบ แล้วริมฝีปากของเจ้าตัวก็ขยับพูดวาจาแสนจะหลงตัวเอง ชีคหนุ่มส่ายหน้าอมยิ้มกับคำพูดน่าหมั่นเขี้ยว กอดประคองร่างคนรักแนบอก ตวัดอ้อมกอดรัดรึงให้ดวงตาคู่นั้นหันมาหา..ตาสบตาท่ามกลางบรรยากาศหวานเชื่อมด้วยไอรัก

     " คาวัลโล.."

     " ขออนุญาติครับ.." เสียงของฮาซานดังขึ้นภายนอกทำให้อัลชาอ์ชะงัก อัลชาอ์หันไปเอ่ยปากถามธุระขององครักษ์คนสนิทที่ยืนรออยู่ด้านนอก แว่วเสียงตอบเป็นภาษาอาหรับกันสองสามปะโยค ชีคหนุ่มก็ถอนหายใจอย่างเสียดายและหันมาสบตายิ้มๆ

      " ไปทานข้าวกันเถอะ.." สีหน้าอาลัยไม่น้อยของคนรักชวนให้นึกสงสารนัก คาวัลโลยิ้มออกมาด้วยความขบขันกึ่งสงสาร แต่ก็สาวเท้าออกจากกระโจมตามหลังชีคหนุ่มและแรงฉุดดึงที่ฝ่ามือแต่โดยดี

.........................

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 16-06-2011 00:43:26

    ท้องฟ้ายามค่ำคืน ณ กลางทะเลทรายนั้นเต็มไปด้วยดวงดาวพราวระยิบระยับราวกับจะเอื้อมถึง สามารถเห็นชัดเจนด้วยฟ้าเปิดและไร้เมฆหมอก สายลมที่เคยพัดหวีดหวิวรุนแรงในยามมาถึงโอเอซิสแห่งนี้ได้คลายแรงลงกลายเป็นสายลมอ่อนแผ่ว เม็ดทรายที่ปลิวตามแรงลมและทัศนวิสัยที่แย่จึงเปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ

        เงาของต้นอินทผาลัมและต้นปาล์มที่ยืนต้นขึ้นรอบโอเอซิสนั้นสะบัดไหวไปมา แสงของรถโฟร์วีลที่จอดอยู่ส่องสว่างจ้าจนมองเห็นสีเขียวสดและใบไม้ที่มีชีวิตชีวากว่าปกติอย่างชัดเจน คาวัลโลเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวที่พราวพร่างเต็มฟ้า ขณะที่นั่งยองๆบนโขดหินเพื่อล้างมือหลังจากทานอาหารมื้อดึกไปเรียบร้อยแล้ว

       แว่วเสียงฝีเท้าย่ำตามมาไม่ไกลพร้อมกับขวดน้ำเย็นเจี๊ยบถูกยื่นมาตรงหน้า มาเฟียหนุ่มสะบัดมือจากแอ่งน้ำบนผืนดิน และเอื้อมมืคว้าน้ำดื่มจากผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหลังทันที

       อัลชาอ์ทรุดกายลงข้างๆก้มตัววักน้ำทำความสะอาดมือเงียบๆ มาเฟียหนุ่มมองตามกริยาของคนรักจนกระทั่งฝ่ายนั้นล้างมือเสร็จคาวัลโลจึงยื่นขวดน้ำให้อัลชาอ์รับมาดื่ม ก่อนที่ร่างของชีคหนุ่มจะนั่งลงบนก้อนหินข้างๆอังไออุ่นกันโดยไร้คำพูดใด ท่ามกลางเงาของพรรณไม้ที่สะบัดเสียดสีกันเบาๆและเสียงหรีดหริ่งเรไรโดยรอบ ความสงบรื่นรมย์นี้ทำให้คาวัลโลยิ้มออกมาบางๆ ค่อยเอนตัวพิงร่างสูงใหญ่ข้างกายช้าๆอดจะฮัมเพลงออกมาเบาๆด้วยความสุขใจไม่ได้

       "...อา....ผมสัญญาว่าจะพาคุณมาดูดาว.."ครู่หนึ่งในความเงียบ อัลชาอ์จึงค่อยเอ่ยขึ้นมาแผ่วเบา และใจความนั้นทำให้คาวัลโลหัวเราะพรืด..

       "ใช่..แล้วยังบอกว่าจะทำอะไรๆกันกลางทะเลทรายเสียด้วย "มาเฟียหนุ่มหัวเราะร่าด้วยความขบขันกึ่งถูกใจ " ท่านชีคอัลชาอ์ผุ้เคร่งขรึมครับ ผมล่ะเพิ่งรู้ว่าคุณน่ะทั้งลามกและสัปดนเสียจริงๆ...ไม่เสียแรงที่ไปอยู่อังกฤษมาตั้งนาน"

       "....ลามก...? " อัลชาอ์ทวนคำแล้วทำตาโต ก่อนจะหัวเราะเบาๆ เมื่อคาวัลโลเอ่ยถึงประเทศที่เขาไปพำนักอยู่เป็นเวลานาน อังกฤษกับฉายาเมืองแห่งราคะที่มีกระทั่งงานประกวดช่วยตัวเองมาราธอน ก่อนจะสัพยอกกลับ

       " หรือคุณไม่?"

       "..จะแข่งกันงั้นสิ "คาวัลโลร้อง"ฮ่า"ออกมาแล้วขำก๊าก มาเฟียหนุ่มเอนขยับตัวกระแทกไหล่ชีคหนุ่มสองสามทีอย่างหยอกเย้า ก่อนจะร้องเหวอออกมาเบาๆเมื่ออ้อมแขนแกร่งตวัดกอดรับร่างของเขาไว้บนท่อนแขนตนแล้วออกแรงยกขึ้นจากพื้น แถมยังก้าวฉับๆเดินทะลุโอเอซิสออกไปกลางทะเลทรายราวกับตัวเขาน้ำหนักแค่ห้ากิโลกรัมเสียด้วย

        " ไม่หนักเหรอ? " คาวัลโลสะบัดขาไปมาในอ้อมกอดของชีคหนุ่มฝ่ามือคว้าไหล่หนาเอาไว้แล้วถามออกมาอย่างสนอกสนใจ ดวงตาจ้องมองเสี้ยวหน้าของคนรักเป๋ง ไร้อาการเคอะเขินกระดากอายหรือสนใจต่อสายตาคนภายนอกโดยสิ้นเชิง

       "...หนัก...แต่ทนได้..." อัลชาอ์ยิ้มให้คนรัก ก่อนจะร้อง"ฮึบ"แล้ววางร่างของอีกฝ่ายลงบนผืนทราย ชี้ชวนไปยังเพิงหินที่อยู่ไม่ไกลซึ่งมีผืนพรมหนาและตะเกียงขนาดกลางวางอยู่อย่างรู้งาน

       " หืมมม เตรียมการไว้แล้วสิ " คาวัลโลทักตาใส เขาลูบแขนตัวเองช้าๆเพราะความเย็นของอากาศในทะเลทรายและสายลมที่พัดวูบมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว และทันทีที่ทำอย่างนั้นก็มีผ้าคลุมผืนหนาวางลงบนไหล่ทันควันจนต้องอมยิ้ม

            เพิงหินขนาดใหญ่นี้มาจากก้อนหินที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ และถูกสายลมกัดกร่อนจนเว้าแหว่งเป็นป้อมปราการชั้นดีจากสายลมและเม็ดทราย คาวัลโลทรุดตัวแปะลงบนผืนพรมถักที่ถูกนำมาปูรองไว้ หันไปมองอัลชาอ์ที่จัดการหรี่แสงตะเกียงที่เคยเจิดจ้าให้ริบหรี่ลงพอมองเห็นเสี้ยวหน้าของกันและกัน

          บรรยากาศแสนโรแมนติกนี้ทำให้มาเฟียหนุ่มยิ้มหวาน เบื้องหน้าของเขาก็เป็นผืนทรายยาวสุดลูกหูลูกตา สีของเม็ดทรายสะท้อนกับแสงจันทร์เสี้ยวเกิดเป็นเงาของเนินทรายสลับกันไป เงาตะคุ่มที่เห็นอยู่ไม่ไกลคือต้นกระบองเพชรที่ยืนหยัดอย่างทรหดบนผืนทรายแห้งแล้ง และยามนี้ที่สายฝนพร่างพรมลงบนผืนทรายแห่งเซเนียยา ก็เกิดเป็นต้นวัชพืชเล็กๆแตกหน่อออกใบจนเกิดเป็นเนินทรายสีเขียวสลับกันไปอย่างน่ามอง เบื้องบนมีดวงจันทร์ส่องแสงสว่างและมีดวงดาวอวดโฉมความงามอยู่ข้างฟ้า สีดำสนิทของท้องฟ้ายามค่ำคืนไร้เมฆหมอกมาบดบังทำให้แสงดาวที่เปล่งประกายออกมาน่ามองนัก

        " อ่า....นี่...." คาวัลโลเหลือบไปเห็นต้นไม้เล็กที่ออกดอกสีชมพูเข้มแสนคุ้นตาจึงอุทานออกมาเบาๆ ปลายนิ้วของเขาไล้กลีบบอบบางของดอกไม้แสนทรหดก่อนจะเอนตัวไปด้านหลัง...เพื่อพิงแผ่นอกหนาอันอบอุ่น...และปิดตาลงด้วยความรู้สึกสงบ...อุ่นใจ..

        " ดอกกุหลาบทะเลทราย " อัลชาอ์เอ่ย เรียกเสียงครางในลำคอของคาวัลโลดังขึ้นเบาๆเป็นเชิงรับรู้

        " มันเก่งมากเลยนะ ที่อาศัยอยู่ที่นี่ได้ " คาวัลโลเอ่ยรับคำด้วยรอยยิ้มบาง "และฝนตกมาไม่นานก็ยังอุตส่าห์ออกดอกเพื่อแพร่พันธุ์ ช่างแข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้อะไรเลยว่าไหม "

        " ใช่..." อัลชาอ์รับคำ ขณะที่เอื้อมแขนกอดรัดร่างของคาวัลโลให้แนบแน่นขึ้น ปลายคางสากวางลงบนกระหม่อมบางสูดดมกลิ่นของสายลมจากเส้นผมของอีกฝ่าย " แต่รู้อะไรไหม ต่อให้ต้นกุหลาบจะแข็งแกร่ง และเข้มแข็งแค่ไหน มันก็ต้องพึ่งพาผู้อื่นอยู่ดี "

         "......"

         " อย่างต้นกุหลาบหินต้นเล็กๆต้นนี้ มันยังต้องมาอาศัยอยู่ใกล้เพิงหินนี้เพื่อดำรงชีวิตอยู่เลย...อาศัยร่มเงาของหินมาบรรเทาความร้อนแรงและโหดร้ายของผืนทราย...เพื่อที่ว่าสักวัน มันจะได้ออกดอกชูช่อเบ่งบานได้อย่างไม่อายใคร " ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นค่อยก้มลงมาสบมองดวงตาสีน้ำทะเลที่เปิดขึ้นมาอย่างเชื่องช้า...ด้วยรู้...รู้ถึงนัยยะบางอย่างที่แฝงมา

        "เช่นเดียวกับชีวิตของคน...คาวัลโล พึ่งพากันบ้าง..แอบอิงกันบ้าง..ไม่ใช่เพราะความอยู่รอดเพียงอย่างเดียว...แต่เพราะมันเป็นสิ่งที่เตือนใจให้รู้ว่าผู้แข็งแกร่งไม่อาจจะยืนอยู่อย่างเดียวดาย...คนที่เก่งกาจแต่ต้องอยู่คนเดียว อยู่อย่างหวั่นระแวงไปวันๆใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยการทรยศหักหลังกันทุกเมื่อเชื่อวัน...ไม่เพียงจะลำบากใจแต่ยังเหน็ดเหนื่อย...ที่ตรงนี้....มันอ่อนล้าและต้องการที่พักพิง..."

        ปลายนิ้วของชีคหนุ่มแตะลงบนแผ่นอกข้างซ้าย ประทับลงเพียงแผ่วเบาพร้อมกับดวงตาที่สื่อถึงความนัย " ต่อให้กุหลาบทรายจะแข็งแกร่งแค่ไหน ทว่ามันก็ต้องพึ่งพิงเงาจากเพิงหินเพื่อจะรอดชีวิต ไม่ต่างอะไรกับคนๆหนึ่ง ที่ต่อให้เก่งกาจเพียงไร ก็ยังคงต้องการที่พักพิงหัวใจอยุ่ดี...มันไม่ใช่การเสียศักดิ์ศรี มันไม่ใช่ความอ่อนแอหรือความด้อยค่าควรประณาม ....แต่มันเป็นปกติของใจคน..."

        " คุณเข้าใจผมใช่ไหม?"

        "........." คาวัลโลจ้องมองดวงตาสีดำสนิทที่แสนห่วงหาและรักใคร่...นิ่งงัน...หัวใจบนแผ่นอกซ้ายเต้นรัวขึ้นมาอย่างจะสนับสนุนถึงความจริงจากปากของชายตรงหน้า..มาเฟียหนุ่มชะงัก..ก่อนจะกระพริบตาช้าๆผ่อนลมหายใจแผ่วเบา

        "...อัลชาอ์..." น้ำเสียงแผ่วค่อยของคาวัลโลดังขึ้นมาหลังจากเงียบงันกันไปครู่หนึ่ง...ชีคหนุ่มพยักหน้ารับ มองรอยยิ้มของคนรักที่ค่อยกว้างขึ้น " คุณน่ะ...เป็นคนหนึ่ง..ในจำนวนไม่มากที่ผมเจอจริงๆนะ ที่ไม่เห็นแก่ตัวและทำเพื่อคนอื่นได้ขนาดนี้.. "

        "...คุณไม่ได้เป็นคนอื่น..คาวัลโล..." อัลชาอ์ถอนหายใจกับคำพูดนั้น ก่อนจะยกยิ้มบางๆ " และผมก็เป็นคนเห็นแก่ตัวเช่นกัน...ใครๆ ก็เป็นนักฉวยโอกาสทั้งนั้น ทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น สิ่งที่แตกต่างกันก็มีแค่ระดับในการฉวยโอกาสของแต่ละคน ว่าคนคนหนึ่งยินดีจะทำถึงแค่ไหนพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ..."

      " อย่างผม...ตอนนี้ผมก็กำลังฉวยโอกาส... ช่วงชิงความอ่อนแอของคุณ อาศัยความหวั่นไหวและไร้ที่พึ่งของคุณ...เพื่อได้มายังสิ่งที่ตัวเองต้องการ"

       " คุณ....ไม่ได้ฉวยโอกาส...แต่ผมต้องการมันเองต่างหาก " คาวัลโลพ่นลมหายใจช้าๆ จ้องมองไปยังทะเลทรายเวิ้งว้างเบื้องหน้าอย่างใคร่ครวญ "  ผมเข้าใจ...และขอบคุณที่คุณหยิบยื่นที่พักพิงให้กับผม ทั้งกับร่างกายและหัวใจ..และตอนนี้ คุณก็ยังสอนผม...."

          "tu sei ,per me ,molto importante.   " คาวัลโลยิ้มออกมาหลังจากเอ่ยจบ

       "...ความหมายล่ะ? "ชีคหนุ่มเลิกคิ้วออกปกาถามกลับอย่างข้องใจไม่น้อย

        " ไม่บอก...ทีคุณยังไม่บอกผมเลย "คาวัลโลยักไหล่ลอยหน้าลอยตาอย่างชวนให้หมั่นไส้นัก แถมยังไม่ลืมความแค้นเรื่อง "ฮาบิติ"คำนั้น " อะ...จริงด้วย..."

              คาวัลโลหันมามองหน้าอัลชาอ์ก่อนจะจ้องตาอีกฝ่ายเขม็ง

         " สอมผมพูดภาษาของคุณด้วย...เดี๋ยวนี้เลย "

         "เอ๋? " อัลชาอ์เลิกคิ้ว สีหน้างุนงงกันความเปลี่ยนแปลงของคนรักไม่น้อย

          "ไม่ "เอ๋" ล่ะ ...ผมไม่อยากฟังคุณพูดไม่รู้เรื่อง...สอนผมมาซะดีๆ แล้วจะบอกความหมายของประโยคเมื่อกี้ให้..." คาวัลโลร้องเหยงๆ หันขวับมามองตาชายหนุ่มเบื้องหน้า อัลชาอ์ชะงัก ก่อนจะหัวเราะเบาๆแล้วเอื้อมมือมาโยกศีรษะคนรักที่ออกปากขอเป็นลูกศิษย์ตัวน้อยของตน

         "...ก็ได้...งั้นนั่งฟังเสียดีๆ..." ชีคหนุ่มรั้งร่างของคนรักมาแนบอก ก่อนจะออกปากสอนภาษาของตนเองให้อีกฝ่าย อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าที่แสนจะตั้งอกตั้งใจ ยามเอ่ยปากทบทวนคำศัพท์เสียงคำพูดของเขา แล้วแอบบ่นกระปอดประแปดถึงความยากของมันอยู่คนเดียวอย่างรักใคร่...

          "ซาลาม..สวัสดี...ซะโลนิค..สบายดีไหม? อาซีฟ ขอโทษ...เอ...แล้ว..." เสียงหงุงหงิงกับใบหน้านิ่วน้อยๆยามออกปากทบทวนคำศัพท์ง่ายๆที่ออกปากสอนไปเรียกร้อยยิ้มขันของชีคหนุ่ม อัลชาอ์นึกอัศจรรย์ใจที่คาวัลโลสามารถจดจำคำพวกนี้ได้อย่างรวดเร็วไม่น้อย..สมกับที่ฉลาดจนได้พาสชั้นขึ้นเรียนมหาวิทยาลัยตอนอายุสิบเจ็ด

           "ฮายาทติ..คนรัก  ฮาบิติ ..ที่รัก  กัลบี หัวใจ  ....  " น้ำเสียงแจ้วๆนั้นช่างรื่นหูเป็นพิเศษ อัลชาอ์ฟังไปแล้วอมยิ้มไปอย่างครึ้มอกครึ้มใจ  ครางรับในลำคอเบาๆให้นักเรียนหนุ่มน้อยของตนใจชื้น อดคิดไม่ได้ว่าหนุ่มยุโรปตาสีเขียวอมฟ้า ผมสีน้ำตาลทองกับโธปและเสียงพูดภาษาอารบิกมันช่างเข้ากันดีเสียเหลือเกิน

           "  ตาฮอบบิค หมายถึง....ผม รักคุณ..." คาวัลโลนิ่วหน้านิดๆ ท่องไปท่องมาชักจะรู้สึกแปลกๆขึ้นเรื่อยๆ มาเฟียหนุ่มขมวดคิ้วบางๆหันไปสบตาชีคหนุ่มผู้ที่กอดเขาไว้อย่างครุ่นคิดไม่น้อย...

          " ทำไมมีแต่ศัพท์พวกนี้ทั้งนั้นล่ะเนี่ย? " โคลงหัวอย่างนึกสงสัยพลางมองหน้า...กระพริบตาปริบๆเมื่อพบว่าอัลชาอ์อมยิ้ม...สีหน้าเคลิ้มฝัน

          "...ก็มันน่าฟังดีไม่ใช่หรือไง ? "

          "...หูยยย....ตาแก่โรคจิต ! " คำพูดของคาวัลโลทำเอาคนกำลังเคลิ้มถึงแก่สะดุ้ง อัลชาอ์มองหน้าคนพูด สีหน้าเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด..

          " เราอายุห่างกันแค่เจ็ดปีเองนะ " ชีคหนุ่มเอ่ยท้วง...สีหน้ารอมชอม

          " ผิด...ต้องพูดว่า"ตั้ง" เจ็ดปีต่างหาก " คาวัลโลชี้หน้าคนพูดพลางแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆ "เป็นตาแก่แล้วยังจะลามกโรคจิตอีก ไม่ไหวจริงน้า..อ่ะ..."
 ตุบ..

          " คำก็แก่..สองคำก็แก่ เดี๋ยวเถอะ จะโดนคนแก่ลงโทษ.." อัลชาอ์คว้าเอวเจ้าคนปากดีไว้ให้ทิ้งตัวลงบนพรมหนา ออกปากขู่ด้วยแววตาวาววับเอาจริง

          "....ใจร้าย....จะทำจริงๆอะ..." เหมือนว่าคราวนี้คาวัลโลเริ่มจะมีภูมิต้านทานไม่ก็รู้ทันตนมากขึ้นเสียแล้ว เจ้าตัวถึงได้เอ่ยปากมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ดวงตากระพริบปริบๆอย่างที่รู้ว่ายังไงเขาก็โกรธไม่ลง

          "...ไม่รู้สิ...ต้องบอกความหมายของประโยคคำพูดของคุณมาเสียก่อน..ไม่อย่างนั้นจะโดนผมลงโทษ " ฝ่ามือหนาลากไล้จากบั้นเอวลงมาที่ต้นขา สัมผัสผ่านเนื้อผ้านั้นทำให้ขนลุกเกรียวและบอกได้ว่าชีคหนุ่มเอาจริงไม่แพ้กัน นั่นทำให้คาวัลโลกลืนน้ำลายเอื้อก ก่อนจะเงยหน้าสบตาชีคหนุ่ม ส่งสายตาออดอ้อนไปให้อย่างหวังจะกู้สถานการณ์

         "tu sei ,per me ,molto importante..." คาวัลโลเอ่ยทวน สบตาสีดำสนิทของคนมองด้วยรอยยิ้มหวาน " หมายความว่า..."คุณคือคนสำคัญของผม"..ไงล่ะครับ....."

               จากนั้นน้ำเสียงของมาเฟียหนุ่มก็ขาดหายไป เหลือเพียงเสียงลมหายใจผะผ่าว...คาวัลโลหรี่ดวงตาที่ปรือต่ำแทบจะปิดลงของตน ขณะที่ปลายลิ้นสอดกลับตอบรับจูบอันแนบแน่นของอัลชาอ์อย่างเคลิบเคลิ้ม ฝ่ามือสอดลูบไล้ลำคอหนาผ่านโธปคอปกตั้ง ก่อนจะครางฮืออกมาเมื่อชีคหนุ่มสอดร่างมาทาบทับกายตน แทรกเรือนกายท่อนล่างมาแยกเรียวขาทั้งสองข้างออกจากกัน

         "...อา....จะ....ทำ...ที่นี่....." ผละออกจากจูบร้อนๆแนบแน่นจนแทบไม่ทันหายใจแล้วออกปากาถามด้วยดวงตาหรี่ปรือลมหายใจหอบสะท้าน นัยน์ตาสีน้ำทะเลเหลือบมองโดยรอบอีกครั้งอย่างเงอะงะ...กับสภาพการกอดรัดฟัดเหวี่ยงของสองบุรุษกลางทะเลทราย..แม้จะมีโขดหินปิดบังทางลมและเม็ดทรายไว้บ้าง แต่จากสายตาของมนุษย์ล่ะ?

          " ไม่ต้องห่วง...ผมสั่งคนของผมไว้แล้ว..ว่าไม่ต้องมาตรวจตราทางนี้ " คำตอบของชีคหนุ่มผู้ซึ่งยุ่งย่ามอยุ่กับการแกะปลดกระดุมเสื้อคอตั้งตัวในของคาวัลโลออกเอ่ยปากบอกมาทำเอามาเฟียหนุ่มอ้าปากค้าง ด้วยรู้แล้วว่าอัลชาอ์ตั้งใจจะใช้ที่นี่ทำกิจกรรมอย่างว่ากันจริงๆเสียด้วย

          ".มะ...ผม..ผมว่าในกระโจมไม่ดีกว่าเหรอ...." ออกปากต่อรองด้วยนึกอายกับการนุ่งลมห่มฟ้าในที่แบบนี้ไม่น้อย ทว่าคำตอบจากอัลชาอ์กลับเป็นส่วนที่ร้อนผ่าวของร่างกายที่จงใจกดทันต้นขา เบียดแนบให้รู้ว่าเร่งร้อนเพียงใด

          "...ที่นี่แหละ..ไม่มีอะไรหรอก...นะ..." น้ำเสียงกระซิบเอ่ยขอเเผ่วเบา พร้อมกับปลายลิ้นที่เย้าหยอกใบหู ก่อนจะขบเม้มติ่งหูกลมจนร่างทั้งร่างเกร็งเยือกสะดุ้งไหว

           " ผม...อะ...." คำร้องท้วงที่พยายามเอ่ยถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงด้วยริมฝีปากหนาที่ตามกดทับอย่างแนบชิด  คาวัลโลครางพ้อออกมาอย่างระทดระท้อ เมื่อรู้สึกถึงความเย็นวูบที่ปะทะร่างจากอาภรณ์ที่หลุดไปจากกาย มาเฟียหนุ่มสะบัดกายเฮือกเมื่อฝ่ามือหนาเข้ากอบกุมส่วนกลางของร่างกายพร้อมกับกดแนบความแข็งขึงของตนไปพร้อมๆกัน

           หายใจหอบสั่น...ที่สุดแล้วจึงค่อยละริมฝีปากออกมาจากเรียวปากหนาที่รานรุก คาวัลโลปรือนัยน์ตาจ้องมองภาพเบื้องหน้าที่ชีคหนุ่มกำลังเฝ้าจุมพิตสร้างรอยรักบนเรือนกายของตน มองเห็นฝ่ามือหนาชักนำท่อนเนื้อกลางร่างกายไปสู่ควาสุขสมอย่างชัดเจนผ่านแสงสลัวของตะเกียงฉลุลายใบสวยมาเฟียหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ..สายตามองรอบกายที่เป็นทะเลทรายอันเวิ้งว้าง..สดับฟังเสียงเครื่องยนต์และเสียงพูดคุยที่ห่างออกไปพอควร ก่อนจะวกกลับมามองภาพของชายหนุ่มคนรักที่สาละวนมอบความสุขให้กับเรือนกายตนอีกครั้ง

          ครางพ้อออกมาเบาๆและสั่นสะท้านไปทั่วกายยามปลายลิ้นและฟันคมขบกัดยอดอกเพียงแผ่วเบา กระแสความสุขสมสาดซัดไปทั่วร่างจนดวงตาหรี่ปรือด้วยแรงปรารถนา ...ที่สุดแล้ว...ปลายลิ้นเรียวจึงค่อยตวัดไล้ริมฝีปากแห้งผากของตนและนัยน์ตาที่หรี่ปรือเชื่อมหวาน ฝ่ามือทั้งสองข้างซึ่งขยุ้มพรมใต้ร่างของตนแน่นค่อยคลายออกและเลื่อนไล้บนแผ่นหลังหนาใต้เสื้อคลุมตัวยาว..

         ออกแรงเพียงเล็กน้อยให้ชีคหนุ่มเงยหน้ามาจากแผ่นอกของตน คาวัลโลตวัดแขนรั้งให้ใบหน้าหล่อเหลาแนบชิด แล้วส่งปลายลิ้นเข้าไปเลี้ยไล้ปลายจมูกโด่งสันอย่างหยอกเย้า

         " ขี้โกง..."รู้สึกได้ถึงลมหายใจหอบสั่นและน้ำเสียงสั่นไหวด้วยความคาดหวังของตน " คุณยังใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยอยู่เลย "

              ชีคหนุ่มเหยียดยิ้มให้กับคำพูดนั้น ริมฝีปากหนาตรงเข้าจู่โจมระดมจุมพิตอย่างดูดดื่ม ฝ่ามือละออกมาจากส่วนกลางของร่างกายที่ชูชันด้วยความปราถนา รีบเร่งกระชากโธปตัวยาวและเสื้อคลุมให้ออกจากร่างของตนอย่างรวดเร็ว..

        เสื้อผ้าทั้งหมดหลุดออกจากกายของคนทั้งสองแล้ว ผิวกายร้อนผ่าวจึงค่อยแบนชิด สัมผัสร้อนอังไออุ่นกันเพียงเล็กน้อยทว่าส่งผลให้กระแสไฟฟ้าแล่นวาบผ่านทั้งสองร่าง  เสียงครางแผ่วหวานดังออกมจากริมฝีปากบางเมื่อฝ่ามือหนาตะโบมไล้ทั่วร่างอย่างกระหาย อัลชาอ์เอื้อมมือจับใบหน้าและผิวแก้มขาวไว้ ไล้เบาๆท่ามกลางเสียงลมหายใจร้อนแรง..

          "  ต้องท่องศัพท์ให้ถูกล่ะ ไม่งั้นผมไม่ทำให้นะ "

                 คาวัลโลครางรับคำกล่าวนั้นด้วยเสียงหวานขึ้นจมูก ปลายลิ้นตวัดตอบรับคำท้าทายนั้นแต่โดยดี แน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงครางหวานผะผ่าวสลับกับเสียงกระซิบเอ่ยคำศัพท์ภาษาอารบิคสั้นๆดังออกมาเป็นช่วงๆทั้งน่าฟังและชวนให้ขัดเขิน..แต่ ก็น่ายินดีเช่นเดียวกัน

.....................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 33 -Arrivederci- 1/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 16-06-2011 00:46:00
    เปลือกตาบางปิดพับสนิท ทิ้งแพขนตาหนาทาบแก้มขาว เอนกายลงบนแผ่นอกหนาที่รองรับและกอดประคองออดอ้อนไม่ยอมห่าง  ปลายจมูกขยับยุกยิกและรอยสั่นไหวของแพขนตาบอกชัดว่าเจ้าของร่างไม่ได้นอนหลับแต่อย่างใด เพียงแต่ปิดตาลงไม่สบมองดวงตาออดอ้อนขอความเห็นใจจากคนตัวสูงที่กอดไว้ก็เท่านั้น

        คาวัลโลครางฮืมในลำคอเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจของชีคหนุ่มรินรด เขาเปิดดวงตาขึ้นในที่สุดและเบิกตาขุ่นขวางออกปากบ่นใส่ชีคหนุ่มหงุงหงิงด้วยความไม่พอใจ อย่างไม่คิดจะสนใจสองชายหนุ่มผู้นั่งอยู่ด้านหน้าสักนิด ก็แน่สิ!เมื่ออัลชาอ์น่ะ"หื่น"ใส่เขามากขนาดนั้นยังไม่คิดจะอายใคร

         คิดแล้วคาวัลโลชักอยากจะทำร้ายร่างกายท่านชีคอัลชาอ์ระบายอารมณ์สักที การมีอะไรกันในที่โล่งแจ้งขนาดนั้นก็ทั้งตื่นเต้นโลดโผนเสียจนหัวใจจะวายอยู่แล้ว แต่นี่นอกจากจะหื่นไม่เลือกที่อัลชาอ์ดันไม่ยอมหยุดเสียทีนี่สิ !

        ตอนนี้ที่ทั้งปวดและทั้งระบมไปหมดทั้งตัวน่ะมันเพราะใครกัน คาวัลโลถลึงตาใส่ต้นเหตุอีกครั้ง หลังจากเขาถูกบังคับให้"ท่องศัพท์" ให้อัลชาอ์ฟังทั้งคืนจนหมดเรี่ยวแรง นึกอายพวกทหารที่เฝ้ายามอยู่ไม่น้อย เพราะจำไม่ได้ว่าตัวเขาร้องออกไปดังแค่ไหน แล้วไม่พอปูฟูกปูผ้าห่มพร้อมหมอนอย่างดีในกระโจมก็แทบไม่ได้นอน กลับมาหลับอยู่บนกองผ้าห่มตั้งเเต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าก่อนจะทั้งเหนื่อยทั้งเพลียจนหลับเขายังนอนครางอยู่ใต้ร่างอัลชาอ์อยู่เลย

        ว่าแล้วก็ทุบแขนท่านชีคสักหน่อยเป็นการระบายความหมั่นไส้ ยิ่งเห็นรอยยิ้มอ้อนๆบนดวงตาคู่นั้นแล้วทั้งหมั่นไส้ทั้งเคืองใจนัก

         อ้อมกอดที่แนบชิดขยับห่างออกเมื่อขบวนรถได้มาถึงตัวเมืองจารเซ เพราะการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การเดินทางอย่างเป็นทางการ การปิดข่าวทำให้ได้รู้ ได้เห็นถึงสภาพทั่วไปของเมือง คาวัลโลลอบมองออกนอกหน้าต่างที่แสดงภาพบ้านเรือนและกิจวัตรต่างๆของผู้คนที่นี่ ขณะที่อัลชาอ์เอื้อมมือมาจับมือของเขาไว้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม..

       คาวัลโลยังจำได้ดี ถึงสาเหตุที่พวกเขามาที่นี่กัน...

เพื่อหาคำตอบ...ว่าใครกันแน่ที่ทรยศ...

ตามหา...คำตอบที่อยากได้มานาน..

         นัยน์ตาสีน้ำทะเลสบกับดวงตาสีเข้มที่ฉายแววครุ่นคิด คาวัลโลยิ้มบางๆให้ชีคหนุ่มและบีบมือหนาให้กำลังใจเบาๆ..ยามที่รถวิ่งเข้ามายังตัวคฤหาสถ์ของอาเหม็ดด้านในที่ยังคงเต็มไปด้วยหน่วยรักษาความปลอดภัยเช่นเดิม...หรือ...อาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ..

             คาวัลโลขมวดคิ้ว มองสภาพโดยรอบที่การรักษาความปลอดภัยแน่นหนาขึ้นอย่างรู้สึกได้ เขาหันไปมองหน้าอัลชาอ์ พบว่าชีคหนุ่มยิ้มให้เพื่อยืนยันความมั่นใจ ทว่าดวงตาก็ฉายความกังวลไว้จางๆ

            รถค่อยจอดลงด้านหน้าคฤหาสถ์...เจ้าชายฟาลซาอ์ลงจากรถไปและยืนรอพวกเขาอยุ่เบื้องนอกด้วยแววตาสงบนิ่ง คาวัลโลบีบมือคนรัก ส่งสายตาให้กำลังใจและค่อยปล่อยมือเพื่อจะผละจากไปและปล่อยให้อัลชาอ์ทำธุระเช่นที่เคยเป็น ทว่าแรงฉุดรั้งที่ฝ่ามือทำให้เขาชะงัก หันไปสบตาชีคหนุ่มที่ส่ายหน้าและออกแรงฉุดดึงตัวเขาให้ออกไปกับตน..

            ฝ่ามือที่จับกันไว้ยังไม่ผละจากด้วยซ้ำยามที่ออกมาจากรถ และยืนเคียงข้างชีคแห่งเซเนียยา คาวัลโลขมวดคิ้ว เขามีสีหน้าไม่แน่ใจและกังวลไม่น้อยกับการแสดงออกของอัลชาอ์ที่...อาจจะเกิดปัญหา..

          " ไปกัน..."อัลชาอ์กระตุกมือของเขาและขยับฝีเท้าก้าวเดิน คาวัลโลลอบใช้สายตาเหลือบแลมองเจ้าชายฟาลซาอ์ที่อยู่ด้านหลัง พบว่าฝ่ายนั้นก็มีสีหน้าเครียดเคร่งสลับกับขาวซีดไม่น้อย..

               ประตูใหญ่หน้าคฤหาสถ์ถูกเปิดออกช้าๆ ท่ามกลางขบวนต้อนรับของเหล่าข้ารับใช้ในคฤหาสน์ คาวัลโลถึงแก่สะดุ้ง เขาพยายามชักมือออกจากฝ่ามือของอัลชาอ์อย่างตกใจ แต่อีกฝ่ายกลับบีบแน่นไม่ยอมผละห่าง...มาเฟียหนุ่มยิ่งขมวดคิ้วแน่น ยามสบมองแววตาวาววับของเหล่าผู้คนในคฤหาสถ์แห่งนี้ และ...ยามเมื่อมองเห็นร่างของชีคอาเหม็ดเดินเข้ามาหา..จ้องมือมองเขาและอัลชาอ์ที่ยังคงสัมผัสกันแนบแน่นด้วยแววตากรุ่นเคือง..

             สีหน้าของอัลชาอ์ไม่แม้แต่จะสะดุ้งไหวดูราวกับหินแกะสลัก มีเพียงคาวัลโลเท่านั้นที่รู้ ว่าฝ่ามือที่จับมือของเขาไว้เย็นชืด...และสั่นระริกไหว...

     การเผชิญหน้ากับความจริง ที่ว่าคนใกล้ตัวทรยศ...เจ็บแค่ไหน...รวดร้าวทรมานเพียงใด เขารู้ดี

   อัลชาอ์ยังดีกว่าด้วยซ้ำที่แสดงออกเพียงแค่นี้และเก็บเอาความหวั่นไหวทั้งหมดกวาดลงใต้ใบหน้านิ่งเฉยราวกับไม่ใส่ใจ..

            คาวัลโลสูดหายใจลึก ใบหน้าที่ฉายแววกังวลแปรเป็นเด็ดเดี่ยวขึ้น...เขาออกแรงบีบฝ่ามือคนรักกลับเบาๆและตวัดสายตาจ้องมองสบดวงตาของชีคอาเหม็ดอย่างทรนง...

...................

มาช้า..
มาช้ามาก..
มาช้ามากๆๆๆๆๆๆ
 รู้ตัวค่ะ สิบห้าวันถ้วนที่เราไม่อัพนิยาย.. :z6:
  ไม่มีอะไรจะแก้ตัว ไม่มีอะไรจะพูด ไม่ใช่ไม่ว่าง...ว่างอยู่(บ้าง)แต่กลับแต่งไม่ได้  แต่งไม่ออกไม่ใช่ไม่แต่งและไม่อยากแต่ง  ช่วงนี้รู้สึกเป็นโรคพารานอยต์อะไรสักอย่างเบื่อๆเซ็งๆกับทุกเรื่อง อารมณ์แบนราบอย่างเดียวตลอด  จะแต่งนิยายเปิดหน้าขาวๆออกมาแล้วกลับแต่งไม่ออก พล็อตลอยว่อนอยู่ในหัวชนิดทุกคำพูดทุกการกระทำแต่แต่งไม่ได้ ไปนั่งเปิดเน็ตเล่นไปเรื่อยๆเบื่อๆเซ็งๆใช้เวลาไปวันๆแล้วไม่ได้อะไรสักอย่าง เสร็จแล้วมากดดันตัวเองว่าไม่แต่งนิยาย....รู้สึกว่าอิปุ้ยมันบ้า งี่เง่ามากในระยะนี้ค่ะ.. :o211:
      เอาเถอะ ที่สุดแล้วตอนนี้ก็ออกมายลกัน ออกมาแบบหวานๆคาวี่มีแอบฮา อยากให้มันทำไรปัญญาอ่อนตามวัยเสียบ้าง ไม่ใช่โชกเลือดเกินวัยเสียขนาดนั้น 555+ ก็ไปเอาท์ดอร์กับท่านชีคจน ได้คู่นี้ยังหื่นคงเส้นคงวาแต่ก็หื่นแบบหวานๆ(มั้ง) แล้วที่สุด...ก็กลับมาพบกับความจริง ว่าใครกันที่ทรยศ ฟาติมะอ์หายไปไหน? เจ้าชายฟาลซาอ์เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร? อาเหม็ดและอัลลิยะห์ ใครกันแน่ที่เป็นตัวการ ? ตอนหน้าเฉลยแน่คะ

  แจ้งเรื่องทะเลทรายสักนิด..ข้อมูลที่ว่าฝนตกแล้วจะเกิดพืชพรรณขึ้นมากลางทะเลทรายให้รึ่มนี้มาจากสารคดีช่องดิสคัฟเวอรี่ชาแนล...สักเมื่อเจ็ดแปดปีก่อนมั้ง( :laugh:) ก็ยังอุตส่าห์เอามาเขียน เรื่องอุหภูมิตอนกลางคืนในทะเลทรายก้ประมาณ 25 องศาคะ ไปๆมาๆเหมือนนิยายเรื่องนี้ ทะเลทราย = ฉากสวีต  :laugh: :laugh:
ปล. คำศัพท์บ้านท่านชีคหายากมาก ไปขุดในกูเกิ้ลอ่ะไม่เคยเจอ ต้องไปสาวเอาในบล๊อคแก๊งพันทิป งมไปกว่าจะเจอ ยากชิหัยยย คะพี่น้อง :serius2:
ปล.2 ตอนพิเศษมาแล้วว> <
 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใ
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 16-06-2011 00:52:02
แปะก่อน...เกือบลืม แฮร่..

(http://image.ohozaa.com/i/8db/2fssa.jpg)

หวานมากกก ขี้เกียจลงสีเลยปาดมั่วๆ แต่ดันออกมาดีซะงั้น
ปล.มีเวอร์ชั่นเสื่อม แต่ไม่แปะล่ะ มันทำร้ายจิตใจกันเกินไป  :laugh:
ปอลิงอีกที  มีรุปที่วาดเสร้จแล้วอีกกระตัีกแต่ไม่ได้มาแปะ อยู่ตรงนี้ค่า http://my.dek-d.com/silenceserin/gallery/?folder=102438185   ใครอยากดูก็ไม่ชมกันได้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: *~LPCM~* ที่ 16-06-2011 01:13:37
 :z13: :z13: :z13:
 :man1: :man1:กอดดดด ไรเตอร์ปุ้ย เค้าคิดเถิงมากกกก คราวนี้เล่นหายไปครึ่งเดือน เค้าเข้ามาเช็คทุกวันเลย พอเห็นว่าวันที่ 15 ก็ยังอุตส่าเข้าทุกวันเหมือนเดิม หุหุ
ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ แค่มา :กอด1: ไรเตอร์ก่อน เพราะคิดถึงน้องคาวี่กะชีคมากกกกกก
ปล. ไรเตอร์ลงเรื่อง แบดกายไว้ที่ไหนอ่ะคะ จะตามไปอ่านๆๆ อยากอ่านมากเลยค่ะ ><
 :L2: :L1: จะคอยตามเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ >< :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 16-06-2011 01:40:44

Stone rose line : special destiny

[การพบกันของพรหมลิขิต]
[/color]


..............



 น่าเบื่อ...น่าเบื่อ..และ น่าเบื่อ...

 ไม่ได้อยากจะสะกดคำนี้หรอกนะ แต่ทว่าเวลานี้ ณ ที่แห่งนี้ คำว่า”น่าเบื่อ"คำเดียวคงจะเป็นอะไรที่สามารถจะจำกัดความหมายของสิ่งที่เขาประสบได้อย่างดีที่สุด...

    คาวัลโล วาลกัส  ทายาทมาเฟียตระกูลวาลกัสที่ยิ่งใหญ่ ลูกชายคนสุดท้องของคาเฟรโร่และเอเลียชา วาลกัส  ผู้จะรับตำแหน่งบอสคนต่อไปของแกงค์มาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดในอิตาลี ในวัยสิบแปดปีกำลังใช้นิ้วโป้งยกขึ้นเสยผมที่หวีปัดขึ้นและจัดทรงอย่างดีด้วยช่างทำผมมืออาชีพซึ่งถูกจ้างมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยขณะที่มืออีกข้างซุกอยู่ใต้กระเป๋ากางเกงสแลคเนื้อดีสีเข้ม สวมชุดสูทสุดหรูของอามาร์นี่ รองเท้าหนังแบรนด์โปรดของตัวเองที่ขัดจนมันวับเนคไทเส้นละห้าร้อยกว่าเหรียญ และเชิ๊ตเนื้อนุ่มราคาแพงระยับ

    ...ทุกอย่างถูกเลือกสรรอย่างดีและพรีเซนต์ออกมาเป็น"คาวัลโล วาลกัส"ทายาทตระกูลดังของอิตาลี  บุคลิค ท่าทาง ลักษณะการพูดจาตลอดจนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายต่างบ่งบอกถึงรสนิยมและความเพียบพร้อมของคนๆนั้น...พรีเซต์และ"สร้างภาพ"ออกมาให้ดูดีปานประหนึ่งบุรุษผุ้เพียบพร้อมเพื่อฐานสนับสนุนตนเองและเพื่อ"จำอวด"ให้ผู้คนต่างชื่นชอบและชื่นชมในตัวเขา

    นั่นเป็นคำกล่าวย้ำของผู้เป็นลุงที่เอ่ยถึงวัตถุประสงค์ของการพาตนมางานนี้...ไม่ได้มาทำงาน...ไม่สิ จะบอกว่ามาทำงานก็ได้ เพียงแต่การมาทำงานนั้นหมายถึงงานโชว์ตัวเยี่ยงพวกดารานายแบบเพื่อสร้างภาพลักษณ์เสียมากกว่า

    จ้องมองนาฬิกาโรเล็กซ์เครื่องหรูบนข้อมือของตนพลางถอนหายใจแผ่วเบาอย่างอดรนทนไม่ไหว ทว่าก็ยังพยายามรักษาหน้าเจ้าของงานด้วยการแสดงสีหน้าเริงรื่นอย่างสุดความสามารถ

    ทว่า...ก็ไม่รู้จะทำแบบนี้ไปได้นานแค่ไหน เพราะยิ่งยืนอยู่ตรงนี้นานเข้า ความหงุดหงิดและเหนื่อยหน่ายก็พุ่งปรี๊ดเสียจนแทบอยากจะวิ่งออกไปตะโกนโหวกเหวกแล้วคว้าคอยามรักษาการมาไล่เตะแก้เบื่อ คาวัลโลไม่ใช่คนที่จะอดทนกับเรื่องน่าเบื่อหน่ายแบบนี้ได้นานนักอยู่แล้ว ผู้เป็นลุงนี่ก็ช่างสรรหาเรื่องมาให้ทำราวกับจะกลั่นแกล้ง..ไม่เข้าใจเสียจริงๆว่าจะพรีเซนต์ตัวเองขนาดนี้เพื่ออะไร หรือความเชื่อถือของวาลกัสในฐานะคู่ค้ามันน้อยเสียจนต้องทำแบบนี้...

     และที่สำคัญที่สุด...จะเป็นเช่นไรคาวัลโล วาลกัส ก็ยังเป็นชายหนุ่มอายุสิบเเปดปี แม้จะบรรลุนิติภาวะแล้ว...แต่ก็ไม่ใช่หนุ่มใหญ่สุขุมคัมภีรภาพที่จะมาทนอยู่กับการตกเป็นเป้าสายตาและถูกรุมล้อมจากบรรดา...ผู้คนน่ารำคาญเช่นนี้ได้

    คิดพลางฉีกยิ้มให้กับคนที่เดินมายกแก้วแชมเปญชนกับแก้วของเขาอย่างเหนื่อยหน่าย...ชักจำไม่ได้ว่าไอ้บ้าตรงหน้ามันวนเวียนมากี่รอบแล้ว แถมยังชนเอาชนเอา ราวกับเป้าหมายของมันคือแกล้งมอมเหล้าเขาจนเมาเปราะ นี่ไม่นับแม่นางแบบสาวชื่ออะไรสักอย่างที่เขาไม่คิดจะจำเดินมาส่งสายตาหวานเยิ้มให้อีกสามสี่รอบ...แถมยังมีพวกท่านชีค ท่านสุลต่านหรือคนในตำแหน่งอะไรสักอย่างแถบนี้ที่ชอบใส่ชุดคลุมตัวใหญ่ๆขลิบทองหรูหราส่งสายตาเชิง"อยากรู้จัก"นักหนามาอีก...

     ปากก็ยิ้ม มือก็ต้องยื่นไปจับแล้วส่งเสียงทักทาย รับนามบัตรมาใส่กระเป๋าจนมันชักจะตุงขึ้นทุกทีอย่างหัวเสีย แต่กระนั้น..ตามคำสั่งและตามมารยาทที่พึงมี คาวัลโล วาลกัสก็จำต้องยิ้ม...และออกปากสนทนาไร้สาระกับผู้คนที่รายล้อมนี่แต่โดยดี ทั้งที่อยากให้พวกมันทั้งหลายหันไปทางอื่น ไปทำธุระไปเข้าห้องน้ำ หรือไปทำห่าอะไรสักอย่างเเล้วผละไปจากตรงนี้บ้าง ไม่ใช่มายืนคุยกันหึ่งๆจนสะดุดตาผู้คนและทำให้สายตาผู้ร่วมงานพากันจับจ้องมาที่เขามากขึ้นทุกที

     ต้องปั้นหน้าโกหกชาวบ้านเสียจนเกร็งไปทั้งตัว แถมท่านลุงที่รักซึ่งเห็นตัวอยู่ไกลๆก็ยังทำท่าจะเจรจาธุรกิจอะไรนั่นไม่เสร็จเสียอีก ตาแก่นั่นยังมีหน้าหันมายิ้มแล้วพยักหน้าเชิง"ทำได้ดีมากยืนอยู่อย่างนั้นต่อไปนะหลานรัก"เสียอีก

       ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจบรายการจำอวดนี้เสียที...คาวัลโลกรอกตาขึ้นมองเพดานที่มีแชนเดอร์เลียขนาดใหญ่แขวนอยู่ส่องแสงประกายวับ มาเฟียหนุ่มลอบถอนหายใจเบาๆ ขณะยกแก้วแชมเปญชนกับไอ้บ้าชื่ออะไรไม่รู้ที่วนเวียนมาอีกรอบอย่างเหนื่อยหน่าย..

     มองตาวิบๆวับๆอย่างคาดหมายของมันแล้วนึกอยากจะร้อง"เฮอะ"แล้วถ่มน้ำลายใส่หน้าผากมันสักที  กล้ามาฝันว่าคนอย่างคาวัลโล วาลกัส จะเมาแชมเปญเหรอ มันเป็นไปไม่ได้เว้ยไอ้หอก! ไปนั่งรอชาติหน้าของชาติหน้าอีกทีเถอะ

      แต่มองดูสายตาผู้คนรอบกายแล้วก็อยากรู้นักว่ามันมองเขาเป็นตัวอะไร? คาวัลโลจิ๊ปากเบาๆอย่างขัดใจ การมายืนอยู่ตรงนี้ เพื่อเป็นหุ่นจำอวดหรือทำตัวเป็นทูตสันทวไมตรีจนคนนั้นคนนี้แวะเวียนมาไม่ขาดสาย ดูไปก็เหมือนกับเขาเป็นเด็กในสังกัดของใครสักคนที่พามาออกงาน มากกว่าลูกหลานของผู้ทรงอิทธิพลอย่างบอสตระกูลวาลกัส

    ..ความผิดของลุงนั่นล่ะ ไม่รู้จะยืนเจรจาหาความอะไรนานนักหนา มาเดินหนีกันไปตั้งแต่เข้างานแบบนี้ ทิ้งให้หนุ่มหล่อแบบเขาถูกสาวๆหนุ่มๆรุมทึ้งอย่างน่าสงสาร ทั้งที่ไม่ได้มางานนี้ด้วยจุดประสงค์นั้นเสียหน่อย...

       คิดพลางปรายตามองบรรยากาศภายในงานอีกครั้ง งานเลี้ยงฉลองครองราชย์ของกษัตริย์แคว้นหนึ่งของอาหรับเอมิเรตส์ ที่เมืองอาบูดาบีเป็นงานใหญ่นอกประเทศงานแรกที่เขามากับผู้เป็นลุงหลังถูกตั้งเป็น"บอส"คนต่อไป แม้ว่าการรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นอีกสองปีข้างหน้าก็ตาม แต่การเดินทางมากับผู้เป็นลุงก็เสมือนการเข้ามาทักทายและเปิดตัวให้บรรดาผู้นำประเทศ ผู้นำลัทธิหรือพวกกองโจรอะไรก็ตามที่เป็นพันธมิตรกับวาลกัสได้รู้..ว่าเขาคือผู้ที่จะมาบริหารแทนและควรจะผูกมิตรกันไว้

        และเรื่องราวมันก็ควรจะเป็นการเดินเข้างานพร้อมกับลุงของเขาและ เฟรเดริโก้ วาลกัส ก็จะพาคาวัลโลไปแนะนำตัวกับคนอื่นไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไปอิท่าไหนถึงได้มาทิ้งให้หลานชายสุดหล่อยืนให้สาวๆหนุ่มๆทึ้งอยู่นี่..คิดแล้วชวนให้เสียสุขภาพจิตจริงๆ

       ยืนมองบรรดาผู้คนที่เดินคุยทักทายกันไปมาในห้องบอลรูมสำหรับจัดเลี้ยงของพระราชวังแห่งนี้ มองรอยยิ้มหลอกลวงและหน้ากากที่ถูกหยิบยกขึ้นมาใส่แล้วลอบถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายปนหนักใจไม่ได้...เมื่อคิดว่าชั่วชีวิตเขาคงต้องพบเจองานน่าเบื่อเช่นนี้มากมายเพียงใด...สถานที่งดงาม การตกแต่งสวยวิจิตร ผู้คนสวมอาภรณ์เสื้อผ้าหรูหราแต่ว่า.....ไร้ความจริงใจ

         "สวัสดีครับ.." น้ำเสียงทายทักจากชายหนุ่มในชุดประจำชาติอิสลามดังขึ้นพร้อมกับแก้วเเชมเปญที่ถูกยื่นมาอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ คาวัลโลหันไปมองหน้า สบกับดวงตาสีดำสนิทที่แฝงนัยยะบางอย่างของคนตรงหน้าแล้วนึกเคืองขึ้นมาวูบหนึ่ง ทว่าที่สุดแล้วเขาก็เอื้อมมือรับแก้วจากมือชายคนนั้น

          "..ครับ...ยินดีที่ได้รู้จัก...ผม....." และแล้วรอยยิ้มอันจอมปลอม บทสนทนามาตรฐานที่แสนไร้ความจริงใจก็ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับคำๆเดิมที่ว่อนอยุ่ในหัวเช่นเดิม..


น่าเบื่อ...น่าเบื่อ และน่าเบื่อ...

.........................


         บรรดาผู้คนที่รายล้อมรอบกายและเเวะเวียนมาทายทักด้วยรอยยิ้ม หรือบทสนทนาเรียบๆง่ายๆแสนจะเป็นทางการ คือเรื่องปกติสำหรับงานเลี้ยงอันน่าเบื่อของราชวงศ์...

    ชีคอัลชาอ์ ยาฮิลยะห์ มูซา มูอิสซิน หยิบแก้วไวน์ทรงสูงจากถาดของบริกรมาจิบคั่นความเบื่อหน่ายที่ไม่ลดลงง่ายๆ นัยน์ตาสีดำสนิทกวาดมองบรรยากาศชื่นมื่น...หรือพยายามทำให้ชื่นมื่นรอบกาย ก่อนจะตวัดสายตาไปมองเจ้าของงานที่ยืนคุยกับบรรดาผู้นำรัฐต่างๆ ชีคหนุ่มฉีกยิ้มออกมาบางๆ เนื่องด้วยรู้ตัวดีว่า"ระดับ"ของตนในฐานะเจ้าผู้ครองรัฐหรือแม้กระทั่งในฐานะ"ชีค"นั้นยังอ่อนด้อยนักในสายตาของบรรดาผู้นำที่มากด้วยวัยวุฒิและประสบการณ์

    อีกทั้งประเทศเล็กๆอันไม่น่าสนใจของตนก็ไม่ได้อยู่ในสายพระเนตรของบรรดากษัตริย์ที่จะลดตัวลงมาถามไถ่พูดคุย..มีแต่จะต้องเดินเข้าไปทำความเคารพและอวยพรเพียงเพื่อจะเข้าไปอยู่ในสายพระเนตรบ้างเท่านั้น

      ...ชีคหนุ่มยกรอยยิ้มชาเฉย ด้วยรู้ตัวดีว่าไม่คิดจะเข้าไปทำความรู้จักหรือไปร่วมกลุ่มสนทนากับผู้ใด ความเหนื่อยหน่ายและหยิ่งยโสทำให้อัลชาอ์ไม่คิดจะสนใจการเข้าไปพูดคุยใดๆ ชีคหนุ่มเพียงปรายตามองวงสนทนาที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพุดคุย สายตากวาดแลผ่านผู้คนในชุดราตรีสีสันและรูปแบบต่างๆไปยังคนที่ตนหมายตาไว้..

       เสียงของคนสนิทรายงานเบาๆทำให้อัลชาอ์พยักหน้ารับ เขาปรายตาไปยังกลุ่มผู้คนในชุดสูทสากลที่ยืนคุยกันบริเวณใกล้เวทีดนตรี นัยน์ตาจับจ้องชายทีชื่อเฟรเดริโก้ วาลกัส บอสของแกงค์มาเฟียที่เขาติดต่อเพื่อจะซื้อขายและทำการค้าร่วมกัน ซึ่งเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงและเป็นเหตุให้อัลชาอ์มายืนอยู่ที่งานเลี้ยงอันน่าเบื่อแห่งนี้

        ยกแก้วไวน์ขึ้นในระดับสายตาแล้วแล้วพยักหน้าช้าๆรับกับใบหน้าของอีกฝ่ายที่แลสบและค้อมศรีษะให้บางๆ ชีคหนุ่มจิบไวน์ในแก้วอีกครา ก่อนจะกวาดสายตาไปมองบริเวณงานอีกครั้ง เพื่อคลายอารมณ์และรอคอย...การมาถึงของชายผู้นั้นเพื่อเจรจาธุรกิจของตนและจะได้กลับออกจากงานที่น่าเบื่อหน่ายนี้เสียที

         สะดุดตากับกลุ่มคนที่ห้อมล้อมคุยกับใครสักคนที่อยู่กลางวง ชีคหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นช้าๆด้วยความฉงนสนเท่ห์ แน่ใจว่าในรายการเชิญแขกไม่ได้มีดารานักแสดงเลื่องชื่อระดับโลกมาแต่อย่างใด..ผู้ที่จะมางานนี้ นอกจากแขกผู้มีเกียรติระดับราชวงศ์ ประมุขของประเทศเพื่อนบ้านและพันธมิตรในกลุ่มอิสลาม กับกลุ่มผู้ค้าน้ำมันและนักธุรกิจชาวต่างชาติแล้ว จะมีก็แต่บรรดา"ของเล่น"ของเหล่าผู้คนข้างต้นที่ติดตามมาเท่านั้น แต่บรรดานางแบบนายแบบหรือดารานักแสดงเล็กๆก็อาจจะอยู่ในกลุ่มนั้น ชะรอยว่าคนที่ถูกรุมล้อม คงไม่พ้นของเล่นชิ้นใหม่ที่หน้าตาดีนิดหน่อยและโด่งดังพอตัวเป็นแน่..

         รอยยิ้มขันของชีคหนุ่มประดับบนริมฝีปาก  เริ่มจับจ้องผู้คนกลุ่มนั้นด้วยความสนใจมากขึ้น..อยากรู้นักว่าคนๆนั้นเป็นใคร..ไม่สิ...เป็นของๆใครและหน้าตาเช่นไร ถึงได้รับความนิยมเสียขนาดนั้น..

        บริกรถือถาดเครื่องดื่มเข้าไปในวงสนทนากลุ่มให้เมื่อถูกเรียกขาน ผู้คนที่เคยบดบังสายตาจึงห่างไปบ้างจนสามารถมองได้ชัด...ชีคหนุ่มหรี่ตาลงเมื่อมองเห็นเส้นผมสีน้ำตาลทองแปลกตา อัลชาอ์เลิกคิ้วขึ้นช้าๆเมื่อมองเห็นมือของบุรุษผู้อยู่ในกลุ่มค่อยยื่นออกมารับแก้มเแชมเปญเพื่อดื่มร่วมกับหนึ่งเจ้าชายที่เขาคุ้นตาพอควร ซึ่งฝ่ายนั้นเดินเข้ามาหาและผู้คนที่เคยหนาตาพากันถอยห่างเนื่องจากการมาถึงของเจ้าชายผู้นั้น อัลชาอ์จึงได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้นชัดถนัดตา..

         แก้วไวน์ที่ถูกยกขึ้นมาจิบชิมรสละออกไปอย่างรวดเร็วเพราะลมหายใจที่สะดุดไหว...ชีคหนุ่มเบิกดวงตากว้างขึ้นน้อยๆ ยามมองเห็นภาพเบื้องหน้าชัดเจน ชายคนนั้นเป็นบุรุษหนุ่มน้อยร่างสูงเพรียว ผิวขาวจัดบ่งชัดว่ามีสายเลือดตะวันตก...ใบหน้าหล่อเหลามีสเน่ห์ในชุดสูททางการสุดหรู เส้นผมสีมะฮอกกานีถูกจัดทรงอย่างดีให้ดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ทว่าก็ยังส่งกลิ่นอายของวัยเยาว์  ใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาสีน้ำทะเลคู่งามนั้นเป็นประกายวาววับทั้งมีเสน่ห์และยั่วเย้าอย่างร้ายกาจ รอยยิ้มพรายอย่างสุภาพประดับบนใบหน้า...น่ามองและเปี่ยมสเน่ห์นักหนาแม้จะเป็นเพียงรอยยิ้มที่ขาดความจริงใจและดวงตาคู่นั้นฉายแววเหนื่อยหน่ายแค่ไหนก็ตาม

   ...ลมหายใจของชีคหนุ่มถึงกับสะดุดไหว เมื่อดวงตาคู่สวยนั้นปรายมองมาเพียงชั่ววูบ วูบหนึ่ง...ที่ตาสบตา แม้คนๆนั้นจะไม่รู้ตัว ทว่าหัวใจของชีคหนุ่มกลับกระตุกเฮือก..ร้อนรุ่ม..

         ..ใคร?

คำถามนี้ดังขึ้นมาในใจของอัลชาอ์ทันทีที่พบว่าตัวเองตกหลุมรักดวงตาคู่นั้น..และรอยยิ้มบนใบหน้านั้น..

  คนๆนี้เป็นใคร? หรือเป็น"ของเล่น"ของใคร...

         ชีคหนุ่มนิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิดที่พุ่งขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อคิด...ว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าจะทอดกายอยู่ในอ้อมกอดของผู้อื่น...หรือกระทั่งโอบกอดใครไว้..

       "..ฮาซาน...." อัลชาอ์ได้ยินเสียงตนเองออกปากกับองค์รักษ์คนสนิท ขณะที่ดวงตาคู่นั้นยังจับจ้องร่างของคนผู้นั้นไม่วางตา.. "ผู้ชายคนนั้น...ไปสืบเรื่องของเขามาให้ฉันที.."

คุณ....คือใคร ?..คุณ...เป็นของใคร?...คุณ ....อยู่ในอ้อมกอดของใครคนไหน..

...หากเป็น"ของเล่น"ก็จะแย่งชิง..

..หากเป็นของๆใครก็จะทุ่มกำลังคว้ามาจนได้

     ชีคหนุ่มยกรอยยิ้มมุมปากอีกครั้ง ด้วยท่าทีหมายมาด ยิ้มให้งานเลี้ยงที่น่าเบื่อหน่ายนี้วึ่งเริ่มมีความน่าสนใจขึ้นมาบ้าง ก่อนจะหมุนตัวไปยังด้านหลัง เมื่อได้ยินเสียงทายทักของบุรุษที่เขารอคอย..ยกมือขึ้นทายทักพร้อมกับรอยยิ้ม ดวงตาแลสบใบหน้าของบอสมาเฟียแกงค์ใหญ่ของอิตาลี หากแต่สมองยังใคร่ครวญ..หมายมาด..

คุณ...จะต้องเป็นของผม..

..........................


        งานนี้ยังคงความน่าเบื่อไว้เช่นเดิม...

      คาวัลโลพ่นลมหายใจช้าๆ ปรายตามองหาลุงของเขาที่ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหน จับมือกับผู้คนมากหน้าหลายตาเสียจนจำไม่ได้ ทักทายและยิ้มจนมุมปากชักจะเมื่อยขึ้นมา..ท่านลุงที่รักก็ยังไม่มาลากเขาออกจากการรุมล้อมที่น่าเบื่อหน่ายนี้เสียที...

    ครางในลำคอเบาๆอย่างฉิวจัดแต่ก็ยังต้องยิ้มบางๆ พลันรอยยิ้มนั้นก็ยิ่งเเข็งทื่อเมื่อพบว่ามีร่างของอีกหนึ่งบุรุษในชุดของพวกอาหรับเดินตรงแน่วเข้ามาหาด้วยท่าทีมุ่งมาดเต็มไปด้วยความมั่นใจ มองเห็นชายคนนั้นกวักมือเรียกบริกร คาวัลโลนึกอยากจะเขวี้ยงแก้วไวน์ในมือไปใส่หัวมันนัก ไม่รุ้จะยัดห่าอะไรให้เขากินอีก เห็นกันอยู่ทนโท่ว่ามีแก้วอยู่ในมือก็ยังจะหยิบมาให้

     แต่ที่สุดก็ต้องวางแก้วไวน์เหลือๆของตนลงบนถาดและรับแก้วเชมเปญมาอย่างเสียไม่ได้...เขายิ้ม...ฉีกยิ้มแล้วจับมือ....มือที่ชักจะบีบแน่นแถมยังมีการลูบไล้หลังมือเบาๆจนขนลุกวาบ...เล่นเอาเส้นประสาทสั่นระริก

   ... คาวัลโลพยายามดึงมือออกมาขณะที่ชายคนนั้นยังยิ้มอยู่ มาเฟียหนุ่มคำรามในใจอย่างหงุดหงิด นี่ถ้าเป็นที่อิตาลีล่ะก็ พ่อจะคว้าปืนมาจ่อกบาลมันแล้วลากคอไปเล่นรัสเซียรูเล็ตแบบเดิมพันชีวิตกันสักตั้ง แต่นี่เพราะมันไม่ใช่และเขาต้องรักษากริยา การพยายามดึงมืออกจากมือปลาหมึกนี่ก็คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

      "...ผม...เจ้าชาย......." ที่สุดมันก็ยอมปล่อยมือและเริ่มพ่นยศฐาบรรดาศักดิ์ยาวเหยียดด้วยภาษาอังกฤษแบบกระท่อนกระแท่นที่ฟังยากไปกันใหญ่ ทว่าดวงตาที่แลสบและความนัยก็บ่งชัดแล้ว ว่ามันเห็นเขาเป็นอะไรและกำลังพยายามทำอะไรอยู่..

    คาวัลโลยิ่งแน่ใจเมื่อฝ่ามือของฝ่ายนั้นหยิบยื่นนามบัตรอันที่เท่าไหร่ไม่รู้มาให้เขา ...พร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบา..

       " ถ้า..เจ้านายของคุณทำคุณเสียใจเมื่อไหร่ มาหาผมได้ทันทีเลยนะครับ..."

           ปลายนิ้วหนาไล้มือและข้อนิ้ว ยังให้ความสยองและความโกรธเกรี้ยวแล่นวูบ...

       คาวัลโลพ่นล่มหายใจช้าๆ รอยยิ้มที่พยายามรักษาอย่างสุดความสามารถเริ่มหลุดหายไปเรื่อยๆ มาเฟียหนุ่มกวาดตามองหาผู้เป็นลุงอีกครั้ง เขาเห็นว่ากำลังคุยกับไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ซึ่งตัวเขาไม่เห็นหน้า รู้จากการมองทางด้านหลังว่าคนๆนั้นเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่และใส่คลุมของพวกอาหรับ ผู้เป็นลุงของเขายังยืนจ้อและยังไม่มีท่าทีว่าจะหันมาหา

        คาวัลโลพ่นลมหายใจพรืด..จ้องมองสบตาเจ้าชายหนุ่มเบื้องหน้าขณะที่ฤทธิ์แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดส่งผลให้ความยั้งคิดเริ่มถอยลงสู่เลขศูนย์

        มาเฟียหนุ่มยิ้มกว้างขึ้นอีกครั้ง...สบตาชายหนุ่มเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มหวาน จนมันมีหน้าตาวางมาดเยี่ยงผู้ชนะ ขณะที่ฝ่ามือซุกเข้าไปที่กางเกงเพื่อหยิบนามบัตรของตัวเองบ้าง

        ฝ่ามือยื่นนามบัตรให้ ขณะที่ค่อยโน้มกายเข้าประชิด คาวัลโลวางนามบัตรนั้นไว้ในมือหนาใบหน้ายิ้มแย้มเข้าไปใกล้ราวกับจะกระซิบอะไรบางอย่าง นั้นทำให้ชายผู้นั้นยิ้มกว้าง...ขยับกายเข้าหาพร้อมกับฝ่ามือที่กระชับมือของเขาอย่างรวดเร็ว..ตาสบตา..แล้วดวงตาพราวระยับของคาวัลโลก็เปลี่ยนเป็นเหี้ยมลึก..

         " ...หัดพูดภาษาอังกฤษให้คล่องเสียก่อนเถอะ ...ไอ้โง่..."

         " อึ่ก!..." เสียงร้องนั้นแฝงความเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด เพราะฝ่ามือของคาวัลโลจัดการบีบมือของมันสุดแรง มาเฟียหนุ่มขยับตัวห่างออกมาแล้วพ่นลมหายใจแรง  คาวัลโลสะบัดมือออกจากการเกาะกุมนั้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับเศษนามบัตรของชายคนนั้นถูกขยี้จนยับยู่ มาเฟียหนุ่มปรายตาไปมองผู้เป็นลุงอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีว่าเฟรเดริโก้จะยังคงคุยกับคนที่เขามองเห็นเพียงด้านหลังคนนั้นไม่เลิกเขาก็พ่นลมหายใจยาว สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันควัน

...หงุดหงิดอารมณ์เสียจนไม่คิดจะสร้างภาพ ไม่ต้องวางมาดบ้าบออะไรอีกแล้ว !

         "กลับ ! " ตวาดเสียงห้วนใส่บอดี้การ์ดที่เดินเข้ามาหาอย่างหงุดหงิด คาวัลโลก้าวเท้ายาวๆเดินฝ่ากลุ่มคนที่รายล้อมตนเองอย่างขุ่นเคือง หมดอารมณ์จะยิ้มแย้มทำตัวดีเป็นเจนเทิ้ลแมนโดยสิ้นเชิง มาเฟียหนุ่มผู้ก่อเรื่องอาละวาดอีกคราก้าวออกจากงานไปอย่างรวดเร็วโดยไม่แยแสสีหน้าคับแค้นใจของผู้ที่ถุกทำร้ายจนเสียหน้าสักนิด..

       เจ้าชายหนุ่มผู้โชคร้ายกัดฟันกรอด เมื่อถูกเหยียบหน้าจนแทบไม่เหลือซาก ชายหนุ่มคำรามในลำคออย่างหงุดหงิด พลิกเอานามบัตรที่อีกฝ่ายยัดมาใส่มืออย่างอารมณ์เสีย ด้วยหวังว่าจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็น"เจ้าของ"อีกฝ่าย เพื่อจะต่อว่าให้มันรู้สำนึก..

      หากแต่ใบหน้าของชายเมื่อครู่กลับปรากฏบนนามบัตรนั้น...เจ้าชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะครางเบาๆในลำคอเมื่อมองเห็นชื่อนั้นชัดเจน.

         คาวัลโล วาลกัส....

ผู้ชายคนนั้นเป็นมาเฟีย...

......................


         การเจรจานี้เป็นไปอย่างราบรื่นเมื่ออีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะเกิดปัญหา อัลชาอ์ยิ้มให้กับเฟรเดริโก้ วาลกัส บอสมาเฟียตระกูลดังอย่างยินดีที่การตกลงคร่าวๆเป็นผลราบรื่น แม้จะจดจ่อกับการสนทนา ทว่าใจของชีคหนุ่มกลับนึกประหวัดหาผู้ชายที่เขาหมายตาไม่วาย..

          " จริงสิครับ...ผมอยากแนะนำหลานชายให้รู้จัก...." หลังจากคุยกันเรื่อยเปื่อยสักพัก เฟรเดริโก้ก็ทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ คำกล่าวของอีกฝ่ายทำให้อัลชาอ์เลิกคิ้วขึ้นช้าๆ " เขาจะรับตำแหน่งต่อจากผมอีกไม่นาน อยากให้เขาได้รู้จักกับคุณ...อีกอย่างผมนึกสงสารเห็นยืนเมื่อยเพราะถูกล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ตรงนั้น"

           น้ำเสียงกลั้วหัวเราะของอีกฝ่ายพร้อมกับท่าทีพยักเพยิดของมาเฟียวัยกลางคนทำให้อัลชาอ์เลิกคิ้วขึ้นช้าๆ หันไปตามทิศทางนั้นหากพลันหัวคิ้วก็ต้องขมวดแน่น...เมื่อพบว่ามันเป็นจุดของเจ้าหนุ่มที่เขาหมายตา...รึว่าทายาทของเฟรเดริโก้ไปรุมล้อมเจ้าหนุ่มคนนั้นเหมือนกัน?...

         ชีคหนุ่มพ่นลมหายใจช้าๆอย่างหยามหยันถ้าเป็นบอสมาเฟียแล้วทำตัวแบบนั้น คาดว่าคงจะคบกันไม่ยืด

           "อ่ะ....ให้ตายสิ...ก่อเรื่องจนได้ " เสียงของเฟรเดริโก้บ่นออกมาทำให้ชีคหนุ่มเลิกคิ้วงงๆ หันไปมองหน้าอีกฝ่ายที่สั่งการให้ลูกน้องที่ติดตามอยู่เดินทางไปหาผู้เป็นหลานชาย...

           " ...ท่าทางจะยังอดทนไม่พอ...คนหนุ่มๆก็แบบนี้ล่ะครับ..." เฟรเดริโก้เอ่ย พอดีกลับเสียงโวยวายที่ดังขึ้นจากกลุ่มคนนั้น ประสานกับเสียงหัวเราะขบขันของบอสมาเฟียผู้องอาจข้างกาย..

           "...ขอโทษนะครับ...ท่าทางผมต้องไปออกหน้าขอโทษแทนเจ้าหลานชายเสียแล้ว..ก่อเรื่องได้ไม่รู้จักเข็ดจริงๆ " น้ำเสียงหน่ายระอา...นั่นยิ่งทำให้อัลชาอ์ขมวดคิ้วแน่น...เพราะคำว่าก่อเรื่องที่อีกฝ่ายเอ่ย...

        สายตาของเขามองตามคำพูดของเฟรเดริโก้ มองเห็นเจ้าหนุ่มที่เขาหมายตาคนนั้นยืนหน้าบึ้ง และเมื่อคนของเฟรเดริโก้เดินเข้ามาประกบ..ชายคนนั้นนั้นก็ตวาดลั่นด้วยสีหน้าเดือดดาลแล้วหมุนตัวเดินออกจากงานทันที...

  ลางสังหรณ์ของชีคหนุ่มกระตุกวูบ...หันกลับมาสบตาบอสมาเฟียเบื้องหน้าอีกครั้ง..

         " หลานชายของคุณ...." เขาเกริ่นช้าๆด้วยความงวยงง..และสงสัย

         " ครับ....เจ้าคนที่ก่อเรื่องแล้วเดินหนีออกไปนั่นล่ะ " เฟรเดริโก้บ่นพลางส่ายหัว.. " เขาชื่อคาวัลโลครับ คาวัลโล วาลกัส...ผมคาดว่าสักวันพวกคุณคงได้คุยกัน "

             นามบัตรที่ถูกหยิบยื่นมาจากบอสมาเฟียของแกงค์วาลกัสอย่างรวดเร็ว ทำให้ความเย็นวูบแทรกเข้ามาในใจอย่างเฉียบพลัน อัลชาอ์เอ่ยปากลากับเฟรเดริโก้ที่เป็นฝ่ายขอตัวไปก่อนออก มองร่างของฝ่ายนั้นเดินแหวกฝูงชนไปยังเจ้าชายผู้ถูกทำร้ายร่างกาย..ชีคหนุ่มขมวดคิ้ว..ที่สุดก็ก้มมองนามบัตรที่อยู่ในมือ

...ใบแรกเป็นของเฟรเดริโก้..วาลกัส ใบหน้าที่เขาเคยคุ้นเเละได้คุยอยุ่ไม่กี่วินาทีก่อนหน้า


และอีกหนึ่งใบ...

      คาวัลโล วาลกัส.... ชายหนุ่มผมสีมะฮอกกานีนัยน์ตาสีน้ำทะเลผู้มีรอยยิ้มน่าหลงไหล..คนนั้น...

         ชีคหนุ่มหันกลับไปมองจุดที่เกิดเรื่องอีกครั้ง พบว่าผู้คนต่างแยกย้ายจากกันไปแล้ว และเมื่อมองหาชายหนุ่มคนนั้นก็ไม่พบว่าเจ้าตัวไปอยู่ที่ไหนอีก.. ชั่วขณะหนึ่งที่อัลชาอ์นิ่งอึ้ง..ยิ้มค้าง..ท้ายสุดก็อดจะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้..เมื่อก้มลงมองนามบัตรในมือตน..

     ชีคหนุ่มถอนหายใจเบาๆ...กับรักแรกพบที่พังทลายลงในไม่กี่นาที..ร่างสูงยิ้มให้กับองครักษ์หนุ่มที่เดินเข้ามาหา ไม่ทันที่รายนั้นจะรายงานข้อมูลที่ตนทราบ อัลชาอ์ก็โบกมือห้ามแล้วออกปากสั่งให้เดินทางกลับอย่างรวดเร็ว...

ค่ำคืนแห่งมายา...ท่ามกลางแสงไฟและรอยยิ้มจอมปลอมของผู้คน...รัก...ไม่ควรจะเกิดที่นี่...

เป็นเพียงความหลงไหลและเศษเสี้ยวของความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงเท่านั้น..

   ความหงุดหงิดและเบื่อหน่ายของคาวัลโล วาลกัส จบลงในวันนั้น.. แต่ความฝันและความหลงไหลของอัลชาอ์ยังมีอยู่ต่อไปอีกนานวันแต่กระนั้น..ชีคหนุ่มก็บอกตัวเองว่ามันเป็นแค่ความหลงไหลชั่ววูบ..และ..ตนเองกับคาวัลโลคงไม่มีวันได้พุดคุยกันอย่างที่เฟรเดริโก้ วาลกัส ตั้งใจจะให้เป็น..



....แต่ใครจะรู้ ...ว่าหลังจากนั้น ...พวกเขาได้พบกัน..อีกครั้ง..


        ในยามคืนค่ำที่มืดสนิท แสงดาวพร่างพราวกระจ่างฟ้า ท่ามกลางเสียงกระสุนปืนและควันไฟ...ลมหายใจหอบเหนื่อย สีหน้าเด็ดเดี่ยวไม่ยอมแพ้ ...นัยน์ตาสีน้ำทะเลคู่สวยและใบหน้าที่เคยคุ้นกลับมาปรากฏต่อหน้าตนอีกครา..



ที่สุดแล้ว....โชคชะตา...


ก็พาให้เราได้พบกัน..



...........................................


ฮี่ๆ ตอบพิเศษจบแล้ว... :o8:
อยากเขียนตอนงานเลี้ยงที่อาบูดาบีมานาน ตอนนี้เลยขอซะเลย..ยังไงก็เป็นตอนพิเศษทดแทนที่หายไปนานแล้วกันเนอะ
อาจจะไม่หวาน และคาวี่กับท่านชีคก็ไม่ได้คุยกันเลย...แต่เอาน่า...มันเป็นจุดเริ่มต้น
ตอนท้ายท่านชีคแอบน้ำเน่าอ่ะ 555+ /โดนเตะ :z6:

ปอลิง. คุณ*~LPCM~* แบดกายอยุ่ที่นี่ค่า http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12460.5400 ระวังนะเรื่องนี้ อ่านแล้วต้องกินยาบำรุงตับ เห็นมีคนบ่นปวดตับไตเครื่องไนเซี่ยงจี้กันเหลือเกิน  :laugh:/ไปแล้วเดี๋ยวพี่โตเตะก้น :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 16-06-2011 02:11:33
สองตอนอ่านจุใจเลยค่ะ ตอนปกติหวานมากกก เป็นยาบำรุงตับที่ดีค่ะ :laugh:
ส่วนตอนพิเศษ แบบนู๋คาวี่หล่อค่าาาา เล่นเอาทั้งชีคทั้งคนอ่านเคลิ้มไปตามๆกัน :o8:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 16-06-2011 02:20:24
ยิ่งได้มาอ่านตอนแรกพบ :o8:
ยิ่งทำให้รู้สึกว่าท่านชีคเรารักคงมั่นเหลือเกิน :impress2:
แต่หนูคาวี่ดูจะไม่ได้เปลี่ยนไปเลยตั้งกะวันนั้น
เอาแต่ใจยังไงก็ยังเป็นอย่างงั้น
ขอตอนพิเศษแบบนี้บ่อยๆนะไรเตอร์ :กอด1:ชอบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 16-06-2011 11:29:23
+1 ให้ก่อนเลย มาแต่ละครั้งนำมาให้อ่านแบบสะใจกันไปข้าง ขอบคุณจริง ๆ

ชอบตอนนี้มากได้เห็นมุมหวาน ๆ ของทั้งคู่บ้าง แต่ก็กลับมาเครียดกันอีกแล้ว

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 16-06-2011 11:59:42
คุณปุ้ยค่ามาให้กอดหน่อย จริงๆอ่านตั้งแต่เมื่อคืนแล้วละแต่น้องมันจะใช้คอมก็เลยต้องมาเม้นท์เอาตอนสายๆของวันนี้
อ่านแล้วบอกได้คำเดี่ยวว่าชอบมากถึงมากที่สุด
คนเขียนหายไปนานมากแต่เราให้อภัยเพราะตอนนี้ถูกใจนักอ่านอย่างเรามากๆอ่ะ
อ่านไปก็เขินไป รักท่านชีค รักคาวี รักคนแต่งด้วย  :man1:
ขอชมคะว่าแต่งมนต์เสน่ห์ของทะเลทรายออกมาได้เสมือนไปนั่งอยู่กะท่านชีคและคาวี่เลย
ส่วนตัวเราชอบอ่านเรื่องแนวทะเลทรายอยู่แล้วพอเจอฉากเมื่อคืนเข้าไปจากที่ง่วงนอนตาสว่างเลยอ่ะ(ไม่นับฉากนอกสถานที่นะ)
ยกมือสนับสนุนให้มีฉากหวานๆของคู่นี้บ่อยๆก็ดี แล้วก็ถึงคาวี่น้อยจะทำอะไรดูปัญญาอ่อนยังงัยท่านชีคกับคนอ่านก็เห็นว่าน่ารักนะ(วิ่งหนีคาวี)
รู้สึกตัวเองเพ้อมากหลังจากได้อ่านตอนนี้ ยังงัยก็รอตอนต่อไปนะค่ะ  :L1:

ปล.ยังไม่ได้อ่านตอนพิเศษ แต่เท่าที่ดูผ่านๆ ดูคาวี่เราจะนิสัยคงเส้นคงวามาก
ใจจริงอยากเห็นตอนที่ท่านชีคของเราเจอกับครอบครัวและพวกพี่ๆของคาวี่ดูเหมือนกันนะคงสนุกดีครอบครัวนี้ร้ายๆกันทั้งบ้าน o18

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 16-06-2011 13:19:01
อ๊าย..คาวี่น่าฟัดมากๆเลยอะ
อัลชาร์ก็ช่างเข้าอกเข้าใจเหลือเกินนะ หวานกันกลางทะเลทราย โรแมนติคที่สุด เฮ้อ ไม่รู้จะอิจฉาใครดีเลย 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 16-06-2011 13:21:45
พรหมลิขิต  :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 16-06-2011 13:52:47
หายไปนาน แต่มายาวมากก็ให้อภัยค่ะ555

เข้าใจฟีลเซ็งๆ พล็อตเต็มหัว แต่เขียนไม่ออกเหมือนกันนะ ช่วงนี้กำลังเป็นอยู่พอดี แต่ยังหาวิธีแก้ไม่ได้สักที เอิ๊กๆ

ปล.ตอนพิเศษทำให้ได้รู้ว่า อัลซาเป็นหนุ่มโรแมนติกมากกกกกกกรักทน รักนานสุดๆ แอร๊ยยยยยส์
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 16-06-2011 15:52:48
 :impress2:น่ารักจริงคู่นี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 16-06-2011 16:37:03
หายไปนานเลยน่ะคุณปุ้ย
กลับมาก็มาเป็นหางว่าวเลย อย่างนี้อภัยกันได้ :z1:
ฉากหวานเต็มเลย

แต่ทำไมไม่มีภาคของฝาแฝดบ้างเลย :m15:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 16-06-2011 16:38:07
คู่นี้น่ารักอ่ะ คาวัลโลเหมือนลูกแมวเลย
อัลชาไปไหนไม่รอดแน่ๆ :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: morphinelike ที่ 16-06-2011 17:51:06
คิดถึงคาวี่กะท่านชีคที่สุดเลย                                                                                                                                                                        
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: flawless ที่ 16-06-2011 19:17:33
ท่านชีคคคคคคคคคคคคค  กลางทะเลทรายเลยหรือคะ????
สุดยอดดดด ช่างกล้า มาดมั่น และไม่แคร์ใดๆ เลยจริงๆ
หุๆ รอบนี้มาสองตอนเลย ขอบคุณมากค่ะ อ่านแล้วยิ้มได้
นิดหน่อยหลังจากซึม มาจากแบดกายค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 16-06-2011 21:26:19
สองตอนเต็มอิ่มจุใจ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ใครกันนะที่ทรยศ อยากรู้ใจจะขาด ฮือ  ลุ้นจริงให้ตายเหอะ :a5: :a5: :a5:
รักแรกพบของท่านชีค  :กอด1: :กอด1: ว่าแต่ ไอ้เจ้าชายคนนั้นคงไม่ใช่เจ้าชายฟาซาลหรอกนะ  :o8:
แล้วเซย์ล่ะค่ะ หายไปไหนอ้ะตอนนี้ อัพเดทหน่อย พลีส  :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: ammer ที่ 16-06-2011 21:42:53
  :haun4:  กลางแจ้งเลยหรอ
คาวัลโลยังไม่รู้เรื่องพี่ชายตัวเองใช่มั้ยค่ะ?
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 16-06-2011 21:50:42
อ่า  ยาวดีจริงๆตอนนี้
มีตอนพิเศษให้ด้วย
คุ้มที่รอคอย 55+

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: KaZuKi ที่ 16-06-2011 22:15:16
อ๊ากกกกกกกก อิจฉา อยากได้แบบอัลชาห์อ่ะ โอ้ย สวีท หวานไปไหนค่ะคุณพี่ :o8:
ไม่ไหวจะเครีย คลอเครีย ออดอ้อน แบบคาวี่ใช่มั้ยที่ต้องการ โฮกกกกก รอตอนหน้านะค่ะ
ยังลุ้มคู่แฝดอยู่ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 16-06-2011 23:15:37
โว๊ะ มันจะหวานไปถึงไหน กลางท้องฟ้าโปร่ง โล่ง แจ้ง มีแสงจันทร์เป็นพยาน โรแมนติกมากกกกก
จับตัวคนทรยศได้แล้ว จะทำยังไงต่อไป แล้วไหนจะเรื่องของคาวี่อีก
ต้องกลับไปแก้แค้นนะ ><

ตอนพิเศษน่ารักอ้ะ ถึงแม้จะไม่ได้คุยกันก็เถอะ 5555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 16-06-2011 23:39:45
ไม่ว่าจะเป็นชีคอาเหม็ด รึว่า อัลลิยะห์ 
คิดว่า อัลชาร์ ก็เจ็บปวดอยู่ดี
เพราะเป็นคนใกล้ตัวที่ไม่คิดว่าจะทรยศทั้งคู่ เหมือนกับกรณีของคาวี่เลย
แต่คิดว่าน่าจะเป็นชีคอาเหม็ด มากกว่านะคะ รึไรเตอร์ว่ายังไง
 :really2:

แล้วมือซ้ายมือขวาของคาวี่ ที่พี่ชายใหญ่ส่งมา เมื่อไหร่จะมาคะ รอจะแย่แล้วววววว

 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 17-06-2011 02:59:38
ตอนปัจจุบัน คาวี่น่าเอ็นดูมั่กๆๆๆๆ :laugh: :laugh:

ส่วนอัลซาร์หื่นสุดๆ  :haun4: :haun4: :haun4:

แต่ตอนพิเศษ อัลชาร์โรแมนติก+หนักแน่นมั่นคงดีจัง :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: ease supsnerv ที่ 17-06-2011 08:54:02
อ่า  ชีคกะคาวี่ สวีทกันไม๊สนดินฟ้าอากาศ สุดยอด!!  อยากบอกว่าตอนนี้หวานมากๆ หวานเชื่อมเลยจ้ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 17-06-2011 17:10:00
คาวี่เล่นตามใจตัวเองแบบนี้ ก็ได้ใจท่านชีคอัลซาร์สิ จัดเต็มกลางโอเอซีสทะเลทราย 5555
ออกมาสวีทล่อเป้าศัตรู เค้าอยากรู้ว่าใครเป็นคนทรยศเร็วๆ แล้ว ลุ้นๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 17-06-2011 20:31:29
กลางเเสงจัน หมู่ดาวเเละทะเลทราย ท่านชีคก้อยังหื่นไม่หยุด 555+

คาวี่น้อยเซ็กซี่หลายๆ  -///-
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 18-06-2011 10:09:10
ว้าวๆ



คาวี่



พรหมลิขิต บันดาลชักพาจิงๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 19-06-2011 01:10:53
outdoor 555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 19-06-2011 03:01:01
ตอนนี้หวานมาก กี้ดๆ คาวี่น่ารักที่สุดในสามโลกเลย  o13
ท่านชีคก้หื่นเกิ๊นน  :oo1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 19-06-2011 21:26:16
  วุ้ย  บอกได้คำเดียวว่าหวานมาก  ทั้งตอนปกติทั้งตอนพิเศษ :-[
  ตอนปกติ  คาวี่น่ารักมากมายอ้อนซะ  น่าร๊ากน่ารัก :กอด1:
  อัลซาล์ก็หื่นไม่สนใจใครทั้งนั้น  สงสารคาวี่บ้างสิว่ะ
  ตอนพิเศษก็นะ  คนหนึ่งเบื่อ  คนหนึ่งแอบรัก  เหอะๆ  โชคชะตาก็เล่นตลกแท้ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: *~LPCM~* ที่ 20-06-2011 15:09:22
หุหุ  :z13: :z13:
จัดเต็มสมกะที่ปล่อยให้รอคอยเลยค่ะ
อ่านไปอ่านมาเริ่มไม่มั่นใจกะชีคแล้ว ก็เล่นสวมบทเป็นตาแก่จอมหื่นไปซะแล้ว อย่างนี่คาวี่ก็เหนื่อยแย่ดิ
ทำเป็นตามใจน้อง ที่ไหนได้ประโยชน์ตกอยู่ที่ตัวเองล้วนๆเลยนะคะ ท่านชีค  :laugh:(เอ๊ะ! หรือคาวี่มันต้องการแบบนี้เอง)
รู้สึกว่าคู่นี้เค้าเป็นอะไรที่เกิดมาเผื่อเป็นของกันและกันมากอ่ะ แบบมองตาก็รู้เซี่ยงจี๊ไรงี้ คริคริ o22

ตอนนี้คนอื่นๆ หายหน้าไปเลย เค้ายังไม่ลืม ร๊อบกะกฤษนะคะ (ปุ้ยอย่าเนียนลืมล่ะ o18)
สองแฝดนั่นด้วย ไม่อยากจะพูดถึง ซิสกะเซย์เลย มันปวดจิตตตต :o12:

รอตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อนะคะ อยากรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ไม่เคยเดาทางเรื่องถูกเลยสักตอน หักมุมเค้าตลอดอ่ะ  :เฮ้อ:

ปล. อยากจิถามปุ้ยว่า เรื่องเดินมาได้กี่เปอร์เซ็นต์ของเรื่องทั้งหมดแล้วคะ รีบๆปริ๊นต์นะคะ ไม่ไหวจะรอแล้วคร่าาาา ><
ปล2. แต่ไม่ว่ายังไงก็จะยังติดตามผลงานของปุ้ยต่อไปนะคะ รักปุ้ยจุ๊ฟๆ  :กอด1: :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 20-06-2011 18:23:23
อ่านะ  เพิ่งจะเข้าใจชื่อเรื่องก็ตอนนี้เอง
*กุหลาบทรายใต้เงาหิน* :L1:

คาวี่ตอนนี้อ้อนมากๆ แมวน้อยจิงๆ :-[
ท่านชีกถูกใจ อิอิ

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 22-06-2011 21:26:58
เข้ามาฉลองบอร์ดใหม่จ้า  :mc4: :mc4:

ปล. หาเกือบไม่เจอตกไปอยู่หน้า3
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: tengu3 ที่ 22-06-2011 23:58:59
หวานกันซะจนคนอ่านแอบยิ้มไปตามๆกัน

อิอิอิ ทำเอาซะเขิลเลย  :-[

ชอบมากเลยค่า

รีบมาอัพอีกนะค้า :sad11:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: tengu3 ที่ 23-06-2011 00:29:08
อยาลงรูปเป็นมั่งอ่ะ เค้าลงกันยังไงค้า บอกทีค่า :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 24-06-2011 16:30:42
แอบย่องเข้ามาบอกว่าคิดถึงหนูคาวี่จัง

คิดถึงคนแต่งด้วยนะค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 27-06-2011 05:12:48
Line : 35 ความเหมาะสม


    ภายในคฤหาสน์โอ่โถงที่ย่ำเท้าก้าวเข้าไปเงียบสนิทไร้ผู้คนพลุกพล่าน คาวัลโลเดินเคียงอัลชาอ์ตามหลังชีคอาเหม็ดไปเงียบๆ เขากวาดตามองทั่วบริเวณเล็กน้อยด้วยความสงสัยปนระแวงระวัง เพราะดูจากอาการไม่เป็นมิตรของผู้คน ตลอดจนท่าทีของชีคอาเหม็ดและการวางกำลังพลมากมาย แม้ว่านี่จะเป็นประเทศของอัลชาอ์และผู้คนเหล่านี้ก็ล้วนอยู่ในการปกครองของชีคหนุ่มทั้งนั้น..ทว่าใครจะแน่ใจได้เล่า อย่างน้อยหากเกิดเหตุร้ายหรือฉุกเฉินอะไรมองหาทางหนีทีไล่ไว้ก่อนก็ถือเป็นการระมัดระวังที่ดี

    ร่างของเจ้าชายฟาลซาอ์ที่เดินตามอยุ่เบื้องหลังห่างไม่เกินหางตาจับจ้องยังคงปรากฏชัด และร่างของชีคอาเหม็ดที่เดินนำเช่นเดียวกัน...พวกเขาต่างเงียบ และเมื่อไร้เงาของผู้คนภายในคฤหาสน์หรูหราจึงมีเพียงเสียงรองเท้ากระทบพื้นหินอ่อนเงาวับก้องสะท้อนเบาๆ

    ไม่กี่อึดใจร่างของชายทั้งสี่ก็เดินทางมาถึงยังห้องๆหนึ่งในด้านปีกซ้ายของคฤหาสน์ อาเหม็ดหยุดฝีเท้า ยกมือเคาะประตูเบาๆสองครั้ง ประตูก็เปิดออก เพื่อต้อนรับร่างของผู้มาเยือนให้ก้าวเท้าเข้าไป..

     คาวัลโลกลืนน้ำลายลงคอช้าๆเมื่อได้สบมองแววตาของผู้คนแปลกตาหลายรายที่นั่งอยู่เบื้องหน้า คิ้วของเขาผูกเข้าหากันด้วยความฉงนฉงาย หากฝีเท้ายังก้าวตามอัลชาอ์ไปตามแรงดึงและฝ่ามือที่กำแน่น ไม่หวั่นไหว..

   ความเย็นเฉียบและฝ่ามือที่เคยสั่นน้อยๆของอัลชาอ์หยุดลงไปเมื่อไหร่ไม่อาจจะรู้ หากรู้สึกเพียงความอุ่นร้อนที่แผ่ออกมาจากปลายนิ้วที่จับประคับประคองกันไว้แน่น นั่นเสมือนแรงใจหนึ่งที่ทำให้คาวัลโลยืนนิ่งจ้องมองผู้คนเบื้องหน้าด้วยแววตาสงบนิ่งไม่หวั่นเกรง..

  ...ยืนเคียงข้างอัลชาอ์อย่างองอาจในฐานะ"คนรัก"และจะไม่ยอมให้ใครมาใช้สายตาดูถูก หรือคำพูดหมิ่นแคลน...

 ...ต่อให้ที่นี่จะไม่ใช่บ้านของเขา ต่อให้จะไม่รู้จักคนเหล่านี้ ต่อให้"ศาสนา"และ"วิถีปฏิบัติ"ของผู้คนที่นี่จะขัดกับสิ่งที่พวกเขาสองคนทำลงไป แต่ทว่า เมื่ออัลชาอ์กล้าจะยืนหยัดและยืดอกยอมรับสิ่งที่ตนทำอย่างไม่หวั่นไหว เขาก็ขออยู่ข้างๆไม่จากไปเช่นเดียวกัน..

     "$#&%*&" เสียงพุดภาษาบ้านเกิดของชีคหนุ่มทำให้คาวัลโลอดจะขมวดคิ้วน้อยๆไม่ได้..ด้วยไม่รู้ความหมายและด้วยสายตาของผู้คนทั้งหลายนั้นต่างจ้องมองมาที่ตนเมื่อเอ่ยคำ..

     " เขาไม่ใช่คนนอกมีความสำคัญและสมควรจะได้รับรู้เรื่องนี้พร้อมๆกับพวกท่านด้วยเช่นกัน " น้ำเสียงของอัลชาอ์เอ่ยออกมานิ่งเรียบ...เป็นภาษาอังกฤษ แค่นั้นก็พอให้คาวัลโลเดาคำถามที่ได้ยินมาไม่ยาก...เพราะคงต้องถามถึงความสำคัญของเขา สาเหตุว่าทำไมจึงยอมให้เขามาออยู่ตรงนี้ มารับรุ้เรื่องที่จะเกิดขึ้นด้วย..

      ปึง...!

     ประตูเบื้องหลังปิดลงช้าๆพร้อมกับฝ่ามือของอัลชาอ์ที่ค่อยผละจาก ชีคหนุ่มใช้ฝ่ามือดันไหล่ของคนรักให้นั่งลงข้างๆแล้วบีบเบาๆอย่างอ่อนโยนให้ความมั่นใจ...ขณะที่ตนเองนั่งลงบนหัวโต๊ะ อย่างเชื่องช้า ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอ่อนโยนกลายเป็นนิ่งขรึมยามทรุดกายลงอย่างงามสง่า...แผ่นหลังเหยียดตรง ร่างแกร่งหนา..หัวไหล่กว้าง พิงลงบนเก้าอี้บุนวมหนาสีทอง ขณะที่ดวงตาสีนิลทอดมอง จับจ้องอย่างเคร่งขรึมไปยังร่างของบุคคลที่นั่งอยู่ยังหัวโต๊ะฝั่งตรงข้าม..

      คาวัลโลค่อยปรายตามองตามอย่างเชื่องช้า เขามองเห็นเจ้าชายฟาลซาอ์ค่อยโค้งตัวให้อัลชาอ์เงียบๆแล้วก้าวไปยังอีกฝั่ง..อันมีร่างของหญิงวัยกลางคนราวอายุเฉียดห้าสิบนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมสีทอง ใบหน้าด้านล่างถูกปกปิดด้วยผ้าคลุมใบหน้าสีดำสนิท ไม่ต่างกับอาภรณ์ทั้งร่างที่มีสีเดียวกัน ราวกับไว้ทุกข์ คาวัลโลมองเห็นเพียงดวงตาสีเขียวมะกอกสดใสของเธอ..แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้รู้ว่าหญิงผู้นี้คือใคร เขาไม่แปลกใจเลยที่เจ้าชายฟาลซาอ์จะไปโค้งกายให้หญิงผู้นั้น..

..อัลลิยะห์...ราชินีคนก่อนของเซเนียยา แม่เลี้ยงของอัลชาอ์และแม่ที่แท้จริงของเจ้าชายฟาลซาอ์...

       ข้างกายของหญิงคนนั้นเยื้องมายังด้านซ้าย...คือร่างของชายคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบของทหารชั้นสูงสีน้ำเงินแก่ ตราประดับหราบนอกบ่งได้ว่าคงมียศศักดิ์สูงพอสมควร ใบหน้าเคร่งขรึมดุดันของชายคนนั้นเห็นได้ชัดยามไม่มีคาฟิยะห์สวมบนศรีษะมีเพียงไรหนวดยาวพอประมาณปกคุลมจากด้านบนของริมฝีปากจรดปลายคางและถูกตกแต่งตัดเล็มอย่างดี สีหน้าที่ไม่อ่อนลงแม้นสักนิดยามนัยน์ตาของชีคหนุ่มปรายจ้อง ทำให้มาเฟียหนุ่มต้องครุ่นคิด..

      และฝั่งขวามือของหญิงคนนั้น ก็มีร่างของชีคอาเหม็ดนั่งอยู่ ใบหน้าของชีคเฒ่าที่เคยออกปากกล่าวเตือนเขายามก่อเรื่องไปช่วยอัลชาอ์..ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวของความอ่อนโยนให้เห็น มีเพียงความเคร่งขรึมและบูดบึ้งชัดเจน...มันชัดเจนมานับแต่ที่อัลชาอ์ก้าวเท้าลงในคฤหาสถ์แห่งนี้ด้วยฝ่ามือที่สอดกระชับจับมือของ"ผู้ชาย"เช่นคาวัลโล วาลกัสแนบแน่นและไม่คิดจะปล่อย และยิ่งชัดขึ้น ยามที่ใบหน้านั้นไม่เหลือบแลมายังร่างของพวกตนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะประชุมตัวยาวสักนิด

      ทว่า...อีกหนึ่งหญิงสาวที่ปรากฏต่างหาก ทำให้คาวัลโลต้องเบิ่งตามองหล่อนอย่างตกตะลึงปนงวยงงไม่น้อย เมื่อนั่นคือร่างของ ฟาติมะห์ ที่อัลชาอ์เคยบอกไว้ว่าเธอหายตัวไป..บัดนี้ กลับมานั่งอยู่ข้างกายผู้พ่อด้วยดวงตาวาววับด้วยความเจ็บร้าวและเคืองโกรธ...แววตายามตวัดมองเขาและอัลชาอ์ที่เดินเข้ามาในห้อง ยังเเจ่มชัด...

    ....ฟาติมะห์...ที่เป็นข่าวว่าหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จนเป็นเหตุให้อัลชาอ์ถูกกล่าวร้าย ว่าทำร้ายหล่อน และทำเรื่องไม่ดีต่างๆ..

     ....คนที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องวุ่นวาย...บัดนี้กลับมานั่งอยู่ตรงนี้...

หรือ นี่อาจจะเป็นการรวมตัวของคนที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เป็นได้...

      คาวัลโลหรี่ตาลงช้าๆ เขากวาดสายตามองผู้คนโดยรอบอีกครั้ง..ไม่มีร่างของนายทหารมายืนเฝ้า ไม่มีร่างของสาวใช้หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ภายในห้องนี้มีเพียงเจ็ดชีวิตนับรวมตัวเขาและเหล่าบุคคลในราชวงศ์ชั้นสูงของเซเนียยา

  ....นั่งใคร่ครวญพินิจพิเคราะห์..หากเพิ่งนึกได้ ว่าความเงียบที่เกิดขึ้นนานพอสมควรแล้ว..คาวัลโลหัน กลับไปมองหน้าอัลชาอ์ พบว่าชีคหนุ่มยังคงจับจ้องไปยังหญิงวัยกลางคนนางนั้นอย่างไม่ละสายตา..

. ความเงียบยังคงลอยตัวอยู่....นิ่ง.... นาน.... ริมฝีปากหนาจึงยกขึ้นเพียงเล็กน้อย...แล้วเอ่ยคำ

       "....ฉันอุตส่าห์มาเยี่ยม จะไม่มาทักทายกันหน่อยหรือ...? "

   วาจานั้นจะหมายความว่าอะไรก็แล้วแต่ คาวัลโลไม่นึกทราบ เขามองเห็นเพียงสีหน้าสงบนิ่ง แฝงแววหยิ่งทะนงในสายเลือดสีน้ำเงินของอัลชาอ์  บุคลิกที่แสดงความน่ายำเกรงออกมาโดยไร้อาการตวาดอึง ซึ่งยังผลให้ผู้ฟังต่างชะงัก..นิ่งงันไปอย่างลืมตัว.....หากมาเฟียหนุ่มทำเพียงนั่งนิ่ง...เงียบ...เงี่ยหูฟังบทสนทนาที่เขาไม่อาจจะรู้ความหมายด้วยสีหน้าสงบหากแฝงแววครุ่นคิด ระวังระไว...

ภายในห้องนี้อาจจะมีใครสักคนที่ก่อปัญหาให้อัลชาอ์ปะปนอยู่ และอาจจะคิดก่อเรื่องอะไรก็เป็นไปได้..

ภายในห้องไม่มีทหาร ใช่ว่าภายนอกจะไม่มี และถึงข้างนอกจะไม่มีใครกล้าหาญทำร้ายชีคแห่งเซเนียยา ทว่าในห้องนี้ ก็ใช่จะไม่มีคนกล้าทำ...อย่างน้อย ก็ระแวดระวังอาวุธหรืออะไรก็แล้วแต่ที่อาจจะปรากฏ..

แม้ห้องนี้จะไม่มีบอดี้การ์ดหรือทหาร ทว่าการแบ่งกลุ่มเป็นสองฝ่ายก็ชัดเจน ในยามที่อัลชาอ์ทำหน้าที่"ชีค"ผู้นำประเทศ ตัวเขาก็กำลังทำหน้าที่องค์รักษ์...ปราการป้องกันด่านสุดท้าย ที่กำจัดการกับคนที่มาแตะต้องอัลชาอ์...หมายมาทำอันตรายผู้ชายที่"สำคัญ"กับเขา..

    ....คาวัลโลจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องชีคแห่งเซเนียยาเด็ดขาด...

................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 27-06-2011 05:15:49
 
     "....ฉันอุตส่าห์มาเยี่ยม จะไม่มาทักทายกันหน่อยหรือ...? "

     คำถามที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากของชีคแห่งเซเนียยา ทำให้ผู้ฟังต่างนิ่งงันกันไปด้วยความรู้สึกยากจะกล่าว..คำทักทายนั้นมาจากปากของ"อัลชาอ์ มูอัสซิน" ทว่า ก็เป็นถึงคำพูดจากปากของ"อัลชาอ์ มูอัสซิน ชีคแห่งเซเนียยา"

คำกล่าวทายทัก...ไร้ร่องรอยของความอาทรฉันท์ญาติมิตรหรือผู้คนในเครือญาติกล่าวต่อกัน หากมันเป็นคำพูดของ"ผู้ปกครอง"ที่กล่าวต่อคนที่"อยู่ภายใต้การปกครอง"ของตน...

     และเมื่อรวมกับภาพของชีคหนุ่มผู้องอาจ เจ้าของดวงตาสีนิลคมปลาบและเส้นผมสีเข้มภายใต้กุตราห์สีขาวและโธปตัวยาวสีเดียวกันสวมทับด้วยมิชลาอ์สีทอง ประทับนั่งบนเก้าอี้บุนวมสีทองคำอย่างองอาจ ใบหน้าเรียบสนิทไร้ร่องรอยอารมณ์ใดเช่นเดียวกับดวงตาสีเข้มที่จ้องมองมาอย่างไม่หลบ ลำคอตั้งตรงไร้ร่องรอยหวั่นไหว ร่างสูงใหญ่บนบัลลังก์สีทองอร่ามดูแข็งแกร่งและองอาจเยี่ยงราชสีห์...ชวนให้ตระหนักรู้...สิ่งที่เผลอลืมมันไป ว่าชายเบื้องหน้าคือ"ประมุข"ที่ตนต้องให้ความเคารพ..

       อัลลิยะห์ค่อยกระพริบตาช้าๆ ร่างของหญิงวัยกลางคนค่อยขยับกาย ฝ่ามือเล็กยกขึ้นจากที่เคยกุมไว้บนตัก นางค่อยยกขึ้นแตะบนหน้าผากและค่อยค้อมศรีษะลงช้าๆด้วยฝ่ามือที่สั่นระริก..

         "ซาลาม...." น้ำเสียงสั่นน้อยๆเอ่ยขึ้นพร้อมกับคำขออภัยต่อมา "ขออภัยที่หม่อมฉันไม่อาจก้มตัวเคารพ ทรงทราบดี ว่า..."

         " ท่านป่วย ฉันรู้...." อัลชาอ์เอ่ยตัดบทของหญิงวัยกลางคนเบื้องหน้าพยักหน้ารับ หากยิ้มออกมาช้าๆด้วยดวงตาวาววับ..

        " แต่ฉันไม่รู้เลยว่าคนในนี้ก็ป่วยกันไปหมด...." สิ้นคำกล่าว ร่างของชายหญิงที่เคยนิ่งเงียบ จ้องมองตนอย่างกร้าวเเข็งเมื่อครู่ ค่อยชะงัก สะดุ้งเล็กๆและพากันโน้มกายก้มเอ่ยทำความเคารพ..กระทั่งน้องชายบุญธรรมผู้ค้อมกายเคารพตนมาแล้วก็ยังร่วมโน้มกายด้วยอย่างลืมตัว...

         อัลชาอ์ค่อยพยักหน้ารับการทักทายของผู้คนเบื้องหน้าอย่างเชื่องช้า...ชีคหนุ่มคล้ายจะยิ้ม..หากรอยยิ้มนั้นก็ปรากฏเพียงมุมปากที่กระตุก...แข็งกร้าวและหยาบกระด้างด้วยความสมเพชและยอกแสยงในใจ...

....คาดเอาไว้แล้วไม่มีผิด..

... รู้ทั้งรู้ว่าเกิดอะไร รู้ทั้งรู้ ว่าเกิดขึ้นเพราะใคร...หากแต่เพราะคนเหล่านี้คือกลุ่มเครือญาติสุดท้ายที่เหลืออยู่ จึงยังใจอ่อน จึงยังไม่อาจจะตัดใจทำร้าย...กระทั่งโดนค่อนแคะว่าอ่อนแอไร้สามารถก็ยังไม่ปริปากหรือขยับตัวทำอะไร..

    แต่เมื่อตอนนี้มาถึง ในยามที่มี"สิ่งสำคัญ"ต้องปกป้องและไม่อาจจะเสี่ยงได้  แม้จะต้องผิดหวังและเสียใจ แม้จะไม่อยากใช้วิธีนี้ หากแต่ก็ต้องทำ

      หางตายังคงมองเห็นเงาร่างของคนที่รักจนหมดใจนั่งนิ่งอยู่ข้างๆ เป็นดั่งกำลังใจที่คอยผลักดันให้ยืนหยัด

         อัลชาอ์ปรายตามองคนทั้งหมดที่ค่อยกลับไปนั่งบนที่เดิมของตนแล้วค่อยสูดลมหายใจลึก..อันดับแรก..เขาจ้องมองไปยังญาติสาวที่มีข่าวว่าหายตัวไปอย่างลึกลับ อัลชาอ์ยิ้มให้เธอบางๆ...เอ่ยปากถาม..

      " ฟาติมะห์...กลับมาแล้วหรือ...มีข่าวว่าเธอหายตัวไป พี่เป็นห่วงเสียเเทบแย่.." แววตาตระหนกและแฝงความหวั่นกลัวของอดีตคู่หมั้นไม่ได้หลุดรอดไปจากสายตาของอัลชาอ์ รวมทั้งใบหน้าฉายแววไม่พึงใจของชีคอาเหม็ดผู้เป็นลุง..

   ....ความไม่พึงใจที่ไม่ใช่แค่คำถามอุกอาจ หากแต่เป็นเพราะการที่ตนไม่สน"มารยาท"ในการพูดคุยสักนิด กับลำดับอาวุโส ที่ต้องเอ่ยทายทัก..พุดคุยกับผู้อาวุโสกว่า หรือผู้ที่เป็นพ่อ เป็นผู้ปกครองเช่นชีคอาเหม็ด...

       หากแต่อัลชาอ์ไม่คิดจะใส่ใจ เพราะนี่คือคำถามในฐานะผู้นำต่อประชาชนของตน หาใช่ญาติสนิทหรือครอบครัวของตนไม่...
 เมื่อพยายามอะลุ่มอล่วย พยายามปฏิบัติต่อคนเหล่านี้ด้วยความกรุณาเอื้ออาทรแล้วยังไม่เป็นผล เหตุใดต้องทนรับการกระทำเช่นนี้อีก...

 และพวกเขามีสิทธิ์จะโกรธด้วยหรือ ในเมื่อต่างก็กดดันให้เขาตัดสินใจใช้วิธีนี้ทั้งนั้น..เมื่อทำลายความปราณีของเขาด้วยการกระทำของตน แล้วเหตุใดตอนนี้จะมาหวนอาลัยหรือไม่พอใจมัน...

       "....ฟาติมะห์..? " ชีคหนุ่มยกรอยยิ้มมุมปาก เอ่ยถามย้ำแก่ญาติสาวที่ก้มหน้าลง เนื้อตัวสั่นระริก...

       " อัลชาอ์ !...เจ้า......" อาเหม็ดเม้มปากแน่นด้วยรู้สึกทนไม่ได้ ชีคเฒ่าเอ่ยพรวดออกมาอย่างอัดอั้น หากแต่ร่างอวบยังไม่ทันจะลุกถลัน..พลันสบมองดวงตาสีดำสนิทคมปลาบ ตนก็เป็นฝ่ายนิ่ง...เม้มปากแน่นและนั่งลงบนเก้าอี้อย่างรวดเร็ว..

...ยามที่นัยน์ตาคู่นั้นวาววับและเต็มไปด้วยสายน้ำแห่งความเย็นยะเยียบ...ใคร จะไม่หวาดหมั่น...

        "...ฉันมาที่นี่ในฐานะใด ฉันออกปากถามลูกสาวของท่านในฐานะใด ท่านไม่รู้หรือ...ชีคอาเหม็ด..." อัลชาอ์ปรายตามองใบหน้าอวบของชีคเฒ่า นัยน์ตาเป็นประกายกร้าว "หรือท่านลืมไปแล้วกัน ว่าตลอดมาฉันอยู่ในฐานะไหน? "

       "...อึ่ก......กระหม่อม....ไม่บะ...." ก่อนที่คำว่า"บังอาจ"จะออกมาจากริมฝีปากของอาเหม็ด อัลชาอ์ก็ยกมือซ้ายขึ้น เป็นสัญญาณให้หยุดคำพูดนั้นไว้..

       "...ท่านไม่บังอาจ..." อัลชาอ์ขยับยิ้ม ร้องหึในลำคอเบาๆ " ไม่บังอาจงั้นหรือ แล้วการกระทำที่กำลังทำอยู่มันคืออะไร .. การกระทำของท่านมันเกินคำว่า"บังอาจ"ไปมากแล้ว หากท่านไม่ทราบ..."

       ".....ท่านอาเหม็ดไม่เกี่ยว...." น้ำเสียงแหบพร่าของอัลลิยะห์ดังขึ้นก่อนที่จะได้ต้อนอีกฝ่ายให้จนมุม อัลชาอ์หันไปมองหญิงผู้มีศักดิ์เป็นมารดาตน...หญิงที่ตนเองไม่เคยคุ้น หากแต่ก็สมัครใจรักใคร่ ไม่ต่างจากมารดาผู้ล่วงลับ..

...ยามที่รู้ว่าหล่อนคือผู้บงการเรื่องราว...ผิดหวัง รวดร้าวเพียงไหน...ความรู้สึกนั้นยังชัดเจน...

       " หรือท่านจะบอกว่าเหตุจลาจลและข่าวลือที่ทัสคานีไม่ใช่ฝีมือของท่าอาเหม็ด..? " อัลชาอ์เอยถาม เลิกคิ้วขึ้นช้าๆยามเอ่ยเรียอกนามอีกฝ่าย "ท่านหญิง "

         แววตาของอัลลิยะห์วูบไหวอย่างรวดเร็วยามที่ได้ฟังคำเอ่ยนามนั้น ฝ่ามือและเรียวนิ้วที่ประดับด้วยแหวนอัญมณีราคาแพงระยับกุมกระชับเข้าหากันน้อยๆ..ด้วยความหวั่นใจลึกๆ เหตุเพราะที่ผ่านมา บุรุษเบื้องหน้าหล่อนมักเอ่ยเรียกตนว่า"ท่านแม่"ด้วยความรักและเคารพไม่ต่างจากบุตรชายแท้ๆของตน แล้วเหตุใด..ยามนี้ ชื่อเรียกขนานนามของนางถึงได้เปลี่ยนไปเช่นลดฐานะเป็นเพียงคนรู้จัก..

      "...เราไม่ปฏิเสธ...แต่นั่นเพราะใคร...." เพียงครู่ แววตาของหญิงวัยกลางคนก็กลับมาวาววับด้วยความทะนงในศักดิ์ ริมฝีปากภายใต้ผ้าโปร่งสีดำปิดใบหน้าเม้มแน่นเข้าหากันช้าๆ " เพราะเหตุใด ท่านก็รู้ดี ! "

     " ....นั่นเกี่ยวข้อง....กับความผิดของท่านด้วยหรือ? " อัลชาอ์พ่นลมหายใจช้าๆ...ยามเอ่ยถาม..

     " หึ....ท่านก็รู้ดีว่าผิด....ผิดนับแต่ท่านจะคิดแล้ว..." นัยน์ตาสีเขียวสด ปรายมองใบหน้าอ่อนเยาว์ ของชายหนุ่มชาวต่างชาติที่มองตามบทสนทนาร้อนระอุด้วยแววตางวยงงครุ่นคิดด้วยแววตาวาววับ ไม่พอใจ " อัลเลาะห์... ท่านทำอะไรกับชายผู้นี้ก็รู้อยู่แก่ใจดี แล้วจะให้อาเหม็ดทนปกครองแผ่นดินนี้ร่วมกับผู้ที่ทำตัวผิดจารีตเช่นท่านหรือ ! ...อิสลามเราไม่เคยนับถือผู้ที่ทำผิดข้อห้ามขององค์อัลเลาะห์..ท่านรู้แก่ใจ แล้วยังจะมาถามรึ ว่าเหตุใดอาเหม็ดถึงเป็นปรปักษ์ต่อท่าน!! "

        " หยุดก่อน ท่านหญิง ! " อาเหม็ดเอ่ยปากห้าม เมื่อวาจาของหญิงวัยกลางคนนั้นเริ่มดังขึ้นและน้ำเสียงนั้นสั่นไหว ปลายนิ้วระริก...ก่อนจะค่อยยืดกายขึ้นช้าๆ...

      หยัดกายขึ้นจ้องมองนัยน์ตาสีเข้มของบุรุษผู้มีสายเลือดเดียวกับตน ชายหนุ่มผู้เป็นกษัตริย์และเป็นสายเลือดของน้องชายด้วยดวงตาวาววับ...

        " เรารู้....ว่าการที่เราทำเช่นนี้เป็นความผิด แต่ก่อนจะกล่าวโทษเรา ควรจะดู"โทษ"ของตัวท่านเสียก่อน..." อาเหม็ดจ้องมองหลานชายของตนพร้อมสูดหายใจลึก "เพราะท่านทำผิดจารีตประเพณี ผิดต่ออัลเลาะห์ เราจึงไม่อาจจะรับใช้ผู้ที่ทำตัวเช่นนี้..บ้านเมืองเราก็มีกฏหมายแก่พวก"วิปริต"ผิดธรรมชาติไม่ใช่หรือ แล้วมันจะน่าขำเพียงไร หากผู้ที่ใช้คือชีคของประเทศ !! "

        " นี่เป็นก่อนหรือหลัง ที่ท่านทราบเรื่องทั้งหมด " อัลชาอ์เอ่ยถามเสียงเรียบ ไร้ร่องรอยของความหวั่นไหว...หรือความหวาดหวั่นกับความผิดของตน

         "....ก่อน...." น้ำเสียงของอาเหม็ด แผ่วค่อยลงช้าๆ...แฝงด้วยความละอายหวั่นไหว...ยามเหลือบแลไปยังสตรีสูงศักดิ์ข้างกาย ที่รู้ดีแก่ใจว่าหล่อนทำการเช่นไรไว้..

         "...แล้วเมื่อท่านทราบเรื่องทั้งหมด ท่านยังสนับสนุนงั้นหรือ? "  อัลชาอ์เอ่ย ก่อนจะหัวเราะขัน...หัวเราะขึ้นมาแผ่วเบาด้วยนัยขื่นขมและสมเพชเวทนานัก ...ก่อนดวงตาจะเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว วาววับ

          " ท่านสนับสนุนผู้ร้ายที่คิดจะครองดินแดนของเรา คิดจะมอบผืนดินเซเนียยาให้กับผู้อื่นหาประโยชน์ ต่างอะไรกับเราที่ถูกกล่าวหาว่าฝ่าฝืนคำสอนของอัลเลาะห์ ! "

         "......หมายความ...ว่าอะไร..." ครานี้น้ำเสียงของอาเหม็ดแผ่วเบา...สีหน้างวยงง...

         " หึ....ท่านตอบเขาเองดีไหม...ท่านหญิงอัลลิยะห์...." ชีคหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นอย่างเนิบช้า นัยน์ตาหันไปจับจ้องใบหน้า..และสบมองดวงตาที่สั่นไหวระริกของหญิงวัยกลางคนเบื้องหน้า...

...ความเงียบ...เงียบงันผ่านไปนิ่งนานนัก  ท่ามกลางแววตาของชีคหนุ่มและหญิงผู้มีตำแหน่งเป็นถึงอดีตรานีของแผ่นดินซึ่งจ้องมองกันเงียบๆไร้ถ้อยคำใด...

         ร่างของเจ้าชาย ฟาลซาอ์ โมฮัมเหม็ด  บิน ราชิด ที่เคยยืนอยู่ข้างกายมารดาค่อยขยับไหว เจ้าชายหนุ่มขมวดคิ้วน้อยๆ ยามจ้องมองใบหน้าและแววตาของมารดาตน ฝ่าเท้าที่เคยก้าวประชิด ค่อยขยับห่าง...

        " ท่านแม่...." ฟาลซาอ์ค่อยกลืนน้ำลายลงช้าๆ นัยน์ตาจ้องมองใบหน้ามารดาตนสลับกับชีคแห่งเซเนียยา...ด้วยท่าทีไม่อยากจะชื่อสายตา

        " แม่ทำเพื่อท่าน..เจ้าชาย..." ไม่ต้องรอแม้คำยืนยันใด หากคำพุดที่กล่าวออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบ ฟาลซาอ์ชะงัก...นัยน์ตาที่ฉายแววตกตะลึงค่อยกระพริบเชื่องช้า...ก่อนจะบิดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มหยัน...

...สิ่งที่ใคร่ครวญมาตลอดการเดินทาง ว่าเหตุใดชีคแห่งเซเนียยาพาตนมาด้วย กระจ่างชัดเอาก็เมื่อวันนี้...

        "...เพื่อผม...แน่หรือ? " เจ้าชายหนุ่มค่อยหรุบตาลง ก่อนจะกวาดสายตามองมารดาตน...นายทหารผู้อยู่เบื้องหลัง.. อาเหม็ด  และฟาติมะห์ด้วยดวงตาวาววับ...

        " พวกท่านบอกว่าทำเพื่อตัวผม...เพื่อผมหรือเพื่อใคร? ต่างทำเพื่อตัวเองเท่านั้นมิใช่หรือ ! "

        " ฟาลซาอ์ !! "เสียงกรีดร้องจากริมฝีปากของอัลลิยะทำให้ร่างของเจ้าชายหนุ่มสะดุ้งไหว ยามได้มองนัยน์ตาวาววับด้วยแรงโทสะ ความเคืองโกรธและเสียใจของผู้เป็นมารดา นั้นยังผลให้ความละอายวาบลึกขึ้นก็จริง ทว่าความไม่พอใจและความขื่นขมต่อ"ข้ออ้าง"ของเหล่าคนที่ตนนับถือนั้นช่างหนักหนานัก..

         "..หรือท่านจะบอกว่าผมโกหก " รอยยิ้มของเจ้าชายหนุ่มแข็งชืด..

        "....ขนาดบุตรของท่านเองยังไม่พอใจ....ยัง"กล้า"จะพูดว่าทำเพื่อเขาอีกหรือ " ชีคหนุ่มเปรยออกมาเสียงเรียบ อัลชาอ์หรี่ตาลงยามมองเห็นการวิวาทเล็กๆเบื้องหน้าด้วยสายตาครุ่นคิด ร่างสูงถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะหยัดกายขึ้นสูง ฝ่ามือข้างหนึ่งซ้อนไว้ด้านหลัง นัยน์ตากวาดมองร่างของผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้าม แววตาวาววับราวกับราชสีห์จ้องมองเหยื่อ ทำให้ผู้สบมองต่างลอบกลืนน้ำลายลงคอช้าๆอย่างหวาดหวั่น..

        "  ท่านกล่าวว่าฉันทำผิดต่อคำสอน...กล่าวว่าฉันทำผิดจารีต...ความผิดของฉันในสายตาพวกท่านคือเรื่องเหล่านี้...และมีอะไรอีกไหม? " ริมฝีปากหยักหนาเรียบสนิท ยามเอ่ยถามย้ำชัด " นอกจากนี้ มีอะไรอีกหรือเปล่า? "

        "............."

       " ฉันทำให้ประชาชนของฉันเดือดร้อนไหม? ฉันทำให้เซเนียยาต้องตกต่ำหรือไม่? ฉันทำอะไรผิดไปจากคำสั่งเสียของชีคองค์ก่อนหรือเปล่า..."อัลชาอ์หรี่ตาลงน้อยๆก่อนจะสูดหายใจลึก... " ความผิดของฉันนอกจากไม่ถูกต้องตามจารีตและตามคัมภีร์..มีอะไรมากกว่านี้อีกไหม ที่พวกท่านจะถือเป็นข้อกล่าวอ้างมาล้มล้างฉันออกจากตำแหน่งโดยสมบูรณ์.. "

        "............."

       " ประเทศของเราเป็นเพียงประเทศเล็กๆที่ต้องเร่งพัฒนา เซเนียยายังยากจนและไม่มีบทบาทในเวทีโลก จำเป็นหรือไม่ที่ต้องมาก่อสงครามฆ่าล้างกันโดยใช่เหตุ เพียงเพราะลัทธิ และศาสนา...จำเป็นหรือไม่ ที่เราต้องมาฆ่าฟันกันอีก หรือพวกท่านต้องการเห็นความย่อยยับของประเทศนี้ ...ที่ผ่านมาเรายังได้รับบทเรียนน้อยไปหรือ? พวกท่านในที่นี้ ต่างก็เสียบุคคลอันเป็นที่รักไปด้วยสงครามทั้งนั้น และเหตุใดถึงต้องการจะแย่งชิง ครอบครอง สิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง .."

        "  ถ้าเซเนียยากลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยประชาชนไม่อดอยากยากไร้ หากต้องการอำนาจ หากต้องการบัลลังก์ของประเทศนี้ ฉันสามารถยื่นมันมามอบให้ท่านได้ทันทีโดยไม่เสียใจเสียด้วยซ้ำ....ตำแหน่ง อำนาจ ราชบัลลังก์ ในสายตาของผู้ที่ไม่ได้สัมผัสมันนั้นคงหอมหวานน่าลิ้มลอง โดยหารู้ไม่ว่ามันมีแต่หนามทิ่มตำหัวใจ  กระทั่งคนสนิท...ยังกลายเป็นคนทรยศโดยไม่รู้ตัว "
นัยน์ตาสีเข้มปรายมองไปยังร่างของอาเหม็ดที่นั่งอยู่ด้านข้าง...อัลชาอ์ถอนหายใจแผ่วเบา..ด้วยรู้สึกหนักใจ ปนผิดหวัง... กับผู้ที่ยืนเคียงข้างตลอดมา

 บัดนี้ จากมิตร จากญาติสนิท กลับกลายเป็นศัตรูจ้องทำร้าย เพียงเพราะ....

      "....ท่านจะมาโน้มน้าวให้เราเปลี่ยนใจหรือ? " อัลลิยะห์เอ่ยออกมาเพียงแผ่วเบา จ้องหน้าชีคหนุ่มเขม็ง

     " ฉันไม่ได้โน้มน้าวใจ...คน"อ่อนแอ" เช่นฉัน  คิดแผนการซับซ้อนแบบนั้นไม่ออกหรอกท่านหญิง..." อัลชาอ์เอ่ยตอบ นัยยะเสียดสีถึงฉายาคนอ่อนแอ คนไร้สามารถของตนที่แพร่กระจายจากหญิงตรงหน้า ให้สีหน้าละอายใจวาบขึ้นมาบนดวงตาคู่งาม     " ฉันไม่ได้มาโน้มน้าว หากแต่มาเจรจา เพราะฉันไม่ต้องการสงคราม ไม่ต้องการให้ประชาชนของฉันต้องบากเจ็บ ต้องลำบากหรือ เกิดการจลาจลใดๆขึ้นอีก ....แต่....แนก็จะไม่ยอมละออกจากตำแหน่งของชีคแห่งเซเนียยาด้วยเช่นกัน..."

      "ฉันถามพวกท่านถึงความผิดของฉัน ว่ามี"มาก"กว่านี้อีกไหม? นอกจากเหตุผลที่ไม่มีผลใดๆต่อความเจริญของประเทศและไม่มีผลใดๆต่อชีวิตของประชาชนของฉัน "  อัลชาอ์วางมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะตัวยาว นัยน์ตาจับจ้อง ประจัญหน้า ริมฝีผากเอ่ยถามไร้อาการกระโชกโฮกฮากโวยวาย หากแต่กดดันเงียบๆ  " ฉันเป็นผู้นำ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือประชาชน...เช่นเดียวกับพวกท่าน ฐานะของชาวเซเนียยาในสายตาฉันไม่ได้แตกต่างไปจากเดิม ฉันทำให้คนกลุ่มหนึ่งไม่พึงใจ ทว่านั้นก็ไม่ใช่คนส่วนมาก ประชาชนของฉันเอาแต่ใจได้ เห็นแก่ตัวได้ แต่ทว่าต้องฟังเหตุผล ...หากข้อเรียกน้องและเหตุผลของพวกเขาไร้น้ำหนัก...ไร้เหตุผล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนส่วนใหญ่ เป็นเพียงไมกี่คนในผืนดินนี้ เหตุใดฉันถึงต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง เปลี่ยนแปลงไปเพื่อเอาใจท่าน"

       " ไม่ว่าท่านจะสูงศักดิ์ จะยิ่งใหญ่เพียงไร ท่านก็เป็นเพียงประชนชนคนหนึ่งเท่านั้น "

       " เราคิดว่าเหตุผลนี้มีน้ำหนักมากพอ...ที่จะให้ผุ้ใดทราบแล้วจะเปลี่ยนใจ " อัลลิยะห์หรี่ตาลงช้าๆ

        " อะไรอีกหรือ...รึท่านจะเอ่ยถึง"สายเลือด"ในตัวของฉัน...เวลาที่ผ่านมาฉันไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นหรือไง ว่าข้อคัดค้านนั้นตกไปจากใจผู้คนนานแล้ว " อัลชาอ์เอ่ยตอบรับ ท้าทายราวกับเหนือกว่า...และแน่นอน ว่าตัวชีคหนุ่มเองก็รุ้ รู้ถึงความแตกต่างของมันดี

    การเข้ามาปกครองผืนแผ่นดินนี้ตามคำสั่งเสียของผุ้เป็นบิดา ผืนดินที่ฝังร่างของมารดาเพียงเพราะต่างเชื้อชาติ ผืนดินที่ต้องจากไปเพราะไม่อาจจะอยุ่ได้ ด้วยสายเลือดของตนและกระแสต่อต้าน..

     ...ทั้งรัก ทั้งเกลียดชังที่นี่แค่ไหนอัลชาอ์รุ้ดีแก่ใจ  ทว่า ตนก็ต้องต่อสุ้เพื่อได้มันมาครองครอง

     ด้วยประสงค์จะลบล้างคำส่อเสียด คำเหยียดหยามหมิ่นแคลนตนเองและบิดา มารดา..

  จะพิสูจน์ให้เห็น  ว่าผู้ที่มีสายเลือดของเซเนียยาเพียงครึ่งหนึ่ง ก็รักประเทศนี้และจะทำให้ประเทศนี้เจริญรุ่งเรืองได้ไม่แพ้ที่ใด

   นี่จึงเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ในใจตนเสมอมา หมายมั่นปั้นมือว่าจะทำให้คำหมิ่นแคลนนี้ลบเลือนไป ...และมันก็ค่อยๆจางหายไปจากคำพูดและแววตาของผู้คนเมื่อสามารถพิสูจน์ให้เห็นด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและโครงการต่างๆของตน ว่า"ชีค"ที่มีเลือดของชาวเซเนียยาเพียงครึ่งหนึ่งก็รักและทำเพื่อผืนแผ่นดินนี้ ทำให้ที่นี่เจริญรุ่งเรืองได้ไม่แพ้ใคร และจะทำให้ยิ่งใหญ่กว่าใครทุกคน..

     เสียงของมวลชน กระแสของผู้คน สามารถกุมไว้ในมือได้มากแค่ไหน สามารถเรียกความรักและศรัทธาได้มากเพียงไรก็ดีมากเท่านั้น

     เมื่อปกป้องพวกเขา ดุแลพวกเขา ไม่นาน...พวกเขาก็จะเป็นฝ่ายเข้ามาปกป้องด้วยใจภักดิ์ โดยไม่ต้องร้องขอใดๆด้วยซ้ำ

    การปกครองคนด้วยความหวากลัวและด้วยอำนาจ อาจจะทำให้เขายอมอยุ่ในอำนาจก็จริง หากมันเป็นการหลบอยุ่ด้วยความกลังเกรงและหวาดผวา แต่ทว่า การปกครองคนด้วยหัวใจ ด้วยความรักและการเอาใจใส่ จะได้รักกลับมาและเป็นรักเป็นภักดีที่จริงใจหาใดเปรียบเทียบ!


      "...ที่ผ่านมา ท่านได้พิสูจน์แล้ว...ว่าท่านดีแล้ว...เหมาะสมยิ่งแล้ว ที่จะเป็นผู้นำของเรา ชาวเซเนียยา " อาเหม็ดค่อยเอ่ยออกมาช้าๆ หลังจากอัลลิยะห์นิ่งงันไปอย่างไม่อาจจะเอ่ยคำ " แต่ทว่า...ด้วยคำว่าสายเลือดนี่ล่ะที่ทำให้หน้าที่สำคัญของท่าน บกพร่องอย่างไม่น่าให้อภัย.....ทายาทที่จะมาปกครองเซเนียยาต่อจากท่าน...คือใคร? "

       " ชีคที่ไร้มเหสีไร้ราชินี....จะเอาทายาทจากไหน...มาปกครองแผ่นดินนี้? "


........................

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 27-06-2011 05:18:17


   คำถามนั้นทำให้ผู้ฟังชะงักอัลชาอ์หรี่ตาลงน้อยๆ ชีคหนุ่มมองหน้าผู้พูด หากแต่แววตาไม่ฉายความลำบากใจ ขณะที่อาเหม็ดถอนหายใจหนักๆ มองหน้าหลานชายตนเองอย่างหนักแน่น..

       " ....เราใช่ว่าจะไม่รู้ เรื่องศาสนา ข้อห้าม บัดนี้มีผู้ทำตามใดจริงเสียกี่คน ต่างก็รู้เห็นอยู่แก่ใจว่าบรรดา"ฉากหลัง"ของผู้นำแต่ละรัฐเป็นเช่นใด....ฝ่าบาท สายตาท่านมองว่าความผิดของตนไม่ได้มากมายนักหนาจนต้องสละบัลลังก์ มันก็ใช่...นั่นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ข้าตัดสินใจเป็นปรปักษ์กับท่าน แต่เมื่อท่านพาเจ้าหนุ่มคนนั้นมาอยู่ในวัง....ท่านปฏิเสธลูกสาวของข้า...จะให้ข้ายอมรับได้อย่างไร..? "

        "....เพราะไม่มีทายาท..? งั้นหรือ...นั่นเป็นสาเหตุที่ท่านชีคอาเหม็ดต้องการถอนฉันออกจากตำแหน่ง...เพราะฉันถอนหมั้นลูกสาวท่าน เพราะฉันพาคนรักผู้ชายมาอยู่ในวัง...."

            เสียงพูดของชีคหนุ่มยังไม่ทันจบก็มีเสียงครางในลำคอของผู้ฟังดังขึ้นแผ่วเบา ต่างมีสีหน้าซีดขาวยามเจ้าตัวเอ่ยคำว่า"คนรัก"ได้ชัดปาก..

       " เพราะท่านอาจหาญถึงเพียงนี้ เราถึงไม่อาจจะปล่อยไว้ ต่อให้ท่านจะบริหารประเทศได้ดีแค่ไหน ...แต่...ผู้นำที่ฝ่าฝืนกฏบังคับอย่างหาญกล้า ผู้นำที่ไร้ทายาทและยังทำตัวเช่นนี้ ใครจะยอมรับ !! " อาเหม็ดส่ายหัวแรงๆด้วยสีหน้าราวกับถูกชก "ข้ารู้ดีในสิ่งที่อัลลิยะห์ทำ ข้าไม่คิดจะร่วมมือกับนางหรือแม้แต่จะสนับสนุน ทว่า...เมื่อท่านทำร้ายจิตใจบุตรสาวของข้า จะให้ข้าทนอยู่เฉยๆได้อยางไร "

         " ท่านโกรธฉัน ไม่พอใจฉัน...เพราะฉันปฏิเสธลูกสาวท่าน...." อัลชาอ์หรี่ตาลงช้าๆ...

          " และท่านยังละเมิดคำสอน ท่าน......" อาเหม็ดอ้าปากทักท้วงลั่น ทว่าอัลชาอ์ยกมือขึ้นกั้น นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองใบหน้าผู้พูดเขม็ง จนคำพูดที่จะเอ่ยถูกกลบหายไปจากลำคอ..

          "...สาเหตุของท่านมีเพียงลูกสาวของตน...และการปรากฏตัวของคนรักของฉัน..."

          "....ใช่....." อาเหม็ดก้มหน้า ที่สุดจึงค่อยกลืนน้ำลายลงคออย่างเชื่องช้า...

          " แล้วท่าน....จะบอกว่าการก่อกวนเรานับปีมานี้ เป็นเพราะท่านเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า งั้นหรือ..? "อัลชาอ์เหยียดยิ้มเยาะหยัน สบมองแววตาของหญิงวัยกลางคนเบื้องหน้าและร่างของนายพลคนสนิทเบื้องหลัง " พวกท่านที่คอยรังควานขบวนขนอาวุธ ปล้นและสร้างความวุ่นวาย จะบอกว่าเพราะสายเลือดของฉัน การทำตัวของฉัน....หรือเพราะ.....บ่อน้ำมันกันแน่..."

         "....น้ำมัน....? " อาเหม็ดชะงัก นัยน์ตาหรี่ลงแล้วค่อยจ้องใบหน้าของหญิงข้างกายอย่างตกตะลึงไม่น้อย " บ่อน้ำมันของตระกูลซาราวัคมาเกี่ยวอะไรด้วย? "

        "....ถ้าท่านไม่ทราบ ท่านชีคอาเหม็ด..." อัลชาอ์ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้อีกครามุมปากกระตุกหยัน ยามมองสีหน้าจืดเจื่อนเบื้องหน้า "ความโลภนั้นส่งผลหายนะได้มากกว่าที่คิด ...นายพลซาราวัค..เราพบทหารของท่าน...เป็นผู้ปล่อยข่าวและประจำอยู่ตรงชายแดนจารเซ...เปิดทางให้กับกลุ่มคนเข้ามาบุกรุกดินแดนของเซเนียยาและทำร้ายคนของฉันไปมากมาย..."

         " กองโจรที่ซุ่มโจมตีกองกำลังขนอาวุธ มีการรบแบบกองโจรเคลื่อนที่ในพื้นที่ชายแดนของเซเนียยาและประเทศข้างๆ จะให้เราบอกด้วยไหม ว่าที่ตรงนั้นเป็นบ่อน้ำมันมีน้ำมันของตระกูลซาราวัค...และจะให้ฉันแจ้งอีกไหม ว่าข้อตอบแทนที่พวกท่านได้รับ ในกรณีที่ล้มล้างฉันได้คือการขึ้นบัลลังค์ของฟาลซาอ์และมอบกิจการนั้นเป็นของขวัญแด่ผู้สนับสนุนของตน!! "

         "..............."

         " ....สำหรับตัวฉันที่มีสายเลือดของเซเนียยาเพียงครึ่ง...สำหรับชีคที่ทำผิดต่ออัลเลาะห์...ท่านยกมาโจมตีฉันได้ ท่านก่อสงครามก่อความวุ่นวายได้...แต่จำไว้ว่าฉันจะไม่มีวันมอบเซเนียยาให้คนใจคดเช่นท่านครอบครอง " อัลชาอ์สูดหายใจลึก ก่อนจะผุดลุกขึ้นอีกครา ชีคหนุ่มกวาดสายตาจ้องมองผู้คนในห้องก่อนจะเอ่ยด้วยซ้ำเสียงช้า...ชัด....


          "  ท่านอาเหม็ด....ความผิดของฉัน ในฐานะที่หลอกลวงบุตรสาวของท่านและปฎิเสธเธอ อย่างไรมันก็คือความผิด ฉันไม่คิดจะบ่ายเบี่ยง หากการกระทำที่แล้วมาของท่านคือการแก้แค้น ฉันก็จะขอรับเอาความเสียหายและความผิดพลาดทั้งหมดไว้เช่นเดียวกับความผิดพลาดของตนเอง...สำหรับฟาติมะห์ เธอยังคงเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์และมีสิทธิจะแต่งงานกับคนที่เธอพึงใจได้ตลอดเวลา ฉันไม่คิดจะกักขังเธอไว้ในกรงเพียงเพราะต้องการสร้างภาพพจน์เป็นราชาที่ถูกต้องในสายตาใคร "

          " ...และสำหรับท่านอาเหม็ด....ช่วงนี้สุขภาพของท่านมีปัญหา คิดว่าการเดินทางไปไหนไกลคงจะลำบากพอควร ฉันขอให้ท่านอยู่ดูแลรักษาตัวที่นี่สักปีสองปีเพื่อฟิ้นฟูร่างกาย ...และฉันจำได้ว่าตอนมา คนของท่านทำงานเฝ้าคฤหาสถ์กันอย่างเเข็งขัน มีระเบียบ ในช่วงที่เมืองหลวงกำลังระส่ำระส่าย ฉันจะขอตัวพวกเขาไปช่วย และเรื่องความปลอดภัยของท่าน ฉันจะส่งคนของฉันเข้ามาดูแลเอง "

        คำสั่งที่ได้รับทำให้ชีคเฒ่าและบุตรสาวถึงกับหน้าซีด...ฟาติมะห์ขบริมฝีปากกลั้นสะอื้นอย่างรวดร้าว ปวดใจนัก แต่ทว่าคำสั่งขาดของชีค...ใครจะปฏิเสธได้ลง

....อัลชาอ์ใจดีไม่เอาเรื่องในเรื่องการระเบิดและก่อความวุ่นวาย สร้างข่าวลือที่แพร่ไปทั่วก็จริง ทว่า..ชีคหนุ่มก็ตัดสินใจถอนหมั้นกับหล่อนอย่างเป็นทางการ และเมื่อมีใครมาสู่ขอหล่อนอาจจะถูกยกให้เพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ง่ายๆ

    ขณะที่ผู้เป็นบิดา อาเหม็ดถูกถอดเขี้ยวเล็บ การ"ขอ"ให้รักษาตัวอยู่ในจารเซอย่างเงียบๆไม่ต่างกับคำสั่งกักบริเวณให้อยู่แต่ในคฤหาสถ์ ห้ามออกไปไหน และอัลชาอ์ก็ยังสั่งถอนกำลังทหารที่เคยเป็นมือเท้าคอยรับใช้ดูแลคุ้มกันคฤหาสถ์และคอยทำงานตามสั่งให้ออกจากพื้นที่ และสั่งคนของตนเข้ามาประจำการเพื่อ "ดูแล" การดูแลที่บ่งชัดว่ามันคือการ "จับตามอง"ทุกความเคลื่อนไหว ไม่เปิดช่องให้ไปก่อเรื่องอะไรอีก..

       .....คำสั่งเช่นนี้ใครได้รับมีหรือจะดีใจ แต่ทว่า...จะมีสิทธิ์ทักท้วงอะไรผู้เป็นชีคได้ และถ้าไม่อยากตายเพราะเรื่องที่ตนทำไว้ก็จงอย่าอิดออด

เทียบกับสิ่งที่ตนทำไว้ ผลของสิ่งที่ได้รับยังนับว่าเบาบางมากมายนัก...

       "..ขอบ...พระทัย...." อาเหม็ดทำได้เพียงเอ่ยรับคำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา...ใบหน้าซีดขาว...แต่ก็รู้ถึงความผิดของตนดี...

       "....ที่ฉันลงโทษท่าน...เพราะท่านทำผิด...คนทรยศไม่สมควรได้รับการให้อภัย แต่เพราะคนทำคือท่าน และฉันก็รู้จุดหมายของท่านดี... ฉันจึงได้ทำเช่นนี้..หวังว่าคงเข้าใจ " อัลชาอ์เอ่ยเสียงเรียบ ชีคหนุ่มปรายตามองฟาติมะห์ที่สะอื้นจนตัวสั่นแล้วได้แต่ถอนหายใจ " สำหรับเรื่องทายาท...ขออย่าได้กังวล...เมือฉันทำอะไรลงไป ฉันก็มีทางออกของปัญหานั้นอยู่แล้ว..."

         " หมายความ....." อาเหม็ดชะงัก เอ่ยปากถาม..

         " มันยังไม่ถึงเวลา "อัลชาอ์เอยตอบสั้นๆ ก่อนจะมองไปยังร่างของ อัลลิยะห์ หญิงวัยกลางคนที่เคยมีตำแหน่งรานีซึ่งบัดนี้นั่งนิ่ง...อย่างรู้ดีถึงชะตากรรมของตน

         "....ท่านจะลงโทษฉันอย่างไร? " อัลลิยะห์ถามเสียงเรียบ หากแววตาสั่นไหว

         " ...สำหรับท่าน...ฉันไม่คิดว่าการตัดสินของฉัน จะเหมาะสมมากไปกว่าการตัดสินของตัวท่านเอง " อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าของผู้พูด ก่อนจะสบมองนัยน์ตาสีเขียวสดของเจ้าชายหนุ่มที่ยืนอยู้ข้างๆ.

         " ฟาลซาอ์..." เสียงเรียกนั้นทำให้ผู้ฟังสะดุ้ง...เจ้าชายหนุ่มเงยหน้ามองญาติผู้พี่ของตนเบื้องหน้าอย่างหวาดหวั่นไม่น้อย...กับโทษ ที่ตนอาจจะได้รับ...

          " ขอรับ...."

          "...ฉันให้เจ้าตัดสินใจ ..."

         " เอ๋? " คำพูดนั้นทำให้ผู้ฟังขมวดคิ้ว สีหน้างวยงง

         " ตัดสินโทษของพวกเขาทั้งสองซะ " คำพูดนั้นทำให้ผู้ฟังนั่งงัน ดวงตาเบิกค้าง...

         "...ท่าน......"

         " ด้วยการตัดสินใจของตัวเอง...แสดงให้พวกเขาเห็น...ว่าอะไรคือสิ่งที่เจ้าคิด และอะไรคือสิ่งที่เจ้าผิดหวังมากที่สุดจากเรื่องราวเหล่านี้..." ชีคหนุ่มจ้องหน้าฟาลซาอ์ ก่อนจะปรายมองสองบุรุษสตรีที่อยู่ตรงหน้า "  จะลงโทษ จะไม่ลงโทษ จะทำอย่างไร ฉันไม่ขัดข้อง ..."

       " แต่...."


ปึง !!

        " น่าชังนัก ! ท่านจะบีบบังคับให้ฟาลซาอ์ต้องทำร้ายผู้ให้กำเนิดงั้นหรือ? จิตใจโสมมต่ำทรามมากเพียงใดกันที่คิดเรื่องเช่นนี้ได้ !! รึว่ามันวิปริตผิดธรรมชาติไปเสียแล้ว !!" ร่างของนายทหารที่ยืนอยู่เบื้องหลังอัลลิยะห์ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงกระชากดังลั่น ร่างสูงใหญ่คำรามในลำคอ ถลันเข้าหาร่างของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาอย่างรวดเร็วและไม่มีใครห้ามทันด้วยอารมณ์โกรธแค้น!

    หมับ.....


         " หยุด....เดี๋ยวนี้....." ฝ่ามือหนาที่ตั้งท่าจะเข้ามาทำร้าย ถูกหยุดไว้ได้อย่างง่ายดายด้วยฝ่ามือขาวจัดของมาเฟียหนุ่มผู้นั่งถัดจากชีคหนุ่ม ฝ่ามือเล็กๆบอบบางขาวซีดราวกับจะหัก หากแต่ความจริงแล้วมีเรี่ยวแรงกำลังมากมายนักโผนขึ้นคว้าฝ่ามือสามหาวข้างนั้นให้หยุดนิ่ง  นัยน์ตาสีน้ำทะเลฉายแววเรืองโรจน์ด้วยความไม่พอใจ จ้องมองดวงตาสีนิลของนายทหารผู้นั้นเขม็ง...

         คาวัลโล วาลกัส คำรามออกมาในลำคอเบาๆ  เขาออกแรงกดที่ฝ่ามือมากขึ้นเมื่อมือรั้นยังทำท่าจะดิ้นหนีอย่างไม่ยอมแพ้ ริมฝีปากของมาเฟียหนุ่มบิดขึ้นคล้ายจะชอบใจกับความพยายามนั้น ก่อนที่ปลายนิ้วโป้งจะกดหัวแม่มือของอีกฝ่ายไว้แน่น และออกแรงบิดพลิกข้อมือนั้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าใครจะห้ามทัน

       กร๊อบ !!

          " อ้าก ก ก ... "  เสียงร้องครางออกมาอย่างเจ็บปวดดังขึ้นมาทันทีที่เกิดเสียงกระดูกลั่นกรอบ คาวัลโลละฝ่ามือออกจากอีกฝ่าย เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง ทว่าดวงตาสีน้ำทะเลยังวาววับกราดมองผู้คนเบื้องหน้าซึ่งมีสีหน้าตกตะลึง อย่างท้าทายบ่งชัดว่าพร้อมจะจัดการใครก็แล้วแต่ที่กล้าทำร้าย หรือเข้าถึงตัวชีคแห่งเซเนียยา...   

          จากที่เป็นเพียงหนุ่มยุโรปหน้าสวยท่าทีบอบบางเดินตามชีคหนุ่มต้อยๆราวกับคนรักที่มีหน้าที่เชื่อฟังและปรนเปรอกามารมย์อย่างถึงใจตามรสนิยมอันวิปริตของทั้งคู่  หากเมื่อบัดนี้เจ้าตัวลุกขึ้นป้องกันผู้ที่กล้าเข้ามาทำร้ายชีคแห่งเซเนียยาด้วยดวงตาวาววับและท่าทีที่บ่งชัดว่าไม่ยอมใคร...นั่น ทำให้สีหน้าของผู้ที่ได้เห็นต่างเกลื่อนไปด้วยความประหลาดใจ

       ...คนที่ดูราวกับไม่เคยต่อสู้ ไม่เคยจับดาบจับปืน...เหตุใดถึงเชี่ยวชาญจนสามารถหยุดยั้งชายผู้เป็นถึงทหารองค์รักษ์คนสนิทของอัลลิยะห์ได้...

             "ใจเย็นๆ..." ชีคหนุ่มเอ่ยปรามคนรัก พลางวางฝ่ามือบนไหล่อีกฝ่าย กดเบาๆ...ให้เจ้าแมวน้อยค่อยคลายอาการแยกเขี้ยวขู่ด้วยดวงตาวาวๆไว้เสียก่อน อัลชาอ์ปรายตามองไปยังนายพลซาราวัค ผู้ที่บัดนี้ขบริมฝีปากแน่น ใช้ดวงตาวซึ่งลุกโพลงด้วยความเคืองแค้นไม่พอใจจับจ้องมาทางตนเงียบๆ...

            "....ฟาลซาอ์จะตัดสินเช่นไรก็ตามใจ จะปล่อยพวกท่านไปก็แล้วแต่เขา ฉันมอบอำนาจนี้ให้เขาตัดสินใจ ....เผื่อท่านจะได้รู้ ว่าหากเขาได้เป็นราชา เขาจะทำเช่นไรกับเซเนียยา  " ชีคหนุ่มลุกขึ้น สะกิดไหล่คาวัลโลเบาๆเป็นเชิงให้เจ้าตัวลุกขึ้นตาม ดวงตาสีเข้มจ้องมองเหล่าญาติสนิทที่อยู่ในห้อง ก่อนจะถอนหายใจยาว..

             " สำหรับคำพูดของท่าน ที่กล่าวว่าเราทำผิดหลักศาสนา...สำหรับฉันแล้ว ฉันเคารพเทิกทูน อัลเลาะห์และศาสดาของเราเสมอ ความศรัทธาของฉันไม่เปลี่ยนแปลงแม้ไม่อาจจะเป็นสาวกที่ดีของท่านได้ และแม้ต้องพบเจอกับไฟนรกหลังความตาย ฉันก็ยินดี.... แต่ฉันก็ยืนยันคำเดิม ว่าเหตุผลนี้ไม่มากเพียงพอที่จะทำให้ฉันยอมสละบังลังก์เซเนียยา เพราะฉันคิดว่าคนที่จะทำให้ประเทศนี้เดินหน้าต่อไปได้คือตัวฉัน ไม่ใช่ใครอื่น  หากท่านคิดว่ามีใครดีกว่าฉัน สามารถทำเพื่อเซเนียยาได้มากกว่าที่ฉันทำทุกวันนี้ ก็จงบอกให้เขามาช่วงชิงจากฉันได้ทุกเวลา...หากเขาพิสูจน์ตนได้ว่าเหมาะสม เมื่อถึงเวลานั้น ฉันจะจากไปโดยไม่อาวรณ์  "

              "ที่ฉันมาวันนี้คือการมาเจรจา ไม่ว่าหลังจากนี้พวกท่านจะยอมทำตามที่ฉันสั่ง ทำตามที่ฉันพูดหรือไม่ก็ตาม....แต่อยากให้ทราบเอาไว้ ว่าฉันจะไม่ยอมให้ประชาชนของฉันต้องกลายเป็นเหยื่อ จะไม่ยอมให้มีสงครามในเซเนียยาอีก  ฉันรู้ว่ามีคนที่ยังคงคับแค้นใจ..." ดวงตาสีนิลหรี่ลงช้าๆ สบมองแววตาของวาววับกร้าวแข็งของนายพลซาราวัค " และคงจะไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้ ฉันหวังว่าจะมีคนทำให้พวกเขาคิดได้ และ...อยากให้เขาคิด ถึงส่วนรวมมากว่าส่วนตนสักนิด นี่คือคำเตือนจากฉันและครั้งหน้า...จะไม่มีคำว่าปราณีอีกแล้ว...."

               ร่างสูงสะบัดกายหันหลังให้กับผู้ที่อยู่ในห้องอัลชาอ์ก้าวเท้าออกจากห้องอย่างรวดเร็ว...งามสง่าเช่นผู้ชนะ คาวัลโลมองตามแผนหลังหนาเหยียดตรงของอีกฝ่าย เขาปรายตามองคนที่อยู่ในห้องอีกครั้งก่อนจะก้าวเท้าตามคนรักไป..เหลือเพียงอาเหม็ด ฟาติมะห์ นายพลซาราวัค อัลลิยะห์ และเจ้าชายฟาลซาอ์...ซึ่งกำลังยืนนิ่ง..จ้องมองมารดาตนด้วยแววตารวดร้าวเต็มไปด้วยความผิดหวัง...

.........................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 27-06-2011 05:20:56
  " อัลชาอ์ ! " คาวัลโลก้าวตามหลังชีคหนุ่มที่เห็นอยู่ไม่ไกล เขาซอยเท้าถี่ๆวิ่งตามไปคว้าท่อนแขนของอีกฝ่ายไว้เพราะเดินเร็ว เสียจนตามาไม่ทัน มาเฟียหนุ่มอ้าปากจะบ่น แต่ก็เงียบเสียงลงเมื่อมองเห็นแววตาของชีคหนุ่ม คาวัลโลเดินก้าวเร็วๆตามไปจนถึงโถงทางเข้าที่มีรถจอดอยู่เบื้องหน้า ซึ่งเป็นคันที่พวกเขาใช้โดยสารมาถึงนั้นเอง

          อัลชาอ์เปิดประตูรถ รุนหลังให้คนรักเข้าไปด้านใน ก่อนจะทรุดกายลงตามและปิดประตู รถยนต์จอดติดเครื่องอยู่แอร์จึงเย็นฉ่ำ มีกุญแจรถเสียบคาไว้ หากแต่ไร้ร่องรอยของฮาซานองค์รักษ์คนสนิทผู้ควบตำแหน่งคนขับรถ  มีเพียงความเงียบและเสียงลมหายใจสั้นๆของคาวัลโลเนื่องจากการวิ่งตามอัลชาอ์ที่....ไม่รู้จะวิ่งเร็วไปไหน

         " อัลชาอ์...." คาวัลโลหันไปหาคนรัก แต่เขาก็ต้องเงียบเสียงลงเมื่อพบว่าชีคหนุ่มที่เคยเข้มแข็งองอาจและแข็งแกร่งในห้องประชุมเมื่อครู่เปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นอัลชาอ์คนเดิมที่เขารุ้จัก ซึ่งกำลังเอนตัวพิงเบาะรถอยู่ด้วยท่าทีครุ่นคิด..หัวคิ้วขมวดมุ่น ใบหน้าเหนื่อยอ่อน

     ต่อให้คาวัลโลฟังไม่ออก ทว่าท่าทางของพวกคนที่อยู่ด้านในห้องประชุมก็บอกอะไรได้มากพอแล้ว ความขัดแย้ง การทะเลาะทุ่มเถียงกัน อย่างไรก็น่าลำบากใจอยู่ดี

       ฝ่ามือขาวจัดแตะลงบนผิวหน้าของชีคหนุ่มเบาๆคล้ายจะปลอบประโลม ทำให้แพขนตาที่ปิดพับลงไปกระตุกยิก อัลชาอ์ลืมตามาสบมองแววตาของคนรัก ความห่วงหาอาทรที่ชัดเจนนั้นเหมือนจะค่อยๆเข้ามาเยียวยาหัวใจอันปวดร้าวและเหน็บหนาวของตนให้ได้พักผ่อน...

        ชีคหนุ่มยิ้มให้บางๆ  เอื้อมมือไปรั้งร่างของคนรักมากอดแนบอกซึ่งคาวัลโลก็ไม่ขัดขืน แม้ที่นี่จะเป็นคฤหาสถ์ของอาเหม็ดก็ตาม เพราะในยามนี้ คนรักของเขากำลังเครียดขึงและอ่อนไหวอย่างไม่เคยเป็น..

         ฝ่ามือขาวค่อยสอดไล้เส้นผมสีนิลจากใต้บริเวณลำคอของชีคหนุ่มเบาๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายวางปลายคางลงกับผิวไหล่และสูดหายใจลึก คาวัลโลรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงของคนรัก เขาเอื้อมมือวางลงบนแผ่นอกหนาเบาๆสัมผัสเสียงหัวใจที่ค่อยผ่อนช้าลงตามความรู้สึกของอีกฝ่าย..

        "...เกิดอะไรขึ้น? " มาเฟียหนุ่มออกปากถามเบาๆ...ด้วยน้ำเสียงห่วงหา...

       " ...การเจรจากันน่ะ..."  ผ่านไปสักพัก อัลชาอ์จึงค่อยตอบคำถามเบาๆ    " เจรจา...กับกลุ่มคนที่เคยไว้ใจ..."

...คนทรยศ...

คนที่ตอนนี้กลับถือมีดมาแทงข้างหลัง..

เจ็บปวดแค่ไหน รวดร้าวเพียงใด คาวัลโลเข้าใจ ดี เพราะตนก็เคยล้ม...ล้มจนแทบลุกไม่ไหวมาแล้ว

เเละเพราะชายคนนี้ไม่ใช่หรือที่คอยโอบอุ้มประคับประคอง มาในยามนี้ ในตอนที่อัลชาอ์กำลังปวดร้าวจากความรู้สึกเดียวกันคาวัลโลก็จะขอเป็นที่พักพิงและคอยปลอบประโลมอีกฝ่ายบ้าง..

         "...ไม่เป็นไรนะ...ผม...อยู่กับคุณ..." มาเฟียหนุ่มทาบฝ่ามือลงบนผิวแก้มของชีคหนุ่ม สบมองนัยน์ตาสื่อความนัยน์ลึกซึ้งให้แก่กัน...

         "  ขอบคุณ.." อ้อมกอดหนาค่อยรัดแน่นขึ้นอีกคราพร้อมกับริมฝีปากที่โฉบทับผิวแก้ม คาวัลโลหัวเราะคิก ดิ้นออกจากอ้อมกอดคนตัวสูง ขยับกายมานั่งข้างๆ เพื่อจะอิงแอบกันเงียบๆ..

          "แล้วตอนนี้...." เขาเกริ่นเบาๆ

           " อา....ก็เรียบร้อยแล้วล่ะ...ไม่เป็นไร..." อัลชาอ์เอ่ยช้าๆ นัยน์ตาค่อยหรี่ปรือลงอย่างครุ่นคิด " ที่ผ่านมา ผมใจอ่อน ผมไม่ยอมจัดการกับพวกเขาขั้นเด็ดขาด ปล่อยให้คนพวกนั้นได้ใจ ปล่อยให้พวกเขาคอยก่อความไม่สงบ..แต่มาวันนี้ ที่เขาใช้ประชาชนของผมมาเป็นตัวประกัน ..มันไม่มีเหตุผลใดที่จะอ่อนข้อให้อีกแล้ว "

            " นี่เป็นการเตือนครั้งสุดท้าย...ถ้าหากพวกเขายังจะดึงดัน...ผมก็ปล่อยเอาไว้ไม่ได้...ต่อให้จะเป็นญาติสนิทก็ตาม.." ชีคหนุ่มถอยหายใจแผ่วเบา ฝ่ามือไล้ผิวแก้มขาวของคนข้างกายช้าๆอย่างใจลอย "  ผมพยายามแล้วที่จะอดทนและใช้ความปราณีให้มากที่สุด เพราะเขาคือญาติสนิท เพราะเขาคือคนที่ผมไว้ใจ..แต่สุดท้าย ทุกอย่างมันก็พังทลายไม่มีชิ้นดี..."

           "อัลชาอ์...."

           "ตอนนี้ผมกับคุณ...เราก็เหลือเพียงกันและกันแล้วนะ...." คำพูดของชีคหนุ่มทำให้คนฟังชะงัก คาวัลโลนิ่งไปกด่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ...

           " ครับ...ใช่...."

           "...อย่าทิ้งผมไปไหนอีกนะ...คาวัลโล...." ฝ่ามือหนาแตะลงบนผิวแก้ม ไล้มันเบาๆให้คนฟังค่อยพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า...ทว่าก็หนักแน่นยิ่ง..

           "...ผม...จะไม่ทิ้งคุณ..."



               เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นเบาๆทำให้สองหนุ่มชะงัก คาวัลโลขมวดคิ้วเมื่อมองเห็นร่างของเจ้าชายฟาลซาอ์ยืนนิ่งอยู่ข้างรถ สีหน้าของเขาเคร่งขรึม..ราวกับกำลังแบกอะไรที่หนักมากมายไว้บนสองบ่า อัลชาอ์เลื่อกระจกรถลงแล้วพยักหน้าช้าๆ นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองดวงตาที่เกลื่อนไปด้วยความว้าวุ่นใจแล้วเอ่ยปากถาม..

          "ว่ายังไง...."

          " ผม....สั่งให้ธุรกิจบ่อน้ำมันของตระกูลซาราวัคถูกโอนให้เป็นของรัฐ...และ...กักบริเวณท่านแม่อัลลิยะห์ไว้..ไม่ให้พบกับนายพลซาราวัคโดยเด็ดขาด..." น้ำเสียงของเจ้าชายหนุ่มเรียบนิ่ง..หากดวงตาที่ปั่นป่วนว้าวุ่นนั้นแสดงออกชัด อัลชาอ์สบมองแววตาของเจ้าชายหนุ่มเบื้องหน้า ฝ่ามือเคาะลงบนกระจกรถเบาๆ...

          " โกรธฉันไหมที่ทำแบบนี้...." ครู่หนึ่ง จึงออกปากถาม...

          " ผมมีสิทธิ์โกรธท่านด้วยหรือ? " เจ้าชายหนุ่มยิ้มเคร่ง เอ่ยตอบสั้นๆ ก่อนจะยืดตัวขึ้น " ผมทำตามที่ตัวเองเห็นสมควร และได้รับบทเรียนที่ท่านสอนแล้ว "

          "..ว่า........"

          "...คนที่มีอำนาจ...บางครั้งก็ต้องเชือดใจตัวเองเพื่อความถูกต้อง...ในยามที่มีคนผิด ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู ย่อมไม่มีข้อยกเว้น "เจ้าชายหนุ่มตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินไปนั่งตรงฝั่งขวามือของคนขับอย่างรวดเร็ว และทันทีที่ประตูปิดอัลชาอ์ก็ออกปากถามอีกครา..

          "...การตัดสินใจแบบนั้น ทำให้พวกเขาโกรธ ก็รุ้ไม่ใช่หรือ ? "

          " ผมทำตามที่ตัวเองเห็นสมควร " ฟาลซาอ์ตอบสั้นๆ " และสำหรับผม สิ่งที่ยกโทษให้ไม่ได้ คือการถูกนำมาเป็น"ข้ออ้าง"ในการทำลายประเทศชาติ "

         " ไม่คิดอยากครองราชย์ดูบ้างหรือ? " ชีคหนุ่มเอ่ยถาม นัยน์ตาหรี่ลงน้อยๆอย่างครุ่นคิด..

         "...ผมไม่คิด...อยากนั่งบนหนาม ไปชั่วชีวิต "


              คำตอบนั้นเรียกเสียงหัวเราะรับเบาๆในลำคอราวกับถูกใจของอัลชาอ์ ขณะที่ร่างของฮาซานก้าวเข้ามาประจำที่นั่งคนขับ ไม่นานขบวนเสร็จของชีคแห่งเซเนียยาก็วิ่งตัดผ่านสวนสวยหน้าคฤหาสถ์ของชีคอาเหม็ดออกไป...

     คาวัลโลเหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนรัก ขณะที่ความเงียบลอยอยู่ในรถ นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองฝ่ามือหนาที่กุมมือของเขาแนบแน่น ฟังเสียงวิทยุสื่อสารด้านหน้าที่ติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอมากกว่าปกติด้วยแววตาสงสัย มองเห็นรถเร่งความเร็วจนถึง 140 กม/ชม เขาพลันขมวดคิ้วแน่น...

         " อัล....."

         "ใช่....คาวี่ที่รัก หลังจากนี้ล่ะ เราจะโดน"ล่า"ของจริง " เสียงตอบของคนรักที่ราวกับมานั่งอยู่ในหัวใจทำให้คาวัลโลใจหายวาบ เขาหรี่ตาลงช้าๆ มองไปยังกระจกมองหลัง ซึ่งมีรถคุ้มกันของเหล่าองค์รักษ์ประจำตัวอัลชาอ์  ขับตามมาอย่างกระชั้นชิด ก่อนจะมองไปยังเบื้องหน้า ...ซึ่งรถนำขบวนกำลังเบี่ยงเส้นทางออกจากถนนเส้นหลักของเมือง รถคันโตห้าคันค่อยไต่ไปตามถนนเส้นเล็กที่นำไปสู่กลางทะเลทรายร้อนระอุ

          " คุ้นตาบ้างไหม? " อัลชาอ์เอ่ยปากถามเบาๆ หลังจากรถเเล่นมาสักระยะ คาวัลโลมองตามปลายนิ้วของคนรัก ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น ด้วยเริ่มจำได้ว่าที่คุ้นตาซึ่งอัลชาอ์กล่าวถึงและเขาสามารถมองเห็นอยู่ไกลลิบๆ คือบริเวณเส้นทางขนอาวุธปลอมๆที่ตัวเขาเคยถูกล่อลวงมา และไม่ไกลจากนั้นก็มีกลุ่มขบวนรถอีกห้าหกคันจอดอยู่ ธงของเซเนียยาที่ปักอยู่บนนั้นทำให้พอจะรู้ได้ว่าเป็นคนของอัลชาอ์ไม่ผิดแน่

         หันไปมองหน้าชีคหนุ่มที่เปรยยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วก็ต้องโคลงหัว ด้วยไม่รู้จะคิดไปเองรึเปล่า ว่านับวันอัลชาอ์เริ่มจะดูเจ้าเล่ห์ แถมร้ายและแรง มากกว่าที่คิดไว้เยอะ


        .....................

ตอนนี้...แหม...หล่อมาก...

ท่านชีค อัลชาอ์ที่รัก (ของคาวี่) หล่อเท่ห์จริงนะเอ๊า  :jul3: ไอ้หล่อสำเร็จรูปเอ๊ยยยยยยย แต่งแล้วแอบหลง (ทำได้แค่แอบสิ หลงออกนอกหน้าคาวี่จับกระซวกไส้ไหลกันพอดี) :laugh: :laugh:
เรื่องคำแทนตัวของท่านชีคอาจจะทำให้หลายคนตงิดๆ (ฮ่าๆ) ที่ใช้คำว่าฉัน อาจจะดูสาวไปในบางประโยค แต่ก้คิดว่าคำนี้แหละที่ดีที่สุดแล้ว เพราะอัลชาอ์พุดในฐานะ”ผู้ปกครองกับผู้ใต้ปกครอง” จะแทนตัวว่าผมก็ดุจะหน่อมแน้มไป จะแทนว่าข้าก็โบราณไปหลายปีแสง ฉะนั้นเลยขอใช้คำว่า “ฉัน”นี่ล่ะ

  สำหรับตอนนี้มีเรื่องศาสนาแนวคิดอะไรมาเล็กน้อย เรื่องนี้มันแล้วแต่วิจารณญาณสวนบุคคลนะคะ บอกไว้ก่อนว่า นี่เป็นนิยายและเป็นความคิดของคนเขียน เรื่องมันค่อนข้างสุ่มเสี่ยง (เขียนไปเสียวไป)อย่าดราม่ากันนะเออ o22
และตอนนี้ อัลชาอ์ + คาวัลโล = อิคู่ born to be 55+  แบบว่าคนนึงเชือด คนนึงคอยระวังหลัง คู่หูมาก รุ้ใจจริงๆ ฮี่ๆ  :impress2:
อธิบายเหตุการณ์เล้กน้อยกันงง
 อัลลิยะห์และนายพล เป็นคนที่ขัดแข้งขัดขาอัลชาอ์มาตลอด ยุ่งวุ่นวายกับขบวนขนอาวุธของคาวี่ด้วย ทำเพราะอยากได้ตำแหน่งชีคให้เจ้าชายฟาลซาอ์(ซึ่งไอ้คนนี้คิดอย่างเดียวว่าตูไม่ว้อนท์) ที่ตัวเองคิดว่าเหมาะสมที่สุด
 ส่วนอาเหม้ดและลูกสาว ตอนแรกไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับแผนนี้ แต่ว่าเข้าร่วมแผนในช่วงหลัง เป็นตัวการปล่อยข่าวลือและอุบัติเหตุที่ทัสคานี ทำไปเพราะแค้นใจที่อัลชาอ์หยามและไม่พอใจเรื่องที่อัลชาอ์รักกับคาวี่

ปล.. แบดกายมาตอนดึกๆของวันนี้ค่า

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 34 ผืนทราย + ตอนพิเศษ 16/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 27-06-2011 05:21:29
กำลังจะเข้ามาทวงตอนใหม่อยู่พอดี o18 o18

แต่มาต่อซะก่อน เลยได้อ่านแล้ววววววววววววว   :mc4: :mc4: :mc4:

ไปอ่านก่อนนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 27-06-2011 05:24:44
 :z13:
เร็วมากกกก  เลยมาจิ้มตูด อิอิ :laugh:
อ่านแ้ล้วตอนนี้สงบจิตสงบใจนะ เพ้อถึงท่านชีคมากระวังคาวี่จะ... o18
เพราะเค้าหวงของเค้ามาก
มาทักทายค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 27-06-2011 06:32:39
ไม่ต่างจากคาวี่เลยนะอัลซาร์ โดนหักหลังจากญาติที่รัก เฮ้อ!!!!!
เหลือแค่เราสองคน แต่งานกำลังเข้าแล้ว สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 27-06-2011 08:21:13
เฮ้อ!  เหนื่อยใจแทนทั้งคู่จริงๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 27-06-2011 08:47:03
สง่างามเหลือเกินอัลชาอ์ แต่หนทางข้างหน้าก็ยังดูมัวๆสำหรับคู่นี้เนอะ สู้ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: morphinelike ที่ 27-06-2011 08:57:17
+3 ค่า ให้ได้ไม่ครบทุกบล๊อคที่ลง เพราะหมดตัวแล้ว  :z3:
บ้าคลั่งมากมาย เหมือนรอมานานแสนนาน

ท่านชีคหล่อ เท่ห์ จนใจสั่น อยากได้แบบนี้มากอดสักคน
ที่อัลชาอ์เรียกตัวเองว่า "ฉัน" ไม่สาวนะคะ คิดว่าเหมาะสมดีแล้วล่ะ
อ่านแล้วไม่สะดุดนะ  อ่านตอนแรกก็รู้สึกเลยว่ามีสถานะสูงกว่า
                                                             
ปวดใจแทนอัลชาอ์กะคาวี่เหมือนกันนะถูกคนที่รักมาก ไว้ใจมาก หักหลังทั้งคู่เลย
แต่ไม่เป็นไรหรอกเนอะ เดี๋ยวให้เวลาส่วนตัวไปปลอบใจกันและกันให้หนักเลย  :z1:
                                                                                   
อ๊ากกกก คลั่ง เข้าสู่โหมดรีเฟรชรอตอนใหม่อีกครา  :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 27-06-2011 09:03:55
น่าลำบากใจเนอะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 27-06-2011 09:43:08
ตอนนี้คงต้องยกให้ท่านชีคเขาล่ะ  แต่คาวี่ก็โขมยซีนท่านชีคไปด้วยเวลาสั้นๆ  แต่โครตโดนใจจริง ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 27-06-2011 10:23:24
ชีคเก่งที่สุด +1
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 27-06-2011 10:54:00
พอไอ่ 2 คนนี้มันรักันได้ ก็ดูเป็นคู่ที่ดูน่ากลัวมาก
แบบว่า ใครคิดทำอะไรอีกฝ่าย ล่อถึงตายได้ทั้งคู่

ตอนนี้ชีคใช้เวลาไปเกือบทั้งตอน เจอคาวี่ขโมยซีนไปในชั่วแว่บเดียว 555555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 27-06-2011 11:15:05
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ตอนนี้อัลชาอ์ดูน่ากลัวง่าาา น่าเกรงขามสมกับเป็นชีคจริงๆ
โอยยย อ่านไปกลั้นหายใจไป ลุ้นเฮือกมากกก (ฮ่าๆ ขำตัวเองจะอินอะไรนักเนี่ย)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 27-06-2011 11:38:20
คาวี่มาเป็นตัวประกอบตอนนี้  :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: MoPPeT ที่ 27-06-2011 11:41:06
ท่านชีคเท่มากกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: *~LPCM~* ที่ 27-06-2011 12:20:22
ตามมาแล้วๆๆๆ คร่าา
นั่่งรอเมื่อวานทั้งวันเลย หุหุ
เย้ๆๆ ขอแอบไปอ่านก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวๆ จะมาคอมเม้นใหม่ ฮ่าๆๆ

>> สรุปแล้วมาเม้นอะไร??
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 27-06-2011 12:39:33
ท่านชีคเท่มากมายจริงๆ ดูมาดเป็นผู้นำเต็มตัวมากๆ้เลย

หวังว่าอนาคตต่อไปคาวี่จะไม่"ทิ้ง"ท่านชีคไปอย่างทีี่รับปากนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 27-06-2011 13:03:46
อัลชา แมนและเท่ห็โฮกมากๆ ส่วนคาวี่ก็นะน่ารัก(ตรงไหน)เป็นลูกแมวหวงเจ้าของอ่ะ
 o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 27-06-2011 13:09:47
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 27-06-2011 13:38:21
กรี๊ดดดด ท่านชีคมาหล่อๆจริงๆด้วย
ถึงเนื้อหาทั้งตอนมันจะดูเครียดๆ แต่พอเจอมาดเข้มๆของท่านชีคกับตอนที่นู๋คาวี่จัดการนายคนนั้นนะ
ยิ่งทำให้คนอ่านปลื้มคู่นี้มากเข้าไปอีกค่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 27-06-2011 14:02:00
ถึงเจ้าชายฟาลซาร์ไม่เด่นเท่าอัลซา หรือไม่หล่อเท่าใคร แต่ 'ใจ'ท่านหล่อม๊ากกกกกมากกกก

กรี๊ดดดดดดดด ตอนนี้ทุกคนเท่มากอ่ะ แม๊นแมน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 27-06-2011 14:03:41
อ่านตอนนี้แล้วใจหายมาก ปวดตับสุดๆ สงสารชีค ไม่เหลือใครแล้วจริงๆ

เอาเป็นว่า ชีคขาลุยเลยค่ะ ขจัดหนอนให้ราบ อย่าให้มันมาหยามได้จับ ขยี้หนอนเสร็จแล้ว
         " ไม่คิดอยากครองราชย์ดูบ้างหรือ? " ชีคหนุ่มเอ่ยถาม นัยน์ตาหรี่ลงน้อยๆอย่างครุ่นคิด..

         "...ผมไม่คิด...อยากนั่งบนหนาม ไปชั่วชีวิต "

ก็จับไอคนที่พูดประโยคข้างบน มัดมือชกเปนคิงแล้วชิ่งมั่นซะเลย หึหึหึ (ตอนนี้ฟาลซาอ์แอบเท่นะเออ)  o18 o18

ตอนนี้ชีคขา เท่ระเบิดระเบ้อไปเลยคร๊า

ชอบจริงเชียวเวลาชีคเด็ดขาดเนี่ย

สามีภรรยาคู่นี้เค้า ซาดิสต์กันทั้งคู่ แต่ซาดิสต์กันคนละแนว ผสมกันก็กลมกล่อมกำลังดี

นี่แหละ คู่รักที่ลงตัวที่สุดเลย กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: ease supsnerv ที่ 27-06-2011 14:10:46
สงสารฟาลซาอ์ แต่ยังดีที่ยืนหยัดมั่นคง เฮ้อ 
ส่วนคู่รักเค้าก็หวานเหมือนเดิม โลกส่วนตัวตลอดๆ!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 27-06-2011 14:27:22
คู่รัก


เลือด สาด จิงๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Indigo ที่ 27-06-2011 15:51:26
อ่านแล้วเพ้อท่านชีคไม่ไหวแล้วค่ะ!!!!!
โอ๊ย!!! ผู้ชายคนนี้จะเท่ไปไหนคะ  เด็ดเดี่ยวเข้มแข็งสมกับเป็นชีคจริงๆ

รอตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 27-06-2011 16:53:48
อัล ออกลายสุดๆ 55+

ชอบคาวี่ตอนหักมือมาก แบบ อ้ายยย...สุดยอดเลยคร่าาาาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: KaZuKi ที่ 27-06-2011 16:59:19
โอ้ยย อย่าว่าแต่คนแต่งแต่งเอง โฮกเองเลยค่ะ คนอ่านนี้ทั้งโฮกทั้งหลงกับท่านชีค อะไรมันจะเท่ แมน มั่น สง่า น่าหลงได้ขนาดนี้
อ๊ากก ไม่ไหวจะเครียกับความแรง น่าเกรงขาม แต่ คาวี่ นั่งนิ่งๆ กร็อบเดียวอึ้งทั้งห้อง อย่ามาแตะของๆคาวี่นะ ฮาๆๆ รอตอนหน้าค่ะ ชอบมากๆเลย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: l2ockyou_l3ody! ที่ 27-06-2011 18:30:48
ห๊ายย ยย, หล่อถึงใจจริงท่านชีค  :o8: :o8:

หวังว่าคงไม่ดราม่านะค้า เมื่อถึงตอนนั้น  :z3: :z3: :z3:
ส่วนคาวี่ ออกน้อย แต่ เด่นมาก   :กอด1:

ปอลอ. เป็นห่วงเซย์ อย่างแรง  :o12:



 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 27-06-2011 18:38:00
อัลซาร์สู้ๆ มีคาวี่เป็นกำลังใจอยู่ข้างๆแล้วไม่ต้องไปกลัวอะำไรทั้งนั้น
แต่แอบอยากให้พวกที่คิดว่าคาวี่อ่อนแอเห็นความโหดเหี้ยมของคาวี่เยอะกว่านี้จริงๆ
 o13

+1 จ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: ppmayuree ที่ 27-06-2011 18:47:30
ยกนิ้วโป้งให้ 4 นิ้วเลย อัลชาร์..... สุดยอด o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 27-06-2011 18:51:18
ขอยกย่องเป็นคู่รักที่โดนคนรอบข้างทรยศแห่งปีจริงๆเถอะ  :jul3:

สงสัยมากๆ ว่าภายนอกของคาวี่ จริงๆแล้ว ดูเป็นหนุ่มน้อยที่ใสซื่อ บริสุทธิ์ ขนาดนั้นเลยเรอะ
แปลว่าบรรดาญาติโกทั้งหลายของอัลชาอ์นี่คงชอบมองคนแต่เพียงภายนอก
ถึงได้โดนเจ้าเหมียวคาวี่ขย้ำซะ  :laugh:

สุดท้าย ... ขอความหวานจงสถิตย์อยู่กับคู่รักคู่โหดนี่ต่อไปเถิด อาเมน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 27-06-2011 19:01:08
อัลซาร์เทห์อ่ะ
คาวี่ก็น่ารักมาก ปกป้องคนรัก  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: himecrazy ที่ 27-06-2011 19:16:25
 :กอด1: กอดคนแต่ง   คอยดูอยุ่ทุกวันว่าจะมาอัพเมื่อไหร่  ในที่สุดก็ได้อ่านซักที ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: PAnppyJunJii ที่ 27-06-2011 19:29:49
กรี๊ดดดดดดดดดดดด
ตอนนี้อัลซาอ์ได้ใจไปเต็มๆ  >< 
หนูคาวี่ก็เท่โดนใจ  5555  :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: flawless ที่ 27-06-2011 20:00:46
อ่านตอนนี้แล้วเครียดตาม บทพูดท่านชีคเยอะมากกกก
แถมซีนอารมณ์อีก เอิ๊กกก เหนื่อย แต่แอบชอบความ
แมนของคาวี่อ่ะ อิๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 27-06-2011 20:05:02
ท่านชีคขรา  :impress2: :impress2: :impress2: เท่ห์โคตรๆ
เจ้าชายฟาลซาล์ด้วยนะ ถ้อยคำที่บอกกับอัลชาห์นะ โดนสุดๆ นายแน่มาก  o13 o13 หมอนี่น่าสงสารเหมือนกันแฮะ ต้องมาจัดการกับแม่ตัวเองแบบนี้  :กอด1: :กอด1:
คาวี่บอบบางเหรอเนี่ย ในสายตาคนอื่นเป็นแบบนั้นใช่มั้ย แต่ต่อไปนี้คงรู้แล้วสินะ ว่าไม่ใช่  :laugh: :laugh:
ยัยฟาติมะห์ ยัยผู้หญิงขี้อิจฉา  :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 27-06-2011 20:52:51
ว้าว  อัลซาล์สุดยอด o13
เท่ๆมากๆค่ะตอนนี้  รักหมดใจกันเลยทีเดียว :กอด1:
สองคนนี้เป็นคู่รักทีรู้ใจกันมากเลยทีเดียว  หุหุ  เหมือนคู่รักผู้ไร้เทียมทานเลยนะ
อยากรู้จักว่าอัลซาล์จะทำยังไงต่อไป  ทำไมคาวี่ต้องบอกว่าอัลซาล์เจ้าเล่ห์ด้วยอ่ะ  สงสัยๆ

ปล.คู่อื่นหายเงียบไปไหนหนอ  แต่ไม่เป็นไรเพราะเรารักคู่หลัก  อิอิ :3123:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: tengu3 ที่ 27-06-2011 21:36:34
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ ชีคขา เท่ห์ได้ใจมากคร่าๆๆ :o8:

เอิกๆๆ อ่านแล้วจะเป็นลมในความมาดแมน สง่างาม โฮๆๆๆๆๆ เริ่ดที่สวดดดดด :-[

ส่วนคาวี่ก็โหดได้ใจค้าๆๆๆๆๆ   ปกป้องอัลชาห์ที่รัก กรี๊ดดดดดด อ่านไปกรี๊ดไป :impress2:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 27-06-2011 23:03:50
ตอนนี้เห็นได้เลยว่า อัลชาร์ เป็นผู้ปกครองที่สมบูรณ์จริง และ เท่ห์ มาก มาก
เหมาะสมกับ คาวี่ที่ซู้ดดดดด   :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: crosa ที่ 27-06-2011 23:17:16
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
ม่ายหวายๆๆๆๆๆ
ตามอ่านเรื่องนี้มาเป็นระยะๆ(ที่นานมาก)
ขอบอกว่าคนเขียนเขียนได้สุดยอดมากๆๆๆๆ o13
ชอบเรื่องนี้มากๆๆคะ
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก
ยิ่งตอนล่าสุดนี้....
ไม่อยากบอกเลยว่าชอบท่านชีคมากๆ
โดนสุดๆ....^^(หันไปกรี๊ดกับเพื่อนข้างๆเลยโดนมันบอกว่า บ้า 555+)
ทั้งหล่อ แสนดี แถมยังเก่งซะ.....
โอยยยยยย...นี่ถ้าคนรักไม่ใช่คาวี่นะ(คงไม่มีใครเหมาะกว่านี้อีแล้ว อิอิ)
รอตอนต่อไปนะคะ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 28-06-2011 02:37:34
อ่านแล้วรู้สึกว่าคนเขียนซาดิตส์แฮะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 28-06-2011 04:07:03
ทุกคน สู้ๆๆ    นะ   สู้ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: pigrabbit ที่ 28-06-2011 04:20:09
อัลซาห์เท่มากกกค่ะตอนนี้ o13
เฉียบขาดซะน่ากลัวเลย ถึงจะต้องพยาทำเพื่อความจำเป็นก็เถอะ
  :กอด1: ยังไงก็มีคาวี่ของเราอยุ่ล่ะเน๊าะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 28-06-2011 19:40:18
ท่านชีคอัลชาอ์เท่มากกกกกกกกกกก
หล่อมากกกกกกกก
หลงเลย อิอร๊างง งงง  :o8: :o8: :-[
คาวี่สุดยอดจ้ะ ฮ่าๆ อึ้งไปเลยล่ะสิลุง!! กั๊กๆ

คาวี่อย่าทิ้งอัลชาอ์ไปไหนเลยนะ
ไม่อยากจะนึกว่าถ้าคาวี่มันกลับไปล่ะก็ ..... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: moony ที่ 28-06-2011 21:09:40
มาแล้วววววววว สมกับที่รอคอยอัลชาเท่ห์สุดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 28-06-2011 22:19:55
เท่มากก



พระเอกของเรา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 28-06-2011 23:25:00
อ่านตอนนี้ก็อินจัดตามเคย

อัล โคตรเจ๋ง แต่ใจดีมากอ่ะ อย่างนี้สิพระเอกตัวจริง

ต่อไปคิดว่าคงเป็นฉากต่อสู้เยอะ รึเปล่า ? 55555

ชอบอ่ะ อยากเห็นคาวี จับปืนสักที

นี่เราโรคจิต ?
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 29-06-2011 22:05:47
555 นี้ละอัลตัวจริง เท่เเบบนี้ล่ะ คุ๋นี้อยุ๋ด้วยกันเเล้วใครเเตะไม่ได้เลย 555

คาวี่หนูเด็กดีมากๆ ห้ามปล่ายท่านชีคน่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 03-07-2011 09:58:32
ชีคเท่ที่สุดดดด ด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 04-07-2011 01:36:47
ตอนนี้ท่านชีคเท่มากกกก
คาวี่น่ารักเหมือนเดิม(?)
เจ้าชายฟาลซาน่าเห็นใจมากๆ
แต่ตอนท้ายงงตรงที่เดินทางมาถึง
จุดที่คาวัลโลโดนจับอ่ะนะว่าจะเกี่ยวกันยังไง
คงต้องรออ่านตอนต่อไปถึงจะรู้หล่ะนะ(มั้ง)

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 04-07-2011 11:20:08
พอมาอ่านตอนนี้เเล้วเเบบ กรี๊ดดดดดดดดดดด ท่านชีคขรา เท่ห์โคตรๆ สุโก้ยเลยอะ พระเอกมาก เเบบมีเพิ่มอีกไม๊อะ ขัดใจบรรดาญาติๆ ชิ๊ๆๆ อ่้างโน่นอ้างนี้เหตุผลจริงๆคืออะไร ก็เห็นเเก่ตัวเองมิใช่รึ ไม่สนคนหมู่มาก ขอบคุณนะคะ รอตอนต่อไปด้วย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 05-07-2011 22:30:13
Line 36 : เจอกันอีกครั้ง

          แสงสว่างจากภายนอกเหลือเพียงลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ดวงโตทอดยาวผ่านเส้นขอบฟ้า หากเงยหน้าขึ้นไปมองก็คงจะเห็นดวงดาวเริ่มเปล่งประกายระยับในท้องฟ้าที่มืดดับ ทะเลทรายที่มีพืชต้นเล็กๆสีเขียวสดขึ้นอยู่ประปรายหายไปแล้ว พบเพียงผืนทรายกว้างที่มีต้นหญ้าเหี่ยวแห้งปรากฏอยู่ราวกับยอมรับความพ่ายแพ้กับสภาพภูมิประเทศอันโหดร้าย และเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยามนี้...

     ตอนที่มา...อัลชาอ์ยังบอกให้วางใจ ว่ายัง"จะ"ไม่มีมีอะไรเกิดขึ้น ทว่ายามนี้ ชีคหนุ่มกลับออกปากว่ากำลังเป็นฝ่ายถูกล่าเสียแล้ว...

        คาวัลโลจ้องมองลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ที่ค่อยหายไปช้าๆ เป็นผลให้ความมืดมิดกางปีกมาครอบคลุมผืนทะเลทรายกว้างอย่างเต็มที่ภาพที่ค่อยเรืองลางและมืดสลัวลงของทัศนียภาพเบื้องนอกบอกได้ดีว่าเวลาผ่านไปค่อนข้างนานแล้ว นับแต่รถขับออกมาจากจารเซ เบี่ยงเส้นทางออกจากทางหลวงปกติ และเลาะสันทรายมายังจุดนัดพบที่มักใช้ในการขนส่งอาวุธ จากที่เคยเห็นเป็นเส้นขอบฟ้าไกลลิบ บัดนี้ ขบวนรถที่ปักธงของจารเซห้าคันกำลังจอดอยู่เบื้องหน้า..

        ความเร็วรถค่อยช้าลงและหยุดชะงัก ฮาซานเปิดกระจกรถ พุดคุยกับชายในชุดคลุมตัวใหญ่ที่ชะโงกหน้ามาหาสี่ห้าประโยค จากนั้นก็เร่งเครื่องออกเดินทางต่อ โดยมีพรรคพวกที่มาสมทบตามอยู่และกระจายตัวขับขนาดซ้ายขวาและรั้งหน้าหลังไว้ด้วยความชำนาญ..

        เส้นทางที่เปลี่ยนเป็นไต่เลาะสันทรายอีกครั้ง มุ่งไปสู่พื้นที่อีกแห่งทำให้คาวัลโลขมวดคิ้ว เขามองอัลชาอ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ชีคหนุ่มไล้ปลายนิ้วที่เกาะกุมกันไว้เบาๆแล้วหันมามองหน้าเขา ด้วยแววตาบางอย่างที่ทำให้คาวัลโลขมวดคิ้วมุ่น

        ฮาซานกำลังทำอะไรกุกกักอยู่กับคอนโซลรถ ขยับสามสี่ทีมันก็เปิดอ้าออก พร้อมกับกระบอกปืนสีดำมะเมื่อมจำนวนพอดีคนปรากฏอยู่ในนั้น เจ้าชายฟาลซาอ์หยิบมาถือไว้หนึ่งกระบอก จากนั้นก็ยื่นให้อัลชาอ์และชีคหนุ่มก็วางปืนกระบอกหนึ่งไว้บนมือของเขา ....

       เสียงเร่งยนต์ของฮาซานดังเข้าหู พร้อมกับน้ำหนักของโลหะเย็นเฉียบบนฝ่ามือ ผสานความอุ่นร้อนจากอุ้งมือหนาทำให้หัวใจเริ่มเต้นระส่ำ...

        " อัล....."

        " ดูแลตัวเองดีๆนะ.." ฝ่ามือของชีคหนุ่มบีบแน่น ก่อนจะผละจากเพื่อนเช็คดูความพร้อมของอาวุธ คาวัลโลคลายหัวคิ้วลงช้าๆ ... กวาดตามองรอบด้านที่รถขององค์รักษ์ยังคงกระจายตัวประกบล้อมหน้าล้อมหลัง ระวังภัยอย่างตั้งอกตั้งใจ...

        " คนของใคร ? "มาเฟียหนุ่มออกปากถามสีหน้าข้องใจไม่น้อย..

        " ...วันนี้....จะมีการขนอาวุธล๊อตใหญ่.." อัลชาอ์อะบายด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท "และ...ก็มีกลุ่มที่คอยดักปล้นรอท่าอยู่แล้วเสียด้วย..."

        "อา...." คาวัลโลพยักหน้า ดวงตาเริ่มวาววับ... "คุณจะมาจับผู้ร้าย"

        " ไม่....มาสู้ต่างหาก "ชีคหนุ่มหันมายิ้มมุมปาก " คนของพวกนั้นมีมาสมทบหลังจากที่เราเปลี่ยนเส้นทางเดินทาง พวกมันตามเรามานี่แหละเพียงแต่หลบซ่อน ไม่ให้เราเห็น หวังให้เราสู้กับกลุ่มโจรพวกนั้นแล้วอ่อนแรงลง จะได้เตรียมตลบหลัง "

         "....แล้ว...."

         " ในทะเลทราย ความมืด สภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ สายลม เม้ดทรายต่างก็มีผลต่อการตัดสินใจทั้งนั้น ...คุรก็ยังเคยพลาดเพราะคงวามเข้าใจผิดมาแล้วนี่...น่าจะเข้าใจดี "

         " อ้อ.."คาวัลโลครางรับในลำคอ เมื่อเข้าใจถี่ถ้วนถึงจุดประสงค์ของชีคหนุ่ม..

    .... หนามยอก เอาหนามบ่ง..

บทเรียนจากการพบเจอของพวกเขาทั้งคู่ คาวัลโลและอัลชาอ์เคย"พลาด"เพราะถูกลวงให้มารบรากันเองแล้ว ท่ามกลางความมืดและทะเลทรายที่ปั่นป่วนแบบนี้ล่ะ..

...ในเมื่อถูกอีกฝ่ายลวงด้วยวิธีนั้น จะแปลกอะไรหากเราจะลวงมันกลับบ้าง

ให้กลุ่มเดียวกันมาฟาดฟันกันเองเช่นที่เคยพบเจอ..

          "...แล้วขบวนขนอาวุธ..." คาวัลโลเปรยช้าๆ..นัยน์ตามองตามรถขนาบข้างที่บัดนี้ผละจากไป...สองคัน...

          " แจ้งข่าวไปแล้ว พวกนั้นจะป้องกันตัวเอง และเดินทางตามที่ผมกำหนด "ชีคหนุ่มรับ ขณะที่รถอีกสองคันเบี่ยงออกนอกเส้นทางไปด้านขวามือ...ตอนนี้รถในขบวนเหลืออยู่หกคัน...

          " รอบนี้ของใคร? " คาวัลโลถามต่อ พลันนึกถึงเจ้าของขบวนการและ...กลุ่มที่มาซึ่งอาจจะเป็นคนในแกงค์ของเขาชวนให้ใจหายวาบ..

          " ของผม..." ชีคหนุ่มยักไหล่ช้าๆ " พวกทำหน้าที่คุ้มกันและขนส่งเป็นนายทหารรับจ้างจากรัสเซียและเยอรมันจัดหาโดยคนของวาลกัส "

           " แล้วเรา...."  คาวัลโลพยักหน้ารับ..รับรู้อีกข้อมูลหนึ่งว่าอัลชาอ์ไม่คิดจะให้มาเฟียหน้าไหนมายุ่งกับขบวนขนอาวุธนี้เพื่อป้องกันการพบเจอหรือข่าวของตัวเขารั่วไหลไปมากกว่านี้ แม้จะมีผู้ที่ทราบอยู่แล้ว  แต่คาวัลโลไม่กลับไปเจอ..ย่อมดีกว่า..

คิดพลางเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมของบุรุษที่นั่งอยู่ข้างกายชั่ววูบหนึ่งที่รับรู้ว่าอาจจะได้พบคนที่เคยคุ้น หัวใจมันกระตุกไหวราวกับโหยหา...สิ่งที่เรียกว่าความภาคภูมิและศักดิ์ศรีในอดีต..

....อัลชาอ์คงรู้...ไม่สิ ชีคหนุ่มรู้ดีและคอยเฝ้าสังเกต จึงระวัง...ไม้ให้เขามาพบเจอ หรือมีอะไรมาสะกิดให้นึกถึงแกงค์ นึกถึงบ้าน หรือนึกถึงตำแหน่งของตัวเองอักครั้ง..

  คงจะ....ยังไม่เชื่อใจกันสินะ..

            ผ่อนลมหายใจช้าๆ รับรู้ถึงรถที่เริ่มกระจายตัวและเปลี่ยนเส้นทางกันอีกครั้ง เสียงปืนดังขึ้นไม่ไกล ทำให้สมองเริ่มตื่นตัว...เลือดในกายเริ่มเดือดเร่า  รุ่มร้อนด้วยความคาดหวังและความตื่นเต้นปนกระหายอยาก

       ฝ่ามือกระชับ ปลายนิ้วลูบไล้และสัมผัสเจ้าวัตถุสีดำมะเมื่อมในมือ ความเย็นและสัมผัสที่เคยคุ่น ราวกับจะปลุกสัญชาติญาณที่ถูกปลุกฝังมาให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง..

      เพราะเหตุนี้ อัลชาอ์จึงพยายามกันเขาออกจากเรื่องราวเหล่านี้...ด้วยรู้ดี ว่าคาวัลโลยังมีความคิดถึง โหยหา อาลัยสิ่งที่เสียไปอยู่มาก..

      ไม่ผิดหรอกที่อีกฝ่ายจะหาทางป้องกัน ไม่ผิด...ที่จะคอยระวังไม่ให้คนของวาลกัสหรือใครหน้าไหลมาชักจูง หรือเป็นแรงผลักดันให้เขาอยากจะกลับไปที่ตรงนั้นอีกครั้ง...

      ไม่ผิดเช่นกัน...ที่อัลชาอ์จะไม่เชื่อใจ ในเมื่อพฤติกรรมของตัวเขาในอดีต มันเลวร้าย และไม่น่าเชื่อถืออกปากนั้น ทั้งตัดรอน ทำร้ายจิตใจ ให้ความหวังแล้วปัดทิ้ง หลอกใช้หลอกให้เฝ้าคอยต่างๆนานๆ ระยะเวลาแค่ไม่กี่อาทิตย์ที่คาวัลโลยอมละมือจากความหวังทั้งหลายและกลับมาซวนซบบนแผ่นอกของอัลชาอ์ ต่อให้เชื่องฟังแค่ไหน ต่อให้ทำเหมือนไม่อยากพรากจากและรักใคร่เพียงใด..ก็คงไม่อาจพอ

     หัวใจของคนๆหนึ่งถูกเขาทำลายมาครั้งแล้วครั่งเล่า..จะให้วางใจ จะให้"เชื่อ" โดยไม่สงสัยเร็วขนาดนี้มันเป็นไปไม่ได้..

         " อีกสามคันจะจอดอยู่ตรงนี้...ดักซุ่มรอพวกที่พยายามตามตลบหลังเรา ส่วนรถคันนี้และอีกสองคัน จะย้อนกลับไปหาขบวนขนอาวุธที่รออยู่ "  เสียงตอบของอัลชาอ์ดังขึ้นเบาๆ พอดีกับรถอีกสามคันผละออกไป และจากนั้น..ฮาซานก็ปิดไปในห้องโดยสาร รวมทั้งไปหน้าและไฟนำทาง...

         ความมืดที่ปกคุลมทันควันทำให้คาวัลโลชะงัก เขามองเห็นเพียงแสงเรื่อเรืองจากหน้าปัดตรงหน้ารถและไฟท้ายดวงเล็ก  รถค่อยจอดลงกับที่ ขณะที่เสียงลูกปืนและเสียงคำรามของรถยนต์ดังแว่วมาตามสายลม..

         " รออยู่ตรงนี้ก่อน " ชีคหนุ่มกระซิบเบาๆ และเลื่อนกายมาโอบกอดร่างของเขาเอาไว้ คาวัลโลพยักหน้ารับช้าๆ หันไปสบตาและมองใบหน้าคมผ่านแสงอันเลือนรางของดวงดวงและพระจันทร์ที่สาดเข้ามาในตัวรถ..

     ค่อยหลับตาลงช้าๆ ได้ยินเสียงลมหายใจ และเสียงหัวใจเต้นสะท้อนในอก ความตื่นเต้น...ความยินดีและความพึงใจลึกๆนั้นค่อยสงบ ค่อยลดลงไปอย่างช้าๆเมื่อได้ลองคิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน...ว่าจุดประสงค์ของชายหนุ่มผู้โอบกอดเขาอยู่เป็นเช่นไร..
จะให้มีความสุขได้ยังไงถ้า...คนอื่นกำลังเคร่งเครียดและเดินพันกับเรื่องราวแบบนี้ ไม่ใช่การละเล่น ไม่ใช่การทำอะไรเพื่อความสาใจ แต่เป็นกลยุทธ์เพื่อชัยชนะที่แพ้ไม่ได้พอๆกัน..

     ฝ่ามือขาวแตะลงบนเอวหนาสอดประสานกอดซบร่างแกร่งของชีคหนุ่มไว้อย่างเอาใจ เจ้าแมวตัวแสบถอนหายใจเบาๆจากนั้นจึงยิ้มหวานให้อีกฝ่าย


       "..สู้ๆนะครับ ที่รัก "


           น้ำเสียงออดอ้อนหวานๆ และดวงตาสีน้ำทะเลที่ฉายแววหวานและยั่วล้อในที่ ทำให้ประสาทที่เคร่งเครียด สมองที่ปวดตุบผ่อนคลายลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าของคนที่ตนเองหลงรักท่ามกลางแสงสลัวจากพระจันทร์ที่ลอดมาอย่างเลือนราง หัวใจที่เคยหวั่นไหวไม่น้อย...เมื่อนึกถึงการมาถึงของขบวนขนอาวุธของวาลกัส กลัว...ปนหวั่นระแวงว่าคนข้างตัวจะเปลี่ยนไป จะขยับห่างออกจากตนเพื่อกลับไป ค่อยคลายลงช้าๆและ...เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มพึงใจ

        " ...ขอบคุณ" ฝ่ามือหนาแตะลงบนผิวแก้มขาวเบาๆแล้วประทับรอยจูบลงบนนั้นอย่างรักใคร่..ชีคหนุ่มกอดรัดร่างของอีกฝ่ายไว้แน่น...เพื่อระงับความหวาดหวั่นและจิตใจที่หลุกหลิกไม่สงบนิ่งของตนไว้ เพื่อจะบอกให้รู้ว่ายังคงมีคนที่ตนรักอยู่แนบกาย รู้ว่ายังมีร่างของคาวัลโล วาลกัสอยู่ตรงนี้ ไม่จากไปไหน..

     ...สิ่งใดที่ได้มายากแสนยาก ย่อมมีค่ามากมายเหลือคณานับ และหวาดหวั่นที่จะเสียมันไปเช่นเดียวกัน..


          อยากจะกอดเอาไว้นานกว่านี้ ทว่าเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามมาดังไม่ไกลแล้ว นั่นทำให้รถที่เคยจอดนิ่งเริ่มขยับอีกครั้ง อัลชาอ์ผละออกจากคนรักเพื่อเตรียมพร้อมรวมทั้งคาวัลโลด้วยเช่นกัน ไฟที่เคยปิดไว้ถูกเปิดอย่างรวดเร็วเพื่อส่องนำทาง ฮาซานกระชากรถขับตามรถคันหน้าไปทันควัน ความเร็วของรถเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเส้นทางวกกลับไปยังทางเดิมและไต่ขึ้นเนินทรายไปตามเสียงปืนและเสียงปะทะที่ดังอยู่ไม่ไกล

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 05-07-2011 22:35:33
       รถไต่ขึ้นเนินทรายโผล่พ้นมายังขบวนเดินทางอีกครั้ง และเบื้องหน้าคือเวิ้งทรายกว้างที่มีเงาของรถหลายคันตระหง่านอยู่ไม่ไกล เสียงกระสุนปืนและเสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นผ่านสายลมและเม็ดทรายที่โชยพัด เสียงเร่งเครื่องยนต์ ทั้งกลับหลังและเดินหน้าตั้งหลักสลับคละเคล้ากันไป คาวัลโลแนบใบหน้าลงกับกระจก ปลายนิ้วเเตะไกปืนและรังบรรจุกระสุนตรวจสอบปืนในมืออย่างเชี่ยวชาญ ขณะที่สายตาจ้องมองผ่านความมืดและแสงไฟจากรถที่สาดเข้าตาเป็นระยะเพื่อตรวจดูความเคลื่อนไหว ฮาซานกระทืบเบรคแรงๆเพื่อหักรถหลบรถอีกคันที่พุ่งสวนเข้ามาแรงกระชากนั้นทำเอาร่างปลิวหวือด้วยไม่ทันตั้งตัว สัญญาณที่บ่งบอกถึงระยะเวลาปฏิบัติการเริ่มงวดเข้ามาช้าๆ...

         องค์รักษ์หนุ่มกระชากพวงมาลัยหันหลังกลับหลังจากวิ่งฝ่าการปะทะของกลุ่มสองกลุ่มอย่างเร่งร้อน ขณะที่รถอีกสองคันซึ่งตามประกบเริ่มสาดกระสุนให้กับอีกหนึ่งขบวนที่ตามมาอย่างรวดเร็ว  ขบวนรถที่เข้าไปใกล้การปะทะถอยกรูดออกมาอย่างเร่งร้อน และเมื่อเสียงระเบิดดังขึ้นเบี่ยงเบนความสนใจอีกครั้งขบวนรถที่ตามติดก็เริ่มถูกทิ้งห่าง หลายคันถลาเข้าร่วมการปะทะแสดงให้เห็นว่าแผนการเริ่มจะประสบผลสำเร็จ

         คาวัลโลมองนาฬิกาที่บอกเวลา 20.15 เขากระชับปืนในมือแน่นขึ้น ฟังเสียงปืนที่ดังลั่นอยู่เบื้องหลังก่อนจะร้องเหวออกมาเบาๆอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อฮาซานสะบัดพวงมาลัยเหวี่ยงรถให้หมุนอีกครั้ง พร้อมกันนั้นองค์รักษ์หนุ่มกระทืบเบรคเท้าแรงๆให้รถที่หมุนคว้างสงบนิ่งทิ้งกลิ่นเหม็นไหม้ของล้อรถปะปนไปกับกลิ่นดินปืนและเม็ดทรายท่ามกลางสายลมที่โชยพัด..

         "....แก....ขับแบบนี้จะทำชั้นหัวใจวายสักวัน "คาวัลโลคำรามในลำคอเบาๆเมื่อโงหัวออกมาจากแผ่นอกของชีคหนุ่มที่ถลามาคว้าตัวเขาไว้อย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงหัวเราะของอัลชาอ์รับคำพุดนั้น ขณะที่ฮาซานพ่นลมหายใจพรูไม่ตอบคำ ..

         " ยังไงเขาก็ทำสำเร็จตามแผน "ชีคหนุ่มเอ่ยแก้ตัวให้คนของตน ลูบหน้าผากคาวัลโลที่ชนเข้ากับอกของตนไม่เบานักอย่างปลอบขวัญ นัยน์ตาคมปลาบทอดมองไปยังเบื้องหน้าที่ปรากฏภาพการปะทะของคนสองกลุ่มใหญ่อยู่ไม่ไกลนัก อัลชาอ์ขยับยิ้มเมื่อแผนที่ตนวางไว้เป็นไปตามคาด

         ชีคหนุ่มฟังเสียงตบกระบอกปืนให้เข้าที่ขององค์รักษ์เบื้องหน้า สบมองแววตาของฟาลซาอ์และฮาซานที่มองมาด้านกระจกหลังอย่างเคร่งขรึม..ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ




         เอี๊ยดดดดดดด...


      รถคุ้มกันอีกสองคันที่ตามประกบถอยร่นมาร่วมขบวนและวางแนวป้องกันด้านหน้า เสียงล้อรถหมุนวนขวางรถที่ประทับของชีคหนุ่มเอาไว้ดังขึ้นพร้อมกันนั้นมีรถอีกสองคันตามมาติดๆพร้อมห่ากระสุนที่สาดซัด ฮาซานกระชากเอาวิทยุสื่อสารที่อยู่ตรงหน้ารถมาไว้ในมือ พร้อมกันนั้นก็ปลดล็อค ถีบประตูออกไปโดยแรง..
        ผลั่วะ!
          ร่างขององค์รักษ์คู่ใจและเจ้าชายหนุ่มถลันออกนอกคันรถอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นอ้อมกอดของชีคหนุ่มก็ผละจาก คาวัลโลเอื้อมมือคว้าประตู กดปลดล็อคมือขวากำปืนสั้นไว้แน่น เขาลังเลเพียงชั่ววูบก่อนจะหันกลับไปมองร่างของชีคหนุ่ม และไม่ผิดจากที่คิดเมื่อริมฝีปากของอัลชาอ์บดเบียดลงมาอย่างรวดเร็ว

         " ดูแลตัวเองนะ...อยู่ใกล้ๆผม จำไว้ " เสียงกระซิบหนักแน่น...คาวัลโลพยักหน้ารับ ก่อนจะยกฝ่าเท้าถีบประตูรถให้เปิดออกโดยแรง


         ผลั่วะ!

       เม็ดทรายที่สาดปะทะและกลิ่นของยางที่เหม็นไหม้พร้อมควันปืนเป็นสิ่งแรกที่คาวัลโลพบ เจออย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด มาเฟียหนุ่มยกมือซ้ายขึ้นปิดหน้าป้องกันฝุ่นผงและเม็ดทรายมาตกต้องดวงตา เงี่ยหูฟังเสียงตะโกนที่ดังมาตามสายลม นัยน์ตาคู่สวยมองเงาตะคุ้มของรถแฮมเมอร์คันโตที่จอดคุ้มกันอยู่เบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด ฝ่าเท้าเหวี่ยงประตูรถให้ปิดลงอีกครา พร้อมกันนั้นก็ถลาเข้าไปยังด้านข้างของรถ ที่เขามองเห็นร่างของบุรุษสามสี่นายรวมตัวกันยิงโต้ตอบฝ่ายนั้นอยู่..

         "...ไม่มีระเบิดมือซักลูกเหรอ? " คาวัลโลถลาเข้าไปยังที่กำบังเบื้องหน้า ออกปากถามชายหนุ่มที่กำลังเล็งปืนอยู่ใกล้ตัว มาเฟียหนุ่มมองปืนสั้นที่อยู่ในมือแล้วขมวดคิ้วมุ่น

         " เราอยากจับเป็น ! " เสียงตอบผสานกับลมหายใจหอบนั่นทำให้รู้ได้ว่าคือเจ้าชายฟาลซาอ์ คาวัลโลคำรามอย่างหงุดหงิด ฝ่ามือกระชับปืนแน่น เขาหรี่ตาลงช้าๆ นัยน์ตาลอบมองศัตรูอีกฝั่งอย่างครุ่นคิด...

         " เอาแต่ยิงกันแบบนี้ก็ไม่จบสักทีสิ.. "มาเฟียหนุ่มคำรามหัวเสียง ก่อนจะร้องครางออกมาเบาๆเมื่อรู้สึกถึงร่างหนาเข้ามากำบังไว้ด้านหลัง ไออุ่นที่เคยคุ้นและลมหายใจรินรดซอกคอไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่ทำการอุกอาจเช่นนี้กับมาเฟียตัวร้ายจะเป็นใคร

          " บอกแล้วให้ตามหาผม "เสียงคำรามในลำคอของอัลชาอ์นั้นทำให้คาวัลโลส่งเสียงกัวเราะหึๆ

           " ยังไงคุณก็ตามหาผมเจออยู่แล้ว " นัยน์ตาสีน้ำทะเลเเลสบดวงตาสีเข้มอย่างแสนจะมั่นอกมั่นใจ อวดดีได้อย่างน่าจับตีก้นนัก อัลชาอ์หยักยิ้มมุมปาก คำรามในลำคออย่างถูกใจ กายที่โอบทับร่างของมาเฟียหนุ่มไว้ยังคงเบียดทับพร้อมกันนั้นฝ่ามือก็ยังเล็งไปที่กลุ่มศัตรูเบื้องอย่างอย่างไม่ยอมแพ้..

           "คนของเราตอนนี้แบ่งกันออกเป็นหลยกลุ่ม ที่อยู่ตรงนี้มียี่สิบกว่าคนเท่านั้น อาวุธหนักมีไม่มาก พวกที่วุ่มอยู่ด้านหน้ากำลังใช้อยู่ !! " ชีคหนุ่มอธิบายสถานการณ์เสียงเข้ม ก่อนจะเเสยะยิ้มมุมปาก " แต่ถ้าเป็นแบบนี้เราอาจจะยันมันไม่ไหว เพราะฝ่ายนั้นมีอาวุธหนักกว่ามาก ....เพราะงั้นระเบิดที่คุณขอคงยังไม่ได้...."

            คาวัลโลขมวดคิ้วรับกับคำกล่าวนั้น เขาเบียดตัวโผล่จากร่างของอัลชาอ์เพื่อเล็งปืนไปยังฝ่ายนั้นบ้าง ทว่าก็เหมือนจะไร้ประโยชน์ ในเมื่ออีกฝ่ายมีรถเป็นเกราะกำบังเหมือนกัน แถมยังมีอาวุธหนักกว่าเสียด้วย...

      การรบในปัจจุบัน ไม่ได้อาศัยกำลังคนเช่นในอดีต แค่ความความเหนือกว่าและแตกต่างทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารก็เพียงพอแล้วที่จะเอาชนะอีกฝ่าย  ตัวกำลังคนกลยุทธ์และกลอุบายเป็นสิ่งสำคัญก็จริง ทว่าอย่างไรก็ตามอาวุธที่รุนแรงและเพียบพร้อมกว่าก็ทำให้สถานการณ์พลิกผันได้ทุกสถานการณ์เช่นเดียวกัน...

       ปืนสั้น ปืนกล ไรเฟิล  อยู่ในมือพวกที่ประจำอยู่ด้านหลังรถคันที่สอง อาวุธหนักว่าสำหรับต้านฝ่ายตรงข้ามอยู่กับพวกที่ประจำในรถคันแรก เท่าที่คาดการณ์และมองๆดูก็มีแต่พวกนี้ ...แต่สำหรับกลุ่มระวังหลังถ้าหากมีอาวุธหนักประเภท RKG-3 หรือบาซูก้าซักอันน่าจะยันได้ดีกว่านี้...

         "...อัลชาอ์! แล้วพวกที่อยู่ข้างหลังโน้นล่ะ " คาวัลโลออกปากถามอย่างเร่งร้อน ในเมื่อกลุ่มที่แยกออกมาไม่มี พวกที่แยกไปน่าจะมีอยู่บ้าง การปะทะของกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มที่อัลชาอ์ให้คนของตัวเองไปเสี้ยมให้พวกมันยิงกันเองอยุ่ก็น่าจะได้ที่แล้วไม่ใช่หรือ หรืออย่างน้อยพวกทหารรับจ้างจากขบวนขนอาวุธก็ต้องใช้ได้บ้างล่ะน่า...

           " ...พวกเขากำลังมา ทนอีกสักห้านาทีก็พอแล้ว! " ชีคหนุ่มเอ่ยตอบผ่านเสียงปืนเสียงระเบิดที่อยู่ไม่ไกล คาวัลโลขยับตัวทำท่าจะตะกายขึ้นไปบนหลังรถ ทว่าก็ถูกคว้าคอเสื้อโดยอัลชาอ์เช่นเดิม ชีคหนุ่มส่ายหน้า ออกแรงกระชากคอเสื้อเขาแรงๆไม่ให้มีโอกาสขึ้นไปทางนั้น

           " ไม่เป็นไรน่า ผมดูแลตัวเองได้ "คาวัลโลส่ายหน้าอย่างดื้อดึง ถ้าเกิดอยู่แต่ข้างหลังไม่มีคนช่วยพวกที่รับศึกหนักอยู่ข้างหน้าก็คงลำบากไม่แพ้กัน อีกทั้งเขาก็คิดว่าตัวเองมีความสามารถมากพอจะไปยืนอยู่ตรงนั้นด้วย มันคงช่วยอะไรได้มากกว่าที่จะมาอยู่ตรงนี้มากนัก

           " ผมรู้..." ชีคหนุ่มคำรามก่อนจะกระชากปืนจากฝ่ามือของคาวัลโล และยัดปืนสั้นของตนที่ลูกกระสุนหมดรังแล้วให้อีกฝ่าอย่างรวดเร็วให้อีกฝ่ายอ้าปากหวออย่างตกตะลึง ไม่ทันที่คาวัลโลจะออกปากทักท้วง ชีคหนุ่มก็กระโจนมายัดกระสุนปืนใส่มือเขาอีกรอบพร้อมกับกดบ่นให้นั่งลงบนผืนทรายแรงๆ

           " แต่ผมจะปกป้องคุณ จำเอาไว้ "

             แกะรังปืนและบรรจุกระสุนลงไปอย่างเร่งร้อนปากก็ร้องจิ๊จ๊ะแต่คาวัลโลก็ได้แต่ยอมรับ อดจะคิดไว้ๆด้ว่ามันรู้สึกดีไม่น้อย ที่มีคนคอยปกป้องเราทั้งที่รู้ดีว่าเราก็แข็งแกร่งและมีความสามารถไม่แพ้ใคร...ตบรังปืนเข้าไปในเเม๊กแล้วโยนปืนสั้นในมือให้อัลชาอ์รับไปถือ ขณะที่มาเฟียหนุ่มดวงตาวาววับไม่ทันที่อัลชาอ์จะอ้าปากถามหรือยื่นปืนอีกกระบอกในมือตนให้คาวัลโลบรรจุกระสุนต่อ ร่างเพรียวก็กระโจนพรวดขึ้นไปกลิ้งโค่โร่บนหลังกระบะรถแฮมเมอร์คันโตเสียแล้ว

         อัลชาอ์คำรามในลำคออย่างหงุดหงิด ถลาเข้าไปหาเข้าของร่างนั้นที่คลานมาหาตนตาใส่ คาวัลโล วาลกัส เจ้าแมวตัวแสบที่อย่างไรก็ไม่ทิ้งลายดื้อดึงโผล่ตาสวยๆคู่นั้นมามองชีคหนุ่มแยกเขี้ยวด้วยวสีหน้าโกรธเคืองแล้วยิ้มขัดตาทัพๆไว้ก่อนทันควัน

          ...ภูมิใจที่มีคอยปกป้องทั้งที่รู้ว่าตัวเขาแข็งแกร่งก็จริง แต่ถ้าได้ปกป้องคนที่รัก มันไม่น่าภูมิใจมากกว่าเหรอ!

         " ตอนนี้คุณต้องปกป้องผมแล้ว ระวังหลังให้ผมด้วยล่ะ! " ว่าแล้วร่างของคาวัลโลก็กลิ้งตัวไปยังอีกฝั่งของรถทำเมินๆเสียงคำรามเรียกชื่อเขาที่ห้วนอย่างน่าขนลุกของอัลชาอ์ไว้ก่อน นัยน์ตากวาดมองรถอีกคันด้านหน้าที่ต้องตั้งรับอย่างหนักหน่วง สายตาเขากวาดมองยุทธโธปกรณ์อีกครั้ง..อาก้า-47 ปืนยาวโคลท์ และระเบิด M67 M27 ...ใช่...แบบนี้สิที่ต้องการ

          ปัง....ปัง....

       ลูกกระสุนที่เฉียดร่างไปตกทะลุหลังกระบะนั้นทำให้คาวัลโลหดคอเกร็งตัวเมื่อรู้สึกเสียววูบ ไม่ต่างอะไรกับหัวใจที่แทบจำปลิวหายไปของชีคหนุ่ม ปากแต่อัลชาอ์ก็ทำได้เพียงยิงคุ้มกันทั้งเชื่อมั่นและภวนาให้อัลเลาะห์คอยคุ้มครองคนรักของตนให้ปลอดภัยก็เท่านั้น..

        นัยน์ตาสีเข้มทอดมองร่างที่จำได้ดีแม้แสงจะมัวพร่า ชีคหนุ่มเบิกตามองคาวัลโล วาลกัสที่กลิ้งตัวออกจากกระบะรถไปหรุบกายหลบกระสุนอยู่อีกฝั่งของคันรถ แถมเจ้าตัวยังมีหน้ามายักคิ้วให้แล้วรีบหดคอวุบเมื่อกระสุนนัดหนึ่งแล่นมาหา ชวนให้เสียววูบและนึกอยากจะจับคนดื้อดึงมาตีก้นให้หายเคืองเสียจริงๆ..

        ชีคหนุ่มเหลียวมองรอบกายที่การปะทะยังคงดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง แสงสว่างที่ไม่เพียงพอและกระแสลมที่ค่อนข้างแรงเป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นและการเคลื่อนไหวพอสมควร อัลชาอ์มองเหล่าองค์รักษ์ที่กระจัดกระจายตัวกันคุ้มครองตนเอง..สมองใคร่ครวญอย่างหนักหน่วง..

       อยากจะตามไปดูแล...ทว่า...หากไปแล้วคนของเขาคงไม่เว้นจะกระวนกระวาย การพาตัวเองไปสู่อันตรายนั้นนอกจากจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนแล้วเหล่าองค์รักษ์และผู้คนที่อยู่ข้างหลังก็คงจะเดือดร้อนไปด้วย...ฉะนั้น...แม้อยากจะตามไปสักแค่ไหน..ก็คงไม่อาจจะทำได้...

        ตึง!


         "...คนบาดเจ็บ!รีบเอาเขาไปพักเร็ว!"เสียงตะโกนของคาวัลโลดังขึ้นทำให้ดวงตาสีเข้มตวัดมอง ขณะที่ร่างของหนึ่งในองค์รักษ์ผู้ร่วมขบวนถูกจับยัดเข้ามาในคันรถ เจ้าชายฟาลซาอ์ที่อยู่ใกล้ประตูรีบดึงประตูอีกฝั่งออกและลากร่างนั้นให้ออกมาจากตัวรถอย่างทุลักทุเล

        ชีคหนุ่มมองกระบอกปืนไรเฟิลที่ถูกโยนมาให้ผ่านด้านในของตัวรถด้วยมือของคาวัลโล วาลกัส ร่างสูงถลาเข้าไปรับหาฝ่ามือของคนรักดึงแรงๆให้เจ้าตัวแสบหันมาหา

       " กลับมาได้แล้ว! อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิ "

 คาวัลโลส่ายหัว ยิ้มกว้างๆให้คนรักเสียทีแล้วปล่อยมือจากปืนในมือเขาสบตาชีคหนุ่มมองดวงตาที่แสนจะดื้อรั้นนั้นแล้วถอนหายใจเบาๆ

       "...คุณต้องดูแลตัวเองนะ /คุณต้องดูแลตัวเองด้วยนะ!!! " เสียงตะโกนที่ออกมาจากปากของทั้งคู่...ทำให้ต่างก็ชะงักไปด้วยความตะลึงไม่น้อยคาวัลโลหัวเราะก๊ากขณะทีรับกระสุนปืนมาจากองค์รักษ์อีกนายหนึ่ง โยนมันลงบนเบาะ แล้วยิ้มให้ให้กับคนที่ค่อยผ่อนลมหายใจ คลายหัวคิ้วลงช้าๆ

         " ผมสัญญา "

              ประตูรถปิดลงแล้ว..อัลชาอ์โยนกระสุนและปืนในมือให้ฮาซานรับไปอย่างรวดเร็ว ชีคหนุ่มบรรจุกระสุนปืนลงในรังอีกครั้ง ก่อนจะตบมันให้เข้าที่อย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่นั้นมองตามแผ่นร่างของคนรัก กวาดมองไปยังรอบกายของคาวัลโล วาลกัสที่กำลังตั้งป้อมโจมตีอีกฝ่ายอย่างคล่องแคล่ว..

          ....ความเหมาะสมของความสามารถ ในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นเหตุผลที่อัลชาอ์ให้ฮาซานเป็นฝ่ายได้ปืนไรเฟลิไปแม้ว่าคาวัลโลจะยื่นมาให้เขา..ก็เช่นเดียวกันกับเหตุผลที่คาวัลโลเลือกจะออกไปต่อสู้ มากกว่าตั้งรับอยู่ตรงนี้ และไม่ยอมฟังคำของตน..

       ไม่ใช่เพราะว่าดื้อด้าน แต่เพราะคิดแล้ว ประมวลแล้ว ว่าความสามารถของตน และสถานการณ์ที่เป็นอยู่จะใช้สิ่งที่ฝึกฝนมาให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร

       ให้อยู่ที่ตรงนี้คงไม่ต่างกับงอมืองอเท้า ดังนั้น...แม้อยากจะให้อยู่ข้างกาย แม้อยากจะให้คาวัลโลอยู่ตรงนี้ ไม่อยากให้ออกไปเสียงอันตรายแต่นั่น...คือหนทางที่ดีที่สุด

        รู้จักใช้คนให้ตรงกับงานและความสามารถที่มี...รับรู้และประเมินกำลังของตนเองและศัตรู นั่นคือสิ่งที่ผู้บัญชาการต้องมีและต้องทำไม่ใช่หรือ?

        คำตอบคือใช่...และนั่นเป็นสาเหตุให้อัลชาอ์อยู่ตรงนี้แม้ใจอยากจะไปเคียงข้างและปกป้องมาเฟียหนุ่มคนรักแค่ไหน ...ชีคหนุ่มมองเห็นเงาร่างที่กำลังเล็งปืนมายังตำแหน่งของคาวัลโล ปลายนิ้วจึงแตะลงบนไกให้กระสุนแล่นออกจากรังทันที..

       ....คอยปกป้องและคุ้มครอง รวมทั้งสนับสนุน...นี่เป็นเหตุผลที่อัลชาอ์เลือกจะอยู่ข้างหลังและคอยจัดการคนที่จะเข้ามาทำร้ายคนที่เขารักทุกๆคน..

             เสียงคำรามของรถสี่ห้าคันที่ดังเข้ามาใกล้ ทำให้ภาวะกดดันที่มีอยู่ค่อยคลายลง คาวัลโลตวัดสายตามองขบวนรถที่เคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับห่ากระสุนที่ซัดเข้าหาฝ่ายตรงข้ามของอัลชาอ์ราวกับห่าฝน มาเฟียหนุ่มร้องเฮในลำคอ ก่อนจะโดนไปหลบหลังคันรถ เพื่อเว้นที่ว่างให้กับรถที่เข้ามารับหน้าที่โจมตี

             แน่นอนว่าเมื่อจำนวนคนเพิ่มขึ้นสถานการณ์ย่อมพลิกกลับ คาวัลโลแสยะยิ้มด้วยความชอบใจขณะที่เอื้อมมือรับปลอกกระสุนใหม่มาพาดไว้บนไหล่ เขาบรรจุมันเข้ากับรังกระสุน ตบมันเข้ากับลำกล้องแล้วเตรียมจะไปถล่มต่อด้วยความเมามันส์ ทว่าก่อนจะได้ทำอย่างนั้นมือหนาก็คว้าหมันเข้าที่ไหล่พร้อมกับกระชากร่างของเขาเข้าไปหาโดยแรง..

           รู้ชัดว่าคนที่ทำแบบนี้คงไม่ใช่อื่นไกล ฝ่ามือจึงลดปืนลงอย่างอัตโนมัติพร้อมกับฉีกยิ้มหวานให้กับหน้าตึงๆของอัลชาอ์ที่จ้องมองมา  จ้องมองดวงตาสีเข้มของคนตัวสูงด้วยความหวาดหวั่นลึกๆว่าเขาจะถูกโกรธเคืองเอาเหมือนตอนที่กกระโจนมาร่วมสังฆกรรมพวกราฟาเอลโร่และฟิลิเป้อย่างที่เคยเจอหรือไม่ คิดไว้แล้วว่าเม้เป็นเช่นนั้นเขาก็พร้อมจะออกปากขอโทษ คาวัลโลมองฝ่ามือของชีคหนุ่มที่ตรงเข้ามาหาด้วยสรหน้าครุ่นคิด แต่ฝ่ามือนั้นค่อยเอื้อมมาลูบรอยทรายตรงผิวแก้มอย่างแผ่วเบา..

          " ยังดีที่คุณไม่ผิดสัญญา " ชีคหนุ่มอดจะหยิกแก้มขาวเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวไม่ได้ ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะดึงกระสุนที่พาดไว้ตรงไหล่ขวาและปืนในมืออก ชีคหนุ่มยื่นอาวุธในมือคาวัลโลส่งให้กับองค์รักษ์ที่ตามมาด้านหลัง ก่อนจะรุนหลังคนชอบหาเรื่องให้เดินกลับไปขึ้นรถ เพราะกลุ่มที่เข้ามาสนับสนุนสามารถจัดการพวกศัตรูที่ตามมาอย่างรวดเร็วและไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรแล้ว

         รถที่ยังติดเครื่องทิ้งไว้ไม่มีร่องรอยบุบสลายอะไรมากนักเพราะได้รับการคุ้มกันอย่างดี ชีคหนุ่มดันร่างคาวัลโลให้เข้าไปนั่ง ก่อนจะทรุดกายลงตามไปและปิดประตู ขณะที่ฮาซานมายืนระวังภัยอยู่ด้านนอกพร้อมกับองค์รักษ์อีกสองนาย..

          "คุณไม่โกรธผมเหรอ? " คาวัลโลออกปากถาม รู้สึกงวยงงเล็กๆ

          " ทำไม? อยากให้ผมโกรธเหรอ? " ชีคหนุ่มเลิกคิ้ว เอียงคอมองหน้าคนพูดก่อนจะดึงเอาผ้าสะอาดจาดเบาะหลังคนขับมาเช็ดหน้าคนที่มอมเป็นแมวคราว

          " ก็ไม่หรอก...อ่า...แล้วนี่เราจะทำอะไรต่อ " คิดว่าถูกพามาในรถเพราะจะมาเชือดเสียอีก ทว่าอัลชาอ์ก็ทำเพียงนั่งจ้องหน้าเขาเงียบๆพร้อมกับเช็ดหน้าเขาไปพลางๆเท่านั้น เมื่อไม่โกรธคาวัลโลก็ไม่คิดจะรื้อฟื้นอะไร เขากวาดสายตามองเหล่าคนคุ้มกันด้านนอกแล้วเลิกคิ้วงงๆ

           " รอให้คนของผมจัดการพวกที่ตามประกบเราก่อน...ต่อให้เราจะได้เปรียบแต่ข้างนอกมันอันตราย และคนของผมจะไม่สบายใจ ถ้าผมไม่อยู่ในที่ปลอดภัย "คำอธิบายของอัลชาอ์ทำให้คาวัลโลพยักหน้ารับ...ถูกต้องแล้ว เมื่อเกิดอะไรขึ้นมาความปลอดภัยของผู้นำย่อมสำคัญที่สุด การจะเอาตัวเองไปเสียงอันตรายด้วยไม่ใช่เรื่องฉลาด เพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับตัวผู้นำย่อมหมายถึงตัวลูกน้องที่จะขาดผู้นำไปด้วย ...ก็เหมือนหมากรุก ที่ไม่มีใครเอาคิงออกไปรุกไล่ฆ่าหมากตัวนั้นตัวนี้เสียทั่วกระดานนั่นแหละ..         

            ...แต่เอ....ไอ้คนที่ชอบเเล่นไปหาเรื่องชาวบ้าน ไม่สนใจนึกถึงคนอื่นและยังไม่นึกถึงตัวเองนี่มัน..

         คาวัลโลยิ้มเหย สบตาอัลชาอ์ที่กำลังจ้องเขาเงียบๆและเช็ดคราบสกปรกบนหน้าอย่างละอายใจไม่น้อย สีหน้ายิ้มเหยๆอย่างสำนึกผิดของเจ้าแมวแสบที่เริ่มรู้สึกตัวทำให้อัลชาอ์อดจะโคลงศรีษะอย่างระอาใจไม่ได้..

       " ผมรู้...ว่าคุณมีความสามารถพอจะไปอยู่ตรงนั้น แต่อย่างน้อยก็น่าจะเลิกทำอะไรหุนหันสักนิด..โตแล้วไม่ใช่หรือ จะยี่สิบแล้วอย่าใจร้อนเหมือนเด็กสิ  " น้ำเสียงเอ่ยสั่งสอนนั้นทำให้คาวัลโลได้แต่พยักหน้ารับอย่างหงอยๆ ก่อนที่ดวงตาจะวาววับ เมื่อ...สามารถจับได้ถึงความนัยน์บางอย่างได้

        " งั้นคุณไม่โกรธที่ผมไปสู้ใช่ไหม? " คำพูดทำนองนี้มันคือคำถามประเภท ครั้งต่อไปก็จะได้ออกไปทะเลาะกับชาวบ้านใช่รึเปล่า? ชัดๆ อัลชาอ์ถอนหายใจเฮือก กดผ้าเช็ดหน้าในมือลงบนผิวแก้มเจ้าของคำถามแรงๆอย่างนึกหมั่นเขี้ยวก่อนจะละมืออกในที่สุด

         " ไม่โกรธ...แต่ห่วง ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งไม่อยากให้ออกไปไหนแล้วด้วยซ้ำ " ทอดถอนใจระอากับเจ้าตัวแสบที่ทำเอาปวดหัวจี๊ด..ใจความนั้นทำให้คนฟังหน้ามุ่ย ฝ่ามือรีบตะปบลงบนแผ่นอกแกร่งทันควัน

          " อ่า...ไม่เอานะ ไหนคุณบอกแล้วไง " น้ำเสียงงอแงง้องแง้งยิ่งทำให้ปวดหัวไปกันใหญ่ อัลชาอ์ก้มมองเจ้าคนที่โวยวายอยู่กับอกตัวเองแล้วถอนใจเฮือกคำถามซักไซ้ของเจ้าตัวป่วนชัดจะน่ารำคาญหู มือหนาจึงตวัดคว้าท้ายทอยสอดปลายนิ้วไล้เส้นผมสวยอย่างสเน่หา ประกบริมฝีปากกลืนเอาถ้วยคำเอ่ยท้วงนั้นไว้ให้หมด..

          ก๊อกๆ..

      เสียงเคาะกระจกเบาๆทำให้อัลชาอ์จำต้องละจากริมฝีปากบางของคนในอ้อกอด เจ้าแมวน้อยที่เมื่อถูกปราบพยศก็เริ่มจะว่าง่ายอีกครั้งนั่งหน้าแดงอยู่ข้างๆขณะที่ฮาซานขยับมานั่งประจำที่นั่งคนขับ พร้อมกับร่างของเจ้าชายฟาลซาอ์ที่มีรอยเลือดอยู่บนหน้าผากไม่น้อย..

        " บาดเจ็บเหรอ? "อัลชาอ์ออกปากถามเบาๆเป็นภาษาอังกฤษและข้อความนั้นทำให้คาวัลโลนึกสนใจไม่น้อย

         " ...แค่เฉี่ยวนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมากครับ "ฟาลซาอ์ตอบสั้นๆเอื้อมมือรับผ้าขาวสะอาดจากมืออัลชาอ์เพื่อมาเช็ดเลือกและทำความสะอาดใบหน้า...

        " ไปให้หมดดูเสียด้วยล่ะ....งั้นก็รีบไปกันเถอะ  " อัลชาอ์ออกปากสั่งการ คาวัลโลมองไปยังด้านหน้ารถที่พรรคพวกของอัลชาอ์กำลังจัดการกับซากรถของพวกศัตรูและจัดการมัดพวกที่รอดชีวิตไว้อยู่ และบางส่วนเริ่มกระโดดขึ้นรถ เพื่อจะนำทางและคุ้มครองรถของพวกเขาไปนั่งเอง

         " จะไปไหนต่อ? "คาวัลโลออกปากถาม เพิ่งสังเกตเช่นกัน ว่าเสียงปะทะกันของกลุ่มที่อัลชาอ์ล่อลวงมากับพวกขนอาวุธนั้นเงียบหายไปแล้ว เหลือเพียงเสียงปืนดังอยู่เป็นระยะ ทว่าทุกคนที่มาก็ไม่ได้ส่ออาการร้อนรนเสียเท่าไหร่

          " ไปดูพวกที่เราจับได้น่ะ กลุ่มนึงหนีไปแล้ว ส่วนอีกพวกก็กำลังถูกล่าอยุ่ .."อัลชาอ์ตอบสั้นๆ พลางขยับยิ้มอย่างยินดี " ทหารคุ้มกันคราวนี้ได้รับคำเตือนมาแล้วว่าให้ระวังตัว พวกนั้นเลยเตรีมพร้อมกันมาแล้ว พอมาเจอพวกที่รบกันเองไม่รู้ตัว ก็คงไม่ต่างกับเทศกาลล้อมรั้วล่าสิงโตกันเสียเท่าไหร่หรอก "

           คาวัลโลพยักหน้ารับ และยิ่งเห็นความจริงมากขึ้นเมื่อรถเข้าไปใกล้แล้วเเว่วเสียงพูดคุยปนเสียงหัวเราะ ดูท่าพวกนี้จะเริงร่าเอามากมายเสียจริงๆด้วย..

       
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 05-07-2011 22:39:23
   รถจอดลงเมื่อรถคันหน้าหยุดลงพร้อมกับเเสงไฟที่สาดจ้าเข้าหา ฮาซานเปิดกระจกออกรับคำรายงานของลูกน้องที่เดินมาหา คาวัลโลแว่วเสียงพุดคุยเบาๆ เหมือนกำลังเจรจาอะไรกันสักอย่างก่อนที่ฮาซานจะลงจากรถ และตามมาด้วยเจ้าชายฟาลซาอ์พร้อมกันเขาและอัลชาอ์ตามมาติดๆ

           คาวัลโลหรี่ลงเพราะเม็ดทรายที่พัดใส่หน้า เขาจ้องมองสภาพโดยรอบผ่านสายตาที่มัวพร่าของตัวเอง โชคดีที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนด้วยแสงไฟจากรถโฟร์วิลคันใหญ่เบื้องหน้า มาเฟียหนุ่มจ้องมองขบวนขนส่งอาวุธเถื่อนของแกงค์ตนเองที่บรรจุอยู่บนรถแฮมเมอร์คันโตขนาดเท่ารถขนส่งทหาร เห็นเพียงตาข่ายสีเข้มคุลมไว้และผ้าร่มสีดำทับไว้อีกชั้น รถที่จอดทอดยาวเจ็ดแปดคันนั้นบ่งบอกว่าของในล๊อตนี้มีจำนวนไม่น้อย..และ...บ่งบอกถึง"กำลัง"ของกลุ่มแกงค์วาลกัสด้วยเช่นกัน

         มันช่างน่าแปลกใจปนอดสูไม่น้อยเมื่อได้มาจ้องมองความยิ่งใหญ่ของแกงค์ที่เขาเคยจะได้ครอบครองมันอยู่ตรงนี้ ในฐานะของผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องและไม่มีส่วนร่วมใดๆกับมันทั้งสิ้น คาวัลโลกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ เขาเม้มปากคล้ายจะควบคุมอารมณ์ที่เริ่มสะท้านลึก..

          ร่างของผู้เป็นหัวหน้าในการขนถ่ายครั้งนี้เดินตรงเข้ามาหาอัลชาอ์และออกปากทายทักทันควัน คาวัลโลถอยหลังหลบฉากออกมาเล็กน้อยด้วยความระแวงระวังว่าอาจจะเป็นคนรู้จัก แม้ใบหน้านั้นจะไม่เคยคุ้นเลยก็ตาม ...ครู่หนึ่งหัวใจเจ็บปร่า..ไม่ต่างกับการเอาเหล็กแหลมมาแทงลงบนหัวใจอีกครั้ง

          สำนึกบอกให้รู้...ว่านี่คือครั้งสุดท้าย นี่คือสายป่านเดียวที่กำลังจะหลุดลอยไปและจะไม่มีวันได้ชีวิตของคาวัลโล วาลกัสกลับมาอีก..

    มีฐานะเป็น"คนที่ตายแล้ว"และเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเซเนียยาไปตลอด..

     จะไม่ได้พบพ่อแม่ พี่น้องและคนในครอบครัวอีกแล้ว...ชั่วชีวิต..

      ทางเลือกนี้มันจะดีไหมเขาไม่รู้ รู้เพียงความโศกเศร้า ความโล่งใจและความอึดอัดตีกันกับความสิ้นหวังเสียจนสติเบลอพร่า..แทบไม่รับรู้สิ่งใด

กระทั่ง..


 ฟึ่บ!!


        "  คาวัลโล ! " 

    ร่างทั้งร่างกระแทกลงบนผืนทราย ผิวแก้มแนบลงบนเม็ดทรายที่ทิ้งรอยอุ่นจนชาวาบ หัวใจเต้นระส่ำ รู้สึกได้ถึงอ้อมกอดที่เคยคุ้นกอดประคองไว้แนบแน่นและเสียงลมหายใจแรงด้วยความหวั่นระทึกของอัลชาอ์ คาวัลโลกระกริบตาช้าๆ เขาถูกดึงขึ้นมาโอบกอดไว้ พร้อมกับน้ำเสียงกระชากดังลั่นของอัลชาอ์..

         " ฝีมือใคร!!! "

               คาวัลโลจ้องมองร่างที่เดินแหวกฝูงชนมาอย่างสบายๆ เขาจ้องกระบอกปืนที่ปลิวหวือในมือของชายคนหนึ่งเบื้องหน้าด้วยดวงตาที่พร่าเลือนหากเบิกกว้าง...สติเตือนให้รู้ว่าเมื่อครู่กำลังถูกด้านปืนในมือฝ่ายนั้นกระแทกเข้าหาหมายปองร้ายเอาชีวิต..แต่ทว่าไม่รุ้เพราะแสงจ้าของรถหรือเปล่านัยน์ตาถึงได้เลือนพร่า..และแสบร้อนนัก...

          " ...ให้ตายสิ พลาดจนได้  " เสียงจิ๊จ๊ะในลำคอไร้ร่อยรอยสำนึกผิดหรือกระทั่งร่องรอยของความหวาดหวั่น เรียกเสียงคำรามในลำคออย่างไม่พอใจของชีคหนุ่มทันควันขณะที่ค่อยประคองให้คาวัลโลลุกขึ้นจากพื้นกวาดสายตามองชายผู้นั้นอย่างเคืองแค้น..

           " มันจะไปถูกได้ยังไงครับ แล้วนั่นมันเป็นมารยาทจากไหนที่ทักทายกันแบบนั้น " น้ำเสียงเรียบๆของชายอีกคนหนึ่งดังแทรกพร้อมกับเสียงถอนหายใจแผ่วเบา  ทำให้ดวงตาของคาวัลโลยิ่งเบิกกว้าง..ฝ่ามือที่กำเสื้อคลุมของชีคหนุ่ม ขยับเข้าหากันแน่นขึ้นอย่างลืมตัว..

          " อะไร ฉันทักทายเจ้าตัวเล็กของฉัน แกอย่ามายุ่ง " เจ้าของสุ้มเสียงกวนประสาทปรากฏตัวให้เห็นผ่านแสงจ้าของรถและทรายเม็ดเล็กที่โชยพัดตามแรงลม...หากความคุ้น...คุ้นแสนคุ้นนั้นทำให้ฝ่ามือของคาวัลโลสั่นระริก...

     นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้าง ยามมองเห็นใบหน้าของชายผู้นั้นชัดเจนอยู่ตรงหน้า ร่างสูงเพรียวในชุดทหารรับจ้างลายพรางสีเทา ใบหน้าที่ประพิมประพายคล้ายเหมือนมารดาเขานักชวนให้นึกถึง ทั้งเส้นผมสีทองอร่ามอันบ่งบอกสายเลือดอารยันเต็มตัวของชายตรงหน้า รอยยิ้มแสนจะมั่นอกมั่นใจและดวงตาสีบรูเน็ตที่วาววับ..ราวกับชอบใจ พร้อมกับพาดปืนไรเฟิลในมือลงบนไหล่ กระตุกยิ้มมุมปาก ยามได้ยินเสียงเอ่ยทัก..


                 "คุณอา...." 


  ริมฝีปากของคาวัลโลขยับไหว ฝ่ามือที่กำเสื้อคลุมของชีคหนุ่มแน่นตกลงข้างตัวอย่างรวดเร็ว ราวกับไร้เรี่ยวแรง..


................


       รถยนต์คันใหญ่สิบกว่าคันที่จอดเรียงกันอย่างเรียบร้อยเป็นระเบียบใกล้กับโอเอซิสเพื่อพักผ่อน ส่วนหนึ่งล่วงหน้าไปก่อนแล้วเพื่อจัดการเรื่องการขนย้ายอาวุธและพวกก่อความวุ่นวายที่จับได้  กระโจมหนังสัตว์เจ็ดแปดหลังตั้งกระจายตัวกันทั่วบริเวณบ่งบอกจำนวนคนที่มากพอสมควร ขณะที่ดวงจันทร์เสี้ยวท่องไปครึ่งฟ้า สายลมเย็นความหนาวเหน็บปกคุลมไปทั่วบริเวณผืนทรายกว้าง..

        แหล่งน้ำสะอาดในโอเอซิสเป็นตาน้ำเล็กๆที่ผุดออกมาจากดิน มีค่าและเป็นดั่งอัญมณีกลางผืนทรายเช่นเดียวกับชื่อเรียกขาน คาวัลโล วาลกัสก้มมองเงาตนสะท้อนในน้ำที่ไหวระริก ดวงตาสีน้ำทะเลกวาดมองบริเวณโดยรอบซึ่งไม่ปรากฏต้นวัชพืชเล็กๆอีกแล้วรวมทั้งสีสันของต้นอินทผาลัมก็เปลี่ยนมาเป็นใบสีหม่นเช่นเดิมราวกับจะบ่งบอกถึงความฝันอันผ่านพ้น..

          ก้าวเท้าเข้าไปในกระโจม ไม่ใช่กระโจมใหญ่สุดสำหรับพักผ่อนของชีคแห่งเซเนียยา แต่ทว่าเป็นกระโจมพักของ"แขก"ผู้มาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัวทั้งสองคนต่างหาก

           จ้องมองผู้เป็นอาที่กำลังทำการพิสูจน์ศพเจ้าตะเกียงแบบโบราณที่ตั้งไว้ในห้องอย่างขันเเข็งแล้วอดจะสงสารมันไม่ได้ คาวัลโลก้มลงหยิบน๊อตตัวนึงที่หล่นลงมาบนพรมแล้ววางลงบนโต๊ะ เขาตวัดสายตามองชายอีกคนที่นั่งสำรวจสัมภาระตลอดจนก้มๆเงยๆมองอุปกรณ์ผ้าห่มผ้าคลุมในมืออย่างครุ่นคิดว่าควรทำสิ่งใดก่อนกันพลันก็ถอนหายใจยาว..

        " เอาพรมนี่ลงก่อน " ออกปากปากพลางดึงพรมสีเข้มเนื้อหยาบหนาลงบนพื้น ผู้ฟังพยักหน้า หากแต่ก็ดึงพรมนั้นขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มปูมันใหม่ให้เรียบร้อย...ในแบบฉบับของตัวเอง..

   จ้องมองชายสองคนในห้องนี้ด้วยหัวใจที่เริ่มจะหนักอึ้ง...หนึ่งบุรุษผมสีทอง นัยน์ตาสีบรูเน็ตและใบหน้าท่าทางที่เคยคุ้น คลาร์ก โรเซนเบิร์ก คือหนุ่มเชื่อสายเยอรมันคือผู้เป็นอาที่ชึ่งคุ้นเคยกันดี อีกทั้งยังเป็นผู้คอยสั่งสอนสรรพวิชาป้องกันตัวกับเขา และอีกหนึ่ง ชายหนุ่มผมแดง นัยน์ตาสีทองสุกปลั่งและสวมเเว่นสายตากรอบดำ ใบหน้าคมเข้มเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์คือหนึ่งเพื่อนสนิทที่เคยคุ้น...แกเร็ต เคย์

     ความสงสัยและความอัดอั้นตันใจมีมากจนทนไม่ไหว ยิ่งเมื่อมองเห็นท่าทีเรียบเรื่อยไม่หยี่ระของคนทั้งคู่แล้วยิ่งปวดหัวจี๊ด..

        "...มาถึงนี่กันได้ยังไง? " ที่สุดคาวัลโลจึงเอ่ยถามเสียงเรียบ พลางทอดถอนใจ

         " มากับขบวนขนอาวุธ แกนี่ก็ถามอะไรโง่ๆ " ผู้เป็นอาตอบแล้วส่งเสียงเฮอะออกมาเบาๆหลังจากแงะชิ้นส่วนตะเกียงออกมาแล้วสามารถประกบกลับไปได้เช่นเดิม..จะขาดอยู่อย่างเดียว คือมันไม่สามารถต่อไฟได้แล้วก็เท่านั้น..

        "...แล้วมาทำไม " คาวัลโลเม้มปากแน่น...

        ".....นี่ยังจะถามอีกงั้นเหรอ? " คลาร์กหัวเราะหึ จ้องมองหลานชายที่วันนี้นึกออกปากถามอะไรโง่ๆออกมาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ..และยิ่งเมื่อนัยน์ตาคู่นั้นไม่ยอมสบ ...รอยหม่นที่ปรากฏทำให้ต้องหรี่ตา...เพิ่งพินิจ..

         "..คุณอเล็กซิสบอกให้พวกเรามาพาแกกลับไป คาวัลโล " แกเร็ตเอ่ยตอบแทนสีหน้าเยาะหยันของคลาร์กที่กระแทกเข้าตาคาวัลโลจนคาดว่ามันอาจจะสติแตก ทว่าผลที่ได้รับคือดวงตาสีน้ำตาลอมแดงคู่นั้นตวัดมาหากอย่างเคืองๆ

         " ให้ใช้ให้แกยุ่ง! " พร้อมกับประโยคหาเรื่องที่แสนจะคุ้น ซึ่งได้ยินอีกครั้ง..และอีกครั้ง...

         " ประโยคไม่ได้บอกชื่อ ไม่ได้เจาะจงถามใคร ฉะนั้นจึงมีสิทธิ์ตอบ "คาวัลโลกลอกตามองคู่หูศิษย์อาจารย์เบื้องหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายหัวใจ เขายกมือขึ้นก่อนที่ผุ้เป็นอาจะเข้าไปวางมวยหาเรื่องต่อยตีกับคู่หูตัวเองอย่างไม่ควรทำและมีผลให้ทราบเรื่องต่างๆได้ช้าขึ้นอีกอักโข..

          "  ครั้งสุดท้ายที่พี่อเล็กซิสคุยกับผม ...พี่บอกว่าคุณลุงไม่ต้องการผมแล้ว " คาวัลโลจ้องหน้าคลาร์ก ริมฝีปากของเขาเหยียดยิ้มหยัน "แล้วนี่....จะว่ายังไงดีล่ะครับ "

         "ครั้งสุดท้ายน่ะมันตอนไหน " คลาร์กเลิกคิ้ว ออกปากถาม

         " สามสัปดาห์ก่อน " คาวัลโลเม้มปากแน่น...

         "...หึ....นั่นสินะ " คลาร์กหรี่ตาลงช้าๆ ชายหนุ่มกวาดตามองร่างของชายหนุ่มผู้เป็นหลายชายเบื้องหน้า เม้มปากแน่นด้วยความขุ่นเคืองใจนับแต่ชุดที่เจ้าตัวสวมใส่ นับแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นมันยืนนิ่ง เหม่อลอยมองซากของความฝังตัวเองเหมือคนแพ้ที่น่าสมเพช...กระทั่งมีผู้อื่นมาปกป้อง...และตอนนี้ ....แววตาของขี้แพ้ที่น่ารังเกียจก็ยังปรากฏชัดบนใบหน้า...

... นี่มันไม่ใช่ มันเปลี่ยนไป ไม่ใช่คาวัลโลคนเดิม ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่เขาภาคภูมิใจจนตกลงยอมรับใช้ ไม่ใช่คนๆนั้น...ไม่เลย..

          " เป็นฉัน..ฉันก็คงไม่คิดจะเอาไว้ กับคนที่อุตริวางแผนโง่ๆ เพื่อฆ่าตัวตาย "  ริมฝีปากเหยียดยิ้ม เอ่ยถ้อยคำที่ทำให้คาวัลโลหรุบตาลงด้วยความละอายใจวูบ

          " ผมว่า....."

          " นี่เป็นเรื่องในครอบครัว คนนอกอย่ายุ่ง " น้ำเสียงเฉียบขาด ไร้ร่องรอยของความขัดเคืองใจดังเช่นที่ผ่านมา แต่ใจความยังคงไม่น่าฟังเช่นเดิม ทำให้แกเร็ตหน้านิ่ว..หรือาจจะนิ่วมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ..

          " คนที่พ่ายแพ้ ต่อให้แพ้ก็จงแพ้อย่างมีศักดิ์ศรี แต่นี่กลับเป็นการพ่ายแพ้ที่น่าอดสูที่สุด " นัยน์ตาสีบรูเน็ตจ้องมองร่างของหลานชายเบ้องหน้าแล้วเม้มปากแน่น "ฉันเคยสอนให้แกทำแบบนี้เหรอ คาวัลโล? พ่ายแพ้และตกเป็นทาส ยังไม่น่าสมเพชเท่าการพ่ายแพ้แล้วตกเป็นของๆศัตรู "

          " เขาไม่ใช่ศัตรูของเรา !!  " มาเฟียหนุ่มส่ายหน้าร้องสวนขึ้นมาทันควันเสียจนผู้เป็นอาหน้านิ่ว..

          " นั่นไม่ยิ่งน่าสมเพชกว่าเหรอ? ไม่ใช่ศัตรู ซ้ำยังเป็นพันธมิตรของวาลกัส ! "  คลาร์กกระชากเสียงห้วน จ้องหน้าคาวัลโลเขม็ง " แกมันโง่เง่ากระทั่งไม่ยอมใช้ให้วาลกัสเข้าช่วย เอาแต่คิดว่าการพลาดพลั้งแล้วต้องรอความช่วยเหลือมันน่าหัวร่อ แต่นี่การกระทำของแกมันน่าหัวเราะกว่าเป็นไหนๆ  แกกลายเป็น....กลายเป็นพวกนางบำเรออยุ่บนเตียง ซ้ำยังเป็นผุ้ชาย กลายเป็ยนพวกวิปริตและน่าสมเพช คิดว่าใครเขาอยากจะได้แกกลับไปเป็นบอสให้วาลกัสเสื่อมเสียอยุ่อีก!"

           " ที่มานี่เพื่อจะมานั่งเทศน์ให้ผมฟังเหรอ? หรือว่ามานั่งสาธยายความเสียหาย? ไม่ต้องการก็คือไม่ต้องการ ผมรู้แล้วและไม่คิดจะ....." คาวัลโลตลาดสั่น เขาเม้มปากแน่น สีหน้าแค้นเคืองปนเจ็บราว ฝ่ามือทั้งสองกำแน่น.. " ไม่คิดจะหลับไปที่นั่นอีกแล้ว!!! "


              ผลั่วะ!


        หลังมือของผุ้เป็นอาฟาดเข้าที่ผิวแก้มอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน คาวัลโลหน้าหันความเจ็บร้าวชาชินบนผิวหน้าไม่ต่างจากศักดิ์ศรีที่พังทลายและความเจ็บปวดในวันนั้น ใครอยากจะมาฟังคำตอกย้ำหรือกล่าวโทษอีกให้เจ็บใจให้เสียน้ำตา ไม่รู้ว่าคลาร์กจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ในเมื่อมันไม่มีประโยชน์อยุ่แล้ว เมื่อตัดสินแล้วทุกอย่างก็คือจบสิ้น ไม่มีประโยชน์จะดิ้นรนทุกอย่าง!

          " ถ้าแกกล้าพูดแบบนั้นอีกคำเดียว ฉันจะฆ่าแกซะ จำเอาไว้!! " เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและแววตาวาววับอย่างน่ากลัวของผู้เป็นอาชัดเจนในดวงตาที่พร่ามัวด้วยความรวดร้าว คาวัลโลจ้องมองร่างของคลาร์ก โรเซนต์เบิร์ก ที่ถูกแกเร็ตรั้งตัวเองไว้สุดแรงด้วยแววตาวาววับ เขาแสยะยิ้มท้าทาย ลุกพรวดออกจากโต๊ะด้วยหัวใจร้าวไหว

            "...ทำไม..หรือเพราะว่าคุณมันไม่มีที่ไปอีกแล้วถึงต้องมาพึ่งผม...ถึงทนฟังไม่ได้ว่าผมจะไม่กลับไปที่นั่งอีกแล้วน่ะ " ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม สบมองไฟโทสะในแววตาของผุ้เป็นอาด้วยสีหน้าหยามหยัน " ผมจะพูดอีก..และคุณไม่มีสิทธิ์จะมาห้าม เพราะนี่คือความจริง ผมไม่มีวันกลับไป ในเมื่อวาลกัสไม่ต้องการคาวัลโลคนนี้...ทำไมผมจะต้องกลับไป ทำไมจะต้องเสียศักดิ์ศรีกลับไปเหยียบอีก ในเมื่อยู่ที่นั่นหรือที่นี่ ก็ยังถูกมองว่าเป็นอีตัวไม่ต่างกันอยู่ดี !! "

           ผลั่วะ!

            " แก......" คาวัลโลยกมือกั้นหมัดของคลาร์กอย่างทันท่วงที เขาแสยะยิ้ม จ้องมองสีหน้าเคืองโกรธของชายตรงหน้าเขม็ง

           "แลกกันคนละหมัดนะ คุณอา " สิ้นเสียงกระซิบ คาวัลโลก็สะบัดมืออก ปล่อยให้หมัดของคลาร์กลอยหวือผ่านใบหน้าไป  ชายหนุ่มโยกตัวหลบกำหมัดแน่น ซัดมันลงบนแก้มซ้ายของผู้เป็นอาเต็มแรง


         ผลั่วะ!

            " พอได้หรือยัง? " เสียงถามห้วนสนิทจากแกเร็ตจ เคย์ บ่งบอกว่าเจ้าตัวจะหมดความอดทนเต็มทีแล้ว คาวัลโลจ้องมองใบหน้าที่เข้ามารับหมัดของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัวแล้วถอนหายใจเฮือก

            " ใครใช้ให้แกโง่มารับเอง " มาเฟียหนุ่มสถบเสียงห้วน ส่งสายตารู้ทันไปทางเพื่อนสนิท "ยังไงก็แตะไม่ได้เลยสินะ..เจ้าโง่ "

            " หลีกไป !" แกเร็ตส่งเสียงคำรามออกมาอย่างหงุดหงิด ซ้ำยังไม่มีท่าทีจะเข้าใจบทสนทนาของสองเพื่อนสนิทสักนิด..

             " คุณคิดว่าตัวเองอายุแค่ไหนแล้วถึงมาต่อยกับหลานชายตัวเอง ทำอะไรให้มันสร้างสรรค์หน่อยได้ไหมครับ อย่าให้ผมนึกรำคาญไปมากกว่านี้เลย "น้ำเสียงบริภาษห้วนๆของแกเร็ตยิ่งทำให้ผู้ฟังหน้าบูดขึ้นเป็นเท่าตัว คลาร์ก พ่นลมหายใจลงช้าๆ จ้องมองใบหน้าของหลานชายที่อีกฝ่ายก็เริ่มจะอารมณ์เย็นลงแล้วเช่นกันอย่างหัวเสีย..

            " ฉันไม่ขอให้แกกลับไปรับตำแหน่งหรอก อยากจะดักดานอยู่ที่นี่จนตายฉันก็ไม่ว่า ไอ้การเล่นเป็นมาเฟียไร้สาระของพวกแก มันน่าสนใจแค่ไหนกัน " คลาร์กสถบเบาๆในลำคอ จ้องมองใบหน้าของหลานชายที่เขารักมันมาที่สุด...แต่ขณะเดียวกันก็หมั่นไส้มันมากที่สุดเขม็ง...

             " แต่ก่อนหน้านั้น ก่อนที่พ่อแม่แกจะตรอมใจตายและครอบครัวแกจะย่อยยับมากกว่านี้...ก็ฟังฉันเล่าด้วยล่ะ ว่าคุณลุงที่รักของแกทำอะไรบ้าง..."

                     วาจานั้นทำให้คาวัลโลชะงัก ขมวดคิ้วอย่างงวยงงไม่น้อย...มาเฟียหนุ่มจ้องมองอาของตนที่ถอนหายใจแรงแล้วค่อยนั่งลงบนโต๊ะอีกครั้ง เขาเหลือบมองแกเร็ตที่ส่ายหน้าแล้วก้มลงปูที่นอนอีกคราวแล้วยิ่งนึกงวยงง...เฟรเดริโก้ วาลกัส ผู้เป็นลุงของเขาคิดจะทำอะไรนอกจากยกเลิกการเป็นบอสของคาวัลโลคนนี้หรือ สีหน้าและแววตาของคนพูดถึงได้เครียดขึ้งปานนั้น...


............


      สายลมเย็นโชยพริ้มให้เสื้อคลุมที่ใส่อยู่สะบัดไหว อัลชาอ์จ้องมองพระจันทร์ที่เดินทางอยู่บนท้องฟ้าด้วยสีหน้าครุ่นคิดหนัก ร่างสูงยืนอยู่หน้ากระโจมที่พักของตนเอง หากนัยน์ตาสีเข้มจ้องมองไปยังกระโจมหี่ถัดไปอีกสองหลัง อันเป็นที่อยู่ของผู้มาเยือนคนใหม่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด...

         ....อา....กับเพื่อนสนิท?

    คำอธิบายถึงความสัมพันธ์ของคนสองคนที่พบเจอสั้นๆ หากสีหน้าและแววตาเคร่งเครียดทำให้ความกังวลแล่นวาบขึ้นมาอีกครั้ง ชีคหนุ่มถอนหาใจหนัก ด้วยรู้ดี ว่าเมื่อคนในครอบครัวและอีกหนึ่งเศษเสี้ยวของ"วาลกัส"เข้ามาตามหาเจ้าตัวด้วยตัวเอง คนพวกนั้นต้องการอะไร... ทว่าสิ่งที่อัลชาอ์ยังลังเล คือคาวัลโล ต้องการจะทำเช่นไร?

       ชีคหนุ่มมองต้นหญ้าเหี่ยวแห้งใกล้ปลายเท้าอย่างครุ่นคิด...ยามนี้ทะเลทรายกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ได้สดชื่นสดใสด้วยสายฝนอีกแล้ว...พืชพรรณแห้งเหี่ยว สีเขียวเริ่มจางหายไปมีเพียงความแห้งแล้งที่ปกคุลมผืนดินแห่งนี้อีกครา..

       ไม่ต่างกับหัวใจ ที่สดใสเพียงชั่วครู่ก่อนจะกลับมาครึ้มหม่นอีกครั้ง..

    หรือที่ผ่านมา...จะเป็นเพียงฝันหนึ่งตื่นเท่านั้น?

          เมื่อมีคนเดินเข้ามา เมื่อความจริงเดินเข้าหาอีกครั้ง ที่สุดเจ้าตัวก็ลืมตาตื่น ต่อให้ไม่อยากลืมตา ฝันนี้ก็จะจางหายไป ใช่หรือเปล่า?

     การวางเดิมพันครั้งสุดท้าย....จะไม่เป็นผลจริงๆหรือ...

   คำสัญญาของคาวัลโล คำพุดที่ว่าจะไม่จากไป อัลชาอ์เชื่อ...และยังเชื่อมาจนบัดนี้ แต่รอยหวั่นไหวและรอยหม่นในแววตาอีกฝ่ายกลับทำให้ความเชื่อมั่นนั้นสั่นคลอนลงช้าๆ..

    ......ขออย่าให้เราต้องเสียใจภายหลัง..

    คำๆนี้เป็นสิ่งเดียวที่อัลชาอ์อยากให้คาวัลโลทำตามที่พูด จะอย่างไรชีวิตของใครก็เป็นของคนนั้น ไม่มีสิทธิไปกำหนดกะเกณฑ์... คำว่ารักไม่ได้หมายถึงความรับผิดชอบหรือการตระหนักในสิ่งใด คำว่าคนรักไม่ได้หมายถึงการผูกพันธ์กันนิรันดร์ และอ้อมกอดไม่ได้หมายถึงพันธะผูกพันธ์ หรือคำมั่นสัญญา..

     ...เพราะพรุ่งนี้มันเลื่อนลอยเกินไปที่จะตั้งความหวัง..

        เสียงฝีเท้าที่ใกล้หูทำให้ชีคหนุ่มชะงัก ร่างสูงใหญ่ละจากภวังค์พลางขมวดคิ้วตั้งท่าจะหมุนตัวกลับไปเผื่อจะเป็นคนของตนที่มีอะไรจะสอบถาม ทว่า รอยกอดที่เคยคุ้นบนแผ่นหลัง ทำให้ร่างทั้งร่างนิ่งงัน...

           " คาวัลโล? " ชีคหนุ่มเอ่ยปากถามแผ่วเบา...ใบหน้าขมวดเข้าหากันช้าๆ

ฝ่ามือหนาลูบท่อนแขนบางที่มีกอดรัดบั้นเอวตนไว้อย่างอาดูร  ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย มีเพียงร่างเพรียวที่สั่นไหว และเสียงสะอื้นที่ถูกเก็บไว้ในลำคอ กับน้ำตาที่ค่อยซึมมายังเสื้อผ้าและผ่านที่หัวใจของตนอย่างเชื่องช้า...


   .....มันเกิดอะไรขึ้น !?

...........................

       คุณอามาแล้ว อิอิ > <  แต่มารอบนี้อาจจะทำให้หลายคนเคือง แล้วตะโกนว่า มาทำม้ายยยยย เหอๆ :z3:

ตอนนี้เขียนฉากบู้มันส์มาก อ่า...ชอบพัฒนาการของชีคกับคาวี่นะ :impress2: มันพัฒนาไปมากจริงๆเมื่อเทียบกับที่เคยทะเลาะกันเพราะเรื่องทำนองนี้ตอนครั้งก่อน ถึงคาวี่จะดื้อเหมือนเดิมก็เถอะ แต่คราวนี้อัลชาอ์ก็รับรู้และเข้าใจสุดที่รักอย่างเต็มที่ล่ะ น่าปลื้มจริงๆ ส่วนคาวี่ก็รู้ตัวว่าอะไรผิดถูควรไม่ควรแล้วถึงจะยืนยันว่าจะขอเป็นแนวหน้าก็เถอะ  เอาน่า ขาลุยๆ
       อ้อ อาจจะมีคนงงกับการเดินทางของอัลชาอ์ว่าไงมาไงกันแน่ ทำแผนที่ไว้แล้วค่ะ  :laugh: มีบอกตำแหน่งไว้แล้วด้วย หวังว่าคงไม่งงกันเนาะ

ปล. แบดกายพรุ่งนี้จ้า  > <


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 35 ความเหมาะสม 27/6/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 05-07-2011 22:42:37
เพิ่มเติม รุปแผนที่ค่ะ

(http://image.ohozaa.com/i/a1a/gc09q.jpg)

แล้วก็คุณอา เห็นแบบนี้สามสิบกว่านะ รุปนี้พยายามให้หัวล้าน แต่ก็นะ..ได้แค่ี้แหละ

(http://image.ohozaa.com/t/46c/clarkric.jpg)

วาดแกเร็ตแล้ว แต่ไม่หล่อเลยไม่แปะ (555) ขอเวลาเหลาคางพี่แกอีกสักพัก อิอิ

ไปล่ะค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 05-07-2011 22:57:18
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 05-07-2011 23:32:22
คาวี่ร้องไห้ทำไมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 05-07-2011 23:41:19
ตามไปด้วยเลย หลานเขย :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 05-07-2011 23:56:26
เออ อิคุณอา มาทำมายยยยยยยยยยยยยยยยยย
เข้าใจนะว่าพวกเค้าจะรับไม่ได้ที่คาวี่จะเป็นแบบนี้
แต่ไงล่ะ ใครเค้าอยากจะเป็น แต่เพราะชีคไม่ใช่เหรอ ที่ทำให้คาวี่ดีขึ้น
เกลียดพวกที่ชอบตัดสินอะไรไปก่อน ปากหมา พูดส่งๆโดยไม่คิดถึงจิตใจคนอื่น โดยที่ตัวเองยังไม่รู้อ่ะไร
รึไม่ก็ทำเหมือนรู้ดีไปซะทุกอย่าง เฮ้ออออออออ ขอให้คาวี่รักษาทั้งความรักแล้วก็สถานภาพของตัวเองไว้ได้ด้วยเถอะนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 06-07-2011 00:16:20
+1 ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: KaZuKi ที่ 06-07-2011 00:46:23
หลงรักท่านชีค อ๊ากกกก  :-[คาวี่ร้องไห้ โฮ เรื่องอเล๊กเซย์แน่ๆเลยอ่ะ อั้ยยะ   :serius2:
แต่ตอนสู้กันมันส์มากกกก ไม่ไหวแล้วววว รอตอนต่อไปค่ะ สนุกมากๆเลยอ่ะ o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: ammer ที่ 06-07-2011 01:06:40
เอาละสิ คาวัลโลรู้เรื่องแล้วใช่มั้ย? แล้วจะทำยังไงต่อไปละทีนี้?? :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: crosa ที่ 06-07-2011 01:13:51
จะเกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย
ตอนแรกออกแนวหวานๆแม้จะอยุ่ในสนามรบก็เหอะ
แต่ตอนหลังไหงกลายเป็นว่าเศร้าไปได้ไง
คาวี่เป็นจะกลับไปไหมอะ
สงสารท่านชีคสุดๆ
หวังว่าคาวี่จะไม่ทิ้งท่านชีคไปนะTOT
อุตส่าทุ่มเทมาจนถึงขนาดนี้แล้วแท้ๆ
ปล.ไม่ว่าจะตอนไหนๆท่านชีคก็ยังน่ารักเหมือนเดิม เป็นคนที่มั่นคงจริงๆ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 06-07-2011 01:53:03
หวานกันไม่เท่าไหร่ก็ส่งคนมาขัดจังหวะอีกแล้ว
ส่งคุณเพื่อนกับคุณอากลับไปก่อนได้ม๊ายยยยย
เอามาทำม้ายยยยย :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 06-07-2011 04:25:13
 คุณอามาแล้ว อิอิ > <  แต่มารอบนี้อาจจะทำให้หลายคนเคือง แล้วตะโกนว่า มาทำม้ายยยยย เหอๆ
+++++++++++++++++++
อยากจะบอกแบบนี้อยู่เหมือนกันค่ะ

เขากำลังหวานระหว่างรบกันอยู่ดีๆ อามาทีบรรยากาศมาคุลอยมาเลยทีเดียวววววววว :m31: :m31: :m31:

สงสารอัลซาร์อะ สุขได้แป๊ปเดียวจริงๆ :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 06-07-2011 04:54:12
ว้ายยยย
จะมาพาคาวัลโลกลับเหรอ
แล้วท่านชีคเค้าหล่ะจะทำไง

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 06-07-2011 07:05:56
บทพิสูจน์ความรักของคาวี่กับอัลอันใหม่ใช่ไหม ถ้าคาวี่ต้องกลับไปช่วยทางบ้าน อัลจะว่าไงบ้างอ่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-07-2011 11:40:36
คาวี่จะต้องกลับไปช่วยพี่ ๆ หรือเปล่า  คงต้องไปแล้วชีคล่ะ 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 06-07-2011 12:43:33
รู้สึกถูกชะตากับคุณอาแฮะ

อารมณ์เหมือนเป็นเพื่อนเล่นมากกว่าอา 5555+

 เท่ไม่หยอกเลย

ปล. แมวน้อยจะเลือกอะไรระหว่าง หัวใจ ความรัก ศักดิ์ศรี ครอบครัว T T

ปล2. ประโยค'อีตัว'แรงมาก อ่านแล้วอินจัด ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเลย แมวหนอแมว 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 06-07-2011 12:47:10
คาวัลโล  กลับไปช่วยที่บ้านกอบกู้เอกราชอธิปไตรก่อนก็ได้นะ
แต่ว่าหลังจากนั้นแล้ว  ต้องกลับมาหาท่านชัคอัลชาย์นะ นะ นะ
ยังไงครอบครัวก็สำคัญอัลชาย์เข้าใจหน่อยนะ  รอนิดนึง รอนิดนึงนะ

คาดว่าตอนหน้าคงได้ซดมาม่าแกหิวกันสักชามหละมั้ง เหอๆ
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 06-07-2011 13:14:56
ม่าย :z3: มันค้างอ่ะ
อ่านตอนนี้แล้วเริ่มปวดตับขึ้นมาเล็กๆ คุณปุ้ยค่าอย่าพรากคาวี่ไปจากอกอัลชาเลยนะ
เค้าอ่านพี่โตกะน้องเนมก็ปวดตับพอแล้ว เรื่องนี้ได้โปรดเถอะอย่าให้ปวดมากกว่านี้เลยคนอ่านขอร้อง  :monkeysad:
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ รักอัลกะหนูคาวี่มาก
รักคนเขียนด้วยค่า :กอด1:
(ปล.อยากให้ถึงพุธหน้าเร็วๆจะได้อ่านตอนต่อไป สาธุ :call: )
 

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 06-07-2011 13:56:07
หวั่นใจแทนอัลชาร์เหมือนกัน
แม้จะเข้าใจคาวี่ก็เถอะ  เฮ้อ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: นนพี ที่ 06-07-2011 13:59:42
ง่าาา จะมาพาคาวี่กลับหรอ แล้วท่านชีคละ :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 06-07-2011 14:05:42
ต้องห่างกันอีกแล้วหรอ?
 :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 06-07-2011 14:59:29
ถ้าคาวัลโลกลับไป  อัลชาจะคิดมากอีกใช่มั้ยเนี่ย

เรื่องชักจะไปใหญ่อีกแล้ว :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 06-07-2011 15:10:10
หวังว่าคุณอาคงไม่พรากคาวี่ไปจากชีคนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 06-07-2011 15:56:20
บู๊ล้างผลาญมากเลยตอนนี้

ไม่อยากเจออาเลยคนเค้ากำลังหวานดีๆ

 :really2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: bleach_pa ที่ 06-07-2011 17:33:49
ถ้าฟังแล้วคาวัลโลต้องกลับไปแน่ๆ T^T
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: l2ockyou_l3ody! ที่ 06-07-2011 20:08:33
โอ้ย, เหม็นมาม่า  :z3: :z3: :z3: :z3:


ทำเอาจะร้องกับคำเสียดแทง ของคุณอา  :sad4:



 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 06-07-2011 20:27:05
อ๊ากกกก  คุณอา
ในที่สุดคุณอาก็มา  หลังจากรอคอยมานานแสนนาน
คุณอามาแบบนี้คาวี่ต้องกลับไปแน่เลย กลับไปแต่ก็กลับมาใหม่ได้นิเนาะ
กลับไปได้แต่ห้ามเศร้านะ  ไม่เอาดร่าม่าเด็ดขาดเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 06-07-2011 20:30:37
โอ๊ย กลุ้ม! ... จะสวีทกันซักหน่อยก็ดันมีมาร (ระัดับบอส) มาผจญอีกแล้ว
มันอะไรกันนักหนา วุ่นวายอิรุงตุงนัง สงสารทั้งอัลชาอ์ทั้งคาวี่ ไม่น่าเกิดมาเป็นชีคเป็นหัวหน้าแก็งค์มาเฟียกันเลย

อยากรู้ว่าอเล็กซ์ทั้งสองเป็นยังไงกันบ้างตอนนี้

ขอให้ผ่านอุปสรรคไปได้อย่างราบรื่นด้วยเถอะนะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 06-07-2011 21:53:00
คุณพี่ชายตายแล้วสินะ คุณอาเลยมาแจ้งข่าวและเตรียมแก้แค้นT^T

คาวัลโล แก้ปัญหาให้ได้นะลูก อย่าปล่อยให้เอล็กเซย์เจ็บนะ

ปล.นานๆทีจะเห็นนิยายที่พระเอกถูกกระทำ555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: BlueFaith ที่ 06-07-2011 22:17:53
กลับมาเป็นคาวี่คนเดิมเหอะนะ พลีสสสส

กลับไปถล่มคุณลุงโคตรชั่วให้ชอบหายไปเลย ขอร้องนะ... คาวี่    :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 06-07-2011 22:20:46
คุณอา กับคุณเพื่อนสนิทของคาวี่ มีซัมธิงกันแหงๆ
ว่าแต่ จะอีกสักสองสามตอนก็ไม่ได้ รีบมาจังวุ้ย  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ท่านอัลช่าห์ใจเย็น คาวี่ไม่ไปไหนได้นานหรอก เหมียวต้องกลับมาตายรังท่านแน่ ใจเย็นๆๆๆๆเน้อ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: pigrabbit ที่ 06-07-2011 22:23:17
 คุณอากับคุณเพื่อนพูดอะไรให้คาวี่เจ็บช้ำน่ะ  :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: tengu3 ที่ 06-07-2011 22:29:33
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

อิคุณอา มาทำไมค้าๆๆๆๆ

แล้วชีคของหนูจะเป็นไง แง้ๆๆๆ :sad4:

ไม่เอาน้าๆๆๆๆ แล้วคาวีร้องไห้ทำไมอ่ะ :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: ease supsnerv ที่ 07-07-2011 01:12:38
คุณอาเท่ห์จริงๆ

ตอนหน้าจะมาม่ามั๊ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaEwA ที่ 07-07-2011 01:16:32
  :impress2: ชอบบบบบบบ ยิ่งบู๋ ยิ่งชอบ อ่า รูสึกมายั่วให้อยากแล้วจากไป  o22 อารมณ์กำลังบิ้ว อ้าวววว สู้จบละ 555

ชอบที่สุดก็ตอนที่คาลหนีมาเจอฟิลิเป้ กะ ราฟาเอโล่ โอยยยย มันหยด ตื่นเต้นเหมือนดูหนังแอคชั่น 55 แต่ว่ามาขนาดนี้ก็อุ่นเครื่องพอทนแทนได้นิดหน่อย

ว่าแต่......อากะเพื่อนสนิท มาทำมายยยยยยยย :serius2: กำลังหวานเลย นี่มาทำคาลวี่ร้องไห้อีกละ ชีคก็หมองอีก โหหหห :sad4: อยากรู้ๆๆๆ
ฟิคเรื่องนี้ติดงองแงมเลยค่ะ สนุกมากๆๆ ตอนหน้าคงไม่ต้องรอนานชะมะคะ  o18

+ 1 (0)  ได้แค่ 1 หรอค่ะ อยากให้ 10 คะแนน อะ   o13 o13 กดไลท์ๆ

ปล...ตามมาจากเด็กดีนะคะ คริ คริ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 07-07-2011 02:16:53
เกิดอะไรขึ้น


??? คาวี่ร้องไห้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: ppmayuree ที่ 07-07-2011 12:13:40
 เหมือนน้าน....นาน.....เนาะ แต่ัอัลชาร์ ก็ยังน่ารักเสมอ..... o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 07-07-2011 23:10:57
ค้าง ค้างตลอด คาวี่จะทำยังไงต่อไปนะ

ยังไงก็ต้องกลับไป กลับไปสะสางปัญหาให้จบ

แต่อย่างทิ้งอัลนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: tengu3 ที่ 08-07-2011 14:10:35
แอบคล้ายท่านชีค เลยเอามาแปะ เสียดายนายเอกน่าจะผมทอง เอิก ก :z1:

(http://img853.imageshack.us/img853/3184/23886971.jpg) (http://imageshack.us/photo/my-images/853/23886971.jpg/)


(http://img62.imageshack.us/img62/2734/39424474.jpg) (http://imageshack.us/photo/my-images/62/39424474.jpg/)

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 08-07-2011 16:54:04
โอยยยย อย่าเศร้า ขอร้องละ ฮือ ฮือ
ขอจบแบบสวยๆด้วยเถิดดดด

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: lvlelody ที่ 09-07-2011 01:56:31
เจอในเด็กดีแล้วตามมาอ่านที่นี่ค่ะ อิอิ
เม้นต์รวบยอด

TT[]TT เอาเซย์ของเค้าคืนมาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา แงงงงงงงง //โดนอเล็กซิสเสียบพุง

ตอนอ่านแรกๆ ติดตามมีเรื่องอยากกรี๊ดหลายเรื่อง (โดยเฉพาะคู่แฝดนี่) แต่พออเล็กเซย์ตายเท่านั้นล่ะ.......

ในหัวมีแต่ "อเล็กซิสแค่เข้าใจผิด เซย์ยังไม่ตายหรอกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" *สะกดจิตตัวเองไปในตัว*

เศร้าจนแม้แต่ฉากหวานของท่านชีคกะ้น้องเหมียวยังไม่มีกะใจจะกรี๊ด ฮือ T_T (แต่ตอนท่านอัลตัดสินโทษนี่ เท่มากค่ะ ถึงจะรู้สึกว่าโทษเบาไป(ไม่)หน่อยก็เถอะ แหม่ ลอบปลงประชนม์เชียวนา...) ชอบอีกอย่างคือการที่ฟาลซาอ์ตัดสินโทษของแม่ตัวเอง ท่าทางท่านอัลคงตั้งใจจะยกบัลก์ลังให้ฟาลซาอ์แหงมๆ


T_T เศร้าเรื่องเซย์ไม่หาย ฮือ หดหู่ รู้สึกว่าอเล็กเซย์เจอแต่เรื่องเศร้าๆ


อยากรู้เหมือนกันว่าคาวี่จะกลับไปรวมพลกับอเล็กซิสถล่มล้างแค้นให้คุณพี่ชายมั้ย จะรอติดตามนะค้า ><

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 10-07-2011 21:09:55
งานนี้อัลชาร์คงต้องส่งคาวี่ไปช่วยครอบครัวก่อนละมั้ง
เพราะคุณพี่ชายส่งคนมาตามแล้วนิ
แต่สงสารอัลชาร์มากๆ ไม่รู้ว่า จะยอมเข้าใจรึเปล่า :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: *~LPCM~* ที่ 13-07-2011 12:02:20
 :z10: :z2: :z13:
ไม่ได้ตามมาเม้นหลายวันแล้วอ่า คิดถึงคาวี่มร๊ากกกกกกกก  :กอด1:
ไม่ไหวแล้วๆ คู่นี้เค้ารักกันเกินไปแล้วน๊าาาา อิจฉาโว๊ยยยยยยยย :m31:
แต่ที่เจ็บปวดมากที่สุดก็เห็นจะเพราะว่า คุณอาและคู่ขา( :z6:โดนกาเร็ต กระโดดถีบ) จะมาทำไมตอนนี้คร๊าาาาาาา :angry2:
มีคู่ใหม่มาให้กรี๊สกันอีกแล้ววววว วู้ฮู้ :mc4:
เรื่องนี้คนเยอะ แต่ไม่ดูสับสน เพราะแต่ละคนจะมีคาแล็คเตอร์ที่แตกต่างกันไปทำให้จำได้ แต่...
เค้าจำชื่อได้ไม่หมด เพราะมันเยอะมากกกกกกกกกกกกก :laugh:

ยังไงก็จะตามเป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะนักเขียน :L2: :L1:
รักทุกเรื่องที่แต่งเลย มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครและหาตัวจับยากกกกกก o13
จะรอรวมเล่มนะคะ ถึงจะต้องกินมาม่ารอก็ยอมค่ะ  :a5:
ไปแระๆๆ แค่จะมาบอกว่า คิดถึงคาวี่และชีค กฤษร็อบ คู่อเล็ก และคู่ใหม่ กาแล็กคาร์ก :z1:
ปล. แอบเชียร์คู่เจ้าชาย+ฮาซาล อีกคู่แล้วน่ะ ดูเงียบๆ แต่แอบมีซัมติงกันป่าวหว่า? :impress3:
แต่ไม่ต้องก็ดีนะ  :laugh: เพราะเดี๋ยวจะไม่มีใครมาแทนที่ชีคเราเมื่อตอนจะแอบหนีไปอยู่กะคาวี่  :impress2:
ไปแระคร่าาาาาาาา :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 13-07-2011 15:34:22
คิดถึงอัลชาอ์กับคาวี่คร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ :m5: :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 14-07-2011 18:26:54
เข้ามาช่วยดันคับบ มาต่อตอนต่อไปได้แล้วเค้าคิดถึง o18 o18


ปล ไม่เอามาม่านะเรื่องนี้กินมาม่าเยอะไม่ดีต่อสุขภาพ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 15-07-2011 13:38:21
แว้ปเข้ามาหาคาวี่ ก่อนไปทำบุญ คิดถึงคุณปุ้ยกะนู๋คาวีค่า  :กอด1:

ปล.ลืมท่านชีค เค้าก็คิดถึงตัวเองนะ (วิ่งหนีคาวี่  :z2:)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 15-07-2011 18:49:11
เข้ามาบอกว่าพรุ่งนี้จะอัพค่า

วันนี้ขอเวลาไปนอนระทมคิดฮอดที่รักก่อน สเนป ฮือ โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก / หนังจบ อารมณ์ไม่จบ *-*
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 15-07-2011 22:09:37
ไม่เอาไม่อยากให้คาวี่ไปไม่เอาอ่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 16-07-2011 21:45:13
มานั่งคอย

:กอด1: อ้ายๆๆ แฟนคลับสเนปเหมือนกัน ถึงสเนปจะตายแต่เท่มากอ่ะ

ขอยืมคำพูดเนวิลมาใช่ " ถึงสเนปจะตายแต่เค้ายังอยู่กะเราที่ตรงนี้ตลอดไป "
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaEwA ที่ 16-07-2011 22:49:48
 :z13: :z13: :z13:  o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: นนพี ที่ 16-07-2011 23:03:00
 :m17: :m17: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 17-07-2011 11:36:04
จองที่ๆ

เย็นนี้อัพค่า ขอโทษด้วยที่เมื่อวานไม่ได้มา คืนนี้มาแน่นอน > <

ขอจองเม้นนี้ไว้เลยแล้วกัน ฮ่าาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 17-07-2011 12:18:08
T^T  รออยู่นะะะ
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Hongfaisa ที่ 17-07-2011 14:24:01
กร๊ากกกก

ไม่มา แถมโดนหลอกอีกต่างหาก o22 o22
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 17-07-2011 14:31:43
มาปูเสื่อรอ อย่ามาม่ามากนักน๊าาาาาาาาาาาา สงสารอัลซาร์ :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 17-07-2011 22:16:24
เข้ามารอค่า    เมื่อวานก็มาเมียงๆ มองๆ  นิดหน่อย  หนูคิดถึงคาวี่แล้วเน้อ   :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 17-07-2011 23:25:09
Line 37 : เดิมพันสุดท้าย

    สายลมแรงหอบเอากลิ่นของทะเลและกลิ่นของผืนดินลอยมายังปลายจมูก นกนางนวลสี่ห้าตัวยังคงโผบินวนเวียนขึ้นลงคอยจับปลาหากินอยุ่บริเวณใกล้ๆลำเรือ  ร่างของบุรุษที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าในชุดเสื้อเชิ๊ตสีดำสนิทกวาดตามองไปยังผืนดินที่เห็นอยู่ไกลลิบ ตัวอาคารและสิ่งก่อสร้างเลาะหลั่นกันไปตามเนินเขาสูง ด้านหน้าเป็นบ้านเรือนที่กระจุกตัวรวมกันอย่างหนาแน่น ขณะที่ด้านหลัง เป็นเนินเขาและราวป่าดูไกลออกไป ไม่ปรากฏสิ่งก่อสร้างใดๆขึ้นอีก..

     ทว่าผู้มองต่างก็รู้ดี ว่าหลังจากเงาไม้และทิวสนที่คอยปิดบังสายตาสอดส่องของคนภายนอก เบื้องหลังคือคฤหาสถ์หลังใกญ่ และสุสานกินอาณาบริเวณกว้างจรดอีกฝั่งของเกาะ ปกคุลมพื้นที่นั้นด้วยอิทธิพล เงินตรา และอำนาจในนามของมาเฟีย..

       ฝ่ามือกำแน่นเข้าหากันราวกับจะสงบสติอารมณ์ นัยน์ตาสีฟ้าสดจ้องมองตัวอาคารและอาณาบริเวรของเกาะที่เด่นชัดขึ้นทุกครา ความเครียดขึง ความปวดร้าวและเเค้นเคืองในใจยิ่งปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว

       จ้องมองแหวนสีทองวงเล็กบนนิ้ว มองมันด้วยความรู้สึกหลากหลาย รักใคร่..หวนอาลัย รวดร้าวทรมารและคั่งแค้นจนแทบทนไม่ไหว..

       ที่รอคอยไม่แล่นมาหาในวันแรกที่รู้ข่าว ไม่ใช่เพราะความปราณี หรือความลังเลใจ ทว่าเมื่อตัดสินใจจะ"เด็ด"ปีกอินทรีตัวนั้นแล้ว แผนการณ์จะต้องรอบคอบ...ยิ่งกว่ารอบคอบ ต้องรัดกุม ห้ามมีช่องโหว่ ต้องควบคุมทุกอย่างให้ดี ไม่ให้เกิดความผิดพลาดจนต้องเสียใครไปอีกแล้ว...

       ขอให้พ่อและแม่ไปเที่ยวเยอรมัน  พักผ่อนที่บ้านเก่าของแม่ และมีคนของคลาร์กคอยดูแลคุ้มกันตามคำเชิญที่อุปโลกขึ้นมาจากปากของเขา จัดการให้อเล็กซานดร้ารับงานเดินแบบที่ต่างประเทศโดยมีบอดี้การ์ดและคนของเขาตามประกบ ให้คาร์โลกลับมา รวมทั้งให้คลาร์กและแกเร็ตไปตามเจ้าน้องชายที่ควรจะรู้เรื่องราวทั้งหมด ส่วนตัวเองก็ทำหน้าที่บุกรับ...วางหมากประกบล้อมอย่าให้ได้พลาดพลั้ง

   แม้จะเป็นที่น่าสังเวชในสายตาของผู้อื่นที่ต้องมาประหัตประหารกันเองในครอบครัว ทว่าเมื่อเสียงปืนแล่นออกมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ นั่นก็ถือเป็นการประกาศสงครามแล้ว

  ...หากต้องการชดใช้"ชีวิต"ของบุตรชายตนเองด้วยชีวิตของน้องๆของเขา พ่อแม่ของเขา อเล็กซิสยอมไม่ได้ ไม่มีทางยอมให้มันเกิดขึ้น..

 นี่คือนัดตัดสินระหว่างเขาและผู้เป็นลุง นัดที่คำว่าอยู่หรือตายไม่มีผลอะไรไปมากกว่าการแก้แค้นและความสาใจ..

 ...ในเมื่อกล้าทำร้ายคนที่เขารัก กล้าพรากเอาคนที่รักไปจากอก..หากไม่ได้จับมันมาเชือดเนื้อเถือหนัง ไม่เอาตัวมันมานอนครวญครางร่ำไห้ต่อหน้า ไม่มีวันที่อเล็กซิส จะยอมแพ้...

    ...นัยน์ตาของพี่ใหญ่ตระกูลวาลกัสค่อยหรุบตาลงต่ำแล้วสูดหายใจลึก ฝ่ามือกำแน่นอย่างสะกดอารมณ์ เมื่อความข่มปร่าแล่นเข้าจุกอก ขอบตาร้อนผ่าวอยากกรีดร้องร่ำไห้ให้สาแก่ใจ แต่ที่ทำได้ทีเพียงยืนนิ่งออกปากสั่งให้บรรดาลุกน้องขับเรืออ้อมไปยังด้านหลังของเกาะเพื่อไม่ให้ผู้คนแตกตื่น ชายหนุ่มจ้องมอง"น้องชาย"ที่เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าเรียบเฉย..พลันรู้สึกถึงความปวดร้าวและเจ็บแสบทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจ..

      ....รู้สึกผิด...ไม่น้อยไปกว่าความปวดร้าว นึกสังเวชตัวเองที่ปล่อยปละละเลย มัวแต่วิ่งวุ่นเพ้อพกทำนั่นทำนี่เสียจนไม่คิดสนใจผู้อื่น ทั้งคนรัก ทั้งพี่น้อง หรือกระทั่งคำเตือนจากผู้คนรอบกาย มองมันเป็นเพียงสิ่งไร้ค่า เพราะคิดว่าตัวเองฉลาดและอยู่เหนือคนอื่น เกมส์ที่เคยคุมได้เสมอมา จึงเป็นเหตุให้วางใจจนต้องพลาดพลั้ง..

     ถ้าเพียงแต่ฟัง...ถ้าเพียงแต่จะระวังหรือสนใจความคิดของคนอื่นมากกว่านี้สักนิด...เรื่องราวมันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ ไม่จบแบบนี้..

...อาจจะไม่ต้องเสียใครไป อาจจะไม่ต้องโศกเศร้า ร่ำไห้ต่อความผิดหวัง...

มันเป็นเพราะเราห่างเหินกันไปรึเปล่า?  เพราะเราไม่พูดคุยกัน เพราะเราต่างใช้ชีวิตของตัวเอง จนลืมสนใจคนรอบข้าง เรื่องราวแบบนี้จึงได้เกิดขึ้น

โศกนาฏกรรมที่น่าสมเพช การฆ่ากันเอง ทำลายกันเอง ...เหมือนๆกับเรื่องเล่าที่ผ่านมา..

 เคอมองว่ามันเป็นเรื่องโง่เง่าที่ไม่มีทางเกิดขึ้น ในเมื่อครอบครัวเราต่างรักใคร่กันมากมายเพียงนี้ ทว่า ยามนี้กลับปรากฏชัด ชัดเจนว่ารอยร้าวนั้นแฝงตัวฝังรากลึกแค่ไหน และได้รู้...ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องไร้สาระสักนิด...

        "....อีกยี่สิบนาทีจะถึง " เสียงของน้องชายดังขึ้นเบาๆ  อเล็กซิสพยักหน้ารับ เขาตวัดสายตามองร่างของคาร์โลที่สวมเสื้อเชิ๊ตสีน้ำตาลอ่อนทับกางเกงยีนส์สีเข้ม ขบถและต่อต้านเสมอเช่นที่มันเคยเป็นและเช่นที่เคยขัดตา ครานี้ก็เช่นกัน อเล็กซิสหน้านิ่ว แต่ไม่ใช่เพราะเสื้อผ้า..

ปึ่ก

        " ทำไมไม่ใส่เสื้อกันกระสุน " ฝ่ามือหนาฟาดลงบนแผ่นอกแกร่งของผู้เป็นน้องไม่เบานัก คาร์โลหน้านิ่วยกมือขึ้นลูบอกตัวเองก่อนจะพ่นลมหายใจ

        " ไม่จำเป็นน่า "

        " ทำไมจะไม่จำเป็น ไปใส่ซะ...งานนี้เราไม่ต้องการเสี่ยง...ไม่ต้องการเสียใครไปอีกแล้ว " อเล็กซิสพ่นลมหายใจพรูส่วนหนึ่งของประโยคคำพุดนั้นร้าวไหวราวกับต้องการสงบสติอารมณ์  ผลักไหล่น้องชายให้ไปเตรียมตัวเบาๆ คนฟังเซเล็กน้อย หากฝ่าเท้ายังคงชะลอไม่หันกลับไปตามคำสั่ง นัยน์ตาสีเขียวจ้องมองใบหน้าของผู้เป็นพี่นิ่ง...ก่อนจะเอ่ยถามเบาๆ

        " ...แล้วนี่ไม่ใช่การสูญเสียหรือ? "

        " หรือแกอยากให้ทุกอย่างเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ " ความคั่งเเค้น...สีหน้าเจียนคลั่งที่พยายามเก็บไว้ของพี่ชายบ่งชัดว่าอเล็กซิสเป็นเช่นไร คาร์โลใช่จะไม่รู้ ไม่เห็น  ว่านับแต่เขากลับมา หลายวันที่คอยเตรียมการและออกคำสั่งเด็ดขาด พี่ชายของเขาไม่เคยหลับไหล ได้แต่เพียงนั่งจิบเหล้าย้อมใจให้ค่ำคืนผ่านไปเป็นวันๆ ท่าทีนิ่งเรียบ เงียบขรึมราวกับภูผาไม่หวั่นไหวเช่นวันวาร แต่ภายในมันกำลังกรีดร้องร่ำไห้ด้วยความทุกข์ทรมาร... เขารู้ดี

      เคยคิดจะต่อว่า..ด่าทอหยามเหยียดด้วยความคับแค้นใจ แต่เมื่อเห็นสภาพนั้นก็เป็นเขาเองที่นิ่ง..นั่งเงียบๆฟังคำสั่ง...และนั่งอยู่ข้างๆจ้องมองรูป"ครอบครัว"ด้วยแววตาสั่นไหว...

    โวยวายด่าทอกันไปก้เท่านั้น ทะเลาะวิวาทมีเรื่องวุ่นวาย ใช่ว่าอเล็กเซย์จะกลับมา..กับสงครามนี้อยากจะห้ามไม่ให้ทำก็ไม่ได้ และต่อให้ทำได้ก็คงไม่คิดห้าม เรื่องราวที่ผ่านมามันไม่อาจจะย้อนกลับไปได้แล้ว เช่นเดียวกับที่ชีวิตของคนสำคัญไม่อาจจะหวนคืนกลับมา..

          " หันหลัง " ฝ่ามือของพี่ชายออกแรงผลักหัวไหล่เบาๆ แล้วเสื้อเกราะกันกระสุนตัวหนาก็ถูกสวมลงด้วยฝีมือเจ้าตัว พี่ชายที่ชอบบังคับวางอำนาจเป็นเช่นไรก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ทว่าเพราะฝ่ามือที่แตะลงบนเสื้อเกราะตัวหนา ตรวจตราและมัดปมต่างๆให้กระชับกายด้วยความอ่อนโยน ใส่ใจ ทำให้ริมฝีปากที่จะเอ่ยต่อว่าเงียบลงโดยอัตโนมัติ

.... ต่อให้ปากร้าย เอาแต่ใจ ชอบบังคับ จะอย่างไรก็เป็นพี่ชาย พี่...ที่บัดนี้สำคัญเหลือเกิน...

..."ครอบครัว" สายใยและความผูกพันที่คิดว่าแนบแน่น บัดนี้รอยแยกกลับปรากฏจนมองเห็นชัดและเหลือคนเชื่อใจได้น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย...ทว่าอย่างไรพี่ชายก็ยังคอยปกป้องเสมอ..

    ก้มมองใบหน้าของพี่ใหญ่ที่ตรวจตราอุปกรณ์ป้องกันของตนเอง..คาร์โลรู้สึกถึงลมหายใจสั่นไหวของตน เมื่อได้มองเห็นใบหน้า ...ที่เหมือนกับพี่เล็กเซย์ที่เขารักนักหนาคนนั้นเหลือเกิน..

        ปลายนิ้วของอเล็กซิสแตะลงบนผิวเนื้อเป็นครั้งสุดท้ายอย่างสำรวจตรวจตรา ก่อนจะเอ่ยเรียกให้คนในอาณัติไปหยิบเสื้อเกราะตัวใหม่มาแทนทีตัวเก่าที่ถูกถอดจาดร่างของพี่ชายมาสวมให้น้องชายดื้อๆงี่เง่าอย่างคาร์เนโร่ วาลกัส...

       นัยน์ตาสีเขียวสดกระพริบถี่ จ้องมองผืนน้ำสีสดเบื้องล่างราวกับต้องการจะสงบอารมณ์ หากแต่ทำได้ยากนัก เมื่อใบหน้าที่เคยคุ้นและเหมือนกับพี่ชายที่รักอีกคนยังคงยืนอยู่ใกล้ๆ ดวงตาคู่นั้นฉายแววห่วงหาอาทร ไม่ต่างกันกับพี่ชายที่จากไปคนนั้น.ค่อยทลายทิฐิและความไม่พอใจ ทั้งความอัดอั้นอย่างช้าๆ..

     พี่ชายที่เขานึกต่อต้าน คนที่เคยปรามาสว่าเผด็จการและไร้ปัญญาจะจัดการเรื่องของตนเอง...พี่ชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว..ที่พึ่ง..แผ่นหลังที่องอาจ ซึ่งตัวเขาไม่เคยรู้ว่ามันต้องแบกรับอะไรไว้ เฝ้าแต่ประณามถามไถ่ไม่พอใจ ทั้งที่ฝ่ายนั้นคอยดูแลมาตลอดแท้ๆ

      เงาไหวของผิวน้ำยังคงเป็นคลื่นสาดซ่ากระจายเป็นฟองเมื่อเรือยอร์ชลำใหญ่วิ่งตัดผ่าน  แต่แม้กระแสน้ำจะไม่คงที่และแตกพร่า..ภาพฝ่ามือของคาร์เนโร่ วาลกัสที่เอื้อมไปแตะลงบนไหล่ของผู้เป็นพี่และดึงร่างนั้นโผเข้ากอดก็ยังคงปรากฏอยู่อย่างชัดเจน

     อเล็กซิสชะงัก ร่างสูงนิ่งงันด้วยความงุนงงสงสัยกับแรงปะทะที่โถมเข้าหา ชายหนุ่มมองเห็นเส้นผมสีน้ำตาลเข้มยาวระไหล่ถูกมัดรวบไว้ตรงลำคอของน้องชาย...ผ่านวินาทีแห่งความงุนงงเพียงชั่วครู่ ความอบอุ่นของผิวเนื้อ..อ้อมกอดที่สั่นไหวด้วยความเจ็บร้าว ความเข้าใจจึงค่อยเด่นชัด..เช่นเดียวกับความอุ่นวาบตามรอยกอดที่ยังคงตราตรึง...

      ฝ่ามือหนาแตะลงบนไหล่ของน้องชายบีบมันเบาๆ แล้วยิ้มรับ...ยิ้มให้กับความโศกเศร้าและความสูญเสียที่แบ่งปันมาให้กัน ตลอดจนความเข้าใจที่ทลายกำแพงทิฐิและความมึนตึงที่มีต่อกันได้อย่าง่ายดาย

เราคือครอบครัวเดียวกัน...

เราคือสายเลือดเดียวกัน ..

เราคือพี่น้อง คือคนสำคัญของกันและกัน..


..ออกแรงตบเบาๆบนไหล่ของอีกฝ่าย ตาสบตาใบหน้าประจัญกันด้วยความนัยน์ที่ต่างก็รับรู้และเข้าใจ..

      "..ไปกันเถอะ..."

      ....ไปทำให้ทุกอย่างจบลง และช่วงชิงความสุขของเรากลับคืนมา


..................


       แผ่นกระดาษสีเหลืองกรอบบ่งบอกถึงระยะเวลาที่เลยผ่าน กลิ่นของเยื่อไม้และฝุ่นกระดาษลอยขึ้นมาจางๆยามเปิดพลิกมันขึ้นทีละหน้า...ทีละแผ่นอย่างเชื่องช้า  ด้วยปลายนิ้วสีขาวซีดจัด แสงตะวันอันเจิดจ้าสาดเข้ามาบ่งบอกถึงระยะเวลาที่เลยผ่านมาจนบ่ายแก่ หากแต่ร่างที่นิ่งงันจมจ่ออยู่กับหนังสือเล่มโตกลับไม่มีท่าทีจะเคลื่อนไหว

      "...เลยเวลาทานยามามากแล้วนะครับ " น้ำเสียงเตือนสั้นๆทำให้ปลายนิ้วที่ขยับไหวชะงัก..ร่างของบุตรชายคนรองของตระกูลวาลกัสค่อยหมุนกายไปสบตาชายหนุ่มผู้ยืนอยู่ตรงประตูห้อง...ห้องหนังสือของคฤหาสถ์เก่าแก่ของตระกูลวาลกัสบนเกาะซิซิลี
 
      " ขอโทษด้วยครับ.. คุณหมอ " เจ้าของประโยคก้มหัวเชิงขออภัยน้อยๆ ก่อนจะปิดพับหนังสือเล่มโตบนโต๊ะลง และนำมาวางไว้บนตัก ขณะที่ร่างของชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นหมอเดินเข้ามาใกล้ แตะปลายนิ้วลงบนพนักรถเข็นใช้แรงดึงมันออกมาเพื่อนำเอาร่างของคุณชายอเล็กเซย์ วาลกัส ไปยังพื้นที่อื่นของคฤหาสถ์อย่างช่ำชอง

      " คุณลุงล่ะ ..."

      " รออยู่ที่ห้องทำงานครับ "

      " อืม...." รับคำเบาๆ สายตาจ้องมองผนังห้องที่ประดับด้วยรูปวาดของเหล่าบุคคลชายหญิงที่ล่วงลับไปแล้ว แน่นอนว่าผู้คนเหล่านี้คือหนึ่งในบรรพบุรุษเป็น"ครอบครัว"ที่จากไปแล้วของตระกูล อเล็กเซย์มองใบหน้าที่เคยคุ้นผ่านไปทีละคน ขณะที่สมองกำลังใคร่ครวญ คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น..

              " อาการเป็นยังไงบ้าง? " เอ่ยปากถามชายที่อยู่ด้านหลัง นายแพทย์ผู้ได้ฟังระบายลมหายใจน้อยๆ

       " กินยาระงับปวดไว้แล้ว...คิดว่าคงไม่เป็นอะไรมากครับ "

        " งั้นเหรอ...." คนฟังรับคำ ด้วยน้ำเสียงเบาแทบไม่พ้นจากลำคอ อเล็กเซย์ถอนหายใจเฮือก ความรู้สึกผิดที่กดทับในหัวใจค่อยคลายลง...ทีละน้อย...

       เป็นเพราะตัวเขาจดจ่อกับข้อมูลที่ได้รับ เรื่องราวที่ผ่านมา หรือกระทั่งตำนานการล้างเลือดของตระกูลที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆหรือเปล่า ความคิดในสมองถึงได้มีแต่ความอัดอั้น เครียดขึง ไม่เข้าใจ จึงได้เป็นฝ่ายยกปืนขึ้นต่อกร และเป็นผู้ที่เหนี่ยวไกทำร้ายลุงของตัวเอง..

   ...ทั้งที่ผู้เป็นลุงไม่ได้ทำอะไรเขาเลยสักนิด..

          ทั้งที่เฟรเดริโก้ วาลกัส มีปืนอยู่ในมือ มีบรรดาลูกน้องผู้ภักดีเล็งปืนมาที่ตัวเขารอบด้าน...จะฆ่าก็ง่ายแสนง่าย...ไม่สิ ถ้าลุงจะฆ่าเขาจริงก็ฆ่าได้มานานแล้ว ไม่จำเป็นต้องนั่งฟังเขาพล่ามหรือรอคอยให้ตัวเขาฮึดสู้จนตัวเองต้องตกอยู่ในอันตรายหรอก

        กลายเป็นเขาเสียเองที่ติดสินใจทำร้าย เป็นตัวเขาที่เล็งปืนและเหนี่ยวไกไปที่ชายคนนั้นอย่างไม่ลังเล..

        ปลายนิ้วไล้ปกหนังสือเล่มหนาบนตัก ตราประจำตระกูลรูปเหยี่ยวกางปีกคีบเถาองุ่นยังคงเด่นชัด หน้าปกสีแดงเข้มปนน้ำตาล กลิ่นอายของหยดเลือดและความลับที่คั่งค้างอยู่ยังไม่สามารถเปิดเผย

         เพราะไม่เข้าใจว่าต้องการอะไร เพราะไม่เข้าใจว่าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ถามก็ไม่ได้คำตอบ รอก็ไร้หวัง จึงได้แต่บ่ายหน้ามานั่งอ่านประวัติ เรื่องราวของบรรดาบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ เผื่อว่าแนวทางบางอย่างของคนรุ่นเกาที่สั่งสมมา จะช่วยเผยเงื่อนงำให้ได้รู้บ้าง..

         เพราะอะไรกัน?

         ทำไมเฟรเดริโก้ วาลกัส ถึงต้องทำแบบนี้ วางแผนร้าย แสงดงตัวเป็นศัตรกูกับพวกเขาเสียเต็มประดา เหตุผลที่เห็นอยู่ทนโท่คือการตายของลูกชาย มันก็มากพอจะเเค้นเคืองจนไม่อาจให้อภัย แต่เพราะเหตุใด ถึงได้"หยุด"เรื่องราวทุกอย่างเสียดื้อๆ

       จะบอกว่าหยุด เพราะตัวเขาตัดสินใจจะยิงลงไปให้กระสุนเฉียดแขนซ้าย มากกว่าจะให้มันทะลุหัวใจอย่างนั้นหรือ? มันฟังขึ้นหรืออย่างไร?

       ปลายกระบอกปืนที่เล็งมา ไม่อาจเดาใจคนยิงว่าจะลั่นไกไปทางไหน เมื่อไหร่ การจะมาคาดหวังกับสิ่งเหล่านี่มันเลื่อนลอยเกินไป และไร้เหตุผลเกินไป..

         เหมือนกำลังวางแผนอะไรสักอย่าง..รวกับล่อหลอกให้คนอื่นปรี่เข้ามาหา เหมือนกำลังหลอกล่อให้อเล็กวิสตรงรี่เข้ามาปลิดชีวิตตัวเอง...

        ทำไม..? เพราะอะไร ?

           " ภาษาสเปน...? " นายแพทย์ที่เข็นรถเข็นของขาเอ่ยปากถามเมื่อมองเห็นบทกลอนเด่นหราบนหน้าแรก อเล็กเซย์ละจากภวังค์ ก้มลงมองหน้ากระดาษแผ่นนั้น เขายิ้มบางๆ..

           " ใช่ ....แต่ก่อนที่นี่ถูกพวกสเปนปกครองมาตั้งนานนี่ " อิตาลีใต้ถูกปกครองโดยพวกสเปนมาเนิ่นนาน วัฒนธรรม ภาษา และหลายสิ่งหลายอย่างถูกถ่ายทอดมาอย่างรวดเร็วและยังคงเหลือร่องรอยแห่งอดีตแผ่เงาปกคลุมอยู่..เรื่องนี้ใครๆก็รู้..

       อเล็กเซย์ก้มมองบทกวีสั้นๆในหน้านั้น...เขากวาดตามองผ่านๆ อ่านความหมายมันแล้วอดจะยิ้มไม่ได้..

            " กวีปลุกกำลังใจ ? ..น่าแปลกดีที่บอสมาเฟียก็ทำเรื่องแบบนี้ได้ " เปรยออกมาเบาๆอย่างนึกสงสัยไม่น้อย อเล็กเซย์มองปีที่ถูกเขียนไว้หวัดๆด้วยลายมือสวยเป็นระเบียบ บทกวีนี้เป็นฝีมือของบอสวาลกัสรุ่นแรกๆที่ย้ายไปปักหลักที่โรมนั่นเอง

    ...เส้นผมของเราปลิวสยายไปตามสายลม
จงวิ่งเข้าไปพี่น้องเอ๋ย..เพื่อชัยชนะของเจ้าเอง
ปลายดาบคมกริบและกระบอกปืนร่ายบรรเลงเพลงส่งวิญญาณ
จงสู้เข้าไปพี่น้องเอ๋ย...เพื่อความรุ่งโรจน์อันไร้ขอบเขตของเจ้าเอง..


             " ไม่ว่าเมื่อไหร่..ก็ไม่เปลี่ยนไปเลย " อเล็กเซย์ยิ้ม...ยิ้มขันออกเมื่ออ่านบทกวีในท่อนแรกที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงเป็นจริงอยู่เสมอ  ทั้งขบขันปนสังเวชในชะตากรรมของครอบครัว พี่น้องและเหล่าบรรพบุรุษของตน

    ...ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็ต้องสู้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องฆ่า ต้องเกลียดชังและทุกข์ทรมาร

      ไม่ว่าจะผ่านไปนานเพียงใด เลือดและชีวิตของผู้อื่นที่เราใช้เพื่อสร้างบัลลังค์ให้กับตนเอง ก็ยังคงตามหลอกหลอนอยู่เสมอ..

              ร่างของผู้เป็นลุงที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้องทำงาน ทำให้อเล็กเซย์ชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นมองสบตาชายวัยกลางคนที่มีศักดิ์เป็นลุง ใบหน้าที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลาส่งยิ้มมาให้บางๆ ร่างทั้งร่างยังคงยืนอยู่อย่างเรียบร้อยไร้วี่แววความเจ็บป่วย มีเพียงแขนซ้ายที่ถูกคล้องไว้ด้วยผ้าพันแผล และมีรอยเลือดปรากฏให้เห็นอยู่จางๆ..

            อเล็กเซย์หรี่ตาลงด้วยความรู้สึกผิดทิ่มแทงหัวใจจนต้องนิ่วหน้า  เขาเสก้มตาลงไปมองกระดาษแผ่นนั้นอีกครั้ง...รู้สึกถึงฝ่ามือที่แตะลงบนไหล่...แล้วบีบเบาๆ..

     " อีกไม่นานก็จะรู้เอง อเล็กเซย์ "

          คำตอบนั้นราวกับจะรู้ว่าในใจของเขาคิดสิ่งใดอยู่ ทำให้อเล็กเซย์หันขวับ จ้องมองใบหน้าของผู้เป็นลุงที่ยืนอยู่ข้างๆจ้องมองหน้าต่างกระกระจกที่ปิดแน่นหากแต่ก็สะท้อนภาพเบื้องนอกชัดเจน..ดวงตาคู่นั้นฉายแววครุ่นคิด..

      " คุณทำเหมือนกำลังปั่นหัวเรา....เพื่ออะไร? "อเล็กเซย์ขมวดคิ้ว เอ่ยถามออกมาอย่างวยงง ปนคับข้องใจ

       "...บอกแล้วไง ว่าอีกไม่นานก็จะเข้าใจ " ดวงตาคู่นั้นไม่ได้หันมาสบมองด้วยซ้ำ มันยังคงจับจ้องไปยังเบื้องนอก...ไกลออกไปจากยอดไม้ที่ไหวตามแรงลม และสีสันของท้องฟ้ารวมทั้งนกนางนวลที่โผบินอยู่ไม่ไกล..

        "อเล็กซิสกำลังมาที่นี่ "มันไม่ใช่สิ่งที่เกินคาดเกินฝัน อีกทั้งสิ่งที่คนรัก..แฝดพี่ของเขารับรู้ก็มากพอที่จะทำให้คนๆนั้นโกรธแค้นจนตั้งจใจจะตามล้างผลาญให้ตายตกไปตามกัน

        " ...แล้วมันผิดไปจากที่ฉันคิดหรือไง? " ใบหน้านั้นหันกลับมาสบตาอีกครั้ง คราวนี้มันฉาบทับด้วยความเย็นยะเยือก...กระแสบางอย่างทำให้อเล็กเซย์ตัวเย็นวาบ..

       "คุณลุง....." ความคิดบางอย่างเเล่นวาบเข้าสมอง..เขาพึมพัม เอ่ยออกมาช้าๆ..

        " ครั้งนี้....เราคงจะได้วางเดิมพันกันอย่างเต็มที่เสียที.." เฟรเดริโก้ วาลกัสหัวเราะเบาๆคล้ายจะขับขัน ใบหน้าเข้มโคลงศรีษะน้อยๆ ด้วยรอยยิ้มหมายมาด..

        "....เดิมพัน....ว่าการล้างเลือดโง่ๆมันจะจบลง หรือจะเป็นแบบนี้ตลอดไปกันแน่ " ฝ่ามือหนาทาบลงบนไหล่ บีบเเน่น..เป็นจังหวะเดียวกันกับหัวใจที่โลดเร่า อเล็กเซย์ก้มหน้าลงอีกครั้ง...ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงช้าๆ หรือนี่จะเป็นเหตุผลของเรื่องราวและแผนการซับซ้อนทั้งหมด..

         " ถ้าแค่อยากทดสอบ...." เขารุ้สึกได้ว่าน้ำเสียงตัวเองสั่น....สั่นไหวด้วยความไม่แน่ใจ

         " ...ไม่ใช่การทดสอบ แต่เป็นการเดิมพัน..." เฟรเดริโก้ยิ้มเหยียด ริมฝีปากซีดจางแทบไร้สีเลือดนั้นแสยะออกราวกับเย้ยหยันชะตากรรมทั้งหลายทั้งปวง

          " บอกว่าฉันไม่ควรเคียดแค้นไม่ใช่หรือ? นี่คือการเดิมพันของฉันไง... ถูกแล้วว่าฉันฆ่าพวกเธอไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จะได้ทรัพย์สมบุติทุกอย่างไปก็ไม่มีอะไรจะทดแทนกับลูกชายที่รักของฉัน....คิดว่าคนเราจะละได้ไหม อเล็กเซย์ ความเคียดแค้น ความโกรธเคือง..ขนาดเป็นตัวหลานเองก็ยังอดทนกับมันไม่ได้เลยไม่ใช่หรือ "

       เอ่ย...พร้อมกับฝ่ามือที่แตะลงบนไหล่ซ้ายที่ปรากฏผ้าพันแผล ฝ่ามือนั้นค่อยบีบลงเบาๆ และจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าหมายมาด

           " สำหรับมาเฟียนั้น เราเห็นว่าการฆ่าคนก็ไม่ต่างกับการหยิบหมากที่ไม่ต้องการออกไป  แต่การฆ่าก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด..เพราะฉะนั้น ฉันจึงอยากให้เลือก...เลือกว่าจะปล่อยวาง หรือ อาฆาตแค้นกันต่อไป..."

           " จำไว้นะ อเล็กเซย์ โลกนี้ไม่ได้มีแค่สีขาวกับสีดำ ไม่ได้มีแค่ผิดและถูก มาเฟียเราน่ะอยู่กึ่งกลางระหว่างสองสิ่งนี้ เช่นเดียวกับพวกเธอที่อยู่ในตระกูลวาลกัส...ฉันรู้ดีว่าทำผิด และนี่คือการตัดสิน...ครั้งสุดท้าย "

           " ถ้าพวกเขาแพ้...อเล็กซิสและพรรคพวกถูกฉันกำจัด ทุกสิ่งก็จะเป็นของฉัน แต่ถ้าพวกเขาชนะ...ถ้าพวกเขาเอาชีวิตฉัน ...เธอก็จบ...แต่ถ้าพวกเขาไว้ชีวิตฉัน เธอก็จะรอด.."

           ".........." คุณลุง...อเล็กเซย์ตัวสั่น...สั่นระริก เขาเม้มปากแน่นกับทางเลือกที่บีบรัดเข้ามาจนแทบหายใจไม่ออก

    ถ้าอเล็กซิสแพ้...ทุกอย่างก็จะจบลง เขาจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ แผนทุกอย่างจะสำเร็จไหม มันไม่สำคัญอีกแล้ว..

    แต่ถ้าอเล็กซิสชนะ...

              " อย่าทำแบบนี้...ผมขอร้อง..." เขาเอื้อมมือไปกำเสื้อผู้เป็นลุงแน่น...เนื้อตัวสั่นระริก  เขาไม่ได้หวาดกลัว ไม่ได้กลัวความตาย ไม่ได้กลัวการพรากจาก มากกว่าความเจ็บปวดของคนที่รัก...

       หากชนะ  ถ้าหากอเล็กซิสตัดสินใจฆ่าเฟรเดริโก้...อเล็กซิสจะเป็นเช่นไร จะรู้สึกอย่างไร ถ้าพบว่าเขาต้องตายด้วยการตัดสินใจของตัวเอง

...เขาไม่ต้องการให้ ผู้ชายที่ตัวเองรักต้องอยุ่อย่างมีแผลใจไปตลอดชีวิต

      เคยคิดว่าการไว้ชีวิตของเฟรเดริโก้คือความปราณีและสายใยของความผูกพันที่ไม่ว่าอย่างไรก็ตัดไม่ขาด แต่บัดนี้รับรู้ ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นสักนิด..

      ผู้ชายคนนี้ไม่ต่างกับปีศาจเลือดเย็นไร้หัวใจ คนที่ไม่เหลืออะไรฉุดรั้งความต้องการจะมีชีวิตอยู่อีกแล้ว จึงได้สรรหาทางเลือกที่โหดร้ายที่สุดมาให้..

                " ถ้าเก็บผมไว้แบบนี้....ทำไมไม่ฆ่าผมซะ.."

          ฝ่ามือกร้านแข็งด้วยท้าแดดลมฝนมาเนิ่นนานค่อยกำรอบฝ่ามือของเขาไว้..ดึงออกจากเสื้อเชิ๊ตตัวบางของตนอย่างมั่นคงด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เฟรเดริโก้ วาลกัส สบมองดวงตาของหลายชายที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและหยดน้ำใสที่เอ่อคลอ เขามองเห็นความเจ็บปวด  ความอัดอั้น อยู่ในนั้น..แต่ที่สุดแล้ว ก็เพียงยิ้ม...ยิ้มออกมาบางๆ..

                " เพราะแบบนั้น...มันง่ายเกินไปไงล่ะ "

        ฝ่ามือหนาวางลงบนกระหม่อม ลูบและขยี้เบาๆเช่นเดิม หากเเเต่ร่างทั้งร่างของอเล็กเซย์เกร็งแข็ง เขาจ้องมองแผ่นหลังองอาจของผู้เป็นลุงที่ห่างออกไปด้วยดวงตามัวพร่า หัวใจอัดอั้นบีบเค้นด้วยความหวานหวั่นและทุกข์ระทม..

  หลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้น้ำใสหยดลงบนกระดาษแผ่นบางสีเหลืองกรอบบนตัก อเล็กเซย์มองบทกวีที่เปื้อนคราบน้ำตาของเขาด้วยดวงตาพร่ามัว..

     .. ปีศาจผู้หัวเราะอย่างป่าเถื่อน
ทิ้งดอกไม้สีโลหิตกระจัดกระจายไปทั่ว..
ปีศาจผู้ไม่ละมือจากสิ่งสกปรกทั้งปวง
ชูตราพญาอินทรีขึ้นสูง..


   บทกวีท่อนหลังราวกับเย้ยหยันเรื่องราวที่ปรากฏชัดเจนในที่สุด...ปีศาจ...กล่าวถึงผู้นำที่เป็นดั่งปีศาจในสายตาผุ้คน..

   ผู้ที่สามารถยืนอยู่บนบัลลังก์ของกองซากศพและความตาย ต้องเป็นเช่นนี้ทุกคนหรือ...แล้วน้องชายของเขาคนนั้น จะกลายเป็นแบบนี้ไหม?

     กระทั่งพี่ชายที่รัก...ชายที่ตอนนี้กำลังจมจ่ออยู่กับความเคียดแค้นและปวดร้าว จะสามารถให้อภัยได้ไหม? จะละเว้นชีวิตของผู้เป็นลุงได้รึเปล่า..

  จะมีใครสามารถลบล้างเรื่องราวอันโหดร้ายเหล่านี้ได้ไหม จะมีใคร..ช่วยฉุดดึงคนๆนั้นให้หลุดพ้นจากความเคียดแค้นชิงชัง..
        อเล็กเซย์จ้องมองหน้าต่างบานสวยที่สะท้อนแสงแดดจ้า  มันลอดเข้ามากระทบหยดน้ำตาในดวงตาของเขา พร้อมๆกับที่เสียงปืนนัดแรกดังขึ้น...

    แข้งขาที่ไร้เรี่ยวแรง ร่างกายที่ไม่ได้อย่างใจพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ได้ประโยชน์ ที่หวังพึ่งได้มีเพียงนายแพทย์ในอาณัติของเฟรเดริโก้ ทว่าเอ่ยปากไปก็เท่านั้น ผู้ชายที่กำลังเข็นรถพาร่างของเขาไปชม"สมรถูมิ" รบราฆ่าฟันของเหล่ามาเฟียยังคงนิ่ง ไม่มีท่าทีใดๆต่อคำขอร้องอ้อนวอนของตน..

         อเล็กเซย์หลับตาลงอย่างรวดเร็ว หัวสมองปวดระบม คำถามที่ค้างคายังคงอยู่ในหัวใจไม่คลาย..

    ..เพราะเหตุใด เราจึงต้องทำร้าย และห้ำหั่นกันเอง อยู่ร่ำไป?

....................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 17-07-2011 23:27:19

   น้ำตาที่พร่างพรูออกมาอย่างไม่ขาดสายของคนรัก บีบคั้นในใจจนไม่อาจนิ่งอยู่ได้อย่างสงบ อัลชาอ์จ้องมองร่างของคาวัลโลที่นอนอยู่บนตัก ใบหน้ายังคงซบแน่นิ่งสะอื้นอักราวกับใจสลาย ฝ่ามือหนาได้แต่ลูบไล้ปลุกปลอบอีกฝ่าย ทำได้เพียงเท่านี้ ในช่วงเวลาที่คนรักกำลังโศกเศร้าและทรมารเหลือแสน

         ความคิดยังคงสับสนอลหม่าน  อยากถามไถ่ อยากรู้เหตุผล ทว่าก็ไม่อยากจะให้คาวัลโลนึกเศร้าโศกไปมากกว่านี้ แต่หากไม่เอ่ยถาม ปล่อยให้ร้องไห้ ปล่อยให้เสียน้ำตาแล้วจะมีประโยชน์อะไรขึ้นมา..

          นั่นเป็นความคิดที่ทำให้ชีคหนุ่มสูดหายใจลึก ฝ่ามือที่ไล้เส้นผมสีอ่อนจางค่อยละออก เปลี่ยนมาแตะลงบนหัวไหล่ที่สะท้านสั่น... ค่อยพยุงร่างอันไร้เรี่ยวแรงนั้นให้ลุกขึ้น สบมองดวงตาและใบหน้าที่แสนรักอย่างจริงจัง..

          " เกิดอะไรขึ้น? " ปลายนิ้วแตะลงช้าๆ ฝ่ามือทาบลงบนผิวแก้ม ปาดเช็ดน้ำใสที่เปื้อนเปรอะ ลูบไล้ใต้ดวงตาบวมช้ำอย่างอ่อนโยน " บอกผมสิ คาวัลโล "

          "..........." คาวัลโลอ้าปาก...เอ่ยปากจะพูด ทว่าเสียงสะอื้นฮักก็ดังเข้ามาแทนที่เมื่อก้อนสะอื้นเเล่นมาจุกคอหอย นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่บวมช้ำเสหรุบต่ำ ฝ่ามือกำแน่น หรุบมองท่อนขาแกร่งและเนื้อผ้าสีเข้มที่กลายเป็นที่ซับน้ำตาของตนอย่างรวดร้าว 

          " คาวี่...? " น้ำเสียงถามไถ่นั้นยังตามติดประชิด ฝ่ามือนั้นยังคงกอดไว้ไม่ห่าง ชั่วขณะหนึ่งที่หัวใจอุ่นวาบ แม้จะยังคงจมจ่ออยุ่กับความเศร้าโศกและสำนึกผิดแต่สัญชาติญาณก็บอกว่านี่คือของๆเขา นี่คือคนที่คอยอยู่เคียงข้างเขา คอยซับน้ำตาและเป็นที่พึ่ง บ่งบอกว่า คาวัลโล วาลกัส ไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้ว ไม่ได้อยู่คนเดียว โดดเดี่ยวและไม่มีคนรักอีกต่อไป

         ทว่า มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกผิดเช่นเดียวกัน ทั้งผิดหวังและโศกเศร้า กับความจริงที่ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็วและไม่ทันตั้งตัว..

...ความจริง ที่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาทั้งคู่ก็ไม่อาจจอยู่ร่วมกัน ความจริงที่ว่าคาวัลโล วาลกัส ยังไงก็เป็น"มาเฟีย" และตำแหน่งชีคของอัลชาอ์ก็ใช่จะเป็นตำแหน่งที่โยนให้ใครก็ได้

   พวกเขาต่างมีของสำคัญอยู่ในมือ ทั้งคู่ต่างก็มีครอบครัว สังคมและคนรอบข้าง มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ละมันไม่ได้ทั้งคู่

      แม้จะถอดใจละทิ้ง แม้จะหันหลัง ขยับตัวหนีห่าง ทว่ามันกลับตามติด คอยตอกย้ำและบอกให้รู้ว่านี่คือความจริงที่ไม่อาจจะหลบหนี..

         คาวัลโลยกมือกำเสื้อคลุมของคนรักแน่น เสียงสะอื้นของตนยังคงสั่นพร่าอยู่ในลำคอ เขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองใบหน้าของคนรัก มองแววตาที่ทอดมองมาอย่างห่วงใย ห่วงนักห่วงหนาด้วยแววตาสั่นไหว ดวงตาร้อนผะผ่าว ร่างทั้งร่างสะท้านสั่น..

     ความจริงที่ได้รู้ เรื่องราวบางอย่างมันทำให้ความโศกเศร้าและปวดร้าวเข้าโถมทับอย่างไม่อาจกลั้น..

    ไม่ได้ต่างอะไรกับที่อัลชาอ์ต้องเจอสักนิด...และทำให้เขารู้ ว่าเรื่องราวเหล่านี้มันหนักหน่วงมากแค่ไหน

     มาเฟียหนุ่มคิดไปถึงเหล่าบรรดาญาติๆของอัลชาอ์ เขาคิดไปถึงเรื่องที่อัลชาอ์เล่าให้ฟัง เหตุการณ์ และการตัดสินใจทั้งหมดของคนรัก ชั่วขณะหนึ่งเขาคิด ว่าการตัดสินโทษของอัลชาอ์มันช่างแสนเบา ทว่าบัดนี้เขารู้....เข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่าทำไมโทษถึงเบานักหนา..

        ....ยิ่งทำร้ายอีกฝ่ายมากเท่าไหร่ ยิ่งโหดร้ายกับคนอื่นมาแค่ไหน ความเจ็บปวดก็จะสะท้อนกลับมามากเท่านั้น เมื่อพวกเขาทั้งหลายต่างก็เป็นญาติสนิท เมื่อพวกเขาต่างก็เป็นคนชิดใกล้ เจ็บปวดรวดร้าวเพียงใดก็ไม่อาจโหดร้ายได้ดั่งที่ควรเป็น

        เพราะใจมนุษย์คือก้อนเนื้อนิ่มๆ ไม่ใช่เหล็กหรือก้อนหินที่ไร้ความรู้สึก

        แต่เจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องทำ บัดนี้เข้าใจชัดเจน ..ในยามที่เรื่องราวเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นกับตนเอง

         ...นัยน์ตาสีน้ำทะเลปิดพับลงอีกครา เขาสะอื้นในลำคอเสียงสั่นพร่า ยามคิดถึงผู้เป็นลุง และเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ฟังจากคลาร์ก...

        " ทุกอย่าง....มันเป็นเพราะผม " น้ำเสียงพร่าสั่น แทบไม่พ้นจากลำคอ เต็มไปด้วยความรวดร้าวและความเจ็บปวดมากมายจนผู้ฟังหัวใจหนาวเยือก อัลชาอ์ขมวดคิ้วจ้องมองใบหน้าของคนรักที่ก้มลงไม่ยอมสบตา มือที่กำหัวไหล่ผอมรู้สึกถึงอาการสั่นไหวมากขึ้นทุกที...ทุกที...

          น้ำใสๆหยดลงจาดนัยน์ตาคู่นั้นทีละหยด...ทีละหยด....พร่างพรูลงอาบผิวแก้มและปลายคาง ตกลงบนเนื้อผ้าสีเข้มจนเป็นด่างดวง ความปวดร้าวที่แสดง

ออกมาชัดเจนนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง อัลชาอ์เม้มปากแน่นด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งงวยงงและร้อนรนกับอาการของคนรักยิ่งนัก..

          "...พี่ผม.....พ่อ แม่..เพื่อนผม...ทุกอย่าง...ทุกอย่างมันเป็นเพราะผมคนเดียว..." คำสารภาพอันไร้เรี่ยวแรง น้ำเสียงผากแห้งเต็มไปด้วยความรวดร้าวแทบไม่หลุดออกมาจากลำคอ ใจความนั้นทำให้อัลชาอ์ขมวดคิ้วแน่น ชีคหนุ่มครางในลำคอด้วยความไม่พอใจและไม่เข้าใจ...ว่าเพราะเหตุใด..คนรักของเขาถึงได้คิดแบบนี้

        คาวัลโล วาลกัส ชายหนุ่มที่องอาจและแสนมั่นใจคนนั้น ..ทำไมถึงได้โทษตัวเอง ทำไมกล่าวร้ายว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหลาย..

          ฝ่ามือที่ไร้เรี่ยวแรงเกาะเกี่ยวอยู่บนเสื้อคลุมสีเข้ม กำแน่นเข้าหากันจนมันยับยู่ด้วยแรงอารมณ์ ฝ่ามือนั้นสั่นไหว ดวงตามัวพร่าด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อล้นไม่ขาดสาย และเหมือนจะมีมากขึ้น..มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เมื่อเอ่ยปากบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาจากริมฝีปาก..

         "คาวัลโล...."

         " เพราะผม...พี่เลยต้องตาย..เพราะผม พ่อกับแม่ถึงได้ทุกข์ใจ เพราะผม...เพราะผมทุก....ทุก......ทุกอย่าง..." ฝ่ามือนั้นกำแน่น ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความรวดร้าวและความโศกเศร้า  ปลายนิ้วเกร็งแน่นสั่นระริกละออกจากเสื้อคลุมตัวยาว แนบทับลงบนใบหน้าปิดตาร้องไห้คร่ำครวญราวกับคนใจสลาย..

          "..ทำไมถึงเป็นแบบนี้..."

         คำถามนั้นดังขึ้นด้วยความสิ้นหวังและตัดพ้อโชคชะตาที่ขีดเส้นทางให้เดิน ชีคหนุ่มเม้มปากแน่น นัยน์ตาจับจ้องรอยน้ำตาที่แม้ถูกปิดไว้ด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง ทว่าก็ยังมองเห็นได้เด่นชัด สังหรณ์ร้ายที่เคยปกคลุมความคิด ความหวาดหวั่นลึกๆในใจ และ"คำสัญญา"ที่แฝงความหวั่นไหวอยู่ถูกปัดทิ้งจากสมองไปอย่างรวดเร็ว อัลชาอ์ดึงฝ่ามือที่เกร็งสั่นด้วยความเครียดและอาการร้องไห้อย่างหนักของคาวัลโลออกจากตัว ฝ่ามือไล้ผิวแก้มที่ขาวซีดเปื้อนรอยน้ำตานั้นอย่างรวดร้าว เจ็บปวดทรมารกับท่าทีที่อีกฝ่ายแสดงออกมาเหลือเกิน..

       เหมือนอยู่ตรงหน้าแต่ทำอะไร ไม่ได้ ช่วยอะไรไม่ได้เลยกระทั่งปลุกปลอบใจให้หายจากความเจ็บร้าว

     ...ทำไม่ได้กระทั่งหยุดยั้งคำๆนั้นเปล่งออกมาจากริมฝีปากที่บางเฉียบราวกับถ้อยคำสาปส่งตนเอง..


        " ตายไปแต่แรกซะก็ดี.ตายไปก็ดีแล้วแท้ๆ..."


        " คาวัลโล! " ชีคหนุ่มใจหายวาบ ดึงร่างของมาเฟียหนุ่มมาแนบอก ร้องตวาดใส่คนที่กำลังเพ้อคลั่งร้องไห้โหยหวนราวกับไร้สติราวกับพบเจอเรื่องที่หนักหนาเกินจะรับไหว และคนที่รับไม่ไหวนั้นก็กำลังออกปากสาปแช่งให้ตัวเองตายตกไปเสีย

       นัยน์ตาสีเข้มเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และขัดเคือง หัวใจที่เต็มไปด้วยความเครียดขึงและห่วงใยชักจะโกรธกรุ่น ...โกรธเคืองคนที่พูดออกมาราวกับตัวเองไร้ค่า นึกเคืองคนที่ออกปากว่าอยากตาย...ควรจะตายไปขึ้นมาทั้งที่มีคนอย่างตนหลงรักหัวปักหัวปำ..

       ..อย่ามาคร่ำครวญอยากตาย อย่ามาทำเหมือนไม่รักตัวเอง ทำเหมือนไม่รู้ว่าใครคนอื่นจะรักตัวมากแค่ไหน

       ยิ่งกล่าวโทษยิ่งด่าว่าทำราวกับไม่เห็นค่า เห็นว่าตัวเองไม่มีค่ามากแค่ไหน อัลชาอ์ก็ปวดใจมากเท่านั้น..

       บัดนี้ ชีคหนุ่มได้ตระหนัก คนที่เขาเคยมองว่าแข็งกร้าว เก่งกาจไม่กลัวใคร แท้จริงเป็นเพียงเด็กน้อยเอาแต่ใจและอ่อนต่อโลกคนหนึ่งเท่านั้น..

        "ลุกขึ้น! " เสียงกระซิบเข้มๆ แฝงความกรุ่นเคืองอยู่ใกล้ๆหู ทำให้คาวัลโลชะงัก นัยน์ตาสีน้ำทะเลยังคงเอ่อนองด้วยน้ำใสเงยขึ้นจับจ้องใบหน้าของชายที่กอดเขาไว้แน่นอย่างงวยงง  และกระแสของความกรุ่นโกรธรวมทั้งความขัดเคืองในแววตานั้นทำให้เขาชะงัก..ตัวชาวาบ..

        " ผมบอกให้ลุกขึ้น ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ! " ทั้งที่พูดแบบนั้น ออกปากตะคอกข่มขุ่ แต่ฝ่ามือของคนพูดยังคงวางอยู่บนไหล่ โอบรั้งร่างที่โซเซอ่อนแรงของเขาเอาไว้มั่น ทั้งฉุกดึงทั้งโอบกอดให้ลุกขึ้นยืนทั้งที่ฝ่าเท้ายังคงสั่นไหว

        " อัล...." ชั่วขณะหนึ่งความโกรธและเฉยชาในดวงตาคู่นั้นทำให้หัวใจเจ็บแปลบ คาวัลโลเม้มปากแน่น....ก่อนจะสะอื้นฮัก น้ำตาที่เลือนหายไปด้วยความตกใจเริ่มกลับมาเอ่อนองท้นสองแก้มอีกครั้ง

        " ... อย่าร้องไห้ คาวัลโล! " ฝ่ามือหนาบีบไหล่บางแน่น แน่นจนคาวัลโลเบ้หน้าด้วยความเจ็บ สับสนและไม่เข้าใจกับท่าทีของคนรักที่แปรเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทั้งที่อัลชาอ์คอยโอบกอดปลอบประโลมอยู่แท้ๆ ทั้งที่หัวใจของเขากำลังปวดร้าวและต้องการคนคอยดูแล แต่ทำไมท่าทีของชีคหนุ่มถึงได้แปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันแบบนี้เล่า..

         "..อย่ามาพูดพร่ำว่าตัวเองควรจะตายอย่างนั้นอย่างนี้ คิดบ้างไหมว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไง คนที่รักคุณและได้ฟังคำนี้ " ใบหน้าเครียดขึงของชีคหนุ่มทำให้คาวัลโลชะงัก เสียงสะอื้นถูกเก็บเอาไว้ในลำคออย่างรวดเร็ว " ลุกขึ้นมาแล้วมาคุยกัน อย่าร้องไห้ อย่าเอาแต่โทษตัวเอง อย่าบอกว่าควรจะตาย อย่าพูดแบบนี้อีก.."

         "...ผะ...ผม...."

         " ผมรู้สึกยังไง รู้ไหม? " ฝ่ามือหนาจับปลายนิ้วเปียกชื้นแตะลงบนอกซ้ายของตนแรงๆ นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นฉายแววรวดร้าวไม่ต่างกัน นั่นทำให้คาวัลโลเบ้หน้า ก้อนสะอื้นแล่นมาจุกคอหอย แต่เขาก็พยายาม..พยายามกลั้นไว้อย่างสุดความสามารถ..

          " อย่าพูดว่าตัวเองสมควรตายอีก..."

         " มีอะไรก็บอกผม..เจ็บตรงไหนก็บอก ทรมารตรงไหนก็พูดออกมา อย่าร้องไห้แล้วเอาแต่ด่าตัวเอง..โทษตัวเอง เพราะคนที่เจ็บกว่าคือผมที่อยู่ตรงนี้ แต่ช่วยอะไรไม่ได้เลย.." ฝ่ามือหนาที่บีบเเน่นค่อยลดแรงลงและเปลี่ยนเป็นลมหายใจที่สูดลึก ดวงตาของชีคหนุ่มจ้องมองมาด้วยความรวดร้าว..และความห่วงหา ห่วงใยนัก..

      ..นั่น ทำให้ได้รู้ ว่าบัดนี้ความสุข และความทุกข์ของเขาส่งผลต่อใครอีกคนมากเพียงไร

         "...ผม....ขอโทษ " ริมฝีปากสั่นระริกแล้วปล่อยโฮ คาวัลโลเอื้อมมือไปหาร่างของคนรักที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เข้าไปหาอ้อมกอดที่คุ้นเคยของชีคหนุ่มอย่างรวดเร็ว หัวใจที่รวดร้าวด้วยความโศกเศร้าและความจริงที่ปรากฏแม้จะยังเจ็บปวด ทว่าอ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรักก็ช่วยรักษาเยียวยาได้เสมอ..

        ริมฝีปากเม้มแน่น เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความเศร้าสร้อยเสียใจที่ยังคงประเดประดัง..แต่ตอนนี้ต่างออกไป เพราะเขาได้รู้ว่ามีใครคอยอยุ่ข้างๆ และไม่ได้อยุ่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว.

       ..นิ่ง....นาน เสียงสะอื้นที่ถี่กระชั้นจึงแผ่วค่อยลง คาวัลโลซบหน้าลงกับแผ่นอกหน้า จ้องมองลวดลายของเส้นใยถักทอและอักขระโบราณบนเนื้อผ้าด้วยหัวใจที่ค่อยสงบลงอีกครั้ง...

        เวลาที่เขาโกรธ เสียใจ หรือกระทั่งโมโห โวยวายร้องไห้เหมือนคนบ้า ไม่มีใครเลยที่จะอยู่ข้างๆไม่มีใครรับมือกับพฤติกรรมงี่เง่าของเขาได้สักนิด..น้ำตาที่พรั่งพรู ความสียใจ กระทั่งอาการพึมพัมราวกับตกอยู่ในฝันร้าย ไม่มีใครทำให้มันหยุดลงได้เลย เขาอยู่คนเดียว เป็นแบบนี้และรู้สึกเช่นนี้คนเดียวมาตลอด..

          คอยปลอบประโลมตัวเองตลอดมาเวลาเศร้าเสียใจ เก็บเอาเรื่องราวทั้งหลายไว้และไม่เอ่ยปากพูด..เคยชินกับการทำแบบนี้เสียจนหัวใจด้านชา จนเอาแต่คิด...คิดว่าไม่เหลือใคร ไม่มีใครอยู่ข้างๆ คิดว่าตัวเองโดดเดี่ยวไม่มีใครใส่ใจอยู่เสมอ..

        ...ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้น ที่สุดแล้วเขาก็มีใครอีกคนคอยอยู่ข้างๆวับน้ำตาและปลอบประโลมหัวใจ..

      หากแต่รอยยิ้มที่เคยมีกลับค่อยเลือนหาย...ชะงัก และแน่นิ่งไปทั้งร่างราวกับเพิ่งลืมตาตื่น...ตื่นจากความฝันแสนหวานและตื่นจากความต้องการที่ไม่มีวันเป็นจริง..

      ร่างที่เคยโอบกอดอย่างแนบแน่น เอนกายผ่อนแนบร่างสูงพลันเกร็งแข็ง ฝ่ามือกำเสื้อคลุมของชีคหนุ่มแน่นขึ้น...ริมฝีปากสั่นระริก...

        ความจริงที่รู้...มันบ่งบอกไว่าไม่มีทางไหน ที่คาวัลโล วาลกัส จะได้อย่ข้างๆอัลชาอ์อีกแล้ว

       นั่นเป็นความจริงที่คาวัลโลนึกสมเพช...สมเพชนักหนา กับคนที่คิดว่าตัวเองเก่งกาจไม่แพ้ใคร คนที่คิดว่าตัวเององอาจยิ่งใหญ่และเหนือกว่าผู้คนทั้งหลาย..คนที่เดินหยียบหัวใจของผู้คน คนแล้ว..คนเล่า...

       คนสับปลับ...จอมโกหกและไม่มีความจริงใจให้ใคร..คนที่ตอนนี้พ่ายแพ้สิ้นหวังจนน่าสมเพช กำลังยืนอยู่ตรงนี้ และถูกโอบกอดปลอบประโลมโดยผู้ชายที่เขาสัญญาว่าจะรัก...จะอยู่เคียงข้าง จะไม่จากไปไหน..

    สมหายใจที่ผ่อนลงค่อยถี่กระชั้น..ก่อนจะชะงัก แน่นิ่งไปราวกับไม่อยากมีชีวิต..

       จะอยู่ข้างๆ...จะไม่จากไปไหน...

     ..คำสัญญานั้น ไม่มีวันเป็นจริง..

.................................................................

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 17-07-2011 23:31:04
 

     " เอาล่ะ ..." อัลชาอ์ลูบเส้นผมที่ชื้นเปียกเพราะรอยน้ำตาและหยาดเหงื่อของเจ้าแมวน้อยเบาๆ เอนตัวลงบนฟูกนอนหนา จ้องมองร่างของคนรักที่ขดตัวนอนแน่นิ่งอยู่เบื้องหน้า เสียงสะอื้นยังคงสะท้อนอยู่ในลำคอขาว ถี่กระชั้นเป็นบางคราหากแต่รอยน้ำตาและเสียงร่ำไห้ก็ไม่มีอีกแล้ว..นั่น ทำให้อัลชาอ์นึกเบาใจ...ได้เพียงเล็กน้อย..

     ...เพราะตราบใดที่ไม่รู้สาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหาของคนรัก..จะให้วางใจคงเป็นไปไม่ได้

           " เล่าให้ผมฟังได้ไหม ..ทุกสิ่ง ทุกอย่าง..." ฝ่ามือนั้นไล้ผิวแก้มอย่างอาดูร ส่งความอบอุ่นและกลิ่นอายของความห่วงใยผ่านมาด้วยปลายนิ้วและรอยยิ้มแสนจริงใจ คาวัลโลขดตัวเข้าหาร่างสูงของชีคหนุ่ม เขาร้องครางในลำคอเบาๆ กอดแนบร่างหนาด้วยความหวั่น...หวาดหวั่นกับการสูญเสียลึกๆ..

           "....คนดี....เงยหน้ามาคุยกันก่อน..." อัลชอ์ใช้ปลายนิ้วดันคางของเจ้าแมวน้อยให้แหงนเงยขึ้นและสบมองดวงตาของตน..นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่แดงช้ำคู่นั้นจ้องมองสบตา...แล้วค่อยหรุบลงช้าๆ..

           "....งั้นผมถามก็ได้....พวกเขาสองคน ที่มาที่นี่ เป็นใคร? ต้องการอะไร? รู้จักกันจริงรึเปล่า? "  คำถามนั้นทำให้คาวัลโลแม้มปากแน่น ก่อนที่มาเฟียหนุ่มจะถอนหายใจเบาๆ..

           " คนผมสีทองนั้นเป็นอาของผม...น้องชายของแม่.. ชื่อคลาร์ก ...คลาร์ก โรเซนเบอร์ก  "คาวัลโลเม้มปากแน่น นัยน์ตาหรุบต่ำลงยามเอ่ยปากเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มทั้งสองช้าๆ "  เมื่อก่อนเขาเคยเป็นพวกหัวรุนแรง...นีโอนาซีน่ะ แล้วก็มาเข้ารับราชการในกองทัพเยอรมัน เป็นคนเก่งมากเลยนะ...เป็นอาจารย์คอยสอนพวกศิลปะป้องกันตัว และเรื่องต่างๆให้ผมด้วย..."

           " อืม...." ชีคหนุ่มรับคำเบาๆ ...ฝ่ามือลุบเส้นผมสีทองอย่างรักใคร่..

           " ส่วนอีกคนเป็นเพื่อน...เพื่อนรุ่นเดียวกันที่คุณอาเขาเป็นคนสอนน่ะ หมอนั่นชื่อแกเร็ต เป็นลูกชายของคนในแกงค์..พ่อแม่เขาตาย พอไม่มีที่ไปคุณอาเลยรับเลี้ยงดู...ให้ติดตามป็นคนสนิท..." มาเฟียหนุ่มเอ่ยช้าๆ...ก่อนร่างที่นอนนิ่งอยู่จะค่อยขยับไหว...

           " อัลชาอ์..."

         " หืม? " ชีคหนุ่มรับคำช้า จ้องมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ค่อยเอ่อรื้น...ล้นไปด้วยหยาดน้ำใส

         " พี่ผม....พี่ผมถูกคุณลุงฆ่าตาย..." คำสารภาพจากปากของคนรักทำให้อัลชาอ์ชะงัก ใจหายวูบ เขาจ้องมองคนพูดด้วยทีที่ครุ่นคิดปนสงสัยไม่น้อย " ....เพราะ...เพราะผม...."

         "ชี่ย์....." ปลายนิ้วแตะลงบนริมฝีปากบวมช้ำ ดวงตาเขม้นมองแววตารื้นน้ำใสของมาเฟียกนุ่ม...จับจ้อง...ก่อนจะเอ่ยปากตักเตือน.. " อย่า...คิดว่าเป็นเพราะตัวเอง "

        " แต่....."

       " ...คนๆนั้นเป็นพี่ชายของคน คิดว่าเขาจะมีความสุขเหรอถ้าน้องชายตัวเองต้องมาทุกข์ทรมารแบบนี้ การโทษตัวเองมันไม่ต่างกับการเพิ่มทุกข์ให้คนตาย เพราะเอาแต่คิดไปว่าเราเป็นต้นเหต " ชีคหนุ่มวางฝ่ามือลงบนไหล่บางที่สั่นระริกของคนรัก บีบเบาๆให้กำลังใจคนที่กำลังว้าวุ่น...สับสน...

         " อย่าทำให้เขาเสียใจ ด้วยการทรมารและโทษตัวเอง...เข้าใจไหม? "

        "........" คาวัลโลเม้มปากแน่น ใบหน้าค่อยก้มลงช้าๆ จ้องมองฝ่ามือและปลายเท้าของตนเอง กลืนน้ำลายลงคอและเอ่ยปากเล่าเรื่องราวต่อ..

       "...เมื่อสามปีที่แล้ว...." นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองเหม่อ ครุ่นคิดยามนึกถึงเรื่องราวโศกนาฏกรรมที่ผ่านผัน " ก่อนผมจะได้ตำแหน่งจากพี่...พี่ชายผม...พี่ชายคนโตที่ ได้ตำแหน่งบอส แต่เขาไม่ต้องการ เพราะไม่ต้องการเลยเกิดเรื่อง  พี่ถูกตามล่าจากทั้งคนของตระกูลผมและของตระกูลอื่น...และสุดท้าย ผมก็เป็นออกไปจัดการเรื่องทั้งหมด..ทั้งรับตำแหน่งจากพี่...ทั้งตามล้างแค้นพวกศัตรูที่มาลอบกัด...ตอนนั้นผมยังโง่ ยังคืดว่าตัวเองเก่งที่สุดและไม่ต้องกลัวใคร..นั่นมันจึงเป็นต้นเหตุของเรื่องบ้าๆที่เกิดขึ้นนี่..."

          " ผมยกพรรคพวกไปตามล้างแค้นพวกหมาลอบกัด...ก็ไอ้พวกของฟิลิเป้ที่อยู่ในคุกใต้ดินไง แล้วก็พวกของราฟาเอลโร่ด้วย...ผมกับซิลเวีย เราร่วมมือกัน...เราวางแผนทำร้ายคนพวกนั้น ..." ชั่วครู่หนึ่งความขมปร่าของภาพอดีตและความรวดร้าวจากปัจจุบันที่มาซ้อนทับ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาจึงไม่พ้นลำคอและมีสภาพเป็นเพียงเสียงสะอื้น...คาวัลโลแม้มปากแน่นรู้สึกหัวใจวูบไหวไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย..

          ...นิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจลึก..เรี่ยวแรงที่หายไปกลับมามีอีกครั้งเพราะริมฝีปากหนาที่กระซิบปลอบประโลมและปลายนิ้วที่กอดไว้อย่างอ่อนโยน...       

        " ผมทำสำเร็จ...แต่เพื่อนของผมต้องตาย...เพื่อนสนิทที่ผมรักมากที่สุด...คนที่คอยอยู่ข้างๆคนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด...และมันตาย...ตายเพราะปกป้องผม..." คาวัลโลแม้มปากแน่น ใบหน้าบิดเขี้ยวด้วยความรวดร้าวขื่นขม กับภาพอดีตที่ยากจะลบเลือน...

          " ในคววามคิดของทุกคน...แม้กระทั่งผม จอร์จิโอ้ก็เป็นเพียงคนในแกงค์ เขาเป็นเด้กกำพร้าที่เรารับมาเลี้ยงดูและถูกเลี้ยงให้เป็นตัวตายตัวแทน เป็นบอดี้การ์ดที่มีหน้าที่ปกป้องผมด้วยชีวิตอยู่แล้ว...มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนตาย มันไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไรที่ต้องสละชีวิตเพื่อป้องกันคนที่สำคัญกว่า...แต่.....แต่ผมไม่เคยรุ้...ไม่เคยรู้ ว่าความจริงแล้วมันเป็นใคร....."

           " คาวัลโล? "ชีคหนุ่มขมวดคิ้วเอื้อมมือลูบรอยน้ำตาที่หยดลงมาบนผิวแก้มของคนรักด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ปนครุ่นคิด ด้วยลางสังกรณ์ที่เคลื่อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว..

   ...หรือ....จะต้อง...

            "...จอร์จิโอ้เป็นลูกชายของลุงผม...เขาเป็นลูกนอกสมรสของบอสคนปัจจบันของแกงค์วาลกัส คนที่เป็นลุงของผม...คนที่ผมได้รู้...รู้ในที่สุด .ว่าทำไมเขาถึงไม่ต้องการผม...ทำไมผมถึงต้องตกหลุมพรางที่ไม่น่าเป็นไปได้...ผมรู้แล้ว....." สิ้นคำมาเฟียหนุ่มก็หัวเราะ...หัวเราะเยาะหยันโชคชะตาและเรื่องราวทั้งหลายออกมาแผ่วเบา ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นไห้...แล้วร้องไห้โฮ

         ...ชีคหนุ่มกระพริบตาอย่างเชื่องช้า อ้อมแขนหนากอดรัดร่างบางไว้พร้อมๆกับสมองที่แล่นฉิว ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด...

             ...ลูกชาย...ไปปกป้องคนๆนึงจนเสียชีวิต สำหรับคนเป็นพ่อ ไม่ว่าลูกจะทำมันด้วยเจตนาใด ความขัดแค้น เคืองโกรธก็ย่อมจะมีอยู่แล้ว...

          ลุงของคาวัลโลที่เป็นบอส มีลูกนอกสมรสที่บอกใครไม่ได้ จนต้องแฝงตัวอยู่ในชื่อของเด็กกำพร้า เมื่อเด็กคนนั้นตาย ความผิดย่อมตกไปอยู่ที่คาวัลโลอย่างไม่ต้องสงสัย 

      นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไม...ทำไมคาวัลโลถึงได้ถูกล่อมาติดกับดักตื้นๆ และทำไมถึงพลาดท่าอย่างง่ายด้วย รวมทั้ง...สาเหตุที่"ไม่ต้องการ"คนรักของเขาในตำแหน่งบอสอีกต่อไป

    ไม่ใช่แค่ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ แต่เป็นเพราะไม่ต้องการมาตั้งแต่แรกแล้ว...

             "...แล้วลุงยังฆ่าพี่ผม.....ลุงกำลังวางแผนจะฆ่าพ่อแม่ผมอีก..." คาวัลโลส่ายหน้าแรงๆราวกับรับความจริงที่โหดร้ายไม่ไหว มาเฟียหนุ่มซุกใบหน้าจมคราบน้ำตาลงบนแผ่นอกของคนรัก สะอื้นไห้ออกมาให้สาแก่ใจ

      อัลชาอ์หรี่ตาลง...จ้องมองภาพน้ำตานองหน้าของคนรักด้วยความเจ็บปวด...รวดร้าวไม่ต่างกันนัก..

       คนที่ทำร้ายได้เจ็บปวดที่สุดคือคนใกล้ชิด เสี้ยนหนามที่ถอดยากที่สุดและทำใจยากที่สุดคือสิ่งที่เรียกว่าคนในครอบครัว
 เจ็บปวดรวดร้าวแค่ไหน ผิดหวังกับสิ่งที่เกิด ผิดหวังกับเหตุและผลที่มาของมัน..รู้สึกเช่นใดตนเข้าใจดี...

        อัลชาอ์ยกมือลูบศรีษะเจ้าแมวน้อย...กอดร่างที่สะอื้นสั่นไหวไว้ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด..

   ไม่ว่าอย่างไรคาวัลโลก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุไม่ถึงยี่สิบ ที่ไม่ได้เผชิญกับโลกภายนอก การถูกทรยศเช่นนี้คงปวดร้าวเกินกว่าใจจะรับไหว..

  อีกทั้งการเสียคนในครอบครัวไป...การถูกทำร้ายจากคนใกล้ตัว ทุกสิ่งที่ประเดประดัง ใครๆก็มีสิทธิล้มได้ทั้งนั้น...

   ...แต่สิ่งที่ชีคหนุ่มครุ่นคิดมากกว่าปัญหาของของคนรัก คือการมาถึงของคนสองคนที่เป็นญาติ และเรื่องราวที่พวกเขาจะทำต่อจากนี้ต่างหาก..

  อัลชาอ์จ้องมองร่างที่กอดตนเอวไว้แน่นด้วยสีหน้าลำบากใจไม่บอกก็รู้...ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...ต่อจากนี้

....ตอนจบ...ใกล้จะมาถึงแล้วงั้นหรือ?

ชีคหนุ่มกระพริบตาช้าๆ ควาเจ็บปวดที่เเเสนจะเคยคุ้น ที่ได้โบกมือลามันเพียงไม่นานเริ่มแล่นวาบเข้าสู้หัวใจช้าๆ...

  ..พิษร้ายแรงของความรัก การพลัดพราก ความเจ็บปวดค่อยซึมลึก..และกำลังส่งผลอีกครา..ทั้งทวีความรุนแรงกว่าเดิม...มากมายนัก

ไม่ได้สัมผัสความรักว่าทรมารแล้ว หากแต่เมื่อพบมัน ได้เข้าใกล้สัมผัสชิดเชย กลับต้องมาละมือออก ผละจากและตัดใจหันหนี...เจ็บยิ่งกว่า..

เดิมพันที่ทิ้งไว้กับคำสัญญา คำพูดของคาวัลโล วาลกัส เริ่มสั่นคลอนและใกล้จะพังทลาย...

เดิมพันสูงสุดทีที่ทิ้งไว้กับหัวใจ...พลาด....ก็คงไม่แคล้วขาดใจตายเข้าสักวัน..

เขาได้พนันหัวใจไว้กับความเชื่อมั่นในตัวคนๆหนึ่งเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว


         " อัลชาอ์...." น้ำเสียงเอ่ยพูด พัมพัมเสียแผ่วเบาปนรอยสะอื้นไห้ ดังขึ้นจากริมฝีปากของคนรักคาวัลโลค่อยปาดเช็ดน้ำตาที่เอ่อไหล จ้องมองใบหน้าและดวงตาของคนรักอีกครั้ง..

       ฝ่ามือที่เคยกำแน่นผละจาก อ้อมกอดที่เคยกอดรัดค่อยห่างไกลออกไป ต่างฝ่ายต่างนิ่ง จ้องมองใบหน้าของกันและกันผ่านความเงียบที่ลอยอวลอยู่ในบรรยากาศ..

   เราต่างรู้ดีว่าอะไรกำลังจะมาถึง...

    คาวัลโลกระพริบตาช้าๆความนัยน์และความเจ็บปวดที่ส่งมาโดยไร้คำพูด จากสายตาของอัลชาอ์ทำให้ชายหนุ่มสะอื้นสั่น  นัยน์ตาที่แดงก่ำ เริ่มมีน้ำตาไหล...แน่นอนว่าคราวนี้คนที่เช็ดมันก็มีแต่เขา...ตัวเขาเพียงคนเดียว...

       "...ผมมันคนสับปลับ...คนขี้โกหก...กลายเป็นคนแบนนี้ไปจริงๆแล้ว...ใช่ไหม? "

          "......"ชีคหนุ่มนิ่งงัน ไม่ตอบคำ...

        " ...ผมรู้ คุณเข้าใจดี...ว่าเราต้องทำอะไร ผมรู้ดี...คุณก็เห็น ว่าอะไรจะเกิดขึ้น..." มาเฟียหนุ่มเอ่ยช้าๆ ปากเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบข้างแก้มด้วยแววตาที่เริ่มแปรเปลี่ย่น จากสั่นไหว ...ค่อยแน่วแน่ และเด็ดเดี่ยว...


        " ผมจะกลับไป อัลชาอ์.."

         "..........."

          "......และจะกลับมาเช่นกัน "


          " เพราะฉะนั้น..." คาวัลโลเอื้อมมือทั้งสองข้างกุมมือของชีคหนุ่มไว้แน่น...ฝ่ามือของเขาสั่นระริก ฝ่ามือของอีกฝ่ายอุ่นจนร้อนหากปลายนิ้วเย็นชืดดูแตกต่าง ...มาเฟียหนุ่มสุดหายใจลึก จ้องมองดวงตาคู่เดิมที่เคยคุ้น ก่อนจะบีบมือทั้งสองข้างแน่น..


         " ได้โปรดเชื่อใจผม และเชื่อในคำพูดของผมอีกครั้งด้วยเถอะ "

               สิ้นคำ...ริมฝีปากบางจึงจรดแนบฝ่ามือหนา คุกเข่าประทับรอยจุมพิตดั่งคำสัญญากับชายหนุ่มที่ตนเองผูกพันมากกว่าใคร...

....ได้โปรด...

เชื่อใจ และให้โอกาสอีกครั้ง...


...............


อ่าาา :m15:
ช้ามาก บกจะอัพมาแล้วก็ไม่อัพ เค้าขอโทษจริงๆ T T ไม่ได้ตั้งใจหลอกเน้อ แต่ไม่ไหวจริงๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยสบายมึนๆมาสองสามวันแล้วเลยทำอะไรไม่ได้ดั่งใจไปหมด กำหนดการที่วางไว้เละทะเเสียหาย ขอโทษทุกคนที่อุตส่าห์เข้ามารอด้วยนะคะ หวังว่าจะไม่โกรธกันน้า :sad4:
ส่วนตอนนี้...อเล็กเซย์ไม่ตาย ก็นั่นล่ะ(แค่ีวาดรูปหลอกชาวบ้าน55/  :z6:) ที่ผ่านมาโหดร้ายกับเซย์ที่รักมามากแล้ว แต่อุปสรรคทั้งหมดก็ยังอยู่ที่ซิสอยู่ดี...
ตอนนี้แอบชอบฉากกอดกันของซิสกะคาร์โล ยังไงก็พี่น้องนี่เนาะ
ส่วนคาวี่ก็..อ่า นั่นล่ะ มันก็ถึงเวลาแล้ว...เรื่องราวที่ควรจะเป็นก็มาวัดกันสิ ว่าเราจะเชื่อใจกันได้แค่ไหน.รู้สึกคาวี่จะแมนแข่งกับท่านชีคยังไงก็ไม่รู้(ในตอนท้าย  :laugh:)
ปอลิง.. รักสเนปรักสเนป รักสเนปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป :m15:
ปอลิงสอง. แบดกายยังไม่มีกำหนดอัพแน่นอน คาดว่าไม่เกินสองวันนี้(มั้ง)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 36 พบกันอีกครั้ง 5/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: นนพี ที่ 17-07-2011 23:32:30
 :m15: เจ็บปวด :sad4:
มันอึดอัดๆๆๆๆแงๆๆๆๆๆๆๆหายใจไม่ทั่วท้องเลยอ่าาาา
 :z10:

ขอบคุณคร่าาา :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 17-07-2011 23:49:17
แง้ววววววววววว มาม่าชามใหญาสุดๆ โถ อัลชาร์จ๋า มาซบอกป้ามา น่าสงสารจัง

ปล.ไม่สบายก็พักผ่อนเยอะๆน๊า ไม่ต้องห่วงทางนี้มาก พักผ่อนให้เตฝ้มที่ สบายดีแล้วค่อยมาต่อตอนสองตอนก็ได้จ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 18-07-2011 00:14:02
กรี๊ดด ดีใจจ อเล็กน้อยยังไม่ตายย  :man1: แถมยังมาวาดรูปหลอกกันอีกแหนะ :angry2: :z3:
ขอให้เรื่องนี้จบแบบมีความสุขน๊า ไม่เอาดราม่า ไม่อ๊าวว...

อยากบอกว่าแอบจิ้น+ช๊อบชอบ ตอนพี่กอดน้องชายอะ :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 18-07-2011 00:22:22
มาต่อทีไร ยาวววววววววววววววววววว

ได้ใจมากค่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 18-07-2011 00:28:31
รักเค้า ก็ปล่อยเค้าไปเถอะ
นิยายเรื่องนี้จะได้ปั่นต่อได้ (เจ้ย เวนละเก่วอะไร อ๊ะล้อเล่งง)
555555 แหมก็เห็นบรรยากาศซีเรียสง่ะ อ่านแล้วปวดหัวตึ๊บๆๆ
งืมมมมม อัลชา คงต้องปล่อยคาวี่ไป
ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ๆตัวเองจะต้องรับผิดชอบนี่เนอะ
มันเป็นโอกาสดีนะที่จะทำให้แมวเหมียวได้พิสูจน์ตัวเอง...
ว่าจะกลับมาจริงรึเปล่า 
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 18-07-2011 00:40:17
อ่านตอนนี้แล้วหายใจไม่ทั่วท้อง แต่ว่าเรื่องที่ต้องสะสางยังไงก็ต้องทำ
อืม... เดิมพันครั้งสุดท้าย น่าตื่นเต้นมากๆ อยากเห็นฉากบู๊เลือดสาดจังค่ะ o18
 :กอด1:คนเขียน ดูแลตัวเองเยอะๆด้วยน๊าาาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 18-07-2011 01:18:24
ดีใจที่เซย์ยังอยู่ แต่สงครามของครอบครัวยังมี เครียดจังตอนนี้

น้องคาวี่ก็ทำท่านชีคช้ำใจอีกแล้ว แต่คงต้องให้ชีคอัลชาเชื่อใจคาวี่อ่ะนะ

 :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 18-07-2011 01:29:34
ดีใจที่เซย์ไม่ตาย แต่กินมาม่าจนจุกไปเลยเพราะคาวี่กับอัลซาร์  :o7: :o7: :o7:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 18-07-2011 01:34:17
อ่านตอนนี้แล้วเครียดสงสารทั้งอัลทั้งคาวี่ ถึงเวลาที่ต้องพิสูจน์ความรักและความเชื่อใจแล้ว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 18-07-2011 02:12:42
อ่านต่อกันมา 14 ชั่วโมงแล้วยังไม่จบ ปวดตามาก
แต่ขอบอกว่า"สนุก" มากค่ะ ชอบ ๆๆ แ้ล้วจะมา่อ่านต่อนะคะ ไม่ไหวแ้ล้ว ง่วงมากค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: ppmayuree ที่ 18-07-2011 05:10:34
ดีใจ...ที่ยังไม่มีใครตาย
ดีใจ...ที่ได้อ่านต่อ ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 18-07-2011 09:11:50
ลุ้นได้อีกว่าอเล็กจะทำยังไงต่อไป

แงๆ คาวี่จะไปแล้ว สงสารชีคอ่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 18-07-2011 10:08:49
ต้องกลับมาน่ะ คาวี่ TT

กลีบมาหาท่านชีด ให้ได้น่ะ

ปล. เซย์ ยังไม่ตาย ดีใจ กรี้ดๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 18-07-2011 10:30:38
จริงๆอ่านจบตั้งแต่เมื่อคืนแต่ขอนอนทำใจก่อน
อ่านตอนนี้มีหลายมุมมองและอารมณ์มากเล่นเอาปวดเครื่องในเล็กๆเบาๆ
ชอบอารมณ์ของคุณพี่ซิสกับคาเนโลมีบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกว่า วากัสเป็นครอบครัวที่รักกันมากจริงๆ
ส่วนด้านเซย์ดีใจที่ยังไม่ตายแต่อารมณ์แบบทำมายลุงแกใจร้ายยังงี้นะ
คู่สุดท้ายอันนี้ไม่ต้องบอกอ่านแล้วเหมือนตัวเองเป็นอัลชา หรือไม่ก็นู๋คาวี่  :m15:
เข้าใจความคิดทั้งคู่ แต่อยากให้อัลชาเชื่อใจคาวี่อีกซักครั้ง แล้วก็หนูคาวี่เริ่มรู้ตัวว่ารักท่านชีคแล้วรึเปล่า?
ยังงัยก็อยากให้ผ่านบทพิสูจน์ความรักนี้ไปให้ได้อ่ะนะ
สุดท้ายคุณปุ้ยรักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ พักผ่อนเยอะๆอนุญาตให้ท่านชีคไปดูแลได้
ยังงัยๆคนอ่านก็รอได้อยู่แล้ว ขอบคุณสำหรับตอนนี้มากค่า รอตอนต่อไปจ้า  :กอด1:
ปล.รีบไปหาอะไรบำรุงเครื่องในกิน ก่อนตอนต่อไปจะมา   :really2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 18-07-2011 11:30:43
เศร้าแทนอัลชาร์ค่ะ
ต้องห่างกันอีกแล้ว
 :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 18-07-2011 11:51:30
หายป่วยไวๆ นะ  เป็นห่วงคาวี่จริงๆ แล้วท่านชีคจะต้องรอนานแค่ไหนเนี่ย +1
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: raphaello ที่ 18-07-2011 11:55:34
คาวี่จะได้กลับมาใช่มั้ย อัลชาต้องเข้าใจคาวี่ใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: beer ที่ 18-07-2011 12:07:14
อ่านแล้วบีบหัวใจมาก

เรื่องจะเป็นยังไงต่อไปไม่อยากจะคิดเลย :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 18-07-2011 12:14:59
ในที่สุดก็อ่านจนทันแล้ว
สงสารท่านชีคกับคาวี่มากมาย
อ่านไปก็อึดอัดทีเีดียว ทำไมทุกอย่างมันถึงได้มะรุมมะตุ้มรุมรักกันขนาดนี้
หวิวๆแทนสองแฝดจริงๆ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: kittyfun ที่ 18-07-2011 12:19:43
โอย ดีใจที่สองแฝดยังอยู่รอดปลอดภัย

ลุ้นกันต่อว่าเรื่องจะคลี่คลายลงอย่างไร
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: แมวอัดกระป๋อง ที่ 18-07-2011 12:22:43
สองตอนหลังอ่านยากมาก อาจจะเป็นเพราะเป็นฉากสู้กันด้วย แต่ยังชอบแนวนี้อยู่นะค่ะ เราอาจจะมีสมาธิในการอ่านไม่พอเองก็ได้ :z3: :z3: :z3:

เป็นกำลังใจกั๊บ :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: nootnoot ที่ 18-07-2011 12:44:33
สงสารคาวี่อ่ะ พี่ก่ะตายยังต้องมาแยกจากคนรักอีก เศร้าอ่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: คนของเธอ ที่ 18-07-2011 13:58:51
โอยยย ปวดตับ หนึบๆ   :m15:
แต่ก็ดีแล้วนี่ค่ะ ที่เซย์ยังไม่ตาย แต่ในอนาคต ถ้าอเล็กซิสฆ่าอิตาลุง เซย์ก็ตาย แต่ซิสกำลังโกรธ มันจะห้ามตายได้เหรอเนี่ย
อิตาลุงใจร้าย เลือดเย็น สมแล้วที่ไม่เหลือใคร ยิ่งใหญ่แต่ไม่มีใคร มันจะมีความสุขเหรอว้า   :angry2:
คาวี่ ขอให้ท่านชีคเชื่ออีกครั้ง รู้อยู่แล้วว่ายังไงคาวี่ก็ต้องกลับไปสะสางบัญชีแค้น
สองหนุ่มที่อยู่ในคุก คุก เป็นยังไงบ้างเนี่ย  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 18-07-2011 14:37:41
ปวดตับ ชาไต ช้ำเซี่ยงจี้..

ทำไมถึงทำกับฉันด้ายย~
 :o12:

ปล. รีบน สงสัยสองหนุ่มนั่นคงกินกันไปเองแล้วมั้ง คึคึคึคึ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 18-07-2011 15:31:48
โอย ปวดตับจริงๆ :sad2:
แถมยังบีบคั้นหัวใจคนอ่านอีก :o7:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: l2ockyou_l3ody! ที่ 18-07-2011 15:58:29
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ  :sad4: :sad4:  :m15: :m15:

น้ำตาหยด ติ๋งติ๋ง.


เชื่อเขาเถอะ พี่อัลฯ  :sad4: :sad4:


 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: eddiam ที่ 18-07-2011 16:25:34
เป็นห่วงอเล็กเซย์มากมาย  อย่าเป็นอะไรไปน๊า please!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 18-07-2011 18:51:49
อ้ากกก ค้างอย่างแรง แต่ตัดสินใจดีแล้วที่กลับไป ไปสะสางปัญหาให้หมดแล้วค่อยกลับมา
มาหาอัลที่รัก หึหึ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: crosa ที่ 18-07-2011 19:13:05
โอ้ยยยยยย
เจ็บปวดที่สุด
สงสารทุกคน
แต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเอง
แต่สงสารอัลชามากๆYOY<-----รักคนนี้ม๊ากมาก อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 18-07-2011 20:30:26
ก่อนอื่น ดีใจเว่อเว่อ อเล็กเซย์ยังไม่ตายจริงๆด้วยยยยย  :mc4:
ต่อมา เสียใจ ฮือออออออ เดิมพันอะไรกันอีกแล้ววะเนี่ย ไม่อยากให้มีใครเป็นอะไร
สุดท้าย เอ้อ อัลชาอ์จะปลอบเจ้าเหมียวนี่ต้องสั่งทุกที ร้องไห้เป็นเผาเต่าทีไรไม่ค่อยจะเห็นว่าใครอยู่ข้างๆทุกทีอ่ะคาวี่
อัลชาอ์อยู่ข้างตลอดๆ อย่าลืมสิ c;

ปอลอ. ฮืออออออออออออออออออออออออออ ป๋าสเนปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป  :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: bleach_pa ที่ 18-07-2011 20:30:59
ทำไมเรื่องนี้มันบีบคั้นแบบนี้  :z3:
สงสารทุกคนไปหมด  :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: pigrabbit ที่ 18-07-2011 21:33:37
 :เฮ้อ: โล่งใจที่เอล็กเซย์ของเรายังไม่ตาย
ตอนนี้สงสารคาวี่อะ มีแต่เรื่องร้ายๆ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 18-07-2011 22:10:45
หนัก  หนักมากๆ
อึดอัด  กดดัน  หัวตื้อไปหมด
มันคือความรู้สึกหลังจากอ่านตอนนี้
มันหลากหลายบรรยายไม่ถูก
แต่โดยรวมคือ มันหนักไปหมด
ขอให้ผ่านช่วงมรสุมใหญ่นี้ให้ได้ไวๆทีเถอะ
คนอ่านเครียดดดด ค้า~ :z3:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 19-07-2011 00:07:24
เชื่อคาวี่เสมอ ถึงจะโกหกก็จะเชื่อ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 19-07-2011 00:15:17
           " คนผมสีทองนั้นเป็นอาของผม...น้องชายของแม่.. ชื่อคลาร์ก ...คลาร์ก โรเซนเบอร์ก

น้องชายของแม่ น้าไม่ใช่หรอคะ ^_^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Vvenus ที่ 19-07-2011 04:02:26
อ่า...ต้องขอโทษก่อนนะคะที่เพิ่งต้องคอมเม้นท์เนื่องจากเพิ่งกดเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้
ตอนประมาณเกือบๆ5โมงเย็นของวัน18/7และเพิ่งอ่านตามทันเมื่อเวลาไม่นานมานี้เองค่ะ

อยากจะบอกว่าเป็นนิยายที่ให้ความรู้สึกว่าเหมือนตัวเองกำลังดูหนังแอคชั่นปนโรแมนติกอยู่ยังไงยังไงเลย
ทุกๆตอนตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบันมันเป็นการเล่าเรื่องที่ไม่มีอะไรมาคั่นจริงๆ สนุกและไหลลื่นมากๆ !
ทั้งนิสัยของตัวละคร ภาษาที่ให้พูด หรือแม้กระทั่งเรื่องราวของความเชื่อทางศาสนา...
ที่คนแต่งนำมันมารวมกันได้แบบลงตัวสุดๆ !! ขอย้ำอีกครั้งว่านิยายเรื่องนี้สนุกๆจริงๆ อ่านแล้วหยุดไม่ได้เลย^^
ลุ้นมากทุกๆตอน แต่ก็แอบหวานมากตอนที่คาลยอมเปิดใจยอมรับความรู้สึกของเฮียอัลชาอ์ >//<
แถมยังบทสวีทของลูกแมวน้อยอีก โอ๊ยยยย....ชอบเรื่องนี้ค่ะ !!

++ดีใจมากที่ฝาแฝดยังอยู่ แอบซึ้งไปกับคำว่า 'พี่น้อง' ของตระกูลนี้จริงๆ !
ไม่อยากจะคาดเดาตอนจบหรือตอนต่อไปเลยจริงๆนะคะเนี่ย รู้แต่ว่า หวังว่าคาล...จะกลับมา..

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ และจะติดตามเรื่องนี้ต่อไปค่ะ !!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 19-07-2011 12:07:07
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 19-07-2011 16:52:40
เลิฟฟฟ

คาวี่ TT
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: taroni ที่ 19-07-2011 17:38:30
ตามอ่านทันแล้ว  ชอบเรื่องแนวนี้  :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 19-07-2011 23:05:07
ให้โอกาสคนอื่นเหมือนให้โอกาสกับตัวเองนะ อัลชาห์
แต่โอกาสไม่ได้มีให้บ่อยเสมอไปนะ คาวี่ :z3: :z3:
ถ้าให้ครั้งสุดท้ายคงไม่เป็นไรมั้งนะ :เฮ้อ:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 19-07-2011 23:38:45
คาวี่ไปแล้วรีบกลับมานะ
สงสารอัลชาร์ ถ้าต้องอยู่คนเดียวนานๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 20-07-2011 00:09:53
ยิ่งกว่า เพลง ฉากเรียกน้ำตา อีกอ่ะ


โอ้ยยย ย   เรื่องถึงจุดแปรเปลี่ยนแล้ว ว ว ว   สงสาร คาวี่ มาก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 21-07-2011 12:25:54
สงสารอัลชาล์อ่ะ ฮือๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaEwA ที่ 22-07-2011 04:09:36
 :sad4: โนนนนนวววว โนววววว....มาม่ามันมาจิงๆ มาลังใหญ่มากๆ

  " ผมจะกลับไป อัลชาอ์.."  :a5: อ่านแล้วช็อก

สงสารทั้งคู่เลย ในที่สุดสิ่งที่เลี่ยงมาตลอดก็หนีไม่พ้น คนแต่งจัดหนักเลยค่ะ ให้คาวีกลับไปแล้วยิงให้หมด บู๊ดุเดือด แล้วรีบกลับมาหาชีคคคคค แงงงงงง :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: ammer ที่ 22-07-2011 04:48:26
คือดีใจนะที่อเล็กเซย์ยังไม่ตาย แต่ว่าต่อจากนี้ไปสิ จะน่าเจ็บปวดกว่ามั้ย :o12:
แล้วชีคกับคาวี่จะได้กลับมาอีกครั้งตามสัญญามั้ย  เครียดอ่า :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 22-07-2011 22:02:43
อ่านยาวรวดเดียวทั้ง37ตอน
เนื้อเรื่องสนุกทั้งสองเรื่องทั้งแบดกายแล้วก็เรื่องนี้
มีอารมณ์คบทุกรูปแบบอ่านแล้วอินจัด
ถึงบทเศร้าน้ำตาเล็ดเชียวแหละ
ขอบคุณและให้กำลังใจคนเขียนเพื่อจะได้มีผลงานดีๆ
ออกมาให้คนอ่านๆเสพต่อไปเรื่อยๆนะคะ
ที่สำคัญคือรอตอนต่อไปชักอยากรู้การตัดสินใจของอเล็กซิสซะแล้วสิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 23-07-2011 00:25:24
วร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก...สวดยอดเลยลูกเพ่!!!!!!!
อินส์มากกฮะ
...มันมันส์ ดราม่า บู๊สุดสุด!
ชอบจริงไรจริง^^
ปล.เค้าก้รักสเนป เป็นปลื้มกะพี่แกมาตั้งแต่แรกเลย ตอนจบ..ไอ แอม อะ แซด.
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 24-07-2011 07:03:00
มาแอบดู  :z2: 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: kisssky ที่ 24-07-2011 22:19:13
ตามมาอ่านที่นี่เลย อิอิ
ถึงอเล็กเซย์จะยังไม่ตาย แต่มันก็มีเรื่องให้ต้องลุ้นกันอีก
ส่วนเหมียวน้อยคาวีพักหลังมานี่บ่อน้ำตาจะตื้นนะ ลูกอ้อนเยอะ
ท่านชีคจะเชื่อใจน้องเหมียวมั้ยอ่า เห็นใจท่านชีคจังเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 26-07-2011 01:15:28
เข้ามาช่วยดันคับตกไปหลายหน้าเลย


อัพด่วนนนนน :oni3: :oni3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaEwA ที่ 26-07-2011 05:59:38
 o18 o18 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 26-07-2011 13:29:06
คาวี่กับคนเขียนหาย  :o12:
ตามหาด่วน! คิดถึงมากอ่ะ :z3:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 26-07-2011 20:18:48
อ๊ากกก   :sad4: :sad4:
ไม่นะ   คาวี่กับซีคไม่นะ   ใจหายวาบพอคาวี่บอกจะไป ดีใจที่คาวี่บอกจะกลับมา 
อย่าให้สองคนี้พรากจากกันนะ  ไม่ยอมๆ
ประทับใจฉากคาร์โลกับพี่ใหญ่มากมาย  แอบจิ้นให้สองคนั้นคู่กันนิดๆ
ดีใจที่แฝดคนรองยังไม่ตาย  อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: lvlelody ที่ 28-07-2011 02:06:41
รู้สึกว่าอิตาคุณลุงเป็นคนที่ไม่ควรค่าแก่การให้อภัยเลยล่ะค่ะ =A= ปากก็เรียกร้องว่าคนอื่นจะนึกถึงสัมพันธ์ครอบครัวมั้ย แต่ตัวเองไม่เคยนึกถึงเลยสักนิด

สงสารเซย์สุดที่รักจัง T^T ดราม่าไม่เลิกสักที ฮือออออออออออ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 28-07-2011 11:52:15
กรี้ดดดดดดด   :-[ :-[ :o8: :o8: :o8: :o8: :impress2: :impress2: :impress2:

ตอน 37 แล้ว

 :o12: :o12: :o12: :o12:
จะ รีบ สอบ ติด แล้ว จะ รีบ มา ตาม อ่านนนน    :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 29-07-2011 00:26:08
อ่านทันคนอื่นแล้ว 

ต้องชมนักเขียนว่า เจ๋งจริงๆ การดำเนินเรื่อง ไม่เนิบนาบ มีปมต่างๆให้คิด

แต่จะบอกว่าชอบมากคือ คาร์โล  อยากให้มีบทเด่นๆอ่ะ และแอบเดาไว้ว่า คาร์โลนี่แหล่ะที่จะเป็นบอสคนต่อไป
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 29-07-2011 01:39:55
Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก


      ตะเกียงโบราณทำจากไม้เนื้อดีฉลุเป็นลวดลายสดสวยตามแบบศิลปะอิสลาม นอนกลิ้งโค่โร่อยู่บนโต๊ะไม้เตี้ยๆในสภาพไร้แสง หลอดแก้ว ชิ้นส่วนต่างๆถูกประกอบเข้ากัน ทว่าวงจรไฟก็ใช่จะกลับมาใช้ได้ตามปกติเช่นเดิม ทำให้ภายในกระโจมเหลือแสงสว่างสลัวเลือนรางจากจุดเดียวคือตะเกียงที่แขวนอยู่ด้านบนสุด คาดว่าหากสามารถเอื้อมถึงและเป็นตะเกียงรูปลักษณ์แปลกใหม่น่าสนใจอีกสักหน่อยมันก็คงไม่เว้นถูกคว้ามาชำแหละด้วยตัวการที่ตอนนี้กำลังนั่งเช็ดถูประคบประหงมปืนสั้นสุดที่รักของตนเป็นแน่แท้ๆ

       แกเร็ต เคย์หยิบตะเกียงที่ดับแสงนั้นมาสำรวจดูคร่าวๆด้วยหัวคิ้วที่ขมวดมุ่น พยายามหาว่ามันมีส่วนไหนที่บุบสลายหรือผิดปกติเผื่อจะได้แก้ไขให้มันสามารถกลับมาใช้งานให้แสงสว่างอีกครั้ง เนื่องจากแสงสลัวๆที่ได้มันไม่เพียงพอต่อการมองเห็นของตนเองสักเท่าไหร่..

      " คุณเคยอยู่นิ่งๆโดยไม่ทำความเสียหายสักวันไหม? " ไม่ว่ายังไงก็หาร่องรอยแก้ไขไม่เจอ จึงสถบออกมาอย่างสุดกลั้น ทว่าคำบริภาษของตนนั้นไม่กระเด็นเข้าหูของชายวัยกลางคนผู้กำลังผิวปากหวือสักนิด..

      " ..จะเอาตะเกียงไปส่องดูขี้อูฐรึไง? " อาเป็นอย่างไรหลานก็เป็นอย่างนั้น เชื้อไม่ทิ้งแถว ปากจัดกัดจิกได้เจ็บแสบไม่แพ้กันจนน่าปวดหัวนัก

      " เอาไปส่องหาเศษสมองของใครบางคนที่ทำตกไว้รายทางน่ะสิ " พ่นลมหายใจด้วยความหน่ายระอาเกินจะสงบสติอารมณ์ แกเร็ตมองเห็นหัวคิ้วคนฟังกระตุกวูบแล้วผ้าสะอาดที่ใช้เช็ดปืนนั้นก็ปลิวหวือมาหา ต้องบอกว่าดีนักหนาที่ปืนไม่ได้ลอยตามมาด้วยมากกว่า

       " มีอะไรก็พูด อย่ามาอ้อมค้อม น่ารำคาญ ! " พอเถียงไม่ออก ไม่โวยวายกลบเกลื่อนก็เปลี่ยนเรื่องไม่ยอมรับผิดแบบนี้เสมอ แกเร็ตนึกสงสัยตัวเองมากกว่าหนึ่งครั้ง ว่านอกจากชายคนนี้เป็นผู้ที่คอยเลี้ยงดูมาหลายปีแล้ว มีสาเหตุอะไรที่ทำให้เขาต้องมาคอยรับใช้ รองมือรองเท้าลุงแก่อายุสามสิบกว่าคนนี้อีก

       " ดีแล้วเหรอที่ทำแบบนี้... " เมื่ออีกฝ่ายเปิดประเด็นมาเขาก็โต้กลับ แน่นอนว่ายามนี้สิ่งที่รบกวนจิตใจคงไม่พ้นเรื่องของชายหนุ่มที่ถูกวางตัวไว้ในตำแหน่งบอส คนที่เป็นหัวหน้าในอนาคตอันใกล้...คนที่ตอนนี้...บอกว่าจะไม่กลับไปและคนที่เพิ่งมีเรื่องพูดคุยกันเคร่งเครียดและกลับออกไปด้วยสภาพใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  " คุณพูดแรงเกินไป..และเขาไม่ชอบถูกบังคับ คุณก็รู้ดี "

       " .จะอ้อมค้อมไปทำไม? พูดยังไงความจริงก็ไม่เปลี่ยนไปอยู่ดี... " คนพูดพ่นลมหายใจออกจากจมูกช้าๆ แต่เหตุผลที่เหมือนไม่ใช่เหตุผลนั้นชวนปวดหัวจี๊ด

       " ....ถ้าเขาไม่กลับ...." เกริ่นเบาๆด้วยท่าทีลังเลไม่น้อย เคยแน่ใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี แต่วันนี้เมื่อได้พบเจอเพื่อนสนิทอีกครา สัญชาติญาณลึกๆกำลังกระซิบบอกแกเร็ตว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว

       " ..กลับ " คนพูดโยนปืนสุดรักประจำกายมาให้ แล้วทิ้งตัวนอนลงบนที่นอนอย่างรวดเร็ว ท่าทีไร้ความกังวลเช่นเคย ทว่าแกเร็ตก็รู้ ในใจคนพูดลึกๆ ความมั่นใจก็ถูกสั่นคลอนไปเช่นเดียวกับตัวเขา

       " ยิ่งไปพูดจาแบบนั้น สมแล้วจะถูกด่า " แกเร็ตเก็บปืนสั้นนั้นลงไปในซองพลางถอนหายใจเบาๆ เขาแว่วเสียงขยับตัวของคู่หูแต่ก็ยังทำเฉย

        " นี่แกกลายเป็นคนงี่เง่าน่ารำคาญแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่? " คลาร์ก โรเซนเบิร์กหน้านิ่ว พ่นลมหายใจอย่างนึกฉิว นัยน์ตาสีบรูเน็ตปรายมองคนที่เป็นทั้งคู่หูและเป็นคนในปกครองที่เขาเลี้ยงดูมันมานานด้วยนัยยะที่ทำให้ผู้ถูกมองชะงัก...ริมฝีปากเม้มเข้าหากันช้าๆ..เงียบเสียงลงเมื่อรู้ว่านี่คือคำเตือน...ห้ามเซ้าซี้ ห้ามถามน่ารำคาญ ห้ามก้าวก่ายเรื่องที่คลาร์กตัดสินใจ นี่เป็นข้อห้ามที่ถูกขีดเส้นไว้เสมอ และเหมือนว่าครั้งนี้...เขาจะเผลอก้าวล้ำเข้าไปอีกแล้ว..

        นัยน์ตาสีทองจ้องมองชายเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย...ทว่าความเงียบนั้นก็บ่งบอกได้ดีว่าแกเร็ต เคย์รับรู้แล้วว่าตนเองกำลังทำอะไรลงไป..

        "....ผม ...คิดว่าเขาก็คงไม่อยากให้คุณไปยุ่งเรื่องนี้เหมือนกัน " ..ทว่านั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะเงียบได้ตลอด เพระแกเร็ตก็รู้จักคาวัลโลดีพอที่จะเอ่ยปากเตือนเช่นกัน

        " ตกลงแกอยู่ฝ่ายไหนกันแน่ !! " คลาร์กพ่นลมหายใจใส่เจ้าเด็กหนุ่มในปกครองอย่างหงุดหงิด ชักจะรู้สึกชัดเจนขึ้นเรื่อยๆว่ายิ่งโตขึ้นมันยิ่งเชื่อฟังเขาน้อยลงทุกที

        " ผมไม่อยู่ฝ่ายไหนทั้งนั้นแหละ  คนบ้าอย่างคุณกับคาวัลโลมันเหมาะจะฝากชีวิตด้วยซะที่ไหน " แกเร็ตส่ายหน้า ก่อนจะโยนปืนสั้นที่เก็บเรียบร้อยไปให้

        " ...มันกำลังสับสน.." คลาร์กรับปืนมาตรวจดูแล้วออกปากบ่นงึมงัม "เพราะกำลังสิ้นหวัง พอเจอใครยื่นมือมาหาก็ยอมรับไปง่ายๆ แล้วยึดติด คิดไปเองว่านี่แหละ...สิ่งที่ต้องการมาตลอด ...เจ้าคาลมันเป็นคุณหนูที่ถุกเลี้ยงบนกองเงินกองทองมาตลอด แทบไม่รู้จักความลำบาก แทบไม่รุ้ด้วยซ้ำ ว่าความสิ้นหวังมันคืออะไร...ให้มันมาเจอเรื่องแบบนี้เสียบ้างก็ดี จะได้ไม่เอาแต่ผยองคิดอะไรโง่ๆตื้นๆ จมอยุ่กับคำว่าศักดิ์ศรีและเกียรติยศที่ไม่มีจริง..."

      นัยน์ตาสีบรูเน็ตของผู้พูดค่อยแลสบดวงตาสีทองที่จ้องมองมาอย่างเผลอไผล...ผู้มากวัยกว่าพ่นลมหายใจช้าๆ ใบหน้าหล่อเหลางดงามอย่างผู้มีเชื้อสายอารยันแท้ๆสะท้อนแสงตะเกียงสลัวเป็นเงาวูบไหว

        " .เกียรติและศักดิ์ศรีที่แท้จริงของ..มาเฟีย....มี คือไม่มี ทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดและความสุขสบาย ถ้ารักเกียรติ รักศักดิ์ศรีจริงๆ จะมีการหักหลังและฆ่าฟันกันทุกวันหรือ ?  แม้ไม่อยากให้หลานชายตัวเองมัวแต่ฝันหวานถึงเรื่องที่ไม่มีอยู่จริง มองผ่านสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไป แต่กลับเอาใจไปคิดถึงอุดมการณ์เปล่าๆที่ทำไม่ได้ในชีวิตจริง เจอแบบนี้เสียบ้าง อย่างน้อยก็จะแข็งแกร่งและรู้จักชีวิตมากขึ้น ..ฉันไม่ได้ดูถูกมัน ที่อยากจะอยู่ที่นี่ หรือปากบอกจะไม่กลับไป เพราะไม่มีไอ้บ้าคนไหน มีชีวิตจมอยู่กับสังคมมาเฟียแล้วมาเจอชีวิตที่สงบสุขและมีที่พึ่งแบบนี้จะไม่ชอบหรอก  แต่มันต้องแยกให้ออก ว่าอันไหนคือความต้องการ และอันไหนคือเรื่องที่ต้องทำ "

          " หน้าที่....ต่างกับความรับผิดชอบและจิตสำนึกก็ตรงมันเป็นเรื่องที่จำเป็น....เมื่อรับปากแล้วก็ห้ามอิดออด เมื่อเสนอตัวมาแล้วก็จงอย่าบิดพลิ้ว...ที่คาวัลโลตัดสินใจแบบนี้ไม่ผิด และที่แกจะคิดว่าพวกฉันสองคนมันคนบ้าก็ไม่ผิด ฉันก็ไม่คิดหรอกว่าตัวเองมันเป็นคนทั่วไป มีคนปกติธรรมดาที่ไหนอยากจะมาอยู่ตรงนี้ ...ไอ้พวกที่อยากเป็นมาเฟีย ฉันไม่เห็นมันเป็นคนดีสักคน "

          " แล้วยังเรื่องที่บ้าน..ถ้ามันเห็นแก่ตัว ไม่สนกระทั่งว่าพ่อแม่พี่น้องจะเป็นจะตายยังไง คนแบบนั้นสมควรจะฝากชีวิตไว้ สมควรจะเป็นนายพวกเรางั้นเหรอ? ...นี่มันเป็นความผิดพลาด เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันไม่ควรจะเกิดก็จริง แต่มันก็เป็นหนทางที่จะพิสูจน์ด้วย ว่าคาลมันเหมาะจะเป็นบอสไหม...จะผ่านมันไปได้หรือจะเป็นแค่คนขี้แพ้ไปตลอดกาล "

         "...สายตาเรามองว่านี่มันขี้แพ้ แต่....มันอาจจะเป็นทางเลือก..." แกเร็ตเปรยช้าๆ...ออกปากแก้ต่างให้เพื่อนสนิทที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้

        " เลือกอะไร?..."

        " .....อยู่ที่นี่..." แกเร็ตถอนหายใจเบาๆ สีหน้าครุ่นคิด..

        ".... ที่สำคัญกว่าอำนาจหรือตำแหน่งที่อยากได้ คือคนสำคัญที่หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว..ฉันเข้าใจถ้ามันจะยอมแลก แต่จะเห็นที่ ที่ตัวเองอยู่ไม่กี่เดือน สำคัญไปกว่าบ้านที่อาศัยมาทั้งชีวิตงั้นหรือ?..." คลาร์ก โรเซนเบิร์กส่ายหน้าช้าๆ " ...และต่อให้คิดจะทำแบบนั้นจริงๆ..ก็ต้องหาทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่ายอยู่ดี "

          "....คาวัลโลกับผู้ชายคนนั้น..."นิ่ง...นาน กับประโยคยาวๆแบบมีสาระของคนตรงหน้าที่มีมาไม่บ่อยนักแกเร็ตจึงเอ่ยประโยคที่ตนเองค้างคาใจมากที่สุดออกไป...ถามเรื่องที่เขาหนักใจมากที่สุด...

          " ไม่ใช่เรื่องของฉัน "  ทว่าคลาร์ก โรเซนเบิร์กเพียงแต่พ่นลมหายใจด้วยท่าทีชาเฉย นัยน์ตาสีบรูเน็ตเลยไปจ้องมองตะเกียงจ้าวพายุที่ส่องแสงจ้า " จะรัก ไม่รัก จะอยู่ด้วยเพราะไม่มีที่ไปหรือเพราะผูกพันธ์กันจริงๆ ก็เรื่องของมัน ...โตๆกันแล้วก็ต้องจัดการเอง ถ้ามันแก้ปัญหาพวกนี้ไม่ได้ ก้ไม่ต้องคิดจะฝากอนาคตไว้ด้วยแล้ว "

          " เมื่อกี้คุณพูดเอง ว่าคาวัลโลมันแค่คิดตื้นๆ ยึดติด เพราะกำลังสิ้นหวัง " แกเร็ตขยับแว่นกรอบบางที่สวมใส่ ทำหน้านิ่งมองบุรุษเบื้องหน้าด้วยสายตาจับผิด

         " .. ฉันคิดแบบนั้น แต่มันจะคิดแบบนั้นไหมก็อีกเรื่องสิ ต่อให้มันรักจะเป็นจะตายยังไงมันก็ต้องกลับไป รับผิดชอบเรื่องที่มันควรจะทำ ไม่ใช่เอาแต่หดหัวอยู่ตรงนี้ เรื่องผู้ชายคนนั้นมันจะจัดการยังไงก็แล้วแต่ จะหักหลังแอบหนีไปเงียบๆ หรือจะบอกลากันไปซึ่งๆหน้าก็คิดเอาเอง  "  ตาลุงจิตว่างวางท่าพูดดีมีสาระได้ไม่กี่ประโยคสุดท้ายก็ตบะแตก คลาร์กร้องโวยวายหงุดหงิดคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวตัดบทสนทนาส่วนคนฟังก็ถอนหายใจเฮือก....นึกระอา

        "  สุดท้ายคุณก็จะให้คาวัลโลจัดการเอง ที่มาก็แค่มากดดันให้มันรีบไปเท่านั้น  " แกเร็ต เคย์ ส่ายหน้าบ่นดังๆให้ผู้ปกครองของตนที่กำลังเอาผ้าห่มมาคลุมหัวนอนหลับหนีบทสนทนาเหมือนเด็กๆ

        " แล้วเอ็งจะเสือกมากกว่านั้นรึไงไอ้ลูกหมา! ไป ....จะไปเก็บขี้อูฐที่ไหนก็เรื่องของแก ! "  เสียงโวยวายล้งเล้งกลับมาอีกครั้งพร้อมกับอาการกระทืบบาทตวาดอึง แกเร็ตผุดลุกขึ้นจากพื้น เอื้อมมือคว้าตะเกียงใบเดียวที่มีอยู่

        " ผมก็จะบอกมัน...ว่าคุณช่วยอะไรไม่ได้เลย " แกเร็ตขยับมือแตะผ้าปิดปากกระโจมด้วยท่าทีครุ่นคิด ปากก็ตอบโต้ผู้สูงวัยกว่าแบบไม่ยอมแพ้

        "  ฉันไม่ใช่พวกคนดีมีศีลธรรมชอบช่วยเหลือชาวบ้านอยู่แล้ว จะตรอมใจตายจะร้องไห้จนน้ำตาท่วมก็ช่าง  " เสียงตอบหยันๆใจร้ายอย่างคงเส้นคงวาดังขึ้นมาจากโปงผ้าห่ม แกเร็ตหรี่มองแสงสว่างจากโทรศัพท์มือถือต่อสัญญาณดาวเทียมที่อีกฝ่ายกำลังกดยิกๆด้วยสายตาใคร่ครวญ..

        " นั่นหลานชายคุณ..." ...ช่างเป็นอาที่ไร้ความรับผิดชอบ ไร้ความห่วงใยต่อบุตรหลานสิ้นดี

         "...นี่เป็นชีวิตของมัน  "

     ต่อปากต่อคำนานกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องที่คลาร์กต้องการจะบอกกับคาวัลโลก็รู้มาแล้ว แกเร็ตเปิดผ้าคลุมประโจมออก ชูตะเกียงในมือขึ้นสูงนัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นหรี่ลงช้าๆจ้องมองทัศนียภาพทั่วไปที่มืดครึ้มและมีสายลมปนเม็ดทรายปลิวคลุ้ง ผู้ที่ไม่คุ้นชินกับทะเลทรายอย่างแกเร็ตแทบจะหมดหวังในการออกไปไหนมาไหนโดยสิ้นเชิง ชายหนุ่มถอนหายใจหนักๆ กวาดตามองหากระโจมที่พักอีกครั้ง

         " มีอะไร ? "  น้ำเสียงทักสั้นๆแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาแทบสะดุ้ง แกเร็ตหันไปมองชายที่อยู่เบื้องหลังในชุดคลุมตามแบบฉบับชาวอาหรับ สีหนึ่งเคร่งๆและนัยน์ตาขุ่นแสนจะไม่เป็นมิตรของอีกฝ่ายทำให้คิ้วของเขาเลิกขึ้นน้อยๆ..

         " ผมอยากพบคาวัลโล " เอ่ยปากบอกความต้องการออกไปสั้นๆ

        " ตอนนี้ดึกแล้ว " นั่นไม่ต่างกับคำปฏิเสธ...

        " ผมจำเป็นต้องขออนุญาติคุณงั้นเหรอ? " ถ้าคิดว่าฝ่ายนั้นจะหาเรื่องเป็นอยู่ฝ่ายเดียวล่ะก็ขอบอกว่าคิดผิด แกเร็ตใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายที่วาจาไร้ความปราณีและจิกกัดเป็นนิตย์ พร้อมพฤติกรรมระห่ำไร้การไตร่ตรองมานานจนเคยชินแล้ว นับประสาอะไรกับการต่อกรกับพวกคนรับใช้เล็กๆพวกนี้เล่า..

        ".....ไม่.....แต่ตามมารยาทก็ไม่ควรจะออกไปไหนดึกๆดื่นๆ "

       " ถ้าไม่นำทางไปก็หลีกด้วย " แกเร็ตชูตะเกียงขึ้นสูง ส่องไปยังใบหน้าของชายหนุ่มเบื้องหน้าแล้วหรี่ลงน้อยๆ "คุณองครักษ์...ผมไม่ว่างจะมายืนต่อล้อต่อเถียงกับคุณ "

       ".........." ที่สุดองครักษ์ผู้ถูกเรียกก็ยอมเดินนำไป เเกเร็ตก้าวเท้าตามขณะที่นัยน์ตากวาดมองรอบด้าน และเหลียวหลังมองกระโจมพักของเขาที่บัดนี้มืดสนิททั้งที่ไม่ควรจะเป็น แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อตะเกียงอันนี้ถูกตนนำมาใช้งาน ส่วนอีกอันก็เสียไปแล้วด้วยฝีมือของคลาร์ก...ดังนั้นเจ้าคนทำเจ๊งก็สมควรจะรับผิดชอบ

       " รอสักครู่...." เดินไม่นานก็มาถึง แกเร็ตยืนอยู่หน้ากระโจมใหญ่ที่พักของเพื่อนสนิท ชายหนุ่มหรี่ตาลงน้อยๆครุ่นคิดถึงเรื่องที่ตนเองจะพูด รวมถึงเรื่องที่"คุณอา"ของคาวัลโลฝากมากรายๆ...

    ...มันก็จริงอย่างที่คลาร์กว่า..เรื่องของตัวเองก็สมควรจะจัดการเอง ไม่ใช่หน้าที่ ที่พวกตนจะต้องเข้าไปยุ่ง...เขาและคลาร์กมีหน้าที่แค่พามันกลับเท่านั้น เรื่อง"ความสัมพันธ์"ซึ่งแม้คนโง่ยังดูออกของคาวัลโลและผู้ชายคนนั้นจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่เจ้าตัวจะจัดการ...หน้าที่ก็ยังคงเป็นหน้าที่...ภาระที่รับปากไว้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น..

    ...มันรับปากว่าจะเป็นบอส ก็ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น ไม่มีสิทธิ์จะกลับคำหรือไม่สนใจในสิ่งที่ตัวเองรับปากไว้แล้ว

    ...ปัญหาที่คาวัลโลคิด ไม่ใช่ทำยังไงจะได้กลับไปหรือทำอย่างไรจะได้ตำแหน่งคืนหรือ แต่คงเป็นทำอย่างไร...จึงจะสามารถรักษาตำแหน่งของตัวเองและความสัมพันธ์ของตัวเองให้อยู่รอดมากกว่า...

   ..  ชีวิตไม่ใช่เรื่องของการทำอย่างไรให้รอดจากพายุฝน แต่เป็นเรื่องของการจะเล่นน้ำฝนอย่างไรต่างหาก ..

         " เชิญ "

        เสียงเคร่งออกปากสั้นๆ ทำให้ชายหนุ่มละออกจากภวังค์ สายลมอุ่นจากด้านในกระจายออกมาเบาบางยามที่องครักษ์รายนั้นเปิดผ้ายบังกระโจมออก แสงไฟเล็ดรอดออกมาจากด้านในทอดยาวสว่างจ้า..แกเร็ตมองตะเกียงในมือตัวเอง สลับกับหันไปมองกระโจมพักของเขาที่มืดสนิทไร้แสงไฟ..เขายื่นตะเกียงไปยังชายคนนั้น มองสบแววตาสงสัยที่อีกฝ่ายจ้องมา

     "....ฝากนี่ไปไว้ที่กระโจมผมที "

............................

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 29-07-2011 01:44:56
    ซบหน้าลงกับหมอนใบโต ทอดกายนอนแน่นิ่งบนฟูกนอนหนาคาวัลโลจ้องมองเนื้อผ้าและสีสันของเครื่องนอนที่ตนเองนอนแน่นิ่งอยู่ด้วยสีหน้าลอยเหม่อ ครู่หนึ่งจึงพลิกกายนอนหงาย นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ยังคงแดงช้ำ จ้องมองตะเกียงเจ้าพายุที่ส่องแสงจ้า ลวดลายแกะสลักงดงามยังคงปรากฏชัดเจน ขณะที่ความคิดสับสนวุ่นวาย..ขอบตาที่ผ่าวร้อนค่อยปิดพับลงช้าๆนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา...เรื่องราวและภาพนั้นยังคงชัดเจนอยู่ไม่คลาย..

      ...." ได้โปรด....เชื่อใจผม "...

       คำๆนั้น...ไม่รู้ว่ามันจะมีค่า จะเพียงพอต่อสิ่งที่เขาตัดสินใจรึเปล่า...จะสามารถทำให้คนที่รักเขา ต้องเจ็บปวด ชอกช้ำ ผิดหวังมาครั้งแล้ว ครั้งเล่า เพราะการกระทำของ คาวัลโล วาลกัส คนนี้

      ในยามที่ตนเองสิ้นหวังถึงที่สุด...คาวัลโลก็ได้ผู้ชายคนนี้...ได้อัลชาอ์มาคอยอยู่ข้างกาย ทั้งปลอบขวัญและชี้ให้ตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต คุณค่าของศักดิ์ศรีและความเป็นคนของตน..

      ในวันที่ฟ้าหม่นเมฆครึ้ม...เขายังเคยเอ่ยปากสัญญา ...พยายาม...จะพยายามเพื่อที่จะรักคนๆนั้นอย่างสุดกำลัง...

      และในวันที่อัลชาอ์สูญเสีย ครอบครัว ญาติมิตร ตลอดจนความไว้ใจที่มีต่อคนเหล่านั้น วันที่ต่างก็เดียวดายไม่แพ้กัน พวกเขายังกอดซบประคองกันไว้ ...อัลชาอ์เคยขอสัญญา เคยเอ่ยว่าเหลือเพียงคาวัลโลคนนี้ .และเขา ก็สัญญาว่าจะไม่จากไปไหน..

     ....แต่เพียงไม่กี่วัน...ทุกอย่างมันกลับตาลปัตร...คำสัญญาที่เอ่ยปากเอง  คำพูดที่พูดออกมากลายเป็นคำโกหกที่น่ารังเกียจที่สุด..

      ไม่แปลกเลย...หากอัลชาอ์จะนึกรังเกียจ ผิดหวัง และไม่เชื่อใจเขาอีกต่อไป..

       การวางเดิมพัน การยอมเชื่อใจเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ได้ผลตอบแทนไม่ต่างกันเลย คือความผิดหวังและนิสัยกลับกลอกของเขา..

          ..ไม่น่าแปลกใจเลยที่อัลชาอ์ฟังคำนั้นแล้วทำได้เพียงนิ่ง...และถอนหายใจออกมาเพียงแผ่วเบา ก่อนจะดึงมือออกและเดินออกไป..ทิ้งให้คาวัลโลอยู่ตรงนี้เพียงคนเดียว..

        มาเฟียหนุ่มเม้มปากแน่น รู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่จุกคอหอย ไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนขี้แยตั้งแต่เมื่อไหร่...ไม่รู้ ว่าความอ่อนโยนและความรักที่อัลชาอ์มอบให้มีค่าต่อจิตใจมากถึงเพียงนี้...

       คาวัลโลทำได้เพียงทิ้งกายนอนลงอย่างไร้เรี่ยวแรง สมองกำลังคิดจนปวดระบมถึงทางออก...ที่ไม่มีทางออก...

      อัลชาอ์เป็นคนสำคัญ....ทว่า...พ่อแม่ พี่...ครอบครัวของเขาก็สำคัญเช่นเดียวกัน..

        ไม่ว่าจะเลือกทางไหนล้วนต้องปวดร้าว...และคาวัลโลก็รู้ดี ว่านับแต่รู้ความจริงทั้งหมด เขาก็ไม่อาจจะปล่อยวาง ไม่อาจจะหันหลังให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นอีกแล้ว

        ...แผนการของผู้เป็นลุง การหักหลัง การทรยศ ความจริงที่เขารู้ และเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้น มันบอกให้รู้ว่าคาวัลโลไม่มีทางจะอยู่ที่นี่ได้...ไม่มีทางเลย ตราบใดที่หัวใจของเขายังคงร้อนรนและเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นแบบนี้..

      จะให้ทิ้งครอบครัว จะให้ทิ้งพ่อแม่และคนอื่นๆ แกล้งทำไม่รู้ไม่เห็น แล้วทำเฉยอยู่ที่นี่งั้นเหรอ? ถ้าหากไม่ใช่คนขี้ขลาด ไม่ใช่ไอ้คนไร้กำลัง เขามันก็ไอ้คนเลวบัดซบที่ทิ้งได้กระทั่งผู้ให้กำเนิด ..นับแต่ได้รู้เรื่องทั้งหมด ใจเขาก็คิดแต่จะกลับไป กลับไปแก้แค้น กลับไปจัดการสำเร็จโทษคนทรยศ คนที่ทำร้ายกันมาตลอดให้สาสม ให้มันจดจำไปจนวันตาย

        ที่ออกปากพูด ออกปากพูดถึงคำสัญญาครั้งสุดท้าย คาวัลโลเพียงแต่หวังให้อัลชาอ์เข้าใจถึงสิ่งที่เขาจะทำ เข้าใจถึงความสำคัญของ"ครอบครัว"ว่ามันจำเป็นเพียงใด ...หากจะเรียกเขาว่าคนกลับกลอกก็จงเรียกไป หากจะเรียกเขาว่าเป็นคนใจร้าย ผิดคำสัญญา มันก็เป็นไปตามนั้น..

       ....แต่คาวัลโลจะไม่มีวันปล่อยให้ครอบครัวของตัวเองต้องตกอยู่ในอันตราย  เรื่องราวมันเกิดขึ้นมาเพราะตัวเขา เพราะความทรนงโง่ๆ ความมั่นใจจนเกินเหตุ และความวู่วาม ที่เป็นเหตุให้เฟรเดริโก้ วาลกัส คนนั้น กลับกลายมาเป็นคนที่ทำร้ายกันได้อย่างเจ็บแสบมากที่สุด..

          ผิดหวังที่ไม่เป็นที่ต้องการ ไม่ได้เป็นบอส เขายังพอทำใจรับได้ว่ามันเป็นเพราะการกระทำของตนเอง เป็นผลจากความผิดพลาดของตัวเอง ทีทำได้คือไม่โวยวายและยอมรับมัน

         ทว่า...ความผิดหวังจากเรื่องราวที่รู้ มันเกินจะรับไหว เกินจะบอกตัวเองให้ทำใจและยอมอยู่เฉยได้แล้ว..

...พี่ของเขาสู้...อาของเขาสู้ ทุกคนที่อยู่ฝ่ายเขาต่างก็สู้..

...แล้วจะให้คาวัลโลยอมแพ้ หลบอยู่ตรงนี้เหรอ?

เป็นความจริงว่าที่เขาไม่อยากไปเพราะอยากจะอยู่กับอัลชาอ์...แต่มันก็เป็นความจริงเช่นกัน ว่าที่เขาไปเพราะครอบครัวสำคัญมากกว่า...

...พ่อ แม่...พี่...คนเหล่านั้นสำคัญมากมายจนไม่อาจจะอยู่ตรงนี้ได้อีกแล้ว

นี่คือการเดิมพันของเขา เช่นเดียวกับการเดิมพันของอัลชาอ์

เดิมพันความเชื่อใจ เดิมพันความรู้สึกทั้งหมดไว้กับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้..

 คาวัลโลยังไม่อาจตอบตัวเองได้ ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาจากอะไร มันอาจจะเป็นเพียงความอ่อนแอหวั่นไหวอย่างที่คลาร์กว่า หรืออาจจะเป็นความรักจริงๆก็สุดจะรู้..

...รู้เพียงแต่ว่าถ้าอัลชาอ์ยอมรับ..หนทางข้างหน้าถึงจะลำบาก แต่คาวัลโลก็พร้อมจะพิสูจน์ว่าคำพูดของเขาเป็นความจริง

...แต่ถ้าไม่.....เรื่องทุกอย่างก็คงต้องจบ....ลงเพียงเท่านี้....

        เขาเป็นคนผิด คาวัลโลเป็นคนผิดที่กลับกลอกหลอกลวง ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ จะกล่าวโทษด่าว่าหรือเข้าใจอย่างนั้นไปตลอดก็ได้..เขายอมรับ แต่ก็จะทำมันต่อไปเช่นกัน

อยากจะอยู่ที่นี่แต่ก็ต้องจากไป อยากจะสานสัมพันธ์ต่อ แต่ก็ต้องจากไกล ไม่มีอะไรเป็นไปตามทีต้องการ ใช่...ชีวิตมันก็แบบนี้ล่ะ
ผิดหวังมามากเล้ว เจออะไรมามากมายแล้ว กับแค่เรื่องแบบนี้จะยอมแพ้ได้อย่างไร...เสี่ยงพนันไปเลยว่าได้ไม่ได้ เดิมพันกันซะ ได้คือได้ ไม่คือไม่ แตกหักกันไปตรงนี้เสีย

       คาวัลโลหลับตาลงอย่างรวดร้าว ลมหายใจทิ่มแทงลำคอราวกับหนามแหลม..ควรจะเป็นแบบนั้นล่ะ เรื่องราวมันต้องเป็นแบบนั้น คาวัลโลคนเก่าก็คงตัดสินใจแบบนั้น เด็ดขาด ไม่สนใจ ไม่ยอมไว้หน้าใคร รู้แค่เพียงตัวเองต้องการอะไร คนอื่นต้องยอมทำตาม คนอื่นต้องยอมรับและเข้าใจเขา ใครที่ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องไปมองมันอีก...เพียงแค่นั้น...เรื่องราวทุกอย่างจะจบลงง่ายๆ หากเป็นคนเดิม คนที่ไร้หัวใจคนนั้น...


       ....แต่ตอนนี้...แม้จะต้องทำอย่างเดิม แต่เขาไม่อาจจะตัดใจ ใจร้าย ใจเเข็งได้เช่นเดิมอีกแล้ว...

เพราะคนๆนั้นสำคัญมากเหลือเกิน คนๆนั้นทำเพื่อเขามาตลอด คนๆนั้น...รัก...เขามาตลอด...เพราะคนๆนั้นคาวัลโลถึงได้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง..แล้วจะให้เขาทำร้ายอัลชาอ์ได้ลงอีกหรือ..

      เสียงพูดคุยเบาๆที่ดังมาจากด้านนอกกระโจมทำให้คาวัลโลชะงัก..ร่างที่นอนแน่นิ่งราวกับไร้ลมหายใจดีดตัวขึ้นมานั่งทันที นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองเงาคนที่เห็นรางๆด้านนอกอย่างใจจดใจจ่อ คาดว่าอัลชาอ์อาจจะกลับมาแล้ว...และคำตอบที่เป็นไปได้ทั้งสองอย่างก็ทำให้ต้องเตรียมตัวเตรียมใจ ทว่า...ร่างของฮาซานที่โผล่ออกมารายงานเบาๆนั่นทำให้ต้องขมวดคิ้ว..

      " ให้เข้ามา " คาวัลโลตอบรับสั้นๆ ยกมือขึ้นเช็ดหน้าลวกๆ ไม่อยากให้คนที่เข้ามารับรู้ว่าเขากำลังอ่อนแอแค่ไหน ต่อให้มันจะเป้นเพื่อนสนิทที่ร่วมเรียนและฝึกฝนมาด้วยกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่สาเหตุที่จะให้มันได้เห็นใบหน้าที่อาบน้ำตาหรือท่าทางย่ำแย่ของเขา...เรื่องแบบนั้น...แค่คนๆเดียวได้เห็น ได้ดูแล...ก็เพียงพอแล้ว....

        เม้มปากแน่นกับเสี่ยนเล็กๆที่ผุดแทงในใจยามนึกถึงชีคหนุ่ม แต่ท่าทางคนที่เข้ามาจะไพล่นึกว่าตนเป็นต้นเหต สีหน้าของแกเร็ต เคย์จึงเคร่งขึ้น...

      " นั่งสิ " คาวัลโลออกปากเรียบๆ นัยน์ตาจ้องมองท่าทีของอีกฝ่ายที่ทรุดกายลงตรงหน้า สีหน้าเรียบเฉยของแกเร็ตเป็นเช่นไรก็ยังคงเป็นเช่นนั้นมาตลอด...ทว่าจากดวงตาที่ฉายความกังวลของอีกฝ่าย คาวัลโลก็รู้ ว่ามันคงจะลำบากใจไม่น้อยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น...

        "....คุณอาล่ะ ไปไหน? "ออกปากถามถึงญาติสนิทที่เพิ่งลงมือซัดกำปั้นใส่กันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แกเร็ตถอนหายใจช้าๆ จ้องมองใบหน้าของอีกฝ่าย

        " นอนแล้ว "

        " อ้อ...." คาวัลโลรับคำเบาๆ...นัยน์ตาเกลื่อนด้วยความประหลาดใจปนความละอาย...เพราะความโกรธและช็อค จึงทำให้เขามีท่าทีแบบนั้น ทั้งที่ทุกคราว ไม่มีเลยที่คาวัลโลจะไปหาเรื่องชกต่อย ปากดี ด่าว่าส่อเสียดอาที่เขาสนิทสนม...คลาร์ก โรเซนเบิร์กคนนั้น..

         "..เขาไม่โกรธหรอก...ก็ปากร้ายไปแบบนั้นเอง " เหมือนแกเร็ตคิดว่าเขากำลังไม่พอใจคลาร์กอยู่ คาวัลโลพ่นลมหายใจลงช้าๆ..

         "  ฉันรู้...ที่พูดมามันก็ความจริง " คำตอบอีกฝ่ายนั้นทำให้แกเร็ตต้องเก็บงำความคิด...สองอาหลานคงไม่ได้เหมือนกันแค่ปากร้าย หุนหัน เจ้าเล่ห์แถมชอบใช้กำลังอย่างเดียว ทว่าก็คงจะเข้าใจและยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นได้ง่ายพอๆกัน

         " ก็เหมาะที่จะเป็นญาติกันนี่นะ " สรุปแบบนั้น ควรจะคิดในหัวมากกว่าจะออกปากพูด แกเร็ตเผลอปากแล้วชะงักเล็กน้อย ส่วนคาวัลโลก็ร้องหึเบาๆในลำคอ

          "....อิจฉารึไง ที่ฉันเข้าใจเขามากกว่า...หืม....? "

          "...คนแบบนั้นเข้าใจก็เหมือนไม่เข้าใจนั่นแหละ..ยังไงเขาก็ชอบทำตามใจตัวเอง.." พอหงุดหงิด แล้วชอบยั่วโมโหชาวบ้าน นิสัยแบบนี้มันลอกเลียนแบบกันมาชัดๆ

          "...แต่ก็ยังดีที่ได้อยู่ใกล้ๆ...สินะ..." คาวัลโลยิ้มออกมาบางๆ จ้องมองใบหน้าของแกเร็ต เคย์ที่เปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วแบบ...จ้องหน้าคนพูดเขม็ง

          "...เรื่องที่คุณคิด....อย่าพูดออกมาต่อหน้าเขาจะดีกว่า  " เอ่ยเตือนนเบาๆ กับเรื่องที่รู้ก็จงทำเป็นไม่รู้..เรื่องที่เข้าถึงหูคนๆนั้นเมื่อไหร่ก็จะได้ยิ่งวุ่นวายเข้าไปได้เรื่อยๆ

         " ...เขาก็แค่แกล้งไม่เห็น ..." คาวัลโลยักไหล่ช้าๆ..นึกถึงผู้เป็นอาที่ทำการไม่ต่างจากเขา ไม่ออกปากพูด ไม่หยิบยกเรื่องการแสดงออกที่เผลอไผลออกมาบ่อยครั้งของแกเร็ตให้วุ่นวาย ทว่าก็ทำเป็นไม่รู้ ปฏิเสธเงียบๆให้มันยอมแพ้ไปเองในที่สุด..

   ..จะได้ผลไหม? จะเป็นแบบที่เขาเคยเจอไหม เรื่องนั้นคาวัลโลไม่รู้และไม่อยากจะนึกร็ให้ปวดหัวมากกว่านี้เสียด้วย

          " แล้วเรื่องของฉัน คุณอาว่ายังไง"

          " เขาให้คุณตัดสินใจ " แกเร็ตตอบสั้นๆหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งด้วยท่าทีครุ่นคิด

          "...นั่น....ทำให้ฉันหนักใจกว่าเดิมนะ " คาวัลโลหัวเราะออกมาเบาๆกับคำพูดของเพื่อนสนิท..คือสิทธิตัดสินใจให้กับเขา ทั้งที่รู้อยู่ว่ายังไงเขาก็ต้องไป แบบนี้มันเท่ากับกดดันให้เขารีบๆจัดการเรื่องทั้งหมดชัดๆ

          " คุณอเล็กซิส กับคุณคาร์เนโร่กำลังมุ่งหน้าไปซิซิลี พรุ่งนี้น่าจะถึงแล้ว..." แกเร็ตตอบไปอีกเรื่อง นัยน์ตาสีทองหรี่ลงช้าๆ จ้องมองใบหน้าของคาวัลโลที่ยังคงเหมือนเดิม ทว่าก็มีบางอย่างเปลี่ยนไป

...แววตา...ท่าทาง...นิสัย หรืออะไรสักอย่าง ในตัวคนๆนี้เปลี่ยนไป..

เจ้าตัวจะทราบหรือไม่แกเร็ตไม่แน่ใจ และเขาก็ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแแปลงนั้นจะนำมาซึ่งอะไร..

          "....ฉันต้องไปภายในอาทิตย์นี้สินะ..."คาวัลโลพ่นลมหายใจช้าๆ ยิ้มออกมาอย่างชืดชา..ทว่าก็สงบ และยอมรับได้ง่ายๆต่างกับท่าทีโวยวายเมื่อรู้ข่าวเป็นคนละคน

คาวัลโลคนเดิมนั้น"ตรง"และ"เอาแต่ใจ"มากเกินกว่าจะสนใจความรู้สึกของคนอื่น... คาวัลโล วาลกัส คนก่อนจะจากมา ยังเป็นชายหนุ่มที่มั่นใจในตัวเอง ไม่สนว่าใครจะคิดแบบไหน ไม่สนว่าจะเหยียบย่ำหรือทำร้ายใครเพื่อความต้องการของตัวเอง

...การแสดงออกที่ซื่อตรงต่อความต้องการของตนเอง ความรู้สึกที่ส่งออกมาโดยเปิดเผย พอใจ ไม่พอใจ โวยวาย ด่าทอ สิ่งเหล่านั้นมันเป็นเหมือนเอกลักษณ์ประจำตัวไปแล้ว...ทว่า.... ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา จ้องมองใบหน้าและถอนหายใจด้วยท่าทีครุ่นคิด...กลับดูสงบ และ"ต่าง"ไปจากคนเดิมคนนั้นไม่ใช่น้อย..

     ต่อให้ยังคงพูดจาแบบเดิมหรือทำตัวไม่ต่างจากเดิม ทว่าพฤติกรรมที่อ่อนลงมากและอาการรับฟังเหตุและผลของคนอื่น เป็นสิ่งที่แกเร็ตเพิ่งจะพบเจอ..

ระยะเวลาไม่กี่เดือน ทำให้คนๆนึ่งเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ? แกเร็ตตั้งข้อสงสัยตนเองในใจอย่างงครุ่นคิด...

          "...คุณดูเปลี่ยนไป " ขยับแว่นกรอบดำของตัวเอง...ด้วยความสงสัย เขาจึงเอ่ยปากถามในที่สุด..

     นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่กำลังฉายแววครุ่นคิดชะงัก...เงยมาสบด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ...รอยยิ้มนั้นไม่ใช่รอยยิ้มมีความสุข เยาะหยัน หรือรอยยิ้มระอาใจ เป็นเพียงยิ้มไร้ความหมาย แต่กลับทำให้ผู้มองยิ่งต้องครุ่นคิดถึงความเงียบที่เกิดขึ้น...

     ...แกเร็ตกวาดตามองชายหนุ่มเบื้องหน้าอีกครั้ง คาวัลโลถอนหายใจ ขยับตัวพิงหมอนนุ่มด้านหลังก่อนที่นัยน์ตาสีน้ำทะเลคู่นั้นจะหันมามองด้วยแววตาวาววับ...

      " ทำไม หรือฉันดูอ่อนแอ ? " นัยน์ตาคู่นั้นเริ่มวาววับขึ้นด้วยท่าทีไม่พอใจ

     "....นั่น...แล้วแต่จะคิด.." แกเร็ตยักไหล่...ท่าทีไม่สนใจ

     " ...มันเป็นความพอใจของฉัน " คาวัลโลเม้มปาก เชิดหน้าขึ้นจ้องมองหน้าคนพูดที่เคยคุ้นกันอย่างไม่ยอมแพ้ " ฉันพอใจจะเปลี่ยนไป..พอใจที่ตัวเองจะเป็นแบบนี้ "

     ...ใช่จะไม่รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม...คาวัลโลรู้ดี ทว่าเขาก็ไม่นึกอยากกลับไปเป็นคนเดิม...เป็นคนอ่อนแอในสายตาคนอื่น ยังดีกว่าเป็นคนโหดร้าย ไร้หัวใจอย่างที่เคยถูกประณาม..

    คนที่ถูกตราหน้าว่าอ่อนแอ ทว่าแท้จริงแล้วหัวใจเข้มแข็งและเป็นผู้นำที่ทำเพื่อคนอื่น...อัลชาอ์พิสูจน์ให้เขาเห็นแล้ว ว่าเป็นผู้ปกครองที่องอาจได้ไม่แพ้ใคร

    ความแข็งแกร่งที่แท้จริงอยู่ที่หัวใจ ไม่ใช่กริยาที่แสดงออก ท่าทีแข็งกร้าวหรือวาจาโหดร้าย ไม่ใช่เลย..

     "...ฉันไม่ได้อ่อนแอลง...แต่ฉันเรียนรู้อะไรมากขึ้นต่างหาก "บุตรชายคนสุดท้องของตระกูลวาลกัส ทายาทมาเฟียผู้เย่อหยิ่งและร้ายกาจ เป็นเช่นไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ..แต่ท่าทางที่ควรหยิ่งยโสกลับดูอ่อนโยนขึ้น...รอยยิ้มที่เคยเย้ยหยันฉาบฉวย มองโลกอย่างผู้สามารถสยบทุกอย่างไว้แทบเท้ากลับเปลี่ยนไป...

       แกเร็ตพ่นลมหายใจลงช้าๆ...ใช่ คาวัลโลยังไงก็เป็นคาวัลโล แต่คาวัลโลคนที่เขาเจอคนนี้ กลายเป็นคนที่เติบโตขึ้นแล้ว จากทั้งความเจ็บปวดและประสบการณ์ต่างๆ เป็นอย่างที่คลาร์กว่า...สิ่งที่เจอ จะทำให้เติบโตขึ้นได้จริงๆ..

     " อืม...ตอนนี้....คุณก็คงดูคล้ายพี่ชายล่ะมั้ง "

     " อะไรนะ ..." ท่าทางพูดไปเจ้าตัวจะไม่ขำ แกเร็ตยักไหล่ หัวเราะหึออกมาอย่างนึกขบขัน ไม่ว่ายังไงคาวัลโลก็เกลียดการถูกเปรียบเทียบ หรือการพูดว่าเป็นเหมือนใคร...โดยเฉพาะกับพี่ชายคนนั้น..

     "...ก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น.." แกเร็ตเอ่ยช้าๆ กวาดสายตามองรอบกระโจมที่กว้างใหญ่และหรูหรากว่าของเขามากบ่งชัดถึงฐานะของเจ้าของและบ่งบอกว่าสถานะของคาวัลโลนั้นสำคัญเพียงไร

     "....เรื่องของคุณ...คลาร์กบอกให้คุณจัดการเอง เขาจะไม่เข้าไปยุ่ง..แน่นอนว่าเรื่องไหนที่เขาโผล่เข้าไปยุ่ง ก็รู้กันอยู่ว่ามันจะวินาศสันตะโรแค่ไหน " แกเร็ตวกเข้าเรื่อง แต่ยังไม่วายกัดผู้ปกครองนิสัยเสียของตนเช่นเดิม " เรื่องของทางโน้น...คุณอเล็กซิสและคุณคาร์เนโร่จะจัดการ...ผมคิดว่าไม่เกินสองวันเราจะได้รู้ผล "

      " พี่ไม่มีทางแพ้ " คาวัลโลหรี่ตาลงด้วยท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยปากตอบ ...แน่นอนว่าคนเก่งเช่นพี่ชายของเขาหากคิดจะทำอะไรแล้วล่ะก็ไม่มีวันแพ้..และยิ่ง....เป็นการทำเพื่อคนที่รักด้วยแล้ว...

      " ...ที่เราห่วงกว่าผลแพ้ชนะ คือไพ่ตายที่เฟรเดริโก้ซ่อนไว้...และ...การกระทำทุกอย่าง จะไม่เป็นผลเลย ถ้าเราไม่สามารถพาตัวคุณกลับไปได้..." แกเร็ตพ่นลมหายใจช้าๆ จ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มเบื้องหน้าอีกครา อย่างจริงจัง  " การมีตัวตนอยู่ของคุณ...ไม่ต่างกับการประกาศชัยชนะของพวกเราทางอ้อม..ทุกอย่างจะจบลงถ้าคุณไม่กลับไป..ทุกคนต่อสู้เพื่อคุณ..ตอนนี้...ตอนที่เราตัดสินใจจะเเตกหักกับเฟรเดริโก้ นั่นหมายถึงตำแหน่งนั้นได้กลายเป็นของคุณแล้ว.." 

      ".....อย่าทำให้พวกเราผิดหวังล่ะ...บอส..."

            แกเร็ต เคย์ จ้องหน้าชายหนุ่มตรงหน้าอีกครา ดวงตาสีทองของเขาเปล่งประกายชัดบ่งบอกถึงความเชื่อมั่น ฝ่ามือหนาคว้ามือของคาวัลโลมาจุมพิต...บ่งบอก ถึงการ"ยอมรับ" ในตัวคนเป็นนายอย่างถึงที่สุด..

แกเร็ต เคย์ จะเป็นมือขวา คลาร์ก โรเซนเบิร์กจะเป็นมือซ้าย พวกเราจะเป็นมือเท้า เป็นแขนขาของคุณ จะช่วยคุณกรุย ตะลุยขวากหนามสู่ความสำเร็จ...

        คาวัลโลจ้องมองใบหน้าของเพื่อนสนิท...ความนัยน์ที่อีกฝ่ายสื่อออกมานั้นเขาเข้าใจมันดี...รวมทั้งหน้าที่และสิ่งที่เขาไม่อาจจะหลีกพ้น...

        จ้องมองริมฝีปากที่ประทับลงบนหลังมือ คำกล่าวของฝ่ายนั้นที่เอ่ยเรียกเขาเป็นบอส เรียกเขาว่า "DON " ชัดถนัดหู...

          ใบหน้าที่เคยก้มต่ำ ดวงตาที่เคยหรุบลงด้วยท่าทีครุ่นคิดไม่สบายใจค่อยเงยขึ้นและสบมองแววตาของบุรุษเบื้องหน้าไม่กระพริบ รู้ดีถึงความหวังและเจตนารมย์ที่ถูกส่งต่อ กระทั่ง"อำนาจ"ที่ตัวเขาลืมเลือนมันไป...

       หัวใจที่สงบค่อยเต้นโลดแรงด้วยความภาคภูมิและความปราถนาที่เด่นชัด...

    "...ขอบใจ...แกเร็ต " คาวัลโลพยักหน้ารับ...ฝ่ามือละจากปลายนิ้วที่กอบกุมแตะลงบนไหล่ของอีกฝ่าย ทั้งแสดงอาการขอบคุณและแสดง"อำนาจ"ออกมาโดยไร้ท่าทีข่มขู่...หัวใจเต้นโลดแรง สมองแล่นฉิวเพื่อทบทวนแผนการณ์ทั้งหมด ดวงตาที่แดงช้ำกระพริบถี่ก่อนจะเปิดออกมาอีกครั้งอย่างเด็ดเดี่ยว...

แกเร็ตยิ้มรับ จ้องมองท่าทีนั้นอย่างพึงใจ...นัยน์ตาของเขาเป็นกระกายวาววับ ราวกับเห็นพญาเหยี่ยวที่กำลังกู่ร้องพร้อมจะโผบินแสดงอำนาจให้ผู้คนประจักษ์...

....กลับมาแล้ว....

....ใช่... คาวัลโล วาลกัส คนเดิมกลับมาแล้ว...กลับมาพร้อมกับความลุ่มลึกและองอาจยิ่งกว่าเดิม กลับมาพร้อมกับประสบการณ์ที่สอนให้ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้น..พร้อมที่จะเป็นผู้นำอย่างเต็มตัว..

 เท่านี้ ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว...


   ตึก!


   " ดึกแล้ว ใครอนุญาติให้ออกมาเพ่นพ่าน ! " เสียงตวาดไมคุ้นหู ทำให้ทั้งสองคนชะงัก แกเร็ตขมวดคิ้ว เขาจ้องมองร่างสูงใหญ่ของชีคแห่งเซเนียยาที่ยืนตระหง่านด้วยใบหน้าแสดงความไม่พอใจฉายชัด

   " ผมมาคุยธุระ " แกเร็ตตอบสั้นๆ ก่อนจะผุดลุกขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่คาวัลโลลุกพรวด จ้องมองสีหน้าของฝ่ายนั้นด้วยสีหน้าลังเล...ความอ่อนไหวที่กลับมาอีกครั้งแสดงออกชัดเจนจนแกเร็ตต้องพ่นลมหายใจระอา..

....อีกนาน...กว่าจะรู้จักแยกแยะ "อารมณ์"กับ "หน้าที่"ออกจากกันได้จริงๆ

     " เสร็จธุระแล้วก็เชิญ " สีหน้าของท่านชีคคนพูดอยู่ในอารมณ์ไม่ปกติพอกัน แกเร็ตพ่นลมหายใจอย่างนึกฉุนเล็กๆ ทว่าก็ยอมพยักหน้ารับโดยดี  เขาสาวเท้าก้าวยาวๆออกจากกระโจม ทว่าก่อนจะยกผ้าเปิด เขาก็หันไปมองหน้าคาวัลโลที่กำลังเอื้อมมือไปดึงชุดของชีคคนนั้นไว้...คิดว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้านายของเขาแล้วมาทำท่าทางแบบนี้ มันชวนคันเคืองในหัวใจเสียจริงๆ..

       " ลืมบอกไปว่าในฐานะเพื่อน...ดีใจจริงๆ ที่คุณยังมีชีวิตอยู่ "  แกเร็ตเอ่ยปากแล้วหันหลังเดินออกจากระโจม แว่วเสียงพุดคุยดังออกมาเบาๆ ทว่าเขาก็ไม่คิดจะสนใจมัน

...จัดการกันเอง ก็อย่างที่คลาร์กเป็นคนพูดนั่นแหละ...
       
        คิดพลางสาวเท้าออกจากด้านหน้ากระโจม เขาจ้องมองกระโจมพักของตนเองที่ไฟมืดสนิทแล้วขมวดคิ้ว..เพราะมันควรจะสว่างในเมื่อได้ฝากตะเกียงกลับไปแขวนไว้แล้ว..

รึเจ้าคนที่เขาฝากไว้ มันจะไม่เอาไปให้กัน?

     ปึ่ก!

     "ชักช้า ทำอะไรอยุ่นักหนา" แรงเตะไม่เบานักตรงท่อนขาทำเอาเจ็บแปลบ แกเร็ตหันขวับไปมองหน้าคนพูด..คนที่แค่ได้ยินเสียงก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร

      " ไหนคุณนอนแล้ว? " แกเร็ตขมวดคิ้วยุ่ง...

      " เศษสมองของแกมันตกอยู่ในกระโจม เหม็นเน่าซะจนนอนไม่หลับ " ใบหน้ายุ่งๆสะท้อนภายใต้แสงตะเกียงจ้า วาจาชวนกวนประสาทเช่นเดิมชวนระอาใจ แกเร็ตพ่นลมหายใจช้าๆ เอื้อมมือหยิบตะเกียงจากมืออีกฝ่าย

      " คุณมายืนอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้ว? "

      "  นานพอจะได้ยินว่าแกไปผ่าหาเรื่องอะไรเจ้าคาลมันอีกก็แล้วกัน " คลาร์กส่ายหัว ร่างในชุดเสื้อแขนสั้นสีขาวกอดอกเข้าหากันช้าๆเพราะความเย็นในทะเลทราย

      " ทำไมคุณไม่เข้าไปล่ะ? " แกเร็ตเลิกคิ้วถามอย่างงวยงงไม่น้อย

       " เพราะฉันไม่คิด...ว่าเรื่องที่ได้รู้มามันจะควรพูดตอนนี้น่ะสิ " คลาร์กพ่นลมหายใจเบาๆนัยน์ตาสีบรูเน็ตของอีกฝ่ายฉายแววครุ่นคิด นั่นทำให้เเกเร็ตรู้ ว่าคงจะเกิด"เรื่อง"อะไรขึ้นอีกแล้ว...

......

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" : Line : 37 Line 37 : เดิมพันสุดท้าย 17/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 29-07-2011 01:48:03


           สีหน้าไม่พอใจของอัลชาอ์ที่เห็นชัดเจนนับแต่ก้าวเท้าเข้ามานั้นก็ทำให้รู้ชัดว่าเจ้าตัวคงอารมณ์ไม่คงที่เสียเท่าไหร่  คาวัลโลนิ่งมองท่าทีของคนรัก กระทั่งแกเร็ตออกไปแล้วนั่นล่ะ ฝ่ามือของเขาจึงแตะไปที่แผ่นหลังแกร่ง เรียกให้อัลชาอ์ที่กำลังตาขวางหันมามองกันเสียบ้าง...

     ...เป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะออกไป รับปากไปแล้ว ตั้งใจไว้แล้ว ตอนนี้คาวัลโลได้แต่คาดหวัง...รอคอย...ว่าอัลชาอ์จะยอมรับมันหรือไม่...

    นัยน์ตาสีน้ำทะเลเกลื่อนไปด้วยความหวาดหวั่นไม่น้อย...เขาคาดหวังเต็มที่ให้อัลชาอ์ยอมรับ แต่ถ้าหากไม่ยอมเล่า...เรื่องราวคงไม่พ้นแตกหักกันไปอีก..

    ถ้าเป็นแบบนั้น...หวังจะให้จบลงอย่างที่สามารถยอมรับกันได้ทุกฝ่าย จะเป็นไปได้จริงหรือ?

          " อัลชาอ์..." คาวัลโลกระตุกเสื้อคลุมอีกฝ่ายแรงๆอีกครา เมื่อแตะแผ่นหลังและเฝ้ามองแล้วชีคหนุ่มยังไม่หันกลับมาสบตา

          "........." แม้นัยน์ตาคู่นั้นจะหันมาหา ทว่ายังไร้คำพูดใดออกมาจากชีคหนุ่ม และใบหน้าที่เคร่งขรึม นั่นชวนให้ใจเสียขึ้นทุกที

         " คุณเงียบทำไม? " คาวัลโลเกลียดความเงียบ อัลชาอ์ก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะความเงียบจากคำถามที่เขาต้องการคำตอบ ทำไมต้องเงียบ ทำไมต้องทำเฉย ทำไมต้องทำเป็นไม่พูดไม่จา มันแก้ปัญหาได้หรือย่างไร หรือจะให้เขาคิดเองเออเอง
เข้าใจเอง ใครมันจะไปมีปัญญาอ่านใจออกได้

          ".........."

          " อัลชาอ์ ! " เพราะกำลังเครียดขึงและคาดหวัง แต่อีกฝ่ายก็ยังเงียบนิ่งไม่ตอบคำแถมยังเบือนหน้าหนี ชวนให้ความหงุดหงิดพุ่งปรี้ด คาวัลโลกัดฟันเข่นเขี้ยวฝ่ามือตะปบเข้าให้ที่แขนของชีคหนุ่มแล้วกระชากพร้อมกับร้องเรียกเสียงดังด้วยความไม่พอใจ ....กล้าดียังไงมาทำเมินเขาแบบนี้

           " อย่าเพิ่งเซ้าซี้ คาวัลโล! " อัลชาอ์ตวัดสายตามามองอย่างนึกฉุน ชีคหนุ่มพ่นลมหายใจแรง ดึงท่อนแขนออกมาจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย " ช่วยอยู่เงียบๆตอนที่ผมกำลังสงบสติอารมณ์ได้ไหม? ผมไม่อยากโมโหดคุณเรื่องงี่เง่านะ "

         "............." แล้วตอนนี้ไม่ไดทำอยู่หรือไง ! คาวัลโลอ้าปากค้าง พยายามระงับความไม่พอใจของตนเองเต็มที่ พยายามจะเข้าใจว่าที่อัลชาอ์ทำเพราะไม่อยากให้มีเรื่องทะเลาะกันใหญ่โตในสถานการณ์แบบนี้ แต่ยิ่งมองแผ่นหลังของคนรักที่ยังคงไม่มีท่าทีว่าจะหันหลังกลับมา ความอึดอัดกลับค่อยตีขึ้นมาอย่างกะทันหัน..

    ...ทั้งที่พยายามจะหาทางออกแล้ว จมาโกรธอะไรกันอีก?

    ยอมรับว่าผิดแล้ว ยอมรับและขอโอกาสแบบนี้จะได้ไหม? เรื่องมันจะจบยังไงกันถ้ายังหันหลังคุยกันแบบนี้

          " หมอนั่นเป็นใคร? " ผ่านนาทีแห่งความเงียบงันไปชั่วครู่ ที่สุดอัลชาอ์ก็พ่นลมหายใจลงและหันกลับมาอีกครา...เพื่อจะได้พบกับคาวัลโลที่นั่งลงบนฟูกนอนด้วยสีหน้างอง้ำเคร่งเครียด

          " เพื่อน..." น้ำเสียงที่ตอบออกมาสั้นห้วนทว่ายังมีแววสั่นไหว คาวัลโลกลืนก้อนสะอื้นที่แล่นมาจุกลำคออย่างกะทันหันรู้สึกว่าตัวเองชักจะบ่อน้ำตาตื้นและร้องไห้ง่ายเหมือนเด็กเข้าไปทุกที

          " ...เพื่อนที่ไหนจูบมือกันด้วย ? " อัลชาอ์ทรุดกายลงตรงหน้า ชีคหนุ่มพ่นลมหายใจแล้วเอ่ยปากถามด้วยสีหน้าตึงขึง ความเคืองใจจากภาพที่เห็นค่อยคลายลงยามได้เห็นท่าทีเงื่องหงอยของคนรัก แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ความหงุดหงิดนี้หายไปได้

         " เอ๋?....คุณเห็นด้วยเหรอ? " คราวนี้คนฟังเงยหน้ามามองด้วยสีหน้าเหรอหรา ผิดคาดสำหรับอัลชาอ์ที่จะได้เห็นสีหน้าจืดเจื่อนหรือท่าทีอึกอักเป็นลิบลับ..

         " เห็น...และกำลังหงุดหงิดอยู่นี่ " ชีคหนุ่มพ่นลมหายใจช้าๆ หลังจากเดินออกไปคิดอะไรเงียบๆไม่นานก็มีคนมาตามและเเจ้งเรื่องที่มีคนมาคุยกับคาวัลโล รีบเดินเข้ามาและยืนนิ่งอยู่ด้านนอกอย่างไม่อยากขัดจังหวะ ทว่าภาพที่ชายหนุ่มคนนั้นก้มลุงจูบบนหลังมือของคาวัลโลทำให้ความโกรธเคืองและหงุดหงิดแล่นวูบจนถึงตอนนี้ แต่คนถูกทำกลับทำหน้าตาเหรอหราเสียอย่างนั้น

...การจูบหรือกอดในสายตาของคนยุโรป มองมันไม่ต่างกับการทักทาย ชีคหนุ่มรู้ดี แต่มันหมายถึงการจูบลงบนหลังมือของผู้ชายด้วยกันด้วยหรือ?

         "...ที่แท้คุณก็หงุดหงิดเรื่องนั้น บ้าชะมัด " คาวัลโลพ่นลมหายใจพรูแล้วบ่นงึม ความคิดร้ายๆที่โผล่มาในสมองเรื่องคำพูดของตนเองถูกปัดหายไปจากสมอง

        " ..มันน่าแปลกนักหรือ? " ท่าทางอัลชาอ์จะไม่ได้โล่งใจด้วยสักนิด ชีคหนุ่มยังคงมีท่าทีเคืองใจ สีหน้าหงุดหงิด

        "...หมอนั่นเป็นแค่เพื่อนผม...เป็นลูกน้องผมด้วย สิ่งที่เขาทำ แค่การเคารพ..เท่านั้น " คาวัลโลพ่นลมหายใจพรูยามนึกถึงตำแหน่ง"บอส"ที่แกเร็ตเรียกขาน บ่งบอกถึงอำนาจ ทว่าก็บอกถึงภาระหนักที่อยู่บนไหล่เช่นกัน

        " เคารพ...." อัลชาอ์ขมวดคิ้วจางๆ

        "....ยอมรับบอสที่จะเข้ามาปกครอง ด้วยการจูบหลังมือน่ะ..." คาวัลโลตอบสั้นๆ พร้อมกับถอนหายใจยาว...และ บรรยากาศที่เริ่มจะผ่อนคลายเพียงเล็กน้อย ก็กลับกลายเป็นหนักอึ้งอีกครั้ง..

        " อัลชาอ์...ผมน่ะ......." คาวัลโลถอนหายใจ เขาอ้าปากพูดเพราะจะปิดไปหรือทำนิ่งเฉยไปก็ไร้ประโยชน์ ขอร้องอัลชาอ์กลับไปไม่พอ เขายังกลับไปรับตำแหน่งบอสที่ต้องทำด้วย เพราะคาวัลโลเองก็รับปากไว้แล้ว จะเพิกเฉย จะทำไม่สนใจแล้วโยนภาระให้คนอื่นก็ทำไม่ได้..

         "....ผมรู้ " ชีคหนุ่มเอื้อมมือแตะไหล่ ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าอันหลากหลาย..คาวัลโลเงยหน้าสบนัยน์ตาสีนิลของคนรัก..มันกำลังสั่นไหวเช่นเดียวกับดวงตาของเขา...

           ฝ่ามือหนาแตะลงบนผิวแก้ม สัมผัสและลูบไล้มันเบาๆทั้งด้วยความรักใคร่และอาวรณ์หนักหนา คาวัลโลกลืนน้ำลายลงคอช้าๆเมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่สั่นระริกของอีกฝ่าย..

         "....ที่สุดคุณก็ต้องกลับไป...ไปตามทางของคุณ......"

         " อัลชาอ์....." คาวัลโลเม้มปากแน่น ก้อนสะอื้นจุกคอหอย แววตาสั่นระริกไหวสบมองดวงตาสีเข้มของคนรักอย่างเศร้าสร้อย เขาเอื้อมมือกุมฝ่ามือหนาไว้แน่น จ้องมองใบหน้าและแววตาของอีกฝ่าย

         " ผมจะกลับมา...ผมสัญญา....สัญญานะ...." ริมฝีปากสีจางพึมพัมเสียงพร่าสั่น พยายามสบมองใบหน้าและแววตาของชีคหนุ่มทั้งที่น้ำตาเอ่อคลอจนภาพทั้งมวลสั่นไหว " เชื่อผมนะ...ได้โปรดเชื่อผมเถอะ...เชื่อใจผมด้วย..."

          ".........." ชีคหนุ่มหลับตาลง...ถอนหายใจพรูแล้วรั้งร่างของคาวัลโลให้แนบชิด อ้อมแขนหนากอดรัดร่างที่สั่นระริกของอีกฝ่ายไว้แน่น นัยน์ตาสีเข้มหรุบต่ำจ้องมองเส้นผมสีน้ำตาลทองของคนรัก..ชีคหนุ่มสอดปลายนิ้วลงบนเส้นผมนุ่มนั้นอย่างรักใคร่ ขณะที่แว่วเสียงสะอื้นของคนในอ้อมกอด จ้องมองฝ่ามือที่กำเสื้อคลุมของตนไว้แน่น มือที่กำแน่นเกร็งสั่นไปทุกส่วนบ่งบอกว่าคาวัลโลก็ลำบากใจไม่แพ้กัน..

        "...อัลชาอ์....รับปากผมนะ....อัลชาอ์ ". คาวัลโลพึมพัมเสียงสั่น เงยนหน้าขึ้นมาจากแผ่นอกหนาเพื่อสบตาอ้อนวอนชีคหนุ่มเจ้าของอ้อมกอดแสนอบอุ่นที่เขาถวิลหา...เว้าวอน...ร้องขอ เพียงเพื่อจะได้คำสัญญาที่เขาต้องการ ให้มั่นใจ และสามารถจะก้าวออกไปโดยไร้อาการลังเล..

    ...เพื่อจะกลับมาอีกครั้ง...เพื่อจะได้อยู่กับคนๆนี้อีกครา..

          ทว่าอัลชาอ์เพียงแต่ถอนหายใจไม่ตอบคำ ชีคหนุ่มเอื้อมมือปาดน้ำตาที่อาบแก้มของคนรักด้วยสีหน้ารวดร้าว..ทำได้เพียงนิ่งเงียบไม่เอ่ยปากรับหรือปฏิเสธ และทำเพียงโอบกอดร่างของคนที่ตนรักหมดใจไว้แน่น...

....เดิมพันที่วางไว้...หมดไปหรือยังเหลือไหม อัลชาอ์ไม่อาจจะตอบได้

กี่ครั้งกี่คราวที่เรื่องกลับมาสู่จุดเดิมๆ..กี่ครั้งที่คำถามนั้นวกกลับเข้ามาสู่ห้วงคำนึง

...คนเราจะยอมรับ จะยอมเจ็บปวดกับความรักแบบนี้ไปได้นานสักแค่ไหน..?

        " อัลชาอ์....." ริมฝีปากของคาวัลโลยังคงเอ่ยปากอ้อวนวอนด้วยสีหน้าโศกเศร้า ใบหน้าที่เขาหลงรัก หลงไหลเต็มไปด้วยน้ำตา ที่ค่อยเอ่อท้นดวงตาคู่สวยแล้วอาบลงบนผิวแก้ม.. ชีคหนุ่มดันร่างของอีกฝ่ายให้ทอดกายลงบนฟุกนอนหนา ขณะที่ตนโถมกายเข้าทาบทับ ปิดเสียงสะอื้น ซับรอยน้ำตา และหยุดยั้งคำถามที่ไม่อาจเอ่ยปากตอบไว้เพียงเท่านั้น..

       ฝ่ามือหนาดันร่างของคนที่ดิ้นรนน้อยๆให้แนบอยู่กับฟูกนอน ฝ่ามือที่สัมผัสใบหน้าเปลี่ยนเป็นกำท่อนแขนเเน่น ...ดวงตาสีเข้มภายใต้กุตราห์สีขาวฉาบฉายด้วยอารมณ์ที่เอ่อล้น..

 ....ไม่ใช่คนดีนักหนา ผมก็คนเห็นแก่ตัวเช่นเดียวกัน

...แต่ที่ทำเพื่อคุณ และยอมให้กับคุณมากขนาดนี้ เพราคุณเป็นคนที่ผมรัก สาเหตุมันก็มีเพียงเท่านั้น

แต่จะทนได้อีกนานไหม...จะยอมเจ็บช้ำซ้ำๆซากๆและตั้งความหวังไว้กับสิ่งที่ไม่รู้จะมาถึงเมื่อไหร่หรือเปล่า...อัลชาอ์ไม่กล้าตอบตัวเองเลย..

ทนมากเท่าไหร่ยิ่งทุรนทุรายมากขึ้นเท่านั้น ต้องการมากขึ้นแต่อีกฝ่ายไม่ยอมตอบรับ และต้องจมอยู่กับความหวังลมๆแล้งๆไปอีกนานเท่าไหร่..?

         ".. เมื่อไหร่  " คำถามผ่านออกมาจากริมฝีปากสีเข้ม จากคนที่ทั้งกอดและกดทับร่างกายของเขาให้แน่นิ่งจนไม่อาจขยับ..ถึงขยับได้คาวัลโลก็คงไม่ทำ เพราะยามนี้สีหน้าและแววตาของอัลชาอ์บ่งชัดว่าไม่ควรทำเช่นนั้น..

...มาเฟียหนุ่มเม้มปากแน่นด้วยความอดสู ยามที่คำถามนั้นดังออกมาจากริมฝีปากของชีคหนนุ่ม...นั่นทำให้เขานิ่งงันไปอย่างจนด้วยคำตอบ

เมื่อไหร่?

นั่นสิ...เมื่อไหร่กัน?

เมื่อไหร่ที่เขาจะได้กลับมาเหยียบที่นี่ เมื่อไหร่เรื่องราววุ่นวายจะจบ เมื่อไหร่ความปราถนาของตนเองจะบรรลุ เมื่อไหร่ นานแค่ไหน?

...อัลชาอ์จะทนรอได้หรือ? จะยอมรับได้หรือ?

...คาวัลโลสะอื้นออกมาด้วยความรวดร้าว มันเป็นความผิดของเขาเองที่ทำตัวแบบนี้ ให้ความหวังแล้วปัดทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าใครก็ปวดร้าวและเหนื่อยหน่ายจนไม่อยากจะทนกับมันทั้งนั้น

ยิ่งเห็นท่าทางของอัลชาอ์ยิ่งบอกชัด ให้รุ้ว่าคาวัลโลเป็นคนเห็นแก่ตัวแค่ไหน..และได้ทำร้ายคนที่รักเขาไปมากมายเพียงไร

        "...คุณให้ผมสัญญา..." ไม่มีคำตอบออกมาจากริมฝีปากคู่นั้น ชีคหนุ่มได้แต่หัวเราะเสียงพร่าสั่นด้วยอารมณ์ขุ่นมัวที่พุ่งทวี ความโกรธมันน้อยนักเมื่อเทียบกับความเสียใจและผิดหวัง..รู้ดีถึงเหตุและผล รู้ว่าตนเองควรจะตัดสินใจเช่นไร ทว่ากับความเป็นจริงเช่นนี้ จะทนยอมรับมันและปล่อยมือไปง่ายๆโดยที่สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลยหรือ?

   ....เขาดีกับคาวัลโล คอยดูแลอยุ่เคียงข้างเพราะรัก..ทุกๆอย่างก็เพราะรัก แต่เพรารักเช่นกัน ที่ทำให้ตอนนี้อัลชาอ์กำลังจะเป็นบ้า..

คนบ้าที่เจ็บปวดเพราะความรัก...คนที่ใกล้จะขาดสติและทำอะไรบ้าๆลงไปเพราะความปวดร้าวที่ไม่อาจระบายออก...

          "...สัญญาแล้วเมื่อไหร่คุณจะทำมัน...คุณบอกให้ผมรอ รอแบบไหน รออย่างคนบ้าที่เพ้อพกอย่างไร้หวัง หรือรออย่างคนโง่ที่เฝ้างมงายเชื่อถือโดยไม่นึกถึงตัวเอง " ฝ่ามือหนาแตะลงบนคอเสื้อ กระตุกดึงเครื่องพันธนาการร่างกายให้หลุดออกด้วยรอยยิ้มหยัน.และ.แววตาขื่นขม "  เมื่อไหร่ ตอบผมสิ...เมื่อไหร่คุณถึงจะกลับมา...เดือน...สองเดือน สามปี สิบปี ยี่สิบปี....."
 
 " หรือตลอดชีวิต ?"


               ชีคหนุ่มกระชากเสื้อนอนของคาวัลโลออกแรงๆด้วยสีหน้าเยาะหยัน แววตาที่มองมาไม่ใช่แววตาที่เคียดแค้นหรือหื่นกระกาย ตรงกันข้ามมันกลับรวดร้าวและเจ็บแวดนัก..คาวัลโลเม้มปากแน่นสะท้านไปทั้งร่างยามที่ชีคหนุ่มตรงเข้ากระชากอาภรณ์ออกจากร่างกายของตนด้วยสีหน้าเครียดขึง  แขนสองข้างถุกดทับ และปลายฟันขบยอดอกแรงๆ จนร่างสะดุ้งไว้ อีกทั้งปลายลิ้นยังลามเลียซอกคอพร้อมกับสร้างร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของ พฤติกรรมอุกอาจที่ควรจะโกรธเคือง ทว่าเขากลับทอดร่างยินยอมให้อีกฝ่ายทำรุนแรงตามใจ

 .. รู้ดีว่าผิด รู้ดีว่ามันโหดร้ายกับคนที่ต้องเฝ้ารอโดยไร้ความหวัง ฉะนั้นหากอัลชาอ์อยากจะระบายความปวดร้าวกับการกระทำแบบนี้เขาก็ยินดี..

    ....สาสมแล้ว สมควรแล้วกับคำถามที่เขาตอบไม่ได้...

    นัยน์ตาสีน้ำทะเลกระพริบถี่ ปิดพับลงอีกคราขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้ม...

      ...ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ถึงจะได้พบกันอีกครั้ง...

           อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าของคนที่รักสุดใจซึ่งบัดนี้ทอดกายอยู่ใต้ร่าง หลับตานิ่งและยอมรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าจะต้องถูกใช้เป็นที่ระบายอารมณ์ มองเห็นอยู่ว่าการกระทำของเขามันป่าเถื่อน ก็ยังไม่ยอมดิ้นรนทั้งรอยฟันตรงลำคอขาว รอยกัดบนยอดอกสีสวยที่เคยถุกทะนุถนอมบัดนี้แดงช้ำและเป็นรอยสีจัดอย่างน่าสงสาร  หากคาวัลโลจะดิ้นรนด่าทอเขามันคงดีกว่านี้ ดีกว่าจะมายอมนอนแน่นิ่งยอมรับทุกสิ่งราวกับผู้พ่ายแพ้..

        เสื้อผ้าที่ถูกกระชากออกถูกเหวี่ยงไว้รอบกาย..สายตาของอัลชาอ์จ้องมองมันด้วยสีหน้ารวดร้าว...ก่อนจะหันกลับมาจ้องมองใบหน้าของคาวัลโลที่ยังคงเปื้อนด้วยน้ำตาไหลเป็นสาย...

       ไม่เคยคิดจะทำอะไรรุนแรง ไม่เคยคิดจะทำให้คนๆนี้ต้องร้องไห้ ทะนุถนอมโอบประคองอย่างดีเพราะว่ารักมากจนแทบทนไม่ไหว แต่สุดท้ายก็มาทำแบบนี้...    เพราะรัก เพราะผิดหวัง เพราะเจ็บปวดจนแทบกลายเป็นคลุ้มคลั่งและอยากจะหาทางออก.
.
        ...ริมฝีปากหนาแตะลงบนผิวแก้มซีดขาวแผ่วเบา จูบซับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของคนรักด้วยท่าทีทะนุถนอม. ฝ่ามือที่เคยกำแน่นกดทับให้ร่างของมาเฟียหน่มให้นอนนิ่งไม่อาจขัดขืนเปลี่ยนเป็นกอดประคองอย่างอ่อนโยน อัลชาอ์ซุกใบหน้าลงกับไหล่ผอม...กอดรัดร่างของคาวัลโล วาลกัสไว้ด้วยหัวใจรวดร้าว...

   ...ที่สุดก็ทำไม่ลง

    อยากจะย่ำยี อยากจะทำเรื่องโหดร้ายเพื่อสลักร่องรอยของตนให้จารึกบนความทรงจำของคาวัลโลไม่ให้จางหาย ให้คนๆนี้คิดถึงเขาตลอดไปแม้จะไปพบเจอใครหรือไปกอดใครอีก..แต่ว่ายังไงก็ทำไม่ลง..

...เพราะรัก...เพราะรัก....รักมากเหลือเกิน...

        คาวัลโลกระพริบตาถี่ จ้องมองแสงตะเกียงจากโคมไฟที่ยังคงสาดจ้า ลำคอตีบตันรวดร้าวด้วยความเจ็บปวดที่บีบรัด ชายที่รักเขายิ่งดวงใจยังคงกอดไว้แน่น..โอบกอดทะนุถนอมเช่นที่เคยเป็น และความคุ้นเคยนั้นเองทำให้มาเฟียหนุ่มสะอื้นไห้ออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว...

      เขายกมือมือกอดร่างของอัลชาอ์ไว้ โอบรัดและกอดไว้แน่นอย่างที่ใจอยากจะทำ ทั้งที่จะทำรุนแรงหรือจะทรมารเขาอย่างไรก็ได้ คาวัลโลเต็มใจจะให้เป็นแบบนั้น แต่สุดท้ายอัลชาอ์กลับเป็นฝ่ายโอบกอดและฉุดรั้งเขาออกมาจากวังวนแห่งความเจ็บปวดอีกครา..

        มาเฟียหนุ่มสะอื้นไห้ออกมาอย่างรวดร้าว เขาจ้องมองแสงจ้าของตะเกียง ขณะที่โอบกอดร่างของคนรักไว้แน่น ก่อนที่ริมฝีปากจะถูกครองครอบไว้พร้อมกับความร้อนในกายเริ่มปะทุจากสัมผัสของชีคหนุ่ม...คาวัลโลครางในลำคอเบาๆ ปนกับเสียงสะอื้น นัยน์ตาที่มัวพร่ายิ่งเรือนลางยามมองเห็นร่างของอัลชาอ์ขยับอยู่บนกาย ความร้อน แรงเสียดสีและความรู้สึกที่พุ่งทวี ไม่ได้ตราตรึงไปมากกว่าใบหน้าและแววตาของคนรัก...

     คาวัลโลครางฮือ โอบกอดร่างของชีคหนุ่มไว้แน่นขณะที่อีกฝ่ายขยับกายรวดเร็ว เสียงลมหายใจหอบ เสียงขยับกายเสียดสี เสียงครางแผ่วเบาในลำคอยังคงเคล้าคลอเสียงสะอื้น..

   ท่ากลางสติรับรุ้อันเลือนรางเขาสัมผัสได้ถึงของเหลวใสๆที่ตกลงบนใบหน้า  รสเค็มปร่าของน้ำตายิ่งทำให้ความเจ็บปวดแผ่ซ่านอย่างไม่อาจระงับ...

   ร่างของพวกเขายังคงทาบทับ กอดรัด คลอดเคลียกันราวกับเป็นครั้งสุดท้าย เปล่งเสียงครางครวญเจือสะอื้นให้ พร้อมกับคำถามที่ยังคงดังก้องอยู่ในสมอง..

ต่างรับรู้ ต่างก็ยอมรับ แต่ไม่อาจปล่อยมือ ไม่อาจจะตัดใจจากไปได้...

รู้ดีว่าสุดท้ายก็ต้องจากไกล แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจปล่อย..

เพราะว่ารัก..เพราะว่ารัก...รักมากเหลือเกิน...

...แล้วจะหาทางออกได้อย่างไร?


.......................
     :m15:น้ำตาซึมตอนท้ายๆ...ตอนแรกจะจัดท่านชีคเอสเอ็ม แต่ไม่ไหวอ่ะ ไม่ใช่อัลชาอ์ อัลชาอ์ไม่ใช่คนแบบนั้น ไม่ใช่คนใจร้ายกับคนที่ตัวเองรัก ท่านชีคคนดี ฮือ อ อ / โดนเตะ

    ตอนนี้คาวี่ใจร้าย...ก็นะ...ใจร้ายแบบปวดใจนั่นแหละ อยู่กับคนอื่นล่ะมั่น อยู่กับท่นชีคล่ะเรียกอัลชาอ์ๆไม่ขาดปาก โถ อิหนูเอ๊ย
ท่านชีคก็มีโมโหเหมือนกัน แต่ที่น่าโมโหที่สุด คือต่อให้ดิ้นรนไปสุดท้ายมันก็เป็นเหมือนเดิม...

ดราม่าน้ำตานองกันต่อไป T T

ปล. หกล้มหน้าห้องน้ำตอนเย็นนี้เอง เจ็บหลัง เจ็บแขน แขนถลอกหมด อร้าก ก ก ก :m15:
ปล2 แบดกายอัพพรุ่งนี้จ๊ะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: ppmayuree ที่ 29-07-2011 02:13:05
ก็รักไปแล้ว...จะให้อัลชาร์รออีกหน่อยจะเป็นไรไป
คาวัลโล ก็ปวดใจพอกันนั่นแหละ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 29-07-2011 02:21:11
"...ฉันไม่ได้อ่อนแอลง...แต่ฉันเรียนรู้อะไรมากขึ้นต่างหาก "

เราคิดว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นนา

เค้าไม่เรียกว่าอ่อนแอ แต่ เค้าเรียกว่า .. อ่อนโยน ...

สงสารชีคใจจะขาด สงสาร ชีคน่าสงสารที่สุดในสามโลก

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 29-07-2011 03:29:28
ช่วงท้ายๆนี่ชวนให้น้ำตาซึมจริงๆค่ะ  ทั้งเศร้า ทั้งซึ้ง
ท่านชีคนู๋คาวี่ สู้!!! o7


 ปอลอ :L2: เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ หายเจ็บไวๆนะคะ


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: ammer ที่ 29-07-2011 03:45:09
 :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 29-07-2011 08:37:00
คนเขียนต้องหาทางออกให้คาวี่กับอัลซาร์ให้สวยๆ ด้วย ไม่งั้นมีงอน
สงสารคาวี่กับอัลซาร์ แต่มันเป็นเรื่องของครอบครัวมันจำเป็น
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 29-07-2011 09:34:25
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 29-07-2011 09:44:32
 :sad4:ในที่สุดเวลาของการจากลาก็มาถึง

สงสารอ่า ท่านชีคต้องรออีกนานแค่ไหน....
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 29-07-2011 10:16:32
น้ำตาแตก
สงสารท่านชีคจัง
สุดท้ายก็ได้แต่รอคอยต่อไป :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 29-07-2011 10:38:39
ตอนนี้ท่านชีค คงนึกว่าตัวเองเป็น นิว-จิ๋ว "รอแล้วได้อะไร"

ฮือๆๆๆ เจ็บปวดสุดใจทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 29-07-2011 11:09:14
อัลชาร์เป็นคนรักที่เพอร์เฟคจริงๆ สมกับเป็นผู้ปกครองบ้านเมือง งื้อ เศร้าแทน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 29-07-2011 12:11:26
ทำไมตอนนี้มันโศก สลด น้ำตาท่วมจอขนาดนี้อะ  :serius2: :serius2: :serius2:

ไม่รู้จะสงสารใครดี ทั้งคาวี่ทั้งอัลซาร์ ความจริงน่าจะให้คุณอาขึ้นเป็นบอสแทนซะเลยนะ นิสัยให้จะตาย :o10: :o10:


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 29-07-2011 12:46:32
สงสารทั้งคู่เลย   :sad11:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 29-07-2011 13:14:56
รันทดมากกกกก เมือไหร่ จะได้กลับก็ไม่รู้
แต่ที่รู้ เมือไหร่คาวี่จะไปจัดการเรื่องทั้งหมด เอาแบบ มาดเท่ๆ ด้วยนะ 5555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 29-07-2011 13:22:54
 :monkeysad: สงสารทั้งคู่จังตอนนี้น้ำตาลท้วมในตอนท้าย
อยากให้ท่านชีครอคาวี่ แต่คำถามที่ท่านชีคถามคาวี่มันทำให้สะอึกเลย
แบบรอถึงเมื่อไหร่  สุดๆอ่ะคำถามนี้
ปล. แอบตกใจตอนที่ท่านชีคจะ sm แต่ถ้ามีก็ชอบนะ :-[ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ ขอให้คนเขียนหายเจ็บเร็วๆนะจ๊ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 29-07-2011 13:25:01
 :m15: :m15: :m15:


อะไรมันจะเศร้าขนาดนี้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 29-07-2011 13:35:09
สงสารท่านชีคอ่า ทรมานแทน
จะให้รอไปถึงเมื่อไหร่ เฮ้อ.........เจ็บปวด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: tengu3 ที่ 29-07-2011 14:07:39
 :o12: ทนไม่ไหวแล้ว
นั่งซับน้ำตาท่วมจอ คนอ่านจะตายก่อนแล้ว
สงสารท่านชีคอ่ะ ท่านชีคร้องไห้ด้วย
แต่ก็สงสารคาวี่นะ แต่น้ำตาลลูกผู้ชายอย่างท่านชีคนี้มันยากนะ
ถ้ามันไหลออกมาเพราะคาวี ก็แสดงว่าคาวีเป็นดั่งดวงใจและชีวิตเลยทีเดียว
เข้าใจเลยว่าท่านชีครักคาวีมากขนาดไหน
เฮ้อ เศร้าๆๆ ไรท์เตอร์ขา จบสวยๆนะ
สงสารทั้งคู้เลยอ่า อุตส่าห์ตัดขาดญาติเพื่อคาวีขนาดนี้ :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Bee_YJ ที่ 29-07-2011 15:35:48
คาลน่าสงสารมาก
เลือกทางไหนก็มีแต่ทุกข์กับทุกข์ :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 29-07-2011 17:01:01
เฮ้อ เศร้าและซาบซึ้งในรักของทั้ง2คน แต่หน้าที่ก็คงต้องทำ

แล้วชีคจะรอคาวี่มั้ย ถ้าไม่รอเราก็เข้าใจเพราะรักมากก็เจ็บมาก

แล้วคนแต่งจะให้จบไงเนี่ย นอยด์มากอ่ะ

ปล.คู่คลาร์กกะแกเร็ตนี่คงมีไรแน่ๆ

ปล.2ตอนนี้พิมพ์ชื่อคลาร์กกะแกเร็ตสลับกันไปมาเยอะเลยค่ะ

 :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 29-07-2011 19:49:18
แอร๊ยย ขอกรี๊ดก่อน
แกเร็ตกับคลาก นี่มันอะไรร อ่านแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย เขาชอบคู่นี้้ :o8: :o8:
ตาลุง30วัยกำลังซึน? มันมาแอบหวานกับเด็กในอุปการะ กร๊าก :laugh: ชอบอ่ะ
อยากให้ จัดหนักคู่นี้ ตอนพิเศษก็ยังดีจ้าาา :กอด1:

ส่วนน้องคาร์โล ก็ :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 29-07-2011 20:27:54
แง้  ๆๆๆๆ :sad4: อัลซาล์  คาวี่  ไม่นะไม่ยอม
เศร้าอ่ะ  ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย คาวี่ต้องกลับมาสิ
เคลียร์เรื่องทางโน่นให้เสร็จแล้วต้องกลับมานะ  ห้ามนานด้วย
สงสารซีคเป็นที่สุดอ่ะ  ฮือๆ :m15: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 29-07-2011 20:53:37
ไม่รู้จะสงสารใครมากกว่ากันอะ
รู้แต่สงสารตัวเอง
อ่านแล้วเศร้าแบบอินเกิน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 29-07-2011 21:16:59
ติดไปอีกตอนน่ะค่ะ ยังไม่กล้าอ่าน :o12: กลัวเศร้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: raphaello ที่ 29-07-2011 21:25:01
ท่านชีคคนดี ดีเกินไปแล้วววววT^T
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 29-07-2011 22:48:49
บีบหัวใจว่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: *~LPCM~* ที่ 29-07-2011 23:17:05
ขอแอบไปทำใจจจจจจจจจจจจ :o12:
ไม่ไหวๆๆ ทำต้องมาดราม่าเอาตอนช่วงสอบด้วยเนี่ยยยยยยย รู้ไหมว่ามันนอยด์  :sad4:
ปุ้ยยยยอ่า ใจร้ายกับคนอ่านเกินไปแล้วน๊าาา ไหนว่ารักน้องรักชีคไง? ทำไมทำกันแบบนี้~~!! :angry2:
จะบ้าตายๆ ไหนจะสอบ ไหนจะนอยด์ ฮือๆ  :serius2:

ปล. ขอเวลาไปอ่านเต็มๆก่อนน๊าาา แต่ถ้าlineหน้าไม่มาแก้นะปุ้ย  o18 หึหึ
คาวี่ลูกร๊ากกกกกกก คิดถึงมากกกกกกกกกกกก ^^ :กอด1:
สู้ๆต่อไปปุ้ย เห็นว่าสอบ ยังอุตส่าแต่งมาให้อ่าน ขอบคุณน๊าาาาา จร๊วฟฟฟฟฟฟฟฟ :man1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: kisssky ที่ 29-07-2011 23:33:15
 :o12: ทำเอาเค้าร้องไห้ตามไปด้วยเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 29-07-2011 23:36:10
ไม่มีใครมาช่วยแก้ปัญหานี้แทนได้เลยรึไง
มาเป็นบอสแทนคาวี่ หลังจาก อเล็กซิส แก้ปัญหาทุกอย่างได้เรียบร้อย
และครอบครัวปลอดภัยแล้ว 

ไม่มีเลยรึไงคะ คนที่มาทำหน้าที่แทน
ทางออกที่ไม่มีใครต้องเจ็บอย่างนี้
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: l2ockyou_l3ody! ที่ 30-07-2011 16:01:14
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :z3: :z3:

ปวดใจน้ำตานองหน้า  :o12: :o12:
แบดกายก็ปวดติ่ง อันนี้ก็ปวดตับ  :z3:

มาอัพไว ๆ นะฮ๊า ไม่อัพนี่มีโกรธธธธ  :sad4:

ปล. หายไวไว นะฮ๊า  :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: PAnppyJunJii ที่ 30-07-2011 16:10:54
บีบคั้นหัวใจสุดๆ
คาวี่จัง  TT 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: bleach_pa ที่ 30-07-2011 17:51:22
สะเทือนอารมณ์มาก
รักแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้  :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: anuyasha ที่ 30-07-2011 23:57:40
แง้ ตอนนี้ดราม่าไม่ไหวแล้ววววว
น้ำตาท่วมจอ T______________T

เป็นการรอที่ไม่รู้วันสิ้นสุดจริง ๆ จะทำยังไงล่ะ แง้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: MoPPeT ที่ 30-07-2011 23:59:52
ไม่อยากอ่านมาม่าแล้วอ่า :sad4: มันปวดหัวใจ :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 31-07-2011 03:53:38
ยัง so sad ต่อเนื่องไม่หาย อารมณ์ยังไม่ปกติ เลยไปทำรูปเล่นแก้นอยด์ซะเลย ขอบคุณรูปจากการแนะนำตัวละคร แต่ขอเลือกเอาที่ชอบนะละกันนะครับ  o22 o22 o22



[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 31-07-2011 04:00:40
หง่าาาา า า า


เรื่องมัน เศร้ามากกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 31-07-2011 14:18:06
น้ำตาร่วงกันเลยทีเดียวเชียวล่ะฮะ........
ดราม่าไปไหนเนี่ย (ดีดี ชอบชอบ^^)
ในที่สุดเธอก้ต้องไปสินะ
...แต่เธอก้จะกลับมาเช่นกัน(ริป่าว)
เออ!!!! อัลชาห์ไปหาก้ได้นี่นะ ฉุดมาก้ได้....คิดไปโน่นนนน วะฮ่าฮ่า

รอตอนต่อไปคร๊าบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 31-07-2011 18:26:07
ต่อมน้ำตาแตกเลย :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: crosa ที่ 31-07-2011 20:39:21
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก
สงสารทั้งอัลชาทั้งคาวี่
ทำไมต้องมีอุปสรรคมากมายขนาดนี้TOT
เกือบจะไปด้วยกันได้แล้วแล้วก็ต้องสะดุดอีกแล้ว
เกือบร้องไห้ตามคาวี่อ่ะTOT
สู้ๆคาวี่+อัลชา^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 05-08-2011 23:28:11
โอ๊ย... ทำไมชีวิตมันโหดร้ายจั๊งซี่    :m8:   บีบคั้นหัวใจเลื๊อเกิน....


เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่     :impress:



ขอบคุณมากมายครับคุณ Serin สำหรับนิยายเรื่องเยี่ยม    o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 06-08-2011 10:40:15
เข้ามาอ่านเป็นรอบที่ 3  :m15:

ยิ่งอ่านคนอ่านเองยังไม่เห็นทางออกเหมือนกัน แอบคิดท่าคาวี่มาไม่ได้

ก็ให้อัลชาบุกไปลักพาตัวคาวี่มาเลยดีมั้ย แต่คิดอีกทีถ้าจะบุกไปก็ไปจัดการคุณลุงทีเดียวเลยดีกว่า

 :serius2: คิดไปคิดมาเวียนหัว... ไปซบอกท่านชีคดีกว่า (วิ่งหลบ...คาวี่)

นั่งคอยตอนต่อไปจ้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 08-08-2011 23:16:03
เข้ามาช่วยดันจ้า


ปล.  อัพด่วนนนนนนนนน :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 09-08-2011 04:37:03
มาแจ้งข่าวตอนตีสี่กว่าๆ...
.
.
คนเขียนสไตรค์อย่างแรง นิยายของดอัพอย่างไม่มีกำหนด
เคลียร์ตัวเองได้แล้วจะรีบอัพอย่างเร็วที่สุดคะ
ขอโทษด้วยจริงๆ
ปุ้ย ^ ^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: *~LPCM~* ที่ 09-08-2011 10:41:57
 :serius2:ปุ้ยอ่าาาาาาา อย่าทำรายชีคด้วยการทไอย่างนี้เลย  :o12:
เสียใจๆ ตอนกำลังดราม่าเข้าทีเข้าทางพอดีเลย :sad4:
ทำไมฟ้า(??ปุ้ย??)ต้องทำกลั่นแกล้งชีคกะน้องคาวี่กันอย่างนี้ด้วยเนี่ย  :m15:

ยังไงก็สู้ๆน๊า เคลียร์ตัวเองได้เมื่อไหร่ก็รีบๆกลับมานะคะ เค้ารออยู่ :กอด1:
คิดถึงคาวี่ โฮกกกกกกกกกกกกก :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 09-08-2011 13:30:54
เศร้าจัง   


 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 10-08-2011 16:55:12
หงื่ออออ  เพราะคุณลุงแท้ๆเลย
ยังนึกถึงที่เซย์บอกไว้ ถ้าลุงไม่ขี้ขลาด ไม่ซุกจอร์จิโอ้ไว้ให้เป็นเด็กกำพร้า เรื่องทุกอย่างมันอาจจะไม่เป็นอย่างนี้
แต่ก็นั่นล่ะ คนเรามักจะมีเหตุผลของตัวเองที่คนอื่นอาจไม่มีวันเข้าใจถ้าไมได้เจอกับตัวเองจริงๆ
เศร้าใจ บาดใจ จริงๆ สงสารทั้งคู่เลย หน้าที่ คำๆนี้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ TT
อนาคตนี่มันโหดร้ายเกินไป ถึงจะยังไม่รู้ว่ามันจะป็นยังไงแต่ก็สงสารทั้งคู่ค่ะ
เพราะปัจจุบันก็ทรมานใจกันแทบแย่แล้ว

ปล.
อ้างถึง
แกเร็ต เคย์ จะเป็นมือขวา คลาร์ก โรเซนเบิร์กจะเป็นมือซ้าย พวกเราจะเป็นมือเท้า เป็นแขนขาของคุณ จะช่วยคุณกรุย ตะลุยขวากหนามสู่ความสำเร็จ...
ชอบประโยคนี้จัง มันเป็นคำสาบานอะไรพวกนี้หรือเปล่า ยอมให้ได้ทุกอย่าง...ชอบค่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: JaMiDo ที่ 10-08-2011 21:27:34
ตามมาอ่านจาก เด็กดี ค่ะ ชอบเรื่องนี้มากกกก

ภาษาสวยอ่านแล้วติดเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 15-08-2011 23:05:04
มารอ    (http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/01/cute-bear-2-021.gif)    คุณ Serin
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 17-08-2011 22:39:50
Line : 39 บุกโจมตี

      ใบหน้าที่แสนเคยคุ้นขยับมาใกล้ชิด นัยน์ตาสีเดียวกัน เส้นผมสีเดียวกัน ใบหน้าแบบเดียวกัน..เหมือน ..เหมือนกันราวกับจ้องมองกระจก ทว่าสิ่งอยู่ตรงหน้านี้คือมนุษย์ คือคนๆหนึ่งที่มีเลือดเนื้อ มีชีวิต มีลมหายใจ  อีกทั้งยังเป็นน้องชาย..เป็นคนที่นอนกอดกกแนบชิดกันตั้งแต่ในครรภ์มารดา คือคนที่ไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่นก็ยังคงทิ้งตัวตนไว้ในเงาตาและความคิดคำนึงเสมอ..

      ฝ่ามือจับแน่นกระชับ..ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดใบหน้าที่ชิดใกล้เพียงลมหายใจคั่น ผ้าห่มผืนโตซ่อนร่างพวกเขาไว้บนเตียงหน้า ต่างจ้องมองกันและกันอย่างไม่ละสายตา พลันก็รู้สึกถึงสายใยบางๆที่เชื่อมพวกเขาไว้ด้วยกัน ความรู้สึกที่แนบแน่นอย่างไม่อาจจะแยกออก..

     ..เราคือคนๆเดียวกัน..

     ..เราคือพี่น้องทีมีสายเลือดและลมหายใจเป็นหนึ่งเดียว..

      นัยน์ตาสีฟ้าสดสองดวงจ้องมองกันแนบแน่น ต่างได้ยินเสียงหัวใจกระซิบเอ่ยเอื้อนถึงความผูกพันที่ไม่อาจจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดหรือประโยคใดๆ เพียงแต่รู้สึกอบอุ่น เป็นสุข ยามได้จ้องมองกันและกันเงียบๆในค่ำคืนที่แสนสุขและไร้กังวลใดๆ

   อ้อมกอดของแฝดผู้พี่เอื้อมไปหาร่างของคนน้องผู้นอนเคียงข้าง ฝ่ามือที่กุมแน่นบีบกระชับ จรดหน้าผากจ้องมองแลสบดวงตาของกันและกันอย่างโหยหา..

      ...เรื่องราวมากมายที่ผ่านผัน ทั้งดีและร้าย ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงจากความรักฉันท์พี่น้องไปเป็นอื่น แนบแน่นสนิทชิดใกล้จนไม่อาจแบ่งใจให้ใคร กระทั่งก้าวผ่านเรื่องราวเลวร้ายทั้งหลายมาด้วยกัน สลักรอยความทรงจำและความรักให้ลึกซึ้ง แนบแน่นเกินจะเอ่ย..

     อเล็กซิสจ้องมองใบหน้าของแฝดผู้น้อง ชายหนุ่มกระพริบตาถี่ ชั่วขณะหนึ่งที่ความหวาดหวั่น กลัวจะพบเจอความสูญเสียประเดประดังเสียจนลมหายใจสะท้านสั่น..

     ราวกับจะรู้ถึงความหวาดหวั่นที่สื่อถึง ฝ่ามืออีกข้างของแฝดน้องจึงทาบลงบนผิวหน้าขาวจัด ปลายนิ้วเรียวยาวขาวสะอาดไล้ลูบแผ่วเบา เผื่อแผ่ความอบอุ่นอย่างรักใคร่

     "..เราจะแยกจากกันไหม? " ตัวเขา..อเล็กซิสได้ยินตัวเองถามออกไปแบบนั้น..ทั้งไหวหวั่นทั้งหวาดกลัว แม้ภายนอกจะดูเข้มแข็งและเป็นผู้นำเพียงใด ทว่าภายในใจกลับไหวสั่น..หวั่นไหวและหวาดกลัวความสูญเสียไม่ต่างกัน..แต่สำหรับสีหน้าหวั่นไหว ไม่แน่ใจ และแววตาสั่นระริกนั้น ผู้เดียวที่จะมองเห็นได้..คือคนๆนี้ คนตรงหน้านี้เท่านั้น..

      " ไม่..จนกว่าเราจะตาย" รอยยิ้มอ่อนจาง ทั้งอบอุ่น อ่อนโยน และให้กำลังใจ ปลุกปลอบหัวใจที่หวาดหวั่นให้กลับมามีกำลัง..อเล็กซิสยิ้ม...ยิ้มรับคำพูดนั้นด้วยกำลังใจที่เพิ่มขึ้น..

     "..เราจะรักคนอื่นไหม? จะมีใครมาอยู่เคียงข้างพวกเราหรือเปล่า? " แฝดน้องของเขาออกปากถามบ้าง อเล็กเซย์จ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาไม่แน่ใจ เสี้ยวหนึ่งของความคิดอย่างไรก็ยังคงมีความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียกันและกันไว้ในส่วนลึกของหัวใจเสมอ..

...เพราะพวกเขาต่างได้ลิ้มรสแล้วว่าการจากลาและพลัดพรากกันมันปวดร้าวทรมารเพียงใด

     " ไม่...ไม่มีกระทั่งฉันจะหมดลมหายใจ "

     "..เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป.."

     " ใช่...ตลอดไป.." พวกเขาทั้งสองกอดแนบกันให้ชิดใกล้อีกครั้ง ริมฝีปากแตะลงเบาๆเพื่อสัมผัสเสียงลมหายใจและลมหายใจอุ่นี้อนของอีกฝ่ายได้ชัดเจน..

       "..ถ้าไกปืนมันเล็งมาที่นาย..ฉันจะเป็นคนออกรับแทน "  อเล็กเซย์ใช้ดวงตาสีฟ้าสดคู่นั้นจ้องมองมาเขม็ง...ริมฝีปากเอ่ยคำสัตย์อันหนักแน่น..

       " หากมีใครกล้าปองร้ายนาย ฉันก็จะไปฆ่ามันให้ตายไปจากโลกนี้." ฝ่ามือหนาทาบลงบนแก้มของแฝดน้อง..อเล็กซิส..จ้องมองดวงตาคู่เดิมที่เเสนเคยคุ้นคู่นั้น กระซิบบอกออย่างหนักแน่น

       " ชีวิตของฉันมีแต่นาย เช่นเดียวกับชีวิตของนายมีแต่ฉัน.."

               ริมฝีปากหนาแตะลงบนหน้าผากมน  จ้องมองใบหน้าและทุกสิ่งของแฝดน้องด้วยแววตารักใคร่..ตราตรึง

         .."เรา" เป็นของกันและกัน..

       " ...ห้ามมีความลับกับฉันนะ.."   ริมฝีปากบางพึมพัมเสียงเบา ขณะที่ดวงตาค่อยปิดพับลงด้วยความง่วงงุนและความอ่อนล้า อเล็กซิสผ่อนลมหายใจลงช้าๆยามได้ยินคำพูดของฝาแฝด..

       " สัญญา..."

       " ครอบครัวเดียวกัน..ห้ามมีความลับกันนะ รู้ไหม ถ้ามารู้ทีหลังแล้วจะเสียใจ จะไม่เข้าใจกัน ..." น้ำเสียงนั้นเริ่มเลือนราง..ทั้งยังพร่าสั่น..

        พี่..

      " ฉันรู้..ขอโทษนะ..ขอโทษ..." 

       พี่..

   " ฉันอยากจะให้นายวางภาระหน้าที่เสียบ้าง...หนักใจอะไรก็บอกฉัน ไม่สบายใจ เสียใจก็บอกฉัน..."

       พี่อเล็กซิส..

       " ...ฉัน..."

      " พี่อเล็กซิส !!!!! "


           เสียงตะโกนดังลั่นแทรกเข้ามาในอนุสติทำให้ภาพทั้งหมดพลันจางหาย ทั้งความอบอุ่นจากผิวเนื้อ ใบหน้า แววตาและอ้อมกอดทั้งวันเวลาอันแสนสุข อเล็กซิสสะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นมาเพื่อพบกับดวงตาสีเขียวมะกอกสดใส..พร้อมทั้งใบหน้าและแววตาของน้องชายที่แสนจะเคยคุ้น..

         สติพร่าเลือน ทั้งงุนงงทั้งสงสัยกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น หรือเพราะความสุขในฝันนั้นหรือเปล่า ถึงทำให้สภาพจิตใจที่อ่อนล้าไม่อยากจะนึกถึงเรื่องราวที่ดำเนินอยู่ตอนนี้  อเล็กซิสค่อยพยุงกายลุกขึ้นช้าๆนัยน์ตากวาดมองทั่วบริเวณห้อง ชายหนุ่มยังอยากจะคิดว่ามันเป็นห้องนอนของเขาและคนรัก เป็นวันเวลาและค่ำคืนอันสุขสันต์ที่ตนเองได้นอนหลับอย่างมีความสุข อยากจะให้เรื่องราวเลวร้ายทั้งหลายมันไม่เคยเกิดขึ้น แต่กระจกหนาบานกลมเล็กที่สะท้อนภาพท้องทะเลเบื้องนอกก็เป็นดั่งคำอธิบายถึงความจริงที่สาดซัดจนไม่อาจปฏิเสธ..

        ยกมือขึ้นลูบใบหน้าช้าๆ ราวกับพยายามเรียกสติและความทรงจำที่ขาดหายให้กลับมาเป็นรูปเป็นร่าง อเล็กซิสจ้องมองใบหน้าอันเคยคุ้นของคาร์เนโร่ วาลกัส น้องชายคนที่สามของบ้าน ใบหน้าที่ฉายแววงวยงงปนห่วงใยของมันทำให้เขาต้องสูดหายใจลึก เพื่อดำรงตัวเป็นผู้นำเช่นที่เคยทำ..

         "...เป็นอะไรรึเปล่า ฉันได้ยินเสียงพี่พึมพัมอยู่คนเดียว " คาร์เนโน่บ่นลอยๆ จ้องมองพี่ชายที่ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยสภาพสีหน้าซีดเซียวปนมึนงงน่าห่วงไม่น้อย..

         " ฉัน...." อเล็กซิสเม้มปากแน่น ยามไพล่คิดถึงความฝัน...ฝัน...ถึงเวลาที่ผ่านผัน วันที่ตนเองและคนรักยังคงอยู่เคียงข้าง พูดคุยสนิทสนมกันเช่นที่เคยเป็น ได้นอนมองตาพร่ำคำบอกรักและโอบกอดกันอย่างมีความสุข..

...ความสุข..ที่บัดนี้มันคงไม่เวียนกลับมาอีกแล้ว..

    กลืนน้ำลายลงในลำคอช้าๆ...ด้วยความรู้สึกปวดร้าวปนคลื่นเหียนสะอิดสะเอียนเหลือจะกล่าว ขมับปวดตุบ ทั้งกระบอกตาก็ปวดระบม กระทั่งลมหายใจยังผ่าวร้อน แสดงอาการป่วยไข้ให้เห็นอย่างชัดเจน

       "...กินยาไหม? " คาร์โลเห็นสภาพพี่ชายแล้วถอนหายใจเบาๆอย่างหนักใจไม่น้อย..เขาเสมองหน้าต่างที่สะท้อนภาพทะเลยามเย็น..และจ้องมองมันอยู่อย่างนั้นราวกับจะพยายามไม่มองดูท่าทางอ่อนแอของพี่ชายคนโต..

     ..คนๆนี้ไม่เคยให้ใครมองเห็นความอ่อนแอ หรือปวดร้าว...นอกจาก....นอกจากพี่ชายของเขาคนนั้น..

     ..พี่ชายที่แสนดี คนที่เขารักนักหนา..คนที่ตอนนี้..ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว

     แค่คิดความปวดร้าวก็แล่นพล่าน  คาร์โลสูดหายใจลึกเมื่อความรู้สึกทั้งมวลแล่นมาจุกอก ทั้งยังคิดถึงน้องชายของเขา...น้องชายเพียงคนเดียว..เจ้าตัวแสบที่เคยแต่วิ่งไปวิ่งมายิ้มแย้มมีความสุข..

    น้องชายที่เขาเคยกอดคอสนิทสนม เคยออกปากวิวาท และยังได้โอบกอดทำเรื่องราวต่างๆด้วยกัน

     ทั้งพี่ชาย...ทั้งน้องชาย น้องสาวคนสำคัญ พ่อแม่...ลุงที่สนิทสนม...ภาพเหล่านั้น..ความสุขเหล่านั้น มันหายไปไหน?

     แสงแดดสะท้อนริ้วคลื่นไหวระริกสะท้อนเข้ามาในเงาตา คุณชายคนที่สามของตระกูลวาลกัสสูดหายใจลึก กระพริบตาถี่ แสงที่สะท้อนเข้ามามันจัดจ้าจนแสบตาไปหมดแน่ๆ...เขาถึงได้รู้สึกถึงขอบตาที่ร้อนผ่าวและจมูกที่แสบตื้อขึ้นมากะทันหัน..และเพราะแบบนั้นนั่นเองห้องนี้ถึงมีแต่ความเงียบงันและบรรยากาศอันหนักอึ้งราวกับไม่มีที่หายใจ..

       "..ฉันไม่เป็นไร แล้วนี่.....เกิดอะไรขึ้น.. "นิ่ง...นาน พี่ชายคนโตจึงเป็นฝ่ายออกปาก คาร์เนโร่ก้มลงมองหน้าคนพูด เสี้ยวหน้าเคร่งขรึมของพี่ชายสะท้อนเงาของแสงอาทิตย์ยามเย็นที่ลอดผ่านกระจกหนาในห้องเคบิลของเรือ ใบหน้าหล่อเหลานั้นดูทรุดโทรม อิดโรย ขอบตาปรากฏรอยคล้ำ เช่นเดียวกับรอยย่นบนผิวหน้าซึ่งมีมากขึ้นพอๆกับไรหนวดเขียวครึ้มอันเป็นผลมาจากการโหมทำงานและทุ่มเทวางแผนชนิดไม่คิดถึงการพักผ่อน จนดูราวกับพี่ชายของเขาแก่ขึ้นอีกสิบปีภายในเวลาไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ

         "...เรือใกล้จะถึงฝั่งแล้ว..เพราะพี่ไม่ได้พักมาหลายวัน ก็เลยฟุบหลับไปไม่รู้ตัว " คาร์โลตอบสั้นๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจลงช้าๆ สบแววตาที่เข้มขึ้นของคนฟัง..".. ผม..มารอคำสั่ง..."

         "......."

         " จะจอดเรือไว้ก่อนแล้วส่งคนของเราเข้าไปปะทะดูลาดเลา หรือจะบุกเลย "

         "..บุก..." อเล็กซิสตอบด้วยน้ำเสียงห้วน...สั้น

         "...ไหวรึเปล่า? " คาร์โลจ้องหน้าพี่ชายที่ยังคงมีท่าทีอิดโรย..อเล็กซิสเหนื่อยมาหลายวันแล้ว ประกอบกับอาการอ่อนล้าจนฟุบหลับไปเองเมื่อตอนบ่ายการยกพรรคพวกเข้าไปบุกโจมตีทั้งที่มีสภาพแบบนี้และยังเป็นเวลากลางคืน..เขาไม่แน่ใจ

         "..ปกติแกเอาแต่ไล่ฉันออกไปตายไม่ใช่เรอะ จะมาห่วงอะไรตอนนี้ " น้ำเสียงห้วนจัดมาจากคนที่กำลังสวมเสื้อกันกระสุนทับเสื้อเชิ๊ตชวนให้ความหงุดหงิดพุ่งปรี้ด  แต่ไม่รู้เพราะชินแล้วหรือเข้าใจพี่คนนี้มากขึ้นรึเปล่า คาร์โลจึงมองเห็นสิ่งที่เรียกว่าความห่วงใยและความรู้สึกเชื่อมั่นที่ชายตรงหน้ากำลังเอ่ยมาและมอบให้..

         " นั่นสินะ... " ไหวไหล่ ยักยิ้มอย่างชาเฉยราวกับไม่สนใจว่าคนๆนี้จะเป็นจะตายอย่างไรเช่นเดิม " ยังไงก็กินยาด้วยแล้วกัน มาหน้ามืดตอนกำลังสู้คงได้แต่ถ่วงแข้งถ่วงขาชาวบ้าน  "

         " หึ... " อเล็กซิสใช่จะไม่รู้ถึงความนัยน์ที่สื่อมานั้น พี่ใหญ่ตระกูลวาลกัสยกยิ้มมุมปาก เอื้อมมือหยิบชุดสูทสีดำของตนมาใส่ให้เรียบร้อย พร้อมกระชับให้เนื้อผ้าแนบสนิทกาย

         " งั้นออกไปก่อนแล้วกัน " คาร์โลหันหลังกลับ เอื้อมมือแตะประตูห้องพร้อมกับกดปลดล๊อค

                 อเล็กซิสก้มหน้าก้มตาตรวจเครื่องแต่งกายและสำรวจอาวุธของตน พยักหน้ารับแทนคำตอบ ทว่าก่อนที่เงาของน้องชายจะหายลับไปจากห้อง ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เขานึกสะกิดใจ

          " เดี๋ยวก่อน..." เสียงห้ามนั้นทำให้คนฟังเลิกคิ้ว.. คาร์โลหันไปมองหน้าพี่ชายด้วยความงวยงง พบว่าฝ่ายนั้นกำลังมองมาที่ตนเองด้วยแววตาเคร่งขรึม...จริงจัง..

          " ...ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก..." อเล็กซิสจ้องหน้าน้องชาย พลันคิดไปถึงความฝัน...ฝันที่แสนหวานของตนก่อนจะถูกปลุกมาพบความจริงแสนโหดร้าย และประโยคที่ออกมาจากริมฝีปากของของน้องชายฝาแฝดผู้เป็นคนรัก..


    " ครอบครัวเดียวกัน..ห้ามมีความลับกันนะ รู้ไหม ถ้ามารู้ทีหลังแล้วจะเสียใจ จะไม่เข้าใจกัน ..."


...ถ้าหากไม่พูด..หรือพูดช้าไป..อาจจะต้องมาเสียใจภายหลัง เหมือนเช่นเรื่องนี้...

         ต่อให้สัญญากับน้องชายไว้..แต่ว่า สถานการณ์มันเปลี่ยนไป และเขาจะนิ่งเงียบไม่ได้อีกแล้ว..

          "...คาวัลโล...ยังไม่ตาย..."

          "................."

               คาร์เนโรจ้องหน้าพี่ชายคนโตด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง..ชั่วขณะหนึ่งทุกอย่างนิ่งค้างความรู้สึกยินดีพุ่งพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนเต็มตื้น กับความหวังและความจริงที่ได้รู้ ทว่าก็ทั้งรู้สึกงวยงงและไม่เข้าใจ เขาจ้องหน้าผู้เป็นพี่เผื่อว่าฝ่ายนั้นจะมีท่าทีเหมือนพูดเล่น พูดผิด หรืออะไรแบบนั้น แต่สีหน้าจริงจังและแววตาที่บอกมามันทำให้รู้ได้ว่าพี่ชายของเขา..ไม่ได้โกหก..

       ..ยังไม่ตาย...แล้วทำไม..   

          "..ทำไมพี่ถึง....."

          " ฉันสัญญากับมันไว้.." อเล็กซิสจ้องหน้าน้องชาย เอ่ยปากอย่างหนักแน่น " ตอนนั้น..คำว่าศักดิ์ศรีและการกลับมาอย่างปลอดภัยมันทำให้ฉันต้องเงียบนิ่ง...ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น และไม่ได้เอะใจแม้แต่น้อยว่าใครกันหนอที่เป็นต้นเหตอยู่เบื้องหลัง ทั้งที่มันชัดเจนพอจะบอกและสันนิษฐานให้รู้แล้วด้วยซ้ำ..."

       คาร์โลจ้องหน้าพี่ชายที่ถอนหายใจเบาๆแล้วสบตาเขาด้วยรอยยิ้มเฝื่อนขม..

           "...คาลมันขอให้ฉันสัญญาว่าจะไม่บอกใคร...ซึ่งฉันก็ทำแบบนั้นมาตลอด..กระทั่งพี่ชายของแก ฉันก็ไม่ได้บอกด้วยซ้ำ.."

..ไม่ได้พูด จนกระทั่งสายเกินไป..

..ไม่มีโอกาสพูด..ไม่มีโอกาสจะบอกและอธิบายให้รู้และเข้าใจถึงเหตุผลทั้งหมดของเรื่องราวและการกระทำที่เกิดขึ้น..

 เพราะไม่พูดคุยกัน จึงต้องมาเสียใจภายหลังอย่างไรเล่า...

           "...แล้วตอนนี้..." คาร์เนโร่แสยะยิ้ม..นึกอยากจะหัวเราะหยันกับคำพูดของพี่ชายนัก...ความรู้สึกหงุดหงิดพุ่งพรวดขึ้นมาแทนความดีใจ เขาจ้องหน้าคนพูดที่ยังคงนิ่งเงียบ ชั่วขณะหนึ่งนึกอยากจะตะโกนด่าทอหรือตะคอกต่อว่าให้สาแก่ใจ..

...ทำไมไม่บอก..ทำไมไม่พูด...ทำไมปล่อยให้ทุกคนครอบครัวต้องเสียใจ ทำไมปล่อยให้พ่อแม่ต้องร้องไห้..

ทำไมปล่อยให้เรื่องราวทุกอย่างมันบานปลายมาจนถึงป่านนี้...

   ..อยากจะด่าว่าทำร้าย แต่ที่สุดแล้วก็เพียงนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำ อาจจะเพราะรู้...เพราะเสี้ยวหนึ่งก็ตระหนักว่าเรื่องของเขา อาจะเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบนี้และพี่ชาย..คนๆนี้ก็เป็นคนที่ต้องแบกรับอะไรหลายๆอย่างตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้ชายที่หลีกหนีหน้าที่ ภาระของครอบครัวไปเสวยสุขทำตามความฝันความต้องการของตนเองอย่างเขา ไม่มีสิทธิ์จะด่าว่า หรือโกรธแค้นใดๆ..

   ....เพราะเขาก็ไม่เคยช่วยเหลืออะไร ไม่เคย"ตระหนัก"ถึงหน้าที่ความรับผิดชอบหรือสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย

         "...ตอนนี้...ฉันไม่อยากจะเสียใจภายหลัง ฉันอยากจะพูดเรื่องที่ควรพูด  ควรจะบอกมากที่สุด..." อเล็กซิสพ่นลมหายใจพรู..เขาหันหน้าไปมองหน้าต่างที่สะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็นบนเปลวคลื่นไหวระยับ.. " ...ฉัน...รู้ตัวว่าผิดที่มีทิฐิ คิดว่าตัวเองทำได้ทุกอย่างไม่เหลือบ่ากว่าแรง หยิ่งทะนงไม่สนใจใคร...กระทั่ง กับอเล็กเซย์ก็ยังไม่เคยจะพูดออกไป  เก็บงำทุกอย่างเอาไว้แล้วคิดทำเองทุกอย่าง จนเรื่องราวมันกลายเป็นเลวร้ายเกินจะควบคุม..ฉันรู้ตัวดี..."

         "............"

        "..ตอนนี้ฉันไม่อยากจะเสียใจภายหลัง..ในตอนที่เรายังไม่ได้เริ่ม"ทำลาย"ครอบครัวและคนสำคัญอีกคนหนึ่งของพวกเรา..."

       "........."

        " คาวัลโลยังมีชีวิตอยู่...ยังมีแน่นอนและจะกลับมาในเร็ววันนี้..ฉันส่ง แกเร็ต  และอาคลาร์ก  ไปรับตัวคาวัลโลกลับมาแล้ว..เพราะฉะนั้น..." อเล็กซิสสุดหายใจลึก จ้องมองใบหน้าของน้องชายและเอื้อมมือวางลงบนไหล่ของคาร์เนโร่ วาลกัส พร้อมกับออกเเรงบีบเพียงแผ่วเบา..

          "...ที่ฉันจะฆ่าเขา ที่ฉันมาตามล่าเขา เพราะความรู้สึกและเหตุผลส่วนตัวทั้งนั้น...พอพบเขาฉันจะฆ่าเขาทันที และไม่ยอมให้โอกาสนี้ตกเป็นของใคร..."

          " ถ้าแกไม่อยากให้มือเปื้อนเลือด..ไม่อยากจะทำร้ายคนในครอบครัว และไม่อยากเกี่ยวข้องกับมาเฟียที่แกเกลียดชัง.. ไม่อยากทำตามที่ฉันสั่ง ก็จงอย่าทำ.. "

          " ถ้าแกลงมือไปแล้ว จะไม่มีวันกลับไปมีชีวิตแบบเดิมอีก เพราะฉะนั้น เลือกเสียเถอะ ว่าจะทำยังไง...."

...จะวางปืนลงและเดินตามทางเดิมของตนเอง หรือจะหยิบมันขึ้นมาแล้วเหนี่ยวไกเพื่อเปลี่ยนทางชีวิต..

  ...ก็จงเลือก...ตามแต่ใจตน..

    อเล็กซิสจ้องหน้าน้องชายขม็ง เขารู้ดีว่าน้องชายคนนี้..คาร์เนโร่ วาลกัส ไม่ได้ต้องการจะผูกพันหรือเกี่ยวข้องกับมาเฟีย คาร์โลไม่ชอบ..และอาจถึงขนาดเกลียดชังด้านนี้ของครอบครัวเสียด้วยซ้ำ เจ้าตัวชิงชังคำว่าตระกูลมาเฟียที่คอยตามมาหลอกหลอน เกลียดความรุนแรง เกลียดฝ่ามือของผู้คนรอบกายที่ไม่ว่าจะล้างจะเช็ดอย่างไรก็ยังคงคาวกลิ่นเลือด..

   ...เมื่อคาร์โลไม่ต้องการมันจนถึงขนาดหนีหน้าออกจากบ้าน บ่ายหน้าไปทำตามความฝันของตัวเอง คนที่ใช้"คำสั่ง"เรียกมันกลับมาอย่างเขา..หากคิดจะสำนึกถึงความผิดพลาดของตนเองและไม่อยากให้มันซ้ำรอยเดิม ก็ควรบอกไป..บอกทุกสิ่งทุกอย่างให้มันรู้...ให้เจ้าตัวได้มีโอกาสเลือก..ทางที่ต้องการ...



ปึก!



        " ต่อให้คาวัลโลจะยังอยู่ แต่ชีวิตของพี่ชายคนหนึ่งที่ต้องเสียไปไม่มีวันจะทดแทนได้.." ความเงียบลอยอวลอยู่เพียงครู่ คาร์โลก็เอ่ยออกมาสั้นๆ เขาปัดมือพี่ชายที่วางบนไหล่ทิ้ง เม้มปากแน่น ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด..จริงจัง..

        "...ฉันไม่มีวันเปลี่ยนใจ อย่าดูถูกความตั้งใจของฉันให้มันมากนัก  "

             ตาสบตา อเล็กซิสมองหน้าน้องชายที่จ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาเคร่งขรึมจริงจัง..ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจลงเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น..

          " ดี ! "


       อเล็กซิสก้าวเท้าเดินออกจากเคบินเรือ ผ่านประตูที่เปิดอ้า พี่ใหญ่ตระกูลวาลกัสยิ้มบางๆให้น้องชายด้วยสีหน้าพึงใจและเต็มไปด้วยความภาคภูมิ เขาก้าวเท้าไปยังบนดาดฟ้าเรือด้วยฝีเท้าที่มั่นคง...ไม่สั่นไหว ฝ่ามือซ้ายกำกระบอกปืนสั้นในมือแน่น 
มือขวากระชับสูทที่ใส่เขาหาลำตัว ขณะที่แสงสีทองของดวงอาทิตย์สะท้อนแหวนสีทองเกลี้ยงในนิ้วนางข้างซ้ายอย่างชัดเจน...

         คาร์เนโร่มองตามแผ่นหลังของพี่ชาย..ชายหนุ่มสูดหายใจลึก แม้ลมหายใจของเขาจะสะดุดด้วยความหวั่นไหวภายในใจลึกๆ ทว่าฝีเท้าที่ก้าวเดินก็มั่นคงไม่ต่างกัน..

....จะไม่มีวันเสียใจภายหลัง..

          ชายหนุ่มปฏิญาณคำนี้อย่างหนักแน่น ก้าวเท้าขยับไปอยู่เบื้องหลังพี่ชาย ฝ่ามือกำปืนแน่นกระชับ..จ้องมองชายฝั่งและราวป่าที่ใกล้เข้ามาในแววตา สูดหายใจลึกขึ้นแตะนิ้วลงบนไกทันทีที่เสียงปืนนัดแรกดังจากชายฝั่งมายังเรือของพวกตนตามมาด้วยกลิ่นดินปืนชายโชย..

........................

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 17-08-2011 22:42:45
 

      พื้นที่ซึ่งพวกเขาตัดสินใจนำเรือลงเทียบท่า ไม่ใช่บริเวณด้านหน้าของเกาะที่มีผู้คนพลุกพล่าน ด้วยกลัวจะเป็นที่ตื่นกลัวและถือเป็นการกระทำที่อุกอาจเกินไป ดังนั้น สถานที่ซึ่งอเล็กซิสและพรรคพวกตัดสินใจนำเรือเข้าจอด คือบริเวณด้านข้างของเกาะซึ่งมีสุนทุมพุ่มไม้คอยบดบังทัศนียภาพจากผู้คนภายในเกาะและไม่ได้อยู่ในที่ชุมชน เรือลอบจอดเทียบท่าลอยอยู่ใกล้ชายฝั่ง พร้อมกันนั้นพรรคพวกทั้งหมดก็ก้าวลงไปยังเรือลำเล็กเพื่อบุกเข้าไปยังด้านในของเกาะตามแผนที่วางกันไว้

       ฝ่าเท้ายังไม่ได้เหยียบลงบนผืนดินเสียด้วยซ้ำ เสียงปืนและกระสุนห่าใหญ่ก็เข้ามาทักทายอย่างเร็วรี่ อเล็กซิสมองทิวทัศน์ยามเย็นของเกาะซิซิลีที่บัดนี้มืดครึ้มด้วยดวงอาทิตย์กำลังจะทอดร่างลงบนผืนน้ำ  เงาครึ้มหม่นของบรรดาพรรณไม้ทั้งต้นสนและปาล์มหลากหลายชนิดที่ปลูกไว้เพื่อกำบังสายตาจากศัตรูยืนต้นทะมึนยิ่งใหญ่ราวกับจะข่มขวัญ

   และบัดนี้เมื่อพวกเขากลายเป็นผู้ที่บุกเข้ามาโจมตี บรรดาต้นไม้ทั้งหลายจึงเป็นอุปสรรคต่อการทำการอย่างเลี่ยงไม่ได้

      พี่ใหญ่ตระกูลวาลกัสออกปากสั่งบรรดาลูกน้องอย่างเคร่งเครียดให้รีบน้ำเรือเล็กขึ้นไปจอดบนฝั่ง ส่วนตัวเขาปลดเซฟปืนสั้นในมือยิงคุ้มกันลูกน้องที่มีหน้าที่ขับเรืออย่างสุดความสามารถ

      ถลันตัวลงเหยียบผืนทรายละเอียด เนินหาดสั้นไร้ทางไปเพราะมีพุ่งไม้บดบังอยู่ทั่วบริเวณอย่างมิดชิด ทว่ามีหรือเหล่ามาเฟียที่มีที่ทำการอยู่ ณ เกาะนี้จะไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน และทางใดคือทางลัด ทางใดคือทางเดินที่ถูกต้อง และทางใดคือเขาวงกต!


      " ตามฉันมา !! คาร์โล "  ออกปากสั่งน้องชายด้วยน้ำเสียงเข้มงวด คาร์เนโร่ที่กำลังทำท่าจะแยกออกไปกับพวกผู้คุ้มกันอีกทางหนึ่งชะงัก ชายหนุ่มหันมามองหน้า สบตาพี่ชายคนโตที่จ้องมองมาอย่างดุดัน เป็นสัญญาณว่าต้องอยู่ในอาณัติอและความคุ้มครองของพี่ชายคนนี้เท่านั้น

      ทั้งที่ออกปากว่าจะทำอย่างสุดความสามารถ แต่กลับถูกควบคุมเหมือนเด็ก นั่นทำให้คาร์เนโร่รู้สึกฉุนจัดขึ้นมาอย่างไม่อาจระงับ เขาพ่นลมหายใจแรง สายตาขุ่นขวาง

      " ฉัน...."

     " บอกให้ตามมา !!! " อเล็กซิสกระโจนพรวดตรงเข้าไปลากคอน้องชายแรงๆ สำหรับคาร์เนโร่ที่ละทิ้งการฝึกฝนร่างกายไปแล้ว มีหรือจะมีพละกำลังเทียบเท่าพี่ชายไปได้ แม้จะดิ้นรนสุดแรง อเล็กซิสก็ยังสามารถล็อกคอน้องชาย จัดการนำตัวมันมาอยู่ร่วมทีมเดียวกันจนได้

    รีบส่งสัญญาณให้อีกกลุ่มเดินบุกนำเข้าผ่านแนวไม้หนาทึบ ไม่สนใจท่าทีฮึดฮัดไม่พอใจและอาการดิ้นรนที่ไร้ประโยชน์ของน้องชายในไส้ ชายหนุ่มและพรรคพวกยังคงหมอบนิ่งเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่ชายหาด ไม่นานนักเสียงปืนและเสียงระเบิดก็ดังขึ้นอีกคำรบใหญ่ ยังผลให้คาร์เนโร่หยุดอาการดิ้นรนทันควันหน้าซีดเผือก เมื่อคิดว่าหากเขาไปตามกลุ่มนั้นแล้ว..จะเกิดอะไรขึ้น..

   ..แต่... มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่พี่ชายต้องมาลากเขาเข้ากลุ่มและทำเหมือนเขาเป็นตัวถ่วงที่ต้องคอยดูแล !!

      "  ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้น !! ฉันไม่ได้ดูถูกแก แต่รู้จักประเมินตัวเองเสียบ้าง ว่าสมควรจะอยู่ที่ไหน " อเล็กซิสตอบรับนัยน์ตาขุ่นขวางของน้องชายด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพอกัน พี่ใหญ่ของตระกูลตบลูกปืนเข้าไปในลำกล้องอย่างเชี่ยวชาญ จ้องมองน้องชายตัวปัญหาที่ยังคงมีท่าทีขุ่นขวาง ไม่พอใจ

       ".. ต่อให้แกเก่งแค่ไหน แต่ถ้าไม่ได้ฝึก ลูกปืนก็มีสิทธิพลาด จำเอาไว้... " น้ำเสียงสั่งสอนเคร่งเครียด ทั้งใบหน้าที่กำลังจดจ่อกับการจ้องมองวามเคลื่อนไหวและเงี่ยหูฟังสถานการณ์อย่างเชี่ยวชาญของพี่ชายส่งผลให้ความละอายเเล่นวูบ คาร์โลนิ่งงันไม่อาจต่อคำเนื่องจากรู้ดี..เข้าใจดีถึงความนัยน์ที่อเล็กซิสต้องการจะสื่อ ต่อให้จะเก่งแค่ไหน แต่ไม่ได้ฝึกฝนร่างกาย ไม่มีประสบการณ์ เขาละทิ้งสิ่งเหล่านี้ไป  แล้วจู่ๆกลับมาจับปืนจะให้เก่งกาจเชี่ยวชาญอย่างคนที่คลุกคลีอยู่กับระเบิดและดินปืน มันคงไม่มีทางเป็นไปได้..

     ...ถ้าไม่อยากตาย ก็จงอย่างทะนงตน และวู่วามเป็นเด็ดขาด...

    " และฉันสัญญากับพ่อไว้แล้ว ว่าจะไม่ยอมให้น้องๆของฉันต้องจากไปอีกแม้แต่คนเดียว !! "  เสียงตะโกนของพี่ชายดังแหวกเสียงกระสุนปืนและระเบิดลั่นเลื่อน ยังผลให้คาร์เนโร่ วาลกัส ต้องกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ  ฝ่ามือสองข้างที่เคยสั่นระริกค่อยจับกระชับแน่น..สูดหายใจลึก..ดวงตาสีเขียวสดวาววับ

    ..เขามาเพื่อต่อสู้ มาเพื่อพี่ชาย มาเพื่อน้องชายที่รักและมาเพื่อครอบครัวของตน ไม่ได้มาเพื่อเอาชีวิตตัวเองไปทิ้ง

    ..ในสมรภูมิรบ การต่อสู้สำคัญเพียงใด การเอาชีวิตรอดจากกระสุนปืนนั้นสำคัญยิ่งกว่า

    .. เพราะเขาก็ไม่อยากให้พ่อแม่พี่น้องต้องเสียใจ เสียน้ำตาอีกแล้วเช่นกัน

    " เก็บนี่ไว้ " อเล็กซิสเปลี่ยนอาวุธจากปืนสั้นคู่ใจมาเป็นปืนยาวโคล์ทและพาดกระสุนไว้บนไหล่อย่างทะมัดทะแมง หลังจากส่งพรรคพวกกองหน้าไปเป็นกำลังหลักและหลอกล่อความสนใจแล้ว พวกเขาที่เป็นชุดหลังกำลังจะเตรียมเข้าไป ชายหนุ่มยื่นโทรศัพท์มือถือของตนใส่มือน้องชายที่นิ่งรออยู่ด้านหลัง มองสีหน้างวยงงของคาร์เนโร่แล้วถอนหายใจยาว

     " โทรศัพท์เครื่องนี้ต่อสัญญาณดาวเทียม คุณอาของแกน่าจะไปถึงที่นั่นแล้ว เก็บไว้ เผื่อเขาโทรมาหา " คำตอบนั้นทำให้คาร์เนโร่พยักหน้ารับ เขาถอนหายใจเบาๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มมีดวงดาวปรากฏอยู่ด้วยหัวใจระทึกสั่นไม่น้อย

     " ตามหลังฉัน อย่าออกนอกเส้นทาง " อเล็กซิสสั่งการเบาๆ นัยน์ตาจับจ้องแนวไม้ที่ไหวระริกที่เริ่มมีร่องรอยของฝีเท้าและเงาร่างขอมนุษย์ย่ำเข้ามาใกล้ด้วยความเร่งร้อน

        พยักหน้าให้ลุกน้องคนสนิทที่คุกเข่าหมอบอยู่ใกล้แนวไม้ ชายคนนั้นจึงยกลำกล้องปืนยาวในมือ เล็งไปยังเงาไม้ที่ยืนต้นอยู่ทามกลางแสงสว่างอันน้อยนิดของดวงอาทิตย์

       ชายในชุดดำพรางตัวอีกรายหนึ่ง ลูกน้องคนสนิทที่หมอบราบอยู่เบื้องหน้ายกมือขึ้นแหวกพงหญ้า พร้อมๆกับที่พวกเขาทั้งหมดยกปืนขึ้นช้าๆ ต่างจ้องมองเงาร่างอันเลือนรางที่วิ่งสลับกับหอบหายใจมาใกล้อย่างใจจดใจจ่อ


      แซ่กๆ..

     ควับ!


       " เคลียร์ทางเข้าเรียบร้อยแล้วครับ ! "  ทันทีที่พงหญ้าสูงถูกแหวกออกอย่างเร่งร้อน กระบอกปืนทุกลำต่างก็จรดไปยังร่างของชายผู้มาใหม่ และเมื่อคำรายงานนั้นดังออกมาจากริมฝีปากของบุรุษผู้นั้นพวกเขาต่างก็ถอนหายใจพรู

        อเล็กซิสก็พยักหน้ารับ ชายหนุ่มจ้องมองสภาพของลูกน้องในแกงค์ที่วิ่งกระหืดกระหอบมาแจ้งข่าว เขาสบตากับบรรดาคนสนิทที่ยืนรอคำสั่งอยู่ด้านหน้า พร้อมกันนั้นก็ยกมือให้สัญญาณอย่างรวดเร็วเพื่อตามไปสมทบกับพรรคพวกที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว และคงกำลังต่อสู้อยู่อย่างดุเดือดดังที่ปรากฏเสียงปืนและเสียงคำรามของระเบิดไม่หยุดหย่อน..

      "...ระวังตัวด้วย " พี่ชายหันไปส่งสัญญาณบอกพวกลูกน้องที่มีหน้าที่เป็นกำลังเสริมและเฝ้าเรือให้หมอบรอสัญญาณ ขณะที่ตนเองคืบคลานผ่านแนวไม้หน้าอย่างเชี่ยวชาญ คาร์โลพยักหน้ารับ กระชับปืนสั้นในมือแน่นด้วยหัวใจระทึกไหว จ้องมองแผ่นหลังของพี่ชายที่อยู่เบื้องหน้าซึ่งบัดนี้เป็นดังผู้นำที่เขาไว้ใจและฝากชีวิตไว้..

     ...ปิดหูปิดตาตนเองมาตลอดด้วยทิฐิและความอ่อนด้อยของตนเอง ทั้งที่ยังไม่เคยพบเจอสมรภูมิรบแท้จริงของมาเฟีย อีกทั้งยังคอยหยามหมิ่นธุรกิจมืดและบรรดาผู้คนที่เข้าไปเกี่ยวข้อง เมื่อได้มายืนอยู่ตรงนี้ คาร์ลจึงได้รู้..ว่าเขานั้นได้พลาดพลั้งสิ่งใดไป..
     กล้าเหยียดหยามผู้คนที่ทิ้งชีวิตเป็นบันไดให้ตนเองมีชีวิตที่สุขสบาย ... ตัวเขาต่างหากที่น่ารังเกียจนัก

       คาร์เนโร่สุดหายใจลึก ฝ่าเท้าเหยียบลงบนพงหญ้าหนาทึบที่ปรากฏร่องรอยฝีเท้า ชายหนุ่มจ้องมองแผ่นหลังของพี่ชายที่ยังคงชัดเจนแม้แสงอาทิตย์จะเริ่มลาลับ กระชับปืนในมือแน่น ปลายนิ้วสอดเข้าไปแตะไกทันทีที่มองเห็นเงาร่างและความเคลื่อนไหวด้านซ้ายมือ..


  ปัง !


      ร่างนั้นล้มลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นเขาก็ได้ยินเสียงปืนเสียดแก้วหูและกลิ่นดินปืนชายโชย คาร์เนโร่แว่วเสียงคำรามในลำคออย่างพึงใจของพี่ชายไม่ไกล ไม่ต่างกับตัวเขาที่แสยะยิ้มมุมปาก หัวใจเต้นเร่าด้วยความพึงใจและความตื่นเต้นเลือดเร้าอันแสนเคยคุ้น...

    ...ฝ่ามือที่เปื้อนเลือด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจปาดเช็ดและทำให้มันกลับมาขาวสะอาด เช่นเดียวกับกระสุนปืนที่เหนี่ยวไกออกไปแล้วไม่มีวันหวนกลับมา..

    แต่จะสนใจทำไมเล่า ในเมื่อเขาพอใจจะให้มันเป็นแบบนั้นเอง..


         หลบเข้าไปพิงใต้ต้นไม้ แผ่นหลังยังสัมผัสความอุ่นร้อนของแสงอาทิตย์ที่สาดลงมายังเปลือกไม้หนา  อเล็กซิสพ่นลมหายใจออกจากริมฝีปากนัยน์ตาจ้องมองฝ่าความมืดไปยังตัวคฤหาสถ์เก่าแก่ของตระกูลวาลกัสที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางแสงไฟ เป็นดั่งประภาคารนำทางให้ไปยังที่แห่งนั้น แม้ว่ามันจะยังห่างไกลกับที่ๆอยู่ตอนนี้ก็ตาม

   แว่วเสียงหอบหายใจของน้องชายตามมาไม่ห่าง เขาแสยะยิ้ม ก้มลงใส่กระสุนชุดใหม่ลงในรังปืน จ้องมองร่างเงาของผู้คนที่ไหวพริ้วลานตา ได้ยินเสียงลูกปืนวิ่งออกจากลำกล้องและเสียงคำรามในลำคอของน้องชาย เขาจึงยิ้มด้วยความพึงใจ...พอใจ

    ไม่ใช่แค่ยินดีที่สามารถเข้าอกเข้าใจกันได้ในที่สุดและน้องชายไม่ได้รังเกียจตัวเขา มาเฟีย หรือเบื้องหลังของตระกูลอีก ทว่าเขายังยินดี...พึงใจ ที่ในที่สุด คาร์โลก็กลับมาอีกครั้ง..

    ...กลับมาอยู่ในที่ๆควรอยู่ ทำในสิ่งที่ควรทำ

    ความรู้สึกฮึกเหิม มีกำลัง เลือดที่สูบฉีดทั่วร่างยามได้เหนี่ยวไกปืนและจ้องมองมันทะลุร่างของคนที่มุ่งหมาย ผู้ที่ชิงชังและต้องการกำจัด เป็นความรู้สึกของสายเลือดที่วนเวียนอยู่ในกายและไม่มีวันตัดขาด..

    ไม่ว่าอย่างไร มาเฟียก็คือมาเฟีย ทายาทของมาเฟีย ก็ต้องเป็นมาเฟียอยู่วันยังค่ำ

    ...กลับมาแล้ว...น้องชายของเขากลับมาแล้ว.


    " ยินดีต้อนรับ "

         ...ยินดี...ที่ได้กลับมาสู้รบร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กัน

      ขอต้อนรับ ...สู่เส้นทาง...ที่ไม่มีวันหันหลังกลับไปได้อีกแล้ว...



......................


       แสงสว่างจากตัวอาคารสิ่งก่อสร้างแสนเคยคุ้น ดุเหมือนกับใกล้ ทว่าความจริงมันกลับยิ่งไกลห่าง เฉพาะเมื่อกระสุนปืนและเสียงระเบิดยังดังแว่วอย่างไม่สงบ แม้เวลาจะเลยผ่านมาถึงครึ่งคืนแล้วก็ตามที

       อเล็กซิสเงยหน้าขึ้นมองฟ้า จ้องมองพระจันทร์ดวงกลมโตที่ส่องแสงสว่างจ้าทอดเงามายังต้นไม้ที่เขาพิงอยู่อย่างอ่อนโยน แสงสีเงินไล้โครงหน้าของตนเองและบรรดาผู้ติดตามให้เกิดเงาทอดยาวลึกล้ำ และยังสะท้อนให้เห็นหยาดเหงื่อกระทั่งยังสามารถสัมผัสไออุ่นร้อนจากตัวคน กับเสียงลมหายใจหอบสั่นด้วยความเหนื่อยอ่อน

     นัยน์ตาสีทองหันขวับไปจ้องมองร่างของน้องชายที่นั่งพิงโคนต้นไม้ด้วยกัน คาร์เนโร่มีสีหน้าเหนื่อยอ่อน ใบหน้าซีดเผือกและลมหายใจหอบถี่ฝ่ามือกุมซี่โครงที่เจ็บแปลบจากการวิ่งมากเกินไปอย่างคนที่ไม่คุ้นชินการใช้กำลังในแง่นี้ ทว่ามันก็ยังไม่ได้พลาดพลั้ง รวมถึงบรรดาเหล่าคนสนิทที่ยืนหยัดอยู่ข้างกายไม่ถอยหนี นัยน์ตาของทุกคนวาววับ ยังคงจ้องมองแสงไฟจากตัวคฤหาสถ์โบราณที่แสนคุ้นตาด้วยสีหน้าหมายมาด แม้จะมีท่าทีเหนื่อยอ่อนเช่นเดียวกับตัวเขาในตอนนี้

      แม้เวลาจะล่วงเลยมานับห้าชั่วโมงนับแต่ขึ้นบุก ทว่าอเล็กซิสและพรรคพวกก็ยังไปไม่ถึงไหน เฟรเดริโก้วางกำลังพลเอาไว้อย่างครบพร้อมสมกับเป็นบอสของตระกูลผู้มากประสบการณ์ วางกลยุทธ์ทั้งบุกทั้งล่อประชิดไม่ให้ได้หยุดพัก ประกอบกับพื้นที่ของที่นี่...บริเวณตัวคฤหาสน์ของตระกูลวาลกัสที่ซิซิลีถูกออกแบบมาให้เป็นดั่งปราการเหล็ก เป็นนรกของผู้มาเยือนสมชื่อด้วยการจัดสรรพื้นที่อย่างชาญฉลาด ใช้ประโยชน์จากภูมิทัศน์และบรรดาต้นไม้ที่ขึ้นสูงให้เป็นประโยชน์ในการซุ่มโจมตีผู้บุกรุก อีกทั้งยังมีบรรดามือปืนมือฉมังที่คอยสอดส่องจัดการผู้บุกรุกที่เป็นดั่งหนูวิ่งในกรง

    อเล็กซิสหอบหายใจหนักๆ พลางกัดฟันกรอดขนาดตัวเขารู้ดีถึงพิษสงของมัน ทั้งทราบถึงแผนที่และทางเดินอย่างละเอียด พยายามวางหมากวางคนอย่างดี ยังไม่สามารถบุกมาหักหาญเอาง่ายๆ

    ...ปราการที่ไม่มีวันพังทลาย ใครจะคิดว่ามันต้องกลายมาเป็นที่รบราฆ่าฟันของคนในแกงค์เดียวกัน ให้พวกกลุ่มอื่นได้หัวเราะเยาะถึงการต่อสู้อันน่าสมเพช

     อเล็กซิสสูดหายใจลึก  หยิบวิทยุสื่อสารออกมาฟังรายงานจากบรรดาลูกน้องที่อยู่จุดอื่นของพื้นที่ ส่วนตัวเขากำลังพักเอาแรงหลังจากพยายามหักหาญโจมตีมาหลายชั่วโมงจนเหนื่อยหอบ แต่ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน ก็ต้องบุกเข้าไปในครั้งเดียว การกลับไปตั้งหลักใหม่ไม่ต่างกับความพ่ายแพ้ หนี้แค้นทั้งหมดของเขาและครอบครัว ที่จะแสดงให้คนๆนั้นได้เห็นความเสียใจและความผิดหวังทั้งหลาย จะต้องถูกชำระให้หมดไปในคืนนี้ !

         " ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง "อเล็กซิสกรอกเสียงสอบถามไปอย่างเร่งร้อน ชายหนุ่มผุดกายลุกขึ้น พาดกระสุนและกระชับปืนยาวในมือแน่น ชั่วขณะหนึ่งร่างกายที่เหนื่อยล้าเซวูบราวกับจะผงะหงายหลัง แต่พี่ใหญ่ของตระกูลก็เม้มปากแน่น กัดฟันกรอด ยกมือยันต้นสนอินเดียต้นใหญ่ไว้อย่างไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น...ไม่ได้... โดยเฉพาะตอนนี้ ตอนที่เขาเป็นผู้นำไม่ควรอ่อนแอให้บรรดาลูกน้องต้องใจเสียและขาดความมั่นใจ

         " พวกเราใกล้จะถึงสุสานด้านหลังแล้วครับ.. " เสียงที่กรอกออกมานั้นทำให้อเล็กซิสพยักหน้ารับ สีหน้าที่เหนื่อยล้าเริ่มเเช่มชื่นขึ้น

         " ดี!! ...บุกไปเรื่อยๆ ระวังด้วยนะ.. " สั่งสำทับพลางซุกวิทยุลงบนเอว กระชับเสื้อเกราะกันกระสุนให้แนบตัวอีกครั้ง อเล็กซิสส่งสัญญาณให้บรรดาผู้ติดตามลุกขึ้นและเริ่มบุกอีกระลอก หลังจากแนวหน้ากลุ่มใหญ่ที่มีทั้งอาวุธหนักและมากด้วยกำลังพลนั้นสามารถบุกทะลวงเข้าไปถึงด้านหลังของคฤหาสถ์ได้ ด้านที่อเล็กซิสเชื่อว่ามันมีการป้องกันต่ำที่สุด...เพราะที่นั้นคือสุสานของตระกูล!

      บริเวณสวนด้านหลังที่เงียบสงบ มีพรรณไม้ปลุกอยู่อย่างสวยงามดั่งคอยเป็นเพื่อนและปลอบประโลมผู้ที่ทอดร่างลงบนผืนดินในหลุมศพมากมายอเล็กซิสไม่ได้อยากจะนำสุสานของบรรดาบรรพบุรุษมาเหยียบย่ำหรือล้อเล่น ชายหนุ่มออกปากกำชับพรรกพวกที่จะบุกอย่างเฉียบขาดแล้วว่าให้ระมัดระวังอย่างถึงที่สุด อย่าทำความเสียหาย และพยายามดำเนินการให้เงียบที่สุด

             เป็นไปได้เขาก็ไม่อยากเลือกทางนี้ แต่การสู้รบกับ"ศัตรู" ใครที่มองเห็นจุดอ่อนของอีกฝ่ายได้ย่อมชนะ เช่นเดียวกับที่เฟรเดริโก้ซึ่งมองเห็นจุดอ่อนของเขาและนำอเล็กเซย์มาหลอกล่อเมื่ออีกฝ่ายกล้าจะทำเช่นนั้นจะให้เขายอมอ่อนข้อให้อีกหรือ ในเมื่อความสูญเสียที่ได้รับต่างก็ไม่ต่างกันเลย

             หากกล่าวถึงจุดอ่อนของเฟรเดริโก้  วาลกัส อเล็กซิสไม่ได้เลวขนาดจะลากเอาลูกน้องคนสนิทหรือบรรดาเครือญาติอื่นที่ยังเหลืออยู่มาเป็นตัวประกันเช่นที่ผู้เป็นลุงทำ...แต่มันไม่ใช่ความปราณี เขารู้ดี เพราะสิ่งที่เขาเลือก...เลือกจะโจมตีนั้นแม้ไม่ใช่คน ทว่ามันก็เป็นสิ่งที่ทรงอิทธิพลต่อจิตใจของผู้เป็นลุงมากมาย

    ...สุสานของบรรพบุรุษ สุสานของผู้ล่วงลับ ต่างมีร่างของบรรดาญาติมิตรทั้งหลายนอนหลับไหลอยู่ แน่นอนว่านั่นรวมถึงร่างของจอร์จิโอ้...ลูกชายคนเดียวของคุณลุงของเขา

    อเล็กซิสตรวจสอบมาแล้วว่าสุสานของพวกลูกน้องในแกงค์ ซึ่งเป็นที่อยู่ของจอร์จิโอ้ถูกขุดค้นและนำศพออกมาเมื่อไม่นานมานี้ แน่นอนว่ามันจะถูกฝังที่ไหนไม่ได้นอกจากที่นี่...สำหรับลูกชายที่ตัวเองปิดบังด้วยความขลาดเขลาและรู้สึกผิดมาตลอดนั้น คุณลุงของเขาทำได้ดีที่สุดก็แค่นี้เท่านั้นเอง..

     เฟรเดริโก้ไม่กล้าเหยียบย่ำที่ตรงนั้น ไม่กล้าจะวางกำลังคนไว้ให้มาฆ่ากันบนหลุมศพของลูกชายตัวเองแน่นอน...เขาเชื่อแบบนั้น..

    เมื่อไม่อยากให้มีการต่อสู้ ไม่กล้าจะทำแม้แต่รบกวนลูกชายผู้ล่วงลับ ที่ตรงนั้นจะเป็นจุดได้เปรียบของพวกเขา !


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก 29/7/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 17-08-2011 22:46:44
 

    Rrrrrrrrrrrrrrrrr



      เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำเอามือที่กำลังปลดเซพขึ้นไกเตรียมบุกอีกครั้งชะงัก คาร์เนโร่ขมวดคิ้ว เขาครางในลำคอเบาๆเมื่อได้เสียงร้องของโทรศัพท์เครื่องหรูในกระเป๋าซ้าย นัยน์ตาสีเขียวสดจ้องมองรอบกายที่ยังคงมีเพียงความมืดสลัวสลับกับเงาของพรรณไม้ที่โชยพัดตามลม ก่อนจะมองไปด้านหน้าที่ผู้เป็นพี่กำลังเตรียมแยกออกไปอ้อมด้านข้างของคฤหาสถ์

       คาร์เนโร่มองดูจอ มันขึ้นชื่อว่า " Clark Rozenberg "

      นึกถึงคำพูดของพี่ชายเรื่องการส่งข่าวขึ้นมาได้  คาร์โลร้องเรียกคนที่เดินนำไปเบาๆให้ฝ่ายนั้นหันมาหา เขายื่นโทรศัพท์ให้ มองสีหน้าสงสัยของเล็กซิสเพียงแว๊บเดียว พอฝ่ายนั้นมองหน้าจอก็กดรับ พร้อมกับหมอบตัวราบลงกับพื้น ให้เขารีบไปฟังใกล้ๆเพราะอยากรู้ข่าวของน้องชายไม่แพ้กัน


       " ว่าไงครับ? "

       "...เจอตัวแล้ว " นั่นคงเป็นข่าวดี พี่ชายจึงมองหน้าเขาแล้วพยักหน้าด้วยท่าทีเเช่มชื่นขึ้น คาร์โลจึงยิ้มรับอย่างคนมีกำลังใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ

       "..แล้ว...จะกลับมาเมื่อไหร่? " อเล็กซิสอยากให้น้องชายกลับมาให้เร็วที่สุด เขาไม่อยากจะเสี่ยงโชคกับการเฝ้าฝันเชื่อถือเรื่องข้อตกลงของตนกับกลุ่มคนที่ไม่เคยเห็นชื่อ และอารมณ์ขึ้นๆลงๆของน้องชายอีกแล้ว

       "..........." ทว่า....ปลายสายกลับเงียบกริบ..

      " คุณอา...รีบหน่อย ตอนนี้ผมกำลังบุก ไม่มีเวลามากนะ ! " อเล็กซิสกระซิบบอกอย่างเร่งร้อน เผื่ออีกฝ่ายมีปัญหา เขาจะได้รีบคุยและตกลงกันให้จบๆเสียที

      "...แกให้เวลาได้มากแค่ไหน ? "คลาร์ก โรเซนเบิร์กถามออกมาเบาๆ หลังจากนิ่งฟังเสียงร้อนรนของหลานชายจากปลายสาย..

       " อะไร? " อเล็กซิสขมวดคิ้ว สีหน้ายิ่งเคร่งเครียดเมื่อแว่วเสียงปืนและเสียงเอะอะโวยวายที่ชวนให้หัวใจเต้นระทึกหวาดหวั่น

       " ...ให้เวลากับน้องชายแกในการ"จัดการ"ตัวเอง ได้แค่ไหน อเล็กซิส "

      " ....หมะ...."

      " ...อย่าเพิ่งถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น เอาเป็นว่าแกต้องการให้ฉันพาน้องชายแกกลับภายในกี่วัน อย่าบอกว่าเร็วที่สุด เพราะเวลาของคนเรามันไม่เท่ากัน ! " เสียงของคลาร์กตัดบทคำถามของตนเสียงก่อน อเล็กซิสเม้มปากแน่น จ้องหน้าคาร์เนโร่ที่มองมาด้วยสีหน้าอยากรู้ มันเงี่ยหูฟังทั้งยังถือปืนมองซ้ายขวาคอยระแวดระวังให้ตัวเขาอยู่กรายๆ

      " ห้าวัน ต้องมาถึง " อเล็กซิสเม้มปากแน่น ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว

      " รวมไป-กลับ ...ห้ามช้ากว่านี้? " คลาร์กเอ่ยทวนคำถามสั้นๆ

     " ห้าวันเท่านั้น ..นี่คือคำสั่ง !! " เพาะชินกับการสั่งคนนั้นคนนี้ไปหมดเสียแน่ อเล็กซิสจึงได้ออกปากไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมาสำนึกได้ว่าเขาสั่งคนที่ไม่เคยคิดจะรับฟังตัวเองไปเสียแล้ว..

..แว่วเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายมาจากปลายสายยิ่งชวนให้หวั่นๆ คลาร์ก โรเซนเบิร์กขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ที่เดาใจยากนักหนาและแต่เดิมเขาก็ไม่ค่อยถูกกับคุณอาคนนี้อยู่แล้ว ถ้าหากต้องมาทะเลาะกันตอนนี้คงต้องเรียกว่าแย่ถึงแย่ที่สุด ไอ้การจะมาขัดแย้งกันทั้งที่มีศัตรูรอบด้านมันช่างน่าปวดหัวนัก !!

      " ...เห็นว่าแกกำลังยุ่ง ฉันจะทำไม่ได้ยินไอ้คำสั่งนั่นก็ได้...ห้าวันตามนี้.. " คลาร์กรับคำก่อนจะขมวดคิ้วน้อยๆ ครุ่นคิด เมื่อแว่วเสียงปืนดังมาจากปลายสาย.. "ว่าแต่ ตอนนี้ถึงไหนแล้ว "

      " กำลังจะเข้าไปในสวน.." อเล็กซิสกระซิบตอบ เขาผุดลุกขึ้นอีกครั้ง คว้าปืนยาวในมือมากระชับแน่น

     " ..ระวังตัวด้วย " คลาร์กถอนหายใจ ตอบอีกฝ่ายสั้นๆ  "....แล้วก็....อย่าฆ่านะ..."

     " อะไรนะ? " คราวนี้อเล็กวิสขมวดคิ้วแน่น สีหน้าข้องใจ เขาถามซ้ำ เผื่อจะได้ยินประโยคหลังของผู้เป็นอาผิดไป

     " อย่าฆ่า..."

     " ทำไม ? มีอะไรอีก ! " คราวนี้ไม่ได้ฟังผิดแน่แท้ อเล็กซิสคำรามกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นขวางและไม่เข้าใจอย่างยิ่งยวด คิดจะมาเป็นพ่อพระขัดความต้องการของเขางั้นเหรือ? ถึงได้ออกปากพูดแบบนั้น

      " ...วู่วามแล้วแกจะเสียใจภายหลัง...และ....เก็บเขาเอาไว้ให้น้องชายแก..."

      " คุณอา..."

      " ฉันจะพามันกลับไป แลกกับการที่แกไว้ชีวิตเฟรเดริโก้ วาลกัสไว้ในฐานะที่สร้างบทเรียนราคาแพงให้พวกแกทั้งครอบครัว  อย่าคิดตุกติก ไม่อยากนั้น แกอาจจะต้องเสียใจภายหลัง "

          ปลายสายตัดไปแล้ว ทว่าใจความนั้นกลับทำให้อเล็กซิสขมวดคิ้วแน่น เขาจ้องมองโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูในมืออย่างงวยงงปนไม่พอใจ สับสนกับคำสั่งอันไม่รู้ที่มาที่ไปของผู้เป็นอา คนที่รู้จุดประสงค์ของการมาของเขาดี..แล้วเหตุใดถึงคิดจะมาห้าม...

      อยากจะถามให้มากกว่านี้แต่เสียงปืนและเสียงระเบิดที่ใกล้เข้ามาทำให้ไม่อาจจะคิดอะไรได้ดั่งใจ อเล็กซิสเม้มปากแน่น ก้มตัวลงและแทรกตัวผ่านพุ่มไม้ทึบเพื่อเดินทางเลียบเข้าไปบริเวณด้านในของสวนหน้าบ้านด้วยใจระทึก..ฝ่ามือสั่นระริกด้วยความตื่นเต้นพอใจ และคาดหวัง..

   ใกล้จะรุกไล่สำเร็จ ใกล้จะได้ประกาศชัยชนะแล้ว..

   ถึงตอนนั้น เมื่อเจอหน้า จะระงับอารมณ์ได้หรือไม่ จะไว้ชีวิตมันไหม ค่อยคิดก็แล้วกัน !!


.............   


          " คุณอเล็กซิสกำลังบุกขึ้นไปที่ซิซิลี " แกเร็ต เคย์ ทวนคำพูดของเจ้าของประโยคที่กอดอก พิงเบาะหลังของรถ ใบหน้าสงบนิ่ง

          " ฉันโทรไปเมื่อคืน...พวกมันลงไปแล้ว พร้อมกับคาร์โล....นั่นล่ะ " คลาร์กรับคำเบาๆ พลางถอนใจ สีหน้าเคร่งไม่น้อย นั่นทำให้ผู้ฟังขมวดคิ้วจางๆด้วยความกังวลไม่ต่างกัน 

       แกเร็ตนึกไปถึงยามค่ำคืนของเมื่อวาน ตัวเขาออกไปคุยกับคาวัลโลแล้วออกมาพบคลาร์กยืนรออยู่ คนตรงหน้าเขาเอ่ยพูดถึงเรื่องบางอย่างที่ทราบมาเล็กน้อยบอกสั้นๆแค่ว่ามี”เรื่อง”ให้คิดอีก ทว่าก็ไม่มีคำเล่าขานใดออกจากปาก แน่นอนว่าเมื่อคลาร์กไม่เล่า แกเร็ตก็ไม่คิดจะถาม เขาจึงเข้านอนและทิ้งความสงสัยนั้นไว้เสีย เพราะถึงอย่างไร หากมันสำคัญและต้องรู้ ที่สุดคลาร์กก็จะบอกให้ทราบอยู่ดี

      นึกไม่ถึงว่ายามเช้าคลาร์กจะออกปากเล่าด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก แท้จริงสาเหตุที่เจ้าตัวออกมาเดินเพ่นพ่านหลังจากกดโทรศัพท์ไปหาคนโน้นคนนี้เมื่อคืน ไม่ใช่เพราะห่วงหรือสนใจว่าเขาจะคุยอะไรกับคาวัลโล แต่เพราะความไม่สบายใจที่ทิ้งตะกอนไว้ในหัวใจต่างหาก


      "..แล้ว....คุณคิดว่า...." แกเร็ตขมวดคิ้วจางๆ กับผลของการต่อสู้ที่ยังคงไม่ปรากฏ

      " ....ไม่รู้ " คลาร์กพ่นลมหายใจเฮือก ท่าทีกังวลพอตัว นั่นยิ่งทำให้แกเร็ตขมวดคิ้วแน่นขึ้น

      " จะบอกคาวัลโลไหม? "  เขาเอ่ยถาม และเสนอทางเลือกให้กับผู้ปกครองของตน หากแต่คลาร์กที่ยังคงหลับตานิ่งทำแค่เปิดเปลือกตาใช้ดวงตาสีบรูเน็ตคู่นั้นจ้องมองเขาครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า

     " ไม่.....เรื่องของตัวเองยังจัดการไม่ได้เลย จะไปเพิ่มให้มันปวดหัวตายอีกทำไม "

             เหมือนจะห่วง? รึเปล่า ...เรื่องนี้แกเร็ตสุดจะคาดเดา ชายหนุ่มมองหน้าคนพูดอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวไม่มีท่าทีจะพูดอะไรออกมาอีกก็ถอนหายใจยาว ไพล่นึกไปถึงผู้ที่ถูกเอ่ยถึง คาวัลโล วาลกัส ผู้นำของเขา คนที่เมื่อพบหน้ากันยามเช้ายังคงมีท่าทีเงียบนิ่งซึมเซา เจ้าตัวเอาแต่เหม่อมองไปที่ผู้ชายคนนั้นไม่ห่างเดินจ้ำไปไม่เหลียวหลังมามองหรือพูดคุยกับเขาและคลาร์กที่ถูกเชิญมานั่งรถอีกคันเสียด้วยซ้ำ..

       ...ตกลงกันไม่ได้...? นี่คงเป็นสาเหตุที่แน่นอนและชัดเจนอยู่ในตัวเองแล้ว แกเร็ตก็พอจะรู้ว่าเรื่องราวมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ..ที่สำคัญกว่าจะตกลงกันยังไง คือจะกลับยังไงให้ทันการนี่สิ...

    "  เหลือเวลาอีกเท่าไหร่ ? " แกเร็ตเอ่ยถามชายหนุ่มผมทองที่นั่งเงียบอยู่ข้างกาย คลาร์ก โรเซนเบิร์ก ฟังแล้วไหวไหล่ถอนหายใจแรง...และเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้ง  สายตาทอดมองไปยังชายสองคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะหน้า ผู้ที่กำลังจ้องมองเขาสองคนด้วยแววตาระวังระไว ซึ่งเจ้าของดวงตาสีบรูเน็ตก็จับจ้องไปด้วยแววตาวาววับกร้าวเเข็งไม่ต่างกัน...

     "...ถ้ามากกว่าสามวัน ฉันไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นี่ "   

            คำกล่าวของคลาร์กไม่ต่างอะไรกับคำขู่อาฆาต..แกเร็ตเม้มปากแน่น จ้องมองใบหน้าของคนพูดที่ฉายแววเอาจริง ทั้งยังสบมองดวงตาสีดำสนิทของชายหนุ่มสองคนในชุดเสื้อคลุมของคนอาหรับเขม็ง ก่อนจะเบือนหน้าหนีภาพนั้นไปมองยังกระจกด้านข้าง ที่สะท้อนภาพผืนทรายกว้างใหญ่สุดลุกหูลูกตา...

       ...ถ้าภายในสามวันไม่ยอมกลับไป คลาร์ก โรเซนเบิร์ก จะก่อเรื่องอะไรก็สุดจะรู้

     ผู้ชายคนนี้ไม่มีคำว่าปราณี สำหรับเรื่องที่ตัวเองอยากได้และ”ต้อง”ได้ หากถูกขัดใจ ไม่เป็นไปตามที่หวัง ..จะก่อความวุ่นวาย วางแผนหักหลัง ทำร้าย จะเชือดคอใครสักคนสองคนเพื่อให้เรื่องมันเป็นแบบที่ต้องการ คลาร์กก็ไม่เคยลังเลอยู่แล้ว..เขาก็รู้...
     และนิสัยแบบนี้ไม่ใช่หรือที่มันถ่ายทอดไปยังคนถูกสอนอย่างคาวัลโลแทบทุกกระเบียด แม้ยามนี้เจ้าตัวจะแปรเปลี่ยนไปเพราะผู้ชายคนนั้น แต่สำหรับคลาร์กแล้ว คนที่จะเปลี่ยนใจให้เลิกคิด หรือเปลี่ยนความตั้งใจเหล่านี้ คงไม่มี...

     ไม่มีใครสามารถทำให้คลาร์ก โรเซนเบิร์ก เปลี่ยนนิสัย หรือกระทั่งเปลี่ยนเป้าหมายและอุดมการณ์ของตัวเองได้หรอก...คนที่พยายามมาทั้งชีวิตแต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะสำเร็จอย่างแกเร็ต เคย์คนนี้รู้ดี..


   ..แต่ก่อนจะมาคิดถึงเรื่องของตัวเองหรือเรื่องของคนข้างตัว ตอนนี้ที่ควรจะสนใจคือเรื่ององคาวัลโลและฝั่งพี่ชายที่ผลของการบุกโจมตียังไม่เป็นผลต่างหาก

    ...แกเร็ตถอนหายใจเฮือกจ้องมองกระจกด้านข้างที่ทิวทัศน์แปรเปลี่ยนจากทะเลทรายกว้างสุดลุกหูลูกตาเป็นพื้นที่เมืองที่เริ่มหนาแน่นและทันสมัยขึ้นทีละน้อย สภาพบ้านเมืองที่เริ่มกลับเข้าสู่ยุคปัจจุบันไม่ใช่ทะเลทรายที่ชวนให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในช่วงสามร้อยปีก่อน ทำให้เขาผ่อนลมหายใจลง


    เอี๊ยด !

    “ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันอีก? “ ล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนแรงๆเสียจนแกเร็ตแทบจะหน้าคว่ำ เขาหันมองคนข้างกายที่ยกมือยันเบาะหน้าไว้ ลืมตาโพลงแล้วสถบอุบ ก่อนจะตวัดสายตาไปยังด้านหน้าที่ปรากฏภาพรถหลายคันจอดติดกันเป็นแนวยาว และถัดออกไปไม่มากนัก คือกลุ่มควันสีดำที่ลอยเอื่อยขึ้นจากพื้นดินสู่ชั้นบรรยากาศ...

     สองหนุ่มคู่หูต่างวัยหันขวับมามองสบตากันทันทีด้วยสีหน้าตกตะลึงไม่น้อย แกเร็ตจ้องมองภาพเบื้องหน้าพร้อมกันนั้นก็เงี่ยหูฟังสำเนียงพูดรัวเร็วเร่งรีบผ่านวิทยุสื่อสารในตัวรถอย่างครุ่นคิด

...ต่อให้ฟังไม่ออก...แต่สำเนียงพูดแสดงอารมณ์ออกมาเช่นไรก็อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ดีพอกัน

     “...แบบนี้ก็คงไม่ลำบากฉันแล้วสินะ “ เสียงจิ๊จ๊ะในลำคอของคนข้างกายที่เปลี่ยนอิริยาบถจากตะลังงันมาเป็นยิ้มกริ่มเริงร่าชวนปวดหัวนัก แกเร็ตถอนหายใจเฮือก ก่อนจะตวัดสายตามองด้านหลัง ที่ปรากฏร่างอันเคยคุ้นของคาวัลโล วาลกัสและชายผู้เป็นกษัตริย์ของที่นี่เดินออกมาจากตัวรถด้วยสีหน้ายุ่งยากไม่ต่างกัน..

   ...จะเกิดอะไรขึ้นอีกก็สุดจะคาดเดา..

     แกเร็ต เคย์ถอนหายใจพลางดันแว่นกรอบหนาที่ตนเองสวมไว้เบาๆ ทางฝั่ง อเล็กซิสก็รบกันจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ทราบ แล้วฝั่งคาวัลโลจะกลับไม่กลับจะไปไม่ไปยังไงก็ยังคาราคาซังไม่เลิก..

    ...ไอ้สถานการณ์แบบนี้ คนที่ยังยิ้มร่าอยู่ได้ มันต้องมีปัญหาแน่ๆ

   คิดแล้วแกเร็ตก็หันขวับไปจ้องหน้า คลาร์ก โรเซนเบิร์กผู้ที่กำลังผิวปากออกมาอย่างเริงรื่น สีหน้าแสนสุขสบายนัก

    หรือสิ่งที่เกิดขึ้น..อยู่ในแผนลากคาวัลโลกลับบ้านกัน?

    แกเร็ตขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด คลาร์กนั้นมักติดนิสัยทำอะไรเอาแต่ใจโดยไม่นึกถึงคนอื่น แต่ถ้าก่อเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆและคนที่นี้รู้หรือแม้แต่ผู้ชายคนนั้นรู้ คาวัลโลจะได้กลับบ้านด้วยสภาพแบบไหน..เขาแทบไม่อยากจะคิด...


..........


     กลับมาแล้วคะ แฮะๆ :impress3:
ขอโทษคนอ่านทุกคนด้วยนะคะที่หายไปซะครึ่งเดือน เหอๆ เอาเป็นว่ายอมรับผิดแล้วกัน และตอนนี้เรากลับมาแล้วววววว
ตอนนี้คาวี่กับอัลหาย ..  :laugh: :laugh:
  ฝั่งอิตาลีกำลังระอุ คุณพี่อเล็กซิสแอบร้ายนิดๆ แกแอบวางแผนล่อลวงคาร์โลสินะ เหอๆ

ส่วนคุณอา...คิดจะทำอะไรเพื่อลากคาวี่กลับ คงต้องรอดูกันต่อไป 
 ปล. พรุ่งนี้อัพแบดกาย และวันถัดไปเราจะอัพคาวี่ต่อ (คอมโบ้ทดแทบที่หายตัวไป ฮี่ๆ ) ฉากบู้ต้องอ่านต่อเนื่องสิถึงจะมันส์  :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 17-08-2011 23:17:10
ตอนใหม่มาแล้ว เย้~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 17-08-2011 23:36:25
เตรียมตัวรอฉากบู้ล้างผลาญอยู่เลย

มันส์ค่ะ รอมาต่อเอาให้เลือดสาดไปเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: crosa ที่ 17-08-2011 23:41:26
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก
อ่านตอนนี้แล้วหดหู่จริงๆ
สงสารคาวี่อะ(ถึงแม้จะไม่ได้ออกซักฉากก็เหอะ-o-)
ขอให้เข้าใจกันเร็วๆน๊า......
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 18-08-2011 00:00:46
ยินดีต้อนรับ สู่การกลับมาค่ะ  แล้วมาบ่อยๆนะค่ะ o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 18-08-2011 00:05:01
โอ๊ยยยยยย อ่านแล้วเครียดแต่ก็อยากอ่านต่อ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 18-08-2011 00:31:21
เอาอีกๆๆ ขออ่านฉากบู๊แก้เครียดหน่อยนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 18-08-2011 01:05:20
อยากอ่านฉากบู๊ต่อค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 18-08-2011 01:22:42
กรี๊ดดดดดดดดดดด เห็นตอนใหม่แล้วรีบดิ่งเข้ามาอ่าน

แต่........................................เริ่มตอนต้นซะเราแทบโดดด้วยความดีใจว่า คู่แฝดเขาได้เจอกันแล้ว แถมได้จังหวะกำลังฟังเพลงไม่อยากจะเชื่อเลยของ คริสติน่า อากีล่าร์ อยู่ เลยอินสุดๆ กำลังน้ำตาซึมแต่แล้วฝันก็สลาย  มันคือความฝัน ฮือ ฮือ
++++++++++++++++++++++++++++++++
ในวันที่เรา มีคำร่ำลายังคงคิดว่า ไม่มีวันได้เจอ กัน
มีรอยแผลใจ ในกันและ กัน คงนานเท่านาน กว่ามันจะหมดจากใจ
แต่ว่าวัน นื้ เจอะกับความฝัน สิ่งที่เจอ นั้น คือเธอกับมาหา
ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเธอจะกับมา กลับมาตรงนื้
อยู่ตรงนี้ (กลับมาอยู่ตรงนี้)  ไม่อยากจะเชื่อเลย...

แววตาคู่เดิม ยังมองจ้อง กัน ในความเงียบงัน ไม่มีคำพูดใด
มีเพียงน้ำตา บนความชืนใจ  มีคำมากมาย ในใจเกินจะบอก กัน
สิ่งที่มอง เห็น อย่างกับความ ฝัน สิ่งที่เจอ นั้น คือเธอกลับมาหา
ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเธอจะกลับมา
กลับมาตรงนี้ อยู่ตรงนี้ (กลับมาอยู่ตรงนี้)ไม่อยากจะเชื่อเลย...

เวลา นานเท่าไร ยังมีกันและกัน ยังมี เธอและฉัน คู่เคียงกันตลอดไป..
++++++++++++++++++++++++++



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 18-08-2011 02:00:54
 :o12:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 18-08-2011 03:03:38
ขอวางเม้นนี้ไว้ก่อน พรุ่งนี้เรียนเช้า==

-----

ตอนต้นนึกว่าเค้าเจอกันแล้ว เลยสงสัยว่าไหนเค้าจะไปบุกลุงไง แล้วไหงมาเจอมาหวานๆกันได้
และก็ถึงบางอ้อเพราะว่าตื่น
เศร้าไปไหมกับการที่จะไปคิดถึงอดีตน่ะ เวลาอ่านแบบนี้แล้วมันปวดใจไปด้วยเลยค่ะ  :sad11:
ทั้งเศร้าทั้งน่าปวดหัว  ปัญหาอะไรกันนักกันหนา
พระเจ้าคุ้มครองทั้งครอบครัวนะคะ
แต่ตอนนี้ชอบอเล็กซิสมากกก(ขอแบ่งใจจากคาวี่มาให้ซิสซักนิดนึง><)

รอตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: LimousinX9 ที่ 18-08-2011 04:17:50
 = =''
อ่านจบแล้วก็ค้าง!!!  แล้วก็คงต้องรออีกนานแสนนาน

ตัวละครมันไม่รู้สึกเหนื่อยล้าทางสมองบ้างรึไง คนอ่านยังปวดหัวแทน..
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 18-08-2011 08:30:06
ตอนนี้ไม่มีคาวี่กับชีคเลยอ่ะ
คิดถึงจัง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 18-08-2011 20:21:10
แอบภาวนาให้เอล็กซิสใจเย็นพอ จะรอตอนต่อไปค่ะ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: PAnppyJunJii ที่ 18-08-2011 21:02:39
โอ๊ยยยย  ไม่อยากจะคิดตอนฉากบู้  ><  ตื่นเต้นนน

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 18-08-2011 21:57:38
ค้างๆๆๆๆ คุณอาทำเรื่องอะไรกัน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 18-08-2011 22:32:21
ตือไว้หนึ่งตอนนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 18-08-2011 23:50:16
เข้ามากรี๊ดร้อง  คุณปุ้ยขอกอดแน่นๆหน่อย :กอด1:

เข้าชอบฉากบู้นะแต่ตอนนี้เค้าไม่อยากให้คาวีเศร้าอ่ะ

ส่วนคุณอา ทำไม่ทำแบบนี้ค่ะ  :serius2: เค้างอนคุนอาแล้วด้วย

รอฉากต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 19-08-2011 00:04:52
ทำไมเรื่องราวมันยุ่งยากขนาดนี้
ด้านโน่นก็บุกกันสนั่น
ด้านนี้ก็ยังเคลียร์ไม่ลงตัว
เดาฉากต่อไปไม่อออกเลย  แต่ยังไงก็อยากให้เรื่องจบด้วยดี
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 19-08-2011 03:47:13
อิรุงตุงนังกันทั้งเรื่อง :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: The darkness ที่ 19-08-2011 07:59:06
 o13 ช่างคิดจัง ชีค กะ มาเฟีย สงสัยจะ มันส์(เลือด)หยด
เพิงอ่านตอนแรก คราย เมะ คราย เคะ น่าตื่นเต้นชะมัด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: The darkness ที่ 19-08-2011 11:33:43
ฮ้า มีจูบ กรี้ดดดดดด คาลโดนกด แหงมๆ
แต่มาถึงนี่โดนจับเข้าฮาเร็ม เลยเหรอ เอาจริงอ่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: The darkness ที่ 19-08-2011 11:52:08
 :laugh: อ่านแล้วฮา  คาลเอ้ย รางวัลออสการ์จะหนีไปไหน  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 19-08-2011 14:27:17
อยากอ่านต่อ ค้างมากมาย
ทำไมคาวี่ไม่ยอมกลับไป ติดอัล?
ครอบครัวแกนะเว้ยยยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 20-08-2011 10:42:58
สวดยอดดดดดด...!!!
เรื่องราวซีเครียดมากมายเลย

กะลังจะมันส์สุดเหวี่ยงแล้วสินะครับบบ
รอตอนต่อไปฮะ..!!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 21-08-2011 12:45:07
 :call: :call:

ทำไมยังไม่มาน๊า

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 22-08-2011 14:13:32

Line 40 : เข้าประชิด
             


     วางสายจากโทรศัพท์แจ้งข่าวสำคัญ แล้วออกแรงวิ่งข้ามสวนด้านข้างของคฤหาสถ์ แยกวกไปยังด้านหลัง มือซ้ายกระชับปืนยาวแน่น ข้างขวากำวิทยุสื่อสารกรอกเสียงพลางเงี่ยหูฟังรายงานความเคลื่อนไหวด้านต่างๆอย่างเคร่งเครียด เสียงหอบหายใจสั้นๆของตนดังสลับกับเสียงแกรกกรากของอุปกรณ์ในมือ ขณะที่ฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งนำพรรคพวกบุกทะลุต้นไม้ประดับที่ปลูกไว้ไม่ยอมหยุด

     อเล็กซิสพาพรรคพวกวิ่งทะลุจากสวนด้านหน้าของคฤหาสถ์ ซึ่งกองกำลังส่วนใหญ่กำลังโจมตีเบี่ยงเบนความสนใจ เขาสั่งการให้พรรคพวกกลุ่มใหญ่ซึ่งทำหน้าที่บุกตะลุยนำนั้นแยกออกมาช่วยเหลือกลุ่มที่ตนแยกมาด้านหน้า ขณะที่ตัวเขา น้องชาย และบรรดาลูกน้องคนสนิทจะเข้าไปสมมทบด้านหลังของคฤหาสถ์ สลับสับเปลี่ยนกำลังพลกันเพื่อความเหมาะสม..

...ไม่สิ ไม่ใช่เหมาะสม เพราะอเล็กซิสวางแผนมาแต่แรกแล้ว ให้พรรคพวกที่บุกนำไปด้านหลังบางส่วนเปลี่ยนกับเขาที่เป็นกลุ่มสมทบเมื่อเวลาหนึ่งมาถึง ซึ่งเวลาที่ว่านั้นก็คือเมื่อสามารถมาถึงสุสานด้านหลังคฤหาสถ์ได้เป็นผลสำเร็จ

   เมื่อได้ทราบว่ามีคนมายุ่งย่ามกับหลุมศพของลูกชาย ต่อให้สู้อยู่ที่ไหน หรือต่อให้เก็บตัวอยู่ในเซฟเฮาส์ที่เต็มไปด้วยผู้คุ้มกันจากอันตราย เฟรเดริโก้ วาลกัสจะต้องมา !!

   นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้อเล็กซิสสลับสับเปลี่ยนกำลังพลกันในช่วงเวลานี้ เมื่อกล้าทำร้ายจิตใจกันอย่างสาหัส เล่นสกปรกด้วยการทำลายชีวิตอเล็กเซย์ที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กล้าจะพรากคนๆนั้นไปจากเขาทั้งที่ไม่ควรจะเป็น เมื่อทำให้เขาหมดความอดทน หมดความปราณีด้วยน้ำมือตัวเอง กับอีแค่ยุทธวิธีตื้นๆอย่างรบกวนหลุมศพ คนอย่างเขาน่ะทำได้อยู่แล้ว

...แล้วจะได้รู้ ว่าอเล็กซิสคนนี้ ยังเล่นสกปรกได้มากกว่าที่คิด!


       ฟุ่บ!


      โผล่พ้นสวนด้านข้างของคฤหาสถ์ มายังพื้นที่สุสานที่เชื่อมต่อกันกับด้านหลัง ทางเดินที่โล่งโปร่งขึ้นและความสงบเงียบอันน่าประหลาดนั้นทำให้ฝีเท้าของอเล็กซิส ชะงักลงอย่างอัตโนมัตินัยน์ตาสีฟ้าสดหรี่ลงเล็กน้อย จ้องมองบรรดาป้ายบนหลุมศพผ่านแสงนวลของพระจันทร์ที่สาดลงมาอย่างอ่อนโยน กระทบเสี้ยวหน้าอันงดงามของรูปปั้นพระแม่มารีโอบอุ้มพระคริสต์ที่ประดับภายในสุสาน  สัญลักษณ์ไม้กางเขนและพวงดอกไม้แกะอาลัยสลักจากหินประดับตระหง่านอยู่ใกล้หลุมศพ ซึ่งมีแท่นหินจารึกสลักตัวอักษรเรียงร้อยถ้อยคำเป็นประโยคแสนอาลัยแด่ผู้ล่วงลับ

     ต้นเมเปิ้ลสลัดใบสีส้มร่วงหล่นบนทางเดินปูอิฐบล็อกตัวหนอนและทางลงไปยังผืนดินอันเป็นที่พำนักแห่งสุดท้ายของบรรดาบรรพบุรุษ เถากุหลาบพันธ์ดีสีขาวสวยเกาะเกี่ยวทอดกิ่งคลุมป้ายสลักหินแผ่ขยายพันธุ์จนออกดอกบานสะพรั่งราวกับจะประชันขันแข่งแสงสีเงินของดวงจันทร์ ทั้งยังส่งกลิ่นหอมอายอวลฟุ้งตลบทั่วบริเวณ ประสานกับเสียงสายลมและใบไม้ร่วงหล่นดั่งคอยปลอบประโลมหัวใจผู้มาเยือนให้เป็นสุข และสงบ ให้วางใจว่าผู้เป็นที่รักทั้งหลายซึ่งได้ทอดร่างลงบนผืนดินแห่งนี้จะมีที่พักพิงอันแสนสุข

    อเล็กซิส จิโอวานนี่ วาลกัส เผลอสูดหายใจลึก ชั่วขณะหนึ่งเขาพลันนิ่งงันไปด้วยกลิ่นอายบางอย่างที่ได้สัมผัส ฝ่ามือที่เคยกำกระบอกปืนแน่น...กลับค่อยคลายลงช้าๆและเริ่มสั่นระริก...

   หันกลับไปสบตาน้องชาย...คาร์โลก็จ้องมองมาที่เขาก่อนแล้วด้วยแววตาไม่ต่างกัน..

       เสหลบตาสีเขียวคู่นั้น อเล็กซิสเบือนหน้าไปจ้องมองปืนในมือ เสียงเรียกจากวิทยุสื่อสารนั้นถูกเพิกเฉยไปโดยอัตโนมัต กระทั่งฝีเท้าก็ยังช้าลงอย่างไม่รู้ตัว เสียงปืน เสียงระเบิด เสียงตะโกนและสงครามที่พวกเขากำลังก่อ และดำเนินไปอย่างดุเดือด สิ่งเหล่านั้นดูจะไม่อาจแทรกมาในที่แห่งนี้ได้ด้วยซ้ำ..

        ละอายใจ...

  ..พี่ใหญ่ของตระกูลวาลกัสหลับตาลงครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกที่เสียดแทงเข้ามาในใจอย่างเฉียบพลัน การก่อสงคราม การฆ่าคนในแกงค์เดียวกัน ตระกูลเดียวกันว่าน่าสมเพช น่ารังเกียจแล้ว การรังควานสถานที่แห่งนี้ เพียงเพราะความแค้น ต้องการแก้แค้น ความไม่พอใจที่ตนถูกพรากของสำคัญ ..มันน่าอดสูมากกว่าหลายเท่า..

...การจะให้บทเรียนกับคนๆนั้น จำเป็นต้องใช้สิ่งนี้หรือ?

   อยากให้เขารู้ อยากให้สำนึก อยากให้เสียใจ มันจำเป็นต้องใช้คนตาย...คนที่ตายไปแล้วเอามาเหยียบย่ำ เอาความสูญเสียนั้นมาซ้ำเติมกันอีกเหรือ?

  ...มันน่าอายจริงๆที่ชั่วขณะหนึ่งเขาลิงโลด ภูมิใจในความฉลาดของตน ภาคภูมิในความคิดของตนที่"สกปรก"กว่าอีกฝ่าย..

   ทั้งที่มันไม่น่าดีใจสักนิด..


       "พี่...."

      "....รู้แล้ว..."  ไม่ต้องให้คาร์โลบอก ไม่ต้องให้มันทัก ก็พอจะรู้ว่าคนอื่นๆคิดอะไรอยู่ อเล็กซิสหยิบวิทยุสื่อสารประจำตัวที่ส่งเสียงเรียกมาหลายครั้ง ออกจากเอว เขากดรับพร้อมออกปากสั่งให้พรรคพวกที่ได้รับคำสั่งให้บุกสุสานด้านหลังถอนกำลังออกมาและเข้าช่วยกับกลุ่มที่บุกหนักอยู่ด้านหน้าแทน

.... ต่อให้ใช้เวลามากกว่าเคย แต่ชัยชนะที่ใสสะอาดก็คงน่าภูมิใจกว่าการใช้วิธีเหยียบย่ำหัวใจของผู้อื่นเช่นนี้..

   ลุงของเขาทำวิธีนี้ ใช้วิธีที่ผิดแล้ว เมื่อเขาคิดจะแก้แค้น ก็ไม่ควรทำแบบนี้ด้วย

  ..ถ้าทำเหมือนกัน มันจะไปต่างอะไร..หรือจะบอกว่ามีความชอบธรรมเพราะเป็นผู้ชนะ ชนะแบบนั้นมันน่าภูมิใจนักหนางั้นหรือ?

    "...ออกมาแล้วครับ ! " เสียงตอบรับจากอีกฝั่งดังขึ้นทันทีเมื่อออกปากบอก อเล็กซิสพยักหน้ารับ เขากำลังจะสั่งให้รีบมาสมทบกับพวกที่บุกหน้าคฤหาสต์ ทว่า...

    " เราออกจากในสุสานมาด้านหลังคฤหาสถ์แล้วครับ กำลังถูกระดมยิงอยู่.....คุณเฟรเดริโก้ออกมาแล้วครับ@#%#*(^()-....." ใจความหลังจากนั้นขาดหายไป

เพราะเสียงพูดที่ไม่ต่อเนื่องและเสียงกระสุนปืนที่ดังลอดออกมา อเล็กซิสเม้มปากแน่น เขาหันไปสบตาบรรดาผู้ติดตาม พยักหน้าอย่างรวดเร็วเรียกให้ทุกคนตามไปอย่างเร่งรีบ

    " เรียกทุกฝ่าย รวมกำลังพลมาด้านหลัง..ย้ำ!..รีบมาที่หน้าสุสาน เร็ว! " อเล็กซิสกรอกเสียงใส่วิทยุสื่อสารอย่างเร่งร้อน ขณะที่ฝีเท้าออกวิ่งเต็มแรง บ่ายหน้าลัดเลาะสุสานไปยังด้านหลังคฤหาสถ์ที่มีเสียงการปะทะกันดังลั่นและเสียงร้องโวยวายอันแสนคุ้นหู..

    ชายหนุ่มเม้มปากแน่นด้วยความเคร่งเครียดไม่น้อย เมื่อยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งรับรู้และจับเค้าลางได้ทันควันว่าเสียงตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราดนั้นเป็นของใคร...


        " ใครใช้ให้พวกแกมายุ่งกับหลุมศพลูกชายฉัน !! "


...เสียงนั้นทั้งโกรธเกรี้ยว ทั้งเคืองแค้น และบ้าคลั่งจนถึงที่สุด

           อยากจะบอกว่าขอโทษและเสียใจ ทว่าพูดไปก็คงฟังไม่ขึ้น อเล็กซิสทำได้เพียงก้าวเท้าออกไปประจัญหน้าชายที่ได้ชื่อว่าเป็นลุงของตนโดยไม่สนใจห่ากระสุนและปากกระบอกปืนที่อาจเล็งมาทางตนได้ทุกเมื่อ..

  คนของวาลกัสต่างก็ไม่อยากมาฆ่ากันเอง และไม่มีใครที่จะกล้าเล็งปืนใส่เขากับเฟรเดริโก้

    นัยน์ตาสีฟ้าสดกวาดมองโดยรอบที่เพียงเขาจับจ้อง..ทั้งฝ่ายตนและฝ่ายของผู้เป็นลุงต่างก็ลดปืนลงอย่างอัตโนมัต ด้วยรู้ดีถึงความนัยของมัน...ต่างรู้ ว่าสงครามนี้ คนที่ต้องตัดสินเอาชีวิตกันไม่ใช่พรรคพวกทั้งสองฝ่าย แต่เป็น อเล็กซิส วาลกัส และ เฟรเดริโก้ วาลกัส ต่างหาก..


.......................................



      อเล็กซิสโยนปืนยาวในมือไปให้น้องชายซึ่งยืนนิ่งรักษาการอยู่ด้านหลัง เขาก้าวเท้าออกไปประจัญหน้ากับผู้เป็นลุงที่จ้องมองตนเขม็ง...ก่อนฝ่ายนั้นจะเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อเชิ๊ตควักเอาปืนสั้นคู่ใจมาถือไว้มั่น.

       " สวัสดีครับ...." ชั่วขณะที่ความเงียบงันเกิดขึ้นจนแทบไม่มีใครกล้าขยับตัว อเล็กซิสจึงเอ่ยปากในที่สุด..เขาทายทักผู้เป็นลุงด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย พร้อมรอยยิ้ม ราวกับมองไม่เห็นรอยเลือดที่ติดอยู่บนเสื้อโค้ทและกระจัดกระจายบนใบหน้าของตัวเอง ราวกับลืม..ว่าพวกเขามาที่นี่เพื่ออะไร...และมองไม่เห็น ว่าแขนซ้ายของเฟรเดริโก้ วาลกัสถูกเข้าเฝือกและทำแผลไว้
กระทั่ง...ทำเป็นลืม...ว่าชายวัยกลางคนเบื้องหน้าจ้องมองเขาด้วยแววตาเกลียดชัง โกรธเกรี้ยวเจียนคลุ้มคลั่งแค่ไหน..

...ไม่สิ...บางที อาจจะบ้าไปแล้ว..

...อาจจะคลุ้มคลั่ง บ้าบอ สติวิปลาสฟั่นเฟือนไปแล้วถึงได้ทำแบบนี้ เลือกวิธีที่เจ็บปวดที่สุด ไร้เหตุผลที่สุด ไร้ทางออกที่สุดมาใช้..

  ทำสิ่งที่ไม่อาจให้อภัย และ..ไม่อาจเรียกคืนความสัมพันธ์กลับมาได้อีก..


         " เจ้าคนน่ารังเกียจ... " คำที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากคู่นั้นไม่เป็นแม้แต่คำทายทัก ทว่ากลับเป็นสำเนียงห้วนกระชากและเเววตาถลึงมองอันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง " แกกล้าดียังไง กล้าดียังไงมายุ่งกับลูกชายของฉัน!! "

         "............." อเล็กซิสจ้องมองดวงตาแดงก่ำ ของผู้เป็นลุง แสงของดวงจันทร์ที่ทอดเงาผ่านใบหน้าของชายวัยกลางคนเบื้องหน้าก่อเกิดเป็นเงามืดครึ้มบดบังความรู้สึกจากดวงตาคู่นั้น แต่แค่ฟังเสียง มองดูกริยาท่าทางมันก็บอกอะไรได้มากพอแล้ว เห็นได้ชัดแล้วว่าตอนนี้มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ เฟรเดริโก วาลกัส ..กำลังอยู่ในความรู้สึกไหน..กำลังรู้สึกเช่นไร..

คนที่เจ็บปวดทรมาร..คนที่คลุ้มคลั่งเสียใจกับการสูญเสียคนสำคัญ..เจ็บแค่ไหน ทำไมเขาจะไม่รู้ ทำไมเขาจะไม่เข้าใจ...

          คาร์โลจ้องมองภาพการปะทะของชายสองคนที่เขาเคยคุ้น หนึ่งคือพี่ชายผู้ถูกกล่าวขานว่าเก่งกาจและมากความสามารถ และอีกหนึ่ง ก็คือบอสคนปัจจุบันที่มากด้วยประสบการณ์ของตระกูลวาลกัส..

   เป็นญาติพี่น้อง เป็นลุงกับหลาน..เป็นครอบครัวเดียวกัน..

....ที่บัดนี้...ต้องมาเข่นฆ่า...มาทำร้ายกัน...

       คาร์โลจ้องมองภาพเบื้องหน้าด้วยความรวดร้าวอย่างปิดไม่มิด เขากำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ยังได้ทราบข่าวดีถึงการ"มีชีวิต"อยู่ของน้องชายคนเล็ก ความหวังที่ไหลผ่านดั่งน้ำปลอบประโลมหัวใจบัดนี้ค่อยแห้งผากและเหือดหายไปด้วยภาพเบื้องหน้า...ด้วยความขัดแย้งที่เขาไม่เคยอยากให้เกิด ภาพของคนใน"บ้าน"เดียวกันหันกระบอกปืนเข้าหากัน เปล่งวาจาเสียดสีทำร้ายด่าว่าด่าทอกัน มุ่งหมายเอาชีวิตกัน ท่ามกลางคฤหาสถ์อันเก่าแก่ของตระกูล ในยามค่ำคืนอันเงียบสงบ หน้าสุสานประจำตระกูลที่ยังได้กลิ่นหอมของกุหลาบลอยมาตามลม..

  ..กลิ่นอายของความสูญเสีย กลิ่นอายของความเศร้าสร้อย เงาร่างอันน่าอดสูของอดีตที่ทอดผ่านคนทั้งคู่นั้นราวกับภาพเก่าที่วนฉายซ้ำๆ

    มันน่าอดสู...มันไม่ควรเกิดขึ้น...มันน่าเศร้ามากเกินกว่าจะคาดคิด...

   จ้องหน้าผู้เป็นลุงอีกครา เขามองสบดวงตาแดงก่ำของเฟรเดริโก้ วาลกัสด้วยแววตารวดร้าว ดวงตาของผู้เป็นลุงแดงก่ำคลุ้มคลั่งมืดบอดราวกับคนหลงทาง ไร้ที่พึ่ง มองไม่เห็นใครหรืออะไรนอกจากร่างของพี่ชายเขาเบื้องหน้า กระทั่งคำสั่งสั้นๆที่ออกมาจากปากของเขาให้ทุกคนเก็บปืนและเลิกจ่อกระบอกปืนใส่หน้ากัน ลุงก็คงไม่รู้...อาจจะไม่เห็น..ว่าเขายืนอยู่ตรงนี้เสียด้วยซ้ำ...

   ...เสียใจจนคลุ้มคลั่ง คั่งแค้นจนมองไม่เห็นอะไร จิตใจมืดบอด จดจ่อเฝ้าคิดแต่ความเกลียดชังและสูญเสียที่ได้รับ...

     จะเหลือสติสามัญสำนึกคิดถึงเรื่องอื่นไหม...กระทั่งข้อนี้ คาร์โลยังไม่กล้ายืนยันด้วยซ้ำ

   ชั่วขณะหนึ่งมันดูเป็นเรื่องขำขัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาเห็นแล้วคงจะหัวเราะ ..อยากจะหัวเราะให้ฟันหักกับสภาพอันน่าสมเพชแบบนี้..

มาเฟีย...บุรุษที่ทรงอำนาจ...บุรษที่อยู่เหนือคน คนที่มีแต่คนเกรงกลัว..คนที่มีอำนาจสามารถสั่งเป็นสั่งตายได้ทุกอย่าง..

ได้มาแล้วพอใจไหม? มีความสุขไหม? อำนาจที่ว่านั่นมันเอาชีวิตคนที่ตัวเองรักกลับมาได้ไหม? อำนาจนั้นมันทำให้ตัวเองมีความสุขได้รึเปล่า?

ถ้าอำนาจเป็นความสุข เป็นสิ่งที่ต้องการ คนที่มีทุกอย่างอยู่ในมือแบบนั้นทำไมถึงมีสภาพน่าสมเพชเช่นนี้เล่า..

          "...เรื่องนั้น....ผมเสียใจ... "นิ่งไปนาน...อเล็กซิสจึงถอนหายใจ...เอ่ยปากขอโทษ

          " พวกแกเหยียบย่ำหลุมศพของลูกชายฉัน พวกแกทำร้ายเขา กระทั่งเขาตายยังไม่ยอมให้เขาอยู่อย่างสงบ ทั้งที่พวกแกมันเป็นต้นเหต ทั้งที่แกฆ่าเขา ..พวกแกฆ่าเขา!!! " เฟรเดริโก้ไม่ได้สนใจประโยคนั้นเสียด้วยซ้ำ ชายวัยกลางคนร้องร่ำด้วยสีหน้าปวดร้าวคลุ้มคลั่ง มือที่ถือปืนและเล็งมายังหลานชายตัวเองสั่นระริกด้วยอารมณ์สะท้านลึกภายใน

          "....ผม....."

          " แกทำให้ลูกชายฉันตาย แก....อเล็กซิส...พวกแก...ทั้งแก ทั้งอเล็กเซย์ ทั้งคาวัลโล เพราะพวกแก เพราะพวกแกทุกๆคนทำให้ลูกฉันตาย !! "

          "....คุณลุง!? " อเล็กซิสอ้าปากค้าง ร้องออกมาอย่างตกใจเพราะตอนนี้ชายผู้เป็นบอสของตระกูลวาลกัสนั้นแทบไม่เหลือมาดผู้นำที่องอาจสักนิด เฟรเดริโก้ยกมือที่สั่นระริกกุมหน้าคร่ำครวญออกมาราวกับคนใจสลาย เปล่งสียงสะอื้นปนเสียงก่นด่าสาปเเช่งราวกับควบคุมสติไม่ได้...

          ....มันเกิดอะไรขึ้น?

   ช่วงเวลาที่เรื่องยังเป็นความลับ เวลาที่พวกเขายังคงมีความสุขและไม่ได้รู้ถึงเรื่องนี้ ผู้ชายตรงหน้าทุกข์ทรมารจมอยู่กับความสูญเสียและความเคียดแค้นมายาวนานและมากมายเเค่ไหนกัน..

   สิ่งเหล่านั้นมันเปลี่ยนแปลงลุงของเขาให้กลายเป็นชายแก่ที่คลุ้มคลั่งเพราะการสูญเสียไปซะแล้วหรือ?


       " จอร์จิโอ้ลูกพ่อ....กระทั่งสุสานของลูก กระทั่งหลุมศพของลูกมันยังเหยีบย่ำ แก.....อเล็กซิส แก!! ไอ้สารเลวที่ทำได้กระทั่งรังควานคนตาย!! " เฟรเดริโก้ปลดเซพ ปลายนิ้วสั่นระริกแตะลงบนไกปืนและเล็งมายังร่างของหลานชายที่นิ่งอึ้งราวกับต้องสาป นัยน์ตาที่แดงก่ำและน้ำตาที่เจียนหยดนั้นทำให้พี่ใหญ่ของตระกูลไม่กล้าขยับ...

...เขาไม่ได้ตกตะลึง ไม่ได้เกรงกลัว แต่เขาเสียใจ...และสะเทือนใจ..

...การต่อสู้แทบไม่ต้องรอผล เพราะบัดนี้....เพราะชายตรงหน้าเขาได้ทำให้ทุกคนเห็นแล้วว่า ต่อให้ชนะ เฟรเดริโก้ก็ไม่อาจจะเป็นบอสได้อีก..

พวกเขาปล่อยให้คนเสียสติมาเป็นผู้นำไม่ได้..

...และ....เขาก็ทำร้ายชายแก่ที่วิปลาสไปเพราะความสูญเสีย ความคั่งแค้นและความโดดเดี่ยวไม่ลง..

  ต่อให้แค้นแค่ไหน...ต่อให้โกรธ เกลียดชัง..ที่ถูกพรากคนรักไป..แต่เขาก็ไม่อาจเล็งปืนไปที่ชายคนนั้นได้อีกแล้ว..

    ...เขาข้องใจ...แค่สิ่งเดียวเท่านั้น...


        "...ทำไมลุงไม่บอกเรา? "


            สิ้นคำถามนั้นเอง ที่ทำให้ร่างทั้งร่างของเฟรเดริโก้ วาลกัสพลันนิ่งงัน...

   บอสของตระกูลวาลกัส...ชายผู้มีอำนาจและมั่งมีเงินทองมากมาย...คนที่ยืนอยู่บนจุดสูงุดของวงการมาเฟีย ทำได้เพียงนิ่งเงียบ...ไม่อาจเอ่ยคำใด..

...คำถามเหล่านี้...คำถามที่เขาตอบไม่ได้กลับมาสะท้อนในสมองอีกครั้ง ..

...คำถามจากหลานชายคนรองที่เขาจับมาเป็นตัวประกัน และบัดนี้ มันก็เป้นคำถามมาจากชายผู้มีใบหน้าประพิมประพายคล้ายเหมือนกันที่เป็นหลานชายคนโตของเขา..

...ทำไมถึงไม่พูด?...

         ทำไมถึงไม่บอกว่าจอร์จิโอ้คือลูกรัก คือบุตรชายคนเดียวที่จะได้สืบทอดอำนาจ เงินทอง และตำแหน่งของเขา  หาใช่เด็กกำพร้าไร้ที่พึ่ง หาใช่ชายหนุ่มผู้ถูกเลี้ยงมาเพื่อ"ตายแทน"คนในตระกูลวาลกัส..

...ทำไมถึงไม่บอกว่าเด็กคนนั้นคือลูกชาย....

         " ....ฮึ....." ชั่วขณะหนึ่ง...ความขมปร่าที่แล่นเข้ามาในจิตใจ ทำให้ม่านน้ำตาเอ่อท้นพร่างพรูลง ยามคิดถึงใบหน้าและแววตาของเด็กหนุ่มที่เป็นบุตรชาย..

นัยน์ตาสีเดียวกันกับเขาของจอร์จิโอ้ เด็กหนุ่มที่มักสบตาด้วยความมุ่งมั่น ใบหน้ายิ้มแย้ม บ่งบอกความจงรักภักดีหนักหนา...

...ดวงตา...ที่แสนรักคู่นั้น

        "...เพราะอะไรน่ะหรือ? " เฟรเดริโก้พึมพัมเสียงสั่น...จ้องมองร่างของหลานชายผ่านนัยน์ตาที่เลือนพร่าพลันแสยะยิ้ม...ด้วยความสมเพชปนขบขันที่แล่นเข้ามาในหัวใจ..

        " เพราะสิ่งนี้ไงล่ะ....เพราะตำแหน่งนี้ เพราะตระกูลนี้ เพราะฉันเป็นบอส จึงต้องไม่ผิดพลาด เพาะฉันเป็นบอส ..เพราะฉันคือบอส ...เข้าใจไหม? " เฟรเดริโก้แสยะยิ้ม จะมีใครรู้บ้างว่าฐานะที่เป็นอยู่ต้องแบกรับอะไรไว้มากมายกว่าที่คิด..เจ็บปวดก็ไม่อาจแสดงออก ผิดพลาดก็ไม่อาจยอมรับหรือแก้ไข ..มีสิ่งใดก็ไม่อาจพูดออกมาอย่างที่ควรเป็น..

   ใครว่าสิ่งที่ได้รับคือความสุข...มาจนบัดนี้ เฟรเดริโก้ไม่เห็นมันสักนิด !!

    นัยนตาของผู้นำกวาดมองไปยังทั่วบริเวณ จ้องมองไปยังร่างของหลานชายที่จ้องมองตนด้วยแววตารวดร้าวปนสมเพช..และจ้องมองร่างของหลานชายอีกคนที่มีสีหน้าตกตะลึง..ปนสิ้นหวัง...และมองไปยังบรรดาลูกน้องที่ต่างลดปืนลงและยืนจ้องมองตนด้วยแววตาตกตะลึง..

    ...เฟรเดริโก้เหยียดยิ้ม บอสของตระกูลวาลกัสจ้องมองใบหน้าและแววตาของผู้คนที่ตนทั้งรักใคร่และชิงชังนักก่อนจะสูดหายใจลึก และยกปืนในมือขึ้นเล็งอีกครา..และเอ่ยถ้อยคำ..ที่เป็นดั่งคำสาปแช่ง คำกล่าวที่จะให้ผู้คนในที่แห่งนี้จดจำไว้ชั่วชีวิต



 ".คำว่ามาเฟีย คำว่าตระกูลวาลกัสมันจะแขวนคอพวกแกไปจนตาย..ไม่มีวันมีความสุข จำเอาไว้ !!! "




    ปัง!!!


 ..................................


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 22-08-2011 14:19:00


    คาวัลโลจ้องมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยแววตารวดร้าว ฝ่ามือของเขาเอื้อมหยิบแก้วกาแฟรสขมปร่ามาจิบด้วยสีหน้าเซื่องซึม..ยามเช้าของเมืองแห่งทะเลทรายไม่เคยมือมัวและน่าสลดหดหู่เท่าวันนี้  ทั้งที่สายลมอ่อนๆและแสงแดดอุ่นนั้นทำให้บรรยากาศแสนสดชื่น สมควรจะเป็นวันที่ดี แต่ทว่าเมื่อคิดถึงเรื่องที่ตัวเองต้องตัดสินใจ และหันไปมองหน้าคนที่เขารอคำตอบอยู่เขาถอนหายใจและทำเพียงได้ถอนหายใจอีกครั้งท่านั้น

    ....ยามที่หลับตาลงพร้อมคราบน้ำตาเมื่อคืน...ก็ไม่มีคำตอบจากอัลชาอ์

   ....และเมื่อลืมตาขึ้นมาในยามเช้า ก็ไม่มีคำตอบจากอัลชาอ์อีกเช่นเคย


            วางแก้วลงบนโต๊ะ และจ้องมองใบหน้าอันเรียบเฉยของชีคหนุ่มด้วยดวงตาคู่เดิมของตนอีกครั้ง ความสับสน ปวดร้าวและสิ้นหวังยังคงทิ้งไออวลไว้ในหัวใจ ชนิดที่ถ้าคิดถึงมันไม่ไหร่เขาก็คงอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเมือนั้น ใครกันที่เคยบอกไว้ว่าหากแก้ปัญหาไม่ตกลองทิ้งมันไว้แล้วคิดเรื่องอื่นสักพักก็จะดีขึ้น  คาวัลโลอยากบอกเหลือเกินว่าปัญหาบางอย่างที่ไม่มีทางออก ต่อให้ทิ้งมันไปเป็นปีแล้วเอากลับมาคิดใหม่ มันก็ยังไม่มีทางออกอยู่ดี

...ทางออกของปัญหานี้ คือความเจ็บปวดของคนสองคน เพียงแค่ต้องเลือกว่าจะเป็นใคร ระหว่างเขากับอัลชาอ์..

   และคนเห็นแก่ตัวอย่างคาวัลโล ก็เลือกจะโยนความเจ็บปวดนั้นให้อัลชาอ์เป็นฝ่ายรับไป..ให้อัลชาอ์เป็นฝ่ายรอ...รอแล้วรอเล่าอย่างที่อัลชาอ์เอ่ยปากพูด..

...เขาขอให้รอ แต่ไม่มีคำตอบ ว่าต้องรอจนถึงเมื่อไหร่...

  ถ้าให้รอแล้วรู้จุดสิ้นสุดของมันก็คงจะมีกำลังใจและเฝ้าคอยจนถึงวันนั้น แต่การรออย่างไร้จุดหมายหรือกระทั่งจะเป็นการรออย่างสิ้นหวัง...เป็นใคร..ก็ต้องท้อแท้กันทั้งนั้น..

..แล้วยิ่งกับคนที่ขอโอกาสซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนที่โกหกพกลมซ้ำซากๆอย่างเขาด้วยแล้ว มันสมควรจะเชื่อมากสักแค่ไหนกัน..

       คิดถึงการกระทำของตัวเองแล้วคาวัลโลอยากจะตะโกนด่าไอ้คนนิสัยสับปลับที่ชื่อคาวัลโล วาลกัส สักสิบรอบร้อยรอบ คนเห็นแก่ตัวยังไงก็เป็นคนเห็นแก่ตัว คนที่เอาแต่ประโยชน์ของตนเองก็ยังคงเป็นแบบนั้นอยู่วันยังค่ำ...

...เขามันก็แค่คนน่ารังเกียจ

...แต่ถึงยังไง เขาก็อยากให้อัลชาอ์รอ..ยังไงเขาก็อยากจะร้องขอ ไม่ว่ายังไง...


       "..อัล....."

       "...หยุด.."  ไม่ทันจะเอ่ยปากเรียก..ชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาก็ออกปากขัด..น้ำเสียงเรียบๆสั้นๆแต่ทำให้คำพูดที่ออกมาจากปากคาวัลโลหยุดลงได้อย่างง่ายดาย.. และเปลี่ยนมาจ้องมองนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นอย่างรอคอย..คาดหวัง...

....ผมขอแค่...แค่ให้คุณรอผม..

.....ครั้งสุดท้าย....ครั้งสุดท้ายที่ผมขอ และจะไม่ยอมผิดสัญญา.

ได้ไหม? ได้รึเปล่า?

       "..ผมรู้ดี...ว่าคุณจะพูดอะไร..." อัลชาอ์สูดหายใจลึก ก่อนจะปล่อยออกมาช้าๆ..นัยน์ตาสีดำสนิทเสมองไปยังผ้าที่ทิ้งตัวปิดทางเข้าประโจมที่มีสายสมลอดเข้ามาเล็กน้อยราวกับว่ามันน่าดูนักหนา..ไม่สิ....ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็คงน่ามองมากกว่าใบหน้าของคาวัลโลอยู่แล้ว...

        " ผมรู้...ผมเห็น...ในตอนที่คุณร้องไห้...เอื้อมมือมาหาผมแล้วขอร้องให้ผมรอ...รอคอยคุณ...." ชีคหนุ่มหลับตาลงช้าๆ หัวใจปวดหนึบ ยามคิดถึงภาพใบหน้าของคนที่รักยิ่ง ร้องไห้คร่ำครวญราวกับใจสลาย ความปวดร้าว ความอัดอั้นและไม่มีทางออกของคาวัลโลมีมากมายเพียงไรเขารู้...รู้และเข้าใจมันดี

     ...เพราะมองเห็น จึงได้เจ็บปวดและเห็นใจอย่างไรเล่า..

     "แล้วคุณ...." คาวัลโลจ้องมองใบหน้าคนพูด..เขาเม้มปากแน่นด้วยสีหน้าคาดหวัง...ความหวังเริ่มก่อตัวขึ้นมาในหัวใจ..ยามเมื่อเห็นท่าทีและลักษณะพูดจาของชายหนุ่มเบื้องหน้า..และยิ่งมากขึ้น..มากขึ้น เมื่อมือคู่นั้นเอื้อมมาหา และอ้อมกอดที่แสนคุ้นเคยตวัดโอบรัดเข้ามาใกล้ชิด...

     ฝ่ามือที่แสนอบอุ่นไล้เส้นผมนุ่มอย่างรักใคร่ สัมผัสแผ่วเบา ทะนุถนอม..ยิ่งทำให้ใบหน้าที่เงื่องหงอยค่อยเเช่มชื่น เต็มไปด้วยรอยยิ้ม..ยิ้มที่คาดหวังและเปี่ยมสุข..

...บางที....

บางทีอัลชาอ์อาจจะให้อภัยเขาอีกครั้ง..

...บางทีอัลชาอ์อาจจะ...รอ...

        " ผมเข้าใจคุณ..." อัลชาอ์ถอนหายใจช้าๆ ริมฝีปากหนาทาบลงบนหน้าผากบาง ประทับรอยจูบเบาๆ...หากรักใคร่ ลึกซึ้งเต็มไปด้วยความสเน่หานัก...

       "อัลชาอ์...." คาวัลโลโผกอดชีคหนุ่มแน่น น้ำตารื้นคลอหน่วยด้วยความยินดี...ยินดีและโล่งใจเหลือเกิน..

     เขาซุกใบหน้าลงบนอ้อมกอดที่เคยคุ้น..ยิ้มออกมาด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสุขสม...



....คุณสัญญาใช่ไหม?...คุณจะรอผมใช่ไหม..



....คุณ...






        " และเพราะผมเข้าใจคุณ...ผมถึง....ไม่เชื่อและไม่รอคุณอีกต่อไป..."






        "............"





        "............"






        "...โกหก...น่า....." ชั่ววินาทีแห่งความเงียบงันผ่านไป คาวัลโลจึงหัวเราะ....หัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงจืดเจื่อนและสีหน้าไม่เชื่อหู..


....โกหก...โกหกแน่ๆ

     ถ้าไม่ใช่คำโกหก เขาก็คงหูฝาด..ฟังผิด...ประสาทฟั่นเฟือนไปเพราะความเครียด

      ไม่มีทางเป็นจริงได้หรอก คำพูดนั้น ไม่มีวันที่อัลชาอ์จะออกปากตัดรอนเขาหรอก

จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อที่ผ่านมาอัลชาอ์ทั้งรักและทุ่มเทเพื่อเขามากมาย

..ไม่มีวัน...จะ.....พูดออกมาแน่ๆ



        " ผมไม่เคยโกหก...แต่คุณต่างหากที่โกหกผม มาตลอด..และคงจะโกหกเรื่อยไป..." ไม่ใช่คำโกหก ไม่ใช่หูฝาด ฟั่นเฟือน แต่เป็นความจริงต่างหาก...

    ความจริง ที่สาดซัดเข้าหาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว..อ้อมกอดที่แสนเคยคุ้นผละจาก...ใบหน้าและดวงตาที่อบอุ่นอ่อนโยนเป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น..แต่....แต่ ร่องรอยความโศกเศร้าและปวดร้าวนั้นต่างหากที่ทำให้บาดแผลในใจเริ่มปริร้าว..และค่อยแตกออกมา..

...ทีละนิด....

ทีละนิด....

....เพราะแววตาคู่นั้น..

....เพาะดวงตา...ของคนที่บอกว่าไม่อาจเชื่อใจ...ไม่อาจรอคอย...และ....ไม่อาจทนรับเรื่องโกหกทำร้ายจิตใจทั้งหลายแหล่ได้อีก...

      กว่าจะรู้ตัว..น้ำตาของเขาก็ค่อยหยดลงมาอาบแก้มและพร่างพรูลงมาราวกับน้ำฝน ..ท่วมท้น...เอ่อไหลลงอย่างไม่อาจระงับ..

...ไร้เสียงสะอื้น...ไร้อาการโวยวาย...ไร้คำพูดใดๆ..

...มีเพียงริมฝีปากสั่นระริก...ดวงตาเบิกกว้าง..และน้ำตาที่เอ่อท้น..ไหลนอง

....คุณ....ไม่เชื่อผม....

....คุณ....ไม่รอผม..

....คุณ....ไม่ให้โอกาสผม..

    ทั้งที่รู้ถึงความเลวร้าวที่ตนเองทำไว้ได้ดี ทั้งที่สิ่งนี้ที่ได้รับมันก็คงเรียกได้ว่ากรรมตามสนอง แต่ทำไม...ทำไมถึงได้เจ็บปวดรวดร้าวนัก...


          "...ผมขอโทษ..." ชีคหนุ่มหลับตาลงช้าๆ...ริมฝีปากสั่นระริกไหวไม่แพ้กันเปล่งถ้อยคำแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ ปลายนิ้วแตะลงบนผิวแก้มเปียกชื้นเพียงเเผ่วเบา ก่อนจะผละจาก ด้วยรู้...ว่าไม่มีสิทธิ์จะสัมผัสแตะต้องมันได้อีก..

          "...ผมรู้ว่าคุณเสียใจ...ผมก็เสียใจ...แต่...มันถึงขีดจำกัดของผมแล้ว..."

         " ..คุณบอกให้ผมรอ แต่คุณตอบผมไม่ได้ ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่...คุณจะกลับมาไหมหรือคุณจะไม่กลับ แล้วให้ผมรอคอยไปจนตาย.." อัลชาอ์ละสายตาจากใบหน้าเปื้อนน้ำตานั้นด้วยหัวใจรวดร้าว..คนที่ถูกตัดรอนเสียใจแค่ไหน ฝ่ายที่เอ่ยปากเชือดหัวใจตัวเองทั้งที่ยังรักนักหนานั้น...เจ็บปวดยิ่งกว่า..

         "...ผม..จะ...ผมจะ...กลับ...มา..." ปลายนิ้วที่ผละจาก ความอบอุ่นที่คอยโอบประคองไว้ตลอดช่วงเวลาชีวิตที่เจอมรสุมพลันผละจาก มันสำคัญมากเพียงใดก็รู้ซึ้งในวันนี้

   วันที่...ไม่มีอีกแล้ว...

    ....แต่คาวัลโลยังพยายามเอื้อมมือไปหา เขาดึงมือของอัลชาอ์ไว้ เอื้อมคว้า..ฉุดรั้ง..ปากก็พูดละล่ำละลัก พยายามเหลือเกินที่จะไม่ให้ทุกอย่างจบลงแบบนี้..

   ..จะกลับมา จะกลับมาที่นี่...จะกลับมาจริงๆ..

...เชื่อเถอะ ได้โปรดเชื่อเถอะ ได้โปรดเชื่อผม...

         " ..แต่คุณไม่รู้ว่าเมื่อไหร่? " อัลชาอ์ดึงมือของตนออกจากการเกาะกุมและหยัดกายขึ้นสูง..ชีคหนุ่มสูดหายใจลึก พยายามเก็บความปวดร้าวและทรมารทั้งหลายให้มิดชิด..พยายามใช้ความเข็มแข็งที่เหลือเพียงน้อยนิดของตนคอยช่วยพยุงให้มีพละกำลังจะยืนหยัดและลุกขึ้น พร้อมก้าวขาออกไปจากที่แห่งนี้..

....พยายามที่จะเดินออกไป แล้วทิ้งคนที่รักนักหนาไว้เบื้องหลัง..

...เพราะ...ไม่อาจรอคอยได้อีกแล้ว...


      ไม่อาจทนรออยู่กับความหวังที่ไม่ต่างกับสิ้นหวัง ไม่อาจรอ..รอโดยที่อาจไม่เป็นจริงตลอดชีวิต..

...ผิดหวังมาแล้วกี่ครั้ง เจ็บปวดเพราะคนๆนี้มาแล้วกี่ครา เจอกับคำโกหก หลอกลวงและถูกทำร้ายมาแล้วกี่หน..อัลชาอ์คร้านจะนับ..ชีวิตคนๆนึงจะทนรับความเจ็บปวดได้มากแค่ไหน จะทนรับความผิดหวังเพราะความรักไปได้มากเท่าไหร่..
มาบัดนี้...อัลชาอ์ได้รู้ ว่ามันถึงเวลาแล้ว...

...ความอดทนที่เคยมี ความพยายาม ความหวัง ความรู้สึกทั้งหลายที่ทุ่มเทไป ควรจะหยุดได้แล้ว..

  มากเกินไป...ซ้ำซากเกินไป...สิ้นหวังจนเกินไป..

      มองไปข้างหน้ายังมองไม่เห็นทาง...ต่อให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้ การจะได้อยู่ร่วมกันในภายหน้าก็ยังไม่มีความหวัง..เขาเคยพุดไว้ว่าทำอะไรก็จงอย่าให้เสียใจภายหลัง..เคยพูดไว้...ว่าตนได้มอบโอกาสสุดท้ายให้กับคาวัลโลไปแล้วด้วยคำพูดประโยคนั้น

      พนันทุ่มเทความรู้สึกมากมายให้อย่างที่ไม่เคยให้กับใครมาก่อน สู้อุตส่าห์ทนตัดได้แม่ญาติมิตรและคนสนิทเพียงเพราะรัก

       ขออย่าให้ความพยายามของพวกเขาเปล่าประโยชน์...ขออย่าให้โอกาสสุดท้ายที่คาวัลโลได้ต้องเสียไปอย่างไร้ค่า..
...มาบัดนี้อัลชาอ์ได้รู้ ความพยายามนั้นไม่ได้ไร้ค่า ทว่า มันไร้หวัง..

...ไม่มีหวัง...ไม่มีทางออก ไม่มีทางไป..

ทำได้เพียงตัดใจ หันหลัง ลาจาก จบกันเพียงเท่านี้...

เพราะเส้นทางของพวกเขาต่างกันเกินไป เพราะหน้าที่ที่ต้องทำ เพราะคนรอบข้างและผู้คนอีกมากมายที่ต้องแบกรับไว้..
...เพราะ...เรา....ไม่มีทางได้อยู่ด้วยกัน..

            "....ผม...ผมสัญญา..ผม..." คาวัลโลส่ายหน้าเขาทำได้เพียงลุกขึ้นดึงมือของชีคหนุ่มไว้ บีบเเน่นฉุดรั้งดึงไว้ไม่ยอมให้อัลชาอ์ได้ไปไหนอย่างดื้อดึง ไม่ยอมรับ..ไม่มีวันยอมรับ..

...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ให้คำตอบไม่ได้...ทำอะไรให้อัลชาอ์เชื่อใจไม่ได้..

   คำว่ารักที่เดิมพันกันด้วยความเชื่อใจ มันน่ากลัวเกินไป..เบี้ยพนันที่ต่างก็วางไว้ ตอนนี้คาวัลโลใช้มันไปหมดแล้ว..


            "...คำสัญญาของคุณ...มันถูกใช้พร่ำเพรื่อเกินไป จนไม่อาจจะเชื่อถืออะไรได้อีกแล้ว..รู้ไหม..." อัลชาอ์หันหลังกลับ ชีคหนุ่มกุมฝ่ามือที่ดึงมือตนเองไว้ กอบกุมอ่อนโยน ทว่าใจความจากริมฝีปากที่เปล่งออกมากลับทำให้หัวใจของคนฟังแทบร้าวสลาย " ผมรู้..ว่าผมกะเกณฑ์ให้คุณเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามใจไม่ได้ ไม่ใช่ว่าคุณต้องอยู่กับผม ต้องเคียงข้างผมต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้..ผมรู้..คุณก็มีหน้าที่ของคุณ ผมก็มีหน้าที่ของผม..."

           "....ที่ผมทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะคุณไม่บอกผมว่าจะกลับมาตอนไหนมันไม่ใช่เรื่องของเวลา...มันไม่ใช่เรื่องนี้ด้วยซ้ำแต่มันคือเรื่องของความเชื่อใจ..คือสิ่งที่จะยืนยันได้ว่าคุณจะทำตามที่พูด...เพราะเดิมพันของเรามันหมดไปแล้ว ความเชื่อใจที่ผมมีให้มันไม่มีแล้ว..คุณใช้หมดแล้วรู้ไหม...คนดี..." ปลายนิ้วทางลงบนผิวแก้ม ปาดเช็ดมันอย่างอ่อนโยนหากแสนเศร้าราวกับเป็นครั้งสุดท้าย ดวงตาสีนิลที่ฉายแววปวดร้าวไม่ต่างกันจับจ้องนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่สั้นไหวด้วยแววตาโศกเศร้า...

           " ผมอยากเชื่อคุณ ผมอยากรอคุณ แต่ที่สุดแล้วผมก็ทำไม่ได้ เพราะการรอคอยของผมมันไม่มีที่สิ้นสุด มันสิ้นหวังเกินไป..ผมไม่รู้จะหวังไปทำไมเพราะมันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว "คาวัลโลเอื้อมกุมฝ่ามือหนาไว้แล้วสะอื้นฮักเนื้อตัวสั่นระริก พิษของพฤติกรรมร้ายกาจ วาจากล่าวร้าย คำพูดพล่อยๆและการวางเฉยไม่ใส่ใจ หยิ่งทะนงว่าอัลชาอ์รักเขาและไม่มีวันทอดทิ้งมันกลับมาทำร้ายได้รุนแรงแค่ไหนและเจ็บปวดมากเพียงใด คาวัลโลก็พึ่งได้ซาบซึ้งวันนี้

ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะเขา..

ทำตัวเอง ผลของการกระทำที่ย้อนกลับมาหาตัวเอง..

ทำตัวกลับกลอกที่สุดจึงไม่มีใครเชื่อ ทำตัวใจร้ายไม่สนคนอื่น มาจนบัดนี้จึงถูกย้อนคืน เอาคืนอย่างเจ็บแสบซาบซึ้ง




          " ..ถ้าคุณรักผมและอยากอยู่กับผม...ถ้าไม่อยากไม่อยากให้เรื่องของเราจบลง   ทางเลือกของคุณมีทางเดียวคืออยู่ตรงนี้และอย่าจากไปเท่านั้น "


...........................



          ก๊อกๆ...

         เสียงเคาะกระจกรถเบาๆ ดังขึ้นขณะที่การจราจรบนเส้นถนนเป็นอมพาต รถทุกคันที่สัญจรเข้าออกตัวเมืองทัสคานีต่างหยุดชะงักลงและนิ่งรอสถานการณ์จากเหตุอันไม่รู้ที่มาของควันไฟสีดำที่ลอยเอื่อยและสุ้มเสียงของความวุ่นวายที่ห่างออกไปไม่ไกล  ทั้งเสียงวิทยุสื่อสารดังมาไม่ขาดสาย พอได้มองเห็นว่าคนเคาะเป็นใครแกเร็ตและคลาร์กก็พลันขมวดคิ้ว..

        "...ว่าไง? " คลาร์กเลิกคิ้ว นัยน์ตาจ้องมองใบหน้าของหลานชาย...ก่อนจะเบือนหนีอีกครั้งแล้วกอดอกแน่น ท่าทีบ่งชัดว่าการจ้องใบหน้าของคาวัลโลในยามนี้นานเกินไป อาจจะทำให้เส้นอารมณ์ขาดขึ้นมาก็เป็นได้..

     ..แกเร็ตมองตามแล้วลอบถอนใจยาว..ขนาดเขา ยังไม่อยากมองเอาเสียเลย..

..ทำหน้าเหมือนคนจะตาย..หน้าตา เหมือนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่บนโลก ..

..นี่น่ะเหรอคนจะเป็นบอส นี่น่ะเหรอผู้นำที่เขาไว้ใจ คนแบบนี้น่ะหรือจะให้ยอมรับโดยสนิทใจ มันจะบ้าเกินไปแล้ว

       " ...ผมมีเรื่องจะคุยด้วย.." คาวัลโลเอ่ยเสียงเบา พลางสูดหายใจลึก " เชิญที่รถคันนั้นครับ ในเมืองมีเรื่องวุ่นวาย เราจะใช้ทางลัดกลับไป "

      " ........" คลาร์กพยักหน้ารับ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจแรง ก่อนจะลุกเดินออกไปจากรถตามคำเชื้อเชิญนั้น แกเร็ตขยับตัวมองตามแผ่นหลังของชายที่เขาเคยคุ้นก่อนจะขมวดคิ้วฉับเมื่อพบว่ากระเป๋าเสื้อด้านซ้ายของคลาร์กนั้น"ตุง"จนผิดปกติ..

    หันไปมองข้างเบาะคนขับด้านซ้ายซึ่งเป็นที่เก็บปืนพกพร้อมเครื่องกระสุนที่บัดนี้ว่างเปล่า แกเร็ตถึงกับสถบอุบอย่างหัวเสีย ทว่าเขาก็เอื้อมือคว้าปืนจากเบาะที่นั่งด้านขวาออกไปเช่นกัน

   ...คลาร์กกำลังวางแผนอะไรอยู่กันนะ..?

      คิดใคร่ครวญอย่างหนักใจปนหงุดหงิด แต่ต่อให้อารมณ์เสียแค่ไหน แกเร็ตก็ทำได้เพียงหยิบฉวยปืนพกไว้เผื่อเอาตัวรอดและแก้ไขสถานการณ์บ้าๆที่ผู้ปกครองของเขาจะสร้างมันขั้นมาเท่านั้น

     คนแบบนี้อยู่ด้วยแล้วน่าหงุดหงิดจริงๆ!!



         แกเร็ต เคย์ นิ่งเงียบพลางจ้องมองใบหน้าของผู้ที่อยู่ในรถคันหรู ที่กำลังวิ่งผ่านเส้นทางลัดเลาะต่างๆเพื่อไปยังสถานที่พักหรือพระราชวังใจกลางเมืองของกษัตริย์แห่งประเทศนี้..หนึ่งคือใบหน้าของคลาร์ก โรเซนเบิร์ก ที่แสนจะเคยคุ้นใบหน้านั้นยังคงวางเฉยไร้ร่องรอยอารมณ์ใด ทั้งยังแฝงแววหยิ่งยโสจนน่าหงุดหงิดนัก ซึ่งผู้คุ้นเคยกันก็พอจะรู้ ว่านี่คือการ"ต่อต้าน"และ"วางอำนาจ"ของเจ้าตัวแบกรายๆ เพราะรู้แบบนั้น สีหน้าของคาวัลโล วาลกัส ว่าที่บอสของเขาจึงได้เคร่งเครียดกว่าเดิม เมื่อบวกกับนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่แห้งผากทั้งยังแดงก่ำ และใบหน้าขาวซีดสลับกับเครียดขึงแล้วก็ไม่แปลกหรอก..ที่คลาร์กจะนึกขัดใจกับท่าทีของมัน

       สุดท้าย แกเร็ตกวาดมองไปยังคนที่นั่งอยู่บนเบาะหน้า ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มแบบชาวอาหรับแฝงความองอาจเคร่งขรึม นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองสภาพเส้นทางจราจรและสิ่งก่อสร้างตามข้างทางจดจ่อราวกับไม่สนใจใยดีว่าพวกเขาจะพูดคุยหรือทำเช่นไรต่อกัน..แต่...เขาก็ยังสามารถมองเห็นริมฝีปากที่เม้มเเเน่นราวกับสะกดกั้นอารมณ์และนัยน์ตาแฝงแววโศกเศร้าอาลัยที่เจ้าตัวพยายามปิดอย่างไรก็ไม่มิด..

  ...ยิ่งดวงตาคู่นั้นเผลอสบมองกับนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่แดงก่ำของคาวัลโล..บอกให้รับรู้โดยไร้คำพูดใด ว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่นั้นยังไม่อาจตัดขาด..


..ตัดสินใจยังไม่ได้ แล้วมีเรื่องอะไรจะคุยอีกงั้นหรือ?


     ถอนหายใจอย่างนึกฉิว ดวงตาเสมองทิวทัศน์ด้านนอกรถ มันวิ่งผ่านประตูใหญ่ด้านหน้าที่มีการตรวจตราตัวรถอย่างละเอียดแล้วจึงตรงเข้าไปด้านใน ถนนทางเรียบปลูกต้นสนและพรรณไม้ต่างๆไว้ข้างๆ ที่อยู่ไม่ไกลคือลานน้ำพุทำจากหินอ่อนสีขาว ก่อนที่รถจะจอดลงยังหน้าพระราชวังอันเป็นที่อยู่ของกษัตริย์ที่นี่   
 
     พระราชวังหลังใหญ่สร้างด้วยอิฐและหินอ่อน ตัวอาคารมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบบาโรคมีลวดลายพรรณไม้และสลักช่องประตูหน้าต่างเป็นรูปร่างของดวงดาว จันทร์เสี้ยวและโดมทองอย่างวังของผู้นำประเทศแถบตะวันออกไกลอื่นๆที่นับถือศาสนาอิสลาม กินพื้นที่หลายตารางกิโลเมตรประกอบกับสิ่งก่อนสร้างอำนวยความสะดวกอื่นๆทั้งอาคารเรือนกระจกและสวนขนาดใหญ่ด้านหน้า

     รถจอดลงเพียงชั่วครู่ก่อนวกจากด้านหน้าพระราชวังใหญ่โตไปยังด้านหลังที่ยังมีกลุ่มอาคารอื่นๆซึ่งปลูกสร้างอยู่ใกล้ๆและถูกเชื่อมไว้ด้วยทางเดินที่มีเสาและหลังคากันแดดฝนสร้างอย่างงดงามตามแบบศิลปะะอิสลามด้วยเช่นกัน

      รถเลี้ยวเข้าไปจอดยังด้านหลังของวังก่อนจะจอดเทียบลง ชายชาวอาหรับที่แต่งกายด้วยผ้าคลุมหน้าและชุดคลุมตัวยาวตามแบบมุสลิม ใบหน้าคมและดวงตาเข้มจัด รูปร่างสูงใหญ่ตามกรรมพันธุ์ ก็เดินกรูกันเข้ามาหา หนึ่งในนั้นเปิดประตูให้กษัตริย์หนุ่มที่นั่งอยู่บนเบาะหน้าออกจากรถและพูดอะไรสักอย่างรัวเร็วเป็นภาษาท้องถิ่น ก่อนตัวรถจะเคลื่อนที่อีกครั้งไปยังชั้นใต้ดิน ชายหนุ่มผู้ขับจอดรถและเปิดประตูให้พวกเขาที่อยู่บนเบาะหลัง


         " อัลชาอ์จะมาไหม? " แกเร็ตมองคาวัลโลที่ลูกขึ้นแล้วออกปากถาม ชายคนนั้นปรายตามองพวกเขาเพียงชั่วครู่จึงส่ายหน้าช้าๆ

         " ชีคสั่งให้ทำธุระของคุณไปก่อน ตอนนี้กำลังมีเรื่อง " คำกล่าวสั้นๆนั้นก็มากพอแล้วที่จะบอกให้รู้ว่าอัลชาอ์ไม่มีคำว่าใจอ่อนให้เขาอีกต่อไป คาวัลโลพยักหน้ารับคำพูดของฮาซานอย่างเซื่องซึม หันหลังและเดินก้าวขึ้นไปบนบันไดอย่างลอยเหม่อ มาถึงขั้นนี้แล้วก็มีเพียงแต่ต้องตัดสินใจใช่ไหม?

      หลังจากเอ่ยทางเลือกที่ไม่ต่างอะไรกับการบังคับออกมาจากปาก อัลชาอ์ก็ไม่มีสิ่งใดเอื้อนเอ่ยออกมาอีกแม้จะวอนขอ แม้จะพยายามส่งสายตาร้องขอความเห็นใจ จะเรียก จะทำอย่างไร ชีคหนุ่มก็ทำเสมือนไม่รับรู้ ไม่ได้ยิน..

   ก็พอจะรู้ว่าไม่อาจมีหวัง..เวลาดี..อัลชาอ์ก็ดีใจหาย เวลาจะใจร้าย อัลชาอ์ก็ใจร้ายเลือดเย็นได้อย่างสาใจเช่นเดียวกัน..

      ผลักประตูห้องพักว่างๆห้องหนึ่งซึ่งฮาซานมันบอกว่าเป็นห้องพักของคลาร์กและเเกเร็ต คาวัลโลหันไปมองหน้าสองหนุ่มที่ตามหลังเขามา..นิ่ง...เงียบอยู่ครู่หนึ่งกับคำกล่าวประณามที่ออกมาแม้ไม่ได้พูดและแสดงท่าทีใด เขานิ่ง...ถอนใจยาว ที่สุดจึงตัดสินใจลากโต๊ะว่างๆตัวหนึ่งมาเพื่อจะได้นั่งคุยกันอย่างจริงจังเสียที

       " ทำไมไม่ปิดประตู ? "เสียงทักเครียดๆแสดงความไม่พอใจของคุณอาเอ่ยขึ้นมาก่อน เมื่อมองเห็นประตูที่เปิดอ้าและการสนทนาของพวกเขาคงไม่มีความลับเป็นแน่แท้

       " ที่นี่ห้ามมีความลับ " คาวัลโลตอบพลางถอนใจยาว..ไม่พูด...ว่าที่เปิดไว้เพื่อให้อัลชาอ์จะได้ตามมาและรับรู้บทสนทนาเหล่านี้ รู้ถึงความกดดันที่ตัวเขาต้องเผชิญ

        " ไม่ใช่ว่าแกรอใครอยู่หรือไง ? " คำกล่าวของผู้เป็นอาพร้อมกับรอยยิ้มแสยะเสียดแทงใจนัก คาวัลโลเม้มปากแน่น ไม่ตอบปฏิเสธ..เพราะมันจริง...จริงอย่างที่คลาร์กพูด

    ...อยากให้เห็น เผื่อจะรู้สึกแย่ จะใจอ่อน เห็นใจและได้เข้าใจบ้าง..

    มันน่าสมเพชใช่ไหม?...ที่สิ่งนี้คือแผนชั่วขั้นสุดท้ายสำหรับคนที่ไม่อยากจะเสียอะไรไปเลยอย่างคาวัลโลคนนี้

         "...แค่ภาษาอิตาเลียนก็พอแล้ว " แกเร็ต เคย์ ถอนใจแรง เอ่ยออกมาลอยๆเผื่อจะให้เจ้าสองอาหลานที่กำลังฮึ่มฮั่มใส่กันรู้เสียบ้าง ว่าที่นี่คือที่ไหน หรืออย่างน้อย พวกตนกำลังถกเถียงกันเป็นภาษาอะไรอยู่..

     ..ฟังไม่ออกความลับจะรั่วไหลได้อย่างไร? แค่นี้ก็ยังปล่อยให้ความเคืองใจมันปกปิดจนไม่คิดกันอีก       
   
          " โลกนี้มีคนพูดและเข้าใจเป็นกันอยู่สามสี่คนงั้นสิ " คลาร์กตวัดสายตาเคืองๆใส่เจ้าคนที่พูดออกมาราวกับไม่ใส่ใจ

         " ถ้ามันจำเป็นต้องรู้ขนาดนั้น...ก็เรื่องของเขาสิครับ " อยู่กับคุณอามามากไป ไอ้หมอนี่ต้องติดนิสัยกวนประสาทมาบ้างแน่ๆ คาวัลโลมองหน้าพูดแล้วแทบจะกุมขมับ

         "...ที่มานั่งคุยกันนี่เป็นเรื่องควรปิดหรือเปิดประตูไว้เหรอ? พอได้แล้ว " คาวัลโลตลวาดออกมาอย่างเดือดดาลเล็กๆ  นึกหงุดหงิดกับพวกที่มีหน้าที่แค่มาทำลอยหน้าลอยตากดดันเขาแล้วเอาแต่พูดดูถูกไม่สนใจความรู้สึกกันเป็นที่สุด

         " โฮ่...นี่เริ่มจะกล้าขึ้นมาแล้วเหรอ นึกว่าจะหงอทำเป็นแต่นั่งร้องไห้กระซิกๆอยู่กับ"คนสำคัญ"นักหนาของแกเสียอีก " คลาร์กหัวเราะหึๆ ทั้งฉุนทั้งขันแต่ขณะเดียวกันเขาก็พึงใจ..ที่มันกล้าจะลุกมาสู้เสียบ้าง แม้ว่าเหตุที่ทำให้มันกล้ามาต่อว่าเขาจะเป็นเพราะความหงุดหงิดก็ตามที

          " อย่า...ลากเขามาเกี่ยว " คาวัลโลเม้มปากแน่น ตาขวาง

          " แตะไม่ได้งั้นสิ..." คลาร์กหัวเราะหึๆ..ยกมือกอดอกแน่น "..ถ้าไม่อยากให้ฉันไปวุ่นวาย แกก็เลิกเอาแต่ซุกหัวอยู่ที่นี่ เลิกนั่งร้องไห้ เลิกคร่ำครวญน่าสมเพชแล้วตัดสินใจซะสิ ! "

          " พูดอย่างกับไม่รู้ว่าผมจะเลือกทางไหน.." คาวัลโลฟังแล้วสูดหายใจลึกระงับอารมณ์พลุ้งพล่านและไม่พอใจถ้อยในคำหยามหมิ่น บอกตัวเองให้เคยชินกับคำพูดและท่าทีของคลาร์กเสียที แต่ไหนแต่ไรอาของเขาก็เป็นคนแบบนี้และก็คงจะเป็นแบบนี้ไปตลอด มันป่วยการจะไปสนใจวิวาทกับคำพูดแบบนั้น เขาก็ได้บทเรียนไปแล้วไม่ใช่รึไง

          " ...ฉันจะรู้ใจแกได้ยังไง..." คลาร์กจ้องมองหลานชายคนสนิทที่นั่งจ้องเขาบนเก้าอี้ด้วยสายตาวาววับ..ทั้งรวดร้าวและเจ็บปวด ชั่วขณะหนึ่งด้วยสายเลือดและความรักที่มีในใจส่งผลให้นึกสงสารเห็นใจ..ทว่า..เพราะหน้าที่ ทำให้เขาเลือกจะเเสยะยิ้ม ท้าทายมัน เหยียดหยามมันต่อไป

...ต่อให้มันจะโกรธจะเกลียดเขาไปทั้งชีวิตก็ช่าง.. ขอแค่ลากมันกลับไปได้ จะโกรธแค้นกันจนวันตายก็เรื่องของมัน!..

          " โดยเฉพาะกับใจของคนที่กลายเป็นแบบนี้....ฉันไม่ต้องการไอ้โง่ที่ทำเป็นแต่นั่งซึมร้องไห้อาละวาดบ้าๆบอๆกลับไป ที่ฉันต้องการคือคาวัลโล วาลกัส คนที่จะเป็นบอสมาเฟีย คนที่จับปืนแล้วเล็งไปได้อย่างไม่ลังเล ไม่หันหลังกลับ ไม่ใช่ไอ้ง่อยที่กำรังดิ้นรนอย่างน่าทุเรศอยู่ตอนนี้ หัดส่องกระจกมองหน้าตามองการกระทำของตัวเองเสียบ้างว่ามันน่าสมเพชแค่ไหน !"


      ปัง!

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 39 : บุกโจมตี ( Up !! )17/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 22-08-2011 14:23:57


       " แล้วคุณจะรู้อะไร ! "

 
         คาวัลโลลุกพรวด เก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ถูกผลักจนล้มโครม ลำคอแสบร้อนจากการตะโกนอย่างเดือดดาลด้วยแรงอารมณ์จนนัยน์ตาแดงก่ำ จ้องมองใบหน้าของญาติสนิทที่เอ่ยคำพูดเยาะหยันออกมาอย่างรวดร้าว ก็รู้ดีว่าคลาร์กเป็นคนเช่นไร  และเขาไม่เคยต้องการคำปลอบโยนประโลมใจจากชายคนนี้สักนิด แต่ขอแค่เพียงการนิ่งเงียบและรอคอยการตัดสินใจของเขาอย่างสงบก็เป็นไปไม่ได้หรือ ให้เวลาเขาได้สงบจิตสงบคิดอะไรเสียบ้างได้ไหม? ทำไมพบกันแต่ละคราวจะต้องเอ่ยวาจาเชือดเฉือน ดูถูก เหยียดหยาม ส่อเสียดจิกกัดให้เจ็บแสบรวดร้าวอยู่เรื่อย ไม่รู้ ไม่เข้าใจเอาเสียเลยหรือยังไงว่าเขากำลังคิดมาก กำลังเครียดขึงและต้องตัดสินใจ ทำไม...ทำไมจะต้องมากดดันกันขนาดนี้..

   ..ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่ายังไงเขาก็ต้องกลับไป ทำไมถึงต้องเอ่ยวาจาทำร้ายจิตใจกันอยู่ตลอดด้วยเล่า..ต่อให้เขาเข้มแข็งแค่ไหนแต่ใครมันจะทนรับคำพูดด่าว่าหยามหยันทุกวันได้กัน


    ..ทุกคนเอาแต่กดดัน ทุกคนเอาแต่รุมประณาม ทุกคนต่างก็ผลักไสทางเลือกที่ไม่มีทางเลือก ทางออกที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเจ็บปวดมาให้เขา

    ..ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเขา ทำไมถึงไม่มีคนเห็นใจเขา


           " คุณจะเข้าใจอะไร...คุณก็แค่เดินเข้ามา...เข้ามาพูดจาด่าว่าปาวๆแล้วประกาศว่าจะลากคอผมกลับบ้าน ได้มองเห็นไหม? ได้สนใจไหมว่าผมรู้สึกยังไง ?  คุณบอกว่าผมผิดที่เอาแต่ยึดติดสำออยไม่กล้าไปไหน เอาแต่ซุกตัวร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนคนอื่นงั้นเหรอ? แล้วในตอนที่ผมถูกทิ้ง ตอนที่ผมไม่มีทางไปคุณอยู่ตรงไหน? ตอนที่ผมต้องกลายเป็นคนตายทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ ตอนที่ผมถูกหักหลังก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น ทั้งพ่อแม่ทั้งครอบครัวทั้งแกงค์ไม่มีใครอยู่กับผมสักคน ..."

            " คุณให้ผมเลือก..เลือกทั้งๆที่คุณก็บังคับผมอยู่กรายๆแล้วว่าให้กลับไป...บอกแบบนั้นแล้วยังจะให้ผมเลือกอีกงั้นเหรอว่าจะทำยังไง?  ผมไม่ได้มีทางเลือกมาแต่แรกแล้ว ผมก็แค่ต้องทำตามที่ถูกสั่ง ก็แค่ต้องเดินไปตามทางที่ถูกขีดไว้เรื่อยๆเหมือนคนไม่มีสมอง!...แล้วตอนนี้สาแก่ใจไหมที่เขาก็บอกให้ผมไป เขาไม่ต้องการผม เขาไม่เชื่อผมอีกแล้ว...คนที่คอยดูแลผม คนที่คอยช่วยผม เป็นกำลังใจให้ผม ...เขาทิ้งผมไปแล้ว..."

   ชั่วขณะหนึ่งความน้อยใจและความอัดอั้นผลักดันให้พูดพร่ำเอ่ยคำพูดโง่ๆ..คาวัลโลส่ายหน้าร่ำร้องออกมาด้วยความปวดร้าวและอัดอั้นเกินจะทนไหว ..มาสำนึกว่าที่พูดไปมันแย่มันเลวร้าย มาคิดได้ว่าเขาทำอะไรลงไปก็เกินจะแก้ไขเสียแล้ว..

             " อ้อ...ฮะ ฮะ ฮะ.." คลาร์กหัวเราะ....เปล่งเสียงหัวเราะที่ค่อยแผ่วเบาเสียงนั้นค่อยดังขึ้นเรื่อยๆ...และเแปรเป็นกระแสเหยาะหยันราวงกับสมเพชเวทนา...เจ้าคนที่กำลังสะอึกสะอื้นร้องไห้คร่ำครวญราวกับคนบ้า คนที่กำลังโทษคนนั้นคนนี้ พร่ำเพ้อแล้วร้องไห้ราวกับใจสลาย..

   ...เขาผิดเองที่คิดว่ามันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ผิดเองที่คิดว่ามันได้เรียนรู้และเข้มเเข็งมากกว่าเดิม ผิดเองที่เชื่อมั่นและคิดในแง่ดีว่าคาวัลโลต้องตัดสินใจอย่างไม่มีลังเล ผิดเอง...ผิดเองทั้งหมด!


      ...เพราะคนที่อยู่ตรงหน้ามันน่าสมเพชกระทั่งไม่มีค่าพอให้แลตามองด้วยซ้ำ!!!



               " ที่แกร้องไห้ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิดที่ไม่มีทางเลือกหรือต้องทิ้งใครไป แกก็แค่เอาแต่โทษคนนั้นคนนี้โดยไม่มองเห็นความผิดของตัวเอง! ...สุดท้ายแล้ว...แกมันก็เป็นไอ้พวกคลั่งรักจนไร้สติเท่านั้น!! " ฝ่ามือของคลาร์กคว้าปกเสื้อคอตั้งตัวยาวสีขาวชุดแบบอย่างพวกชนชาวอาหรับที่หลานชายของตนกำลังใส่อยู่มากำแน่น กระชากและขย้ำแรงๆราวกับจะค้นหาเศษเสี้ยววิญญาณที่เหลืออยู่ของคาวัลโล วาลกัส คนเดิมให้เจอ


                " ไม่มีทางเลือกใช่ไหม ไม่รู้จะทำยังไงใช่ไหม เลือกยังไงก็เจ็บงั้นสินะ...ดี......ดี.... "คลาร์กคำรามอย่างเคืองโกรธ จ้องมองใบหน้าที่แสนเคยคุ้นของหลานชายที่ตนภูมิใจ มองดวงตาสีน้ำทะเลที่บัดนี้เต็มไปด้วยคราบนี้ตาของความพายแพ้อันน่าอดสูอย่างเคืองโกรธ พายุโทสะในอกกำลังคำรามร้องอย่างเกรี้ยวกราดและบ้าคลั่ง...โกรธ เคือง ผิดหวัง เสียใจ เสียใจเป็นที่สุด ด้วยเด็กหนุ่มซึ่งเขาเฝ้าอดทนสั่งสอนดูแลมาจะกลายเป็นแบบนี้..


...สอนให้เข้มเเข็ง สอนให้อดทน สอนให้เเข็งแกร่ง แต่ทุกอย่างกลับต้องมาพังทลายลงเพราะคำว่ารักอันไร้ค่า!!



        ผลั่วะ!

          กริ๊ก...


          "...ไม่มีทางเลือกใช่ไหม? ไม่รู้จะเลือกอะไรใช่ไหม? ถ้าแกโทษว่าเป็นความผิดของพวกฉันที่กดดันแกนัก ถ้าแกคิดว่าทุกคนผิดที่อยากให้แกกลับบ้าน..ผิดที่ตัวเองเกิดมาในตระกูลมาเฟีย! ..ก็เลือกนี่ซะสิ..ไม่มีทางออกนักก็ตายไปซะสิ คนไร้ค่าอย่างแกน่ะ ตายๆไปซะดีไหม!! "

     ชกหน้ามันสุดแรงจนร่างนั้นถึงกับทรุดฮวบ ฝ่ามือเรียวซุกเข้าไปในเสื้อตัวใน กระชากกระบอกปืนที่ลอบนำมาใช้แล้วยื่นมันไปยังเบื้องหน้า คลาร์กปล่อยชายเสื้อสีขาวของหลานชายตนลงด้วยความรู้สึกโกรธเคืองที่แล่นพล่านในอกจนไม่อาจสงบใจ ไม่แม้กระทั่งจะสามารถแตะต้องตัวมันได้อีกแล้ว..

    ...ไม่รู้จะทำยังไงแล้วใช่ไหม? งั้นก็ตายไปซะ คนที่กล้าทิ้งทุกสิ่งแล้วคร่ำครวญร้องไห้ คนที่สิ้นหวังอย่างไร้ค่าแบบนั้นควรจะตายไปซะ!!


           " ตอบฉันสิ ! บอกฉันมา....หรือจะให้ฉันฝังกระสุนปืนลงบนหน้าผากแกซะเลย! ...."  ใบหน้านองน้ำตาของหลานชายบัดนี้มันชวนอดสูจนไม่กล้ามอง ท่าทีพ่ายแพ้ ไร้ศักดิ์ศรีมันรับไม่ได้จนเขาต้องคำรามออกมาด้วยความเคืองโกรธ  คลาร์กกระชากแขนออกจากการเกาะกุมของแกเร็ตที่รี่มากห้ามด้วยสีหน้าร้อนรน มันเอ่ยปากทักท้วงถึงสาเหตุการมาของพวกเขาและขออย่าให้ความโกรธทำให้เสียเรื่อง  แต่เขาไม่คิดจะสนใจแล้วว่าผลมันจะออกมาแบบไหน อนาคตจะเป็นเช่นไร แต่ที่รู้ คือเรื่องมันจะต้องจบลงวันนี้ ถ้ามันเป็นทายาทที่อ่อนแอไร้สติ ไร้ค่าขนาดนี้มันก็ไม่สมควรเป็นบอส ถ้ามันกลายเป็นความผิดพลาดของตระกูลวาลกัส มันก็ไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่ !


         " หยุด!!!! นี่คุณคิดจะทำอะไร !? " เสียงคำรามก้องและฝ่ามือที่เข้ามากระชากปัดกระบอกปืนในมือของตนไปจากร่างของหลานชาย คือชายหนุ่มที่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของเรื่องนี้ ชายที่มีศักดิ์เป็นถึงผู้นำประเทศ คนที่ไม่ควรจะมายุ่งเกี่ยวกับคาวัลโลให้มันต้องไขว้เขว้ คนที่ควรจะปล่อยให้คาวัลโลกลับไปแต่เนิ่นๆเรื่องราวมันคงจะไม่เลวร้ายแบบนี้!

          "..อย่ายุ่ง นี่มันเรื่องในครอบครัว คนนอกไม่เกี่ยว !! " คลาร์กกระชากเสียงห้วนใส่อีกหนึ่งบุรุษที่เขานึกชิงชัง คนที่ปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกมาอยู่เหนือเหตุผลและสิ่งที่ควรจะทำ คนโง่เง่าพวกนั้น ไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่เสียด้วยซ้ำ !

          " ครอบครัวเหรอ...? มีครอบครัวที่ไหนเขาทำแบบนี้กันบ้าง!! "อัลชาอ์ร้องตวาดอย่างโกรธเคือง สิ่งที่พบเจอเมื่อเดินเข้ามาในห้องนี้ไม่ใช่การทะเลาะถกเถียงหรือการสนทนากันตามประสาญาติๆเสียด้วยซ้ำ แต่กลับกลายเป็นแบบนี้ เป็นวงวิวาทที่มีเป้าหมายมุ่งจะเอาชีวิต ปากกระบอกปืนที่อยู่ในมือชายที่คาวัลโลยอกว่าเป็นอาทำให้เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ คนในครอบครัว? ญาติสนิท? คนประเภทไหนกันที่กล้าทำแบบนี้กับครอบครัวของตนเองได้ !

          ชีคหนุ่มรวบเอาร่างที่นิ่งงันของคาวัลโลมากอดประคองไว้ในอ้อมแขน กระชากปืนพกที่ข้างเอวมากำไว้แน่นพร้อมหันกระบอกปืนไปยังร่างของคลาร์กที่ยืนจังก้า ด้วยท่าทีพร้อมจะปกป้องคนในอ้อมกอดจนสุดกำลัง ชีคหนุ่มรู้สึกได้ถึงอาการสั่นสะท้านของคนในอ้อมกอด ฝ่ามือของคาวัลโลที่ขยุ้มเสื้อคลุมแน่นและเสียงสะอื้นที่หลุดออกมาอย่างชวนน่าสงสารนัก อัลชาอ์สูดหายใจลึกจ้องมองชายหนุ่ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าตนอย่างไม่พึงใจ ในมือของชายคนนั้นยังถือปืนอยู่ แม้จะไม่ได้ยกมาเล็งที่พวกเขาแล้ว แต่อย่างไรอัลชาอ์ก็ยังยอมไม่ได้ !

         " อย่าครับ...พอเถอะ...." คาวัลโลพึมพัมเสียงเบา ฝ่ามือแตะลงบนมือหนาที่กำกระบอกปืนไว้แน่นและค่อยดึงให้ฝ่ามือนั้นลดลงข้างกาย จ้องมองเสี้ยวหน้าที่ยังคงแสดงความห่วงหาอย่างแจ่มชัดของอัลชาอ์ด้วยความดีใจแม้เสี้ยวหนึ่งของหัวใจจะยังคงเจ็บปวดรวดร้าวนัก แต่เขาก็ไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่านี้อีกแล้ว

      ค่อยผละจากอ้อมแขนของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาพร้อมกับสูดหายใจลึก เรียกคืนสติและกำลังใจที่ได้จากอ้อมกอดเมื่อครู่มาเป้นพลังให้ยืนหยัดได้อย่างยากเย็น นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองใบหน้าเคืองโกรธของผู้เป็นอาที่จ้องมองเขาอย่างผิดหวัง กระบอกปืนในมือฝ่ายนั้นลดลงข้างกาย ทั้งฝ่ามือยังสั่นระริก ชั่วขณะหนึ่งเขาถามตัวเองอย่างนึกสมเพชว่าหากอัลชาอ์มาห้ามไม่ทัน คลาร์กจะฆ่าเขาไหม?


    อาของเขาจะบังคับให้เขาเลือกกระบอกปืนหรือเลือกกลับบ้านรึเปล่า?



         " ...นี่มันจะเกินไปแล้ว พวกคุณทำแบบนี้ได้ยังไง คาวัลโลเป็นหลานชายคุณไม่ใช่เหรอ? แทนที่จะคุยกันแบบมีเหตุผล ทำไมคุณถึงทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงไปอีก! " แม้จะลดปืนลงแล้ว ทว่าความโกรธเคืองเมื่อพบว่าคนที่ตนรักสุดหัวใจถูกหมายคร่าชีวิตยังคงอยู่ อัลชาอ์คำรามพลางจ้องหน้าชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างเอาเรื่อง ไม่ได้คิดหวั่นแกรงแม้ในมืออีกฝ่ายจะมีประบอกปืนบรรจุกระสุนพร้อมลั่นไกสังหาร และนั่น..ยิ่งทำให้ความอดทนของคลาร์กถึงขีดสุด


          " ..อ้อ...ดี....ดี..." คลาร์กคำรามเสียงต่ำตวัดสายตามามองสบดวงตาของหลานชายคนสนิทพร้อมกับรอยยิ้มแสยะที่แสนไม่น่าไว้ใจที่ปรากฏอยู่บนหน้า นั่นทำให้คาวัลโลใจหายวาบ " ถูกทิ้งอะไร? ...มันก็ยังอาลัยอาวรณ์แกอยู่นี่ แค่ยอมอยู่ที่นี่ก็จบลงง่ายๆแล้วใช่ไหม? "


    กริ๊ก....



          " งั้นฉันเจอต้นตอของปัญหาที่แท้จริงแล้ว..."



      สิ้นคำเอ่ยนั้น กระบอกปืนในมือของคลาร์กก็ถูกยกขึ้นพร้อมเล็งเป้าไปยังร่างของชีคแห่งเซเนียยาอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกันกับปืนสั้นในมืออัลชาอ์ที่หันไปยังร่างของคลาร์กโรเซนเบิร์กในทันที...

     ภาพชายสองคนที่ยืนถือปืนจ่อมายังร่างของอีกฝ่ายชวนให้ใจหายวาบยามคิดถึงสิ่งที่จะเกิด แน่นอนว่าแกเร็ตนั้นไม่อาจอยู่เฉย มาเฟียหนุ่มรีบปลดเซฟปืนในมือขยับเท้าเข้าไปใกล้แล้วจ่อมันลงกับขมับของผู้นำประเทศเซเนียยา ไม่สนใจเสียงเอะอะโวยวายใดๆแม้ว่าจะมีชายนับสิบพร้อมกับอกปืนเด่นหราส่องมาที่เขาและคลาร์กก็ตาม...

      ผู้ชายที่เขาอ้าแขนปกป้อง เอาชีวิตเข้าต่อรองกำลังยิ้มแย้มด้วยท่าทีพึงใจ ใบหน้าแสนรื่นรมย์ทว่าสีหน้าที่แสดงออกมาบ่งชัด..ว่ากำลังโกรธจนขาดสติ...

      มุมปากเจ้าตัวยกยิ้ม..กระชับปืนในมือแน่นขึ้นก่อนจะหันหน้าไปสบตาหลานชายของตนที่ยืนตะลึง นิ่งงันกับสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดจะเอ่ย..ริมฝีปากนั้นแสยะออกอย่างมากเล่ห์ก่อนจะค่อยขยับ เอ่ยประโยคบีบคั้นให้คนฟังแทบขาดใจ..




        " เรามาเลือกกันดีไหม คาวัลโลหลานรัก  ว่าระหว่างชีวิตผู้ชายคนนี้ กับครอบครัวของแก..อะไรจะสำคัญกว่ากัน ?  "




  ....................


..โฮก  ก ก ก ก ไม่มีเน็ตใช้  :sad4:
แต่งเสร็จแล้วแต่ไม่มีเน็ตอ่ะคะ เลยมาช้าขอโทษทุกคนด้วยที่ไม่ได้มาต่อตามที่พูดไว้..
มาคุยตอนนี้กันแบบยาวสักนิดนึงซะหน่อย (ปกติก็ยาวอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ ฮ่าๆ)

    ตอนนี้มันถือเป็นอีกไคลแมกซ์ของเรื่องเลยล่ะคะ เขียนไปก็มันส์ไป ชอบตอนนี้มาก มันทั้งเครียดทั้งมันส์และแอบเศร้าไปในตอนเดียว หรือเราควรจะงงว่าตอนนี้มันบู้หรือดราม่า (ฮ่าๆ)
   เอาจริงๆปุ้ยว่าเรื่องการรบราหรือการฆ่ากันนี่มันไม่ใช่เรื่องควรจะทำเลยนะ ทั้งคนทำและคนถูกทำร้ายต่างฝ่ายที่หันหน้าเข้ามาประจัญหน้ากันก็คงเจ็บปวดทั้งคู่..คนที่เคยพบเจอเรื่องแบบนี้ต่างก็พูดว่าสงครามมันโหดร้าย การฆ่ากันมันไม่สนุก ฉะนั้นปุ้ยคิดว่าการจะมาเขียนฉากบู้แบบฆ่าๆๆ ฆ่ากันเหมือนไม่มีจิตสำนึกไม่มีความรู้สึกนี่มันก็เกินไป พวกที่ฆ่าคนได้แบบไม่รู้สึกอะไรนี่น่ากลัวนะ (ไม่ได้หมายความว่าไม่ทำ เพราะตามเนื้อเรื่องมันต้องทำแต่ควรจะรู้สึกแย่และรู้สึกผิด )

    ส่วนฝั่งท่านชีค...อ่า...ไม่แปลกที่อัลไม่รอ และไม่แปลกเช่นกันที่คาวี่จะโวยวาย ฟูมฟาย (บ้า? / :beat: โดนตบ) ความรู้สึกมันคงคล้ายๆกับคนที่เราเห็นว่าเขาเป็นของตาย อารมณ์ประมาณยังไงเมิงก็รักกูและกูจะทำอะไรกับเมิงก็ได้ พอมาวันนึงเค้าจากไปก็เพิ่งรู้ตัว..แต่มันก็สายไปเสียแล้ว..

       และคุณอา(ที่รัก) ตกลงว่าคุณมาช่วยหรือมาทำให้เรื่องมันดิ่งลงเหว? :เฮ้อ: หลายคนคงอยากจะถามฮ่าๆ อันว่าพอคุณอามานี่มันส์มากมาย แต่คงทำให้ใครหลายคนไม่ชอบหน้าและเชียร์ให้คุณอาโดนจัดการ(แบบเอสเอ็ม)โดยเร็ว แถมตอนนี้กล้าเอาปืนจ่อหัวพระเอกในใจมหาชนเชียว โดนแฟนคลับชีคตบตีแน่ ฮ่าๆ :laugh: :laugh:

ปลลอ. แบดกายต้นฉบับหายสามตอนรวด..ขอเวลาทำใจสักสองสามวันแล้วจะมาต่อ ชีวิตมันบัดโซ้บบบบบ ฮือออ :o12: :o12:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 22-08-2011 14:39:37
กดดันกันเหลือเกิน +1
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 22-08-2011 15:51:03
ค้างงงงงงงงงงงงงง :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :z6:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 22-08-2011 16:11:19
 :monkeysad: มาม่าทั้ง2ที่เลย โฮกกกกกก

เสียงปืนในฉากที่อิตาลี ลุงคงยิงตัวเองตายแน่ๆเดาเอาอ่ะ ช้ำใจอย่างหนัก

ทนชีวิตรันทดไม่ไหว ส่วนไอ้อาคราร์กนี่มันติสเกินเหมือนคนบ้าไปแล้ว

แบบคุมตัวเองไม่ได้จะฆ่าหลานซะงั้น แต่ถ้ามองอีกแง่อาจเป็นแผนให้

คาวัลโลได้อยู่กับท่านชีคต่อก็ได้น้า คิดในแง่ดีเข้าไว้ เพราะเพลียใจ

เหลือเกิน :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 22-08-2011 16:15:02
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 22-08-2011 16:24:01
เครี๊ยดดดดเครียดเลย เจ้าข้าเอ้ยยยยยย :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 22-08-2011 16:43:14
ปวดตับ เครียดจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 22-08-2011 16:48:16
มันจะกดจิตกันไปไหม
ต่างคนต่างคิดแค่ตัวเองทั้งนั้น ชิ !  :m16:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 22-08-2011 17:24:55
อ่า... ไม่ใช่บู๊แก้เครียด เพราะอ่านแล้วเครียดกว่าเดิม  :z10:
ฝั่งพี่ชายก็เครียด ฝั่งคุณอาก็เครียด สถานการณ์เลวร้ายเพราะมีเรื่องหนักๆหลายๆเรื่องเข้ามาพร้อมกัน
แต่แบบ แอบคิดถึงนู๋คาวี่ที่เจ้าเล่ห์ร้ายกาจ บวกๆกับที่มีความมั่นใจในตัวเองคนนั้นเหมือนกันนะ
เพราะครอบครัวก็สำคัญ ท่านชีคก็สำคัญ เพราะอย่างนั้นเลยอยากให้คาวี่เข้มแข็งกว่านี้จะไปผ่านเรื่องร้ายๆไปได้
รอลุ้นตอนหน้าค่ะ บวกๆให้จ้าาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: PAnppyJunJii ที่ 22-08-2011 17:57:08
จุกเจียนตาย  สงสารคาวี่จัง   :m15:
ทำไมคลากทำแบบนี้  พูดีๆไม่รู้เรื่องหรอวะ  อยู่ถิ่นเขายังจะทำร้ายเขา
พระเอกตรูเป็นอะไรไปอ่ะมีเรื่อง
 :z13:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: kittyfun ที่ 22-08-2011 18:04:53
อ่านไปแล้วกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

ชีคอย่าเป็นอะไรนะ เดี๋ยวส่งหน่วยสวาทไปช่วยด่วนเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 22-08-2011 18:08:55
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
เครียดดดดดดดดดด  :serius2: :serius2: :serius2:

ตอนนี้เกลียดเจ้าอาบ้าที่สุด ไอ้คนไม่มีหัวใจ   :angry2: :angry2: :angry2:

ขอเดาว่า ตาลุงยิงตัวตายไปซะ จะได้จบเรื่อง

สุดท้าย อัลซาร์ก็ยังคงเป็นอัลซาร์ ที่ต่อให้ยังไงก็ยังรักและปกป้องคาวี่เสมอ ผู้ชายอะไรจะแสนดีขนาดนี้  :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 22-08-2011 18:16:36
โอ้ยยยยยยยยยย :o12: :o12: เครียดระดับพระกาฬ :z3: :z3:

คาวี่จ๋า..... สงสารอ่า......... :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 22-08-2011 18:36:14
 " และเพราะผมเข้าใจคุณ...ผมถึง....ไม่เชื่อและไม่รอคุณอีกต่อไป..."

อึก  เจอประโยคนี้เข้าไปคนอ่านถึงกับซ๊อค :a5:  อ๊ากอัลพูดแบบนี้ออกมาได้ไง
เฮ้อ  แต่ก็เข้าใจอัลหละนะ  รอแบบไม่มีกำหนดเป็นใครก็ไม่อยากรอต่อให้รักมากแค่ไหนก็เถอะ
คาวี่ก็นะ  ทำไมไม่ตัดสินใจอะไรให้มันเด็ดขาดกว่านี้  เมื่อก่อนตัดสินใจได้ดีกว่านี้ไม่ใช่รึไง
คุณอาก็แสนจะเจ้าเล่ห์จอมวางแผนซะจริง  แต่แผนพาคาวี่กลับของคุณอามันออกจะโหดร้ายไปไหม
เล่นเอาปืนไปจ่อหัวเจ้าของประเทศเขาแบบนั้นมันจะได้กลับไปแบบสบายๆรึเปล่าหว่า
วุ้ยเครียดจริงๆ :z3:   
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 22-08-2011 18:42:41
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกเหนื่อยมาก
เค้นอารมณ์กันทั้งตอนเลย
ที่มาของเสียงดังปังที่คฤหาสน์นั่นมันหันไปทางไหน  ลุ้นมากอ่ะ
ลุงคลาร์กมาปัญหายิ่งเกิด ก็อยากให้คาวี่กลับไป แต่ก็อยากให้อยู่กับชีคอยู่ดี
ก็ไม่รู้จะเชียร์ทางไหนดี


ปล.คำถามง่ายๆ "ทำไมไม่บอก"   กับคำตอบที่ง่ายยิ่งกว่า "เพราะฉันเป็นบอส....."
เศร้าเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: l2ockyou_l3ody! ที่ 22-08-2011 18:43:47
รู้ไหม พี่ท่านคาล์ก ไอ้ตัวปัญหาจริง ๆ นะมันคือใคร - - ?

ตอบ ; มรึงงงงงงงงงงงงงงงงง นั่นแหระ แสรดดดด :z3: :z3:
พูดดี ๆ ไม่เคยจะเป็น ยึดติดแต่จะให้ ยืนหยัดได้ด้วยตนเอง ตนเอง ต้องเด็ดเดี่ยวต้องเด็ดขาด
ลืมใจคนฟังไปหรือปล่าว ไอ้กร้วกกกกกกกกกก  :z6: :z6:

ขัดใจอย่างแรง  :z3:

อ่านไปน้ำตาไหล ตอนที่คาวัลโลโดนอาด่า :o12:


 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 22-08-2011 19:01:20
เอ่อออ ไม่ได้อยากว่าคสวี่นะ แต่แบบ อินมาก แล้วตอนนี้ก็อยากจะบอกว่าคาวี่ นายต้องเลือกครอบครัวสิวะ

ถ้าเขาบอกว่าไม่รอ อย่าได้คิดตามนั้น กลับไปเคลัยร์ปัญหาครอบครัวก่อนแล้วค่อยกลับมาง้อ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 22-08-2011 19:02:13
กดดันมากๆๆๆๆ

จบได้ลุ้นที่สุดค่ะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 22-08-2011 19:30:48
อ่านแล้วเครียดหนักกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 22-08-2011 21:00:49
เครียดดดดดด :z3: อ่านตอนแรกนั่งอยู่ที่ทำงานแบบอารมณ์สุดๆอ่ะ

ยิ่งตอนของคาวี่เล่นเอาเราน้ำตาซึมเลยแบบอินจัด

อยากให้ทุกอย่างจบลงด้วยดีจริงๆ คุณอาแก่โหดมากอ่ะรู้ทั้งรู้ว่าคาวีเจ็บปวดแค่ไหนแต่ก็ยังทำ

ส่วนท่านชีคสุดยอดพระเอกในดวงใจจริงๆ เฮ้อ...กดดันมากตอนนี้ยิ่งไม่รู้ว่าจะปวดเครื่องในชิ้นไหนดีแล้ว

รีบมาต่อเร็วๆก็ดีนะค่ะ แต่ขอภาวนาว่าตอนหน้าอย่ากดดันไปกว่านี้เลยเถอะ...สาธุ

ปล. ไม่ได้เกลียดคุณอาแต่ถ้าคาวี่กะท่านชีคเป็นไรไปคุณอาก็คุณอาเถอะ....  o18
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 22-08-2011 21:27:55
เพิ่งเข้ามาอ่านรวดเดียว สนุกมากค่า

คำว่า "ทรมาน" มีสะกด "น" นะ ไม่ใช่ "ร"
แล้วก็ คลาร์ก นี่เป็นน้องพ่อหรือน้องแม่
ถ้าน้องแม่ต้องมีศักดิ์เป็น "น้า" นะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 22-08-2011 21:41:43
มีแต่คนกดดันให้คาวี่เลือก เฮ้อ!!!!!
บอกไปเลยว่า ไม่เป็นแล้วบอสมาเฟีย แค่จะไปช่วยพี่ชาย แล้วจะกลับมาอัล แบบนี้จะโอเคไหมอ่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 22-08-2011 23:12:53
คาวี่กลายเป็นเจ้าแมวน้อย  แล้วมาเฟียคนเก่งนั่นหายไปไหนซะ  กลับมาได้แล้ว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 22-08-2011 23:36:34
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  ถ้าเป็นหนังคงมันส์มากอ่ะ ภาพคงออกมาเท่สุดๆ นึกถึงหนังบู๊หลายเรื่องที่หันปื้นประจนหน้ากัน ต้องเท่มากแน่ๆ....แต่ กล้าดียังไงยะมาหันปืนใส่อัลชาร์ โกรธฮ่ะ!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 22-08-2011 23:42:59
เครียดลงตับ :z3: :z3:
ทั้งสองฝั่งเลย ตัดฉับเลยน่ะ
ค้างมาก ทุบกำแพงอีกสามที :z3: :z3: :z3:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 23-08-2011 00:28:02
ขอ บอก คำเดียว  ว่า  เครียดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด   
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: crosa ที่ 23-08-2011 01:05:15
อเล็กซิส....ไม่รู้จะพูดไงจริงๆกับฝั่งอิตาลี -o-!
แต่.....
อัลชาาาาาาาาาาาาาาาาา
น่าสงสารจริงๆ
คาวี่ก็ไม่ยอมเลือกสักทีว่าจะอยู่หรือจะไป
บอกตามตรงรู้สึกหมั่นไส้คุณอามั่กมาก
ไม่เข้าใจแกจริงๆว่าทำไปเพื่ออะไรกันแน่
มีแต่จะทำให้เสียใจกันไปป่าวๆ
เฮ้อออออออออออออออออ
อ่านเรื่องนี้แล้วเครียดจริงๆ แต่ก็หยุดไม่ได้ 555+
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: LimousinX9 ที่ 23-08-2011 01:19:47
แค่เนี้ยะ!!!????
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: KaZuKi ที่ 23-08-2011 01:35:18
ไอ้ประโยคโปรยสุดท้ายมันคืออะไร๊!!! อ๊ากกกก บีบหัวใจยิ่งนัก ไม่ไหวจะเครีย สงสาร คาสี่ สงสารท่านชีค สงสาร เชย์ สงสารทุกโค๊นนนนนนนนนน โอ้ยยยย ถ้ามันจะดราม่าบีบหัวใจขนาดนี้ กลัวตอนต่อไปจังเลยอ๊าาาาาาา :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 23-08-2011 06:41:52
โอย เครียดตามเลยนะเนี่ย :sad2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 23-08-2011 12:23:03
โอยยยย ลุ้นระทึก
ปวดใจแทนคาลวี่  ฮึกกกก กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึงงงงงง
อยากบอกว่า ยิ่งตอนหลังๆนี่ยิ่งมันมากค่ะ ระทึกมาก อ่านไปบางทีลืมไปว่าอ่านนิยาย คิดว่าดูหนังอยู่ บรรยายได้เห็นภาพมากๆ โฮกกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 23-08-2011 15:58:10
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกก...เหลือเชื่อ ทางนั้น ทางนี้ ทางไหน ๆ ก้"รัก"กันทั้งนั้นเลย

เครียด !!!!! 5555+
ชอบอ่ะ
มาต่อตอนต่อไปไวไวนะคร๊าบบบบบบบบบบ
รออยู่นะ~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: tengu3 ที่ 23-08-2011 18:25:50
ไอ้อาบ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กรี๊ดดดดดดดดดดดดด :angry2:
มันน่าโดดถีบจริงๆเลย :z6:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 23-08-2011 20:51:29
ทำไมคาวี่ต้องโดนบังคับให้ต้องตัดสินใจในเรื่องยากๆ อยู่ตลอด
น่าสงสารที่สุด :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 24-08-2011 21:12:55

ทำไมมันเศร้า     (http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/01/yoyo-emoticon-2-042.gif)     ขนาดนี้ฮะคุณคนเขียน


สงสารคาวี่กับท่านชีคจับจิต     (http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/01/yoyo-emoticon-2-039.gif)     ทางฝั่งซิซิลีก็รันทดสุดแสน     (http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/03/kittykat-014.gif)



ส่วนอีตาคลาร์ก ...      (http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/01/evil-bear-001.gif)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: bleach_pa ที่ 24-08-2011 22:45:29
บีบบังคับกันซะ  :a5:
เครียดแทนหนูคาวี่จริงๆเลย :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: yakusa ที่ 25-08-2011 16:14:30
คนอื่นเค้าเครียดกัน ทำไมหนูเศร้าละ 

ปวดตับ ต่อมสงสารพังไปแล้ว 

แถมค้างคาทำให้ใจปวดตึบ 

หนูต้องป่วยใครรับผิดชอบ

โอ้ย  มาต่อเถอะค่ะ ชดเชยค่ารักษาพยาบาลคนอ่าน
ที่ป่วย แล้วรอคอย โดยยังไม่ได้รับการรักษา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 25-08-2011 21:22:07
มันเกิดอะไรขึ้น โว๊ะ  :a5:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 25-08-2011 23:28:15
จะบอกว่า คนแบบคลาร์กเป็นคนประเภทที่เราไม่ชอบที่สุดเลย 55555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 26-08-2011 05:22:03
อ๊าก...ก อีตาคลาร์กแกเป็นใครย่ะ กล้าดีไงเอาปืนมาจ่อหัว อัลล์ ของเราๆ ได้
แบบนี้จะได้กลับบ้านกันไหมเนี่ย  ช่างกล้า บ้า ดีเดือด

อิหนูคาวี่  คงได้ตัดสินใจกันจริงๆ จังๆ ก็คราวนี้  ยกปืนจ่อหัวอิตาคลาร์ก แล้วไล่กลับบ้าน
ไปเลย...แค่นี้ทุกอย่างก็จบ เรื่องที่บ้าน ให้พี่ชายจัดการแล้วกัน 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: BlueFaith ที่ 27-08-2011 21:33:27
เซ็ง คาวัลโล ถึงขีดสุด

ถ้าไม่เหลือแม้กระทั่งครอบครัวก็อย่ามานั่งเสียใจว่าเป็นเพราะตัวเองนะ

ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหมือนตอนที่เสียใจว่าโดนลุงหักหลังแล้วไม่ได้ขึ้นเป็นบอสนั่นแหละ

      :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 29-08-2011 20:53:53
กรี๊ซซซซซซซซซซซ
ตับจบได้ร้าวรานมาก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaEwA ที่ 30-08-2011 03:57:17
 :sad4: เกิดไรขึ้นเนี่ยยยยยย ลุงก็สติแตกไปแล้ว นี่อายังหลุดอีก สงสารคาวี่!!!  :z3:ชีค พาไปหลบในฮาเร็มเลย ไม่ต้องให้เจอใครแล้ว  :z6:

กดดันมาก เครียดมาก เข้มข้นมากๆๆ ตีนกา 3 ขีดที่หน้าผากนี่โทดใครดีคะ o18 555

+ให้ อยากกดให้อีกแต่ซ้ำไม่ได้ 555 กำ

 :z13: มาต่อได้แล้วอะ จึ๊กๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: runynam ที่ 30-08-2011 17:49:52
อ่านทันแล้ว ทรหดมาก :z10:(ตามมาจากแบดกาย)
ตัดจบได้ปวดใจและร้าวลึกจริงๆ :m15: :m15:
สงสารท่านชีคมากเลย คาวี่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ โอ้ว :serius2:เครียดง่ะ
ทางฝั่งเล็กซิสก็น่าสงสารพอกัน แบบว่า มาม่าสุโค่ย
หวังว่าอะไรจะคลี่คลายในเร็ววัน
เป็นกำลังใจให้พี่ปุ้ย มาลงไวไวค่ะ :กอด1: :L2: (อยากบอกว่าค้างมากกกก :serius2:)
ปล. เห็นด้วยเป็นที่สุด จัด เอสเอ็ม ชุดใหญ่ให้คุณอาคลาว สักชุดสิ :z6:
(สร้างความร้าวฉานมาก เดี๋ยวโดนเองแล้วจะรู้สึก :a14:)
 :กอด1: :L2:
 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 30-08-2011 23:46:55
ตามมาจาก bad guy คร่า บวกไปหลาย 1 แล้วว

อยากบอกว่ามันส์มากกก แต่อ่านไป โดดถีบอาคลาร์คไป ฮึ่มมม มันน่านัก

ฝั่งอิตาลี เซย์ยังไม่เผยตัว เลยไม่รู้ว่าเสียงปังที่ว่า มันเกิดจากอารายยย ลุ้นๆ

รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 31-08-2011 10:15:46
คิดถึงคาวี่แล้วอ่ะค่ะ *o*
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 01-09-2011 20:01:31
เข้ามารอค่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 02-09-2011 22:09:45
รอตอน 41 เช่นกันค้าบ
ค้างอย่างแรง
พี่ปุ้ยสู้ๆค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 05-09-2011 19:13:21
ร้อรอๆๆๆๆ...เพราะชอบตัวละครทุกตัวเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 05-09-2011 19:35:56
ยังรออยู่นะค้า

ไหนว่าจะลงวันนี้อ่ะ

(เอ๊ะ รึว่าอิฉันเพ้อไปเองเนี่ย :m15:)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 05-09-2011 23:02:59
เข้ามานั่งรอ เรื่องนู้นกำลังเตรียมต้มมาม่า

หวังว่าคววี่ กะท่านชีคคงยังไม่ต้องต้มน้ำนะ :m15:

นั่งรออย่างมีความหวัง...คิดถึงคาวี่ค่า... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 05-09-2011 23:30:57
เข้ามารอเช่นกันจ้า :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: bleach_pa ที่ 05-09-2011 23:59:00
มาอัพต่อไวๆๆนะค่ะ รออยู่ T^T
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 06-09-2011 02:33:54
คิดถึงคาวี่แล้วอ่ะค่ะ *o*(รอบที่สอง)

ครึ่งเดือนแล้วอ่าา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaEwA ที่ 06-09-2011 05:49:36
 :z3: คาลวัลโลๆๆ คิดถึงๆๆๆ :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 07-09-2011 00:38:18
Line 41.1 : Return of the  hyena


              " เรามาเลือกกันดีไหม คาวัลโลหลานรัก  ว่าระหว่างชีวิตผู้ชายคนนี้ กับครอบครัวของแก..อะไรจะสำคัญกว่ากัน ?  "


    คาวัลโลจ้องมองใบหน้าของคนพูดที่ยิ้มแสยะด้วยสีหน้าสุขสันต์ทั้งบ้าเลือดราวกับปีศาจ จ้องมอง"อา"ที่กำลังเอาปืนจ่อไปยังร่างของชีคแห่งเซเนียยาด้วยความตกตะลึง..

    ปืนในมือของอัลชาอ์ก็เล็งไปยังร่างของคลาร์ก ปืนในมือแกเร็ตก็จ่อไปยังร่างของชีคหนุ่ม และปืนของเหล่าองค์รักษ์ก็จับจ้องมายังตัวเขาและทุกคนที่อยู่ในห้อง..

...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?


         ปวดขมับจี๊ด..ทั้งนัยน์ตาผ่าวร้อน ความปวดร้าวเสียดแทงใจ หากคาวัลโลก็รุ้สึกถึงสิ่งที่เปลี่ยนไป เมื่อครานี้มันเคล้าคละกับอารมณ์เคืองขุ่น...โกรธเกรี้ยว..

     คาวัลโลจ้องหน้าผู้เป็นอาด้วยแววตาขุ่น ไม่เข้าใจการกระทำของคลาร์กและไม่อยากจะรู้ถึงเจตนาที่แท้จริงของการกระทำบ้าๆแบบนี้สักนิด  แค่ตามเขากลับบ้าน ถึงกับต้องมีเรื่องราวทะเลาะกันใหญ่โตถึงขั้นเดิมพันชีวิต ถึงขั้นเลือกเป็นตายกันเลยหรือ? รึว่าคุณอาของเขากำลังทำเพื่อความสะใจของตัวเองกันแน่ ?

    คลาร์กก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้นเสียหน่อย เขาไม่ได้...สำคัญ...ขนาดต้องเอาชีวิตมาแลกกันสักนิด..

    คาวัลโลหลับตาลงอย่างรวดร้าว..ยามนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านผันมาทั้งหมดและคิด...คิดถึงการกระทำอันโง่เง่าของเขาเมื่อครู่นี้..

     ....ร้องไห้คร่ำครวญโทษว่าเป็นความผิดของพ่อ แม่ พี่ๆ หรือกระทั่งความผิดของคลาร์กและแกเร็ตที่มาพาตัวเขากลับบ้าน โทษคนเหล่านี้ที่รักและห่วงใยในตัวเขาว่าเป็นคนที่ทำให้เขาต้องร้องไห้ ต้องเสียใจ โทษคนอื่นว่าทำให้อัลชาอ์ทอดทิ้งเขาทั้งที่มันเป็นความผิดของตัวเอง

     ....สาสมแล้วนี่ที่คลาร์กจะโกรธถึงขนาดคว้าปืนมาระเบิดสมองเขาให้ตายไปต่อหน้า สำหรับคนบ้าที่เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญโทษคนอื่น กล่าวว่าได้กระทั่งผู้ให้กำเนิด จะตายก็สมควรแล้ว..

     อัลชาอ์ไม่ได้ทิ้งเขาเพราะเขาจะกลับไป แต่อัลชาอ์ไม่รอ..เพราะตัวเขาเองที่ทำตัวสับปลับไม่น่าเชื่อถือ หรือกระทั่งคำสัญญาบอกว่าจะกลับมามันก็ยังเป็นคำพูดเปล่าๆที่ไม่มีใครกล้ารอคอย..เพราะตัวเขาก็ยังไม่รู้ ว่าจะค้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่กว่าจะได้กลับมา และเพราะเหตนั้น....เพราะตัวเอง  เพราะความไม่น่าเชื่อถือของตัวเอง เพราะนิสัยปากพล่อย ชอบทำร้ายจิตใจคนอื่นแบบนี้ ไงอัลชาอ์ถึงได้..ไม่รอ...ไม่หวัง...ไม่เชื่อ...อีกต่อไปแล้ว

    ...กระทั่งตอนนี้ คาวัลโลก็ทำให้อาของเขาผิดหวัง ทำให้เพื่อนของตัวเองเสียความเชื่อมั่น..ทุกสิ่งที่เอาแต่โทษคนอื่น ที่แท้ก็เพราะทำตัวเอง...ทำตัวเองทั้งนั้น...

    ..แต่..มันก็ไม่ใช่สาเหตุที่คลาร์กจะลุกขึ้นมาทำตัวบ้าบิ่นแบบนี้ เช่นเดียวกับไม่ใช่สาเหตุที่อัลชาอ์จะมายกปืนขึ้นปะทะกันเพื่อเรื่องงี่เง่าพรรณนี้..

    คนพวกนี้มันเป็นบ้าอะไรกันไปเสียหมด !!

     คาวัลโลกัดฟันกรอด เส้นอารมณ์ที่แกล้วงไกวมาตลอดหลายวันใกล้จะขาดผึงอยู่รอมร่อ ทั้งปวดหัวใจกับสารพัดคำด่าทอว่าร้ายของคลาร์ก ทั้งปวดใจจากท่าทางของอัลชาอ์ และทางเลือกกี่ทั่งสองกดดันมาให้เขาทำให้ความอดทน และสติสัมปชัญญะค่อยรางเลือนลงเรื่อยๆทุกที

     ....หรือคนพวกนี้มันอยากจะเห้นเขากลับมาบ้าเหมือนเดิม...หรือว่าการเลิกทำตัวร้ายๆให้อัลชาอ์ต้องปวดหัวจะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด..

     ที่ผ่านมาเขาพยายามจะนิ่ง อดทน ไม่แสดงอาการโวยวายก้าวร้าวหรือถกเถียงกับคลาร์กเพราะกลัวจะเกิดปัญหา ไม่อยากให้คนรอบข้างต้องมาปวดหัวมากกว่าเดิม...

     ...แต่ว่า....


         " เฮ้ๆๆ..." เสียงทักที่ดังขึ้นจากประตูทำให้คาวัลโลชะงัก เขาพ่นลมหายใจพรูระงับอารมณ์..หันไปมองเจ้าของเสียง...นั่นก็คือสองพี่น้องเซฮามัคที่ยืนตาวาวอยู่ตรงประตู มองภาพที่เกิดขึ้นและจ้องมองเขาด้วยแววตากรุ่น..พร้อมรอยยิ้ม..ที่บ่งบอกว่ากำลังอารมณ์เคืองขุ่นไม่แพ้กัน

       รามิลขยับปลดเซฟปืนสั่นในมือเช่นเดียวกับราเซย์ นัยน์ตาของทั้งสองจ้องมองคลาร์กและแกเร็ตอย่างเป็นอริ ไม่ต่างกับผู้เป็นอาของเขาที่แสยะยิ้มอย่างยโส และแกเร็ตที่ยังคงมีสีหน้านิ่ง ไม่เอ่ยคำใด..

          " ทำแบบนั้นเนี่ย...คงไม่คิดว่าจะได้ก้าวออกไปจากห้องนี้แบบสบายๆหรอกใช่ไหม? "

          " หึ..." คลาร์กแสยะยิ้ม จ้องมองสองพี่น้องเซฮามัคและบอดี้การ์ดโดยรอบอย่างไม่ใส่ใจ " กับพวกที่บกพร่องขนาดปล่อยให้ฉันพกอาวุธมาจ่อหัวเจ้านายตัวเองได้ มันก็คงไม่คณามือสักเท่าไหร่หรอก "

          " ....แต่เก่งแค่ไหนก็คงหลบกระสุนปืนพวกนี้ไม่ได้ล่ะมั้ง " ราเซย์หัวเราะหึๆ ก่อนจะยกปืนในมือขึ้นเล็งเป้าไปยังคลาร์กอีกราย

          "...เรื่องนั้น มันขึ้นอยู่กับแกนี่...คาวัลโล " รอยยิ้มแสยะไม่น่าไว้ใจสักนิด เสียงหัวเราะเบาๆดังออกมาราวกับสุขใขที่ได้เห็นคนอื่นทุกข์ใจ สับน และมีปัญหาเช่นนั้นยิ่งทำให้ความโกรธกรุ่นที่เคยลดลงโหมกระหน่ำรุนแรง..

       สมองที่กำลังคิดหาทางออกที่ดีที่สุดให้ตัวเองและคนรอบด้านเริ่มหยุดชะงัก ติดขัด กลายเป็นว่ามีแต่ความโกรธที่โหมปะทุนั้นชัดเจนกว่ามากมาย

       คนพวกนี้อากจะเจอกับไอ้หมาบ้าคาวัลโลมากนักใช่ไหม? ถึงได้ทำตัวโง่เง่าบ้าบอกันไปหมดแบบนี้ !!

       ในเมื่อเลือกทางไหนไม่ได้ ก็อย่าไปเลือกมันเลย ไม่ว่าจะเป็นแกงค์ พ่อ แม่ พี่น้อง หรืออัลชาอ์ก็ล้วนสำคัญกับเขาทั้งนั้น จะมานั่งคร่ำครวญคิดอะไรอีก

        เลือก เลือก เลือก เลือก ...

        มีแต่คนพร่ำบอกให้เขาเลือก จะเอาแบบไหน แบบนั้นหรือแบบนี้ ฟังแล้วดูเหมือนตามใจ ทั้งที่จริงใจความมันคือการบังคับ...

        ...ไม่รู้ว่าคนพวกนี้ลืมอะไรไปไหม? ลืมข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาไปรึเปล่า...

         เขาเกลียดการบังคับ ! เกลียดการต้องทำตามใจใคร ถ้าพบเจอเมื่อไหร่เขานี่แหละจะต่อต้านอย่างสุดโต่ง...และตอนนี้ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรเลยสักนิด..

       มันไม่มีทางเลือกใช่ไหม? มันเลือกไม่ได้ใช่ไหม? งั้นก็เลือดมันซะทุกทางเลยเป็นไง !! เพราะอะไรที่เขาต้องการ มันก็ต้องเป็นของเขาอยู่วันยังค่ำ !!


          "....หยุด..."  นัยน์ตาที่เคยหม่นแสงว้าวุ่นค่อยวาววับเมื่อได้"คำตอบ"ของตัวเองในที่สุด คาวัลโลเม้มปากแน่น เขาสูดหายใจลึก...เรียกสติ พยายามข่มความโกรธเกรี้ยวที่แสดงออกมาในแววตาให้เป็นปกติมาแม้ในใจจะคุกรุ่นเพียงไรก็ตาม นัยน์ตาของเขาจ้องมองผู้คนรายรอบไปทีละคน...ทีละคน....ทั้งอัลชาอ์ คลาร์ก แกเร็ต รามิล ราเซย์และบรรดาบอดี้การ์ดของชีคหนุ่ม...

         ...ถ้าไม่ต้องการเสียใครไป ถ้าจะตัดสินใจเลือกมันทุกอย่างเขาก็ต้องพยายามมากเป็นสองเท่า...

         อาจต้องใช้เวลา อาจจะต้องพยายามจนเลือดตากระเด็น แต่มันก็ต้องดีกว่าจะมาพบเจอเรื่องแบบนี้อีก   

          และ...หากเขาอยากให้บทเรียนกับใครสักคนที่ทำตัวบ้าบิ่นไม่เลิกแบบนี้ แผนการณ์ก็ต้องแยบยลและแนบเนียนที่สุด !!


          " คุณอา...ผมขอโทษ...พอได้แล้ว..." คาวัลโลถอนหายใจ บอกเสียงสั่น..

         "...ฉันให้เลือก...ไม่ได้ให้ขอร้องหรือออกปากห้ามไร้สาระ " คลาร์กตวัดสายตามามองหลานชายเล็กน้อย เขายังคงมีท่าทีหงุดหงิด แม้นัยน์ตาจะค่อยอ่อนแสงลงยามได้ฟังคำขอโทษและได้เห็นท่าทีของหลานชาย.. และเพราะแววตาที่อ่อนลงและความอาดูรต่อเด็กน้อยที่เขาผูกพันธ์ ทำให้สัญชาติญาณระวังภัยอ่อนกำลัง ซึ่งมันทำให้คลาร์กได้มองผ่านนัยน์ตาวาววับคู่นั้นไปอย่างน่าเสียดาย..

         "...นี่เป็นคำสั่ง....." คาวัลโลเอ่ยเสียงเรียบ..นัยน์ตาจ้องมองคนที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างนึกฉุน..

         " ...ไอ้บอสอ่อนแอเหลาะแหละไร้สมองแบบนี้..ชั้นไม่อยากฟังให้เสียอารมณ์ "

         "...ผมจะกลับไป...กลับไปหาทุกคน กลับไปเป็นบอสของมาเฟียตระกูลวาลกัส.." คาวัลโลเม้มปากแน่น...เขาพยายามควบคุมน้ำเสียงไมให้สั่นไหว ..มันกำลังสั่นด้วยอารมณ์เคืองขุ่นที่สะสมอยู่ในใจและพยายามเก็บไวอย่างยากเย็น เช่นเดียวกับฝ่ามือที่สั้นระริก..ก่อนที่จะสูดหายใจลึก ใช้ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองนัยน์ตาสีบรูเน็ตของคลาร์ก โรเซนเบิร์กเขม็ง  "...หยุดทำเรื่องบ้าๆได้แล้ว ผู้ชายคนนี้ช่วยผมไว้ ผมมีหน้าที่ตอบแทนบุญคุณ...ซึ่งไม่ใช่ด้วยกระสุนปืนแบบที่คุณกำลังทำ "

          "....หึ...." ที่สุดคำตอบนั้นก็ทำให้คลาร์กยอมลดกระบอกปืนลง เช่นเดียวกับอัลชาอ์และแกเร็ต ทว่านัยน์ตาของชีคหนุ่มไร้แววสุขสมหรือยินดีกับการหยุดปะทะ ตรงกันข้าม ดวงตาคู่นั้นฉายแววผิดหวัง..โศกเศร้าไม่ต่างกับแววตาของอัลชาอ์ในยามเช้าของวันที่ออกปากเอ่ยทางเลือกนั้นมาให้...

   " ..ถ้าคุณรักผมและอยากอยู่กับผม...ถ้าไม่อยากไม่อยากให้เรื่องของเราจบลง   ทางเลือกของคุณมีทางเดียวคืออยู่ตรงนี้และอย่าจากไปเท่านั้น "

    และเมื่อคำตอบของเขาออกมาแบบนี้...ก็ชัดเจนแล้ว...ว่าคาวัลโลเลือกเช่นไร..

...เมื่อจากไป เรื่องของเราก็จบ..

...เมื่อออกปากว่าจะไป ทุกอย่าง....ก็จะกลายเป็นความฝัน เป็นเพียงอดีตที่ซุกอยู่ในเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำเท่านั้น..

      ความรวดร้าวที่เสียดลึก..ริมฝีปากสั้นระริกไหวยามจ้องมองเสี้ยวหน้าคมของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยา คาวัลโลค่อยก้าวเข้าไปใกล้ร่างของชีคหนุ่ม ฝ่ามือแตะลงบนผิวแก้ม ไม่สนใจสายตาของผู้คนรายรอบที่จ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา...และ...เอ่ยกระซิบคำพูดบางอย่างที่ทำให้ดวงตาของคนฟังค่อยเบิกกว้าง...



      หัวคิ้วของคลาร์กค่อยขมวดเข้าหากันด้วยความไม่พอใจ ยามเมื่อมองเห็นรอยยิ้มมุมปากของหลานชาย..รอยยิ้มอันเคยคุ้นและบอกให้เขารู้...ว่านี่คือสัญญาณอันตรายบางอย่าง...

      หากแต่เมื่อมองเห็นความเศร้าฉาบฉายในแววตาที่เหม่อตามแผ่นหลังองอาจของชีคแห่งเซเนียยาซึ่งก้าวห่างออกไปจากห้องราวกับจะขาดใจเช่นนั้น ทำให้ร่างที่เกร็งเขม็งค่อยผ่อนคลายลงช้าๆ..คลาร์กหรี่ตามองเจ้าคนที่เบือนหน้าใบหน้าเฉยชาของชีคแห่งเซเนียยาผู้ออกปากสั่งการให้คนของตนเก็บปืนไว้เสีย  ก่อนที่คาวัลโลมันจะหันมาจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างลอยเหม่อ...ทำให้คลาร์กนึกเบาใจว่านัยน์ตาวาววับแฝงความนัยน์ที่เขาเห็นเมื่อครู่จะเป็นเพียงแค่...การคิดไปเอง...


        ผลั่วะ!!


    เสียงกำปั้นกระทบเนื้อทำให้อัลชาอ์ซึ่งออกปากสั่งการให้องค์รักษ์ประจำตัวกลับไปทำหน้าที่หันขวับ ชีคหนุ่มเบิกตากว้างมองภาพของคลาร์กที่ถูกชกใบหน้าอย่างแรงจนร่างกระแทกพื้น...ด้วยฝีมือของคาวัลโล วาลกัส ที่แสยะยิ้มออกมาอย่างมาดร้าย ดวงตาวาววับ...ในมือถือกระบอกปืนที่ได้รับมาจากอัลชาอ์ยามโน้มกายเข้าไปใกล้เมื่อครู่! 

        พร้อมกันนั้นอัลชาอ์ก็ตรงเข้าชาร์ตตัวแกเร็ตที่ทำท่าจะพุ่งเข้าไปหาคนทั้งคู่ไว้ เขาออกปากสั่งให้คนของตนที่รอท่าอยู่หน้าห้อง กรูเข้ามาจัดการจับตัวแกเร็ต เคย์ไว้อย่างรวดเร็ว!!

         เสียงหัวเราะแผ่วเบาในลำคอของคนที่ยืนตระหง่านเหนือร่างของคลาร์ก โรเซนเบิร์กด้วยแววตาวาววับชอบใจนั้นทำให้อัลชาอ์หรี่ตาลงน้อยๆ...เมื่อ...เขาได้พบเจอและสัมผัสกับ"คาวัลโล วาลกัส"อีกครา..

    ...ไม่ใช่เจ้าแมวน้อย"ของเขา" ไม่ใช่คาวีที่รัก...ไม่ใช่คนที่ยิ้มหวานออดอ้อนด้วยท่าทีรักใคร่

     หากแต่เป็น"คาวัลโล วาลกัส"ที่"ไม่ใช่"ของเขา เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งบอสมาเฟีย เป็นมาเฟียที่เก่งกาจ มากด้วยความเชื่อมั่นในตัวเองและหยิ่งยะโสปากร้ายไม่ปราณีใคร...

      ใช่...ไม่ปราณีเลยจริงๆ กระทั่งคนๆนั้นจะเป็น"อา"ของตนเองก็ตาม

        "  คาวัลโล !!..นี่คุณ..."

        "...หุบปาก!! อย่ามายุ่ง !! " คาวัลโลตะโกนใส่แกเร็ตที่จะเข้ามาห้ามอย่างรวดเร้ว เขาจ้องมองร่างของคลาร์กซึ่งถูกตบด้วยกระบอกปืนและกำลังพยุงตัวลุกขึ้นมาจากพื้น..นัยน์ตาสีบรูเน็ตคู่นั้นวาววับ...ริมฝีปากแสยะยิ้ม ไม่สนใจรอยแผลตรงหน้าผากที่มีเลือดไหลซิบๆ..

        " ..บางครั้งลูกผู้ชายเราก็ต้องคุยกันด้วยกำปั้น.. คุณอาบอกผมเองนะครับ " นัยน์ตาสีน้ำทะเลสบมองนัยน์ตาสีบรูเน็ต เอ่ยประโยคคำพูดเรียบๆราวกับด้านหลังของตนจะไม่มีภาพบอดี้การ์ดนับสิบถือปืนเล็งมายังร่างของคลาร์ก และแกเร็จจะไม่ถูกเอาปืนจ่อศรีษะอยู่กระนั้น..

       " ..คุยบ้าอะไรกัน! ..ทำไมคุณทำแบบนี้คาวัลโล คลาร์กเป็นอาของคุณนะ!"

       " ฉันได้ทำอะไร ? นี่เป็นแค่การพูดคุยกันในครอบครัว และคุณอาที่รักของฉันไม่ได้อ่อนแอตายง่ายแบบที่แกคิด.."  คาวัลโลแสยะยิ้ม จ้องมองใบหน้าของแกเร็ต เคย์ ที่ยังส่งสียงโวยวายมาไม่เลิกสลับกับใบหน้าของคลาร์ก โรเซนเบิร์กซึ่งยืนจ้องเขาไม่ขยับ.." แกต่างหากที่เป็นแค่คนนอก ดังนั้น...เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับไอ้บ้าหน้าไหนทั้งสิ้น....."

         ....เอ่ยแล้วนัยน์ตาคู่นั้นก็ปราดมองไปทั่ว หยุดยั้งฝีเท้าที่จะก้าวเข้ามาของสองพี่น้องเซย์ฮามัคได้เป็นอย่างดี..ด้วยคำพูด...แววตา และสีหน้าหมายมาดนั้น..

        คำพูดนั้นหมายถึงทุกคน ไม่เว้นกระทั่งตัวเขา อัลชาอ์แน่ใจ..

        ..ในยามนี้ เจ้าไฮยีน่าตัวแสบกลับมาแล้ว..แมวน้อยที่ยอมขดตัวอย่างว่าง่ายอยู่บนตักของตนนั้นไม่มีอีก..

         ...เพราะคาวัลโล"เลือก"แล้ว...


        "แต่คุณ.. ! " แกเร็ตกัดฟันกรอด พยายามทักท้วงทั้งกระโจนเข้าช่วยเหลือชายผู้เป็นคู่หูและเป็นผู้ปกครองของตนอย่างสุดกำลัง


        "...หุบปากไปซะ.."นัยน์ตาสีน้ำทะเลตวัดมอง กระแสความไม่พึงใจและความโหดเหี้ยมที่แฝงมาทำให้ร่างของแกเร็ต เคย์ ชะงัก..ริมฝีปากเม้มเข้าหากันน้อยๆ..สำนึกบอกว่าคาวัลโลคนนี้เขาไม่ควรจะไปต่อว่าหรือขัดใจ..

    ...คนที่เขาเคยนึกว่าเปลี่ยนไป อ่อนเเอ และลังเลอย่างไม่ควรจะเป็น แท้จริงแล้วไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงความเหี้ยมโหดไว้ได้เสมอ..

      คนที่ทำได้ กระทั่งเชือดหัวใจตัวเองทิ้งเพื่อจะกลับมยืนอย่างทรนงอีกครั้ง...


         "....เอาล่ะ คุณอาครับ..เรามาคุยกันดีกว่า " คาวัลโลจ้องมองใบหน้าของผู้เป็นอาและเอ่ยเสียงเรียบ เขาหัวเราะหึหึ ย่างสามขุมไปหาคลาร์กผู้ยังไม่มีท่าทีว่าจะเคลื่อนไหว ..ทั้งที่ปกติมักจะเข้ามาตอบโต้เขาอย่างเอาเป็นเอาตายแท้ๆ

         คาวัลโลตรงเข้าไปกำคอเสื้อผู้เป็นอาแน่น กระชากมันให้ร่างของคลาร์กเข้ามาประชิดด้วยแววตาวาววับ ทั้งเคืองขุ่นและผิดหวัง

          "  คุณเป็นบ้าอะไรถึงได้ทำอะไรโง่เง่าแบบนี้ ! คิดว่าที่นี่มันอิตาลีที่ทำอะไรได้ตามใจรึไง หรือคิดว่าที่นี่เป็นบ้านของคุณ เป็นคอกฝึกที่จะทำอะไรก็ได้น่ะ บอกผมมาสิ หา !!! "


        ผลั่วะ!!



           ฝ่ามือของคลาร์กกำแน่นแล้วซัดลงบนใบหน้าหลานชายสุดแรง แต่คาวัลโลโยกหลบและใช้มือกันไว้ได้ทัน ขณะที่ใบหน้าคนทำยังก้มต่ำ เสียงพึมพัมจากริมฝีปากกลบเลือดนั้นเล็ดลอดออกมาไม่ต่างกับเสียงกระซิบ

          " แกทำฉันผิดหวัง...แกทำฉันหงุดหงิด...แกที่ผิดคำพูด สับปลับกลับกลอก..."  คำพูดนั้นทำให้ร่างของคนฟังนิ่งงันไปเพราะมันทิ่มแทงใจจนไม่อาจเถียง "   พ่อแม่แกเป็นห่วงแค่ไหน พี่ชายแกต้องสังเวยชีวิตให้กับเรื่องงี่เง่าพวกนี้ ทุกคนทำเพื่อให้แกได้กลับบ้าน แต่แกกลับเอาแต่โทษคนอื่น..ไอ้โง่ ไอ้เด็กไม่มีสมอง!! "

          "...เอาแต่คลั่งรักบ้าบอ เอาแต่ร้องไห้โวยวายว่าไม่มีใครสักคน..ถ้าพ่อแม่แกมาได้ยินจะเสียใจแค่ไหน คิดบ้างรึเปล่าหา!? "  คลาร์กเบิกตากว้าง ฝ่ามือกำแน่นแล้วออกแรงกระชากคอเสื้อหลานชายมาเขย่าคอเจ้าคนงี่เง่าแรงๆด้วยอยากให้มันสำนึก นัน์ตายังมองเห็นดวงตาที่ฉายแววตกตะลึงและเคืองขุ่น ในหูยังแว่วเสียงพูดคุยปานกระซิบของคาวัลโลกับผู้ชายคนนั้น...คนที่มันรักนักรักหนา

         "...แกรักมันมากใช่ไหม? รักมากขนาดจะทิ้งพ่อทิ้งแม่ไปเลยใช่ไหม? ไอ้บ้าเอ๊ย ฉันไม่น่ามาตามหาแกเลย ปล่อยให้ตายๆอยู่ตรงนี้ยังจะดีกว่า !! "

         "  เมื่อกี้แกรับปากฉันแต่ก็กลับคำมาทำแบบนี้ นี่สินะสันดานของพวกมาเฟีย ไอ้ปากพล่อยๆแบบนี้ พูดแล้วไม่คิดจะทำจริง ! "คลาร์กละมืออกจากลำคอของหลานชาย  เช่นเดียวกับที่คาวัลโลปล่อยมือออก จ้องมองอาหนุ่มของตนเท้าสะเอวหอบกายใจแรงด้วยความเหนื่ยอ่อนจากแรงตะโกนและการออกแรงชก คลาร์กมองเจ้าคนที่ยืนจ้องมองเขาด้วยมือที่กำปืนแน่นขึ้นแล้วนึกเคืองในใจขึ้นมากกว่าดิม ความโกรธที่เคยจางลงและสติที่กลับมาเริ่มหดหายไปอีกครั้ง

          "...บ้าเอ๊ย! แกกล้าทำแบบนี้กับฉันก็ฆ่าฉันซะสิ ปืนในมือน่ะมีไว้ทำไม ถือมันมาก็ตั้งใจะฆ่าฉันอยู่แล้วนี่...ทำสิ !"

          " ........"

          "  แน่จริงแกก็ยิงฉันเซ่ !! "


ปึ่ก!!



         " ใครว่าผมไม่รักพ่อ รักแม่..ใครว่าผมไม่อยากกลับไปน่ะ..หา ! "คาวัลโลสะบัดมือฟาดกระบอกปืนลงบนใบหน้าของคลาร์กอีกคราอย่างนึกขุ่นใจ  " พูดออกมาสักคำเหรอว่าจะไม่ไป ได้บอกออกไปไหมว่าจะอยู่ที่นี่ ! ผมแค่อยากจะให้รู้ ว่าทำไมถึงลังเล ทำไมถึงอยากขอเวลาคุยกัน...คุณไม่เจอแบบที่ผมเจอ ไม่มีวันเข้าใจผมหรอก !! ."

      คาวัลโลลุกพรวด ฝ่ามือของเขากำปืนแน่นแล้วถลาลงไปคร่มร่างของผู้เป็นอาพร้อมกับจรดมันลงบนขมับของคลาร์ก....จ้องมองนัยน์ตาฉายแววโกรธเคืองที่บัดนี้ตกตะลึงและผิดหวังให้หัวใจของเขาเจ็บแปลบขึ้นมา  "..ผมขอโทษที่โวยวายเพราะถูกทิ้ง! ขอโทษที่กลับคำหลอกให้คุณหลงกับดักตื้นๆเพราะโกรธจนไม่มีสติ ยอมรับก็ได้ว่าผมมันไอ้งี่เง่าที่อยากจะได้ทุกอย่าง ยอมรับก็ได้ว่าผมมันไอ้คนหลอกลวง แต่อย่ามาพูดว่าผมไม่รักพ่อแม่ไม่รักพี่ๆทุกคน เพราะผมรักทุกคนไงถึงได้ลำบากใจอยู่นี่!! "


    ปัง !!


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 40 : เข้าประชิด ( Up !! )22/8/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 07-09-2011 00:49:14

   " แต่ที่ผมไม่ฆ่าคุณตามคำเรียกร้องโง่ๆ เพราะยังไงคุณก็เป็นอาของผม และผมจะไม่มีวันใช้วิธีบ้าๆแบบที่คุณกำลังทำอยู่ !!! "


    ..ควันปืนและกลิ่นดินปืนอันเคยคุ้นลอยมาแตะจมูก  คลาร์กจ้องมองใบหน้าของหลานชายคนสุดท้อง มองมันที่กำลังถือปืนลั่นจ่อขมับของเขาด้วยสีหน้าคั่งแค้น โกรธเคือง หากแต่ก็ปวดร้าวและสั่นไหวราวกับจะร้องไห้ ...ใบหูยังรับรู้ได้ถึงความร้อนที่พุ่งเฉียดเส้นผมไปยังพื้นพรมหนา..และ..คำพูดของมันที่ดังก้องในสมอง..

         " คุณเอาแต่พล่ามว่าจะฆ่าคนนั้นคนนี้ ความตายมันเป็นทางออกของการแก้ปัญหาสินะ ? สมองอย่างคุณก็คิดได้แบบนี้งั้นสิ ...ลืมไปแล้วหรือไงว่าเพราะอะไรคุณต้องมา ลืมไปแล้วหรือไงว่าเพราะอะไรพวกเราถึงได้เจ็บปวดและทุกข์ทรมารแบบนี้ ไม่ใช่เพราะเราต้องเสียคนในครอบครัวไปด้วยฝีมือของคนที่เรารักรึไง ! "


  ผลั่ก!


          " เชิญนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องนี้ซะ อย่าได้คิดจะหนี ..หน้าห้องมีคนเฝ่าอยู่รวมถึงหน้าต่างและทางอื่นๆด้วย ...อีกสามวันเราจะกลับอิตาลี แต่ผมจะไม่ปล่อยให้คุณออกมาวิ่งเพ่นพ่านที่นี่แน่นอน "


        ร่างของแกเร็ตถูกผลักให้ทรุดตัวลงนั่งข้างกายคลาร์กที่ยังคงนิ่งงัน...เงียบไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย..ขณะที่คาวัลโลเม้มปากแน่น ใบหน้าของเขาเชิดขึ้นและยื่นปืนคืนให้อัลชาอ์ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ท่ามกลางการจับตามองของชีคแห่งเซเนียยาและบรรดาคนสนิทรวมถึงบอดี้การ์ดหลายสิบนาย..


      อัลชาอ์ถอนหายใจพรู..ชีคหนุ่ม ยิ้มออกมาบางๆคล้ายโล่งใจกับเรื่องที่ผ่านไปได้ด้วยดี..และอาจจะรวมถึงดีใจ..ที่อย่างน้อยเจ้าแมวน้อยคาวัลโลก็กลับมากลายร่างเป็นไฮยีน่าตัวแสบเหมือนเดิม


   ..ต่อให้คาวัลโลจะยังร้องไห้ทุกข์ใจเมื่อเจอปัญหา แต่ก็ดีแล้ว...ดี...ที่เจ้าตัวลุกขึ้นมาและกลับเป็นคนเดิมได้โดยไม่ต้องมีใครมาบอก ไม่ต้องด่าว่า ตะคอกเรียกสติเหมือนที่แล้วมา..

     ค่อยเติบโตขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ..พัฒนาขึ้นทั้งสมองและการควบคุมอารมณ์...แบบนี้ ไม่นานก็คงจะได้เป็น"บอส"ที่ยิ่งใหญ่ได้แน่ๆ     

       ...แม้ว่า...จากนี้เขาจะไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของก็ตาม..


         " ถุย..." นิ่งเงียบไปสักพัก คลาร์กหัวเราะขึ้นมาราวกับขบขันในคำพูดของหลานชาย ดวงตาคู่นั้นจ้องมองใบหน้าของคาวัลโล วาสกัส ที่ยืนจ้องมองตนอยู่ด้วยแววตาเปล่งประกายวาววับ...ราว...จะภูมิใจ ?!... แม้เสียงหัวเราะนั้นจะยังแฝงแววขบขันปนหยามเหยียด..     

         "...คบค้ากับพวกมาเฟียมันก็แบบนี้สินะ  ชอบหลอกลวง สับปลับ ฉันมันพลาดเองที่นึกใจอ่อนขึ้นมา..ทำเอาแกมายำฉันแล้วพูดพล่ามอะไรออกมายังกับนักสังคมสงเคราะห์ " คลาร์ก โรเซนเบิร์ก มองหลานชายตนที่ยืนมองเขาด้วยสีหน้างวยงงอย่างเห็นได้ชัดแล้วแสยะยิ้มด้วยสีหน้าเยาะหยันเกินจะบรรยาย ชายหนุ่มสายเลือดอารยันกอดอก ใช้นัยน์ตาสีบรูเน็ตจ้องมองใบหน้าของคาวัลโลพร้อมกับพ่นลมหายใจช้าๆ

      ...ก่อนจะเอยคำพูด ที่เป็นดั่งคำประกาษิตชี้นำทุกอย่างในชีวิต


      " เอาซี...จะเอายังไงก็เอา จะทำอะไรก็ทำ...แล้วฉันจะคอยดู ว่าน้ำหน้าบอสมาเฟียอย่างแก จะทำให้วาลกัสเดินไปทางไหน..."     


           คาวัลโลชะงัก นิ่งไปครู่หนึ่งอย่างงงันไม่น้อยกับท่าทีเหยียดยิ้มทรนงองอาจและมั่นอกมั่นใจเหลือเกินของอาคลาร์กที่ไม่ได้เข้ากับบรรยากาศ หรือกระทั่งเรื่องที่พูดคุยกันสักนิด เขาขยับปากจะสถบด่าหรือต่อว่ากับคำพูดบ้าๆบอๆนั้น.. ทว่า..เมื่อได้มองสบนัยน์ตาสีบรูเน็ตที่เคยคุ้นและสีหน้าของคลาร์ก อีกเสี้ยววินาทีต่อมาเขาก็แสยะยิ้ม ด้วยนัยน์ตาที่เบิกกว้างหากสดใสและเป็นประกายขึ้น..


         ...เพราะ...คลาร์กได้ให้การยอมรับเขาในฐานะบอสมาเฟียอีกหนึ่งคนแล้ว..

        ....มีมือซ้ายที่คอยทำตามคำสั่ง และมีมือขวาที่คอยชี้นำแนวทางอันชาญฉลาด..ครานี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น..เขาก็จะผ่านมันไปได้แน่นอน..

        "  ขอบคุณ...." คาวัลโลพยักหน้ารับนัยน์ตาของเขาหรี่ลงน้อย ๆจ้องมองคลาร์กและคิดถึงเรื่องราวที่ชายคนนี้ทำมา เป็นไปได้ว่านั่นคือวิธีที่จะเรียกความมั่นใจของเขาหรือแม้แต่กระตุ้นให้เขากลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง...แน่นอนว่าเจตนาของมันคือความหวังดีแม้จะถูกเคลือบแฝงด้วยการกระทำร้ายๆจนแทบมองไม่ออก ..ทว่าอย่างไรก็คือความรักและความปราณีทั้งสิ้น


          " แต่ผมไม่ปล่อยไปหรอกนะ "


....แต่ยังไงมันไม่เกี่ยวกับผลของการทำตัวบ้าบิ่นแบบนั้นอยู่ดี


         " หา.... ไอ้...#$%$^&*()_^%$$% " 


         " ผมบอกคุณแล้ว วิธีบ้าบอแบบนี้มันโง่เง่า เอาปืนจ่อหัวเจ้าของประเทศ ไม่โดนส่งเข้าคุกก็ดีเท่าไหร่ คุณน่ะทำอะไรไม่คิด เหมือนเด็กไม่มีสมอง ....อย่ามาเตะผมนะ ! แล้วที่หัวนะยังมีแผลอยู่แลย ทำแผลเองซะ ! ผมไม่ยุ่ง "

         " ว่าไงนะแก ไอ้แกเร็ต ไอ้เด็กเวร ไอ้ลูกหมา ไอ้.. @#$%&^(*)_ W "

        " อย่ามาเรียกผมเป็นเด็ก!..ทั้งขนาดตัวหรืออายุสมองผมก็มีมากกว่าคุณทั้งนั้น !! "


         ยามเมื่อคาวัลโลถอยหลังและประตูห้องนั้นถูกปิดพับลง เขายังมองเห็นสีหน้าบิดเบี้ยวของคลาร์กที่ดูท่าวิญญาณฝั่งบ้าๆบอๆนั้นจะกลับมาเข้าร่างอีกครั้งแล้วอย่างนึกระอา  เสียงบ่นปนสถบสาบานเป็นภาษาเยอรมันดังแว่วๆ ไม่พอยังได้ยินเสียงเคร่งๆของแกเร็ตทุ่มเถียงสลับกับไปในประเด็นบ้าๆอีกอย่างน่าปวดหัวนัก..

         ทว่า ความวุ่นวายนั้นอย่างน้อยก็ทำให้เขายิ้มได้...เพราะ...เช่นไรมันก็กลับมาเหมือนเดิม...

...ต่อให้ทะเลาะวิวาททำร้ายกับหรือเกือบจะฆ่ากันตาย...แต่เรา..ยังคงเป็นครอบครัวเช่นที่เคยเป็น

      ริมฝีปากยกยิ้มได้เพียงไม่นาน ร่างสูงที่เดินทอดน่องผ่านหน้าเขาเพื่อกลับไปยังห้องพักของตนทำให้คาวัลโลชะงัก แล้วรอยยิ้มของเขาก็ค่อยจางลง....เหลือเพียงใบหน้าแสดงความกลัดกลุ้มและปวดใจเท่านั้น...

...ปัญหาทางคุณอาเรียบร้อย..แต่....เรื่องของเขากับอัลชาอ์เล่า...จะปล่อยให้มันจบแบบนี้หรือ?



          "อัลชาอ์ !!!!! "   ชีคหนุ่มพลันขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อของเขาจากคนที่เคยคุ้น  ชะงัก..นิ่ง...เงียบไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย. หลังจากเงียบงันไปด้วยเพราะคำพูดนั้น..ประโยคที่คาวัลโบอกว่าจะกลับไปนั่นเองที่ทำให้ร่างทั้งร่างนิ่งงันราวกับถูกสาป...

...จะกลับไป...จะไม่มีวันกลับมา...จะ...กลายเป็นเพียงความทรงจำเท่านั้น..

...ไม่มีสิทธิโอบกอด ไม่มีสิทธิห่วงหา ไม่มีทางจะได้คนๆนั้นมาไว้ในอ้อมกอดอีกแล้ว..

       แผ่นหลังที่เคยตั้งอย่างทรนงองอาจกลับค่อยลู่ลงอย่างเชื่องช้า..แฝงไปดวยความเจ็บปวดและโศกเศร้า อัลชาอ์หันหลังกลับไปจ้องมองใบหน้าของคนที่ตนรักสุดหัวใจอีกครา ทว่าเมื่อเห็นว่าเจ้าของดวงตาคู่นั้น...คนที่เดินตามหลังเขามาด้วยสีหนึ่งเงียบนิ่งซึมเซายังมีท่าทีใดๆ ชีคหนุ่มก็ตัดสินใจหันหลัง..สืบเท้าเดินออกไปอย่างเงียบงัน..

....เพราะ...เราไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว...

เมื่อคิดจะให้เรื่องของเราจบลง จะมาพูดคุยหรือสนทนากันอีกได้อย่างไร?


       "....ขอบคุณนะ...." คนที่เอื้อมมือแตะลงบนไหล่และยิ้มให้ด้วยสภาพถูกชกต่อยจนใบหน้าบวมช้ำอย่างน่าสงสาร ทว่านัยน์ตากลับสดใส..วาววับแปลกตานัก..

    ...ราวกับ...ได้อีกเสี้ยวหนึ่งของตัวตนที่แตกสลายไปเพราะความผิดหวังครานั้นกลับมาแล้ว..

     ..กลับ...มาเป็นคนๆเดิม ที่ไม่ใช่ของอัลชาอ์คนนี้อีกต่อไป

       " ไม่เป็นไร " ใจความของประโยคที่ไร้ความอาลัยนั้นช่างแสนโหดร้าย..อัลชาอ์ทำได้เพียงยิ้มรับ...ยิ้มอย่างขื่นขม..

       " ..ผม...ขอจัดการเรื่องนี้เองนะ..ที่อาของผมทำกับคุณแบบนี้...ขอโทษจริงๆ.." สีหน้าของคนพูดค่อยเหยเกด้วยความรู้สึกผิด

       "...ผมยกให้..." ชีคหนุ่มถอนใจแรง นัยน์ตาตวัดมองยังด้านหน้าทางเดินที่สองพี่น้องเซฮามัคหันมามองด้วยสีหน้าร้อนรนไม่น้อย " ขอโทษด้วย...ผมต้องไปก่อน รามิลกับราเซย์มีเรื่องด่วนจะคุย "

       " ผมขอฟังด้วยได้ไหม? "คาวัลโลเอ่ยปากเสนอตัว สีหน้าคาดหวัง

       " ไม่...คุณจะกลับไปก็ควรจะเตรียมตัว ไม่ใช่......"  ...ไม่ใช่มายุ่งกับผม และทำให้ผมตัดใจไม่ได้ และจะเจ็บปวดเพราะคุณมากขึ้นทุกที คำพูดนั้น อัลชาอ์นึกเอ่ยในใจ พร้อมจ้องหน้ามาเฟียหนุ่มอย่างรวดร้าว..

       " ผมสัญญากับคุณแล้ว..! ผม มีเรื่องต้องทำอีก อย่างน้อยก็เรื่องเจ้ามาเฟียสองตัวข้างล่างนั่น ! " คาวัลโลจ้องหน้าอัลชาอ์เขม็ง ก่อนจะสูดหายใจลึก "ผม...ถึงจะกลับไป..."

       "  มันไม่เกี่ยวกับคุณ "อัลชาอ์ส่ายหน้าช้าๆ เตรียมตัวจะหันหลังกลับ

        " พรรคพวกของเขาจะมาที่นี่เหมือนกับพวกของผม และเขาอาจจะทำเรื่องวุ่นวายมากกว่าที่คิด ผมจะช่วย ! คุณห้ามผมไม่ได้หรอก "

        " คาวัลโล ..." อัลชาอ์ขมวดคิ้ว น้ำเสียงเริ่มเคืองขุ่น หงุดหงิดกับคนที่พอกลับมาเป็นไฮยีน่าตัวแสบก็เริ่มแผลงฤทธิ์...ดื้อดึง หัวเเข็ง ไม่เชื่อฟังใครทั้งนั้น


        "  คุณไม่พอใจผมก็ไม่สน! และเจ้าสองคนที่มาก่อความวุ่นวายนั่นก็ควรจะต้องรับผิดชอบด้วย พวกที่ก่อเรื่องที่ทัสคานีวันนี้ก็เป็นพวกของราฟาเอลโร่กับฟิลิเป้ใช่ไหม? บอกผมมาซะและห้ามปิดบัง! ..." คาวัลโลจ้องมองชีคหนุ่มด้วยแววตาวาววับ รู้สึกไม่ดีเช่นกันที่จะมาทำวางอำนาจทั้งที่เขาก็ทำตัวแย่ๆมาแบบนี้..และ...มาทำตัวแบบเดิม ในตอนที่อัลชาอ์ออกปากตัดรอนเขาด้วย..


      ...แต่ เขาก็ยังยืนยันจะทำแบบนี้...เมื่อทางที่คาวัลโลตัดสินใจคือการเลือกทุกสิ่ง ทำทุกอย่าง ไม่ใช่เลือกแกงค์เลือกบ้านแล้วจะทิ้งอัลชาอ์ไป ไม่ใช่ !!


      ใครที่บอกว่าได้อย่างต้องเสียอย่าง ใครที่บอกว่าต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง ใครที่ว่าเขากับอัลชาอ์ไม่มีวันอยู่ด้วยกันได้ คาวัลโลจะทำให้มันรู้ ว่าคนอย่างเขา ถ้าอยากได้ก็ต้องได้อย่างไม่มีข้อยกเว้น !!


       " คุณไม่มีทางห้ามผมได้ เหมือนที่ผมจะกลับไป...และผมจะกลับมา..." นั่น...คำพูดนั้นที่เหมือนจะไม่เกี่ยวกับคำขอ ทว่ามีอิทธิพลอย่างประหลาดทำให้ชีคหนุ่มส่ายหน้า ส่ายหัวกับคำพูดที่ไม่รู้มันจะเป็นจริงวันไหน.. มันจะจริงรึเปล่ายังไม่รู้..

      " ..ผม..ไม่..."


      "...ผมรู้...คุณไม่รอ.." คาวัลโลพยักหน้า เขาสุดหายใจลึกและมองหน้าคนพูดอย่างหนักแน่น แม้ประโยคนั้นจะเป็นบทสนทนาที่ไม่ต่างจากเดิม...ทว่าท่าทีบางอย่างของคนพูดนั้นกลับทำให้อัลชาอ์ต้องนิ่ง...เงียบฟัง..


       " คุณไม่จำเป็นต้องรอผม...คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อผม จะหันไปชอบใครก็ได้จะไปรักใครอีกผมก็ไม่ว่า..แต่คุณจำไว้..ว่าผมจะกลับมา กลับมาและมาทวงทุกอย่างที่เป็นของผมคืน ..ผมจะไม่ยอมเสียอะไรไปทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคุณ หรือครอบครัวของผม ผมจะไม่เลือกเพราะมันไม่จำเป็นต้องเลือก...."


     ริมฝีปากของคนพูดเม้มแน่น เขาสูดหายใจลึกและพ่นออกมาช้าๆ สบมองดวงตาสีดำสนิทด้วยความมั่นใจและหนักแน่นที่สุดเท่าที่เคยทำ...


      "  คุณไม่เชื่อผมไม่ได้หมายความว่าคุณไม่รักผม! ตอนนี้เราอยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่สักวัน...ผมจะทำให้มันเป็นจริง.. จำเอาไว้ "


        "วันนี้ผมจะไป แล้วผมจะกลับมา เพราะคุณเป็นของผม ! ...แล้วถ้าคุณคิดจะไปมีคนรักใหม่หรือจะไปแต่งงานกับใครที่ไหน..บอกพวกนั้นให้ระวังตัวด้วยล่ะ ว่ามีคนคอยเชือดอยู่!! ..."



         " ........." นั่นมันเป็นคำสารภาพรักใช่หรือเปล่า? อัลชาอ์ไม่รู้จะติดตัดสินใจไปเช่นไร ชีคหนุ่มจ้องมองคนพูดที่ยืนชี้หน้าเขาอย่างองอาจและแสนจะมั่นใจ...หากแต่ท้ายประโยคที่เอ่ยมานั้นใบหน้าของคนพูดกลับค่อยแดงก่ำ...ราวกับจะตกใจที่เอ่ยปากพูดประโยคเหล่านออกมาเสียได้...


       แม้มันไม่ใช่คำบอกรัก แต่คำพูดเหล่านี้นั้นช่างเหมาะเหลือเกินที่จะออกมาจากปากของอนาคตบอสมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ "คาวัลโล วาลกัส"

        "...ผมเป็นของคุณ..? "ครู่หนึ่งทั้งนึกขบขันทั้งอาดูร..อัลชาอ์ขยับยิ้ม...เลิกคิ้วขึ้นคลายเอ็นดูนัก..


         "...ชะ...ใช่...ทำไม? หรือคุณมีใครคนอื่นอยู่อีก !!" ท้ายประโยคนั้นแหวออกมาราวกับคนพูดจะเดินไปหาเรื่องชาวบ้านให้ทั่ว แล้วเค้นคอออกมาว่าใครที่ตนแอบสนใจหรือเมียงมองอยู่..อัลชาอ์ผ่อนลมหายใจลงช้าๆ...


       ชีคหนุ่มได้รู้...รับรู้ว่าท่ามกลางความไร้หวัง..ก็ยังคงมีความหวังจุดเล็กๆอยู่..

       เดิมพันของพวกเขาหมดลงแล้ว..ความเชื่อใจและการเฝ้ารอที่ไร้หวังถูกปัดออกไปอย่างไม่รีรอ..แต่ตอนนี้สิ่งที่มาแทน คือคำมั่นจากคนๆเดิม คำพูดที่ควรจะเลื่อนลอย ไร้ความน่าเชื่อถือเช่นเดิม แต่มันก็หนักแน่น...ทรงพลังยิ่ง..

        ...ครั้งนี้ไม่ใช่การเดิมพัน ไม่ใช่ความเชื่อใจ แต่เป็นการเริ่มใหม่จากทุกสิ่งทุกอย่าง..

        รักที่เขาเทหมดหน้าตักตั้งแต่แรก..แล้วคาวัลโลค่อยเผยมันมาทีละนิดนั้นทั้งสุขใจและชวนหวั่นไหว..แต่...รักที่เริ่มจากฝ่ายหนึ่งมีร้อยและอีกฝ่ายมีแต่เลขศูนย์ซึ่งไม่รู้จะเพิ่มหรือลดลงวันใดมันแตกต่างกันมากเกินไป

        เพราะเหนื่อยเกินไปถึงได้หยุด เพราะอ่อนกำลังและปวดร้าวจึงขอจบลงแค่นั้น..นี่คือเหตุผลสำคัญที่อัลชาอ์"ไม่รอ"อีกต่อไป



        ...แต่ตอนนี้


         " ผมยังไม่มี...แต่จากนี้ไม่แน่..." ชีคหนุ่มเผยยิ้มร้าย...ใบหน้าที่เคยโศกเศร้าสิ้นหวังค่อยแปรเปลี่ยน...นัยน์ตา..ที่แห้งผากคล้ายไร้กำลังใจแปรเป็นวาววับด้วยความพึงใจ..

        ตอนนี้พวกเขากำลังก้าวมายังจุดเดิม..ไม่ใช่จุดที่หมายถึงความพ่ายแพ้ของตน หากแต่เป็นจุดที่เริ่มทุกอย่างจากเลขศูนย์และไร้ซึ่งความหวั่นไหวหรือกระทั่งความปวดร้าวจากรักที่ไม่มีผู้ใดตอบรับ

       หากเป็นเกมส์ ที่ผ่านมาอัลชาอ์นั้นเสียเปรียบและเเทบจะพ่ายแพ้มาโดยตลอด แต่บัดนี้...คาวัลโลก็ก้าวมายืนยังจุดเดียวกันจนได้

       ไม่มีความเชื่อใจ ไม่มีความหวังหรืออะไรมาเป็นแรงกระตุ้นให้เฝ้ารอหรือตอบรับ...ไม่มีอะไรมาเดิมพันและวางพนันกันอีกแล้ว

       มีแต่พวกเขาสองคนและคำพูดที่ไม่ต่างกับการท้าทาย...ให้เกมส์...ที่ถูกล้มกระดานไปกลับมาเริ่มอีกหน..

       จะยาวนานเพียงใดไม่รู้..จะเนิ่นนานเท่าไหร่ก็ไม่อาจคาดหวังอัลชาอ์รู้เพียงว่าในเกมส์ที่พวกเขาต่างเริ่มพนันกันอีกคราโดยไร้คำพูดนั้น..แต้มของตนกลับเป็นฝ่ายนำบ้างแล้ว!!

           " หึ.....คิดว่าทำได้ก็ลองดู.." คำพูดนั้นไม่ต่างกับภรรยาขี้หึงที่กล่าวคาดโทษสามีเลยสักนิด แต่คาวัลโลไม่สนเขายังคงจ้องมองชีคหนุ่มเเห่งเซเนียยาที่นัยน์ตาคู่นั้นฉายประกายเจ้าเล่ห์วาววับแบบที่ตนไม่นึกอยากจะเห็นแล้วเบ้หน้า..


        บรรยากาศแบบนี้เหมือนกับว่าหมุนกลับไปยังช่วงที่ได้พบกันใหม่อีกครา..ราวกับ...พวกเขากำลัง"เริ่ม"ทุกอย่างใหม่อีกครั้ง..

         ...ก็ดี....เกมส์คราวนี้จะได้เสมอภาค ไม่มีใครได้เปรียบ เสียเปรียบอีกแล้ว..   


        " เดี๋ยวผมจะลงไปเชือดเจ้าราฟาเอลโร่กับฟิลิเป้ รับรองมันจะต้องตกใจจนสมองกลับแน่ถ้ารู้ว่าผมพาใครไปด้วย ..แล้วผมจะมาฟังเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณอีกที ! " เมื่อตกลงกันได้ด้วยคำประกาศท้าทายทางสายตา คาวัลโลจึงเอ่ยปากตัดสินใจรวดเร็ว ฝ่ามือของเจ้าตัวแสบตะปบเข้าที่ไหล่ ดึงอย่างว่องไวให้ร่างของอัลชาอ์ต้องเซลงและถูกริมฝีปากคู่นั้นแตะลงบนผิวแก้มทันควัน..


         ....เมื่อเริ่มเกมส์แล้ว...คนที่ทำแต้มก่อนก็ย่อมได้เปรียบ...ไม่ใช่หรือ?


       คาวัลโลหมุนตัวกลับ วิ่งปร๋อไปหาพรรคพวกที่ถูกขังอยู่ เขาไม่หันกลับมามองแม้จะรู้ว่าดวงตาของอัลชาอ์ยังคงจ้องมองมายังร่างของตน มาเฟียหนุ่มปราดเข้าไปยังประตูห้องที่มียังมีเสียงโหวกเหวกลอดออกมาด้วยรอยยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ...แม้แววตาจะยังแฝงรอยเศร้าจางๆ..ก็ตามที...

        ..เกมส์ที่เริ่มใหม่ไม่มีทางเหมือนเดิม..หรือจะต้องพลิกกลับไปพ่ายแพ้แทนที่จะชนะก็สุดจะรู้

      ...ทว่า....ชีวิตมันก็ต้องเป็นแบบนี้...

      มีพลัดพราก มีพบเจอ ผิดหวัง โศกเศร้า เสียใจ ดีใจ มีความสุข..และ...อีกมากมาย..

       แต่เมื่อเขาตัดสินใจทำอะไรแล้ว..ก็ควรจะพยายามมันให้ดีที่สุด..

       มาเฟียหนุ่มสูดหายใจลึก..ฝ่ามือแตะลงบนลูกบิดประตู เขายิ้ม...ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจและภาคภูมิที่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ตัวเอง สามารถ..เติบโตขึ้น ลุกขึ้นยืนและกลับไปเป็นคนเดิมที่ไม่เหมือนเดิมได้อย่างเต็มภาคภูมิ..

       นัยน์ตาที่แดงก่ำด้วยหยาดน้ำตาและความอึดอัดตลอดหลายวันที่ผ่านถูกปาดเช็ดอีกครา...เช็ดมันออกด้วยตัวเองและด้วยความมั่นใจ โล่งใจอย่างที่สุด..


  แกร๊ก...


       เสียงปลอดล็อคดังขึ้นเบาๆผสานกับเสียงทะเลาะวิวาทของคนสองคนในห้องนั้น คาวัลโลมองแสงจากหลอดไฟที่ลอดออกมาภายนอกห้องด้วยแววตาขบขัน..มองมันแล้วเขานึกถึงคำกล่าวของคนๆหนึ่งในยามที่นึกสิ้นหวัง..ในยามที่โลกของเขากลายเป็นสีเทา..และความรู้สึกอุ่นวาบที่เกิดขึ้นนั่นเองทำให้มาเฟียหนุ่มหันไปมองหน้าคนๆนั้นอีกครา..

       ดวงตาสีดำคู่นั้นจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว..แม้ห่างไกล ทว่ามันยังฉาบฉายด้วยความอบอุ่นและความรักใคร่เช่นที่เคยเป็น ริมฝีปากของคาวัลโลกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขานิ่งสบแววตาคู่นั้นก่อนจะผลักบานประตูเบื้องหน้าให้เปิดออกและก้าวเข้าไปด้านใน...
     



       ชีคหนุ่มมองตามแผ่นหลังที่หายลับเข้าไปในห้องนั้น นัยน์ตาสีนิลหรุบลงอีกคราพร้อมกับถอนใจด้วยรอยยิ้ม..ยิ้มให้กับใบหน้าที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความสุข...ยิ้ม...ให้กับเจ้าไฮยีน่าตัวแสบของเขา...

...ชั่วขณะหนึ่งคิดถึงคาวัลโล วาลกัสในยามที่ได้พบกันในครั้งแรก..

...คนที่ไม่ยอมแพ้ใคร คนที่ไม่ยอมพ่ายแพ้โชคชะตาหรือกระทั่งคำสั่งประหาร..

..ดวงตาของคนที่จะคว้าทุกสิ่งมาในมือ..

      อัลชาอ์หมุนกายเดินกลับห้อง...ทอดถอนใจด้วยสีหน้าลอยเหม่อ..ไม่รู้จะยิ้ม...ยิ้มหรือโศกเศร้าดี..

...ไม่ว่าอย่างไร คาวัลโล วาลกัสก็ยังร้ายกาจอยู่วันยังค่ำ..

..แม้จะร้องไห้เสียใจเมื่อถูกตัดรอน..แม้จะออกปากลาทำร้ายจิตใจกันถึงขนาดไหน...ทว่า...เพียงไม่ถึงชั่ววันเจ้าตัวก็หันมาประกาศก้อง ท้าทายและหลอกล่อ..ให้เขามีความหวัง..

    ไม่เอ่ยให้คอยหรือให้รอ แต่แอบหว่านเมล็ดพันธ์ของความหวังเล็กๆไว้ในใจด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ..

      ....อัลชาอ์ถอนหายใจอีกครา..เดินเข้ามานั่งในห้อง สบตาสองพี่น้องเซฮามัคที่จ้องมองมาที่เขาอย่างเคร่งขรึม ก่อนดวงตาจะตวัดไปจ้องมองสร้อยกางเขนของอีกฝ่ายที่ยังคงถูกเก็บไว้อย่างดีบนโต๊ะของตนพลางคิดถึงเจ้าตัว..

     ไม่เคยยอมใครมากขนาดนี้ ไม่เคยรักใครมากขนาดนี้ ไม่เคย...ต้องเจ็บปวดเพราะใครมามากมายขนาดนี้..

 ...และ..ไม่เคยเป็นสุขเพราะใครมากมายขนาดนี้เช่นเดียวกัน...


...เป้นราชสีห์มาตลอดชีวิต กลับกลายมาเป็นลูกหมาตัวเล็กๆทันทีที่สบตากับใครเข้า..

คำนี้ๆ มันคงหมายถึงตัวเขาจริงๆ..


      ชีคหนุ่มถอนหายใจช้าๆแม้ความปวดหนับที่เกาะกินจิตใจอยู่จะยังไม่จางหาย..ทว่า..รอยยิ้มขอบใจและคำมั่นที่เป้นดั่งแสงสว่างที่สาดเข้ามาในหัวใจทำให้ความรู้สึกหนักอึ้งค่อยคลายลง..ทั้งขบขัน ที่เจ้าตัวยังคงหาทางออกแม้ในยามที่มองอะไรไม่เห็น..ยังคงเป็นเจ้าตัวร้ายของเขาเช่นที่เคยเป็น

      อย่างไรก็จะคว้าทุกสิ่งที่ต้องการและต้องได้มา...วิธีนี้..ความคิดแบบนี้...มันก็เหมาะสมกับคนแบบคาวัลโลที่สุดแล้ว

      แล้วเขาจะคอยดู...ว่าเกมส์ที่เริ่มใหม่นี้..จะดำเนินไปเช่นใด

       ทว่าก็มีสิ่งหนึ่งที่อัลชาอ์แน่ใจ ..เกมส์นี้ต่อให้จะเริ่มใหม่ แต่หัวใจของเขาก็ยังรักคนๆเดิม..

    ชีคหนุ่มค่อยสูดหายใจลึก ประสานมือลงบนตักเก็บพับเรื่องราวความรักของตนเอาไว้เช่นเดียวกับสร้อยกางเขนที่ถูกโยนใส่ลิ้นชัก..จ้องมองใบหน้าของสองพี่น้องรามิลกับราเซยืด้วยแววตาเคร่งขรึม..ยามที่คนของตนต้องพบเจอกับอันตราย เรื่องเหล่านี้ก็ต้องถูกเก็บไว้ในใจ..

...ในภาวะคับขัน..ความอ่อนแอ จะแสดงออกมาไม่ได้

     พยักหน้ารับสองพี่น้องเซฮามัคที่รอท่าอยู่ก่อนแล้ว รามิลและราเซย์หันมาสบตาเพียงครู่ ก่อนริมฝีปากของพวกเขาจะค่อยเอ่ยรายงานสถานการ์ณปัจจุบันของเมืองหลวงทัสคานีแห่งนี้ออกมาอย่างรวดเร็ว...


     ...และนั่นทำให้อัลชาอ์ได้รู้...มันยังมี"เรื่อง"ให้เขากับเจ้าตัวแสบนั้นทำร่วมกันอีกมากนัก...ก่อนจะจากกันไกล..


...............


   :L2:
     ความจริงตอนนี้ยาวมาก ตัดมาโพสต์ต่ออีกครึ่งนึง อีกครึ่งเป็นของพวกพี่ๆที่ซิซิลี

     เอาจริงๆชอบมากนะที่ตกลงกันแบบนี้ ฮ่าๆ ได้อารมณ์สองคนนี้ตอนเจอกันแรกๆ ดุดเด็ดเผ็ดมันส์หวานปนเค็ม เขียนแล้วรู้สึกสนุกมากๆ คาวี่แบบไฮยีน่ามันเหมาะกว่าแมวเหมียวจริงๆด้วยแหละ > < ส่วนที่ตกลงเริ่ม"เกมส์"กันใหม่นั้น จะเป็นยังไงต่อเราก็มาลองดูกัน  :m1:
   ตอนนี้คุณอาโดนตบเกรียน คุคุคุ :eiei1:
   ความจริงชื่อตอนนี้คือ  Return of the si...../ดาบเลเซอร์ฟาดหัว :m2:
   นัยยะของชื่อตอนนี้คือคาวัลโลชำระแค้น :laugh: :laugh: :laugh:
 ปล.ตอน 41.2 พรุ่งนี้มาค่า
ของแถม...ตอนนี้อ่านจบแล้วฟังเพลงนี้ดู ได้อารมณ์มากๆ
   
 http://www.youtube.com/watch?v=lrVIhwyM2HM&feature=BFa&list=AVGxdCwVVULXewrtwdiunJtobaBSQuvlKl&lf=list_related (http://www.youtube.com/watch?v=lrVIhwyM2HM&feature=BFa&list=AVGxdCwVVULXewrtwdiunJtobaBSQuvlKl&lf=list_related)


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 07-09-2011 01:09:08
แปะอีกหน่อย..
 
     วังของอัล

    (http://i1120.photobucket.com/albums/l491/silenceserin/abu-dhabi-city-hotel-luxury-09_29497_600x450.jpg)
   
      (ต้นแบบมาจากพระราชวังในอาบูดาบี)
   
 ห้องนอนท่านชีค (ถึงสีจะแรงไปแต่ดีไซน์ดีเลยให้อภัย55+) ของจริงไม่ใช่สีม่วงนะ !

(http://i1120.photobucket.com/albums/l491/silenceserin/1266391627.jpg)

แฝดดดดด :o8:
 
(http://i1120.photobucket.com/albums/l491/silenceserin/secondsapart.jpg)

    รุปนี้ชอบมาก ก ก ก ก ก ก

     อิมเมจรุปฝาเเฝดที่นอนจ้องตากันในความฝันของอเล้กซิส ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปนี้เลย แบบว่าถูกใจจริงๆ

     เครดิท : จากหนัง Apartment of the death ตอน ฝาแฝดจากนรกคะ (รูปแลดูน่ารักแต่เนื้อในอิสองคนนี้เป็นโรคจิตนะ ฮ่าๆ)


       
    (http://i1120.photobucket.com/albums/l491/silenceserin/RIMG0285.jpg)

   สุสานของตระกูลวาลกัส (ความจริงในรูปเป็นสุสานในญี่ปุ่น)

    (http://i1120.photobucket.com/albums/l491/silenceserin/RIMG0282.jpg)

   ต้นเมเปิ้ลที่กล่าวถึงในเรื่อง มุมนี้ดีมากๆ แต่ ในรูปมันไม่ใช่เมเปิ้ลนะ  :laugh:  (เสียดายขาดกุหลาบขาว )

   (http://i1120.photobucket.com/albums/l491/silenceserin/RIMG0337.jpg)

    บ้านตระกูลวาลกัสในซิซิลี ด้านหน้าบ้าน (การตกแต่งสวนและอื่นๆเป็นแบบบ้านก่อนสงครามโลกครั้งที่2)
   
  (http://i1120.photobucket.com/albums/l491/silenceserin/RIMG0222.jpg)

   ในบ้าน (มุมที่อเล็กเซย์คุยกับลุงในตอน38)

     
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 07-09-2011 01:44:26
แมวน้อยคาวี่หายไปได้ไฮยีนาตัวแสบกลับมาแทน แต่ในสถาการณ์นี้ โอเคแหละ อย่างเจ้าอาจอมเกรียนก็ต้องเจอแสบๆ เจ็บๆ แบบนี้แหละมันถึงจะสูสี ฮ่า ฮ่า ฮ่า  :laugh: :laugh: :laugh:

ส่วนบทสรุปกับอัลซาร์แบบนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย อย่างน้อยอัลก็ยังมีหวังต่อปายยยยยยย  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaEwA ที่ 07-09-2011 02:38:51
ซู๊ดดดดดดยอดดดด ไม่ต้องอ่านแค่มาก็ + ให้ละ 555

คิดถึงๆๆๆๆ คาวี่ แบบร้ายๆแบบเนี้ย ชอบๆๆๆๆๆ รู้สึกเหมือนตอนเจอกันแรกๆจิงค่ะ สู้คน ไม่ยอมแพ้ ร้ายแบบนีของแท้เลย

ซะใจอะ อาโดนตบ กร๊ากกก หายไปนาน แต่กลับมาต่อยาวมากๆๆ รู้สึกเหมือนกำลัง ตามหนังแอคชั้นสักเรื่องไรงั้นเลย ก่อนกลับ

อิตาลี่ขอที่รักบู๊มันส์ๆกะชีค หน่อยเถอะค่าาาา

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 07-09-2011 03:01:09
แอบมานะ
เอาครึ่งหลังมาด้วยนะ :m31:

แต่ทางออกแบบนี้ก็โอเคที่สุดแล้ว o13

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Bee_YJ ที่ 07-09-2011 10:11:28
คาวี่สู้ๆ เพื่อทุกคนที่รัก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 07-09-2011 10:22:57
ชอบคาวี่แบบแสบ ๆ แบบนี้มากกว่าเจ้าแมวน้อยอีกนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 07-09-2011 10:40:40
กรี๊ดๆๆๆ อยากวิ่งรอบบ้าน...คาวี่สุดยอดอ่ะได้ใจมากตอนที่เอาปืนโบกคุณอาอ่ะ :laugh:

ชอบมากถึงแม้นู๋คาวี่จะไม่ได้บอกรักอัลชาโดยตรง แต่ "คุณเป็นของผม" คำเดี่ยวอ่านเสร็จเรายังหุบยิ้มไม่ลงเลย

ดีใจกับอัลชาด้วย  :o8: หวังว่านู๋จะทำได้ตามคำพูดเน้อคาวี่

รอตอนต่อไปค่ะ ไม่ได้ขู่บังขับแต่...รีบเอาตอนต่อไปมาเร็วๆนะไม่งั้น... o18 ไม่ได้ขู่จริงๆนะ

รักคนเขียนมากค่า  :กอด1: 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 07-09-2011 11:09:50
 :impress2:คาวี่น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


คาวี่ อัชชาล สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 07-09-2011 12:20:57
ตอนนี้เหมือนเราเห็นแสงสว่างและทางรอดของชีวิตคู่คาวี่และอัลชาไงงั้นเลย

 :laugh:  :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: crosa ที่ 07-09-2011 13:33:40
คาวี่กลับมาเป็นราชินีแว้ววววววว
อย่างนี้สิถึงจะมันส์ของแท้
โหมดเศร้าๆไม่เข้ากับนู๋คาวี่หรอก
เอาใจช่วยคาวี่กับอัลชาเต็มที่คะ
เกมส์นี้อยู่ที่ว่าใครมีลูกเล่นมากกว่ากันสินะ อิอิ
รอตอนต่อไปคะ....^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 07-09-2011 18:28:11
ดีจริงๆที่เรื่องราวมันออกมาเป็นแบบนี้
ถ้าขืนยังปวดตับไปอีกเรื่อยๆ คนอ่านคงได้ปวดมากกว่าตับแน่ๆ
ไม่เห็นคาวี่โหมดนี้ตั้งนาน คิดถึงโหมดนี้มาก ชอบๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 07-09-2011 19:01:43
ตอนนี้ให้อารมณ์ที่แตกต่างจริงๆ ถึงจะนิสัยร้ายๆกลับมา
เมื่อครั้งนั้นนิสัยร้ายๆมาพร้อมกับความเศร้าของอัลชา
แต่ครั้งนี้ร้ายมาพร้อมกับหวงของ แล้วอัลชายังไม่ได้เศร้าเสียเต็มประดาด้วย
ชอบอ่ะ ชอบๆๆๆ คาวี่มันต้องร้ายยย
จริงๆแล้วคนที่อัลชาถูกใจก็คือคาวี่คนนี้สินะ ^^

ตอนนี้มันยาวมากจริงด้วย นี่ขนาดจุดหนึ่งนะเนี่ย

ปล.รูปแฝดจ้องตา  อร๊างงง มากค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 07-09-2011 19:30:35
มันต้องอย่างนี้สิ วู้ววว รีบกลับไปเลยสิ รีบกลับๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 07-09-2011 19:41:27
คาวี่ร้ายกาจ >,<
ท่านชีคน่ารักไม่ไหวจะเคลียร์ 55
แล้วสะใจมากที่คุณอาโดนโบก กร๊ากก
รอ 41.2 ค่า ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: KaZuKi ที่ 07-09-2011 20:26:18
อ๊ากก คาวี่ ลูกเลิศอ่ะ แรงได้อีกกก!!!!
คาวี่คนเดิมกลับมาแล้ว อ้ายย คิดว่าจะเป็นแมวน้อยไปตลอด แต่ยังไงก็กลัวคืนสู่นิสัยเดิมไม่ได้
เรื่องราวกำลังไปในทางที่ดีแล้วใช่มั้ยค่ะ แล้วทางฝั่งเซย์จะเป็นไงบ้างน้า รอตอนหน้าอย่างจดจ่อค่ะ ^_^
สู้ๆนะค่ะ เป็นกำัลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 07-09-2011 21:01:22
คาวี่เท่ห์มากมาย ตอนใช้ปืนตบคุณอา 55555555555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 07-09-2011 21:27:28
เย้  คาวี่เยี่ยมที่สุด
เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ก็เอามันทั้งสองอย่างนั้นแหละเริศมาก o13
อ่านตอนนี้แล้วยิ้มออกเลยทีเดียว
ปล.เห็นภาพวังท่านซึคแล้วอยากไปเป็นยามอยู่หน้าวังจัง :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 07-09-2011 21:58:43
โอยยิ่งอ่านยิ่งดุเดือดเป็นที่สุด
ชอบคาวีของเราในลุคนี้อะ
ดูดีแบบร้ายๆเหมาะที่จะเป็นพระชายาของท่านชีคเป็นที่สุด
แถมตอนที่หึงหวงดูน่ารักดีนะแทนที่จะดูโหด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: แมวอัดกระป๋อง ที่ 07-09-2011 23:03:19
ให้มันได้อย่างงี้จิ ถูกใจ ไม่เลือก จะเอาหมดเลยก๊ากกกกกกกกก  o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 07-09-2011 23:55:36
ตัวแสบกลับมาแล้ว คาวัลโลคนเดิมว่าร้ายแล้ว

แต่คาวัลโลคนนี้  ดูเหมือนจะร้ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ ...

สงสัยเพราะเพิ่มพิษรักแรงหึงเข้ามาอีก...มันเลยยิ่งร้ายทวีคูณนะเออ 5555555+

ปล. รูปสวยมากๆเลยตัวเธอ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: jobisuka ที่ 08-09-2011 20:50:48
เป็นอะไรที่.... ลงตัวมากอะ สำหรับคำตอบ

เริ่มนับท 1 จนถึง 100 ไปด้วยกัน แม้จะอยู่คนละซีกโลก เอร๊ยยยส์ โรแมนติก

สู้ๆ นะคะ คาวี่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 08-09-2011 22:13:30
ขอกรี๊ดดังๆ กับรูปแฝด หน้าตาโดนมากๆ ค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 08-09-2011 22:24:35
โหยย รักคาวี่โหมดนี้ที่สุดด :กอด1:
แบบแมวน้อยเด็กไปป ต้องไฮยีน่านี่แหละ :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 09-09-2011 00:13:34
กลับมาเป็นคาวี่คนเดิมแบบ มาเฟีย  แล้วร้ายกาจกว่าเก่า

และทำให้คู่นี้มีสีสันเยอะเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 09-09-2011 01:50:40
Line 41.2 : Return of the hgena [2]

 ..........


       ปัง!!!


   ท่ามกลางดงปืนและกลุ่มผู้คนที่พูดคุยกันอย่างเคร่งเครียด ภาพของเฟรเดริโก้ วาลกัส ยกกระบอกปืนขึ้นมาถือในมือและเล็งออกไปเป็นดั่งในวินาทีดับจิต ทว่าก่อนที่ปืนกระบอกนั้นจะถูกลั่นไก เสียงปืนที่ดังมาจากอีกฝั่งของทางเดิน กระสุนที่วิ่งลงเจาะบนพื้นหินพร้อมเสียงอันดังนั้นทำให้ทุกคนชะงัก  พร้อมใจกันหันขวับไปมองที่มาของมันอย่างสนเท่ห์ ..

     ภาพที่ปรากฏยังบริเวณทางเดินข้างตัวคฤหาสถ์นั้นดูราวกับภาพฝันอันเลือนรางและไม่มีวันเป็นจริง แสงจันทร์สีเงินอาบไล้ใบหน้าและเรือนกายของชายหนุ่มผู้ที่นั่งอยู่บนรถเข็นอย่างอ่อนโยน ผิวขาวจัดและใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดนั้นยิ่งทำให้คนๆนั้นราวกับไม่ใช่มนุษย์..เหมือนกับว่า....เขาเป็นความฝันของใครบางคนที่เดินออกมาเพื่อปลอบประโลมจิตใจที่ปวดร้าวและเหนื่อยล้าเท่านั้น..

....เพราะ...อเล็กซิสนั้นแทบจะไร้ความหวังอยู่แล้ว...

      ดวงตาสีท้องฟ้า..เส้นผมสีทองอร่าม ใบหน้าแสนจะเคยคุ้น และ...รอยยิ้มอันสั่นไหวทั้งยินดีและเเสนเศร้าแบบนั้นใครจะลืมเลือนมันได้เล่า..กระทั่งน้ำเสียงที่เอ่ยเรียกชื่อของเขาแผ่วเบา..จะลืมมันไปได้หรือ...

          ริมฝีปากแห้งผากของอเล็กซิสค่อยขยับอย่างชื่องช้าด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ...แววตาอันเบิกกว้างตะลึงงันและไม่อาจคาดฝัน ชายหน่มรู้สึกถึงความร้อนที่พวยพุ่งออกมาจากในหัวอกและลามมายังทั่วร่างกาย เป็นดั่งความอบอุ่นที่คอยชโลมไล้หัวใจให้ค่อยกลับมามีชีวิตอีกครา..

   ..ขอบตาของเขาร้อนผ่าว..ริมฝีปากสั่นระริกไหว..ยามเอ่ยเรียกชื่อนั้น..ชื่อ...ที่คิดว่าคงไม่มีใครเอ่ยรับคำขานอีกแล้ว...

       " อเล็กเซย์...." หัวใจเจ็บแปลบ..ปวดปลาบด้วยความยินดีกึ่งงวยงงและไม่คาดฝัน น้ำอุ่นๆคลั่งคลอนัยน์ตาแทบจะรินไหลออกมาด้วยความยินดีที่สุมอก อเล็กซิส มีสีหน้าราวกับจะหัวเราะทั้งน้ำตาก็ไม่ปาน เขาเพียรกล้ำกลืนเสียงร่ำไห้ด้วยความยินดีของตนและรั้งฝีเท้าที่จะก้าวไปหาคนรักอย่างยากเย็น..

        "...อเล็กซิส..." อเล็กเซย์ จอร์จิโอนี่ วาลกัส จ้องมองร่างแฝดพี่ผู้เป็นคนรักเขม็ง ริมฝีปากของเขาพึมพัมเสียงแผ่วเบา ลำคอแห้งผากและดวงตาแสบร้อนด้วยความยินดีที่ได้พานพบกันอีกครา อเล็กเซย์จ้องมองใบหน้าของคนรัก มองสบดวงตาสีเดียวกันที่ส่งความรู้สึกอันรุนแรงหากเป็นหนึ่งเดียวมาให้แม้ตัวจะไกลห่างเพียงใด ...ความรู้สึกรักใคร่ โหยหา เฝ้าคอยและทรมารตลอดเวลาที่ไกลห่างอวลไออยู่ในหัวอก... คิดถึง...ความคิดถึงมันล้นปรี่ออกมาอย่างรุนแรงเสียจนแทบทนไม่ไหว..อยากจะเดินไปหา อยากจะกอดไว้แน่นๆ อยากจะสบตา อยากจะฟังคำพูดที่บอกว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป...

      ฝ่ามือกระตุกไหว ร่างกายปราถนาจะโผเข้าหาและโอบกอดรักใคร่ใกล้ชิด ทว่าแรงดึงที่แขนนั้นทำให้อเล็กเซย์เม้มปากแน่น..

       ..ร่างกายที่ยังคงเจ็บป่วยเคลื่อนไหวไม่ได้ดั่งใจ และมือทั้งสองข้างที่ถูกพันธนาการกับที่เท้าแขนนั้นทำให้ไม่อาจขยับได้อย่างที่ควรเป็น...

...และ... มันทำให้เขาตระหนักนึกได้...ว่าเรื่องราวทั้งหมด..ยังไม่ได้จบลง...

         " ......พี่........." คาร์โลยืนนิ่ง เขาทำได้เพียงพึมพัมเสียงแผ่ว จ้องมองใบหน้าของพี่ชายไม่กระพริบ...

..รู้สึก...ราวกับความฝัน..

           ความรู้สึกปวดร้าวและสูญเสียอย่างรุนแรงในยามที่รู้ข่าว จิตใจที่เครียดขึงอ่อนไหว รู้สึกราวกับกำลังตกขุมนรก แตกต่างกับความโล่งใจที่พบว่าพี่ชายยังมีชีวิตอยู่มากพียงใด ...ก็ชัดเจนในวันนี้

 ...ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะได้พี่ชายที่รักกลับคืนมา...ไม่น่าเชื่อ...ไม่น่าเชื่อว่าคุณลุงยังปราณีพวกเขา..

      ใจประหวัดคิดถึงผู้เป็นลุงด้วยโทสะและความเคืองขุ่นในใจแทบจะเลือนหาย คาร์โลหวังว่าเขาจะหันไปพบรอยยิ้มบาง สีหน้าเจ้าเล่ห์หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะเป็นการตอบรับการปรากฏตัวของพี่ชาย ของเพียงพี่อเล็กเซย์ของเขายังมีชีวิตอยู่ เขาพร้อมจะเชื่อเสมอว่าที่ลุงทำไปมันเป็นแค่การเล่นตลกแบบรุนแรง การสั่งสอน ลงโทษหรืออะไรก็ได้..เขาจะไม่เอาเรื่อง จะไม่ทำอันตรายอะไร จะขอบใจ..ขอบใจ...และขอบใจ..ยังคงมอบพี่ชายที่รักคืนกลับมา..

  ขอบคุณ...ที่ไม่ได้ทำร้ายใคร..ขอบคุณ. ที่ไม่พรากพี่ชายและน้องชายที่รักไป ..

..และขอบคุณ..ที่พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่อย่างครบพร้อม แม้จะเป็นสภาพใดก็ตามที..

    ทว่า....แววตาเคืองโกรธที่ถลึงมองร่างของอเล็กเซย์อย่างตกตะลึงนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่คาร์โลอยากจะเจอเลยจริงๆ..


        "...อเล็กเซย์ ...ฉันจะ...."

        " แกทำอะไรลงไป !!! " เสียงตวาดลั่นของโฟรเดริโก้ทำให้อเล็กซิสหันขวับ เขามองใบหน้าของผู้เป็นคุณลุงอย่างนึกกังขา ฝ่ายนั้นยังคงเล็งปืนมาที่พวกเขา สีหน้าโกรธเเค้น เคืองใจมากขึ้นพร้อมทั้งนัยน์ตาคู่นั้นหันไปมองชายที่อยู่เบื้องหลังอเล็กเซย์..


....ชายหนุ่มสวมแว่นกรอบหนา..เส้นผมสีดำสนิท ผู้อยู่ในชุดเสื้อขาวกางเกางสีดำเรียบๆ และกำลังถือปืนอยู่ในมือ...

...หรือ...เจ้าของเสียงปืนเมื่อครู่...จะเป็นผู้ชายคนนี้..


         "ใคร? " คาร์โลกระซิบถาม...พี่ชายของเขานิ่งไปราวกับครุ่นคิด ก่อนจะตอบเบาๆ

         " อัลเบอร์โต้ เอสโตนีเย่ห์...หมอประจำตัวของคุณลุง"

      ถ้อยคำนั้นทำให้คนฟังเลิกคิ้วขึ้นช้าๆและจ้องมองชายคนนั้นอย่างครุ่นคิดอีกครา

..หรือ....จะมาขอให้พวกเขาไว้ชีวิตเฟรเดริโก้กัน?


       "...ไอ้คนทรยศ! ขนาดแกก็ยังทรยศฉัน !!! " ทั้งที่สถานการณ์น่าจะดีขึ้น..แต่สิ่งที่เฟรเดริโก้พูดและแสดงออกด้วยอาการคั่งแค้นกลับยิ่งทำให้คนฟังเกิความงวยงงและส่งผลให้สถานการณ์ย่ำแย่กว่าเดิมไปอีกโข อเล็กซิสหันมามองหน้าคนพูดที่เขวี้ยงปืนลงบนพื้นแล้วสถบอย่างรุนแรง พร้อมกับชี้หน้า...ชายคนที่ยืนอยู่กับอเล็กเซย์...

...และ...ทันทีที่ปืนจ่อลงบนขมับของคนรัก...อเล็กซิสก็เข้าใจทุกอย่างโดยสมบูรณ์..

...ที่แท้...ลุงไม่ได้ไว้ชีวิตอเล็กเซย์เพราะรัก..แต่เพราะ...อยากต่อรอง....งั้นหรือ?

    ริมฝีปากของอเล็กซิสบิดขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะหยัน...สมเพช...สมเพชความคิดตัวเองสิ้นดี


        "....ขออภัยด้วยครับท่านเฟรเดริโก้..... "อัลเบอร์โต้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองเฟรเดริโก้ที่มีท่าทีกราดเกรี้ยว ก่อนจะค่อยหันกลับมาสบตาอเล็กซิส..ด้วยแววตาเย็นยะเยียบ " ผม..คงไม่อาจทำตามแผนที่ท่านวางไว้......"


   ..กริ๊ก...


         " ชีวิตมันก็ต้องแลกด้วยชีวิตเลือดก็ต้องล้างด้วยเลือดใช่ไหมครับ..คุณชายอเล็กซิส...."

        " นี่แก....."  ทันทีที่กระบอกปืนจ่อลงบนขมับคนรัก อเล็กซิสก็ตัวเย็นวาบ เขามองหน้าฝาแฝดที่เม้มปากแน่นพร้อมกับส่ายหัวอย่างอับจนปัญญา ก่อนจะมองไปยังแขนทั้งคู่ที่ถูกมัดติดไว้กับพนัก..

        "...ฉันไม่ได้สั่งให้แกทำแบบนั้น!! ..แกกล้าดียังไงมาขัดคำสั่งฉัน !! " เฟรเดริโก้โวยวายอย่างไม่พอใจ คาร์โลหันขวับไปมองลุงของตนเขาเบิกตากว้างเหมือนคิดอะไรได้  ร่างสูงโปร่งรีบถลาไปหาผู้เป็นลุง ก้าวเท้าประจัญหน้าชายวัยกลางคนผู้มีท่าทีตกตะลึงและไม่พอใจกับสถานการณ์ดังกล่าว เมื่อรู้ว่าตนคิดจะทำเช่นไร เฟรเดริโก้ วาสกัส ก็ยกกระบอกปืนในมือเหวี่ยงมาทางเขา แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว เพราะคาร์โลอาศัยความว่องไวคล่องตัวกว่าคว้าแขนผู้เป็นลุงไว้ ฝ่ามือจับกระชับท่อนแขนและล็อคร่างของเฟรเดริโก้ไว้ และพันธนาการไม่ให้ขยับไปไหน..

    ...ดวงตาของคาร์โลวาววับยามจ้องมองสบตาชายที่ตนทราบว่าเป้นหมอประจำตัวของลุงเขม็ง จ้องมองมันแล้วใคร่ครวญเงียบๆ...เขากำแขนผู้เป็นลุงที่ยังคงคำรามเสียงดังแน่นขึ้น...รวบแขนทั้งสองข้างไว้ กระชับมือแน่น และรุนหลังเฟรเดริโก้ให้ก้าวเข้ามาประจัญหน้าอเล็กเซย์และชายผู้นั้น ก่อนที่เขาตวัดสายตาไปอเล็กซิสอย่างรู้เท่าทัน..

 ...ผู้ชายคนนี้ต้องจงรักภักดีกับลุงของเขาอย่างสุดแสนเป็นแน่ จึงได้รับความไว้วางใจเช่นนี้..

...และที่มันทำแบบนี้ ก็คงเพื่อแลก"ชีวิต"ของนายตนอย่างไม่ต้องสงสัย

...เมื่ออีกฝ่ายคิดจะเอาอเล็กเซย์ต่อรอง พวกเขาก็จะเอาชีวิตของเฟรเดริโก้ต่อรองเช่นกัน...


 ทว่า..


       " อย่าทำแบบนั้น คาร์โล..." น้ำเสียงของพี่ชาย...นิ่ง....เรียบ..ทว่าแฝงอำนาจเด่นชัด เป็นคำสั่งที่คาร์โลนึกขัดใจเป็นที่สุด..

       "...แต่..."

        "  ปล่อย...อย่าเสียมารยาท . "น้ำเสียงตัดบทของพี่ชายราบเรียบ ราวกับไม่ปรากฏความรู้สึก..ใบหน้าเคร่งเขม็งและริมฝีปากเม้มเข้าหากันราวกับสะกดกลั้นอารมณ์ทั้งหลายไว้ อเล็กซิสเดินเข้ามาใกล้ แตะแขนนน้องชายที่จับร่างของบอสมาเฟียแห่งตระกูลวาลกัสไว้ เขาแตะบิดให้ฝ่ามือของน้องชายหลุดออก โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันจะร้องห้าม

         "...ผม....ขอโทษสำหรับทุกอย่าง..." ไม่ทันที่จะทักท้วง ริมฝีปากที่อ้าออกพลันกลืนคำพูดทั้งหลายลงไปในลำคอด้วยความตกตะลึงเมื่อพี่ชายค่อยทรุดตัวลง...ก้มหน้ามองพื้นซีเมนต์ด้วยความเคารพอย่างที่สุดต่อหน้าชายผู้บ้าคลั่งเช่นบอสของวาลกัส ก้มหัวลง...และเอ่ยปากขอโทษท่ามกลางความเงียบและสีหน้าตกตะลึงของทุกคน..

        "...ขอโทษที่ผมทำให้คุณลุงเสียลูกชายไป ขอโทษที่เราไม่ได้สนใจคุณ...ขอโทษ...ที่ผมใช้วิธีที่หยาบช้ามาทำให้คุณเสียใจ..." นัยน์ตาสีฟ้าสดปิดพับลงช้าๆ ก่อนคนพูดจะค่อยยันกายลุกขึ้น จ้องมองสบดวงตาของเฟรเดริโกที่นิ่งไปด้วยความตะลึงงันเช่นกัน

       " ความเสียใจที่สูญเสียคนสำคัญ เป็นเช่นไร ผมเข้าใจดี เพราะ...ผมก็เคยเป็นแบบนั้นมาแล้ว... " นัยน์ตาคู่นั้นเหลือบแลไปยังร่างของคนรักก่อนจะหลับตาลง และหันมามองหน้าคนฟังอีกครา..

        "...ที่คุณลุงไว้ชีวิตอเล็กเซย์..จะขอบคุณยังไงก็ไม่พอ..สำหรับผมแล้ว..ไม่มีอะไรที่คุณลุงขอไม่ได้..เพราะฉะนั้น...ถ้าคุณลุงต้องการอะไร..ก็บอกผมเถอะ...ขอแค่คุณลุงปล่อยอเล็กเซย์ไป...ขอแค่นั้นก็พอ..."

    ...ไม่ว่าจะอยากได้ชีวิต ไม่ว่าจะอยากฆ่าหรือทรมารก็จงทำตามใจ..

     ขอเพียง ..จงปลดปล่อยคนที่เขารักมากที่สุดจากพันธนาการนั้นด้วยเถิด

        "..พี่พูดอะไร? แล้วจะ...เฮ้ !! " คาร์โลร้องโวยลั่น  เขาก้าวเข้าไปเพื่อจับตัวผู้เป็นลุงอีกครั้ง และเป็นฝ่ายขึงตาใส่พี่ชายเมื่ออีกฝ่ายกระชากแขนของเขาออกจากร่างของเฟรเดริโก้อย่างไม่พอใจ แต่ท่าทีของอเล็กซิสยังคงนิ่ง...ดูครุ่นคิดและตัดสินใจบางอย่างอยู่อย่างหนัก...



           "...คุณก็ดูจะเข้าใจสถานการณ์ดีนี่..." อัลเบอร์โต้ค่อยแสยะยิ้มพึงใจ..พยักหน้ารับ

           "....แก...."คาร์โลคำรามในลำคออย่างไม่พอใจ เขากระชากเสียงลั่น " กวาดตาดูรอบๆซะบ้าง แกคิดเหรอว่าทำแบบนี้แล้วจะรอด !! " เขาเอ่ยเพื่อให้อีกฝ่ายนึกประหวั่นว่าพวกเขาที่มีพรรคพวกมากกว่า มีกลุ่มลูกน้องที่พร้อมลั่นกระสุนใส่มันทุกเมื่อ หากทำอะไรไปแล้วใช่ว่าจะรอดพ้น..

         " หึ...ก็ลองดูสิครับ..ถ้าคุณอยากเห็น....." ปลายกระบอกปืนจ้ำลงบนขมับอเล็กเซย์แรงขึ้น...ทำเอาคาร์โลใจหายวาบ " พี่ชายตัวเองตายไปต่อหน้าต่อตา "

             เอ่ย...แล้วหันไปมองชายผู้ที่ถือเป็นหัวหน้า คอยควบคุมและออกคำสั่ง จ้องมองด้วยความอยากรู้ว่าอเล็กซิส วาลกัส คุณชายที่ถุกเล่าลือว่าเก่งกาจนักหนาจะทำอย่างไร...ทว่าชายคนนั้นไม่แม้แต่จะหันมาสนใจเขา เจ้าตัวยังคงจ้องมองสบตาผู้เป็นบอส..เฟรเดริโก้ วาลกัสคนนั้นเขม็ง..   

        " แก....." เฟรเดริโก้จองมองใบหน้าของอเล็กซิส...หลานชาย...ชายหนุ่มที่เขาเพิ่งออกปากด่าว่าชิงชังมัน คนที่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ลูกชายของเขาตาย คนที่เขาเกลียดมันนักหนา  เมื่อมันคุกเข่าลงตรงหน้า..เอ่ยปากขอโทษ วอนเว้า..ทั้งยอมปล่อยไปและยังมอบอาวุธกลับคืนเขาก็ควรจะดีใจและลั่นกระสุนทะลุหัวใจมันอย่างที่ต้องการซะ ทว่า....ยามที่ร่างนั้นก้มหน้าลงคุกเข่าขอโทษ ยามที่ดวงตาอันสั่นไหวรวดร้าวนั้นมองสบ นัยน์ตาสีฟ้าที่สั่นระริก ฉายความปวดร้าวทุกข์ระทมนั้นกลับทำให้ร่างทั้งร่างนิ่งงัน...

         นัยน์ตาที่แสนคุ้น..แววตาที่บ่งบอกถึงความปวดร้าว ผ่านการสูญเสีย หัวใจที่แตกสลายไม่แพ้กัน..

         ดวงตาของเฟรเดริโก้หันไปมองร่างของหลานชายอีกคนที่นั่งนิ่งในรถเข็น มองสบแววตาของเจ้าตัวที่มองมา...สีฟ้าสดใสนั้นทรมารและรวดร้าวไม่ต่างจากที่เขาเห็น...

    ทำไมเล่า..ทั้งที่พวกมันได้ทุกอย่างมาในมือ ทั้งที่จริงแล้วก็ไม่มีใครตายไปด้วยซ้ำ ทำไม...ทำไมถึงต้องมีสีหน้าเจ็บปวดขนาดนั้น...

          "ความจริง...คุณไม่ได้อยากจะฆ่าพวกเราเสียหน่อย..." อเล็กเซย์เอ่ยเบาๆ จ้องหน้าผู้เป็นลุง เขาออกปากพูดด้วยน้ำเสียงสั่นไหว "...คุณลุง...ผมขอร้องล่ะนะ..."

          "หุบปาก !! " เฟรเดริโก้ตวาดลั่น สีหน้าอัดอั้นตันใจ " เงียบไปเลย อย่างพวกแกจะรู้อะไร !! "

          " ...อยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าอเล็กซิสจะทำยังไง คุณลุงพนันกับผมไม่ใช่เหรอ? วางเดิมพันแล้วว่าถ้าอเล้กซิสไม่ทำอะไรลุง...ลุงก็จะไม่ก่อเรื่องแบบนี้...แล้วทำไม..." ฟังบทสนทนาของ"ครอบครัว"แล้วอยากจะร้องไห้นัก..อเล็กเซย์จ้องมองใบหน้าของผู้เป็นลุงแล้วเอ่ยปากถาม เขายังจำได้ดีถึงประโยค์คำพูดของเฟรเดริโก้ในครานั้น...

       ..เอ่ยปากว่าอยากรู้...อยากพนันว่าความแค้นเคือง ความเจ็บปวดโศกเศร้าจากการสูญเสียคนสำคัญนั้น หากแปรเป็นความแค้น จะสามารถละวางมันได้หรือไม่?

         ..บอกว่าหากอเล็กซิสไม่ทำร้าย บอกว่าหากพี่ชายของเขาไม่ได้คั่งแค้นฆ่าฟันตน จึงจะยอมรับอย่างไรเล่า..

        เอ่ยปาก ว่าอยากรู้ว่าที่สุดความแค้นมันได้อะไรไม่ใช่เหรอ..แล้วทำไมถึงได้..

          อเล็กเซย์จ้องมองร่างของเฟรเดริโก้ วาลกัส  อเล็กซิสคนรัก คาร์เนโร่น้องชายและบรรดาลูกน้องในแกงค์ที่ถือปืนเตรียมเล็งด้วยสีหน้าหมายมั่น ดวงตาของเขาสั่นไหว หัวใจเจ็บปวดระทดระท้อร้องคร่ำครวญออกมาอย่างอัดอั้น

       ทั้งที่เราคือ"วาลกัส"ด้วยกันทั้งนั้นแล้วจะมาทำเลาะกันเพื่ออะไร...ทำไม....ทำไมพวกเราถึงได้น่าสมเพชนัก..


        " แล้วที่ทำมานี่มันอะไร แกไม่คิดจะฆ่าฉันรึไง ถึงได้เข้ามาที่นี่ ใช้วิธีสกปรกสารพัด !!! " เฟรเดริโก้ประกาศกร้าว นัยน์ตาวาววับจ้องมองหลานชายอย่างไม่ยอมแพ้ " แล้วพวกแก...ยังจะมีหน้ามาทวงหาความยุติธรรมจากฉัน ! "

        "...อะไรนะ? ตัวคุณล่ะไม่ได้ทำมันหรือไง ทั้งเล่นกลโกงสารพัด....!!" คาร์โลสวนกลับด้วยดวงตาวาววับ หากเขาก็ต้องชะงักกับฝ่ามือของพี่ชายที่ยกขึ้นมากันเงียบๆ


         " ผมยอมรับ..." อเล็กซิสพ่นลมหายใจลงช้าๆ...จ้องมองใบหน้าผู้เป็นลุงผ่านแสงจันทร์ที่ทอดลงมากระทบใบหน้า..ชั่วขณะหนึ่งนัยน์ตาสีฟ้าสดหรี่ลงเล็ดน้อย...สายตากวาดมองนับแต่ร่างของน้องชาย...คนรักที่นั่งบนรถเข็น...ปืนที่จ่ออยู่บนขมับของฝ่ายนั้น ใบหน้าของชายผู้กระทำการ เรื่อยมาจนถึงใบหน้าของผู้เป้นลุง และบรรดาลูกน้องที่ต่างก็เล็งปืนมาอย่างพรักพร้อม...

        ชั่วขณะหนึ่งหัวใจยังคงลุกโชนด้วยความคั่งแค้นและไม่พอใจ...หากแต่กลิ่นหอบของกุหลาบที่ลอยมาตามลม...ความเงียบ และความรู้สึกยามที่ก้าวเท้าเหยียบลงไปยังสุสานของตระกูลชวนให้ระลึก..

            "....ผมมาที่นี่เพราะผมอยากฆ่าคุณ...ผมต้องการฆ่าคุณ..." อเล็กซิสตวัดนัยน์ตาจ้องมองดวงตาของบอสแห่งตระกูลวาลกัสเขม็ง " ผมถึงได้ทำทุกอย่างเพื่อจะกำจัดคุณ วางแผน..หลอกล่อ ทำทุกทางให้คุณออกมาและเตรียมจรดปลายปืนลงบนขมับของคุณเพื่อจบทุกสิ่งทุกอย่าง...."

           "...คุณทำร้ายน้องชายผม...คุณทำร้ายพ่อแม่ผม...คุณ...คนที่ผมรักและเทิดทูนไม่ต่างจากผู้ให้กำเนิด  ...ผมแค้น...ผมโกรธ...ไม่พอใจ...ผมรู้สึกแบบนั้น..มันอึดอัดอัดอั้นอยู่ในอก เจ็บปวดแค่ไหนผมเข้าใจดี..."

       อเล็กซิสพ่นลมหายใจช้าๆ...นัยน์ตามองไปยังแมกไม้และสุสานโดยรอบอีกครั้ง..เขามองหน้าผู้เป็นลุงที่น่งฟังตน..แววตาของเขายังคงกร้าวแข็งเมื่อเอ่ยถึงเรื่องที่ตนไม่พอใจ...ทว่ายามสูดหายใจอีกครา มันจึงค่อยอ่อนแสงลงทีละน้อย..

             "...แต่เมื่อมาที่นี่...ได้ยินอยู่ตรงนี้ มองหลุมศพที่มีร่างของพี่น้องของเรานอนอยู่...มันทำให้ผมนึกสมเพชว่าตัวเองกำลังทำอะไรลงไป...จมจ่อกับความแค้นแล้วมันได้อะไรขึ้นมา พวกเราที่อยู่ตรงนี้คือคนของวาลกัส...ตระกูลวาลกัสที่ยิ่งใหญ่....หึ....ยิ่งใหญ่นักหนา..แต่เรากลับมาทำแบบนี้...มีแต่คนคอยสมเพช คอยซ้ำเติม...คอยเหยีบย่ำ ในขณะที่เรามัวกัดกันเองเหมือนหมาข้างถนน..."

            " ต่อให้อเล็กเซย์ไม่รอด...ผมก็ไม่คิดจะฆ่าคุณแล้ว...คนตายก็คือคนตายเขาไม่มีวันฟื้นขึ้นมา...ไม่ว่าจะเลือดใครมาล้างหัวใจซักกี่หน...." อเล็กซิสกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ..เขาเงยหน้าขึ้น ยิ้ม...ให้กับชายผู้ที่จมจ่ออยู่กับความเคียดแค้นชิงชังเบื้องหน้า "  การลืมความโกรธแค้นที่มีต่อคนที่ทำร้ายคนสำคัญของเราไม่ได้หมายความว่าผมจะลืมเขาหรือไม่รักเขาแล้ว...แต่ผมไม่อยากให้คนที่ผมรักต้องมาเห็นผมจมอยู่กับความแค้น ดวงตาของคนที่มีแต่ความคิดแบบนั้นมันมืดบอดจนน่าสมเพช...คุณรู้ไหม? "

           " มองดูตัวเองตอนนี้สิ...คุณลุงทำอะไรลงไป?  ผมอยากรู้...ที่สุดแล้วคุณต้องการอะไรกันแน่? คุณทำไปเพื่ออะไร? คุณไม่ได้อยากฆ่าเรา คุณไม่ได้อยากจะทำร้ายพวกผม...แล้วทำไมคุณลุงถึงทำแบบนี้ หรือคุณลุงอยากให้พวกเราเจ็บ..แบบที่คุณเจ็บบ้าง?"

           " พวกแกไม่มีวันเข้าใจฉัน.... "  ที่สุดเฟรเดริโก้ก็ต้องเป็นฝ่ายหลบตาวูบ...

          " แล้วทำไมคุณถึงไม่พูด..."อเล็กซิสจ้องมองใบหน้าของผู้เป็นลุง...

           "...เพราะฉันจะไม่มีวันยอมให้พวกแกเห็นใจหรือสมเพชฉันไปมากกว่าเดิมอีกแล้ว...จบไปซะ เรื่องราวทุกอย่าง..อัลเบอร์โต้...แกจัดการซะ !! " เฟรเดริโก้ร้องสั่ง ฝ่ามือสะบัดด้ามปืนใส่ใบหน้าของอเล็กซิสโดยแรง และเร็วเกินกว่าใครจะตั้งตัวทัน !


   ปึ่ก..



           " เหตุผลมันคงใช้กับคนบ้าไม่ได้จริงๆสินะ...คุณลุง.." ริมฝีปากที่เม้มแน่นของคาร์เนโร่ วาลกัส คำรามออกมาเบาๆขณะที่เลือดสีเข้มค่อยหยาดหยดลงบนพื้น..ร่างของเขาถลันเข้ามาหาผู้เป็นลุงที่เขวี้ยงปืนใส่พี่ชาย โถมเข้าใส่อีกฝ่ายโดยที่ไม่มีใครคาดฝัน โลหะสีดำสนิทหล่นร่วงลงพื้น หัวคิ้วที่รับแรงกระแทกนั้นแตกยาวเป็นทางพร้อมเลือดสีเข้มซึมชื้น ทว่าชายหนุ่มก็ยังคงมีแรงพอจะกดทับร่างของผู้เป็นลุงไว้แน่น..ไม่ยอมปล่อย

           ".....คาร์โล ปล่อยฉัน !! " เฟรเดริโก้คำรามลั่น ก่อนจะหันไปร้องสั่งลูกน้องตนที่กำลังเอาปืนจ่อหัวอเล็กเซย์อยู่ "..เร็ว...จัดการมันซะ !! "

           "...แต่.........." เหมือนคำสั่งที่ไม่ต่างกับการฆ่าตัวตายนั้นจะทำให้ผู้รับคำสั่งลังเลไม่น้อย

           " ฆ่ามันซะ! ฉันบอกให้ฆ่ามัน! เร็วๆสิ ทำตามที่ฉัน......"


  เพี๊ยะ!!



             "  คุณจะทำบ้าแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่.. " ผิวแก้มชาวาบ ริมฝีปากที่เอ่ยถ้อยคำสั่งการหยุดชะงัก เสียงตะโกนด่าทอของหลานชายดังลั่นกรอกหู  ดวงตาของมันแดงก่ำ...ไม่ใช่ด้วยความคั่งแค้น...ไม่ใช่ด้วยความเกลียดชัง...แต่เพราะผิดหวัง..ไม่เข้าใจ

             "...พี่อเล็กซิสก็หลานชายคุณ พี่อเล็กเซย์ก็หลานชายของคุณ คาวัลโลก็เป็นหลานชายคุณ แล้วทำไมคุณถึงทำแบบนี้ !! คุณบอกว่าไม่มีใครเข้าใจคุณ แต่คุณไม่เคยบอกใครไม่เคยเปิดใจให้ใครเลย !! พวกเราเป็นญาติพี่น้องเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ? คุณลุง...คุณรักพวกเราไม่ใช่เหรอ !."

 ....เฟรเดริโก้เบิกตากว้าง จ้องมองใบหน้าของหลานชายในระยะประชิด ดวงตาของฝ่ายนั้นแดงก่ำราวกับจะร่ำไห้ ริมฝีปากเม้มแน่นสั่นระริก..มันจ้องเขาเขม็ง เหมือนจะเข้มแข็งเหมือนจะเหนือกว่า ทว่าคำตัดพ้อนั้นต่างหากที่ทำให้หัวใจปวดหนึบ...

....นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกระพริบถี่...ยามสมองไพล่นึกไปถึงช่วงเวลาอันแสนสุข ร่างของบรรดาหลานตัวเล็กๆในอ้อมแขน ยามที่อ้อมกอดของเด็กเหล่านั้นตวัดเข้าหา กอดกกไว้ ใบหน้าแย้มยิ้ม..ริมฝีปากที่พูดว่า"รัก"คุณลุงมากมายแค่ไหนยังคงติดแน่นในสมองไม่ยอมเสื่อคลาย...

    ...แต่เพราะพวกมันบอกว่ารัก เพราะพวกมันพูดว่ารักยังไงเล่า ยามที่ลูกชายของเขาต้องตายเพราะมัน ตนจึงยิ่งเจ็บปวดเคียดแค้นเป็นทบเท่าพันทวี!

             " ลูกชายของฉัน...." ริมฝีปากเม้มแน่นสั่นไหว...เอ่ยถึงบุตรชายของตนที่เป็นเสมือนหลักชัยในการแก้แค้นครั้งนี้ ให้ความโกรธเคืองที่ถูกบรรเทาค่อยๆปะทุขึ้นอีกครา..

      ...ลูกชาย...ที่รักของฉัน

       ..คนที่ต้องตายไปเพราะพวกแก..


             " จอร์จิโอ้คงดีใจมากใช่ไหม? ถ้าพ่อตัวเองต้องมีสภาพแบบนี้ มันคงจะยิ้มยินดีอยู่บนสวรรค์สินะที่คุณล้างแค้นให้....คุณลุง...คุณลืมอะไรไปรึเปล่า...คุณไม่ใช่ไม่เหลือใคร  คุณมีพวกเราเป็นครอบครัว แต่ทำไมคุณไม่หันมามองเราบ้าง!! "

            " พอได้แล้ว ต่อให้แกพยายามพูดแค่ไหน ฉันนะ...."

            " ผมไม่ได้โน้มน้าวให้คูรเปลี่ยนใจ! แต่พวกเรากำลังขอโทษและขอให้คุณลุงให้อภัย ไม่รู้หรือไง? " คาร์โลเม้มปากแน่นฝ่ามือกำคอเสื้อผู้เป็นลุงแน่นร่างเกร็งเขม็ง.." ผมขอโทษ ทุกคนขอโทษ ขอโทษที่ปล่อยให้คุณลุงเสียใจ ขอโทษที่ละเลยไม่ใส่ใจ..ได้โปรดให้อภัยเราเถอะ..อย่าโกรธอย่าเกลียดกันอีกเลย พวกเราไม่อยากจะเสียใจ ไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว"

        ฝ่ามือของอเล็กซิสวางลงบนศรีษะของน้องชายร่างของคารืโลสั่นระริกยามเอ่ยปากบอกความในใจด้วยน้ำเสียงสั่นไหว...ปลายนิ้วและฝ่ามือลูบเส้นผมนุ่มเบาๆ ขณะที่นัยน์ตาจ้องมองแววตาของเฟรเดริโก้ วาลกัสที่เม้มปากแน่น...

             " แกไม่มีวันยกโทษให้ฉัน...."

             "...เราก็แค่ทะเลาะกันเท่านั้นเอง..."อเล็กซิสยิ้มออกมาทั้งที่ใบหน้ายังบิดเบี้ยว เขาพ่นลมหายใจช้าๆพยุงร่างของคาร์โลให้ลุกขึ้นพร้อมกับจ้องหน้าผู้เป็นลุง " ...ผมว่าเราหยุดทำเรื่องบ้าๆกันเสียทีเถอะ...แล้วค่อยไปคุยกัน...ไปนั่งคุยกันอีกครั้ง...นะครับ...."

          " ฉัน......"  สีหน้าลังเล...แววตาที่ไหวระริกอย่างคนไม่แน่ใจของเฟรเดริโก้ทำให้อเล็กซิสใจชื้นขึ้น..สีหน้าของคุณลุงนั้นลังเลและไม่แน่ใจ ชะงักไปอย่างคนที่คาดไม่ถึง..ว่าแทนที่จะได้รับการตอบโต้รุนแรงและเป็นปฏิปักษ์จนตายไปข้างกลับเจอคำขอโทษและสีหน้าสำนึกผิดเช่นนี้ มันดูราวกับเป็นละครคนละบท คนละตอนที่ควรจะเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ..

     ..มันก็ใช่...ตอนแรกที่มาอเล้กซิสมีเพียงความแค้น ในหัวเขามีแต่ความคิดจะฆ่า..ไม่ปราณี ไม่ยอมแพ้ ทว่าในยามนี้...ความรู้สึกที่ผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆมากลับทำให้ได้ตระหนัก..

      ...ความแค้น..มีแต่จะทำให้หัวใจดำมืด..ความชิงชังมีแต่จะทำให้ดวงตามืดบอดไม่รู้ทางไป

       หัวใจที่จมอยู่กับความมืดมิด ความอึดอัดชิงชังน่าขยะแขยงเหล่านั้น ต่อให้ฆ่าคนเป็นร้อยก็ไม่มีทางดีขึ้น

       วิธี"แก้"ความแค้น ไม่ใช่การ"ฆ่า"ให้ใจสงบ แต่เป็นการ"ยอมรับ"และ"เข้าใจ"ต่างหากเล่า..


          " ท่านครับ..." น้ำเสียงเอ่ยแผ่วเบาดังมาจากริมฝีปากของ อัลเบอร์โต้ เอสโตนีเย่ห์ ทำให้ทุกคนชะงัก...อเล็กซิสขมวดคิ้ว มองหน้าคนพูดที่เหยียยิ้มร้ายจ้องมองพวกเขา

           " ดูเหมือนว่าท่านจะตกลงกับทางครอบครัวได้แล้วสินะครับ.."

          " อัลเบอร์โต้......" เฟรเดริโก้เอ่ยชื่ออีกฝ่ายพร้อมกับหรี่ตาลง ๆ " แล้วนั่นแกจะทำอะไร "

    ..เอ่ยถาม..เมื่อฝ่ามือของชายผู้นั้นค่อยแตะลงบนไกปืน ทำท่าคล้ายจะเล็งนั่นทำให้ผู้มองต่างเบิกตากว้าง..

  ...หากตกลงกันได้ การสังเวยชีวิตของอเล็กเซย์ก็ไม่จำเป็นมิใช่หรือ?


          "....ผมก็ทำหน้าที่ของผมไงล่ะ " เอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับหัวเราะเบาๆ...หากใจความนั้นทำให้ผู้ฟังต่างชะงัก

           " ฉันไม่ได้สั่งแกแบบนั้น.." เฟรเดริโก้เอ่ยเสียงเครียด...ขณะที่หลานชายพยุงร่างของเขาให้ลุกขึ้น...ชั่วขณะหนึ่งร่างทั้งร่างกระตุกเฮือกด้วยความไม่เคยคุ้น..สำนึกรู้กระซิบบอกว่านานเท่าไหร่แล้ว ทีหัวใจของเขาไม่ได้สัมผัสอ้อมกอดของผู้คนรอบข้างอย่างแท้จริง..

         ...นัยน์ตาสีเข้มค่อยหรุบต่ำอย่างอ่อนล้า..ลมหายใจผ่อนลงเบาๆ..ความแค้น มันทำให้เหน็ดเหนื่อยและปวดร้าวเกินกำลังจริงๆ


          "...แต่.....เซลโร่ เซเคนี สั่งให้ผมทำ "


    ....พลันดวงตาที่อ่อนแสงเบิกกว้าง...ร่างทั้งร่างเกร็งเขม็ง

     ....เซลโร่...เซเคนี....

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 09-09-2011 01:57:30
กริ๊ก...



            " ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้วนะ...ว่าไหม? " ปลายนิ้วนั้นแตะลงบนไกปืน..สีหน้าเปื้อนยิ้ม หากใจความนั้นต่างหากที่ทำให้คนฟังตัวเย็นวาบ..

     เฟรเดริโก้จ้องมองมัน...คนที่เขาไว้ใจและวางใจให้อยู่เคียงข้าง แพทย์คนสนิทที่คอยดูแลสุขภาพร่างกายและเป็นที่ปรึกษา เหตุไฉนจึงกลายเป็นแบบนี้

      ฝ่าเท้าอ่อนแรงแทบและชาหนึบ..ดวงตาเบิกค้าง...ใครจะรู้...ว่าคนที่คอยอยู่เคียงข้างจะกลายเป็นสายลับให้กับพวกศัตรู!

           "...นี่....แก....."             
         
           " ทำไมล่ะครับท่าน....หรือไม่ได้รับ"ยา"จากผมก็เลยคิดอะไรไม่ออกไปเสียอย่างนั้น " คำกล่าวนั้นยิ่งทำให้คนฟังเบิกตากว้าง อเล็กซิสมองหน้าชายคนนั้น มันแสยะยิ้มมองพวกเขาด้วยท่าทีเหนือกว่า นัยน์ตาเหี้ยมโหดนั้นฉายความพึงใจอย่างยิ่ง..

       ...อีกสิ่งที่พวกเขามองข้ามเพราะไม่อยากก้าวก่ายและยุ่งเกี่ยวกับ"มาเฟีย"คือสายลับที่ร้ายกาจคนนี้น่ะหรือ?

      ...เหตุใดข้อมูลถึงรั่วไหน เหตุใดข่าวจึงผิดพลาด หนอนบ่อนไส้ตัวนั้นอยู่ที่ใด  ได้รู้ก็บัดนี้นี่เอง...

      ..สายลับของไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์สกปรกจอมวางแผน เซลโร่ เซเคนี!!


    "...แกเอาอะไรให้คุณลุงกิน..." อเล็กซิสถามเสียงเครียด

           "...ก็แค่ยากล่อมประสาท ไม่ให้บ้าไปกว่าเดิมเท่านั้น " มันยักไหล่ วาจานั้นทำให้อเล็กซิสครางเบาๆในลำคอ ด้วยรู้เสียทีว่าท่าทีเกรี้ยวกราดไม่มีสติราวกับคนบ้าของเฟรเดริโก้มันเป็นเพราะอะไร..

      ลุงของเขาไม่ได้บ้า แต่เพราะยานั้นต่างหากที่ทำให้เฟรเดริโก้มีสภาพแบบนี้ !

            " เอาล่ะ..หยุดพูดมากวุ่นวายได้แล้ว ฉันฟังพวกแกพล่ามถึงความรัก ความผูกพันธ์อะไรมาจนเอียน " อัลเบอร์โต้หัวเราะหึ ส่ายหน้าด้วยท่าทีขบขัน " พวกแกนี่มันน่าสมเพชจริงๆ ....นี่น่ะหรือตระกูลวาลกัส สมแล้วที่เขาว่าพวกแกมันมัวแต่ทะเลาะกันเองเหมือนหมาบ้า! ..ไม่กล้าลงมือไม่กล้าจะทำอะไรจริงจัง เอาแต่คร่ำครวญบอกว่าเราคือครอบครัว เรารักกัน....ไอ้แก่ที่เป็นบอสอย่างแกวันๆก็เอาแต่พร่ำหาลูกชาย ส่วนพวกทายาทก็วิปริตผิดเพศกันไปหมด น่าสมเพชจริงๆ.."

            " แก...! ก่อนจะพูด แหกตาดูซะว่าแกอยู่ที่ไหน " คาร์โลร้องตวาดใส่มันที่เอ่ยคำหยามหยันเขาอย่างเหลืออด เขาพยุงร่างของผู้เป็นลุงที่บัดนี้แน่นิ่ง ช็อคค้างกับความจริงที่ถาโถมเข้าใส่  แพทย์คนสนิทที่ไว้ใจมานานนมกลับกลายเป็นผู้ร้ายได้อย่างเหลือเชื่อ..ก่อนจะร้องตวาดไปเพราะที่ๆมันอยู่ตอนนี้คือบ้านของตระกูลวาลกัส อยู่ท่ามกลางคนของวาลกัส กระสุนปืนของพวกเขาเล็งร่างของมันอยู่ แล้วจะหาทางรอดน่ะหรือ ฝันเฟื่องรึไง?

            " ...หึ....งานนี้น่ะแลกด้วยชีวิต..ฉันไม่แคร์หากตัวเองจะตาย..แต่พวกแกน่ะสิ...." กระบอกปืนนั้นกดย้ำขมับพี่ชายของเขาแรงๆด้วยท่าทีหยามหยัน คาร์โลอ้าปากค้าง...สีหน้าเครียดเคร่ง..

            "....ต้องการอะไร " อเล็กซิสเอ่ยถามสั้นๆ...

            " เข้าใจอะไรง่ายดีนี่ " อัลเบอร์โต้แสยะยิ้ม...จ้องมองผู้คนโดยรอบแล้วยักไหล่ สูดหายใจลึก...มองใบหน้าของผู้คนแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ..

            " รู้ก็ดีงั้น....ก็จงทำตามคำสั่งของฉัน..."

    นัยน์ตาคู่นั้นกราดมองทั่วบริเวณ...จ้อง...พร้อมกันนั้นก็แย้มรอยยิ้มบาง...

             " คุณชายอเล็กซิส...ผมได้ข่าวว่าคุณไม่ถูกกับน้องชายตัวเอง " อัลเบอร์โต้เอ่ย...ใจความนั้นทำให้ผู้ฟังต่างชะงัก.. " แต่ตอนนี้เห็นชัดว่าพวกคุณรักกันมาก...เป็นครอบครัวที่น่ารัก...ดังนั้นผมจะให้โอกาสคุณชายคาร์เนโร่ ในการพิสูจน์ตัวเองสักหน่อย ดีไหม..."

               " หมายถึงอะไร " อเล็กซิสยกมือกันน้องชายที่ถลาจะเข้าไปหาด้วยความโกรธ เขาจ้องมองคนพูดอย่างใคร่ครวญ..

      ...หากมันบอกว่างานนี้คืองานที่แลกด้วยชีวิต มันก็ต้องรู้ว่าตัวเองถูกส่งมาตาย แต่....เพราะอะไรถึงเลือกลงมือในตอนนี้...หากต้องการฆ่าคุณลุงของเขา เจ้าตัวทำได้โดยไม่ยากสักนิด

        ...ทำไม...ถึงปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาขนาดนี้?

               "  มันจะเป็นยังไงนะ ถ้าคุณต้องเลือก..." เสียงนั้นเอ่ยพลางสบตาคาร์เนโร่ วาลกัสที่มีท่าทีเคืองโกรธ และหงุดหงิด  " มันจะเป็นยังไงนะ ถ้าคุณจะต้องตัดสินใจว่าจะให้ อเล็กซิส วาลกัส พี่ชายที่คุณไม่ชอบหน้าหรือคุณชายอเล็กเซย์คนนี้...คุณจะเลือกให้ใครกันรอดชีวิต  "

            "ว่าไงนะ นี่แก !!!"

             "...หุบปากซะ ถ้าขืนพวกแกโวยวายมากล่ะก็ฉันจะระเบิดสมองมันทิ้ง !! "อัลเบอร์โต้คำรามด้วยสีหน้าหมายมาด "  เลือกมาเลย ว่าจะทำยังไง หรืออยากให้พี่แกตาย ฉันได้ข่าวว่าพวกแกรักกันมากไม่ใช่เหรอ จัดการสิ !"

             "...ไอ้คนทรยศ " คาร์โลคำรามในลำคออย่างเคืองขุ่น...

             " ฉันไม่ได้ทรยศ ฉันมอบความภักดีให้ท่านไปตั้งแต่แรกแล้ว!! " คำตอบของอัลเบอร์โต้ทำให้อเล็กซิสเข้าใจกระจ่างในที่สุด...กับเล่ห์กลของเจ้าคนที่ได้ชื่อว่างูพิษ..เซลโร่ เซเคนี

            ที่ผ่านมามันคงจะเลือกใช้ผู้ชายคนนี้ในการส่งข่าว...สืบข่าวคราวต่างๆของพวกเขาและคอยหาทางยุยงให้พวกเขาแตกกัน

           ตระกูลวาลกัสไม่เหมือนมาเฟียกลุ่มอื่นๆก็ตรงที่พวกเขามีส่วนแบ่งในตลาดและเศรษฐกิจของประเทศ...วาลกัสไม่ใช่แค่มาเฟีย แต่ยังเป็นพ่อมดทางธุรกิจธุรกิจต่างๆของพวกเขาคอยพยุงและเสริมสร้างรากฐานของกลุ่มแกงค์ให้แข็งแกร่ง

         ในยุคที่เงินคือพระเจ้า ต่อให้เป็นมาเฟียกลุ่มใหญ่แค่ไหน หาก"เงิน"หมุนไม่มากพอก็มีปัญหาได้เช่นกัน

         ต่างกับพวกเขาที่วางรากฐานธุรกิจไปพร้อมๆกับการวางอำนาจ..เมื่อเติบโตขึ้นเป็นมาเฟียที่แข็งแกร่ง กลุ่มเงินทุนที่มีก็แกร่งไม่แพ้กัน!

         หากยุยงให้เฟรเดริโก้ที่เป็นบอสของแกงค์มาเฟีย แตกหักกับตัวเขาที่เป็นผู้บริหารงานธุรกิจต่างๆของครอบครัว จะล้มแกงค์วาลกัสก็ไม่ใช่เรื่องยาก

          ตอนนี้เฟรเดริโก้หมดประโยชน์แล้ว ก็ไม่แปลกหรอกที่มันจะเลือกเชือดใครคนหนึ่งทิ้ง ไม่เขาก็อเล็กเซยื หากฆ่าใครไปสักคนพวกเขาก็ต้องมีเหตุหมางใจกันจนได้ ยิ่งด้วยฝีมือของน้องชายแล้วยิ่งแล้วไปใหญ่..


           อเล็กซิสคำรามในลำคอด้วยความไม่พอใจยามเข้าใจทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง..อุบายสกปรกแบบนี้สมกับเป็นพวกเซเคนีจริงๆ!

          สีหน้าของทุกคนซีดเผือกและตกตะลึง..อเล้กซิสหันไปมองหน้าคนรักที่ได้แต่กระตุกข้อมือให้สุดแรงทว่าจะอีกกี่ครั้งก็ได้เพียงรอยเชือกและความเจ็บแปลบที่เเล่นถึงกระดูก..อเล็กเซย์สูดหายใจลึก เหลือบสายตามองเจ้าคนทรยศผู้คอยควบคุมเขาไว้ที่บัดนี้ยืนเล็งปืนไปยังบรรดาพรรคพวกตระกูลวาลกัสของเขา และ...มันยังไม่ได้หันมา...

   ปลายนิ้วพยายามสอดเข้าไปใต้ปมเชือกที่อยู่ไม่ไกล เข้าจ้องหน้ามันอีกครั้ง...เมื่อเห็นว่ามันยังไม่มีท่าทีจะสนใจจึงค่อยเริ่มกระตุกเชือกเพื่อคลายปมนี้ให้ได้..

    นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองแฝดพี่ที่มองมาเขม็ง นัยน์ตาของอเล็กซิสจ้องมองมือของเขาแล้วหรี่ลงช้าๆเจ้าตัวหรุบสายตาลงต่ำ..

    อเล็กเซย์ก้มมองตามแววตาคู่นั้นเขามองเห็นฝ่ามือคนรักที่กำแน่น และดวงตาที่หันมาสบอีกครา บ่งบอกสัญญาณว่าเขาควรทำอย่างไร..

    ด้วงตาสีฟ้าสดเหลือบแลสบมองกันอีกครั้ง อเล็กเซย์เม้มปากแน่น ฝ่ามือที่สั่นระริกไหวและหัวใจเต้นกระหน่ำด้วยความกดดันและความเคร่งเครียดในความพยายามของตน...

      ร่างทั้งร่างยังคงเกร็งเเข็ง ใบหน้ายังคงจ้องมองบรรดาผู้คนรอบกายด้วยความคนึงหา หากมือเพียงปลายนิ้วเท่านั้นที่ขยับไหวอย่างเร่งร้อน....เพื่อช่วยตนเองจากสถานการณ์เช่นนี้ !

        ..เขาไม่มียอมให้ตัวเองเป็นตัวถ่วงหรือทำให้ใครต้องตายอีกแล้ว!

            "....หรือจะอยากดูพี่แกกลายเป็นศพไปตรงนี้ !! " อัลเบอร์โต้คำรามแล้วหัวเราะเบาๆ "ตระกูลแกมันมีทายาทมาก เดี๋ยวออกลูกออกหลานมาก็จะลำบากมาทะเลาะกันให้ผู้คนเขาสมเพชอีก ฉันเลยช่วยด้วยการคัดเลือกคนที่ดีที่สุดไง.."

            "เอ๊า...เร็วสิ....คุณชายคาร์เนโร่..." อัลเบอร์โต้พยักเพยิดไปทางผู้ฟังที่ยืนอึ้ง..นิ่งขึง..         
         
           " เร็ว!"

           " อย่าทำแบบนี้นะคาร์โล แกจะฆ่าพี่ตัวเองไม่ได้นะ! " อเล็กเซย์ร้องตวาดลั่น เขาส่ายหน้าห้ามน้องชายอย่างสุดความสามารถ และยังคงพยายามแก้มัดเชือกอย่างทุรนทุราย

           " อ้อ...แกพร้อมใจจะตายสินะ " ฝ่ามือของอัลเบอร์โต้กระชากเส้นผมของคนพูดแรงๆให้ใบหน้านั้นแหงนเงยขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด "ว่ายังไงล่ะ เร็วสิ...เร็ว! "

           "...พี่........" คาร์โลจ้องมองคนทั้งคู่ด้วยสีหน้าตกตะลึง..ในความเงียบี่มีเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไร นัยน์ตาของเขาจ้องมองร่างของพี่ชายฝาแฝดทั้งสองที่ยืนมองตนด้วยสีหน้าวอนเว้า..

           "อย่าลังเล คาร์โล.."น้ำเสียงของอเล็กซิสดังขึ้น บ่งชัด...ว่าเขาพร้อมจะเสียสละให้คนที่รัก..

          "...อย่านะ...คาร์โล..."อเล็กเซย์ร้องห้ามด้วยน้ำเสียงต่ำๆ " ถ้าแกทำแบบนี้เท่ากับให้มันได้ใจ เราขาดอเล็กซิสไม่ได้เข้าใจไหม ส่วนฉันน่ะจะตายไป...."

           " เงียบ !!!! " อเล็กซิสตะโกนลั่นทำเอาร่างของน้องชายทั้งสองสะดุ้งโหยง เขาจ้องมองใบหน้าของคนรักที่เอยออกมาด้วยสีหน้ารวดร้าว....

          " เซย์...." ริมฝีปากของอเล็กซิสเรียกชื่อคนรักเบาๆหลังจากนิ่ง...เงียบอยู่นาน ท่ามกลางพระจันทร์ที่ไหลผ่านครึ่งค่อนฟ้า..แสงมันค่อยจางลง หากฟากฟ้าสีดำกลับค่อยปรากฏสีสัน...ตะวัน...ใกล้จะโผล่พ้น...

        ...แต่ชีวิตของเขาจะรอดพ้นเพื่อมองอาทิตย์ในชาววันใหม่ได้หรือไม่ยังไม่แน่นอนเอาเสียเลย

          ".....อเล็กซ์..."น้ำเสียงคนพูดแฝงความสั่นไหว นัยน์ตาที่ปรือลงคล้ายจะร่ำไห้ค่อยเงยขึ้นสบแววตาของคนรักอย่างเชื่องช้า..

หากเมื่อพลันสบตา ความนัยนั้นกลับทำให้ร่างทั้งร่างนิ่งงัน...


          "....ฉันทำผิดกับนาย...ปิดบังนาย ..ทำให้นายต้องทุกข์ใจ  ปกป้องนายก็ไม่ได้ ความผิดแค่นั้นก็ทำให้ฉันยอมเดินลงนรกได้อยู่แล้ว  " ดวงตาคู่นั้นค่อยกระพริบถี่ แล้วหรี่ลงช้าๆ...

          " นาย....." ริมฝีปากของอเล็กเซย์เม้มแน่น เขาสบตาอีกฝ่ายที่หรี่ตาลงช้าๆ...แล้วพยักหน้าให้เขา

       ...ขณะเดียวกันข้อมือที่พยายามดิ้นรนอย่างเอาเป้นเอาตายก็รุ้มึกได้ถึงพันธนาการที่ค่อยคลายออกช้าๆ...

          " คาร์โล..."อเล็กซิเอ่ยเสียเบา...นัยน์ตายังจ้องมองใบหน้าคนรักเขม็ง...

        ...เส้นเชือกในมือซ้ายค่อยหลุดลงไม่ต่างกับในมือขวา..

           "ฉันไม่....."

            "บางครั้งเราก็ไม่มีทางเลือก ไม่ว่าอยากจะทำรึเปล่า บางคราเราก็ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ ...เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ดีกว่านั้น...จัดการซะก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปมากกว่านี้ ! " อเล็กซิสตะโกนลั่น หากแต่นัยน์ตาของเขายังคงจ้องมองใบหน้าของฝาแฝดไม่กระพริบ...

....ความนัยน์บางอย่างที่รู้กันดีทำให้อเล็กเซย์สูดหายใจลึก..

            "จัดการซะ คาร์โล..." นึกไม่ถึงว่าคำพูดนั้นจะออกมาจากปากของพี่ชาย คาร์โลส่ายหน้า เม้มปากแน่น...

          ....นี่...คือทางที่ต้องเลือกงั้นหรือ

   ถ้าเป็นมาเฟีย สิ่งเหล่านี้มันเลี่ยงไม่ได้สินะ..

    คาร์โลจ้องหน้าคนทั้งคู่...พี่ชายทั้งสองคน..ครอบครัว...ที่เขารักทั้งคู่

    กับอเล็กซิส ต่อให้จะชอบวิวาทฟาดฟันกันทางวาจา..หากแต่ว่าคนๆนี้ก็คือพี่ชายคสำคัญ..

    ...และอเล็กเซย์ ไม่ต้องคิดก็รู้อยู่แล้ว ว่าเขารักพี่คนนี้มากแค่ไหน..

    ...แล้ว...นี่จะต้องเลือกฆ่าคนๆหนึ่งงั้นหรือ?

           " เชื่อใจฉัน...." อเล็กซิสเอ่ย ฝ่ามือของขำกำแน่น ปืนสั้นในมือซ้ายถูกกำไว้จนเหงื่อซึมชื้น...

       ...ปลายนิ้วที่เป็นอิสระเริ่มเคลื่อนไหวแตะลงบนเส้นเชือกที่ถูกแก้ไว้อย่างช้าๆ..

            "พี่....." ริมฝีปากของคาร์โลสั่นระริก เขาส่ายหน้าอย่างอับจนปัญญา..

       ...เชือกถูกตวัดเข้าหาอุ้งมือแล้วค่อยกำแน่น..

           "ฉันบอกให้ทำ เร็ว!!! "

            " ดีมาก พวกแก....อ๊อก......"


ปัง!!!! ปัง!ปัง!


            ฝ่ามือที่เคยวางอยู่บนพนักวางแขนที่เคยสงบนิ่งพลันขยับไหว เส้นเชือกหนาถูกกระชากออกจากท่อนแขนทั้งสองข้าง อุ้งมือนั้นกำแน่น กระตุกขึ้นแล้วตวัดอย่างรวดเร็ว อเล็กเซย์ใช้เสี้ยววินาทีที่อัลเบอร์โต้เผลอไผลตัวดเชือกที่มัดมือตนไว้ลงบนคอของฝ่ายนั้น ก่อนที่มันจะไหวตัวทันเขาก็กระตุกรัด...ดึงสุดแรงในยามที่มันตกตะลึงและเผลอไผลว่าจนไม่รู้ว่าจะได้พบมัจจุราช!..

         กระสุนปืนในมือซ้ายของอเล็กซิสยิงทุละร่างของอัลเบอร์โต้อย่างรวดเร็วราวกับนกรู้ ขณะที่ปืนในมือของมันถูกฝ่ามือที่เกร็งแน่นเหนี่ยวไกจนดังเปรื้ยงปร้าง  หากแต่สิ่งที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนท่ามกลางภาพการกระทำอันเคลื่อนไหวรวดเร็วจนตามไม่ทัน คือภาพของคุณชายอเล็กเซย์ใช้เชือกในมือรัดคอชายผู้นั้นแน่น จนร่างของมันกระตุกเฮือกด้วยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน..

         รอยเลือดสาดกระเซ็นบนผิวหน้า ดวงตาที่แข็งกร้าวเม้มแน่นไร้ความปราณีทำให้ผู้มองต่างตัวแข็งทื่อ...เบิดตากว้างอย่างตกตะลึง...

   ...คุณชายคนรองที่ต่างถูกประณามลับหลังว่าอ่อนแอและไร้ประโยชน์ คนที่เป็นเหตุให้เกิดข้อครหาเรื่องความรักอันวิปริตกับพี่ชาย..และคนที่เป็นอีกหนึ่งต้นเหตุของความสูญเสียครั้งนี้..

        ..คนๆนั้นที่แทบไม่ได้จับปืน...คนที่ดูไร้กำลังอย่างไม่ควรจะมาเกิดในตระกูลมาเฟียคนนั้น..

        ..ใช่คนๆเดียวที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยมไร้ความลังเลคนนี้จริงๆหรือ?

        "เซย์...." อ้อมกอดของคนรักที่ห่างกันไกลทำให้อเล็กเซย์หลุดสะะอื้นเขาปล่อยเชืดในมือและร่างอันไร้ชีวิตของสายลับคนนั้นทิ้ง โผเข้าหาร่างหาคนรักแล้วกอดแน่นไม่สนใจสายตาของคนภายนอก รวมทั้งไม่ได้สนใจว่าน้องชายของเขาจะก้าวมายิงซ้ำร่างของอัลเบอร์โต้ให้ตายไปด้วยความคั่งแค้น ใบหน้าของเขาซบลงกับไหล่ของคนรัก เม้มปากแน่น ใบหน้าเปื้อนเลือดถูกปาดเช็ดขณะที่ฝ่ามือของเขาเกาะกุมร่างอีกฝ่ายแน่น..

            " ฉันบอกแล้วไงว่าให้เชื่อใจฉัน.." อเล็กเซย์หัวเราะออกมาแผ่วเบาราวกับขบขัน..หากแต่ใบหน้าบิดเบี้ยวราวกับจะยิ้มก็ไม่ใช่หัวเราะก็ไม่เชิงนั้นทำให้คนฟังยิ้มเฝื่อน..

         " ขอโทษนะที่ทำให้นายต้องลงมือเอง " อเล็กซิสเอ่ย มือลูบใบหน้าของคนรักแล้วจูบขมับเบาๆด้วยความรักใคร่อาดูร..
... เป็นไปได้ก็ไม่อยากให้อเล็กเซย์ลงมือ แต่มันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ..

     คิดพลางปรายตามองเจ้าโง่ที่กลายเป็นซากศพด้วยสีหน้าหยามหยัน โทษที่ทำให้คนรักของเขาต้องลงมือทั้งที่ไม่อยากทำ และโทษที่กล้าทำร้ายลุงของเขา เจ้านายของมันต้องได้ชดใช้แน่นอน!

          "  ไม่เป็นไร...ฉันบอกแล้วว่าใครก็ตามที่กล้าทำร้ายนาย ฉันจะฆ่ามัน " อเล็กเซย์เม้มปากแน่นนัยน์ตาที่สั่นไหวหรุบต่ำไม่ได้สนใจความเคลื่อนไหวรอบตัวหรือสีหน้าตกตะลึงของบรรดาลูกน้องและน้องชาย เขาเกาะกุมร่างของคนรัก ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดที่กอดรัดไว้ และไม่ทักท้วงใดๆยามที่อเล็กซิสอุ้มเขาออกจากรถเข็นเข้าไปกอดไว้แน่น...

       ...เขายินดีที่จะอยู่ในอ้อมกอดนี้ให้คนดูแคลนดีกว่าต้องนั่งบนรถเข็นแล้วมองดูอเล็กซิสถูกฆ่าตายต่อหน้า..

   ฝ่ามือสั่นไหว..สั่น ไม่ใช่เพราะเขาเพิ่งลงมือทำร้ายหรือฆ่าใคร แต่สั่นด้วยความหวาดกลัวต่อการสูญเสีย...

     ปลายนิ้วกระชับเสื้อสูทของคนรักแน่น อเล็กเซย์ให้สาบานกับตัวเองอีกครั้ง..และอีกครั้ง...ว่าต่อให้ต้องตาย เขาก็ต้องปกป้องคนรักไม่ให้มีอันตรายใดๆอีกเด็ดขาด !!

         " อเล็กซ์.." โทรศัพท์มือถือของอเล็กซิสถูกควักออกมาแล้วกดโทรออก สีหน้านั้นแสดงว่าเรื่องยุ่งคงยังไม่จบ อเล็กเซย์มองหน้าคนรักที่สูดหายใจลึกทั้งยังกอดคลอเคลียเขาราวกับควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วนึกโล่งใจนักหนา

    ...ดีใจ... ที่สุดท้ายเราก็ยังได้อยู่ด้วยกัน

       "จะทำยังไง..กับคุณลุง..."เขาเอ่ยถาม ถามไถ่ถึงผู้เป็นลุงที่ถุกคุมตัวเดินขึ้นบ้านไปเงียบๆ...

        "ฉันจะให้มันตัดสินใจ " อเล็กซิสรับคำเบาไม่ตอบว่า"มัน"ที่ว่าคือใครคนไหน แต่อเล็กเซย์ก็พอจะรู้เพราะ"มัน"ที่ทำให้พี่ชายของเขาต้องโทรออกไปหาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจะเป็นใครไม่ได้นอกจากน้องชายคนสุดท้องคนนั้น...

    ....เมื่อนึกถึงอีกข้อหาของการปกปิด อเล็กเซย์จึงถอนหายใจช้าๆ ก่อนฝ่ามือจะจิดขยุ้มไหล่ของคนรักให้อเล็กเซย์หันมาหา เปรยขึ้นมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม...

        "...ฉันว่าหลังจากนี้ อเล็กที่รักของฉันต้องถูกลงโทษซักหน่อยล่ะ...ว่าอย่างนั้นไหม? "

       "........."อเล็กซิสกลินน้ำลายลงคอช้าๆด้วยไม่ยอยากจะคิดถึงโทษที่จะได้รับ ขณะที่ไอ้น้องเวรคาร์โลก็หัวเราะหึๆ มันคงรู้สักทีว่าพี่ชายที่ตนห่วงนักห่วงหนานั้นไม่ได้อ่อนแออะไรอย่างที่มันคิด อเล็กเซย์นั้นเป็นลูกของมาเฟีย จะอย่างไรส่วนผสมนั้นก็ยังไม่ขาดตกบกพร่อง...

      ..ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าตัวจะเลือกใช้ไหม..ก็เท่านั้น..

          นึกบ่นในใจทว่าเขาก็โล่งใจมากกว่าที่อะไรๆก็สามารถจบลงได้ด้วยดี อเล็กซิสยิ้มหวานให้คนรักก่อนจะหันมาจ้องมองโทรศัพท์อีกครา เขากระแอมเบาๆเมื่อสายที่โทรออกนั้นถูกกดรับและมีคำถามเอ่ยถึงสถานการ์ณล่าสุดออกมาสั้นๆ เขาสูดหายใจลึด...ก่อนจะกรอกเสียไปเอ่ยปากเล่าเรื่องราวต่างๆและบอกสาเหตุที่โทรมา...

   ต่อให้เป็นคนในครอบครัว แต่อย่างไรที่เฟรเดริโก้ทำคือคนที่ปองร้าย ทรยศหักหลัง....

กฏเกณฑ์ไม่อาจเปลี่ยน...แม้จะเป็นใครก็ตาม

..และคนที่จะตัดสินใจก็คือคาวัลโลที่บัดนี้มีตำแหน่งบอสจ่อรอให้กลับมาครอบครอง


..................

โฮก กตอนนี้ยาวมาก เหนื่อยยยสุดๆ
มาต่อครึ่งหลังช้าไปวันนึงเพราะเตรียมเกมส์อยู่ :laugh: :laugh:

 ครึ่งนี้เป็นฝั่งพี่ชาย  อยากจะบอกว่าชอบช๊อตกระตุกวิญญาณของอเล็กเซย์มาก555 พี่ชายมิใช่ขรี้ๆนะฮ่ะคาร์โล เอ็งน่ะอย่ามองแค่ผิวเผินซิเฟ้ย  :laugh:
   ส่วนรายนามผู้ร้ายตัวจริง(55+)รับรองเดี๋ยวคาวี่มาตามจัดการแน่นอนค่าหุหุ

       
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 09-09-2011 02:05:40
มาถึงเกมส์กันบ้าง  :L2:

  คิดไว้นานแล้วว่าจะทำ  :a9:

    เป็นเกมส์หาภาพชิงของรางวัลค่า โดยที่รางวัลคือตุ๊กตาคาวี่กับอัลชาอ์อย่างละหนึ่งตัว ใครชนะจะได้รับฟรี+ส่งไปถึงบ้านโดยไม่มีค่าใช้จ่ายค่า

   แปะรูปของรางวัลล่อใจ :laugh:

        (http://i1120.photobucket.com/albums/l491/silenceserin/Samplealcha.jpg)
       
        (http://i1120.photobucket.com/albums/l491/silenceserin/Samplekavi.jpg)
 
     (ของจริงใหญ่กว่านี้คะ)
   
   ใครอยากได้คาวี่กับอัลไปเชยชม มาเล่นกันได้ที่นี่  http://story.raikrob.com/index.php?topic=113.msg1742#msg1742 (http://story.raikrob.com/index.php?topic=113.msg1742#msg1742)

    มากันเยอะๆนะคะ ขอบคุณค่า  :กอด1:

ปล.หมดเขต 30กันยายนคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน" :Line 41.1 : Return of the hgena 7/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 09-09-2011 02:09:19
เอร๊ยยยย เซย์โหดมากกกก (แต่ก็ยังน่ารักอยู่ ><)
ตอนนี้ยาวได้อีก สนุกมาก แอบสงสารคุณลุงด้วย
ตาสายลับก็แรงได้อีกฮ่ะ
ปล.ซิสกับคาร์โลแอบเท่ห์ด้วย ณ จุดนี้ 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 09-09-2011 03:11:24
แอบมาตอนดึกอีกแล้ว :z3:
แปะก่อน

จบไปหนึ่งฝั่ง รอการตัดสินสินะ
คาลจะกลับไปไหนน๊า

เซย์ลงโทษให้หนักเลยนะ :z2:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 09-09-2011 03:23:03
เลือดสาดดดดดดดดดดดดด

ตอนนี้ เท่ห์บาดใจมากฮ๊า คาวี่เราอย่ายอมนะ

ไฮยีน่าเราไปทราฟฟิกแจมอยู่แถวไหน

มาเรเร๊วววววว ลุ้นอยู่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 09-09-2011 03:40:48
เหมือนทุกอย่างจะคลี่คลายแล้วใช่ไหมเนี่ย งั้นคาวี่กลับมาจัดการตัวการใหญ่เสร็จก็กลับไปหาอัลซาร์ได้แล้วสิ อิอิ

ตอนนี้เซย์เท่ห์มากๆ  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 09-09-2011 03:44:13
เซย์ อย่างเท่ห์เลยเหอะ
ในที่สุดปัญหาทั้งสองฝั่งก็จบลง
ต่อไปก็จะเป็นการเริ่มต้นของปัญหาใหม่
รอพ่ิอไฮยีน่าตัวแสบกลับมาจัดการจ้า
จัด+1 แถมกดเป็ดเหลืองเบาๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Bee_YJ ที่ 09-09-2011 11:49:33
คลี่คลายไปได้หนึ่งปัญหาแล้ว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: tengu3 ที่ 09-09-2011 11:57:08
คุณอาก็โดนตบเกรียนไปแล้ว
เรื่องทางบ้านก็เรียบร้อย
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
คาวี่หวงอัลชาด้วยละ ยิ้มจนหุบไม่ลงแล้วจ้า :z1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 09-09-2011 16:32:55
โอวววววว จบได้สวยยยยยย เหลือเชื่อ!!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 09-09-2011 16:37:06
ชอบเซย์ลุคนี้จัง  :กอด1: 
ส่วนคาวี่...ขอต้อนรับการกลับมาของแมวเหมียวตัวแสบ :mc4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 09-09-2011 17:52:52
เรื่องครอบครัวก็ถือว่าเคลียร์แฮปปี้อ่ะ  ไม่มีเลือดซาดให้เศร้า

รอคาวี่มาจัดการว่าจะแรงขนาดไหน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: mayuree ที่ 09-09-2011 18:09:52
แหม..อยากเห็นคาวี่ตามมาเก็บตกจริงๆ
คงต้องมันส์แน่ๆ :z1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: l2ockyou_l3ody! ที่ 09-09-2011 19:18:09
โอ้ยโล่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :เฮ้อ:


ตึงเปรี๊ยะจวนจะขาดอยู่รอมร่อมาสามสี่ตอน แทบจะลงไปนอนหลังจากอ่านจบ  :z3:



มันต้องอย่างนี้เส่!


ปล. อยากเห็นเค้าลงโทษกันจังเลยฮ่ะ  :haun4:



 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 09-09-2011 21:50:52
ชอบเซย์ตอนนี้ ได้โหดกับเค้าซะที
แต่ออกแนวสงสารลุงนะเนี่ย โดนทั้งเรื่องลูก ไหนจะยังโดนยากล่อมอีก
แล้วยังมาช็อกเพราะโดนหักหลัง..
แต่ก็ต้องยอมรับกันไป ลุงทำอะไรใครไว้ยังไงลุงก็ต้องยอมรับ
แล้วคาวี่จะทำไงอ่ะ  นี่เป็นปัญหาใหญ่อีกเรื่องนึงหรือเปล่าที่ต้องตัดสินใจ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 09-09-2011 22:40:43
สนุกมากบุ้กันระห่ำเลย

เซย์โหดได้ใจเเต่ต้องทำ โดยลงโทษเเน่ๆ

คาวี่เหมียวกลายร่าง 555
+เป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 09-09-2011 23:46:51
เฮือก คุณพี่เชย์โหดได้ใจจริงๆ
แบบนี้เรื่องทางฝั่งมาเฟียก็คลี่คลายแล้วสินะ  ฝั่งท่านซีคก็เริ่มลงตัว
ที่เหลือก็แค่ตามเก็บคนที่อยู่เบื้องหลังสินะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: runynam ที่ 10-09-2011 23:10:38
ดีใจจังมาต่อแล้ว ได้อ่านสองตอนรวด รู้สึกไม่ค้างคาดี :laugh:
ตอนนี้ ต้องบอกว่า พี่เซย์ โดนใจอ่ะ :-[ สวยโหด :m4:
แต่ก็ดีแล้วที่ไม่มีคนตาย แล้วก็เริ่มจะรู้แล้วว่าใครเป็นหนอน
โอ้วว เรื่องกำลังเข้มข้น
รอตอนที่คาวี่ของเรากลับอิตาลีจัง อยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
ปล.รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ :กอด1: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 10-09-2011 23:27:13
สนุกมากอ้าา

ที่เหลือก็รอ คาวี่กลับมา สะสางปัญหา แล้วกลับไปซบอกท่านอัลลลล
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 10-09-2011 23:33:01
โอ้ยยยยยยยยยย

ใช้เวลาอ่านเรื่อวนี้หลายวันมากเลยค่ะ
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆ
เป็นเรื่องที่ควรแก่การเก็บสุดๆเลย > <

มันซับซ้อนแล้วก็ลึกล้ำมาก เหมือนมีเงื่อนอยู่ทุกจุด
ค่อยๆแก้ไปทีละปม.....
ไม่ใช่แค่นิยายรัก แต่มีเรื่องครอบครัว การเสียสละ อื่นๆเยอะแยะ

อยากอ่านตอนจบของเรื่องนี้มากกก
ไม่ใช่ว่าอยากให้จบเร็วๆนะคะ
แค่อยากรู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไง ปมจะคลี่คลายไปทางไหน

ตอนนี้เหมือนเรื่องคุณลุงจะคลี่คลายแล้ว
แต่กลัวคลี่คลายไม่จริงจังเลยค่ะ
ก็อย่างที่รู้ไงว่าเรื่องนี้ซับซ้อน 55555

มาต่อไวๆนะคะ
จุ๊บๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: crosa ที่ 11-09-2011 19:36:07
โอ้.....คลี่คลายซะที
หลังจากปวดหัว ปวดตับไปนาน
คราวนี้ก็นั่งรอนู๋คาวี่กลับมาซินะ อิอิ
งานนี้คาวี่จะเคลียร์ยังไงละนี่....
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: The darkness ที่ 12-09-2011 11:33:57
 :monkeysad: กรี๊ด ในที่สุดคาโลก็ลุกขึ้นสู้ ดีมากค่ะ  :-[ รอนะคะ เข้มแข็งเข้าไว้
คาโลสู้ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: The darkness ที่ 12-09-2011 11:57:38
 o13 อเล็กเซย์ โหดได้กระตุกวิญญาณมากค่ะ  o18 เป็นมาเฟียทั้งทีถ้านิ่มตลอดเสียชื่อแย่ 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 12-09-2011 20:37:04
ทุกคนในตระกูลสมที่เกิดมาในตระกูลมาเฟีย
เด็ดขาดและแน่วแน่ ตัดสินใจเดี๋ยวนั้นเลย
เครียดมาหลายตอนแล้วคาดว่าจะผ่านจุดตึงมาบ้าง
รอตอนหน้าอยากรู้ว่าว่าที่บอสคนต่อไปจะเอาไงดี
กับคุณลุงที่ทรยศต่อตระกูล
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 13-09-2011 15:32:40
ทุกคนสมเป็นเชื้อสายของ มาเฟีย จิงๆ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 13-09-2011 21:53:24
ดีใจกับทุกคนด้วยที่ปลอดภัย รอดพ้นกับอันตรายทุกอย่างได้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 17-09-2011 11:40:13
มาตามหารักแท้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 18-09-2011 00:15:33
เข้ามาดันจ้า o18 o18

อัพด่วน :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 19-09-2011 23:10:01
คาวี่จ๋า

มิส มิส
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 21-09-2011 01:14:30
 :call: :call: :call:
 :call: :call:
 :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 22-09-2011 23:38:08
เข้ามาทวงอีกซักรอบ o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: envylover ที่ 23-09-2011 12:16:08
เข้ามาช่วยขุด คิดถึงหนูคาวี่ที่สุด >< รอไฮยีน่าจอมแสบมาแผลงฤทธิ์!!!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: anuyasha ที่ 29-09-2011 02:43:33
ขุด ๆๆๆ >w<
มารอคาวี่ ~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: PAnppyJunJii ที่ 29-09-2011 09:00:02
ขุดๆๆๆ   o18

อยากอ่านตอนต่อไป  คาวี่จะทำยังไงน้าาา 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 29-09-2011 17:08:35
หายไปไหนหว่า ยังไม่มาอีกเง้อ :really2:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 30-09-2011 20:03:19
คุณ Serin คนอ่านให้อภัยแล้ว กลับมาอัพต่อเถอะ อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว  :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: bleach_pa ที่ 01-10-2011 20:47:59
รออยู่นะค่ะ T^T
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: lucky_me ที่ 02-10-2011 17:28:25
อ่านรวดเดียวจบค่ะ
เพิ่งเข้ามาคอมเม้นท์นิยายเป็นครั้งแรกเลย
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกก
ชอบปมเรื่อง ตััวละครทุกตัวเลยเจ๋งมากค่ะ ไม่น่าเบื่อสักตอนเลย เดาเรื่องไม่ได้ด้วย
โดยเฉพาะคาวัลโล แบบตั้งแต่ต้นเรื่องมามีพัฒนาการตลอด
จากคนที่ไม่รู้จักความรัก ไม่แคร์ความรู้สึกคนที่รักตัวเอง จนตอนนี้พอรู้ตัว พอรักเป็น
ก็แสดงความรักในฉบับของตัวเองได้สมกับ'คาวัลโล'จริงๆ
ท่านชีคก็ด้วย รักหนักแน่นตั้งแต่แรกพบ
ไม่บังคับมากไป ไม่ปล่อยมากไป แบบนี้สิถึงจะเลี้ยงแมวดื้อแบบเจ้าคาวัลโลได้ ><
ชอบวิธีพูดตอนประชุมกับญาติๆของชีคด้วยค่ะ เจ๋งมาก คนที่จะปกครองคนอื่นได้ต้องเฉียบขาดงี้เลย

คู่รองก็น่าลุ้น แทบขาดใจแทนอเล็กซิสตอนที่เข้าใจว่าเซย์ตาย TT (อินมาก)
ก็ผูกพันธ์ รักกันมาตั้งแต่เกิด แอบอยากอ่านตอนพิเศษคู่นี้ อยากรู้ว่าเริ่มรักกันแบบคนรักยังไง รีเควสค่า

รออ่านตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 02-10-2011 20:35:25
คาวี่เอ๊ยมัวแต่ อิดออด ไม่กลับมา ดูดิ๊เกือบเสียพี่ชายไปแล้ว  รีบๆกลับมาซะ พีๆเค้าบู้ไปเลือดสาดทุกคนแระ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line :กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 41.2 :Return of the hgena[2]+เกมส 9/9/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 03-10-2011 02:38:25
Line : 42 ง่ายเกินไป


            พื้นหินอ่นปูพรมถักชั้นดีด้วยฝีมือหัตถกรรมของชนพื้นเมืองชาวเซเนียยาเป็นลวดลายสวย  ในตัวอาคารพระราชวังสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบอิสลามยิ่งใหญ่โอ่อ่าสมฐานะพระราชวังของผู้นำประเทศ ร่างของชีค อัลชาอ์ ยาฮิลย่ะห์ มูซา มูอัสซิน ก้าวเท้ายาวๆไปตามทางเดินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ด้านหลังมีร่างขององค์รักษ์ประจำตัวและสองพี่น้องเซฮามัคเดินตามด้วยท่าทีครุ่นคิดไม่แพ้กัน ขณะที่เสียงพูดคุยเป็นภาษาแปลกถิ่นดังแว่วออกมาตามทางเดินทำให้หัวคิ้วของผู้ได้ฟังขมวดมุ่น..

         ชีคหนุ่มพ่นลมหายใจด้วยความฉงนไม่น้อย หากเป็นภาษาอิตาเลียน...ยังว่าพอจะคุ้นหูและอุ่นใจมากกว่า ทว่าเสียงพูดภาษาเยอรมันโหวกเหวกโวยวายนั้นทำให้หัวใจกระตุกวูบ ด้วยเพราะเพิ่งประจักษ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง ว่าชายหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นอาของคาวัลโล..ชายชาวเยอรมันคนนั้นมีนิสัยบ้าคลั่งและโหดร้ายเพียงใด ยิ่งคลาร์กเกำลังทะเลาะกับคาวัลโลและถูกทำร้ายมาหมาดๆ หากคนๆนั้นเกิดแค้นล่ะ? การปล่อยให้คาวัลโลคุยกับชายคนนั้นกับลูกน้องตามลำพังถือว่าเป็นการกระทำที่โง่เง่าสิ้นดี!

      พลันกระจ่างในความคิด ฝ่าเท้าของอัลชาอ์ก็ก้าวยาวๆปราดเข้าไปยังห้องขังที่มีคนของตนเฝ้าอยู่ทันควัน นึกอยากจะตำหนิที่คนของเขาช่างไม่สังเกตอะไรเอาเสียเลย แต่ทว่าเสียงโวยวายดังลั่นที่ยังแว่วมาทำให้ไม่อาจจะรีรอใดๆได้อีก

  ปัง


   "คาวัล..."

   " ....หา? " นัยน์ตาสีน้ำทะเลหันขวับไปมองร่างของชีคหนุ่มผู้ก้าวพรวดพราดเข้ามาในห้องอย่างงวยงงไม่น้อย สบกับดวงตาสีนิลที่ฉายแววร้อนรนแล้วก็ถามออกไปอย่างงวยงง "มีอะไรรึเปล่า?"

    "...เปล่า...ไม่..." ชีคหนุ่มถอนหายใจช้าๆหรี่ตาลงด้วยสีหน้าวางใจลงอย่างเห็นได้ชัด อัลชาอ์นึกตำหนิตัวเองที่คิดอะไรเกินกว่าเหตุ ทั้งที่ภาพเบื้องหน้ามันไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่า"อันตราย"เลยสักนิด..

  ...แถมออกจะเป็นอาการทอดสนิทเล่นหัวกันอย่างเริงร่าชนิดแทบไม่น่าเชื่อว่าเพิ่งเอาปืนจ่อหัวกันมาเสียด้วยซ้ำ


         ชีคหนุ่มทอดมองร่างของมาเฟียหนุ่มคนรักซึ่งกำลังใช้แขนทั้งสองข้างรัดลำคอของผู้เป็นอา ..คลาร์ก โรเซนเบิอร์กคนนั้นแล้วพูดคุยกันเป็นภาษาเยอรมันดังลั่นพลางหัวเราะด้วยกันอย่างขบขัน...ขณะที่คลาร์กก็เอื้อมือมาขยี้หัวหลานชายตัวเองอย่างเอ็นดูรักใคร่ใบหน้าที่ยังคงปรากฏร่องรอยฟกซ้ำแม้ทำแผลไปแล้วกำลังยิ้มร่าแบบไร้ความขุ่นเคืองใดๆ  ปลายนิ้วนั้นยังเอื้อมไปบีบแก้มหลานชายตัวเองเล่นด้วยความสนิทสนมแทบไม่เหลือเค้าคนที่เคยตะโกนอย่างโกรธแค้นและด่าว่าคาวัลโลชนิดจะฆ่าให้ตายสักนิด..

        ..พลันสายตาเหลือบไปสบมองแววตาของชายอีกคนซึ่งถือเป็นผู้ติดตามของคลาร์ก สายตาของฝ่ายนั้นเบือนมาสบแววตาของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาแล้วพ่นลมหายใจลงช้าๆ ตอบโดยไร้เสียงว่านี่คือเรื่อง"ปกติ"

       หรือพี่น้อง...กระทั่งญาติติโกโหติกาทั้งหลายของตระกูลวาลกัสจะสานสัมพันธ์กันด้วยวิธีทะเลาะวิวาทกันนะ?

        " ผมจะลงไปที่ห้องขังข้างล่าง...คุณบอกว่าจะไปจัดการมาเฟียสองคนนั้น.."ผ่านช่วงเวลาแห่งความงวยงงกึ่งๆอัศจรรย์ใจมาได้ ชีคหนุ่มก็เอ่ยถาม อัลชาอ์ถอนหายใจช้าๆเปรยออกมาท่ามกลางเสียงพุดคุยและหัวเราะของสองอาหลานที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลงง่ายๆ...

        " ใช่ ...อ่ะ ผมลืมไปจริงๆด้วย " คาวัลโลครางออกมาเบาๆพลางละมือออกจากลำคอของผู้เป็นอา เขายืดกายขึ้นแล้วยิ้มหวานให้ชีคหนุ่มเบื้องหน้า "แล้วคุณ..? "

        " ผมมีเรื่องต้องสอบสวน.." ชีคหนุ่มเอ่ย ปรายตามองร่างของคลาร์ก โรเซนเบิร์กผู้ลุกขึ้นมาจากพื้นพรมแล้วตรงรี่เข้ามาใกล้คาวัลโล พร้อมแสดงความเหนือกว่าทางสายสัมพันธ์ด้วยท่อนแขนที่พาดไหล่และสีหน้าเหิมเกริมยียวนแบบไม่ได้คิดสักนิดว่าเขาคือ..เจ้าของประเทศ..

          ...ชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าท่าทางของฝ่ายนั้นชวนให้นึกถึงคาวัลโลยามพบกันครั้งแรก..คาวัลโลที่ยังเป็นไอ้มาเฟียปากเปราะจอมหยิ่งยะโสชวนให้เส้นเอ็นกระตุก...รึพวกมาเฟียตระกูลนี้นี่มันกวนประสาทกันแบบนี้ทุกคนรึเปล่า อัลชาอ์อยากจะรู้นัก

         " เอ๋?...คุณจะคุยกับพวกมันด้วยเหรอ? "คาวัลโลถามกลับด้วยท่าทีเสียดาย มาเฟียหนุ่มนึกบ่นหงุงหงิงในใจ เพราะถ้าอัลชาอ์ไป แผนการณ์ที่เขาวางไว้กับคุณอาและแกเร็ตคงไม่สนุกกันเสียพอดี..

         " เปล่า..ผมมีคนที่ต้องสอบสวนอีกคนนึง " ชีคหนุ่มเอ่ย ก่อนจะถอนหายใจช้าๆ... " เป็นสายลับ ...ที่เพิ่งจับตัวได้น่ะ.."

         " เอ๋? " คาวัลโลเอ่ยถาม สีหน้างวยงงปนอยากรู้อยากเห็นได้ชัด..

         " คุณก็พอจะรู้นี่ ว่าคนนั้นคือใคร "ชีคหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้มขบขันปนหยามหยันนักสีหน้าหยามหมิ่นและเต็มไปด้วยความไม่พอใจชวนให้ระลึกถึง..และนั่น ...ทำให้คาวัลโลได้รู้ ว่าคนที่ว่านั้นคือใคร

         "เป็นไปตามที่คุณคิดจริงๆ " มาเฟียหนุ่มหัวเราะหึ ก่อนจะปรายตามองสองพี่น้องเซฮามัคที่ยืนอยู่เบื้องหลังประตู "ก็ว่าทำไมสองคนข้างหลังคุณถึงได้รีบร้อนคุยนัก แถมทำหน้าสะอกสะใจเสียขนาดนั้น..คงจะรอเวลานี้มานานแล้วสินะ.."

         "..ผมเฝ้าหนูมานาน เวลาจับได้ก็ดีใจเป็นธรรมดา "ราเซย์ตอบด้วยรอยยิ้มแสยะ...นัยน์ตาวาววับ "และที่ผมยอมทิ้งงานสนุกๆมาอยู่ที่นี่ ก็เพราะ"มัน"ทั้งนั้น "

         " แบบนี้คุณแทบไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเลยนี่..ทั้งรามิลทั้งราเซย์ ออกจะเต็มอกเต็มใจทำงานเสียขนาดนั้น...อา...แล้วพรรคพวกเขาไม่ว่าอะไรรึไง? "คาวัลโลมองสีหน้าของสองพี่น้องเซฮามัคแล้วหัวเราะเบาๆสีหน้าขบขัน

         " ส่งกลับไปแล้ว " ชีคหนุ่มเอ่ย ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ "เหลือก็แค่...."

       ไม่ทันขาดคำ เสียงตะโกนและของใครสักคนก็ดังขึ้นมาแทรกบทสนทนา คาวัลโลกรอกรตาขึ้นมองเพดานเมื่อรู้ได้ทันทีว่าคนๆนั้นคือใคร และ...จะมาที่นี่ด้วยสาเหตุไหน ก็ไม่ต่างกับอัลชาอ์ที่สั่งการสั้นๆให้รามิลกับราเซย์ออกไปขัดตาทัพเสียก่อน ซึ่งก็ควรเป็นอย่างนั้น เพราะถ้าโรเบิร์ต ชอว์ตัน เข้ามาอ้อนวอน พุดคุยหรือกระทั่งกล้าเกาะแกะอัลชาอ์เพื่อให้ยอมปล่อยตัวผู้ชายชื่อ"คริส" คนที่ถือว่าเป็นสายลับคนนั้นแล้วล่ะก็ คาวัลโลคงจะได้เลือก"เชือด"หมอนี่ก่อนด้วยความหมั่นไส้และหึงหวงส่วนบุคคลเป็นแน่


     " คุณอา...."คาวัลโลหันไปยิ้มหวานให้กับคลาร์กที่ยืนอยู่ด้านหลังเผื่อเส้นประสาทที่กระตุกยิกจะลดลงได้บ้างไม่มากก็น้อย  "ผมว่าเราลงไปเลยดีไหม...ชักจะคิดถึงราฟาเอลโร่กับฟิลิเป้แล้วสิ.."

     ".........."คลาร์ก โรเซนเบิร์ก จ้องสบตาหลานชายผู้ซึ่งแย้มรอยยิ้มแฝงความหงุดหงิดชวนสยองนัก นึกหงุดหงิดขึ้นมาวูบหนึ่งที่เจ้าตัวมาอารมณ์เสียง่ายๆกับเรื่องหึงหวง..แต่คิดไปอีกรอบ แรงผลักดันแบบนี้มันก็ไม่เลวสักเท่าไหร่..


    Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr



         กำลังจะตอบรับ ทว่าเสียงร้องของโทรศัพท์จากกระเป่าทำให้ต้องสะดุ้ง คลาร์กหันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาสิบเอ็ดโมงกว่า พลันก็ขมวดคิ้วหัวใจโลดกระทึกขึ้นมาไม่น้อยเมื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วมองเห็นว่าชื่อที่โทรมานั้นคือใคร..

      ...ผลจะเป็นเช่นไร และคำขอของตนจะเป็นผลไหม..เขาก็อยากรู้ไม่ต่างกัน..

         " ว่าไง " เอ่ยทักทายเป็นภาษาอิตาเลียนคล่องปาก คลาร์กยกมือขึ้นปัดคำถามของหลานชายที่มองตรงมาพลางสาวเท้าออกห่างจากผู้คนที่อยู่รอบกาย เงี่ยหูฟังปลายสาย สีหน้าครุ่นคิด..

        ...ตอนนี้เวลาที่อิตาลีคงประมาณหกโมงเช้า..เรื่องคงจบลงแล้ว แต่...จะจบลงแบบไหนกันนะ

         "..ผมเจออเล็กเซย์แล้ว.."น้ำเสียงนั้นสั่น..ทั้งสั่นทั้งแหบพร่าด้วยความตื่นเต้นปนยินดี หากแต่คลาร์กไพล่นึกว่าเป็นเพราะความปวดร้าวและโศกเศร้าจากการสูญเสีย..และต่อให้เป้นเขาเมื่อนึกถึงมัน...ลมหายใจที่สั่นไหวจึงยิ่งแหบพร่า..

         " ฉัน...ถาม....." ไม่อยากจะรู้ว่าใครเป็นใครตายให้หัวใจยิ่งหดหู่ไปมากกว่านี้ จึงเอ่ยตัดบทไปสั้นๆเสียเท่านั้น.นึกโกรธตัวเองที่เฝ้าหลอกบอกตัวเองว่าให้มีความหวัง ใหเชื่อ...ว่าเฟรเดริดก็อาจจะใจอ่อนไม่กำจัดหลานชายทิ้ง..ทั้งบัดนี้ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธทำให้เขาต้องสูดหายใจลึก..พยายามระงับอารมณ์..

          " ไม่...คุณอา..อเล็กเซย์ยังอยู่ ...อเล็กเซย์ยังไม่เป็นอะไร.." น้ำเสียงละล่ำละลักด้วยความยินดีของหลานชายทำให้ร่างทั้งร่างนิ่งงัน คลาร์กเบิกตากว้าง เงี่ยหูฟังน้ำเสียงพร่ำละล่ำละลักของหลานชายคนโตด้วยสีหน้าไม่เชื่อหู หากวินาทีต่อมาเมื่อโทรศัพท์ถูกเปลี่ยน น้ำเสียงเบาๆของหลานชายสุดที่รักซึ่งดังข้ามทวีปมาทำให้ลำคอตีบตันขึ้นมาอย่างกะทันหัน หัวใจที่เต้นพล่านด้วยความโศกเศร้ายิ่งกระหน่ำหนักหากแต่คราวนี้เพราะความยินดี..เพราะ...ความดีใจเป็นที่สุด..

          ..ดีใจยิ่งนัก ที่ได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง

           "คุณอา....ผมเอง...ผมเอง..."อเล็กเซย์กำโทรศัพท์แน่น ฝ่ามือและปลายนิ้วที่ผ่านการคร่าชีวิตมานั้นยังคงสั่นไหว ทว่าเขาก็ยังคงมีความสุขภายในอ้อมแขนอ้อมกอดของแฝดผู้ที่โอบกอดร่างของตนไว้ท่ามกลางแสงอาทิตย์ซึ่งเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า ณ เกาะซิซิลี

           " ผมไม่เป็นอะไรแล้ว ขอโทษนะครับที่ทำให้เป็นห่วง..ผม....."

        ชั่วขณะหนึ่งลมหายใจสั่นค่อยสูดลึก อเล็กเซย์จ้องมองโทรศัพท์มือถือเบื้องหน้า ก่อนจะกรอกเสียงถามออกไปสั้นๆ

          " ผมขอคุยกับน้องได้ไหมครับ...ผมอยากคุยกับคาวัลโล " คำขอนั้นทำให้ร่างที่นิ่งงันด้วยความยินดีอันแผ่ซ่านค่อยได้สติ คลาร์กพยักหน้ารับพลางยิ้มออกมาด้วยความยินดีที่เขาจะได้แบ่งปันความสุขนี้กับครอบครัวด้วยกับ ทว่า...เมื่อฝีเท้าขยับ นัยน์ตากวาดปะทะกับร่างของหลานชายที่ยืนคุยกับชีคแห่งเซเนียยาด้วยสีหน้าแววตารักใคร่..ทำให้ความรู้สึกแปรเปลี่ยนไป..

           " ไม่ได้หรอก..." ตัดสินใจปฏิเสธออกไปเบาๆ..และหันหลังไม่แสดงท่าทีผิดปรกติอะไรให้นัยน์ตาแสนจะรู้ทันของเจ้าแกเร็ตมันจับสังเกตได้

          "...ผมคุยไม่ได้เหรอครับ..? มัน...จะทำให้คุณอาลำบากใจเหรอ? " อเล็กเซย์ออกปากถามกลับอย่างงวยงงไม่น้อย..ส่วนผู้ฟังครางรับในลำคอเบาๆ นัยน์ตามองผ่านกระจกใสไปยังสวนสวยแบบเอเชียภายในพระราชวังหลวงแห่งเซเนียยา จ้องมอง..เพื่อจะครุ่นคิดและตัดสินใจบางอย่าง..

          " มันจำเป็นน่ะ " คลาร์กเอ่ย..เขาปรายตามองหลานชายอีกครั้ง..กระซิบบอกตัวเองว่านี่คือทางที่ถูกต้องแล้ว


    ...หากบอกไปตอนนี้..เมื่อพี่น้องไม่เป็นอะไร เมื่อตกลงกันเรื่องเฟรเดริโก้ได้ เขานึกกลัว ว่ามันจะไม่ยอมกลับไปและละทิ้งทุกอย่างไปจริงๆ..

     ถ้าหากเป็นแบบนั้น..สู้ไม่รู้...และนำมันเป็นแรงผลักดันให้คาวัลโลรีบกลับไปไม่ดีกว่าเหรอ..

     ...ถ้ากลับไป ยังไงคาวัลโลก็ต้องรู้อยู่ดี ฉะนั้น แทนที่จะให้มันรู้แล้วไขว้เขว สู้ให้มันไม่รู้แล้วพยายามกลับไปยังจะดีเสียกว่า

        ไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องพามันไปจากที่นี่ให้ได้...นี่คือสิ่งที่รับปากมาและต้องทำให้เป็นจริง..ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม


           "...ผมจะได้เจอน้องเร็วๆนี้ใช่ไหม? " อเล็กเซย์เอ่ยถาม หลังจากนิ่งฟังคำตอบอยู่ครู่หนึ่ง..ความเงียบที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นทำให้เขานึกสงสัย ทว่า...ก็ตัดสินใจไม่ถามแล้วปล่อยให้เป็นไปตามที่คลาร์กสั่ง...คาวัลโลที่อยู่ตรงนั้นมันจะไปเจอกับอะไรก็ไม่รู้ บางที...อาจจะมีบางอย่างที่ยากจะเอ่ยคำออกมาก็เป็นได้

           " ล้างคอรอได้เลย...อ่า....ขอสายแฟนแกหน่อยสิ " คลาร์กเอ่ยตัดบท เขาถอนหายใจฉิวๆแว่วเสียงงึมงัมตัดพ้อด้วยความขัดเขินของอเล็กเซย์มาตามสาย..ทั้งชวนขบขันและเบาใจไปด้วยพร้อมๆกัน

           " ทำไมถึงไม่ให้บอกล่ะ ..." อเล็กซิสเอ่ยถามสั้นๆทันทีที่ได้โทรศัพท์มาไว้ในมือ..คลาร์กถอนหายใจยาวเพราะแบบนี้มันถึงได้ไม่น่ารักเอาเสียเลย พวกไม่รู้ใจกันแถมยังถามซอกเเซกเอาแต่ใจตัวเองเกินไป น่ารำคาญเหมือนไอ้เวรแกเร็ตที่กำลังจ้องเขม็งมาทางนี้เสียจริงๆ

          "...ทำตามที่ฉันบอกก็พอ อย่าให้ต้องพูดมาก.." คลาร์กตัดบทสั้นๆ " แล้ว...เฟรดี้..? "

         " ยังไม่ได้ทำอะไร.." อเล็กซิสถอนหายใจช้าๆ หนักใจไม่น้อยเมื่อนึกถึงต้นเหตของเรื่องซึ่งกำลังนั่งเงียบอยู่ข้างกายน้องชายคนกลางของเขา ท่ามกลางพระอาทิตย์ที่ฉายแสงขึ้นบนท้องฟ้าและบรรดาลูกน้องต่างก็เริ่มพยาบาลคนป่วยและจัดการเหล่าผู้เสียชีวิตจากการปะทะ ..มองใบหน้าองอาจที่แปรเป็นเหี่ยวย่น เหนื่อยล้าทั้งแรงกายแรงใจแล้วนึกสะท้อนใจนัก..

           "...ผม....คงไม่มีแก่ใจจะทำอะไรเขาแล้วล่ะ..คุณลุงน่ะ..."

          " พอ...." คลาร์กตัดบท เบรกเสียงที่จะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดออกมาเบาๆก่อนจะถอนหายใจพรู..เพราะ...เขาก็คิดแล้ว ว่ามันคงฆ่าไม่ลง ต่อให้อเล็กเซย์จะอยู่หรือตายก็ตามที

           " เรื่องนี้...แกไม่ใช่คนตัดสินใจ คนที่ควรจะสั่ง คือ"บอส"ของพวกแกต่างหาก.."

          "คุณอา......."อเล็กซิสครางออกมาเบาๆเมื่อรู้ถึงความนัยน์นั้น..สีหน้าเของเขาเริ่มหนักใจ..

           " ...บอกในเรื่องที่ควรบอกเท่านั้น..อย่าพูดเรื่องที่ฉันห้าม ให้รู้ว่าทุกอย่างมันเป็นไปตามที่เราคาดไว้แต่ต้น...และให้น้องชายแกตัดสินใจซะ..ว่าจะเอายังไง " คลาร์กหันหลังละสายตาจากภาพสวนสวยนอกกระจก  สาวเท้าเข้าไปร่วมวงสนทนาอีกครั้ง เขาจ้องมองใบหน้าของคาวัลโลหลานชาย ซึ่งกำลังพูดคุยกับชีคแห่งเซเนียยาด้วยแววตารักใคร่แล้วเม้มปากแน่น...สำหรับคลาร์ก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจะยอมรับ"รัก"แบบนี้ได้อยู่ดี...


         "พี่ชายจะคุยด้วยน่ะ...คาวัลโล "


               สิ้นคำเอ่ย...สรรพเสียงที่เคยพูดคุยสนุกสนานก็เงียบไป..และพลัน สีหน้าของอัลชาอ์ก็แปรเป็นนิ่งงันในพริบตา..คาวัลโลจ้องมองโทรศัพท์มือถือในมือของคลาร์ก ตวัดสายตาสบมองนัยน์ตาสีบรูเน็ตคู่นั้น และ...เหลือบสายตาจ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่มที่เเปรเป็นชาเฉยอย่างชวนปวดใจครู่นึ่งราวกับจะลังเล  แต่สุดท้าย เสียงเรียกที่คุ้นเคยจากหูโทรศัพท์นั่น ก็เป็นเหตุให้เขาเอื้อมมือไปรับมันมาคุย..

          ..ไม่ว่าอย่างไร..ครอบครัว...ก็สำคัญที่สุด

           ปลายนิ้วแตะกระชับเครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กในมือแน่น ดั่งคำสัญญาที่บอกตัวเองว่าจะมั่นคงและทำตามความปราถนาให้ดีที่สุด  ตอนแรกคาวัลโลคิดจะขยับฝีเท้า หมุนตัวออกไปคุยเงียบๆไม่ให้มองเห็นคนที่ทำให้เขาหวั่นไหว แต่ที่สุดแล้วความพยายาม ความดื้อรั้นทั้งหลายของตัวเองก็บอกให้เขายืนนิ่งอยู่กับที่และยืนหยันยอมรับสิ่งที่ตัวเองเลือกในที่สุด ดังนั้น น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากจึงมั่นคงและหนักแน่นอย่างยิ่ง..

          "ครับ...พี่ "

     ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่ม..พร้อมกระซิบบอกตนเองในใจ

     ..มีแต่ต้องเดินไปข้างหน้าเท่านั้น


          "...คาล...." อเล็กซิสสูดหายใจลึก ความหวาดหวั่นที่เคยมีทุเลาลงอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงน้องชายและพบว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไร พลันสบมองดวงตาสดใสของคนรัก ฝ่ามือที่จับกระชับกันมั่นคงและดวงตาที่แลสบกันอย่างแน่แน่วนั้นดั่งจะกระซิบบอกให้วางใจและ...ทุกสิ่งเรียบร้อย ทุกอย่าง จะกลับเป็นเหมือนเดิม ยิ่งทำให้หัวใจพองฟูด้วยความสุขอันมากล้นอย่างไม่น่าเชื่อ..

          "...คุณลุง..." ปลายสายถามกลับมาสั้นๆ..หากใจความนั้นทำให้อเล็กซิสต้องนิ่งอีกครา..พลันนึกไปหาชายที่สั่งเขาให้เงียบและไม่เเพร่งพรายเรื่องอเล็กเซย์ให้คาวัลโลรู้...อเล็กซิสทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ เขาเข้าใจว่านี่ก็เป็นอีกทางทดสอบ ให้รู้..ว่าคาวัลโลจะตัดสินใจอย่างไร ทว่าก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าคลาร์กกำลังปิดบังอะไรเขากันแน่..

     หรือ...จะมีเรื่องบางอย่างทางนั้นที่เขาไม่อาจรู้ได้กัน?

       ...หรือคลาร์กจะยังโกรธ..จะยังแค้นเคืองคุณลุงของเขา ถึงได้บอกให้เงียบ ไม่พูดความจริงที่จะทำให้คาวัลโลไขว้เขว เหมือนจะกรุยทางให้น้องชายของเขาสั่งฆ่าลุงตัวเองเสียอย่างนั้น..

         ..จะ....เป็นแบบนั้นรึเปล่านะ..

         อเล้กซิสถอนใจเฮือก..อยากจะบอกทุกสิ่ง..แต่เขาก็ออกปากตกลงรับคำไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งกับเรื่องทางนั้น ตกลงแล้วว่าจะให้คลาร์กจัดการ ดังนั้นเมื่อฝ่ายนั้นสั่งอะไรมาก็ไม่ควรจะขัด..เพราะเขาก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้น ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ สถานการณ์ หรือเหตุการณ์ตรงนั้น เขาไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าโพล่งพูดไปโดยไม่ฟังคำ มันอาจจะส่งผลเสียก็ได้ ใครจะรู้..

         ...ก็มีแต่ ต้องเชื่อใจคาวัลโล เชื่อ..ว่าน้องชายของเขาจะมีสติรู้คิดและมีความปราณีมากพอจะไว้ชีวิตเฟรเดริโก้เท่านั้น

          "....ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแก..คาวัลโล.."อเล็กซิสเปรยช้าๆ นัยน์ตาจับจ้องแผ่นหลังงองุ้มของเฟรเดริโก้ วาลกัส ด้วยแววตารวดร้าว ต่อให้จะนึกสงสารแค่ไหน ต่อให้จะเข้าใจ และอยากปกป้องเพียงใด แต่สิ่งที่คุณลุงของเขาทำไปแล้วนั้นก็ไม่อาจหวนคืนกลับมา เช่นเดียวกับการสั่งฆ่าคาวัลโล และทำให้น้องชายเขาตกระกำลำบากเช่นนี้

        ...ทั้งหมดนั่น ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ไม่ว่าจะเพราะอะไร คนทรยศคือคนทรยศ และคนทรยศก็ไม่อาจจะปล่อยไปได้

       โทษทัณฑ์ของมันจะเป็นเช่นไร ก็ขึ้นอย่กับน้องชายของเขา..บอสของมาเฟียตระกูลวาลกัสทั้งนั้น


              "พี่......" คาวัลโลขมวดคิ้วบางๆ..เขารู้สึกหนักใจ ปนแปลกใจที่พี่ชายสงบได้ขนาดนี้ทั้งที่สูญเสียคนที่รักสุดชีวิตไป แต่กระนั้น น้ำเสียงทอดอาลัยครุ่นคิดนั้นก็ยังทำให้นึกสงสารไม่น้อย..บางที พี่ของเขาคงจะเจ็บ...จนไม่มีกำลังทำอะไรได้ต่อไปแล้วกระมัง

        "  ฉัน...ตอนนี้ก็เป็นแค่รักษาการ สั่งมาซะคาวัลโล จะเอายังไงกับคนทรยศ..จะฆ่า...จะไว้ชีวิต ก็แล้วแต่แก "อเล็กซิสเอ่ย พลางถอนหายใจพรู และเป็นฝ่ายโยนปัญหานี้กลับไปสู่คนที่ควรจะได้คิดมันอย่างแท้จริง..

      ....จะเลือกฆ่า หรือจะเลือกไว้ชีวิต เขาก็ไม่อาจขัดได้ทั้งนั้น

      บอกมาสิ...พูดมาให้รู้ให้ได้เห็น ว่าคาวัลโล วาลกัส จะเป็นมาเฟียแบบไหน จะเป็นใหญ่ได้ด้วยวิธีการใด

         "............." ถ้อยคำจากปลายสายเปรียบเหมือนอะไรหนักๆพาดลงบนไหล่..ภาระ ที่เคยคิดว่าจะได้ปล่อยวางมันแล้วกลับมาปรากฏอีกครั้ง และยังมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ..คาวัลโลนิ่งฟังเสียงลมหายใจของพี่ชาย...สมองไพล่คิดถึงชายที่เขาจต้องตัดสินโทษ...คุณลุง...คุณลุงที่เขารักและเคารพคนนั้น...คนที่ฆ่าพี่ชายของเขา คนที่ทำลายความสุขในชีวิตของเขาไปเสียจนป่นปี้..

      ....แต่ก็เป็นคนที่สั่งสอนให้เขารู้จักชีวิต เป็นคนที่ทำให้เขาได้มาพบอัลชาอ์ และเป็นคนที่มีบุญคุญมากมายเช่นเดียวกัน

       ฝ่ามือกำแน่น ชั่วขณะหนึ่งความโกรธเคืองแค้นคั่งผสานกับความรักและความเศร้าโศกปะทะในอกจนแทบคลั่ง นึกอยากจะออกปากตวาดสั่งการให้ฆ่าคนนั้นไปเสียให้หมดเสี้ยนหนาม ฆ่าเสียให้สมกับความแค้นและความสูญเสียที่ได้รับ   

     ...ใช่ เขาต้องทำแบบนั้น คาวัลโลคนเดิมที่โหดร้ายไร้หัวใจและไม่เห็นหัวใครต้องทำแบบนั้น มาเฟียต้องล้างเลือดด้วยเลือด ต้องล้างแค้นด้วยแค้นกว่า แม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร จะเป็นคนในครอบครัว หรือจะเป็นคนที่รักสุดหัวใจก็ตาม...

       โทษของคนทรยศ...คือ ตาย!
 
       ทั้งที่ควรจะพูดแบบนั้น ควรจะทำแบบนั้น แต่ริมฝีปากยังไม่อาจขยับไหว ลมหายใจแรงยังคงอึงอวลอยุ่ในอก ทั้งอึดอัดทั้งคั่งแค้นและอยากระบายออก ทว่า...เขาก็รู้ดีว่าเสี้ยวหนึ่งในหัวใจ มันกรีดร้องบอกว่าไม่อยากจะทำ ไม่อยากจะออกปากสั่งฆ่า"คุณลุง" เลยสักนิด...

       คนที่เขารักใคร่เทิดทูน คนที่เคยยิ้มให้กัน โอบกอดรักใคร่กันแนบแน่น...มาบัดนี้กลับกลายมาเป็นคนทรยศ มาบัดนี้เขาต้องกลายเป็นผู้สั่งชี้ชาตะชีวิต...

        ทั้งที่...เคยรักมากมายขนาดนั้น กลับต้องมาทำร้าย..ทั้งที่เป็นญาติสนิท เป็นคนที่ควรไว้ใจที่สุดแท้ๆ...


            นัยน์ตาสีน้ำทะเลหันไปหาร่างของคลาร์กที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยท่าทีราวกับจะขอคำแนะนำ ทว่าที่ปรึกษาของเขากลับเบือนหน้าหนี เฉยเสียราวกับว่าไม่ใช่เรื่องของตน...ไม่ต่างกับแกเร็ต เคย์ที่ทำเป็นมองไม่เห็นแววตาของเขาเจ้าตัวเพียงนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำใด..บ่งชัดว่าคนเหล่านี้ก็รอคำตอบที่เป็นดั่งการขีดเส้นอนาคตของตนเองและพวกพ้องเช่นเดียวกัน

      ...ในอนาคต หากเขาเป็นบอสของวาลกัส...จะทำเช่นไรกับลูกน้อง จะปฏิบัติเช่นไรกับคนในปกครอง ก็สามารถบอกได้จากคำตัดสินครั้งนี้...

         พ่นลมหายใจลงช้าๆ...ริมฝีปากที่อ้าขึ้นคล้ายจะพูดหากไม่มีคำใดออกมา ก่อนที่คาวัลโลจะหันขวับ นัยน์ตาของเขาจ้องมองร่างของชีคอับชาอ์แห่งเซเนียยาที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากตนด้วยสีหน้าราวกับได้คำตอบในบางสิ่งบางอย่าง..

      ...คนที่ถูกคนทรยศหักหลัง คนที่เคยถูกคนในครอบครัวไว้ใจ คนที่ตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด ก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้วไม่ใช่หรือ..

          ริมฝีปากของคาวัลโลขยับขึ้นเป็นรอยยิ้ม ยามได้ทอดมองแววตาของชายหนุ่มเบื้องหน้า ยิ่งทำให้เขาแน่ใจ มั่นใจว่าการตัดสินใจของตนจะถูกต้อง

          เขา...ได้เห็นตัวอย่างที่ดีที่สุดมาแล้ว..จะมาลังเลไปเพื่ออะไร


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 03-10-2011 02:44:10



    " ....คำสั่ง...คือ ไว้ชีวิต..." ริมฝีปากบางเอ่ยสั้นๆ..ด้วยนัยน์ตาวาววับ และเสียงนั้นของเขาก็ทำให้ผู้คนรอบกายต่างพลันขยับกายด้วยสีหน้าประหลาดใจไม่ต่างกัน


      ...แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น...ทุกคนก็ยัง...ยิ้ม.....

            ยิ้มที่บ่งบอกว่าการตัดสินใจของเขาไม่ผิดพลาด...


             อเล็กซิสที่นิ่งฟังคำสั่งจากอีกฟากของทวีปพ่นลมหายใจพรูด้วยสีหน้าโล่งอก..นึกยินดีที่น้องชายขอเขายังเลือกในสิ่งที่เขาเลือกเช่นเดียวกัน..ริมฝีปากหนาบิดเป็นรอยยิ้มอ่อนพลางกดมันลงบนหน้าผากของแฝดน้องที่นั่งอยู่ในอ้อมกอดอย่างโล่งใจนัก..ไม่ต่างกับคลาร์กที่ลอบถอนหายใจพรู..ด้วยตัวเขาก็กังวลไม่ต่างกัน..

          ...นัยน์ตาสีบรูเน็ตตัวดมองร่างของหลานชายที่บัดนี้เขามองว่ามันเติบโตขึ้นอย่างแท้จริงด้วยความภาคภูมิใจ ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับมีอันชะงัก เมื่อมองเห็นคาวัลโลกำลังยิ้มให้ใครบางคนด้วยแววตาเทิดทูนรักใคร่มากมายนัก..

           คนที่เขามองว่าทำให้มันอ่อนแอ..ทำให้มันลังเลใจอย่างที่ไม่ควรจะเป็นคนนั้น..

             คนที่สอนให้รู้จักความอ่อนโยนของผู้นำ หรือกระทั่งความรักในผู้คน..คือ....ผุ้ชายคนนั้นจริงๆน่ะหรือ..

              ถอนหายใจด้วยสีหน้าระอากึ่งขบขัน คลาร์กรับโทรศัพท์มาถือไว้ในมือพลางเบือนหน้าหนีภาพชายหนุ่มสองคนกำลังจ้องมองกันอย่างรักใคร่ไว้เพียงเท่านั้น..แม้เขาจะนึกระอาปนหนักใจ แต่ริมฝีปากก็ยังคงแฝงด้วยรอยยิ้ม.ยิ้มให้กับการเปลี่ยนแปลง สิ่งเหล่านี้จะร้ายหรือดี ก็ไม่อาจรู้ มีเพียงต้องรอดูมันต่อไป ...ก็เท่านั้น

          คาวัลโลเอ่ยปากสั่งการเพิ่มเติมสั้นๆอีกครู่หนึ่งก็วางสายและยื่นโทรสัพท์ให้คลาร์ก เขามองรอยยิ้มของผู้เป็นอาและแกเร็ตด้วยความชื่นมื่น...คนอื่นยิ้มให้เขา...แต่ตัวเขากลับหันไปยิ้มให้ใครอีกคน..คนที่สำคัญมากมายและเป็นตัวเฉลยให้เขาในการ"เลือก"ครั้งนี้...

            ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนคนสั่งฆ่าอย่างไม่ลังเล ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนคงออกปากอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าบัดนี้..ยามที่ได้ติดตามอัลชาอ์ ได้รับรู้ถึงตัวตนของผู้ชายตรงหน้า..คาวัลโลก็นึกอยากจะเป็นผู้นำเหมือนอัลชาอ์ เขาอยาก..จะมีคนที่จงรักภักดีอย่างไม่นึกถึงผลประโยชน์ใดๆไว้เคียงข้างเช่นเดียวกัลชีคแห่งเซเนียยา..

            ..ถ้าอยากได้รัก ก็ต้องมอบรักให้ผู้อื่นก่อน ถ้าอยากได้ความหวังดี ก็จงปราณีและหวังดีต่อผู้อื่นเสียบ้าง..

          ฝ่ามือขาวจัดแตะลงบนอุ้งมือหนา คาวัลโลเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้ชีคหนุ่มเเห่งเซเนียยา..ผู้ซึ่งแม้ไม่รู้ถึงความนัยของบทสนทนานั้น แต่บรรยากาศที่ได้รับรู้ก็พอจะทำให้รู้ว่าคงมีเรื่องอะไรให้ต้องตัดสินใจกัน..และเมื่อคาวัลโลเงยหน้ามายิ้มให้เขาด้วยแวตารักใคร่เทิดทูน..หัวอกก็อดจะพองฟูด้วยความยินดีไม่ได้..

         แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไร ทว่าฝ่ามือหนายังบีบกระชับ มอบรอยยิ้มบางดั่งเป็นกำลังใจให้กับชายหนุ่มเบื้องหน้าที่สำคัญที่สุดในหัวใจ...

           "....ไปกันเถอะครับ..."

             คาวัลโลสูดหายใจลึกอีกคราด้วยท่าทีมั่นใจกว่าเคย เขาหันไปพยักหน้าเรียกคลาร์กและแกเร็ตที่ยืนอยู่ด้านหลัง พร้อมกับกระตุกมือของชีคหนุ่มเบาๆให้เดินนำเขาไปยังเรือนจำที่เขามีเรืองจะทำเป็นลำดับต่อไป..

        ...อัลชาอ์บอกว่าเมื่อเขาตัดสินใจจะไป ฟิลิเป้และราฟาเอลโร่ก็จะรอดเช่นเดียวกัน แลกการเจรจาตกลงปล่อยตัวคุยเรื่อง"ผล"ของการกระทำนั้นผ่านโต๊ะเจรจาตี"ราคา" และแปรมันเป็นผลพลอยได้ทางเศรษฐกิจและถางทางเดินให้ประเทศก้าวหน้า ดีกว่าสั่งฆ่าหรือเก็บตัวมาทรมารมากนัก

         เพราะฉะนั้น...วันนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับการสอบสวน ไม่ได้ถามไถ่เพื่อหาข้อมูล แต่เป็นการ"ล้างแค้น"ของเขาโดยตรง..

         พวกมันเคยทำอะไรกับเขา ก็จะได้รับผลตอบแทนอย่างสาสมเช่นเดียวกัน !

          คาวัลโลขยับยิ้มดว้ยท่าทีพึงใจ ก่อนจะตวัดสายตามองใบหน้าของอัลชาอ์เห็นรอยยิ้มขันประดับอยุ่บนเรียวปากหนานั้นจนนึกสงสัย ทว่าคาวัลโลก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เขายังเดินเคียงคู่กับชีคแห่งเซเนียยา เป็นฝ่ายจับมืออัลชาอ์แน่นแล้วเดินไปตามทางอย่างมั่นใจ..ไม่คิดจะสนเสียงกระแอมกระไอของคลาร์กและเจ้าบ้าแกเร็ตที่เดินตามมาให้เสียเวลา

         ...เวลา...เหลือน้อย งวดลงทุกที..เวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ต้องเก็บเกี่ยว...รักษามันให้ดีที่สุด

           นัยน์ตาคู่สวยสั่นไหว..รอยริ้วของความไม่มั่นใจพาดผ่านดวงตาพร้อมเสียงทอดถอนใจแผ่วเบา แต่เมื่อแว่วเสียงหัวเราะในลำคอของชีคหนุ่ม ทำให้ต้องเลิกคิ้วด้วยสีหน้าฉงนฉงาย ทั้งที่ควรจะโศกเศร้าอาลัย..แต่อีกฝ่ายกลับยิ้ม...

          คาวัลโลสบมองดวงตาสีนิลที่พราวระยับด้วยแววเจ้าเล่ห์คู่นั้นแล้วเลิกคิ้ว  เมื่ออีกฝ่ายยกมือที่เขากำไว้แน่นขึ้นมาในระดับสายตา สีหน้าและแววตาคู่นั้นก็บอกอะไรได้มากเกินพอ...

           ..ไม่ได้ลืมเศร้า...เพียงแต่อยากสุข....เพื่อเก็บมันไว้เป็นความทรงจำในวันที่ต้องจากกันไกล...

            สูดจมูกเบาๆเมื่อมันร้อนผ่าวด้วยอารมณ์สะท้านลึก..คาวัลโลเงยหน้าไปมองหน้าชีคหนุ่มอีกครา พบว่าอีกฝ่ายยังคงมองมาที่เขาพร้อมกับถามด้วยสีหน้ายียวนเกินจะบรรยาย

           " จับมือผมไม่ปล่อยแบบนี้ นี่ถือว่ากำลังลวนลามนะ.." อัลชาอ์เลิกคิ้วพลางมองคนที่ฟังคำพูดของตนแล้วชะงัก พร้อมระบายรอยยิ้มร้าย    " คิดจีบผมอยู่หรือไง คาวัลโล ? "

           "...ใช่สิ ! "

           ...รู้จักความกล้าของเขาน้อยไปหน่อยแล้ว...! คาวัลโลเชิดหน้าขึ้นตอบเสียงดังฟังชัด มิไยดีเสียงครางในลำคอราวกับจะขาดใจตายของคุณอาที่รักเบื้องหลังและสีหน้ากลั้นขำสุดชีวิตของแกเร็ต เคย์ สักนิด ที่เขาสนใจตอนนี้ ก็มีแค่ใบหน้าระบายยิ้มเอ็นดูปนขบขันของอัลชาอ์เท่านั้น

             เจ้าของฝ่ามือหนาดึงมันออกจากการ"ลวนลาม"ที่ว่าแล้วมาวางแปะบนเส้นผมสีน้ำตาลทอง..ลูบไล้มันเบาๆแล้วเอ่ยประโยคดั่งคำท้าทาย

         " พยายามจีบให้ติดก็แล้วกัน "

          " ไม่เห็นต้องพยาามอะไรมากมาย "คาวัลโลกอดอกพลางยักไหล่ด้วยสีหน้าเหนือกว่า ตวัดดนัยน์ตาสีน้ำทะเลมาสบตาชีคหนุ่มเขม็ง " ยังไง คุณก็หลงรักผมจะเป็นจะตายอยู่แล้วนี่..! "

          " โว้ยยยยยยยยย เมื่อไหร่จะถึงสักทีว่ะ ! เมื่อย! "

               คลาร์กร้องโหวกเหวออกมาด้วยสีหน้ากระอักระอ่วนเกินบรรยาย ที่ปรึกษามาเฟียใหญ่รู้สึกอับอายและนึกอยากจะขาดใจตายกับประโยคจีบ"ผู้ชาย"ของเจ้านายตัวเองเสียจริงๆ



.......................................................................................



            แก๊ง...



         เสียงประตูเหล็กในห้องขังถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ทำให้เปลือกตาปิดสนิทค่อยกระพรือไหว นัยน์ตาสีชาของราฟาเอลโร่ บอนด์เต้ แฝงแววงวยงงเล็กน้อยเมื่อมองเห็นร่างของผู้มาใหม่ ความสงสัยปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลัน..หากก็จางไปพร้อมกับความตกตะลึงเมื่อพบว่าบัดนี้...ใครคือคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า..

       ร่างของฟิลิเป้ เรกาโซ่ ถูกลากเข้ามาในห้องขังเดียวกันเช่นทุกคราที่พวกมันมีการสอบสวน ทว่าครานี้...ร่างของคนที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้พบเจอ ทำให้หัวใจหนาววูบขึ้นมาอย่างกะทันหัน

       แววตามาดร้ายและสีหน้าขบขันของชายหนุ่มทั้งสามเหนือร่างตนนั้นชัดเจนนัก..

   ...การได้พบเห็นรอยยิ้มแสยะอันน่ารังเกียจและใบหน้าที่นึกชังของ คาวัลโล วาลกัส นั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่..การปรากฏตัวของชายหนุ่มอีกสองคนเบื้องหลังนั่น...มันหมายความว่าอย่างไร?

       ราฟาเอลโร่เพ่งมองใบหน้าของผู้มาใหม่ทั้งสอง คนแปลกหน้า...ทว่า จะใช่จะไม่เคยเห็น

         ชายหนุ่มผมสีทองอร่าม นัยน์ตาสีบรูเน็ตและรอยยิ้มเปี่ยมความมั่นใจ กับอีกหนึ่งชายหนุ่มตาสีทองผมสีเข้มใบหน้าเรียบเฉย..สองคนนี้...คนที่เขารู้จักในนามของชายที่ถูกวางว่าจะเป็นลูกน้องคนสำคัญของคาวัลโล คนที่ในวงการมาเฟียต่างกล่าวขานและคาดการณ์ไว้ว่าเป็นมือขวาและที่ปรึกษาคนสำคัญของอนาคตบอสมาเฟียตระกูลวาลกัส...

       ...ชายสองคนที่น่าสะพรึงกลัวต่างกัน ทว่าก็ไม่ควรเข้าใกล้..คลาร์ก โรเซนเบิร์ก อดีตนายทหารและอดีตนีโอนาซีที่ฝีมือร้ายกาจซ้ำยังเหี้ยมโหดไม่น้อยกว่าใคร..และแกเร็ต เคย์ ชายหนุ่มผู้ฉลาดเฉลียวซ้ำยังเป็นนักวางแผนที่หาตัวจับได้ยาก..สองคนที่เขารู้จักในฐานะ"ศัตรู" ในอนาคต

       ...แต่ชายสองคนนี้ทำไมมาอยู่ที่นี่ ทำไมมาอยู่ตรงนี้...มันหมายความว่าอย่างไร? หรือวาลกัสจะรู้แล้วว่าคาวัลโลอยู่ที่นี่...หรือพวกมัน...ยังต้องการเจ้าคนที่ทำให้ครอบครัวเสียศักดิ์ศรีอย่างนั้นหรือ?..

     ทำไมล่ะ? มีเหตุผลอะไรต้องยอมรับคนที่ทำให้เกียรติภูมิของมาเฟียต้องเสียไป กลายเป็นอับอายขายหน้าถึงขนาดนี้ ....มาเฟียแบบนี้ มีก็แต่ต้องฆ่าทิ้งไม่ใช่หรือ?

           " สวัสดี  " คาวัลโลเอ่ยช้าๆ ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้สำหรับสอบสวนนักโทษ เขาไขว้ขาขึ้นพาดตักข้างหนึ่งอย่างคุ้นชิน แขนขวาเท้าคางพลางเชิดหน้าด้วยรอยยิ้มเหนือกว่า...รัศมีความเป็นผู้นำเด่นชัด ยิ่งเมื่อมีแกเร็ตและคลาร์กยืนคุมเชิงช้ายขวาแล้ว..ยิ่งดูราวกับเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่ปาน..

           " ดูเหมือน...พวกแกจะมีเรื่องสงสัยใช่ไหมเนี่ย? "

               ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม จ้องมองร่างของราฟาเอลโร่ บอนด์เต้ และฟิลิเป้ เรกาโซ่เขม็ง คาวัลโลยิ้มด้วยความพอใจ หนึ่งคือพึงใจกับดวงตาที่เบิกกว้าง ฉายแววตกตะลึงอย่างเหลือแสนของพวกมันทั้งสอง..และอีกหนึ่ง พอใจที่บัดนี้เขาเป็นคนที่ยืนหยัดขึ้นมาได้ คือบอส คือคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวาลกัส และไม่ได้อ่อนแอ ด้วยค่า หรืออยู่ในฐานะง่อนแง่นให้พวกมันใช้สายตาหยามหยันหรือคำพูดเหยียดหมิ่นเช่นที่ผ่านมา

       ...ต่อให้มันจะหยามเขาว่าเป็นโสเภนี คาวัลโลก็ไม่สนอีกแล้ว เพราะเขาแน่ใจว่ามันจะถูกลูกน้องคนสำคัญของเขาทั้งสอง จัดการมันก่อนที่จะอ้าปากพูดจนจบประโยคเสียด้วยซ้ำ..

           ...นี่แหละ คือความแตกต่างที่เขาจะแสดงให้มันเห็น.. ความเหนือกว่า ที่เขาจะทำให้มันได้รู้ชัด ว่าเหตุใดถึงได้พ่ายแพ้ซ้ำแล้ว..ซ้ำเล่า..

            ..ให้หมาขี้แพ้อย่างพวมันรู้ ว่าไม่มีทางจะเทียบชั้นพญาอินทรี..


             " หึ...แค่ทายาทคนเดียวถึงกับพากันแห่มาถึงนี่..พวกวาลกัสนี่ต้องกัดกันเป็นหมู่สินะ " ราฟาเอลโร่เหยีดยิ้ม หลังจากนิ่งงันไปอึดใจอย่างไม่อาจตอบคำถามเสียดหูนั้นได้

            " ...กับพวกหมาขี้แพ้ที่พยายามสุดชีวิตก็ยังต้องแพ้..กล้าพูดแบบนี้งั้นเหรอ?...น่าขำ..." คาวัลโลหัวเราะหึ..จ้องมองใบหน้าของสองมาเฟียคู่อริด้วยสีหน้าขบขันอย่างเห็นได้ชัด...เพราะสำหรับเขา ตอนนี้ พวกมันไม่มีอะไรให้กลัว ไม่มีอะไรจะมาข่มขู่เขาได้ คาวัลโลต่างหากที่จะจัดการให้มันรู้ซึ้งถึงความแค้นที่กล้ามาทำร้ายเขา..

         บาดแผลที่มือซ้ายจางหายไปไม่เหลือๆไว้กระทั่งสะเก็ด...ทว่า คงวามเคืองแค้นยังฝังลึก ความเจ็บปวดและศักดิ์ศรีที่ถูกเหยียบย่ำยังคงตราตรึงอยู่ในสมองอย่างไม่อาจลบเลือน..

         และบัดนี้...เขาจะทำให้มันได้รับรู้ถึงความพ่ายแพ้...ความอับอาย เช่นเดียวกับที่เขาต้องเจอ..


            "..ทำไมแกไม่ฆ่ามันเสียให้จบเรื่องนะคาวัลโล .." คลาร์กพ่นลมหายใจช้าๆ บ่นออกมาดังๆ พลางมองสภาพอันน่าสมเพชของสองมาเฟียที่ถูกกักขังไว้อย่างขบขัน " ไม่ใช้ธุระเลยที่ต้องมานั่งคุยกับพวกมัน...คนที่แพ้ไปแล้ว ไม่มีใครเอาไว้ "

            " ว่าไงนะ พวก....อึ่ก..."             

            "...อย่าพูดแบบนั้นสิครับคุณอา.." คาวัลโลเอียงคอพลางหัวเราะเบาๆ ออกปากตอบโต้คลาร์กที่เดินตรงเข้าไปซัดฝ่าเท้าใส่ฟิลิเป้ที่ร้องออกมาด้วยความโกรธ..มาเฟียหนุ่มมองภาพนั้นอย่างขบขัน นึกสงสารฟิลิเป้มันเพียงเล็กน้อยที่ต้องมาเป็นเหยื่อของคลาร์ก...ผู้ซึ่งกำลังหาทางระบายอารมณ์จากการถูกเขาจัดการไปจะแย่

            "...ต่อให้เป็นพวกขี้แพ้ ก็ยังมีประโยชน์อยู่นิดหน่อยนะครับ.." แกเร็ต เปรยขึ้นมาสั้นๆ นัยน์ตาสีทองมองภาพร่างของฟิลิเป้ถูกทำร้ายด้วยสีหน้าเฉยชา " คลาร์ก....คุณอย่าลืมนะครับว่าตัวที่อยู่ใต้เท้าคุณน่ะ เป็นทายาทของเรกาโซ่.."

            " ชิ...." คลาร์กบ่นงึมงัม ก่อนจะพ่นลมหายใจแรง ละฝ่าเท้าออกจากร่างของฟิลิเป้ได้ในที่สุด.. "งั้นก็ดี จบการทักทายแค่นี้...เจ้าตัวเล็ก..ได้เวลาก่อกองไฟปิ้งมาชเมลโล่แล้ว..เร็วสิๆ "

            " ฮะ ฮะ ฮะ...คุณอา..นี่ไม่ใช่แคมป์เดินป่านะครับ...จุดไฟในที่แบบนี้ ได้สำลักควันตายพอดี.." คาวัลโลว่าพลางหัวเราะเบาๆไม่สนใจสายตางวยงงไม่เข้าใจในบทสนทนาของเขาและคลาร์ก...ซึ่ง..ความจริงแล้วพวกมันไม่รู้จะดีเสียกว่า...

          ..เพราะชะตากรรมของพวกมันต่อจากนี้น่ะ..ไม่รู้ตัวก่อน จะสนุกกว่าเยอะ...

           ยืดตัวขึ้นจากเก้าอี้  สบมองแววตาหงุดหงิดของคลาร์กแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย "  ผมสั่งให้จัดการไว้เรียบร้อยแล้ว..งานนี้ผมยกให้คุณอาจัดการเลยนะ....นั่นไง...."

           เอ่ย...พร้อมกับที่ร่างขององค์รักษ์รายหนึ่งของอัลชาอ์เดินเข้ามาในห้องขัง ในมือมีห่อผ้าบางอย่างซึ่งของในนั้นเปล่งแสงแดงวาบ...และทันทีที่วางลงตรงหน้ามาเฟียทั้งสาม แหลกแหลมเผาไฟจนแดงก่ำก็ปรากฏสู่สายตาทันที...

           " โอ๊ะโอ..~ "  คลาร์กอุทานออกมาเบาๆด้วยดวงตาวาววับ แสดงความพอใจอย่างเห็นได้ชัด..ดวงตาสีบรูเน็ตสะท้อนสีแดงของเหล็กท่อนเรียวยาวในห่อผ้าชุบน้ำไหวระริกด้วยความถูกใจ...พลางหันไปหาสองมาเฟียที่บัดนี้เกร็งตัวเยือก สีหน้าหวาดหวั่น..

          "....งานนี้จัดการได้ถึงไหน.." คลาร์กตรงเข้าไปหยิบด้ามจับของเหล็กร้อน...จ้องมองมันพลางถามด้วยดวงตาวาววับ..

          " ...อย่าเพิ่งใจร้อน... " คาวัลโลเอ่ย พลางหัวเราะในลำคอ "งานนี้ผมจะจัดการเอง..รอดูได้เลยว่าจะเป็นแบบไหน แต่ขอรับรองว่าสนุกถึงใจแน่ๆ...."

          " ก่อนอื่น...." ปลายเท้าในรองเท้าบู๊ตสีเข้ามเบนไปยังร่างของฟิลิเป้ เรกาโซ่ ฝ่ามือหยิบเหล็กแหลมมากำไว้ด้วยแววตาวาววับ...         

           "ฮ่าา ...นี่คุณนึกสนใจความรักของผมมาบ้างแล้วเหรอครับ คาวัลโล " ฟิลิเป้เอ่ยถาม..นัยน์ตาที่ปูดบวมปรือขึ้นมามองร่างของมาเฟียหนุ่มที่ตนหมายตา พลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยสีหน้าสนอกสนใจนึก..

          "....ถ้าแกยอมเลียรองเท้าฉันล่ะก็ ฉันอาจจะสนใจแกขึ้นมาก็ได้นะ ฟิลิเป้..." คาวัลโลตอบกลับ เขาส่งสายตาให้แกเร็ตตรงเข้าชาร์ต จับร่างของฟิลิเป้ตรึงไว้บนพื้น ...แม้มันจะมีท่าทีหวาดกลัว ทว่าดวงตายังคงวาววับด้วยความเคลิบเคลิ้ม พึงใจ...

          คาวัลโลหัวเราะหึ...ก็ดี...วางใจไปก่อน ดีใจ...พอใจกันไปเสียก่อนเถอะ..แล้วอีกไม่นาน...แก จะได้รู้ซึ้ง

           " สงสัยนี่จะไม่ใช่การทรมารเสียล่ะมั้ง..." แกเร็ตถอนหายใจกับสีหน้าแววตานั้น..

           " เดี๋ยวก็รู้...ว่าเจ็บหรือไม่เจ็บ.." คาวัลโลตอบสั้นๆ...แม้จะขยะแขยง ทว่าความเคียดแค้นทีมีมากกว่าเป็นผลผลักดันให้เขาตัดสินใจเป็นคนจัดการฟิลิเป้ด้วยตนเอง

           "...ขอให้อยู่ในขอบเขตที่ชีคอนุญาติด้วย" เสียงของฮาซานซึ่งเฝ้าอยู่ตรงหน้าประตุเอ่ยแทรกขึ้นมาทำเอาอารมณ์ชะงัก คาวัลโลส่งเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอนึกรำคาญใจขึ้นมาวูบหนึ่ง ทั่งที่เขาคิดว่าอุตส่าห์จัดการโดยได้รับความเห็นชอบจากอัลชาอ์แถมตอนนี้ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้เลยอยากเล่นให้สาแก่ใจแท้ๆ แต่ก็ยังมีฮาซานมานั่งเฝ้าอยู่จนได้..

           " แน่นอน...ไม่ทำอะไรเกินกว่านั้นแน่ๆ " คาวัลโลยักไหล่ ในมือมีเหล็กเผ่าไฟแทงเเหลมยาว..เขามองมันแล้วนึกถึงสิ่งที่ตัวเองต้องเจอ ที่สุดก็แสยะยิ้มและพยักหน้าให้แกเร็ตดึงมือของมันมาวางใกล้ๆ...


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 03-10-2011 02:50:50


           "...ฮ่ะๆ...คาวัลโลที่รัก..สำหรับคุณน่ะ ต่อให้จะกรีดเนื้อเถือหนัง จะทำอะไรก็แล้ว..อ้ากกกกกกกกก.!!!! "


         ฉึ่ก...


             เหล็กเผาไฟร้อนๆทาบลงบนผิวเนื้อเหนือฝ่ามือที่สั่นระริกช้าๆ...ก่อนจะแทงลงไปบนฝ่ามือนั้นอย่างไม่รีรอ คาวัลโลจ้องมองเลือดสีแดงก่ำที่ซึมชื้นออกมาจากฝ่ามือของฟิลิเป้ด้วยความพอใจ.. ยิ่งได้ยิงเสียงพร่ำเพ้อน่าขยะแขยงเปลี่ยนเป็นหวีดร้องด้วยความเจ็บวดแล้ว เขายิ่ง...สะใจ

           ปลายเหล็กแหลมทิ่มแทงลงบนฝ่ามือหนานั้นซ้ำๆ ขยับเข้าออกให้ผิวเนื้อที่โดนลวกนั้นส่งกลิ่นเหม้นไหม้ กลิ่นเลือดที่ไหลทะลักเคล้ากับกลิ่นของผิวเนื้อไหม้เหม็นและเสียงหวีดร้องทั้งใบหน้าแสดงความเจ็บแสบยิ่งทำให้นึกพอใจ กระตุ้นความบ้าคลั่งและความเหี้ยมโหดให้เพิ่มทวี...หัวใจร่ำร้องออกมาอย่างมีความสุขเมื่อมองเห็นภาพคนที่เคยทำร้ายเขาต้องมาทรุดลงต่อหน้า...

          " ฮ่ะๆๆๆๆ " คาวัลโลหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยสีหน้าพึงใจอย่างยิ่งขณะที่มือก็ขยับทิ่มแทงลงบนฝ่ามือของฟิลิเป้ไม่หยุด...เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว ว่าทำไมเจ้ามาเฟียโรคจิตเบื้องหน้ามันถึงชอบทำแบบนี้นักหนา..

       ..เลือดที่ไหลเอ่อนอง เสียงกรีดร้องและภาพใบหน้าบิดเบี้ยว ดวงที่ฉายความทรมาร ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากน้ำมือตน ทำให้รู้สึกราวกับว่าเขาคือพระเจ้า..ทั้งเหนือกว่าและมีสิทธิกำหนดความเป็นความตายของมันด้วยมือตน..

           เหล่านั้นคืออาหารชั้นดีของความแค้น..และความโกรธชัง...


       ผลั่วะ!


        " อ้า ก ก ก ก " เสียงหวีดของฟิลิเป้ดังขึ้นสั้นๆ หลังจากที่คาวัลโลกระชากเหล็กร้อนมในมือลงบนพื้นและใช้ส้นเท้ากระทืบฝ่ามือนั้นสุดแรง มาเฟียหนุ่มจ้องมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้นแล้วหัวเราะออกมาอีกคราด้วยความพึงใจ ความโกรธที่ปะทุนั้นกำลังเฝ้ากระซิบบอกให้ทำมากกว่านั้น ให้หยิบเหล็กร้อนนั้นนาบทั่วกายแล้วกรีดให้เลือดไหลท่วม แทงปลายแหลมทะลุใบหูและดวงตาของมันให้ตายตกไปต่อหน้า ทว่าคาวัลโลก็ต้องสงบใจ เพราะเขาถือว่าได้เอาคืนแล้ว ...แผลที่มันทำร้ายเขา แผลที่มันทำให้เขาเจ็บปวดและเสียศักดิ์ศรี บัดนี้ได้จบกันแล้ว..!

    " หึ...." คาวัลโลเชิดหน้าขึ้นแล้วทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง เขามองสภาพของฟิลิเป้ที่บัดนี้ความเจ็บปวดทำให้สติสัมชัญญะพร่าเลือน มือซ้ายของมันอ่อนแรงและเต็มไปด้วยเลือด และเจ็บปวดทรมารเช่นเดียวกับเที่เขาเจอ..

       .....ตาต่อตาฟันต่อฟัน ! มันทำร้ายเรามากเท่าไหร่ ก็จงสนองมันให้เจ็บปวดมากเท่านั้น !

      ละสายตาจากร่างอ่อนปวกเปียกของฟิลิเป้ พลันหันไปสบมองแววตาไหวระริกด้วยความหวั่นเกรงทว่าก็ยังไม่ยบอมแพ้ของราฟาเอลโร่.. คาวัลโลหรี่ตาลงช้าๆมาเฟียหนุ่มก็คิดถึงสิ่งที่ตนเองได้รับ...กับคนโง่เช่นฟิลิเป้มันทำร้ายเขาได้เพียงร่างกาย เอาคืนแล้วก็เท่านั้น แต่สำหรับราฟาเอลโร่แล้ว...เจ้าคนนี้ไม่แม้แต่จะเเตะต้องร่ากายเขา ทว่า...สิ่งที่มันทำกลับเป็นการเหยีดหยามและหมิ่นเกียรติกันแบบไม่มีชิ้นดี..

         ...ถ้าอย่างนั้นล่ะก็....

        " คุณอาครับ...ขอยืมโทรศัพท?หน่อยได้ไหม..." เอ่ยถามคลาร์กที่เลิกคิ้ว...งวยงงแต่ก็ยอมยื่นโทรศัพท์มาให้ สีหน้าอยากรู้ไม่แพ้กันว่าเขาจะจัดการเช่นไรกับราฟาเอลโร่..จะ...แสดงอะไรให้ได้เห็น

        "........."คาวัลโลไม่พูดอะไร หากเขากดเบอร์โทรที่พอจะจำได้แล้วกดโทรออก รอยยิ้มพึงใจประดับบนใบหน้า เมื่อคาดว่า..ยามที่ราฟาเอลโร่มันได้ยินเสียงของคนๆนั้น มันจะทำเช่นไร มีท่าทีแบบไหน ปฏิกริยาเป็นเช่นไร...

         ....สำหรับคนอย่างราฟาเอลโร่น่ะทรมารมันไปก็เท่านั้น มันพ่ายแพ้ทรุดโทรมได้เพียงร่างกาย อย่างมันต้องเจอแบบที่เขาเจอ มันทำให้เขาสิ้นหวัง มันทำให้เขาทรมารแทบคลั่ง บัดนี้มันก็ต้องเจอสิ่งเดียวกัน...

      .... Mi chiederai tu, morto disadorno, d'abbandonare questa disperatapassione  di essere nel mondo?

          คำพูดที่มันเคยเอ่ยกับเขา.. ระวังจะถูกคนที่รักทรยศ...กับ อีกหนึ่งความหมาย...ที่ถามว่าหากต้องตายจะทิ้งความรักนี้ไปได้ไหม?

         คาวัลโลกระตุกรอยยิ้มมุมปาก จ้องมองดวงตาสีควันบุหรี่...ในใจหมายมาด...อยากจะรู้...อยากจะรู้นัก...ว่าหัวใจของมันยังมี"รัก"ที่ทิ้งไปไม่ได้อยู่อีกไหม

         ...แล้วกับเธอคนนั้น จะรู้สึกเช่นไรกัน อยากรู้จริงๆ


           " ไม่ได้คุยกันนานนะ ซิลเวีย..."


               ทันทีที่เอ่ยคำนั้น...ระลอกคลื่นในแววตาคู่นั้นก็แปลเปลี่ยน จากสงบนิ่ง...เป็นสั่นไหว...บอกคำตอบของคำถามในใจ ว่าการคาดการของเขานั้นถูกต้อง..

            ...ไม่มีใครทิ้งความรัก ที่ตัวเองจำหลัก...ฝังจำลงได้....

          ไม่มีใครชนะมันได้ ทั้งความเกลียดชัง ความแค้น หรือกระทั่งความตายก็ไม่อาจชนะรักที่ฝังอยู่ในใจคน...

           เมื่อก่อนคาวัลโลอาจจะมองข้าม เมื่อก่อนเขาอาจจะไม่เข้าใจ แต่บัดนี้ ทุกอย่างกระจ่างชัด...และเพราะเข้าใจเช่นนั้น...บัดนี้ เขาจึงชนะ...

            "....หืมมม? " คลาร์กเลิกคิ้ว...สีหน้าสนอกสนใจไม่น้อย เมื่อรู้ว่าใครคือผู้ที่คุยอยู่ปลายสาย

          ...ดวงตาสีบรูเน็ตวาววับ...คาดหวัง รอคอย...อยากรู้ว่าหลานชายคนนี้จะ"แสดง"อะไรให้เห็นกัน

            "..แหม...มาอยู่ต่างแดนนานๆ ผมก็ต้องคิดถึง"คู่หมั้น"บ้างสิครับคุณอา " คาวัลโลเอ่ย แสดงสีหน้าแสนคิดถึงหวนอาลัยอย่างสุดซึ้ง ชนิดไม่เสียแรงที่สร้างรักตำนานสะท้านวังอัลชาอ์ทันทีที่มาถึงสักนิด..มาเฟียหนุ่มยิ้มร่า แม้ในใจจะนึกหวั่นๆไม่น้อยที่ใช้วิธีนี้ เพราะถึงมันจะเป็นวิธีที่ย้อนเกล็ดคนอย่างราฟาเอลโร่ได้ดีที่สุด กระนั้นก็ยังถือว่ามันมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะกับเขากำลังทำคะแนน"จีบ"อัลชาอ์อย่างสุดชีวิตอยู่ด้วย

          นัยน์ตาสีน้ำทะลเหลือบมองด้านหลังที่มีร่างของฮาซานเฝ้าอยู่ เจ้าหมอนั่นมันเฝ้าเฉยๆและดูจะมีความสุขมากกว่าที่เสียงครางด้วยความเจ็บปวดเงียบไปแล้ว.....นึกดีใจอย่างหนึ่งที่ฮาซานฟังภาษาอิตาเลียนไม่ออก และดีใจอีกอย่าง..อัลชาอ์ไม่ได้มาอยู่แถวนี้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็...

            ..คาวัลโลลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างแอบหวั่น...ถึงจะเสี่ยง แต่ความสะใจที่ได้ทำมีมากกว่าเขาทำตามแผนที่จัดการวางไว้อยู่ดี

            "...อ่า...นั่นสินะ..." คลาร์กเองก็คงรู้เรื่องของซิลเวียมาไม่น้อยและเรื่องที่ราฟาเอลโร่และซิลเวียเคยเป็นคู่หมั้นกันก็มีคนรู้มากมาย..เพียงแต่...จะน่าแปลกใจก็ตรงที่ไม่มีใครคิด ว่าราฟาเอลโร่จะยังมีเยื่อใยกับอดีตคู่หมั้นของเขาอยู่น่ะสิ..

            "...คาวัลโล? "ปลายเสียงเอ่ยทวนชื่อเขาสั้นๆนั่นทำให้คาวัลโลกลับมาสนใจผู้ที่เขาสนทนาด้วยอีกครั้ง มาเฟียหนุ่มยิ้มร้าย เขากดเปิดลำโพง ให้เสียงสนทนากระจายได้ยินกันโดยทั่วถึง

            " ใช่...เป็นไงบ้าง..ได้ข่าวฉันแล้วนี่คงไม่แอบนอกใจไปกับใครที่ไหนหรอกใช่ไหม? " เอ่ยเย้าไปอย่างที่"คู่หมั้น"สมควรทำกัน และหวังว่าคนปลายสายจะรับมุก

            " จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกันเล่า เจ้าบ้านี่.." แว่วเสียงปลายสายถอนใจคล้ายระอา คาวัลโลหัสวเราะออกมาเบาๆด้วยสีหน้ามีความสุข...ใช่ คนอื่นคงมองว่าเขามีความสุขที่ได้คุยกับคูหมั้น ทว่า ที่จริงแล้วเขามีความสุข ที่ได้มองสีหน้าและแววตาอันน่าสมเพชของเจ้าราฟาเอลโร่มันต่างหาก...

            " ..แหม ชื่นใจจริง ...นึกว่าจะแอบไปรักคนอื่นเสียแล้ว ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์คิดถึงนะเนี่ย~ " คาวัลโลยิ้มร่า เอ่ยตอบปลายสาย  เขาแว่วเสียงถอนหายใจของซิลเวีย..และหญิงสาวก็เงียบไปครู่หนึ่ง

            "....แล้วนี่....ไม่เป็นไรใช่ไหม? " น้ำเสียงนั้นแผ่วเบาคล้ายไม่แน่ใจ..ไม่ได้ระอาใจหรือแฝงความหน่ายเหนื่อยเหมือนก่อนหน้า บ่งบอกว่าเจ้าตัวก็เป็นห่วงเขาไม่น้อย..นั่นทำให้คาวัลโลยิ่งสมใจ...

            มองดวงตาสีชาที่สั่นไหวเป็นระลอกพลิ้ว สีหน้าและแววตาของมันบ่งชัดว่าอยากปกปิดความผิดปกติของตนเองให้พ้นไปจากสายตาของเขา..แต่จะเป็นไปได้หรือ เมื่อคลาร์กยังคงจับมันมัดไพล่หลัง และถือเหล็กเผาไฟจี้คอมันอยู่ตรงนั้น..

            ....ยิ่งซิลเวียมีท่าทีรักใคร่อาทรเขามากเท่าไหร่ ราฟาเอลโร่มันก็เจ็บเจียนตายมากเท่านั้น !!!

          " ผมสบายดี..." คาวัลโลผ่อนลมหายใจลงช้าๆ เมื่ออีกฝ่ายถามมาด้วยความห่วงใย สิ่งที่เขาตอบกลับไปก็เป็นความจริงไม่เแพ้กัน แม้ว่าเขาและหญิงสาวในสายจะไม่ได้คบหากันด้วยความรักแบบที่คู่รักพึงจะมี ทว่าในฐานะคนที่ปลงใจว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันในวันหน้าก็ย่อมจะมีเยื่อใยต่อกันไม่มากก็น้อย...

           "และ...ตอนนี้ผมก็มีเรื่องอยากปรึกษาเรื่องหนึ่ง.." คาวัลโลเอ่ยช้าๆ ...ริมฝีปากกระตุกยิ้ม กับแผนการณ์ที่เขาคิด...แผนการณ์ที่จะทำให้เขาแก้แค้นได้อย่างสาใจเป็นที่สุด..

          ".....เรื่องอะไร? "

          "...คุณก็รู้เรื่องไอ้บ้าสองตัวที่มันรี่มาจับตัวผมสินะ "ถาม..และคำตอบคือเสียงถอนหายใจระอายาวๆ " แล้วตอนนี้เนี่ย..ผมจับมันมาได้แล้ว กำลังคิด...ว่าจะทำอะไรกับพวกมันดี.."

          " งั้นเหรอ..." น้ำเสียงผู้ฟังเรียบเฉย..คล้ายไม่ใส่ใจและกำลังพุดถึงคนที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดกับตนอีก ส่วนคาวัลโลกระตกยิ้ม อยากรู้...อยากรู้เหมือนกันว่าซิลเวียจะยังมีเยื่อใยกับราฟาเอลโร่ หรือจะนึกรักกันอยู่บ้างรึเปล่า..

          " ....ผมกำลังลังเลใจไง...ว่าจะฆ่า จะปล่อย หรือจะทำไงดี คุณช่วยผมคิดหน่อยสิที่รัก..."ส่งเสียงเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอด้วยท่าทีครุ่นคิดหนัก..และ...ใจความนั้นทำให้คลาร์กหัวเราะขึ้นมาอย่างพอใจ...

       .....ทรมารคนอย่างมันด้วยความรักนั่นล่ะ นี่คือสิ่งที่คาวัลโลต้องการ...

          "นี่น่ะ..."น้ำเสียงคาวัลโลปรับเป็นดังชัด...ชัดขึ้นหลังจากปลายสายไม่ตอบคำใดกลับมา " ตอนนี้ฟิลิเป้มันถูกผมจัดการ"ตามสมควร"ไปแล้ว แต่ไอ้คนที่กวนใจผมที่สุดน่ะยัง เพราะผมไม่รู้จะใช้วิธีไหนให้สาสมดี...ทั้งเรื่องที่กล้ามาหาเรื่องผมถึงนี่..และอีกเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ ผมถึงโทรมาหาคุณเพราะโทษฐานที่มันคิดจะฆ่าคุรน่ะ จะลงโทษกันยังไงดีหืมมม...ซิลเวียที่รัก..."

            คาวัลโลหัวเราะเบาๆ นัยน์ตาจ้องมองแววตาที่สั่นไหวของราฟาเอลโร่  ดวงตาของมันฉายแววตกตะลึงและหวาดหวั่นอย่างไม่เคยเห็น นั่นยิ่งทำให้คาวัลโลพอใจ..มันคงกลัว กลัวว่าสิ่งที่จะได้ยินจากปากของซิลเวียคือคำสั่งให้ฆ่าทิ้งหรือทรมารจนตายไปเสียให้พ้นๆ...เพราะนั่นจะบ่งชัดว่าเธอรังเกียจและไม่ได้มีใจรักหรือผูกพันอีกแล้ว...

          พวกเขาฆ่าฟิลิเป้ไม่ได้เพราะมันคือทายาทมาเฟีย แต่กับลูกน้องในแกงค์อย่างราฟาเอลโร่น่ะอีกเรื่อง ต่อให้มันจะเป็นคุณชายคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่คนที่ตายไม่ได้หรือสำคัญอะไรขนาดนั้น..จะเชือดไปให้พ้นหูพ้นตาก็ย่อมได้อยู่แล้ว

        ....ไม่ต้องกลัวว่าหากฆ่าไปแล้วพวกเรกาโซ่จะเอามาเล่นงานอัลชาอ์ เพราะจะอย่างไรพวกมันก็เข้าเมืองมาโดยผิดกฏหมาย เจ้าของประเทศย่อมจัดการได้ตามที่ต้องการทุกอย่าง และอีกทั้งอัลชาอ์ยังไว้ชีวิตฟิลิเป้ แค่นี้พวกเรกาโซ่ยังต้องขอบคุณและตอบแทนเอาเสียด้วยซ้ำ...

           ...เพราะฉะนั้น...ราฟาเอลโร่น่ะ จะเป็นหรือตายไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย...

         "....จะฆ่าทิ้ง....หรือจะเอาเหล็กร้อนๆ...ในมือคนของฉันเสียบคอมันดีนะ ? "คาวัลโลเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วด้วยท่าทีมีความสุขเหลือหลาย " ก็มันกล้าเอาปืนยิงคุณนี่ซิลเวีย...เจตนาจะฆ่าแบบนั้นผมก็แค้นแทนนา...แต่จะมีจัดการโดยไม่ถามเจ้าทุกข์เลยก็กระไรอยู่ "

         ".........."


         " หรือจะถลกหนังมันดีนะ...เสร็จแล้วก็เอาไฟเผาทั้งเป็นก็น่าสนใจดี....อ้า.....เอาเหล็กทิ่มตาทีละข้างก็เข้าท่าอยู่...ดูหน้ามันแล้วก็อยากจะกรีดทิ้งอยู่เหมือนกัน เสร็จแล้วค่อยหั่นขาหั่นแขนทีละข้างส่งไปเป็นของขวัญพวกเรกาโซ่...ฮ่ะๆๆๆๆๆ"


         ".........."


         "....ซิลเวีย~~...เอาไงดีล่ะครับ...งานนี้ผมให้คุณตัดสินใจนะที่รัก...." คาวัลโลยิ้มร่า ถามปลายสายที่นิ่งเงียบไปเนิ่นนาคล้ายจะวัดใจ...ใช่ นี่คือการวัดใจ ถ้าซิลเวียยังมีเยื่อใยหรือยังอาวรณ์เจ้าราฟาเอลโร่อยู่ เขาก็คงต้องพิจารณาการเป็นพันธมิตรกันเสียใหม่ แม้จะไม่ถึงขึ้นเลิกคบค้า แต่การผูกสัมพันธ์ลึกซึ้งคงเป็นไปไม่ได้ ต่อให้เขาไม่คิดจะแต่งกับเธอแล้ว แต่พี่น้องของเขาก็ยังมีนี่...


          ...และยังมีอีกทางเลือกที่น่าสนใจ...เพราะหากสองคนนี้ยังรักกันอยู่จริงๆ..คนกลางอย่างเขาก็มีสิทธิจะใช้ประโยชน์จากสัมพันธ์นั้นเช่นเดียวกัน

         ริมฝีปากบางบิดเป็นรอยยิ้มบางๆรอคอยคำตอบด้วยใจจดจ่อ...เอาล่ะ จะตัดสินใจยังไงกันนะ

         "....แก....จะทำอะไรก็ทำ...อย่ามานั่งถามคนอื่นให้ยุ่งยาก...อึ่ก! " ริมฝีปากสีจางเม้มแน่น กลั้นเสียงคางเมื่อถูกกำปั้นของคลาร์กตวัดเข้าที่กลางลำตัวแรงๆ. จนร่างของราฟาเอลโร่ไหวเฮือกหอบแฮ่ก..

         " คนอื่น?... อะไรกัน...นั่นก็เป็นอดีตคู่หมั้นแกนี่นาราฟาเอลโร่...เอ๊ะ....หรือว่าจะยังจะรักอยู่กันแน่นะ " คาวัลโลถามออกมาด้วยสีหน้าแสร้งงวยงง ตกใจราวกับไม่ทราบทั้งที่เขาก็รู้อยู่เต็มอก.....

      ...แต่การกลั่นแกล้งคนอย่างมัน ก็น่าสนุกดีไม่ใช่หรือ..

         "...นี่..ซิลเวีย ราฟาเอลโร่มันรักคุณเหรอเนี่ย...อยากจะฟังมั้ยคำบอกรักที่ว่าน่ะ.."คาวัลโลถามปลายสายเจื้อยแจ้ว รู้สึกราวกับตัวเองเป็นตัวร้ายในละคร ที่กดดันทำร้ายคู่รักก็ไม่ปาน

         " คำโกหกพรรคนั้นฉันไม่อยากได้ยิน " น้ำเสียงห้วนสั้นของซิลเวีย กราดอนที่สวนขวับมาทันควันทำให้คาวัลโลเลิกคิ้ว...เขายิ้มมุมปาก สายตาเหลือบมองสีหน้าของราฟาเอลโร่..ทั้งใบหน้า ทั้งแววตาที่เมื่อได้ยินคำนั้นก็มีท่าทีแปรเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด..     
 
       ...หรือว่าความสงสัยของเขาจะเป็นจริงกัน?

         "...หือ...? "คาวัลโลตอบกลับปลายสาย ด้วยรอยยิ้มบาง.."แล้ว...จะให้ฉันทำยังไงดี "

         "........."


         " ถ้าไม่ตอบภายในสามวินาที~ ฉันจะเอาเหล็กเผาไฟทิ่มคอมันล่ะนะ...แบบว่าขี้เกียจรอเธอคิดวิธีทรมารมันแล้วน่ะ " คาวัลโลพูดพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาพยักหน้าให้คลาร์ก ยิ้ม...แล้วจ้องหน้าราฟาเอลโร่ที่มองเขาด้วยดวงตาขุ่นขวาง..

         " แกต้องการอะไรกันแน่ " คำถามนั้นห้วนสั้นอย่างไม่ระงับอารมณ์ แสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

         " 1 "

         " จะฆ่าก็ฆ่า ชีวิตฉันไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับคำพูดของใคร! "

         " คิดงั้นเหรอ?...2 " คาวัลโลยักไหล่ จ้องมองใบหน้าของราฟาเอลโร่สลับกับโทรศัพทืมือถือในมือตนเอง

         "...ฉันบอกว่า...."

        " จะฆ่าก็ฆ่า อย่ามัวรีรอน่ารำคาญ !"


    ตึ้ก ตึ้ด ตึ้ด ตึ้ด....


        " หวา~ โกรธซะแล้ว "   คาวัลโลร้องครางออกมาด้วยสีหน้าราวกับเสียใจนักหนา ทว่าแววตาพราวระยับ..ทั้งขบชันและนึกชอบใจ..

         ...นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองแววตาของราฟาเอลโร่ บอนด์เต้อีกครั้ง และคราวนี้สมองของเขาก็กระซิบบอกให้กู่ร้องถึงชัยชนะอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นชัยชนะที่เขาแสวงหาหลังจากพ่ายแพ้อย่างน่าอดสูจากสงครามน้ำลายครั้งที่แล้ว

      มันทำให้เขาบ้าคลั่งไปกับคำพูดเพียงประโยคเดียวของมัน ทำให้ชีวิตของเขาตกต่ำไม่มีชิ้นดี..บัดนี้ เขาได้เอาคืนมันอย่างสาสมเป็นที่สุดแล้ว

          ...คาวัลโลยื่นโทรศัพท์ไปให้คลาร์ก ขณะที่คุณอาของเขาปล่อยร่างของราฟาเอลโร่ให้ทรุดลงกับพื้นห้องขังด้วยแววตาสมเพชนัก..

     เหล็กเผาไฟสีแดงก่ำในมือของคลาร์กถูกวางเก็บไว้ขณะที่คาวัลโลทรุดกายลงตรงข้ามร่างของราฟาเอลโร่ จ้องมองแววตารวดร้าว และสีหน้าดั่งคนตายทั้งเป็นของชายตรงหน้าให้เต็มตาด้วยความสาแก่ใจ

....ชัดเจน.... ว่าแผนการณ์นี้ของเขาสำเร็จ และเช่นกัน ชัดเจนว่าลางสังหรณ์ของเขาไม่มีวันพลาด..

    สิ่งที่ราฟาเอลโร่กลัว ไม่ใช่ความตายหรือความพ่ายแพ้ แต่คนอย่างมันกลับกลัวสิ่งที่ตัวเองปฏิเสธมาตลอด..

    เมื่อมองรอยหวั่นไหวของดวงตายามที่เขาเปิดปากเรียกชื่ออดีตคู่หมั้นของตัวเอง บอกชัดเจนว่ามันรู้สึกยังไงกับเธอและ"คาดหวัง"กับการมาที่นี่มากแค่ไหน

    ราฟาเอลโร่มาที่นี่เพื่อฆ่าเขา มันโกรธเกลียดเคียดแค้นเขาที่แย่งซิลเวียมา...ทั้งที่ตัวเองโหดร้ายถึงขึ้นกล้าเล็งปืนใส่คนที่ตัวเองรักแท้ๆ

     มาเสียใจภายหลัง..แถมยังพยายามยื้อคืนมาสุดชีวิต แม้จะไม่กล้าไปเจอหน้า ก็ยังพยายามยื้อไม่ให้ผู้หญิงที่ตัวเองหลงรักไปเป็นของใคร

     พยายามบอกตัวเองว่ายังมีความหวัง..แต่เมื่อคำพูดของซิลเวีย...ที่บอกว่าฆ่าก็จงฆ่า..มื่อเธอพูดออกมาก็ไม่ต่างกับคำสาปส่งให้มันตายทั้งเป็น..


      ....จมลงไปเช่นเดียวกับเขาที่ลงสู่ความผิดหวัง สู่โลกที่มืดมิดและไร้ซึ่งกำลังใจด้วยคำพูดประโยคหนึ่งเช่นกัน...


       สาสมที่สุดแล้ว


      "...น่าเสียดายนะ ราฟาเอลโร่ ที่เขาไม่ได้บอกให้ฆ่าแกด้วยวิธีไหน..." คาวัลโลหัวเราะเบาๆ ริมฝีปากเหยียดยิ้ม " แต่สำหรับแกตอนนี้ จะด้วยวิธีไหนก็คงไม่ต่างกันล่ะมั้ง "

      "..............."

       "...คราวหลังก็อย่าคิดพยายามโง่ๆด้วยการมาแย่งของๆฉันอีกก็แล้วกัน ! "


         คาวัลโลฟาดกำปั้นลงบนใบหน้าของราฟาเอลโร่สุดแรง จากนั้นเขาก็ลุกพรวด จ้องมองใบหน้าของราฟาเอลโร่ บอนด์เต้ และฟิลิเป้ เรกาโซ่ สองมาเฟียที่กล้ามาหยามศักดิ์ศรีตนด้วยแววตาวาววับ

      และตอนนี้พวกมันทั้งสองต่างก็ได้รับผลตอบแทนที่สาสมที่สุดไปแล้ว..


         " คาวัลโล "  น้ำเสียงที่เคยคุ้นเอ่ยเรียกทำให้ร่างขยับไหว คาวัลโลหันไปสบตาอัลชาอ์ที่ยืนอยู่นอกห้องขัง สีหน้าของชีคหนุ่มนิ่วปนถอนใจหน่อยๆกับสภาพของสองนักโทษที่บัดนี้อยู่ในสภาพย่ำแย่เกินบรรยาย

         " ...ไม่ได้ทำอะไรเกินกว่าเหตุซักหน่อย "คาวัลโลตอบกลับสายตานั้นด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะเดินออกมาด้านนอกเพื่อสมทบกับอัลชาอ์ เขาหันไปมองร่างของสองมาเฟียคู่แข่งอีกครั้ง สภาพของฟิลิเป้นั้นนอนพังพาบครวญครางกับรอยแผลที่มืออันปรากฏอยู่อย่างน่าสมเพช..และราฟาเอลโร่...ยังคงนอนกลิ่งโค่โร่อยู่บนพื้นห้องขังราวกับหมดเรี่ยวแรง สภาพร่างกายอาจจะไม่ได้บาดเจ็บเพิ่มเติมมากนัก ทว่าสีหน้าและแววตาไม่ต่างกับคนใกล้ตาย...

           "เฮ้อ......อีกไม่นานก็คงได้กลับแล้วสินะ.....น่าเสียดายจริงๆ "  คาวัลโลบ่นออกมาแล้วเดินหันหลัง ไหสไหล่เดินออกไปด้วยสีหน้าชาเฉย เกมส์นี้อาจจะน่าเสียดายที่เขาไม่ได้ฆ่าพวกมันดั่งใจ อาจะดูเหมือนตัวเขาพ่ายแพ้ หากความจริงแล้ว เขาชนะ...

          มาเฟียหนุ่มเหยีดยิ้ม ก่อนจะสาวเท้าตามอัลชาอ์ไม่หันไปสนใจสองคู่อริที่เขาจัดการมันไปแล้วอีกต่อไป  ฝ่าเท้าของคาวัลโลย่ำไปตามทางเดินตามหลังชีคหนุ่มที่เดินนำไปเพื่อจะพามายังห้องขังอีกแห่งที่มีนักโทษอีกรายถูกจับไว้..

        คาวัลโลจ้องมองใบหน้าและดวงตาของชายผู้ซึ่งถูกจับได้ฐานเป็น"สายลับ"สืบข่าวของทางเซเนียยาให้กับศัตรูด้วยวสายตาครุ่นคิด ใบหน้านั้นมีร่องรอยอ่อนล้า ดวงตาหรุบต่ำ ทว่ายังคงวาววับไม่ยอมแพ้ สภาพถูกสอบสวนด้วยฝีมือของสองพี่น้องเซฮามัคไม่ได้เลวร้ายอะไรเท่าไหร่นัก แต่ก็เค้นอะไรมาไม่ได้เช่นเดียวกัน..

       นัยน์ตาสีน้ำทะลหรี่ลงน้อยๆ มองหน้าสายลับตรงหน้าด้วยท่าทีกังขา ก็จริงที่ว่าการมาของชายคนนี้มีปัญหานับแต่หายตัวไปและมีปัญหากับอัลชาอ์มาก่อนแล้ว ก็ไม่แปลกที่เขาจะแก้แค้นด้วยวิธีนี้...ไม่แปลกที่อัลชอาอ์จะสั่งจับตาดู แต่ทว่าเมื่อสบตากับสายลับที่ว่า ความนัยน์บางอย่างในดวงตาคู่นั้น ทำให้เขาต้องหรี่ลงลงอย่างครุ่นคิดหนัก..   

      ...ไม่รู่อะไรกำลังบอก ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังกระซิบ...ว่าทุกอย่างมันง่ายเกินไป...

      สายลับที่หาตัวกันอย่างเอาเป็นเอาตาย คนที่สืบข่าวของพวกเขามาตลอดคือคนๆนี้งั้นเหรอ?

     จริงอย่ที่ว่าแรงจูงใจต่างๆมันช่างสมเหตุสมผลจนยากจะปฏิเสธ..แต่...เมื่อได้มองเห็นสีหน้าและแววตาของอัลชาอ์ นั่นเป็นอีกครั้ง ที่คาวัลโลบอกตัวเองว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น..

      ...เรื่องราวที่ใกล้จะจบ ปัญหาที่พยายามค้นหาต้นตออย่างเอาเป็นเอาตาย จู่ๆเหยื่อจะเดินมาติดกับเองง่ายๆ มันน่าเชื่อนักงั้นหรือ?...แถมยัง เป็นคนที่เพิ่งเข้ามาถึง ไม่น่าจะเชี่ยวชาญพื้นที่อะไรด้วยซ้ำ..

      คาวัลโลจ้องมองดวงตาของชายหนุ่มตรงหน้า ....สถาปนิกเจ้าของโปรเจกต์ออกแบบที่อัลชาอ์พอใจ ..ชายที่เคยเป็นแฟนโรเบิร์ตและหักอกฝ่ายนั้นจนเจ็บแสบ คนที่ถูกอัลชาอ์เล่นงานจนล้มละลาย..คน...ที่บัดนี้มีสภาพเป็นสายลับที่ถูกจับได้อยู่ตรงหน้า..

        " ถึงขั้นนี้แล้วคณพอจะพูดอะไรออกมาได้บ้างหรือยัง..คริส"

           อัลชาอ์ออกปากถาม..ทว่าสิ่งที่ตอบรับก็มีเพียงความเงียบและลมหายใจหอบยาว...ขณะที่คาวัลดลจ้องมองท่าทีของผู้คนในห้องขังนี้อย่างใครครวญ...ทีละคน...ทีละคน

        ..รามิล...ราเซย์....อัลชาอ์ คริสและตัวเขา...

        คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าผู้ร้าย คนที่จับได้คือผู้ชนะ...มันก็ควรเป็นแบบนั้น

     ....แต่ลางสังหรณ์บางอ่างบอกกับเขา ว่าเรื่องแบบนี้ มันง่ายเกินไป..



        ใคร...กำลังหลอกเขาอยู่



..................


      ...มาแล้วววว  :-[
  / รู้ตัวว่ามาช้ามาก อย่าเอาถ้วยไหกะละมังมาปาเค้านะ :sad4:
     ขอโทษด้วยคะที่ไม่ได้แจ้งข่าว จริงๆคืออ่านหนังสือสอบเลยไม่มีเวลามาอัพ ขอโทษด้วยค่า :impress3:

     ส่วนตอนนี้...ชอบคาวัลโลตัวร้ายของเรื่องมาก..กร้าก ก ก ไม่ใช่นายเอกแล้ว แกเป็นตัวร้าย ย ย ย  :laugh:
     แต่ชอบที่คาลตัดสินใจโต้ตอบราฟาเอลโร่ด้วยวินี้นะ หึหึ แหล่มเป็ดมาก สะอกสะใจกันไป รู้สึกฮีหยดหยองและกวนตีนมากตอนพูดบิวด์ให้(อดีต)คนเคยรักเขาสั่งฆ่ากัน...เอ็งนี่มันช่างร้ายกาจนักกกกไม่เสียแรงที่ฟูมฟักเลี้ยงดู (?)
     ส่วนเรื่องคุณลุง ความจริงวางไว้แล้วว่านี่เป็นอีกช่วงแสดงพัฒนาการของคาวี่  แบบว่าเห็นอัลที่ทำเลยอยากเอาบ้าง ไม่อยากฆ่าอย่างเดียวเหมือนตัดปัญหา อยากเป็นคนดีแบบชีคบ้างอะไรแบบนี้ ถือว่าส่งอิทธิพลต่อกันก็แล้วกัน อัลเปลี่ยนคาวี่ ส่วนคาวี่..เอ้อ...ก็เปลี่ยนนอัลนิดหน่อย (เปลี่ยนให้โหดขึ้น??)  :laugh:
        และที่คุณอาปิด อันนี้ก็แล้วแต่จะคิด เพราะถ้าบอกว่าพี่ชายไม่เป็นไรเรื่องเคลียร์หมด คาวี่มันอาจจะไม่ไปจริงๆก็ได้นะ ขนาดรู้ข่าวว่าพี่ตายตอนแรกยังทำท่าจะไม่ไปอยู่ดี เป็นเราเราก็หวั่นล่ะว้า ว่ามันจะเปลี่ยนใจ
  และ...คุณสายลับ ไม่ผิดความคาดหวังมั้งว่าเป็นใคร 5555+ ฮีแกก็มีแนวน้มมมาแต่ตาแรกแล้ว แต่งานนี้คาวี่กระซิบว่ามันต้องมีไรมากกว่านั้นสิ ตุกำลังโดนใครหลอกอยู่ อะไรแบบนี้ ก็รอดูกันต่อไป
ปล. เรื่องของรางวัลประกาศผลขอพรุ่งนี้นะคะ ขอเวลาตัดสิน กร้าก  ก ก
 ปล. 2 คาวี่ใกล้จะจบแล้ววววววว ดีใจด้วยยย   :o8:

   ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 03-10-2011 03:17:12
 :z13:
มาแว้ว คิดถึงคาวี่มาๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 03-10-2011 03:25:33
+1 จ้าาา
สงสารคลาก ต้ออมาทนเห็นคาวี่จีบอัลชา 55+ แต่เราเป็นเราจะกรีดร้องมากอยากดู
ใครกันนะที่พยายามเล่นตลก หลอกลวง อยู่
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 03-10-2011 04:26:32
โอยยยสนุก ชิงไหวชิงพริบกันจริงอะไรจริง จะจบแล้วเศร้าใจจัง ชอบเรื่องนี่สนุกดี

โหวตชื่นชม 1
โหวตบวกเป็ด 1
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 03-10-2011 10:55:24
คาวี่ อี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คิดเถิงงงงงงงงงงงงง
นู๋กวนฝ่าทะรีนได้มันหยดมากลูก แบบนี้สิที่รัก ที่นู๋คู่ควร
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 03-10-2011 11:15:01
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 03-10-2011 12:49:05
โอ๊ะโอ มาแล้วๆ
คาวี่เถื่อนมากกก ร้ายกาจ!!! 55
สะใจด้วยอีกคนกับอีตาฟิลิเป้ โดนซะมั่ง
แต่แอบสงสารราฟาเอลโร่นิดๆนะ เจอคาวี่จัดเต็ม กรั่กๆ
ส่วนท่านชีค ก็หล่อนิ่งๆ รอคาวี่จีบต่อไป~ ><
ใกล้จบแล้วววววว ตื่นเต้น^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: dezzetoeiiz ที่ 03-10-2011 13:21:49
 :laugh: :laugh:
โอ้ยยยยยย คาวี่เอ้ยยย โหดจริงๆ
รู้สึกจะมีความสะใจมากๆที่ได้แก้แค้น อัลชาอ์เห็นแบบนี้แล้วขยาดบ้างมั๊ยเนี่ย
เลี้ยงลูกเสือไว้จริงๆ ไม่ใช่ลูกแมวแล้วล่ะ

ถ้ามันง่ายเกินไป สงสัยจะมีเรื่องอีกแน่เลย อย่ามาม่ามากเลยนะ
กว่าจะมาหวานถึงนี่ เค้ากินมาหลายซองละ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 03-10-2011 16:41:17
สะใจกับวิธีแก้เผ็ดของคาวัลโลมากกกก สาสมแล้ว ฮ่าๆๆๆ

ตกลงคริสไม่ใช่สาบลับแล้วใคร อย่าบอกนะว่า แฟนเก่าอัลอ่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 03-10-2011 17:32:50
ช้าไม่เป็นไรยังรอได้เสมอ  คุ้มค่าจริงๆ คาวี่ทำได้สะใจมากๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: l2ockyou_l3ody! ที่ 03-10-2011 18:23:47
แหม่ะ นึกถึงวันข้างหน้าแล้วก็ ...  :เฮ้อ:



แต่ตอนนี้คาวี่เหี้ย(ม)สุด เอาไปเลย 7เป็ดพี่คนแต่ง  :กอด1:



 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 03-10-2011 19:17:05
นานมากแต่ก็คุ้มค่ากับการรอคอย
คาวี่โหดได้ใจมากค่ะ เหมาะสมกับมาดมาเฟียดีจริงๆ
ดีนะที่อัลซาล์ไม่เข้ามาได้ยินตอนคุยกับซิลเวียไม่งั้นแย่
สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 03-10-2011 19:30:07
 o13 ยาวมากกก  อ่านสะใจไปเลย

ชอบคาวี่ค่ะรู้สึกถึงสองมุมในตอนเดียว  อยู่กับอัลชาก็อ้อนน่ารักแถมตามจีบต่างหาก555
พอเจอศัตรูฮีก็น่ากลัวมาก มาเฟียขาโหดเข้าสิงทันที  รู้สึกว่าเรื่องคลี่คลายแล้วแต่จบ
ด้วยปมใหม่ซะงั้น  อยากรู้จังเลยว่าจะเป็นยังไงต่อ

ปล.+1และเป็ดให้นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 03-10-2011 21:42:40
เอิ่มมม  มาเฟียคาวี่กลับมาแล้วว  โหดซะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: sakerum ที่ 03-10-2011 21:49:51
 :a5: รึว่าสายลับตัวจริงจะเป็น.....โรเบิร์ต ชอว์ตัน

ใกล้จะจบแล้วสินะ อิอิ

รอๆ อัพไวๆน้า

เป็นกำลังใจ :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 03-10-2011 22:57:50
" คิดจีบผมอยู่หรือไง คาวัลโล ? "

           "...ใช่สิ ! "

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด คู่นี้เวลาหวาน หวานได้โล่สุดๆ

ส่วนเวลาโหด...เอ่อ โหดได้อีกอ่ะเพ่น้องงง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: kisssky ที่ 04-10-2011 00:00:04
คาวี  :กอด1: ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ารักไปหมดแหละ  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 04-10-2011 22:07:04
คิดถึงทั้งคาวีและคนเขียน
ว่าแต่ใกล้จบแล้วจริงๆเหรอเนี่ย
ชอบนะออกแนวบู๊ๆแบบนี้รักระหว่างรบ
เรื่องหน้าจะมีออกแนวนี้อีกไหมช๊อบชอบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: boworange ที่ 05-10-2011 00:42:51
 o18 ในที่สุดก็ตามอ่านหนูคาวี่จนทัน. แม้จะช้ามากๆ

อยากบอกว่าสนุกมากและเนื้อเรื่องโครตน่าติดตาม อ่านแล้ววางไม่ลงไปเลยทีเดียวคะ  o13

กด Like ให้หลายๆครั้งเลยนะ

ปล.มาอัพบ่อยๆนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 05-10-2011 02:18:25
รอมานานนมากกกกกกกกกกกกก
แทบขาดใจแหนะ

มาต่อบ่อยๆ ไวๆนะคะ

อ่านตอนนี้แบบงงๆ ขอสารภาพว่าแอบลืมตอนที่แล้วไปนิดนึงง แหะๆ > <

ถ้าคริสไม่ใช่สายลับแล้วใครเป็นสายลับล่ะเนี่ย!!
ไม่เอาคนใกล้ตัวนะคะ กลัวชีคผิดหวัง ฮี่ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 10-10-2011 21:55:19
ขอแปะก่อน
แอบเครียด เข้าเล้าไม่ได้ ><

.........................

ทำร้ายร่างกายแป๊ปๆมันก็หาย แต่จิตใจนี่มันฝังลึกเกินกว่าจะจาง
คาวี่ร้ายมากกกก เป็นนายเอกไม่ไหว หนับหนุนให้เป็นตัวร้ายอีกคน ฮ่าๆ
ชอบตอนอาคลาร์กหมั่นไส้คาวี่อ่ะ อยากจะหัวเราะใส่คุณอาเหลือเกิน
คุณอาต้องทำใจนะ เขารักกัน ทั้งตัวและหัวใจไปแล้ว :haun5:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 13-10-2011 01:36:47
เท่เกิ่น  น น น น
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 13-10-2011 13:43:08
โอ้ว เลือดเย็น สมดังมาเฟีย :z3:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 14-10-2011 21:27:03
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ พึ่งได้มาอ่านไม่นานมานี้ ก็พอได้อ่านก็เข้าใจตัวนายเอกค่ะ ซึ่งตามความคิด
ของวิวนั้น คาวี่เป็นคนที่ไม่รู้ใจตัวเองค่ะ ออกแนวใจดีด้วยซ้ำแต่วิถีทางทำให้ต้องแสดง
ออกอีกอย่าง นายเอกค่อนข้างจะเข้าใจสถานการณ์ได้ดีเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับท่านชีคของเรา
ที่ออกจา ฉันอยากจะทำอะไรก็ทำ อะไรประมาณนี้แหละค่ะ แต่ก็โอเคนะคะ  จารอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 14-10-2011 23:53:25
สวัสดีค่ะ คุณนักเขียนนน ตามอ่านมาจนครบทุกตอนน สนุกมากมาย  เรื่องราวซับซ้อนซ้อนเงื่อน ปมแน่นปึก เลยจริง ๆ ฮ่าๆ

สนุกมากมายเลยค่ะะะ ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 20-10-2011 16:33:13
เข้ามาช่วยดัน  ตกไปหลายหน้าแล้วนะ

 :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Fairy_94 ที่ 20-10-2011 23:38:36
รออยุนะคะ! !!!~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 21-10-2011 20:35:59
ย่องเข้ามาดูอีกรอบ :m7:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: sakerum ที่ 21-10-2011 22:02:15
แวะมาดู ..... ว่าอัพหรือยัง
ชักจะยากแล้วนะเนี่ย คุคุคุคุคุ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 22-10-2011 21:35:17
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: sarama ที่ 22-10-2011 23:00:32
คาวี่ร้ายแต่ก็รักค่ะ มั่นมากลูก ตอนที่ยอมรับเรื่องจีบอัลชาอ์นี่โดนมาก...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 23-10-2011 22:15:22
20 วัน ผ่านไป :undecided: :undecided:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: katte ที่ 24-10-2011 14:52:31
แจ้งข่าวแทนคนเขียนค่า :o12:

ตอนนี้ป้าคนเขียนกลับบ้านค่ะ ไม่สะดวกจะอัพเดตตอนนี้
อีกสองวันคงมาอัพเเล้วค่ะ อิอิ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: PAnppyJunJii ที่ 24-10-2011 17:51:41
มาดันกระทู้  นานแล้วนาาาาา

คิดถึงคาวี่จัง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 26-10-2011 16:50:28


Line 43 : คำตอบ




    นาฬิกาเดินอย่างเที่ยงตรงบอกเวลาบ่ายสองโมงสี่สิบห้า  อากาศในห้องขังค่อนข้างร้อนอ้าวขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศภายนอกที่ยิ่งทวีความร้อนจัด ผนังโบกปูนซีเมนต์ฉาบเรียบทว่าไร้การตกแต่งใดๆเนื่องจากใช้มันเป็นเพียงห้องขังราวกับจะแผ่ความร้อนออกมาเมื่อยืนอยู่ใกล้ นัยน์ตาของคาวัลโลมองไปยังร่างของ"สายลับ"คนที่ว่ามาเฟียหนุ่มหรี่ตาลงช้าๆ..จ้องมองการสอบปากคำที่ไม่ได้อะไรเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ


         " จะทำแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ ? "ที่สุดก็ทนไม่ไหวจนต้องออกปากถาม นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองภาพความรุนแรงเบื้องหน้าด้วยแววตาเรียบเฉย..ก็มันเป็นเพียงแค่การชกต่อยธรรมดาเท่านั้น ไม่เห็นจะมีอะไรแตกต่าง


         "..คุณจะลองบ้างหรือไง " อัลชาอ์เลิกคิ้วเนิบช้า เอ่ยถามกลับ


         " ไม่มีอารมณ์.." คาวัลโลยักไหล่เฉยเสีย เพราะมันไม่น่าสนใจและไม่มีอะไรให้สนใจ "กะอีแค่..สายลับกระจอกๆคนนึง "
    นัยน์ตาสีน้ำทะเลปรายมองร่างของคริสอีกครา ใบหน้าฟกซ้ำ สีหน้าเหนื่อยอ่อนและร่างกายที่หอบระโหยโรยแรงนั้นอยู่ในสภาพทรุดโทรม ทว่าดวงตายังคงวาววับไม่ยอมแพ้..ใจแข็งสมกับเป็นสายลับ ทว่าร่างกายก็อ่อนแอเกินกว่าจะเป็น"มืออาชีพ"เช่นเดียวกัน


           " คุณสงสัยมาแต่แรก แล้วจะเอาเขาเข้ามาทำงานทำไม " คาวัลโลส่ายหน้า..จ้องมองชีคหนุ่มซึ่งมองการสอบสวนด้วยแววตาวาววับ..


           ริมฝีปากของคนฟังยกยิ้ม " มันจำเป็น "


           " หาเรื่องใส่ตัว "คาวัลโลพ่นลมหายใจพลางส่ายหน้า..." แล้วจับได้ยังไงล่ะ ? "


          " ก็คิดโง่ๆ แอบติดกล้องสอดแนมในวัง โง่เสียจนไม่รู้ว่าที่นี่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ทั่ว " ราเซย์เอ่ยตอบคำพลางใช้สายตาหยามหยันสาดไปยังร่างของผู้ร้ายที่ตนจับมาได้ แต่ใจความนั้นทำให้คาวัลโลยิ่งสงสัยหนัก..


        ....โง่เกินไปจริงๆเสียด้วย..


        โง่จนไม่เหมาะจะเป็น"สายลับ"เอาเสียเลย


          " เหรอ..แล้ว..คิดจะเอาไปให้ใครกันล่ะ? "


          " กำลังเค้นเอาคำตอบอยู่นี่ไง.." รามิลตอบสั้นๆ ขณะที่คนฟังกรอกตามองเพดานห้องขังอย่างเบื่อๆ..ในเมื่อการเค้นเอาคำตอบยังไม่ไปถึงไหน คนถูกถามก็ไม่ยอมปริปากอะไรสักคำ แถมการ"เค้น"เอาคำตอบยังดูไม่จริงจังเสียด้วย..


         ยิ่งมองยิ่งสงสัย...คาวัลโลคาดว่าต้องมีอะไรซ่อนอยู่ในเหตุการณ์นี้แน่นอน..


           " ...หมอนี่...เป็นอะไรนะ สถาปนิกใช่ไหม? "คาวัลโลเอ่ยปากถามลอยๆ พลางมองหน้าคนถูกจับแล้วพ่นลมหายใจช้าๆ " ตรรกะพื้นฐานอย่าง"ที่นี่เป็นพระราชวัง มีทหารประจำ มีการรักษาความปลอดภัย ก็ต้องมีกล้องวงจรปิด "แค่นั้นก็คิดไม่ออกรึไง? แล้ว...ในเมื่อเป็นสถาปนิก ก็ต้องดูออกสิว่าโครงสร้างอาคารแบบนี้ สมควรจะจัดวางกล้องไว้มุมไหน ยังไง ...จะบอกว่าไม่รู้เพราะเป็นอาคารแบบสถาปัตยกรรมอาหรับก็ไม่ใช่ ในเมื่อตัวเองเป็นฝ่ายออกแบบอาคารหอสมุดแห่งชาติที่โครงสร้างไม่ต่างกัน จะบอกว่าไม่ศึกษางั้นเหรอ..ถ้าอย่างนั้นใครจ้างมาเป็นสายลับคงโง่ตาย...แบบนี้มันไม่แนบเนียนเอาซะเลย "


           "....คาวัลโล.." ชีคหนุ่มเเห่งเซเนียยาขมวดคิ้วฉับกับข้อสันนิษฐานอันไม่ไว้หน้าของมาเฟียหนุ่มตรงหน้า  พลางเอ่ยปากทักท้วง..


           "นี่คุณกำลังปิดอะไรผมอยู่ ?" คาวัลโลนิ่วหน้า เอ่ยปากถามชีคหนุ่มทันควัน ขณะที่สองพี่น้องเซฮามัคเริ่มหันมาด้วยท่าทีไม่พอใจ


          "จะบอกว่าเราจับคนผิด...ทั้งที่ผมเห็นเองกับตา.."


          " หุบปาก!! ไม่ได้คุยกับพวกแก " คาวัลโลตวัดสายตาไม่พอใจใส่ราเซย์ และหันไปจ้องชีคหนุ่มเขม็งอีกครั้ง ดวงตาสีน้ำทะเลหรี่ลงช้าๆ...จ้องมองเพื่อถามเอาความจริงจากชายหนุ่มเบื้องหน้า..ซึ่งกำลังปิดยบังอะไรบางอย่างกับเขาอยู่..


           " หรือ...คุณกำลังปกป้องใคร..." ดวงตาสีน้ำทะเลวาววับ...ไม่พอใจกับข้อสันนิษฐานที่ปรากฏชัดเจนที่สุด..


           " เมื่อได้ผู้ต้องสงสัยเราก็ต้องจับนะคาวัลโล หรือจะให้ผมปล่อย ทั้งที่เห็นเขาทำความผิดอยู่ซึ่งหน้า " อัลชาอ์ส่ายหน้าพลางถอนหายใจพรู " ผมว่ามายืนเถียงกันตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ "


            " ตอบผมก่อนสิ ! "คาวัลโลส่ายหน้า เอ่ยปากอย่างดื้อดึง


           " ผม...." ชีคหนุ่มเอ่ยปาก จ้องมองตอบสายตาคู่นั้นราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าก็เพียงแค่คิดจะพูด เพราะอีกหนึ่งวินาทีต่อมา อัลชาอ์ก็พ่นลมหายใจช้าๆ จ้องมองตอบแววตาวาววับคู่นั้นด้วยสีหน้าชาเฉย


           " เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ "


           " นี่..! ผม......"


           " อย่าลืมว่าเราตกลงกันไว้แล้ว และตอนนี้ตัวคุณอยู่ในสถานะไหน นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาก้าวก่าย  "นัยน์ตาสีเข้มจ้องสบไม่อ่อนข้อ ฝ่ามือหนาคว้าหมับที่ต้นแขนของมาเฟียหนุ่มแล้วกระตุกแรงๆเป็นสัญญาณให้หยุดอาการหงุดหงิด พร้อมจะกระทืบบาทตวาดอึงไว้เท่านั้น และบอกอีกเช่นกัน ว่าตอนนี้อยุ่ในสถานการณ์ไหน..ใครมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์

           " รามิล ราเซย์..จัดการต่อไป ส่วนคุณออกมาได้แล้ว  " อัลชาอ์พ่นลมหายใจแรง ออกแรงลากดึงร่างของคาวัลโลให้ห่างออกมาจากกรงขัง ชีคหนุ่มออกแรงลากเจ้าคนที่ยังมีท่าทีขัดเคืองไม่น้อยให้ออกมาพ้นจากห้องขังนั้น และเมื่อก้าวไปถึงปากทางขึ้นจากเรือนจำ พบร่างของสองมาเฟียที่ยืนรออยู่พร้อมฮาซาน จึงยอมหยุดฝีเท้าในที่สุด

          ร่างของชีคแห่งเซเนียยาหมุนตัวกลับ จ้องมองใบหน้าและแววตาไม่พอใจของคาวัลโล วาลกัส ดวงตาสีน้ำทะเลคู่นั้นยังคงขุ่นมัวและเต็มไปด้วยความไม่พอใจ..ปกติมันคงทำให้อัลชาอ์ใจอ่อนและนึกยอมอ่อนลง ทว่า..ไม่ใช่กับตอนนี้...

        " บางครั้ง เราไม่จำเป็นต้องพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดทุกอย่าง คาวัลโล.."

         "แล้วไง?...จะบอกว่าผมควรยืนโง่ๆมองคุณทำเรื่องบ้าๆจนจบรึไง? "คนถูกสอนขมวดคิ้วกับคำพูดเสียดหูแล้วเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้...ทำให้ชีคหนุ่มนิ่วหน้ากับวาจาเสียดหู..หงุดหงิดกับคนที่พอกลายเป็นไฮยีน่าตัวแสบแล้วก็ช่างดื้อด้านและรั้นเสียจนน่าปวดหัวเป็นที่สุด

         " ผมว่าผมบอกคุณดีๆก่อนแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ออกมาเงียบๆ..แต่คุณกลับโวยออกมาเสียได้.. ทุกสิ่งย่อมมีเหตุผลในตัวของมันนะคาวัลโล ถึงแม้ตอนนี้คุณจะไม่เห็นก็ตาม...เอาล่ะ ออกไปได้แล้ว ไปทำ"ธุระ"ของคุณให้เสร็จเรียบร้อยเสีย " ชีคหนุ่มเอ่ยตอบสั้นๆ ไหวไหล่หันหลังกลับไปยังห้องขังเดิมที่จากมาอย่างรวดเร็ว ท่าทีชาเฉยไม่ใส่ใจนั้นทำให้คนมองหน้านิ่ว ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันควัน

          "...พูดแบบนี้แล้วจะเดินหนีไปอย่างนั้นน่ะเหรอ...อัลชาอ์ ! กลับมานี่นะ.! คุณมาปิดผมแบบนี้ได้ยังไง! ..." คาวัลโลดิ้นเร่า ออกปากทักท้วงทันควันด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง

          " โวยวายอะไรของแก คาวัลโล " ทำท่าจะหันหลัง หันรีหันขวานจะเดินไปคว้าแขนอัลชาอ์ออกมาพูดกันให้รู้เรื่องแต่มือของคนมากแรงกว่าคว้าหมับ ถามด้วยน้ำเสียงเข้มๆที่ส่อแววตำหนิชัดเจน

          "คุณอา...." คาวัลโลหันขวับ ครางเบาๆพลางมองหน้าคลาร์กซึ่งกำลังขมวดคิ้วให้เขาแบบไม่พอใจเล็กๆ

          " เป็นอะไร? มาโวยวายอย่างกับเด็กๆ " คลาร์กนิ่วหน้าใส่หลานชายตนอย่างไม่พอใจ ฝ่ามือที่กำแขนออกแรงกระตุกเบาๆให้ร่างของคาวัลโลต้องเดินตามแรงตน แม้ว่าใบหน้าของคนถูกลากจะฉายแววไม่พึงใจกับท่าทีนั้นก็ตาม " เอะอะอะไรกันนัก แกจะไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับการทำงานของคนอื่นเขา หน้าที่ตัวเองมีทำไมไม่ทำ โวยวายอะไรอยู่ "

         " แต่...." แต่มันก็เกี่ยวกับเรื่องที่เขารับปากไม่ใช่หรือไง?

         " เมื่อกี้เขาก็บอกไม่ใช่เหรอว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่แกควรยุ่ง " คลาร์กนิ่วหน้า ละฝ่ามือออกจากแขนของหลานชาย ทันทีที่พาร่างของตนและคาวัลโลขึ้นมาจากคุกใต้ดินเป็นที่เรียบร้อย ใบหน้าของคุณอาที่กอดอกจ้องมองมาอย่างตำหนิทำให้คาวัลโลมีสีหน้าเจื่อน " ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นเรื่องความมั่นคงประเทศ เขามีเรื่องภายในที่ต้องจัดการ ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาที่ต้องมาแจกแจงให้แกฟัง ขอบเขตของ"คนนอก"กับ"คนที่อยู่ในตำแหน่ง"มันต่างกันนะ  คิดเสียบ้าง ไม่นานแกก็จะขึ้นเป็นบอส ยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าบางเรื่องเราก็ไม่จำเป็นต้องบอกทุกคนไปเสียหมด  "

          ".............."

          " อีกอย่าง ทำตัวจู้จี้จุกจิกเป็นป้าแก่ๆแบบนี้ มันน่ารำคาญนะ ระวังจะถูก"เบื่อ"ขึ้นมาซะล่ะ"  ริมฝีปากของคนพูดยกยิ้มยียวน..อีกทั้งใจความนั้นทำเอาร่างของคาวัลโลสะดุ้งเฮือก..

          มาเฟียหนุ่มผู้เพิ่งจะนิ่งฟังอย่างพยายามจะเป็นผู้ใหญ่พลันสะดุ้ง สีหน้าขัดใจกับวาจาของคลาร์กอย่างชัดเจน นึกว่าอาของเขาจะพูดจาสั่งสอนกันดีๆ แต่ดันแฝงไอ้ประโยคยุแหย่ชวนหงุดหงิดแบบนี้มันหมายความว่ายังไง!?

          " คุณอา! " คาวัลโลร้องแหว ขณะที่คนยุหัวเราะหึๆ สีหน้ามาดร้ายอย่างเห็นได้ชัด..

          " ก็แล้วมันจริงไหมล่ะ โหวกเหวกโวยวายขอให้"บอกหน่อย " "อธิบายหน่อย" ยังกับยัยป้าแก่ๆกลัวสามีทิ้ง เฮอะ ! " ปากคอเราะร้ายทั้งยังคำพูดคำจาแบบนั้นส่อแววอยากแกล้งและยุให้แตกคอแท้ๆ คาวัลโลยังทำเป็นไม่ได้เห็นแล้วดิ้นตามเสียอย่างนั้น....แกเร็ตมองแล้วถอนหายใจหน่าย..นึกระอาใจ และนึกสงสารชีคแห่งเซเนียยาขึ้นมาอีกหน่อย

         ..โดนคนอย่างคาวัลโลผูกติดหรือหลงรัก ไม่ต่างกับเอาตัวเองไปยืนอยู่ขอบเหวนรกเลยให้ตาย 

 
         "นี่....คาวัลโล "น้ำเสียงที่จริงจังขึ้นมาอีกนิดของคลาร์ก..ทำให้หลานชายตัวดีที่หน้านิ่วบ่นหงุงหงิงต้องหันไปมองอย่างจริงจังอีกครา..

         "...ครับ..." รับคำงึมงัม พลางขยับคอเสื้อโธปตัวยาวที่ถูกคลาร์กกระชากไม่เบาแรงเพื่อรั้งเขาไม่ให้เดินตามไปคุยกับอัลชาอ์ให้เข้าที่

         " เคยคิดบ้างไหม..ว่านี่มันแค่ความหลงน่ะ? "   คำถามจากเจ้าของดวงตาสีบรูเน็ตคู่นั้นจริงจังและไม่แฝงแววล้อเล่น..นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองมาด้วยสีหน้าพิจารณา ไม่ได้ดูถูกหรือต่อว่า..ทว่า มันเป็นความอยากรู้..และต้องการคำตอบโดยแท้จริง..

         "............."

          คาวัลโลขมวดคิ้ว...ไม่ตอบคำ เขาจ้องสบตาผู้เป็นอาที่หยุดฝีเท้า และจ้องมองมาเงียบๆ..อยากรู้ว่าเพราะอะไรคลาร์กถึงได้คิดแบบนั้น? หรือในสายตาของคลาร์กแล้ว เขายังแสดงความรู้สึกที่มีต่ออัลชาอ์ไม่ชัดเจนพอ?

        คุณอามองหน้าของเขาที่ฉายแววงวยงงแล้วถอนหายใจพรู....คล้ายเหนื่อยระอา

        " มันก็มีหรอกนะ ไอ้คำน้ำเน่าที่บอกว่าความรักไม่เกี่ยวกับเวลา..แค่เจอกัน...สบตากันแค่เเว้บเดียวก็ตกหลุมรักกันได้.." พูดเองแล้วขำเองพลางส่ายหัว คลาร์กมองหน้าเจ้าหลานชายคนสนิทที่เริ่มทำตาขวางใส่ อย่างบ่งว่ามันไม่ชอบที่จะถูกเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ว่าเป็นแค่"ความหลง"

       ..แต่จะไม่ให้เขาสงสัย..รึคาใจได้หรือ ในเมื่อความสัมพันธ์หรือสิ่งที่มันเรียกว่า"ความรัก"ของหลานชายเขานั้นเกิดขึ้นมาในเวลาเพียงไม่กี่คืนวัน!?

      " แต่ฉันสงสัย..คาวัลโล...ในวันนี้แกพูดว่าตัวเองจริงจัง...ไม่อยากกลับบ้าน อยากอยู่ที่นี่เพราะว่ารัก...ฉันอยากรู้ ว่าหากมันผ่านไปซักครึ่งปี..แกยังจะคิดแบบนี้อยู่อีกรึเปล่า...หรือสุดท้ายไอ้เหตุการณ์ที่แกดิ้นทุรนทุรายจะเป็นจะตายนี่จะเป็นแค่..ความหลงไหลชั่วครั้งชั่วคราว ...ที่สุดท้ายก็หายไปตามกาลเวลา  " ดวงตาของคลาร์กหรี่ลงช้าๆ จ้องมองหน้าหลานชาย..ที่บัดนี้มันก็จ้องมองสบตาตนเขม็ง

       " ระยะเวลาที่แกมาอยู่ที่นี่..ก็เพียงแค่สองเดือนกว่าๆ...นั่นน่ะ มันอาจจะมากพอที่จะเพาะความรู้สึกรักใครสักคนขึ้นมาก็จริง..แต่ที่ฉันสงสัยไม่ใช่จุดเริ่มต้น...แต่เป็นทางเดินระหว่างนั้นต่างหาก ถ้านี่มันเป็น"รัก"อย่างที่แกพูดจริงๆฉันก็ไม่ว่า..แต่ถ้าไม่..การที่แกมากำหนดอนาคตตัวเองด้วยความรู้สึกครึ่งๆกลางๆนั่นล่ะคือปัญหา..."

         "............."

          " ฉันไม่อยากให้ทางเดินของแกต้องมาบิดเบี้ยว หรือว่าพลัดหลง เพราะความรู้สึกชั่ววูบ หรือด้วยสิ่งที่มันคล้ายกับความรักหรอกนะ เพราะนั่นไม่ได้หมายถึงแก แต่หมายถึงฉันและวาลกัสทุกคน ที่ตอนนี้ต้องเดินตามเส้นทางที่แกขีดและจะนำพาพวกเราไป ถ้าผู้นำโลเล ไม่มีจุดหมายที่แท้จริง แล้วบรรดาลูกน้องอย่างพวกฉันมิต้องบรรลัยไปหมดหรือ? "

           ".........."

          "  ถ้าแกคิดขึ้นเป็น"บอส"และยังคิดจะเป็นคนรักของผู้ชายคนนั้นไปด้วยความหลงชั่วครั้งชั่วคราว...นั่นมันหมายถึงความเสียหายของวาลกัส ถ้าจะเป็นแบบนั้น ฉันว่าสู้ให้มันจบๆไปเสียยังจะดีกว่า "

          "นั่นคือสาเหตของการกระทำที่แล้วมาของคุณเหรอ? " คาวัลโล วาลกัส เปรยบถามออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย..หากดวงตาสีน้ำทะเลที่จ้องมองอาของตนนั้นวาววับ.. "นั่น..คือคำตอบของการกระทำบ้าๆที่แล้วมา ใช่ไหม? "

        คาวัลโลขมวดคิ้วมองหน้าคลาร์กเขม้ง..จากที่สงสัย และยังสงสัยมาตลอดว่าอะไรคือสาเหตุของการกระทำบ้าบิ่นนั้น คลาร์กที่เขารู้จัก..คุณอาของเขาอาจจะเป็นคนปากจัด หุนหันและร้ายกาจก็จริง แต่ทว่าเขาก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล ไม่ใช่..คนที่จะใช้กำลังหรือกระสุนปืนมายุติเรื่องราวทั้งหมดอย่างที่ได้แสดงออกมาเมื่อยามเช้าของวันนี้..

         หรือนี่จะเป็นเหตุผลของสิ่งที่คุณอาได้ทำลงไป...ใช้ความเป็นความตายและกระสุนปืนมาวัดใจและทดสอบความจริงจังของเขาอย่างนั้นเหรอ?

         "........"

          " ถ้าที่แล้วมาคุณอยากจะวัดใจหรือพูดหยั่งเชิงกันเล่นๆผมก็ไม่คิดจะโกรธหรอก..." คาวัลโลเอ่ยต่อเมื่อยังไม่มีคำตอบใดออกมาจากปากของคลาร์ก นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองใบหน้าของผู้เป็นอา..จ้องมองดวงตาคู่นั้นแล้วค่อยผ่อนลมหายใจช้าๆ..

          " แต่ถ้าที่คุณพูดมานั่นคือความรู้สึกจริงๆ...ผมจะถือว่ามันเป็นการหยามเกียรติผม..และไม่น่าให้อภัยอย่างที่สุด !"

            คาวัลโลจ้องหน้า คลาร์ก โรเซนเบิร์กผู้เป็นอาอีกครั้ง ครานี้เขาจับจ้องด้วยแววตาหนักแน่นและมั่นคงที่สุด จ้องมองสบดวงตาสีบรูเน็ตของคนที่เป็นทั้งครอบครัวคนสำคัญและมือขวาที่เก่งกาจเปี่ยมด้วยฝีมือ  ทั้งยังมองไปยังที่ปรึกษาที่ป็นดั่งมือซ้ายของตน..แกเร็ต เคย์ ซึ่งจ้องมองมาก่อนแล้ว ด้วยความสงสัยที่ไม่ต่างกัน...

           " ผมไม่สน...ว่าคนอื่นจะประเมิณค่าความรู้สึกหรือการกระทำของผมที่นี่ไว้แบบไหน...หลายคนมันก็มองว่าผมเป็นคนโง่..หลายคนก็บอกว่าผมมันบ้าและสมควรโดนดี หลายๆคนก็มองว่าผมกลายเป็นอีตัวสนองตัณหาคนอื่นเพื่อรักษาชีวิต...นั่นน่ะ..ผมได้ยินมาหมดแล้ว ผมรู้หมดแล้ว พบเจอมันและปวดแสบปวดร้อนกับคำพูดนั่น ดิ้นเร่าๆกับคำประณามหยามเหยียดของคนอื่นเหมือนคนบ้า คนโง่ ที่ไม่มีสมอง "

             " มาตอนนี้ผมถึงได้คิด...เพราะ"เขา"สอนผมว่าไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องคิดแทนคนอื่นว่าเขาจะมองกับเราแบบไหน ตราบใดที่เราไม่ได้เป็นแบบนั้น...ความคิดคนอื่นน่ะมันห้ามไม่ได้ แต่ความจริงจะพิสูจน์ให้เห็นได้เอง ไม่ว่าความรู้สึกของผมที่เกิดขึ้นจะเป็นแบบไหน จะแค่รักหลอกๆ หลงชั่วครั่งชั่วคราวแล้วจางหายไป หรือจะเป็นความรู้สึกที่มั่นคงจนตาย เวลาเท่านั้นจะเป็นตัวตัดสิน และนั่น...ผมก็อยากให้คุณรอดูให้ดี "

             " ผมไม่คิดจะพร่ำพูดหรอกว่าคุณไม่เข้าใจ คนไม่รุ้จักความรักหรือไม่เห็นใจคนอื่น ถึงมันจะเป็นความจริงก็เถอะนะ ..." ริมฝีปากบางระบายยิ้ม กระตุกขึ้นคล้ายขบขัน  " แต่ผมจะให้คุณรอดู...ดูว่าหลังจากนี้อะไรจะเกิดขึ้น...คอยดู...ว่า"บอส"อย่างผม.. คาวัลโลที่เป็นเด็กไม่ประสีประสาในสายตาคุณจะทำให้ได้รู้เอง...ว่าไอ้ความรู้สึกครึ่งๆกลางๆหรือความหลงที่คุณมองนั่นมันจะไปได้ไกลแค่ไหน..."

             " และที่สำคัญ อย่าประเมิณความรู้สึกหรือคำพูดของผมไว้ต่ำเกินไป...อะไรที่ผมพูดออกมาว่าจะทำก็คือทำ อะไรที่ผมตัดสินว่าใช่ก็คือใช่..ผมไม่แคร์ถ้าคุณจะสงสัยในความสามารถของผม คำสั่งของผม หรือกระทั่งสงสัยในตัวผม แต่กรุณาอย่ามาสงสัยในสมองและสติรู้คิดของผม..อย่ามาพูดว่าผมหลอกตัวเองว่ารู้สึกรักทั้งๆที่มันเป็นความหลง อย่าพูดเหมือนรู้ดีว่าผมเป็นแบบไหน..ตราบใดที่คุณไม่ใช่ คาวัลโล วาลกัส "


          คาวัลโลสบมองแววตาของผู้เป็นอา..จ้องเขม็งราวกับวัดใจหลังจากคำพูดนั้นจบลง ราวกับจะอยากรู้ ว่าผู้เป็นคนสนิทนั้นจะคิดตอบเช่นไรกับคำพูดของตน..

          ช้า...นาน....คลาร์กจึงค่อยพ่นลมหายใจช้าๆ...ราวกับเหนื่อยใจ..ไม่ก็หน่ายเกินกำลัง..


             "  นี่คือความตั้งใจของแกสินะ" คลาร์กพ่นลมหายใจหลังจากได้ฟัง...มีแนวโน้มสูงว่าต่อไปอนาคตแกงค์วาลกัสจะโดนครอบงำด้วยเงาของศัตรูที่มองไม่เห็นแถวๆประเทศแถบนี้..คิดแล้วน่าปวดหัวชะมัด

        แต่...ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ..

           คนเป็นอาจ้องมองใบหน้าของเจ้าหลานชายตัวแสบ...ใบหน้า...ที่แม้จะมีร่องรอยฟกช้ำจากการวิวาทแต่ก็ยังคงความสดใส ดวงตา...ซึ่งแม้ผ่านการร้องไห้ก็ยังวาววับด้วยความมีชีวิตชีวา..ทั้งยังคิดถึงรอยยิ้มแสนสุขหรือดวงตาที่เปี่ยมด้วยความรักความผูกพันธ์ในยามที่คาวัลโลจ้องมองผู้ชายที่มันรักคนนั้น..

          ..บางที...เขาก็อาจจะแค่กังวลไม่เข้าเรื่อง....คนแก่ๆอย่างเขาคงคิดมาก ห่วงอยู่อนาคตของลูกหลานจนเกินไป..

          ..มองหน้าหลานชายอีกครั้งแล้วก็ถอนใจอีกครา..บอกตัวเองว่าอนาคต...ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา แต่ขึ้นอยู่กับตัวมันที่จะตัดสินใจเอาเอง..

            จะเลือกความรักที่ต้องผ่านความยากลำบาก หรือความสุขแม้จะไร้หัวใจก็แล้วแต่ตัวมัน


              "..ใช่....." คาวัลโลพยักหน้ารับ..จ้องมองคลาร์กแล้วเอ่ยสำทับ " .แล้วก็ไม่ต้องพยายามพูดให้ผมหมดกำลังใจหรือไขว้เขว...เพราะผมไม่สนหรอกว่าจะมีคนสงสัยในความรู้สึกของผมสักกี่ร้อยกี่พันคน..ขอเพียงคนที่ผมอยากให้รู้เขาเข้าใจก็เพียงพอแล้ว"   

             " ...เหอะ....คนตระกูลนี้นี่มันหัวเเข็ง ไม่น่ารักเลยสิน่า " คลาร์กเอ่ยปากบ่นพลางส่ายหัว ฝ่ามือวางหมับลงที่ศรีษะของคนใกล้ตัว ขยุ้มผมแดงๆของแกเร็ต พลางดึงเล่นเบาๆ " ไม่น่ารักว่าง่ายแบบแกเร็ตบ้างนะหืออออ...พวกแกเนี่ย "

             "..นับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่เอามือออกมีเรื่องนะครับ " แกเร็ต เคย์ส่งเสียงเข้มๆใส่พลางขยับแว่นกรอบใสของตนเองแล้วกระแอมในลำคอ..สีหน้าไม่พอใจเด่นชัด... แต่คาวัลโลยังเห็นมันกำลัง..แอบยิ้ม?

             " กล้าก็ลองสิแก..." คลาร์กคำรามกลับคำขู่นั้น ไม่พอหนุ่มเยอรมันยังกำหมับที่โคนผม กระตุกเส้นผมสีแดงเรียบแปล้ของแกเร็ตอย่างเจตนามาดร้ายเป็นที่สุด

             "...เดี๋ยว....อย่ามาตีกันเฉไฉคำถามผมนะ ตกลงว่าไอ้เรื่องบ้าๆที่ผ่านมา ทำเพราะแบบนี้ใช่ไหม!....." คาวัลโลอ้าปากโวย คาดคั้นเอาบ้างเมื่อเห็นคุณอาที่รักและเจ้าเด็กในปกครองรายนั้นทำท่าจะตีกันอย่างที่เห็นประจำ เป็นผลให้คลาร์กหน้านิ่ว ยอมละมืออกจากเส้นผมของแกเร็ตและกลับมาบ่นเฉไฉอะไรไปเรื่อยเปื่อยเช่นคนไม่ยอมรับความผิด ..ทั้งๆที่โดนจับได้ซึ่งหน้าเสียขนาดนั้น

                แกเร็ตขยับตัวห่างสองอาหลานพลางเอื้อมมือเข้าจัดแต่งทรงผมตัวเองที่ถูกฝ่ามือของคลาร์กจัดการขยำเสียจนไม่เป็นทรง  ที่ปรึกษาคนเก่งของวาลกัสบ่นงึมในใจ นัยน์ตาสีทองมองไปยังสองอาหลานที่โวยวายคุยกันเบื้องหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย...แต่ถึงจะเบื่อเขาก็ยังยิ้ม เมื่อมองเห็นแววตาสุกใสของคลาร์ก โรเซนเบิร์ก ชัดถนัดตา

         ..บางที ชะตากรรมของเขาคงไม่ต่างกับชายที่เขาเพิ่งนึกสงสารไปเสียเท่าไหร่ เพราะการเอาตัวไปผูกติดกับคลาร์ก  ก็ไม่ต่างกับการเอาระเบิดเวลาห้อยคอไว้อยู่แล้ว

          แต่ยังไง...เขาก็พอใจที่จะได้แขวนมันไว้อยู่ดี..



  .....................
     
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 26-10-2011 16:52:16
มาพอดีอิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 42 :ง่ายเกินไป UP!! 3/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 26-10-2011 16:55:05
 

            ...มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นสักอย่างสิ


        คาวัลโล วาลกัส มาเฟียตระกูลดังที่บัดนี้มีตำแหน่ง"บอส"จ่ออยู่ตรงปลายเท้าขมวดคิ้วมุ่น ครางงึมงัมในลำคอด้วยความขัดใจ รู้สึกไม่พอใจและคันเคืองในหัวใจกับ"บางสิ่ง"ที่ทำเขาหงุดหงิดงุ่นง่านใจในวันนี้....

      ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองไปยังด้านนอกตัวอาคารพระราชวังที่เป็นสวนสวยปลูกตกแต่งด้วยต้นปาล์มและพรรณไม้เขตร้อนสวยงามแปลกตา อาณาเขตของสวนและพระราชวังแห่งนี้ใหญ่กว่าบ้านเขาสักยี่สิบเท่าได้ บ่งบอกความยิ่งใหญ่และฐานะอันสูงสุดของเจ้าของที่แห่งนี้ แต่นั่นแหละไอ้ "เจ้าของ"วังนี้และประเทศนี้นี่แหละที่กำลังทำให้เขาหงุดหงิดอยู่ หลังจากผ่านการมองดูสายลับถูกสอบสวนและถูกลากออกมาข้อหาโวยไม่เข้าท่า คิดจะกลับไปคุยให้รู้เรื่องก็ดันโดนคุณอาลากตัวมาเสียก่อนอย่างน่าเจ็บใจนัก

       ร้องจิ๊กจั๊กในลำคอกับเมฆหมอกความสงสัยและความไม่ชอบมาพากลที่ไม่ยอมจางหาย อยากจะออกไปถามไถ่ให้รู้เรื่องแต่ก็ติดสองมาเฟียที่คอยคุมเขาแจยังกับว่ากลัวเขาจะหนีหาย แถมอัลชาอ์ก็ยังไม่ยอมโผล่ออกมาหาเสียที...จะเดินออกไปเอง ตอนนี้ก็ดันติดเป็นเวลาสวดมนต์ละหมาดของคนที่นี่เข้าด้วย..

       คิดถึงละหมาดก็ต้องปรายตามองคนสองคนที่กำลังคุยอะไรกันโหวกเหวกโวยวายอยู่เบื้องหลัง คาวัลโลหันไปมองคุณอาที่รักกับคนในปกครองของฝ่ายนั้นด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย..อย่างตัวเขาที่ว่าชอบโวยวายไม่รู้กาละเทศะนักหนา ก็ยังพอจะรู้กฏกติกามารยาทหรือแม้แต่การวางตัวง่ายๆอย่าง"ห้ามเสียงดังเวลาประกอบพิธีทางศาสนา"อยู่บ้าง..แต่....ไอ้มาเฟียสองคนข้างหลังนี่สิ...

        คนจะเป็นบอสกรอกตามองลูกน้องคนสนิทอย่างหน่ายๆหนึ่งคือคุณอาที่รักซึ่งขึ้นชื่อเรื่องปากจัดชอบโวยวายอย่างไม่อาจหาใครเทียบ และอีกหนึ่งคือคนสนิทของคุณอาที่รู้ไส้รู้พุงกันดีจึงชอบจิกๆกัดๆกันไม่เลิกจนเกิดเสียงโวยวายหนวกหูไม่หาย..ต่อให้ห้องนี้จะอยู่ชั้นบนของวังและเป็นห้องพักอย่างดีที่ค่อนข้างจะเก็บเสียงได้พอตัวก็เถอะ...แต่การทำตัวแบบนี้มันก็เสี่ยงจะมีตำรวจศาสนาหรือทหารของอัลชาอ์ลากคอไอ้บ้าสองตัวข้างหลังไปให้สิงโตงับคอไม่น้อย..ยิ่งท่านชีคที่รักของเขายังเขม่นคลาร์กไม่เลิกยิ่งน่าโดนเข้าไปใหญ่

       คาวัลโลครางงึมงัมในลำคอ ก่อนจะหันกลับมามองกระจกภายนอกเพื่อคิดเรื่องที่ตัวเองสงสัยอีกครั้ง...หลากหลายทางเลือก หลายสมการวนไปมาในสมอง...

       จิ๊กซอว์ทุกชิ้นอยู่ครบ เหลือแค่การหมุน หันชิ้นส่วนต่างๆไปในทิศทางที่ถูกต้องเพื่อประกอบกันเป็นเรื่องราวที่สมบูรณ์..

       แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังน่างวยงง สงสัย ควรระแวงมากกว่ายามชิ้นส่วนขาดหายมากนัก เพราะยามมันหายไปก็ยังพอบอกได้เด่นชัดว่าส่วนใด้หายไปและกลับมาต่อกันเป็นภาพได้ทันทีเมื่อมันเข้ามา แต่นี่ไม่ใช่...นี่ตัวชิ้นส่วนซึ่งมีอยู่ครบแต่เพราะไม่รู้จุดเริ่มต้น เลยยิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูก

        คริสเป็นสายลับ...? ข้อนี้โกหกหรือเป็นจริงไม่ได้ต่างกันมาก..ตัวหมอนี่จริงๆแล้วก็แค่ชิ้นส่วนเล็กๆส่วนหนึ่ง...แต่แปลก...ที่มันถูกขยายสเกลความสำคัญเสียจนใหญ่เกินตัว..

       เพราะอะไร? เพราะอัลชาอ์บอกเขาเหรอ? รึว่าเพราะเรื่องราวที่มีมาก่อนหน้าของคนพวกนั้น แต่เขาไม่ได้ร่วมรับรู้ด้วยแน่ๆ หรือ...จะเพราะเขาคิดไปเองกัน?

       อัลชาอ์...ข้อนี้ท่านชีคที่รักต้องโดนซักให้ขาวสักรอบฐานปิดบังบางอย่างกับเขา

        รามิล ราเซย์...สองพี่น้องนี่ก็แค่ไอ้บ้าที่ถูกหลอก..เชื่อสิ

        สองมาเฟียราฟาเอลโร่กับฟิลิเป้ คนที่ตอนนี้โดนเขาจัดการจนหมอบ จะมีปัญญาอะไรได้ แต่พรรคพวกของมันสิ กลับน่าสงสัยอยู่พอตัว

        แล้วก็...โรเบิร์ต ชอว์ตัน..

        ชื่อนี้เเล่นเข้ามามีส่วนร่วมในทันทีที่นึกถึงข้อสันนิษฐานของตนเอง ข้อที่เขาคิดว่าอัลชาอ์กำลังจับแพะ...หาเหตุยัดคริสเข้าคุกแทนที่คนทำผิดจริงๆซึ่งอาจจะเป็นโรเบิร์ต ชอว์ตัน..แต่ที่น่าสงสัยคือหมอนี่ทำไปทำไม ไม่มีสาเหตจูงใจอะไร..หรือจริงๆแล้ว เรื่องสายลับนั้นไม่ได้เกิดขึ้น เป็นเพียงการใส่ร้าย เพื่อแก้แค้นให้กับเพื่อนสนิทของตน ทั้งอัลชาอ์ รามิล ราเซย์ และโรเบิร์ตรู้กันดีอย่แก่ใจ แต่แสร้งทำแสดงละครเพราะต้องการแก้แค้นและตบตาคนนอกอย่างเขาได้ แถมการถูกทำร้าย ทรมารในฐานะสายลับ..ข้อหานั้นต่อให้คริสจะเอาไปโวยฟ้องกับทูตของประเทศตัวเองก็ยังถือเป็นความผิด

       ...แต่...ไอ้ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมานี่มันก็บอกอยู่เช่นกันว่ามีเกลือเป็นหนอน...จะบอกว่าไม่มีสายลับก็ไม่ได้อีก..

        มาเฟียหนุ่มครางในลำคออย่างครุ่นคิด...งวยงงกับปัญหาที่คิดไม่ออก ไม่เข้าใจว่าสาเหตุจริงๆของเรื่องมันเป็นเพราะอะไรกันแน่..หรือเขาควรจะเลิกสนใจมันแล้วนั่งรอกลับอิตาลีดีกว่างั้นหรือ?

        แต่ไอ้เหตุวุ่นวายที่กลางเมืองทัสคานีนั่นอีก...จะให้ละเลยไปได้ยังไง?

       " เฮ้....ไปไหน? " คลาร์กออกปากถามเมื่อเห็นหลานชายตนเดินดุ่มออกไปจากห้อง คนถูกเรียกหันมามองไหวไหล่กับคำถามของตนเล็กน้อย


       " ไปธุระ เดี๋ยวมา "



................



         แทนที่จะมาคาดเดาอะไรวุ่นวาย หรือคิดไปเองให้ปวดหัว สู้มาจับตามองความเป็นจริงที่เกิดขึ้นต่อหน้ายังจะดีกว่า...



       เดินผ่านทางเดินที่มียามเฝ้าอยู่ประปรายด้วยสีหน้าเรียบเฉย ฝีเท้าก้าวลัดเข้าไปยังบริเวณชั้นใต้ดินที่เป็นที่สำหรับกักขังนกโทษรายสำคัญดังกล่าว คาวัลโลมองซ้ายมองขวา ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองไหม คนเฝ้ายามถึงได้น้อยผิดปกติ

        ..ฝ่าเท้าที่ก้าวอย่างมั่นคงพลันชะงัก เมื่อมองเห็นเวรยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูหน้าวัลโลขมวดคิ้ว ส่งเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอ..รู้ดีว่าคนของที่นี่ยึดถือคำสั่งอัลชาอ์มากแค่ไหน หากไม่มีคำสั่งมาโดยตรงล่ะก็ อย่าหวังว่าจะปล่อยให้ใครลอดออกไปได้..

       นัยน์ตาสีน้ำทะเลหรี่ลงช้าๆ ผ่อนลมหายใจ แม้ไม่อยากทำร้ายใคร..แต่...สถานการณ์แบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้..

       เหวี่ยงฝ่าเท้าแตะแจกันใบสวยที่อยู่ใกล้ตัวให้เอนล้ม เสียงนั้นทำให้สองยามชะงัก ขมวดคิ้วแล้วก้าวเท้าเข้ามาหาต้นตอของเสียง และจังหวะนั้นเองที่คาวัลโลเข้าชาร์ต เป็นฝ่ายสอดกายเข้าประชิดไปด้านหลังพร้อมกับสะบัดฝ่ามือฟาดลงไปที่ต้นคอให้ท้งสองทรุดฮวบและซัดอีกชุดเข้าที่หน้าท้อง เล็งตรงลิ้นปี่ให้จุกเสียดจนไม่มีเรี่ยวแรงและจัดการฟาดให้สลบเหมือนอีกคราก็เป็นอันเรียบร้อย..

     เหลียวซ้ายแลขวา ..โชคดีที่นี่เป็นพื้นที่ใกล้เรือนจำ ทางออกใต้ดินนั้นไม่มีคนสัญจรเท่าไหร่นักจึงไม่มีผู้สงสัย ประกอบกับคนที่ประจำอยู่น้อยกว่าปกติด้วยแล้วทางจึงยิ่งกว่าสะดวก เขาจัดการลากยามสองรายที่สลบเหมือดเข้าไว้ในมุมอับ จากนั้นจึงหยิบกุญแจใต้เอวพวกมันมาถือไว้ ไขเข้ากับแม่กุญแจที่ปิดล็อค เปิดทางไปสู้เรือนจำใต้ดินอย่างช่ำชอง..

       คนที่ทำตัวเป็นผู้ร้ายยักไหล่เสียไม่ได้...ไม่ได้อยากจะทำตัวเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี แต่ในเมื่อดันมีอุปสรรคขวางทางเขาเองมันก็ช่วยไม่ได้ ตอนนี้สิ่งที่ควรทำไม่ใช่การเกรงใจหรือฟังคำสั่งใคร แต่เป็นการหาความจริงออกมาให้ได้ต่างหาก..

   คาวัลโลพอจะรู้..เขาพอจะจับเค้าลางของความวุ่นวายและเส้นใยบางๆของความผิดปกติที่เชื่อมโยงกันอยู่ได้..

   หนึ่ง...คือชายที่เต็มไปด้ยประวัติโชกโชนน่าสงสัยมากมาย ถูกเรียกตัวมาใช้งานที่นี่อย่างพอเหมาะพอเจาะเสียจน"เกินไป"ราวกับว่าเป็นความตั้งใจของใครสักคน

   สอง...เหตุวุ่นวายที่กลางเมือง เกิดขึ้นตอนรับการกลับมาของชบวนเสด็จ ราวกับรู้..ทั้งที่เป็นการเดินทาง"ลับๆ"

   สาม...มาเฟียในเซเนียยา..ตระกูลเรกาโซ่แห่งอิตาลี..

   และสี่...ชายหนุ่มอีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทของอัลชาอ์...คนที่ดูเผินๆเหมือนจะไม่เกี่ยวข้อง คนที่เหมือนจะเป็นเพียงตัวประกอบไร้นาม ที่ถูกดึงให้เข้ามายุ่งเกี่ยวเพราะความหลังเท่านั้น

    ....หนึ่งในผู้คนเหล่านี้...ใครสักคนจะต้องเป็นต้นเหตุ และเป็น"สายลับ"ของจริงแน่ๆ

   เขาต้องหาเจอเพื่อบอกให้อัลชาอ์รุ้ ก่อนที่ชีคหนุ่มคนรักจะพลาดท่า..และ...อาจจะทำให้ทุกคนต้องเจอกับ กับดักอันตราย..

      ก้าวเท้ามาในห้องขังของนักโทษรายสำคัญที่เขาหมายตา...อีกหนึ่งจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของเหตการณ์อย่างเงียบเชียบ อาศัยความมืดจากดวงไฟที่ถูกปิด มีเพียงแสงสลัวเรือนลางอย่างช่ำชอง...มาเฟียหนุ่มมองนาฬิกาแขวนผนังที่บอกเวลาหกโมงครึ่ง..ฝ่าเท้าเงียบกริบค่อยย่องไปยังเงามืด..ตรงเข้าซ่อนกายและเลือนหายไปในเงาดำนั้นอย่างเงียบเชียบ..

      ...รอ....เวลา....

      ในความเงียบ..อากาศอ้าวร้อนระอุด้วยพื้นที่นี้ไม่มีการเปิดช่องระบายอากาศหรือให้ความเย็นเช่นข้างบนทำให้เหงื่อไหลซึมชื้น ลมหายใจร้อนๆพ่นลงจากจมูกอย่างหงุดหงิด คาวัลโลจ้องมองฝ่าความมืดไปยังภาพอันเลือนรางของกรงขัง มองเห็นเงาร่างสีดำของเป้าหมายนั่งอยู่เป็นเงาตะคุ่ม เหยื่อผู้ถูกขังไร้ปากเสียง เขาได้ยินเพียงอาการครางอู้อี้ยามที่เดินเข้ามาตรงนี้..คาดว่ามันน่าจะถูกอุดปาก ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะถ้ามันแหกปากโวยวายขึ้นมา จะเสียเวลาเขาอีกยาว

      แก้ง...

     ซุ่มรออยู่นานพอควรจึงเกิดความเคลื่อนไหว เสียงประตูใหญ่อีกฝั่งถูกเปิดออก ทำให้คาวัลโลชะงัก หรี่ตาลงน้อยๆจ้องมอง"เป้าหมาย" ที่ค่อยสืบเท้าเดิน คืบคลานเข้ามาอย่างจดจ่อ..

      "..เป็นยังไงบ้าง..คุณไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม? "น้ำเสียงถามห่วงใย ร้อนรนคุ้นแสนคุ้น อีกทั้งเงาสะท้อนของใบหน้านั้นยังทำให้มาเฟียหนุ่มยิ้มออก เขาร้องบราโว่ในใจอย่างพอใจ.. ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองใบหน้าของ"โรเบิร์ต ชอว์ตัน"ด้วยสีหน้าเยี่ยงผู้ชนะ..

  ที่สุดการสันนิษฐานของเขาก็ถูกต้อง..หมอนี่คือสายลับแน่แล้ว..เขาคาดไม่ผิด...

 คนที่ไม่น่าจะเป็นคนทำมากที่สุด คือผู้ต้องสงสัยที่สุด จะบอกว่าการมาของคริสมันน่าสะดุดใจ การมาของโรเบิร์ตก็น่าสนใจพอกัน..

     เขามาถึงในวันที่อัลชาอ์กับคาวัลโลเพิ่งจะกลับมา กลับมาในช่วงที่เพิ่งจับเจ้าสองมาเฟียนั่นได้ใหม่ๆ แถมยังได้มองเห็นการสืบสวน รู้ว่าพวกมันสองคนถูกจับตัวอยู่ เพียงไม่นานข่าวการ"มาถึง"ของพวกสายลืบและคนของเรกาโซ่ที่คอยแทรกซึมในเซเนียยาก็เริ่มปรากฏขึ้น..

    ...ที่น่าสนใจกว่าคืออัลชาอ์รุ้หรือไม่ หากไม่รู้ก็แล้วไป แต่ถ้ารู้แล้วท่านชีคเลือกปกป้องเพื่อนด้วยการใช้คริสมาโบ้ยความผิดล่ะก็ เขานี่แหละจะเปิดโปงทุกอย่างและต้องคุยกันให้รู้เรื่อง

    คนที่เลี้ยงสายลับไว้ คนที่ปราณีกับพวกคนทรยศ เพราะคิดว่าหากทำดีด้วยพวกมันจะกลับใจนั้นคิดอะไรง่ายเกินไป สันดานของคนทรยศ ไม่ว่าอย่างไรมันก็ทรยศกันได้อยู่วันยังค่ำ..

    ถ้าอัลชาอ์จะต้องมาพลาดเพราะแบบนี้ เขาไม่มีวันยอม!!

       นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองร่างของโรเบิร์ตที่พยายามใช้กุญแจในมือมาไขกรงเหล็กและพูดคุยกับคนในนั้นด้วยท่าทีห่วงใย..พลันแสยะยิ้มและเตรียมตัวจะถลาออกไปจากที่ซ่อน


  พรึ่บ...


      แสงไฟสาดจ้า..สว่างขึ้นทันทีที่คาวัลโลสืบเท้าออกจากที่ซ่อน ทำให้ดวงตาแสบวาบ นัยน์ตาของมาเฟียหนุ่มเบิกกว้าง ฝีเท้าชะงักวูบทั้งใบหน้าที่ฉายแววงงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น..และเมื่อดวงตาเหลือบแลไปยังอีกฝั่งของห้องขัง..ร่างของอัลชาอ์ และสองพี่นองเซฮามัคที่ยืนอยู่ตรงนั้นทำให้เขายิ่งงวยงง..

        "...อ๊ะ..." ดวงตาของโรเบิร์ต ชอว์ตันเบิกกว้างไม่ต่างกัน หนุ่มชาวอังกฤษจ้องมองร่างของอัลชาอ์และพรรคพวกด้วยท่าทีตื่นตระหนกไม่น้อย นัยน์ตาเบิกกว้างทั้งงวยงงและตกใจ และเมื่อหันกลับมามองห้องขังอีกครา ..ร่างของคนที่เขาคิดช่วยถูกมัดมือมัดเท้าแน่นหนา นอนกลิ้งโค่โร่อย่างน่าสงสาร.

        จ้องมองผู้คนที่ปรากฏรอบกาย สีหน้าจึงยิ่งซีดฝาด ไร้สีเลือดด้วยความระทึก ริมฝีปากของโรเบิร์ตอ้าออกกว้าง ขยับถี่คล้ายจะพูดบางสิ่งทว่าก็ไม่มีคำใดหลุดรอดออกมา..ช้า....นาน...ร่างจึงค่อยสั่นสะท้าน..หัวเราะออกมาเพียงแผ่วเบา..

      " คุณรู้อยู่แล้วล่ะสิ..." นัยน์ตาสีเขียวจ้องมองร่างของเพื่อนสนิทและอดีตคนเคยรักเบื้องหน้า..แววตาของเขาไหวสั่น..ด้วยความปวดร้าวและขมปร่าที่แล่นวาบมาถึงลำคอ..

      "รู้อยู่แล้วใช่ไหม? ...เพราะอย่างนั้น ถึงได้...ถึงได้ร่วมมือกันหลอกผม..จับเขามาเพื่อจะหลอกให้ผมยอมเผยตัวล่ะสิ..ใช่รึเปล่า!! " ริมฝีปากบางเอ่ยเสียงสั่น..ดวงตาพลันเบิกกว้างเอ่ยถามทั้งประชดประชันด้วยสีหน้ารวดร้าว..ทรมาร..ดวงตาคู่นั้นหันไปจ้องมองร่างของคริสที่ถูกขังไว้ในสภาพย่ำแย่ไหวระริก " ทำไม่ต้องทำกับเขาแบบนี้ ทั้งๆที่เขาไม่รู้เรื่อง !"

       "..โรเบิร์ต..." น้ำเสียงของชีคหนุ่มเอ่ยออกมาเพียงแผ่วเบา..หากกดต่ำทั้งระอาทั้งไม่พึงใจ..อัลชาอ์จ้องมองร่างของอดีตคนรัก..และทั้งยังเป็นเพื่อนรักของตนด้วยสีหน้าหนักใจ ปนรวดร้าวนัก..

       " ผมไม่ใช่เหรอ? ที่อยากจะถามคุณ..ทำไม ทำไมคุณถึงหลอกผม..ทำไมคุณถึงทำกับผมแบบนี้ มีอะไรก็น่าจะบอกผมได้ไม่ใช่หรือไง? "

       ทั้งแววตาผิดหวังและแฝงแววรวดร้าวนั้นทำให้โรเบิร์ต ชอว์ตันนิ่งงัน ร่างของเขาค่อยทรุดกายนั่ง เอนพิงหลังกรงขังดว้ยสีหน้าพ่ายแพ้..อับจน..

        "คุณช่วยไม่ได้.." ฝ่ามือของเขาทาบลงกับดวงตา ไหล่สั่นระริกไหว.. " พวกมาเฟีย..พวกนั้นมันจะทำลายครอบครัวผม..."

         ..ใจความนั้นทำให้คาวัลโลชะงัก..ขมวดคิ้ว ร่างทั้งร่างนิ่งงันไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย...จ้องมองร่างของโรเบิร์ตอีกครั้ง..นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ..แต่...ทำไมสาเหตหรือเหตุผลของการกระทำเหล่านี้ดูแปลกไปจากที่ควรเป็น..

 ....จะทำเพราะแค้นเคือง หรือทำเพราะโดนข่มขู่น่ะพอฟังได้..แต่...มาเฟีย...มาเฟียที่ว่ามันใครที่ไหน?

       "...มาเฟียที่ว่าน่ะมันพะ....."

       " เดี๋ยว..." อัลชาอ์ยกมือหยุดกั้นคำพูดของคาวัลโลไว้เพียงแค่นั้น ดวงตาฉายแววคร่นคิด.. "บอกมาเถอะ..ร๊อบ..."

       "...พ่อผม...ถูกขู่ฆ่า..ทันทีที่พวกมันรู้ว่าพรรคพวกถูกจับตัว ก็มีมาเฟียคนนึงมาหาผมแล้วบอกให้ทำตาม ไม่อย่างนั้นเขาจะฆ่าพ่อและผม.." โรเบิร์ตเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นไหว.." เขาบอกว่ามีพรรคพวกเป็นนายทหารคนนึงที่เป็นคนของคุณ..ผม...ผมนึกว่าเขาทำงานให้คุณ..ไม่ก็ใครสักคนในประเทศของคุณที่ต้องการฆ่าพวกเรา..ผมก็เลย..."

       "คุณส่งข่าวให้พวกเขานานแค่ไหนแล้ว? "ชีคหนุ่มถามกลับสั้นๆ..สูดลมหายใจลึกด้วยสีหน้าเรียบนิ่งหากแฝงแววครุ่นคิดหนัก..

      "..ตั้งแต่....วันที่ผมมาที่นี่...ข่าวที่คุณจับคนมา ที่คุณออกไปจากเมือง แล้วก็..เรื่องของเขา...." นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองมาที่คาวัลโล ริมฝีปากคู่นั้นสั่นระริกไหว " ที่เขา..เป็นคนของมาเฟียกลุ่มอื่น...."

    ...หัวคิ้วของคาวัลโลย่นเข้าหากันอีกเล็กน้อย..เมื่อ....ไม่มีข้อมูลที่บ่งว่าเขาคือคนรักของอัลชาอ์ออกมาจากปากของโรเบิร์ต..

      ไม่รู้..หรือ รู้แล้วแต่ไม่บอกเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่สำคัญ..

       "คนที่ขู่คุณ....คือใคร..โรเบิร์ต..." อัลชาอ์เอยถาม..สีหน้ายังคงสงบนิ่ง ไร้รอยสั่นไหว..

       "..ผม....." โรเบิร์ตส่ายหน้า ยกมือขึ้นกุมหน้าอย่างหวาดกลัว.

       "บอกมาเถอะ..ร๊อบ..." ร่างของรามิลปราดเข้าประชิด ฝ่ามือวางลงบนไหล่ของหนุ่มอังกฤษแล้วลูบแผ่วเบา ปลอบประโลมให้เจ้าตัวผ่อนคลายพอจะยอมเอ่ยปาก..

       " ผมไม่รู้...ผมจำไม่ได้ เขาบอกว่าเขาเป็นนายพล..ผมจำชื่อเขาไม่ได้..แต่ผมเห็นหน้าเขา..ถ้ามีรูป ก็คงพอบอกได้..." โรเบิร์ตเอยสั้นๆ..ริมฝีปากไหวระริกท่าทีอับจนเป็นที่สุด..

     ข้อความนั้นทำให้คาวัลโลนิ่งคิดตาม...เขามองหน้าโรเบิร์ต จ้องมองราวกับจะหาว่ามีอะไรผิดปกติ หรือมีคำพูดใดของหนุ่มอังกฤษแฝงคำโกหกมดเท็จไว้หรือไม่ แต่ทว่ามองอย่างไรก็เห็นเพียงความหวั่นกลัว...และ...ข้อมูลของโรเบิร์ต ก็ตรงกับคำตอบที่ราฟาเอลโร่มันบอกเช่นกัน..

     ราฟาเอลโร่บอกว่าพวกที่ช่วยให้มันข้ามพรมแดนมาเซเนียยาคือนายพลคนหนึ่ง..ขณะที่โรเบิร์ตก็บอกว่าคนที่ชัดนำตัวเองมาและคอยสั่งการอยู่คือนายพลคนหนึ่งเช่นกัน

        มาเฟียหนุ่มนิ่งครุ่นคิด จ้องมองร่างของโรเบิร์ตซึ่งตอนนี้กำลังเบิกตากว้าง จ้องมองร่างของอัลชาอ์พลางเอ่ยอ้อนวอน..

       " ถ้าคุณอยากรู้อะไรผมก็จะบอก อยากได้ข้อมูลอะไรผมก็จะให้..แต่ปล่อยเขา..ปล่อยเขาไปเถอะนะ คริสไม่ใช่สายลับหรอก เขาแค่ถูกดึงมาเกี่ยวข้องแบบไม่รุ้ตัวเท่านั้น.." นัยน์ตาของคนพูดตวัดไปจ้องมองร่างของนักโทษที่ถูกล่ามไว้อีกครั้ง "...ผมขอร้องนะ..อัลชาอ์...ผม...ผมไม่อยากให้เขาต้องเจอเรื่องแบบนี้เพราะผม ทั้งๆที่เขามาห้ามผมไว้แท้ๆ..."

         " ห้าม? " ราเซย์ทวนคำ พลันลมหายใจของชายหนุ่มก็ถูกพ่นออกมาช้าๆ "ผมรู้ รู้ว่าคุณห่วงเขา แต่จะบอกว่าเขาไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ผมเจอเขากำลังหยิบกล้องสอดแนมออกมาจากที่ซ่อนงั้นเหรอ?"

         " นั่นมันของผม !! "โรเบิร์ตร้องลั่น ลุกพรวดจากพื้นทันที " ผมเป็นคนใส่ไว้ เขามาเจอผมก็เลยพยายามห้าม..ผมคิดว่าเขาคงพยายามเอาออก..."

         " ผมไม่อาจจะวางใจได้หรอก..." อัลชาอ์เอ่ยตอบคำขอนั้นสั้นๆ..

        " เขาถูกจัดฉาก ! " โรเบิร์ตร้องลั่นพลางส่ายหน้า " ที่เขาหายไปวันนึงก่อนมาที่นี่เพราะถูกพวกนั้นตามรังควาน พรรคพวกของมาเฟียนั่นมันกำลังเบี่ยงประเด็นให้คุณไขว้เขว เขารู้เรื่องคริสมาจากผม..และผม..ก็รู้เรื่องที่คริสจะมาจากคุณ...ตั้งแต่วันที่ผมมา ตั้งแต่วันที่ผมเจอคุณ..ผมก็หักหลังคุณมาตลอด..."

        " ผมขอโทษ ผมเสียใจ..แต่อย่าทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยเลย..ผมขอร้องนะ..อัลชาอ์..ขอร้องปล่อยเขาไปเถอะ..ปล่อยเขาไป..."

            ร่างที่สั่นไหวพร้อมเสียงร้องกลั้นปนสะอื้นนั้นทำให้ต่างก็นิ่งงัน คาวัลโลจ้องหน้าโรเบิร์ตพลางถอนหายใจเบาๆด้วยท่าทีครุ่นคิด...กับเหตุและผลของการกระทำและตัวจริงที่ว่า..หรือ..นี่จะเป็นคำตอบของทุกอย่างแล้วจริงๆ..

       "...ขึ้นไปคุยกันข้างบน.." นิ่ง..นาน ...ร่างของอัลชาอ์ก็ขยับไหว ชีคหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบา ปรายตามองไปยังร่างของเพื่อนสนิทที่บัดนี่นั่งทรุดตัวร่ำไห้อย่างน่าสงสารนัก "แล้วก็พาตัวเขามาด้วย..."

       เอ่ย..แล้วคนพูดก็หันหลัง สีหน้าหม่นลงไม่น้อยด้วยคนใกล้ชิดนั้นหักหลัง ไหล่หนาค่อยลู่ลงอย่างน่าสงสารจนต้องเดินเข้าไปใกล้ คาวัลโลวางมือลงบนไหล่ของคนที่ตั้งท่าจะเดินขึ้นไปข้างบน  บีบเบาๆให้ดวงตาที่ฉายแววว้าวุ่นหันมาสบมอง นัยน์ตาคู่นั้นสาดปะทะร่างของเขาพลันสะดุด..มาเฟียหนุ่มมองเห็นร่องรอยระอาใจในดวงตาคู่นั้น ก่อนที่อัลชาอ์จะเอื้อมมือวางบนไหล่ ทาบทับฝ่ามือของเขา..ดวงตาคู่นั้นฉายแววสดใสขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่พรายบนริมฝีปากอีกครา..พลางออกปากบ่น..กับผู้ที่เขาต้องอ่อนอกอ่อนใจเป็นที่สุด อุตส่าห์จะไม่ให้เข้ามายุ่ง..ก็ยังเข้ามาเกี่ยวข้องจนได้ 

        "...ขึ้นไปคุยกันข้างบน "

            เอ่ย..แล้วเจ้าของคำพูดก็เดินนำหน้าลิ่ว ชนิดไม่หันมามองกันสักนิด..นั่นทำให้คาวัลโลชะงักไปอีกครั้ง..เขาก้มมองมือตัวเองที่ถูกดึงออกอย่างรวดเร็ว...แล้วถามตัวเองว่า..นี่เขากำลังถูกเคืองอยู่..ใช่ไหม?


...............

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 26-10-2011 16:58:09


          ทั้งที่คิดว่ามันจบแล้ว...แต่ไอ้ภาพตรงหน้ามันอะไรกันนี่...


    คาลโล วาลกัส จ้องมองภาพที่เกิดขึ้นในห้องทำงานของท่านชีคอัลชาอ์แห่งเซเนียยาด้วยสีหน้ามึนงง ขณะที่หนังตากระตุกถี่ยิบ นึกอยากจะตะโกนถามว่านี่มันอะไร แค่ไปเรียกแกเร็ตกับคลาร์กไม่กี่นาที ทำไมสภาพมันถึงผิดจากที่เคยเป็นแบบนี้ !!

           " หา..คาวัลโล ไหนแกบอกจับคนร้ายได้..ไหนล่ะ? ฉันเห็นแต่ไอ้คนบ้านั่งปิกนิกกันอยู่นี่.." คำถามของคลาร์กดังมาข้างหู..แต่คาวัลโลไม่ตอบ อาจจะเพราะเขาก็ตอบไม่ได้..ว่านี่มันอะไร?

          " นั่นมันกล่องปฐมพยาบาล..มองยังไงก็ไม่ใช่ตระกร้าปิกนิค.." ไอ้คุณแกเร็ตก็ยังพอใจจะได้ขัดไม่ก็จิกกัดคุณอาที่รักของเขาอยู่เช่นเดิม..แต่ก็นั่นแหละ ยังไม่มีใครตอบเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ได้..

     เส้นเลือดในสมองของมาเฟียหนุ่มเต้นระริก..จ้องมองสภาพของคนในห้องที่ไม่ได้ใกล้เคียงกับสภาพปรึกษากันเคร่งเครียดหรือสอบถามสืบสวนกันด้วยน้ำตาสักนิด..

        ภายในห้องทำงานอันโอ่โถงของชีคแห่งเซเนียยา มีร่างของผู้ร่วมเหตุการ์ณเมื่อคู่อยู่ครบ ทั้งชีคหนุ่มที่กำลังนั่งดูภาพอะไรสักอย่างอยู่บนจอคอมพิวเตอร์ ฮาซานที่ยังคงยืนเฝ้าประจำการอย่างซื่อสัตย์..หรือร่างของสองพี่น้องเซฮามัคที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้อง จ้องมองโรเบิร์ต ชอว์ตัน สายลับในคดีขายความลับของเซเนียยากำลังนั่งทำแผลให้ชายที่ถูกหาว่าเป็นสายลับเช่นกันอย่างคริส ด้วยสีหน้ารื่นเริงไร้ร่องรอยทุกข์โศกแต่อย่างใด..

         คาวัลโลรู้สึกเหมือนตัวเองที่มานั่งทำหน้าเครียดกลายเป็นคนบ้า...นี่มันอะไรกันเนี่ย!!


     ปัง!


         " โว้ยยยย นี่มันอะไรเนี่ย !! "ที่สุดคนที่ทนไม่ได้ก็เป็นตัวเอง คาวัลโลฟาดฝ่ามือลงกับประตูหอง ร้องถามออกมาอย่างเหลืออด..

         " ปิดประตูก่อน..." ชีคหนุ่มหันมาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ..ไม่มีท่าทีตระหนกตกใจใดๆ..


     ปัง !


         " บอกผมมาซะว่านี่มันอะไร !! " ฝ่ามือกระชากประตูเข้าปิดลั่น พร้อมกันนั้นไฮยีน่าตัวแสบเริ่มแผลงฤทธิ์ ออกปากขู่ฟอดๆอย่างชวนให้หนักใจนัก

         " โอเค..นั่งลงแล้วเรามาคุยกัน.." ชีคหนุ่มเอ่ยก่อนจะละสายตาจากภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เบื้องหน้า..ริมฝีปากเปื้อนยิ้ม..หากสิ่งแรกที่ทำคือการส่งสายตาดุๆไปยังคนโวยวายเมื่อครู่..

        " แล้วคุณ..ผมบอกว่า"อย่า"ไม่ใช่เหรอ? "
 
        "..หา?..ที่ว่าอย่ายุ่งน่ะเรอะ! "คาวัลโลถามกลับ ทั้งงวยงงและไม่พอใจเป็นที่สุด นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้วยังกลายมาเป็นถูกดุว่าเสียอย่างไม่ควรเกิดที่สุด

        " ...ไม่ฟัง " คาวัลโลยักไหล่เฉย กอนจะถลึงตาใส่คนพูด "เพราะคุณก็หลอกผมอยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ ทั้งเรื่องนี้..ทั้งไอ้หมอนั่น สายลับทั้งหลายที่นั่งเริงร่าที่อยู่นั่นน่ะ มันยังไงกันแน่!บอกมาซิ !! "

       ".....อย่ามาทำสายตาแบบนี้ ถามพวกมัน " แขนของสายลับผู้ถูกปล่อยตัวยกขึ้นเสมอไหล่ แสดงอาการไม่ยอมเกี่ยวข้องใดๆกับข้อหาหรืออะไรก็ตามที่จะถูกซัดใส่ ที่เจ้าตัวทำมีเพียงยื่นข้อมือที่เป็นรอยแดงจากการถูกมัดไปให้โรเบิร์ตจัดการใส่ยาทาแผลและพันแขนให้ก็เท่านั้น..

       " ..ทำเหมือนไม่รู้เรื่อง ที่แท้ก็ตัวการเลยไม่ใช่รึไง  " วาจาส่อเสียดนั้นทำให้คนฟังขมวดคิ้วฉับ กราดสายตาไปหาเจ้าของคำพูดระคายหู..ก่อนที่คริสจะแสยะยิ้ม

       "...ดีกว่าพวกถูกหลอกซ้ำไปซ้ำมา โง่ไม่มีที่สิ้นสุด.."

      "..หยุดเดี๋ยวนี้นะพวกเอ็ง....." คาวัลโลชี้นิ้วใส่คู่กรณีที่ทำท่าจะฟาดปากกันอย่างหงุดหงิด พร้อมกับจ้องมองราเซย์และคริสอย่างมาดร้าย โดยเฉพาะรายหลัง ไอ้คำพูดนั้นมันแทงใจเขาและรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหยามเป็นที่สุด..

      " ..แล้วแกจะโวยวายทำไมเนี่ยคาล..คนอื่นมันยังทำหน้าไม่สนกันเลย ท่าทางแบบนี้คงไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก ..หรือวังมันจะโดนวางระเบิดก็ช่างหัวสิ.." คลาร์ก โรเซนเบิร์กเอ่ยท้วงหลานชายพลางส่ายหน้าเบาๆ "แล้วแกก็มาเรียกทั้งๆที่ฉันกำลังจะทานข้าวเนี่ยนะ รู้ไหมว่าถ้าทานอาหารไม่ตรงเวลามันจะมีผลให้ความอดทนต่ำน่ะ.."

      " คุณก็ต่ำเป็นปกติอยู่..."

     " เงียบโว้ย ไอ้เวรนี่ !!" ที่สุดหางตาคู่นั้นก็ตวัดใส่ฝั่งตัวเองจนได้..แกเร็ตก็หุบปากฉับเมื่อสายตากล่าวหาของผู้เป็นนายกราดมาหา..

     " เชิญ.." ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มเอ่ยรับคำ คลาร์กยักไหล่เบ้หน้ากับอาการโวยวายของหลานรัก

       " เหมือนผมจะถูกหลอกนี่..ใช่ไหม? " คนพูดมีท่าทางหงุดหงิด แยกเขี้ยวขู่ด้วยดวงตาวาววับแสนน่ากลัว..ก็คงน่ากลัว ถ้าในกรณีที่ทำผิดหรือจงใจหลอกจริง..แต่กับอัลชาอ์ตอนนี้นั้น ไม่ใช่...

      " ...ผมไม่อยากให้คุณรู้สึกว่าโดนหลอก ซึ่งคุณก็จะไม่คิด ถ้าไม่ได้เข้ามายุ่งทั้งๆที่ผมห้าม "นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองตอบคำกล่าวหานั้นทันควัน วาจานั้นทำให้คนฟังยิ่งขมวดคิ้วมุ่น..

      " หมายความว่ายังไง..." คาวัลโลถามกลับ จ้องหน้าอัลชาอ์อย่างงวยงง..

      "..ที่ผมเรียกทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อจะให้มาฟัง...เพราะมันเกี่ยวกับพวกเราทั้งหมด " ชีคหนุ่มปรายตามองบรรดาคนที่ถูกเรียกมารวมกันยังห้องของเขา..ทั้งมาเฟีย..ทั้งลูกน้อง..หรือแม้แต่เพื่อนสนิทและชายที่ตนไม่ชอบหน้า ก่อนที่ดวงตาจะหันไปหาเจ้าแมวตัวแสบอีกครา..สบตาเรืองๆ วาววับไม่ยอมใครของเจ้าตัวแล้วอดจะถอนหายใจออกมาเบาๆไม่ได้..

       "...หนึ่ง...เริ่มที่การมาของคุณ...มาเฟียที่ถูกพรรคพวกตลบหลัง.. " วาจาเอ่ยความจริงเสียดหูนั้นทำให้คาวัลโลชักสีหน้านิ่ว..แต่ก็ยอมเงียบเพื่อจะฟังเรื่องราวทั้งหมด..

       "..สอง...มาเฟียอีกกลุ่มที่ตามคุณมา.." ชีคหนุ่มเอ่ยช้าๆ จ้องสบตาผู้คนโดยรอบที่นิ่งฟังตามคำ "พวกเขาถูกจับ"

       " สาม..แทบจะทันทีที่พวกมันถูกจับ..คุณ..ก็ติดต่อเข้ามาหาผม บอกว่าจะมาเยี่ยม.." คราวนี้ปลายนิ้วของชีคหนุ่มชี้ไปยังร่างของโรเบิร์ต ชอว์ตัน ที่พยักหน้ารับ..และ..ลอบถอนหายใจ

       "และสี่...คุณ...ที่เข้ามารับงานกับผมและ..หายตัวไปหนึ่งวันก่อนจะมาที่ทัสคานี ในสภาพบาดเจ็บ.." ชีคหนุ่มเอ่ยช้าๆ..พลันจ้องมองผู้ที่ถูกเอ่ยถึงแล้วถอนหายใจอีกครา..

        " ความจริง..เรื่องจริงมันก็เป็นอย่างที่เราต่างก็เห็นในห้องขัง...ร๊อบถูกขู่บังคับมาให้เป็นสายลับ..ผมก็พอจะรู้..ว่าพ่อของเขาถูกพวกมาเฟียข่มขู่  และไม่นานที่โรเบิร์ตมา ผมก็สืบรู้ว่ามีใครบางคนกระจายข่าวของผมกับคาวัลโลออกไป..ผม..ก็เลยเรียกตัวพวกบริษัท asc accest มาจัดการเรื่องพิพิธพันฒ์หอสมุดแห่งชาติ...ซึ่งก็เป็นความจริงว่ามันไม่ควรจะทำในตอนที่เซเนียยากำลังเกิดสถานการณ์ไม่ปกติ..แต่การ"ขู่"ของผมก็ได้ผล..โดยเฉพาะทันทีที่รู้ว่คริสคือคนที่หายตัวไปร๊อบก็เข้ามาบอกความจริงกับผมทันที ว่าเขาถูกบงการมา..."

       " ผมไม่อยากให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อน..อีกอย่าง..ผมก็ไม่เต็มใจที่จะทำอยู่แล้ว..." โรเบิร์ตบอกงึมงัมกับสายตาที่จ้องมองมาจากรามิลและราเซย์ เซฮามัค..

       "..ไม่เกี่ยวกับ...ความแค้น..หรือไม่พอใจเรื่องอดีต.." คาวัลโลโพลางถามขึ้น..กับข้อสันนิษฐานที่เขาคิดว่าน่าจะถูกที่สุด ซึ่งกลายเป็นพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยเสียอย่างนั้น..

       "...คุณบอก...? " โรเบิร์ตหันไปมองหน้าอัลชาอ์ ซึ่งชีคแห่งเซเนียยาก็พยักหน้ารับ

       " มันก็ความจริง...และอีกอย่าง..ที่ผมเล่า เพราะต้องการให้คุณ"มอง"ไปที่เป้าหมายซึ่งผมต้องการให้คุณเห็นว่าน่าสงสัยก่อน..เพราะอย่างคุณน่ะอยู่นิ่งไม่เป็น ถ้าเกิดสงสัยโรเบิร์ตแล้วตามเขาแจ ก็ไม่พ้นความแตก "

       " ความแตกก็ดีแล้วนี่ คุณจะปิดบังไปทำไม..ต้องการจะปกปิดความผิดงั้นเหรอ? " คาวัลโลถามกลับ..ทำเอาชีคหนุ่มหน้านิ่ว..มองคนที่ออกมาอาการ"หึง"แบบหน้ามืดตามัวอย่างนึกราอาใจอีกครั้ง..

       " ก็เพราะถ้าความแตกแล้วจะเป็นแบบนี้ไงเล่า ผมถึงไม่อยากให้คุณรู้ " ชีคหนุ่มเอ่ย พลางถอนหายใจเบาๆ " ผมก็บอกคุณแล้วว่าบางเรื่อง..ไม่จำเป็นก็อย่าพูดออกมา ที่ผมเงียบ ไม่บอกเรื่องร๊อบกับใคร เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เรายังไม่รู้ตัวคนบงการที่แท้จริง เรายังช่วยเหลือพ่อของเขาไม่ได้ เพราะทางนั้นก็ถูกตามแจ "

        " เรกาโซ่? " จู่ๆคลาร์กก็โพล่งถามขึ้นเรียบๆ พลางจ้องมองมาที่โรเบิร์ตเขม็ง "ธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหารและกลุ่มอุตสาหกรรม จะมีพวกนี้เข้าควบคุมสหภาพแรงงานของแต่ละที่ "

       "........" โรเบิร์ตพักหน้าเงียบๆ..ไม่ตอบคำ

        " เพราะงั้นคุณถึงเปิดเจรจา..แทนที่จะเชือดเจ้าสองคนนั่น..." คราวนี้คาวัลโลหันไปจ้องหน้าอัลชาอ์กลับบ้าง " แล้วทำแบบนี้ ไม่กลัวเหรอว่าพวกมันจะรู้ ว่าโรเบิร์ต นะหักหลัง.."

        "...พวกมันไม่ได้เข้ามาที่นี่ แต่แทรกซึมผ่านคนของที่นี่แทน..คาวัลโล " คลาร์ก โรเซนเบิร์กเอ่ยปาก พลางจ้องหน้าชีคแห่งเซเนียยาเขม็ง " แน่นอนว่าต้องมีพวกทหารหรืออะไรสักอย่างของที่นี่อยากจะล้มท่านชีคที่....มีรสนิยมอะไรประหลาดๆเสียจนตัวสั่น พอแกเข้ามาถึงได้ยอมร่วมมือกับมาเฟีย ปล่อยให้พวกนั้นมันเข้ามา และตั้งใจจะเชือดแกซะ แต่พอพวกมันพลาด เรกาโซ่เลยเคว้ง กลัวไอ้โง่สองตัวนั้นถูกเเชือดแทน ตอนแรกก็พยายามใช้หมอนั่นมาแทรกซึมเพื่อจะเข้ามาชิงตัวประกัน แต่คงเห็นว่าไม่สำเร็จ พอทางนี้ยื่นข้อเสนอเจรจาถึงได้กระโดดคว้า เรื่องสายลับจะถูกจับได้ยังไงหรือทางนี้รู้เรื่องแบบไหน ตราบใดที่ได้ตัวสองคนนั่น พวกมันไม่คิดจะสนใจหรอก  ออกจะดีด้วยซ้ำ เพราะการข่มขู่นักธุรกิจด้วยกันเองไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด....."

         "....ใช่ไหม? "

         "....ใครบอก " คาวัลโลเอ่ยถามผู้เป็นอา..หลังจากคลาร์กจัดการแฉ..เล่าเรื่องและแผนการณ์ที่ถูกวางไว้ทุกอย่างชนิดไม่ผิดพลาดจนคนที่เหลือต่างก็นิ่งเงียบ จ้องมองชายหนุ่มเบื้องหน้าด้วยสีหน้าตกตะลึง..

         " อเล็กซิส " คลาร์กพ่นลมหายใจหน่ายพลางกรอกตามองหลานชายเบื้องหน้า " ที่แกโทรไปหามันครั้งสุดท้าย พร้อมกับร้องโวยวายเหมือนคนบ้า...อ่า....เจ้าตัวใหญ่นั่นก็ยังมองแผนของเฟรเดริโก้ไม่ออกเลย นับประสาอะไรกับแกที่ถูกแหกตาซ้ำๆแบบนี้..ฉันนี่ไม่น่าคาดหวังอะไรกับพวกอิตาเลียน ต่อให้จะได้เลือกของโรเซนเบิร์กไปนิดๆหน่อยๆ แต่ดูเหมือนจะยังไม่ฉลาดพอที่จะจับไอ้พวกสับปลับมาเชือดให้ดิ้นตายไปต่อหน้า..."

         "...แล้วคุณทำไมไม่เป็นบอสมาเฟียซะล่ะ? "  จู่ๆรามิลก็โพล่งถาม ใจความเอ่ยกลั้วหัวเราะคล้ายขบขันนั้นดังแทรกเสียงบ่นราวกับคนแก่วัยใกล้เกษียรของคลาร์ก ซึ่งมันก็ได้ผลชะงักนัก เพราะมีผลให้ดวงตาสีบรูเน็ตวาววับขึ้นมาทันควัน

        " ฉันไม่ได้ใช้นามสกุลวาลกัส....และไม่คิดจะใช้! " ริมฝีปากบางบิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจพลางจ้องหน้าเจ้าคนปากวอนหาที่เขม็ง..ส่วนคาวัลโลถอนหายใจเฮือก...กับข้อมูลที่คลาร์กรู้..และคำสารภาพจากปากของโรบิร์ตก็เพียงพอที่จะเรียบเรียงเหตุการณ์และบอกเล่าออกมาเช่นนั้นก็จริง..แต่ที่เขาไม่เข้าใจ..คือทำไม...ต้องมาเล่นละครกันต่อด้วยเล่า?

         " แล้วอะไร...คือสาเหตุที่คุณต้องมาเล่นละครปาหี่นี่ต่อกันล่ะ ? หรือติดใจจากที่เคยเล่นละครกับผม เลยอยากเปลี่ยนอาชีพเสียแล้ว "คาวัลโลเอ่ยปากถามอัลชาอ์แฝงนัยน์จิกกัดแบบไม่ยอมไว้หน้า..ชีคหนุ่มที่นิ่งอึ้งจ้องมองใบหน้าของคลาร์กอยู่ครู่ใหญ่หันมามองสบตาวาวๆนั้น..ก่อนจะถอนหายใจอีกครา

        " ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เขาพูด... และ..ที่ผมให้โรเบิร์ตเงียบ..ส่งข่าวเป็นสายลับต่อไป ก็เพราะต้องการจะจับตัวต้นเหตุให้ได้ยังไงเล่า.."

       " ต้นเหต..."

        " ..นายพล อัลดิมาอ์ อัล อาเหม็ด เซราวัค..หรือ...ถ้าคุณจำไม่ได้ ก็คนที่คุณหักข้อมือเขาเล่นตอนผมไปจารเซครั้งล่าสุดไงล่ะ "ริมฝีปากของคนฟังยกยิ้มขัน พลางส่ายหน้าช้าๆ " ที่ผมให้โรเบิร์ตส่งข่าวต่อ หรือที่ผมให้คริสเข้ามาที่นี่และถูกจับแบบนี้ก็เพื่อจะให้แผนการเป็นไปตามที่เขาคาด..เพื่อต้องการจะจับเขาให้ได้คาหนังคาเขา ให้มีหลักฐานเต็มที่จนเขาดิ้นไม่หลุด  "

        " มันก็อาจจะคล้ายๆกับละครที่คุณเล่นงานตบตะฟาติมะห์และคนของผมเมื่อครั้งนั้น "ริมฝีปากของคนพูดยกยิ้มขันกับความทรงจำขมๆที่วาบผ่าน " บอกตามตรงก็ได้ ว่าผมก็ได้ไอเดียนี้มาจากการกระทำของคุณ..รู้แต่ทำเป็นไม่รู้ หลอกให้ตายใจเพื่อจะหาหลักฐานมามัดในครั้งเดียว ให้ดิ้นไม่หลุด..เป็นจริงที่ว่าผมพบการกระทำผิดของเขาร่วมกับแม่ของฟาลซาอ์..แต่อย่างไร การจะกำจัดคนสองคนนี้ไม่ง่าย..หนึ่งก็อดีตราชินี..อีกหนึ่ง..ก็นายทหารชั้นสูงคนสำคัญ.."

         " ผมสามารถได้หลักฐานชิ้นสำคัญมาจากกล้องวงจรปิดในคุกใต้ดินเมื่อครู่ และ..รวมทั้งการให้ปากคำของ"มาเฟีย"สองคนข้างล่างนั้น แน่นอนว่าเมื่อเปิดในห้องประชุมพร้อมหลักฐานและวัตถุพยานตัวเป็นๆก็จะไม่มีวันพลาด การจะจับคนๆนั้นให้ได้ ต้องรวบรัดและอย่าให้มีจุดอ่อนแม้แต่นิด ไม่อย่างนั้น..เขาจะโต้ตีกลับเราได้..และนั่น..คือเหตผลทั้งหมด.."

        " ...แทนที่คุณจะทำอะไรตรงๆ...ทั้งๆที่คุณก็เป็นผู้นำประ...."

        " เพราะผมเป็นผู้นำ จะกล่าวหาใคร จึงต้องมีหลักฐานไงล่ะ " อัลชาอ์เอ่ยขัดคำพูดของคาวัลโลไว้เพียงแค่นั้น พลางจ้องหน้าคนฟังเขม็ง " ผมเป็นผู้นำ ไม่ใช่จอมเผด็จการ ที่จะได้ชี้ไม้เป็นนกชี้นกเป็นไม้ คนเป็นผู้นำ พูดอะไรก็ต้องระวังคำพูด ทำอะไรก็ต้องตระหนักถึงผลดี ผลเสียให้ถี่ถ้วน มันก็จริงอย่างที่คุณว่าหากแค่ออกปากนายพลเซราวัคก็จะถูกจัดการ แต่คำพูดของผมจะคงความน่าเชื่อถือได้หรือ หากกล่าวหาใครโดยไม่มีหลักฐานแบบนั้น..คนของผมจะยังเชื่อผมอยู่อีกไหม หากผมทำอะไรตามใจตนเสียขนาดนี้? "

         "เรื่องการกล่าวหาปากเปล่า ต่อให้ผมทำได้ ผมก็ไม่ทำ เพราะผมไม่อยากจะมีจุดจบแบบเดียวกับพวกเผด็จการอำนาจนิยมทั้งหลายแหล่ นี่คือทางของผม ถึงมันจะอ้อมค้อมไปบ้าง เสียเวลาไปบ้าง อย่างน้อยก็ไม่เสียชีวิตใครและทำร้ายคนบริสุทธิ์โดยเปล่าประโยชน์..เข้าใจรึยัง.."

        "............"คาวัลโลขบเม้มริมฝีปากด้วยท่าทีขัดใจไม่น้อยก่อนจะถอนหายใจเฮือก..รับคำในลำคอแผ่วเบา..นึกอ่อนใจปนขบขัน..ไม่สิ อาจจะบอกว่าโล่งใจก็ได้ และเขาก็ควรทำใจให้ชิน เพราะอัลชาอ์ก็เป็นแบบนี้..ผู้นำที่อ่อนโยนแสนดีและไม่ทำร้ายใครแบบที่เขาอยากเอาแบบอย่างบ้าง..แต่...วิถีทางแบบนี้ มันจะใช้ได้ตลอดไปในโลกความจริงที่โหดร้ายแบบนี้รึเปล่า..ก็ไม่รู้..

       ...ทำแบบนี้..ต้องมีคนคอยระวังหลัง ต้องมีคนคอยเป็นหูเป็นตา ระวังห่วงใยภัยรอบกายให้มาก..

       ..แต่...สำหรับอัลชาอ์แล้ว เกราะคุ้มกันอะไรก็คงไม่แข็งแกร่งเท่าความรักที่ประชาชนมีต่อตัวเองกระมัง..

         มาเฟียหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง หลังจากนิ่งคิดสะระตะอะไรอยู่นาน ครู่หนึ่งอยากจะหัวเราะขันที่สุดท้ายตัวเขาก็ถูกหลอกต้มเสียไม่มีชิ้นดี แถมเป็นการ"ต้ม"ครั้งใหญ่ที่เขาไม่เคยระแคะระคายเอาเสียสักนิด ต่อให้มีจุดสังเกตชวนสงสัยก็ยังทำมองผ่านไปราวกับไม่เห็น

       คนดีคนอ่อนโยของเขา ก็หลอกใช้เบี้ยทั้งหลายในที่นี้ด้วยคำว่าผู้นำที่แสนดีและอ่อนโยนนั่นแหละ  เขาก็รู้ ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ว่าเป็นฝ่ายถูกใช้ แต่ก็ต่างเต็มใจ พอใจกับผลของมันที่ออกมา ไม่มีใครเจ็บปวด ไม่มีใครต้องโกหกหรือผิดใจกัน..แค่สามารถจับตัวบงการที่แท้จริงได้ ต่างก็คิดว่าดีแล้ว..นั่นแหละ

        คิดพลางหันไปมองหน้าชีคหนุ่ม แต่แววตาเรืองๆของคนข้างกายทำให้เขาชะงัก คาวัลโลหันไปมองหน้าคลาร์กที่ขมวดคิ้ว จ้องหน้าอัลชาอ์เขม็ง ด้วยท่าทีครุ่นคิดและใคร่ครวญอย่างจริงจังแฝงแววระวังภัยอยู่ในที..

         "...บางที เขาอาจจะเริ่มคิดได้สักที ว่านี่คือศัตรูที่ไม่ควรต่อกรด้วยกระมั้ง " เสียงกระซิบของแกเร็ตดังขึ้นเบาๆทำให้คนฟังหัวเราะครืน..ทั้งขันทั้งถูกใจไม่น้อย..ยิ่งมองหน้านิ่วๆกับแววตาระแวงระวังนั่นแล้วยิ่งชวนให้ขำ ที่แกเร็ตพูดมาอาจจะจริง กับคนตรงๆที่โผงผางเข้าขั้นโวยวายและชอบทำอะไรรุนแรงซึ่งหน้าอย่างคลาร์ก กับคนที่ภายนอกดูอ่อนโยนแสนดีหากซ่อนแผนการและกลวิธีซับซ้อนในแบบของตนเองไว้ หากเจอกันก็คงต้องระวังตัวให้ดี เพราะไม่อย่างนั้น ก็คงไม่แคล้วตกเป็นเหยื่อ เป็นฝ่ายถูกหลอกใช้แน่ๆ..

        ...และนั่น..ก็เป็นสิ่งที่คุณอาของเขาเกลียดที่สุดไม่ใช่หรือ คลาร์กถึงได้นั่งทำหน้านิ่วกิ่วไม่เลิกอยู่ตรงนี้

       " ไอ้สองคนข้างหลังน่ะ กระซิบอะไรกันอย่าคิดว่าฉันจะไม่ได้ยินนะ " น้ำเสียง รู้ทันของคุณอาที่รักดังมาไล่หลัง ใจความนั้นทำให้คาวัลโลหัวเราะหึๆ ก่อนจะชะงัก..เมื่อคิดอะไรบางอย่างได้..

       " อาเหม็ด...? " นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้างน้อยๆ..พลางจ้องหน้าชีคหนุ่มนิ่ง..คนถูกมองหันมาสบตา ก่อนจะหัวเราะขำกับสีหน้าของมาเฟียหนุ่มคนรัก

       " อัลดิมาอ์ อัล อาเหม็ด เซราวัค " ริมฝีปากของอัลชาอ์ขยับเอ่ย ดวงหน้าพรายยิ้ม.. " ใช่แล้ว...อาเหม็ดที่คุณว่าไงล่ะ "

            สิ้นคำตอบ คาวัลโลก็ส่งเสียงครืดคราดในลำคออีกครั้งไม่รู้จะขันหรือฉุนดีกับผลลัพธ์ที่ได้..เมื่อ...ข้อสงสัยทั้งหลายบัดนี้กระจ่างออก และคนที่ปิดบังเขาอยู่ไม่ใช่ใคร แต่เป็นท่านชีคอัลชาอ์ คนข้างกายเขานี่เอง..

     รู้อยู่หรอกว่าไอ้"อาเหม็ด"น่ะมันชื่อกลางของคนชนชาติอาหรับที่มีได้ทุกคน แต่เมื่อเจอ"ท่านอาเหม็ด"ลุงของอัลชาอ์ต่อหน้า ใครจะคิดได้เล่า ว่าเป็น"อาเหม็ด"อื่นไปได้..

     ...บางที เขาอาจะต้องเริ่มพิจารณาตัวเองอีกครั้ง ยามที่คิดจะหลอกล่อหรือต่อกรกับอัลชาอ์ล่ะนะ       
 
       บ่นงึม พลางจ้องมองร่างของคนรอบกายอีกครั้ง..คาวัลโลมองอัลชาอ์ที่กำลังคุยอะไรสักอย่างกับเจ้าชายฟาลซาอ์ก่อนสายตาจะเบือนไปยังร่างของคริสและโรเบิร์ตที่ใกล้จะทำแผลกันเสร็จ ริมฝีปากของมาเฟียตัวร้ายแสยะยิ้ม..เมื่อมองเห็นแวตาขุ่นๆของสองพี่น้องเซฮามัคชัดเจน..

        ...อาจจะเพราะความหงุดหงิดที่เสียท่าทำอะไรไม่ได้หรือถูกหลอกก็ตาม ทำให้เขาเริ่มขยับริมฝีปาก..

         "...แล้วที่คุณโดนจับเป็น"แพะ"เนี่ย รู้ตัวบ้างรึเปล่าหือ..คริส "

         " ทำไมจะไม่รู้ล่ะ "คนถูกถามหันมามอง หัวคิ้วฝ่ายนั้นกระตุกขึ้นยามมองสบตาเขากลับ ก่อนจะขยับยิ้มหวานยะเยือก " แล้วถ้าคิดจะมาหาเรื่องคนอื่นกลับเกลื่อนอาการหงุดหงิดของตัวเอง เปลี่ยนเป้าหมายซะ  "

        "....ก็แค่สงสัย "..ไอ้หมอนี่...คาวัลโลคำรามหงุดหงิด แต่ก็ยังทำหน้าเฉยยักไหล่กลับ นึกเบื่อที่ถูกรู้ทัน จึงได้ถามส่งๆไปยังอัลชาอ์

        " แล้วตกลงว่าไอ้ระเบิดกลางเมืองนั่นว่าไงล่ะหือ..นั่นน่ะยังไม่ได้คำตอบ.."

        "คำตอบ.." คนถูกถามถอนหายใจ สบตาคาวัลโลยิ้มๆ..." ผมกำลังรออยู่..."


    ....และทันใดนั้น เสียงคำรามของสัญญาณเตือนภัยก็แผดลั่น พร้อมๆกับเสียงกระสุนปืนที่เริ่มปะทุ เปิดฉาก..


         อัลชาอ์ค่อยผุดกายขึ้นจากโต๊ะของตน จ้องมองผู้คนโดยรอบที่จ้องมองมาอย่างหาคำตอบ พร้อมจะรอรับคำสั่งการด้วยความเชื่อมั่นอย่างเหลือล้น

       " โรเบิร์ตกับคริสเป็นพยานชั้นดีในคดีนี้ รามิลกับราเซย์ พวกคณช่วยคุ้มกันเขาแล้วกัน ส่วนที่เหลือ จะเข้าร่วมหรือจะหลบภัยก็ตามแต่ใจพวกคุณ "  เครื่องกระสุนพร้อมปืนพกห้าหกกระบอกในมือของฮาซานถูกวางไว้ยังโต๊ะทำงานของอัลชาอ์หรา เพื่อให้ทุกคนในห้องใช้เป็นอาวุธป้องกันตัว ชีคหนุ่มผินกายไปยังประตูห้อง แตะปลายนิ้วลงบนบานประตู พร้อมกันนัยน์ตาสีดำสนิทก็เบือนเข้ามาสบดวงตาสีน้ำทะเลของคาวัลโล วาลกัส

        " และสำหรับคุณ..ผมขอเชิญไปเป็นเกียรติในการ"ปิดประตูตีแมว"ครั้งนี้ คาวัลโล "

        สิ้นคำนั้นร่างของผู้ถูกเชิญก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ริมฝีปากบางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มพึงใจ เขาก้าวเข้าไปวางมือลงบนฝ่ามือหนาที่รอรับอยู่แล้วด้วยสีหน้าหมายมาด..

     พร้อมแล้ว สำหรับศึกสุดท้ายของเรา..


        " ยังไง ฉันก็เกลียดมันอยู่ดี "


      หลังประตูห้องถูกปิด ลับร่างของชีคหนุ่มและร่างของหลานชายที่พากันจับมือเดินเฉิดฉายออกไปราวกับจะเข้าร่วมงานกาล่าดินเนอร์ เสียงสถบครางปนบ่นงึมงัมในลำคอของคลาร์ก โรเซนเบิร์กก็ดังขึ้นไล่หลังทันควัน  พร้อมกับสีหน้าเหม็นเบื่อแฝงแววหงุดหงิด  ฝ่ามือของคนพูดคว้าปืนพกที่วางหราอยู่บนโต๊ะอย่างไม่กลัวว่าจะมีใครบ้าลุกขึ้นมาลั่นกระสุนใส่หัวคนในนี้ให้ตายสักคนสองคนขึ้นมาตรวจสอบ  ใส่กระสุนปืนพก หมุนรังปืนประกอบเข้ากันอย่างเชี่ยวชาญด้วยสีหน้าไม่พอใจต่อเนื่อง

          " พูดยังกับคุณเป็นที่ชื่นชอบนัก " ไอ้คนข้างตัวมันชอบกัดอย่างไรก็ชอบกัดอยู่อย่างนั้น  ฝ่ามือของแกเร็ตคว้าหมับเข้าที่ปืนสั้นในมือและกำลังจัดการกับเครื่องกระสุนในมืออยู่เช่นกัน  ที่ปรึกษาของบอสมาเฟียตระกูลวาลกัสกวาดสายตามองคนรอบกายที่กำลังส่งสายตาถามไถ่คล้ายๆ "จะทำอะไรของพวกแก" มาให้

           " แล้ว...ที่บอกว่ากลียดน่ะ จะออกไปช่วยทำไมครับ? "

           " ไม่ได้ช่วย ฉันแค่หงุดหงิด " ริมฝีปากบางขยับพึมพัมงึมงัม แล้วลุกพรวด " กินข้าวไม่ตรงเวลา หิวก็หิว ยังต้องมานั่งฟังอะไรบ้าๆ  น่าหงุดหงิดที่สุด..น่าหงุดหงิดจริงๆ.."

          " บอสของเราออกไปแล้ว ลูกน้องจะไม่ออกไปได้ยังไงล่ะ " แกเร็ตตอบสายตาของผู้คนโดยรอบอีกครั้ง ก่อนจะสาวเท้าตาคนหงุดหงิดออกไปนอกห้อง ทั้งเจตนาจะไปช่วยคาวัลโล และ..อาจจะต้องไปควบคุมคนหงุดหงิดไม่ให้เผลอเอาปืนจ่อหัวท่านชีคแห่งเซเนียยาเข้าหรือไม่ก็"ทำ"ปืนลั่นใส่คนกันเองสักนิดสองนักอีกครั้ง.

     ..ทางหนึ่งก็ช่วยระวังบอสไม่ให้โดนสอย อีกทางหนึ่งก็ต้องคอยดูคนหงุดหงิดไม่ให้บ้าทำอะไรไม่คิด แล้วก็ยังต้องคอยระวังตัวเองจากบรรดาลูกกระสุนที่พุ่งใส่อีก


 ....ไอ้คนสองคนที่เดินไปก่อนหน้ามาบ่นว่าน่าหงุดหงิด ลองมาเจองานที่เขาต้องทำเสียก่อน จะรู้ว่าหงุดหงิดของจริงมันเป็นยังไง!


................................


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 26-10-2011 17:01:40
ขอตัดทอล์คเพราะยาวไป  :laugh:   ที่มาช้าพอดีหนีน้ำท่วมอยู่  หนีกลับบ้านอ่ะนะ  :laugh3:
ตอนนี้ถือว่าเฉลย(เกือบ)ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วล่ะนะ

  สรุปคือ ..คนโดนหลอกก็คาวี่แหละ ( :jul3: :jul3:)  โดนเสียบ้างก็ดีเหมือนกันนะเออ  o18

    ส่วนเรื่องราวทั้งหมด ก็ขอสรุปสั้นๆอีกครั้ง เรื่องเริ่มมาจากนายพลเซราวัคกับแม่ของฟาลซาอ์ที่หาเรื่องเลื่อยขาเก้าอี้อัลมาตลอด พอรู้ว่าคาวี่มาก็ไม่พอใจ เลยร่วมมือกับราฟาเอลโร่และฟิลิเป้ (ในตอนที่ราฟาเอลโร่หลุดปากยอมบอกว่าเป็นนายพลคนนึงที่ช่วย)  ให้ทั้งสองคนเข้าประเทศเพื่อมาจัดการคาวี่ แต่พอพลาด ทางเรกาโซ่เลยต้องหาคนมาช่วยสองคนนั้น ตัวเลือกที่ได้คือโรเบิร์ต โดยเอาพ่อของร๊อบมาขู่ให้ร่วมมือด้วย แต่อัลชาอ์สังเกตเห็น พอรู้ทันเลยเอาตัวคริสมาบ้างพวกเรกาโซ่รู้อยู่แล้วว่าคริสจะมา เลยพยายามทำให้อัลไขว้เขวโดยการไปกักตัวคริสไว้ เป็นเหตุให้คริสหายตัวไปนั่นเอง ส่วนร๊อบพอรู้ว่าคริสโดนลากมายุ่งด้วยเลยยอมสารภาพกับอัลว่าเป็นคนทำ ท่านชีคก็ให้ร๊อบทำเนียนสืบข่าวต่อไป ขณะที่ตัวเองไปจารเซเพื่อส่งคำเตือนให้บรรดาผู้ก่อกวนทั้งหลาย เสร็จแล้วก็กลับมาติดต่อกับเรกาโซ่เพื่อเสนอเจรจา และยื่อข้อต่อรองให้ปล่อยพ่อของร๊อบแลกกับราฟาและปิลิเป้ อีกฝั่งก็วางแผนกับรามิล ราเซย์และคริส ให้ทำเนียนแสดงละครตบตาเพื่อให้ร๊อบออกมาสารภาพในตอนนี้เพื่อจะทำหลักฐานไปมัดตัวนายพลเซราวัคนั่นเอง..

ขอตั้งชื่อแผนการนี้ขออัลว่า "พิชัยยุทธ์ทมิฬ" /หลบทีนส์ :z6:

   ส่วนตอนหน้า มาบู้กันเถอะ!
   ...แล้วเจอกันค่า
 :กอด1:

ปล. ผลรางวัลออกแล้ว แต่ยังไม่มีคนส่งที่อยู่ให้เลย คนที่ได้รางวัลรบกวนส่งที่อยู่ให้ด้วยนะคะ
ปล.สอง จะมีนิยายต่อจากคาวี่อีกเรื่อง เป็นเรื่องของคุณอากะแกเร็ตค่า รอได้เลย หุหุ

อนึา่ง ก่อนจาก ขอสอบถามเล็กน้อย  :m13:
    เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ใกล้จะจบแล้ว และตกลงจะทำรวมเล่มกับสนพ.ไร้กรอบ ปุ้ยอยากจะสอบถามคร่าวๆว่ามีใครสนใจไหมคะ แบบอยากรู้จำนวนคร่าวๆ :m23:

   รายละเอียด คร่าวๆ
   เป็นนิยายสองเล่มจบ (ภาพปกรออีกนิด คนวาดบ้านน้ำท่วม  :laugh:) ความหนาคาดว่าประมาณสามร้อยหน้าอัพ

   มีตอนพิเศษในเล่มและไม่ลงในเว็บอีก 5 ตอน ดังนี้

ตอนพิเศษ Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน (ในเล่ม)

1. 30 day for wedding
      เมื่อเซเนียยามีการจัดงานแต่งงานครั้งสำคัญ..การ์ดแต่งงานที่ถูกส่งมายังคฤหาสถ์ตระกูลวาลกัสทำให้บอสมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ถึงกับสติแตก ..ถ้างานแต่งคนอื่นก็แล้วไป แต่ถ้างานแต่งของอัลชาอ์ล่ะก็..งานนี้คาวัลโลจะบุกเชือดและถล่มงานให้มันล่มต่อหน้าต่อตาให้ดู !!
2. I'm relate
     มันก็เป็นปกติที่ผู้นำประเทศจะมีล่าม มีที่ปรึกษาส่วนตัวหรือเลขาอะไรก็ว่ากันไป ไม่น่าแปลกอะไรเลยสักนิด แต่ตอนนี้ ไอ้สิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าเลขาของอัลชาอ์กำลังทำให้คาวัลโล..เหลืออด !
3. To The destination
 ..ในที่สุด..การเดินทางของเราก็จบลง เส้นทางของสองคนสบประสานเพื่อจะได้อยู่ร่วมกัน..ตลอดไป..
4. Meeting in Family
 รายงานสดจากท่านชีคอัลชาอ์แห่งเซเนียยา กับการพบปะครอบครัวของคาวัลโล ..เหล่าญาติมิตรในตระกูลลวาลกัสอย่างเป็นทางการ ซึ่งมันก็.....เอ่อ....นะ
5. Study in the sunday
 ของแถมพิเศษเล็กๆน้อยๆแด่แฟนคลับของฝาแฝดอเล็กซิส&อเล็กเซย์ กับตอนพิเศษว่าด้วย..บทลงโทษของพี่คนรองผู้แสนดี อเล็กเซย์ วาลกัส 
....
ของแถมอีกนิดดดดดด
    โดจิน Stone rose's line ตอนพิเศษ
    คำเตือน : เนื้อหาโดจินเรท ส  (เสื่อมตับเสื่อมไต) โปรดระวัง
 ช่วยตอบกันด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
   
  :impress:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 26-10-2011 17:05:49
^
^

จะจบแล้วว จะรีบเก็บเงินรอซื้อหนังสือ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: PAnppyJunJii ที่ 26-10-2011 17:18:52
อ่านจบก็   "เอ๋อ"   บัดดล
ท่านชีคนี่สุดยอด   :z13:  หลอกทั้งคาวี่ทั้งคนอ่าน  เอาซะงงตาแตก 

หนังสือสนใจมากๆ ค่ะ  เพราะจะได้เอาไปอ่านในหลายๆที่ได้  แบบว่าอ่านก่อนนอน  เลือดสาดก่อนอน  55555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 26-10-2011 17:44:59
อ่านตอนนี้แล้วสงสารแกเร็ตมาก  :m20:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 26-10-2011 17:55:10
เข้ามารอหลายวันแล้วดีใจจังได้อ่านแล้ว  จะจบแล้ว :o12:

ส่วนหนังสืออยากได้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 26-10-2011 18:03:35
 o13 นับถือคนแต่งมากผูกร้อยเรื่องราวได้น่าติดตาม และชวนงง

แต่ก็เคลียร์ได้  บีบคั้นดีค่ะ

ปล.+1และเป็ดให้นะคะ และขอจองไว้เป็นเจ้าของด้วยคนนึงน้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: boworange ที่ 26-10-2011 18:19:36
 o13 o13  รอคร้า...รีบๆคลอดหนังสือออกมาในเร็ววันนะคะ  o13 o13....
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 26-10-2011 18:51:30
เก็บเงินรอค๊าาา า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: gear ที่ 26-10-2011 18:59:13
ขอจองด้วยคนค่ะ
ขณะนี้บ้านน้ำท่วม
หนีน้ำมาอาศัยอยู่ที่ทำงาน
จะรอนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 26-10-2011 19:22:56
อืมมม ท่านชีคนี่น่ากลัวจริงๆ จอมวางแผนหน้านิ่ง  o8
ลูกแมวน้อยต้องหัดใจเย็นกว่านี้อีกนิดละมั้ง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 26-10-2011 20:23:03
ท่านชีค เสือเก็บเล็บ วางแผนได้เเบบหลอกได้หมดทุกคน

เก็บเงินรอคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 26-10-2011 20:31:59
จะมีรวมเล่มด้วย

เก็บตังๆ รอรวมเล่ม
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 26-10-2011 20:55:39
 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 26-10-2011 21:28:18
ก่อนอื่นเลย ต้องขอบอกขอโทษครับ ที่ห่างหายจากการเม้นท์เรื่องนี้ไปนานมาก

เพราะ ว่าบินไปสิงค์โปร เพื่อติดต่อเรื่องในการเรียนต่อ  แล้วพึ่งกลับมาไทย ก็ต้องระเห็จหนีน้ำท่วมอีก

เอ่อ จะจบแล้วจริงๆๆงะ ไม่อยากให้จบเลยอ่า

ชอบเรื่องนี้มากมายๆๆ โดยเฉพาะ คาวี่ ลูกรัก ลูกสุดหวงของเรา

บอกตรงๆๆ ไม่ค่อยชอบตั้งแต่ตอนที่แล้ว อ่า แบบว่า ไม่ค่อยชอบให้คาวี่ ไล่ตาม อัลชาล์เท่าไร

แบบ ว่า ให้คาวี่ มาคอยตามแบบนี้ มันไม่ใช่ คาวี่ เลย

มันไม่ต่างจาก การ ที่ คาวี่เป็นช้างเท้าหลังอัลชาล์

ไม่ชอบเลยอ่า ที่คาวี่ของเราต้องมาไล่ตามอัลชาล์แบบนี้

อ่านแล้วหงุดหงิด จนถึงขั้น อยากให้คาวี่ หนีกลับอิตาลีไปเลย แล้วไม่ต้องกลับมาอีก

วุ้ย จริงๆๆเเล้วเรื่องนี้ ต้องให้อัลชาล์ตามคาวี่อยู่ตลอดแบบนี้แหละ ถึงจะมันส์

พอกลับมาเริ่มต้นใหม่แบบนี้ มันยังไงไม่รู้  ถึงจะเป็นทางที่ดีเพื่อให้อัลชาล์และคาวี่อยู่ด้วยกันก้อตาม


แต่ยังไงก็อยากให้ อัลชาล์เป็นฝ่าย ไล่ตามตื้อคาวี่ เหมือนเดิมอ่า

เอาเหอะ ยังไงก็รักเรื่องนี้มากๆๆ ชอบมากๆเลย

โดยเฉพาะคาวี่

ส่วนอัลชาล์ พึ่งรู้นะว่าเจ้าเล่ห์แล้ว  แบบนี้คาวี่หนีไปไหนไม่รอดแน่ๆๆ

แล้วสุดท้าย อยากบอกกับคนเขียน ว่าแต่งเก่งมากๆๆเลย เป็นเรื่องที่แบบว่า อ่านแล้วอ่านอีก ขนาดไม่มาอัพยังอ่านซ้ำแล้วซ้้ำอีก

จนตอนเนี่่ย จำได้ทั้งหมด พูดง่ายๆว่าอ่านเรื่องนี้ทุกวัน อ่านถึงตอนล่าสุดแล้วก็วนมาอ่านตอนที่หนึ่งใหม่


ปล. อยากบอกว่าเค้าจะเอาหนังสือเล่มนี้ อยากไ้ดมากๆๆ เลย  ขอจองไว้เลย ยังไงเค้าจะเอาเรื่องนี้แน่ๆๆ จ





หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 26-10-2011 21:37:50
หายไปนาน แต่ก็มาต่อแบบจุใจมากค่ะ
จะจบแล้วสิ รอซื้อหนังสือออ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 26-10-2011 21:38:45
เพราอิหนูมัน "หึง" มากไง เลยโดนหลอก ความจริงชีคน่าจะดีใจนาาาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: zealafeta ที่ 26-10-2011 21:59:27
สนใจหนังสือด้วยคนค่ะ  ยังไงก็จะหยอดกระปุกรอนะค่ะ สู้ๆค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 26-10-2011 22:49:50
ขอบคุณที่สรุปให้นะคะ เพราะบอกตรงๆ นั่งอ่านอย่างงงๆ 555+

อัลซาร์นี่เป็นคนที่น่ากลัวสุดยอดจริงๆ ให้ดิ้นตาย  :a5: :a5: :a5:

ขอจองหนังสือด้วย 1 ชุดค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 26-10-2011 23:14:15
อัลซาร์นิ่งสยบทุกความเคลื่อนไหวจริงๆ ใครเป็นใครก็เผยออกมาหมดแล้ว ถึงเวลาเช็คบิลสินะ
คาวี่หึงจริงอะไรจริง 555 ดีใจแทนน๊าอัล
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 26-10-2011 23:15:51
เข้ามากรี้ดค่ะ กำลังเครียดๆเรื่องน้ำ พอเปิดมาเจอหายเครียดเลย
ชอบอ่ะ สนับสนุนให้ทำเลยค่ะ ขอจองด้วยคน  1ชุด
ตอนนี้ชอบที่คาวี่แอบย่องไปใต้ดินแอบจับสายหลับ กะตอนที่เริ่มอาการหึงอัล
อ่านแล้ว >///<  รอตอนหน้าด้วยความหวัง  :impress2:
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ ช่วงนี้น้ำท่วมรักษาสุขภาพด้วยนะค่า :กอด1:

ปล.เิปิดจองเมื่อไหร่อย่าลืมบอกนะค่ะ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Tuffina ที่ 26-10-2011 23:18:53
เห็นยอมคาวี่อย่างงี้ แต่ชีคก้ร้ายไม่ใช่เล่นนะนี่ o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 26-10-2011 23:26:58
ขอจองหนังสือด้วยคนนะคะ

ชอบคาวี่ที่สู๊ดดดด(ซูดน้ำลาย)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: nenoramy ที่ 27-10-2011 04:08:22
อยากได้รวมเล่มมั่ง แต่ช่วงนี้จนเข้าขั้นกรอบ
เฮ้อ!! ทำใจๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 27-10-2011 08:55:56
..ดีใจจัง ดีมากอ่ะแบบนี้

ส่วนหนังสือ...ขอด้วยคนนะฮะ สนมากกกกก :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 27-10-2011 12:20:18
ยกมือด้วยคนค่ะ
 :a1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: envylover ที่ 27-10-2011 12:58:30
ใกล้จบแล้ว จองหนังสือไว้ 1 ชุดเลยค่า ซื้อแน่นอน

จะเอาคาวี่มานอนกอด หุหุหุ หึงน่ารักจริงๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 27-10-2011 13:09:11


   โอววว ช่างวางแผนกันซะซับซ้อนซ่อนเงื่อน
   เล่นละครไปกันอีกหลายฉาก
   อัลชาร์วางแผนอยู่นี่ แต่คนไขออกดันเป็นอเล็กซิสซะงั้น
   น่าปล่อยให้อเล็กซิสเป็นบอสมาเฟียไป
   จะเป็นจริงๆหรือเป็นแค่เบื้องหลังก็ได้
   แล้วส่งคาวัลโลมาอบรมความเป็นผู้นำกะอัลชาร์ตลอดชีวิตจริงๆ



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 27-10-2011 13:52:55
กรี๊ดดดด
จะจบแล้วววว วววววว
ไม่ได้ตามอ่านนานมากเลยกะว่ารวมเล่มแล้วค่อยอ่านแล้วกัน เอิ๊กๆ

มายกมือขึ้นจอง 1 ชุดค่าา
>_________<
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 27-10-2011 14:59:53
กรี๊ดถ้ารวมเล่มจริงๆ
ก็อยากได้เก็บไว้อ่านเหมือนกัน

จะจอง 1 ชุดเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 27-10-2011 16:15:53
ท่านชีคเราล้ำลึกมากกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: ana* ที่ 27-10-2011 19:50:43
เรื่องนี้สนุกมากก อ่านแล้วได้ครบทุกรสจริงๆ
ตอนแรกๆก็ฟาดเหลี่ยมกันมันส์ บู๊กันสะใจ
ตอนคุณอาหักหลังก็เศร้าจนน้ำเกือบท่วม :sad4:
ตอนคาวี่กลายร่างเป็นแมวก็หวานจนน้ำเน่าเป็นน้ำเชื่อม :-[
แถมแต่ละตอนก็ยาวได้ใจ ชอบเรื่องนี้สุุดๆ o13

ปล.ขอจองหนังสือด้วยค่า^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 28-10-2011 02:20:28
รู้สึกว่าตอนนี้ยาวมากกกกกก
รักคุณอาขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ(กลายเป็นพวกชอบความรุนแรงเพราะคุณอานี่ล่ะ)
สรุปว่าทั้งหมดเพราะห่วงหลานคนนี้ล่ะสิ ปากแข็ง(โคตรๆ)ไปหน่อยนะคะคุณอา ^^

เดี๋ยวนี้คาวี่พัฒนาไปเยอะ มีท่านชีคที่รักด้วยอ่ะ อ่านไปก็เขินไป
รักกันเลือด(คนอื่น)สาดแบบนี้ ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: sakerum ที่ 28-10-2011 03:02:16
อ๊ากกกกกกกกกก

หงุดหงิดดดดด(เอ็งเกี่ยวไรกะเค้าวะ)

ว่าแล้วว่าต้องเป็นโรเบริตท์ แต่นึกไม่ถึงว่าทั้งหมดจะเป็นแผนล่อแมวของอัลชาร์

แล้วก็ปล่อยให้เราค้างเติ่งอีกครั้ง

กับการต่อสู้ที่น่าจะดุเดือด แต่ก็ยังไม่ได้อ่าน

อัพๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 28-10-2011 13:31:08
มาตามอ่านคาวี่ต่อ พร้อมกับชูมือว่าเอารวมเล่มด้วยค่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: koorikoori ที่ 28-10-2011 18:15:23
จะสงสารคาวี่รึสะใจดีเนี่ย 555


และ มาแปะอยากได้รวมเล่มด้ยคนนึงจ้า>,,<
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 28-10-2011 19:22:46
สรุปแล้วทั้งหมดทั้งมวล เห็นใจแกเร็ตที่สุด
เพราะพี่แกหงุดหงิดที่สุด :laugh:
แต่ยอมรับ แผนอัลชาห์นี่ล้ำลึกดั่งใจคน
สุดยอด o13

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 28-10-2011 21:01:32
ความจริงฝั่งทะเลทรายกระจ่างแล้ว
ต่อไปก็รอฝั่งมาเฟียว่าความจริงจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 28-10-2011 21:16:00
ว้าใกล้จะจบแล้วเหรอเนี่ย
คาวีนี่ตัวแสบจริงๆนะ
แต่ที่แสบกว่าคงเป็นอัลชาห์มากกว่าอะเหนือเมฆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 29-10-2011 21:53:21
งานนี้เรียกได้ว่าโดนหลอกใช้ถ้วนหน้าเลยทีเดียว

ร้ายจริง ๆ เลย พระเอกของเราเนี่ยยย

แต่ก็น่ารักไม่หยอก ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: thunchanok1 ที่ 30-10-2011 13:15:41
เป็นความคิดที่แบบลำ้ลึกยิ่งนัก.. อ่านไปครั้งแรกถึงกับต้องนั่งคิดตามแล้วค่อยอ่านต่อเลยจริงๆ

แต่แบบยังไงก็ซื้อแน่ๆ -..-
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 30-10-2011 14:46:39
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ
อ่านถึงตอน 13 เอง แปะเม้นไว้ก่อน
ชอบแบบนี้อะ เหมือนเมะเมะทั้งคู่เลย อาชีพเท่ห์สุดๆ
คนเขียนแต่งเก่งมากเลยค่ะ! o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: runynam ที่ 30-10-2011 21:42:30
อะไรกัล หายไปไม่นานซักเท่าไหร่
เรื่องนี้จะจบแล้วหรอค่ะ โอ้ววววววว
แต่ก็นะ ยาวอยู่ อิอิ
อ่านตอนนี้แล้วแบบว่าสนุกมากกกก
คาลโลโดนต้มบ้าง สนุกดี (แต่แอบตามไม่ทันอ่ะ  :try2:)
อ่านทอค์กของพี่ปุ้ยแล้วแบบว่า
อยากได้รวมเล่มมากกอ่ะ .....คงสนุกฮ่าดีไม่น้อย อิอิ
โดนเฉพาะการพบกันระหว่าง ตะกูลมาเฟียกับเจ้าครองรัฐ คงสนุกไม่น้อย หิหิ
รอตอนต่อไปนะค่ะ สู้ๆค่ะ ถ้าน้ำจะท่วมก็จะรออ่านค่ะ อิอิ
 :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Fairy_94 ที่ 30-10-2011 22:57:40
รอและติดตามค่ะ
.
.
คนเขียนสู้ๆ! !!~
^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 30-10-2011 23:14:56
สนุกมาเลย  มารอจองหนังสือด้วยคน  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 31-10-2011 18:54:51

(http://image.free.in.th/z/in/300342_2068588524749_1545927452_31715806_420121236_n.jpg)


(http://image.free.in.th/z/in/300342_2068588524749_1545927452_31715806_420121236_n.jpg)




(http://image.free.in.th/z/tn/300342_2068588524749_1545927452_31715806_420121236_n.jpg)





ลองแต่งภาพ คาวี่ กับ อัลชาล์ดูเล่น

มือใหม่ หัดแต่ง  ไม่รู่จะสวยถูกใจมากน้อยแค่ไหน


ถูกใจไม่ถูกใจลองดูนะ (แบบว่า เค้าทำได้แค่นี้ นะตะเอง :sad4: :sad4:)


อยากจะบอกว่า กว่าจะเข้าไปหารูป คาวี่ ได้เล่นเอาเกือบแย่

แบบว่ารูปคาวี่ รูปนี้เอามาจากเว็บเด็กดี  แล้วแถมน่ารักมากๆๆๆ เห็นปุ๊ปอยากฉุดปัป (แล้วหลบตีนอัลชาล์ :z6: :z6:)

มาเฟียอะไรจะน่ารักน่าหลง มิน่าละ อัลชาล์ถึงได้........



ถึงซะว่าเอามาฝากป้าปุ้ยด้วยซะเลย

แล้วป้าปุ้ย ป้ามาอัพตอนต่อไปได้แล้ว

คนอ่านเข้าอยากอ่านจนจะลงแดงอยู่เเว้ย

แล้วหนังสืออ่า เค้าเอาด้วยนะ ชอบ แอนด์ อยากได้จนตัวสั่น 

แต่ยังไงก็เอาแน่อยู่แล๋น




หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 31-10-2011 22:33:45
ไปโีรงเรียนด้วย, ใช้เวลาอ่านสองวันจนถึงตอนล่าสุด
ใกล้จะจบแล้วอ่อ สนุกมากเลยค่ะ อ่านแล้วลุ้น ตอนแรกก็สงสารพระเอก
แต่ตอนนี้ก็โอเคแล้ว ทุกอย่างค่อยๆ ลงตัว รอตอนต่อไปนะคะ +1 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaEwA ที่ 31-10-2011 22:40:25
 :z3: ทำไมถึงได้ฉลาดปราดเปรื่องอย่างงี้ท่านชีคคคคค โดนหลอกจนเปื่อยเลย

รอ ร๊อ รอ บทบู้  :laugh: อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 01-11-2011 18:41:11
วันนี้ มาแต่งใหม่อีกแล้ว

แค่เพิ่มเติม แสง เงา นิดหน่อย

ไม่รู้ว่าถูกใจกันหรือป่าวนะ

(http://image.free.in.th/z/ib/25114ddd.jpg)


(http://image.free.in.th/z/iy/photo_f01galomi2pcb3j.jpg)


Cick  อัลชาล์x คาวี่ (http://image.free.in.th/show.php?id=a32f90c35dbf489189ad91ec799694d8)


มารออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 02-11-2011 09:56:31
 Line 44 : คำสัญญา
     


      ต่อให้จะถูกจูงมือเชื้อเชิญออกมานอกห้องอย่างดี แต่สภาพโกลาหลภายในพระราชวังกลับเข้าขั้นดูไม่ได้ คาวัลโลหน้านิ่วกับภาพของการต่อสู้เบื้องหน้า เขานึกฉุนขึ้นมาอีกหนึ่งรอบว่าอัลชาอ์ปล่อยให้คนพวกนี้เข้ามาได้ยังไง ถ้าตัวเองมีประสิทธิภาพพอจะรับมือ ทำไมไม่รับมือแต่แรกเล่า หลอกล่อพวกนี้เข้ามาก่อความวุ่นวายในวังเดี๋ยวบรรดาคนในวังก็ได้ถูกลูกหลงกันหมด ขนาดเขาที่เป็นมาเฟีย ยังไม่บ้าบิ่นคิดจะ"ชักศึกเข้าบ้าน"แบบนี้สักนิด


       " เมื่อกี้คุณก็ออกจะวางแผนไว้แนบเนียบเสียดิบดีจนน่าหมั่นไส้ แล้วนี่อ่ะไร ทำไมจู่ๆถึงได้กลายเป็นเละเทะได้เล่าหา? " มาเฟียหนุ่มร้องถามคนที่ชักปืนออกมาถือไว้ในมือซ้าย มือขวายังคงกุมมือของเขาแน่นแบบไม่ปล่อยอย่างหงุดหงิด


        " พวกคนที่นี่ออกไปหมดแล้ว ในนี้เหลือแต่ทหารกับพวกบอดี้การ์ดของคุณ กับองค์รักษ์ของผม.." ชีคหนุ่มตอบสั้น ริมฝีปากยิ้มออกมาบางๆแล้วดึงรางคนหงุดหงิดเข้าแนบชิด " ผมก็บอกแล้วไงว่า"ปิดประตูตีแมว "ความหมายของมันไม่ได้ต่างจากที่พูดหรอกนะ "


        " ...คุณนี่มัน.." คาวัลโลกรอกตาขึ้นฟ้า บ่นงึมกับพฤติกรรมของชีคหนุ่มที่ชักจะทำเขาหัวหมุนเมื่อครู่นี้ยังอุตส่าห์ตีหน้าแนบเนียนวางแผนและเฉลยออกมาแบบที่ชวนตะลึง แต่ตอนนี้...กลับมาทำอะไรบ้าบิ่นอย่างชักพาพวกที่ก่อความวุ่นวายเข้ามาในวังเพื่อรุมจัดการแบบไม่ให้หลุดรอดไปได้..



   ..ถึงมันจะเป็นแผนที่เข้าทีก็เถอะ แต่มันก็ฉุกละหุกเสียจนเขาปรับตัวไม่ทัน ...หันมองคนข้างกายที่ก้มตัวหลบมุมและสอดสายตาดูลาดเลาอย่างครุ่นคิด..สาเหตุที่อัลชาอ์จะทำอะไรแบบนี้..คิดแล้วมันก็จะมีแต่..


        "..ถ้าอยู่ข้างนอก คนของผมมีโอกาสได้รับลูกหลง กระทั่งวิธีที่ขี้ขลาดที่สุดอย่างจับชาวบ้านเป็นตัวประกันอาจจะถูกนำมาใช้..ซึ่งผมไม่คิดจะยอมให้มันเกิดขึ้นหรอกนะ "


        "........"คาวัลโลฟังแล้วส่งเสียงครืดคราดในลำคอ ..ว่าแล้วเชียว สาเหตุที่ทำให้อัลชาอ์ยอมทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ก็มีแค่ไม่กี่อย่าง..หนึ่งก็เพื่อคนที่เขารัก..และสอง..ก็เพื่อคนที่รักเขา..


         ...ทั้งน่าห่วงน่ากังวล..แต่...ผู้ชายที่อยู่ข้างๆเขาก็ชวนให้หลงรักเสียจนแทบอดใจไม่ไหวจริงๆ..


         "...ผมรู้ว่าคุณห่วงคนของคุณ..แต่ก็ไม่น่าจะทำแบบนี้ "คาวัลโลครางงึมงำ ...ต่อให้มันจะสมเหตุสมผลก็เถอะ แต่เขาไม่เคยได้ยิน ว่าจะมีผู้นำที่ไหนยอมทำถึงขนาดนี้..เพราะนั่นแสดงว่าตัวเองก็มีความเสี่ยงสูงอยู่เช่นเดียวกัน


         " ..นี่มันเป็นการทำเรื่องโง่ๆของคนกลุ่มเดียวเท่านั้น ไม่ใช่การลุกฮือของประชาชนหรือการเรียกร้องที่สำคัญยิ่งใหญ่...การทะเลาะกันของชนชั้นปกครองโง่เง่าคนสองคน ไม่ควรจะทำให้ประชาชนต้องลำบาก ที่จริง..ไม่สมควรจะให้ประชาชนได้เห็นมันด้วยซ้ำ..เพราะนั่นจะทำให้พวกเขาประจักษ์ถึงความโง่เขลาของผู้ที่ถูกอำนาจบังตาและนึกสมเพชมากขึ้น จัดการกันเงียบๆในวัง ถือว่าปราณีกับคนๆนั้นมากกว่าการออกไปจัดการที่กลางเมือง ให้เขาเผชิญหน้ากับสายตาดูหมิ่นของคนเซเนียยาหลายร้อยเท่า...นี่น่ะคือความปราณีสุดท้ายของผมแล้ว "


         ริมฝีปากเอ่ยถ้อยคำเชือดเฉือนด้วสายตาหยามหยัน..แววตาเย็นเยียบฉายความดูแคลนและใบหน้าชาเฉยเต็มไปด้วยความสมเพชปนเวทนาเหล่าผู้กระทำการอันโง่เขลานี้ทำให้คนมองต้องนิ่งงัน..คาวัลโลค่อยคิดตามคำของชีคหนุ่ม และที่สุดเขาก็เห็นตาม ว่านี่คือวิธีที่ปราณีที่สุด..ขณะเดียวกันก็เป็นวิธีที่โหดร้ายที่สุดเช่นกัน..


      ถึงอัลชาอ์จะบอกว่านี่คือความปราณี ที่ชีคหนุ่มจะจัดการเงียบๆเป็นการภายใน แต่มันก็หมายความว่าถ้าคนพวกนี้พลาดถูกจับได้ อัลชาอ์ก็จะจัดการ"ตามแต่ใจ"ตนเช่นกัน..


      ถูกจับต่อหน้าคนหมู่มาก ต่อให้อับอาย หรือต้องถูกประณาม ทว่า..หากเป็นเช่นนี้ อาจหมายถึงชีวิตที่ต้องถูกตัดสิน อาจจะหายไปตลอดกาลโดยไม่มีใครนึกรู้ก็ได้


       คาวัลโลจ้องมองเสี้ยวหน้าของคนข้างกายด้วยท่าทีครุ่นคิดมากยิ่งขึ้น...กับวิธีการ ที่พอมานั่งคิดดีๆแล้ว ไม่อาจะเรียกว่าใจดีได้เลย


              ปัง!


      ลูกปืนจากไหนไม่รู้เฉี่ยวเข้าใกล้แขนจนคาวัลโลสะดุ้งเฮือก เขาและชีคหนุ่มหันไปมองข้างหลังด้วยอารามตกใจไม่น้อย มาเฟียหนุ่มเตรียมขึ้นไกเพื่อโจมตี ทว่าร่างของ"มือปืน"ที่ยืนเท้าสะเอวทำหน้าราวกับจะกินหัวเขาทั้งคู่นั่นต่างหากที่ทำให้คาวัลโลต้องชะงักค้าง


           " ถ้าพวกแกจะออกมานั่งเป็นเป้าให้คนอื่นยิงแบบนี้ อย่ามายืนให้รกหูรกตาซิว่ะ ! " ว่าแล้วคุณอาที่รักก็ทำท่าจะเล็งปืนใส่เขาอีกรอบ ทำเอาคาวัลโลรีบเต้นเหยง ลุกขึ้นหลบหนีจากวิถีกระสุนด้วยอาการสยอดสยองยิ่ง


           " ถ้าเขายังไม่เลิกบ้า จะให้ผมลากคอไปขังในคุกสักคืนไหม?!" ชีคหนุ่มเอ่ยถามเสียงห้วน นัยน์ตาจ้องมองชายหนุ่มผมทองเบื้องหน้า ผู้ซึ่งกำลังถือปืนเดินตรงแน่วมาที่ตนเองและมาเฟียหนุ่มข้างกาย คนที่บอกได้ว่าเป็นพรรคพวกเดียวกัน แต่การกระทำไม่ได้ชวนอุ่นใจหรือให้คิดแบบนั้นได้สักนิด


          " อย่าสิ นี่น่ะออกภาคสนามนะ เขาก็เป็นแบบนี้ตลอดแหละ " คาวัลโลว่า พลางทำสีหน้าหวาดผวา "ก็แค่ยิงขู่แค่นั้น เตือนก่อนเราจะโดนสอยจริงๆเพราะมัวแต่คุยกัน "


          " หึ...เขาช่างมีวิธี"ห่วงใย"คนอื่นได้แปลกประหลาดจริงนะ " ชีคหนุ่มปรายตาใส่คลาร์กที่เริ่มเดินลุยกระสุนเพื่อจัดการสอยผู้บุกรุกให้ล้มลงทีละรายๆราวกับใบไม้ร่วง...ซึ่งถ้าไม่นับการกระทำบ้าๆบอๆแสนอุกอาจนั้นแล้วล่ะก็..อัลชาอ์ก็ต้องยอมรับว่าชายคนนี้มีความเก่งกาจและเชี่ยวชาญอย่างยิ่งเลยเชียว


           " แกเร็ต ! " คาวัลโลร้องเรียกเจ้าคนที่ทำหน้าเหมือนปวดท้องมาแต่ไกลลั่น ชายหนุ่มหน้ายุ่งพยักเพยิดไปทางคลาร์กที่กำลังอาละวาดได้ที่ ส่งสัญญาณที่รู้กันดีให้ไปจัดการ


           " รู้แล้ว คุณจะทำอะไรก็รีบๆทำซะ...ก็รู้กันอยู่ว่าเขาไม่ชอบให้ใครมานั่งเหม่อคุยกันในเวลาแบบนี้ " แกเร็ตส่ายหัวระอาพลางเดินดุ่มเข้าไปใกล้ร่างของคลาร์ก ทั้งประกบคอยระวังไม่ให้ชายหนุ่มถูกโจมตี ทั้งคอยสอดส่องปนระแวงกันท่าอยู่ในทีไม่ให้คุณอาที่รักของเขามีโอกาศสาดกระสุนมาหาคาวัลโลอีกรอบฐานหมั่นไส้หรือขวางหูขวางตา


            " ให้ตายสิ "คาวัลโลบ่นกลั้วหัวเราะ มือซ้ายที่ยังคงจับมือหนาของชีคหนุ่มไว้บีบแน่น พร้อมกับหันกลับมาจ้องหน้าอัลชาอ์ที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน


            " ไปกันเถอะครับ " คาวัลโลเอ่ย พร้อมกันนั้นทั้งสองก็ลุกพรวด ออกจากที่กำบังพร้อมกับวิ่งลงบันไดตามหลังคลาร์กและเเกเร็ตอย่างรวดเร็ว


               สภาพภายในพระราชวังของอัลชาอ์ที่ตอนนี้แทบร้างไร้ผู้คน ไม่มีร่างของบรรดาเหล่าคนรับใช้หรือเหล่าทหารรักษาการ ดูเหมือนหละหลวมไร้การรักษาความปลอดภัย แต่คาวัลโลมองเห็นกลุ่มคนซุ่มซ่อนอยู่ในมุมต่างๆ ทั้งบนหลังคาพระราชวัง หรือตามสุนทุมพุ่มไม้ใหญ่ๆตามสวนด้านหน้า กระทั่งตามมุมอาคารของพระราชวัง ทั้งนี้คงเป็นเพราะอัลชาอ์สั่งการไว้แล้ว ให้แสร้งหละหลวม ไม่มีคนรักษาการเหมือนอ่อนกำลังไม่มีการเตรียมพร้อม เพื่อให้"ฝ่ายนั้น"ได้ใจ และตรงรี่เข้ามาในพระราชวัง..ให้มาตกหลุมพรางที่วางไว้โดยดี


             มาเฟียหนุ่มมองแผ่นหลังของผู้เป็นอาที่วิ่งรี่ไปยังประตูหน้าเพื่อจัดการผู้บุกรุกที่ดาหน้าตรงเข้าหา ตามหลังด้วยแกเร็ตซึ่งตามติดชนิดที่คาวัลโลเริ่มไม่แน่ใจว่าใครคือเจ้านายมันกันแน่ ก่อนจะหันไปทางขวามือซึ่งอัลชาอ์กำลังจัดการผู้บุกรุกรายหนึ่งและมีฮาซานกับจาฟาประกบติดข้างตัว


          ...คาวัลโลยักไหล่ พลางมองเบื้องหน้าตนบ้าง บรรดาผู้บุกรุกนี้จะว่ามีมากก็มาก แต่เพราะถูกคนที่ดักซุ่มอยู่ของอัลชาอ์สอยร่วงไปไม่ใช่น้อย จึงเหลือให้เขาจัดการเพียงนิดหน่อย มาเฟียหนุ่มแสยะยิ้ม ขณะที่กระชากไหล่เจ้าคนที่กำลังเล็งไปยังแกเร็ตให้หันหลังกลับมาหา เพื่อพบกับฝ่าเท้าและหมัดที่ซัดเข้ายังหน้าท้อง พร้อมกับกระสุนปืนทะลุหน้าผากเป็นการสั่งลา


            การ"ปิดประตูตีแมว"ของอัลชาอ์ดูท่าจะได้ผลเกินคาด เพราะแมวที่เข้ามานั้นมีค่าเป็นเพียงหนูตัวเล็กไร้พิษสงเสียส่วนใหญ่ คาวัลโลหมุนกระบอกปืนในมือด้วยสีหน้าเริงร่า เขาแทบไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำ เพราะคนของอัลชาอ์จัดการแทบหมดแล้ว..พวกนี้ที่เหลือก็ให้อัลชาอ์กับคลาร์กและแกเร็ตจัดการดีกว่า..


          ส่วนเขาน่ะหรือ...ก็คอยสอดส่อง..ตามองหา"ตัวการ"ที่แท้จริงน่ะสิ


          นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองบรรดาผู้บุกรุกที่ยังคงถูกยิงราวกับใบไม้ร่วงตรงหน้าอย่างเฉยชา นึกเสียดายขึ้นมาที่หลอดไฟถูกยิงแตก กระทั่งโคมไฟแชนเดอร์เลียอันใหญ่ที่แขวนไว้ตรงห้องโถงก็ยังไร้แสง สภาพภายในนี้จึงสลัวรางมองไม่ชัด การตามหาตัวการในสภาพแบบนี้จึงลำบากขึ้นอีกนิด..


         ....แต่ก็แค่อีกนิดเท่านั้น..มันไม่เหลือบ่ากว่าแรงของเขาหรอกน่า


           คาวัลโลกระโจนเข้าหลบบริเวณมุมห้อง โถงใหญ่อันเป็นด้านหน้าของวังสำหรับต้อนรับแขก บัดนี้มีร่างของผู้บุกรุกนอนเกลื่อนและเสียงปืนประสานกันโครมคราม เขากวาดตามองผู้บุกรุกที่กระจัดการจายภายนอกแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อยังไม่มีทีท่าว่าจะเห็น"เงา"ของไอ้เจ้าตัวการที่อัลชาอ์เอ่ยถึงแต่ประการใด


            อยู่ไหนกันนะ?


           ถ้าเป็นคนอื่นอาจอุปมาได้ว่าหลบไปอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัย แต่ดูจากที่เคยเจอนายพลคนนั้น หมอนั่นน่าจะเป็นคนที่ทำอะไรแบบซึ่งหน้า ไม่มีการหลบอยู่อย่างขี้หลาดแล้วให้เหล่าลูกน้องตายแทนเป็นแน่ ต่อให้มันออกจะโง่ที่คิดต่อกรกับอัลชาอ์หรือแสดงกริยาอะไรออกมาแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่อย่างไร คาวัลโลก็คิดว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนที่จะหลบอยู่ข้างหลังแล้วให้คนอื่นตายแทน


            บางที อาจจะนั่งวางแผนเคร่งเครียดกันอยู่ที่ไหนก็ได้


            คาวัลโลเปลี่ยนกระสุนปืนที่ติดตัวมา นำกรอกเข้ากับรังปืนอย่างเร่งร้อน นัยน์ตาก็กวาดทั่ว พยายามจะหาตัวการที่หลบซ่อนอยู่ ขณะเดียวกันก็คอยระวังหลังให้พรรคพวกด้วย


           ...ไอ้อยากตรงเข้าไปลุยก็อยากอยู่หรอก แต่พวกนี้เป็นเค่เหยื่อตัวเล็ก ซึ่งเขาไม่ชอบเท่าไหร่ ...กับเขาแล้ว เหยื่อตัวใหญ่ฝีมือร้ายกาจน่าเล่นกว่ากันเยอะ


           ปึง!!!


              เสียงระเบิดพร้อมกับกระตูใหญ่ด้านหน้าที่พังราบลงมาทำให้ทุกคนชะงัก คาวัลโลใจหายวาบมองประตูนั้นตาไม่กระพริบ เพราะเขาจำได้ดีว่าก่อนหน้านี้มีร่างของคลาร์กยืนอยู่แถวนั้น นี่อย่าบอกนะว่าคุณอาของเขาจะถูกไม้ทับหรือโดนสะเก็ดระเบิดตายอะไรทำนองนั้น


            มาเฟียหนุ่มลุกพรวด ทำท่าจะกระโจนเข้าไปช่วยเหลือ หากแต่ร่างเงาที่ผุดลุกขึ้นมาท่ามกลางฝุ่นควันและเศษซากปรักหักพังของประตูบานใหญ่ทำให้เขาชะงัก คนๆนั้นก็คือแกเร็ต เคย์ที่คาดว่าคงกระโจนไปช่วยเหลือได้ทัน


          คาวัลโลมองแล้วถอนหายใจโล่งอกปนขบขัน..ชักอยากจะรู้ ว่าถ้าเขาเจอแบบนี้บ้าง แกเร็ตมันจะกระโจนมาช่วยทันแบบตอนช่วยคุณอาของเขาไหมนี่


            ร่างของแกเร็ตที่ผุดลุกขึ้นมาถูกคนข้างใต้ผลักออกด้ววยท่าทีอารมณ์ขุ่น คาวัลโลมองเห็นคุณอาที่รีกลุกขึ้นมาอยู่ในสภาพปกติดีทุกอย่าง เจ้าตัวหันมาทำตาขุ่นพลางสถบด่าแกเร็ตงึมงัมเสียทีแล้วปึงปังคว้าปืนออกไปด้านนอก คาดว่าจะไปจัดการกับไอ้คน..หรือตัวอะไรก็ตามที่กล้ามาปองร้ายคนๆนั้นได้


             คาวัลโลก็ผุดลุกตามไปอย่างรวดเร้วเช่นกัน หากชายหนุ่มยังคงตวัดตามองด้านหลังเพื่อความปลอดภัยเป็นระยะ แต่เขามองไม่เห็นอัลชาอ์แล้วและไม่ทราบว่าท่านชีคหายไปตั้งแต่ตอนไหน แต่หากมีฮาซานและจาฟาคอยประกบติดอยู่ก็คงจะพอวางใจได้ มาเฟียหนุ่มก้าวพรวดออกไปยังด้านนอก หากแต่ฝีเท้าย่างผ่านประตูที่ถูกระเบิดเละไปไม่ทันเท่าไหร่ แขนก็ถูกคว้าไว้ทันควัน


            " ชู่ว..." เสียงกระซิบหนักแน่นคุ้นหู ทำให้ฝ่ามือที่กำลังจะฟาดกระบอกปืนใส่ผู้ปองร้ายชะงักลงอย่างกระทันหัน คาวัลโลหันขวับ สบมองแววตาเคร่งของแกเร็ต เคย์ พร้อมกันนั้นก็หันไปตามที่ถูกพยักเพยิด..


               ภาพเบื้องหน้าทำให้มาเฟียหนุ่มเบิกตากว้าง จากที่เคยสงสัยบัดนี้ความข้องใจกระจ่าง  ร่างของนายพลเซราวัค ในชุดทหารระดับสูงของเซเนียยายืนอยู่ตรงสวนด้านหน้าด้วยท่าทีเคร่งขรึม ใบหน้าคร้ามเข้มไว้หนวดยาวถึงลำคอดวงตาวาววับ เบื้องหลังมีพรรคพวกอีกประมาณสิบกว่าคนพร้อมประจัญ และที่เผชิญหน้าอยู่ตรงข้าม คือร่างของชีคหนุ่ม..อัลชาอ์ จาฟา ฮาซาน และเจ้าชายฟาลซาอ์ก็อยู่ตรงนั้นเช่นกัน เบื้องหลังของทั้งสองฝ่ายมีร่างของบรรดาองค์รักษ์ของอัลชาอ์ยืนถือปืนเล็งไปยังบรรดาผู้บุกรุกทั้งหลาย มองตามสถานการณ์แล้วนายทหารคนนั้นก็ไม่น่าจะรอด แต่ทว่านี่คงเป็นการเจรจากันก่อนจะจับกุมกระมัง


              คาวัลโลนิ่งมองภาพเหตุการณ์เบื้องหน้า  ก่อนที่เขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ 


            " คุณอาล่ะ? " คำถามนั้นทำให้แกเร็ตหน้ามุ่ย ก่อนจะหันไปมองอีกทาง ซึ่งคลาร์ก โรเซนเบิร์กกำลังอาละวาดแบบไม่เห็นหัวคณะเจรจาตรงหน้าสักนิด


            " แล้วเมื่อกี้ แกเแป็นไงบ้าง? "เขาเอ่ยถาม เพราะจากที่แกเร็ตกระโจนเข้าไปช่วยคลาร์กนั้น ก็อยู่ในระยะประชิดพอควร


            " นิดหน่อย ไม่มี ....โอ๊ย ! " แกเร็ต อ้าปากปฏิเสธสั้นๆ หากเสียงที่เคยสั้นพลันต้องร้องสะดุ้งสุดเสียงด้วยอารามตกใจ เพราะฝ่ามือของบอสตรงหน้าจัดการฟาดมาที่หลังแบบไม่ออมแรง


            " ปากดีจริง " คาวัลโลบ่นพลางก้มมองมือตัวเองที่มีน้ำเหนียวบางอย่างติดมา ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่ามันเป็น"เลือด"จากแผ่นหลังของที่ปรึกษาเขาเป็นแน่


            " คุณอา!! แกเร็ตมันหลังหักแหนะ มาดูหน่อย  ! " วาจาเกินจริงของบอสที่ตะโกนออกไปทำให้คนฟังตาเบิกกว้าง แกเร็ตหันไปท้วงคนที่โกหกหน้าตาเฉยด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย หากไม่ทันเอ่ยคำ บอสของเขาก็ลุกพรวดพร้อมๆกับฝ่าเท้าที่ซัดเข้าตรงสันหลังอย่างรุนแรงจนร่างทรุดฮวบ


             " นี่...คุณ...." แกเร็ตครางในลำคอเสียงแผ่วเจ็บแปลบแลพจุกเสียเกินจะพยุงกายไหว ต่อให้แผลที่ได้รับจากแรงระเบิดนั้นจะไม่มาก มีเพียงเศษสะเก็ดระเบิดที่ทำให้หลังเป็นแผลเลือดออกพอควรเท่านั้น แต่ไอ้ฝ่าเท้าที่จงใจกระทืบซ้ำแผลเก่าแบบไม่ปราณีนั่น ทำเอาเจ็บเสียจนไม่มีแรงลุก ช่างโหดร้ายและน่ากลัวกว่าระเบิดที่ได้เจอมาเป็นไหนๆ


              " อย่ามาโวยเว้ย ฉันรู้นะว่าแกชอบ " บอสตัวร้ายว่าพลางหัวเราะหึๆ มาเฟียหนุ่มละฝ่าเท้าออกพร้อมทำหน้าซื่อเมื่อคลาร์กวิ่งรี่มาหาหน้านิ่วคิ้วขมวด คุณอาของเขามองร่างเจ้าคนที่พังพาบลงกับพื้นเพราะแรงฝ่าเท้าเมื่อครู่หน้ายุ่ง คลาร์กสถบพรืดแล้วทรุดตัวลงข้างๆคนเจ็บ แม้ปากบ่นพร่ำรำคาญแต่แววตาห่วงใยไม่น้อย


                ..หมดตัวก่อกวนไปอีกสอง             


             คนก่อกวนตัวจริงยิ้มร่าพลางขยับตัวหนีห่างจากคนสนิททั้งคู่ เขาสืบเท้าขยับเข้าไปใกล้การเผชิญหน้าเบื้องหน้าอีกนิดเพื่อจะสังเกตและดูท่าทีของทั้งสองฝ่าย พร้อมกันนั้นฝ่ามือก็จับกระชับปืนแน่น พร้อมจะกระโจนเข้าช่วยเหลือทันทีที่เกิดการปะทะ




             กริ๊ก.....


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 43 :คำตอบ UP!! 26/10/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 02-11-2011 10:11:38
      เสียงขึ้นไกที่ดังอยู่เบื้องหลังทำร่างทั้ร่างพลันนิ่งงัน ให้คาวัลโลตัวเย็นวูบ เขาหันกลับไปมอง หากยิ่งเบิกตากว้าง...เมื่อเจ้าของปืนนั้นคือหญิงวัยกลางคนบนรถเข็นที่เขาคุ้นตาดี ..ผู้หญิง...ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของฟาลซาอ์..


           อัลลิยะห์...


                  "เฮ้ๆ..."เขายกมือขึ้น คาวัลโลจ้องมองหญิงตรงหน้าด้วยแววตางวยงงไม่น้อย "แบบนี้ไม่ไหวมั้ง มาเฟียอย่างผมไม่ชอบลงมือกับสุภาพสตรีนะ ต่อให้แก่งั่กขนาดนี้ก็เถอะ "


                " เดินออกไป "น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อยเอ่ยสั้นๆ พร้อมกับปืนในมือขวาที่รุนแผ่นหลัง ฝ่ามือซ้ายสั่นระริกนั้นจับอยู่ที่วงล้อของรถเข็นที่ร่างผอมบางนั่งออกแรงหมุนตามต้องการเพื่อเคลื่อนกาย คาวัลโลค่อยลุกขึ้นพลางมองหน้าหญิงคนนั้นอย่างกังขา...นึกไม่ถึงว่าเธอจะอยู่..และนึกไม่ถึงว่าเธอจะกล้ามาที่นี่ทั้งที่อยู่ในสภาพแบบนี้ ทั้งที่นั่งรถเข็นในสภาพอ่อนแอและแก่แบบนี้แล้วแท้ๆ...


                "...นี่...ผมว่าคุณคิดให้ดีๆก่อนจะทำอะไรดีไหม ทำแบบนี้ไปก็ไม่ชนะหรอกนะ... "คาวัลโลพยายามต่อรองขณะที่เขาค่อยก้าวเท้าเดินเข้าไปหากลุ่มคนที่กำลังเผชิญหน้ากันช้าๆ มาเฟียหนุ่มนึกหงุดหงิดไม่น้อย ไม่ใช่หงุดหงิดเพราะเขาพลาดท่า ไอ้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นได้อยู่อยู่แล้ว แต่หงุดหงิด...ที่คนตรงหน้าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง มือที่ถือปืนสั่งระริกและท่าทีหวาดหวั่นไม่น้อย ช่องโหว่ก็มีออกมาก แต่ที่น่าเบื่อที่สุดคือตัวเขาเอง คนที่ไม่กล้าทำอะไรผู้หญิงคนนี้ เพียงเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิง

   
               ...จะบ้าตาย ทำไมถึงมีอารมณ์จะมาเป็นสุภาพบุรุษเอาตอนนี้ฟ่ะ


              คาวัลโลครางงึมงัมด่าตัวเองก่อนจะตัวดสายตาไปมองหญิงตรงหน้าอีกครั้ง แม้จะฝืนทำใจเเข็ง แต่ยังไงเขาก็ไม่กล้าจะเดินเข้าไปแย่งปืน หักข้อมือ หรือกระทั่งเตะให้ปืนนั่นหลุดออกจากมือผู้หญิงคนนี้อยู่ดี ก็คิดดูสิผู้หญิงวัยไม่ไกลจากแม่ของเขาเท่าไหร่ เป็นคนป่วยนั่งรถเข็นมือสั่นเทาสีหน้าหวั่นไหวน่าสงสารออกปานนั้น จะให้ลงมือทำร้ายยังไงก็ทำไม่ลง!


               " คาวัลโล " เสียงร้องของชีคหนุ่มทำให้คาวัลโลหน้าเสีย เขาหันไปมองอัลชาอ์ซึ่งจ้องมองตนเองด้วยสีหน้างวยงงปนตระหนกแล้วยิ้มเหย ยกมือสองข้างขึ้นแล้วส่ายหัว


               " ขอโทษ แต่ผมทำไม่ลงจริงๆ  ไม่ถนัดรับมือแบบนี้เลยให้ตายเถอะ " มาเฟียหนุ่มครางงึมงัม เรียกเสียงถอนหายใจจากอัลชาอ์ราวกับเหนื่อยใจ ขณะที่ฟาลซาอ์เดินตรงมาหา สีหน้าเกร็งเขม็ง


               " ไม่เข้าใจ ว่าทำไมท่านถึงต้องทำขนาดนี้ " ริมฝีปากของเจ้าชายหนุ่มแสยะขึ้นด้วยความไม่พอใจ ดวงหน้าตึงขึง


               " ข้าทำเพื่อผู้ที่จงรักภักดีต่อเรา " น้ำเสียงสั่นพร่าน้อยๆ เอ่ย พร้อมกับหันไปจ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่ม


               " ท่านอย่าใช้คำว่าเราเลย..น่าขัน...ท่านทำเพื่อตนเองทั้งนั้น " ริมฝีปากของเจ้าชายหนุ่มเหยียดขึ้นคล้ายหยัน " ทั้งที่...ข้าขอให้ท่านหยุด.."


               " เราไม่มีวันหยุดจนกว่าทุกอย่างจะสำเร็จ เจ้าชายโปรดหลีกไปเสีย " แม้สีหน้าของอัลลยะห์จะแฝงแววรวดร้าว หากแต่กริยายังคงไม่เปลี่ยน ใบหน้าที่ยังคงความงดงามตวัดมองร่างของชีคหนุ่ม ริมฝีปากเอ่ยต่อรองเสียงเบาปานกระซิบ


              "ให้สัญญาว่าจะปล่อยคนของเรากลับไป แล้วจะไม่มีอันตรายใดเกิดขึ้นกับชายคนนี้ "



                   คำต่อรองนั้นทำให้เจ้าชายฟาลซาอ์อ้าปากค้าง จ้องหน้ามารดาตนด้วยสีหน้าปวดร้าวแผงความตกตะลึง ขณะที่ชีคหนุ่มหน้านิ่ว จ้องมองคนที่ตนรักซึ่งถูกเล็งปืนเอาชีวิตตรงหน้าด้วยสีหน้าลำบากใจไม่น้อย สมองกำลังใคร่ครวญคิดอย่างเร่งร้อน..


           ...หากปล่อยไป ที่วางแผนมาทั้งหมดก็เท่ากับสูญเปล่า คนเหล่านี้เมื่อถูกปล่อยไปแล้วแน่นอนว่าต้องหลบลี้หนีไปจากเซเนียยาด้วยความรวดเร็วเป็นแน่ กระทั่งผู้หญิงตรงหน้า อดีตราชินีอัลลิยะห์ก็เช่นกัน


              แผนที่วางมาตลอดหลายปี พยายามหาหลักฐาน พยายามสืบข่าวและวางกับดักอย่างเงียบเชียบเพื่อรอเวลาพลาดท่านั้นจะต้องมาพังทลายในวันนี้งั้นหรือ?


           ...แต่หากไม่ปล่อย ชีวิตของคนที่ถูกปืนจ่ออยู่ตรงหน้าเล่า จะเป็นเช่นไร?


                   ชีคหน่มจ้องมองภาพเบื้องหน้าตาไม่กระพริบ ขณะที่เจ้าชายหนุ่มข้างกายพยายามใช้ความสัมพันธ์ของตนเจรจาความต่อผู้เป็นมารดาอย่างเร่งร้อน..ฟาลซาอ์ไม่อยากให้มารดาทำเช่นนี้ และอีกหนึ่งเหตุผล คงเพราะรู้ดี ว่าหากถูกจับได้โทษของอัลลิยะห์ที่เคยได้รับการยกเว้น ย่อมจะไม่มีการงดเว้นอีกแล้ว แม้ว่านางจะเป็นอดีตราชินีก็ตามที


                อัลชาอ์จ้องมองร่างของคาวัลโลที่เดินเข้าไปในกลุ่มของนายพลเซราวัคและบรรดาทหารคนสนิทด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เจ้ามาเฟียตัวแสบของเขายกมือสองข้างขึ้นเสมอไหล่ สีหน้ายังคงลำบากใจ ไม่ใช่เพราะหวั่นกลัวแต่ทว่าแสดงออกชัดว่าไม่กล้าทำอันตรายหญิงตรงหน้า...บางที ถ้าคาวัลโลใจเเข็งพอจะทำร้ายอัลลิยะห์ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้


               คิด..แล้วชีคหนุ่มก็ได้เพียงถอนใจ ตนจะกล่าวโทษคนอื่นได้หรือ ในเมื่อผู้ที่ลงโทษหญิงวัยกลางคนเบื้องหน้าไม่ลง ก็คือตัวเขาเองด้วยเช่นกัน


              เรื่องที่จารเซ  อัลชาอ์คิดว่ากล่าวเตือนแล้ว ส่งสัญญาณบ่งชัดแล้วว่าให้ถอยห่าง แม้หญิงตรงหน้าจะร่วมมือกันกระทำการอุกอาจเช่นใดตนก็มิได้ต้องการทำร้ายเข่นฆ่า คนที่เคยเป็นถึงแม่ของแผ่นดินไม่ควรจะถูกกระทำเช่นนั้น อัลชาอ์ได้ให้สัญญาณ ให้บทเรียนแก่หญิงตรงหน้าด้วยคำลงโทษที่บุตรชายมีต่อแม่..หากแต่เหมือนอัลลิยะห์จะไม่เข้าใจ หรือยอมรับ


          แม้อัลลิยะห์ถอนตัวทันทีที่ได้รับคำเตือนในจารเซก็คงจะดี เพราะอัลชาอ์ก็บอกชัดเจนแล้ว ว่าที่จารเซคือคำเตือนสุดท้าย และจะไม่ยอมปล่อยให้ใครมาเป็นมดปลวกกัดกินราชบัลลังค์ของตนอีกต่อไป..   

 
       ทว่า ผู้ที่ทิฐิบังตา อำนาจและความปราถนาอยากเป็นใหญ่กลับบดบังทุกคำกล่าวเตือนสติ หรือกระทั่งความปราณีที่อัลชาอ์มีให้โดยสิ้นเชิง


             "...เอ่ยคำสัญญา ต่อหน้าเราและทุกคนที่อยู่ที่นี่ แล้วเราจะปล่อยมันไป "เสียงของอดีตราชินีแว่วเข้าหู ร่างบนรถเข็นแม้ท่าทีอ่อนแรงทว่าแววตาที่สั่นไหวกลับค่อยเข้าที่ บ่งชัด..ว่านางตัดสินใจเด็ดเดี่ยว จริงจัง ท่าทีเช่นนี้บอกได้ชัดเจนว่ามิใช้เพียงคนถูกบงการหรือหุ่นเชิดบังหน้าสำหรับผู้ใด  ทว่าคนชักใยที่แท้จริง คงเป็นอัลลิยะห์และเซราวัคสองคนนี้เป็นแน่


             "...ท่านแม่...เหตใดท่านถึง..."


             " หยุด " ชีคหนุ่มเอ่ยตัดบทเจ้าชายฟาลซาอ์สั้นๆ จ้องมองเหล่าคนเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม " อย่าพูดอะไรเลยเจ้าชาย..ตอนนี้ เมื่อเจ้าแสดงตัวแล้วว่าอยู่ข้างเรา แม้แต่มารดาของท่านก็คงจะไม่ฟังคำลูกชายหรอก "


             "...ข้าไม่เคยเปลี่ยนความคิด..ว่าเจ้าไม่ควรคู่ " น้ำเสียงของหญิงตรงหน้าเรียบเฉย..หากแฝงแววเกลียดชัง


             " เรารู้ดี..." ชีคหนุ่มรับคำด้วยสีหน้าราวกับขบขัน แม้สถานการณ์ตึงเครียด อัลชาอ์จ้องมองร่างของคาวัลโล ผู้ซึ่งบัดนี้ถูกเปลี่ยนคนคุม กลับเป็นอยู่ในการกักตัวของนายพลเซราวัค ร่างสูงใหญ่ในชุดนายทหารชั้นสูงของเซเนียยาใช้ท่อนแขนแกร่งล็อคคอคาวัลโลไว้ มือขวายกปืนจ่อที่ขมับของมาเฟียหนุ่มด้วยดวงตาวาววับ และรอยยิ้มที่บ่งบอกชัยชนะ


        ..อัลชาอ์หรี่ตาลงช้าๆ...สีหน้าใคร่ครวญ..รู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้คนรักอยู่ในอันตราย บางที..เขาอาจจะพลาดนับแต่ให้คนพวกนี้รู้ว่าคาวัลโลสำคัญกับตนเองแค่ไหน


              "...เปิดทางออกจากวังและเส้นทางออกนอกประเทศ แล้วเราจะคืนมันให้ท่าน...ฝ่าบาท " น้ำเสียงของเซราวัคเอ่ยด้วยความเหนือกว่า..สีหน้าหยัน...


             " วาจาท่านนับวันยิ่งน่าชัง "ชีคหนุ่มยิ้มเคร่ง จ้องมองสบแววตาสีน้ำทะเลของตัวประกันที่บัดนี้..วาววับ..


             " ข้ารู้ดีว่าพระองค์ไม่มีวันปล่อยให้มันผู้นี้เป็นอันตราย ฉะนั้นอย่าได้ถ่วงเวลา ไม่อย่างนั้น กระหม่อมไม่รับรองความปลอดภัย "


             "  ท่านเป็นผู้มีความกล้า น่าเสียดายที่ใช้ผิดทาง " ชีคหนุ่มส่ายหน้า ผ่อนลมหายใจช้าๆ พลันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเข้ม "แล้วคิดได้อย่างไร ว่าเราจะยอมปล่อยพวกเจ้าไป ทั้งที่เจ้าทำกับเราถึงขนาดนี้ ! "


             " หรือท่านไม่สนใจว่าชีวิตมันจะเป็นเช่นได้แล้ว ฝ่าบาท !! " ดวงตานั้นเบิกกว้างเมื่อองค์กษัตริย์เบื้องหน้ายังไม่มีท่าทีหวั่นไหวใดๆ ความหวั่นกลัวเริ่มเข้าแทรก กลัวว่าแผนนี้อาจไม่เป็นผลสำเร็จ


              " ข้าเชื่อ ว่าเขาดูแลตัวเองได้ "คราวนี้เสียงตอบเป็นภาษาอังกฤษเรียบเรื่อย คล้ายแบ่งปันให้คนที่นิ่งงันด้วยไม่รู้ในบทสนทนาได้รับฟัง "ใช่ไหม คาวัลโล? "


         ..ตาสบตา ดวงตาสีนิลสบมองดวงตาสีน้ำทะเล...นิ่ง...นาน..ริมฝีปากบางของคาวัลโล วาลกัส มาเฟียผู้ถูกจับเป็นตัวประกันจึงค่อยแย้มยิ้ม..


             ...คำนั้นเป็นคำที่เขาพร่ำบอกอัลชาอ์เสมอ และเขาได้ประจักษ์ชัดว่าชีคหนุ่มเข้าใจมันดีก็ในวันนี้..


             เขาบอกแล้วว่าไม่จำเป็นต้องห่วงมากไป ไม่จำเป็นต้องคอยคุ้มครองตลอดเวลา ขอให้อัลชาอ์นั้น"เชื่อ"ว่าคาวัลโลคนนี้เเข็งแกร่งไม่แพ้ใครและดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี


             ที่ผ่านมาความคิดของอัลชาอ์ยังไม่ประจักษ์ชัด..ทว่าบัดนี้...มาเฟียหนุ่มมองเห็นมันอย่างแจ้มแจ้ง..


              เพราะคำว่า"เชื่อ"จากปากของอัลชาอ์


              ในเมื่อชีคหนุ่มเชื่อว่าเขาดูแลตัวเองได้ เชื่อใจว่าเขาเข้มเเข็ง เชื่อ..ว่าคาวัลโลคนนี้มีความสามารถมากพอที่จะเป็น"บอสมาเฟีย" เขาก็จะแสดงให้เห็น


             คาวัลโลไม่ยอมให้ตัวเองกลายเป็นตัวถ่วง ทำให้แผนการณ์ที่อัลชาอ์วางไว้ตลอดมาต้องพังเพราะตัวเองหรอก!


               " แน่อยู่แล้ว.." มาเฟียหนุ่มรับคำด้วยสีหน้าเริงร่า ไร้อาการหวาดกลัวนัยน์ตาใสๆวิบวับน่ามองนัก " เมื่อกี้น่ะมันจุดอ่อนผมชัดๆ มาเฟียแบบผมไม่ลงไม้ลงมือกับ"ผู้หญิง"นี่นา..แล้วยังเป็น"แม่"ของ"เจ้าชายฟาลซาอ์" แต่นี่เป็นตาลุง"หนวด"เฟิ้ม ยืนอยู่"ข้างหลัง" ผมแถมยังมีลูกน้อง คอย"เล็งปืน" "ยิง"ใส่แบบนี้ จะกลัวมันไปทำไม ตอนนี้!!" 


                ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!!



                       เสียงร้องเหวอแฝงความเจ็บปวดของนายพลเซราวัคถูกกลบด้วยเสียงปืนที่ดังติดกันนับสิบนัด ทั้งยังมีเสียงร้องหวีดของท่านหญิงอัลลิยะห์ดังขึ้นพร้อมอาการตัวสั่นหวาดผวา บนร่างของหญิงวัยกลางคนที่ทรงกายอยู่บนรถเข็นมีร่างของบุตรชายกระโจนเข้ามาโอบกอดปกป้องไว้อย่างรวดเร็ว ทันทีที่เสียงปืนนัดแรกดังขึ้น ขณะที่นายพลเซราวัคถูกกระชากลงนอนบนพื้น ปืนในมือขวาถูกฝ่ามือข้างขวาของคาวัลโลคว้าหมับพร้อมหักข้อมือของผู้ถือสุดแรง ร่างใหญ่นั้นเสียงการทรงตัวด้วยมือซ้ายที่คว้าหมับ กระตุกกำหนวดที่ยาวระละคอของอีกฝ่ายไว้แล้วกระชากจนนายพลใหญ่เสียสมาธิ ครางโอดโอยด้วยความลืมตัวก่อนจะถูกน๊อคไปนอนแผ่นหราบนพื้นอย่างว่องไวด้วยฝีมือของมาเฟียหนุ่ม


          ร่างของบรรดาลูกน้องด้านหลังถูกคนของอัลชาอ์กระหน่ำยิงทันทีที่มาเฟียหนุ่มให้สัญญาณตะโกนลั่นในท้ายประโยค ทันทีที่คาวัลโลกระชากหนวดของเซราวัคและจัดการหักข้อมือพร้อมฟันข้อศอกเข้าที่ไหปลาร้า ขณะที่อัลลิยะห์ก็ถูกลูกชายปราดเข้าไปป้องกันจากกระสุนที่อาจถูกลูกหลง..


             " ขนาดนโปเลียนยังออกกฏห้ามทหารไว้เคราเพราะมีโอกาศจะถูกศัตรูกระชากเอาตอนรบเลย น่าจะหัดคิดบ้างนะครับ ท่านนายพล " ริมฝีปากของมาเฟียหนุ่มกระตุกยิ้มเยี่ยงผู้มีชัย ขณะที่เสียงปืนค่อยเงียบหายสิ่งที่ปรากฏเบื้องหลังควันเขม่าและกลิ่นดินปืน คือร่างของบรรดาลูกน้อง และคนของนายพลเซราวัคถูกระดมยิงจนนอนแน่นิ่งกองกับพื้น เลือดสีเข้มนองเอ่อ ที่เหลืออยู่มีเพียงร่างของท่านหญิงอาลิยะห์และนายพลเซราวัคซึ่งบาดเจ็บอยู่เท่านั้น


             ชีคหนุ่มกลั้นยิ้มคล้ายขบขันแม้สถานการณ์จะตึงเครียดจนแทบไม่กล้าหัวเราะ..แต่การกระทำของมาเฟียตัวแสบเบื้องหน้าทำให้ต้องอมยิ้ม..กับวิธีการแปลกๆของเจ้าตัวที่ชวนให้ขบขันและประหลาดใจอยู่เสมอ..


        ทั้งกระทืบงูเเล้วเขวี้ยงใส่หน้าคนสอบปากคำยามได้พบกัน ทั้งกล้าตะโกนด่าทำร้ายร่างกายของเขาเพื่อบอกเล่าเหตุการณ์และปกปิดตัวตน หรือตอนที่คาวัลโลตัดสินใจย้อนเกล็ดกลั่นแกล้งฟาติมะห์ในจารเซ  มาจนถึงตอนนี้...ที่คาวัลโลแผลงฤทธิ์จัดการนายทหารที่ถือปืนเล็งจ่อขมับตัวเองให้ต้องพลาดท่าเพราะเอื้อมมือไปดึงหนวดจนอีกฝ่ายตกใจและเสียหลักด้วยความคาดไม่ถึง


            อัลชาอ์ก้มลงไปคว้าแขนมาเฟียตัวแสบให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ชีคหนุ่มสบมองดวงตาใสวาววับของชายหนุ่มเบื้อหน้าด้วยรอยยิ้ม ทั้งกึ่งขันกึ่งโล่งใจที่ผ่านเหตุการณ์เสี่ยงภัยมาได้ หัวใจที่เต้นระทึกด้วยความหวั่นผวาค่อยสงบลงช้าๆยามมีเจ้าตัวแสบอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง..


            ปลายนิ้วเรียวค่อนข้างเย็นแตะลงกับผิวแก้มที่มีเหงื่อซึมชื้น คาวัลโลใช้ปลายนิ้วปาดเช็ดรอยเขม่าดินปืนบนใบหน้าของชีคหนุ่มไว้ พลันหัวเราะออกมาด้วยรอยยิ้มใส ท่าทีพึงใจ


            "  เดารหัสลับผมออกด้วย รู้ใจกันจริงๆเลย " คาวัลโลเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงหวานนุ่มหู อัลชาอ์ฟังแล้วพ่นลมหายใจแรง ยามนึกถึงคำพูดเน้นย้ำ บอก"รหัสลับ"ของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้า


          คาวัลโลทำร้ายผู้หญิงไม่ลง แต่เมื่อเป็นผู้ชายแล้ว มันก็คนละเรื่อง


         ประโยคที่ว่า  ผู้หญิงที่เป็นแม่ของเจ้าชายฟาลซาอ์ คนตรงหน้าก็ส่งสัญญาณให้เจ้าชายหนุ่มทำหน้าที่คุ้มครองมารดาตนเอง


         ถัดมาจากนั้น หนวดที่กล่าวถึงก็หมายถึงการกระทำของคาวัลโล ที่ตัดสินใจจะกระชากหนวดของนายพลเซราวัคให้อีกฝ่ายเผลอตัว


         ส่วนพวกที่อยู่ข้างหลังก็บอกให้คอยเล็งและยิง ทันทีที่เจ้าตัวให้สัญญาณ..

             ชีคหนุ่มมองคนในอ้อมกอดที่หัวเราะร่าอย่างไม่สนใครแม้กำลังผ่านเหตุการณ์เกือบตายมาหมาดๆด้วยความขบขันปนระอา ทั้งโล่งใจที่เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดี ทั้งภูมิใจ กับคาวัลโล วาลกัส ที่แสนเก่งกาจ เจ้าเล่ห์แสนกลตรงหน้า..


           " โอ้ยยย ทางนี้เขาจะเป็นจะตายกันไม่เห็นกันมาสนใจเลย อิจฉาจริงจริ๊งงงง " เสียงโหวกเหวกของเจ้าตัวแสบเล่นมามาในอนุสติทำให้ชีคหนุ่มมีสีหน้างวยงง อัลชาอ์ชะงัก หันไปมองยังคนที่คาวัลโลเอ่ยปากล้อเลียน นั่นก็คือชายที่มีฐานะเป็นอา คลาร์ก โรเซนเบิร์กที่อัลชาอ์ไม่ค่อยชอบหน้าคนนั้น กับชายหนุ่มผมแดงที่จำได้รางๆว่าชื่อแกเร็ตเคย์ ซึ่งอาของคาวัลโลกำลังพยุงแกเร็ตที่มีท่าทางบาดเจ็บไว้

            " หุบปากไปเลย แกเร็ตมันจะไม่ตายเพราะระเบิด แต่ตายเพราะฝ่าเท้าแกนั่นแหละ คาวัลโล !! " เสียงของคุณอาแว่วมาตำหนิ คำก่นด่าทำให้มาเฟียหนุ่มยิ้มขัน เขากวาดตามองสภาพรอบๆอีกครั้ง ตอนนี้เมื่อตัวการใหญ่ถูกจับ นายพลเซราวัคถูกคนของอัลชาอ์คุมตัวไว้ เช่นเดียวกับร่างของท่านหญิงอัลลิยะห์ซึ่งเจ้าชายฟาลซาอ์กำลังยืนเฝ้าอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนนอกจากนั้น บรรดาผู้บุกรุกก็ถุกจับบ้างถูกสังหารบ้างแต่กระนั้นก็บอกได้ว่าสถานการณ์นั้นเริ่มเข้าที่ และกลับสู่ภาวะปกติ


            เงยหน้าหันจะไปพูดกับอัลชาอ์แต่เมื่อสบมองแวงตาที่ฉายแววครุ่นคิดของชีคหนุ่มก็ต้องชะงัก..


            " คุณไปพักเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว " อัลชาอ์หันมายิ้มบางๆให้มาเฟียหนุ่มพร้อมเอ่ยอีกประโยคที่ทำให้ริมฝีปากคู่นั้นหุบฉับลงทันใด "คุณจะกลับพรุ่งนี้แล้วไม่ใช่หรือ ไปเตรียมตัวเถอะ "


            "...งั้น....ผมไปนะ " คาวัลโลชะงักกับคำกล่าวนั้น สีหน้าจืดเจื่อนลงคล้ายถูกกระตุ้นให้ตระหนักถึงสิ่งที่ลืมไปชั่วครู่ สีหน้าของมาเฟียหนุ่มค่อยหมองลง ฝ่ามือที่เกาะแขนชีคหนุ่มแน่นค่อยผละจาก พลางเดินไปสมทบกับอาและคนสนิทของตนด้วยสีหน้าเงื่องหงอย


              อัลชาอ์มองแผ่นหลังของมาเฟียหนุ่มที่ค่อยลู่ลงแล้วลอบถอนใจ หากหันหลังกลับและบอกตนเองไว้ให้เข้มแข็ง ..จะอย่างไรสิ่งนี้ก็ต้องมาถึงในสักวันอยู่ดี จะทำเป็นไม่รับรู้หรือนิ่งเฉยกับมันก็เท่านั้น มันฝืนไม่ได้ และเปล่าประโยชน์ที่จะรั้ง..


        อีกทั้งตอนนี้...เขาต้องทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด..


            ชีคหนุ่มละสายตาจากร่างของคาวัลโล หันกลับมามองสภาพการต่อสู้เบื้องหลัง อัลชาอ์กวาดตามองแกนนำสองผุ้บุกรุกที่ต้องข้อหา"กบฎ"ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มองสภาพของพระราชวังหลวงที่ชำรุดเสียหายเล็กน้อยจากการปะทะ จุดที่ใหญ่ที่สุดซึ่งต้องรีบจัดการคือประตูหน้าห้องโถงใหญ่ประราชวัง ที่ถูกระเบิดไปเมื่อครู่ นัยน์ตาสีนิลมองร่างขององค์รักษ์คนสนิทที่ก้าวเข้ามาหา ก่อนจะออกปากสั่งการให้จัดการเรื่องสภาพภูมิทัศน์ภายนอกอย่างเร่งด่วน ทั้งออกคำสั่งเรียกประชุมสภาเป็นการด่วนเพื่อจัดการลงโทษผู้ที่กล้ามาอาจหาญท้าชิงบังลังค์จากตน


 ............... 




           อากาศภายนอกเย็นลงอย่างมากเมื่อบัดนี้เป็นเวลาดึกค่อนคืน การประชุมด่วนถูกจัดขึ้นทันทีที่สามารถจับกุมและคุมตัวเหล่าผู้บุกรุกทั้งหลายได้ กินเวลายาวนานหลายชั่วโมง การถกเถียงตึงเครียดนั้นผลาญพลังงานและกำลังกายไปไม่น้อยสีหน้าของอัลชาอ์จึงค่อนข้างล้าเหนื่อย ร่างสูงใหญ่ของชีคแห่งเซเนียยาก้าวเท้าเข้ามาบริเวณห้องนอนอย่างเงียบเชียบ หากก็บอกปัดปฏิเสธสาวใช้ผู้จะเข้ามาดูแล ชีคหนุ่มทรุดกายลงบนเก้าอี้เล็กๆด้านหน้าห้องนอน..เหนื่อยล้า..อ่อนแรง ทว่าไม่ได้มากกว่าอ่อนใจ


         ทั้งที่ควรจะพอใจ พึงใจ สาสมใจแล้วที่เหล่าคนทรยศถูกจับและต้องชดใช้ความผิดตามที่วางแผนไว้...แผนการณ์ที่ค่อยดำเนินมาเนิ่นนาน ผลของการรอคอยที่ทำให้ทุกอย่างด้วยความยากลำบากและอดทน จบลงอย่างแท้จริงในที่สุด..


      ...ควรจะเป็นเช่นนั้น หากหัวใจกลับเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า อ่อนแรงราวกับไร้กำลัง


      ร่างที่เคยยืนตรงอย่างทรนงองอาจยามอยู่หน้าผู้อื่น ทั้งยังเข้มเเข็งแกร่งกล้ายิ่งนักค่อยแปรเปลี่ยน ภาระที่แบกอยู่ช่างหนักหนาจนต้องผ่อนลมหายใจยาว ปลายนิ้วแตะลงบนขวดสุราฤทธิ์แรงที่จัดวางไว้ยังตู้กระจกที่ฝังอยู่ในผนังห้อง..ดวงตาสีเข้มปรือต่ำ..ล้าแรง..จ้องมองขวดเมรัยสีทองในมือก่อนจะค่อยรินลงในแก้ว ไม่ได้ดื่มเพื่อดับกระหาย หากจิบชิมรสเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ตึงเครียด


        ชีคหนุ่มค่อยถอนหายใจแผ่วเบา วางแก้วลงบนโต๊ะเตี้ยๆตรงหน้า จ้องมองไอเย็นที่ระเหยออกมาบางๆเพราะตู้สำหรับใส่นั้นเป็นระบบทำความเย็นอัตโนมัติก่อนที่ดวงตาสีเข้มจะจ้องมองไปภายในห้อง มองเห็นความมืดที่มีเพียงแสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงของตน


         อัลชาอ์รู้ตัวดีว่าที่ตนเหนื่อยไม่ใช่เพราะเรื่องการจับกุมการประชุมที่กินเวลาเนิ่นนานหรือกระทั่งการสู้รบ ทว่า..ตนรู้ดีถึงอีกสาเหตดี เพราะ..รู้ดีถึงการจากลาเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า ใจหายกับการต้องลาจากคนที่ตนเองรักสุดหัวใจ..


        รอยยิ้มขื่นทาบทับบนริมฝีปาก..ยิ้มให้กับหัวใจที่ยังคงปวดแปลบ ทั้งรู้ดีและเข้าใจดีถึงเหตุผลที่คนๆนั้นจะจากไป ทว่าความเจ็บร้าวจากการลาจากคนที่รักหาใช่จะเลือนหาย แม้มีเหตุและผลที่ควรเข้าใจ เข้าใจและรู้ดีว่ายังคงหลงเหลือสิ่งที่เรียกว่า"ความหวัง"อยู่ แต่จะอย่างไร ความโศกเศร้าเสียใจจากความสูญเสียและการพลัดพรากที่จะ"ต้อง"เกิดก็ไม่ได้ลดลงไปเลยสักนิด


       แม้จะออกปากสั่งลา แม้จะทำท่าทีว่าไม่ใจอ่อน แต่ความจริงแล้วตนเองอ่อนแอเช่นใด อัลชาอ์นั้นรู้ชัด และสมเพชตัวเองเกินจะทานทน..


       ปลายนิ้วแตะแก้วใสบรรจุน้ำสีอำพันเย็นเฉียบ หยิบขึ้นมาจรดมันแนบริมฝีปาก รสขมของเมรัยรสแรงแผ่ซ่าน เผาผลาญทั้งลำคอและร้อนวูบไปถึงกระเพาะ


       ดื่มกิน...ทั้งเฉลิมฉลองแด่ความสำเร็จและความล้มเหลวของตนเอง


     ..ชายที่น่าสมเพช


      ..ต่อให้ชนะผู้ที่หมายปองร้ายแย่งชิงเอาสิ่งที่มีอยู่..ต่อให้ชนะ..เก่งกาจฉลาดเฉลียว มีอำนาจมากล้นแล้วอย่างไร เพียงแค่หัวใจของคนๆเดียวยังไม่อาจจะเป็นเจ้าของ เพียงคนๆเดียวยังไม่มีปัญญาจะฉุดรั้งไว้สักนิด


         " อัลชาอ์..." น้ำเสียงเอ่ยเรียกแผ่วเบานั้นแสนเคยคุ้น..ทำให้ร่างสูงชะงัก ดวงตาสีเข้มพลันวูบไหวด้วยความไม่แน่ใจ รู้สึกราวกับนั่นเป็นคำพูดที่ออกมาจากความคิดคำนึง ด้วยฤทธิ์สุราที่กำลังดื่มกินคอยหลอกหลอนมากกว่าความเป็นจริง..


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 02-11-2011 10:38:33

        ดวงตาสีเข้มเพิ่งมองไปยังร่างเงาเลือนรางในแสงสลัว พร้อมกันนั้นไฟดวงใหญ่ในห้องก็ค่อยสว้างจ้า ทำให้ร่างของชีคหนุ่มชะงัก ดวงตาเบิกขึ้นน้อยๆ จ้องมองร่างของคาวัลโล วาลกัส มาเฟียหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงของตนท่ามกลางแสงไฟสีนวล..

         ทันทีที่สบตาแม้ไร้คำเอื้อนเอ่ยใดอีก ฝ่าเท้าก็ก้าวเข้าไปหาตาสบตาท่ามกลางแสงไฟสีอ่อนภายในห้อง อัลชาอ์ค่อยแตะปลายนิ้วเย็นเฉียบของตนลงบนผิวแก้มขาว ไล้เเผ่วเบาราวกับกลัวสิ่งที่เห็นเบื้องหน้าจะเป็นเพียงภาพฝันอันเลือนราง..

          " คุณมารอตรงนี้นานรึยัง? "ชีคหนุ่มเอ่ยถามเสียงเบา นัยน์ตายังคงจับจ้องภาพใบหน้าอันเคยคุ้นเบื้องหน้า เจ้าของร่างนั้นค่อยเอียงผิวแก้มแนบชิดเคล้าคลอ เคลียฝ่ามือของเขาราวกับแมวน้อย

          " แปปเดียวเอง " เอ่ยพูดหากชีคหนุ่มรู้ดีว่านี่คงไม่ต่างจากคำโกหก เพราะผิวแก้มขาวนั้นค่อนข้างเย็นบ่งชัดว่าเจ้าตัวคงนั่งรอเขาตรงนี้มานานพอควร

          " เหนื่อยไหม? " เสียงเอ่ยถามแผ่วเบาทำให้ชีคหนุ่มชะงัก...นิ่งงันไปครู่หนึ่ง พร้อมกับสบนัยน์ตาคู่นั้น เหตุที่คาวัลโลออกปากถาม คงเพราะมองเห็นที่ภาพการกทรุดกายลงอย่างอ่อนล้า ร่ำสุราราวกับคนแพ้ของตนก็เป็นได้..

          ...ในยามปรกติมันต้องเป็นอะไรที่เสียศักดิ์ศรีเมือคนอื่นมาพบเห็นความอ่อนแอ ทว่า กับคนๆนี้แล้ว..ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย

          " ผมยังไหว " อัลชาอ์ตอบคำ ไหว..แม้จะต้องกินเหล้าย้อมใจและนั่งนิ่งงันอยู่ท่ามกลางแสงสลัวก็ตาม..

          " นายพลเซราวัคถูกสั่งประหาร ในข้อหากบฏ..ส่วนอดีตราชินีอัลลิยะห์ ถูกกักบริเวณอยู่ภายในบ้านพัก ห้ามออกไปพบผู้คนและห้ามพูดจากับคนภายนอก..ตลอดชีวิต.." ชีคหนุ่มเอ่ยบอกผลของการจับกุมในครั้งนี้เบาๆ " ส่วนบรรดาพรรคพวก คนที่เป็นนายทหารระดับสูงหากร่วมขบวนการจะถูกตัดสินประหารชีวิต สำหรับพวกลูกน้อง ก็จะถูกนำตัวไปใช้แรงงานสร้างเขื่อน "

          " บ่อน้ำมันของตระกูลเซราวัคกลายเป็นของรัฐรวมทั้งทรัพย์สินทั้งหมด ส่วนสมบัติของอัลลิยะห์ก็ตกเป็นของแผ่นดินกึ่งหนึ่ง และเป็นของเจ้าชายฟาลซาอ์อีกกึ่งหนึ่ง มาเฟียสองคนนั้นจะถูกปล่อยตัวหลังจากพรรคพวกของเขาเข้ามาเจรจาตกลงกันหลังจากนี้ ส่วนคริสกับโรเบิร์ตบินกลับประเทศไปแล้ว "

          " ....และพรุ่งนี้.."

          "หยุด.." ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนริมฝีปากหนา หยุดคำพูดต่อมาของอัลชาอ์ไว้เพียงเท่านั้น

          ดวงตาสีน้ำทะเลสบมองแววตาสีนิลเขม็ง จับจ้องเพื่อแสดงความในใจที่มีให้บุรุษตรงหน้า ปลายนิ้วเรียวทาบลงบนฝ่ามือที่แนบแก้ม สอดทับเกี่ยวประสานจับกระชับแน่นดั่งคำมั่นสัญญาที่ไม่มีวันจางลงไป..

          "...ผมบอกแล้ว..ว่าผมจะกลับมา.."

          "...คุณ...." ชีคหนุ่มยิ้มอ่อน ครู่หนึ่งคล้ายมีท่าทีอ่อนใจ ก่อนจะนิ่งเพียงเท่านั้น..

          "...ไม่ต้องเชื่อ แต่จำคำนี้ไว้ก็พอ " คาวัลโลเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตามั่นคง จริงจัง..


               ปลายนิ้วของชีคหนุ่มไล้ลงยังผิวแก้มขาว อ่อนโยนทะนุถนอมเยี่ยงสิ่งสำคัญ อัลชาอ์จ้องสบตาคนพูดแล้วค่อยเม้มปากแน่น..ปนทอดถอนใจ..รอได้หรือไม่ได้ ทนไหวหรือไม่ไหว..มีหลัง หมดหวังหรือแล้งหวัง..เวลาเท่านั้นจะเป็นผู้ตัดสิน

           " คืนนี้...ผมขอนอนที่นี่นะ "ประโยคคำพูดนั้นแผ่วเบาออกมาจากริมฝีปากบางราวกับละเมอ หากใจความนั้นทำให้ร่างสูงชะงักอัลชาอ์ผู้กำลังอยู่ในภวังครุ่นคิดสะดุ้ง นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจวูบ..

          " คุณ...ควรจะพักกับคนของคุณไม่ใช่หรือ? "  ชีคหนุ่มเอ่ยถามเสียงเบา..ปลายนิ้วยังคงไล้ผิวแก้มขาวอย่างรักใคร่ ทะนุถนอมนัก

          " ...ไม่เอาหรอก " คาวัลโลเอ่ยปากปฏิเสธ นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองสบดวงตาสีเข้มด้วยกระแสวอนเว้า " คืนนี้ผมอยากนอนกับคุณ..นะ "

          "คาวัลโล..."

          " ผมอยากคุยกับคุณ...คืนนี้...แค่เราสองคน..ได้ไหม? "ร่างของมาเฟียหนุ่มค่อยผุดลุกขึ้นจากปลายเตียงที่นั่งอยู่ ดวงตาคู่สวยสบมองดวงตาสีเข้ม แขนเรียวพาดลงบนไหล่หนาของชีคหนุ่มและค่อยหลับตาลงช้าๆ

         " ก่อนที่พรุ่งนี้ผมจะต้องไป ผมอยากอยู่กับคุณ อัลชาอ์ "

              ชีคหนุ่มหรี่ตาลงน้อยๆจ้องมองร่างของมาเฟียหนุ่มในอ้อมกอด ร่างบางนั้นค่อยซวบซบกอดรัดเขาแนบแน่น ใบหน้างามนั้นแนบลงกับแผ่นอกหนา กระซิบด้วยน้ำเสียงสั่นไหวที่แฝงความอาวรณ์อาลัยไม่แพ้กัน...

        อัลชาอ์แตะปลานิ้วลงบนแขนขาวผ่อง กุมแนบแน่นด้วยอารมณ์หวั่นไหวสะท้านลึก ชีคหนุ่มนิ่งงัน...ก่อนร่างที่เกร็งเขม็งจะค่อยผ่อนคลายลงและถอนหายใจเพียงแผ่วเบา

               ดวงจันทร์สีเงินหม่นสลัวเลือนรางกลางหมู่เมฆครึ้มหม่นเช่นเดียวกับดวงใจ..ขอสุข เป็นวันสุดท้าย นี่ต่างก็เป็นคำขอของชายสองคนที่ตระกองกอดกันอย่างเงียบงันภายในห้องนอนกว้างขวางและเยียบเย็น


           นาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงคืนครึ่ง ช่างเดินเร็วเหลือเกินในความรู้สึก ดวงจันทร์เสี้ยวเดินผ่านค่อนฟ้าสะท้อนให้เห็นจากหน้าต่างกรุกระจกบานหนา แสงนวลนั้นสาดส่องเข้ามาภายในห้องที่มีเพียงแสงโคมไฟจากเตียงนอนใหญ่ พาดผ่านเงาร่างของสองบุรุษที่นอนนิ่งตระกองกอดกันแนบแน่นราวกับว่าเป็นวันสุดท้าย

           ปลายนิ้วยาวไล้ระเรื่อยเส้นผมสีน้ำตาลทองแผ่วเบา สัมผัสเส้นผมนุ่มกรุ่นกลิ่นหอมและกลิ่นของสายลมที่ไม่เคยจาง ปลายจมูกโด่งสันค่อยแตะลงบนกระหม่อมบาง สูดลมหายใจลึกและซึมซับทุกสัมผัสของร่างบางตรงหน้า ให้ตราตรึงและจดจำไว้
ในใจ ดวงตาสีเข้มสบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลซึ่งจับจ้องมาด้วยสีหน้าเจ็บร้าว ริมฝีปากของคนตรงหน้าสั่นไหว ไม่ต่างอะไรกับปลายนิ้วที่ลูบไล้ใบหน้าคมของชีคหนุ่มด้วยความรักใคร่แฝงแววเศร้าอาลัยยิ่งนัก

            ริมฝีปากหนาค่อยแตะลงบนหน้าผากบาง ไล้ระเรื่อยมายังขมับ...ผิวแก้ม..ปลายจมูก...ไล้วนทุกตารางนิ้วของใบหน้าอย่างอ่อนโยนและอาดูรยิ่งนัก ก่อนจะแตะริมฝีปากลงบนเปลือกตาบาง ค่อยจูบซับน้ำตาที่ไหลพรากอาบผิวแก้มนวล ปลุกปลอบร่างบางที่สั่นสะท้านไหวไปทั้งกาย ร่ำไห้สั่นกลั้นสะอื้นเสียจนตัวโยน

            "อย่าร้องไห้ .." เสียงกระซิบนุ่มทุ้มเบาๆข้างหู  คำปลอบประโลมจากชายที่ตนผูกใจสมัครรักใคร่นั้นช่างนุ่มนวลและชวนให้ใจสั่นไหว ทั้งด้วยความโศกเศร้าและความอาลัยที่ทิ้งเงาอวลในหัวใจ..

        ...ในวันที่ไม่มีอ้อมกอดของคุณกอดกระชับแนบกาย..ผม จะทำอย่างไรดี...

            คาวัลโลเม้มปากแน่น ดวงตาแดงก่ำสบมองแววตาห่วงใยหากแฝงความรวดร้าวไม่ต่างกันของชีคหนุ่มด้วยความเจ็บปวด..หากแต่ภาระหน้าที่และสิ่งที่สัญญากันไว้นั้นทำให้ไม่อาจอยู่ได้ตามใจตน แม้จะอยากอยู่ที่นี่ อยากนอนทอดกายในอ้อมกอดอบอุ่นที่เขารักแสนรัก..ทว่า มันก็เป็นไปไม่ได้...

             มาเฟียหนุ่มซบหน้าลงกับแผ่นอกหนา กลั้นสะอื้นเสียจนตัวสั่นระริก น้ำตาที่ไหลออกไม่ไม่หยุดราวกับเขาเป็นคนขี้แยหรือคนชอบคร่ำครวญน่ารำคาญนั้นจะเป็นเช่นไรคาวัลโลไม่คิดจะสนมันอีกต่อไปแล้ว คืนนี้เท่านั้น คืนนี้ที่จะเป็นคืนสุดท้าย วันที่เขาจะได้อยู่ร่วมกับคนที่รักในดินแดนแห่งนี้ ได้เพียงร่ำไห้แทนคำลา โอบกอดแทนคำว่าเสียใจ..ได้เพียงแต่ทอดกายทิ้งเงาไว้ให้ตราตรึงในหัวใจของตนเองและชายหนุ่มผู้อยู่เคียงข้าง..

         ให้จารจำ เพื่อสัญญา..สัญญาที่บอกไว้ว่าจะได้พบกันอีกครั้งในสักวัน..

            ริมฝีปากบางที่สั่นระริกไหวค่อยแตะลงบนเรียวปากหนา ละเลียด แตะต้องเนิบช้า ให้ความหวานปนขมจากหยดน้ำตาและหัวใจที่กำลังกรีดร้องสะอื้นไห้แผ่อวลในหัวใจ ต่างฝ่ายก็รู้ดีถึงจุดสิ้นสุดของความฝัน...และความรัก ที่เมื่อต้องลาจาก..ห่างไกลกันไปแล้ว..จะกลับกลายเป็นเช่นไรก็ไม่อาจรู้

           ปลายลิ้นที่สอดเข้ากระหวัดในโพรงปากแนบแน่นจนต้องครางออกมาแผ่วเบา ร่างไหวระริกยังคงน่าหลงไหลเช่นวันวาน ริมฝีปากแดงก่ำด้วยปลายฟันที่กระทบบ้างก็ขบกัดและเบียดทับนั้นยังงดงามน่ามองน่าแตะต้องเช่นไรก็เช่นนั้น ทว่า..ชีคหนุ่มกลับใช้สองมือแตะรั้ง ดึงร่างที่ค่อยเอนซบกายตนเคล้าคลอออดอ้อนให้ออกห่าง..

           " อัลชาอ์..." น้ำเสียงหวานสั่นระริกคล้ายเอ่ยพ้อ ทั้งงวยงงและไม่เข้าใจ ดวงตาสีน้ำทะเลไหวสั่นด้วยหยาดน้ำตาเอ่อคลอนั้นจ้องมองสบนัยน์เนตรสีดำสนิทที่เข้มขึ้น สีสันจัดจ้าของแววตานั้นกำลังเอ่ยสัญญาณบอกห้ามปรามการกระทำ

           " ..เรา...ไม่ได้เป็นเหมือนเดิมแล้ว คุณไม่ควร..ทำแบบนี้ " ชีคหนุ่มเอ่ย ..ทบทวนให้มาเฟียหนุ่มตระหนัก ให้กระหวัดนึกไปถึงคำพูดนั้น คำที่บอกว่าจะจากลา และคำนั้นก็บอกให้รู้ดีถึงความสัมพันธ์ที่สิ้นสุดลง เพราะอัลชาอ์เองเป็นฝ่ายขีดเส้นทางไว้แล้ว..ซึ่งหากเลือกจะกลับ..ก็ย่อมหมายความว่าความรักนี้ต้องจบลง..

         ดวงตาของผู้ฟังสั่นไหว หยาดน้ำตาที่คลอคลองนัยน์ตาคู่นั้นค่อยเอ่อนอง..หากคาวัลโลกระพริบตาถี่ เม้มปากแน่น

          "..คุณนี่บางครั้งก็ยึดถึงในคำพูดของตัวเองเกินไปจริงๆนะ " เสียงหัวเราะในลำคอของมาเฟียหนุ่มดังขึ้นสั้นๆ ทว่ามันกลับไร้ความขบขัน..กลับสั่นด้วยอาการกลั้นสะอื้นแฝงความขื่นขมประชดประชัน

        ฝ่ามือที่วางอยู่แนบกายของอัลชาอ์เปลี่ยนมาขยุ้มโธปตัวใหญ่ของชีคหนุ่มไว้ ..ข้อมือนั้นกำแน่นจนขึ้นข้อข่าว..ทั้งสั่นระริกบ่งบอกว่าผู้กระทำกำลังระงับอารมณ์หวาดหวั่นสะท้านลึกของตนเพียงไร..

          ยิ่งพูดแบบนี้มากเท่าไหร่..ยิ่งทำห่างเหินมากแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึก ว่ามันกำลังจะจบลงจริงๆ..

         "..ถ้าคุณพูดแบบนั้น...ผมก็จะบอก..ว่าผมยังไม่ไปจากที่นี่..ผมยังไม่ได้ไป...ถึงพรุ่งนี้ผมจะต้องจากไปแต่ตอนนี้ผมยังเป็นของคุณ .." คาวัลโลกลืนน้ำลายลงคอริมฝีปากบางเม้มแน่น เอ่ยเสียงสั่น..สั้นเป็นห้วงๆคล้ายกำลังร่ำไห้ด้วยความระทมทุกข์  " ถึงผมจะบอกว่าให้ไกลกันผมก็ไม่กลัว ต่อให้คุณจะมีคนอื่นผมก็ไม่กลัว..แต่ความจริงแล้วผมหวั่นแค่ไหน..รู้บ้างรึเปล่า.."

          " ผมไม่อยากให้คุณรักคนอื่นนอกจากผม ผมอยากให้คุณรอผมและอยู่ตรงนี้เพื่อผม แต่ผมรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้..คุณบอกว่าไม่รอแล้ว..และ..สักวันอาจจะไม่ได้รักผม.."

          "  แต่ต่อให้วันหน้าคุณจะไม่รัก วันนี้เราเป็นคนอื่น หรือพรุ่งนี้คุณอาจจะทำเป็นไม่รู้จักผม..แต่คืนนี้...ไม่ว่ายังไงผมก็จะเป็นของคุณ..ต่อให้คุณไม่คิดว่านี่คือรัก..คุณจะมองว่ามันแค่เซ็กส์ก็ได้ "

              สิ้นคำ ร่างบางก็โผนกายขึ้นทาบทับ กดแนบร่างสูงให้ทิ้งตัวนอนหงายลงกับเตียงหนา ริมฝีปากของคนพูดแนบชิดบดเบียดไม่มีช่องว่างให้หายใจ..ปลายนิ้วไล้ผ่านแผ่นอกหนาและหน้าท้องหนั่นแน่นไปยังส่วนกลางของร่างกายพร้อมทั้งเคล้าคลึงมันอย่างรวดเร้ว...เร่าร้อน..ดั่งจะปลุกอารมณ์และทำให้ชีคหนุ่มลืมทุกสิ่งทุกอย่าง

         เสียงหอบหายใจถี่ดังขึ้นแทรกความเงียบภายในห้องนอนโอ่โถงเมื่อร่างบางผละจากริมฝีปากหนา แต่คาวัลโลไม่ได้ไปไหนไกล มาเฟียหนุ่มเพียงแต่ขยับกายเข้าทาบทับ แนบชิด ละมือทั้งสองข้างจากการปฏิบัติกิจกรรมมายังเสื้อของตน...เสื้อผ้าที่บัดนี้เปลี่ยนจากโธปตัวยาวที่เขาสวมใส่อยู่เสมอเป็นเสื้อเชิ๊ตสีขาวแบบสากล คล้ายจะบ่งบอกถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วและไม่มีวันหวนกลับ

         ปลายนิ้วเรียวยาวสีขาวค่อยแกะกระดุมเสื้อของตนออกด้วยใบหน้าหอบแดงก่ำ ริมฝีปากที่แดงจัดด้วยจูบร้อนแรงเม้มเข้าหากันน้อยๆ ทั้งขัดเขินและรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นระทึกของตน

         ท่ามกลางแสนจันทร์นวลที่ค่อยสาดส่องมาภายในห้องและแสงสลัวสีเหลืองอ่อนของหลอดไฟอินเเคนเดสเซนต์จากหัวเตียง อัลชาอ์มองเห็นร่างของมาเฟียหนุ่มที่กระโจนขึ้นมาทาบทับร่างตนไว้ด้วยสีหน้าตกตะลึงปนงวยงงไม่น้อย หากแต่วินาทีต่อมา เมื่อปลายนิ้วสีขาวนั้นค่อยแตะไล้ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด...ทีละเม็ด..ภาพเบื้องหน้านั้นก็งดงามเย้ายวนจนแทบหยุดหายใจ

         ร่างกายขาวโพลน ท่อนบนเปลือยเปล่าเสื้อเชิ๊ตสีขาวถูกปลดกระดุมออกทีละเม็ด...ทีละเม็ด แผ่นอกขาวหอบขึ้นลงเป็นจังหวะสะท้อนแสงจันทร์นวลน่ามองนัก ผิวกายขาวผ่อง ชวนให้นึกถึงความเนียนลื่นและกลิ่นหอมที่ตนเคยสัมผัส แผ่นอกขาวนั้นถูกประดับด้วยยอดอกเล็กสีอ่อนราวกับอัญมณีเลอค่า และเมื่อกระดุมทุกเม็ดหลุดลงจนหมด ภาพร่างงามเปลือยท่อนบนสะท้อนแสงจันทร์ก็ชัดเจน..ทั้งน่ามองและยั่วเย้าอย่างร้าจกาจจนลำคอผากแห้งด้วยความกระหาย..

          ...ที่ต้องการ ไม่ใช่น้ำ ..หากกระหายอยากได้ คนตรงหน้า

         เสื้อเชิ๊ตขาวค่อยหลุดหล่นลงไปกองบนผืนพรมยามที่คาวัลโลสะบัดแขนกระชากมันออก ใบหน้าของมาเฟียหนุ่มแดงฉ่าด้วยความอับอายปนขัดเขินไม่น้อยกับการกระทำที่ตนไม่เคยคิดว่าจะได้ปฏิบัติ...เคยเห็นแต่หญิงสาวหรือผู้คนมากหน้าหลายตาทำเช่นนี้ แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องทำ เพิ่งรู้ว่ามันน่าอายเพียงใดก็ยามนี้เอง

         ..แต่นี่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของการกระทำที่ตนอยากให้ชีคหนุ่มได้จารจำเท่านั้น...ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอีกครั้ง สูดหายใจลึก ราวกับชั่งใจถึงการกระทำของตนต่อจากนี้..แต่เมื่อสบมองแววตาที่แฝงความหลงไหล และความปราถนาจากชีคหนุ่ม ร่างของคาวัลโลก็ไถลลงจากบั้นเอวหนา และทรุดกายอยู่เบื้องหน้าส่วนกลางลำตัวของอัลชาอ์ ปลายนิ้วแตะไล้ส่วนที่นูนเด่นออกมาเบาๆแต่ทำเอาร่างสูงสะดุ้งเฮือก..

          " คาวัลโล..นี่คุณ..." อัลชาอ์อ้าปากร้องถามอย่างตกตะลึงไม่น้อยเมื่อรู้ว่ามาเฟียหนุ่มคิดจะกระทำการใด มองสีหน้าของคาวัลโลแล้ว อัลชาอ์ไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวจะทำมันต่อได้หรือไม่ด้วยซ้ำ

         " ...ผมจะทำเอง "   มาฟียหนุ่มเอ่ยด้วยแววตาแน่แน่ว...แม้คำพูดจะมั่นคงไม่สั่นไหวแต่หัวใจบัดนี้กำลังกระตุกถี่ด้วยความตื่นเต้นปนประหม่า ยามได้ทอดตามองส่วนสำคัญของชีคหนุ่มที่เด่นตระหง่านอยู่ตรงหน้า..แต่เมื่อได้สบมองแววตาสีนิลคู่นั้น ร่างบางก็ค่อยสูดหายใจลึก ก่อนจะแตะปลายลิ้นลงบนส่วนยอดเพียงแผ่วเบา..

         สัมผัสงกเงิ่นไม่เชี่ยวชาญเช่นมือใหม่ แต่เพราะคนทำคือคาวัลโล วาลกัส ที่ตนหลังรักมาเนิ่นนานร่างจึงพลันเกร็งเขม็ง..สะดุ้งหวามไหวกับปลายลิ้นและริมฝีปากของมาเฟียหนุ่มที่ปรนเปรอ แม้จะเสียวสะท้านจนต้องหลับตากลั้นอารมณ์ หากแต่ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าบอกให้อัลชาอ์จดจ้อง เพ่งมองดั่งจะให้ตนได้จดจำไว้ชั่วชีวิต

          ภาพเบื้องหน้านั้นราวกับความฝันที่เคยเกิดขึ้นยามหลับตา ร่างของเทพบุตรตัวน้อยที่ตนหลงรักกำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า ท่อนบนเปลือยเปล่าไร้สิ่งใดปกปิด ผิวขาวสะท้อนแสงจันทร์นวลตาน่าสัมผัส ใบหน้างดงามนั้นกำลังจดจ่อขมวดคิ้วมุ่นกับส่วนกลางลำตัวซึ่งขยายใหญ่จนริมฝีปากบางๆสีแดงก่ำนั้นรองรบแทบไม่ไหว กระนั้นเจ้าตัวก็ยังพยายามรับมันไว้ด้วยปลายลิ้น..ดุนดันรูดไล้ด้วยนิ้วเรียวและริมฝีปากฉ่ำพราวด้วยน้ำใสติดปลายคาง ราวกับกำลังลองลิ้มชิมรสอาหารชั้นเลิศที่ตนโปรดปราน...ภาพนั้น...ทั้งความรู้สึกรวดร้าวปวดตุบตรงหว่างขากระตุ้นให้ชีคหนุ่มแทบอดรนทนไม่ไหว...

         " อ๊ะ..." เสียงอุทานแผ่วเบาดังมาจากริมฝีปากบางเมื่อฝ่ามือหนาประคองท้ายทอยของตนพร้อมขยุ้มเส้นผมไม่เบานกให้แหงนเงยใบหน้าขึ้นรับจูบ ร่างบางถูกกระชากขึ้นมานอนแผ่บนเตียงหนาด้วยเรี่ยวแรงของอัลชาอ์โดยอ้อมแขนหนายังคงแนบจูบกอดรัด..จุมพิตที่ร้อนแรงและดุเดือดเช่นเดียวกับอารมณ์ที่ยากจะทานไหวของร่างสูง บ่งบอกชัดว่าการกระทำของตนประสบผลสำเร็จทำให้คาวัลโลนึกดีใจ ฝ่ามือเรียวจึงกอดรัดสอดประสาน ทั้งสัมผัสและตอบรับรุกไล้ร่างสูงใหญ่ของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาอย่างเต็มกำลัง

         เสียงหอบหายใจแผ่วเบาดังขึ้นหลังจากริมฝีปากของทั้งสองผละจาก อัลชาอ์ไล้ปลายนิ้วลงไปเย้าหยอกยอดสีสดแผ่วเบา กลั่นแกล้งให้คนในอ้อมแขนครางเสียงแผ่วหวานด้วยความรัญจวนใจขณะที่ฝ่ามือของคาวัลโลขยุ้มโธปของอัลชาอ์แน่น ส่งสัญาณโดยไร้คำพูดให้ชีคหนุ่มปลงเปลื้องอาภรณ์ของตนบ้างไม่ต่างกัน

          "  ทั้งๆที่ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้..."น้ำเสียงของอัลชาอ์ดังขึ้นท่ามกลางเสียงหอบแผ่วและลมหายใจแรงของกระแสความต้องการที่เชี่ยวกราก..ปะปนด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์คละเคล้ากันไปชวนให้มึนเมา

          "  แล้วคุณอยากให้มันเป็นแบบไหน อยากลืมผมไปงั้นเหรอ ? "คาวัลโลถามกลับด้วยน้ำเสียงรวดร้าว ดวงตาสีน้ำทะเลแฝงความเจ็บปวดไม่พอใจจ้องหน้าชีคหนุ่มเขม็ง เปล่งคำพูดว่าร้ายออกจากริมฝีปากของตนอย่างไร้ความลังเล "ผมไม่มีวันยอมหรอก  ผมอยากให้คุณจำ..จำผมไว้ ห้ามลืมผม ห้ามเลิกรักผม ห้ามเลิกคิดถึงผม..สัญญาสิ...สัญญามาสิ.. "

           ฝ่ามือที่ตะบปไหล่หนาหลังจากโธปสีเข้มหลุดเลื่อนจากร่างจิกแน่น ริมฝีปากบางเปล่งเสียงร้องครางครวญแผ่วเบาในลำคอด้วยความจุกเสียดยามแก่นกายร้อนแทรกเข้ามาในร่าง กระนั้นยังพยายามสะกดกลั้นความรู้สึก ริมฝีปากของคาวัลโลยังคงเอ่ยพูด พร่ำบอกซ้ำๆราวกับคำถามที่ไม่มีวันสิ้นสุด..

         "...คุณไม่มีวันเลิกรักผม พูดมาสิ บอกมาสิว่าคุณจะรอ...บอกมาสิว่าจะไม่ไปไหน ไม่รักคนอื่น...ไม่มองคนอื่น พูดสิ...พูดออกมา..." ดวงตาสีน้ำทะเลที่จ้องมองสบตาของตนนั้นช่างระทมทุกข์และสั่นไหวด้วยหยดน้ำตาที่ไหลเอ่อ ร่างบางสั่นไหวด้วยแรงกระแทกกระทั้นเบื้องล่างที่รุนแรงขึ้นทุกขณะเพราะอารมณ์ที่ใกล้จะปะทุ ..ยิ่งความรู้สึกยิ่งพุ่งสูง..ยิ่งใบหน้านั้นแดงก่ำมากท่าไหร่ น้ำตาและคำพูดของคาวัลโลก็ยิ่งดังก้องมากขึ้นเท่านั้น..

     ..ริมฝีปากบางยังคงเอ่ยคำเจือเสียงสะอื้นปนครวญครางแสนแปลกหู..ทั้งบังคับ ทั้งหว่านล้อม ทั้งบัญชาให้ทำตาม..

       หากวิธีการพูดแตกต่างกันอย่างไร ใจความนั้นก็มีเพียงประโยคที่แสดงความหวาดหวั่น..ความเสียใจ..ความหวาดกลัวที่จะสูญเสียออกมาทั้งนั้น..

            ชีคหนุ่มเม้มปากแน่น เกร็งร่างเร่งจังหวะยามความรู้สึกทั้งหมดไต่ไปถึงจุดสูงสุดของความรู้สึก อัลชาอ์ประคองใบหน้าแสนรักนั้นมาแนบชิด กดประทับริมฝีปากบางที่ยังคงพร่ำเอ่ยคำที่ออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจไม่หยุด..

       ร่างของทั้งสองเกร็งกระตุก..ความสุขสมแล่นผ่าวผิวกายเมื่อร่างกายสุมสมถึงขีดสุด หากความสุขที่ได้กลับปนเปด้วยความขื่นขมกลบทับถมมันด้วยหยดน้ำตาเค็มปร่าและเสียงสะอื้นไห้..ร่างบางเกร็งกระตุกกอดรัดเขาแน่นทั้งกาย ให้แนบชิดไม่มีช่องว่าง บดเบียดผิวกายแนบแน่นด้วยหวังปราถนาให้สัมผัสนี้ไม่จางหาย ให้ร่างกายขอพวกเขาจดจำกันและกันอีกทั้งให้เจ้าของร่างนั้นจำค่ำคืนนี้ไว้ไม่เสื่อมคลาย..

           ขีคหนุ่มหอบหายใจเร่า..ผละจากร่างบางที่ค่อยอ่อนระทวยซบลงบนที่นอนหนา แม้ฝ่ามือยังคงกำแน่น ปลายนิ้วจิกลงบนไหล่หนาไม่ยอมปล่อย..

        ..สติรู้คิดและการใคร่ไตร่ตรองค่อยหลุดหายทั้งด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และด้วยรอยน้ำตาบนผิวแก้มขาวที่มองเห็น ทั้งที่ไม่ควรจะตอกย้ำซ้ำรอยจำให้เจ็บปวดยามนึกถึงเมื่อแยกทาง หากแต่ใบหน้าโศกเศร้า ดวงตาหม่นแสงทุกข์ระทมและเรือนกายเปลือยเปล่าที่ทอดกายบนเตียงกลับทำให้ความยับยั้งชั่งใจพลันเลือนหาย

         ความสุขสมปนปะกับความทุกข์ระทมและหัวใจที่เต้นเร่าคล้ายจะหลุดออกจากขั้วแทรกผ่านทุกอณูความรู้สึก อัลชาอ์โน้มกายลงแนบชิดเจ้าของใบหน้าหวานคาวัลโลเลื่อนฝ่ามือแตะลงยังใบหน้าคมเข้ม ดึงให้ร่างสูงขยับแนบชิด ก้มลงสบตาและเงี่ยหูฟังคำพูดที่จะจองจำตนเองไว้ชั่วชีวิต..

        " อย่า..ลืมผม "

           ชีคหนุ่มขยับยิ้มขื่น ทุกข์ระทมหากปนเปด้วยความสุขสีเทาเช่นเดียวกับดวงตาของผู้เอ่ย ก่อนที่ทั้งสองจะแนบริมฝีปากเข้าหากัน..กอดรัดพัวพันสัมผัสอย่างแนบแน่นใช้เวลาทุกวินาทีที่ผ่านผันให้มีค่าที่สุด..

        ก่อนพระอาทิตย์จะลืมตา ก่อนพระจันทร์จะลาจากขอบฟ้า..ก่อนที่เสียงนกร้องจะแว่วมาก..ก่อนที่ต้องลืมตาและพบว่าเป็นยามเช้า..


       เช้าของวันที่ต้องจากกันไกล...


..............

 งืมมมมมม..ตอนนี้หลากหลายอารมณ์ดีจิงๆ บร๊ะ

ว่าด้วยเรื่องฉากบู้ก่อนแล้วกัน เอาจริงๆงานนี้ไม่ค่อยมันส์เท่าไหร่ อาจจะกล่าวได้ว่าเพราะมันเป็นการปิดประตูตีแมว เป็นสภาพบังคับที่ทำยังไงพวกที่บุกมาก็แพ้ และไอ้การที่ตัวเอกเดินไปยิงปืนโป้งป้างแบบชิวๆนี่ไม่ใช่แนวเท่าไหร่ จะเร้าใจก็ต้องนายเอกถูกล่าล่ะเนอะฮ่าๆ ( วกมากลั่นแกล้งกูทุกที/คาวี่)

แต่ชอบตอนนี้ที่คาวัลโลกระชากหนวด แสบจริงนะพ่อคุณ ฮ่าๆ :m20:
ส่วนตอนหลัง อยากบอกไปว่าเขียนไปก็อายไป อร้ากก ก ก  ไอ้ฉาก XYZ กันนี่เคยเขียน แต่ไอ้ฉากที่คาวี่มัน..เอ่อ...นะ ทำแบบนั้นแบบบรรยาละเอียดนี่ไม่เคยเลยจะบอกว่าอายมาก แถมรู้สึกว่าตัวเองหื่นขึ้นอีกสิบแมก..โถ่ ชีวิตสาวน้อยวัยใสของข้าพเจ้าาาา /หลบตีนคนอ่าน

   อารมณ์ตอนหลังๆนี่จะว่าไปก็ไม่หื่นเท่าไหร่หรอก อาจจะมีตอนแรกๆแต่หลังๆเป็นหื่นระทม...สุขปนทุกข์ สุขปนคราบน้ำตา..เฮ้อ จะจากลากันแล้วช่างน่าใจหายนัก...คาวี่จะจบแล้วอ่ะ คิดถึงลูกชาย คนเขียนแอบโหวงเหวงงง แต่ก็อยากเห็นลกชายเป็นหนังสือ ช่างสองจิตสองใจ ฮ่าๆ

  แจ้งว่า   อีกสองตอนคาวี่ก็จะจบแล้วนะคะ เรื่องหนังสือตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตีราคาอยู่ค่า รออีกนิด ถ้ามีรายละเอียดแล้วจะรีบแจ้งคะ
 
ปล. คุณ dejavu รีบนรูปสวยมาก ขอบคุณมากค่า ที่โพสต์มาให้ดูกัน (คาวี่น่าฟัดจริงเนอะ อุอุ/หลบตีนอัล)
ปล.2 คำว่าป้ามันช่างเสียดแทงใจจจจจจ :a5:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: น้องอึน ที่ 02-11-2011 10:56:46
กรี้ดดดดดดดดดด สงสารอัลกะคาวี่อะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 02-11-2011 10:56:58
รูปคาวี่น่ารักมากเลย

ยิ้มแบบนี้เหมาะมาก  :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 02-11-2011 10:57:39
อ่ะ คาวี่ อ๊ายยยยยยยยยยยยยยย

เขินๆๆๆ :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 02-11-2011 11:04:24
 :sad4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 02-11-2011 11:10:59
คาวี่เราตอนนี้แสบจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Bee_YJ ที่ 02-11-2011 11:49:53
หลากอารมณ์กระชากใจคนอ่านสุดๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 02-11-2011 12:31:29
 :เฮ้อ:

    หลากหลายอารมณ์จริงๆด้วยค่ะ
    ทั้งฮาการกระทำทั้งหลายแหล่ของคาวี่ตั้งแต่กระทืบแกเร็ต ยอมแพ้ผู้หญิง ไปจนถึงกระชากหนวดคุณลุงอ่านะ
    แต่การล่ำลาที่แสนเศร้าของของทั้งคู่ก็เศร้าบีบคั้นหัวใจจริงๆ
    เฮ้อ. . . จะมีวิธีลงเอยดีๆให้คู่นี้ ให้ไม่ต้องเศร้ากันอย่างนี้ไหมนะ
     :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: runynam ที่ 02-11-2011 13:21:35
อีกสองตอน หนูคาวี่ก็จะร่วมหอลงหนังสือ แล้วหรือเนี้ยะ
หวังว่าความฮักจะสมหวังนะ
เป็นกำลังใจให้อะ :จุ๊บๆ:หนึ่งที อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: envylover ที่ 02-11-2011 13:43:01
+1 ยาวสะใจมากกก >< สุขปนเศร้าจริงๆ คู่นี้จะลงเอยกันแบบไหน น่าคิดมากๆ

รอเป็นเล่ม ซื้อแน่นอนค่า ชอบคาวี่ที่สุด  :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 02-11-2011 13:50:21
ฮือออออออออออ ช่างเป็นบทรักเค้าน้ำตา ทุกทีจะเค้าเลือดคนอ่าน แต่นี้เคล้าน้ำตา  :m15:
สงสารลูก ถึงคาวี่มันจะกวนตีนอะไรยังไง มันก็กลัวสูญเสียแหละ อัชชาล์เองก้ไม่ได้เจ็บคนเดียวนะเฟ้ยยย  :m16:
กลับบ้านไป เจอความจริง คาวี่มันจะอาละวาดขนาดไหนน้ออออออออ  o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 02-11-2011 13:50:40
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 02-11-2011 14:22:27
ชอบคาวี่ที่สุดเลย โฮกกกก ยิ่งฉากบู๊ยิ่งชอบ
ชอบเวลาคาวี่เราแสดงความเก่งกาจ ฮาๆๆๆๆ
แกเร็ตกับคุณอาก็น่ารัก คาวี่เราไม่ยั้งเท้าเลยนะคะ กระทืบลงไปได้ เอิ๊กๆ
แต่สุดท้ายมันก็เศร้าอ่า ซิกๆ ต้องจากกันจริงๆแล้วเหรอเนี่ย T^T ชอบตอนที่คาวี่พูดให้อัลชาสัญญา โอ้ ช่างเจ็บปวดรวดร้าว >_<
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 02-11-2011 15:35:08
ต้องอ่านทีละรีพลาย ไม่อย่างนั้นอารมณ์เราจะตีกันเกินไป ^^
ตอนนายพลบุกก็แอบลุ้นกับคาวี่ที่ถูกปืนจี้ และสงสารแกเร็ตที่ถูกกระทืบ(แผลแรกน่ะช่างมัน)
คุณอาก็ห่วงลูกน้อง?ตัวเองเป็นเหมือนกันนี่คะ (น่ารักด้วย)

ไม่อยากให้จากลา แต่ก็อยากรู้ว่าพอคาวี่กลับไปแล้วจะทำอะไรบ้าง
จะได้ไปเจอกับครอบครัวแล้ว(ลืมไปนานเลยทั้งซิสและเซย์)
คิดถึง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Fairy_94 ที่ 02-11-2011 15:48:16
ถ้ากลับไปแล้วรู้ว่าเรื่องฝั่งนั้นจบแล้วคาลจะทำไงเนี่ย...
สงสารท่านชีค TT

บอสมาเฟีย กลับมาเป็นลูกแมวไวๆนะ ^^


รอหนังสื่อด้วย! !!~ คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: makodonghae ที่ 02-11-2011 15:59:38
ดีคร่าาาาาา

ฮาอ่ะ  วี่โดนหลอก  แม้จะเครียดแต่เค้าก้อยังแอบหวีวี่วีกันนะเนี่ย  55

อยากได้หนังสือด้วยคนค่ะ

ราคาเ่ท่าหร่ายยยยยยยยยยยยอะ :z1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: boworange ที่ 02-11-2011 16:14:00
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: MaEwA ที่ 02-11-2011 19:49:17
 :sad4: ไม่รู้จะบอกยังไง จะว่าคลี่คลายแล้ว แฮปปี้ก็ใช่ จะว่าขำก็ขำ แต่ที่นำโด่งมา มันเศร้าๆอึนๆ ไงไม่รู้ :เฮ้อ:

สงสารทั้งชีค ทั้งคาลวี่ ให้คาลวี่ไปแป๊บเดียวพอนะคะ อย่านาน เอาแบบบู๊ล้างผลาญแล้วรีบกลับมาไวๆๆ  :z2:

ไม่อยากให้จบอะ!!! ขอตอนพิเศษด้วย กร๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 02-11-2011 20:02:39
โอ้ การลาจากนี่ ทรมานหัวใจเสียจริง :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 02-11-2011 20:26:15
 :เฮ้อ: "พวกกบฎ"
ค่ำคืนแห่งการจากลา :m25: ชอบคาวี่เริ่มก่อนด้วย~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 02-11-2011 21:31:52
ตอนนี้อารมณ์หลากหลาย สุขมันเศร้า ครบจริงๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 02-11-2011 21:35:43
กลับมาด้วยอารมณ์ :m25:บวก :m15:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 02-11-2011 21:52:14
โอ๊ววว อ่านยิงยาวสองพาร์ท ><
สนุกสุดๆ
ส่วนเรื่องหนังสือ ยกมือชูสูงๆ >>> หนูเอาค่า จัดเต็มมาเลยเรื่องนี้ 555
แอบรีเควสซิสเซย์ตอนเริ่มรักกันได้มั๊ยเอ่ย อยากรู้จริงๆว่าเค้ามารักกันได้ยังไง ><
เก็บตังค์รอรวมเล่มค่า เย้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 02-11-2011 22:21:20
ใกล้จบแล้ว  ตอนนี้ปวดใจจริงๆสงสารคาวี่สุดๆเลย " อย่า..ลืมผม "  โฮกกกกกก T_T
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 02-11-2011 22:59:43
ในที่สุดทุกอย่างก็ใกล้จบแล้วซินะ  :m15:
ยังคงยืนยันว่าชอบเรื่องนี้มากๆๆๆ ได้อารมณ์ตอนคืนสุดท้ายก่อนจากแบบสุดยอดอ่ะ
ยิ่งฟังกับเพลง คืนสุดท้าย บรรยายไม่ถูกเลยอ่ะ :z3:
อีกสองตอนได้ยินแล้วใจหาย ไม่อยากให้จบเลย เพราะงั้นรีบทำรวมเล่มออกมาเร็วๆนะค่ะ
เรื่องหน้าเป็นของคุณอาก็จะติดตามต่อไปค่ะ  o13

ปล.ลองเอาไปฟังดูนะ
http://www.youtube.com/watch?v=TeJkuF78RM4 <<<< อันนี้แบบผู้ชายร้อง
http://www.youtube.com/watch?v=9lSowWYhtoc&feature=related
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 03-11-2011 00:17:32
 o13

จะจบแล้วคิดถึงคาวี่ตัวแสบแน่ๆ  แต่จะเอามากอดเมื่อเป็นเล่มแล้ว

ปล.+1และเป็ดให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 03-11-2011 03:15:58
หวานปนขมขื่นจริงๆ
อ่านแล้วน้ำตาไหลตามคาวี่เลย :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 03-11-2011 12:50:58
ครบรสเลยค่ะตอนนี้
สุขเศร้าเคล้าน้ำตา o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 03-11-2011 13:51:34
..โดนอารมณ์ ได้หัวใจมากกกกกก

เป็นรับก้ลุกเองบ้าง กล้า ๆ เข้าไว้ อร๊ากกกกก><

ได้ข่าวว่าอิก 2 ตอนจะจบ...เร็วไปมั๊ย(จะเศร้า)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 03-11-2011 15:18:18
มายกมือลงชื่อรวมเล่มอีกเสียงค่ะ ><
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 03-11-2011 17:22:52
โอ้ย จะจากกันแล้วววว ใจจะขาดรอนๆ  :sad11:
ถึงจะได้อยู่ด้วยกันแค่สองเดือน แต่ก็เป็นสองเดือนที่มีอะไรเกิดขึ้นมากมายเลย
คาวี่ดูน่ารัก น่าทะนุถนอม ขึ้นอีกนิดนึง ถึงแม้เราจะชอบเวอร์ชั่นแมวเหมียวมากกว่าไฮยีน่าก็เถอะ  :z3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 05-11-2011 21:48:54
คาวี่อย่ากลับเลยยย
หรือไม่อัลก็ตามคาวี่ไปเที่ยวอีตาลีด้วยสิ
ไหนๆก็จบเรื่องแล้ววว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: crosa ที่ 06-11-2011 20:56:22
อ่านไปอ่านมา
รู้สึกว่าอัลชากับคาวี่
เหมาะสมที่จะเป็นคู่ SM กันดีแท้
แบบว่าอัลชาเป็น M อะนะ...หึหึหึ
งือ...อยากได้แบบหนังสือแล้วง่ะ^^
รวมเล่มเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 06-11-2011 21:39:54
อ่านตอนนี้แล้วมันปวดใจแทนทั้งสองคนเลย
จะจบแล้วหรอคะ ยังไม่อยากให้จบเลยอ่ะ T^T

ปล. อยากอ่านตอนพิเศษแกเร็ตxคลาร์กจังเลย  (แอบอยากอ่าน ราเซย์xคริสxรามิล ไม่รู้มีใครจิ้นเหมือนเรารึป่าว แต่ความจริงคือคริสคู่กะโรเบิร์ตใช่มั้ยคะ T^T)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 08-11-2011 22:15:34
อ่านแล้ว เหนื่อยยยยยยยยยยยยยย ใจมากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 08-11-2011 22:21:08
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 09-11-2011 00:33:46
เมื่อก่อนเวลาอ่าน NC แล้ว เลือดจะไหลหมดตัว :haun4: :haun4:

แต่เวลานี้ ตอนนี้ทำไมอ่านแล้วน้ำตาจะไหล :o12: :sad4: :sad4:

ไม่อยากให้จบเลยอ่า

ทำไมหนูคาวี่ และอัลชาล์จะต้องจบและ ห่างไกลกันด้วย :o12:

เป็นนิยายเรื่องเดียว ที่ไม่เหมือนใครและก็ไม่มีใครเหมือน

แบบอ่านแล้ว ชอบปั้บแล้วก็รักมากมายเลย

ทำไมเวลาอ่านนิยายที่รักมากที่ไร มันไม่สั้น ก็จบไวทุกที

ยังดีนะที่มีหนังสือ ไม่งั้นละก้อ  :sad4: :sad4: :sad4:

ชอบนิยายและรักนิยายเรื่องนี้ กับคนแต่งมากมาย

มานั่งรอป้าปุ้ย ของพวกเรา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 11-11-2011 22:31:26
และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องจากไปปปปปป

แต่เดี๋ยวก็ได้พบกันใหม่น่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 11-11-2011 22:45:12
มารอ อัลชาล์ คาวี่ ป้าปุ้ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 13-11-2011 10:42:51
รอคอยการกลับมาของคาวี่ แล้วก็คนเขียน~
 :z2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 13-11-2011 17:47:16

Line 45 : คำเชิญ



     ยามเช้ามาถึงแม้ไม่อยากให้ถึง จะอย่างไรธรรมชาติก็ยังคงดำเนินตามครรลองของมันอย่างเที่ยงตรง ดวงจันทร์ที่เคยส่องแสงนวลลาลับจากฟ้า ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ค่อยปรากฏกายขึ้นย่างเงียบเชียบเพื่อฉายแสงจ้าบ่งบอกถึงวันใหม่ ดวงตาสีน้ำทะเลเปิดขึ้นเพื่อพบกับแสงอาทิตย์สาดเข้ามาจากหน้าต่างกรุกระจกและที่นอนเย็นชืดข้างกายไร้คนคอยนอนเคียง  ขอบตาผ่าวร้อนปิดลงอีกคราด้วยแสงจ้าขณะที่ความขมปร่าเเล่นเข้ามาในหัวอก


     พลิกกายขึ้นลุกจากเตียงนอนอย่างเชื่องช้า ดวงตาสีน้ำทะเลหรุบต่ำจ้องมองปลายเท้าของตนอย่างลอยเหม่อ คาวัลโลก้มมองฝ่ามือของตนพลันคิดถึงเรื่องราวในค่ำคืนที่ผ่านพ้น หลังจากร่วมรักกันราวกับไม่รู้จักอิ่ม แม้อยากจะลืมตาและกกกอดคนที่ตนรักไว้ อยากใช้เวลาที่เหลือให้มีค่ามากที่สุด ทว่าความเหนื่อยอ่อนทำให้ต้องปิดพับดวงตาลงพร้อมสติที่หล่นหาย เพื่อตื่นขึ้นมารับความอ้างว้างเย็นชาชวนขมขื่นในอารมณ์


       นาฬิกาบนผนังบอกเวลาแปดโมงสามสิบห้านาทีบอกให้รู้ว่าเสียงท้องร้องโครกครากเป็นเพราะถึงเวลาอาหาร คาวัลโลมองเห็นเสื้อเชิ๊ตขาวและกางเกงสีดำแบบสากลวางพาดอยู่ตรงตั่งเล็กๆปลายเตียง เขาจึงทำได้เพียงถอนหายใจและโน้มตัวลงไปคว้ามันมาสวมใส่


        ป้ายโลหะเย็นเฉียบที่ทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วงทำให้คาวัลโลชะงัก นัยน์ตาสีน้ำทะเลฉายแววงวยงงวูบ หากแต่เมื่อได้มองเห็นสิ่งของนั้นชัดถนัดตา คนที่ต้องนิ่งงันกลับเป็นตัวเขานั่นเอง..


        ..สร้อยกางเขนทำจากทองคำขาวแสนคุ้นตา ประดับบนแผ่นอกขาวที่มีร่องรอยสีจัดประปราย คาวัลโลแตะปลายนิ้วลงไปสัมผัสสิ่งนั้นด้วยสีหน้าหลากหลาย       ..หนึ่งคือคิดถึงคนึงหา แต่อีกหนึ่งความรู้สึกที่รุนแรงกว่าคือความแปลกใจ..ไม่ได้แปลกใจที่อัลชาอ์นำมันมาสวมให้เท่ากับแปลกใจ..แปลกไปว่าตัวเขานึกลืม..หรือนึกเคยคุ้นกับลำคอที่ว่างเปล่าไม่มีเครื่องประดับชิ้นนี้ที่เขาหวงนักหวงหนาตั้งแต่เมื่อไหร่..


        ความสงสัยมาพร้อมความรู้สึกหวนอาลัยทั้งเจ็บปวดรุนแรงจนขอบตาร้อนผ่าว คาวัลโลเม้มปากแน่น จ้องมองสร้อยเส้นงามในมือของตนพลางกลืนก้อนสะอื้นลงคอช้าๆ นึกขันตัวเขาที่"คุ้น"และ"รัก" เจ้าของอ้อมกอดนั้นจนแทบไม่มีแก่ใจหวนอาลัยถึงสิ่งที่อยู่ข้างหลัง เขาที่รักใคร่และหลงไหลอัลชาอ์ปานนั้น ทว่าบัดนี้ ชีคหนุ่มกลับคืนสิ่งนี้มาให้ ดั่งคล้ายจะบ่งบอก จะตอกย้ำให้รู้ถึงความฝันที่สิ้นสุด..


         มองมันแล้วทั้งนึกขันทั้งสมเพชตัวเอง คนที่มองเมินความรู้สึกและความรักของอัลชาอ์ คนที่ทำหยิ่งยโสอวดดีไม่แคร์ไม่ไยดีหัวใจที่ถูกวางมาตรงหน้า มาบัดนี้ กลับร่ำไห้เสียใจ..เสียดายวันเวลาที่ผ่านผันโดยที่เขาไม่ได้ทำสิ่งใดลงไปเลย..


        ...หัวใจที่เจ็บปวดร้าวระบมกำลังกรีดร้อง..ร่ำหา ถ้า...ถ้ารู้ว่าเขาจะหลงรักอัลชาอ์ ถ้า...ถ้าคาวัลโลรู้ว่าเขาจะรักชายคนนี้เสียจนหมดใจ เขาจะไม่มีวันทำตัวร้ายกาจ ไม่มีวันเหยียบย่ำทำร้ายจิตใจของชีคหนุ่มจนฝ่ายนั้นชอกช้ำ รวดร้าวจนไม่อาจวางใจเชื่อถือเขาได้ในที่สุด...


         ถ้า...เขารู้....ถ้า..จะย้อนเวลากลับไปได้...


          ความคิดโง่ๆน่าสมเพชเกิดขึ้นในใจทำให้ต้องเหยียดยิ้ม..เยาะหยันสมเพชตัวเองที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ ตอนไหน เขาก็เป็นได้แค่คนโง่อยู่วันยังค่ำ..


          คนโง่ที่เหยียบย่ำตัวเอง ทำร้ายความรู้สึกคนอื่น จะมาเสียใจตอนนี้ ก็สายไปเสียแล้ว


              คาวัลโลกำเสื้อเชิ๊ตขาวในมือแน่น เขาซุกหน้ากลั้นสะอื้นกับฝ่ามือตนเองด้วยความไร้หนทาง ยิ่งแสงตะวันสาดเข้ามายิ่งบอกให้รู้ถึงการจากลาที่ไม่อาจบิดพลิ้วใดๆ...


        แกร๊บ...


            กระดาษโน๊ตแผ่นหนึ่งถูกขยำจนเกิดเสียงทำให้หัวคิ้วขมวดมุ่น เศษกระดาษนั้นหล่นลงมาจากตัวเสื้อฉุดให้นึกสนใจจึงเอื้อมมือหยิบมาดู...หากคาวัลโลทำได้เพียงขมวดคิ้ว..เมื่อมันเขียนเป็นภาษาอารบิคที่เขาไม่มีวันเข้าใจ กระนั้น ข้อความที่เป็นดั่งถ้อยคำเอื้อนเอ่ยที่มอบให้ก็ถูกกำเก็บไว้ พร้อมกับร่างของมาเฟียหนุ่มซึ่งหยัดกายลุกขึ้นจากเตียง คว้าเสื้อผ้าติดมือก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำ ด้วยใบหน้านองน้ำตาหากแววตายังคงฉายแววเข้มเเข็ง


        ..ก้าวเดินอีกครั้งเพื่ออนาคต     

   
...............


        " ชีคให้แจ้งว่าวันนี้มีประชุมด่วนแต่เช้า ไม่สามารถไปส่งได้ "


            คำกล่าวสั้นๆของฮาซานเอ่ยบอกทันทีที่ก้าวเท้าออกมาจากห้องนอน คาวัลโลพยักหน้ารับคำกล่าวนั้นเงียบๆ แม้จะปวดใจที่ชีคหนุ่มไม่ทำกระทั่งรีรอหรือคอยส่ง ทว่าพอคิดไปมันก็อาจจะถูกแล้ว ถ้าอัลชาอ์ยังนอนอยู่บนเตียงแล้วกอดเขาไว้หรือกระทั่งชีคหนุ่มยืนส่งเขากลับอิตาลี..ก็ต้องเป็นคาวัลโลนั่นแหละที่จะน้ำตาไหล อดร้องไห้ออกมาไม่ได้ และอาจจะถึงขั้นทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เสียดายด้วยซ้ำ..


            มาเฟียหนุ่มคิด พลางปลอบบอกกับตัวเองแผ่วเบา ฝ่าเท้าลากตามทางเดินด้วยอาการลอยเหม่อปนครุ่นคิด และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ร่างของคลาร์กและเเกเร็ต ก็มายืนอยู่ตรงหน้า..แววตาของชายสองคนนั้นทำให้มาเฟียหนุ่มสูดหายใจลึก


          ก้าวเท้าตามหลังคุณอาที่เดินนำลิ่วออกจากห้องโถงหน้าพระราชวัง ประตูบานใหญ่ที่เมื่อคืนพังราบด้วยแรงระเบิดนั้นบัดนี้กำลังถูกซ่อมแซมเงียบๆ โดยช่างฝีมือประจำพระราชวัง ชายในชุดประจำชาติอาหรับเหลือบตามามองเล็กน้อยเมื่อพวกเขาเดินผ่าน ก่อนจะก้มลงทำงานต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


          ลานด้านหน้าของพระราชวังบัดนี้ถูกจัดการเป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ขนาดย่อม คาวัลโลมองเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางที่ติดเครื่องรออยู่ในสภาพใบพัดหมุนคว้าง รอคอยให้เขาขึ้นเครื่องกลับไปด้วยสีหน้าเจื่อน


          "ไปกันเถอะ " คุณอาของเขาออกปากเบาๆพลางก้าวเท้ายาวๆเดินนำตรงแน่ว ท่าทีของคลาร์กบ่งว่าคงอยากกลับบ้านเต็มแก่..ก็ใช่...ใช่ที่ว่าใครก็อยากกลับบ้าน..


       คาวัลโลก็อยากกลับบ้าน..แต่...ที่ตรงนี้ มาตอนนี้พระราชวังแห่งนี้ ประเทศนี้ กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย ไร้กังวลไม่ต่างกับ"บ้าน"ของเขาเช่นกัน..


       มาเฟียหนุ่มเม้มปากเเน่น ดวงตาตวัดมองหน้าต่างทรงสูงกรุกระจกหนาบนชั้นสองของพระราชวังด้วยสายตาคาดหวัง เขากวาดสายตาหา ควานสายตามองไปโดยทั่ว เพื่อหวังว่าจะได้พบกับร่างของชายที่ตนหลงรัก..คนๆนั้น ที่คาวัลโลยังไม่ได้พูดคำที่อยากจะพูดมากที่สุดออกไป..


         "ข้าวของส่วนตัวของคุณ " เสียงของฮาซานดังขึ้นมาปลุกให้คนเหม่อลอยหลุดจากภวังค์ คาวัลโลหันมาจ้องมองค์รักษ์ตรงหน้า ใบหน้านั้นยังคงเรียบนิ่ง แฝงแววเคร่งขรึมเฉยชาเช่นทุกครา ในมือของอีกฝ่ายมีกระเป๋าเป้ลายพรางสีดำคุ้นตา ในนั้นใส่ชุดเสื้อผ้าของเขาในวันที่เขามาถึงและเอกสารประจำตัวปลอมๆ รวมทั้งกระเป๋าเงินและเครื่องกระสุนปืนพกขนาดเล็กพรักพร้อม ครบถ้วน


          " ....อัลชาอ์.." คาวัลโลรับข้าวของเหล่านั้นมาเก็บไว้ ออกปากเอ่ยเบาๆราวกับไม่แน่ใจ


          "ชีคกำลังทำงาน "ฮาซานตอบสั้นๆ แววตากร้าวแข็งนั้นไม่อ่อนข้อ..นั่นทำให้คาวัลโลนึกละอายใจวูบ..


      ...เขารับปากกับมัน ยิ้มและบอกกับมันว่าจะทำให้ชีคของมันมีความสุข แล้วบัดนี้กลับต้องจากไป ทำให้อัลชาอ์ต้องพบกับความโศกเศร้า ฮาซานมันคงเกลียดเขาเกินทน..


          "ขอโทษ..ที่ฉันทำให้แกผิดหวัง " เพราะความเสียใจหรืออะไรก็ไม่รู้ คาวัลโลจึงเอ่ยปากออกไปสั้นๆ หากแววตาของผู้ฟังวาววับขึ้น..ครู่หนึ่งฮาซานหัวเราะหึ คล้ายจะยิ้ม


          "ขอโทษทำไม..ดีเสียอีกที่ชีคจะได้มีรักเช่นปรกติ แม้ท่านจะมีบาดแผลในใจเพราะคนสับปลับ แต่นั่นก็จะเป็นแค่อดีตที่ไม่มีความสำคัญอะไรในวันข้างหน้า" แววตาของผู้พูดฉายรอยหยัน ก่อนจะโค้งตัวให้เล็กๆแล้วหมุนตัวเดินหันหลังกลับ ทิ้งประโยคคำพูดนั้นให้สะเทือนในใจผู้ฟังอย่างไม่คิดจะสนใจใดๆอีก


           คาวัลโลจ้องมองตามแผ่นหลังขององค์รักษ์หนุ่มด้วยสีหน้ากรุ่น..อยากจะโกรธ หากที่สุดมาเฟียหนุ่มก็พ่นลมหายใจแรง กำหมัดแน่น


          "คนอย่างฉัน ไม่มีวันยอมรับตำแหน่ง"อดีต"อะไรนั่นหรอก..แกคอยดูแล้วกัน " แกเร็ต เคย์ ผู้ยืนข้างบอสของตนหน้านิ่ว เมือได้สดับฟังคำพูดของผู้นำตน เขาจ้องมองแววตาวาวโรจน์ของคาวัลโลแล้วลอบถอนหายใจแผ่วเบา บอกตัวเองว่า คนนี้ก็"ยุ่ง"ไม่แพ้"คนนั้น" หรอก.."คนกลาง"อย่างเขา คงได้แต่คอยมอง เพื่อรั้งห้ามปรามการกระทำอะไรที่จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อแกงค์วาลกัสเท่านั้น


....สำหรับตัวบอสนั้น จะรักใครผูกสัมพันธ์กับชายหรือหญิงที่ไหน ไม่ใช่เรื่องที่ตนต้องยุ่ง


           "ไปกันเถอะครับ "  แกเร็ตออกปากท้วงเบาๆ ที่บอสของเขาก็พยักหน้า พร้อมกับยื่นกระเป๋าเป้ในมือให้ตนถือต่อ แล้วก้าวยาวๆไปยังเฮลิคอปเตอร์ที่มีคลาร์กนั่งรออยู่พร้อมนักบินทั้งสองนายแล้วโดดขึ้นไปนั่งอย่างรวดเร็วแบบไม่หันหลังกลับอีกเลย


           คาวัลโลเม้มปากแน่น เขาทรุดกายลงนั่งบนที่นั่งติดข้างกระจกเฮลิคอปเตอร์ด้วยอารมณ์กรุ่น..อดจะหงุดหงิดไม่ได้เมื่อคิดตามคำพูดของเจ้าฮาซานแล้วพบว่ามันมีโอกาสจะเป็นไปได้ เพราะตัวเขาที่ตัดสินใจจากมาไม่ได้มีหลักประกันใดๆสร้างความมั่นใจให้แก่ตนเองและชีคหนุ่มเลย กระทั่งสร้อยกางเขนที่เขามอบให้อัลชาอ์เก็บไว้ ชีคหนุ่มยังนำมาแขวนคืนให้กันแบบนี้ แล้วมีเพียงกระดาษใบเดียวมอบให้ตอบแทนคำลาเสียอย่างนั้น!


             มาเฟียหนุ่มพ่นลมหายใจแรงด้วยอารมณ์หงุดหงิด มือขวาควักกระดาษแผ่นนั้นจากกระเป๋ากางเกงมากำแน่นด้วยอารมณ์ขุ่น พลันแรงสะเทือนจากการเคลื่อนบินของเฮลิคอปเตอร์ที่ตนนั่งมาก็ทำให้ร่างลื่นไถล คาวัลโลรีบไหวตัวคว้าคานด้านบนจับยึดไว้ให้มั่น ก่อนจะได้ไถลตัวไปชนคุณอากับแกเร็ตที่นั่งฝั่งตรงข้ามให้โดนด่าเล่นๆฐานเหม่อจนได้เรื่อง


             "นี่ของใครเนี่ย " คำถามจากผู้ช่วยนักบินที่นั่งอยู่ด้านหน้าทำให้คาวัลโลชะงัก เขาขมวดคิ้วน้อยๆหันไปมองด้านหลังเมื่อแว่วเสียงคุ้นหู เพื่อจะพบกับใบหน้าอันเคยคุ้นของ รามิล เซย์ฮามัค


             "ทำไมคุณมาอยู่ตรงนี้ ? "คาวัลโลถามกลับ..สีหน้าขัดข้องไม่น้อย


             "ผมก็มีเรื่องให้ต้องออกนอกประเทศเหมือนกัน เลยรับหน้าที่ส่งพวกคุณและคอยดูแลไปจนถึงสนามบินที่ยูเออี " รามิลตอบสั้นๆ ไหวไหล่ "และก่อนจะถามอะไรมากกว่านั้น ผมขับเฮลิคปเตอร์เป็น  "


            "......."คาวัลโลฟังแล้วพ่นลมหายใจรับ แอบเม้มปากแน่นด้วยอารมณ์หงุดหงิดไม่น้อย นี่อัลชาอ์ให้คนมาตามดูเขา ส่งเขาเป็นห่วงเขา แต่ไม่มาให้เขาเห็นหน้าเลยสักนิด ทำตัวเป็นพระเอกแบบนี้มันได้อะไรขึ้นมาไม่ทราบ!


            "รับไปสิ " รามิลบอกพลางยื่นกระดาษตัวต้นเหตุให้ คาวัลโลครางงึมงัมก่อนจะเอื้อมมือไปหา หากเมื่อมองเห็นตัวอักษรในกระดาษคาวัลโลจึงได้คิด


            "คำนี้มันอ่านว่ายังไง..และหมายความว่ายังไง? " คาวัลโลเอ่ยถามฝ่าเสียงเครื่องยนต์และเสียงตีกันของลมอื้ออึงรอบๆหู


           "...เอชก์ " รามิลเหลือบมองตาคนพูดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากอธิบายต่อเมื่อมองเห็นสีหน้างวยงงของผู้ฟัง " ที่จริงแล้วเป็นชื่อพืชตระกูลไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง เหมือนเถาวัลย์ หรือกาฝาก พืชชนิดนี้มันจะพันลำต้นของมัน ไปตามต้นไม้ใหญ่ ๆ แล้วก็จะดูดกินอาหารจากต้นไม้เหล่านั้น จนบางครั้ง มันดูดสารอาหารจากต้นไม้ใหญ่จนต้นไม้เหล่านั้นยืนต้นตายไปเลยก็มี  "


            "..และความหมายอีกอย่าง ที่มีผู้ใช้มากที่สุด  "ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของผู้พูดกรอกตาครู่หนึ่งราวกับครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยปากบอกชายหนุ่มตรงหน้า " หมายถึงคำว่ารักที่ลึกซึ้งที่สุด เพราะความรักในมุมมองของเรา หมายถึงความผูกพันธ์ที่มีให้กันระหว่างคนสองคน ที่ต้องการทะนุถนอม และหล่อเลี้ยงซึ่งกันและกันถึงแม้จะต้องมอบชีวิตให้แก่กันเลยก็ตาม "


             ....รัก...ผูกพันธ์..ทะนุถนอมหล่อเลี้ยงซึ่งกันและกันแม้จะต้องมอบชีวิตให้แก่กันก็ตาม


             ฝ่ามือขาวซีดรับกระดาษใบนั้นมาถือไว้ ปลายนิ้วลูบไล้..สัมผัสถ้อยคำสั้นๆที่ถูกเขียนด้วยปากกานั้นราวกับของล้ำค่า ขณะที่ขอบตาผ่าวร้อน และไม่นาน น้ำใสก็หยุดลงบนกระดาษแผ่นนั้น..ทีละหยด ทีละหยด ก่อยคนพูดจะสะอื้นไห้จนตัวโยน..


             ปลายนิ้วแตะลงบนกระจกหนาตรงประตูทางเข้าฝ่ามือทาบลงไปสั่นระริกไหว ก่อนที่ร่างของคาวัลโลจะโผนแนบทาบประตูเพื่อมองภาพของเมืองทัสคานี..ประเทศเซเนียยา และมองไปยังพระราชวังหลวงอันเป็นที่ประทับของเจ้าของประเทศด้วยความอาลัยนัก ..


              พลันร่างที่ร้องไห้กลั้นสะอื้นยิ่งสะท้านไหว  เมื่อนัยน์ตาสีน้ำทะเลมองเห็นร่างสูงที่แสนคุ้นตาในชุดโธปคลุมทับด้วยมิชลาฮ์สีดำขลิบทองยืนอยู่ตรงนั้น..บริเวณหอคอยที่สูงที่สุดของเมืองหลวงทัสคานี ร่างสูงยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อเงยหน้าจ้องมองมายังตัวเขาที่นั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์เงียบๆ..ไม่มีท่ามีโบกมือลาหรือร่ำร้องอาลัย..


            หากภาพชายผู้เป็นสูงสุดของผืนดินนี้ยืนแหงนเงยหน้าสบมองดูตนเองเงียบๆ..กลับทำให้หัวใจปวดแปลบหวั่นไหว


            คาวัลโลพบเปลือกตาลงช้าๆ เขาร้องไห้พร้อมกระซิบคำบางอย่างที่อยากจะพูดออกมาเหลือเกิน ถ้อยคำที่เขาเคยลังเลไม่กล้าเอ่ย..หากแต่บัดนี้ เขาก็เข้าใจมันอย่างชัดเจนแล้ว..


          "ผมรักคุณ"


            ริมฝีปากบางเอ่ยเเผ่วเบาราวกับกระซิบ..ขยับราวกับวานฝากสายลมไปส่งผ่านความรู้สึกให้ชายที่ยืนอยู่ ณ หอคอยแห่งนั้น...แม้ไม่นานนักภาพนั้นก็ค่อยรางเลือน กลายเป็นจุดเล็กลงไปเรื่อยๆ..และลับหายไปในที่สุด   

           มาเฟียหนุ่มเม้มปากแน่นกลั้นเสียงสะอื้นสั่นไว้ในลำคอ แม้การจากไปจะทำให้ปวดร้าวแค่ไหน กระนั้นมันก็ยังดีที่ทำให้เขาได้รู้ใจตัวเองในที่สุด..ว่าเขารักอัลชาอ์...


            ไม่ใช่เพราะรับปากว่าจะพยายาม ไม่ใช่เพราะสภาพบังคับหรือด้วยความเสียดาย แต่ที่รู้คือบัดนี้เขารักด้วยใจ...ด้วยหัวใจทั้งหมด...


              ti voglio bene   
 
             ผมรักคุณ ด้วยหัวใจทั้งหมดที่มี


             ...........................
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 44 :คำสัญญา UP!! 2/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 13-11-2011 17:51:25


                ร่างของผู้คนที่เคยคุ้น ปรากฏขึ้นในเงาตาทำให้ความคะนึงหาอายอวลพวยพุ่งในหัวอก  คนที่นั่งนิ่งอยู่ในรถท่าทีเหม่อลอยนับแต่ลงจากเครื่องบินจึงเริ่มขยับไหว ดวงตาผากแห้งมีเพียงความเฉยชาในอารมณ์นับแต่ร้องไห้ราวกับใจสลายบนเฮลิคอปเตอร์ลำที่บินออกจากเซเนียยาค่อยมีประกายแห่งชีวิตขึ้นมาอีกครา เมื่อได้เห็นร่างของผู้เป็นที่รักยืนรอกันอยู่ที่หน้าบ้าน


                คาวัลโลกำมือแน่น เขาค่อยๆเม้มปากเข้าหากันพลางสูดหายใจลึก หลังจากในตัวรถมีเพียงความเงียบงันราวกับทุกสิ่งจะสงบนิ่ง ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีท่าทีดีใจที่ได้กลับบ้าน มีเพียงดวงตาที่สงบราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ทว่าสำหรับสายตาคนมองนั้นต่างก็รู้ดีว่าคาวัลโลกำลังอยู่ในอารมณ์หวั่นไหวและปั่นป่วนหลากหลายความรู้สึกจนไม่รู้จะแสดงออกมาเช่นไร


              คลาร์กจ้องมองเสี้ยวหน้าของหลานชาย มองแววตาที่เริ่มมีประกายใสขึ้นมาอีกคราหลังจากรถเเล่นเข้าสู่เขตบ้าน เมื่อคาวัลโลได้มองเห็นบ้านและคนในครอบครัวที่ยืนรออยู่ คนที่เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมากครั้งหลังจากเงียบงันราวกับตายไปแล้วในความรู้สึกของเขา หลังจากไอ้ข้อความบ้าๆและการร้องไห้ออกมาพร้อมกับกระซิบคร่ำครวญคำว่ารักเหมือนคนบ้าที่เขาได้เห็น ริมฝีปากของหนุ่มเยอรมันเม้มเข้าหากันเล็กน้อย สีหน้าของเขาก็ครุ่นคิดไม่แพ้กัน กับสิ่งที่คาวัลโลเจอ และความรู้สึกของเจ้าตัวนั้น ในคราแรกเขาก็มองว่ามันเป็นเพียงความหลงไหลที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็ว ทว่า...บัดนี้กลับเป็นตัวเขาเองที่เริ่มไม่แน่ใจ ว่ามันคืออะไรกันแน่..


          ...ถ้าแค่ความหลง รุนแรงและพัดผ่านไปรวดเร็ว ไม่นานมันก็จะหายไป แต่ถ้าเป็นความรัก ความรู้สึกที่มั่นคงและไม่มีวันเลือนหาย ถ้าเป็นแบบนั้น หลานชายของเขาจะใช้ชีวิตต่อจากนี้อย่างไรนะ?


          คาวัลโลจะกลายเป็นเพียงมาเฟียที่ไร้หัวใจและทุกข์ทรมารจมจ่ออยู่กับความรักที่ไม่มีวันได้สมหวังงั้นหรือ? และหากอยากจะกลับไปมันจะทำยังไง? ทำวิธีไหน ที่จะได้กลับไปตรงนั้นอีกครั้ง..


            ล้อรถหยุดลงทว่าความคิดยังไม่หลุดจากภวังค์ คลาร์กจ้องมองใบหน้าของคาวัลโล มองสีหน้าและแววตาของหลานชายคนสนิท..ชั่วครู่หนึ่งเขาเริ่มไม่แน่ใจและเริ่มรู้สึก ว่าเขาอาจจะทำผิดพลาด ที่พาตัวมันกลับมาก็ได้..


             "คลาร์ก" เสียงเรียกจากคนข้างกายทำให้ละออกจากภวังค์ คลาร์ก โรเซนเบิร์กหันมาสบดวงตาสีทองที่จ้องมองตรงมาของเจ้าคนที่เคยคุ้น แววตาของมันทั้งสื่อความนัยน์และบอกให้เขาเชื่อมั่น ฝ่ามือนั้นแตะลงบนหลังมือเขาเบาๆพร้อมกับดวงตาที่แลสบ ทำให้ความกังวลใจถูกพัดหายไปอย่างรวดเร็ว..


             ....ไม่ว่าอย่างไรมันก็ต้องเป็นแบบนี้ แต่หลังจากนี้ต่างหากที่ต้องรอดูกันไป


              บางครั้งก็ต้องโหดร้าย บางครั้งก็ต้องฝืนทำ บางครั้งก็ต้องทำเป็นรัก บางคราก็ต้องทำเป็นไม่รัก..นี่แหละ..ชีวิตที่ต้องฝืนทนกันไป


              นัยน์ตาสีบรูเน็ตค่อยหรุบต่ำแล้วเบือนหนี คลาร์กแตะมือลงบนประตูรถ ผลักมันออกพร้อมกับก้าวลงไปบนเส้นทางโรยกรวดเล็กๆที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า..


              ..ไม่ใช่แค่คาวัลโลที่ต้องกลับมาและต้องเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าชีวิตของใคร ก็ต้องเดินหน้าและก้าวออกไปหาวันใหม่กันทั้งนั้น..


               ประตูรถเปิดออก พร้อมๆกับร่างของน้องชายคนสุดท้อง..คาวัลโล วาลกัส ที่ห่างหายไปนานทำให้ลมหายใจของอเล็กเซย์ค่อยสูดลึกและระบายออกอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาพรายขึ้นเป็นรอยยิ้ม นัยน์ตาสีฟ้าสดสบมองกับนัยน์ตาสีเดียวกันของคู่แฝด..คนรัก..ที่ยืนอยู่ด้านหลังและกำพนักรถเข็นของเขาไว้แน่นสีหน้าของคนๆนั้นแม้จะยังคงเรียบสนิท หากคนมองเห็นชัดว่ามันแฝงความยินดีไม่ต่างกัน...


            ..ดีใจ...ที่เราได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง


                อเล็กเซย์นั่งนิ่งบนรถเข็น จ้องมองภาพมารดาของตนที่โผกายเข้าหาน้องชายคนเล็ก ดวงตาสีฟ้าสดของเอเลียชา วาลกัส สั่นไหว ร่างบอบบางโผเข้าหาบุตรชายคนสุดท้องแล้วกอดรัดไว้แน่น ร่ำไห้สะอึกสะอื้นกอดลูบร่างของลูกรักไม่ห่างด้วยความห่วงหาและความดีใจที่มากมายนัก ไม่ต่างกับผู้เป็นบิดา ร่างของพ่อเดินเข้ามาพร้อมกับวางมือลงบนไหล่ โอบแผ่นหลังองมารดาไว้พร้อมกับฝ่ามือหนาที่ลูบไล้แผ่นหลังของตนเองช้าๆ  หากอบอุ่นและแฝงด้วยความนัยน์ลึกซึ้ง ดวงตาสีเขียวสดนั้นจ้องมองสบตาคาวัลโลด้วยความรักใคร่และยินดียิ่งนัก..เขาเห็นชัด..เห็นกระทั่งนัยน์ตาที่สั่นไหวและร่องรอยน้ำตาบางๆในดวงตาของผู้เป็นพ่อ


          ..หากแต่ร่างของน้องชายกลับยืนนิ่ง..ดวงตาสีน้ำทะเลนั้นมีร่องรอยความยินดีเจือจางอยู่หากแผ่วเบา..และรอยยิ้มที่เผยออกมาบางๆนั้นดูสงบและเก็บอารมณ์เกินกว่าทุกคราที่เป็น


           "อเล็ก.." อเล็กเซย์ร้องเรียกแฝดพี่เบาๆ เสียงของเขาได้รับการตอบรับด้วยเสียงครางในลำคอเบาๆของพี่ชาย หากเมื่อเงยไปสบมองแววตานั้น เสี้ยวหน้าเคร่งขรึมและแววตาครุ่นคิดของอเล็กซิสที่มองไปยังคาวัลโลก็บ่งชัดว่าเจ้าตัวมองเห็นความผิดปกติของ"น้องชาย"ไม่ต่างกัน


            ..เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?


            มันเกี่ยวข้องกับคำสั่งของคลาร์ก คำพูดของผู้เป็นอาที่ไม่ให้เขาเผยตัวว่ามีชีวิตอยู่และไม่ให้บอกเรื่องราวที่จบลงเรียบร๊อบกับคาวัลโลแล้วหรือไม่?


            " เป็นยังไงบ้าง..ดูสบายดีนี่ "น้ำเสียงทายทักเบาๆ ที่แสนเคยคุ้นดังขึ้นเบื้องหลัง อเล็กเซย์เงยหน้าไปมองสบตาผู้เป็นอา หากก็ต้องอ้าปากค้างอีกคราเมื่อมองเห็นร่องรอยฟกช้ำบนใบหน้าของคลาร์ก โรเซนเบิร์ก


            "...เฮ้..ชั้นให้ตอบไหนทำหน้าแบบนั้นหือออออออ" ฝ่ามือของคุณอาคว้าหมับที่แก้มจับหมับและบีบเล่นแบบที่เคยทำด้วยรอยยิ้มขบขัน ดูท่าทางจะตลกกับสีหน้าอ้าปากค้างของเขามากมายนัก จนดูเกินจริงไปเลยเชียว


            "พอได้แล้วครับ" ฝ่ามือของอเล็กซิสแตะลงบนข้อมือของคลาร์กพร้อมส่งสายตาดุๆจ้องเขม็งแบบไม่ยอมใคร คนถูกห้ามจึงส่งเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอ


            "ไปทำอะไรมาทำไมหน้าเป็นแบบนั้นล่ะครับคุณอา..แล้วยัง..แกเร็ตด้วยใช่ไหม ..เท่าที่เห็นคาลมันก็โดนด้วย? "อเล็กเซย์ออกปากถามงงๆ


            "นิดหน่อย" คลาร์กยักไหล่ ไม่ตอบคำว่าแผลที่เห็นๆมาน่ะ ไม่ใช่ใครอื่นทำหรอก ก็คนกันเองทั้งนั้น


            "มีปัญหา?"อเล็กซิสถามกลับสั้นๆ


            "ก็มีมาแต่แรกแล้วไม่ใช่รึไง" คลาร์กยักไหล่ ก่อนจะยกมือห้ามคำถามซักไซ้จากปากของอเล็กซิสอีกคำรบ" ตอนนี้เป็นเวลาการพบกันอันแสนสุขไม่ใช่เหรอ เรื่องเครียดๆน่ะ ไว้ทีหลังแล้วกัน"


               อเล็กซิสฟังแล้วพยักหน้ารับไม่ตอบคำ ชายหนุ่มหันไปมองเบื้องหน้าอีกครั้ง..ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอีกคราด้วยสีหน้างวยงงเป็นที่สุด....


               เพราะภาพที่เห็นตรงหน้าคือสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นมันบ่อยนัก..ในเมื่อคาวัลโลมันกำลัง..ร้องไห้!?


             "คาวัลโล... "น้ำเสียงของมารดาที่ไม่ได้ยินมาหลายเดือนแสนจะนุ่มหูและชวนคะนึงหา แววตาห่วงแสนห่วง คำถามแสดงความใส่ใจและอ้อมกอดที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรักอยู่เสมอชวนให้หัวใจสั่นไหว  ความคิดถึงตีตื้นขึ้นมาในหัวอก จนต้องเอื้อมมือไปกอด..กอดร่างอันสั่นเทาของผู้เป็นแม่ไว้แน่น..


             คาวัลโลมองหน้า เอเลียชา วาลกัส ผู้เป็นมารดานิ่ง ไม่รู้เพราะอะไรเขาถึงได้รู้สึกว่าแม่ของเขาดูต่างไปจากที่เคยพบเจอ ระยะเวลาแค่สองเดือนกับอีกไม่กี่วันเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ทั้งมุมมองของเขา สายตาของเขา ความคิด หัวใจ หรือกระทั่งยามนี้ ภาพของ"แม่"ในใจนั้นค่อยเเปรเปลี่ยน ในความคิดคำนึงนั้นยังคงปรากฏภาพมารดาผู้อ่อนโยนหากแต่เด็ดเดี่ยวเข้มแข็งสมเป็นนายหญิงของวาลกัส แต่ภาพตรงหน้านั้นไม่ใช่อย่างที่เขาคิดเลยร่างเล็กๆของหญิงวัยกลางคนตรงหน้าช่างผอมบางและดูอ่อนแอราวกับจะปลิวลม  สีหน้าของแม่ดูอ่อนล้าดวงตาแดงก่ำสั่นไหวและเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า หากแววตาแห่งความรักและความอาลัยยังคงเต็มเปี่ยม..


         ...เวลา...ความเจ็บปวด และความรวดร้าวจากความผิดหวัง หัวใจที่ทุกข์ทรมารเพราะความสูญเสียเปลี่ยนแปลงคนๆหนึ่งไปได้มากเพียงไร และมันมีอานุภาพมากแค่ไหน บัดนี้เขาประจักษ์ชัด..


         ความโศกเศร้าจากการสูญเสียลูกชายทั้งสองเปลี่ยนแปลงแม่...ผู้หญิงที่เคยเข้มเเข็ง ร่าเริง เป็นเพียงผู้ที่จมจ่ออยู่กับควาททุกข์


         และ...ความโหดร้ายของโชคชะตา ความรักที่ได้พบ ความสูญเสีย และการจากลาก็เปลี่ยนแปลงตัวเขาเช่นกัน..


           คาวัลโลแตะมือลงบนท่อนแขนของมารดา ก้มลงโอบกอดผู้เป็นแม่ไว้แน่น ทั้งกอดรัดปลอบประโลมให้ผู้เป็นมารดาหายจากความโศกเศร้า และปลุกปลอบหัวใจตนเองด้วยเช่นกัน..


         นัยน์ตาผ่าวร้อนจ้องมองแผ่นหลังเล็กๆที่สั่นไหวของมารดา..ก่อนจะสบมองแววตาที่เต็มไปด้วยความดีใจของผู้เป็นพ่อที่ก้าวประชิด..ยิ้ม...และวางมือลงบนไหล่ พร้อมกับลูบไล้เพียงแผ่วเบา..ดั่งปลอบประโลมเขาและแม่ให้คลายจากความทุกข์โศก และอ้อมแขนทั้งความอบอุ่นนี้เองที่บอกให้เขาลุกขึ้นสู้..เดินไปข้างหน้า ก้าวไปในทางที่ตัวเองตัดสินใจ


      ..แต่ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นนั้นเอง ที่ทำให้ร่างทั้งร่างสั่นไหวความเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้าและปวดร้าวจากความรักที่ละมือจากมาเหมือนจะค่อยบรรเทา..หากแต่ไม่นานนักอ้อมกอดนี้กลับกระตุ้นให้คิดถึงใครอีกคน...คนที่มีอ้อมกอดอบอุ่นแบบนี้ คนที่เขาจากมา..คนที่คาวัลโลกระซิบฝากคำว่ารักไปกับสายลม..คำพูดที่ไม่มีแม้กระทั่งจะได้พูดกับเจ้าตัวต่อหน้า..คำที่คนๆนั้นรอคอยมันมานานแสนนานแต่สุดท้ายแล้วยามจากไปเขาก็ยังไม่เอ่ยปาก..


      ...ทั้งๆที่รัก...รักมากขนาดนั้นแท้ๆ...เขาก็ยังไม่พูดออกไป กระทั่งตอนนี้..ตอนที่สายเกินไปเสียแล้ว..


           "ขอบคุณพระเจ้าที่คุ้มครองให้ลูกปลอดภัย"เสียงของผู้เป็นแม่ดังขึ้นพร้อมกับปลายนิ้วผอมบางแตะลงบนสร้อยกางเขนบนอก ริมฝีปากของแม่เอ่ยพึมพัมขอบคุณพระเจ้าเบาๆด้วยน้ำเสียงสั่นไหลเจือสะอื้นไห้เพราะความยินดี แต่เมื่อปลายนิ้วขาวสะอาดแตะสร้อยบนลำคอ..เล็บยาวที่ตะไล้ และอ้อมกอดของแม่กลับทำให้ความรู้สึกอัดอั้นที่เก็บกักไว้พลันทะลักทะลายออกมาเป็นน้ำตาในที่สุด..


          คาวัลโลซบหน้าลงกับไหล่ผอมบางของมารดา เนื้อตัวสั่นไหวด้วยรอยสะอื้น เขาทำได้เพียงร้องไห้ ซับน้ำตาลงกับไหล่ของผู้ให้กำเนิด ไม่พูดไม่จา ไม่ตอบคำถามแสนห่วงของพ่อและแม่ที่ดังขึ้นใกล้หู ดวงตาที่พร่ามัวด้วยน้ำตาจ้องมองเสื้อตัวสวยที่เปรอะเปื้อนด้วยน้ำตา หูได้ยินคำปลอบประโลมของมารดาและฝ่ามืออุ่นร้อนของผู้เป็นพ่อที่ลูบลงบนแผ่นหลัง อ้อมกอดของผู้กำเนิดทั้งสองกอดเขาที่กำลังร้องไห้ดั่งคนใจสลายไว้แน่น ราวกับกำลังช่วยกันประกอบเศษเสี้ยวของหัวใจที่แตกละเอียดให้กลับมาเป็นรูปร่างได้อีกครั้ง


           คาวัลโลไม่รู้ตัวเลยว่าผู้ที่เข้ามาแตะไหล่ปลอบประโลมเขานั้นจะไม่ใช่เพียงบิดาและมารดา จากนั้นไม่นานร่างของพี่ๆก็กรูกับเข้ามาหา น้ำเสียงถามไถ่และฝ่ามือที่ลูบไล้ปลอบโยนไม่ได้ทำให้มาเฟียหนุ่มนึกรู้ขึ้นมาว่ามันเป็นของใคร กระทั่งเสียงของพี่ชายที่ตายไปแล้วดังขึ้นมา เขาก็ยังคงร่ำไห้ราวกับว่าไม่ได้ยิน


          ...เสียงร่ำไห้นี้ไม่ใช่เพียงเพราะดีใจที่ได้กลับมาที่บ้าน กลับมาพบกับครอบครัวอันเป็นที่รักเพียงเท่านั้น คาวัลโลรู้ตัวดี..


          ..หากแต่รอยสะอื้นและน้ำตา กระทั่งเสียงร่ำไห้ราวกับใจสลายมันออกมาเพราะเขาปวดร้าวจนทนไม่ไหว ความรู้สึกอึกอัดทุกข์ทรมารในอกกำลังทำให้เขาเป็นบ้าจนต้องระบายออกมาเช่นนี้


           คาวัลโลสะอื้นไห้กับไหล่ของมารดาแน่น เสียงร่ำไห้และน้ำตายังไม่จางหายใปจากผิวแก้มกระทั่งคำปลอบโยนใดๆก็ไม่อาจทำให้รอยน้ำตาจางหาย และรู้ตัวดีว่าบัดนี้คนที่จะทำให้เขาหยุดได้ มีแต่เพียงคนๆนั้นเพียงคนเดียว


          ...คนที่เขาหันหลังจากมานั่นเอง


.......................


              คาวัลโลสบตาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามนิ่ง..เขาจ้องมองสบดวงตาสีบรูเน็ตของคนที่คุ้นเคยและยังเป็นผู้ก่อเรื่องสร้างความเข้าใจผิดอะไรให้ตนเองหลายอย่างสีหน้าของคนๆนั้นยังทำไม่รู้ไม่ชี้ หันไปยิ้มทายทักอ้อล้อกับ"พี่ชายที่ตายไปแล้ว"ของเขาอย่างสนุกสนาน...สนุก...เสียจนน่าจับไปให้รถทับนัก!


             ภายในห้องทำงานกว้างใหญ่ปูพรมถักนุ่มเท้าและเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ผู้ที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่สุดไม่ใช่ใครนอกจาก"บอส"ที่เพิ่งกลับมาไม่นาน หลังจากล้างหน้าล้างตาสงบสติอารมณ์ได้แล้วคาวัลโลก็ถูกอัญเชิญจากพี่ชายคนโตให้มาสะสางเรื่องที่ต้องทำด้วยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นบัดนี้เขาถึงต้องมานั่งในห้องนี้ บนโต๊ะทำวานของบอสมาเฟีย ในคฤหาสถ์ของคุณลุงซึ่งเป็นที่ทำการของแกงค์วาลกัส บัดนี้มีผู้ร่วมขบวนการมาอยู่พร้อมหน้า เพื่อจะให้เขาตัดสินเรื่องความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ประเดิมงานแรกของการเป็นบอสมาเฟียด้วยการกำจัดบรรดาคนทรยศให้หมดไปจากแกงค์


              มาเฟียหนุ่มกวาดตามองผู้คนที่ยืนอยู่ภายในห้อง นับแต่ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา คนที่ถูก"จัดการ"เป็นรายแรกหลังจากคาวัลโลได้รู้ว่า"พี่ชาย"ของเขายังมีชีวิตอยู่การรบที่ซิซิลีจบลงแล้ว พร้อมๆกับสามารถจับต้นตนของปัญหาและสืบสาวราวเรื่องไปหาคนบงการได้สำเร็จแล้ว ถัดมาก็ผู้สมรู้ร่วมคิดกรายๆสามสี่รายนับแต่แกเร็ต เคย์ ซึ่งเคยทำหน้านิ่วอยู่อย่างไรก็เป็นอย่างนั้น อเล็กซิส วาลกัส พี่ชายที่กำลังจ้องหน้าเขานิ่งราวกับรอคำสั่งและพี่ชายคนรอง อเล็กเซย์ วาลกัสที่นั่งรถเข็นในสภาพขาเข้าเฝือกกำลังยิ้มเหยๆปัดป้องการกลั่นแกล้งรุกรานของจ้าตัวต้นเหตุไปพลาง มาถึงร่างของพี่ชายคนที่สาม คาร์เนโร่ วาลกัส ซึ่งกำลังมีสีหน้าประมาณ"ฉันมาช่วยแกก็ดีเท่าไหร่"อะไรแบบนั้นใส่เขา...เลยไปถึงคุณลุงตัวต้นเหตุและบรรดาลูกน้องตัวเอ้ที่ยืนสลอนรอรับความดีความชอบไม่ก็ความชังความเคืองกันถ้วนหน้า..


         ...เจ้าพวกนี้มันรวมหัวกันหลอกเขา


         สรุปใจความได้อย่างย่อและเข้าใจง่ายเป็นที่สุดแล้วถอนหายใจเฮือก น่าจะชินได้แล้วว่าโดนอำแต่ละทีก็ฝีมือบรรดาพี่ๆรวมหัวกันทั้งนั้น แม้ตอนนี้มันค่อนข้างจะเป็นเรื่องใหญ่ก็เถอะ..แต่คิดไป พอมองหน้าคลาร์ก คาวัลโลก็พอจะรู้ว่าทำไมคุณอาถึงตัดสินใจไม่พูด..


           ...ถ้ารู้ว่าทุกอย่างจบลงแลว ถ้ารู้ว่าทุกคน"ไม่เป็นไร"เขาจะต้องหาทางยื้อเวลากลับ ทำไม่รู้เรื่องรู้ราวกับความเดือดร้อนของทุกคนที่นี่และมันคงยืดเยื้อกว่านี้มากมาย..


              "เอาเถอะ.." ชั่วขณะหนึ่งที่บรรยากาศหนักอึ้งและสีหน้าของบรรดาคนรอบข้างทุกคนยกเว้นคู่กรณีหวาดหวั่นราวกับรอการประหาร คาวัลโลก็ทำเพียงถอนหายใจ..เอ่ยคำ


         ..ในตอนนั้นนี่คงเป็นวิธีที่ดีที่สุด...ทุกคนก็ช่วยกันเต็มกำลัง ตัวเขาที่ไม่ได้ทำอะไรนอกจากรอให้ตัวเองถูกช่วยไม่มีสิทธิ์จะกล่าวหาว่าร้ายทุกคนในนี้หรอก


                "หึ..แบบนี้สิถึงจะเป็นผู้ใหญ่หน่อย ไม่ใช่...."


                "และพฤติกรรมของคุณ"ที่นั่น"น่ะเราต้องมาคุยกันหน่อยนะครับคุณอา!" เสียงของหลานรักดังขึ้นขัดคำทำให้คลาร์กส่งเสียงครืดคราดในลำคอ ก่อนจะยักไหล่เชิงไม่สน


                "จะทำอะไร? ฉันได้หยาบคายกับแกเหรอหลานชายที่รัก ไอ้คนที่ฉันทำตัวแบบนั้นมันไม่เห็นโวยเลย แกนี่จะอะไรนัก"คลาร์กบ่นพลางโบกมือ คนฟังหัวเราะหึ แสยะยิ้มสยองขวัญออกมาทันใด แม้ดวงตาจะยังแดงก่ำทว่าก็ไม่ได้ลดทอนความน่ากลัวลงแต่อย่างใด


                "รู้ตัวด้วยเหรอครับว่าหยาบคาย..รู้แต่คุณก็ยังทำ"คาวัลโลเอ่ยเลิกคิ้วขึ้นช้าๆสบมองดวงตาสีบรูเน็ตด้วยท่าทีเหนือกว่า"ไม่เห็นจำได้ว่าเราเป็นพวกนักเลงหัวไม้ข่มคนอื่นด้วยท่าทีกระโชกโฮกฮากหรือกระทั่งชอบใช้กำลังเป็นว่าเล่น..คุณเป็นมือขวาของผม ทำตัวแบบนั้นใช้ได้รึไง.."แก่"แล้วยังไม่รู้จักคิด"


               "นี่แก..!"


               "เงียบ!"ปลายนิ้วของหลานชายชี้หมับมาที่ใบหน้า สีหน้าเคร่งเอาการเอางานของชายตรงหน้าและกระแสอำนาจบางเบาที่ส่งผ่านดวงตาทำให้คนกำลังจะโวยนิ่ง คลาร์กมองหน้าคาวัลโล วาลกัสที่นั่งอยู่ตรงหน้า อยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ในชุดเสื้อเชิ๊ตเรียบๆฝ่ามือเท้าคางไว้ข้างหนึ่งแล้วจ้องมองมาทางเขาเขม็งใจความนั้นบอกชัดเจนว่านี่คือคำสั่งของบอส..บอสคนปัจจุบันที่นั่งอยู่ตรงหน้า..


               "คุณเป็นมือขวาของผม การกระทำอะไรก็แล้วแต่ที่คุณทำถือว่าส่งผลกระทบมาถึงผมไม่ว่าจะโวยวายไร้ความยั้งคิด แสดงกริยาหยาบคายไร้ความเกรงใจ นั่นมันลักษณะของ"นักเลง"ไม่ใช่มาเฟีย...ต่อให้คุณจะมองว่าวาลกัสไม่ต่างกับพวกแกงค์สเตอร์แต่สำหรับผมแล้วไม่ใช่ นี่คืองานอันทรงเกียรติ ไม่ใช่กลุ่มแกงค์ที่ทำเรื่องที่แม้แต่แม่มันยังเบือนหน้าหนีแล้วมาใช้ชื่อว่าเป็น"มาเฟีย"ที่ผ่านมาคุณถือว่าตัวเองไม่ใช่"วาลกัส"แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว นับแต่คุณรับปากจะเป็นมือขวาของผม ตั้งแต่นั้นคุณก็ได้ชื่อว่าเป็นมาเฟียแล้ว เพราะฉะนั้นจงเลิกพฤติกรรมแบบนี้ซะ "


               คลาร์กนิ่งฟังคำพูดของหลานชายเบื้องหน้า เขาขมวดคิ้ว นิ่วหน้าเข้าหากันด้วยท่าทีครุ่นคิดขณะที่ความเงียบลอยตัวอยู่ในบทสนทนา ต่างคอยดูท่าทีว่าคลาร์กจะมีท่าทีอย่างไรกับคำพูดที่ได้รับ..


            "รับทราบ"คลาร์กเอ่ยปากสั้นๆพลางลุกพรวด "ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม งั้นขอตัวไปพักก่อนนะ..บอส.."


                ว่าแล้วคนเป็นมือขวาก็ลุกพรวดเดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตูพรวด ขณะพี่คาวัลโลพ่นลมหายใจสีหน้าเหนื่อยหน่าย การจัดการกับคนนอกว่ายากแล้ว ยังไม่เท่าคนในเสียจริงๆ


             "มีอะไร?"คนเป็นบอสครางในลำคอกับสายตาของผู้คนโดยรอบ"อยากพูดอะไรก็พูดมา"


             "เปล่า.."คาร์โลยักไหล่ก่อนจะยกมือเกาหัวแกรกๆ"งั้นฉันไปนะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้วนี่"


             " เรื่องที่พวกพี่รวมหัวกันแกล้งฉันยังไม่ได้สะสาง ระวังตัวไว้แล้วกัน"ถ้อยคำอาฆาตแสนบาดหูของคาวัลโลทำเอาอ้าปากค้าง คาร์โลหันขวับอ้าปากจะท้วงเพราะเมื่อกี้ไอ้คนเป็นบอสมันยังพูดว่าไม่ติดใจอะไรอยู่แหมบๆ แต่พอเห็นสีหน้าของมันถึงได้รู้ เจ้าตัวไม่ได้หมายถึงบทลงโทษใดๆในฐานะบอสมาเฟีย แต่เป็นการกลั่นแกล้งเอาคืนกันในหมู่พี่น้องต่างหาก


         ..แต่ก็นั่นแหละ แบบนี้มันน่ากลัวกว่าการลงโทษซึ่งหน้าเสียอีก ไอ้การ"ล้อเล่น"แต่ละคราวของเจ้าน้องเวรตรงหน้านี่มันรุนแรงเข้าขั้นชวนกระทืบอยู่แล้ว ..เขาไม่น่าลงแรงไปช่วยมันจริงๆ


           คาร์เนโร่ครางในลำคองึมงัมพลางส่งนิ้วกลางอันเป็นภาษาสากลไปให้น้องชายที่หนึ่งทันควัน จนได้รับสายตาดุๆจากพี่ชายคนรองมาเป็นคำขู่ คาร์โลเลยเดินตัวปลิวออกไปอีกราย


            "แล้วก็....."คาวัลโลถอนหายใจเฮือก กวาดตามองบรรดาคนที่เหลือในห้องด้วยท่าทีครุ่นคิด เพราะที่เหลือนั้นเป็นเรื่องที่ต้อง"คุย"กันยกใหญ่


            "พี่อเล็กทั้งสองคน แล้วก็คุณลุงเราไปหาที่นั่งคุยกันเงียบๆเถอะ "


           คาวัลโลเอ่ยปากสั้นๆส่วนที่เหลือก็พยักหน้าเดินดุ่มออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องมีคำสั่งใดออกมาอีก..



           คาวัลโลมองหน้าพี่ชายทั้งสองคน ก้าวออกมาจากเก้าอี้ของบอสเพื่อจะมานั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กๆด้านหน้า เผชิญหน้ากับคนทั้งสามโดยตรง สบมองแววตาเคร่งของพี่ชายคนโต และสีหน้ากังวลไม่น้อยของพี่ชายคนรอง ก่อนจะตวัดสายตาไปยังชายอีกหนึ่งคนในห้องซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นเช่นกันในสภาพอ่อนกำลัง ไหล่งองุ้ม แผ่นหลังโก่งลงด้วยวัยที่ร่วงโรยและความทุกข์ทรมารที่พาดผ่าน..ชนิดที่ไม่เหลือเค้ามาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ คุณลุง..ที่เป็นต้นแบบของความแข็งแกร่ง เป็นผู้นำที่เขาชื่นชมแม้แต่น้อย


          ...อำนาจ...รุ่งโรจน์แล้วร่วงโรย สิ่งที่มีในมือไม่จีรัง เงินทองมหาศาลหรือจะสู้คนๆหนึ่งที่จะอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต..


           คาวัลโลสบตาผู้เป็นลุง จ้องมองแววตาสั่นไหวหากบางครามองเหม่อของชายวัยกลางคนเบื้องหน้า ฝ่ามือของเขาแตะลงบนหลังมือหนาไล้เบาๆจ้องมองสบแววตาคู่นั้นเงียบๆ..นิ่ง...นาน...ร่างของชายวัยกลางคนเบื้องหน้าจึงสั่นระริก..


            "ฉัน...ฉะ...ฉัน.."ริมฝีปากแห้งผากสั่นไหว แฝงความรู้สึกมากมายจนยากจะเอ่ย หากแต่คาวัลโลเพียงยิ้มบาง เขาคุกเข่าลงตรงหน้ารถเข็นของอดีตบอสที่เขาเคารพรัก ความรู้สึกนั้นยังคงอยู่แม้เขาจะถูกหักหลัง ถูกทรยศจากคนที่ไว้ใจจนเจ็บปวดนัก..


          ทว่า บัดนี้เมื่อเรื่องราวทั้งหมดกระจ่าง..เมื่อได้รู้ ว่าคนที่เจ็บปวดไม่ได้มีแค่เขา ผลของการกระทำอันบ้าบิ้นไม่คิดหน้าคิดหลังที่ทำให้เขาสูญเสียอะไรไปหลายๆอย่าง ทั้งความรักที่ผู้เป็นลุงมีให้ซึ่งหายไปพร้อมกับชีวิตของเพื่อนรักคนนั้น..เมื่อได้ทราบว่าเหตุที่เฟรเดริโก้ทำไปเพราะอะไร ให้โกรธเคืองแค่ไหน ก็ไม่อาจตัดใจทำร้ายได้ลง


          เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน..และ...เพราะเขาก็ผิด..ผิดต่อชายตรงหน้าเช่นกัน


         ต่อให้เขาจะได้อำนาจของแกงค์มาไว้ในมือ ต่อให้ไม่มีใครกล่าต่อว่าต่อขาน แต่อย่างไร ในใจของคาวัลโลก็มองว่ามันคือความผิดอยู่ดี ความผิด ที่ไม่มีวันหายไปและไม่อาจลบด้วยเวลาหรือเงินทองและอำนาจในมือ..


           "คุณลุง..." ฝ่ามือของคาวัลโลกุมหลังมือสั่นระริกไว้ "ผมขอโทษนะครับ.."


           "............"


           "ให้โอกาสผมได้ดูแลคุณลุงต่อจากนี้เถอะนะ"


          ...แล้วเรา จะได้กลับมามีความสุขเสียที


          คาวัลโลจ้องมองแววตาสั่นไหวของชายตรงหน้า ริมฝีปากของผู้เป็นลุงอ้าออกช้าๆคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง เงียบ..นิ่ง..อึกอักสักครู่ก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบแก้มขาวซีดช้าๆ..


           ฝ่ามือของมาเฟียหนุ่มแตะลงบนผิวแก้มของผู้เป็นลุงปาดเช็ดมันออกด้วยปลายนิ้วที่สั่นไหวไม่ต่างกัน


           ความแค้น ไม่เคยให้อะไร ทำร้ายไปแล้วก็ปวดใจ เข่นฆ่าไปก็มีแต่ความสูญเสีย ชีวิตไม่มีความสุข มีแต่ความแค้นและความผิดหวังที่เกาะกุมจิตใจจนด้านชา..


             หากจมจ่ออยู่กับความแค้น ชีวิตนี้ก็ไม่มีวันจะได้พบกับความสุข 


            คาวัลโลกอดร่างของผู้เป็นลุงแน่น พร้อมกับเงยหน้าไปมองสบตาพี่ชายทั้งสองแทนคำขอบใจและเขาก็ได้รับคำนั้นตอบกลับมาเช่นกัน


            มาเฟียหนุ่มจ้องมองร่างของผู้เป็นลุงในอ้อมกอด เขากระชับวงแขนแน่นขึ้น เพื่อกอดปลอบประโลมขณะที่ดวงตหรุบต่ำ..ครุ่นคิด..             


            ชีวิตทุกคนต้องเดินหน้า...เขาก็เช่นกัน


            แต่....คาวัลโลจะเดินไปทางไหน...?


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 13-11-2011 17:53:36
       
      ...........................


              คฤหาสถ์สีขาวหลังใหญ่ท่ามกลางแมกไม้และกำแพงปราการคุ้มกันแน่นหนาตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า แสงอาทิตย์ยามบ่ายทอดลงมากระทบศรีษะ ร่างในชุดสูทสากลอย่างประณีตก้าวเดินลงมาจากรถปอร์เช่สีดำสนิทฉาบฟิล์กรองแสงทับกระจกจนไม่อาจเห็นใบหน้าชัด นัยน์ตาสีเข้มทอดมองภาพคฤหาสถ์หลังใหญ่เบื้องหน้าตัวอาคารสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวทรงโคโลเนียตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางแมกไม้ ด้านหน้าคือลานจอดรถกว้างตลอดแนวหน้าบ้าน ขนาบด้วยสวนสวยแบบอิตาลีและรูปปั้นเทวดาน้อยประดับด้วยน้ำพุขนาดใหญ่ กลิ่นหอมของดอกไม้โชยเข้าดึงดูดความสนใจไปยังสวนกุหลาบที่ปลูกอยู่เต็มบริเวณบ้าน กุหลาบหลากสีหลากสายพันธ์พากันบานสะพรั่งราวกับต้อนรับผู้มาเยือนกระนั้น


            เสียงล้อรถบดถนนโรยกรวดกลมดังแว่วมาด้านหลังอย่างไม่ขาดสาย เสียงเครื่องยนต์และเสียงพูดคุยของผู้คนมากหน้าหลายตาบ่งบอกชัดว่าวันนี้มีงานใหญ่กำลังถูกจัดขึ้น ร่างสูงใหญ่พ่นลมหายใจช้าๆ ขณะที่ฝ่ามือหนาสอดเข้ายังกระเป๋ากางเกง แตะลงบนการ์ดกระดาษสีขาวที่ตนได้รับ


          บัตรเชิญสอดมาในซองกระดาษสีแดงสดขลิบทอง เขียนด้วยหมึกสีเดียวกันอย่างงดงาม จ่าหน้าถึง ชีค อัลชาอ์ ยาฮิลยะห์ มูซา มูอัสซินแห่งเซเนียยา มาจาก คาวัลโล เตอเกียเร่ วาลกัส บัตรเชิญสวยเรียบหรูถูกส่งตรงมาจากอิตาลี ในนามของตระกูลวาลกัส แด่ "พันธมิตร" ชั้นดีของตระกูลมาเฟียอันลือชื่อถูกส่งมาหาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เป็นเหตุผลให้อัลชาอ์ มูอัสซินมายืนอยู่ตรงนี้ มายังหน้าคฤหาสถ์หลังใหญ่ของตระกูลมาเฟียอันลือชื่อแห่งอิตาลี


           ปลายนิ้วสีเข้มไล้การ์ดเชิญในมืออย่างอ่อยอิ่ง ดวงตาสีเข้มจับจ้อง มองคฤหาสถ์ใหญ่หรูหราโอ่โถงเบื้องหน้าราวกับครุ่นคิด ปลายนิ้วแตะลงไปยังตัวอักษรสีทองเขียนชื่อชายที่ตนยังคงจำได้ดี..จะหลัก หลงรัก หลงไหล รักใคร่มากมายแม้เวลาจะผ่านผันไปเนิ่นนานหลายคนวัน  แค่เพียงหลับตา ใบหน้าของคนๆนั้นก็ปรากฏในห้องคำนึง ทั้งดวงตาสีน้ำทะเลสดใส  เส้นผมสีน้ำตาลประกายทองงดงาม รอยยิ้มกว้างและทุกคำพูดจา ทุกการกระทำของคาวัลโล วาลกัส..


          คนที่นับแต่จากไปก็ไร้ข่าวคราวใดติดต่อกลับมา เงียบหาย ราวกับลืม..หรือทำลืม คำสัญญา คำเว้าวอนที่ขอให้จดจำ ขอให้เชื่อมั่น..ว่าจะกลับมา กลับมาที่นี่ กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของอัลชาอ์คนนี้..


           ริมฝีปากของผู้คิดขยับยิ้มคล้ายขบขัน..นึกถึงการกระทำของคนที่จากไป ผู้ที่เขาไม่อาจคาดเดาได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความคิด การกระทำ หรือท่าทีว่าจะออกมาเช่นไร


         คนที่หายไปคล้ายไม่อยากให้จดจำ แต่บัดนี้กลับร่อนบัตรเชิญมาส่งให้ตอนนี้..ตอนที่เวลาผ่านไปนับครึ่งปีตั้งแต่คนๆนั้นโบกมือลาเซเนียยาไปด้วยน้ำตา


           ชีคหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบาขณะกวาดตามองบรรดาชายในชุดสูทสากลที่ยืนประจำอยู่หลายจุด คล้ายกับพยายามมอง พยายามค้นหาคนที่ส่งบัตรเชิญนี้มาให้ คนที่เป็นสาเหตุให้อัลชาอ์ต้องมายืนอยู่ที่นี่..มาเยือนคฤหาสถ์วาลกัสแห่งนี้ คนที่เชื้อเชิญให้เดินทางมาแต่กลับหายหน้าไม่โผล่มาให้เห็น หรือว่างานในฐานะบอสมาเฟียนั้นยุ่งเสียจนปลีกตัวมาไม่ได้ หรือเจ้าของประเทศเล็กๆแห่งหนึ่งมันไม่สำคัญให้เข้ามาใส่ใจ


        ชีคหนุ่มระบายลมหายใจอีกคราอัลชาอ์ไม่รู้จะโกรธหรือฉุนดีกับการกระทำเช่นนี้ สำหรับคนที่พร่ำพรรณาพูดว่าไม่อยากจากไปและทำท่าทีเหมือนรักใคร่อาลัยนักหนาแต่กลับเงียบหายไปแล้วจู่ๆก็ส่งบัตรเชิญอย่างเป็นทางการมาให้แบบนี้  มันทั้งไร้น้ำใจ ทั้งเย็นชาและแสดงฐานะเพียงคู่ค่า..คนรู้จัก หรืกระทั่ง"เพื่อน"และ"พันธมิตร"ที่ไม่มีอะไรแอบแฝงไปกว่านั้น


           แต่ก็ใช่จะโทษใครได้ ในเมื่อต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่จะต้องทำ ในเมื่อไร้คำสัญญาใดต่อกันมีเพียงลมปากอันไร้การผูกมัดเท่านั้น ใครจะจำ จะลืม จะทำตามหรือจะล้มเลิกสัญญานั้นไป ก็หาใช่เรื่องที่ผิดแปลกหรือต้องโหยไห้อันใดนักหนา...


          ก็แค่...สัญญา..ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่..ก็เท่านั้น..


          หากแต่ชีคหนุ่มก็อดจะฉุนเล็กไม่ได้  ในวันที่เกือบจะตัดสินใจให้ทุกอย่างจบลงแล้วเหลือเพียงความทรงจำ คาวัลโล วาลกัส ก็กลับมาทำแบบนี้ ช่างเจ้าเล่ห์เหลือรับ ดั่งสัตว์ร้ายที่รู้ว่าตนเป็นที่รักนักหนา มันจึงเพ่นพ่านออกไปเถลไถลไกลจนเจ้าของแทบหมดอาวรณ์ เคืองโกรธ หากวันที่รู้ว่าจะถูกตัดขาด มันกลับโผล่มาออดอ้อนคลอเคลียเสียอย่างนั้น


         มันน่ากอดให้แน่นพอๆกับน่าจับมาตีก้นแรงๆแล้วมัดไม่ให้ไปไหนเสียจริงๆ


         "สวัสดีครับ"น้ำเสียงทายทักดังขึ้นข้างกายทำให้ชีคหนุ่มชะงัก พลันต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงอีกครั้งเมื่อได้มองเห็นผู้ที่อยู่ตรงหน้าชัดถนักตา ชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าคมคายหล่อเหลาหากดวงตาแฝงแววอ่อนโยนรื่นรมย์ที่คุ้นตาไม่ใช่เพียงดวงตาที่เหมือนกับคนที่ตนคะนึงหาเท่านั้น หากแต่เพราะอัลชาอ์จำคนๆนี้ได้ ผู้ชายที่เขารู้จักทางรูปถ่ายและคำบอกเล่าของคาวัลโล ว่านี่คือพี่ชายคนโต พี่ชายฝาแฝดที่เจ้าตัวเอ่ยถึงความรักอันผิดปกตินั่น..


        ..แล้วคนตรงหน้านี้เป็นใครคนไหน แฝดคนพี่ที่เขาเคยคุยด้วย หรือแฝดคนน้องที่เห็นเพียงรูปภาพเท่านั้น?


         "ผมอเล็กเซย์ วาลกัส พี่ชายของคาวัลโล ยินดีที่ได้รู้จักครับ"ฝ่ามือขาวจัดยื่นมาหาพร้อมคำแนะนำตัวเบาๆทำให้ชีคหนุ่มรับรู้ได้ในที่สุด อัลชาอ์ยื่นมือจับทายทักตามธรรมเนียมสากลพร้อมพยักหน้ารับเล็กน้อย


         "ยินดีที่ได้รู้จัก ผมอัลชาอ์ มูอัสซิน"ชีคหนุ่มแนะนำตัวสั้นๆ สบมองดวงตาสีฟ้าสดอัลชาอ์มองเห็นแววใคร่รู้ในดวงตาคู่นั้น ดวงตาสีฟ้าสดกวาดมองคล้ายสำรวจตรวจตราชั่วครู่ ก่อนจะผายมือเชื้อเชิญ


         "มีคนอยากพบคุณ ผมเลยมาเชิญไปกันเลยไหมครับ"อเล็กเซย์เอ่ยพลางเดินนำ พาร่างของชายชาวต่างชาติเบื้องหลังให้ก้าวเดินเข้ามาด้านข้างของคฤหาสถ์ "อ้อ...แค่สองคน"


           อเล็กเซย์ปรายตาไปมองร่างของฮาซานซึ่งยืนอยู่เบื้องหลังชีคหนุ่มของตนพลางเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม


          "ความปลอดภัยของผู้นำคุณ ทางวาลกัสจะรับประกันเองครับ อย่าห่วงไปเลยเราไม่ฆ่าตัวตายโง่ๆด้วยการทำให้แขกที่เชิญมาเป็นอันตรายอะไรไปหรอก"


             เอ่ยแล้วผู้พูดก็เดินนำออกไปโดยไม่รั้งรอ ด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายจะต้องทำตามโดยไม่ขัดข้อง และก็เป็นเช่นนั้นเมื่ออีกไม่นานอเล็กเซย์ก็รู้สึกได้ถึงฝ่าเท้าที่เดินตามมาช้าๆ..


         "..ผมอยากคุยกับคุณมานานแล้ว ก่อนอื่นอยากจะขอบคุณที่ช่วยดูแลน้องชายผม.." ผ่านไปไม่นานนัดริมฝีปากของอเล็กเซย์ก็เอ่ยแผ่วเบา ฝีเท้าค่อยก้าวนำผ่านบรรดาการ์ดชุดดำ ผ่านสายตาหลายคู่ที่มองตามอย่างใคร่รู้ "จริงๆแล้วผมก็มีเรื่องถามหลายอย่างนะ..ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นของน้องชายผม..หรือ...เรื่องของน้องชายผมกับตัวคุณ.."


      ผู้พูดเอ่ยเสียงเรียบเรื่อย..เนิบช้า ฝ่าเท้าที่เดินทะลุสวนสวยไปยังด้านหลังของคฤหาสถ์วาลกัส ก้าวผ่านสวนกุหลาบหลากสีไปยังด้านหลังของตัวคฤหาสถ์ไม่ได้หยุดลง และเจ้าของคำพูดก็ไม่ได้หันหลังมาสบตาแต่อย่างใด เพียงให้ความเงียบและเสียงฝีเท้าแทรกผ่านบทสนทนาของตนไปเรื่อยๆ


          "สำหรับพี่ชายแล้ว มันก็น่าแปลกใจไม่น้อยนะ ที่พอเจอกันอีกครั้ง น้องชายของผมก็โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่จนจำไม่ได้ซะแล้ว"อเล็กซิสหัวเราะเบาๆดวงตาสีฟ้าสดฉายแววรักใคร่เมื่อเอ่ยถึงเจ้าตัวแสบของบ้านที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังเป็นเหมือนพายุหมุนขนาดย่อมอยู่เสมอ ยิ่งช่วงหลังๆที่ได้ขึ้นเป็นบอสยิ่งเหมือนจะน่ากลัวและขี้หงุดหงิดเข้าไปใหญ่สาเหตุมันอาจจะเป็นเพราะผู้ชายที่เดินตามหลังเขาอยู่ก็ได้..


           อเล็กเซย์ลอบถอนหายใจทอดสายตามองต้นไม้ใหญ่ข้างกาย ทางที่เขาเดินนำไปเป็นเพียงทางเล็กๆเบื้องหลังคฤหาสถ์ที่ไม่มีผู้ผ่านมามากนัก ลึกเข้าไปในสถานที่ซึ่งบัดนี้มีเพียงต้นไม้สูงใหญ่ยืนต้นอยู่เบื้องหลังความเงียบสงบที่บังเกิดดูผิดแผดแปลกแยกราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ยืนอยู่ใจกลางกรุงโรม ไม่มีโคมไฟนำทางยามค่ำคืน ไม่มียามเฝ้ารักษาการ มีเพียงต้นไม้เป็นปราการจากภายนอกเท่านั้นสถานที่นี้อาจบอกได้ว่าเป็นอีกความลับหนึ่งของวาลกัสก็ได้..


           ...อาจดูไม่สมควรที่จะให้คนนอกเข้ามารับรู้ แต่จะคิดอะไรมากเล่า เพราะเรื่องของชายคนนี้กับน้องชายของเขาอาจจะเป็นหนึ่งใน"ความลับ"นั้นเช่นกัน


          ดวงตาสีฟ้าสดเหลือบมองร่างสูงใหญ่ของชายที่เดินมาเบื้องหลัง ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามเข้มแบบชาวตะวันออก คิ้วเข้มจัด ดวงตาสีดำสนิทคมกริบ ใบหน้าไร้อารมณ์แฝงแววเคร่งขรึมฉาบทับไว้บางๆด้วยท่าทีเย็นชา เส้นผมสีดำสนิทระไหล่กว้างในชุดสูทสากลสีดำ ดูเคร่งขรึม จริงจัง แฝงบรรยากาศลึกลับยากจะเข้าใกล้ซึ่งอาจถือเป็นบุคลิกพื้นฐานของผู้คนในแถบทะเลทรายนั้นก็ได้


         ..คนๆนี้ คือคนที่ช่วยเหลือน้องชายของเขา คือคนที่ไว้ชีวิตคาวัลโล และยังเป็นอีกหนึ่งคู่ค้าคนสำคัญของวาลกัส..


         แต่..สาเหตุที่ชายผู้นี้ยืนอยู่ที่นี่เดินตามเขามายังด้านหลังของคฤหาสถ์นี้ไม่ใช่เพียงเพราะความสัมพันธ์ที่เอ่ยมาเท่านั้น หากเพราะความสำคัญที่มีต่อ"บอส"คนปัจจุบันของวาลกัสต่างหาก..


         .......................


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 13-11-2011 17:56:46


Line 46 : สัญญาสุดท้าย




       "คุณโกรธน้องชายผมรึเปล่า?" คำถามที่จู่ๆก็โพล่งขึ้นหลังจากเงียบงันไปครู่หนึ่งทำให้อัลชาอ์ขมวดคิ้วบางๆ จ้องมองแผ่นหลังของบุรุษผมทองเบื้องหน้าก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยปากสั้นๆ"ที่เขาสร้างความวุ่นวายให้หลายๆ อย่าง"


           "ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเรื่องอะไร"


           "ผมเข้าใจ"คำตอบนั้นทำให้อเล็กเซย์หัวเราะขำ เพราะเขาก็รู้ดีว่าที่จริงแล้วน้องชายคนสุดท้องนั้น ออกจะเป็นคนที่กวนโมโห..มากอยู่สักหน่อย "เอาจริงๆที่อยากรู้คือเรื่องที่เขาไปสร้างความวุ่นวายให้คุณ ไม่นับสมัครพรรคพวกที่ตามมาทีหลังพร้อมเรื่องน่าปวดหัวมากมายด้วยน่ะ คุณก็คงต้องลำบากใจพอสมควรทางเราก็ต้องขอโทษด้วย"


          "เรื่องมันผ่านไปแล้ว"อัลชาอ์ตอบสั้นๆ แม้จะอยากตอบว่าเจ้าตัวแสบสร้างความลำบากกายลำบากใจยังพอรับได้ แต่กับพวกวุ่นวายที่ตามมาทีหลัง ไม่ได้เจอกันอีกเลยท่าจะดีหนัก


           "แล้วเรื่องของคุณกับน้องชายผมถือว่าผ่านไปแล้วรึเปล่า?"


           "..........."


          คำถามนั้นทำให้อัลชาอ์นิ่ง ชีคหนุ่มไม่ตอบคำขณะที่ฝีเท้าของชายเบื้องหน้าค่อยทอดลงเนิบช้า ความเงียบโรยตัวลงโดยรอบที่มีเพียงเสียงร้องของนกและเสียงสายลมปลิวผ่านยอดไม้ ร่างของชายหนุ่มผมสีทองดวงตาสีท้องฟ้าเบื้องหน้าจึงหยุดลง หันกลับมามองสบตาชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาซึ่งยืนอยู่เบื้องหลัง...


           "ถ้าคุณจะโกรธเขาที่เขาไม่ได้ติดต่อกลับไปก็ขอรับไว้ว่าเป็นความต้องการของเราเอง...นี่เป็น"ข้อแม้"ที่พวกเราใช้เพื่อนกลั่นแกล้งคุณกับคาวัลโล"อเล็กเซย์จ้องหน้าชีคหนุ่ม ดวงตาหรี่ลงน้อยๆแม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มหากแววตานั้นบ่งบอกว่าคำพูดนั้นเป็นความจริง


           "ถามว่าผมรับได้ไหมที่เรื่องมันเป้นแบบนี้ เอาจริงๆตัวผมเองก็ไม่มีสิทธิ์จะพูดเพราะผมก็เป็น"ตัวปัญหา"ที่"เกะกะ"ไม่ต่างกับ"คุณ"เท่าไหร่ แต่สำหรับคาวัลโลแล้วมันต่างออกไป เพราะเขาคือบอสเขาเป็นความหวังของพวกเราวาลกัสทุกคน เพราะฉะนั้นกว่าที่เขาจะก้าวมาถึงตรงนี้ กว่าเขาจะส่งบัตรเชิญไปหาคุณได้ ขอให้รับรู้ไว้เถอะว่าน้องชายของผมก็ลำบากและทุกข์ใจไม่น้อยกว่าคุณเลย"


           "ผมไม่ได้พูดเพราะอยากให้คุณสงสารเขา เจ้าตัวแสบอย่างคาวัลโลจะโดนทิ้งหรือโดนแกล้งแรงๆสักทีก็สมควรแล้วเหมือนกัน แต่ผมแค่ไม่อยากให้ข้อแม้ที่เราตั้งขึ้นมาเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณเข้าใจผิด มารู้ทีหลังว่าน่าสมเพชแล้วแต่มารู้หลังจากที่ติดสินใจอะไรผิดๆไปแล้วมันน่าโมโหยิ่งกว่า สำหรับผมก็ใจดีได้แค่นี้ จำไว้ด้วยว่าต่อให้คุณผ่านตรงนี้ไปได้เส้นทางของคุณกับคาวัลโลก็ไม่ได้ราบรื่น พี่ชายผม พ่อ แม่ น้องๆของผมและทุกคนที่รู้เรื่องจะพากันขัดขวางแม้กระทั่งผมเองก็จะทำ มันช่วยไม่ได้นี่ เพราะไม่มีใครคิดว่าจะได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าน้องเล็กด้วยภาพมันร้องไห้เหมือนคนใจสลายเลยสักคน"


           "เรื่องที่ผมอยากพูดก็จบแล้ว จากนี้เดินตรงไปอีกหน่อยก็ถึง..แล้วเจอกันงานเลี้ยงตอนเย็นครับ" อเล็กเซย์โบกมือลาแล้วหันหลังเดินกลับไปในทางเดิม ชีค หนุ่มตวัดสายตามองตามแผ่นหลังของคนพูดซึ่งเดินห่างออกไปอย่างครุ่นคิด ไม่ทันที่แผ่นหลังนั้นจะลับจากสายตา ร่างของชายหนุ่มอีกคนซึ่งมีใบหน้าประพิมประพายคล้ายเหมือนกันก็เดินเข้ามาสมทบ ฝ่ามือนั้นวางลงบนไหล่ของคู่แฝดดวงตาสีฟ้าเข้มตวัดมามองสบพร้อมก้มหน้าน้อยๆเชิงทายทัก ซึ่งอัลชาอ์ก็พยักหน้าตอบไปเช่นคนเคยสนทนากันแม้จะไม่มากก็ตาม



         อัลชาอ์ขยับฝีเท้าก้าวเดินอีกคราด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ชีคหนุ่มนิ่งไตร่ตรองคำพูดที่อเล็กเซย์ วาลกัส เอ่ยออกมาเงียบๆเรื่องความขุ่นเคืองที่คาวัลโลไม่ติดต่อกลับมานั้นตนก็ยอมรับว่ามี มีแน่นอนและเหมือนจะมาขึ้นเมื่อได้เห็นบัตรเชิญที่แสนไร้เยื่อใยเช่นนั้น ทว่าหากลองพิจารณาแล้วชีคหนุ่มก็รู้ดีว่าเรื่องระยะเวลาที่ไกลห่างหรือการกระทำของมาเฟียหนุ่มที่ตนหลังรักนั้นหาใช่ใจความสำคัญระหว่างพวกเขาทั้งสอง ที่สำคัญคือการตัดสินใจต่อจากนี้ต่างหากที่จะชี้ทางว่าควรจะเดินไปเช่นไรจะละมือจากกันไปแล้วเดินไปคนละฝั่ง หรือจะเดินจับมือและกอดคอกันไปไม่หวั่นแม้จะกำลังเดินข้ามขอบเหว..


        ภาระหน้าที่ที่ตนต้องกระทำ เกียรติและศักดิ์ศรีที่แบกอยู่บนบ่าในฐานะของ"ชีคผู้นำประเทศ"กับ"มาเฟียผู้นำกลุ่มคน"ทั้งเหมือนและแตกต่างกันไปในรายละเอียด ทว่าสิ่งหนึ่งที่ต่างรู้คือระหว่างอัลชาอ์และคาวัลโลไม่ได้มีเพียงคนสองคนเท่านั้น ด้านหลังยังมีคนรออยู่ ข้างกายยังมีคนจ้องมองทั้งห่วงใยและปองร้าย จะคิดอะไร จะทำอะไรไม่สามารถทำไปตามใจตนได้ อัลชาอ์เองก็มีหน้าที่และข้อแม้ที่ตนต้องกระทำ เช่นเดียวกับคาวัลโลที่มีสิ่งที่ตนเชื่อถือ คำมั่นสัญญาและความปราถนาของตนเอง เมื่อพวกเขาก้าวไปข้างหน้า ไม่ได้มีก้าวไปเพียงคนเดียว แต่มีผู้คนอีกมากมายก้าวไปพร้อมๆกัน พลาดหนึ่งคนไม่ใช่แค่หนึ่งคนแต่หมายถึงอีกหลายๆคนที่อยู่เบื้องหลัง เป็นดั่งพันธนาการที่ผูกรัด ทั้งโซ่และฟันเฟืองที่คอยฉุดรั้งและคอยผลักดันให้เดินไปข้างหน้า


        หากเดินออกไปก็ไม่ต่างกับทำลายเส้นทางเดินของคนหลายคนให้ย่อยยับลงกับตา แล้วเราจะมีทางเลือกเดินของตัวเองงั้นเหรอ?


.................



         ชีคหนุ่มก้าวเท้าไปตามทางเล็กๆที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า ฝ่าเท้าที่ย่ำลงบนผืนหญ้าแต่ละครั้งทั้งหนักหนาหากแต่ก็แฝงไปด้วยความลังเลไม่น้อยก้าวผ่านต้นไม้ใหญ่ที่ทอดกิ่งบดบังทัศนียภาพเบื้องหน้าฝ่ามือหนาตวัดมันขึ้น โน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาบางๆเมื่อมองเห็นเงาร่างที่เคยคุ้นยืนอยู่เบื้องหน้า


        เส้นผมสีน้ำตาลประกายทองสะท้อนแสงอาทิตย์ยามบ่ายเป็นประกายระยับไหว นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองตรงมาด้วยความนัยน์ที่เปี่ยมด้วยความรักใคร่ยินดีเด่นชัด ร่างสูงเพรียวในชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาวกางเกงสแลคเนื้อดีสีดำสนิทยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า รอบกายของคนๆนั้นเป็นบริเวณสุสานขนาดเล็กดอกกุหลาบสีขาวเบ่งบานชูช่อส่งกลิ่นหอมอวลอายไปทั่วบริเวณ  ร่างเพรียวยืนอยู่หน้าป้ายหลุมศพที่ปรากฏสัญลักษณ์เครื่องหมายไม้กางเขน ในมือมีดอกกุหลาบสีชาวช่อเล็กบ่งชัดว่ากำลังจะวางมันลงตรงหน้าหลุมศพนั้น


         "คุณรังเกียจที่จะเดินเข้ามาหรือเปล่า?"เสียงที่ไม่ได้ยินมานานหลายเดือนดังขึ้นจากริมฝีปากบางเพียงแผ่วเบา ดวงตาที่ฉายความยินดีครู่หนึ่งสั่นไหวรอยยิ้มปรากฏความเศร้าขึ้นเพียงครู่ ราวกับว่าเจ้าตัวกำลังกลัวว่าอัลชาอ์จะไม่เดินเข้าไปหาซึ่งไม่ต่างกับการปฏิเสธจะสานต่อทุกสิ่งทุกอย่าง


          "แล้วทำไมคุณไม่เดินมาหาผม"คำตอบที่ได้รับทำให้ร่างทั้งร่างนิ่งงันก่อนคนฟังจะเริ่มหัวเราะ..หัวเราะด้วยความสดใสชื่นบานอย่างที่ไม่ได้ทำมานานหลายคืนวัน


          นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่พรายระยับด้วยความขบขันปนถูกใจแลสบ นัยยะยั่วเย้าแฝงความท้าทายที่ส่งมาทำให้คนมองรู้สึกถึงหนังตาที่กระตุกวูบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหต


          "งั้นเราเดินมาเจอกัน โอเคไหม?"คาวัลโลเอ่ยปากกลั๊วหัวเราะ แต่ใจความที่กล่าวออกมานั้นเป็นจริงแน่นอน และเป็นดั่งคำพูดที่จะบอกถึงอนาคตของเขาทั้งคู่กรายๆเช่นกัน..


         คนสองคนเดินมาเจอกัน ละจากที่ๆตนยืนอยู่เพื่อจะเดินมาเจอสิ่งที่ดีกว่า..แม้จะมีปัญหารออยู่ตรงหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องหวาดหวั่น ทิ้งปัญหาไปไม่ได้ แต่เรายอมรับมันได้


        จับมือกันไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็จะฝ่าฟันมันไปได้แต่นอน..


        ขอเพียงแต่ยอมรับ และเข้าใจ ตัวตนและเหตุผลของกันและกัน


        ร่างของคนสองคนก้าวเข้ามาหากันแนบชิดเสียงฝีเท้าเหยียบบนผืนหญ้าดังขึ้นเบาๆท่ามกลางความเงียบ กลิ่นหอมของกุหลาบอบอวลในบรรยากาศ แสงแดดสาดจ้าสายลมเย็นยะเยือกของฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านผิวกาย หากแต่เมื่อผิวกายที่สัมผัสกันกลับอบอุ่นอ่อนหวานยิ่งนักเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดของคนที่จนรักและคิดถึง..โหยหาจนแทบบ้า แทบขาดใจ


        กุหลาบขาวในมือที่กำแน่นถูไถกับอกกว้างจนกลีบช้ำ หากแต่คนกอดและคนถูกกอดกลับไม่คิดจะใส่ใจมัน ที่คิดถึง..ที่อยากสัมผัสมีแต่คนตรงหน้า ร่างกายอุ่นร้อนและเสียงหัวใจเต้นผะผ่าวแผ่วเบาชวนให้คะนึงหานัก นัยน์ตาสีน้ำทะเลปิดพับลงช้าๆสูดเอากลิ่นกายที่เคยคุ้นของคนตรงหน้าเข้าบรรเทาความคิดคะนึงห่วงหาที่รุนแรงนัก เอนกายซบอิงพิงพักร่างสูงใหญ่ให้อ้อมแขนแกร่งตวัดกอดรัดแนบแน่น นิ่ง..นานเพื่อชดใช้ความคิดถึงที่เหมือนจะทะลักทะลายออกมาไม่หยุด


          "โกรธผมรึเปล่า?"คำถามอู้อี้ดังมาจากคนที่กอดซบแผ่นอกแน่นไม่ยอมปล่อย หากใจความนั้นทำให้อัลชาอ์ถึงกับต้องหลุดหัวเราะ


          "คุณนี่พูดไม่ต่างกับพี่ชายเลยนะ"ชีคหนุ่มเอ่ยตอบแววตาสงสัยของอีกฝ่ายที่จ้องมองมา


          "พี่..?"คาวัลโลขมวดคิ้ว ละออกจากแผ่นอกหนาพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น"หรือมีใครเอาเรื่องอะไรแปลกๆไปกรอกหูคุณอีกล่ะ?"


          "ไม่ใช่เสียหน่อย"อัลชาอ์ถอนหายใจพลางยกปลายนิ้วขึ้นจิ้มหน้าผากตัวแสบเบื้องหน้า"เขาบอกมาว่าคุณโดนแกล้ง..ไม่สิ เขาก็ออกจะยอมรับตรงๆนะว่าพยายามขัดขวางไม่ให้เราได้ติดต่อกัน"


          "อ้อ"คาวัลโลครางรับ พ่นลมหายใจพรู "ก็จริง..ไม่ว่าหน้าไหนๆก็บ้าบอร้ายกาจกันทั้งนั้น"


          "แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของพวกเขาหรอก"


               คนพูดพ่นลมหายใจ ก้มมองกุหลาบในมือพร้อมกับตวัดสายตาไปมองป้ายหลุมศพด้านหลังเล็กน้อย ระยะห่างที่เขาสองคนก้าวมาหากันไม่ได้ไกลห่างมากนักในความเป็นจริง หากแต่ความรู้สึกนั้นราวกับผ่านมาไกลแสนไกล จากจุดที่ต่างคนต่างยืน จากที่ของตัวเองที่ไม่อาจเสียให้ใคร มาจนถึงทางเดินแตะละก้าวที่ขยับเข้าหากันเพื่อเผชิญหน้าในจุดกึ่งกลางของความรู้สึก..


          ..หากให้ผมเปลี่ยนไป ผมก็คงไม่ใช่ผม และคุณก็คงไม่ใช่คุณ เราก็ต่างเป็นเราอยู่แบบนี้ ไม่มีอะไรแปรเปลี่ยน


          ต่อให้รักก็ใช่จะมองแต่ส่วนที่ดี แม้จะเจอเรื่องที่บกพร่องก็ใช่จะมองข้าม แต่ก็ไม่ได้เกลียดชังหากแต่รับมันได้ต่างหาก


             "ไม่ว่าใครก็ต้องทำแบบนั้น..ครอบครัวผมก็ไม่มีใครชอบใจกับเรื่องนี้ แบบเดียวกับที่คนรอบๆกายคุณรับไม่ได้ ต่อต้าน ไม่ยอมรับ ปฏิเสธจะรับรู้และรับฟังเหตุผลของเรา..ไม่สิ...เหตุผลของเราก็มีอย่างเดียวอยู่แล้ว.."คาวัลโลก้มมองดอกกุหลาบในมือพลางถอนหายใจแผ่วเบา ก้าวเท้าเข้าไปใกล้กอกุหลาบและเริ่มก้มลงไปเด็ดมันอีกครา


            "เหตุผลที่คนสองคนจะใช้ชีวิตร่วมกับมีมากมาย แบบเดียวกับเหตุผลที่คนสองคนจะรักกัน แต่มันต่างกันตรงที่บางครั้ง..คนรักก็ใช่จะได้อยู่ด้วยกัน"อัลชาอ์มองอีกฝ่ายที่กำลังก้มหน้าก้มตาเด็ดดอกกุหลาบก่อนจะเอ่ยออกมาแผ่วเบา"เรื่องนี้เราต่างก็รู้กันดี มันจึงเป็นสิ่งเดียวที่คุณและผมต้องมานั่งตัดสินใจ.."


            "ผมรักคุณ"คำรักจากปากของมาเฟียหนุ่มที่ยังคงก้มหน้าก้มตากับดอกกุหลบไม่ยอมหันมาสบตาพัดผ่านหัวใจให้ชุ่มชื้นยินดี..อัลชาอ์พยักหน้ารับริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา


            "ผมรู้..และ..คุณก็รู้ดีว่าผมรักคุณเช่นกัน"ชีคหนุ่มรับคำ ฝ่าเท้าก้าวผ่านเข้าไปยังบริเวณสุสานสาวเท้าไปใกล้ร่างที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่กับกอกุหลาบเบื้องหน้าอีกนิด พร้อมกันนั้นก็หันไปจ้องมองป้ายหลุมศพที่เรียงรายอยู่เบื้องหน้า"..เรารักกันแต่นั่นไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง คุณรู้และผมก็รู้ ว่าระหว่างเรามันมีอะไรมากกว่านั้น"


            "คุณทิ้งครอบครัวกับแกงค์ของคุณไปไม่ได้ เช่นเดียวกับผมที่ทิ้งประเทศของตนไปไม่ได้เช่นเดียวกัน ถ้าคุณก้าวออกมาทุกคนก็ต้องเสียใจ เช่นเดียวกับผมที่อาจทำให้คนนับล้านต้องผิดหวัง อาจจะถูกเหมือนที่คุณเคยบอก ว่าเราไม่ควรได้พบกันด้วยซ้ำ พบกันแล้วยังไง รักกันแล้วยังไง ไม่ว่าจะดิ้นรนขนาดไหนเราก็ทิ้งคนข้างหลังไม่ได้อยู่ดี"


            "คุณเคยบอกแล้ว..ว่าเราไม่มีทางเลือก"ริมฝีปากบางเอ่ยพึมพัมแผ่วเบาปานกระซิบ หากใบหน้ายังคงก้มต่ำทอดมองกุหลาบสองดอกในมือตนเองอย่างเงียบเชียบ


           "..และผมก็ไม่คิดจะบังคับคุณอีก"ชีคหนุ่มเอ่ยตอบคำสั้นๆพลางถอนหายใจแผ่วเบาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งที่ยังคงทิ้งตัวในหัวใจ"เรื่องที่ผ่านมา..ไม่ว่าจะเป็นคำสัญญา คำขอร้อง หรืออะไรก็แล้วแต่มันไม่ใช่สาระสำคัญอีกแล้ว ต่อให้คุณจะโกหกผมเป็นร้อยครั้งมันก็ไม่อาจจะลบความจริงที่ว่าผมรักคุณ ไม่จำเป็นต้องถามว่าผมโกรธคุณไหม เพราะต่อให้ผมโกรธแค่ไหนผมก็รักคุณอยู่ดี"


           "ไม่จำเป็นต้องพูดว่าจะเลือกฝั่งนี้หรือฝั่งไหน เพราะเราสองคนไม่มีทางเลือก คุณก็ต้องอยู่ในที่ของคุณ ผมก็ต้องอยู่ในที่ของผม ระยะห่างของเราไม่ได้ถูกขั้นด้วยคำว่ารักหรือไม่รัก ไม่ได้ไกลกันด้วยระยะทางหรือเวลา แต่เป็นคนอีกนับร้อยนับล้านที่ยืนขวางเราอยู่ เขาพร้อมจะเป็นสะพานให้เราเดินข้ามไปหาความก้าวหน้า แต่ก็พร้อมจะฉุดเราลงมาหากทำให้ไม่พอใจ คนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดพลาดไม่ได้ ใจอ่อนไม่ได้ แต่ก็โหดร้ายไม่ได้เช่นกัน จุดอ่อนที่เราเผยไปแม้เพียงนิดก็มากพอจะเป็นการฆ่าตัวตาย หรือกระทั่งคิดจะปิดมันเป็นความลับ..ก็จงจำไว้ว่าความลับไม่มีในโลก"


           "คุณนี่บทจะใจร้ายก็ใจร้ายได้อย่างเลือดเย็นจริงๆ ชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าใครเป็นฝ่ายทำร้ายจิตใจใครกันแน่"คาวัลโลตอบคำพลางหัวเราะขำ ก้าวจากเถากุหลาบที่เกาะเกี่ยวรูปปั้นเทวดาตัวน้อยไปยังหลุมศพที่ชีคหนุ่มยืนอยู่"แต่โลกมันก็โหดร้ายอย่างที่คุณพูด โดยเฉพาะโลกของคุณและผม..ที่ไม่มีทางจะเป็นคำว่า"เรา"ได้ง่ายๆ"


           วางกุหลาบสองดอกที่เด็ดมาใหม่แทนช่อเดิมที่กลีบยับย่นไม่น่าดูตรงหน้าป้ายจารึก ป้ายยังใหม่ ทว่าวันเวลาที่บอกในป้ายหินกลับเป็นเมื่อหลายปีก่อนหน้า ปลายนิ้วสีขาวจัดไล้ถ้อยคำจารึกเบื้องหน้าแผ่วเบา ลูบไล้พลางจ้องมองมันอย่างเงียบๆท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายที่เริ่มอ่อนแสง


            "มันก็ดูน่ากลัวไม่หยอกนะที่เรามีของแบบนี้อยู่ข้างบ้าน"คาวัลโลเอ่ยปากคล้ายขบขัน "คนที่นอนหลับอยู่ตรงหน้าเราคือเพื่อนของผม..ไม่สิ ตอนนี้เขาคือญาติสนิทของผม ลูกชายของคุณลุงที่เป็นบอสคนก่อน คนที่อาจจะเป็นจุดเรื่องต้นของเรื่องบ้าๆทั้งหมดนี่ก็ได้ เขาชื่อจอร์จิโอ้..จอร์จิโอ้ วาลกัส ผมอยากให้คุณได้รู้จัก"


            คนพูดทรุดกายลงเบื้องหน้าหลุมศพช้าๆ นั่งมองป้ายไม้กางเขนพลางเท้าแขนด้วยกริยาคล้ายจะพูดคุยกันคนที่นอนหลับไหลอยู่เบื้องล่าง นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่จ้องมองอย่างอ่อนโยนบ่งชัดว่าคนที่จากไปแล้วมีความสำคัญกับตนเองมากมายเพียงไร นั่นทำให้อัลชาอ์ต้องทรุดกายลงบ้าง แม้จะไม่ได้นั่งข้างๆแต่ก็ทรุดกายพิงขอบรั้วเล็กๆที่เป็นเขตกั้นสุสานกับอาณาเขตป่าภายนอกออกจากกัน


           "พอผมกลับมาถึงได้รู้ว่าโดนต้มเสียหลายเรื่อง..ทั้งพี่ชายผมที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งก็ต้องขอบคุณความปราณีของคุณลุงที่ยังหลงเหลือ และต้องขอบคุณผม..ไม่สิ ขอบคุณตัวคุณเองที่สอนให้ผมรู้จักให้อภัยเขา"ริมฝีปากบางเอ่ยเเผ่วเบา เล่าเรื่องราวที่ผ่านผันคล้ายกับที่อัลชาอ์ทำในตอนนั้น ในคืนวันที่พวกเขาจะต้องจากกันไกล "สำหรับคุณลุงแล้ว..ตอนนี้คุณลุงของผมอยู่..ที่เกาะซิซิลีเขาอยู่แห่งนั้นเพื่อจะได้ดูแลลูกชายของตัวเองและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในบั้นปลายอย่างสงบ ผมไว้ชีวิตเขาแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ได้รับโทษ..นี่จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วเพราะนี่ก็เป็นบาปที่ทุกคนร่วมกันก่อด้วยกันทั้งนั้น"


            "และพอจัดการเรื่องคุณลุงเสร็จ พ่อแม่ผมก็รู้เรื่องของ"เรา"จากคุณอาของผม แน่นอนว่าพวกเขาไม่พอใจและไม่คิดจะยอมรับ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องสนใจ ก็ในเมื่อพี่ชายของผมสองคนยังรักกันได้ นับประสาอะไรกับผม..และผมก็จะเป็นบอสมาเฟีย ความปราถนานี้ไม่มีวันเปลี่ยนอย่างที่คุณพูด ว่าเรา..ต่างก็มีทางของเรา"


             "แต่ถึงอย่างนั้น ไอ้การที่บอสมาเฟียจะเป็น"เกย์"แบบผมเนี่ย ก็ออกจะยากเอาการอยู่ พวกเขาก็ตั้งข้อแม้อย่างที่คุณรู้ เอาจริงๆก็คงเพราะกำลังหลอกตัวเองว่าผมไม่ได้รักอะไรคุณจริงจัง แค่ความหลงไหลชั่วครั้งชั่วคราวของคนที่พบเจอความลำบากแล้วมีพระเอกมาช่วยมันก็ต้องพาลใจอ่อนหลงรักเป็นธรรมดา ..แต่น่าเสียดายที่ผมไม่ใช่นางเอก อย่างมากก็เป็นได้แค่ตัวร้าย แถวนี่ก็ไม่ใช่นิยาย ที่ทุกอย่างจะจบลงแบบมีความสุข"


             "ถ้าเป็นนิยายก็คงดีนะอัลชาอ์ เพราะอย่างน้อย ผมก็จะไม่ได้ทำให้ใครเสียใจ..เราอาจจะเจอกันแค่สองเดือนกับอีกไม่กี่วัน แต่สำหรับผมแล้วมันเป็นเวลาที่มีความหมาย ได้พบเจออะไรมากมาย ได้รู้ในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ ได้สัมผัส"หัวใจ"ที่ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่..มันสายไปแล้ว..สายไปมากโขที่จะเปลี่ยนให้ผมไม่รักคุณ หรือไม่ได้เจอกับคุณ"ร่างบางเอนกายแนบชิด เเขนสองข้างวางลงบนเข่าของชีคหนุ่มที่ปรากฏอยู่ใกล้ก่อนจะเอนศีรษะวางลงแนบแอบอิง


             "ผมรักคุณ..ต่อให้มันจะเป็นไปไม่ได้ก็ยังจะรัก หัวใจคนเรามันทำไมถึงงี่เง่าแบบนี้กันนะ..อัลชาอ์..ที่ผ่านมาผมก็พยายาม ไม่ใช่แค่พยายามให้ทุกคนยอมรับ แต่ยังพยายามจะลืม พยายามจะตัดใจให้ได้ เพราะผมก็รู้ว่าอนาคตของผมที่ไม่มีคำว่ารักขวางอยู่จะสดใสกว่านับสิบเท่าร้อยเท่า แต่จะให้ทำยังไงล่ะ..ทำยังไงก็ลืมไม่ได้ ทำยังไงก็เลิกคิดถึงคุณไม่ได้ ต่อให้นั่งทำงานจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนต่อให้บุกไปถล่มพวกศัตรูให้มันย่อยยับไปต่อหน้า ผมก็ยังคิดถึงแต่คุณ..ได้ยินแต่เสียงคุณ...."


           ฝ่ามือหนาแตะลงบนเส้นผมนุ่มของคนที่ซบหน้าลงกับท่อนแขนกล้ำกลืนเสียงสะอื้นอันสั่นไหวด้วยสีหน้ารวดร้าว..เจ็บปวดและทรมารไม่ต่างกับหัวใจของคนพูดตรงหน้าเลยสักนิด


              "ทั้งๆที่เป็นแบบนี้...ทั้งๆที่วันนี้มันเป็นวันฉลองรับตำแหน่งของผม ผมทำสำเร็จ ทำให้พ่อแม่ยอมรับ ทำให้คุณลุงคุณอาหรือแม้แต่พี่ๆไม่มีสิทธิจะคัดค้านอะไรกับการตัดสินใจของผมอีก จ้อห้ามข้อแม้บ้าๆนั่นก็จบลง..ผมได้เจอกันคุณ ได้คุยกับคุณแล้วแท้ๆ แต่คุณกลับมาพูดแบบนี้ คุณพุดเหมือนว่าเราจะไม่มีวันได้เจอกันอีกแล้ว..คุณทำแบบนี้ได้ยังไง..ทั้งๆที่ผมก็บอกว่ารักคุณ..รักแต่คุณคนเดียว..คนงี่เง่า คุณจะไม่ยอมสู้กับผมแล้วใช่ไหม คุณอยากจะเป็นไอ้ขี้แพ้ตลอดกาลรึไง"


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 13-11-2011 18:02:12

              ใบหน้าเปื้อนน้ำตาเงยมาสบมองด้วยสีหน้าร้าวไหว ฝ่ามือกำเสื้อสูทเบื้องหน้าแน่นพลางออกแรงขยำเขย่าด้วยท่าทีเคืองโกรธและผิดหวัง ริมฝีปากบางนั้นยังคงเอ่ยปากพูดซ้ำๆต่อว่าต่อขานด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มไม่หยุด..


           ..แต่แม้จะบอกว่าผมรักคุณ..ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ทุกอย่ามาในมือ..


          โลกนี้มีหลายสิ่งขยับเคลื่อนไปพร้อมกัน ไม่ใช่เพียงแค่รักแล้วจะหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่ว่ารัก...รักแล้วจะได้ทุกสิ่งมาไว้ในกำมือ พวกเขาก็เป็นเพียงคนโง่ คนดื้อดึงที่ไม่อาจยอมรับชะตา ไม่อาจทำใจรับกับคำว่า"เป็นไปไม่ได้"ที่ตั้งตระหง่านเป็นกำแพงสูงอยู่ต่อหน้า..


           ...แต่ว่า..กำแพงไหนก็ไม่สูงท่าความพยายามของคน


           "ผมรอฟังคำตัดสินจากคุณ..คาวัลโล"ชีคหนุ่มเอ่ย ฝ่ามือปาดเช็ดน้ำตาของชายหนุ่มเบื้องหน้าออกอย่างอ่อนโยนพร้อมกระซิบแผ่วเบา"คุณบอกให้ผมรอผมก็รอ คุณบอกให้ผมฟังผมก็ฟังแล้ว..แต่หลังจากนี้คือสิ่งที่คุณต้องตัดสินใจ สำหรับผมแล้ว ผมทำได้ทุกอย่างยกเว้นแต่ทิ้งเซเนียยาไว้ให้คนอื่นดูแล แล้วสำหรับคุณละ คุณจะทำยังไง..คุณจะพยายามแบบไหนให้คำว่า"เป็นไปไม่ได้"มันเป็นไปได้ขึ้นมา"


           "ผมอยากให้คุณสัญญา"


            "สัญญา?"ชีคหนุ่มเอ่ยทวนคำ ครู่หนึ่งอยากจะถอนหายใจด้วยความหน่ายนักแต่ตนก็ยังคงฝืนยิ้ม..กับคำว่ารอที่ปรากฏชัดเจนอยู่ตรงหน้า


           "ผมจะเป็นบอสมาเฟีย ผมจะเป็นบอสที่ยิ่งใหญ่และเเข็งแกร่งที่สุด ผมจะกำจัดศัตรูของผมให้สิ้นซาก..นี่เป็นคำปฏิญาณของผม เป็นคำสัญญาที่ผมให้ไว้กับตัวเอง..และ..ผมจะไม่มีวันหยุดจนกว่าจะสำเร็จ"


           "นั่นหมายถึงเวลาที่ผมต้องรอคอย"ชีคหนุ่มเอยช้าๆ


           คนพูดไม่ตอบคำ หากแต่คว้าสร้อยกางเขนแสนคุ้นตาที่แขวนบนลำคอขึ้นมาอีกครั้ง นัยน์ตาของมาเฟียหนุ่มวาววับ จ้องสบดวงตาสีเข้มอีกครั้งอย่างมั่นคงก่อนจะวางมันลงอีกครั้งบนฝ่ามือของชายหนุ่มเบื้องหน้า


           "ของคุณ.." อัลชาอ์เอ่ยช้าๆ..จ้องมองโลหะสีเงินแสนคุ้นตาในอุ้งมือ


          "...ครับ...ใช่.." คาวัลโลมองตามแล้วพยักหน้า " ผมฝากคุณ..ฝากคุณเก็บไว้ ผมจะกลับมาสวมมัน ในวันที่จะกลับมาอยู่ตรงนี้..ในวันที่สัญญาซึ่งผมให้ไว้กับตัวเองได้สำเร็จลง ผมจะกลับมาอยู่กับคุณตลอดไป "  ริมฝีปากของมาเฟียหนุ่มเอ่ยเบาๆดั่งเสียงกระซิบแผ่ว " สำหรับผม ...นี่คือตัวแทนคำสัญญา..สำหรับคุณ..หากวันไหนที่"เหนื่อย"เกินจะตั้งความหวัง ก็ส่งมันกลับมา..ยื่นให้ผมในวันที่คุณตัดสินใจว่าจะไม่มีเรื่องของเราอีกแล้วจริงๆ.."


         "คาวัลโล.."


         "...ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณ..ผมให้คุณตัดสินใจ..ทุกๆอย่าง.." ริมฝีปากของคนพูดยกยิ้ม หากแววตาสั่นไหว " ผมรู้ว่าตัวเองมันแย่ทีขอให้คุณรอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ผมตัดสินใจแล้ว ผมเลือกทางเดินของตัวเองแล้ว ในเมื่อเราสองคนอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ต้องเป็นคนก้าวออกมาจากบนบัลลังก์ สำหรับคุณแล้วเซเนียยาไม่มีวันถูกละทิ้งแต่สำหรับผมมันไม่ใช่..ผมมีความต้องการจะเป็นบอสมาเฟีย แต่คำว่าบอส ที่อยากเป็นก็เพื่อสานความปราถนาของตัวเองมให้สำเร็จ และเมื่อมันสำเร็จผมก็จะปล่อยมือจากมัน"


          "รอผม..รอให้ผมทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จ..มันอาจจะยาวนานนับสิบปี..ยี่สิบปี แต่ผมสาบาน...สาบานต่อหน้าหลุมศพของเพื่อนรักและสาบานต่อหน้าคุณที่ผมรัก ว่าเมื่อผมสามารถเป็นบอสที่ดีที่สุด สามารถกำจัดคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดได้แล้ว ผมจะกลับมาหาคุณ..ผมจะละทิ้งทุกอย่างเพื่อได้อยู่กับคุณ และตอนนี้ผมอยากให้คุณเลือกว่าจะรอผมเพื่อสักวันเราจะได้อยู่ด้วยกัน หรือทิ้งทุกิย่างไว้ตรงนี้ และจากไปโดยไม่ลังเล"


          "..ไม่ว่าจะนานแค่ไหน"ฝ่ามือของชีคหนุ่มไล้ตามโครงหน้าหวานแผ่วเบา ทะนุถนอมยิ่ง..


           "ไม่ว่าจะยากแค่ไหน.."คาวัลโลเอ่ยพร้อมกับแตะปลายนิ้วลงบนหลังมือของคนตรงหน้า แล้วเปิดดวงตาขึ้นสบมองนัยน์ตาสีนิลอย่างมั่นคง"ผมจะทำให้สำเร็จ..นี่คือคำสัญญาสุดท้ายที่ผมขอและขอเดิมพันด้วยหัวใจและชีวิตทั้งหมดที่เหลือ..ให้คุณ"


          "........"


          "ผม..."ริมฝีปากของคนพูดเริ่มสั่นไหวเมื่อเห็นท่าทีของชีคหนุ่มนิ่งงัน"ผมจะพยายามให้มากที่สุด จะทำให้มันเป็นจริงเร็วที่สุด..ผม...ผมจะไปหาคุณทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ผมจะไม่หายไปแบบนี้อีก ผม.."


         "ชู่ว..."ปลายนิ้วแตะลงบนริมฝีปากสีอ่อนพลางส่งสัญญาณให้เงียบเสียง


         "คำสัญญาครั้งที่สาม"


         "หลังจากครั้งแรกและครั้งที่สองออกจะ..ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง"ริมฝีปากของผู้เอ่ยยกยิ้มมุมปากพร้อมลมหายใจที่ถูกระบายลงช้าๆ จ้องมองสบตาชายหนุ่มเบื้องหน้าที่มองตนดั่งรอคำพิพากษา


         "เคยได้ยินไหมว่ามนุษย์เรามีโอกาสสามครั้งในชีวิต"ชีคหนุ่มเอ่ยพร้อมจ้องมสบแววตาสีน้ำทะเลคู่งาม"ครั้งที่หนึ่ง..คือพลาด...ครั้งที่สอง..คือพลั้ง..ส่วนครั้งที่สาม คือความจงใจ...ครั้งที่หนึ่งคุณพลาดไปเพราะสถานการณ์ที่บีบบังคับ..ครั้งที่สองคุณผิดคำสัญญาเพราะข้อแม้บ้าๆที่ทำให้เราได้มาเจอกับสัญญาครั้งที่สามตอนนี้ด้วยกัน"


         "แล้วครั้งที่สาม....." คาวัลโลเอ่ยพร้อมขมวดคิ้วบางๆ


         "ครั้งนี้...ที่นี่...ตรงนี้.."อัลชาอ์เอ่ยตอบคำ ดวงตาสีเข้มจ้องมองสบตาก่อนจะละมือออกหากแต่ยังไม่ทันจะปล่อย ฝ่ามือของมาเฟียหนุ่มกลับคว้าหมับอย่างรวดเร็วคล้ายกลัวว่าหากปล่อยแล้วตนจะเดินหันหลังจากไปตลอดกาล


         ..ชีคหนุ่มมองสีหน้าวอนเว้า ดวงตาไหวระริกของคนทีจับมือตนเองแน่นราวกับภาวนาก่อนจะก้มมองฝ่ามือตัวเองในมืออีกฝ่าย..


          ไม่ว่าใครก็ดึงมือที่ถูกจับออกได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่าคนที่จับจะเป็นใคร..

           และกับคนๆนี้...ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยไปได้เลย..


           "คุณอาจจะทำให้พ่อแม่เสียใจ"


           "ผมรู้...แต่นี่คือชีวิตของผม ผมต้องมีสิทธิเลือก และพวกเขาจะไม่มีวันเลิกรักผมเพียงเพราะผมรักผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น"


           "คุณอาจทำให้คนในแกงค์ผิดหวัง"


           "ผมจะไม่มีวันให้เขาผิดหวังที่มีบอสแบบนี้ แต่ผมจะทำให้วาลกัสยิ่งใหญ่ ทำให้คนใต้ปกครองของผมได้รู้ว่าผมดูแลพวกเขาได้อย่างดีและไม่มีที่ติ ทำให้พวกเขาเสียดายและเสียใจที่บอสอันเก่งกาจของพวกเขาล้างมือไปเร็วกว่าที่คิด"


           "คุณเอาความม่นใจมาจากไหนว่าจะทำให้ผมยอมรับปากอีกครั้ง?"คราวนี้อัลชาอ์ต้องลอบยิ้มขันกับคำตอบรวดเร็วและสีหน้าหมายมาดของชายหนุ่มเบื้องหน้าที่กำลังเว้าวอนขอโอกาสสุดท้ายอย่างไม่ละความพยายาม และเมื่อไดฟังคำถามสุดท้ายนั้น สีหน้าที่กำลังเครียดเคร่งของบอสมาเฟียคนเก่งถึงกับกระตุกวูบ


            "เพราะคุณรักผมไงเล่า!เลิกเลิ่นตัวงี่เง่าได้แล้ว ถ้าผมไม่สนใจจริงๆคุณนั่นแหละจะมานั่งหงอยอยู่คนเดียว อัลชาอ์งี่เง่า!"น้ำเสียงว้ากดหวกเหวกโวยวายที่ไม่ได้ฟังมาเสียนานทำให้ชีคหนุ่มลอบยิ้มขันและยิ่งขำมากขึ้นไปอีกเมื่อสีหน้าของคนพลั้งปากแสดงออกชัดว่ารู้สึกเสียใจเป็นที่สุดที่หลุดปากออกมาจนทำให้บรรยากาศที่เหมือนจะคล้อยตามของชีคหนุ่มพลันสลายไปเสียอย่างนั้น


         ...แต่สำหรับอัลชาอ์แล้ว นี่คือความรู้สึกที่แสนคิดถึง...คิดถึงเสียเหลือเกิน..


          และมันกำลังกระซิบว่ากลับมาแล้ว..เจ้าแมวน้อยจอมป่วย หรือไฮยีน่าตัวแสบนั้นได้กลับมาป่วนหัวใจกันอีกครอบหลังจากร้างลากันไปนานหลายเดือน


             "อ้อ..นี่คือใจจริงของคุณงั้นสิ"ชีคหนุ่มเอ่ยปากถามคนที่กำลังมีสีหน้าซีดเผือก คาวัลโล วาลกัสมีท่าทีลังเลหงุดหงิดใจที่ตนเองพลั้งปากว่า ฝ่ามือสองข้างยิ่งยิ้อยุดฉุดรั้งมือของอัลชาอ์ไว้แน่นขึ้นและไม่ยอมให้ห่างอีกอย่างระแวดระวัง


             "...ละ...แล้วไง...ก็มันจริงนี่ ก็คุณรักผมนี่!"เจ้าตัวแสบเอ่ยปากโวยวายส่งแววตามายืนยันคำพูดของตัวเอง อย่างจะบอกว่าต่อให้ปากเสียแต่ก็ยังมั่นคงและรักจริงไม่เปลี่ยนแปลงอะไรแบบนั้น


             "ลืมไปแล้วหรือว่าผมไม่คิดจะหวังอะไรอยู่แล้ว ต่อให้คุณทำตามที่พุดหรือไม่ทำตามที่บอกคนรอก็ไม่มีสิทธิตะทักท้วงอะไร"อัลชาอ์ตอบคำตอกกลับเจ้าตัวแสบที่ทำท่ามีความมั่นใจล้นเหลืออย่าหมายจะแกล้งจนคาวัลโลหน้าซีดเผือก เหมือนจะรู้ถึงความผิดของตัวเองดีอยู่ มาเฟียหนุ่มจึงยิ่งมีสีหน้าเงื่องหงอย


             "อ่ะ.."คาวัลโลพลันสะดุ้งเฮือกเมื่อฝ่ามือของชีคหนุ่มดึงออกห่าง สีหน้าที่ยิ่งซีดสนิทของมาเฟียหนุ่มจึงยิ่งซีดขึ้นใหญ่ ความหวั่นกลัวและความคิดในแง่ร้ายแผ่ซ่านเสียจนอดหวั่นไหวไม่ได้ ต่อให้มั่นใจว่ารักและรู้อยู่เต็มอกว่ารัก แต่สำหรับการรอคอยเพื่ออยุ่ร่วมกันมันอีกเรื่อง ใครจะยอมรับการอคอยอันไร้เหตุผลและคำของี่เง่าของเขาได้ทุกครั้ง ทุกครา หรืออัลชาอ์ไม่อยากจะรอคอยอีกต่อไปแล้ว


            ฝ่ามือหนาของชีคหนุ่มที่ผละห่างไปทำให้หัวใจเจ็บแปลบด้วยความหวาดหวั่นไม่น้อย ก่อนฝ่ามือเย็นเฉียบจะถูกกอบกุมไว้ด้วยมือหนา ปลายนิ้วค่อยไล้หลังมือแผ่วเบาเต็มไปด้วยความรักทำให้นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบือนมาสบ มองดูรอยยิ้มมุมปากแฝงแววมาดร้าย คล้ายจะบอกว่า"การกลั่นแกล้งเป็นผลสำเร็จ"อย่างไรอย่างนั้น


            คนถูกแกล้งชะงักเมื่อรู้ตัวว่าตกหลุม คาวัลโลอ้าปากทำท่าจะโวยวายคนที่ทำให้เขาใจเสียให้สมเคือง หากแต่วัตถุเย็นเฉียบที่สอดเข้าที่ปลายนิ้วกลับทำให้อาการกระทืบบาทตวาดอึงชะงักลงไปทันควัน


            คาวัลโลขมวดคิ้ว เขาก้มมองสบตาชีคหนุ่มซึ่งพราวไปด้วยแววหัวเราะทั้งเปี่ยมด้วยความอาดูรก่อนจะก้มมองสิ่งที่สอดเข้ากับปลายนิ้วนาง แหวนมรกตสีเขียวเข้มแสนคุ้นตาของอัลชาอ์ที่เคยประดับบนนิ้วของอีกฝ่ายบัดนี้ถูกถอดออกมาตรงหน้า อีกฝ่ายสอดมันเข้ากับนิ่วนางข้างขวาของเขา สีเขียวสดของอัญมณีที่ปลายนิ้วส่องสะท้อนแสงอาทิตย์วาววับน่ามองนัก โดยเฉพาะเมื่อยามริมฝีปากหนาแตะลงไปจุมพิตแผ่วเบาดั่งคำรักคำสัญญา..


           "ในเมื่อคุณฝากของสำคัญของตัวเองไว้ที่ผม ผมก็จะขอฝากไว้ที่คุณเช่นกัน"


            "คุณรับปาก..."คาวัลโลเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย ริมฝีปากอ้าออกอย่างงวยงงไม่น้อยกับคนที่แกล้งให้เขาใจเสียแล้วมาทำซึ้งกันแบบนี้ ช่างดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลย..


            แต่ก็นั่นล่ะ ถ้าลองเทียบกันดูแล้วพฤติกรรมแบบชอบแกล้งชอบหยอกเขาของอัลชาอ์ก็สมเหตุสมผลน่าโมโหสมกับเป็นเจ้าตัวดีอยู่หรอก


           "ไม่รับปาก...แต่จะรอ..เท่าที่จะรอได้"ชีคหนุ่มเอ่ยแผ่วเบา พลางลูบเส้นผมคนตรงหน้าเบาๆ"อย่างที่คุณบอกว่านี่คือตัวแทน หากวันไหนผมเหนื่อยที่จะรอผมก็จะคืนมัน เช่นเดียวกับคุณที่วันไหนรู้สึกว่าไม่ต้องการผมแล้วก็ให้นำมันกลับคืน คำสัญญาน่ะมันเป็นเพียงลมปาก จะจริงหรือลวงคนเราก็แปรมันให้เป็นได้ทั้งนั้น ฉะนั้นผมไม่คิดจะเชื่อมันอีกแล้ว แต่ผมจะรอ..รอให้คุณกลับมา รอในขณะที่ยังรัก ยังหวัง...ฉะนั้น จากนี้มันก็เป็นหน้าที่ของคุณแล้ว ว่าจะหาวิธีอะไรมาทำให้ผมนึกอยากจะรอคุณอยู่เรื่อยๆโดยไม่ท้อไปเสียก่อน"


            "...เห งี้ก็โยนภาระสิ"คาวัลโลท้วงกลับ หน้ามุ่ย แต่ก็ยังยิ้มรับ แม้เขาจะไม่ได้รับคำสัญญา แม้จะไม่มีคำมั่นแต่คำว่าจะรอ นั่นมันก็มากเกินพอ


            "ไม่อยากมีภาระก็จะถูกทิ้งเลือกเอาแล้วกัน"ชีคหนุ่มเอ่ยปากท้าทาย ยักไหล่คล้ายจะขบขัน


           "หึ..จำที่ผมพูดไม่ได้รึไง ใครที่เข้าใกล้คุณผมจะจับเชือดทิ้งให้หมด"มาเฟียหนุ่มเอ่ยปากหมายมาด สีหน้าบ่งชัดว่าเอาจริง พร้อมดวงตาวาววับ นั่นทำให้อัลชาอ์ยิ้มรับ...ยิ้ม...กับคำรักที่จำหลักแน่นในหัวใจ..


           ..ต่อให้ห่างไกล แต่เมื่อมั่นใจว่ารัก...รักแล้วจะกังวลอะไรเล่า..


           ปัญหายังคงมีอยู่ตรงหน้า ภาระยังคงอยู่ หน้าที่ยังคงอยู่ แต่เราจะสู้ จะจับมือกันเพื่อฟันฝ่ามันไปให้ได้ เพื่ออนาคตและเพื่อ"สักวัน"ที่จะเป็นของพวกเขาทั้งคู่อย่างแท้จริง..


               ชีคหนุ่มจ้องมองร่างของมาเฟียคนรักเบื้องที่ ผู้ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาปัดเศษใบไม้ให้พ้นไปจากป้านหลุมศพของเพื่อนรัก ฝ่ามือของคาวัลโลคว้าดอกกุหลาบที่ใกล้มือมายืนให้เขา เพื่อวางลงบนหลุมศพเบื้องหน้าคล้ายจะบอกถึงการมาเยือน ขณะที่แสงอาทิตย์ยามบ่ายแปรเป็นสีส้ม ฟากฟ้าที่เป็นสีสดใสค่อยแปรเป็นสีม่วงครึ้ม บ่งบอกว่าเวลาเย็นกำลังมาถึง และดวงอาทิตย์ใกล้จะลาลับ..


               อัลชาอ์นั่งนิ่งอยู่ข้างกายคนรัก นิ่งฟังคาวัลโลพูดคุยกับหลุมศพเบื้องหน้า หรือกระทั่งเอ่ยปากคุยกับเขาถึงเรื่องราวมากมายด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข ขณะที่แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดสีทองมาต้องกระทบดวงหน้าของมาเฟียหนุ่มอีกครา ให้คล้ายจะนึกถึงยามนั้นและเวลาในอดีต ช่วงเวลาที่เขาทั้งคู่ได้นั่งเคียงกันเพื่อมองดวงอาทิตย์ค่อยลาลับจากฟากฟ้า แม่จะไม่ใช่ที่แห่งเดิม แม้จะไม่มีทะเลทรายและดวงดาวนับร้อยพันเรียงราย หากแต่กลิ่นกุหลาบหอมกรุ่น ท้องฟ้ากว้างและต้นไม้สีเขียวที่รายล้อมรอบก็เป็นความทรงจำที่น่าจดจำไม่แพ้กัน..


           ...แม้จะไกลกันเพียงไร แต่ก็ยังอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน


             แม้จะไกลห่าง แม้จะต้องมีเรื่องมากมายให้เผชิญ แม้จะมีอีกสารพันปัญหาให้ฟันฝ่า แต่ตราบใดที่ยังรอก็ย่อมมีรักและเมื่อมีรักก็ย่อมมีหวัง..


          ความหวังที่เป็นดั่งแสงอาทิตย์สีทองส่องประกายในใจ



                ร่างของชายในชุดสูทสีเข้มที่ยืนอยู่ริมต้นไม้ใหญ่หน้าทางเดินเข้าสู่สุสานห่างจากพวกเขาพอสมควรเป็นคนที่คุ้นตา ใบหน้าของฝ่ายนั้นมองมาและค้อมกายน้อยๆดั่งจะบอกถึงสัญญาณของงานที่จะเริ่มต้น คาวัลโลค่อยผุดกายลุก พยักหน้าให้แกเร็ตเป็นเชิงรับรู้ และหยัดกายขึ้นเพื่อจะก้าวเดินไปในทางที่ตนเลือกต่อไป


                "แล้วเจอกันที่งานเลี้ยงครับ"คาวัลโลเอ่ยปากบอก ส่วนคนฟังก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ฝ่ามือหนาบีบให้กำลังใจเบาๆให้ร่างที่ทำท่าจะเดินกลับไปหันมาสบตา..


              แววตาไหวระริกของชายที่กำลังจะก้าวออกไปดะงบอกถึงความหวั่นอาลัยที่มีไม่ต่างกัน คาวัลโลจ้องมองสบตาชีคหนุ่ม ริมฝีปากสั่นไหวชั่วขณะเขาอยากจะทิ้งทุกอย่างแล้วโผเข้าสู่อ้อมกอดนี้แล้วหนีไปให้ไกลสุดหล้า แต่แววตาที่แฝงความเชื่อมั่นที่ชีคหนุ่มจ้องมองมาทำให้ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มออกมาแม้จะสั่นไหวเพียงไรก็ตาม..


            ปลายนิ้วบางแตะลงบนผิวหน้าคร้ามเข้ม คาวัลโลแตะไล้ ลูบผิวหน้าของชีคหนุ่มอย่างแสนรัก นัยน์ตาสีน้ำทะเลฉายแววรักใคร่ ก่อนจะโน้มกายเข้าหา โผเข้าสู่อ้อมแขนใหญ่เพื่อจะประทับริมฝีปากแนบชิดคลอเคลียกัน แบ่งปันรอยจูบอ่อนหวานที่เป็นดั่งคำรักและคำมั่นสัญญาท่ามกลางแสงตะวันและกอกุหลาบขาวที่ทอดกางปกคลุมสุสานส่งกลิ่นหอมอายอวล..


             ประทับคำมั่นสัญญา...รัก...

            ...รัก..และจะรอคอย ชั่วนิรันดร์..


            "แล้วผมจะรอดู"


               อัลชาอ์เอ่ยปากแผ่วเบา สบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลอย่างเชื่อมั่นขณะที่ร่างบางผละห่าง นัยน์ตาที่ไหวระริกของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้าจึงค่อยมั่นคงขึ้น ดวงตาทั้งคู่แปรเป็นหนักแน่นร่องรอยไหวหวั่นหายไปเหลือเพียงความรักและความเชื่อมันที่มีให้กันเช่นกัน


             "แล้วคุณจะได้เห็น"


         เห็น...ว่าคำพูดของผมจะเป็นจริง และเห็น ว่ามาเฟียอย่างผมเช่นนี้ จะนำพาคนในแกงค์ไปสู่ความยิ่งใหญ่ด้วยวิธีไหน...

            คุณได้รอผมเพียงไม่นานแน่นๆ..อัลชาอ์

           ไม่ทันจะได้คิดเบื่อ ผมก็จะกลับมาหาคุณ...คาวัลโลคนนี้ขอสาบาน


          มาเฟียหนุ่มเอ่ยพลางขยับฝีเท้าเพื่อก้าวออกไปทำตามหน้าที่และความต้องการของตน หากครู่หนึ่งก็ชะงัก หยุดฝีเท้าและหันมาจ้องสบตาชีคหนุ่มด้วยรอยยิ้ม..


           อัลชาอ์พยักหน้ารับ ชีคหนุ่มก้าวเท้าออกมายืนประชิด ยกมือซ้ายขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายวางมือลงแล้วจับกระชับ บีบแน่น ให้คนสองคนเดินเคียงคู่กันไปในทางเดินเล็กๆที่แม้จะคับแคบและลำบากหากแต่ไม่มีใครหวั่นเกรง ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามอัสดงที่งดงามจับตา ภาพของชายหนุ่มสองคนที่เดินเคียงคู่กันนั้นดูงดงามราวกับภาพฝันอันเป็นนิรันดร์




............END............



** Route liebe ภาคสองของ Stone rose's line กุหลาบทรายใต้เงาหิน คู่แกเร็ตxคลาร์ก มาลงให้อ่านกันแล้วนะคะ ตามมาได้เลยค่า ที่นี่เลย   http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30985.0 คอยติดตามและให้กำลังใจกันด้วยนะคะ 




   
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 13-11-2011 18:17:19
ง่า จบแล้ว  :m15:
ท่านชีคและคาวี่ทำให้เห็นว่าความรักบางครั้งก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป
แต่ดูคนทั้งคู่พอใจในจุดๆนี้ และพร้อมที่จะจัดการอุปสรรคที่มาขวางกั้น
ประทับใจจริงๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้นะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 13-11-2011 18:29:04
 :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 13-11-2011 18:29:45
ตัดมาทอล์คแบบยาวๆ(ตลอดๆ :laugh:)

    สวัสดีค่า มาเจอกันอีกทีก็ตอนจบแล้ว อยากจะบอกว่าโซแซดจริงๆ ใจหายวาบๆ คาวี่ลูกรักจบแล้ว ฮืออออ  :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

   ตอนจบตอนนี้แก้หลายครั้งมากกลัวไม่ถูกใจตัวเองและคนอ่าน(ฮ่าๆ)เอาจริงๆหลายคนคงแอบเซ็งว่าทำไมจบแบบนี้ฟร้า จะใหฟ้อัลที่รักของตูรอไปอีกนานแค่ไหน จนแก่ตาย(?)เลยรึไง :angry2: ทำไมคาวี่มันไม่มาหาอัลมั่งงงง :serius2: โถคุณพระเอกผู้น่าสงสาร  :laugh:
     เรื่องตอนจบก็อยากบอกว่าจบแบบนี้แหละ(555+)ไม่ได้กวนตีนหรือรีบจบแต่อย่างใด แต่มันจบแบบนี้จริงๆ ถือว่าเป็นไปตามที่ปุ้ยตั้งจุดมุ่งหมายไว้แล้ว เป็นการตัดสินใจและการยอมรับซึ่งกันและกันที่ไม่ได้หมายถึงคนสองคนแต่เป็นคนหลายๆคนด้วย ถ้าถามว่าคาวี่จะทิ้งทุกอย่างแล้วโดดเข้าหาอัลเลยจะได้ไหม? ก็คงตอบว่าได้ จะให้จบแบบนั้นก็ได้ แต่วี่มันก็จะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวโคตรๆและไม่นึกถึงคนอื่นเอาเสียเลย การจะจบแบบหนีตามกันไปสุดหล้า หรือหนีัปัญหาเ้นี่ย ปุ้ยคิดว่าไม่ใช่ล่ะนะ เพราะนี่คือความจริง ทำแบบนั้นไปผลเสียก็ไม่ได้ตกอยู่ที่คาวี่คนเดียวแต่มีคนเสียใจเพราะทั้งสองคนอีกมากมาย
    ระหว่างคาวี่กับอัลชาอ์ไม่ได้มีแค่รักหรือไม่รักแล้วจบ แต่หมายถึงคนรอบกายอีกมากมายที่มีชีวิตอยู่ภายใต้การนำของสองคนนี้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ทำไม่ใช่การหนีปัญหา แต่ควรจะยอมรับมันและหาจุดกึ่งกลางของมันที่ทุกคนยอมรับได้ต่างหาก ผลเลยออกมาเป็น คาวี่ทำตามที่ตัวเองพูดไว้ได้แล้วจะกลับไปหาอัล ส่วนอัลที่ไม่มีทางทิ้งประเทศไปหาคาวี่ได้ก็คงต้องรอ รอเพื่อความหวังต่อไป..อาจจะดูน่าเศร้าในมุมของอัลชาอ์...แต่ก็นั่นแหละ ชีวิตมันก็แบบนี้ คนเราไม่ได้มีทางเลือกมากนัก :เฮ้อ:
      แต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่การรอคอยที่อัลชาอ์ทำอยู่ แต่เป็นการเดินก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกับคาวัลโลด้วย คนสองคนเดินไปด้วยกัน ก็ำไม่มีวันเหงาหรอกเนอะ  > <
     และแจ้งอีกนิดว่าจะมีบทส่งท้ายตามมาอีกนิด :laugh: สำหรับคนที่รอคอยวง่าเมื่อไรห่คาวี่จะได้มาอยู่กับอัลซะที รับรองเจอกันค่า

   
 **ตอนนี้นิยายปิดจองแล้ว แต่สามารถสั่งได้ตลอดนะคะ เพียงแต่จะไม่ได้ราคาในโปรโมชั่น+ไม่ได้ของแถมนั่นเอง


รายละเอียด

           (http://i1120.photobucket.com/albums/l491/silenceserin/Stoneroseline_resize-1.jpg)   

 (เชิญโฮกฮ้ากตามสบาย สำหรับอิฮั้น อกเนียนๆของคาวี่กินขาด แฮร่กๆ :haun4:)   

   
Stone rose’s line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน
by  silence_serin

รายละเอียดค่า

   (ตัวอย่างปกนิยายเป็นเล่ม 1 เเละ เล่ม 2  เป็นปกเเบบต่อกันได้ ตามรูป )



  ไม่น่าเชื่อว่ามาเฟียผู้เก่งกาจและอนาคตไกลอย่าง"คาวัลโล วาลกัส"  ต้องมาถูกจับขังคุกในประเทศโลกที่สามอย่างเซเนียยา เหตุเพราะไปโจมตีขบวนเสด็จของชีคผู้นำประเทศนามว่า "อัลชาอ์ มูอัสซิน " คนนั้นเข้า

          ถูกกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรยังพอว่า แต่หากต้องมาถูกประหารให้เสียชื่อและเสียอนาคตการเป็นบอสของตระกูลวาลกัสที่ยิ่งใหญ่ จะอย่างไรก็ยอมไม่ได้เด็ดขาด!

            และด้วยวาทศิลป์อันล้ำเลิศของคาวัลโลคนนี้ เขาจึงรอดพ้นโทษประหารและยังได้ตำแหน่งที่ปรึกษาของท่านชีคอัลชาอ์ผู้ตายด้านมาครอบครอง แม้จะมีข้อแม้ว่าภายในเวลาสามเดือนนี้หากเขาหาตัวคนทรยศไม่เจอก็จะโดนลากไปยิงเป้าก็ตามที

       การตามหาคนร้ายน่ะไม่ยากเกินกำลังมาเฟียผู้ฉลาดหลักแหลมเยี่ยงอัจฉริยะอย่างคาวัลโลอยู่แล้ว แต่การต้องมาสู้รบปรมบมือกับท่านชีคอัลชาอ์ต่างหากเล่าที่น่าปวดหัวกว่าหลายขุม นอกจากยืนทำหน้าหล่อ(มาก)อยู่ดีๆก็โดนลากไปสวมบทคู่รักวิปริตเพื่อหักอกสาวแล้ว คาวัลโลยังได้ข้อมูลชวนตะลึงมาอีกอย่างว่าอัลชาอ์หลงรักเขาชนิดหัวปักหัวปำ!

                   คนอย่างเขาจะไปมีความสัมพันธ์บ้าๆที่ผิดคำสอนของพระเจ้าได้ยังไง ....ผู้ชายกับผู้ชาย...มันไม่ใช่ความรัก แต่มันคือความผิดปกติ !
.
.

              การพบกันท่ามกลางกระสุนปืนและเม็ดทรายที่คละคลุ้งนั้นเป็นดั่งพรหมลิขิตที่น่าปวดหัวที่สุดของ" อัลชาอ์ มูอัสซิน"

             เจ้ามาเฟียงี่เง่าปากดีเป้นที่หนึ่งนามว่า "คาวัลโล วาลกัส " ต่อให้อยู่ในฐานะอาชญากรต้องโทษประหาร เจ้าตัวก็ยังมาทำลอยหน้าลอยตาอย่างไม่หยี่ระได้กวนโทสะเป็นที่สุด

              แต่พฤติกรรมชวนเส้นเลือดในสองแตกของเจ้ามาเฟียตัวร้าย ยังควบคุมได้ง่ายกว่าหัวใจตัวเองมากนัก เมื่อความหลงไหลที่มีต่ออีกฝ่าย..สิ่งที่ถูกเก็บไว้อย่างมิดชิดในใจถูกเจ้าตัวป่วนขุดขึ้นมาอีกครา ซึ่งคราวนี้มันดูจะมากกว่าทุกคราจนเกินความคุม

            ฝืนทำใจเเข็งด่าว่าไม่อ่อนข้อก็แล้ว นิ่งเงียบทำไม่สนก็แล้ว ไม่ว่าจะป้องกันหัวใจตนเองอย่างไร เล็บคมๆของเจ้าไฮยีน่าตัวแสบยังตะกุยเข้ามาขยี้หัวใจเสียจนป่นไม่มีชิ้นดี

             ความรักของเขากับคาวัลโลเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โลกของตนซึ่งเป็นชีคมีหน้าที่ปกครองประเทศ กับมาเฟียจอมวายร้ายคนนั้นอยู่ตรงข้ามกันดั่งเส้นขนานที่ไม่มีทางบรรจบ..

                ..คาวัลโลนั้นกล่าวว่าความรักแบบนี้พระเจ้าถือว่าผิดบาป

               ...สำหรับอัลชาอ์แล้ว...อัลเลาะห์...ก็ไม่ทรงอนุญาติให้สาวกของพระองค์ มีความรักที่ไร้ประโยชน์...เช่นเดียวกัน
 
รายละเอียดหนังสือ


+++จำนวน   2 เล่มจบ    เล่มละห้าร้อยหน้าโดยประมาณ   

+++  มีตอนพิเศษในเล่มและไม่ลงในเว็บอีก 5 ตอน ดังนี้

ตอนพิเศษ Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน (ในเล่ม)

1. 30 day for wedding
      เมื่อเซเนียยามีการจัดงานแต่งงานครั้งสำคัญ..การ์ดแต่งงานที่ถูกส่งมายังคฤหาสถ์ตระกูลวาลกัสทำให้บอสมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ถึงกับสติแตก ..ถ้างานแต่งคนอื่นก็แล้วไป แต่ถ้างานแต่งของอัลชาอ์ล่ะก็..งานนี้คาวัลโลจะบุกเชือดและถล่มงานให้มันล่มต่อหน้าต่อตาให้ดู !!

2. I'm relate
     มันก็เป็นปกติที่ผู้นำประเทศจะมีล่าม มีที่ปรึกษาส่วนตัวหรือเลขาอะไรก็ว่ากันไป ไม่น่าแปลกอะไรเลยสักนิด แต่ตอนนี้ ไอ้สิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าเลขาของอัลชาอ์กำลังทำให้คาวัลโล..เหลืออด !

3. To The destination
 ..ในที่สุด..การเดินทางของเราก็จบลง เส้นทางของสองคนสบประสานเพื่อจะได้อยู่ร่วมกัน..ตลอดไป..

4. Meeting in Family
 รายงานสดจากท่านชีคอัลชาอ์แห่งเซเนียยา กับการพบปะครอบครัวของคาวัลโล ..เหล่าญาติมิตรในตระกูลลวาลกัสอย่างเป็นทางการ ซึ่งมันก็.....เอ่อ....นะ

5. Study in the sunday
 ของแถมพิเศษเล็กๆน้อยๆแด่แฟนคลับของฝาแฝดอเล็กซิส&อเล็กเซย์ กับตอนพิเศษว่าด้วย..บทลงโทษของพี่คนรองผู้แสนดี อเล็กเซย์ วาลกัส
....


  ราคานิยาย

+++ราคาหนังสือเล่มละ 550 บาท หนังสือทั้งชุด สองเล่มจบ 1,100 บาท

+++ค่าส่ง 60  บาท

+++ที่คั่นหนังสือ Stone rose's line สองเเบบ สองอัน


+++ดังนั้นราคาสินค้ารวมค่าส่งทั้งชุดเป็นเงิน   1,160 บาท +++




ขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้า

(สั่งซื้อเรื่องไหน ระบุมาด้วยนะคะ )



1. สั่งซื้อผ่านทาง we love shopping


ตามลิงค์นี้เลยนะคะ อ่านรายละเอียดการสั่งซื้อได้เลยค่ะ

http://www.weloveshopping.com/shop/shop.php?shopid=272390


2. สั่งซื้อโดยโอนเงินเข้ามาที่บัญชี ธนาคารกรุงเทพฯ สาขาสยามสแควร์ ชื่อ


THANADPORN A. บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 1524611603

 โอนตามยอดการสั่งซื้อ ถ้ามากกว่าหนึ่งชุด คูณตามจำนวนได้เลยค่ะ หรือสงสัยพีเอ็มมาถามหรืออีเมล์มาได้เลยค่ะ

หลังจากโอนเงินเเล้ว กรุณาส่งเมล์เเจ้งที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์   พร้อมทั้งสเเกนใบโอนเงินมาที่  raikrob.จีเเมว ดอท คอม


เมื่อทาง สำนักได้รับเมล์เเล้วเราจะเเจ้งยืนยันกลับทันทีค่ะ
   

..................


 :L2: :L2: เเล้วเจอกันตอนพิเศษส่งท้ายค่า อิอิ :กอด1:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 13-11-2011 18:30:42
ใจหาย
จบแล้วหรือนี่
ไม่น่าเชื่อว่าจะจบแบบนี้แต่ก็คิดว่ามันเหมาะสมแล้วกับคนทั้งคู่
ตั้งแต่ตามอ่านเรื่องนี้มาต้องบอกว่าเสียน้ำตาไปก็มี หัวเราะ..มีมั้ง...นะ  ถึงมันจะเครียดแต่ก็มันในอารมณ์  และที่สุดก็คือซาบซึ้งตรึงใจ ประทับใจทั้งกับคาวี่และท่านชีค
คงไม่มีคู่รักคนไหนบู๊แหกแหลกลานเท่าคู่นี้อีกแล้ว ทั้งทางด้านชีวิตส่วนตัว ความรัก หรือแม้แต่จิตวิญญาณ   o13 o13 o13
ปล.ขอตอนพิเศษได้มั้ยครับ :กอด1: :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 13-11-2011 18:34:22
 :monkeysad:
เศร้า + ซึ้ง แต่มันก็เป็นการจา่กลาที่ทำให้คาวี่รู้ใจตัวเองแหละนะ
อ่านยาวสะใจเลยค่ะ~ รอคอยที่จะได้กลับมารัก กลับมาอยู่ด้วยกัน
ประทับใจในความรักของทั้งสองคนมากอ่ะ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีดีอย่างนี้นะคะ :pig4:
รอมาอัพบทส่งท้ายจ้า :)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 13-11-2011 18:34:44
ไม่น่าเชื่อว่าจะแบบนี้ ขอชื่นชมป้าปุ้ย จากใจจริง ว่าแต่งมาก

ข้าขอคาราเต้ เอ้ย คาราวะ o13 o13

เหมาะสมแล้วสำหรับความรักระหว่างอัลชาล์ กับ คาวี่

แล้วขอบอกว่า อัลชาล์ นี้ท่าทางจะรักคาวี่ ยิ่งกว่าอะไรนะเนี่ย

ยื่นส่งตรงหอยคอย อ่านแล้วรู้สึกน้ำตาซึมจริงๆๆ ซึ้งและประทับใจมากคนอะไรจะรักเมีย หลงเมียได้ขนาดนี้ :-[ :-[

พอคาวี่ กลับมาถึงบ้าน อีหนูคาวี่ก็ร้องไห้กอดกะครอบครัวอีกรอบ ตอนนี้ก็ประทับใจอีก :กอด1:

สรุปแล้วเกือบทั้งตอนคาวี่ของเค้าเนี่ย ร้องไห้ทุกตอนเลยนะเนี่ย :sad4: :o12: :m15:

หนูคาวี่เอ้ย เดี่ยวนี้หนูกลายเป็นนางเอกไปตั้งแต่เมื่อไรกันลูก (แอบหลบตีนอัลชาล์ และป้าปุ้ย) :z6:

ชอบตอนสุดท้ายอ่า ตอนคำมั่นสัญญา ที่มีให้กันไว้  อัลชาล์ กับ คาวี่ น่ารักมากมาย

แบบว่าตอนนี้ คาวี่ดูเป็นพระเอกไปเลยอ่า

ชอบคาวี่ตั้งแต่แรกยันตอนสุดท้าย มาเฟียอะไร น่ารัก น่าหลงมิน่าไอ้คุณพี่อัลชาล์แกถึงได้หวงซะ!

แต่ว่า อัลชาล์ตอนท้ายแอบเจ้าเล่ห์นะ มีการกลั่นแกล้งคาวี่ ซะด้วย แถมตบท้ายด้วยการสวมแหวน

ทำเป็นฟอร์มที่แท้อยากจะหมั้นและตีตราจองคาวี่ละซิ

แต่ยังไงป้าปุ้ย ตอนจบเค้าก็อยาก อัลชาล์ แต่งงานใช้ชีวิตอยู่คาวี่อยู่ดีแหละ

จบแบบนี้มันสวยงานก็จริง แต่ว่ามันค้างคายังไงก็ไม่รู้ อยากให้ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริงๆ

รักคาวี่มากๆ รักอัลชาล์ รักทุกคนใน กุหลาบทราย และก็รักป้าปุ้ยนะครับ

จะรอในบทสงท้าย

ป้าปุ้ยผขอมตอนพิเศษแบบ ว่าอัลชาล์ กับ คาวี่อยู่ด้วยกันเลยนะปะ เอาแบบไม่ซ้ำในเล่มน๊า

ปล นิยายเรื่องนี้ยังไงเค้าก็เอาแน่ กำลังเก็บเงินซื้ออยู่ คงโอนในประมาณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน ไม่ก็กลางเดือนธันวาคมนะ

ยังไงเค้าก็เอานิยายเรื่องนี้ให้

มารออ่านตอนต่อไป













หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: น้องอึน ที่ 13-11-2011 18:40:59
ง่า  อยากได้ตอนพิเศษอะค่ะ :o12:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 13-11-2011 18:50:47
ขอจองเนื้อที่ไว้ก่อน

ขอถามหน่อยว่า โอนเสร็จสิ้นเมื่อไรอ่า

พอดีแถวบ้านน้ำท่วมอ่า

โอนถึงวันที่ 31 มกราปีหน้าค่า ^^

บทส่งท้ายอีก3-4 วันเจอกันค่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 13-11-2011 18:55:36
ใจหายหน่อยๆกับตอนจบ ประมาณว่า จบแล้วเหรอเนี่ย!!
จบสวยมากก อ่านแล้วรู้สึกซึ้งจนน้ำตาจะร่วงเลย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: PAnppyJunJii ที่ 13-11-2011 19:03:54
ใจหายอ่ะ  จบซะแล้ว   :เฮ้อ: 
เห็นราคาแล้วแอบท้อ  แต่เพื่อตอนพิเศษ   o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 13-11-2011 19:08:09
อยากให้ถึงวันที่ได้อยู่ด้วยกันตลอดไปเร็วๆ
หน้าปกคาวี่หน้าเอ็กซ์มาก
อัลชาร์ก็เซ็กซี่ซะ :o8:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 13-11-2011 19:38:51
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด

จบแล้วววววว ซาบซึ้งมากค่ะ สนุกเหมือนเคย มารอบทส่งท้ายด้วยใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 13-11-2011 19:39:35
่จนถึงตอบจบ บรรยากาศก็ยังรู้สึก อึนๆ ยังไงไม่รู้สิง
อาจเป็นเพราะเราชอบคาวี่กับท่านชีคในช่วงสวีทหวานวิ้ดวิ้วกันมากกว่าล่ะมั้ง
พอมาจบแบบนี้เลยเหมือน มันขาดอะไรสักอย่างไป (ขาดน้ำตาล  :serius2:)
อยากรู้ว่าคาวัลโลจะทำอีท่าไหน มาผูกมัดให้สุดที่รักยอมรอตัวเองต่อ  :z1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 13-11-2011 19:47:32
จบแล้วววววว ว ว
ปกสวยค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 13-11-2011 19:57:25
 :pig4:

+1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 13-11-2011 20:09:32
ง่ะ จบแล้วในที่สุด
น้ำตาคลอเลยอ่ะ  ยิ่งตอนบนคอปเตอร์ยิ่งแล้วใหญ่น้ำตาแทบล่วง
รอต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ก็น่าสงสารนะ  น่าสงสารทั้งคู่นั้นแหละ
เห็นตอนพิเศษในเล่มแล้วอยากอ่านแต่ราคาแบบว่า เฮ้อ :เฮ้อ:
เอาเป็นว่าขอรอตอนพิเศษในเว็บก็แล้วกันนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: Nutsuki. ที่ 13-11-2011 20:39:24
จบแล้ว ....
เง้ออออ ใจหายอ่าา เพราะตามอ่านเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกๆเลยยย
แล้วมีอยู่ตรงช่วงนึงจนถึงปัจจุบันที่ไม่ได้อ่าน = .. = รู้สึกที่หายไปนี่เพราะสอบกลับมาจะอ่านอีกทีมันดันดราม่า
เลยขอพักไว้ก่อน พักไปพักมาเลยกลายเป็นไว้ค่อยไปอ่านในเล่มล่ะกัน ฮาา
รักเรื่องนี้มากเลย รักพี่ปุ้ย รักคาวี่ รักอัลชาอ์ รักทุกคนเลยยย ย
เรื่องนี้ทำให้กลับไปอ่านนิยายทะเลทรายๆอีกครั้ง ฮ่าๆ ๆ ,,

ตอนจบไม่ได้อ่าน จะไปอ่านในเล่ม แฮ่ๆ ><
ปกสวยโฮ๊กกกกก กรี๊ดดดดดดดดดด
อัลชาอ์หล่ออออออออออออออออออออ :z1:
ราคาถึงพันเค้าพึ่งเคยจะได้ซื้อนี่แลลล เอิ๊กๆ
ปิดโอนถึงสิ้นเดือนมกรา.. ถึงตอนนั้นก็เก็บตังค์ได้ครบแล้วแหละ >___<

ปล.ถามเรื่องพี่โตน้องเนมภาคหนึ่งมีรีปริ้นมั้ยค่ะ เพราะคราวแล้วพลาด ไม่ได้ซื้อ > <
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 13-11-2011 20:58:54
 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 13-11-2011 20:59:46
เศร้า  ทำไมรู้สึกเหมือนหินสิบล้านตันกำลังถ่วงอยู่หัวใจ

นี่มันตอนจบน๊า  อดทนรอ บทส่งท้าย  T^T





***  CUT ***





 เปลี่ยนอารมณ์ ตัดฉึบ

ปกสวยมาก สวยโฮก สวย ไม่มีคำบรรยาย กรี๊ด ท่านชีค หล่อเท่และคมเข้มมากๆฮร่ะ

อยากจะบวกให้สักล้านครั้ง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 13-11-2011 21:01:30
แอบเศร้า ซึ้ง รอคอย จบแบอารมณ์ไม่จบ??? ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: kisssky ที่ 13-11-2011 21:19:30
นึกแล้วว่าจะต้องจบแบบนี้ แต่มันก็ดีที่สุดแล้วนี่นะ

 :sad11: ลึกซึ้งกินใจเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: Fairy_94 ที่ 13-11-2011 21:29:27
จบแร้ว! !!~~~ กรี๊ดติดตามมานานนะคะ ใจหาย ><
เฮ้อ แอบคิดไว้ในใจว่ามันอาจจะต้องจบแนวๆนี้...
เพราะงั้นเข้าใจค่ะ ไม่แย้ง จบแบบนี้ดีแล้ว ลงตัวที่สุด!

แต่ตอนสุดท้ายรู้สึกชื่นชมในตัวท่านชีคมาก พระเอกมากๆ
ทำไมเฮียถึงรักคาลได้ขนาดนี้เนี่ย อิจฉา...
และยิ่งตอนฉากที่จากกันและเฮียอัลซาอ์ยืนมองอยุนิ่งๆนะ
แบบอารมณ์ของผู้นำประเทศและหลายๆอย่าง ชอบมาก!

ส่วนคุณบอสมาเฟียแอบทำน้ำตาซึมตอนกอดกะครอบครัว
เป็นฉากที่สวยมากๆ แถมตอนที่ขอคำสัญญาจากชีค..
เป็นอะไรที่ดูน่ารักมากกก และอีกอย่างขอให้เคลียร์ปัญหา
และหลายๆอย่างที่ตั้งใจไว้ได้เร็วๆนะ จะได้อยุด้วยกันจิงๆ
คนอ่ายเชียร์มากๆค่ะ

รู้สึกจะอินกะเรื่องนี้มาก ขออภัยหากเม้นยาวไปนะคะ
น้องชอบนิยายเรื่องนี้มากๆ จริงๆ
ขอบคุนนะคะ. สำหรับ 'กุหลาบทรายใต้เงาหิน' สนุกจิงๆ

ปล.เห็นหน้าปกหนังสือแร้วคลั่ง กรี๊ดมากๆ ซื้อค่ะ! !
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: KaZuKi ที่ 13-11-2011 21:40:07
อ๊ากก เป็นฉากจบที่สวยงามมากจนไม่อยากเชื่อว่าเป็นแค่นิยาย บรรยากาศต่างๆในเรื่อง ความรู้สึก อารมณ์ :-[
มันชัดเจนมากเลยคะ ปลื้ม อัลชาห์ กับ คาวี่มากๆ เสียดายที่เรื่องนี้จบแล้ว อ่านจบปุ๊บ กดจองปั้บ ราคาทำเอาใจสั่น แต่ยอมเพื่อนเรื่องนี้!!
รีเควสเล็กๆ อยากให้มีต่อไปเรื่อยๆจังเลย ยิ่งคู่ ซิส กับ เซย์ อยากเห็นอะไรในคู่นี้อีกนานๆ :pig4: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: runynam ที่ 13-11-2011 21:42:02
กรี๊ดดดดดดดด :m15: :m15:
อ่านไปซึ้งไป สุขปนเศร้านิดๆๆๆๆๆๆๆๆ
อัลชาร์ช่างเป็นผู้ชายที่ น้ำอยากได้มากอ่ะ( :z6:/คาวี่)
คนอะไรมั่นคงได้ขนาดนี้
สนุกจริงๆๆๆๆ และก็ซึ้งมากกกกกกกกก
พี่ปุ้ย แต่งเก่งจริงๆๆสนุกมากกกค่ะ  o13 แต่งเรื่องดีดีแบบนี้เยอะๆๆนะค่ะ
คาวี่สู้ๆนะ เพื่อ อัลชาร์ อิอิ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีเรื่องนี้นะค่ะ
และจะรอต้อนรับเรื่องใหม่ๆๆ อิอิ
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 13-11-2011 23:33:54
แอบเศร้าอ่ะ  รักแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

อีกนานแค่ไหนกว่าคาวี่จะบรรลุเป้าหมายของตัวเอง....เศร้า....
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 13-11-2011 23:51:12
โอนเป็นเศษสตางค์ยังไงอ่ะคะ
ถ้าหนึ่งชุดต้องโอนเท่าไหร่อ่ะค่ะ
อยากได้มาก
โฮกๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 14-11-2011 00:24:47
ถามว่าจบแบบนี้มันตรงมั้ย มันตรงและใช่ในฐานะของทั้งสองคน
คนสองคนที่อยู่ในฐานะผู้นำ ถ้ามันจบลงที่คาวี่ทิ้งทุกอย่างแล้วหนีไปอยู่กับอัลชาล์
จะรู้สึกว่า เฮ้ย ไม่ใช่แล้ว ที่อ่านมาทั้งหมด ตั้งแต่ต้น แล้วจบแบบนี้ มันไม่ใช่วี่หนิ วี่มันต้องแรดปนร้าย
5555555555555 ถึงมันจะอ้อนๆ ยังไง แต่สุดท้ายความร้ายของมันก็ต้องหลุดออกมา ตามเนี่ย


 "คุณเอาความม่นใจมาจากไหนว่าจะทำให้ผมยอมรับปากอีกครั้ง?"คราวนี้อัลชาอ์ต้องลอบยิ้มขันกับคำตอบรวดเร็วและสีหน้าหมายมาดของชายหนุ่มเบื้องหน้าที่กำลังเว้าวอนขอโอกาสสุดท้ายอย่างไม่ละความพยายาม และเมื่อไดฟังคำถามสุดท้ายนั้น สีหน้าที่กำลังเครียดเคร่งของบอสมาเฟียคนเก่งถึงกับกระตุกวูบ


            "เพราะคุณรักผมไงเล่า!เลิกเลิ่นตัวงี่เง่าได้แล้ว ถ้าผมไม่สนใจจริงๆคุณนั่นแหละจะมานั่งหงอยอยู่คนเดียว อัลชาอ์งี่เง่า!"น้ำเสียงว้ากดหวกเหวกโวยวายที่ไม่ได้ฟังมาเสียนานทำให้ชีคหนุ่มลอบยิ้มขันและยิ่งขำมากขึ้นไปอีกเมื่อสีหน้าของคนพลั้งปากแสดงออกชัดว่ารู้สึกเสียใจเป็นที่สุดที่หลุดปากออกมาจนทำให้บรรยากาศที่เหมือนจะคล้อยตามของชีคหนุ่มพลันสลายไปเสียอย่างนั้น


         ...แต่สำหรับอัลชาอ์แล้ว นี่คือความรู้สึกที่แสนคิดถึง...คิดถึงเสียเหลือเกิน..


          และมันกำลังกระซิบว่ากลับมาแล้ว..เจ้าแมวน้อยจอมป่วย หรือไฮยีน่าตัวแสบนั้นได้กลับมาป่วนหัวใจกันอีกครอบหลังจากร้างลากันไปนานหลายเดือน


             "อ้อ..นี่คือใจจริงของคุณงั้นสิ"ชีคหนุ่มเอ่ยปากถามคนที่กำลังมีสีหน้าซีดเผือก คาวัลโล วาลกัสมีท่าทีลังเลหงุดหงิดใจที่ตนเองพลั้งปากว่า ฝ่ามือสองข้างยิ่งยิ้อยุดฉุดรั้งมือของอัลชาอ์ไว้แน่นขึ้นและไม่ยอมให้ห่างอีกอย่างระแวดระวัง


             "...ละ...แล้วไง...ก็มันจริงนี่ ก็คุณรักผมนี่!"เจ้าตัวแสบเอ่ยปากโวยวายส่งแววตามายืนยันคำพูดของตัวเอง อย่างจะบอกว่าต่อให้ปากเสียแต่ก็ยังมั่นคงและรักจริงไม่เปลี่ยนแปลงอะไรแบบนั้น

นี่แหละคาวี่ของจริง ส่วนชีคก็ตามประโยคข้างบนแหละ เค้าเรียกตายรัง 5555+ ไปไหนไม่รอด คาวี่มันมัดไว้แระ อัชชาล์หนีไม่รอดหร๊อกกก

ขอบคุณค่ะ สำหรับนิยายดีๆอีกเรื่อง ต่อจากนี้ไปก็เก็บตังค์สินะ แอร๊ยยย

+1 ให้แล้วจ้าาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 14-11-2011 00:34:51
โอ้ยจบแล้ว จิงๆหรอ


เศร้าอ่ะ  จบแบบให้คิดต่อเองอ่ะ  ต่างคนต่างรอ ต่างคนต่างแสดงให้เห็น



โอ้ยยยย  หนักใจ มากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 14-11-2011 00:46:43
เรื่องจบ แต่อารมณ์คนอ่านยังค้างๆ คาๆ
แต่ก็นะ ทั้งอัลซาร์ทั้งคาวี่ก็มีหน้่าที่ละทิ้งไม่ได้ คงต้องหวังให้คาวี่เคลียร์เรื่องของแก๊งให้เรียบร้อยโดยเร็ว แล้วตามหัวใจไปอยู่กับอัลซาร์
ขอบคุณที่แต่งนิยายที่สนุกครบทุกรสชาติมาให้ได้อ่านกันนะค่ัะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: sakerum ที่ 14-11-2011 01:50:22
ฮือๆ....ทั้งเศร้า ทั้งสุข
กว่าจะได้รักกัน มันช่างยาวนานนัก
แม้ตัวจะอยู่ไกล แต่หัวใจใกล้กัน
ฮ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ซึ้งงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 14-11-2011 01:55:17
เฮือก!!!
ไม่ได้อ่านเรื่องนี้ซะนาน  (ด้วยความขี้เกียจ)
พอเห็นขึ้นหัวเรื่องว่าจบแล้วเลยรีบเข้ามาอ่าน
พอเข้ามาก็...เอ่อะ  อ่านถึงไหนแล้วอ่ะ
งงกะความจำตัวเอง  จำเนื้อหาไม่ค่อยได้แล้ว
ดังนั้นจึงต้องขอย้อนกลับไปอ่านซัก2-3ตอนนะคะ
ว่าจะอ่านตั้งแต่ตอน34ใหม่เลย แต่แอบอ่านตอนจบไปจึ๋งนึง
แอบใจหายเหมือนกันที่เรื่องนี้จบแล้ว เดี่ยวอ่านจบแล้วอาจจะเม้นอีกทีนะคะ

ปล.ราคารวมหนังสือทั้งชุดเท่าไหร่คะ  แบบรวมทุกอย่างแล้วน่ะค่ะ
จองไว้ก่อนหนึ่งชุด  แต่คงจะได้โอนเงินช่วงปลายธันวาหรือต้นมกรานะคะ
ต้องรอเปิดเทอมก่อน  ตอนนี้น้ำท่วมม.หยุดยาววววววเลย
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/5
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 14-11-2011 02:33:04
จบแล้ว โอ้
ไม่อยากจะเชื่อ
ใจหายนิดๆ แอบอยากให้มีต่ออีกเยอะๆ
แต่บทสรุปมันก็เท่านี้สินะ

จองหนังสือ โอ้ววว
โอนได้ถึงสิ้นเดือนมกรา ดีใจขิงๆ
มีเวลาเก็บหอมรอมริบ

ปกโฮกฮากมาก สวย 
งามโฮกกกก

แต่คิดอยู่ว่าปกเซะซี่แบบนี้ เวลาไปรษณีย์มาถึงบ้านแล้วแม่เห็นจะเป็นยังไท
55 แต่ไม่เป็นไร หลบรอดได้ทุกครั้ง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 14-11-2011 10:47:37
จบแล้ว จบได้กับความเหมาะสมของความจริง
ไม่มีใครทิ้งหน้าที่ของตัวเองได้
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่อับให้อ่านทุกวันคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 14-11-2011 12:14:15
จบแล้วอ่า เป็นแนวที่ชอบมากๆ เลยเรื่องนี้

ตามไปจองหนังสือมาแระค่า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 14-11-2011 13:30:48
ในที่สุดก็มาถึงตอนจบแล้ว
มันเป็นตอนจบที่เข้ากับทั้งสองคนมากๆ
นิยายเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกว่าเจ๋งว่ะ o13
คนแต่งสุดยอด ผูกโยงเรื่องราวได้สุดยอดมาก
รู้สึกว่าอ่านแล้วมันมีเรื่องราวมีที่มาที่ไป
มันมีเหตุและผลในทุกการกระทำ
มันเป็นเรื่องพื้นฐานในชีวิตคนเราจริงๆ
หน้าที่ที่ต้องทำ และหัวใจของตัวเอง
ขอบคุณที่สร้างสรรผลงานดีๆและสนุกๆแบบนี้มาให้อ่านกัน
ขอบคุณจริงๆค่ะ o1
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 14-11-2011 18:20:38
จบซะแล้ว แต่ก็เป็นตอนจบที่ดี รึเปล่า 555

ไงก็จบสไตล์นี้ล่ะดีที่สุด เพราะมันเข้ากับนิสัยของทั้งสองคนสุดๆ

ว่าแต่กว่าจะลงเอยกันจะไม่แก่หงำเหงือกใช่มั้ย ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 14-11-2011 22:09:35
มาอ่านตอนจบทันจนได้   

อ่านไปก็   :monkeysad:     :monkeysad:

สุดท้ายนี้ไม่มีอะไรจะเม้นส์นอกจากคำขอบคุณที่เสียสละเวลามาลงนิยายให้อ่านกัน

 :pig4:    :pig4:   :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: •JaJuJing• ที่ 15-11-2011 04:52:04
ไม่ได้เข้ามาอ่านนาน มาอีกทีจบซะแล้ว

จบแบบนี้ทำให้ได้เห็นถึงความเป็นจริงที่ไม่สวยหรูเสมอไปนะคะ

ได้คิดอีกแบบบ้าง

ต้องขอบคุณมากๆเลยค่ะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านกัน ชอบมากเลย  o13

อยากได้หนังสือเก็บไว้จริงๆ ดีนะที่โอนถึงมกรา เพราะตอนนี้อินเทรนด์น้ำท่วมเหมือนกันค่าา  :monkeysad:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน Line 46 :สัญญาสุดท้าย UP!! 13/11/54 -จบแล้ว-
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 15-11-2011 07:03:44
..สวดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ในที่สุดก้จบแล้วอ่ะ

จบดีอยู่นะฮะ ได้แง่คิดมากมายจากเรื่องนี้ บางประโยค โดนใจ จนต้องจดเอาไว้เลยล่ะนะฮะ ตั้งแต่เริ่มอ่าน โดนเต็ม ๆ

จะติดตามต่อไปนะฮะ ถ้ามีผลงานชิ้นใหม่ ขอบคุณมากนะคร๊าบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน[behind the scense] -จบแล้ว- UP!! 15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 15-11-2011 12:04:34

Behind the scene



       ร่างของผู้คนสามสี่คนที่เบียดกันเพื่อลอบมองจากมุมอับของต้นไม้ใหญ่ทำให้แกเร็ต เคย์ ถึงกับปวดหัวจี๊ด ในวันที่คฤหาสถ์วาลกัสกำลังมีงานใหญ่ ทั้งที่เป็นงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งบอสคนใหม่อย่างเป็นทางการแท้ๆ แต่บรรดาคนสำคัญในพิธีกลับมาทำตัวเป็นพวกถ้ำมอง มายืนแอบซุ่มเบียดแย่งที่กันเพื่อชะเง้อแอบมองคนอื่นอย่างเสียมารยาทเป็นที่สุดแบบนี้ ดูแล้วมันน่าปวดหัวพอๆกับน่าหวาดหวั่นอนาคตของตระกูลวาลกัสเสียจริงๆ


         "ตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้วนะครับ"น้ำเสียงเรียบๆที่แสนเคยคุ้นด้านหลังไม่ได้รับการเหลียวแลโดยสิ้นเชิง มีเพียงเสียงครางในลำคอฮึ่มฮั่มแบบคนกำลังลุ้นจากคลาร์ก โรเซนเบิร์ก พร้อมอัปกริยาชะโงกหน้าไปแอบมองบอสกับคนรักที่กำลังคุยกันอยู่ด้วยท่าทีโจ่งแจ้งเป็นที่สุด ช่างไร้มารยาทและความมียางอายแบบน่าจับมาฝึกใหม่เสียจริงๆ


         "ผมกำลังจะไปแจ้งให้บอสเตรียมตัว"..หรือจะบอกอีกนัยก็ได้ ว่าเหล่าคนแอบดูผู้เสียมารยาททั้งหลาย ควรจะเดินออกไปจากที่นี่ได้แล้ว


         "เดี๋ยวค่อยไป คนเขาคุยกันอยู่"เสียงร้องห้ามจากคุณชายคนที่สามของวาลกัส คนที่แกเร็ตคิดว่าจะมีมารยาท..ไม่สิ มีสติหรืออาการยั้งคิดสักนิดก่อนจะมาทำตัวแบบนี้สักนิดจากพฤติกรรมที่ผ่านมาก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไร แต่พอเห็นแล้วเขาก็บอกได้อย่างชัดเจนและหนักแน่นว่าความอยากรู้อยากเห็นมันมีอานุภาพมากมายนัก


         "แต่แขกเหรื่อเริ่มเดินทางมากันแล้ว ต้องมีคนคอยต้องรับ.."


         "ไม่เป็นไร ปล่อยไปก่อนเถอะน่า"ใบหน้าของคุณชายคนรอง..ฝาแฝดคนน้องของคุณชายอเล็กซิสที่กำลังวุ่นวายหัวหมุนอยู่ตรงหน้างานเอ่ยปากพูด นัยน์ตาสีฟ้าสดวาววับและดวงหน้าที่เหมือนคุณชายคนโตทุกกระเบียดกำลังทำเรื่องเสื่อมเสียแบบที่สมควรจะโดนพี่ชายมาจับตีก้นเสียให้เข็ด เอ่ยปากทักท้วงอย่างปล่อยวางไม่สนใจการงานชนิดไม่ไว้หน้าแฝดคนพี่สักนิด


          "แน่ใจเหรอ...นี่ตกลงกันแล้วนะ ว่ามันเป็นหน้าที่.."


          " เออน่า แกเร็ต รอก่อนเถอะ...อ่ะ..."อเล็กเซย์ออกปากว่า ก่อนจะร้องเหวอ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าน้ำเสียงของคนพูดมัน...ชวนคุ้นแปลกๆ


          "อ่า...อเล็ก...ซิส..." น้ำเสียงจืดเจื่อนของหลานชายสุดที่รักทำให้คลาร์กชะงัก ใบหน้าของมือขวาคนสนิทของบอสวาลกัสละสายตาจากภาพการกอดรัดคลอเคลียของชายสองคนเบื้องหน้าช้าๆ เพื่อมาพบกับสายตาดุๆที่จ้องเขม็ง และร่างของคุณชายอเล็กซิส วาลกัสที่ยืนตระหง่านสีหน้าถมึงทึงด้วยความไม่พอใจ


            "ว่าไง?"รอยยิ้มของพี่ชายคนโตบัดนี้ช่างไม่น่ามองยิ่งกว่าสีหน้าเรียบๆชวนหมั่นเหมือนทุกคราวเสียอีก คาร์โลยิ้มเหยกับสีหน้ามืดทะมึนปานเมฆครึ้มก่อตัวของคนเป็นพี่ น้องชายคนกลางที่แสนจะไม่ชอบขี้หน้าพี่ชายคนโตทำได้เพียงขยับตัวแนบชิดคนเป็นพี่รองพลางขยับแขนเกาะหมับด้วยรู้ว่านี่เป็นเพียงทางรอดเดียวจากพายุโทสะของคุณชายอเล็กซิสเบื้องหน้าได้ แต่เหมือนว่ามันจะไม่ใช่ทางที่ควรทำเท่าไหร่นัก สีหน้าของอเล็กซิส วาลกัส จึงยิ่งมืดทะมึนเข้าไปอีก

            "ขณะที่ฉันกำลังรับแขกหัวหมุน น้องชายที่น่ารักทั้งสองคนกับคุณอาคนดีกลับมายืนแอบมองกันอยู่นี่"อเล็กซิส วาลกัสเอ่ยด้วยรอยยิ้มแสยะ"ชอบแอบดูกันแบบไร้มารยาทนักใช่ไหมนี่ ไม่ว่าหน้าไหนๆมันก็ยังอยากสอดรู้เรื่องของคนอื่นกันไปเสียหมดสินะ หือออ"


           เสียงบ่นว่าทั้งก่นด่าทั้งตำหนิของคุรชายอเล็กซิสดังขึ้น พร้อมกัยเงากายขยับไหวของสองชายหนุ่มผู้ถูกแอบมองเบื้องหน้าทำให้สังหรณ์แล่นวูบ นึกกลัวว่าผู้เป็นบอสอาจจะมาเห็นภาพการแอบดูที่ไม่น่าเกิดขึ้นนี้ แกเร็ตจึงรีบก้าวเท้าบัง พร้อมกับค้อมกายเชื้อเชิญให้คาวัลโล วาลกัส ให้เข้าไปเตรียมตัวในงานเลี้ยงเสียงที หากแม้แกเร็ตจะกู้หน้าจากบอสได้แต่ก็คงช่วยบรรดาชายหนุ่มที่กำลังถูกเช็คบิลไม่เว้นรายคนไม่ได้ ที่ปรึกษาบอสใหญ่ทำได้เพียงยืนสงบจ้องมองภาพคุณชายอเล็กซิสยืนชี้หน้าตัวการแต่ละคนพลางออกปากบ่นด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับปลงอนิจจัง..และกระซิบบอกตัวเองอย่างหนักแน่นว่าสมควรโดนแล้วจริงๆ


            "นี่...."น้ำเสียงคำรามเบื้องหลังแสนคุ้นหูทำให้ชายผู้กำลังยืนมองคุณชายอเล็กซิสชำระแค้นอยู่ชะงัก แกเร็ตหัวคิ้วกระตุกวูบ หันหลังกลับเพื่อจะพบกับนัยน์ตาสีน้ำทะเลแสนเคยคุ้น และใบหน้าของบอสคนปัจจุบันซึ่งบัดนี้ยืนแยกเขี้ยวถมึงทึง จ้องมองตัวเขาและบรรดาคนแอบมองทั้งหลายด้วยแววตาวาววับ พร้อมกับแขกคนสำคัญของบ้านที่มีสีหน้าตกตะลึงไม่แพ้กัน..


            " คนบ้านนี้มันชอบแอบมองกันมากใช่ไหมหา..ทั้งพี่ทั้งอาทั้งลูกน้อง..เป็นแบบนี้กันไปเสียหมด..."คาวัลโลคำรามในลำคอ อารมณ์ดีๆที่เคยมีพลันถูกพัดหายเมื่อรู้ว่าฉากพลอดรักของตัวเองถูกสายตานับสับคู่จ้องมองอยู่ไม่กระพริบ สีหน้าของบอสมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่จึงยิ่งมืดทะมึน แยกเขี้ยววาววับพร้อมกับคำรามสั่งการดังลั่นราวกับคำประหาร


            "ชอบแอบดูกันนักใช่ไหมหา..ดี!ฉันจะให้พวกแกมานั่งเฝ้าสุสานนี่ทั้งคืนเลย!!"


...




Take 2



        บรรยากาศภายในงานเลี้ยงดินเนอร์ฉลองตำแหน่งบอสใหญ่ของวาลกัสในสวนสวยหน้าคฤหาสถ์ใหญ่โตโอ่โถงเป็นไปด้วยความรื่นรมย์ วงดนตรีคลาสสิกขนาดย่อมๆบรรเลงบทเพลงอมตะแว่วหวานอยู่บนเวทียกพื้นสูงจากผืนหญ้าเล็กน้อย บริกรชายหญิงในชุดพนักงานเสริฟเดินว่อนทั่วบริเวณ แขกเหรื่ออันมีตั้งแต่บรรดาบุคคลสำคัญในตำแหน่งต่างๆ บรรดาพันธมิตรจากแกงค์อื่นและผู้นำประเทศคู่ค้าต่างก็มาร่วมงานมากมาย โดยมีจุดสนใจอยู่ที่บอสคนใหม่ของวาลกัส ผู้ที่นับแต่ก้าวเข้ามาไม่ถึงครึ่งปีก็สร้างผลงานใหม่ให้เป็นที่ประจักษ์ ด้วยการผูกมิตรกับกลุ่มแกงค์สองแกงค์ที่เป็นหนึ่งในสี่อิทธิพลมืดของอิตาลี นั่นก็คือเรกาโซ่และกราดอนนั่นเอง


          ร่างของคุณชายราฟาเอลโร่ บอนด์เต้ยืนปะปนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนด้วยสีหน้าเรียบเฉยอันแสนปกติ หากผู้คุ้นเคยรู้ดีว่านัยน์ตาสีเทานั้นกำลังฉายแววอารมณ์ขุ่น บอกได้ว่าเป็นเพราะชายหนุ่มที่อยู่ในตำแหน่งบอสของวาลกัส ที่วันนี้โดดเด่นเจิดจรัสน่าจับตามองนัก


          "มองเข้าไป ไฟอิจฉาลุกท่วมแล้วสิท่า"น้ำเสียงเรียบๆหากชวนโมโหจากคนข้างกายทำให้คนถูกทักชะงัก ราฟาเอลโร่หันมามองสบตาผู้ที่ยืนอยู่ข้างกาย หญิงสาวสวยวัยยี่สิบกว่าปีในชุดราตรีสีท้องฟ้ายามค่ำคืนออกแบบเรียบๆหากดูดีมีรสนิยมไม่น้อย รับกับเส้นผมสีดำสนิทหยักสลวยงดงามและใบหน้าหวานแฝงความเย่อหยิ่งและรอยยิ้มมุมปากรับกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มแปลกตา นัยน์ตาคู่นั้นตวัดมองร่างของชายผู้อยู่ในวงล้อม สีหน้าชื่นชมอยู่ในที โดยไม่รู้เลยว่านั่นยิ่งทำให้ไฟอิจฉาที่ว่ายิ่งลุกท่วม


           "ก็มองเหมือนกันนี่..หรือเสียดาย ที่พลาดตำแหน่งนายหญิงไปได้"ข้อความระคายหูนั้นทำให้คนฟังขมวดคิ้ว นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มสบมองดวงตาสีชาที่แฝงแววไม่พอใจก่อนจะพ่นลมหายใจพรู


           "อย่าหาเรื่อง"ใบหน้าหวานเบือนหนี ท่าทีหงุดหงิดราวกับไม่อยากจะสนทนากับคนข้างกายให้เสียอารมณ์"ถ้าไม่อยากมางานกับฉันนัก ก็เดินออกไปซะ"


            วาจาตัดรอนสั้นๆพร้อมใบหน้านิ่วนั่นทำให้ผู้มองรู้ตัวว่าเล่นแรงไปเสียแล้ว สีหน้าเคร่งนั้นจึงค่อยจืดเจื่อน กระทั่งแววตาก็อ่อนลงโดยไม่รู้ตัวยามก้าวเท้าไปดักหน้าไม่ให้ร่างของหญิงสาวข้างกายเดินไปไหนไกลตาอีก..


        ....นัยน์ตาสีชาจ้องมองดวงหน้าที่เคยคุ้น แลสบนัยน์ตาสีน้ำเงินคู่งามไม่กระพริบ ดั่งคำสัญญาที่พร่ำบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า..ว่าจะไม่ปล่อยให้คนตรงหน้าหลุดมือไปอีกเป็นครั้งที่สอง


          "ขอโทษ..ฉันไม่ได้ตั้งใจ"


          ฝ่ามือที่ตวัดกุมมือไว้ ปลายนิ้วสอดไล้ทั้งดวงตาที่แฝงแววออดอ้อนอยู่ในทีช่วยคลายความคุ้นเคืองได้ดีนัก สีหน้าหงุดหงิดจึงพลันอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว คนถูกอ้อนได้แต่ถอนหายใจรับ เอ่ยคำ


          "ฉันอยากกินคอกเทล"


          "รอเดี๋ยวนะ..."ราฟาเอลโร่เอ่ยรับคำด้วยสีหน้าแช่มชื่นขึ้น หากร่างที่กำลังหมุนกายไปหาสิ่งที่หญิงสาวของตนต้องการพลันชะงักเมื่อได้มองเห็นร่างของชายอีกคนที่อยู่เบื้องหลัง บุรุษในชุดสูทสากลหากดวงหน้าแบบชาวตะวันออกและนัยน์ตาสีเข้มบ่งบอกถึงความแตกต่าง และใบหน้านี้ก็เป็นคนที่ตนรู้จักดีพอสมควรเสียด้วย


           "สวัสดีครับ..ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก"ริมฝีปากของผู้เอ่ยปรากฏรอยยิ้มจาง..ด้วยรู้ดีถึงสัมพันธ์ของชายตรงหน้ากับบอสมาเฟียคนใหม่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนนั้น


           "เช่นกัน..ราฟาเอลโร่ บอนด์เต้"ศีรษะของชีคหนุ่มผงกรับการทายทัก แลสบแววตานั้นอย่างไม่หวั่นเกรง ก่อนจะปรายมองสตรีที่ยืนอยู่ข้างกายอีกฝ่ายช้าๆ..ร่างบอบบางของหญิงสาวใบหน้าสะสวยจึงย่อกายทายทัก


           "สวัสดีค่ะ ดิฉัน ซิลเวีย กราดอน"ชื่อของคนที่ไม่เคยคิดจะได้เจอทำให้หัวคิ้วพลันขมวดเข้าหากันอีกครา อัลชาอ์กวาดตามองร่างของหญิงสาวที่ได้ทราบว่าหล่อนเป็นคู่หมั้นของคนรักตนอย่างสำรวจตรวจตรา หากร่างที่แนบชิดและฝ่ามือที่วางบนบั้นเอวอีกฝ่ายของราฟาเอลโร่ บอนด์เต้ก็บ่งชัดว่ามีสิ่งใดแปรเปลี่ยน..


          "อัลชาอ์ มูอัสซิน ยินดีเช่นกัน"ชีคหนุ่มเอ่ยทายทัก สบมองแววตาสีน้ำเงินของหญิงสาวเบื้องหน้า สีหน้าของผู้ฟังฉายแววประหลาดใจขึ้นเพียงชั่วครู่ก่อนจะยิ้มพลางหัวเราะออกมาเบาๆ


          "คะ...ยินดีด้วย..ยินดีจริงๆ"คำกล่าวที่แฝงความนัยน์นั้นทำให้คนฟังเลิกคิ้วขึ้นช้าๆ ท่าทีของหญิงสาวตรงหน้าคล้ายจะรู้บางสิ่งบางอย่าง แต่ก่อนจะออกปากถามร่างนั้นก็ควงแขนราฟาเอลโร่เดินห่างออกไปเสียแล้ว ทิ้งให้ความสงสัยเกิดขึ้นในใจชีคหนุ่มอย่างเงียบๆ และคำตอบทั้งหมดก็คงต้องเค้นถามจาก"บอส"คนใหม่ที่กำลังยืนอยู่บทเวทีแล้วสิ่งยิ้มหวานมาให้คนนั้น ท่าทีมั่นใจและองอาจนักหนานั่นทำให้อัลชาอ์นึกอยากจะรู้เสียแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่ได้ติดต่อกัน การ"จัดการ"ของเจ้ามาเฟียตัวแสบนั้นเป็นเช่นไรกันแน่ ถึงได้แปรเปลี่ยนทั้งความสัมพันธ์ของแกงค์และคู่หมั้นของตนเองไปได้ถึงเพียงนี้


         "ดูคล่องแคล่วเชียวนะคะ บอสคนนี้"เสียงหวานๆที่ดังข้างกายทำให้ชีคหนุ่มชะงัก นัยน์ตาสีเข้มละสายตาจากภาพของคนรักมายังหญิงสาวข้างกาย หล่อนเป็นสุภาพสตรีหน้าตาสะสวย ทั้งใบหน้าทั้งอัปกริยานั้นแน่ชัดว่าต้องเป็นที่หมายปงอของชายหนุ่มทั้งงานเป็นแน่ ประกอบด้วยนัยน์ตาสีท้องฟ้าคู่สวยแสนคุ้นตา เส้นผมสีทองถูกจัดทรงอย่างงดงามประดับด้วยสร้อยเพชรที่ลำคอระหง หล่อนอยู่ในชุดราตรีสีขาวโดดเด่นท่ามกลางสีดำซึ่งเป็นโทนหลักของเสื้อผ้าในวันนี้ อีกทั้งรอยยิ้มมุมปากของเธอดูมีสเน่ห์น่าค้นหายิ่งนัก


         "ครับ...คุณ?"ชีคหนุ่มรับคำ เอ่ยถามกลับ


         "อเล็กซานดร้า วาลกัสคะ เจ้าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นน่ะน้องชายของฉันเอง"น้ำเสียงทายทักพร้อมรอยยิ้มหวานทอดสิท ไม่ได้ทำให้นึกสนใจไปมากกว่าคำตอบที่ได้รู้ว่าเหตุใดถึงรู้สึกเคยคุ้นนัก เพราะสายเลือดเดียวกันและดวงตาที่คล้ายเหมือนกันนี่เอง


         อัลชาอ์ขยับยิ้ม อ้าปากจะแนะนำตัวกลับบ้าง " ผม อัล..."


        "ซานดร้า~วันนี้ไม่ควงหนุ่มคนไหนมาเหรอ?"ร่างของอเล็กเซย์ วาลกัสเดินเข้ามาหาน้องสาว ฝ่ามือวางลงบนไหล่บางอย่างสนิทสนมพร้อมรอยยิ้มเริงร่าอันเเสนเคยคุ้น และด้านหลังคือร่างของคู่แฝดที่ยืนคุมเชิงถือแก้วคอกเทลอยู่เงียบๆและพยักหน้าทายทักช้าๆ


          "หยาบคายจริงพี่อเล็กเซย์ ฉันจะมีหนุ่มที่ไหนเล่า พาใครมาก็โดนคนแถวนี้ไล่กระเจิงทุกที"อเล็กซานดร้าเอ่ยปฏิเสธพลางส่ายหน้า ก่อนจะหันมาทำตาหวานใส่ชีคหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงข้ามทันควัน "ก็ว่าจะหาหนุ่มแถวในงานควงอยู่ ไม่ทราบว่าสนใจไปจิบ....."


           "อเล็กซานดร้าน้องรัก วันนี้พี่ชายรู้สึกปวดหัวนิดหน่อยเพราะงั้นแก้วนี้ขอยกให้น้องนะ"ก่อนที่หญิงสาวคนเดียวในหมู่ชายจะเอ่ยจบ อเล็กเซย์ก็สอดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับยัดแก้วคอดเทลใส่มือน้องสาวทันควัน


            " อะไรกันพี่อเล็กเซย์ ไม่กินก็ให้พี่อเล็กซิสซี ทุกทีเห็น"กิน"กันจนเป็นเรื่องปกติ"อเล็กซานดร้าออกปากจิกกัดพี่ชายที่รักทั้งสองอย่างอดรนทนไม่ไหว ร่างระหงสะบัดกายหนีหันมาอีกทางเพื่อจะคุยกับชายหนุ่มที่ตนหมายตา แต่กลับพบว่าน้องชายผู้เป็นบอสได้เดินลงเวทีมายืนคุยกับชายหนุ่มคนนั้นแทนที่หล่อนเสียอย่างนั้น


           "...นี่พี่กำลังช่วยน้องอยู่นะ อเล็กซานดร้า"พี่ชายคนโตของหล่อนกระซิบตอบสั้นๆน้ำเสียงจริงจังเอ่ยให้ได้ยินเพียงแผ่วเบา"น้องสาวของพี่น่ะสเน่ห์แรงและเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มมากมาย พี่ชายนะรู้ดี และผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นคนดี ดีมากเสียด้วยสมกับเป็นคนที่น้องจะสนใจ..”


     “...แต่คนแบบนี้มักจะมีข้อเสียที่ยิ่งใหญ่อยู่...และข้อเสียอย่างเดียวของเขาที่พี่จะพูด คือผู้ชายคนนั้นเป็นคนรักของน้องชายเธอนะจ๊ะ..."


            ว่าแล้วพี่ชายแสนรักทั้งสองก็เดินจากไป ทิ้งให้น้องสาวคนงามผู้กำลังหลงระเริงด้วยรักแรกพบยืนคลั่งอยู่กับความจริงอันประกอบด้วยภาพชัดเจนตำตาบ่งบอกความสนิทสนมของน้องชายกับคนรักซึ่งเป็นหนุ่มหล่อที่หล่อนหมายตาอยู่ตรงหน้า แถมพกด้วยสายตาถลึงมองอย่างรู้ทันของน้องชายคนเล็กดั่งประกาศเจ้าข้าวเจ้าของ ให้คนเป็นพี่ยืนอึ้งร่ำร้องอยู่ในอกด้วยความขัดเคืองใจเป็นที่สุด!


...........................



Talk  :z2:

   ตอนนี้เป้นตอนแถมพก ไม่ใช่ตอนส่งท้ายนะคะ อันนี้ถือว่าเป็นเก็บตก ฮาๆขำๆกัน ตอนแรกก้ถ้ำมองกันทั้บ้าน ตอนสองมีราฟาเอลโรสิ้นลายกับซิลเวียโผล่มานิดๆ คาวี่ก็ปลดล๊อกของตัวเองไปได้อย่างนึงละ (ฮ่าๆ)และต่อด้วยคุรพี่อเล็กซานดร้าที่...นะ...(ตบบ่าเบาๆ)ผันกายไปเป็นสาววายเถอะคะ :laugh:
     ส่วนตอนส่งท้ายจะตามมาพร้อมกับนิยายเรื่องใหม่ค่า รออ่านกันด้วยเน้อ เรื่องของคุณอาคลาร์กกับแกเร็ต จะว่าเป้นซีรี่ส์มาเฟียตอนต่อของเรื่องนี้ก็ว่าได้ ใครคิดถึงคาวี่รับรองว่าได้เจอแน่นอน เพราะคุณบอสก็ถือว่าเป็นตัวละครหลัก และจะมีอัลโผล่มาให้แทะโลมด้วย ( :laugh:)

 แอบโปรยหลอกล่อ(ครึครึ)

Route liebe
(อ่านว่า รูทเทอะ ลิบเบอร์ เป็นภาษาเยอรมันคะ อนึ่ง..ความหมายเสี่ยวแดกมาก-*- )
 
 ‘คนๆนั้นบอกว่าเขาไม่ต้องการความรัก..เขาไม่รู้จักความผูกพันธ์หรือรักใคร่ที่มีต่อใคร..
แต่เขาจะรู้บ้างไหม ว่าทุกการกระทำ ทุกคำพูดนั้น แสดงออกถึงความรักที่มีให้ผมมากมายเหลือเกิน.. ‘

‘รู้ดีว่าดวงตาคู่นั้นกำลังบอกอะไร รุ้ดีว่ารอยยิ้มและทุกสิ่งที่ได้รับหมายความอย่างไหน..
แต่..คนอย่างเขา มีค่าพอที่จะได้รับมันหรือ ในเมื่อเป็นฝ่ายช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างของมันมากับมือ.. ‘

           ....................................................................................

.............TBC. จ้า :z2:


  แล้วก็มาแจ้งเรื่องหนังสือหน่อย มีคนสงสัยอะไรหลายอย่าง เดี๋ยวขอแจ้งเป็นข้อๆนะคะ

1.ราคาหนังสือ
-ราคาหนังสือเล่มละ 550 บาท แต่ช่วงโปรโมชั่นลดเหลือ 510บาท(+แถมโดจินและที่คั่น)พร้อมค่าส่งอีก 60 บาทสรุปคือจ่าย 1080 บาทถ้วนค่า

2. การโอนเศษสตางค์
 -เรื่องโอนเงินเป็นเศษสตางค์ที่หลายคนสงสัย ปุ้ยถามทางสำนักพิมพ์มาแล้ว พี่ๆแจ้งว่าการโอนเศษสตางค์นี่ไม่บังคับคะ แต่เวลาโอนเงินมาให้จะทำให้เช็คง่ายกว่าการโอนเงินปกติค่า แต่ไม่บังคับว่าจะต้องโอนมาเป็นเศษสตางค์เท่านั้นเท่านี้ ตามแต่สะดวกของแต่ละคนค่า

3.ปกนิยาย
 -แจ้งเผื่อมีคนเข้าใจผิด ปกที่ปุ้ยเอามาโพสต์เป็นปกที่ต่อกันแล้วนะคะ ตัวปกนิยายจะแบ่งเป็นสองปก รูปคาวี่ปกหนึ่งและรูปอัลชาอ์ปกสองคะ ไม่ได้อยู่ร่วมเฟรมเดียวกัน แต่พอนำมาต่อกันแล้วจะเป็นรูปอย่างที่เห็น ฉะนั้นไม่ต้องกลัวถูกจับได้(ฮ่าๆ)

4.ตอนพิเศษ
  -ตอนพิเศษทั้งห้าตอนที่จะลงในนิยายนั้นจะไม่ลงในเว็บ และจะมีตอนพิเศษที่เป็นเรื่องราวของอัลกับคาวี่ที่ได้อยู่ด้วยกันในที่สุดคะจะบอกว่ามีจบแบบแฮปปี้เอนด์ที่ได้อยู่ด้วยกันในเล่มก็ว่าได้ ประมาณว่าหลายปีให้หลังอะไรแบบนี้

5. วิธีสั่ง-ระยะเวลาโอน
 -กดสั่งของในเว็บ จะมีรายละเอียดบอกไว้คะ และเริ่มโอนเงินได้ทันทีตั้งแต่วันนี้ถึง 31มกราคมค่า

แล้วเจอกันบทส่งท้ายกับนิยายเรื่องใหม่ค่า
 :bye2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: veeva ที่ 15-11-2011 12:09:58
จบแล้ว~~~

ขอบคุณมากค่ะที่ลงเรื่องดีๆนี้ให้อ่าน ตามมาโดยตลอดถึงจะไม่ค่อยได้เม้นต์

จะรอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 15-11-2011 12:47:25
อย่างน้อย การสอดรู้สอดเห็นก็เป็นเรื่องธรรมดาของปุภุชน ซึ่งเราก็ชอบบบบบบบ
ว่าแต่พี่สาวคนสวย ผันตัวไปเป็นสาววายน่ะ ดีแล้วนะค่ะ ชุ่มชื่นใจดีมากกกกกกกกก
อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 15-11-2011 13:31:32
พี่สาวใจตรงกับคาวี่เลย  หวังว่าจะไม่ศึกชิงอัลชาภายหลังนะ  ><


หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: wikichan ที่ 15-11-2011 14:05:18
.......วร๊ากกกก ชอบอ่ะ ตลกดี แกล้งกันไป แกล้งกันมา หุหุ~

เรื่องต่อไปก้น่าสนใจซะด้วยสิ^^

ว่าแต่ โปรโมชั่นที่ว่า 1080.- นี่ ถึง 31 มกราคมเลยใช่มั๊ยฮะ???
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 15-11-2011 14:12:44
อ๊ายยยยยยยย เป็นตอนเก็บตกที่น่ารักมาก รอตอนจบปิดท้ายจ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 15-11-2011 14:42:15
แกเร็ต คลาร์ก...อ๊ากกกกกกกกกก
รออ่านค่า ><
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 15-11-2011 14:51:22
เก็บตกจบแล้วจ้า

 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: เก๋ไก๋เจ้าค่ะ ที่ 15-11-2011 15:11:22
 o13
หลังจากลุ้นมาตลอด ในที่สุด ก็ Happy Ending เนอะ
ขอบคุณมากนะคะที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่าน
มันส์มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ส่วนเรื่องรวมเล่ม ยังมีเวลาใช่ไม๊คะ ขอเก็บเงินก่ิอนนะคะ ฮ่าๆ

Route Liebe
เราแปลออกนะ หึึหึ หึหึ
ตามไปอ่านแน่นอนค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 15-11-2011 15:14:29
รั่วทั้งแก๊งค์สินะ วาลกัสเนี่ย อิอิ
ป.ล.แม่คะ หนูไม่ได้มั่วนะ แต่คนเขียนเค้าบอกว่า TBC  o18
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: runynam ที่ 15-11-2011 16:10:39
special talk
ช่วงฮาได้อีกกกก :laugh: :laugh:
สสารอเล็กซานดร้านะ
มอใครไม่มอ  มองสามีน้องตัวเอง
กร๊ากกกกกกก :laugh:
ฮามากค่ะ อิอิ   รอตอนพิเศษกับเรื่องใหม่
มาไวไวนะค่ะ  o18 o18
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 15-11-2011 16:20:17
ชั้นสงสารซานดร้า แต่ทำไมชั้นหัวเราะเนี่ย :jul3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: crosa ที่ 15-11-2011 17:01:19
จบซะแล้ววววววYOY
น่ารักจริงๆ
และแล้วก็จบแบบแฮปปี้....อิอิ
คนที่สงสารที่สุดในเรื่องดูเหมือนจะเป็นอเล็กซานด้านะ...555+
กำลังเก็บเงินซื้อหนังสือคะ
รอติดตามเรื่องต่อไป....
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 15-11-2011 17:44:47
อ่ะโหยตอนแถมถูกใจมากค่ะ
อ่านตอนนี้แล้วเหมือนว่าเอล็กเชย์จะเดินเองได้แล้วใช่ไหมเนี่ย
ตอนถ้ำมองนี้อ่านแล้วฮาก๊าก :m20:  อะไรจะอยากรู้ขนาดนั้น
ตอนสองแอบงงๆก็ซิลเวียแล้วก็ราฟาเอลโล่นิดๆที่ฮาสุดคงจะพี่สาวที่จีบแฟนน้องชายซะงั้น  ก๊ากกๆ :jul3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 15-11-2011 17:45:00
ชอบตอนแถมนี้จัง
ครอบครัวนี้เค้าน่ารักดีนะ
น่าสงสารเอล็กซานดร้า ดันไปปิ๊งแฟนน้อง :m20:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!1
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 15-11-2011 18:38:44
ฮาตอนแอบดูนี่แหละ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 15-11-2011 19:58:40
เบื้องหลังสนุกอ่ะคะ รู้สึกว่าอัลซาร์จะเป็นที่สนใจของทุกคนจริงๆ ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 16-11-2011 04:05:40
รอบทส่งท้ายย~~

 :L2: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: momijijung ที่ 16-11-2011 11:42:09
ว้า จบซะแล้ว อยากให้มีตอนพิเศษๆมาอีกนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: boworange ที่ 16-11-2011 11:57:33
 :impress2: :impress2:  คู่นี่เค้าน่ารักแบบพอเหมาะ....

ปล.อยากได้หวานๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 16-11-2011 12:38:11
 o13

บวกเป็ดและ+1ให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 16-11-2011 13:07:42
อยากเป็นส่วนหนึ่งในการสอดรู้นั้นจังเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 16-11-2011 15:23:53
หลังจากติดตามมานานก็แฮปปี้แล้วววว
เย่ๆ
รออ่านตอนส่งท้ายค่าา!!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 16-11-2011 16:41:08



    เฮ้อ. . . แอบดูกันเข้าไป คนบ้านนี้ก็เป็นกันซะอย่างนี้อ่านะ
    เราไม่มีความลับต่อกันในครอบครัวใช่ไหม
    แต่มาฮาสุดๆก็ตอนสุดท้ายนี่แหละ แอบปลื้มคนรักของน้องชายตัวเอง
    เอาเถอะ ชายหนุ่มในงานยังมีอีกเยอะนะอเล็กซานดร้า!!



หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 16-11-2011 23:48:37
ร้ายมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก   ก ก ก  กก ก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 17-11-2011 00:52:12
บีไฮนด์อันนี้น่ารักมากกกก
ขำเซย์ ไปแอบดูเขาจนได้เรื่องนะ
แอบสงสารคุณพี่นิดนึง
ไหนๆก็มีทั้งสองคู่แล้วผันตัวไปอย่างที่คนเขียนเขาว่าเถอะ ฮ่าๆ
แล้วที่ซิสบอกกับน้องเรื่องอัลชาฮ์ ให้ความรู้สึกน่ารักมากเลย
(ก่อนหน้านี้ก็อบอุ่นกับซิสแต่ไม่ใช่อารมณ์แบบนี้  หลงคุณพี่ไปซะแล้วเรา)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 20-11-2011 03:05:34
ตอนพิเศษอันนี้ น่ารักมากเลยอ่า

ครอบครัวใจคอเค้าจะมีความรักต่อกันเลยใช่มั้ย

แอบดูกันจนได้เรื่อง แถมได้แผลอีกต่างหาก

แล้วซิเวีย สรุปว่ากลับไปรักกับ ราเอลโร่ (แอบเชียร์ว่าให้มีภาคของราฟาเอลโร่นะเนี่ย)

เหมือนเดิมเเล้วใช่ปะ

แอบฮ่าตอนท้าย :laugh: :laugh: อเล็กซานดร้า มีการปิ๊งๆๆอัลชาล์ด้วย เสียดายหลายนั้น เค้ารักเมีย หลงเมีย  :oo1: :oo1:

เอาเถอะ อเล็กซานดร้า ยังมีผู้ชายอีกเยอะ

ปล ป้าปุ้ย เค้าของตอนพิเศษ หวานๆๆ ของอัลชาล์ กับ คาวี่ บ้างดีแบบว่าคู่ผ่านดร่าม่ามาเยอะ

เค้าขอหวานเลี่ยน แบบละครช่อง เจ็ด สีได้มั้ย

เพราะว่ายังไงเค้าก็จะเอาหนังสืออยู่แล้ว

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 20-11-2011 06:07:19
อยากได้อะแต่ช่วงนี้จน
รอไปก่อน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 20-11-2011 15:10:00
เฮ้ยยย  :a5:  จบ แล้ว หรอออ

ติด สอบ (ยัง สอบ ไม่ ติด)
เด๋ว จะ กลับ มา อ่าน ใหม่ แต่ ต้น เลย

ชอบ เรื่อง นี้ มั้กๆ   :o8: :-[ :o8: :-[

จะ ทำ เป็น เล่ม ขาย มั้ย อ่าาา   อยาก ได้ ๆ :กอด1: :กอด1:   :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 20-11-2011 16:41:00
มารอป้าปุ้ย เมื่อไรจะมาหนอ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 21-11-2011 13:37:58
จบแล้ว :mc4: :mc4:
เก็บเงินรอหนังสือ
รอตอนพิเศษ :z2:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 22-11-2011 05:51:14
กำลังตามอ่านอยู่ครับ  :กอด1:

พออ่านๆไปได้แค่ครึ่งเดียว คิดเลยว่า ถ้ามีหนังสือตรูซื้อแน่  o7

สนุกมากครับ  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 22-11-2011 23:52:16
มารอป้าปุ้ย เมื่อไรจะมาอ่า :call: :call:

คิดถึงหนูคาวี่ จังเลย :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: หนอนเทพ ที่ 23-11-2011 23:35:58
สนุกมากๆ ขอบคุณนักเขียนที่ทำผลงานยอดเยี่ยมมาให้อ่าน รอติดตามหนังสืออยู่นะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 24-11-2011 18:57:42
มารอป้าปุ้ย

เมื่อไรจะมาอยากอ่านหนูคาวี่แย่แล้ว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 24-11-2011 19:24:44
จบแล้ววว ><
ใจหายแต่ก็ดีใจ (เอ๊ะ!ยังไง?)
อยากรู้จริงๆว่าจะจบยังไง แต่ออกมาแบบนี้ก็สมกับที่เป็นท่านชีคและคาวี่จริงๆ
ขอบคุณมากๆนะคะ ที่แต่งนิยายดีๆอย่างนี้มาให้อ่าน
'รักกุหลาบทรายฯค่า' ^^

ปล.ได้เวลายอดกระปุกเก็บตังค์แล้วสิ 55
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: ~@Alice@~ ที่ 25-11-2011 21:52:33
อยากบอกว่าชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกก  :o8:
รักคาวี่ หมั่นไส้อัลชาอ์นิดๆ 5555
อย่างตอนคาวี่ปฎิเสธอัลชาอ์เนี่ย ไอเราก็นึกโมโหคาวี่
แล้วก็หมั่นไส้อัลชาอ์ที่แสดงออกให้เค้าจับได้อีก =..=
แต่สุดท้ายตอนที่เข้าใจกัน ก็ยิ้มซะแก้มปริเลยเรา 5555
แล้วก็ชอบอัลชาอ์อยู่ตอนนึงนะ ตอนที่คาวี่เรา รู้ว่าโดนลุงเฟรดี้หักหลัง
เสียอกเสียใจเนี่ย อัลชาอ์ก็ไม่เข้าไปปลอบแต่ช่วยทำให้คาวี่คิดได้
และต่อสู้กับมันด้วยตัวเอง อันนี้แหละปลื้มมมมมมอัลชาอ์ 555
แล้วก็ฉากหวานๆระหว่างคาวี่กะอัลชาอ์เนี่ย
โหยยยยยยยย แบบทะเลหวานไปเลยอ่ะ 555
ทำเอาอ่านไปเขินไป ชอบคาวี่ที่เป็นทั้งแมวน้อยขี้อ้อน และไฮยีน่า [น่าฟัด555]
แต่ถ้าถามว่า ชอบใครที่สุดในเรื่อง...
ก็คงเป็นคาวี่ กะ อาคลาร์ก กริ๊ดดดดดดด ><
ชอบอาแกมากๆอ่ะ ซึนสุดๆ ชอบเคะซึนอ่ะ เห็นแล้วน่าจับฟัดที่ซู้ดดดดดดด 555555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 26-11-2011 01:10:32
มารอป้าปุ้ย เมื่อไรจะมาหว่า :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 28-11-2011 04:13:04
คุณพี่สาวกินแห้วซะแล้ว o3 o3
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: mercutery ที่ 28-11-2011 20:59:26
อ่านจบภายในสองวัน

ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก (ลาก ก.ไก่ ไปอีก10บรรทัดเลยค่ะ)

เป็นเรื่องระหว่างมาเฟียและท่านชีคที่ลงตัวมากๆ อ่านแล้วก็ลุ้นไปทุกตอนเลย
ฉากสวีทก็น่ารัก อ่านไปเขินไป

//เก็บเงินรอรวมเล่ม
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 04-12-2011 15:56:35
จบถูกใจ รอตอนส่งท้ายครับ
 :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line : กุหลาบทรายใต้เงาหิน [Sp.behind the scene] -จบแล้ว- UP!!15/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 16-12-2011 22:37:39
Behind the non scene
[เบื้องหลังของคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย!]

...............



    เสียงบทเพลงบรรเลงดนตรีคลาสสิคน่าฟัง เสียงพูดคุยของผู้คนในงานเลี้ยงกลางสวนสวยค่อยเงียบผ่านลงไปเมื่อเวลาเลยมาถึงห้าทุ่ม เสียงหัวเราะพูดคุย และเสียงรถราที่ค่อยแล่นผ่านออกไปบ่งชัดว่าคราวนี้งานเลี้ยงคงจะเลิกรา และมันก็ควรจะเป็นเวลาพักผ่อน และเก็บกวาดงานเลี้ยงสำหรับเจ้าภาพที่เหนื่อยมาทั้งวัน...


  ใช่ มันก็ควรเป็นแบบนั้น


  แต่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเก็บกวาด หรือพักผ่อน คลาร์ก โรเซนเบิร์กก็ไม่อาจทำมันได้ทั้งนั้น!


      ร่างสูงเพรียวนิ่งพิงรั้วเตี้ยๆทาสีขาวพลางส่งสายตาเขียวปั๊ดเต็มไปด้วยความไม่พอใจไปยังคนข้างๆกาย ทั้งที่งานเลี้ยงเลิกรา ทั้งที่ควรจะได้พักผ่อน แต่เปล่าเลย คลาร์ก กับไอ้โง่แกเร็ต เคย์กลับต้องมาอยู่ที่นี่

     ...นัยน์ตาสีบรูเน็ตจ้องมองเสาของโคมไฟเล็กๆที่เป็นเพียงแสงสว่างเดียวในที่แห่งนี้เขม็ง มองแสงไฟส่วางจ้าที่มีบรรดาแมลงกลางคืนมาเกาะ แสงสีเหลืออ่อนๆที่สาดเข้ามาทำให้เห็นสภาพโดยรอบกายได้ชัดมากกว่ามีเพียงแสงจันทร์ก็จริง ทว่า..มันกลับไม่ได้ทำให้นึกอุ่นใจมากขึ้นเลยสักนิด ฝ่ามือของคลาร์กกำรั้วสีขาวเล็กๆไว้  มันถูกกิ่งกุหลาบขาวพันเกาะเลื้อยตามธรรมชาติจนไม่เหลือที่ให้พักพิงมากนัก  กุหลาบกอใหญ่เติบโตและแผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมพื้นที่นี้ได้อย่างมากมายเสียจนน่ากลัวพอๆกับน่าทึ่ง

     จะไม่ให้น่ากลัวได้อย่างไรเล่าในเมื่อที่นี่มันคือสุสาน! มันคือป่าช้าที่เขากับไอ้เวรแกเร็ตต้องมานั่งเฝ้าตามคำสั่งไอ้คุณบอสเมื่อตอนเย็นนั่นแหละ!


          "อย่ามามองผมแบบนั้น"เสียงคำรามหงุดหงิดของแกเร็ตทำให้โทสะพุ่งปรี้ด คลาร์กตวัดสายตาไปมองเจ้าคนตัวโตที่ยืนกอดอกมองอะไรอยู่อย่างหงุดหงิด

          "ทำไม!ในเมื่อแกมันไม่เฝ้าดูให้ดี ไอ้หมอนั่นถึงได้จับได้!"วาจาที่พูดออกมาไม่ได้รู้ถึงความผิดของตัวเองสักนิด ช่างสายตามืดบอดจนชวนปวดหัวจริงๆ

          "แล้วคนปกติที่ไหนเขาจะมาซุ่มดูกันเล่า! เพราะคุณมันประเจิดประเจ้อเกินไปชัดๆ!"น้ำเสียงเถียงกลับทำให้คลาร์กแยกเขี้ยวรับ"ผมต่างหากที่ต้องโกรธ เพราะคนไม่ได้ทำอะไรเลยอย่างผมก็ยังเจอคุณมาโวยใส่แบบนี้ รวมทั้งต้องมานั่งเฝ้าสุสานบ้าๆนี้ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลยด้วย"

          "หาาา แล้วแกคิดว่าฉันอยากจะมาอยู่ที่นี่นักรึไงว่ะ! แล้วดูสิ ทำไมต้องมีแค่แกกับฉัน!"คลาร์กด่ากราดพลางคำรามในลำคออย่างไม่พอใจ ไม่พอใจสิ นอกจากจะไม่พอใจที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้แล้ว ยังไม่พอใจที่คนไป"แอบดู"น่ะมันมีตั้งสามสี่คนแท้ๆ ทั้งไอ้คาร์โล อเล็กเซย์ หรืออเลกซิสมันก็น่าจะโดนให้มาเฝ้าเหมือนกันสิ ในเมื่อมันก็แอบมองเหมือนๆกัน แต่ไอ้พวกเวรนั่นกลับใช้อภิสิทธิบอกว่าตัวเองไม่ใช่ลูกน้อง เลยไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่ง ทิ้งให้เขากับแกเร็ตที่ไม่อาจขัดอะไรได้มานั่งเฝ้ากันสองคนแบบนี้

       ทำผิดน่ะพอว่า แต่ถูกลงโทษ แล้วคนอื่นรอดทั้งที่มันทำเหมือนกันนี่มันน่าแค้นใจโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!

           "อ้อ คุณจะดีใจกว่างั้นสิ ถ้าได้อยุ่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ผม"วาจาหาเรื่องนั้นทำให้คนฟังชักจะปวดหัวจี๊ด

            "เออเซ่!ใครอยากจะมองหน้าบูดๆของแกให้หงุดหงิดกว่าเดิมกันว่ะ!"คลาร์กกระชากเสียงหงุดหงิด มาเฟียหนุ่มบ่นงึมในลำคอ ก่อนจะคว้าเอาไฟเเช็คและบุหรี่ในกางเกงมาจุดสูบแก้เครียด ทำเมินสีหน้างี่เง่าและท่าทางที่เงียบไปของแกเร็ตเสีย คลาร์กคาบบุหรี่ไว้ในปาก สายตาแอบเหล่ไอ้คนที่พอโดนด่าไปก็เงียบ...เงียบอย่างบ่งว่ามันกำลังอารมณ์เสีย ชวนให้คนมองต้องครางจิ๊กจั๊กในลำคอ ชักจะนึกรำคาญไอ้อาการ"อ่อนไหว"ประเภทพูดผิดหูอะไรก็เงียบเหมือนสาวๆแบบนี้ เหอะ!มันแค่ลูกน้อง แค่คนที่เขาเลี้ยงมา ไม่ใช่เมีย เรื่องอะไรจะต้องมานั่งเอาใจล่ะเฟ้ย!

           "นั่งลง!แกยืนบังไฟเว้ย ไม่เห็น!"คลาร์กตวาดใส่เจ้าคนที่ยังคงยืนทำหน้าเบี้ยวหันหลังให้ไม่เลิก และพอมันยังนิ่งเขาก็ทำท่าจะถอดรองเท้าเขวี้ยงหัวเรียกสติ เหมือนมันจะรู้ เพราะทันทีที่คลาร์กเอื้อมมือแตะรองเท้า ไอ้เวรแกเร็ตมันก็นั่งลงโดยอัตโนมัติ

         มองสีหน้าเรียบๆนิ่งๆ แต่นัยน์ตาฉายแววบึ้งตึงและอัปกริยาที่จงใจนั่งห่างออกไปแล้วนึกหมั่นไส้มันชะมัด หมอนี่มันเด็ก....ไอ้คนตรงหน้ามันเด็กที่โตแต่ตัวชัดๆ!โดนด่าอะไรนิดอะไรหน่อยก็เป็นแบบนี้ตลอด แล้วดูทำหน้าแบบนั้น ใครมันจะไปง้อให้เสียเวลากัน บอกแล้วไงว่าไม่ใช่เมีย จ้างให้ก็ไม่ง้อ ต่อให้ผิดที่ปากเสียก็ไม่ง้อเฟ้ย!

           "ผมไม่อยากสูบตอนนี้"แกเร็ตเอ่ยปาก เมื่อรู้สึกถึงซองบุหรี่ที่ถูกโยนลงบนตัก เขาเอ่ยท้วงหน้านิ่ว จะเสียก็แต่ตอนนี้ หน้าคนที่มองอยู่นั้นบึงกว่า

           "ยัดมะเร็งเข้าปากไปซะ!"วาจาช่างบังคับ แถมยังตรงและไม่เห็นใจคนฟังเหมือนเดิมเป๊ะ


               แกเร็ตเงยหน้าขึ้นกรอกตาคล้ายจะยอมแพ้ มาเฟียหนุ่มยัดบุหรี่เข้าไปคาบในปาก ถอนใจพรูแล้วตัดสินใจถอดรองเท้าทั้งสองข้างของตนออกบ้างด้วยรู้ว่าเนี้ยบไปก็ไร้ประโยชน์ แกเร็ตเงยหน้ามองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่ค่อนฟ้า ก่อนจะเบนสายตามายังคนที่โยนไฟแช็คลงมาบนตัก ซึ่งกำลังสูบมะเร็งอัดแท่งที่เจ้าตัวบอกแล้วพ่นควันออกจากปาก หายใจพรู...ให้ควันขาวๆลอยอวลในสุสานอันเงียบสงบ และมืดสลัว ร่างที่นั่งเอนกายพิงรั้วสุสานนั้นดูเหมือนพวกอันธพาลกวนเมืองมากกว่ามาเฟีย มาดเนี้ยบที่เคยพยายามรักษาบัดนี้หลุดหายไปจากกายไม่มีเหลือ ด้วยเน็คไทที่ถูกปลดลงพร้อมกระดุมที่ดึงออกสองสามเม็ด เสื้อออกจากกางเกง รองเท้าข้างซ้ายและขวาไปอยู่คนละทิศละทาง

            มองแล้วลอบถอยใจคล้ายระอาก่อนจะก้มหน้าก้มตาดูไฟแช็คในมือตัวเองบ้าง เพราะจุดเมื่อไหร่ก็จุดไม่ติดอย่างน่ากลัวว่าจะมีปัญหา

          "อะไร?"คลาร์กเอ่ยปากถาม เมื่อเห็นแกเร้ต ยกไฟแช็คของเขาขึ้นมามองส่องกับแสงไฟคล้ายจะดูหาความผิดปกติอะไรสักอย่าง แม้จะไม่เห็นเพราะมันเป็นสีเงินก็เถอะ

           "ไฟไม่ติด เปิดไม่ออก"แกเร็ตเอ่ยปากบ่น สีหน้าครุ่นคิด

            "หา...เมื่อกี้ฉันยังจุดอยู่เลย"มาเฟียหนุ่มบ่นพลางทำหน้านิ่ว "ดูดีๆสิ"

           "สงสัยจะเสีย"แกเร็ตบ่น ไม่ทันขาดคำสายลมเย็นๆก็พัดวูบผ่านผิวกายจนเขารู้สึกได้พร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ...ของบุรุษอันแสนจะไม่คุ้นหู  และนั่นทำให้มาเฟียหนุ่มชะงัก

          ".................." หันไปมองคนที่มาด้วยกันเงียบๆอย่างรู้ความนัยน์ที่ต่างก็กำลังรู้สึกแปลกๆอยู่แล้วหุบปากฉับ ไม่พูดอะไรเสีย คลาร์กรับไฟเช็คจากแกเร็ตมาถือจ้องมองมันเพียงครู่เดียว ก่อนจะยัดมันลงในกระเป๋า พลางถอนใจแรง

           "ไม่ติดก็ช่าง ต่อไฟเอา"ว่าแล้วก็ขยับกายเข้าไปหาเจ้าคนที่นั่งปากคาบบุหรี่นิ่งอย่างนึกหมั่นไส้ เมื่อมันดูจะไม่สะท้านสะเทือนอะไรกับลมเย็นๆและเสียงหัวเราะเมื่อกี้เสียจนน่าถีบ...ไม่สิ ความจริงจะไปสนใจทำไมเล่า ในเมื่อมันก็แค่ลมในฤดูใบๆไม้ผลิเท่านั้น และเสียงหัวเราะนั้นก็มาจากคฤหาสถ์วาลกัสที่กำลังสังสรรรค์กันอยู่มากกว่า...ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากกับแค่องค์ประกอบงี่เง่าที่จะทำให้หวาดกลัวเหมือนในหนังสยองขวัญ..ประเภทมานั่งในสุสานตอนดึกๆไม่มีไฟ ไม่มีคน แล้วจู่ๆก็มีลมพัดมาวูบนึงก็เท่านั้นเอง

      ใช่ แค่นั้น แค่นั้นเอง แค่นั้นเองงงง


          "คลาร์ก!!"

          "หา!!"เสียงเรียกใกล้หูทำเอาคลาร์กสะดุ้งโหยง มาเฟียหนุ่มอ้าปากร้องตอบดังพอกันด้วยความตกใจ พลันต้องสะดุ้งกว่าเดิมเมื่อพบว่าตนเองกำลังอยู่ในท่าทีลักษระชวนสงสัยแค่ไหน

          ร่างของเขา...คลาร์ก โรเซนเบิร์กขยับเข้าไปใกล้แกเร็ตเสียจนแทบเกยตักไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  บุหรี่ที่ว่าจะขยับต่อไฟกันตอนนี้แทบจะเข้าไปจิ้มแก้มตอบๆนั่นเข้าจนไอ้หัวแดงงี่เง่าต้องขยับหนี ถึงจะรู้ว่าเพราะมัวแต่เหม่อเกินไปเลยเกิดเรื่องแบบนี้...แต่ว่าเสียงตะโกนที่ดังแบบไม่จำเป็นนั้นก็ยังทำให้สะดุ้ง และหงุดหงิดจนต้องทำตาเขียวปั๊ดให้มันไป

          "เรียกอะไรของแกนัก"บ่นพลางขยับตัวออกห่างจากการใกล้เกินความจำเป็นนั้น ไม่รู้เพราะความตกใจความระทึกอะไรกันแน่คลาร์กถึงได้รู้สึกว่าหัวใจของเขาชักจะเต้นดังผิดปกติ

          "ผมเรียกคุณตั้งนานแล้ว แต่ใครล่ะมัวเหมื่ออยู่จนแทบเอาบุหรี่มาจุดไฟให้จมูกคนอื่นอยู่รอมร่อ"แกเร็ตตอบกลับทันควัน ใจความนั้นทำให้คลาร์กแยกเขียวรับด้วยความไม่พอใจ  มาเฟียหนุ่มพ่นลมหายใจพรูก่อนจะเอนตัวไปจุดบุหรี่ให้แกเร็ตอีกครั้ง อย่างจริงๆจังๆหลังจากมัวแต่ทำบ้าอะไรกันไม่รู้อยู่เมื่อครู่

        คลาร์กเอนตัวเข้าไปหา ใบหน้าค่อยโน้มใกล้ชิดเพื่อให้ปลายมวนจุดเข้าหากันได้ แน่นอนว่ามันต้องแช่ทิ้งไว้เป็นเวลาพอสมควร ร่างของคนแก่กว่าจึงต้องค้างอยู่ในท่านั้น ใบหน้าชิดใกล้ ตาสบตา นั่งงันท่ามกลางความเงียบและเเสงไฟจากโคมไฟบนศรีษะ...เงียบ เสียจนแทบจะได้ยินเสียงของหัวใจที่เต้นโลดเร้าขึ้นมาอย่างไม่อาจระงับ...

         ผิวแก้มแดงวาบ...ไม่รู้ว่าเพราะความขัดเขิน หรือเพราะเสียงหัวใจที่เต้นถี่เสียจนกลัวอีกฝ่ายจะรู้ตัว แต่แบบไหนมันก็ไม่ดีทั้งนั้น คลาร์กเสหลบตาทำเป็นสนใจเสียงพุดคุยที่ลอดออกมาจากคฤหาสถ์ด้านหน้าแทนที่จะมานั่งเล่นเกมส์จ้องตาแบบนี้ เพราะ...มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองแปลกไป ทั้งยังรู้สึกเสียเปรียบที่จะมานั่งใจเต้นโครมๆแบบนี้

           คลาร์กนึกหงุดหงิดขึ้นมาที่..หนึ่ง ตัวเองที่เตี้ยกว่ากลับต้องเป็นฝ่ายเงยหน้าไปจุดบุหรี่ให้ ทั้งที่ไอ้คุณแกเร็ตมันควรจะเป็นฝ่ายก้มมาขอจุดเองแท้ๆ และสอง ความจริงแล้วเขาไม่ได้ต้องการจะะหลบตาไอ้เวรนี่เหมือนอย่างที่แสดงออกมา แต่เขากำลังดูดาวแทนหน้าเน่าๆของมันต่างหาก ทำไมไม่รู้คืนนี้ดาวถึงได้สวยน่าดูกว่าทุกคืน และสาม...ที่สำคัญมากๆทำไมเขาถึงได้รู้สึกหนาวสันหลังเยือกๆขึ้นมาอีกครั้งอย่างแสนผิดปกติไม่ทราบ..


 ฟิ้ว~~

พรึ่บ!


      ".........."โดยไม่คำพูดใดออกมาจากปาก ร่างของสองหนุ่มสะดุ้งโหยง กระโจนเข้าหากันโดยอัติโนมัติ คลาร์กตะปบมือลงบนไหล่แกเร็ตทันควันพอๆกับที่อีกฝ่ายวางมือลงบนเอวของเขาหมับ นัยน์ตาสองคู่หันขวับมาสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมายต่างมองตากันภายใต้ความมืด แสงจากโคมไฟเพียงดวงเดียวที่ส่องสว่างภายในสุสานดับลงอย่างปริศนา เหลือเพียงสีแดงๆจากปลายมวนบุหรี่สองมวนที่จุดติดไปเเล้วเท่านั้น

      "....แก....แกได้ไปนั่งทับสายไฟอะไรแถวนี้รึเปล่า ตรวจดูหน่อยซิ"คลาร์กเอ่ยปากพูดกุกกัก ความหนาวเย็นของค่ำคืนฤดูใบไม้ร่วงที่เพิ่งเริ่มต้นอย่างที่เขาพูดไว้เริ่มทวีความเย็นมากขึ้นทุกคราว และค่อยๆคืบคลานมาแทรกไขสันหลัง

       "..ครับ..ครับ"แกเร็ตรับคำงกๆแบบลืมเถียงไปชั่วคราวแม้คำสั่งที่ได้รับมันจะงี่เง่าแค่ไหน สองหนุ่มผละออกจากกันคนเป้นที่ปรึกษาขยับตัวหันไปมองโคมไฟที่เขาพิงไว้ มันไม่ได้มืดมิดเช่นเมื่อครู่แต่มันติดๆดับๆอย่างชวนให้สงสัยนักว่าเกิดอะไรขึ้น

       "สงสัย..หลอดไฟมันจะเสียล่ะมั้ง"คลาร์กว่าพลางหัวเราะเจื่อนๆ คนเป็นมือขวาพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่มองอย่างอื่นนอกจากดวงไฟและสภาพน่าขันของแกเร็ตที่กำลังก้มๆเงยๆตามคำสั่งไร้สาระของเขา ตามปกติมันคงน่าขำอยู่หรอก..แต่ ตอนนี้กลับรู้สึกขันไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อๆซะอย่างนั้น...

       ฝ่ามือพยายามควานหารองเท้าที่เขวี้ยงทิ้งไว้ แกเร็ตจำได้ว่าเขาเหวี่ยงมันทิ้งไว้ใกล้ๆกับปลายเท้า แต่ทั้งเอามืองมทั้งเอาเท้าเขี่ยก็ยังหาไม่เจออะไรสักอย่าง มีแต่พงหญ้าเตี้ยๆและกอกุหลาบให้เขาล่ะมากกว่า 

       "นั่นสินะ..อ่า..."แกเร็ตพยักหน้ารับคำเรียบๆแม้ต่างก็รู้ดีถึงสิ่งผิดปกติที่พวกเขาพบเจอ กระนั้นก็เป็นที่รู้กันดีว่าจะไม่มีใครแสดงอาการหวาดหลัว หรือเอ่ยถึง เพราะนั่นหมายถึงความพ่ายแพ้..


       ...โตจนป่านนี้แล้วยังมากลัวพวก..พวกที่ไม่มีตัวตนจริงๆอีกได้ยังไง!

        "ฮ่ะๆ ฉัน..ฉันว่าจะกลับล่ะ มานั่งทำตามคำสั่งโง่ๆของไอ้บอสเวรนั่นมากพอแล้ว ไปนอนดีกว่า"คลาร์กเอ่ยปากขณะที่ทั้งมือทั้งเท้ากำลังควานหารองเท้าอย่างเอาเป็นเอาตาย และเช่นเดิม คือสายตาของเขายังคงจ้องมองไปที่ดวงไฟซึ่งเดี๋ยวก็ดับ เดี๋ยวก็ติดเขม็ง...

          "นั่นสิครับ..งั้นผมไป.."

          "เดี๋ยว!!!!"เสียงตะโกนลั่นดังแทรกขึ้นมาทันทีที่แกเร็ตทำท่าจะลุกพรวดขึ้น พร้อมๆกับฝ่ามือที่ตะปบหมับเข้าที่ขากางเกง แกเร็ตหันหน้าไปมองคนรั้งงงๆ เพื่อจะพบกับอีกฝ่ายที่อยู่ในสภาพ....ซึ่งเขาไม่คิดว่าจะได้เห็นบ่อยนัก

          ...มือข้างหนึ่งของคลาร์กกระตุกขากางเกงเขาไว้ ส่วนอีกข้างรวมทั้งขาทั้งสองพยายามหาบางสิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งมองแล้วคงไม่พ้นรองเท้าข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างเป็นแน่ ใบหน้าของคนที่มองตรงมาทางเขาทั้งเครียดทั้งขู่ไปในตัว นัยน์ตาเบิกกว้าง ปากที่คาบบุหรี่ควันฉุยกำลังขบเข้าหากันเหมือนจะพยายามหาข้ออ้างว่าเพราะอะไรถึงไม่อยากให้เขาลุกไปก่อน

             "จะไปก็ไปพร้อมกันสิเว้ย!ไอ้เวรนี่ แกนะ...."


        แซ่กๆๆๆ.


             เสียงอะไรสักอย่างถูกลากผ่านต้นหญ้าดังขึ้นเบาๆทำเอาสองหนุ่มที่กำลังเตรียมเค้นคอทุ่มเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างเคยชะงัก คลาร์กสะดุ้งเฮือก ดีดตัวพรวดขึ้นมาพร้อมกับถลาเข้าเกาะแขนแกเร็ตทันควัน นัยน์ตาสีบรูเน็ตกวาดหาที่มาของเสียงแม้จะยังหวั่นๆและ...ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าก็ทำให้สมองของทั้งสองเป็นเหน็บชาไปอย่างง่ายดาย..

         ..มือขาวๆซีดๆมีเลือดอาบทั้งยังเน่าเฟะสะท้อนแสงจันทร์และดวงไฟที่ติดๆดับๆกำลังถือรองเท้าหนังราคาแพงระยับของคลาร์ก โรเซนเบิร์ก ไว้และลากเข้าไปในดงกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามอย่างรวดเร็ว เสียงหัวเราะของบุรุษหนุ่มดังขึ้นอีกครั้งตามมาด้วยลมหนาวที่พัดวูบเข้ามาและดวงไฟที่ดับพรึ่บลงอย่างยาวนานอีกครา...

        ซึ่งหลังจากนั้นก็คงไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้น คลาร์กหน้าซีดเผือก มือขวาของบอสวาลกัสกระโดดขี่หลังแกเร็ตทันควันและคนถูกขี่ก็รีบวิ่งออกไปจากบริเวณนั้นด้วยความเร็วสูงแบบไม่ต้องสั่งสักคำ!



           ไฟที่ดับลงสว่างจ้าขึ้นอีกครั้ง และครานี้ไม่มีอาการติดๆดับๆหลงเหลืออยู่ เสียงหัวเราะขบขันแว่วมากจากด้านซ้ายมือของพงหนามพร้อมกับท่อนแขนอาบเลือดที่กำรองเท้าข้างหรูไว้ ไม่สิ..ความจริงที่บอกได้ คงจะเป็น"คน"ที่กำลังถือแขนปลอมๆซึ่งถูกทากาวเพื่อลากรองเท้ามาด้วยต่างหาก..

            ใบหน้าของ"ผี"ตัวจริงที่เดินออกมาจากพุ่มกุหลาบเต็มไปด้วยรอยยิ้มขบขันปนสาใจ เส้นผมสีน้ำตาลทองของ"บอส"คาวัลโล วาลกัส สะท้องแสงสว่างของดวงไฟน่ามองนัก ขณะที่ดวงตาสีน้ำทะเลพราวระยับชอบใจ เหวี่ยงแขนในมือตนเองเล่นไปมาอย่างนึกสนุก..

           "ไม่คิดเลยนะ ว่าคุณยังจะเล่นอะไรพิเรนๆแบบนี้อีก"ร่างของชายหนุ่มผู้เดินตามมาทีหลังเอ่ยคำพร้อมถอนหายใจเฮือก แต่คนทำฉีกยิ้ม คาวัลโลจ้องมองร่างของท่านชีคอัลชาอ์มูอัสซินผู้ถูกดึงมาร่วมแผนการณ์ครั้งนี้ ในมือซ้ายของชีคหนุ่มยังมีสายไฟสองเส้นที่ถูกขุดออกมาจากดิน...ใช่แล้ว ตัวการของแสงไฟที่จู่ๆก็ดับจู่ๆก็ติดที่คลาร์กและแกเร็ตเจอเมื่อครู่คืออัลชาอ์นั่นเอง

           "แหมมม พูดอย่างกับว่าไม่อยากจะเล่น ที่จริงคุณก็อยากแกล้งใช่มั้ยล่ะ เคืองสองคนนี้อยู่มากพอดูผมดูออกหรอก"คาวัลโลเอ่ยปากอย่างรู้ทันพลางหัวเราะคิกคัก

           "ต่อให้จะไม่พอใจ แต่ก็ไม่คิดจะใช้วิธีนี้นี่..เฮ้อออ.."ชีคหนุ่มบ่นพลางวางสายไฟที่ตนถือลงบนพื้น คาดว่ายามเช้าคาวัลโลคงจะให้คนของตัวเองมาจัดการมันต่อ"แล้วก็นะ...ไปเอาของแบบนั้นมาจากไหน?"

            "นี่เหรอ?"บอสมาเฟียผู้ถูกถามยกแขนพลาสติกอาบเลือดสีแดงก่ำและเน่าเฟะอย่างน่าสยองในมือพลางชูขึ้นแล้วโบกไปมา"ซื้อมาตอนฮาโลวีนปีที่แล้ว นึกไม่ถึงจริงๆแฮะ ว่าจะมีประโยชน์ขนาดนี้"

              อัลชาอ์เดินเข้ามาหาบอสหนุ่มตัวแสบด้วยสีหน้าขบขันปนระอาใจ  ชีคหนุ่มหยิบแขนปลอมจากมือคาวัลโลมาพร้อมกับดึงรองเท้าที่ถูกลากติดมาเมื่อครู่ออกพลางทำท่าจะโยนทิ้ง

            "เดี๋ยวสิ! ยังใช้ประโยชน์ได้อีกหลายงานน่ะ"คาวัลโลออกปากเมื่อเห็นว่าชีคหนุ่มจะเหวี่ยงทิ้ง"อีกอย่างนะเดี๋ยวคุณอากะแกเร็ตมันมาแถวนี้เดี๋ยวก็รู้กันพอดี"

              "ผมว่าภายในสามเดือนนี้พวกเขาคงไม่เข้ามาที่นี่แน่ๆ"ชีคหนุ่มบ่น ใครจะกล้าเข้ามาเล่า ในเมื่อที่นี่เป็นสุสาน สถานที่อโคจรซึ่งปกติก็ไม่มีใครอยากจะเข้ามาอยู่แล้ว จะมีก็แค่คนไม่ปกติอย่างคาวัลโล วาลกัส ที่กำลังยืนหัวเราะอย่างไม่รู้สึกรู้สาท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบเข้าขั้นวังเวงของที่นี่..กับอัลชาอ์ มูอัสซินผู้ซึ่งกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเจ้าตัวแสบไปแล้วเท่านั้นล่ะ

             "ก็ใครบอกให้มาแอบดูล่ะ  มันก็ต้องสั่งสอนกันบ้าง"คาวัลโลบ่นงึมพยายามแย่งแขนปลอมนั้นมาจากมือชีคหนุ่ม"นี่ผมยังมีอีกสามรายต้องจัดการนะ ทั้งพี่คาร์โล ทั้งพี่อเล็กทั้งสองอีก เอามาสิ!"

              "ไม่เอา กลับไปนอนได้แล้ว"อัลชาอ์ส่ายหน้าใส่วายร้ายจอมดื้อดึงตรงหน้า"ใครให้พกของแบบนี้ไปกลั่นแกล้งชาวบ้านกันเนี่ย ซนแบบนี้มันน่าตีก้นให้ลายจริงๆ"

              "โหยย ทั้งที่คืนนี้คิดว่าจะเอาไปเล่นกับคุณพี่ชายทั้งสามซะหน่อย"คาวัลโลโคลงหัว เลิกคิดจะแย่ง ก่อนที่คนเป็นบอสจะยิ้มเผล่

              "งั้น...ผมไม่แกล้งก็ได้ แต่คืนนี้ขอผมไปนอนด้วยนะ"

              "หืม?..มาแย่งที่นอนแขกได้ยังไง"อัลชาอ์เลิกคิ้ว ยิ้มขันกับท่าทีออดอ้อนและฝ่ามือสองข้างที่คว้าหมับ กอดเอวตนไว้แน่น..

              "งั้นไปนอนห้องผมก็ได้"คาวัลโลกระพริบตาถี่ๆออดอ้อน

              "เอ....เอายังไงดีนะ"แกล้งทำท่าคิดขณะที่คนอ้อนก็ทำหน้ายุ่ง จนต้องใช้ฝ่ามือลูบศรีษะเจ้าตัวเบาๆเป็นการปลอบประโลม"แล้วครอบครัวคุณจะไม่ว่าเอาเหรอ?"

              "ผิดตรงไหน แค่พาแฟนมานอนที่บ้าน"คาวัลโลยักไหล่"ในเมื่อผมทำตามข้อแม้ที่บอกไว้ได้สำเร็จแล้วนี่ จะว่าอะไรได้อีกล่ะ แล้วก็...จะได้เตือนคุณพี่ซานดร้าที่รักไว้ซะด้วย หึๆ"

                 ชีคหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ด้วยสีหน้างุนงงกับคำกล่าวนั้น ด้วยไม่เห็นว่าอเล้กซานดร้า วาลกัส หญิงสาวที่เข้ามาพูดคุยก่อนที่คาวัลโลจะชวนมาเล่นอะไรพิเรนๆอย่างการแกล้งคน มีความผิดหรือไปทำอะไรให้บอสมาเฟียตัวแสบของเขาเคืองใจตอนไหนถึงต้องถูกเขม่น แต่กระนั้นก็ไม่คิดจะซักไซ้อะไร นอกจากจะโน้มกายไปจูบหมับคนพูดเบาไอย่างรักใครก็เท่านั้น..


          พรึ่บ!


         บรรยากาศกำลังหวานได้ที่  แต่ไม่ทันที่คาวัลโลจะได้ออดอ้อนมากขึ้นจากเมื่อครู่หรือแม้แต่จะจูบตอบสักนิด ลมหนาวก็พัดเข้ามาอีกวูบ เสียงหัวเราะเบาๆดังแว่ว..หร้อมกับดวงไฟที่เคยติดอยู่ก็ดับลงไปโดยพลัน..

              "อะ...อัลชาอ์ แบบว่า คุณไปดึงสายไฟออกจากกันเหรอ?"จากยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่างสาดจ้าครานี้กลับเป็นมืดมิด ทำเอาบรรยากาศโรแมนติกล่มสลายคาวัลโลหัวเราะเจื่อนขำ อย่างพยายามเป็นที่สุดที่จะไม่คิดถึง"เรื่องนั้น"

           ...ไม่หรอกน่า จอร์จิโอ้เพื่อนเขามันตายไปนานแล้ว ป่านนี้วิญญาณก็คงไปไหนต่อไหน แถมมันยังรักเขาจะตาย พวกเขาเป็นเพื่อนรักกันนะ ต้องไม่คิดมาแกล้งกันแบบนี้แน่ๆ..

          แต่เดี๋ยวสิ เพราะเป็นเพื่อนรัก..บางทีมันอาจอยากมาเจอก็ได้...


               "ไปกันเถอะ!"แทนคำตอบทั้งหมดอัลชาอ์ก็รีบลากแขนคนถามออกไปจากสุสานทันควัน พร้อมกับโยนแขนปลอมที่ในมือตนลงไปแถวนั้นอย่างไม่ไยดี เสียงท้วงอย่างเสียดายของจากคาวัลโล ขณะที่ลมหนาวพัดมาอีกวูบพร้อมๆกับเสียงหัวเราะอันหาที่มาไม่ได้ดังเข้าหูสองหนุ่มและแสงไฟที่ติดพรึ่บ..กับภาพแขนปลอมอันนั้นลอยเท้งเต้งอยู่กลางอากาศและโบกให้ดั่งคำลา..


             ...ซึ่งก็แน่นอนว่า คาวัลโล วาลกัส และอัลชาอ์ มูอัสซิน ไม่มีทางโบกมือตอบรับมันแน่ๆ!


..............


มันคันไม้คันมืออยากเขียนสเปอีก( :laugh:)อันนี้ไม่ใช่บทส่งท้ายนะ
ตอนนี้จะว่าไงดี ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว...หรือโกยเถอะเกย์/หลบตีนคาวี่
ความจริงตอนนี้เขียนมาโปรโมทนิยาย Ruter liber ของแกเร็ตกะคุณอาคลาร์ก เพราะฉะนั้นจะมีโมเม้นแอบหวีดของสองคนนี้แทรกเยอะ และคุณอาก็ซึนตลอดเว...ระหว่างดาวกะหน้าแกเร็ตอ่ะ ดาวน่าดูกว่าจริงๆเร้ออออ คุณคลาร์ก~~/หลบทีนส์
เจอกันตอนส่งท้าย(ของจริง)ค่า

ปล.ความจริงเรื่องลำดับญาติ คลาร์กอ่ะต้องเป็นน้าของคาวัลโล แต่เรียกน้ามันดูหญิงไป เรียกลุงมันดูแก่ไป แถมมีลุงในเรื่องหลายคนแล้ว สุดท้ายเลยมาลงที่อาหลายคนอ่านแล้วท้วงๆเราก็ไม่พูดอะไรสักที เอาเป็นว่าจงใจเรียกผิด รู้ลำดับแต่ยังจะทำ(เกรียน) :laugh:
 
แปะๆรูปคุณอา

(http://i1120.photobucket.com/albums/l491/silenceserin/alex_pettyfer_smoking.png)

กวน(+เกรียน)จริงๆ ว่าแต่...ช่วยทำหน้าแก่หน่อยค่าาาา  :laugh:     


แกเร็ต..

(http://i1120.photobucket.com/albums/l491/silenceserin/159202-4-8816.jpg)

(หล่อมากกก :m1:)สีหน้าประมาณว่ากูปวดกบาลเหลือเกินนน(จากที่ผ่านมาก็พอเข้าใจอยู่ :laugh:)     

หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 16-12-2011 23:08:58
 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: runynam ที่ 16-12-2011 23:10:01
 :o8: :o8:
สะสะ สุดยอดดดดด
ฮากร๊ากมากกกกกก :laugh: :laugh:
สมน้ำหน้าคุณอา กับ แกเร็ตจริงๆๆ ขำได้อีก
แต่ ไม่เท่า คาวี่กับอัลชาร์นะ อย่างหลัง โค ตะระ หลอนอะ
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ สนุกจิง (แต่ยัไม่บทส่ง )ชอบๆๆ ลงอีกนะค่ะ  o18(เกรียนอีกละ)
อิอิ
ปล.  ชอบรูปคุณอา กับแกเร็ตมากกกกกกกก   หล่อเริ่ดมากค่ะะ :-[ :-[
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 16-12-2011 23:10:24
 o13

+1และเป็ด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 16-12-2011 23:18:30
 :m20: :m20:
อ่านตอนนี้แล้วฮามากๆ เจอของจริงเข้าซะแล้ว
เลยต้องโกยตามคู่แรกไป
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 16-12-2011 23:34:11
คนนี้ไม่คาวัลโล วาลกัสแน่ แต่เป็นคาวี่ บอสใหญ่ทำตัวเป็นเด็กน้อยจริงๆ แถมลากอัลซาร์มาร่วมซะด้วย
เอาคืนอาได้ แต่เพื่อนเลิฟมาทักทายมรึเปล่าน๊า หึหึหึ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 17-12-2011 01:09:31
คุณอา กับแกเร็ต หล่อมาก :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 17-12-2011 01:49:27
 :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 17-12-2011 03:14:45
ฮ่าๆ  คิดไม่ถึงว่าคุณอาจะมีวันหนีผี เอ้ย วันนี้กับเขาด้วย
ตลกอ่ะ วิ่งอุ้มกันออกไปเลย ตายละ คาวี่ขาดอีกอย่างคือแอบถ่ายเอาไว้แบล็กเมลน่ะนะ ^^

รูปคุณอาเห็นแล้ว อร๊างงงง คุณอาขา คุณอาหล่อมากรู้มั้ย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 17-12-2011 03:44:16
อย่างที่เขาว่า :m23:
รักดอกจึงยอกเล่น o3
น่าจะหันกลับไปโบกมือตอบนะ :m29:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 17-12-2011 04:01:20
คาวัลโลน่ารักก  :impress2:

หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 17-12-2011 09:00:58
คลาร์กโครตหล่อ  แกเร็ตโครตเท่ห์  ผีหลอกโครตหลอน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 17-12-2011 09:08:58
 :m20:
โกยเถอะเกย์
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 17-12-2011 11:01:06
ฉากสุดท้าย หลอนมาก!! T^T
ดีนะเนี่ยที่อ่านตอนกลางวัน ถ้าอ่านตอนกลางคืนมีหวังเปิดไฟนอน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 17-12-2011 11:04:31
เอร๊ย! :laugh:
ชอบอิมเมจคุณอาอะ :o8:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: boworange ที่ 17-12-2011 12:05:41
 :m20: :m20: :m20:  เจอของจริงเข้าจนได้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 17-12-2011 13:03:27
จะสงสารหรือฮาดีเนี่ย บรรยากาศกำลังโรแมนติกเลย 55555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 17-12-2011 16:00:16


   555555+
   การแก้แค้นของคาวัลโลนี่มันช่าง. . . .55555
   ตัวจริงเลยอยากมาร่วมสนุกด้วยเลย
   แต่ไม่น่าเชื่อว่าพวกมาเฟียที่ฆ่าคนกันเป็นว่าเล่นจะมาแพ้ทางเรื่องพวกนี้อ่านะ



หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 17-12-2011 16:05:05
โอ้วววว หล่อลากเลยง่ะ

ทั้งคุณอา ทั้งเเกเร็ต :o8:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: januarys13 ที่ 17-12-2011 16:46:36
 :o8: :laugh: :laugh: :laugh:
ฮาาาาาาาาาาอะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 17-12-2011 19:29:54
คืออ่านตั้งแต่เมื่อคืนแล้วละได้อารมณ์มากเลยหลอนแบบฮาๆ
ก็นะเพื่อนกันมักจะชอบทำอะไรที่เหมือนๆกัน คาวี่เลยโดนซะ  :laugh:
แต่แอบเขินตอนคุณอากับกาเร็ตต่อบุหรี่นะ อืม  :-[
ยังงัยก็ขอบคุณมากนะค่ะสำหรับตอนพิเศษอีกตอน
จริงๆอยากได้อีกซักตอนแบบอยากรู้ว่าตกลงคาวี่กับท่านชีคไปนอนห้องใครกัน หุหุหุ
ยังงัยก็จะรอตอนจบต่อไปนะค่ะ ส่วนนิยายเค้าจองไปแล้วนะ...อิอิ
รักคนแต่งมากค่า :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 17-12-2011 19:35:03
คุณอากับแกเร็ตน่าจิ้นมาก :-[
จากอิมเมทแล้วแกเร็ตดูแก่กว่าคุณอาหลายขุม  คงเพราะปวดหัวกับคุณอาแน่นอน
ให้ทุกข์แก่ท่านทุกนั้นถึงตัวสินะ
แล้วไอ้ที่โบกมือนะ  เพื่อนเก่าคาวัลโลใช่ไหม o22
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 17-12-2011 20:27:40
น่าร้ากกกกก  :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: kisssky ที่ 17-12-2011 21:33:56
มาเฟียก็มาเฟียเหอะ งานนี้ต้องโกย :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 17-12-2011 23:12:48
สวีทแบบหลอนๆนะเนี่ย ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 18-12-2011 07:11:40
น่ารักอ่า ชอบแขนที่ลอยกลางอากาศแล้วโบกมือลา คาวี่+อัล จังเลย
ได้ใจสุดๆ เล่นเอาขนหัวลุกไปตามๆกัน 5555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: momijijung ที่ 19-12-2011 13:52:23
แกล้งคนอื่นไว้เจอของจริงซะงั้น  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 23-12-2011 01:57:23
น่ารักได้อีกคุณอา >< หวานแบบเถื่อนๆล่ะนะ 55
มาช็อคเอาฉากสุดท้าย เจ๋งมาก นั่งอ่านตอนเกือบจะตี2
เง้อ~ หลอนไปนะT^T
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 24-12-2011 23:11:36
 :z3:

คุณอาฮามากกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: puu142 ที่ 28-12-2011 17:40:43
                              สุดยอด.........................เขียนได้ดีมาก..............................เยี่ยมจริงๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 03-01-2012 01:15:29
รู้สึก ว่า หนูคาวี่ กับ อัลชาล์  จะหวานๆปนสยดสยองมากเลยนะ

ก็นะเพื่อนกันมักจะชอบทำอะไรที่เหมือนๆกัน

ส่วน คู่คุณอา ก็ดูน่ารักแบบเถื่อนๆๆ ซึนก็แบบนี้แหละต้องเอาให้เข็ด

ป้าปุ้ย  เค้าอยากได้  ตอนสวีทหวาน ของ อัลล์ชาล์กับคาวี่สักตอนอ่า เอาแบบมีแค่ คาวี่ กับ อัลล์ชาล์เท่านั้น

รอป้าปุ้ยมาต่อนานมากมาย  และทีสำคํัญกว่านั้น คือเค้าโอนเงิน ซื้อนิยายคาวี่เรียบร้อยแล้วเเหละแต่ยังไม่ได้

แจ้งเอาไว้ คิดถึงป้าปุ้ย มากมาย

Happy New year ย้อนหล้งขอให้ป้าปุ้ยมีความสุขมากๆๆ

สุภาพแข็งแรง หมดทุกข์ หมดโศกสักที

และที่สำคัญขอให้ป้าปุ้ยแต่งนิยายมาให้พวกเราชาวเล้าเป็ดเยอๆและนานๆๆนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: Irin_nichi ที่ 03-01-2012 08:08:16
สนุกมากๆๆๆๆๆค่ะ!!  >____<
คาวี่น่าร้ากกกกกกก

ปล.1 หนังสือจะได้ประมาณไหนหรอคะ?(ทันเดือนเมษามั้ยอะคะ?)
ปล.2 คำว่าหลงใหล ใช้ไม้ม้วนไม่ใช่หรอคะ? =v=a
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: sulsul ที่ 06-01-2012 07:31:56
พลาดมากกกกกกกกกกกก
เพิ่งได้เข้ามาอ่านนน

เยอะมากกก เป็นการอ่านที่ทรมานคนอ่าน แต่สนุกที่สุด 555

ตอนแรกอ่านแล้วโหยยย คาวี่น่ารักอ่ะ แบบแสบสันต์สุดๆ
หลงรักโคตรๆๆๆ อ่านไปถึงตอนที่เจอชีคแล้วแบบ
มันจะรอดมั้ย แลดูชีคไม่ร้ายเท่าคาวีเลย

พออ่านตอนเล่นละครตบตาแล้วแบบ แม่เจ้าาาา
ขอเยอะกว่านี้ได้มั้ย ทำไมมันหวานและสนุกไปพร้อมกันได้ขนาดนี้

พอไปเรื่อยๆ เริ่มหลงคาวี่มากขึ้น แบบมาเฟียไรเนี่ย
มันจะเก่ง และเล่ห์เหลี่ยมเยอะไปแล้ว ร้ายดีจัง

สุดท้ายพอท่านชีคออกลาย โอยยยย คาวี่คือใคร?
แอบลืมกันเลยทีเดียว ท่านชีคมาแรงมากหลังๆ

ยิ่งตอนคาวี่โดนหักหลังแรกๆนะ แม่เจ้าประคุณ ถ้าท่านชีคจะน่าหลงขนาดนี้
ขอหนูเหอะ 555 คาวี่ช่วงนั้นโคตรน่าฟัดอ่ะ จริงๆ

ยอมรับว่าตอนตัดไปที่อิตาลี เกือบจะข้ามๆ เอาเลยทีเดียว
แบบว่า ที่ทะเลทรายมันน่าตื่นเต้นกว่าเย้ออออออ

แต่ละคนร้ายใช้ได้เลย
อ่านเรื่องนี่แล้วแบบ สนุกอ่ะ จริงๆนะ เหมือนอ่านหนังสือเล่มนึง
มีแง่คิด มีแอบสอนๆ ด้วย ตลบหลัง เยอะอ่ะ

สรุปแล้ว สนุกมากกกกกกกกกก
ขอบคุณคนแต่งที่แต่งเรื่องแบบนี้มาให้อ่านนะค่ะ


หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 06-01-2012 09:00:41
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุก ๆ ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 06-01-2012 21:46:45
จบแล้วๆ 2 วันกับอีก 1 คืน

คาวี่น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ตอนแรกๆแสบสุดยอดไปเลย

อ่านแล้วอยากได้แฟนแบบท่านชีคซักคนจัง ผู้ชายอะไรทั้งอบอุ่น อ่อนโยน แสนดี แต่เวลาโกรธก็ดุๆ ดิบๆ อ่า...
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: มะมะมะหมิว ที่ 10-01-2012 18:43:41
เรื่องนี้สนุกมากกกกกกกกกก

เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอ่านอีกไม่มีเบื่อเลย

อ่านแล้วรัก หลง ทุกตัวละคร >< แต่งแนวนี้อีกนะค้าาา

ขอบคุณมากๆค่าที่แต่งนิยายสนุกๆให้พวกเราได้อ่าน  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.2]Behind the[non]scense 16/12 /54
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 13-01-2012 21:42:18
คิดถึงคาวี่และอัลชาล์มากมาย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: eaey ที่ 14-01-2012 12:19:33
เข้ามารอsp.3 :m4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 14-01-2012 12:20:50


Happy to ending
       


       แสงอาทิตย์สาดจ้าบอกเวลาบ่ายโมงกว่า เปลวแดดไหวระริกและอากาศร้อนอ้าวทำให้บรรยากาศในตลาดใจกลางเมืองค่อนข้างเงียบเหงา ผู้คนหลบแดดหลบลมร้อนไปตามร้านขายอาหารและนั่งพักกันตามร่มไม้จะมีก็เพียงเหล่านักท่องเที่ยวต่างชาติเดินดูข้าวของและสัมผัสบรรยากาศของเมืองอัลดิมาอ์ เมืองท่าที่คึกคักที่สุดของประเทศเซเนียยา ถือเป็นเมืองเอกอีกแห่งรองจากจารเซและเมืองหลวง ส่วนใหญ่ผู้คนในที่นี้จะประกอบอาชีพค้าขายและล่าสัตว์ เมืองท่าแห่งนี้แม้จะไม่ใช่พื้นที่ติดทะเล หากแต่โอเอซิสขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ตาน้ำที่มีน้ำไหลออกมาไม่หยุดก็เป็นที่หมายของบรรดากองคาราวานต่างๆ ทั้งยังเป็นบริเวณพื้นที่ชายแดนดังนั้นการเดินทางและค้าขายบริเวณนี้จึงยิ่งคึกคัก..


        ตลาดใหญ่ใจกลางเมืองนั้นมีข้าวของถูกวางขายเป็นจำนวนมาก และที่แยกห่างจากตลาดของซื้อของขายคือตลาดค้าสัตว์ สัตว์ป่าหรือสัตว์เลี้ยงที่เจ้าของและผู้จับได้ต้องการจะมาค้าขายหรือแลกเปลี่ยนกันนั้นจะถูกนำมาวางขายที่ตลาดแห่งนี้ แม้บรรยากาศในตอนบ่ายที่แดดแรงร้อนจะไม่คึกคัก ทว่าร่างของผู้คนที่เดินอยู่ในบริเวณตลาดค้าสัตว์เลี้ยงก็ถือว่ามีมากพอสมควร


        ร่างของกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่เดินเข้ามาในตลาดกลายเป็นที่สนอกสนใจในทันทีที่เหยีบย่างมาถึง ร่างที่เดินนำมาก่อนคือสองบุรุษผู้อยู่ในชุดคลุมกันลมสีเทาใบหน้าคลุมคาฟียะห์สีดำปกปิดผิวหน้าจากลมและแสงแดดร้อนเหลือเพียงดวงตาวาววับทั้งสองคู่ หนึ่งคือนัยน์ตาสีดำสนิทคมเข้มจัด และอีกหนึ่งคือนัยน์ตาเขียวอมฟ้าดั่งสีน้ำทะเล ด้านหลังของทั้งคู่มีชายฉกรรจ์อีกห้าหกคนเดินตามประกบคอยระวังความปลอดภัยบ่งชัดถึงฐานะที่ไม่ธรรมดาของคนทั้งคู่ เรียกสายตาของเหล่าผู้ค้าขายจ้องมองอย่างนึกสนอกสนใจ..


        เสียงร้องของบรรดาสัตว์หลากหลายชนิดดังแซงแซ่ ใบหน้ากลมแป้นของเสือดาวคอเซซัสตัวเล็กเมียงมองมาจากกรงสี่เหลี่ยมด้วยดวงตาสีเทา อีกกรงข้างๆก็เป็นเสือดำแอฟริกาตัวเล็กร่างเพรียวดวงตาสีอำพันมองมาเงียบๆ และไม่ไกลเท่าไหร่ก็เป็นลูกสิงโตวัยไม่เกินหนึ่งปีคำรามแยกเขี้ยวใส่ผู้ผ่านไปมาเบาๆทำให้ฝีเท้าของคนที่เดินอยู่พลันชะงัก ร่างในชุดครุมรุ่มร่ามผินกายหันไปมองบรรดากรงสัตว์ด้วยสีหน้าครุ่นคิด..จ้องสบตาเข้าไฮยีน่าตัวเล็กท่าทีผอมโซไปพลางเงี่ยหูฟังเสียงร้องของเหยี่ยวออสเปรนัยน์ตาสีน้ำตาลกลมใสแจ๋วมองมาดั่งจะออดอ้อนว่าพาหนูไปเลี้ยงหน่อยหรืออะไรประเภทนั้น..


         เจ้าของดวงตาสีน้ำทะเลหรี่ลงเล็กน้อย ปลายนิ้วเรียวยาวสีขาวจัดแตะลงบนขอบกรงหนาด้วยสีหน้าครุ่นคิด..อยากจะเลี้ยงเหยี่ยวก็คงเหมือนพวกรามิลกับราเซย์ จะเลี้ยงไฮยีน่าก็ถูกค่อนแคะอยู่ทกวันว่า"เหมือน"จนไม่รู้จะเหมือนยังไงแล้ว จะเลี้ยงสิงโตก็ขี้เกียจประคบประหงม พวกเสือดาวหรือเสือดำนี่น่าสนใจแต่ก็ยังลังเลใจอยู่ดีว่าจะเลือกตัวไหนกันแน่..


          เงยหน้าไปมองสบตาคนจ่ายเงินที่ยืนมองเงียบๆข้างกายเป็นคำขอพอคนสบตาพยักหน้ารับ ครานี้จึงตวัดสายตาไปมองสบตาของคนจายราวกับขอความเห็น ใบหน้าของชายวัยกลางคนมองตอบมาเงียบๆไม่มีคำถามหรือคำเชิญชวนใด มีเพียงนัยน์ตาที่กำลังลอบพิจารณาตัวเขาและคนข้างกายเงียบๆเท่านั้น..


          "เสือดาวนี่ราคาเท่าไหร่?"สำเนียงอาหรับแบบกระท่อนกระแท่นจากปากชายตรงหน้าดังขึ้นสั้นๆทำให้คนขายเลิกคิ้ว ใบหน้าของชายวันกลางคนมองตาผู้ถามราคาก่อนจะออกปากบอกไปสั้นๆ


          "นี่ตัวเมียหรือตัวผู้?"ชายหนุ่มตาสีน้ำทะเลคนนั้นเอยถามอีกครั้ง


          "ตัวผู้ครับนาย"คำตอบนั้นทำให้คนฟังครางในลำคอเบาๆ ก่อนร่างนั้นจะผุดลุกขึ้น หันไปเอ่ยกระซิบกระซาบเป็นภาษาอื่นกับชายอีกคนที่อยู่เคียงข้าง ผู้ฟังพยักหน้าก่อนจะหันมามองเสือดาวตัวเล็กในกรง


          "เอาตัวเมียมาอีกตัว ราคาเท่าไหร่"


                ชายหนุ่มเอ่ยสั้นๆพลางเอื้อมมือคว้ากรงเสือที่วางไว้อย่างรวดเร็ว ผู้เป็นพ่อค้าเอ่ยปากบอกราคาพลางหันไปหยิบกรงเสือดาวคอเคซัสตัวเมียมาอย่างรวดเร็ว ธนบัตรถูกยื่นมาให้จากชายหนุ่มอีกคนพร้อมกรงเสือที่ถูกคว้าติดมือหากชายเสื้อที่ร่นขึ้นยังเผยให้เห็นแหวนมรกตตัวเรือนทำจากทองคำส่องประกายระยับบนนิ้วนางข้างขวา ก่อนที่ร่างของผู้มาเยือนจะจากไปเหลือเพียงความสงสัยของคนเป็นพ่อค้า..ด้วยตนเองนึกคับคล้ายคับคลาว่าใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมของชายคนนั้น..ดูเหมือนกับใครสักคนที่แสนจะคุ้นตาเหลือเกิน..


          อีกด้านของคณะเดินทางที่ขับรถเลี้ยวออกจากตัวเมืองมายังบริเวณที่พัก โอเอซิสเล็กๆที่ไม่ค่อยมีคนเข้ามาแวะเวียนเนื่องจากมีเป้าหมายที่เหมาะสมกว่าอย่างอัลดิมาอ์ มีต้นไม้ขึ้นประปรายพอให้ร่มเงา ใกล้กันนั้นมีรถคันโตจอดรออยู่พร้อมกับกระโจมหนังสัตว์หกเจ็ดหลังกางกระจายกันโดยรอบ บริเวณโดยรอบไม่มีสิ่งมีชีวิตใดนอกจากร่างของชายหนุ่มสี่ห้าคนที่กระจายตัวกันเฝ้ายามอยู่เงียบๆ


         เสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังแว่วมาพร้อมกับรถแฮมเมอร์อีกสองคันเข้ามาสมทบ ทันทีที่จอดรถประตูก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือของชายผู้กำลังอุ้มกรงเสือดาวตัวจ้อยด้วยสีหน้าพึงใจ ร่างเพรียวย่ำเท้าลงบนผืนทรายพลางหมุนกายไปมากับเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ในมือด้วยท่าทีครุ่นคิด คล้ายจะเล่นอะไรแปลกๆ


         "รีบเข้าไปพักสิ ข้างนอกแดดร้อนนะ"เสียงปรามจากคนข้างกายเอ่ยอย่างรู้ทันทำให้ต้องหน้ามุ่ย กระนั้นก็ยอมสาวเท้าเข้าไปพักในกระโจมแต่โดยดี


             ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในกระโจม เสื้อคลุมตัวใหญ่ก็ถูกเขวี้ยงลงบนพื้นทันควันตามมาด้วยคาฟียะห์ที่คลุมหน้า พร้อมกันนั้นก็กระโจนลงไปนั่งบนม้านอนตัวโปรด แกะกระดุมชุดโธปผ่าหน้าที่กำลังใส่อยู่เพื่อระบายอากาศร้อนๆที่ส่งผลให้ผิวแก้มกลายเป็นสีแดงเรื่อทั้งเม็ดเหงื่อซึมชื้นเปียกไปจนถึงแผ่นหลังและเส้นผมสีน้ำตาลทองที่ยาวระต้นคอ


           "ร้อนนนน...อ่ะ"อ้าปากบ่นไม่ทันขาดคำ น้ำเย็นๆก็ถูกส่งมาตรงหน้า คาวัลโล วาลกัสหันไปมองสบตาคนที่ยื่นมาให้แล้วยิ้มหวานขอบคุณไปเสียงทีหนึ่งก่อนจะรับมาจิบ รสชาติของน้ำผลไม้คั้นเย็นๆในยามอากาศร้อนอ้าวแบบนี้ช่างเข้ากันดีจนเหมือนก้าวมาอยู่บนสวรรค์ในพริบตา ต่างกับนรกอากาศร้อนเบื้องนอกชนิดห่างไปหลายขุม


           "ร้องจะมาเองก็ต้องทนให้ได้นะ"เสียงกระเซ้าจากคนข้างกายทำให้คนฟังยิ้มเผล่ คาวัลโลเอื้อมมือไปคว้ากรงเจ้าเสือดาวคอเซซัสมาวางบนตักแล้วแยกเขี้ยวใส่เจ้าตัวในกรงเป็นการทายทัก


           "ทนได้อยู่แล้วก็ผมเป็นประชาชนเซเนียยานี่นา"คำพูดของมาเฟียหนุ่มทำให้คนฟังโคลงศรีษะยิ้มๆ ปลายนิ้วของชีคหนุ่มไล้แก้มขาวที่แดงเห่อเพราะความร้อนอย่างอ่อนโยน แววตารักใคร่สบมองดวงตาสีน้ำทะเลหวานเชื่อม


         ชีคหนุ่มทรุดกายลงบนเก้าอี้ทำงานที่ถูกลากมาใกล้มานอนตัวยาว จ้องมองเจ้าตัวที่กำลังเริ่มแหย่เสือดาวในกรงแล้วตวัดมองอีกตัวข้างกายตนบ้าง อัลชาอ์ มูอัสซิสชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาหยิบกรงใส่เสือดาวตัวเล็กไปวางบนพนักพิงม้านอนของคนรัก คล้ายจะบอกให้เจ้าตัวหันมาสนใจอีกหนึ่งตัวที่ถูกซื้อมาด้วย เสือดาวสองตัวที่คาวัลโลเลือกมานั้นเป็นเสือดาวเปอร์เซียพันธ์คอเซซัส รูปร่างเพรียวเล็ก ใบหน้ากลมเเป้นหัวใหญ่และหางที่ยาวทั้งมีลายดอกสีน้ำตาลเหลืองอยู่ทั่วตัวถือเป็นลักษณะเด่น และจุดลายที่เรียงกันเป็นวงเล็ก ๆ นี้เองที่นักชีววิทยาได้ใช้เป็นตัวระบุสายพันธุ์


           "นึกยังไงถึงจะเลี้ยงสองตัวละ ผมบอกแล้วนะว่าไม่ว่างช่วยเลี้ยง"อัลชาอ์พิจาณณเจ้าสัตว์ตรงหน้าครู่หนึ่งพลางเอ่ยปาก


           "ก็จับให้มันเป็นแฟนกันไงเล่า ตัวนี้ของผม ตัวน้นของคุณ"ว่าแล้วก็ชี้หมับประกาศการเป็นเจ้าของ แล้วก็โยนภาระไปให้อีกคนแบบทันทีทันใด


           "ไม่ยักรู้ว่าคนแถวนี้ชอบจับคู่"คำกระเซ้าเย้าแหย่พร้อมกับริมฝีปากหนาที่โฉบเข้ามาใกล้ เหมือนสบโอกาศคาวัลโลรีบเอื้อมมือคว้าคอคนตัวสูงมาจูบเบาๆทันทีอย่างออดอ้อน


           "แต่ผมไม่ว่างเลี้ยงให้คุณหรอนะ ที่รัก.."ละจูบออกไปไม่เท่าไหร่ จมุกก็ถูกบีบหมับพร้อมกับคำกล่าวของชีคหนุ่ม คาวัลโลมองอัลชาอ์โคลงศรีษะกับคำพุดของเขาแล้วทำหน้ามุ่ย


           "โหหห คุณพ่อไม่ว่างดูแลลูกชาย เดี๋ยวระวังโตขึ้นมาเด็กจะมีปัญหานะ โอ้ยย น่าสงสารจังเลยยยย"ประโยคนั้นมันจะล้อเลียน กระทบกระเทียบ เเซวหรือแค่พูดถึงเฉยๆ อัลชาอ์ไม่อาจจะแยกประเภทความต้องการของคนตรงหน้าออกจริงๆ


            แต่กระนั้น ตาวาวๆกับริมฝีปากบางที่เหยียดออกเป็นยิ้มหวานๆนั้นก็น่ารักน่ากอดนัก แถมยังชวนให้แกล้งเสียให้เข็ด และพอเห็นช่องว่า..มีหรือที่อัลชาอ์จะไม่ทำ


           "หึหึ..."คุณแม่"น่ะสนใจซื้อมาดูแลเองไม่ใช่เหรอ ก็ต้องดูแลเองสิครับ"ฝ่ามือหนาวางลงบนศรีษะ ขยี้เบาๆพร้อมคำกล่าวที่ทำให้หัวคิ้วกระตุกวูบ


           "หาาาา..อะไรนะ ใครบอกให้เรียกคุณแม่กัน ผมจะเป็นคุณพ่อสุดเท่ห์นะขอบอกกกกก"คาวัลโลถึงกับกรี้ดลั่น บอสมาเฟียผู้เก่งกาจผุดลึกขึ้นมาเบ้หน้าใส่อัลชาอ์ทันควันมองสีหน้ายิ้มๆนั้นแล้วนึกหงุดหงิดที่ตัวเองเผลอวางระเบิดแล้วมาสะดุดเองเสียได้ ต่อให้บนเตียงเขาจะเป็นฝ่ายรับก็เถอะ แต่ไม่ได้หมายความว่าคาวัลโลอยากจะได้ลูกเสือมาเล่นพ่อแม่ลูกกันน่ะเฟ้ย!


            "แล้วตกลงว่าซื้อมาทำไมล่ะ?"ชีคหนุ่มมองสีหน้าโวยวายง้องแง้งของคนที่ถูกเรียกว่าแม่อย่างนึกขัน ร่างเพรียวของมาเฟียจอมแสบสุดที่รักกลิ้งตัวลงบนม้านอนอีกครา พร้อมกับจ้องมองกรงลูกเสือซึ่งวางอยู่บนหน้าท้องของตนด้วยแววตาพึงใจ


            "ก็บอกไงว่าเอามาเลี้ยง ที่วังคุณน่ะมีแต่ต้นไม้ หัดเลี้ยงสัตว์ซะมั่งซี"


            "ก็มี..."ชีคหนุ่มเอ่ย"ร๊อตไวเลอร์สิบตัวกับเยอรมันแชพเพิร์ดอีกห้า แล้วก็เหยี่ยว"


            "พวกนั้นน่ะะมันหมาเฝ้ายามไม่ใช่เรอะ..แล้วไอ้พวกสิงโต เสือดาวหรือเสือดำเสือชีต้าอะไรงี้ที่พวกผู้นำแถบนี้เขาชอบเลี้ยงกันล่ะ?เค้าน่าจะมีเพื่อเสริมฐานะเสริมบารมีกันไม่ใช่รึไง?"คาวัลโลเลิกคิ้ว เท้าคางมองเสี้ยวหน้าคนพูด


            "ผมไม่ค่อยชอบพวกสัตว์ใหญ่ มันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงสมควรจะอยู่ป่ามากกว่าจะมาขังในกรง"อัลชาอ์ตอบพลางจ้องมองเสือดาวตัวจ้อยในกรงนั้นเงียบๆ"อีกอย่าง เรื่องเสริมบารมีอะไรนั่นก็ไม่จำเป็นสำหรับผม"


            "โหหห แบบนี้พวกองค์กรกรีนพีซรักคุณตายเลย"คาวัลโลเอ่ยตวัดสายตาไปจ้องมองเสี้ยวหน้าของอัลชาอ์"มันก็จริงอย่างที่คุณพูด แต่ที่ผมเอามาเลี้ยงน่ะ ไม่ใช่แค่เลี้ยงเฉยๆนะ"


           "แล้ว....."อัลชาอ์เลิกคิ้ว จ้องมองคนพูดราวกับจะรอดูความคิดพิสดารของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้า


           "อืม..ก็แบบว่า เลี้ยงไงมันดุๆไงล่ะ"คาวัลโลหัวเราะเบาๆในลำคอนัยน์ตาวาววับ"ให้พวกมันจำกลิ่นเจ้าของกับคนให้อาหารได้ก็พอแล้ว นอกนั้นใครมาใกล้ก็งับหัวหลุดให้หมด เหมือนองค์รักษ์"


           "เรื่องนั้นผมก็มีออกมาก"ชีคหนุ่มเลิกคิ้ว..


           "พวกนั้นมันเฝ้าได้แค่หน้าห้องคุณนี่ ไม่ได้มาเฝ้าข้างในด้วยเสียหน่อย ว่ากันว่าเสือพวกนี้ฉลาดมากเลยนะอัลชาอ์...ไอ้ผมน่ะก็มานั่งเฝ้าคุณตลอดไม่ได้เสียด้วย เพราะงั้นก็เลยต้องมีแทคติกอะไรนิดๆหน่อยๆคิดว่าจะเลี้ยงเจ้าตัวเล็กพวกนี้คอย"เฝ้า"เวลาผมไม่อยู่...แบบนี้จะได้ไม่กล้าพาใครเข้ามาไงล่ะ แล้วก็ไม่ต้องคิดจะออกไปข้างนอกด้วย เพราะผมจะเลี้ยงให้มัน"ติด"คุณแจแบบไม่กล้าไปไหน..."แผนการณ์ร้ายออกมาจากริมฝีปากของบอสมาเฟียตัวแสบ พลางจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาวาววับ


            "ได้ทั้งสัตว์เลี้ยง ทั้งองค์รักษ์ทั้งยามแบบนี้ คุ้มค่าสุดๆเลยเนอะ อัลชาอ์~"



                รอยยิ้มหวานยะเยือกถูกส่งมาจากคนที่นอนเอนกายบนม้านอน รอยยิ้มหวานๆปนความโหดหึงชวนสยองขวัญที่ส่งมาจากคาวัลโล วาลกัส ทำเอาชีคหนุ่มถึงกับร่างเย็นวูบ มองรอยยิ้มหวานๆใบหน้าหวานๆหากขัดกับนัยน์ตาชวนสยองขวัญแล้วนึกลังเลขึ้นมาวูบหนึ่งว่าดีแล้วหรือที่ตัดสินใจซื้อเจ้าเสือดาวสองตัวนี้ตามคำขอของคาวัลโล ในเมื่อจุดประสงค์ของเจ้าตัวนั้นบ่งชัด...ชัดเจนว่าจะใช้เจ้าเสือสองตัวนี้"เฝ้า"ตัวเขายามที่ไม่ได้มาอยู่ที่นี่ เพื่อกันไม่ให้นอกใจหรือสนิทสนมกับใครอย่างที่คนขี้หึงนักปรามาสไว้..


             แต่พอคิดไปคิดมา อัลชาอ์ก็รู้ว่ามันช้าไปแล้ว..ช้าไปตั้งแต่ยอมคุกเข่าเป็นทาสรักของมาเฟียตัวแสบคนนี้และวางหัวใจให้อีกฝ่ายครอบครอง


          ...คาวัลโล วาลกัส ไม่ว่าจะอย่างไรก็ช่างเป็นมาเฟียผู้น่ากลัวและชวนปวดหัวเป็นที่สุดจริงๆ


            "เอาล่ะ มาตั้งชื่อกันดีกว่า"คาวัลโลบอกเสียงเริงร่าพลางเคาะกรงเบาๆให้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่เงยหน้ามามองพร้อมกับร้องครางเบาๆในลำคอ เนื่องจากเสือดาวตัวนี้ยังอยู่ในวัยไม่ถึงขวบปีนัก ร่างกายจึงเพรียวเล็กไม่ต่างกับแมวรวมทั้งเสียงร้องด้วย คนเคาะจึงหัวเราะเอิ๊กอ้ากอย่างชอบใจ..


           "ชีล่า"เจ้าตัวเมียบนตักถูกเคาะกรงสองสามทีแล้วชื่อเรียกขานจึงออกมาจากปากของคาวัลโล นัยน์ตาคู่นั้นตวัดมาหาด้วยรอยยิ้มพลางพยัพเพยิดไปทางอัลชาอ์ซึ่งถือกรงเจ้าตัวเล็กอีกตัวไว้ให้ตั้งชื่อ และเป็นการประกาศชัดเจนว่าต่อให้ไม่ว่างเลี้ยง เจ้า"ภาระ"สองตัวนี่ก็ต้องถูกโยนมาให้จัดการอยู่ดี


            "ชาลีน"ชีคหนุ่มนิ่งครุ่นคิดอยู่ไม่นานจึงเอ่ยปากบอก คนฟังพยักหน้ารับพลางจ้องมองเสือดาวอีกตัวในกรง หางตาเห็นคนของอัลชาอ์เริ่มขนเอากรงใหม่ขนาดใหญ่ ถาดใส่น้ำ อาหาร ขวดนมและข้าวของจิปาะสำหรับดูแลสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ทยอยเข้ามาวาง คาวัลโลเอื้อมมือไปแหย่เจ้าเสือดาวตัวเล็กในกรงก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง..


            "ว่าแต่...คุณเลี้ยงมันเป็นไหม?"


           ".................."



...........................................................


             จากยามบ่ายแดดร้อนตะวันส่องแสงจ้า เวลาล่วงเลยมาจนถึงห้าโมงเย็นที่ดวงอาทิตย์เริ่มอ่อนแสง เปลวแดดร้อนระยับหายไปเหลือเพียงสายลมอ่อนโชยพัด  ท่ามกลางผืนทรายกว้างมีร่างของสองบุรุษเดินเคียงคู่กันอยู่ ชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาเดินย่ำเท้าไปตามผืนทรายเคียงข้างร่างของมาเฟียหนุ่มแห่งตระกูลวาลกัส ในมือของมาเฟียตัวแสบบัดนี้มีเชือกจูงสองอันถูกกำไว้ในมือแน่น และเจ้าสิ่งที่กำลังกระโจนเล่นบ้างก็ขบกัดและซุกคุ้ยผืนทะเลทรายนั้นก็คือเสือดาวคอเซซัสสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ทั้งสองนามว่าชีล่าและชาลีนนั่นเอง


           ชีคหนุ่มจ้องมองดวงตาวาววับชอบใจและเปล่งประกายด้วยความสุขของคนข้างกายด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาสีเข้มมองภาพคนรักที่กำลังเย้าหยอกหลอกล่อเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ คาวัลโล วาลกัสที่บัดนี้เป็นบอสมาเฟียเต็มตัว ยามได้มาอยู่ด้วยกันเหมือนจะไม่มีภาพนั้นหลงเหลืออยู่ ไม่มีสิ่งใดแปรเปลี่ยน ทั้งกริยาท่าทางหรือการพูดจา เจ้าตัวยังคงเป็นไฮยีน่าตัวแสบ เป็นแมวน้อยตัวป่วนแสนซนของอัลชาอ์คนนี้อยู่เสมอ  รอยยิ้มในดวงหน้านั้นยังคงเปี่ยมด้วยความสุขและเต็มไปด้วยอารมณ์เริงร่าเช่นเคย


      ตามที่เขาต้องการให้เป็น ตามที่อัลชาอ์บอกให้เจ้าตัวรับฟัง..เมื่อย่างเท้ามาในเซเนียยา ขอจงกองทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง ไม่ได้เป็นมาเฟีย ไม่ได้เป็นบอส ไม่มีหน้าที่ความรับปิดชอบ ยามที่เจ้าตัวก้าวเข้ามาในดินแดนนี้เพื่อมาสู่อ้อมกอดของตน นั่นหมายถึงคาวัลโล วาลกัส คนที่ปลดเปลื้องภาระทั้งหลายและเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น


            ร่างของคาวัลโลกระโจนตะครุบเจ้าตัวแสบชาลีนไว้ในอ้อมแขนพลางหัวเราะร่า ขณะที่มืออีกข้างก็คว้าเชือกรัดลำคอเจ้าชีล่าไว้แน่น มาเฟียหนุ่มนอนพังพาบอยู่บนผืนทรายอย่างไม่เป็นท่าหลังจากปล่อยเชือกจูงเจ้าตัวเล็กสองตัวไวป แล้วให้เสือน้อยทั้งสองตัววิ่งเเจ้นออกไป พร้อมกันนั้นเจ้าตัวก็วิ่งตามพร้อมกับคว้าพวกมันมาได้ในที่สุด


           "คุณจะทำให้องค์รักษ์ของผมบ้าตายเข้าสักวัน"ชีคหนุ่มหัวเราะขำ วิ่งเหยาะๆมาหาคาวัลโลที่นอนกลิ้งโค่โร่อยู่กลางทะเลทราย ฝามือหนาปัดเศษทรายที่ติดอยู่ประปรายตรงผิวแก้มขาวที่แดงจัดเบาๆ ส่วนคนก่อเรื่องบัดนี้นอนหอบฮั่กหมดท่าแต่ใบหน้ายังคงเปื้อนรอยยิ้มกว้าง


           "ฮ่าๆก็ผมอยากรู้นี่ ว่ามันจะวิ่งเร็วแค่ไหน แล้วระหว่างผมกับเจ้าสองตัวนี้ใครจะชนะ"คาวัลโลว่าพลางใช้มือจิ้มกะโหลกเจ้าชาลีนในอ้อมแขนอย่างขบขัน ส่วนเจ้าชีล่าซึ่งพยายามวิ่งออกไปแต่ติดเชือกที่ถูกดึงไว้ มันดันทุรังจนเหนื่อย ที่สุดจึงหันกลับมาขบดึงและแทะชุดโธปของอัลชาอ์แทน


           "มันยังเล็กอยู่ ยังไม่เร็วเท่าไหร่หรอก แต่ฮาซานสิทำท่าจะกินหัวคุณอยู่แล้ว"ชีคหนุ่มเอ่ยพลางดึงแขนคนที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้นและช่วยเจ้าตัวปัดเศษฝุ่นเศษทรายออกจากตัว  คาวัลโลหัวเราะขำเมื่อได้ฟังคำกล่าวถึงบรรดาองค์รักษ์ของอัลชาอ์ที่เฝ้าดูพวกเขาอยู่ห่างๆ พอเห็นคาวัลโลปล่อยเสือดาวออกจากมือแล้ววิ่งตามทีก็ต้องรีบถลาเข้ามาเตรียมจับเพราะกลัวเจ้าตัวเล็กสองตัวนั่นจะหายไปที ท่าทางคนจะเหนื่อยกว่าเขาคงเป็นพวกนั้น แถมคงรู้สึกอยากฉีกอกเขาอีกสักสิบรอบ


           ชีคหนุ่มดึงแขนคาวัลโลให้ลุกขึ้นจากผืนทราย มาเฟียหนุ่มก้มลงปัดเศษทรายให้หลุดออกจากตัว และปล่อยเจ้าชาลีนให้ลงไปเล่นกับคู่หู แต่คราวนี้ไม่ได้ปล่อยสายจูงในมือแต่อย่างใด คงทำให้พวกองค์รักษ์ของอัลชาอ์ได้พักและนึกเบาใจขึ้นบ้าง มาเฟียหนุ่มถูแก้มเข้ากับปลายนิ้วที่เช็ดหน้าตนเองอย่างอารมณ์ดี เรียกรอยยิ้มพึงใจจากชีคหนุ่มพร้อมเสียงหัวเราะแผ่วเบา


         "เล่นจนเหนื่อยเลยนะเจ้าแมวเหมียว"เสียงกระเซ้านั้นไม่ได้ทำให้นึกเคือง ตรงกันข้ามกลับหัวเราะรับ แถมยังยอมร้องเหมียว กระแซะออดอ้อนอย่างอารมณ์ดีเสียด้วย..   


       นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองดวงอาทิตย์ดวงโตที่ค่อยทอดกายลงแนบผืนทราย ปลายนิ้วเกี่ยวมืออีกข้างของอัลชาอ์ไว้ด้วยกริยาที่เรียกว่าออดอ้อนกันไม่มีผิด ทำให้ชีคหนุ่มต้องหันไปมองอย่างจริงจังอีกครา แสงอาทิตย์ทอดเงาสะท้อนดวงตาที่พราวระยับเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของคนข้างกาย ผิวแก้มแม้มีเศษฝุ่นติดอยู่เล็กน้อยทว่าก็ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวมีท่าทีมอมแมมหรือควรถอยห่าง ตรงกันข้ามมันกลับทำให้คาวัลโล วาลกัสดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ริมฝีปากของเจ้าเหมียวตัวแสบบิดขึ้นเป็นรอยยิ้ม และเป็นอย่างที่อัลชาอ์สังเกตคือเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน คาวัลโลจะยิ้มแย้มและหัวเราะมากกว่าปกติ อีกทั้งเหมือนครานี้ที่เจ้าตัวอ้อนขอมาเที่ยวเมืองแถบทะเลทรายคาวัลโลจะยิ่งถูกใจ จึงเอาแต่เล่นสนุกและร่าเริงมากกว่าทุกครั้ง


            "คุณชอบทะเลทราย"วาจาของชีคหนุ่มทำให้คาวัลโลหัวเราะออกมาเบาๆ


           "ผมชอบทะเลทราย เพราะที่นี่มีคุณ"ริมฝีปากบางพรายยิ้ม ใบหน้าใสหันมาสบตาบอกถึงความจริงใจในคำกล่าว วาจาของคาวัลโลเรียกรอยยิ้มบางๆประดับบนใบหน้าคมได้อย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ชีคหนุ่มทอดมองคนข้างกายจึงอ่อนโยนยิ่งนัก


           "สำหรับผมไม่จำเป็นต้องทะเลทราย แต่ที่ไหนก็ได้ถ้าคุณอยู่ด้วย"ริมฝีปากหนาแตะหนาผากมนเบาๆ แสดงความรัก


           "ถ้างั้น..ถ้าคุณว่าไปเที่ยวบ้านผมบ้างนะ"ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มประจบ คว้าหมับเข้าที่แขนหนาแล้วแนบแก้มออดอ้อนราวกับแมวน้อย นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองเส้นของขอบฟ้าที่ตัดกับทะเลทรายยามเย็นซึ่งกลมกลืนเป็นสีเดียวกันด้วยรอยยิ้ม พลางนึกถึง"บ้าน"ที่อยู่อีกฝากฝั่งของทวีป


            "ผมอยากจะพาคุณเที่ยว อยากชวนคุณไปที่เกาะซิซิลี ไปที่บ้านอีกแห่งของผม อยากให้คุณได้รู้จักกับทุกคนที่ผมรู้จักที่นั่น ทั้งพ่อ แม่ พี่ๆ คุณลุง คุณอา และผมอยากให้คุณได้รู้จักอิตาลี..บ้านของผม เหมือนกับที่ผมรู้จักเซเนียยา..บ้านของคุณ.."
             "บ้าน"ของเรา"ชีคหนุ่มเอ่ยทวนคำของคาวัลโลด้วยรอยยิ้ม


             "ครับ..บ้านของเรา.."คาวัลโลรับคำด้วยรอยยิ้ม..ยิ้มที่หวาน จับใจคนมองยิ้งนัก..


                   ต่อให้เป็นอีกฝั่งของท้องฟ้า ต่อให้ขอบฟ้ากั้น ทะเลขวาง ต่อให้ไกลแค่ไหน ตราบใดที่รัก ตราบใดที่มีรัก พวกเขาก็ไม่คิดจะหวาดหวั่นกลัวเกรงกับความห่างไกล..


       ..ตราบใดที่คุณรักผม ตราบใดที่เรารักกัน เมื่อนั้น ไม่ว่าจะรอนานเท่าไหร่ก็ไม่มีวันย่อท้อ


            "อัลชาอ์..."จู่ๆท่ามกลางความเงียบและแสงอาทิตย์ที่จะลาลับขอบฟ้า ริมฝีปากของคนข้างกายก็เอ่ยเรียกออกมาเบาๆให้อัลชาอ์หันไปมองยิ้มๆ


            "ครับ?"


            "คุณ....เสียใจรึเปล่า ที่..."


            "ชู่ว...."ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนริมฝีปากบาง ให้คำพูดของมาเฟียหนุ่มหยุดลงเพียงแค่นั้นตาสบตา นัยน์ตาสีน้ำทะเลสบมองดวงตาสีนิลขณะที่ความเงียบไหลผ่านไปช้าๆ..ไม่ใช่การพูดคุยทางวาจา หากแต่เป็นการพุดคุยกันด้วยดวงตาและภาษากาย.

.
             "ผมไม่มีวันเสียใจ"คำมั่นที่ได้จากชีคหนุ่มทำให้หัวใจพองฟูด้วยความยินดีมากมายนัก"ไม่มีวันเสียใจที่เลือกจะรอ ไม่มีวันเสียใจที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันในตอนนี้..ไม่เสียใจ.."


             "อัลชาอ์..."


             "คราบใดที่คุณยังรักผม ผมไม่มีวันเสียใจ"คำกล่าวนั้นเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มบนใบหน้าของคนฟังซึ่งกว้างขึ้นและค่อยสั่นพร่าด้วยความยินดีที่ท่วมท้นกลายเป็นน้ำใสๆเอ่อคลอนัยน์ตา ทว่าคาวัลโลก็กลั้นมันไว้ เพราะจำคำที่ชีคหนุ่มเอ่ยได้ดี..เมื่อพบกันควรจะมีแต่ความสุขเมื่อเจอกันกับคนที่รัก ไม่ควรจะร้องไห้ ไม่ควรจะเสียใจหรือโศกเสร้า..

หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 14-01-2012 12:22:12
             "ต่อให้เราจะห่างกันสิบปี ยี่สิบปี ก็ไม่เป็นไร เพราะเวลาที่เหลือจากนั้นจะเป็น ของเราสองคน..ถ้าหากคนเราอายุยืนได้มากที่สุดแปดสิบปี อีกสี่สิบห้าสิบปีที่เหลือก็จะเป็นของเรา..เห็นไหมล่ะ ว่าผมได้อยู่กับคุณอีกนาน..เพราะฉะนั้น จะรอให้เวลานั้นมาถึงแค่ไม่กี่ปี ก็ไม่เป็นไรหรอก.."


           ชีคหนุ่มรั้งร่างของคาวัลโลมาแนบอก กอดไว้พร้อมกับทรุดกายลงบนผืนทรายให้คนรักนั่งลงบนตักและเป็นฝ่ายถูกสวมกอดไว้จากทางด้านหลัง เพื่อให้จ้องมองภาพดวงอาทิตย์ดวงโตที่กำลังลาลับพร้อมๆกันโดยมีเจ้าลูกเสือตัวแสบสองตัวนามว่าชีล่าและชาลีนค่อยเดินวนเวียนมาหา สุดท้ายมันจึงทรุดตัวลงบนตักของคนเลี้ยงแล้วเลียไม้เลียมืออย่างว่าง่าย..


            ".....เพราะผมมีสองหมื่นกว่าวันเหลืออยู่สำหรับเวลาที่จะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข "คำพูดนั้นทำให้คาวัลโลหัวเราะออกมาเบาๆ เขาหันไปมองหน้า สบตาอัลชาอ์ จ้องมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม ดวงตาและทุกๆสิ่งที่แสดงถึงความรัก...แสดงให้เห็นว่ารัก รักอย่างไม่คิดจะปิดบังหรือตัดมันทิ้งอีกต่อไป


             "ขอบคุณ..ครับ.."คาวัลโลเอนกายพิงแผ่นอกหนา สบมองดวงตาของชีคหนุ่มด้วยรอยยิ้มเปี่ยมด้วยความสุข"ขอบคุณ..ขอบคุณจริงๆที่คุณรักผม อัลชาอ์"


           ...คาวัลโลไม่เคยเชื่อในโชคชะตาหรือคำอธิษฐาน ไม่เคยเชื่อเรื่องการเว้าวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า แต่มาบัดนี้ เมื่อได้รู้จักและรักผู้ชายคนนี้ได้ พบพานความรักและได้เรียนรู้ได้อะไรมากมายจากคนตรงหน้า เขาคิดได้เพียงว่านี่..พรหมลิชิต การพบเจอ และสิ่งที่ได้รับ คือของขวัญอันมีค่าจะพระเจ้าที่ประทานมาให้เขา..


           ..ของขวัญที่มีชื่อว่าความรัก รักอันแสนล้ำค่าที่คาวัลโลไม่คิดว่าเขาจะได้ครอบครองมัน..


            เขาจึงอยากขอบคุณ ขอบคุณทุกอย่าง ของคุณทุกสิ่งที่ทำให้เขาได้มีวันนี้ ได้มาถึงจุดนี้และ...ขอบคุณคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต..นั่นคือผู้ชายตรงหน้า..


             "เช่นกัน..คาวัลโล.."ปลายนิ้วเรียวไล้ผิวแก้มขาวเบาๆอย่างรักใคร่ ริมฝีปากหนาแย้มเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะค่อยประทับริมฝีปากลงไปบนเรียวปากบางอย่างแผ่วเบา ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็นของดินแดนทะเลทราย ปลายนิ้วของชีคหนุ่มเกลี่ยผิวแก้มนวลหลังจากละจูบ ก่อนจะหยิบดอกไม้บางอย่างเสียบเข้าไปยังเส้นผมของคนตรงหน้าเพียงแผ่วเบา..


             "ดอกกุหลาบทราย"คาวัลโลเอ่ยคำ จ้องมองสบแววตาสีนิลของชีคหนุ่มนิ่ง..


             "ดอกไม้ทะเลทราย ที่สวยที่สุด และเเข็งเเกร่งที่สุดของผม"คาวัลโลเอื้อมมือแตะดอกไม้บนศรีษะ ดวงตาเบิกขึ้นน้อยๆเหมือนจะแปลกใจก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อมองเห็นต้นกุหลาบทรายที่ยืนหยัดอยู่ใกล้เพิงหินไม่ห่างนัก..


             นัยน์ตาของคาวัลโลจ้องมองมันและนึกถึงคำพูดของชีคหนุ่มในยามที่เอ่ยถึงดอกกุหลาบทรายกับเพิงหินแกร่ง คาวัลโลคิดแล้วก็พอว่ามันไม่ได้ต่างอะไรกับตัวเขากับอัลชาอ์..ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงพึ่งพิงและชิดใกล้กันเช่นนี้..


            ...ทางข้างหน้ายังคงอีกยาวไกล มีอุปสรรค มีปัญหา มีสิ่งที่ต้องเผชิญมากมาย หากล้มบ้างหากเหนื่อยบ้าง กลับมาซบอกของคนรักที่รออยู่จะเป็นไรไป เป็นดั่งเช่นกุหลาบทรายที่ยืนหยัดลำต้นอย่างแข็งแกร่งออกดอกชูช่อใต้ร่มเงาของเพิงหินใหญ่ เช่นที่คาวัลโลคนนี้จะเป็นดอกกุหลาบสุดแกร่งของอัลชาอ์เพียงคนเดียว


             "ของคุณ..ตลอดไป"ดอกไม้เล็กๆสีแดงบนเส้นผมถูกดึงออกมาช้าๆ คาวัลโลแตะมันลงบนเรียวปากของชีคหนุ่มอย่างแผ่วเบา สิ้นคำเอ่ยกระซิบแว่วหวานใบหน้าของมาเฟียหนุ่มก็ขยับแนบชิด  กดริมฝีปากทาบลงไปบนกลีบดอกไม้เล็กๆ และริมฝีปากของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาเพียงแผ่วเบาหากลึกล้ำและตราตรึงยิ่งนัก



..................
 

แถมท้าย


           ภายในห้องทำงานอันโอ่โถงของชีคอัลชาอ์แห่งเซเนียยา นอกจากจะมีเสียงพลิกกระดาษและปากกาจากร่างสูงที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานแล้ว ยังมีร่างของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองนัยน์ตาสีน้ำทะเลผู้มีนามว่า คาวัลโล วาลกัส อาคุนตุกะคนสำคัญยิ่งของเซเนียยา ที่บัดนี้กำลังนอนเล่นกลิ้งเกลือกอยู่บนพรมหนา กับเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ อันได้แก่เสือดาวคอเซซัสนามว่าชีล่าและชาลีนที่ถูกสถาปนานาเป็น"ลูกรัก"ของคาวัลโลไปเรียบร้อยแล้ว


           ร่างของบอสมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่แห่งอิตาลีนอนกลิ้งกับลูกเสือที่ตนซื้อมาอย่างรื่นเริงใจ แม้แรกๆที่ซื้อมาเจ้าตัวจะยังทำอะไรไม่เป็นนอกจากเล่นกับลูกเสือ และแม้บัดนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้นอยู่ ทว่าอัลชาอ์ก็ต้องบอกได้ว่ามีการพัฒนา คือทั้งคาวัลโลทั้งเจ้าเสือน้อยสองตัวนั้นเริ่มสื่อสารกันรู้เรื่องและผูกสัมพันธ์กันเตรียมจะเป็นคู่หูที่ดีในอนาคตแล้ว..ว่ากันว่าเผ่าพันธุ์เดียวกันมักจะสื่อสารกันได้ง่ายคงจะจริง เพราะว่าแมวกับเสือก็ไม่ได้มีต้นแบบแตกต่างกันเท่าไหร่ และต่อให้เป็นไฮยีน่ามันก็ยังอนุมานได้ว่าเป็นสายพันธ์ใกล้เคียงกันวันยังค่ำ..


            ชีคหนุ่มสรุปในใจตนเองเงียบๆหลังจากลอบจ้องมองสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างคาวัลโลกับเจ้าสี่ขาทั้งสอง พร้อมกับรู้สึกสังหรณ์ใจไว้ก่อนหน้าว่าหาก"ฝึก"กันได้อย่างที่เจ้าตัวต้องการเมื่อไหร่ เสือน้อยทั้งสองตัวได้กลายมาเป็นผู้คุมคอยกวดเขายิ่งกว่าองค์รักษ์คนสนิททั้งสองเป็นแน่ และที่อัลชาอ์ควรจะทำคือรอต่อไปว่าเมื่อไหร่พวกมันจะพัฒนาจนสามารถหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหา"แม่"อยู่อีกซีกนึงของโลกได้ก็เท่านั้น


              แกร๊กกก..


          เสียงกระดาษถูกย่ำเล่นทำให้ร่างสูงละออกจากภวังค์ อัลชาอ์กวาดตาไปปะทะกับร่างของเจ้าตัวเล็กสี่ขาที่กำลังก้มหน้าเอาเท้าของมันเยียบเอกสารที่วางไว้บนโต๊ะเตี้ยๆหน้าโต๊ะทำงานของตนอย่างตั้งอกตั้งใจ กระพรวนสีขาวที่ลำคอของมันส่งเสียงกรุ้งกริ้งไปตามการขยับอุ้งเท้าเล็กๆดูแสนรู้น่ารัก ทว่ามันผิดที่ผิดทางไปมากโข เสียงฝ่าเท้าย่ำกระดาษสำหรับอัลชาอ์แล้วมันช่างบาดใจนัก แน่นอนเมื่อนั่นคือเอกสารสำคัญที่ตนเองเพิ่งเซ็นเสร็จ และกำลังยับยู่ไปเรื่อยๆจากฝีเท้าของตัวป่วนตรงหน้า
          "อ๊าาาา ชีล่า อย่านะๆ"เสียงของตัวยุ่งรุ่นใหญ่ร้องแหวขึ้นพลางกระโจนมาอุ้มเจ้าตัวเล็กนามว่าชีล่าไว้  คาวัลโลยิ้มเหย เงยหน้ามาสบนัยน์ตาวาวๆของคนรักเบื้องหน้าอย่างขอลุแก่โทษ


            แกร๊กกกก...


          เจ้าตัวแรกถูกคว้าไว้ไม่ทันเท่าไหร่ เหมือนเจ้าตัวที่สองกลัวจะด้อยความสำคัญกว่ามันเลยกระโจนมาเล่นกระดาษบนโต๊ะด้วยคนเสียอย่างนั้น อัลชาอ์มองแล้วปวดหัวหนึบ ชีคหนุ่มลุกจากเก้าอี้ไปคว้าตัวยุ่งอีกรายมาถือไว้ ก่อนจะรู้สึกถึงบางอย่างอุ่นๆที่กำลังรินรดลงบนเสื้อคลุมมิชลาอ์ปักดิ้นทองสีดำของตนอย่างเงียบๆ..


           "..อ่า...ชาลีน..."กระพรวนห้อยคอสีส้มจี๊ดของเจ้าตัวแกว่งไกวเบาๆไปตามการขยับตัว อุ้งเท้าของเจ้าเสือดาวตัวเล็กไม่อยู่นิ่งซ้ำยังกางเล็บเกาะลงบนฝ่ามือและเสื้อคลุมราคาแพงระยับของชีคหนุ่ม หางลายสีดำสลับน้ำตาลของมันตวัดม้วนรัดข้อมือของอัลชาอ์ไว้ ส่วนปากก็พยายามกัดงับหัวแม่มือของชีคหนุ่มอย่างตั้งอกตั้งใจยิ่ง..


            "อืม..ที่เขาว่าตัวผู้ซนกว่าตัวเมียนี่ท่าจะจริง"คาวัลโลสรุปงึมงัมพลางวางเจ้าชีล่าลงกับพื้น ยัดกระดูกที่ทำจากยางพาราให้มันแทะเล่นก่อนจะหยิบเอกสารที่ยับยู่ของชีคหนุ่มมาไว้บนโต๊ะ แล้วเอื้อมมือไปช่วยแกะร่างเจ้าลีนออกจากมือของอัลชาอ์ซึ่งบัดนี้สีหน้าเริ่มจะมืดทะมึนขึ้นเรื่อยๆ..


        เจ้าตัวป่วนตาสีน้ำทะเลผมสีน้ำตาลทองว่าป่วนมากแล้ว ตอนนี้กลับมีรุ่นเล็กเพิ่มอีกสอง รวมเป็นสามช่างน่าปวดหัวและสะเทือนต่อความอดทนของอัลชาอ์ มูอัสซินคนนี้นัก..


             "ง่า..อัลชาอ์ก็แบบว่าเจ้าชาลีนมันลูกชายคุณไง เพราะหวงเลยฉี่แสดงอาณาเขตแสดงความเป็นเจ้าจองอะไรแบบเนี๊ยะ มาๆเดี๋ยวผมถอดเสื้อคลุมคุณไปเปลี่ยนดีกว่า" คาวัลโลยิ้มเหยออกปากกล่อมให้คนที่กำลังทำสีหน้าเหมือนอยากจะฆ่าเจ้าตัวน้อยในอุ้งมือค่อยอารมณ์เย็นลงและเอื้อมือไปดึงเจ้าชาลีนลงมาพร้อมทั้งจะช่วยถอดมิชลาอ์ที่เปื้อนฉี่เสือออกด้วยความพยายามอย่างยิ่ง


             "มันไม่ใช่หมานะที่จะได้มาฉี่แสดงความเป็นเจ้าของ เสือดาวนี่มันเป็นสัตว์ประเภทเดียวกับแมวไม่ใช่หรือ"อัลชาอ์คำรามขัดคอเจ้าแมวน้อยตัวยุ่งตรงหน้า"แล้วก็นะ ไม่เห็นจำได้ว่าคุณคลอดลูกชายออกมาเป็นเสือตั้งแต่เมื่อไหร่"


           "ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่แม่พวกม้านนนน" คาวัลโลร้องขัดดังลั่น สีหน้าของบอสมาเฟียผู้ถูกโยนให้เป็น"แม่"ของบรรดาเสือดาวตัวป่วนทั้งหลายเหยเก ตวัดสายตาค้อนใส่ชีคหนุ่มที่ดูท่าทางได้ยั่วโมโหเขาแล้วจะอารมณ์ดีขึ้นหลายขุม ช่างเหมือนกับตัวเองเมื่อก่อนเสียเหลือเกิน เอ๊ะ...หรือนี่พฤติกรรมของเขากับอัลชาอ์กำลังสับเปลี่ยนกันไปนี่ แถมเมื่อก่อนก็ไม่เห็นจำได้ว่าคาวัลโลเคยออดอ้อนหรือยอมลงให้กับอัลชาอ์ที่รักมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่


              "หืมม..ก็เห็นประคบประหงมกันเสียขนาดนั้นนึกว่าคลอดมากับมือเสียอีก"อัลชาอ์หัวเระาหึๆ หยอกมาเฟียหน่มที่ทำแก้มป่องตรงหน้า


             "เอาล่ะ..จัดการเอาสมุนซ้ายขวาของคุณไปห่างๆจากเอกสารของผม ไม่อย่างนั้นก็ไปเล่นกันที่อื่นซะ ก่อนที่ผมจะจับมันมาย่าง เข้าใจไหมที่รัก" ชีคหน่มพ่นลมหายใจพรูแล้วยื่นคำขาด จัดการงับปากเจ้าตัวป่วนตรงหน้าเสียทีหนึ่งเป็นการลงโทษ ให้คาวัลโลครางพ้องึมงำแต่ก็ยอมล่าถอยไปพร้อมกับเจ้าตัวเล็กทั้งสองแต่โดยดี..


           เจ้าชีล่าและเจ้าชาลีนถูกจูงออกไปจากห้องแล้ว ทว่าไม่นานฮาซานก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับสีหน้ากระอักระอ่วนบางอย่างดูแปลกตานัก อัลชาอ์เลิกคิ้วงวยงง หากเมื่อสบตาและมองตามหางตาของฮาซานก็บอกได้ไม่ยาก


      ชีคหนุ่มผุดลุกจากโต๊ะเอกสาร นึกระอาใจไม่น้อยกับตัวป่วนที่ก่อเรื่องไม่เว้นแตะละวัน แถมยังดูจะมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อมีคู่หูอีกสองด้วยซ้ำ ย่ำฝีเท้าออกไปจากห้อง ร่างสูงเดินตามระเบียงเข้าไปยังบริเวณห้องนอนของตนเงียบๆ ทว่าประตูที่เปิดค้างไว้ไม่น้อย ทำให้อัลชาอ์ได้ยินคำพูดบางอย่างออกมาจากในห้องนั้นอยู่อย่างดี


         คาวัลโล วาลกัสกำลังนั่งอยู่บนพรมผืนใน ในมือเจ้าตัวมีเศษผ้าที่อัลชาอ์จำได้ว่าคือเสื้อของตัวเองและเสื้อของเจ้าตัวอยู่ ซึ่งคาวัลโลกำลังยื่นให้เจ้าเสือน้อยสองตัวดมและเอ่ยปากสั่งสอนอย่างตั้งอกตั้งใจ


          “นี่..ชีล่า ถ้าใครไม่ได้มีกลิ่นแบบนี้กับแบบนี้ แล้วเดินเข้ามาในห้อง ตะปบตรงหว่างขามันให้ขาดเลยนะ เข้าใจไหม!”



          “.......................”



           .....................................................


ตอนแรกจะเอาเป็นบทส่งท้าย แต่ไม่ไหวอ่ะ /หลบทีนส์ :laugh:

จริงตอนแรกคิดว่าจะลงบทส่งท้าย+นิยายเรื่องใหม่ด้วย แต่ไปๆมาๆคึกเขียนสเปอีก เลยยิงยาวเลย เหอๆ

   ขอเปลี่ยนจากตอนส่งท้ายเป็นสเป เพราะอารมณ์มันไม่ใช่ส่งท้าย อารมณ์มันจบจริงๆแบบไม่ต้องส่งท้ายก็ตรงตอน 46นั่นแล้ว ที่บอกไว้ว่าตอนส่งท้ายจะเป็นตอนที่ได้อยุ่ด้วยกันแล้วแต่ไปๆมาๆขอเปลี่ยนเป็นหลังจากท่านชีคเจอกับคาวี่ที่อิตาลีไม่นานนะคะ พ่อมาเฟียเราเลยรีบมาหาไม้กันหมาโดยด่วน กะจะเขียนตอนได้เจอกันแต่มันจะชนกับตอนจบจริงในตอนพิเศษเลยเปลี่ยนมาเลี้ยงลุกเสือแทน (ฮ่าๆ)

       ชีล่ากะชาลีนน่ารักกก อยากเลี้ยงเสือขึ้นมาเลย สองตัวนี้จะไปโผล่แถวตอนพิเศษด้วย (แอบสงสารอนาคตอัล  แต่ก็ขำฟร่ะ:m20:)

ข้อมูลเล็กน้อย ชีล่ากับชาลีนเป็นเสือดาวพันธ์คอเซซัส อยู่ในวงสายพันธ์เสือดาวเปอร์เซีย มีลักษระเด่นตรงจุดแต้มสีน้ำตาลขนาดใหญ่ตามลำตัวและรูปร่างเพรียวไม่ล่ำสัน(ตอนแรกเอาเสือดาวทัสมาเนีย แต่ไปค้นข้อมูลมาปรากฏเขาสูญพันธ์ไปตั้งกะปี2527  :laugh:)


อันนี้รูปค่า

  (http://i1120.photobucket.com/albums/l491/silenceserin/k7.jpg)

ชีล่า

   (http://i1120.photobucket.com/albums/l491/silenceserin/4144087321_44735d4122_o.jpg)

ชาลีน
   
และ..

(http://i1120.photobucket.com/albums/l491/silenceserin/DSC02207.jpg)

ตุ๊กตาคาวี่ ส่งไปให้แล้วเน้ออออ (อยากได้ล่ะสิ ฮ่าาา :laugh:)

* อัพเดทเล็กน้อย คาวี่เวอร์ชั้นหนังสือจะปิดจอง31มกราคมนี้ใครยังไม้ได้อุดหนุนเชิญได้เลยนะคะ ที่นี่ http://story.raikrob.com/index.php?topic=150.0 (http://story.raikrob.com/index.php?topic=150.0) ช่วยอุดหนุนกันด้วยนะคะ :กอด1:

** Route liebe ภาคสองของ Stone rose's line กุหลาบทรายใต้เงาหิน คู่แกเร็ตxคลาร์ก มาลงให้อ่านกันแล้วนะคะ ตามมาได้เลยค่า ที่นี่เลย  :o8: http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30985.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30985.0) คอยติดตามและให้กำลังใจกันด้วยนะคะ 

:pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: มะมะมะหมิว ที่ 14-01-2012 13:03:09
หวานมากกกกกกกก  :-[ :-[

คาวี่น่ารักที่สุดดดดด  :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 14-01-2012 13:44:15
ลูกรักของคาวี่ทั้งสองตัวปั่นป่วนอัลได้ไม่แพ้กัน แต่คาวี่หวงอัลจิงอะไรจิง สอนให้เฝ้าพ่อกันเลย 5555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 14-01-2012 15:11:47
หน้ารักเวอร์ๆอะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 14-01-2012 15:49:26
"คราบใดที่คุณยังรักผม ผมไม่มีวันเสียใจ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ชอบคำพูดนี้อ่ะ >//<
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: saya ที่ 14-01-2012 16:28:23
กรี๊ดดดด! หวานมากอ่ะ
แต่ชอบตอนที่ คาวี่สอนชาลีมากแบบตะบบให้ขาดเลยซินะ
อัลคราวนี้นายแย่แน่  :laugh:

ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายของเรื่องแล้วใช่มั้ยค่ะ
แล้วในเล่มจะมีตอนนี้อยู่ด้วยป่าวเอ่ย

ยังงัยก็ขอบคุณมากนะค่ะคุณปุ้ย
มีความสุขมากกับการได้อ่านเรื่องนี้
อยากรีเควสว่า ทำภาค 2 มั้ย...อิอิ(อันนี้แอบคิดในใจ)

จะคอยติดตามเรื่องอื่นๆต่อไปนะค่า
ขอบคุณมากค่ะ :L2:


หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 14-01-2012 16:47:33
แม่สอนลูก ๆ ได้โหดดดมาก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 14-01-2012 17:35:56
คาวี่น่ารักจริง สอนลูกๆได้โหดมากๆ  งับตรงไหนไม่งับ เน้นตรงหว่างขาเท่านั้นนนนนน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 14-01-2012 17:56:57
 o13

+เป็ด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: sulsul ที่ 14-01-2012 19:25:43
หึหึ ฮะฮะฮ่าาาาาาา
ท่านชีคนอกจากจะระอากับแมวขี้อ้อนแล้ว
ยังพ่วงตัวแสบมาอีก 2 ตัว
โฮยยยยยยยยยยยย

ไม่ปวดหัว หัวระเบิดคราวนี้ จะให้ไประเบิดตอนไหน
ขยันสอนกันจริงๆ ให้ตายยยยยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 14-01-2012 22:17:22
 o13
คาวี่น่าร้ากกกมากกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 14-01-2012 23:01:04
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: nanajung ที่ 15-01-2012 00:33:34
แหม เอาเสือมาเลี้ยงแระหวังผลได้หน้ากลัวมั่กๆ คาวี่นี่ แสบได้จัยเสมอๆจริงๆเลยนะ ตัวไม่อยู่แต่ริอาจจะฝึกเสือสะได้

แต่ตอนนี้หวานได้น่ารักมากๆเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 15-01-2012 01:09:19
อั๊ยยะ! ชีล่ากับชาลีนท่าทางจะเชื่อฟัง 'มามี๊' อยู่นะท่าทาง
ท่านชีคท่าทางลำบากแล้ว

เป็นตอนพิเศษที่น่ารักมากๆเล้าค่า!
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: P.niez ที่ 15-01-2012 12:32:23
พึ่งมาตามอ่านค่ะ กรี๊ดมากกกกกกกกกกกกกกก
เรื่องแบบนี้หายากในบอร์ดค่ะ แต่โดยส่วนตัวชอบมาก เหมือนอ่านพวกนิยายแปลของญี่ปุ่นไม่ก็จีนเลย
>/////////////< ชอบมากค่ะ เจอเรื่องนี้ก่อนเรื่องของคุณพี่ชาย ทำเอาอยากอ่านอีกคู่มากเลยค่ะ

ชอบหมดเลยทั้งตัวละคร โดยส่วนตัวชอบแบบนี้นะคะ เพราะตัวเคะไม่เคะจนเกินงาม
บางเรื่องสาวไปเลยอ่านแล้วรู้สึกขัดๆ แต่เรื่องนี้บางทีก็ยังแอบใจเต้นกับความเท่ของคาลวี่เลยค่ะ
 :-[

แล้วก็ชอบที่อัลชาอ์ค่อยๆตกหลุมรักในสิ่งที่คาลวี่เป็นจริงๆทีละน้อยๆ
ถึงจะจริงอยู่ที่ว่าแอบหลงเค้าตั้งแต่ต้นก็เถอะ(ขำ) มันลึกซึ้งน่ะค่ะ
ไม่เหมือนเรื่องอื่นๆส่วนใหญ่ที่มูลเหตุความรักไม่ค่อยหนักแน่น
ไม่ใช่เห็นหน้าแล้วถูกใจหลงรักหน้ามืดไปเลย แต่เหมือนซีคเค้าชอบทุกอย่างที่ประกอบเป็นคาลวี่
ถึงจะนิสัยเสียจนน่าจับไปฆ่าหลายๆรอบอย่างที่ไรท์เตอร์บอกก็เถอะ

พร่ามซะเยอะเลย แต่ว่าทั้งหมดทั้งมวลนี่มากจากความรักเรื่องนี้ล้วนๆนะคะ
จะติดตามเรื่องต่อๆไปค่ะ ><
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 16-01-2012 02:45:15
น่ารัก รอหนังสทอจ๋าตั้งตารอมากมาย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: ISee ที่ 16-01-2012 16:17:48
สนุกมากเลยค่ะ อ่านไม่ลืมหูลืมตา ลืมตายกันเลยทีเดียว
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 16-01-2012 19:34:01
สเปสามตอนจบบอกได้ คำเดียว
น่ารักอะ
คุ้มค่ากับการรอคอยที่สุด
ขอบคุณมากคะ สนุกเสมอที่อ่านทุกครั้ง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: Fairy_94 ที่ 16-01-2012 19:47:10
กรี๊ด...ด ด น่ารักอ่ะ >< ชอบท่านชีคที่สุด..
คาลยิ่งน่ารักขึ้นทุกวัน //
รักเรื่องนี้ !! ยังจองหนังสือได้อยุไหมค่ะ? ~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 17-01-2012 17:58:31
เคยอ่านแบดบอยในเด็กดีเลยตามมาเรื่องนี้ ฝีมือคุณน้องดีขึ้นเรื่อยๆภาษาสละสลวยโดยที่มันกวนโหดๆ ได้หลายอารมณ์ดีจริงๆ

คาวี่ได้ใจไปเต็มๆแม้ช่วงกลางจะอ้อนเป็นลูกแมวดูไม่เป็นบอสไปหน่อย แต่คนเรามีหลายมุมแอบน่ารักกับหวานใจคนเดียวหวานซร้า
อิจฉาท่านชีคที่ตื้อทุ่มเทเพื่อรักจนได้ใจไปครอง ในที่สุดมาเฟียก้อเสร็จจนได้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: titchro ที่ 17-01-2012 22:09:16
อ่านจบแล้ว

น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เค้ารักคาวี่ที่สุดอ้ะ

เป็นนิยายอีกเรื่องที่ประทับใจมากมากเลยคะ :)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 19-01-2012 21:20:32
 :o8:
คิดถึง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 20-01-2012 11:52:54
ชอบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 20-01-2012 12:29:33
ตามอ่านมา3วัน :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 20-01-2012 18:05:12
เพิ่งจะได้อ่าน Sp.3 แบบว่าพิ่งเห็นอ่ะ  แฮ่ะๆ
แต่อ่านจบแล้วอยากกรี๊ดมากอ่ะ
ฉากจบสวยม๊ากกกกกกกก โรแมนติกมากด้วย

ท่านชีคนั่งกอดคาวี่แล้วจูบกันผ่านดอกกุหลาบทะเลทราย
บนตักคาวี่มีเจ้าชีล่ากับเจ้าชาลีนนอนหมอบเล่นอยู่
ด้านข้างทั้งสองคนมีเพิงหินที่ทอดเงาลงพบพื้นทาบทับกอกุหลายทะเลทราย
เบื้องหน้าของทั้งสองเป็นผืนทะเลทรายกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาจรดขอบฟ้า
และที่ขอบฟ้านั้นดวงอาทิตย์ก้กำลังจะลาลับฉาบแสงอัสดงทั่วทั้งผืนฟ้าและผืนทราย

กรี๊ดดดดด โรแมนติดที่สุด อบอุ่นมากกกกๆ
(เริ่มเพ้อไปกันใหญ่แล้ว :o8:)

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 21-01-2012 15:42:34
555555555555555 คาวี่น่ารักอ่า สอนลูกๆให้เฝ้าพ่อ กร๊ากกกกกกกกกก ทีนี้ล่ะไม่ต้องกลัวว่าใครจะเข้าใกล้ท่านชีคได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 21-01-2012 16:02:21
 :bye2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 21-01-2012 16:37:46
 :laugh: :laugh: :laugh:

มาเฟียของเราหึงโหดจริงๆ ด้วย วางแผนไว้อย่างเรียบร้อยเลยทีเดียว

แต่หึงมากขนาดนี้ก็แสดงว่ารักมากด้วยใช่ไหม

 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: KND ที่ 23-01-2012 23:00:51
 :laugh: สนุกมากๆๆๆๆๆ เป็นอ่านแบบมาราธอนสุดๆๆๆ

คาวี่เธอช่างน่ารักเสียจริง
อยากให้มีภาคสองต่อจังเลย ฮี่ๆๆๆ

เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ต่อไปนะค่ะ o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: lalalai ที่ 26-01-2012 16:13:48
อ่านจบแล้ววววววววววววววววววว ใช้เวลาร่วมสามวัน  ที่เคยคิดว่า 80 หน้า ใช้เวลาวันเดียว ก็น่าจะได้เหมือนที่อ่านเรื่องอื่นๆ แต่พอได้เข้ามาอ่านจริงๆแล้ว การจะอ่านให้จบภายในวันเดียวนั้น...ไม่ง่ายเลย = ="

ด้วยเพราะ
เนื้อหาเยอะและยาว แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลหลัก เหตุผลหลักมันอยู่ที่ "ภาษา" ที่ใช้บรรยาย มันสวยมาก ซับซ้อน ต้องทำความเข้าใจ ต้องอ่านอย่างตั้งใจ จะอ่านผ่านๆไปเพื่อให้ไปถึงตอนจบของเรื่อง"ไม่ได้"เลย อ่านแล้วก็ต้องอ่านอีกรอบเพื่อทำความเข้าใจและดื่มด่ำกับมัน ขอบอกว่าภาษาสวยมากจริงๆค่ะ

นอกจากภาษาจะสวยมากแล้ว ยังพิม"ผิด"เยอะมาก เช่นกัน = =" คือ...อ่านๆอยู่ ดื่มด่ำสุดๆ แต่ก็ต้องสะดุดหัวทิ่มกันเลยทีเดียว ต้องกลับไปอ่านซ้ำอีกครั้งเพื่อให้เข้าใจว่า ประโยคนี้ คำนี้ที่พิมผิด พิมตก ไป อะไรคือคำที่ถูกต้องมีคำถามในหัวตลอดว่า "จริงๆคนเขียนเค้าจะสื่อว่าอะไรวะ" แล้วก็พยายามคิดถึงคำที่"ถูก" (สะกดถูก,ที่ตกหล่นไป) ที่น่าจะเป็นไปได้ และถามตัวเองต่อว่า"ตรูเข้าใจถูกมั๊ยฮึ"  เพราะบางทีมันก็ร้ายแรงขนาดที่ว่าทำให้เข้าใจเนื้อหาที่จะสื่อออกมาได้คลาดเคลื่อนไปเลยก็มี(จริงๆนะ มันร้ายแรงถึงขนาดนั้น อยากให้ปรับปรุงตรงนี้ค่ะ ด้วยความหวังดีจากใจจริง แล้วจะเพอร์เฟคและไร้ที่ติมากกกกกกกกกกกกก) ร้ายแรงรองลงมาก็คงจะเป็น อาการหงุดหงิดของคนอ่านที่กำลังอินมากถึงมากที่สุดต้องมาอารมณ์หัวทิ่มเพราะบางคำที่พิมตกหรือสะกดไม่เป็นคำแล้วอ่านไม่ได้ = =" (ถ้าเคืองก็ขออภัยนะคะ เพราะรู้สึกอย่างนี้จริงๆ) และอย่างสุดท้าย เว้นวรรคบ้างอะไรบ้างก็น่าจะดีเพราะบางทีมันติดกันเป็นพรืดทำให้บางทีใจความของประโยคมันก็เปลี่ยน(อีกแล้ว) 

เป็นอันจบเรื่อง คำตกหล่น การสะกด ภาษาและการเว้นวรรค ไว้แต่เพียงเท่านี้ สู้ๆค่ะ ^ ^

มาว่าด้วยเรื่องเนื้อหา ที่ต้องขอบอกว่า ชอบมาก สนุกมาก บีบคั้นหัวจิตหัวใจมากๆ อาจไม่ทำให้น้ำตาไหลพรากๆ แต่มันก็ทำให้ปวดหนึบๆ ในหัวใจได้มากๆ เช่นกัน น้ำตาไหลออกมามันก็จบเพราะได้ระบายความรู้สึกออกไปบ้างแล้ว แต่ไอ้อาการหนึบๆ หน่วงๆ นี่สิ คิดว่ามันร้ายแรงกว่ามากนักเพราะมันจะวนเวียน กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยอกๆ เป็นระลอกๆอยู่อย่างนั้น ไม่มีวันจางหายไปในเวลาอันรวดเร็ว อ่านจบ อารมณ์ไม่จบ ยังคง หนึบ ยอก อยู่อย่างนั้น T_T แต่ก็ชอบมากจริงๆ

แรกเริ่มที่ได้อ่านคำโปรย ก็กรี๊ดกร๊าดไปตามเรื่อง "ชีคหนุ่ม" โอ้ววว อาหรั๊บ อาหรับ ชวนเพ้อสุดๆ พอเจอ "มาเฟียหนุ่ม" เอิ่มมมม คำถามผุดขึ้นในใจแล้วใครจะเป็นนายเอกล่ะหว่า ชีคเหรอ ไม่นะ ชีคเหมาะจะเป็นรุกเท่าน้านนนนนน แต่เจอมาเฟียล่ะ ถ้ามาเฟียกะคนธรรมดา โอเค มาเฟียเหนือกว่า มาเฟียรุกไป แต่...พอมาเจอชีค อืมมม คำตอบมันก็ค่อยๆโผล่ออกมา หึหึหึ ความน่าสนใจทะยานขึ้นสู่ระดับพีค

คำถามต่อมา...แล้วเค้าจะรักกันได้ยังไง ก็เลยต้องอ่านๆๆๆ และอ่านไปๆ ก็หมั่นไส้มาเฟียนายเอกไป แหมะ มันน่าจับหมกทะเลทรายนัก กวนติงดีจริงๆ ก็ว่าทำไมชีค ย๊อม ยอม แล้วคำตอบก็มา ว่าเค้ารักของเค้ามานานนนนนนนนนน รักแรกพบสุดๆ (โธ่ ชีค ขาาาาาาาา) ทำทุกอย่างทุกทาง เพื่อรั้งไว้ให้อยู่ด้วย สร้างสถานการณ์ก็แล้ว กะว่าได้ "ใจ" แน่ๆ  แต่...มาเฟียก็ฉลาดไง เก่งเกิน(จนน่าหมั่นไส้ อ่านไปก็คิดไป"เธอจะเก่งเกินไปแล้วนะคาวัลโล่") รู้ทันอีก สรุปที่ทำลงไปสูญเปล่า คาวี่ไม่สนใจไม่รับรักแถมยังปากเสียใส่ ดึงเช็ง กั๊ก เลี้ยงไข้ สารพัดจะทำ โฮ้ววววววววววว อยากบอกว่าสงสารชีคเกินทน อยากบอกว่าตัดใจแล้วยัดมันส่งกลับบ้านมันซะเถอะ คนอะไรไร้หัวใจ ฮึ่ยยยยยย แต่...ชีคก็รักของเค้า ก็ยังรัก ยังรอ ยังหวังจะได้หัวใจ ยังพยายามต่อไป(หล่อค่อดๆอ่ะค่ะ ชีค >///<)  สงสารก็สงสารแล้วก็หันไปดูทางคาวัลโรว่าเมื่อไหร่จะใจอ่อน(ซะที) ยิ่งตอนที่โดนตะปูตอกมือ แล้วโดนจับตัวไปนั่นล่ะ ลุ้นว่าคาวัลโล่จะรู้ใจตัวเองแน่ๆ กรี๊ดๆๆ และทุกอย่างน่าจะลงเอยด้วยดี...เพราะตอนเค้าดูแลกันและกันนั้นมัน หวานมากกกกกกกกกก สลบไสลในอ้อมแขนชีคอัลชาอ์ บ๊ะ >///<  มันต้องดีสิ มันต้องดี  ต้องเห็นใจกัน ต้องใจอ่อน ความสัมพันธ์ต้องดีขึ้นๆ และดีขึ้น และ มันก็ดีขึ้นจริงๆ ดีขึ้น...เพื่อจะดิ่งลงเหว คาวัลโล่เริ่มหวั่นไหว เริ่มมองเห็นความรักของชีคอัลชาอ์ แต่ก็ยังไม่ยอมรับ ไม่ยอมเข้าใจ และไม่เข้าใจกัน ความสัมพันธ์เลยกลับมาที่ศูนย์อีกครา...วุ้ยยย อ่านไปก็เซ็ง อยากเบิ๊ดกะโหลกคนละทีสองที

แล้วก็มาถึงจุดพีคที่สุดของที่สุดที่คาวัลโล่จะรับรักอัลชาอ์(ซะที) เพราะโดนทรยศหักหลังจากคนที่ไว้ใจ เลยเกิดอาการเสียศูนย์ เสียใจ ไร้ที่พึ่งอย่างสุดซึ้ง อ่อนแอ อ่อนไหว และอ่อนแรงสุดกำลัง เลยเริ่มมองเห็น ไม่สิจริงๆก็มองเห็นมานานแล้วแต่ไม่ได้ให้ความสนใจ ในความรักของอัลชาอ์ เพราะตอนนั้นยังแข็งแกร่ง ทะนงตัวว่ายิ่งใหญ่ มีที่ไป และยังไงก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ เลยไม่สนใจความรักความความหวังที่ที่เค้าหยิบยื่นให้ แต่หลังจากที่เกิดวิกฤติชีวิต จากอนาคตว่าที่บอสมาเฟียที่สดใสกลายเป็นมืดมนดับลงชนิดที่ว่าไปต่อไม่เป็น หาทางสว่างก็ไม่เจอ ไม่สิ ต้องเรียกว่า แทบไม่เจอมากกว่าเพราะในความมืดมนไม่มีทางไปยังมีความรักของอัลชาอ์อยู่ และคงเป็นแสงสว่างเดียวที่คาวัลโล่เต็มใจคว้าไว้อย่างไม่มีเงื่อนไข ว่าก็ว่านะ ถ้าคาวัลโล่ไม่เจอแบบนี้แล้ว จะยอมรับรักอัลชาอ์มะ จะสนใจใส่ใจในความรักและหวังดีของอัลชาอ์บ้างมั๊ย พอล้มแล้วถึงจะมองเห็น พอไม่มีที่ไปไม่มีใคร ถึงจะเห็นค่า โถ...พ่อคนเห็นแก่ตัว คนร้ายกาจ ที่สุดท้ายก็นึกถึงแต่ตัวเอง ชิชะ ถ้าคาวัลโล่ไม่ใช่นายเอก แต่เป็นตัวร้าย คนอ่านก็คงจะประณามด่าว่า สาปส่ง และสมน้ำหน้า ให้สาแก่ใจอย่างถึงที่สุด (เป็นความจริงที่ว่า ชีวิตตัวร้ายช่างอาภัพนัก มีแต่คนกร่นด่า ซ้ำเติมและไม่มีวันให้โอกาส...ซวย จริง จริง) แต่เพราะคาวัลโล่เป็นนายเอก เป็นคนที่ชีครัก(อันนี้ส่วนตัวเป็นแฟนคลับชีค กรี๊ดๆๆๆ>//<) เลยต้องมาวิเคราะห์ และพยายามทำความเข้าใจ และเห็นใจ ว่าสิ่งที่ได้รับและเผชิญอยู่นั้นมันร้ายแรงเหลือ ความผิดหวัง พลาดหวังจากสิ่งที่เคยคิดว่าจะได้แน่ๆ มันต้องสร้างความเจ็บปวดให้กับคนที่หวังเป็นธรรมดา และความผิดหวังและความเจ็บปวดนี้ก็ทำเอาคาวัลโล่เสียศูนย์หนัก อ่อนแอเป็นไอ้ขี้แพ้(เหมือนที่คลาร์กและแกเร็ตเรียก) ราวกับเป็นคนละคน คนอ่อนแอก็ย่อมต้องการที่พึ่งที่พักพิงเป็นธรรมดา และคาวัลโล่ก็แค่คนธรรมดาๆที่ไม่อาจฝืนกฎของความจริงไปได้ อ่ะ เข้าล๊อค ทุกอย่างลงตัวเป๊ะ...ชอบนะที่คนเขียนเขียนให้นายเอกมีหลายมิติ แข็งกร้าว เย่อหยิ่ง แต่ก็อ่อนแอและพ่ายแพ้เป็น คือเป็นคนธรรมดาเหมือนเราๆทุกคน ไม่ใช่นายเอกในนิยายที่ดีกริบไร้ที่ติ ราวกับเทวดาผุดมาจากสวรรค์ชั้นไหนที่ไม่ใช่โลกมนุษย์ ไม่เคยทำผิดพลาด แพ้ไม่ได้ ต้องชนะเท่านั้น อืมมม ลองมองในมุมของคาวัลโล่ก็เลยเข้าใจ ไม่ว่าใครก็อ่อนแอและเห็นแก่ตัวได้ทั้งนั้น แม้กระทั่งอัลชาอ์ก็ยังฉวยโอกาสนี้ที่คาวัลโล่อ่อนแอ เข้ามาดูแลมาทำให้รัก สรุป...พอกันแหละทั้งสองคน แต่ก็ต้องขอบคุณทุกอย่างที่เกิดขึ้นนะเพราะมันทำให้เค้าทั้งสองคนที่รักกัน(ซะที) แล้วเวลามีความรักคาวัลโล่ก็ดูน่ารักขึ้นตั้งเยอะ จากตอนแรกที่ไม่ชอบ หมั่นไส้ อยากจับหมกทะเลทราย ก็เอ็นดูมากขึ้นๆๆ เพราะ คาวี่ก็น่ารักขึ้นๆๆๆๆๆ ชีคก็หลงหัวปักหัวปำ คนอ่านก็เขิลแล้วเขิลอีก แอร๊ยยยย >///<
แต่ความสุขมันก็ไม่ยาวนาน ก็มีอันต้องมาถึงทางแยก(อีกแล้ว) กับปัญหาที่เคยยุ่งยาก ซับซ้อน และร้ายแรง ก็เกิดคลี่คลายได้ขึ้นมา (นี่ก็เป็นอีกสัจธรรมข้อนึงที่ว่าปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางคลี่คลายแต่ก็ต้องใช้เวลา...ใคร๊ ใครว่าอ่านนิยายแล้วไร้สาระ) คาวัลโล่ก็ต้องกลับไปอยู่ที่ของตัวเองที่กว่าจะตัดสินใจคนอ่านอย่างเราก็ปวดตับไปหลายยก หน่วงก็แล้ว หนึบก็แล้ว ก็ยังไม่มีบทสรุป เลือกทางไหนก็เจ็บก็เสียใจ วุ้ยย ดีนะที่เกิดมาเป็นคนธรรมดาไม่ต้องแบกภาระยิ่งใหญ่อะไร ไว้บนบ่า ไม่งั๊นก็คงปวดหัว ปวดใจ เหมือนคาวัลโล่นั่นแหละ แต่ก็สะใจนะที่ชีคบอกคาวัลโล่ว่าจะไม่รอแล้ว เพราะรอมาเยอะแล้ว มันเป็นความสะใจบนความสงสาร บนความร้าวรานของทั้งคู่นั่นแหละ เพราะชีคที่รอรัก ที่ทำให้ทุกอย่าง สุดท้ายก็ไม่ถูกเลือก แต่ก็เข้าใจว่าก็เลือกไม่ได้ ยังไงก็เลือกไม่ได้ แต่ก็อย่างที่ชีคเค้าบอกแหละ "คนหนึ่งคนจะทนกับความทรมาณจากการผิดสัญญาไปได้ซักกี่ครั้งกัน"(อาจไม่เป๊ะ แต่ใจความประมาณนี้) ก็เข้าใจชีคนะที่ไม่รอ ก็ทำแล้วทุกอย่าง รักหมดใจแล้ว แต่ก็ยังไป ประมาณว่า "ศักดิ์ศรีกูก็มี"  อะไรประมาณนั้น (ขออภัยที่หยาบคาย) ถึงจะบอกไปแบบนั้นแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เสียใจ แต่มันก็เกินจะทนแล้วจริงๆ อืมมมม ก็สงสารคาวัลโล่นะ แต่รู้สึกว่าโดนซะบ้างก็ดีเหมือนกัน ถึงจะน่ารัก น่าเอ็นดูขึ้นเยอะ แต่ถ้าไม่ได้รับบทเรียนว่าจะต้องสูญเสียคนที่รัก อย่าง จริง จัง ก็คงไม่จดจำเท่าไหร่เพราะอาจจะเคยตัวและคิดว่ายังไงอัลชาอ์ก็ยังจะรักและรอได้  ตลอดไป อืมมม

แต่อ่านถึงช่วงนี้ก็หมั่นไส้และเกลียดขี้หน้าอิคุณอาคลาร์กมากๆถึงมากที่สุด ยิ่งตอนที่รู้ว่าทุกอย่างคลี่คลายแล้วแต่ไม่ยอมบอกคาวัลโล่และยังดึงดันที่จะเอาคาวัลโล่กลับไปนั่นน่ะ ขอบอกว่าโคตรเกลียดขี้หน้าเลย  :m16: ทำไมต้องทำลายความรักของคนอื่น ถึงคนคนนั้นจะเป็นลูกเป็นหลานของตัวเองก็เถอะ ก็ไม่มีมีสิทธิคิดหรือบังคับ ไม่สิ แต่อิคาร์กมันใช้เล่ห์ เอาคาวัลโล่กลับไปจนได้ ขอให้แก อิคาร์ก เจอบทเรียนความรักของแกในภาคต่อไป(ฝากคนเขียนด้วย 555)ที่เจ็บปวดให้ถึงแก่น ให้เจ็บปวด ให้จดจำ ว่าครั้งนึงเคยทำลายความรักของใครลงไป (แค้นฝังหุ่น) ยิ่งตอนคาวัลโล่ต้องกลับแล้วชีคไม่มาส่ง แต่ทิ้งกระดาษไว้พอรู้ความหมายของมัน แล้วเห็นชีคยืนส่งอยู่บนดาดฟ้าของพระราชวัง โฮ้ววววววววววววววววว มันก็ไม่รู้จะบรรยายออกมายังไงว่ามัน...เศร้า มันบีบหัวใจแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้ตามคาวัลโล่ไปหรอกนะ สำหรับคนอื่นตอนนี้มันอาจจะพีคมากถึงมากที่สุด แต่สำหรับเรามันพีคมานานแล้ว ไม่มีอะไรพีคไปกว่านี้แล้ว พีคเสมอต้นเสมอปลาย ตั้งแต่รู้ว่าเค้าต้องแยกจากกันนั่นล่ะ (ไม่ใช่ไม่เศร้าแต่มันเศร้ามากมาตลอด) ก็ยังดีที่อิคลาร์กมันยังสำนึกได้ซักนิดเมื่อตอนถึงบ้านว่าคิดผิดรึเปล่าที่เอาหลานกลับมา อย่างน้อยก็ยังสำนึก สำเหนียก ถึงจะแค่เวลาชั่วครู่ก็ตาม

บทสรุปของเรื่องที่ยังไงก็ไม่สรุป เพราะมันสรุปไม่ได้ เลือกไม่ได้ คาวัลโล่เลยไม่เลือก อืมมม ก็จะเอาทั้งสองอย่าง ใครจะทำไม อืมมม อ่านไปก็เซ็งไป หน่วง หนึบ ต่อไป เพราะยังไงมันก็คงต้องเป็นแบบนี้ มองไม่เห็นทางลงทางอื่น ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามครรลองของมัน ชอบที่จบแบบนี้นะเพราะมันจบบนพื้นฐานของ(โคตร)ความเป็นจริง รักกันก็ใช่ว่าจะต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ก็อย่างที่เค้าบอกกัน "ถึงจะห่างกันแต่ก็อยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน " "ตราบใดที่ยังมีรักก็ย่อมมีหวัง" นั่นล่ะ ใช่ว่าจะตายจากกันซะหน่อย เงินก็มี รวยก็รวย ว่างๆ ก็บินไปหากันซะให้หายคิดถึง (เกิดเป็นคนรวยมันดีอย่างงี๊(อิจฉาาาา))

อีกคู่ที่ลืมไม่ได้เลย คือฝาแฝด แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย >///<

ตอนแรกอ่านคำโปรย หือออ สิ่งที่สนใจมากที่สุด คือฝาแฝดของตัวเอง หือออออออออออ ก็ยังไม่ฟันธงแต่ก็น่าสนใจมาก ถึงมากที่สุด เรื่องแบบนี้มันเร้าหัวใจดีนักแล แล้วยิ่งมาอ่านเจอ ก็ยิ่งอยากกรี๊ด กรีดร้อง  บ๊ะ ให้มันได้อย่างงี๊ รักที่ผิดทำนองคลองธรรม รักที่ไม่มีใครอยากจะยอมรับ เก๋ซะ แล้วก็หวานมากด้วยยยยย แล้วก็ชอบไม่แพ้มวยคู่เอก เอ๊ย คู่พระ-นาย ของเรื่องเลยทีเดียว ความรักของคู่นี้ก็อยู่บนพื้นฐานของคำว่าครอบครัว เรื่องที่เกี่ยวข้องก็ล้วนแต่เกี่ยวกับครอบครัว ความรัก ความเข้าใจ คำขอโทษ และการให้อภัย มันก็สวยงาม ลงตัวทุกอย่างอยู่แล้ว ทั้งมูลเหตุต้นตอของเรื่องราว เพราะลุงเสียลูกชายนอกกฎหมายไปเพราะความรักของทั้งคู่เป็นต้นเหตุ ชอบคำพูดของคุณพ่อ ที่ว่า "จุดริ่มต้นเพียงเล็กน้อยบางทีก็เป็นบทสรุปของเรื่องที่ยิ่งใหญ่"(อาจไม่เป๊ะ แต่ใจความประมาณนั้น(อีกแล้ว)) เพราะจุดเรื่อมต้นทั้งมันก็คือเรื่องราวความรักที่ไม่มีใครรับได้ของทั้งคู่ จนนำไปสู่เรื่องราวใหญ่โตและเกือบจะบานปลาย และเกือบจะต้องสูญเสียกันและกันไปตลอดกาล ก็ไม่ขอออกความเห็นในเรื่องความรักของ "เอล็กซ์ทั้ง 2" ว่าถูกผิดอะไรยังไง เพราะยังไงความรักมันก็จะเป็นสิ่งที่สวยงามถ้าเรารู้จักที่จะรักและประคับประคองมันไปในทางที่ดี ที่ไม่ทำร้ายทำลายใคร (โดยส่วนตัวนั้นแอบกรี๊ดดดด >///<) แต่ถึงกระนั้นพ่อแม่ก้ยังมีข้อแม้ที่โหดร้าย...เฮ้ออออ รักไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ

แต่ชอบตรงคำว่า "ครอบครัว" ที่ไม่ว่าจะทำผิดต่อกัน ทำร้ายกันมากแค่ไหน แต่สุดท้าย ก็ยังให้อภัยกัน "เรียนรู้ ยอมรับ ขอโทษ และให้อภัย"  ชอบจริงๆค่ะ

ชอบที่คนเขียนสื่อออกมาว่ายังไงครอบครัวก็สำคัญ ไม่ว่าเราจะเป็นยังไง เจอเรื่องเลวร้ายมากแค่ไหนเราจะยังมีครอบครัวอยู่ข้างๆ ที่พร้อมจะให้อภัย และเป็นกำลังใจให้แก่กัน

ชอบที่คาวัลโล่ก็เลือกครอบครัวและรักครอบครัวพอๆกับที่รักอัลชาอ์และเลือกทิ้งสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปไม่ได้ ชอบที่อัลชาอ์สอนให้คาวัลโล่รู้(โดยไม่รู้ตัว) ว่ายังไงครอบครัวก็สำคัญ ด้วยการไม่ฆ่าลุงและแม่เลี้ยงทิ้งทั้งๆที่เป็นกบฎ คาวัลโล่จึงไม่สั่งฆ่าลุงตัวเองทั้งๆที่เข้าใจว่าลุงฆ่าพี่ชายของตัวเองไปแล้ว

ชอบ(อิ)คลาร์ก ที่มันยังเชื่อในความเป็น"ครอบครัว" ที่ยังเชื่อว่า เฟเดอริโก้(ใช่มั๊ยฮึ) จะยังมีความเมตตาต่ออเล็กเซย์ หลานในไส้ของตัวเอง เลยบอกเอล็กซิสว่าไม่ว่ายังไงก็อย่าฆ่าลุงทิ้ง ยังถือว่ามีความดีอยู่บ้างนะคลาร์ก (แต่ฉันเกลียดเธอจริงๆ ขอบอก ค้อนสามที)  เพราะก็ไม่รู้ว่าอเล็กซิสจะห้ามใจตัวเองไม่ให้ฆ่าลุงตัวเองได้มั๊ยเมื่อยังไม่รู้ว่าอเล็กเซย์ยังมีชีวิตอยู่ ขอบอกว่าอ่านตอนนี้แล้วเครียดมาก กลัวอเล็กเซย์ตายจริงจัง เพราะตอนที่เข้าใจผิดว่าตายไปแล้วก็สงสารอเล็กซิสมากถึงมากที่สุด อาจไม่ได้ผู้กพันกันมายาวนาน เหมือนคู่เอก แต่เราก็รักคู่รองไม่แพ้กัน พอมารู้ว่ายังไม่ตายก็ดีใจแทนอเล็กซิสสุดๆ แต่ก็ต้องกลับมาเครียดเหมือนเดิมเพราะชีวิตของอเล็กเซย์ก็ขึ้นอยู่กับชีวิตของผู้เป็นลุง -*- ถ้ารอดก็ต้องรอดทั้งคู่ ถ้าตายก็ต้องตายทั้งคู่เช่นกัน โฮ้ววววววว โหดร้ายดีแท้

แต่อเล็กซิสก็ยังจิตใจดีมีเมตตาต่อลุงตัวเองที่ยังไงก็ฆ่าไม่ลง (หล่อแล้วยังจิตใจดีอีก กรี๊ดดดดดดดอ้ะ >///<) เลยได้เจออเล็กเซย์อีกครั้ง ปลาบปลื้มมากกกก ที่เค้าได้เจอกันอีกครั้ง
แต่ชอบโมเม้นที่อยู่โรงพยาบาลที่สุด หลายๆอย่างที่แสดงออกมันคือความรักความห่วงใย ที่จะยังไงดีล่ะ หวานและขื่น หวานคือแสดงออกว่ารักว่าห่วงได้อย่างเต็มที่(หรือจริงๆมันก็เต็มที่กันมาตลอด) โดยไม่มีใครอยากจะขัดใจหรือห้ามปราม เพราะต่างก็อยู่ในความเศร้าเสียใจด้วยกัน และเหมือนแม่จะยอมแล้ว อิอิ และที่อเล็กเซย์ไม่ยอมฟื้นขึ้นมาซักที อเล็กซิสก็เฝ้าอยู่ไม่ยอมห่าง แล้วก็นั่งคิดถึงสาเหตุว่าทำไมไม่ยอมฟื้นซักทีทั้งที่หมอก็บอกว่าปลอดภัยแล้ว แต่อาจเป็นความต้องการของคนไข้ที่ไม่อยากตื่นเอง พยายามนึกถึงสาเหตุก่อนหน้าที่เกิดเรื่อง หรือเพราะเขามัวไปเดทกะหญิงอื่น หรือเสียใจเรื่องน้องชายที่ตายไป หรืออะไร โอ๊ยยย ชอบอ่ะ ไม่รู้ว่ามันคืออะไรนะความรู้สึกตรงนั้น รู้แต่ ชอบๆๆๆ แล้วตอนที่ฟื้นขึ้นมาก็...นะ  >///<  หวานอ้ะ หวานได้อีกกกกอ๊ากกกกก

สรุป ก็คือ ชอบมาก ชอบทุกอย่าง ขอบคุณ คนเขียน ที่เขียนเรื่องราวดีๆมาให้อ่านนะคะ  o13

(หากพิมผิดตกหล่น ดังที่ได้กล่าวเตือนไป ก็ขออภัย เพราะพิมมาตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ 15.54 น. พึ่งเสร็จสมบูรณ์ คือนี่เราแค่เม้นท์ยังเหนื่อยที่ต้อง เค้นสมอง เค้นคำ มาใช้ แค่นี้ก็เหนื่อย และ ปวดหัวตุบจะแย่แล้ว แต่บรรดานักเขียนทั้งหลายเราขอชื่นชมพวกคุณจากใจจริงว่าคุณสามารถมากๆที่เขียนนิยายแต่ละเรื่องมาให้เราอ่านกัน ได้แต่ละเรื่องมันต้องใช้ความพยายามอย่างมากจริงๆ กว่าจะวางพลอตเรื่อง กลั่นกรอง ร้อยเรียงถ้อยคำ แหมะ สุดยอดจริงๆค่ะ o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 28-01-2012 16:00:39
 :bye2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: saikalism ที่ 14-02-2012 21:34:51
ชอบอะ ชอบเรื่องนี้อะ
สนุกมากมาย
จะรอหนังสือนะคะ ^^~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 15-02-2012 20:13:42
คิดถึง คาวี่และอัลชาล์

ตอนพิเศษน่ารักมากมาย

ชอบ ชีล่า กับ ชาลีนมากๆๆอ่า

ลูกรักของแม่คาวี่ เล่นซะ 

ขอบคุนมากๆๆครับ

อยากให้มีภาคสอง ของคาวี่ กับ อัลชาลโดยเฉพาะอ่า

อยากคู่นี้มากที่สุด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 16-02-2012 01:23:33
ตอนจบฮาจริงอะไรจริง อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 17-02-2012 13:19:45
555 วุ่นวายอีกน่าดู
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 17-02-2012 19:44:53
แม่เเมวสอนลูกเสือ เฝ้าพ่อให้ดีๆ 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ-UP!! [Sp.3] Happy to ending 14/1 /55
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 18-02-2012 20:04:10
สอนลูกดีจังนะ :laugh5: :laugh5: :laugh5:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Serin ที่ 28-02-2012 16:59:55
 

สวัสดีค่ะ มีข่าวมาแจ้งกัน  :กอด1: :กอด1:



  ก่อนอื่นขอขอบคุณทุกคนที่สั่งนิยายเข้ามานะคะ > < ขอบคุณมากจริงๆที่อุดหนุนนิยายของปุ้ย  :m13: :m13:


 แจ้งเรื่องการสั่งนิยาย

   ตอนนี้ปิดจองแล้ว แต่สามารถสั่งหนังสือได้ค่ะ ระยะเวลาจองที่กำหนดไว้ เป็นระยะจองในโปรโมชั่น + มีของแถม

  ตอนนี้ทางไร้กรอบปิดจองแล้วแต่ยังสั่งหนังสือกันได้ในราคาเต็ม นั่นคือ ราคาเล่มละ 550 บาท สองเล่ม 1100 บาทคะ(ไม่รวมค่าส่ง)และไม่มีของแถมนั่นเอง(แต่ถ้าสั่งมาก่อนส่งของรอบแรกอาจมีโด :laugh:)


-------


   และต่อมาก็แจ้งเรื่องกำหนดการส่ง


   หนังสือเรื่อง Stone rose's line กุหลาาบทรายใต้เงาหิน จะส่งในกลางเดือนมีนาคมนี้นะคะ :L2:


   เหตุที่ส่งช้าเนื่องจากความล่าช้าของตัวคนเขียนเองคะ   o1ติดงานราษฏ์งานหลวงจนไม่มีเวลา

   ทำให้รีไรท์ตอนพิเศษส่งไปช้ามาก ก ก ก ก ก  ขั้นตอนการตรวจบรู๊ฟและทำต้นฉบับจึงช้าไปด้วย 

    ปุ้ยขอยอมรับผิดแต่โดยดีค่ะ ขอโทษจริงๆ (เค้าจะไม่ทำตัวแบบนี้อีกแล้ววว  :sad4:)

    เพราะงั้นเลยขอรีวิวตอนพิเศษ แจ้งว่าจัดเต็มทำสกอร์ไปที่ห้าตอนเก้าสิบเอ็ดหน้า (เหอๆ) บวกของเก่าที่จะร้อยกว่าหน้า ถือหนังสือกันดีๆนะคะทุกค๊น น นน (ยังไม่ได้เฟ้ย เพราะเอ็งนั่นแหละ!//โดนตรบ :beat: :beat:)
 

    สุดท้าย แปะภาพรีวิวโด ได้มาภาพเดียว จะอัพเดททีหลังนะคะ
 

      (http://i1120.photobucket.com/albums/l491/silenceserin/Scan200061.jpg)

    (คลิกดูรุปใหญ่ได้งับ)
 
   มีสองแขกรับเชิญพิเศษ ที่ไม่ได้โผล่ในนิยายแต่จะมาโผล่ในโด ฮ่าา
 
ปล. ซับนรก :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 28-02-2012 22:18:21
อ่านมาเป็นอาทิตย์กว่าจะจบ
ขอบคุณคุณปุ้ยมากสำหรับเรื่องนี้
บีบหัวใจมาก แต่ก็จบแบบมีความสุข
ต่อไปก็ไปรอลุ้นอิพี่โตกับนังน้องเนมต่อว่าจะจบอย่างไร
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 29-02-2012 23:49:03
ตอนพิเศษที่สามน่ารักมากกกกกกก
ยังไงก็คงไว้ลาเป็นไฮยีน่าตัวแสบเหมือนเดิมสินะ
สอนลูกแบบนั้นฮาซานก็หวาดๆ ช่วยงานท่านชีคไม่ได้ ฮ่าๆ

ปล.แอบกรี๊ด อัลชาอ์ที่รัก
เต็มปากเต็มคำแล้วนะคาวี่ :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: breath ที่ 01-03-2012 00:31:21
กลางมีนา กลางมีนา กลางมีนา กลางมีนา กลางมีนา กลางมีนา
ฮือออออออออออออออออออออออออออออออ
TT TT
จะรอนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: jiajia ที่ 01-03-2012 01:59:15
โอ้ว....ไม่ได้สั่งในช่วงจองแต่สั่งก่อนส่งรอบแรกจะมีสิทธิได้รึเปล่าเนี่ย อดลุ้นไม่ได้แฮะ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ลู่เคอOlive♥ ที่ 02-03-2012 23:26:48
อ่านจบสักที
เรื่องนี้มีหลากหลายอารมณ์จริงๆ
เศร้ามากตอนที่ต้องแยกจากกัน
ตอนคาวี่ดื้อ ก็นาถีบดีจริงๆ
ชอบคู่อเล็ก ไม่ไหวแล้ว :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 03-03-2012 17:36:01
จะรอหนังสือนะคะ
มาให้กำลังใจค่ะ  อยากอ่านเร็วๆจัง

ปล.อ่านในบอร์ดเกือบจบแหละแต่ว่ารออ่านรวดเดียวในหนังสือดีกว่า
อยู่หน้าคอมพืนานปวดตามากๆ

รอเรื่องต่อไปนะคะ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: saikalism ที่ 11-03-2012 21:54:28
ไม่เป็นไรคะ ยังไงก็เฝ้ารอ หนังสือ นะคะ
นานเท่าไรก็รอ T_T
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 05-05-2012 01:37:52
นที่ 05 /05/ 55 เสาร์ที่ 5 ขอให้ป้าปุ๋ย จงมีแต่ความสุข ความเจริญตลอดไป และเนื่องจาก วันนี้ เป็นวันสิริมหามงคล ขอให้ป้าปุ๋ย นักเขียนสุดรักได้โปรด มอบ ของขวัญ แก่มิตร แฟนคลับ คาวี่ และอัลชาล์ Stone rose's line ด้วยการเขียนตอนพิเศษ หวานๆ ฉ่ำ และยาวๆ ของคาวี่ กับ อัลชาล์ ด้วยเทอญ :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 09-05-2012 15:41:33
3 คืน ตั้งแต่ 2 ทุ่ม ยันตี 4......เรียกได้ว่าสุดยอดแห่งการอ่านที่ไม่เคยอ่านมาแบบนี้.......
สุดยอดของสุดยอดที่ได้อ่านความสนุกและตื่นเต้น..บีบคั้นหัวใจและกดดันเป็นที่สุด........
น้ำตาท่วมจอเลยนะจะบอกให้ท่านนักเขียนที่รัก.....แต่ก็ถือว่าไม่ดราม่ามากเท่าไหร่...
แต่เรื่องบีบหัวใจนี่พอ ๆ กะเรื่อง sweet poission.....(แต่เรื่องนี้โหดกว่า...และ NC..มากกกกกกกกกก..)
ยอมรับได้เลยว่ารักทุกคู่ที่ได้อ่าน  แต่ยังอยากจะให้จัดคู่ให้ฮาซานขวัญใจองครักษ์ของข้าพเจ้าด้วยคน...
ขอบคุณที่ท่านแต่งสิ่งดี ๆ มาให้ข้าพเจ้าชาวเล้าได้อ่านกัน...รออ่านเรื่องใหม่นะเจ้าคะ
อยากอยู่นะหนังสือนี่แต่ขอดูงบประมาณก่อนนะ o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: saikalism ที่ 10-05-2012 00:32:12
มา่อ่านอีกรอบตอนรอหนังสือ
อยากอ่านตอนพิเศษในหนังสือแล้วจัง

รักอัลชา(จะโดนคาลวัลโลเก็บปะเนี้ย)
และก็รักคาลวัลโลด้วยนะจ๊ะ อิอิ ^^~
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: LM1412 ที่ 10-05-2012 13:19:32
 :o8: :o8: :o8: :-[ :-[ :-[ :-[ ชอบอ่าาาาไม่อยากให้จบเลยยยยย :n1: :n1: :bye2: :bye2: o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 17-05-2012 00:39:44
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย ชอบมากมายเรื่องนี้ ว๊ายยยย

มีหลากอารมณ์เลยอ่า

กำลังหวานๆซึ้งๆ ก็ต้องมาเสียน้ำตา วนไปวนมา เฮ้ออออออออออ

แต่คาวี่ก็เปลี่ยนไปจากเริ่มแรกมากมายเลยเนอะ อิอิ น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 22-05-2012 23:26:05
อ๊าย ชอบชีล่ากับชาลีนอ่ะ :-[
ส่วนคาวี่ก็น่ากลัวเหมือนเดิม
ยังงี้แล้วจะมีใครกล้าเข้าใกล้ท่านชีคอีกล่ะเนี่ย
สนุกมากเลยค่ะ o13
แต่ตอนกลางๆเรื่องมันบีบหัวใจจัง
รอติดตามเรื่องต่อไปอยู่นะคะ
ขอบคุนค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 03-08-2012 01:52:23
อ่านจบแล้วและต้องบอกว่าชอบมากๆ
คือนายเอกไม่ได้ดูนิ่มนวล ดูเท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย แบบดูแลกัน และต่างปกป้องกันและกัน (แม้คาวี่ะดูไม่ค่อยทันท่านชีคก้อเถอะ 555)

ตอนนี้กะลังตามอ่านเรื่องใหม่อยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-08-2012 17:33:54
ชอบๆ ;)
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: IamA ที่ 05-08-2012 23:39:52
ดีใจที่จบอย่างมีความสุขเพราะทีแรกไม่คิดว่าเรื่องนี้จะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง จากเนื้อเรื่องที่คาดเดาตอนต่อไปยาก ...แต่ก็เพราะความที่เดาไม่ได้นี่แหละบวกกับปมเรื่องเยอะแถมไม่ซ้ำ ทำให้สนุกและหยุดอ่านไม่ได้

นายเอกเรื่องนี้ออกแนวเวิร์คกิ้งวูเม่นมากๆ ฉลาด เจ้าเล่ห์ บู๊เก่ง แถมยังอ้อนเก่งอีก เรียกว่าเก่งทั้งเรื่องบนโต๊ะทำงานและเรื่องบนเตียงเลยทีเดียว เป็นเคะที่มีสเน่ห์จริงๆ

สำหรับบทบาทท่านชีคของเราตอนแรกอ่านแล้วแอบเงิบ ...มาดท่านหายไปไหน!!! ทีแรกก็ถูกนายเอกของเราซึ่งเป็นคนนอกสั่งสอนเรื่องอาวุธ รู้เรื่องภายในประเทศ แผลงฤทธิ์เดชมากมาย แถมยังไปหลงรักเค้าง่ายๆ วางแผนรั้งตัวไว้ก็ล่มถูกเขาจับได้ แถมยังโดนด่าซะไม่เหลือมาด แล้วยังไม่ยอมตัดใจพาลให้โดนด่าอีกหลายครั้งครา ...แต่ท่านก็กู้คืนได้หลังๆ ที่ท่านเริ่มหักห้ามใจและกลับมาตั้งสติ และโดยเฉพาะตอนจบที่หลอกเจ้าคาวัลโลถูกต้ม มาดพระเอกท่านเริ่มกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นชีคที่น่าหลงใหลอย่างที่ควรเป็น  :o8:

ส่วนตัวชอบฟีลที่คาวัลโลยิ้มกริ่มเวลามีคนชื่นชมท่านชีคมากๆค่ะ อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของคาวัลโลจริงๆ จากคนที่สนใจแต่ตัวเอง ชื่นชมแต่ตัวเอง กลับยอมมองและยอมรับในตัวคนอื่นบ้าง ...เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงของไฮยีนา 555

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆที่แต่งมาให้อ่านและขอบคุณสำหรับการหาข้อมูลให้สมจริงเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านแก่นักอ่านทั้งหลายด้วยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: SiNa ที่ 09-08-2012 11:16:20
เพิ่งรู้จักเรื่องนี้ค่ะ อ่านรวดเดียวเลย ติดมาก เขียนสนุกมากเลยค่ะ
นักเขียนบิ้วอารมณ์ได้เก่งจริงๆ เราอ่านแล้วอิน อารมณ์มาเต็มมากกกกกก โดยเฉพาะตอนอัลชาอ์ร้าวราน
มันอึนแบบแน่นในอก หายใจไม่ออกเลย ฮ่าๆๆ
แล้วพอหวานกันเราก็ละลายไปเลยยยย หวานโรแมนติกกันมากกกกก ชอบมากค่ะ
และชอบอีกจุดนึงคือมีจุดหักเหทำให้คาวัลโลเริ่มหันมามองความรักที่อัลชาอ์ให้
มันเป็นความรักที่ช่วยประคับประคองกันและกัน มีคุณค่าจริงๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ทานตะวัน ที่ 09-08-2012 18:42:54
อ่านแล้วชอบคาวัลโลอ่ะ
แอบฉลาดมากกกก อย่างนี้คงไม่เรียกแอบ อิอิ
ว่าแต่มันจะรักกันยังไงเนี่ย
ต้องอ่านต่อ ลุ้นนะ ใช้ภาษาดีมากเลยค่ะ ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ทานตะวัน ที่ 09-08-2012 19:43:21
นายเอกกวนโอ้ยย อย่างแรง
อ่านแล้วประสาทกินแทนท่านชีคนะคะเนี่ย
คาวัลโล ่านให้แต่งยังไงก็แต่งไปเถอะ อย่าทำตัวแปลกแยก ในวัฒนธรรม และสถานการณืแบบนั้น เพราะมันเท่ากับทำตัวเป็นคนล่อเป้าที่ดีนะ ^^
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ทานตะวัน ที่ 09-08-2012 20:24:40
เออะ เกิดอะไรขึ้นพระเอกเกิดสมองกลับ
หรือเพิ่งนึกได้ว่าควรหลงเสน่ห์ของคาวัลโล
งื้อออ คนอ่านแอบงง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 14-08-2012 16:47:32
ขอบคุณเรื่องราว ขอบคุณตัวละคร ขอบคุณข้อคิดดีๆ จากนิยายเรื่องนี้
คงต้องอ่านอีกสามรอบเป็นอย่างต่ำแน่เลย ขอบคุณคนเขียนอีกครั้งครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Jadd ที่ 04-11-2012 20:17:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดี ที่มีให้อ่านคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: crazycat ที่ 28-11-2012 19:51:34
ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้ สนุกมากจริงๆ บรรยายได้ดี ฉากมีความสุขก็หวานซ้า ฉากเศร้าก็แบบ จะหน่วงไปไหนเนี่ย โอดโอย..แต่ชอบนะ และทำให้รู้ว่ามันไม่ง่ายเลย ที่จะอ่านจบภายในสามวัน 555

ตอนแรกเห็นแนะนำตัวละครแล้วแอบเหวอ มาเฟียกะท่านชีค ฉากเป็นทะเลทราย แล้วเนื้อเรื่องจะไปยังไงเนี่ย แต่พออ่านจบตอนแรกก็เจอคำพูดที่ว่าอยากจับอาชีพเมะมาชนกันก็แบบว่า อาา... :impress2: *ตาเป็นประกาย*

พอเริ่มอ่านก็ชอบคาวี่ คนอะไรฉลาดจัง แถมยังน่ารักน่าเตะอีกต่างหาก ส่วนท่านชีค ทำไมเฮียดูแปลกๆจังเลย อย่างที่ตอนจับคาวี่มาได้ไม่เห็นจะทำอะไร มีแค่คุยแถมยังโดนยั่วโมโหอีก แต่คุกข้างๆกลับทารุณซะน่ากลัว สุดท้ายจึงรู้ว่าเฮียเค้าแอบรักของเค้ามานานนี่เอง(แต่เฮียเนียนมากเลย น่ากลัวจริง)

นั่นคือตอนแรก ส่วนตอนหลัง เราเป็นแฟนคลับท่านชีคแล้วนะ 5555  :man1: คนอะไร น่ารักจริงๆ คนที่คิดถึงและทำเพื่อคนสำคัญรอบข้างได้ขนาดนี้หาได้ยากจริงๆ เป็นผู้นำที่ดีมากเลย ชอบเหตุผลและการตัดสินใจของท่านชีคที่คอยประคับประคองทุกคนให้เดินไปด้วยกัน แต่ถึงจะชอบท่านชีค เราก็ยังคิดว่าเป็นคนน่ากลัวอยู่ดี  :monkeysad:

ประทับใจหลายๆอย่างในเรื่อง ทั้งเรื่องความสำคัญของครอบครัว ที่ไม่ว่าจะผิดใจ จะทะเลาะเบาะแว้งกันขนาดไหน สุดท้ายก็อภัยเพราะนี่คือครอบครัวของเรา ครอบครัวที่ไม่สามารถหาใครมาแทนได้ การทำตามหน้าที่ไม่ละทิ้งหนีหายและยังตั้งใจทำให้สำเร็จ ประทับใจความรักของทั้งคู่ที่ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์และค่อยๆก้าวเข้าหากัน บทเรียนหลายๆอย่างจากในเรื่องทำให้เราได้คิดอะไรหลายอย่าง

สุดท้ายประทับใจนักเขียนค่ะ :3123: อัพเรื่อยๆ อัพยาวๆ เน้นคุณภาพ ขอบคุณนะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: kapukluk ที่ 02-12-2012 22:16:03
สนุกมากๆ เลยค่ะ งานตัวเองก็ยุ่งมากๆ แต่ก็วางไม่ลง

ว่างเป็นต้องแอบอ่าน ได้สักนิดสักหน่อยก็ยังดี 555

ชอบชีคมากๆ เลยค่ะ อบอุ่นได้อีก ก็เค้ารักของเค้านี่

ส่วนคาวัลโลก็เป็นตัวแสบ ตัวป่วน ร้ายกาจมาก แต่ก็น่ารัก

สรุปแล้วเรื่องนี้สุดยอดมากๆ สนุกมากๆ จริงๆ

ขอบคุณคนเขียนมากๆ นะคะที่เขียนเรื่องดีๆ มาให้อ่าน

จะติดตามอ่านเรื่องต่อๆ ไปค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: curiousfuse ที่ 06-12-2012 17:14:28
 :laugh:
ไม่รู้จะสงสารหรือดีใจกับท่านชีคดี มีเมียเหมือนได้ลูก
สนุกมากฮะ เขียนดี อ่านลื่นตลอดทั้งเรื่องเลย
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่านกันนะ  :3123:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 07-12-2012 20:51:39
สนุกมากมาย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 14-12-2012 21:00:53
ในที่สุดก็อ่านจบซะที
เป็นเรื่องหนึ่งที่อ่านมาราธอนมาก

ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องที่สนุกมากๆ
ได้แง่คิดดีๆ นำไปปรับใช้ได้

 :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 19-01-2013 15:42:45
อ่านซ้ำหลายรอบมาก อ่านแล้วแบบไม่มีเบื่ออ่า

คิดน้องคาวี่ กับ ท่านชีคอัลชาล์มาก

อ่านตอนพิเศษ ซึ้งในความรักทั้งคู่จริงๆๆ วี่น่ารัก+ร้ายแบบนี้นี่เอง ถึงว่าสามีอัลไปไหนไม่รอด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 05-02-2013 00:05:29
 

    :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: senorita dada ที่ 18-02-2013 20:57:52
มาอ่านช้าไป  ชอบมากเลยค่ะ  อยากให้มีภาคต่อมากๆ  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 12-03-2013 07:43:10
อเล็กซ์ซิสอเล็กซ์เซย์หวานมาก ๆ ตอนแรก ๆ สงสารอเล็กซ์เซย์ที่ต้องยอให้อเล็กซ์ซิสทำแบบนั้นนั้นตามความต้องการของพ่อ ตอนนั้นอเล็กซ์เซย์คงรู้สึกแย่มาก แต่ดีที่ตอนหลังพ่อแม่ก็ยอมเข้าใจนะ ส่วนคาวี่กวนมาก และก็ฉลาดมาก ใจร้ายมาก ๆ ด้วย สงสารอัลเลยตอนแรก ๆ ฮาซานซื่อสัตย์ต่ออัลมาก ๆ เลยนะ เรมิลเรเซย์กับใครกันนะ คริสใช่หรือเปล่า แล้วที่ทำท่าไม่พอใจตอนร๊อบทำแผลให้คริส เนี่ยไ่ม่พอใจอะไรนะ ลุงของคาวี่ทำแบบนั้นได้ลงคอนะ แต่คงเพราะเสียใจมากไป
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 12-03-2013 11:27:21
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ
คุณคนเขียนเขียนได้ดีเยี่ยมเลยอะ สนุก ตื่นเต้น ซึ้งใจ? และกวนโอ๊ย ไปกะคาวี่และท่านชีค o13
ชอบมากเลยอะ อยากได้หนังสือเว่อร์อะ จะเก็บตังรอพลางๆรอรีปริ้นนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: poisongodx ที่ 25-03-2013 22:18:57
ขอบคุณค่าาาาาาา  :bye2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: infinitez123 ที่ 27-03-2013 11:24:13
สนุกสุดๆ

ขอบคุณคนแต่งมากเลยนะจ้า
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 05-04-2013 07:39:04
อ่าาจบแล้ว เราตามอ่านหลายวันมากกกก
ตอนแรกหวั่นไส้คาวี่มันชอบทำร้ายจิตใจ
เรื่องนี้มันแบบทั้งสนุกและดราม่าบรรยายได้ไหลลื่นมากคะ
ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆแบยนี้มาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: l2_in* ที่ 01-05-2013 21:57:24
อ่านจบแล้ววว เราล้าหลังมาอ่ะ 555
ชอบบบบ >< เดี๋ยวจะตามไปอ่านภาคสองละ
ขอบคุณที่สร้างสรรค์นิยายดีดีนะคะ
รักท่านชีค และคาวี่นะ จุ้บบบบ : )
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: icexfrost ที่ 09-05-2013 02:52:31
อ่านจบแล้วววว

ชอบคาวี่กะท่านชีคมากเลยย

น่ารักๆๆๆ
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ปุยหมาม่วง ที่ 09-05-2013 10:36:50
อ่านจบหน้า 18 ทนไม่ไหว ขอพื้นที่คอมเม้นเป็นที่ระบายความอัดอั้นหน่อย

อัลชาถูกคาวี่กล่าวหาว่าจงใจวางแผนให้คาลถูกโจมตีเพื่อให้คาลเอนเอียงใจรักตน

เราว่ามันไม่ใช่อ่ะ เราเชื่อว่าอัลชาไม่ได้ทำ

1.ที่อัลชาถามว่า "รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่" อัลชาหมายถึงว่า รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เรื่องความรู้สึกของเค้า ว่าเค้ากำลังรักและกำลังหลงคาล
ว่าเค้าเคยแอบคิดจะทำเรื่องชั่วๆเพื่อรั้งไม่ให้คาลกลับไปเ็ป็นมาเฟียและอยู่ที่นี่ด้วยกัน แต่ตอนนั้นก็คือสะบัดหน้าล้มเลิก
ความคิดนั้นไปแล้ว

2. อัลชาบอกว่าแค่ให้เค้ารักเงียบๆไม่ได้รึไง คำว่า"รักเงียบๆ"มันเหมือนแสดงให้เห็นว่าอัลชาไม่ได้ทำอะไรเลย
แค่ขอรักเฉยๆ เค้าไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อยทำไมต้องมาว่าเค้าแรงๆมาเยาะเย้ยมาดูถูกความรักกันด้วย
มันชัดเจนว่าอัลชาไม่ได้ทำอะไรนอกจากรักไปเงียบๆ

3.ที่เห็นว่าอัลชาเรียกคนที่ลอบโจมตีคาลไปพบก่อนจะเกิดเรื่อง เราคิดว่าอัลชาน่าจะคุยเรื่องอื่น มีเหตุอื่นไม่เกี่ยวกันมากกว่า

4. ถ้าอัลชาจำวางแผนให้คนเข้ามาโจมตีคาล ทำไมถึงต้องกะเอาถึงตาย คือถ้าจำไม่ิผิดตอนอ่านก็คือ
คนทีีทำน่ะยืนมาเล็งปืนเก็บเสียงลงไปที่ตัวคาล(ที่จริงๆเป็นหมอนข้าง)ตรงๆหลายนัดเลยนะ หลายนัด
แบบกะเอาให้ตายให้ชัวร์ คือถ้าอัลชาจะทำเพราะความรักความหลง อยากแสดงตัวเป็นพระเอกให้คาลหลง
ให้คาลปลื้ม ให้คาลมีใจให้และเลิกล้มการกลับไปเป็นมาเฟียล่ะก็ จะวางแผนให้กะเอาถึงตายเลยเหรอ ??


เราว่ายิ่งข้อสองมันชัดเจนมากแล้วนะว่าอัลชาไม่ได้ทำอะไร อารมณ์โกรธ น้อยเนื้อต่ำใจ แค่เค้ารักเงียบๆ
ทำไมต้องมาว่ากันด้วย บวกกับแววตาเสียใจและผิดหวังที่มีต่อคาล ตอนที่คาลต่อว่าว่าอัลชาเป็นคนวางแผนเรื่องโจมตี
ถ้าอัลชาทำจริงๆจะมีแววตาผิดหวังทำไม เหมือนกำลังผิดหวังที่คาลไม่เคยเข้าใจเค้าเลย เห็นเค้าเป็นคนเลวแบบนั้นหรืออย่างไร

เราว่ามันไม่ใช่อ่ะ มั่นใจว่าอัลชาไม่ได้เป็นคนทำ แล้วจนทะเลาะกันเสร็จก็ยังไม่มีตรงไหนเลยที่อัลชายอมรับ
ว่าตัวเองทำเรื่องโจมตีนั่นจริงๆ

ตอนนี้เลยอ่านแล้วรู้สึกโกรธคาล ใจร้ายเกินไป วิธีอื่นมีตั้งเยอะแยะ ถ้าหวังดีก็ไม่ควรให้ความหวังตั้งแต่แรกสิ ให้ความหวัง
ดูท่าที ออดอ้อนออเซาะแล้วถีบหัวส่งทีหลัง และดูถูกความรักแบบสุดๆ  ถึงจะบอกว่าเพราะอัลชาหลงมากเกินไป
บอกตรงๆว่าเรายังไม่ได้รู้สึกว่าอัลชาหลงมากขนาดนั้น เทียบกับพระเอกเรื่องอื่นๆม่ามหลงมากกว่านี้อีก
อันนี้เราอ่านแล้วยังรู้สึกว่ามีเหตุผลรองรับในทุกเหตุการณ์

อ่านที่คนเขียนเขียนคุยที่ท้ายตอนก็เชื่อไม่ได้ ชอบหลอกให้เราเข้าใจผิด อย่างเรื่องที่ว่าอัลชาวางแผนก็เหมือนกัน
ไม่เชื่อหรอกว่าอัลชาทำจริงๆ เชอะๆ

ถ้าใช่ก็หน้าแตก 555555

คาลเป็นคนเชื่อใจไม่ได้ เหมือนไม่เคยจริงใจกับใคร มีแผนอยู่ในหัวตลอดเวลา เอาตัวเองเป็นใหญ่ เป็นศุนย์กลาง จริงอยู่ว่าดีที่มองโลกตามความจริงแต่ก็มองแต่โลกของตัวเอง ไม่มองโลกของคนอื่น เอาแต่ใจ ความเป็นตัวเองสูงจนดื้อ รั้น คนอย่างคาลถ้าต้องการอะไรแล้วเหตุผลก็อาจจะใช้ไม่ได้ ฉลาดในบางเรื่อง แต่กับนิสัยความคิดตรงนี้เราว่ายังต้องปรับปรุงอีก ตอนแรกเอ็นดูคาลมาก มาถึงตอนนี้โกรธแล้ว โกรธๆๆ

(แต่ก็ไม่รู้นะ คนเขียนชอบหลอก :p)

ไม่สน โป้งคาลแล้ว

สุดท้าย คนเขียนชอบหลอก ดีไม่ดีตอนท้ายที่ผ่านมาอัลชาจะตอแหลอีกรึเปล่าก็ไม่รู้เนี่ย
เหมือนที่คาลทำ ไปๆมาๆกลายเป็นหลอกกันไปหลอกกันมา

เช้อออออ :z6:




หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: VICTORY ที่ 10-05-2013 17:12:05
อ่านจบแล้วค่าา
สนุกมากๆเลยย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: thehackzzi ที่ 11-05-2013 23:13:42
ตามมาจากกระทู้แนะนำนิยาย

แต่แอบเห็นชื่อตัวละครแล้ว

มึนไปรอบนึง ยาวได้ใจมาก

กำลังตามอ่านนะคร๊าบบบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 15-05-2013 09:24:37
ตามอ่าน2 วันเต็มๆ สนุกมากท่านชีคกับมาเฟียยา เรื่องนี้มีทุกอารมณ์จริงๆ อ่านแล้วอินมากๆ
จะตามหาผู้ชายอย่างท่านชีคได้จากที่ไหนบ้าง อิจฉาคาวี่จริงที่ได้ผู้ชายคนนี้ไปครอง

จะตามไปอ่านคู่คุณอากับเด็กในปกครองนะคะ ^^

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ที่แต่งมาให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 30-06-2013 00:45:24
 เฮ้อ กว่าจะมาเจอก็ป่านนี้ จะหาซื้อเรื่องนี้ได้ที่ไหนเนี่ย  :ling1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: princessrain ที่ 01-07-2013 13:15:05
สวัสดีค่ะ
พอดีแวะเข้ามาอ่านรอบที่ 4 .. หรือ 5 ไม่แน่ใจ แหะๆ
แต่จำไม่ได้ว่าเคยเมนต์ไว้หรือยัง หากซ้ำและทำให้รกก็ขออภัยนะคะ

สนุกมากจริงๆค่ะ อ่านกี่รอบก็ไม่เบื่อ คุณนักเขียนเป็นคนที่เรานับถือมากคนนึงเลยนะคะ
เพราะทุกอยากที่เขียนออกมา ทั้งเรื่องนี้ และเรื่องน้องเนม คือ คุณนักเขียนทำการบ้านมากดีมาก
ข้อมูลแบบจัดเต็ม จนนิยายเรื่องนี้มันไม่ได้มีดีแค่เป็นนิยาย มันเป็นคล้ายๆแบบเรียนชีวิตไปแล้ว อิอิ
 ขอบคุณมากจริงๆนะคะที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่าน รักนะคะ  :mew1:

ปล. ชีล่า กะ ชาลีน น่ารักมากกกกกกกกก  :hao5:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 19-07-2013 12:47:51
มาอ่านช้าไป
คงไม่ว่ากันนะ
บอกได้คำเดี๋ยวเลยว่าสุดยอดมากฃ
ทำให้คนอ่านอย่างเรามีทั้งน้ำตา รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะนิดๆ
ชอบๆมากเลย ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 11-08-2013 20:30:03
มาอ่านช้าไป เสียดายมาก อยากได้หนังสือจังเลย ชอบม๊ากมาก ทำไงดีอ่ะ น่าจะมีรีปริ้นท์น้า  :mew6: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 11-08-2013 23:26:34
อ่านจบแล้วจ้า ชอบมากมายขอบอก ติดอกติดใจท่านชีคอัลชาเป็นที่สุด
น่าหลงใหล อบอุ่น แข็งแกร่ง เข้มแข็งเหลือหลาย คาวี่ถึงได้หลงรักมากมายขนาดนี้ไง
ตอนแรกๆ คาวี่นี่มันร้ายเหลือกินแต่ก็น่ารักในแบบของคาวี่แหละเนอะ
ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆ อยากได้หนังสือแต่มาไม่ทันไปเสียแล้ว
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: pee122 ที่ 14-08-2013 20:33:12
คนรักกันแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ขอแค่รู้ว่ายังรักกันและความซื่อสัตย์ต่อรักที่มีให้กัน

 :bye2: o13 o13 o13 o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: up2goo ที่ 16-08-2013 18:15:19
 o13 o13 o13
ขอชื่นชมคนแต่งเลยค่ะ
คืออ่านแล้วสนุกมาก ภาษาสวย พลอตเรื่องดี
อย่างกับอ่านพวกนิยายแปลเลยค่ะ
แถมแต่ละตอนที่ลงให้ ก็ยาวมาก อ่านแล้วจุใจที่สุดเลย ^^

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: MZter ที่ 21-09-2013 15:09:50
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ ตอนมันจบแล้ว หนุกครับ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 29-09-2013 22:41:30
"โคตร"สนุกค่ะ พูดเลย

เป็นเรื่องแรกที่เราอ่านแนวนี้ และเป็นเรื่องแรกที่เราคลั่งได้ขนาดนี้ หันมาหลงรักท่านชีคเต็มๆ ทำให้เปลี่ยนมุมมองของตัวเองว่าความรักไม่ได้จำกัดเรื่องศาสนา เพศ หรือปัจจัยอื่นๆเลย เพราะมันเกิดขึ้นมาจากความรู้สึกของทั้งสองคนต่างหาก

ไว้ว่างๆจะแว้บไปซื้อมาเก็บไว้ค่ะ ชื่นชอบเรื่องนี้มากถึงมากที่สุด อิอิ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: fel2nnn ที่ 01-10-2013 22:29:30
อ่านจบแล้ว ใช้เวลาตั้งหลายวัน
อ่านตอนแรกแอบงง เพราะมันซับซ้อนทั้งตัวละคร เนื้อหา
พอหลังๆ คล่องปรื้ดดดดด
หลงรักชีคหนุ่มอย่างสุดหัวใจ  :hao5:
เป็นผู้ชายที่ชาติจะหาเจอไหมเนี่ยยยยย

ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆแบบนี้มาให้อ่านนะค่ะ
ปล.หายากมากนิยายที่เกี่ยวกับท่านชีคและมาเฟียเนี่ย
ชอบบบบบบบบบบบบบ หลงรักเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 10-10-2013 11:38:49
สนุกมากเลยค่ะ การดำเนินเรื่องดี ไม่ทำให้สับสนเลย

เสียดายที่มาอ่านช้าไป ตอนนี้คงไม่รีไรท์แล้วแน่ๆเลย

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 13-10-2013 22:07:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: nichytaec ที่ 22-10-2013 17:19:55
โอ้ววววว~ ในที่สุดก็อ่านจบแล้วค่ะ สำหรับเรามันคืออะไรที่เกินบรรยายมากๆ ใช้เวลาอ่านหลายวันพอสมควร ตอนแรกที่ลองเข้ามาอ่านยังกลัวว่าจะอินไหม จะจำตัวละครได้ไหม เลยค่อยๆ อ่านช้าๆ จะได้จำได้เพราะเราเป็นคนจำชื่อยาวๆ แปลกๆ ค่อนข้างลำบาก แต่อ่านไปอ่านมากลับหยุดไม่ได้เลยค่ะ มันบีบคั้นเกือบทุกตอน มีฉากบู้ล้างผลาญดุเดือดมากๆ นอกจากจะลุ้นว่าชีคหนุ่มกะมาเฟียโหดจะได้เสียกันยังไงเพราะแมนๆ ลุยๆ ทั้งคู่ 555+ สุดท้ายคาวี่ก็ต้องรับไป แหมๆๆ จะให้คนที่ปกครองประเทศมารับก็กระไรอยู่นะ หึหึ ยังต้องลุ้นว่าอนาคตบอสมาเฟียอิตาลี่จะเอาตัวรอดยังไงกันนะ สนุกมากเลยค่ะบอกตรงๆ รู้สึกเหมือนตัวเองพลาดอะไรไปเลยเพราะเพิ่งสมัครเข้ามาตามอ่านเรื่องในนี้ เสียดายอยากได้หนังสือยังไงคงต้องรอรีปริ้นท์อะเนอะ ยังไงต้องขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องสนุกๆ บีบคั้นอารมณ์มาให้อ่าน

 o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 11-11-2013 00:31:23
อ่่านจบแล้ว เย้!!!!

ไม่คิดว่าจะมีนิยายแบบนี้ด้วยนะคะเนี่ย แบบ มันเท่ห์มากกกกกกกก
สนุกเป็นที่สุด อ่านแล้วมีหลายอารมณ์จริง ทั้ง โมโห คาวี่ วายร้ายจอมแสบ ช่วงแรกๆ

หรือจะน้ำตาท่วมไปกับโศกนาฏกรรมครอบครัวของคาวี่ ชอบมากค่ะ แบบว่า มันคือครอบครัวจริงๆ

ชีคกับมาเฟียไม่น่าจะลงเอยกันได้เลยจริงๆ

สนุกมากค่ะ

อยากทราบว่า หนังสือยังมีอยู่มั้ยคะ จะสั่งซื้อค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: KuMaY ที่ 19-11-2013 19:46:29
 o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Orange151987 ที่ 14-01-2014 17:04:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: GnA ที่ 10-03-2014 16:44:34
คำผิดเยอะนะคะ แต่ไม่ทำให้เสียอรรถรสค่ะ อยากให้มีตอนพิเศษนะ :mew1: :mew3: :mew2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: saikalism ที่ 11-03-2014 12:17:13
 คิดถึงเอลชากับคาวี่จังเลย  :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 13-03-2014 23:37:11
ชอบจังเลย สนุกมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 11-04-2014 12:33:49
แฮ่กๆๆๆๆ  อร๊ายยยยย  น่ารักๆๆๆๆๆๆ :katai4: :katai4:  เห็นแล้วอยากเลี้ยงเสือขึ้นมาอีกแล้ว 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: aoaer ที่ 03-05-2014 09:22:23
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ


 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 04-05-2014 22:37:08
อ่านรวดเดียวจบ ใช้เวลา สองวัน อิอิ สนุกมากกกกกค่ะ เนื้อเรื่องมีให้ติดตามตลอด ไม่น่าเบื่อ สอดแทรกความคิดการอยู่ร่สมกัน ของคู่รักและครอบครัว และมีเกร็ดความรู้ภาษามาให้ด้วย ชอบนายเอกมาเฟียยยยยยยยยยยยมากมาย  น่ารัก เถื่อน ขี้อ้อน เจ้าเล่ห์ดีจัง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: pedgampong ที่ 30-05-2014 17:19:10
 :katai1: จบเหมือนไม่จบเบยยยยยย เราเข้าใจว่าคนแต่งจะมีสเปออกมาต่อใช่มั้ยคะ (: ชีคน่ารักฟุดๆเลยค่าาาาา จะตามไปอ่านเรื่องค่อไปนะค้าาาา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 09-06-2014 12:31:00
น่าติดตามมากค่ะ ชวนให้อยากรู้ว่าจะมีอะไรต่อไป แล้ว 2 คนจะรักกันได้ยังไง

เรื่องนี้พึงมาอ่านค่ะ >\\< เห็นจำนวนหน้าเหมือนมีน้อย  แต่ว่าแต่ละตอนยาวได้ใจมาจริงๆ 
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 14-06-2014 01:17:26
เพิ่งอ่านจบไปหลังจากที่เคยเปิดเข้ามาดูแล้วหลายรอบ แต่ไม่เริ่มอ่านสักที อาจจะเพราะตอนแรกที่คิดว่ามันไม่ใช่แนว มันเกี่ยวกับมาเฟียเลยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่พอลองเปิดใจอ่านจริงๆ คือติดอ่ะ อ่านแบบหามรุ่งหามค่ำมาก สนุกมาก

เคยอ่านแบดกายมาก่อน เรื่องนั้นก็ชอบ และเรื่องนี้ก็ไม่ผิดหวัง สนุกครบรส บรรยายเห็นภาพอ่ะ บางฉากน่ากลัวๆ เฉือดเนื้อเลาะหนังไรงี้ ภาพลอยมาเลย    :laugh:   

หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-10-2014 19:49:49
คาวี่แสบมาก อัลชาห์ก็หล่อมาก..

สนุกมากกกก ขอบคุณคนเขียนที่เขียนเรื่องดีดีให้อ่านค่ะ ภาษางามงดมาก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 10-10-2014 23:20:07
ตามอ่านมาหลายวันมากกกกก
ฮ่าๆ ชอบเรื่องนี้มากค่ะ
ถึงตอนแรกคาวี่สุดที่รักจะทำตัวได้น่าหมั่นไส้ไปหน่อย
แต่หลังๆนี่น่ารักน่าฟัดซ้าาาาาาาาาา

ขอบคุณคนเขียนที่เขียนเรื่องราวดีๆมาแบ่งปันกันนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 21-11-2014 22:38:06
ฟู่ว์ ปาดเหงื่อ เตรียมเก็บของออกจากทะเลทราย ว่าไปนั่น ต้องบอกว่าไม่อยาก
ให้จบเลย ขอเจอโอเอซิสอีกสักสิบรอบ แถมที่นั่งล่องหนข้างแนวหินใหญ่ท่าม
กลางดอกกุหลาบทรายในค่ำคืนหรือข้างกระโจมท่านซีคก็ได้นะ กำลังฟิน คึคึ
อยากเจอแมวเหมียวที่แปลงร่างเป็นไฮยีน่าได้อ้อนท่านชีคนานๆ สองอเล็กซ์ก็รัก
กันได้ซาบซึ้งแนบแน่นมาก คาวี่ว่าพี่ๆแฝดไว้ดีนัก เจอเองเข้ากับตัวล่ะเป็นไง เสีย
ดายจอร์จิโอ้ ถ้ายังอยู่อัลซาอ์อาจได้เจอคู่แข่งรีบมือยากแน่ 555 คนเขียนเคยบอก
ประมาณว่าคาแรคเตอร์อัลซาอ์ในการเป็นซีคผู้นำมีแรงบันดาลใจมาจากวิลเลี่ยม
คิงเวนอลในบารามอส ส่วนตัวเรา วิลเป็นตัวละครโปรดเหมือนกัน ชอบในความอ่อน
โยน ความที่เหมือนจะอ่อนแอในภายนอกแต่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวภายในซึ่งคล้ายกับอัลซาอ์
 มีความรักเพื่อนฝูงพวกพ้อง และที่เราคิดว่าคล้ายอีกอย่างคือความรักต่อคนรักนี่แหละ
รักแบบยอมผิดใจครอบครัวเพื่อเธออะไรประมาณนั้นเลย ซึ่งนั่นก็กลายเป็นจุดอ่อนใน
ภายหลังของวิลจนส่งผลถึงรุ่นลูก จุดนี้แหละที่แตกต่างกับอัลตรงที่คนที่อัลรักคือคาวี่
ที่เข้มแข็ง เลยไม่ได้กลายเป็นจุดอ่อน กลับยังช่วยสนับสนุนส่งเสริมกัน บอกวิลแล้วให้เคะให้
ริชาร์ดก็ไม่เชื่อ คึคึ แต่จะโทษวิลก็ไม่ได้ ก็อย่างที่คนเขียนบอก โรเวนนั่นหนาเป็นตัวละคร
ที่ไม่น่าปลื้มเลยจริงๆ ทีแรกก็งงว่าอัลไปคล้ายตานี่ตรงไหน ที่แท้คนเขียนจำสลับกับวิล
ชอบฉากบู้ที่คนเขียนเขียนมากนะ ยิ่งตอนอัลซาอ์สยบฟิลิปเป้นั่นเท่ห์ค่อดดดๆ แต่จริงๆชอบ
ทั้งเรื่องทุกฉากแหละ ยิ่งเอ็นซีนะ อู้ยย สุโค่ย ถึงจะไม่ได้บรรยายซะเห็นละเอียดถี่ยิบแต่
เรียกกำเดาได้ดีมว้ากก แค่ เหมียว จากคาวี่ เจ้ก็ยอมสยบแล้ว ดาเมจมากกก บอกเลอ
ดราม่าทีก็กระชากอารมณ์ติ่งสุดๆอยากกัดผ้าให้ขาดจริงๆ อยากจับคาวี่มาเขย่าๆสลัก
คำว่าอัลซาอ์ลงหัวใจของเจ้าคนไร้หัวใจจริงๆ อยากจิกอดปลอบอัลสักสิบรอบต่อวัน
โอ้ยยย อิน. มันเข้าถึงอารมณ์. มันจี้ดด มันน่าสงสาร มันเจ็บจนอยากร้องไห้แทน
ที่สำคัญภาษาสวย บรรยายเนี้ยบ ชอบที่สุด จะติดตามต่อทุกๆเรื่องเลย ขอบคุณสำหรับ
นิยายดีๆค่ะ

หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: moohamja ที่ 10-01-2015 05:13:08
ชอบนิยายเรื่องนี้มากทุกอย่างทั้งภาษาและการดำเนินเรื่อง เราค่อยข้างชอบตอนจบแบบนี้นะมันให้อารมณ์ความเป็นจริงดีเพราะทุกคนต่างๆก็มีหน้าที่เป็นของตนเองและตัวเอกทั้งสองต่างก็เลือกหน้าที่ของตัวเองมาก่อนความรู้สึกส่วนเอาจริงเราชอบอะไรแบบนี้แหละเลยรู้สึกปลื้มมากๆกับตอนจบแบบนี้มันไม่ได้จบแบบหอมหวานแต่มันเป็นการจบแบบที่มันwin-win กับทั้งสองฝ่ายมันโอเคมากเลยค่ะ ชอบชอบ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: moohamja ที่ 10-01-2015 05:20:54
ชอบนิยายเรื่องนี้มากทุกอย่างทั้งภาษาและการดำเนินเรื่อง เราค่อยข้างชอบตอนจบแบบนี้นะมันให้อารมณ์ความเป็นจริงดีเพราะทุกคนต่างๆก็มีหน้าที่เป็นของตนเองและตัวเอกทั้งสองต่างก็เลือกหน้าที่ของตัวเองมาก่อนความรู้สึกส่วนเอาจริงเราชอบอะไรแบบนี้แหละเลยรู้สึกปลื้มมากๆกับตอนจบแบบนี้มันไม่ได้จบแบบหอมหวานแต่มันเป็นการจบแบบที่มันwin-win กับทั้งสองฝ่ายมันโอเคมากเลยค่ะ ชอบชอบ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 08-03-2015 22:30:57
กลับมาอ่านอีกรอบคืะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: TanTanNY ที่ 31-03-2015 04:35:07
สนุกมากกกกกกก :heaven :heaven
ฟินฮ่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: TanTanNY ที่ 31-03-2015 04:57:27
 :hao7: :hao7: :impress3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: samsui ที่ 31-03-2015 06:48:40
 o13 นิยายเรื่องนี้อ่านจบไปนานมากแล้ว แต่พึ้งมีโอกาศได้เข้ามาขอบคุณ
ขอบคุณมากนะครับ สำหรับนิยายดีๆ สนุกมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 31-03-2015 08:15:35
รักชีคคค  :o8: :o8: :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นวงกลม ที่ 03-04-2015 14:54:31
พลาดเรื่องนี้ไปได้ไงเนี่ย ว่าจะตามอ่านหลายรอบ  :z3:
5 วัน อ่านจนจบ หลงรักคาวี่กับท่านชีคมากกกก :impress2: :impress2: เนื้อเรื่องสนุก น่าติดตาม มีดราม่าหน่วงจิตนิดหน่อย แต่ชอบเรื่องนี้ติด top 5 นิยายในดวงใจเรยคะ ขอบคุณนะคะที่เขียนนิยายสนุกๆมาให้อ่านกัน :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 09-04-2015 22:09:40
ตามหานิยายดีๆอ่านมาสักพัก หาอ่านแล้วโอเคไม่ได้จนถอดใจแล้วค่ะ
แต่แอบเห็นเรื่องนี้ในทู้แนะนำนิยายในพันทิปเลยลองแวะมาลองอ่านดู
สรุปว่า ติดยาวเลยค่าาาาา สนุกมากจริงๆ เรื่องราวก็น่าสนใจมากๆ
ยกให้เป็นนิยายอันดับต้นๆในดวงใจเลยค่ะ
เป็นอีกเรื่องที่อ่านจบแล้วอยากได้หนังสือเลย 55555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 13-04-2015 08:15:25
นั่งอ่านรวดเดียวตั้งแต่สองทุ่มยันแปดโมงเช้าเลยทีเดียว
เห็นเรื่องนี้มานานแล้ว สารภาพว่าเพราะชื่อเรื่องแปลกๆ
และเราก็ไม่ค่อยได้อ่านนิยายแนวนี้เท่าไหร่ แต่วันนี้นึกคึกอะไรไม่รู้
ลองเปิดอ่านดู โหหหห ไม่น่าเชื่อว่าเราจะพลาดนิยายดีๆแบบนี้ไปได้
สนุกค่ะ วางไม่ลงเลยจริงๆ หลงรักท่านชีคมากๆ อ่านช่วงแรกๆสงสารมาก
อัลซาอ์คือรักคาลมากอ่า สงสาร คาลใจร้ายมาก หึ้ยยยยๆๆๆๆ
อ่านไปอ่านมาเริ่มสงสารคาวี่ละ เพราะภาระและหน้าที่
ทำให้เราเลือกไม่ได้จริงๆ แต่จบแบบนี้ก็แฮปปี้ค่ะ
หวังว่าบอสเราจะประสบความสำเร็จเร็วๆนะ กลับมาอยู่อัลซาอ์แบบถาวรเร็วๆนะ
คู่แฝดอเล็กซ์ก็น่ารักค่ะ หวีทกันไม่เกรงใจใครเลยทีเดียว ตอนพิเศษน่ารักมากๆค่ะ
คาวัลโลมันเล่นเลี้ยงเสือดาวไว้แบบนี้ ใครจะกล้าละเนอะะะท่านชีคคค
สุดท้ายนี้ขอบคุณคนแต่งอีกครั้งสำหรับนิยายดีแบบนี้ค่ะ  :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: nongyo ที่ 15-04-2015 11:00:56
       ก่อนอื่นเลย สวัสดีค่ะ :L2:
            นิยายสนุกมากค่ะ มีทั้งบู๊ :hao7: มีทั้งตลกโบกฮา :laugh: มีทั้งเศร้า :hao5:  ค่อนข้างชอบแนวนี้อยู่มากกกกก :hao3:
           ที่สะเทือนใจที่สุดคือ ตอนที่บอสรู้ว่าถูกทรยศ ร้องให้ตามจนตาบวม :sad4: (คืออินมากค่ะพุดเลย :oo1:)
    แต่แอบเสียดายตอนพิเศษในเล่มอ่าา :sad11: ตอนบอสสติแตกเพราะได้รับบัตรเชญงานแต่ง :ling3: 5555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 11-09-2015 00:50:08
ชอบคาแร็คเตอร์นายเอกแบบนี้อ่ะ
สำนวนดีอ่านไม่สะดุดจริงๆ
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 15-09-2015 02:34:57
เคยอ่านพี่โตเมื่อราวๆ 3 ปีก่อน แต่ทำไมไม่อ่านเรื่องนี้นะ :serius2:
ช่วงนี้หานิยายอ่านแก้เครียด ใครๆ ก็บอกเรื่องนี้สนุก ก็เลย เอาวะ ลองอ่านดู คือไม่คิดว่าจะอ่านจบอ่ะ แต่ก็นอนอ่านในมือถือ ก่อนนอน หลังตื่นนอน ไปๆมาๆ ติดซะงั้นเลย :mew1: เสียใจที่เค้ารู้ตัวช้าไป...หลายปี
ขอบคุณคนเขียนมากมาย สนุกแล้วก็ได้ข้อคิดหลายๆอย่างด้วย -3- จุ๊ฟสองที :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: hiniroeko ที่ 14-10-2015 23:52:18
เป็น อะไรที่เข้มข้นมาก
รักเรื่องนี้
 :heaven
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ilprimo22 ที่ 17-10-2015 01:56:37
แปะค่าาาา รออ่านรวดเดียวจบ >___< :hao7:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 06-11-2015 21:48:41
กลับมาอ่านอีกรอบ
คิดถึงท่านชีค คิดถึงคาวี่
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 15-11-2015 10:34:12
คาวี่ ฝึกเสือยังกะฝึกหมาเลยนะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 30-11-2015 00:02:03
ขอบคุณนะคะ นิยายสนุกลุ้นมากเลยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: curious ที่ 30-11-2015 05:32:53
อ่านจบแล้ว สนุกมากๆค่ะ ติดเรื่องนี้มากก นั่งอ่านทั้งวัน5555
หลงรักท่านชีคและแมวน้อย :impress2:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 01-01-2016 01:09:46
ขอเม้นหลังจากอ่านจบก่อนนะคะ (ยังไม่ได้อ่านตอนพิเศษเลยแต่ต้องนอนแล้วเพราะดึกมาก จะเก็บไว้เม้นก็กลัวฟีลหายอีก 555555)
อ่านเรื่องนี้ข้ามปีเลยค่ะ เคาท์ดาวน์ไปกับนิยายเรื่องนี้เลย .. อ่านแบบติดงอมแงมทั้งวันทั้งคืนมาวันสองวันได้ ในที่สุดก็จบซะที ..
อยากบอกว่าเราขัดใจคาวัลโลหลายเรื่องมากกกกกก มากมากมาก ดังที่ได้ไปเม้นไว้ในเด็กดีตั้งแต่ Line ที่ 30 กว่าๆ
(ตอนที่อาคลาร์กปรากฏตัวมาให้น้องเลือกแต่น้องเลือกไม่ได้แล้วก็เอาแต่ร้องไห้น่ะค่ะ) พออ่านจบเลยขอเม้นในเล้าบ้าง

สารภาพว่าเรื่องนี้เป็นนิยายที่เรามือลั่นกดสั่งจองไปตั้งแต่อ่านไปครึ่งเรื่องเลยค่ะ ไม่รู้เพราะอะไรจริงๆ
อาจจะเพราะมีฉาก มีประโยคที่คิดว่า ต่อให้รื้อนิยายเล่มนี้กลับมาอ่านอีกซักกี่รอบ ฉากนี้ก็จะเป็นฉากที่ต้องยิ้มและประทับใจไปทุกรอบแน่ๆ
เราชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ .. ยังไงดี ที่ชอบที่สุดต้องเป็นตัวอัลชาอ์ พระเอกของเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว พ่อคุณช่างแสนดีไม่มีที่ติเลย
เราชอบความเด็ดขาดสมตำแหน่งผู้นำประเทศมากค่ะ ไม่มีอ่อนข้อให้แม้จะเป็นเรื่องของหัวใจตัวเองก็ตาม อันนี้คือดีมาก
ส่วนคาวัลโลเอง ตอนแรกที่รู้ว่าโดนลุงหักหลังแล้วเลยตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่อ พอเริ่มสวีทกันเราก็คิดแล้วค่ะว่าคงได้ไม่นาน 5555555
เราชอบเค้านะเอาจริงๆ เป็นคาแรคเตอร์ที่เรียกได้ว่าทรงเสน่ห์เลยแหละ ทั้งแสบทั้งร้ายแต่เวลาอ้อนก็น่ารักแบบสุดๆ
ไม่แปลกใจเลยที่ชีคจะหลงรักแบบหัวปักหัวปำ

ส่วนตอนจบ เราว่านิยายเรื่องนี้จบสวยมากเลยนะคะ เพราะจนถึงตอนสุดท้ายเรายังเดาไม่ออกว่าจะลงเอยกันยังไง
แน่อยู่แล้วที่ชีคทิ้งประเทศตัวเองไม่ได้ ส่วนคาวัลโลที่หลงใหลในตำแหน่งบอสมานาน พยายามทุกอย่างก็คงไม่ยอมลงง่ายๆเหมือนกัน
ตอนแรกนึกว่าจะเป็นยกตำแหน่งให้คาร์โลแทน เห็นพี่ชายคนที่สามก็มีฝีมือพอควร แถมอเล็กซิสยังเคยเปรยๆเมื่อตอนสงครามกับคุณลุงแล้วด้วยว่าพอเข้ามาทางนี้ มือเปื้อนเลือดแล้วก็จะออกไปไม่ได้อีก
แต่แบบนี้ก็โอเคค่ะ รับได้นะ ชอบเลย ไม่เจ็บไปแล้วก็ไม่แฮปปี้นิยายโรแมนติกไปด้วย 55555555 ดีค่ะ
/แต่แอบอยากให้มีภาคต่อหลังจากนี้นะ ฮือ อยากเห็นเค้าได้รักกันแบบไม่ใช่แค่สัญญาทิ้งไว้อ่ะค่ะ

แอบคาใจเรื่องทายาทของฝั่งอัลชาอ์นิดนึง ที่เคยโดนถามและบอกว่าเตรียมทางออกไว้แล้ว ยังคิดไม่ออกเลยค่ะว่าจะยังไง
จะยกให้ฟาลซาอ์หรือจะลูกของฟาลซาอ์อย่างนั้นรึเปล่า
ส่วนที่คาใจอีกเรื่องคือเรื่องคู่หมั้นของคาวัลโล ซิลเวียน่ะค่ะ ทั้งที่จริงๆเราว่าเป็นฟันเฟืองสำคัญอีกชิ้นในความสัมพันธ์นี้เลยนะคะ
ไม่แน่ใจตอนที่คาวัลโลสืบสวนราฟาเอลโล่ว่าตกลงคำตอบที่ออกมา เยื่อใยระหว่างสองคนนี้และสิ่งที่คาวัลโลสังหรณ์คือการที่สองคนยังตัดกันไม่ขาดหรือเปล่า

ยังไงก็ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆส่งท้ายปีเก่านะคะ ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกขนาดนี้ออกมาให้อ่าน
ขอบคุณตัวเองที่คิดยังไงไม่รู้กดอ่านซะทีหลังจากที่เห็นชื่อในกระทู้แนะนำผ่านตามามากกว่า 10 รอบ ; _ ;
เดี๋ยวจะกลับไปแนะนำให้คนอื่นว่าเรื่องนี้มัน"ต้องอ่าน"ไม่ให้ใครต้องพลาดแบบเราอีกเลยค่ะ!

ถือโอกาสสุขสันต์วันปีใหม่ 2016 เลยนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 16-01-2016 22:02:02
สนุกสมคำร่ำลือ
ข้าน้อยขอคาราวะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: bellzebub ที่ 24-01-2016 12:44:41
พึ่งได้เข้ามาอ่านจนจบ บอกได้คำเดียวว่า สนุกมากกกกก คาวี่คือเคะในดวงใจค่ะ ชอบความฉลาดของคาวี่ ชอบความหักมุมของเนื่อเรื่องในแต่ละจุด คือดีมากค่ะ ทำเอาเราคาดไม่ถึง สรุปว่า เป็นเรื่องที่ดีอันดับ1ในดวงใจเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: gakuen ที่ 13-04-2016 13:40:28
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 24-06-2016 01:02:53
อ่าน3-4วันรวดเลยยยย ติดงอมแงมมมม
ลุ้นมากว่าสุดท้ายจะลงเอยกันยังไง ชอบมากค่ะะะ
ไม่ได้แฮปปี้จนเว่อวัง แต่เหมือนค่อยๆปรับตัว สมเหตุสมผลดีค่าาา
ขอบคุณนะคะะ ><
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 27-06-2016 14:11:14
อ่าาาา ชอบคาวี่จัง น่ารัก

และอัลชาอ์ ผู้ชายคนนี้ มีอีกมั้ย หาได้จากไหน อยากได้ 556+

และอีกสองตัวละครที่ชอบมากเป็นพิเศษคือคู่ฝาแฝด
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: peppermintt ที่ 19-07-2016 22:08:58
ชอบมากเลยยยย พึ่งได้อ่าน อยากให้มีต่ออีกจัง o13
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: sincere13 ที่ 23-07-2016 18:37:30
มาอ่านตอนที่มันสายไปเหลือเกินแล้ววว สนุกมากค่าาา ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆข้อมูลแน่นๆทั้งเรื่องนี้และรักร้ายผชในคุก  :o8:  :o8:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: b02290 ที่ 03-12-2016 08:45:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 12-12-2016 16:34:38
สนุก อ่านกี่ทีกี่ทีก็ชอบ :mew1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: kaoma ที่ 17-12-2016 09:28:23
วนเข้ามาอ่านรอบที่สองจนได้ 555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 23-12-2016 17:25:31
เป็นอีกเรื่องนึงที่เราชอบ มีตวามตื่นเต้น รานละเอียดต่างๆก็ดี ลึกลับสลับซับซ้อน ชิงดีชิงเด่นกันสุดๆ และที่สำคัญอ้อนหนักมากคาวี่ อร๊างงงงงงง ท่านชีคก็กร๊าวใจ อ่านไปก็เขินไปทุกทีเห็นได้ชัดจริงๆว่าท่านชีครักมาก หลงมาก นางน่ารักจริงๆ อยากได้ผู้ชายแบบเน้ ไม่ต้องเป็นคนดีมากมายแค่มีเหตุผลและเป็นตัวของตัวเอง นี่แหละมีเสน่ห์  :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 24-12-2016 18:18:38
แวะเข้ามารอบที่เท่าไหร่ไม่รู้  :hao3:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 25-12-2016 01:32:15
กลับมาอ่านอีกรอบ ฮืออออ คิดถึงงงง
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 25-01-2017 22:02:48
กลับมาอ่านอีกรอบ ก็ยังฟินเหมือนเดิม มันเหมือนเดิม หน่วงเหมือนเดิม แล้วก็ยังสนุกเหมือนเดิม :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Onairz ที่ 25-02-2017 16:57:14
 :mew1: หาอ่านนิยายแนวท่านชีคไรงี้อยู่ ได้มาอ่านเรื่องนี้ ยอมรับเลยว่าชอบ รักท่านชีคเลย อยากอ่านตอนพิเศษในเล่มมาก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: PRINCESSPRIME ที่ 09-05-2017 22:54:33
น้ำตาคลอไปหลายตอนมาก
คนแต่งเขียนสนุกมากกกกกกกก
ขอบคุณมากๆ เลยค่าาาา
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Napa ที่ 13-05-2017 13:08:49
แน่นอก   :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 13-08-2017 22:21:23
อ่านจบแย้วววว ร้ากกกกมาเลยเรื่องนี้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 13-08-2017 23:08:57
อ่านเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่จำเพราะอ่านหลายรอบมาก อยากใหมีภาคสองจังเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าที่ถูกถีบจากสวรรค์ ที่ 20-10-2017 16:21:07
งงแดกเลย 5555555555 ทำไมอยู่ๆท่านชีคถึงจูบล่ะ 555555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าที่ถูกถีบจากสวรรค์ ที่ 23-10-2017 17:41:36
ขำกับคำว่า "ผมคิดมานานแล้วนะ.." ของอัลชาล์รุนแรงมาก 5555555555555
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าที่ถูกถีบจากสวรรค์ ที่ 23-10-2017 18:08:41
อ้ากกกก คาวี่หึงแล้วโว้ยยยยย  :hao6: เอาล่ะเหวยยย ทำยังไงล่ะ ท่านชีคคคคค
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 23-10-2017 20:20:26
 o4 ชอบเรื่องนี้มาก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: wetter ที่ 26-10-2017 16:57:11
วนเวียนอยู่ในเล้ามาก็นาน ไม่รุ้พลาดเรื่องนี้ได้ยังไง
ผ่านมา5ปีแล้วพี่งมาอ่าน สนุกมากกกกกกก เนื่อเรื่องเข้มข้นมากๆ
ชอบคาแรกเคอร์ของตัวละคร ชอบความสมจริงในกระบวนความคิด
ที่ทั้งสองต่างก็มีหน้าที่ที่ละทิ้งไปไม่ได้ แต่ก็พยายามหาทางออก

เอ็นดูคาวี่มากๆๆ ตอนที่ทุกคนสงสารอัล เรากลับเข้าใจคาวี่ซะงั้น เข้าใจในทุกๆเรื่องเลย เอ็นดูเหมือนน้องคนนึง555555
ชีทก็เท่มากทชอบในความเป็นผู้ใหญ่ ถึงบางทีจะแอบคิดว่าเห็นแก่ตัวก็เถอะ ถึงแม้จะเป็นฝ่ายรักก่อนแต่การที่คาวี่ต้องเลือกระหว่างครอบครัวกับตัวเองก็ไม่ไหวเหมือนกัน ทั้งๆที่น่าจะเข้าใจความรุ้สึกของการเป็นผู้นำในจุดนี้แท้ๆ เพราะตัวเองก็ทิ้งประเทศไม่ได้เหมือนกัน แต่ก็นะเขาก็ดีจริงๆ5555555 ใครจะรักคาวี่ได้เท่าชีคอีก

สุดท้ายคือเสียดายค่ะที่อ่านเรื่องนี่ช้าไปมากทั้งที่ชอบอ่านเรื่องแนวอาหรับทะเลทรายแท้ๆ ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้มานะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 27-10-2017 10:36:44
สนุกมากกก เสียดายมากที่ไม่ได้เจอเรื่องนี้คั้งแต่แรก เลยพลาดหนังสือดีๆสนุกๆไว้ในครอบครองเลย ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: wiwo ที่ 14-12-2017 10:38:29
เป็นเรื่องที่สนุกมากกกกกกก วางพล็อตเรื่องได้ดีมากเลย ภาษาสวยมาก ลึกซึ้งมากๆ เลยค่ะ

ปล.ใครหาซื้อหนังสือ ทางสำนักพิมพ์ไร้กรอบยังมีขายอยู่นะคะ เข้าไปสอบถามในเฟสได้เลย ราคา 1,000 บาท + ค่าส่ง 60 บาทค่ะ นี่เพิ่งสอยมาเลย  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: namzagirl ที่ 10-01-2018 02:26:45
เรื่องนี้สนุกมากกกกกก อ่านแล้วก็ยังกลับมาอ่านซ้ำๆอีก
รักชีค รักคาวี่  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 16-01-2018 12:19:57
สนุกมากค่ะ อ่านรวดเดียวเลย ตื่นเต้นตลอด นี่ขนาดอ่านตอนจบแล้ว ถ้ามาอ่านตอนลงคงค้างกระจาย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 17-01-2018 22:25:50
เมื่ไหร่จะมาต่อเรื่งคุณอาซ้ากที
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 19-01-2018 23:30:54
คิดถึงเรื่องนี้จังเลย
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 24-01-2018 08:28:41
เพิ่งได้มาอ่าน สนุกมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ஓMaRiShiTenSM ที่ 24-03-2018 11:47:19
กลับมาอ่านอีกครั้งก็ยังประทับใจเหมือนเดิม
คิดถึงคาวี่กับท่านชีคนะคะ
คนเขียนสนใจเขียนภาคต่อมั๊ยคะ ^_^
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: lidelia ที่ 29-03-2018 14:34:51
นิยายสนุกมากค่ะ

ร้องไห้ตามหลายตอนมาก  :hao5: :hao5:

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  o13 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: korner ที่ 08-04-2018 11:23:45
เป็นแนวมาเฟียและชีคที่ชอบมากเลยกลับมาอ่านอีกครั้ง ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: kik ที่ 10-04-2018 09:38:26
สำหรับเรา เรื่องนี้คือสนุกมากกก  สุดๆๆ  กลับมาอ่านหลายครั้งมากกกก
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: CHanbel6104 ที่ 25-04-2018 11:16:50
Wow!  it's interesting.
พี่ชีคเราจะสติแตกตอนไหนเอ่ยยยย5555
งานนี้ต้องเป็นบ้าเพราะคนดื้อแล้วหล่ะ
ยาความดันพร้อมยังพี่ :katai4: :katai5:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: CHanbel6104 ที่ 26-04-2018 11:47:22
คิดว่าพี่ท่านคงตายก่อนวัยอันควรเพราะเส้นเลือดในสมองแตกตายเพราะน้้้้้้้้้องคาวี่่่่แน่ๆตาพี่เอ้ยยยย
ตาย"ท่า"ไหนดีละเนี่ยย :katai5: :oo1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: CHanbel6104 ที่ 27-04-2018 00:29:43
ความรักสองแฝดนั้น...มีแววมาม่าเป็นโกดังแน่
โดนระเบิดแล้วพี่ยังไม่มาเลยดินเนอร์อยู่นั่น!!!!
ส่วนน้องวี่นี่ก็ดื้อโครตเด็กน้อยก็ยังเป็นเด็ก....เดี๋ยวพอคนแก่ตะบะแตก งานนี้มีแววข้าวแแดงนิดๆนะคะ5555 :katai1: :katai5: :oo1: :jul1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: CHanbel6104 ที่ 27-04-2018 11:47:23
เล็กเซย์น้อนนนนนนนนนนนนนนนเจ็บมากไหมลูก
อยากรู้แล้วว่าคนที่มันอยู่เบื้องหลังคิดจะทำอะไรกันแน่
สัสเถอะ!!!! :katai1:
คาวี่นี้ก็ดื้อจริงทำพี่เขาอึ้งไปเลย5555 พี่เขาเริ่มหลงหนูแล้วรู้กกก :hao6: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: CHanbel6104 ที่ 28-04-2018 13:09:53
เล็กซิสรักเซย์น้อยมากแน่ๆ
รักมากกกกจนตายตามเลยได้ :o12:
คาวี่กับอัลซาล์นี่เริ่มเห็นสีชมพูพาทเทลลอยอบอวนนิดๆ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 30-04-2018 08:46:43
เข้ามาอ่านอีกรอบ ก่อนหน้านี้ไม่ได้เม้นให้เลย

ขอบคุณมากนะคะ สนุกทุกเรื่องเลย  :L1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ffern ที่ 11-09-2018 08:53:04
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: สนุกมากเลยอุเเง้ ดีใจที่ตัวเองได้เข้ามาอ่าน
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 17-09-2018 19:14:25
พึ่งมาเจอตอนปี2018
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ffern ที่ 20-09-2018 22:49:35
 :-[ อ่านจบเเล้วเป็นอีกเรื่องที่เราจะยกไว้ในใจเลยเราชอบมากเเง้ สนุกมาก ชอบทุกอย่าฃทีีไม่เกินเรื่อกินราว ที่มันเป็นเหตุเป็นผลกัน เป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น สอนอะไรเราหลายๆอย่าง อย่างเรื่องความรักของครอบครัวว่าสุดท้ายเเล้วเราก็ฆ่สกันไม่ลงอยู่ดี หรือระยะห่างของคาวี่กับชีคเราว่าอันนี้ก็ดีมากๆที่จบเเบบนี้มันสมเหตุสมผลมากที่สุด ขอบคุณนะคะที่มีผลงานดีๆเเบบนี้มาให้อ่าน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 07-10-2018 22:08:55
            เป็นนินยายที่ประทับใจอีกเรื่องหนึ่งเลยค่ะ ใช้ภาษาดีมาก อาจจะมีคำผิดบ้างแต่รู้เลยว่าไม่ได้ตั้งใจแน่นอนเพราะใช้คำที่ยากและสละสลวย ทำให้มีอารมณ์คล้อยตาม  และมองเห็นภาพชัดเจน  เป็นเรื่องที่มีคุณค่ากับจิตใจมากรักทุกตัวละครถึงแม้จะเป็นตัวร้ายที่เคยคิดจะฆ่าพระเอกนายเอกหรือคนรอบข้าง แต่ก็ทำให้รู้สึกว่าการให้อภัยกันนั้นมันไม่ยากเลย ดูมีเหตุมีผล มีความยับยั้งชั่งใจอยู่พอควรทำให้รู้สึกคล้อยตาม  มีความน่าติดตาม  มีที่มาที่ไป  ชอบสุดก็คงเป็นคู่เอก และคู่พี่ชายฝาแฝด
           ส่วนเรื่องราวของสิ่งของ คติ  คำพูด  บทความ เป็นสิ่งที่มีความหมายในตัวดีมาก  ทำให้ได้รู้อะไรหลายอย่างทั้งวัฒนธรรมในอิตาลี และประเทศแถบอาหรับ เป็นเรื่องที่มีการหาข้อมูลได้แน่นมากนับถือเลยค่ะ


ขอบคุณสำหรับนิยายดี  ๆ มีประโยชน์ ให้ข้อคิดสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง  ประทับใจนิยายเรื่องนี้มากจริง ๆ ค่ะ

ปล.ผิดที่เราเจอกันช้าไป  :ling1: :ling2: :hao5: :sad2: :dont2: o7


 :pig4:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: zeit ที่ 24-02-2019 15:17:51
กลับมาอ่านใหม่อีกครั้ง ชอบบบ
คิดถึงสำนวน การแต่ง รายละเอียดการแต่งเรื่องนี้
แต่งดี ชอบการจับพลอตนี้ คิดถึงสมัยตามอ่านเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Piiiimsen ที่ 05-03-2019 08:32:59
ฮืออ เป็นนิยายที่ดีมาก ขอบคุณมากๆนะคะ คือเป็นความรักที่ดีมาก ต่างคนต่างมีหน้าที่และภาระอันยิ่งใหณ่แต่ก็เพราะรักจึงทำให้ทั้งคู่เข้าใจกัน เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ฉากเรียกน้ำตาก็พาให้น้ำตาไหล ฉากลุ้นก็ลุ้นมากๆ เขียนบรรยายดีเก็บทุกเม็ดของฉากต่อสู้ มีบ้างที่จะเหมือนเรียงคำผิดแต่ก็ส่วนน้อย เรื่องนี้ควรค่าแก่การอ่านมากๆ แล้วสนุกทุกคู่ ของแฝดก็ชอบบ ของชีคก็ชอบ ขอบคุณมากๆนะคะ ชอบมากๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: tong_x_zhi ที่ 23-03-2019 15:24:02
สวัสดีครับ   อ่านจบซะทีครับ หลังจากใช้เวลาเกือบสองสัปดาห์ ฮ่าๆๆ  ระหว่างทาง พักไปอ่านเรื่องอื่นนิดหน่อยครับ  ปรับฟีลทะเลทรายบ้างน่ะครับ  เรื่องสนุก เขียนได้น่าอ่านน่าติดตาม  บางประเด็นที่ยังไม่เคลียร์เท่าไร อย่างล้างแค้นพวกเซคานี ที่ส่งสปายมาวางยาคุณลุง คิดว่าน่าจะต่อในภาค คลาร์กกับแกเร็ตล่ะมั้ง  ชอบแนวนี้ ะเลารายมันร้อนแรงดีครับ  และเรื่องนี้จบได้เป็นจริงดีครับ รู้เลยว่าทำไมคนอ่านเยอะ

แต่สิ่งที่ขัดใจที่สุด ไม่ใช่พิมพ์ผิดครับ   คนเราพิมพ์ผิดพลาดกันได้บ้าง ถ้าจะทำเล่มคงมีการตรวจการสะกดอยู่แล้ว อันนี้อภัยกันได้ 

แต่นั่นคือคำว่า “อาดูร” ที่ทางผู้แต่ง ใช้คำนี้สอดแทรกในเรื่องหลายครั้ง คำนี้มันน่าจะหมายถึงประมาณว่าเศร้า เสียใจ โศกอะไรประมาณนั้นใช่มั้ยครับ?  แทรกในบริบทเศร้า คือ ใช่ ใช้คำตามบริบท  แต่อ่านเจอหลายช่วงครับ ปูทางมาซะสุขเลย  พระเอกเคลิ้มอย่างสุข แล้วคำว่า อาดูร โผล่ขึ้นมาซะงั้น คนอ่านปรับอารมณ์เลยครับ มันมีความเศร้าแทรกตรงไหนวะ  มีความน้อยใจขึ้นมาป่ะเนี่ย ก็ไม่มีนี่หว่า มันตัดอารมณ์แลดูเป็นอารมณ์สองขั้วเลยครับ  ฮ่ะๆ  เลยไม่มั่นใจว่าจริงๆแล้ว อาดูรเนี่ย นอกจากความหมายในทางเศร้า มันยังหมายความเป็นอารมณ์ในโทนอื่นได้มั้ยน่ะครับ

สรุปเรื่องนี้สนุก ลุ้น ครบรส มีความฟินนิดๆ ก็เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: terd3232 ที่ 04-09-2020 18:04:43
ขอบคุณจ้าา
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 07-09-2020 19:04:16
ชอบบบบบบบบ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวพีตัวเล็กเล็ก ที่ 04-02-2021 06:11:52
 :hao7:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 14-02-2021 15:42:29
โอย สนุกจนวางไม่ลงเลย ครบรสจริงๆ ในเรื่องสงสารชีคที่สุดที่ต้องรอคอยความรัก กว่าจะทำให้คาวี่รักได้เล่นเอาเหนื่อยจริงๆ แต่สนุกมากกกกค่ะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆนะคะ :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 20-03-2021 18:36:20
คือออออดีงามมมมมมชอบบบบบ  :o8: :-[ :-[ :impress2: :impress2: :impress2: