มาแล้วค่ะ ขอโทษที่มาช้านะคะ ตอนนี้สอบไฟนอลเสร็จแล้วค่ะ
“โธ่ ไอ้โง่!!!!!!” ไอ้ปลิวส่งเสียงด่ามาตามสายหลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟังไป หลังจากสองอาทิตย์ที่แล้วผมไปเจเจกับคุณอู๋มา ตอนนี้ผมย้ายกลับมาทำงานที่กรุงเทพแล้วครับ
“ทำไมมึงโง่วววว อย่างงี้วะ ไอ้บ้า ฟ้าฝนเป็นใจให้มึงขนาดนี้แล้วมึงยังปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปอีกเหรอ ไอ้โจ้!!!!!!!!!!!”
“ก็กู....”
“ก็อะไร”
“ก็กูไม่กล้านี่หว่า มันไม่นอนเซ้นท์ไปเหรอวะ อยู่ดี ๆ ชวนไปไหนกันสองคนดื้อๆ เลยอ่ะ”
“ไอ้โจ้ กูจะบอกอะไรให้นะ เวลาจีบกันอ่ะ เขาไม่คิดว่ามันนอนไม่นอนเซ้นท์กันหรอก เขาดูแค่ว่าอีกฝ่ายโอเคกับเราหรือเปล่า”
“ยังไงวะ”
“ก็ คุณอู๋ของมึงอ่ะ เขาดูโอเคหรือเปล่าเวลาอยู่กับมึง เค้าดูชอบมึงบ้างหรือเปล่า”
“เหอ....” ผมคิดอยู่นาน
“ไม่นะ แต่...ก็ไม่ได้รังเกียจกูนะ แต่ชอบกูเปล่า กูก็ไม่รู้ว่ะ”
“มึงก็ทำให้เค้าชอบมึงสิวะ”
“หะ..”
“โธ่ไอ้โง่วววววววววว!!!” มึงก็หัดโทรไปแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเค้าบ้าง โทรไปอ่ะ
“แล้วกูจะคุยอะไรวะปลิว เชี่ย พอเค้ารับจริงก็ไม่รู้จะคุยอะไรว่ะ”
“โธ่ไอ้โจ้....” ไอ้ปลิวเงียบไปสักแป๊บแล้วบอกว่า “มึงไม่อยากให้เค้าหายเศร้าเหรอวะ มึงทนเห็นเค้าอยู่กับแฟนมหาโหดของเค้าได้เหรอ”
ผมสะดุดก็ตรงนี้หล่ะนั่นสิ คุณอู๋จะต้องทนกับคนอย่างนั้นไปอีกนานเท่าไหร่
“แต่ มันก็เรื่องของเค้าไม่ใช่เหรอมึง กูก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของเค้าซะด้วยสิวะ”
“แล้วมึงเป็นห่วงเค้ามั๊ย”
ผมพยักหน้าตอบ “เออ เป็นห่วง”
“มึงเข้าใจคำว่า “ความหวังดีของมือที่สามมั๊ยวะ”
“หะ...”
“เออ เราหวังดีกับเค้าไง ถึงต้องให้เค้ามาอยู่กับเราจะดีกว่า” ปลิวมันถอนใจแล้วบอกว่า “เอาเถอะ ๆ แล้วแต่มึงก็ละกัน กูพูดไปก็เหมือนสีซอให้ควายฟังเปล่า ๆ”
“เอออ ๆๆ กูมันโง่ กูมันอ่อน” ผมยอมรับโดยดุษฎี เอ๊ะ ใครโทรเข้ามานะ
“เฮ้ย แปบนะเว้ยปลิวมีสาย”
“งั้นแค่นี้ก็ได้”
“เออ ขอบใจมึงนะ”
“เออ”
ผมกดรับสายทันที เอ...น้องอั่งโทรมามีไรป่าวหว่า นี่มันตีหนึ่งกว่า ๆ แล้ว
“ฮัลโหล น้องอั่ง มีไรป่าว”
“พี่โจ้ ๆๆ พี่อู๋กินยาเกินขนาด ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”
“หะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
หัวใจไอ้โจ้อยู่ที่ตาตุ่มเลยครับ ทำไมครับคุณอู๋ของผมเป็นอะไรไป....
“โอเค ๆ เดี๋ยวพี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ผมรีบออกจากบ้านทันที แล้วก็โทรไปถามทางไปโรงพยาบาลจากน้องอั่ง ดีว่าทางไปมันรถว่าง ผมเลยถึงในเวลาไม่ช้า
“พี่โจ้.....” น้องแอนออกมารับผม ตาเธอแดง ๆ เหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา
“อ่าวพี่โจ้” น้องอั่งลุกออกมาจากเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน “พี่อู๋...ทะเลาะกับไอ้เคน อีกแล้ว”
“หะ....” ผมทำหน้าเหรอเลยทีเดียว แล้วกินยานอนหลับงั้นเหรอ”
“เปล่าพี่ ปกติพี่อู๋ถ้าเครียดจัด ๆ หรือนอนไม่หลับจริง ๆ เค้าก็ยินยานอนหลับบ้างอยู่แล้ว”
” แต่คราวนี้ เค้ากินยานอนหลับมากไป...” น้องอั่งทำหน้าแบบเจ็บแค้นแทนพี่ตัวเอง
“แล้วตอนนี้คุณอู๋เป็นยังไงมั่ง....” ผมถามด้วยความรู้สึกสะเทือนใจไม่แพ้กัน นี่แฟนคุณอู๋เค้าไม่รู้เลยเหรอว่าทำอะไรลงไป
“หมอล้างท้องให้อยู่พี่”
ผมพยักหน้าเบา ๆ ขอบตาผมร้อนผ่าว โถ คุณอู๋ของผม
“ถ้าพี่อู๋เป็นไรไปคราวนี้ ผมไม่ยอมจริง ๆ !” น้องอั่งพูดออกมาอย่างเคียดแค้น ผมเลยถามไปว่า
“แล้วนี่แฟนคุณอู๋เขารู้เรื่องนี้หรือยังน้องอั่ง”
“ไม่พี่ ผมโทรไปมันก็ไม่รับ”
“อืม...แล้ว เอ่อ นี่คุณพ่อคุณแม่ล่ะ”
“ป๊ากับม้าและก็อาม้าไปจีนอ่ะพี่ ผมยังไม่ได้บอกพวกเขาเหมือนกัน รอเขากลับมาก่อนดีกว่า”
“พี่อั่ง พี่อู๋จะเป็นไรมั๊ยอ่า...” น้องแอนหันมาถามน้องอั่งแบบใจคอไม่ดี
“ไม่เป็นไรน่าแอน พี่อู๋ต้องไม่เป็นไร”
“ใช่ครับน้องแอน คนดี ๆ อย่างคุณอู๋จะต้องไม่เป็นอะไรง่าย ๆ พี่เชื่อว่าคุณอู๋จะปลอดภัย”
ขาดคำ น้องอั่งกับน้องแอนก็โผเข้ากอดกันอย่างให้กำลังใจ เฮ้อออ คุณอู๋ของผมจะต้องไม่เป็นอะไรนะครับ...
นั่งรอสักพักคุณหมอก็ออกมา
“คุณหมอครับ คนไข้เป็นไงมั่งครับ”
“ตอนนี้คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ แต่ต้องอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิด”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ”
“ครับ” คุณหมอรับคำตามมารยาทแล้วเดินไป ผมมองหน้าน้อง ๆ ที่ร้องไห้ออกมาอีกครั้งด้วยความดีใจ ผมเองก็น้ำตารื้น ๆ เหมือนกัน คุณอู๋ของผมปลอดภัยแล้ว...
วันต่อมาที่ผมต้องไปทำงานตามปกติ แต่จิตใจของผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยังไงชอบกลก็ไม่รู้ เป็นห่วงคุณอู๋ที่ตอนนี้พักฟื้นอยู่ไอซียูจังเลย เอาเป็นว่าเย็นนี้ผมจะไปเยี่ยมก็แล้วกัน
“จริงเหรอคะอีโจ้ คุณอู๋กินยานอนหลับประชดชีวิตเหรอคะเนี่ย” อีกบกรีดเสียงใส่ผมขณะที่โทรไปหามันตอนพักเที่ยง
“เออ...”
“ต๊ายยยย อีดรอกกก ไม่ไหวนะคะ ผู้ชายคนนี้ อีโจ้คะ มึงจะรอให้คุณอู๋ไม่อยู่ให้มึงจีบใช่มั๊ยคะเนี่ย มึงทำไมไม่ลงมือทำอะไรกับเค้าซะทีคะ”
ผมเงียบไป เพราะอีกบมันด่าได้โดนมาก
“กู....ก็กูไม่เคยจีบใครนี่หว่า อีกบ แล้วกูอ่ะ มีอะไรเทียบกับแฟนเค้าได้วะ หล่อก็ไม่หล่อ จนก็จน”
“โอ๊ยยย เพลียย” อีกบอุทานมาอย่างขัดใจ “กูเพลียกับมึงมากเลยค่ะ อียานนาวุธ อีดรอกก ก็คิดดี ๆ นะคะ เค้าจะไม่อยู่ให้มึงจีบขนาดนี้แล้วมึงยังจะรออะไรอีกคะ อีโง่ววว”
เอ่อ สองวันนี้ผมโดนด่าว่าโง่มาหลายครั้งแล้วนะครับ....
“เออ ๆๆ กูจะพยายามนะกบ ยังไงก็ขอบใจมึงมากนะ”
“ค่ะ กระเทยจะเอาใจช่วยเสมอนะคะ”
“เออ ๆ งั้นแค่นี้ก่อนละกัน ข้าวที่สั่งได้แล้ว”
“เออ ค่ะ บ๊ายบายค่ะเพื่อนสาว”
“เออ”
ผมมาเยี่ยมคุณอู๋ในตอนเย็น วันนี้คุณอู๋ออกมาห้องพักฟื้นปกติแล้ว แต่ยังไม่ได้สติ น้องอั่งกับน้องแอนก็อยู่กันพร้อมหน้า
“อ่าว นี่เฝ้าพี่อู๋ทั้งวันเลยเหรอครับ” ผมถาม เพราะวันนี้เป็นวันเรียนหนังสือ
“ออ พี่อั่งเฝ้าค่ะ แอนเพิ่งมา”
“โธ่ พี่ ผมเรียนนิติ ไม่เข้าก็ได้”
“อ่า...ครับ” ผมรับคำ น่าดีใจแทนคุณอู๋นะครับที่เขามีน้อง ๆ ที่รักเขามากอย่างนี้
ผมนั่งคุยกับน้อง ๆ สักพักก็มีโทรศัพท์เข้าเครื่องคุณอู๋ ปรากฏชื่อเคนบนหน้าจอ ผมมองน้องอั่งที่โดนกระดุ้นจุดเดือด ส่วนน้องแอนพยายามระงับอารมณ์เดือดนั้นด้วยการหยิบไปรับเอง
“ค่า...สวัสดีค่ะ”
แล้วเธอก็เล่าเรื่องให้หมดให้ต้นเหตุฟัง ก่อนที่น้องอั่งจะแย้งไปพูดอย่างเดือดดาลว่า
“ออกไปจากชีวิตพี่อู๋ซะที!!!”
น้องอั่งวางสายอย่างหงุดหงิด น้องแอนเข้ามาลูบหลังลูบไหล่อย่างให้กำลังใจพี่ชายตัวเอง เอาล่ะสิ งานนี้ผมว่าไม่จบแน่ ๆ
“เอาน่าน้องอั่ง เขาก็มีกระใจโทรมา” ผมปลอบน้องอั่งอีกแรง
“หึ โทรมา...จะโทรมาชวนพี่อู๋ทะเลาะอีกละสิ”
“พี่ก็ไม่รู้เรื่องอะไรมากนะ แต่พี่รู้ว่าน้องอั่งเป็นห่วงคุณอู๋ แต่ก็อย่าลืมไปว่าบางทีการได้รักใครสักคน เราต้องมีอะไรแลกไป คุณอู๋อาจจะยอมแลกไปด้วยสิ่งที่เขาเคยเจอก็ได้”
“ยังไงพี่”
“คือ พี่จะบอกว่า ถ้าเขาเลือกเองแล้ว น้องอั่งก็ต้องเข้าใจเขาด้วย”
“หึ...” น้องอั่งหงุดหงิด “ผมไม่เข้าใจพี่อู๋เลยจริง ๆ”
“เอาเถอะ พี่ว่าเขามีเรื่องราวต่อกันมานานหน่ะ จะให้เลิกกันง่าย ๆ ก็ใช่เรื่อง”
อันนี้ผมพูดปลอบตัวเองไปด้วย ใช่สิ เขามีเรื่องราวดี ๆ กันเยอะกว่าเรื่องแย่ ๆ จะให้เขามาเลิกกันปุบปับก็ไม่ใช่เรื่องของเราแล้ว
ผมมองหน้าสวยของคุณอู๋อย่างคิดไม่ตก จนปัญญาจริง ๆ ไม่รู้ว่าจะช่วยคุณอู๋ยังไง....