คนละปลายทาง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คนละปลายทาง  (อ่าน 197269 ครั้ง)

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #480 เมื่อ14-09-2007 16:16:14 »

                         นี่เค้ากำลังต้องการจะบอกอะไรกันเหรอ...............อยู่ดีๆก็ถามขึ้นมาดื้อๆ..............ผมกำลังจะหายเคืองเรื่องนี้อยู่แล้วเชียว..........จะขุดขึ้นมาพูดให้เสียอารมณ์ทำไมอีกก็ไม่รู้.................

                         “ถามทำไม”............ผมย้อนถาม ในขณะที่ตายังคงเพ่งมองไปบนท้องถนนที่ดำมืด.............

                         “ก็นัทกำลังคิดว่า ทำไมนัทต้องมากับพี่กั้งด้วย”...................อะไรนะ...............นี่เค้าคิดแบบนี้จริงๆเหรอเนี่ย...............เค้าไม่รู้แม้กระทั่งว่าทำไมเค้าต้องมาขอนแก่นกับผม.............พระเจ้า.......นี่เค้าไม่มีสามัญสำนึกอยู่เลยหรือไง..............หรือเค้าคิดว่า เราเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น........ เพราะฉะนั้นผมจึงไม่มีสิทธิ์เรียกใช้ไหว้วานอะไรเค้าได้เลย............อารมณ์ของผมเริ่มเดือดขึ้นมาทีละน้อยด้วยความโมโห………

                        “ก็ลองไม่มาดูสิ”..............ผมพูดเสียงเรียบ ในขณะที่ตายังคงจ้องมองไปบนท้องถนนเหมือนเดิม.................

                         “ทำไม..........พี่กั้งจะเลิกคบกับนัทเหรอ”...............นัทยิ้มยั่ว..................หึ.............ถามได้ตรงจุดเผงเลย............เพราะความตั้งใจในตอนแรกของผมนั้นก็คือ..........ผมจะเลิกกับเค้าแน่นอนหากเค้าไม่ยอมมาด้วยในครั้งนี้...............ในเมื่อมีแฟนแล้วพึ่งพาอาศัยอะไรไม่ได้เลย..........แล้วจะมีไปทำไม.............ขนาดการเดินทางมาในครั้งนี้ เค้าแทบจะไม่ได้เสียอะไรเลยนอกจากเวลา (ถึงอยู่เชียงใหม่ก็เล่นเกมส์อยู่ว่างๆ)............แล้วถ้าหากผมต้องพึ่งพาอาศัยอะไรเค้ามากกว่านี้ล่ะ............คงไม่ต้องถามถึงให้เสียความรู้สึก.....................ไม่ใช่ว่าผมจะมาทวงบุญคุณอะไรหรอกนะ...............แต่ที่ผ่านมา ผมทำดีกับเค้าทุกอย่าง..............ผมจัดอันดับให้เรื่องของเค้ามาก่อนเรื่องของตัวเองด้วยซ้ำไป...............หากเค้ายังมีหัวใจเป้นคนและมีสามัญสำนึกอยู่บ้าง............เค้าก็น่าจะมาไม่ใช่หรือไง........

                          “อืม”...............ผมพยักหน้าช้าๆ อย่างเลือดเย็น.................

                          “ว่าแล้ว........ว่าพี่กั้งต้องคิดแบบนี้”...............นัทเดาทางผมออก..............แม้เราจะคบกันได้แค่ครึ่งปี...........แต่เค้าเรียนรู้ผมได้เร็วพอสมควร............

                           “นัทก็ไม่เข้าในเหมือนกันว่าทำไมนัทต้องมา”...............นัทพึมพำกับตัวเองเบาๆ...........ต่อมโมโหของผมถึงจุดระเบิดในที่สุด................นี่เค้าจะมาสงสัยบ้าบออะไรในสิ่งที่คนเป็นแฟนกันทั่วไปเค้าปฏิบัติกันอยู่แล้ว.................แค่การมาเป็นเพื่อนผมเฉยๆเนี่ย มันแปลกประหลาดจนต้องเอามานั่งขบคิดเลยรึไง....................

                          “พี่กั้งจำได้มั้ยว่าตอนที่เราเจอกันใหม่ๆ นัทเคยบอกพี่กั้งว่า ระหว่างเราคงเป็นได้แค่พี่น้องกันเท่านั้น”................ผมไม่ได้หันไปมอง แต่แสดงให้เห็นว่ากำลังฟังอยู่อย่างตั้งใจ...............เค้ากำลังจะพูดบ้าอะไรกันเนี่ย............จะเอาเรื่องเก่ามาพูดให้เสียอารมณ์อีกทำไม.............ผมไม่อยากจะฟัง.......

                         “แล้วไง..........ตอนนี้นัทอยากจะเลิกกับพี่งั้นเหรอ...........พี่จะบอกให้ก็ได้นะว่า..........นัทอยากเลิกกับพี่เมื่อไหร่ก็ได้............พี่จะไม่ตาม ไม่ตอแยอะไรทั้งสิ้น................แต่ขออย่างเดียว..........ขอแค่ให้นัทบอกพี่มาตามตรงเท่านั้น”...........ผมหันไปพูดกับนัทเสียงเรียบ ไม่แสดงอาการสะทกสะท้านต่อสิ่งที่ได้พูดออกไปเมื่อครู่...............ก็แล้วไงล่ะ.............ในเมื่อการที่เรารักกันอยู่ทุกวันนี้ มันก็ทุกข์ทรมานในผมมากพออยู่แล้ว........ถ้าเค้าไม่ยินดีจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับผม.............แล้วผมจะบ้าดึงดันต่อไปคนเดียวทำไม.........

                            นัทจ้องผมตาค้าง...........เค้าคงนึกไม่ถึงว่าผมจะไม่แยแสกับเรื่องการเลิกกันได้ถึงขนาดนี้..............ใบหน้าของเค้าเริ่มบิดเบี้ยว แสดงออกถึงความเจ็บปวดในสิ่งที่ได้ยินอย่างชัดเจน..................แต่ผมเหนื่อยเกินกว่าที่จะมารู้สึกเห็นใจเค้าในตอนนี้..................

                            “นัทเลิกกับพี่กั้งไม่ได้...............ตอนนี้ความรู้สึกของนัทมันเปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว................นัทรู้สึกว่านัทผูกพันกับพี่กั้ง”....................นี่เค้าบอกรักผมเหรอ.........ทำไมผมถึงไม่รู้สึกดีใจเลยล่ะ..............ใช่สิ..............นี่มันเป็นการตบหัวแล้วลูบหลังกันชัดๆ..........ถึงเค้าจะบอกว่ารักผมมากแค่ไหน.............แต่เค้าก็ยังจะเลิกกับผมในอนาคตอยู่ดีไม่ใช่เหรอ................

                          ผมนิ่งเฉยไม่โต้ตอบใดๆ................บรรยากาศภายในรถเริ่มตึงเครียดขึ้นทุกขณะ.........นัทนั่งนิ่งเพื่อรวบรวมความกล้าอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ...............

                          “นัทอยากไปทำงานที่ภาคใต้................นัทจะได้ลืมทุกอย่างได้ง่ายขึ้น และกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง..........แต่นัทคงทำทันทีไม่ได้.............นัทไม่อยากจะหักดิบ”................ความคั่งแค้นและความน้อยเนื้อต่ำใจแล่นเข้ามาจุกตรงหน้าอกของผมจนหายใจแทบไม่ออก.........ผมอยากพ่นคำพูดร้ายๆทั้งหลายแหล่ใส่หน้าเค้า เพื่อที่เค้าจะได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดอย่างที่ผมรู้สึกเสียบ้าง...........แต่ผมกลับนึกถึงคำพูดเหล่านั้นไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว...........

                           “พี่เข้าใจ...........ไม่ต้องพูดหรอก...........พี่ไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้น............ถ้านัทอยากจะเลิกกับพี่เมื่อไหร่ก็บอกได้เลย.............จะเลิกตอนนี้ก็ยังได้”.....................ผมตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา.................ใช่สิ.............เค้าได้ทำให้ผมกลายเป็นคนไม่มีหัวใจไปเสียแล้ว..........แม้ปากผมจะบอกว่าไม่ได้คิดไปไกล..............แต่ตอนนี้วิมานในอากาศที่ผมเคยแอบวาดฝันเอาไว้ ได้ถูกนัททำลายย่อยยับไปต่อหน้าเสียแล้ว..............

                            นัทเอื้อมมือมาแตะที่แขนผมเบาๆ................ผมแกะมือเค้าออกไปอย่างช้าๆ โดยที่ไม่ได้หันไปมอง...............นัทพยายามจะทำแบบนั้นซ้ำๆหลายรอบ.............แต่ก็โดนผมปัดป้องไปเสียทุกครั้ง.................จนในที่สุดเค้าก็ยอมแพ้.............

                           “ก็ไหนพี่กั้งบอกว่าเข้าใจไง...........แล้วทำไมพี่กั้งไม่ยอมให้นัทโดนตัว”..............นัททำหน้าเบะเหมือนจะร้องไห้...............ความเวทนาแล่นวูบเข้ามาเกาะกุมที่หัวใจผมโดยอัตโนมัติ........

                           “ห้ามใจอ่อนเด็ดขาดนะกั้ง”...............ผมกระซิบบอกตัวเองในใจ

                          “ตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว.............ต่อไปนี้นัทจะแตะต้องตัวพี่ไม่ได้อีก”..............ผมบอกออกไปเป็นคำขาด...............ผมไม่ได้พูดเพื่อประชด............แต่ผมไม่ปรารถนาให้ใครมาแทะโลมเล่นฟรีๆโดยไม่คิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ................

                           “พี่กั้งอย่าทำเย็นชาแบบนี้กับนัทได้มั้ย นัทจะร้องไห้แล้วนะ”.............นัทที่เคยดื้อดึงหัวแข็ง.........ตอนนี้กลายเป็นแค่เด็กตัวโตๆคนหนึ่งเท่านั้น.............ทั้งน่าโมโห ทั้งน่าเวทนา และทั้งน่าขบขันปนกัน.............ผมสับสนกับความรู้สึกไปหมดแล้ว.............

                            “พี่กั้งรู้หรือเปล่าว่า นัททนไม่ได้เวลาพี่กั้งทำท่าเย็นชาใส่แบบนี้................นัทเคยเห็นพี่กั้งทำท่าเย็นชาใส่เจ............ตอนนั้นนัทยังแอบคิดเลยว่าถ้านัทโดนแบบนั้นบ้าง นัทคงทนไม่ได้แน่ๆ”..........นัทรำพึงรำพันเหมือนคนเสียสติ...............ในขณะที่สมองของผมเริ่มปลอดโปร่งขึ้นมาเป็นลำดับ...............ตอนนี้ผมคงเริ่มทำใจได้แล้ว อาจเป็นเพราะว่าผมเหนื่อยจนไม่อยากจะดึงรั้งอะไรอีกต่อไป.......

                            ในที่สุด นัทก็ละความพยายามที่จะแตะตัวผม...............เค้าหันกลับไปนั่งกอดในท่าเดิมอีกครั้ง............ผมคอยแอบสังเกตเค้าเงียบๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา..............................

                         “ในพระคัมภีร์บัญญัติโทษสำหรับคนที่เป็นเกย์ว่าเมื่อตายไปจะต้องตกนรก..............ตอนเด็กๆ นัทไม่กล้าแม้แต่จะอ่านพระคัมภีร์เลย...............ถึงตอนนี้นัทก็ยังไม่กล้าเปิดอ่าน”...............คำพูดของนัทดังแผ่วเบาเหมือนลอยมาจากที่ไกลๆ..................

                           “ทำไมจะต้องไปเชื่อในสิ่งที่ไม่มีเหตุผลด้วย.............เป็นเกย์แล้วทำให้ใครเดือดร้อนเหรอ..........พี่ก็อยากจะรู้เหมือนกันล่ะว่า ถ้านัทตายลงไปแล้ว พระเจ้าของนัทจะตัดสินให้คนที่เป็นเกย์ได้รับโทษหนักกว่าคนที่ฆ่าคนตายหรือเปล่า”......................ผมระบายความแค้นไปลงที่พระเจ้าของนัท..........ทำไมเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดกับเราด้วย.............ผมเคยได้ยินว่า ในบางประเทศที่นับถือศาสนาเดียวกันกับนัท................หากโดนจับได้ว่าเป็นคู่เกย์กัน.............คนทั้งสองจะต้องถูกแขวนคอ.........ในครั้งนั้นผมยังหัวเราะเยาะความคิดดังกล่าวว่าช่างเป็นความคิดที่ล้าหลังเสียเหลือเกิน...........ไม่นึกเลยว่า วันนี้จะได้มาเจอกับตัวเองเข้าอย่างจัง....................

                        “ก็ในเมื่อพระเจ้าเป็นคนสร้างมนุษย์ขึ้นมา...........แล้วไม่ใช่พระเจ้าหรอกเหรอที่เป็นคนสร้างเกย์ขึ้นมาเหมือนกัน............แล้วจะมาลงความผิดที่เกย์ได้ยังไง”.............ผมเริ่มยั้งตัวเองเอาไว้ไม่อยู่................ความแค้นทั้งหลายโหมกระหน่ำมาจากทุกทิศทาง..............ผมไม่เข้าใจ...........ไม่มีวันจะเข้าใจ…………..

                           “พระเจ้าไม่ได้สอนให้รังเกียจคนพวกนั้นนะ..............แต่พระเจ้าสอนให้เห็นใจเค้า...........เพราะเค้าน่าสงสาร..............หากเค้ากลับตัวได้ พระเจ้าก็จะให้อภัย”..................นัทพยายามอธิบายให้ผมเข้าใจในความคิดของเค้า................แต่ผมไม่ต้องการจะฟัง.............ยังไงผมก็ไม่มีวันจะเข้าใจ..........

                          “แล้วในศาสนาของนัทไม่มีใครที่เป็นเกย์เลยเหรอ...........คนที่เค้าอยู่เป็นโสดโดยที่ไม่แต่งงานไม่มีเลยเหรอ”................ผมนึกสงสัยว่าหากนัทจะอยู่เป็นโสดโดยที่ไม่แต่งงาน มันจะเป็นความผิดมากหรือเปล่า

                          “ไม่มี..............เค้าก็แต่งงานกันทุกคน..............ในพระคัมภีร์กำหนดหน้าที่ของสามีและภรรยาไว้อยู่แล้ว................เราก็แค่ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด”..............นี่เค้าไม่สอนให้คนคิดเลยหรือไง นอกจากทำตามคำสั่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น...............ผมเริ่มมองเห็นปัญหาที่เคยส่อเค้ารางๆมาตั้งแต่ต้น ตอนนี้มันกลายเป็นปัญหาใหญ่อยางที่ผมแทบจะคาดไม่ถึง..............เราสองคนโตมาในศาสนาที่มีความเชื่อตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง...............ศาสนาหนึ่งสอนให้คนคิดหาเหตุและผล..............ส่วนอีกศาสนาก็สอนให้คนทำตามโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ไม่ต้องคิด ไม่ต้องมีความรู้สึก ไม่ต้องมีหัวใจ..............เราสองคนไม่มีวันที่จะคิดตรงกันได้หรอก............ในเมื่อความเชื่อของเราต่างกันลิบลับเช่นนี้...................

                           มิน่าล่ะ............นัทถึงคอยพูดเสมอว่าเค้าไม่สามารถเป็นอย่างที่ผมหวังได้..............เพราะเค้าต้องแต่งงาน..............แล้วทำไมเค้าไม่ไปๆจากชีวิตผมเสียตอนนี้เลยล่ะ..............จะมาเสนอหน้าอยู่ทำไมกัน.............ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น.................

                          “เรียนมาตั้งมากมายก็เปล่าประโยชน์...........ทำไมไม่รู้จักใช้สมองคิดบ้าง ว่าอะไรคือเหตุ อะไรคือผล..............ไม่ใช่เชื่อเพราะว่าคำสอนที่บอกต่อๆกันมา.............หลับหูหลับตาเชื่อโดยไม่ใช้สมองคิดว่าอะไรถูกอะไรผิด”.................ผมโกรธทุกอย่างที่ขวางทางรักของผม...............โกรธแม้กระทั่งพระเจ้าของนัทที่ผมไม่รู้จัก..........โกรธแม้กระทั่งตัวเอง...............หากพระเจ้าท่านได้รับฟังถึงสิ่งที่ผมได้พูดจาจาบจ้วงพระองค์ไปในวันนั้น..............ขอพระองค์จงทรงอภัยให้แก่ผม ผู้ที่ล่วงเกินพระองค์เพราะมีดวงตาอันมืดบอดเนื่องจากความรัก และขอพระองค์จงทรงอวยพรให้นัทค้นพบหนทางแห่งความสุขให้ได้ในเร็ววันด้วยเถิด.................

                           “พูดไปพี่กั้งก็ไม่เข้าในหรอก...............เลิกคุยเรื่องนี้เถอะ”.................นัทพูดตัดบท ก่อนที่เราจะทุ่มเถียงกันไปใหญ่โตกว่านี้............เราสองคนจึงกลับเข้าสู่ห้วงของความคิดแห่งตนอีกครั้ง................ผมไม่อยากจะรู้ว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ.............ผมรู้แต่เพียงว่าตอนนี้ผมอยากกลับถึงเชียงใหม่ให้เร็วที่สุด......................

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #481 เมื่อ14-09-2007 17:38:11 »

อ่านแล้วทำไมสงสารนัทหว่า อย่าว่ากันน้า แฮ่ๆ :m23:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #482 เมื่อ14-09-2007 18:42:45 »

คิดเหมือนพิมเลย นัทน่าสงสาร  :m17:  :m17:

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #483 เมื่อ14-09-2007 21:24:59 »



เหมือนกัน ครับ 


ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #484 เมื่อ15-09-2007 14:11:40 »

แป๊ววววววววววววว แว๊ววววววววววววววๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

กำลังหวานๆกันดีแท้
 :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:

ความรักเกิดจากความเข้าใจกันและกัน
ต่างคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง
ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าเราเป็นเขา เราจะทำอย่างไรกับสถานการณ์แบบนี้
 :m1: :m1: :m1:

อาจช่วยกันค่อยๆแก้ปัญหาไปทีละเปราะ
ถ้าเรามัวแต่ใช้อารมณ์ มันก็จะแย่ลงไปอย่างที่เห็น
ในสถาณการณ์นี้นัทควบคุมมันได้อย่างดีกว่า

 :a9: :a9:

ทุกศาสนาล้วนสอนให้ทุกคนเป็นคนดี
แต่บางทีคนเราต่างหากที่ตั้งกฎเกณฑ์เพิ่มเติมมาทำให้บูดเบี้ยวไป

 :a1: :a1: :a1:

กลัวว่าตายไปจะตกนรก ทำไมตอนอยู่ไม่ทำตัวให้ดี
และมีความสุขมากๆหล่ะ เพราะตายไปก็ยังไม่รู้ว่าจะรอดจากนรกหรือปล่าว
 :m26: :m26: :m26:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #485 เมื่อ16-09-2007 15:07:01 »


ตาบลูตอบได้ดี....

แน่ใจหรือว่าที่เขียนเอาไว้ในพระคัมภีร์นะ  พระผู้เป็นเจ้าท่านบอกให้เขียนอย่างนั้นจริงๆ   ไม่ใช่พวกที่มีหน้าที่คัดลอกพระคัมภีร์หรือพวกกาหลิบรุ่นหลังยัดเยียดใส่ลงเพิ่มเติมที่หลัง  แล้วอ้างว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดเอาไว้  เพราะว่าไม่มีใครรู้นิว่าพระเจ้าพูดเอาไว้ว่าอย่างไรนอกจากพระนบีฯ ที่มีโอกาสได้ติดต่อกับพระเจ้าโดยตรง

นสถานการณ์ตอนนี้  นัทควบคุมตัวเองและคุมเกมได้ดีกว่า  ทำให้ภาพที่ปรากฏออกมา นัท ดูน่าสงสาร  เพราะนัทมีความจำเป็นที่ต้องทำอย่างนั้น  แต่ถ้าอ่านมาแต่ต้นแล้วจะรู้ว่า  พี่กั้ง ก็น่าสงสารเหมือนกันแต่สาเหตุของความอึดอัดและสาเหตุที่พี่กั้งต้องแสดงออกอย่างนี้มาจาก "ตัวของพี่กั้ง" เอง

นัท  มีความจำเป็นจากภายนอก

พี่กั้ง  มีความจำเป็นจากภายใน

ปล.  เท่าที่รู้มาศาสนาต่างๆ แรกเริ่มเดิมที่ก็ไม่มี นิกาย  พุทธก็ไม่มี  อิสลามก็ไม่มี  หรือแม้แต่คริสต์  แต่ทำไม....พอนานๆ ไป ลับหลังจากที่องค์ศาสดาของแต่ละศาสนาเสด็จล่วงไปแล้ว  ทำไมถึงมีนิกายขึ้น  มีคริสตัง-คริสเตียน  มหายาน-หินยาน  สุหนี่-ชีอะห์ 

ล่าสุดที่เพิ่งอ่านเจอมานั้น  อธิบายการเกิดนิกายในศาสนาอิสลามโดยฝรั่ง(?)  อ่านแล้วอดสูใจ เพราะเกิดจากการแก่งแย่งอำนาจของการเป็นสืบต่อพระศาสนาต่อจากพระนบีฯ  ในตำแหน่ง "กาหลิบ" ระหว่างลูกชาย(ชีอะห์)กะลูกเขย(สุหนี่)  ดูสิพระนบีฯ ท่านสอนสั่งมาดีๆ แท้ๆ คนรุ่นหลังยังมาทำให้แตกแยกกันได้  เจ้เลยไม่ค่อยเชื่อในคัมภีร์รุ่นหลัง  แต่ที่คิดเอาเองนะว่า  หลักการของศาสนาอิสลามนั้นคือ อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข  เพราะเท่าที่อ่านๆ มา  มักมุ่งเน้นสอนให้ช่วยเหลือกัน  แบ่งปันกัน  กำหนดหน้าที่ที่ศาสนิกชนพึงปฏบัติทั้งต่อตนเอง ศาสนา และส่วนรวม (คล้ายขงจือ-เล่าจือ)

ส่วนคริสต์นี้  แยกกันเพราะเกี่ยงว่านับถือพระแม่มารีหรือไม่นับถือ(?)  นิยายหนึ่งว่าพระแม่คือคนธรรมดาสามัญ มิควรกราบไหว้ไม่  อีกนิกายนึงว่าพระแม่คือเทพหรือเซนต์ สมควรกราบไหว้เพื่อระลึกความดีงามของพระแม่ที่มีแก่โลกมนุษย์

ส่วนพรามหณ์  แบ่งกันเพราะแย่งกันชูว่าเทพที่ตนนับถือนั้นยิ่งใหญ่กว่าเทพที่คนอื่นๆ นับถือ ทั้งที่จริงๆ แล้ว  หลักการของพรามหณ์คือ การกลับสู่ปรมัต-เข้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นเอง

ส่วนศาสนาพุทธนั้น  ละไว้ในฐานที่เข้าใจ......ก็อย่างที่รู้ๆ กัน  เจ้เซ็ง  :เฮ้อ:

จาก อิเจ้ คนบาป

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #486 เมื่อ17-09-2007 10:31:39 »

เรื่องศาสนาเป็นเรื่องเปราะบาง............ผมคงไม่วิจารณ์อะไรมากไปกว่านี้.............นัทเป็นเกย์ที่โตมาท่ามกลางความกดดัน.................จริงๆแล้วเค้าน่าสงสารมาก...............ผมอยากให้เค้าเป็นตัวของตัวเองและมีความสุข..........โดยที่คนรักของเค้าอาจจะไม่จำเป็นจะต้องเป็นผมก็ได้.............แต่หากคุณมาลองเป็นผมดูบ้าง..............มันไม่ง่ายเลยที่จะพยายามผสานความเข้าใจให้ไปกันได้ด้วยดีกับอารมณ์ส่วนตัว...............เพราะมันเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อต้องพูดเรื่องนี้........บางทีเวลาโมโหก็ไม่อยากจะทนรับฟังอะไรอีกแล้ว............มันเป็นความรักที่อยู่กับความกดดันตลอดเวลา...........แต่อะไรก็ไม่กดดันเท่ากับการที่เค้าคอยย้ำเสมอว่า..........เราจะไปกันไม่ได้ในที่สุด...........ก็เหมือนกับการมองเห็นปลายทางของเรื่องแล้วว่าจะจบลงแบบไหน.............ดังนั้นความพยายามที่อยากจะทุ่มเทอะไรลงไปก็เลยหดหาย...........แม้บางคนอาจจะมองว่าทำไมไม่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด.............แต่คงไม่มีใครที่ไหน ที่จะอยากรดน้ำลงไปบนตอไม้ที่ผุพังแล้ว.........ผมทำดีทีสุดได้แค่นี้จริงๆ..........เดี๋ยวเย็นๆมาลงต่อนะครับ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #487 เมื่อ17-09-2007 10:45:48 »

อยากเสริมนิดนึงว่า ที่บอกว่านัทน่าสงสารนั้น
เพราะตั้งแต่อ่านมา ในช่วงต้น นัทเป็นอะไรที่ออกจะเด็กมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือคำพูดต่าง ๆ
แต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกดีกับนัท คือ ความชัดเจนที่มีให้กับกั้งมาตลอดว่า เขากับกั้งจะไปด้วยกันไม่ได้ เขาไม่หลอกตัวเอง ไม่หลอกกั้ง
ยิ่งได้รับรู้ถึงเหตุผลของนัท ยิ่งเข้าใจนัทว่า ต้องสับสนกับตัวเอง กับสังคมรอบข้างมากแค่ไหน
มาถึงตรงนี้แล้ว ยิ่งรู้สึกว่า เห็นใจทั้งนัทและกั้งเท่า ๆ กัน
อย่างที่เจ้บอก คนหนึ่งมีความจำเป็นจากภายนอก อีกคนมีความจำเป็นจากภายใน
นาทีนี้ไม่ว่าเรื่องจะจบแบบไหน ก็รับได้ และเข้าใจทั้งสองฝ่าย

 :impress:  :impress:  :impress:

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #488 เมื่อ17-09-2007 19:38:36 »


เห็นใจทั้งสองฝ่ายครับ  ขอให้เข้มแข็งทั้งคู่เลยนะครับ

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #489 เมื่อ18-09-2007 11:03:54 »

                        หลังจากที่เราต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปได้สักพัก...............ความเร่าร้อนภายในใจของผมก็เริ่มสงบลงพร้อมกับพุทธิปัญญาที่พวยพุ่งมากขึ้นเป็นลำดับ.............ผมจะวิตกไปทำไม ในเมื่อเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ฟ้องให้เห็นอยู่แล้วว่า สถานการณ์ในตอนนี้ผมเป็นต่อ...............

                         ผมเหลือบมองไปดูนัท...................ท่าทางเค้าดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด..............คงเป็นเพราะการเปิดใจพูดอย่างหมดเปลือกของเค้าเมื่อครู่นั่นเอง...............ตรงกันข้าม ผมกลับมีท่าทีที่เยือกเย็นอย่างยากที่จะเดาความรู้สึกข้างในได้.................

                        “นัทไม่น่าพูดเรื่องเมื่อกี้เลย”.................นัทพึมพำออกมาเบาๆ หลังจากที่นิ่งเงียบไปนาน...........

                        “ก็ดีแล้วนี่............เราจะได้เข้าใจตรงกัน”..................ผมแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา.....

                        ถึงตอนนี้นัทคงจะคิดได้แล้วว่า การเปิดช่องให้เห็นว่าเค้าคิดอย่างไรอยู่นั้น.......เป็นสิ่งที่ไม่ฉลาดนัก........แทนที่มันจะทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น.........แต่มันกลับทำให้เราห่างกันออกไปมากกว่าเดิม..........ผมกลายเป็นคนที่เย็นชาจนดูน่ากลัว และอาจจะตัดสินใจทิ้งเค้าไป ในภาวะที่สภาพจิตใจของเค้ายังไม่พร้อมอย่างเช่นในตอนนี้ก็ได้.............

                        อะไรบางอย่างบอกให้ผมนิ่งเอาไว้.............ทำเป็นใจกว้างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น..........คนที่จะต้องเป็นฝ่ายร้อนรนควรจะเป็นเค้า ไม่ใช่ผม..............ผมเป็นฝ่ายโดนทำร้ายความรู้สึกโดยที่ไม่ได้ทำผิดอะไร................ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะทำให้เค้าเสียใจ..........ผมอยู่กับเค้าด้วยความภักดีมาตลอด................แต่สิ่งที่เค้าตอบแทนความจริงใจของผมก็คือการบอกว่า..............แม้ผมจะดี และทำให้เค้ารู้สึกผูกพันได้มากแค่ไหนก็ตาม..............แต่เค้าก็ยังยืนยันว่า จะทิ้งผมไปอยู่ดี............ผมไม่เรียกร้อง ไม่โวยวาย ไม่ต่อว่าเค้า นั่นก็บุญโขอยู่แล้ว................ถึงตอนนี้ถ้าเค้าไม่รู้สึกผิด...............ก็ให้มันรู้ไป.................




                          โชคดีที่ผมเป็นคนลืมง่าย............โดยเฉพาะการให้อภัยต่อคนที่รัก.................หลังจากที่เราเปลี่ยนเรื่องคุยกันไปเรื่อยๆ.............ในที่สุดอารมณ์ของผมก็กลับมาแจ่มใสเหมือนเดิมอีกครั้ง.............แต่ผมก็ยังสงวนท่าทีเอาไว้พอประมาณ..............ไม่อย่างนั้น ผมเองจะต้องกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบกับนิสัยที่ชอบให้อภัยต่ออะไรๆไวจนเกินไปในอนาคตแน่นอน...............

                        “พี่กั้งจะไปเก็บตัวอย่างที่น่านอีกเมื่อไหร่..............นัทไปเป็นเพื่อนก็ได้นะ”..............หึ........ทีอย่างนี้ทำมาเป็นพูดเอาใจ..............คนอย่างนัทเคยเป็นอย่างนี้ที่ไหน..............เป็นห่วงเป็นใย.........ขันอาสาทำโน่นทำนี่ให้..............ไม่มีวันซะหรอก...............

                         “ก็ยังไม่รู้เลย............ต้องดูก่อน” ผมตอบแบ่งรับแบ่งสู้แบบไว้เชิงพอประมาณ...................นายอาสาเองนะ..............อย่ามากลับคำในตอนหลังก็แล้วกัน...............

                          ความจริงผมเคยหาเรื่องจะไปเก็บตัวอย่างที่น่านมาหนึ่งหนแล้ว เมื่อครั้งที่นัทไปฝึกงานที่โรงพยาบาลชุมชน.............แต่ก็กลับมามือเปล่า...............คราวนี้ผมจะต้องถือโอกาสตีเหล็กในตอนที่ยังร้อนอยู่...............เมื่อเค้าอาสา ผมต้องรีบคว้าไว้ แม้ว่าในใจนั้นจะรู้ดีว่า หากผมไปเก็บตัวอย่างในช่วงนี้..................ผมมีความเสี่ยงสูงที่จะได้ดอกไม้ที่อ่อนจนเกินไป........แต่ผมจะไป..........เพราะผมอยากใช้เวลาช่วงที่เหลือนี้อยู่กับเค้าให้มากที่สุด..............ใครจะว่าผมบ้ายังไงก็ช่าง.....................

                         “งั้นไปอาทิตย์หน้ากันดีมั้ย”...............ผมออกความเห็นหลังจากไตร่ตรองข้อดีข้อเสียอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว...............ช่วงนี้นัทอยู่ว่างๆ..........เราก็ควรจะหากิจกรรมทำร่วมกันให้มากขึ้นไม่ใช่หรือไง.........


                          เวลาล่วงเลยไปจนเกือบห้าทุ่ม เราสองคนจึงเดินทางมาถึงเขตตัวเมืองเชียงใหม่..............ผมกำลังสงสัยอยู่ในใจว่า เมื่อเข้ามาถึงตัวเมืองแล้ว นัทจะเอ่ยปากให้ผมไปส่งที่หอพักของเค้าหรือไม่.....................ปกติเค้าน่าจะทำแบบนั้น..................เพราะเค้าหักห้ามใจได้เก่งกว่าผมมาก.............ถ้าหากมีเหตุการณ์ที่ต้องเอ่ยคำอำลา...........นัทคงเอ่ยปากได้เร็วกว่าผมมาก...........อาจจะเป็นเพราะเค้าคงฝึกการบังคับฝืนใจตัวเองมาตั้งแต่เด็กแล้วก็ได้................ในขณะที่ผม แทบจะไม่รู้จักคำคำนั้นเลย.........เพราะผมไม่เคยห้ามใจตัวเองอยู่แล้ว...............


                         นัทไม่เอ่ยปากอะไรออกมาเกี่ยวกับหอพักของเค้าอย่างที่ผมวิตก ว่าจะได้ยิน..............จนผมอดรนทนไม่ไหวจึงเอ่ยถาม............

                         “จะกลับหอ หรือเปล่า”...............นัทนั่งนิ่ง กอดกระเป๋าเอาไว้แน่น ท่าทางใคร่ครวญ ลังเล สักพัก.............

                        “ไม่...........นัทจะไปนอนที่ห้องพี่กั้ง”.................หึ..............ว่าแล้วเชียว..............คงยังไม่ไว้ใจว่าผมจะเคืองมากน้อยแค่ไหนจากคำพูดของเค้าเมื่อครู่.............สถานะการณ์ที่ไม่ชัดเจนอย่างนี้เค้าอาจจะจำเป็นที่ต้องตามมาประกบติดเพื่อดูท่าทีให้แน่ใจเสียก่อน..............

                         ผมแอบกับขำท่าทางของนัทในใจ...........เค้าไม่รู้หรอกว่า ผมรักเค้ามากแค่ไหน.........รักจนสามารถอภัยให้เค้าได้ทุกอย่าง.................แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ว่า...........เค้าจะต้องแสดงให้เห็นว่า.............เค้ายังรักและต้องการผมเช่นกัน................แม้ใครจะมองหาความรักในอุดมคติที่ว่า...........รักแท้คือการไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ...............แต่ความรักของผมคงไม่มีวันเป็นอย่างนั้นไปได้...............เพราะผมคงใจแคบเกินกว่าจะไม่หวังอะไรคืนมาจากคนที่ผมรักเลย..............และสิ่งที่ผมต้องการก็เป็นสิ่งพื้นฐานที่คนรักควรมีให้แก่กันอยู่แล้ว............และผมคิดว่าผมคงไม่ได้ขอมากจนเกินไป...............สำหรับใครที่มีโอกาสได้สัมผัสกับความรักแท้แบบที่ไม่มีเงื่อนไขอย่างนั้นบ้าง..............ผมก็ขออนุโมทนากับท่านเหล่านั้นด้วยใจจริง..............ส่วนตัวผมเองนั้น คงไม่มีโอกาสได้เจอเพราะบุญไม่ถึง และจิตใจยังไม่สูงส่งพอ.................

                          แม้จะเสียความรู้สึกไปบ้าง............แต่คืนนี้ผมก็ได้หลับอย่างมีความสุขอีกครั้ง..............เพราะจากเหตุการณ์ระหว่างการเดินทางที่ผ่านมา............มันได้พิสูจน์ให้เห็นว่า.............ความรักที่ผมทุ่มเทให้นัทไปนั้น ไม่ได้สูญเปล่า.............และหากไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป............คำว่า “ผูกพัน” ที่นัทบอก อาจจะแปลว่าเค้ารักผมก็ได้................แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้วสำหรับผม ณ ตอนนี้............


ขอโทษด้วยนะครับ ที่ลงแบบกระปริดกระปรอย.........ช่วงนี้งานยุ่งมากกกกกกกก...........เอาไว้ว่างๆจะมาลงยาวๆนะจ้ะ........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2007 11:05:44 โดย moody »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #489 เมื่อ: 18-09-2007 11:03:54 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #490 เมื่อ18-09-2007 15:31:21 »

อ่ะ แบบนี้เขาเรียกฮันนีมูน สองต่อสองเป่า
 :m27: :m27: :m27: :m27: :m27:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #491 เมื่อ18-09-2007 16:47:48 »

อ่ะ............เหรอ..............ไม่รู้สิ.............พอดีไม่ค่อยชำนาญเรื่องพวกนี้น่ะ..........หุหุ :m14:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #492 เมื่อ18-09-2007 17:53:15 »

นัทปากกับใจไม่ตรงกันเนอะ  คุณกั้งก็ลูกล่อลูกชนเหมือนกานนน  :m17:
เอาวะ  มากันขนาดนี้แล้ว  มันจะคนละปลายทางจริงๆ เหรอ

รออ่านต่อคับ อยากให้ผูกพันกันตลอดไป  แต่มานเหมือนจาเศร้าใช่ม้ายยย  :a1:

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #493 เมื่อ18-09-2007 19:15:24 »


ใช้ช่วงเวลาที่มีอยู่ให้มีความสุขมากที่สุดนะครับ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #494 เมื่อ18-09-2007 19:28:02 »

ได้เดินทางด้วยกันอีกสักครั้งอาจจะมีการเปิดใจกันมากขึ้นอีกก็ได้
รอติดตามต่อค่ะ  :impress:  :impress:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #495 เมื่อ20-09-2007 13:55:18 »

อยากไปดอยภูคาแสนสวย ที่น่านจัง

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #496 เมื่อ20-09-2007 14:54:53 »

ก็เหมือนดอยอื่นๆนั่นแระ...........จะไปทำไม........อิอิ :m13:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #497 เมื่อ20-09-2007 15:01:31 »

ค่ะ

รับแซ่บ

ตามนั้น

 :a14:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #498 เมื่อ21-09-2007 08:42:03 »

                           “แกว่างหรือเปล่าคืนนี้”..................ตั้งแต่อินเลิฟกับนัท ผมไม่ค่อยมีเวลาได้เจอะเจอเพื่อนๆเหมือนเมื่อก่อน............เมื่อครั้งที่ยังใช้ชีวิตแบบคนโสด ผมมักจะแวะเวียนไปดื่มเหล้าตามผับต่างๆเสมอเมื่อมีโอกาส..............และหนึ่งในบรรดาคู่หูของผมก็คือศร............เพื่อนเกย์ที่กำลังศึกษาปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับผม แต่หล่อนมักไปๆมาๆระหว่างกรุงเทพกับเชียงใหม่เนื่องจากมีงานประจำอยู่ที่โน่น..........พักหลังเราจึงไม่ได้เจอกันบ่อยนัก...........

                          “ว่างสิ.........ทำไมเหรอ”..............ตั้งแต่กลับมาจากขอนแก่น...........เหล้าสักหยดยักไม่ตกถึงปากผมเลย.............คิดแล้วก็น้ำลายสอขึ้นมาทันที...............

                          จะว่าไปแล้ว เกย์เป็นกลุ่มคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในยามราตรีไม่แพ้คนเพศใดๆ............จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิต ผมพบว่าเกย์ที่ไม่เที่ยวกลางคืนนั้นมีน้อยมากเมื่อเทียบกับชายหญิงทั่วๆไป........ส่วนแรงขับที่ทำให้ต้องออกไปท่องราตรีอาจจะมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน..............บางคนอาจจะออกไปเพื่อมองหาเซ็กส์แค่ชั่วคืน.........บางคนอาจอยากออกไปเพื่อเต้นรำ และบางคนอาจจะชอบออกไปเพื่อพูดคุยกับเพื่อนๆ กินเหล้าและฟังเพลง.........แต่อย่างไรก็ดี ทุกครั้งที่ออกไปเที่ยวกลางคืน..........ลึกๆในใจทุกคนก็คงคาดหวังว่าจะได้พบกับใครสักคนที่ถูกใจไม่แตกต่างกัน...............

                        ต้องยอมรับว่าผมไม่ค่อยประสบความสำเร็จกับการหาแฟนจากที่เที่ยวมากนัก............อาจจะเป็นเพราะความขี้อาย และไว้ตัวมากจนเกินไป............อีกทั้งผมไม่นิยมความสัมพันธ์แบบ one night stand คืนเดียวจบ............สรุปแล้วคือผมเป็นคนเรื่องมาก จึงไม่เป็นที่ต้องการของตลาดนั่นเอง.............เพราะฉะนั้น แม้ว่าบางครั้งจะเจอคนที่ถูกใจ.............แต่สุดท้ายผมก็จะพยายามหักห้ามใจตัวเอง และกลับมานอนซดน้ำแห้วอีกตามเคย.........การเที่ยวกลางคืนของผม จึงเป็นแค่การออกมาเที่ยวจริงๆ ไม่มีสิ่งอื่นเจือปน...............

                         ตั้งแต่คบกันมา นัทไม่เคยมีโอกาสได้ออกไปเที่ยวกลางคืนกับผมเลย.............เพราะเค้าไม่ดื่มเหล้า............ชีวิตกลางคืนจึงเป็นสิ่งที่อยู่ไกลตัวสำหรับนัทมากพอสมควร............และผมก็ไม่ค่อยเล่าอะไรให้นัทฟังเกี่ยวกับเรื่องที่ไปเที่ยวกลางคืนสักเท่าไหร่...............เดาเอาว่าเค้าคงไว้ใจผมในระดับหนึ่ง........ผมจึงสามารถออกไปเที่ยวดื่มเหล้าได้โดยสะดวก ไม่มีปัญหาให้ต้องมาทะเลาะเบาะแว้งกันในภายหลัง..............จะว่าไปแล้วเราก็เป็นคู่รักที่เข้ากันได้ดีทีเดียว แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันบ้าง เช่น นัทเป็นคนประหยัด แต่ผมติดฟุ่มเฟือยหน่อยๆ............นัทใช้เวลาว่างกับการเล่นเกมส์ ดูหนัง แต่ผมชอบชอปปิ้ง กินเหล้า..........และที่สำคัญเรามีเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างกัน..........ผมอยากมีคนรักที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในแบบของเกย์ได้............แต่นัทอยากแต่งงานมีครอบครัวเหมือนคนธรรมดา.......คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรก็พาลทำให้อารมณ์ขุ่นมัวทุกที...........

                           “นัทจะกลับหอ หรือจะอยู่นี่”..............ตั้งแต่กลับมาจากขอนแก่น นัทยังไม่ได้กลับห้องเลย...........และผมก็พอใจกับการปฏิบัติตัวของเค้าในช่วงนี้พอสมควร...........ดังนั้นผมจะให้โอกาสเค้ากลับห้องไปเล่นเกมส์ที่ห้องได้ตามสบาย............เพราะผมก็จะออกไปกินเหล้ากับเพื่อน.........จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง..............จริงๆแล้ว ผมไม่อยากทิ้งเค้าไว้คนเดียว..........

                            “พี่กั้งไปเหอะ นัทจะดูหนังอยู่ที่ห้อง”............ข้อดีของนัทอย่างหนึ่งคือ เค้าจะไม่ค่อยวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของผม...........เวลาผมทิ้งเค้าไว้คนเดียว ก็จะไม่ทำตัวงอแงให้ปวดหัว.........แต่ถึงยังไงผมก็ไม่อยากทิ้งเค้าไว้คนเดียวหรอก ถ้าทำได้นะ.............

                             “ถ้ายังงั้นพี่จะรีบกลับมานะ”............ผมให้สัญญาเพื่อเป็นการเอาใจ..........ในขณะที่นัทกลับทำเป็นเฉยๆ เหมือนไม่ทุกข์ร้อนกับการไปเที่ยวของผมเลย..........เชอะ........อย่าโทรเช็คก็แล้วกัน..........ผมรู้สึกขัดเคืองอยู่ในใจเล็กน้อย.........ว่าไปแล้วก็รู้สึกหน้าม้านไปหน่อยๆเหมือนกันนะนี่.....หรือเราจะสำคัญตัวผิดไปหว่า.............

                            “เจ ก็จะไปกับพี่ด้วยนะ”..............ผมตัดสินใจทิ้งระเบิด เมื่อเห็นว่านัททำท่าเป็นทองไม่รู้ร้อนเช่นนั้น...........ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป ผมสังเกตเห็นหูของเค้าผึ่งออกมาเล็กน้อย........หุหุ...คิดเหรอว่าจะได้อยู่ห้องคนเดียวแบบสงบๆ...........เค้าควรจะต้องกังวลใจบ้าง ว่ามั้ย.........


                            หลังจากทิ้งปัญหาคาใจไว้ให้นัทแล้ว...........ผมก็แต่งตัวออกมาเที่ยวได้อย่างสบายอารมณ์............ผมขับรถออกไปรับ ศร อ้น และก็เจ ตามลำดับ.............พวกเรามาถึงที่ร้านเฮือนสถาปนิกในช่วงที่คนกำลังเริ่มหนาตา.............ร้านนี้เป็นร้านที่ผมชอบมานั่งฟังเพลงเป็นประจำ............บรรยากาศของร้านเป็นกึ่งผับกึ่งดิสโก้เทค เนื่องจากตกดึกบรรดาขาแดนซ์ทั้งหลายก็สามารถปลดปลอยอารมณ์ไปตามจังหวะดนตรีได้...................อีกทั้งหนุ่มๆที่ร้านนี้ล้วนเป็นหนุ่มวัยทำงาน ดูดีมีระดับ.......อาหารหูอาหารตาเพียบ........อิอิ............

                          เจถือโอกาสนั่งประกบผมราวกับเป็นแฟน..............แต่ผมไม่ใยดีสักนิด............เวลาของเค้ามันหมดไปตั้งนานแล้ว..............ครั้งที่ผมเคยชอบ กลับทำเป็นเล่นตัว คบหลายคนทำเหมือนผมเป็นตัวเลือก.............พอคราวนี้จะมาทำกระดี๊กระด๊า..........เมินเสียเถอะ..........คนอย่างผมถ้าลองได้รักใครแล้ว ไม่มีวันเปลี่ยนใจซะล่ะ...........
บรรยากาศในร้านดำเนินไปอย่างชื่นมื่น.............จังหวะดนตรีเริ่มเปลี่ยนเป็นแนวแดนซ์เมื่อเวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามดึก................พวกเราทั้งหมดจึงลุกขึ้นเต้นไปตามจังหวะดนตรีเฉกเช่นแขกโต๊ะอื่นๆ....................

                          “อ้าวพี่กั้ง.........หวัดดีครับ”...............ผมหันไปตามเสียงทัก จึงปะทะเข้ากับรอยยิ้มของหนุ่มน้อยหน้ามน.............

                         “อ้าวอั้ม.............มากับใคร.........มานั่งด้วยกันสิ”...............อั้มที่ว่าเป็นเกย์รุ่นน้องคณะศึกษาศาสตร์ที่แอ๊บแมนได้เนียนอย่างไม่น่าเชื่อ..............ดูเผินๆหากไม่รู้จะคิดว่าเป็นผู้ชายธรรมดา.........หากแต่หล่อนซ่อนความเป็นสาวน้อยเอาไว้ข้างในได้อย่างแยบยล............

                          อั้มถือวิสาสะเข้ามายืนคั่นระหว่างผมกับเจ................ผมเหลือบไปมองเจที่กำลังจับจ้องมาที่อั้มราวกับหมาเห็นเนื้อก็ไม่ปาน.............หุหุ............เดี๋ยวจะแกล้งให้เข้าใจผิดดีกว่า...........ผมวางแผนการสนุกๆเอาไว้ในใจ..............อยากจะรู้เหมือนกันแหล่ะว่าเจป็นคนยังไงกันแน่

                        “อั้ม นี่เจ สองคนคงเป็นรุ่นเดียวกันมั้ง”..............ผมเดินแผนตามอย่างที่คิดเอาไว้ทันที................ทั้งสองหนุ่มยิ้มให้กัน ก่อนที่อั้มจะเป็นฝ่ายละสายตาหันมาสนใจกับผมต่อ.....

                      “พี่กั้งขอบุหรี่ตัวดิ”............อั้มทำท่าเข้ามากระซิบกระซาบ............บรรยากาศภายร้านแบบนี้หากมองเผินๆ อาจเข้าใจผิดได้ง่ายๆว่าเรากำลังจีบกัน.................ทั้งๆที่มันไม่ใช่เลยสักนิดเดียว..........

                         เจกระเถิบออกไปยืนจ้องมองเราสองคนกระซิบกระซาบกันที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะเงียบๆ............ตอนนี้คงกำลังนึกหึงผมหน่อยๆ.........ในขณะเดียวกันก็คงโมโหที่อั้มไม่สนใจเค้าสักนิด.............ถ้าผมเดาใจเค้าผิด..........ผมให้เตะเลยคอยดู......................ก็คนอย่างเค้าชอบคิดว่าตัวเองเสน่ห์แรงเสียเต็มประดา ใครๆก็ต้องสนใจ..............ขนาดผมเองยังเคยหน้ามืดตามัวมาแล้วพักหนึ่ง...........คิดแล้วอารมณ์เสีย...........


                           แม้ความเมาจะกำลังทวีระดับมากขึ้นตามความร้อนแรงของดนตรี.............แต่ผมก็ยังมีสตินึกถึงนัทเสมอ..............ป่านนี้อาจจะนอนไปแล้วมั้ง...............ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดดูเวลา............หกทุ่มกว่าแล้ว.............แบตก็กำลังจะหมด..............เดี๋ยวโอนสายเข้าเครื่องอ้นดีกว่า ก่อนที่แบตจะหมด เผื่อนัทโทรมา...........หลังจากนั้นผมก็ปล่อยให้ตัวเองเมาปลิ้นสุดสวิงให้สมกับที่เก็บกดมานาน.............


                            “เดี๋ยวเราไปกินไก่ทอดเที่ยงคืนกันต่อนะ”................ศรออกความเห็นหลังจากผับเลิกแล้ว..........ทุกคนจึงเห็นพ้องตามนั้น................ดีเลย............ของชอบผมเลยละ.............


                            ร้านไก่ทอดเที่ยงคืนหรือไก่นางฟ้า ตามแต่จะเรียก...........เป็นร้านขายไก่ทอด หมูทอด ไส้ทอด ไข่ต้ม ข้าวเหนียว และน้ำพริกหนุ่ม เสริฟพร้อมผักกาดดอง และกะหล่ำปลีลวกเป็นเครื่องเคียง............เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของร้านนี้คือจะต้องเปิดขายตอนห้าทุ่มครึ่งเป็นต้นไป และที่สำคัญรสชาติอร่อยมากกกกกกกก.............ขาเที่ยวทั้งหลายจึงแห่กันมาต่อที่ร้านนี้ก่อนจะกลับบ้านเป็นธรรมเนียม............ใครมาเชียงใหม่ไม่ได้แวะมากินเห็นทีจะโดนมองว่าเชยเปิ่นเทิ่นสุดกู่................

                          “ทำไมพี่กั้งไม่ชวนเด็กพี่กั้งมาด้วยล่ะ”.............เจเอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

                           “ใครเหรอ.........อ๋อ........อั้มน่ะเหรอ”..............ผมถามพลางอมยิ้ม............ทำไมซื้อหวยถึงไม่แม่นแบบนี้บ้างวะ.............

                            “เค้าก็กลับไปกับเพื่อนเค้าสิ”................ผมทำทีไม่ใส่ใจ ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ............หึ....อยากจะรู้ข้อมูลของเค้ามากกว่านี้ล่ะสิ.................มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก...........รู้จักกั้งน้อยไปซะแล้วววววววว...........


                           รถของเราวิ่งเรียบไปตามถนนรอบคูเมือง............บรรยากาศในรถครื้นเครงเพราะความเมา...........พลันโทรศัพท์ของใครคนหนึ่งก็ดังเรียกสติขี้เมาทั้งหลายให้กลับเข้ามาอยู่กับร่องกับรอย..........

                           อ้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยงึมงัมสักครู่ จึงส่งต่อมาที่ผม

                          “พี่กั้ง โทรศัพท์”..............ใครวะโทรมาตั้งตีสอง...............สงสัยจะเป็นนัท.............

                          “ฮัลโหล นัทเหรอออ โทรมาทามมาย”..........ผมถามน้ำเสียงอ้อแอ้............สงสัยระเบิดที่ทิ้งไว้เมื่อหัวค่ำจะทำงานแล้ว………..

                          “พี่กั้งกลับหรือยังอ่ะ..........ตอนนี้อยู่กับใคร”...........นัทถามน้ำเสียงปกติ...........ส่วนมากเค้าจะไม่ค่อยแสดงอาการอะไรมากมาย เพราะเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน.............แต่ผมรู้ว่าเค้าเป็นกังวล..............

                        “จะกลับแล้ว ยังไม่นอนอีกเหรอ..........” ........สงสัยจะนอนไม่หลับ.........หุหุ.........หรือจะคิดว่าผมจะไปไถลที่อื่น.................

                            “ยัง.......กำลังดูหนังอยู่”..........โหยตั้งตีสองแล้วยังไม่นอนอีก

                           “เดี๋ยวพี่จะรีบกลับแล้ว.........งั้นแค่นี้ก่อนนะ”.............ผมวางสายไปด้วยหัวใจพองโตท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาเพื่อนๆในรถ...........แค่ความห่วงใยเล็กๆน้อยๆแค่นี้..........ผมก็ปลื้มมากพอแล้ว..............


                           หลังจากที่แวะส่งทุกคน...........ผมจึงขับรถมาส่งเจเป็นคนสุดท้าย เพราะเราพักอยู่ทางเดียวกัน.............เจนั่งเงียบไม่พูดไม่จา............คงกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง........สะใจผมนัก.........

                         “นัทเค้าก็ดูรักพี่กั้งดีนะ”..............เหรอ..........แล้วไง...........ผมคิดในใจ

                         “อืมก็ดี”.........ผมยิ้มรับอย่างหน้าชื่นตาบาน...........รู้สึกดีใจที่นัทมาช่วยกู้หน้าให้ผมจากเจได้บ้าง.............

                          “แล้วอั้มเค้าเป็นแฟนเก่าพี่กั้งเหรอ”...........วกมาเรื่องนี้อีกแล้ว.............ท่าทางจะสนใจอั้มจริงๆ..........ที่แท้นายก็เป็นคนแบบนี้นี่เอง..........คนอย่างนายไม่มีค่าพอที่จะได้ความรักจากใครหรอก..........เพราะนายมันไม่เคยมีความจริงใจให้ใคร..............

                         “ทำไม.........สนใจเหรอ.........พี่มีเบอร์นะ..........เอามั้ย”.............ผมแกล้งถามลองใจ......ดูซิจะทำยังไง..........เนื่องจากสถานะของเจในตอนนี้เหมือนจะเป็นกิ๊กกับผมก็ไม่เชิง...........หากเค้าตัดสินใจแสดงตัวตนออกมา ก็แสดงว่าเค้าเสี่ยงที่จะไม่ได้รับคะแนนจากผมอีกต่อไป เพราะเท่าที่เห็นๆอยู่ปัจจุบันนี้ เค้ากำลังพยายามจะทำแต้มเพื่อแข่งกับนัท............แต่ผมจะไม่บอกเค้าหรอกว่า ผมได้ปิดประตูตายสำหรับเค้าไปนานแล้ว..............ผมจะเลี้ยงเค้าไว้แบบนี้แหล่ะ.........ผมอยากทำให้เค้ารู้สึกอดสูถึงการที่ไม่ถูกเลือก...........ให้สมกับความโลเลหลายใจของเค้า..............ในเมื่อเค้าชอบเล่นเกมส์กับความรู้สึกของคนอื่น...............ผมก็จะลองเล่นกับเค้าสักเกมส์ จะเป็นไรไป............

                         เจทำท่าครุ่นคิดสักครู่...................ก่อนจะหันมายิ้มหวาน...........

                         “เอาก็ดีนะ.......จะได้มีเพื่อน...........แต่เอาไว้ก่อนดีกว่า.........ไว้เจค่อยโทรมาถามจากพี่กั้งทีหลังก็ได้”..............เฮอะ.............อยากได้แล้วยังจะมาเรื่องมากอีก............ผมแอบคิดในใจ...........คิดแล้วก็อยากให้เจโทรไปหาอั้มเร็วๆ...............อยากจะรู้นักว่าจะเกิดอะไรขึ้น...........แต่เอ...........ถ้าเค้าเกิดชอบกันขึ้นมาจริงๆล่ะ............บรึ๋ยยยยยยยยยไม่อยากจะคิด......................


                          ผมโซเซกลับมาถึงห้องด้วยสภาพเมามาย................นัทนอนไปแล้ว..............ผมค่อยๆย่องเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ..................เฮ้อ..............ได้อาบน้ำแล้ว ค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อย..............ผมเหลือบไปมองนัทที่ยังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียง...........เมาๆแบบนี้รู้สึกคึกดีจัง..............เดี๋ยวต้องปลุกนัทขึ้นมาคุยกันซะหน่อยแล้ว..............คิดได้ดังนั้นผมก็รีบกระโจนขึ้นไปบนเตียงทันที...........ประเดี๋ยวจะตอบแทนรางวัลที่ทำตัวเป็นเด็กดีให้ถึงใจไปเลย คอยดูสิ..........อิอิ...........

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #499 เมื่อ21-09-2007 11:52:54 »



อย่างงี้  ที่บ้านน้องเรียกว่า..."แรด"  อิอิ  :m20:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #499 เมื่อ: 21-09-2007 11:52:54 »





yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #500 เมื่อ21-09-2007 13:14:19 »

จิงง่ะ...........ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย............อิอิ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #501 เมื่อ21-09-2007 19:05:19 »

รอลุ้นต่อจ๊ะ  :m1:  :m1:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #502 เมื่อ22-09-2007 09:08:22 »

เหอ เหอ ลองเชิงลองใจกันเป็นระยะ ๆ  :m27:  :m27:  :m27:

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #503 เมื่อ24-09-2007 21:07:09 »


มาได้แว้ว    :impress:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #504 เมื่อ25-09-2007 19:13:49 »

บรรยายมาซะ  เด๋วก็หื่นหดหายอีกอะ  :m14:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #505 เมื่อ28-09-2007 09:13:01 »

                        ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพอมาอยู่กรุงเทพนานขึ้น.......งานมันก็มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว.........ลงไม่ถี่เหมือนเดิมอย่าว่ากันนะครับ............

...

                      “พรุ่งนี้อย่าลืมเอาขวดมาให้พี่ด้วยล่ะ”..........ผมกำชับนัททางโทรศัพท์ก่อนจะวางสายไป............ขวดที่ผมพูดถึงนั่นก็คือ ขวดสำหรับใช้ดองตัวอย่างที่ผมกับนัทจะไปเก็บที่ดอยภูคาในวันพรุ่งนี้.......ไม่น่าเชื่อเลยว่า นัทจะเก็บขวดโหลพวกนี้เอาไว้ไม่ยอมทิ้งไป........ไม่ว่าจะเป็นขวดแยม ขวดกาแฟ หรือขวดมายองเนสต่างๆ...........แม้มอลลี่จะเคยตั้งข้อสังเกตเอาไว้เมื่อนานมาแล้วว่า คนอย่างนัทถ้าไม่ใส่เสื้อผ้าจนขาดล่ะก็คง จะไม่ยอมทิ้งไปง่ายๆหรอก............ตอนนั้นผมยังนึกขำในคำพูดของมอลลี่อยู่เลย..........แต่การที่เค้ายังเก็บขวดแก้วพวกนี้เอาไว้ มันก็เป็นการยืนยันถึงคำพูดของมอลลี่ไดเป็นอย่างดี............หึ...........รู้คุณค่าของเงินดีแท้ อีตาปลาเค็มเอ้ยยยยยย...........

                         คิดไปแล้วก็ตลกดีเหลือเกิน...........ก็ไอ้ขวดดองตัวอย่างพวกนั้นผมมีอยู่เป็นกุรุส.........มันเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่นักพฤษศาสตร์ควรต้องมี พอๆกับ กรรไกรตัดกิ่ง แอลกอฮอล์สำหรับดองตัวอย่าง หรือแม้กระทั่งแผงที่ใช้สำหรับอัดพรรณไม้แห้งเทือกนั้น.............เพียงแต่ผมเก็บมันเอาไว้ที่ห้องแลป ไม่ได้เก็บเอาไว้ที่ห้องพักเท่านั้นเอง...............ที่จริง ผมก็แค่อยากให้นัทมีส่วนร่วมกับการทำงานของผมบ้าง.........มันอาจจะดูเหมือนเป็นการหลอกให้เค้าต้องมาเสียแรงเปล่าเพื่อทำในสิ่งที่เราไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ.......แต่มันเป็นความสุขของผมนี่........ช่วยไม่ได้.........

                       “พี่กั้งชอบหลอกล่อให้คนนั้นคนนี้ ทำโน่นทำนี่ให้ ทั้งๆที่ไม่ได้ต้องการจริงๆ พี่กั้งจะทำอย่างนั้นทำไม คนอื่นเค้าอุตส่าห์ทำให้เพราะเค้าคิดว่าพี่กั้งต้องการมันจริงๆนะ”...........เพื่อนรุ่นน้องสมัยเรียนปริญญาโทเคยพูดเตือนสติผม เวลาที่หล่อนเห็นผมใช้วาจาออดอ้อนเพื่อขอความช่วยเหลือจากใครๆ........โดยเฉพาะกับผู้ชายที่เป็นเป้าหมายของผม............

                          “เอ๋า...........ก็พี่อยากให้เค้าช่วยนี่”..........ผมไม่มีคำพูดที่จะโต้แย้ง.......นอกจากหาทางบ่ายเบี่ยงไปตามเรื่องตามราว...........ก็ผมอยากให้เค้ารู้สึกว่าเค้ามีความสำคัญกับผมอ่ะ.........ผิดด้วยเหรอ.......ขืนทำตัวเก่งเกินหน้าเกินตา อะไรๆก็ทำได้เองหมด ไม่มีเล่ห์มารยาไว้คอยหลอกล่อ แล้วใครมันจะมาเอาทำแฟน...........ผู้ชายที่ไหนๆเค้าก็ต้องอยากให้ตัวเองมีความสำคัญกับเราเหมือนกันทั้งนั้นแหล่ะ...........จริงมะ..........


                          เราสองคนออกจากเชียงใหม่ในเวลาเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น................ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย.......แม้ว่าเราสองคนจะอยู่ด้วยกันมานานแล้ว..........แต่การเดินทางไปน่านในคราวนี้ มันช่างเหมือนการออกไปฮันนีมูนเล็กๆเหลือเกิน..............เดินทางไปค้างแรมต่างจังหวัด........สองต่อสอง โดยที่ไม่มีคนอื่นมาเกี่ยวข้องให้ปวดกระดองใจเล่น.........จะสวีทแค่ไหนน๊า...........คิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมา.......เหมือนคนเพิ่งแต่งงานใหม่ ยังไงยังงั้นเลย..........อิอิ.......

                        นัทเอาขวดแก้วที่ล้างมาอย่างดีมาให้ผมด้วย.............ผมภูมิใจในตัวเค้าเหลือเกิน..........เป็นแฟนกันมันต้องสนับสนุนซึ่งกันและกันแบบนี้สิ ถึงจะถูก.............

                        “เอาอะไรมาด้วยเยอะแยะ”............ผมมองดูถุงพลาสติกที่นัทหอบหิ้วมาด้วย มีหนังสือเล่มเล็กๆอยู่ในนั้นพร้อมดินสอยางลบพร้อมสรรพ..............ทำยังกะจะไปเข้าค่ายยังงั้นแหล่ะ............

                        “ก็พวกเกมครอสเวิร์ด”.............นัทตอบ พลางหยิบหนังสือเหล่านั้นออกมาให้ผมดู.........นัทซื้อหนังสือพวกนี้เป็นประจำ...............แถมบางทียังฝากผมส่งไปรษณีย์ไปชิงโชคให้ด้วย..........หึ.......ทำตัวยังกะเด็กๆ ติดเกมส์ปริศนาอักษรไขว้งั้นแหล่ะ...............ผมเคยพยายามจะเรียนรู้การเล่นเกมส์พวกนี้กับนัทบ้างแล้ว ทั้งที่จริงๆไม่ได้มีความสนใจเลยสักนิด............แต่ผมอยากเรียนรู้ความคิดของเค้าให้มากที่สุดมากกว่า........และผลก็ลงเอยด้วยการที่ผมไม่ใส่ใจ...........ปล่อยให้เค้าเล่นไปคนเดียวเถอะ...........


                       “เดี๋ยวเราแวะซื้อของกินที่ลำปางกันมั้ย”..............นัทออกความเห็น............ผมมองหน้าเค้าอย่างเอ็นดู..............เราแวะซื้อของกินแทบจะตลอดทางที่ผ่านมาอยู่แล้ว........นัทกับเรื่องกินนี่แยกกันไม่ออกจริงๆ..............

                         “เอาสิ........แวะที่บิ๊กซีก็แล้วกัน”...........เดี๋ยวคอยดูเถอะ.......พอถึงที่สาธารณะแล้ว จะทำทีเป็นต่างคนต่างเดินหรือเปล่า.........ฮึ่มมมม...........


                          แปลกแต่จริง...........คราวนี้นัทไม่ทำเป็นต่างคนต่างเดินจนน่าเกลียดแบบที่เคยทำบ่อยๆอีกแล้ว........อาจจะเป็นเพราะเราอยู่ไกลจากเชียงใหม่.............เค้าจึงคลายความวิตกกังวลต่อสายตาคนรู้จัก ที่อาจจะบังเอิญมาพบเราเข้า..........

                          ผมทำหน้าที่เข็นรถ ในขณะที่นัทเป็นคนเดินเลือกของ................การมีแฟนเด็กกว่าทำให้ผม รู้สึกเป็นทั้งผู้หญิงและก็ผู้ชายในเวลาเดียวกัน.............บางครั้งผมรู้สึกว่าผมปฏิบัติต่อนัทในแบบที่ผู้หญิงปฏิบัติต่อผู้ชาย............แต่ในบางครั้ง ผมปฏิบัติต่อเค้าแบบที่ผู้ชายปฏิบัติต่อผู้หญิง...........ขับรถให้เค้านั่ง..........คอยบริการ............ซึ่งปกติผมไม่เคยทำมาก่อน............เค้าเป็นคนขี้งอนให้ผมคอยแกล้ง..........เค้าเป็นคนเอาแต่ใจแบบเด็กๆให้ผมคอยตามใจ.....ซึ่งก็แน่นอนว่าผมควรต้องเข้มแข็งกว่าเค้า เนื่องจากเค้าดูแลผมไม่ได้.........เพราะผมสูงกว่าเค้าทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ..........ถ้าหากผมมีแฟนเป็นผู้ใหญ่กว่า ผมคงไม่มีอารมณ์แบบที่เป็นอยู่นี้............อย่างเก่งก็คงคอยทำตัวง๊องแง๊ง ไร้สาระ คอยออเซาะฉอเลาะพันแข้งพันขาอยู่ทั้งวัน.....................การได้คบกับนัท...........ทำให้ผมค้นพบว่า ผมยังมีความเป็นผู้ชายซ่อนอยู่ในตัว........ทั้งที่ไม่เคยคิดมาตลอดว่าตัวเองจะมีสักเท่าไหร่........และผู้ก็รู้สึกว่าชอบเด็ก..........แต่ต้องเป็นเด็กที่มีวุฒิภาวะในระดับหนึ่ง.............ไม่งั้นคงปวดหัวตาย....

                         “พี่กั้งห้ามเปลี่ยนมามีเมียนะ น้องรับไม่ด๊ายยยย” ผมเคยนำความรู้สึกนี้มาเล่าให้เพื่อนเกย์รุ่นน้องฟัง.............แต่หล่อนค้านหัวชนฝา............เพราะในสายตาของหล่อน........ผมควรจะต้องวางตัวเป็นคุณหนู นุ่มนิ่ม..........สวยเริ่ดเชิดหยิ่ง ให้ผู้ชายคอยเทคแคร์ อะไรเทือกนั้น............ซึ่งผมยอมรับว่าเมื่อก่อนผมก็คิดแบบเดียวกันนั้น........แต่ตอนนี้ผมชักไม่มั่นใจซะแล้ว...............

                        แน่นอนว่าเกย์ทุกคนเมื่อถูกนำไปเปรียบกับผู้ชายธรรมดาแล้ว ย่อมเปรียบเทียบเรื่องความแมนกันแทบไม่ได้เลย...............แต่เมื่อเทียบกับเกย์ด้วยกันแล้ว...........เกย์ก็ยังสามารถแบ่งออกได้หลายระดับ ตามส่วนผสมของความแมนและความสาวที่มีอยู่ในตัว.............ใครมีความแมนมากกว่า ก็มักจะเป็นสามี...........แต่ผมไม่เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าวมากนัก...........บุคลิกภาพ ไม่น่าจะเป็นตัวกำหนดบทบาททางเพศของคู่เกย์เสมอไป..............แต่ก็ไม่เถียงว่าส่วนใหญ่ก็มักเป็นแบบนั้น...........ก็คือ หากมีเกย์สองคนเดินควงคู่มาด้วยกัน..............คนส่วนใหญ่ก็มักจะต้องเดาว่า เกย์ที่แอ๊บแมนได้เนียนกว่าคือสามี.......แต่จะเถียงมั้ยว่า บางทีเราก็แทบจะเดาไม่ออกว่าใครเป็นอะไร...........เนื่องจากบางคู่ที่ควงกันมา ต่างก็สาวพอๆกัน แต่เป็นแฟนกัน...........อย่างที่เค้าเรียกว่าผัดไทย..................และคงจะขัดต่อความรู้สึกอยู่ไม่น้อย หากเรารู้ว่าคนที่แมนกว่าคือภรรยา...........ของแบบนี้นานาจิตตัง.........แล้วแต่ใครจะตกลงกันเอาเอง..........หากความต้องการไปกันได้.........ทุกอย่างก็ไม่เป็นปัญหา............

                        เราสองคนคุยกันไปเรื่อยๆ ระหว่างที่รถกำลังบ่ายหน้าไปยังจังหวัดน่าน.............หากใครมานั่งฟังเราคุยกันโดยที่ไม่ล่วงรู้เบื้องลึกเบื้องหลัง อาจจะคิดว่าไม่ใช่แฟนกัน............เพราะว่ามันช่างไม่หวานเอาซะเลยน่ะสิ...............

                         คำว่าไม่หวานไม่ได้หมายถึงการพูดคุยกันด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย............แต่หากเป็นการพูดคุยกันแบบธรรมดาทั่วไป มากกว่าที่จะมานั่งจ้ะจ๋า...............เพราะมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกเริ่มที่คบกันแล้ว............ขืนนัทลุกขึ้นมาทำออเซาะฉอเลาะ..........ผมคงขนหัวลุกแน่ๆ.............

                         “เดี๋ยวเราหาที่พักแถวนี้กันดีมั้ย.........” ผมหันไปถามความคิดเห็นจากนัทเมื่อมองเห็นว่าตะวันคล้อยบ่ายแล้ว..............ในเมื่อเราไม่ได้รีบร้อนอะไร ก็ไม่น่าจะต้องหักโหมมากจนเกินไป...........อีกทั้งจากประสบการณ์ของผม........การนอนค้างคืนที่บ้านพักของอุทยานเพียงสองคนไม่ใช่เรื่องน่าสนุก............ตอนกลางวันมันอาจจะดูโรแมนติกดีอยู่หรอก..........แต่พอตกกลางคืนขึ้นมา บรรยากาศที่แวดล้อมด้วยป่าเขาของอุทยานจะดูวังเวงจนน่ากลัว.........ผมจึงไม่อยากจะเสี่ยง...............

                          “เอาสิ นัทก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน”.............นัทเห็นด้วยกับความคิดของผม

                          หลังจากที่ควานหาอยู่นาน.........ในที่สุดเราสองคนก็ได้ที่พัก เป็นรีสอร์ทเล็กๆที่ไม่ใหญ่โตนัก...........แต่สวยงาม สงบ น่าอยู่...............

                          “พี่ขออาบน้ำก่อนนะ....”.........ผมชิงขอตัวไปอาบน้ำก่อนเป็นคนแรกเพราะเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวัน............

                           ได้น้ำเย็นๆจากฝักบัวตกมากระทบผิวกายค่อยทำให้รู้สึกสบายขึ้นมาหน่อย.............ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าคืนนี้เราจะสวีทกันมากแค่ไหน.............วิ้วววววววว..........ผมนึกพลางอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์.................

                        “พี่กั้งโทรศัพท์”..............นัทเดินมาเคาะประตูห้องน้ำขณะที่ผมกำลังจะลงมือฟอกสบู่........ใครโทรมากันนะ...............ผมคิดพลางฉวยผ้าเช็ดตัวมานุ่งแล้วเปิดประตูออกมารับ.............

                        “อ้าว วางสายไปซะแล้ว ทำไมไม่รับล่ะ”...........ผมรับโทรศัพท์มากดดู............ใครโทรมานะ ยังไม่ทันรู้เลยก็วางสายไปซะก่อน...........

                        “ไม่รู้........นัทไม่รู้จัก”............นัทบอก แต่ยังยืนอยู่ที่เดิม เพื่อจะรอดูว่าใครกันแน่ที่โทรมาหาผม.............

                        “อ้าว..........นี่มันเบอร์ เจ นี่นา”.............ผมบอกหลังจากที่กดดูสายที่ไม่ได้รับ........โทรมาทำไมกัน..........ผมยักไหล่ พลางยิ้มให้นัท...........ดูซิว่าจะหึงมั้ย...............

                         ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง..............

                       “โทรมาอีกแล้ว”.........ผมแสยะยิ้มให้นัท แล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ...................

                       “เอามานี่”............นัทเอื้อมมือมาเพื่อที่จะแย่งโทรศัพท์ไปจากผม...........เราสองคนจึงยื้อแย่งกันอยู่สักพัก และผมก็เป็นฝ่ายชนะ...............

                         แต่นัทยังไม่ยอมแพ้........เค้าพยายามจะดันประตูเข้ามาในห้องน้ำด้วยให้ได้...........ในขณะที่ผมทั้งขำทั้งพยายามดันประตูเอาไว้..........จนในที่สุดนัทก็ยอมแพ้  แล้วเดินลงส้นเท้าตึงๆ ออกไป............ผมจึงถูกปล่อยให้กลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง...........

                      “ฮัลโหล..........เจโทรมาทำไม”..................ผมกระซิบถามที่ปลายสาย............

                     “พี่กั้งอยู่ไหน...........”..........เจไม่ตอบคำถาม แต่เปลี่ยนเป็นมาถามผมแทน

                       “อ๋อ......พี่มาเก็บตัวอย่างที่น่าน”............ผมบอกไปตามความจริง..........แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ ผมก็ได้ยินเสียงนัทดังมาจากหน้าประตูห้องน้ำ...........ท่าทางฉุนเฉียวเอาการ.........

   
                       “เจ........เจ..........อยากได้นักก็เอาไปเลยยยยยยยยยยย”..............โหย...........ตาบ๊องเอ๊ยยยยยย............หึงจนหน้ามืดตามัว.............ผมไม่ได้ชอบเจสักหน่อย..............แต่เรื่องอะไรจะบอก...........ปล่อยให้โมโหจนควันออกหูไปคนเดียวเหอะ..............สม..........

                       “เจ..........แค่นี้ก่อนนะ.......พี่อาบน้ำอยู่ เอาไว้จะโทรกลับไป”.............ผมบอกเจ.......แล้วกลับมาอาบน้ำต่อ...........นัทคงไม่คิดไรมากหรอกน่า..............รู้อยู่เต็ม อก ว่าเราไม่ใช่คนหลายใจ และรักเค้ามากมายขนาดไหน............ยังจะมาทำเป็นหึงไม่เข้าท่าอยู่ได้..............ประสาท.............

   
                         หลังจากอาบน้ำเสร็จ เราจึงออกไปตระเวนหาข้าวเย็นทานในตัวอำเภอ...........นัทรู้จักแถวนี้ดีพอสมควร เพราะเค้าเป็นคนเหนือ แถมยังเคยมาฝึกงานที่น่าน..............การหาของกินจึงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด...............

                         เมื่อกลับมาถึงที่พัก..........ผมลืมเรื่องที่นัทขุ่นใจเมื่อครู่ไปเสียสนิท เพราะใจผมนั้นไม่ได้คิดอะไร.........นอกจากอยากแกล้งให้เค้าหึงเล่นๆ.............จึงคิดว่านัทเองก็คงไม่ได้คิดเหมือนกัน.................อีกอย่างหนึ่ง ผมก็ไม่เห็นแล้วว่าเค้าจะยังคงงอนอยู่ จึงคิดว่านิ่งเฉยเสียจะดีกว่า..............

                         “เดี๋ยวพี่ออกไปโทรศัพท์ก่อนนะ”...............ผมนึกถึงคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับเจ จึงขอตัวออกไปโทรศัพท์นอกห้อง.............เพราะขืนโทรในห้องนัทต้องโกรธอีกแน่ๆ............

                         นัทไม่หันมามองที่ผมเลย..........เค้ายังง่วนอยู่กับการเล่นเกมส์ในหนังสือปริศนาอักษรไขว้อย่างไม่สะทกสะท้าน.............ในขณะที่ผมเดินตัวลีบออกมานอกห้อง..............

                         “เจโทรมาหาพี่ทำไม”.............ผมโทรถึงเจเมื่อเห็นว่าเดินออกมาไกลพอสมควรแล้ว..........อากาศยามค่ำคืนเริ่มหนาวเย็นมากขึ้น...........ผมจึงรู้สึกสั่นน้อยๆอย่างช่วยไม่ได้...........

                         “ขอเบอร์อั้มหน่อยดิ”.............อ่า............ว่าแล้ว........นึกว่าจะลืม......สงสัยจะเอาจริงแฮะ.......ดีล่ะ ให้ไปเลย.........อยากจะเห็นคนหน้าแตกเร็วๆเหมือนกัน.........ผมนึกกระหยิ่มในใจ..........

                        “เอาสิ........ว่าแต่เอาไปแล้วต้องโทรไปจริงๆนะ พี่จะโทรไปถามอั้มด้วย.........ไม่งั้นน่าดู”.........ผมขู่ เพราะรู้ว่าเจอาจจะหาเหตุเรียกร้องความสนใจจากผมส่วนหนึ่ง.........และอีกส่วนหนึ่งก็คงสนใจอั้มจริงๆ............เค้าคงคิดว่าเค้าแน่ ที่จะมาทำแผนตื้นๆแค่นี้เพื่อปั่นหัวผมเล่น.......หึ......เมินซะเถอะ.......เค้าคงไม่รู้ว่ากำลังเล่นเกมส์อยู่กับใคร..............

                        “อ๋อ......โทรไปแน่นอน..........ไม่ต้องท้า.........เจก็อยากมีเพื่อนเหมือนกัน”........เชอะ.......สตรอเบอรี่.........คิดเหรอว่าฉันจะโง่จนดูเด็กเมื่อวานซืนอย่างเธอไม่ออก.........อย่าคิดนะว่าที่ไม่พูด แปลว่าไม่รู้..............

                        “โอเค.......เดี๋ยวพี่ส่งข้อความไปให้.........งั้นแค่นี้นะ”..........ผมบอกปัดก่อนจะวางสาย แล้วกดส่งเบอร์อั้มไปให้เจตามที่รับปาก..........หุหุ..........แค่คิดก็สนุกแล้ว............อยากรู้จริงๆว่าเค้าจะไปตอแหลอะไรกับอั้มบ้าง..............

                        ผมกลับเข้ามาที่ห้องพบว่านัทยังนอนเล่นเกมส์ในหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจเช่นเคย...................เค้าเหลือบขึ้นมามองผมเพียงแว๊บเดียว ก่อนจะถามโดยไม่มอง............

                       “โทรหาใคร”.............ว่าแล้วเชียวว่าต้องถาม...........แต่ผมเตรียมคำตอบเอาไว้ในใจอยู่แล้ว จึงตอบออกไปโดยอัตโนมัติ.............

                       “โทรหามอลลี่”.............แค่นี้ก็เรียบร้อย...........ผมวางโทรศัพท์เอาไว้ที่หัวเตียงแล้วเดินเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำ.............



                        “จะนอนหรือยัง พี่จะปิดไปแล้วนะ”............ผมถามนัทเมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาเข้านอนแล้ว.......อีกทั้งเราควรจะเหลือเวลาเอาไว้สวีทกันด้วย ไม่งั้นเสียเที่ยวมาฮันนีมูนเปล่าๆ............

                        นัทไม่พูดอะไรนอกจากเก็บหนังสือที่หัวเตียงเงียบๆแล้วล้มตัวลงนอน................แปลกแฮะ..........ทำไมไปนอนหันหลังให้ผมอ่ะ แถมนอนชิดที่ขอบเตียงอีกฝั่งขนาดนั้น............หรือว่าจะงอน................

                        ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ พลางเอื้อมมือไปกอด........................
   
                       “อยู่เฉยๆได้มั้ย............คนจะนอน”...............นัทสะบัดมือผมออก ทำท่าฟึดฟัดรำคาญใจสุดขีด.............

                       ผมพลิกตัวกลับมานอนที่เดิมอย่างงวยงง.............เป็นไรเนี่ย..........งอนอะไรของเค้า.........ก็เค้าไม่น่าจะรู้นี่ว่าผมไปคุยโทรศัพท์กับเจ...............หรือว่าจะงอนเรื่องเมื่อตนหัวค่ำ.............แต่ตอนไปกินข้าวก็ยังดีๆอยู่นี่นา............โอย.........ฮันนีมูนของผม........จบกันพอดี...........ปวดหัว...........นอนดีกว่า.............

                      เมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะตอแย............ผมจึงพยายามกล่อมตัวเองให้นอนหลับ..........เอาไว้ดึกๆค่อยง้อก็ได้..................เดี๋ยวคงหายงอนเองแหล่ะ.................

   
                         จวบจนใกล้ฟ้าสาง ผมจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อแว่วยินเสียงไก่ขันดังมาเจื้อยแจ้ว..............หันกลับไปมองดูเห็นนัท ยังเห็นนอนหันหลังให้ในท่าเดิมอยู่เลย..................ท่าทางจะโกรธจริงๆแฮะ.........แต่อากาศมันหนาวจัง..............ขอกอดหน่อยนึงนะ..............

                         ผมเอื้อมมือไปกอดนัทเบาๆ..............เค้ายังหลับอยู่คงจะยอมให้ผมกอดโดยง่าย............แต่กาลกลับไม่เป็นดังคาด.............นึกว่าจะหลับใหลไม่ได้สติ...........ที่ไหนได้ นัทยังคงยืนยันเจตนารมณ์เดิมโดยการแกะมือผมออกเช่นเคย......................ผมพลิกตัวกลับมานอนที่เดิมอย่างขัดใจ.........ตาบ๊าเอ๊ยยยยยยยยยย................งอนอะไรของเค้าเนี่ย...........ผมไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย.............ก็ผมบอกไปแล้วว่าโทรไปหามอลลี่นี่นา...............แล้วเค้าเป็นอะไรของเค้ากันล่ะ.............โอ้ยยยยยย กลุ้ม......เอาแต่ใจตัวเองชะมัด......................นอนต่อก็ได้วะ.................โธ่เอ้ยยยยยย............

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #506 เมื่อ28-09-2007 19:56:28 »

 :เฮ้อ: ลองใจจนได้เรื่อง   :m17:   :m17:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #507 เมื่อ01-10-2007 14:52:10 »

สมน้ำหน้า อิอิ :m20:


ปล. ยินดีด้วยนะเคอะ เป็นนักเขียนแล้วววววววววววววววววววววววววววววว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2007 18:49:28 โดย oaw_eang »

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #508 เมื่อ01-10-2007 17:28:19 »

ซะงั้น..........หุหุ

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #509 เมื่อ01-10-2007 17:55:24 »

สงสัยตานัทจะแอบดูเบอร์หล่ะ
 :m26: :m26: :m26:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด