คนละปลายทาง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คนละปลายทาง  (อ่าน 168030 ครั้ง)

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #570 เมื่อ05-11-2007 17:11:34 »

จากกันด้วยดี ดีกว่า
 :m18:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #571 เมื่อ05-11-2007 18:42:47 »

เหอ เหอ จากกันด้วยดี ดีกว่า  :m17:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #572 เมื่อ05-11-2007 19:37:09 »

ยังไม่ถึงเวลาจากจริงๆหรอก........ลองสู้ดูอีกสักตั้ง.........ดูซิว่าใครจะอึดกว่ากัน.........อิอิ :เตะ1:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #573 เมื่อ06-11-2007 16:47:23 »

แยกกันเสียทีเดะ

แยกเลยๆ :m27:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #574 เมื่อ08-11-2007 10:28:39 »

                                                                               ตอนสุดท้าย                                                       

                                                               Long distance relationships


                        “เพื่อนพี่เค้าเอาแต่ใจตัวเองมากไปหรือเปล่า หรือเธอคิดว่าเพื่อนพี่เป็นคนชอบบังคับเจ้ากี้เจ้าการ........เป็นคนไม่มีเหตุผล”..........เดียวยิงคำถามทีเล่นทีจริงกับนัท เมื่อเห็นบรรยากาศในการกินข้าวมื้อเช้าของเราสามคนดูฝืดๆ ไม่ออกรสชาติเท่าที่ควร.........

                        ผมไม่รู้ว่าจะทำสีหน้ายังไงถูก จึงทำได้แต่เพียงแกล้งทำเป็นก้มหน้าก้มตากินข้าวแบบฝืนๆ..........คอยเงี่ยหูฟังคนทั้งคู่สนทนากัน.............

                        นัทหัวเราะเฝื่อนๆ..........ก่อนจะหันมามองที่ผมแว๊บหนึ่งด้วยแววตาที่เอ็นดูระคนขบขัน.............

                       “ก็ไม่นี่...........ก็ดี”.............เชอะ...........ผมแอบทำเสียงประชดอยู่ในใจ..............ทีอยู่กะเรา จิกเอาๆ...........แต่พออยู่ต่อหน้าคนอื่นทำเป็นแกล้งชมว่าเราดี.............

                         “แล้วเธอชอบเพื่อนพี่หรือเปล่าล่ะ.........เพื่อนพี่เค้าชอบเธอมากนะ”.........นังเดียวบ้า..........พูดมาได้ ไม่กลัวเพื่อนจะเสียหน้าซะบ้างเลย..............ผมแอบนึกโมโหในความปากมากของเดียวอยู่ในใจ...........แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา..........หวนระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน น้ำตาแห่งความน้อยใจก็พาลจะไหลออกมาเอาเสียดื้อๆ............ช่วงหลังๆมานี่เราสองคนมักมีปัญหาลุ่มๆดอนๆกันอยู่เสมอ.........ต้องยอมรับว่าใจคอผมเองก็ไม่ค่อยจะปรกติสักเท่าไหร่นัก..............จากคนที่เคยมีเหตุผล อดทนอดกลั้นได้ดี.........ก็กลายเป็นคนอ่อนไหวเจ้าอารมณ์..........ฉุนเฉียวโมโหง่ายแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เค้าทำให้ไม่พอใจ..........สาเหตุก็คงมาจากการที่ ผมกลัวการต้องอยู่ห่างไกลกันของเราสองคน.........เคยมีคนกล่าวว่า “long distance relationships never work”..........คนอยู่ไกลกันจะเอาอะไรมาเป็นหลักประกันได้.........โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อใจเค้าอยากจะถอยอยู่แล้ว...............

                         “ก็ต้องดูๆกันไป”............นัทตอบเลี่ยงไปตามตำรา...........แน่ล่ะสิ...........ใครจะมาพูดจาอะไรผูกมัดตัวเองกันบ้างล่ะ.............

                         นัทหันหน้ามายิ้มให้แล้วยกมือขึ้นผลักที่หัวผมเบาๆเป็นเชิงหยอกเอิน.........

                          “คิดมากกกก”...........หึ..........คิดมาก ก็ดีกว่าไม่คิดอะไรเลย...............มารู้ตัวอีกที ก็ต้องมานั่งช้ำใจอยู่คนเดียว ไม่เอาด้วยหรอก...............



                          การกินข้าวของเรายังคงดำเนินไปเรื่อยๆ.............ผมไม่รู้ว่าตอนนี้นัทได้วางแผนเกี่ยวกับผมเอาไว้ยังไงบ้าง............ที่แน่ๆ ใจของผมมันเฝ้าจดจ่ออยู่แต่กับการจะจากกันของเราในไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้...........

                         ผมพยายามนึกหาสิ่งปลอบใจตัวเองเท่าที่พอจะนึกได้...........มาได้ไกลแค่นี้ก็นับว่าเก่งแล้วล่ะ........นัทไม่ใช่เคสที่ธรรมดาเลย............ส่วนอนาคตจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ..........ถึงเค้าจะไปทำงานแล้ว แต่ยังไงเค้าก็ต้องกลับมาจัดฟันทุกเดือนอยู่ดีนั่นแหล่ะ..........ซึ่งก็ยังเหลือเวลาอีกตั้งเป็นปี.............ยังไงผมก็ยังมีโอกาสจะได้เจอเค้าเดือนละครั้งเป็นอย่างน้อย.............แต่ผมจะทนอยู่กับการรอคอยที่แสนทรมานได้ยังไงกันเล่า..........หรือผมจะหันไปคบกับเจ แล้วบอกเลิกกับเค้าดีนะ................แต่ผมไม่ได้รักเจสักหน่อย...........และผมก็รู้อยู่เต็มอกว่าผมรักใครด้วย.........

                         ที่ผ่านมา ผมคอยย้ำกับนัทเสมอว่า หากนัทจากไปแล้วขาดการติดต่อ ทำเสมือนว่าเราต่างคนต่างอยู่...........หมายความว่าเราสองคนเลิกกัน...........

                         “บ้าสิ..........คิดเองเออเองหมด”..........นัททำท่าหัวเสียใส่ผม เมื่อได้ยิน...........ก็ผมไม่มีวิธีไหนที่จะต่อรองกับเค้าได้อีกแล้วนี่...........นอกจากพยายามบีบทุกวิถีทางแบบนี้แหล่ะ.............หากเค้ายังรักผม..........ก็ขอให้นึกเห็นใจคนที่คอยอยู่ข้างหลังด้วย.........ว่าต้องอยู่กับความทรมานใจสักแค่ไหน..............


                         “แล้วนัทจะเดินทางกี่โมง”...........ผมเลี่ยงไปถามคำถามอื่น เพราะไม่อยากให้นัทกดดันมากจนเกินไปกับการคาดคั้นของเดียว.............

                        “ก็คงบ่ายๆ.........เดี๋ยวพอแม่มาถึงก็คงออกเดินทางเลย”..............ผมรู้สึกเหมือนใจจะขาดอยู่รอนๆเมื่อได้ฟัง..............แม้ว่าผมจะผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควรแล้ว............แต่สำหรับเรื่องของความรัก...........ผมแทบจะไม่มีประสบการณ์เอาเสียเลย...........ที่ผ่านมาก็แค่แกล้งยั่วคนนั้น อ่อยคนนี้เล่นไปตามประสา (เป็นความหฤหรรษ์อย่างหนึ่งที่ผมโปรดปราน).............มันเป็นความสนุกที่ผมนำมาใช้กลบเกลื่อนความจริงจังเรื่องความรักที่ฝังอยู่ลึกๆในใจ............หากใครมองแต่ภายนอกคงจะคิดว่าผมนั้นช่างดูแก่กล้าวิชามาร มากด้วยกลยุทธ์ร้อยแปดพันวิธี...........แต่ภายใต้ภาพที่ดูร้อนแรง เจ้ามารยานั้น..........ผมแอบเก็บซ่อนความอ่อนเดียงสาเรื่องหัวใจเอาไว้จนเกินกว่าที่ใครจะคาดถึง...........


                         เราร่ำลากันอย่างง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตอง...............บรรยากาศช่างดูอึมครึม พอๆกับท้องฟ้าที่กำลังตั้งเค้าด้วยเมฆฝนทะมึน...........อีกไม่นานเมฆนั้นก็คงกลั่นตัวลงมาเป็นหยดน้ำหลังจากที่ผ่านการบีบอัดตัวกันอย่างแน่นหนักมานาน.........แล้วน้ำตาจากใจผมเล่า............มันจะกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำได้เมื่อใด.........หรือผมจะฝืนบังคับให้มันไหลย้อนกลับเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจอย่างนี้ตลอดไป.............


                         “ออกไปเที่ยวเล่นน้ำสงกรานต์กันเถอะแก.............อย่าคิดไรมากเลย”.............เดียว เอ่ยปากชวนผมออกไปเปลี่ยนบรรยากาศเล่นน้ำสงกรานต์ให้กระชุ่มกระชวยหัวใจเล่น แทนที่จะมานั่งทำหน้าตูมอมทุกข์แบบนี้...........นี่คือข้อดีของหล่อน..........ความสดใสมองโลกในแง่ดี.........และยอมรับอะไรง่ายๆ............เราตรงกันข้ามเหมือนดำกับขาว..........แต่เมื่อมาอยู่รวมกันแล้วกลับกลายเป็นความลงตัวและพอดีอย่างไม่น่าเชื่อ.............

                          “เอาสิ...........เดี๋ยวโทรไปชวนเจก่อนนะ”...........ผมไม่รู้หรอกว่านางโมรากากีคิดอย่างไรเวลาที่หล่อนไปกับผู้ชายคนนั้นทีคนนี้ที.............แต่สำหรับผม ผมก็แค่อยากหาที่พักใจชั่วคราวเท่านั้นเอง.............อย่างนี้จะเรียกว่าหลายใจได้หรือเปล่า.........


                          เจไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นอย่างที่คาด.............เค้าทำได้แค่ทำให้ผมรู้สึกเพลินๆ ซึ่งก็ดีกว่ามากับเดียวแค่สองคน...............ในทางตรงกันข้าม.............บางครั้งเค้าดูน่ารำคาญ เพราะพยายามแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมจนน่าเกลียด...............น่าเบื่อชะมัด...........

                          “พี่กั้งมายืนตรงนี้สิ”..........เจลากแขนผมไปยืนข้างหน้าเขา แล้วเอามือโอบเอวผมเอาไว้หลวมๆ เมื่อเห็นผู้ชายหน้าตาดีเข้ามายืนป้วนเปี้ยน ระหว่างที่เรากำลังร่วมสนุกอยู่กับคนอื่นๆบริเวณลานหน้าเวทีคอนเสิร์ตหน้าห้างสรรพสินค้ากาดสวนแก้ว..............

                         “ยืนตรงนั้น คงอยากอ่อยเค้าล่ะสิ”..............เจทำท่าพูดทีเล่นทีจริง เมื่อเห็นผมแสดงอาการขัดขืนพอเป็นพิธี...............ก็แล้วยังไง..............เค้าดีดูกว่านายเป็นไหนๆ............ผมแอบคิดในใจแต่ไม่ว่ากระไร.................

                          เราสามคนซื้อเบียร์มาดื่ม และร่วมเต้นรำไปตามเสียงเพลง...............จุดที่คึกคักที่สุดและมีเกย์มากที่สุด รวมทั้งมีผู้ชายที่ใจกล้าและดูดีที่สุดมารวมกันในช่วงสงกรานต์เมืองเชียงใหม่ ก็คงหนีไม่พ้นที่นี่............กาดสวนแก้ว.............จนมีคนเคยพูดติดตลกว่า หากมีระเบิดมาลงตรงนี้........เกย์คงตายเกือบค่อนเมืองเชียงใหม่.........ซึ่งก็คงจะจริง ไม่เถียงสักคำ...........

                         ในอารมณ์เพลินๆ มองดูใครๆก็ช่างหล่อน่ารักบาดตาดีเหลือเกิน..............แต่แปลกที่ผมกลับรู้สึกว่านัทก็ยังดีกว่าใครๆทุกคนอยู่ดี.............ซึ่งก็ไม่แน่หรอก หากว่าจะมีใครสักคนใจกล้าฝ่ากำแพงเข้ามา และคนๆนั้นมีดีพอ...........ผมก็ไม่ได้คิดว่าผมจะยังคงดำรงตัวเป็นคนดีเลิศ รักเดียวใจเดียว วิเศษไปกว่าใครๆอยู่ได้............แม้ความยับยั้งชั่งใจของผมนั้นจะมีมาก..........แต่หากผมเจอคนที่ดีและถูกใจจริงๆ ผมก็คงพร้อมที่จะลืมนัทได้รวดเร็ว พอๆกับเวลาที่ผมโยนเสื้อผ้าที่ใส่จนเบื่อแล้ว ไว้ที่ก้นตู้ รอวันโละให้คนอื่นต่อนั่นแหล่ะ...............


                          หลังจากที่เที่ยวสงกรานต์จนงอมกันถ้วนหน้าแล้ว จวบจนเวลาล่วงเข้าเย็นย่ำพวกเราก็พากันกลับ..............ผมเหนื่อยและอยากพัก.......ในขณะที่เดียวยังมีพลังเหลือมากพอสำหรับการจะออกไปเริงรื่นกับผู้ชายเชียงใหม่ที่หล่อนหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ว่า มาถึงเชียงใหม่ทั้งที ก็ควรที่จะต้องให้ถึงจริงๆ..........

                         “แกพาฉันออกไปกินเหล้าหน่อยสิ ฉันยังไม่ได้ผู้ชายเลยนะ”............หล่อนบ่นออด เมื่อเรากลับถึงที่พักแล้ว............

                         “ไม่ไหวอ่ะ ฉันเหนื่อย..........ค่อยไปพรุ่งนี้ได้ป่ะ”...........ผมต่อรองอย่างเหนื่อยอ่อน..........ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นใครมีพลังมากมายขนาดนี้.........สงสัยแรงขับจะเยอะ.........หุหุ..........

                        “ฉันอยากได้ผู้ชาย”...........หล่อนว่าออกมาตามซื่อ ซึ่งผมก็เห็นใจอย่างสุดซึ้ง............ปีที่แล้วผมก็ทนด้านหน้าพาหล่อนไปซาวน่ามาหนนึงแล้ว................ในตอนนั้นผมต้องทนนอนตากยุงรอหล่อนออกล่าเหยื่อตั้งนาน..........จนตัวแดงเถือกไปหมด

                        ที่เชียงใหม่มีซาวน่าซุกซ่อนอยู่หลายแห่ง............แต่ผมไม่มีความต้องการมากพอที่จะต้องแวะเวียนไปใช้บริการสถานที่เหล่านั้น............จะมีโอกาสได้ไปบางทีก็ต่อเมื่อมีแขกที่เป็นเกย์อย่างเดียวมาเยี่ยม..........และทุกครั้งที่ไปผมก็จะต้องขอผ้าเช็ดตัวสองผืนเสมอ...............

                        “ทั้งนุ่ง ทั้งห่มแบบนี้เค้าจะมองว่าแกเป็นสาวนะ แกอย่าหวังว่าจะได้เกิดเลย”...............หล่อนจีบปากจีบคอกระแนะกระแหนเมื่อเห็นผมทั้งนุ่งและห่มผ้าเช็ดตัวอย่างมิดชิดราวกับสาวแรกรุ่นจะไปอาบน้ำคลอง.............

                        “ช่างฉัน”.............ผมตัดบท............ก็สองผืนแล้วจะทำไม.............แค่เข้ามาในนี้ก็อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว............ถ้าไม่เพราะแกฉันจะยอมแบกหน้าเข้ามาเหรอ...........

                          โดยมากหลังจากปล่อยให้เพื่อนออกล่าแล้ว.............ผมมักจะเดินไปหามุมที่ห่างไกลจากผู้คน และก็แกล้งทำเป็นนอนหลับ เพราะกลัวจะมีใครหน้ามืดตาบอดเผลอเข้ามาคุยด้วย..............ผมไม่ได้คิดว่าจะมีใครเค้าอยากมาสนใจผมหรอกนะ........แต่ผมอายและไม่อยากเปิดโอกาสในการคุยกับใครมากกว่า............ทำนองว่าแค่พาเค้ามาเฉยๆนะ ไม่ได้มาหา เพราะฉะนั้นต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า................


                         เมฆฝนที่นอกหน้าต่างเริ่มตั้งเค้าทะมึน............อีกไม่นานฝนคงจะเทลงมาเป็นแน่............หากจะออกไปเที่ยวก็รู้สึกทั้งเหนื่อยล้า ไหนฝนยังจะมาตกอีก.............ดังนั้นหลังจากที่คิดทบทวนว่าผมจะเอนเตอร์เทนเพื่อนสาวอย่างไรดี...........สุดท้ายผมก็เกิดไอเดีย............

                        “มีผู้ชายคนหนึ่งมันเคยลวนลามฉันในลิฟท์ครั้งหนึ่ง แกสนมะ ขับเบนซ์เชียวนะแก”............ผมหมายถึงผู้ชายที่เคยลวนลามผมเมื่อนานมาแล้ว........ผมสังเกตว่าเค้าสนใจในตัวผมมาก่อนหน้านั้น และเราก็มีโอกาสคุยกันแค่สงสามครั้งโดยบังเอิญในลิฟท์เท่านั้น................จนวันหนึ่งที่ผมไปตัดไฝบนใบหน้ามาใหม่ๆ จึงมีปลาสเตอร์ติดเอาไว้.....................เมื่อเราบังเอิญเจอกันในลิฟท์อีกครั้ง............ก็เป็นโอกาสของเค้าพอดี.............

                         “หน้าไปโดนอะไรมาครับ”.........เค้าถามพลางเอื้อมมือจับที่ใบหน้าผม..............ผมเบือนหน้าหนีแล้วบอกว่าไปตัดไฝมา.............พอดีลิฟท์เปิด............ผมจึงเดินออกมาคิดเสียว่าทำทานที่โดนจับหน้าหนึ่งที...........และไม่ทันที่จะได้คาดคิดเค้าก็พุ่งเข้ามากอดผมเอาไว้............ขณะนั้น ผมรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ก็คิดว่าคุมสถานการณ์ได้จึงไม่ได้ด่าว่าอะไร นอกจากแกะมือเค้าออกและเดินจากมา............ถึงกระนั้นเค้าก็ยังไม่ล่ะความพยายามโดยการเดินตามหลังผมออกจากลิฟท์มาที่หน้าห้อง................

                          “ขอผมเข้าไปคุยในห้องด้วยคนได้มั้ยครับ”............คราวนี้ผมค่อนข้างจะตกใจมากขึ้นอีกนิดนึง เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน.........จึงรีบลนลานเปิดประตู และเรียกเค้าเข้ามา (อ่ะ.....ล้อเล่นนนนนนน........อิอิ)

                         “เอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันครับ”...............ผมรีบปิดประตูใส่หน้าเค้าทันที..............ไม่คิดเลยว่าเค้าจะกล้าทำถึงขนาดนี้.............รู้สึกโมโหนิดหน่อยที่เค้าทำเหมือนไม่ให้เกียรติกัน ทั้งๆที่เราต่างก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครมาจากไหน...............

                         เมื่อโทรไปเล่าให้เพื่อนฟัง แทนที่จะเข้าข้างผม หล่อนกลับย้อนว่า.........

                         “แกคงไปให้ท่าเค้าล่ะสิ”............เง้ออออออ...........เป็นงั้นไป..............ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมก็พยายามหลบหน้าเค้าตลอด...........หากวันไหนที่บังเอิญเข้ามาจอดรถพร้อมกัน ผมก็จะรอให้เค้าขึ้นไปก่อน จนแน่ใจแล้วว่าจะไม่เจอกันที่ตรงลิฟท์แน่ๆ จึงจะออกมาจากรถ...................


                         “เค้าหล่อป่าว”.............เดียวเริ่มสนใจขึ้นมาจริงๆจังๆ เมื่อได้ยินคำว่ารถเบนซ์............หล่อนชอบ ติดอะไรหรูๆแบบนี้แหล่ะ.............

                         “ก็ไม่หล่อ ไม่ขี้เหร่ อายุสามสิบค่อนไปทางสี่สิบได้มั้ง”...........ผมให้ข้อมูลไปตามที่มี........

                         “แล้วอยู่ห้องไหนล่ะ”...........ท่าทางจะเอาจริงแฮะ...............ผมแอบทึ่งในความกล้าได้กล้าเสียของเพื่อนสาว..........นี่ถ้าผมได้ครึ่งหนึ่งของหล่อน............ป่านนี้คงได้แอ้มผู้ชายหล่อๆไปไม่น้อย ไม่ต้องมานั่งง้ออีนัทบ้าอยู่แบบนี้..........คิดๆแล้วก็พาลให้รู้สึกเสียดายย้อนหลังยิ่งนัก ที่เรามัวแต่ทำเป็นลีลา.............ก็ผมมันพวกชอบทอดสะพานเสริมใยเหล็ก รอให้เค้าเป็นฝ่ายเข้ามาหา...........หายังมัวแต่ทำเป็นลีลารีๆรอๆไม่ข้ามมาสักที............ผมก็คงต้องระเบิดสะพานนั้นทิ้งเสีย ไม่มีทางจะทอดกลับไปอีกเป็นซ้ำสองให้เสื่อมเกีรยติ.......ผู้ชายในแบบของผมจึงต้องว่องไวทันเหตุการณ์เมื่อได้รับสัญญาณดังกล่าวจากผมแล้วต้องเข้ามา...........แต่โดยมากผมก็มักจะแห้วเสมอ..........ก็ผมมันคนประเภทหน้าตาก็งั้นๆ แล้วยังจะทำเป็นเรื่องมากทำนองนี้ (ฮา)

                          “ไม่รู้............แกก็ไปถามยามเอาสิ ว่าคนขับรถเบนซ์สีขาวอยู่ห้องไหน.............เสร็จแล้วก็โทรขึ้นไปห้องเค้า บอกว่ามาหาเพื่อนที่ห้องนี้ สงสัยว่าเค้าจะย้ายออกไปหรือยัง............จากนั้นก็แล้วแต่ความสามารถของแก”............ผมวางแผนให้เดียวเสร็จสรรพ............และหล่อนก็ลงมือปฏิบัติตามนั้นจริงๆ........เชื่อเค้าเลย.............



                          เดียวหายไปนานแล้ว............ป่านนี้หล่อนคงกำลังขึ้นไปเที่ยวสวรรค์ชั้นเจ็ดจนลืมเวลาบนโลกมนุษย์.............ฝนเริ่มลงเม็ดหนาขึ้นเรื่อยๆ..................ผมมองไปที่โทรศัพท์ และตัดสินใจยกมันขึ้นมาโทรถึงนัท.............

                           “นัท..........เป็นยังไงบ้าง”.............เป็นคำทักทายที่ดูเก้อเขินพอสมควร แต่ผมคิดได้แค่นี้...........

                           “ก็กำลังเก็บของอยู่”.........น้ำเสียงนัทดูเหงาๆ เค้าเองก็คงกำลังคิดถึงผมอยู่เหมือนกัน............

                            ผมไม่อยากให้บรรยกาศดูเศร้าไปมากกว่านี้ จึงเปลี่ยนมานินทาเรื่องวีรกรรมของเดียวให้นัทฟัง...............เราสองคนวิพากวิจารณ์กันอย่างสนุกสนาน..............จนกระทั่งไม่มีมุขจะคุยต่อ............บรรยากาศก็กลับมาสู่ความเงียบอีกครั้ง...........

                           “พี่คิดถึงนัท”...........นี่คือสิ่งที่ผมไม่เคยคิดว่าจะพูดออกมาได้..........แต่ผมก็พูดไปแล้ว..........

                            “เพิ่งจากกันเมื่อเช้านี่เอง..........จะมาคิดถึงอะไรเร็วขนาดนั้น........แมเนียร์ แล้วพี่กั้ง”..........นัทชอบว่าผมแมเนียร์เวลาผมออเซาะเค้าเสมอ..........คงหมายถึงดัดจริตมั้ง...........แต่ผมไม่สนหรอก...........

                           สายฝนข้างนอกเริ่มเทลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆ............หลังจากที่ตั้งเค้าทะมึนมานานทั้งวัน.........ตอนนี้คงถึงเวลาที่มันจะได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นมานานให้กลายเป็นสายฝนเพื่อสร้างความชื่นฉ่ำให้กับสรรพสิ่งบนโลกมนุษย์...............

                           ความทุกข์ของผมก็คงไม่ต่างจากเมฆดำนั่น...........มันถึงเวลาที่ควรจะต้องละลายลงมาเป็นสายน้ำ........แต่เป็นสายน้ำที่ไม่ทำให้พื้นธรณีชุ่มชื้น...........หากแต่ทำให้หัวใจของผมทุเลาความทุกข์ทรมานลง.........

                           “ก็คนเคยอยู่ด้วยกันทุกวัน..........จะให้พี่ทำใจได้ยังไง........มันเร็วเกินไป........ฮือออๆ”.........ผมร้องไห้โฮๆออกมาเหมือนเด็กที่ไร้ยางอาย............นัทเองก็คงตกใจไม่น้อยที่ผมกลายเป็นคนขาดสติเช่นนี้.........เค้าจึงได้แต่ปลอบประโลมผมไปตามเรื่องตามราว...........

                            “นัทก็ดีน่ะสิที่ได้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อื่น.............แต่พี่ต้องอยู่ที่เดิม............ไม่ว่าจะไปตรงไหนก็มีแต่เงาของนัทอยู่ทุกที่............แล้วพี่จะมีความสุขได้ยังไง”............ความอดกลั้นของผมทะลักออกมาแล้ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงง่ายๆ...........พร้อมกับน้ำตาที่ไม่มีวี่แววว่าจะแห้งเหือดไปเช่นกัน.............

                             นัทปล่อยให้ผมร้องไห้จนสาแก่ใจ และคอยพูดจากปลอบโยนสลับกันไป กว่าผมจะเรียกสติคืนมาได้เวลาก็ผ่านไปร่วมชั่วโมง..............ในที่สุดผมจึงตัดใจลงได้ และกำชับให้นัทดูแลตัวเองให้ดี ก่อนจะวางสายไป............เฮ้ออออออออ.............ไม่ได้ร้องไห้แบบนี้มานานแล้ว..........ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย........จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมรู้สึกมั่นใจในความอาทรของนัทที่มีต่อผมขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง..........ผมจะอดทนเพื่อเราสองคน..................ผมจะไม่อ่อนแออีกต่อไป.................



                            “แกเอ๊ยยยยยยย.............แก๊แก่..........ขนก็เยอะ ฉันเอาไม่ลงหรอก”............เดียวเดินหน้าระรื่นกลับเข้ามาหลังจากที่หายไปเสียนาน...........พูดเวอร์ไปแล้ว ผมว่าเค้าก็ดูดีใช้ได้นี่นา.............หรือจะทำเป็นมือถือสากปากถือศีล..............

                            “อ้าว.............แล้วแกหายไปทำไมตั้งชั่วโมง”............ผมหันหน้ามาถามทั้งที่น้ำตายังไม่แห้งสนิทดี..........โชคดีที่เป็นกลางคืน ไม่งั้นหล่อนคงต้องสังเกตเห็นเป็นแน่.................

                             “ก็จะลงมาเลย ก็น่าเกลียด............ฉันเลยต้องนั่งคุยกับเค้าก่อน”............จ้ะ............คุยตั้งเป็นชั่วโมงนี่นะ.............ผมนึกขำ แต่ก็ไม่ได้ต่อความยาว..................วันนี้ผมเหนื่อยมาพอแล้ว...........อยากนอนพักสักงีบ...................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2007 10:39:06 โดย moody »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #575 เมื่อ08-11-2007 18:51:15 »

 “ไม่รู้............แกก็ไปถามยามเอาสิ ว่าคนขับรถเบนซ์สีขาวอยู่ห้องไหน.............เสร็จแล้วก็โทรขึ้นไปห้องเค้า บอกว่ามาหาเพื่อนที่ห้องนี้ สงสัยว่าเค้าจะย้ายออกไปหรือยัง............จากนั้นก็แล้วแต่ความสามารถของแก”

อืม ยอดกุนซือเจง ๆ  o13  o13

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #576 เมื่อ08-11-2007 19:06:02 »

จิงดิ..........อิอิ........อายจัง :m23:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #577 เมื่อ08-11-2007 19:13:41 »

จากกัน แต่ถ้ายังรักกัน สักวันก็ต้องได้เจอกันแหละนะ
 :a4:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #578 เมื่อ09-11-2007 09:40:27 »



ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่เดียว แรด  ขนาดนี้

อิอิ

สงสัย  น้องคงต้องขอถ่ายทอดวิชาซะแล้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

 :a1:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #579 เมื่อ09-11-2007 11:51:36 »

ต้องเรียกว่า ขอแลกเปลี่ยนวิชาจะเหมาะกว่ามั้ง...........หุหุ :m12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #579 เมื่อ: 09-11-2007 11:51:36 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #580 เมื่อ09-11-2007 12:51:48 »

ตกลงคืนนั้น พี่เดียวก็ไม่มีผู้ชายตกถึงท้องเลยอะดิ  :m20:

รออ่านต่อค้าบบบ  :a2:

ปล  เจ้เรียกคุณกั้งว่าพี่ตลอดเลย  แสดงว่าอายุโขอยู่ อิอิ  :m18:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #581 เมื่อ09-11-2007 14:14:06 »

ก็คงแก่พอๆกะ Admin. ของ board นี้อ่ะม้าง..........อิอิ :m29:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #582 เมื่อ09-11-2007 17:41:53 »

เรย์ โดนพาดพิง กร๊ากกกกกกกกก  :laugh:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #583 เมื่อ12-11-2007 12:53:38 »



พี่เรย์ แก่ แล้วหยอ?

น้องไม่ยักกะรู้  มีแต่ น้องก มูมู่ เท่านั้น ที่ยัง สาว  และสวย อิอิ

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #584 เมื่อ12-11-2007 13:52:59 »

ชักอยากเจอมูมู่แล้วสิ............ในฐานะกุหลาบเวียงพิงค์เก่าเหมือนกัน..........อิอิ :m19:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #585 เมื่อ15-11-2007 14:16:16 »

เจอแล้วจะผิดหวังอะจิ   :m23:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #586 เมื่อ15-11-2007 14:28:58 »

ชักอยากเจอมูมู่แล้วสิ............ในฐานะกุหลาบเวียงพิงค์เก่าเหมือนกัน..........อิอิ :m19:


กล้าพูดเนอะ  อายบ้างไหมนั้นนะ  กุหลาบเวียงพิงค์  กำ

นังดอกจานกลางทุ่ง   :a14:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #587 เมื่อ15-11-2007 14:37:45 »

^
^
เจ้อ่า  พูดซ้า  คุณพี่กั้งเสียหายหม๊ดดดดดดดดดดดดดดด
จากกุหลาบเวียงพิงค์ เป็น ดอกจานกลางทุ่ง (ขอขำหน่อยเตอะ) :laugh:  :laugh:  :laugh:

ชักอยากเห็น คุณพี่กั้งแล้วเหมือนกันดิ   :m3:

kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #588 เมื่อ20-11-2007 21:37:42 »

เอ่อ    :m23:    ดอกจานนี่มานคือดอกไม้ชนิดไหนเหรอ

เหมือนๆจะเคยได้ยินเหมือนกันนะแต่นึกม่ายออก    :m28:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #589 เมื่อ21-11-2007 10:35:59 »

ดอกจาน เป็นภาษาอิสาน หมายถึงดอกทองกวาว ดอกมีสีแสดสดใส ชอบขึ้นในที่โล่งตามทุ่งนา ออกดอกในหน้าแล้ง เวลาออกดอกก็จะทิ้งใบหมดเลย เวลามองไปตามทุ่งนาโล่งๆในช่วงหน้าแล้ง จะแลเห็นสีสันโดดเด่นมาแต่ไกล....... แต่ผมไม่เคยเห็นหรอก ก็ฟังๆเค้ามาอีกทีน่ะ แถวบ้านมีแต่เอื้องแซะหลวง หรือไม่ก็เอื้อผึ้งทำนองนี้อ่ะ.......อิอิ........เดี๋ยวบ่ายๆจะมาลงคนละปลายทางต่อน๊า........ช่วงนี้เดินทางบ่อยเลยหายไปนานเรย...หุหุ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #589 เมื่อ: 21-11-2007 10:35:59 »





yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #590 เมื่อ21-11-2007 15:09:08 »

                          เดียวจากไปหลังสิ้นสุดวันสงกรานต์พร้อมกับหอบเอาความสดใสสุดท้ายที่เหลืออยู่ในชีวิตของผมจากไปด้วย................การไม่มีความรักเป็นความทุกข์อย่างหนึ่งของมนุษย์ผู้เวียนว่ายในห้วงสังสารวัฏ............แต่การมีความรักก็ไม่ได้แปลว่าจะทำให้เรามีความสุขเสมอไป..............เมื่อเริ่มต้นที่จะรัก ความยุ่งยากต่างๆก็ตามมาร้อยแปดพันอย่าง.........ยุ่งยากที่จะต้องปรับตัว............ยุ่งยากในการที่จะต้องมานั่งคอยเอาอกเอาใจ..........ยุ่งยากที่จะต้องพยายามเดาในสิ่งที่เค้านึกคิด................ยุ่งยากไปซะหมด............

                            “ถ้ามีแกอยู่เป็นเพื่อนกันไปแบบนี้ ฉันก็พออยู่ได้ไม่เหงาเท่าไหร่.............แต่ถ้าต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียว.............ฉันก็เหงา...........ฉันจึงต้องมีแฟนไง”...............เดียวเคยรำพึงรำพันทำนองนี้ให้ผมฟังเสมอๆ...........กับพฤติกรรมการมีแฟนชั่วข้ามคืนและไม่ข้ามคืนของหล่อน..........โดยมากผมก็จะแกล้งแซวกลับให้หล่อนต้องเง้างอนเล่น ๆ...............

                             “แกจะไม่ให้ฉันมีแฟนเลยหรือไง.............แกก็รู้ว่าฉันต้องมีแฟน”............นี่คือปณิธานที่หาญมุ่งของผม.............แต่ความรักที่ผมเคยนึกฝันเอาไว้ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคบกับนัทอยู่นี้.............มันเลิศลอยจนเกินกว่าจะกล้าเอามาพูดให้ใครๆได้ขบขันในความช่างเพ้อฝันของผม...........แต่รวมความแล้ว ผมก็แค่อยากมีความรักที่ดี..........ก็แค่นั้น...



                            ผมลงมือเก็บกวาดห้องหับเมื่อกลับจากส่งเดียวขึ้นรถกลับกรุงเทพ..............แม้ร่างกายจะทำงานแต่ใจผมกลับลอยข้ามเขาทะมึนสองสามเทือกที่กั้นระหว่างเชียงใหม่กับแพร่ไปถึงนัท.............น่าโมโหตัวเองเหลือเกินที่คอยพะวงคิดถึงแต่เค้าจนไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้.............บ้าเอามากๆ..........แต่ไม่ใช่เพราะว่านัทดีวิเศษกว่าคนอื่นๆหรอกนะ..........หากเป็นเพราะคนอย่างผมลองได้รักแล้ว เป็นต้องทุ่มสุดตัวทุกทีแบบนี้แหล่ะ..........แม้ผมจะเลิกกับนัทและมีแฟนใหม่.............ผมก็ต้องรู้สึกแบบเดิมนี้กับแฟนคนใหม่เช่นกัน..........ว่าแล้วก็โทรศัพท์ไปถามข่าวคราวบ้างดีกว่า..........บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ชอบโทรจิกใครหรอก.........ถึงแม้จะเป็นแฟน แต่ผมก็เกรงใจเค้ามากในเรื่องนี้...........แต่ว่าคิดดูอีกทีผมก็น่าจะมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้นะ.............จริงมะ...........

                            “ฮัลโหล............ทำอะไรอยู่”..............รู้สึกเก้อเขินอยู่บ้างเหมือนกันกับคำถามเชยๆที่ถามออกไป.......แต่ผมก็ไม่มีหัวคิดที่จะมานั่งนึกสรรหาคำพูดเก๋ๆแบบที่คู่รักคู่อื่นๆเค้าทำกัน...........ก็อยู่ด้วยกันแบบกระด้างๆมาจนเคยชินแล้วนี่..............

                           “มาดูทีวีที่บ้านพี่เค้า”...............นัทกระซิบตอบน้ำเสียงร้อนรน................ใบหน้าของผมร้อนวูบขึ้นมาในทันที.............คำถามร้อยแปดแล่นเข้ามาสู่สมองจากทุกทิศทาง.............พี่ที่ไหน...........เพิ่งไปได้แค่ไม่กี่วัน............ทำไมไปรู้จักใครเร็วจัง.............หรือจะแอบมีกิ๊ก...........นี่เกือบจะสี่ทุ่มแล้วนะ..........จะไปนั่งๆนอนๆอยู่บ้านคนอื่นได้ยังไง เพิ่งรู้จักกัน...........โอยยยยยยย ปวดหัว............

                          “ใครเหรอ”..........ผมกระซิบถามเหมือนคนบ้าจี้ เพราะนัททำท่ากระซิบกระซาบจนน่าหมั่นไส้.............

                          “พี่ที่ทำงานนี่แหล่ะ..........แค่นี้นะ.........พี่เค้ามาแล้ว”...............นัททำท่าร้อนรนตัดบทวางสายไป.........ปล่อยให้ผมนั่งอารมณ์เดือดเพราะความหึงหวงอยู่คนเดียว............

                           บางคนก็ว่าผมเป็นคนชอบคิดมาก คิดเล็กคิดน้อย...........ก็จะไม่ให้คิดมากได้ไงล่ะ ในเมื่อเค้าทำอะไรไม่ชัดเจนคลุมเครือแบบนี้.............สิ่งที่นัททำให้ผมเป็นทุกข์ใจอย่างหนึ่งก็คือ การที่เค้าไม่ยอมพูดอะไรกับผมให้ชัดเจนหายข้องใจ............ชอบทำลับๆล่อๆ ซุกซ่อนปกปิดตลอดเวลา...........จากที่เป็นคนคิดมากอยู่แล้ว เมื่อมาเจอคนอย่างนัทเข้า ผมจึงต้องคิดมากเป็นสองเท่า.............

                           ผมเชื่อว่านัทไม่ใช่คนเจ้าชู้หลายใจ................แต่ผมกลัว กลัวเวลาที่เค้าแสดงท่าปิดกั้นไม่ให้ผมมีส่วนรับรู้ในเรื่องของเค้า.............ในขณะที่ผมกลับพร้อมที่จะเล่าในทุกๆเรื่องของผมที่เค้าอยากจะรู้.........

                           ยิ่งคิดก็ยิ่งเดือด.............ถ้าผมเป็นเค้า ผมจะเดินเลี่ยงออกมาคุยโทรศัพท์กับแฟนเสียก่อน แล้วจึงกลับเข้าไปใหม่ หรืออะไรก็แล้วแต่............เพราะมันมีวิธีตั้งมากมายที่จะทำเพื่อรักษาทั้งสถานะทางสังคมที่เค้าแคร์..............กับความรู้สึกของผมที่เค้าอาจจะแคร์หรือไม่นั้น ผมไม่แน่ใจ.........


                           “กลับถึงห้องแล้วโทรหาพี่ด้วย”..................ผมรัวกดข้อความลงบนโทรศัพท์อย่างเดือดดาล ผสมความน้อยใจ.........แม้จะรู้ว่ามันดูน่ารำคาญมากแค่ไหนกับนิสัยจุกจิกของผมแบบนี้..............แต่ผมไม่สนใจหรอกเพราะตอนนี้ผมกำลังโมโหอยู่............ผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะสนใจเหตุผลรวมถึงหลักการครองเรือนใดๆทั้งสิ้น...........



                             เวลาผ่านไปจวบจนห้าทุ่มนัทจึงโทรกลับมา..............ซึ่งผมก็หายโมโหไปเรียบร้อยแล้ว............

                            “กลับมาแล้วเหรอ”.............ผมถามเสียงอ่อน.............กลัวว่าเดี๋ยวเค้าจะว๊ากขึ้นมากับนิสัยจุกจิกของผมเมื่อครู่...........

                            “อืม..........มีอะไร”.............เป็นคำถามที่ฟังแล้วชวนให้ร้าวรานใจเหลือเกิน..............จะโทรหาคนรักนี่ต้องมีอะไรด้วยหรือ...............

                           “ไปดูทีวีที่บ้านใครมาเหรอ”...........ผมเลี่ยงไปถามคำถามอื่นเพราะไม่อยากชวนทะเลาะ.............แต่ก็ยังเป็นคำถามที่ฟังดูน่ารำคาญอยู่ดี.............ก็จะให้คุยเรื่องดีๆได้ไงล่ะ คนมันหมดอารมณ์ไปแล้วอ่ะ.............ผมก็แค่อยากจะโทรมาถามไถ่ตามประสาคนคิดถึง ไม่ได้อยากทำให้เค้าต้องหงุดหงิดรำคาญแบบนี้หรอก..............

                          “พี่เค้าเป็นเภสัชกร.........บ้านอยู่ใกล้กันนี้แหล่ะ............นัทก็แค่ไปดูทีวีที่บ้านเค้าแก้เบื่อเฉยๆ”.............นัทตอบน้ำเสียงซังกะตาย.............เราพูดคุยกันต่อสองสามประโยค............จนผมรู้สึกว่าการสนทนาของเราเริ่มส่อเค้าว่าชักจะกร่อยมากขึ้นเรื่อยๆ..........จึงชิงตัดบท............

                           “ไม่มีไรหรอก...........พี่แค่อยากคุยด้วยเฉยๆ...........งั้นเท่านี้ก่อนนะ”.............ผมตัดสินใจวางสายทั้งที่ใจนั้นคิดถึงและอยากจะคุยกับเค้าให้หายเหงา.............แต่เมื่อมันกลับกลายมาเป็นแนวนี้ ผมก็คงไม่มีอะไรจะพูด............นอกจากวางสาย............หึ...........ถามคำตอบคำ ทำเหมือนคนไม่คิดถึงกัน..........แต่แค่เค้าโทรกลับมาก็ว่าบุญโขแล้วแหล่ะ อย่าหวังไรมากเลยเนอะ..............นั่นคือสิ่งปลอบใจเดียวที่ผมพอจะคิดออก...............



                           “แกจะไปโทรหาอะไรเค้านักหนา...............ปกติฉันกับแฟนก็คุยกันอาทิตย์ละสองสามหนก็พอแล้ว”..........เพื่อนเกย์คนหนึ่งของผมให้ข้อมูลเมื่อผมนำเอาพฤติกรรมของนัทไปปรึกษา

                           “แล้วเค้าโทรหาแกบ้างป่าวล่ะ”..............ผมยังไม่หายข้องใจ............อันที่จริงผมไม่ใช่คนชอบคุยโทรศัพท์เลยจริงๆสาบานได้..............แต่จะห่างหายกันไปเลยแบบนี้มันไม่ปรกติหรอก............ใครที่ไหนเค้าทำกันบ้างล่ะ.............

                          “เค้าก็โทรมาบ้าง...........บางทีฉันก็โทรไป...........แต่บางคู่เค้าก็โทรคุยกันทุกวันนะ..........มันแล้วแต่คู่อ่ะ........ตอนนี้แฟนแกเค้าอาจจะเพิ่งทำงานใหม่ๆ คงจะกำลังปรับตัวอยู่..........หายยุ่งแล้วเค้าคงโทรมาเองแหละ”..............เพื่อนผมทิ้งท้ายด้วยการปลอบใจ..........ซึ่งผมไม่คิดแบบนั้นเลยสักนิด........แค่ผมโทรไปหาเค้ายังทำเหมือนไม่อยากจะคุยเลย........เรื่องจะให้โทรมาน่ะเหรอ.......ไม่มีวันซะหรอก...........


                           สองวันต่อมาหลังกับการพยายามหักห้ามใจไม่ให้โทรไปรบกวนเวลาของนัท.............โดยแอบหวังใจว่าเค้าอาจจะโทรกลับมาบ้าง..........แต่ก็ไร้วี่แวว...........จนในที่สุดผมก็หมดความอดทน...........

                           “ตื้ด.................ตื้ด.................”............หัวใจที่พองโตด้วยความตื้นเต้นระคนประหม่าของผมพลันห่อเหี่ยวลงเมื่อมีเสียงบอกให้ฝากข้อความเสียง หลังจากที่ผมถือสายรอมาได้สักพัก................

                           ไม่รับเหรอ..........ไปไหนนะ...........ผมกระหน่ำโทรๆๆๆๆๆๆๆๆ...............สุดท้ายก็ลงเอยแบบเดียวกัน..............จนผมหมดความพยายามและโยนโทรศัพท์ทิ้งไปอย่างคนสิ้นหวัง................ในใจนึกจินตนาการไปร้อยแปดพันอย่าง..............สี่ทุ่มแล้วเค้าไปไหน............ทำไมไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย..............นี่เค้าจะรู้สักนิดมั้ยว่าทำให้ผมคิดถึงและห่วงเค้ามากแค่ไหน...............ถ้าไม่อยากจะคบกันก็พูดมาตรงๆสิ..........คนใจดำแบบเค้าผมเชื่อว่าสามารถพูดออกมาได้อย่างไม่สะทกสะท้าน และผมก็จะไม่ต่อรองใดๆด้วย..........ผมยินดีจะจากไปด้วยดี.............ขอเพียงอย่างเดียวอย่างทรมานกันด้วยการปล่อยให้อะไรๆคาราคาซังแบบนี้.................

                         “เดี๋ยวเค้าคงโทรกลับมาเอง”............ผมนึกปลอบใจตัวเองก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน.................


                          แสงสว่างจากภายนอกสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง.................ผมงัวเงียขึ้นมาจากที่นอนด้วยความรู้สึกครึ่งๆกลางๆระหว่างหลับและตื่น.............นาฬิกาบนหลังทีวีบอกเวลาจวนเที่ยง.........ผมขยับตัวลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่ออาบน้ำเรียกสติกลับคืนมา..............

                         เที่ยงแล้วนัทยังไม่โทรกลับมาเลย..............นี่เค้าแคร์ผมบ้างหรือเปล่าเนี่ย.............ผมเหลือบมองนาฬิกาพลางคิดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ.................ไม่ได้............จะต้องถามให้รู้เรื่อง.............

                        “ฮัลโหล”................คราวนี้นัทรับสายแล้ว...............แต่นาทีนี้ผมเหมือนคนบ้าที่คอยจ้องจะหาเรื่องทุกสิ่งอย่างที่ผ่านเข้ามาในสายตา..............

                        “เมื่อคืนไปไหนทำไมไม่รับสาย”..............ผมยิงคำถามเข้าประเด็นทันที เพราะเตรียมหาเรื่องเต็มที่มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว................

                       “ลืมไว้ที่ห้องทำงาน........เพิ่งไปเอามาเมื่อเช้า”..............นัทตอบเสียงเนือยๆ ไม่สะทกสะท้าน.........ซึ่งยิ่งกระตุ้นต่อมโมโหของผมให้เดือดพล่านมากขึ้น...............

                       “แล้วทำไมไม่โทรกลับมา.............นัทก็ได้โทรศัพท์มาตั้งแต่เมื่อเช้า............แต่นี่พี่รอจนเที่ยง”...........ความเงียบบังเกิดขึ้นชั่วขณะ................แต่ผมจะไม่ปล่อยโอกาสให้เค้าได้ตั้งตัว..........เลิกก็เลิกสิ..........ผมไม่แคร์หรอก.............ถ้าจะอยู่กันแบบนี้ก็ไม่ต่างกับตกนรกทั้งเป็น...........

                        “นัทจำได้มั้ย............เคยมีคนโทรศัพท์มาโชว์เบอร์ที่เครื่องนัทแค่แป๊บเดียว..........แล้วนัทก็รีบโทรกลับไป..........ตอนนั้นพี่เคยถามนัทว่าถ้าเป็นพี่ นัทจะทำแบบนี้มั้ย..........นัทก็บอกว่าถ้าเป็นพี่นัทก็จะทำแบบเดียวกัน.............แต่นี่นัทให้พี่รอจนเที่ยง...........มันหมายความว่ายังไง”..............ผมต่อว่านัทเป็นชุดด้วยเสียงสั่นเครือ..............

                         “ก็คนมันไม่ว่างน่ะ โอ๊วววววววว”..............นี่คือสิ่งที่เค้าตอบมาสำหรับความเสียใจที่ผมได้รับดังกล่าว........

                          “อืม...........แค่นี้แหล่ะ”...........ผมกดสายทิ้งด้วยความโมโหจนมือไม้สั่น.............ถ้าไม่โทรมาง้อก็ไม่ต้องคุยกันอีก..............ทำให้ผมสบายใจนิดๆหน่อยๆแค่นี้มันจะยากเย็นอะไรกันนักหนา...........แล้วใครกันที่บอกว่าไม่อยากจะเลิกๆ...............

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #591 เมื่อ21-11-2007 15:46:24 »

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #592 เมื่อ21-11-2007 18:44:34 »

เดินสายกลางดีกว่า
 :a3:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #593 เมื่อ21-11-2007 18:51:37 »

งานนี้ระยะทางเป็นอุปสรรคของความรัก  :เฮ้อ:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #594 เมื่อ22-11-2007 09:58:28 »

ถ้าจะให้สบายใจก็โทษระยะทางดีกว่าเนอะ.......... :m15:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #595 เมื่อ22-11-2007 16:50:58 »

อ่านมาถึงตรงนี้ แล้วอารมณ์ขึ้นตาม
“ก็คนมันไม่ว่างน่ะ โอ๊วววววววว”..............
โคตรเกลียดเลย  แบบมา โอ๊ววววววว  อะไรใส่นี่นะ  เด๋วได้ด่า

ถ้าคนรักกัน คิดถึงกัน  จากกันช่วงแรกๆ ยิ่งอยากโทรหากันจะตาย
รักแท้ แพ้ระยะทาง  มักถูกในช่วงระยะเวลาที่ห่างกันนานๆ ไปแล้ว
ในกรณีนี้มันแปลกดี  ถ้านัทไม่ได้คิดมีแผนอะไร ก็เป็นคนแปลกมาก  เหมือนไม่คิดถึงกันเลย

รออ่านต่ออยู่  :a2:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #596 เมื่อ22-11-2007 17:16:31 »

พี่ก็ว่างั้นแหล่ะ.......... :m16:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #597 เมื่อ22-11-2007 17:37:22 »

เลิกเหอะ จะทรมานตัวเองทำไม ระยะทางไม่ใช่ปัญหา มันอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า  :เฮ้อ:

ผู้ชายไม่ไร้เท่าใบพุทรา อย่างคุณกั๊งรับรองยังมีคนดีดีรออยู่เยอะ  :a1: :a1:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #598 เมื่อ26-11-2007 10:07:35 »

อยากเลิกเหมือนกันแหล่ะครับ.............แต่เสียดายเวลาที่ผ่านมา..........กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย............ผมเลยว่าจะให้เวลาเค้าปรับตัวสักระยะ...........บางทีอะไรๆมันอาจจะดีขึ้นก็ได้นะ positive thinking ดีมะ หุหุ :m29:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #599 เมื่อ26-11-2007 10:17:10 »

                         “พี่กั้งอย่าไปคิดอะไรมากเลย...........พี่ต้องพยายามเข้าใจน้องเค้าให้มากกว่านี้...........บางทีเค้าอาจจะกำลังสับสนกับตัวเองอยู่ก็ได้”...............อ้นแสดงความเห็นด้วยท่าทีจริงจังเมื่อได้ฟังผมปรับทุกข์เรื่องพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของนัท.................

                         ระยะหลังผมมักไปไหนมาไหนกับอ้นบ่อยๆ.............หล่อนเป็นเกย์รุ่นน้องของผมที่นัทไม่ค่อยชอบขี้หน้าสักเท่าไหร่...........คงเป็นเพราะความปากเสียของหล่อนเองนั่นแหล่ะ.........ในขณะที่นัทเองก็ไม่ชอบให้ใครมาแหย่ด้วยคำพูดคำจา...........ผมจึงตัดปัญหาด้วยการหลีกเลี่ยงไม่ให้ทั้งสองคนได้เจอกันบ่อยนัก............แต่ถึงยังไงผมก็ชอบที่หล่อนทำตัวเป็นคู่หูที่เข้าขากับผมได้ดี..........ดีกว่าน้องพรและมอลลี่ที่ยังมีข้อจำกัดในหลายๆเรื่อง..........นึกไม่ถึงว่ามาในวันนี้ หล่อนจะกลายเป็นคนเดียวที่ให้เหตุผลยืนอยู่ในข้างของนัท...........ในขณะที่คนรอบตัวของผมคนอื่นๆต่างเอือมระอาที่จะออกความเห็น.................

                         ผมเผลอชักสีหน้าใส่หล่อนเมื่อได้ฟังความคิดเห็นดังกล่าว..............ก็แล้วมันเหตุผลอะไรกันล่ะ.............ถ้าเป็นเหตุผลอย่างที่มนุษย์ธรรมดาสามัญเค้าคิดกันล่ะก็.................ผมขอยอมรับเลยว่า ผมจนปัญญาที่จะคิดออกว่ามันคือเหตุผลอะไร................คงมีแต่สวรรค์เท่านั้นที่จะล่วงรู้ถึงความคิดของเค้า.........หรือไม่ก็อาจจะเป็น..........นรกก็ได้ (ได้ใช้คำนี้แล้วสะใจดี อิอิ)..............

                       “น้องก็เคยเป็น............สมัยที่น้องเริ่มใช้ชีวิตเกย์ใหม่ๆ............เวลาที่ต้องไปไหนมาไหนกับแฟน.........น้องมีความรู้สึกขัดแย้งอยู่ในใจตลอดเวลาว่า.....เรามากับเค้าทำไม.........เรากำลังทำบ้าอะไรอยู่”...........อ้นสาธยายถึงความน่าจะเป็นสำหรับพฤติกรรมของนัท โดยยกเอาความรู้สึกในอดีตกาลอันไกลโพ้นของหล่อนมาเป็นบรรทัดฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จนทำให้ผมใจอ่อนลงเมื่อฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า..........บางทีมันอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้.............

                        ที่ผ่านมานัทเองก็มีปัญหากับเรื่องความสับสนระหว่างความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจของเค้ากับสิ่งที่เค้าคิดว่าเค้าควรจะทำตามหลักศาสนามาโดยตลอด..............แต่เราสองคนก็ผ่านเหตุการณ์ตรงนั้นมาด้วยกันได้จนถึงทุกวันนี้..........หรือว่าพอเค้าไปอยู่ห่างไกลจากผมแล้ว ความคิดเก่าๆพวกนั้นจะกลับเข้ามาในหัวของเค้าอีก.............

                        “มันไม่แฟร์กับพี่เลยนะอ้น...........ถ้าเค้าไม่อยากจะรับผิดชอบความรู้สึกของพี่ เค้าก็แค่จากไป ทุกอย่างก็จบ........มันง่ายนิดเดียว..........ที่ผ่านมาพี่เคยบอกเลิกกับเค้าตั้งหลายหน............แต่เค้าก็เป็นคนยื้อเอาไว้เอง........ถ้าเค้าจะรั้งพี่ไว้เพื่อตัวเค้า โดยที่ไม่แคร์ความรู้สึกของพี่เลย มันจะไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอ”.............ผมเผลอใส่อารมณ์กับอ้นอย่างเดือดดาล เมื่อนึกถึงความร้ายกาจที่นัทได้ทำกับผมเมื่อวาน...........หล่อนอมยิ้มพลางส่ายหน้าน้อยๆอย่างใจเย็น.............

                        “ใจเย็นๆก็แล้วกันพี่.............เดี๋ยวเค้าก็โทรมาเองแหล่ะ.......ค่อยๆพูดกัน..........น้องเค้ายังเด็กอยู่นะ”........เด็กเหรอ..........หึ...........เด็กกว่าผมน่ะใช่.............แต่เค้าโตพอที่จะรับผิดชอบชีวิตคนไข้ได้แล้วนะ.............เค้าคงไม่คิดอะไรแบบเด็กๆหรอก.............ผมว่าเค้าคงวางแผนเอาไว้แล้วต่างหาก.........ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็ถือได้ว่าเค้าเป็นคนที่เลือดเย็นที่สุดคนหนึ่ง................


                          ผมยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มเพื่อย้อมใจพลางครุ่นคิดอะไรเงียบๆคนเดียว............อ้นคงเบื่อที่จะพูดจาเกลี้ยกล่อมจึงหันไปเมียงมองผู้ชายในร้านแทน............ผมบีบแก้วกาแฟเอาไว้ในมือแน่น........หึ........ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมจะไม่มีวันให้อภัยเค้าเลย............เค้านึกถึงแต่ตัวเอง............เค้าหลอกลวงให้ผมคิดว่าเค้าแคร์ เค้าต้องการผม ไม่อยากให้ผมทิ้งเค้าไป.........เพียงเพื่อที่เค้าจะได้มีเวลาตัดใจถอยห่างออกไป...........เมื่อไหร่ที่เค้าทำได้สำเร็จ..........เค้าก็จะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร...........แต่คนที่จะต้องเจ็บปวดก็คือผมคนเดียว.............

                         ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขมวดความคิดให้เป็นปม.............เสียงโทรศัพท์ก็ดังแว่วขึ้นมาจากกระเป๋า..........อะไรบางอย่างกระซิบบอกผมมาตามสายลมว่าต้องเป็นนัท.............และก็จริง.............

                        “ฮัลโหล............ทำอะไรอยู่”..............นัททักเสียงเรียบ.............ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน..........มาสไตล์เดิมอีกแล้ว..............โทรมาแล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องเก่า..........และผมก็ปัญญาอ่อนพอที่จะไม่โกรธอีกเหมือนเดิม............ทั้งๆที่เมื่อครู่ยังออกอาการเป็นฟืนเป็นไฟอยู่แท้ๆ..............

                         “ไม่ได้ทำอะไร...........มานั่งดื่มกาแฟ”............ผมบอกเนือยๆ.............แต่ผมไม่ใจแข็งพอที่จะโกรธเค้าได้ลงหรอก..............เค้าโทรมาก็คงแสดงว่าสำนึกผิดแล้ว..............ผมไม่อยากจะปักใจเชื่อว่าเค้าจะคิดร้ายกาจกับผมได้ขนาดนั้นหรอก..............

                          “วันศุกร์หน้ามารับหน่อยสิ จะไปจัดฟัน”..............นัทบอกเสียงอ่อย.........บางทีเค้าอาจจะคิดว่านี่เป็นการง้อแล้วมั้ง...........แต่ออกจะเป็นการง้อที่แสนจะสบายไปหน่อย...........เนื่องจากการกระทำเช่นนี้ไม่ได้ทำให้เค้ารู้สึกผิดมากนักเพราะเค้าเลี่ยงที่จะไม่กล่าวถึงสิ่งที่เค้าได้ทำลงไปแล้ว รวมถึงไม่ได้กล่าวคำว่าขอโทษออกมา.......และแสนจะสบายเพราะผมต้องเป็นฝ่ายขับรถไปรับเค้าถึงที่แพร่ทั้งๆที่ผมควรได้รับการพะเน้าพะนอเพื่อง้องอน..............แต่ถึงยังไงผมก็เต็มใจนั่นแหล่ะ............เชื่อเค้าเลยมั้ยล่ะ............ความรักทำให้คนที่เรียนถึงระดับปริญญาเอกอย่างผม ซึ่งถือได้ว่าเป็นระดับการศึกษาสูงสุด ที่พึงเรียกว่าเป็นผู้มีปัญญาแล้วในยุคปัจจุบัน กลายเป็นคนที่ทำอะไรดูเหมือนคนโง่บ้า..............ไม่เด็ดขาด..........ไม่มั่นใจในตัวเอง............และไร้เหตุผลปัญญาอ่อน..............มันช่างมีอานุภาพมากมายจริงๆ........มีอานุภาพทั้งในทางสร้างสรรค์และทำลาย..........ซึ่งตอนนี้ถึงไม่ต้องบอกก็คงพอจะรู้ว่ามันกำลังทำลายความสุขของผมให้ย่อยยับลงไป โดยที่ผมยังไม่สามารถค้นหาทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่ายเจอ.............

                        “อืม...........กี่โมง...........ที่ไหน”............ผมรับปากอย่างว่าง่าย...........นี่ถ้าเค้าบอกให้ผมไปตาย........ผมยังสงสัยเลยว่า บางทีผมอาจจะไปตายตามที่เค้าบอกก็ได้นะ (ฮา)

                        “เดี๋ยวจะโทรมาบอกอีกที.............แค่นี้นะ”.............โฮะ.............วางสายไปแล้ว...............ผมคงตามใจเค้าจนเคยตัวแล้วมั้งเนี่ย.................จะถามไถ่กันสักคำก็ไม่มี...........บ้าชัดๆ..........

                        แต่ผมก็แอบยิ้มออกมาน้อยๆ..............อ้นจ้องมองมาที่ผมอย่างยากจะเดาว่าสายตาของหล่อนแสดงความยินดีด้วยหรือว่าสมเพชกันแน่.............

                        “เค้าโทรมาก็ดีแล้วนี่.............ค่อยๆพูดค่อยๆจากันก็แล้วกัน”.............อ้นเอ่ยออกมาในที่สุด............

                        ผมไม่ว่ากระไรนอกจากนึกทอดถอนใจอยู่คนเดียว...........ระยะหลังมานี้เสียงหัวเราของผมมักจะเป็นเสียงหัวเราะแห้งๆไม่เต็มเสียง............รอยยิ้มก็ไม่สดใสเพราะมันเจือความทุกข์เอาไว้อย่างยากที่จะสลัดให้หลุดไปได้.........ไกลกันก็ทุกข์ใจพอแรงอยู่แล้ว...........นี่ยังจะมาเจอปัญหาความไม่เข้าใจกันอีก...........เฮ้อ.........กรรมจริงๆ...........

                         “พี่ก็พูดดีๆตลอดนั่นแหล่ะ...........แต่เค้าไม่ยอมร่วมมือด้วยง่ายๆหรอก...........เค้าชอบเอาความรู้สึกของตัวเองเป็นใหญ่ตลอด”...........ผมรำพึงรำพันออกมาอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก...........โดยปกติผมจัดเป็นคนที่มีจิตวิทยาในการชักจูงหว่านล้อม และประนีประนอมสูงคนหนึ่ง...........แต่กับคนๆนี้ผมพยายามงัดเอาออกมาใช้ทุกวิธีทางแล้ว............จนผมเองนั่นแหล่ะที่ต้องไปพบจิตแพทย์เสียเอง.........อิอิ............


                         “พี่กั้งไม่ชวนเจมากินข้าวด้วยกันล่ะ”.............อ้นเปลี่ยนเรื่องเสนอกิจกรรมแก้เบื่อ.............ดูหล่อนจะชอบเจอยู่ไม่น้อย...............แต่ผมกลับเฉยๆ.............ทัศนคติด้านความรักของผมจะคล้ายความคิดของผู้หญิงที่ว่า เมื่อได้รักแล้ว จะดีจะชั่วยังไงก็ขึ้นชื่อว่าแฟนเรา.............ถ้าจะเลิกกันก็ขอให้เป็นความผิดของเค้า..............อย่าให้เป็นเพราะว่าเราประพฤตินอกใจเลย.............ผมไม่อยากทำลายศักดิ์ศรีของตัวเอง........หากเราต้องมีเรื่องให้เราทะเลาะกัน อย่างน้อยๆผมก็จะได้เถียงคอเป็นเอ็นบ้างแหล่ะว่าผมไม่เคยนอกใจเค้าเลยและทำตัวดีมาตลอด.........เห็นมั้ยล่ะว่าการซื่อสัตย์ต่อคนรักก็มีดีตั้งหนึ่งข้อแน่ะ...........




                          ผมเฝ้านั่งนับวันรอ....................แค่อีกสองวันก็จะถึงวันศุกร์แล้ว...............แต่นัทก็ยังไม่โทรมาอีกตามเคย.............ครั้งที่นัทจากไปใหม่ๆ...........ผมเคยข้อร้องเค้าดีๆหนหนึ่ง เรื่องโทรศัพท์..........แต่เค้าก็แค่รับปากแบบส่งเดช...........สุดท้ายเค้าก็ปล่อยให้ผมนั่งรอนอนรออยู่กับความภักดีที่แสนจะทรมานเหมือนเดิม..............

                          “นัท...........ตั้งแต่เราคบกันมา........พี่ยังไม่เคยขออะไรนัทเลย.........คราวนี้พี่จะขออะไรสักอย่าง นัทจะให้พี่ได้มั้ย”..........นี่เป็นคำขอร้องในคราวนั้น ที่ผมไปจำมาจากละครน้ำเน่า..........ผมชอบทำอะไรเลี่ยนๆแบบนี้แหล่ะ.........หากดูจากบุคลิกภายนอกอาจจะจิตนาการไม่ออกเลยก็ได้..........ผมอย่าจะสื่อไปถึงเค้าประมาณว่า ฉันรักและเทิดทูนต่อเธอมาโดยตลอดนะ.........เพราะฉะนั้นขออะไรตอบแทนความดีฉันบ้าสิ ทำนองนั้น............

                            “อะไรล่ะ”..........นัทถามเสียงแผ่วเหมือนไม่แน่ใจนักว่าจะทำให้ได้อย่างที่ขอ............

                           “พี่ขอให้นัทโทรหาพี่บ้าง..............วันเว้นวันก็ยังดี..........นัทก็รู้อยู่แล้วว่าพี่ไม่โทรไปหานัทหรอก พี่เกรงใจ......แต่พี่ก็อยากคุยด้วยพอให้คลายทุกข์บ้างเท่านั้น”.............ผมพยายามใช้เหตุผลหว่านล้อมเพื่อชี้ให้เค้าเห็นว่าผมไม่ใช่คนชอบโทรไปเซ้าซี้............และผมก็อยากให้เค้าโทรหาผมด้วยความห่วงใยบ้าง..........ไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่แบบนี้.............จริงๆแล้วผมไม่ควรจะต้องมานั่งหน้าด้านร้องขอเรื่องนี้จากเค้าด้วยซ้ำ..............ถ้าเค้าแคร์ผมเค้าก็ควรจะทำได้ เพราะคนรักกันมันต้องอยากคุยกันสิ........เว้นแต่ว่าจะไม่รัก...........

                         “ก็พี่กั้งน่ะ พอโทรไปหาก็ชอบชวนคุยนาน.........พูดแต่เรื่องไร้สาระ..........น่าเบื่อ”.............เออ...........น่าเบื่อมากใช่มั้ย........ฮึ่มมมม.....ผมรู้ว่าเค้าพูดไปตามประสาคนดื้อรั้น แต่สุดท้ายเค้าจะต้องยอมตามใจผมแน่ๆ........

                         “อืม..........จะพยายามก็แล้วกัน”...........นัทตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้..............

                         “ไม่เอา..........ต้องรับปากก่อน”..........ผมไม่ยอมรามือง่ายๆหรอก...........ต้องเค้นเอาสัจจะวาจาจากเค้าให้ได้...........แล้วคอยดูซิว่าจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า............

                          “อืม.........ก็ได้”...........นัทยอมรับปากในที่สุด..................แต่เค้าก็ทำได้เพียงแค่ระยะสั้นๆเท่านั้น............ไม่นานเค้าก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม..............เฮ้อ............รู้สึกเหมือนผมรักเค้าอยู่ฝ่ายเดียวยังไงก็ไม่รู้...........นี่ถ้าไม่ถือว่าได้เสียอยู่กินกันมา...........ผมคงเลิกไปนานแล้วล่ะ........พอคิดย้อนหลังกลับไปทีไร ก็ยังเห็นความดีที่เคยทำต่อกันมา............ไม่อยากจะตัดสินใจอะไรลงไปโดยพละการ..........ผมจะทนจนกว่าผมไร้ความรู้สึกต่อเค้าไปเอง............เมื่อนั้นผมจึงจะเป็นอิสระและไม่เจ็บปวดอีกต่อไป...........


                         ในที่สุดความอดกลั้นของผมก็สิ้นสุดลง..............ไหนว่าจะให้ไปรับวันศุกร์...........แล้วทำไมป่านนี้ยังไม่โทรมาบอกอีกว่าจะให้ไปได้กี่โมงยังไง.........แค่อีกสองวันก็จะถึงวันศุกร์แล้วนะ............และอีกอย่างผมก็พยายามอดทนไม่โทรไปรบกวนเค้ามาตั้งสามวันแล้ว.............เค้าคงจะไม่โกรธหรอกมั้ง หากผมจะโทรไปหา............คิดๆแล้วก็น้อยใจในวาสนาตัวเองเหลือเกิน............จะโทรหาแฟนทั้งทีต้องมานั่งคิดละเอียดปลีกย่อย ราวกับว่าจะโทรถึงนายกรัฐมนตรีก็ไม่ปาน.............ว่าแล้ว ผมก็กลั้นใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรถึงนัทด้วยหัวใจที่สั่นระทึก.............

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด