ตายแล้ว.......สองคนนี้ก็พูดไปเรื่อย.........เผื่อใครเค้ามาได้ยินเข้าเดี๋ยวเค้าก็หาว่าพี่เป็นเด็กเที่ยวกันพอดี........ก็แค่ทุกวันศุกร์เองอ่ะ.......อิอิ
...
“เป็นไงล่ะเมื่อคืน........ดูหนังสนุกมั้ย”........อ้นถามด้วยสายตาล้อเลียนระหว่างที่เราสองคนนั่งหย่อนอารมณ์กับกาแฟถ้วยโปรดที่ร้านกาแฟวาวีเจ้าประจำ..........ผมแอบชำเลืองไปมองดูหนุ่มหน้าใสโต๊ะข้างๆ ก่อนที่จะหันมาตอบคำถามของหล่อน..........
“จะมีอะไรล่ะก็แค่ดูหนังเฉยๆ”............ผมตอบเนือยๆ.......แต่อ้นทำสีหน้าเหมือนกับไม่เชื่อในสิ่งได้ยิน..........
“ทำไมล่ะ........ก็เห็นว่าไปดูคลิปวิดีโอโป๊กันไม่ใช่เหรอ.......น้องก็นึกว่าคงถึงไหนต่อไหนกันไปแล้วซะอีก”.......นี่หล่อนคิดว่าผมไวไฟขนาดนั้นหรือไงเนี่ย.........
“จะบอกให้นะ.......การมีเซ็กส์น่ะ.......มันจะต้องตามมาด้วยความรับผิดชอบต่อการมีเซ็กส์นั้น........ไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง.........แต่มันต้องเป็นความรับผิดชอบของคนสองคนต่อสิ่งที่ได้ร่วมกันทำมันลงไป.........ถ้าไม่แน่ใจว่าจะรับผิดชอบได้.......ก็อย่าทำดีกว่า........เข้าใจมะ”........กรี๊ดดดด................เป็นวาทะที่หรูเริ่ดซะไม่มี........ผมยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจในตัวเองนิดๆ.........
“ต๊าย.......เริ่ด.........เดี๋ยวก่อนนะน้องขอจดคำพูดเมื่อกี้แป๊บ”...............อ้มก้มลงจดสิ่งที่ผมพูดลงบนสมุดโน้ตยิกๆ...........ท่าทางจริงจังเชียว........อิอิ....ตั้งแต่เราเริ่มเข้าก๊วนมานั่งดื่มกาแฟด้วยกัน ผมเห็นหล่อนจดสิ่งที่ผมพูดไปได้ตั้งเยอะแน่ะ.........สงสัยจะแอบเก็บเอาไว้ใช้เองกระมัง..........
“แม่นี่ ท่าจะเพี้ยน”.........ผมแอบนึกขำอ้นในใจ........
“น้องว่าพี่กั้งน่าจะเขียนทริกต่างๆรวมเล่มบ้างนะ........ประเภท how to หรืออะไรเทือกนั้นน่ะ.......รับรองขายได้แน่นอน”..........อ้นแสดงท่าทางชื่นชมจนออกนอกหน้า.......อ้อ........ลืมบอกไปว่าตอนนี้ผมกลายเป็นไอดอลของหล่อนไปอีกคนนึงแล้วล่ะ..........อะไรๆที่ผมทำ ผมพูด ดูดีดูเข้าท่าไปเสียหมดสำหรับหล่อนนั่นแหละ..........
“พี่ก็พูดไปเรื่อยเปื่อยงั้นๆแหล่ะ..........คนอย่างพี่จะมีอะไรไปเขียนให้ใครเค้าอ่านกัน”........ผมถ่อมตัวไปตามที่คิดจริงๆ.................ผมมันก็แค่คนเจ้าความคิด ชอบเพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่าน ทำตัวรู้มากแต่ในตำราตามอย่างพวกนักวิชาการทั้งหลาย........แต่เรื่องปฏิบัติ.........ห่วยแตก..........
“พี่ไม่ได้ชอบเค้า.......พี่คงมีอะไรกะเค้าไม่ได้หรอก”..........ผมชี้แจงกับอ้นอีกทั้งเพื่อเป็นการตอกย้ำแก่ตัวเองว่าอย่าลืมจุดยืนดังกล่าวกลายๆอีกด้วย........
“พี่กั้งน่าจะลองคบกับเค้าดู.........ท่าทางเค้าก็ชอบพี่กั้งอยู่นา”.......หล่อนไม่วายยุต่อ.......
“นั่นน่ะสินะ......ทำไมไม่ลอง”........ผมรำพึงกับตัวเองออกมาเบาๆ......เจก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นนี่นา.......อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้หัวใจและความคิดผมไม่มีที่เหลือพอสำหรับคนอื่นแล้วมั้ง.......
วันต่อมาผมโทรไปวานให้น้องพรออกไปเป็นเพื่อนเพื่อไปรับป้ายชื่อที่นัทเคยขอร้องให้ไปดำเนินการจัดทำให้...........ผมตั้งใจว่าจะส่งไปให้เค้าพร้อมกับซีดีหนัง Broke Black Mountain และ Lan Yu รวมถึงหนังโป๊เกย์อีกหนึ่งเรื่อง........ยิ่งเค้าทำตัวเหมือนจะหลุดลอยไป ผมก็ยิ่งพยายามที่จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อจะเหนี่ยวรั้งเค้าเอาไว้ตามแบบของผม........เค้าอยากกลับไปใช้ชีวิตอย่างผู้ชาย........ผมก็จะตอกย้ำเค้าด้วยการส่งหนังเกย์ไปให้เค้าดู.........คิดได้ไงเนอะ........นี่แหล่ะที่เค้าเรียกว่าสู้อย่างหมาจนตรอกล่ะ.......
“ป้ายชื่อสวยดีนี่”..........น้องพรหยิบป้ายชื่อสำหรับติดหน้าอกที่ผมไปสั่งทำเอาไว้ให้นัทออกมาชม........ตอนนี้หล่อนเลิกกับแฟนเก่าของหล่อนอย่างเด็ดขาดแล้ว.........เพราะฉะนั้นสิ่งบันเทิงอย่างหนึ่งของหล่อนในตอนนี้คือการคอยพูดชักใบให้เรือเสีย........
“พี่กั้งจะไปฟังอะไรนังน้องพรมันมาก.........ชีก็แค่พวกสุนัขจิ้งจอกหางด้วน........ตัวเองอกหัก ก็อยากให้คนอื่นเป็นเหมือนตัว”........อ้นเคยแอบนินทาเมื่อผมนำเอาพฤติกรรมของน้องพรไปเล่าสู่ให้ฟัง.......ตอนนี้อ้นเป็นคนเดียวที่ยังคอยกระตุ้นให้ผมอดทนสู้ต่อไป.........ในขณะที่คนอื่นๆดูเหมือนจะคอยแช่งชักให้เลิกกันเสียให้ได้ (คนมันไม่อยากเลิก พอมีคนมาบอกให้เลิก มันก็เลยฟังดูเหมือนคำแช่งน่ะ.......อิอิ)
ผมหยิบเอาป้ายชื่อของนัทออกมาดูบ้าง...........มันก็ดูดีอยู่หรอก.........แต่ยังไม่ดีพออย่างที่ผมต้องการ......
“แต่พี่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”.......ผมบ่นอุบก่อนจะพับมันใส่กระเป๋า.........
“ช่างมันเถอะพี่กั้ง........ไหนๆท้ายที่สุดเค้าก็จะต้องจากเราไปอยู่ดี จะไปทุ่มเทอะไรกันนักหนา.......คอยดูนะเค้าจะค่อยๆถอยห่างพี่กั้งไป แต่เค้าจะไม่เป็นฝ่ายบอกเลิกก่อนหรอก........เค้าจะรอให้พี่กั้งทนไม่ไหวจนต้องเป็นฝ่ายบอกเลิกเค้าเอง”.........น้องพรวิจารณ์ถึงนัทออกมาตรงๆโดยไม่กลัวว่าผมจะสะเทือนใจ.........ผมรู้สึกว่าพักหลังตั้งแต่หล่อนโดนผู้ชายทิ้งมาเนี่ย.......หล่อนเหมือนคอยจ้องแต่จะดูเรือรักของผมกับนัทอับปางลงเสียให้ได้.........มันคงเป็นความหฤหรรษ์มากเลยสินะ.........
ผมจึงเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาก่อนที่จะเสียอารมณ์มากไปกว่านี้..........แต่มาคิดดูอีกทีหล่อนอาจจะพูดเพราะต้องการเตือนสติผมก็ได้.........ถึงจะยังงั้นก็เถอะ.......ความจริงที่โหดร้ายคงไม่มีใครอยากจะฟังหรอก.....จริงมั้ย...........โดยเฉพาะคนที่ชอบหลอกตัวเองอย่างผม.........
เช้าของวันรุ่งขึ้น......ผมรีบตื่นและเข้ามาทำงานที่แลปเร็วกว่าปกติ...........ถุงที่บรรจุป้ายชื่อของนัทและซีดีหนังถูกวางเอาไว้ที่โต๊ะข้างๆ......เค้ายังไม่โทรถึงผมเลยตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ผมไปส่งเค้ามา..........ใจดำจัง.......ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษมาเขียนโน้ตถึงนัท..........เขียนแล้วขยำทิ้ง ซ้ำๆซากๆ จนพอใจ.....
“หนังเรื่องนี้มีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกับชีวิตของเราสองคน.....พี่อยากให้นัทลองตั้งใจดูมันให้ดี.........บางทีนัทอาจจะพบคำตอบให้กับตัวเองก็ได้........ในหนังมีอยู่ตอนหนึ่งที่แจ็คบอกกับเดเนียลว่า.........บางครั้งเค้าคิดถึงแดเนียลมาก.......คิดถึงจนแทบจะทนไม่ไหว.........พี่เองก็อยากบอกกับนัทว่า.......บางครั้งพี่ก็รู้สึกไม่แตกต่างไปจากที่แจ็ครู้สึกเลย.........รัก......ลงชื่อ พี่กั้ง.........”
ผมค่อยๆบรรจงพับแผ่นโน้ตดังกล่าวลงในซองจดหมาย..........แอบหวังอยู่ลึกๆว่า ถ้าเค้ายังรักผมอยู่.........บางทีข้อความที่ผมส่งไปพร้อมกับความห่วงใยที่มีต่อเค้า........อาจทำให้อะไรต่ออะไรมันเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นก็ได้..........ก่อนที่อะไรต่ออะไรมันจะสายจนเกินไป.......และเพื่อให้เห็นแก่คุณงามความดีที่ข้าพเจ้าได้สั่งสมมาทั้งในอดีตชาติและปัจจุบัน.........ขอองค์พระธาตุดอยสุเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงช่วยดลใจนัทให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วยเถิด.......สาธุ........
หลังจากส่งพัสดุไปให้นัทแล้ว........ชีวิตของผมก็ยังคงดำเนินไปอย่างเรื่อยเฉื่อยเช่นเคย.........ป่านนี้พัสดุนั้นคงไปถึงนัทแล้ว........เค้าจะชอบป้ายชื่อที่ผมทำไปให้หรือเปล่านะ.........แต่คนอย่างเค้าบางทีก็เดาใจยาก...........ผมก็ได้แต่หวังว่าเค้าอาจจะชอบ.....ก็เท่านั้นเอง........
“พี่กั้งเหรอ........ขอบคุณนะครับ........นัทได้ป้ายชื่อแล้วล่ะ”.......สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงดลใจเค้าแล้วจริงๆ........อย่างน้อยๆเค้าก็โทรมาขอบคุณผมแหล่ะน่า........
“ชอบมั้ยล่ะ”.....เราสองคนไม่ค่อยได้คุยใกล้ชิดกันบ่อยๆเหมือนเดิมแล้ว........ตอนนี้ผมเดาทางเค้าไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน.......คำพูดของผมจึงต้องห้วน สั้น และดูสงวนท่าที..........อึดอัดเป็นบ้าเลย......
“ก็ดีนะ.........ทำไมทำมาซะเยอะเลยล่ะ”........เสียงนัทฟังดูมีความสุขจนสัมผัสได้อย่างชัดเจน..........
“ก็เอาไว้เผื่อมันหายไง........แล้วดูหนังที่พี่ให้ไปหรือยังล่ะ”.........ผมถามต่อด้วยความปลื้มใจ.....อยากจะรู้จังว่าหมากที่ผมได้วางเอาไว้จะทำงานหรือเปล่า.........
“ดูแล้ว.....ตลกดี........เฮอะๆ....แล้วยังเขียนโน้ตอะไรมาอีกแน่ะ.......แมเนีย.......” นัทหัวเราะพลางกล่าวถึงโน๊ตของผมอย่างเขินๆ..........ก็แล้วไงล่ะ........ผมชอบทำอะไรซึ้งๆแบบนี้แหล่ะ........
“ว่าแต่นัทจะมาเชียงใหม่วันไหนอ่ะ.......” ผมตัดสินใจถามถึงสิ่งที่รอคอยอยู่........ตามกำหนดก็น่าจะเป็นอาทิตย์หน้านี้แล้วนี่นาที่เค้าจะต้องมาจัดฟัน.........ในใจลึกๆก็ยังแอบนึกหวาดๆอยู่ไม่หายว่าจะโดนเอ็ดตะโรแบบเดิมอีก.........
“คงวันศุกร์หน้าอ่ะ.........เอาไว้นัทจะโทรมาบอกอีกทีแล้วกัน.........พี่กั้งอ่ะชอบถามแต่ว่าจะกลับเมื่อไหร่ๆ.........น่ารำคาญ...........” นัทไม่วายที่จะบ่นให้ผมอีกตามเคย.........ปกติมีอะไรเค้าก็ชอบว่าให้ผมอยู่เสมอๆ จนเคยตัวอยู่แล้ว.........
“เอ๋า.........ก็พี่จะได้แพลนถูกว่าจะต้องไปซื้ออะไรมาเตรียมไว้ทำกับข้าวให้กินไง.........ไม่บอกแล้วจะรู้เหรอ”........ผมตัดพ้อเสียงอ่อน...........
“เออๆ.......เอาไว้ใกล้วันแล้วนัทจะโทรไปบอกอีกทีละกัน.........มีอะไรอีกมั้ย........แค่นี้นะ”..........ยังไม่ทันที่ผมจะได้กล่าวคำล่ำลา........นัทก็ชิงวางสายไปเสียก่อน...........แต่ก็เอาถอะ........อย่างน้อยๆเค้าก็พูดจาดูดีขึ้นมาบ้าง........ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่เคยโทรมาถามข่าวคราวผมเลยก็เถอะ.................
มาถึงตอนนี้......ผมแทบจะอดทนรอให้ถึงวันศุกร์หน้าไม่ไหวอยู่แล้ว...........แผนการอาหารและแผนอื่นๆผุดขึ้นมาในสมองจนยุ่งเหยิงไปหมด..........ไหนจะแหวนสองวงที่ซื้อมานั่นอีกล่ะ.........ผมจะต้องหาทางหว่านล้อมให้เค้าเห็นดีเห็นงามและยอมใส่มันไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายให้ได้..........ถ้าเป็นไปได้เราจะต้องผลัดกันสวมให้กันและกันถึงจะซึ้ง............อีกอย่างนึง ผมควรจะคิดประโยคซึ้งๆเอาไว้พูดตอนสวมให้เค้าด้วย อาทิเช่น
“พี่อยากให้นัทใส่มันเอาไว้แบบนี้ตลอดไป..........วันหนึ่งข้างหน้าแม้ว่าเราสองคนจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้แล้วก็ตาม......ก็ขออย่าได้ถอดมันทิ้ง..........ขอให้มันเป็นตัวแทนของพี่.........พี่อยากให้นัทรู้ว่าพี่จะคอยอยู่ข้างๆนัทเสมอ”............
อืม.........ฟังดูดีไม่เลว........ผมทบทวนคำพูดดังกล่าวซ้ำไปซ้ำมา........ตัดคำนั้นออกนิด เติมคำนี้เข้ามาหน่อย แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจเสียที..........เฮ้อ..........ว่าแต่ว่า........ผมจะมีโอกาสได้พูดมั้ยเนี่ย.........กลัวแต่นัทจะทำเสียเรื่องไม่ซึ้งด้วยอ่ะดิ..........แต่ถึงยังไงได้แค่ซ้อมเอาไว้ก่อนก็ยังดีวะ.............