คนละปลายทาง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คนละปลายทาง  (อ่าน 167996 ครั้ง)

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #660 เมื่อ16-01-2008 21:03:15 »


มาต่อด่วน  ไม่งั้น ศุกร์นี้น้องไม่ไปเที่ยวด้วยนะ

เอาเจงนะเว้ย  :m16:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #661 เมื่อ17-01-2008 05:45:02 »

นึกว่ามาต่อแล้ว  :a6:

มาต่อให้ไวเลย  ไม่งั้นไม่ให้เจ้ไปเที่ยวด้วยนะ (ซะงั้น 55)

รออยู่นะจ๊ะ  :oni2: 

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #662 เมื่อ17-01-2008 09:46:44 »

ตายแล้ว.......สองคนนี้ก็พูดไปเรื่อย.........เผื่อใครเค้ามาได้ยินเข้าเดี๋ยวเค้าก็หาว่าพี่เป็นเด็กเที่ยวกันพอดี........ก็แค่ทุกวันศุกร์เองอ่ะ.......อิอิ

...


                        “เป็นไงล่ะเมื่อคืน........ดูหนังสนุกมั้ย”........อ้นถามด้วยสายตาล้อเลียนระหว่างที่เราสองคนนั่งหย่อนอารมณ์กับกาแฟถ้วยโปรดที่ร้านกาแฟวาวีเจ้าประจำ..........ผมแอบชำเลืองไปมองดูหนุ่มหน้าใสโต๊ะข้างๆ ก่อนที่จะหันมาตอบคำถามของหล่อน..........

                        “จะมีอะไรล่ะก็แค่ดูหนังเฉยๆ”............ผมตอบเนือยๆ.......แต่อ้นทำสีหน้าเหมือนกับไม่เชื่อในสิ่งได้ยิน..........

                        “ทำไมล่ะ........ก็เห็นว่าไปดูคลิปวิดีโอโป๊กันไม่ใช่เหรอ.......น้องก็นึกว่าคงถึงไหนต่อไหนกันไปแล้วซะอีก”.......นี่หล่อนคิดว่าผมไวไฟขนาดนั้นหรือไงเนี่ย.........

                        “จะบอกให้นะ.......การมีเซ็กส์น่ะ.......มันจะต้องตามมาด้วยความรับผิดชอบต่อการมีเซ็กส์นั้น........ไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง.........แต่มันต้องเป็นความรับผิดชอบของคนสองคนต่อสิ่งที่ได้ร่วมกันทำมันลงไป.........ถ้าไม่แน่ใจว่าจะรับผิดชอบได้.......ก็อย่าทำดีกว่า........เข้าใจมะ”........กรี๊ดดดด................เป็นวาทะที่หรูเริ่ดซะไม่มี........ผมยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจในตัวเองนิดๆ.........

                       “ต๊าย.......เริ่ด.........เดี๋ยวก่อนนะน้องขอจดคำพูดเมื่อกี้แป๊บ”...............อ้มก้มลงจดสิ่งที่ผมพูดลงบนสมุดโน้ตยิกๆ...........ท่าทางจริงจังเชียว........อิอิ....ตั้งแต่เราเริ่มเข้าก๊วนมานั่งดื่มกาแฟด้วยกัน ผมเห็นหล่อนจดสิ่งที่ผมพูดไปได้ตั้งเยอะแน่ะ.........สงสัยจะแอบเก็บเอาไว้ใช้เองกระมัง..........

                        “แม่นี่ ท่าจะเพี้ยน”.........ผมแอบนึกขำอ้นในใจ........

                       “น้องว่าพี่กั้งน่าจะเขียนทริกต่างๆรวมเล่มบ้างนะ........ประเภท how to หรืออะไรเทือกนั้นน่ะ.......รับรองขายได้แน่นอน”..........อ้นแสดงท่าทางชื่นชมจนออกนอกหน้า.......อ้อ........ลืมบอกไปว่าตอนนี้ผมกลายเป็นไอดอลของหล่อนไปอีกคนนึงแล้วล่ะ..........อะไรๆที่ผมทำ ผมพูด ดูดีดูเข้าท่าไปเสียหมดสำหรับหล่อนนั่นแหละ..........

                        “พี่ก็พูดไปเรื่อยเปื่อยงั้นๆแหล่ะ..........คนอย่างพี่จะมีอะไรไปเขียนให้ใครเค้าอ่านกัน”........ผมถ่อมตัวไปตามที่คิดจริงๆ.................ผมมันก็แค่คนเจ้าความคิด ชอบเพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่าน ทำตัวรู้มากแต่ในตำราตามอย่างพวกนักวิชาการทั้งหลาย........แต่เรื่องปฏิบัติ.........ห่วยแตก..........

                         “พี่ไม่ได้ชอบเค้า.......พี่คงมีอะไรกะเค้าไม่ได้หรอก”..........ผมชี้แจงกับอ้นอีกทั้งเพื่อเป็นการตอกย้ำแก่ตัวเองว่าอย่าลืมจุดยืนดังกล่าวกลายๆอีกด้วย........

                          “พี่กั้งน่าจะลองคบกับเค้าดู.........ท่าทางเค้าก็ชอบพี่กั้งอยู่นา”.......หล่อนไม่วายยุต่อ.......

                          “นั่นน่ะสินะ......ทำไมไม่ลอง”........ผมรำพึงกับตัวเองออกมาเบาๆ......เจก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นนี่นา.......อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้หัวใจและความคิดผมไม่มีที่เหลือพอสำหรับคนอื่นแล้วมั้ง.......



                          วันต่อมาผมโทรไปวานให้น้องพรออกไปเป็นเพื่อนเพื่อไปรับป้ายชื่อที่นัทเคยขอร้องให้ไปดำเนินการจัดทำให้...........ผมตั้งใจว่าจะส่งไปให้เค้าพร้อมกับซีดีหนัง Broke Black Mountain และ Lan Yu รวมถึงหนังโป๊เกย์อีกหนึ่งเรื่อง........ยิ่งเค้าทำตัวเหมือนจะหลุดลอยไป ผมก็ยิ่งพยายามที่จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อจะเหนี่ยวรั้งเค้าเอาไว้ตามแบบของผม........เค้าอยากกลับไปใช้ชีวิตอย่างผู้ชาย........ผมก็จะตอกย้ำเค้าด้วยการส่งหนังเกย์ไปให้เค้าดู.........คิดได้ไงเนอะ........นี่แหล่ะที่เค้าเรียกว่าสู้อย่างหมาจนตรอกล่ะ.......

                          “ป้ายชื่อสวยดีนี่”..........น้องพรหยิบป้ายชื่อสำหรับติดหน้าอกที่ผมไปสั่งทำเอาไว้ให้นัทออกมาชม........ตอนนี้หล่อนเลิกกับแฟนเก่าของหล่อนอย่างเด็ดขาดแล้ว.........เพราะฉะนั้นสิ่งบันเทิงอย่างหนึ่งของหล่อนในตอนนี้คือการคอยพูดชักใบให้เรือเสีย........

                           “พี่กั้งจะไปฟังอะไรนังน้องพรมันมาก.........ชีก็แค่พวกสุนัขจิ้งจอกหางด้วน........ตัวเองอกหัก ก็อยากให้คนอื่นเป็นเหมือนตัว”........อ้นเคยแอบนินทาเมื่อผมนำเอาพฤติกรรมของน้องพรไปเล่าสู่ให้ฟัง.......ตอนนี้อ้นเป็นคนเดียวที่ยังคอยกระตุ้นให้ผมอดทนสู้ต่อไป.........ในขณะที่คนอื่นๆดูเหมือนจะคอยแช่งชักให้เลิกกันเสียให้ได้ (คนมันไม่อยากเลิก พอมีคนมาบอกให้เลิก มันก็เลยฟังดูเหมือนคำแช่งน่ะ.......อิอิ)

                           ผมหยิบเอาป้ายชื่อของนัทออกมาดูบ้าง...........มันก็ดูดีอยู่หรอก.........แต่ยังไม่ดีพออย่างที่ผมต้องการ......

                          “แต่พี่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”.......ผมบ่นอุบก่อนจะพับมันใส่กระเป๋า.........

                          “ช่างมันเถอะพี่กั้ง........ไหนๆท้ายที่สุดเค้าก็จะต้องจากเราไปอยู่ดี จะไปทุ่มเทอะไรกันนักหนา.......คอยดูนะเค้าจะค่อยๆถอยห่างพี่กั้งไป แต่เค้าจะไม่เป็นฝ่ายบอกเลิกก่อนหรอก........เค้าจะรอให้พี่กั้งทนไม่ไหวจนต้องเป็นฝ่ายบอกเลิกเค้าเอง”.........น้องพรวิจารณ์ถึงนัทออกมาตรงๆโดยไม่กลัวว่าผมจะสะเทือนใจ.........ผมรู้สึกว่าพักหลังตั้งแต่หล่อนโดนผู้ชายทิ้งมาเนี่ย.......หล่อนเหมือนคอยจ้องแต่จะดูเรือรักของผมกับนัทอับปางลงเสียให้ได้.........มันคงเป็นความหฤหรรษ์มากเลยสินะ.........

                          ผมจึงเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาก่อนที่จะเสียอารมณ์มากไปกว่านี้..........แต่มาคิดดูอีกทีหล่อนอาจจะพูดเพราะต้องการเตือนสติผมก็ได้.........ถึงจะยังงั้นก็เถอะ.......ความจริงที่โหดร้ายคงไม่มีใครอยากจะฟังหรอก.....จริงมั้ย...........โดยเฉพาะคนที่ชอบหลอกตัวเองอย่างผม.........



                          เช้าของวันรุ่งขึ้น......ผมรีบตื่นและเข้ามาทำงานที่แลปเร็วกว่าปกติ...........ถุงที่บรรจุป้ายชื่อของนัทและซีดีหนังถูกวางเอาไว้ที่โต๊ะข้างๆ......เค้ายังไม่โทรถึงผมเลยตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ผมไปส่งเค้ามา..........ใจดำจัง.......ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษมาเขียนโน้ตถึงนัท..........เขียนแล้วขยำทิ้ง ซ้ำๆซากๆ จนพอใจ.....

                          “หนังเรื่องนี้มีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกับชีวิตของเราสองคน.....พี่อยากให้นัทลองตั้งใจดูมันให้ดี.........บางทีนัทอาจจะพบคำตอบให้กับตัวเองก็ได้........ในหนังมีอยู่ตอนหนึ่งที่แจ็คบอกกับเดเนียลว่า.........บางครั้งเค้าคิดถึงแดเนียลมาก.......คิดถึงจนแทบจะทนไม่ไหว.........พี่เองก็อยากบอกกับนัทว่า.......บางครั้งพี่ก็รู้สึกไม่แตกต่างไปจากที่แจ็ครู้สึกเลย.........รัก......ลงชื่อ พี่กั้ง.........”

                            ผมค่อยๆบรรจงพับแผ่นโน้ตดังกล่าวลงในซองจดหมาย..........แอบหวังอยู่ลึกๆว่า ถ้าเค้ายังรักผมอยู่.........บางทีข้อความที่ผมส่งไปพร้อมกับความห่วงใยที่มีต่อเค้า........อาจทำให้อะไรต่ออะไรมันเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นก็ได้..........ก่อนที่อะไรต่ออะไรมันจะสายจนเกินไป.......และเพื่อให้เห็นแก่คุณงามความดีที่ข้าพเจ้าได้สั่งสมมาทั้งในอดีตชาติและปัจจุบัน.........ขอองค์พระธาตุดอยสุเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงช่วยดลใจนัทให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วยเถิด.......สาธุ........


                            หลังจากส่งพัสดุไปให้นัทแล้ว........ชีวิตของผมก็ยังคงดำเนินไปอย่างเรื่อยเฉื่อยเช่นเคย.........ป่านนี้พัสดุนั้นคงไปถึงนัทแล้ว........เค้าจะชอบป้ายชื่อที่ผมทำไปให้หรือเปล่านะ.........แต่คนอย่างเค้าบางทีก็เดาใจยาก...........ผมก็ได้แต่หวังว่าเค้าอาจจะชอบ.....ก็เท่านั้นเอง........

                            “พี่กั้งเหรอ........ขอบคุณนะครับ........นัทได้ป้ายชื่อแล้วล่ะ”.......สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงดลใจเค้าแล้วจริงๆ........อย่างน้อยๆเค้าก็โทรมาขอบคุณผมแหล่ะน่า........

                             “ชอบมั้ยล่ะ”.....เราสองคนไม่ค่อยได้คุยใกล้ชิดกันบ่อยๆเหมือนเดิมแล้ว........ตอนนี้ผมเดาทางเค้าไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน.......คำพูดของผมจึงต้องห้วน สั้น และดูสงวนท่าที..........อึดอัดเป็นบ้าเลย......

                              “ก็ดีนะ.........ทำไมทำมาซะเยอะเลยล่ะ”........เสียงนัทฟังดูมีความสุขจนสัมผัสได้อย่างชัดเจน..........

                              “ก็เอาไว้เผื่อมันหายไง........แล้วดูหนังที่พี่ให้ไปหรือยังล่ะ”.........ผมถามต่อด้วยความปลื้มใจ.....อยากจะรู้จังว่าหมากที่ผมได้วางเอาไว้จะทำงานหรือเปล่า.........

                               “ดูแล้ว.....ตลกดี........เฮอะๆ....แล้วยังเขียนโน้ตอะไรมาอีกแน่ะ.......แมเนีย.......” นัทหัวเราะพลางกล่าวถึงโน๊ตของผมอย่างเขินๆ..........ก็แล้วไงล่ะ........ผมชอบทำอะไรซึ้งๆแบบนี้แหล่ะ........

                               “ว่าแต่นัทจะมาเชียงใหม่วันไหนอ่ะ.......” ผมตัดสินใจถามถึงสิ่งที่รอคอยอยู่........ตามกำหนดก็น่าจะเป็นอาทิตย์หน้านี้แล้วนี่นาที่เค้าจะต้องมาจัดฟัน.........ในใจลึกๆก็ยังแอบนึกหวาดๆอยู่ไม่หายว่าจะโดนเอ็ดตะโรแบบเดิมอีก.........

                                “คงวันศุกร์หน้าอ่ะ.........เอาไว้นัทจะโทรมาบอกอีกทีแล้วกัน.........พี่กั้งอ่ะชอบถามแต่ว่าจะกลับเมื่อไหร่ๆ.........น่ารำคาญ...........” นัทไม่วายที่จะบ่นให้ผมอีกตามเคย.........ปกติมีอะไรเค้าก็ชอบว่าให้ผมอยู่เสมอๆ จนเคยตัวอยู่แล้ว.........

                                 “เอ๋า.........ก็พี่จะได้แพลนถูกว่าจะต้องไปซื้ออะไรมาเตรียมไว้ทำกับข้าวให้กินไง.........ไม่บอกแล้วจะรู้เหรอ”........ผมตัดพ้อเสียงอ่อน...........

                                 “เออๆ.......เอาไว้ใกล้วันแล้วนัทจะโทรไปบอกอีกทีละกัน.........มีอะไรอีกมั้ย........แค่นี้นะ”..........ยังไม่ทันที่ผมจะได้กล่าวคำล่ำลา........นัทก็ชิงวางสายไปเสียก่อน...........แต่ก็เอาถอะ........อย่างน้อยๆเค้าก็พูดจาดูดีขึ้นมาบ้าง........ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่เคยโทรมาถามข่าวคราวผมเลยก็เถอะ.................


                                  มาถึงตอนนี้......ผมแทบจะอดทนรอให้ถึงวันศุกร์หน้าไม่ไหวอยู่แล้ว...........แผนการอาหารและแผนอื่นๆผุดขึ้นมาในสมองจนยุ่งเหยิงไปหมด..........ไหนจะแหวนสองวงที่ซื้อมานั่นอีกล่ะ.........ผมจะต้องหาทางหว่านล้อมให้เค้าเห็นดีเห็นงามและยอมใส่มันไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายให้ได้..........ถ้าเป็นไปได้เราจะต้องผลัดกันสวมให้กันและกันถึงจะซึ้ง............อีกอย่างนึง ผมควรจะคิดประโยคซึ้งๆเอาไว้พูดตอนสวมให้เค้าด้วย อาทิเช่น

                                   “พี่อยากให้นัทใส่มันเอาไว้แบบนี้ตลอดไป..........วันหนึ่งข้างหน้าแม้ว่าเราสองคนจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้แล้วก็ตาม......ก็ขออย่าได้ถอดมันทิ้ง..........ขอให้มันเป็นตัวแทนของพี่.........พี่อยากให้นัทรู้ว่าพี่จะคอยอยู่ข้างๆนัทเสมอ”............

                                    อืม.........ฟังดูดีไม่เลว........ผมทบทวนคำพูดดังกล่าวซ้ำไปซ้ำมา........ตัดคำนั้นออกนิด เติมคำนี้เข้ามาหน่อย แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจเสียที..........เฮ้อ..........ว่าแต่ว่า........ผมจะมีโอกาสได้พูดมั้ยเนี่ย.........กลัวแต่นัทจะทำเสียเรื่องไม่ซึ้งด้วยอ่ะดิ..........แต่ถึงยังไงได้แค่ซ้อมเอาไว้ก่อนก็ยังดีวะ.............

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2008 13:21:06 โดย moody »

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #663 เมื่อ17-01-2008 09:52:36 »

คุณกั้งขา คนอ่านลุ้นจนเหนื่อยแล้ว  :m23:

ออฟไลน์ MeepadA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1069
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #664 เมื่อ17-01-2008 12:45:37 »

คุณกั้งขา คนอ่านลุ้นจนเหนื่อยแล้ว  :m23:


ผมก้อลุ้นเหมือนกัน เมื่อไหร่จะเลิกกัน ซักที   :angry2:

แห่ะๆๆๆ วิ่งหนี บาทาอย่างด่วนๆๆๆ  กลัวโดน   :เตะ1: :เตะ1:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #665 เมื่อ17-01-2008 13:12:24 »


ที่แท้ก็แค่ซ้อมพูดเหรอเนี้ย  กำ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #666 เมื่อ17-01-2008 18:08:30 »

จะได้พูดมั้ยอ่า  พูดแล้วมันจะดีมั้ยอ่า  :sad2:  :sad2:

ต่อๆๆ   :oni2:  :oni2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #667 เมื่อ17-01-2008 20:03:47 »

อ่านแล้วลุ้นแฮะ  เมื่อไหร่จะเลิกกันนนนนนนนน     :m14: :m14: :m14:

kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #668 เมื่อ22-01-2008 15:04:03 »

 :m23:       มาเข้าแถว  รอลุ้น(ให้เลิก)อีกคนละจ้า
 :m12:        สงสัยแถวจะยาวนะเนี่ย

tor13

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #669 เมื่อ22-01-2008 16:01:38 »

 :a11: :a11: :a11:เข้าต่อแถวรอลุ้นให้เลิกด้วยอีกคน :a4: :a4: :a4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #669 เมื่อ: 22-01-2008 16:01:38 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #670 เมื่อ22-01-2008 19:57:41 »

อย่าว่ากันนะ เพราะเราก็รอลุ้นว่าเมื่อไหร่จะเลิกกันเหมือนกันแหละ

อ่านแล้วเหนื่อยใจชะมัดเลย   :m29: คนอาไร้ อดทนเป็นที่สุด

ทำไม ความรักมันต้องเป็นอย่างนี้ด้วยนะ

ไม่เข้าใจจริงๆ o12

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #671 เมื่อ23-01-2008 05:30:34 »

มารออ่านชีวิตรักคุณกัํง  :เฮ้อ: เหนื่อยใจ

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #672 เมื่อ24-01-2008 08:31:46 »

                 “อ้นไปเป็นเพื่อนพี่จ่ายตลอดหน่อยได้ป่ะ”............นับจากวันนี้ไปจนถึงวันศุกร์ก็เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้น......แทนที่จะมานั่งกระวนกระวายจมจ่อรอคอยอยู่แบบนี้ สู้ผมเอาเวลาว่างที่เหลืออยู่ออกไปตระเตรียมซื้อหาของกินไว้ให้นัทเสียแต่เนิ่นๆจะดีกว่า...........พอใกล้ถึงวันจริงขึ้นมาจะพาลฉุกละหุกกันเสียเปล่าๆ..........


                  ลำพังตัวผมเองนั้น นับได้ว่าเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายพอสมควร.........ก็แค่ปากๆเดียว จะกินอะไรกันนักหนาล่ะจริงมั้ย.......ดังนั้น ปกติผมจึงมักจะออกไปฝากท้องกับร้านอาหารข้างนอกในยามหิว มากกว่าที่จะทำกับข้าวกินเองเสมอ..........เมื่อนัทไม่อยู่ที่เชียงใหม่แล้ว ตู้เย็นของผมจึงกลับมาว่างเปล่าบ๋อแบ๋อีกตามเคย....จะมีก็แค่น้ำดื่มแก้กระหายเอาไว้กินกันตายก็เท่านั้นแหล่ะ..........


                   การทำกับข้าวกินเองที่บ้านกับคนรัก แม้จะเหนื่อยแต่ก็ถือว่าได้ประโยชน์หลายสถาน...............ประการแรก เป็นการประหยัดสตังค์ที่ต้องเสียไปกับการออกไปกินข้าวนอกบ้าน..........ประการที่สองทำให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันแบบเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น..........ประการที่สามเป็นโอกาสอันดีต่อการอวดเสน่ห์ปลายจวักที่เรามีอยู่ เพื่อมัดใจคนรักของเราให้อยู่หมัด (อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลแค่ไหนหรอก อิอิ)............ประการสุดท้ายเพื่อความสบายใจของนัทที่จะได้ไม่ต้องควงคู่กับผมออกไปอวดสายตาประชาชี (ก็เค้ากลัวแต่จะมีคนมาเจอ....ขอบอกตรงๆว่าผมเองก็ไม่ได้อยากจะออกไปไหนต่อไหนกับเค้ามากนักหรอก......มันเซ็ง!)


                   “ไอ้นัทมันจะรู้มั้ยเนี่ยว่าคนอื่นเค้าต้องมาลำบากเพื่อมันขนาดไหนอ่ะ”.......อ้นบ่นอุบระหว่างที่เราสองคนเดินหิ้วถุงของสดปุเลงๆไปรอบกาดเจดีย์ขาว...............


                  “อย่าบ่นนักเลย ถือว่ามาช่วยพี่เอาบุญก็แล้วกันนะจ้ะ”...........ผมหันมาปลอบใจอ้นพลางส่งยิ้มหวาน.........


                   แดดยามบ่ายของหน้าฝน ร้อนแรงจนแสบผิว............ผู้คนดูบางตาเพราะไม่ใช่เวลาของการจับจ่าย (ความจริงก็คือผมแอบโดดงานมาน่ะแหล่ะ อิอิ)..........โดยปกติผมถนัดที่จะจ่ายตลาดในห้องแอร์มากกว่าตลาดสด........แต่เมื่อเทียบราคาและคุณภาพของวัตถุดิบแล้ว.........ตลาดสดนับว่ากินขาดในทั้งสองด้านอย่างชนิดที่เทียบกันไม่ติดฝุ่น.........


                   ผมเลือกซื้อของสดในแบบที่เคยซื้อบ่อยๆ.........ลูกชิ้นชนิดต่างๆ เอาไว้สำหรับทอดกินเล่นหรือใช้ทำสุกี้ก็ได้..........เนื้อไก่.......ผักสด.......เส้นใหญ่สำหรับผัดซีอิ้ว.........ข้าวสวย.........ผลไม้สด.........และอื่นๆ........ความจริงผมเองก็ไม่รู้หรอกว่านัทชอบกินอะไรเป็นพิเศษ........ผมทำอะไรให้กินเค้าก็กินได้หมดไม่เคยบ่น..........อาจจะเป็นเพราะว่าเค้ามีเชื้อสายจีน จึงถูกฝึกนิสัยการกินง่ายอยู่ง่ายมาจนเคยชินเสียแล้ว........แต่ถึงกระนั้นผมก็ทุ่มเททำจนสุดฝีมือเพื่อเค้าอยู่ดี.......การได้ทำอะไรให้คนที่เรารักมันเป็นความสุขใจอย่างหนึ่งของผม.............ถึงแม้ว่าเค้าจะเห็นค่าของมันหรือไม่ก็ตาม...........


              “แล้วพี่กั้งจะไปรับไอ้นัทเมื่อไหร่ล่ะ”...........ผมชะงักกับคำถามของอ้นไปชั่วขณะ..........นั่นน่ะสินะ.............เมื่อไหร่ล่ะ............บอกว่าจะโทรมาคอนเฟิร์มป่านนี้ก็ยังเงียบฉี่อยู่เลย............


               “คงเป็นวันศุกร์มั้ง...........เค้าบอกว่าจะโทรมาบอกอีกทีอ่ะ”.............ผมตอบพลางก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของใส่ท้ายรถ.............เค้าบอกว่าจะมา เค้าก็ต้องมา..........นัทไม่เคยโกหกผมหรอก...........


                ระหว่างที่ผมกับอ้นกำลังขับรถเอาของกลับไปเก็บที่ห้อง.........นัทก็โทรเข้ามาพอดี............


               “นัทโทรมา.........” ผมหันไปบอกอ้นด้วยความดีใจ..........


                “ฮัลโหลพี่กั้ง.......มารับนัทพรุ่งนี้หลังเลิกงานได้ป่าว”...............ไหนว่าจะมาวันศุกร์ไง............แต่ก็ดีเหมือนกัน จะได้อยู่ด้วยกันนานขึ้น............อิอิ


                   “ทำไมล่ะ...........ปกติเห็นให้ไปรับวันศุกร์ตอนเที่ยงไม่ใช่เหรอ”.........แม้จะดีใจแต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมนัทถึงรีบร้อนให้ไปรับผิดปกติ..............หรือว่าจะอยากรีบมาอยู่กะเรานะ...........


                “อาจารย์หมอเค้าไม่ว่างตอนบ่าย.......นัทเลยต้องไปให้ทันตอนเช้าวันศุกร์”...........เวร............นึกว่าจะคิดถึงผมซะอีก...........แต่ก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้ก็แล้วกันเนอะ...............



                ถ้าจะให้ออกไปรับนัทตอนเย็น เห็นทีผมคงต้องไปถึงที่นั่นมืดค่ำแน่ๆ..............ขับรถขึ้นเขากลางค่ำกลางคืนคนเดียวคงไม่ปลอดภัย........โดยเฉพาะพักหลังมานี้ ผมยิ่งฝันร้ายบ่อยๆอยู่ด้วย.........แต่ถ้าให้ไปรอแต่หัววัน ผมเองก็ไม่อยากให้นัทต้องมาลำบากใจ เดี๋ยวคนที่ทำงานเค้าอาจจะเห็น.........ลองชวนอ้นไปเป็นเพื่อนดูดีกว่า...........แม้ว่านัทจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าหล่อนเท่าไรนัก แต่ก็คงไม่ถึงกับร่วมทางกันไม่ได้หรอกมั้ง........นัทคงเข้าใจบ้างแหล่ะว่าผมเองก็อยากมีใครสักคนนั่งไปเป็นเพื่อนแก้เหงา..........


                “นัทจะให้พี่ไปรับพรุ่งนี้ตอนเย็น..........เธออยากไปนั่งรถเล่นกับพี่ไหม”..........ผมไม่ได้เอ่ยปากขอร้องเพราะเกรงใจหล่อน จึงใช้คำพูดเชิงปรารภถามความสมัครใจดูก่อน..........ไปได้ก็ไป ไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร.........


                “อืม........ก็ได้ ให้พี่กั้งขับรถไปเองกลางคืนคนเดียวมันอันตราย”..........อ้นพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงตกลง....


                “งั้นพรุ่งนี้เจอกันในมอ เดี๋ยวพี่ไปรับตอนเย็นๆ”...........ผมนัดหมายเวลากับอ้นด้วยความโล่งใจ........แต่อีกใจหนึ่งก็วิตกว่านัทจะไม่พอใจผมหรือเปล่าเรื่องที่ชวนอ้นมาด้วย...........ถ้าเค้ามีแก่ใจเป็นห่วงผมบ้าง.........เค้าก็คงจะไม่อยากให้ผมขับรถขึ้นเขามาเองตอนค่ำคนเดียวหรอกนะ........



                 ตอนเย็นของวันรุ่งขึ้น ผมมาดักรออ้นตรงบริเวณอ่างแก้วในมหาวิทยาลัย.............ไม่นานหล่อนก็เดินยิ้มร่ามาพร้อมกับตลับเทปหนึ่งม้วน...........


                 “น้องซื้อรวมฮิตเพลงสากลมาฟังด้วย........เอาไว้ที่รถพี่กั้งนี่แหล่ะ”..........หล่อนว่าพลางแกะม้วนเทปออกมาเปิดฟัง............ทำท่ายังกะจะออกเดินทางไกลไปเที่ยวชายทะเลงั้นแหล่ะ........ผมแอบอมยิ้มกับท่าทีของอ้นระหว่างที่หล่อนหยิบแว่นตากันแดดที่พึ่งซื้อมาออกมาสวม........



                 เป็นเรื่องที่น่าขัน เมื่ออ้นค้นพบภายหลังว่า ม้วนเทปที่หล่อนเพิ่งซื้อมาเป็นเพลงฮิตสมัยเก่า........แม้ว่าเพลงเหล่านั้นจะมีการนำมาขับร้องและเปลี่ยนดนตรีใหม่ให้ทันสมัยอยู่เสมอ..........แต่โชคร้ายที่หล่อนดันเลือกซื้อม้วนต้นฉบับแบบดั้งเดิมจริงๆมา..........


                  “ใครมันจะไปรู้ล่ะ........ก็เห็นว่ารวมฮิตๆ.....น้องก็นึกว่ามันจะเอามาปรับปรุงใหม่อ่ะดิ”........อ้นแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ..........แต่กระนั้นเราสองคนก็ยังช่วยกันร้องประสาทเสียงตลอดเส้นทางที่รถแล่นฉิวขึ้นเขามุ่งหน้าไปยังจังหวัดแพร่อยู่ดี...........


                  “ถ้าเราแก่ตัวลง.........เราจะยังทำตัวเปรี้ยวซ่าและก็ขับรถออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกันแบบนี้บ้างไหมนะ”........อ้นปรารภขึ้นมาลอยๆภายหลังจากที่เราร้องเพลงกันจนเหนื่อยแล้ว.........


                  “แน่นอนอยู่แล้ว..........ถึงตอนนั้นเราก็ยังจะเป็นแบบนี้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”..........ผมหันมามองหล่อนภายใต้แว่นตาสีชา...........ตอนนี้หล่อนเองก็สวมแว่นตากันแดดคล้ายๆผม ผิดแต่เปรี้ยวกว่ากันมาก...........อ้มยิ้มตอบมาอย่างดีใจ..........ใช่........เราก็จะเป็นพี่น้องกันแบบนี้ไปจนตายนั่นแหล่ะ.........คงไม่มีมิตรภาพใดยืนนานได้เท่าคำว่าเพื่อนอีกแล้ว.........


                  เรามาถึงโรงพยาบาลของนัทตอนพลบค่ำพอดี..........หลังจากที่โทรนัดหมายกันสองสามครั้งระหว่างทาง...........ไม่นานนัทก็เดินออกมายังจุดที่เรานัดพบกัน..........เค้าเปิดประตูผลัวะเข้ามาตามความเคยชิน................แต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่ามีอ้นนั่งอยู่ในรถด้วย.........


                  “อ้าวพี่อ้นมาด้วยเหรอ..........ทำไมพี่กั้งไม่มาคนเดียวอ่ะ”..........เวรกรรม.........เปิดฉากทักกันแบบนี้เลยเหรอ.......อ้นจะเคืองมั้ยเนี่ย...........ผมมองหน้าอ้นพลางนึกหวาดอยู่ในใจ...........มิหนำซ้ำนัทยังไม่แม้กระทั่งจะยกมือไหว้ทักทายอ้นเลยด้วยซ้ำ.......หรือว่าเค้าจะลืมว่าเค้าอ่อนกว่าอ้นอยู่หลายปี........สงสัยจะนับอาวุโสว่าเป็นแฟนพี่ก็ไม่ต้องไหว้น้องหรือเปล่า..........ไม่น่ารักเลย........ขายหน้าชิเป๋ง.............


                  โชคดีที่อ้นไม่ได้ปริปากว่ากระไร แม้ว่าปกตินิสัยหล่อนจะเป็นคนแรงก็ตาม..........หลังจากที่ทั้งสองเปลี่ยนที่นั่งกันเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขับรถออกมาด้วยใจระทึก............มันจะทะเลาะกันมั้ยเนี่ย...........

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #673 เมื่อ24-01-2008 09:01:27 »

ยังคงติดตามเรื่องคุณกั้งอยู่ค่ะ :a1:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #674 เมื่อ24-01-2008 14:16:46 »

อุ้ย!

นังอ้นมันกินอะไรผิดสำแดงหรือเปล่าเคอะคุณพี่

ทำไมมันไม่เถียงไอ้นัท

หรือว่ามันแอบชอบไอ้นัทอยู่  อิอิ  :m14:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #675 เมื่อ25-01-2008 06:17:48 »

นัทอาจจะอยากจู๋จี๋กับพี่กั้ง เลยหงุดหงิดป่าว อิอิ

รออ่านต่อน้า  :oni2:  :oni2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #676 เมื่อ25-01-2008 09:41:21 »

คิดในแง่ดี นัทอาจจะไม่อยากมีบุคคลที่ 3 อยู่เป็น กขค ก็ได้นะ  :m1: :m1:

kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #677 เมื่อ25-01-2008 10:03:46 »

 :m30:   นัทพูดตรงไปป่าวน้อง
ถ้าเราเป็นอ้นคง     o12

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #678 เมื่อ29-01-2008 09:17:49 »

                  “ใครซื้อเทปม้วนนี้มาอ่ะ........พี่กั้งเหรอ........เฮอะๆ”..........นัทส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก เมื่อเค้าหยิบเอาม้วนเทปที่อ้นเพิ่งซื้อมาสอดเข้าไปในเครื่องเล่น............เพลงฝรั่งยุค 60 s สุดเชยดังกระหึ่มขึ้นมาได้แค่เพียงอึดใจเดียว ก่อนที่มันจะถูกปิดลงไปแทบจะในทันที..........

                  ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมา นัททำทีเหมือนกับว่าไม่มีอ้นนั่งอยู่บนรถกับพวกเราซะอย่างนั้น.........เค้าคอยชวนผมคุยนั่นคุยนี่อยู่ตลอดเวลา สลับกับเลือกเปิดอัลบั้มเพลงที่เค้าอยากจะฟัง...........ผมเหลือบมองดูอ้นที่นั่งอยู่เบาะหลัง เพื่อจะสังเกตดูว่าหล่อนจะมีท่าทีอย่างไรบ้างกับคำพูดของนัทเมื่อครู่.......โอยพระเจ้า........ไม่อยากจะมองเลยจริงๆ..........นับจากโรงพยาบาลจนถึงตอนนี้ หล่อนก็ยังคงนั่งทำท่าซึมกระทือเป็นผีตายซากอยู่เช่นเดิม..........เวรกรรม........แล้วจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย.......ไม่น่าชวนหล่อนมารับเคราะห์ด้วยเลยเรา.......เฮ้ออออออออ.........

                   “เป็นอะไรไปจ้ะอ้น........ทำไมนั่งเงียบไม่พูดไม่จาเลยล่ะ”..........ผมสัมผัสถึงบรรยากาศในรถที่เริ่มคุกกรุ่นด้วยรังสีอำมหิตที่แผ่รัศมีออกมาจากคนทั้งสอง.........คนหนึ่งก็เป็นแฟน.........ส่วนอีกคนก็เป็นน้อง......แล้วผมจะเลือกเข้ากับฝ่ายไหนดีล่ะ........เห็นทีคงไม่พ้นต้องทำตัวเป็นคนกลางไปโดยปริยายนั่นแหล่ะ.......

                   “ไม่มีอะไรหรอก......น้องก็แค่หิวข้าว.........เมื่อตอนเย็นไม่ได้กินข้าวมา”...........อ้นทำท่าเอามือกุมท้องตอบประชดเสียงเรียบ.........แต่เล่นเอาผมแทบสะดุ้งด้วยความรู้สึกผิดแกมขำ (อิอิ)........ก็ปกติหล่อนเป็นคนช่างยอกย้อนแสนกลใช่ย่อย.......เคยยอมใครที่ไหนกันล่ะ.........มาคราวนี้กลับหุบปากเงียบเป็นเป่าสากเชียว...........หุหุ........

                     อันที่จริงเมื่อตอนขามาเราสองคนร่ำๆว่าจะแวะกินข้าวข้างทางกันหลายหนแล้ว...........แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้แวะสักที.........เพราะผมมัวแต่รีบเร่งทำเวลาเพื่อให้มาถึงแพร่ตามกำหนดการณ์ที่ได้วางเอาไว้..........การที่หล่อนปวดท้องหิวข้าวจึงถือเป็นความบกพร่องของผมโดยแท้เชียว...........

                    “เดี๋ยวแวะกินตรงปั๊มข้างทางกันดีมั้ย........คงจะมีปั๊มที่มีเซเว่นอยู่บ้างแหล่ะ”..........ผมปรารภเป็นเชิงขอความเห็นจากคนทั้งคู่.......ขณะที่สมองก็พยายามนึกไล่เลียงว่ามีปั๊มที่มีเซเว่นอยู่ระหว่างทางจริงหรือเปล่า...........

                     “ไม่เป็นไรหรอก.......เดี๋ยวน้องไปหากินเองที่เชียงใหม่ก็ได้”..........แป่ววววว.........แม้อ้นจะพูดเชิงออกตัวไม่ขอเป็นภาระแก่ใคร..........แต่น้ำเสียงของหล่อนกลับเหน็บเข้าไปถึงขั้วหัวใจผมเลยทีเดียว..........

                      “ถ้าพี่อ้นหิวนักก็ไปกินดินสิ…เฮอะๆ”...........นัทตอกกลับพลางหัวเราะทีเล่นทีจริง.........

                       เจอมุขนี้เข้า ผมจึงได้แต่อึกอักทำอะไรไม่ถูก........จะพูดอะไรขึ้นมาก็กลัวว่าจะเป็นการเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง.......จึงทำเป็นเอาหูทวนลมไปเสีย.........ปล่อยให้สองคนนั้นฟาดฟันกันเองให้สาแก่ใจไปเลย.......คิดดูอีกทีก็หนุกดีเหมือนกัน อิอิ...........

                      “จะให้ไปกินหญ้าเลยมั้ยล่ะ ถ้างั้นน่ะ”..........อ้นยังไม่ยอมแพ้.........หล่อนประชดสวนกลับมาทันควัน.......ไม่หรอกมั้ง นัทคงไม่ได้ตั้งใจจะว่าหล่อนแรงขนาดนั้นหรอก..........มานึกดูดีๆ........คงไม่ได้มีแต่ควายหรอกเนาะที่ชอบกินหญ้า........ผมเคยได้ยินมาว่ากระต่ายเองก็ชอบกินหญ้าเหมือนกันนี่นา........

                       “พี่อ้นพูดเองนะ...นัทไม่ได้ว่าให้พี่อ้นนะ.......เฮอะๆ”...........นัทหัวเราะเยาะเสียงระรื่นกับชัยชนะ..........ถ้าจะเถียงเอาแพ้เอาชนะกับเด็กนิสัยเสียแบบนี้ จ้างให้ก็ไม่มีวันชนะหรอก........สู้เก็บปากเก็บฟันเอาไว้กินข้าวยังจะดีซะกว่า...........

                        อ้นยอมแพ้ไปในที่สุด...........หล่อนนั่งกอดอกนิ่งไม่ยอมพูดจาอะไรอีก.........ถ้าแสงไฟจากข้างนอกสว่างกว่านี้ ผมคงมองเห็นใบหน้าของหล่อนเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำอย่างไม่ต้องสงสัย........แต่ตอนนี้หล่อนถูกกลืนหายไปกับความมืดดำภายในรถเสียแล้ว............

                        ผมเอื้อมมือไปหรี่เสียงเพลงเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ..........บางทีเสียงเพลงก็ช่วยยุติสงครามได้เหมือนกันนะ........

                       “จะรักทำไมให้เจ็บให้ช้ำ........รักทำไมให้เหนื่อยให้ล้า...........อยู่กันไปก็เปลืองเวลา ก็มีแต่ทุกข์ในใจ”........แหม.......เพลงท่อนนี้ถูกใจเป็นบ้าเลย.......ประเดี๋ยวผมจะออกหน้ารับแทนอ้นและก็ถือโอกาสแดกดันนัทไปในตัวด้วยดีกว่า..........

                        “อ้น.......ฟังเพลงนี้สิ.........เหมือนชีวิตพี่เลย.......พี่ชอบบบบบ”..........

                        เงียบ..........ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ.........ผมเหลือบมองไปทางนัทซึ่งตอนนี้จากหน้าที่เคยบานอยู่เมื่อครู่ ได้แปรเปลี่ยนเป็นจวักไปเสียแล้ว.......อิอิ........ไม่เป็นไรวะ ร้องคนเดียวก็ได้........ดังนั้นผมจึงตะเบ็งเสียงร้องเพลงบ้าบอไปคนเดียวโดยไม่มีใครสนใจจะคุยกับผมอีกเลย.........


                         ในที่สุดเราก็กลับมาถึงเชียงใหม่พร้อมกับภูเขาก้อนเบ้อเร่อที่ถูกยกออกไปจากอกของผม..........และสุดท้ายเราก็ยังไม่ได้แวะกินข้าวกันอยู่ดี.......ขืนให้อยู่ด้วยกันนานกว่านี้ มีหวังไม่ใครก็ใครต้องออกอาการวีนแตกแน่ๆ.........และกรรมก็ต้องมาตกอยู่ที่ผมคนเดียวเหมือนเดิม......ให้ตายสิ..........

                          “พี่อ้น.........เอาม้วนเทปของพี่อ้นไปด้วย”........นัทไม่วายแสดงท่าทางว่าอ้นคือส่วนเกินที่เค้าไม่ต้องการ........แม้กระทั่งม้วนเทปของหล่อนก็ไม่อยากจะเห็นให้เสียสายตา........

                         “เอาไว้นี่แหล่ะ”........อ้นว่าแล้วเดินสะบัดก้นจากไป.............เวรกรรม........พรุ่งนี้ผมคงต้องโทรไปขอโทษหล่อนหน่อยแล้ว.........น่าอายจริงๆที่มีแฟนเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้...........



                         “ทำไมไปพูดกะพี่เค้าแรงขนาดนั้น”........ผมบ่นกับนัทด้วยความอ่อนใจเมื่อเราสองคนกำลังขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพัก.......

                         “แล้วพี่กั้งพาเค้าไปด้วยทำไมล่ะ”.........นัทตอบเสียงสะบัดแล้วเดินกระแทกไหล่ผมออกจากลิฟท์ไป..........พูดแค่นี้ก็ทำเป็นมากระฟัดกระเฟียดใส่..........บอกอะไรไม่เคยฟังสักอย่างเลย........



                          เวลาล่วงเลยไปจวบจนสามทุ่มกว่า..........หลังจากที่ผมทำกับข้าวให้นัทกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจึงมีเวลาไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายทำธุระส่วนตัว............ในขณะที่นัทเองก็นั่งเอกเขนกดูทีวีที่เบาะยาวบนพื้นห้องโดยไม่ได้ใส่ใจผมอีก..........

                       ผมเพลียเกินกว่าที่จะสนใจต่อล้อต่อเถียงด้วย จึงขึ้นไปนอนบนเตียงและผล็อยหลับไป...........จนเวลาล่วงไปเท่าใดก็ไม่อาจคะเนได้.........ในที่สุดผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง.........ผมแอบหรี่ตามองดูว่าตอนนี้นัทกำลังทำอะไรอยู่........และผมก็พบว่า เค้าไม่ได้ขึ้นมานอนบนเตียงอย่างที่เคยทำ.........หากแต่ผมเห็นเค้ากำลังจะจัดที่นอนอยู่บนพื้นห้อง.............

                    ความโมโหพุ่งปรี๊ดเข้ามาแทงที่หัวใจผมอย่างแรง...........นี่เค้ากำลังทำบ้าอะไรอยู่..........ทำแบบนี้หมายความว่ากำลังจะพยายามตัดความสัมพันธ์ของเราอยู่ใช่มั้ย...........คิดว่าผมโง่ไม่รู้เท่าทันแล้วจะปล่อยให้เค้าทำอะไรตามอำเภอใจง่ายๆเหรอ..........เค้าเคยบอกผมว่าเค้าไม่อยากจะหักดิบ นี่ก็แสดงว่าคงกำลังคิดที่จะตัดสัมพันธ์ทางกาย และทางอื่นๆลงทีละน้อยอยู่ล่ะสิ.........

                  แล้วมันเรื่องอะไรที่ผมจะยอมเป็นบ้าใบ้ให้เค้าทำอะไรตามชอบใจอยู่ฝ่ายเดียว........อยากจะเลิกก็เลิกสิ..........ผมไม่แคร์หรอก.........ที่ทนอยู่นี่ก็ทุกข์ใจมามากพอแล้วนะ........ไม่ใช่เพราะว่าติดใจความดี ความหล่อ หรือไอ้เซ็กส์ห่วยแตกบ้าบออะไรของเค้าหรอกนะ........แต่ที่ทนอยู่ก็เพราะเห็นว่าได้เป็นแฟนกันแล้ว ได้รักไปแล้ว จึงไม่อยากให้มันพังลงมาง่ายๆ เหมือนที่ใครๆเค้าปรามาสเอาไว้..........นึกว่าคนอย่างเค้าน่าจะมีหัวใจสำนึกดีชั่วบ้าง.........แต่นี่ไม่ต่างอะไรกับการรดน้ำลงบนตอผุ........ทำอะไรให้ไปไม่เคยเห็นคุณค่า.........พอกันที........ทำแบบนี้มันหยามกันมากเกินไปแล้ว........เลิกก็เลิกสิวะ........

                 ผมตัดสินใจลุกเดินไปปลุกนัท ทั้งพยายามข่มความโมโหเอาไว้ไม่ให้สติแตกเสียก่อน.........

                 “นัท......ตื่นๆ........ตื่นเดี๋ยวนี้.........ทำไมไม่ขึ้นไปนอนบนเตียงหา.......นอนตรงนี้มันสบายตรงไหนกัน เบาะก็เล็กๆแค่นี้”..........ผมพยายามข่มน้ำเสียงให้ดูเป็นปกติ.........ผมไม่อยากพูดด้วยอารมณ์......ไม่สิ......ผมไม่อยากให้เค้าคิดว่าผมพูดด้วยอารมณ์.....แต่ก็คงปิดไม่มิดอยู่ดี.........

                 นัททำทีเป็นงัวเงียตื่นขึ้นมา แล้วเดินมานอนที่เตียงไม่พูดไม่จา....มารยา......นึกหรือว่าผมจะยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ..........ผมเดินไปเปิดไปที่หัวเตียงแล้วนั่งคุมเชิงเอาไว้อย่างนั้นไม่พูดไม่จา..........แต่นัทเดินมาปิดไฟแล้วทำท่าจะไปนอนต่อ...........

               “เปิดไฟทำไมคนนอนไม่หลับวู้.......นอนได้แล้ว”...........คิดเหรอว่าผมจะยอม.........วันนี้ต้องคาดคั้นเอาคำตอบให้ได้........ก็แค่บอกว่าเลิก.........ถ้าอยากเลิกก็บอกมาสิ.........จะมัวอมพะนำอยู่ทำไมกัน.........

               “อยากจะเลิกก็บอกมาตรงๆสิ.........ทำไมต้องทำแบบนี้..........พี่เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าจะเลิกก็ขอให้บอกมาตรงๆ”........

                “เลิกอะไรกันล่ะอู้วว.......บ้าป่าว.......คนจะนอน”........นัทเอาหมอนมาปิดหูเอาไว้ไม่ยอมรับฟังในสิ่งที่ผมพูด...........

                 ความโกรธเมื่อได้พุ่งขึ้นแล้วย่อมหาทางลงได้ยาก..........ถึงผมจะยอมเค้ามาตลอด แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมเป็นเบี้ยล่างให้ใครมาหมิ่นศักดิ์ศรีได้อยู่ร่ำไป........ที่ผ่านมา ที่ผมยอมเพราะมันคือวิธีการ.........มันไม่ใช่นิสัย.........แต่ตอนนี้ตะหากคือตัวผมจริงๆล่ะ............
นัทนอนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง.......ในขณะที่ผมยังคงนั่งกอดอกอยู่บนเตียงเช่นเดิม..........จนในที่สุดเค้าก็เป็นฝ่ายยอมแพ้..........

                 “นั่งทำหน้าเหมือนผีเลย”..........นัทชะโงกหน้าขึ้นมามองพลางพยายามแหย่ให้ผมหายโกรธ........แต่ผมไม่ยอมขำง่ายๆหรอก.......(แม้จะนึกขันท่าทางหงอๆของเค้าอยู่บ้างก็ตาม).........คืนนี้เราต้องคุยกันอีกยาว......

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #679 เมื่อ29-01-2008 09:31:22 »

คุณกั้งขอลงยาวๆหน่อยจิ มันค้างงงงงง :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #679 เมื่อ: 29-01-2008 09:31:22 »





ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #680 เมื่อ29-01-2008 10:28:43 »

ค้างจริงๆ ด้วย :a6:

นัทนี่น้า  เฮ้อ  :เฮ้อ:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #681 เมื่อ29-01-2008 10:43:13 »

ค้างกันจริงๆเหรอเนี่ย........อุอุ......ไม่ได้ตั้งใจแกล้งนะครับ พอดีช่วงนี้งานยุ่งนิดนึง......เอาไว้คราวหน้าจะเขียนมาลงยาวๆเลย โอเคมั้ย? คราวนี้ขอติดไว้ก่อนก็แล้วกันนะจ้ะ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #682 เมื่อ29-01-2008 10:50:04 »

รับทราบค้าบบบ  ตั้งใจทำงานตั้งใจเรียนนะ   o13

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #683 เมื่อ29-01-2008 19:16:54 »

สงสารอ้น

แม้ว่าน้องจะสมน้ำหน้ามันด้วยก็ตาม


ถ้าเป็นน้องนะ....ไอ้นัทไปเฝ้าพญายมนานแล้ว

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #684 เมื่อ30-01-2008 10:41:11 »

ปกติเค้าก้ไม่ได้ปากเสียกะทุกคนหรอก เว้นแต่คนที่ไปทำเค้าก่อนน่ะ (สองคนนี้เคยมีคดีกันมาก่อน) อิอิ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #685 เมื่อ30-01-2008 17:10:24 »

^
^
ยังอุตส่าห์แก้ตัวให้อีก  :m14: :m14: :m14:

kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #686 เมื่อ04-02-2008 12:07:12 »

คุณกั้งหายไปไหนจ๊ะ  กลับมาต่อก่อน มานค้างอ่ะ
อยากอ่านตอนคุณกั้งโหดมั่งอ่ะ     :angry2:    อึดอัดใจมาหลายตอนแล้ว
รอๆๆ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #687 เมื่อ04-02-2008 19:32:48 »

ยังไม่มาต่ออีกพี่ตู

ปล. วันก่อนน้องไปเที่ยวเจอไอ้เหี่ยวด้วย  แต่ว่าทำไมมันยอมให้น้องกอดอะ

น้องก้ไม่ได้ตั้งใจกอดหรอกนะ  น้องเมาผสม เพื่อนยุ  อิอิ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #688 เมื่อ04-02-2008 21:05:11 »

รออยู่  :oni2:  :oni2:

ปล  ไอ้เหี่ยวเป็นใครในเรื่องปะ  เจือก 555  :oni1:  :oni1:  :oni1:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #689 เมื่อ05-02-2008 08:57:40 »

เหี่ยวไหนอ่ะ........ไม่รู้จัก..........อีกอย่างคนมาเที่ยวกลางคืน พอกินเหล้าแล้วก็เมา..........ไอ้เรื่องกอดกันในเทคอ่ะ มันชิลๆ.....พอข้ามคืนเดี๋ยวก็ลืมแล้ว.....เผลอๆจำหน้ากันแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ......อย่าไปตื่นเต้นเลยจ้ะคุณน้อง....หุหุ

ปล. เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ค่อยมาลงต่อนะจ้ะ มูมู่น้อย (ตั้งชื่อได้น่ารักเนอะ คิดได้ไงเนี่ย อิอิ) จวนจะจบแล้วแระอีกนิดเดียว คนเขียนก็เหนื่อยใจเต็มที

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด