มาต่อให้แล้วคับ ^^
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
35...
ธวัฒน์และนัท ก้าวลงมาจากรถ โดยมีนมพริ้มออกมายืนรออยู่อย่างร้อนใจ ... หลังจากที่ธวัฒน์โทรศัพท์มาบอกตั้งแต่เมื่อคืนตอนเริ่มออกเดินทางว่าจะมาถึงเช้านี้ ...
“คุณแม่ไปไหนล่ะครับนม ทำไมนมอยู่คนเดียวล่ะ น่าน้อยใจจังลูกชายกับหลานรักกลับมาบ้านทั้งที ไม่อยู่รอรับกันบ้างเลย”
ธวัฒน์ยังคงหยอกเย้ากับนมพริ้มอย่างอารมณ์ดี ... แต่นมพริ้มเหมือนจะไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลยวันนี้ ...
“แล้วคุณวัฒน์พาคุณนัทไปไหนมาล่ะค่ะ หายไปตั้งสองอาทิตย์ ... รู้ไหมค่ะว่าทุกคนเค้าเป็นห่วงมากเลยนะ...”
“แหมรู้ซิครับ ... ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าคุณแม่กับนมเป็นห่วงผมขนาดไหน ...”
ธวัฒน์พูดพรางเข้าไปกอดนมพริ้ม เหมือนเด็กที่กำลังเอาอกเอาใจผู้ใหญ่ เวลาที่จะให้ยกโทษให้...
“ใครว่าเป็นห่วงคุณวัฒน์ล่ะค่ะ คุณหญิงกับนมเป็นห่วงคุณนัทตะหาก กลัวคุณวัฒน์จะพาน้องไปฆ่าทิ้งซะแล้ว ยิ่งไม่ค่อยถูกกันอยู่ด้วย ... ว่าแต่คุณนัทไม่เป็นอะไรนะค่ะ ... นมเป็นห่วงแทบแย่แนะ ...”
นมพริ้มสะบัดธวัฒน์ออก ก่อนจะเดินเข้าไปกอด ลูบหน้าลูบตา สำรวจร่างกายเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดูรักใคร่ ...
“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับนม ... สบายใจได้ครับ ผมขอโทษนะครับที่ทำให้นมเป็นห่วง ...”
“โถ่ พ่อคุณ ดูซิยังอุตส่าห์มาขอโทษ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นต้นเหตุซะหน่อย ... ช่างเป็นคนดีจริงจริ๊ง...”
นมพริ้มปรายตาไปทางคุณหนูตัวดีของตัวเอง ... ที่ทำหน้าบูดเป็นเด็กเพราะไม่มีคนเข้าข้าง ...
“โห... เดี๋ยวนี้มีคนโปรดใหม่แล้วนิ ผมคงหมดความหมายไปแล้ว ... ว่าแต่คุณแม่ล่ะครับนม ออกไปไหนแต่เช้าเลย”
“ตายจริง นมลืมไปซะสนิทเลย ... ท่านสั่งไว้แล้วเชียวนะเนี่ย ...”
ธวัฒน์สังเกตอาการตกใจของนมพริ้มแล้ว คิดว่าน่าจะมีเรื่องอะไรสำคัญมากแน่ๆ ...
“เรื่องอะไรเหรอครับนม ...”
“ก็คุณหญิงท่านไม่ได้กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนน่ะซิค่ะ พอหลังจากที่ท่านรับโทรศัพท์จากคุณวัฒน์แล้ว ท่านก็ได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาล แล้วท่านก็รีบออกไปพร้อมกับคุณหนูภานุทันทีเลย และก่อนที่คุณวัฒน์จะมาถึงนี่เอง ท่านก็โทรมาฝากบอกให้คุณวัฒน์กับคุณนัทตามไปที่โรงพยาบาล... ทันทีที่กลับมาถึงเลยล่ะค่ะ...”
“ใครเป็นอะไรเข้าโรงพยาบาลเหรอครับนม ... ท่านถึงต้องไปเฝ้าทั้งคืนแบบนี้ ...”
“ไม่ทราบค่ะ เพราะท่านไม่ยอมบอกอะไรเลย ... นมก็ถามแล้วนะค่ะ แต่ท่านบอกแค่ว่าเดี๋ยวคุณวัฒน์กับคุณนัทมาก็ทราบเอง แต่ย้ำว่าให้รีบไปทันทีที่กลับมาถึง ... นมว่าคุณวัฒน์รีบไปจะดีกว่านะค่ะ เพราะจากน้ำเสียงของท่านแล้วน่าจะเป็นเรื่องสำคัญมากแน่ๆ ...”
“งั้นผมไปล่ะครับ ... นมอยู่ดูบ้านนะครับ ... ป่ะนัทขึ้นรถเถอะ”
นัทพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมากอดนมพริ้มหนึ่งที แล้วตามธวัฒน์ไปขึ้นรถ ... ในใจก็คิดเพียงว่า ใครกันนะที่คุณป้าไปเฝ้าอยู่เมื่อคืนไม่ยอมกลับบ้าน ... เป็นญาติของคุณป้าคนใดคนหนึ่งหรือเปล่า ... ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ...
“เป็นอะไรครับนัท นั่งหน้าเครียดเชียว ... มองหน้าพี่ซิเผื่อจะอารมณ์ดีขึ้นบ้าง ...”
“บ้าเหรอครับพี่วัฒน์ หน้าพี่ไม่ได้เหมือนหม่ำ เท่ง โหน่ง นะครับ ผมจะได้ขำแล้วอารมณ์ดีได้ ...”
“แหม ก็พี่หล่อซะขนาดนี้ จะไปเหมือนได้ไงล่ะคร้าบบบ จริงป่ะ ... ว่าแต่คิดอะไรหรอ ยังไม่ได้บอกพี่เลย ...”
“เปล่าหรอกครับ ผมแค่คิดว่าใครกันที่คุณป้าไปอยู่เฝ้าทั้งคืน ...”
“อย่าคิดมากซิครับคนดี ... คงไม่มีอะไรหรอกนะ ...”
นัทพยักหน้ารับช้าๆ ... แต่ในใจกลับหวิวๆ พิกล ... มันเป็นความรู้สึกไม่สบายใจ ที่ไม่สามารถอธิบายได้ ... มีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับเค้ารออยู่หรือเปล่านะ ??
“คุณแม่/คุณป้า ...”
ธวัฒน์และนัท เดินเข้าไปหาคุณหญิงศศิกานต์ซึ่งเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าห้องผู้ป่วย ธวัฒน์เดินเข้าไปจะโอบกอดผู้เป็นมารดา แต่แม่ของเค้ากลับเดินเข้ามากอดนัทแทน จนทำให้เจ้าตัวเป็นงง ...
“นัท มาแล้วเหรอลูก รู้ไหมว่าป้าเป็นห่วงมากเลย ... นี่ถ้าตาวัฒน์พาลูกกลับมาไม่ทันล่ะก็ ป้าจะไม่ยกโทษให้เลย ...”
คุณหญิงมองค้อนไปทางบุตรชายที่ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ ...
“หมายความว่ายังไงเหรอครับคุณป้า มาทันอะไรเหรอครับ ...”
“คือว่า ... นัทลูก ทำใจดีๆ ไว้นะจ๊ะ ... คือจิตราเค้าอยากเจอหน้านัท ก่อน... ก่อนที่จะ...”
“คุณแม่เหรอครับ ... แต่คุณป้าเคยบอกว่าคุณแม่ทำงานอยู่ต่างประเทศ ...แล้ว ... แล้วทำไม คุณแม่มาอยู่ที่นี่ล่ะครับ”
“นัทยกโทษให้ป้านะลูก แต่เพราะจิตราขอร้องป้า และให้ป้าสัญญาว่าจะไม่บอกกับนัทเด็ดขาดว่ารักษาตัวอยู่ที่นี่ ...”
“คุณแม่เป็นอะไรครับคุณป้า และตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คุณแม่ ... แต่ผมเพิ่งเจอท่านเมื่อปิดเทอมก่อนจบ ม.6 นี่เองนะครับ ถึงท่านจะดู ... ซีดเซียว ... ไป ... บ้าง”
นัทเริ่มทบทวนช่วงเวลาที่เค้าได้เจอกับแม่ ซึ่งทุกครั้งแม่ของเค้าจะดูผ่ายผอม ซีดเซียว ... แต่ท่านก็มักจะพูดให้นัทสบายใจเสมอว่าไม่เป็นอะไร เพียงแต่ทำงานหนัก และไม่ค่อยได้พักผ่อนเท่านั้น ... เพราะเค้าไม่เคยจะใส่ใจท่านเลยใช่ไหม ท่านต้องทำงานหนักเพราะเค้า แม้แต่การที่แม่ไม่สบาย เค้าก็ไม่เคยจะรับรู้ หรือสนใจให้มากกว่านี้ ... เค้าสนใจเพียงแค่ต้องการเจอท่าน อยากพบท่าน อยากใช้เวลาอยู่กับท่านเท่านั้นหรือ ...
“จิตรา ... เธอป่วยมานาน ตั้งแต่ที่คุณพ่อของนัทเสียไม่กี่ปี ... ป้าเองก็พยายามขอร้องให้เค้าเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่เค้าไม่เคยยอมสักครั้งเดียว และจะบอกกับป้าเสมอๆ ว่าเป็นห่วงลูก และจะทำงานเพื่ออนาคตลูก ... ป้าจะช่วยเหลือก็ไม่เคยรับเลยสักครั้งเดียว ... จนเมื่อเร็วๆ นี้ ก่อนที่นัทจะเรียนจบได้ไม่นาน ที่อาการเค้าทรุดหนัก ป้าจึงพาตัวเค้ามารักษาตัวที่นี่และได้รู้ว่าเค้าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว ... ป้าพยายามหาหมอที่เก่งที่สุดมารักษา แต่ทุกคนต่างส่ายหน้า เพราะมาถึงสายไป ทุกวันนี้ก็ได้แต่เพียงให้ยาเพื่อพยุงอาการไม่ให้ทรุดหนักไปกว่าเก่า ... แต่เมื่อคืนจิตราก็ทรุดและอยากพบ ... นัท ... เป็นครั้งสุดท้าย...”
คุณหญิงที่เล่าความเป็นมาจบลง ด้วยน้ำตาที่นองหน้า ... มีธวัฒน์คอยโอบกอดให้กำลังใจ ... สงสารทั้งเพื่อนรัก และนัทที่ต้องมารับรู้ความจริงในช่วงวินาทีสุดท้ายของมารดา ... นัทยืนฟังอย่างสงบนิ่ง สองขาแทบยืนไม่อยู่ น้ำตาไหลเอ่อล้นจากสองตา เสียงสะอื้นไห้แทบขาดใจ ... นี่เค้า ทำให้แม่ลำบากขนาดนี้เชียวหรือ ... เค้าทำให้พ่อต้องเสียไปแล้วคนนึง นี่แม่กำลังจะจากไป เพราะเค้าอีกแล้วหรือ ...
“ล ... แล้วคุณแม่ผมล่ะครับ ... ท่าน ...”
ยังไม่ทันที่น้ำเสียงสั่นเครือจะพูดจบ ... เสียงเปิดประตูออกมาจากห้องผู้ป่วยก็ทำให้ทุกคนหันไปมอง ...
“คุณป้า ... นัท แย่แล้วครับ คุณป้าจิตรา ...”
เป็นภานุนั่นเองที่เปิดประตูออกมา ... แต่สิ่งที่เค้าบอกกับทุกคน ทำให้ต่างกรูกันเข้าไปข้างในทันทีโดยไม่ต้องรอให้ต้องบอกซ้ำ ... สิ่งที่นัทได้เห็นบนเตียงก็คือ แม่ของเค้าที่ผอมเหลือเกิน ผิวที่ขาวของท่านกลับซีดจนไม่มีสีเลือด รอยย่นบนใบหน้าที่เค้าไม่เคยได้เห็น ... เพียงเวลาไม่นาน แม่ที่สวย ร่าเริง ของเค้าเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ ... เค้าค่อยๆ คุกเข่าลงช้าๆ ที่ข้างเตียง สองมือเอื้อมไปจับมือที่สูบซีดข้างนั้นมาแนบแก้มขาวของตัวเอง ... น้ำตาไหลสัมผัสมือเย็นเชียบข้างนั้นไม่ยอมหยุด ...
“นั...นัท มาแล้วหรือลูก ... แม่คิดว่าจะ ... จะ ... ไม่ได้เห็นหน้าลูก ก...ก่อน ...”
“ไม่ครับ ... แม่ต้องไม่เป็นอะไร ... แม่ต้องอยู่กับผมนะครับ เราจะกลับไปอยู่บ้านของพวกเรา บ้านของพ่อไงล่ะครับแม่”
สายตาของผู้เป็นแม่ ส่งผ่านความรักอันสุดซึ้งมาให้แก่ลูกชาย ... ในยามนี้นัทอาจจะเศร้าแทบขาดใจ ... แต่เธอก็มั่นใจว่าลูกของเธอไม่ใช่คนอ่อนแอ และจะฝ่าฟันความเศร้าเสียใจครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน ... มือเย็นของแม่ลูบไล้ไปบนใบหน้าของนัทเหมือนกับกำลังสำรวจสิ่งที่เธอไม่ได้เห็นมานาน ... พร้อมกับเช็ดน้ำตาออกจากสองแก้มของลูกชายผู้เป็นแก้วตาดวงใจ ...
“อย่า ... ร้องไห้ซิจ๊ะ ... ลูกเป็น ... ลูกชายของแม่ ... ลูกโตขึ้นมาก มากจริงๆ ...”
“ถ้างั้นแม่ต้องอยู่ ... อยู่รอดูผมโตขึ้น โตขึ้นเรื่อยๆ แล้วผมจะดูแลแม่เองนะ นะครับแม่...”
“ไม่มีใคร ... ไม่ตายหรอกนะนัท ลูกแม่ ... จะเร็วหรือช้าเท่านั้นเอง ... เพียงแต่ ... แม่ต้องไปเร็วกว่าลูกเท่านั้น ...”
“แต่แม่ต้องอยู่กับผม ผมยังไม่ได้ตอบแทนแม่ ผมยังไม่ได้ดูแลแม่เหมือนที่แม่ดูแลผม ผมยัง ... ยัง ...”
“แต่ลูกรักแม่ ... ใช่ไหมล่ะจ๊ะ ...”
“ครับ นัทรักแม่ ... รักมากที่สุดในโลกนะครับ ดังนั้นแม่ แม่ต้องอยู่กับผมนะ ...”
“นั่นแหละ คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับแม่แล้วล่ะจ๊ะ แม่ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว เพราะแม่ได้รับความรักจากลูกแล้วไงล่ะ น...นัทได้แสดง ให้แม่เห็นแล้วว่านัทเป็นเด็กดีเสมอ และนัทรักแม่มากแค่ไหน ...”
เสียงไออย่างหนักหน่วงของจิตรา ที่พยายามพูดกับลูกชายทั้งๆ ที่แทบไม่มีแรง ทำให้ทุกคนหัวใจเต้นรัว ... ความสะเทือนใจแผ่ซ่านไปทั่วทั้งห้อง ... คุณหญิงอยู่อีกด้านนึงของเตียง ธวัฒน์และภานุที่ยืนอยู่ด้านหลังของนัทก็มีน้ำตาคลอ ... ด้วยความสงสาร ...
“แม่ แม่ครับ ... อย่าเป็นอะไรนะครับ อยู่กับผมก่อน ...”
“เหนื่อยเหลือเกิน ... พ่อเค้ามารอรับแม่แล้ว ... ลูกเห็นไหม พ่อเค้ายิ้มให้กับเราสองคนด้วยนะ ... ศศิ ... ฝา ... ฝากนัทด้วยนะ ธ...เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ข...ของ ฉันเสมอ...”
“จ๊ะ...จิตราฉันรับปาก ... หลับให้สบายเถอะนะ นึกถึงพระพุทธไว้นะจ๊ะจิตรา ...”
“ม...แม่ ร...รัก ลูกมากนะจ๊ะ --- --- --- --- --- --- _________________________________________”
“แม่!!! แม่ครับบบบบบบบบบบบ แม่!!! แม่ตื่นขึ้นมาซิครับ แม่อยู่กับผมก่อน ...”
นัทที่เริ่มโวยวายอย่างเสียสติ ... ทำให้ธวัฒน์ต้องมาดึงตัวเอาไว้ และกอดไว้แน่น เหมือนพยายามส่งผ่านความห่วงใยและแบ่งเบาความเศร้าเสียใจของนัทออกไปได้บ้าง ...
“ท่านไปสบายแล้วนะครับ อย่าทำให้ท่านเป็นห่วงซิครับคนดี ... ไม่งั้นท่านจะมีห่วงและไม่สงบนะ นัทอยากให้เป็นอย่างนั้นเหรอ ...”
เสียงสะอื้นไห้ปานจะขาดใจ ในอ้อมกอดของธวัฒน์นั้น ... ผ่านไปเนิ่นนาน ... ไม่รู้ว่าสงบลงได้เมื่อไร ... คนหนึ่งจากไป เหลือไว้เพียงร่างที่ทอดกายอย่างสงบ ... กับความเศร้าและน้ำตาของคนที่รักเค้าเท่านั้นเอง ...