ไม่ง่ายนัก......รักนี้ (This Love Impossible) By. JmAc
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่ง่ายนัก......รักนี้ (This Love Impossible) By. JmAc  (อ่าน 139295 ครั้ง)

VicOSe

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ









พอดี ผมไปอ่านเจอเรื่องนี้ จากบอร์ด อื่นมาหนะคับ  อ่านแล้วก็สนุกดี  ผมเลยเอามาลงให้เพื่อนๆอ่านกันนะคับ

เรื่องนี้แต่งโดย คุณ JmAc นะคับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ไม่ง่ายนัก......รักนี้ (This Love Impossibel) : บทสรุปของความรัก

1 ... แรกเจอ

นาย เอกรินทร์ พิพัฒนพงษ์ กรุณานำสัมภาระมาพบผู้ปกครองด้วยค่ะ
“ไอ้นัท กูไปก่อนนะโว้ย ... พ่อกะแม่มารับแล้วว่ะ”
เอกรินทร์ เด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่ หน้าตาคมคาย หันมาบอกนัท ที่ตอนนี้ตาแดงก่ำ เหมือนกำลังจะร้องไห้

“เฮ้ย อย่าทำขี้แยเป็นเด็กผู้หญิงซิว่ะ เชื่อเหอะ ว่าเดี๋ยวแม่มึงต้องมารับแน่ กูไปก่อนนะ อ่ะ! นี่เบอร์ที่บ้านกูเองแล้วโทรหากันบ้างนะ”
เอกเพื่อนที่สนิทที่สุดของนัทพูดปลอบใจพร้อมกับยื่นเ บอร์โทรศัพท์ใส่มือ และกุมมือเพื่อนที่ตอนนี้มันเย็นเชียบมากๆ ทั้งที่เอกก็ไม่อยากจะทิ้งเพื่อนไว้คนเดียว แต่พ่อกับแม่ของเค้านะซิ นึกแล้วเอกยังหวั่นๆ

“ไปเถอะเอก กูไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวแม่กูก็คงมาแหละ”
นัทมองเอกอย่างเข้าใจ จึงบอกกับเพื่อนทั้งๆ ที่เสียงยังสั่นเครือ นัทมองเพื่อนที่ลากกระเป๋าออกไป ตามเสียงเรียกเป็นครั้งที่สอง นัทสนิทกับเอกมากจนรู้ว่าที่บ้านของเอกเข้มงวดเรื่อง ระเบียบวินัยมากขนาดไหน เพราะพ่อเอกเป็นนายพลของกองทัพอากาศนั่นเอง

“เอาละซิไอ้นัท เป็นคนสุดท้ายจนได้ แม่ครับ…เมื่อไหร่แม่จะมารับนัทสักทีนะ”
นัทมองซ้ายทีขวาที พร้อมกับใจหวิวๆ เพราะตอนนี้ในหอนอนไม่เหลือใครอีกแล้ว หันกลับไปมองเอกอีกทีก็เดินลับตาไปแล้ว ตลอดเวลาที่เรียนด้วยกันมา เอกจะคอยปลอบใจนัทเวลาที่คิดถึงแม่ จริงๆ นัทก็ไม่ใช่คนอ่อนแอเลย เค้าไม่เคยยอมแพ้ใครและไม่เคยให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ เพราะแม่เฝ้าพร่ำสอนเค้าเสมอเวลาที่เจอกันว่าต้องดูแ ลตัวเองให้ดีแม้เวลาที่แม่ไม่ได้อยู่ด้วย และนัทก็ไม่เคยผิดสัญญากับแม่สักครั้ง

แม่ส่งนัทมาอยู่โรงเรียนกินนอนที่เมืองไทยตั้งแต่เข้ า ม.1 แม่ก็แทบไม่เคยจะมาเยี่ยมเค้าเลย เพราะแม่ทำงานอยู่ต่างประเทศ จึงไม่ค่อยมีเวลาว่างกลับมาเมืองไทยสักเท่าไหร่ ทุกครั้งที่เจอกันแม่ของเค้าจะดูโทรมลงเสมอ นัทรู้แค่ว่าแม่ของเค้าหนื่อยเพราะแม่ต้องทำงานหนักน ับตั้งแต่ที่พ่อของเค้าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แม่เลี้ยงเค้ามาเพียงลำพังนับตั้งแต่นั้น นัทจึงรักแม่ของเค้ามากและพยายามตั้งใจเรียนเพื่อให้ แม่ภูมิใจ และเค้าก็ทำได้เสมอ นัทสอบได้ที่ 1 และได้ทุนการศึกษาจากโรงเรียนทุกปี นัทไม่เคยเรียกร้องอะไรจากแม่ เพราะเค้ารู้ว่าแม่ลำบากและทำงานหนักเพื่อเค้า นัทได้เจอหน้าแม่แค่ปีละ 2 ครั้งเท่านั้นในช่วงปิดเทอม เพราะแม่จะบินกลับมาเยี่ยมเค้าได้แค่นั้น

ตอนนี้ นัท จบชั้น ม.6 แล้ว และวันนี้เป็นวันที่ผู้ปกครองจะต้องมารับกลับบ้าน นัทเฝ้ารอวันนี้มานาน เพราะจะเป็นวันที่นัทได้กลับไปอยู่กับแม่ ตอนนี้นัทได้แต่คิดว่าแม่จะได้รับจดหมายของเค้าหรือเ ปล่า เค้าได้เขียนบอกแม่ไหมนะว่าวันนี้เป็นวันที่แม่ต้องม ารับเค้ากลับบ้าน

นัทพยายามนึกทบทวนถึงจดหมายที่เค้าส่งให้แม่ แล้วถ้าเกิดแม่ไม่ได้รับจดหมายเค้าจะทำยังไงดี เพราะเด็กที่ผู้ปกครองยังไม่มารับ ก็ต้องอยู่ที่หอต่อไปจนกว่าจะมีผู้ปกครองมาติดต่อกับ ทางโรงเรียน ตอนนี้น้ำตาที่กลั้นมานานกำลังจะไหลออกมาอยู่แล้ว ก็พอดีกับที่มีเสียงประกาศเรียกจากห้องปกครอง

“นาย ณัฐภูมิ รัตนปัญญา ให้นำกระเป๋าลงมาพบผู้ปกครองด้วยค่ะ”

“แม่มาแล้ว แม่มาแล้ว” เด็กหนุ่มลากกระเป๋าวิ่งไปที่ห้องปกครองทันที เพราะอยากเจอแม่เหลือเกิน นัทอยากกลับไปอยู่อเมริกากับแม่ กลับไปที่บ้านของพ่อ บ้านของพวกเรา นัทพูดกับตัวเองไปตลอดทางที่วิ่งไป และเมื่อไปถึงห้องปกครอง เค้าจึงรีบวางกระเป๋า พร้อมกับเข้าไปในห้องปกครองด้วยความดีใจ

“โอ๊ย…”

ใครกันเนี่ย นัทที่ล้มลงไปกองกับพื้นเหลือบสายตาขึ้นมามอง ร่างสูงเพรียวที่ยืนอยู่หันหลังอยู่ตรงหน้าเค้า
เห้อ … แต่งตัวแบบนี้ ค่อยโล่งอกหน่อยที่ไม่ใช่อาจารย์ แต่เมื่อเหลือบไปเห็นอาจารย์ที่มองมาเค้าต้องรีบลุกข ึ้นทันที และยกมือไหว้คนตรงหน้า ที่ดูว่าไม่สะทกสะท้านอะไรเลยที่เค้าวิ่งมาชน

“เอ๊อ..ขอโทษครับ คือ ผมรีบน่ะครับไม่ได้ตั้งใจ”

ชายหนุ่มที่นัทวิ่งชน หันมามองเค้าด้วยหางตาพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก แล้วหันกลับไปพูดกับอาจารย์โดยทำเหมือนไม่สนใจคำขอโท ษของเค้าสักนิด
ทำให้นัทยิ่งฉุนกึกขึ้นมาในใจ ยิ้มกวนประสาทชิบเป๋ง หน้าตาก็ดี แต่งตัวก็ดี เหมือนลูกคุณหญิงคุณนายแต่มองคนอื่นด้วยหางตาแบบนี้เ สียมารยาทจริงๆ

“โรงเรียนนี้เค้าขึ้นชื่อเรื่องมารยาทของนักเรียนไม่ ใช่หรือครับอาจารย์ ไม่น่าจะมีเด็กวิ่งตึงตัง ไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้นี่ครับ”
นัทรู้สึกหน้าชาขึ้นมาทันที ที่ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า
ขอโทษไปแล้ว ยังไม่พอใจอีกหรือไงกัน นัทได้แต่ฉุนในใจ เพราะอยู่ต่อหน้าอาจารย์

“ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ คือปกติ ณัฐภูมิ เค้าก็เป็นเด็กมารยาทดีคนนึงเลยค่ะ แถมยังเป็นนักเรียนดีเด่นของเราด้วย แกคงไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ”

“เนี่ยเหรอครับ… นักเรียนดีเด่น… มารยาทดีอีกด้วย…”

ชายหนุ่มหันมามองนัท อย่างไม่เชื่อสายตา พร้อมกับยิ้มมุมปาก ยิ้มที่นัทไม่ชอบเอามากๆ
ถ้าเป็นเวลาปกตินัทคงคิดว่าคนแปลกหน้าคนนี้ยิ้มมีเสน ่ห์แน่ๆ เพราะเค้ามีลักยิ้ม แถมมีเขี้ยวเล็กๆ น่ารักดี สาวๆที่เห็นคงจะชอบไม่น้อย แต่ตอนนี้นัทไม่มีอารมณ์จะคิดแบบนั้นเลย เมื่อท่าทางของเค้ารวมถึงคำพูดมันดูถูกกันเห็นๆ

“ทำไมเหรอครับ นักเรียนดีเด่นต้องเป็นยังไงเหรอครับ”
นัทพยายามควบคุมอารมณ์พร้อมกับถามออกไป

“ก็ถ้าเป็นนักเรียนดีเด่น ที่มารยาทดีๆ เค้าคงไม่ย้อนผู้ใหญ่แบบนี้หรอกนะ”

ชายหนุ่มแปลกหน้าพูดพร้อมกับยิ้มเยาะในท่าทางไม่ยอมค นของนัท คงจะปากเก่งไม่น้อยเลยนะเด็กคนนี้ หน้าตาก็น่ารักดี เหมือนคนไทยมากกว่าจนไม่อยากจะเชื่อที่คุณแม่บอกว่า เด็กคนนี้เป็นลูกครึ่ง คนจะมีแต่ผิวที่ขาวมากนั่นละมั้ง ที่พอจะบอกได้ ขาวยังกะตุ๊กตา หึหึ … แปลกดี

ผู้ใหญ่อะไรว่ะ ดูหน้าตาแล้ว อายุก็ไม่น่าจะแก่กว่าเค้าสักกี่ปีหรอก แถมที่หัวเราะในคอนั่นอีก คนอะไรกัน ท่าจะบ้า … ได้แต่บ่นในใจ ในเมื่อนัทไม่อยากเสียมารยาทต่อหน้าอาจารย์
นัทเริ่มนึกได้ว่าเค้ากำลังมาหาแม่นี่นา แล้วเค้าก็มองไปรอบๆ ห้อง เมื่อไม่เห็นใครอีก จึงเอ่ยถามอาจารย์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ …

“อาจารย์ครับ แล้วคุณแม่ของผมล่ะครับ”
“คุณแม่ของเธอ ไม่ได้มารับหรอกนะ ณัฐภูมิ”
“อ้าว … ก็ไหนอาจารย์ประกาศว่า …”
“เธอก็ฟังครูพูดก่อนซิ นายณัฐภูมิ … ใจร้อนจริงเลยนะเรา”

เด็กหนุ่มก้มหน้า พร้อมกับเหลือบไปเห็นว่าใครอีกคน กำลังยิ้มเหมือนจะหัวเราะเค้าอยู่
นัทส่งสายตาท้าทาย เหมือนจะถามว่ายิ้มทำไม... แต่ตอนนี้เค้าไม่อยากจะสนใจแล้ว เพราะตอนนี้เรื่องของแม่สำคัญกว่า

“คุณแม่ของเธอแจ้งทางโรงเรียนไว้แล้วว่า ไม่สามารถมารับเธอได้น่ะ”
“แล้วผมจะต้องอยู่ที่โรงเรียนต่อไปหรือครับอาจา รย์”
“ไม่หรอก … ว่าแต่เธอรู้จัก คุณหญิง ศศิกานต์ หรือเปล่าล่ะ”

แล้วมันเกี่ยวอะไรกันล่ะเนี้ย นัทได้แต่นึกสงสัย แต่ชื่อมันก็คุ้นๆ อยู่นี่นา … พยายามนึกถึงเพื่อนที่คุณแม่มักพูดถึงเสมอ แต่คุณแม่ก็ไม่มีเพื่อนสนิทที่ไหนนี่นา นอกจาก ...

“อ๋อ จำได้แล้วครับ คุณหญิง ศศิกานต์ เป็นเพื่อนรักของคุณแม่ผมน่ะครับ”
“อืม งั้นดีเลยที่เธอจำได้ คุณหญิงศศิกานต์ นอกจากจะเป็นเพื่อนของคุณแม่เธอแล้วนะ ท่านยังเป็นผู้อุปถัมภ์ของโรงเรียนเราด้วย และ คุณแม่ของเธอได้แจ้งกับทางโรงเรียนว่าจะฝากฝังให้เธอ ไปอยู่ที่บ้านคุณหญิง สักระยะหนึ่ง ก่อนที่ท่านจะมารับเธอ”

“อ้าว … ทำไม่ล่ะครับ ทำไมคุณแม่ถึงไม่มารับผม เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณแม่ผมหรือเปล่าครับ”
นัทรู้สึกผิดหวังขึ้นมา เมื่อความตั้งใจที่จะได้เจอ และได้กลับไปอยู่กับแม่ของเค้าต้องพังทลายลง

“ใจเย็นๆ ซิ ณัฐภูมิ คุณแม่ของเธอไม่ได้เป็นอะไรหรอกนะ เพียงแต่ท่านติดธุระสำคัญมากจึงยังมารับเธอตอนนี้ไม่ ได้เท่านั้นเอง”
“งั้นเหรอครับ ถ้าคุณแม่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะครับ”
นัทก้มหน้ารับ แต่ในใจก็ยังมีคำถามมากมาย แต่ก็ไม่กล้าที่จะถามเซ้าซี่อาจารย์ไปมากกว่านี้อีก

“อาจารย์ครับ … แล้วคุณหญิงท่าน จะมารับผมวันไหนหรือครับอาจารย์”
“อ๋อ คุณหญิงท่านติดงานการกุศลน่ะ นี่ไงจ๊ะ คุณธวัฒน์เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของคุณหญิง ท่านวานให้คุณธวัฒน์มารับแทน”

“เหวอ…เนี่ยเหรอครับอาจารย์ลูกคุณหญิง แล้วผมต้องไป ไป … เอ้อ … ไปกับเค้าหรอครับ”
“ใช่จ๊ะ ทำไมเหรอเธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ณัฐภูมิ”
ธวัฒน์หันมามองท่าทางตกใจของนัท แล้วก็อดขำไม่ได้ สงสัยจะกลัวเค้าเอาไปฆ่าละมั้ง ตกใจซะออกนอกหน้าเชียว

“เอ้อ...เปล่า เปล่า...ครับอาจารย์”
แล้วตูจะตายกลางทางไหมเนี่ย เฮ้อ...แต่เป็นไงเป็นกันว่ะ ในเมื่อแม่ต้องการแบบนี้นี่นา
“ถ้าพร้อม ก็ไปกันได้แล้ว ฉันเสียเวลามามากแล้วนะ”
เสียงธวัฒน์ เหมือนกับกำลังออกคำสั่งให้นัทต้องปฏิบัติตาม
ชิส์ ... พวกลูกคุณหญิงเค้าชอบออกคำสั่งกันนักหรือไง เราไม่ใช่คนใช้สักหน่อย ไม่อยากมารับ ก็ไม่ต้องมาไม่ได้ง้อซะหน่อย
“ว่าไง ถ้าพร้อมแล้วก็ไปซิ จะให้ฉันอุ้มเธอไปที่รถหรือไง เด็กน้อย”
“เอ้อ...ครับ ครับ ไปครับ”
ใครว่ะเด็กน้อย ตัวเองแก่ตายล่ะมาเรียกเค้าเด็กน้อย ขี้เก็ก หยิ่ง ถือตัว คนอะไรว่ะ นัทไม่ชอบเลยที่จะโดนว่าเป็นเด็ก ก็ในเมื่อเค้าอายุจา 18 แล้วนะ
นัทหันไปสวัสดีและกล่าวลาอาจารย์ พร้อมกับเดินออกไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่หน้าห้อง
เมื่อธวัฒน์เห็นว่านัทเดินออกไปแล้ว จึงกล่าวลาอาจารย์บ้าง
“ยังไงก็ฝากดูแลตา นัท แกด้วยนะค่ะคุณธวัฒน์ แกเป็นเด็กน่าสงสาร และฝากความรำลึกถึงคุณหญิงด้วยนะค่ะ”
“ครับ แล้วผมจะเรียนคุณแม่ให้ แต่ท่าทาง เด็กนัท นั่นคงจะไม่ค่อยน่าห่วงมั้งครับ รู้สึกจะเก่งพอตัว หึหึ”
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
อาจารย์ได้แต่มองตามหลัง คนทั้งคู่ที่เดินจากไป โดยไม่รู้เลยว่า อนาคตของนัท กำลังมีอะไรรออยู่ข้างหน้า



*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2010 20:02:51 โดย THIP »

VicOSe

  • บุคคลทั่วไป
Re: ไม่ง่ายนัก......รักนี้ (This Love Impossible)
«ตอบ #1 เมื่อ23-04-2007 02:16:46 »

มาโพสครั้งแรกนะครับมีอะไร ผิดพลาดไปก็ขออภัยด้วยนะคับ ^^     

ว่าแล้วก็โพสต่อเลยดีกว่า

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

2 ...
รถเก๋ง คันหรูแล่นฝ่าการจราจร ในกรุงเทพฯ ที่แสนแออัด วุ่นวายสับสน แต่ใจของคนที่อยู่ในรถนี่ซิดูจะอึดอัด และวุ่นวายกว่าการจราจรข้างนอกเสียอีก
เพราะตั้งแต่ออกจากโรงเรียนมายังไม่มีใครยอมเปิดปากพ ูดสักกะคำ เมื่อย้อนกลับไปก่อนจะขึ้นรถมาก็จะเข้าใจเหตุผลได้ดี ...

ธวัฒน์เดินตัวปลิวนำหน้านัท ที่ลากกระเป๋าแสนหนักตามมา อย่างอดทน ...
“คนอะไรกันว่ะ ไม่มีน้ำใจซะเลย…ไม่คิดจะช่วยกันบ้างหรือไงน่ะ” นัทที่เดินตามมาได้แต่บ่อยเบาๆ

แต่ธวัฒน์เองก็เหมือนจะแกล้ง โดยรีบเดินเร็วขึ้นจนทิ้งระยะห่างกันมากขึ้น
“คุณ วัฒน์ จะรีบไปไหนครับ เดินช้าๆ ก็ได้นี่ครับ...”
นัทพยายามใช้คำที่สุภาพที่สุด โดยก้มหน้าก้มตาเดินให้ทันคนข้างหน้า โดยไม่ทันสังเกตว่าคนข้างหน้าได้หยุดเดินแล้ว
“โอ๊ย ! …” อีกแล้ว ชนเข้าอีกแล้ว มันอะไรกันนักนะวันนี้ นัทที่กึ่งนั่งกึ่งกองอยู่บนพื้น แหงนหน้าขึ้นมามองคนข้างหน้า
“คนอะไร หยุดก็ไม่บอก”
ธวัฒน์ยังทำสีหน้าเฉยชา เหมือนเดิม และดูเหมือนจะเย็นชามากกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ เมื่อมองนัทที่นั่งอยู่กับพื้น
“เธอ ... ไม่มีสิทธิ์จะเรียกชื่อฉันห้วน ๆ แบบนั้นนะ ฉันขอบอกเธอไว้ก่อนเลย”
“ถ้าจะเรียก เธอต้องเรียก คุณธวัฒน์ อย่าให้ฉันได้ยินอีกเป็นครั้งที่สองนะ ไม่งั้นน่าดู”

“หยิ่ง ไม่มีน้ำใจ แล้วยังถือตัวอีก คนอาไร...ไม่เคยพบเคยเห็น”
นัทก้มหน้าบ่นเบาๆ แต่ก็ไม่พ้นหูเรดาร์ของคนที่มองอยู่ได้
“เธอว่าอะไรนะ เด็กน้อย ... อย่ามาทำล้อเลียนผู้ใหญ่แบบนี้นะ ฉันไม่ชอบ…”

“ขอโทษครับ เอาเป็นว่าผมจะไม่พูดแบบนั้นอีกก็แล้วกัน พอใจไหมครับคุณธวัฒน์”
“แต่คุณ ก็ไม่ควรจะเรียกผมว่าเด็กน้อยอีกน่ะครับ ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
“เหรอนี่ฉันกำลังคุยกะผู้ใหญ่เหรอเนี่ย”
“ผมไม่ใช่ผู้ใหญ่ แต่ผมก็ไม่ใช่เด็กที่คุณจะมาเรียกเด็กน้อยแล้วนะครับ ”
หลายคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มมองมาทางคนสองคนที่กำลังพ ูดเหมือนจะทะเลาะกันอยู่
จนธวัฒน์รู้สึกอึดอัด จึงพูดตัดบทให้นัท หิ้วกระเป๋าตามมาที่รถ พร้อมกับเปิดฝากระโปรงหลังรออยู่
นัทจำเป็นต้องหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ ไปใส่ท้ายรถและขึ้นไปนั่งข้างคนขับก่อนที่จะ ธวัฒน์จะขับรถออกไป

นัทที่พยายามรักษาอาการให้เป็นปกติ เพราะรู้สึกไม่ค่อยชอบคนข้างๆ เอามากๆ ทำให้อึดอัดอยู่ไม่น้อยและเพราะไม่เคยเจอกับคุณหญิงเ พื่อนของคุณแม่มาก่อน และต้องไปอยู่ด้วยแบบนี้ จึงยิ่งทำให้คิดมากไปใหญ่
เฮ้อ… นี่เราต้องไปอาศัยบ้านคนอื่นนานเท่าไหร่กันนะ เมื่อกี้ก็ลืมถามอาจารย์ซะด้วย นัทได้แต่ถอนใจเบาๆ กับความคิดของตัวเอง

ธวัฒน์ ที่ขับรถมาเงียบๆ ก็รู้สึกอึดอัดไม่แพ้กันเท่าไหร่ ปกติเค้าไม่ใช่คนถือตัวอะไร ออกจะเป็นสุภาพบุรุษในสายตาสาวๆ ด้วยซ้ำ แต่เพราะความที่เป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่มีน้อง จึงอาจยังไม่รู้จะวางตัวยังไงกับเด็ก (ถึงจะไม่เด็กแล้วก็เถอะ) จะให้มาเล่นหัว สนิทสนมเหมือนเพื่อนๆ ก็คงไม่ได้ จึงต้องวางท่าเฉยๆ ไว้ก่อน

ธวัฒน์สังเกตเห็นนัทแอบถอนหายใจ อยู่หลายครั้ง จึงเอ่ยปากถามเพื่อทำลายความเงียบลงบ้าง
“กลุ้มใจอะไรนักล่ะ เด็กสมัยนี้เค้ามีเรื่องกลุ้มใจกันมากนักเหรอ”
“คุณ ธวัฒน์…”
นัทเอ่ยเสียงเย็น ทำให้ธวัฒน์นึกขึ้นได้
“เออ ลืมไป … ไม่ใช่เด็ก… ดุจริงนะตัวแค่เนี่ย”
ธวัฒน์พูดพร้อมกับทำหน้ามุ้ยเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาที่นัทแอบเห็นเข้าพอดีจากเงาในกร ะจกด้านข้างของนัท

ท่าทางของธวัฒน์ทำให้นัทรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง จึงเอ่ยถามสิ่งที่สงสัยอยู่นานออกมา
“คุณธวัฒน์ ครับ ผมต้องอยู่ที่บ้านของคุณนานเท่าไหร่ครับ คือ…ผมหมายถึงว่า แม่ผมจะมารับผมเมื่อไหร่น่ะครับ”

แววตาของธวัฒน์เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อหันมามองคนข้าง ๆ เค้ารู้สึกเห็นใจนัทอยู่เหมือนกัน ที่อยากเจอแม่ และจำได้ที่คุณแม่ของเค้าบอกว่านัทกำพร้าพ่อตั้งแต่เ ด็ก
“ทำไมเหรอ บ้านฉันมันเป็นยังไงเหรอ เธอถึงไม่อยากจะอยู่น่ะ”
“ก็ถ้าแม่ผมมารับ ผมก็คงไม่อยากไปอยู่หรอก”
ก็เพราะมีคุณนั่นแหละถึงไม่น่าอยู่ไงล่ะ อีกเหตุผลในใจ แต่นัทก็ไม่กล้าพูด กลัวตายซะกลางทางมากกว่า

“โอเค โอเค … จะมีสักครั้งไหมนะ ที่เธอจะไม่เถียงฉันน่ะ คนอาไรเถียงได้เถียงดี ไปหัดมาจากไหนกันนะ”
นัทที่กำลังอ้าปากจาพูด ก็พอดีกับที่ฝ่ามือกว้างของคนข้างๆ เอื่อมมาปิดปากเค้าไว้พอดี …
“หยุด…หยุดเลย…หยุดเถียงสักครั้ง คงไม่ตายหรอกนะ”
นัทพยักหน้ารับ มองคนข้างๆ ตาโต ด้วยความตกใจ ทั้งๆ ที่มือของธวัฒน์ย้งปิดปากอยู่ …
“ฉันจะสติแตกก็เพราะเธอนี่แหละ เฮ้อ…ใครน๊า…ช่างเจาะปาก บทจะเงียบก็เงียบ เวลาพูดเวลาเถียงก็ไม่ลดลาวาศอก ซะเลย”

ธวัฒน์พูดพร้อมกับเอามือที่ปิดปากนัทออก เมื่อเริ่มรู้สึกว่า นัทคงจะหยุดฟังที่เค้าพูดบ้างแล้ว
เค้ากลับไปตั้งสมาธิกับการขับรถต่อไปอีกสักพัก ก่อนจะเอ๊ยออกมา
“เรื่องที่คุณแม่เธอจะมารับเมื่อไหร่น่ะ ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะ เธอต้องถามคุณแม่ของฉันเอง”
“ฉันเพียงแต่ไปรับเธอเพราะท่านขอเท่านั้น ถ้าเจอท่านเธอก็ถามดูล่ะกัน”

ธวัฒน์เหลือบตาไปมองก็เห็นนัทพยักหน้ารับเงียบๆ ถึงจะรู้สึกสงสารอยู่บ้าง แต่เค้าไม่เคยต้องปลอบใจใครเลยสักครั้ง โดยเฉพาะผู้ชายด้วยกัน เพราะด้วยฐานะทางสังคม รูปสมบัติ และทรัพย์สมบัติมากมายที่พ่อแม่เค้าสร้างมา ทำให้มีแต่คนเข้ามาหาเค้าเสมอทั้งผู้ชายและผู้หญิง ล้วนหวังผลประโยชน์จากเค้าซะส่วนใหญ่ เค้าจึงไม่ค่อยจะเอาอกเอาใจใคร หรือปลอบโยนใครมาก่อน นอกจากคนในครอบครัวเท่านั้น

เมื่อจิตใจอ่อนล้า ร่างกายมักตอบสนองต่อจิตใจเสมอ ประกอบกับนัทที่นั่งรถมานานพอสมควร จึงทำให้หลับไปโดยไม่รู้ตัว
ธวัฒน์เมื่อเห็นนัทหลับอย่างสบาย ก็ยิ้มออกมาแบบที่นัทไม่มีวันเชื่อแน่ๆ ว่าผู้ชายคนนี้จะยิ้มแบบนี้ได้ พร้อมกับที่ปรับเบาะให้ของนัทให้เอนลงจะได้หลับสบายข ึ้น
“หึหึ… เด็กปากดี หลับง่ายจริงๆ พอหลับก็ดูไม่มีพิษสงเอาซะเล้ย...”
ธวัฒน์พูดกับตัวเองเบาๆ และหันมาพิจารณาคนข้างๆ ในบางครั้ง
หน้าคม คิ้วเข้ม ผมดำเหมือนคนไทย ตัดกับผิวขาวมากๆ แบบฝรั่งนั่น ทำให้เด็กคนนี้หน้าตาดีทีเดียว ปากเรียวสีชมพูธรรมชาติ ถ้าเป็นผู้หญิงละก็ …

ธวัฒน์ไม่เคยพลาดเรื่องผู้หญิงเลย เพราะหน้าตาหล่อเหลาแบบเค้า ประกอบกับความรวยที่มีมาตั้งแต่เกิด ทำให้ผู้หญิงทุกคนหมายปอง เข้าแถวมาให้เลือกไม่ขาดสาย แต่เค้าก็ไม่เคยจริงจังกับใคร เพราะเค้ารู้ว่าผู้หญิงเกือบทุกคนต้องการเงินมากกว่า ตัวเค้าซะอีก

ธวัฒน์หันมามองหน้านัทอีก จนรู้สึกว่าตัวเองชักมองบ่อยผิดปกติ
“เป็นไรว่ะเรา ท่าจะบ้า … ผู้ชายนะโว้ย ไม่ใช่ผู้หญิง”
เค้าสะบัดหัวแรงๆ หนึ่งที เพื่อไล่ความคิดแปลกๆ ออกไปจากหัว พร้อมกับที่เลี่ยวรถเข้าไปในซอยข้างหน้า
สองฟากฝั่งของซอยนี่ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านของเศรษฐี ไฮโซทั้งหลาย เพราะบ้านแต่ละหลัง ล้วนใหญ่โตโอ่อ่า เพราะเจ้าของล้วนเป็นเศรษฐีเก่าบ้าง ใหม่บ้าง หรือพวกไฮโซ ที่เหมือนจะมาสร้างบ้านแข่งบารมีดีกรีความรวยกัน

เมื่อรถเลี่ยวผ่านเข้าประตูบานใหญ่ ที่มีคนรับใช้มาเปิดให้ นัทก็เริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
มองออกไปด้านหน้า เป็นบ้านสีขาวหลังใหญ่โอ่อ่า สไตล์ยุโรปผสมกับความเป็นไทยได้อย่างลงตัว ถ้าบอกว่าเป็นวังย่อมๆ ก็คงไม่ผิดนัก ถนนที่รถวิ่งผ่าน ตัดผ่านสวนที่ตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับมากมาย แสดงว่าเจ้าของคงชอบต้นไม้ไม่น้อยเลย ถึงได้มีต้นไม้ดอกไม้มากมายขนาดนี้ แต่ก็แบ่งได้เป็นSadส่วน อย่างสวยงามลงตัวมาก

“ตื่นแล้วซินะ ฉันไม่ใช่คนขับรถของเธอน่ะ ถึงได้มานั่งหลับสบายใจแบบนี้”
ธวัฒน์ตั้งใจจะพูดหยอกล้อนัทเล่นสักหน่อย แต่กลายเป็นว่านัท มองค้อนตาเขียวซะแทน
“เอา เอา … มองแบบนี้จะกินฉันหรือไง อุตส่าห์ขับรถไปรับแล้วยังไม่สำนึกบุญคุณอีก”
“ขอบคุณนะครับ ที่อุตส่าห์ไปรับ ทั้งๆ ที่ไม่เต็มใจ”
นัทพยายามเน้นคำว่า ไม่เต็มใจ ให้ได้ยินชัดที่สุด

“ใครว่าฉันไม่เต็มใจ”
นัทหันขวับ มามองหน้าคนพูดทันที แบบไม่ค่อยจะเชื่อหูนัก ดวงตาเป็นประกายเหมือนรู้สึกดีใจที่ได้ยินคำพูดนั้น นี่เราคิดผิดเหรอเนี่ย เค้าก็มีน้ำใจเหมือนกันนี่นา …
ธวัฒน์ไม่ได้สนใจท่าทีแปลกๆ ของนัท แต่ยังคงพูดต่อ
“ฉันเต็มใจทำตามที่คุณแม่สั่งเสมอล่ะ เข้าใจเอาไว้ด้วยนะ”
“อ้าว…”
“อ้าวทำไม มีอะไรงั้นเหรอ”
“ก็…ที่แท้แค่ทำตามคำสั่งนะซิ เค้าไม่เรียกว่าเต็มใจนักหรอกครับ”

“แล้วเธอมีปัญหาอะไรหรือไง กับการที่ฉันทำตามคำสั่งของคุณแม่เนี่ย หรือว่า…”
ธวัฒน์ทำหน้าตาแบบมีเลศนัย จนนัทเริ่มหนาวๆ ร้อนๆขึ้นมา
“หรือว่าเธอกำลังคิดว่าฉันเต็มใจเสนอตัวไปรับเธอเองง ั้นซิ อย่าฝันเลย เธอคิดผิดแล้วล่ะ”
นัทหน้าร้อนวูบขึ้นมา เมื่อถูกอ่านความคิดได้ ไม่รู้ตัวเลยว่าหน้าแดงเพราะเสียหน้า หรือเพราะสาเหตุอื่น

“อะไร … ใครคิดครับ ใครจะกล้าคิดว่าคนอย่างคุณจะมารับคนอย่างผมล่ะ”
ไม่น่าเลยตู เผลอคิดในแง่ดีซะได้ คนแบบนี้คงไม่สนใจคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนอย่างเราหร อก …
เอ๊ะ แล้ว … ทำไม เราต้องอยากให้มาสนใจด้วย ท่าจะบ้าไปแล้วเรา …

“ไม่ได้คิดก็แล้วไป เอ้า … ลงรถได้แล้วจะนั่งไปถึงเมื่อไหร่”
เมื่อรถจอดสนิท นัทจึงเปิดประตูลงจากรถ และพบกับป้าแก่ๆ ท่าทางใจดีคนนึง เดินมากับเด็กสาวอีกคนที่อายุอานามคงไม่ต่างจากเค้าน ัก ท่าทางร่าเริงแจ่มใส

“อ้าว…นมพริ้ม คุณแม่กลับมาหรือยังครับนม”
ธวัฒน์ที่ออกจากรถมาถามไถ่ผู้สูงวัย ที่เพิ่งรับไหว้นัท และยิ้มให้อย่างเอ็นดูในท่าทางนอบน้อมของนัท
“ยังเลยค่ะคุณวัฒน์ เห็นท่านบอกจะกลับค่ำๆ นะค่ะ แล้วคุณวัฒน์จะให้ตั้งโต๊ะมื้อเที่ยงหรือเปล่าค่ะ”

“อย่าเพิ่งเลยครับนม เพิ่งมาเหนื่อยๆ นะครับ”
“เอ้า…หนูแวว อย่ายืนเฉยๆ ซิ ไปยกกระเป๋าหลังรถขึ้นไปไว้บนห้อง”
หนูแววที่กำลังยิ้มหวานหยดย้อย ให้กับความหล่อเหลาสมวัยของนัท ถึงกับสะดุ้ง เมื่อได้ยินคำสั่ง
“ค่ะ ค่ะ คุณหนู ไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”

“แล้วเธอ...”
ธวัฒน์หันมาทางนัท
“ตามแววไปที่ห้องได้เลย พอจัดของให้เรียบร้อยแล้วลงมาหาฉันที่ห้องรับแขก”
“ครับ”
คนอะไรว่ะเนี่ย ออกคำสั่งเป็นไฟเลย น่าหมั่นไสัจริงๆ สั่งได้สั่งเอา
นัทรีบเดินตามแวว เข้ามาในห้องรับแขก ซึ่งมีเครื่องประดับตกแต่งมากมาย มีบันไดทอดขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน พอขึ้นมาถึงชั้นบนก็จะแบ่งเป็นสองปีก ซ้าย ขวา นัทเดินตามแววไปทางด้านซ้ายพร้อมทั้งเอ่ยถามด้วยความ สงสัย
“แววครับแวว ด้านโน่นเป็นห้องของใครเหรอ”
“อุ๊ย...คุณไม่ต้องพูดเพราะกับแววก็ได้ค่ะ เพราะแววคนรับใช้นะค่ะ ส่วนด้านโน่นเป็นห้องของคุณท่านกับคุณหนู ส่วนปีกด้านนี้จะเป็นห้องรับรองสำหรับแขกเท่านั้นค่ะ ”

แหวะ...คุณหนูเนี่ยน่ะ เมื่อกี้ก็ทีนึงล่ะ โตเป็นควายแล้วยังเป็นคุณหนูอีก ตลกชะมัด
นัทที่แอบขำ รับฟังพร้อมกับเดินตามแววเข้าไปในห้องแรกสุดที่อยู่ด ้านขวา
“โอ้โห... ทำไมมันใหญ่แบบนี้ล่ะ”
ห้องกว้าง ตกแต่งอย่างดี เตียงที่นอนสบายๆ ได้ถึง 2 คน กับโต๊ะเครื่องแป้ง ที่มีของใช้สำหรับผู้ชายวางอยู่
“ทำไม มีของใช้ผู้ชายด้วยล่ะครับ เคยมีคนมาพักห้องนี้เหรอครับแวว”
“อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ ของพวกเนี่ย คุณหญิงท่านให้คุณนมจัดเตรียมไว้เมื่อสองสามวันนี้เอ งค่ะ บอกว่าจะมีคนมาพัก แววก็เพิ่งทราบว่าเป็นคุณนัทเนี่ยแหละค่ะ”
“โห ไม่ต้องมีคุณก็ได้ครับ ผมก็แค่มาอาศัยอยู่ชั่วคราวเท่านั้นเอง
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณหญิงท่านสั่งไว้ว่าคุณมาอยู่ในฐานะลูกหลานของบ้าน นี้คนนึง แต่เอ...เห็นคุณหญิงว่าคุณจะมาอยู่ที่นี่อีกนานเลยนี ่ค่ะ แปลกจัง”
“เสร็จแล้วค่ะ ถ้าคุณต้องการอะไรอีกก็เรียกแววได้นะค่ะ”
“ครับ ครับ...ขอบคุณนะครับ ที่จัดของให้”
แววที่จัดของเข้าตู้เสร็จ ส่งสายตาหวานซึ้งมาทางนัทก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้นัทที่นั่งอยู่บนเตียง งงกับคำพูดของแววอยู่คนเดียว
“อยู่อีกนาน หมายความว่าไงกัน…”


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: ไม่ง่ายนัก......รักนี้ (This Love Impossible)
«ตอบ #2 เมื่อ23-04-2007 02:19:54 »

ยิ่งเกลียดเธอยิ่งเจอรักป่าวเนี่ย มาตอนแรกเห็นพระเอกนายเอกไม่ชอบขี้หน้ากันทุกเรื่องเยย สุดท้ายก็...  :kikkik:
   VicOSeสู้สู้น๊า  :yeb:



VicOSe

  • บุคคลทั่วไป
อิอิ    วันนี้ เอาไป  แค่นี้ก่อนละกันนะคับ  เดี๋ยวจาจบเร็ว    วันนี้ ผมขอตัวไปอาบน้ำ นอน ก่อนนะค๊าบบ


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 3…

เมื่อนัทจัดข่าวของส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เค้าจึงรีบลงมาที่ห้องรับแขกทันที กลัวว่าธวัฒน์จะว่าเอาได้
และก็พบกับธวัฒน์ที่งีบหลับอยู่บนโซฟาตัวยาวอย่างสบา ยใจ
“หลับจริงอ่ะเปล่าเนี่ย”
จิ้ม จิ้ม … นัทจิ้มที่แขนของธวัฒน์เพื่อทดสอบให้แน่ใจ
“อิโด่ เอ๊ย … ให้เค้ารีบมาแล้วตัวเองก็นอนอยู่อยากะ คุณหนูหน้ายักษ์เวลาหลับก็เหมือนแมวดีๆ นี่เองล่ะหน๊า”
นัทที่ยื่นหน้าเค้าไปดูใกล้ๆ ถึงกับสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ ธวัฒน์ก็ลืมตาขึ้นมาซะเฉยๆ นัทรีบถอยออกมาทันทีแต่ก็ช้ากว่ามือกาวของอีกคน
“เมื่อกี้เธอว่าอะไรฉัน คิดว่าฉันจะหลับจริงๆ หรือไง”
“เปล่าซะหน่อยครับ คุณคิดไปเองหรือเปล่าเนี่ย … ปล่อยผมนะครับ”

นัทที่ยืนอยู่เตรียมจะถอยหนีจึงสะบัดข้อมือให้หลุดจา กมือของอีกคน แต่ธวัฒน์ที่นอนอยู่กลับจับไว้แน่นแล้วดึงให้เข้าหาเ บาๆ กะไม่ให้ผู้ร้ายปากแข็งหนีไปไหน แต่มันกลับทำให้นัทเสียหลักล้มลงบนแผ่นอกกว้างเข้าพอ ดี

ผู้ร้ายปากแข็งตัวเล็กรีบผลักอกของอีกฝ่ายเพื่อพยุงต ัวลุกขึ้นแต่อีกคนก็แกล้งกดเอาไว้ โดยไม่รู้เล๊ย…ว่าตอนนี้หน้าของนัทมันร้อนไปหมดแล้ว
“ปล่อยผมนะครับ คุณธวัฒน์ เล่นแบบนี้ผมไม่ชอบนะ”
“ก็บอกมาก่อนซิ เมื่อกี้เธอว่าอะไรฉัน ไม่งั้นอย่าหวังว่าจะลุกไปได้เลย”
ยิ่งเห้นนัทหน้าแดงเท่าไหร่ ยิ่งอยากแกล้ง ตัวเล็กยังกะลูกหมาอย่าหวังเลย … ว่าจะหลุดไปได้ แค่นี้ก็หน้าแดงทำยังกะสาวๆ ไปได้ ปากเก่งดีนัก ต้องแกล้งซะให้เข็ด หึหึ … ธวัฒน์ยิ่มกริ่มอย่างอารมณ์ดี

“ก็ … ก็ ผมไม่ได้ว่าอะไรจริงๆ นะครับ คุณธวัฒน์ปล่อยผมก่อนเถอะ…นะครับ”
นัทที่ไม่กล้ามองหน้าของธวัฒน์ พยายามดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการ นัทมีเพื่อนผู้ชายก็มาก แต่ไม่เคยมีใครเล่นถึงตัวใกล้ชิดแบบนี้มาก่อน มันทำให้นัทรู้สึกแปลกๆ พิกล แล้วไอ้หน้าที่มันร้อนวูบๆ อยู่นี่อีก มันเป็นอะไรกันนะ
“ผมไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณจะมาทำแบบนี้นะครับ”
นัทตะโกนเสียงดัง

เสียงของนัทเหมือนเรียกสติของธวัฒน์กลับมา เค้ารีบปล่อยแขนที่โอบนัทไว้ทันที พร้อมทั้งเอ๊ยเสียงแผ่วเบา โดยไม่กล้ามองหน้าคนที่เค้าเพิ่งปล่อยออกไปจากแผ่นอก แม้แต่นิดเดียว
“เอ้อ ... ฉัน...ฉันขอโทษนะ ที่...ที่...ที่เล่นแรงไปหน่อย”
นี่เราเป็นอะไรไปเนี่ย กอดเด็กผู้ชายเนี่ยนะ คิดแล้วอยากจะบ้า ถึงจะอยากแกล้งคืนที่ปากดีก็เถอะ
ธวัฒน์ผลุนผลันเดินไปที่ประตูทันที โดยมีสายตาของนัทมองตามทั้งๆ ที่หัวใจยังเต้นโครมคราม
“ตามมาซิ เราจะไปซื้อของกัน”
นัทเดินตามหลังธวัฒน์ที่เดินนำไปที่รถแล้ว
“เราไม่ได้ตื่นเต้น เรากำลังโกรธ โกรธมากๆ ที่เค้าทำกับเราเหมือนผู้หญิง เราไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่ชอบ”
นัทพยายามหาสาเหตุให้กับตัวเองที่ หัวใจเต้นแรง หน้าร้อนวูบ ตอนที่โดนธวัฒน์แกล้ง... จนเดินไปถึงรถนั่นแหละ จึงได้แต่ถอนหายใจก่อนที่จะก้าวขึ้นไปนั่งข้างคนขับ ที่อารมณ์ในใจคงคุกรุ่นไม่แพ้กัน ...

ที่ห้างสรรพสินค้าหรูชื่อดังเพิ่งเปิดใหม่ นัทได้แต่เดินตามธวัฒน์ที่เดินนำอยู่ข้างหน้า โดยที่นัทไม่ได้สนใจจะถามไถ่เลยว่าจะเดินไปถึงไหน ทั้งๆ ที่ขาเริ่มโอดครวญว่ามันสมควรจะหยุดพักได้แล้ว
ธวัฒน์ที่คงจะสังเกตเห็นอาการเดินของนัท ก็เลยหันมาหยุดรออยู่ตรงหน้า และมองดูอาการเดินไม่ดูทางของนัทอย่างขำๆ
“เหวอ...”
โชคดีที่นัทซึ่งเดินชนธวัฒน์จนเซไปด้านหลัง มีมือธวัฒน์มาดึงรั้งแขนทั้งสองข้างเอาไว้ ไม่งั้นคงได้ลงไปกองที่พื้นเป็นรอบที่ 3 ในเวลาเพียง 1 วัน
“คุณธวัฒน์ ทำไมคุณถึงชอบหยุดเดินแล้วไม่บอกไม่กล่าวนักนะ”
นัทที่สะลัดมือธวัฒน์อย่างรวดเร็วเริ่มโวยวาย ... อาการเกร็งตอนแรกเหมือนจะหายไปชั่วคราว
“แล้วเธอก็ช่างไม่เคยมองทางบ้างเลยเหมือนกันนะ นี่มันในห้างนะ ไม่ใช่โรงเรียนที่จะมีแต่เพื่อนๆของเธอ นี่ถ้าไปชนคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันจะเป็นยังไง”

“เธอหิวหรือเปล่า”
นัทตาโตมองหน้าธวัฒน์ที่เปลี่ยนเรื่องได้รวดเร็วเหลื อเกิน ปกติไม่น่าจะหยุดว่าเค้าเร็วขนาดนี้นะ
แปลกแฮะ ตาคุณหนูขี้เก๊กเปลี๊ยนไป๋ ... ไม่อยากจะเชื่อ ...
“ว่าไงล่ะ ยืนเงียบเป็นเป่าสากอยู่ได้ ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง”
“ไม่หิวครับ”
“แต่ฉันหิว...ฉะนั้นเธอก็ต้องไปกินกับฉันด้วย ไม่มีข้อโต้แย้ง เข้าใจ๋…”
นัทที่ฟังธวัฒน์พูด เริ่มหัวเราะเสียงดัง เอามือมากุมท้องของตัวเองพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่ก ับคำพูดของธวัฒน์

“หัวเราะอะไรมิทราบ ที่ฉันพูดมันขำตรงไหน”
นัทที่พยายามกลั้นหัวเราะจนน้ำตาไหล ยังไม่ยอมหยุดจนได้รับมะเหงก 1 ทีจากธวัฒน์นั่นแหละ จึงหยุดหัวเราะได้
“โอ๊ย ...!.”
“มันเจ็บนะ ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ ที่คุณจะมาเขกหัวเล่นแบบเนี่ย”
“หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังแบบเนี่ยนะ จะไม่ให้เรียกว่าเด็กแล้วจะเรียกว่าอะไร”
นัทได้แต่ลูบหัวป่อยๆ ที่โดนถวายมะเหงกจากธวัฒน์
“ก็ผมไม่คิดว่าไอ้คำพูดแปลกๆ จาออกมาจากปากคุณได้นี่นา มันขัดกับหน้าตาท่าทางแบบคุณหนูของคุณสุดๆ”
เมื่อนัทเริ่มที่จะหัวเราะอีกรอบ ธวัฒน์จึงเอื้อมมือไปขยี้หัวนัท ด้วยความหมั่นไส้ จนผมหยุ่งเหยิงไปหมด
“เอาล่ะ ไปได้แล้ว ฉันหิวมากจนจะกินเธอได้ทั้งตัวอยู่แล้วนะ”

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :110011: ธวัฒน์เริ่มออกลายแย้ววว  :เชิป2:
อยู่ชมรมกิงเดะเหมือนกันเยย  :kikkik:

VicOSe

  • บุคคลทั่วไป
แบบว่าเพิ่งอาบน้ำเส็ด หายง่วงเลย   ก็เลยแวะเข้ามาดูซักหน่อย  ไม่รู้ว่าเพื่อนๆพี่ๆ ที่นี่ชอบเรื่องนี้กัน รึเปล่า อิอิ    ขอตัวไปอ่านเรื่องอื่น ต่อก่อนนะค๊าบ  -0-  แล้วพรุ่งนี้จะมาต่อให้ใหม่   นะคับ   ฝันดีคับ ทุกคน


jammy

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องใหม่ทยอยมาเรื่อยๆเลยครับดีจัง เเล้วมาลงต่อนะครับจะคอยติดตาม  :impress:

VicOSe

  • บุคคลทั่วไป
แหะๆ  พอดีแบบว่าเพิ่งตื่นอ่ะคับ   นอนกินบ้านกินเมืองจิงๆ - -*        เดี๋ยวคืนนี้ผมมาลงต่อให้นะคับ  ตอนนี้ขอตัว  ออกไปตัดผมก่อนนะคับ   

jammy

  • บุคคลทั่วไป
มาลงเร็วนะครับ  :give2:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

..........ตามมาอ่านคับ.......หนุกดี.....เป็นกะลังใจหั้ยคับ.... :5555:

....................ว่าแต่อย่าค่อยๆลงก็ได้คับ....กลัวอ่านมะทัน.... :110011: :เชิป2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
สนุกมากๆ เยยน้อง VicOSe (ชื่อเรียกยากชะมัด แหะ แหะ)
มาแนวตบจูบๆ ป่าวเนี่ย  มันส์ๆ น่าติดตาม

รออ่านต่อจ้า  เป็นกำลังใจให้น้า  :loveu:  :loveu:

inimeg

  • บุคคลทั่วไป
อู้ว..........

นิยายมาเยอะจนไม่รู้จะอ่านอันหนายแร้ว....

คริๆ

เป็นกำลังใจให้นะครับ ต้องรับผิดชอบโพสต์นี่เหนื่อยน้า... ดังนั้น มามะ จุ๊บ 1 ที.....

VicOSe

  • บุคคลทั่วไป
มาลงต่อให้แล้วค๊าบบบบ     ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้นะคับ ^^   

ผม ชื่อ หมี นะค๊าบ  เอิ๊กๆ  ลืมแนะนำตัว  - -*

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

4...
“สั่งเท่านี้ก่อนนะครับ”
หลังจากที่ธวัฒน์สั่งอาหารเสร็จ ก็หันมามองคนที่นั่งตรงข้ามซึ่งเอาแต่เหลียวมองรอบๆ ร้านไม่ยอมหยุด

“เอ้า…มองเข้าไป ไม่เคยเห็นหรือไงมองอยู่นั่นแหละ อย่าไปจ้องคนอื่นเค้าล่ะมันเสียมารยาท”
“แล้วนี่…เธอแน่ใจน่ะว่าจะสั่งแต่ไอศครีม”
“ครับ…ก็ผมไม่หิวนี่นา”
“อีกอย่างผมไม่ค่อยได้ออกไปไหนหรอกครับ อยู่แต่ที่หอ พอปิดเทอมทีนึงคุณแม่ถึงจะมารับไปเที่ยวบ้าง”
สีหน้าท่าทางตื่นเต้นของนัท เมื่อกี้หายไป เมื่อนัทกลับไปนึกถึงแม่อีกครั้ง …
ธวัฒน์ที่สังเกตท่าทางที่เปลี่ยนไปของนัท เอื้อมมือจะไปสัมผัสมือของนัทที่วางอยู่อย่างลืมตัว… แต่…เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้จึงชักมือกลับอย่างเร็ว
เฮ้อ…เราชักจะแปลกๆ ไปทุกที ไม่เคยปลอบผู้ชายสักกะคน ทำไมกับเด็กคนนี่ มันถึง….เป็นแบบนี้นะ ธวัฒน์ได้แต่บ่นกับตัวเองที่แปลกไป และพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้นัทหายคิดถึงแม่แทน แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี
“แล้ว…แล้วนี่เธออยากจะซื้อ… พวกของใช้ส่วนตัวหรือเสื้อผ้าบ้างไหมล่ะ คุณแม่สั่งให้พาเธอออกมาซื้อของที่อยากได้ ฉะนั้นถ้าอยากได้อะไรก็บอก… ไม่ต้องเกรงใจ”
“ไม่เลยครับ ผมไม่อยากได้อะไร…ที่จัดไว้ให้ก็ดีอยู่แล้ว อีกอย่างผมอยากไปหาซื้อหนังสือมากกว่า”
“ก็ตามใจเธอนะ…”
บทสนทนาจบลงพอดีกับที่พนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ
“ข้าวผัดหนึ่งที่ และไอศครีมซันเดย์หนึ่งที่ได้แล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ธวัฒน์เอ่ยกับพนักงาน พร้อมกับทำท่าทางให้นัทลงมือทานได้ตามสบาย โดยไม่รู้สึกถึงสายตาสองคู่ที่มองพวกเค้าอยู่
“นี่ยายอร แกว่าสองคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นน่ะ คนนึงใช่…คุณธวัฒน์คู่ควงของยัย ภัทร… หรือเปล่าย่ะ”
“ฉันว่าใช่นะ แต่เอ…ไหงวันนี้มากะเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ล่ะ หน้าตาดีใช้ได้น่ะเธอ หรือว่า คุณวัฒน์เค้าจาเป็น…”
“Stop Stop…เลยเธอ หยุดความคิดอุบาท อุบาทของหล่อนไว้ก่อนย่ะ คุณวัฒน์น่ะแมนจะตาย… รวยก็รวย ใครๆ ก็อยากได้… ไม่งั้นยัยภัทรคงไม่ลงทุนทิ้งลูกชายเจ้าของห้างดังที่คั่วมาเป็นปี ไปตามออดตามอ้อนจนได้เป็นคู่ควงเบอร์หนึ่งหรอกย่ะ”
“เหรอย่ะยัยมล … แต่ฉันว่าแกลองดูก่อนดีกว่าม่ะว่าคุณธวัฒน์สุภาพบุรุษมาดแมนของแกน่ะ กำลังหวานกะเด็กนั้นยังไง”
ธวัฒน์ที่แอบมองการกินไอศครีมของนัทอย่างขำ ๆ จนอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นก่อน …
“นี่เธอไม่เคยกินไอศครีมมาก่อนหรือไง ถึงได้รีบกินขนาดนั้นน่ะ ดูซิ…เลอะขอบปากไปหมดแล้ว ทำเป็นเด็กไปได้”
“ก็นานๆ จะได้กินนี่ครับ เลอะเดี๋ยวก็เช็ดได้นี่ครับไม่เห็นเป็นไรเลย…”
“แล้วเธอจะกรุณาเช็ดมันก่อนจะได้ไหมล่ะ เธอไม่เห็นหรือไงว่าคนมันเยอะแค่ไหน อายคนเค้ามั้งซิ”
เชอะ … มารยาทจัดแล้วยังหน้าบางอีก คุณหนูจริงๆ นัทตักไอศครีมคำสุดท้ายเข้าปาก พร้อมกับหยิบกระดาษมาเช็ดปากอย่างหงุดหงิด พยายามจะแกล้งกวนโมโห คนหน้าบางให้อายเล่นซะหน่อย โดยเช็ดยังไง ก็ยังมีไอศครีมติดที่ขอบปากไม่หมดซะที
“เธอจะแกล้งฉันเล่นหรือไงเนี่ย … อ่ะ … เอานี่ …”
ธวัฒน์ที่หยิบกระดาษส่งให้นัทอีก แต่กลับเปลี่ยนใจ เมื่อเห็นนัทโน้มตัวจะมาหยิบกระดาษจากมือเค้า ธวัฒน์จึงลุกและก้มตัวไปเช็ดขอบปากที่ยังเลอะอยู่ของนัทแทน เสร็จแล้วธวัฒน์ก็กลับมานั่งตามปกติยิ้มเล็กน้อยอย่างพอใจกับอาการหน้าตื่นของอีกคน
“นี่…นี่คุณทำอะไรเนี่ย ไม่อายคนบ้างหรือไงอ่ะ คนตั้งเยอะตั้งแยะ”
บ้าที่สุด ทำให้คนอื่นเค้าอับอายขายขี้หน้า คนในร้านเค้าจะคิดยังไง ที่ผู้ชายมาเช็ดปากให้ผู้ชายด้วยกันเนี่ย … อยากจะเอาหน้ามุดลงไปใต้โต๊ะจริงๆ เล๊ย … ไอ้นัทนะไอ้นัท … ทำไมต้องมาเจอคนอย่างนี้นะ
นัทที่ตอนนี้หน้าแดงกร่ำ ก้มหน้าก้มตาโดยไม่หันไปมองรอบๆ เลย เพราะกลัวจะมีใครกำลังหัวเราะหรือซุบซิบกับเหตุการณ์เมื่อกี้อยู่…
“นี่เธอเพิ่งรู้เหรอว่าร้านนี้มีคนอื่นอยู่ด้วย อายเป็นเหมือนกันเหรอเรา หีหึ … อีกอย่างฉันไม่ได้คิดอะไรแล้วทำไมฉันจะต้องอายด้วย”
ธวัฒน์หัวเราะอย่างพอใจในท่าทางอายสุดขีดของนัท จะอายอะไรกันนักนะกะแค่เช็ดปากเนี่ย…
“ว้าย…ตายแล้ว นี่มันอะไรกันเนี่ย ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่า ว่า … คุณวัฒน์จะเป็นแบบเนี่ย”
กมลวรรณ ที่มองเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ถึงกับตาค้าง เมื่อไม่คิดว่าคู่ควงของเพื่อนสนิทจะเป็นไปได้แบบนี้
“ดูซิแก เด็กนั่นเขินน่าดูเลยล่ะ หน้าตาก็ดีนะ หล่อด้วย ท่าทางก็ไม่น่าจะใช่พวกตุ๊ด พวกแต๋ว แล้วคุณวัฒน์ไปคว้ามาจากไหนกัน”
“นั่นนะซิ ฉันว่า … ฉันโทรไปรายงานยัยภัทรก่อนดีกว่า”
“เอาเลย เอาเลย โทรเลยแก … “ อรปรียา เห็นด้วยกับเพื่อนจนออกนอกหน้า
“แหม…น้อยๆ หน่อยย่ะยัยอร ทำไมยะ ทำให้แฟนเค้าร้าวฉานกัน มันเป็นงานอดิเรกของแกหรือไง … ยังไงๆ ยัยภัทรมันก็เพื่อนของพวกเรานะ”
“เออน๊า … ฉันรู้ว่ามันเป็นเพื่อนพวกเรา ว่าแต่แกจะโทรไม่โทรเนี่ย … ไม่งั้นฉันโทรเองนะ”
“ไม่ต้อง…ไม่ต้อง ฉันโทรเองยะ”
กมลวรรณที่รำคาญ อาการระริกระรี้ของอรเต็มแก่ รีบกดโทรศัพท์มือถือในมือโทรหาเพื่อนรักทันที
เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ทำให้หญิงสาวที่นั่งอ่านนิตยสารอยู่อย่างสบายใจหยิบขึ้นมาดูชื่อที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอ
“อร … โทรมาทำไมกันนะ”
หญิงสาวกดรับและแนบหูเพื่อฟังเสียงของเพื่อนรักที่โทรเข้ามา
“ว่าไงยัยอร นึกยังไงถึงโทรมาหาฉันยะ จะชวนฉันไปชอปปิ้งที่ไหนอีกล่ะ แต่บอกไว้ก่อนนะฉันอยู่บ้านและไม่ว่างจะไปด้วย”
“โอ๊ย … ฉันช๊อปจนเมื่อยแล้วล่ะยะ กำลังหาอะไรกินอยู่กับยัยมล ว่าแต่แกเถอะคุณวัฒน์หวานใจแกไปไหนซะล่ะถึงได้สถิตย์อยู่ที่บ้านได้น่ะวันนี้”
“อ๋อ คุณวัฒน์เค้าไปทำธุระให้คุณแม่เค้าน่ะ แต่เรานัดดินเนอร์กันย็นนี่แหละ ฉันถึงไม่อยากไปไหนไงละ”
“ธุรง ธุระอะไรก๊าน… ธุระพาใครก็ไม่รู้ มากินข้าว เที่ยวห้างงั้นเหรอยะ”
“แกหมายความว่าไง คุณวัฒน์เค้ามีใครนอกจากฉันอีกหรือไง เป็นไปไม่ได้หรอก แต่ถึงจะมีฉันก็ยังเป็นเบอร์หนึ่งอยู่ดี คุณวัฒน์เค้าไม่จริงจังกับใครหรอกยะ นอกจากฉันคนเดียว…”
“จ๊ะ…แม่คนสวย ฉันแค่โทรมาเตือนด้วยความหวังดีนะ ว่าคุณวัฒน์ของเธอน่ะ เค้าพาเด็กหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้ … แต่ที่รู้คือหล่อไม่แพ้กันเลยล่ะ … มานั่งกินข้าว กระหนุง…กระหนิง กัน … จนมดยังอายเลยแก … ว่าแต่คุณวัฒน์ของแกเนี่ยชายแท้หรือเปล่ายะ พวกฉันชักไม่มั่นใจแล้วซิ”
“เป็นไปไม่ได้ยะ คุณวัฒน์เค้าไม่มีรสนิยมแบบนั้นหรอก เค้าคบกับฉันมาเกือบปีแล้วนะ ไม่เคยจะเห็นเค้าจะมีพฤติกรรมแปลกๆ แบบ … แบบนั้นสักนิด”
“โอเค งั้นก็แล้วแต่แกล่ะกัน ฉันน่ะโทรมาเตือนด้วยความหวังดีน่ะยะ แค่นี้แหละ แล้วเจอกัน”
อรวางสายไปแล้ว … แต่ นภัทร ที่ยังนั่งนิ่งถือโทรศัพท์ไว้ในมืออยู่ ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เพื่อนเล่ามา แต่อรก็เป็นเพื่อนรักของเธอ จึงไม่คิดสักนิดว่าเพื่อนจะโกหก … ได้แต่ถามตัวเองในใจ
“แล้วเด็กนั่น … เป็นใครกัน”

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ ตามมาอ่านเรื่องใหม่  :kikkik: ดูจากชื่อคงจบแฮปปี้นะ  :call:
เป็นกำลังใจให้คะ  :yeb:

VicOSe

  • บุคคลทั่วไป
ต่อเลยดีกว่า เดี๋ยว พี่ๆทั้งหลายอารมค้าง เอิ๊กๆ :yeb:

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

5...
“เอาล่ะ ถ้าอยากได้อะไรก็บอกกับนมพริ้มหรือแววก็ได้นะ เย็นนี้ฉันคงไม่ได้อยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เพราะนัดกับเพื่อนไว้”
“ครับ”
นัทรับหนังสือที่ซื้อมาจากมือธวัฒน์พร้อมกับเดินแยกไปเข้าห้องของตัวเอง ขณะที่ธวัฒน์แยกไปเข้าห้องของเค้าที่อยู่ทางปีกขวาเช่นกัน
นัทวางหนังสือลงบนเตียง มองไปรอบๆ ก่อนที่จะเดินไปหยิบ diary ที่จัดวางไว้บนโต๊ะหนังสือตั้งแต่ก่อนออกไป ขึ้นมาเปิดและพลิกไปยังหน้าที่ยังว่างอยู่ และหยิบปากกากลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่นุ่มสบาย ก่อนจะขีดเขียนตัวหนังสือลงไป...
*******************************************
วันที่ 1 ในบ้านหลังใหญ่ ...
    
แม่ครับ แม่คงมีธุระสำคัญมากถึงไม่สามารถมารับนัทได้ นัทไม่โกรธแม่หรอกนะครับ แต่...นัทอยากลับไปอยู่บ้านของเราจัง บ้านของพ่อที่อเมริกา นัทคิดถึงพ่อครับ พ่อจะรู้ไหมนะว่านัทเรียนจบแล้ว ถึงจะแค่ ม.6 แต่พ่อจะภูมิใจในตัวนัทหรือเปล่าครับแม่
   วันนี้ ได้เข้ามาอยู่ในบ้านของเพื่อนคุณแม่ เพื่อนคุณแม่จะเป็นคนแบบไหนกันน๊า ... อยากรู้จัง ... แต่ลูกชายของท่านนี่ซิครับ กวนประสาทที่สุดในโลก ขี้เก็กยังไม่พอ ยังหยิ่งถือตัวเอามากๆ นิสัยคุณหนูผู้เอาแต่ใจเหมือนในละครที่เคยดูเลยครับแม่ แกล้งนัทให้ต้องโมโหอยู่บ่อยๆ วันนี้ก็ทำให้นัทต้องล้มไปตั้ง 3 ครั้งแน่ะ ... ไม่ใช่ซิ  2 ครั้งเอง แต่เกือบอีกครั้งนึง ยังดีที่เค้าดึงไว้ทัน ไม่งั้นนัทคงแย่แน่ๆ คงมีแค่ตอนนี้แค่นั้นละครับ ที่นัทจะรู้สึกว่าชอบเค้าขึ้นมานิดนึง
   แม่เชื่อไหมครับ ว่านัทไม่เคยโมโหจนเลือดขึ้นหน้าอย่างนี้มาก่อนเลย นัทรู้สึกร้อนทั้งหน้า ทั้งตัวเลยครับเวลาที่เค้าแกล้งยั่วโมโหนัท น่าแปลกนะครับแม่ทีเวลาเพื่อนแกล้งนัท นัทกลับไม่เคยโมโหแบบนี้เลย นัทเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ใจมันสั่นๆ หน้าร้อนไปหมดเลยครับ หรือเพราะเค้าเป็นคนแปลกหน้ากันนะ ...
   นัทจะอดทนนะครับ จนกว่าแม่จะมารับนัท ... กลับบ้านของเรา ... อยากเจอแม่เร็วๆ จัง ...
*******************************************

นัทปิด diary ลงอย่างช้าๆ diary ที่มักบันทึกความทรงจำต่างๆ ไว้ในช่วงที่นัทไม่ได้อยู่กับแม่ เพราะมันทำให้นัทรู้สึกว่าได้คุยกับแม่เสมอๆ นัทไม่มีโอกาสโทรไปคุยกับแม่เลย เพราะงานของแม่ต้องเดินทางบ่อยๆ และแม่จะเป็นฝ่ายโทรมาหานัทเอง แต่ก็นานๆ ครั้ง นัทพลิกตัวแหงนมองเพดานห้อง เฝ้าแต่นึกถึงว่าจะได้กลับไปอยู่กับแม่เมื่อไรกันนะ และผลอยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

“ฮัลโล คุณภัทรเหรอครับ”
“ค่ะ คุณวัฒน์ ภัทรรออยู่นะค่ะ อย่าให้ภัทรต้องคอยเก้อน๊า... เพราะคุณวัฒน์มัวแต่พาใครๆ ไปเที่ยวหรอกนะค่ะ”
“โถ ... คุณภัทรพูดอะไรแบบนั้นล่ะ คุณภัทรก็รู้ว่าคุณภัทรสำคัญกับผมมากกว่าใครๆนี่ครับ”
“ภัทร เข้าใจค่ะว่าเป็นแค่คนสำคัญ ไม่ใช่คนรัก”
“คุณภัทร อย่าพูดแบบนั้นซิครับ นะครับคนดี อีกไม่เกินสิบนาทีผมก็จะถึงบ้านคุณภัทรแล้วนะครับ แต่งตัวสวยๆ รอผมนะครับ”
“ค่ะ แล้วภัทรจะรอค่ะ”

รถเก๋งคันหรูติดไฟแดงอยู่ ท่ามกลางแสงสีของท้องถนนในยามค่ำคืน ถึงจะเป็นแค่หัวค่ำ แต่แสงสีจากร้านรวงต่างๆ ที่เปิดบริการในตอนกลางคืน ก็มีให้เห็นมากมายเต็มสองฟากฝั่งของท้องถนน
ธวัฒน์เห็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายผ่านหน้ารถของเค้าไป ก่อนที่หน้าของใครคนนึงจะปรากฏขึ้นในมโนภาพของเค้าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“หึ หึ ... เด็กอะไรยียวนกวนประสาทได้ตลอดเวลาจริงๆ…”
o_O เฮ้ย เฮ้ย ไอ้วัฒน์เอ๊ย ... กำลังไปเดทกะสาวไหงไปนึกถึงเด็กประสาทๆ ได้เนี่ย ชายหนุ่มไม่แน่ใจตัวเองเลยว่าการที่เด็กหนุ่มที่เพิ่งพบเจอเพียงวันแรกเข้ามาแวะเวียนในจิตใจของเค้าได้อย่างไร เพราะท่ามกลางคนที่คอยเอาอกเอาใจเค้า ไม่เคยมีใครที่จะคอยขัดใจ ทุกคนวางตัวเมื่อยู่ต่อหน้าเค้าทั้งนั้นในสังคมของคนมีเงิน ... นอกจากครอบครัว ก็มีเพียงเพื่อนไม่กี่คนและเด็กคนนี้ละมั้ง ที่ต่างออกไป ...
ธวัฒน์พยายามไล่ความคิดแปลกๆ ออกไปจากหัว ก็พอดีที่ไฟเปลี่ยนเป็นเขียว เค้าจึงรีบขับรถตรงไปยังจุดหมายปลายทางทันที
ผับหรูหรา บนชั้นบนสุดของตึกระฟ้า ใจกลางเมืองหลวง ... ชายหนุ่ม หญิงสาว กำลังเต้นรำกันท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่แอบอิจฉาความเหมาะสมของคู่นี้ ผู้ชายก็หล่อ ผู้หญิงก็สวย ยังกับกิ่งทองใบหยก ...
“วันนี้ภัทรสวยมากเลยนะครับ”
“แหม...คุณวัฒน์ก็...ชมภัทรตรงๆ แบบนี้ภัทรก็เขินแย่ซิค่ะ”
“ผมพูดเรื่องจริงนี่ครับ คุณรู้ไหม...ว่าผู้ชายในร้านทุกคนต่างก็มองคุณไม่กระพริบตาเลยน๊า...”
“ผู้หญิงในร้านก็มองคุณเหมือนกันล่ะค่ะ ทำมาเป็นปากหวานกะภัทร คนเสน่ห์แรงอย่างคุณจะหาผู้หญิงสวยขนาดไหนก็ได้”
สายตาหวานซึ้ง ส่งให้ผู้หญิงตรงหน้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้เธอกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ... ผู้หญิงที่เข้ามาหาธวัฒน์มีมากมาย แต่ธวัฒน์ก็เลือกเธอมาเป็นคู่ควงออกงาน มากกว่าคนอื่นๆ ทำไมเธอจะไม่รู้เหตุผลล่ะ นอกจากความสวยแล้ว เสน่ห์ดึงดูดใจของเธอ หรือมารยาร้อยแปดรับรองว่าเธอไม่แพ้ใครเป็นแน่ ...
หญิงสาวซบลงบนไหล่กว้างของชายหนุ่มตรงหน้า เอ่ยเสียงถามเสียงแผ่วเบาเพื่อรักษาบรรยากาศของเสียงดนตรีชวนเคลิบเคลิ้ม ... ไม่ให้เสียไป
“คุณไปทำธุระอะไรให้คุณแม่มาทั้งวันเลยค่ะ รู้ไหมค่ะว่าภัทรคิดถึงคุณม๊ากมาก...”
“ผมไปรับหลานของคุณแม่ออกจากโรงเรียนประจำครับผม”
“คุณหญิงมีหลานที่ไหนด้วยหรือค่ะ”
“จริงๆ เป็นลูกของเพื่อนรักของคุณแม่ครับ ท่านจะให้มาอาศัยอยู่ที่บ้านชั่วคราวน่ะ ผมก็เพิ่งรู้จากท่านเมื่อเช้านี่เอง”
“คุณวัฒน์พาหลานชายคุณแม่ ไปไหนมาบ้างหรือค่ะวันนี้”
“เอ๊ะ...”
ธวัฒน์ผลักนภัทรออกจากไหล่ของเค้า ประคองไหล่หญิงสาวไว้ด้วยสองมือ ... มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น ตอนนี้...นภัทรรู้ว่าเธอพลาดไป เธอรุกเค้าเร็วเกินไป จนต้องหลบสายตาคมกริบ คู่นั้นที่กำลังมองเธออย่างค้นหา ...
“คุณทราบได้ยังไงครับว่า...หลานคุณแม่เป็นผู้ชาย...”
“เอ๊อ...คือว่า...ภัทร...”
นภัทรรู้ดีว่า ผู้ชายอย่างธวัฒน์ ไม่ชอบอะไร การผูกมัด แสดงความเป็นเจ้าของ การโกหกและการจับผิด เป็นสิ่งที่เธอพยายามไม่แสดงออก เมื่ออยู่กับผู้ชายคนนี้
“คุณเห็นผม ... แล้ว ... ทำไม ... คุณไม่เข้าไปทักล่ะครับ”
เฮ้อ ... นภัทรแอบถอนใจเล็กๆ เมื่อคำถามของชายหนุ่มไม่ได้แสดงว่า เค้าไม่พอใจในตัวเธอ
“คือ จริงๆแล้ว ... เพื่อนของภัทรค่ะ เค้าโทรมาเล่าให้ฟังว่าเห็นคุณไปทานข้าวกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งเมื่อตอนเที่ยง”
“คุณก็ถามผมตรงๆ ได้เลยครับ ผมไม่มีความลับอะไรหรอกนะครับ ก็แค่ไปพาหลานคุณแม่ไปซื้อของ กับทานข้าวเท่านั้นเอง”
“ค่ะ ภัทรทราบค่ะว่าคุณไม่เคยเหลวไหล อีกอย่างภัทรก็ไม่ได้ว่าอะไรน่ะค่ะ เพราะคุณไปกับผู้ชายชาย ไม่ใช่สาวๆ ที่ไหน จริงไหมค่ะ”
ธวัฒน์ดึงตัวหญิงสาวเข้ามาโอบกอด่ เต้นรำไปพร้อมกับเสียงดนตรีที่บรรเลงอย่างต่อเนื่อง ...
“อย่าว่าแต่ผู้ชายเลยครับ สาวๆ ที่ไหนผมก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวหรอกครับ ในเมื่อผมมีคนที่สวยที่สุดอยู่กับผมแบบนี้”
“ค่ะ...ภัทรเชื่อคุณค่ะ”
หลังจากไปส่งนภัทรแล้ว ธวัฒน์ก็ขับรถเก๋งคันงามกลับมาถึงบ้านประมาณสี่ทุ่ม โดยมีบุญส่ง คนขับรถวิ่งมาเปิดประตให้ ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อก้าวลงจากรถ
“บุญส่ง คุณแม่กลับมาหรือยัง”
“ยังเลยครับผม งั้นเดี๋ยวผมเอารถไปเก็บก่อนนะครับ”
"อืมไปเถอะ แล้วดูแลปิดประตูให้ดีล่ะ"
ชายหนุ่มกำลังจะก้าวขึ้นบันไดไปยังประตู ก็พอดีเหลือบไปเห็นคนที่เค้าคิดว่าคงจะนอนหลับไปแล้วนั่งอยู่ในสวนที่มีแสงไฟเพียงสลัวๆ เท่านั้น
“ป่านนี้แล้ว นั่งทำอะไรอยู่อีกนะ”
ธวัฒน์ก้าวผ่านแปลงดอกไม้หลากหลายชนิด เข้าไปหาเด็กหนุ่ม ที่นั่งอยู่คนเดียว แต่คนที่นั่งหันหลังกลับเหม่อลอยจนไม่รู้ถึงการมาของคนที่เค้าไม่ค่อยจะอยากเจอนัก ...

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
อ่านเรื่องนี้เหมือนบทละครเลยน้องหมี  จินตนาการเป็นละครอยู่อะ
แต่หนุกดี  ชอบๆ ทำให้อยากอ่านต่อแว้วว  เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมจ้า  :yeb:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :เฮ้อ: สงสารนัทเนอะ คงอยากอยู่กับแม่มากกว่า  :monkeysad:

ออฟไลน์ LonelyBoiZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
รออ่านต่อไปนะคับ มาติดตามต่อนะคับ  :yeb:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
เรื่องโปรดยอดเยี่ยมของผมเลย
 :loveu:
มีคนมาโพสแทนแว้วดีใจ
ขอบคุณทั้งคนเขียนคนโพส
 : 222222:

คนเขียนถ้าเข้ามา จุ๊บๆไว้ก่อนสองที
 :laugh5:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






VicOSe

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อให้แล้วคับ   ขอบคุณทุกคนนะคับที่เป็นกำลังใจให้   และก็ขอบคุณ พี่ๆที่เป็นห่วงนะคับ อิอิ  :yeb:

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

6...
ธวัฒน์เดินเข้าไปยืนอยู่ด้านหลังนานแล้ว แต่คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็เหมือนจะไม่รู้สึกตัวเอาซะเลย ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาทันใด เค้าจึงก้มลงไปข้างหูเด็กหนุ่ม และ ... และ ... เป่าลมเข้าไปในหูของเด็กหนุ่ม โดยที่นัทไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อหันมาด้วยความตกใจ แก้มขาวๆ เฉี่ยวปลายจมูกโด่งงามกำลังดีของธวัฒน์ไปแค่เสี้ยววินาที

“คุณ ... คุณธวัฒน์ ผมตกใจหมดเลยนะครับ เล่นอะไรก็ไม่รู้เนี่ย”
ด้วยความตกใจหรืออะไรก็ไม่รู้ แต่หน้าขาวๆ กลับเปลี่ยนเป็นแดงจัด นี่ถ้าไฟสว่างกว่านี้ ธวัฒน์คงมองเห็นแน่ๆ

“แล้วเธอทำไมถึงยังไม่นอนล่ะ มานั่งทำซึ้งอะไรแถวนี้ หรืออยากแสดงพระเอก MV”
“พูดอะไรครับ ... ใครมานั่งทำซึ้ง ผมมานั่งเล่นเฉยๆ เท่านั้นเอง”
“อยากบอกนะว่าเธอมานั่งรอฉันน่ะ”
“อันนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย ความจริงผมรอพบคุณหญิงต่างหาก ... งั้นผมไปดีกว่า...”
มือไวกว่าความคิด ธวัฒน์คว้ามือของนัทก่อนที่จะเดินหนีไป
“เดี๋ยว...จะรีบไปไหน ฉันไม่ใช่ผีสางที่ไหนนะ พอเจอปุ๊บก็จะรีบหนีน่ะ”
“ใครว่าผมหนีคุณละครับ ผมแค่...ง่วงนอนเท่านั้นเอง และจาไปนอนแล้วครับ เข้าใจแล้วก็กรุณาปล่อยด้วยครับ”
“อ่ะ เหรอ ... โทษที ปล่อยก็ได้ ... ไม่ใช่ผู้หญิงซะหน่อยทำเป็นหวงตัว”
“ว่าแต่ทานข้าวเรียบร้อยแล้วเหรอ”
“เรียบร้อยแล้วครับ คุณนมจัดให้ผมทานตั้งแต่เย็นแล้วล่ะ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
นัทกลับขึ้นไปบนห้องนานแล้ว แต่ธวัฒน์กลับยังนั่งอยู่ที่ที่นัทเคยนั่ง นึกถึงหญิงสาวที่ไปเดทด้วยกัน นภัทรหญิงสาวที่เพรียบพร้อมทุกอย่าง แต่นั่นยังไม่ได้ทำให้เค้ารักเธอ หากแต่เธอคือคนที่เหมาะสมที่เค้าจะแต่งงานด้วย และภาพของเด็กหนุ่มอีกคน สมาชิกใหม่ของบ้าน รู้แค่ว่าเป็นลูกของเพื่อนคุณแม่ แต่ทำไมกันล่ะ ถึงต้องมาอยู่ที่นี่ ... เด็กที่ดูจะเศร้าๆ ในบางครั้ง และยียวนกวนประสาทจนเค้าอยากจะแกล้งเล่น ...
นัทยังนอนไม่หลับ เค้ายังคงนึกถึงเหตุการณ์ในห้องครัวเมื่อตอนเย็น ที่นมพริ้มกับหนูแวว เล่าอะไรต่างๆ ในบ้านให้ฟัง
“บ้านนี้เงียบจังนะครับ ปกติก็ไม่ค่อยมีคนอยู่แบบนี้หรือครับนม”
“ใช่ค่ะ คุณหญิงกับคุณท่าน มีงานที่ต้องไปโน้นมานี่บ่อย ๆ ทั้งงานสังคม งานการกุศล ไปค้างที่ต่างจังหวัดก็บ่อยค่ะ”
“คุณธวัฒน์ทำงานที่บริษัท ก็เห็นจะมีแต่วันเสาร์-อาทิตย์ ที่จะอยู่บ้านบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยจะอยู่เหมือนกันแหละค่ะ”
“คุณธวัฒน์เค้าออกไปไหนกันหรือครับ เห็นแต่งตัวซะหรูเชียว ผมว่าคงไปเที่ยวแน่เลยใช่ไหมล่ะครับ”
“คุณหนู เธอไป ....”
เสียงนมพริ้มยังไม่ทันจะพูดจบก็มีเสียง หนูแววขัดขึ้นมาซะก่อน
“คุณธวัฒน์ เธอไปเดทกับหวานใจค๊า.... คุณนภัทรน่ะ ส๊วย...สวย...ยังกะนางแบบเลยค่ะ แววล่ะอิจฉ๊า...อิจฉา”
“ยัยแวว ... เดี๋ยวจะโดน พูดมากนะเรา”
นมพริ้มเอ็ดหนูแวว อย่างขำขำ ในท่าทางของเด็กสาว
“เอ่อ ... คุณธวัฒน์ไป...เที่ยวกับแฟน...หมายถึงคุณนภัทรนะครับ ไปบ่อยเหรอครับคุณนม”
“จะว่าเป็นแฟนก็คงไม่ผิดหรอกค่ะ คุณนัท เพราะไม่เห็นคุณหนูเธอจะควงใครได้นานเท่าคนนี้นะค่ะ”
“ยัยแวว ... ชอบพูดสอดซะจริงนะ”
“ขอ...ขอโทษค๊า...คุณนม”
นัทอดขำในท่าทางของแววที่โดนนมพริ้มดุไม่ได้ เค้ารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อทุกคนในนี้ ให้ความเอ็นดูและความเป็นกันเองกับเค้ามาก
ก่อนที่นัทจะหลับไปก็ อดที่จะคิดถึงแม่กับเพื่อนๆ ไม่ได้ และอีกความคิดถึงที่ผุดขึ้นมาในใจก็คือ พรุ่งนี้เค้าน่าจะได้เจอคุณหญิง และจะได้ถามเกี่ยวกับคุณแม่ให้ได้...
ที่โต๊ะอาหารตอนเช้า วันอาทิตย์ ที่แสนสงบเงียบ ... ธวัฒน์เดินลงมาจากชั้นบนและมานั่งลงด้านข้างของคุณแม่ของเค้า
“คุณแม่กลับดึกจังนะครับ เมื่อคืนผมกลับดึกแล้วแต่คุณแม่ก็ยังไม่กลับมาเลย”
“ใช่จ๊ะ กว่างานจะเลิกก็ดึกมาก แม่กลับมาถึงราวๆ ตี 1 ได้มั้งนะ”
“แล้วนี่คุณพ่อไปไหนแต่เช้าล่ะครับ ผมไม่เห็นรถท่านเลย”
“ท่านนายพลพ่อของลูก ท่านไปตีกอล์ฟกับเพื่อนๆ น่ะ อีกเดี๋ยวแม่คงต้องตามไปเหมือนกัน ... เพราะนัดกับคุณหญิงภรรยาของเพื่อนๆ คุณพ่อน่ะแหละ”
“คุณแม่ออกจากบ้านทุกวันแบบนี้ไม่กลัวลูกชายขาดความอบอุ่นบ้างเหรอครับ”
ธวัฒน์ทำหน้างอนๆ เหมือนเด็กๆ ที่กำลังอ้อนผู้ใหญ่ให้ตามใจตนเอง ... ก็พอดีที่นัทลงมาเห็นเข้าพอดี เพราะคุณหญิงให้แววขึ้นไปเชิญมาทานข้าวเช้าก่อนที่ธวัฒน์จะลงมาเพียงนิดเดียว และอีกอย่างคือคุณหญิงก็มีเรื่องที่จะคุยก่อนออกไปข้างนอก
“ทำหน้ายังกับเด็กปัญญาอ่อน...”
นัทยิ้มน้อยๆ เพราะอดขำกับภาพที่เห็นไม่ได้ เดินนำแวว มาที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับยกมือไหว้คุณหญิงที่ยิ้มให้อย่างใจดี
ธวัฒน์เองเมื่อเห็นนัทก็ต้องรีบเปลี่ยนสีหน้า เพื่อรักษาคาแรกเตอร์ของตัวเอง จนนัทขำหนักเข้าไปใหญ่ จนธวัฒน์มองเค้าตาเขียว
“นั่งซิจ๊ะ ลูกนัท นั่งข้างๆ แม่นี่แหละ”
“คุณแม่มีผมเป็นลูกคนเดียวนี่ครับ ผมจำไม่ได้เลยว่าเคยมีน้องชาย แต่เอ...ทำไมหน้าไม่เหมือนผมเลยล่ะ”
เด็กหนุ่มหุบยิ้ม แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างของคุณหญิงที่ยังว่างอยู่และอยู่ตรงข้ามกับธวัฒน์พอดี
“ตาวัฒน์ ...”
คุณหญิงส่งตาเขียวให้ลูกชายคนเดียวพร้อมหันมายิ้มให้กับนัทที่นั่งลงเรียบร้อยแล้ว
“เป็นไงอยู่สะดวก สะบายดีไหมจ๊ะ”
“ดีมากเลยล่ะครับ ทุกคนดีกับผมมากเลยครับ ยกเว้น...” นัทส่งสายตาไปยังฝั่งตรงข้าม ...
“อย่าไปถือสาตาวัฒน์เลยน่ะ คนไม่มีพี่มีน้องก็อย่างนี้แหละ เอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย…”
“อ้าว ... คุณแม่... ทำไมไม่เข้าข้างลูกชายเลยล่ะครับ เห็นคนอื่นดีกว่าลูกเหรอครับ”
สีหน้าของนัทดูหมองลงเมื่อคำว่า คนอื่น หลุดออกมาจากปากของธวัฒน์ คุณหญิงคงสังเกตเห็นจึงหันไปทางลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ท่าทางจริงจังไม่น้อย
“นี่ตาวัฒน์ ให้รู้ไว้เลยนะจ๊ะ ว่า ... นัทเค้าจะมาอยู่ในบ้านนี้เหมือนลูกของแม่คนนึง และเราสองคนก็อายุไม่ได้ห่างไกลกันมากนัก แม่จึงอยากให้วัฒน์เป็นพี่ชายที่ดี คอยดูแลน้อง และควรจะสนิทสนมกันไว้ เพราะน้องคงจะต้องอยู่กับเราอีกนาน”
นัทเงยหน้าขึ้นมามองหน้าคุณหญิง เต็มไปด้วยความสงสัย ซึ่งไม่คงไม่ต่างจากธวัฒน์ที่สงสัยเช่นกัน ....


VicOSe

  • บุคคลทั่วไป
7 ... ความจริง (หรือ…ลวง)
“หมายความว่ายังไงเหรอครับ คุณหญิง…ป้า”
นัทก้มหน้าแดง รู้สึกอายอยู่ไม่น้อยที่เรียกแบบนั้น แต่…เค้าไม่รู้จะเรียกว่าอะไรนี่นา
“ตายแล้ว…ใครสอนให้เรียกแบบนั้นล่ะจ๊ะ…”
คุณหญิงปรายสายตาไปทางธวัฒน์เล็กน้อย แต่ธวัฒน์ส่ายหน้าอย่างแรงเพื่อบอกว่า ไม่ใช่ผมสักหน่อย …
“นัทเรียกว่า คุณป้าก็ได้จ๊ะ หรือจะเรียกว่าคุณแม่ เหมือนตาวัฒน์ก็ได้น๊า… ป้าอยากมีลูกชายเพิ่มอีกสักคน เผื่อเจ้าคนที่มีอยู่เนี่ย มันจะลดความเอาแต่ใจลงหน่อย”
ธวัฒน์ทำจมูกย่นเล็กน้อยเมื่อคุณแม่ดูจะเอาใจเด็กคนนี้น่าดู …
“เอ่อ … งั้นผมขอเรียกคุณป้าแล้วกันนะครับ … แต่คุณป้าครับ แล้วตกลงว่าคุณแม่จะมารับผมเมื่อไหร่หรือครับ”
คุณหญิงมองหน้าเด็กหนุ่มนิ่ง สายตาบ่งบอกถึงความสงสาร รักใคร่ ธวัฒน์ก็แอบสังเกตสีหน้าของคุณแม่ตัวเองอยู่เงียบๆเหมือนกัน
“คือ…คุณแม่ของนัท ท่านอยากให้นัทเข้ามหาวิทยาลัยที่เมืองไทยน่ะจ๊ะ โดยให้นัทอยู่ที่บ้านป้าไปก่อนจนกว่าจะเรียนจบ”
“ทำไมกันละครับ คุณแม่ไปไหนกัน ทำไมไม่ติดต่อมาหาผมเลยล่ะครับ”
“นัทจ๊ะ…คุณแม่ของนัทท่านไม่ว่างในช่วงนี้จริงๆ ท่านต้องติดต่องานหลายประเทศ นัทก็น่าจะรู้อยู่แล้ว และการที่ท่านอยากให้นัทเรียนที่เมืองไทย จิตรา…เอ่อ…แม่ของนัทก็คิดไว้นานแล้ว นัทอย่าขัดใจท่านเลยนะ”
ถึงนัทจะยังสงสัยและอดแปลกใจไม่ได้ที่แม่ไม่ติดต่อมาหาเลย แต่การที่แม่อยากให้นัทเรียนที่เมืองไทย ก็เป็นไปได้เพราะแม่เคยพูดอยู่เสมอๆ หลังจากที่พ่อเสียไปแล้วว่า อยากกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย นี่ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่แม่อยากให้นัทเรียนที่นี่
“ก็…ถ้าคุณป้า บอกว่าเป็น…ความต้องการของคุณแม่ผมก็ไม่ว่าอะไรครับ”
นัทเหลือบไปมองทางธวัฒน์ที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ นิดนึง ก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดออกไป
“แต่ว่า … ถ้าจะให้ผมอยู่ที่นี่ ผมเกรงใจคุณป้านะครับ ถ้ายังไงให้ผมหาหอ…เช่าอยู่…”
“ไม่ได้จ๊ะ…”
คุณหญิงพูดขัดก่อนที่นัท่จะทันพูดจบด้วยซ้ำ
“เพราะคุณแม่อยากให้นัทอยู่ที่นี่จนกว่าจะเรียนจบ และนัทน่าจะรู้ไว้นะว่าป้ากับแม่ของนัท เราเป็นเพื่อนรักกันมาก ฉะนั้นนัทก็เหมือนลูกของป้าคนหนึ่งเหมือนกัน ไม่ว่าใครจะว่ายังไง…”
คุณหญิงหันไปมองทางลูกชายนิดนึง … ก่อนจะพูดต่อ ธวัฒน์เองถึงกับเลิกคิ้วด้วยความสงสัย … ผมโดนอีกแล้วเหรอเนี่ย…
“นัทต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะเรียนจบ … เข้าใจตามนี้นะจ๊ะ และในช่วงนี้ก่อนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยป้าจะให้ตาวัฒน์หาที่เรียนกวดวิชาให้นัทนะจ๊ะ ป้ารู้ว่านัทเรียนดีอยู่แล้ว แต่เรียนไว้ก่อนน่าจะดีกว่า”
“เข้าใจตามนี้นะตาวัฒน์ วันนี้วันอาทิตย์ก็พาน้องออกไปหาที่เรียนด้วย…”
“โห … คุณแม่ครับ … ไม่ถามผมเลยนะว่าผมจะว่างไหมอ่ะ”
“จะว่างหรือไม่ แม่ไม่สน…แต่ต้องทำตามคำสั่งเข้าใจไหม นายธวัฒน์…แม่คงต้องไปแล้วล่ะ เดี๋ยวจะสาย…”
“คุณแม่อ่ะ…ไมทำงี้ละคร้าบบบ…”
หน้าปั้นยากของธวัฒน์ทำให้นัทอดขำไม่ได้ แต่ก็ต้องฝืนหัวเราะเอาไว้
พออยู่ต่อหน้าแม่ล่ะ ทำเป็นเด็กเลยแฮะ…ทีกะคนอื่นละเก็กสุดฤทธิ์…
“คุณป้าครับ…ถ้าคุณธวัฒน์ไม่ว่าง…ผมว่าผมไปเองก็ได้นะครับ”
“หือ…ไม่ได้หรอกนะ นัทก็อยู่โรงเรียนประจำซะส่วนใหญ่ ถนนหนทางก็ยังไม่ค่อยจะรู้ อย่าเพิ่งไปไหนมาไหนคนเดียวเลยจะดีกว่านะ”
“แล้วอีกอย่าง … ใครสอนกันให้นัทเรียกตาวัฒน์ว่า … คุณธวัฒน์เนี่ย”
ธวัฒน์หลบสายตาคุณหญิงทันที ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น …
“เรียกพี่วัฒน์ ดีกว่าไหม ป้าบอกแล้วเราสองคนก็เหมือนพี่น้อง จริงไหมตาวัฒน์”
“จ…จ…จ...จริงก็ได้ครับ”
“งั้นแม่ไปล่ะนะ จัดการตามที่สั่งให้เรียบร้อยนะจ๊ะ” คุณหญิงหันมาสำทับกับลูกชายก่อนจะออกไปขึ้นรถ
ความเงียบบังเกิดขึ้นในระหว่างทานอาหารเช้า … ไม่มีใครเอ่ยขึ้นก่อน จนทานเสร็จนั่นแหละ เสียงแผ่วๆ ถึงได้ออกมาจากปากของชายหนุ่มก่อน
“ไปแต่งตัว เสร็จแล้วลงมารอพี่ข้างล่างนะ”
“หือ…คุณธวัฒน์เรียกพูดว่าอะไรนะครับ”
“ก็…ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหละ อย่ามาเรื่องมากนะ อีกอย่างจะเรียกฉัน…เอ๊ย…เรียกพี่ยังไงก็ตามใจ ไม่ใช่ว่าชอบหรอกนะ แต่ไม่อยากขัดใจคุณแม่เท่านั้น…”
ธวัฒน์เดินหนีไปแล้ว แต่นัทยังนั่งยิ้มอยู่กับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของธวัฒน์ … สงสัยจะกลัวแม่เอามากๆ เลยแหะ … แล้วนัทก็เดินตามขึ้นไป แต่เข้าไปในห้องของตัวเองเพื่อเตรียมตัวตามที่ธวัฒน์บอก
ที่สถาบันกวดวิชาชื่อดังแห่งหนึ่ง รถเก๋งสีดำ สะอาดเอี่ยมเข้ามาจอดด้านหน้า โดยมีชายหนุ่มและเด็กหนุ่มนั่งมาด้วยกัน
“ที่นี่แหละ ลงไปเถอะ”
“จะให้ผมเรียนที่นี่เหรอครับ คุณวัฒน์”
“อย่าโอ้เอ้น่า…พี่ไม่ได้มีเวลาทั้งวันหรอกนะ”
ถึงจะแปลกหูกับคำพูดแทนตัวที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน แต่นัทก็ยังไม่คิดว่าจะเรียกธวัฒน์ว่าพี่ได้ในเวลาอันรวดเร็วแบบนี้หรอก
“ก็ผมบอกแล้วว่า ผมหาเองได้คุณก็ไม่เชื่อ…”
“อย่าเรื่องมาก ลงไปได้แล้ว … อีกอย่างที่นี่เจ้าของก็เป็นเพื่อนของพี่ด้วย จะได้ฝากฝังได้ง่ายๆ หน่อย”
ภายในสถาบันกว้างขวาง … มีนักเรียนที่มากวดวิชาเต็มทุกห้อง … การันตีได้ถึงชื่อเสียงของสถาบันได้เป็นอย่างดี ธวัฒน์เดินนำหน้านัท เข้าไปที่ประชาสัมพันธ์ตรงเคาเตอร์ด้านหน้า
“สวัสดีค่ะ ถ้าต้องการสมัครเรียน ตอนนี้เต็มหมดแล้วนะค่ะ”
“คือผมมาพบ คุณแทนไท นะครับ”
“อ๋อ … คุณแทนไท อยู่ในห้องค่ะ ตรงเข้าไปผ่านห้องเรียนจะอยู่ตรงสุดทางค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
“หล่อเนอะ เธอว่าม่ะ” พนักงานประชาสัมพันธ์หันมาพูดกับเพื่อนข้างๆ
“อืมใช่ๆ  สงสัยเป็นเพื่อนของคุณแทนล่ะ เหมือนจะเคยเห็นหน้ามาก่อนด้วย”
“จริงเหรอ ฉันไม่เคยเห็นหน้าเลยล่ะ แต่น้องผู้ชายที่มาด้วยก็หล่อไม่แพ้กันนะ ผิวข๊าวขาว ยังกะลูกครึ่งแนะ”
“แหม นี่เธอ น้อยๆ หน่อยก็ได้นะ เรื่องผู้ชายล่ะก็ทำเป็นตาโต”
นัทที่เดินตามหลัง ยังทันที่จะได้ยินสองสาวพูดถึงเค้ากับธวัฒน์ แต่นัทก็ไม่ได้รู้สึกอะไรได้แค่เดินตามธวัฒน์เข้าไปด้านใน สองด้านของทางเดินเป็นห้องเรียน ที่พอมองผ่านกระจกด้านหน้าเข้าไปก็จะเห็นอาจารย์กำลังสอนนักเรียนที่มีอยู่เกือบเต็มห้อง ธวัฒน์ไปหยุดที่หน้าห้องด้านในสุดเปิดเข้าไปโดยเคาะประตูก่อนสองสามที
“เฮ้ย…ไอ้วัฒน์…ลมอะไรหอบมาว่ะ”
คำทักทาย ที่นัทได้ยินเป็นประโยคแรกเมื่อก้าวตามเข้าไปในห้อง
“ไม่ต้องใช้ลมช่วยหรอกโว้ย …  พอดีข้าพาเด็กมาฝากเรียนสักคนน่ะ ได้ไหมว่ะ เห็นประชาสัมพันธ์บอกว่าเต็มแล้ว”
แทนไท ชายหนุ่มท่าทางอารมณ์ดี กำลังมองคนที่ธวัฒน์บอกว่าจะเอามาฝากเรียนอย่างลืมตัว
เด็กอะไร…น่าตาดีทีเดียว ขนาดยังไม่โตเท่าไหร่ ยังน่ารักขนาดนี้ ถ้าโตอีกหน่อยคงน่ารักโคตร
นัทกำลัง งง กับสายตาของ แทนไท ที่มองตนตาไม่กระพริบ ยิ่งทำให้รู้สึกหวั่นๆ ยังไงพิกล จึงเดินเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังของธวัฒน์โดยอัตโนมัติ
“เฮ้ย ไอ้แทนมองน้องข้าซะนานเลยนะเอ็ง มีอะไรหรือไง หรือเคยเจอกันมาก่อน”
“เปล่า … เปล่า หรอก ข้าจะเคยเจอได้ไงล่ะ ก็เพิ่งเห็นหน้าวันนี้แหละว่าแต่เอ็งเถอะ มีน้องตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนเลย”
“เออน่า … ข้าก็มีของข้าก็แล้วกัน ตกลงเอ็งจะรับหรือไม่รับล่ะ”
“รับซิ รับ … หน้าตาแบบนี้ไม่รับได้ไง” ประโยคหลังพูดซะเกือบไม่ได้ยิน …
“เอ็งว่าไรนะ ได้ยินไม่ถนัดว่ะ”
“ก็บอกว่ารับไง ไม่มีปัญหาหรอก เดี๋ยวข้าจะเพิ่มชื่อให้ ที่นั่งน่ะมีเยอะแยะไป ว่าแต่จะเข้ามหาวิทยาลัยใช่ไหมล่ะครับน้อง เอ่อ … น้อง … น้องชื่ออะไรนะครับ พี่จะได้เพิ่มชื่อให้ไงล่ะ”
ประโยคนี้ดูจะจงใจถามเจ้าตัวสุดๆ เพราะสายตาไม่ได้มองที่เพื่อนของตัวเองเลย …
“ผมชื่อ ณัฐภูมิ ครับ ณัฐภูมิ รัตนปัญญา”
“อ้าว … ไหงพี่น้อง นามสกุลไม่เหมือนกันฟ่ะ หา…ไอ้วัฒน์”
“น้องคนละแม่น่ะ มีไรป่ะ ไอ้นี่อยากรู้มากจริง”
“เฮ้ย ท่านนายพลพ่อเอ็งไปแอบมีบ้านเล็กบ้านน้อยไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ”
“ไอ้แทน … วอนซะแล้วไหมล่ะ ลามปามถึงพ่อข้าเลยนะเอ็ง”
“เออ เออ … ข้าล้อเล่นน่า ทำเป็นจริงจังไปได้ ไม่ใช่น้องจริงๆ ก็ดี”
“งั้นข้ากลับก่อนล่ะกัน พอดีนัดกับภัทรไว้ด้วย”
“จะรีบกลับไปไหนหว๊า...นานๆ เจอกันที ไปกินข้าวกลางวันกันป่ะ เดี๋ยวข้าเลี้ยงเอง”
ปากคุยกับเพื่อนแต่สายตาของแทนกลับมองอีกคน
“วันนี้มาแปลกนะ ปกติเจอข้าไม่เห็นเอ็งจะคิดเลี้ยงข้าวเลยสักที ... แต่ช่างเถอะ ไว้วันหลังล่ะกัน รีบว่ะ”
“กลัวแฟนจะรอว่างั้นเถอะ เออ...งั้นไว้วันหลังก็ได้ เพราะยังไงน้องนัทมาเรียนที่นี่คงจะได้เจอเอ็งอีกแน่”
“น้องนัทครับ เริ่มเรียนวันศุกร์หน้านะ ถ้าไงอย่าลืมกรอกเอกสารนี้แล้วเอามายื่นที่ประชาสัมพันธ์นะครับ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ พี่แทน”
ธวัฒน์กับนัท ลากลับไปแล้ว แต่แทนไท ที่ใครๆ ต่างคิดว่าเค้าเป็นหนุ่มเพลบอยจีบสาวๆ ไปทั่ว แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าอีกด้านนึงของเค้าก็ชอบผู้ชายด้วยเช่นกัน เค้ายังคงยิ้มกริ่มอยู่ที่โต๊ะทำงานอย่างคนที่ได้เจอของถูกใจ
“นานๆ จะได้เจอเด็กๆ น่ารักสักทีน๊า...น่าขอบใจไอ้วัฒน์จริงๆ หล่อทั้งพี่ทั้งน้องเลย...”

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ชอบหง่ะ  นัทกับวัฒน์
เรื่องนี้แต่งสนุกจริงๆ ด้วย  รู้สึกน่าติดตามตลอดเลย  แบบว่าอยากอ่านต่อแล้วอ่า
มาให้ไวนะน้องหมี  รออยู่จ้า  :yeb:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
รออ่านอยู่น้า  :yeb:

kYos

  • บุคคลทั่วไป
 : 222222:  หนุกๆ  เหอๆ ธวัฒน์พาน้องนัทไปให้เพื่อนถึงที่เลยวุ้ย  เวรกรรม  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
เพิ่งเริ่มอ่านครับ ลงชื่อไว้ก่อนแล้วจะตามมาอ่านให้ทันนะครับ :โหลๆ: :โหลๆ:

VicOSe

  • บุคคลทั่วไป
ผมขอตัวไปนอนก่อนนะค๊าบ เหอะๆๆ     แบบว่า    งานเยอะมากกกกก     แล้วเดี๋ยวบ่ายๆ จะมาต่อให้นะคับ   - -*

jammy

  • บุคคลทั่วไป
พี่เเทนเสือไบหรอนี่ เหอๆ  :fox2:

VicOSe

  • บุคคลทั่วไป
มาแล้วคับ  อิอิ   ตื่นมาก็  มาโพสเลย  :laugh5:

ขอโทดทีทำให้รอนะคับ  :really2:
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

8...
“เดี๋ยวรอพี่อยู่นี่สักแป๊บนะ พี่จะเข้าไปดูหนังสือร้านข้างๆ นี่หน่อย หรือจะไปด้วยกันล่ะ”
“ไม่ล่ะครับ ผมไม่รู้จะซื้ออะไร คุณวัฒน์เข้าไปคนเดียวเถอะ”
“ทีกะไอ้แทนละ ทำเป็นสนิทสนมกันเร็วนักนะ ไม่ทันไรก็พี่แทน ... ซะแล้ว ยังกะรู้จักกันมาก่อนงั้นแหละ”
“ก็พี่เค้าไม่ถือตัวนี่ครับ ไม่เหมือน ....”
“นี่ นัท ว่าใคร ... ว่าพี่ถือตัวงั้นซิ”
นัทออกจะงง กับการเรียกชื่อเค้าตรงๆ ของธวัฒน์ปกติก็ไม่เคยจะเรียก แต่วันนี้แปลกๆ หรืออาจทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีทำตามที่คุณป้าบอก็ได้มั้ง แต่ถ้าคิดว่าเค้าจะญาติดีด้วยง่ายๆ ล่ะก็ฝันไปเถอะ ...
“ผมว่า คุณวัฒน์จะซื้ออะไรก็น่าจะรีบไปนะครับ เพราะเดี๋ยวแฟนคุณจะรอ...นาน นัดกันไว้ไม่ใช่เหรอครับ”
“ใครแฟนใคร ... ว่าแต่รออยู่นี่นะ อย่าไปเพ่นพ่านที่ไหนล่ะ”
“โถ่เอ๊ย...ทำเป็นไม่ยอมรับ ทีเงี่ยรีบไปเชียว”
ธวัฒน์เดินหายเข้าไปในร้านหนังสือขนาดใหญ่ ที่อยู่ด้านข้างของสถาบันของแทนไท ได้สักพัก กำลังดูอะไรเพลินๆ ก็มีคนมาสะกิดด้านหลัง เมื่อนัทหันไปดูก็ต้องดีใจสุดขีด
“เฮ้ย ... เอก ... มาได้ไงว่ะ”
“ไอ้...นัท ใช่จริงๆ ด้วย ... ทีแรกเห็นข้างหลังก็ว่าคุ้นๆ อยู่ เป็นไงมาไงว่ะ ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ข้าคิดว่าเอ็งจะกลับอเมริกากับแม่แล้วซะอีก”
นัทดีใจมาก ที่ได้เจอเอก เพื่อนรักอีกครั้ง แต่ก็ไม่ลืมสังเกต คนที่ยืนอยู่ข้างๆ เอก อีกคน หน้าตาตี๋ๆ สูงพอๆ กับเอกที่สูงกว่าเค้านิดหน่อย นัทหันไปยิ้มให้ อย่างเป็นมิตร
“คงไม่ได้กลับแล้วว่ะ สงสัยต้องเรียนที่นี่แหละ ว่าแต่...”
“เออ...ลืมไปเลยว่ะ นี่บอล ลูกพี่ลูกน้องข้าเองแหละ รุ่นเดียวกับพวกเราเลย ข้าพามาสมัครเรียนด้วยกันน่ะ”
บอล เด็กหนุ่มหน้าตี๋ หันมายิ้มกับนัทและแนะนำตัวเองอีกที
“ผมบอลนะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
โห...ยิ้มได้ใจมากๆ ยิ้มมีเสน่ห์ดีจัง แบบนี้สาวๆ ตรึมแน่เลย ถึงไม่หล่อเท่าไหร่แต่ยิ้มก็กินขาดเลยแฮะ นัทกำลังพิจารณาคนที่เพิ่งได้รู้จัก จนลืมแนะนำตัวเองไป ... ก็พอดีเอก เข้ามากอดคอและแนะนำนัทให้บอล รู้จักบ้าง
“ส่วนนี่ ... นัทเพื่อนข้าเอง เรียนมาด้วยกันสนิทมากเลยแหละ จริงไหมว่ะนัท”
นัทถองเข้าที่สีข้างของเอก ที่รัดคอเค้าอยู่
“เออ ... สนิทก็สนิท แต่ไม่ต้องกอดแน่นนักก็ได้ ข้าเจ็บนะโว้ย...”
“ไมพูดงี้อ่ะ เพื่อนรัก อุตส่าห์คิดถึงนึกว่าจะไม่ได้เจอกานอีกล่ะ...”
“พอเลยว่ะ พูดไรเลี่ยนๆ ข้าอยากจะอ้วก...”
นัทหัวเราะขำกับท่าทางของเอกที่พูดทีเล่นทีจริง ทั้งๆที่เพิ่งจากกันเมื่อวานนี้เอง ทั้งคู่มักจะหยอกเย้าเล่นแหย่ กันแบบนี้เสมอ บอลเองก็พลอยขำไปด้วยกับท่าตลกๆ ของเอก ... แต่สายตาก็มักจะเหลือบมองวงแขนที่เอกโอบรอบคอของนัทอยู่อย่างสนิทสนม...
“เฮ้ย...ว่าแต่ที่ว่ามาสมัครเรียนเนี่ย เรียนอะไรเหรอ”
นัทถามเอก และหันไปทางบอลด้วย เผื่อใครสักคนจะตอบคำถาม ...
“ก็ที่นี่ไง ข้าพาบอลมาสมัครตั้งกะเช้าแล้ว มาถึงก็เกือบเต็มซะล่ะ เนี่ยก็เพิ่งเสร็จว่ะ”
“เฮ้ยจิงดิ งั้นก็จะได้เรียนด้วยกันนะซิ ข้าก็เพิ่งมาสมัครเมื่อกี้เองว่ะเอก...”
นัทบอกท่าทางดีใจ และตื่นเต้นที่จะได้มีเพื่อนเรียนด้วยกัน อย่างน้อยจะได้มีคนรู้จักบ้างก็ยังดี
“อ้าว...นัทก็เพิ่งมาสมัครเหรอ แต่ทำไม บอลกับเอกไม่เห็นนัทในห้องรับสมัครลงทะเบียนเลยล่ะ”
บอลถามอย่างสงสัย เอกก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ...
“ก็...”
นัทไม่รู้จะบอกยังไงดี ก็ในเมื่อธวัฒน์เป็นคนมาฝากเค้ากับเจ้าของโดยตรงเลยนี่นา
“บอลว่า ... นัทต้องมีคนรู้จักในนี้ใช่ม๊า ... ที่เนี่ยมีคนเเรียนเยอะนะ รับสมัครไม่กี่วันก็เต็มแล้วล่ะ ใช่ม่ะเอก”
“เออ...จริง”
“ก็ประมาณนั้นแหละ” นัทรู้สึกว่าให้เพื่อนคิดว่าคนรู้จัก ก็น่าจะดีกว่าให้เพื่อนรู้ว่ารู้จักกับเจ้าของ ล่ะน่า

“มนุษยสัมพันธ์ดีจิงนะ ไม่ทันไรก็รู้จักเค้าไปทั่วเนี่ย”
นัทหันขวับ ไปทางต้นเสียงก็เห็นธวัฒน์ยืนอยู่ข้างหลังเค้าแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะเนี่ย ... นัทถองเอกเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าเลิกกอดคอได้แล้ว ...
ธวัฒน์เองก็มองเด็กหนุ่มรูปร่างกำยำที่ยืนกอดคอนัทอยู่เมื่อกี้นี้  และเด็กหน้าตี๋อีกคน และกลับมาจ้องหน้านัทอีกที ...
“ก็...นี่เพื่อนผมที่โรงเรียนเก่าครับ คนนี้เอก และนี่บอลครับ บอลเป็นลูกพี่ลูกน้องของเอก”
เอกกับบอล ยกมือไหว้ และเอกถอยไปยืนอยู่กับบอลด้านหลังนัทเมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มอึมครึม
“มาเจอกันแบบนี้ จะชวนกันไปเที่ยวไหนหรือไง”
“เปล่าหรอกครับ ก็บังเอิญเจอกัน... แล้วเอกกับบอล เค้าก็มาสมัครเรียนที่นี่เหมือนกัน”
“งั้นเหรอ ... คุยกันเสร็จหรือยังล่ะ จะได้กลับซะที”
ธวัฒน์เอาของไว้ในรถ และเข้าไปนั่งประจำที่คนขับแล้ว เหลือแต่นัทที่หันมาล่ำลาเพื่อนๆ ก่อน
“เอก บอล ไปก่อนนะ แล้ววันศุกร์เจอกันใหม่ แล้วจะเล่าให้ฟัง ข้ารู้ว่าเอ็งสงสัยใช่ม่ะล่ะเอก”
“เออ ... ว่าจะถามอยู่เชียว ... ข้าว่าเอ็งรีบไปดีกว่านะ ก่อนระเบิดจะลงอีกลูก ดุชิบ... ฝากขอลูกให้สักตัวดิ”
“ไอ้บ้าเอก ... พูดซะตรงเลยนะเอ็ง เสียดายว่ะยังไม่มีไม่งั้นข้าเอามาให้แน่”
เพื่อนสามคนหัวเราะพร้อมๆ กัน ก่อนหันไปมองธวัฒน์แว่บนึง ก่อนจะหลบวูบเพราะธวัฒน์จ้องอยู่ก่อนแล้ว
ธวัฒน์ที่รู้สึกเหมือนโดนพาดพิง ก็เลยบีบแตร 1 ที เพื่อเร่งให้นัทล่ำลาให้เสร็จๆ ซะที
“เห็นม่ะ ไม่น่าพูดถึงเลย คนอะไรหูทิพย์จริงๆ ถ้าไงไว้เจอกันนะครับบอล ไอ้เอกด้วยแล้วเจอกัน”
“บอลว่านัท รีบไปเถอะแล้วค่อยเจอกันใหม่ครับ”
พอนัทเข้าไปนั่งแล้ว ธวัฒน์ก็ออกรถทันที เหลือไว้แต่เอกกะบอล ที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ก่อนจะเดินไปด้วยกัน ตรงไปที่รถเก๋งอีกคันที่จอดอยู่ ซึ่งพ่อให้เอกมาขับ ... เมื่อทั้งสองเข้าไปนั่งในรถแล้ว เอกจึงพูดขึ้นก่อน
“บอลว่า หน้าของคนที่นัทนั่งรถไปด้วยเนี่ย มันคุ้นๆ ม่ะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน”
“อ้าว เอกก็คิดเหมือนกันเหรอ ... บอลกำลังคิดอยู่เลย”
“ใช่ม่ะ แต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออกง่ะ ช่างมันเถอะไว้คงนึกออกเองแหละ ว่าแต่ไปเดินเที่ยวกันที่สยามก่อนดีกว่าแล้วค่อยกลับ”
“อืม ก็ได้ บอกแม่ไว้แล้วล่ะว่ากลับเย็นๆ”

VicOSe

  • บุคคลทั่วไป
ต่อ  กันเลยดีกว่าคับ  วันนี้กะว่าจะลง  3 ตอน อิอิ

ชอบ พี่วัฒน์ จัง อิอิ  :yeb:

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

9...
เด็กหนุ่มสองคนนั่งกินไอศกรีมอยู่ในร้านกลางห้างใหญ่แถวๆ สยามเซ็นเตอร์ ก็พอดีที่เอก หันไปเห็นนายทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านกับครอบครัว
“เฮ้ย...เฮ้ย...บอล...จำได้แล้วว่ะ ว่าเคยเห็นหน้าคนที่มากับไอ้นัทวันนี้ได้แล้วว่ะ....”
“เหรอ...แล้วไมถึงนึกออกซะงั้นล่ะ”
“ก็นั่นไงล่ะ เห็นป่ะ” เอกพยักหน้าไปทางโต๊ะที่มีทหารนั่งอยู่ กับลูกๆ
“แล้วไงอ่ะ เค้าเป็นญาติกะคนนั้นเหรอไง”
“ไอ้บ้าบอล... ไม่ใช่โว้ยยย...นี่แกยังนึกไม่ออกอีกเหรอว่ะ”
“ก็นึกไม่ออกง่ะ เอกจะบอกก็บอกมาเลยดีกว่าน่า... นะ นะ นะ ... อย่าอมไว้เลยน่า”

เอกหันไปเคาะหัวบอลเบาๆ หนึ่งที ก่อนจะยอมเฉลย...
“ปกติเรียนก็เก่ง แต่ทำไมวันนี้ความจำสั้นจังว่ะ”
“ก็ไม่รู้จริงๆ อ่ะ เล่นไรว่ะเจ็บนะโว้ย เคาะมาได้” บอลทำหน้าเบ้ เล็กน้อย พร้อมกับรอยยิ้มมีเสน่ห์ในแบบของเค้า
“ไม่ต้องมาสำออยเลย แค่เบาๆ ... ก็บอลจำไม่ได้หรือไง เมื่อช่วงต้นปีที่สโมสรทหารบกน่ะ ที่เราไปงานกับพวกคุณพ่อไง”
“แล้วไงต่อ...”

เฮ้อ... เอกส่ายหัวและถอนใจเบาๆ ก่อนจะเล่าต่อ ...
“แล้วจำใครได้มั้งไหมเนี่ยวันนั้นอ่ะ…”
“ก็คนตั้งเยอะ ตั้งแยะ ใครจะไปนั่งจำอยู่ล่ะ ส่วนใหญ่ก็มีแต่ทหารเหมือนพวกคุณพ่อทั้งนั้น...”
“แต่ไอ้ที่มันเด่นสะดุดตาน่ะ มันก็มีไม่กี่คนหรอกน่า ... อย่างเช่นนายทหารที่พาลูกสาวสวย หรือลูกชายหล่อๆ มาด้วยน่ะ”
เอกพยายามเน้นคำว่าสวยและหล่อให้บอลฟัง เผื่อจะนึกออกบ้าง

“คนสวยจำไม่ค่อยได้อ่ะเพราะไม่สนใจ แต่คนหล่อๆ ก็พอจะนึกออกอยู่น๊า...”
“รู้อยู่หรอกว่าชอบผู้ชาย ไม่ต้องพูดบ่อยๆ ก็ได้ แต่จำได้ยังล่ะ คนเนี่ยเด่นสะดุดตาเลยล่ะ เพราะมีแต่สาวๆ ไปรุมล้อม”
“อ๋อ ... จำได้ จำได้ แล้ว... แหม...บอลลืมไปได้ไงนะ หล่อซะขนาดนั้น...”
“ที่แท้ก็คุณธวัฒน์ ลูกของท่านนายพล รักชาติ สามีคุณหญิงศศิกานต์ นี่เอง ฮอตมากเลยนะในแวดวงไฮโซน่ะ เมื่อกี้ไม่ได้มองหน้าเต็มๆ ก็เลยจำไม่ได้ รู้แต่ว่าหล่อมาก... แต่นัทเองก็หล่อนะ ใช้ได้เลยแหละ”
 บอลพูดถึงนัทและเหล่มองท่าทางของเอกที่ได้ยินเค้าพูดถึงนัท ...
“เฮ้ย...เฮ้ย...เพื่อนข้านะโว้ย อย่าไปยุ่มย่ามกับมันล่ะ อย่าเผลอไปเผยธาตุแท้ให้มันรู้ด้วยล่ะ”
“หวงจังเลยนะ ยิ่งหวงยิ่งน่าสนใจ…”
“ไม่ได้หวงสักหน่อย ถ้าอยากหาผู้ชายก็ไปหาที่อื่น อย่าไปยุ่งกะนัทมันล่ะ ข้าไม่อยากให้มันเบี่ยงเบน”
“ทำไมเหรอ ไม่หวง ... งั้นก็แสดงว่าหึงบอลล่ะซิ”
“จะบ้าหรือไง อย่ามาทะลึ่งนะ ไม่ได้รังเกียจแต่อย่ามาคิดอะไรบ้าๆ นะ ... ไม่งั้นโดนแน่ … ว่าแต่ไอ้นัทไปอยู่กับเค้าได้ยังไงว่ะเนี่ย”
...
ที่บ้านหลังใหญ่ รถของธวัฒน์ เพิ่งเข้ามาจอดก็พบว่า มีรถอีกคันจอดอยู่ก่อนแล้ว นัทอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเป็นรถของใคร

“วัฒน์ขา....กลับมาแล้วเหรอค่ะ”
ทั้งนัทและธวัฒน์ ที่เพิ่งลงจากรถ หันไปมองตามเสียงที่ออกมาจากในห้องรับแขกในบ้าน ....
นัทเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมา ท่าทางดี และสวยมากซะด้วย ....
นี่ละมั้งแฟนของคุณวัฒน์ที่นมพริ้มเคยบอกเค้า .... นัทหันไปมองหน้าของธวัฒน์ที่ตอนนี้ยิ้มหน้าบานให้หญิงสาวที่เดินมาหา

“ภัทรมานานแล้วเหรอครับ ผมรีบมาที่สุดเลยนะครับเนี่ย กลัวว่าคุณจะรอนาน”
แหวะ ... ไม่น่าเชื่อว่าคนแบบนี้ จะพูดหวานๆ เป็นด้วย .... นัทแอบขำและมองเอก อย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“เพิ่งมาถึงก่อนวัฒน์ได้ไม่นานเองค่ะ แต่ถึงจะนานภัทรก็รอได้ค่ะ ....”
ถึงจะพูดกับธวัฒน์แต่สายตาของนภัทรกำลังสำรวจนัทอยู่ นัทเองก็สังเกตเห็นจึงยังก้มหน้านิ่งเพราะไม่อยากจะเห็นสายตาที่ดูเหมือนจะสำรวจแกมดูถูกของอีก

“เนี่ยเหรอค่ะ หลานคนใหม่ของบ้านนี้ ดูไม่ค่อยจะมีมารยาทกับผู้ใหญ่เลยนะ เห็นผู้ใหญ่แล้วยังเฉยอยู่ได้”
“นี่คุณนภัทรเป็นเพื่อนของพี่ ถึงไม่ได้บอกเธอก็ควรจะให้เกียรติเธอด้วยนะ”
ธวัฒน์พูดเสียงเย็น นัทเงยหน้ามองธวัฒน์นิ่ง ก่อนที่นัทจะหันกลับมายกมือไหว้นภัทร และขอตัวขึ้นไปบนห้อง นัทรู้สึกน้อยใจอยู่ไม่น้อย ทั้งๆ ที่เค้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย กลับโดนว่าอีก แถมคนกลางก็ดูจะเข้าข้างกันซะเหลือเกิน

“นิสัยเหมือนกันอย่างนี่ไงเล่า ถึงไปด้วยกันได้ เชิญไปหวานกันตามสบายเถอะ ขืนอยู่นานกว่านี้ต้องอ้วกแน่ๆ…”
นัทได้แต่บ่นกับตัวเอง ตอนเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง …

นัทไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ... ตั้งแต่ตอนที่แววขึ้นมาเรียกไปทานอาหารกลาง แต่นัทไม่อยากไปขัดจังหวะใครบางคนเพราะ ถามแววจนรู้แล้วว่า คุณณภัทร มาทานกลางวันกับคุณวัฒน์ ... และนัทบอกแววไม่ต้องยกขึ้นมาถึงห้องเพราะไม่อยากให้ธวัฒน์คิดว่าเค้าทำตัวเป็นคุณหนู ต้องมีคนยกขึ้นมาให้ถึงห้อง ...
เหลือบมองนาฬิกาก็บ่ายสามเข้าไปแล้ว ... รู้สึกท้องมันจะโอดครวญขึ้นมาแล้ว ... แต่ก็ไม่แน่ใจว่าคุณนภัทรอะไรนั้นจะกลับไปหรือยัง ... แต่ความหิวไม่เคยปรานีใคร นัทย่องลงบันไดไปด้านล่าง เมื่อชะโงกหน้าเห็นแล้วว่าไม่มีใคร ทั้งในห้องรับแขกและห้องอาหารจึง วิ่งอย่างรวดเร็วเข้าไปในครัว ... เพื่อหวังว่านมพริ้มคงมีอะไรให้ทานบ้าง ...

“เอ...นมพริ้มไปไหนน๊า...”
นัทรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เมื่อเห็นว่านมพริ้มไม่อยู่ และตู้เย็นก็ไม่มีอะไรเลย มีแต่ของสด ไม่มีขนมอะไรที่พอจะทานได้เลย
“แล้วจะกินอะไรล่ะเนี่ย แพรวก็รดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านด้วยซิ...”
กำลังหาของในตู้เย็นเพลินๆ ก็พอดีที่มีคนเข้ามาในห้องครัว เมื่อได้ยินเสียงหยิบจาน จึงคิดว่าเป็นนมพริ้ม...
“นมพริ้มครับ มีอะไรให้ผมทานบ้างไหมครับ หิวจะแย่แล้ว...”
พอเงยหน้ามาจากตู้เย็น หันหลังมามอง นัทลมเกือบจับ หน้าร้อนวูบ รู้สึกทั้งอายทั้งเขิน ... เพราะไม่คิดว่าจะเจอคนที่ยืนอยู่ในห้องครัว

“คุณ...คุณ...คุณวัฒน์…”
“คนนะ ไม่ใช่ผี ตกใจอะไรกันนักหนา ... แล้วนี่เพิ่งหิวหรือไง ทีให้ลงมากินก็ไม่ลง น่าให้อดซะให้เข็ด...”
“ก็ไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศ คนรักเค้า.....จะ....”
“บอกแล้วไงว่า นภัทร เป็นเพื่อนของพี่ ยังไม่ใช่คนรัก ถ้าใช่แล้วจะบอกล่ะกัน… ทำแก่แดดแก่ลม คิดอะไรไปไกลฮะ”
“แล้วนี่จะกินอะไรล่ะ นมพริ้มไม่อยู่หรอกนะ เพราะไปจ่ายตลาด ถ้าหวังจะรอนมมาทำให้กินละก็ ระวังโรคกระเพาะจะถามหาเอา”

“ก็ ... ก็ผมทำเองไม่เป็นนี่นา งั้นเดี๋ยวให้แววทำให้ก็ได้ครับ”
“อยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวพี่ทำให้กิน...”
“หา...คุณวัฒน์ว่าอะไรนะครับ…” นัทถามอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ....
“ก็จะทำอาหารให้กินไง ได้ยินไม่ผิดหรอก หรือกลัวพี่จะใส่ยาพิษในอาหารหรือไง....”
“เปล่า...เปล่าครับ”
มาไม้ไหนกันว่ะเนี้ย เมื่อกลางวันยังจะกินเลือดกินเนื้อแทนแฟนตัวเองอยู่แท้ๆ ... ไหงจะมาทำอะไรให้กิน แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเป้นลาภปากดีม่ะเนี้ย แล้วจะกินได้เปล่าว่ะ...


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด