ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG  (อ่าน 314663 ครั้ง)

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
อูยย หนีตามกันแล้วจะมาขอขมาทีหลังอะจิ   :m3:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
แล้วจะอยู่ยังไงอ่ะ
ไหนจะเรื่องเรียน
เรื่องที่อยู่อีกอ่ะ
...
หวังว่าอะไรๆ คงผ่านไปได้ด้วยดี
 :undecided: :undecided:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
แซดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด   :sad2:

taebin7

  • บุคคลทั่วไป

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
“อ้าวนี่ไผ่ มากับต้นได้ไงครับ ดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้ ไหนว่าตอนแรกต้นค้างที่บ้านไม่ใช่หรอ” สายฟ้ายิงคำถามเป็นชุดด้วยความสงสัย ขณะที่ต้นข้าวผวาเข้ากอดเพื่อนรักทันทีที่พบหน้า ก่อนจะสะอื้นไห้ปล่อยน้ำตาร่วงรินอย่างอัดอั้น “ต้นเป็นอะไรมากหรือเปล่า ต้นมีอะไรบอกเราได้ไหม” สายฟ้าพยายามถามไถ่ ขณะที่จิตใจกำลังว้าวุ่นอย่างหนัก

“เอ่อ...คือ เรื่องมันยาวน่ะครับฟ้า” ทิวไผ่ตอบแทนต้นข้าวที่กำลังสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของหนุ่มร่างเล็ก ก่อนจะก้มหน้าบอกเล่าเรื่องราวที่แสนเจ็บปวดรวดร้าวใจ “คือเราสองคนมีปัญหาทางบ้านน่ะครับ มีคนส่งรูปเราสองคนไปที่บ้าน แล้ว...” ทิวไผ่หยุดพูด ขณะที่สายฟ้าหัวใจหล่นวูบ ‘รูปพวกนั้นไปโผล่ที่บ้านต้นกับไผ่งั้นเหรอ พวกนั้นทำเกินคำสั่งมากไปแล้ว แต่ถ้าเราไม่คิดจะทำตั้งแต่แรก เรื่องยุ่ง ๆ ก็คงไม่เกิดขึ้น’

“...แล้ว ที่บ้านก็เรียกเราไปเคลียร์ ยื่นคำขาดให้เลิกติดต่อกัน แต่...เราสอง คน ยืนยันในความบริสุทธิ์ใจที่มีต่อกัน ก็เลย.....” สายฟ้าลุ้นรอฟังคำบอกเล่าจากปากหนุ่มหน้าเข้มตรงหน้า อย่างพะว้าพะวงต่อสิ่งที่จะได้ยินต่อไป
“....พ่อไล่ผมออกจากบ้าน” สายฟ้าทรุดฮวบอย่างอ่อนแรงจนต้นข้าวรู้สึกได้ “....ส่วนต้นจะต้องลาออกจากที่นี่ และถูกส่งไปอยู่กับอาที่ออสเตรเลีย” หนุ่มร่างเล็กปากสั่นสะท้าน หยดน้ำใส ๆ ร่วงรินด้วยความสำนึกผิดที่ตัวเองได้สร้างบาปมหันต์ จิตใจเย็นชาต่ำช้าทำร้ายได้แม้กระทั่งเพื่อนรักของตนและคนรัก

“ฟ้า เราอยู่นี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว พรุ่งนี้พ่อจะมาเซ็นลาออก และให้คนมาเก็บของออกจากหอ เราต้องไป เราจะไม่ยอมถูกบังคับอีกต่อไปแล้ว” ต้นข้าวละล่ำละลักทั้งยังสะอื้นอยู่

“...ต้น ...ไผ่ เราขอโทษ...” สายฟ้าก้มหน้าสะอื้นพร้อมกระชับอ้อมกอดเพื่อนรักแน่นขึ้น เขาพยายามกลั้นสะอื้นปริ่มใจจะขาดในสิ่งเลวร้ายที่สุดที่ได้ทำลงไป โดยที่ไม่สามารถที่จะแก้ไขความผิดพลาดใหญ่หลวงครั้งนี้ได้เลย

“เราขอโทษ ที่...ที่ไม่สามารถช่วยอะไรพวกนายได้เลย...”

“ไม่เป็นไรหรอกครับฟ้า ต้องขอบคุณฟ้ามากนะครับที่เป็นห่วงเราสองคน” คำขอบคุณอย่างจริงใจของทิวไผ่ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกผิดให้ติดแน่นในจิตใจ ‘ถ้าเค้ารู้ว่าเราเป็นคนทำ ยังจะดีกับเราอย่างนี้อีกมั้ยนะ’

“เราจะต้องไปจากที่นี่ในคืนนี้” ทิวไผ่เอ่ยขึ้น

“ไปไหน...” สายฟ้าถามขึ้นอย่างสงสัย

“ยังไม่รู้ แต่จะต้องไป” พูดจบทิวไผ่ก็ลงมือจัดการเก็บเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นทั้งของตัวเองและคนรัก แพ็คใส่กระเป๋าทันที สายฟ้าไม่เห็นด้วยนักที่สองหนุ่มจะเดินหนีปัญหา แต่ทำไงได้ เมื่อเขาไม่อาจจะมีหน้าไปทัดทานหรือเสนอทางออกที่ดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว เพราะสมองก็มืดแปดด้านด้วยความรู้สึกผิด แถมตัวเองยังเป็นตัวต้นเหตุทั้งหมดของเรื่องอีกด้วยซ้ำ
.
.
“เดี๋ยวไง นายสองคนเซ็นใบรักษาสภาพนิสิตระหว่างพักการเรียนไว้นะ เดี๋ยวเราจะไปยื่นเดินเรื่องให้ ยังไงถ้าทุกอย่างลงตัวแล้วจะได้กลับมาเรียนต่อได้ จะได้ไม่เสียเวลาที่ผ่านมาไปโดยเปล่าประโยชน์” นี่คงเป็นข้อเสนอให้ความช่วยเหลือที่สายฟ้าสามารถจะทำให้เพื่อนได้อย่างหนึ่ง ถึงมันจะช่วยไถ่โทษที่เขาได้ทำไปแล้วไม่ได้เลยก็ตามที
สามหนุ่มล่ำลากันอย่างอาลัยอาวรณ์ โดยเฉพาะเพื่อนรักทั้งสองคนต่างห่วงหาอาทร กันเป็นพิเศษ เพราะเรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม หนุ่มร่างเล็กนั้นต้องมีตราบาปแห่งความรู้สึกผิดติดข้องหมองมัวไปอย่างที่เจ้าตัวเองก็ไม่อาจรับได้กับการกระทำของตนเองในฐานะคนทำลายชีวิตทั้งชีวิตของเพื่อนรักถึงสองคนในคราวเดียวกัน
“ได้ที่อยู่แล้วยังไงก็ติดต่อมาบ้างนะต้น ส่วนทางนี้เราจะคอยรายงานผลให้ทราบเอง ไผ่ดูแล้วต้นดี ๆ นะครับ ถือซะว่าหนีความวุ่นวายไปซักพัก อะไร ๆ ดีขึ้นแล้วค่อยกลับมา ไม่ใช่ไปแล้วไปลับซะหน่อย”

“ขอบใจนายมากนะ” ต้นข้ามพูดกับเพื่อนรัก ก่อนที่สามหนุ่มจะสวมกอดกันเป็นการล่ำลาครั้งสุดท้าย

ทิวไผ่กับต้นข้าวแอบย่องออกจากหอขณะที่ยามหน้าหอเผลอโดยมีสายฟ้าคอยดูต้นทางให้


...


สายฟ้ากลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งไปทันที ในฐานะมีส่วนรู้เห็น เมื่อเพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนหายออกจากห้องไป แถมยังเป็นเพื่อนรักที่สนิทคุ้นเคยกัน จนญาติผู้ใหญ่ของทั้งฝ่ายต้นข้าวและสายฟ้าให้ความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน สายฟ้าเองก็ได้แต่แก้ตัวว่าวันนั้นเขาทำกิจกรรมที่คณะมา ด้วยความเพลียจึงหลับสนิทไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไม่รู้ว่าทิวไผ่กับสายฟ้าย่องออกจากห้องไปตอนไหน และไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะเรื่องทางบ้านของต้นข้าวกับทิวไผ่เอง เขาก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ถึงมันจะเป็นการโกหกสร้างเรื่องอย่างที่ไม่ควรทำ แต่ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อเขาไม่อยากจะเป็นคนทำลายชีวิตและความรักของเพื่อนเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว ครั้งที่ผ่านมาเพราะความเห็นแก่ตัวและความอิจฉาริษยาของเขาแท้ ๆ เชียว ที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายบัดซบนี่ขึ้นมา
‘นี่ก็จะครบหนึ่งสัปดาห์เข้าไปแล้ว ต้นกับไผ่ทำไมยังไม่ติดต่อมาซักทีนะ เป็นยังไงกันบ้างก็ไม่รู้ ชักเป็นห่วงแล้วสิ’

“น้องฟ้าครับ น้องฟ้า.....”

“หะ หา.... ว่าไงครับพี่น้ำ” สายฟ้าตื่นจากภวังค์อย่างเงอะงะ เหมือนคนไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อถูกรุ่นพี่หนุ่มเรียกขาน

“พี่เห็นเรานั่งเขี่ยข้าวในจานเล่นอยู่นานแล้วนะครับ ทำไมไม่กินหรอ รึว่าไม่อร่อย”

“เปล่าหรอกครับพี่ ก็อร่อยดีนี่ครับ”

“พักนี้พี่เห็นเราซึม ๆ เหม่อลอยแบบนี้อยู่บ่อย ๆ นะ มีอะไรหรือเปล่าครับ ปรึกษาพี่ได้นะครับ เห็นเราเป็นแบบนี้แล้วพี่ไม่ค่อยสบายใจเลย” สายชลถามไถ่หนุ่มร่างเล็กด้วยความเป็นห่วง
 “แล้วเพื่อนเราสองคนพักนี้พี่ก็ไม่ค่อยเห็นหน้าเลยนะครับ อืม...ชื่อ... ต้นกับไผ่น่ะ ที่รู้สึกว่าเป็นเมทเรา เค้าไปไหนกันหรอครับน้องฟ้า รึว่าช่วงนี้มีค่ายนอกสถานที่” สายฟ้ารู้สึกจุกที่ลำคอจนแน่นหน้าออกไปหมด น้ำตาเจ้ากรรมกำลังเอ่อท้นที่ขอบตา เขาพยายามก้มหน้านิ่งและสกัดกั้นมันอย่างสุดฤทธิ์

“ฟ้าขอตัวแป๊บนะครับพี่น้ำ” สายฟ้ารีบลุกขึ้นเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องน้ำหลังร้านทันที โดยมีรุ่นพี่หนุ่มมองตามหลังไปด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะตัดสินใจลุกตามไปในที่สุด

สายฟ้าเท้าแขวนที่ขอบอ่างล้างหน้า ก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาร่วงรินไหลอาบแก้มอย่างสุดที่จะห้ามไว้ได้ สายชลรู้สึกตกใจที่เห็นรุ่นน้องคนรักของเขายืนสะอึกสะอื้นอยู่  ก่อนเดินไปยืนข้าง ๆ และตบที่ไหล่หนุ่มน้อยเบา ๆ เชิงปลอบโยน
“น้องฟ้า เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ”

“พี่น้ำ....ฮือออ.... ฟ้ามันเลวฟ้ามันแย่ที่สุด” สายฟ้าปรี่เข้าสวมกอดรุ่นพี่ไว้แน่น ก่อนพร่ำเพ้อความอัดอั้นตันใจออกมา สายชลยืนนิ่งก่อนจะค่อย ๆ ยกมือขึ้นกอดตอบพลางลูบที่หลังและที่ศีรษะ หนุ่มน้อยในอ้อมอกเบา ๆ อย่างอ่อนโยน

“น้องฟ้าอย่าว่าตัวเองแบบนั้นสิครับ เกิดอะไรขึ้น มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า บอกพี่ได้ไหม”

“ฟ้า... ฟ้าทำให้เพื่อนต้องหนีออกจากบ้าน ฟ้าทำร้ายแม้กระทั่งเพื่อนตัวเอง ฮือ ๆ” สายฟ้าสะอื้นไห้ปริ่มใจจะขาด น้ำตาเอ่อนองจนเสื้อของสายชลเปียกชุ่มไปหมด

“มีเรื่องอะไรกันหรอ บอกพี่ได้ไหม”

“ฟ้ากลัว...ถ้าบอกแล้วพี่น้ำจะเกลียดฟ้า ฮึ่ก ๆ ฮือออ...”

“ไม่หรอก ยังไงถ้าฟ้าคิดว่าตัวเองทำผิดแล้วสำนึกผิด ก็ควรที่จะให้อภัยนะ เดี๋ยวเราไปคุยกันต่อข้างนอกดีกว่าตรงนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่”

สายชลปลอบหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนที่สายฟ้าจะปราดน้ำตาทิ้งและล้างคาบตาออก แต่ดวงตาก็ยังแดงก่ำให้เห็นอยู่เนื่องจากการร้องไห้มาอย่างหนัก
ระหว่างทางกลับหอสายฟ้าเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้รุ่นพี่หนุ่มฟังอย่างหวาดหวั่นว่าสายชลจะไม่เกลียดเขาอย่างที่รับปากไว้หรือเปล่า เพราะรุ่นพี่หนุ่มเอาแต่นิ่งเงียบระหว่างที่สายฟ้าบอกเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่คิดที่จะให้อภัยตัวเองซะด้วยซ้ำ

สายชลเองรู้สึกน้อยใจตัวเองอยู่ลึก ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาทุ่มเททุกอย่าง แต่เขาไม่สามารถพิชิตใจสายฟ้าได้เลยหรือ หนุ่มน้อยคนนี้กลับไม่สนใจใยดีเขาเลย แถมยังคงอาลัยอาวรณ์คนที่ตนแอบรักเขาอยู่ข้างเดียว มันคงเหมือนกับตัวเขาตอนนี้ มิตรภาพที่ได้รับกลับมาคงเป็นความเกรงใจระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องกระมัง แต่ยังไงซะ ต่อไปนี้เขาก็ควรจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสสินะ เพราะไม่มีศัตรูหัวใจอีกต่อไปแล้ว

รถเคลื่อนมาหยุดอยู่หน้าหอพัก สายชลยิ้มอย่างให้กำลังใจก่อนจะเอื้อมมือไปลูบผมหนุ่มน้อยอย่างเอ็นดูและโน้มศีรษะมาจุมพิตที่หน้าผากเบา ๆ หนึ่งครั้งช่วยให้สายฟ้าใจชื้นขึ้นมาบ้าง

“เดี๋ยวพี่ว่าเรามาช่วยกันคิดหาทางช่วยเหลือไผ่กับต้นให้ครอบครัวเค้าเข้าใจและยอมรับกันดีกว่านะ”

“ยังไงหรอครับพี่ ฟ้ามือแปดด้านมองไม่เห็นหนทางเลย” สายฟ้าพูดอย่างยอมจำนน

“นั่นน่ะสิ คงยากน่าดูแต่ไม่ลองไม่รู้นะ มันต้องมีหนทางดี ๆ ซักทางสิน่า เอาไปคิดเป็นการบ้านละกัน ในฐานะการทำคุณไถ่โทษ” สายฟ้าก้มหน้านิ่ง จนสายชลรู้สึกผิดในสิ่งที่พูดออกไปเมื่อสักครู่ “เอ่อ....เดี๋ยวพี่ช่วยคิดอีกแรงนะ”
“แต่เอ....แบบนี้ทั้งห้องเราก็อยู่คนเดียวน่ะสิ เหงาแย่เลย ไงเดี๋ยวพี่มานอนเป็นเพื่อนดีกว่า” สายชลยิ้มกริ่มส่งสายตาหยาดเยิ้มอย่างมีเลศนัย จนสายฟ้าหน้าแดงอย่างเอียงอาย ช่วยเปลี่ยนให้บรรยากาศซีเรียสหมดไปอย่างได้ผล

“ไม่ต้องเลย ฟ้าอยู่คนเดียวได้ ขืนพี่มาอยู่ด้วยมีหวังฟ้าโดนพรากเวอร์จิ้นกันพอดี”

“อ๊ะอ๊า...คิดอารายอยู่ พี่แค่จะมาอยู่เป็นเพื่อน ไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย เอ... แบบนี้ ครายหื่นกันแน่น้า...” สายชลยั่วเย้าจนหนุ่มร่างเล็กเขินอายหนักเข้าไปอีก

“บ้าสิ ไปแล่... ขอบคุณที่มาส่งและขอบคุณที่ยืนเคียงข้างฟ้าครับ” สายฟ้าก้าวลงจากรถ ก่อนโบกมือลารุ่นพี่ แล้วเดินขึ้นหอไปอย่างสบายใจขึ้นมาอย่างมากที่ได้ระบายความอึดอัดในใจที่เก็บงำมาคนเดียวตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาออกไป และยังมีคนพร้อมที่จะยืนเคียงข้างเขาหาทางแก้ไขในสิ่งผิดพลาดที่เขาได้ทำลงไป

...

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
เป็นสายฟ้าจิงๆ  เพราะความอิจฉา ริษยาแท้ๆ  :m15:

ต้นกะไผ่จะเป็นงัยบ้างนะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
สายฟ้าพลาดไปแล้ว... :เฮ้อ: :เฮ้อ:


แต่ไม่เป็นไร
อย่างน้อยก็ยังสำนึกผิดอ่ะนะ
 :m2: :m2:

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
ฟ้าครับ

ผมผิดหวังในตัวฟ้า มากครับ

แต่ก้อพอเข้าใจได้ครับ มาเริ่มกันใหม่ดีกว่านะ

 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ฟ้าเปลี่ยนไป

 :m5: :m5: :m5:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
มาเป็นกำลังใจให้ครับ

leau_dissey

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้เนี่ย ว่าแล้วว่าต้องเป็นน้องฟ้า เพราะเสียงริงโทนมันบอกตั้งแต่แรกแล้ว
Love I need somebody love

อุตส่าห์ชอบ เฮ้อ............. :impress:

ยังไงมาต่อไวๆนะคะ o13

Electrolyte

  • บุคคลทั่วไป
เกลียดฟ้า...ยังไงก็ :angry2:เกลียดฟ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ต้นข้าวกะไผ่จะเป็นไงบ้างนะเป็นห่วงจัง :m15:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ม่ายจริงใช่มั๊ย สายฟ้าเขา.... เขาเปลี่ยนไป  :m2:  :m2:  :m2:  :m2:

mumumama

  • บุคคลทั่วไป
 o8 สิ่งที่ฟ้าทำ จะเป็นบททดสอบให้ไผ่กะต้นเห็นถึงรักที่มีให้กันจริงๆ
และรักกันมากขึ้น :o9:

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3998
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
ไม่น่าเลย แค่เพราะความอิจฉาเอง

 :m15:

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
เพื่อนนะเพื่อนไม่น่าทำกันได้เลย   :m15:

สู้สู้ :m4:


ขอบคุณที่มาต่อน๊า o15

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
แก้วเวลาแตกมันหลอมใหม่ เป่าใหม่ได้
แต่เพชรอ่ะ ถ้ามีรอยร้าว ก็ไม่มีทางกลับเป็นได้เหมือนเดิม

สำหรับคนอื่นทำแบบนี้คงพอเข้าใจ
แต่คนที่เราไว้ใจที่สุด มันยากเกินจะอภัย
 :เฮ้อ:

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
ภูเก็ตคือที่ที่จะสามารถหางานทำเพื่อเลี้ยงตัวเองได้ง่ายที่สุด ทิวไผ่และต้นข้าวถอนเงินจากธนาคารแบบปิดบัญชีก่อนมาอยู่ที่นี่ เพื่อป้องกันการถูกติดตามจากการทำธุรกรรมทางการเงิน บวกกับเงินที่ทิวไผ่ขายรถมอเตอร์ไซค์ รวมแล้วได้ประมาณ สามหมื่นกว่าบาท เพื่อใช้ในการยังชีพและเช่าห้องพักระหว่างที่ตระเวนหางานทำยังไม่ได้
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปนับจากที่สองหนุ่มหันหลังก้าวเดินออกจากบ้านมา ต้องพากันระหกระเหเร่ร่อนเปลี่ยนที่อยู่กันทุกวันไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ พวกเขาเข้าไปขอทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟตามร้านอาหารที่ตั้งเรียงรายริมชาดหาดมากมายมาเกือบสิบร้านแล้ว แต่ยังไม่มีร้านไหนยอมรับเข้าทำงานเลยเพราะเห็นว่าไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งที่แน่นอน สองหนุ่มช่วยกันขอร้องอ้อนวอนยังไงก็ไม่เป็นผล หนักเข้ายังถูกไล่ตะเพริดออกมาเหมือนหมูเหมือนหมา
ซ้ำร้ายวันก่อนต้นข้าวยังโดนพวกแก๊งมิจฉาชีพล้วงกระเป๋าไปหมด เหลือเงินติดตัวอยู่ไม่กี่พันบาทที่จะยังชีพทั้งสองคนได้อีกไม่กี่วันเท่านั้น ถ้ายังหางานทำไม่ได้คงแย่แน่ ๆ

“ต้น ไผ่ว่า...เราลองไปสมัครโชว์ตามบาร์ดูไหม” ทิวไผ่ตัดสินใจพูดขึ้น หลังชั่งใจอยู่นาน

“หา.... ไผ่ว่าไงนะ โชว์อาโกโก้น่ะเหรอ ไม่เอาอ่ะ ไผ่คิดได้ไง หัวเด็ดตีนขาดยังไงต้นก็ไม่ยอมทำเด็ดขาด ให้ต้นไปเที่ยวเก็บขยะขายยังจะดีกว่าซะอีก” ต้นข้าวพูดขึ้นมาอย่างฉุน ๆ

“เอ่อ...ไผ่ขอโทษนะ ก็มันไม่มีใครรับเราทำงานแล้วนี่นา ทั้งเด็กเสิร์ฟ โบกรถ แม้แต่เด็กล้างจานก็ลองมาหมดแล้ว แถมอีกอย่าง งานนี้มันเงินดีนะ”

“แต่ต้นรักเกียรติรักศักดิ์ศรีตัวเองมากกว่ารักเงิน อดตายก็ชั่งปะไร แต่ถ้าไผ่เห็นว่าเงินดีไผ่ก็ไปทำเหอะต้นจะไปหาคุ้ยขยะขายก็ได้” ต้นข้าวพูดอย่างประชดประชัน

“เอ๋ จริงหรอ....ไม่หึงผมหรอ ไม่กลัวผมจะโดนพวกแขกฝรั่ง พวกอาเสี่ยหื่น ๆ ลวนลามแทะโลมจริง ๆ อ่ะ” ทิวไผ่กระเซ้าเย้าแหย่

“เออ.... ทำไมต้องหึง ถ้าอยากได้เงินเยอะ ๆ นักก็ไปเป็นเด็กขายเลยสิ”

“โอ๋ ๆ ๆ แหมที่รักก็...ผมไม่ทำหรอกค้าบ ก็แค่ล้อเล่นเฉย ๆ น่า ถ้าต้นว่าไม่แล้วไผ่ก็ไม่ทำหรอก ขี้งอนขี้ประชดแบบนี้น่าตบด้วยริมฝีปากนักแฟนเรา”

“ลองดิ จะสวนด้วยหมัดเข้าให้ โกรธแล้วนะ”

“อ่ะโอ๋ ๆ หน้าแดงเชียว โกรธหรือว่าเขินกันแน่อ่า....”

“พอเลย ๆ หมดอารมณ์เล่นแล้วต้นว่าเราลองเข้าไปของานร้านนั้นทำดีกว่า ป้าเจ้าของร้านท่าทางแกคงจะใจดี”
“อื้ม ร้านนี้ร้านที่สิบเอ็ดแล้วสินะ ซ้าธุ....ขอให้ได้งานทำทีเท๊อะ ลูกช้างจะให้แฟนแก้ผ้ารำแก้บนถวาย” ทิวไผ่พูดทีเล่นทีจริงก่อนยกมือท่วมหัวไหว้ศาลพระภูมิหน้าร้านก่อนเดินเข้าไปในร้าน โดยถูกต้นข้าวบิดเข้าที่สีข้างจนหนุ่มร่างแกร่งตังงอซี๊ดปากด้วยความเจ็บปวด
.
.
“หวัดดีครับป้า” สองหนุ่มกล่าวทักทายหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่เค้าน์เตอร์หน้าร้านอาหารตามสั่งร้านหนึ่งริมหาด

“หวัดดีจ้ะ พ่อหนุ่ม มีอะไรหรอจ๊ะ”

“เอ่อ...คือเราสองคนมาหางานทำน่ะครับ ป้าพอจะมีงานให้เราสองคนทำไหมครับ เด็กเสิร์ฟ ล้างจาน โบกรถ พนักงานทำความสะอาด เราทำได้หมดครับ” ทิวไผ่บอกกับหญิงเจ้าของร้านไป

“อืม ร้านป้ามีคนทำครบทุกอย่างแล้วล่ะ คงรับเธอสองคนเพิ่มไม่ได้หรอก ตั้งแต่มีสึนามิมา เดี๋ยวนี้นักท่องเที่ยวน้อย ลูกค้าก็น้อยตามไปด้วย เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเลย ค่าใช้จ่ายก็สูง หนูลองไปถามร้านอื่นดูนะเผื่อเค้าอาจจะขาดคนอยู่” หญิงเจ้าของร้านสาธยายเหตุผลซะยืดยาว

“แต่ป้าครับ เราสองคนถามมาหมดทุกร้านตั้งแต่หัวถนนจนท้ายถนนแล้วครับ ขอร้องเถอะครับป้า รับเราสองคนด้วยนะครับ วันก่อนผมก็พึ่งจะโดนล้วงกระเป๋าไป ไม่มีเงินจะเช่าห้อง จะซื้อข้าวกินแล้วครับ นะครับป้า” ต้นข้าวรีบพูดขอร้องทันทีเมื่อได้รับการปฏิเสธจากเจ้าของร้าน แต่หญิงเจ้าของร้านกับนิ่งเงียบ

“นะครับป้า เราสองคนไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว ไม่งั้นเราอดตายแน่ ๆ” ทิวไผ่รีบช่วยขอร้องทันที

“เฮ้อ...เอาไงดีล่ะ ป้าสงสารเราสองคนนะแต่...”

“ป้าครับ นะครับ” สองหนุ่มหน้าเศร้าสลดอย่างวิงวอน

“......อือ ก็ได้ ป้ายิ่งขี้สงสารอยู่ เอาเป็นว่า ทำทุกอย่างนะ ตั้งแต่เสิร์ฟ ล้างจานทำ ความสะอาด แล้วแต่จะเรียกใช้ เริ่มงาน 9 โมงเช้า เลิก 5 ทุ่ม ค่าแรงวันละ 180 มีข้าวให้กิน 3 มื้อ โอเคไหม” หญิงวัยกลางคนตอบรับหลังชั่งใจอยู่นานพลางส่ายหัวเบา ๆ อย่างเสียไม่ได้

“เย้! ขอบคุณ คุณป้ามากครับ” สองหนุ่มกระโดดตัวลอยเข้าสวมกอดกันอย่างดีใจ ถึงแม้ว่างานจะค่อนข้างหนัก ค่าแรงค่อนข้างน้อยก็ตามที ถึงยังไงมันก็เป็นงานสุจริตล่ะ แถมไม่ต้องซื้อข้าวกินอีก ทุ่นค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลย

“ป้าถามอะไรอย่างนะ เราสองคนดูท่าทางไม่เหมือนคนไม่ได้เรียนหนังสือเลย หน้าตาไม่น่าจะเกิน 20 กันด้วยซ้ำ ทำไมออกมาหางานทำกันล่ะ” หญิงเจ้าของร้านถามอย่างสงสัยใคร่รู้

“เอ่อ...เราไม่ได้เรียนหนังสือหรอกครับ อยู่บ้านก็เป็นภาระพ่อแม่เปล่า ๆ ก็เลยพากันออกมาหางานทำกัน” ทิวไผ่พูดโกหกออกไปเพื่อปิดบังฐานะของตัวเอง

“ อืมนะ แล้วทางบ้านไม่ส่งเรียนหรอ”

“คือที่บ้านขัดสนนิดหน่อยครับ” ทิวไผ่ตอบ

“หือ สมัยนี้เค้ามีทุนให้ยืมเรียนนี่ เราสองคนคิดจะกลับไปเรียนก็ยังไม่สายนะ อนาคตเป็นสิ่งสำคัญรู้หรือเปล่า” สองหนุ่มนิ่งเงียบ ....ป้าคนนี้ชั่งขี้สงสัยจริง ๆ ท่าทางเป็นคนดี แถมฉลาดอีกตะหากขืนซักต่อไปความได้แตกกันแน่ ๆ ว่าหนีออกจากบ้านมา มีหวังโดนไล่กลับบ้านชัวร์ ...ทิวไผ่คิด

“แล้วเป็นคนที่ไหนกันล่ะ”

“พิดโ-….”

“เพชรบุรีครับป้า” ทิวไผ่รีบแย่งตอบก่อนที่ต้นข้าวจะพูดจบคำ ....เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ...

“อืม ๆ อีกอย่างป้าแปลกใจเราสองคน ปกติเด็กหนุ่มเด็กสาวหน้าตาดี ๆ ส่วนมากมาหางานทำ ไอ้ประเภทเด็กเสิร์ฟเด็กล้างจานตามร้านอาหารแบบนี้เค้าไม่สนกันหรอกนะ สมัยนี้ต้องนู่น ตามผับ ตามบาร์ ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นขึ้นเวทีดิ้นพล่าน ๆ เหมือนหมาโดนน้ำร้อน โยกหน้าโยกหลังโชว์เนื้อหนังมังสาให้พวกฝรั่งบ้ากามมันดูกัน หรือไม่ก็ขายตัวกันไปเลย เพราะเงินมันดี แถมบางคนควบ 2 เด้งอีกตะหาก” ...เกือบได้ทำไปแล้วครับป้า....ต้นข้าวคิดพลางมองไปทางหนุ่มร่างแกร่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ป้าดีใจที่หนูสองคนไม่หลงมัวเมาในสิ่งเหล่านั้น”

“ขอบคุณครับป้า” ต้นข้าวตอบรับ

“จ้า.... ยังไงก็ขยันทำงานกันล่ะ พรุ่งนี้มาเริ่มงานได้เลย ว่าแต่หนูสองคนพักที่ไหนกัน”

“ตอนนี้พักอยู่บังกะโลริมหาดด้านโน้น น่ะครับป้า เริ่มสู้ค่าเช่าไม่ไหวแล้วกะว่าจะหาที่พักกันใหม่อยู่ ครับ เห็นเค้าว่าอีกสองหัวถนนถัดไปมีห้องเช่าถูก ๆ อยู่จะลองแวะไปดูกันวันนี้น่ะครับ” ทิวไผ่ตอบ

“พวกห้องเช่าถูก ๆ บางทีมันก็ไม่ค่อยปลอดภัยนะ มีพวกวัยรุ่นมามั่วสุมกันเยอะ แต่เราสองคนเป็นผู้ชายคงไม่มีปัญหาเท่าไหร่ ยังไงก็ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ”

“ขอบคุณครับป้า งั้นเราสองคนลาล่ะครับเดี๋ยวพรุ่งนี้จะรีบมาทำงานแต่เช้าครับ”

“จ้ะ”

ทิวไผ่กับต้นข้าวกล่าวลาป้าเจ้าของร้านก่อนจะพากันเดินออกมาอย่างเบิกบานด้วยความดีใจที่พวกเขาสามารถหางานทำได้สำเร็จ
“สงสัยว่าต้นจะต้องแก้ผ้ารำถวายพระภูมิเจ้าที่จริง ๆ ซะแล้วสิ” ทิวไผ่หยอกล้อหนุ่มร่างบางอย่างยิ้มกริ่ม

“ไม่มีทาง ใครบนคนนั้นก็ทำเองสิ” ต้นข้าวพูดทำไม่รู้ไม่ชี้ 
.
.
สองหนุ่มเดินมาหยุดอยู่หน้าแมนชั่นเก่า ๆ ดูซอมซ่อแห่งหนึ่ง ที่อยู่ลึกจนสุดซอย “จะไหวหรอไผ่ ดูท่าทางน่ากลัวยังไงพิกล” ต้นข้าวคว้ามือทิวไผ่ไว้ก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างใน

“ต้องเข้าไปดูข้างในกันก่อนนะต้น นี่ก็ที่สุดท้ายแล้ว ที่ดูดีหน่อย มันก็ค่อนข้างแพง เราไม่มีปัญญาจ่ายค่าเช่าหรอก ที่มันท่าทางจะโอเค ๆ พอจ่ายได้ มันก็เต็มหมดแล้ว” ทิวไผ่เดินนำเข้าไปยังเค้าท์เตอร์โทรม ๆ ในห้องเล็ก ๆ โกโลโกโสที่ใช้เป็นสำนักงานของตึก มีลุงแก่ ๆ คนหนึ่งนั่งหลับคอพับคอเหวี่ยงน้ำลายไหลยืดอยู่ที่เค้าท์เตอร์

“เอ่อ...ลุงครับ” ทิวไผ่ทักขึ้น

“เฮ่ย ๆ อะไร ใคร ห้องไหนตีกันอีก เดี๋ยวแจ้งตำรวจจับเลย” ตาลุงตื่นขึ้นพร้อมกับแสดงอาการโหวกเหวกโวยวาย ....เฮ่อออ ที่อยู่ก็ไม่ค่อยสมประกอบ คนดูแลก็ไม่สมประกอบพอกัน ชั่งวิเศษแท้ ๆ...ต้นข้าวคิดอย่างถอดใจ

“เปล่าครับไม่มีใครตีกันอะไรทั้งนั้น คือเราจะมาขอเช่าห้องน่ะครับ ไม่ทราบว่าที่นี่พอมีห้องว่างไหม” ทิวไผ่บอกจุดประสงค์ลุงคนดูแลไป

“อ้อ เหลืออยู่ห้องหนึ่งพอดีเลยพ่อหนุ่ม อยู่ชั้น 3 ห้องริมสุดด้านในนะ ห้อง 13” ....โหย นึกว่าเน่า ๆ แบบนี้ห้องจะว่างบานเบอะ ยังมีคนมาอยู่อีกนะเนี่ย....ต้นข้าวพึมพำในใจ
“จะขึ้นไปดูห้องก่อนไหม นี่กุญแจ”

“ขอบคุณครับลุง ปะต้น เราขึ้นไปดูห้องกันดีกว่า” ทิวไผ่รับกุญแจมาถือไว้แล้วรีบชวนต้นข้าวขึ้นไปดูสภาพห้อง สองหนุ่มเดินขึ้นบันไดแคบ ๆ ผ่านทางเดินอับ ๆ ก่อนไปหยุดอยู่หน้าห้อง หมายเลข 13 ตามคำบอกของลุงคนดูแล

“โห น่าอยู่มากเลย” ต้นข้าวอุทานออกมาดัง ๆ หลังจากทิวไผ่ไขกุญแจห้องเข้าไป แต่สีหน้ากลับคำพูดมันชั่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง สภาพตู้เก่า ๆ เตียงโทรม ๆ มันไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของห้องส่วนตัวที่บ้านเขาเลยซักนิด แถมหอพักที่ มหา’ลัยยังดูดีกว่าหลาย 10 เท่า

“เอาน่า ต้น เดี๋ยวเราช่วยกันทำงานเก็บเงินได้เพิ่มขึ้นแล้วค่อยหาที่อยู่ใหม่ที่มันดีกว่านี้กันอีกที ตอนนี้ทน ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน” ทิวไผ่เดินเข้ามาสอดแขนสวมกอดต้นข้าวทางด้านหลัง แล้วกระชับวงแขนแน่นขึ้น ต้นข้าวเอนตัวพิงกับอกหน้าแกร่งนั้นอย่างอบอุ่น
“ผมก็ไม่อยากให้สุดที่รักของผมต้องมาลำบากแบบนี้หรอกนะครับ แต่ตอนนี้มันจำเป็น เราต้องสู้ ต้องทำงานเก็บเงินก่อน อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด เดี๋ยวไงพอเรามีเงินเก็บหาที่อยู่ใหม่ที่มันดีกว่านี้ได้แล้ว ผมสัญญาว่าจะพาต้นเที่ยวให้ฉ่ำปอดไปเลย” ทิวไผ่พูดกระซิบที่ข้างหูอย่างแผ่วเบา

“สัญญาแล้วนะ”

“ครับสัญญาลูกผู้ชาย มัดจำไว้ก่อนด้วยสิ่งนี้” ทิวไผ่ล้วงเอาสร้อยลูกปัดสีฟ้าน้ำทะเลออกมาจากกระเป๋ากางเกง คล้องสวมให้หนุ่มร่างบาง แล้วกอดกระชับเหมือนเดิมก่อนจะหอมที่ข้างแก้มเนียนฟอดใหญ่
“ชอบไหม”

“ชอบสิ สวยดี สีโปรดเราด้วย” ต้นข้าวตอบรับอย่างพอใจ

“น่ารักจัง แฟนใครหว่า” ทิวไผ่หอมที่ข้างแก้มใส ๆ นั้นอีกหนึ่งฟอดอย่างชื่นใจ

“งั้นเดี๋ยวไงต้นจะได้โทรหาฟ้าซักที ว่าเราได้ที่อยู่ได้งานทำแล้ว สงสัยฟ้าคงเป็นห่วงแย่ เพราะตั้งแต่ขายโทรศัพท์ไปก็ไม่ได้โทรหาเลย”

“อืมใช่ มัวแต่ยุ่ง ๆ ลืมส่งข่าวฟ้าไปซะสนิทเลย ทางนู้นเป็นไงกันบ้างนะ”

“เฮ้อออ...นั่นสิ ต้นเป็นห่วงฟ้า แล้วก็พ่อกับแม่จัง โดยเฉพาะแม่ ต้นเป็นห่วงยังไงไม่รู้” ต้นข้าวพูดอย่างห่อเหี่ยว ทิวไผ่กุมมือเขาไว้อย่างปลอบโยนและให้กำลังใจ
.
.
“ค่าเช่าห้องเท่าไหร่ครับลุง” ทิวไผ่ถามขึ้นเมื่อเดินลงมาที่เค้าท์เตอร์

“รายวัน วันละร้อย รายเดือน เดือนละสองพัน มัดจำล่วงหน้าเดือนแรกสองพัน ค่าน้ำค่าไฟจ่ายตามจริง”
มิน่าล่ะ ถูกอย่างนี้ถึงว่า คนถึงทนอยู่กันเต็ม

“งั้นผมเช่ารายเดือนละกัน” ทิวไผ่เซ็นชื่อในสัญญาเช่าก่อนจะจ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าไปสองพันบาท “เดี๋ยวเย็นนี้ผมขนของเข้ามาอยู่เลยนะครับ”

ต้นข้าวและทิวไผ่กลับไปที่บังกะโลที่พักก่อนจะเช็คเอ้าท์แล้วเก็บข้าวของมาอยู่ที่ห้องเช่าใหม่ แต่สภาพไม่ได้ใหม่แถมเก่าซอมซ่ออีกตะหาก ระหว่างที่สองหนุ่มกำลังวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดให้ให้มันดูดีขึ้นบ้าง และจัดเก็บข้าวของเข้าที่อยู่นั้น

“หวัดดีครับ มาอยู่ใหม่เหรอครับ” สองหนุ่มหันไปมองทางต้นเสียงที่มาทักทายทันที ชายหนุ่มรูปร่างสันทัด อายุประมาณ 30 ต้น ๆ ตัดผมสกินเฮด ไว้หนวดเครา ใส่กางเกงยีนส์ขาด ๆ เสื้อยืดสีเทา สายตาหลอกแหลกไม่น่าไว้ใจ ยืนอยู่ที่ประตูห้องที่เปิดทิ้งไว้

“หวัดดีครับ เราพึ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่น่ะครับ พี่ก็อยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอครับ” ทิวไผ่ตอบกลับไป เขาเริ่มชักไม่ชอบหน้าไอ้หมอนี่ซะแล้วสิ ไม่ถูกชะตาเอาซะเลย

“ครับ เรียกพี่เสือก็ได้ พี่อยู่ห้องเยื้อง ๆ ไปนี่เอง” ชายแปลกหน้า หรือว่าเพื่อนบ้านกล่าวแนะนำตัวเอง ...ชื่อน่ากลัวเหมือนตัวมันอิ๊บอ๋าย....
“แล้วน้อง...”

“ผมไผ่ครับ ส่วนนั่นต้น เพื่อนผมครับ” ทิวไผ่แนะนำตัวเองและต้นข้าว ก่อนที่ต้นข้าวจะกล่าวสวัสดี

“ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องไผ่น้องต้น ชื่อน่ารักกันจัง แหมตอนแรกพี่นึกว่าเป็นแฟนกันซะอีก แบบนี้พี่ก็....” ชักจะเผยอาการมากไปรึเปล่า ไอ้หื่น

“ก็อะไรหรือครับ” ทิวไผ่แกล้งทำเป็นไร้เดียงสา

“ก็ไม่ต้องเกรงว่าจะมารบกวนความเป็นส่วนตัวของน้อง ๆ น่ะครับ” โห คำตอบแกไม่ช่วยให้ดูดีขึ้นเลยนะ ชั่งบ่งบอกถึงมารยาทเพื่อนบ้านที่ดีจัง ความเกรงใจไม่มีเอาซะเลย

“ให้พี่ช่วยไหม” เสือถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้อง พยายามทำทุกอย่างและชวนคุยเพื่อตีสนิท จนสองหนุ่มต้องหยุดเก็บข้าวของตรงหน้า แล้วนั่งคุยด้วย ไม่ใช่เพราะเกรงใจคนที่จะช่วย แต่เพราะมีคนมาวุ่นวายต่างหาก

“แล้วน้อง ๆ ทำงานอะไรหรอครับ” ถามซ่อกแซ่กไปรึเปล่า

“ทำงานอยู่ร้านอาหารตรงริมหาด น่ะครับ” ต้นข้าวตอบไปอย่างไม่มีทางเลี่ยง

“ว้า น่าเสียดาย หน้าตาดี ๆ อย่างเราสองคนนี้น่าจะไปทำงานที่มันเงินดีกว่านี้นะ อย่างเช่น.....”

“ไม่ล่ะครับเราไม่ชอบอะไรแบบนั้น งานร้านอาหารนี่ก็รายได้ดีพอมีพอกินแล้ว” ทิวไผ่รีบตอบทันทีเมื่อรู้ว่าหมอนี่จะพูดอะไรต่อไป

“อืม อุดมการณ์สูงแฮะ น่ายกย่อง ส่วนพี่ขับมอไซค์รับจ้าง อยู่วินหัวหาดนู้นนะครับ ไปไหนเรียกใช้บริการพี่ได้นะ คนรู้จักกันพี่ไม่คิดตังค์”

“ขอบคุณครับ แต่คงไม่หรอกครับ เกรงใจ” ทิวไผ่พยายามเน้นเสียงคำลงท้ายอย่างเนียน ๆ “แล้วนี่วันนี้พี่ไม่ไปเข้าคิวรับลูกค้าหรอครับ” หนุ่มหน้าเข้มถามไปอย่างรู้สึกเริ่มรำคาญว่าเมื่อไหร่หมอนี่จะออกจากห้องไปซะที

“วันนี้ขี้เกียจไปน่ะ เซ็ง ๆ เลยนอนเล่นอยู่ห้อง เห็นพวกน้องขนข้าวของเข้ามาเลยแวะมาทักทาย” “น้องต้นไม่ค่อยคุยเลยนะครับปล่อยให้เพื่อนจ้ออยู่คนเดียว” เสือพยายามหันมาชวนต้นข้าวคุย

“เอ่อ....”

“ต้นคุยไม่เก่งน่ะครับ” ทิวไผ่รีบแย่งบทไปทันที
.
.
กว่าที่เพื่อนบ้านที่แสนดีจะก้าวออกจากห้องไปก็เกือบจะมืดค่ำแล้วสองหนุ่มรีบกุลีกุจอเก็บข้าวของต่อทันที
“ไผ่ว่า ไอ้หมอนี่ท่าทางไม่น่าไว้ใจนะ”

“ต้นก็ว่างั้นแหละ ดูไม่ค่อยมีมารยาทเอาซะเลย แถมท่าทางหลอกแหลกยังไงไม่รู้”

“ใช่ แล้วตอนที่มันมองต้นนะ สายตาแพรวพราวเชียว” ทิวไผ่พูดพลางทำตาเขียวปั๊ด

“เอ๋ ๆ ๆ...หึงเค้าหรอตะเอง....” ได้เวลาต้นข้าวแหย่กลับหนุ่มหน้าเข้มเข้าแล้ว

“แหม แฟนตัวเองน่ารักแบบนี้ ไม่หึงได้ไงจ๊ะ” ทิวไผ่ทำสายตาหยาดเยิ้มกลับไป

“แล้วตอนแนะนำตัวไม่บอกมันไปเลยล่ะว่าเราเป็น...แฟนกัน” ต้นข้าวพูดอย่างไม่ยอมสบตา

“ก็นะ ไผ่กลัวต้นจะอายคนอื่นเค้านี่นา แต่ถ้าขืนมันจะมาแสดงอาการเกาะแกะแฟนเราแบบนี้ คงต้องประกาศความเป็นเจ้าของซักวัน” พูดจบทิวไผ่ก็โถมตัวเข้ารวบตัวต้นข้าวที่นั่งอยู่ขอบเตียงไว้ในอ้อมแขน ก่อนทิ้งตัวลงบนที่นอนด้วยกัน
“แบบนี้” ทิวไผ่หอมที่แก้มฟอดใหญ่ แล้วซุกไซ้ที่ซอกคอหนุ่มร่างบาง ต้นข้าวดิ้นพล่าน หัวเราะคิกคักด้วยความจั๊กจี้ก่อนส่งเสียงประท้วง

“นี่ ไม่เอา ตัวเหนียวเหม็นเหงื่อจะแย่แล้ว หิวด้วย รีบจัดของให้เสร็จ ๆ จะได้อาบน้ำแล้วลงไปหาอะไรกินกันดีกว่า”

ทิวไผ่หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง “ก็ด่ะ แต่ยังไงคืนนี้ ไม่รอด......เหอ ๆ” หนุ่มหน้าเข้มทำตาหยาดเยิ้ม ต้นข้าวคว้าหมอนเขวี้ยงเข้าให้อย่างอาย ๆ

…………………………………………………………………………………………………………

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :เฮ้อ: ชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
เศร้า รันทด ปวดใจ โกรธแค้น สงสาร อารมณ์สับสนมากมายเลยคับ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เหอเหอ

กัดก้อนเกลือกินจริงๆ

 :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
 :เฮ้อ: หวังว่าคงผ่านชีวิตช่วงนี้ไปได้เร็วๆนะ

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

aumzaa

  • บุคคลทั่วไป
:dont2:น่าสงสารจริงๆๆทั้ง 2 คนเรยอะ

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
เห็นต้นกะไผ่ลำบากแบบนี้แล้ว

ฟ้าจะรู้บ้างมั้ยอ่ะ ว่าทำให้เพื่อนลำบากขนาดนี้

เฮ้อ.............

สู้ๆ ครับ ทั้งสองคน      :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
น่าสงสารจังเลย
จากลูกคุณหนูที่ไม่เคยทำอะไร
กลับต้องมาลำบากแบบนี้ :sad4: :sad4:


สายฟ้าจะสำนึกบ้างมั้ยเนี่ย :เฮ้อ:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :confuse: :confuse:  อ่านไปอ่านมา  นึกถึงหนังเรื่อง "กว่าจะรู้เดียงสา" :m15: :m15:

หวังว่าคงจะไม่เศร้าเหมือนเรื่องนั้นนะครับ :o11: :o11:

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
สู้สู้  :m11:


ขอบคุงที่มาน๊า o15

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด