ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG  (อ่าน 314661 ครั้ง)

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
ใครบังอาจทำแบบนี้กับต้นไผ่  ??????

อย่าให้เจอนะ น่าดู.....

ว่าแต่น้องเข็มนี่  น่ากลัวแฮะ  เห็นใสซื่อ ไม่น่าเล้ยยยยย  o12 o12 o12 o12 o12 o12 o12

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
“หวัดดีครับพ่อ เรียกผมกลับบ้านด่วนมีอะไรหรือเปล่าครับ”

“เอาไป แหกตาดูซะ” ร้อยตำรวจเอกหัสเทพ นายตำรวจวัยสี่สิบปลาย ๆ หน้าตาเคร่งขรึม โยนซองกระดาษสีน้ำตาลลงตรงหน้าบุตรชายของเขา

ทิวไผ่หยิบซองนั้นขึ้นมาเปิดออกดู

“...........” หนุ่มหล่อเบิกตาโพลงอย่างตกใจ เขานิ่งอึ้ง นี่มันรูปชุดเดียวกันกับที่เขากระชากมันลงจากบอร์ดที่คณะเมื่อเช้านี้ แต่ที่ต่างกันคือ มันไม่ได้เซ็นเซอร์คาดแถบดำที่ตาไว้ ทำให้เห็นใบหน้าคนในภาพอย่างชัดเจน

“แกจะแก้ตัวยังไง หลักฐานโจ่งแจ้งขนาดนี้ จะให้ชั้นเอาหน้าไปไว้ไหน” ผู้กองหัสเทพเริ่มขึ้นเสียงใส่บุตรชายอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

“เอ่อ....คือ....เรา รัก กัน ครับพ่อ” ทิวไผ่ก้มหน้า พยายามเค้นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก

“เป็นไง งามหน้ามั้ยล่ะ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพี่” แม่เลี้ยงตัวแสบพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน

“ไอ้ลูกไม่รักดี...” ‘ผั๊วะ!!!!...’ ทิวไผ่หน้าสะบัดไปตามแรงฝ่ามือหนา ๆของผู้เป็นบิดา เขารู้สึกปวดหนึบไปทั้งใบหน้าจนมึนชา และรับรู้ได้ถึงรสฝาดปะแล่ม ๆ ของเลือดที่ไหลซึมออกมาที่มุมปาก

“ไอ้ลูกทรพี เสียชาติเกิด ทำให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสียป่นปี้ย่อยยับหมด ถ้าชั้นตายไป แกจะให้ชั้นมองหน้าบรรพบุรุษได้ยังไง หากรู้ว่าโตมาแกจะเป็นแบบนี้ชั้นให้แม่แกเอาขี้เถ้ายัดปากแกไปนานแล้ว”

“...............” น้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจไหลอาบสองแก้มราวกับทำนบแตก

“ไม่ต้องมาทำสำออย ชั้นจะให้โอกาสแกไถ่บาปเป็นครั้งสุดท้าย เลิกยุ่งกับมันซะ แล้วชั้นจะไปทาบทามสู่ขอลูกสาวท่านรองผู้กำกับให้แกเอง”

“เสียเวลาเปล่าค่ะ ลองถ้าหมามันได้กินขี้แล้ว คงยากที่มันจะหันกลับมากินข้าวล่ะค่ะพี่” แม่เลี้ยงซึ่งไม่ค่อยจะชอบหน้าเขาอยู่แล้ว ได้ทีทับถมใหญ่

“เธอหุบปากไป พ่อลูกเค้าจะคุยกัน”

“มันทำงามหน้าถึงขนาดนี้แล้ว พี่ยังจะนับมันเป็นลูกอีกเหรอคะ”

“เธอไม่เกี่ยว ขึ้นไปดูลูกบนบ้านเลย ก่อนที่ชั้นจะเหลืออดกับเธอ”

“เชอะ...ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียว กลายเป็นพวกวิปริตผิดเพศ คงภูมิใจมากซินะ”

“ปานวาด!” ผู้กองหัสเทพตะคอกชื่อภรรยาเสียงดัง ก่อนที่หล่อนจะเดินปัดตูดขึ้นไปดูแลลูกสาววัย 5 ขวบของตนอย่างขัดใจ

“ส่วนแกจะเอายังไง”

“.....พ่อครับ อย่าบังคับผมได้ไหม”

“ถ้าแกไม่เลิกกับมัน แกกับชั้นก็ไม่ต้องมาเรียกพ่อลูกกันอีก!...”

“พ่อครับ......” ทิวไผ่ทรุดลงนั่งคุกเข่าแทบเท้าผู้เป็นพ่อ ผู้กองหัสเทพไม่ยอมมองหน้าลูกที่กำลังส่งสายตาอย่างอ้อนวอน “…เรารักกันนะครับพ่อ พ่ออย่างบังคับจิตใจผมได้ไหม ฮึ่ก ๆ...”

“งั้น แก ก็ ไส หัว ไป” ผู้กองผู้สูงวัยพูดเน้นคำช้า ๆ อย่างเย็นชา ก่อนจะเปล่งเสียงตวาดลั่นตามมา
“ออกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้!...”

“พ่อ.......” ทิวไผ่เกาะขาพ่อโอดครวญทั้งน้ำตา

“อย่างมาเรียกชั้นว่า พ่อ ชั้นไม่เคยมีลูกเป็น ตุ๊ด อย่างแก!...”

ผู้กองหัสเทพตะคอกเสียงดังลั่น ก่อนจะสะบัดขาอย่างแรงแต่ทิวไผ่ก็ไม่ยอมปล่อย กลับยิ่งกอดแน่นเข้า จนผู้สูงวัยเกิดอาการอ่อนแรง และหน้ามืด หนุ่มหน้าเข้มตกใจและเป็นห่วงผู้เป็นพ่อ เขาปล่อยมือและพยายามจะประคองบิดาไปนั่งที่โซฟา แต่กลับถูกผลักจนเซถลาออกมาก่อนที่ผู้กองจะเดินออกไปที่หน้าบ้านแล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
ทิวไผ่มองตามรถไปอย่างรู้สึกเป็นห่วง ก่อนจะหันไปมองรอบ ๆ บ้านที่เป็นห้องแฟลตอย่างอาลัยต่อไปเขาคงจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว ทิวไผ่หันไปเจอแม่เลี้ยงตัวแสบยืนยิ้มเยาะมองมาทางเขาอย่างดูแคลนอยู่ที่บันได
“ฝากคุณน้าดูแล คุณพ่อผมด้วยนะครับ”

ก่อนทิวไผ่จะเดินก้มหน้าออกไปอย่างเศร้าสร้อย ขับมอเตอร์ไซค์ไปตามท้องถนนอย่างใจลอยไร้จุดหมาย

หนุ่มหน้าเข้มนั่งกอดเข่ามองกระแสน้ำในแม่น้ำน่านที่บิดตัวม้วนเป็นเกลียวไหลเอื่อย ๆ อย่างใจลอย ตอนนี้ไม่เหลือใครอีกแล้วเขา ถูกพรากแม่ผู้เป็นที่รักไป ด้วยอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน วันนี้เขาต้องเสียพ่อที่เขารักและเคารพ ผู้ที่คอยอุปถัมภ์ค้ำชูเขามาตลอดไปอีกคน เพียงเพราะเขาเลือกที่จะแคร์ความรู้สึกของตัวเอง มากกว่าครอบครัวหรือสังคมรอบข้าง
ทิวไผ่รู้สึกเหงาและว้าเหว่เหลือเกิน เวลาแบบนี้เขาต้องการใครซักคอยคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ จริงสิ ต้น....

ลืมไปสนิทเลยตอนเราออกมา เราทิ้งต้นไว้ที่ห้องคนเดียวนี่

“..............” ต้นไปไหนนะทำไมไม่รับสาย ลองโทรหาฟ้าซิ

“หวัดดีครับฟ้า ต้นอยู่ห้องไหม”

“อ๋อ ไม่อยู่ครับ ตอนฟ้ากลับมาไม่เห็นมีใครอยู่ห้องเลย แต่มีโน้ตทิ้งไว้ว่ากลับบ้านนะ”

.......หืม กลับบ้านเหรอ..........

...


“ทำไมแกทำแบบนี้ ห๊ะต้น ทำไมแกไม่คิดจะที่รักษาหน้าพ่อกับแม่บ้าง” อรรณพตวาดลูกชายอย่างกราดเกรี้ยว จนต้นข้าวหวาดกลัวเพราะไม่เคยเห็นพ่อของเขาเป็นแบบนี้มาก่อน

“.... ต้น ต้นไม่รู้...ฮึ่ก ๆ...” ต้นข้าวสวมกอดผู้เป็นแม่ร้องไห้โฮ เขาตกใจมากและสับสนไปหมดเมื่อได้เห็นภาพพวกนั้น เขาไปทำอะไรให้ใครจงเกลียดจงชังที่ไหน ทำไมต้องทำลายกันถึงขนาดนี้

“ภาพก็เห็นอยู่ทนโท่ กอดจูบกับผู้ชาย แล้วแกยังจะบอกว่าไม่รู้อะไรอีก...”

“พอเถอะคุณ อย่าคาดคั้นลูกได้มั้ย ชั้นขอร้อง แค่นี้ลูกก็เสียขวัญมากพอแล้ว” เกศสินีออกรับหน้าแทนลูกชายสุดที่รักของเธอ พร้อมลูบหัวปลอมประโลมเบา ๆ

“ก็คุณเป็นซะอย่างเงี๊ยะ ให้ท้ายลูกมันทุกอย่าง แล้วเป็นไง ถึงขนาดนี้แล้วยังจะโอ๋อีกเหรอ”

“....พ่อครับ แม่ครับ ต้นขอโทษ ต้นสับสน ไม่รู้เพราะอะไร แต่เวลาต้นอยู่กับเขา ไผ่เค้าทำให้ต้นมีความสุข ต้น ๆ ต้นก็เลย.....”

“ความสุขบ้าอะไรของแก ที่พ่อกับแม่ให้แกทุกอย่างมาแต่เล็กจนโตนี่ไม่ใช่ความสุขใช่มั้ย”

“คุณ ลูกน่ะเราเลี้ยงได้แต่ตัวเค้านะคะ เราเลี้ยงจิตใจและความรู้สึกเค้าไม่ได้หรอกค่ะ”

“พอ! เกด ให้ลูกมันพูดเอง”

“...พ่อครับ ต้น... ต้นรักเค้า...ต้นขอโทษ แต่ต้นรู้สึกอย่างนั้น....” ต้นข้าวตัดสินใจพูดความรู้สึกที่ออกมาจากใจจริงให้ผู้เป็นพ่อได้รับรู้

“แก!...ไอ่...!”  อรรณพสะอึก เมื่อได้ยินคำพูดแสลงใจจากปากลูกชายคนเดียวของเขา

‘.........กริ๊งงง..... กริ๊งงง........’

“เกด ออกไปดูซิใครมาทำอะไรตอนนี้ ไล่กลับไปได้ยิ่งดี ไม่มีอารมณ์จะรับแขก”
.
.
เกศสินีจ้องมองหนุ่มร่างสูงที่ยืนแววตาเศร้าสร้อย ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าและริมฝีปากมีรอยบวม นายคนนี้ที่เคยมาหาต้นข้าวกับสายฟ้าที่บ้าน คนเดียวกับคนในรูปนั่น “นาย... ไผ่ใช่ไหม”

“สวัสดีครับคุณแม่ ต้นอยู่มั้ยครับ”

“เอ่อ...ต้น”

‘...เพล้ง!!!...’ เกศสินีและทิวไผ่สะดุ้งเกือบจะพร้อมกัน เธอหันหลังวิ่งเข้าบ้านทันที ทิวไผ่ถือวิสาสะวิ่งตามเข้ามาด้วยความเป็นห่วงต้นข้าว

“คุณอรรณพ!...คุณตีลูกชั้นทำไม”

เกศสินีอุทานเสียงดัง เมื่อเห็นเศษแจกันดอกไม้บนโต๊ะรับแขกแตกกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น ขณะที่ต้นข้าวนั่งกองอยู่กับพื้น เกศสินี ถลาเข้าหาลูกชาย โดยมีทิวไผ่ตามเข้ามาคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ อย่างห่วงใย เธอลูบไล้ใบหน้าเนียนที่บวมแดงเป็นรอยฝ่ามือ

“ทำไมผมจะตีมันไม่ได้ มันก็ลูกผมเหมือนกัน ลองถามลูกชายคุณดูสิ เพราะอะไร”

“...ฮึ่ก ๆ ฮืออ... พ่อจะให้ต้นเลิกกับไผ่…” ต้นข้าวสวมกอดมารดา และแปลกใจที่เห็นทิวไผ่มานั่งอยู่ข้าง ๆ
“คุณพ่อครับ อย่าทำร้ายต้นเลยนะครับ ผมขอร้อง ถ้าจะทำ ทำผมแทนดีกว่า” ทิวไผ่ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับผู้เป็นเจ้าของบ้าน

“แล้วแกเป็นใคร มายุ่งอะไรกับเรื่องภายในครอบครัวชั้น อ้อ หน้าคุ้น ๆ แกเองซินะ ที่ทำให้ลูกชายชั้นเป็นแบบนี้ ได้ งั้นแกต้องรับผิดชอบ” ‘…ผั๊วะ...’ หมัดลุ่น ๆ วิ่งเข้ากระทบใบหน้าหล่อเหลานั่นซ้ำรอยบวมที่มีอยู่ก่อนแล้ว จนทิวไผ่เซถลา ปวดหนึบไปทั้งใบหน้า เลือดสด ๆ สีแดงเข้มไหลย้อยออกมาเป็นทางที่มุมปาก

“พ่อ อย่า....ฮืออ... ต้นขอ อ อ ร้อง ง ง ง....อย่าทำไผ่....ฮึ่ก ๆ ๆ ไผ่ไม่เกี่ยว ว ว ...ฮือ...ฮือออ...” ต้นข้าวร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนักกระโดดเข้าขวางอรรณพที่กำลังเดินเข้าไปจะต่อยซ้ำ

“นี่แกกล้า ออกรับแทนมันเหรอ ไอ้ลูกไม่รักดี!...” ดวงหน้าเนียนสะบัดไปตามแรงมือ คราวนี้ต้นข้าวรับรู้ถึงรสเค็มของเลือดได้อย่างชัดเจนเมื่อถูกตบเข้าอีกฉาด ทิวไผ่เหวี่ยงตัวต้นข้าวหลบออกไป

“คุณ อย่า.... อย่าทำร้ายลูกกับใครอีกเลย...” เกศสินี วิ่งปราดเข้ารั้งตัวสามีไว้ทั้งน้ำตา หลังจากยืนอึ้งอยู่กับเหตุการณ์เมื่อชั่วครู่ ก่อนที่อรรณพจะได้ทันต่อยซ้ำเข้าที่ใบหน้าหล่อเข้มนั้นเป็นครั้งที่สอง

อรรณพโมโหสุดขีด แต่ก็อดสงสารลูกชายไม่ได้ที่เขาทำรุนแรงลงไป

“ไผ่...เป็นอะไรมากไหม ไผ่มาที่นี่ทำไม ฮึ่ก ๆ...” ต้นข้าวเข้าไปเช็ดเลือดที่มุมปากให้ทิวไผ่

“ผมเป็นห่วงต้น เลยตามมา”

อรรณพทนไม่ได้กับภาพบาดตาบาดใจที่ลูกชายสุดที่รักคนเดียวของเขา เข้าไปดูแลไอ้หนุ่มคนนั้นอย่างห่วงหาอาทรต่อหน้าต่อตา
“แกออกจากบ้านชั้นไป ก่อนที่ชั้นจะเรียกตำรวจ ส่วนแกมานี่” อรรณพฉุดข้อมือของต้นข้าวแล้วลากขึ้นไปบนบ้าน
“ไม่ไป๊....ไผ่ ช่วยเราด้วย ...ฮือ ๆ” หนุ่มร่างบางรั้งใช้อีกข้างรั้งมือของทิวไผ่ไว้ เขารู้สึกสงสารต้นข้าวอย่างจับใจจนน้ำตาไหลนองสองข้างแก้ม แต่ก็ต้องจำใจปล่อยมือออก เพราะเชื่อว่ายังไงอรรณพคงไม่ทำร้ายลูกชายตัวเองไปมากกว่านี้ เขาได้แต่มองคนรักถูกผู้เป็นพ่อลากขึ้นบ้านไปอย่างอาลัยอาวรณ์

เกศสินีปราดคาบน้ำตาออกก่อนจะหันไปพูดกับคนรักของลูกชาย “แม่ว่า ลูกไผ่กลับบ้านไปก่อนนะ เดี๋ยวแม่ดูแลต้นเอง”

“ผมไม่มีที่ไปแล้วครับคุณแม่ พ่อไล่ผมออกจากบ้านแล้ว...” ทิวไผ่บอกความจริงไปทั้งน้ำตา มันยิ่งทำให้เกศสินีสะเทือนอารมณ์และเกิดความสงสารลูกชายและหนุ่มน้อยร่างสูงอย่างจับจิต

“....งั้น....ลูกกลับหอพักไปก่อนก็ได้ แล้วเรามีตังค์ใช้ไหม เดี๋ยวเอากับแม่ไปก่อนแล้วกัน” เกศสินีหยิบธนบัตรแบงค์พันออกจากกระเป๋าตังค์ส่งให้เด็กหนุ่ม

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รบกวนคุณแม่ดีกว่า ฝากดูแลต้นด้วยนะครับ” ทิวไผ่เดินก้มหน้าออกไปอย่างเศร้าหมอง โดยมีเจ้าจอห์นนี่ กับบ๊อบบี้มายืนหน้าสลอนคอยส่งอยู่ที่หน้าประตูบ้าน

“ฝากดูแลเจ้านายแกด้วยนะ” มันสองตัวตอบรับโดยการเห่าแล้วกระดิกหางร้องหงิง ๆ เขายืนมองไปทางห้องนอนของต้นข้าวอยู่นาน ....รอเดี๋ยวนะเดี๋ยวเราจะมาหาใหม่.....ก่อนจะขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไป
.
.
“ลูกเป็นไงบ้าง” อรรณพถามภรรยาถึงลูกชายของเขาด้วยความเป็นห่วง

“ร้องจนหลับไปแล้วล่ะค่ะ เฮ้อ....ทำไมมันวุ่นวายอย่างนี้นะ แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดีคะ ชั้นว่าเราบังคับจิตใจลูกไม่ได้หรอก”

อรรณพนิ่งเงียบ เขาเสียใจที่พลั้งมือทำอะไรรุนแรงลงไป แต่ก็ยังรับไม่ได้อยู่ดีกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับลูกชายคนเดียวของเขา


...

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
 :dont2: :dont2: :dont2: :dont2: :dont2:

ไม่น่ะ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย

ใคร..............มันเป็นใคร ทำแบบนี้ทำไม

 :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:

tor13

  • บุคคลทั่วไป
มันเป็นใครพวกเราบุก
 :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:
 :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
มาเป็นกำลังใจให้ครับ

Electrolyte

  • บุคคลทั่วไป
สงสารต้นและไผ่จัง

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
โอ้ยยยยยยยยยยยย เศร้าสุดๆเลยอ่ะ ทำไมความสุขมันผ่านไปเร็วแบบนี้ล่ะ

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
อุปสรรคครั้งใหญ่ที่ทิวไผ่และต้นข้าวต้องผ่านมันไปให้ได้
 :m2: :m2: :m2:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
น่าสงสารจังเลย  :dont2: ทำไมทำกันแบบนี้  :o12:

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
ใครวะ   ใครๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ใครมันช่างกล้า  ทำแบบนี้

อย่าให้รู้นะเมิงงงงงงงงงงง        :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:

พ่อไม่เข้าใจลูกกันเล้ยยยยยยยยยยยยยย  เฮ้อ  ว่าแต่ พอ่เราก้อคงไม่เข้าใจเหมือนกันแฮะ  :m12: :m12: :m12: :m12: :m12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3998
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
น่าสงสารมาก

ทำไมเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเนี่ย

สงสารทั้งคู่เลย อยากร้องไห้  :m15:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :amen: :amen: สงบสติอารมณ์ก่อนเพื่อให้ต้นกะไผ่ผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้  จากนั้น :angry2: :angry2: ค่อยสืบหาตัวต้นเรื่องแล้วก็เจี๋ยนซะเลยนะครับ :m12: :m12:

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
“หวัดดีครับน้องฟ้า เย็นนี้ว่างไหมครับ พี่ว่าจะชวนเราไปกินข้าวน่ะครับ”

“เอ่อ....ขอโทษครับพี่น้ำ เผอิญตอนเย็นฟ้ามีธุระต้องไปทำ ไว้วันหลังละกันนะครับ” สายฟ้ารับโทรศัพท์ของรุ่นพี่หนุ่มก่อนจะปฏิเสธคำชักชวนไป

“ว้า...งั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวเย็น ๆ พี่โทรหาอีกทีนะจ๊ะ”

“ครับพี่”
รุ่นพี่จอมตื๊อวางหูไปแล้ว พร้อมกับที่ทิวไผ่พาร่างค่อนข้าวสะบักสะบอมเข้ามาในห้อง

“ไผ่กลับมาแล้วหรอครับ นั่นหน้าไผ่ไปโดนอะไรมาครับ”

“....อุบัติเหตุนิดหน่อยนะครับ...” …ทำไมมันเหมือนโดนต่อยมามากกว่า ไปมีเรื่องกับใครมาหรือเปล่า...

“แล้วเป็นอะไรมากเปล่าครับเนี่ย”

“...แค่นี้ไกลหัวใจไม่ตายง่าย ๆ หรอกครับ”

“ต้นล่ะครับ เห็นบอกกลับบ้าน ไม่ได้กลับมาด้วยกันเหรอ”

“....... ต้นค้างที่บ้านน่ะครับ......” ทิวไผ่ นิ่งเงียบก่อนจะตอบไป เขายังไม่กล้าตัดสินใจบอกทุกอย่างกับสายฟ้า เพราะกลัวว่าจะพลอยทำให้หนุ่มร่างเล็กต้องพลอยเป็นทุกข์ กับเรื่องวุ่น ๆ นี้ไปด้วยอีกคน

“อืม...ครับ ไผ่ครับเดี๋ยวฟ้าออกไปธุระก่อนนะครับ ไผ่กินไรมายัง เดี๋ยวฟ้าจะซื้อมาฝาก”

“ไม่ล่ะครับ ขอบคุณครับ” ผมกินอะไรไม่ลงแล้ว เป็นห่วงต้นมากกว่า ลองโทรเบอร์ต้นดูซิ
.
.
“หวัดดีจ้ะ ลูกไผ่เหรอ”

“หวัดดีครับคุณแม่” โล่งออก...ยังดีที่เป็นคุณแม่รับ “ต้นเป็นไงมั่งครับ”

“เอ่อ...นอนอยู่บนห้องจ้ะ โดนคุณพ่อกักบริเวณ”

“คือ...ผมอยากคุยกับต้นน่ะครับ รบกวนคุณแม่....ได้ไหมครับ”

“อื้ม ๆ รอ แปบนะจ๊ะ แม่กำลังจะยกข้าวต้มขึ้นไปให้ต้นพอดี”

“ใครโทรมาน่ะคุณ”

“เอ่อ...ลูกสายฟ้าค่ะ เค้ามีเรื่องจะคุยกับเพื่อนเค้า”

“อืม คุณอยู่ฟังมันคุยกันด้วยละกัน เผื่อมีคนแอบอ้างโทรมา” ทำยังกับเป็นคุณพ่อหวงลูกสาวยังงั้นล่ะ

เกศสินีพึมพำขณะยกข้าวต้มขึ้นไปบนห้องนอนของลูกชายสุดที่รักของเธอ
“ลูกต้น ตื่นยังจ๊ะ หม่ามี๊เอาข้าวต้มร้อน ๆ มาให้ซดค่ะ”

ต้นข้าวนอนนิ่งอยู่บนเตียงแววตาเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมาย “......ไม่หิวครับ ขอบคุณ” หนุ่มร่างบางตอบกลับมาอย่างเรียบเฉยแผ่วเบา

“มีคนอยากคุยกับลูกแน่ะ” ...พ่อละสิ....

“บอกเค้าด้วยครับ ไม่มีอารมณ์คุยด้วย” ...ผมเกลียดพ่อ พ่อใจร้ายพ่อทำร้ายไผ่ แถมจับผมมาขังไว้อีก อย่าหวังว่ามาง้อเรา แล้วจะให้อภัย หึ...

“อืม...ได้จ้ะ....”
“ฮัลโหล ลูกไผ่จ๊ะ”.....ไผ่.... ต้นข้าวตาลุกวาว
“คือต้นเค้าบอกว่าไม่มีอารมณ์คุยด้วยน่ะค่ะ.....”

“แม่ ต้นจะคุย” ต้นข้าวกระวีกระวาดลุกขึ้นจากเตียงวิ่งมารับโทรศัพท์ที่มารดาถือรออยู่อย่างดีอกดีใจ

 ‘....ถึงลูกจะเป็นยังไง คนเป็นแม่ก็ยอมรับได้เสมอ ขอเพียงลูกมีความสุข แม่ก็ดีใจและมีความสุขด้วยแล้ว แต่ขอเวลาปรับตัวนิดนึง....’
เกศสินี อมยิ้มที่มุมปาก เธอวางถาดข้าวต้มไว้ที่โต๊ะมุมห้องก่อนจะกลับลงไปเตรียมกับข้าวมื้อเย็นที่ทำค้างคาไว้ในครัว โดยไม่ได้ใส่ใจคำพูดกำชับของสามีเลยแม้แต่นิด

“ไผ่หรอ... ตอนนี้ไผ่อยู่ไหน เป็นไงมั่งอ่ะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า เลือดหยุดไหลหรือยังครับ” ต้นข้าวยิงคำถามมากมายทันทีด้วยความดีใจและเป็นห่วง

“...เดี๋ยว ๆ ทีละคำถามครับ ต้น....”

“เหอะๆ ก็คนเป็นห่วงนี่นา อยู่ดี ๆ โผล่มาให้คนใจร้ายต่อยหน้าเอา เดี๋ยวหมดหล่อพอดี” หนุ่มหน้าใสพูดอย่างเขินอาย

“ตอนนี้ผมอยู่หอครับ สบายดี ไม่เจ็บตรงไหนแล้วล่ะ (ขี้จุ๊... ยังปวดกรามหมุบ ๆ อยู่เลย) แค่โดนคุณพ่อตาซ้อมมวยให้แค่นี้เองจิ๊บ ๆ จะได้มั่นใจว่า ลูกเขยคนนี้จะปกป้องลูกสาว เอ้ยลูกชายของแกได้ไงครับ” ทิวไผ่พูดหยอกล้อปลายสายอย่างยิ้มกริ่ม แต่ตัวเองกลับเอามือลูบรอยบวมแดงบนใบหน้าและริมฝีปากม่อย ๆ

“อ๋อเหรอ...ทำปากเก่งไปเหอะ เลือดกบปากขนาดนั้น เดี๋ยวช่วยซ้ำรอยเดิมให้อดพูดไปเลยนี่”

“อ๊า...ใจร้าย ผมล้อเล่นน่า...” เวลาแบบนี้ยังมีหน้ามาทำอารมณ์ดีให้เรายิ้มได้อีก แล้วจะไม่ให้รักได้ยังไงเล่า.... “แล้วต้นเป็นไงบ้างครับ คงไม่....โดนคุณพ่อตีอีกนะครับ” ทิวไผ่ชั่งใจก่อนจะตัดสินใจถามออกไป

“ไม่แล้วล่ะ แต่โดนจับขัง ออกไปไหนไม่ได้เลย” ต้นข้าวทำเสียงละห้อย จนคนปลายสายอดสงสารไม่ได้ ทิวไผ่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเองโดนไล่ออกจากบ้าน ต้นข้าวก็มาโดนกักบริเวณอีก ทำไมความรักของพวกเขาถึงมีอุปสรรคใหญ่หลวงอย่างนี้นะแล้วแบบนี้เขาจะทำยังไงต่อไปดี....

“....เดี๋ยวคุณพ่อก็คงอารมณ์เย็นลงนะครับ กินอะไรรึยังครับ”

“แม่เกดพึ่งยกข้าวต้นขึ้นมาให้เมื่อกี้เองครับ แล้วไผ่ล่ะ”

“ผมแค่ได้ยินเสียงต้น แค่รู้ว่าต้นสบายดีก็อิ่มอกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูกแล้วล่ะครับ” ...แน้ หยอดเข้าไป.....

…………………………………………………………………………………………………………


“นึกว่านายจะเบี้ยวซะแล้ว ว่าไง ให้เรารอนานเลยนะ”

“ไม่ได้คิดจะเบี้ยวหรอกน่า แค่หาโอกาสออกมาไม่ได้เท่านั้นเอง อ่ะนี่ 2,500 ครึ่งที่เหลือ เอาไป ขอบใจมากนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก เราก็ไม่ค่อยชอบหน้าไอ้ขี้เก๊กนั่นเหมือนกัน หมั่นไส้ว่ะ อยากป๊อบดีนัก คอยดูซิว่า พวกผู้หญิงที่กรี๊ดกร๊าดคลั่งไคล้ไอ้นั่นรู้ว่าขวัญใจตัวเอง ชอบไม้ป่าเดียวกันจะเฮิร์ตแตกกันขนาดไหน แล้วไอ้สองคนนั่นมันคงเต้นอยู่ไม่สุขกับผลงานของเราสองคนชัวร์ หึหึหึ รับรองมันต้องถูกใจนายแน่ ๆ”
“เฮ่ย...ขนาดนั้นเลยหรอ เราไม่อยากให้พวกเค้าเดือดร้อนกันขนาดนั้น แค่คบกันต่อไม่ได้ก็พอแล้ว” หนุ่มตัวเล็กออกอาการหวั่น ๆ

“เออน่า เดี๋ยวก็รู้ คงไม่หนักหนาสาหัสเท่าไหร่หรอกมั้ง แค่อาจจะต้องเลิกคบกันอย่างถาวรเลยล่ะ” ... ‘ให้ไอ้ขี้เก๊กนั่นมันเด้งออกจากคณะไปได้สิยิ่งดี บังอาจมาทำให้แฟนเราไปหลงแอบปลื้มมันอีกคน’.... คนพูดทำสีหน้าเหี้ยมเกรียม

“อืม อย่าให้รู้นะว่านายสองคนทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง อีกอย่าง ต่อไปเราไม่เคยรู้จักกันอีกนะ แล้วหวังว่าเรื่องนี้คงจะเป็นความลับตลอดไป ถ้าเรื่องแดงขึ้นมา พวกนายสองคนก็ต้องเดือดร้อนกับเราแน่”

“รับรองได้น่า... นายไม่ต้องห่วง เราก็ห่วงตัวเองเหมือนกัน ถ้าเกิดเรื่องถึงอาจารย์หรือตำรวจ มีหวังพวกเราทั้งหมดโดนไล่ออก แถมต้องย้ายบ้านเข้าไปอยู่ซังเตแน่ ๆ”

“เออ ขอบใจ งั้นไปล่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะสงสัยเอา” พูดจบก็หันหลังเดินออกจากมุมมืดตรงลานจอดรถไปอย่างรวดเร็ว
.
.
.
‘เอ๊ะ...! นั่น….. มืด ๆ ค่ำ ๆ มายืนคุยกับใครอยู่ตรงนั้น ไหนบอกมีธุระจะไปทำไม่ใช่เหรอ....’ สายชล ชะลอรถมองตรงไปยังบริเวณมุมลานจอดรถหน้าตู้เอทีเอ็มอย่างแปลกใจ

“ดีครับน้องฟ้า จะกลับหอเหรอครับ ปะ พี่ไปส่ง” รุ่นพี่หนุ่มเข้าไปทักทาย หลังจากสายฟ้าเดินออกมาจากลานจอดรถ สายฟ้ามีอาการตกใจนิด ๆ แต่ก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว

“หวัดดีครับพี่น้ำ ขอบคุณครับ” สายฟ้าเปิดประตูรถเก๋งคันหรูขึ้นไปนั่งข้างคนขับ

“เมื่อกี้ยืนคุยกับใครอยู่ตรงมุมลานจอดรถนั่นหรอครับ”....แย่แล้วสิพี่น้ำเห็นซะแล้ว ซวยแล้วมั้ยล่ะ...

“เอ่อ....คือ ฟ้าเอาของมาให้เพื่อนน่ะครับพี่น้ำ” ...หวังว่าคงจะเชื่อนะ....

....เอาของมาให้ ทำไมต้องหลบยืนคุยกันในมุมมืดขนาดนั้นนะ..... “แล้วไม่ได้ไปธุระไหนหรอครับ”

“อ๋อ ไปมาแล้วล่ะครับ มีนัด consult group project กับเพื่อน ๆ น่ะครับพี่”

“ครับ ๆ แล้วนี่เรากินไรมารึยัง”

“เรียบร้อยมาแล้วครับ”

“พี่ซื้อโมจิมาฝากด้วยนะ เอาไว้กินยามหิวเวลาอ่านหนังสือตอนดึก ๆ ล่ะกัน”

“ขอบคุณครับ”

...


“ผมตัดสินใจแล้วนะคุณ เราจะให้ลูกลาออก” อรรณพพูดเปรยขึ้นกับภรรยาบนโต๊ะอาหารค่ำ

‘....ลาออก....’ ต้นข้าวใจหล่นวูบ เมื่อได้ยินคำพูดของบิดา ขณะเขาย่องลงมาเอาขนมที่ห้องครัว เพราะแม่ของเขาไม่ได้ล็อกห้องไว้ ก่อนจะแอบฟังพ่อกับแม่คุยกันต่อที่บันไดบ้าน

“หมายความว่าไงคะ อนาคตของลูกทั้งคนนะคะ คุณจะให้ลูกหยุดเรียนกลางคันไม่ได้ ชั้นไม่ยอมหรอกค่ะ”

“ฟังให้จบก่อนสิ ผมจะส่งตาต้นไปอยู่กับเจนภพที่ออสเตรเลีย พรุ่งนี้ ไปเก็บข้าวของลูกย้ายออกจากหอพักได้เลย”

‘....ออสเตรเลีย....’ หนุ่มหน้าใสเริ่มนั่งไม่ติด ทำไมพ่อใจร้ายกับเขาขนาดนี้ ต้นข้าววิ่งขึ้นห้องไปอย่างร้อนรน

“แล้วลูกจะไม่เสียเวลาไปเปล่า ๆ ตั้งหนึ่งปีเหรอคะ”

“เสียเวลาแค่นี้ ดีกว่าลูกเราเสียอนาคตเสียคนน่าคุณ” ...เกศสินีถอนหายใจอย่างจำนน เธอคงขัดขวางการตัดสินใจของสามีไม่ได้แล้ว....

“แล้วจะให้ลูกไปเมื่อไหร่คะ”

“อีก 2 อาทิตย์ หรือเร็วกว่านั้น ถ้าวีซ่าเสร็จเร็ว”

“ชั้นคงคิดถึงลูกต้นแย่เลย”

“เดี๋ยวเราบินไปเยี่ยมลูกบ่อย ๆ ก็ได้นี่”
.
.
ต้นข้าวนอนกระสับกระส่ายอย่างว้าวุ่นใจ ถ้าเขาต้องแยกจากไผ่ไกลชนิดไม่ได้มีโอกาสเจอกันได้เลยเขาคงขาดใจตายแน่ ๆ
....จะทำยังไงดี โทรหาไผ่ก็ไม่ได้ เพราะโทรศัพท์ก็ไม่มีเงินซักบาท แถมไผ่พึ่งจะวางหูไปหยก ๆ แต่ยังพอมีทางโทรศัพท์บ้าน แต่ว่ามันอยู่ในห้องรับแขกข้างล่าง โอ๊ย...หัวจะระเบิดตายอยู่แล้ว

เขาแอบย่องลงไปดูที่เชิงบันไดอีกครั้ง แต่ก็พบว่า พ่อกับแม่ยังนั่งคุยกันอยู่หน้าจอทีวีในห้องรับแขกเหมือนเดิม อ๊าก...ต้องจำใจเดินคอตกขึ้นมานอนเกลือกกลิ้งอย่างใจจะขาดอยู่บนเตียง เฝ้าภาวนาให้ไผ่โทรหา หรือ ไม่ก็ให้พ่อกับแม่รีบขึ้นไปนอนเร็ว ๆ ซักที ทันใดนั้น ‘ตึ้ด ๆ ๆ...’โทรศัพท์สั่น อ๊า...สวรรค์ทรงโปรด

“ฮัลโหลไผ่ แย่แล้วพ่อจะ...”

“ขอโทษครับ โทรผิด” ‘...ตู๊ด ๆ ๆ.....’

“ไอ่เจี้ย....” ต้นข้าวสบถอย่างหัวเสียสุดขีด

....เฮ่อ...หมดหวังแล้วสิ  ม่ายยย....ขืนเป็นแบบนี้เราต้องใจขาดตายก่อนถูกส่งไปออสเตรเลียแน่ ๆ ... แอบย่องลงไปดูที่เชิงบันไดเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่ก็ต้องเดินคอตกกลับมาในสภาพเดิม

“ไม่ไหวแล้ว...ฮือ ๆ ๆ...หัวเด็ด ตีนขาดยังไงเราก็จะไม่ไปออสเตรเลียเด็ดขาด...” ต้นข้าวซบหน้ากับหมอนปลดปล่อยสายน้ำแห่งความคับแค้นแน่นออกออกมาจนเปียกโชก

‘ตึ๊ด ๆ ๆ ๆ ....นี่ใช่ไหมคือความรัก ใช่หรือเปล่า ขอบฟ้าที่ดูสีเทา ๆ ดูสดใสขึ้นทันใด ชั้นไม่รู้เรียกว่ารักได้หรือเปล่า ยังไม่แน่ใจ เพียงแค่รู้ว่าเป็นไปเพราะเธอ....’

“ฮาโหล... ฮึ่ก ๆ”

“หวัดดีครับต้น ผมนอนไม่หลับน่ะ ก็เลยโทรหา เอ๊ะ...ต้นร้องไห้ ใครทำอะไรต้น บอกผมซิ...” ทิวไผ่ถามอย่างคาดคั้นสงสัยด้วยความเป็นห่วงเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นมาตามสายโทรศัพท์

“...พ่อจะส่งเราไปอยู่ออสเตรเลียกับอาภพ... ไผ่ เราจะทำยังไงดี เราไม่อยากไป เราจะอยู่กับนาย กับแม่ กับฟ้า แล้วก็เพื่อน ๆ ฮึ่ก ๆ ฮืออออ….”

“............”  ....ออสเตรเลีย.... ไม่จริงใช่ไหม เขาหูฝาดไปแน่ ๆ....

“พรุ่งนี้พ่อจะให้คนไปเก็บของออกจากหอพักแล้ว ไผ่ ช่วยต้นด้วย...” ...อะไรจะรวดเร็วปานนี้....ไม่ได้การแล้ว ในเมื่อเข้าตามตรอกออกตามประตูไม่ได้ งั้นตายเป็นตายล่ะ...

“ต้น คุณ พ่อ กับคุณแม่นอนยัง”

“ไม่รู้...เมื่อกี้ยังนั่งคุยกันอยู่ข้างล่างอยู่เลย”

“เดี๋ยวผมไปหานะครับ อย่าพึ่งนอนล่ะ”

“เดี๋ยว...” ทิวไผ่วางสายไปแล้ว ...จะมาตอนกลางคืนเนี่ยนะ ถ้ามาเจอพ่อยังไม่นอนอีกจะทำไงเนี่ย คงไม่โดนยิงไส้แตกนะ....



………………………………………………………………………………………………………..

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
 :sad5: รึว่าเป็นฟ้าที่วางแผนนี้

ขอให้เราเข้าใจผิดเถอะ  :m5:

Electrolyte

  • บุคคลทั่วไป
 :angry2:เกลียดสายฟ้าแล้วคร้าบ....ไม่ชอบเลย...ไม่น่าวางแผนทำลายเพื่อนได้ลงคอ :angry2:เกลียดฟ้าๆๆๆเกลียดมากๆๆๆๆ

สงสารไผ่กะต้นมากๆเลย.... :m15:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
หวังว่าคงไม่ใช้ฝีมือสายฟ้าหรอกนะ
สาธุ  :amen: :amen: :amen:

nanao

  • บุคคลทั่วไป
อ่าร้ายกาจ ตอนอ่านลงมาเรื่อย ๆ ก็เริ่มคิดแล้วว่าจะใช่ไหม

และแล้ววว......  :angry2:

เอ๊ะ หรือจะไม่ใช่ คนแต่งแค่หลอกให้เข้าใจผิด   o9

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ม่ายเจงงงงงงงงงงงงงงงง  :m2:  :m2:  :m2:
สายฟ้าไม่ทำอย่างนั้นหรอกกกกกกกกกกกก  :o12:  :o12:  :o12:  :o12:  :o12:  :o12:

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3998
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
ทำไม เพราะอะไร เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องเป็นแบบนี้

 :o7: :sad4: :m15:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :o :o  หวังว่าคงจะแค่เข้าใจผิดเรื่องสายฟ้านะครับ  เปนเพื่อนกันมาตั้งนานแล้วคงไม่ทำร้ายกันอย่างนี้หรอกนะครับ o7 o7

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ความรักทำให้คนตาบอด
ถ้าไม่จริงเขาคงไม่พูดกั
 :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ไม่น่าเชื่อว่าสายฟ้าจะกล้าทำกับเพื่อนรักได้แบบนี้

ทำได้ก็เลวเกินคนแล้วละ

 :โป้ก1: :โป้ก1: :โป้ก1: :โป้ก1: :โป้ก1: :โป้ก1:

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
‘ฮึ่มมม! ’ เสียงเจ้าจอห์นนี่ สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทีฟเวอร์ คำรามก้องในลำคอ เมื่อเห็นสิ่งผิดปกติและความไม่ชอบมาพากล บริเวณริมรั้วหน้าบ้านในเวลาค่ำคืนดึก ๆ ดื่น ๆ โดยมีเจ้าบ๊อบบี้สุนัขพันธุ์ไวท์ลาบาดอร์ เพื่อนคู่หูคอยเงี่ยหูฟัง และจับจ้องสิ่งต้องสงสัยอยู่อย่างไม่วางตา เตรียมพร้อมที่จะส่งเสียงเห่าและทะยานเข้าจู่โจมผู้บุกรุกได้ทุกเมื่อ

“ชู่ววว...จอห์นนี่ บ๊อบบี้ ชั้นเอง จำกันไม่ได้หรอ” สองสหายจ้องมองเจ้าของเสียง แล้วเอียงหัวครุ่นคิดไปมาอยู่พักหนึ่งก่อนจะวิ่งตรงรี่ กระดิกหางเข้าไปหาเด็กหนุ่ม ส่งเสียงหงึด ๆ หงิง ๆ ทักทายและคลอเคลียอย่างคนเคยรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน ทิวไผ่ลูบหัวมันทั้งสองตัวอย่างเอ็นดู

“ชั้นมาหาเจ้านายของพวกแก ห้องเจ้านายแกอยู่ด้านไหนพาชั้นไปหน่อยสิ” เหมือนจะเข้าใจในความหมายเจ้าสองสหายเพื่อนยากออกวิ่งนำ พาแขกผู้มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญในยามวิกาลวิ่งอ้อมสวนไปยังหลังบ้าน ก่อนจะมาหยุดตรงมุมหนึ่งของบ้าน ทิวไผ่เงยหน้ามองขึ้นไปยังระเบียงห้องชั้นสอง ที่น่าจะเป็นห้องนอนของต้นข้าว

ต้นข้าวเดินวนไปวนมารอบห้องเหมือนกับหนูติดจั่นด้วยความเป็นห่วงไม่รู้ว่าทิวไผ่คิดจะทำอะไรกันแน่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเศษก้อนหินเล็ก ๆกระทบเข้าที่กระจบหน้าต่างตรงระเบียงห้อง หนุ่มน้อยร่างบางตรงเข้าไปแง้มผ้าม่านดูด้วยความสงสัย

“ไผ่! เข้ามาได้ไง” ต้นข้าวถามไถ่ด้วยความสงสัยและแปลกใจ ทันทีที่เปิดประตูออกไปยืนตรงระเบียง เมื่อเห็นทิวไผ่มายืนโบกมือไหว ๆ อยู่กับเจ้าสุนัขตัวโปรดของเขาทั้งสองตัว

“อย่าพึ่งถามตอนนี้ช่วยผมขึ้นไปข้างบนก่อน เราค่อยคุยกัน” ต้นข้าวเดินไปปลดผ้าม่านออกจากราวก่อนจะมัดปมหนึ่งกับราวระเบียงทอดชายลงไปเบื้องล่าง

“ขึ้นได้ไหม เบา ๆ นะ เดี๋ยวพ่อกับแม่ได้ยิน” ทิวไผ่สวมวิญญาณโรบินฮู้ด ตะเกียกตะกายปีนป่ายขึ้นไปบนระเบียงชั้นสองอย่างทุลักทุเล โดยมีต้นข้าวคอยส่งมือช่วยเหลืออยู่
เมื่อขึ้นไปได้สำเร็จ สองหนุ่มตรงเข้าสวมกอดกันอย่างแนบแน่น ราวกับคู่รักที่จากกันไปแรมปีพึ่งได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง ทิวไผ่ผลักร่างบางออกหนุ่มหน้าเข้มจับจ้องดวงหน้าเนียนอย่างโหยหาและทะนุถนอม จนคนถูกจ้องหน้าแดงก่ำ พลันทิวไผ่ก็มอบจุมพิตอันหอมหวานลงบนริมฝีปากเรียวสวยน่าจูบอย่างอดใจไม่ไหว ต้นข้าวผลักอกหนุ่มร่างแกร่งออก แสดงอาการเขินอายอย่างสุดขีด
“นี่ไม่ใช่เวลามาทำแบบนี้นะ อายเจ้าสองตัวนั่นมันบ้างสิ” ทิวไผ่หันไปมองเจ้าจอห์นนี่ บ๊อบบี้ที่นอนกระดิกหางให้อยู่เบื้องล่าง
“อายทำไมล่ะ มันกำลังเชียร์เราอยู่เห็นมั้ย” ทิวไผ่หยอกเย้า

“เข้าไปคุยกันข้างไหนดีกว่า คุยตรงนี้เสียงมันกังวานเดียวพอกับแม่ได้ยิน” ต้นข้าวเสนอก่อนจะเดินนำทิวไผ่เข้าไปในห้อง
“แล้วตกลงไผ่เข้ามาได้ไง ไม่กลัวพ่อกับแม่เราเห็นรึไง” ต้นข้าวยิงคำถามทันที

“ก็ปีนรั้วเข้ามา ส่วนคุณพ่อตากับคุณแม่ยายคงไปนอนแล้วมั้ง เห็นข้างล่างปิดไฟหมดแล้ว” หนุ่มหน้าเข้มพูดยิ้มกริ่ม

“พ่อตากับแม่ยายอาราย พ่อแม่เราไปเป็นพ่อตาแม่ยายนายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เดี๋ยวเสี่ยว เดี๋ยวกวนได้ตลอดเลยนะนาย” ต้นข้าวแก้ต่างด้วยสีหน้าเคือง ๆ พลางส่ายศีรษะอยู่ในใจเบา ๆ คงเพราะความอารมณ์ขันขี้เล่นของเขานี่กระมังที่ทำให้อยู่ด้วยแล้วทำให้เขามีความสุขมากมาย

“ก็...ตั้งแต่ที่เรา สองคน.....” ทิวไผ่ทำสายตาหยาดเยิ้ม

“หยุด... หยุดเลย นี่ไม่ใช่เวลามาหื่นนะ” หนุ่มร่างบางรีบเบรก “แล้วแถมตอนเจ้าสองตัวนั่นก็ไม่ยอมเห่าอีกนะ”

“สงสัยพวกมันรู้ว่าผมเป็นเขยบ้านนี้” ...เง่ะ ทิวไผ่เล่นไม่ยอมหยุด ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น สองหนุ่มหัวใจหล่นวูบ

“ลูกต้น ยังไม่นอนอีกหรอจ๊ะ เปิดประตูให้หม่ามี๊หน่อยสิ”

“ค้าบแม่....รอเดี๋ยวนะครับ”  “ไผ่แย่แล้ว ทำไงดี” สองหนุ่มวิ่งวุ่นกันทั่วห้องเพื่อหาที่หลบ ก่อนที่ต้นข้าวจะรีบเปิดตู้เสื้อผ้าให้หนุ่มหน้าเข้มแทรกตัวเข้าไปยืนนิ่งอยู่ข้างใน ต้นข้าวรีบพยายามปรับอาการให้เป็นปกติที่สุด ก่อนเดินไปเปิดประตูและส่งยิ้มให้มารดา “แม่ยังไม่นอนหรอครับ”
“หม่ามี๊ลงไปหาน้ำดื่มน่ะจ้ะ เดินผ่านห้องเราได้ยินเสียงลูกคุยกะใครอยู่ ทำอะไรอยู่เหรอจ๊ะ มาเปิดประตูช้าจัง เกศสินีทักทายลูกชายสุดที่รักก่อนพยายามลอบส่งสายตาสำรวจภายในห้อง ‘...แหะ ๆ....’ ต้นข้าวเหงื่อแตกพลั่ก ก่อนจะแก้ต่างไปว่า “ต้นฝึกท่องบทสนทนา เตรียมพรีเซ้นท์งานวิชาภาษไทยอยู่น่ะครับ” ไม่บ่อยครั้งนักที่เขาจะโกหกมารดาตัวเอง แต่ครั้งนี้มันคับขันจริง ๆ นี่นา

“จ้ะ แต่ปกติลูกไม่เคยล็อคประตูนี่นา” เกศสินีถามอย่างสงสัย

“ก็ ใครบอกให้พ่อเค้าล็อคด้านนอกล่ะ ต้นก็ล็อคด้านในได้บ้างสิ” ต้นข้าวตอบอย่างหงุดหงิด

“งั้นก็รีบนอนนะจ๊ะ อย่านอนดึกนักล่ะ พรุ่งนี้เรามีเรื่องต้องไปทำกัน” ไม่บอกก็คงรู้ล่ะว่าเรื่องอะไร แต่เขาจะไม่ให้มันเกิดขึ้นซะล่ะ
.
.
“ไผ่ ออกมาได้แล้ว แม่ไปแล้ว” หนุ่มร่างแกร่งจะออกมาจากตู้ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ “บอกแล้วว่าอย่าคุยเสียงดัง” ต้นข้าวพูดเชิงตำหนินิด ๆ “มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า แม่มาสร้างบรรยากาศได้ถูกจังหวะจริง ๆ” ต้นข้าวเกริ่น
“ไผ่ เราไม่อยากไปออสเตรเลีย” หนุ่มร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางจดจ้องใบหน้าคมเข้มของคนตรงหน้าที่กำลังเข้มขรึมอย่างครุ่นคิดอยู่ในตอนนี้
“นายนี่นะ บทจะขำก็ฮากลิ้ง บทจะเสี่ยวก็เลี่ยนโคตรชนิดมดเอียน พอจะจริงจังก็ขรึมซะจนน่ากลัว” ต้นข้าวพยายามพูดลดบรรยากาศความตึงเครียด หลังจากเงียบกันมานาน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไร ๆ ดีขึ้นเลย เมื่อทิวไผ่เอาแต่นั่งเงียบจ้องมองใบหน้าเขาอย่างเคร่งขรึมไม่วางตา ส่วนต้นข้าวเองก็ได้แต่ก้มหน้านิ่งอย่างกลัดกลุ้ม

“ต้น” ทิวไผ่เรียกชื่อเขา

“หืม” ต้นข้าวตอบรับ

“พรุ่งนี้แล้วใช่ไหม”

“อืม.... เฮ้อ....” หนุ่มร่างบางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนหมดหนทางที่จะทัดทานความคิดของผู้เป็นพ่อไว้ได้
“ต้นรักผมรึเปล่า”

“รักสิ รักมากด้วย” ต้นข้าวกล้าตอบอย่างไม่ลังเลอีกต่อไปแล้วทิวไผ่ดึงร่างบางเข้ามาสวมกอดแนบแน่น

“ผมก็รักต้นมากเหมือนกัน และจะไม่ยอมเสียต้นไปด้วยแม้ว่าจะแลกด้วยชีวิตก็ตาม” ต้นข้าวเป็นปลื้มจนน้ำตารื่น ทิวไผ่ผลักร่างบางออก จ้องมองใบหน้านั้นอย่างทะนุถนอมรักใคร่ และมอบจุมพิตหวานฉ่ำนุ่มนวลแฝงด้วยความเร่าร้อนอีกครั้ง
“ต้น เราไปกันเถอะ”

“หา ไปไหน” ต้นข้าวถามกลับอย่างงุนงงสงสัย

“ไปที่ที่เรามีกันและกัน ที่ที่เราจะเป็นตัวของตัวเอง” ทิวไผ่รูดตัวลงมาตามผ้าม่านที่ต้นข้าวผูกไว้กลับลงมาจากระเบียงชั้นสอง คอยรับต้นข้าวอยู่ข้างล่างอีกที

ทิวไผ่เดินจูงมือกันออกมาอย่างเงียบ ๆ โดยมีเจ้าตูบสองตัวตามมาส่งถึงหน้าประตูบ้าน ทิวไผ่ส่งให้ต้นข้าวข้ามรั้วออกไปก่อนที่เขาจะกระโดดตามออกไป ต้นข้าวยังพะว้าพะวงในการตัดสินใจ เขายืนมองเข้าไปในบ้านอย่างอาวรณ์ “ต้นขอโทษที่ต้องทำแบบนี้เพราะพ่อบังคับต้นเอง” ต้นข้าวถอนหายใจยาว ๆ เป็นครั้งที่ร้อยแปด “แกสองตัวดูแลบ้านและพ่อกับแม่ชั้นดี ๆ นะ” หนุ่มร่างบางลูบหัวจอห์นนี่และบ๊อบบี้ สองเกลอเพื่อนยากตัวโปรดของเขาโดยมีทิวไผ่เดินเข้ามาลูบหัวมันเบา ๆ เป็นการอำลาอีกคน
“ไปกันเถอะต้น” ทิวไผ่เดินนำต้นข้าวไปนั่งมอเตอร์ไซค์ ที่เขาจอดไว้ตรงหัวมุมถนน หนุ่มน้อยร่างบางทอดสายตามองตัวบ้านที่ค่อย ๆ เล็กลง ๆ จนลับสายตาไปกับความมืด จิตใจของเขาตอนนี้กำลังวุ่นวายสับสนอลหม่านอย่างบอกไม่ถูก ต้นข้าวกระชับมือกอดเอวหนุ่มตรงหน้าไว้ซบหัวลงบนไหล่หนาแกร่งนั้นอย่างเหนื่อยอ่อนทั้งกายและใจ ลมเย็น ๆ ยามค่ำคืนที่พัดโชยมาปะทะหน้าเบา ๆ มันช่วยผ่อนคลายได้ไม่น้อยจนทำให้ต้นข้าวผล็อยหลับไปบนบ่าที่แสนอบอุ่นนั้นในที่สุด


...

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :o11: :o11:  แล้วจะอยู่กันยังไงล่ะครับ  ยังเรียนกันทั้งคู่นี่นา :เฮ้อ: :เฮ้อ:

หวังว่าจะผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ด้วยดีนะครับ :m5: :m5:

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
ทั้งสองคน  แนใจนะ ที่ทำแบบนี้

ต่อจากนี้จะเจออะไร ก้อต้องทนให้ได้นะครับ  เอาใจช่วย   :m5: :m5: :m5: :m5: :m5:

ว่าแต่  คนที่เป็นตัวการของเรื่อง คงไม่ใช่ฟ้านะครับ ... ยังเชื่อใจฟ้าอยู่นะครับ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
มัวแต่ทำใจเรื่องสายฟ้าอยู่  :m15: คงไม่ใช่สายฟ้าหรอกนะ คนเขียนไม่ใบ้อะไรสักนิดเลย  :m15:  :m15:

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3998
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
ยังไงทั้งคู่ก็ต้องร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกันนะ อย่าทิ้งกันนะคับ

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ไม่เห็นจะยาก
ก็แกล้งทำเป็นไม่รักกันจิ
แล้วดึกๆว่างๆก็ไปเจ๊าะ พรึ่ม พรึ่ม ทีหลัง
 :m3:

ใครจะมารู้ 
ควมรักเป็นเรื่องของคนสองคน
 :m1:

ไม่จำเป็นที่พ่อแม่ต้องมารู้ทุกเรื่อง
ชีวิตของใครก็ของใคร
 :m14:

Electrolyte

  • บุคคลทั่วไป
 :m13:ป็นกำลังใจให้ทั้งสองคนเลยนะคร้าบ..... :m5:.

 :angry2: :angry2:เกลียดสายฟ้า...เกลียดๆๆๆ :angry2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด