เกือบเดือนเข้าไปแล้วที่สองหนุ่มช่วยกันทำงานหามรุ่งหามค่ำกันอย่างขยันขันแข็ง ไม่เคยอู้งาน หรือเข้างานสายซักครั้ง จนป้าเจ้าของร้านเอ่ยปากชม ที่ไม่เสียแรงรับพวกเขาเข้าทำงาน
ต้นข้าวเองถึงจะบ่นบอกว่าเหนื่อยเพราะไม่เคยทำงานหนัก ชนิดเริ่มเช้าเลิกดึกมาก่อน แต่เขาก็ไม่เคยเอ่ยปากผลัดหรือลางานเลยซักครั้ง เพราะยังมีกำลังใจที่ดีอย่างทิวไผ่ที่คอยช่วยเหลือแบ่งเบางานในส่วนของเขาอยู่เสมอจนบางครั้งต้นข้าวรู้สึกเกรงใจที่เห็นทิวไผ่ทำงานหนักมากกว่าตน แต่หนุ่มหน้าเข้มจะบอกเขาเสมอว่า เขากับต้นก็เหมือนคน ๆ เดียวกัน ที่จริงเขาอยากให้ต้นอยู่สบายให้เขาทำงานเองคนเดียวก็ได้ แต่ต้นข้าวก็พร้อมที่จะยืนหยัดทำงานเคียงข้างเขาเสมอเช่นกัน
เลิกงานทุกวันก็ 4 ทุ่ม 5 ทุ่ม กลับห้องมานอนก็ไม่ค่อยจะได้หลับเต็มอิ่มซักครั้ง เพราะเสียงโหวกเหวกโวยจากห้องข้าง ๆ ซ้ายทีขวาที จนน่ารำคาญไปหมด เดี๋ยวผัวเมียห้องนั้นทะเลาะกัน เดี๋ยวห้องโน้นตั้งวงก๊งเหล้า แถมบางครั้งยังเปิดเพลงเสียงดังอึกทึกคึกโครม พอเมาได้ที่ เปิดเวทีมวยดวลหมัดกันก็บ่อย
สองหนุ่มได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน เพราะพวกเขาไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่ตลอดไปอยู่แล้ว ส่วนไอ้พี่เสือร้ายนั่นก็คอยหาโอกาสเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะเสวนาด้วยทุกเมื่อที่มีโอกาส ถึงไม่ค่อยจะได้เจอกันก็ตามที เพราะ ต้นข้าวกับทิวไผ่เข้างานเช้า เลิกก็เกือบเที่ยงคืน และไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ไม่ค่อยจะได้อยู่ติดห้องมากนัก วันไหนถึงคิวพวกเขาได้หยุดพักผ่อน ก็จะชวนกันออกไปเดินเล่น หรือเล่นน้ำทะเลกันซะมากกว่า ที่จะอยู่อุดอู้ในห้องเช่าโทรม ๆ ที่ใช้เป็นที่ซุกหัวนอนนี่
แต่ไม่วายไอ้พี่เสือก็หาทางมาชวนไปร่วมวงชนแก้วกันจนได้ สองหนุ่มพยามบ่ายเบี่ยงไปเสียทุกครั้งว่าไม่อยากจะทำให้เสียงาน จนคนชวนได้แต่ฮึดฮัดกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“จะไปได้ไง มันหลอกเราไปมอมเหล้ารึเปล่าไม่รู้ ท่าทางยิ่งไม่น่าไว้ใจอยู่ แถมเพื่อนพวกมันก็ดูหน้าตาน่ากลัวกันทุกคน” ทิวไผ่เอ่ยขึ้นกับต้นข้าว
“ถึงหน้าตาน่าไว้ใจ ต้นก็ไม่ยอมให้ไผ่ไปหรอก เข้าวงเหล้ามีแต่ทางฉิบหาย ผลาญเงินผลาญทองโดยเปล่าประโยชน์มิหนำซ้ำพาลจะทำให้เสียงานเสียการอีกตะหาก”
“แหม แฟนใครว้า ชั่งน่ารักจริงจริ๊ง น่ารักที่สุดในโลกเลย” ทิวไผ่กระชับอ้อมแขนดึงหนุ่มร่างบางที่นอนอยู่ในอ้อมกอดเขาให้แน่นขึ้น พลางเอาจมูกไซ้ ยีที่ผมอย่างรักใคร่
“ต้นว่าเรานอนกันเถอะง่วงแล้ว วันนี้เพลียมาก ๆ แถมมึนหัวหมุบ ๆ ยังไงไม่รู้ สงสัยมันสะสมกันมานานแล้วมั้ง เลยจะมาแสดงอาการเอาตอนนี้”
“อืมหรอ ไผ่ว่าต้นกินยากันไว้ก่อนดีไหม เกิดไม่สบายขึ้นมาจะแย่ เดี๋ยวไผ่ออกไปซื้อมาให้แป๊บเดียว”
“ไม่ต้องหรอก ดึกแล้ว นอนพักเดี๋ยวคงหายเองแหละ”
“เอางั้นหรอ อืมก็ได้ แต่พรุ่งนี้เช้าต้นต้นต้องกินยาด้วยนะครับ ต้องป้องกันไว้ก่อน เดี๋ยวจะเป็นอะไรมาก”
“ค้าบ พ่อคุณทูนหัว....”
ด้วยความอ่อนเพลียจากการตราตรำทำงานที่ร้านกันมาทั้งวัน เพราะวันนี้มีทัวร์มาลงหลายคณะ ลูกค้าจึงเยอะเป็นพิเศษ สองหนุ่มจึงหลับใหลสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว
‘ไผ่ช่วยต้นด้วย อย่า!!!.........’
‘ไอ้เสือ ไอ้สารเลวมึงจะทำอะไรต้น มึงปล่อยแฟนกูเดี๋ยวนี้นะ’
‘พระเอกเหรอไอ้หน้าหล่อ งั้นต้องเจอนี่...ผลั๊วะ!!!...แฟนน้องน่ะ พี่ขอนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า....’
“ไผ่ ต้นหนาว....” ทิวไผ่สะดุ้งตื่น พร้อมกับอาการตกใจที่เห็นคนในอ้อมกอดกำลังสั่นเทาอย่างหนาวเหน็บเขาเอามือไปอังที่หน้าผากของหนุ่มร่างบางแต่ก็ต้องเกือบชักมือกลับเพราะมันร้อนผ่าวเหมือนเตาไฟ ยาก็ไม่มี จะออกไปซื้อแต่พอเหลือบไปดูนาฬิกาที่หัวเตียงก็ปาไปตี 3 กว่าแล้ว
“อดทนหน่อยนะครับต้น อีกไม่นานก็จะสว่างแล้ว” ทิวไผ่กระชับอ้อมแขนดึงร่างบอบบางเข้ากอดไว้แนบอกอย่างห่วงใย
.
.
“หืม นี่กี่โมงแล้วนี่ โอ๊ย....ปวดหัวชิบ” ต้นข้าวงัวเงียตื่นขึ้นมาตอนตะวันสายโด่งพร้อมด้วยอาการหัวหมุนติ้ว ห้องทั้งห้องดูเคว้งคว้างไปหมด
“แล้วนี่ไผ่ไปทำงานแล้วหรอ ไม่ได้การแล้วต้องรีบไปทำงาน เราหยุดงานแบบนี้ไผ่ทำงานหนักแย่” ต้นข้าวรีบหยัดตัวลุกจากเตียงอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะหน้ามืดจนรู้สึกวูบเซถลาลงไปนั่งที่ขอบเตียง และต้องยกมือขึ้นกุมขมับที่กำลังปวดหนึบ ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
“หือ” ต้นข้าวพยายามพยุงตัวก้าวเดินไปที่โต๊ะมุมห้องด้วยความสงสัย บนโต๊ะมีโจ๊ก 1 ชาม ขนมปังแยมโรล นมโฟร์โมสต์รสจืด ที่เขาชอบดื่ม แล้วก็มีแก้วน้ำใส่ไว้น้ำเต็มแก้ว ข้าง ๆ มีถุงยาแก้ปวดลดไข้อยู่หนึ่งชุดพร้อมกับโน้ตเล็ก ๆ วางอยู่ ต้นข้าวหยิบมันขึ้นมาอ่านทันที
‘อรุณสวัสดิ์ที่รัก ตื่นขึ้นมาอย่าลืมกินโจ๊กในชามที่ผมซื้อมาไว้ให้แล้วกินยาด้วยนะครับ ถ้ามันเย็นแล้วก็ต้องขอโทษด้วย ที่จริงผมอยากอยู่ดูแลต้นด้วยตัวเองนะ แต่กลัวป้าแกขาดคนทำงานทีเดียวไปตั้งสองคน ยังไงเดี๋ยวตอนเที่ยงผมจะขออนุญาตป้าซื้อกับข้าวร้อน ๆ ไปฝากนะครับ ยังไงตอนเย็นผมก็จะรีบขอป้ากลับก่อนด้วย ที่ร้านไม่ต้องเป็นห่วงผมจะทำงานแทนในส่วนของต้นเอง ต้นนอนพักผ่อนมาก ๆ นะครับ เป็นห่วงนะ /ไผ่
ปล.อย่าลืมกินยาล่ะ จะได้หายไว ๆ จุ๊บ ๆ
เอ้อ....อีกอย่าง อย่าเปิดประตูให้คนแปลกหน้าเด็ดขาด’
ต้นข้าวอมยิ้มกับคำสั่งที่แฝงไว้ด้วยความห่วงใยของหนุ่มหน้าเข้ม ก่อนจะลงมือทานโจ๊กที่เกือบเย็นชืดหมดแล้ว แต่ก็พยายามกินได้ไม่ถึง 10 คำ เพราะมันรู้สึกขมไปหมด เลยหันไปดื่มนมแทน หมดไปเกือบครึ่งกล่องแล้วกินยาแก้ปวดลดไข้ตามที่ทิวไผ่กำชับไว้ ถึงเขาจะไม่ค่อยชอบการกินยานักก็เถอะ ก่อนจะก้าวขึ้นเตียงล้มหัวลงแล้วผล็อยหลับไปด้วยพิษไข้
...ก๊อก ๆ ๆ... “น้องต้น อยู่รึเปล่า” เสียงเคาะประตูค่อนข้างดังทำให้ต้นข้าวสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ก่อนนอนเงี่ยหูฟังสิ่งที่เกิดขึ้น
ตึง ๆ ๆ “น้องต้น เปิดประตูหน่อย....พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” จากเสียงเคาะกลายเป็นเสียงทุบประตู อย่างไม่เกรงใจเหมือนคนไร้มารยาท ไม่มีใครนอกเสียจาก
พี่เสือที่ยืนพูดค่อนข้างอ้อแอ้คล้ายคนเมาอยู่หน้าห้อง “พี่รู้นะว่าวันนี้ต้นอยู่ห้อง เพราเมื่อเช้าพี่เห็นไอ้ -...... เห็นน้องไผ่ออกไปทำงานคนเดียว ไม่สบายหรือเปล่า มีอะไรให้พี่ช่วยไหม เปิดประตูหน่อยสิ”
ด้วยความรำคาญ ต้นข้าวพยายามลุกที่จะเดินไปเปิดประตู แต่‘ห้ามเปิดประตูให้คนแปลกหน้าเด็ดขาดดด...’ ถ้อยคำกำชับของทิวไผ่ดังก้องอยู่ในหู....ยิ่งเป็นไอ้พี่เสือแล้วยิ่งอันตราย...ตัวเองยิ่งไม่สบายอยู่เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะเอาแรงที่ไหนไปต่อกรกับมัน...
ต้นข้าวจึงตัดสินใจล้มตัวลงนอนต่อทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ก่อนเสียงเคาะและเสียงพูดจะเงียบหายไป จนต้นข้าวผล็อยหลับไปอีกครั้ง
.
.
“อีเด็กบ้านี่กูรู้นะว่ามึงนอนอยู่ในห้อง สงสัยคู่ขามันสั่งไว้ห้ามเปิดประตูให้ใครล่ะสิ หน็อยยย...ทำเป็นมาบอกว่าเพื่อนกัน แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าพวกมึงเป็นอะไรกัน แถมไปไหนมาไหนตัวติดกันแจ คอยดูนะ วันนี้ผัวมันไม่อยู่กูต้องเอามันให้ได้ ขืนกูปล่อยโอกาสดี ๆ ลอยนวลกูก็ไม่ใช่ไอ้เสือแล้ว” ไอ้เสือสบถอย่างหัวเสียก่อนกระแทกแก้วเหล้าลงกับพื้น
“แล้วจะเอาไงดีพี่” ไอ้โจ้เด็กหนุ่มวัย 20 กว่า ๆ ถามหาหนทางสู่แผนชั่วช้ากับลูกพี่ของมัน
“โหย...ไอ้โง่ เอาน่ะ เอา มึงจะให้กูบอกมึงรึไงว่ากูจะเอามันยังไงท่าไหน” เสือตวาดลูกน้องจอมทึ่มไปอย่างฉุน ๆ
“ไม่ใช่อย่างงั้นพี่ ไอ้โจ้มันหมายถึง จะทำยังไงเราถึงจะเข้าไปเอามันได้” ไอ้ป้อม เพื่อนคู่หูนรกส่งมาเกิดของไอ้โจ้รีบแก้ต่างแทนเพื่อนทันทีที่ลูกพี่พวกมันเข้าใจผิด เพราะความเมาหรือว่าโง่ ก็ไม่แน่ใจนัก
“พังประตูเลยดีไหมพี่” ไอ้โจ้เสนออีกครั้ง
“มึงเอาหัวแม่เท้าคิดรึไงวะ พังประตูบ้านพ่อมึงสิ คนจะได้แตกตื่นกันมาทั้งตึก”
“คราวนี้สมควร มึงทึ่มเองกูช่วยไม่ได้โว้ย” ไอ้ป้อมช่วยซ้ำเติมจนเพื่อนมันน่าหงอ “เอางี้ดีไหมพี่ ในเมื่อผัวมันไม่อยู่เราก็เอาผัวมันมาเป็นตัวล่อสิ” ไอ้เลวป้อมเสนอความคิดสุดชั่วของมัน
“เออออ.... มึงนี่ความคิดเข้าท่าว่ะ หึ หึ หึ แล้วมึงจะเข้าท่าไหน เลือกเอา แต่ต้องให้กูเข้าก่อน ส่วนไอ้โจ้มึงคนสุดท้าย” ไอ้เสือแสยะยิ้มอย่างหื่นกระหาย
.
.
...ปัง ๆ ๆ... “น้องต้น ๆ” ต้นข้าวสะดุ้งตื่นทันทีจากเสียงทุบประตูดังสนั่น เป็นเสียงไอ้พี่เสืออีกแล้ว คราวนี้จะมาไม้ไหนอีก ฝันไปเถอะ จ้างให้ก็ไม่มีวันเปิดประตูให้หรอก แต่เอ๊ะทำไมซุ่มเสียงมันร้อนรนพิกล
“น้องต้นพี่มีเรื่องจะบอก น้องไผ่โดนรถชน”
‘อะไรนะ... เราหูไม่ฝาดใช่ไหม ไผ่ โดน รถ ชน!....’ ต้นข้าวตื่นตะลึงในคำพูดที่ได้ยินเมื่อซักครู่ ความมึนงงจากพิษไข้ในหัวหายไปหมด กลับโดนแทนที่ด้วยความหวั่นวิตกด้วยความเป็นห่วงหนุ่มหน้าเข้ม เขาลุกขึ้นจากเตียงเกือบจะในทันที พุ่งถลาไปที่ประตูก่อนกระชากลูกบิดเปิดมันออกอย่างรวดเร็ว แล้วยิงคำถามทันทีด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ไผ่เป็นไงมั่ง”
แต่หนุ่มร่างบางต้องหน้าถอดสีเมื่อเห็นไอ้เสือกับชายฉกรรจ์อีก 2 คน ยืนแสยะยิ้มอย่างหื่นกามขวางประตูห้องอยู่
“หึหึหึ แผนแกนี่ ได้ผลจริง ๆ ว่ะไอ้ป้อม” มือไวเท่าความคิด ต้นข้าวรีบดึงประตูเพื่อจะกระแทกปิดกลับไปทันที แต่สายไปเสียแล้วเมื่อไอ้เสือยกเท้าขึ้นถีบสวนกลับเข้ามาอย่างเต็มเหนี่ยวจะแรงกระแทกเหวี่ยงคนตัวเล็กกระเด็นล้มลงไปกองกับพื้นห้อง ต้นข้าวถอยหลังกรูดเมื่อพวกมันก้าวย่างสามขุมเข้ามาในห้อง หัวสมองเจ้ากรรมตอนนี้ยิ่งปวดหนึบ ๆ ด้วยพิษไข้ประดังประเดประทังกันเข้ามา สภาพต้นข้าวตอนนี้เหมือนกับลูกหมาจนตรอกคิดหาทางรอดโอกาสสุดท้ายของชีวิต ...ระเบียง ไม่ นี่ชั้น 3 สูงไป...ประตูเท่านั้น...
...แก๊ก... เสียงหนึ่งในสองของลูกน้องไอ้เสือกดล็อคลูกบิดประตู เล่นเอาต้นข้าวสะดุ้งจนตัวโยน โอกาสรอดริบหรี่เต็มที
“กลัวพี่ทำไมหรือจ๊ะน้อง...เดี๋ยวพวกพี่จะมาช่วยทำให้น้องมีความสุขจนน้องลืมแฟนน้องไปเลยล่ะ” ไอ้เสือเอ่ยปากขึ้นอย่างหื่น ๆ
“ความสุขบ้านพ่อมึงสิ” ต้นข้าวถอยหลังไปจนมือคว้าไปโดนผ้าเช็ดเท้าที่อยู่พื้นห้องต้นข้าวจับมันขว้างใส่หน้าไอ้เสือหื่นทันทีแล้วตัดสินใจลุกขึ้นวิ่งอย่างรวดเร็วไปที่ประตูห้อง
“จับมันไว้” ไอ้เสือออกคำสั่ง ไอ้โจ้สมุนจอมโฉดของไอ้เสือกระโดดเข้าขวางไว้ ต้นข้าวชักเท้าหวดเข้าที่หว่างขามันสุดแรงเกิด
“อุ๊ก!....” ไอ้สมุนชั่วเดนตายหน้าเขียวเป็นจาระบีตราจระเข้ ทรุดฮวบลงกองกับพื้นทันที แต่แล้วก็มีมือสาก ๆ น่าขยะแขยงของไอ้ป้อมคว้าข้อมือต้นข้าวเหวี่ยงกลับเข้าไปกลางห้องจนตัวลอยไปปะทะเข้ากับหน้าอกไอ้เสืออย่างจัง มันใช้วงแขนแกร่งกอดรัดต้นข้าวไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก
“ปล่อยกู...ไอ้บ้ากาม กูบอกให้ปล่อยยย.....” ต้นข้าวพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต จนอ่อนแรงแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าหลุดพ้นจากการพันธนาการของวงแขนปีศาจไปได้
“ไหนว่าป่วยไง ทำไมฤทธิ์เยอะจัง มาเป็นของพวกพี่ดี ๆ เถอะน่า ว่าง่าย ๆ สนุกด้วยกัน จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว”
“เชิญพวกมึง 3 ตัวสนุกกันไปเองเถอะกูไม่เกี่ยว” พูดจบ เข่าเหน่ง ๆ ก็ลอยขึ้นกระแทกกล่องดวงใจไอ้เสืออย่างแรง จนมันทรุดลงไปกองกับพื้น นอนกุมเป้าบิดไปบิดมาอีกราย เมื่อต้นข้าวหลุดพ้นเป็นอิสระและเอี้ยวตัวจะวิ่งไปที่ประตูอีกครั้ง ทันใดนั้น
....ผลั๊วะ.... “ฤทธิ์มาก ปากดีนักใช่ไหม” ต้นข้าวโดนฝ่ามือหนาแกร่งของไอ้ป้อมหวดเข้าจนเซถลาล้มลงนั่งที่ขอบเตียว ริมฝีปากบวมเจ่อรู้สึกได้ถึงรสเค็มของเลือดที่ซึมออกมาตามมุมปาก
ทางเลือกสุดท้ายแล้วที่จะรอดจากปากเสือปากสิงห์พวกนี้ไปได้ ต้นข้าวลุกพรวดพร้อมตะโกนอย่างสุดเสียง “ช่วยยยย ด้ว-......อ๊อก!!!” แต่แล้วก็ต้องทรุดลงนอนกุมหน้าท้อง รู้สึกจุกไปทั้งช่องท้องจนต้องนอนตัวงอ ใบหน้าเนียนบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แทบน้ำตาเล็ด เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือทางรอดสุดท้ายของเขามันหมดไปแล้ว ถึงจะแหกปากให้ตาย ก็ไม่มีแม้แต่เสียงกระซิบเล็ดลอดออกมาจากไรฟันได้เลย
“ทีนี้สิ้นฤทธิ์ได้ยัง สงสัยจะชอบซาดิสม์ ต้องรุนแรงก่อนถึงจะช่วยสร้างอารมณ์ได้” ไอ้ป้อมพูดอย่างกระหยิ่มใจ
“ไอ้เจี้ยป้อม มึงตีเด็กกูหาหอกไรวะ แต่ก็ดีมันจะได้เงียบ ขัดขืนแบบนี้สิ ได้อารมณ์ไอ้เสือนัก มามะ มาเป็นเมียของพี่เสือซะดี ๆ นะจ๊ะ รับร้องน้องจะเสียวจนครางลั่นห้องเลยล่ะ หึ หึ” ไอ้เสือสร่างจากความเจ็บปวดพยายามคลานปีนขึ้นไปบนเตียงที่ต้นข้าวนอนตัวงออยู่ แต่ก็ถูต้นข้าวยกขาคู้ถีบกระเด็นตกลงมาอีกครั้ง
“เฮ้ย...พวกเมิงยืนบื้อทำไรอยู่วะ มาช่วยจับแขนจับขามันให้กูหน่อยสิโว้ย แหกปากไม่ได้แต่ขามันยังมีแรงอยู่ กูอยากเสียบรูไอ้หน้าอ่อนนี่เต็มทนแล้ว”
ไอ้สมุนเลวสองตัวปฏิบัติตามคำสั่งลูกพี่ชั่วของมันทันที แขนขาต้นข้าวตอนนี้ถูกตึงกับที่นอนอย่างไม่มีทางที่จะดิ้นหลุด การต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดเมื่อซักครู่บวกกับพิษไข้มันตัดกำลังเขาลงไปจนไม่เหลือหลอ แม้แต่เสียงร้องขอชีวิตยังเปล่งออกมาเป็นคำพูดให้ได้ยินไม่ได้ เสื้อและกางเกงของเขาถูกไอ้เสือกระชากฉีกออกจากร่างขว้างทิ้งไปคนละทิศละทาง เผยเรือนร่างขาวเนียนให้ไอ้สัตว์นรกสามตัวจับต้องแทะโลมด้วยความหื่นกระหาย พวกมันส่งเสียงซี้ดซ้าดอย่างพออกพอใจ ต้นข้าวกลับรู้สึกรังเกียจและขยะแขยงอย่างเป็นที่สุด แต่จะทำอะไรได้ นอกจากนอนหลับตาปี๋สะอื้นไห้ปริ่มจะขาดใจ เพราะไม่มีแม้แต่แรงจะดิ้นหรือขยับตัวได้แม้แต่น้อย
ไอ้เสือเริ่มลงมือยุ่มย่ามสำรวจเรือนร่างเปลือยเปล่าของเขาอย่างตามอำเภอใจ มันซุกไซ้กอดจูบร่างขาวเนียนไปทั่ว ต้นข้าวรู้สึกขยะแขยงจนสุดจะทานทน ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าขาสองข้างถูกยกขึ้นสูง และมีอะไรแข็ง ๆ อุ่น ๆ มาป้วนเปี้ยนอยู่ตรงซอกขา
ด้วยแรงอธิษฐาน และกำลังใจเฮือกสุดท้าย
“ไม่!!!....ไผ่ ช่วยต้นด้วยยย อย่า!!!....”
……………………………………………………………………………………………………….