‘เกือบทั้งอาทิตย์แล้วสินะที่เรียนอะไรไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย ความคิดมันสับสนวุ่นวายไปหมด ทั้งห่วงความรู้สึกของฟ้า ถ้าฟ้ารู้เรื่องเข้า ฟ้าจะคิดยังไงนะ ความเป็นเพื่อนของเราตั้ง 6 ปีกว่ามันคงพังครืนลงมาอย่างไม่เป็นท่าแน่ ๆ ทั้งกลัว กลัวมาก ๆ ว่านายนั่นจะเอาเรื่องนี้ไปแบล็คเมล์เพราะยิ่งเราไม่ค่อยชอบหน้านายนั่นอยู่
อ๊ะ...ถ้าคิดจะทำจริง ๆ นายนั่นก็คงทำไปแล้วสิ คงไม่รอนานขนาดนี้ แถมถ้าทำ ตัวเองก็เสียหายด้วยอีกแล้ว...ตอนนั้น...จำได้ว่า เค้าบอกว่า...ร ระ รัก...เรา....
ไม่จริงมั้ง มันก็เป็นแค่ลมปากของคนที่ความหื่นบังตาเท่านั้นแหละ ...แต่ว่า...เค้าก็ดูแคร์เราอยู่นี่.....แคร์กะผีอะไรล่ะ ก็แค่คนรู้สึกผิดชั่ววูบแค่นั้น ถ้าแคร์จริง จะปล่อยเฉยไม่ทำอะไรจนมาถึงทุกวันนี้เหรอ โอ๊ย...แล้วจะเอายังไงของนายวะเนี่ย.....’
ต้นข้าวกวักน้ำจากก๊อกสาดใส่ใบหน้าใส ๆ นั่นอย่างบ้าคลั่ง เพื่อดับความฟุ้งซ่านในหัว... ‘อ้าว...เลอะหมดเลย...ไม่เป็นไร ชั่งแมร่ง คาบสุดท้ายแล้วว้อย...’
“เฮ่ย...” ต้นข้าวสะดุ้งโหยงสุดตัว เมื่อมีมือใหญ่ ๆ ของใครคนหนึ่งบีบเข้าที่แก้มก้นเขาอย่างแรง แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อหันไปเจอ เจ้าของร่างสูงแกร่งยืนประกบอยู่ด้านหลังเขา
...อย่างนี้สินะ สิ่งที่กลัวมันกำลังเกิดขึ้นแล้ว เมื่อเขาเป็นต่อหลายขุม เขาก็กล้าที่จะทำอะไรแผลง ๆ มากกว่าเดิม ตายห่าล่ะ ทีนี้...
“นาย...” ต้นข้าวยืนตัวแข็งทื่อ ตาขวางถมึงทึงอย่างเอาเรื่อง
“ อะไร นายอะไร” ทิวไผ่แสยะยิ้มที่มุมปาก จ้องมองหนุ่มหน้าใสตรงหน้าอย่างมีเลศนัย ‘...ในเมื่อใช้ไม้นวมกับนายไม่ได้ผล ก็คงต้องใช้ไม้แข็ง ห่าม ๆ แบบนี้สิ ชอบซาดิสม์ก็ไม่บอกแต่แรก...หึหึ’
“...นี่มันห้องน้ำคณะนะ ถ้าคนอื่นมาเห็นจะว่าไงเนี่ย” ต้นข้าวตวาดแว้ดด้วยเสียงแผ่วเบาที่พอได้ยินกัน แค่สองคน (รึเปล่า)
“ก็ดีสิ คนอื่นเค้าจะได้รู้ให้หมดว่าเราเป็นอะไรกัน” สายตาหื่นกรุ้มกริ่มแบบมีเลศนัยอีกแล้ว “เอ๋...หรือว่า ที่นี่ไม่สะดวก งั้นเราไปต่อที่ห้องกันดีกว่าที่รัก” ไม่พูดเปล่าเขากุมข้อมือน้อย ๆ แน่น พยายามจะลากเดินไปยังจุดหมายตามที่พูดทันที
“เฮ่ย...ไม่ใช่นะเว้ย ใครเป็น...เป็นอะไรกะนาย” ต้นข้าวขึ้นเสียงดังแต่ท้ายประโยคกลับแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน “แล้วเราก็ไม่ใช่ที่รักของนายด้วย”
“นี่ อย่าเล่นตัวได้ไหม ก็นายเป็นเมียเราแล้วนะ รึจะเถียง”
“.............”
‘เพี๊ยะ!....’
“.............”
“...เมีย งั้นเหรอ...” ต้นข้าวนัยน์ตาแดงก่ำจ้องมองใบหน้าหนุ่มร่างสูงแกร่งตรงหน้าอย่างเจ็บแค้น ‘…มันน่าภูมิใจนักใช่มั้ยกับคำว่า เมีย ที่ผู้ชายคนหนึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเขาเป็น เมีย ของผู้ชายด้วยกัน....’ เขายังรับไม่ได้กับคำ ๆ นี้ มันเลวร้ายเกินไป...
ทิวไผ่หน้าชาจากแรงกระแทกของฝ่ามือที่กระทบใบหน้าคมเข้มของเขาอย่างจัง แววตาที่ดูดุดันและหื่นกระหายแฝงเลศนัยปรับเปลี่ยนเป็นเศร้าสลดระคนความสำนึกผิดในทันที เขาสบตากับดวงตาคู่สวยที่แดงก่ำของหนุ่มร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างขอโทษ
มันเริ่มมีหยดน้ำใส ๆ เอ่อล้นออกมา ทิวไผ่ดึงร่างบอบบางนั้นเข้ามากอดแนบอก พลางกระชับวงแขนแกร่งให้แน่นขึ้น ต้นข้าวไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เข้าซบใบหน้าที่อกแกร่ง พร้อมกับปล่อยให้หยดน้ำตาไหลอาบแก้ม ต้นข้าวสะอื้นจนตัวโยนอย่างอัดอั้น ทิวไผ่ลูบไล้เส้นผมสลวยนั้นอย่างปลอบประโลม
“ผมขอโทษนะ ที่พลั้งปากพูดทำร้ายน้ำใจต้น” ทิวไผ่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างสำนึกผิด เขาจับร่างนั้นผลักออกเบา ๆ พร้อมใช้นิ้วหัวแม่มือปราดคาบน้ำตาออกจากสองแก้มใส ก่อนจะก้มลงจูบปลอบขวัญที่หน้าผากหนุ่มร่างบางไปหนึ่งที
“หยุดร้องได้แล้ว...คนขี้แง ทำเสื้อผมเปียกหมดแล้วเนี่ย” ทิวไผ่พูดล้อ ๆ แต่ต้นข้าวยังคงยืนก้มหน้าสะอื้นอยู่
‘ขลุกขลัก เคร้ง โครมมม!....’
“.................”
เสียงเก้าอี้ชำรุดที่นักการขนมากองรวมกันไว้ที่ห้องเก็บของมุมตึกล้มครืนลงมา พร้อมกับเงาของร่าง ๆ หนึ่งวิ่งออกจากมุมตึกหายเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
‘…แย่ล่ะสิ มีคนแอบดูเรา แถมไฟในห้องน้ำตอนค่ำ ๆ ก็สว่างจ้าซะ อุตส่าห์ดูแล้วนะว่าไม่มีใครอยู่แล้วเชียว...’ ทิวไผ่ครุ่นคิด
“มี อะไรหรอ ...รึว่ามีคนแอบดู ห๊า....ตายล่ะ โอย ไอ้คนฉวยโอกาส เป็นเรื่องแล้วมั้ยล่ะ...” อ้าว ไหงงี้... ได้โอกาสตีโพยตีพายทันที ทั้งที่ยังไม่หายสะอื้นดีเลยนะ
“...ปะ เปล่า ไม่มีอะไร ต้นอย่าคิดมากดิ เสียงแมวน่ะ เราเห็นมันกระโดดลงจากกองเก้าอี้วิ่งไปทางนู้น...”
“...เชื่อตายล่ะโอ๊ย....ทีนี้ ทำไงดี ๆ เพื่อน ๆ ทั้งคณะ คนทั้ง ม.ได้รู้กัน แน่ ๆ” ต้นข้าวยังไม่หยุดกระวนกระวาย
“เชื่อผมดิ มืดป่านนี้แล้ว ใครจะมาเดินเพ่นพ่านอยู่ล่ะ วันนี้เราเรียนชดเชยนะ มันค่ำแล้ว ไม่มีใครเค้าพิเรนทร์มาเที่ยวแอบดูชาวบ้านหรอก ตอนผมตามต้นเข้ามาก็ไม่มีคนแล้ว” ทิวไผ่ชักแม่น้ำทั้งห้ามาเพื่อปลอบใจคนตรงหน้า ‘เดี๋ยวเรื่องนั้นค่อยสืบต่อไปว่าเป็นใคร ไม่นานมันคงแสดงตัวมาแบล็คเมล์กับเราล่ะน่า’
“นั่น แอบตามสะกดรอยเรามาล่ะสิ คิดว่าตัวเองเป็นเจมส์บวม 008 รึไง” ‘...เป็นไม่เป็นเดี๋ยวก็รู้ ว่าไอ้คนนั้นมันเป็นใคร ถ้ากล้าทำให้ต้นเดือดร้อนล่ะก็... ชั้นไม่ปล่อยแกไว้แน่’
“เปล่า ไม่ได้เป็นเจมส์บอลเจมส์บวมไรทั้งนั้นอ่ะ แค่คนธรรมดาที่ทำตามหัวใจเรียกร้อง”
“โหย...แหวะ เสี่ยวว่ะ ไม่ได้ปลื้มนะว้อย หลีกไป จะกลับห้อง”
“ผมไม่ใช่ชวน หลีกภัยนะ ทำไมต้องหลีก” แน้... ยังไม่หยุด...
“จะกินหมัดเจ็บ ๆ ซักป้าบมั้ย”... ฉุนแล้วนะ… ทิวไผ่แอบอมยิ้ม เมื่อเห็นหนุ่มหน้าใสทำสีหน้าปั้นปึ่งเก็บอาการเขินสุดขีด
“กลับมอไซค์กับผมสิ หอก็อยู่ห้องเดียวกันด้วย”
“ไม่เอา นั่งรถไฟฟ้ากลับเองได้ ร้อยวันพันปีไม่เคยมาด้วยกัน แถมไม่กินเส้นกันอีก ถึงจะอยู่ห้องเดียวกันก็เหอะ อยู่ ๆ ไปไหนมาไหนด้วยกันคนเค้าจะได้สงสัยเอาเด่ะ”
“เหอะน่า เราจะดีกันใครจะคิดยังไงก็ชั่งเค้าดิ เมทกัน เรียนด้วยกัน ไปไหนด้วยกันอีกซักอย่างจะเป็นไร”
“แต่....”
“อย่าดื้อนะ รึอยากจะประจานตัวเองให้ชาวบ้านเค้ารู้กัน ได้ ๆ เดี๋ยวอุ้มโชว์ออกไปหน้าคณะเลย”
“เฮ่ย...อย่านะ” ทิวไผ่ทำท่าจะอุ้มจริง ๆ เล่นเอาหนุ่มร่างบางร้องเหวอ ถอยหลังกรูด ก่อนรีบเดินนำออกมาจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
...
“นี่ นั่งหมิ่นเหม่ขนาดนั้น เดี๋ยวก็ตกรถตายพอดีหรอก ขยับ เข้ามาสิ ผมไม่กัดหรอกน่า...”
“........”
“อื้ม... ดีมาก เกาะเอวผมสิ”
“จะบ้าเรอะ ได้คืบจะเอาศอก เดี๋ยวศอกกลับเข้าให้”
“อ่า ๆ ล้อเล่น.... อย่าน้า เดี่ยวรถล้ม” ใจชื้นแปลกๆ พิกลแฮะ ดูเหมือนต้นจะกลับมาเป็นเหมือนแต่ก่อนแล้วสิ ไม่ล่ะ ดีกว่าแต่ก่อนซะอีก จะหายโกรธเรารึยังน้า รึเพราะโดนเราบังคับ แต่ก็ยังดีวะ
“ต้น เดี่ยวเราไปหาไรกินกันก่อนค่อยกลับห้องนะ” พูดจบทิวไผ่ก็เลี้ยวรถออกหลัง ม. ไปทันที
“นี่ เลี้ยวกลับเลย เราจะกลับหอ ฟ้ารอกินข้าวอยู่”
“ฟ้าบอกว่าไปกินกันเหอะ แล้วค่อยซื้อข้าวกล่องไปให้ก็ได้”
“รู้ได้ไง”
“ก็เราโทรบอกฟ้า ตั้งแต่ตอนเดินออกจากห้องน้ำตามนายมาแล้ว”
“โหย...นักวางแผน เดี๋ยวเหอะ ไอ้เพื่อนทรยศก็อีกคน”
………………………………………………………………………………………………….
“ต้น กินอะไรดีครับ” สุภาพซ้า...ไม่ใช่สาวคู่ดินเนอร์นายนะเว้ย
“ไม่อ่ะ ไม่หิว นายจะกินอะไรก็รีบกินสิ อยากกลับห้องไปอาบน้ำแล้ว เหนียวตัว”
“..............” ‘จะกินไหม รึอยากดัง’ ....ความสุภาพหนีหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างรวดเร็ว
“อ๊ะ ๆ....กินก็ได้” ตอบเสียงอ่อย ๆ อย่างขัดขืนไม่ได้ ‘…ชิชะบังอาจบังคับกันด้วยสายตา นึกว่ากลัวเรอะ แต่ถ้าไม่กลัวก็ อ๊ากกก........’
“เอาข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวสุก ๆ 2 จานนะครับป้า แล้วก็ราดหน้าทะเลเส้นใหญ่ใส่กล่องให้กล่องนึงนะครับ” ......ถือวิสาสะสั่งให้เราอีก... ก็นะ กะเพราไข่ดาวของชอบเรายังรู้อีก...
“อ่ะ ไข่ดาวของชอบต้น ผมยกให้ กินให้หมดนะ จะได้แข็งแรง ๆ” ....จะซึ้งน้ำใจดีมั้ยเนี่ย....
“นี่ หยุดทำหน้าเซ็งกระบ๊วยได้แล้ว ไม่น่ารักเลย รีบ ๆ กินเข้าสิ อยากกลับหอไม่ใช่หรอ รึจะให้ป้อน” ........โหยพูดออกมาได้ อายนะว้อย คนเค้ามองกันแล้ว เดี๋ยวลุกหนีซะเลยนี่.... (ถึงของโปรดก็ต้องฟอร์มไว้ก่อนเดี๋ยวนายนี่จะได้ใจว่าเราดีด้วย อิอิ)
.......แต่เล่นมาไม้นี้ ถ้านายนี่บ้าจริง ๆ ล่ะ จะว่าไง.......นอกเสียจากตักข้าวใส่ปากอย่างรีบเร่งให้หมดก่อนจะโดนตักป้อน.....
“มองมาย กิงของนายเข้าปายเสะ ” พูดทั้งที่ข้าวยังยัดแน่นเต็มปาก เมื่อเห็นหนุ่มหน้าเข้มหยุดกินแต่กลับนั่งจ้องเขาแทน
“มองคนมูมมาม กินดี ๆ ไม่เป็นรึไง เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก ขี้เกียจเก็บศพอ่ะ” …..ตกลงจะเอายังไงของนายวะ ไอ้นี่......บังคับอยู่ได้ (ก็อยากทำประชดเองนี่เนอะ เหอๆ)
“แคร่ก ๆๆ ....” เอาแล้วตรูตาย ๆ
“ว่าแล้ว ไม่ทันขาดคำ เอ้านี่น้ำ กินเข้าไป”
“เฮ่อ....ขอบใจ อิ่มเลย หมดอารมณ์กิน ป่ะ กลับกันเถอะ”
“เดี๋ยว ไข่ดาวที่เราให้ยังไม่กินเลย ถ้าไม่กินจะป้อนจริง ๆ นะ”........ ‘...เง้อ...’ ......ในที่สุดต้นข้าวก็จำใจกินไข่ดาวฟองที่เหลือจนหมด
“เท่าไหร่”
“ไม่เป็นไรเราเลี้ยง”
“ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณ”
“บุญคงบุญคุณอะไรกัน แหมแฟนตัวเองแค่นี้เราเลี้ยงได้น่า”
“นี่ อย่าโมเมนะ”
“ไม่ให้แฟน งั้นจะให้เรียก .......”
“หุบปากพล่อย ๆ ของนายเลย” ต้นข้าวฉุนขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อทิวไผ่จะเล่นไม้นี้
“อ๊ะ ๆ อ๊า...คิดไรอยู่ ผมจะบอกว่า จะให้เรียก สุดที่รักของผม รึไงค้าบ”
“..............”
...... ‘สุดที่รักของผม..... บ้าสิ แต่เอ๊ะ...คำนี้เคยได้ยินที่ไหนนะ’……
……………………………………………………………………………………………………
“ว่าไงต้น กินข้าวอร่อยไหม”
“หร่อยตายห่าเลยล่ะ นายนะ ไม่ช่วยกันบ้างเลย หึ” ต้นข้าวพูดอย่างงอน ๆ ก่อนจะจัดแจงของไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว
‘….ก็เราช่วยอยู่นี่ไง...ช่วยไผ่น่ะ เหอ ๆ แต่ก็เป็นการช่วยนายทางอ้อมนะ นายจะได้รู้ใจตัวเองซะทีไง ไอ้เพื่อนรัก...’
“ดีใจ ด้วยนะครับไผ่ ว่าแต่ไผ่ทำไงเนี่ย ถึงอยู่หมัดได้น่ะ สุดยอดไปเลยครับ” สายฟ้ากล่าวทักทายหนุ่มหน้าเข้มที่เดินตามเข้ามาในห้องหลังจากต้นข้าวเดินเข้าห้องน้ำไป
“ขอบคุณครับฟ้า แต่ยังไม่อยู่หมัดหรอกครับ ยังพยศไม่ยอมหยุดเลย ขนาดใช้ไม้แข็งยังได้แค่นี้เองครับ”
“ไม้แข็งยังไงเหรอ… อืม แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรดีขึ้นเลยนะครับ”
“หึหึ.... นี่ครับฟ้า ผมซื้อราดหน้ามาฝาก” ทิวไผ่ไม่ตอบแต่เปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“ขอบคุณครับ เท่าไหร่ครับไผ่”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ขอบคุณอีกครั้งครับ แหมใจดีจัง ก็น่าจะนี่เนอะ วันนี้มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นตั้งมากมาย...”
“ทิวไผ่ตอบรับยิ้ม ๆ อย่างพอใจ”
...