....โอ๊ย....ไมฟระ ทำไมอาจารย์ต้องมานัดเรียนชดเชยอีกวันนี้ด้วยกว่าจะเลิกก็ทุ่มสองทุ่ม แล้วแบบนี้ก็ต่อรถเมล์เข้าในเมืองไม่ทันพอดี แผนการหนีกลับไปนอนบ้านของเราพังหมดเลย แล้วจะทำไงดีล่ะเนี่ย....
ต้นข้าวครุ่นคิดอย่างกลัดกลุ้ม เมื่อรู้ว่าคืนนี้จะต้องอยู่ห้องกับทิวไผ่สองต่อสอง ไม่มีสายฟ้าคอยเป็นไม้กันหมาให้เหมือนทุกคืน
หลังจากเลิกเรียนตอนสองทุ่มเศษ ๆ หนุ่มร่างบางก็ถูกหนีบไปกินข้าว และกลับหอด้วยกันเหมือนเช่นเคย ต้นข้าวออกอาการสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อได้ยินเสียงลงกลอน หลังประตูห้องปิดลง เมื่อทิวไผ่ก้าวเข้าห้องตามหลังเขาเข้ามา
“ทำไมต้องล็อคด้วย”
“กลัวไรหรอทุกวันก็ล็อคอย่างนี้นี่นา เอ รึว่านายคิดอะไรอยู่” ...เอาอีกแล้ว ไอ้ท่าทางเย้าแหย่ ยียวนกวนบาทาที่สุดในโลกของนายนี่...
“ปะ เปล๊า กลัวไร ไม่มี๊ ไปอาบน้ำดีกว่า จะได้รีบมาทำการบ้าน” ต้นข้าวรีบชิงตัดบทออกจากสถานการณ์ที่เสียเปรียบไปในทันที ตามมาด้วยเสียงหัวเราะในลำคอของทิวไผ่อย่างครึ้มใจที่เห็นอาการหวาด ๆ ของหนุ่มหน้าใส
‘...เอาไงดีว่าเนี่ย ทำไงถึงจะรอดปากเสือปากตะเข้ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้วะ โห... อีกตั้งเกือบ 10 ชั่วโมง ถึงจะสว่าง ตาย ๆ ๆ ฮือ ๆ แม่จ๋าช่วยหนูด้วย แง ๆ...’ ต้นข้าวยืนบ่นพึมพำ พลางนับเวลาไปด้วย (เป็นเอามาก)
.......เอาวะ ลองขืนปล้ำเราดิ พ่อจะทุบไข่ให้เละ หมดประโยชน์ไปตลอดชีวิตเลย คอยดู......
“นี่ อาบน้ำอะไรของนายน่ะ ตัวเปื่อยหมดแล้วมั้ง หรือว่าตกส้วมตายไปแล้ว เข้าไปเป็นชั่วโมงแล้วนะ ไหนบอกจะรีบทำการบ้านไง ออกมาซะทีสิเราจะได้อาบมั่ง”
“รู้แล้ว ๆ กำลังเช็ดตัวอยู่” …ไม่ได้อาบน้ำหรอกนั่งกลุ้มอยู่ตะหากล่ะ เพราะใครไม่รู้ ที่ทำให้ต้องกลุ้ม....
“รู้งี้เข้าไปอาบด้วยแต่แรกก็ดีหรอก จะได้ช่วยกันอาบ จะได้เสร็จเร็ว ๆ” พูดไม่พูดเปล่า ทิวไผ่ส่งสายตาหื่น ๆ แทะโลมต้นข้าวที่เดินออกจากห้องน้ำมา (ขนาดเปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อยออกมาแล้วนะเนี่ย)
.......เสร็จไวกะผีดิ ยิ่งจะนานกว่านี้ซะล่ะมั้ง...
“หยุดเลย ๆ ถ้าทำหื่นใส่เราอีกนะนายโดนดีแน่ะ” ต้นข้าวขู่ด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมด้วยสายตาเอาเรื่อง ทิวไผ่ทำท่าล้อเลียนตอบกลับมา เลยโดนต้นข้าวขว้างด้วยม้วนผ้าเช็ดตัวแต่ทิวไผ่ปิดประตูห้องน้ำทันเสียก่อน
หลังจากทำการบ้านเสร็จ ต้นข้าวก็หาหนังสือการ์ตูนมานั่งอ่านฆ่าเวลาต่อทันที คืนนี้ชั่งเป็นคืนที่แสนจะยาวนานของเขาเอามาก ๆ ต่างจากทุก ๆ คืนที่ดูแสนสั้นจนรู้สึกว่านอนไม่ค่อยจะเต็มอิ่มเอาซะเลย
ง่วงนอนแทบตาย จะหลับก็หลับไม่ได้ ได้แต่นั่งหาวเป็นดาวเป็นเดือนนับครั้งไม่ถ้วน สายตามองนาฬิกากับลอบมองหนุ่มหน้าเข้มสลับกันไปมาอยู่แทบทุก 5 ทุก 10 นาที เพราะกลัวจะถูกจู่โจมโดยไม่รู้ตัว เข็มนาฬิกาก็เดินต๊อกแต๊ก ๆ ไปตามสเต็ปของมันอย่างเชื่องช้าจนน่ารำคาญอยากจะจับหมุนติ้ว ๆ ให้เดินเร็ว ๆ ตามที่ใจต้องการ
...ห้าทุ่มครึ่งแล้ว ง่วงเหลือเกิน ห๊าววววว.....ฮู่ววว...เมื่อไหร่จะสว่างซักทีว้อย...
เมื่อหันไปมองทางเตียงทิวไผ่ อ้าว...อีตานั่นหลับไปซะแล้ว....
“หลับจริงหรือแกล้งหลับวะ” ต้นข้าวค่อย ๆ ย่อง ไปชะเง้อดูก็พบว่าหนุ่มหน้าเข้มหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอเข้าเฝ้าพระอินทร์ไปเรียบร้อยแล้ว
‘.... สงสัยจะหลับจริงไม่ได้แกล้ง เฮ่อ...โล่งอกไปเปราะ....แต่ก็ไม่วางใจอยู่ดี ถ้าเราหลับแล้วนายนี่แอบมาลักหลับเราจะทำไง เง้อ....’
.....งั้นแกก็นั่งแหง็กทรมานตัวเองต่อไปรอจนสว่างเส่ะ....
...
ค่ำคืนอันเหน็บหนาวและเนิ่นนานผ่านพ้นไปอย่างช้า ๆ สายฟ้านอนริมสุดของเต็นท์ เพราะรู้สึกอึดอัดและไม่ค่อยชินกับการนอนเป็นหมู่คณะ ถึงแม้ข้างนอกเต็นท์จะมีกองไฟให้ความอบอุ่น แต่เมื่อลมหนาวพัดโชยมาระลอกแล้วระลอกเราก็เล่นเอาผวาสั่นสะท้านจนต้องขยับเบียดท็อป เพื่อนที่นอนข้าง ๆ เข้าไปอีก
พลันสายฟ้าก็ได้ยินเสียงที่น่าสะพรึงกลัวลอยมาตามลม เมื่องัวเงียรู้สึกตัวตื่นกลางดึก เสียงสุนัขจิ้งจอกหอนอย่างโหยหวน ดังแว่วลงมาจากภูเขา เล่นเอาหนุ่มร่างเล็กขนกายลุกซู่ไปทั้งสรรพางค์ แล้วแสงไฟลาง ๆ จากกองไฟนอกเต็นท์ ก็สาดส่องให้สายตาเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มของร่าง ๆ หนึ่งยืนทะมึนปรากฏอยู่ข้างนอกเต็นท์ฝั่งที่เขานอนอยู่ สายฟ้าหายง่วงเป็นปลิดทิ้งหลับตาปี๋กระเถิบชิดแน่นเข้าหาเพื่อน ๆ แล้วพยายามสะกิดเพื่อนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ให้รู้สึกตัว
“หือ... อืม ๆมีไรหรอฟ้า” เสียงท็อปพูดอย่างงัวเงียโดยไม่ลืมตา
“ผะ ผี ๆ หลอก...” สายฟ้าพูดเสียงสั่นขดตัวมุดอยู่ในถุงนอน
“ผีเผอที่ไหน”
“อยู่นอกเต็นท์นั่นไง ไม่เห็นหรอ” หนุ่มร่างเล็กนอนตัวสั่นไม่ยอมโผล่หัวออกมา
“ไม่เห็นมีนี่ นายตาฝาดแล้ว นอนต่อเถอะ” พูดจบเพื่อนก็ล้มหัวลงนอนต่อทันที สายฟ้าลืมตาแล้วค่อย ๆ โผล่หัวออกมา ก็พบว่าเงาที่ว่านั้นหายไปแล้ว แต่กว่าจะทำให้เขาข่มตาหลับลงได้อีกหนก็เล่นเอาเกือบค่อนคืนทีเดียว”
...
‘เฮ่ย...ทำไมเรามานอนบนเตียงได้ฟระ จำได้ว่าเมื่อคืนเรานั่งอ่านการ์ตูนอยู่ที่โต๊ะนี่นา รึว่า....ไม่นะอ๊าก....’ ต้นข้าวสะดุ้งตื่นและตกใจเมื่อมานอนอยู่บนเตียงโดยไม่รู้ตัว
‘เฮ่อ...โล่งอกนึกว่าโดนซะแล้ว’ หนุ่มร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อควานมือคลำสำรวจจุดยุทธศาสตร์ของตน พบว่ามันยังอยู่ในสภาวะปกติดี ‘เผลอหลับไปตอนไหนเนี่ย ตอนตีหนึ่งกว่า ๆ ยังรู้สึกตัวอยู่นี่’
เมื่อหันไปมองทางเตียงทิวไผ่ ก็เห็นหนุ่มหน้าเข้มนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงเหมือนเดิม ‘รึว่าเราละเมอเดินมานอนเองวะ’
..... ตอนนี้ ตีสองสามสิบห้า อ๊าก....ทำไมไอ้นาฬิกาบ้ามันเดินช้าโคตร ๆ งี้วะ อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะสว่าง เฮ่อ.....
“แล้วจะนอนต่อดีมั้ยเนี่ย มะหวาย แล้ว... ง่วงมากมาย คร่อก!...” ในที่สุดต้นข้าวก็ต้องหมดสภาพอย่างสิ้นท่า เพราะฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว
.
.
……ติ๊ด ๆๆ ติ๊ด ๆๆ ติ๊ด ๆๆ …… เสียงนาฬิกาปลุกที่หัวเตียงของทิวไผ่ทำหน้าที่ตามปกติของมันในตอนเช้า เพื่อเรียกให้คนที่ยังคงหลับใหลอยู่ให้ตื่นขึ้นเตรียมตัวไปปฏิบัติภารกิจและทำหน้าที่ประจำวันของตนเอง
“โอย... เสียงไร หนวกหูชิบหาย ปิดที !!!....” ต้นข้าวนอนคุมโปงพูดงัวเงียอยู่ในลำคอโดยไม่ยอมลืมตา...
“ตื่นได้แล้วต้น...” ทิวไผ่บิดขี้เกียจ ก่อนจะเก็บที่นอน แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อทำความสะอาดและชำระร่างกายเพื่อความสดชื่นในการไปเรียนในเช้าวันใหม่
“..อือ......”
“ต้น ต้น...อะไรเนี่ยยังนอนขี้เซาอยู่อีก สายแล้ว ตื่น ๆ ๆ” ทิวไผ่เดินมาปลุกต้นข้าวหลังจากเดินออกจากห้องน้ำมา ยังพบว่าหนุ่มร่างบางยังคงนอนอุดอู้อยู่บนเตียงเหมือนเดิม
“งือ... อาราย คนจานอน อย่ากวนด้ายม้าย ง่วง...” สภาพต้นข้าวตอนนี้เหมือนกับเด็กประถมที่ง้องแง้งพ่อแม่ ไม่ยอมตื่นไปโรงเรียนไม่มีผิด จนทิวไผ่แอบขำ ยืนยิ้มกริ่มในความงอแงแกมน่ารักของหนุ่มร่างบาง
“จะตื่นดี ๆ มั้ย...ถ้าไม่ตื่นเดี๋ยวจะโดนปลุกแบบเจ้าหญิงนิทรานะ” ต้นข้าวรีบดีดตัวออกจากที่นอนอย่างรวดเร็วก่อนที่ทิวไผ่จะได้ทำอย่างที่เขาพูด
คำขู่แบบนี้ได้ผลดีนักเชียว ทิวไผ่อมยิ้มส่ายหัวเบา ๆ แต่บางครั้งเขาก็อยากให้หนุ่มร่างบางดื้อบ้างเหมือนกันจะได้ทำอย่างที่พูดจริง ๆ ซักครั้ง
...
“อรุณสวัสดิ์ครับ น้องฟ้า”
“อรุณสวัสดิ์ครับพี่น้ำ อากาศยามเช้าที่นี่เย็นสบายดีนะครับ เย็นจนหนาวเลย”
“ครับ อากาศบริสุทธิ์กว่าในเมืองเยอะเลย แล้วเป็นไงบ้างครับ เมื่อคืนหลับสบายไหม”
“...ก็ ไม่สบายเท่าไหร่ครับ”
“อ้าว...ทำไมล่ะครับ หนาวหรอ”
“หนาวน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่...เจอผี”
“หา จริงดิ...ทำไมคนอื่นเค้าไม่เห็นเจอกันเลยล่ะ”
“จริงครับ ผมเจอจริง ๆ แต่ปลุกเพื่อนมาดูมันบอกว่าไม่เห็นอ่ะ แบบว่ามาพร้อมเสียงหมาหอนด้วย แถมมายืนเงาตะคุ่มอยู่นอกเต็นท์ด้านที่ผมนอนด้วยนะ น่ากลัวโคตร ๆ จนไม่กล้าลุกมาเข้าห้องน้ำเลยอ่ะ”
“หึหึหึ...” สายชลแอบกลั้วหัวเราะในลำคอ ผีเหรอ...สงสัยคงเป็นตอนที่เขาลุกมาเข้าห้องน้ำ แล้วเดินไปแอบดูหนุ่มรุ่นน้องที่เต็นท์ละมั้ง
“สมน้ำหน้า อยากแกล้งว่าพี่ดีนัก เจอกับตัวเองเลย คืนนี้มานอนเต็นท์กับพี่ดิ รับรองไม่มีผีมารังควานแน่ แถมจะกอดให้หายหนาวเลยล่ะ” ...ป้อไม่หยุดไม่หย่อนเลยนะอีตาพี่น้ำ...
“ขอบคุณครับ แต่คงไม่รบกวนล่ะ นอนกับเพื่อนหลายคนก็อุ่นดีครับ เกรงใจพี่เปล่า ๆ” ... รู้ทันนะจะบอกให้...
...แง่ว... “ค้าบ ๆ แหมเกรงใจอะไรกัน พี่เต็มใจนะ พี่ว่าเราไปเดินเล่นดูพระอาทิตย์ขึ้นทางท้ายหมู่บ้านดีกว่าครับ เดี๋ยวสาย ๆ จะได้กลับมากินข้าวเช้า ก่อนออกตระเวนทำงานตามหมู่บ้านต่าง ๆ กัน”
“ก็ดีครับ” สายฟ้าตอบรับคำชวนของรุ่นพี่หนุ่มก่อนจะเดินคุยกันไปตามทางเดินของหมู่บ้านชาวม้งเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้ากัน
...