ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG  (อ่าน 314665 ครั้ง)

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
มาเป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
เอาล่ะ
พี่น้ำเริ่มทำแต้มพิชิตใจน้องฟ้าแล้ว
 o17 o17 o17 o17 o17

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
คู่ฟ้ากะน้ำ น่ารัก  :o8:

คู่ต้นกะไผ่ ต้องตบจูบ ตบจูบ  :laugh:

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3998
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
แหมๆ น่าอิจฉาทั้ง 2 คู่เลยอ่ะ อยากมีบ้าง  o18

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
....โอ๊ย....ไมฟระ ทำไมอาจารย์ต้องมานัดเรียนชดเชยอีกวันนี้ด้วยกว่าจะเลิกก็ทุ่มสองทุ่ม แล้วแบบนี้ก็ต่อรถเมล์เข้าในเมืองไม่ทันพอดี แผนการหนีกลับไปนอนบ้านของเราพังหมดเลย แล้วจะทำไงดีล่ะเนี่ย....
ต้นข้าวครุ่นคิดอย่างกลัดกลุ้ม เมื่อรู้ว่าคืนนี้จะต้องอยู่ห้องกับทิวไผ่สองต่อสอง ไม่มีสายฟ้าคอยเป็นไม้กันหมาให้เหมือนทุกคืน

หลังจากเลิกเรียนตอนสองทุ่มเศษ ๆ หนุ่มร่างบางก็ถูกหนีบไปกินข้าว และกลับหอด้วยกันเหมือนเช่นเคย ต้นข้าวออกอาการสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อได้ยินเสียงลงกลอน หลังประตูห้องปิดลง เมื่อทิวไผ่ก้าวเข้าห้องตามหลังเขาเข้ามา

“ทำไมต้องล็อคด้วย”

“กลัวไรหรอทุกวันก็ล็อคอย่างนี้นี่นา เอ รึว่านายคิดอะไรอยู่” ...เอาอีกแล้ว ไอ้ท่าทางเย้าแหย่ ยียวนกวนบาทาที่สุดในโลกของนายนี่...

“ปะ เปล๊า กลัวไร ไม่มี๊ ไปอาบน้ำดีกว่า จะได้รีบมาทำการบ้าน” ต้นข้าวรีบชิงตัดบทออกจากสถานการณ์ที่เสียเปรียบไปในทันที ตามมาด้วยเสียงหัวเราะในลำคอของทิวไผ่อย่างครึ้มใจที่เห็นอาการหวาด ๆ ของหนุ่มหน้าใส

‘...เอาไงดีว่าเนี่ย ทำไงถึงจะรอดปากเสือปากตะเข้ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้วะ โห... อีกตั้งเกือบ 10 ชั่วโมง ถึงจะสว่าง ตาย ๆ ๆ ฮือ ๆ แม่จ๋าช่วยหนูด้วย แง ๆ...’ ต้นข้าวยืนบ่นพึมพำ พลางนับเวลาไปด้วย (เป็นเอามาก)

.......เอาวะ ลองขืนปล้ำเราดิ พ่อจะทุบไข่ให้เละ หมดประโยชน์ไปตลอดชีวิตเลย คอยดู......

“นี่ อาบน้ำอะไรของนายน่ะ ตัวเปื่อยหมดแล้วมั้ง หรือว่าตกส้วมตายไปแล้ว เข้าไปเป็นชั่วโมงแล้วนะ ไหนบอกจะรีบทำการบ้านไง ออกมาซะทีสิเราจะได้อาบมั่ง”

“รู้แล้ว ๆ กำลังเช็ดตัวอยู่” …ไม่ได้อาบน้ำหรอกนั่งกลุ้มอยู่ตะหากล่ะ เพราะใครไม่รู้ ที่ทำให้ต้องกลุ้ม....

“รู้งี้เข้าไปอาบด้วยแต่แรกก็ดีหรอก จะได้ช่วยกันอาบ จะได้เสร็จเร็ว ๆ” พูดไม่พูดเปล่า ทิวไผ่ส่งสายตาหื่น ๆ แทะโลมต้นข้าวที่เดินออกจากห้องน้ำมา (ขนาดเปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อยออกมาแล้วนะเนี่ย)
.......เสร็จไวกะผีดิ ยิ่งจะนานกว่านี้ซะล่ะมั้ง...

“หยุดเลย ๆ ถ้าทำหื่นใส่เราอีกนะนายโดนดีแน่ะ” ต้นข้าวขู่ด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมด้วยสายตาเอาเรื่อง ทิวไผ่ทำท่าล้อเลียนตอบกลับมา เลยโดนต้นข้าวขว้างด้วยม้วนผ้าเช็ดตัวแต่ทิวไผ่ปิดประตูห้องน้ำทันเสียก่อน
หลังจากทำการบ้านเสร็จ ต้นข้าวก็หาหนังสือการ์ตูนมานั่งอ่านฆ่าเวลาต่อทันที คืนนี้ชั่งเป็นคืนที่แสนจะยาวนานของเขาเอามาก ๆ ต่างจากทุก ๆ คืนที่ดูแสนสั้นจนรู้สึกว่านอนไม่ค่อยจะเต็มอิ่มเอาซะเลย
ง่วงนอนแทบตาย จะหลับก็หลับไม่ได้ ได้แต่นั่งหาวเป็นดาวเป็นเดือนนับครั้งไม่ถ้วน สายตามองนาฬิกากับลอบมองหนุ่มหน้าเข้มสลับกันไปมาอยู่แทบทุก 5 ทุก 10 นาที เพราะกลัวจะถูกจู่โจมโดยไม่รู้ตัว เข็มนาฬิกาก็เดินต๊อกแต๊ก ๆ ไปตามสเต็ปของมันอย่างเชื่องช้าจนน่ารำคาญอยากจะจับหมุนติ้ว ๆ ให้เดินเร็ว ๆ ตามที่ใจต้องการ

...ห้าทุ่มครึ่งแล้ว ง่วงเหลือเกิน ห๊าววววว.....ฮู่ววว...เมื่อไหร่จะสว่างซักทีว้อย...

เมื่อหันไปมองทางเตียงทิวไผ่ อ้าว...อีตานั่นหลับไปซะแล้ว....
“หลับจริงหรือแกล้งหลับวะ” ต้นข้าวค่อย ๆ ย่อง ไปชะเง้อดูก็พบว่าหนุ่มหน้าเข้มหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอเข้าเฝ้าพระอินทร์ไปเรียบร้อยแล้ว

‘.... สงสัยจะหลับจริงไม่ได้แกล้ง เฮ่อ...โล่งอกไปเปราะ....แต่ก็ไม่วางใจอยู่ดี ถ้าเราหลับแล้วนายนี่แอบมาลักหลับเราจะทำไง เง้อ....’

.....งั้นแกก็นั่งแหง็กทรมานตัวเองต่อไปรอจนสว่างเส่ะ....

...


ค่ำคืนอันเหน็บหนาวและเนิ่นนานผ่านพ้นไปอย่างช้า ๆ สายฟ้านอนริมสุดของเต็นท์ เพราะรู้สึกอึดอัดและไม่ค่อยชินกับการนอนเป็นหมู่คณะ ถึงแม้ข้างนอกเต็นท์จะมีกองไฟให้ความอบอุ่น แต่เมื่อลมหนาวพัดโชยมาระลอกแล้วระลอกเราก็เล่นเอาผวาสั่นสะท้านจนต้องขยับเบียดท็อป เพื่อนที่นอนข้าง ๆ เข้าไปอีก

พลันสายฟ้าก็ได้ยินเสียงที่น่าสะพรึงกลัวลอยมาตามลม เมื่องัวเงียรู้สึกตัวตื่นกลางดึก เสียงสุนัขจิ้งจอกหอนอย่างโหยหวน ดังแว่วลงมาจากภูเขา เล่นเอาหนุ่มร่างเล็กขนกายลุกซู่ไปทั้งสรรพางค์ แล้วแสงไฟลาง ๆ จากกองไฟนอกเต็นท์ ก็สาดส่องให้สายตาเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มของร่าง ๆ หนึ่งยืนทะมึนปรากฏอยู่ข้างนอกเต็นท์ฝั่งที่เขานอนอยู่ สายฟ้าหายง่วงเป็นปลิดทิ้งหลับตาปี๋กระเถิบชิดแน่นเข้าหาเพื่อน ๆ แล้วพยายามสะกิดเพื่อนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ให้รู้สึกตัว

“หือ... อืม ๆมีไรหรอฟ้า” เสียงท็อปพูดอย่างงัวเงียโดยไม่ลืมตา

“ผะ ผี ๆ หลอก...” สายฟ้าพูดเสียงสั่นขดตัวมุดอยู่ในถุงนอน

“ผีเผอที่ไหน”

“อยู่นอกเต็นท์นั่นไง ไม่เห็นหรอ” หนุ่มร่างเล็กนอนตัวสั่นไม่ยอมโผล่หัวออกมา

“ไม่เห็นมีนี่ นายตาฝาดแล้ว นอนต่อเถอะ” พูดจบเพื่อนก็ล้มหัวลงนอนต่อทันที สายฟ้าลืมตาแล้วค่อย ๆ โผล่หัวออกมา ก็พบว่าเงาที่ว่านั้นหายไปแล้ว แต่กว่าจะทำให้เขาข่มตาหลับลงได้อีกหนก็เล่นเอาเกือบค่อนคืนทีเดียว”


...


‘เฮ่ย...ทำไมเรามานอนบนเตียงได้ฟระ จำได้ว่าเมื่อคืนเรานั่งอ่านการ์ตูนอยู่ที่โต๊ะนี่นา รึว่า....ไม่นะอ๊าก....’ ต้นข้าวสะดุ้งตื่นและตกใจเมื่อมานอนอยู่บนเตียงโดยไม่รู้ตัว

‘เฮ่อ...โล่งอกนึกว่าโดนซะแล้ว’ หนุ่มร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อควานมือคลำสำรวจจุดยุทธศาสตร์ของตน พบว่ามันยังอยู่ในสภาวะปกติดี ‘เผลอหลับไปตอนไหนเนี่ย ตอนตีหนึ่งกว่า ๆ ยังรู้สึกตัวอยู่นี่’

เมื่อหันไปมองทางเตียงทิวไผ่ ก็เห็นหนุ่มหน้าเข้มนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงเหมือนเดิม ‘รึว่าเราละเมอเดินมานอนเองวะ’ 

..... ตอนนี้ ตีสองสามสิบห้า อ๊าก....ทำไมไอ้นาฬิกาบ้ามันเดินช้าโคตร ๆ งี้วะ อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะสว่าง เฮ่อ.....
“แล้วจะนอนต่อดีมั้ยเนี่ย มะหวาย แล้ว... ง่วงมากมาย คร่อก!...” ในที่สุดต้นข้าวก็ต้องหมดสภาพอย่างสิ้นท่า เพราะฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว
.
.
……ติ๊ด ๆๆ ติ๊ด ๆๆ ติ๊ด ๆๆ …… เสียงนาฬิกาปลุกที่หัวเตียงของทิวไผ่ทำหน้าที่ตามปกติของมันในตอนเช้า เพื่อเรียกให้คนที่ยังคงหลับใหลอยู่ให้ตื่นขึ้นเตรียมตัวไปปฏิบัติภารกิจและทำหน้าที่ประจำวันของตนเอง

“โอย... เสียงไร หนวกหูชิบหาย ปิดที !!!....” ต้นข้าวนอนคุมโปงพูดงัวเงียอยู่ในลำคอโดยไม่ยอมลืมตา...

“ตื่นได้แล้วต้น...” ทิวไผ่บิดขี้เกียจ ก่อนจะเก็บที่นอน แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อทำความสะอาดและชำระร่างกายเพื่อความสดชื่นในการไปเรียนในเช้าวันใหม่

“..อือ......”

 “ต้น ต้น...อะไรเนี่ยยังนอนขี้เซาอยู่อีก สายแล้ว ตื่น ๆ ๆ” ทิวไผ่เดินมาปลุกต้นข้าวหลังจากเดินออกจากห้องน้ำมา ยังพบว่าหนุ่มร่างบางยังคงนอนอุดอู้อยู่บนเตียงเหมือนเดิม

“งือ... อาราย คนจานอน อย่ากวนด้ายม้าย ง่วง...” สภาพต้นข้าวตอนนี้เหมือนกับเด็กประถมที่ง้องแง้งพ่อแม่ ไม่ยอมตื่นไปโรงเรียนไม่มีผิด จนทิวไผ่แอบขำ ยืนยิ้มกริ่มในความงอแงแกมน่ารักของหนุ่มร่างบาง

“จะตื่นดี ๆ มั้ย...ถ้าไม่ตื่นเดี๋ยวจะโดนปลุกแบบเจ้าหญิงนิทรานะ” ต้นข้าวรีบดีดตัวออกจากที่นอนอย่างรวดเร็วก่อนที่ทิวไผ่จะได้ทำอย่างที่เขาพูด
คำขู่แบบนี้ได้ผลดีนักเชียว ทิวไผ่อมยิ้มส่ายหัวเบา ๆ แต่บางครั้งเขาก็อยากให้หนุ่มร่างบางดื้อบ้างเหมือนกันจะได้ทำอย่างที่พูดจริง ๆ ซักครั้ง


...


“อรุณสวัสดิ์ครับ น้องฟ้า”

“อรุณสวัสดิ์ครับพี่น้ำ อากาศยามเช้าที่นี่เย็นสบายดีนะครับ เย็นจนหนาวเลย”

“ครับ อากาศบริสุทธิ์กว่าในเมืองเยอะเลย แล้วเป็นไงบ้างครับ เมื่อคืนหลับสบายไหม”

“...ก็ ไม่สบายเท่าไหร่ครับ”

“อ้าว...ทำไมล่ะครับ หนาวหรอ”

“หนาวน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่...เจอผี”

“หา จริงดิ...ทำไมคนอื่นเค้าไม่เห็นเจอกันเลยล่ะ”

“จริงครับ ผมเจอจริง ๆ แต่ปลุกเพื่อนมาดูมันบอกว่าไม่เห็นอ่ะ แบบว่ามาพร้อมเสียงหมาหอนด้วย แถมมายืนเงาตะคุ่มอยู่นอกเต็นท์ด้านที่ผมนอนด้วยนะ น่ากลัวโคตร ๆ จนไม่กล้าลุกมาเข้าห้องน้ำเลยอ่ะ”
“หึหึหึ...” สายชลแอบกลั้วหัวเราะในลำคอ ผีเหรอ...สงสัยคงเป็นตอนที่เขาลุกมาเข้าห้องน้ำ แล้วเดินไปแอบดูหนุ่มรุ่นน้องที่เต็นท์ละมั้ง

“สมน้ำหน้า อยากแกล้งว่าพี่ดีนัก เจอกับตัวเองเลย คืนนี้มานอนเต็นท์กับพี่ดิ รับรองไม่มีผีมารังควานแน่ แถมจะกอดให้หายหนาวเลยล่ะ” ...ป้อไม่หยุดไม่หย่อนเลยนะอีตาพี่น้ำ...

“ขอบคุณครับ แต่คงไม่รบกวนล่ะ นอนกับเพื่อนหลายคนก็อุ่นดีครับ เกรงใจพี่เปล่า ๆ”  ... รู้ทันนะจะบอกให้...

...แง่ว... “ค้าบ ๆ แหมเกรงใจอะไรกัน พี่เต็มใจนะ พี่ว่าเราไปเดินเล่นดูพระอาทิตย์ขึ้นทางท้ายหมู่บ้านดีกว่าครับ เดี๋ยวสาย ๆ จะได้กลับมากินข้าวเช้า ก่อนออกตระเวนทำงานตามหมู่บ้านต่าง ๆ กัน”

“ก็ดีครับ” สายฟ้าตอบรับคำชวนของรุ่นพี่หนุ่มก่อนจะเดินคุยกันไปตามทางเดินของหมู่บ้านชาวม้งเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้ากัน

...

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
555 ดูไปดูมาสายชลนี้ก็ร้ายเหมือนกันนะเนี่ย นึกว่าจะหงิมๆซะอีก  :o9:

Electrolyte

  • บุคคลทั่วไป
พี่น้ำนี่นะ.....ป้อจริงๆๆเลย..เหอะๆๆๆคนเรา

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
สายชลรุกน่าดู เอาใจช่วย  o3

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
พี่น้ำ ส้เค้านะครับ   :o9: :o9: :o9: :o9: :o9: :o9: :o9:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
คู่สายฟ้า น่ารักมากกกกกกกกกกก  :give2:  :give2:  :give2:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
พี่น้ำหูดำ...หน้าหม้อ
 o3 o3 o3 o3 o3

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3998
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
พี่น้ำก็จ้องฟ้าสุดๆ  :laugh3:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :haun5: :haun5:  ทริปนี้ฟ้าจะได้มีคนมาปลอบใจเปนของตัวเองแย้วววววว :laugh3: :laugh3:

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
........ตี๊ด ๆ ... ตี๊ด ๆ........เสียงข้อความโทรศัพท์มือถือดังขึ้นกลางห้องเรียนขณะที่อาจารย์กำลังบรรยายเข้าเนื้อหาสาระประจำวันอยู่พอดี การบรรยายต้องหยุดชะงัก อาจารย์และเพื่อน ๆ ในห้องพร้อมใจกันเงียบกริบ ทุกสายตาต่างมองมายังจุดหมายเดียวกัน
ต้นข้าวสะดุ้งตัวตื่นอย่างฉับพลัน ความง่วงหายไปหมดแล้ว เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความอาย หนุ่มร่างบางยิ้มแหย ๆ เชิงขอโทษ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ตัวต้นเหตุขึ้นมากดดูหมายเลขของคนจอมป่วน

‘ข้อความใหม่จาก ทิวไผ่’ <<<…ชื่อผู้ต้องหาโชว์หราบนหน้าจอเป็นหลักฐานมัดตัวอย่างดิ้นไม่หลุด สายตาคมกริบฟาดฟันไปยังเป้าหมายที่นั่งอยู่อีกฟากของห้องเข้าอย่างจัง....หนุ่มหน้าเข้มทำทีไม่รู้ไม่ชี้ตั้งหน้าตั้งตาจดแล็คเชอร์ต่อไปอย่างไม่สนใจ

‘...อ่านเดี๋ยวนี้...’ >>> ‘นอนน้ำลายยืดเชียว ตั้งใจเรียนหน่อยดิ’

.....ก็ใครล่ะว้อยที่ทำให้ไม่ได้นอนไปค่อนคืน ..... (รู้นะคนอ่านคิดไรอยู่ อิอิ)  โบ้ยไว้ก่อนล่ะ ที่จริงเพราะอาการวิตกจริตของตัวเองแท้ ๆ
.
.
   “ส่งแมสเสจมาทำไม เสียงดังลั่น”  ....ไอ้เราก็ลืมปิดมือถือ ซวยไป...

   “ก็ปลุกคนแอบหลับในห้องเรียนไง อดหลับอดนอนมาจากไหน”...จากนายไงไอ้เบื้อก...

   “แกล้งกันนี่ปลุกแบบนี้...”
   
   “โทษฐานที่ไม่ตั้งใจเรียนต้องโดนแบบนี้ล่ะ” ...นายเป็นพ่อเราตั้งแต่เมื่อไร่วะ... “แล้ว ถ้าเห็นหลับอีกก็จะปลุกแบบนี้อีก” ....เง้อ...

   “เสียใจ จะปิดมือถือเวลาเข้าเรียนล่ะ” ...ฮ่าฮ่าฮ่า...

   “งั้นเปลี่ยนใจละ นายต้องมานั่งข้างเรา ทุกคาบทุกวิชาด้วย” ...เวรกรรม พระเจ้าช่วยกล้วยตากชุบแป้งทอด เมืองสองแคว...

   “อ่ะ ๆ จะไม่หลั -....”

   “ห้ามปฏิเสธ นี่คือคำสั่ง ขัดขืนคงรู้นะ จะเป็นยังไง” ...เออ ๆ ท่านพ่อบังเกิดเกล้า....เซ็งจิต...
   “..............”
.
   .
เย็นนี้ไม่มีนัดเรียนชดเชย เลิกเรียน 5 โมงเย็น ตามปกติ แต่แผนการที่จะกลับไปนอนบ้านในคืนที่สอง ก็ถูกยกเลิกไปเพราะถูกหนีบตามแจตลอดเวลา ปลีกตัวไม่ได้เลยแม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ และที่สำคัญพรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าอีก ถ้าไปนอนบ้านในเมือง ขี้เกียจตื่นเช้ามาก ๆ อีกอย่างเมื่อคืนเราก็อยู่รอดปลอดภัยมาได้นี่นา คืนนี้ คงไม่ทำอะไรเรา (มั้ง)
.
.
“นั่งอ่านการ์ตูนอยู่นั่น เดี๋ยวก็หลับในห้องเรียนอีกหรอก” ...รอให้นายหลับก่อนไง ถึงจะกล้านอน (ขอความมั่นใจแบบว่าปลอดภัยไว้ก่อนล่ะ)

“แป๊บ ๆ อ่านตอนนี้จบก่อน เดี๋ยวก็นอนแล้ว” ...ข้ออ้างทั้งนั้น เล่มนี้อ่านจบมาเป็น 10 รอบแล้ว เบื่อจะตายชัก แต่ทำไงได้ล่ะ

“ให้มันจริงละกัน ไม่ใช่กลัวอะไรหรอ เอ...หรือว่ากลัวใจตัวเอง” ...กลัวใจตัวเองรึเปล่าไม่รู้แต่ที่แน่ ๆ กลัวนายล่ะ....

“พล่ามอะไรของนาย ประสาท” ...กลบเกลื่อนไปเรื่อย…

“ค้าบ ๆ คนปากแข็ง ห้ามฟุบคาโต๊ะล่ะ ขี้เกียจลุกไปอุ้มมานอนบนตียง”

“...........”...หะ หา เราไม่ได้ละเมอมานอนเองหรอกเหรอ อ๊าก....พลาดท่าอีกแล้ว...

“เงียบทำไม อึ้งอะไร แค่อุ้มมานอนไม่ได้ทำไรซะหน่อย หรือว่า....นายอยากให้ทำล่ะ คืนนี้ ก็ได้นะ” .....เอาอีกแล้ว อาการหื่นไม่เลือกเวลาเข้าสิงนายนี่อีกแล้ว.... (ก็เวลานี้นี่ไง)

“บ้าดิ อ่านตูนโว้ย... ไม่ได้บ้ากามเหมือนนายหรอก รีบ ๆ หลับไปเลย จะได้นอนมั่ง อุ๊บ...” ต้นข้าวเผลอหลุดปากอะไรบางอย่างออกไปแล้วล่ะสิ ทิวไผ่แอบอมยิ้มและทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนจะล้มตัวลงนอนคลุมโปง

.....เวรล่ะ ปากทรยศอีกแล้ว หวังว่านายนั่นคงไม่ได้ระแคะระคายอะไรนะ.....

เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ‘…ไม่ไหวแล้ว เมื่อคืนได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง...ดูซินายนั่นหลับรึยัง...’ และแล้วปฏิบัติการย่องเบาก็เกิดขึ้น อกหนาแกร่งกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ หนุ่มร่างบางชะเง้อไปดูเพื่อความแน่ใจ
“…วันนี้ไมนอนคลุมโปงเนี่ย ดูยากชิบเลย แกล้งหลับรึเปล่าวะ” ต้นข้าวพึมพำเบา ๆ ด้วยความชะล่าใจ หนุ่มหน้าใสก้มลงไปฟังเสียงลมหายใจใกล้ ๆ

“ฮั่นแน่...จะแอบมาลักหลับเราหรอ....” ทิวไผ่พุ่งพรวดขึ้นรวบร่างบอบบางด้วยวงแขนแข็งแรงแล้วโถมตัวลงนอนบนเตียงอย่างรวดเร็ว ต้นข้าวตกใจสุดขีด

“ปล่อยนะโว้ย...ไอ้บ้า” พยายามร้องตะโกนและดิ้นรนอย่างสุดแรงเกิด แต่ถูกปิดปากไว้ด้วยมือหนาใหญ่แข็งแรง และวงแขนที่รัดแน่นไว้

“หยุด...ถ้าไม่หยุดจะปล้ำจริง ๆ นะ” ทิวไผ่ขึ้นเสียงขู่ และทำสีหน้าดุดัน ได้ผล แรงต่อต้านขัดขืนอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

ต้นข้าวหน้าซีดเผือด นอนตัวสั่นด้วยความกลัว เพราะถ้าทิวไผ่คิดจะทำอะไรเขาจริง ๆ แล้วล่ะก็ ถึงขัดขืนยังไงเขาก็คงสู้เรี่ยวแรงไม่ไหวแน่ ๆ คนเพลี่ยงพล้ำส่งสายตาละห้อยน่าสงสารอ้อนวอนขอชีวิต ???
ทิวไผ่คลายฝ่ามือและแรงกอดรัดออก เขาจ้องมองใบหน้าเนียนและริมผีปากสวยที่สั่นเทานั้นด้วยแววตาที่อ่อนโยนลง

“ย่ะ อย่า...ทำไรเราเลยนะไผ่ เรา...กลัว” น้ำเสียงสั่นเครือออกจากปากคอที่สั่นเทาของหนุ่มร่างบาง เมื่อรู้ตัวว่าตกอยู่ในกรงเล็บของพยัคฆ์ร้ายเสียแล้ว การยอมสยบแต่โดยดีแล้วใช้ไม้นวมอาจจะมีทางรอดบ้าง

“ผม ไม่ทำร้ายน้ำใจต้นอีกแล้วล่ะครับ ต้นออกจะน่ารักน่าทะนุถนอมขนาดนี้ ผมทำร้ายคนที่ผมรักไม่ลงหรอก” ทิวไผ่พูดพลางไล่นิ้วไปบนแก้มขาวเนียนอย่างเอ็นดู น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานของเขาชั่งดูมีมนต์เสน่ห์สะกดใจให้ดิ่งลึกลงสู่ห้วงแห่งความสุขและความอิ่มเอมใจได้อย่างมหาศาล

ต้นข้าวนอนหลับตานิ่งหัวใจเต้นรัวเมื่อทิวไผ่พลิกตัวลงมานอนเคียงข้างและดึงตัวเขาเข้ามากอดกระชับแนบแผ่นอกหนาแกร่ง ไออุ่นแผ่ซ่านถ่ายเทสู่ร่างกันและกัน ลมหายใจอุ่น ๆ ของต้นข้าวเป่ารดต้นคอหนุ่มหน้าเข้มจนเขารู้สึกขนลุกซู่

ทิวไผ่จุมพิตที่หน้าผากของต้นข้าวหนึ่งที ก่อนจะเชยคางหนุ่มร่างบางขึ้นจูบเปลือกตาที่หลับปี๋ และบรรจงมอบรสจูบอันอบอุ่นและแสนหวานให้ เหมือนต้องมนต์สะกด ต้นข้าวเผยอริมฝีปากเรียวสวยรับอย่างไม่รู้ตัว ร่างบอบบางถูกวงแขนแกร่งกอดรัดแน่นขึ้นจนรู้สึกมีไออุ่นร้อนผ่าวเสียดสีไปมาอยู่ที่ช่วงกลางลำตัว
....ไม่นะ อย่า.....
ใจบอกอย่า แต่ร่างกายกลับไม่ตอบสนองตามคำสั่งเอาเสียเลย ทิวไผ่ยังคงมอบรสจูบที่แสนหวานและเนิ่นนานให้อย่างไม่หยุดขณะที่มือไม้ของเขาเริ่มที่จะอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว สองแก้มก้นน้อย ๆ ของต้นข้าวพอดีกับมือหนาใหญ่ของทิวไผ่ มันถูกกอบกุมบดขยี้กับส่วนกลางร่างกายที่กำลังจะลุกเป็นไฟของเขา จนเจ้าหนูของต้นข้าวเริ่มจะมีอาการตอบสนองเมื่อโดนรุกหนัก ๆ เข้า
...และก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดไม่อยู่ ต้นข้าวรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายผลักอกแกร่งและถอนปากออกจากจุมพิตที่กำลังติดพันจนหลุดพ้น ทิวไผ่จะขยับเข้าประกบปากต่อ

“ไผ่อย่า...เรากลัว” ...ต้นข้าวส่งสายตาอ้อนวอนอย่างรู้สึกกังวล

“กลัวเจ็บหรอครับ เดี๋ยวผมจะทำเบา ๆ นะ จะนุ่มนวลกับต้นที่สุดเลยครับ ที่รัก” ...กรรม โดนดักทาง... (กลัวห้ามใจตัวเองไม่อยู่ตะหากล่ะ เหอ ๆ)

“ไม่ใช่...กลัวตื่นสาย เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันอ่ะ มันดึกแล้ว” ...เหอะ ๆ แผนสองรองรับ...

“ว้า...น่านะ นะค้าบ แป๊บเดียวเอง...” ....นั่น เล่นงอแงเป็นเด็ก ๆ ไปได้ ตายห่าล่ะ แผนสามเฉพาะหน้าในสถานการณ์คับขัน เอาไงดี ๆ

“...ไม่...ไหนบอกรักเราไง ไหนบอกจะทะนุถนอมไม่ทำร้ายน้ำใจเราอีก” ...หึหึ ยื่นคำขาดตามด้วยเหตุผล (ข้ออ้าง) ร้อยแปด... (ข้ออ้างก็คำพูดนายเองทั้งนั้นนะ หุหุ)

“ง่า...ใจร้าย......” .....ขอโทษนะ นี่คือทางรอดของเรา เพราะยังเข็ดไม่หายกับคราวที่แล้วเลย ระบมอยู่นาน ขอทำใจอีกซักหน่อยละกัน เหอๆ... “งั้น คืนนี้ผมขอนอนกอดต้นอย่างงี้ได้มั้ยครับ” ...แน้ ยังมีการต่อรอง...

“นะค้าบ...ไม่งั้นผมนอนไม่หลับแน่เลยคืนนี้” ....อ๋อเหรอ ไม่ใช่ว่านอนกอดเราแล้วจะยิ่งข่มตาไม่ลงหรอกเหรอ (ข่มอย่างอื่นมากกว่ามั้ง)...

“อ่ะ ๆ ก็ได้ แต่...ห้ามลักหลับเด็ดขาด” ...ปรามไว้ก่อนล่ะ เหอะๆ...

“แง่ว... ให้ผมนอนกอดต้นเฉย ๆ แบบนี้ ก็ขาดใจตายพอดีสิครับ” ....ทำเสียงและแววตาละห้อยน่าสงสารเชียว แต่ขอโทษ ไม่สงสารล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า....

“พูดงี้ หมายความว่าคิดจะทำจริง ๆ ใช่มั้ยเนี่ย งั้นเปลี่ยนใจละ นอนคนเดียวไปเลย ไปนอนเตียงเราดีกว่า” ต้นข้าวทำท่าว่าจะลุกไปจริง ๆ

“อ๊ะ ๆ ๆ ล้อเล่นนะค้าบ...” ทิวไผ่รั้งร่างของต้นข้าวเข้ามากอดกระชับไว้ เหมือนกับว่ากลัวจะหนีหายไปไหน

“ให้มันแน่นะ...ถ้ารู้ว่าแอบทำจะบี้ให้เละเลย” ...ขู่สำทับไว้อีกชั้น โฮะ ๆๆ...

“จ้า จ้ะ นอนกันเถอะนะ” ทิวไผ่ก้มลงจุมพิตที่หน้าผาก และหอมที่สองแก้มเนียนข้างละฟอดใหญ่ก่อนหลับตาลงนอนอมยิ้มโชว์แก้มบุ๋มจากลักยิ้มคู่สวยอย่างอิ่มเอมใจ
ขณะที่ต้นข้าวกลับกำลังสับสนกับความคิดว้าวุ่นอย่างหนัก ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมอยู่ ๆ เขาเกิดยอมเอาง่าย ๆ และรู้สึกแปลก ๆ กับนายคนนี้ ทั้งที่เคยเกลียดและไม่ชอบหน้ากันมาก่อน ....แต่ตอนนี้ง่วงแล้วล่ะ ขอนอนซุกอกอุ่น ๆ นี้ให้สบายละกัน....

...



ในคืนสุดท้ายของการออกค่ายจะเป็นกิจกรรมนันทนาการ ของชาวค่ายกับเด็ก ๆ และชาวบ้าน มีการเล่นรอบกองไฟคลายความหนาวเย็นสนุกสนานเฮฮาปนสาระ

วันสุดท้ายเป็นวันเดินทางกลับ ก่อนกลับมีการถ่ายภาพหมู่ร่วมกันและมอบของที่ระลึกแก่ชาวบ้านและผู้นำชุมชน
รถบัสเคลื่อนออกจากหมู่บ้านในตอนสาย หลังจากรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน ประธานกล่าวปิดค่ายและล่ำลากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมุ่งหน้าลงทางใต้ เพื่อนำนิสิตแวะพักผ่อนระหว่างทางที่น้ำตกธารทิพย์ก่อนจะเดินทางกลับ

“เฮ้...พวกเราไปเล่นน้ำกัน...”เสียงใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น ก่อน เพื่อน ๆ จะพากันเฮโลลงรถเมื่อมาถึงจุดหมาย หลายคนพากันลงเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน บางคนก็เดินเล่นพักผ่อนชมธรรมชาติที่สวยงามไปรอบ ๆ บ้างถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึก
น้ำตกธารทิพย์เป็นน้ำตกชั้นเดียวมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่เหมาะแก่การเล่นน้ำ มีน้ำใสสะอาดเย็นฉ่ำตลอดทั้งปีรายรอบไปด้วยแมกไม้เขียวชอุ่มนานาพันธุ์เหมาะแก่การพักผ่อนและศึกษาธรรมชาติ

“นี่แก สามวันสองคืนนี้ แกทำคะแนนกับน้องรหัสชั้นไปถึงไหนแล้ววะ เห็นตามกันแจไม่ยอมห่างเชียวนะ ไอ้เราแทบไม่ได้คุยกับน้องเลยกลัวจะเป็น กขค.โดยใช่เหตุ” ขวัญมณีแอบกระแซะแซวเพื่อนหนุ่มเบา ๆ ขณะเดินลงจากรถ

“ดีมากเลยเพื่อนรู้หน้าที่ดีนี่ ขอบใจแกว่ะ ก็ดีนะ น้องเค้าคุยสนุกเป็นกันเองดี ไม่ถือตัว เหมือนมีใจกับเราด้วยล่ะ” สายชลทำท่าเขินอาย “แต่...เสียดายไม่ได้นอนเต็นท์เดียวกัน”

“แหมๆ ๆ หมั่นไส้ว้อย แค่นี้คนเค้าก็เพ่งเล็งกันแล้ว แกอย่าทำให้น้องชั้นลำบากใจสิ ได้คืบจะเอาศอก”

“ไม่เอาศอกเว้ย จะเอาน้องสายฟ้า”

“เออ ๆ พูดไรก็ห่วงหน้าน้องชั้นหน่อยละกัน แกนี่นับวันยิ่งออกแววจอมหื่นขึ้นทุกวัน ๆ แล้ว” สองเพื่อนรุ่นพี่หนุ่มสาวปลีกตัวมายืนคุยกันอยู่มุมหนึ่งท้ายรถ

“อ้านั้น น้องฟ้ามาแล้ว ไปก่อนนะแก”

“จ้า.....แหมน่าอิจฉาจ๊าง...” สายชลแยกตัวออกจากเพื่อนสาวเดินไปหาหนุ่มรุ่นน้องที่เดินลงรถมาทีหลัง โดยมีเพื่อนสาวส่งเสียงแซวตามหลังมาติด ๆ
.
.
“น้องฟ้าจะเล่นน้ำมั้ยครับ เดี๋ยวพี่ลงเป็นเพื่อน”

“ไม่ล่ะครับ ขี้เกียจเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก มีแต่พวกไอ้ท็อปกับเพื่อน ๆ ผมที่เหลือมันจะเล่นกัน พี่น้ำจะเล่นกับพวกเพื่อน ๆ ก็ได้นะครับ”

“งั้นพี่ไม่ลงเป็นเพื่อนเราดีกว่า เดี๋ยวเราไปเดินเล่นแถวน้ำตกดีกว่านะครับ รอน้อง ๆ ที่เล่นน้ำกัน”

“เน่ะ...แอบปลีกตัวไปเดินป่าสองต่อสองเลยนะแกระวังจะพาน้องหลงป่าล่ะ เอ๊ะหรือจะจงใจแกล้งพาหลงดี” เพื่อนสาวตัวแสบแอบลอบมากระซิบกระซาบแซวเบา ๆ

“พูดดีไปเดี๋ยวก็ผิดป่าหรอกแก จะแซวอะไรก็ดูขอบเขตมั่งดิ” สายชลแอบดุเพื่อนสาว

“จ้า ๆ แหม แค่แหย่เล่นน่า ขอให้สนุกนะ ไปดูน้อง ๆ เล่นน้ำทางนู้นดีกว่า” สายชลมองตามเพื่อนสาวห้าวของเขาไปอย่างเอือม ๆ ในความก๋ากั่น

...
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย :

* ผิดป่า คือการกระทำที่ไม่ควรเมื่อเข้าไปในป่า เช่น พูดไม่ดีเมื่อเข้าป่า ด่าว่าป่าเขา ทะเลาะกับผู้ร่วม เดินทาง พูดเป็นลางร้าย เป็นต้น อาจเกิดอาเพศแก่บุคคลและคณะที่เดินทางไป เช่น หลงป่า มีสัตว์ป่ามาทำร้าย หรือได้รับความเจ็บป่วย เป็นต้น ทั้งนี้เชื่อกันว่าในป่ามีผี คือผีเจ้าป่าเจ้าเขาซึ่งจะคอยดูแลสถานที่แห่งนั้นหากมีการละเมิดจะถูกผีป่าทำร้ายได้
……………………………………………………………………………………………………….....


สองหนุ่มเดินชมธรรมชาติลัดเลาะ ไปตามธารน้ำตกที่ใสเย็นขึ้นไปทางต้นน้ำห่างจากกลุ่มเพื่อน ๆ ที่กำลังเล่นน้ำกันอยู่ที่แอ่งด้านล่าง
แมกไม้นานาเขียวชอุ่มตลอดจนความเย็นชุ่มฉ่ำจากผืนป่าและสายน้ำ ประกอบกับเสียงนกป่านานาชนิดส่งเสียงเจื้อยแจ้วอย่างไพเราะ ทำให้สายฟ้าและสายชลเดินชมป่ากันอย่างเพลิดเพลิน โดยไม่รู้ว่าเดินมาห่างจากกลุ่มเพื่อนมานานและไกลแค่ไหนแล้ว จนสายฟ้ารู้สึกคอแห้งขึ้นมา .....เราเดินมาไกลแค่ไหนแล้วเนี่ย สายฟ้าหันซ้ายหันขวา โชคดีที่ยังมองเห็นลำธารอยู่ แต่ไม่ได้ยินเสียงน้ำตกกับเสียงเพื่อน ๆ แล้วล่ะ....

“พี่น้ำครับ ฟ้าหิวน้ำแล้วล่ะเรากลับกันเถอะ”

“อ๊ะ พี่น้ำก็อยู่นี่ไง ฟ้าหิวพี่ก็กินสิครับ สำหรับน้องฟ้าพี่ให้กินได้ทั้งตัวเลยล่ะ” ....ไม่ตลกล่ะ ป่าแถวนี้ยิ่งทึบ ๆ ไม่รู้เราเดินมาได้ไง สงสัยเพลินไปหน่อย...

“อ่า พี่ล้อเล่นค้าบ...” สายชลรีบบอกปัดเมื่อเห็นใบหน้าเงียบขรึมแกมกังวลของหนุ่มรุ่นน้อง ...เพราะสภาพรกทึบของป่าแถวนี้หรือว่าคำพูดของเขากันล่ะ...

“เดี๋ยวฟ้าขอลงไปล้างหน้าที่ลำธารก่อนนะครับ เหนียว ๆ หน้าอ่ะ”

“ครับ เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน” สายชลเดินตามสายฟ้าฝ่าดงหญ้าข้างลำธารลงไปที่ตลิ่ง

“โอ๊ย....” สายฟ้าร้องขึ้นเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่น่องขวาเหนือข้อเท้า สายชลหน้าตาตื่นอย่างตกใจ รีบเข้าประคองหนุ่มรุ่นน้องลงไปที่โขดหินริมลำธารทันที เขายกข้อเท้าที่สายฟ้ากุมอยู่ขึ้นมาดู ก็พบกับรอยเขี้ยวเล็ก ๆหลายรูเรียงกัน มีเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมา

“สงสัยงูครับน้องฟ้า แต่โชคดีคงไม่ใช่งูพิษ”

“แต่ฟ้าปวดจังเลยครับพี่น้ำ…” สายฟ้าพูดพร้อมสีหน้าเจ็บปวด

“…เดี๋ยวยังไงพี่ จะดูดเลือดที่ปากแผลออกก่อนนะครับ เพราะอาจจะมีเชื้อโรคอยู่”

“เดี๋ยวครับ...” พูดจบสายชลก็ก้มลงดูดเลือดที่ข้อเท้าของหนุ่มรุ่นน้องทันทีอย่างไม่ลังเลหรือรู้สึกรังเกียจโดยที่สายฟ้าไม่อาจร้องห้ามได้ทัน

“เสร็จแล้ว... น้องฟ้ายังปวดอยู่ไหมครับ” สายชลเงยหน้าขึ้นพูดหลังจากดูดเลือดออกจากบาดแผล 2-3 รอบก่อนที่จะพันบาดแผลด้วยผ้าเช็ดหน้าของเขา

“..ก็ นิดหน่อยครับ พี่น้ำบ้วนปากก่อนดีกว่าครับปากแดงเชียว เดี๋ยวคนอื่นจะว่าพี่ไปดูดเลือดใครมา อีกอย่างเดี๋ยวเชื้อโรคมันจะเข้าสู่ตัวพี่เองนะครับ”

“ขอบคุณครับที่เป็นห่วงพี่ สำหรับน้องฟ้าแล้ว พี่ไม่กลัวหรอกครับ ให้ตายแทนยังได้เลยนะ”

“ตายเตยอะไรกันพี่ อยู่กลางป่าเขาไม่พูดเรื่องนี้กันดีกว่า เรากลับกันเถอะครับ” สายฟ้าหยัดตัวลุกขึ้นยืน และพยายามเดินกระเผลก เพราะยังรู้สึก เคือง ๆ และปวดหนึบ ๆ ที่แผลอยู่”

“น้องฟ้าเดินไหวมั้ยครับ เอางี้ ขี่หลังพี่ดีกว่า จะได้รีบกลับไปทำแผลกัน” สายชลไม่รอให้สายฟ้าปฏิเสธ หนุ่มรุ่นพี่รีบเข้าแบกคนตัวเล็กขึ้นขี่หลังทันที

ความอบอุ่นแผ่ซ่านผ่านแผ่นหลังจนสายฟ้ารับรู้ได้หนุ่มร่างเล็กรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอย่างแปลก ๆเมื่อได้พูดคุยกับรุ่นพี่หนุ่ม มันทำให้เขาเหมือนกำลังโลดแล่นอยู่ในโลกส่วนตัวและมีความสุขอย่างมากเมื่อมีรุ่นพี่คนนี้อยู่เคียงข้าง ชวนพูดคุยหยอกล้อสนุกสนานให้คลายเหงา ถึงจะออกแนวหื่นนิด ๆ และคอยช่วยเหลือปกป้องเขาอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะไม่รู้สิ แต่ตอนนี้ก็สบายมาก ๆ เลยล่ะ  ที่มีคนแบกไม่ต้องเดินเองให้ต้องเจ็บแผล


...

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ซึ้งน้ำใจสายชลจิง จิง  :o8:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ทั้งสองคู่เริ่มยอมรับและเข้าใจซึ่งกันและกันแล้วล่ะ น่ารัก อิอิ

ตอนนี้น่ะอ่านเรื่องนี้แล้วแฮปปี้ที่สุดเลยเนี่ย  :impress:

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
กำลัง หวีดหวาน ทั้งสองคู่เลยแฮะ   :like6: :like6: :like6: :like6: :like6: :like6:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
พี่สายชลนี้พวกแซ่หวัง - - -  หวังปี้เจ้า

ส่วนน้องสายฟ้าก็แซ่เจ้า - - - เจ้าอย่าหวัง

 :laugh3:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3998
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
 :impress: อยากมีคนดูแลอย่างนี้บ้างจังเลย

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :haun5: :haun5:  ทั้งฟ้าแล้วก็ต้นเริ่มจะใจอ่อนแล้วชะมะคับ  :laugh3: :laugh3:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
2 คู่นี้ คนละอารมณ์เลยวุ้ย  :give2:  :give2:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
สองคู่
สวีทวี้ดวิ้ววววววววววววววววววววววว
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ Shumi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
‘...ก๊อก... ก๊อก... ก๊อก...’

“ค้าบ...มาแล้วครับ”
ต้นข้าวรีบเดินไปเปิดประตูห้องและก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรุ่นพี่หนุ่มคนที่เคยมารับมาส่งสายฟ้าบ่อย ๆ แบกหนุ่มร่างเล็กเพื่อนของเขามายืนรออยู่หน้าประตู ต้นข้าวส่งยิ้มทักทายและกล่าวสวัสดีรุ่นพี่ ก่อนจะส่งสายตาใคร่รู้ไปที่เพื่อนรักที่ยังอยู่บนหลังของรุ่นพี่ สายฟ้ายิ้มตอบแห้ง ๆ อย่างเขินอาย
สายชลวางกระเป๋าเป้ลงข้างเตียงก่อนจะวางคนตัวเล็กลงบนขอบเตียง

“พี่ฝากดูแลเพื่อนเราด้วยนะครับ”

“ได้ครับพี่ ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวผมดูแลให้อย่างดีเลยครับ” ต้นข้าวตอบรับยิ้ม ๆ ก่อนหันไปแซวสายฟ้าด้วยสายตาเย้าแหย่ จนคนตัวเล็กหน้าแดงก่ำ

“แล้วถ้าพรุ่งนี้ยังไม่หายเจ็บ เราก็ไม่ต้องไปเรียนก็ได้นะครับ ไว้ขอแล็คเชอร์เพื่อนจด หรือฝากเพื่อนอัดเทปเอาล่ะกัน”

“ครับ ฟ้าต้องขอบคุณพี่น้ำมาก ๆ เลยครับ ลำบากแย่เลย”

“ไม่เป็นไรครับ พี่ไปล่ะ เดี๋ยวเย็น ๆ โทรมาหานะ” สายชลส่งสายตาหวานฉ่ำให้จนสายฟ้าต้องก้มหลบ โดยมีต้นข้าวยืนยิ้มมองอาการเขินของเพื่อนรักอยู่

“อ่ะ ๆ ๆ มาเลย เข้าเรื่อง ๆ” ต้นข้าวลากเก้าอี้มานั่งต่อหน้าเพื่อนรัก.... แล้วกระบวนการสอบสวนผู้ต้องหาก็เริ่มขึ้น ณ บัดนี้.....

“เป็นไงมาไง ขานายไปโดนอะไรมาถึงได้ให้รุ่นพี่แบกขึ้นมาส่งถึงห้องได้เนี่ย”

“โดนงูกัดที่น้ำตกตอนแวะเที่ยวเมื่อเช้านี้น่ะ โชคดีที่ไม่ใช่งูพิษ”

“อื้ม ๆ ดีแล้ว ๆ โชคดีมากเลยล่ะถ้าเป็นงูพิษล่ะแย่ สงสัยเจ้างูตัวนั้นจะเป็นงูบุพเพอาละวาดซะล่ะมั้ง...” ต้นข้าวทำท่าทางกรุ้มกริ่มเย้าแหย่เพื่อนรักให้หน้าแดงเล่น ๆ

“บ้าดิ ขนาดไม่ใช่งูพิษนะยังปวดแทบแย่”

“ถึงขนาดได้ให้พี่เค้าแบกขึ้นตึกมาเนี่ยใช้ม้า...”

“เปล่า ๆ หายปวดนานแล้ว เหลือแต่อาการแปลบ ๆ นิดเดียวเอง แต่พี่เค้าไม่ยอมอ่ะ บอกว่ากลัวแผลจะอักเสบไม่อยากให้เดินมาก ก็เลย...โดนแบก ขึ้นมา...”

“โห... เป็นปลื้มแทนเลย ห่วงกันขนาดนี้ อิจฉาว้อย”

“อิจฉาไร อายแทบแย่ ตั้งแต่ยามหน้าหอตลอดจนคนที่เขาเดินผ่านไปผ่านมา มองกันใหญ่เลย แทบเอาหน้าซุกกระสอบเดินแล้ว”

“ซบไหล่กว้าง ๆ มากกว่าม้าง ...”

“บ้าดิ ว่าแต่นายเหอะ เราไม่อยู่ 2-3 วัน ไม่มีอะไรที่ทำให้เราอิจฉามากกว่าเหรอ...”

“อ๋อ นี่ใช่มะ ที่ซุบซิบกันวันนั้นน่ะ ไอ้เพื่อนตัวแสบ”

“นั่นแน่...แบบนี้ แสดงว่ามีอะไรที่ทำให้เราอิจฉามากกว่าจริง ๆ ใช่ม้า...”

“โว้ย...ไม่มี้...” จริง ๆ นะ แค่เกือบ.....

“แล้วทำไมต้องอายจนหน้าแดงด้วยน้า.... แล้วไผ่ไปไหน ล่ะ”

“ไปเล่นบาสกับเพื่อน ๆ น่ะ  ......นี่ พี่เค้าออกไปยังไม่ทันไร ถามถึงคนอื่นเลยนะ จะนอกใจรึไง”

“อ่านะ มีหึงกับเพื่อนฝูงด้วยเว้ย...แบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว...”

“หึงเหิง อะไรกัน พอ ๆ ๆ ขืนแซวกันไปแซวกันมาอยู่อย่างนี้ ไม่ได้ทำอะไรแน่ ๆ... เดี๋ยวเราเอาของในกระเป๋าไปเก็บให้ นายนอนพักก่อนเถอะ”

“ค้าบ... ขอบใจนะต้น”

   

...


ทิวไผ่นั่งเรียนอย่างไม่ค่อยจะเป็นสุขนัก แม้ว่าพักนี้เขาจะดีใจและมีความสุขที่มีต้นข้าวค่อยนั่งเรียนอยู่ข้าง ๆ เสมอ แต่ความรู้สึกมันบอกว่า มีสายตาของใครซักคนที่คอยจับจ้องมายังเขาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเขาเองก็พยายามสังเกตมาหลายวันแล้วแต่ก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นแต่อย่างใด
...หรือว่า ไอ้โม่งคนนั้นมันจะเริ่มดำเนินการตามแผนร้ายของมันแล้ว และมันต้องเป็นใครซักคนในห้องนี้แน่ ๆ แล้วใครล่ะ เขาไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนหรือรุ่นพี่คนไหนในคณะนี่...
...ได้โปรด...ช่วงเวลาที่เขาและต้นข้าวกำลังจะเริ่มไปกันด้วยดี ขออย่างให้มีเหตุการณ์แย่ ๆ อะไรมาขวางกั้นเลย...

“ต้น เย็นนี้เราไปเดินเล่นที่เทเลทับบี้กันนะ” (ชื่อสถานที่จริงนะ อย่าคิดลึก อิอิ...อยากรู้เหมือนกันใครตั้งชื่อนี้ฟระ...)

“อืม ๆ...”....พูดอะไรของนาย คนกะลังฟังอาจารย์อยู่.... (โดนนั่งประกบตั้งใจเรียนเชียว) แต่ไหงคนประกบสมาธิแตกซ่านซะล่ะ (หรือเพราะใกล้เกิน เหอๆ)
.
.
หลังเลิกเรียนคาบสุดท้ายประมาณ 5 โมงเย็นเศษ ต้นข้าวแปลกใจที่ทิวไผ่พาขับรถออกทางประตู 4 ข้าง ม. ไม่ได้กลับหอ หรือไปหลัง ม. กันเหมือนเช่นที่ผ่าน ๆ มา ปกติถ้าทิวไผ่จะไปเล่นบาส เขาจะพาต้นข้าวกลับหอ แล้วเปลี่ยนชุดออกมาที่สนามบาส ตอนค่ำจึงจะซื้อข้าวกล่อง ไปกินกันที่หอ หรือไม่ก็ไปรับออกมากินอีกที แต่วันนี้ออกนอกเส้นทางอย่างมีพิรุธ ...เพราะปกติไม่ค่อยมาทางนี้นี่นา...

“จะไปไหน”

“ไปหาซื้ออะไรกินกัน”

“แต่หัววันเนี่ยนะ...แล้ววันนี้นายไม่ไปเล่นบาสหรอ”

“ไม่ล่ะ บอกแล้วไงว่าจะไปเดินเล่นกันเย็นนี้ แล้วนายก็ตกลงแล้วนะ ลืมแล้วหรอ” ...ตอนไหนวะ...อ๋อ สงสัยตอนนั้น...

“เฮ่ย...แค่พึมพำในคอเนี่ยนะ เราฟังอาจารย์พูดอยู่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายพูดอะไร”

“ยังไงก็แล้วแต่ ถือว่านายโอเคแล้ว ห้ามปฏิเสธ” ....ว่าแล้ว ผลต้องออกมาอย่างนี้ ไม่น่าพูดมากให้เปลืองน้ำลายเล้ย...

“แล้วซื้ออะไรมาเยอะแยะไปหมด...” ต้นข้าวมองถุงพะรุงพะรังที่ทิวไผ่หอบหิ้วมาเต็มไม้เต็มมือ

“นิดหน่อยเอง กลัวต้นไม่อิ่มอ่ะ” ...นายหรือเรากันแน่ ดูหุ่นก่อนดิ๊…

“มีของโปรดต้นด้วยนะ ข้าวเหนียวห่อ หมูปิ้ง ลูกชิ้น ผลไม้ก็มีฝรั่ง สาลี่ สับปะรด แล้วก็น้ำสตอเบอรี่ปั่น”

“โห จะกินหมดมั้ยเนี่ย”

“ไม่ต้องห่วงน่า ถ้าเหลือเอาไปฝากสายฟ้าด้วย” …เพื่อนเรากลายเป็นเจ้าตูบไปซะละ....

“ล้อเล่นน่า...ต้นข้าวของผมกินเก่งจะตาย ต้องบำรุงให้เต็มที่” ...ไม่ใช่หมูขุนนะว้อย...

ทิวไผ่ขับมอเตอร์ไซค์ไปจอดไว้ที่ลานจอดรถหน้าหอสมุดก่อนจะพาต้นข้าวเดินลัดเลาะตามทางเดินและสวนหย่อมมานั่งที่พื้นหญ้านุ่ม ๆ มุมหนึ่งริมหนองน้ำ
บรรยากาศยามเย็นเวลาแสงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าของสวนสาธารณะประจำมหาวิทยาลัยแห่งนี้ชั่งดูโรแมนติกสำหรับหนุ่มสาวที่มาจับคู่จู๋จี๋ดี๋ดู๋ดูดดื่มและดื่มด่ำกันเป็นประจำ แต่ผู้คนค่อนข้างจะพลุกพล่านซักหน่อย เพราะมีทั้งคนมาวิ่งออกกำลังกาย และทำกิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ

“คิดยังไงถึงอยากมาที่นี่น่ะ” ...ไม่เห็นมีทีท่ามาก่อนว่าอยากมา....

“ก็พาแฟนมาสวีตกันไง ถามได้ คนอื่นเค้าก็พาแฟนมากันเยอะแยะ” ...ข้าวเหนียวติดคอเลย เกลียดนักไอ้โรคจอมโมเมพูดเองเออเองเนี่ย...เงียบไว้ดีกว่าขืนต่อปากต่อคำด้วย มีหวังหาคำพูดเลี่ยน ๆ เสี่ยว ๆ มาให้สำลักน้ำตายอีกแน่ ๆ...
“การเงียบ คือการแสดงเจตนาโดยการนิ่ง ดีใจจังในที่สุดต้นก็ยอมเป็นแฟนผมแล้ว...” ....น้าน ขนาดอยู่เฉย ๆ ยังไม่วายโดนเข้าจนได้ เอาหลักกฎหมายมาอ้างเชียว เกี่ยวกันตรงไหนวะ...

“รีบ ๆ กินไปเลย ขืนพูดมากอีก เดี๋ยวเอาไม่เสียบลูกชิ้นทิ่มพุงเลยนี่”
.
.
“....สบายจังเลย....” ทิวไผ่พูดออกมาหลังจากสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ การได้มาพักผ่อนกับต้นข้าวแบบนี้มันก็คงช่วยทำให้เขาหายเครียดและหายกังวลลงได้บ้าง เป็นการผ่อนคลายความเครียดจากการเรียนไปด้วยในตัว
หนุ่มหน้าเข้มล้มตัวลงนอนแผ่หลา ประสานมือรองศีรษะบนพื้นหญ้าที่ลาดเอียงลงสู่หนองน้ำ โดยมีต้นข้าวนั่งเหยียดขาอยู่ข้าง ๆ

“ต้นครับ”

“อะราย...” ...ฝรั่งเต็มปากอยู่เลย…

“ต้นชอบบรรยากาศแบบนี้มั้ย ผมว่ามันโรแมนติกดีนะ”

“อืม...ก็ดีนะ นั่งเล่นคิดอะไรเพลิน ๆ ดี” พูดไปก็กินฝรั่งไปเรื่อย (ทีซื้อตัวเองไม่ออกตังค์นะ แถมบ่นจั๊ง แต่เวลากิน ไม่ได้หยุดปากเลย)

“ต้นครับ”

“ไรอีก...เรียกอยู่ได้” ...กำลังเมามันกับการกิน...

“ขอฝรั่งผมซักชิ้นดิ” ต้นข้าวจิ้มฝรั่งส่งให้

“ไม่เอา...ป้อนด้วย” ต้นข้าวจับฝรั่งยัดปากให้แบบไม่เต็มใจนัก

“ใจร้ายกับแฟนตัวเองที่สุดเลย ป้อนดี ๆ ไม่ได้หรอ” ทิวไผ่หยัดตัวขยับเล็กน้อยกระเถิบเข้าไปเอาศีรษะหนุนต้นขาของต้นข้าวไว้

“ทำอะไรของนายเนี่ย....เดี๋ยวเอาไม้จิ้มฝรั่งจิ้มตาเลย คนอื่นผ่านมาเห็นเข้าจะทำไง” หนุ่มร่างบางพยายามขยับตัวถอยหนี แต่ถูกทิวไผ่ใช้วงแขนแข็งแรงรั้งเอวไว้

“น่า นะครับ มุมนี้ไม่มีใครเห็นหรอก แถมฟ้าเริ่มมืดแล้วด้วย” ต้นข้าวจึงปล่อยเลยตามเลย ยกประโยชน์ให้จำเลยซักครั้ง

“คราวนี้ขอสาลี่หวาน ๆ ซักชิ้นนะจ๊ะ” ต้นข้าวหยิบสาลี่ป้อนให้

“ไม่เอา ไม่ป้อนแบบนี้”

“ป้อนแรง ๆ ไม่เอา ป้อนดี ๆ ก็ไม่ชอบ งั้นอย่ากินเลยดีกว่ามั้ย เอาใจยากจริง คนอาไร...”

“น๊ะค้าบ เอาใจกันหน่อยจิ ป้อนด้วยปากสิครับ สาลี่ชิ้นนี้จะได้หอมหวานยิ่งขึ้น” ….พูดแต่ละคำสะอึกเลย ได้คืบจะเอาศอก พอได้ศอกจะเอาวา ถ้าตามใจไม่นานคงได้เป็นโยชน์ งั้นก็เอาเหมือนเดิมนี่แหละ.... ว่าแล้วต้นข้าวก็ทิ่มสาลี่ชิ้นนั้นเข้าปากไปอย่างแรง

“อ๊อก...แคร่ก” สาลี่เจ้ากรรมติดคอสิครับท่าน

“โหย... ใจร้ายมาก แบบนี้ต้องทำโทษ”

“เฮ่ย อย่า...”

ทิวไผ่ผุดลุกขึ้นจับหนุ่มร่างบางนอนราบลงกับพื้นหญ้าอย่างรวดเร็ว เขาจ้องมองดูตาคู่สวยบนใบหน้าเนียนอย่างรักใคร่

“ไผ่ปล่อยเรานะ อย่าทำไรบ้า ๆ แบบนี้ คนอื่นมาเห็นเข้าจะคิดยังไง”

“ก็คิดว่าเราเป็นแฟนกันสิครับ” ...ยังไม่สำนึก เห็นแก่หน้าเราบ้างสิว้อย...

ดวงตาหยาดเยิ้มของเขามันทำให้ต้นข้าวเกิดอาการหวิว ๆ อย่างบอกไม่ถูก แววตาที่ดูเข้มแข็ง แต่อ่อนโยน เป็นแววตาที่ฉายแววความจริงใจอย่างเปี่ยมล้น เขาจ้องอยู่อย่างนั้นนานจนต้นข้าวต้องเบี่ยงหน้าหนีอย่างเขินอาย ทิวไผ่จับใบหน้าสวยให้หันมาสบตาเขาอีกครั้ง แล้วค่อย ๆ โน้มศีรษะลงประกบริมฝีปากอวบอิ่มบดจูบอย่างทะนุถนอม ต้นข้าวหลับตานิ่งเผยอปากรับการสัมผัสอย่างอบอุ่นนั้น หนุ่มหน้าใสรู้สึกตัวลอยเบาหวิวอยู่ในห้วงแห่งความสุข ปฏิกิริยาของร่างกายตอบสนองโดยอัตโนมัติ เขาแลกลิ้นกับทิวไผ่อย่างลืมตัว แล้วอยู่ ๆ ทิวไผ่ก็ถอนริมฝีปากออกทันที ต้นข้าวหลุดพ้นห้วงเสน่หาอย่างทันใด ความอายและความเสียดายระคนกันจนแยกไม่ออก

ทิวไผ่ส่งสายตาหวานฉ่ำจ้องมองมาอีกแล้ว

“ต้นครับ ต้นรักผมมั้ย”….รัก เหรอ....

 ต้นข้าวนิ่งเงียบก่อนจะตอบ อย่างแผ่วเบา และหลบสายตาที่จ้องมองมานั้น

“.......ไม่รู้สิ.......”.....ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ระหว่างรัก ชอบ หรือ แค่รู้สึกดีด้วย.... แต่นายทำให้เราเริ่มหวั่นไหวมาก ๆ แล้วนะ....

แววตาหวานฉ่ำของเขาแปลเปลี่ยนเป็นความเศร้า และเจ็บปวดเมื่อได้ยินคำตอบจากปากคนที่ตนรัก จนต้นข้าวเองรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกเมื่อเห็นแววตานั้น .....ทำไมเรารู้สึกแบบนี้ ทำไมเราเจ็บ และ สับสน.....

“…ก็คง.....รัก มั้ง....” มันยากเย็นมาก กว่าคำพูดจะหลุดออกจากปากได้แต่ละคำ แต่ก็พูดออกไปแล้ว และมันรู้สึกโล่งอย่างแปลก ๆ เหมือนได้ปลดปล่อยของหนัก ๆ ที่แบกไว้ลงจาบ่า

ดวงตาของทิวไผ่ฉายแววแห่งความสุขที่สุดในชีวิต เขาฉีกยิ้มกว้างโชว์รอยบุ๋มของลักยิ้มกระชากใจสาว (และหนุ่ม) เด่นชัดบนใบหน้า ทิวไผ่ดึงร่างบางขึ้นมากอดไว้แนบอก แนบชิดแน่นซะจนต้นข้าวรู้สึกอึดอัด

“ผมรักต้นที่สุดในโลกเลย......” ทิวไผ่พูดออกมาอย่างดีใจสุด ๆ

“ไผ่....”

“ครับต้น…มีไรหรอ ที่รัก”

“เราหายใจไม่ออก...”

“แหะ ๆ...ผมลืมตัวดีใจมากไปหน่อย” ทิวไผ่ยิ้มแหย ๆ และคลายวงแขนแข็งแรงที่รัดแน่นออก ก่อนจะหอมที่แก้มต้นข้าวไปอีกหนึ่งฟอกใหญ่

“พอแล่ว... ประเจิดประเจ้อมากไปแล้ว เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้าได้ตายห่ากันพอดี ไม่อยากเป็นขี้ปากคนทั้ง ม. นะ”

“ค้าบ... อื้มมม....นอนลงแบบนี้จะได้ไม่ต้องมีคนเห็น” ทิวไผ่ทิ้งตัวลงนอนกับพื้นหญ้าโดยมีต้นข้าวอยู่ในอ้อมแขน “ต้นดูดาวดวงนั้นสิครับ สวยมากเลย...”

“.............”
ตามองตามที่เขาชี้ชวนให้ดู แต่ปากก็ยังปิดเงียบเอาแต่นอนนิ่งในอ้อมแขนอบอุ่นนั้น.....เขินว้อย จะให้พูดอะไรฟระ....


“ถ้ามีดาวตก ต้นจะขออะไรครับ.... ส่วนผมจะขอให้เรารักกันนาน ๆ ตราบชั่วฟ้าดินสลาย...”

“...ขอให้สอบผ่านทุกวิชา”

“ว้า....ไม่ขออะไรเกี่ยวกับเราบ้างหรอ” ทิวไผ่ทำปากเบ้แววตาเศร้าสร้อย แต่ไม่ยักกะน่าสงสารเลยแฮะ หน้าหมั่นไส้ซะมากกว่า ทำเหมือนเด็ก ๆ ไปได้

“ไม่ล่ะ...เดี๋ยวจะซ้ำกะใครบางคน” หยอดกับเค้าเป็นด้วยเว้ยตรู อิอิ แต่...ไมเขินเองอ่า... ดูอีตานั่นดิยิ้มจนปากจะฉีกถึงรูหูแล้ว...

   “มีความสุขจังเลย.......” ทิวไผ่หลับตาพร้อมกระชับวงแขนแน่นขึ้น ถ้าหากทำได้จะขอหยุดเวลาไว้ตรงนี้ตลอดไป

“แต่ก่อนต้นเหนื่อยมากพอแล้ว เห็นทีต่อไปต้นคงเหนื่อยหนักขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวแน่ ๆ”

“...เหนื่อยไร ไม่เห็นจะเหนื่อยตรงไหนซักหน่อย อย่าคิดไรลามกนะ”

“ก็ต้นมาวิ่งอยู่ในหัวใจผมนานแล้วไง ต่อไปคงวิ่งตลอดทั้งวันแน่ ๆ.... ไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย อ๊ะอ๊า หรือว่าต้นคิด....”

…..โหยเสี่ยวแดก.... เอาอีกแล้วไอ้ทำตาเยิ้ม ๆ มีเลศนัยเนี่ย ไม่ได้คิดว้อย ก็พูดซะสองแง่สองง่าม.......

“แต่ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไปวิ่งในใจต้นทั้งวันเหมือนกันนะ เราจะได้เหนื่อยเป็นเพื่อนกัน...” ....ภูมิใจจังเนอะ...

“ปิดประตูลงกลอนแล้ว” ....ฮ่าฮ่าฮ่า ทีนี้นายก็เข้ามาป่วนใจเราไม่ได้แล้ว...

“อ๊า... คิดจะขังผมไว้ในนั้นตลอดไปเลยหรอ... ดีจัง ผมจะปกป้องและดูแลรักษาทั้งสี่ห้องใจของต้นตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยล่ะ”.....เง้อ.... หาช่องไปต่อจนได้......

“ไผ่...กลับกันเถอะ ดึกแล้ว”

“ดึกที่ไหน ทุ่มสองทุ่มเอง อยากนอนกอดต้นแบบนี้ไปจนสว่างเลย”

“ได้นอนตากน้ำค้างเป็นปอดบวมตายกันล่ะ”

“ค้าบ....ที่รัก”

“หยุดเรียกที่รักได้แล้ว เรียกต้นเฉย ๆ ก็ได้ อายคนเค้าเผื่อใครได้ยิน”

“จ้าจ้ะ....ต้นครับ วันอาทิตย์นี้ว่างไหม”

“อืม...ก็ไม่ได้ไปไหนนะ ถ้าไม่กลับบ้าน”

“จะชวนไปดูหนังกัน ถ้ากลับบ้านเดี๋ยวผมไปรับที่บ้านก็ได้”
“....ต้นจะชวนฟ้าไปด้วยกันก็ได้นะครับ ไปกันหลายคนสนุกดีออก”

ทิวไผ่เดินจูงมือต้นข้าวอย่างมีความสุข ออกมาตามทางเดินของสวนหย่อม

“ปล่อยมือได้ไหมอายคนอื่นเค้า...” ต้นข้าวมีสีหน้าเนือยอาย มองไปรอบ ๆ ก็มีคนอยู่มากมาย ถึงจะไม่ค่อยได้สนใจกันนักก็เถอะ

“กลัวต้นหนีผมไป ฮึ่ ฮึ่...” ....ดูข้ออ้างฟังขึ้นซะ.....

...

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
สวีทกันไปคู่นึงแล้ววววว

ทีนี้ก็เหลืออีกคู่ล่ะ
 :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
วิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หวานจังเลย :impress:

Electrolyte

  • บุคคลทั่วไป
แง่วๆๆๆในที่สุดต้นก็บอกรักไผ่เหอะๆๆๆหวานซะไม่มี

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เง้อ ไปเดทกันหวานซ้า  :-[  :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด