เวรกรรมที่ก่อเอาไว้ ตามมาจองล้างจองผลาญ ผู้กองอธิคมแล้วหรือนี่ 
สงสารแต่คุณนุ ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ จะต้องมาพลอยรับกรรมไปด้วย
พี่นาย กรรมมีจริงนะครับ ปล่อยให้ FC คุณนุรอนาน ๆ แบบนี้อ่ะ
+1 พร้อมกำลังใจ ยุ่งอยู่ก็พอฟัง แต่ถ้ามั่วแต่ซิ่งหาสก๊อยอยู่ละก็ 
ยู๊ง ยุ่ง ไม่มีโอกาสได้เข้าบอร์ดหรือพิมพ์นิยายเลยครับ เด็กมันกวน เลี้ยงวัยรุ่นนี่มันเหนื่อยยยยจริงๆ นะครับ
ส่วนเรื่องหาสก๊อยคงไม่ต้องหวังแล้วล่ะ เพราะไม่มีใครอยากนั่งตากแดกให้ร้อนอ่ะ เซ็งจริงๆ ตอนที่มีรถป้ายแดง มากันจังเชียว ตอนนี้หายหัวหมด
มาต่อกันนะครับ
ป.ล. เรื่องนี้มีลุ้น อิ อิ
Awoot Chapter 2
คชานนท์หัวเราะเบาๆ พร้อมกับวางช้อนลงเมื่อได้ยินอาวุธบ่นเสียยกใหญ่เรื่องที่ต้องกลายมาเป็นคนดูแลเด็กหนุ่ม "ผู้อ่อนต่อโลก" เป็นอย่างมากคนหนึ่งซึ่งข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาโดยแทบไม่ได้มีการเตรียมตัวอะไรเลย
"ขอโทษครับ" คชานนท์กล่าวยิ้มๆ เมื่อเห็นอาวุธขมวดคิ้วแสดงอาการไม่ค่อยชอบใจที่เขาหัวเราะ น้อยครั้งนักที่จะเห็นอาวุธบ่นยืดยาวกับสิ่งที่เจ้าตัวบอกว่าเป็น 'เรื่องไม่เป็นเรื่อง'
...มาดหลุด...
นี่คือคำที่คชานนท์คิดในใจขณะที่กำลังมองผู้ชายมาดขรึมที่นั่งอยู่ตรงหน้า
"ความจริงพี่ก็ไปพักที่อพาร์ทเมนท์ผมได้เลยถ้าไม่รังเกียจว่ามีเพื่อนผมอยู่ด้วยตั้งสี่คน ผมจะให้สามคนนอนห้องนอนผม ผมกับเพื่อนอีกคนนอนโซฟาที่ห้องนั่งเล่น ห้องนอกแขกก็เป็นของพี่ "
อาวุธเลิกคิ้วทันที
"อืม...." คชานนท์เข้าใจคำถามจากภาษาท่าทางของอาวุธทันที จึงหรี่ตาลง ทำท่าใช้ความคิดเพื่อหาคำตอบ แล้วทำหน้าให้นิ่งเรียบที่สุด "ก็นอนห้องเดียวกับพี่"
"ไม่สนุกนะนนท์" อาวุธทำเสียงดุ
"พี่จะนอนห้องนั้นคนเดียวได้ยังไง ไม่ใช่แคบๆ นะครับ ห้องพักแขกของอพาร์ทเมนท์ผมกว้างกว่าห้องของโรงแรมอีกมั๊ง"
"ถึงเป็นโรงแรมพี่กับเด็กนั่นก็นอนกันคนละห้อง" อาวุธพูดเสียงราบเรียบ
"ห้องพักแขกของผมมีสองเตียง" คชานนท์พูดต่อ "มีระเบียงอีกต่างหาก ห้องน้ำในตัว สะดวกสบาย กว้างขวาง เดินไปเดินมาในห้องไม่ต้องกลัวจะเดินชนกัน"
"ทำไมต้องมีอพาร์ทเมนท์กลางนิวยอร์คใหญ่ขนาดนั้น" อาวุธทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่คชานนท์พูด เขารู้ว่าบางครั้งคชานนท์ก็มีวิธี 'กวนอารมณ์' ในแบบของตัวเอง
...นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาคิดว่าคชานนท์เหมือนพี่ชาย...
...อ้อ ไม่ใช่สิ ต้องรวมถึง 'เจ้าเล่ห์ เจ้าแผนการณ์' ด้วย เพียงแต่ว่าวิธีการของคชานนท์นั้นเหนือชั้นกว่าพี่ชายหลายเท่านัก คชานนท์มีวิธีการโน้วน้าว ชักจูง ชักนำ ชี้นำ หลอกล่อ หรือแม้แต่บีบบังคับคนได้แนบเนียนมาก จนบางครั้งคนที่โดนคชานนท์ 'จัดการ' แทบไม่รู้สึกตัวเลย...
"ผมใช้เงินพี่คมซื้อ" คชานนท์ยักไหล่ "สิบปีที่ผ่านมาเงินพี่คมออกดอกออกผลมาเยอะพอสมควร เขาไม่เคยสนใจเงินตัวเองซักนิด ผมเลยใช้ซื้ออพาร์ทเมนท์ซะเลย เห็นไหมครับ ผมทำกำไรได้ขนาดไหน พี่วุธไม่อยากจะลงทุนบ้างหรือ ให้ผมจัดการเรื่องเงินเรื่องทองให้ ผมรับประกันว่าผลตอบแทนคุ้มค่า ที่จริงผมอาจจะสร้างผลประโยชน์ให้พี่คมได้มากกว่านี้นะ แต่พี่คมไม่กล้าเสี่ยง ก็เลยได้แค่อพาร์ทเมนท์ขนาดสองห้องนอนกับที่ดินเท่าเสือดิ้นตาย เสือโคร่งนะ ไม่ใช่เสือชีต้า อย่างพี่วุธ อาจได้เป็นเสือชีต้า"
"พี่พอใจกับเงินทองที่มีอยู่" อาวุธยกไวน์ขึ้นดื่ม "บ้านหนึ่งหลัง คอนโดหนึ่งห้อง รถสองคันในกรุงเทพฯ แค่นี้ก็มากเกินไปสำหรับคนตัวคนเดียวอย่างพี่"
"ไม่พอหรอก มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น" คชานนท์แย้ง "พี่ก็เคยได้ยิน คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย"
"พี่มีเพื่อนแล้ว"
"เพื่อนที่อยากจะฆ่าพี่ให้ตาย" คชานนท์ล้อแล้วหัวเราะเบาๆ
"คืนนี้พี่จะพักโรงแรม พรุ่งนี้พี่ต้องไปดีซี" อาวุธเปลี่ยนเรื่องแล้วยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
"พี่วุธทานน้อยจังเลย แบบนี้จะมีแรงไปจัดการกับเรื่องต่างๆ หรือครับ" คชานนท์ใช้ซ่อมชี้ไปที่จานของอาวุธ
"นนท์" อาวุธเสียงเข้ม
"โอ๊ะ ขอโทษครับ" คชานนท์วางซ่อมลง "ลืมไป โทษที ก็มันนานมาแล้วนี่นา"
"เรื่องอะไรนาน"
"ก็ผมโดนพี่ดุอยู่บ่อยๆ ว่าไม่ให้ใช้ซ่อมชี้นั่นชี้นี่เวลากินอาหาร เอ๊ย ทานอาหาร"
"รวมถึงไม่ให้ใช้โบกไปโบกมาต่อหน้าคนอื่นด้วย แล้วไม่ต้องมาล้อพี่เรื่องการใช้คำว่า กิน หรือ ทาน" อาวุธส่ายหน้า "พี่ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น"
"พี่หมายถึงเรื่องอะไร" คชานนท์เลิกคิ้ว
"นนท์ก็รู้ว่าพี่หมายถึงเรื่องอะไร"
"บางทีผมก็ไม่ได้ฉลาดเสมอไปนะ" คชานนท์ยักไหล่
"พี่รู้ว่านนท์รู้" อาวุธทำเสียงจริงจัง "รู้มากด้วย ไม่งั้นจะได้รับฉายาคชานนท์คนเก่งหรือ"
"สี่ขายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง คชานนท์ก็อาจพังได้เหมือนกัน" คชานนท์พูดไปยิ้มไป
"ถ้าไม่ระวัง" อาวุธเติม แล้ววกกลับเข้าประเด็นเดิมที่พูดค้างเอาไว้ "เรื่องต่างๆ ที่นนท์ว่าพี่จะไม่มีแรงไปจัดการนั่นน่ะ มันเรื่องอะไรบ้าง"
"ผมจะไปรู้หรือ ชีวิตของพี่ เรื่องต่างๆ ของพี่ ผมก็พูดไปยังงั้น" คชานนท์ยักไหล่แล้วทำท่านึกอะไรได้ "อ้อ รู้แล้ว เรื่องเด็กคนนั้นไง พี่จะทำยังไงล่ะทีนี้ จะทิ้งให้เดินเตร่อยู่ริมถนนกลางนิวยอร์คซิตี้ก็คงไม่ไหว ใช่ไหมครับ"
อาวุธหันไปมองประตูร้านอาหารครู่หนึ่ง
...นี่ล่ะที่เรียกว่าคชานนท์กำลังชี้นำ...
...ทำไมเขาต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ คนอื่นยังพอทน แต่นี้เป็นเด็กที่ถูกธงรบทิ้ง เด็กเก่าที่ทั้งรักทั้งหลงธงรบ เด็กเก่าที่เป็นสาเหตุทำให้อาทิตย์กับเขาต้องมาเกี่ยวข้องกันและมีเรื่องกับอธิคมและธงรบอีกครั้ง...
...เรื่องที่ทำให้ทั้งสองคนนั้นทำอะไรงี่เง่าที่สุดในชีวิตด้วยการมอมเหล้าเขากับกษิดิษฐ์แล้วจัดฉากให้นอนด้วยกันเพื่อให้อาทิตย์เข้าใจผิด...
...งี่เง่าที่สุดจนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นผลงานของสารวัตรมือปราบอย่างอธิคม...
...ผลจากความหึงหวง...
...ส่วนธงรบนั้นเขาไม่คิดว่าจะคิดทำอะไรแบบนั้นได้เอง ธงรบเป็นผู้ตามอธิคมเสมอและไม่เคยขัดใจเพื่อน...
"คืนนี้ก็ให้นอนโรงแรม พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่" อาวุธหันหน้ากลับมาหาคชานน์แล้วพูดเบาๆ
"หิมะเริ่มตกแล้ว อากาศข้างนอกคงเย็นๆ ไม่เคยเจออากาศแบบนี้มานาน คงหนาวน่าดูเลย วนเวียนอยู่แต่แถวเอเชีย นานๆ ทีได้มานิวยอร์ค ปรับตัวแทบไม่ทัน" คชานนท์พูดเปรยๆ
"เขามีเสื้อกันหนาวใส่อยู่หรอกนนท์" อาวุธพูดลงเสียงหนักๆ เพราะรู้ทันความหมายที่คชานนท์แฝงเอาไว้ในคำพูดที่ตัวเองกล่าวเป็นเชิงให้เข้าใจว่าเดินทางไปติดต่อธุรกิจในประเทศที่อยู่เฉพาะแถบเอเชีย และยังปรับตัวเข้ากับอากาศของเมืองนี้ไม่ค่อยได้
"พี่ให้เขาไปโรงแรมแล้ว ไม่ได้ให้นั่งรอหน้าร้านอาหารหรอก" อาวุธพูดต่อ
...หิมะเริ่มตกแล้ว อากาศข้างนอกก็เย็น เด็กไม่เคยเจออากาศแบบนี้คงหนาวน่าดู อยู่แต่เมืองไทยไม่เคยไปต่างประเทศ พอได้มานิวยอร์คก็ปรับตัวไม่ทัน...
...ถ้าเขาไม่ได้รู้จักกับคชานนท์ตั้งแต่คชานนท์เป็นนักเรียนมัธยม เขาก็คงตามคำพูดของพ่อคนเก่งคนนี้ไม่ทัน...
"ให้นั่งรอที่หน้าร้านก็เรียกได้ว่าโหดร้ายสุดๆ เหมือนคนไม่มีหัวใจ" คชานนท์หัวเราะ แล้วเลื่อนจานอาหารของตัวเองออกไป ก่อนจะดึงจานของหวานเข้ามาแทน "ว้าว พาร์เฟ่ ลาบรู แวร์ อวูฟ บรองค์ เฮ้อ จำภาษาฝรั่งเศสไม่ได้ซะที"
"พี่ไม่เข้าใจจริงๆ พ่อที่ไหนปล่อยให้ลูกชายแบบนี้มาเรียนนิวยอร์คโดยไม่วางแผนติดต่อประสานงานเรื่องที่พักให้เรียบร้อย เป็นเมืองอะไรในแคนซัสหรือโคโรราโด้ หรือแม้แต่แอลเอ ก็ว่าไปอย่าง"
"อืม ยังดีที่ไม่ใช่ดีทรอยด์" คชานนท์ยักไหล่แล้วหัวเราะขัน "แต่โชคดีที่เด็กคนนี้มาเจอพี่"
"พี่ไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กนะนนท์ พี่มาทำงาน แล้วพอมาถึงพี่ก็มีรายการที่ต้องทำเยอะแยะ งานจ่อคิวรออยู่ตั้งแต่ลงเครื่องด้วยซ้ำ"
"ครับ" คชานนท์พยักหน้า ปากเคี้ยวของหวานตุ้ยๆ แล้วยกมือเรียกบริกร ทำท่าทางต้องการสั่งเพิ่ม "ผมก็อยากช่วยพี่ แต่ผมต้องกลับกรุงเทพฯ พรุ่งนี้ ธุรกิจร้อยล้านพันล้านรออยู่ พ่อผมจะเอาเงินไปซื้อหุ้นของไทยออยล์ ผมต้องไปขัดขวาง พ่อชอบผลาญเงิน ลงทุนผิดพลาดอยู่บ่อยๆ"
"เฮ้อ" อาวุธถอนหายใจเบาๆ
"ผมว่าพี่จัดการได้ ไม่มีปัญหา พี่วุธซะอย่าง ไม่งั้นจะเรียกพี่ว่ามิสเตอร์เพอร์เฟคหรือ"
"นนท์" อาวุธทำตาดุอีกครั้งเพราะรู้ว่าโดนล้อ
...มิสเตอร์เพอร์เฟค มีแต่อธิคมกับธงรบเท่านั้นล่ะเรียกเขาแบบนี้ แล้วก็เรียกเป็นเชิงกระทบกระเทียบอีกด้วย...
"จริงๆ อพาร์ทเมนท์ผมก็มีห้องนอนสองห้อง พอดอร์มของมหา'ลัยเปิด พี่ก็ส่งเข้ามหา'ลัย เรื่องก็จบ พี่ไม่ต้องยุ่งกับเด็กคนนั้นอีก ปล่อยให้เขาไปตามยถากรรม ไม่ต้องเจอกันอีก ปัญหาที่หนักใจก็ gone with the wind"
"สองอาทิตย์เลยนะนนท์" อาวุธชูสองนิ้ว "สองอาทิตย์เลยนะ กว่ามหาวิทยาลัยจะให้เด็กเข้าหอพัก แล้วเรื่องเรียนอะไรนี่ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง พี่ถามอะไรเขาก็ตอบไม่ได้ซักอย่าง เด็กคนนี้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แบบนี้จะเอาตัวรอดในนิวยอร์คได้ยังไง บอกแต่มีคนจัดการให้ แต่ก็ติดต่อคนที่จัดการที่ว่านี้ไม่ได้"
"คนจัดการห่วยๆ น่าทุบกระโหลกให้และ" คชานนท์แสดงความคิดเห็น "แต่ผมว่าอีกซักวันสองวันเด็กอาจติดต่อเขาได้ ไม่แน่ พรุ่งนี้พี่อาจจะไม่ต้องยุ่งเรื่องเด็กคนนี้ก็ได้"
"ขอให้เป็นยังงั้นเถอะ" อาวุธกรอกตา ท่าทางหงุดหงิด เริ่มจะ 'มาดหลุด' อีกครั้ง "พี่ไม่อยากจะหอบไปดีซีด้วย จะทิ้งไว้ที่นิวยอร์คคนเดียวก็ไม่ได้"
"นั่นไง ผมถึงได้พูดว่าโชคดีที่เด็กคนนี้มาเจอคนดีๆ อย่างพี่ ถือซะว่าพี่ทำบุญนะครับ สงสารเด็ก" คชานนท์เผลอใช้ซ่อมชี้ไปที่อาวุธ แต่ก็รีบวางซ่อมลงก่อนที่อาวุธทันจะได้ขมวดคิ้วทำหน้าดุ
"เด็กของธงรบนะนนท์" อาวุธโน้มตัวเข้ามาใกล้คชานนท์ มองตาอีกฝ่ายนิ่ง และลดเสียงพูดลง "ทำไมพี่จะต้องมาดูแลเด็กของธงรบ"
"ถือซะว่าพี่ช่วยมนุษย์ที่น่าสงสารซักคน" คชานนท์ตอบเบาๆ ทำหน้าจริงจัง และพูดต่อในใจว่า...
...ซักสามสี่คน...
...หนึ่ง ภานุวัฒน์ สอง พี่ธง สาม พี่คม และสี่ พี่เองนั่นล่ะ...