เสียงประสานสอดรับดังเป็นจังหวะต่อเนื่อง และดังขึ้นเรื่อยๆไปถึงนอกห้องหับที่มีเงาตะคุ่มๆสองร่างสถิตอยู่
ไอ้ขันและไอ้แก้วนั่งเฝ้าหน้าประตูห้องนอนตั้งแต่แรก ด้วยความไม่มั่นใจ เป็นห่วงกลัวลูกพี่มันจะถูกคุณหมอหนุ่มทำร้ายจากแรงหึงหวง จึงพร้อมใจรอฟังเสียงแปลกๆจากภายในเป็นสัญญาณว่าลูกพี่ต้องการความช่วยเหลือ พวกมันก็พร้อมจะพังประตูเข้าไปช่วย แต่ไอ้เสียงที่ได้ยินไม่ถนัดถนี่อยู่ตอนนี้มันทะแม่งๆ ตัดสินใจไม่ถูกว่าลูกพี่มันถูกทำร้ายต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า ทั้งคู่จึงยิ่งแนบหูกับประตูมากขึ้น เพื่อคำนวณสถานการณ์ให้ชัดเจน
“อือ...อื๊อ...”
ไอ้ขันมองหน้าไอ้แก้วท่ามกลางความมืดสลัว หากยังคงตั้งอกตั้งใจหาที่ฟังให้ถนัดๆ ในขณะที่ไอ้แก้วเริ่มขมวดคิ้วยุ่ง
“พอแล้ว...พอ”
เอ๊ะ! ไอ้แก้วทำหน้าพิกล มองไอ้ขันเหมือนต้องการความคิดเห็น แต่ไอ้หัวทึบมันยังคงตั้งหน้าตั้งตาแอบฟังลูกเดียว
“อืม...อะ...ไม่...ไม่ไหวแล้ว...พอที...อือ แรง...อย่าขยับ อื๊อ...”
ไอ้แก้วผงะออกห่างประตูหน้าร้อนวูบ ตอนนี้มันแน่ใจแล้วว่าลูกพี่มันโดนอะไรถึงได้ครางไม่ได้ศัพท์
“ไอ้ขันไปเหอะ”
“เฮ้ย! แล้วพี่หอมเล่า” ไอ้ขันหันมองหน้าเพื่อนที่สะกิดชวนกลับห้องนอน
“ไอ้บ้า ฟังมาขนาดนี้แล้วยังไม่รู้อีกหรือวะ ไปเร็ว”
“ไม่...เสียงมันคล้ายพี่เขากำลังทรมานอยู่นะ”
“ทรมานกับผีนะสิ!” ไอ้แก้วพยายามลากคอเสื้อไอ้ขันออกห่างประตูที่มือมันพยายามตะกายจับไว้แน่น “แต่คิดอีกทีอาจทรมานก็ได้”
“งั้นก็เข้าไปกันเหอะ”
“โอ๊ย!ไอ้ทุยนี่” ไอ้แก้วประเคนมะเหงกใส่หัวอีกฝ่าย “เข้าไปให้หมอเตะน่ะสิ ไป กลับห้องกัน”
คนเข้าใจเรื่องราวส่ายหน้าแรงๆ
“แต่...” ไอ้ขันยังทำหน้าข้องใจทำให้คู่หูเหลืออด
“เขากำลังทำลูกกัน เข้าใจยัง ถ้าเข้าใจแล้วก็กลับ!” ถึงจะท้องไม่ได้ก็เถอะนะ
ไอ้ขันอ้าปากค้าง ก่อนหันกลับไปมองประตูอีกรอบ
“งั้นฟังต่ออีกดีกว่า อยากรู้ว่าผู้ชายกับผู้ชายมันจะจั๊กกะเดียมขนาดไหน” หน้าตาคนพูดส่อแววทะลึ่งทะเล้นสุดฤทธิ์
“ไอ้...ไอ้เวร”
ไอ้แก้วอนาถใจกับเพื่อนสนิทคนเดียวคนนี้ ก่อนคว้าคอเสื้อมันลากยาวกลับห้องนอนแล้วปิดประตูเงียบ ปล่อยให้อีกคู่กระชับความสัมพันธ์กันต่ออย่างราบรื่น
ทิเบตนั่งชันเข่าข้างหนึ่ง เนื้อตัวมีเพียงกางเกงขายาวที่สวมไว้ลวกๆมองร่างขาวนวลหลับสนิท เมื่อพายุอารมณ์ได้พัดผ่าน หลงเหลือเพียงรอยคราบน้ำตาให้เห็นเป็นหลักฐานว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริง เขาไม่ได้ฝันไป ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมที่ปกหน้าผากมนอย่างอ่อนโยน และยังคงเพลิดเพลินลูบศีรษะน้อยไปมา อมยิ้มกับตัวเอง
ความรักเอ่อขึ้นท่วมท้นหัวใจชายหนุ่ม ตอนนี้เขาอยากเห็นดวงตาคู่กลมโตเปล่งประกายรักใคร่เช่นเดียวกับเขา ถ้าไม่ติดว่าเหนื่อยอ่อนเขาก็อยากจะปลุกขึ้นมารับรู้รับฟัง
ทิเบตค่อยๆล้มตัวลงนอนเคียงข้าง พาดท่อนแขนโอบกอดร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมอก แล้วหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราตามอีกฝ่ายไปอย่างเป็นสุข
ค่ำคืนผ่านพ้นเมื่อแสงอรุณจับขอบฟ้า ผู้สูงวัยลุกขึ้นมาทำกิจวัตรเช่นปกติ แม้จะข่มตาหลับไม่ลงเลยตลอดคืนก็ตาม กำนันสิงห์เดินถือขันข้าวไปรอตักบาตร ก่อนลงบันไดได้หันมองประตูห้องบุตรชายชั่วขณะ ในอกเต็มไปด้วยความเสียใจ ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาในหัว
มือนี้เคยถนอมกล่อมเกลี้ยง ไม่เคยคิดเลยว่ามือที่เคยอุ้มชูนี้จะฟาดลงบนเนื้ออ่อนนั่นจนเจ็บช้ำ แต่ใช่ว่าพ่อไม่เจ็บ พ่อเจ็บทุกครั้งที่หวดไม้ลงไป ไม่ต่างอะไรกับหวดตีหัวใจตัวเองให้แตกสลาย
แม่บัว ฉันผิดคำพูดกับแม่บัวแล้ว...
ชายชราตัดใจเดินลงบันไดไปตามความตั้งใจเดิม โดยมีไอ้แก้วตามไปด้วย พร้อมกับไอ้โก๊ะที่ครางหงิงๆวิ่งขนาบข้าง
จนสาย ไอ้ขันตั้งสำรับไว้สำหรับทุกคนในบ้าน แต่กลับมีเพียงกำนันสิงห์นั่งทานอยู่คนเดียว ทำให้มันกระสับกระส่าย เป็นห่วงลูกพี่ตงิดๆ
“ฉันไปตามพี่หอมก่อนนะพ่อกำนัน”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวหิวก็ออกมากินเองล่ะ”
ไอ้ขันคอตก หันมองประตูห้องลูกพี่แล้วลงมือกินข้าวเช้าไปเงียบๆ หากใจร้อนรนอยากรู้อยากเห็นสภาพลูกพี่มันจะเป็นยังไงบ้าง
โอ้แม่เจ้า ไม่อยากจะเชื่อ เพิ่งจะรู้สึกว่าลูกพี่มีผัวก็คราวนี้ล่ะ
ภายในห้องที่ผู้คนเฝ้าจับตามอง ข้าวหอมตื่นขึ้นมาพร้อมความดันโลหิตทะลุสองร้อย เมื่อลำดับเหตุการณ์ทั้งหมด
ตายแล้วไอ้หอม งามหน้าแล้วมั้ยล่ะ ทำไมถึงได้เผลอไผลไปกับไอ้หมอนั่น
โอ๊ย...อยากจะบ้า!
ร่างโปร่งขยับตัวลุกนั่ง ความเสียวแปลบแล่นริ้วให้ต้องชะงักค้างกลางอากาศทิ้งศีรษะลงหมอน
“อ๊า...บ้าชิบ”
ร่างโปร่งลูบก้นตัวเองเบาๆ ใครว่าไม่เจ็บฟะ
ดวงตาแวววาวมองหาต้นตอ กระทั่งได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด คนต้นเหตุแห่งความเจ็บก็ปรากฏกายให้เห็น
ทิเบตมองดวงตากลมใสแจ๋วจ้องมา จึงเดินเข้าไปหา
กลิ่นหอมสะอาดโชยผ่านทำความตั้งใจจะต่อว่าหดลงอย่างน่าประหลาด แถมยังขยับถอยหนีโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้คิ้วได้รูปขมวดฉงน ก่อนยกยิ้มบางทรุดตัวนั่งใกล้ๆ
“ตื่นแล้วหรือ ลุกไหวมั้ย”
ใบหน้าคมคายหมดจดมองท่าทีวางตัวลำบากให้รู้สึกเอ็นดู หากอีกฝ่ายกลับพองขนขู่ฟ่อๆไม่ต้องการให้เข้าใกล้
“นาย...นายมันฉวยโอกาส” คนตั้งตัวไม่ถูก นึกอะไรได้ก็แหวใส่ทันที
“กับเมียตัวเองเนี่ยนะ?” ดวงตาคู่คมทอประกายแวววาว
“ไอ้บ้า อะ!”
ร่างโปร่งบางล้มลงบนฟูกตามแรงโถมของคนตัวใหญ่
“ไม่เอาน่าหอม เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วอย่าทิฐิกันอีกเลยนะ มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้อีกแล้ว ทำไมไม่ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดล่ะ”
หน้าที่!...
ฟังแล้วดูดีแต่กลับกลายเป็นการปิดประตูตอกย้ำให้หัวใจดวงเล็กเจ็บหนึบ หันไปทางไหนก็มีแต่หน้าที่ หน้าที่ที่ต้องทำ หน้าที่ของลูก หน้าที่ของเมีย เหมือนคนไม่มีหัวใจ!
ความน้อยใจแล่นพล่าน เชิดหน้ามองอีกฝ่ายอย่างท้าทาย
“ใช่...หน้าที่ เรื่องเมื่อคืนมันก็เป็นหน้าที่! นายกลัวว่าฉันจะเล่นชู้กับคนอื่นเลยยัดเยียดหน้าที่ใหม่ให้ฉันไงล่ะ เป็นไง สมใจนายมั้ย ฉันทำหน้าที่ดีพอมั้ย หรือต้องเหนียมให้ดูใสซื่อ ไม่ก็ร่านจะได้ถึงใจนายดีล่ะ”
“หอม” ทิเบตครางในอกกับแรงโทสะในดวงตาแดงเรื่อ
เขาพลาดแล้ว...
“เข้าใจผิดแล้ว ฟังฉัน...”
“ปล่อย! ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถึงยังไงฉันก็เกลียดนาย แล้วจำไว้นะ ต่อไปนี้จะมีแต่หน้าที่ หน้าที่ที่ต้องทำ จำไว้เลย”
คำปรามาสรุนแรงจี้ใจชายหนุ่ม แม้เขาจะฉวยโอกาสยามอีกฝ่ายอ่อนแอและเปราะบาง หากความรู้สึกอุ่นๆในใจที่มีต้นตอมาจากหน้าที่นี้ก็เป็นความรู้สึกจากใจจริง
ไม่ว่าหน้าที่ ความกตัญญู ความเกลียดชัง ความบังเอิญ ความรักย่อมมีจุดเริ่มต้นเสมอ
แล้วจะเอามาเป็นกำแพงในหัวใจเราทำไม จะให้หัวใจเราเจ็บปวดไปทำไม
แต่กับคนหัวดื้อตรงหน้า พูดอะไรตอนนี้ก็คงไม่ฟัง เพราะฉะนั้น...
“ยังงั้นเหรอ จะเอายังงี้เหรอ ได้...ได้” ทิเบตพยักหน้าหมายมาด นัยย์ตาจุเพลิงโทสะ
ถึงตอนนี้จะได้แค่ตัว ส่วนหัวใจที่ลึกเกินจะคว้าในเวลานี้ แม้จะต้องใช้เวลานานเท่าไรเขาก็จะคว้ามาเคียงข้างให้ได้!
ข้าวหอมสะดุ้งเฮือกเมื่อมือใหญ่กระชากต้นแขนเข้าประชิด ดวงตาคู่ที่เคยอ่อนโยนทอประกายแข็งกร้าว ดุดันชนิดเห็นเพียงแวบเดียวก็ทำให้หัวใจหยุดเต้น
“ในเมื่อนายคิดว่ามันเป็นหน้าที่ งั้นตั้งแต่นี้ไป ฉันจะนอนกับนายทุกวัน!เพราะมันเป็นหน้าที่ของฉันเหมือนกัน”
ข้าวหอมเบิกตากว้าง จากนั้นคว้าหมอนใกล้ตัวปาใส่ร่างสูง
“ไอ้บ้า...นายมัน...”
และก่อนจะได้ประทุษร้ายสามีไปมากกว่านี้ ผ้าห่มก็ถูกกระชากออกจากร่างเล็กโดยมีอีกฝ่ายตามเข้ามาแทรกกลางหว่างขาอย่างรวดเร็ว
“ดูเหมือนนายยังไม่เข้าใจคำว่าหน้าที่ คงต้องทบทวนกันใหม่ก็น่าจะดี นายว่ามั้ย” ทิเบตเลิกคิ้วถามความเห็นชอบ หากมือไม้กลับจาบจ้วงไปเรียบร้อย
“อี๊!”
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
ร่างขาวโพลนนอนหอบหมดเรียวแรง ปรือตามองชายหนุ่มผละออกจากร่างตนเองหายเข้าไปในห้องน้ำ ซักพักจึงกลับมายืนข้างเตียงอีกครั้ง
“ไปอาบน้ำ”
น้ำเสียงเข้มงวดไม่ทำให้ข้าวหอมสนใจจะทำตาม ร่างเล็กกำผ้าห่มแน่นและซุกหน้าลงกับหมอนใบเขื่อง
“ไปตายซะ”
ทิเบตขมวดคิ้วมองร่างโปร่งบางมีแนวกล้ามเนื้อสวยงามแข็งแรงน่ามอง ดูได้จากร่องรอยการต่อต้านของคนตรงหน้ายังสำแดงเดชให้เขารู้สึกเจ็บคางแปลบๆจากกำปั้นที่เสยเข้าปลายคางเต็มเหนี่ยว
นี่ถ้าโดนตา คงตาแตกไปแล้ว คิดไปก็ให้รู้สึกฉุนนิดๆ ก่อนเอ่ย
“คนที่จะช้ำใจตายน่ะไม่ใช่ฉัน แต่เป็นนายซะมากกว่า ถ้าไม่ลุกไปอาบน้ำอาบท่าแล้วไปขอขมาพ่อกำนันด้วยกัน”
ดวงตาแดงก่ำเบิกกว้างทันทีเมื่อได้ยินชื่อบิดา ใช่... เรื่องของพ่อสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด จะมั่วมานั่งคร่ำครวญกับสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ทำให้พ่อหายโกรธ นอกจาก...
ให้ไอ้คนที่เพิ่งยัดเยียดหน้าที่เมียเมื่อครู่ช่วยพูด!
ร่างบางค่อยๆขยับกายลุกนั่ง เรียวขาสั่นระริกข่มความเจ็บแปลบขยับไปยังขอบเตียง และไม่ลืมที่จะคว้าผ้าห่มมาคลุมกายไว้
“ฉันไม่ได้มีชู้...”
ข้าวหอมจ้องคนที่เพิ่งเป็นสามีหมาดๆไม่ไหวติง ราวกับยืนยันในคำพูดของตนเอง
ถึงเรื่องเมื่อคืนมันจะไม่สมควรเกิดขึ้น แต่เขาก็ยังไม่ได้เกินเลยไปกับสุเทพมากกว่านั้นเลย และถ้าคนตรงหน้าไม่เชื่อก็ไม่ต้องบากหน้าไปพบพ่อให้เสียเวลาหรอก
“ฉันรู้...” ทิเบตพยักหน้ารับ ส่งผลให้ดวงตาแดงก่ำเปล่งประกายวาวอย่างมีหวัง
“แต่ห้ามถูกเนื้อต้องตัวกันอีกเด็ดขาด เข้าใจมั้ย แล้วเราจะไปหาพ่อกำนันด้วยกัน”
ข้าวหอมไม่ตอบ หากหลุบตาลงแล้วพยักหน้ารับคำ ตอนนี้เขาอยากเห็นหน้าพ่อจะแย่แล้ว ให้ทำอะไรก็ทำทั้งนั้นล่ะ
ทิเบตมีสีหน้าพอใจกับการตอบรับอย่างว่าง่าย มองร่างโปร่งลงจากเตียงด้วยอาการเซไปเซมาจึงเข้าไปประคอง
“ฉันช่วย”
“ไม่ต้องยุ่ง” ข้าวหอมดึงแขนหนี
“อยากยุ่งนี่”
ร่างโปร่งสะบัดหน้ามองคนยอกย้อนอย่างฉุนโกรธ แต่ไม่ทันได้ต่อว่าก็ถูกอีกฝ่ายโอบอุ้มเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำด้วยใบหน้าแช่มชื่น
ดีใจอะไรนักหนา...ทำคนเขาเจ็บนะ
ทิเบตเดินนำเข้าหอมไปยังหน้าประตูห้องกำนันสิงห์เมื่อสายโด่ง เสียงเคาะประตูสองสามครั้งแต่ภายในยังเงียบสนิท ชายหนุ่มหันมองวงหน้าเรียวเผือดลง ความสงสารแล่นจับใจจึงดึงมือขาวมาไว้ในอุ้งมือตนเองแล้วบีบเบาๆ
“พ่อกำนัน ผมเอง”
“พ่อทิเรอะ เข้ามาสิ”
‘พอได้ยินเสียงว่าเป็นใครพ่อก็ขานรับทันที ถ้าเป็นตัวเองพ่อคงปล่อยให้ยืนอยู่อย่างนั้น’ ข้าวหอมคิดอย่างเศร้าสร้อย หยาดน้ำกลับมาคลอขังขอบตาอีกครั้ง ปล่อยให้ทิเบตจับจูงเข้าไปภายใน
สีหน้ากำนันสิงห์เปลี่ยนไปฉับพลันเมื่อเห็นบุตรชายเดินตามหมอหนุ่มเข้ามาด้วย ผู้สูงวัยที่นั่งอยู่บนตั่งเตี้ยจึงขยับหันข้างให้ น้ำตาที่เจียนหยาดหยดร่วงเผาะเป็นท่อประปาแตกทันที
พ่อ...
ทิเบตพยุงร่างอ่อนไร้แรงนั่งลงกับพื้นอย่างสำรวม แล้วค่อยขยับเข้าไปใกล้คนบนตั่ง
“มีอะไรรึพ่อทิ”
กำนันสิงห์เอ่ยเสียงเรียบ หากใบหน้ากลับหันมองไปนอกหน้าต่าง คล้ายมีอะไรดีให้ชวนมองมากกว่าภายในห้อง ซึ่งมีบรรยากาศตึงเครียดอวลรอบตัว
“ผมจะมาขอโทษพ่อกำนันเรื่องเมื่อคืน ที่เข้าใจผิดจนเรื่องบานปลายใหญ่โตครับ”
“เข้าใจผิด” ผู้สูงวัยชายตามองบุคคลทั้งสอง “ไม่มีอะไรเข้าใจผิดหรอกพ่อทิ ถ้าจะมาแก้ตัวให้ลูกฉันล่ะก็ไม่ต้อง”
ก็รู้อยู่ว่าไม่ง่าย แต่คำพูดของกำนันสิงห์ก็ทำให้คุณหมอหนุ่มผงะไปได้เหมือนกัน
“ไม่ได้คิดแก้ตัวให้เขาหรอกครับ เพราะเขาไม่ได้ทำจริงๆ แต่อาจเพราะไม่ทันคิดถึงผลที่ตามมาเลยไม่รู้จักระวัง วางตัวให้เหมาะสม และผมก็...ก็หวง เลยหน้ามืดพูดจาร้ายแรงเกินเหตุออกไป ทั้งที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น”
ชายหนุ่มอึกอักถอนใจเมื่อต้องกล่าวความรู้สึกที่แท้จริงต่อหน้าร่างโปรงบางซึ่งนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ใกล้ๆ
“ผมได้คุยกันแล้ว หอมก็เข้าใจ จึงอยากให้กำนันสิงห์ยกโทษให้เขา และผมที่เอาใจใส่ลูกพ่อกำนันไม่พอถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
ทิเบตพูดจบก็ก้มกราบลงบนเข่าผู้สูงวัยแล้วค่อยๆดึงตัวกลับมานั่งข้างข้าวหอม
กำนันสิงห์หันกลับมามองคนนั่งบนพื้นเต็มตัว ก่อนไล่สายตาไปยังบุตรชายนิ่งนาน แววตาสีหม่นสะท้อนความรู้สึกหลากหลาย ก่อนหลับตาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจึงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าปรับความเข้าใจกันได้ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดหรอก เพราะตั้งแต่วันแต่ง ฉันก็ยกลูกคนนี้ให้พ่อทิไปแล้ว ก็ไปอบรมกันเองเถอะ”
ทิเบตเห็นท่าทีอ่อนลงของกำนันสิงห์ จึงสะกิดให้ข้าวหอมคลานเข้าไปก้มกราบบิดา และคราวนี้ผู้สูงวัยไม่ได้ชักเท้าหนีเช่นครั้งก่อน
กำนันสิงห์มองบุตรชายก้มกราบพร้อมเสียงสะอื้น น้ำตาอุ่นร้อนหยดบนหลังเท้าเหี่ยวย่น สร้างแรงสั่นสะเทือนในช่องอกผู้เป็นบิดาหนักหนา อยากยกมือลูบศีรษะทุย หากต้องหักห้ามใจไว้ เพราะไม่ต้องการให้บุตรชายได้ใจก่อเรื่องงามหน้าขึ้นมาอีก
“สายมากแล้วออกไปกินข้าวกันเถอะไป” กำนันสิงห์พยักหน้าบอกทิเบต
“พ่อ...” ข้าวหอมครางเพราะแม้ไม่ได้ถูกไล่ส่ง แต่ก็ยังไม่ได้พูดกันซักคำ
ทิเบตซึ่งรู้ดีว่ากำนันสิงห์ยกโทษให้แล้ว จึงฉุดต้นแขนเล็กเชิงบอกให้ออกไปพร้อมกัน แต่คนร้อนรนกลับหันมองด้วยความไม่เข้าใจ พร้อมยื้อแขนไว้ไม่ยอมกลับ
ชายหนุ่มจึงเพิ่มแรงบีบต้นแขน และส่ายหน้าบอกเป็นนัยว่าไม่ควรอยู่ในเวลานี้ ข้าวหอมที่ต้องพึ่งพาอีกฝ่ายจึงทำได้แค่สูดน้ำมูกหันมองบิดาด้วยแววตาอ้อนวอน แต่ใบหน้าผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบฤดูยังเรียบสนิท จึงตัดใจตามชายหนุ่มออกไป และก่อนพ้นประตู
“บอกให้ไอ้เทพมันมาหาพ่อด้วย”
แทนที่จะดีใจที่บิดาเอ่ยปากพูดด้วย ข้าวหอมกลับตัวแข็งทื่อก้าวขาไม่ออก ให้ทิเบตพยักหน้ารับคำแทนและลากคนนิ่งงันกลับเข้าห้องพัก จากนั้นออกมาสั่งให้ไอ้แก้วโทรหาคนที่กำนันสิงห์ต้องการจะพบ
บ่ายคล้อยเสียงรถยนต์ของสุเทพเข้ามาจอดท่ามกลางบรรยากาศเงียบเคว้งคว้างเป็นเวลาพักใหญ่ และจากไปอย่างเงียบสงบเช่นดังตอนมา ทิ้งให้เงาหลังม่านหน้าต่างมองส่งด้วยความอาลัย
“ความสงสารไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาหรอก”
ทิเบตเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นรถกระบะคันที่สุเทพขับมาขับจากไป เขาไม่รู้ว่ากำนันสิงห์เรียกเพื่อนข้าวหอมมาพูดเรื่องอะไร แต่คงไม่พ้นเรื่องที่เกิดขึ้นนี้หรอก เพราะเมื่อมองจากหน้าต่าง ใบหน้ายามขามากับขากลับต่างกันลิบ ไหล่ผึ่งผายตกลู่ชวนน่าเวทนาไม่น้อย แต่หากไม่จัดการ เรื่องมันจะยุ่งเหยิงไปใหญ่
เพราะฉะนั้น เป็นแบบนี้คงดีที่สุดแล้วสำหรับตอนนี้
“เขาเป็นเพื่อนฉัน!”
ข้าวหอมละจากภาพเบื้องหน้าหันมาปะทะกับชายหนุ่ม ซึ่งทำได้เพียงยกยิ้มขมขื่น
“ไม่ต้องมาบอกฉันหรอก บอกตรงนี้ของนายดีกว่า”
ชายหนุ่มจิ้มไปที่หน้าอกข้างซ้ายแล้วเดินจากไปอย่างเดียวดาย
อยู่ใกล้กันเพียงแค่นี้ แต่กลับรู้สึกห่างไกลสุดขอบฟ้า
ใครกันแน่ที่เจ็บ!...
TBC
มาตามคำเรียกร้องเเละมาเช็ดน้ำตาให้คนร้องไห้
ตอนที่เเล้ว คอมเมนท์ถล่มหอมกับเทพจนคนโพสเเอบกลัวค่ะ
อย่าเพิ่งเกลียดหอมเเล้วไม่อ่านต่อกันนะ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน
และขอบคุณทุกคนมากจ้า พี่สาเกด้วย
เจอกันวันเสาร์
บวกหนึ่งให้ทุกคนที่เป็นกำลังใจให้หมอทิ