Eternal Sunshine by Sake พี่หมอทิ ♡ น้องข้าวหอม (ข่าวดี!! รวมเล่ม+ตอนพิเศษ P.56)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Eternal Sunshine by Sake พี่หมอทิ ♡ น้องข้าวหอม (ข่าวดี!! รวมเล่ม+ตอนพิเศษ P.56)  (อ่าน 717794 ครั้ง)

ออฟไลน์ meduza

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-0
น้องข้าวหอมน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกก :m3:
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
น้องข้าวหอมน่ารักที่สุดเลยอ่ะถ้าน้องข้าวหอมน่ารักแบบรับรองที่หมอทิหายป่วยไวแน่นอน :m12:
อยากให้น้องหอมใจอ่อนไวๆรักพี่ทิได้แล้วนะข้าวหอมอิอิ
อยากอ่านตอนต่อไปไวๆจัง
+1ให้ความน่ารักของข้าวหอม :จุ๊บๆ:

ออฟไลน์ engrish

  • "LolliPoP"
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 823
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
ต้องให้รางวัลไอ้ขันอย่างงาม
ตอนนี้ทำได้ดีมาก
 o13 o13
กด+ให้ชดเชยที่ไม่ได้เข้ามาตั้งหลายวัน
ปอลอ เมื่อไหร่จะเข้าใจกันซะที รอลุ้นจะแย่

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย~~~~!!!~ เข้ามาได้อ่านถึง 2 ตอน
 
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย~~~!!~ น่ารักขึ้นเรื่อยๆแล้วเชียว >,,,<
 
ชอบมากค่ะ ให้กำลังคนโพส กับคนแต่งจ้า  :L2:

ออฟไลน์ zingiber

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4
เริ่มเข้าสู่โหมด หวานนนนนนนนนนนนนน ซะที อิอิ

zemicolon

  • บุคคลทั่วไป

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วเหนื่อยใจไปกับข้าวหอม แต่หมอทิงอนตลกดี 55+
เริ่มมีอุ่นๆหวานๆเข้ามาเป็นกำลังใจให้กับคนอ่านมั่งแล้ว

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ ooopimmyooo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
หมอ งอนนานๆเลย

วัดใจข้าวหอม

mumumim

  • บุคคลทั่วไป
เอาใจช่วยพี่หมอ

รักนี้ต้องอดทน

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
พี่หอมป้อนข้าวแล้วต่อไปจะป้อนอไรน๊า

hahn

  • บุคคลทั่วไป
เหนื่อยแทนพี่หมอ จริง ๆ แล้วยังงี้ เมื่อไหร่

จะลงเอยกันล่ะนี่ ลุ้นจนเหนื่อย

อย่าลืมมาต่อนะจ๊ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
ข้าวหอมเอ้ย ซื้อมาให้เค้าทั้งทีแต่ก้อไม่กล้าให้เอง อย่างนี้มันน่าจับมาตีก้นซะหน่อยแล้วนะหมอทิ

WinterLove

  • บุคคลทั่วไป
สงสารพี่หมอทิ ต้องทนกับน้องข้าวหอมต่อไป ฮ่าๆ
เมือ่ไหร่จะรักกันคะ รอ ๆ ๆให้รักกัน
ชอบเรื่องนี้จังเลยค่ะ อ่านแล้วอารมณ์ดี๊ดี ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ นะคะ :L2:

bakanishi1

  • บุคคลทั่วไป
วีรกรรมของข้าวหอมแต่ละอย่างนะ

แสบ ๆ ทั้งนั้น

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
อิอิ ชะตาฟ้ามันลิขิตแล้วจริงๆ น๊า

ปล...พายุจะเข้าแปลว่าอาไรค๊าไร้ท์เตอร์ >.<

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
อีป้าแก่ๆ อ่านไปยิ้มไปเมื่อยแก้มไป

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
สงสารหมอทิอ่ะ น้องข้าวหอมปากแข็งใจแข็งเหลือเกิน
หมอทิใจสลายกันพอดี

ออฟไลน์ hpsky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1073
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-0
ตอนนี้น่ารักอ่ะ  :o8: แอบกลัวพายุที่ว่า

ขออย่าให้เทพมาทำลายความรักของหมอทินะ เค้าไม่ยอม :angry2:

ออฟไลน์ Ayame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นเมีย แต่อีกหน่อยก็เป็นแน่ๆจ้า ใช่มั้ยคะคุณหมอ   :laugh:

น้องหอมแอบทำตัวน่ารักนิดนึง ซื้อของมาฝากพี่หมอทิด้วย   :o8:

ออฟไลน์ Pikky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 492
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-0
ยิ่งอ่านยิ่งหมั่นเขี้ยว ข้าวหอม 55+
อยากกระโดดฟัดแทนพี่หมอจริงๆๆ :o8:

หาเรื่องให้พี่หมอเจ็บตัวอยู่เรื่อย แสบจริงๆๆๆ o13

แต่ถึงจะใจแข็ง แต่ก็แอบหวั่นไหว อ่านแล้วนั่งยิ้มตลอด อิอิ

 :L2:

liTTle.SaLapaO

  • บุคคลทั่วไป
เริ่มมีใจแล้วดิพี่หอม 555 พี่หมอรุกเลยอีกแปป พี่หอมก็เสร็จพี่หมอแล้ว

รอตอนต่อไปค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






mecon

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ: ข้าวหอมเอ้ย รู้สึกผิดอะไรบ้างก็ดีนะลูก
พี่เค้าเจ็บตัวเพราะเราทั้งคำพูดและการกระทำมาแยะแล้วนะ
พี่เค้าคงทนสุดๆจริงๆถึงได้ไล่เราแบบนั้นอ่ะ ตอนมาก็ดีใจจะแย่แต่รู้ว่าโดนบังคับมา
ภรรเมียสุดที่รักไม่เต็มใจสักนิดแล้วมาก็นะมาทำเหมือนมาพักผ่อน 555ถึงจะหอมแก้มไปฟอดใหญ่
ค่าคิดถึงแล้วก็นะ มันไม่พอหรอก ปากเราร้ายจะตาย กี่ฟอดๆถึงจะพอก็ไม่รู้ได้ อิอิ
ทำตัวน่ารักให้พี่เค้านิดนึงก็ไม่ได้ จนต้องทะเลาะกัน แล้วผลก็นะ พี่เค้าก็เจ็บตัวอีกเยี่ยงเคย
ดื้อจริงๆเลย ท่ากำนันรู้ว่าส่งลูกตัวมาปองร้ายชีวิตลูกเขย ได้อีก แผลนึงเนี่ยจะยังยิ้มได้มั๊ยหนอ
ลูกหัวแก้วหัวแหวนแสบไม่เว้นว่างจริงๆ

คุณป้านิภาขรามองอาการลูกชายแล้วรู้ไปถึงความนัยแล้วก็นะ ให้สะใภ้ใหญ่เรียกว่าคุณแม่สิคะ คุณแม่นิภา ฮิ้ว
แบบนี้อ่ะเจ้าหอมจะได้ซึ้งใจ ไม่ต้องกระดากอะไรอีกแล้ว ในเมื่อลูกชายยอมรับเต็มปากเต็มคำ
คุณแม่จะไม่เปิดโอกาสให้ลูกหอมได้รู้ถึงความรู้สึกนี้บ้างเลยรึคะ รักลูกเราก็ต้องรักลูกสะใภ้ด้วยนะคะ
อีกอย่างตอนนี้ไส้ศึกหัวใจนุ้งหอมกำลังบุกกำแพงใจเดะดื้อ ต้องตีให้แตกในเร็ววันด้วย อิอิเหล็กกำลังร้อน

 o13 o13 o13 ติดงอมแงม +1 คะ

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
ได้อ่านตอนหวานๆบ้างอะไรบ้างชื่นใจมากๆค่ะ

kittyfun

  • บุคคลทั่วไป
ตกรถค่ะ ตามมากทม ไม่ทัน

เลยนั่งเกวียนตามมาทีหลัง

หุๆๆๆ น้องข้าวหอมขา หมอทิเจ็บอย่างนี้ยังแกล้งพี่หมอทิลงคออีกเหรอ

ยุให้พี่หมอตีก้นน้องข้าวหอมเลยนี่

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3

Eternal Sunshine 13


ทิเบตมองใบหน้าบูดบึ้งมาตลอดทางคลี่ยิ้มเมื่อเห็นหลังคาเรือนไทยตรงหน้า ไปอยู่กรุงเทพเป็นอาทิตย์คงคิดถึงบ้านน่าดู แต่จะพูดก็พูดเถอะ ถ้ามารดาเขาไม่รั้งเอาไว้เป็นได้เปิดแน่บตั้งแต่วันแรก และจนวันสุดท้ายเขาก็ยังไม่ได้ยินคำขอโทษจากอีกฝ่ายเหมือนกัน

หากแต่ของฝากชิ้นเล็กจ้อยชิ้นเดียวสามารถทำให้หัวใจเขาอุ่นวาบ คล้ายมีสายลมเย็นพัดผ่านหัวใจแห้งผาก ให้มีกำลังใจรอเม็ดฝนอันชื่นฉ่ำในเวลาต่อไป

ข้าวหอมชะเง้อคอมองหน้าจั่วบ้านที่แสนจะคิดถึง พอรถจอดสนิทก็แทบจะถลาลงไปกอดเสาเรือน แต่ต้องผ่านด่านลูกน้องสี่ขาทั้งสามตัวไปก่อน เสียงเห่าหอนแสบแก้วหูพร้อมการตะเกียกตะกายทำให้ร่างโปร่งหัวเราะร่า ไม่นึกใส่ใจความเจ็บแสบจากปลายเล็บทู่ๆของพวกมัน

กำนันสิงห์เดินออกมายังระเบียง มองดูบุตรชายเอาขนมออกมาแจกบรรดาลูกสมุนสี่ขาโดยไม่ยอมขึ้นมาบนเรือนจนกว่าจะหายคิดถึงกัน แล้วสั่งให้ไอ้แก้วไปเตรียมน้ำไว้รอรับลูกเขยที่เดินขึ้นเรือนมาก่อน

“หายดีแล้วใช่มั้ยพ่อทิ”

“ครับ แล้วทางนี้เป็นยังไงบ้าง หอมไม่อยู่ตั้งหลายวัน ยุ่งรึเปล่าครับ”

“ไม่หรอกๆ ไอ้สารก็อยู่ แต่ถ้ามันไม่ไปสิ ฉันจะฟาดมันให้ตูดลาย พิเรนทร์จนได้เรื่อง ดีนะที่พ่อทิไม่เป็นอะไรมาก”

ทิเบตยิ้มแทนคำพูดกับความแสบสะท้านของร่างโปร่ง ต่อไปเขาเองก็ต้องระวังตัวไว้เหมือนกัน ไม่งั้นคราวหน้าอาจได้เอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ ให้คนที่ได้ชื่อว่าเมียตกพุ่มหม้ายทั้งที่ยังไม่ได้แตะแม้ปลายก้อยหัวเราะสมใจ เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ยอมลาโลกไปง่ายๆเด็ดขาด

หมอหนุ่มคุยกับกำนันสิงห์ต่อไม่กี่ประโยคก็ถูกไล่ให้ไปพักผ่อน จนกระทั่งพลบค่ำ ทิเบตซึ่งหลับสนิทก็ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาพร้อมกับท้องที่ร้องโครกคราก ชายหนุ่มเดินออกมายังชานเรือนก็เห็นกำนันสิงห์กำลังทานข้าวเย็น จึงเข้าไปสมทบ

“มาๆกินข้าว เมื่อกี้ให้ไอ้แก้วไปดู เห็นยังหลับอยู่เลยไม่อยากปลุก ถ้าจะเพลียมากนะพ่อทิ”

ชายหนุ่มระบายยิ้มบางกับคำทัก พลางหยิบจานออกมาตักข้าว

“แต่โบราณเขาถือนา นอนตอนโพล้เพล้แบบนี้ ถ้าไม่เป็นอะไรก็อย่านอนบ่อยๆล่ะ”

ทิเบตรับคำก่อนหันมองไปรอบๆตัว เห็นแต่ไอ้แก้วกับไอ้ขันผลุบๆโผล่ๆอยู่ตามครัว ไม่เห็นลูกพี่ของเจ้าพวกนี่จึงเอ่ยปากถาม

“หอมล่ะครับ ไม่มาทานข้าวด้วยกัน”

“อืม เจ้าเทพมาหาตั้งแต่เย็น เลยตักข้าวไปกินกันข้างล่างประสาหนุ่มๆล่ะนะ”

ทันทีที่กำนันบอกจบ ทิเบตก็หันขวับไปยังลานหน้าบ้าน บนแคร่ไม้ไผ่มีร่างชายหนุ่มสองคนกำลังทานข้าวกันไปหัวเราะให้กันไป หัวใจหมอหนุ่มกระตุกชาไปชั่วครู่ก่อนหันกลับมาสนใจจานข้าวตรงหน้า และไม่ถึงนาทีก็ต้องหันไปมองอยู่แบบนั้นจนอิ่ม

กำนันสิงห์นั่งอยู่ตรงข้ามเห็นอาการอยู่ไม่สุขของลูกเขยก็พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาลางๆ ลอบพรางพรูลมหายใจ

ภาระที่ตนเองได้แบกไว้กำลังมีคนมาช่วยรับไปดูแลแล้ว

“เจ้าเทพมันเป็นเพื่อนกับไอ้หอมมานานแล้ว”

ผู้สูงวัยเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ทำให้ทิเบตละความสนใจจากบุคคลทั้งสอง กลับมาพิจารณาคำพูดของฝ่ายตรงข้าม พลางรู้สึกร้อนไปทั้งใบหน้าเมื่อถูกจับได้

“หรอครับ...”

ชายหนุ่มอึกอักก่อนหันไปมองทั้งคู่อีกครั้ง ความคิดบางอย่างย้อนกลับเข้ามาในสมองเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ไม่ว่ามองจากมุมไหนก็ดูเหมาะสมกันดี แต่เขากลับเป็นคนที่มาอยู่ตรงนี้ แทนที่ใครบางคน

“ดูเขาเป็นห่วงเป็นใยกันดีนะครับ”

ทิเบตลากสายตากลับมายังกำนันสิงห์ มองลงไปในดวงตาคู่ดุและยากหยั่งถึงความคิด

จากที่ได้ใกล้ชิด กำนันสิงห์ไม่ใช่คนทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล และก็ไม่ใช่คนที่เชื่ออะไรงมงายจนกู่ไม่กลับ ซ้ำยังยุติธรรมไม่เอาเปรียบใครจนเป็นที่นับหน้าถือตาของชาวบ้าน น้ำใจก็งามผิดหน้าตาที่ดูดุดัน ถ้าตัดเรื่องความรักลูกชายคนเล็กมากจนเกินพอดีแล้ว กำนันสิงห์เป็นคนที่ควรเอาเป็นแบบอย่าง แล้วทำไมคนที่รอบคอบ คิดอะไรไกลกว่าใครๆจึงเลือกให้ลูกชายแต่งงาน!

บางสิ่งที่เกินกว่าการคาดเดา ปมที่ไม่อาจสางได้ด้วยตัวเอง และคำตอบก็ใช่ว่าจะไม่มี หากอยู่ตรงหน้านี้เอง

ผู้อ่อนวัยสำรวมความคิดเพื่อเปิดไปสู่คำตอบ

“ผมดูเขาเอางานเอาการนะครับ เพื่อนของหอมคนนี้...ไม่ได้ด้อยอะไรเลย” ชายหนุ่มหยุดชั่งใจก่อนกล่าวต่อ “แล้วทำไมกำนันถึงเลือกผมล่ะครับ” ดวงตาคู่อ่อนโยนหากมั่นคงจ้องประสานกับอีกฝ่าย “ทางออกมันมีอยู่ ผมอยากรู้ว่าทำไมกำนันถึงเลือกทางนี้ครับ ทั้งๆที่ต้องแลกมาด้วยอะไรตั้งหลายอย่าง”

กำนันสิงห์ชะงักพร้อมกับบรรยากาศรอบตัวเย็นลงตอบรับความรู้สึกของคนทั้งคู่ จากนั้นยกแก้วน้ำขึ้นดื่มพลางมองไปทางบุตรชายอย่างใคร่ครวญและสดับรับฟังความคับข้องใจของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกเขย

“มาถึงวันนี้ผมต้องบอกพ่อกำนันว่า ผมไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงสถานะที่เป็นอยู่ ไม่คิดจะเลิก เว้นเสียแต่ทางนี้จะไม่ต้องการ เพราะผม...คงจะรักลูกของพ่อกำนันแล้วจริงๆ”

“คงจะหรือ...” กำนันสิงห์หนวดกระตุก หันมองหน้าอีกฝ่าย

“เวลาเท่านี้ เกิดความรู้สึกแบบนี้ได้ก็แปลกแล้วครับ” ทิเบตยิ้มฝืด ค้นหาสัญญาณในแววตาอีกฝ่าย “กำนันบอกผมได้มั้ยครับ”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มแต่แฝงไว้ด้วยความกดดัน ทำให้กำนันสิงห์ถอนหายใจ นิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนเอ่ย

“เพราะความเห็นแก่ตัวของคนเป็นพ่อไงล่ะ”

พูดไปก็ยกผ้าขาวม้าปัดริ้นไรตามตัวเมื่อเริ่มพลบค่ำ

“ไอ้หอมมันไม่ค่อยจะดี เห็นมันทโมนแบบนั้นแต่จริงๆแล้วมันเป็นโรคหัวใจรั่วมาแต่เกิด ในบรรดาลูกๆฉันก็ห่วงแต่มันนี่ล่ะ”

ทิเบตนิ่วหน้าจับกระแสเสียงเนิบนาบแฝงไว้ด้วยความหวาดหวั่น

“ลึกๆแล้วฉันก็รู้ว่าลูกชอบอะไร แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ใจคนเป็นพ่อก็อยากให้มันมีเมียมีลูกเหมือนชาวบ้านเขา ถ้าทำได้ฉันก็อยากให้มันเป็นแบบนั้น แต่ความต้องการของฉันทำให้ลูกกดดัน ยิ่งปกปิดก็เหมือนยิ่งเปิดเผยให้รู้ว่าถึงจะทำยังไง มันก็ยังเป็นมัน จนเมื่อเกิดเรื่องขึ้นฉันถึงคิดได้ว่า ไม่เกิดเรื่องวันนี้ วันหน้าก็ต้องเกิด”

กำนันสิงห์มองไปในดวงตาชายหนุ่มที่สงบรอรับฟัง

“และไหนๆพ่อทิก็เป็นหมอ ฉันเลยอยากให้ลูกตัวเองอยู่ใกล้มดใกล้หมอไว้เป็นดีที่สุด ถึงได้เป็นอย่างทุกวันนี้ไง”


“พ่อกำนัน...”ทิเบตคราง

คำอธิบายกระชับได้ใจความทำเอาทิเบตนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนหันไปมองร่างเล็กที่หัวเราะต่อกระซิกกับเพื่อนชาย

กำนันสิงห์ใช้วิกฤตจากเรื่องที่เกิดขึ้นจัดการผูกมัดเขาไว้เพราะคำว่าลูกคำเดียว เพื่อลูกแล้วถึงกับยอมเสียหน้า ยอมสร้างเงื่อนไข และยอมเสี่ยงเพื่อให้ลูกมีคนดูแลไปตลอดชีวิต

นี่เขาเผลอเข้าใจผิดมาตลอดว่าสิ่งที่ทำทุกวันนี้ก็เพื่อแม่ และรับผลในสิ่งที่ตัวเองได้ก่อขึ้น ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นแผนของคนตรงหน้า

ให้ตายเถอะ! ถึงความจริงเขาจะเป็นคนผิด แต่ตอนนี้เขารู้สึกเสียรู้กำนันสิงห์หมดรูป แถมยังถอนตัวไม่ขึ้นอีกต่างหาก

มาเหนือเมฆจริงๆ สมแล้วที่เป็นกำนันมานับสิบๆปี ไม่ต่างกับขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด

ทิเบตตกอยู่ในภวังค์ความคิดจนกำนันสิงห์เป็นฝ่ายร้อนใจเสียเอง ด้วยไม่คิดว่าชายหนุ่มจะรับฟังอย่างสงบ ไม่โวยวายออกมาซักคำ นอกจากการถอนหายใจยาว

“จะไม่โวยวายอะไรหน่อยหรือพ่อทิ”

ทิเบตที่ใบหน้าเผือดลงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อปรับอารมณ์ ก่อนส่ายหน้า

“ยังไงผมก็เป็นคนก่อเรื่อง ผมไม่มีสิทธิ์ไปโวยวายกับความหวังดีของคนเป็นพ่อหรอกครับ”

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาคงจะไม่พอใจ แต่ไม่ใช่ตอนนี้...

ไม่ว่ากำนันจะทำเพื่ออะไรก็ตาม แต่เขาทำเพื่อตัวเอง เพราะอยากจะรู้ว่าความอบอุ่นเล็กๆในใจนี้จะเติบโตไปถึงไหนกัน

ชายหนุ่มสรุปความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา และเรียบง่ายจนตัวเองยังแปลกใจ

หากหัวคิ้วซึ่งคลายออกแล้วขมวดมุ่นอีกครั้ง เมื่อนึกถึงเหตุผลที่อีกฝ่ายกล่าว

“แล้วที่ว่าเป็นโรคหัวใจรั่วนี่รูรั่วขนาดไหนครับ มีแพทย์รักษาประจำรึเปล่า”

“ก็หมอที่โรงพยาบาลเขาบอกว่า2-3มิล” ผู้สูงวัยยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองแรงๆ “อาการไม่ร้ายแรง เลยไม่ต้องกินยา แต่บางครั้งฉันเห็นลูกหอบจนตัวโยน ฉันก็กลัว กลัวจริงๆนะพ่อทิ พอไปหาหมอ ฉันถามว่าไม่เป็นอะไรจริงๆหรือ ก็ได้คำตอบเดิมๆ ว่าให้ปฏิบัติตัวตามที่หมอแนะนำ ก็จะมีชีวิตยืนยาวเหมือนคนทั่วไป แต่มันก็ยังห่วง”

ทิเบตมองภาพกำนันผู้เข้มแข็งพลันเหลือเพียงภาพชายชราที่เฝ้าห่วงลูกหลานสะท้อนเข้าไปในอกชายหนุ่ม

ในวันที่เขาเลือกเดินทางนี้ มารดาของเขาก็คงรู้สึกไม่ต่างจากนี้นัก

เพราะไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะประคับประคองชีวิตคู่ไปได้ตลอดรอดฝั่งรึเปล่า

คิดถึงตรงนี้ หัวใจดวงโตรู้สึกหนักอึ้ง หันมองเจ้าของร่างโปร่งอีกครั้ง

มันทำคนเดียวได้ที่ไหนกันเล่า ถ้าเจ้าตัวแสบนั่นไม่ร่วมมือร่วมใจด้วย

ชายหนุ่มดุนลิ้นเข้ากับกระพุ้งแก้มใช้ความคิดหาทางรับมือกับความพยศสุดเฮี้ยวของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา ซึ่งแม้จะถูกตั้งป้อมใส่จนเหมือนเกลียดกันมาแต่ชาติปางก่อน แต่เขาก็เชื่อในความรู้สึกแรกที่ได้รับจากร่างเล็กๆนั้น

สักวันเขาจะต้องง้างประตูที่ปิดกั้นหัวใจนั่นออกให้ได้

เพราะถ้าอยากได้ใจก็ต้องแลกด้วยใจเช่นกัน

เขาเชื่ออย่างนั้น...



ทิเบตซักถามอาการของข้าวหอมจากกำนันสิงห์อีกพักใหญ่ก่อนขอตัวกลับเข้าห้อง และวางแผนการรักษาดูแลสุขภาพของข้าวหอมคร่าวๆขณะอาบน้ำ เมื่อออกจากห้องน้ำก็เยี่ยมหน้าออกไปทางหน้าต่างเพื่อสังเกตวี่แววของแขกและเจ้าตัวดี ซึ่งดูจะไม่คิดสนใจใยดีสามีคนนี้เลย

ชายหนุ่มนิ่งมองภาพเบื้องล่างท่ามกลางแสงสว่างของไฟนีออน เก็บงำความไม่พอใจไว้ลึกๆก่อนละความสนใจคว้าหนังสือมานอนอ่านจนหลับไปเพราะความอ่อนเพลีย หากเจ้าของห้องอีกคนก็ยังไม่กลับขึ้นมา

รุ่งเช้าข้าวหอมตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกหน่วงในอก ด้วยเมื่อคืนคุยกับสุเทพจนติดลม เผลอตอบตกลงไปเป็นเพื่อนอีกฝ่ายซื้อของในตัวเมือง ทั้งที่วันนี้เขาต้องคุมคนงานเก็บข้าวโพด

‘คงต้องให้เจ้าแก้วไปแทน’ ข้าวหอมตัดใจ ไม่ใช่ไม่ห่วงงาน แต่ ณ เวลานี้เขาเลือกให้ความสำคัญกับสุเทพมากกว่า ร่างโปร่งเสยผมแล้วพับเก็บผ้าห่ม ก่อนชะโงกมองร่างสูงซึ่งนอนบนพื้น


ใบหน้าขาวคมคายยังคงหลับสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอทำให้ข้าวหอมเท้าคางมองคนหลับ ดวงตาอ่อนแสงลงพินิจพิจารณาคนไม่รู้สึกตัว

เห็นขาวๆท่าทางคุณชายแบบนี้แต่ก็อึดใช่เล่นนะ ไอ้คุณหมอ

ร่างโปร่งสัมผัสได้ถึงความพยายามและอดทนของคนตรงหน้า ปราการที่ตั้งไว้จึงสั่นคลอนไม่ใช่น้อย เจ้าตัวถอนใจยาวยืดกระหวัดคิดไปถึงสุเทพ คิดถึงเวลาอยู่ด้วยกันในอกก็ร้อนวาบขึ้นมากับการแสดงออกอย่างเปิดเผยของอีกฝ่าย

คนที่รักเรากับคนที่ฝืนใจอยู่กับเรา มันเลือกไม่ยาก แต่...ไม่รู้ทำไมถึงไม่กล้าตอบรับความรู้สึกของเพื่อนสนิท

ข้าวหอมตัดใจจากใบหน้าน่ามองนั้น ลุกขึ้นจัดการกับเนื้อตัวตัวเองแล้วออกไปพบสุเทพ ปล่อยให้คุณหมอหนุ่มหงุดหงิดหัวใจอีกครั้ง เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่า

ถูกทิ้ง!

“นี่จะไม่เห็นหัวกันเลยใช่มั้ย” ชายหนุ่มปาผ้าเช็ดผมลงบนที่นอน หลังจากได้รับรายงานจากไอ้แก้ว แล้วยกมือขึ้นกอดอก

นี่เขาจะต้องงัดมาตรการเรียกร้องความสนใจแบบเด็กสามขวบมาใช้ด้วยรึเปล่าเนี่ย ถึงจะทำให้อีกฝ่ายหันกลับมามองเขาบ้าง

ชายหนุ่มเดินออกมายังชานเรือน รู้สึกว่าเมื่อเจ้าตัวดีไม่อยู่ เรือนหลังใหญ่นี้ก็ดูเงียบสงบขึ้นมาถนัดใจ ก่อนจะเดินไปตักข้าวใส่จานแล้วโปะด้วยหมูทอดสองสามชิ้นพร้อมต้มจืดหน้าตาประหลาดๆหนึ่งถ้วย หันซ้ายหันขวาดูท่าจะไม่มีใครอยู่ทานเป็นเพื่อนจึงเดินลงเรือนไปนั่งที่แคร่ใต้ต้นไม้แล้วส่งเสียงเรียกบรรดาลูกรักลูกชังสี่ขาของข้าวหอม ซึ่งมันก็วิ่งหน้าเริดมายืนน้ำลายยืดน้ำลายย้อยตรงหน้า โดยเฉพาะไอ้โจ๋น้อย พอมันได้กลิ่นหมูทอดปุ๊บก็เกยคางลงบนหน้าขาปั๊บ ส่งสายตาอ้อนวอนให้ชายหนุ่มเห็นใจและจำใจฉีกหมูทอดให้มันกิน ทิเบตส่งส่วนที่เหลือให้หมูอ้วนซึ่งนั่งเรียบร้อยอยู่ข้างๆ ส่วนไอ้โก๊ะหน้าดำหายไปไหนก็ไม่รู้ ชายหนุ่มเดาว่ามันคงตามพ่อกำนันเข้าไปในไร่

เวลาผ่านไปกินข้าวไม่ถึงสามคำ ก็รู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงบนหน้าขาอีกครั้ง ทิเบตเหลือบดูก็ประสานสายตาดำขลับใสปิ๊งของโจ๋น้อยจ้องตาเขาเขม็ง พร้อมกับน้ำลายใสยืดเปื้อนขากางเกงเป็นดวงด่าง

“เฮ้ย! แกนี่มันตะกละจริงๆเลย”

คุณหมอหนุ่มมองเจ้าสุนัขจอมซนแล้วแสร้งไม่สนใจทานข้าวต่อไป แต่ก็ทำได้ไม่นานเมื่อไม่สามารถอดทนอดกลั้นต่อสายตาวิงวอนของเจ้าโจ๋น้อยได้ จึงถอนหายใจหนึ่งเฮือกหยิบหมูทอดฉีกแบ่งให้ทั้งสองตัวอีกครั้ง

“ถ้าเจ้านายพวกแกหลอกล่อได้ด้วยของกินก็คงดีหรอก”

ทิเบตยกยิ้มบางมองเจ้าสุนัขทั้งสองตัวด้วยความเอ็นดู เพราะอย่างน้อยความพยายามที่จะญาติดีกับพวกมันตอนนี้สัมฤทธิ์ผลแล้ว ถ้าไม่นับไอ้โก๊ะหน้าดำล่ะนะ เพราะฉะนั้นกับคนที่มีจริตมากความ ก็ย่อมต้องใช้เวลาล้างทิฐิที่เกาะกินใจให้หมดไป

หวังว่าเขาคงจะมีวันนั้นนะ



ภายในตลาดตัวเมืองสุพรรณบุรี ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านชายหนุ่มสองคนหิ้วของพะรุงพะรังเดินจับจ่ายใช้สอยจนตะวันใกล้ตรงศีรษะ ร่างโปร่งบางจึงร้องโอดครวญกับเพื่อนสนิท

“เทพ ครบยังเนี่ย หนักจะแย่แล้ว” ข้าวหอมมองปลายนิ้วเริ่มเขียวจากการหิ้วของหนักเป็นเวลานาน “ใช้คุ้มจริงๆ เลี้ยงข้าวมื้อเดียวท่าจะไม่พอนะเนี่ย”

สุเทพได้ยินเสียงบ่นกระปอดกระแปดพลางอมยิ้ม เหลือบมองแก้มป่องๆปากยื่นๆอย่างหมั่นเขี้ยว

“งั้นเลี้ยงสองมื้อเลยล่ะกัน”

ชายหนุ่มผิวคล้ำแดดเอียงคอเหล่มองเพื่อนหน้าขาว มุมปากยกยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังมีท่าทีไม่จุใจ จึงชะลอให้ร่างโปร่งเดินขึ้นมาเสมอกันแล้วก้มลงกระซิบบอกข้างใบหูเล็กเบาๆ

“งั้นเลี้ยงตลอดชีวิตเลยเอามั้ย?”

ข้าวหอมเบิกตากว้างกับคำพูดโจ่งแจ้ง ใบหน้าขาวร้อนวูบก่อนหลุบตาลงแล้วเสเอาไหล่กระแทกต้นแขนกำยำ

“ตลกล่ะ แต่เย็นนี้ต้องไปบ้านลุงมีเป็นเพื่อนฉันนะ”

“มีอะไรหรือ” สุเทพเลือกจะปล่อยผ่าน ไม่กดดันให้อีกฝ่ายอึดอัด แต่ก็รุกเมื่อสบโอกาสเสมอ เพราะเขาใจเย็นมาเกินพอแล้ว “ลุงมีมีลูกตัวใหม่รึไง” ชายหนุ่มหมายถึงไก่ชน

“หึ...เก่าแล้ว ตอนนี้ลุงมีเขาเลี้ยงปลากัด จะไปดูว่าลุงแกเพาะพันธุ์ยังไง วันก่อนเด็กๆมันมาเล่าให้ฟัง เลยอยากไปดู”

“อยากไปดูรึอยากไปขอมาเลี้ยง ระวังเหอะ พ่อกำนันรู้เข้าจะโดนดุ”

ข้าวหอมหน้ามุ่ยเมื่อคนข้างๆเอาบิดามาอ้าง ก็คราวก่อนถูกบ่นเรื่องไก่ชนจนหูชา คราวนี้ถ้าเรื่องถึงหูอีกเป็นได้แก้วหูแตก คิดไปถึงตรงนั้น ดวงตาวาวๆแลดูซุกซนก็ช้อนตามองร่างสูงอย่างออดอ้อน

“เทพก็อย่าบอกพ่อสิ”

สุเทพแสร้งวางทีเฉยเมยกับคำขอร้องน่ารักน่าหยิก นานจนเจ้าคนเจ้าเล่ห์จับไต๋ได้ ใช้ศีรษะมากระแซะถูไถเอาใจ ร่างสูงกว่าจึงหลุดหัวเราะออกมา

“ได้ๆ แต่ต้องไปกับเทพนะ ห้ามแอบไปคนเดียว โอเค?” ชายหนุ่มลากเสียงสูงหยั่งเชิงด้วยใจตุ๋มๆต่อมๆ เพราะนั่นหมายถึงอีกฝ่ายยอมให้เขาเข้าไปใกล้หัวใจเล็กๆนั้นอีกก้าวหนึ่ง

และคำตอบทางภาษากายก็ทำให้เขาตัวลอย เมื่ออีกฝ่ายคลี่ยิ้มพยักหน้าหงึกๆ ร่างสูงจึงเดินอมยิ้มนำไปซื้อของร้านค้าถัดไปด้วยหัวใจอิ่มเอิบ

ส่วนเจ้าตัวดีเมื่อมีคนให้ท้ายก็เดินผิวปากสบายอารมณ์ เสร็จสรรพจากการซื้อของก็ลากเพื่อนไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวที่เพิงข้างทาง เจ้าเด็ดเผ็ดสะใจจนสุเทพแอบน้ำตาซึมจากความเผ็ดร้อน จากนั้นจึงพากันไปบ้านลุงมีและเอ้อระเหยจนค่ำ

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
ฝ่ายทิเบตหลังจากลากำนันสิงห์กลับมาทำงาน คุณหมอหนุ่มก็ตกอยู่ในอาการครุ่นคิดยามว่างเว้นจากการทำงาน ชายหนุ่มนั่งพลิกหน้าหนังสืออ่านจับใจความคร่าวๆในห้องนั่งเล่นชั้นล่างยามเย็น บรรยากาศโปร่งสบายจากเพดานสูงและกำแพงกระจกใส มองเห็นสวนเขียวขจี เสียงตึงตังของหลานทั้งสองคนไม่สามารถฉุดชายหนุ่มออกจากภวังค์ กระทั่งได้ยินเสียงร้องไห้งอแงของเด็กหญิงเพิร์ส ทิเบตจึงหันมองต้นเสียง เห็นพี่น้องสองคนกำลังยื้อหนังสือกันอยู่ เจ้าคนพี่ที่เริ่มสู้แรงน้องชายไม่ได้ก็แบะปากกระทืบเท้าเร่าๆ ร่างสูงจึงวางหนังสือแล้วลุกไปห้ามศึกพี่น้อง พลางกวาดตามองหาพี่เลี้ยงของเด็กทั้งคู่ ด้วยบิดามารดาของเด็กทั้งสองไปต่างประเทศจึงเอามาให้ย่าเลี้ยงหลายวันแล้ว

“ไม่แย่งกันครับ ม่ะ ลุงอ่านให้ฟังดีกว่านะ” ชายหนุ่มขอหนังสือจากเด็กทั้งสองแล้วอุ้มมานั่งบนหน้าขาคนละข้าง มือใหญ่เช็ดน้ำตาเม็ดโตให้แก่เด็กหญิงก่อนยกยิ้มปลอบ “เป็นพี่น้องกันต้องแบ่งกันอ่าน ถ้าแย่งกันหนังสือก็จะขาด ขาดแล้วก็อดดูภาพสวยๆ แบบนั้นดีมั้ย?”

เด็กชายส่ายหน้าก่อนอิงตัวพิงผู้เป็นลุงอย่างออดอ้อน จากนั้นจึงแอบเหลือบมองใบหน้าลุงด้วยดวงตาดำสุกใส เล่นเอาทิเบตส่ายหน้าระคนเอ็นดู มือใหญ่ยกขึ้นขยี้เส้นผมนุ่มแล้วกางหนังสือนิทานภาพสีสดแตะตา อ่านให้หลานๆฟัง จนมารดาออกมาพบ

“อ้าว มาอยู่ที่นี่เอง ย่าก็คิดอยู่ว่าหายไปไหน ไม่เห็นไปอ้อนขอขนมในครัว” นิภาวางจานขนมและผลไม้บนโต๊ะตรงหน้าบุตรชาย “ทานเสร็จแล้วจะได้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ดูสิ ไม่รู้ว่าไปเรียนรึไปฟัดกับไอ้ตูบมา ถึงได้เปื้อนขนาดนี้” นิภาบ่นหลายชายซึ่งยิ้มอายๆเกาะลุงแน่น

“แล้วพี่เลี้ยงเขาล่ะครับ”

“แม่ให้ออกไปซื้อของ เดี๋ยวกลับมาก็พอดีเอาเจ้าสองคนนี้อาบน้ำ นี่ถ้าไม่มีพี่เลี้ยงแม่คงปวดหัวแย่ เด็กเดี๋ยวนี้อยากรู้อยากเห็นไปซะทุกอย่าง ยิ่งเสาร์อาทิตย์นี่วิ่งกันเพดานแทบถล่ม ไม่ก็ร้องอยากไปเล่นของเล่นในห้างโน้น ไม่เหมือนสมัยแม่เด็กๆ เลิกเรียนก็ไปเล่นในสวน ไม่ก็เล่นน้ำคลอง” นิภาถอนหายใจ “แต่อย่างว่านะ ในเมืองแบบนี้จะไปหาสวนหาคลองน้ำใสๆจากไหน แม่ล่ะกลัวว่าหลานจะติดเกมอย่างในข่าวเหลือเกิน”

ทิเบตอมยิ้มกับอาการห่วงลูกหลานของมารดา

“มันก็ไม่ใช่สิ่งไม่ดีนะครับ เพียงแต่ต้องดูแลเอาใจใส่ เลือกเล่นเกมตามวัยของเขา ส่งเสริมกิจกรรมอื่นที่พวกเขาชอบ ก็จะไม่หมกมุ่นกับเกมเกินไปหรอกครับ”

“แต่แก่ๆอย่างเราจะไปตามเด็กพวกนี้ทันได้ยังไง กดอะไรกันก็ไม่รู้ ดูน่าเวียนหัว”

“โธ่แม่ครับ พ่อเจ้าพวกนี้มันดูได้ แต่ถ้าแม่ห่วง กลัวหลานๆจะไฮเทคเกินไป อยากให้ไปคลุกดินคลุกทรายบ้าง เดี๋ยวเสาร์อาทิตย์เราพาพวกเขาไปสุพรรณมั้ยล่ะครับ เอาไปปล่อยไว้บ้านกำนันสิงห์ก็ได้ ที่นั่นก็มีข้าวเม่า ข้าวปั้น ข้าวใหม่ อายุไม่ห่างกันเท่าไหร่ ที่นี้ล่ะ หลานแม่ได้เข้าแก๊งสำรวจโลกกันทั้งวัน” รวมเจ้าหัวโจกหน้านวลเข้าไปด้วย รายนี้ล่ะตัวนำ!

“ก็ดีนะ แม่ว่าเอาไปอยู่บ้านนอก หัดทำงานเล็กๆน้อยๆซะบ้าง อยู่นี่มีพี่เลี้ยงคอยทำให้ เสียคนมาเยอะแล้ว”

ทิเบตหัวเราะลงคอ นึกถึงวัยเด็กของตนเองที่ถูกมารดาเคี่ยวเข็ญให้กวาดถูห้องนอน ล้างจาน ถอนหญ้าหน้าบ้าน ถ้าอู้เป็นได้ถูกทำเพิ่ม หรือไม่ก็ตัดเงินค่าขนม

“จะไปเมื่อไรแม่ก็บอกนะครับ”

ชายหนุ่มนั่งเล่นกับหลานเพลินจนลืมเรื่องกลัดกลุ้มใจ กระทั่งถึงวันที่จะต้องเดินทางไปหาคุณภรรยาสุดเฮี้ยวอีกครั้ง


ณ โรงพยาบาล ทิเบตนั่งขมวดคิ้วอ่านเอกสารตรงหน้าก่อนผลักออกห่าง วันนี้เขาจะต้องกลับไปค้างบ้านกำนันสิงห์เช่นทุกที แต่การไปอยู่ที่นั่นก็ไม่ต่างกับหัวหลักหัวตอ ไร้วี่แววการดูดำดูดีจากภรรยา แม้นอนห้องเดียวกันแต่ก็เหมือนอยู่กันคนละขั้วโลก และที่ร้ายไปกว่านั้นคือการที่ข้าวหอมมีชายหนุ่มหน้าเดิมมาเยี่ยมเยียนแทบทุกวัน ไม่ไปหาเขา เขาก็มาหา จนไม่มีเวลาแม้กระทั่งต่อล้อต่อเถียงกับเขา เข้าห้องมาก็หลับเป็นตาย มันน่าโมโหมั้ยล่ะ ที่อีกฝ่ายทำเหมือนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา

คนใจเย็นอยู่เป็นนิจตอนนี้กลับว้าวุ่นใจอย่างหนัก เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเสียงดังตึกๆ สักพักชายหนุ่มจึงล้วงโทรศัพท์ออกมากดสั่งอะไรบางอย่างแก่คนปลายสาย แล้วยกยิ้มมุมปาก

หึ...ดูซิยังจะเมินเขาได้อีกมั้ย



ทิเบตจงใจเดินทางมาสุพรรณบุรีด้วยรถตู้ ทั้งยังไม่ยอมลงจุดที่ใกล้บ้าน หากนั่งต่อไปเรื่อยๆจนถึงในเมือง ชายหนุ่มมีเพียงกระเป๋าเอกสารใบเดียวติดตัวมา เมื่อลงจากรถก็หยิบโทรศัพท์โทรหาเจ้าตัวดีทันที รอปลายทางเพียงชั่วอึดใจ น้ำเสียงขุ่นมัวก็ดังขึ้น

“มีอะไร” เสียงห้วนถามระคนแปลกใจ ร้อยวันพันปีเจ้าหมอคนดีของพ่อจะโทรหา

“มารับหน่อย อยู่หน้าร้านเซเว่นในเมือง”

คนตอบก็ตอบได้กวนอารมณ์พอกัน และหากคนปลายสายเห็นริมฝีปากติดรอยยิ้มสมใจที่ได้กวนอารมณ์คนได้ คงแทบเนื้อตัวเต้น

“แล้วไปทำอะไรที่นั่นล่ะ ไปได้ก็กลับเองได้สิ”

ทิเบตขมวดคิ้วมองโทรศัพท์มือถือตัวเองคล้ายไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมถอยแม้ครึ่งก้าวให้กันเลย ก่อนกรอกเสียงหนักลงไป

“วันนี้รถฉันเสียเลยมารถตู้ อย่าถามมาก ออกมารับเร็วๆ”

“ห๊ะ! มารถตู้ แล้วทำไมไม่ลงแยกปากทางแถวบ้านล่ะ ไปลงซะสุดสายทำไม งะ...” คนปากดีเก็บคำว่า โง่เปล่า กลับคืน ด้วยยังไงอีกฝ่ายก็แก่กว่าโข ขืนหลุดปากว่าอาจซวยไปอีกนาน

“อะไร...” ทิเบตถามเมื่ออีกฝ่ายสะดุด เงียบลง

“เปล่า แต่ฉันมีธุระ ไปรับไม่ได้หรอก นายนั่งรถสองแถวเข้ามาเองก็แล้วกันนะ”

ข้าวหอมได้ทีซ้ำเติมอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง สมน้ำหน้า อยากเสนอตัวมาให้ไอ้หอมคนนี้กระทืบซ้ำเอง

“แต่ฉันไม่รู้ว่าจะขึ้นตรงไหน นายมารับนั่นล่ะดีแล้ว แล้วค่อยไปธุระของนายด้วยกัน”

“เรื่องอะไรฉันจะต้องเอานายไปด้วย อยากไปลงตรงนั้นก็เดินกลับมาเองก็แล้วกัน”

ไม่รอให้อีกฝ่ายเซ้าซี้ข้าวหอมรีบกดตัดสายแล้วเดินผิวปากสบายอารมณ์ลงไปยังใต้ถุนเรือน หยอกเย้ากับสุนัขตัวโปรด ไม่สนใจคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีจะเป็นจะตายยังไง

ทว่าคนต้นคิดจะกวนใจคนเล่นกลับไม่ยี่หระให้สมใจคนคาดหวัง กดหมายเลขถัดไปทันที

ดูซิ เขาจะทำให้ไอ้เด็กแสบนั่นยอมมาได้มั้ย

เสียงโทรศัพท์บนเรือนดังปุ๊บ ไอ้แก้วซึ่งอยู่ใกล้ๆก็รับปั๊บ ได้ความแล้วจึงส่งต่อให้กำนันสิงห์

ไอ้แก้วมองพ่อกำนันรับโทรศัพท์ไปแนบหูด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส หากรอยยิ้มประดับใบหน้ากลับค่อยๆเหยียดตรง และกลายเป็นบึ้งตึง และค่อยๆแดงก่ำ และ...เหมือนเห็นควันเริ่มออกจากหู

“ไอ้หอม!”

เสียงตะโกนเรียกบุตรชายลั่นเรือนทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งเสียวสันหลังวาบ และยังไม่ทันได้ลุกหนี พ่อกำนันก็มายืนที่หัวบันไดแล้ว

“เอ็งไปรับหมอเดี๋ยวนี้เลยนะ! ถ้ายังมายักแย่ยักยันจะแพ่นกบาลให้”

“พ่อ...โธ่ ฉันมีธุระให้ไอ้แก้วไปรับก็แล้วกัน” เจ้าทโมนหัวเสียเมื่ออีกฝ่ายเล่นของสูง

“ธุระเอ็งให้ไอ้แก้วไปทำ ตัวเอ็งไปรับหมอทิเขาเลย”

“พะ...”

“ไป!”

น้ำเสียงสั่งเด็ดขาดทำให้ข้าวหอมหน้าเสียเม้มปาก เมื่อแม้จะเอ่ยปากอุทธรณ์ก็ไม่เป็นผล ผู้เป็นพ่อโมโหจนตาโปนหนวดกระดิก และเขาไม่นึกอยากกระตุกหนวดเสือเก่าตอนนี้ จึงจำใจเดินกระแทกส้นเท้าไปเปิดประตูรถยนต์และปิดดังปัง ระบายความหงุดหงิด

กำนันสิงห์มองบุตรชายสุดรักสุดสวาทขับรถออกจากบ้านแล้วพรางพรูลมหายใจยาว

“ไอ้ลูกคนนี้มันจะรั้นไปทำไมก็ไม่รู้”

ชายชราค่อยๆลงบันไดมาหยุดยืนกลางลานกว้างหน้าเรือนไทย สูดลมหายใจรับพลังชีวิตเพื่อต่อแรงใจแรงกายจนกว่าจะถึงวันหนึ่ง วันที่สามารถวางใจปล่อยวางได้จากทุกอย่าง

สุนัขทั้งสามตัวคงรับรู้กระแสความคิดอันหม่นหมองนั้น จึงเดินเข้ามาคลอเคลียและเงยหน้ามองชายชราตาใสซื่อ คล้ายจะบอกว่า อย่าเศร้าไปเลยนะ



ข้าวหอมผ่อนคันเร่งหลังจากเหยียบจนมิดมาซักพัก ภาพสองข้างทางชัดขึ้นและคนขับก็ใจเย็นขึ้น จนสามารถคิดได้ว่าเรื่องอะไรจะต้องรีบไปให้สมใจเจ้าหมอเถื่อนนั่น ปล่อยให้คอยซะให้เข็ด ถ้าโทรฟ้องพ่อก็จะบอกว่ารถเสียก็สิ้นเรื่อง ความคิดแก้แค้นคืนเล็กๆน้อยๆไม่ต่างกับเด็กกำลังพาล ทำให้ข้าวหอมขับเอื่อยเฉื่อยเร็วกว่าจักรยานนิดเดียว กระทั่งรถสิบล้อบรรทุกฟางเต็มคันรถก็สามารถจี้ตูดได้ และเจ้ารถคันโตคงหงุดหงิดกับไอ้รถกระป๋องข้างหน้า ที่คงมีอันจะกินถึงไม่คิดจะรีบไปทำมาหารับประทาน จึงเหยียบคันเร่งแซงส่งเสียงคำรามสะท้านถนนหนทาง ให้เป็นที่จับตามองของชาวบ้านชาวช่องสองฝั่งถนน

คนช่างคิดสมองใสขึ้นมาฉับพลันยามมองท้ายรถบรรทุกแซงหน้าขึ้นไป รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จุดขึ้นมุมปาก พลางเหยียบเบรกแล้วหักพวกมาลัยกลับทางเก่า แต่ไม่ได้กลับบ้าน!

แล้วไปไหน?...

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
บ่ายคล้อยทิเบตยังยืนคอยหน้าร้านสะดวกซื้ออย่างอดทน ด้วยจะดูซิว่าเจ้าหอมแต่นิสัยไม่น่าปรารถนาจะขัดคำสั่งบิดาหรือไม่

ชายหนุ่มชะเง้อมองรถกระบะเก่าๆผ่านหน้าไปคันแล้วคันเล่า แต่กลับไม่ใช่คันที่ตนรอคอยซะที รอจนคอแห้งจึงหันเข้าไปซื้อน้ำในร้านสะดวกซื้อดื่ม ออกมาก็ยังไม่มีวี่แวว เห็นแต่รถสิบล้อคันเก่าโทรมจอดบังหน้าร้าน ชายหนุ่มจึงเดินเลยรถคันโต เพื่อรอให้ผู้มารับเห็นง่ายๆ

จากความหงุดหงิดที่กำลังประสพ ใบหน้าทิเบตจึงแลดูบึ้งตึง เขาต้องถูกเจ้าตัวดีแกล้งอยู่แน่ๆ กำลังจะตัดใจเรียกมอเตอร์ไซด์รับจ้างให้ไปส่ง พลันก็ได้ยินเสียงเจ้ามารน้อยดังแทรกขึ้นมาจนผู้คนแถวนั้นหันมาสนใจ

“นี่ จะยืนงงอยู่อีกนานมั้ย”

หัวใจชายหนุ่มกระตุกพองขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงแข็งๆคุ้นหู พลางกวาดสายตามองหารถกระบะอีกครั้ง แต่มองไปทางไหนก็ไม่เห็น นอกจากไอ้รถสิบล้อเก่าบุโรทั่งข้างหน้า จึงเหลือบมองเข้าไปภายใน

เงาร่างโปร่งบางหลังกระจกหน้ารถทำเอาทิเบตผงะ

ข้าวหอม!

พอรู้ว่าใครอยู่ภายใน ร่างสูงก็ถึงกับอึ้ง พูดไม่ออกไปชั่วขณะ ด้วยในตอนนี้นึกอยากจับอีกฝ่ายมาฟาดและหัวเราะไปในคราวเดียวกัน

เข้ากันมากเลย ไอ้หนุ่มหน้าสวยกับรถสิบล้อใหญ่ยักษ์ ช่างสรรหาวิธีแก้เผ็ดได้เก่งจริงๆ คิดมาได้...

มีใครเขาขับรถสิบล้อมารับกันบ้างเนี่ย เห็นไอ้ผัวคนนี้เป็นคนงานตัดอ้อยรึไง

ทิเบตก้มหน้าส่ายศีรษะแต่ก็ทันเห็นข้าวหอมแลบลิ้นเป็นลิงหลอกเจ้า ก่อนย่างสุขุมไปหารถคันใหญ่ที่เห็นได้บ่อยตามถนน แต่ไม่เคยมีโอกาสได้นั่งมันซักที

เพราะถึงมีเงินยังไงเขาก็ไม่คิดจะซื้อมาขับเล่นแน่นอน

วันนี้เขาโชคดีใช่มั้ยเนี่ย

ข้าวหอมหลุบตามองทิเบตมาหยุดยืนฝั่งซ้ายมือ สายตาคาดโทษไม่ทำให้ไอ้หอมคนนี้สะดุ้งสะเทือน หากสะใจลึกๆก่อนขึ้นเสียงข่ม

“จะขึ้นไม่ขึ้น? ฉันจะได้ไป”

ทิเบตไม่ตอบหากมองหาลู่ทางปีนขึ้นไปนั่งข้างคนขับ ซึ่งไม่มีประตูเปิดปิด ให้ลมโกรกผ่านสบาย

ภาพชายหนุ่มรูปร่างสูงขาวท่าทางดูดีมีชาติตระกูลเป็นที่สนใจของสาวเล็กสาวใหญ่รอบข้าง กำลังโหนตัวขึ้นรถสิบล้อโทรมๆจึงกลายเป็นที่จับตามองไปโดยปริยาย ท่ามกลางความพอใจของข้าวหอมที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

รถสิบล้อรุ่นเก่าแก่สำหรับขนพืชผลในไร่ไม่มีเทคโนโลยีอะไรไว้อำนวยความสะดวก ที่นั่งจึงทั้งแข็งโป๊กและเต็มไปด้วยคราบฝุ่นคราบน้ำมันเครื่อง

เมื่อชายหนุ่มขึ้นมานั่งปุ๊บข้าวหอมก็สตาร์ทเครื่องยนต์ปั๊บไม่รอให้ได้เตรียมตัว ก็เหยียบคันเร่งออกตัวไปพร้อมกับเสียงคำราม ควันดำโขมง เป็นที่รำคาญแก่ผู้คนบริเวณนั้น จนได้รับคำสรรเสริญตามหลังให้ทิเบตยกมือขึ้นนวดขมับช้าๆ

ทิเบตมองใบหน้าขาวนวลขับรถด้วยความสบายอารมณ์ พาลหมั่นไส้อีกฝ่ายนิดๆ ได้แกล้งผัวตัวเองแล้วมันมีความสุขเหลือเกิน คืนนี้คงหลับฝันดีหรอก...ไอ้วายร้าย

“คิดนานมั้ยมุกนี้น่ะ”

คนขับรถเพียงชายตามองก่อนยกยิ้มมุมปาก “แป๊บเดียวเอง”

“โฮ้...ฉลาดแต่เรื่องเปล่าประโยชน์”

ชายหนุ่มแสร้งทำหน้าขึงขังพึมพำให้ได้ยิน และก็ได้ผล ข้าวหอมหันมาส่งสายตาเขียวปั๊ดกับคำแดกดันนั้น

“นี่ถ้าไม่อยากลงไปเดินก็ช่วยพูดจาสุนัขรับประทานหน่อย” ไม่งั้นจะถีบให้ตกรถจริงๆด้วย มาว่าๆเขาฉลาดแต่เรื่องโง่ๆ!

ทิเบตไม่ใส่ใจคำพูดอีกฝ่าย กลับยิ้มตอบให้ฝ่ายตรงข้ามออกอาการคลั่งเสียเอง แล้วจึงทิ้งตัวพิงพนักมองใบหน้าบูดบึ้งที่อุตส่าห์ลงทุนลงแรงแต่กลับเสียเปล่า

จะว่าไปการเอารถสิบล้อมารับก็ทำให้เขาทึ่งมากทีเดียว เกิดมาก็เพิ่งเคยนั่งรถสิบล้อเป็นครั้งแรกนี่ล่ะ ชายหนุ่มทำท่านึกอะไรได้จึงโน้มตัวเข้าใกล้ร่างโปร่ง

“นี่ ถ้าเป็นไปได้คราวหน้าขอเป็นรถไถล้อโตๆก็ดีนะ ฉันอยากขับมานานละ”

ข้าวหอมหันขวับ แสยะปากแยกเขี้ยวอยากฉีกเนื้ออีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ ก่อนสะบัดหน้ากลับไปมองถนนแล้วไม่หันมามองคนอมยิ้มอีกเลยจนถึงบ้าน

โว้ย! ทำไมต้องแพ้ทางไอ้หมอภูเขานี่ทุกทีเลย...


ข้าวหอมขับรถมาจอดลานกว้างหน้าเรือนก็เห็นไอ้แก้วยืนคุยกับหนูนิว ลูกสาวร้านขายของชำหัวโค้ง ซึ่งเดี๋ยวนี้เห็นมาส่งกาแฟเย็นที่เรือนบ่อยๆ ทั้งที่ปกติป้าสุขจะฝากเด็กแถวๆนั้นเอามาให้เวลาพ่อสั่ง ร่างโปร่งโหนตัวลงจากรถเดินตึงๆไปหาไอ้แก้ว ยิ้มให้หนูนิวนิดหนึ่ง ก่อนคว้ากระติกกาแฟเย็นในมือไอ้แก้วไปดูดกิน

“กำลังอยากกินของเย็นๆอยู่พอดีเลย”

“เหรอจ๊ะพี่หอม แล้วไปไหนมาจ๊ะ เหงื่อแตกมาเชียว”

คนไม่รู้เอ่ยถามประโยคแทงใจดำ ด้วยแกล้งเขาแต่ตัวเองลำบากทุกที

“ไปรับคนน่ะ” คนตอบทำหน้าเซ็ง

“ใครจ๊ะ” หนูนิวกวาดตามองหา และก็ได้เห็นเทพบุตรที่เธอเฝ้าอุตส่าห์เวียนเทียวไล้เทียวขื่อ ขอมาดูหน้าทุกทีที่มีโอกาส “คุณหมอ!”

เสียงแหลมสูงทำให้ข้าวหอมชะงัก มองหนูนิวอย่างแปลกใจ ทำไมต้องตกใจที่เห็นไอ้หมอภูเขานั่นด้วย

หนูนิวไม่พูดเปล่า หากสาวเท้าเข้าหาพร้อมกระติกน้ำแข็งเล็กๆในมืออีกใบ

“คุณหมอ ทำไมมากับรถสิบล้อได้ล่ะคะ!?”

ทิเบตยิ้มเหนื่อยให้คนถามก่อนตอบ “ทั้งเรือนคงเหลือคันนี้ว่างไปรับคันเดียวมั้งหนูนิว”

“โธ่...ลำบากแย่เลย งั้นหนูนิวให้นี่ค่ะ แก้เหนื่อย”

หญิงสาวยกกระติกโอเลี้ยงให้คุณหมอที่เธอปลื้ม ถึงจะมีเมียแล้วก็เถอะ เอ...หรือไม่ใช่?

แต่เมียเป็นผู้ชาย ต่อไปก็ไม่แน่...อยากมีเมียเป็นผู้หญิงตามธรรมชาติบ้างก็ได้

ทิเบตรับกระติกที่หนูนิวเสือกใส่มือมาให้อย่างเกรงใจ ด้วยจะไม่รับก็ไม่ได้แล้ว

ข้าวหอมมองท่าทีของหนูนิวก็ร้องอ๋อในใจ เข้าใจแล้วว่าทำไมเดี๋ยวนี้หนูนิวถึงโผล่มาที่บ้านบ่อยๆ เจ้าตัวรู้สึกหงุดหงิดบอกไม่ถูก ไม่อยากเห็น ไม่อยากมอง จึงเดินจ้ำไปทางหลังเรือน ไม่สนใจคนที่พากลับมาด้วย หรือพี่ชายตัวเองที่ยืนอ้าปากค้างเพราะเรียกไม่ทันอยู่บนชานเรือน พอพ้นสายตาผู้คน เจ้าตัวก็ปากระติกกาแฟเย็นทิ้งอย่างไม่ใยดี

ไม่กงไม่กินมันแล้ว ไม่เห็นจะอร่อยเลย

“ไอ้หอม...”

ข้าวสารเกาศีรษะกับอารมณ์ของน้องชาย อุตส่าห์หิ้วขนมมาให้มันกลับไม่แล ก่อนมองคนที่ลงมาจากรถสิบล้ออีกคน คือคุณหมอหนุ่ม หรือก็คือผัวของน้องชายตัวเอง ข้าวสารจึงยิ่งอึ้งขึ้นไปอีก ทำไมไอ้หมอถึงนั่งรถสิบล้อมาได้ล่ะ?

ปริศนาถูกไขออกเมื่อกำนันสิงห์เยี่ยมหน้าออกดู พอเห็นรถสิบล้อกับลูกเขยเท่านั้นล่ะ เส้นเลือดในสมองคนเป็นพ่อแทบแตก

ไอ้ลูกเวร!ถอนหงอกกูอีกแล้ว

“ดูน้องเอ็งทำนะไอ้สาร สั่งให้มันไปรับหมอ มันก็ไปไม่บิดพลิ้ว แต่ดูมันทำนะ ดูน้องเอ็งทำ!”

กำนันสิงห์บ่นจบก็รีบเดินลงไปรับลูกเขยคนดี ในขณะที่ข้าวสารเอาใจเข้าข้างน้องตัวเองไปเรียบร้อย

มันต้องอย่างนี้สิน้องกู

ไอ้แก้วซึ่งเห็นหนูนิวมีท่าทางสนใจคุณหมอหนุ่มจนออกหน้าออกตาเกินงามจึงรีบไล่กลับ แล้วเข้าไปช่วยทิเบตถือกระเป๋า หากชายหนุ่มปฏิเสธแล้วเดินขึ้นเรือน

ข้าวสารรอจนทิเบตเดินขึ้นมาเผชิญหน้า อีกฝ่ายยกมือไหว้หากทำเป็นคอแข็งพยักหน้ารับหน่อยๆแล้วรีบทับถมรับช่วงต่อจากน้องชายทันที

“เหนื่อยหน่อยนะหมอ ลองไอ้หอมมันไม่ชอบหน้าแบบนี้คราวหน้ามันคงเอารถไถไปรับ หมอจะลำบากเปล่าๆนา หึๆ”

ข้าวสารหัวเราะลงคอด้วยคิดว่าอีกฝ่ายคงจะขยาดความลำบากลำบน

ทิเบตเพียงมองสบตาอีกฝ่ายตรงๆจนคนนึกลำพองหุบยิ้มฉับพลัน แล้วจึงเอ่ย

“ดีเลยครับ กำลังอยากลองขับอยู่พอดี”

ไม่พูดเปล่าทิเบตยังจุดยิ้มมุมปากกวนประสาทอีกฝ่ายได้ชะงัด แล้วส่ายหน้าเดินผ่านหนุ่มลูกทุ่งทำปากพะงาบๆเหมือนปลาสำลักน้ำ

สมกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ!

ชายหนุ่มอาบน้ำขัดเหงื่อไคลออกจนสบายเนื้อตัว เดินเช็ดผมจนมาหยุดหน้าเตียงนอนนุ่มสบายน่านอน กับพื้นกระดานแข็งกระด้างที่เขาอาศัยนอนทุกค่ำคืนที่มาค้าง

เมื่อไรเขาจะได้เลื่อนขั้นขึ้นไปนอนบนเตียงนี้ก็ไม่รู้...

แว่วเสียงหัวเราะคิดคักใต้ถุนเรือน ชายหนุ่มถึงละความสนใจจากความคิดที่จะขึ้นไปนอนบนเตียง ชะโงกดูนอกหน้าต่างก็เห็นศีรษะข้าวหอมอยู่ข้างใต้พอดี

“คงเป็นตอนเย็นๆดีกว่า พรุ่งนี้จะไปโรงสี หึๆ ลุงมีบอกให้ไปเลือกเลย น่า...จะมารับเหรอ ไม่...ไปเองดีกว่า...ก็ได้ งั้นเย็นๆมารับนะ บาย เทพ”

ทิเบตมองร่างโปร่งเดินฮัมเพลงลับเข้าไปใต้ถุนเรือน รู้สึกเหมือนในอกกลวงโบ๋

เสียงพูดคุยกับข้าวสารดังแว่วมาให้ได้ยินอีก หากชายหนุ่มไม่สนใจ เดินออกไปคุยกับกำนันสิงห์ สักพักข้าวสารก็เดินขึ้นมาสมทบ

“น้องเอ็งล่ะ” กำนันสิงห์เอ่ยถาม

“มันชวนหมูหมาไปชายคลองนู้น” คนพูดชำเลืองตามองทิเบต “คงเบื่อหน้าใครบางคน”

กำนันสิงห์ถลึงตาใส่ไอ้ลูกปากเสีย

“บอกขอบใจเมียเอ็งด้วย ขนมอร่อย แต่ตอนนี้เอ็งย้ายก้นกลับไปได้แล้ว ก่อนถูกข้าแพ่นกบาล แล้วพรุ่งนี้ไปช่วยน้องที่โรงสีด้วยล่ะ”

ข้าวสารทำท่าไม่พอใจบิดาที่เอ็นดูลูกเขยมากกว่าลูกในไส้ เดินทำเสียงจิ๊จ๊ะลงบันไดไป กำนันสิงห์จึงหันไปปลอบใจลูกเขย

“มันยังหวงน้องไม่เลิก”

ทิเบตพยักหน้ารับ ไม่คิดจะเอาความอะไรกับใคร เสเปลี่ยนเรื่องคุย

“มาคราวนี้ผมตั้งใจจะพาข้าวหอมขึ้นกรุงเทพไปตรวจสุขภาพด้วยครับพ่อกำนัน”

“อะ!...มัน...ไอ้หอมมันเป็นอะไรพ่อทิ”

เห็นกำนันสิงห์หน้าเปลี่ยนสี ทิเบตจึงรีบอธิบายก่อนจะทำให้คนแก่หัวใจวาย

“เปล่าครับ ข้าวหอมไม่แสดงอาการอะไรออกมาหรอกครับ แต่ผมอยากพาไปตรวจให้มั่นใจว่าสุขภาพเขายังแข็งแรงดี ที่โน่นเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัย ทำให้วินิจฉัยโรคได้แม่นยำมากขึ้นน่ะครับ”

“ยังงั้นหรอกรึ ดีๆ พ่อทิจัดการไปเลย” กำนันยิ้มกว้าง

“แต่วันนี้ผมก็เอาเครื่องเทโลสโคบมาด้วย กะจะฟังเสียงหัวใจของเขาเบื้องต้นก่อน”

เห็นลูกเขยเอาใจใส่ลูกตัวเองก็ทำให้ผู้เป็นพ่อที่ดุจดังไม้ใกล้ฝั่งหัวใจพองโต มองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างขอบใจ

แล้วจะไม่ให้ข้ารักข้าเอ็นดูมันได้ยังไงวะไอ้สาร มีอะไรไปตั้งข้อรังเกียจเขา คนของเราสิมันพิเรนทร์ ไปกกไปกอดเขาแล้วกลับมาผลักไสถีบหัวส่ง

“แต่พ่อกำนันคงต้องช่วยพูดให้น้องหอมเขายอมไปด้วยนะครับ ลำพังผมพูดเขาคงไม่ยอมง่ายๆ”

เสียงชายหนุ่มดึงกำนันสิงห์กลับมาสนใจคนตรงหน้า

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ถ้ามันไม่ไปจะได้เห็นดีกัน”

ทิเบตยิ้มรับแล้วจึงตามกำนันสิงห์เข้าไปทานกล้วยบวชชีฝีมือไอ้แก้ว ทานเสร็จกำนันสิงห์จึงออกปากให้ไอ้ขันเดินไปตามลูกพี่มันที่ชายคลอง

“ให้ไอ้แก้วไปได้มั้ยพ่อกำนัน”

“ทำไมวะไอ้ขัน เอ็งก็อยู่ว่างๆ ไอ้แก้วมันกำลังจะหุงข้าวหุงปลา” กำนันสิงห์มองไอ้ขันมีท่าทีกระมิดกระเมี้ยนพิกล “ว่าไง”

“ฉัน...จะไปหาเพื่อนหน่อยน่ะจ๊ะ”

“เพื่อน? ใครวะ เดี๋ยวค่อยไปไม่ได้รึไง รึนัดกันไว้”

“ปะ...เปล่าหรอกจ๊ะ ไม่ได้นัด”

ยิ่งไอ้ขันอึกๆอักๆมากเท่าไร ก็ยิ่งขัดลูกหูลูกตาผู้มองมากเท่านั้น

“แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะวะ”

“...” ไอ้ขันนิ่งเงียบ เอาแต่ยิ้มแห้งๆให้สายตาทุกคู่ที่กำลังมองอย่างค้นคว้า

“จะเรื่องอะไรพ่อกำนัน ไอ้ขันมันจะไปดักรอสาวน่ะสิ” เสียงไอ้แก้วลอยมาจากในครัว

“ห๊ะ! สาว ชิชะไอ้ขัน เอ็งริไปหมายตาสาวบ้านไหนเข้าแล้ววะ” ผู้สูงวัยถามให้รู้สึกครื้นเครง

ไอ้ขันที่ถูกเพื่อนรักดัดหลัง หันไปถลึงตาแค้นเคือง ก่อนหันกลับมาหน้าแดงหน้าดำต่อ

“เปล่านะพ่อกำนัน ฉันจะไปหาเพื่อนที่ร้านค้าตรงหัวโค้งต่างหาก น้องเขายังเด็กใครจะกล้าจีบเล่า”

คนเล่าตะกุกตะกักแต่ก็ปัดงูไม่พ้นคอตัวเองอยู่ดี

“ชะๆไม่ต้องมาปิดข้าเลย ยังเด็กของเอ็งนี่มันเท่าไรวะไอ้ขัน”

“โธ่...พ่อกำนันก็...” พอถูกสายตาคาดคั้นหนักเข้า จึงอ้อมแอ้มบอก “มอสี่จ๊ะ”

“ระวังแม่เขาจะมาถอนงอกข้านะโว้ย”

“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย เขาจะมาถอนหงอกพ่อกำนันได้ยังไงกันเล่า”

“ก็ทำให้มันดีๆแล้วกัน”

“งั้นฉันไปนะ ขอบคุณจ๊ะพ่อกำนัน แล้วฉันจะรีบกลับ”

ไอ้ขันเห็นกำนันมีท่าทีอ่อนลงจึงรีบคว้าโอกาส ฉวยยกมือไหว้ตัดบทแล้วเผ่นแน่บลงเรือนไปทันที

“เฮ้ย ข้ายังไม่ได้บอกให้ไปเลยนะ” กำนันสิงห์ตะโกนไล่หลัง

แต่ถึงเรียกไป ไอ้ขันก็ไม่หันหลังกลับมามองแล้ว ด้วยพิษรักมันบังตาบังใจ ให้กำนันสิงห์นึกอ่อนอกอ่อนใจกับอีกหนึ่งหน่อของบ้าน

เมื่อเหลือคนว่างงานคือทิเบตเพียงคนเดียว ชายหนุ่มที่รู้ตัวจึงเอ่ยปากเสียเอง

“ผมไปตามให้ครับ จะได้กลับมาทานข้าวเย็นด้วยกัน” ทิเบตอาสา

กำนันยิ้มพอใจและกังวลใจไปพร้อมๆกัน

“คงไม่ต้องนุ่งผ้าข้าวม้าผืนเดียวกลับมาอีกหรอกนะ” วีรกรรมลูกตัวเองคราวก่อน พ่อคนไหนเล่าจะจำไม่ได้

“ผมจะระวังครับ”


ชายหนุ่มเดินลัดเลาะไปตามทางเดินเล็กๆที่เคยมาครั้งหนึ่ง จนถึงกระท่อมเล็กหากไม่เห็นเงาของร่างโปร่ง ทิเบตถึงกับยกมือลูบศีรษะตนเอง เพราะถ้าไม่อยู่ที่นี่เขาก็จนปัญญาไม่รู้จะไปหาอีกฝ่ายได้ที่ไหน

เสียงร้องหงิงๆพร้อมกับเสียงฝีเท้าสี่คูณร้อยเมตรดังมาจากริมตลิ่ง ชายหนุ่มจึงหันมองก็เห็นไอ้โจ๋น้อยวิ่งลิ้นห้อยมาหา พอถึงตัวก็กระโดดตะกายราวกับไม่ได้เห็นหน้ากันมาเป็นแรมเดือน ความสนิทสนมนี้เกิดขึ้นได้เพราะหมูทอดที่เขาหมั่นแบ่งให้มันกินเป็นประจำ

‘ไม่เสียแรงเลยจริงๆไอ้โจ๋น้อย’ ทิเบตยกยิ้มพลางลูบหัวลูบหางมันเสร็จก็เดินตามมันไปยังริมตลิ่ง ผ่านกลิ่นดอกโสนรวยรินจึงเห็นไอ้โก๊ะหน้าดำทำตัวเป็นทหารยาม เมื่อมันเห็นเขาก็เห่าบอกเจ้าของซึ่งนั่งบนสะพานเอาขาหย่อนลงไปในน้ำสบายอารมณ์ แต่พอหันมาเห็นหน้าเขาเท่านั้นล่ะ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงและหันกลับไปมองผิวน้ำไหวต่อทันที สร้างความขุ่นใจให้ชายหนุ่มไม่น้อย

“หน้าฉันมันน่าเกลียดนักรึไง ถึงหันมาคุยกันดีๆบ้างไม่ได้”

“ใช่ รู้แล้วจะไปไหนก็ไปเลยไป” ร่างโปร่งตอบกลับโดยไม่หันมอง เล่นเอาทิเบตสะอึก อยากจับอีกฝ่ายมาหักคอให้รู้แล้วรู้รอด

“เมียอยู่นี่จะให้ไปไหนล่ะ”

ข้าวหอมทะลึ่งตัวขึ้นยืน ดวงตาโชนแสงกับคำตอบโต้เป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ก่อนย่อตัววิดน้ำใส่ร่างสูงจนต้องหลบพัลวัน

“เฮ้ย! อย่าเล่นแบบนี้สิ”

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3

ทิเบตป้องหน้าแล้วเดินเข้าไปหาร่างโปร่ง หมายจะหยุดการกระทำเด็กๆนี้ หากผิดคาดเมื่ออีกฝ่ายก็เดินเข้าหา และเร็วกว่าที่จะคิดได้ทัน มือไวเป็นลิงออกแรงผลักเขาเสียจนเกือบตกน้ำ ส่วนตัวคนทำก็รีบวิ่งแจ้นขึ้นฝั่งไป

“เด็กนี่!”

ทิเบตตามไปถึงกระท่อม ก็พบร่างโปร่งนั่งบนแคร่ ส่งสายตาขวาง ทำนองว่าอย่าเข้ามานะ

เวลานี้ขืนแรงไปก็จบแห่ คุณหมอหนุ่มจึงตั้งสติใหม่ พรางพรูลมหายใจ

“กลับเถอะ กำนันรอทานข้าวเย็นอยู่นะ”

พอได้ยินชื่อบิดาข้าวหอมก็อ่อนลงไปนิดหนึ่ง แต่เป็นตายยังไงก็ไม่เดินกลับไปพร้อมอีกฝ่ายแน่นอน

“เดี๋ยวฉันตามไป”

“นี่...”

ทิเบตครางอ่อนใจ และไม่เชื่อใจว่าเจ้าวายร้ายนี่จะกลับจริง จึงเดินเข้ามาคว้าต้นแขนอีกฝ่ายฉุดให้ลุกขึ้นเดินตาม

“เฮ้ย! ปล่อย จะไปก็ไปคนเดียวสิ มายุ่งอะไรกับฉันนักหนานะ ไอ้หมอบ้านี่”

อารมณ์หงุดหงิดซึ่งสะสมมาก่อนหน้าระเบิดออกทันทีที่ถูกขัดใจ สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมแรงๆ แต่ก็ไม่หลุด

“ไม่ดื้อจะได้มั้ย โตแล้วนะ ทำไปมันไม่ได้น่ารักเหมือนเด็กทำหรอกนะ” ทิเบตดุ

“ก็ไม่ได้รักอยู่แล้วนี่ จะทำตัวน่ารักไปทำไมกันฮะ”

คำตอบโต้ของข้าวหอมทำเอาทิเบตชะงัก เพิ่มแรงบีบต้นแขนเล็ก

“รู้แล้วว่าไม่รัก ไม่ต้องย้ำหรอก”

เหมือนเห็นดวงตาคู่อ่อนโยนอับแสงลงไปถนัดใจ หัวใจดวงน้อยจึงไหววูบไปเช่นกัน

เจ็บ...

ทิเบตเห็นข้าวหอมสงบลงจึงถือโอกาสจูงมือพากลับเรือนใหญ่ และเหมือนอีกฝ่ายจะได้สติขึ้นมาจึงเกิดการยื้อยุดกันอีกครั้ง คนตัวเล็กมีหรือจะสู้แรงคนตัวโตกว่าได้ เลยหาตัวช่วย ซึ่งก็อยู่ไม่ไกล

“ไอ้หมอ...ปล่อย อยากลองดีใช่มั้ย”

ทิเบตที่ไม่ทันเอะใจกับคำพูดที่ฟังดูเหมือนถือไพ่เหนือกว่า ออกแรงดึงอย่างหมั่นไส้ และจังหวะนั้นเองที่แก้วหูเขาแทบแตกจากการตะโกนของไอ้วายร้าย

“ไอ้โก๊ะ! ช่วยด้วย ไอ้หมอทำร้ายฉัน มากัดไอ้หมอเดี๋ยวนี้เลย ไอ้โก๊ะ”

ข้าวหอมตะโกนเรียกผู้ช่วยสีขาหน้าดำ มือที่เคยผลักไสกลับเข้ายึดเกาะร่างสูงแน่น

ทิเบตที่เริ่มไหวตัวทันหันมองไอ้โก๊ะหน้าดำซึ่งคุมเชิงอยู่ห่างๆทว่าตอนนี้วิ่งปรี่เข้ามากรรโชก แยกเขี้ยวขาววับ เสียงคำรามใกล้น่องมากขึ้นตามแรงยุยงของลูกพี่ตัวแสบ ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีรีบเหวี่ยงตัวหลบนั่งบนแคร่หน้ากระท่อมโดยมีร่างโปร่งติดมือมาด้วย

“โอ๊ย!เจ็บนะ”

“เจ็บก็บอกให้ไอ้โก๊ะหยุดสิ ยุให้มันมากัดฉันทำไมเล่า”

“ก็ปล่อยสิ!

“เฮ้ย! ไอ้โก๊ะอย่า”

ทิเบตรีบชักเท้าไว้บนแคร่เมื่อปากยาวๆของไอ้โก๊ะงับเฉี่ยวขากางเกงไปอย่างหวุดหวิด และไม่จบแค่นั้นเมื่อไอ้โก๊ะยังใช้สองขาหน้าตะกายแคร่ พยายามยืดหัวมางับน่องชายหนุ่มให้ได้ ร่างสูงรีบพลิกตัวหลบจนกลายเป็นผลักร่างโปร่งให้ล้มลงบนแคร่แล้วตัวเองขึ้นไปคร่อมทับ

“ไอ้บ้า ออกไป โก๊ะกัดสิ กัดเลย”

ข้าวหอมผลักไหล่อีกฝ่าย ก่อนชะโงกดูสุนัขคู่ใจที่ตั้งท่าจะกระโดดเข้ามาช่วย

ทิเบตเห็นแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ไอ้หมาตัวดำนี่ไม่เอาเขาไว้แน่ เพราะขนาดให้หมูทอดชิ้นโตมันยังไม่ยอมกินอาหารที่เขายื่นให้ แล้วคำพูดของเขาจะมีผลอะไร ถ้าไม่ใช่เจ้าของมัน ร่างสูงหันมองใบหน้าขาวนวลซึ่งเริ่มซับสีเลือดจางๆ ถลึงตามองเขาอยู่เช่นกัน

“ถ้ายังไม่เลิกยุจะโดนดี”

“เชื่อก็โง่ดิ”

“เด็กบ้า”

คุณหมอหนุ่มโมโหจนหน้าดำหน้าแดง รีบยกมือขึ้นปิดปากสีสดแน่น ไม่ให้ตะโกนยุสุนัขให้บ้าจี้ตาม

เมื่อไม่ได้ยินเสียงเจ้าของยุ กอปรกับการดิ้นรนขัดขืนน้อยลงเพราะคุณหมอหนุ่มได้ยึดร่างโปร่งจนแทบกระดิกกระเดี้ยวไม่ได้ เจ้าสุนัขสุดภักดีจึงยืนเอียงคอมอง รอคำสั่งการต่อด้วยความฉงน ก่อนเดินมามองหน้าเจ้าของแล้วครางหงิงๆ

“อื้อๆ”

ข้าวหอมพยายามออกเสียง หากมืออีกฝ่ายปิดปากไว้แน่น และเจ้าของใบหน้าคมคายก็ก้มลงมาจนใบหน้าแทบชิดติดกัน

“ตั้งใจจะให้มันกัดฉันจริงๆหรือ”

เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นคล้ายอ่อนใจ ในเมื่อขู่ก็แล้วปลอบก็แล้ว อีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับเขาเสียที ตั้งป้อมใส่กันตลอด

ข้าวหอมชะงักมองดวงตาคู่อ่อนโยนตัดพ้อตรงหน้า หัวใจดวงเล็กกระตุกวูบทันที ริมฝีปากสีสดเม้มเข้าหากันแน่น กลั้นลมหายใจตัวเอง เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้เกินไป ก่อนหลุบตาลงไม่กล้ามองหน้า

เนื้อตัวร้อนผ่าวเมื่อรู้สึกถึงไออุ่นจากร่างสูง น้ำหนักและแรงกดทำให้รู้สึกอึดอัด แต่ก็ไม่เท่ากับใจที่ว้าวุ่นจนยากจะระงับได้ เวลาเพียงเสี่ยวนาทีแต่กลับนานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ ร่างโปร่งจึงช้อนตาดุต่อว่าอีกฝ่าย ‘จะยึดกันอยู่อย่างนี้ข้ามวันข้ามคืนเลยรึไง’ หากดวงตาคู่อบอุ่นทอประกายวูบวาบไม่ปิดบังความในใจยิ่งทำให้คนตัวเล็กใจเต้นโครมครามกับการเปิดเผยของอีกฝ่าย ร่างกายเหมือนจะแข็งเป็นหินเสียดื้อๆ

“ข้าวหอม...” ทิเบตทอดเสียงอ่อน และคลายการกอดรัดเมื่ออีกฝ่ายนิ่งเงียบ

ข้าวหอมจ้องตาคนทาบทับ ก่อนกรอกตาหลบ และไม่คิดจะหืออือตอบรับ ร่างสูงจึงใช้นิ้วเกลี่ยแก้มเนียนเบาๆไปมา

“บอกฉันสิ ว่าเกลียดกันมากขนาดอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว”

คำถามของร่างสูงทำให้ข้าวหอมตวัดตากลับมามองใบหน้าคมคายอีกครั้ง ตั้งใจจะตอบโต้ แต่ความรู้สึกที่สะท้อนในแววตาคู่น่ามองนั้นทำให้ต้องชะงักและหลุบตาลง

ทิเบตมองแก้มนวลอยู่ใกล้เพียงปลายนิ้ว ความอดกลั้นที่กินระยะเวลามาเนิ่นนานจนคิดว่าตัวเองจะไม่รู้สึกรู้สาแล้วกลับไม่ใช่เลย เขาอยากสัมผัส อยากรับรู้ถึงเลือดเนื้ออุ่นร้อน ไม่ใช่ความเย็นชาที่ได้รับอยู่ตลอดเวลา จากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่ชีวิต

คู่ชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนแปลงเมื่อไร หนึ่งปี...หนึ่งเดือน...หรือแค่พรุ่งนี้...

“ฉันมันเลวมากรึไง ถึงคุยกันดีๆไม่ได้”

เสียงกระซิบใกล้ใบหูยิ่งทำให้ร่างเล็กเม้มปากแน่น และยิ่งสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นรดต้นคอ ข้าวหอมจึงหลับตาปี๋ หมอหนุ่มเห็นอาการของคนตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับเด็กดื้อที่กำลังจนมุมจึงคลี่ยิ้มพอใจ

“เกลียดกันจริงๆนะหรือ”

“...”

“หอม?”

“...”

ทิเบตมองซีกหน้าขาวเริ่มมีเหงื่อซึมตามไรผม หากยังคงปิดปากแน่น จึงไล้นิ้วหัวแม่โป้งไปตามขากรรไกรจนถึงปลายคางมน แล้วย้อนขึ้นไปตามเส้นหยักโค้งของริมฝีปากตามที่ใจปรารถนา รับรู้ถึงแรงกระตุกพร้อมดวงตาคู่ใสหันมองด้วยความสับสนว้าวุ่นใจ

คำถามของอีกฝ่ายตอบไม่ยาก แต่กลับไม่กล้าพูดออกไปให้ชัดเจนดังใจคิด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งที่ปากก็ตะโกนบอกว่าเกลียดๆได้ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่เมื่อถูกเค้นเอาความจริง เขากลับตอบไม่ได้เต็มปากเต็มคำอย่างเคย

รู้สึกเหมือนถูกฝ่ามืออุ่นร้อนคู่นี้แตะโดนกล่องที่เขาพยายามปิดบังไว้ ถึงได้รู้สึกปั่นป่วน เป็นสาเหตุให้เขาทอดถอนใจประสานสายตากับร่างสูง เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสอ่อนโยนจากปลายนิ้วเรียวจนยอมผ่อนร่างกายตนเองให้ตกอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงโดยไม่ขัดขืน

ด้วยแววตานั้นทำให้หัวใจเขาอยากเชื่อ...

ริมฝีปากหยักโค้งประกบจูบแผ่วเบาลงบนเรียวปากบางสีสด และนิ่งงันอยู่อย่างนั้น ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันท่ามกลางความเงียบสงบรอบตัว ผิดไปจากเสียงอื้ออึงภายในใจที่กำลังวิ่งพล่าน

ทิเบตประคองต้นคอเรียวไว้ก่อนรุกเร้าบดเบียดริมฝีปากเล็กอย่างหิวกระหาย ร่างบางแหงนหน้าขึ้นรับจุมพิตเงอะงะ และปล่อยให้อีกฝ่ายดูดกลืนลิ้นอุ่นอย่างย่ามใจ

ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดให้กันและกันสร้างความสุขเล็กๆให้เกิดขึ้นในใจ

ความสุขเล็กๆที่เปราะบาง

และก่อนที่มันจะแตกสลายไปอย่างไม่คาดฝัน สู้ทำลายมันเองเสียดีกว่า

“อย่า!”

มือเล็กผลักไหล่หนาออกและเหวี่ยงตัวเองให้ห่างจากร่างสูง

ข้าวหอมลูบใบหน้าตัวเองปากคอสั่น จ้องร่างสูงที่หมายจะเอื้อมมือมาคว้าตนเองให้กลับไปอยู่ท่ามกลางความรุ่มร้อนน่าสับสนจนต้องถอยหลังไปอีกหลายก้าว ให้ห่างจากมือนั้น

“ไอ้บ้า”

ร่างโปร่งตวาดแก้ความรู้สึกเสียหน้าของตนเอง และก่อนอารมณ์อุ่นหวานในสายตาชายหนุ่มตรงหน้าจะชักนำให้ตนเองเดินกลับไปหาอ้อมแขนนั้นอีกครั้ง ข้าวหอมก็หันหลังวิ่งหนีกลับเรือนโดยเร็ว และไม่วายเรียกสุนัขสุดรักกลับไปด้วยกัน

“โก๊ะ กลับเร็ว”

ระหว่างทางหัวใจดวงเล็กรู้สึกหนักอึ้งผิดกับขามาลิบลับ หัวคิ้วได้รูปขมวดยุ่ง ทำไมทุกอย่างถึงได้ผิดที่ผิดเวลาแบบนี้? ข้าวหอมปัดเส้นผมที่ปิดหน้าปิดตาออกพลางมองหาไอ้โก๊ะ และมันเหมือนจะรู้ ถึงได้ชะลอฝีเท้าหันมอง คอยให้ผู้เป็นนายวิ่งมาถึงตัว ยื่นมือมาลูบหัว มันจึงแลบลิ้นเลียมืออุ่นนั้นเบาๆ แววตาคู่สีทองเคยดุดันเป็นนิจกลับหงอยเหงาทำให้ข้าวหอมแยกเขี้ยวยิ้มฝืด

“ฉันไม่ได้เป็นอะไรไอ้โก๊ะ”

พูดไปก็ตบฝ่ามือลงบนหัวสุนัขเบาๆสองสามที ก่อนหันกลับไปมองเส้นทางข้างหลัง ก็เห็นโจ๋น้อยวิ่งตามมาไม่ห่าง หากไม่มีวี่แววมนุษย์คนไหนตามมาอีก จนถึงเรือนก็พบสุเทพนั่งคุยกับไอ้แก้วอยู่ใต้ถุนเรือน ร่างโปร่งขมวดคิ้ว ก่อนปรับสีหน้าขณะเดินเข้าไปทักทาย

“เรานัดกันพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอเทพ?”

ข้าวหอมยกแขนซับเหงื่อบนใบหน้า พลางคว้ากระติกเล็กขึ้นดูดน้ำหวานที่เจือจางแล้ว หากต้องชะงักและวางมันกลับที่เดิม

เขาเพิ่งขว้างไอ้กระติกแบบเดียวกันนี้ทิ้งไปแหมบๆ

สุเทพย่นคิ้วมองอากัปกิริยากระอักกระอ่วนของข้าวหอมแล้วถามเสียงแหบพร่า

“ไม่อยากให้เทพมาเหรอ”

น้ำเสียงตัดพ้อพอให้รู้สึก ทำให้ข้าวหอมรีบปฏิเสธ

“เปล่าเทพ หอมกำลังหงุดหงิดน่ะ เทพมาก็ดีเลย ไปหาอะไรกินข้างนอกกันมั้ย”

ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังเข้าไปคว้าแขนอีกฝ่ายลากไปทางที่รถยนต์จอดอยู่

“อ้าว! พี่หอม วันนี้พ่อกำนันสั่งให้ทำกับข้าวไว้ตั้งเยอะ จะไปกินข้างนอกทำไมล่ะ ชวนพี่เทพอยู่กินที่นี่ก็ได้ กับข้าวเหลือแบะพ่อกำนันก็บ่นหรอก” ไอ้แก้วตะโกนไล่หลัง

“เหลือก็ใส่ตู้เย็นไว้ พรุ่งนี้ข้าค่อยกลับมากิน”

“อะ!” อะไรนะพี่? ไอ้แก้วไม่ทันได้ถามให้หายข้องใจ ลูกพี่มันก็มุดหายเข้าไปในรถและขับออกไปไกลแล้ว

“ไอ้หอมมันไปไหนอีกล่ะ” เสียงกำนันถามมาจากระเบียง ไอ้แก้วจึงได้แต่ทอดถอนใจ

“ไม่รู้จ้ะ เห็นว่าหงุดหงิดแล้วก็คว้าพี่เทพออกไปเลย

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
“ไอ้ลูกคนนี้ นี่มันจะค่ำมืดแล้วยังหาเรื่องออกไปไหนอีก” ผู้เป็นพ่อบ่นส่ายหน้าระอา

“แล้วเมื่อกี้ฉันชวนกินข้าว พี่หอมยังบอกว่าพรุ่งนี้ค่อยกลับมากินอีกด้วยล่ะพ่อกำนัน”

ไอ้แก้วเงยหน้ามองผู้สูงวัยตาใส จะว่ามันฟ้องก็ไม่เชิง แต่เพราะมันไม่เห็นด้วยเลยที่พี่หอมเอาแต่หัวเสียใส่หมอทิอยู่ตลอด ทั้งที่ผ่านมาในสายตาของมันแล้ว หมอทิเป็นคนดีทีเดียว ดีกว่าใครหลายๆคน แล้วจะให้ลูกพี่ไปเทใจให้คนอื่นได้ไงในเมื่อมีผัวดีๆอยู่แล้วทั้งคน!

“พรุ่งนี้ เฮ้ย! วันนี้มันจะไม่กลับบ้านมันหรือไรไอ้แก้ว”

“ไม่รู้จ้ะ”

“มันจะได้ยังไง ผัวมันอยู่นี่เดี๋ยวก็มาถอนหงอกข้าปะไร หายไปกับผู้ชายข้ามวันข้ามคืนแบบนี้ ถึงจะเป็นไอ้เทพก็เถอะ ไปโทรเรียกมันกลับมาเดี๋ยวนี้เลย”

ไอ้แก้วรับคำรีบเดินไปทำตามที่สั่ง หากในหัวมันกลับคิดได้ละเอียดลออยิ่งกว่าที่กำนันสิงห์คิด

‘ฉันว่าไอ้คนที่พ่อกำนันไว้ใจจะเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงซะมากกว่า’

“พี่หอมปิดเครื่องจ้ะ” ไอ้แก้วกลับมารายงาน

คำบอกของไอ้แก้วทำให้กำนันสิงห์พ่นลมหายใจดัง ยกผ้าข้าวม้าปัดตามเนื้อตัว

‘หรือฉันจะขืนวัวให้กินหญ้าเสียแล้วแม่บัว’

สายตากร้านโลกทอประกายอ่อนล้า



ทิเบตทิ้งระยะเวลาเพื่อสำรวมจิตใจตัวเองพักใหญ่ก่อนเดินตามเส้นทางที่ร่างโปร่งบางทิ้งเขาไว้กลับเรือนด้วยหัวใจซึ่งอัดแน่นไปด้วยความผิดหวัง

มันยากนักหรือไงกับการยอมรับความรู้สึกของตัวเอง

ไอ้เด็กหัวแข็ง ช่างทิฐิซะจริง

คุณหมอหนุ่มกลับขึ้นเรือนไปอาบน้ำอาบท่าให้สมองปลอดโปร่งแล้วจึงออกมานั่งรับลมริมระเบียง สายตากวาดมองไปรอบๆไม่เห็นคนช่างทิฐิก็ทำให้ชายหนุ่มนึกแปลกใจ

ในห้องก็ไม่อยู่ หรือจะขลุกกับไอ้โก๊ะข้างล่าง น่ากลัวจะอายเสียจนไม่กล้าสู้หน้า

ทิเบตพรางพรูลมหายใจ สลัดความรู้สึกอุ่นวาบที่ยังติดตรึงอยู่บนริมฝีปากออกจากความคิด จากนั้นจึงไปสมทบกับกำนันสิงห์ซึ่งกำลังให้ไอ้แก้วตั้งสำรับ

“ไม่รอหอมหรือครับ”

หมอหนุ่มสบตากับกำนันสิงห์ก่อนหันไปมองไอ้แก้วที่กำลังตักข้าวสวยร้อนๆใส่จาน เมื่อยังไม่เห็นวี่แววข้าวหอมจะขึ้นมาร่วมโต๊ะ

“มันออกไปเที่ยวกับเพื่อน เดี๋ยวก็กลับ” กำนันสิงห์เป็นฝ่ายตอบเสียเองเมื่อไอ้แก้วทำเป็นเงียบ “พ่อทิกินข้าวเถอะ ไม่ต้องไปห่วงไอ้ทโมนอย่างมันหรอก”

กำนันสิงห์ตัดบทด้วยการลงมือตักกับข้าวใส่จาน ทิเบตจึงเลิกความคิดจะถามต่อ เพราะถึงยังไงเจ้าตัวดีนั่นก็หายตัวเป็นประจำอยู่แล้วเวลาเขามาพัก



อีกฝากฝั่งหนึ่งของความมืดมิด เจ้าของร่างโปร่งบางนั่งคีบเนื้อหมูสีสดจุ่มลงในน้ำเดือดพล่านจนสุก แล้วใส่เข้าปากตัวเองร้องอู้อี้ หากไม่คิดจะคายออกมา เจ้าตัวรีบเคี้ยวๆแล้วกลืน ก่อนจะเริ่มคีบเนื้อชิ้นใหม่อีกครั้ง

“หิวมากรึไง ทำอย่างกับคนตายอดตายอยาก” สุเทพมองเพื่อนตัวเล็กอย่างเอ็นดู

“หิวสิ โมโหมากก็หิวมาก ไม่รู้รึไง” คนตัวเล็กตวัดตามองอีกฝ่าย

“อ้าว...ไปโมโหใครเขาอีกล่ะ ขี้โมโหซะจริง เดี๋ยวก็จุกอกตายหรอก”

“ฮึ จะใครซะอีกถ้าไม่ใช่ไอ้หมอภูเขานั่น มันน่าโมโหนัก” พูดไปก็กระแทกตะเกียบคนในหม้อดินไปด้วย

สุเทพมองท่าทีโมโหของคนตรงหน้าแล้วลอบถอนหายใจ คนที่อีกฝ่ายโมโหนั้นเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวจนเขาอดหวั่นใจไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา หรือฐานะหน้าที่การงานก็หาที่ติลำบาก

ทั้งยังไม่รู้อีกว่า ไอ้ที่โมโหๆอยู่นี่มันเพราะเกลียดจริงๆ หรือแค่พ่อแง่แม่งอน

ดวงตาชายหนุ่มผิวครามแดดมัวหม่นลง ด้วยแม้อีกฝ่ายจะให้ความสนิทสนมมากขึ้น หากสัญญาณความหวังนั้นมันยังดูริบหรี่นัก

“เขาทำอะไรให้โมโหอีกล่ะ”

“ก็...!” จูบฉันน่ะสิ

ร่างโปร่งชะงักจนน่ากลัวจะติดคอ จึงรีบกลืนอาหารแล้วส่ายหน้าอุ่นวาบโดยเร็ว

“ช่างมันเถอะ คิดแล้วอาหารไม่ย่อยเปล่าๆ”

ข้าวหอมยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม เมื่อความหิวค่อยบรรเทาจึงเพิ่งได้สังเกตใบหน้าเพื่อนสนิท

“ไม่อร่อยหรือเทพ ทำหน้ายังกับอมบอระเพ็ด”

“อร่อยก็อร่อยอยู่หรอก แต่พอคิดว่าหอมต้องเจอกับเขาทุกวันเทพก็เหนื่อยแทนแล้ว”

“ก็ใช่น่ะสิ เมื่อไรจะไปให้พ้นๆก็ไม่รู้”

“ก็ถ้าเขาไม่ไปเราไปเองก็ได้นี่”

ข้าวหอมนิ่งตะลึงมองคนตรงหน้า เขาไม่เคยคิดจะไปจากที่นี่แม้แต่น้อย

“เรื่องอะไรฉันต้องไปด้วยล่ะเทพ ที่นี่มันบ้านของฉันนะ เจ้านั่นต่างหากต้องไป” คนขี้โมโหน้ำเสียงขุ่น

“เทพก็ไม่ได้บอกให้ไปทั้งชีวิตซะหน่อย แค่ไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว เพราะยิ่งห่างก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์มันห่างเหิน จนไม่เหลืออะไรให้พ่อกำนันคิดว่าหอมจะใช้ชีวิตกับคุณหมอคนนั้นได้”

“อืม...มันก็ใช่นะ แต่จะให้ไปไหนล่ะ หนีออกจากบ้านเหรอ ไม่เอาด้วยหรอกนะ เดี๋ยวพ่อเป็นลมตาย นรกกินกบาลแย่”

“เฮ้ย จะไปทำแบบนั้นทำไมล่ะ”

“แล้วอย่างไหนล่ะ?”

“ก็อย่างขอพ่อไปเรียนต่อ”

“ขี้เกียจ”

สุเทพมองร่างโปร่งลอยหน้าลอยตาตอบอย่างไม่ใยดี หากไม่ทำให้คนเสนอนึกท้อ กลับนึกชอบใจคนตอบตรงมากขึ้นไปอีก

“งั้นก็ไปทำงานที่อื่น”

“อันนี้เข้าท่า แต่จะไปทำอะไรที่ไหนดีล่ะ”

ท้ายประโยคร่างโปร่งพึมพำกับตัวเองจนหัวคิ้วแทบจะชนกัน

“ค่อยๆคิดไปก็ได้” สุเทพยิ้มพอใจกับปฏิกิริยาตอบสนองของอีกฝ่าย “แล้วเทพจะช่วยคิดหาวิธี แต่ตอนนี้เรามาคิดหาวิธีจัดการกับไอ้ที่สั่งมานี่ก่อนเถอะ”

ชายหนุ่มพยักพเยิดหน้าไปที่อาหารตรงหน้า ทำเอาข้าวหอมหน้าร้อน

“ก็ตอนสั่งคนมันกำลังหิวนี่ เทพช่วยกินหน่อยสิ”

เพราะรู้ว่าเป็นความผิดของตนเอง เจ้าตัวแสบสุดที่รักของสุเทพก็เริ่มส่งเสียงอ้อนขึ้นมาทันที

“ไม่ต้องเลย สั่งมาก็ต้องกินให้หมด กินให้ท้องแตกตายไปนี่ล่ะ”

คนที่ต้องควักกระเป๋าแสร้งทำเสียงดุ จนอีกฝ่ายหน้าตึง

“เออๆ จะกินให้มันตายตรงหน้านี่ล่ะ”

ข้าวหอมตั้งท่าจับช้อนมั่น ประชดคนตรงหน้า แต่ในใจก็รอว่าเมื่อไรเพื่อนจะห้ามซะที รอแล้วรอเล่าเพื่อนก็ไม่ห้าม เอาแต่ทำหน้าเฉย จึงต้องจำใจตักอาหารทานแก้เก้อ

‘ห้ามหน่อยก็ไม่ได้ กินหมดซะที่ไหนล่ะ’ ข้าวหอมนึกบ่นพลางค้อนอีกฝ่าย

สุเทพรอให้ข้าวหอมทานไปสองสามคำจึงค่อยคลี่ยิ้มเย้า

“ถ้าอิ่มก็พอเถอะ ฉันล้อเล่นทำเป็นจริงเป็นจังไปได้”

ข้าวหอมรีบคลายสีหน้าบึ้งยิ้มประจบ แล้วรีบวางช้อนลงทันที ปล่อยให้เพื่อนเป็นคนจ่ายตัง

“กลับกันเลยมั้ย” สุเทพจ้องหน้าคนนั่งตรงข้าม

“แต่ฉันยังไม่อยากกลับบ้าน” แค่คิดว่าต้องกับไปเผชิญหน้ากับเจ้านั่น ร่างโปร่งก็นึกขลาดขึ้นมาเฉยๆ

“งั้นไปนอนค้างบ้านเทพมั้ยล่ะ โทรบอกพ่อกำนันแล้วหอมก็ไปเลย เสื้อผ้าก็ใส่ของเทพได้”

“หึ...ไม่ได้หรอก ก็รู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ไปค้างที่อื่น ว่าจะกลับช้าหน่อยเท่านั้นล่ะ เทพอยู่เป็นเพื่อนได้รึเปล่า”

“ได้ จะให้เทพอยู่เป็นเพื่อนทั้งชีวิตก็ได้ หอมก็น่าจะรู้นี่”

ร่างโปร่งบางชะงักไปวูบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มรับแล้วหลุบตาลงต่ำ ด้วยไม่กล้าสู้แสงจากดวงตาพราวระยับของเพื่อนตรงหน้า

“งั้นไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะกันเถอะ” ข้าวหอมเสพูดเรื่องอื่น

“มันจะดึกนะ”

“น่า...กลางคืนลมเย็นดีออก”

เจ้าตัวแสบเอ่ยอย่างอารมณ์ดีโดยไม่ได้นึกถึงคนที่บ้านว่าจะกระสับกระส่ายวุ่นวายใจขนาดไหนเมื่อมองเข็มนาฬิกาบอกเวลาดึกขึ้นเรื่อยๆ


ทั้งสองออกจากร้านหมูจุ่มไปนั่งเล่นที่สวนหย่อมเล็กๆติดถนน แสงไฟริมทางสาดส่องแสงสีนวลไปรอบๆบริเวณ ร่างโปร่งจับจองเลือกเก้าอี้ยาวเป็นที่นั่ง พลางวางแขนบนพนักพิงด้วยท่าทางสบายๆ

“แล้วจะซื้อมาทำไมเนี่ย ตัวเองดื่มไม่ได้แท้ๆ”

สุเทพเดินตามหลัง ชูถุงกระป๋องเบียร์ที่เจ้าตัวดีแอบไปซื้อมาตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วเจ้ากี้เจ้าการให้ถือมาด้วย

“ก็ให้เทพไง อากาศดีๆแบบนี้ก็ต้องดื่มเบียร์ไปด้วย รับรอง สวรรค์บนดินแท้ๆ”

“พูดยังกับไอ้ขี้เมา จะได้ไปทัวร์นรกล่ะไม่ว่า ฉันคนขับรถนะ เดี๋ยวก็พากันลงข้างทางหรอก”

“แค่ป๋องสองป๋องไม่ทำให้เทพรู้สึกหรอก ไม่ต้องหาเรื่องว่ากันเลย” คนพูดแย่งถุงในมืออีกฝ่าย ก่อนเปิดกระป๋องเบียร์ยกขึ้นซดดังอึกๆ

“ชื่นใจ”

“ไม่เอาน่า อย่าดื่มเลย” สุเทพพยายามคว้ากระป๋องเบียร์จากมือเล็ก หากเจ้าตัวดีกลับรีบหันหน้าหนีแล้วซดเอาๆจนเกือบหมดกระป๋อง “เดี๋ยวก็โดนพ่อดุหรอก”

“นิดหน่อยพ่อไม่ว่า”

สุเทพมองหน้าทะเล้นอย่างระอาใจนิดๆ พยักหน้าพึมพำบอกให้ดื่มได้แค่กระป๋องเดียวเท่านั้น ไม่มีต่อรองอีก

“งก”

“เดี๋ยวเหอะ” คนตัวใหญ่ประเคนมะเหงกใส่ ร่างเล็กหลบพัลวัน

“อย่าดิ เดี๋ยวหกหมด”

ข้าวหอมหัวเราะร่วน ปัดมือใหญ่ให้พ้นจากศีรษะตัวเองจนเบียร์กระฉอกรดเส้นผม

“เลอะแล้วเห็นมั้ย เช็ดเลย” คนตัวบางเขยิบออกห่างจนติดที่เท้าแขนของเก้าอี้ยาว เพ่งมองเพื่อนอย่างเอาเรื่อง

สุเทพแบมือว่างเปล่าให้ดู ‘เสียใจด้วยฉันไม่ได้พกผ้าเช็ดหน้าหรอกนะ’

ข้าวหอมขบริมฝีปาก แววตาเจ้าเล่ห์เปล่งประกาย ก่อนโถมตัวใส่ร่างหนา จนมือใหญ่เข้าประคองไว้แทบไม่ทัน

“หอม!” คนประคองดูจะตกใจไม่น้อย ได้แต่จับไหล่เล็กไว้เฉยๆ ปล่อยให้ศีรษะทุยถูไถแผ่นอกจนเสื้อตัวเองพลอยเปื้อนไปด้วย

“เฮ้ย!”

สุเทพอดจะหมั่นเขี้ยวกับนิสัยพิเรนทร์ของอีกฝ่ายไม่ได้ จึงใช้ท่อนแขนแข็งแรงโอบรัดร่างเล็กเป็นการตอบโต้

“ซ่านักใช่มั้ย รัดให้หัวหลุดเลยดีมั้ยฮะ”

“กล้าเหรอ”

คนถูกรัดดิ้นกระแด่วๆจนเหนื่อยก็ยังสู้แรงทายาทร้านขายปุ๋ยไม่ได้ สุดท้ายจึงซบศีรษะกับแผ่นอกหนาระบายลมหายใจยาว

“เฮ้อ...ฉันไม่ได้หัวเราะแบบนี้มานานแล้วนะ”

น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยตัดพ้อสะท้อนเข้าไปในใจร่างสูง จนโพรงจมูกตีบตัน อ้อมแขนแข็งแรงคลายออกก่อนรัดร่างบางแนบกับอกตัวเองแน่นยิ่งกว่าเดิม

“งั้นเราออกมาแบบนี้บ่อยๆนะ”

ไม่รู้ว่าเพราะอีกฝ่ายนิ่งเงียบปล่อยให้เขากอดง่ายๆหรือเพราะความอดทนมันถึงขีดจำกัดแล้ว สุเทพจึงย่ามใจกดริมฝีปากลงบนหน้าผากมน

“หอมไม่รู้หรอกว่าเทพเป็นห่วงหอมแค่ไหน”

ร่างเล็กหัวใจอุ่นวาบก่อนขืนตัวออกจากอ้อมแขนอีกฝ่ายช้าๆ ไม่กล้าสบตาที่บอกความนัยจนหมดสิ้น หากคนตัวใหญ่ไม่คิดจะปล่อย เพียงผ่อนแรงลงเล็กน้อย

“เทพ”

ข้าวหอมท้วงเสียงอ่อน ในขณะที่หัวใจเริ่มเต้นแรง เงยหน้าสบดวงตาสีเข้มเปล่งประกายรักใคร่ หากแฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยจนน่าใจหาย ความคิดที่จะดึงตัวออกห่างจึงหายไปจากความคิด ปล่อยให้มือใหญ่โอบกอดได้ดังใจปรารถนา

“ยิ่งรู้ว่าหอมไม่มีความสุข เทพก็ยิ่งทรมานเพราะช่วยอะไรไม่ได้ ทั้งๆที่เป็นคนที่เทพรักและถนอมมาตลอด กลับปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มาเอาไปปู้ยี้ปู้ยำ เทพโกรธตัวเองจนไม่รู้จะพูดยังไงดี”

“เทพ...”

ข้าวหอมจนด้วยคำพูด กับความรู้สึกร้อนรุ่มที่ทะลักทลายออกมาจากปากเพื่อนหนุ่มซึ่งผูกพันกันมานานปี
ลมหายใจถี่ร้อนปะทะใบหูนิ่มบ่งบอกอารมณ์ ร่างโปร่งบางจึงไม่กล้าขยับ นั่งตัวเกร็งแข็งจนได้ยินเสียงเพื่อนตัวโตระบายลมหายใจยาว

“หอมไม่พอใจรึเปล่า”

สุเทพยันร่างเล็กออกห่างพอประมาณ เพื่อจะได้เห็นใบหน้าขาวนวลชัดๆ

คิ้วเรียวบางขมวดเข้าหากัน “เรื่องอะไร?”

“ก็ที่เทพ...ที่เทพรักหอมน่ะสิ”

ดวงตาดำวาวเบิกกว้างกับคำถามโต้งๆ ก่อนอึกอักเอ่ยตอบเสียงเบา

“ปะ...เปล่า แต่มันแปลกๆทะแม่งๆเนอะ” คนเจ้าเล่ห์เสยิ้มแห้งโยนคืนให้อีกฝ่าย

“นี่...ไม่ใช่หมาเน่านะ จะมาทะแม่งๆอะไรล่ะ”

อารมณ์รักใคร่หายวาบไปกับความทะเล้นแสนกล สุเทพเลยจัดมะเหงกให้เป็นการแลกเปลี่ยน บรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่จึงสลายหายไปพลัน ชายหนุ่มตัวโตกว่าเลยหยิบกระป๋องเบียร์ขึ้นมาเปิดดื่มอึกใหญ่

“เอาเถอะ ถึงยังไงเทพก็รักและเป็นห่วงหอม รู้เอาไว้ละกัน”

สุเทพชูกระป๋องเบียร์ใส่หน้านวล ก่อนเอาก้นกระป๋องโขกเข้ากับหน้าผากมนเบาๆ

“เข้าใจรึเปล่า” สุเทพแสร้งกำชับเสียงหนัก มองวงหน้าเล็กๆแดงเรื่อพยักรับคำเก้อๆ

การถอยห่างอย่างถูกจังหวะทำให้หัวใจดวงเล็กๆเต้นตึกตักไปกับความรู้สึกอ่อนหวานละมุนละไมของคนตรงหน้า เส้นด้ายแห่งความผูกพันที่เคยเกี่ยวคล้องไว้หลวมๆกำลังกระชับแน่นให้เจ้าหัวโจกของหมู่บ้านตระหนักถึงความรักที่แปรเปลี่ยนความหมายไปแล้วของเพื่อนคนนี้

ข้าวหอมเหลือบดูนาฬิกาข้อมือเมื่อรู้สึกถึงลมเย็นพัดแรงขึ้น

“แป๊บๆจะเที่ยงคืนแล้ว ความสุขนี่มันผ่านไปเร็วจริงๆเลย”

คนตัวเล็กปรือตามองไปรอบๆ เริ่มรู้สึกถึงฤทธิ์ของน้ำเมาที่ทำให้เกิดเรื่องแล้วเจ้าตัวก็ยังไม่คิดจะเข็ด

“ก็บอกว่าให้ไปค้างบ้านเทพ”

“ถึงไง พรุ่งนี้ก็ต้องกลับบ้านอยู่ดีนั่นล่ะ”

เมื่อเห็นสีหน้าไม่สบายใจของคนรัก สุเทพจึงเอ่ยปลุกปลอบ พลางลูบแก้มนุ่มเบาๆ “มันต้องมีทางออก เราค่อยๆคิดกันนะ”

“อืม” ข้าวหอมยิ้มแยกเขี้ยว “อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็มีนายเป็นพวกกับเขาคนหนึ่งแล้ว”

“พูดเป็นเด็กไปได้”

“ก็อยู่บ้านฉันแทบจะเป็นหมาหัวเน่า ทำอะไรก็ไม่ดี ไม่เหมือนเจ้าหมอภูเขานั่น ทำอะไรพ่อก็ให้ท้ายตลอด”

“พูดแบบนี้เขาเรียกว่าน้อยใจ”

“เรียกไงก็ช่าง”

“เมาแล้วเหรอพูดมากจัง”

น้ำเสียงงอแงกับปากยื่นๆ สุเทพนึกอยากกอดให้หนำใจ ไม่อยากส่งคืนผู้ให้กำเนิดเลยซักนิดเดียว

“เปล่าซะหน่อย”

“งั้นกลับได้แล้วมั้ง ดึกแล้วน้ำค้างแรงนะ ถึงจะในเมืองก็เถอะ เดี๋ยววันหลังพ่อกำนันไม่ยอมให้ฉันพาลูกชายสุดรักออกมาอีกจะแย่เอา” ชายหนุ่มตัดใจก่อนจะคิดเตลิดพาลูกเขาหนีหายเข้ากลีบเมฆ

“ก็ได้ กลับก็กลับ” ข้าวหอมพยักหน้ารับ

ชายหนุ่มรวบเอวบางพากลับไปยังพาหนะ หัวใจอิ่มเอิบเป็นสุขยิ่งกว่าวันไหนๆ จัดการคาดเข็มขัดนิรภัยให้แก่ร่างเล็กซึ่งมองมาด้วยสายตาประหม่าขวยเขิน จนอยากจะหยุดเวลานี้ไว้ตราบนานเท่านาน


ทิเบตเหลือบมองนาฬิกาติดฝาผนังเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่เย็น จนตอนนี้เข็มนาฬิกาเลยเลขสิบสองไปแล้ว เจ้าตัวดีของพ่อกำนันก็ยังไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง ชายหนุ่มปิดหนังสือในมือเมื่อฝืนอ่านต่อไปก็อ่านไม่รู้เรื่อง ลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้องก็เห็นไอ้ขันกลับเข้ามาพอดี

ลูกสาวบ้านไหนยอมนั่งคุยกันจนดึกจนดื่นขนาดนี้เนี่ย แถมไปคุยกันยังไงข้าวปลาก็ไม่ได้กิน หิ้วท้องกลับมากินบ้าน ดูจากท่าทางการกินแล้วคงหิวโซไม่น้อย ลูกน้องก็กลับมาแล้ว แต่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของลูกพี่ หรือจะค้างที่อื่นอย่างที่เจ้าแก้วบอก

หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันทันที เพราะข้าวหอมออกไปกับเจ้าหนุ่มคนนั้น คนที่มีแววตารักใคร่อย่างไม่ปิดบัง

หัวใจร่างสูงใหญ่สะท้านไหววูบ ความกลัวบางอย่างแล่นปราดทิ่มแทงจนลมหายใจสะดุด

ทุกวันนี้อยู่กับเขาก็แค่ตัว แต่หัวใจไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ถึงไม่เคยยอมฟังหรือเปิดใจรับเขาสักนิด หรือเพราะว่ามีคนอื่นที่พอใจอยู่แล้วเงียบๆ

ชายหนุ่มคิดไปไกล ไม่ได้ยินเสียงไอ้ขันเรียก

“หมอๆ”

เด็กหนุ่มเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจเสียงเรียกของตน จึงเข้าไปสะกิดให้หันมารับฟัง

“อะไรหรือขัน”

“ฉันจะบอกให้หมอไปนอนเถอะ เดี๋ยวฉันรอพี่หอมเอง”

“จะรอ? คืนนี้ลูกพี่นายจะกลับหรือเปล่ายังไม่รู้เลย”

ทิเบตประชดเด็กหนุ่มแทนเจ้าตัวดีที่ทำให้หงุดหงิด

“กลับแน่จ๊ะหมอทิ พี่หอมไม่ไปค้างอ้างแรมที่ไหนหรอก เห็นแบบนี้แต่พี่หอมเขาเป็นห่วงพ่อกำนันจะตาย ไม่ทิ้งพ่อให้อยู่บ้านคนเดียวแน่นอน พ่อกำนันก็รู้ถึงได้หลับเป็นตาย เอาแรงไว้ดุพี่หอมพรุ่งนี้แทนไงหมอ”

ไอ้ขันยิ้มหน้าทะเล้นกับอากัปกิริยาเหมือนเสือติดจั่นของอีกฝ่าย

“แต่นี่มันก็ดึกแล้วนา” ทิเบตพึมพำ “ฉันยังไม่ง่วงขอเดินรอบๆแถวนี้สักหน่อยแล้วกัน”

ไอ้ขันได้แต่ส่ายหน้ามองแผ่นหลังกว้างเดินลงบันได แว่วเสียงสุนัขครางหงิงๆต้อนรับคุณหมอ ไอ้ขันจึงเดินกลับเข้าครัวไปเงียบๆ ก่อนจะออกมานั่งริมระเบียงรอลูกพี่อย่างทุกที


สุเทพขับรถเรียบเรื่อยเพื่อยื้อเวลาแห่งความสุขออกไป แต่เส้นทางมีจุดหมาย ไม่นานพาหนะคู่ชีพก็พาสองชีวิตมาหยุดสงบใต้ร่มไม้มืดสลัว เสียงสุนัขเห่าหอนตอนรับการกลับมาของเจ้านาย ข้าวหอมเปิดประตูไปดุพลางลูบหัวเอาใจเจ้าสี่ขาทั้งสามตัวจนสงบลงแล้วหันไปยิ้มหวานฉ่ำให้คนข้างกาย

“ไปนะ ขับรถดีๆล่ะ”

น้ำเสียงอ้อแอ้เอ่ยแล้วค่อยๆก้าวลงจากรถ ถ้าไม่ถูกลำแขนแข็งแรงรวบรั้งไว้ก่อน

“เดี๋ยว...”

“อะ...ไร” ข้าวหอมฉงน เอียงคอมอง

สุเทพค่อยๆดึงร่างเล็กเข้ามาใกล้ ท่ามกลางการจับจ้องของดวงตากระจ่างใสอ่อนเชื่อมด้วยฤทธิ์น้ำเมา ร่างอ่อนนุ่มอบอุ่นเข้ามาอยู่ในวงแขน สุเทพเกลี่ยเส้นผมที่ปกวงหน้าขาวออกให้อย่างเบามือ ความรู้สึกอยากทอดถอนใจแน่นจุกช่องอก

ถ้าหากปล่อยมือนี้ก็ไม่ต่างกับส่งของรักไปให้คนอื่น แต่เพราะเวลานี้ยังทำอะไรไม่ได้ จึงจำต้องอดทนเท่านั้น

ร่างสูงโอบกระชับรัดร่างเล็กไว้แน่น

“เทพ?...”

ข้าวหอมขืนตัวออกจนสามารถประสานแววตากับอีกฝ่ายที่อยู่ใกล้เพียงปลายจมูกได้

“รักษาตัวเองให้ดีนะ” สุเทพเอ่ยเสียงแหบพร่า หัวใจเหมือนจะขาดเป็นชิ้นๆ ถ้าต้องปล่อยมือจากร่างโปร่งบางนี้

ดวงตาสีนิลสะท้อนความห่วงใยผ่านน้ำเสียงราวกระซิบ ความร้อนผ่าวแทรกผ่านผิวกายสู่หัวใจดวงเล็กให้สะท้านไหวไปกับความรู้สึกที่อัดแน่นของชายหนุ่ม ข้าวหอมพยักหน้ารับ แต่ต้องผงะเมื่อจมูกโด่งค่อยๆฝังลงข้างแก้มเชื่องช้าหากหนักหน่วง

ร่างเล็กคอย่นยกไหล่เบี่ยงหนีการรุกไล่จนหลังติดเบาะ ให้ริมฝีปากได้รูปสัมผัสความอ่อนนุ่มอิ่มเต็มของกลีบปากบางเป็นครั้งแรก ข้าวหอมชะงัก กลั้นลมหายใจหลุบตาต่ำ ฟังเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังโครมคราม

สุเทพย้ำแผ่วเบาอีกครั้งเมื่อคนที่รักนิ่งงันไม่ขัดขืน และผลจากการหยั่งเชิง ชายหนุ่มจึงรวบร่างเล็กเข้ามากอด จากนั้นดุนดันจนริมฝีปากเล็กเผยอออกให้ลิ้นร้อนเข้าไปชิมรสชาติความสุขล้นที่เฝ้าฝันไว้แสนนาน

“อืม...”

เสียงครางดังรอดออกมากจากร่างโปร่งบางที่ถูกประกบริมฝีปากแน่น มือคร้ามแดดลูบไล้เอวเล็กก่อนวนไปตามบั้นท้ายแน่นตึง เสียงจูบดังก้องเข้าไปในโสตประสาท บดบังเสียงขยับกายในมุมมืดสลัวของเงาทะมึน

เงาทะมึนที่เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

TBC

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
พายุเข้าละ555+ ฝนตกเมื่อเช้าเลย

อ่านตอนนี้เเล้วไม่ชอบอะ เบื่อสุเทพ
อ่านเเล้วบีบใจมาก หอมก็นะนึกว่าหมอเค้าฝืนใจมารัก
ตัดใจเเล้วไปรักคนที่เค้ารักเราดีกว่า

เรื่องนี้มีหวานเเน่ๆ เเต่หวานเเบบไหนก็ไม่รู้
รออ่านกันต่อไปนะคะ คนโพสขอบคุณคนเเต่งเหมือนกัน ชอบเเละรักเรื่องนี้มาก
ที่สำคัญชอบพระเอกค่ะ ดูเป็นผู้ใหญ่ สามารถจัดการกับหอมโดยใช้ความรักเเละความดี
พี่ sake เเต่งอีกเรื่องอยู่หน้าที่โพสจบเเล้ว เรื่อง untitle ค่ะ ลองอ่านดู หนุกหนาน

**โพสยากมากๆ พอดีเปลี่ยนมาใช้ window 7
ถ้าตรงไหนอ่านเเล้วขาดตอนหรืองง บอกนะคะ
เจี๊ยบโพสหลายรอบละ เพิ่งได้
เจอกันวัศุกร์ไม่เช้าก็เย็น เราจะพยายามโพส มันลำบากนิดๆไม่รู้เป็นไร

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ hpsky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1073
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-0
 :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:

จะไปฆ่าเทพ :m31:
หอมเอ้ยยย ทำร้ายจิตใจพี่หมอทิอย่างแรง
แล้วจะเกิดไรขึ้นหล่ะเนี่ย
มามะพี่หมอ เดี๋ยวเค้ากอดปลอบ :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด