รุ่งเช้าทิเบตมองคนหน้ามุ่ยนั่งเกาขาตัวเองเป็นผื่นแดงเต็มหน้าแข้งบนเตียง สองตาลึกโหลด้วยหลับๆตื่นๆจากอาการคันที่คอยปลุกให้ตื่นขึ้นมาเกา เห็นแล้วก็น่าสงสารจึงเข้าไปหาตามความตั้งใจเมื่อคืน
เงาสูงใหญ่เข้าบดบังแสง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร หากคนมีทิฐิเม้มปากไม่ร้องขอให้เสียเชิง เพราะถึงไม่ช่วยเขาก็จะขับรถไปโรงพยาบาลให้รู้แล้วรู้รอด โลกนี้ไม่ได้มีหมอคนเดียวเสียหน่อย
“ไหนขอดูหน่อย” ทิเบตมองหน้าคนไม่เต็มใจนั่งนิ่ง จึงดึงขาออกมาพิจารณาจนอีกฝ่ายแทบหน้าคม่ำ
“เมื่อวานไปทำอะไรมาบ้าง”
ตั้งหลักได้ข้าวหอมจึงเหลือบมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ แล้วกระชากเสียงตอบ “ไปจับปลา แล้วก็ไปซื้อของในเมือง”
ทิเบตพยักหน้าก่อนซักถามอีกสองสามประโยค จึงฉวยมือเล็กขึ้นมาดูจากนั้นลุกขึ้นไปจดชื่อยาใส่กระดาษ แล้วออกไปส่งให้แก้วไปซื้อที่ร้านขายยา
“ไม่มีไข้นะ ส่วนผื่นที่ขาถึงคันก็อย่าไปเกา มันจะติดเชื้อ แล้วยาทาแก้คันที่ใช้อยู่ประจำน่ะ มันผสมสเตอรอยด์ใช้ไปนานๆไม่ดี มีผลข้างเคียง ผิวหนังอาจแตก เป็นสิวพุพอง หรือผิวด่างได้” ทิเบตเอ่ยบอกในขณะที่อีกฝ่ายมองมาด้วยสายตาขุ่นขวาง
“แล้วทำไมไม่บอกแต่เมื่อคืน”
“ก็พูดไม่เพราะใครเขาอยากจะพูดด้วยกันล่ะ”
“แล้วใครจะอยากพูดดีกับคนที่คิดไม่ซื่อกันล่ะ” คนตัวเล็กเถียงสวนทันควันจนชายหนุ่มถอนหายใจหนัก
“หอม ถึงนายจะเกลียดขี้หน้าฉันจนอยากไล่ให้ไปพ้นๆก็เถอะนะ แต่ฉันก็อยากให้รู้ไว้อย่างหนึ่งนะ ฉันมีแต่ความปรารถนาดี ไม่เคยคิดทำร้ายหรือคิดไม่ซื่อกับหอมและครอบครัวเลยซักนิด สิ่งนี้ที่ฉันอยากให้หอมรับรู้ไว้ ไม่อยากให้ระแวงกัน”
“พูดแค่นี้แล้วต้องเชื่อรึไง”
ทิเบตเพียงยิ้มให้กับคำประชดนั้น “ก็ถ้านายไม่เชื่อ นายอาจกินยาอะไรไม่ได้ไปตลอดชีวิต เพราะคอยแต่ระแวง จากที่จะไม่ตายก็ต้องตายกันคราวนี้ล่ะ” ร่างสูงมองคนเป็นภรรยาตาโต
“เออ แล้วไม่ใช่เฉพาะยานะ ข้าวปลาอาหารก็ระวังให้ดีด้วยล่ะ เผลอเมื่อไรฉันอาจใส่อะไรแปลกๆลงไปก็ได้นะ หึๆ”
ข้าวหอมเม้มริมฝีปากตัวเอง มองคนหัวเราะลงคอที่ดูเหมือนคราวนี้จะถือไพ่เหนือกว่าด้วยฉุนโกรธ
“ก็ลองใส่ดูสิ ถ้าฉันเป็นอะไรไปนายต้องถูกพ่อฉันฆ่าตายแน่”
“เหรอ แต่ฉันว่าพ่อกำนันอาจอยากให้ใส่เยอะๆก็ได้นะ”
“ยาบ้าอะไรของนาย”
“ยาเสน่ห์ไง”
“...!”
“สมใจพ่อกำนันกันคราวนี้ล่ะ”
ทิเบตยักคิ้วกวนประสาทให้อีกฝ่ายซึ่งกำลังตาค้าง จากนั้นรีบเดินหนีออกไปจากห้อง ด้วยเกรงพายุร้ายจะกระหน่ำจนรับมือไม่ไหว
“ไอ้หมอบ้า! ทุเรศ คิดมาได้ยังไง”
แว่วเสียงสบถให้ได้ยิน หากคนตัวสูงกลับยิ้มกริ่มจนไอ้ขันซึ่งกำลังถูชานเรือนมองด้วยความงุนงง
“แปลกคน ชอบให้เมียด่ารึไงหว่า”
ไอ้ขันเกาหัวแกรกๆก่อนก้มหน้าก้มตาถูเรือนต่อไป และต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงคล้ายของตกดังโครมใหญ่ในห้องลูกพี่
“นี่ก็ขี้โมโหซะจริง”
คนเป็นลูกน้องพึมพำพร้อมนึกบอกตัวเองว่าวันนี้ควรอยู่ห่างๆแขนขาลูกพี่มันไว้จะปลอดภัยกับตัวมันมากกว่า
พอสายคนเจ็บก็ออกมาหาข้าวกิน กำนันสิงห์มองบุตรชายตักข้าวใส่จานแล้วเดินมายังโต๊ะอาหารที่ตนนั่งอยู่ จึงเอ่ยถามอาการ
“เป็นยังไงบ้างล่ะ”
“ก็ดีพ่อ ไม่คันแล้ว”
“อืม ดีนะที่ผัวเราเป็นหมอ มีอะไรก็รักษาได้ทัน เห็นให้ไอ้แก้วออกไปซื้อยาแต่เช้า”
สีหน้ากำนันสิงห์ดูจะภูมิใจในตัวลูกเขยมากจนแสลงใจลูกตัวเองตงิดๆ จึงลอบแสยะปากใส่ชายหนุ่มคนดีของบิดา
“ยกยอปอปั้นกันเข้าไปเหอะ”
ใบหน้าหงิกงอทำให้ทิเบตอมยิ้ม ยิ่งเป็นการกระพืออารมณ์ริษยาให้เปลี่ยนเป็นแรงอาฆาตได้ดีนักแล
คนตัวเล็กเคี้ยวข้าวไป ในใจก็วางแผนหาวิธีไล่ส่งคนดีของพ่อไปด้วย ซักพัก ดวงตาสีดำจึงเปล่งประกายวิบวับ
“พ่อวันนี้ไปไหนรึเปล่า”
กำนันสิงห์ส่ายหน้าก่อนตอบ “วันนี้ข้าจะอยู่ดูคนงานในสวนซะหน่อย ไปถึงไหนกันแล้วก็ไม่รู้”
“งั้นฉันทำกับข้าวไว้กินกลางวันเลยแล้วกันนะ”
เพราะปกติมื้อกลางวันจะต่างคนต่างหากินกันเอง ด้วยกิจกรรมซึ่งต่างที่ต่างทาง
“ฉันเห็นหลังเรือนมียอดตำลึงอวบๆเยอะเลย งั้นทำแกงจืดตำลึงหมูสับแล้วกันนะพ่อ ซดน้ำจะได้คล่องคอ”
“ก็ดีๆ”
กำนันสิงห์เออออ แล้วจึงเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อเตรียมตัวไปข้างนอก ส่วนเจ้าลูกชายก็เตรียมพร้อมเหมือนกัน!
“ได้ยินแล้วใช่ปะ” ข้าวหอมหันไปหาทิเบต คิ้วเข้มเลิกขึ้นเชิงถาม “ก็จะทำแกงจืดตำลึงไง ขาฉันเป็นแบบนี้จะให้ไปลุยหญ้าให้คันอีกรึไง ต้นตำลึงมันขึ้นแถวต้นน้อยหน่าหลังเรือนนี่เอง นายไปเก็บมาให้หน่อยนะ เดี๋ยวฉันจะเตรียมเครื่องคอย”
แม้ไม่ชอบใจในท่าทางเหมือนสั่งกลายๆ แต่ก็นึกเห็นใจคนเจ็บอยู่ไม่น้อยจึงพยักหน้ารับ แล้วหันหน้าไปชวนไอ้ขันอีกต่อหนึ่ง
“ขันไปด้วยกันนะ”
เด็กหนุ่มพยักหน้า หากลูกพี่กับส่งเสียงท้วง
“ไอ้ขัน เอ็งยังถูเรือนไม่เสร็จไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวพ่อกำนันก็ออกมาเอ็ดหรอก หลังเรือนแค่นี้หมอเขาไปถูกหรอก”
ทิเบตสะอึกกับคำเสียดสีกลายๆนั้น แล้วตัดใจไม่ต่อความยาวสาวความยืด ลงบันไดไปโดยมีร่างเล็กส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ตามหลัง ชายหนุ่มออกมาเรียกสุนัขไปเป็นเพื่อน ซึ่งก็มีแต่โจ๋น้อยเท่านั้นที่ญาติดีกับเขา กระดิกหางตามมาด้วยอย่างเริงร่า ส่วนไอ้โก๊ะ เพียงหันมาเมียงมองแล้วนอนหมอบตามเดิม หัวแข็งเหมือนเจ้าของไม่มีผิด!
เดินมาทางหลังเรือนไม่ถึงร้อยเมตรก็เห็นเถาตำลึงพันเกี่ยวต้นน้อยหน่าจนเป็นพุ่มหนา ยอดอวบเขียวชอุ่มน่าเด็ดไปต้มกินจริงอย่างที่เจ้าเด็กปากเสียบอก ความรู้สึกขุ่นมัวเมื่อครู่จึงบรรเทาลง หันมองโจ๋น้อยไล่กวดกิ้งก่าเข้าไปในพงหญ้าด้วยความซุกซน ก่อนลงมือเด็ดยอดอ่อนยาวประมาณศอกไว้ในกำมือ ดวงตาสอดส่ายไปตามกิ่งก้านที่มีเถาตำลึงพันอยู่ ก่อนโน้มลงมาเลือกและเด็ดอย่างอารมณ์ดี แขนยาวช่วยให้เก็บยอดตำลึงสูงๆได้เยอะ หากยิ่งสูงยอดก็ยิ่งอวบเขียวสด คนตัวสูงจึงต้องเขย่งและโน้มกิ่งจนเสียการทรงตัว เซไปทับพุ่มตำลึงหนาจนได้ยินเสียงสวบสาบและเสียงฮือเหมือนมีบางอย่างแตกกระจาย จนปรับสมดุลให้ตัวเองได้จึงระบายลมหายใจ
“เกือบล้มแล้วมั้ยล่ะ”
ชายหนุ่มมองเถาตำลึงขาดกระจุยกระจายเพราะรั้งไว้ก่อนล้ม ยอดตำลึงในมือกำใหญ่กอปรกับที่วางไว้บนพื้นกองโต คิดว่าเก็บอีกนิดหน่อยก็น่าจะพอ ชายหนุ่มจึงตั้งท่าโน้มกิ่งน้อยหน่าลงมาอีก ด้วยเล็งยอดสวยๆไว้ หากเสียงหึ่งๆแปลกแยกไปจากปกติทำให้ทิเบตเงี่ยหูฟัง ดวงตาก็สอดส่ายหาตำแหน่งอย่างรวดเร็ว จนสะดุดลงกับกลุ่มก้อนดำๆขยุกขยิกได้ซ่อนอยู่ในพุ่มใบหนาของตำลึง สัญชาตญาณเตือนให้ระวัง ทว่าเร็วกว่าจะถอยห่างได้ทัน ความเจ็บแปลบแล่นผ่านหลังมือขวามาถึงหัวใจรวดเร็ว
“ผึ้ง!”
เสียงครางตกใจหลุดออกจากปาก รีบยกหลังมือขึ้นมาดู เห็นเหล็กไนคาอยู่บนผิวหนัง ขายาวก้าวถอยหลังและดึงเหล็กในออก เสียงหึ่งๆก็เริ่มดังเข้ามาใกล้ วนรอบศีรษะ จากสองสามตัวกลายเป็นสิบ บินวนจนปัดกันไม่หวาดไม่ไหว หูแว่วได้ยินเสียงโจ๋น้อยส่งเสียงขู่กรรโชกแล้วร้องเอ๋งๆวิ่งหนีเข้าป่าเข้าดงสุดชีวิต ที่นี่คงไม่ปลอดภัยแล้ว ชายหนุ่มใช้ยอดตำลึงในมือปัดแล้วหาที่หลบ
“โอ๊ย!”
ยังไม่ทันจะหาที่หลบก็ถูกผึ้งต่อยเข้าที่ต้นคออีกแห่ง และที่ร้ายไปกว่านั้น ตอนนี้ผึ้งทั้งรังเห็นเขาเป็นศัตรูไปแล้วที่บังอาจไปรบกวนที่อยู่อาศัยของมัน
“โอ๊ย!”
คราวนี้ต้นแขนขวา ชายหนุ่มจึงรีบวิ่งหนีไปให้ไกลฝูงเพชฌฆาต ก่อนที่จะถูกต่อยไปทั้งตัว ระหว่างหาที่หลบภัยนั้นหางตากลับเหลือบเห็นสีฟ้าตัดกับความเขียวชอุ่มของต้นชมพู่พุ่มเตี้ยๆ มันคุ้นตาจนต้องวิ่งไปพิสูจน์ด้วยมีอะไรบางอย่างสะดุดใจ และก็จริง เพราะเห็นไอ้โก๊ะยืนเป็นพยานหลักฐานหลังพุ่มไม้ตามเจ้าของมัน!
ร่างโปร่งบางยืนหัวเราะเยาะมองดูเขาถูกผึ้งต่อยกับไอ้ขัน ซึ่งมีสีหน้าอยากจะร้องไห้เต็มแก่
‘ตั้งใจแกล้งกันเลยนี่หว่า ไอ้เด็กนี่!’ ยิ่งเห็นรอยยิ้มสมใจติดอยู่มุมปากยิ่งทำให้คนกำลังเจ็บฉุนหนัก
“อยากแกล้งนักใช่มั้ย”
คนเจ็บแค่นเสียงและวิ่งตรงไปหาทั้งสองอย่างไม่คิดชีวิต พร้อมกับผึ้งเป็นฝูง!
“เฮ้ย!มาทางนี้ทำไม ไปทางอื่นสิ”
คนแอบดูผวาวูบเมื่อเห็นคนตัวใหญ่มุ่งมาหา สงสัยแผนจะแตก คนวางแผนจึงรีบเผ่นออกจากพุ่มไม้ เป็นเวลาเดียวกับที่อีกฝ่ายมาถึงตัวพอดี
“หอม!” เสียงดุตวาดลั่น “คราวนี้มันเกินไปแล้วนะ”
ทิเบตคว้าไหล่เล็กไว้ก่อนหนีได้
“อะไร! ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันจะมาช่วยก็เห็นนายถูกผึ้งต่อยแล้วนะ” ข้าวหอมโกหก พยายามสะบัดให้หลุดด้วยเหตุการณ์ไม่เข้าท่าแล้วตอนนี้ จากฝูงผึ้งบินว่อนบนศีรษะเป็นเงาทะมึน
“ปล่อยสิ เดี๋ยวถูกผึ้งต่อยกันหมดหรอก”
“ดี! ดีกว่าฉันโดนอยู่คนเดียว”
“เฮ้ย! บ้าเปล่า ปล่อยนะเว้ย”
ร่างโปร่งสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงเสียงหึ่งๆดังข้างหู
“ปล่อย!”
เสียงสูงตวาดแหวพร้อมยกเท้าเตะเข้าที่หน้าแข้งอีกฝ่ายจนหลุดออกมาได้แล้วรีบวิ่งหนีสุดชีวิต ทิ้งไอ้ขันให้ร้องโอยจากการถูกผึ้งต่อยเข้าอีกราย
“คราวนี้ฉันไม่ยอมแล้ว เป็นไงก็เป็นกันสิ”
ทิเบตวิ่งไล่กวดและหนีกระทวยแหลมมีพิษตามหลังไปติดๆ
ข้าวหอมก้าวขึ้นบันไดที่ละสองสามขั้นอย่างแตกตื่น พร้อมแหกปากเรียกพ่อสุดเสียง กำนันสิงห์ซึ่งยังอยู่ในห้องรีบออกมาดูก็เห็นลูกชายหน้าตาตื่นพร้อมลูกเขยวิ่งตามมาติดๆ
“เป็นอะไรไอ้หอม!”
“ผึ้งพ่อ หาที่หลบเร็ว!”
ลูกชายเอ่ยรัวเร็วไม่ทันขาดคำ กำนันสิงห์ก็ได้ยินเสียงหึ่งๆวนรอบๆศีรษะเสียแล้ว
“พวกเอ็ง! ไปแหย่รังมันทำไมกันวะ”
ผู้สูงวัยหยิบผ้าขาวม้าพาดไหล่ขึ้นปัดพัลวัน
“ฉันเปล่านะพ่อ คนดีของพ่อต่างหากที่ไปแหย่มัน”
ข้าวหอมรีบเข้าไปหลบหลังบิดา
“ผมไม่ได้ตั้งใจนะพ่อกำนัน ลูกพ่อกำนันนั่นล่ะที่หลอกให้ผมไปเก็บตำลึงที่มีรังผึ้งอยู่”
คนถูกหลอกก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน แก้ต่างไปพร้อมพยายามคว้าคนต้นเหตุให้ลองลิ้มรสชาติความเจ็บปวดด้วยคน ผู้สูงวัยหันขวับมองบุตรชายซุกศีรษะอยู่ข้างหลังทันควัน จนคนเจ้าความคิดสะดุ้งโหยง
“ฉันเปล่านะพ่อ นายอย่ามาโทษกันสิ ใครจะไปรู้ล่ะว่าตรงนั้นมีรังผึ้งอยู่ เจ็บแล้วพาลรึไง”
ร่างเล็กแทบจะมุดเข้าไปอยู่ในเสื้อบิดาจนดูพะรุงพะรังอิรุงตุงนังไปทั้งสามคน จนเจียนจะล้มหัวทิ่ม
“ไม่ไหวแล้ว ฉันไปล่ะพ่อ”
ผึ้งเริ่มบินวนล้อมรอบมากขึ้นจนข้าวหอมต้องผละวิ่งตรงดิ่งไปยังห้องบิดาซึ่งเปิดประตูค้างไว้
“เฮ้ย! รอด้วย”
ไม่มีใครคิดยืนรอให้ผึ้งบินลงมาต่อย ต่างวิ่งตามกันเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูทันที ทิเบตเห็นอีกฝ่ายมุดเข้าไปอยู่ในมุ้งจึงรีบพุ่งตัวตามเข้าไปเหมือนกัน
“เฮ้ย เข้ามาทำไม ออกไปนะ” มือเล็กพยายามผลักไสร่างหนาหนัก
“ออกไปก็ถูกต่อยสิ เห็นมั้ยปวดบวมแล้วเนี่ย” ทิเบตถลกแขนเสื้อให้อีกฝ่ายดูอย่างโกรธเคือง
“แล้วหลบไม่เป็นรึไงล่ะ ปล่อยให้มันต่อยทำไม”
คนไม่สำนึกคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมศีรษะ ก่อนจะล้มคว่ำลงไปกับที่นอนเพราะร่างสูงผลัก พร้อมขึ้นคร่อมกลางลำตัว รวบจับมือเล็กทั้งสองข้างไว้ ใบหน้าแดงก่ำแค่นเสียงพูด
“คราวนี้ฉันโกรธจริงๆนะ”
ร่างสูงจ้องใบหน้านวล ดวงตาคู่ดำวาวใสเบิกกว้างกับการใกล้ชิดจนรู้สึกได้ถึงไออุ่น ร่างกายร้อนวูบวาบก่อนหลบตาบิดตัวให้หลุดจากอีกฝ่าย
“ลุกไปเดี๋ยวนี้นะ” คนสู้ไม่ได้เริ่มเอาเสียงเข้าข่ม
“ไม่ ถ้าไม่ขอโทษ คราวนี้ฉันจะ....”
“จะทำไม” คนถูกทับเอ่ยสวนทันควัน “จะไม่กลับมาที่นี่อีกใช่มั้ย ดี! รีบไปเลย ฉันรออยู่”
“หึ ไม่ไปหรอก ยิ่งไล่ยิ่งไม่ไป จะอยู่ให้คนมันช้ำในตายกันไปข้างหนึ่งเลย”
ทิเบตยกมุมปากเหยียดยิ้ม และต้องร้องโอยเมื่อถูกเข่ากระแทกเข้ากลางหลังจนสะดุดลมหายใจตัวเอง ล้มฟุบทับร่างเล็ก
ข้าวหอมรีบผลักคนตัวหนักออกแล้วพลิกตัวจะลุกขึ้น หากถูกมือแข็งกระชากคอเสื้อไว้และใช้ร่างหนักของตัวเองทับแผ่นหลังเล็กไว้มั่น
“ไม่ให้หนีได้หรอก”
“โอ๊ย!” ข้าวหอมร้องลั่นเมื่อถูกตีเข้าที่บั้นท้ายเต็มแรง “ไอ้บ้านี่!”
“ไม่ต้องร้องเลย ถ้าไม่ขอโทษ คราวนี้ฉันจะตีแทนพ่อนายเอง”
ข้าวหอมเม้มปากแน่น พยายามตะเกียกตะกายหนีจากคนเลือดขึ้นหน้า อับอายสุดชีวิตที่โตจนปานนี้แล้วยังถูกจับตีก้น ใบหน้าขาวสะบัดเอียงคอมองคนด้านหลังอย่างชิงชัง แล้วต้องผงะด้วยอีกฝ่ายก็ก้มลงมาเช่นกัน
ราวกับจะกลืนกินลมหายใจซึ่งกันและกัน
ปัง!...ปัง!ๆ
เสียงปืนกระชากความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดของคนทั้งสอง ทิเบตปล่อยข้าวหอมแล้วกระโดดลงจากเตียงวิ่งไปเปิดประตู ส่วนข้าวหอมเองลุกขึ้นหันหาบิดา!
ร่างโปร่งรีบวิ่งออกไปนอกห้องก็เห็นบิดายกปืนลูกซองยิงขึ้นฟ้าจนฝูงผึ้งแตกฮือ “พ่อ!” ข้าวหอมเอามืออุดหูอีกครั้งเมื่อเสียงปืนดังจนแก้วหูแทบแตก
“พ่อกำนันหยุดยิงก่อน เดี๋ยวข้างบ้านแตกตื่นกันหมดนะครับ”
ทิเบตเสี่ยงลูกปืนและฝูงผึ้งเข้าใกล้ผู้สูงวัยอย่างเกรงๆ หากกำนันสิงห์ดูจะโมโหจนเลือดขึ้นหน้า หรือไม่ก็ถูกผึ้งต่อยจนบวมฉึ่งไปครึ่งหน้าถึงได้ยิงไปอีกหลายนัด กระทั่งสงบลง รอบตัวก็เงียบสงัดลงเช่นกัน
กำนันสิงห์หันมองทั้งลูกเขยและลูกตัว ก่อนเอ่ยเสียงเครียด
“วันหลังอย่าเล่นอะไรกันอย่างนี้อีก”
ไม่รู้ว่าบอกใคร แต่ทุกคนบนเรือนต่างพยักหน้ารับเงียบๆ และคนต้นเหตุก็เดินคอตกเข้าห้องไปทันที เหลือร่างสูงยืนเพียงลำพัง หันมองไปรอบๆไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมพัด
เพิ่งรู้วันนี้ล่ะว่าผึ้งก็กลัวลูกปืนเหมือนกัน...
-TBC-
เรียกร้อนฉากหวานๆ คนโพสก็อยากอ่านฉากหวานๆเหมือนกัน
เเต่ต้องรอสองผัวเมียนี่มานรักกันก่อน เอาน่า ตีกัน ต่อยกัน เดี๋ยวก็รักกัน
ผู้อ่านที่น่ารักอย่าหายไปไหนกันนะ ติดตามต่อไปนะจ๊ะ มีเเน่ๆส่วนตอนนี้ ขอโทษเเฟนคลับน้องหอม ถ้าขอทำเเบบนี้
เด็กรายวะ จับฟอดดดดเลย
เเล้วหมอจะเป็นยังไงเนี่ย โดนซะขนาดนั้น
เอาละ ตอนหน้าจะพาทุกคนเข้ากรุงเทพ
ฉิ่งฉับทัวร์เตรียมไว้พร้อมละ
ใครจะไปก็ลงชื่อไว้ละกาน
ออกเดินทางวันจันทร์นะ
+1 ให้คนน่ารักเหมือนเดิม