Hopeful & Hopeless วรรณกรรมจำเ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Hopeful & Hopeless วรรณกรรมจำเ  (อ่าน 153265 ครั้ง)

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #150 เมื่อ10-06-2010 17:24:02 »

 :เฮ้อ:ลุ้นกำลังมันส์จบตอนซะงั้น

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #151 เมื่อ10-06-2010 19:07:06 »

เหนือความคาดหมายแหะ แต่โชคดีจังที่สวรรค์ให้โอกาสญดาได้มีชีวิตอีกครั้ง
คนเราถ้าได้ลองพยายามด้วยตัวเอง ฝืนและหนีความตายมาได้คงคิดได้แล้วสินะว่า
ชีวิตนี้ของตัวเองโคดจะมีค่ีาโดยไม่ต้องให้คนอื่น พูดหรือป้อยออะไร

ส่วนนุ้งกวิน โธ่ๆน่าสงสารตอนแรกคิดว่าจะไปซะแล้วแต่ก็นะ คนเราไม่มีใครที่มัน
จะใจแข็งใจร้ายใจดำได้แบบเกินค.เป็นมนุษย์หรอก เพราะจิตสำนึกและจิตวิญญาใฝ่ดีมันชนะ
สีดำเทาของก้นบึ้งจิตใจอ่ะนะ กีซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ
นึกว่าจะโดนซาตานในคราบคุณหมอผู้ใจดีฆ่าเข้าให้ซะแล้ว เฮ้อ โล่งอกจริงๆ
ณ จุดๆหนึ่งใจได้มีไออุ่นๆแทรกเข้ามาได้บ้างอ่ะนะกวิน งี๊ดดดดดดดดดด :-[ :o8: วิ้งไปขวยเขิน

+1 คร่า.

ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #152 เมื่อ11-06-2010 01:38:59 »

..เออนะ

จริงๆสิ่งที่กวิน พูดใส่ ญดา ก็เป็นเรื่องที่เคยๆคิดว่าจะเอาไปตะโกนใส่หน้าคนที่จะฆ่าตัวตายเหมือนกัน
แต่ก็อย่างว่า ผลมันก็เหมือนกับเหรียญสองด้าน

นิยายสนุกมากคับ
ขอบคุณ
สวัสดี

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #153 เมื่อ11-06-2010 02:10:17 »

555 ยังไม่มีตอนใหม่นะครับ ขอตอบเม้นไปพลาง ๆ ก่อน แหะ ๆ ๆ (แก้ตัวมากก)




ว้าว

ตอนนี้เธอทำได้ดีทีเดียว

ทั้งประโยคสวยงาม และมีความสำคัญ  อ่านแล้วรู้เลยว่าใส่ประโยคนี้เข้ามาในทำไม

ทุกตัวอักษรได้แสดงออกและทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน

ชิ้นส่วนที่กรุกราย เยิ่นเย่อ  หายไปหมดสิ้น

ฉันชอบประโยคนี้นะ  ที่ว่า...อากาศที่หายใจเข้าไปก็คล้ายจะเต็มไปด้วยพิษร้ายที่ชวนให้รู้สึกพะอืดพะอม อยากจะอาเจียน

อ่านแล้วเห็นภาพมากมาย ว่ากวินรุ้สึกอย่างไรในตอนนี้

แต่เจ้าประโยคนี้ -->   “คุณแม่งโคตรเหี้ย !” 

มันไม่น่าจะปรากฏขึ้นมาในงานของเธอเลย  เหมือนพลอยเก๊ ราคาถูก ที่ไปติดอยุ่ที่ชายกระโปรงไหม ตัดเย็บปราณีต ราคาแพง เลยจริงๆ (อย่างน้อยก็ในสายตาฉัน)

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ

ขอให้เธอรักษาความสามารถอันดีข้อนี้ของเธอเอาไว้ด้วยนะ  และจงหยิบมันออกมาใช้เรื่อยๆ ในเวลาที่เธอต้องการ

อย่างทิ้งมันไปเสียล่ะ

เจ้สอง

ปล. อีตาหมอ มันไปรัก กวินตอนไหน ยังหาไม่เห็น  มีก็แค่ รุ้สึกหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงนึกขันหากย้อนไปคิดถึงเรื่องเปิ่นๆ ที่ตัวเองและกวินทำไว้ รุ้สึกว่ารวบรัดไปนิดหนึ่งน้า

ปลล. อันนี้ --> “แน่ใจ”   เธอลืมใส่เครื่องหมายคำถามอ๊ะเปล่า ?

ปลลล. คุณนี้ ใส่ความกลับไปกลับมา (ฉันพิมพ์ภาษาอังกฤษไม่ถูก อิอิ) ในธรรมชาติของตัวละครได้เก่งจริงๆ  อ่านแล้วดูเหมือนงานคุณมันมีอะไรมากไปกว่าความบันเทิง 

ชอบนะ


- ขอบคุณเจ้สองมากครับ สำหรับการติดตามอ่านและคำคอมเม้น งานชิ้นนี้แรก ๆ ก็ตั้งใจว่าเขียนเอาสนุก ๆ น่ะครับ แบบว่ากะจะให้บันเทิงทั้งคนเขียนคนอ่าน แต่ไป ๆ มา ๆ มันก็เหมือนจะเริ่มจริงจังขึ้นมาเองซะยังงั้น ส่วนตัวไม่ได้ตั้งใจอยากจะให้งานนี้มันออกมาเป็นชุดราคาแพงเลิศเลออะไรนักหรอกครับ อยากให้เป็นชุดใส่สบาย ๆ ง่าย ๆ มากกว่า ยังไง ๆ ถ้าอ่านไปแล้วสะดุดกับอะไร คอมเม้นได้เต็มที่เลยครับผม



ตั้งแต่ต้นจนจบ รู้สึกว่าคนที่มีปัณหาที่่สุดคือกวิน
ลักษณะที่สื่อออกมาคือคนเก็บกด ขาดความอบอุ่น 
โดนกลั่นแกล้ง  จนปิดตัวเอง คิดว่าจากเรื่องราววัยเด็ก
ทำให้ปิดกั้นตัวเองและยึดถือแนวคิด มองโลกในแง่ร้าย

ได้แต่หวังว่า คุณนุ จะเยียวยาคนไข้ที่น่ารักคนนี้ได้ :เฮ้อ: :impress3:


- เห็นด้วยครับ ว่ากวินเป็นคนเก็บกดและขาดความอบอุ่นพอสมควร และก็หวังเช่นกันครับว่าวิษณุจะช่วยเยียวยาได้บ้าง (หรือเปล่า คงต้องติดตาม 555)


โหยยย ตอนแรกนึกว่าจะช่วยไว้ไม่ทัน  :เฮ้อ:

ชอบมากค้า อิอิ   :pig4:


- ยอมรับว่าผู้เขียนใจร้ายกับญดาไม่ลงอ่ะครับ ^ ^



วินาทีแห่งความเป็นความตาย เขียนได้น่ากลัวมากค่ะ แบบว่า..ภาพมาเป็นฉากๆเลย  o13
อ้างถึง
“ตกลงเรื่องอะไร... บอกได้ป่ะ”    วิษณุผ่อนลมหายใจยาว ในขณะที่ตายังปิดสนิท
    “ได้... มั้ง”
    “เรื่องไรล่ะ”
    “เรื่อง ที่ผมเป็นเกย์”
    “อะไรนะ!” กวินชะงักพร้อมกับหันหน้ามาหาอีกฝ่าย วิษณุนอนนิ่ง ไม่ไหวติง เป็นไปได้ว่าพอพูดจบแล้ว เจ้าตัวคงจะหลับสนิททันที...
    ...ตรงกันข้ามกับกวินที่ตาสว่าง อย่างไม่รู้สาเหตุ
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะ  :impress2:
เป็นกำลังใจให้นะคะ


- ถ้าผู้อ่านให้กำลังใจ ผู้เขียนก็ขอรับไว้อย่างดี และจะเก็บรักษาไว้ให้ดียิ่งกว่าเดิมครับผม



เฮ้อ บีบจิตมาก นึกว่าจะช่วยไม่ทันซะแล้ว
แต่ญดานี่อ่อนแอจริงๆนะ
คือเราว่าเราก็คิดเหมือนที่กวินพูดไปน่ะ
แต่จะว่ากวินถูกซะทีเดียวก็ไม่ได้
เพราะกวินไม่น่าพูดตอนนั้น ในตอนที่ญดากำลังอ่อนแอแบบนั้น

- ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับผม จริง ๆ ผมว่ากวิพูดผิดครับ ผิดกาลเทศะ ^ ^




อ่านตอนนี้ทำให้เห็นว่า ทุกคนต่างมีปมในใจ  มีด้านมืดของตนเองทั้งนั้น
แต่ว่า แต่ละคนจะแสดงออก ทางด้านไหน ก็สุดแต่คน คนนั้นจะเป็นไป

ทั้งกวินและวิษณุจะเป็นยังไงต่อไป  น่าติดตามมากๆว่าทั้ง 2 คนจะเยียวยากันยังไง

- ขอบคุณที่ติดตามครับ


 :เฮ้อ:ลุ้นกำลังมันส์จบตอนซะงั้น

- ตอนหน้ามาลุ้นใหม่นะครับ อิอิ


เหนือความคาดหมายแหะ แต่โชคดีจังที่สวรรค์ให้โอกาสญดาได้มีชีวิตอีกครั้ง
คนเราถ้าได้ลองพยายามด้วยตัวเอง ฝืนและหนีความตายมาได้คงคิดได้แล้วสินะว่า
ชีวิตนี้ของตัวเองโคดจะมีค่ีาโดยไม่ต้องให้คนอื่น พูดหรือป้อยออะไร

ส่วนนุ้งกวิน โธ่ๆน่าสงสารตอนแรกคิดว่าจะไปซะแล้วแต่ก็นะ คนเราไม่มีใครที่มัน
จะใจแข็งใจร้ายใจดำได้แบบเกินค.เป็นมนุษย์หรอก เพราะจิตสำนึกและจิตวิญญาใฝ่ดีมันชนะ
สีดำเทาของก้นบึ้งจิตใจอ่ะนะ กีซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ
นึกว่าจะโดนซาตานในคราบคุณหมอผู้ใจดีฆ่าเข้าให้ซะแล้ว เฮ้อ โล่งอกจริงๆ
ณ จุดๆหนึ่งใจได้มีไออุ่นๆแทรกเข้ามาได้บ้างอ่ะนะกวิน งี๊ดดดดดดดดดด :-[ :o8: วิ้งไปขวยเขิน

+1 คร่า.


- ขอบคุณที่ยังติดตามมาโดยตลอดครับคุณ mecon ดีใจที่ได้อ่านคอมเม้นขอบคุณครับ


..เออนะ

จริงๆสิ่งที่กวิน พูดใส่ ญดา ก็เป็นเรื่องที่เคยๆคิดว่าจะเอาไปตะโกนใส่หน้าคนที่จะฆ่าตัวตายเหมือนกัน
แต่ก็อย่างว่า ผลมันก็เหมือนกับเหรียญสองด้าน

นิยายสนุกมากคับ
ขอบคุณ
สวัสดี


- ขอบคุณเช่นกันครับ ที่สละเวลาเข้ามาอ่าน

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #154 เมื่อ11-06-2010 12:48:17 »

นึกว่าจะลงตอนใหม่ เลยรีบเข้ามาดู  อิอิ

จะรอน้า

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #155 เมื่อ11-06-2010 14:04:20 »

ขอบคุณที่ญดาไม่ตาย
ขอบคุณที่กวินรู้สึกผิด
และ....ขอบคุณที่วิษณุเป็นเกย์
ขอบคุณไรท์เตอร์ค่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #156 เมื่อ11-06-2010 17:41:46 »

เธอกำลังคิดอะไรอยู่ญดา! เธอกำลังทำใหหหห้คนอ่านอย่างฉันสติแตก (เว่อร์ไป)
ทำไมเล่า เขาเป็นห่วงยังมาทำแบบนี้อีก ทำไมไม่ตายๆไปซะ แต่ชีวิตของคนเรามีฆ่านะ เกิดมาน่าจะลองใช้ให้มันคุ้มค่าหน่อย อยากทำอะไรทำ อยากไปไหนไป แล้วค่อยตาย
แต่อย่าคิดโง่ๆด้วยการฆ่าตัวตาย กำลังคิดถึงว่า คนที่เขาอยากฆ่าตัวตายแท้ที่จริงแล้วเขาไม่ได้อยากตายแต่อาจจะพยายามไม่ฆ่าแต่ทำไม่ได้

ตอนสุดท้ายแอบอึ้ง !! รออ่านคะ
บอกตามตรงว่าอ่านนิยายเรื่องนี้ แล้วรู้สึกกดดัน มันมาเองโดยที่เราก็ไม่เข้าใจแต่กดดันแบบอยากอ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #157 เมื่อ11-06-2010 22:08:19 »

ไม่รู้ว่ามาต่อแล้วหลายตอน มาอ่านทีเดียวยาวๆเลยมีหลากอารมณ์จริงๆ อ่านนิยายของคุณแล้วก็ชอบค่ะ
ภาษาอาจจะมากมายแต่ก็ให้ความรู้สึกของตัวละครได้ชัดเจน จนนึกว่าคนเขียนช่างหาคำจังเลย
จำได้ว่าความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นตอนอ่านเรื่องลับแลแก่งคอย
ถึงแม้จะอึดอัดในบางตอน แต่รวมๆก็ยังชอบอยู่ค่ะ จะรออ่านตอนต่อไปค่ะ :pig4:

mixmix

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #158 เมื่อ12-06-2010 22:11:48 »

55+ นั่้นสิ กวินผิดกาลเทศะ

เข้ามารอตอนใหม่และเป็นกำลังใจให้ค่า ^^

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #159 เมื่อ13-06-2010 19:41:20 »

 :m7: รอ ร้อ รอ ตอนใหม่
 
o11 มามะ มามะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
« ตอบ #159 เมื่อ: 13-06-2010 19:41:20 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






4life

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #160 เมื่อ15-06-2010 05:38:06 »

รอๆๆ

ออฟไลน์ ปลาทองสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #161 เมื่อ16-06-2010 02:47:05 »

โอ้ยยย มาต่อตอนไหนไม่เห็นอ่ะ เสียใจ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก

อ่านสองตอนรวดคงรู้สึกดีกว่าตอนอ่านทีละตอนมั้ง ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ไม่งั้นคงอกแตกตาย ภาษางดงามเช่นเคย แต่ตอน ๑๕ แอบจิตหลุด ด้วยว่าบทบรรยายเยอะ
ดังเจ้สองว่าน่ะค่ะ (ณ ทีนี้ กดบวกเจ้สองด้วย ถูกใจมาก แต่ก็กดไรเตอร์ด้วยนะ ๕๕๕)

ตอนแรกคิดว่าจะออกแนวนิยายน้ำเน่า กวินไปพูดแล้วญดาเปลี่ยน หรือคิดได้เล็กน้อยถึงปานกลาง
หันมากุมมือกวินแล้วบอกด้วยสายตาขอบคุณอย่างสุดซึ้ง "ขอบคุณคุณกวินที่ช่วยเตือนสติฉัน"
ยอดเยี่ยมจริงๆ ที่ญดาลงน้ำตกไปอย่างสวยงาม
(ตามท้องเรื่องนิยายนะคะ ไม่อยากให้มีเรื่องจริงแบบนี้หรอก ๕๕)

จะว่ากวินขวางโลกก็ไม่ใช่ ก็คนมองโลกอย่างตรงไปตรงมาล่ะมั้ง ๕๕
ชอบกวินมากๆอ่ะ ไม่ค่อยเจอตัวละครแบบนี้ ยกนิ้วให้ไรเตอร์ค่ะ
แล้วจะรอตอนต่อไปอย่างงดงาม


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-06-2010 02:50:55 โดย ปลาทองสีชมพู »

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #162 เมื่อ20-06-2010 23:52:19 »


ดันคะ

ตามนั้น

อิอิ

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #163 เมื่อ22-06-2010 22:37:24 »

 :m22: แวะมาดู

 :call: แวะมาเรียก

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #164 เมื่อ28-06-2010 02:56:16 »

17

        บางสิ่งบางอย่างที่ไม่เคยเกิด...

    ในฐานะที่ทำมาหากินกับการเขียน นี่เป็นครั้งแรกที่กวินค่อนข้างจนมุมเป็นอย่างยิ่งในการจะสรรหาคำมาอธิบายว่าไอ้สิ่งที่ไม่เคยเกิดนี้มันคืออะไรและมีคุณสมบัติอันใดให้ออกมาเป็นภาษาพูด ก็ด้วยความที่มันไม่เคยเกิด แล้วครั้นพอมันเกิด การเกิดของมันก็เป็นไปอย่างเรียบง่ายและราบรื่นเสียจนแทบจะไร้ซึ่งความหวือหวาผาดโผนอันใดให้จับต้องได้ชัดที่จะนำมากล่าว แต่อย่างไรก็ตาม... ในช่วงหลายวันมานี้ กวินรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าบางสิ่งที่ไม่เคยเกิด มันได้เกิดขึ้นแล้วโดยไม่ทันตั้งตัว

    เหมือนดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ผุดขึ้นมากลางลำต้นที่แห้งเหี่ยวโรยรา หรืออาจจะคล้ายกับหยดน้ำเบา ๆ ที่หยาดรินลงในพื้นดินอันแตกระแหง หรือเปรียบได้กับดวงไฟน้อยนิดที่จุดประกายขึ้นมาท่ามกลางลมพายุที่กำลังโหมกระหน่ำ หลายสิ่งหลายอย่างในสถานการณ์ที่ไม่ชวนให้ใครคิดว่ามันจะเกิดขึ้นมาได้ รวมถึงว่าสิ่งที่เกิดนั้นก็เล็กน้อยจนเกินกว่าจะเป็นที่สังเกต ท่ามกลางโลกอันอับเฉาและมืดทึบ กวินลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตนเองเคยรอคอยให้สิ่งแบบนี้มันเกิดขึ้นมานานสักเพียงไหน

    ...และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว มันมักจะดำเนินต่อไปอย่างเรียบง่ายและมีแบบแผน เหมือนถ้าดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ได้ผุดขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าอะไรก็คงจะห้ามมันไม่ให้เบ่งบานมิได้ เช่นเดียวกันกับกวิน ขณะนี้ เรื่องราวมากมายปรากฏผ่านตัวอักษรบนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างล้นทะลัก เพิ่มเติมต่อไปอย่างรวดเร็วราบรื่นและก้าวหน้าไม่มีหยุด ไม่น่าเชื่อเลยว่าก่อนหน้านี้กวินเคยติดขัดกับมันมาอย่างมากมายสักเพียงไหน

    สิ่งที่ไม่เคยเกิด... จู่ ๆ มันก็เกิด...

    กวินสูดลมหายใจเต็มปอด ในขณะที่สมองยังคงตื่นตัวกับงานที่ทำ แต่กระนั้นก็ปฏิเสธความเหนื่อยล้าไม่ได้ กวินจมจ่อมอยู่กับคอมพิวเตอร์มาหลายวัน วันละหลายชั่วโมง ตั้งแต่เหตุการณ์เลวร้ายในคืนนั้นคลี่คลาย ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว กวินเขียนงานอย่างเป็นบ้าเป็นหลังจนถึงกับลืมกิจวัตรแทบทุกสิ่งอย่าง บางวันถึงกับลืมกินลืมนอน ไม่มีงานเขียนชิ้นไหนที่ทำให้กวินหมกมุ่นได้เท่านี้เลย เวลาที่เขียนแทบไร้ซึ่งอาการหันเหไปสู่สิ่งอื่น ลืมความหิว ลืมความเหน็ดเหนื่อย จนกระทั่งร่างกายไม่ไหวถึงขีดสุดแล้วนั่นแหละ ถึงจะได้รู้ตัว

    เอาจริง ๆ ก็เกือบจะถึงขั้นหมดแรงตายไปเหมือนกันเมื่อสองสามวันก่อน วันที่กวินนั่งเขียนงานติดกันนานถึงสิบกว่าชั่วโมง คิดขึ้นมาแล้วก็อดที่บางอย่างในห้วงใจจะพองโตขึ้นมาไม่ได้ ถ้าวันนั้นไม่มี “เขา” กวินจะเป็นเช่นไร คงได้มีหวังเป็นลมเป็นแล้ว สลบไสลไปคาคอมพิวเตอร์แล้วแน่ ๆ

    “เขา” ที่ฉุดดึงกวินให้ขึ้นมาจากหุบเหวของความรู้สึกผิดบาป พร้อมช่วยสมานบาดแผลทั้งหมดทั้งมวลให้หายดี

    “เขา” ที่เอาใจใส่ แม้จะไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่กวินก็รู้สึกได้

    “เขา” ที่ปรากฏใบหน้ามาให้เห็นอยู่เสมอ แม้ว่าบางคราวจะไม่ได้มีคำพูดคำจาใด ๆ ออกมาให้ได้ยินมากมายนัก แต่แววตาของเขา ก็ทำให้กวินรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

    ภาพควรมทรงจำเกี่ยวกับตัว “เขา” หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว

    “เชื่อเถอะว่าคุณจะต้องกินบ้าง”

    “นมเนี่ยนะ ขอร้อง” กวินพูดพร้อมกับแสร้งหัวเราะ แต่จำได้ว่าตอนนั้นก็ยังไม่หยุดตัวเองจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่พอถูกกระตุ้น ก็ถึงจำความได้ว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่บ่าย รู้สึกปวดแสบขึ้นมาครามครัน

    “ดึกป่านนี้แล้วนี่นา ให้ไปกินข้าวก็ไม่ยอมลงไปกิน ดื่มนมไปก่อนเถอะ มีประโยชน์นะ แคลเซียมสูง กินแล้วจะได้โตเร็ว ๆ”

    “บ้า” กวินอดจะขำในวาจาอีกฝ่ายไม่ได้ “ป่านนี้แล้วยังจะโตอะไรอีก”

    “กินเข้าไปเถอะ โตเร็วกับตายเร็วเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องคุณจะเลือกอะไร”

    “ปากเสีย” กวินร้องว่า พร้อมกับคว้านมที่วิษณุนำมาวางไว้ข้างตัวขึ้นมาดื่ม ก่อนจะเหลือบไปเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังล้มตัวนอนลงบนเตียงด้วยท่าทางที่สบายอกสบายใจนักหนา ตัดสินใจถามขึ้นมา

    “ญดาเป็นยังไงบ้าง”

    “ดีขึ้นแล้วล่ะ”

    “งั้นหรือ” กวินถอนหายใจ “ที่ว่าดีขึ้นนี่ร่างกายหรือจิตใจ”

    “ร่างกาย”

    กวินถอนใจหนักขึ้น ไม่กล้าถามคำถามต่อไป แต่เหมือนว่าวิษณุจะรู้อะไรในใจบางอย่าง จึงพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

    “ญดาบอกว่าหินแถวนั้นตะไคร่น้ำเยอะมากและลื่นมาก ไม่ควรไปเดินสุ่มสี่สุ่มห้าตอนกลางคืนอีก”

    “อะไรนะ” กวินขมวดคิ้ว จนวิษณุต้องพูดขึ้นอีกรอบ

    “ญดาบอกว่าตะไคร่น้ำมันลื่นมาก อะไรแค่นี้ คุณฟังไม่เข้าใจหรือไง”

    “เข้าใจน่า ก็แค่ไม่ได้ยิน” กวินร้องตอบโต้ออกตามสัญชาตญาณ ราวกับยอมไม่ได้ถ้ามีใครมารวน แม้ในห้วงความรู้สึกที่แท้จริงกำลังครุ่นคิดในเรื่องอื่นอยู่ก็ตาม “แล้วนี่คุณยังจะต้องมานอนห้องนี้อยู่อีกหรือ ก็แขกของคุณกลับไปหมดแล้วนี่ ทำไมไม่กลับไปนอนห้องตัวเอง”

    ไร้คำตอบ... ราวกับวิษณุได้หลับสนิทไปแล้ว

    .....

    สายลมพัดมาอีกระลอกใหญ่ ปลุกสติของกวินให้กลับมาคืนมาอยู่ในปัจจุบันพร้อมกับอาการที่ปวดเมื่อยไปทั้งตัว กวินค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนหวังว่าการยืดเส้นยืดสายสักเล็กน้อยจะช่วยให้อาการปวดเมื่อยของสัมปชัญญะให้ผ่อนคลายลงมาได้บ้าง

    สายลมบางเบาพัดผ่านอย่างต่อเนื่องส่งเสียงแผ่วเบาราวกับเสียงดนตรี พร้อมกับพากิ่งไม้ให้ไหวเอนเป็นจังหวะพริ้วไหวคล้ายกับเริงระบำ ก่อนจะสะบัดใบบางส่วนหลุดจากขั้วปลิวกระจายไปกลางอากาศอย่างอิสระเสรี กวินซึมซับกับบรรยกาศรอบข้างละเอียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนกับสายตาเพิ่มศักยภาพในการเก็บเกี่ยวภาพทุกภาพและทำการปรับแก้ภาพแต่ละภาพให้สวยงามขึ้นแทบทุกวินาทีของการเคลื่อนไหว ไม่น่าเชื่อและไม่ทราบว่าด้วยเหตุอันใดที่ทำให้กวินสามารถทำอะไรได้เช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่โลกของเขามืดทึบมานานมาก จนไม่อาจจะรำลึกได้เลยว่าความสวยงามของสรรพสิ่งรอบข้างถูกพรากออกไปจากการมองเห็นตั้งแต่ตอนไหน

     “คุณ” เสียงร้องเรียกที่ดังพร้อมกับเสียงครืดคราดของประตูกระจกที่ถูกเลื่อนออก เข้ามาขัดจังหวะภวังค์ของกวิน ในขณะที่ใบหน้าของผู้เรียกที่กวินหันกลับไปมองก็เหมือนจะเข้ามาส่งผลกระทบให้ห้วงความรู้สึกบางอย่างหวั่นไหวไปได้อีกเล็กน้อย

    วิษณุยืนนิ่งอยู่สักพัก คล้ายกับมีความปั่นป่วนในใจเล็กน้อยไม่ต่างอะไรกับกวินเท่าไรนัก ต่างตรงที่ว่าเหมือนชายหนุ่มจะตั้งตัวได้ดีกว่า ในขณะที่กวินยังงุนงงอยู่เช่นเดิม ไม่แน่ใจว่าวิษณุมีธุระอันใด เห็นแต่เพียงแก้วกาแฟในมือของเขา ที่ถูกวางไว้ข้าง ๆ คอมพิวเตอร์ในเวลาต่อมา

    “ผมเอากาแฟมาให้”

    “อะ.. อะไรนะ”

    “คุณไม่ง่วงหรือ”

    “ไม่นี่”

    “คุณจมอยู่แต่กับคอมพิวเตอร์ทั้งวันทั้งคืนมาตั้งหลายวัน”

    “ผมก็เห็นคุณพูดแบบนี้ทุกวันเหมือนกัน” กวินพูดพลางหัวเราะแก้เก้อ “แล้วผมก็ต้องตอบคุณไปซ้ำ ๆ ว่า... ผมกำลังทำงานครับ”

    “กาแฟช่วยได้นะ” วิษณุตั้งท่าจะแจกแจงต่อไป ในขณะที่กวินจิกปลายเท้าแน่นกับพื้น รู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายมันบิดเกลียวไปหมด ไม่อาจจะทนฝืนสบแววตาอันมากประกายของอีกฝ่ายได้นาน “ผมหมายถึง... เวลาที่คุณ... เบื่อ ๆ ล้า ๆ”

    “เวลาที่งานราบรื่น ผมไม่รู้สึกเบื่อหรอก” กวินตอบไปตามสัญชาตญาณ ไม่แน่ใจนักว่าสัญชาตญานบ้าบออะไร แถมลิ้นก็พันไปเสียหมด “จริง ๆ นะ คุณไม่เคยเป็นหรือ เวลาที่กำลังทำงานอะไรที่คืบหน้าไปได้ดี คือมันก็เหนื่อยนะ แต่ว่ามันไม่...”

    “ผมเข้าใจ” อีกฝ่ายตัดบทขึ้นทันที ทำเอากวินชะงักไปเล็กน้อย และรู้สึกได้ถึงความเก้อเขินบางอย่างที่เป็นร่องรอยมาจากวาจาวกวนเมื่อครู่

    วิษณุก้มหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเงยขึ้นมาถามในเวลาอันสั้น

    “แล้วปกติคุณดื่มกาแฟหรือเปล่า”

    “อะไรนะ”

    “คุณดื่มกาแฟหรือเปล่า” อีกฝ่ายถามย้ำ

    “ดื่ม”

    “ก็แค่นั้น” วิษณุแสดงสีหน้าขบขันเล็กน้อย “งั้นก็ดื่มเสียสิ เดี๋ยวมันจะชืดเสียก่อน”

    “อ่อ..” ราวกับว่ากวินเพิ่งจะเข้าใจสถานการณ์ได้ก็ในตอนนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าความมึนงงอะไรที่มาทำให้สับสนในเหตุการณ์ง่าย ๆ แบบนี้ “ขอบคุณนะ”

    วิษณุระบายยิ้มเล็กน้อย ในขณะที่กวินหันมาคว้าแก้วกาแฟขึ้นจิบ

    “รสชาติโอเคไหม หวานไปหรือเปล่า”

    “โอเค” กวินรีบตอบ ห้วงสติกลับมาลนลานอีกเล็กน้อย ในขณะที่สมองมัวครุ่นคิดถึงเรื่องอื่นโดยที่ลืมเรื่องรสชาติที่สัมผัสบนลิ้นไปเสียสิ้น แต่ก็ด้วยมาดของความพยายามจะกลบเกลื่อนก็ทำให้รีบตอบออกไปโดยไม่คิด “แบบนี้โอเคแล้ว ผมไม่ชอบดื่มกาแฟแก่ หวาน ๆ แบบนี้แหละ โอเค”

    วิษณุขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะถามต่อ

    “ชอบจริง ๆ หรือ”

    “อื้ม”

    “แต่ผมไม่ได้ใส่น้ำตาลลงไปเลยนะ”

    วิษณุหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับไปที่ประตูห้อง ในขณะที่กวินยังคงงุนงงกับท่าทีของเขา จนกระทั่งในจังหวะสุดท้ายที่วิษณุหันกลับมาพูดด้วยรอยยิ้มชนิดที่ทำเอากวินรู้สึกปั่นป่วนในใจอย่างบอกไม่ถูก

    “ไม่รู้เหมือนกันว่ามันหวานมาได้ยังไง”

    ไม่ทันที่กวินจะประมวลผลออกมาเป็นคำพูดได้ว่าคำพูดอันแปลกประหลาดของวิษณุได้เข้าไปก่อให้เกิดความรู้สึกเช่นไรแก่ใจของกวิน คนพูดก็เปิดประตูหนีออกไปเสียแล้ว ในขณะที่กวินชะงักค้างไปอยู่อีกชั่วครู่ ราวกับว่าไม่อาจจะสลัดความงุนงงและความไม่เป็นตัวของตัวเองต่าง ๆ นา ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนที่อีกฝ่ายอยู่ด้วยให้หมดสิ้นลงไปได้เสียที

    ยกกาแฟขึ้นมาจิบอีกรอบ ในขณะที่ใจยังคงเต้นไม่ค่อยจะเป็นจังหวะนัก

    กินยังไงก็หวาน.... แล้วจะบอกไม่ใส่น้ำตาลได้ยังไง... กวินหัวเราะเบา ๆ ออกมาอย่างไม่มีเหตุผล คนบ้า... พูดจามั่วซั่ว

    บางสิ่งที่ไม่เคยเกิด...

    ...บัดนี้ มันเกิดขึ้นอย่างชัดเจนโดยที่มิต้องเคลือบแคลงสงสัย

    ในชั่ววินาทีหนึ่งที่เหมือนจะคิดอะไรไปไกล กวินรีบตัดขาดความคิดพรรค์นั้นให้ขาดสะบั้นลงไปอย่างรวดเร็ว ถอนใจหายเล็กน้อย คาเฟอีนเริ่มทำให้สมองตื่นตัว ห้วงความคิดยังคงพยายามให้มันจดจ่ออยู่กับการทำงาน ในขณะที่สายตายังคงกวาดมองไปรอบ ๆ เพื่อเก็บกวาดเอาแรงบันดาลใจ แต่ห้วงความรู้สึกอันซับซ้อนที่ยังไม่ได้จะมลายหายหมดไปเสียเลยทีเดียว

    แสงแดดยามบ่ายสาดส่องลงมาจับประกายกับหยดน้ำจากสปริงเกอร์ที่เกาะติดอยู่ตามกลีบดอกไม้ที่เบ่งบานสดชื่นอยู่บนสวนด้านล่าง เกิดเป็นประกายของแสงสีสวยงาม ก่อนที่เมฆก้อนใหญ่จะเคลื่อนที่เข้ามาบดบัง แสงอาทิตย์ค่อย ๆ ถูกกลืนหายลงไปจนหมดสิ้น

    กวินค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออก ความรู้สึกลิงโลดเกินพอดีค่อย ๆ ผ่อนปรนลงเล็กน้อย แม้จะได้กลับมาพบเจอในสิ่งที่ขาดหาย แต่ชีวิตที่ผ่านมาก็สั่งสอนกวินให้จดจำความจริงแท้อันหนึ่งไว้อยู่เสมอ นั่นก็คือความไม่ยั่งยืนของสิ่งรอบข้าง รวมไปถึงคุณสมบัติอันฉาบฉวยของความสวยงาม ที่ส่วนใหญ่แล้วมันมักไม่มีอยู่จริง หากแต่เกิดขึ้นเพราะความรู้สึกคิดฝันไปเองก็เท่านั้น

    ความคิดฝันที่พร้อมจะแปรปรวนและเปลี่ยนแปรไปได้อยู่ตลอด

    พยายามทำใจให้สงบ วรรณี วรรณรัตน์เคยกล่าวไว้ในงานเขียนสักชิ้นว่าใจที่สงบมักจะนำพาซึ่งชัยชนะอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์อันร้ายดีสักเพียงไหนก็ตาม สถานการณ์ร้ายฟื้นฟูขึ้นได้ด้วยจิตใจที่มั่นคงฉันใด ตรงกันข้าม สถานการณ์ที่ดีอาจจะกลับตารปัตรพลิกผันไปสู่ทางเลวได้ภายในเสี้ยวเวลาเพียงเพราะใจที่ว้าวุ่นก็ฉันนั้น

    กวินอดตั้งคำถามแก่ตัวเองไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าชีวิตที่ผ่านมานั้น ตนเองจมอยู่กับความว้าวุ่นของห้วงใจยาวนานสักเพียงไหน

    สายตาจับจ้องกลับไปในหน้าจอคอมพิวเตอร์ ถ้อยอักษรร้อยพันปรากฏอยู่บนนั้น ต่างจากเมื่อหลายวันก่อนที่ว่างเปล่า มีเพียงเค้าโครงของการตีบตันและมืดมิด การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว... แถมเกิดขึ้นพร้อมกับความเข้าใจในบางสิ่งบางอย่างที่คลี่คลายออกอย่างง่ายดายราวกับการแก้เงื่อนที่ถูกจุด ปมทั้งหลายที่มัดเอาไว้อย่างยุ่งเหยิงสามารถกระตุกพรวดได้รวดเดียวแล้วคลายออกมาได้อย่างสิ้นเชิง

    ขอบคุณเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ที่ทำให้กวินได้พบกับคำตอบ

    “..ความดีงามในความเลวร้าย..”

    “..ความสุขในความทุกข์..”

    “..ความสวยงามในความอัปลักษณ์..”

    ถ้าทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับการประจักษ์เห็น ความย้อนแย้งดังกล่าวไม่ใช่ข้อที่น่ากังขาเลย ถ้านัยน์ตาของคนยังถูกสร้างไว้ให้มีถึงสองดวง นั่นไม่ใช่นัยนะอันน่าสนใจของธรรมชาติหรอกหรือ ว่ามนุษย์สามารถ “เลือก” ที่จะมองได้ ถ้าปิดตาขวา ก็จะเห็นภาพจากมุมของตาซ้าย ปิดตาซ้าย ก็ได้ภาพของอีกข้าง ลืมตาขึ้นมาพร้อมกัน ภาพทั้งสองก็ผสมผสานกันจนลงตัว

    อดตั้งคำถามแก่ตัวเองไม่ได้อีกนั่นแหละ ที่ผ่านมาทำตัวเป็นคนตาบอดหนึ่งข้างอยู่เนิ่นนานสักเพียงไหน 

   “..แรงบันดาลใจจากความล้มเหลว..”

    “..การพ่ายแพ้ของความโหดร้าย..”


    แล้วถ้าหากว่ามันเกี่ยวข้องกับการดำรงอยู่ หลังจากความสิ้นหวัง เพียงใครสักคนเลือกที่จะหายใจต่อไปเพียงอึดใจหนึ่ง ถ้อยคำแบบนี้จะไม่ปรากฏอยู่ในห้วงความคิดของคนผู้นั้นเห็นจะไม่ได้เลย กวินเองก็เป็นไปเช่นนั้น แรงบันดาลใจของแต่ละคนย่อมต่างกัน ความโหดร้ายก็เช่นนั้น ไม่มีทางเหมือนกันได้ แต่ในทุกลมหายใจของทุกคน แม้จะเป็นลมหายใจที่ทอดถอน ก็ล้วนเก็บซ่อนแรงบันดาลใจไว้อยู่เสมอ และความพ่ายแพ้ของความโหดร้ายนั่นก็ล้วนเป็นเป้าประสงค์อันแสนจะจีรังที่สุดของมนุษย์ทุกคนกันทั้งนั้น ทุกคนเลือกที่จะดำรงอยู่ เลือกที่จะสานต่อแรงบันดาลใจ ก็เพื่อความหวังในการจะขจัดความโหดร้ายน่ากลัวของชีวิตให้หมดไปทั้งสิ้น กวินเองก็เช่นกัน เพียงแต่โมหะบางอย่างมันบดบังความจริงอันแสนเรียบง่ายนี้ไปจนหมด 

    จิบกาแฟจนเกือบหมดแก้ว ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาขานไขความสงสัยให้กระจ่างออกมาเป็นตัวอักษร สร้างเหตุการณ์ร้อยเหตุการณ์ที่ตั้งคำถามจนนำไปสู่คำตอบ

    ...ความหวังที่แท้จริง จะต้องไม่นำไปสู่ความสิ้นหวัง...


    ถ้อยคำง่าย ๆ ที่เข้าใจได้ไม่เห็นจะยาก ไม่ว่าจะกวิน วรรณี หรือใครต่อใครที่ไหน ก็เข้าใจตรงกันได้อย่างไม่ยากเย็น

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #165 เมื่อ28-06-2010 02:58:51 »

*** **** ***** **** ***

    ในห้วงเวลาแห่งความอึดอัดลังเล กวินค่อย ๆ รวบรวมความรู้สึกให้กลับมาเป็นปึกแผ่นสมบูรณ์ ในขณะที่ยังลังเลอยู่มากมาย แม้หันไปมองอีกด้าน จะเห็นถึงสายตาและการพยักหน้าของวิษณุที่พยายามย้ำเตือนให้กวินยึดมั่นกับสิ่งที่ควรจะทำต่อไป

    ขณะนั้น กวินรู้สึกเหมือนกำลังยืนโดดเดี่ยวอยู่บนโขดหินเล็ก ๆ กลางมหาสมุทรกว้าง กำลังลังเลว่าควรจะยืนอยู่ที่เดิมแล้วหมดอาลัยตายอยากกับการไร้ทิศทางจะไป หรือควรจะโดดลงน้ำแล้วเสี่ยงดวงว่าจะตายก่อนว่ายไปถึงฝั่งหรือไม่ ซึ่งเอาจริง ๆ มันก็ควรอยู่ ที่ความรู้สึกลังเลจะเข้ามามีบทบาทได้ง่ายในสถานการณ์เช่นนี้

      หายใจเฮือกสุดท้าย ก่อนจะตัดสินใจกระโจนตัวเองลงไปอย่างกล้าหาญ

    บานประตูเปิดออก ในขณะที่กวินค่อย ๆ ก้าวเข้าไปด้านใน พบญดาที่กำลังนั่งสงบเงียบอยู่ตรงริมหน้าต่างที่มีลำแสงบางเบาสาดส่องกระทบกับหน้ากระดาษหนังสือที่ถูกประคองอย่างไว้หลวม ๆ บนตักของเด็กสาว ใบหน้าและท่าทีของญดาช่างดูสงบและเรียบนิ่ง ในขณะที่กวินนั้นแทบจะตรงกันข้าม ความสงบหาได้มีอยู่ในตัวของกวินไม่ ทั้งกายและใจของเขามีแต่ความอึกอักและตะกุกตะกักอย่างบอกไม่ถูก และราวกับมันจะมากขึ้นเมื่อได้เห็นความสงบเงียบอย่างเกินพอดีของอีกฝ่าย

    เดิมนั้นคิดว่าตนเองควรจะเป็นฝ่ายเริ่มพูดอะไรสักอย่างออกไปก่อน แต่ปัจจุบันกลับยังคิดไม่ออกว่าควรจะพูดอะไรออกดี เพราะถึงแม้จะซักซ้อมคำพูดต่าง ๆ นา ๆ ไว้มากมายสักเพียงใด แต่พอในสถานการณ์จริงที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ถ้อยคำในหัวมันปั่นป่วนเลอะเลือนไปหมด พูดอะไรไม่ออกนอกจากส่งเสียงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ออกไปอย่างเงอะงะ

    ญดาค่อย ๆ ละสายตาจากหนังสือที่กำลังอ่านแล้วเงยหน้าขึ้นมองกวิน ยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเป็นฝ่ายเริ่มพูด

    “กลับแล้วหรือคะ”

    ราวกับคำพูดของเด็กสาวที่เริ่มเอ่ยจะเป็นกระแสไฟฟ้าชั้นดีที่กำลังพุ่งเข้าไหลเวียนสู่ร่างของกวิน ทำเอากวินสะดุ้งและสั่นวาบไปทั้งสรรพางค์ ในขณะที่สติก็ยังไม่ค่อยกลับมา จึงคิดไม่ออกว่าจะตอบอะไร นอกจากพยักหน้าไปเล็กน้อยแก้เก้อ

    อีกฝ่ายเองก็ไม่ยอมพูดอะไรนอกจากยิ้ม แต่ก็เป็นยิ้มที่ทำให้กวินรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาได้อย่างประหลาด ความลนลานลุกลี้ลุกลนค่อย ๆ จางหายไป ราวกับความสงบเงียบได้ถูกแบ่งปันมาจากอีกฝ่ายแล้ว กวินผ่อนลมหายใจเบา ๆ ก่อนจะตัดสินใจพูดประโยคที่สำคัญที่สุด โดยไม่ใยดีกับประโยคยาวยืดทั้งหลายที่ได้เคยซักซ้อมเอาไว้

    “ผมขอโทษ”

    ท่าทางชะงักงันอันเล็กน้อยจากอีกฝ่ายที่กวินมองเห็นได้ด้วยสายตาอันคมกริบ ทำเอาความรู้สึกแปรปรวนที่หายได้วกกลับเข้ามามีบทบาทอีกครั้ง กวินทำท่าจะพูดออกมาอีกสักประโยคสองประโยคเพื่อหวังว่ามันมันจะช่วยให้สถานการณ์ดูดีขึ้นมาอีกสักนิด แต่สุดท้ายพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มเจื่อน ๆ นิดหน่อย จากนั้นก็หันหลัง ก่อนจะตั้งท่าเดินออกไปหมายว่าจะหนีให้พ้นจากสถานการณ์เช่นนี้ จังหวะเดียวกับที่เสียงใส ๆ ของอีกฝ่ายสะท้อนกลับมาอย่างทันท่วงที

    “ขอบคุณมากนะคะ”

    กวินชะงักเล็กน้อย หันกลับไปมอง พบรอยยิ้มจริงใจที่ถูกส่งมาจากอีกฝ่าย

    “ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ”

    กวินยิ้มตอบ

    “ขอบคุณเหมือนกัน”

    ท่ามกลางรอยยิ้มของคนทั้งสอง อีกรอยยิ้มหนึ่งค่อย ๆ ระบายขึ้นมาเล็กน้อยจากหน้าห้อง ก่อนที่กวินจะหันมาเห็นได้ไม่นาน วิษณุขยิบตาให้เล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าด้านใน นั่งลงคุกเข่าลงคุยซุบซิบอะไรบางอย่างกับญดา โดยที่กวินฟังไม่ได้ยิน แต่ในตอนนั้น มันก็หาใช่สาระสำคัญที่กวินจะต้องไปใส่ใจไม่ ห้วงความคิดของกวินยังอบอวลไปด้วยกระแสแห่งคำขอบคุณ

    ...ขอบคุณทุกสิ่งอย่าง

    วิษณุคงพูดอะไรสักอย่างที่ทำให้ญดาหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย แล้วพี่ชายน้องสาวจะหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างอารมณ์ดี แล้วปิดท้ายด้วยการหอมแก้ม ราวกับเป็นสัญญาณให้กวินได้รับรู้ถึงเวลาของการเดินทาง วิษณุยืดตัวขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับมองมายังกวินด้วยสายตาที่ถามถึงความพร้อม

    กวินพยักหน้า

    เหนือสิ่งอื่นใด... เขาผู้นี้คือคนสำคัญที่สุดที่กวินอยากจะบอกขอบคุณ

    ...วิษณุ



*** **** ***** **** ***


    “เออ ทำไมคราวนี้ ถึงไม่เห็นต้องปีนเขาลงมาเหมือนคราวที่แล้ว” กวินร้องถามขึ้นในขณะที่วีออสสีดำบึ่งไปตามถนนเลียบแนวเขา หลังจากที่นึกขึ้นได้ว่าคราวนี้มอเตอร์ไซค์สามารถขับลงมาส่งถึงลานจอดรถตีนเขา โดยที่ไม่ต้องทุลักทุเลเหมือนอย่างตอนขามา

    วิษณุนิ่งไปเล็กน้อย แต่พอเห็นสายตาคาดคั้นของกวิน ก็จำใจต้องพูดอะไรออกมาสักอย่างเพื่อกลบพิรุธ

    “ทำไม... อยากปีนลงมาหรือ เอ้า... แล้วทำไมถึงไม่รีบบอก”

    “ช่วยตอบคำถามด้วยครับ คุณหมอ”

    วิษณุถอนหายใจอย่างรุนแรง ก่อนจะสวนมาอย่างรวดเร็ว

    “ขอร้องเถอะ แค่คนที่นั่นก็มากพอแล้ว คุณอย่าเรียกผมแบบนั้นเพิ่มอีกคนจะได้ไหม ต้องให้ย้ำกี่ครั้งว่าผมไม่ใช่หมอ !” วิษณุประกาศกร้าวด้วยท่าทีที่ทำให้เอากวินอดที่จะรู้สึกขบขันไม่ได้

    “คุณหมอ”

    “ถ้าได้ยินอีกครั้งเดียว สาบานเลยว่าผมจะวกรถกลับ แล้วพาคุณปีนขึ้นปีนลงอีกรอบ คราวนี้ผมจะหาโอกาสผลักคุณให้กลิ้งลงเขาไปเลยคอยดู”

    “งั้นหมายความว่า ถ้าผมเลิกเรียก เหตุการณ์แบบนั้นก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะจริง ๆ มันไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ทางสมบุกสมบันตรงนั้นเลยใช่ไหม” กวินพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ

    “แหงสิ... ถนนดี ๆ ก็มี จะปีนลงทางนั้นไปให้ลำบากทำไมล่ะ เห้ย นี่คุณทำอะไร เจ็บนะ”

    กวินฟาดกำปั้นใส่วิษณุอีกครั้ง แต่คราวนี้อีกฝ่ายหลบทัน

    “เห้ย ! หยุดเลยนะ ถ้ารถเสียหลักขึ้นมาจะทำไง เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง”

    “งั้นพูดให้เคลียร์หน่อยสิ” กวินแสร้งทำเป็นโวยวาย “ตอนนั้นคุณอ้างว่าอะไรนะ ที่ต้องพาผมขึ้นปีนขึ้นไปตามทางที่ทุลักทุเลแบบนั้น อะไรนะ... ถนนมันพัง... แล้วตอนนี้คือมีเทวดามาซ่อมถนนให้เสร็จแล้วงั้นสิ”

    “อ๋อ... เรื่องนั้นน่ะหรือ” วิษณุยิ้มยั่ว “ผมโกหกคุณน่ะ ทางมันไม่ได้พังหรอก ถนนราบรื่นมาตลอดตั้งผมเกิดแล้วล่ะมั้ง แต่ตอนนั้นผมหมั่นไส้คุณน่ะ เลยอยากจะหาเรื่องแกล้งเฉย ๆ ให้ตายเถอะ นึกสภาพคุณตอนนั้นแล้วยังขำอยู่เลย”

    วิษณุหัวเราะลั่น พร้อมกับคว้าแว่นกันแดดมาสวมด้วยมาดอันแสนจะน่าหมั่นไส้ ในขณะที่กวินอยากขว้างกระเป๋าใส่ยิ่งนัก

    ไอ้คนอินดี้ !

    “แล้วคราวนี้จะแวะชมวิวตามทางหรือเปล่า” กวินถามประชด

    “ทำไม คุณอยากแวะหรือ”

    “เออ !”

    “เกรงว่าจะไม่มีเวลา” วิษณุพูดอย่างไม่ยี่หระ

    “ตามสบายแล้วกันครับ” กวินตั้งท่าแดกดันอย่างต่อเนื่อง “เออนี่... เจอคนตามทางก็รับ ๆ ขึ้นมาด้วยแล้วนะ ให้สมกับว่ารถคันนี้ชอบสงเคราะห์คนอื่น”

    “นี่คุณจะประชดผมทำไมวะ หรือคุณอยากให้รถคันนี้สงเคราะห์คุณคนเดียวหรือไง เอาไหมล่ะ จัดให้ได้นะ ยินดี”

    กวินเลี่ยงไปสู่ประเด็นอื่น

    “กินข้าวก็ให้ทิปเด็กเสิร์ฟมันเยอะ ๆ ด้วยล่ะ รวยแล้วก็แบ่งปันรายได้ให้คนอื่นบ้าง”

    “นี่คุณยังไม่โกรธผมในประเด็นนี้อีกหรือ พอเถอะน่า อวดรวยบ้าบออะไร ตอนนั้นผมก็แค่ไม่อยากเก็บเหรียญไว้เยอะ ๆ มันหนัก”

    “โอ๊ย... ถ้าแค่นั้นคุณให้ผมเก็บให้เสียก็สิ้นเรื่อง”

    “เห็นแก่เงิน”

    “เห็นแก่คุณต่างหาก” กวินพูดออกไปโดยที่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะใจกล้าหน้าด้านพูดอะไรเป็นเชิงอ่อยเช่นนั้นออกไปได้ แต่ก็นั่นแหละ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ดูท่าว่าวิษณุจะไม่ได้ยินประโยคดังกล่าว เพราะมีสิ่งอื่นมาฉวยเอาความสนใจของชายหนุ่มไปเสียก่อน

    รถกระบะคันหนึ่งจอดแอ้งแม้งอยู่ข้างทาง ในลักษณะที่ฝากระโปรงเปิด ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งกำลังพยายามโบกรถตามทางให้จอดราวกับขอความช่วยเหลือ

    วิษณุค่อย ๆ ชะรอรถ ในขณะที่กวินรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะเมื่อเห็นชายฉกรรจ์อีกสองคนกำลังก้ม ๆ เงย ๆ ดูเครื่องยนตร์พร้อมกับสูบยาเส้น แล้วถ่มน้ำลายลงพื้น ก่อนจะชำเลืองไปเห็นผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่นั่งให้นมลูกอยู่บนกระบะด้านหลัง สายตาของเจ้าหล่อนชำเลืองมองรถที่ผ่านไปแต่ละคันด้วยสายตาแน่นิ่งแบบแปลก ๆ

    ไม่มีรถคันไหนจอด ทำเอาชายฉกรรจ์ผู้ที่พยายามโบกรถตีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

    วิษณุมองกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างให้ควาสนใจ ในขณะที่กวินอดที่จะพูดออกไปไม่ได้

    “เอาจริง ๆ นะ ให้ตายยังไงผมก็ยังยืนยันความรู้สึกเดิมว่าคนพวกนี้ไม่น่าไว้วางใจ”

    “พวกเขาก็แค่ต้องการความช่วยเหลือ” วิษณุสวนขึ้นทันควัน พร้อมกับดับเครื่องยนตร์แล้วเดินลงจากรถไป ทิ้งให้กวินนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย

   คนอินดี้ก็ยังอินดี้อยู่วันยังค่ำ !
      


--------------------------------------------------------------

เอาตอนใหม่มาลงครับ ขอโทษอีกครั้งที่หายไปนาน แหะ ๆ (รู้สึกว่าพูดประโยคนี้บ่อยมากเหมือนเกิน)

ขอบคุณผู้อ่านทุกคนครับ  ^ ^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2010 03:22:04 โดย kranwa »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 28/06/2010ลงแล้ว17ตอน
«ตอบ #166 เมื่อ28-06-2010 07:23:58 »

 :L2:

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 28/06/2010ลงแล้ว17ตอน
«ตอบ #167 เมื่อ28-06-2010 14:14:25 »

กวินกำลังดีขึ้น มองโลกได้กว้างขึ้นเมื่อมีวิษณุมาช่วยเปิดประตูชีวิตให้

อ่านถึงตอนท้ายๆหวั่นใจว่า คนพวกนั้นจะไม่ใช่คนดี คนอินดี้อย่างวิษณุก็น่าจะละเว้นบ้าง  ไม่ใช่ช่วยดะ  ระวังจะเหลือแต่ตัว

ออฟไลน์ honeymic

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 28/06/2010ลงแล้ว17ตอน
«ตอบ #168 เมื่อ28-06-2010 14:42:00 »

โอ๊ะ โอ อย่าให้เป็นเหมือนที่คิดนะ
ว่าคนกลุ่มนั้นเป็นพวกทุจริตชนน่ะ

ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 28/06/2010ลงแล้ว17ตอน
«ตอบ #169 เมื่อ28-06-2010 14:57:50 »


..มันต้องมีอะไรแน่ๆ มันต้องมีอะไรแน่ๆ มันต้องมีอะไรแน่ๆ (เอคโค่อยู่ในหัว...)


 :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 28/06/2010ลงแล้ว17ตอน
« ตอบ #169 เมื่อ: 28-06-2010 14:57:50 »





mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 28/06/2010ลงแล้ว17ตอน
«ตอบ #170 เมื่อ28-06-2010 16:30:51 »

 :sad4: จะโดนโจรปล้นมั๊ยนะ  o18

เหตการณ์เลวร้ายเพียงเหตการณ์เดียวช่วยชีวิต ทั้งคนเป็นและคนเกือบตายได้
กวินได้มุมมองชีวิตและมุมมองสิ่งรอบตัวใหม่ๆ ไม่มัวแต่คิดอคติและมองโลกในแง่ดำมืดสุดขั้ว
แบบแต่ก่อนแล้ว ออร่าคนมีค.รักมันสีชมพูแปร๋นมาแต่ไกลเชียว ต่างคนต่างเขินฮิ้ววว
ถึงปากอิคุณวิษณุยังเป็นเหมือนกันแต่ก็คงค.ละมุนอยู่บ้างมะกัดแหลกแบบแต่ก่อน
ครึๆ ต่อไปไม่ได้เจอหน้ากันทุกวันแล้ว จะจีบก็รีบจีบเน้อ ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เอิ๊ก

อ่านเรื่องนี้อีกครั้งกี่หนก็ได้อะไรตลอดๆเลยนะคะ เราชอบตอนที่พูดถึงตาของมนุษย์อ่ะ
เข้าใจอธิบายดี
ถ้านัยน์ตาของคนยังถูกสร้างไว้ให้มีถึงสองดวง นั่นไม่ใช่นัยนะอันน่าสนใจของธรรมชาติหรอกหรือ ว่ามนุษย์สามารถ “เลือก” ที่จะมองได้ ถ้าปิดตาขวา ก็จะเห็นภาพจากมุมของตาซ้าย ปิดตาซ้าย ก็ได้ภาพของอีกข้าง ลืมตาขึ้นมาพร้อมกัน ภาพทั้งสองก็ผสมผสานกันจนลงตัว
>> o13 o13

แล้วก็อีกอัน
จิตใจที่สงบมักจะนำพาซึ่งชัยชนะอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์อันร้ายดีสักเพียง ไหนก็ตาม สถานการณ์ร้ายฟื้นฟูขึ้นได้ด้วยจิตใจที่มั่นคงฉันใด ตรงกันข้าม สถานการณ์ที่ดีอาจจะกลับตาลปัตรพลิกผันไปสู่ทางเลวได้ภายในเสี้ยวเวลาเพียง เพราะใจที่ว้าวุ่นก็ฉันนั้น
>>ชอบอ่ะ จดยิกๆ

ความไม่ยั่งยืนของสิ่งรอบข้าง รวมไปถึงคุณสมบัติอันฉาบฉวยของความสวยงาม ที่ส่วนใหญ่แล้วมันมักไม่มีอยู่จริง หากแต่เกิดขึ้นเพราะความรู้สึกคิดฝันไปเองก็เท่านั้น
ความคิดฝันที่พร้อมจะแปรปรวนและเปลี่ยนแปรไปได้อยู่ตลอด

>> มุมมอง ความคิด และภาษา  o13


เป็นกำัลังใจให้นะคะ + 1 คะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2010 19:55:03 โดย mecon »

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 28/06/2010ลงแล้ว17ตอน
«ตอบ #171 เมื่อ28-06-2010 17:20:37 »

โอ๊ะ โอ อย่าให้เป็นเหมือนที่คิดนะ
ว่าคนกลุ่มนั้นเป็นพวกทุจริตชนน่ะ


คิดเหมือนกันเลย

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 28/06/2010ลงแล้ว17ตอน
«ตอบ #172 เมื่อ28-06-2010 18:40:12 »

ขอบคุณค้า  :L2:

อิอิ กาแฟหวานนนนนนนนนนนนน  :-[


ขอให้เหมือนขามา  :call:

mixmix

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 28/06/2010ลงแล้ว17ตอน
«ตอบ #173 เมื่อ28-06-2010 19:42:18 »

เมื่อความรักมาเยือนหัวใจ หลายๆอย่างมักจะดีขึ้น 55+  :-[
แอบระแวงเหมือนกวินนะ หวังว่าคงไม่โดนปล้นหรือทำร้ายเอาน๊า  :serius2:

เป็นกำลังใจให้เช่นเคยค่า  :L2:

ออฟไลน์ ปลาทองสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 28/06/2010ลงแล้ว17ตอน
«ตอบ #174 เมื่อ01-07-2010 02:43:33 »

มาเงียบๆอีกแล้วววววววว เขียนสนุกเกินไปแล้ว ๕๕๕


กวินนี่ต้องเรียกว่าเป็นพวกตอบสนองต่อสิ่งภายนอกได้ดีป่ะ?
จากลักษณะที่เห็นก็แลดูไม่ใช่คนดีแล้ว อาจจะมีประเด็นเกิดขึ้น

ชอบตอนกาแฟนะ มาแบบนิ่งๆ ชะมัด

รอจ้ารอ....

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 28/06/2010ลงแล้ว17ตอน
«ตอบ #175 เมื่อ03-07-2010 21:22:32 »

18


        รถเก๋งสีดำค่อย ๆ ชะลอความเร็วลงบริเวณถนนกลางเมืองที่เริ่มเงียบกริบในเวลาดึกดื่นค่อนคืน ขณะที่บรรยากาศภายในรถเองนั้นก็เงียบกริบพอกัน แม้ว่าตลอดทางที่ผ่านมาจะเต็มไปด้วยบทสนทนาและสีสันมากมายสักเพียงไหน แต่ทันทีที่รถเคลื่อนขึ้นทางด่วนอันเป็นสัญญาณว่าใกล้จะถึงปลายทาง น่าแปลกที่อะไร ๆ หลายอย่างกลับเงียบงันลงไปอย่างง่ายดาย

    ก่อนที่รถยนต์จะจอดสนิท กวินรู้สึกเหมือนจะพูดอะไรไม่ออก น่าแปลกตรงที่อีกฝ่ายเองก็ไม่ยอมพูดอะไรเช่นกัน พอมานึกย้อนดู ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา วิษณุก็แทบจะไม่พูดอะไรอยู่แล้ว กวินต่างหาก ที่เป็นคนเริ่มทำลายความเงียบต่าง ๆ นา ๆ ในขณะที่อีกฝ่ายแค่เพียงขานรับนิดหน่อยก็เท่านั้น

    นั่นสิ... ที่ผ่านมามันเป็นแบบนั้น

    กวินถอนหายใจ ในจังหวะเดียวกับที่รถจอดสนิท บอกไม่ได้เหมือนกันว่ากำลังรู้สึกเช่นไร มันคลับคล้ายคลับคลากับความรู้สึกตอนเวลาดูหนังที่กำลังใกล้จะจบแล้วยังไม่อยากลุกจากจอไปไหน ในขณะที่อีกห้วงความรู้สึกหนึ่ง ก็เป็นไปในทำนองที่คาดหวังอะไรสักอย่างจากอีกฝ่ายโดยที่เคลือบแฝงไว้ด้วยความละอายในความคาดหวังนั้นผสมอยู่ด้วย

    ให้ตายเถิด ! กวินรู้สึกใจหายอย่างประหลาด และรู้สึกเสียดายอย่างบอกไม่ถูกถ้าทุกอย่างมันจะจบลงเพียงเท่านี้ เพียงแค่ถูกปล่อยลงตรงหน้าคอนโด แล้วจากนั้นรถเก๋งคันนี้ก็เคลื่อนหายจากไป เหลือไว้แต่เพียงร่องรอยอันจับต้องไม่ได้ของความทรงจำ ที่พอปล่อยไว้นานวันมันก็เลือนรางจนไม่ต่างอะไรกับจินตนาการที่ไม่มีจริง ความน่าใจหายมันอยู่ตรงที่ว่า ยังไม่มีทีท่าอันใดจากวิษณุที่จะทำให้กวินรู้สึกได้ว่าตนกำลังคิดผิด !  

    วันพรุ่งนี้... ทุกอย่างก็คงจะมลายหายไปเหมือนเพียงความฝันตื่นหนึ่ง

    กวินเกลียดความฝัน โดยเฉพาะฝันดีนั้นน่ากลัวกว่าฝันร้ายหลายเท่านัก ถ้าเลือกได้กวินขอหลีกเลี่ยงความฝัน หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ขอยอมหวาดผวากับฝันร้ายไปทุกคืนทุกวันยังจะดีเสียกว่า อย่างน้อย ฝันร้ายก็ยังทำให้รู้สึกดีเมื่อตื่น สามารถปลอบประโลมตัวเองได้ว่าโลกแห่งความจริงไม่เลวร้ายเช่นนั้น ตรงกับข้ามกับฝันดี ฝันดีคือความหลอกลวงอย่างร้ายกาจหาใดเปรียบ ยิ่งถ้าว่าฝันดีนั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ปรารถนา มันพาให้ช้ำใจได้เสมอเหมือนถูกตอกย้ำว่าสิ่งเหล่านั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นในโลกแห่งความจริงหลังการตื่นจากนิทรา

    ถอนใจอีกคำรบ ในขณะที่หัวสมองยังรู้สึกมึน ๆ ตึง ๆ อยู่เล็กน้อย ค่อย ๆ เดินลงไปหยิบกระเป๋า พยายามที่จะไม่มองหน้าอีกฝ่าย และพยายามที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูราบเรียบและนิ่งเฉยที่สุด ตรงกันข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริงอย่างสิ้นเชิง วิษณุเดินเข้าไปช่วยยกของ แต่ก็ดูเป็นความช่วยเหลือที่แห้งแล้งและเย็นชายิ่งนักเมื่อคิดจากมุมความรู้สึกของกวิน ปฏิเสธไม่ได้ว่าสุดท้ายแล้ว กวินก็ยังคาดหวังบางสิ่งบางอย่างจากเขาอยู่ดี จะเป็นการพูดคุย การเชิญชวน หรืออะไรก็ได้ที่จะทำให้อะไร ๆ มันจะไม่จบเพียงเท่านี้

    ไม่เลย... ไม่มีทีท่าอันใดที่แสดงออกมาจากเขา ราวกับเป็นการสื่อให้กวินรับรู้ทางอ้อมว่ามันไม่ควรและไม่น่าจะมีอะไรต่อเนื่องไปจากนี้อีก วิษณุไม่พูดอะไร แม้ในจังหวะที่กวินตั้งท่าจะเดินเข้าไปในคอนโด เขาก็ยังคงไม่พูดอะไรอยู่ดี นอกจากส่งเสียงเบา ๆ ในลำคอที่พอจะตีความได้ว่านั่นคือการบอกลา

    เกินกว่าที่จะทนได้ไหว กวินไม่อาจจะบังคับควบคุมความทรนงไว้ได้อีกแล้ว ตัดสินใจทำตามความรู้สึกที่ไม่อยากจะให้มันจบลงง่าย ๆ หันหลังกลับไปประจัญหน้ากับวิษณุ พยายามจะเอ่ยปากในสิ่งที่ใจกำลังคิด แต่ก็ดูคล้ายว่าจะเป็นไปได้ยากพอสมควร

     “คุณ !” กวินร้องเรียก และพยายามจะพูดต่อ แต่แววตาของอีกฝ่ายที่จ้องกลับมาทำให้ความปราดเปรียวในการคิดหาคำพูดลดลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อคำพูดติดขัด จึงจำเป็นจะต้องใช้ท่าทางเข้าช่วย กวินเลียริมฝีปากเพื่อลดอาการประหม่า ทำมือเป็นมือเป็นโทรศัพท์แล้วค่อย ๆ ยกมาแนบหู ก่อนจะเอ่ยไปอย่างติด ๆ ขัด ๆ “ผมขอ...”

    วิษณุทำท่าเหมือนไม่เห็นท่าทางเช่นนั้น และไม่ได้ยินในสิ่งที่กวินพูด ชายหนุ่มเปิดประตูรถ แล้วรีบพูดแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

   “ผมขอตัวก่อนนะ ดึกแล้ว ง่วงมาก”

    กวินหน้าเจื่อนไปอย่างเห็นได้ชัด อาจจะชัดพอจนทำให้วิษณุรู้สึกได้ ชายหนุ่มถอนใจเบา ๆ อีกหนึ่งครั้ง ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยเสียงแกน ๆ

    “เดี๋ยวโทรหา”

    กวินพยักหน้าโดยอัตโนมัติ ในขณะที่รู้สึกใจสลายอย่างบอกไม่ถูก แต่อีกห้วงหนึ่งของความรู้สึกก็ยังพอใจชื้นได้อยู่บ้างโดยปลอบโลมว่าวิษณุอาจจะพูดจริง แต่ก็นั่นแหละ กวินไม่ไร้เดียงสาถึงขนาดจะดูไม่ออกว่าวิษณุคงแค่พูดเพื่อให้การจากลาดูไม่น่าเกลียดเกินไปก็เท่านั้น

    เอาเถิด... กวินไม่อยากจะคิดมากและเครียดกับอะไรให้มันเกินไปอีกแล้ว พยายามจะยิ้มขึ้นมาให้ได้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่รู้ว่าวิษณุจะทำตามที่ว่าหรือไม่ แต่ถ้าทำจริง กวินก็คงจะดีใจไม่น้อยที่ทุกอย่างจะไม่จบลงแค่นี้

    วิษณุขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กวินก็ยังยืนยันได้ว่าตนเองรู้สึกใจหายและเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทันที ทำเอากวินถึงกับใจพองโตในจังหวะแรก รีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างรวดเร็ว ใจนั้นคาดหวังไปก่อนหน้าว่าใครเป็นผู้โทรมา..

    ...แต่แล้วก็ต้องผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก

    “ว่าไงพิม” กวินกดรับสาย พร้อมกับผ่อนลมหายใจ “ใช่.. มาถึงแล้ว คุณณุเขาเพิ่งขับรถออกไปเมื่อกี้นี่เอง”

    เสียงสั่นเครือจากปลายสายตอบกลับมา บอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่ทำให้กวินรู้สึกสะท้านเยือกอย่างถึงที่สุด    


*** **** ***** **** ***


     ท่ามกลางบรรยากาศของความเงียบเชียบอย่างหดหู่ของผู้คนทั้งหลายโดยรอบ   กวินได้แต่ยืนนิ่ง บอกไม่ได้แน่ชัดว่ากำลังรู้สึกเช่นไร จะว่าเสียใจก็ไม่เชิง เพราะความรู้สึกเช่นนั้นน่าจะเกิดขึ้นแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบกับการสูญเสียครั้งนี้โดยตรงมากกว่า กวินไม่น่าจะมีผลพลอยอะไรถึงขั้นนั้น แต่ครั้นจะบอกว่ารู้สึกเฉย ๆ ไปเลยก็เห็นทีว่าจะไม่จริง มันเป็นความรู้สึกที่เยือกเย็นอยู่ในห้วงใจ ที่ก่อร่างปกคลุมอยู่ในห้วงความรู้สึกของกวินมาสามวันติดต่อกัน และดูคล้ายว่ามันจะมากทวีขึ้นมาในวันนี้

    ขบวนแห่เสร็จสิ้นจากการวนรอบสุดท้าย พิธีกรรมยังคงดำเนินต่อไป ย้ำชัดว่ากลไกของร่างกายของใครคนหนึ่งได้หยุดนิ่งลงไปแล้วอย่างถาวร และดูเหมือนในชั่ววินาทีนั้น จิตวิญญาณของใครบางคนก็อาจจะสูญสิ้นไปด้วยในระยะเวลาชั่วคราว

    พิมร้องไห้ออกมาอย่างขาดสติในเวลานั้น เมื่อโลงศพถูกเปิดออกเป็นครั้งสุดท้าย ราวกับหล่อนได้อัดอั้นความเสียใจอย่างใหญ่หลวงเอาไว้มาตลอดเจ็ดวัน ในบัดนั้นเอง พิธีกรรมและแขกเหรื่อที่ต้องดูแลจัดการไม่อาจจะขวางกั้นหล่อนมิให้เข้าสู่ภาวะอันเปราะบางทางอารมณ์ที่จำเป็นต้องแสดงออกอย่างเหลือล้นได้อีกต่อไป

    ตรงกับข้ามกับพิม... กวินยังไม่เห็นการแสดงออกอย่างเกินงามจากวิษณุเลยสักครั้งเดียว เขายังคงเงียบสงบเหมือนเคยเฉกเช่นเสาหินที่มั่นคงแข็งแรง พิมที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายโผกอดเขาราวกับใช้เป็นหลักยึด และเขาก็ยังคงแสดงออกอย่างเข้มแข็งสมกับความเป็นพี่ชายได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    กวินไม่ได้พูดคุยกับเขามากมายนักตั้งแต่กลับมาจากบ้านพัก นอกจากทักทายเล็กน้อยและถามไถ่กันคำสองคำตามสถานะของคนรู้จัก กวินนึกไม่ออกว่าควรจะพูดคุยอะไรกับเขา แล้วสถานการณ์ดูไม่เอื้ออำนวยเสียเท่าไร ความวุ่นวายต่าง ๆ ที่กวินเห็นว่าเขาต้องแบกรับอะไรบ้างกับงานศพทำให้กวินไม่กล้าจะเข้าไปพูดไปคุย แม้บางทีจะอดรู้สึกไม่ได้ว่าท่ามกลางความนิ่งสงบอันฉาบเอาไว้อยู่เบื้องนอกนั้น เป็นไปได้หรือที่ภายในเขาจะไม่ได้รู้สึกเปราะบางและอ่อนไหวไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น รู้ทั้งรู้ว่าแท้จริงแล้วเขากับวรรณีนั้นก็สนิทสนมและรักใคร่กัน รวมไปถึงอะไรหลางอย่างที่พิสูจน์ได้เช่นกันว่าเขาคือหลานชายที่เคารพคุณป้าของเขาเสียอย่างกับอะไร กวินรู้ดีและมีบางช่วงเวลาที่อยากจะเข้าไปปลอบโยนและช่วยเยียวยาตัวเขาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ทั้งหมดก็เป็นเพียงความคิด ไร้ซึ่งการกระทำ ราวกับเอาเข้าจริง กวินก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะไปช่วยอะไรได้หรือไม่และไม่แน่ใจด้วยว่าอีกฝ่ายจะต้องการมันมากแค่ไหน และกวินเองก็ไม่มีความมั่นใจในการทำอะไรเช่นนั้นเสียด้วย

    “ฉันไม่รู้ว่ามันจะเป็นสัญญาณของความเลวร้ายไปได้ยังไง” พิมเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์คืนก่อนที่กวินจะกลับมากรุงเทพ ตอนนั้นเป็นวันสวดอภิธรรมวันแรก “จู่ ๆ ก็เหมือนว่าคุณป้าจะกลับมามีสติ ท่านจำอะไรต่ออะไรได้มากขึ้น ไม่โวยวายอาละวาด แกตื่นขึ้นมาตอนบ่าย เสร็จแล้วก็เรียกหาฉันยกใหญ่ พูดคุยรู้เรื่อง และก็ไม่เอ่ยถึงงานเขียนอะไรอีกต่อไปเลย เหมือนปาฏิหาริย์ อาการของแกดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ นี่มันไม่ใช่สัญญาณร้ายเลย ให้ตายยังไงฉันก็ไม่มีทางจะคิดว่ามันจะนำไปสู่อะไรที่ไม่คาดฝันแบบนี้ได้ จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ทางโรงพยาบาลก็โทรมาบอกว่าคุณป้าเสียชีวิต”

    กวินรู้สึกสะท้อนขึ้นมาในหักอก เมื่อนึกถึงถ้อยคำและสีหน้าของพิมในตอนนั้น เห็นได้ชัดความหล่อนเป็นหญิงสาวที่สามารถควบคุมอารมณ์และความโศกเศร้าได้เป็นอย่างดี

    “หัวใจล้มเหลว” พิมบอกถึงสาเหตุ “โชคชะตามันเป็นอะไรที่เราคาดเดาไม่ได้เลยสักนิดเดียว”

    กวินเชื่ออย่างสุดใจว่าพิมพูดถูก

    วรรณี วรรณรัตน์จากไปแล้ว... สตรีที่มีชีวิตอยู่กับการเขียนงาน... กวินไม่แน่ใจว่าในโลกของความจริง ชีวิตของนักเขียนชั้นครูผู้นี้เป็นเช่นไร แต่ในโลกของหล่อนที่ปรากฏผ่านออกมาบนหน้าหนังสือ มันกลับเป็นโลกที่คุกกรุ่นด้วยกระแสแห่งชีวิต ตัวอักษรทุกตัวบนหนังสือเก้าสิบเก้าเล่มกรุ่นไว้ด้วยกลิ่นของลมหายใจอันเข้มแข็งที่ผู้อ่านสามารถสูดรับไว้และเยียวยาผู้คนมิให้รู้สึดหมดอาลัยตายอยากไปความหดหู่หม่นหมอง

     วรรณี วรรณรัตน์เป็นคนเช่นไร มีชีวิตอย่างไร และมีตัวตนอันจริงแท้แบบไหน สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นปริศนา และกวินก็คงไม่อาจจะพิสูจน์ความสงสัยเหล่านี้ได้อีกต่อไป เมื่อโชคชะตาได้เจ้าหล่อนให้จากไปเสียแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไร สิ่งที่ยังคงอยู่ต่อไป ก็คือผลิตผลของลมหายใจที่ได้ถูกถ่ายทอดเอาไว้

    ในหลายชั่วขณะของการทอดถอน ลมหายใจของมนุษย์ที่ถูกปลดปล่อยออกมาล้วนเป็นเพียงสายลมบางเบาที่ไร้ประโยชน์ มันเต็มไว้ด้วยผลผลิตของความเหน็ดเหนื่อย สับสน และอ่อนล้า กวินเองก็ไม่ได้ต่างจากคนอื่นมากมาย แม้ท่วงทีจะต่างกัน แต่สุดท้ายมนุษย์เกือบทุกคนก็ล้วนถอนหายใจออกมาเป็นกระแสแห่งความทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น

    ไม่มีใครรู้หรอกว่าตอนมีชีวิต วรรณี วรรณรัตน์จะถอนหายใจสักกี่มากน้อย จะมีความทุกข์ยากมากมายเพียงไหน ชีวิตของวรรณีไม่อาจถูกพิสูจน์อีกต่อไป แต่สิ่งที่ยืนยาวกว่าชีวิตนั้น ย่อมพิสูจน์ตัวเองได้มิรู้จบ เก้าสิบเก้าเล่มที่ยังคงอยู่ บ่งบอกไว้ชัดเจนว่าคงจะมีหลายต่อหลายครั้งที่วรรณี วรรณรัตน์ถอนหายใจออกเป็นสายลมแห่งความหวังที่แบ่งปันให้ผู้คนทั้งหลายฉวยเอาไปใช้ได้เพื่อช่วยให้จิตใจของคนทุกผู้ได้เบ่งบานออกมาเป็นดอกใบแห่งความคิดความหวัง

    กวินเดินแทรกผู้คนเข้ามาในส่วนที่อยู่ชิดกับโลงศพ ยื่นหน้าเข้ามองกับลำตัวซีดเซียวของผู้ตาย ก่อนจะค่อย ๆ วางต้นฉบับงานที่เพิ่งพิมพ์ออกมาสด ๆ ร้อน ๆ ลงไปบนร่าง ในขณะที่ภายในใจนั้นคารวะต่อหล่อนอย่างจริงใจ

    หันกลับมาสบตากับวิษณุที่เดินเข้ามาใกล้ รู้สึกได้ประกายวูบไหวบนนัยน์ตาคู่นั้นที่ชวนให้กวินรู้สึกเจ็บแปลบยิ่ง แต่ก็ไม่กล้าจะทำอะไรสักอย่างนอกจากยิ้มให้เล็กน้อย ใจนั้นคาดหวังว่าวิษณุจะทำอะไรสักอย่างที่ช่วยให้กวินรู้สึกเบาใจและกล้าที่ปลอบโยนเขา แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่เกิดขึ้น วิษณุยิ้มตอบเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ วางดอกจันทน์ลงบนฝ่ามือของวรรณี โดยรวมแล้วท่าทีของเขายังคงสงบนิ่งเช่นเคย

    กาลเวลาเหมือนหยุดนิ่ง ศพถูกเลื่อนเข้าไปในภายในเชิงตะกอน เป็นสัญญาณสุดท้ายที่ชัดเจนและแจ่มแจ้งว่าวรรณี วรรณรัตน์จากไปแล้วอย่างถาวร     

    ควันไฟลอยออกจากปล่องเมรุอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อย ๆ สลายหายไปในบรรยากาศ ในขณะที่เปลวเพลิงด้านล่างยังคงคุกกรุ่นอย่างโศกเศร้า เสียงพลุที่กรีดเสียงแทรกขึ้นมาบีบคั้นให้จิตใจอันบอบช้ำของคนโดยรอบให้แหลกสลายลงไปในคราวเดียว ก่อนที่บรรยากาศโดยรอบจะกลับมาเงียบงันอย่างเหลือประมาณ เค้าคลอด้วยเสียงสะอื้นไห้บางเบาที่คล้ายกับจะเลื่อนลอยออกไปพร้อมกับหมู่ควันที่ค่อย ๆ จางหายไปหลอมรวมกับความว่างเปล่าของฟากฟ้า


*** **** ***** **** ***


    กวินเดินเข้าไปในสำนักพิมพ์หลังจากที่ไม่ได้กลับมานาน ไม่แน่ใจว่ามธุรสมีธุระอันใดถึงได้เรียกเขาเข้ามาพบ จะคุยกันทางโทรศัพท์ก็ไม่ยอม สำหรับกวินแล้ว การทำงานของผู้คนในเมืองยังคงวุ่นวายและชวนให้เหนื่อยล้าเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง แย่งกันขึ้นรถเมล์ แย่งกันขึ้นลิฟต์ ท่ามกลางแดดจ้าและเขม่ามลพิษ ยังไม่รวมถึงสวัสดิภาพต่าง ๆ ที่แลดูคล้ายจะบางเบาเสียเหลือเกิน

    มธุรสยังคงเป็นเช่นเดิม เดินวุ่นวายสั่งตรวจงานแก้งานไม่หยุดหย่อน โดบไม่แยแสว่าจะการประทำแบบนี้จะก้าวล้ำความคิดหรือแทรกแซงงานฝ่ายใดบ้าง สิ่งเดียวที่หล่อนคิดคือทุกอย่างจะต้องสมบูรณ์ในนามของตัวเอง เสียงของขจรดังแว่วมาอย่างต่อเนื่อง ร่างตุ้ยนุ้ยของขจรกำลังสาวเท้าเดินตามมธุรสอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับพรั่งพรูคำพูดตัวเองจนเหงื่อตก ตรงกันข้าม มธุรสเหมือนจะเดินหนีขจรอย่างเป็นเอาตาย และไม่มีท่าทียี่หระอันใดต่อการตามติดของขจรเลยแม้แต่น้อย

    “พี่รสครับ” ขจรยังไม่เหนื่อยกับการตามตื๊อ “ผมยังยืนยันนะพี่ ว่ามันจะเป็นงานที่มีคุณค่ามากที่สุดในรอบปี พี่รสดูสถานการณ์การเมืองที่เพิ่งเกิดสิครับ งานของผมมันตอบสนองอุดมการณ์ตรงนี้เลยนะ โธ่ ! พี่รส ถ้าพี่ไม่พิมพ์งานนี้ ผมบอกได้เลยว่าพี่จะเสียใจ”

     มธุรสทำเป็นไม่สนใจ หันไปคุยงานกับพนักงานคนอื่น ขจรงุ่นง่านยิ่งกว่าเดิม พอมธุรสคุยเสร็จก็เดินหนี ขจรก็ยังเดินตามติด ๆ

    “พี่รส ! ผมขอแค่ให้พี่ลองอ่านก็ได้เอ้า พี่ยังไม่เคยแม้แต่จะเปิดดูเลยนะครับ แล้วพี่จะรู้ได้ยังว่ามันดีไม่ดี”

    มธุรสยังคงไม่แยแส ทำเอาขจรเริ่มจะแสดงอาการน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด    

    “นี่ผมทำงานให้พี่มาตั้งเยอะ ช่วยพี่เรื่องสำคัญ ๆ ด้วย แค่ตีพิมพ์งานให้แค่นี้ พี่ให้ผมไม่ได้เลยหรือ”

    ราวกับคำพูดดังกล่าวนั้นหยาบคายไม่เป็นจริง หรือไม่มันก็อาจจะตรงกับความจริงจนเกินไปนั่นเอง แต่ที่แน่ ๆ มันก็ทำเอามธุรสถึงกับไม่อาจจะทนเมินเฉยได้อีกต่อไป เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดินเข้ามาในสำนักพิมพ์ ที่กวินเห็นว่ามธุรสหันกลับไปพูดกับขจรอย่างเอาจริงเอาจัง

    “ขอโทษนะจ๊ะขจร” มธุรสพูดด้วยเสียงเย็นชาชนิดที่กวินฟังแล้วยังรู้สึกขนลุก “พี่ชอบคนที่คุยกันด้วยฝีมือ พี่ไม่ชอบระบบบุญคุณ”

    “แต่ว่า...” ขจรพยายามจะเถียง แต่ด้วยสายตาเยียบเย็นที่มองมาก็ทำเอาพูดอะไรไม่ออก มธุรสปรายตามองต้นฉบับในมือของขจรอย่างดูแคลน

    “เก็บงานของเธอไปเสีย พี่ไม่ได้ตัดสินนะว่ามันดีหรือไม่ดี แต่แค่พี่ไม่ชอบ เท่านั้นแหละจ้ะ  อ่อ ! แล้วก็ไม่ต้องพูดเรื่องทำงานกับพี่อีกแล้ว ตอนแรกพี่กะจะบอกพรุ่งนี้ แต่พี่บอกตอนนี้เลยดีกว่า...” มธุรสผ่อนลมหายใจด้วยท่าทีเรียบเฉย ก่อนจะพูดต่อออกมาอย่างเด็ดขาดด้วยน้ำเสียงและท่าทีอันสงบนิ่งจนน่ากลัว “เธอไม่ผ่านการทดลองงาน...ไปเก็บของเสียนะ คือพี่น่ะก็ไม่อะไรมาก แต่ทางสำนักพิมพ์ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่จ้างเธอต่อ”

    มธุรสเดินหนีจะเข้าห้อง แต่หันหน้ามาเห็นกวินก่อน

    “ไม่เคยจะตรงเวลาเหมือนเดิม” มธุรสเริ่มต้นการทักทายด้วยการติเตียน ทำเอากวินรู้สึกเจื่อนไปเล็กน้อย “เดี๋ยวเข้ามาคุยกับพี่ในห้องแล้วกัน”

    มธุรสเดินเข้าห้องไป ในขณะที่ขจรยังยืนนิ่ง ทุกคนต่างเริ่มซุบซิบถึงเรื่องราวที่เพิ่งผ่านพ้น ไม่รู้ว่าด้วยความรู้สึกเวทนาระดับไหน พาให้กวินค่อย ๆ เดินเข้าไปหาขจร พบว่าขจรหน้าซีดมาก กัดฟันแน่น และเหมือนจะมีน้ำตาคลอ กวินถอนใจ มองขจรอย่างสงสาร เพราะเอาเข้าจริงก็รู้จักกับขจรมานานน่าจะสี่หรือห้าปีเป็นอย่างน้อย เห็นความล้มลุกคลุกคลานอย่าน่าสมเพชมาตลอด ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ขจรเป็นประเภทที่ทำอะไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง ความแปลกทางบุคลิกและระบบความคิดบางอย่างกีดกันขจรออกจากการถูกยอมรับของคนรอบข้าง ทำอะไรก็ไม่มีใครสนับสนุน ไม่มีฝักฝ่ายไหนจะคอยเข้าข้าง โดดเดี่ยวอยู่ตลอดเวลา และก็ยังไม่เคยมีใครให้โอกาสมันเลยสักครั้งเดียว  

    “ใจเย็นเถอะมึง” กวินพยายามจะคิดหาคำปลอบโยน คิดเสียว่าถึงจะกระแทกแดกดันมามากขนาดไหน แต่สุดท้ายก็ยังเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมา ได้เห็นชะตากรรมกันแบบนี้ก็อดจะสงสารไม่ได้ “ถึงกูจะชอบด่างานมึง แต่ถ้าให้พูดกันจริง ๆ มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก”

     ขจรเงียบ คล้ายกับพูดอะไรไม่ออก กวินจึงตัดสินใจพูดต่อ

    “เอาจริง ๆ ที่กูเคยด่าว่างานมึงเชยและผิดยุค กูขอโทษนะ กูโง่เข้าใจผิดไปเอง ดูไปดูมา ไอ้การกดขี่ทางชนชั้นมันก็ยังไม่เชยไปจากเมืองไทยเสียทีเดียวอย่างที่มึงว่านั่นแหละ งานมึงเอ่ยถึงเรื่องนี้มันก็ดีตรงที่ว่ามันจะได้กระตุ้นให้คนไม่หลงลืมไปว่านอกจากพวกนายทุนและกระแสโลกาภิวัฒน์แล้ว ก็ยังมีชนชั้นและค่านิยมศักดินาอีกประเภทที่ยังคงกดขี่คนจนอยู่ไม่เลิก แต่ก็นั่นแหละ กูว่างานมึงมันไร้เดียงสาไป มึงเหมาเอาง่าย ๆ แค่ว่าโครงสร้างทางสังคมมันเหลื่อมล้ำ แต่มิติอะไรต่าง ๆ ของมึงกลับแบนไปหมด ความน่าสนใจมันจะไปเกิดได้ยังไง กูว่ามันควรจะซับซ้อนกว่านี้ อย่างเช่น...”

    “พูดพอหรือยัง” ขจรพูดแทรกขึ้นมาด้วยเสียงสั่นเทา “ที่มึงพล่ามเหี้ยอะไรอยู่ได้เนี่ย มึงว่ามึงจะพูดอีกนานไหม”

    “เห้ย... ขจร เอา ๆ จริงเถอะ มึงไปลองดูแล้วปรับแก้ดู ใส่ใจในประเด็นที่กูบอก มึงอาจจะเห็นอะไร ๆ มากขึ้นก็ได้”

    “เอาจริง ๆ เหมือนกัน” ขจรขบฟันแน่น “มึงจะทำตัวเป็นกูรูรู้ดีเสนอหน้าวิจารณ์ใครก็เรื่องของมึง  แต่ไม่ต้องมาเสือกกับกู !”

    ขจรเดินกระแทกหนีไปอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง ในขณะที่กวินได้แต่ถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย


-----------------------------------------------------------

มาลงตอนใหม่ครับ

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2010 03:29:14 โดย kranwa »

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 28/06/2010ลงแล้ว17ตอน
«ตอบ #176 เมื่อ03-07-2010 22:05:46 »

วิษณุอะไรยังไงเนี่ยยย

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 28/06/2010ลงแล้ว17ตอน
«ตอบ #177 เมื่อ03-07-2010 23:03:53 »

คุณวิษณุคะ รอให้จีบไ่ม่จีบถ้ารุกขึ้นมาอย่าหาว่ากวินทำตัวไม่งาม
ไม่ได้นะคะ ทำเฉยเมย แย่ที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ส่วนการเสียชีวิตของคุณป้า เฮ้อออออออออออออออออออออออ
คุณวิษณุต้องเสียใจอย่างสุดซึ้งในอกล่ะ แต่เป็นลูกผุ้ชายจะแสดงค.อ่อนแอได้ยังไงเนาะ
ยังไงต้องเป็นหลักให้น้องสาวก่อนนั่นล่ะ
 
ส่วนกวิน เหมือนคนที่พึ่งกลับมาจากฝึกอะไรสักอย่างดูมองอะไรๆได้ปลงดีจัง
เฮ้อ คุณวิษณุแกจะเป็นฝันดี หรือ ฝันร้าย หรือฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงของกวินกันแน่ ชิส์
ส่วนขจร ขำมันแต่ก็สงสาร แหะ ส่งพี่รสจะเอาอะไรอีกล่ะคะนั่น เฮ้อออออออออออ

+1 คะ แหะๆ หัวเรื่องมะแก้เราเลยเข้ามาอย่างมึนแล้วได้อ่าน ดีใจจัง

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 03/07/2010ลงแล้ว18ตอน
«ตอบ #178 เมื่อ05-07-2010 00:51:46 »


ได้อ่านสองตอนรวดเลย ดีใจจัง

ปล. มีคนใช้คำว่า พรรค์ เหมือนเราอีกคนแล้ว

ออฟไลน์ ปลาทองสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 03/07/2010ลงแล้ว18ตอน
«ตอบ #179 เมื่อ05-07-2010 01:19:53 »

เย้ๆ มาอีกแล้ว

เหมือนกวินจะเปลี่ยนไป.....อีกนิด

+1 ค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด