Hopeful & Hopeless วรรณกรรมจำเ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Hopeful & Hopeless วรรณกรรมจำเ  (อ่าน 131099 ครั้ง)

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: Hopeful & Hopeless -UPDATE 21/01/2010 ลงแล้ว 7 ตอ
«ตอบ #30 เมื่อ29-01-2010 23:26:49 »

ยาวมาก อ่านแล้วสะใจมากๆ สนุกมากๆเช่นกันค่ะ

ว่าไปแล้วเจ้าเด็กเกรียนคนนั้นหายไปไหนแล้วเนี่ย นึกว่าพระเอกเสียอีก 555+

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless -UPDATE 21/01/2010 ลงแล้ว 7 ตอ
«ตอบ #31 เมื่อ30-01-2010 23:44:30 »

ยาวมาก อ่านแล้วสะใจมากๆ สนุกมากๆเช่นกันค่ะ

ว่าไปแล้วเจ้าเด็กเกรียนคนนั้นหายไปไหนแล้วเนี่ย นึกว่าพระเอกเสียอีก 555+


ก็รู้สึกว่าคงจะมีคนเข้าใจผิดอยู่หลายคนเหมือนกันแหละครับ แหะ ๆ แต่เอาจริง ๆ เด็นมันจะไปสู้ผู้ใหญ่ได้ยังไง อิอิ


ขอบคุณที่ติดตามครับ

thomaskung

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless -UPDATE 29/01/2010 ลงแล้ว8ตอ&
«ตอบ #32 เมื่อ31-01-2010 08:42:03 »

โอ้ว กว่าพระเอกจะออกมา

เรารึก็หลงกลไปกับเด็กเกรียน

เหอ ๆ

จะบอกว่าเห็นยาว ๆ แล้วขี้เกียจอ่าน เพราะพระเอกมะโผล่ซะที

แต่พอพระเอกโผล่มาปุ๊บ

แทบจะบอกว่า "รีบ Break ไปทำมายยยยยยยยยยยยยยยยย"

 :z13:

gypsy

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless -UPDATE 29/01/2010 ลงแล้ว8ตอ&
«ตอบ #33 เมื่อ31-01-2010 10:18:16 »

+1 ให้กับไรเตอร์เลยคับ
ยิ่งอ่านยิ่งชอบ ทั้งนิสัยของกวิน
และความคิดที่ดูจะ dark side มากๆ

ตอนแรกเราก็เดาไปเรื่อยว่า เด็กเกรียน ไอ้ขจร น้องพิม พี่พรรณ และพี่รส ร่วมมือกันหลอกกวินให้หมดทางเลือกหรือเปล่า
เพราะมันเป็นเรื่องที่โครตบังเอิญมาก
ที่กวินต้องใช้เงิน พี่พรรณโดนพักงาน และงานของกวินไม่ผ่าน
ทำให้กวินหมดหนทางต้องมารับงานเขียนเพื่อเอาเงินไปจ่ายค่าแบล็คเมล์

แต่แหม ถ้ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็ไม่ใช่นิยายสิเนอะ
ชอบคุณคนขับรถมากคับ มีรอยสักโผล่พ้นออกมาจากแขนเสื้อโปโล
ท่าจะเถื่อนได้ใจจริงๆ หวังว่าการไปหาแรงบันดาลใจของกวินครั้งนี้
จะทำให้กวินสามารถเปลี่ยนแปลงความเชื่อของตัวเองไปได้นะคับ

 :กอด1: กอดขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆคับ

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: Hopeful & Hopeless -UPDATE 29/01/2010 ลงแล้ว8ตอ&
«ตอบ #34 เมื่อ31-01-2010 13:32:08 »

ชอบเด็นเกรียนๆอะค่ะคุณกรันวา(ชื่ออ่านแบบนี้หรือเปล่า?) อยากได้เด็กมาทำสามีสักคน 555+

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re:
«ตอบ #35 เมื่อ01-02-2010 12:50:13 »

กรี้ดพระเอกโผล่แล้วรึป่าว?ขำคุณพิมเมาแล้วโคดรั่ว55ภาษาคุณคนแต่งนี่เลิศเลอมากคะค.คิดของกวินขาวคือขาวดำคือดำแต่ของคุณป้าของพิมมองลึกล้ำซับซ้อนอุดมคติที่กวินมองว่ามันช่างน่าขำแต่เพราะไอ้คำว่าจิตวิญญาณนี่แหละนักเขียนเงาคงมะมีอีกต่อไปค.ตั้งใจที่น่ายกย่องปล.สู้ต่อไปนะคะฝีมือคุณเยี่ยมเจงๆ

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless -UPDATE 29/01/2010 ลงแล้ว8ตอ&
«ตอบ #36 เมื่อ06-02-2010 01:32:36 »

โอ้ว กว่าพระเอกจะออกมา

เรารึก็หลงกลไปกับเด็กเกรียน

เหอ ๆ

จะบอกว่าเห็นยาว ๆ แล้วขี้เกียจอ่าน เพราะพระเอกมะโผล่ซะที

แต่พอพระเอกโผล่มาปุ๊บ

แทบจะบอกว่า "รีบ Break ไปทำมายยยยยยยยยยยยยยยยย"

 :z13:


- คนเขียนเองก็เหนื่อยเหมือนกันครับ รู้สึกเหมือนกันว่าเขียนช่วงแรกยาวเกินไป พยายามจะกระชับ ๆ มันอยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ยาวจนได้ แหะ ๆ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ


+1 ให้กับไรเตอร์เลยคับ
ยิ่งอ่านยิ่งชอบ ทั้งนิสัยของกวิน
และความคิดที่ดูจะ dark side มากๆ

ตอนแรกเราก็เดาไปเรื่อยว่า เด็กเกรียน ไอ้ขจร น้องพิม พี่พรรณ และพี่รส ร่วมมือกันหลอกกวินให้หมดทางเลือกหรือเปล่า
เพราะมันเป็นเรื่องที่โครตบังเอิญมาก
ที่กวินต้องใช้เงิน พี่พรรณโดนพักงาน และงานของกวินไม่ผ่าน
ทำให้กวินหมดหนทางต้องมารับงานเขียนเพื่อเอาเงินไปจ่ายค่าแบล็คเมล์

แต่แหม ถ้ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็ไม่ใช่นิยายสิเนอะ
ชอบคุณคนขับรถมากคับ มีรอยสักโผล่พ้นออกมาจากแขนเสื้อโปโล
ท่าจะเถื่อนได้ใจจริงๆ หวังว่าการไปหาแรงบันดาลใจของกวินครั้งนี้
จะทำให้กวินสามารถเปลี่ยนแปลงความเชื่อของตัวเองไปได้นะคับ

 :กอด1: กอดขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆคับ

- ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ จะว่าเป็นเรื่องบังเอิญ มันก็บยังเอิญจริง ๆ แหละครับ แหะ ๆ แค่รู้สึกว่าอยาดจะหาจุดที่ทำให้กวินต้องตัดสินใจจริง ๆ น่ะครับ ^ ^


ชอบเด็นเกรียนๆอะค่ะคุณกรันวา(ชื่ออ่านแบบนี้หรือเปล่า?) อยากได้เด็กมาทำสามีสักคน 555+

- ชอบเด็ก ร.ร. ไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ อิอิ

กรี้ดพระเอกโผล่แล้วรึป่าว?ขำคุณพิมเมาแล้วโคดรั่ว55ภาษาคุณคนแต่งนี่เลิศเลอมากคะค.คิดของกวินขาวคือขาวดำคือดำแต่ของคุณป้าของพิมมองลึกล้ำซับซ้อนอุดมคติที่กวินมองว่ามันช่างน่าขำแต่เพราะไอ้คำว่าจิตวิญญาณนี่แหละนักเขียนเงาคงมะมีอีกต่อไปค.ตั้งใจที่น่ายกย่องปล.สู้ต่อไปนะคะฝีมือคุณเยี่ยมเจงๆ

- ฝีมือผมไม่ได้เยี่ยมอะไรหรอกค้าบ ความจริงกะจะเขียนเรื่องนี้ให้มันสนุก ๆ เฉย ๆ แต่ผมยังว่ามันไม่ค่อยสนุกเลยด้วยซ้ำคับ แต่ถึงยังไงก็ขอบคุณจริง ๆ ครับที่ติดตามมาโดยตลอด ^ ^

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless -UPDATE 29/01/2010 ลงแล้ว8ต$
«ตอบ #37 เมื่อ06-02-2010 02:03:13 »

9

     “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย”

    กวินตะคอกใส่โทรศัทพ์อย่างทันทีเมื่ออีกฝ่ายรับสายพร้อมกับทักทายมาด้วยสำเนียงไม่รู้ร้อนรู้หนาว กวินถึงกับบันดาลโทสะยิ่งนัก ถ้าอารมณ์โกรธของกวินแผ่ออกมาเป็นไฟ เชื่อได้ว่าสถานที่อันเต็มไปด้วยวัตถุไวไฟเช่นที่นี่จะต้องได้เกิดระเบิดอย่างรุนแรงจนได้ลงข่าวหน้าหนึ่งไปตาม ๆ กัน

    “ไม่ต้องมาทำเสียงครางโง่ ๆ แบบนั้นเลยนะ รีบตอบมาเดี๋ยวนี้”

    กวินอดกลั้นมานานมาก นึกอยากจะบีบคอบุคคลปลายสายยิ่งนัก แต่โอกาสมันไม่มี หรือจะแค่ว่าโทรด่าให้สะใจสักสองคำ ก็ยังทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตลอดเกือบชั่วโมงที่ต้องนั่งอยู่ในรถคันเดียวกับชายหนุ่มแปลกหน้า กวินทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่นั่งนิ่งเหมือนกับคนที่ถูกวางยาชาอย่างไรอย่างนั้น โวยวายไม่ออก เกรี้ยวกราดไม่ถูก แค่จะลองหันไปพูดจากับคนขับ ก็เป็นอันต้องรีบเบือนสายตาหนีเมื่อนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร

    ดังนั้น เมื่อรถขับออกมาถึงนอกเมือง วิษณุจอดเติมน้ำมันที่ปั๊ม พร้อมกับแวะเดินเข้าไปซื้อของในมินิมาร์ท พอได้อยู่ลำพัง กวินจึงกลับมาเป็นตัวของตัวเอง ไม่รอช้า รีบกดโทรศัพท์หาพิม ในใจคุกรุ่นไว้ด้วยความโกรธ และมันยิ่งทวีขึ้นเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างยียวนกวนโทสะ

    “ให้ตอบไร”

    ดูสิ... ยังจะมีหน้า

    “อย่ามาทำแบบนี้นะ” กวินพยายามที่จะข่มอารมณ์ไว้ ท่องนะโมไว้ในใจ แต่สุดท้ายก็เผลอตวาดออกไปอยู่ดี “พูดให้รู้เรื่องนะเว้ย”

    “โอเค ๆ” พิมกระวีกระวาดขึ้นมาทันใดเมื่อกวินตั้งท่าจะวีน “ฉันขอโทษ คือ... คือว่าฉัน... ฉันไม่ค่อยสบาย”

    กวินอยากจะกรีดร้อง มีหน้ามาพูดได้อย่างไรว่าไม่สบาย ฟังเสียงก็รู้ว่าโกหกหน้าด้าน ๆ และกระนั้น ถ้าหากว่าพิมหน้าด้านอย่างที่กวินว่าจริง พิมก็คงจะหน้าด้านได้มากกว่าที่กวินคิดอีก เพราะเจ้าหล่อนมิได้มีท่าทีของการสำนึกผิดอย่างใดไม่ หนำซ้ำ ยังอวดสรรพคุณของสถานการณ์นี้เสียอีก

    “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า พี่ณุเขาใจดี เขาพาคุณไปได้”

    ไม่อยากจะเอาพิมเสนแลกเกลือ กวินอยากจะพูดด้วยดี ๆ เพื่อที่สถานการณ์จะไม่แย่ไปมากกว่าเดิม

    “แล้วเรื่องโทรศัพท์เมื่อเช้าล่ะ หมายความว่าไง” เรื่องนี้มันค้างคาแก่ใจกวินจริง ๆ พิมโทรมาหาเหมือนรออยู่ในรถ ถ้ามองว่านี่คือแผนที่วางไว้ ก็ช่างเป็นแผนที่เกรียนเอามาก ๆ หรืออีกนัยหนึ่งคือเขาก็โง่เอามาก ๆ ที่โดนหลอกง่ายโดนแผนเกรียน ๆ แบบนี้

    “คุณจงใจหลอกผมงั้นหรือ”

    “เปล่านะ ฉันก็แค่...” ดูว่าปลายสายคงจะกำลังพยายามเรียบเรียงคำพูด แต่กวินไม่มีใจจะรอ ตวาดซ้ำไปอีก

    “แค่อะไร!”

    พิมครางด้วยเสียงหวาดกลัวยิ่งนัก ก่อนจะรีบตอบออกมาอย่างเร็วรี่

    “ก็... ก็พี่ณุเขารอคุณตั้งนานแล้ว เขาไม่มีเบอร์คุณ ฉันก็อาสาโทรตามให้”

    “แล้วทำไมคุณไม่บอกล่ะวะ ว่าคุณไม่ได้มาด้วย”

    “ก็คุณไม่ได้ถามนี่นา”

    โอย... นังบ้า !

    “คุณพิม” กวินกัดฟันแน่น ก่อนจะยื่นคำขาดไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ “คุณต้องมาหาผมเดี๋ยวนี้ !”

    “ว้าย ! ฉันไข้ขึ้น แค่นี้ก่อนนะ” วางสายไปเสียดื้อ ๆ

    “เห้ย !”

    ถ้าไม่เกรงใจสภาพรอบด้านที่เต็มไปด้วยคนมากมาย กวินคงจะอยากรีดร้องพร้อมกับดิ้นพล่านให้สมกับความโกรธเกรี้ยว พยายามจะติดต่อพิมอีกครั้ง แต่เหมือนอีกฝ่ายจะปิดเครื่องหนีไปเสียแล้ว สมองของกวินตีรวนไปหมด ไม่เข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดคืออะไร เป็นแผนการของพิมอย่างนั้นหรือ? แล้วทำแบบนี้ไปทำไม? ทำไมต้องให้เขาเดินทางกับชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้?

    มันมีอะไรไม่ชอบมาพากล ! กวินรู้สึกได้ พยายามจะคิดว่าความไม่ชอบพากลนี่จะนำพาไปสู่อะไร แต่ขบคิดเท่าไรก็คิดได้ไม่ออกว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ไม่ว่าอย่างไร สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่าสถานการณ์ที่เกิดนี้ไม่ได้นำไปสู่สิ่งที่ดีแน่ ๆ จะไปดีได้อย่างไร เดินทางกับผู้ชายแปลกหน้าที่หล่อ... บ้า ! ไม่สิ ! ไม่เกี่ยวกับหล่อ !

    กวินพยายามจะเรียบเรียงความคิดใหม่

    เป็นความจริงว่าที่ผ่านมาไม่ค่อยจะมีเพื่อนเป็นผู้ชายแท้ ๆ มากนัก เพราะฉะนั้นการเดินทางกับผู้ชายแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคยมันจึงน่าจะอึดอัดเอามาก ๆ แถมผู้ชายที่ว่านั่นยังมีแววตาและบุคลิกที่น่ากลัวอยู่ไม่น้อย ใช่สิ มีรอยสักเสียด้วย สภาพยังกะผู้ชายคลั่งกล้ามเนื้อ ที่ดูแล้วน่าบ้าความเป็นชายอยู่ไม่น้อย รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก ให้ตายยังไงสัญชาตญาณของกวินก็ร้องบอกว่านี่ไม่ใช่การนำไปสู่อะไรที่ดีได้

    กวินเชื่อในสัญชาตญาณเสมอ  

    ทันใดนั้นเอง วิษณุเดินออกจากมินิมาร์ทพอดี ซื้อของกินมาเยอะไปหมด ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตูรถ โยนห่อของกินเข้าไปด้านใน ในขณะที่ในมือถือแก้วกาแฟร้อนไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามกวินที่ยืนอยู่อีกฝั่งของประตูรถ

    “ไม่ซื้ออะไรหรือคุณ”

    “ไม่ล่ะ เปิดฝาหลังรถหน่อยสิ” กวินออกคำสั่งด้วยท่าทางที่ชวนให้รู้สึกเคลือบแคลงยิ่งนัก “เอ้า ! ไม่ได้ยินหรือไงคุณ”

    แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่เมื่อโดนรบเร้า วิษณุก็ต้องกดเปิดให้ในที่สุด หากแต่ว่าสายตาก็ยังจับตามองผู้ออกคำสั่งด้วยความสงสัยอย่างที่ไม่อาจจะอดได้

    กวินถอนหายใจแรง เดินไปหยิบบรรดากระเป๋าหลายใบของตัวเองออกมาจากที่ใส่สัมภาระ ใช้เวลาอยู่นานพอควรว่าจะจัดการให้หอบทุกอย่างได้อย่างไม่ทุลักทุเล ก่อนจะตั้งท่าจะเดินออกไปที่ถนน ทำเอาวิษณุต้องรีบเดินตามอย่างงุนงง

    “จะทำอะไรน่ะคุณ”

    “กลับ” ตอบอย่างชัดเจนและชัดถ้อยชัดคำ ทำเอาชายหนุ่มที่กำลังเดิมตามถึงกับงุนงงไปมากกว่าเดิม

    “ทำไมล่ะ ทำไมต้องกลับ มีอะไรหรือคุณ”

    ในที่สุด กวินก็ทนไม่ไหว

    “นี่คุณไม่รู้สึกแปลกอะไรบ้างหรือ”

    ชายหนุ่มร่างใหญ่นิ่งไปสักพัก สบตากับกวินด้วยสายตาที่ทำเอากวินต้องถึงกับรีบเบือนสายตาตัวเองหนีออกอย่างทันทีทันใด

    “รู้สึกสิ...” วิษณุพูดพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย “รู้สึกแปลกมาก ๆ ด้วย ผมรู้มาว่าคุณต้องเดินทางไปกับผม เพื่อที่จะเขียนงานแทนคุณป้าให้ได้ แล้วทำไมอยู่ ๆ คุณถึงจะกลับเอาเสียดื้อ ๆ”

    นั่นไม่ใช่ประเด็นเลย ! กวินร่ำร้องอยู่ในใจ จะเถียงออกไปก็เหมือนจะมีอะไรติดขัดอยู่ที่ปาก นานพอสมควรกว่าที่กวินจะตั้งสติ แล้วกล่าวออกไปเป็นเชิงตำหนิต่อท่าทางที่ราวกับทองไม่รู้ร้อนของอีกฝ่าย

    “นี่เราไม่ได้รู้จักกันนะ”

    “แล้วไง” วิษณุยักไหล่อย่างถือดี “ผมเดินทางกับคนไม่รู้จักออกจะบ่อย คุณไม่เคยโบกรถหรือ แล้วอีกอย่าง คุณกับพิมก็เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง ทำไมถึงตกลงจะไปกับพิมได้ล่ะ”

    “ก็...” นานพอสมควรกว่าที่กวินจะคิดเหตุผลออก แม้ว่ามันจะกำปั้นทุบดินเอามาก ๆ เลยก็ตามที “ก็มันไม่เหมือนกัน”

    “ไม่เหมือนยังไง”

    “ก็... ยังไงไม่เหมือน”

    “เอ้า ! ก็บอกมาสิว่าไม่เหมือนยังไง อยากรู้”

    “โอย... ไม่รู้” กวินเผลอตะคอกไปในที่สุด ไม่อยากจะตอบไปตามตรงว่าไม่เหมือนเพราะรายนั้นเป็นผู้หญิง แต่รายนี้เป็นผู้ชาย.... สุดท้ายก็เลยทำเฉไป “คิดเหตุผลไม่ออก แต่เอาเป็นว่าไม่เหมือนก็คือไม่เหมือน อย่าเสียเวลาคุยกันเลยคุณ ผมจะกลับแล้ว”

   ทันทีที่กวินหันหลังเดินออกไปได้สักสามก้าว วิษณุก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นราวกับจะใช้มันเจาะทะลวงลงไปในโสตประสาทของกวินอย่างไรอย่างนั้น

    “คุณกลัวผมหรือ?”

    กวินชะงัก หันกลับไปมองอีกฝ่าย ภาพที่เห็นคือวิษณุกำลังมองเขากลับมาด้วยสายตาเรียบเฉย เมื่อรวมเข้ากับบุคลิกและรูปร่างหน้าตาที่ค่อนข้างจะเพอร์เฟ็คแล้ว ยิ่งขับเน้นแววแห่งการถือดีและหยิ่งยโสของเจ้าตัวมากขึ้นไปกว่าเดิม นอกจากนั้นแล้ว มันเป็นแววตาตัดสินที่มองกวินเหมือนกับเป็นเพียงลูกแกะตัวน้อย ๆ ที่ไร้ความหมายยิ่งนักต่อชีวิตของเขา

    เอาเป็นว่า กวินไม่ชอบสายตาแบบนี้เอาเสียเลย มันทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวลีบลงอย่างบอกไม่ถูก

    เหมือนอยากจะเถียง แต่ก็ไม่เถียง เพราะคิดคำเถียงไม่ออก ทำได้แต่การพยายามจะปั้นแววตาดูแคลน แล้วมองกลับไป แต่ก็เป็นการดูแคลนที่ไร้แก่นสารยิ่งนัก เพราะเอาเข้าจริง กวินก็นึกเหตุผลไม่ออกหรอกว่าจะไปดูแคลนอะไรกับชายหนุ่มตรงหน้านี้ได้ แต่แค่ไม่อยากยอมแพ้เลยแกล้งทำไปเช่นนั้นเอง มองไปสักพัก เมื่อยังคงรู้สึกถึงได้ความมั่นคงเป็นก้อนหินที่ไร้ร้อยปริแตกจากอีกฝ่าย กวินก็แค่นหัวเราะเบา ๆ แล้วรีบเดินจากไปอีกครั้ง พร้อมกับหลอกตัวเองว่าไม่ได้พ่ายแพ้

    คราวนี้วิษณุไม่เดินตาม แต่เอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เยียบเย็นมากกว่าเดิม

    “ผมไม่รู้นะว่าคุณป้าไปเห็นอะไรในตัวของคุณ แต่เอาจริง ๆ นะ ผมว่าคุณเขียนงานแทนคุณป้าไม่ได้หรอก” เสียงของวิษณุขาดห้วงไปเล็กน้อย ก่อนจะดังซ้ำอย่างชัดเจน “คุณน่ะผ่านโลกน้อยมาก แถมยังอ่อนแอ ขี้กลัว และไม่กล้าเผชิญหน้ากับอะไรเลย”

    กวินรู้สึกเหมือนถูกจี้ที่กลางใจ แม้จะเดินมาไกลแล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปเถียง

    “อย่าพูดอะไรมาก ถ้าคุณยังไม่รู้จักผม”

    “ผมอ่านงานคุณทุกเล่ม” วิษณุพูดสวนมาอย่างทันท่วงที “เพราะฉะนั้น ผมรู้จักคุณดีพอ”

    พูดจบก็เดินจากไป ในขณะที่กวินยืนค้างนิ่ง รู้สึกเหมือนถูกชกด้วยหมัดแรง ๆ


***** ****** ******* ******* ******* *******

    พิมกดวางสายพร้อมกับกดปิดเครื่องอย่างทันที ไม่ทันจะได้ถอนหายใจ เสียงของหญิงสาวที่อยู่ไม่ไกลก็ถามขึ้นมาเสียก่อน

    “ใครโทรมาหรือ”

    พิมตวัดสายตาไปทางด้านซ้าย พบว่าผู้ถามไม่ได้มีมีทีท่าว่าอยากรู้แสดงออกมาจนเกินงามมากนัก แต่อย่างไรก็ดี ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังก็พอจะจับเค้าได้ว่าแฝงแววว่าใคร่รู้พอสมควร

    “กวินค่ะ” ตอบพร้อมกับถอนใจ ปล่อยตัวเอนหลังลงบนเตียงเล็ก ๆ ตามเดิม รับความสบายจากการนวดฝ่าเท้าต่อไป โดยหวังว่าจะลดความขุ่นมัวที่ส่งผ่านสัญญาณโทรศัพท์มาได้บ้าง เมื่อนั้นเอง มธุรสที่นอนนวดอยู่เตียงข้าง ๆ ก็ยิงคำถามซ้ำขึ้นมาอีก

    “โทรมาโวยวายงั้นหรือ”

    “ค่ะ” พิมตอบ “โวยหนักเลยทีเดียว”

    “เป็นอย่างนี้แหละ ถ้าไม่โวยวายก็ไม่ใช่กวิน อย่าไปถือสาเลยนะจ๊ะ” มธุรสยิ้มปลอบ ก่อนจะถามคำถามสำคัญ “ว่าแต่ว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม”

    มีแววลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้าย พิมก็ตอบออกมา

    “เรียบร้อยค่ะ”

    สองสาวยิ้มให้กันเล็กน้อย แต่คล้ายกับว่ามธุรสนั้นจะยิ้มกว้างกว่า

    “ดีมากจ้ะ” มธุรสผ่อนลมหายใจอย่างสบายอารมณ์ “เชื่อพี่เถอะว่ามันจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด”


***** ****** ****** ****** *******

    วิษณุเปิดก๊อกล้างมือ ก่อนจะค่อย ๆ วักน้ำขึ้นมาล้างหน้า ขจัดความง่วงซึมและเพิ่มความกระปี้กระเปร่า รู้สึกสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อใบหน้าสัมผัสกับน้ำเย็น ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงห้าหกครั้ง ก่อนจะบิดก๊อกปิด คว้าผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับหน้าเบา ๆ ในขณะที่นัยน์ตามองสำรวจเข้าไปในกระจก

    ภาพที่สะท้อนกลับมาคือภาพใบหน้าขาวตอบที่พราวไปด้วยหยดน้ำ ผมสั้น ๆ บาง ๆ ซึ่งเปียกพอสมควรลู่ไปตามแนวของผ้าเช็ดหน้าที่เช็ดเสยขึ้นไป แววตาสีน้ำตาลคมกริบในกระขก จ้องกลับออกมาด้วยแววที่ค่อนข้างสงบนิ่ง  หากแต่คุกรุ่นด้วยประกายแห่งความมุ่งมั่นและรอบรู้ซึ่งถูกเก็บซ่อนไว้ภายในอย่างลึกลับ ลมหายใจยาว ๆ ถูกพ่นออกมาจากปลายจมูกซึ่งโด่งเป็นสัน ก่อนที่เจ้าตัวจะใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดหยดน้ำน้อย ๆ ที่เกาะพราวอยู่บนไรหนวดบาง ๆ เหนือริมฝีปาก

    จัดเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อยอีกครั้ง สมองครุ่นคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นและอาจจะเกิดขึ้นต่อ รู้สึกมึนงงอยู่พอสมควรคล้ายกับยังปะติดปะต่ออะไรไม่ค่อยถูก ตั้งแต่เย็นวานจนถึงวันนี้รู้สึกมีอะไรแปลก ๆ เข้ามาในชีวิตเยอะเหลือเกิน จู่ ๆ ก็ต้องรับเพื่อนร่วมทางจากคำขอร้องของลูกพี่ลูกน้อง ที่ขอร้องแกมบังคับโดยยกเอาป้ามาอ้างจนทำให้ไม่อาจจะปฏิเสธได้ แล้วอยู่ดี ๆ เพื่อนร่วมทางคนนั้นก็กลับมีปฏิกิริยาแปลก ๆ แล้วตอนนี้ก็เชิดหนีไปเสียแล้ว

    เอาเถิด

    ถึงอย่างไร ถ้าถามเอาจากใจที่คิดจริง ๆ ชายหนุ่มก็ไม่เคยจะเห็นด้วยนักกับวิธีนี้นักอยู่แล้ว และไม่เชื่อสักเท่าไรว่าการใช้กวินเป็นโกสต์ไรเตอร์จะช่วยให้วรรณี วรรณรัตน์ ป้าของเขามีอาการที่ดีขึ้นมาได้ แต่พอพิมตัดสินใจเช่นนั้น เขาก็ไม่อยากจะขัดขวาง คิดเสียว่าอย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย แต่พอหลังจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เห็นทีว่าเขาคงจะต้องโทรบอกข่าวความล้มเหลวแก่พิมว่านักเขียนตัวดีคนนั้นได้เตลิดหายไปเสียแล้ว และขอให้เชื่อเถิดว่าคนพรรค์นี้ไม่น่าจะช่วยเหลือได้สำเร็จแน่นอน  

          ถอนหายใจยาวอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องน้ำ รู้สึกตกใจพอสมควรที่เห็นนักเขียนตัวปัญหายืนกอดอกรออยู่ที่หน้ารถ สัมภาระกองเกลื่อนอยู่ที่ฝ่าเท้า
    อะไรวะ... ไหนบอกว่าจะกลับ?
    ระหว่างที่กำลังงุนงงอยู่ว่าจะมาไม้ไหน ชายหนุ่มร่างใหญ่ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ไม่ทันจะขยับปากถาม ชายหนุ่มร่างเล็กกว่าก็รีบชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
    “เปิดหลังหน่อยสิ”
    แม้จะยังเคลือบแคลงอยู่ แต่วิษณุก็ยอมทำตามบอกอย่างทันท่วงที กดรีโมทเปิดหลังในขณะที่จับจ้องอีกฝ่ายไม่วางตา จอมบงการรีบยกกระเป๋าไปวางตรงท้ายรถ ทุกลักทุเลพอสมควร จนวิษณุอดที่จะเข้าไปช่วยไว้ไม่ได้ด้วยความรู้สึกเวทนา พอเอาของอันมากมายไว้หลังรถเสร็จแล้ว กวินก็รีบเดินเข้าไปนั่งในรถ ไม่ยอมพูดไม่ยอมจาใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อนั้นเองที่วิษณุเริ่มจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร
    เจ้าของรถแค่นยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินตามเข้าไปนั่งในที่คนขับ ไม่ทันที่จะได้ทำอะไรหรือพูดอะไร กวินก็รีบพูดขึ้นมาก่อนอย่างรวดเร็ว ราวกับคิดเอาไว้เป็นอย่างดี
    “ผมมั่นใจว่าผมผ่านโลกมามาก อาจจะมากกว่าคุณด้วย” กวินพยายามจะหันมาสบตากับวิษณุ แต่สุดท้ายก็เป็นผลเช่นเดิม สู้สายตาเขาไม่ได้นาน ต้องยอมแพ้เบือนหนีไปอีกจนได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงพ่ายแพ้แก่สายตาคมกริบเรียบนิ่งคู่นั้น แต่ไม่ว่าอย่างไร ปากก็ยังสามารถจะพูดต่อไปได้
    “แล้วผมก็มั่นใจว่าผมไม่ใช่พวกอ่อนแอ ปวกเปียก และไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น คุณไม่รู้จักผมดีพอ แล้วก็... ” ความจริงอยากจะพูดอีก แต่คิดไม่ออกแล้วว่าจะพูดอะไร ไม่รู้ว่าทำไมความปราดเปรียวในการต่อล้อต่อเถียงถึงได้ลดน้อยลงไปเมื่อได้อยู่ที่ตรงนี้ ถอนใจแรงหนึ่งครั้ง อดไม่ได้ที่จะทำเป็นเก่ง ออกคำสั่งเป็นครั้งสุดท้ายอย่างมากมาด “คุณออกรถเถอะ ช้าแล้ว”
    ไม่มีการโต้เถียงใด ๆ จากอีกฝ่าย มีแต่เสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ จากนั้น วิษณุก็เข้าเกียร์เหยียบคันเร่งไปอย่างทันท่วงที ไม่ลืมที่จะคว้าแว่นกันแดดขึ้นมาสวมเพื่อถนอมสายตา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2010 15:04:09 โดย kranwa »

ออฟไลน์ εїзป่วงน้อยεїз™

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/02/2010ลงแล้ว 9ตอน
«ตอบ #38 เมื่อ06-02-2010 03:09:40 »

เนื้อเรื่องโดนใจมากๆเลยค่า อ่านแล้วแอบชอบกวินนิดๆ ดูเป็น bad boy ดีแต้ๆ  :-[

เป็นกำลังใจให้นะคะ ^^Y

gypsy

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/02/2010ลงแล้ว 9ตอน
«ตอบ #39 เมื่อ06-02-2010 09:41:14 »

ทั้งสองคนโดนหลอกให้มาด้วยกัน

พิมกับพี่รสมีแผนอะไรน้อ เดาไม่ถูกเลย

+1 เป็นกำลังใจให้คับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/02/2010ลงแล้ว 9ตอน
« ตอบ #39 เมื่อ: 06-02-2010 09:41:14 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/02/2010ลงแล้ว 9ตอ
«ตอบ #40 เมื่อ06-02-2010 11:35:34 »

แว็กกกกกกกกวินหนีไปไหนแล้วล่ะเนี่ย อิตาวิษณุนี่ปากตรงกับใจจริงๆนะ
กวินไม่ได้กัววิษณุไปมากกว่ากัวใจตัวเองไม่ให้ปล้ำผู้ชายหน้าตาดีข้างๆชิมิจ๊ะ :m20:
อยู่กับสาวพิม วีนเท่าไหร่ก็ได้แสดงออกมาหมดแต่พอกับหนุ่มหล่อเนี่ยปั้นคำไม่ถูกเลยนะคะ
ทั้งๆที่วิษณุปากก็ร้ายพูดซะจี้ใจดำจังๆยังไม่โดนตอกกลับสักแอะ  :เฮ้อ: แล้วงี้จะได้เปลี่ยนบรรยากาศ
อย่างที่พิมเค้าอยากให้ทำรึป่าวล่ะนั่น ...ค้นหาแรงบันดาลใจ เปิดมุมมองทางความคิด เอิ๊กซ์กลับไปให้อาหารแมวอนาถาอีกตามเคย
ที่ห้องเน่าๆรึป่าวนะ
+1 คะสู้ๆๆๆๆ เหมือนลงไม่ครบป่าวคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2010 11:45:24 โดย mecon »

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/02/2010ลงแล้ว 9ตอน
«ตอบ #41 เมื่อ06-02-2010 16:26:14 »

ขอโทษคนอ่านด้วยนะครับ คือผมรูสึกว่าข้อความที่โพสตอนล่าสุดดูท่าว่าจะขาดไปน่ะครับ ตอนลงใหม่ ๆ ก็ครบนะ แต่พอมาเช็คอีกทีปรากฏว่าตอนช่วงท้าย ๆ หายไปหลายย่อหน้าเหมือนกัน เป็นไปได้ว่าข้อความคงยาวไป เพราะเคาะเว้นบรรทัดเยอะ แต่ตอนนี้แก้ลงใหม่แล้วครับ คิดว่าไม่น่าจะหายไปแล้ว รบกวนคนอ่านลองเช็คดูอีกรอบด้วยนะครับว่าได้อ่านตอนล่าสุดจนครบหรือเปล่า ^ ^


เนื้อเรื่องโดนใจมากๆเลยค่า อ่านแล้วแอบชอบกวินนิดๆ ดูเป็น bad boy ดีแต้ๆ  :-[

เป็นกำลังใจให้นะคะ ^^Y

ขอบคุณมากครับ ดีใจที่ชอบครับ

ทั้งสองคนโดนหลอกให้มาด้วยกัน

พิมกับพี่รสมีแผนอะไรน้อ เดาไม่ถูกเลย

+1 เป็นกำลังใจให้คับ

- แผนของพี่รสก็แค่ให้ทั้งคู่ไปด้วยกันนี่แหละครับ อิอิ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ

แว็กกกกกกกกวินหนีไปไหนแล้วล่ะเนี่ย อิตาวิษณุนี่ปากตรงกับใจจริงๆนะ
กวินไม่ได้กัววิษณุไปมากกว่ากัวใจตัวเองไม่ให้ปล้ำผู้ชายหน้าตาดีข้างๆชิมิจ๊ะ :m20:
อยู่กับสาวพิม วีนเท่าไหร่ก็ได้แสดงออกมาหมดแต่พอกับหนุ่มหล่อเนี่ยปั้นคำไม่ถูกเลยนะคะ
ทั้งๆที่วิษณุปากก็ร้ายพูดซะจี้ใจดำจังๆยังไม่โดนตอกกลับสักแอะ  :เฮ้อ: แล้วงี้จะได้เปลี่ยนบรรยากาศ
อย่างที่พิมเค้าอยากให้ทำรึป่าวล่ะนั่น ...ค้นหาแรงบันดาลใจ เปิดมุมมองทางความคิด เอิ๊กซ์กลับไปให้อาหารแมวอนาถาอีกตามเคย
ที่ห้องเน่าๆรึป่าวนะ
+1 คะสู้ๆๆๆๆ เหมือนลงไม่ครบป่าวคะ

ข้อความมันขาดไปน่ะครับ รบกวนคุณ mecon กลับมาอ่านอีกทีนะครับ ^ ^

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/02/2010ลงแล้ว 9ตอน
«ตอบ #42 เมื่อ06-02-2010 16:58:44 »

 :m20: ในที่สุดก็แพ้ใจตัวเองจนได้ ก็นะคุณกวินไม่ได้
อ่อนแอขี้แพ้สักหน่อยเพียงแค่รู้สึกไม่เซลฟ์ก็เท่านั้นชิมิเคอะ
อีกอย่างคนแปลกหน้าข้างๆปากก็ร้ายเอาการถ้าจะหนีตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำอะไรก็ไม่ใช่กวินผู้
มองโลกทะลุทะลวงนะสิ แต่คนที่ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับใครอ่ะเวลาจะต่อปากต่อคำกับคนอื่น
ยิ่งฝ่ายตรงข้างไม่มีท่าทีจะมุ่งร้ายด้วยแล้ว จะพูดจะเถียงอะไรก็ติดอยู่ตรงที่ริมฝีปากอ่ะนะ
ขำจริงๆปกตินี่ แรงมาแรงไปเชียว

สู้ๆคะ

thomaskung

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/02/2010ลงแล้ว 9ตอน
«ตอบ #43 เมื่อ07-02-2010 18:26:06 »

สงครามพึ่งเริม ก็เห็นแววว่าพ่อนักเขียนจอมดื้อของเราจะแพ้ซะแล้ว

แหมน่าลุ้นไม่ใช่น้อย

เนื้อเรื่องยังมีปมให้ลุ้นอีกไม่น้อย

 :z10:

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/02/2010ลงแล้ว 9ตอน
«ตอบ #44 เมื่อ08-02-2010 15:49:41 »

เรื่องแปลกดีนะครับ การเดินทางครั้งนี้ของกวินจะมีอะไรรออยู่ข้างหน้านะ มาติดตามครับ

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/02/2010ลงแล้ว 9ตอน
«ตอบ #45 เมื่อ08-02-2010 16:37:53 »

เดาไม่ออกจริงๆเรื่องนี้ คุณณุจะทำอะไรต่อไปนะ ตามลุ้นค่ะ

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/02/2010ลงแล้ว 9ตอน
«ตอบ #46 เมื่อ10-02-2010 00:00:49 »

:m20: ในที่สุดก็แพ้ใจตัวเองจนได้ ก็นะคุณกวินไม่ได้
อ่อนแอขี้แพ้สักหน่อยเพียงแค่รู้สึกไม่เซลฟ์ก็เท่านั้นชิมิเคอะ
อีกอย่างคนแปลกหน้าข้างๆปากก็ร้ายเอาการถ้าจะหนีตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำอะไรก็ไม่ใช่กวินผู้
มองโลกทะลุทะลวงนะสิ แต่คนที่ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับใครอ่ะเวลาจะต่อปากต่อคำกับคนอื่น
ยิ่งฝ่ายตรงข้างไม่มีท่าทีจะมุ่งร้ายด้วยแล้ว จะพูดจะเถียงอะไรก็ติดอยู่ตรงที่ริมฝีปากอ่ะนะ
ขำจริงๆปกตินี่ แรงมาแรงไปเชียว

สู้ๆคะ

- เอาจริง ๆ กวินก็เขินแหละคับ ^ ^


สงครามพึ่งเริม ก็เห็นแววว่าพ่อนักเขียนจอมดื้อของเราจะแพ้ซะแล้ว

แหมน่าลุ้นไม่ใช่น้อย

เนื้อเรื่องยังมีปมให้ลุ้นอีกไม่น้อย

 :z10:

- ขอบคุณที่ติดตามคับผม ^ ^

เรื่องแปลกดีนะครับ การเดินทางครั้งนี้ของกวินจะมีอะไรรออยู่ข้างหน้านะ มาติดตามครับ

- ตอนแรกก็ไม่ได้กะจะให้แปลกหรอกคับ พอเขียน ๆ ไปแล้วมันก็แปลกของมันเอง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคับ

เดาไม่ออกจริงๆเรื่องนี้ คุณณุจะทำอะไรต่อไปนะ ตามลุ้นค่ะ

- ขอบคุณที่เข้ามาลุ้นครับ คุณ TONG


ตอนหน้าขอเวลาอีกสักแป๊บนะคับ ตอนนี้ยุ่งนิดหน่อยคับ แหะ ๆ ๆ

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/02/2010ลงแล้ว 9ตอน
«ตอบ #47 เมื่อ10-02-2010 00:37:07 »

รับแซ่บคะจะรอกวินต่อไป  :z2:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/02/2010ลงแล้ว 9ตอน
«ตอบ #48 เมื่อ10-02-2010 02:29:33 »

 o13
ยอมรับเลยตรงๆอ่านแล้วตื่นเต้นมากสนุกกว่าที่เคยๆอ่านมา
มันแบบไม่ได้อะไรนักหนาแต่เล่นกับความคิดของคนมั้งเลยกระตุ้นให้อยากอ่านต่อ
แล้วจะรออ่านเป็นกำลังใจให้งานแบบนี้เสมอ
นิว(รออยู่น๊า)

thomaskung

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/02/2010ลงแล้ว 9ตอน
«ตอบ #49 เมื่อ10-02-2010 22:05:59 »

ขอให้งานสำเร็จตามประสงค์ครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/02/2010ลงแล้ว 9ตอน
« ตอบ #49 เมื่อ: 10-02-2010 22:05:59 »





kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/02/2010ลงแล้ว 9ตอน
«ตอบ #50 เมื่อ16-02-2010 20:05:37 »

รับแซ่บคะจะรอกวินต่อไป  :z2:

มาต่อให้แล้วนะครับ ^ ^


o13
ยอมรับเลยตรงๆอ่านแล้วตื่นเต้นมากสนุกกว่าที่เคยๆอ่านมา
มันแบบไม่ได้อะไรนักหนาแต่เล่นกับความคิดของคนมั้งเลยกระตุ้นให้อยากอ่านต่อ
แล้วจะรออ่านเป็นกำลังใจให้งานแบบนี้เสมอ
นิว(รออยู่น๊า)

ดีใจที่อ่านแล้วสนุกนะครับ ขอโทษที่ให้รอนานครับผม
ขอให้งานสำเร็จตามประสงค์ครับ

สาธุครับ สมพรปากนะค้าบ แหะ ๆ ๆ ขอบคุณมากสำหรับคำอวยพรครับ



ขอโทษผู้อ่านทุกท่านด้วยครับที่หายไปนาน

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/02/2010ลงแล้ว 9ตอน
«ตอบ #51 เมื่อ16-02-2010 20:06:40 »

10
    
สำหรับกวิน มันช่างอึดอัดยิ่งนักสำหรับการเดินทางสองต่อสองกับผู้ชายอินดี้ !

    ผ่านมาเกือบห้าชั่วโมงที่แคมรี่วิ่งแล่นไปตามทางหลวงมุ่งขึ้นสู่ภาคเหนือ กวินนับคำพูดของตัวเองได้ว่าแทบจะเป็นศูนย์ ตรงกันข้ามกับความเดือดดาลและไม่สงบในห้วงความรู้สึกที่คุกรุ่นอยู่อย่างไม่จบสิ้น เชื้อไฟที่มันเคยถูกจุดขึ้นมาก่อนหน้าสมควรแก่เวลาที่ดับไปหรือก็ไม่ หนำซ้ำ อะไร ๆ มันก็ช่างน่าหงุดหงิดไปเสียทุกอย่าง เหมือนคนพาล ลองได้เริ่มต้นอย่างเลวร้ายแล้ว อย่าได้หวังว่าทุกสิ่งมันจะเปลี่ยนเป็นดีได้โดยง่าย ลองพินิจตัวเองดูดี ๆ กวินจะพบว่าสิ่งใดรอบข้างไม่ได้ชวนหงุดหงิดขนาดนั้น ถ้าลองพยายามปล่อยวางและปลดปลงอะไร ๆ มันก็จะสงบแล้วเข้าที่เข้าทางไปเอง แต่ด้วยทิฐิบางอย่าง กวินยอมรับอย่างภาคภูมิว่าการใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด คนเราไม่น่าจำเป็นจะต้องใช้ชีวิตด้วยความพยายามขนาดนั้น

    ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่ที่แน่ ๆ ความรู้สึกที่คล้ายกับความหงุดหงิดผสมกับความโกรธเกรี้ยวที่มีต่อชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้มันเหมือนจะเพิ่มพูนขึ้นไปอีก

    จนกลายเป็นความรู้สึกใหม่ กวินรู้แก่ใจว่าเขารู้สึกหมั่นไส้วิษณุยิ่งนัก

    คำพูดต่าง ๆ นา ๆ ยังคงติดอยู่ในความทรงจำ คำพูดเชือดเฉือนที่เหมือนทิ่มลงจัง ๆ ที่กลางใจ หรือแม้แต่แววตาตัดสินที่มองมาอย่างเหนือกว่า มันยังติดตราและตรึงอยู่ในความคิดของกวินไม่จบไม่สิ้น และเชิญชวนให้เกิดความรู้สึกสารพันที่อธิบายออกมาไม่ได้ แต่ที่แน่ ๆ คือมันทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้ ทุกสิ่งทุกอย่างจากตัวของวิษณุล้วนเป็นแต่อาวุธร้ายกาจที่สามารถทำให้กวินผู้ที่เคยมั่นใจในความแกร่งของตัวเองต้องอ่อนยวบลงอย่างไม่เป็นท่า

    น่าหงุดหงิดยิ่งนัก ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้พ่ายแพ้ต่อบุคลิกผึ่งผายที่แฝงเจือไว้ด้วยความหยิ่งผยอง พ่ายแพ้แก่ใบหน้าหมดจด สะอาดสะอ้านอันประกอบไปด้วยแววตาสงบนิ่งลึกลับและริมฝีปากที่สามารถขยับรอยยิ้มเยาะเย้ยได้อย่างเจ็บแสบ... พ่ายแพ้แก่กลิ่นน้ำหองจาง ๆ ที่สดชื่นติดจมูก พ่ายแพ้แก่เส้นผมที่ตัดซอยมาอย่างดูดี พ่ายแพ้แก่รอยสักเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่โผล่ออกมาจากแขนเสื้อ... พ่ายแพ้แก่...

    “มองอะไรคุณ” เสียงเข้ม ๆ ของวิษณุตัดห้วงความคิดของกวินให้ขาดสะบั้นลง กวินเบือนหน้าหนีมองออกข้างทาง ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามองไปทางชายหนุ่มตั้งแต่เมื่อไร “ตัวผมมีอะไรผิดปรกติงั้นหรือ”

    น้ำเสียงของวิษณุแฝงแววเยาะเย้ยชัดเจน ราวกับรู้ทันถึงความรู้สึกของกวินอย่างไรอย่างนั้น กวินไม่ตอบ ได้แต่นั่งนิ่งและเผลอกัดฟันเล็กน้อย แอบชำเลืองมองไปยังอีกฝ่าย ไม่อาจรู้ได้ว่าแววตาเป็นเช่นไร เพราะถูกซ่อนอยู่ใต้แว่นกันแดด แต่ที่แน่ ๆ คือเห็นรอยยิ้มมุมปากและบุคลิกท่าทางที่เรียบเฉยเสียจนน่าขนลุก ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาครามครันกับท่าทีเก๊กจัด

    คนหลงตัวเอง!  

    ในขณะที่กวินยังคิดหาเรื่องอยู่ในใจ ทันใดนั้นเอง กวินก็ต้องได้ตกใจมากขึ้นเมื่อจู่ ๆ คนขับตัวดีก็ปิดแอร์ พร้อมกับเลื่อนกระจกลงเมื่อรถแล่นฉิวไปบนถนนเลนกว้างที่ขนานไปด้วยทุ่งนาที่รวงข้าวเหลืองสะพรั่งโยกไหวไปตามสายลมที่พัดผ่าน มองเห็นฝูงนกบินเลาะไปมาอยู่เหนือยอดต้นตาลที่ปลูกยาวเป็นทิวแถวตามแนวคันนา คล้ายกับว่าคนขับมีจุดประสงค์ที่จะเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติอย่างเต็มที่

    กวินรู้สึกเหมือนถูกลมตีแสกหน้า แล้วแทรกลงมาทิ่มที่กลางใจ มันช่างน่ารำคาญและคันคะเยอไปเสียทั้งหมดกับความเป็นธรรมชาติรอบข้างยิ่งนัก ถ้าเป็นเพื่อนฝูงหรือคนสนิททำแบบนี้ คงจะได้มีการด่าอย่างเสีย ๆ หาย ๆ ไม่เข้าใจเสียจริงว่าคนประเภทไหนกันนะมันถึงจะอินดี้ได้น่าหมั่นไส้ขนาดนี้ !

    ด้วยความอยากจะเอาชนะ กวินจึงวางฟอร์มไว้ชัดเจนว่าจะไม่ไยดีกับภาพใด ๆ ข้างทางทั้งสิ้น แม้ว่าบางครั้งจะอดมองไม่ได้ เช่นว่าเมื่อผ่านกังหันลมขนาดใหญ่ที่หาดูได้ยาก หรือบางคราวที่ผ่านทุ่งดอกทานตะวัน แต่กวินก็จะต้องกลับมาสู่คาแรคเตอร์เดิม ๆ ให้ได้คือจะต้องทำเมินเฉยไว้มากที่สุด หรืออีกนัยหนึ่งคือถ้าอีกฝ่ายชอบทำตัวชื่นชมธรรมชาตินัก กวินก็จะต้องรังเกียจธรรมชาติให้ได้ เหมือนจะวัดใจกันเงียบ ๆ อย่างไรอย่างนั้น

    อันที่จริง กวินเชื่อว่าก็คงไม่ใช่แค่ตัวเขาคนเดียวหรอกที่อยากจะเอาชนะ มองอย่างไรก็ดูออกว่าอีกฝ่ายนั้นก็คงนึกสนุกอยากจะเล่นกับกวินด้วยเช่นกัน และก็น่าจะอยากเอาชนะกวินพอสมควรด้วย เพราะเมื่อถึงจุดชมวิวที่สวย ๆ จู่ ๆ วิษณุก็ตัดสินใจจอดรถเสียอย่างนั้น ก่อนจะเดินลงไปชมวิวอย่างสบายอารมณ์ ไม่สนต่อสายตาคาดโทษจากกวิน

    “นี่ไม่คิดว่ามันจะเสียเวลาหรือ” กวินถามไปอย่างเหลืออด ในขณะที่อีกฝ่ายยักไหล่อย่างไม่สนใจ

    “ก็ผมไม่รีบ”  

    สุดท้าย กวินได้แต่มองอย่างเซ็ง ๆ วิษณุยืนนิ่งชมวิวอย่างกับศิลปินบิลด์อารมณ์อย่างไรอย่างนั้น เสร็จแล้วก็เอากล้องไปถ่ายรูป เดินหามุมกล้องอยู่เนิ่นนาน ปรับโฟกัสกล้องไปมาอยู่อย่างนั้นแบบที่ไม่สนใจในเวลาที่กำลังเลื่อนไหลไปเรื่อย ๆ บางทีก็ทำตัวเพื่อสังคมเดินเก็บขยะที่มีนักท่องเที่ยวมาทิ้งไว้ ช่างน่าขบขันเสียจริง ! กวินตัดสินใจที่จะเอาชนะบ้างโดยการจุดบุหรี่สูบเสีย ท้าทายความสวยงามของธรรมชาติทั้งหลายแหล่

    ได้ผล... วิษณุถอนแว่นกันแดดออกทันที พร้อมกับมองกวินอย่างตำหนิ เป็นครั้งแรกที่กวินได้เห็นแววตาของวิษณุแบบจริง ๆ จัง ๆ ทำให้รู้สึกสุขสมอย่างประหลาด และไม่ว่าอย่างไรกวินก็ไม่แคร์กับการตำหนิใด ๆ ทั้งสิ้น

     เวลาล่วงไปเกือบสี่โมงเย็น รถล่วงเข้าสู่เขตภาคเหนือ วิษณุแวะจอดกินอาหารที่ร้านข้างทาง เป็นเพิ่งเล็ก ๆ น่ารักที่มีสวนผักปลูกอยู่ข้าง ๆ ป้ายหน้าร้านติดชัดเจนว่าใช้ผักสดปลูกเองปรุงอาหาร ไร้สารพิษ กวินไม่รู้สึกติดใจอะไรนัก เพราะความจริงก็รู้สึกหิวอยู่บ้าง

    เดินเข้าไปในร้าน ต่างฝ่ายต่างสั่งอาหาร ด้วยที่ขวดน้ำอยู่ใกล้มือ วิษณุจึงจะเป็นฝ่ายรินน้ำให้ แต่กวินกลับคว้าขวดน้ำจากวิษณุมารินเอง แสดงชัดถึงจุดยืนว่าจะไม่จะรับไมตรีใด ๆ ทั้งสิ้น ก้มหน้าก้มตากินอย่างไม่สนใจอะไร

    วิษณุหัวเราะ

    “หัวเราะอะไร” กวินถามไปอย่างไม่พอใจเล็กน้อย คิดเอาเองอย่างคนมีชนักว่าอีกฝ่ายน่าจะกำลังขำกับฟอร์มของตัวเอง แต่วิษณุกลับตอบคำถามด้วยการย้อนถาม

    “ทำไม อยากหัวเราะด้วยไหมล่ะ”

    กวินถอนใจอย่างหงุดหงิด ตัดสินใจไม่พูดอะไรอีก

    พอกินเสร็จ วิษณุทำท่าจะจ่าย แต่กวินไวกว่า รีบจ่ายบริกรด้วยแบงค์ที่ทอนง่ายกว่า วิษณุเลยต้องชะงักมือกลับไป พอเด็กเสิร์ฟเอาเงินทอนมาให้ซึ่งล้วนแต่เป็นเศษเหรียญ กวินกวาดคืนไปหมด ไม่เหลือเป็นทิปเลยสักบาท กวินมีนิสัยที่ไม่ชอบให้ทิปมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะเชื่อว่าราคาอาหารที่กินก็บวกค่าบริการไว้แล้วเสร็จสรรพ จึงไม่จำเป็นจะต้องจ่ายเพิ่มอีก แต่เหมือนว่าวิษณุจะไม่คิดเช่นนั้น ชายหนุ่มเรียกบริกรกลับมา แล้วควักเหรียญของตัวเองส่งให้

    วิษณุอาจจะไม่คิดอะไร แต่สำหรับกวิน นี่ไม่ต่างอะไรจากการหักหน้า

    “พวกเด็กเสิร์ฟคงนินทากันสนุกว่าผมงก ในขณะที่คุณคงโดนชมว่าใจกว้างเป็นแม่น้ำ นี่คุณอยากให้เกิดการเปรียบเทียบงั้นหรือถึงทำอะไรแบบนี้”

    อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะผ่อนลมหายใจ

    “พูดเล่นใช่ไหม”

    “ไม่ พูดจริง”

    “ถ้ามันทำให้คิดมากก็ขอโทษแล้วกัน”

    วิษณุลุกขึ้นแล้วตั้งท่าจะเดินออกไป แต่เจ้าของร้านออกเดินมาขอบคุณเล็กน้อย ด้วยวิสัยของคนมากไมตรี ชายหนุ่มจึงคล้ายจะหาเรื่องมาคุยกับเจ้าของร้านเพิ่มขึ้นอีก มีเหตุการณ์ที่น่าขบขันเกิดขึ้นเมื่อมีเด็กเสิร์ฟผู้หญิงคนหนึ่งมาขอถ่ายรูปกับวิษณุ ช่างน่าขบขัน ! ขบขันตรงที่ว่าจะถ่ายทำไม ดาราก็ไม่ใช่ ขบขันในความทะเล่อทะล่าของเด็กหญิงบ้านนอก และขบขันในตัววิษณุที่ยิ้มสู้กล้องยอมถ่ายเสียอย่างนั้น

    ตลกสิ้นดี ! กวินยืนรอด้านนอกพร้อมกับจุดบุหรี่สูบรอ

     ความอินดี้อันน่าขบขันของวิษณุไม่หมดแค่นั้น ตลอดการเดินทาง วิษณุมีการกระทำที่น่าขบขันประจักษ์แก่สายตาของกวินอยู่เรื่อย ๆ เช่นว่าถ้าเจอคนเดือดร้อนอยู่ข้างถนน ไม่ว่าจะรถเสีย หรือหลงทางจอดมองแผนที่ วิษณุจะต้องลงไปถามไถ่อย่างทันที และเหมือนจะพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างจริงใจ ตลอดสามสี่ครั้งที่มีการช่วยเหลือรายทางแบบนี้ กวินได้แต่มองอย่างขบขัน ที่ว่าขบขันก็เพราะจะขบขันเพื่อจะให้มันแทนที่กับความเซ็งและความหมั่นไส้ วิษณุทำตัวน่ารำคาญตรงที่ขับรถมาทั้งวันแล้วยังเดินทางไม่ถึงไหน การช่วยเหลือคนอื่นของเขาทำให้กวินเดือดร้อน บางคราวก็เหมือนอยากจะทำดีเพื่อให้กลายเป็นคนดีไปแค่นั้น แต่นั่นแหละ พอจะโกรธไปมันก็คงจะดูไม่เข้าที กวินจึงตัดสินใจเปลี่ยนอารมณ์และมองมันให้กลายเป็นความขบขันเสีย และไม่ว่าอย่างไร กวินจะไม่มีทางเอาตัวเองลงไปเกี่ยวข้องด้วยกับความน่าขบขันเช่นนี้  

    แต่สุดท้ายชะตากรรมก็พาให้กวินต้องไปเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นคนดีอันน่าขบขันจนได้ ช่วงเวลาที่ตะวันกำลังลับขอบฟ้า บรรยากาศรอบข้างเริ่มมืด รถกระบะคันหนึ่งตกหล่มอยู่บนเส้นทางที่ชำรุด และดูเหมือนจะไม่มีวี่แววว่ากระบะคันนั้นจะช่วยเหลือตนเองได้เสียที วิษณุจอดรถทันทีแล้วลงไปช่วยเข็น แต่สุดท้ายก็ยังไม่สำเร็จ ไม่วายที่กวินจะต้องลงไปช่วยเข็นจนได้ แม้จะไม่เต็มใจ แต่ถ้าไม่ลงไปก็คงจะน่าเกลียดเกิน

    พอมีแรงเพิ่ม ในที่สุด รถกระบะคุนเก่าก็สามารถขึ้นจากหล่มได้ พร้อมกับที่ล้อรถสะบัดโคลนมาใส่กวินอย่างแรง จนเลอะเทอะไปทั้งตัวและลามมาถึงหน้าด้วย รู้สึกขยะแขยงยิ่งนัก สะบัดออกไปเท่าไรก็สะบัดไม่หมด รู้สึกเหมือนทำคุณบูชาโทษ สิ่งที่ได้มาจากการทำตัวน่าขบขันก็คือรอยโคลนที่เลอะไปทั้งตัว กวินกลับขึ้นรถไปอย่างหัวเสีย

    เจ้าของรถบอกขอบคุณอย่างมากมาย พร้อมกับพยายามจะยื่นให้เงินวิษณุเป็นการตอบแทน แต่วิษณุก็ไม่รับแบบหัวชนฝา กวินถอนใจอย่างหงุดหงิด เริ่มจะขบขันไม่ออกเสียแล้ว รู้สึกคันยิ่งนักกับรอยโคลนบนเนื้อตัว

    วิษณุเปิดประตูเข้ามานั่งที่คนขับ ในขณะที่กวินเบือนหน้าหนี รู้สึกไม่อยากมองหน้าอีกฝ่ายแบบจริง ๆ จัง ๆ นึกโกรธที่ร่างของเขายังใสสะอาด ไม่มีรอยเปื้อนโคลนเลยสักหยด

    “เดี๋ยวถึงปั๊มจะแวะให้ล้าง ทนนิดนึงนะ”

    ทำเป็นพูดดี ! กวินนึกค่อนขอดอยู่ในใจ ในขณะที่รู้สึกว่ากำลังถูกอีกฝ่ายสะกิดไหล่เบา ๆ

    “เช็ดหน้าหน่อยสิคุณ โคลนเลอะหน้าอ่ะ ตรงปลายจมูกด้วย เดี๋ยวสิวขึ้นนะ” ชายหนุ่มยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ พร้อมกับระบายยิ้มเล็กน้อย

    “ไม่เอา” กวินปฏิเสธไปโดยอัตโนมัติ “รีบออกรถเถอะ”

    “นี่ ! ผ้าผมสะอาดหรอกน่า เช็ดก่อนสิ แป๊บเดียว”

    “บอกแล้วไงว่าไม่เอา ขี้เกียจ”

    อย่างที่ไม่คาดคิด ไม่รู้ด้วยว่าเพราะจะเอาชนะหรือด้วยเพราะอะไร วิษณุขยับตัวเข้ามาใกล้ พร้อมกับตั้งท่าจะเอาผ้าผืนนั้นเช็ดหน้าให้กวินด้วยมือของตัวเอง กวินรีบถอยหนีด้วยอารามตกใจ

     “จะทำอะไร”

    “ก็ถ้าคุณขี้เกียจ ผมก็จะเช็ดให้ เร็ว ! ยื่นหน้ามา”

    “ไม่ต้อง !” กวินตวาด พร้อมกับคว้าผ้าเช็ดหน้าจากมือวิษณุมาไว้ในมือตัวเอง “เช็ดเองก็ได้”

    “ก็แค่นั้น”

    วิษณุแค่นหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับสตาร์ทรถแล้วขับออกไป กวินมารู้ได้ด้วยตัวเองในตอนนั้นว่าวิษณุเป็นคนประเภทที่อยากจะเอาชนะอย่างร้ายกาจ !

***** ***** ***** ***** *****

    ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปในที่สุด ในขณะที่รถยนต์ของวิษณุแล่นไปตามถนนท่ามกลางความมืดจนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืน ใจของกวินนึกขวางอยู่ไม่น้อยสำหรับความล่าช้าของการเดินทาง ถ้าอีกฝ่ายไม่มัวแต่ทำตัวเป็นฮีโร่หรือศิลปินรายทาง ป่านนี้อาจจะถึงจุดหมายไปแล้วก็ได้ พ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในขณะที่มองออกไปด้านนอก มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากต้นไม้รกครึ้มสองข้างทางที่เกี่ยวกระหวัดไปมาอย่างน่ากลัว ท่าว่าคืนนี้จะเป็นคืนเดือนมืด บรรยากาศรอบข้างจึงมืดมิดไร้แสงจันทร์  ถนนเลนเล็ก ๆ ทอดยาวขึ้นไปตามแนวเขาที่อยู่เบื้องหน้า ดูเปลี่ยวพอสมควรเพราะแทบจะไม่มีรถผ่านเลยสักคัน หนทางดูคล้ายอย่างกับว่ายังยาวไกลนัก  

    วิษณุค่อย ๆ ชะลอรถ แล้วจอดข้างทาง ทำเอากวินงงเป็นไก่ตาแตก

    “จอดทำไมอ่ะคุณ”

    “ไม่ไหวแล้ว ตาจะปิด” คนขับหนุ่มพูด พลางหาว “เดี๋ยวพออีกสักสามชั่วโมง คุณช่วยปลุกผมด้วยนะ”

    “นี่... คุณจะนอนงั้นหรือ” กวินถามด้วยเสียงสูงที่สุดในชีวิต

    “แล้วคุณขับรถเป็นหรือ” เป็นอีกครั้งที่วิษณุตอบคำถามด้วยคำถาม ช่างเป็นการกระทำที่สร้างความหงุดหงิดให้แก่กวินยิ่งนัก ไม่นับกับสีหน้าและแววตาเรียบนิ่งที่เจือไว้ด้วยความยียวนอย่างร้ายกาจ “ว่าไง ขับรถเป็นหรือเปล่า ขอโทษที ลืมถามก่อน”

    “ไม่เป็น” กวินตอบห้วน ๆ

    “นั่นสิ ผมก็ว่าผมดูคนไม่ผิดนะ” วิษณุพูดพลางหัวเราะ พร้อมกับปรับเบาะให้เอนลง ทำเอากวินแทบอยากจะกรีดร้อง

   “เห้ย ! ถามจริง นี่คุณบ้าหรือเปล่าเนี่ย”

    “อะไร” วิษณุถามอย่างไขสือ พร้อมกับทิ้งตัวเอนลงอย่างสบายเต็มที่ ทำเอากวินรู้สึกเดือดดาลมากขึ้นไปอีกขั้น โวยวายออกมาอย่างทันใด

    “ก็วันทั้งวัน คุณจอดรถข้างทางทุกครั้งเมื่อเจอคนขอความช่วยเหลือทั้ง ๆ ที่อาจจะโดนคนพวกนั้นอาจจะทำร้ายแล้วก็ขโมยรถ พอเจอรถจอดคุณก็เที่ยวไปถามเขาเสนอตัวจะให้ความช่วยเหลือทั้ง ๆ ที่คุณอาจจะโดนเขาหาว่าเสือกก็ได้ พอเจอคนโบกรถ คุณก็ให้ขึ้นทั้ง ๆ ที่อาจจะพวกมันโดนจี้ โอเค... เรื่องทำเป็นรวยให้ทิปเด็กเสิร์ฟ ไม่พูดถึงก็ได้” กวินพักหายใจเล็กน้อย แล้วก็โวยต่อ “เอาจริง ๆ คุณจะทำตัวเป็นคนดีหรือจะอินดี้แค่ไหนก็ตามใจเถอะ ผมไม่แคร์อยู่แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับคนดีอย่างคุณ แต่... ตอนนี้คุณไม่ได้เดินทางคนเดียวนะ โอเคป่ะ”  

    วิษณุยักไหล่อย่างไม่เห็นสำคัญเลยแม้แต่น้อย

    “ก็เพราะว่าผมไม่ได้เดินทางคนเดียวน่ะสิ ผมถึงกล้าทำอะไรอย่างนี้”

    กวินรู้สึกอยากจะบ้าไปให้รู้แล้วรู้รอด ยิ่งได้เห็นแววตาและสีหน้าแบบทองไม่รู้ร้อนของอีกฝ่าย กวินก็ยิ่งคิดหาคำพูดไม่ออกไปมากกว่าเดิม

    “คุณมองในแง่ดีเกินไป” กวินพูดไปอย่างจริงจัง

    “คุณต่างหากมองโลกในแง่ร้ายไป” อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาอย่างจริงจังเช่นกัน

    “ขอร้อง ออกรถเดี๋ยวนี้” กวินพูดอย่างอดทน ถ้าอีกฝ่ายอยากจะเอาชนะ เขาจะเป็นฝ่ายยอมแพ้ก็ได้ เพราะนี่มันเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ กับการจอดรถนอนตรงตีนเขาแบบนี้ “มันไม่เกี่ยวกับการมองโลก ประเด็นอยู่ที่ว่าตรงนี้มันน่ากลัวเกินไป คุณจะจอดนอนตรงนี้ไม่ได้”

    วิษณุจ้องมองกวินอยู่สักพักด้วยสายตาแน่นิ่ง ผ่อนลมหายใจยาว ก่อนจะตอบออกมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร

    “ก็ให้มันรู้ไปสิ ว่างีบตรงนี้สักสองสามชั่วโมง กับขับรถหลับในตกเขา อะไรจะน่ากลัวกว่ากัน”

    จากนั้น วิษณุไม่สนใจกวินอีก ไม่สนว่ากวินจะตั้งท่าโวยวายหรือทำสีหน้าเหยเกอยากจะกรีดร้องสักเพียงไหน ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนลงบนเบาะแล้วหลับตาไปอย่างรวดเร็ว คล้ายกับแสดงชัดว่าต่อให้กวินจะพูดพล่ามอะไร เขาก็ไม่ลืมตาขึ้นมาโต้ตอบอีกแล้ว  

    เห็นเช่นนั้น กวินก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากถอนใจอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน

    บรรยากาศรอบข้างวังเวงกว่าที่คิด ไม่เข้าใจเอาจริง ๆ ว่าทำไมผู้ร่วมเดินทางถึงเป็นคนแปลกพิสดารขนาดนี้ ไม่กลัวอะไรบ้างหรือไง

    กวินตัดสินใจคว้าคอมพิวเตอร์โน๊คบุ๊คขึ้นมาเปิด พยายามจะเขียนงานเพื่อที่ว่าอย่างน้อยเวลาจะได้ผ่านไปอย่างไม่ไร้ค่า แต่สุดท้ายก็เขียนไม่ออก ซึ่งก็ไม่แปลกนักหรอก กับบรรยากาศและสถานที่อันน่าอึดอัดแบบนี้ ใครหน้าไหนมันจะไปทำงานได้ รู้สึกเครียดขึ้นมาเล็กน้อย หันไปมองข้าง ๆ ก็พบว่าวิษณุนั้นดูเหมือนจะหลับสนิทแล้ว

    คนบ้า !

    ปิดคอมพิวเตอร์ เดินลงจากรถ ทำท่าจะจุดบุหรี่สูบ แต่อดที่จะรู้สึกระแวงกับบรรยากาศไม่ได้อยู่ดี มันน่ากลัวไปหมดทุกอย่าง ได้ยินเสียงนกอะไรสักอย่างดังอยู่ไม่ไกล ดังมาพร้อม ๆ กับเสียงของจิ้งหรีดและเสียงสวบสาบของกิ่งไม้ที่ไหวกระทบกันเมื่อต้องแรงลม ชวนให้คิดและจินตนาการยิ่งนักว่าภายใต้สุมทุมพุ่มไม้ที่ลึกลับมืดมิดเหล่านั้น มีอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า

    เกิดการสั่นไหวอย่างทันทีทันใดจนกวินรู้สึกตกใจ ควบคู่ไปกับการที่อีกาสองตัวบินออกมาจากต้นไม้ต้นหนึ่มพร้อมกับส่งเสียงดังลั่น กวินถึงกับสะดุ้งโหยง ทำบุหรี่ตกพื้นโดยที่ไม่คิดจะก้มเก็บ รีบกระโดดเข้าไปในรถอย่างทันทีทันใด อาจจะด้วยอารามตกใจและหวาดกลัวต่อสิ่งที่มองไม่เห็น กวินแนบร่างกายเข้าชิดวิษณุตามสัญชาตญาณของคนหาที่พึ่ง มือคว้าแขนของชายหนุ่มผู้หลับสนิทไว้แน่น พร้อมกับกระตุกแรง ๆ เพื่อหวังจะปลุกให้ตื่น

    ทุกอย่างกลับมาสู่ความเงียบสงบภายในไม่กี่วินาที พร้อมกับที่ความกลัวอันเกินจริงของกวินก็ค่อย ๆ จางหาย อีกาสองตัวนั้นบินหายลับไปแล้ว ในขณะที่เจ้าตัวสาเหตุของพุ่มไม้ไหวก็ปรากฏกายออกมาเป็นหมาขี้เรือนหนึ่งตัวที่วิ่งหางตกหายไปในความมืด กวินผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะรู้ตัวว่าตอนนี้แทบจะนอนกอดวิษณุอยู่เลยทีเดียว รีบดีดตัวลุกขึ้นอย่างทันใด สะบัดความเก้อเขินต่าง ๆ นา ๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว โชคดีที่เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้ตื่นขึ้นมา ไม่อย่างนั้นก็คงได้มีอายแน่ ๆ

    ผ่อนลมหายใจเบา ๆ สายตาจ้องมองใบหน้าหมดจดที่หลับสนิทไปแล้วด้วยสายตาโกรธ ๆ นึกในใจอย่างขวาง ๆ ว่าคนอะไร นอกจากจะชอบทำตัวอันดี้แล้วยังจะหลับง่ายดายแถมหลับลึกตื่นยากขนาดนี้เสียอีก เกิดอะไรขึ้นมาจริง ๆ จะรู้ตัวไหม? จะหนีทันไหม?

    คิดขวาง ๆ ไปได้สักพัก ก็อดจะคิดแผลง ๆ ไปอีกไม่ได้ตามประสาของความทะลึ่งที่ยังพอมีอยู่ในตัว

    แล้วถ้าโดนลักหลับขึ้นมาล่ะ จะรู้ตัวไหมเนี่ย ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-02-2010 20:09:42 โดย kranwa »

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE16/02/2010ลงแล้ว10ตอน
«ตอบ #52 เมื่อ16-02-2010 20:36:19 »

กีซซซซซซซซซซซ
เรียกวิษณุว่าอินดีแล้วคุณล่ะคะกวินจะนิยามว่าไงดีเอ่ย
หงุดหงิดก็ที่หนึ่ง ขี้โมโห ขี้วีนนี่ไม่เคยเกินใคร มองโลกในแง่ร้ายๆอีก
แถมเหมือนเด็กชอบเอาชนะคระครามกับสิ่งที่มองไม่เห็น หงุดหงิดกับคนปากเสีย
ที่พูดอะไรแทงใจดำตัวซะประหนึ่งอาชญากรข้ามชาติให้อภัยไม่ได้ยังไงยังงั้น :jul3: :m20:
ตลกเป็นทีุ่สุด อิคุณวิษณุมีคนยุขึ้นใกล้ๆตัวแบบนี้ก็สนุกอ่ะดิ ทำมันทุกอย่างที่
กวินไม่ชอบ จะรอเวลาให้มันดึกดื่นรึยังกันนะ อิอิ มีแผนรึป่าว :m12:
แต่บทจะอ่อนโยนก็นะน่ารักเชียว เด็กขี้หงุดหงิดแบบกวินจะเห็นมุมน่ารักแบบนั้นบ้างมั๊ยนะ
นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่หล่อหมดจดแค่นั้นอ่ะ  :o8: :-[
ก่อนงานเขียนจะเส็ด เอาสะใภ้ไปฝากคุณป้าได้แล้วหนึ่งคนนะ คุณวิษณุ  :jul3:

+1 คะ สู้ๆๆๆรักษาสุขภาพด้วยเน้อ.........

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE16/02/2010ลงแล้ว10ตอน
«ตอบ #53 เมื่อ17-02-2010 11:29:08 »

กีซซซซซซซซซซซ
เรียกวิษณุว่าอินดีแล้วคุณล่ะคะกวินจะนิยามว่าไงดีเอ่ย
หงุดหงิดก็ที่หนึ่ง ขี้โมโห ขี้วีนนี่ไม่เคยเกินใคร มองโลกในแง่ร้ายๆอีก
แถมเหมือนเด็กชอบเอาชนะคระครามกับสิ่งที่มองไม่เห็น หงุดหงิดกับคนปากเสีย
ที่พูดอะไรแทงใจดำตัวซะประหนึ่งอาชญากรข้ามชาติให้อภัยไม่ได้ยังไงยังงั้น :jul3: :m20:
ตลกเป็นทีุ่สุด อิคุณวิษณุมีคนยุขึ้นใกล้ๆตัวแบบนี้ก็สนุกอ่ะดิ ทำมันทุกอย่างที่
กวินไม่ชอบ จะรอเวลาให้มันดึกดื่นรึยังกันนะ อิอิ มีแผนรึป่าว :m12:
แต่บทจะอ่อนโยนก็นะน่ารักเชียว เด็กขี้หงุดหงิดแบบกวินจะเห็นมุมน่ารักแบบนั้นบ้างมั๊ยนะ
นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่หล่อหมดจดแค่นั้นอ่ะ  :o8: :-[
ก่อนงานเขียนจะเส็ด เอาสะใภ้ไปฝากคุณป้าได้แล้วหนึ่งคนนะ คุณวิษณุ  :jul3:

+1 คะ สู้ๆๆๆรักษาสุขภาพด้วยเน้อ.........


เอาจริง ๆ กวินก็มันอินดี้พอกันแหละครับ คนอินดี้มาเจอคนอินดี้ ฮ่า ๆ ๆ ดีใจที่ยังติดตามครับนะครับ คุณ mecon  ^ ^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2010 17:48:25 โดย kranwa »

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE16/02/2010ลงแล้ว10ตอน
«ตอบ #54 เมื่อ17-02-2010 16:07:37 »

จริงอย่างที่ณุพูด กวินมองโลกในแง่ร้ายเกินไป
ทั้งยังยึดติดกันทิฐิ ยึดติดกับความคิดทางลบต่างๆนานา
กระนั้นแล้ว ไม่เห็นกวินจะมีความสุขเลยสักนิด
ไม่ยิ้มแย้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ

หวังว่าผู้ชายอินดี้ที่เข้ามาในชีวิตกวินคนนี้
จะช่วยให้ชีวิตของกวินมีความสุขขึ้นนะคะ
จะรอดูค่ะ o13

ขอบคุณคุณkranwaด้วยค่ะ
ได้คิดอะไรเยอะแยะเลยระหว่างการอ่าน

thomaskung

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE16/02/2010ลงแล้ว10ตอน
«ตอบ #55 เมื่อ19-02-2010 19:12:18 »

กรี๊ดดดดดด ๆ
จะรีบตัดจบไปไหน

มาต่อก่อนสักสิบบรรทัด

แง่ง ๆ

 :z13:

ปล. อ่านตอนนี้แล้วนึกถึงเพลงทฤษฎีสีชมพู ของ แสตมป์

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE16/02/2010ลงแล้ว10ตอน
«ตอบ #56 เมื่อ22-02-2010 13:55:28 »

วิษณุตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว จะโดนลักหลับไหมเนี่ย 555+

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE16/02/2010ลงแล้ว10ตอน
«ตอบ #57 เมื่อ23-02-2010 00:16:40 »

 :z2:

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE16/02/2010ลงแล้ว10ตอน
«ตอบ #58 เมื่อ26-02-2010 23:38:02 »

ขอบคุณผู้อ่านทุกคนนะค้าบบบ ขอโทษที่คราวนี้ไม่ได้ตอบเป็นคน ๆ นะครับ พอดีว่าเวลาค่อนข้างกระชั้น


ขอโทษที่อาจจะหายไปนานอีกแล้วนะครับ ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามครับผม ^ ^

-------------------------------------


11

    แสงอ่อน ๆ จากดวงตะวันลอดผ่านแมกไม้เบื้องบนสาดผ่านฟิล์มกรองแสงกระทบเข้ากับนัยน์ตาของชายหนุ่มที่เบิกโพลงขึ้นมาอย่างทันทีทันใด พร้อมกับลักษณะอาการสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล รู้สึกปวดเมื่อยตามตัวเล็กน้อยจากการที่กล้ามเนื้อไม่ได้ผ่อนคลายอย่างสบายสักเท่าไร แต่ความความไม่สบายทางกายไม่เทียบเท่ากับเมื่อไม่กี่วินาทีต่อมา ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความไม่สบายใจบางอย่างที่โผล่แวบขึ้นมาอย่างทันท่วงทีที่ตื่นได้เต็มตา และเรียกสติกลับมาได้อย่างครบบริบูรณ์

    ตั้งใจจะนอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ไป ๆ มา ๆ ทำไมถึงหลับยาวถึงเช้าขนาดนี้ก็ไม่รู้ ทางรอบด้านก็เปลี่ยวเสียด้วย จำได้ว่าบอกให้ตัวยุ่งที่เดินทางมาด้วยปลุก ก็วางใจแล้วว่าเห็นท่าทางพารานอยด์ออกเสียขนาดนั้น คงไม่ปล่อยให้เขาได้หลับยาวแน่ แต่แล้วทำไม....

    วิษณุหันสายตาไปเบาะข้าง ๆ อย่างทันท่วงที ก่อนจะรู้สึกใจหายขึ้นมาในชั่วแล่น เมื่อพบว่าเบาะที่นั่งนั้นว่างเปล่า มีเพียงคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ควางไว้ แต่ไร้ร่องรอยของคนที่น่าจะยังคงนั่งกระฟัดกระเฟียดหน้างอซึ่งเป็นมาตลอดการเดินทาง

    เกิดอะไรขึ้น?

    คำตอบเฉลยออกมาได้อย่างงายดายเพียงแค่วิษณุหันไปทางเบาะหลังตามสัญชาติญาณ รู้สึกโล่งใจขึ้นมาครามครัน ถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อพบว่าเจ้าตัวปัญหานอนเหยียดยาวอยู่ที่เบาะหลัง กอดหมอนใบเล็ก ๆ ไว้แน่น ท่าว่าจะหลับสนิท และหลับสบายเสียด้วย อยากจะรู้นักว่าเมื่อคืนกลัวเสียขนาดไหนถึงได้หลับไปเสียขนาดนี้

    วิษณุถอนใจอีกคำรบ เปิดกระจกพร้อมกับคว้าขวดน้ำข้าง ๆ ขึ้นมาล้างหน้า รู้สึกสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อย ติดเครื่องยนต์พร้อมจะเดินทางต่อ เห็นว่าขวดน้ำเหลือน้ำอยู่นิดหน่อย อดที่จะหันหลังกลับไปมองที่เบาะหลังอีกครั้งไม่ได้

    “คุณ”

    ไร้การตอบโต้ ยืนยันถึงภวังค์นิทราของอีกฝ่ายที่ท่าว่าจะลึกลับพอสมควร

    วิษณุเปิดขวดน้ำ เทลงบนฝ่ามือ ค่อย   ๆ สะบัดใส่ใบหน้าที่ยังคงแน่นิ่งไม่ไหวติงไม่เปลี่ยนแปลง คาดว่าน้ำเย็น ๆ คงจะทำให้ตื่นขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็เปล่า

    คนอะไรขี้เซาขนาดนี้... วิษณุอดจะรู้สึกขันไม่ได้ เมื่อเทียบกับเมื่อคืนที่อีกฝ่ายทำทีว่าตื่นตูมเสียนักหนากับอันตรายรอบด้าน แล้วดูสิ ขนาดโดนน้ำสาดใส่หน้าแล้วก็ยังไม่ตื่น หรือว่าน้ำมันน้อยไป?

    เหลือน้ำอยู่เล็กน้อยเอามาก ๆ วิษณุตัดสินใจ สาดน้ำที่เหลืออยู่ก้นขวดใส่หน้าของกวินแบบไม่ยั้ง ปรากฏเสียงครวญครางเบา ๆ คล้ายกับเด็กไม่พอใจเวลาที่ถูกแหย่ แต่นัยน์ตาก็หาว่าจะได้ลืมขึ้นมาไม่ สุดท้าย ก็ยังคงหลับอยู่เช่นเดิม

    วิษณุเอื้อมมือไปยีหัวของกวินเบา ๆ ไม่แน่ใจนักว่าอะไรที่สั่งการให้ทำแบบนี้ รู้แต่ว่าขนาดโดนสัมผัสตัวขนาดนี้ คนขี้เซาก็ยังไม่มีทีท่าจะตื่น อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นสถานการณ์ที่เจ้าตัวยังมีสติ ทั้งโดนสาดน้ำใส่ ทั้งโดนเล่นหัวแบบนี้ มีหวังคงได้แผลงฤทธิ์จนทำให้น่ารำคาญกันไปข้าง

    ชายหนุ่มเข้าเกียร์ เหยียบคันเร่งพารถขับเคลื่อนออกไปในที่สุด

    ปล่อยให้หลับแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน สงบดี !

*** **** ***** **** ***

    รู้สึกเหมือนได้ยินใครสักคนกระซิบบอกถึงความไม่น่าไว้วางใจของสถานที่ แล้วกวินก็ตระหนักขึ้นได้อย่างทันท่วงทีว่ารอบด้านที่รถจอดอยู่นี้เป็นถนนที่เปลี่ยวยิ่งนัก เต็มไปด้วยอันตรายและความไม่น่าไว้ใจ !

    “นี่คุณ ! สองชั่วโมงแล้วมั้ง ตื่นแล้วเดินทางต่อได้แล้ว” โวยวายออกมาไม่ค่อยจะเป็นศัพท์นัก ในขณะที่ร่างกายดีดตัวลุกขึ้นอย่างทันที มือเกาะเบาะด้านหน้าไว้แน่น หอบหายใจถี่ราวกับเหนื่อยเสียนักหนา จนทำเอาคนขับถึงกับตกใจไปเล็กน้อย

    “เป็นอะไร เข้าทรงหรือไงคุณ”

    “ก็.... คุณบอกว่าจะหลับแค่สอง.... เอ่อ...” เมื่อนั้นเองที่สติถึงจะกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ได้พินิจถึงสิ่งที่เป็นไปรอบ ๆ ด้าน และค้นพบถึงความน่าละอายของตัวเองที่คราวนี้นับว่ามากล้นจนถึงขั้นว่าอยากจะมุดดินลงหนี ยิ่งได้เห็นสายตาตัดสินแบบเยาะเย้ยของชายหนุ่มผู้ร่วมทางที่มองผ่านกระจกแล้วด้วย ยิ่งทำให้อยากจะเปิดประตูรถแล้วกระโดดให้หัวทิ่มลงไปเสีย

    “ไง หลับสบายไหมคุณ” วิษณุถามด้วยเสียงที่กวินรู้สึกว่ามันช่างยียวนยิ่งนัก

    กวินพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด ไม่อยากจะโต้เถียงกับอีกฝ่ายมากนัก รู้สึกว่าร่างกายยังไม่กระปรี้กระเปล่าพอ แต่ในใจก็อดที่จะคิดแค้นเคืองไม่ได้ สาเหตุทั้งจากสายตาและวาจาแดกดันที่เหมือนวิษณุจะจงใจเตรียมไว้ให้เป็นอาหารเช้าอย่างไรอย่างนั้น

    วิษณุหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ ไม่สนใจสายตาขวาง ๆ ที่ถูกส่งมาจากเบาะหลัง พารถเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางเลียบแนวเขา จนมองเห็นบ้านไม้หลังย่อม ๆ ปลูกอยู่ตรงหน้า มีพื้นที่จอดรถกว้างขวางจนดูเหมือนจะถูกใช้เป็นสำนักงานที่มีผู้มาติดต่อมากกว่าจะเป็นที่พักอาศัยธรรมดา มีระบบรักษาความปลอดภัยที่มั่นคงพอสมควร วิษณุขับผ่านป้อมยาม ซึ่งต้องรอให้พนักงานเลื่อนเปิดทางให้ ชายหนุ่มชะลอความเร็วลงเมื่อรถเคลื่อนไปบนพื้นคอนกรีตที่จัดไว้เป็นลานจอดรถ ในขณะที่กวินกวาดสายตามองรอบด้านอย่างสังเกตสังกา

    “นี่ถึงแล้วหรือ” กวินร้องถามออกไป

    ไม่มีคำตอบออกมาเป็นคำพูด วิษณุจอดรถอย่างนิ่วนวล ก่อนจะดับเครื่องยนต์ หันมาสบตากับกวินอยู่ครู่หนึ่งคล้ายกับจะสื่อสารว่าได้ตอบคำถามของกวินแล้ว ก่อนจะที่ชายหนุ่มจะเปิดประตูรถแล้วก้าวเท้าลงไป

    กวินถอนใจ เดินตามลงไปอย่างหงุดหงิดกับท่าทางมากมาดของอีกฝ่าย

    วิษณุยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปที่กระโปรงหลังเพื่อเปิดเอาสัมภาระ เอ่ยขึ้นเล็กน้อยด้วยเสียงแผ่วเบา แต่ก็คล้ายว่าจะจริงจังเพื่อให้กวินได้ยิน

    “เดี๋ยวเราต้องเดินขึ้นไปนิดนึงนะ”

    “เดินขึ้น? ขึ้นเขาอ่ะนะ?” กวินส่งเสียงร้อง ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ อยากจะถามอะไรต่ออีกยืดยาว แต่ก็เหมือนจะคิดคำพูดไม่ออก สติยังกลับมาไม่สมบูรณ์นักในยามเช้าเช่นนี้ วิษณุคว้ากระเป๋าสัมภาระของกวินขึ้นมาจากช่องเก็บของ พร้อมกับส่งสายตามาให้ กวินจึงไม่มีโอกาสจะได้พูดอะไรอีก รีบเดินไปคว้าข้าวของอันมากมายของตัวเองไว้ทันที
 
   วิษณุคว้าย่ามเพียงเบาเดียวของเขาขึ้นสะพาย พร้อมกับปิดฝาหลัง กดรีโมตล๊อคประตู ในขณะที่พนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้ามาทักทาย

    “สวัสดีครับคุณหมอ คราวนี้ไปนานนะครับ”

    กวินชะงักไปเล็กน้อย ในขณะที่วิษณุพูดตอบกลับไปอย่างแกน ๆ ในขณะที่ก้าวเท้าไปข้างหน้า

    “อือ... คุณป้าอาการหนักน่ะ”

    “เดี๋ยว... อะไรนะ” กวินร้องถาม พร้อมกับพยายามเร่งฝีเท้าให้ทันชายหนุ่ม แต่ก็ยากเสียเหลือเกินเพราะความทุลักทุเลในการขนสัมภาระ “หมอ?”

    วิษณุหันมามองหน้ากวินเล็กน้อย ถอนใจเบา ๆ แล้วเดินรุดหน้านำออกไปอีก พนักงานรักษาความปลอดภัยยิ้มให้กับกวินเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย ในขณะที่กวินไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด ได้แต่พยายามจะเดินตามวิษณุไปให้ทัน ก่อนจะร้องถามซ้ำออกไปอีก

    “คุณเป็นหมอหรือ”

    “เปล่า”

    วิษณุตอบห้วน ๆ ในขณะที่เดินหน้าต่อไป ในขณะที่กวินรู้สึกงงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก


*** **** ***** **** ***

    ถ้ามีใครสักคนถามว่าระหว่างภูเขากับทะเล ชอบอะไรมากกว่ากัน ในยามปกติอาจจะลังเล แต่ในเวลานี้ที่กวินรู้สึกเหนื่อยล้ากับทางสูงชันและข้อเท้าระบมไปกับแง่งหินและเถาไม้ต่าง ๆ กวินคงจะตอบได้อย่างไม่ลังเลเลยว่าเขาเกลียดภูเขาเอาเสียจริง ๆ

    “ชอบปีนเขาหรือคุณ” อันที่จริงกวินถามประชด เพราะรู้สึกว่าเดินมาเนิ่นนานเหลือเกินแต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะถึงจุดหมาย เหงื่อโทรมกายและเมื่อยล้าไปหมดทั้งตัว แต่ชายหนุ่มตัวดีกลับเดินขึ้นอย่างคล่องแคล่วราวกับสวมวิญญาณของลิงค่างอย่างไรอย่างนั้น และเหนือสิ่งอื่นใดทางมันชันและไม่ได้มีลักษณะเป็นถนนเลยสักนิด ดินก็เป็นดินร่วนที่พร้อมจะพาให้ลื่นตกลงไปได้ทุกเมื่อ ต้องใช้เท้ายึดไว้กับแง่งหินเล็ก ๆ ตามทางให้มันทิ่มเท้าจนเจ็บ ในขณะที่มือก็ต้องคอยเกาะเกี่ยวต้นไม้เถาวัลย์เพื่อเป็นตัวช่วยพยุงร่าง ไม่อยากจะนับรอยแผลว่าโดนกิ่งไม้เกี่ยวตามตัวไม่เยอะแยะสักแค่ไหน แถมสัมภาระอันมากมายทั้งหลายเท่านี้อีก ทำให้กวินรู้สึกทุลักทุเลมากไปกว่าเดิม “แล้วถามจริง ไม่มีถนนหรือไง”

    “อยากไปเดินที่ถนนหรือ” วิษณุถาม

    “เออ” กวินตอบอย่างรวดเร็วจนไม่ทันจะได้คิด “ก็มันจะเดินง่ายกว่านี้หรือเปล่าล่ะ”

    “ก็ได้นะ งั้นเดินกลับลงไป แล้วผมจะพาไปเดินที่ถนน ซึ่งระยะทางจะไกลกว่าตรงนี้ประมาณสามเท่า”

    “โกหก”

    “เพ้อเจ้อน่ะคุณ” วิษณุว่า “ผมจะโกหกทำไม ผมก็เดินเหนื่อยเหมือนคุณนั่นแหละ ตรงนี้มันเป็นทางลัด เชื่อเถอะว่าสะดวกและเร็วที่สุดแล้ว”

    “แล้วไม่ทราบว่าจะลัดไปจนถึงยอดเขาเลยหรือเปล่า” กวินอดที่จะยียวนกลับไปไม่ได้ โดยเฉพาะในเวลาที่รู้สึกเหนื่อยและคันเนื้อคันตัวไปหมดแบบนี้

    “ไม่หรอก” วิษณุหัวเราะเบา ๆ ในขณะที่เดินตัวเบาหวิวนำหน้าไปอย่างคล่องแคล่ว แต่ก็ไม่วายจะหันกลับมามองดูกวินเป็นระยะ ๆ “เดินข้ามเขาไปอีกลูกเลยต่างหาก เอ้า ! เดินระวัง ๆ สิคุณ เกาะให้ดี ๆ นั่น ! ลื่นเลยเห็นไหม”

     ต้องเรียกว่ากลิ้งถึงจะถูก ไม่ใช่แค่ลื่น แต่กลิ้ง... ร่างของกวินลื่นล้มแถมกลิ้งหลุน ๆ ลงไปด้านล่างจนกระทั่งใช้มือคว้ากิ่งไม้ไว้ได้ในที่สุด แต่ก็เหมือนกระเด็นกลับไปห้าก้าวอย่างไรอย่างนั้น เศษดินเปรอะเปื้อนตัวและข้าวของจนแทบไม่เหลือท่า แล้วพอเศษดินเศาหินและเศษใบไม้แห้งมารวมเข้ากับเหงื่อตามเนื้อตัว ก็ยิ่งทำให้เกิดภาวะคันคะเยออย่างมหันต์ กวินอยากจะกรีดร้องยิ่งนัก

    “บ้าเอ๊ย”

    อันที่จริงเพราะกระเป๋าสะพายอันหนักหน่วงเลื่อนหลุดจากบ่าในจังหวะที่กำลังก้าว ทำให้เสียการทรงตัวเล็กน้อย กวินใช้มือข้างหนึ่งประคองกระเป๋าไว้ไม่ให้ร่วงทำให้มือไม่ว่างจะไปยึดเกาะต้นไม้ พอดีกับที่เท้าก้าวพลาดไปเหยียบกับก้อนหินที่เล็กเสียจนไม่อาจจะยึดเท้าไว้ได้ รวมเข้ากับสติสัมปชัญญะในการแก้ปัญหาก็ต่ำ ทำให้สุดท้ายกวินต้องมาอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้

    วิษณุที่เดินกลับมาอย่างคล่องแคล่วเช่นเดิม กวินไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ประคองตัวเองได้ดีเช่นนี้ ชายหนุ่มพยายามจะส่งมือมาช่วยเพื่อจะดึงให้ลุกขึ้น แต่กวินก็เมิน  รีบประคองตัวเองลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจจะรับความช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น

    การเดินทางดูจะไม่จบสิ้นง่าย ๆ กวินนับครั้งไม่ได้ว่าล้มลงไปกับพื้นที่ครั้ง จำได้แค่เพียงว่ามากมายเหลือเกิน สามสี่ครั้งแรก วิษณุจะเดินกลับยื่นมือมาช่วยเสมอ แต่กวินก็ปฏิเสธไปทุกครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมกวินถึงทำแบบนั้น เหมือนมีอะไรในใจสั่งการว่าไม่ควรจะรับความช่วยเหลือจากชายหนุ่มคนนี้เพราะนั่นคือสัญญาณของความอับอายพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ลำพังแค่คล่องแคล่วได้ไม่เท่าและลื่นล้มลงบ่อยขนาดนี้ก็นับได้ว่าแพ้แล้ว ขืนรับความช่วยเหลือก็ต้องมีหวังได้ถูกมองอย่างตัดสินจากอีกฝ่ายว่าเป็นคนอ่อนแอปวกเปียกและไร้สมรรถภาพ กวินไม่ยอมให้ตัวเองถูกตัดสินเช่นนั้น โดยเฉพาะถ้าเป็นการตัดสินจากวิษณุ

    จนนานไป วิษณุเองก็เริ่มจะหงุดหงิดกับความหยิ่งผยองของกวิน จึงตัดสินใจไม่ให้ความช่วยเหลือเสียเลย เดินรุดหน้าไปอย่างคล่องแคล่วและไม่แยแสคนข้างหลังเลยแม้แต่น้อย ยิ่งพอตอนไหนที่กวินเริ่มจะแสดงท่าว่าเหนื่อยและเดินไม่ไหว แต่วิษณุก็ได้แต่หันมามอง ไม่สนใจจะช่วยเหลือ แถมยังแอบยิ้มด้วยซ้ำเมื่อเห็นกวินสะดุดล้มครั้งแล้วครั้งเล่า

    รู้สึกราวกับโดนดูถูก รอยยิ้มและแววตาแบบนั้นที่มองมา เหมือนแววตาของผู้ชนะมองผู้แพ้ กวินรู้สึกเจ็บใจยิ่งนัก จึงพยายามกัดฟันสู้ พยายามจะเดินต่อไป ทั้ง ๆ ที่ร่างกายแทบจะไม่ไหว กล้ามเนื้ออ่อนล้าไปทุกส่วน ในขณะที่คอแห้งผาก ทว่าน้ำในขวดไม่เหลือเลยสักหยดเพราได้ถูกดื่มไปก่อนหน้านี้แล้วตลอดการเดินทาง ไหนจะสัมภาระหนักหน่วงพวกนี้ที่เหมือนเป็นตัวฉุดรั้งและเป็นอุปสรรคที่มากมายยิ่ง

    ในที่สุดก็ไม่ไหว ทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง ไม่อาจจะทนฝืนเดินได้อีกแล้ว แม้ใจจะยังไม่อยากยอมแพ้ แต่กายก็ไปไม่ไหว กวินหอบหายใจถี่ ก้มหน้ากับพื้น สำลักอากาศซ้ำแล้วซ้ำเล่า หน้าซีดปากซีดและหายใจติดขัดเหมือนอ๊อกซิเจนไม่พอ

    วิษณุเดินกลับมายืนอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับถอนหายใจ กวินกัดฟันแน่น รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่ลำคอ และร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า ไม่อยากจะเงยหน้าขึ้นเลย ถ้ามองขึ้นไปแล้วต้องพบกับสายตาเหนือกว่า อาจเป็นไปได้ว่าคงไม่อาจจะกลั้นความเสียใจไว้ได้แน่ ไม่อยากจะเห็นเลยว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังมองลงมาด้วยสายตาที่สมเพชและเวทนาสักเพียงไร ใช่สิ เขาคงกำลังนึกดูถูกว่าเป็นผู้ชายประเภทไหนกันถึงได้ปวกเปียกแบบนี้ พวกผู้ชายมักเป็นเช่นนี้ ชอบดูถูกความอ่อนแอของเพศเดียวกัน แต่จะชื่นชมและทนุถนอมยิ่งนักถ้าความอ่อนแอนั้นไปเกิดแก่เพศตรงข้าม ยิ่งโดยเฉพาะถ้าวิษณุเป็นชายแท้ – ใช่... วิษณุน่าจะเป็นผู้ชายแท้ ๆ เพราะกวินจะไม่นึกเข้าข้างตัวเองให้มันเพ้อเจ้อเด็ดขาดว่าผู้ชายเช่นวิษณุนั้นจะเป็นแบบเดียวกับเขาไปได้ ลองนึกอย่างเป็นกลางโดยไม่มัวเมาแบบอย่างพวกนิยายเพ้อเจ้อ ในโลกความจริง มันมีความเป็นไปได้น้อยนักที่ผู้ชายมาดแมนสักคนจะเป็นเกย์ไปได้ นอกจากจะหลับตาอยู่ในโลกความฝัน – วิษณุคงกำลังมองเขาอย่างเหยียดหยามเหลือกำลัง อาจจะไม่ใช่แค่เหยียดหยามเพียงเพราะความอ่อนแอ แต่หากถ้าว่าความอ่อนแอนี้มันทำให้เปิดเผยออกมาถึงเพศสภาพที่แท้จริง ก็ย่อมเป็นไปได้ที่กวินจะต้องคิดไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าวิษณุนั้นกำลังเหยียดหยามตนเองในฐานที่เป็นผู้ชายที่แมนไม่เต็มร้อยอีกด้วย ใช่สิ พวกผู้ชายแมน ๆ โดยมากก็มักชอบเหยียดหยามเกย์อยู่แล้ว อย่าปฏิเสธเลยว่าไม่จริง 

    จู่ ๆ ใจของกวินนั้นรู้สึกหดหู่และอยากจะร้องไห้ยิ่งนัก ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้เกิดมาเป็นคนอ่อนแอเช่นนี้....

    ทำไมนะ... ถึงได้อ่อนแอเอาเสียจริง ๆ ในขณะที่อีกฝ่ายก็ดูคล้ายจะแข็งแรงจนน่าอิจฉา

    “ดื่มน้ำก่อนสิคุณ” วิษณุพูดพร้อมกับส่งขวดน้ำของเขามาให้ แวบแรกนั้นไม่อยากรับ แต่ด้วยความกระหายเหลือกำลัง กวินจึงจำใจรับไปพร้อมกับดื่มอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ส่งคืน พร้อมกับก้มหน้าก้มตาต่อไป อย่างที่บอกว่าไม่อยากจะเห็นสายตาดูถูกจากอีกฝ่าย

    “เก็บไว้เหอะ ผมไม่ดื่มแล้ว” วิษณุถอนใจ พร้อมกับถือวิสาสะคว้ากระเป๋าของกวินไปหนึ่งไป ถ้าจำไม่ผิด ใบนั้นท่าจะใบที่หนักที่สุดเสียด้วย วิษณุแบกกระเป๋าของกวินอย่างง่ายดาย ก่อนจะเดินนำออกไปก่อนด้วยท่าทียังคงคล่องแคล่วเช่นเคย

    คนอ่อนแอนั่งนิ่งอยู่สักพักให้หายเหนื่อย ความเหนื่อยนั้นหายง่าย แต่ความหม่นหมองทางอารมณ์นี่สิที่เหมือนจะฝังแน่น มันน่าหงุดหงิดแก่ตัวเองว่าทำไมถึงเกิดมาร่างกายอ่อนแอเสียขนาดหนักอย่างกับไม่ใช่ผู้ชาย ข้อนี้เป็นปมของกวินมาตั้งแต่เด็ก ๆ โดยเฉพาะในวิชาพละศึกษา วิชาที่เขาเป็นได้แค่ตัวตลกในชั้น ไม่ว่าจะบาส วอลเล่ย์ หรือฟุตบอล กวินก็ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ซ้ำยังทำแล้วก็มักจะงก ๆ เงิ่น ๆ จนน่าหัวร่อไปหมด กวินจำเสียงหัวเราะเยาะของเพื่อน ๆ ได้แม่น นอกจากจะไม่เคยทำได้ตามมาตรฐานแล้ว บางคราวยังต้องเจ็บตัวอยู่บ่อยครั้งด้วยกับความไม่คล่องแคล่วทั้งหลาย บางคราวโดนแกล้งก็ยังมี

    แม้กระเป๋าจะหายไปหนึ่งใบ แต่กวินก็ต้องฝืนเดินต่อไปอย่างเหนื่อยล้า เดินแต่ละก้าวอย่างเชื่องช้า พยายามเหนี่ยวตัวเองไว้กับกิ่งไม้เพื่อไม่ให้ตัวเองล้ม พยายามเดินมาเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดที่ทางเดินเริ่มกว้างและเรียบขึ้น เห็นว่าวิษณุยืนรอชิล ๆ อยู่ที่หน้าผา คล้ายกับว่ารอกวินอยู่นานแล้ว

    เสียงเครื่องยนต์ดังแว่วมาแต่ไกล ก่อนที่มอเตอร์ไซค์สองคันขับลงมาจากถนนลูกรังที่ทอดยาวจากด้านบนแล้วมาจอดตรงจุดที่วิษณุยืน กวินเพิ่งสังเกตได้ในตอนนั้นเองเดินมาถึงถนนแล้ว

    “มาดูตรงนี้สิคุณ” วิษณุหันมาพูดกับกวิน “วิวสวยนะ”

    กวินแทบจะอยากเป็นลมล้มลงไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด !

NUKWUN

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE26/02/2010ลงแล้ว11ตอน
«ตอบ #59 เมื่อ26-02-2010 23:52:03 »

เป็นอะไรที่รู้สึกเจ็บใจเเทนกวินมากเลย

รออ่านอยู่นะ สนุกดี

 :call:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด