Hopeful & Hopeless วรรณกรรมจำเ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Hopeful & Hopeless วรรณกรรมจำเ  (อ่าน 131195 ครั้ง)

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE18/05/2010ลงแล้ว14ตอน
«ตอบ #120 เมื่อ18-05-2010 10:56:07 »

 :m20: :m20:
ฝันว่าโดนเข้าปล้ำแบบสมยอมก็หนึ่งน่าอับอายเสียนี่กระไร
เอาสิ่งที่เห็นมาจิ้นได้ทุกสัดส่วนกร๊ากกกกกกกกกกก
การเดินทางและปัญหายุ่งๆทับให้กวินมะได้ผ่อนคลายสินะ
55 เลยจัดการซะในฝันซะอย่างนั้น กร๊ากพ่อแก้วแม่แก้วขายขี้หน้าเหลือเกิน
ไอ่ที่ว่าตัวเองรู้สึกสำนึกผิดตะหงิดๆว่าทำอะไรหรือถูกคุณวิษณุทำอะไรในฝันก็น่าสมเพชพอแล้ว
นี่ยังมาถูกจัดได้เห็นๆจะๆคาตาคามือพร้อมหลักฐานว่ากำลังทำอะไรอยู่
อิคุณวิษณะแกเมาแล้วถ้าสร่างคงลืมทุกอย่างเหมือนดีลีทไฟล์ได้ชิมิ 555 หรือจะจำได้แม่นกว่าเก่าฟ่ะ กร๊าก
ยังมีหน้ามาถามหน้ามึนๆว่า...หรือ กร๊ากกกกกกกกกกินข้าวอยู่มั้งไอ่บ้า 555
นุ้งกวินอิป้าโป๊ให้เค้าเห็นก็แล้ว โชว์ให้เค้าดูก็แล้ว จะเหลืออะไรไว้บนบ่บนหน้าล่ะลูก หมดกันๆๆๆ
คิดค่าเสียหายก็ไมไ่ด้เพราะเราเองก็ดันลืมติดจะงัวเงียเลยลืมทุกสิ่ง
คืนนี้จะนอนยังไงล่ะนั่้น อิตาหมอเพี้ยนๆนอนกอดกระเป๋าทับเสื้อผ้าแบบนั้นอ่ะนะ

สำนวนยังเผ็ดร้อนเหมือนเดิมนะคะ 555 ดุเด็ดเผ็ดมันส์มวกๆ ถึงจะในฝันก็เหอะ กร๊ากแต่
มันช่างตรงไปตรงมาเสียนี่กระไร  :-[ :o8:
กวินอยากจะขอบคุณทุกสรรพสิ่งที่ช่วยดีไซน์ให้สิ่งมีชีวิตเพศชายสามารถเอากันเอง ได้...     
>> :impress2: กร๊ากสำลักน้ำลายเคอะ
"ส่วนที่กักเก็บพิษของอารมณ์ไว้ในฝ่ามือ "
>>  :pighaun: ไม่ต้องอธิบายอะไรมวก ประดิษฐ์คำได้เหมาะเจาะ เก่งจริงๆคะ 555

 o13 o13 o13 ฝีมือยังเยี่ยมคือเก่านะคะ  สู้ๆ เน้อ +1

mixmix

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE18/05/2010ลงแล้ว14ตอน
«ตอบ #121 เมื่อ18-05-2010 11:17:37 »

ก่อนอื่นขอฮาก่อนเลย  :laugh: :laugh:

วิษณุแกล้งกวินหรือเปล่านเนี่ย

ไหนจะเมาหลับทับเสื้อผ้าไ่ม่พอยังกำกุญแจ+กระเป๋าไว้อีก  o18

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE18/05/2010ลงแล้ว14ตอน
«ตอบ #122 เมื่อ18-05-2010 14:08:29 »

ไม่รู้ขำ หรือ สงสารกวินดี :laugh:
มันเหนื่อยอะเนาะ แล้วก็ผิดที่ผิดทางเลยเก็บมาฝันเป็นตุเป็นตะ
กำลังจะกำจัดพิษออกจากร่างกายก็มีคนมาขัดจังหวะอีก
แถมเหมือนแกล้งให้ไม่มีเสื้อผ้าใส่ โป้ๆอยู่อีก

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE18/05/2010ลงแล้ว14ตอน
«ตอบ #123 เมื่อ18-05-2010 15:24:33 »

 :laugh: นุเมาแล้วรั่ว แต่ถือเป็นการเอาคืนกวินได้มั้ย(เอาคืนทั้งๆที่เจ้าตัวก้อไม่ได้รู้ว่าต้องเอาคืนเรื่องอะไร ฮ่าๆๆ)
อ่านตอนนี้แล้วฮามาก สองคนนี้มีสีสันมากกว่าที่คิดอีก กร๊ากกกกก

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE18/05/2010ลงแล้ว14ตอน
«ตอบ #124 เมื่อ18-05-2010 19:45:09 »

แลกกันไงกวิน เราเห็นเขาเขาเห็นเรา แต่แบบอะไรมันจะพอเหมาะพอเจาะได้อย่างนี้

ออฟไลน์ ArgèntaR๛

  • "ความสุข" แบ่งปันได้
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-0
    • turelight's Fanpage
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE18/05/2010ลงแล้ว14ตอน
«ตอบ #125 เมื่อ18-05-2010 21:07:10 »

ใจหนึ่งก็โคตรสงสาร
ใจหนึ่งก็โคตรฮา 
ฮาถึงฮามาก แต่แอบสงสัยว่าคุณหมอเขาแกล้งหรือว่าหลับจริงกัน?

อันนี้ยังคงเป็นความลับแต่ตอนต่อไปคงมองหน้ากันไม่ติดเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ

Badmiffy

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE18/05/2010ลงแล้ว14ตอน
«ตอบ #126 เมื่อ20-05-2010 12:36:17 »

55555555555555+  ตอนที่ 14 นี่ฮามาเลย 555+

วิษณุนี่เมาจริงหรือแกล้งเมาเนี่ย กลายเป็นเด็กเอ๋อไปแล้ว 555+

กวินเองก็เหมือนจะรั่วขึ้น(รึป่าว?) สนุกมากมาย

อยากอ่านตอนที่ 15 แล้วววววววว 555+ ไม่ต้องรีบเน้อ แค่บอกไว้ก่อน กร๊ากกกกกกกกกกกก!!

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE18/05/2010ลงแล้ว14ตอน
«ตอบ #127 เมื่อ20-05-2010 18:24:16 »


ตอนล่าสุดสนุกดีจังเลย

แต่ก็อ่านสะดุดหลายครั้ง เช่น น่าจะใช้คำว่า โสเภณี มากกว่า เป็นต้น

อิอิ

เจ้สองคนงาม   :bye2:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE18/05/2010ลงแล้ว14ตอน
«ตอบ #128 เมื่อ20-05-2010 18:33:33 »

พึ่งเข้ามาอ่านค่ะ สนุกมากเลย :impress2:
ชอบกวินอ่ะ ดื้อๆยังไงไม่รู้ แบบมันน่าหมั่นไส้พร้อมกับน่ารักด้วยในเวลาเดียวกัน :laugh:
+1 ขอบคุณนะคะ รออ่านตอนต่อไปค่าาา :กอด1:

ออฟไลน์ ปลาทองสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE18/05/2010ลงแล้ว14ตอน
«ตอบ #129 เมื่อ28-05-2010 16:38:26 »

โอ้ยยย ฝันไปหรือนี่ คิดว่าเรื่องจริง ๕๕๕
จังหวะช่างเหมาะเจาะ กวินไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกที่ไหนก็เอาไปซุกอกวิษณุก็ได้นะ
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

แล้วไอ่การที่เอาเสื้อผ้ากระเป๋าคนอื่นไปกอดแบบนี้ เมาก็ไม่น่าให้อภัย อ่านแล้วอดหน้าแดงแทนไม่ได้
กวินเจอของจริงซะแล้ว สนุกอ่ะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไรเตอร์สู้ๆเรื่องโปรเจคนะ
เราเพิ่งสอบไฟนอลของซัมเมอร์ไปเมื่อวาน ในที่สุดก็จบแล้ววววว เรารอมายินดีกับไรเตอร์อยู่
และรอตอนใหม่ด้วย (อันนี้คือประเด็น) ฮะ ฮะ ฮ่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE18/05/2010ลงแล้ว14ตอน
« ตอบ #129 เมื่อ: 28-05-2010 16:38:26 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE18/05/2010ลงแล้ว14ตอน
«ตอบ #130 เมื่อ02-06-2010 22:41:30 »

กวินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :m11:
คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE18/05/2010ลงแล้ว14ตอน
«ตอบ #131 เมื่อ06-06-2010 22:24:58 »

15

       ในระยะแรก แอลกอฮอล์มีส่วนทำให้หมดเรี่ยวแรง รวมถึงหมดสติและเผลอหลับไปได้ง่าย ๆ แต่พอเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ผลที่เกิดขึ้นจากของมึนเมาเพียงเล็กน้อยในเวลาที่ถัดมาสักสี่ห้าชั่วโมง มันกลับปลุกสติให้ตื่นขึ้นมาอย่างง่ายดาย ไม่แน่ใจว่าผลข้างเคียงดังกล่างนี้เกิดขึ้นแก่ทุกคนหรือไม่ แต่สำหรับวิษณุ มันเป็นจริงเช่นนั้นเสมอมา รวมทั้งครั้งนี้

    หลังจากเผลอไผลไปในห้วงนิทรา ก่อนที่จะบังเกิดเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหันจากการตื่นตัวของประสาทในส่วนลึก ส่งผลทำให้วิษณุลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงด้วยอารามของความรู้สึกผิดที่ผิดทาง ก่อนจะตระหนักได้ถึงความเป็นจริงเฉกเช่นนั้น แสงอ่อน ๆ ยามเช้าสาดเข้ามาจากหน้าต่างกระจกทำให้บรรยากาศรอบข้างสว่างไสวปราศจากความอึมครึม ลามเข้ามาถึงอนุสติของชายหนุ่มที่กลับมากระจ่างชัดเฉกเช่นอรุณรุ่งของวัน เหตุการณ์ทั้งหลายฉายซ้ำเข้ามากระตุ้นเตือน

    ไม่เฉพาะเพียงแค่สติที่สามารถรำลึกได้ว่าเหตุการณ์ของความมึนเมาเมื่อคืนดังกล่าวจบลงเช่นไร พอมองสำรวจร่างกายตนเอง ก็เหมือนเป็นการตอกย้ำด้วยสารรูปที่ประจักษ์ชัดได้อีกว่าเขาคงเผลอหลับไปในสภาพที่ยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แถมพอมองสำรวจรอบด้าน ก็ย้ำเข้าไปอีกว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนของเขา

    เหตุการณ์เมื่อคืน....

    วิษณุสะบัดศีรษะไปไปมาอยู่สองสามรอบเพื่อหวังจะขับไล่ความมึนงงและง่วงซึม ก่อนจะถอนหายใจยาว ๆ กับความผิดพลาดเผลอไผลของตัวเองที่เพิ่งตระหนักขึ้นมาได้ จะพูดว่าเพิ่งตระหนักได้ก็อาจจะไม่ถูกต้องนัก เพราะความจริงมันไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่การรับรู้มันค่อนข้างจะต่างกันระหว่างเหตุที่เกิดตอนที่สติเอนเอียงไปกับแอลกอฮอล์และการรำลึกถึงมันในภายหลังที่สติปลอดโปร่ง พอมานึกย้อนทวนดู ก็จำได้ว่าเขากะจะมาเปิดตู้ให้กับแขกที่มาพัก แต่ด้วยความมึนเมา รู้สึกเพลียและคลื่นเหียนอยู่พอควรจนไม่อาจทรงตัวได้ จึงล้มตัวนอนลงบนเตียง กะว่านอนนิ่งสักพัก เพื่อให้อาการดังกล่าวจะหายไป

    ที่ไหนได้... เผลอหลับสนิทยาวมาจนฟ้าสาง

    พวงกุญแจยังคงกำไว้ในฝ่ามือตอกย้ำถึงภารกิจที่ล้มเหลว ก่อนจะได้พบกับความผิดพลาดเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่างคือกระเป๋าเดินทางของคนแปลกหน้าที่กองอยู่บนหน้าตัก อันนี้ชักจะจำไม่ค่อยได้แล้วว่าเผลอไปลากมากอดตั้งแต่เมื่อไร... ชะงักไปชั่วครู่กับความผิดพลาดดังกล่าว ก่อนจะประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ย้อนไปตั้งแต่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้อีก ยิ่งฉายชัดถึงความเปิ่นทั้งหลายแหล่ที่ได้เกิดขึ้นเมื่อคืน ทั้งจากตัวเขาเอง... และจากอีกคน

    ไม่ได้มีฉากไหนหรือภาพไหนที่เขาจะลืมไปเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำ ยังจำได้ติดตา และมีทีท่าว่าคงจะจำไปอีกนาน ไม่สามารถจะลบไปได้ง่าย ๆ แน่

    ...ทะลึ่งจริง ๆ

    วิษณุหัวเราะเบา ๆ ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ใจนั้นไม่ได้ครุ่นคิดให้ซับซ้อนว่าเหตุใดถึงหัวเราะออกมา ไม่ทราบเลยด้วยซ้ำว่าการได้รำลึกถึงความเปิ่นเฉิ่มในเหตุการณ์เมื่อคืนมันจะทำให้เกิดอารมณ์ขันขึ้นมาได้อย่างไร แม้จะไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่ามันทำให้รู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

    ตวัดสายตาไปยังมุมห้อง จ้องมองชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมคายซึ่งปกติในยามตื่นจะวางท่าเหมือนตัวเองตัวใหญ่เสียนักหนา แต่บัดนี้เมื่อยามหลับถึงได้สะท้อนออกมาจริง ๆ ว่าเป็นเพียงหนุ่มน้อยตัวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีพิษสงอันใดให้รู้สึกกลัวเลยสักนิด กวินนั่งห่อตัวแน่นอยู่ในผืนผ้านวม พิงผงกอยู่มุมห้อง ด้วยท่าทีระแวดระวังอย่างล้นพ้น ดูคล้ายเจ้าตัวจะพยายามปกปิดร่างกายของตัวเองให้มิดชิดด้วยผ้านวมผืนหนาที่กว้างยาวไม่สักจะเท่าไร แม้จะขดตัวให้ลีบเล็กสักเพียงใด ก็ใช่ว่าจะปิดได้มิดหมด ยิ่งเผลอหลับไปด้วยแล้ว ร่างกายก็มีเผลอไผลปล่อยบางส่วนให้พ้นออกมาจากผ้าได้อยู่ดี และซ้ำร้าย ด้วยความหมั่นไส้อย่างเหลือกำลัง อดไม่ได้ที่วิษณุจะรู้สึกอยากแกล้งขึ้นมาเสียอย่างนั้น...

    ...หลับเป็นตายแบบนี้มันน่าจะแกล้งดึงผ้าให้หลุดออกมาจนหมดเสีย อยากจะรู้นักว่าถึงตอนนั้นจะใช้อะไรปิด

    วิษณุจ้องมองอีกฝ่ายอยู่สักระยะด้วยอาการหมั่นเขี้ยวแบบไม่ทราบสาเหตุ ใจหนึ่งนั้นนึกอยากจะแกล้งอย่างที่คิดไว้ขึ้นมาจริง ๆ จัง ๆ แต่สุดท้ายพอมาคิดอีกที ก็เห็นว่าคงไม่เหมาะ และก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นว่าจะต้องแกล้งคน ๆ นี้ไปเพื่ออะไร เพราะสุดท้ายก็เป็นแค่คนที่เพิ่งจะรู้จักกันได้แค่วันสองวัน

    ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับบิดขี้เกียจ เดินไปไขกุญแจเปิดตู้ ในขณะที่ฝ่ายทำท่างึมงัมเหมือนจะได้สติ แต่สุดท้ายก็แน่นิ่งไปอีกครั้ง แสดงชัดว่าเจ้าตัวคงจะละเมอมากกว่าตั้งท่าจะตื่น เป็นไปได้ว่าอาจจะหนาว เพราะอากาศที่นี่ก็เย็นใช่ย่อย ดันมาขดตัวนอนอยู่บนพื้นไม้ สบายตัวหรือเปล่าก็ไม่ แถมยัง.... ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอีก

    วิษณุเปิดตู้ค้างไว้ เพื่อรอให้ผู้ที่ยังนิทราได้ตื่นมาเห็น ก่อนจะเดินกลับไปที่เตียง คว้าผ้านวมอีกผืนซึ่งหนากว่าและใหญ่กว่า หมายว่าจะใช้เพื่อช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกอุ่นขึ้นมาได้บ้าง

    ถ้าตัวเล็กกว่านี้คงจะอุ้มมานอนบนเตียง แต่นี่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แถมวัยก็ไล่เลี่ยกันอีก แม้อีกฝ่ายจะตัวเล็กกว่า แต่ก็ไม่เล็กไปกว่ากันเท่าไร ใครจะไปอุ้มกันไหว ทำได้ก็แค่นี้เท่านั้นแหละ

    แต่ก็อดจะครุ่นคิดถึงอีกฝ่ายไม่ได้... คนอะไร ช่างพิลึกแท้

    ความรู้สึกหมั่นเขี้ยวแบบไม่ทราบสาเหตุเกิดขึ้นอีกครั้ง บงการให้ชายหนุ่มเหวี่ยงผ้านวมลงคลุมร่างของกวินด้วยลักษณะคล้ายกับทอดแห ผ้านวมผืนหนาคลุมร่างของกวินมิดชิดตั้งแต่หัวจรดเท้า เสียงร้องงึมงัมโวยวายดังขึ้นพร้อมกับอาการตะเกียกตะกายของกวินที่พยายามจะดันผ้านวมออกเหมือนคนที่ขาดอากาศหายใจ

    วิษณุสังเกตุการณ์อยู่สักพัก จะรอดูว่าอีกฝ่ายจะกล้าอาละวาดอะไรหรือไม่ ในสภาพเช่นนี้ แต่พอเวลาผ่านไปสักระยะ เมื่อกวินสามารถเอาหัวโผล่ขึ้นมาได้ หายใจถี่ ๆ สองสามครั้ง ทุกอย่างก็กลับมาสงบ... อย่างไม่น่าเชื่อ

    กวินหลับสนิทต่อไป ในขณะที่วิษณุหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้อง
  

*** **** ***** **** ***


    จากที่กวินเคยคิดเอาไว้ว่าการได้มาอยู่ที่นี่มันคงเป็นอะไรที่เข้าใกล้กับคำว่าอยู่ในนรก พอในวันนี้นี่เอง ความรู้สึกก็เริ่มเปลี่ยนไป....

    ...คำว่านรกมันยังจะน้อยไปด้วยซ้ำ !

     เมื่อระยะเวลาของการได้ใช้ชีวิตที่นี่อย่างจริง ๆ จัง ๆ เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ตื่นขึ้นมาในตอนสายแล้วพบว่าตัวเองนอนขดเปลือยกายอยู่ที่มุมห้อง พร้อมกับความทรงจำและประสบการณ์อันน่าอับอายประเภทที่ว่าสายลมยามเช้า...  แสงแดดเบา ๆ ยามสาย... ยอดใบไม้ที่ไหวเอน... หรือหมู่เมฆบนท้องฟ้ากระจ่างใสก็ไม่อาจจะช่วยเยียวยามันได้เลย กวินไม่แน่ใจนักว่าวิษณุออกจากห้องไปเมื่อไรและเขาจะจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้หรือไม่ – แม่ว้าถ้าคิดแบบตามข้อเท็จจริง...  การที่เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับเปิดตู้ให้เสร็จสรรพ ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะยืนยันว่ามันเป็นไปได้น้อยมากที่วิษณุจะปัญญาอ่อนทึกทักว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นความฝัน – กวินไม่แน่ใจนักว่าการที่เผลอหลับไปแล้วปล่อยให้วิษณุตื่นก่อนนั้น ถือเป็นเรื่องดีหรือร้าย จะว่าดีก็ดีในแง่ที่ว่าไม่ต้องมีการมาเผชิญหน้ากันแบบซึ่งหน้า แต่จะว่าร้ายก็ร้ายตรงที่ทุกอย่างมันเลยคลุมเครือไม่มีความชัดเจน เหมือนมีความสงสัยตามมาหลอกหลอนกวินว่าสุดท้ายแล้ว วิษณุมีกิริยาเช่นไรเมื่อตื่น? จำความได้หรือไม่? รู้สึกขบขันและรังเกียจเขาไปมากขนาดไหน? กวินคิดไปสารพัด คิดไปในแบบที่ไม่อาจจะขานไขข้อสงสัยดังกล่าวให้กับตัวเองได้เลย ก็แน่ล่ะว่ามันจะขานไขได้อย่างไร ไม่มีวิธีใดจะทำให้มันกระจ่างได้ นอกเสียจากจะต้องไปคาดคั้นเอาจากปากวิษณุ ซึ่งแน่นอน ใครจะบ้าไปทำเช่นนั้น

    แค่ลำพังลงมาเจอหน้ากันก็แทบไม่กล้าจะสบตาแล้ว จังหวะแรกที่เจอกันในโต๊ะกินข้าว ขนาดได้สบตากันแวบเดียวโดยบังเอิญกวินก็แทบอยากจะมุดดินหนี ไม่มีทางแน่นอนที่กวินจะกล้าไปถามเขาว่า... จำได้ไหมว่าเมื่อคืนคุณเปิดประตูห้องน้ำมาแล้วเจออะไร เพื่อจะหวังคำตอบแบบไร้เดียงสาจากวิษณุว่า.. เอ... เห็นอะไรน้า.. อ๋อ.. ก็เห็นคุณกำลังขัดราวผ้าเช็ดตัวอยู่ใช่ไหม ขอโทษจริง ๆ ที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ...

    ไม่มีทางเสียละ ! ก็มันเห็นกันอยู่จะจะ เด็กประถมมันยังรู้เลยว่ากวินกำลังทำอะไร เดาได้เลยว่าถ้าลองเข้าไปถามล่ะก็ วิษณุคงจะต้องได้เยาะเย้ยถากถางแบบซึ่งหน้าขึ้นมาแน่ ๆ เพราะฉะนั้นการเข้าไปถามมีแต่เสียกับเสีย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พอมันไม่เคลียร์ ความอึดอัดในใจก็ทบทวี ยิ่งได้เห็นแววตาของวิษณุที่มองมาไม่ว่าจะจงใจหรือไม่จงใจก็ยิ่งทำให้กวินแทบอยากจะบ้า แม้ว่าแววตานั้นจะราบเรียบสักเพียงไหน ก็ทำกวินประสาทกินได้เสมอ เพราะไม่รู้เลยว่าแววตานั้นมันแฝงอะไรไว้ กำลังเยาะเย้ย? หรือกำลังสมเพชเวทนาหรือไม่? วันสันหลังหวะ เห็นอะไรมันก็สะดุ้งได้อยู่ตลอด

    ให้ตายเถิด การอยู่ที่นี่มีแต่ความทุกข์... ทุกข์อย่างฉกาจฉกรรจ์ พอจะพยายามละสายตาจากวิษณุเพื่อหาสิ่งอื่นผ่อนคลายความวิตกจริตให้ทุเลาลงก็ยิ่งจะทำให้ทุกอย่างแย่ไปกว่าเดิม ไม่มีอะไรให้ดูให้เห็นนอกจากบรรดาผู้คนที่ไร้ความน่าสนใจอย่างสิ้นเชิง ผู้คนที่เหมือนจะพูดจาด้วยภาษาพิสดาร ยิ้มแย้มแจ่มใสจนน่าขนลุก ไม่รู้ว่าจะพยายามปั้นไมตรีกันสักแค่ไหน ราวกับจะใช้ปกปิดซ่อนบังความผิดปรกติของตนเองอย่างไรก็อย่างนั้น กวินรู้สึกคันคะเยอนักหนาเมื่อคนพวกนี้พยายามจะเข้ามาทักทายและพูดคุยกับกวินด้วยหัวข้อเรื่องที่ฟังแล้วก็เป็นอันต้องหงายหลัง อาทิ หลักธรรมคำสอน.. ปรัชญาพุทธ... ชีวิตอันสมถะ... แค่ได้ฟังก็ลมจะใส่ ! ยังไม่นับที่ว่าคนพวกนี้พยายามยิ่งที่จะเข้าถึงเนื้อตัวของกวินในแบบที่สยดสยอง เดี๋ยวก็พยายามจะตักอาหารให้ เดี๋ยวก็พยายามจะบริการโน่นนี่ราวกับกวินเป็นแขกพิเศษ โธ่เอ๊ย... คนพวกนี้ไม่เข้าใจกันเลยหรืออย่างไรว่าการทำแบบนี้มันน่าขนลุกขนพองสักแค่ไหนสำหรับคนอย่างกวิน

    นี่ยังไม่นับกับกิจกรรมทั้งหลายที่ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่ง ปลูกผัก... ตัดแต่งต้นไม้... พรวนดินแปลงดอกไม้... ให้อาการสัตว์... ให้ตายเถิด นี่มันคือการออกค่ายอาสาชัด ๆ กวินไม่เคยนึกชอบอะไรแบบนี้เลย เขาเกลียดสัตว์ ขนาดหมาแมวที่ใครต่อใครเขาว่ามันน่ารักน่าชัง กวินยังรู้สึกกระดากผิวเวลามันมาคลอเคลีย แล้วนี่จะนับประสาอะไรกับสัตว์สกปรกของที่นี่ประเภทไก่บ้านที่พาลให้รู้สึกขยะแขยงเวลามองเห็นจังหวะย่องการเดินของพวกมัน นกแก้วนกขุนทองที่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวน่ารำคาญจนร็สึกว่าน่าจะวางยาเบื่อเสียให้หมด จะได้สงบปากสงบคำ อันที่จริงกวินไม่ใคร่จะชอบสัตว์ปีกนักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนเด็ก ๆ กลัวเลยด้วยซ้ำ แต่พอโตขึ้นก็เปลี่ยนความกลัวให้เป็นความเกลียด

    ต้นไม้และดอกไม้ไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่เท่าไรนัก อย่างน้อยมันก็ยังเป็นของสวย ๆ งาม ๆ แต่กวินจะชอบมากกว่าถ้าดอกไม้เหล่านี้ไปปรากฏอยู่บนแจกันใบใหญ่หรือถูกจัดไว้เป็นช่อ หรืออย่างเลวก็เป็นกระถางเล็ก ๆ ที่แลดูสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ ไม่ใช่ผุดขึ้นมาอย่างดิบ ๆ บนพื้นดินที่สกปรกร่วนซุย ที่จะต้องคอยไถคอยพรวนให้เนื้อตัวมันมอมแมมไปหมด ยิ่งเวลารดน้ำมันจนชุ่ม ดินที่เท้าก็แฉะ พาให้รองเท้าผ้าใบเลอะเทะจนแทบอยากจะโยนทิ้ง

    บ่นไปก็เท่านั้น สุดท้ายกวินก็ทำแทบทุกอย่าง ขนาดไม่มีใครบังคับเลยด้วยซ้ำ แต่อย่างที่ว่า มันเห็นด้วยตากันจะจะว่าแทบทุกคนที่นี่ล้วนทำในสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น แม้แต่วิษณุ รตี หรือญดาที่เพิ่งรอดตายมาเมื่อวาน แม้ใจหนึ่งจะทำเป็นคะนองอยากจะไม่แคร์ ขึ้นไปบนบ้านวางตัวเป็นแขกพิเศษ นั่ง ๆ นอน ๆ เขียนงานโดยไม่ต้องแยแสคนรอบข้าง เชิดเป็นนางพญาบนหอคอยที่ไม่คิดจะดูดำดูดีใคร ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า เพราะนี่ขนาดทำอยู่งก ๆ แต่สายตาของวิษณุที่มองมาก็ยังดูไม่น่าไว้วางใจอยู่ดี

    ให้ตายเถิด... ไม่เข้าใจเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะอะไรนักหนา

    ท่ามกลางทุก ๆ คนที่ล้วนสนใจในตัวกวิน และพยายามจะหาเรื่องเข้ามาพูดคุย ญดาแสดงออกชัดเจนที่สุด แต่ปฏิกิริยาที่หล่อนได้รับกลับไปก็ไม่ต่างจากคนอื่น ถามมาคำ กวินก็ตอบไปคำ ถามต่อมาอีก คำตอบจากกวินก็ลดเหลือไปครึ่งคำ พอถามกลับมาอีกรอบ คราวนี้กวินก็ไม่ตอบเสียเลย

    ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าคนที่นี่แทบจะเป็นพิมพ์เดียวกันไปหมด แล้วญดาก็เป็นหนึ่งในพิมพ์นั้นไปด้วย นั่นคือปฏิกิริยาที่ตอบกลับมาในทุกครั้งจะมีแต่รอยยิ้ม แม้ในบางคราวนั้น การไม่ตอบโต้ของกวินสามารถตีความได้ชัดเจนเลยว่ารุนแรงถึงขั้นกวนประสาท แต่ญดาก็ยิ้ม... แล้วเดินจากไปอย่างเป็นมิตร

    กวินไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อที่นี่ ต่อคนที่นี่ หรือแม้แต่กับเด็กสาววัยแรกรุ่นที่ชื่อญดานี้นัก และไม่แน่ใจด้วยว่าเหตุใดถึงได้มีอารมณ์ขุ่นมัวต่อทุกสิ่ง และหาญกล้าถึงขั้นแสดงออกว่าไม่อยากจะคบค้าสมาคมใด ๆ ต่อใครเลยขนาดนี้ โดยเฉพาะกับญดา กวินรู้สึกไม่ใคร่จะชอบหน้าเท่าไรนัก ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร เป็นไปได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานอาจมีส่วน กวินอาจจะรู้สึกหมั่นไส้ในความเปราะบางทั้งหลายแหล่ของเจ้าหล่อน ถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวเองให้ตาย แต่วันนี้กลับตีสีหน้ายิ้มแย้ม เหมือนตัวเองเป็นนางฟ้าผู้ปราณี คนอะไรช่างซับซ้อนเสียจริง คิดอยากจะตายก็จะตายเอาง่าย ๆ พอติดจะยิ้ม ก็ยิ้มเอาง่าย ๆ อีก กวินนึกภาพตัวเองเป็นเช่นญดาไม่ออกเสียจริง ว่าเขาจะเป็นไปได้เช่นไร ถ้าเมื่อวานเครียดหนักถึงขั้นฆ่าตัวตาย แล้ววันต่อมาก็ยิ้มแย้มได้ปรกติ

    ทำไมได้... ทำยังไงก็ทำไม่ได้ และมันก็คงไม่มีวันเกิดขึ้น คนอย่างกวินแล้ว ถ้าสถานการณ์มันบีบบังคับให้ถึงกับต้องฆ่าตัวตาย  - ซึ่งเอาจริง ๆ ก็คงไม่มีวันที่เขาจะทำเช่นนั้นได้ลงหรอก – ถ้ามันเป็นไปถึงขั้นนั้น ก็จะต่อเมื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันจะต้องรุนแรงและเลวร้ายจริง ๆ เลวร้ายแบบฝังลึกจนแก้ไม่ได้ง่าย ๆ เพียงวันเดียวแน่ ๆ

    นี่อาจจะเป็นไปได้ถึงสาเหตุทั้งหมดทั้งมวลของความหงุดหงิดไม่ชอบใจ ทั้งหมดมันอาจจะเริ่มต้นมาจากการที่กวินไม่เข้าใจในความนึกคิดของคนพวกนี้ เช่นว่าทำไมต้องยิ้มทั้ง ๆ ที่ในใจเต็มไปด้วยปัญหา ทำไมอารมณ์ของคนพวกนี้ถึงไม่มั่นคงกับการแสดงออก

    และที่สำคัญที่สุด กวินไม่เข้าใจญดาว่าทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองยังอ่อนแอ แล้วจะกระแดะลงมาทำมางานหนักทำไม ความรู้สึกหลังนี้เกิดขึ้นเมื่อมองเห็นญดากำลังทำท่าจะเป็นลม หลังจากที่แย่งเสียมของรตีไปพรวนดินไปสองสามครั้ง เล่นเอาคนรอบข้างต้องมาดูแลกันจ้าล่ะหวั่น รวมถึงวิษณุด้วยที่ถึงขั้นวิ่งมาแต่ไกล มาอุ้มเจ้าหล่อนไปเองอย่างกับคนหวงของ

    หมั่นไส้...

    กวินคิดในใจพร้อมกับทิ่มเสียมลงบนดินอย่างแรงจนลืมตัว และถี่มากขึ้นเหมือนกับระบายออกในอารมณ์อึดอัด คิดไปคิดมา วิษณุกับญดาก็ดูเหมาะกันดี เพี้ยนพอกันทั้งคู่ ไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเป็นไปในทางไหน แต่แค่มองเห็นก็รู้แล้ว... เป็นห่วงเป็นใยกันเสียขนาดนี้ กวินอยากจะยืนตรงสดุดียิ่งนัก กับคู่รักแห่งปี

    หงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เพิ่งมาคิดได้ในตอนนั้นเองว่าอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของการไม่ชอบใจนั้นก็คงมาจากตัววิษณุนั่นเอง หึ... ทีกับญดาล่ะก็ ดูเหมือนจะทำตัวเป็นผู้ชายอ่อนโยนเสียจริง ทั้ง ๆ ที่กับตัวเขานั้น ทั้งปากร้าย ทั้งชวนโมโห ยียวนและตัดสินสารพัด สันดานผู้ชาย... เป็นแบบนี้เสมอ การแสดงออกมักจะต่างกันอย่างน่าเกลียดระหว่างผู้หญิงกับเกย์

    อดคิดขึ้นมาไมได้ ถ้ากวินเกิดมาเป็นผู้หญิง แล้วอ่อนแอบอบบางแบบยายญดาบ้าง เชื่อได้เลยว่าเมื่อวานวิษณุคงได้อุ้มเขาขึ้นเขามาแน่นอน ไม่ปล่อยให้มีสภาพที่เดินขึ้นอย่างน่าทุเรศเหมือนเมื่อวานชัวร์ ๆ

    สันดานผู้ชาย !

    เผลอตัวกดเสียมลงบนดินจนเกือบมิดด้าม จังหวะที่จะดึงออกจึงเหมือนจะยากลำบาก ด้วยความที่อารมณ์ยังคุกกรุ่น กวินใช้แรงทั้งหมดที่มีงัดเสียมออกมาอย่างแรง เศษดินพุ่งขึ้นมาเปรอะเปื้อนใบหน้าพร้อมกับที่ร่างที่นั่งทรงตัวไม่ค่อยดีก็ถลันล้มลงกับดิน

    “บ้าเอ๊ย !” กวินคำรามเบา ๆ อย่างเดือดดาล รู้สึกหงุดหงิดเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เลอะไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว แถมยังมีเศษดินเข้าปากอีกต่างหาก

    “คุณกวินคะ” รตีร้องเรียก พร้อมกับเดินมาส่งผ้าเช็ดหน้าให้ “เช็ดหน้าหน่อยค่ะ เลอะหมดแล้ว”

    “ขอบคุณครับ” กวินรับผ้าผืนนั้นพร้อมกับคว้ามาปัดเศษดินบนใบหน้าออก ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไร ในขณะที่รตีคว้าเสียมของกวินขึ้นมาไว้ในมือ เหมือนตั้งท่าจะช่วยเอาไปเก็บให้ที่โรงอุปกรณ์ ก่อนจะพูดกำชับส่งท้ายเอาไว้

    “ใช้เสร็จแล้วเอาไปคืนหมอณุด้วยนะคะ”

    “อะไรนะ” กวินชะงักไปในทันที

    รตีไม่ตอบ หากแต่เดินออกไปไกล เป็นไปได้ว่าคงไม่ได้ยิน

    กวินตวัดสายตายังไปตัวบ้าน วิษณุยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป ในขณะที่กวินเหมือนจะถูกสตั๊ฟฟ์เอาไว้กับที่ สาบานแก่ตนเองว่านั่นคือรอยยิ้มแรกที่วิษณุยิ้มให้

    ไม่ต่างอะไรกับรอยยิ้มที่เขายิ้มให้กับญดานัก แค่ระยะเวลาสั้นกว่าก็เท่านั้น


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2010 22:28:25 โดย kranwa »

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE18/05/2010ลงแล้ว14ตอน
«ตอบ #132 เมื่อ06-06-2010 22:25:14 »

*** **** ***** **** ***


    กองไฟลุกโชติช่วงจากด้านล่างส่องประกายขึ้นมาถึงบนระเบียง คลอด้วยเสียงหัวเราะต่อกระซิกและเสียงร้องเพลงอันแสนจะอบอุ่น ฉายให้เห็นถึงกิจกรรมสันทนาการของผู้คนที่นี่ที่คล้ายกับจะเป็นกิจกรรมที่ทุกคนต่างสนุกร่วมกัน กวินนั่งอยู่ด้านบน ร่วมกิจกรรมอยู่ชั่วระยะหนึ่งก็หนีขึ้นมา ไม่มีอารมณ์จะสนุกสนาน ตัดสินใจพาตัวเองมาจมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หวังจะเขียนอะไรลงไปให้ได้สักที แต่เค้นยังไงก็ยังเขียนอะไรไม่ออก

    รู้สึกว่าหัวสมองล้าอย่างบอกไม่ถูก

    ทันใดนั้น บานประตูเปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของวิษณุ กวินตวัดสายตาไปมอง ส่วนชายหนุ่มนั้นก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาหา เลียริมฝีปากเล็กน้อยคล้ายกับประหม่า ในขณะที่กวินได้แต่มองที่ไหล่ของเขา ราวกับไม่กล้ามองขึ้นไปสบตาอย่างไรอย่างนั้น

    เงียบกันไปสักพักว่าที่วิษณุจะเป็นฝ่ายพูดเอ่ยออกมาคนแรก

    “ไม่ลงข้างล่างหรือ”

    กวินส่ายหน้า วิษณุคล้ายกับจะอึกอักอีกคำรบ

    “แล้วคุณ... เขียนถึงไหนแล้ว”

    “ไม่ถึงไหนเลย” กวินตอบด้วยสำเนียงที่พยายามจะทำให้ราบเรียบที่สุด

    “ผมว่าคุณเครียดกับมันมากไป” วิษณุว่า “แต่.. เอาเถอะ ผมก็ไม่รู้เรื่องเขียนงานอะไรหรอก อย่าถือสาอะไรผมเลย”

    จากนั้น ก็เหมือนต่างฝ่ายต่างจะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกันอีก วิษณุเดินกลับไปที่ประตู แต่ก็ยังไม่วายหันมาถามกวินอีก

    “จะไม่ลงไปจริง ๆ หรือ”

     “อยากให้ลงไปหรือ”

     “ก็...” วิษณุเงียริมฝีปาก “ก็แล้วแต่คุณ”

    “ผมเหนื่อย” กวินตอบห้วน ๆ

    “งั้นคืนนี้ผมมานอนด้วยนะ”

    กวินชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่วิษณุรีบอธิบายอย่างเร็วรี่

    "ก็... มีหมอขึ้นมาอีกสองคนน่ะ ผมเลยต้องให้ห้องเขานอน”

    ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง ญดาเดินเข้ามา ในขณะที่กวินถอนใจอย่างลืมตัว พร้อมกับเบือนหน้าหนี

    “พี่ณุคะ คนถามหากันเยอะแล้วค่ะ” ญดาบอกแก่วิษณุ

    ชายหนุ่มยิ้มให้เด็กสาว ก่อนจะเดินหายลงไป ในขณะที่ญดาตั้งท่าจะเดินตาม แต่แล้วก็ชะงัก หันมามองกวิน ลังเลอยู่สักพัก แล้วตัดสินใจเดินเข้ามาหา

    “สวัสดีค่ะ”

    กวินหันมาพยักหน้าให้ แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก กลับไปเอามือจิ้มคอมแบบเลื่อนลอยเหมือนเดิม ญดาเดินมานั่งลงข้าง ๆ เหมือนอยากจะคุยด้วย แต่กวินก็ไม่สนใจ ปล่อยให้บรรยากาศอยู่ในความเงียบอยู่สักพัก

     “พี่ณุบอกว่าคุณเป็นนักเขียน” เห็นได้ชัดว่าญดาต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการที่จะเริ่มต้นบนสนทนา “คุณเขียนอะไรหรือคะ”

    “เขียนหนังสือ” กวินตอบอย่างร้ายกาจ ทำเอาญดาชะงักไปอีกครั้ง แต่ก็เหมือนจะยังไม่ยอมแพ้

    “แสดงว่าคุณน่าจะต้องผ่านอะไรมาเยอะสินะคะ”

     กวินถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย เป็นไปได้ก็ไม่อยากจะโต้ตอบพูดคุยกับเด็กสาวผู้นี้เลย แต่สายตาของเจ้าหล่อนที่มองมาก็คาดคั้นเอาคำตอบเสียเหลือเกิน

    “ก็น่าจะ... มั้ง ความจริงไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกันตรงไหน”

    “ฉันอยากคุยกับคุณนะคะ”

    คำพูดตรงไปตรงมาของเด็กสาวพุ่งชนไปยังจิตสำนึกของกวินอย่างรุนแรง นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าจากคอมพิวเตอร์ขึ้นมามองเด็กสาวด้วยสายตาตั้งคำถาม ในขณะที่ญดาพยายามที่จะคิดหาคำพูดมาอธิบายในสิ่งที่หล่อนคิด

    “ไม่รู้สิคะ... บางที คุณอาจจะให้คำตอบอะไรบางอย่างกับฉันได้”

    คำตอบจากญดาสะกิดใจกวินยิ่งนัก

    “คุณคิดว่าผมจะให้คำตอบอะไรกับคุณได้งั้นหรือ”

    “ไม่รู้เหมือนกัน” ญดาพูดอย่างสับสน แต่ก็ยังพยายามรวบรวมความคิดต่อไป “คือฉันรู้สึกว่าตอนนี้ฉันกำลังสงสัยในบางสิ่งบางอย่าง แต่ฉันก็ยังไม่มั่นใจว่าฉันกำลังสงสัยเรื่องอะไร”

    กวินถอนใจ ก่อนจะพูดออกไปอย่างเย็นชา

    “ก่อนจะคาดหวังคำตอบจากคนอื่น คุณควรจะรู้ตัวเองให้แน่ใจก่อนนะ ว่าอยากจะถามอะไร ไม่งั้นจะเสียเวลากันทั้งสองฝ่าย”    

    “ถึงมีแต่พี่ณุไงคะ ที่คุยกับฉันได้” คำตอบของญดาทำเอากวินชะงักไปอีกครั้ง “เพราะพี่ณุจะพูดอยู่เรื่อย ๆ เขาไม่เหนื่อยกับการพูดเลย เหมือนจะรอให้ฉันเจอคำตอบในคำพูดของเขา”

    “แล้วเจอไหม” กวินถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงแววเย้ยหยัน

    คำตอบจากญดาคือการส่ายหน้า ก่อนที่จะอธิบายต่อ

    “แต่ก็ต้องยอมรับว่าฉันก็มีความสุขนะที่ได้ยินเขาพูด ถึงยังไม่ได้เจอคำตอบ แต่การได้ฟังพี่ณุพูดไปเรื่อย ๆ ก็เหมือนได้ต่อลมหายใจ รู้ไหมคะ ในตอนนี้ ที่ฉันรู้สึกสับสนและหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ ฉันมีพี่พึ่งอยู่สองอย่าง ถ้าไม่ได้พูดกับพี่ณุ ฉันก็ชอบไปที่น้ำตก คุณต้องลองไปนะคะ คุณจะต้องไม่เชื่อ แต่การได้ฟังเสียงน้ำตกที่นี่ มันจะทำให้คุณสบายใจอย่างประหลาด เพราะว่าน้ำตกที่นี่มัน...”

    เมื่อนั่นเองที่กวินรู้สึกทนไม่ได้ พูดแทรกออกไปอย่างทันควัน

     “นี่เธอกำลังบอกว่าตอนนี้เธอต่อลมหายใจของเธอ ด้วยน้ำตกกับลมปากของคนอื่นอย่างงั้นหรือ แค่สองอย่างนี้น่ะหรือที่ทำให้เธออยากมีชีวิต”

    ญดามองกวินอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย กับแววตาแข็งกระด้างของชายหนุ่ม

     “ฉัน... ฉันมีปัญหาที่แก้ไม่ได้ และฉันก็จนปัญญา...”

    คำพูดของญดามีแต่รังจะทำให้กวินรู้สึกไม่พอใจมากขึ้น จึงพูดแทรกออกไปอีก

    “ไม่มีใครในโลกไม่มีปัญหา และก็ไม่มีใครฉลาดมาตั้งแต่เกิด พูดตามตรงนะ ฉันรู้สึกว่าเธอให้ค่าลมหายใจของเธอต่ำฉิบหายเลย” กวินผ่อนลมหายใจแรง ก่อนจะพูดตัดบท “ขอโทษ ฉันปากหมา และก็พูดให้กำลังใจใครไม่เก่ง ขอโทษจริง ๆ”

    ญดาอึ้งไปกับคำพูดของกวิน ในขณะที่กวินก็ก้มหน้าก้มตามองจอคอมพิวเตอร์อย่างเอาเป็นเอาตาย ญดาถอนหายใจ เหม่อมองออกไปไกลคล้ายกับจะร้องไห้ ก่อนหันมามองกวินคล้ายกับอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็พูดไม่ออก เด็กสาวกัดริมฝีปากแน่น ในขณะที่กวินเมินหน้าหนีไปทางอื่นคล้ายกับไม่กล้าสบตากับเจ้าหล่อน

     “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอโทษค่ะ แล้วต่อไปจะไม่รบกวนอีก”

    ญดาพูดอย่างกระชับและชัดเจน ก่อนจะลุกเข้าไปในห้อง กวินได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ แว่วมาจากด้านหลัง เหมือนญดาจะร้องไห้ทันทีเมื่อก้าวพ้นจากระเบียง

    กวินปิดคอมลงอย่างแรง ยกมือกุมขมับ เหมือนจะปวดหัว ถอนหายใจเบา ๆ พยายามจะไม่ครุ่นคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่กำลังเข้ามารบกวนสมอง ค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินไปขอบระเบียง สายตาเหม่อมองลงไปด้านล่าง กองไฟเริ่มมอดลงไปบ้าง แต่ความสนุกสนานของคนทั้งหลายยังไม่หมดไปนัก

    เสียงปรบมือดังกึกก้อง ในขณะที่กีตาร์โปร่งถูกส่งไปอยู่ในอ้อมแขนของวิษณุ

    เมื่อเสียงบทเพลงดังแผ่วเบาสะกดใจใครหล่อย ๆ คน กวินรู้สึกได้หลายสิ่งหลายอย่างที่กำลังตามมาหลอกหลอนห้วงความคิดของตนเองให้รู้สึกสะพรึงขึ้นมาประหลาด

    “...ทุกชีวิตดิ้นรนค้นหาแต่จุดหมาย   ใจในร่างกายกลับไม่เจอ  ทุกข์ที่เกิดซ้ำ  เพราะใจนำพร่ำเพ้อ หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข...”

    กวินพยายามจะหนีความภาพอันน่าสะพรึงเหล่านั้น ตัดสินใจเหม่อมองขึ้นไปบนฟ้า สบตากับดวงจันทร์กลมโต ที่กำลังฉายแสงริบหรี่อยู่อย่างเดียวดายบนท้องฟ้ามืดสนิท

    “...คืนนั้นคืนไหนใจเพ้อฝัน  คืนและวันฝันไปไกลริบโลก  ดังนกน้อยลิ่วล่องลอย  แรงลมโบก  พออับโชคตกลงกลาง...  ทะเลใจ” 

    ทนไม่ได้อีกต่อไป น้ำตาของกวินไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว


*** **** ***** **** ***


     คล้ายกับว่ากองไฟจากด้านล่างจะมอดดับลงอย่างถาวร พร้อมกับการเลิกราของความสนุกสนานในเวลาเกือบเที่ยงคืน บรรยากาศรอบด้านแปรเปลี่ยนเป็นความสงบ ความมืดปกคลุมเช่นเดียวกับความเงียบสงัด แต่ถึงหระนั้นก็ตาม ห้วงใจอันสั่นไหวของกวินคล้ายจะยังไม่สงบลงง่าย ๆ หนำซ้ำ ร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงภายในห้องนอนมืด ๆ ยังคงรับเอาความมืดทึบของบรรยากาศโดยรอบให้แทรกซึมเข้าไปปั่นป่วนความรู้สึกให้วูบไหวเปราะบางได้ตลอด

    ราวกับจิตวิญญาณยังคงจมดิ่งลงไปในห้วงเหวแห่งความหวาดกลัวต่ออดีต ไม่เคยมีครั้งไหนที่กวินจะรู้สึกจมไปได้มากมายและเนิ่นนานถึงเพียงนี้ เป็นไปได้ว่าสภาพรอบด้านกำลังส่งผล เคยได้ยินใครต่อใครพูดกันมามาก เกี่ยวกับความลึกลับของป่าเขาที่มีพลังในการก่อกวนห้วงใจอันอ่อนแอของมนุษย์บาปหนา ให้สำลักกับความผิดบาปของตนเองจนปางตาย กวินได้มาสัมผัสกับตัวเองก็คราวนี้

    ภาพอดีตอันเลวร้ายตามหลอกหลอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    แม้เวลาจะผ่านมาแล้วเนิ่นนาน แต่กวินก็ยังไม่ได้หลับ ในขณะที่น้ำตายังคลอหน่วง

    ประตูเปิดออกอย่างช้า ๆ คล้ายกับคนเปิดจงใจจะให้การเข้ามานั้นเงียบงันที่สุดและมีมารยาทที่สุด แม้จะไม่ได้หันไปมอง แต่กวินก็เดาได้ความรู้สึกว่าคงจะเป็นวิษณุ จำได้ว่าชายหนุ่มบอกเอาไว้ว่าคืนนี้จะมานอนด้วย เสียงฝีเท้าย่องเข้ามาใกล้อย่างแผ่วเบาคงไว้ซึ่งความเกรงอกเกรงใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม กวินหลับตาลงทันที จงใจจะแสร้งทำเป็นหลับ พร้อมกับพยายามค่อย ๆ ซุกหน้าลงบนหมอนให้มากที่สุด ราวกับจะเก็บซ่อนหยดน้ำตา

    วิษณุเดินเข้าใกล้ ๆ เตียง ถอดเสื้อนอกออก เหลือแต่เสื้อกล้าม ก่อนจะค่อย ๆ ล้มลงนอนหงาย แม้จะแสร้งหลับตาปี๋ แต่กวินก็รู้ดีว่าสภาพจิตใจปั่นป่วนเช่นนี้ เขาคงไม่มีทางจะหลับลงไปได้ง่าย ๆ เผลอ ๆ วิษณุนั่นแหละ อาจจะหลับไปก่อนเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดี อย่างที่ไม่ทราบในสาเหตุ กวินรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาพอสมควรตั้งแต่วิษณุเดินเข้ามาในห้อง คล้ายกับชายหนุ่มมีเวทมนตร์ในการช่วยเยียวยาความหวาดกลัวให้มลายหายไปได้อย่างน่าอัศจรรย์

    วิษณุพลิกตัวหันมามองกวินเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองเพดานต่อ พร้อมกับถอนใจ

     “คุณ....” วิษณุเอ่ยเรียกด้วยเสียงแผ่วเบา พร้อมกับขยับตัวเล็กน้อย “หลับยัง?”

    ไม่ทันที่กวินจะได้ตอบอะไร หรือครุ่นคิดว่าควรจะแสดงปฏิกิรยาตอบกลับไปแบบไหน จะแสร้างหลับต่อหรือลืมตาขานรับ ไม่ได้มีเวลาให้คิด และไม่จำเป็นต้องคิด สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาหาได้มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงด้วยไม่

    ประตูห้องนอนเปิดออกอย่างเร่งรีบ พร้อมกับรตีที่วิ่งหอบเข้ามาในห้องด้วยท่าทางรีบร้อน

    “แย่แล้วค่ะหมอ”

    อาการเร่งรีบอันน่าตระหนกของรตีทำเอาวิษณุถึงกับผุดลุกขึ้นจากเตียง เช่นเดียวกับกวินที่รู้สึกได้ว่าไม่ควรจะแสร้งหลับอีกต่อไป

    รตีถอนหายใจแรงราวกับเหนื่อยเสียนักหนา ก่อนจะพูดต่อออกมาด้วยเสียงรัวเร็ว

    “ญดาหายตัวไปค่ะ”

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE18/05/2010ลงแล้ว14ตอน
«ตอบ #133 เมื่อ06-06-2010 22:27:55 »

ลงตอนใหม่ให้แล้วนะครับ


อาจจะช้าไปเช่นเคย ตอนหน้าจะพยายามมาให้เร็วกว่านี้ครับผม


ขอบคุณผู้อ่านทุกคนอ่านเลยนะครับ ที่ติดตามและคอมเม้นให้กำลังใจ ขอโทษที่ไม่ได้ตอบเม้นต์แบบรายคนนะครับ เพราะเน็ตมันไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่


ขอบคุณอีกครั้งครับ  :3123:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/06/2010ลงแล้ว15ตอน
«ตอบ #134 เมื่อ07-06-2010 00:14:08 »

อย่าบอกนะว่า กวินเป็นสาเหตทำให้ญดาหนีไปอ่ะ
กวินคงเหมือนสิ่งมหัศจรรย์ของญดาล่ะมั้ง เลยอยากถาม อยากคุย อยากทำความรู้จัก
ด้วยความเป็นตัวเองอ่ะนะ พี่วิษณุรับได้เสมอมา แต่กับแขกวีไอพีนี่ เฮ้อ คนละสปีชี่ย์กันเลย
น่าจะติดป้ายนะ "ระวังคนดุ" กร๊ากกกก อารมณ์ซับซ้อนแต่ก็โคตรตรงไปตรงมา เป็นคนเมืองโคดๆ
มาป่าเขามาขัดเกลาจิตใจก็นะ ความอ่อนแอที่ลึกสุดใจก็พรั่งพรูออกมา..ไม่รู้ว่าน้ำตามันมาจากสาเหตอะไรกันหนอ

หมอวิษณุอย่าเย็นชากับเค้ามากนักสิ เค้าเป็นแขกนะถึงพฤติกรรมจะกระชากคอคนมากัดได้ทุกเมื่อ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะดำมืดสุดขั้วนี่นา กิริยาห่มผ้าให้แขกโป๊เนี่ย อ่อนโยนอีกแล้ว คนอ่านจะ้บ้่า :laugh: :m20:
+1 คะ

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/06/2010ลงแล้ว15ตอน
«ตอบ #135 เมื่อ07-06-2010 00:18:59 »

งานจะเข้ากวินซะแล้วมั้ง  :เฮ้อ:

แต่ตอนต้นๆ หมอนุน่ารักดีนะ ชอบท่าเหวี่ยงผ้าห่ม 555+

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/06/2010ลงแล้ว15ตอน
«ตอบ #136 เมื่อ07-06-2010 01:23:02 »

คิดว่าในส่วนลึกของจิตใจแล้ว กวินก็ต้องการความอบอุ่น และเหงาอยู่ลึกๆแต่ปิดตัวเอง
ทำว่า ฉันเก่ง ฉันอยู่ได้ คนเรามันมีอารมณ์อ่อนไหวไม่มากก็น้อยละน่า
ที่คนพวกนั้นเข้ามาชวนพูดคุย หรือมีไมตรีให้มันเป็นสิ่งดีแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจด้วยซ้ำ แต่คนโรคส่วนตัวสูง หรือ e-go สูงอย่างกวินอาจไม่ชอบ
เราเองก็ไม่ชอบ แต่รู้ว่าพวกเขาจริงใจและอยากมีปติสัมพันท์กับเรา
เรื่องสัตว์ เราไม่ชอบเหมือนกันเลยโดยเฉพาะ สุนัขทุกชนิด ฝังใจกับมัน

อย่าบอกนะว่าที่ญดาหายไปเพราะกวิน นี่ถ้าหล่อนไปฆ่าตัวตายวินไม่ได้รู้สึกผิดไปตลอดชีวิตหรือเนี่ย
ส่วนวิษนุ ก็อบอุ่นมั้งกับคนอื่น

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/06/2010ลงแล้ว15ตอน
«ตอบ #137 เมื่อ07-06-2010 17:04:32 »

โอ่ยยยยย  อ่านสองตอนรวด
ภาษาสวยเหมือนเดิมค่ะ
กวินยังคงความแรงเหมือนเดิม...แต่ดีกรีความแข็งกระด้างลดลงมาพอสมควร
วิษณุ...จะรักกันยังไงอ่ะ  มองไม่เห็นปลายทางแฮะ
ไรท์เตอร์...ไฟท์ติ้งค่ะ!!!!!
 :pig4:

mixmix

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/06/2010ลงแล้ว15ตอน
«ตอบ #138 เมื่อ07-06-2010 21:25:46 »

อ่านแล้วก็คิดว่าอาจจะพูดแรงกับญดาเกินไปมั้ย

แต่ด้วยลักษณะและความคิดอารมร์ความรู้สึกหรืออะไรหลายๆอย่างของกวินเป็นคนดาร์ค

ก็ไม่น่าจะแปลกที่กวินจะพูดแบบนั้นออกมา หุหุ

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/06/2010ลงแล้ว15ตอน
«ตอบ #139 เมื่อ08-06-2010 12:01:04 »

 :pig4:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/06/2010ลงแล้ว15ตอน
« ตอบ #139 เมื่อ: 08-06-2010 12:01:04 »





ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/06/2010ลงแล้ว15ตอน
«ตอบ #140 เมื่อ08-06-2010 14:47:04 »

แม้รู้ดีว่านี่คือรุปแบบการเขียนของคุณ

แต่ฉันก็ยังอดนึกรำคาญไม่ได้ ที่ต้องอ่านการบรรยายที่บางครั้งอาจจะค่อยข้างเยิ่นเย้อในบางจุด

แต่อย่างไรก็ตามที  ฉันก็ยังอดนึกขึ้นมาไม่ได้ว่า  ฉันนี้  คงจะต้องเป็นคนที่คอยตามอ่านนิยายเรื่องนี้ของคุณอีกต่อไปอย่างเลี่ยงไม่ได้  เพราะมันสนุก  ภาษาสวย  แต่บางท่อนบางตอนก็เหมือนสาวงามที่นุ่งชุดกรุยกราย จนชายผ้าพันท่วมใบหน้างดงาม

ตามนั้น

ฉันเอง(<---- ใครวะ ?) ฮาๆ

เจ้สองคะ

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/06/2010ลงแล้ว15ตอน
«ตอบ #141 เมื่อ09-06-2010 04:54:10 »

555

ผมโดนจับไต๋เข้าอย่างแรง


เพิ่งรู้ตัวเอาตอนนี้เลยจริง ๆ ว่ามีความเคยชินกับสำนวนแบบนี้ และใช้สำนวนแบบนี้หากินอยู่เสมอ เรียกได้ว่าเขียนอะไรไม่ออกเมื่อไหร่ ผมจะเผลอตัววกเข้ามารูปประโยคแบบนี้ทันที

สงสัยคงต้องเพลา ๆ ลงบ้างแล้วล่ะ

555


ขอบคุณผู้อ่านทุกคนด้วยครับ ขอบคุณสำหรับกำลังใจ และคอมเม้น และการติดตามครับผม

เดี๋ยวจะลงตอนใหม่ครับ

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/06/2010ลงแล้ว15ตอน
«ตอบ #142 เมื่อ09-06-2010 04:57:16 »

16

   เหตุการณ์ผ่านไปแบบสับสนและงุนงง ระคนกับความหวาดหวั่นที่คุกรุ่นอยู่ในใจแล้วกระจายออกไปสมทบกับอาการตื่นกลัวของคนอื่น ๆ ก่อนจะก่อร่างออกเป็นอาการวิตกจริตหมู่ที่ทรงอิทธิพลเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายน่าหวาดหวั่นนี้ กวินแทบจะไม่มีสติในการที่จะช่วยเหลือแก้ปัญหาใด ๆ เลย นอกเสียจากใช้ร่องรอยของความนึกคิดที่ยังพอหลงเหลือ ติดตามสถานการณ์อย่างมึนงงและทุลักทุเล ไม่ทราบชัดนักว่าเหตุใดอนุสติถึงได้รู้สึกชาด้านมากถึงขนาดนี้ อาจจะเป็นไปได้ทั้งหมดทั้งมวลของความรู้สึก ถูกก่อตัวขึ้นมาจากความรู้สึกผิดที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจ

    ทันทีที่ข่าวคราวแพร่ขยาย หลังจากอากัปกิริยาตกใจและงุนงง... ทุกคนทราบดีถึงการจะต้องเปลี่ยนแปลงกิจวัตรอย่างฉุกละหุกของราตรีนี้ แม้จะไม่มีใครที่จะไม่ยินดีให้ความช่วยเหลือ และทุกคนต่างพร้อมใจกันลุยหน้าเข้าสู่ป่าอันมืดมิดน่ากลัวเพื่อออกไปตามหาญดา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกคนก็ล้วนภาวนาให้กิจกรรมอันน่าแตกตื่นเช่นนี้จบลงอย่างเหลว ๆ เช่นว่า แท้จริงแล้วญดาอาจจะอยู่ที่บ้านดังเดิม หรืออาจจะเป็นความมึนงงของพวกเขาที่เกิดร่วมกันว่าจู่ ๆ ก็ตาฝ้าฟางมองไม่เห็นญดาเอาเสียดื้อ ๆ ทั้ง ๆ ที่ญดากำลังนอนคลุมโปงอยู่บนเตียง ฯลฯ

    ทุกคนภาวนาให้เป็นเช่นนั้น ภาวนาให้ผลที่ออกมาเป็นไปในทางที่ราบเรียบและปรกติ โดยไม่สนด้วยซ้ำว่าความวิตกจริตครั้งนี้จะเป็นการสูญเสียกำลังเปล่า ๆ ปลี้ ๆ เพราะไม่ว่าอย่างไร นั่นก็ย่อมดีกว่าการคิดไปในอีกแง่...

    แง่ที่ว่าอาจจะเกิดอันตรายแก่ญดาขึ้นจริง ๆ

    ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่กวินรู้สึกได้ว่าตนเองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งทางความรู้สึกต่อผู้คนที่นี่อย่างแท้จริง โดยที่ไม่มีการแปลกแยกออกมาแต่อย่างใด กวินกำลังกังวลในเรื่องเดียวกับพวกเขา... ภาวนาในเรื่องเดียวกับพวกเขา... และกระทำในสิ่งเดียวกันกับพวกเขา...  คือการออกย่ำเท้าไปในป่ามืด ปากก็ตะโกรร้องเรียกหาญดา ก่อนที่จะมีการแยกย้ายกันไปตามจุดต่าง ๆ

    “ใจเย็น ๆ นะหมอ” รตีพยายามปลอบ ในขณะที่ใบหน้าของวิษณุในขณะนั้นฉายแววของความตึงเครียดออกมาชัดเจนแม้จะอยู่ในความมืด กวินแทบไม่กล้าจะมองหน้าของเขาเลย เป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดเพราะความรู้สึกผิด แม้จะไม่แน่ใจนักว่าความจริงเป็นเช่นไร แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิด มันก็ทำให้กวินอดคิดมากไปไม่ได้ว่าตนเองนั้นอาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ญดาเตลิดเปิดเปิงไป

    ให้ตายเถิด... เขาไม่ตั้งใจให้เหตุการณ์ต้องมาลงเลยแบบนี้เลย ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าญดากำลังคิดอะไร ถึงได้ทำในสิ่งโง่เง่าเช่นนี้

    แต่เอาเถอะ มันอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ กวินยังหวังเช่นเดียวกับทุกคนว่าสุดท้ายเหตุการณ์อาจจะลงเอยด้วยว่าผู้คนทั้งหมดต่างตื่นตระหนกกันไปเอง โดยที่ความจริงไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น กวินจะนับถือในตัวญดาบ้างว่าไม่ใช่คนคิดอะไรโง่ ๆ

    “เดี๋ยวผมจะเดินไปหาทางโน้น” วิษณุพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ก่อนจะหันมาหารตี “คุณรตีพาคุณกวินกลับไปที่พักก่อนเถอะ”

    “ไม่เป็นไร” กวินแย้งออกไปโดยอัตโนมัติ โดยที่ยังคงไม่กล้ามองหน้าวิษณุ “ผมไปด้วยก็ได้”

    วิษณุถอนใจอย่างเห็นได้ชัด

    “เดี๋ยวพวกเราจะเดินแยกย้ายกันหา คุณน่ะไม่รู้จักป่านี้ดี เดี๋ยวจะหลงได้ กลับไปเถอะ”

    วิษณุพูดแล้วเดินแยกไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้กวินได้ต่อล้อต่อเถียงอะไรอีก รู้สึกเหมือนโดนดุ อดไม่ได้ที่กวินจะต้องพ่ายแพ้แก่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอีกครั้ง หัวสมองคิดกระหวัดไปเพียงว่าญดากำลังเป็นตายร้ายดีเช่นไร จนแสดงชัดออกมาเป็นอาการเคร่งขรึม กระทั่งรตีแตะมือกวินเบา ๆ มองหน้าเป็นสัญญาณยืนยันถึงความถูกควรในคำพูดของวิษณุ ตั้งท่าจะพากวินกลับ แต่เหมือนว่าเจ้าหล่อนจะยังอดไม่ได้ที่จะแสดงความหวาดหวั่นต่อเหตุการณ์อันเกี่ยวเนื่องกับจินตนการภาพร้าย ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา 

     “ขออย่าให้เธอคิดจะฆ่าตัวตายเลย” รตีบ่นพึมพำตลอดทางที่เดินกลับ ในขณะที่กวินก็ยังคงครุ่นคิดถึงญดาอยู่ไม่ขาด

    ทันใดนั้นเอง โสตประสาทของกวินก็ได้ยินเสียงบางอย่างแว่วเข้ามา รู้สึกสะกิดใจเล็กน้อย ก่อนจะแน่แก่ใจว่าคงจะเป็นเสียงของน้ำตก

    ราวกับคำพูดทุกคำของญดาได้หวนกลับคืนมาสู่ห้วงความทรงจำ แล้วขานไขออกมาเป็นคำตอบที่น่าพึงพอใจยิ่ง

    “คุณรตี” กวินคว้ามือของหญิงสาวไว้ด้วยท่าทีลนลาน “น้ำตกอยู่ไหน เราต้องไปที่น้ำตก”

    รตีมีท่าทีมึนงงในช่วงแรก แต่ด้วยสายตาคาดคั้นจึงชี้มือไปทางทิศหนึ่งเพื่อเป็นการให้คำตอบ ในขณะที่กวินรีบวิ่งไปทันทีเมื่อทราบถึงทิศทาง

    เนิ่นนานพอสมควรกว่าที่รตีจะตั้งสติได้แล้ววิ่งตามไป


*** **** ***** **** ***


    ท่ามกลางความมืดมิดอันวังเวงของบรรยากาศ ต้นไม้รกครึ้มแผ่คลุมรอบด้านจนแทบจะแน่ใจไม่ได้ว่ามีอันตรายใด ๆ ซุกซ่อนตัวอยู่ตรงมุมไหน เสียงสายน้ำไหลครืนครางบาดหูรับจังหวะกับความรุนแรงของกระแสน้ำที่ทอดไหลกระแทกกับโขดหินก้อนแล้วก้อนเล่าก่อนจะพุ่งตัวลงหน้าผาด้านล่างที่มองไม่เห็นว่าสูงชันลงไปสักเพียงใด รวมเข้ากับเสียงร้องครืนครางของนกฮูกและเหล่าแมลงที่ชวนให้รู้สึกหวาดผวาเป็นอย่างยิ่ง

    ท่ามกลางบรรยากาศเช่นนี้ เด็กสาวแรกรุ่นผู้หนึ่งดูคล้ายจะไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดยืนนิ่งอยู่เหนือน้ำตก สงบนิ่งเสียจนไม่น่าเชื่อว่าหล่อนยังมีสติ ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าของเด็กสาวเหยียบอยู่บนน้ำระดับตาตุ่ม ในขณะที่เบื้องหน้าคือหน้าผาเตี้ย ๆ ที่ปล่อยให้น้ำไหลลงสู่แอ่งด้านล่าง สายตาของเจ้าหล่อนเหม่อมองไปยังที่ใดก็ไม่อาจรู้ได้

    ภาพที่ได้ปรากฏในดวงตา ย้ำชัดว่ากวินคาดได้ถูกต้องครบร้อยเปอร์เซ็นต์

    “ญดา !” รตีร้องเสียงหลง เมื่อสายตาสามารถมองฝ่าความมืดไปจนมั่นใจว่าเด็กสาวที่เห็นอยู่ไกล ๆ เป็นคนเดียวกับที่หล่อนคิด ในขณะที่กวินยังคงอ้ำอึ้งและพูดอะไรไม่ออก “มาทำอะไรที่นี่”

    ราวกับอาการแตกตื่นของรตีจะทำให้ญดาเรียกสติคืนมาได้เล็กน้อย แต่หล่อนก็หาได้มีปฏิกิริยาไปในทำนองเดียวกับความแตกตื่นของรตีไม่ ตรงกันข้าม สีหน้าและแววตาของญดาเรียบเฉยเสียจนเหมือนไม่เห็นถึงความสำคัญหรือความแปลกแตกต่างอย่างไรในสถานการณ์ หล่อนยิ้ม และตอบด้วยเสียงใสแจ้ว

    “หนูไม่มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยค่ะ แต่ตอนนี้โอเคแล้ว”

    “โธ่ ! เขาตามหาเธอกันให้วุ่น” สุ้มเสียงของรตียังคงเคลือบความกังวลไว้เช่นเดิม ในขณะที่หล่อนพยายามจะพาร่างตุ๊ต๊ะของตนเองก้าวลงน้ำแล้วค่อย ๆ เดินไปหาญดาอย่างยากลำบาก กวินจำได้ว่าจริง ๆ แล้วรตีสายตาสั้นและสวมแว่น แต่คราวนี้ด้วยอารามรีบหล่อนก็เลยอาจจะไม่ได้หยิบแว่นมาด้วย นี่คงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้รตีไม่สามารถจะพาตัวเองเข้าใกล้ญดาไปได้มากกว่านี้ เพราะถ้าก้าวพลาด ก็เป็นไปได้ที่จะพลั้งตกลงไปยังแอ่งด้านล่างแน่ ๆ

    ในขณะที่ญดาก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

    “หนูขอโทษค่ะ... หนูรู้ตัวดีว่ากำลังสร้างปัญหา แต่... หนูสับสนจริง ๆ พี่รตีคะ หนูยังหาคำตอบไม่ได้ หนูแค่อยากจะมาที่นี่เพื่อให้รู้สึกสงบขึ้น”

    “ใจเย็น ๆ นะญดา” รตีพยายามขอร้อง “เอาอย่างนี้ เดินกลับเข้ามาก่อน พี่เดินไปหาหนูไม่ได้ ค่อย ๆ เดินเข้ามานะ ระวังด้วย มันอันตราย”

    “ขอหนูอยู่ต่ออีกสักพักเถอะนะคะ แล้วเดี๋ยวจะกลับไปเอง”

    “พี่ปล่อยให้เธอทำแบบนั้นไม่ได้หรอกญดา” รตีเริ่มจะพูดอะไรไม่ออก และยังคงท่าทีตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด “เธอก็รู้นี่ว่าปัญหาของเธอคืออะไร เธอพร้อมจะลืมตัวได้ทุกเมื่อ แล้วตรงที่ยืนอยู่ก็... โธ่ ! พี่ขอร้อง กลับมาก่อนเถอะ”

    ญดาหาได้ฟังรตีไม่ หล่อนเบือนหน้าหนี และยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

    เมื่อนั้นเอง กวินก็รู้สึกทนไม่ไหวอีกแล้ว ญดากล้าดียังไงถึงได้ทำกิริยาแบบนี้ คิดว่าตัวเองยังสร้างปัญหาไม่พออีกอย่างนั้นหรือ ท่ามกลางกระแสโกรธเกรี้ยวทางความรู้สึกภายใน กวินตัดสินใจแสดงออกถึงความโกรธนั้นโดยการเป็นฝ่ายเดินไปหาญดาแทนรตี ในขณะที่ปากก็เผลอพูดออกไปโดยอัตโนมัติ

    “ฉันไม่เข้าใจเธอจริง ๆ เลยนะ เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ” กวินตะโกนลั่น ถ้อยคำต่าง ๆ พรั่งพรูออกมาจากจิตใต้สำนึก ในขณะที่รตีและญดาถึงกับชะงักไปเล็กน้อยกับท่าทีของกวิน    “เธอสงสัยอะไรกับชีวิตนักหนา ฉันจะบอกให้ก็ได้ โลกนี้มันไม่มีความยุติธรรมอยู่แล้ว เธอมีชีวิตรอต ในขณะที่คนอื่นตาย มันไม่ใช่อะไรที่ต้องคิดมากเลย มันก็แค่เธอรอด...”

    กวินหมายจะเดินไปหาญดาและตั้งใจว่าจะพาญดากลับมา แต่เหมือนว่าจะเดินต่อไปไม่ได้ เพราะน้ำไหลแรงมาก ในขณะที่พื้นหินด้านหน้าเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ ถ้าเหยียบลงไปมีหวังได้ลื่นล้มตกลงไปกับสายน้ำเป็นแน่ ตอนนี้ก็มืดเกินกว่าจะมองเห็นว่าจุดไหนที่ไม่มีตะไคร่ จุดไหนที่สามารถวางเท้าเพื่อเดินต่อได้ และบวกกับว่ากวินในตอนนี้เองก็กำลังใจร้อนและไร้สติเกินกว่าที่จะค่อย ๆ หาทางเดินไปได้ จึงตัดสินใจยืนนิ่งเสียอยู่ตรงด้านหน้ารตี พร้อมกับปากที่ยังคงพรั่งพรูต่อไป

    “...รู้ไหม ! ฉันโคตรจะอิจฉาเธอเลยที่ว่าอย่างน้อยเธอก็ยังเคยได้โชคดีขนาดนั้น ในขณะที่ฉันไม่เคยจะโชคดีได้เสี้ยวหนึ่งของเธอเลยด้วยซ้ำ เลิกทำตัวงี่เง่าได้แล้ว เธอจะต้องเอาชีวิตตัวเองไปฝากกับคนอื่นอีกนานสักแค่ไหน ต้องให้คนคอยพูด คอยปลอบ คอยดูแลไปอีกนานแค่ไหนถึงจะพอใจ ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้าง ทำไมไม่พยายามหาคำตอบงี่เง่าพรรค์นั้นด้วยตัวเอง”

    “คุณกวิน” รตีรีบร้องห้าม “คุณต้องหยุดพูดเดี๋ยวนี้”

    แต่ในตอนนั้นกวินรู้สึกโกรธเกินกว่าจะฟังอีกแล้ว ท่าทีและท่าทางรวมไปถึงการกระทำและเหตุผลงี่เง่าของญดาได้เข้าไปสะกิดกับบาดแผลใหญ่ ๆ ในใจของกวินจนทำให้รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างรุนแรง ต้องสะสางออกไปให้หมดจด

    “ถามจริงเหอะ เธอเคยรักตัวเองบ้างไหม มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองน่ะ เคยทำไหม” กวินกัดฟันพูด แต่เสียงก็ยังคงดังลั่นไปทั่วบริเวณป่าที่เคยเงียบสงัด ราวกับเป็นเสียงคำรามของสัตว์หนึ่งตัวที่กำลังเกรี้ยวกราด “ถ้าฉันเป็นเธอนะ ลองให้มีคนตายเป็นร้อย ในขณะที่ฉันรอด ฉันจะไม่แคร์ แล้วฉันจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างภูมิใจด้วย เพราะฉันจะถือว่าสวรรค์เข้าข้าง !”

    พยายามจะหาจุดที่ก้าวต่อไปอยู่นานนม แต่หายังไง เท้าก็เหยียบลงแต่จุดที่มีแต่ตะไคร่ กวินถอนใจอย่างอึดอัด ในขณะที่แววตาวูบไหวของญดายังคงทำให้รู้สึกหงุดหงิดได้เช่นเดิม

    ตัดสินใจยืนนิ่ง สูดลมหายใจลึก ๆ คิดในใจว่าถ้าเดินต่อไปไม่ได้ ก็ไม่ต้องเดินไปแล้ว ให้ญดาคิดได้แล้วเดินกลับมาเองดีกว่า แต่กระนั้น ปากก็ยังพูดต่อไป พูดประโยคสุดท้ายที่เป็นความรู้สึกอันแท้จริงที่มีต่อเด็กสาวผู้อ่อนแอจนน่าสมเพชผู้นี้

    “เอาจริง ๆ นะ เธอไม่คู่ควรเลย... ฉันว่าสวรรค์คิดผิดที่เลือกให้เธอมีชีวิตรอดแทนที่จะเป็นคนอื่นที่เข้มแข็งกว่านี้ เธอไม่สมควรจะรอดชีวิตอยู่เลยจริง ๆ

    พูดจบกวินก็หันหลังแล้วเดินกลับไปอย่างโกรธจัด ทันใดนั้น รตีก็กรีดร้องลั่น ตามมาด้วยเสียงน้ำกระแทก กวินตกใจหันกลับไป…

    ...ญดาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิมแล้ว !


*** **** ***** **** ***


    กวินกลับเข้ามาในห้อง พร้อม ๆ กับที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังกลายเป็นคนเสียสูญ หัวสมองอื้ออึงไปด้วยความวุ่นวายที่พาให้ประสาทเสีย รู้สึกหนาวสลับร้อนเหมือนอยู่บนดาวพุธ อากาศที่หายใจเข้าไปก็คล้ายจะเต็มไปด้วยพิษร้ายที่ชวนให้รู้สึกพะอืดพะอมอยากจะอาเจียน กล้ามเนื้อทุกส่วนชาด้านจนแทบจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร ราวกับเป็นศพที่กำลังถูกมัดตราสังข์และถูกอุดทวารทุกส่วนของร่าง

    น่ากลัวอะไรเช่นนี้....

    ตัวสั่นเทิ้มอย่างไร้เหตุผล ในขณะที่ภาพความน่าสยดสยองกลับมาเยือนในห้วงความคิด เกินกว่าจะทานทนไหว กวินโผเข้าไปในห้องน้ำด้วยสภาพของคนที่ไร้ซึ่งสมรรถภาพในการทรงตัว เดินกึ่งคลานเข้าไปอย่างทุลักทุเลและน่าสมเพช ก่อนจะอาเจียนออกมาในที่สุด

    รู้สึกแสบไปทั่วท้อง พร้อม ๆ กับปวดขมับและคันคะเยอไปทั่วร่าง มือไขว่คว้าเปิดฝักบัวให้ราดรดทั้งตัว ก่อนจะเซล้มลงกับพื้นอย่างน่าสมเพชเพราะไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะทรงตัวไว้ พร้อม ๆ กับภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกำลังฉายซ้ำในมโนสำนึก เหมือนวีดีโอที่กรอกลับไปมาไม่รู้จบ ตามหลอกหลอนกวินให้เสียสติ

    ในขณะที่ร่างของญดาเคลื่อนไหลไปตามกระแสน้ำตรงแอ่งด้านล่าง พร้อมกับความพยายามอย่างถึงที่สุดของเด็กสาวที่พยายามจะยื้อตัวเองไม่ให้ร่วงตกหน้าผาที่อยู่ไกลออกไปไม่เท่าไร ขณะนั้น... รตีก็พยายามจะร้องเรียกให้คนมาช่วยเหลืออย่างเสียสติ กวินรู้สึกว่ารอช้าไม่ได้ ตัดสินใจกระโดดลงไปช่วยอย่างรวดเร็ว เห็นชัดว่าญดากำลังดำผุดดำว่ายอยู่ด้านหน้า น้ำลึกและเชี่ยวกรากอย่างไม่น่าเชื่อ กวินพยายามสุดความสามารถที่จะว่ายน้ำเข้าไปช่วย แต่ก็ไร้ผล ปรากฏว่าญดาก็โดนน้ำพัดออกไปอีกจนได้ หล่อนเกือบจะตกหน้าผาอีกชั้นซึ่งสูงชันมาก ถ้าร่วงลงไปก็คงไม่เหลือแม้แต่ลมหายใจ โชคดีที่เด็กสาวคว้าก้อนหินไว้ได้ทัน น้ำแรงเสียกวินเองก็ไม่อาจจะต้านทาน ถ้าว่ายไปก็มีหวังว่าคงจะต้องโดนพัดจนตกหน้าผาไปอีกคน

    ชั่ววินาทีที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ญดาก็เหมือนจะไม่มีแรงเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว มือของเด็กสาวหลุดออกจากก้อนหิน ก่อนจะโดนน้ำพัดห่างออกไปอีก แต่เดชะบุญว่าคว้าแง่งหินอีกอันไว้ได้ทัน คราวนี้ขาของหล่อนยื่นแตะขอบผา ดูน่าหวาดเสียวว่าจะตกแหล่มิตกแหล่ น้ำทะลักสาดท่วมใบหน้า หล่อนอ้าปากพะงาบ ๆ เหมือนจะพยายามหาอากาศหายใจอย่างน่าสมเพช

    ในขณะที่กวินในตอนนั้น ทำอะไรไม่ถูกอีกต่อไป ตกใจกลัวจนหน้าซีด วิษณุและผู้ชายอีกหลายคนกระโดดน้ำลงมาช่วยพอดี พวกเขาจับมือกันเป็นทอด ๆ แล้วคว้าตัวญดาไว้ได้ วิษณุอุ้มญดาขึ้นไปบนฝัง หล่อนหมดสติไปแล้ว หน้าซีดเซียวเหมือนไม่ใช่มนุษย์ ทุกคนพยายามรุมจะปฐมพยายามบาล วิษณุพยายามผายปอด อีกคนช่วยกันปั๊มหัวใจ ใบหน้าของญดาตอนนั้นเหมือนศพ ดูซีดเซียวและไร้สัญญาณของการมีชีวิตอย่างสิ้นเชิง

    กวินขึ้นจากน้ำมาอย่างทุลักทุเล เห็นสภาพของญดาแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองต่างหากที่กำลังจะไร้ซึ่งชีวิต

    ความตาย...

    ...น่ากลัวอะไรเช่นนี้

    น้ำจากฝักบัวรินไหลมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่อาจจะชำระจิตใจและบาดแผล ๆ สด ๆ ร้อน ๆ ของกวินให้จางหายไปได้เลย หนำซ้ำ ราวกับน้ำมีสภาพเหมือนเหล้า ราดลงมาแล้วทำให้บาดแผลรู้สึกแสบร้อนไปมากกว่าเก่าเดิม ได้แต่ทำให้ดิ้นทุรนทุรายและก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น

    ภาพเหล่านั้นยังคงตามมาหลอกหลอน ภาพของการไร้ซึ่งชีวิต... ไร้ซึ่งลมหายใจ... ระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาที ขณะหนึ่งที่เด็กสาวคนหนึ่งยังมีลมหายใจ ยังมีเรี่ยวแรงที่จะพูดคุย ยังมีเรี่ยวแรงที่จะยิ้มและซึมเศร้า แต่ต่อในขณะหนึ่งต่อมาเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นกลับถูกพรากออกไปให้กลายเป็นเพียงร่างอันว่างเปล่า ไม่หลงเหลืออะไรอีกเลย ทั้งความคิดและความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นความเศร้าใจหรือดีใจ ความตายไม่เหลือโอกาสใด ๆ ให้เลย

    เพียงชั่ววินาทีที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง วินาทีเหล่านั้นประจักษ์แก่สายตาของกวินอย่างครบถ้วนเมื่อเวลาไม่นานมานี้ ประทับแน่นอยู่ในห้วงความคิดอย่างที่ไม่อาจจะสลัดมันออกไปได้ง่าย ๆ แถมยังกลายพันธุ์เป็นประสิตที่ชอนไชให้ร้ายแก่จิตวิญญาณอีกด้วย

    ทันทีที่ภาพหลอนนั้นกำลังจะให้เขากลายเป็นบ้า โดยที่ไม่รู้ตัวว่าถูกขับเคลื่อนด้วยความรู้สึกประเภทไหน กวินถลาลุกขึ้น พร้อมกับเสยหมัดลงไปอย่างรุนแรงบนกระจกเงาตรงอ่างล้างหน้า บานกระจกแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ พร้อมกับของเหลวสีแดงสดที่ไหลริน ก่อนจะตามมาด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดประมาณ

    หวังว่าความเจ็บปวดและบาดแผลที่เกิดขึ้นจะช่วยแก้ปัญหาให้อะไร ๆ มันดีขึ้นมาบ้าง

    แต่ก็เปล่าประโยชน์ ต่อให้ชกซ้ำไปอีกสักกี่ครั้ง หรือต้อให้กวินสิ้นลมหายใจไปเสียตอนนี้ มันก็คงช่วยอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

    กรีดร้องลั่นออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่

    ความตาย....

    ...โหดร้ายและน่ากลัวอะไรเช่นนี้

    ครั้งแรกที่ได้เห็นแบบจะจะ ทำเอากวินถึงกับเกือบจะไร้สติ

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #143 เมื่อ09-06-2010 04:59:58 »

*** **** ***** **** ***


    บานประตูเปิดออกอย่างช้า ๆ และเปิดค้างไว้ บ่งบอกถึงความเย็นชาอย่างถึงที่สุดของผู้ที่เปิดมันออกมา วิษณุค่อย ๆ ก้าวเข้าในห้องมืด ๆ สายตาที่พร่าไปด้วยหยดน้ำที่แห้งเหือดไปแล้วมองผ่านความมืดเห็นเป็นสภาพห้องที่เละเทะไร้ซึ่งระเบียบ บ่งบอกถึงสภาพความผิดปรกติอย่างเห็นได้ชัดของผู้ที่เข้ามาก่อนหน้า

    วิษณุกัดฟันแน่น คล้ายจะพยายามจะระงับความรู้สึกภานในจิตใจที่ย้อนแย้งโจมตีกันอย่างประหลาด ไม่แน่แก่ใจนักว่าสงครามความรู้สึกครั้งนี้เป็นการต่อสู่ของความรู้สึกอะไรกับอะไร หากแต่รับรู้ได้เพียงการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายบางอย่างในห้วงของจิตใจที่คุกกรุ่นวุ่นวายและยังไม่มีทีท่าว่าจะตกตะกอนออกมาให้เห็นแบบชัดเจน

    ชายหนุ่มค่อย ๆ ก้าวออกมาที่ระเบียง เห็นร่างของชายหนุ่มอีกคนผู้กำลังเปราะบางทั้งกายและใจยืนนิ่งอยู่ในเงามืดของพระจันทร์ที่หายลับไปในหมู่เมฆทะมึน ความรู้สึกในใจของวิษณุกลับมาพลุ่งพล่านอีกคำรบ การโจมตีกันของความรู้สึกสองด้านเริ่มจะรุนแรงขึ้น และในเวลานี้ ฟากหนึ่งก็แสดงแสนยานุภาพออกมาก่อน

    “คุณคิดว่าคุณทำบ้าอะไรของคุณ” วิษณุคำรามเสียงเข้ม กัดริมฝีปากแน่นอย่างโกรธจัด ในขณะที่ตัวปัญหายังคงหลบเร้นอยู่ในมุมมืด คล้ายกับจะใช้มันเป็นเกราะกำบังความผิดบาปที่ได้สร้างขึ้น

    เมื่อไร้ซึ่งคำตอบ ความรู้สึกของวิษณุก็ยิ่งโจมตีกันหนักขึ้น ความรู้สึกด้านหนึ่งกำลังพุ่งทะยานไปสู่จุดสูงสุด ข่มอีกความรู้สึกไว้อย่างอยู่หมัด ระงับความโกรธไว้ไม่ได้อีกแล้ว ตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้กวินอย่างกับคนหาเรื่อง ก่อนจะเปล่งน้ำเสียงออกมาอย่างโกรธจัด พร้อมจะทำลายล้างทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า รวมไปถึงอยากจะบีบคนตรงหน้าให้แหลกละเอียดลงไปยิ่งนัก

    คนอวดดีคนนี้ !

     “ผมไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากว่า...”

    วิษณุหายใจฝืดฝาด ก่อนจะผรุสวาทออกมาเหมือนเสือดุร้ายที่คำรามขู่เหยื่อ

    “คุณแม่งโคตรเหี้ย !”         

    เมื่อนั้นเองที่กวินเหมือนจะทนไม่ได้ ตัดสินใจเดินหนี วิษณุคว้ามือไว้อย่างแรง ไม่รู้ว่าด้วยเหตุบังเอิญอันใด มือที่ถูกคว้าไว้เป็นมือข้างที่กวินใช้ชกกระจกพอดี ความเจ็บปวดทำให้ชายหนุ่มเผลอส่งเสียงร้องออกมาปนกับเสียงสะอื้นอย่างที่ไม่อาจจะควบคุมได้

    “จะไปไหน คิดว่าจะหนีความผิดไปได้งั้นหรือ”

    กวินเบือนหน้าหนี พูดอะไรไม่ออก วิษณุบีบมือแรงขึ้นจนร็สึกเจ็บปวด แต่ก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ร้องไห้ ในขณะที่ดวงจันทร์ค่อย ๆ หลุดพ้นออกจากเมฆหนา ส่งแสงบางเบาลงมากระทบกับหยดน้ำตาที่ไหลอาบน้ำ และหยดเลือดที่ไหลอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงฉายชัดถึงแววของความเจ็บปวดทั้งหลายแหล่ที่ปรากฏออกมา เสียงสะอื้นเริ่มจะดังเข้าไปในโสตประสาทของอีกฝ่าย

    “คุณ...” วิษณุเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่อ่อนโยนลงอย่างทันทีทันใด ราวกับในที่สุด การพลิกผันทางความรู้สึกก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดขึ้น รวมไปถึงได้เห็นสภาพที่เปราะบางอย่างสุดประมาณ “ไปทำอะไร ถึงเลือดออกแบบนี้”

   พูดอะไรไม่ออก พยายามจะกลั้นน้ำตาแต่ทำไม่ได้ กวินร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่อีกต่อไป

    เมื่อนั้นเอง... ความรู้สึกอีกฟากของวิษณุก็เริ่มแสดงบทบาทขึ้นมาอย่างชัดเจน หักล้างความรู้สึกก่อนหน้าไปจนหมดสิ้น ก่อนจะกำชัยและกลายเป็นฝ่ายชนะไปในที่สุด เมื่อนั้นเอง.... วิษณุไม่อาจจะฝืนความรู้สึกตัวเองไว้ได้อีกต่อไป ความรู้สึกที่สั่งสมมานานพอสมควร และมันก็มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ความรู้สึกเช่นนั้นก็ไม่เคยจะกล้าแสดงออกมาเลยสักครั้ง ตรงกันข้าม สิ่งแสดงออกไปไม่เคยตรงกับใจ ด้วยลักษณะนิสัยของตัวเองและอีกฝ่าย รวมไปถึงเขาเองก็ไม่เคยมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะยินดีรับความรู้สึกแบบนี้ไว้หรือไม่ 

    แต่ในคราวนี้ วิษณุไม่ตั้งคำถามเช่นนั้นอีกแล้ว ตัดสินใจคว้ากวินมากอดไว้แน่น ราวกับหวังจะบรรเทาความทุกข์โศกของอีกฝ่ายที่เหมือนจะมากมายมหาศาลจนตอนนี้ไม่เหลือเค้าของความอวดดีอีกต่อไป

    กวินสะอื้นหนักขึ้น เมื่อวิษณุกอดแน่นขึ้นไปอีก พร้อมกับเปล่งถ้อยคำปลอบประโลม

    “ทุกอย่างโอเคแล้ว ญดาปลอดภัยแล้ว เลิกร้องไห้เถอะนะ”


*** **** ***** **** ***


    วิษณุเก็บอุปกรณ์ทำแผลลงกล่อง แล้ววางโยนลงข้างเตียง ลุกไปปิดไฟพร้อมกับถอดเสื้อนอกออก กวินล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างสงบ ไม่พูดไม่จาอะไร นัยน์ตายังคงเปิดค้าง ไม่ได้หลับแต่อย่างใด ความเจ็บปวดที่ฝ่ามือทุเลาลงแล้วแต่ก็ยังไม่หายไปเสียทีเดียว วิษณุถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงข้าง ๆ

    กวินนอนตะแคง ในขณะที่วิษณุนอนหงายมองเพดาน บรรยากาศภายในห้องเงียบงันอยู่สักระยะ ก่อนที่วิษณุจะเป็นฝ่ายชวนคุยขึ้นมาก่อน

    “ขอโทษนะ ผมไม่ควรว่าคุณแรงแบบนั้น”

   “ไม่เป็นไร”

    เงียบไปอีกระยะหนึ่ง กวินยังคงไม่หลับ และเชื่อว่าวิษณุก็ยังไม่น่าจะหลับเช่นกัน

    “ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า” วิษณุถามขึ้นเบา ๆ

    “อืม... ทนได้” กวินตอบออกไปทันทีแม้จะไม่ตรงคำถามนัก

     “แล้วทนมานานยัง”

    ไม่มีคำตอบจากกวิน บรรยากาศกลับมาสู่ความเงียบดังเดิม วิษณุถอนหายใจเบา ๆ ตั้งท่าจะพูดก็แต่เปลี่ยนใจคล้ายกับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ตัดสินใจค่อย ๆ ปิดเปลือกตา ในขณะที่กวินยังคงลืมตาโพลงอยู่เช่นเดิม แม้ภายนอกจะดูสงบและราบเรียบ แต่ภายในใจกลับตรงกันข้ามรู้สึกย้อนแย้งสับสนอย่างบอกไม่ถูก ลังเลอยู่เนิ่นนานกว่าจะตัดสินใจพูดเปิดใจออกมา

   “ตั้งแต่วันที่ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายมาตลอดชีวิต แถมไม่เคยมีใครสนใจใยดีว่าผมจะโชคร้ายแค่ไหน เมื่อผมรู้ตัวว่าผมต้องใช้ชีวิตแต่ละวันด้วยความหวาดกลัวว่าต่อไปผมจะต้องโชคร้ายอะไรอีกบ้าง  ผมตั้งใจกับตัวเองว่าผมจะไม่ยอมให้อะไรมาเอาชนะผมได้ ผมจะไม่ยอมให้ตัวเองเป็นเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งใจว่าจะท้าทายแม่งทุกอย่าง เพื่อจะทำให้ผมมั่นใจได้ต่อไปผมจะต้องไม่กลัวอะไรอีกแล้ว แต่....” กวินเริ่มรู้สึกติดขัดในคำพูดของตัวเอง ในขณะที่ความรู้สึกเริ่มล้นทะลัก “ตอนนี้ผมกลัว... กลัวมาก... ยอมรับว่าไม่เคยเจออะไรน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมกำลังกลัวอะไรอยู่กันแน่”

    วิษณุค่อย ๆ ลืมตา ถอนใจเบา ๆ ก่อนจะตอบคำถามของกวินราวกับผู้ที่รู้ดีในปัญหา

    “คุณกลัวว่าคุณจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ญดาต้องตาย คุณกลัวความรู้สึกผิดบาป คุณกลัวการที่จะต้องกลายเป็นคนชั่วช้าและหยาบกระด้างอย่างแท้จริง เพราะจริง ๆ แล้วคุณเป็นคนดี”

    แม้จะรู้สึกดีในตอนแรก แต่ในตอนท้ายของประโยค ทำเอากวินรู้สึกแปลกแยกอย่างไรพิกล

    “ไม่จริงเลย”

    “แน่ใจ”

    กวินถอนหายใจ ยอมรับแก่ตัวเองว่าพอมาคิดมาตั้งสติไตร่ตรองให้ดี ก็พบว่าสิ่งที่วิษณุพูดนั้นก็จริงอยู่ไม่น้อย ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าตนเองจะมีความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนไปได้ถึงเพียงนี้

    “ไม่อยากจะเชื่อเลยนะ... ถ้าไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้ คนเราจะหยาบกระด้างได้สักแค่ไหน ถ้าเห็นความน่าเกลียดน่ากลัวที่แท้จริงมาเกิดขึ้นต่อหน้า ความตายไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ พอ ๆ กับที่ความโหดร้ายเลวทรามก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเอามาพูดกันอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าเรื่อยเปื่อย เอาจริง ๆ นะ... ป้าคุณคิดถูก”

    “ไม่มีใครถูกไม่มีใครผิดหรอก และในความเป็นจริง ป้าผมไม่ต่างจากคุณ” วิษณุว่า “มีแต่ความทุกข์ แล้วก็เป็นพวกชอบใช้ความทุกข์ให้กลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างงาน แต่ต่างกันตรงที่ว่า คุณน่ะใช้ความทุกข์เขียนงานออกมาด้วยความน้อยใจ แม้งานคุณจะดูหยาบกระด้างและร้ายกาจ แต่ลึก ๆ แล้วคุณกำลังเรียกร้องให้คนอื่นเห็นใจอยู่ต่างหาก ส่วนป้าผมน่ะ แกใช้ความทุกข์มาสร้างงานบำบัดทุกข์ให้คนอื่นอีกที แกไม่ต้องการความเห็นใจจากใครเลย เพราะแกตั้งใจว่าจะเป็นคนมอบสิ่งนั้นให้คนอื่นแทน เอาจริงๆ นะ ผมว่าป้าผมร้ายกว่าคุณเยอะเลย”

     กวินยิ้มเล็กน้อย รู้สึกเชื่อคล้อยตามวิษณุไปอย่างง่ายดาย โดยที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นมาได้ พอ ๆ กับที่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในเวลานี้ ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ค่อยคุ้มเคยเริ่มจะก่อร่างขึ้นมาในจิตใจที่แสร้งทำแข็งกระด้าง แต่สุดท้ายก็รีบสลัดมันออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะคิดเอาเองว่ามันคงไม่เหมาะไม่ควรเท่าไร

    “ขอชมบ้างได้ป่ะ คุณก็เป็นคนดีนะ....” กวินพูดออกไปจากใจจริง “...มาก ๆ ด้วย”

    วิษณุแค่นหัวเราะออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอากวินถึงกับงงไปเล็กน้อย

    “ผมเคยทะเลาะกับพ่อแล้วต่อยหน้าพ่อจนเลือดกลบปากและผมก็ไม่เคยรู้สึกผิด แต่ถ้าคุณอยากจะมอบตำแหน่งคนดีให้ล่ะก็... ผมก็ยินดีรับ ผมไม่ฟอร์มจัดเหมือนคุณหรอก”

    “จริงหรือ” กวินพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่นอนข้าง ๆ จะทำในสิ่งที่พูดลงไปได้ “คุณทะเลาะกับพ่อเรื่องอะไร ทำไมรุนแรงขนาดนั้น”

    วิษณุนิ่งเงียบไปพร้อมกับค่อย ๆ หลับตาลง ในขณะที่ความอยากรู้อยากเห็นของกวินเพิ่มทวีคูณ

    “ตกลงเรื่องอะไร... บอกได้ป่ะ”

    วิษณุผ่อนลมหายใจยาว ในขณะที่ตายังปิดสนิท

    “ได้... มั้ง”

    “เรื่องไรล่ะ”

    “เรื่องที่ผมเป็นเกย์”

    “อะไรนะ!” กวินชะงักพร้อมกับหันหน้ามาหาอีกฝ่าย วิษณุนอนนิ่ง ไม่ไหวติง เป็นไปได้ว่าพอพูดจบแล้ว เจ้าตัวคงจะหลับสนิททันที...

    ...ตรงกันข้ามกับกวินที่ตาสว่างอย่างไม่รู้สาเหตุ
    


------------------------------------------------------

โปรดติดตามครับ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 6/06/2010ลงแล้ว15ตอน
«ตอบ #144 เมื่อ09-06-2010 10:25:10 »

ว้าว

ตอนนี้เธอทำได้ดีทีเดียว

ทั้งประโยคสวยงาม และมีความสำคัญ  อ่านแล้วรู้เลยว่าใส่ประโยคนี้เข้ามาในทำไม

ทุกตัวอักษรได้แสดงออกและทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน

ชิ้นส่วนที่กรุกราย เยิ่นเย่อ  หายไปหมดสิ้น

ฉันชอบประโยคนี้นะ  ที่ว่า...อากาศที่หายใจเข้าไปก็คล้ายจะเต็มไปด้วยพิษร้ายที่ชวนให้รู้สึกพะอืดพะอม อยากจะอาเจียน

อ่านแล้วเห็นภาพมากมาย ว่ากวินรุ้สึกอย่างไรในตอนนี้

แต่เจ้าประโยคนี้ -->   “คุณแม่งโคตรเหี้ย !” 

มันไม่น่าจะปรากฏขึ้นมาในงานของเธอเลย  เหมือนพลอยเก๊ ราคาถูก ที่ไปติดอยุ่ที่ชายกระโปรงไหม ตัดเย็บปราณีต ราคาแพง เลยจริงๆ (อย่างน้อยก็ในสายตาฉัน)

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ

ขอให้เธอรักษาความสามารถอันดีข้อนี้ของเธอเอาไว้ด้วยนะ  และจงหยิบมันออกมาใช้เรื่อยๆ ในเวลาที่เธอต้องการ

อย่างทิ้งมันไปเสียล่ะ

เจ้สอง

ปล. อีตาหมอ มันไปรัก กวินตอนไหน ยังหาไม่เห็น  มีก็แค่ รุ้สึกหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงนึกขันหากย้อนไปคิดถึงเรื่องเปิ่นๆ ที่ตัวเองและกวินทำไว้ รุ้สึกว่ารวบรัดไปนิดหนึ่งน้า

ปลล. อันนี้ --> “แน่ใจ”   เธอลืมใส่เครื่องหมายคำถามอ๊ะเปล่า ?

ปลลล. คุณนี้ ใส่ความกลับไปกลับมา (ฉันพิมพ์ภาษาอังกฤษไม่ถูก อิอิ) ในธรรมชาติของตัวละครได้เก่งจริงๆ  อ่านแล้วดูเหมือนงานคุณมันมีอะไรมากไปกว่าความบันเทิง 

ชอบนะ

beybeybeymylove

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #145 เมื่อ09-06-2010 14:03:56 »

ตั้งแต่ต้นจนจบ รู้สึกว่าคนที่มีปัณหาที่่สุดคือกวิน
ลักษณะที่สื่อออกมาคือคนเก็บกด ขาดความอบอุ่น 
โดนกลั่นแกล้ง  จนปิดตัวเอง คิดว่าจากเรื่องราววัยเด็ก
ทำให้ปิดกั้นตัวเองและยึดถือแนวคิด มองโลกในแง่ร้าย

ได้แต่หวังว่า คุณนุ จะเยียวยาคนไข้ที่น่ารักคนนี้ได้ :เฮ้อ: :impress3:

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #146 เมื่อ09-06-2010 20:38:04 »

โหยยย ตอนแรกนึกว่าจะช่วยไว้ไม่ทัน  :เฮ้อ:

ชอบมากค้า อิอิ   :pig4:

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #147 เมื่อ09-06-2010 21:31:53 »

วินาทีแห่งความเป็นความตาย เขียนได้น่ากลัวมากค่ะ แบบว่า..ภาพมาเป็นฉากๆเลย  o13
อ้างถึง
“ตกลงเรื่องอะไร... บอกได้ป่ะ”    วิษณุผ่อนลมหายใจยาว ในขณะที่ตายังปิดสนิท
    “ได้... มั้ง”
    “เรื่องไรล่ะ”
    “เรื่อง ที่ผมเป็นเกย์”
    “อะไรนะ!” กวินชะงักพร้อมกับหันหน้ามาหาอีกฝ่าย วิษณุนอนนิ่ง ไม่ไหวติง เป็นไปได้ว่าพอพูดจบแล้ว เจ้าตัวคงจะหลับสนิททันที...
    ...ตรงกันข้ามกับกวินที่ตาสว่าง อย่างไม่รู้สาเหตุ
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะ  :impress2:
เป็นกำลังใจให้นะคะ

mixmix

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #148 เมื่อ10-06-2010 12:38:09 »

เฮ้อ บีบจิตมาก นึกว่าจะช่วยไม่ทันซะแล้ว
แต่ญดานี่อ่อนแอจริงๆนะ
คือเราว่าเราก็คิดเหมือนที่กวินพูดไปน่ะ
แต่จะว่ากวินถูกซะทีเดียวก็ไม่ได้
เพราะกวินไม่น่าพูดตอนนั้น ในตอนที่ญดากำลังอ่อนแอแบบนั้น

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 9/06/2010ลงแล้ว16ตอน
«ตอบ #149 เมื่อ10-06-2010 15:19:58 »

อ่านตอนนี้ทำให้เห็นว่า ทุกคนต่างมีปมในใจ  มีด้านมืดของตนเองทั้งนั้น
แต่ว่า แต่ละคนจะแสดงออก ทางด้านไหน ก็สุดแต่คน คนนั้นจะเป็นไป

ทั้งกวินและวิษณุจะเป็นยังไงต่อไป  น่าติดตามมากๆว่าทั้ง 2 คนจะเยียวยากันยังไง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด