Hopeful & Hopeless วรรณกรรมจำเ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Hopeful & Hopeless วรรณกรรมจำเ  (อ่าน 131101 ครั้ง)

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE26/02/2010ลงแล้ว11ตอน
«ตอบ #60 เมื่อ27-02-2010 01:02:01 »

 :m20: วิธีการปลุกคนที่พึ่งรู้จักกัน........ดีดน้ำใส่เนี่ยนะ  o22  :laugh:
ฮาไม่ไหวจะเคลียร์กระเซ็นนิดๆหน่อยยังไม่พอใจ นี่ถ้ามีน้ำเยอะกว่านี้พี่แกคงราดใส่
หน้านุ้งกวินแน่ๆ  :pigha2: อิคุณวิษณุจะแมนไปไหนเคอะ ชิส์!! แหม...เอ็นดูเค้าก็บอกมาเหอะ
ทำเป็นเก็กอยู่ได้ มีการมายีหัวด้วยนิ นี่ถ้าเจ้าตัวไม่ขี้เซาอ่ะนะ เจอโดนแยกเขี้ยวแน่ๆ

บุคลิกอยากนุ้งกวินที่ดูจะขี้หงุดหงิดไม่สนใจโลกอ่ะนะแต่จริงๆแล้วหน้าบางโคดๆ 55
เสียอะไรก็เสียได้แต่อย่ามาเสียฟอร์ม เล่นนอนไม่ตื่นแบบนี้อิอิ อายดิ  :m13:
เจอคนมารอเย้ยถึงที่ด้วยอ่ะ....แหมบริการหลังการปลุกนี่ดีจริงๆนะคุณวิษณุขาาาา

เดินขึ้นเขานี่แกล้งกันหรือว่า.........ทางถนนมันไกลห๊ะ
แง่งคนกำลังจะตาย...ยังจะมาให้ดูวิว น่าเชือดจริงๆ
เด็กในเมืองวันๆอยู่แต่ในกล่องสี่เหลี่ยมเจอหญ้า กิ่งไม้ เถาวัลย์
โน้นนี่เกี่ยวเนื้อตัวคงมอมแมมได้ที่ อีกอย่างต้องมาเล่นสงครามประสาท
กับคนบางคนด้วย.......ความหงุดหงิดเพิ่มเป็นพันเท่า 555 ทั้งร้อน
ทั้งเหนื่อย ทั้งหนัก ทั้งคัน..........ทั้งอยากตื้บคน  :m16: :m31:
55 เห็นใจนุ้งกวินที่ซู้ดดดดดดดดดด

เออ...แต่ว่าอิคุณวิษณุนั่นเป็นหมอจริงอ่ะ.........หมออะไรเคอะ
หมอผีรึ  :jul3:

+1 คะ

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE26/02/2010ลงแล้ว11ตอน
«ตอบ #61 เมื่อ27-02-2010 03:59:38 »

 :กอด1:คนเขียน

กวินนี้ดูแล้วแสบจริงๆ

เรื่องนี้จะเริ่มโรแมนติกตรงช่วงไหนคะ อิอิ ดูแล้วอีตากวินนี้แร๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงอย่างเดียวเชียว

เนื่องเรื่องสนุกดีค่ะ ตอนแรกเเอบคิดว่าพระเอกจะเป็นเด็กบ้านั้นอีก เลวจริงๆเชียว นึกแล้วพลานเกลียดเด็กขึ้นมาตะงิดๆ

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE26/02/2010ลงแล้ว11ตอน
«ตอบ #62 เมื่อ27-02-2010 04:04:22 »

น่าสงสารกวินนะครับ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีก ขอบคุณที่มาต่อครับ

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE26/02/2010ลงแล้ว11ตอน
«ตอบ #63 เมื่อ27-02-2010 06:50:47 »

เพิ่งอ่านครั้งแรกค่ะ แนวนี้ที่เป็นแบบนี้(งงไหม?) แนวนี้หาอ่านแบบนี้ไม่ค่อยเจอหรอกนะ งานที่คุณเขียนก็ออกมาดี ภาษาสวย รื่นไหล ไม่ติดขัด แทบหาคำผิดไม่เจอด้วย

เอาเป็นว่าประทับใจมากๆ  o13  ไออ่านตอนแรกๆก็เครียดซะ(เป็นพวกอินน่ะค่ะ) แต่ก็อยากอ่านต่อ

กวินเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายจริงๆนั่นแหละ แต่ก็บอกได้เลยว่าเป็นคนที่ค่อนข้างจะจริงจัง แต่ไม่รู้จักการใช้ชีวิต แบบใช้ชีวิตได้ไม่คุ้มค่าสักเท่าไหร่ ไม่กล้าเผชิญหน้า โลกกระทัดแคบ ไม่ไว้ใจใคร รวมๆกันจึงกลายเป็นคนแบบนี้  ตอนแรกไอไม่ชอบกวินเอาซะเลย คนอาไร้ใจดำได้ขนาดนี้ แต่ถ้าให้มองจริงๆก็มีคนแบบนี้อยู่จริงนั่นแหละ แถมในยุคปัจจุบันก็เยอะซะด้วย แต่กวินก็เป็นคนที่มีความสามารถในการเขียน งานของเขาทำให้ผู้คนรู้จักโลกในอีกมุมมองหนึ่ง ก็นะ....

อืมมม ... บอกตรงๆว่าไม่ชอบขจรเอามากๆจริงๆ(ออกแนวรำคาญมากกว่า) ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่ามันทำอะไรถึงมาอยู่ตำแหน่งพี่พรรณได้

ส่วนพี่พรรณก็เป็นพี่ที่ดีล่ะนะ พี่รสก็เป็นบรรณาธิการชั้นยอดคนหนึ่งเลย รู้จักถอยออกมาหนึ่งก้าวเพื่อที่จะลุยต่อไปอีกหลายๆก้าว รู้จักชักจูงคน(นักเขียน) อ่ะนะ....

ไอตลกพิมพ์ตอนเมาด้วย speak eng. ซะงั้น เคยอยู่นอกมานานเหรอ?

ส่วนนายวิษณุนี่ก็เป็นคนชิวๆน่าดูนะ อินดี้จริงๆนั่นแหละ ใช้ชีวิตคุ้มค่าซะเหลือเกิน แต่ก็ต้องยอมถอยเพื่อกวินบ้างนะ (ไม่งั้นจะมีวันรักกันไหมล่ะ?)

อ๊ะ! อีกอย่างนะ ไอ้เด็กอายุ16 ที่ออกมาในตอนแรก ไอไม่ได้คิดว่ามันเป็นพระเอกอยู่แล้วดิ มองยังไงก็เข้ากับกวินที่เป็นนายเอกไม่ได้เพราะฉะนั้นไม่ใช่พระเอกแน่นอน
แต่ก็รอๆดูว่าเมื่อไหร่จะออกมาเหมือนกัน พอนายวิษณุโผล่ออกมา แล้วพอถึงฉากที่คุยกันครั้งแรก ตกใจนิดหน่อยตรง"คุณกลัวผมหรือ?" เหมือนมองกวินออกไงงั้น แต่พอถึงตรง"คุณน่ะผ่านโลกน้อยมาก...." ไอก็คิดเลยว่ามันแน่ๆที่เป็นพระเอก

เอออออ ... แต่ก็อยากรู้จริงๆนะว่าป้าวรรณี เห็นอะไรในตัวกวิน ?  ขนาดคิดว่าเป็นงานตัวเองทั้งๆที่แนวการเขียนมันคนละแนวอย่างที่กวินว่านั่นแหละ หรือว่าภายในใจป้าไม่ได้มีแต่สิ่งอ่อนโยนที่ต้องการปลอบประโลมคนอย่างงานเขียนที่ออกมา ?  ก็ไม่รู้สินะ...... ก็ประมาณนี้แหละ



เป็นกำลังใจให้นะคะ  :L2:

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE26/02/2010ลงแล้ว11ตอน
«ตอบ #64 เมื่อ27-02-2010 18:43:35 »

น่าสงสารกวินจังหมดท่าไปเลย

thomaskung

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE26/02/2010ลงแล้ว11ตอน
«ตอบ #65 เมื่อ27-02-2010 19:36:09 »

คิดแล้วอยากบีบคอตาวิษณุแทนนู๋วิน

ชิส์

ปล. ไหนว่าลักหลับอะคนเขียน ข้ามไปไหน T^T

 :z13:

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE26/02/2010ลงแล้ว11ตอน
«ตอบ #66 เมื่อ02-03-2010 20:03:43 »

เป็นอะไรที่รู้สึกเจ็บใจเเทนกวินมากเลย

รออ่านอยู่นะ สนุกดี

 :call:

- ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ ดีใจที่บอกว่าสนุกครับผม

:m20: วิธีการปลุกคนที่พึ่งรู้จักกัน........ดีดน้ำใส่เนี่ยนะ  o22  :laugh:
ฮาไม่ไหวจะเคลียร์กระเซ็นนิดๆหน่อยยังไม่พอใจ นี่ถ้ามีน้ำเยอะกว่านี้พี่แกคงราดใส่
หน้านุ้งกวินแน่ๆ  :pigha2: อิคุณวิษณุจะแมนไปไหนเคอะ ชิส์!! แหม...เอ็นดูเค้าก็บอกมาเหอะ
ทำเป็นเก็กอยู่ได้ มีการมายีหัวด้วยนิ นี่ถ้าเจ้าตัวไม่ขี้เซาอ่ะนะ เจอโดนแยกเขี้ยวแน่ๆ

บุคลิกอยากนุ้งกวินที่ดูจะขี้หงุดหงิดไม่สนใจโลกอ่ะนะแต่จริงๆแล้วหน้าบางโคดๆ 55
เสียอะไรก็เสียได้แต่อย่ามาเสียฟอร์ม เล่นนอนไม่ตื่นแบบนี้อิอิ อายดิ  :m13:
เจอคนมารอเย้ยถึงที่ด้วยอ่ะ....แหมบริการหลังการปลุกนี่ดีจริงๆนะคุณวิษณุขาาาา

เดินขึ้นเขานี่แกล้งกันหรือว่า.........ทางถนนมันไกลห๊ะ
แง่งคนกำลังจะตาย...ยังจะมาให้ดูวิว น่าเชือดจริงๆ
เด็กในเมืองวันๆอยู่แต่ในกล่องสี่เหลี่ยมเจอหญ้า กิ่งไม้ เถาวัลย์
โน้นนี่เกี่ยวเนื้อตัวคงมอมแมมได้ที่ อีกอย่างต้องมาเล่นสงครามประสาท
กับคนบางคนด้วย.......ความหงุดหงิดเพิ่มเป็นพันเท่า 555 ทั้งร้อน
ทั้งเหนื่อย ทั้งหนัก ทั้งคัน..........ทั้งอยากตื้บคน  :m16: :m31:
55 เห็นใจนุ้งกวินที่ซู้ดดดดดดดดดด

เออ...แต่ว่าอิคุณวิษณุนั่นเป็นหมอจริงอ่ะ.........หมออะไรเคอะ
หมอผีรึ  :jul3:

+1 คะ

- ต้องคอยติดตามครับว่าหมออะไร แต่ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นหมอผีจริง ๆ ^ ^
:กอด1:คนเขียน

กวินนี้ดูแล้วแสบจริงๆ

เรื่องนี้จะเริ่มโรแมนติกตรงช่วงไหนคะ อิอิ ดูแล้วอีตากวินนี้แร๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงอย่างเดียวเชียว

เนื่องเรื่องสนุกดีค่ะ ตอนแรกเเอบคิดว่าพระเอกจะเป็นเด็กบ้านั้นอีก เลวจริงๆเชียว นึกแล้วพลานเกลียดเด็กขึ้นมาตะงิดๆ

- นั่นสิ คิดไปคิดมา เรื่องนี้ก็ชักจะไม่โรแมนติกสักเท่าไหร่เลยแฮะ อาจจะเพราะคาแรคเตอร์มันจริงจังด้วยแหละมั้งครับ แต่ยังไงก็จะพยายามให้มันพอมีความโรแมนติก(เท่าที่สถานการณ์และตัวละครจะเป็นไปได้นะครับผม) ขอบคุณที่เข้ามาติดตามครับ
น่าสงสารกวินนะครับ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีก ขอบคุณที่มาต่อครับ
-ขอบคุณที่มาอ่านเช่นกันครับ


kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE26/02/2010ลงแล้ว11ตอน
«ตอบ #67 เมื่อ02-03-2010 20:08:37 »

เพิ่งอ่านครั้งแรกค่ะ แนวนี้ที่เป็นแบบนี้(งงไหม?) แนวนี้หาอ่านแบบนี้ไม่ค่อยเจอหรอกนะ งานที่คุณเขียนก็ออกมาดี ภาษาสวย รื่นไหล ไม่ติดขัด แทบหาคำผิดไม่เจอด้วย

เอาเป็นว่าประทับใจมากๆ  o13  ไออ่านตอนแรกๆก็เครียดซะ(เป็นพวกอินน่ะค่ะ) แต่ก็อยากอ่านต่อ

กวินเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายจริงๆนั่นแหละ แต่ก็บอกได้เลยว่าเป็นคนที่ค่อนข้างจะจริงจัง แต่ไม่รู้จักการใช้ชีวิต แบบใช้ชีวิตได้ไม่คุ้มค่าสักเท่าไหร่ ไม่กล้าเผชิญหน้า โลกกระทัดแคบ ไม่ไว้ใจใคร รวมๆกันจึงกลายเป็นคนแบบนี้  ตอนแรกไอไม่ชอบกวินเอาซะเลย คนอาไร้ใจดำได้ขนาดนี้ แต่ถ้าให้มองจริงๆก็มีคนแบบนี้อยู่จริงนั่นแหละ แถมในยุคปัจจุบันก็เยอะซะด้วย แต่กวินก็เป็นคนที่มีความสามารถในการเขียน งานของเขาทำให้ผู้คนรู้จักโลกในอีกมุมมองหนึ่ง ก็นะ....

อืมมม ... บอกตรงๆว่าไม่ชอบขจรเอามากๆจริงๆ(ออกแนวรำคาญมากกว่า) ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่ามันทำอะไรถึงมาอยู่ตำแหน่งพี่พรรณได้

ส่วนพี่พรรณก็เป็นพี่ที่ดีล่ะนะ พี่รสก็เป็นบรรณาธิการชั้นยอดคนหนึ่งเลย รู้จักถอยออกมาหนึ่งก้าวเพื่อที่จะลุยต่อไปอีกหลายๆก้าว รู้จักชักจูงคน(นักเขียน) อ่ะนะ....

ไอตลกพิมพ์ตอนเมาด้วย speak eng. ซะงั้น เคยอยู่นอกมานานเหรอ?

ส่วนนายวิษณุนี่ก็เป็นคนชิวๆน่าดูนะ อินดี้จริงๆนั่นแหละ ใช้ชีวิตคุ้มค่าซะเหลือเกิน แต่ก็ต้องยอมถอยเพื่อกวินบ้างนะ (ไม่งั้นจะมีวันรักกันไหมล่ะ?)

อ๊ะ! อีกอย่างนะ ไอ้เด็กอายุ16 ที่ออกมาในตอนแรก ไอไม่ได้คิดว่ามันเป็นพระเอกอยู่แล้วดิ มองยังไงก็เข้ากับกวินที่เป็นนายเอกไม่ได้เพราะฉะนั้นไม่ใช่พระเอกแน่นอน
แต่ก็รอๆดูว่าเมื่อไหร่จะออกมาเหมือนกัน พอนายวิษณุโผล่ออกมา แล้วพอถึงฉากที่คุยกันครั้งแรก ตกใจนิดหน่อยตรง"คุณกลัวผมหรือ?" เหมือนมองกวินออกไงงั้น แต่พอถึงตรง"คุณน่ะผ่านโลกน้อยมาก...." ไอก็คิดเลยว่ามันแน่ๆที่เป็นพระเอก

เอออออ ... แต่ก็อยากรู้จริงๆนะว่าป้าวรรณี เห็นอะไรในตัวกวิน ?  ขนาดคิดว่าเป็นงานตัวเองทั้งๆที่แนวการเขียนมันคนละแนวอย่างที่กวินว่านั่นแหละ หรือว่าภายในใจป้าไม่ได้มีแต่สิ่งอ่อนโยนที่ต้องการปลอบประโลมคนอย่างงานเขียนที่ออกมา ?  ก็ไม่รู้สินะ...... ก็ประมาณนี้แหละ



เป็นกำลังใจให้นะคะ  :L2:

- โอ... ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ ดีใจที่ได้อ่านคอมเม้นยาว ๆ แบบนี้ ฮ่า ๆ ประเด็นที่ว่าขจรมาอยู่ในตำแหน่ง บก ได้ไง อันนี้ความจริงก็แค่มธุรสเริ่มไม่ไว้ใจอรพรรณฐานที่ทำ สนพ เสียผลประโยชน์ เลยให้ขจรมาถ่วงอำนาจน่ะครับ เพราะขจรเอาเรื่องวรรณีไปรายงาน ส่วนประเด็นที่ว่าสุดท้ายแล้ววรรณีเห็นอะไรในตัวกวิน อันนี้อาจจะต้องติดตามต่อไปครับ แต่ก็ไม่แน่ว่าสิ่งที่คุณคิดก็อาจจะถือว่าถูกแล้วก็ได้ครับ ^ ^ ขอบคุณมาก ๆ จริง ๆ ครับ

น่าสงสารกวินจังหมดท่าไปเลย

- ขอบคุณครับผม

คิดแล้วอยากบีบคอตาวิษณุแทนนู๋วิน

ชิส์

ปล. ไหนว่าลักหลับอะคนเขียน ข้ามไปไหน T^T

 :z13:

- ต้องขอข้ามจริง ๆ ครับ เพราะการลักหลับมันไม่เกิดขึ้น แหะ ๆ ๆ แล้วอีกอย่าง ถ้าเกิดขึ้นก็เกรงว่าคนเขียน คงเขียนอะไรแบบนี้ได้ไม่ค่อยถนัดจริง ๆ ครับ ^ ^

thomaskung

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE26/02/2010ลงแล้ว11ตอน
«ตอบ #68 เมื่อ03-03-2010 20:16:28 »

กำลังจะมาต่อใช่มะ หุหุ

มาพอดีเยย

^^

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE26/02/2010ลงแล้ว11ตอน
«ตอบ #69 เมื่อ03-03-2010 20:28:18 »

กำลังจะมาต่อใช่มะ หุหุ

มาพอดีเยย

^^


- ยังครับ แหะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ (หายแว้บบบ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE26/02/2010ลงแล้ว11ตอน
« ตอบ #69 เมื่อ: 03-03-2010 20:28:18 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






thomaskung

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE26/02/2010ลงแล้ว11ตอน
«ตอบ #70 เมื่อ06-03-2010 10:05:49 »

แว่บปายหนาย

สองวันละน้าาาาาาาาาา

กลับมาซะดี ๆ :z13:

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE26/02/2010ลงแล้ว11ตอน
«ตอบ #71 เมื่อ09-03-2010 17:38:45 »

ลงต่อเซ่~~  :z3:

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE26/02/2010ลงแล้ว11ตอน
«ตอบ #72 เมื่อ10-03-2010 04:24:34 »

12

    มอเตอร์ไซค์สองคันขับเคลื่อนไปตามถนนลูกรังลดเลี้ยวขึ้นตามแนวเขาได้อย่างคล่องตัวกว่าที่คิด กวินซ้อนท้ายอยู่ในคันหนึ่งที่มีชายหนุ่มร่างผมเก้งก้างทำหน้าที่เป็นคนขับ วิษณุซ้อนอยู่คันหน้าที่เหมือนจะขับนำอยู่ไม่ไกล กวินมองอะไรได้ไม่ถนัดนัก นอกจากรู้สึกได้ถึงลมที่พัดปะทะใบหน้า และกระเป๋าสัมภาระที่คล้ายจะถูกหน่วงเล็กน้อยเมื่อเกี่ยวกับกิ่งไม้ข้างทาง แต่สายตาของกวินมองอะไรได้น้อยมากเพราะแทบจะหลับตาอยู่ตลอดทาง ส่วนหนึ่งเพราะลมและแดดที่พาให้สายตาทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่อีกส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะความจงใจที่จะปิดกั้นตัวเองจากการรับรู้ในภาพที่น่าหวาดเสียวต่าง ๆ นา ๆ โดยเฉพาะเมื่อยามที่มอเตอร์ไซค์คันเก่งแทบจะเหินเวหาเมื่อสะดุดเข้ากับลูกคลื่นบนพื้นถนนที่พาให้รถเหาะขึ้นเล็กน้อยก่อนที่คนขับจะบิดแฮนด์อย่างทันท่วงทีเมื่อมีทีท่าว่ารถจะเหินตกเขาเพราะด้านหน้าเป็นโค้งหักศอก

    กวินสัมผัสถึงความสมบุกสมบันอยู่นานนม นึกสงสัยอยู่ครามครันในสวัสดิภาพ บวกกับบางคราวก็ไม่แน่ใจในเลือดเนื้อของตัวเองนักว่าที่ยังรู้สึกจับต้องได้นี่ยังเป็นความจริงอยู่หรือไม่ อดคิดไม่ได้ว่าเผลอ ๆ ความจริงเขาอาจจะตกเขาคอหักตายไปแล้วก็ได้ ที่เป็นอยู่นี้คือวิญญาณ

    เสียงหัวเราะชอบใจหยอกล้อของหนุ่มคนขับดังแว่วมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะเมื่อได้ผ่านจุดหวาดเสียวต่าง ๆ พาให้กวินนึกขวางอยู่ได้ไม่น้อย ไม่เข้าใจว่านี่กำลังคิดว่าตัวเองกำลังแข่งมอเตอร์ไซค์วิบากอยู่หรืออย่างไร และถ้าไม่ได้คิดเอง กวินรู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงของวิษณุหัวเราะร่วมวงไปด้วย

    ไม่อยากจะนึกหงุดหงิดให้มันปวดสมอง ก็แค่ความความสนุกงี่เง่าแบบพวกผู้ชาย แต่ขอว่าอย่าได้มีอุบัติเหตุใด ๆ เกิดขึ้นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นกวินก็คิดไว้แล้วว่าคงจะไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น

    เวลาผ่านไปสักระยะ รู้สึกได้ถึงความเรียบรื่นของเส้นทางจนพาให้รู้สึกผิดปรกติ มอเตอร์ไซค์แล่นฉิวตรงไปอย่างราบรื่น พร้อมกับที่คนขับเหยียบเข้าเกียร์ที่ผ่อนคลายขึ้น เมื่อนั้นเองกวินจึงค่อย ๆ ลืมตา ก่อนจะโล่งใจขึ้นมาอย่างครามครันเมื่อพบว่าถนนที่ทอดยาวตรงไปนี้ ดูจะเป็นที่ราบ ไม่สมบุกสมบันเหมือนเส้นทางที่ผ่านมาแล้ว

    เปิดสายตามองบรรยากาศรอบข้างได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

    มอเตอร์ไซค์ทั้งสองขับเคลื่นลอดซุ้มประตูไม้เข้าไปสู่เขตพื้นที่ ๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล คล้ายว่าจะได้รับการดูแลอย่างดี ต้นไม้ทั้งหลายในพื้นที่ดูเป็นระเบียบและสดชื่น สนามหญ้าสีเขียวสดดูสบายตาไม่แห้งแล้ง แปลงดอกไม้ปลูกไว้อย่างเป็นระเบียบยาวออกไปไกล ส่วนใหญ่จะเป็นดอกไม้ที่ปลูกง่าย อาทิ ดาวเรือง บานชื่น บานไม่รู้โรย ฯลฯ แซมด้วยไม้ประดับที่ตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบสวยงาม รับกับทิวทิศน์เบื้องหลังที่เป็นแนวเขาปกคลุมทอดยาวเป็นฉาก สัมผัสได้ถึงความสงบและรื่นรมย์อย่างอธิบายได้ไม่หมด

    รถขับเข้าไปอย่างเชื่องช้า คล้ายกับคนขับจงใจชะลอความเร็ว กวินมองเห็นคนประมาณเกือบยี่สิบคนในพื้นที่ที่กำลังช่วยกันตกแต่งสวน มองไกลออกไปเห็นโรงเรือนหลังเล็ก ๆ ที่เหมือนจะเลี้ยงไก่ไว้ด้านใน มีคนสองสามคนเดินเข้าออกพร้อมกับหิ้วถังอาหารสัตว์ คนส่วนใหญ่แทบทุกคนยิ้มกว้างเมื่อเห็นวิษณุ โบกมือทักทายอย่างเป็นมิตร ในขณะที่มีอยู่หลายคนที่มองกวินอย่างสนอกสนใจ

    โดยอัตโนมัติ กวินหลบตาจากคนพวกนั้นเสีย

    มอเตอร์ไซค์ขับเข้าไปยังบริเวณด้านในสุด ด้านหน้าเรือนไม้ปลูกติดกันอยู่หลายหลัง เห็นผู้คนประมาณห้าหกคนกำลังช่วยกันทำความสะอาดพร้อมกับส่งเสียงพูดคุยบวกกับร้องเพลงอย่างครึกครื้น มอเตอร์ไซค์ทั้งสองคันจอดตรงด้านหน้าเรือนหลังที่ใหญ่ที่สุด

    วิษณุลงจากรถพร้อมกับกล่าวขอบคุณคนขับรถทั้งสองคน กวินลงตามอย่างงก ๆ เงิ่น ๆ เพราะติดสัมภาระที่ค่อนข้างจะมากมาย ในขณะที่พวกคนขับพยักหน้ารับคำขอบคุณจากวิษณุแล้วขับรถออกไปทันที ไม่วายที่ขับแกล้งเบียดกันไปมาพร้อมกับหัวเราะอย่างสนุกสนาน

    “นี่น่ะหรือ บ้านพักของคุณวรรณี” กวินกวาดสายตามองโดยรอบ ในขณะที่โสตประสาทยังสดับถึงเสียงพูดคุยจอแจ อดไม่ได้ที่จะถามออกไป “ทำไมคนถึงเยอะจัง”

    “ตอนแรก ๆ คุณป้าอยู่ที่นี่คนเดียว แต่พอระยะหลังซื้อที่ดินแถวนี้ได้มากขึ้น คุณป้าก็เลยก่อตั้งที่นี่ให้เป็นศูนย์ช่วยเหลือตนเอง สำหรับคนที่มีปัญหา” วิษณุตอบอย่างคล่องแคล่ว ในขณะที่ยืดเส้นยืดสายให้พ้นจากอาการปวดเมื่อย ในขณะที่กวินร็สึกสะดุดกับคำตอบจากปากของชายหนุ่มอยู่เล็กน้อย

    “คุณหมายความว่าที่นี่คือสถานบำบัดงั้นหรือ” ถามซ้ำ พลางขมวดคิ้ว “แล้วพวกคนเหล่านี้คือ... คนไข้... ใช่ไหม”

    วิษณุผ่อนลมหายใจยืดยาว ก่อนจะตอบออกมาอีก

    “ไม่ใช่หรอก ไม่ถึงกับว่าเป็นคนไข้ พวกเขาก็คนธรรมดา และที่นี่ก็ไม่ใช่สถานบำบัดด้วย”

    แม้จะยังคลางแคลงอยู่บ้าง แต่ก็กวินก็ตัดสินใจไม่ตอบโต้อะไรอีก กวาดสายตามองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ไม่ได้สนใจในบรรยากาศอันสงบและร่มรื่นเป็นธรรมชาติ หากแต่พุ่งความสนใจไปยังกลุ่มคนทั้งหลายในที่แห่งนี้ เริ่มจากมองไปยังกลุ่มคนที่ยังคงช่วยกันถอนหญ้าและรดน้ำต้นไม้ โอเค คนพวกนี้ก็ดูปรกติ มองเข้าไปในเรือนไม้หลาย ๆ หลังที่มีคนหลายคนกำลังช่วยเหลือกันทำความสะอาด คนพวกนี้ดูพูดมากแถมยังร้องเพลงกันอย่างเอะอะมะเทิ่ง แต่ก็เอาเถิด ถ้าจะว่าปรกติก็ยังพอเชื่อ แต่กระนั้น ก็มีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้อยู่รวมกลุ่มกับที่มองเห็นได้ในก่อนหน้า คนพวกนี้ไม่ได้ทำงานในสวน ไม่ได้ทำงานในโรงเลี้ยงสัตว์ ไม่ได้ช่วยทำความสะอาด มีกันอยู่ประมาณสามสี่คนที่นั่งซึมไม่พูดไม่จา บางคนก็เดินไปมาอย่างช้า ๆ บนระเบียง เลื่อนลอยเหมือนกำลังหดหู่อ้างว้างอย่างไรอย่างนั้น คนพวกนี้นี่ละที่ไม่ปรกติ ถึงอย่างไรก็ยังคงนึกสงสัยในคำพูดของวิษณุอยู่ดี จะให้เชื่อได้อย่างไรว่าคนเหล่านี้จะไม่ใช่คนไข้ ในเมื่อพฤติกรรมมันก็ฟ้องอยู่ทนโท่ เหมือนวิษณุจะจับความรู้สึกของกวินได้ ชายหนุ่มจึงพยายามจะอธิบายออกมาอีก

    “คนพวกนี้ก็เหมือนอย่างเรา ๆ นั่นแหละ จริงอยู่บางคนอาจจะกำลังมีปัญหาและอาจจะกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่รับมือกับมันไม่ได้ จึงอาจจะดูซึม ๆ ไปบ้างอย่างที่เห็น แต่เชื่อเถอะว่าไม่แน่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเขาก็จะดีขึ้นแล้วล่ะ หรือต่อให้ตอนนี้ไปคุยกับเขาเลย เขาก็ยังคุยรู้เรื่อง เขายังควบคุมตัวเองได้ คนพวกนี้ต่างจากคนไข้ในสถานบำบัดตรงที่ว่าพวกเขารู้ดีว่าตนเองกำลังมีปัญหา พวกเขาหลายคนจึงมาอยู่ด้วยกันที่นี่ ในสถานที่แห่งนี้ที่คุณป้าตั้งใจจะให้เป็นสถานที่ ๆ พวกเราจะช่วยเหลือบำบัดกันเอง”

    “บำบัดกันเอง” กวินร้องถามออกไปอีก “ไม่มีหมอเลยว่างั้น”

    “เอาจริง ๆ ทุกคนที่นี่ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องถูกดูแลโดยจิตแพทย์” วิษณุว่า ก่อนจะยักไหล่เล็กน้อย “แต่เราก็มีจิตแพทย์แวะมาที่นี่อยู่ประจำนั่นแหละ”

    กวินเหมือนจะพูดอะไรไม่ออก มองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ถึงอย่างไรก็ยังรู้สึกไม่คุ้นเคยและแปลกแยกอย่างบอกไม่ถูก คาดไม่ถึงว่านี่คือสถานที่ ๆ เขาจะต้องมาใช่ชีวิตอยู่เป็นเดือน ๆ เพื่อจะเขียนงาน ตอนแรกที่ตกลงปลงใจจะมาก็วาดหวังไว้ว่าบ้านของวรรณี วรรณรัตน์ คงจะเป็นบ้านตากอากาศน่ารัก ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสงบเงียบบนเขาตามประสาที่พักของเศรษฐีนีผู้ร่ำรวยจากการเขียนงาน จริงอยู่ว่าสภาพแวดล้อมของสถานที่มันก็ไม่ได้ต่างจากที่จินตภาพคิดไว้แต่แรกนัก มันก็ยังพอดูร่มรื่น สวยงาม และห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ มองไปก็เห็นทิวเขาเป็นแนวทอดยาวสลับไปมาอยู่เบื้องหน้าท้องฟ้ากระจ่างใสคละด้วยแผ่นเมฆบาง ๆ ผสมกับสายลมอ่อน ๆ ที่พัดโชยต่อเนื่องพาความชุ่มชื่นจากป่าเขามาต้องสรรพางค์พาให้รู้สึกสดชื่น

    แต่นั่นแหละ กวินไม่คาดคิด และไม่เคยคิดว่าจะต้องคาดคิด.... บ้านพักของวรรณี วรรณรัตน์ที่เขาถูกล่อลวงให้มาอยู่ กลับกลายเป็นสถานที่ที่สภาพกึ่งจะเป็นสภานบำบัด เต็มไปด้วยผู้คนที่มีแนวโน้มว่าจะมีปัญหาทางจิต ! 

    “อ้าว... มาถึงแล้วหรือคะ หมอณุ” เสียงเรียกจากด้านบน เรียกสติและความคิดของกวินให้กลับคืนมา ตวัดสายตาไปทางต้นเสียง มองเห็นหญิงร่างอ้วนคนหนึ่งโผล่ตัวออกมาจากระเบียง พร้อมกับตั้งท่าจะเดินลงมาหา ในขณะที่วิษณุกลับกลายเป็นฝ่ายชิงที่จะเดินขึ้นไปหาเข้าหล่อนเสียเอง กวินงุนงงอยู่กับสถานการณ์อยู่สักพัก ก่อนจะเดินตามชายหนุ่มขึ้นไปด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าไรนัก

    “เพิ่งมาถึงเองครับ... อ่อ... คุณรตีครับ นี่คุณกวิน เขาจะมาอยู่กับเราที่นี่สักพัก” วิษณุหันมาแนะนำกวินให้แก่หญิงแปลกหน้า พร้อมกับแนะนำอีกฝ่ายให้แก่กวินด้วย “นี่คุณรตี เป็นผู้ดูแลที่นี่”

    เมื่อนั้นเองที่กวินได้พินิจถึงท่าทางของหญิงสาวผู้นี้อย่างเต็มตา รู้สึกได้ถึงความสูงวัย หากแต่ฉาบไว้ด้วยบุคลิกแบบเป็นกันเอง เจ้าหล่อนยิ้มกว้างพร้อมกับมองกวินด้วยสายตาอันมากไปด้วยประกายแห่งมิตรไมตรี ต่อให้เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายสักเพียงไหน แต่กวินก็รู้สึกได้ขึ้นมาอย่างทันทีว่าหญิงสาวผู้นี้คงจะเป็นคนที่มากไปด้วยความเอื้ออารีอย่างเห็นได้ชัด ใช้เวลาไม่นานนักในการสำรวจรูปร่างพร้อมกับตีความ หล่อนมีร่างท้วมเล็กน้อยรับกับผมหยิกเป็นลอนที่เหมือนจะไม่ได้ใส่ใจจะทำให้มันเป็นทรงเท่าไรนัก เช่นเดียวกับรอยกระนิด ๆ หน่อย ๆ บนใบหน้า พาให้กวินรู้สึกได้มากขึ้นไปอีกถึงความเป็นคนอารมณ์ดีของเจ้าหล่อนที่ฉายแววออกมาอย่างชัดเจน

    “ยินดีต้อนรับค่ะ” รตียิ้มกว้างมากขึ้นไปอีกเมื่อในขณะที่ยกมือรับไหว้กวิน พูดต่อไปด้วยสำเนียงที่กระจ่างใส “รับรองว่าอยู่ที่นี่คุณจะสบายใจขึ้น เผลอๆ อาจจะติดใจ ไม่อยากกลับไปอีกเลยด้วยซ้ำ เหมือนอย่างดิฉัน”

    กวินไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ อันที่จริงอาจจะรู้สึกขยะแขยงในคำพูดที่เพิ่งได้ยินเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าผู้พูดเป็นคนที่มีบุคลิกเอื้อเฟื้อเสียจนคิดอกุศลได้ไม่ลง ลองเปลี่ยนให้คำพูดที่ว่านั่นถูกพูดขึ้นมาจากปากของชายหนุ่มร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างกันนี่สิ กวินคงได้นึกค่อนขอดในใจไปแล้วแน่ ๆ ว่าสถานที่พิลึกพิลั่นแบบนี้น่ะหรือที่จะทำให้เขาติดอกติดใจไม่อยากกลับไปกรุงเทพฯ ละเมอเสียแล้วกระมัง

    “คุณรตีครับ” วิษณุเอ่ยขึ้น พร้อมกับลากรตีเข้าไปด้านในเหมือนอยากจะคุยเรื่องส่วนตัว ทิ้งกวินไว้ตามลำพังด้านนอก กวินมองตามคนทั้งคู่ไปเล็กร้อยพลางถอนใจเบา ๆ ยังคงรู้สึกแปลกแยกอยู่มากโขกับสถานที่แห่งนี้ ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับตอนเข้าค่ายลูกเสือเมื่อครั้งสมัยเรียน กวินนั้นเกลียดการเข้าค่ายยิ่งนัก เกลียดการกินอยู่แบบไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว เกลียดกิจกรรมสันทนาการแบบห่าม ๆ หยาบโลนของครูฝึก เกลียดกิจกรรมรอบกองไฟ ให้ตายเถิด นึกอย่างไรการเข้าค่ายก็ไม่เคยทำให้เกิดความทรงจำที่ดีเลยสักนิด แล้วสถานที่แห่งนี้ยังมีกลิ่นอายที่ทำให้กวินคิดถึงการเข้าค่ายเข้าไปอีก

    จำได้ว่าตอนเข้าค่ายครั้งแรก น่าจะตอนอยู่ประถมปีที่หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเพราะโดนเพื่อนแกล้งด้วยหรือไม่ แต่ตอนกลางคืนเมื่อทุกคนหลับสนิทอยู่ในเต๊นท์ กวินแอบร้องไห้อยู่เงียบ ๆ ด้วยความคิดถึงบ้าน

    ถอนใจยาว สลัดภาพอดีตออกไปจากหัว กวินยังคงยืนอยู่บนระเบียง พร้อมกับกวาดตามองไปรอบ ๆ ด้านในสุดของระเบียงมีหญิงแก่คนหนึ่งนั่งถักนิตติ้งอยู่บนเก้าอี้โยก หล่อนสบตากับกวินพร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อย กวินหยักหน้ารับอย่างเก้อ ๆ พร้อมกับยิ้มตอบจนกระทั่งรู้สึกเจื่อน จึงเบือนหน้าหนีไปทางอื่น พร้อมกับพาตัวเองเดินขึ้นไปในตัวบ้าน ได้ยินเสียงพูดคุยระหว่างวิษณุและรตีดังแว่วออกมาจากข้างใน

    “ผมใจคอไม่ดีเลยตอนที่คุณโทรหาเมื่อวาน เกิดปัญหาอะไรกับเธอหรือครับ”

    รตีถอนใจหนักหน่วงพอควร จนกวินสามารถจะได้ยิน กวินชะงักตัวเองอยู่หน้าบ้าน ความเคร่งเครียดจริงจังที่สัมผัสได้จากบทสนทนาทำให้กวินไม่กล้าที่จะเดินเข้าไป ได้แต่ใช้สายตาจ้องมองผ่านช่องประตูเข้ามายังคนทั้งคู่ที่ดูจะมีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่พอสมควร

    “ไม่ค่อยดีเลยค่ะ ไม่ดีเลย” รตีตอบอย่างกล้ำกลืน “ยิ่งสองสามวันมานี้พอคุณหายไป แกก็เริ่มกลับมาจม และเหมือนจะจมไปมากกว่าเดิมด้วย พูดจาก็ไม่ค่อยจะได้ พูดทีไร จะก็ต้องร้องไห้ทันที โถ่... เมื่อวานนี้แกร้องไห้ทั้งวันเลยทีเดียวล่ะค่ะ”

    วิษณุดูเครียดมากขึ้นกับคำตอบจากรตี

    เสียงดังตุ้บเบา ๆ จากริมสุดของระเบียง ดีงความสนใจของกวินให้ออกจากการแอบฟังบมสนทนานั้นได้ชั่วครู่ หันไปทางที่มาของเสียง พบว่าก้อนไหมพรมจากมือของหญิงแก่ร่วงลงบนพื้น พร้อมกับกลิ้งมาแตะที่เท้าของกวิน ลังเลอยู่สักพัก ก่อนที่กวินจะล้มลงเก็บ พร้อมกับค่อย ๆ เดินไปยื่นให้ ในขณะที่โสตประสาทก็รับฟังการพูดคุยระหว่างวิษณุและรตีไปเรื่อย ๆ

    “หรือบางทีเราก็ไม่ควรจะรั้งแกไว้อีกแล้ว ส่งแกไปเถอะค่ะ”

    “คุณคิดว่ามันจะช่วยให้เธอดีขึ้นหรือ” คล้ายกับว่าน้ำเสียงของวิษณุจะเจ็บปวดพอสมควร “อยู่ในสภาพแวดล้อมแย่ ๆ กินยา ชอตไฟฟ้า คุณคิดว่านั้นจะทำให้เธอดีขึ้นงั้นหรือ”

    “ยอมรับว่าฉันกำลังหมดความหวัง” เสียงของรตีดังตอบอย่างแผ่วเบา เคล้าไปด้วยเสียงสะอื้นเล็กน้อย “ถ้าคุณได้เห็นสภาพของเธอเมื่อวาน คุณก็อาจจะคิดอย่างฉัน แต่ก็นั่นแหละ บางที พอคุณกลับมา แกอาจจะดีขึ้นก็ได้”

    กวินค่อย ๆ ยื่นก้อนไหมพรมให้แก่หญิงชรา ด้วยความที่โฟกัสตัวเองอยู่กับการแอบฟังบทสนทนามากกว่า ทำให้กวินยื่นไหมพรมผิดทิศ จนแทบจะชนใบหน้าของหญิงแก่เอาเสียแล้ว

    “ตอนนี้เธออยู่ไหน” วิษณุถาม

    “แกออกจากห้องไม่ได้มาสามวันแล้วค่ะ” รตีถอนใจอีกคำรบ “พอแกได้เจอคนเยอะ ๆ เมื่อไร แกจะร้องไห้ทันทีอ่อ... แล้วที่สำคัญ แกเริ่มกลับมาหมกมุ่นกับ... ความตายอีกแล้ว”

     ทันใดนั้น ! เสียงดังโครมดังลั่นขึ้นมาจากด้านบน กวินตกใจ ปล่อยไหมพรมหลุดมือกลิ้งตกพื้นลงบันไดไปไกล หญิงแก่ผุดลุกขึ้นอย่างฉับพลัน พร้อมกับวิ่งไปเก็บไหมพรมอย่างที่เห็นแล้วอดสะดุ้งไม่ได้ว่าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน แต่กวินไม่ได้สนใจนัก เพราะสายตามองเข้าไปยังด้านใน นึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่วิษณุและรตีทำท่าตกใจไม่แพ้กัน เสียงเอียดอาดดังขึ้นอีกเป็นระรอก วิษณุและรตีรีบวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กวินลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะวิ่งตามขึ้นไปด้วยความสงสัยใคร่รู้

    ในขณะที่กวินวิ่งขึ้นบันไปได้เพียงสองสามขั้น เสียงกรีดร้องของรตีก็ดังขึ้นอย่างน่าขนลุก !

    “เกิดอะไรขึ้นน่ะครับ” กวินวิ่งขึ้นมายังชั้นบนอย่างรวดเร็วทันกับเสียงกรีดร้องของรตีขาดห้วงไปพอดี หญิงกลางคนร่างท้วมยืนตัวแข็งอยู่หน้าประตูห้อง ๆ หนึ่ง กวินรีบพาตัวเองเข้าไปหาเจ้าหล่อนที่ยังคงยืนนิ่งไม่ไหว หน้าซีดเซียว นัยน์ตาแข็งทื่อจ้องมองเข้าไปในในประตู ยกมือขึ้นป้องปากเล็กน้อย ดูเหมือนว่าสติของหล่อนจะโบยบินออกไปไกลจากห้วงความคิดเสียแล้ว

    กวินมองตามสายตาของรตีเข้าไปในห้อง เกบือบจะกรีดร้องตามอีกคน แต่ยั้งไว้ได้ทัน ภาพที่เห็นทำเอากวินรู้สึกลำคอเหือดแห้งอย่างฉับพลัน สรรพางค์กายสั่นยะเยือกอย่างทันที เข้าใจในตอนนั้นเองว่าทำไมรตีถึงได้มีทีท่าตกใจและหวาดกลัวได้ขนาดนั้น

    เสี้ยววินาทีที่กวินรู้สึกขนลุกเมื่อสายตาของเขาจับจ้องไปยังร่างเล็ก ๆ ของเด็กสาววัยรุ่นที่กระตุกไปมาอย่างน่าหวาดผวาบนเส้นเชือกแข็ง ๆ ที่ห้อยลงมาจากพัดลมเพดาน สีหน้าซีดเซียวของเด็กสาวแสดงชัดถึงอาการอึดอัดและโหยหาอากาศหายใจ นัยน์ตาเหลือกกว้างคล้ายกับจะถลนออกมาจากเบ้า ผ่าเท้าสองข้างที่ลอยอยู่กลางอากาศตวัดไปมาคล้ายกับดิ้นรนตามสัญชาติญาณ

    แค่เสี้ยววินาที หากแต่เหมือนจะเป็นเสี้ยววินาทีที่สามารถจะสร้างภาพอันน่าสยดสยองจดจำให้แก่กวินได้อย่างมหัศจรรย์ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่อาการที่ใกล้ถึงแก่ความตายของเด็กสาวผู้นี้ก็ทำให้กวินรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างประหลาด ด้วยความรวดเร็วปานจรวด วิษณุคว้าเก้าอี้มาตั้ง พร้อมกับปีนไปอย่างรวดเร็ว ใช้ร่างกายกำยำของตนเองอุ้มร่างของเด็กสาวขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ ดึงเชือกออกอย่างทันทีทันใด ในขณะที่รตีและกวินยังคงงุนงงทำอะไรไม่ถูก วิษณุวางร่างของเด็กสาวให้นอนราบลงกับพื้น เสียงสำลักอากาศของเด็กสาวเรียกสติของรตีให้กลับมาคืนมา แต่เหมือนว่าเจ้าหล่อนก็ยังเหมือนจะทำอะไรไม่ค่อยถูกอยู่ดี

    “โธ่... ญดา... ทำไมถึงคิดทำอะไรแบบนี้” รตีเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเครือ ในขณะที่กวินแทบไม่อยากจะมองเข้าไปด้านในอีกแล้ว

    ใบหน้าของผู้คิดสั้นที่เพิ่งจะรอดชีวิตซีดเซียวไม่ต่างอะไรจากซากศพ !

*** **** ***** **** ***

    “ตามสบายนะคะ” รตีเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกันเองเมื่อพากวินเดินเข้าในห้องนอนขนาดกะทัดรัดที่คล้ายจะถูกจัดเตรียมและทำความสะอาดไว้อย่างดีเพื่อต้อนรับผู้มาเยือน กวินวางกระเป๋าสัมภาระทั้งหมดลงบนเตียงนิ่ม ๆ ใช้เวลาไม่นานในการสำรวจรอบ ๆ ห้อง ในขณะที่รตีเดินไปเปิดม่านออก เห็นเป็นประตูกระจกที่เชื่อมกับระเบียงด้านนอกที่หันหน้าสู่แปลงดอกไม้ พร้อมกับยังไม่หยุดเอ่ยแนะนำแก่ผู้มาใหม่

    “ห้องนี้อยู่ทิศตะวันออก ตอนเช้าแดดจะส่องมาทางระเบียง ถ้าตื่นทันก็จะเห็นอาทิตย์ขึ้นนะคะ สวยมาก ตอนกลางคินก็เย็นพอดู รับรองว่าอยู่สบายค่ะ มีผ้าขนหนูอยู่ในตู้นะคะ ส่วนข้าวของเครื่องใช้อื่น ๆ ก็...”

    “ไม่เป็นไรครับ ผมเตรียมมาหมดแล้ว”

    “ค่ะ” รตียิ้มรับ กวินอดสงสัยในใจไม่ได้ว่าทำไมเจ้าหล่อนถึงได้ยิ้มเก่งแบบนี้ “ส่วนห้องน้ำอยู่ทางนี้นะคะ ใช้ร่วมกับห้องของหมอณุ”

    “ใช้ร่วม” กวินทวนคำ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกติดขัดขึ้นมาอย่างประหลาด ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่อะไรที่เข้าใจยากนักเลยสักนิด

    “ห้องของหมอนุอยู่ข้าง ๆ นี่เองค่ะ ต้องใช้ห้องร่วมกัน”

    “ครับ” กวินยิ้มรับ พยายามจะไม่ใส่ใจในเรื่องไร้สาระ หากแต่สิ่งที่สงสัยอยู่ในใจต่างหากที่ผลักดันให้ถามขึ้นในประเด็นที่อยากรู้เป็นอย่างยิ่ง “เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”

    รตีถอนใจยาว ก่อนจะค่อย ๆ ตอบคำถามอย่างใจเย็น

    “ญดาเธอค่อนข้างมีปัญหาน่ะค่ะ แต่อันที่จริงพวกเราทุกคนที่นี่ก็มีปัญหากันทั้งนั้น” หญิงร่างท้วมทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ก่อนจะเอ่ยต่อไปเรื่อย ๆ สีหน้าของเจ้าหล่อนดูเคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อพูดในเรื่องนี้ “แต่ญดาเธอค่อนข้างวูบไหวมากพอสมควร คือแกผ่านเรื่องร้ายแรงมา และบางครั้งแกจมไปกับมัน สลัดมันไม่หลุด”

    “เรื่องร้าย?” กวินขมวดคิ้วเล็กน้อย

    “แกประสบอุบัติครั้งใหญ่น่ะค่ะ ปีที่แล้วนั่งรถบัสไปเที่ยวกับครอบครัว แต่โชคร้ายที่รถคว่ำตกเขา ผู้โดยสารเสียชีวิตทุกคน รวมทั้งครอบครัวด้วย แต่แกเป็นคนเดียวที่รอด”

    “โชคดีมาก ๆ เลยนะนั่น” กวินว่าไปตามความรู้สึก

    “แต่นั่นก็ทำให้แกครุ่นคิดถึงแต่เรื่องความตาย แล้วก็พาลทำให้เธอรู้สึกหดหู่และหมองเศร้าไปกับมัน พูดง่าย ๆ คือเหมือนแกจะรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นคนเดียวที่รอดชีวิต” รตีถอนใจยาวอีกคำรบ “แกพยายามจะฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้งจนญาติต้องพามาอยู่ที่นี่ โดยหวังว่าแกจะดีขึ้น”

    กวินกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย คล้ายกับหวาดหวั่นพอสมควรจากการตีความในสิ่งที่รตีเล่า ยิ่งมารวมกับภาพที่ตนเองได้เห็นเมื่อก่อนหน้านี้อีก แต่รตีก็เหมือนจะจับความรู้สึกของกวินได้ จึงชิงพูดออกมาดักไว้

    “แต่ปรกติแล้วแกน่ารักค่ะ ก็เป็นเด็กวัยรุ่นธรรมดา ๆ นี่เอง ช่างพูด ช่างคุย และเป็นเด็กมีอารมณ์ขันเสียด้วย  เพียงแต่ว่าบางคราวเธอแค่ยังหลุดพ้นจากบางสิ่งในจิตใต้สำนึกไม่ได้” รตีนิ่งไปอีกสักพัก ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย “เราไม่อยากให้แกไปอยู่โรงพยาบาล จริงอยู่ว่าการชอตไฟฟ้าและกระบวนการที่นั่น อาจจะทำให้แกเลิกพยายามฆ่าตัวตาย แต่มันก็อาจจะเป็นการทำให้แกด้อยศักยภาพในการอยู่บนโลกเช่นกัน ฉันเชื่อนะ ว่าบางทีคนเราก็ควรที่จะมีโอกาสที่จะจัดการกับตัวเอง เรียนรู้และควบคุมความคิดและรู้สึก เยียวยา จัดการกับมันด้วยศักยภาพตัวเอง โดยที่ไม่ต้องสูญเสียตัวตน และไม่ต้องสูญเสียการใช้ชีวิตในโลก คือฉันรู้สึกว่าการอยู่ที่นี่จะทำให้พวกเรากลับไปอยู่โลกภายนอกได้มากกว่าการรักษาที่โรงพยาบาล”

     กวินนิ่งไปพักหนึ่ง ในขณะที่รตีสบตากลับมาเหมือนจะคาดหวังให้เขาพูดอะไรสักอย่าง กวินอึกอักอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยออกไปอย่างติดขัดพอสมควร แต่กระนั้นก็ยังพูดออกไปตามที่ใจคิด ซึ่งเห็นตรงข้ามจากรตีอย่างสิ้นเชิง

    “ยอมรับว่าผมฟังคุณไม่ค่อยเข้าใจ แต่ผมเชื่อว่าโลกนี้มันเป็นโลกสำหรับคนเข้มแข็ง คนอ่อนแอมักจะไร้ศักยภาพที่จะเยียวยาตัวเอง” กวินผ่อนลมหายใจเล็กน้อย ลังเลอยู่สักพักว่าจะพูดออกไปดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจพูด “ผมว่าคุณน่าจะส่งเธอไปโรงพยาบาลดีกว่า คนที่คิดจะฆ่าตัวเองด้วยเหตุผลงี่เง่าพรรค์นั้น ไม่เหมาะกับโลกภายนอกหรอก ขอโทษนะครับ ที่อาจจะพูดให้คุณไม่พอใจ”

    “ไม่เป็นไรค่ะ ที่คุณพูดก็มีเหตุผล” รตีพูดอย่างจริงใจ กวินโล่งใจเล็กน้อยที่รตีไม่ได้แสดงอาการโกรธเคือง แต่กระนั้น กวินก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบอยู่นิดหน่อยเมื่อรู้ว่าตัวเองอาจจะพูดกระทบจิตใจกับคนที่มีอัธยาศัยดีเช่นรตี แปลก พอมาคิดให้ดี ๆ กวินไม่อยากจะยอมรับกับตัวเองว่าที่จริงนั้นเขามักจะแคร์ความรู้สึกของคนอื่นอยู่ตลอดเวลาโดยที่ไม่รู้ตัว และรู้สึกผิดตามหลังอยู่เสมอถ้าพูดจาหรือทำอะไรกระทบใจใคร อย่างน้อยในคราวนี้มันก็ชัดที่สุดเพราะรตีก็ดูแสนดีออกแบบนี้

    รตีผ่อนลมหายใจอีกหนึ่งจังหวะก่อนจะพูดประโยคสุดท้ายออกมา

    “ฉันเองก็อยู่ที่นี่มาห้าปีแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรจากการตัดขาดจากโลกภายนอกเหมือนกัน”

    รตียิ้มให้ พร้อมกับเดินจากไป ทิ้งกวินไว้ในห้องเพียงลำพัง


*** **** ***** **** ***

      ผู้รอดชีวิตค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าของวิษณุซึ่งนั่งเฝ้าอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่างกาย นัยน์ตาสองคู่สบกันอยู่สักพัก เด็กสาวก็ตั้งท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีก วิษณุส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมกับค่อย ๆ ยกมือของเด็กสาวมากุมไว้หลวม ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

    “อยากถามอะไรหรือเปล่า”

    “คุณคงเบื่อที่จะตอบ” ญดาตอบอย่างตื้นตัน พร้อมมองวิษณุด้วยสายตาที่รวมความรู้สึกหลากหลาย ทั้งรู้สึกผิด ทั้งเศร้าสร้อย และทุกข์ใจอย่างหาใดเปรียบ “ใช่ไหมคะ คุณคงเบื่อเต็มทีแล้ว”

    “ผมไม่เคยเบื่อ”

    ญดายิ้มออกมาทั้งน้ำตา ในขณะที่วิษณุก้มลงจูบเบา ๆ ที่หน้าผาก

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE26/02/2010ลงแล้ว11ตอน
«ตอบ #73 เมื่อ10-03-2010 04:27:10 »

แว่บปายหนาย

สองวันละน้าาาาาาาาาา

กลับมาซะดี ๆ :z13:

- แหะ ๆ ไม่ใช่แค่สองวันละคับ ผมแว่บหายไปถึงสองอาทิตย์เลยทีเดียว ขอโทษค้าบบบบ ผมดีช่วงนี้ผมวุ่นวาย ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ขอบคุณที่ติดตามคับ

ลงต่อเซ่~~  :z3:



-ลงแล้วค้าบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ แหะ ๆ

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE10/03/2010ลงแล้ว12ตอน
«ตอบ #74 เมื่อ10-03-2010 07:19:51 »

นึกว่าจะไม่ได้อ่านต่อซะแล้ว ยิ่งมาเรื่องยิ่งซับซ้อนจนเดาทางไม่ถูกแล้วนะ สุดท้ายจะแต่งหนังสือได้หรือเปล่าตามลุ้นค่า

NUKWUN

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE10/03/2010ลงแล้ว12ตอน
«ตอบ #75 เมื่อ10-03-2010 10:47:27 »

รู้สึกว่าอยากอ่านต่ออ่า มาต่อเร็วนะ

รู้สึกว่าการใช้ภาษาดีมากๆ

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE10/03/2010ลงแล้ว12ตอน
«ตอบ #76 เมื่อ10-03-2010 11:54:45 »

 :เฮ้อ:  เครียดดดดดดดดดดดด~


แล้วยัยคนนี้เป็นอะไรกะวิษณุอ่ะ

แล้วถ้าไม่อยากให้คนเขาเบื่อก็อย่าทำตัวแบบนี้เซ่~


ไอว่าเหตุผลของรตีกะกวินถูกอย่างละครึ่งล่ะนะ คงไม่มีใครอยากอยู่รพ.หรอกถ้าปรับตัวกับที่นี่ได้ก็ออกไปใช้ชีวิตยังโลกภายนอกได้ดีกว่า
แต่ถ้าถึงที่สุดแล้ว ก็อย่างที่กวินว่านั่นแหละ ถ้าอ่อนแอขนาดนั้นก็ควรส่งไปอยู่รพ. การทำแบบนี้คนอื่นจะเดือดร้อนไปด้วย


 :serius2:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE10/03/2010ลงแล้ว12ตอน
«ตอบ #77 เมื่อ10-03-2010 12:58:52 »

 :a5: ต้อนรับกวินด้วยภาพระทึกขวัญ
กวินเอ้ยปกติก็เป็นคนเมืองไม่สนใจใครอยู่แล้วอ่ะนะ คราวนี้ต้องมาอยู่
ในที่ๆไม่สามารถหนี หรือหลบเลี่ยงไปไหนได้ จะทำเป็นไม่รับรู้ก็ยิ่งทำไมไ่ด้ใหญ่
กร๊าก..แล้วแบบนี้นี่ คุณพิมพ์คิดได้ไงให้กวินมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
เอ..หรือว่าจะเอากวินมาเป็นคนไข้เพิ่มเรอะ  :laugh:
มาอยู่ในที่แบบนี้ กวินจะปรับตัวได้รึป่าวนะหรือว่าก็เป็นกวินแบบอย่างเก่า คือไม่สนใจโลก
มาอยู่ในบรรยากาศใหม่ๆ ผู้คนแปลกๆทั้งทีก็นะจะกลัวไปไย ถ้าไม่ไปสัมผัสด้วยตัวเองออกจากโลก
ของตัวเองไปสัมผัสโลกของคนอื่นบ้าง ไอ่ที่เรากลัวและตีความไปเองมันอาจจะไมไ่ด้น่ากลัวอะไรแบบนั้นก็ได้นะ

ญดาเป็นอะไรกับวิษณุรึป่าวนั่น หรือว่าเอ็นดูเหมือนน้องสาวเฉยๆ เฮ้อออ
คิดแล้วก็น่าสงสารอ่ะเนอะ ...

+1 คะ สู้ๆ  o13

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE10/03/2010ลงแล้ว12ตอน
«ตอบ #78 เมื่อ10-03-2010 14:47:39 »

การเหลืออยู่ของความเศร้า
มันไม่ได้ทำให้เราอยู่บนโลกใบนี้ไม่ได้หรอกนะ
แต่เราต่างหาก ที่เดินไปกับมัน ไหว หรือ ไม่ไหว ต่างหาก

thomaskung

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE10/03/2010ลงแล้ว12ตอน
«ตอบ #79 เมื่อ12-03-2010 23:45:45 »

อยากให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพื่อชดเชยในส่วนของผู้ล่วงลับ
อย่าได้แบกความเศร้าหมองไว้เลย
ความตายนั้นไม่ช้าก็เร็วย่อมมาถึง
จะรีบร้อนไปทำไม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE10/03/2010ลงแล้ว12ตอน
« ตอบ #79 เมื่อ: 12-03-2010 23:45:45 »





kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE10/03/2010ลงแล้ว12ตอน
«ตอบ #80 เมื่อ17-03-2010 02:24:50 »

13

    ถ้าคิดอย่างไม่มีอคติ กวินยอมรับห้องนอนห้องนี้ปลอดโปร่งและโล่งสบายกว่าห้องนอนในคอนโดแคบ ๆ ของเขาในกรุงเทพอยู่มากโข สมกับที่จะถูกเรียกว่าเป็นสถานที่ตากอากาศโดยแท้ แสงสว่างสาดส่องผ่านเข้ามาอย่างทั่วถึงในลักษณะของอากาศที่ถ่ายเทสะดวก มองผ่านระเบียงกว้างออกไปเห็นเป็นทิวทัศน์อันงดงามของแปลงดอกไม้และทิวเขาที่ระบายอยู่ด้านหลังซ้อนทับด้วยแผ่นฟ้าสีสดใสแซมด้วยปุยเมฆบางเบาที่เคล้าไปกับสายลมอ่อน ๆ ที่พัดโชย แต่กระนั้น ไม่ว่าอย่างไร ใจของกวินจะซาบซึ้งไปกับบรรยากาศอันสบายนี้ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยก็หาไม่ ทำให้รู้ว่าที่แท้แล้ว บรรยากาศรอบข้างมีผลเพียงส่วนเดียวในการที่จะทำให้ใครสักคนมีอารมณ์ปลอดโปร่ง เพราะสุดท้ายแล้ว ความขุ่นมัวอันเกิดจากจิตใจของใคร จะลบเลือนไปได้ก็ด้วยจากจิตใจของคน ๆ นั้นเป็นหลัก

    เช่นกันในตอนนี้ที่กวินยังคงรู้สึกเคร่งเครียดและกดดันอยู่นั่นเองในส่วนของความรู้สึกโดยรวม แม้จะไม่ปฏิเสธว่าความสวยงามและผ่อนคลายของสถานที่จะช่วยลบความหม่นหมองไปได้บ้างแต่มันก็ไม่ทั้งหมด สิ่งที่ตระหนักอยู่ตลอดเวลาคือภาระและหน้าที่... หน้าที่ที่เขาจะต้องเขียนงานของวรรณี วรรณรัตน์ให้ลุล่วงให้ได้ พอคิดถึงเป้าหมายที่ต้องทำแต่ยังไร้ซึ่งวิถีทาง ความมืดดำหดหู่ก็ลุกลามแผ่ขยายกลบความสวยงามสดใสของบรรยากาศไปเสียหมดสิ้น

    กวินถอนใจยาว แม้จะยังตัดความคิดในภาระออกไปไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ยังพอจะควบคุมสติไว้ได้ ตัดสินใจที่จะทำอะไรให้มันเรียบร้อยไปทีลพอย่างน่าจะดีกว่า คิดได้เช่นนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเปิดกระเป๋าสัมภาระออก กวินพกของมามากมายซึ่งเอาเข้าจริงก็ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตทั้งสิ้น เครื่องสำอาง ครีมบำรุง ไดร์เป่าผม และอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัวต่าง ๆ ที่ค่อนข้างจะมากชิ้น จัดวางไว้ให้เหมาะสมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในที่ใหม่เป็นเวลาชั่วระยะ ก่อนจะคว้าบรรดาเสื้อผ้าออกมาตั้งใจจะใส่เข้าไปในตู้ ก่อนจะพบว่าตู้เสื้อผ้าถูกล๊อคเอาไว้ ไม่สามารถเปิดได้

    กวินร็สึกไม่ได้ดั่งใจขึ้นมาดื้อ ๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมตู้ถึงล๊อค !

    บางทีการจะทำอะไรไม่ได้อย่างใจคิดก็มักจะเป็นเพราะอุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอ และไม่แน่ว่าบางทีไอ้เจ้าอุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่เองที่สามารถจะทำให้เกิดปัญหาบานปลายใหญ่โตประเภทที่ว่าเด็ดดอดไม้สะเทือนถึงดวงดาวเลยทีเดียว ใครจะไปรู้ว่าไอ้แค่การเปิดตู้ออกมาไม่ได้จนไม่สามารถจัดข้าวของให้เรียบร้อย อาจจะทำให้เกิดความขุ่นมัวในใจของกวินได้มากขึ้น ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนกันหรือไม่ แต่สำหรับกวิน การทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่เรียบร้อยมักจะพาลให้ทำสิ่งอื่น ๆ ภายหลังไม่ลุล่วงไปด้วย เพราะใจของกวินจะจดจ่ออยู่แต่กับสิ่งที่ยังไม่สะสาง

    พูดเอาให้ง่ายก็คือถ้าตราบใดที่ยังเปิดตู้ไม่ได้ และจัดเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย กวินเชื่อว่าตนเองจะไม่มีกะใจจะเขียนงาน !

    เปิดประตูห้องนอนแล้วเดินออกไป หมายว่าจะต้องเจอใครสักคนที่จัดการเรื่องตู้ให้ได้ แวบแรกนั้นมองหารตี แต่ก็ไม่รู้แน่แก่ใจว่าเจ้าหล่อนจะยังอยู่แถวนี้หรือไม่หรือว่าหายไปไหนแล้ว แต่ไม่ทันที่จะได้คิดมองหาไปที่ไหน โสตประสาทของกวินก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ดึงความสนใจออกไปได้อยู่ไม่น้อย

    เสียงกีตาร์โปร่งดังแว่วมาอย่างนุ่มนวล คลอด้วยเสียงร้องแหบพร่าที่ฟังแล้วอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

    “...ในยามที่ท้อแท้ ขอเพียงแค่คนหนึ่ง จะคิดถึงและคอยห่วงใย ในยามที่ชีวิต หม่นหมองร้องไห้ ขอเพียงมีใคร เข้าใจสักคน...”

    ช่วงเวลาที่เหมือนจะโดนสะกดไปด้วยเสียงเพลงเรียบง่ายในเพลงที่เคยฟังอยู่ซ้ำซากไม่รู้เบื่อ ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรในน้ำเสียงแหบพร่านุ่มนวลที่พาให้กวินรู้สึกวูบไหวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่แน่ว่าอาจจะเพราะความหดหู่หม่นหมองของความรู้สึกส่วนลึกที่ฝังแน่นอยู่ในใจก็ได้ ที่ตอบสนองต่อเสียงเพลงและเนื้อหาของมัน โดยไม่รู้ตัว กวินเผลอตัวพาตัวเองเดินแนบกำแพงไปเรื่อยโดยหมายจะหาที่มาของต้นเสียง   

    “กำลังใจ... จากใครหนอ ขอเป็นทาน ให้ฝันให้ใฝ่ ให้ชีวิต ได้มีแรงใจ ให้ดวงใจลุกโชนความหวัง...”

    รู้แจ้งขึ้นมาในตอนนั้นเองว่าเสียงทั้งหมดดังมาจากห้องนอนของเด็กสาวที่เพิ่งรอดชีวิตจากการฆ่าตัวตาย เสียงร้องอันนุ่มนวลยังคงขับกล่อมต่อไปพร้อมกับเสียงใส ๆ ของกีตาร์ที่ดังแว่วมาควบคุมกับสายลมแผ่วเบาที่พัดผ่านให้รู้สึกเย็นใจขึ้นมาอย่างประหลาด

    กวินค่อย ๆ เยี่ยมหน้ามองผ่านบานประตูที่เปิดค้างไว้เล็กน้อย ที่ว่าเสียงทำให้ร็สึกซาบซ่านและวูบไหวแล้ว ภาพที่เห็นกลับสร้างความรู้สึกนั้นได้มากขึ้นเป็นเท่าตัว แม้จะรู้ดีว่าเป็นคนที่ค่อนข้างหยาบกระด้างและไม่สนในใยดีอะไรในสถานการณ์น่ารัก ๆ แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้อยู่ดีว่าภาพที่เห็นนี้ทำให้กวินรู้สึกสะท้านขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    ภาพชายหนุ่มเจ้าของบุคลิกอันอบอุ่นชวนฝัน นั่งดีดกีตาร์อย่างคล่องแคล่วบนปลายเตียงของเด็กสาวไร้เดียงสาที่นอนฟังอย่างมีความสุข สีหน้าของชายหนุ่มดูอ่อนโยนอย่างเหลือกำลังทั้งจากแววตาดำขลับอันเปล่งประกายออกมาเป็นจังหวะเดียวกับเนื้อเสียงที่เปล่งออกมาจากอย่างเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ยิ่งมารวมกับรอยยิ้มอันอบอุ่นของเจ้าตัวก็ยิ่งพาให้รู้สึกวูบไหวไปกันใหญ่ ในขณะที่เด็กสาวตัวน้อย ๆ ก็ดูจะสุขใจเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าของเจ้าหล่อนดูสดใสขึ้นมาผิดหูผิดตาจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนเดียวกันกับคนอมทุกข์ที่ตัดสินใจแขวนคอตัวเองเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า

    “กำลังใจ...จากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฉันได้ไหม... ดั่งหยาดฝน บนฟากฟ้าไกล ที่หยาดริน สู่พื้นดินแห้งผาก”

    ราวกับทั้งคู่ต่างมีโลกส่วนตัวที่อยู่กันสองคน ไม่ต้อนรับและไม่สนใจต่อผู้ใดทั้งสิ้น

    กวินแอบมองคนทั้งคู่อยู่นาน พอ ๆ กับห้วงความรู้สึกไม่รู้ว่าโบยบินไปที่ใด จนกระทั่งลืมตัวเผลอให้ตัวเองเหม่อไปในแบบที่ไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของเวลา จนกระทั่งเสียงกีตาร์ขาดห้วงลง

    “มีอะไรหรือเปล่าคุณ” เสียงเรียกของวิษณุดึงสติของกวินให้กลับคืนมา ก่อนจะพบว่านัยน์ตาของคนทั้งคู่กำลังจ้องกลับมาอย่างสงสัย

    “เอ่อ... ตู้มันล๊อค” กวินอธิบายปิย่างตะกุกตะกัก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแค่คำพูดง่าย ๆ ทำไมถึงพูดออกไปไม่ค่อยจะออก

    “กุญแจอยู่ในกระเป๋าผม” วิษณุพูดพร้อมกัยตั้งท่าจะวางกีตาร์แล้วไปหยิบกุญแจให้ แต่กวินกลับขัดขึ้นไปโดยที่ไม่รู้ตัว

    “ไม่เป็นไรหรอกคุณ ไม่ต้องรีบ ไม่สำคัญหรอก”

    กวินนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ในขณะที่วิษณุขมวดคิ้วเล็กน้อย กวินเอ่ยประโยคสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินกลับ

    “ตามสบายนะ”


*** **** ***** **** ***

    ตู้ยังคงเปิดไม่ได้ ในขณะที่กวินพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะเริ่มทำงานต่อไปให้ได้

    ในยามปกติ การเขียนหนังสือสำหรับกวินไม่ต่างอะไรกับศิลปินที่ตวัดพู่กันไปตามอารมณ์ที่ปล่อยให้ไหลลื่นเหมือนตกอยู่ในภวังค์และความคิดของตัวเองโดยที่แทบไม่ต้องพึ่งพากระบวนการใด ๆ ทั้งสิ้น แม้สุดท้ายผลงานอาจจะไม่ถึงกับลงตัวเหมาะเจาะหรือสมบูรณ์แบบอะไรนักหนา แต่พลังที่แฝงอยู่นั้นก็เต็มเปี่ยมอยู่แทบจะทุกคำทุกตัวอักษร ในขณะที่นักเขียนหลายคนอาจจะต้องมีแผนและมีโครงสร้างต่าง ๆ ในการคิดค้น แต่กวินกลับไม่ต้องพึ่งพาอะไรแบบนั้นเลย การเขียนงานของเขาแทบไม่ต่างอะไรกับการด้นสดที่แทบจะสามารถตื่นเต้นไปได้ในทุกตัวอักษรที่ขยายเหตุการณ์และเรื่องราวที่ยืดยาวออกไปอย่างที่ชวนเพลิดเพลิน จึงไม่ต้องแปลกใจที่ในบางคราวกวินสามารถจดจ่ออยู่กับการเขียนงานได้ทั้งวันทั้งคืนโดยที่ไม่จำเป็นต้องปลีกตัวเองออกไปที่ไหน ราวกับทุกคำที่พรั่งพรูออกมาจากสมองนั้นสามารถเรียงร้อยออกมาเป็นโลกส่วนตัวของเขาได้ แม้ว่าโลกใบนั้นจะไม่ได้งดงามสวยหรูอะไรแบบโลกของคนอื่น แต่มันก็มักจะมีจุดอันเติมเต็มความใฝ่ฝันของเขาได้อยู่เสมอ

    ต่างออกไปจากสิ้นเชิงกับการเขียนงานชิ้นนี้

    กวินใช้วิธีการสารพัด ทำทั้งเขียนโน้ต สร้างแม็ปปิ้ง ใช้เคล็ดลับต่าง ๆ นา ๆ เพื่อจะเค้นบางอย่างออกมาให้กลายเป็นเรื่องราว แต่สุดท้ายก็เหลว ไปได้ไม่เป็นรูปเป็นร่าง และไม่สมกับโจทย์เอาเสียเลย ยิ่งถ้าคิดในแง่ที่ว่าโจทย์นั้นคือการเขียนงานในรูปแบบของวรรณี วรรณรัตน์แล้วล่ะก็ สิ่งที่ตามออกมามีแต่ความฝืดเคืองทางไอเดีย

    บางทีการทำอะไรโดยที่ไร้ความเชื่อมันก็ลำบาก กวินยังไม่ได้เป็นมืออาชีพที่ถึงขั้นว่าให้เขียนอะไรก็เขียนได้ ความเชื่อมันมีความสำคัญในแง่ที่มันมักผสมความใฝ่ฝันอยู่ในนั้นด้วย นักเขียนคนหนึ่งที่เขียนถึงสิ่งที่เชื่อจึงไม่ต่างอะไรกับการระบายความอัดอั้นบางอย่างออกไปและเติมเต็มตัวเองจากสิ่งชวนฝันที่เป็นผลพลอยได้จากความเชื่ออันนั้น แต่สำหรับงานชิ้นนี้ที่กวินกำลังจะเขียนมันไม่ใช่แบบนั้นเลย ด้วยโจทย์ที่ถูกหยิบยื่นทำให้กวินต้องเขียนในสิ่งที่แสนจะไกลจากความเชื่อ แถมยังไร้ซึ่งสิ่งชวนฝันอันใดสำหรับตัวเขา แน่นอนว่าความฝันของแต่ละคนต่างกัน เป็นต้นว่า โลกฝันของคนบางคนอาจจะสดใสเป็นสีอ่อน ๆ เต็มไปด้วยสิ่งของน่ารัก ๆ แต่ความฝันของคนบางคนอาจจะมืดดำและเทาอยู่นิด ๆ แต่ก็อาจจะเต็มไปด้วยสิ่งของสวย ๆ งาม ๆ ที่แปลกแตกต่างออกไปก็ได้ ความฝันเป็นเรื่องของรสนิยมอันถูกกำหนดขึ้นมาอีกทีจากความเชื่อ ซึ่งแน่นอนว่าความใฝ่ฝันของวรรณีและกวินคงจะตรงกันข้ามเสียสุดขั้ว ดังนั้น จึงไม่แปลกที่เหมือนจะพยายามเท่าไรก็ไปไม่ได้ไกลอยู่วันยังค่ำ

    ตะวันกำลังตกดิน ฟ้าเริ่มมืด ในขณะที่มันสมองของกวินนั้นดับมืดราวกับถูกปิดสวิตซ์ไฟไปนานเสียแล้ว

    ปิดคอมพิวเตอร์ลงเพื่อให้เครื่องได้พัก บิดขี้เกียจเล็กน้อยเพื่อสลัดความปวดเมื่อย แต่สุดท้ายแล้วถึงอย่างไรก็ไม่อาจจะสลัดความอึมครึมจากภาวะบีบคั้นที่งานไม่คืบหน้าให้ออกไปไม่ได้อยู่ดี ภาวะแบบนี้ทำให้อะไรรอบข้างดูหม่นหมองไปหมด รู้สึกเหมือนโดนกดทับจากสิ่งที่มองไม่เห็น บางทีทำให้ไม่อยากจะเคลื่อนที่ไปไหนเลย อยากจะหยุดนิ่ง หยุดกาลเวลาเอาไว้กับที่ เหมือนกลัวอนาคตข้างหน้าว่าสุดท้ายแล้วเขาจะยังคงทำอะไรไม่ได้อยู่เช่นเดิม

    แต่สุดท้ายแล้ว คนเราก็ต้องใช้ชีวิตให้ดำเนินต่อไปตามกาลเวลาอยู่ดี ถึงจะขี้เกียจและทอดอาลัยเบื่อหน่ายสักแค่ไหน แต่ก็ไม่มีสิทธิ์เลือก เหมือนกาลเวลาที่ยังคงล่วงไป จนกระทั่งตะวันตกดิน ความมืดเริ่มแผ่เข้ามาปกคลุม รู้สึกง่วงซึมอยู่เล็กน้อย แต่เวลาที่เพิ่งจะผ่านพ้นหกโมงเย็นมาได้แค่ไม่กี่นาทีก็ไม่ใช่เวลาที่จะนอน

     เดินกลับเข้ามาในห้อง ก่อนจะเดินก้มหน้าเข้าไปในห้องน้ำ เปิดก๊อกน้ำที่อ่างพร้อมกับวักขึ้นมาล้างหน้า หวังว่าความสดชื่นจากสายน้ำจะช่วยปลิดความง่วงซึมให้ผ่านพ้นไปได้ ถอนใจเบา ๆ เมื่อใบหน้าเปียกโชกไปด้วยหยดน้ำ สบตากับตัวเองในกระจกอยู่สักพัก มองเห็นใบหน้าคมเข้มของตัวเองที่สะท้อนกลับมา อดรู้สึกไม่ได้ว่าการเดินทางอันยาวนานพาให้ใบหน้าดูหมองและโทรมไปได้พอสมควร แต่ก็ไม่อยากจะคิดมาใส่ใจให้มากมายนัก หาเรื่องเครียดเพิ่มไปเปล่า ๆ กวินถอนใจยาว ใช้มือเช็ดหยดน้ำบนใบหน้าให้แห้งขึ้นมาเล็กน้อย ในขณะที่สายตาก็เหลือบไปเห็นประตูอีกบานที่อยู่ตรงอีกด้านหนึ่งของห้องน้ำ

    เมื่อนั้นเองที่คำพูดของรตีดังแว่วกลับเข้ามาในความทรงจำ ที่บอกว่าห้องน้ำห้องนี้จะต้องใช้ร่วมกับวิษณุ

    แสดงว่าประตูนั่นต้องเชื่อมต่อกับห้องของวิษณุแน่ ๆ

    ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในความคิด ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วกวินไม่น่าจะต้องติดใจหรือสนใจอะไรมากมาย แต่นั่นแหละ ความซับซ้อนบางอย่างของความรู้สึกสั่งการให้กวินค่อย ๆ ย่องเดินไปที่ประตูบานนั้น ก่อนจะค่อย ๆ บิดลูกบิด แล้วพบว่าประตูไม่ได้ล๊อค

    เห็นทีว่าความซับซ้อนหรือความต้องการบางอย่างจากจิตใต้สำนึกส่วนลึกอันอธิบายได้ยากจะยังไม่หยุดทำงานแค่นั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังทำไปทำไม แต่จู่ ๆ ก็กวินค่อย ๆ เปิดประตูออก ค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าไปในห้องนั้นราวกับสำรวจว่ามีใครอยู่ในห้องหรือไม่ ก่อนจะมองสำรวจรอบ ๆ ห้องโดยละเอียด

    ห้องนอนขนาดไม่กว้างไปกว่าห้องของกวินเท่าไรนัก จัดไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่ดูเหมือนจะมีข้าวของมากกว่าซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นตู้หนังสือและโต๊ะทำงาน ไม่มีระเบียง แต่หน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่อีกด้านก็ทำให้บรรยากาศถ่ายเทได้สะดวกไม่แพ้กัน

    กวินรีบปิดประตู ทำท่าจะเดินกลับไปในห้องตัวเอง แต่แล้วความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นก็เกิดขึ้นมาอีก คราวนี้เหมือนจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและหนักหน่วงกว่าเดิมหลายเท่า กวินเปิดประตูอีกครั้ง แถมคราวนี้ค่อย ๆ แอบย่องเข้าไปในห้องอีกด้วย

    สะอาดอย่างเหลือเชื่อ กวินรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่พอสมควร ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าห้องนอนของผู้ชายจะดูสะอาดและเป็นระเบียบได้ขนาดนี้ ยิ่งถ้ามาเทียบกับห้องนอนของกวินที่กรุงเทพแล้วล่ะก็ จะเห็นได้ว่าห้องนี้คงเอาไปใช้ผ่าตัดได้เลยทีเดียว ในขณะที่ห้องกวินคงเปรียบได้แค่ห้องครัวของร้านอาหารราคาถูก

    เดินไปที่เตียงซึ่งขึงไว้อย่างเรียบตึงประเภทที่ว่าถ้าลองโยนเหรียญลงไป เหรียญคงกระเด้งได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในขณะที่ผ้าห่มและหมอนก็พับเก็บอย่างแสนจะเป็นระเบียบ สะท้อนถึงวินัยหลังตื่นนอนของเจ้าของห้อง หรือไม่ถ้าคิดอีกแง่ แม่บ้านของที่นี่ก็คงทำงานได้ดีเสียเหลือเกิน

    มองไปยังโต๊ะเล็ก ๆ ข้างเตียง เห็นกรอบรูปขนาดกะทัดรัดที่บรรจุภาพไว้สองภาพ หยิบขึ้นมาดูอย่างถือวิสาสะ ภาพแรกเป็นภาพของวิษณุที่ถ่ายคู่กับพิม สองพี่น้องกอดคอกันกลม วิษณุยิ้มอบอุ่นในขณะที่จมูกของพิมแทบจะชนกับแก้มของชายหนุ่ม ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องก็คงมีหวังว่ากวินจะได้ตีความว่าทั้งสองเป็นคู่รักกันแน่ ๆ ฉากหลังของภาพคือหอนาฬิกาบิ๊กเบนที่กรุงลอนดอน สะท้อนให้เห็นถึงความสนิทสนมของพี่น้องคู่นี้และน่าจะสะท้อนถึงวิถีชีวิตที่หรูหราสุขสบาย ดูจะตรงกันข้ามกับชีวิตของกวินเสียสิ้นเชิง ตั้งแต่เกิดมามากวินยังไม่เคยไปสถานที่แบบนั้นเลยสักครั้ง และถ้ามาคิดดูดี ๆ กวินยังไม่เคยขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศเลยสักหนเดียว

    ส่วนอีกภาพที่เป็นภาพเก่าที่ถ่ายมานานมากแล้ว สีของรูปซีดเซียวไปตามกาลเวลา เป็นรูปของหญิงสาววัยกลางคน แต่งกายด้วยชุดผ้าไหมและไว้ทรงผมตามสมัยนิยมตอนนั้น น่าจะสักยี่สิบกว่าปีที่แล้วได้ อ้อมแขนของเจ้าหล่อนโอบกอดเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่แต่งกายอย่างดีเหมือนปรกติสำหรับลูกของคนมีสตางค์ ใบหน้าของเด็กชายยิ้มแย้มและเริงร่าอย่างถึงที่สุด ไม่แน่ใจว่ากำลังเริงร่ากับขนมสายไหมสีจัดจ้านที่ถือเล่นไว้ในมือ หรือเริงร่ากับเจ้ายีราฟในกรงที่ปรากฏอยู่เบื้องหลังก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ ๆ พิจารณาจากสายตาและรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าเด็กชายตัวน้อยคนนี้ก็คงจะมีความสุขอยู่กับอ้อมกอดของสตรีในรูปด้วยอย่างแน่นอน

    ไม่ต้องใช้เวลามากกวินก็พอเดาได้ว่าใครเป็นใครในรูป ซึ่งอาจจะเป็นการสัณนิษฐานจากเซ้นท์และโครงหน้า กวินมั่นใจว่าบุคลในรูปหรือวรรณีตอนที่ยังสาว ถ่ายกับเด็กชายวิษณุสมัยที่ยังเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา

    กวินวางกรอบรูปไว้ที่เดิม ความวิสาสะก้าวข้ามขึ้นไปอีก ถึงขั้นจะลองเปิดลิ้นชักดู โชคดีที่ปรากฏว่ามันล๊อค ความเป็นส่วนตัวของวิษณุจึงรอดมือของกวินไปเสียหนึ่งสิ่ง

     ในเวลานั้นดูเหมือนจะไม่มีอะไรมาหยุดกวินได้อีกแล้ว ชายหนุ่มเดินไปที่ตู้หนังสือ มีหนังสืออัดแน่นอยู่ในนั้นเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษ กวินไม่ใส่ใจเสียเท่าไหร่ ในขณะที่ชั้นบนสุดมีงานของวรรณีแทบทุกเล่มอยู่ในชั้นนั้น กวินลองหยิบมาเปิดดูสองสามเล่ม ไม่ได้ใส่ใจอะไรเท่าไรนักเหมือนกับทำฆ่าเวลาไปเสียเท่านั้นเอง แต่ทันใดนั้น สิ่งที่ไม่คาดคิดก็ประจักษ์ สายตาของกวินเหลือบไปยังด้านในสุดของชั้น เห็นหนังสือของเขาแทบทุกเล่มเบียดเสียดอยู่ในนั้น กวินวางหนังสือของวรรณีลงที่เดิมแล้วหยิบหนังสือผลงานของเขามาเปิดดู พบว่ามันน่าจะมีร่องรอยการถูกอ่านมาเยอะพอสมควร ปกยับเหมือนไม่ได้รับการทนุถนอม ในขณะที่ด้านในมีรอยดินสอขีดไว้เต็มไปหมดตามประโยคต่าง ๆ

    วิษณุอ่านหนังสือของเขาอย่างจริงจังถึงขนาดนี้เชียวหรือ.... กวินรู้สึกอับอายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เหมือนทุกครั้งที่ได้พบปะกับแฟน ๆ นักอ่าน กวินมักจะหลบเลี่ยงและตอบคำถามสั้น ๆ ก่อนจะขอตัวหลีกหนีอย่างรวดเร็วเสมอ กวินเป็นนักเขียนประเภทที่หวาดกลัวผู้อ่านยิ่งนัก ไม่ชอบตอบคำถาม ไม่ชอบแสดงตน เหมือนว่าทุกครั้งในการเขียนงานจนจบเล่ม แม้จะภูมิใจเพียงไหน แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ตามมาก็มักจะมีความอับอายเล็ก ๆ แฝงอยู่ในทีเสมอ คราวนี้ก็เหมือนกัน พอมาลองนึกภาพผู้ชายแบบวิษณุที่อ่านหนังสือของเขาอย่างจริงจัง กวินอดที่จะรู้สึกอายไม่ได้ เหมือนกับไม่แน่ใจในความรู้สึกของวิษณุเมื่อได้อ่าน ไม่แน่ว่าเขาอาจจะหัวเราะ อาจจะเห็นงานของกวินเป็นสิ่งชวนขบขัน แหงล่ะ ยิ่งถ้าเทียบว่าวรรณีผู้เป็นป้าคือบุคคลประเสริฐของเขาแล้วล่ะก็ กวินผู้ซึ่งเหมือนจะตรงกันข้ามก็น่าจะต้องถูกขบขันเป็นธรรมดา

    ไม่ทันที่ความคิดของกวินจะฟุ้งซ่านไปไกลกว่านี้ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากด้านนอก กวินตกใจ เมื่อนั้นเองที่ความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นภายใต้จิตสำนึกส่วนลึกมลายหายไปกับตา แทนที่ด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่พาให้รู้สึกละอาย นี่เขากำลังทำลงไป.... ทำไมถึงได้มายุ่มย่ามในที่ส่วนตัวของคนอื่นขนาดนี้ ถ้าโดนจับได้จะแก้ตัวว่าอย่างไรได้บ้างล่ะนี่

    อีกนัยหนึ่งอาจจะเป็นเพราะกลัวความผิดที่อาจจะโดนคาดโทษเอาได้อย่างที่ไม่มีหนทางแก้ตัว กวินรีบโยนหนังสือเข้าตู้ ตั้งท่าจะรีบวิ่งไปที่ประตูห้องน้ำ แต่เสียงฝีเท้ากลับใกล้เข้ามาทุกที พร้อมกับเสียงลูกบิดประตูที่กำลังหมุนออก กวินอยากจะกรีดร้องยิ่งนัก รู้สึกว่าถ้าวิ่งไปที่ห้องน้ำก็คงจะไม่ทันแน่ จึงตัดสินใจวกกลับมาซ่อนหลังตู้หนังสือ

    แย่แล้ว.... กวินร่ำร้องอยู่ในใจ ในขณะที่หัวสมองคิดไปต่าง ๆ นา ๆ ถ้าโดนจับได้จะต้องแก้ตัวว่าอย่างไร... จะต้องอ้างอย่างไรให้ฟังขึ้น

    วิษณุเปิดประตูเข้ามา ดูเหมือนจะไม่รู้สึกสงสัยอะไรทั้งสิ้น ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ในขณะที่กวินแนบสายตาชำเลืองมองอย่างอัตโนมัติ ใจเต้นรัวอย่างกับกลอง ในขณะที่สมองยังคงประมวลหาคำแก้ตัวต่อไป อาจจะต้องอ้างว่าเข้าห้องผิด... บ้าหรือ ไม่ได้ ๆ จะเข้าห้องผิดได้อย่างไรในเมื่อประตูหน้าน่าจะลงกลอน วิษณุรู้ทันอยู่แล้วว่าเขาคงเข้ามาทางห้องน้ำ หรือจะยังไงดี ผ้าขนหนู... เข้ามาหาผ้าขนหนูเพราะตู้มันล๊อค... ก็อาจจะเข้าทีอยู่ โอ๊ย... แต่ก็ยังถือว่าฟังไม่ขึ้นอยู่ดี อยากจะบ้าตาย.... กวินรู้สึกลนลานขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ห้วงความคิดแปรปรวนไปหมดเหมือนอาการของคนสมองตันที่พยายามจะเค้นหาวิธีการให้ออก แต่สิ่งที่คิดได้ก็ไร้ประโยชน์ยิ่ง สุดท้ายกวินก็เปลี่ยนเป็นภาวนาขออย่าให้วิษณุจับได้ก็แล้วกัน แม้จะเป็นไปได้ยากก็ตาม แต่ก่อนที่ความคิดอันสะเปะสะปะจะวกวนมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นจากเจ้าของห้องก็ทำเอากวินชะงักไปอย่างสิ้นเชิงในที่สุด

    โดยที่ไม่มีทีท่าของการระแวงสงสัยใด ๆ เลย แต่การกระทำอันเกิดขึ้นจากความที่ไม่ระแวงสงสัยของวิษณุนี่แหละที่ทำเอากวินถึงกับสติเตลิด วิษณุค่อย ๆ ถอดเสื้อออก เผยให้เห็นร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า กวินตวัดสายตากลับด้วยความตกใจ จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังหายใจแรง ต้องรีบยกมือปิดจมูกไว้เพื่อไม่ให้โดนจับได้ กลืนน้ำลายเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ แนบสายตาแอบมองอีกรอบ เห็นจังหวะที่วิษณุเอี้ยวตัวบิดขี้เกียจเล็กน้อย เหมือนต้องการจะยืดเส้นยืดสายคลายความปวดเมื่อย เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่สมส่วนน่ามองไปเสียทั้งหมด โดยที่ไม่รู้ตัว กวินเผลอสังเกตรูปร่างของเขาอย่างละเอียดและเผลอไผลไปอย่างลืมตัว เหมือนกับถูกสะกดไปด้วยมัดกล้ามในทุก ๆ ส่วนตั้งแต่แขน หัวไหล่ หน้าอกและหน้าท้อง มันแลดูไม่มากไปและไม่น้อยไป ทว่าสมส่วนอย่างพอดิบพอดี ไม่ใหญ่เป็นก้ามปูน่าเกลียดแบบพวกนักกล้าม แต่ก็ไม่ผอมแห้งมีแต่กระดูกแบบพวกไม่ออกกำลังกาย นอกไปจากนั้น รอยสักสีดำสนิทบนแขนที่พาดยาวไปถึงช่วงไหล่ดูเด่นชัดมากขึ้นเมื่อปรากฏเต็ม ๆ บนกล้ามเนื้อที่ขาวเนียนไปทั่วร่าง ไม่รู้ว่ากำลังหน้ามืดไปหรือไม่ กวินรู้สึกว่าวิษณุเหมือนจะดูหล่อมากขึ้นเมื่อถอดเสื้อ

    ไม่ได้... ไม่ได้... ทำแบบนี้ไม่ได้ กวินเรียกสติของตัวเองกลับมาในขณะที่ยืนตัวแข็งอยู่หลังตู้หนังสือ พยายามจะทำตัวเองให้สงบที่สุด จะเผลอไผลไปกับอะไรแบบนี้ไม่ได้ เพราะการเผลอไผลจะทำให้โดนจับได้ และเมื่อนั้นคงได้อายกันไปข้างถ้าโดนสอบสวนว่าเข้ามาทำอะไรในห้องของคนอื่น 

    อดไม่ได้ที่จะแนบสายตาไปอีกรอบ แต่คราวนี้พยายามข่มใจให้สงบขึ้น เพื่อจะดูความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายว่าเป็นเช่นไร จะได้คิดทางหนีทีไล่ได้ทัน ในใจหวังว่าชายหนุ่มคงเข้ามาแค่เปลี่ยนเสื้อ พอเปลี่ยนเสร็จก็คงจะเดินออกไป แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดและไม่อยากจะคาดคิดก็เกิดขึ้น วิษณุปลดตะขอกางเกง ก่อนจะถอดกางเกงออก กวินแทบจะสิ้นลมหายใจ นัยน์ตาเบลอไปชั่วขณะ เหมือนกาลเวลาหยุดนิ่งไปชั่วคราว ก่อนกระทั่งผ่านไปสักไม่กี่วินาทีเมื่อสติกลับมาครบถ้วนสมบูรณ์ ภาพที่เบลอไปชั่วครูกลับมากระจ่างชัดในเวลาอันรวดเร็ว จึงได้รู้ว่าวิษณุไม่ได้ถอดเฉพาะแค่กางเกงนอกเท่านั้น หากแต่ดึงกางเกงในลงไปด้วย !

    จะเป็นลม !

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE10/03/2010ลงแล้ว12ตอน
«ตอบ #81 เมื่อ17-03-2010 02:26:01 »

(ต่อ)

   กวินรีบหันหน้ากลับมาทันใด เห็นเพียงแวบเดียวเวลาที่กางเกงและกางเกงในถูกดึงออกจากขา ว่าร่างกายทุกส่วนสัดของชายหนุ่มเจ้าของห้องมีลักษณะคร่าว ๆ เช่นไร เห็นเพียงบั้นท้ายที่กลมกลึงไปด้วยกล้ามเนื้อ ผิวพรรณที่ขาวเนียนไปทั้งตัว แล้วก็เห็นมัดกล้ามทั่วร่างที่มองผาด ๆ แล้วสมส่วนตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่กวินสาบานว่าตนไม่ได้เห็นอะไรหรือเห็นสิ่งใดที่เป็นรายละเอียดลึกซึ้งและสำคัญไปกว่านั้นเลย เพราะวิษณุหันหลังให้ไม่ใช่หันหน้า ไม่มีเวลามากพอจะมองอย่างพินิจและควาญหาด้วย เพราะตอนนี้กวินก็แทบจะหลับตาปี๋ ไม่กล้าที่จะหันไปมองอีกแล้ว ไม่แน่ใจว่ากลัวอะไรเหมือนกัน ภาวนาเพียงว่าขอให้วิษณุรีบเอากางเกงตัวใหม่มาสวมเร็ว ๆ เพื่อเขาจะได้หันไปสังเกตการณ์ต่อได้เสียที 

    เป็นดังคาด วิษณุคว้ากางเกงขาสั้นจากตู้เสื้อผ้า ทำท่าจะสวมอย่างทันที แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดต่างหาก ที่ทำให้สิ่งที่คาดบิดเบือดผิดผันไปหมด กวินแทบอยากจะกรีดร้องเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของวิษณุดังขึ้น แล้วกวินก็แทบอยากจะกรีดร้องซ้ำให้ดังกว่าเดิมอีกเมื่อชำเลืองมองออกไปแล้วเห็นว่าวิษณุเลือกที่จะโยนกางเกงกลับเข้าตู้ แล้วรับโทรศัพท์ก่อน

    กวินรู้สึกอยากจะบ้าตายยิ่งนัก... วิษณุให้ความสำคัญกับการรับโทรศัพท์มากกว่าการใส่เสื้อผ้า !

    “ว่าไงพิม”

    วิษณุกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ พร้อม ๆ กับที่หันหน้ามาทางตู้หนังสือ กวินตวัดสายตากลับแทบไม่ทัน กลืนน้ำลายลงคอ ใจนั้นร่วงลงไปถึงตาตุ่ม จากจังหวะเมื่อสักครู่นี้ กวินไม่อาจจะปฏิเสธได้อีกแล้วว่าไม่เห็นอะไร ตรงกันข้ามเลย... กวินเห็นเต็มตา... เห็นอย่างชัดเจนแบบที่ว่าไม่มีถูกปิดบังแต่อย่างใด... เจ้าวิษณุน้อย – ที่เอาจริง ๆ ก็ไม่น้อยเท่าไรนัก – ที่เพิ่งประจักษ์แก่ตากำลังทำให้กวินฟุ้งซ่านและเตลิดไปไกลจนแทบจะควบคุมสติไม่ได้ แต่เขาก็ยังพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะข่มจิตข่มใจ ทำอารมณ์ให้สงบ มิฉะนั้นถ้าเกิดฟุ้งซ่านแล้วแสดงพิรุธออกไป ถูกจับได้ขึ้นมา มิต้องถูกมองหรือว่าแอบเข้าห้องเขาเพื่อที่จะดูเขาแก้ผ้า!

    บ้าจริง ๆ

     “ใช่... มาถึงตั้งแต่บ่ายแล้วล่ะ” วิษณุเดินแก้ผ้าคุยโทรศัพท์รอบห้องอย่างชิล ๆ ทำให้กวินยิ่งไม่ชิลไปมากกว่าเดิม“ป้าเป็นยังไงบ้าง”

     ยายพิมบ้า... โทรมาทำบ้าอะไรเวลานี้ ไอ้บ้านี่ก็อีกคน ทำไมเดินแก้ผ้าคุยโทรศัพท์วะ ไม่อายบ้างหรือไง แต่นั่นแหละ พอมาคิดอีกที นึกย้อนดูตัวเอง ตอนอยู่ที่ห้องคนเดียว กวินก็แก้ผ้าทำอะไรต่ออะไรบ่อยอยู่เหมือนกัน คนอยู่คนเดียวมักไม่คิดอะไรมากมาย วิษณุในตอนนี้ก็ไม่ต่าง ช่างไว้ใจในความเป็นส่วนตัวของตัวเองเสียจริง อยากจะบ้าตาย หรือคิดอีกที ก็อดเอะใจไม่ได้ กวินรู้สึกว่าผู้ชายแก้ผ้ามันก็ไม่ใช่ของใหม่สำหรับตัวเองสักเท่าไร เจอมาก็นักต่อนัก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องตื้นเต้นตกใจเสียนักหนากับแค่ร่างเปลือยเปล่าของผู้ชายคนนี้ ทำตัวเป็นเกย์มัธยมเวอร์จิ้นไปเสียได้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเพราะ...

    ...ผู้ชายคนนี้งั้นหรือ    

    “อืม... ดูแลป้าดี ๆ ล่ะ”

    วิษณุกดวางสาย ถอนใจชั่วคราวแล้วสวมกางเกง ตามมาด้วยการคว้าเสื้อกล้ามมาสวม กวินถอนใจอย่างโล่งอก อาจจะด้วยความสบายใจจนเกินไปที่อีกฝ่ายหยุดโป๊เสียที เลยทำเอาเสียงหายใจของกวินนั่นพ่นออกไปดังพอสมควร วิษณุสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปรกติบางอย่าง หันมาทางตู้หนังสือเหมือนรู้สึกว่ากำลังมีใครแอบอยู่ กวินรีบทำตัวลีบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ลุ้นอยู่ในใจว่าจะต้องตกม้าตายตอนจบหรือไม่ จนกระทั่งสุดท้าย วิษณุก็เดินออกจากห้องไป

    วิษณุที่สวมเสื้อผ้าเดินจากไปแล้ว แต่ก็เป็นไปได้ว่าวิษณุที่ไร้อาภรณ์น่าจะยังติดตรึงหลอกหลอนอยู่ในห้วงความคิดของกวินในแบบที่พยายามสลัดเท่าไรก็สลัดไม่หลุด


*** **** ***** **** ***

    ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยหมู่ดาวที่สกาวอยู่เต็มฟ้าทั้ง ๆ ที่เวลายังไม่ดึกมากนัก หลังจากทานมื้อค่ำร่วมกับทุก ๆ คนเสร็จ กวินขี้เกียจกับการที่จะต้องพูดคุยกับคนหลากหลาย ที่ไม่ค่อยจะคุ้นเคยเท่าไรนัก คนหลายคนพอเห็นว่ากวินมาอยู่ใหม่ก็พยายามจะเข้ามาสนิทสนม แต่ด้วยวิสัยของการปิดกั้นตัวเอง กวินจึงปลีกตัวออกห่าง ในขณะที่คนที่กวินรู้สึกสนิทที่สุดก็คงไม่พ้นวิษณุ ซึ่งรายนั้นกวินไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้า คงจะเป็นเพราะความรู้สึกผิดกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น หรืออีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นความอับอาย อับอายในแง่ที่ว่าต่อให้อีกฝ่ายกำลังสวมเสื้อผ้าอย่างมิดชิด แต่กวินก็พาลจะเห็นภาพหลอนว่าเขากำลังเปลือยเปล่าอยู่ร่ำไป

    ดังนั้น พอถึงเวลาที่สามารถหลีกเลี่ยงการสมาคมมาได้อย่างไม่น่าเกลียด กวินจึงตัดสินใจปลีกตัวเองมาที่ห้อง แม้รตีจะเชิญชวนให้อยู่สนุกสนานกันก่อน เพราะคืนนี้จะมีหมอจากด้านล่างขึ้นมาเยี่ยมเยียน แต่กวินก็ปฏิเสธ พาตัวเองมานั่งเอื่อยเฉื่อยอยู่บนระเบียง เคร่งเครียดกับงานที่เขียนไม่ค่อยได้ หน้าจอคอมพิวเตอร์เปิดค้างไว้เนิ่นนานโดยที่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า สายตาอดมองลงไปด้านล่างไม่ได้ เมื่อเสียงของความครื้นเครงดัวแว่วมาอยู่เป็นระยะ ๆ เห็นวิษณุดื่มเหล้ากับรตีและผู้ชายอีกสองสามคน เสียงหัวเราะของพวกเขาดังแว่วมาอย่างสนุกสนาน กวินถอนใจเบา ๆ กลับมาก้มหน้าเขียนงานต่อ แต่เขียนไปได้สักประโยคสองประโยค แล้วก็ต้องกดลบ รู้สึกตีบตันไปมากกว่า คว้ากล่องบุหรี่จะมาสูบ แต่บุหรี่ก็หมด

    อยากจะบ้าตาย !

    กวินยีหัวจนยุ่ง ถอนหายใจออกมาดัง ๆ ในขณะที่เสียงหัวเราะร้องเพลงจากวงเหล้าด้านล่างก็แว่วมาให้ได้ยินอยู่เป็นระยะ กวินเอามือกุมขมับ สายตามองเข้าไปในจอคอมพิวเตอร์ นิ้วชี้เคาะแป้นซ้ำ ๆ แบบไร้จุดหมาย ความง่วงซึมและอ่อนเพลียก็เข้ามาปกคลุมอย่างรวดเร็ว กวินเผลอหลับตาไปในที่สุด

    ทันใดนั้นเอง ภาพของวิษณุก็ผุดเข้ามาในหัว กวินพยายามสะบัดมันออกไป แต่ก็ไม่สำเร็จ หนำซ้ำ ภาพของวิษณุก็เริ่มจะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับเสื้อผ้าของเขาที่หลุดไปทีละชิ้น เห็นทุกส่วนสัดของร่างกายที่น่าหลงใหลยิ่ง...

    กวินสะบัดภาพเหล่านั้นออกไปอย่างเด็ดขาด ลืมตาตื่นขึ้น สะบัดความงัวเงียออกไป แต่ก็ไม่สำเร็จนัก ถอนใจยาว ปิดคอมพิวเตอร์ เห็นที่ว่าคืนนี้คงต้องยอมแพ้ กวินเดินเข้าไปในห้อง หมายว่าจะอาบน้ำแล้วนอนเสีย เผื่อว่าพรุ่งนี้จะได้เริ่มเขียนงานต่อ

    กวินถอดเสื้อผ้าออก คว้าผ้าขนหนูจากกระเป๋าขึ้นมาพันกาย รู้สึกเหมือนตัวเองล่องลอยอย่างบอกไม่ถูก ภาพรอบข้างก็บูด ๆ เบี้ยว ๆ อาจจะเป็นได้ว่ากำลังอ่อนเพลียขนาดหนัก เพราะเอาเข้าจริง ตั้งแต่เดินทางมาก็พักผ่อนได้ไม่เต็มที่เท่าไร

    กวินเปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะชะงักและตกใจอย่างถึงที่สุด เมื่อพบวิษณุยืนนิ่งอยู่ภายในนั้น พร้อมกับจ้องมองกลับมาด้วยสายตาแปลก ๆ ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยฤทธิ์เหล้า รู้ได้เลยว่าคงจะดื่มมาเยอะพอสมควร

    แวบแรกนั้นกวินค่อนข้างงง ก็เขากำลังนั่งอยู่ในวงเหล้าด้านล่างไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงขึ้นมาบนนี้เร็วจัง แต่อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกที่ตามมาก็คือความอับอายอย่างที่ถูกพาดทับด้วยร่างเปลือยเปล่าของเขานั่นเอง กวินรีบตั้งท่าจะหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว พร้อมกับที่เอ่ยออกไปด้วยเสียงแผ่วเบาไม่ค่อยจะเป็นศัพท์นัก

    “ขอโทษที ไม่คิดว่าคุณกำลังใช้อยู่”

    กวินคว้าลูกบิดจะเปิดกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง แต่ชายหนุ่มอีกคนกลับเดินเข้ามาประชิดตัว แล้วเข้ามาขวางไว้ไม่ให้กวินออกไป

    “คุณจะทำอะไรของคุณน่ะ” กวินร้องถามอย่างตกใจ..... และตื่นเต้น

    วิษณุแค่นยิ้มเล็กน้อย มองกวินทั่วร่างด้วยสายตาอันแสนจะพิลึกพิลั่น ก่อนจะพูดกระซิบออกมาอย่างแผ่วเบา ทว่า ชัดเจนในโสตประสาทของกวินอย่างเหลือกำลัง 

    “อย่าเห็นแก่ตัว คุณเห็นของผมแล้ว... เพราะฉะนั้น คุณก็ต้องให้ผมเห็นของคุณบ้างสิ”

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE10/03/2010ลงแล้ว12ตอน
«ตอบ #82 เมื่อ17-03-2010 02:33:58 »

นึกว่าจะไม่ได้อ่านต่อซะแล้ว ยิ่งมาเรื่องยิ่งซับซ้อนจนเดาทางไม่ถูกแล้วนะ สุดท้ายจะแต่งหนังสือได้หรือเปล่าตามลุ้นค่า

- อันที่จริง ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้อ่านต่อหรอกครับ อาจจะช้าบ้าง แต่ผมเขียนจนจบแน่นอนครับ ไม่ต้องห่วง ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะครับ

รู้สึกว่าอยากอ่านต่ออ่า มาต่อเร็วนะ

รู้สึกว่าการใช้ภาษาดีมากๆ



- ขอโทษที่อาจจะไม่ได้มาเขียนมาลงเร็วสักเท่าไรนักครับ เพราะช่วงนี้ผมก็มีเรื่องวุ่น ๆ อยู่เยอะพอสมควร ต้องทำโปรเจคจบน่ะครับ แต่สัญญาครับว่าจะยังเขียนต่อแน่นอนครับ ^ ^

:เฮ้อ:  เครียดดดดดดดดดดดด~


แล้วยัยคนนี้เป็นอะไรกะวิษณุอ่ะ

แล้วถ้าไม่อยากให้คนเขาเบื่อก็อย่าทำตัวแบบนี้เซ่~


ไอว่าเหตุผลของรตีกะกวินถูกอย่างละครึ่งล่ะนะ คงไม่มีใครอยากอยู่รพ.หรอกถ้าปรับตัวกับที่นี่ได้ก็ออกไปใช้ชีวิตยังโลกภายนอกได้ดีกว่า
แต่ถ้าถึงที่สุดแล้ว ก็อย่างที่กวินว่านั่นแหละ ถ้าอ่อนแอขนาดนั้นก็ควรส่งไปอยู่รพ. การทำแบบนี้คนอื่นจะเดือดร้อนไปด้วย


 :serius2:

- ก็เป็นสิ่งที่กวินคิดนั่นแหละครับ ว่าคนแบบนี้ควรส่งโรงพยาบาล แต่เหมือนวิษณุเขาก็ไม่อยากให้ไปน่ะครับ ขอบคุณที่ติดตามครับผม

การเหลืออยู่ของความเศร้า
มันไม่ได้ทำให้เราอยู่บนโลกใบนี้ไม่ได้หรอกนะ
แต่เราต่างหาก ที่เดินไปกับมัน ไหว หรือ ไม่ไหว ต่างหาก

 :pig4:

อยากให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพื่อชดเชยในส่วนของผู้ล่วงลับ
อย่าได้แบกความเศร้าหมองไว้เลย
ความตายนั้นไม่ช้าก็เร็วย่อมมาถึง
จะรีบร้อนไปทำไม

- วิษณุก็คิดเช่นนั้ครับ

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE10/03/2010ลงแล้ว12ตอน
«ตอบ #83 เมื่อ17-03-2010 02:36:07 »

:a5: ต้อนรับกวินด้วยภาพระทึกขวัญ
กวินเอ้ยปกติก็เป็นคนเมืองไม่สนใจใครอยู่แล้วอ่ะนะ คราวนี้ต้องมาอยู่
ในที่ๆไม่สามารถหนี หรือหลบเลี่ยงไปไหนได้ จะทำเป็นไม่รับรู้ก็ยิ่งทำไมไ่ด้ใหญ่
กร๊าก..แล้วแบบนี้นี่ คุณพิมพ์คิดได้ไงให้กวินมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
เอ..หรือว่าจะเอากวินมาเป็นคนไข้เพิ่มเรอะ  :laugh:
มาอยู่ในที่แบบนี้ กวินจะปรับตัวได้รึป่าวนะหรือว่าก็เป็นกวินแบบอย่างเก่า คือไม่สนใจโลก
มาอยู่ในบรรยากาศใหม่ๆ ผู้คนแปลกๆทั้งทีก็นะจะกลัวไปไย ถ้าไม่ไปสัมผัสด้วยตัวเองออกจากโลก
ของตัวเองไปสัมผัสโลกของคนอื่นบ้าง ไอ่ที่เรากลัวและตีความไปเองมันอาจจะไมไ่ด้น่ากลัวอะไรแบบนั้นก็ได้นะ

ญดาเป็นอะไรกับวิษณุรึป่าวนั่น หรือว่าเอ็นดูเหมือนน้องสาวเฉยๆ เฮ้อออ
คิดแล้วก็น่าสงสารอ่ะเนอะ ...

+1 คะ สู้ๆ  o13


- ขอบคุณครับคุณ mecon ที่ติดตาม ส่วนญดาจะเป็นอะไรกับวิษณุหรือเปล่า ลองติดตามดูครับผม


----------------------------------------------------------

ขอบคุณที่คนที่ติดตามครับผม

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re:
«ตอบ #84 เมื่อ17-03-2010 09:38:00 »

กิ้วๆโดนจับได้ว่าแอบดูหนอนไม่น้อยของคุณวิษณุบุกรุกถ้ำเสือดีนะไม่เจอพ่อเสือดัดหลังจ๊ะเอ๋ให้ได้อายไรงี้อิตาวิษณุเปนแฟนพันแท้งานเขียนorโดนคุงป้าบังคังเคอะหุหุรู้สึกป้าหลานคู่นี้ผูกพันกันมากๆป้าชอบแบบไหนหลานชอบแบบนั้นรึป่าวไม่น่าแปลกที่ยอมลากนักเขียนติสแตกมาอยู่ในที่ส่วนตัวแบบนี้ส่วนเรื่องงานเขียนถ้ากวินต้องเขียนงานที่ไม่ใช่ตัวเองเอาซะเลยทำไมไม่ลองเขียนจากสิ่งรอบตัวล่ะที่ใหม่ๆคนแปลกๆลองเขียนจากสิ่งที่เหนเผื่องานกับตัวกวินจะได้ไม่เหี่ยวเฉาอะนะผีดิบห้องเช่าปฏิวัติตัวได้แล้วเน้อกวินกร๊ากปล.จุใจแบบนี้คนอ่านปลื้ม

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re:
«ตอบ #85 เมื่อ17-03-2010 11:07:07 »

ปลล.ลืมแซวคะเพลงคุงวิษณุวัยรุ่นมากๆสร้างวิมานสีชมพูกับสาวน้อยชิส์น่าหมั่นไส้5555

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE17/03/2010ลงแล้ว13ตอน
«ตอบ #86 เมื่อ17-03-2010 21:30:17 »

 :serius2: ตัดจบกันแบบนี้ มา :z6:กันดีกว่า 555+

สนุกมากค่ะ น่าติดตามตลอดเลย อยากรู้วิธีปราบพยศพ่อคนใจดำคนนี้จริงๆเลยว่าจะเป็นยังไง :pig4:

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re:
«ตอบ #87 เมื่อ19-03-2010 00:03:56 »

กิ้วๆโดนจับได้ว่าแอบดูหนอนไม่น้อยของคุณวิษณุบุกรุกถ้ำเสือดีนะไม่เจอพ่อเสือดัดหลังจ๊ะเอ๋ให้ได้อายไรงี้อิตาวิษณุเปนแฟนพันแท้งานเขียนorโดนคุงป้าบังคังเคอะหุหุรู้สึกป้าหลานคู่นี้ผูกพันกันมากๆป้าชอบแบบไหนหลานชอบแบบนั้นรึป่าวไม่น่าแปลกที่ยอมลากนักเขียนติสแตกมาอยู่ในที่ส่วนตัวแบบนี้ส่วนเรื่องงานเขียนถ้ากวินต้องเขียนงานที่ไม่ใช่ตัวเองเอาซะเลยทำไมไม่ลองเขียนจากสิ่งรอบตัวล่ะที่ใหม่ๆคนแปลกๆลองเขียนจากสิ่งที่เหนเผื่องานกับตัวกวินจะได้ไม่เหี่ยวเฉาอะนะผีดิบห้องเช่าปฏิวัติตัวได้แล้วเน้อกวินกร๊ากปล.จุใจแบบนี้คนอ่านปลื้ม

ขอบคุณค้าบบบ คุณ mecon คนอ่านปลื้ม คนเขียนก็ปลื้มคับผม ^ ^\\

:serius2: ตัดจบกันแบบนี้ มา :z6:กันดีกว่า 555+

สนุกมากค่ะ น่าติดตามตลอดเลย อยากรู้วิธีปราบพยศพ่อคนใจดำคนนี้จริงๆเลยว่าจะเป็นยังไง :pig4:

อดใจรออีกดนิดนะครับ ผมจะลงต่อไม่นานนีเครับ สัญญา ๆ ขอบคุณที่ชมว่าสนุกครับ ดีใจครับ

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE17/03/2010ลงแล้ว13ตอน
«ตอบ #88 เมื่อ19-03-2010 00:22:47 »

อ่าวววววว มาลงตอนไหนเนี่ย.... มิเห็น รอแป๊ปๆ เด๋วไอไปอ่านก่อนนะ เด๋วมาเมนท์   :oni1:

Ps.มาต่อได้ยาวจุใจไปเลย  o13

ออฟไลน์ ArgèntaR๛

  • "ความสุข" แบ่งปันได้
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-0
    • turelight's Fanpage
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE17/03/2010ลงแล้ว13ตอน
«ตอบ #89 เมื่อ19-03-2010 11:59:06 »

ตามอ่านมานานแล้วเเต่เพิ่งได้มาเม้นต์

ชอบเรื่องนี้ครับ ^^ ทั้งภาษาการบรรยายแล้วก็คาเเรคเตอร์เลย
มันดูสมเหตุสมผลดียังไงไม่รู้สิแบบค่อยเป็นค่อยไป คือไม่ใช่แบบที่จู่ๆก็ผลุบมาแล้วก็พุ่งพรวดไปเลย

จะตามอ่านต่อไปเรื่อยๆครับผม ยิ่งอ่านเหมือนยิ่งได้ดูการเติบโต(??)ของกวินพิกล
อยากจะรู้จริงๆว่าตอนหน้าจะโดนทำอะไร  :impress2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด