ขอบคุณสำหรับรีพลายนะฮ้า
ส่วนคุณ crazykung ขอบคุณสำหรับคำเเนะนำดีๆนะคะ
ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ป้าคนเเต่งเขาฉีดยาเเล้ว
555
ป้าเเกฝากมาบอกว่า จะปรับปรุงในส่วนนั้นค่า
ไปอ่านกันเลยน้อออออออ
.
.
.
.
.
Imprison 11: หึงโหด !!!
...ไม่เคยมีสิ่งใด จะได้มาโดยง่าย
...ไม่เคยมีอะไรที่ได้มาเปล่าๆโดยไม่เสียอะไรเลย..
....ได้มาสิ่งหนึ่ง อีกสิ่งก็ต้องเสียไปเสมอ..นี่คือสิ่งที่ผมเรียนรู้มาตลอดชีวิต..
แต่มาตอนนี้ ผมอยากถามตัวเอง..ว่าผม ได้อะไร?...
ผมได้อะไรจากสิ่งที่ผมทำลงไปบ้าง...
ผมเคยได้รับสิ่งดีๆจากสิ่งที่ทุ่มเทไปบ้างไหม?...
....ผมได้อะไร..จากความฝันที่ผมเฝ้าทุ่มเทมาตลอดชีวิต...
น้ำตาร้อนๆไหลอาบแก้มผมเป็นทางยาว และผมก็ปล่อยให้มันไหลไปอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมปาดเช็ด ไม่ยอมสนใจได้แต่ปล่อยให้มันไหลลงไป...โดยไร้เสียงสะอึกสะอื้น..
...ในอกตอนนี้มันปวดปลาบ หัวสมองว่างเปล่า..วินาทีที่ความเสียใจมันรุมเร้า หัวสมองผมมึนตื้อคิดอะไรไม่ออกเลย ไม่รู้ ไม่จดจำเรื่องที่ตัวเองทำไว้ ไม่คิดถึงเหตุผล ..ผมได้แต่ร้อนรุ่มในอก โกรธ...เกลียดใครก็ตามที่ยัดเยียดชีวิต และโชคชะตาแบบนี้มาให้ผม...
....เพราะอะไร??
....ทำไม?...
...ทำไมผมต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้...
ตอนนี้ฝ่ามืออบอุ่นที่ลูบเส้นผมของผมเงียบๆได้ละไปแล้ว..เจ้าของความอบอุ่นนั้นเป็นคนเดียวกับที่ผมคิด..พี่กันย์นั่นเอง..เขาหันมายิ้มอ่อนๆ..แล้วพาผมมาใต้ร่มไม้ที่มีม้านั่งหินอ่อนอยู่ พี่แกฉุดผมนั่ง..แต่ผมขืนตัวไว้ เดินไปริมโคนต้นไม้ที่ให้ร่มเงาแก่ที่นั่ง ยืนนิ่ง...พยายามสงบสติอารมณ์...พยายามบอกตัวเองให้ควบคุมสติ...
แต่สมองก็ยังเฝ้าถาม เฝ้าย้ำ..เฝ้าคิด...
มันเพราะอะไรกัน !?
ที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้..มันเพราะอะไร..
มันเป็นความผิดของผมเหรอ ที่ปกป้องน้องสาวของตัวเองจากเจ้าเศษมนุษย์นั่น มันเป็นความผิดของผมใช่ไหม ที่ทุ่มเทเพื่อดนตรีที่ตัวเองรัก เป็นความผิดของผมงั้นสิ ที่จะโกรธแค้นแทบคลั่งเมื่อพบว่านิ้วของตัวเองไม่อาจจะจับสายเอ็นได้อีกแล้ว...
...ไม่รู้ว่าความอัดอั้นพวกนี้มันมาจากไหน ไม่รู้ว่าความโกรธเคือง น้อยอกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ สมองผมมันเฝ้าคิดซ้ำๆวนเวียนอยู่แต่สิ่งเดิมๆที่ตอกย้ำมาตลอด...
ผมกำหมัดแน่น..จนกระดาษที่ตัวเองถือยับย่นไปหมด ร้องไห้...แต่ไม่มีการสะอึกสะอื้น..มีเพียงนัยน์ตาแดงก่ำ น้ำตาไหลอาบแก้มกับแววตาเจ็บช้ำที่มองมายังฝ่ามือของตัวเอง..นิ้วชี้ข้างขวาของตัวเอง...
วูบหนึ่งที่ความโกรธมันพุ่งพรวดจนคลุ้มคลั่ง ผมออกแรงง้างหมัดของตัวเอง อยากจะเหวี่ยงซัดลงไปตรงลำต้นของต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ...มือนี้..นิ้วมือนี้....มีไว้เพื่อสายเอ็นสีขาว..มีไว้เพื่อกล่องไม้สีน้ำตาลเข้มเงาวับ...มีไว้เพื่อดนตรี...เสียงเพลงอันเป็นที่รักของผม...
....ถ้ามีมันแล้วเล่นดนตรีไม่ได้...ถ้ามีมันแล้วเล่นไวโอลินไม่ได้อีก...
ก็อย่ามีไว้เลย !!!!!!!!!!
หมับ !!!
“...ทำบ้าอะไร !!!!! “ ใครสักคนตะคอกใส่หู เจ้าของน้ำเสียงห้วนกระชากคว้ามือผมไว้พร้อมออกแรงดึงตัวผมให้ห่างจากต้นไม้ต้นนั้น...มือที่กร้านแกร่งจับข้อมือของผมไว้มั่น..พร้อมกับน้ำเสียงตะคอกแฝงความร้อนรน..ไม่ได้ทำให้ความเสียใจลดลง..แต่ทำให้ความพลุ้งพล่านในหัวอก..ลดลงอย่างประหลาด...
ผมหันไปมองคนที่กระชากตัวผม..และเป็นไปอย่างที่คิด...คนๆนั้น..คือผู้ชายคนเดียวที่มักจะพบเจอ..และช่วยเหลือผมไว้เสมอ..ยามที่ผมร้องไห้...ยามที่ผมเสียใจ..และปวดร้าว...
การกระทำของเขาไม่ใช่ปลุกปลอบ..หรืออ่อนโยนเหมือนพี่ชายปลอบน้องน้อยเช่นพี่กันย์...แต่ห้วน..สั้น...ทว่าหนักแน่น..มั่นคง..ทำให้สงบลงได้อย่างประหลาด...
และตอนนี้ก็เหมือนกัน...ยามที่ผู้ชายคนนี้กระชากตัวผมและออกแรงลากปนเหวี่ยงไปนั่งโต๊ะม้าหินอ่อนตัวเดิมกับที่พี่กันย์พยายามให้ผมนั่งตัวเมื่อกี๊..จิตใจที่พลุ้งพล่านของผมก็เริ่มสงบ...ความผิดหวังอย่างรุนแรงที่ทำให้ผมแทบคลุ้มคลั่ง..เริ่มจะลดลง..
...ผมใช้ดวงตาแดงก่ำของตัวเองมองหน้าเขา..
เขาก็ใช้สายตาโกรธเกรี้ยว...ดุดัน...มองมาที่ผมเช่นกัน..
“..จะทำอะไร !?..” กระซิบถามอย่างโมโหปนร้อนรน เขาบีบแขนผมแน่น..ออกแรงเขย่าเบาๆ..
“...................” ผมได้แต่ส่ายหัวช้าๆ ทั้งที่น้ำตายังไหลพราก...ความเสียใจที่เกิดขึ้น..มันอาจจะงี่เง่าในสายตาใครหลายคน..แต่สำหรับผม..มันมาก..มากเกินกว่าใครจะเข้าใจ..
“...เป็นอะไรกันแน่...ใครทำอะไรมึง !!! “ เขายังถามพลางออกแรงเขย่าแขนผมแรงกว่าเก่า..
“....................” ผมยังคงส่ายหัวเช่นเดิม..ไม่มีใครทำอะไร..ไม่มีเลย..
“...ส่ายหัวแล้วร้องไห้ทำไมว่ะ..หยุดซะ !! “..ว่าพลางเอาชายเสื้อสกปรกๆนั่นมาถูหน้าผมแรงๆ..จนผมอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้..นี่จะถูให้หน้าผมสะอาดขึ้น รึสกปรกขึ้นกันล่ะ..
“..เออ..ค่อยยังชั่ว..” พี่โตว่าพลางถอนใจ มองผมที่ทำหน้างงๆใส่ เขาก็ถอนใจแรงอีกรอบ ยกมือขยี้หัวผมแรงๆ
“..นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา นั่งน้ำตาไหลยังกะผู้หญิงเสียตัว..กุนึกว่าโดนใครเอามาซะอีก...”
“......” คราวนี้ผมเริ่มขำไม่ออก...สาบานน่ะ..ว่านั่นน่ะ ปาก...
“..มึงเป็นอะไร..ใครทำอะไรมึง...รึว่าไอ้นี่..” ว่าพลางชี้ไปทางพี่กันย์ที่ยืนมองเงียบๆอยู่..ทำให้คนโคนชี้สะดุ้ง..แล้วส่ายหัวช้าๆ..
...จะชี้ใครไม่ดูหนังหน้าตัวเองเลยน่ะ..ถ้าจะเทียบกันน่ะ..คนที่มีแนวโน้มมากกว่า มองยังไงก็พี่ชัดๆ..ผมแอบค้อนใส่ทั้งหน้าเปื้อนน้ำตา..ขณะที่พี่กันย์นั่งลงช้างๆผม..และพี่โตที่นั่งยองๆมองหน้าผมในระยะเดียวกัน..
..จะมารุมมองหน้าผมทำไมครับเนี่ย??...
ผมเริ่มงง..พลางออกแรงเช็ดหน้าตัวเองช้าๆ ความเสียใจแทบบ้าที่คละคลุ้งในหัวอกยังไม่จางหาย..แต่พอมีอย่างอื่นประดังเข้ามา เลยต้องเก็บไว้ชั่วคราว..
“...มึงทำไรมันใช่มั้ย?..” พี่โตยังคาดคั้นพี่กันย์ด้วยสีหน้าเข้มๆ..แบบไม่ได้ดูตัวเองสักนิด..
“......” คราวนี้พี่กันย์ไม่ตอบ..มองหน้าผม...แล้วมองไปที่มือขวาของผม...
“...เจ็บมั้ยครับ?...” ถาม..พลางแงะมือผมที่กำเข้าหากันจนแน่นออก.. ทำให้ผมต้องก้มมองตาม..มองนิ้วมือตัวเอง..และมองฝ่ามือตัวเองที่มีรอยหยิกจากเล็บที่จิกแน่น..ด้วยสายตาปวดร้าว..
....เจ็บ...แต่ไม่มากเท่าที่หัวใจ...
“.....” พี่โตก็มองตาม..มองตามมือผมที่ถูกพี่กันย์คว้าเอาไปทางตัวเองด้วยสายตาเข้มขึ้น แล้วยังตวัดมาทางผมที่นิ่งยอมให้เขาจับโดยดีด้วยสีหน้าหงุดหงิด..
“...จะ......”
“....นิ้วชี้...ถ้าฝึกเคลื่อนไหวบ่อยๆ..ก็ยังจะใช้ได้น่ะ...” คำพูดนั้นตัดประโยคคำถามที่คุณพี่โตจะถามได้ชะงัดนัก...ผมหันขวับไปมองหน้าพี่กันย์อย่างมีความหวัง..
“....จะ...จริงเหรอครับ....” ผมถาม พลางมองมือหน้าที่จับนิ้วของผมขยับเข้าออกช้าๆพลางนวดไปด้วย
“..เส้นเอ็นไม้ได้ขาดซักหน่อย..ข้อต่อนิ้วก็ไม่เห็นเป็นไร..แค่เส้นประสาทเล็กๆที่ยึดตรงนี้...” พี่กันย์ว่าพลางชี้ไปบริเวณข้อนิ้วที่เป็นรอยกรีดพลางคลึงช้าๆ
“...มันไม่สามารถจะงอกขึ้นใหม่ได้ก็จริง..แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก..ตอนนี้ที่ติดขัด..เพราะบาดแผลยังสดอยู่...ถ้าฝึกต่อเนื่องแบบนี้..” ว่าพลางขยับนิ้วผมขึ้นลงให้ดู “ สักสองสามเดือน อาจจะเคลื่อนไหวได้คล่องพอ...”
“..จับพอรึยัง...” จอมเกรียนว่าพลางปัดมือพี่กันย์ออกห่าง..ไม่พอยังเอานิ้วผมมาเช็ดกับเสื้อตัวเองแรงๆ..อย่างไร้เหตุผลจนผมต้องขมวดคิ้ว..ทำไปเพื่อ????
“...ผมพอจะรู้จัก....นักดนตรีบางคน...” ขณะที่ไอ้คุณพี่โตกำลังขะมักเขม้นกับการตรวจเชื้อโรคบนมือผมและผมกำลังงงอยู่นั้น พี่กันย์ก็เปรยมาเบาๆ...ทำให้ผมหันไปมองหน้าเขาทันที...
“..พวกเขา...ก็เหมือนเรา...” เขาว่า..พลางเอมมือลูบหัวผม ไอ้คุณพี่โตลุกพรวด ปัดออกทันควันจนผมต้องทำหน้างงใส่อีกรอบ..อะไรกันน่ะ...
“...การจะเป็นนักดนตรีที่ดี..จิตใจต้องละเอียดอ่อน..ต้องอ่อนโยน..และมีอารมณ์ที่ลึกซึ้ง..ละเมียดละไม..” หลังจากโดนปัดมือทิ้ง พี่กันย์เลยหมดความพยายามในการแตะตัวผมอีก ได้แต่ยิ้ม แล้วมองหน้าผมอย่างอาดูร..
“..การมีจิตใจที่ละเอียดอ่อน..รู้สึกอะไรได้ง่าย..บางครั้ง...มันก็เกิดผลเสียได้..หากเป็นความสุข..ก็ไม่เป็นไร...แต่หากเป็นความทุกข์..เมื่อนั้น..พวกเขาจะมีปัญหา..”
“ ..เพราะสภาพจิตใจที่ละเอียดอ่อน เปราะบางเกินไป..เมื่อเกิดเรื่องอะไรที่ไปกระทบจิตใจ..ก็มักจะบาดเจ็บได้ง่ายกว่า..โดยเฉพาะ เมื่อเรื่องนั้น..เป็นสิ่งที่สำคัญต่อจิตใจ...”
“.......” ผมไม่พูดอะไร.นอกจากก้มมองนิ้วมือของตัวเองอีกครั้ง...ความรู้สึกเจ็บปวดยังคงหนักหน่วงในใจ
“..อย่ากลัวไปเลย...เราไม่ได้จะใกล้บ้าหรอกน่า..” พี่กันย์ว่าพลางยิ้มให้ผมอีกรอบ...
“..ขอบคุณ...ครับ...” ผมเอ่ยปากเบาๆ..ขณะที่ยังมองนิ้วมือตัวเอง..กำมัน..แล้วคลายออกช้าๆ...
ใครอีกคนที่อยู่ด้วยแต่ไม่ได้พูดจาอะไรกระชากกระดาษออกจากมือผมแล้วเดินจ้ำพรวดๆออกไป ทำเอาผมเหวอทันที..พี่กันย์ก็รุนหลังผมให้ลุกขึ้นพร้อมกับหัวเราะเบาๆ...
“..โห...งอนเป็นกับเค้าด้วยแฮะ...”
ผมทำหน้าเบ้ งอน...ผู้ชายตัวควายๆคนนั้นน่ะเรอะ..ท่าทางมันน่ารักซะที่ไหน แต่ผมก็ได้แต่ถอนใจแล้วเดินตามไปทันที...
ที่ตามนี่ไม่ได้จะง้อ..แต่พี่แกดันเอาเอกสารขอเรียนต่อของผมไปด้วยน่ะเซ่..
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
“...พี่...พี่โตครับ...” ผมรีบวิ่งไปหาเค้าที่เดินจ้ำพรวดๆไม่สนใจใคร ปากก็ร้องเรียกไปด้วย รู้สึกอนาถที่ตัวเองเหมือนนางเอกละครหลังข่าวเข้าไปทุกที..แล้วก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องไปตามง้อ..ไม่สิ..เพราะเอกสารของผมอยู่นั้นต่างหาก..
“..พี่...พี่คร้าบบบบบบ...” ผมลากเสียงยาวเฟื้อยพร้อมกับออกแรงเฮือกสุดท้ายวิ่งไปดักหน้า ก่อนที่เค้าจะเดินออกจากบริเวณโรงฝึกไปในที่ๆคนพลุกพล่านให้ผมขายหน้าไปมากกว่านี้.. รายนี้ก็เหมือนกันไม่รู้จะจ้ำอะไรนักหนา ไม่ใช่หนังอินเดียน่ะครับ..ที่จะได้วิ่งง้อกันข้ามเขาสามลูก..อ้อ..ผมไม่ได้มาง้อ..มาเอาเอกสาร..อย่าเข้าใจผิด..
“..อะไร...” ชะงัก..แล้วกระชากเสียงอย่างไม่สำนึกถึงความผิด..ผมแอบเบ้หน้าเล็กๆกับน้ำเสียงเหมือนควายงอนนั่น..ไม่น่ารักหรอกน่ะ เหอะ..
“...ขอเอกสารผมด้วยครับ..จะเอาไปเขียนส่ง...” ผมว่าพลางแบมืออกมาข้างหน้า..ทำเอาพี่ท่านทำสีหน้างงวูบ..ก่อนจะยื่นมาให้ผมอย่างไม่พอใจ...บร๊ะเจ้า..จะซึนไปไหน?
“..ขอบคุณครับ...” ว่าพลางจะเดินหนี...อะไรครับ...ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้มาง้อ..แล้วก็ไม่ใช่นางเอก..
“..เดี๋ยว....” พี่โตคว้าแขนผมหมับ..ออกแรงกระชากลากถูไม่เบานัก ไปยังหลังโรงฝึกที่มีแปลงเกษตรอยู่..เอ่อ...จะพาผมมารดน้ำผักใช่มั้ยครับ..
“..มึง...ตกลงมึงเป็นอะไรกันแน่..”
“..............” ผมเงียบ..ไม่อยากพูดถึงความอ่อนแอของตัวเอง..พี่โตชะงัก..สีหน้าโมโห..
“..ไม่บอกกุ..จะบอกแต่ไอ้กันย์ใช่มั้ย มึงน่ะ !! “ กระชากเสียงใส่ผมทันควัน จนผมต้องหน้านิ่ว..หนวกหูว่ะ.(อ้าว..เฮ้ย )
“...พี่เขาแค่ปลอบใจ..ไม่เกี่ยวอะไรด้วยครับ..” ผมตอบห้วนๆ..ไม่ทราบว่าจะมาซักไซ้ไล่เรียงกันทำไม ผมเป็อะไรกับคุณครับ เมียหลวงเรอะ..อ้อ...ตูเป็นเมียน้อยสิน่ะ...
...ลืมไปครับ...ผมเป็นแค่นอมินี...
“...อย่าลืม...ว่ามึงเป็นเด็กกู..อย่าออกนอกหน้าให้มันมากนัก !!..” เสียงกระซิบเข้มๆ...ทำให้ผมหน้านิ่วอีกรอบ..พร้อมกับหันไปสบตาคุณพี่โตที่ทำหน้าโหดใส่ เขามีสายตาวาววับ...
“..เข้าใจครับ...”
“..เออดี !! “
“...แต่ผมไม่ใช่ขี้ข้า..และก็ไม่ใช่ที่รองมือรองตีน..ช่วยเข้าใจกันด้วยน่ะครับ..” ผมบอกเรียบๆ..บอกแล้วไง..ว่าผมมันคนแบบไหน...จะทำร้ายร่างกาย จะเห็นผมเป็นอะไรก็ได้..แต่อย่าทิ้งผม..เพราะถ้าทิ้ง..ผมจะหันมากัดทันที...
ไอ้เนมก็สู้คนน่ะโว้ยยยยยยยยยยยยยยยย !!! (ตะโกนบอกตัวเองในใจอย่างฮึกเหิม)
“.....” ไอ้คุณพี่โตชะงัก...มองหน้าผมที่ยืนนิ่งก่อนจะร้องหึในลำคอ..
“..กล้าเล่นกับพวกกูงั้นสิ..มึงน่ะ...อยากลองของเหรอว่ะ...” ถาม พลางบีบคางผมแน่น..ออกแรงจนผมน้ำตาคลอ..เบ้หน้า...
“...ไม่ใช่ครับ..แค่ผมไม่ใช่หมา..” ผมบอกพลางสะบัดหน้าตัวเองออกจากมือนั่น..จากที่ตอนแรกเคยดีใจ..ตอนนี้กลายมาเป็นอะไรแล้วก็ไม่รู้...
“..แต่ถ้าลองหือกับกู..มึงได้ต่ำกว่าหมาแน่ !! “
“........” ผมไม่ตอบ..แต่มองหน้าพี่เขา..ไม่ยอมหลบตา..จนอีกฝ่ายถอนใจพรืด..
“เป็นห่าอะไรของมึง..งอนยังกะผู้หญิง...” เขาบอกทำเอาผมตาโต..นี่ไอ้เนมงอนเรอะ...เปล๊า ใครงอน..ไม่มี๊..อย่ามั่วครับ อย่ามั่ว..
“..ไม่ได้งอนครับ...” ผมปฏิเสธเรียบๆ ทำหน้าบูด..
“..หึ...ก็ดี...” คุณพี่โตร้องหึในลำคอ..ก่อนจะมองหน้าผมอีกรอบ..
“..ครั้งนี้กุจะยกให้..ถือว่ามึงใหม่..ยังไม่รู้อะไร..แต่ถ้ามีอีกรอบ..รับรอง กุจะให้มึงได้เจอนรกในคุก ของจริง...”
“.............” เป็นอีกครั้งที่ไอ้เนมได้แต่เงียบ..ไอ้ที่ผ่านมานี่..ไม่ใช่นรกมั้ย?..ไม่ลำบากเลยใช่มั้ย?..
“..มึงบอกกูมาวะดีๆว่าเป็นอะไรไป ไม่งั้นกุจะถีบมึงให้จมน้ำตายห่าในบ่อนี่ให้ดู...”
“...ไวโอลิน...” ผมอ้าปากบอกในที่สุด กับคนที่อยากรู้เรื่องชาวบ้านจนต้องเอาความปลอดภัยในชีวิตมาอ้าง ผมถอนใจ เตรียมตัวไม่ให้คลุ้มคลั่งถีบคนตรงหน้าให้ตกบ่อ ตัยหองแทนตัวเอง หากเขาหัวเราะเรื่องของผม..
“...นิ้วของของผม..มันยึด..เล่นไวโอลิน..ไม่ได้...อีกแล้ว...” แต่แค่เอ่ยปากพุด แต่นึกถึงต้นเหตุของน้ำตา..ขอบตาผมก็ร้อนผ่าว...น้ำเสียงสั่นไหว...
“........” อีกฝ่ายไม่พูดอะไร..นอกจากจะยืนมองเงียบๆ..
“.........” แค่นั้นก็พอแล้ว...ผมไม่พูดอะไรต่อ..ไม่ได้สะอื้นไห้..แต่น้ำตา...มันไหลพรากมาตอนไหนไม่รู้...
พี่โตเอื้อมมือมาดึงกระดาษเอกสารที่เริ่มยับยู่อีกครั้งมาจากมือผม เขาเอามันมาคลี่ดูผ่านๆ ยืนเงียบๆขณะที่ผมได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ..
แสงของดวงอาทิตย์พาดผ่านร่างของผมและเขา..แต่ไม่มีใครขยับไปไหน..ได้แต่ปล่อยให้ความเงียบดำเนินไปช้าๆ
...ไร้คำพูดปลอบใจ..ไร้ซึ่งถ้อยคำอ่อนหวาน...หรืออ้อมกอดอบอุ่น...
แต่แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ..ขอแค่ผมไม่ได้อยู่คนเดียว...
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
ขอบคุณสำหรับการติดตามจ้า