13 ห้องปกครอง
อาจารย์ฝ่ายปกครองเรียกผู้ปกครองของเด็กที่มีเรื่องกันไปพบที่ห้องประชุมเพื่อพูดคุยกันในเรื่องนี้ ธีร์และหนุ่ยนั่งอยู่ด้วยกัน คุณโสภาพรรณ เจ้ามือหวยรายใหญ่ เอ้ย...แม่ของปิงเมือง นั่งอยู่กับลูกชายสุดหล่อที่ตอนนี้ปากบวมเจ่อเป็นลูกครุฑ ส่วนศิวัชนั่งโหนกแก้มเขียวปั๊ดอยู่กับพลโทสง่า ชลวินิตย ผู้ที่เป็นคุณตา ทั้งสามฝ่ายต่างมารับทราบกฎระเบียบการลงโทษนักเรียนของโรงเรียน และหาทางแก้ปัญหาร่วมกันในแนวทางสันติวิธี หนุ่ยและปิงโดนทำทัณฑ์บนไว้ ห้ามไม่ให้มีเรื่องอีกเป็นครั้งที่สอง และโดนตีอีกคนละ 3 ที ส่วนค่าเสียหายธีร์ยอมชดใช้ค่ารักษาพยาบาลและค่าทำขวัญให้คุณโสภาพรรณ ที่หนุ่ยไปต่อยปิงจนสลบ คุณโสภาพรรณพอใจเรื่องจึงจบลงไป ส่วนศิวัชนั้นอาจารย์ให้กล่าวขอโทษหนุ่ย ที่ใช้วาจาก้าวล่วงและดูถูก
“นายศิวัช...ครูสั่งให้ขอโทษศิลปิน...เธอไม่ได้ยินเหรอ...”อาจารย์สมเกียรติเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกร้าว
“............” เงียบ...ไม่มีปฏิกิริยาจากศิวัช
“............”
“เจ้าวัช...ไปขอโทษเพื่อนสิลูก”เสียงพลโทสง่าดังกังวานออกมา คุณตาที่นั่งนิ่งมานานเอ่ยขึ้นมา บ่อยครั้งเหลือเกินที่คุณตาต้องออกโรงเอง...ท่านไม่อยากให้หลานชายต้องเป็นแบบนี้เลย ทุกครั้งที่มาโรงเรียนด้วยเรื่องแบบนี้ท่านรู้สึกอายจริงๆ
“เราขอโทษ...ที่ล่วงเกินนายด้วยวาจา...เราจะไม่ทำอีก” ศิวัชพูดเบาๆแต่ทุกคนในห้องได้ยิน
“ไม่เป็นไร...เราไม่โกรธนาย...ทุกอย่างจบลงไปแล้ว” หนุ่ยยื่นมือข้างที่ไม่หักออกมาให้จับแต่วัชไม่จับด้วย...
หลังจากที่ทุกคนยกเว้นพลโทสง่าและศิวัชออกมาจากห้องประชุม หนุ่ยก็เข้าไปขอโทษคุณโสภาพรรณและปิง
“ผมขอโทษคุณน้าด้วยที่ระงับอารมณ์ไม่ได้...ผมเสียใจ...และจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก”หนุ่ยพยายามจะยกเฝือกขึ้นมาอีกข้างเพื่อไหว้ขอโทษคุณโสภาพรรณและปิง
“ไม่เป็นไรหรอก...ทีหลังจะทำอะไรก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน...คิดก่อนทำนะ...จำไว้” คุณโสภาพรรณหันหลังเดินไปขึ้นรถ ส่วนปิงที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น หนุ่ยก็ยื่นมือออกไปให้จับพร้อมกับพูดว่า
“ขอโทษนะ...เราไม่ได้ตั้งใจให้มันรุนแรงอย่างนี้...”
“ไม่เป็นไร...เราเองก็ต้องขอโทษนายเหมือนกัน...ที่พยายามทำร้ายนายก่อน” ปิงกับหนุ่ยจับมือกันแล้วยิ้มให้กับมิตรภาพที่เพิ่งเกิดขึ้น
“ว่าแต่นายทำไมหมัดหนักนักวะ” ปิงกระซิบถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน...”
“เอาไว้สอนเราต่อยมวยหน่อยนะ” ปิงพูดแล้วยิ้มออกมาจนน้ำลายสอ เพราะปากหุบไม่ได้
ปิงเดินไปส่งคุณโสภาพรรณขึ้นรถแล้วก็เดินไปเรียนก่อนจะจากไปยังหันมาโบกมือให้กับหนุ่ยอีก ทำให้หนุ่ยใจชื้นขึ้นเป็นกอง เขายังห่วงก็แต่ศิวัชกับคุณตาที่ยังอยู่ในห้องประชุม...ไม่รู้จะโทษหนักขนาดไหน ขนาดเมื่อกี้นี้โดนฟาดไปสามทียังเจ็บตูดอยู่เลย สงสัยตูดจะแตกแน่ๆ
“ขอบคุณพี่ธีร์มากครับที่มาวันนี้...”หนุ่ยยกมือไหว้ธีร์
“พี่เป็นผู้ปกครองของหนุ่ย...ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบพี่ต้องมาอยู่แล้ว...แต่หนุ่ยเองก็ต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบเช่นเดียวกันคือ...ต้องตั้งใจเรียนและไม่ก่อเรื่องให้วุ่นวายอีก...พี่หวังว่าเรื่องเล็กๆแค่นี้หนุ่ยคงทำให้พี่ได้นะ”ธีร์ให้โอวาทยาวเหยียด หนุ่ยก้มหน้าสำนึกผิด
หนุ่ยกลับไปนั่งเรียนอีกครั้ง น่านนั่งเหม่อมองออกไปข้างนอกตลอดเวลา จนอาจารย์ที่สอนต้องเรียกหลายครั้ง หนุ่ยเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหัวหน้าห้องผู้นิ่งเฉยคนนี้ไม่พูดไม่คุยกับเขาเลย
“น่าน...”หนุ่ยเรียกน่านพร้อมเอาขากระแทกโต๊ะให้น่านตื่นจากภวังค์ซะที
“หืม...”
“อาจารย์ให้การบ้าน”หนุ่ยบอกพลางเลื่อนสมุดให้น่านลอกโจทย์
ทั้งสองทำการบ้านด้วยกัน ครั้งนี้น่านเป็นคนลอกหนุ่ยทั้งหมดเพราะว่าน่านไม่ได้ตั้งใจฟัง เลยทำไม่ได้ หนุ่ยเต็มใจให้เพื่อนลอกไปก่อน
“เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังนะ”หนุ่ยบอกยิ้มๆ
“.......”น่านยิ้มให้หนุ่ยเหมือนกัน
....................................................
บรรยากาศที่ห้องปกครองเต็มไปด้วยความตึงเครียด พลโทสง่าร้องขอทางโรงเรียนไม่ให้ไล่ศิวัชออก แต่อาจารย์สมเกียรติยังยืนยันในกฎระเบียบของโรงเรียน ศิวัชเป็นเด็กที่มีปัญหามาตลอด ไม่เคยอยู่ในกรอบระเบียบของโรงเรียนเลย ไม่พยายามทำตัวให้ดีขึ้น พลโทสง่ายังขอร้องอีกครั้งและรับปากว่าจะดูแลให้ดีไม่ให้มีปัญหาอีก ในที่สุดอาจารย์ก็ยอมเพื่อให้โอกาสกับลูกศิษย์อีกครั้ง แต่มีข้อแม้อยู่ว่าถ้าทำผิดอีก ทางโรงเรียนจะไล่ออกสถานเดียว
“ขอบคุณครับ” ศิวัชก้มลงกราบอาจารย์สมเกียรติ
“เธอต้องไปกราบขอโทษคุณตาเธอมากกว่านะ...ท่านต้องเหนื่อยกับเธอมาหลายครั้ง...ต้องรับผิดชอบกับเธอโดยที่เธอเองไม่เคยแม้แต่จะคิดสำนึก...” อาจารย์พูด
“คุณตาครับ...ผมขอโทษครับ”ศิวัชกราบพลโทสง่าที่ตัก
“วัชฟังตานะลูก วัชต้องทำตัวให้ดีอาจารย์ท่านให้โอกาสแล้ว วัชต้องใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์นะลูก...ทำตัวให้ดีให้สมกับเป็นหลานตา...อย่าวู่วามทำอะไรให้ยับยั้งชั่งใจ...ตั้งใจเรียนนะลูกนะ”พลโทสง่าลูบหัวหลานชายคนเดียวด้วยความรัก
จากนั้นศิวัชก็กลับขึ้นห้องไปเรียน ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมห้องที่กลัวว่าศิวัชจะมาหาเรื่องใครๆอีก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ศิวัชนั่งเรียนเงียบๆจนเลิกเรียนโดยที่ไม่พูดหรือคุยกับใครสักคนเดียว หลังจากสัญญาณเลิกเรียนวิชาสุดท้ายดังขึ้น ศิวัชเดินออกจากห้องกลับบ้านทันที น่านมองตามด้วยความเป็นห่วงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ไม่สบายใจเอามากๆ ก่อนจะลุกกลับบ้านหนุ่ยก็ดึงตัวไว้อีก
“จะอธิบายที่อาจารย์สอนให้ฟัง...น่านจะฟังมั๊ย”หนุ่ยมองตาเหมือนจะสะกดให้น่านนั่งลงเพื่อคุยกับเขาก่อน
“ก็ได้...เร็วๆนะ”น่านบอกก่อนจะนั่งลงตรงหน้า หนุ่ยเริ่มอธิบาย แต่จนแล้วจนรอดน่านก็ยังไม่มีสมาธิจะฟัง เมื่อหนุ่ยพูดจบ น่านจึงไม่ได้อะไรจากที่หนุ่ยอธิบายเลย
“ขอบใจนะหนุ่ย”น่านลุกขึ้นยืนจะกลับบ้านแต่หนุ่ยกลับจับมือเอาไว้แล้วดึงให้นั่งลงก่อน
“น่าน...เราคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”หนุ่ยมองหน้าเพื่อนก่อนจะพูดต่อ โดยไม่ปล่อยให้น่านปฏิเสธ
“น่านสนิทกับวัชมากใช่มั้ย...”หนุ่ยเปิดประเด็น
“น่านน่าจะเตือนวัชบ้างนะ...เราเป็นห่วง”หนุ่ยมองเข้าไปในดวงตาหวานๆของน่าน เขาอยากให้น่านรู้เหลือเกินว่าเขาเองก็ห่วงวัช เหมือนกัน เรื่องเมื่อวันนั้นน่ะ...ทำไปแล้วเขาก็เสียใจ
“แค่นี้เหรอหนุ่ย...”น่านถาม น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของหนุ่ยเลย น่านรู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้...แค่ได้อยู่ใกล้ๆ....แค่ได้รัก...หรือแค่วัชหันมามอง...น่านก็รู้สึกว่ามันมากเกินพอแล้ว เด็กหนุ่มไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้
“............”หนุ่ยพยักหน้าแทนคำตอบ แล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
ทั้งสองคนเดินลงมาจากตึกเรียนพร้อมๆกันโดยไม่ได้พูดกันอีกเลย เมื่อถึงทางเดินชั้นล่างสุดแล้วต่างคนก็ต่างกลับบ้านไป น่านเองเมื่อเดินมาถึงบ้านแล้ว ด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงวัชอย่างที่สุดเขาจึงกดโทรศัพท์หาวัช เสียงเรียกอยู่หลายครั้ง...วัชไม่รับ...แต่น่านก็ยังไม่ละความพยายามกดซ้ำเรียกอีก วัชรับโทรศัพท์...น่านไม่ปล่อยให้วัชพูดแม้แต่คำว่า”ฮัลโหล”
“วัช...เป็นยังไงมั่ง...น่านเป็นห่วงนะ”น่านพูดไปตามสาย
“.................”
“แต่น่านเป็นห่วงวัชมากนะ...” น่านคิดไปถึง”เรื่องอย่างว่า”แล้วมันก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที...น่านกดมันลงไป
“.................”
“ให้น่านไปหานะวัช...ให้น่านไปนอนเป็นเพื่อนก็ได้”น่านตื้อต่อ
“..............”
“วัช...นะวัชนะ...น่านไปหานะ”น่านยังจะไปให้ได้
“...............”
น่านคว้าเสื้อผ้าใส่เล่น2-3ชุดและเสื้อผ้านักเรียนอีกชุดใส่เป้ เขาคิดระหว่างที่เก็บเสื้อผ้าว่าพรุ่งนี้วันศุกร์...เขาอาจจะอยู่กับวัชตลอดเสาร์อาทิตย์เลยก็ได้...น่านนั่งแท็กซี่ออกจากบ้านไปหาวัชที่บ้านทันที อาณาบริเวณที่กว้างใหญ่ของคฤหาสน์ราคาหลายสิบล้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าไปหาวัชถึงหน้าห้อง
“...ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...”น่านเคาะประตูและลองบิดลูกบิด ปรากฏว่าประตูไม่ได้ล๊อก น่านเดินเข้าไปในห้องที่ปิดไฟมืดมิดไปหมด แอร์เปิดอยู่เย็นเฉียบ เพลงเบาๆจากเครื่องเสียงยังเปิดอยู่ แต่ไม่เห็นแม้เงาของวัช เตียงนอนเรียบไม่มีร่องรอยของการนอนมาก่อน น่านเดินสำรวจไปทุกซอกมุมของห้อง ทั้งห้องน้ำ ห้องแต่งตัว น่านล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดเบอร์ของวัช เสียงโทรศัพท์ดังแว่วๆอยู่ น่านเดินหาจนเจอโทรศัพท์มือถือของวัชที่มันอยู่ในกระเป๋านักเรียน น่านกดดูเบอร์ที่เรียกเข้า มีเบอร์แปลกๆอยู่สองสามเบอร์ แต่น่านไม่ได้สนใจ เขาอยากรู้มากกว่าว่าวัชไปไหน จนไปถึงนอกชาน น่านต้องตกใจเพราะเสียงเพลงเบาๆเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นจังหวะเร่าร้อนขึ้น ไฟทั้งห้องสว่างจ้า พร้อมๆกับการปรากฏตัวของวัช วัชเข้ามากอดน่านจากด้านหลัง
“มาแล้วเหรอครับ...คิดถึงจังเลย...”วัชกดจมูกลงที่ต้นคอขาวๆของคนรัก
“ตกใจหมดเลย...วัชนี่เล่นบ้าๆ...” น่านหันมากอดวัชเอาไว้ในอ้อมกอดเช่นเดียวกัน
“แล้วดูสิ...เสื้อผ้าไม่ใส่...” น่านก้มลงมองวัชในสภาพที่ใส่กางเกงในสีขาวเพียงตัวเดียว ขอบกางเกงในสีแดงมีตัวหนังสือเขียนไว้รอบเอว Calvin Klein วัชบดเบียดท่อนล่างเข้ากับน่านเบาๆ
“น่าน...รักวัชมั๊ย...”วัชถามพลางดึงน่านเข้าไปในห้อง วัชไม่ต้องการคำตอบ ทั้งคู่ล้มลงบนเตียง อีกครั้งที่น่านโดนรุกล้ำ แต่ครั้งนี้มันผิดปกติจนน่านเองรู้สึกได้ วัชใช้พลังในการทำให้น่านมีความสุขอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ละครั้งก็นานอย่างเหลือเชื่อ ...
“วัชเป็นอะไรไปครับ...คึกจังเลย” น่านถามด้วยความสงสัยเพราะตั้งแต่หัวค่ำ...วัชยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย
“ดีมั้ยล่ะ...วัชมีความสุขจังเลย...น่านมาอยู่กับวัชที่นี่ได้มั้ย” วัชพูดออกมาพร้อมกับร่างกายที่โถมเข้ามากอด
“ได้ไง...ลูกเค้ามีพ่อมีแม่นะ” น่านยิ้มอายๆ
“บอกก่อนสิว่าจะมาอยู่ด้วยกันมั้ย....” วัชจับแขนน่านขึ้นไปกดไว้เหนือหัวก่อนจะก้มลงไปไซร้ที่ซอกคอ ทำเอาน่านดิ้นพราดๆเลยทีเดียว
“วัชอย่าสิ...ไม่ไหวแล้วอย่า...เจ็บไปหมดแล้ว...ไปกินอะไรมา...คึกจัง” น่านไม่รู้หรอกว่า...ที่พูดออกมานะเป็นความจริงทุกอย่าง แต่สิ่งที่น่านคิดว่าวัช”กิน”น่ะมันไม่ใช่ คนทั่วไปเค้าเรียกว่า”เสพ” ต่างหาก
.....................................................
เมื่อตอนเย็นหลังจากสัญญาณเลิดเรียนดังขึ้นแล้ว วัชเดินออกมาจากห้องเรียนด้วยความเซ็งสุดขีด คุณตาบอกกับเขาเมื่อกลางวันว่าจะไปเมืองจีนกับคุณยายกลับวันพุธหน้า เขาต้องอยู่คนเดียวเกือบหนึ่งสัปดาห์ มันเป็นอะไรที่เหงาเอามากๆ
“พี่อุ้ย...เซ็งว่ะ...มี”กลาส”มั่งมะ” วัชคุยกับเพื่อนรุ่นพี่หลังจากเดินลงจากแท็กซี่เข้าบ้าน
“..........”
“เดี๋ยวให้ใครเอามาให้ที่บ้านด้วยนะ...เท่าไหร่พี่”
“............”
“...ห้าพัน...”วัชร้องออกมาเขานึกในใจทำไมมันแพงจังวะ...พี่อุ้ยนี่มันขึ้นราคาทุกครั้งที่สั่งเลยเหรอ คราวก่อนยังไม่ใช่ราคานี้นี่ แต่ทำไงได้...ห้าพันก็ห้าพัน
“.............”
“เออ...เอาก็เอา...เร็วๆนะ...”วัชวางหูแล้วเปิดประตูเข้าห้อง
ก่อนที่จะวางสายจากพี่อุ้ยมีโทรศัพท์แทรกเข้ามาสองครั้งเป็นโทรศัพท์ของน่าน เค้าไม่ค่อยอยากรับเท่าไหร่เลย แต่นึกๆไปเขาเองก็คิดถึงน่านเหมือนกัน ไม่ได้เจอกันแบบส่วนตัวหลายวัน เขาจึงกดรับโทรศัพท์”น่าน”
“...................”
“อืม...วัชอยากอยู่คนเดียวนะน่าน”ศิวัชเปิดปากพูดกับน่านเป็นครั้งแรก
“..................”
“ไม่เป็นไร...ไม่ต้องห่วงนะ”ศิวัชเริ่มคิดอะไรในสมอง
“....................”
“....................” ศิวัชไม่พูด เขากำลังใช้ความคิด
“....................”
“อืม...ตามใจ” ศิวัชพูดเบาแล้ววางสาย เขานึกในใจ ”ดีเหมือนกัน...เก็บกดมาหลายวัน...น่านมาก็ดีจะได้ระบายให้หายอยาก...”