ตอน 15
ช่วงปิดเทอมของสามเพื่อนสนิทผ่านไปอย่างรวดเร็ว ..สิ่งที่นนท์รอคอยเดินมาถึงผลการเรียนที่ประกาศทำให้เขาคลายกังวลลงได้มาก เมื่อมันบ่งว่านนท์เรียนดีขึ้นมากกว่าเทอมที่แล้วเสียอีก
“ ว้าวนนท์เทอมนี้แกพุ่งอีกแล้วได้ a เพิ่มมาตั้งสองตัวแหนะรับรองอีกไม่นานแกต้องได้มาครบทั้งหกวิชาอย่างแน่นอน” กิ่งที่เห็นผลการเรียนของเพื่อนสนิทก็ตื่นเต้นแทน
“ อืมเอาเถอะ แค่ได้เท่านี้ก็น่าพอใจแล้วฉันไม่ได้หวังจะให้สมบูรณ์แบบไปหมดหรอก น้าแก้วบอกว่าทำในสิ่งที่กำลังพอดีจะเหมาะที่สุด และฉันก็คิดอย่างนั้น อีกอย่างที่ฉันได้ a มาสองตัวนั่นเพราะเป็นวิชาที่ฉันชอบฉันเลยตั้งใจกับมันมาก แต่ก็อย่างที่ว่า ฉันรู้สึกเหมือนช่วงนี้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ฉันเปลี่ยนไปแทบทุกอย่างจนเหมือนตัวตนของฉันมันถูกกลืนหายไปหมดแล้ว ฉันสับสนจริงๆเลยกิ่ง ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันหลอกตัวเองหรือเปล่า” แม้ความกังวลเรื่องผลการเรียนจะละลายหายไป แต่ความสับสนในความรู้สึกก็ถ่ายทอดออกมาด้วยรอยน้ำตา กิ่งไม่ได้นึกว่าเพื่อนสนิทข้างกายจะมีความรู้สึกอย่างนี้มาก่อน
“ เป็นอะไรไปนนท์ แกไม่ได้ละตัวตนไปไหนสักหน่อย แกก็ยังเป็นแกคนเดิมเป็นเพื่อนที่ฉันรักและเป็นที่รักของทุกคน รูปลักษณ์และคุณสมบัติภายนอกเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลง คนเราจะเปลี่ยนมันไม่ได้แปลกอะไรหรอก และที่สำคัญแกเปลี่ยนเพื่อปรับให้เข้ากับสิ่งรอบข้าง มั่นใจในตัวเองสิขอแค่ให้มีความสุขก็พอ อีกอย่างที่แกพูดว่าเปลี่ยนจนแกรู้สึกหนัก ถ้าอย่างนั้นก็ทำตัวให้สบายๆนะไม่ต้องคิดมากแล้วทุกวันนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแกสำหรับทุกคนแล้ว” กิ่งรวบมือของนนท์มากุมไว้
“ อย่างนั้นเหรอกิ่ง แต่ฉันรู้สึกเหมือน.....”
“ ทำอะไรอยู่สองคน เอ๊ะเป็นอะไรหรือเปล่านนท์ น้องกิ่งไปแกล้งอะไรนนท์หรือ” คุณแก้วที่หอบขนมร้อนๆที่เพิ่งอบเสร็จเข้ามาในห้องนั่งเล่น ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าที่สะใภ้กำลังร้องไห้อยู่
“ เปล่าหรอกครับ ไม่มีอะไร” นนท์เลื่อนมือป้ายน้ำตาออก ไม่อยากให้คุณแก้วต้องมาเป็นห่วงเป็นกังวลไปอีกคน
“ เหรอถ้าอย่างนั้นมากินขนมกันดีกว่านะ” ในเมื่อเขาบอกว่าไม่มีอะไรนางก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ให้
ชายหนุ่มต้องสะเทือนใจอีก
“ ว้าวขนมหน้าตาน่าทานจังเลยนะคะแม่” กิ่งร้องเสียงใสเอื้อมไปหยิบหนึ่งชิ้นมายัดใส่ปาก แต่เพราะไม่รู้ว่ามันร้อนเลยกำไปเต็มมือ
“ ว้ายทำไมร้อนอย่างนี้ล่ะคะแม่” เธอรีบปล่อยขนมออกจากมือร้องถามเสียงลั่นบ้าน ทั้งนนท์และคุณแก้วถึงกับปล่อยยิ้มในท่าทีเปิ่นๆของกิ่ง แค่เห็นนนท์ยิ้มได้เพื่อนอย่างเธอก็มีความสุขมากเกินพอแล้ว ..ขอให้นนท์มีความสุขแค่นี้ก็พอ
หลายวันต่อมา..ทุกอย่างก็เดินมาสู่เงื้อเงาของความปกติ วันนี้พี่ต้นจะกลับมาทานข้าวที่บ้าน นนท์เลยเข้าครัวเช่นทุกที...
“ ทำอะไรอยู่จ้ะนนท์กลิ่นหอมออกไปถึงข้างนอกบ้านเลย น้ากลับมาก็ได้กลิ่นดึงดูดใจเลยนะ” คุณต้นที่เพิ่งกลับมาจากการไปจับจ่ายนอกบ้านเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“ วันนี้นนท์กลับมาตั้งแต่บ่ายเพราะไม่มีเรียน อยู่บ้านเบื่อๆเลยไปเก็บผักที่ปลูกไว้ข้างรั้วพอดีน้าเดือนบ้านโน้นเขามาเห็นเลยชวนนนท์ไปนั่งเล่น นนท์เลยได้ลองหัดทำห่อหมกดู” เขารีบอวดผลงานที่ลองกลับมาทำเองที่บ้าน
“ คุณเดือนเหรอ”
“ใช่ครับ แต่เห็นว่ามีธุระด่วนต้องออกไปข้างนอก ฝากน้องโดมมาทานข้าวบ้านเราด้วย น้าแก้วไม่ว่าอะไรนะคือนนท์รับปากไปแล้ว”
“ จะว่าอะไรได้ล่ะ คุณเดือนกับบ้านเราก็สนิทกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตาโดมก็เห็นมาตั้งแต่ตัวกระเปี๊ยกเดียวว่าแต่ตาโดมอยู่ไหนล่ะ” นางบอกอย่างมีเมตตาเลยทำให้นนท์หายใจได้คล่องขึ้น
“ อยู่ในครัวครับกำลังช่วยหยิบห่อหมกออกจากเตา”
“ มาพอดีเลย” คุณแก้วเอ่ยทัก เด็กหนุ่มลูกชายของเพื่อนอีกคนของคุณแก้ว เขาเดินมาใกล้วางถาดอาหารลงแล้วยกมือไหว้นางอย่างสุภาพ ถ้าไม่ติดที่เขาอ่อนกว่าลูกสาวสุดรักถึงสองปีนางคงได้ลุ้นเพิ่มอีกคู่
“ สวัสดีครับน้าแก้ว วันนี้ขอมารบกวนหน่อยนะ” เด็กหนุ่มโปรยยิ้มดวงตาแสนคมคายช่างมีเสน่ห์ยามประกอบเข้ากับรอยยิ้มนั้น
“ จ้ะว่าแต่วันนี้เราไม่เรียนพิเศษเหรอ ปกติเห็นเราเหมาทุกสถาบันเลยเวลาว่างแทบจะไม่มี” เพราะเห็นพฤติกรรมและฟังจากคำบอกเล่าของคุณปานเดือนมานาน เลยรู้ว่าเขาตั้งความหวังกับการเข้ามหาวิทยาลัยไว้ค่อนข้างมาก
“ ช่วงนี้ว่างแล้วครับเพราะวันก่อนพี่กิ่งแนะนำให้รู้จักครูคนใหม่ เก่งมากเลยนะน้าแก้วสอนแค่เสาร์อาทิตย์วันละสองชั่วโมงผมก็รู้สึกเหมือนเข้าใจได้ดีขึ้น และอีกอย่างผมก็ลองขยันในชั้นเรียนอย่างที่พี่กิ่งบอกมันเลยเรียนสบายขึ้นไม่ต้องเครียดและกังวล”
“ ครูคนใหม่เหรอ น้องกิ่งแนะนำให้ด้วยน้าไม่เห็นจะรู้เลย” นางมีท่าทางใคร่รู้
“ เขาเป็นเพื่อนของพี่กิ่งไงครับชื่อครูต่อ เก่งมากอธิบายทีเดียวผมก็เข้าใจแล้ว” โดมรีบอวดเพราะเขาค่อนข้างทึ่งในตัวครูคนใหม่ของเขามาก ต่อมีวิธีการสอนที่ง่ายต่อการเรียนและเข้าใจ เขาไม่ได้เน้นเนื้อหาหรือความจำให้กับนักเรียน แต่เขาเน้นความเข้าใจและรู้จักนำไปปรับใช้ ทฤษฎีไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอ หากรู้จักนำเหตุผลมาสนับสนุนและพิสูจน์ออกมาได้ ทฤษฎีบางบทก็อาจตกไป โดมจำได้ดีว่ามีคำพูดหนึ่งที่ครูคนใหม่มักบอกเขาเป็นประจำ
‘ ไม่มีความตายตัวในหลักวิชา ข้อสอบไม่ได้ออกมาเหมือนกันทุกปี เราต้องรู้จักปรับซ้ายปรับขวาให้ทันเกม ถ้าทำได้เราก็จะเป็นผู้ชนะเอง ’
“ นนท์รู้จักไหมลูก น้ารู้สึกคุ้นๆชื่อบอกไม่ถูก” เหมือนนางจะหลงลืมเขาไปแล้ว ว่าเขาคือหนึ่งในเพื่อนสนิทของลูกสาวคนเล็กของบ้าน
“ เขาเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มนี่แหละครับ ..” นนท์พยักหน้าบอก ถ้าไม่เกรงใจคงบอกต่อไปแล้วว่าสนิทมาก..โดยเฉพาะกิ่ง..
“ เหรอน้าไม่ยักจะเคยเห็นหน้า..ว่าแต่เขาหน้าตาเป็นไงเหรอน้าลืมไปแล้ว”
“ ลองถามน้องโดมดูสิว่าหน้าตาเป็นยังไง” นนท์โยนกลองให้พ้นตัว เพราะไม่อยากพูดมากกลัวจะหลุดความลับของเขาออกไป โดมได้ทีก็รีบอวดสรรพคุณของครูคนใหม่ของเขาต่อ ภูมิใจนักที่จะนำเสนอครูคนนี้ให้คุณแก้วได้รู้จัก
“ จัดว่าหล่อมากเลยขนาดผมเป็นผู้ชายยังยอมรับเลยว่า ครูเขาหล่อจริงๆ เหมือนพระเอกหนังจีนหนังเกาหลีเลยน้าแก้ว”
“ ขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าเทียบกับพี่ต้นของน้าล่ะ”
“ คนละแบบนะ พี่ต้นเขานิ่งๆหน้าเข้มตาหวานให้เทียบผมบอกไม่ถูกหรอกครับ ลองถามพี่นนท์ดูสิรายนั้นน่าจะตัดสินได้” ถึงคราวที่นนท์ถูกโยนกลับมา กะทันหันกระชั้นชิดแทบรับไม่ทัน
“ ถามพี่นนท์ได้ไงคนนั้นใจเขาไม่เป็นกลาง ไว้วันหลังน้าจะลองถามน้องกิ่งดูก็แล้วกัน” ได้ฟังคำของนางถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องถึงสองรอบ เรื่องแรกก็เรื่องใจเขาลำเอียงนะสิ โดมจะคิดยังไง แล้วอีกเรื่องก็ของกิ่งนางรู้ได้ไงว่ากิ่งจะเที่ยงตรง
“ เสียงรถนี่ พี่ต้นคงกลับมาแล้วเดี๋ยวนนท์ไปเปิดประตูให้ก่อนนะ” นั้นไงลำเอียงไม่ลำเอียงก็เห็นกันอยู่ชัดๆ การได้เห็นหน้าเขาก็ทำให้มีแรงใจลุกขึ้นแก้ปัญหาที่รุมเร้าเข้ามา มันคงจะดีหากเขายอมแสดงความรู้สึกดีๆกับนนท์อีกสักหน่อย
“ เป็นไงน้าบอกแล้วว่าถามพี่นนท์เขาไม่ได้หรอก โดมดูเอาเองสิ”
“ พี่นนท์กับพี่ต้นเขาตกลงปลงใจกันแล้วเหรอครับ” เด็กหนุ่มถามตรงๆเพราะถ้าคำตอบคือไม่เขาพอจะมีหวังสักหน่อย ใครบ้างล่ะที่เห็นนนท์แล้วจะไม่ชอบ เรื่องอายุไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับความรัก
“ ใกล้ๆแล้วล่ะ”
“ ครับ” เด็กหนุ่มข้างบ้านนั่งเก็บข้อมูลไว้เพื่อเตรียมตัวลงสู้ศึกสักตั้ง ยังไงก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกันคำว่าใกล้ๆแสดงว่ายังไม่ใช่ อย่างไรเสียถ้าเขาไม่ยอมแพ้ ความหวังน่าจะปรากฏขึ้นบ้าง ....
“ ยิ้มอะไรคนเดียวเหรอโดม น้าเรียกตั้งสองครั้งแล้วไม่ตอบสักที กำลังคิดแย่งพี่นนท์ไปจากอกพี่ต้นหรือเปล่า” นางถามได้ตรงจุดแววตาที่เขาทอพอที่จะทำให้นางจับทางได้
“ เปล่าหรอกผมไม่คิดจะแย่งหรอก แต่ถ้าได้มาด้วยความเต็มใจน้าแก้วว่าผมไม่ได้นะ”
“ เด็กคนนี้ล้มเลิกความตั้งใจเลยนะตาโดม พี่นนท์เขาจองตำแหน่งสะใภ้น้าไว้แล้วห้ามคิดเลยเถิดเข้าใจไหม” เพราะความที่เห็นเขามาตั้งแต่เด็กนางจึงกล้าพูดตรงๆไม่อ้อมค้อม
“ โธ่น้าแก้ว...”
“ คุยอะไรกันครับ เสียงดังไปถึงข้างนอกเลยท่าทางจะพูดคุยกันสนุกนะ” นนท์เดินเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มตัวสูง เพราะเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนที่นนท์ซื้อให้ ต้นเลยดูมาดนุ่มน่าหลงใหลเพิ่มขึ้น เขาเหมาะกับการใส่สีหวานๆไม่น้อย แม้แต่มารดายังตกใจที่เห็นลูกชายกลับมาบ้านด้วยเสื้อสีแปลกตา
“ ว้าวพี่ต้นเสื้อสวยจังเลยลูก แม่ไม่เคยเห็นพี่ต้นใส่เสื้อสีอย่างนี้เลยนะ รู้ไหมว่ามันเหมาะกับลูกมากดูนุ่มขึ้นแถมยังมีเสน่ห์ ลูกน่าจะใส่อย่างนี้ตั้งนานแล้ว”นางลุกจากที่นั่งไปเพ่งพิศลูกชายรูปหล่อให้เต็มตา นนท์ยืนยิ้มอย่างแสนภาคภูมิ เพราะกว่าจะเกลี่ยกล่อมให้เขายอมใส่เสื้อตัวนี้ก็นานหลายวัน ในที่สุดเขาก็ยอมทำตามที่นนท์ต้องการ
“ สวัสดีครับพี่ต้น” โดมยกมือสวัสดี
“ อืมไปไงมาไงล่ะวันนี้ถึงได้มาทานข้าวที่นี่ได้” ต้นทักทายกลับ เขาเองก็รู้จักเด็กหนุ่มคนนี้มาพอๆกับทุกคนในบ้าน
“ วันนี้แม่ไปทำธุระพอดีพี่นนท์เขาไปนั่งเล่นบ้านผม แม่เลยฝากพี่เขาให้ช่วยพาผมมาทานข้าวด้วย” เด็กหนุ่มรีบบอกเสียงรัว อยากอวดนี่ว่านนท์เป็นคนพาเขาเข้ามาทานอาหารด้วย
“ เหรอ” ชายหนุ่มมองไม่แยแส บรรยากาศในโต๊ะอาหารดำเนินไปอย่างครึกครื้นเพราะโดมคอยชักชวนทุกคนให้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน มีเพียงต้นเท่านั้นที่ต้องแสร้งยิ้มแสร้งทำ เพราะไม่อยากให้คนอื่นได้รู้ว่าเขาไม่ค่อยพอใจกับท่าทางการเอาใจของโดม ที่มีต่อพ่อน้องสติชของเขา ทีแรกคุณแก้วก็ไม่ค่อยชอบใจนักแต่ก็อดคล้อยตามมุกตลกของเด็กหนุ่มมัธยมปลายไม่ได้....
หากได้ยัยน้องเล็กของบ้านอย่างกิ่งมาเข้าลูกคงได้สนุกกว่านี้...
แต่ใครจะรู้ละว่าตอนนี้เจ้าหล่อนกำลังเผชิญเหตุการณ์บางอย่าง ..