~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH  (อ่าน 91325 ครั้ง)

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 27
«ตอบ #150 เมื่อ27-07-2009 00:10:31 »

ตอน 28

“ ในที่สุดก็ลงท้ายด้วยดีเห็นทีฉันต้องจัดการเรื่องงานแต่งของทั้งสองแล้วล่ะ” ประมุขบ้านวรโชติคิดได้เช่นนั้นก็ยิ้มเบิกบานในตอนนี้ของที่อยากได้มากที่สุดก็คือการได้เห็นลูกชายมีความสุข ..แถมยังได้สะใภ้เป็นลูกเพื่อนสนิทยิ่งทำให้นางสุขใจเข้าไปใหญ่..


“ หล่อนรีบเกินไปหรือเปล่าลูกชายฉันเพิ่งยิ่สิบเอ็ดปีนะ อีกอย่างสองคนนั้นก็ไม่ได้ไปไกลในขั้นที่จะแต่งงานกันสักหน่อย” คุณนันขัดขึ้น ทลายฝันของเพื่อนลงสิ้นเชิงจนนางต้องทำหน้าเหมือนถูกขัดใจไปจ้องมองเจ้าของคำพูด

“ น้านันกับแม่อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยดีกว่าไหม” การห้ามทัพระหว่างสองคนที่มีฝีมือการรบโชกโชนเป็นการยากยิ่งนักเพราะขิงก็ร่าข่าก็แรง แม้จะไม่ได้จริงจังอะไรแต่ยามที่ทั้งสองต่อล้อต่อเถียงกันนั้นพลอยจะทำให้คนข้างสนามต้องลุ้นกันหลายยก ลุ้นว่าใครจะพักขอยาดมยาหอมก่อนกัน


“ ช่างเถอะวันนี้ฉันจะยกให้หล่อนสักวัน ไหนๆว่าที่สะใภ้ของฉันก็คืนดีกับพี่ต้นแล้ว” แปลก ! ปกติคุณแก้วไม่ใช่พวกชอบยอมแพ้ง่ายดายเช่นนี้ หรือเพราะความสุขอย่างที่นางว่าเลยทำให้นางเปลี่ยนเป็นใจเย็นดุจนางฟ้า


สิ่งแน่นอนในโลกไม่มี..ภาษิตที่ตกทอดมานานปรากฏขึ้นในเช้าวันนี้

เพราะเงาสุขที่พาดผ่านเข้ามาได้ไม่ทันข้ามวัน เกิดต้องเจอการทดสอบบทสุดท้ายบทที่ทำให้หลายคู่ซึ่งรักกันแนบแน่นแตกหักแยกจนอาจจะกลายเป็นคนอื่น

อุปสรรคตัวดีที่ใครๆต่างหวาดหวั่นว่ามันจะเกิดขึ้นกับคู่ของตน คุณนันล้มตัวลงกับเก้าอี้ข้างกาย มือที่ปล่อยโทรศัพท์ลงนั้นแสดงความอ่อนยวบรวนเร น้องสติชของพี่ต้นซึ่งนั่งอยู่ใกล้นางที่สุดถามขึ้นอย่างเป็นห่วง นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นสีหน้าตระหนกบวกวิตกเช่นนี้นนท์กลัวจับใจอาจมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น


“ เป็นอะไรไปครับแม่มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ” น้ำเสียงของคนถามร้อนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ท่าทีอ้ำอึ้งของคุณนันอยู่ในสายตาของคนอื่นๆในบ้าน คุณแก้วที่รู้จักเพื่อนมายาวนานที่สุดรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าความหนักใจของเพื่อนไม่ใช่สิ่งที่ได้ฟังจากการรับโทรศัพท์เมื่อครู่ แต่...



“ คือไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ” นางกลบเกลื่อน แต่พฤติกรรมทุกอย่างก่อนหน้าทำให้เจ้าสติชสีอ่อนของนางจับได้ว่านางกำลังปิดบังความจริงบางอย่างกับนนท์ เขาไม่ชอบใจเอาเสียเลยเหตุไฉนต้องมีเรื่องปิดบังกันด้วย หากนางมีปัญหาอะไรก็ควรบอกเขาสิ


“ แม่อย่าโกหกนนท์ได้ไหม” คำว่าโกหกเข้าไปเสียดลึกในดวงใจของนาง ครั้งก่อนก็โกหกเรื่องบริษัทไปครั้งหนึ่งแล้ว การโกหกที่ยิ่งใหญ่และเปลี่ยนชีวิตของนนท์ไปสิ้นเชิง


“ คือ” นางยังอึดอัดที่จะพูด


“ แม่” คนหน้าหวานตีหน้าบึ้งเรียกนางสั้นๆ แต่เพราะแววหวั่นสั่นไหวที่ปรากฏในดวงตาของพ่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเลยทำให้นางจำต้องเปิดเผยสิ่งที่ไม่อยากพูดออกไป



“ สาขาย่อยของเราที่แคลิฟอร์เนียเกิดปัญหานิดหน่อย เพราะการเลือกตั้งที่ใกล้จะเกิดเลยทำให้เกิดขั้วการเมืองสองฝักสองฝ่าย นักลงทุนเลยชะลอเงินไว้ก่อนเพราะกลัวนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่จะส่งผลกระทบ แต่อีกแค่หกเจ็ดเดือนผลก็จะออกมาแล้วลูกไม่ต้องห่วงหรอก” นางอธิบายถึงสาเหตุการชะลอตัวทางการเงินของบริษัทลูกในรัฐดังกล่าว


“ แต่นนท์จำได้ว่าสาขาของเราในเมืองนั้น ทำเงินให้เดือนละหลายร้อยล้านดอลล่าร์หากสาขานี้เกิดปัญหา สาขาที่เหลือทั้งสี่ไม่เป็นอันล้มลงไปด้วยหรือ” นนท์เองก็มีความรู้เรื่องบริษัทธุรกิจของครอบครัวไม่น้อย ตั้งแต่เข้าเรียนวิชาการตลาดนนท์ก็สนใจเรื่องราวทุกอย่างไปเสียหมด จนเคยรื้อเอกสารเก่าที่แอบหยิบมาจากบ้านหลังเดิมขึ้นมาอ่านทำความเข้าใจ


“ ลูก” นางไม่อยากเชื่อว่านนท์จะรู้ บริษัทย่อยในแคลิฟอร์เนียคือหนึ่งในสองสาขาที่สร้างกำไรมากมายให้แก่เครือข่าย ส่วนอีกหนึ่งสาขานั้นตั้งอยู่นิวยอร์คมหานครชื่อก้องโลก



“ ถ้าอย่างนั้นนนท์จะไปอเมริกากับแม่ .. ไปพรุ่งนี้เลยนนท์จะโทรฯไปจองตั๋ว” ชายหนุ่มตัดสินใจเด็ดขาดแน่วแน่ ในนาทีนี้เขาควรเลือกครอบครัวบ้าง แม้วรโชติจะเปรียบเสมือนครอบครัวของนนท์ไปแล้วก็ตาม แต่ถึงอย่างไรแม่ก็ควรอยู่เหนือสิ่งอื่นใดสิ ตอนนี้ทางโน้นกำลังแย่ ...นนท์ไม่อยากให้แม่ต้องเผชิญปัญหาอยู่คนเดียว แม้เขาอาจช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่หากอยู่เป็นแรงใจใกล้ๆ...


ทุกอย่างคงกลับมาเหมือนเดิม..บางทีเราอาจไม่รู้หรอกว่าหากขยับเพียงน้อยวิกฤตที่ถาโถมเข้ามาจะเปลี่ยนร่างแปลงกายเป็นโอกาสแสนงามได้ แม้นนท์จะเคยเสนอความคิดให้สำนักพิมพ์ภควารอดจากภัยพิบัติ แต่พ่อสติชน้อยหลงลืมบางอย่างไป...ชะตาไม่ได้เอื้ออำนวยให้เป็นไปอย่างที่เราคาดไว้ทุกอย่าง ครั้งก่อนอาจโชคช่วยแผนของนนท์เลยโดนใจคนอ่าน แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่อย่างนั้น


“ ไม่ได้นะ” นางค้านทันที อีกสามคนที่นั่งอยู่ร่วมห้องจะนึกยังไงล่ะหากคุณนันพรากนนท์ไปจากพวกเขา บ้านวรโชติจะอยู่ได้เช่นไรหากขาดนนท์



“ ทุกคนเข้าใจนนท์นะถ้าทางโน้นเรียบร้อยนนท์จะรีบกลับมา” หันหันไปอ้อนวอนอีกสามคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน ความรู้สึกทุกคนย่อมสำคัญกับนนท์แต่บริษัทก็สำคัญมิผิดแผก ...


“ จ้ะน้าเข้าใจ” เพราะทุกคนต่างเงียบงันไม่ตอบคำถามนั้น คุณแก้วจำต้องเอ่ยปากออกเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มต้องไม่สบายใจเปล่าๆ น้องสติชต้องไปเพราะงานนี่ใครจะกล้าขัดได้ล่ะ แต่ถ้าไปเพราะจุดประสงค์ก่อนหน้าคือการหนีต้นคงไม่มีใครยอม

“ ขอบคุณครับ” คราวนี้นนท์จึงหันไปพูดกับมารดาต่อ คนอย่างนนท์ตั้งใจอะไรไว้แล้วก็จะทำให้ได้จนกว่าจะลุผลสำเร็จเขาจะไม่ยอมแพ้ เขาเชื่อว่าเขาต้องทำได้ ..เขามั่นใจ


“ งั้นก็ตามใจลูก” นางยอมในที่สุด นอกจากคุณแก้วและลูกสาวคนเล็กของบ้านแล้วอีกคนที่ร่วมอยู่ด้วยไม่ค่อยพอใจนักหรอกที่นนท์เลือกจะไปอย่างนี้ เขากับนนท์เพิ่งดีกันได้ไม่ทันข้ามคืนพรุ่งนี้ อีกฝ่ายก็ต้องจากเขาไปอีกแล้ว การฟื้นฟูบริษัทที่สร้างปัญหาต้องใช้เวลานานสักเท่าใดล่ะ เดือนสองเดือนหรือจะเป็นปีๆไม่มีใครสามารถตอบได้ เขาลุกเดินออกไปสีหน้าเรียบเฉย ทุกสายตาจับสัมผัสได้ว่าต้นเอาความเรียบเฉยและว่างเปล่ามาเป็นเกราะกำบังอีกคราหนึ่งแล้ว

“ นนท์ขอตัวก่อนนะ” เพราะเห็นเขาเดินออกไปอย่างนั้นจึงรีบเดินตามออกมา แต่หายังไงก็ไม่เจอเขาแล้ว นนท์เดินออกมาหน้าบ้านก็พบว่าชายหนุ่มขับรถออกไปข้างนอก ในใจระส่ำบอกไม่ถูก เขาเองเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ ความจริงนนท์น่าจะบอกพี่ต้นก่อนการตัดสินใจ การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้ชายหนุ่มเกิดความน้อยใจและคิดว่าตนไม่มีความสำคัญในใจของนนท์ คนอย่างต้นแม้จะแข็งเย็นเยียบแต่หากละลายก็จะรู้ว่าอ่อนยวบปรวนแปรมิต่างจากน้ำที่พร้อมจะเปลี่ยนรูปทรงตามภาชนะบรรจุ


นนท์ถอนใจอย่างอ่อนแรงเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อจัดการเก็บเสื้อผ้า การเดินทางไปครั้งนี้อาจกินเวลานานจนไม่มีใครกล้าคาดเดา ชายหนุ่มจึงต้องจัดเสื้อผ้ายกใหญ่จะเรียกว่าย้ายบ้านรอบสองก็น่าจะได้นนท์ไม่อยากไปซื้อใหม่ แม้จะรู้ว่าทางบ้านไม่ได้ล้มละลายอย่างที่คุณนันกล่าวอ้าง แต่หลังจากการเข้ามาอยู่ในชายคาบ้านหลังนี้เขาถึงได้รู้ว่าเงินมีค่ามากเพียงใด จะใช้ฟุ่มเฟือยอย่างแต่ก่อนเห็นว่าไม่สมควร

กิ่งเดินเข้ามานั่งหน้าโทรทัศน์เครื่องเดิมที่มักหลบมาดูภาพยนตร์ที่นี่ประจำ สีของโซฟาที่นั่งยังสดไม่จางบัดนี้ข้างกายเธอมีชายหนุ่มนั่งอยู่เคียงข้าง เพราะสีหน้าที่เหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มจำต้องทักอย่างแปลกใจ

“ มีอะไรหรือเปล่าวะ” แม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะพัฒนามาไกลกว่าความเป็นเพื่อน แต่การพูดการจาของทั้งสองก็ยังคงลักษณะเดิมไว้ไม่ผิดเปลี่ยน กิ่งบอกว่าเธอไม่อยากเปลี่ยนไปพูดค่ะขาเพราะมันไม่ชินพูดอย่างนี้กับเขามาเป็นสิบปีหากจะเปลี่ยนก็คงทำได้ลำบาก


“ ก็นนท์นะสิกำลังจะหนีพี่ต้นไปอีกแล้ว” กิ่งพูดเพียงแค่นั้น เลยทำให้ชายหนุ่มข้างกายเข้าใจผิดไปว่าทั้งสองคนยังไม่คืนดีกัน


“ นี่พี่แกง้อนนท์ไม่สำเร็จหรือวะ ทำไมนนท์ถึงต้องไปอเมริกาอีกล่ะ”


“ เปล่าหรอกสำเร็จแล้ว แถมเมื่อคืนยังจูจุ๊บกันด้วย แต่เพราะปัญหาของน้านันที่เกิดขึ้นกับบริษัทนนท์เลยอยากจะไปช่วยน้าเขาแก้ปัญหา” หญิงสาวบอกความจริง


“ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าห่วงนี่”

“ ทำไมจะไม่น่าห่วงล่ะ ปัญหาอาจต้องใช้เวลานานในการแก้ไข และที่สำคัญระยะทางนี่สิที่เป็นอุปสรรคไม่เคยได้ยินรักแท้แพ้ระยะทางเหรอวะ หลายต่อคู่ก็เลิกกันเพราะเรื่องนี้นี่แหละ” ด้วยประสบการณ์ที่พานพบมาในชีวิตทำให้หญิงสาวค่อนข้างกังวลกับระยะห่างที่ใกล้จะเกิดขึ้นกับสองคนที่เธอรัก


“ ไม่หรอกมั้งแกอย่าคิดในแง่ร้ายสิวะ” ชายหนุ่มให้กำลังใจ

“ แต่ฉันกลัวจริงๆ เห็นท่าทางของพี่ต้นแล้วน่าใจหายไม่น้อยสีหน้าเฉยๆไม่แสดงอารมณ์
ใครๆที่เห็นก็รู้ว่าเขากำลังเกิดความสับสนปนความไม่พอใจ”

“ ช่างเถอะว่าแต่พรุ่งนี้แกว่างหรือเปล่า” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องไปอย่างกะทันหัน ทำให้เธอแทบปรับอารมณ์ตามไม่ทัน

“ พรุ่งนี้เหรอน่าจะ...” เธอทำท่าครุ่นคิด


“ พรุ่งนี้วันศุกร์มีเรียนแค่ตอนเช้า คาบบ่ายก็ว่างแล้ว” ชายหนุ่มเสริม


“ วันศุกร์เหรอไม่ว่างว่ะ แม่ฉันชวนไปทำธุระทีแรกก็กะว่าจะให้พี่ต้นกับนนท์อยู่กันตามลำพัง แต่พรุ่งนี้นนท์ก็ไปแล้วไม่รู้สิ แม่ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าต้องไปทำธุระอีกไหม” หญิงสาวไม่แน่ใจ แต่บอกปัดไปก่อนเพราะนัดกับมารดาไว้แล้วไม่อยากเสียนัด


“ เฮ้ย” เขาเอนตัวลงแทบจะเรียกว่านอนลงไปก็ได้ ดูเขาเหนื่อยๆหลังจากได้ยินคำตอบจากปากหญิงสาว กิ่งขยับมาใกล้มองเขาอย่างสงสัย

“ เป็นอะไรหรือเปล่าวะ” หญิงสาวถามเสียงอ่อน

“ คือ” ชายหนุ่มดึงมือเธอมากุมไว้ พรมจูบลงอย่างแผ่วเบาต่อไม่ใช่พวกชายขี้อ้อนยามทำอย่างนี้หญิงสาวจึงใจเต้นไม่เป็นส่ำบอกไม่ถูกสิ มันเหมือนในกายวูบวาบไปหมด ดวงตาอ่อนโยนของเขามองทอดมายังเธอด้วยความรัก ...

หญิงสาวยกมืออีกข้างขึ้นมาวางบนหน้าของเขาเบาๆ เวลาที่อยู่ด้วยกันน้อยนักที่จะได้ทำอะไรหวานๆแบบนี้ สำหรับต่อหญิงสาวไม่จำเป็นต้องสร้างภาพหรือทำตัวเองให้อ่อนหวาน เธอเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นความรักที่ก่อเกิดในใจจึงทำให้มือที่เคยหนักหน่วงตีเขาแรงๆหลากครา กลายมาเป็นอ่อนโยนปลอบประโลมใบหน้าเขาอย่างแผ่วเบา


“ เป็นอะไรไป แล้วแกจะชวนฉันไปไหนเหรอถึงได้ถาม” หญิงสาวเอ่ยปากออกก่อน แววตาอ่อนโยนที่มองมายังเธอมีแววสั่นคลอนเพียงน้อยแต่เธอก็สังเกตเห็น


“ ..” เขาไม่พูดอะไรได้แต่ลุกขึ้นนั่งทัดกับเธอ มือของเขายังกุมมือของเธอไว้ไม่คลายราวกับอยากจะตอกย้ำสัมผัสว่าเป็นจริงมิใช่การหลอกลวง


“ อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ” แม้สายตาที่มองมาจะเป็นสายตาเร่าร้อนที่ลุกโชนด้วยความรัก แต่เธอก็ไม่ชอบนักมันยังไม่ถึงเวลา... เธอยังเป็นแค่นักศึกษาคงไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์อันแนบแน่นเกินงาม


“ ก็ฉันอยากมอง” เขาบอกเพียงเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเธอ ได้แต่มองอย่างที่ปากบอกเขาเองก็รู้ดีว่าหากล่วงเลยเขตปักปันดินแดน ความสัมพันธ์ที่ดำเนินอยู่อาจเกิดการสะดุด ทุกอย่างควรเริ่มเมื่อเขาและเธอพร้อมและมีภาวะความเป็นผู้ใหญ่เพียงพอ และที่สำคัญผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต้องรับรู้!

“ ...” ชายหนุ่มยืนมือมากชี้ที่ปากของตัวเอง

“ อะไร” หญิงสาวทำท่างงๆ คุ้นๆว่าเคยเห็นภาพนี้จากที่ไหนสักแห่ง ใช่สิมันเหมือนสิ่งที่ต้นขอให้น้องสติชของเขาทำเลย คิดได้ดังนั้นหน้าก็พานจะแดงสุกปรั่งยังกะลูกตำลึง

“ บ้า”


“ เถอะนะ ทำหน่อยนะฉันอยากรู้ว่าเป็นยังไง” ชายหนุ่มออดอ้อนเสียงไม่ต่างจากเด็ก ๆ คนนั่งใกล้มีหรือจะใจร้ายไม่ยอมทำตาม แต่ก็ชั่งใจอยู่พอควรก่อนจะทำลงไป

“ ก็..” เธอยกนิ้วขึ้นแตะที่ปากตัวเอง

“...” ไม่ทันไรต่อก็ประกบริมฝีปากเขาลงอย่างแผ่วบาง มันให้ความละมุนอ่อนโยนจนหญิงสาวแทบไม่รู้สึกกระดากใจ สิ่งที่ทำอยู่อาจดูไม่เหมาะในสายตาผู้ใหญ่ แต่สำหรับความรักมันเป็นเพียงสิ่งงดงามที่จรรโลงใจของคนมีรักก็เท่านั้น เขาถอนปากออกยิ้มให้บางๆ

“ ไม่รู้เหรอมันเป็นสัญลักษณ์ เวลาที่ใครก็ตามเอานิ้วมาแตะที่ปากของตัวเอง คนที่อยู่ตรงข้ามก็ต้องวางประกบลงไปมันมาจากหนังเรื่องหนึ่งที่กำลังจะเข้าโรงในไม่กี่วัน” ชายหนุ่มอธิบาย กิ่งเพิ่งเข้าใจบัดนี้เองว่าสิ่งที่พี่ชายทำหมายถึงอะไร

“ งั้นเหรอ” เธอยิ้มเพียงน้อย แต่เห็นเขาที่นั่งตรงข้ามยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองก็แปลกใจ ดวงตาเธอมองเขาอย่างแสนฉงน

“ ก็จูบแล้วไง”

“ ใครบอกล่ะนั่นฉันจูบแก แต่นี่แกต้องจูบฉัน” เขาบอกเสียงเรียบทำให้เธอต้องค้อนเป็นครั้งที่สอง คนอะไรเจ้าเล่ห์แสนกลนัก ทั้งที่จูบไปแล้วก็ยังบอกให้เธอเป็นฝ่ายต้องจูบเขาอีก


“ ขี้โกงนี่” หญิงสาวบอกอย่างขัดเคือง เพราะความขุ่นมัวที่เกิดเพียงบางเบาทำให้หญิงสาวลืมสัญลักษณ์นั้นอีกคราแล้ว นิ้วเรียวยกมือแตะที่ปากเพื่อลบรอยที่เขาเข้ามาจุมพิต สัญลักษณ์ของมันทำงานอีกครั้ง คราวนี้เขาเข้ามาพร้อมทั้งทำเช่นเดิมแต่มันแนบแน่นเนิบนาบจนแทบขาดใจ จูบของเขาไม่ได้ร้อนแรงที่การกระทำแต่มันสร้างความร้อนผ่าวในความรู้สึก หญิงสาวไม่ได้ปิดตาลงเพราะอยากมองหน้าเขาให้ชัด
ดวงตาสองคู่มองสบอย่างไม่ลดละใกล้เสียยิ่งกว่า

“ ไอ้ขี้โกง” หลังจากหลุดจากเขาได้ก็ผลักอกชายหนุ่มออกห่าง แต่ต่อหรือจะยอมผ่อนตามแรงของเธอเขายังแข็งขืนจะอยู่ใกล้แม้ปากจะไม่ได้สัมผัสกันแล้ว แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกว่าอกแกร่งไม่ได้ห่างจากร่างเธอเลยสักนิด

“ ฉันเคยบอกแกหรือยังว่าฉันรักแก...” เสียงแผ่วบางส่งคำถามที่หลุดจากปากชายหนุ่ม
ทำให้หญิงสาวต้องละมือลง เขาไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อนเธอเลยไม่ชิน

“ ไม่แน่ใจ ” เธอส่ายหน้าน้อยๆประกอบคำตอบ


“ ถ้าอย่างนั้นก็ฟังไว้อย่าลืมล่ะ” ชายหนุ่มปริปากเอ่ยคำรัก คำที่เก็บซ่อนมาเป็นเวลาหลายปีบัดนี้ได้หลุดออกมาแล้วทำให้เขาแสนโล่งใจ หนทางข้างหน้าอาจยาวไกลแสนคดเคี้ยวแต่เขาก็พาเธอไปด้วยกันอุปสรรคใหญ่เรื่องคู่หมั้นที่จะเจอตัวในวันพรุ่งนี้เขาจะขจัดมันให้จบสิ้นคอยดูเถอะ ในใจของต่อจะมีเพียงกิ่งเป็นผู้ครอบครองเท่านั้น ผู้หญิงคนอื่นไม่มีสิทธิ์จดชื่อลงในใจเขา ต่อให้คู่หมั้นที่มารดาหามาให้จะเลิศเลอขนาดไหนเขาก็ไม่สนใจ จะไม่หวั่นไหวเขาสาบาน !


“ ฉันรักแก” คำสั้นๆง่ายที่ออกมา ซึ้งไปถึงกลางใจน้ำตาที่ไหลมาเพียงเพื่อเอ่อน้อยๆแสดงความตื้นตันที่เกิดในใจของหญิงสาว กิ่งไม่เคยนึกฝันว่าเธอจะรักเขามากมายเช่นนี้ คำสั้นๆของเขาตอบแทนความรักของเธอได้มากมายจริงๆ


“ ฉันก็รักแกนะ” หญิงสาวตอบกลับเพื่อส่งความสุขให้อีกหัวใจได้ชุ่มชื้นไม่ต่างกัน สองคนกอดกันกลมนับจากนี้เกลียวสัมพันธ์จะไม่มีวันคลายออก ...



ตอนบ่ายนนท์และมารดาต้องเดินทางไปต่างประเทศ ทุกคนเลยมาส่งยกเว้นเขาเพียงผู้เดียว ตั้งแต่เมื่อวานนนท์ก็ไม่ได้เจอหน้าเขาอีก ไปหาเขาที่คอนโดมิเนียมก็ไม่พบพยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกต้นจะไปไหนได้นะ นนท์ได้แต่ถอดถอนใจวันนี้ที่ต้องเดินทางไกล... เขาก็ยังไม่มีกะจิตกะใจมาลาเลย จะปล่อยให้นนท์จากไปพร้อมความเจ็บปวดงั้นเหรอ ทั้งสองเพิ่งดีกันได้ไม่เท่าไหร่จะจากกันด้วยความหมองใจมันโหดร้ายเกินไปสำหรับน้องสติช มือเรียวบางยกคลำจี้ที่เขาให้ไว้แน่น ...ในใจก็ภาวนาให้เขามา

แต่ปาฏิหาริย์ที่รอก็ไม่มีจริง ต้นใจแข็งเกินไปที่จะมาส่ง ..ใครจะรู้ว่าตอนนี้ความเจ็บปวดกำลังทำร้ายต้นอยู่อย่างสาหัส


ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 27
«ตอบ #151 เมื่อ27-07-2009 00:23:37 »

พี่ต้นจ๋าาาาา

แงๆ  :serius2:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 27
«ตอบ #152 เมื่อ27-07-2009 02:06:18 »

แล้วก็เดินทางมาถึงตอนจบเสียที

แต่ยังไม่ใช่ตอนจบสุดท้ายนะ แค่เป็นตอนจบของเนื้อหาหลักเท่านั้น

ยังมีตอนต่อไปอีกประมาณ 2-3 ตอน(ตอนพิเศษนั้นแหระ)

ไปอ่านกันต่อเลยค่ะ...


ตอน 29 ( จบ)


“ เครื่องใกล้จะออกแล้วเราเข้าไปข้างในเถอะ” มารดาเอ่ยเตือน สายตาของชายหนุ่ม..มองไปเรื่อยๆจนคุณแก้วที่มาส่งจำต้องเดินเข้ามาปลอบ


“ อย่าคิดมากเลยลูกพี่ต้นเขาไม่มาก็ไม่ต้องไปสนหรอก ไว้น้าจะบอกให้เขาโทรฯหาเราเองนะ” นางปลอบประโลม แต่แววตาที่แฝงรอยเศร้าก็ใช่จะหายเป็นปลิดทิ้งมันเพียงดีขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นเอง เขาใจร้ายมากที่ไม่มาส่งนนท์...


“ นั่นสิแกไม่ต้องห่วงหรอกแล้วฉันจะช่วย” กิ่งเข้ามาปลอบใจอีกแรง

“ ก่อนไปพี่มีอะไรจะบอก” นอกจากคนบ้านวรโชติยังมีหญิงสาวอีกคนที่มาส่งนนท์ด้วย แพทต้นเหตุของความสับสนแต่เป็นบททดสอบที่ทำให้นนท์ได้รู้ว่าพี่ต้นรักเขามากแค่ไหน..


“ อะไรครับ” นนท์มีท่าทางแปลกใจ คนอื่นๆก็เช่นกันไม่รู้หรอกว่าแพทจะบอกอะไร หญิงสาวในชุดเรียบง่ายสีขาวปลอดเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกคน พร้อมทั้งกระซิบบางอย่างซึ่งทำให้ดวงตาเศร้าสร้อยนั้นส่องประกายขึ้นมาทันที

“ จริงเหรอ” น้องสติชถามอย่างตื่นเต้น

“ จริงสิ ไว้น้องนนท์กลับมาถามต้นเองก็แล้วกันนะ” หญิงสาวยิ้มให้เป็นการลา สองแม่ลูกจำต้องไปได้เสียทีแล้ว เพราะประชาสัมพันธ์ประกาศเรียกขึ้นเครื่องเป็นครั้งสุดท้าย หากสายคงได้ตกเครื่องนั่งเฝ้าสนามบินใหม่ความภูมิใจของสยามประเทศตามคำเชื้อชวนของผู้สร้างแน่


“ ไปกันเถอะแม่” คราวนี้เป็นคนร่างบางที่เป็นฝ่ายเดินนำ ตอนนี้นนท์สบายใจมากขึ้นแล้วไม่หวาดหวั่นจะพยายามทำงานให้ดีที่สุดและเร็วที่สุดเพื่อกลับมาหาเขา คนที่นนท์รักคนที่มอบหัวใจ


จูบแรกที่พบเจอคือความผิด สร้างความหมองใจ จูบสองแม้จะแผ่วบาง อ่อนโยนแต่นนท์ก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดีที่คนแปลกหน้าไร้ความคิดจูบเขาอย่างนี้.


..แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของหัวใจ ที่ค่อยๆปั้นแต่งรักให้เป็นรูปเป็นร่าง เวลาในชายคาบ้านวรโชติผลักดันให้นนท์หลวมตัวรักเขา ถลำมากเข้าจนเจ็บ...แต่สุดท้ายนนท์ก็ได้รู้ว่านนท์ไม่เสียใจเลยที่ต้องเจ็บและต้องร้องไห้เพราะเขา ...รักที่ได้กลับคืนยิ่งใหญ่เกินสิ่งไหนจะคะคาน


ใช่สินนท์ลืมไปได้เช่นไร... ขึ้นมาบนเครื่องแล้วเพิ่งนึกได้ต้นจะไปไหนได้อีก นอกจากที่แรกที่ทั้งสองพบกัน


และมันจริงตามที่เขาคาดบัดนี้ชายหนุ่มยืนมองคลื่นกระทบฝั่งริมทะเลด้วยใจวาบหวั่นเครื่องบินที่บินผ่านเขาไปในขณะนี้เขาไม่รู้หรอกว่าจะไปไหนแต่มันก็พาใจเขาหอบติดไปด้วย นนท์จากเขาไปแล้วและคงอีกนานกว่าอีกฝ่ายจะกลับมา กลับมาคืนความรักและรอยยิ้มแก่เขา

และแล้วเวลาก็เดินทางถึงช่วงที่นัดไว้ มารดาของต่อฉลาดเกินจะเรียกเขาให้ไปเจอที่โต๊ะอาหารตอนเวลานัด นางรู้ดีว่าต่ออาจหาทางหลบหลีกหรือไม่ก็อาจแต่งตัวไม่เหมาะไปร่วมโต๊ะ คุณมิณฑิตาเข้ามาควบคุมการแต่งกายของพ่อลูกชายตั้งแต่บ่ายจากนั้นพอใกล้ๆเวลาก็พากันไปรออยู่ร้านที่นัดหมาย หน้าของต่อบึ้งเสียยิ่งกว่าบึ้ง


“ ทำหน้ายังกะจะตายให้ได้ อย่าทำหน้าบึ้งสิตาต่อ” มารดาเอ็ดเข้าให้ เพราะเห็นหน้าตาของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแล้วไม่สบอารมณ์เลย


“ ก็แม่เล่นบังคับอย่างนี้ใครจะยิ้มออกบ้างล่ะ สมัยนี้มันปีอะไรแล้วยังมีใจมาคลุมถุงชนกันอีกเหรอ” เขาถึงกับบ่นอุบก็มารดาเล่นคุมเขาแจ จะเดินออกไปเปลี่ยนชุดเละที่ตั้งใจจะใส่มาร่วมนัดวันนี้ก็ทำไม่ได้สองแม่ลูกร้ายพอกัน แต่เห็นวันนี้มารดาจะเหนือชั้นกว่าเขาขุมหนึ่ง


“ บอกแล้วไงว่าเห็นแล้วลูกต้องชอบ ลูกไม่รู้เหรอว่าน้องเขาน่ารักขนาดมีคนตามจีบตั้งเยอะตั้งแยะ ที่มหาวิทยาลัยไม่มีใครไม่รู้จัก น่ารักสดใสแถมยังสวยกว่าเด็กคนอื่นๆที่แม่เคยเห็น” มารดาบรรยายสรรพคุณว่าที่สะใภ้ที่นางหมายตัวไว้ต่อ คนอย่างคุณมิณฑิตาย่อมเลือกสิ่งที่ดีแก่ลูกชายเสมอ สิ่งที่นางเห็นว่าเหมาะสมแสดงว่ามันดีจริงๆนางถึงเลือก


“ แม่” เขาบอกอย่างอ่อนใจ เอาเถอะพูดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่านางดื้อเกินกว่าจะยอมฟังเขา แล้วเขาจะพิสูจน์ให้มารดาได้เห็นว่านางไม่มีทางเปลี่ยนความคิดเขาได้ ดวงตาของเขาเสมองไปข้างๆ ซึ่งเป็นสวนกลางร้านจัดเรียบง่ายแต่ให้บรรยากาศแสนเย็นตา ผ่อนคลายความกังวลไปได้บางส่วน


“ สวัสดีค่ะ” มารดาข้างๆเขาลุกขึ้นทักทายคนที่มาใหม่ ท่าทางไม่รับรู้ของเขาทำให้นางขัดใจนักจนต้องแอบหยิกหมับเข้าที่ต้นแขนไปหนึ่งที ชายหนุ่มจำต้องยืนตามนางแต่ดวงตาไม่สนใจหรอกว่าใครจะมาจะไป เขาบอกแล้วว่าไม่สนใจก็ไม่สนใจ

“ ขอโทษทีนะคะ ตาต่อของฉันนี่แย่จริงๆเลย แกไม่ค่อยไปร่วมงานที่เป็นพิธีรีตรองสักเท่าไหร่เลยไม่ค่อยรู้ว่าควรปฏิบัติตัวเช่นไร ดิฉันอยากให้ลูกได้ลองรู้โลกด้วยตัวเองเลยให้แกไปอยู่ตามลำพังนอกบ้านน่ะค่ะ” นางจำต้องหาข้อแก้ตัวที่เหมาะสมและมีความเป็นไปได้มาอ้างเป็นเกราะป้องกันลูกชายไว้

“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ลูกสาวดิฉันก็ใช่จะเรียบร้อยไปเสียทุกอย่าง สวัสดีพี่เขาสิจ๊ะ” ปลายประโยคเอ่ยกับลูกสาวคนสวยข้างกาย หญิงสาวในชุดสีขาวปลอดตรงแขนเข้ากุ๊นด้วยลูกไม้เป็นพุ่มเล็กๆ ผมยาวที่ดัดลอนเพียงเบาบางช่วยเสริมรับกับหน้าตาอ่อนหวานของเธอ ริมฝีปากเอ่ยออก

“ สวัสดีค่ะ” หญิงสาวก้มลงยกมือไหว้เขาตามคำสั่งของมารดา


“ รับไหว้น้องเขาสิ” นางต้องคอยเตือนอยู่ข้างเขาตลอดเวลา มือบางของมารดาตีลงที่ต้นแขนเขาแรงๆหนึ่งที ขัดใจตั้งแต่ทำหน้าบึ้งแล้วต่อหน้าแขกของนาง ยังกล้าทำกิริยาไม่เหมาะอีก ลูกคนนี่…

“ สวัสดี” เขาไม่อยากจะทำนักหรอกแต่ก็ต้องทำ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นเห็นคนที่ไหว้ถึงกับแปลกใจ หญิงสาวหันมองมารดาที่ยิ้มแสนเจื่อนทำใจดีสู้เสือ

“ แม่นี่อะไรกัน” หญิงสาวถามเสียงขุ่น


“ โธ่ก็...แหมไหนๆก็ไหนๆแล้ว เทอมหน้าฝึกงานเสร็จก็จะได้ตกลงปลงใจกันไงจ๊ะ” ลูกสาวคนสวยไม่เคยเฉลียวใจแม้แต่น้อย ขนาดพี่ชายของเธอนางยังโดนจับแผนวางตัวกับเพื่อนสนิทของเจ้าหล่อนได้เลย แล้วทำไมกิ่งจะรอดพ้นการจัดการของนางได้ล่ะ !

“ นี่อะไรกันแม่” ฝ่ายชายเองก็ถามอย่างแปลกใจ ใครจะนึกล่ะว่าต้นเหตุที่ทำให้เขากังวลมาหลายวัน จะเป็นคนคนเดียวกับคนที่เขารัก คนที่เขารักมาเนิ่นนานหลายปี


“ ก็แม่บอกแล้วไงว่าลูกต้องชอบ หรือว่าจะไม่แต่ง” เพราะรู้ความสัมพันธ์ที่พัฒนามาไกลเกินกว่าทุกคนจะคาดฝัน นางเลยสนับสนุนเต็มที่ให้ทั้งสองได้แต่งงานกัน การนัดดูตัวที่สร้างขึ้นก็เพื่อเฉลยเรื่องราวทั้งหมดให้ทั้งสองได้กระจ่างใจ


“ แต่งสิ แต่ทำไมแม่ถึงใช้ไม้นี้ด้วยล่ะ” เขาย่อมอยากจะแต่งอยู่แล้ว ใครบ้างล่ะจะปล่อยโอกาส
แต่ส่วนหนึ่งของจิตใจก็ยังรับไม่ทันอยู่ดี มารดาของทั้งสองร้ายเสียยิ่งกว่าร้าย หานึกหรอกว่าการวางตัวของทั้งสองถูกความสัมพันธ์ที่เรียกว่าเพื่อนเชื่อมโยงเอาไว้มานาน


“ เอาเถอะพาน้องไปเดินเล่นไป”


“ เดี๋ยวคะคุณน้า หนูขอคุยกับแม่ก่อน” กิ่งมีท่าจะไม่ยอมง่ายๆ หันไปจ้องคาดโทษเข้ากับมารดา บัดนี้นางตกอยู่ในฐานะจำเลยพูดมากเห็นจะไม่ควร


“ ทำไมแม่ทำกับหนูอย่างนี้ล่ะ นี่แม่วางแผนตั้งแต่ให้ไอ้ต่อมันเข้ามาเป็นเพื่อนหนูเลยใช่ไหม” หญิงสาวถามเสียงขุ่นส่วนหนึ่งก็ดีใจลึกๆที่รู้ว่าต่อไม่ต้องแต่งงานกับหญิงอื่น


“ แม่ไม่รู้สักหน่อยเพิ่งมารู้ก็ตอนที่พูดกันวันก่อน แม่เลยไปขอนนท์ดูรูป....เพราะหลังจากนั้นอีกวันแม่กับน้าตาก็เจอกัน น้าเขาเอารูปลูกชายมาให้ดูแม่ถึงรู้ว่าต่อเป็นคนที่หมั้นกับลูกตั้งแต่เด็กๆ” นางอธิบาย

“ แต่หนูก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี แล้วแม่รู้ได้ไงว่าหนูกับต่อไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันแล้ว” เธอถามต่อ เพราะท่าทางของสองมารดาแสดงว่ารู้เรื่องราวความสัมพันธ์ของเธอและเขาแล้ว

“ ก็..ก็นนท์บอกแม่”นางจำต้องบอกไปโธ่เอาเถอะ ว่าที่สะใภ้ของนางจากไกลไปอเมริกาแล้วกิ่งจะตามไปเอาเรื่องก็คงทำไม่ได้หรอก ความจริงอุตส่าห์เปิดเผยมาถึงตรงนี้แล้วหากจะเผยทั้งหมดก็คงไม่เสียหายอะไร


“ นนท์..” เธอบอกเสียงเข่นเขี้ยว จากนั้นกิ่งก็เดินฉับๆออกจากร้านไปทันทีใครจะนึกล่ะว่ามารดากับว่าที่พี่สะใภ้จะร้ายพอๆกับที่ตนและมารดาร่วมหัวกันเรื่องต้น จะว่าไปก็สมน้ำสมเนื้อกันทุกฝ่าย



“ ผมไปก่อนนะ ลานะคุณน้า” เขาบอกพร้อมยกมือไหว้ ตอนนี้ต้องรีบตามหญิงสาวออกไปให้เร็วที่สุดกิ่งน่ะยามอยู่กับเขาขี้แยแสนงอน ง่ายต่อการกระทบกระทั่งกลัวใจเธอจริงๆว่าจะทำอะไรไร้สติลงไปอีก


“ รอก่อนสิกิ่ง” ในที่สุดก็ตามมาทัน มือของเขาเอื้อมคว้าเธอไว้อย่างรวดเร็ว

“ ปล่อยนะ”

“ ไม่ปล่อยจะไปไหนทำไมต้องเดินหนีออกมาอย่างนี้ด้วยไม่ดีเลยนะไอ้ลิง...” เสียงเขานุ่มนวลไม่กระด้าง ต่อรู้ตัวว่าควรใช้น้ำเสียงโทนไหน และเขาควรวางอารมณ์เช่นไร ก่อนที่จะแสดงอะไรออกไปต้องทำให้กิ่งยอมรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ได้ก่อน


“ ฉันอยากอยู่คนเดียว” เธอหันมาทางเขาบอกเสียงราบ


“ ไม่ให้ไป แกจะไปไหนฉันจะไปด้วยสิ...อย่าทำอย่างนี้เลยนะ” เขาบอกเตือน ปลายเสียงตวัดเพียงน้อยเพื่อให้รู้ว่าเธอไม่ควรทำตามความไร้สติที่เข้ามาครอบงำอยู่

“ ก็ฉันสับสนนี่วันก่อนเพิ่งกังวลเรื่องที่แกจะไปดูตัว แต่วันนี้ก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าคนคนนั้นไม่ใช่ใครแต่เป็นฉันเอง ฉันไม่รู้จริงๆว่าควรรู้สึกยังไงดี” ความอัดอั้นระบายออก เธอไม่ได้ร้องไห้แต่เงาเสียงที่ทอดออกมีแววสะอื้นไห้แฝงอยู่บางๆ


“ อย่าคิดอะไรอีกเลยนะ....มีความสุขก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ” มือใหญ่ดึงร่างเธอมากอดไว้ กดศีรษะเธอให้แนบลงกับอกเขาเบาๆ คนที่เขารักกำลังสับสนกับทางที่จะเดิน การฝ่าฟันที่คิดว่ายากยิ่งสำหรับการก้าวผ่านบัดนี้ทุกอย่างเหมือนเปิดทางให้ทั้งสองเดินแล้ว หากยังลังเลหนทางอาจหายไปก็เป็นได้

“ ก็ฉัน..” ลูกแมวน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา ไม่นึกเลยว่าความอบอุ่นที่ส่งผ่านจากร่างสู่ร่างในขณะนี้จะทำให้อารมณ์เธอดีขึ้นอย่างเหลือประมาณ เขาสมกับเป็นคนที่เธอรักจริงๆรู้ว่าควรทำอะไรในเวลาไหน

“ ยอมแต่งกับฉันไหม” เขากระซิบที่ข้างหู

“ บ้า”

“ ฉันถามจริงๆอย่าตอบอย่างนั้นสิ” น้ำเสียงจริงจังทำให้หญิงสาว ถึงกับหน้าแดงเลือดในร่างไหลเวียนแรงไปหมด ใจเต้นระส่ำบอกไม่ถูกมันสร้างความตื่นเต้นให้เธอยิ่งกว่าคำรักที่เขาบอกเมื่อวานเสียอีก การจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต บางคนต้องปรับตัวกันนานกว่าจะเข้ากันได้ บางคู่ก็อาจเลิกรากันไปหลังจากได้ลองมาใช้ชีวิตด้วยกัน แต่สำหรับเขาและเธอนั้นแตกต่างสิบปีที่รู้จักกันกิ่งไม่จำเป็นต้องปรับเข้าหาเขาอีก ส่วนเขาก็เป็นอย่างที่เคยไม่ต้องเปลี่ยนแปลง

“ แต่งสิ” เธอตอบรับ เหมือนโลกทั้งใบของคนตัวสูงเบ่งบานด้วยมวลดอกไม้หลากพันธ์หลากสีสัน ทุกดอกหันมาทางพวกเขาเพื่อร่วมยินดีกับความสุขที่กำลังจะเกิดขึ้นความสุขที่จะได้เป็นหนึ่งเดียว


“ ...” นิ้วของเขายื่นมาแตะตรงริมฝีปากเล็กน้อย กิ่งรู้ดีถึงสัญลักษณ์อันแจ่มแจ้งคราวนี้เธอไม่รอช้าที่จะทำตามความต้องการของเขา เธอยื่นมือไปจับเอวทั้งสองข้างของเขาไว้ดึงตัวขึ้นพร้อมเขย่งสุดปลายเท้าวางปากบางทาบลงเพียงครู่เร็วและไว ดีนะที่เขาไม่สูงเท่าต้นไม่เช่นนั้นเธอคงสั่งให้เขาย่อร่างเช่นที่เพื่อนสนิทบอกให้พี่ชายทำแน่เลย มันไม่ควรนักหรอกที่จะแสดงความรักประเจิดประเจ้อเช่นนี้แต่ไหนๆวันนี้ก็เป็นวันที่เธอมีความสุข เธอจะยอมทำตามหัวใจสักครั้ง


สุดสัปดาห์กลายเป็นวันที่ต้นไม่อยากกลับมาบ้านมากที่สุด เวลาสามปีที่มีนนท์อยู่ในบ้านผ่านไปเร็วจนน่าใจหาย ทุกคนรู้สึกไม่ต่างกัน


นี่ก็ครบสองสัปดาห์ที่อีกฝ่ายจากไป ต้นเพิ่งยอมกลับมาค้างที่บ้านเป็นวันแรก ทุกมุมของบ้านหลังนี้มักมีภาพของใครคนนั้นเข้ามาแทรกอยู่เสมอ รอยยิ้มที่สดใสเกินกว่าผู้ใดจะเทียบได้ยังตรึงอยู่ในทุกอณูความรู้สึก แต่ความน้อยใจที่ผุดขึ้นในห้วงคิดก็ทำให้เขาทิฐิแรงเกินกว่าจะโทรศัพท์หาอีกคน


วันนี้เขาเข้ามาในห้องอย่างแปลกใจ หยิบเสื้อชุดใหม่ที่รีดเก็บไว้ในตู้มาใส่ตอนแรกก็ซุ่มหยิบอย่างไม่สนใจ แต่ดวงตาก็เหลือบไปเห็นเจ้าเสื้อสีชมพูที่นนท์ซื้อให้ ในใจสับสนยิ่งว่าควรทำเช่นไรแต่สุดท้ายก็คว้าเอามันมาใส่จนได้


“ ลงมาแล้วเหรอพี่ต้น” คุณแก้วที่นั่งรอกล่าวทักทายขึ้น อาหารเช้าวันนี้เป็นอะไรง่ายๆขนมปังกับไส้กรอก เพราะนนท์ไม่อยู่แล้วเลยไม่มีคนตื่นมาทำอาหารยุ่งยากแต่แสนอร่อยให้ทุกคนทานกัน

“ ครับ น้องกิ่งล่ะ” เขาเอ่ยถามถึงอีกคน


“ ออกไปข้างนอกกับแฟนเขาแล้วล่ะ ว่าแต่เราเถอะไม่ไปไหนเหรอ วันนี้วันอาทิตย์น่าจะออกไปข้างนอกบ้างไม่ต้องทนอุดอู้อยู่แต่ไหนบ้านเช่นนี้” ท่าทางของลูกชายที่กลับไปเป็นพวกเย็นชาไร้ความรู้สึกกัดกินใจของนางอีกคราหนึ่งแล้ว นนท์หยิบความสุขของทุกคนติดมือไปจริงๆ

“ เปล่าหรอกครับผมอยากพัก” เขาบอกเพียงสั้นๆ หันไปสนใจกับอาหารในจาน ส้อมในมือจิ้มๆวางๆทานเข้าไปก็น้อยแสนน้อย เห็นลูกชายสุดที่รักเป็นอย่างนี้ก็ไม่สบายใจเลยแต่จะพูดเรื่องว่าที่สะใภ้ เขาคงไม่ยอมฟังนางเลยเฉไปเรื่องอื่น


“ ลูกเปลี่ยนน้ำยาปรับผ้านุ่มใหม่เหรอ กลิ่นนี้แม่ไม่คุ้นเลย” เพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรดี เลยเอาสิ่งเรียบง่ายที่แปลกไปขึ้นมาถาม ชายหนุ่มข้างกายเลิกคิ้วเล็กน้อยหยุดคิดและก็พบว่ากลิ่นของมันแตกต่างจากกลิ่นเดิมจริงๆ

“ ใช่สิ แม่นี่ช่างสังเกตจังเลยนะ”


“ เอานี่เปลี่ยนน้ำยาใหม่ยังไม่รู้อีกเหรอนี่” นางถามอย่างแปลกใจ ทำให้ต้นถึงกับงงมารดาไม่รู้จริงๆเหรอว่า น้ำยาที่เปลี่ยนใหม่มาจากไหน

“ ก็แม่เป็นคนซักให้ผมไม่ใช่เหรอ”


“ บ้าแม่ไปซักให้ตอนไหน แม่จำได้ว่าตั้งแต่เราขึ้นมัธยมแม่ก็มอบหน้าที่เรื่องส่วนตัวให้ทำกันเองแล้วนะ นี่ก็สิบกว่าปีแล้วสิที่ไม่ได้แตะข้าวของลูกเลย” นางบอก

“ จริงเหรอแม่ แต่....” เขาเริ่มระลึก


“ ทำไมอย่าบอกนะว่ามีคนซักผ้ารีดผ้าให้เรา ไม่ใช่ว่าบ้านเรามีผีบ้านผีเรือนคอยทำงานให้ลูก” คุณแก้วแสร้งพูดเสียงโอเว่อร์ เพราะก่อนนนท์ไปก็เห็นอีกฝ่ายจับๆจ้องๆกับเสื้อผ้าต้นอยู่ ตอนนั้นนางคิดเพียงแต่ว่าคนตัวบางอาจอยากทำให้เขาก่อนไป ไม่นึกหรอกว่าจริงๆแล้วนนท์จะทำให้เขามาเป็นปีๆ

“ เปล่าหรอกแม่..”


“ แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะพี่ต้น..ใครเป็นคนบอกว่าแม่ซักผ้าให้ลูก” นางถามออกไปดวงตาที่มีรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลาจ้องมองเขาคาดคั้นเอาคำตอบจากปาก


“ ตั้งแต่ที่บริษัทเกิดเรื่องนั่นแหละ แล้วคนที่...คนที่ไปบอกผมก็คือนนท์” เขายอมบอกในที่สุด ในใจรู้สึกหนักอึ้งบอกไม่ถูก นี่อีกฝ่ายดีกับเขามากถึงเพียงนี้ตอนนนท์ไปเมืองนอกเขาจะไปส่งก็ไม่มี แถมยังให้คนที่เขารักหอบพาเอาความไม่สบายใจติดไปด้วย


“ ตายแล้วพี่ต้นน้องอุตส่าห์ทำดีให้เรามาเป็นปีๆ แล้วดูเราทำสิมันน่าตีไหมล่ะ ไม่รู้ว่านนท์จะเสียใจขนาดไหนนะ” นางตั้งใจพูดกระทบใจเขา ร่างของต้นเหมือนเลื่อนลอยเดินออกจากโต๊ะอาหารด้วยใจที่รู้สึกผิด ร่างของเขาเดินไปเรื่อยจนไม่ทันระวังและชนเข้ากับใครคนหนึ่ง

“ นนท์” ดวงตาเขาเบิกกว้างไม่อยากเชื่อว่านนท์จะยืนอยู่ตรงหน้า


“ เป็นอะไรไป ทำไมเดินเหม่ออย่างนี้ดีนะที่ไม่เผลอเดินไปทางสระน้ำ จะเดินไปไหนก็ระวังหน่อยสิ”คำพูดบวกรอยยิ้มมันเป็นของจริงทุกอย่าง เขาไม่ได้คิดไปเองเขาไม่ได้ฝันแต่นนท์ยืนอยู่จริงๆ


“ กลับมาได้ยังไง แล้วที่อเมริกาล่ะ”

“ ตอนแรกนนท์ก็คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่โต ที่ไหนได้เกิดจากความเข้าใจผิดกันความจริงไม่ได้มีการขาดทุนอะไรเลย นนท์กลับมาแล้วดีใจไหม” ร่างเพรียวบางแย้มยิ้มให้ แต่เหมือนเขาจะไม่กล้าสบตาเลยเลือกเดินออกไปนั่งที่ริมสระว่ายน้ำแทน คนที่เพิ่งกลับมาใหม่จำต้องสาวเท้าตามไปไม่ขาด


“ เป็นอะไรไป ทำไมไม่พูดกับนนท์ล่ะนนท์ทำอะไรให้พี่โกรธอีกเหรอ” คนหน้าหวานนั่งลงข้างๆเขาถามเสียงใสไม่เข้าใจจริงๆว่าเขาเป็นอะไร ความจริงเขาควรดีใจไม่ใช่เหรอที่ไม่ต้องจากกันอีกแล้ว


“ พี่รู้สึกไม่ดีเฉยๆรู้สึกทำไม่ดีกับเราไว้มาก” เหมือนนนท์จะเห็นแววตาที่สั่นวูบพร้อมมีน้ำหล่อมากกว่าปกติ เขากำลังรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆรู้สึกว่าเป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้เลย ขี้น้อยใจราวกับผู้หญิง

“ ไม่เห็นเป็นไรหรอก...พี่หมดกำลังใจเหรอ”


“..” เขาพยักหน้ารับ รอยยิ้มปรากฏเปื้อนบนหน้าของคนตัวเล็ก..นนท์เดินไปเลื่อนเก้าอี้มาใกล้เขาจนชิดจากนั้นก็ค่อยยกมือขึ้นจับบ่าเขาเบาๆ หน้าหวานโน้มเข้าไปหาอีกพร้อมทั้งวางปากลงข้างแก้มของเขาเบาบาง ชายหนุ่มไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะทำเช่นนี้

“ เมื่อก่อนพี่ยังเคยเติมกำลังใจให้นนท์อยู่บ่อยๆ ตอนนี้พี่ไม่สบายใจนนท์ก็ทำอย่างที่พี่ทำบ้าง” นนท์ยิ้มให้เขาหลังจากการเติมเต็มกำลังใจ

“ ไม่โกรธพี่เหรอ” เขาถาม


“ จะโกรธได้ยังไง ครั้งที่แล้วพี่ยังลงทุนวางแผนทำจนตัวเองเกือบเอาชีวิตไม่รอด นนท์โกรธพี่ไม่ลงหรอกนะ แม้ที่ผ่านมาจะถูกพี่แกล้งหลอกผี พี่ไม่สนใจและชอบสบประมาท แต่ทุกวันนี้นนท์มีความสุขแล้ว มีความสุขมากที่มีพี่อยู่ข้างๆ นนท์จะไปโกรธพี่ได้ยังไงล่ะ...” ทุกคำออกมาจากความรู้สึก


“ นี่นนท์ให้ ..ก่อนกลับมานนท์ไปหาซื้อมาคิดว่าน่าจะเหมาะกับพี่” ชายหนุ่มหน้าสวยชูสร้อยให้เขาดู รูปเกลียวที่ทับซ้อนกันให้ความหมายที่แตกต่างมากมาย แต่มันก็น่าจะเหมาะกับคนอย่างเขามากที่สุดแววตาที่ว่างเปล่าที่เคยมี แต่ภายในมันมีเรื่องมากมายฟุ้งกระจายอยู่ ...นนท์อยากเป็นเหมือนกรอบวงที่อยู่นอกเกลียวนั้น เพราะมันทำให้รู้สึกว่าเขาจะไม่กังวลใดๆอีกหากมีนนท์อยู่ข้างๆเขา


“ นนท์ใส่ให้นะ ก่อนไปพี่ไม่รู้หรอกว่านนท์กลัวพี่โกรธนนท์แค่ไหนที่ตัดสินใจไปโดยไม่ปรึกษาพี่ก่อน โชคดีนะที่พี่แพทบอกความหมายของสร้อยให้นนท์เข้าใจไม่เช่นนั้นนนท์คงเศร้าไปตลอดเวลาที่อยู่อเมริกาแน่” เสียงใสๆ ที่ดังขึ้นบอกขณะที่มือยังสาละวนกับการใส่สร้อยให้เขา


“ ความหมายอะไร” ชายหนุ่มเอ่ยถาม มองดวงหน้าของคนที่ใกล้เขาเสียยิ่งกว่าใกล้อดใจที่จะโน้มปากไปสัมผัสแก้มนวลที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้

“ พี่ก็..” นนท์ชะงักเล็กน้อย การสัมผัสของเขามันทำให้นนท์วูบวาบได้ทุกครั้งเสียจริง
เขาคือคนที่นนท์รักมาก มากที่สุดเท่าที่เคยผ่านมา ชายหนุ่มมั่นใจว่าจะรักเขาเช่นนี้ต่อไปไม่สิ้นสุด

“ ความหมายอะไรล่ะ” เขาถามเสียงแผ่วรอยยิ้มเริ่มประปรายบนหน้าเขา


“ ก็พี่แพทบอกนนท์ หากพี่จะขอใครสักคนแต่งงานพี่ก็จะใช้สร้อยเป็นตัวแทนของแหวน” ร่างบางบอกสิ่งที่ทำให้เขายิ้มได้ในวันนั้น


“ ก็คงอย่างนั้น แล้วรับข้อเสนอของพี่ไหมล่ะ” ชายหนุ่มได้โอกาสจึงถามต่อไหนๆ นนท์ก็เดินเข้ามาเองเขาเลยอยากจะพูดต่อให้เรื่องมันเดินหน้าไปไกลอีกขั้น

“ ไม่รู้สิให้นนท์คิดก่อนก็แล้วกัน...” ร่างเล็กตอบแบบเอียงอาย


“ อย่าคิดนานนักล่ะ เดี๋ยวแม่จะรอไม่ไหวปล่อยให้คนแก่ผิดหวังมันไม่ดีรู้ไหม” แม้จะเป็นคำพูดทีเล่นแต่มันก็ทำให้นนท์ร้อนได้ไปถึงขั้วหัวใจ

“ นนท์ไม่พูดกับพี่แล้วคนบ้า” ร่างบางลุกขึ้นหนี รีบวิ่งเข้าบ้านไปด้วยใจที่เป็นสุข ชายหนุ่มจึงรีบตามไปไม่ยอมให้อีกฝ่าย...หลุดรอด

ภายใต้วงกอดของเขา นนท์พร้อมที่จะทำทุกอย่าง พร้อมที่รักเขาด้วยใจทั้งหมด...เวลาที่ผ่านมาหลายปีพิสูจน์ให้นัทแน่ใจแล้วว่าเขาเป็นคนที่ใช่

ความรักครั้งก่อนทำใจของเขาให้เจ็บปวดรวดร้าวเกินกว่าจะหาคำใดมาบรรยายได้ แต่เพราะมันถึงทำให้เขาได้เจอกับนนท์ เจ้าเด็กมั่นใจในตัวเองอดีตแอฟโฟ่ว์หัวฟูที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่เลวร้ายให้ผ่านพ้น คนที่ทำให้เขาได้รู้ว่ารอยยิ้มอย่างจริงใจเป็นเช่นไร และนนท์ก็ทำให้เขาได้รู้ว่ารักสำคัญมากต่อคนเรา จึงไม่แปลกที่เขาจะรักนนท์...

ความรักถูกสร้างสรรค์ปั้นแต่งด้วยมือของใครไม่สำคัญ ขอเพียงรักที่ก่อมานั้นสำคัญต่อใจคนที่ได้รักก็เพียงพอ แม้พรุ่งนี้ทุกอย่างอาจเลวร้ายและลำบากแต่หากมีมือของใครอีกคนกุมกันไปเท่านี้ก็กล้าที่จะเดินหน้าไปเผชิญด้วยกันแล้ว ต่อให้เราต้องล้มแต่ก็รู้ว่าจะมีมือของใครที่รักคอยดึงเราขึ้นมา .....ปั้นรักประดับไว้กลางใจ มนุษย์ผู้ไร้รักมิต่างจากฟ้าไร้แสงดาว..

" ขอบคุณนะที่กลับมา...ไม่มีเราพี่รู้สึกไม่ดีเลยจริง"..เสียงกระซิบแผ่วข้างหูตอกย้ำความทรงจำ ความรัก และทุกความรู้สึกที่เคยมีให้กัน วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เวลาคือคำตอบที่ดีที่สุด...

" นนท์ก็รู้สึกไม่ต่างกัน..นนท์รักพี่นะ.."

" พี่ก็รัก.." ต้นมองอีกคนด้วยความรักก่อนจะก้มลงจุมพิตเบาบาง..การเริ่มต้นของทั้งสองปรากฏขึ้นแล้ว...


^____________TheEnd_____________^


ขอหยอดชื่อตอนพิเศษไว้สักหน่อย...ตอน เพราะความรัก...พี่ต้นแอบหื่น

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 28+29
«ตอบ #153 เมื่อ27-07-2009 02:49:06 »

^

^

^

ในที่สุดก็ happy ending

รอตอนพิเศษคร่า  :L2: :L2:

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 28+29
«ตอบ #154 เมื่อ27-07-2009 03:44:01 »

ว่าแล้วตอนต่อไปต้องแอบหื่น  :o8:

gboy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 28+29
«ตอบ #155 เมื่อ27-07-2009 08:12:30 »

 :serius2:
จบแล้ว
ขอตอนพิเศษอย่างด่วน


ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 28+29
«ตอบ #156 เมื่อ27-07-2009 13:44:50 »

ตอนพิเศษด่วนจ้า

รอไม่ไหวแล้ว

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 28+29
«ตอบ #157 เมื่อ27-07-2009 14:15:40 »

มารอคิวอ่านตอนพิเศษนะคับ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 28+29
«ตอบ #158 เมื่อ27-07-2009 19:45:33 »

 :z2: :z2: :z2:

ขอตอนที่ต้นหื่น ด่วน อิอิ  :z1: :z1:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 28+29
«ตอบ #159 เมื่อ27-07-2009 21:09:03 »

โฮะ โฮะ แต่ละคน ถ้ามันไม่หื่นอย่างที่ทุกคนคิด เค้าจะโดน :beat: ม้ายยย



ตอน เพราะความรัก..พี่ต้อลแอบหื่นว่ะ


แม่คนผมยาวที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงหนานุ่มของตนถึงกับสะดุ้ง..เมื่ออยู่ๆ เสียงเคาะประตูห้องของเจ้าหล่อนก็ดังขึ้น.. หากเป็นเวลาปกติหญิงสาวจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่มันตีสามแล้ว ..ใครกันนี่ที่มาปลุกหล่อนจากการหลับใหลแสนหวาน ..


กิ่งลากตัวเองออกจากเตียงด้วยความโทรมสุดฤทธิ์...


“ ใครนี่.. คนจะหลับจะนอนมาเคาะไม่คิดจะเกรง..” แม่สาวผมยาวที่กำลังเปิดปากหาววอดๆ มีอันต้องเงียบเสียงเมื่อพบสภาพของคนที่ยืนรออยู่หน้าประตูว่าแย่ไม่ต่างอะไร..


“ เป็นไรไปแก...หรือพี่ต้นแอบไปมีกิ๊ก..” กิ่งเอ่ยถามอย่างห่วงใย.. ไม่เห็นอาการนี่ของนนท์นานแล้วนะ...เฮ้อ..จะพูดไงดีล่ะ.. กิ่งทำอะไรไม่ถูกได้แต่เอื้อมมือไปจูงเพื่อนเข้ามาในห้อง ก่อนจะเอื้อมไปปิดประตูให้แน่นหนา... นนท์เดินมาหยุดอยู่ตรงขอบเตียงนุ่มๆ..โดยมีอีกคนนั่งข้าง..

“ เป็นไรหรือเปล่านนท์..”


“ เปล่าๆ..นอนไม่หลับว่ะ..พี่ต้นนะพี่ต้น..ไอ้บ้านิสัยไม่ดี ” คนหน้าสวยเปรยขึ้นอย่างเหนื่อยใจ แล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนด้านหลัง..


“ อะไรนี่..พูดอยู่คนเดียวไม่คิดจะเล่าบ้างหรือยังไง...” กิ่งขยับตามเพื่อน ..ไม่ปล่อยให้เรื่องคาราคาซังหรอก.. พ่อคนนี้..ได้ไงนี่..มายั่วให้อยาก(รู้) แล้วจากไปนี่นะ...


“ ถ้าฉันเล่า..แล้วห้ามพูดต่อนะแก..” นนท์พลิกกายเล็กน้อยเพื่อหันมามองเพื่อนที่จ้องเขาอยู่..


“ ..” หญิงสาวพยักหน้ารับ..


“ ก็พี่ต้นสิ ..ป่านนี้แล้วยังไม่นอนอีก มาเปิดหนังบ้าหนังบออะไรไม่รู้...ฉันนอนไม่หลับเลยต้องรีบมาหาแกนี่แหละ...” เพราะตั้งแต่ที่ดีกัน คุณแก้วก็จัดการย้ายของสะใภ้หน้าหวานเข้าไปอยู่กับพี่ต้นทันที.. วันธรรมดาจันทร์-พฤหัสก็ให้นนท์ไปค้างกับพี่ต้นที่คอนโดฯ .. ชีวิตของทั้งสองเลยถูกผูกติดโดยปริยาย..

“ หนังอะไร..รำคาญขนาดนั้นเลยเหรอ..”


“ ก็ไอ้พี่ต้นมันจะปล้ำฉัน...ฮือๆ.. พี่ต้นนะพี่ต้น..ไม่น่ายอมเข้าไปนอนห้องเดียวกันเลย..” นนท์บอกเสียงอ่อย.. จะหนังอะไรอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่ ..ประเภทปลุกอารมณ์พลุ่งพล่าน ...ก็นนท์ไม่ยอมมีอะไรกับอีกฝ่ายสักที เลยโดนรายนั้นเล่นเล่ห์เข้าให้...


“..ฮ่าๆ.นี่อะไรกันนี่..แกก็ยอมๆไปได้แล้วนนท์..คนรักกันยังไงก็ต้อง..แบบว่าๆ ..เดือนหน้าเราก็เรียนจบแล้ว แม่เปรยไว้ว่าจะจัดงานแต่งให้แกกับพี่ต้นเป็นเรื่องเป็นราว..” กิ่งถึงกับปล่อยขันเมื่อรู้สาเหตุที่ทำให้คนหน้าสวยแสนเก่ง เดินตึงตังหน้าโทรมมานอนร่วมห้องกับเธอเวลานี้..


“ แกก็เข้าข้างพี่ต้นสิ.. แล้วมาทำอะไรนี่ไม่อายกันเลย.. ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ต้นจะหื่นขนาดนี้..” นนท์ยังคงบ่นต่อ


“ ก็แกทำให้พี่ต้นกลับเป็นคนเก่าแล้วไง... สมัยก่อนพี่ต้นชอบแกล้งคนอื่นจะตายไป แถมยังร่าเริงยังกับอะไรดีจนมีเรื่องนั่นแหละถึงได้เป็นอย่างนี้..อีกอย่างฉันว่าพี่ต้นเองก็ต้องการแกเหมือนกัน เพราะไม่ใช่เช่นนั้นคงไม่กล้าทำอะไรอย่างนี้หรอก..” กิ่งคิดไปตามแบบของหล่อน ไม่ได้มองเรื่องนี้ว่าเสียหายอะไร..


“ โธ่..กิ่งยังไงฉันก็อายนี่ ..”


“ โธ่..น้องสติชยังไงแกก็ต้องชินได้แล้ว...ตอนนี้ที่พี่ต้นไม่กล้าทำอะไรมากก็เพราะยังไม่ได้แต่งงานกัน..แต่ถ้าเป็นอะไรกันเมื่อไหร่แกจะหนีก็ยากว่ะ..”


“ โห่..เพื่อนเลว ไม่คิดจะช่วยแล้วยังมาขู่อีก..ตกลงฉันต้องยอมใช่ไหมนี่...” นนท์นั่งปลง..ไม่ใช่นนท์จะไม่ต้องการ ไม่ใช่นนท์จะรังเกียจ ..แต่เขาไม่เคยมีประสบอย่างนี้ ไม่รู้ว่าควรเริ่มหนึ่งสองอย่างไร นนท์กลัวจริงๆว่าเกิดเผลอเดินเลยความสัมพันธ์ไปอีกขั้น ต้นจะไม่ประทับใจ แล้วพานจะเดินหนี..

“ทำใจเย็นๆไว้ แล้วกลับไปเถอะนะ.. เป็นพี่ต้นฉันคงน้อยใจแย่ที่แกออกมาอย่างนี้..” ร่างที่บางกว่าเอื้อมมาโอบอีกคนไว้อย่างให้กำลังใจ ..

“ กลับก็ได้..” นนท์ทะลึ่งตัวขึ้นอย่างขัดใจ .. รวบรวมความกล้าที่มีทั้งหมดเพื่อเผชิญหน้ากับคนที่รัก..ยังไงเขาก็ทนมาได้ตั้งหลายเรื่อง ..จะทนก้าวผ่านความไม่แน่นอนของความรักไปอีกหน่อยจะไม่ได้เชียวเหรอ..


นนท์เดินก้าวออกจากห้องของอีกคนไปด้วยใจหวิวๆ..แม้จะเตรียมใจมาดี แต่ยิ่งระยะใกล้ห้องของตนกับพี่ต้นมาเท่าไหร่ ใจก็หวิวมากขึ้นเท่านั้น..ร่างเพรียวมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องหลายวินาทีก่อนจะก้าวเข้าไปรับความจริง...


แต่ภายในห้องกลับแตกต่างจากเมื่อสิบนาทีก่อน..ไฟถูกดับหมดเหลือเพียงเสียงแอร์ที่ดังลอดแหวกอากาศ..พี่ต้นหลับอยู่บนเตียงหลังเดิมที่นนท์ใช้นอนมาหลายเดือน...


‘ถ้าเป็นพี่ต้นฉันคงน้อยใจแย่’ เสียงของเพื่อนสาวคนสนิทดังเข้ามาในโสตประสาท..มันดูหดหู่ไม่น้อยหากคนที่รักทำเหมือนรังเกียจเรา ทำเหมือนไม่ต้องการ ...ร่างของคนเจ้าเสน่ห์ล้มลงข้างๆคนตัวสูงเบาๆ เอื้อมหยิบหมอนข้างที่นนท์ใช้เป็นปราการระหว่างเขากับต้นมาร่วมหลายเดือนออก.. พร้อมร่างบางๆที่ขยับเข้าไปใกล้อีกคนที่นอนหันหลังให้

“ พี่ต้น...”

“..” ไม่มีเสียงใดตอบรับกลับมา...


“..พี่ต้นหลับหรือยัง ..ตอบนนท์หน่อยสิ..” นนท์วางมือของเขาบนหลังของอีกฝ่ายอย่างเศร้าใจ ..ตอนนี้อารมณ์มันสับสนปนเปกันไปหลายอย่าง ..พี่ต้นของเขางอนหรือยังไง.. แต่จะให้นนท์เริ่มเช่นไรล่ะ เขายังไม่กล้าอยู่ดีเรื่องอย่างนี้มันดูน่ากลัวในสายตานนท์ไม่น้อย..


“ พี่ต้นโกรธนนท์เหรอ..” เมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาใดๆจากอีกร่าง ..นนท์เลยลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินอ้อมไปหยุดอยู่ตรงหน้าของพี่ต้นพร้อมทั้งล้มลงด้านหน้าร่างที่หลับตาอยู่...

“ พี่ต้น..พูดกับนนท์หน่อยสิ..” นนท์บอกเสียงแผ่ว..เริ่มจะเศร้าใจกับท่าทีเมินเฉย..จนเสียงที่ลอดออกมาติดจะสะอื้นไม่น้อย...


“ ร้องทำไม..” ต้นถึงกับละทิฐิที่มี..เขาเคยบอกไว้แล้วว่าจะไม่ทำให้น้องสติชสีอ่อนของเขาต้องร้องไห้อีก แต่เวลานี้เขากลับละเมิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้..


“ ก็พี่ต้นไม่พูดกับนนท์นี่...” นนท์บอกเสียงสั่น..คว้าเอวหนั่นเป็นที่ยึดแล้วดึงตัวของเขาเองให้เขยิบเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของอีกคน ...


“ ก็เราไม่ยอมพี่นี่..” ต้นบอกเบาๆ..

“ ก็นนท์กลัวนี่...” นนท์บอกเสียงอ่อยน้ำตายังคงไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่...


“ ทุกอย่างมันก็ต้องมีครั้งแรกเสมอ..แต่เราไม่คิดแม้แต่จะเริ่ม..พี่เป็นผู้ชายนะ..พี่มีความต้องการ มีความรู้สึก จะให้พี่ห้ามตัวเองบ่อยๆได้ยังไง..ยิ่งเรามาอยู่ใกล้ๆแบบนี้อีก..” ต้นบอกไปอย่างที่เขาคิด..หลายเดือนที่เริ่มต้นเป็นแฟนกันอย่างจริงจัง..ทำได้มากที่สุดก็แค่จูบกัน... ทุกคู่ล้วนต้องก้าวผ่าน ล้วนต้องเริ่มต้น แต่สำหรับนนท์ยังไม่กล้าพอที่จะเดินผ่าน

“ พี่ต้นจะเบื่อไหมที่นนท์ไม่ยอม..พี่ต้นจะไปหาคนใหม่ไหม..”


“ บ้าเหรอ..พี่จะไปมีคนอื่นได้ยังไง.. ที่พี่ต้องการไม่ใช่แค่ร่างกายนะ..แต่พี่ต้องการหัวใจที่พร้อมจะไปกับพี่..พี่แค่อยากให้รู้ว่า เซ็กซ์ไม่ใช่การมีอะไรกันแล้วจบไป แต่มันหมายถึงความรักที่เกิดขึ้น..และที่ต้องการมันหมายถึงเราคนเดียว...” ใช่สินะ..รักต่างหากล่ะที่จะผูกใจของคนเราให้ใกล้กัน.. แต่รักก็อาจต้องใช้เซ็กซ์ตอกย้ำความมั่นใจให้มากขึ้น..


“ พี่ต้นรอได้ไหม..รอนนท์หน่อยนะ..ให้เราแต่งงานกันก่อนให้นนท์ทำใจอีกหน่อยนะพี่ต้นนะ..” นนท์เอ่ยขึ้นหลังจากได้ยินคำตอบของต้น ..แท้จริงมันไม่สำคัญว่าจะแต่งหรือไม่แต่ง แต่นนท์อยากจะขอเวลาที่จะคิดทบทวนเรื่องราว และทำใจยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น..

“ อย่าคิดมากเลย..นอนเถอะ..”

“ พี่ต้น..”

“ ครับ..” คนหลับตาตอบเสียงแผ่ว...


“ มันถูกขานนท์อ่ะ...” นนท์เอ่ยขึ้นถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังดุนดันตรงหน้าขาของคนร่างบาง...ทำให้ต้นปรายยิ้มเบาๆกับคนหน้าหวานที่นอนหน้าแดงอยู่..


“ ก็เจ้าของมันไม่ยอมช่วยนี่..”

“ ก็นนท์กลัวนี่หน่า...แล้วพี่ต้นไม่เอาลงเหรอ..” นนท์ตอบกลับไปด้วยเสียงตะกุกตะกัก..กำลังใช้ความกล้าทั้งหมดข่มความอายที่เกิดขึ้นในใจ..

“ ช่างเถอะ..เดี๋ยวก็หาย..”


“ นนท์..เอ่อ..นนท์...ใช..ใช้มือให้ไหม..” นนท์เสนออย่างแสนอาย ..แต่บางทีหากเริ่มก้าวแรก ก้าวสองสามที่ตามมาอาจจะไม่ยากเย็นอะไร...


“ อย่าเลย..” คำปฏิเสธที่แสนบาง แต่กลับทำให้นนท์สะท้อนลึกเข้าไปถึงข้างใน เขาช่างเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ..พี่ต้นยอมหักห้ามใจเพราะไม่อยากหักหาญน้ำใจของเขา ..แต่เขาก็กลับเข้าใจไปว่าพี่ต้นหมายแต่จะได้..มือบางเอื้อมลงไปข้างล่างแล้วสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างที่หนั่นหนาสู้มือ..

“ อย่าสิ..เอ่อ..คุณหนู เดี๋ยวพี่..เอ่อ..ก็ทนไม่ไหวหรอก..” ต้นถึงกับครางสั่นเมื่อมืออุ่นๆ แสนบอบบางกำลังเคลื่อนไหวอยู่บนส่วนต่างของเขา ...

“ นนท์รักพี่นะ.. “ นนท์ยิ้มให้เบาบาง ..แล้วเลื่อนหน้าเข้าไปสัมผัสแก้มสากๆของต้นอย่างสุดรัก..

“ อืม...อื้อ..” ต้นถึงกับสั่น..คว้าร่างของอีกคนมากอดไว้อย่างหักห้าม..แค่นี้ก็ถือว่ามากมายเกินกว่าที่คิดแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับความรัก.. มันคือจุดเริ่มต้นที่ดูไม่เลว... มันคือการเริ่มแรกของการสัมผัสที่มากกว่าจูบ...

“..มันร้อนมากเลย..” นนท์เอ่ยเสียงสั่น เมื่อสิ่งที่เขาใช้มือควบคุมจังหวะเริ่มเต่งหนั่น.. และเพิ่มอุณหภูมิขึ้นอย่างสุดจะห้าม..

“ พี่..อื้อ..พี่..” ต้นกอดร่างของนนท์แน่นกว่าเดิมก่อนที่จุดสุดท้ายของการเดินทางจะปรากฏ... ร่างหนั่นเกร็งสั่นเล็กน้อยก่อนจะปลดเปลื้องอารมณ์ที่นนท์มอบให้อย่างสุดตัว...

“ ขอบคุณ...” ต้นกระซิบข้างหูอีกคนเล็กน้อย...


“ นนท์ต้องขอโทษพี่มากกว่าที่ทำได้แค่นี้...” นนท์ตอบกลับ..

“ แค่นี้ก็มากพอแล้วล่ะคุณหนู...” ต้นยิ้มให้อย่างซาบซึ้ง..แล้วผละกายออกจากตัวของคนที่รักเพื่อจัดการกับที่นอนที่เลอะเพราะความร้อนแรง..นนท์เดินปลีกไปล้างมือในห้องน้ำด้านนอกด้วยรอยยิ้มไม่แตกต่าง ..ถ้าลองก็ทำได้นี่หน่า..

“ .”

55555 หื่นแบบเล็กๆน้อยๆของพี่ต้นน่ารักมั้ยค่ะ

คงจะสงสัยกันละซิว่าคุณหนูของเราจะเสร็จพี่ต้นมั้ย พี่ต้นจะต้องรออีนานมั้ย หึ หึ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 28+29
« ตอบ #159 เมื่อ: 27-07-2009 21:09:03 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เอ่อ  :a5: แค่นี้   :เฮ้อ: เรื่องเรทแรงสุดคงได้แค่นี้เนอะ ทำจาย ทำจาย  :z3: :z3:

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
ดูจาลิมิตความหื่นของคนเขียน (หรอ) คงอีกไม่นานนนนี่เสร็จต้นแน่   :z2:

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
จามีตอนพิเศษอีกไหมคะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
 :laugh:

แอบขำอ่ะ ๆๆ

gboy

  • บุคคลทั่วไป
 o22
พี่ต้นแอบหื่นจิงๆ


wiwanana

  • บุคคลทั่วไป
อ่านรวดเดียวเลย

เรื่องนี้น่ารักมากมาย

รีบมาต่อตอนพิเศษเร็วๆน่ะคับ

Dangerous_patz

  • บุคคลทั่วไป
น่าร๊ากกกกก




มากมายยยย

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ อ่านรีที่ 161 แล้วไม่ต้องตกใจนะ แอดมินเขาไปแปะไว้ทุกทู้เลยจ้า

ไม่มีอะไรนะ แค่ประกาศให้รับทราบเฉยๆ  :L2:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน ความรักของเรา .. สละโสด 


“ ทำหน้าเป็นก้นไปได้ไอ้ลิง ไอ้คิงคอง ..ทำอย่างกับฉันจะฆ่าพวกแกงั้นแหละ แค่ชวนมาเที่ยวแค่นี้ทำไมต้องทำหน้าแย่ๆแบบนี้ด้วย มันเสียอารมณ์รู้ไหม...” นนท์โยนพวงกุญแจที่ติดกระเป๋าไปยังสองร่างที่มองเขาด้วยสายตาขุ่นๆ... แต่ชายหนุ่มไม่สนใจหรอกวันนี้เขาต้องสนุกให้เต็มที่สิ...

“ ขืนพี่ต้นรู้ ..ฉันได้โดนเนรเทศออกจากบ้านแน่ ไหนจะแม่อีก... ไอ้ป๋าแบนะป๋าแบทำอะไรไม่เคยนึกถึงจิตใจเพื่อนแกเลย ถ้าฉันถูกลงโทษแกจะมารับผิดชอบด้วยหรือไง..” กิ่งก่นบ่นอย่างเหนื่อยใจ เพราะรู้ว่าพูดไปนนท์ก็คงไม่ฟังหรอก...


“ โธ่..แค่วันเดียวฉันเคยมาที่แบบนี้หรือยังไง ขอลองสักครั้งเถอะวะ พอแต่งงานไปได้ถูกพี่ต้นคุมแน่ วันนี้ยังไงก็ต้องฉลอง...วันนี้โสด (ที่กำลังจะไม่โสด..) โว้ย..” นนท์บอกเสียงร่า แล้วยกเจ้าน้ำสีสวยโทนฟ้ากระแทกเข้าปากอย่างสนุกสนาน ..จังหวะดนตรีที่เริ่มมันทำให้อารมณ์เริ่มครึกครื้นมากยิ่งขึ้น



“ บ้าไปแล้ว..ว่าที่พี่สะใภ้แก.. ดูสิดู รับรองพี่แกได้ฉีกอกแน่กิ่งเอ๊ย..” แฟนหนุ่มหน้าหยกส่ายหน้าอย่างอ่อนใจไม่แพ้หญิงสาว แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ก็พ่อหน้าหวานเขายืนยันหนักแน่นว่าวันนี้เขาโสด


“ ทำไงได้วันนี้พี่ต้นเลิกงานดึก... เอ๋ฉันนึกออกแล้ว...” กิ่งเปรยเบาๆ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออก ..เจ้าหล่อนร่างบางรีบขอตัวปลีกออกจากคนที่นั่งอยู่ทันที.. แต่ก็พยักหน้าส่งให้แฟนหนุ่มนั่งเฝ้า.. เพราะเวลานี้หลายสายตากำลังจับจ้องมาตรงคนตัวขาว .. ราวกับจะกลืนจะกินงั้นแหละ...


หญิงสาวเดินเลี่ยงออกมาตรงหน้าร้านที่ไฟส่องสว่าง ..แล้วกดเบอร์หาพี่ชายที่เร่งรีบปิดต้นฉบับให้ทันก่อนวันแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า...


“ อืม..มีอะไรเหรอ...” น้ำเสียงเนือยๆที่ลอดผ่านมา พอจะทำให้หญิงสาวได้รับรู้ว่าพี่ชายเองก็เหนื่อยไม่แพ้กัน แต่ก็นั่นแหละ..ขืนเป็นอย่างนี้มันจะไม่ดีน่ะสิ


“ พี่ต้น..รู้ไหมตอนนี้กิ่งกำลังอยู่ที่ไหน..”


“ พี่จะไปรู้ได้ยังไง ว่าน้องกิ่งอยู่ที่ไหน ...แล้วโทรฯมามีอะไรหรือเปล่า พี่กำลังจะปิดต้นฉบับแล้วนะถ้าไม่มีพี่ขอวางก่อนได้ไหม..” ได้ยินคำพูดเช่นนั้นก็ทำให้น้องสาวคนสวยถึงกับหงิก.. ถ้าต้นมาเห็นกับตาคงเห็นกิริยาของคนตรงหน้าแล้วแหละ


“ ถ้าพี่ต้นยังอยากแต่งงานอยู่ก็หยุดทำงานก่อน ..พรุ่งนี้วันเสาร์ยังไงพี่ก็มีเวลาเคลียร์งานทั้งวันนะ..” เธอส่งคำขู่ลอดไป เพื่อหวังให้พี่ชายทบทวนบางสิ่งบางอย่างได้บ้าง..สังหรณ์ใจไว้ตั้งแต่ตอนที่นนท์แอบชวนออกมาแล้วเชียว ปกติคนหน้าหวานไม่ค่อยจะชอบอะไรพรรค์นี้.. แทบจะเรียกว่านนท์ไม่เคยเข้ามาในสถานที่แบบนี้เลยสักครั้ง ..



“ พูดอะไรนี่.. แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้าสาวของพี่ด้วยล่ะ..” งานในมือที่ใกล้จะเสร็จถูกวางลงอย่างรวดเร็ว ..แต่คำถามที่ส่งมาพร้อมสรรพนามที่เลือกใช้แทนตัวนนท์นี่สิ ทำให้กิ่งถึงกับปล่อยยิ้ม ..พูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำ ...



“ พี่ต้น..กิ่งถามจริงพี่ต้นไปทำอะไรให้นนท์มันโกรธหรือเปล่านี่... รู้ไหมว่าตอนนี้มันชวนกิ่งมาเที่ยวผับ ..แล้วหนุ่มๆโต๊ะข้างๆ มองจนแทบจะทะลุแล้ว ขืนยังบ้างานรับรองเจ้าสาวของพี่ได้กลายเป็นของคนอื่นแน่นอน ...” กิ่งรวบรวมความคิด แล้วค่อยๆใช้สติถามพี่ชายไป..แต่ปลายประโยคก็อดจะกระทบคนบ้างานไม่ได้จริงๆ...



“ เอ่อ..นึกไม่ออก ว่าแต่อยู่ไหนพี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้... ห้ามให้ใครทำอะไรเจ้าสาวพี่เด็ดขาด...ขืนเป็นอะไรไป เราได้เจอคดีสมรู้ร่วมคิดแน่..พี่จะให้แม่ลงโทษด้วย..” พี่ชายตัวสูงคว้ากระเป๋าเงิน ..ก่อนจะเอื้อมกดปิดไฟแล้วเดินอาดๆออกจากห้องไปพร้อมคำขู่...หญิงสาวบอกชื่อสถานที่ไป แล้วกลับไปนั่งเป็นเพื่อนกับต่อเฝ้านนท์ไว้ไม่วางตา ...



“ จะไปไหนเหรอคะคุณต้น ..” หญิงสาวร่างอวบ หัวหน้าฝ่ายขายเดินก้าวเข้ามาพร้อมถุงที่บรรจุอาหารสำหรับมื้อค่ำเอ่ยปากถามคนเร่งร้อน


“ ผมขอโทษด้วยนะ... ฝากบอกคุณหนึ่งด้วย ..ว่าฉบับนี้ผมมอบให้คุณหนึ่งปิด...” ชายหนุ่มหยุดเล็กน้อย แต่ท่าทีของเขาก็บอกเธอได้ชัดเจนว่ากำลังเร่งรีบ ..


“ อ๋อคะ... เอ่อใช่สิค่ะดิฉันลืมไปว่าตอนเย็นน้องนนท์ฝากโน้ตไว้ให้..แต่ดิฉันดันลืมบอกเพราะแกส่งให้ตอนที่เราสวนกันในลิฟต์น่ะค่ะ..” หญิงสาวเอ่ยอย่างนึกขึ้นแล้ว ..แล้วเดินไปวางข้าวของที่ซื้อมาก่อนจะเปิดกระเป๋าคว้าเจ้ากระดาษโน้ตสีฟ้าขาวที่ปิดผนึกด้วยสติกเกอร์สติชสีฟ้าวิบวับไว้ด้านบน..
.
“ ขอบคุณครับ..” ชายหนุ่มรับมาอย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยลาหัวหน้าฝ่ายขายเดินออกจากชั้นทำงานอย่างรวดเร็ว มีเพียงสายตาของความอ้างว้างมองตามร่างนั้นจดสุดปลายทาง... ไม่ว่าจะนานแค่ไหนต้นก็ไม่เคยเห็นเธอในสายตา .. หญิงสาวจึงเลือกจะไม่ไขว่คว้าเพราะแค่เห็นคนที่รักมีความสุขก็เพียงพอแล้ว..


ระหว่างทางที่ขับรถไปยังผับดังย่านทองหล่อ... ต้นก็แกะเจ้าโน้ตแผ่นนั้นออกขณะที่รถติดไฟแดง ...


“ นนท์เกลียดพี่ต้นแล้ว...” ต้นอ่านไปตามตัวอักษรที่เรียงรายกันเป็นระเบียบ ..พลางนึกถึงหน้าคนที่เขารักอย่างสงสัย ..เขาไปทำอะไรไว้นี่นนท์ถึงได้โกรธเขา แถมยังหนีไปเที่ยวผับกับน้องสาวคนสวยอีก... คิดไปคิดมาก็ต้องหยุดคิดเพราะแตรด้านหลังบีบไล่เขาแล้ว...




“ งอนอะไรพี่อีกนี่คุณหนู...”



ภายในร้านเริ่มคลาคล่ำไปด้วยบรรดาขาเที่ยว ... ซึ่งมีมากหน้าหลายตา ..และดูเหมือนโต๊ะของนนท์จะได้รับความสนใจไม่น้อย .. ทั้งสาวสวยผมยาว หนุ่มหล่อกล้ามโต แล้วจะเป็นหนุ่มน้อยหน้าสวย ..


สำหรับหญิงสาวนั้นถูกรังสีพิฆาตของเจ้าคิงคองกลายพันธ์แผ่ซ่านจนหลายสายตาต้องล่าถอย

แต่สำหรับคนหน้าสวยไม่มีใครเคียงข้าง ..หลายๆคนก็หวังจะเข้าใกล้ ..

“ นี่แกเลิกดื่มได้แล้ว ...เมามากไปมันไม่ดีรู้ไหม ขืนพี่ต้นรู้ว่าแกเมาได้โกรธแน่นอน..” กิ่งเอ่ยเตือนอย่างห่วงใย จำต้องยกเอาชื่อของอีกคนมาเป็นข้ออ้าง ... ไม่นึกว่านนท์จะเป็นไปได้ขนาดนี้ หญิงสาวเองก็ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง เลยสรุปอะไรไม่ได้.. รู้แต่เพียงว่านนท์ต้องมีเรื่องไม่สบายใจแน่นอน ไอ้ข้ออ้างเรื่องสละโสดแล้วต้องฉลองคงเป็นเพียงสิ่งที่ยกมาเท่านั้น ...



“ ก็บอกแล้วว่าฉลอง..ไงเล่า..บ่นมากจริงไอ้ลิง... ดูแลแฟนแกหน่อยดิวะไอ้คิงคอง..” นนท์ส่ายหน้าที่แดงก่ำเพราะฤทธิ์เหล้า ..แค่เจอเพียวดริ้งค์เข้าไปแค่สองแก้วก็กริ่มๆแล้ว... นนท์เมินหน้าไปอีกทางแล้วเดินตรงดิ่งลงไปกลางฟลอร์ของร้าน ซึ่งมีคนที่กำลังยืนเต้นอยู่อย่างมากมาย ..


“ ซวยแล้วพี่สะใภ้ฉัน...” กิ่งสบถพร้อมทั้งทะลึ่งกายขึ้นยืนหวังจะฝ่าเข้าไปในดง (ตีน..เฮ้ย ..) ทีนแต่ก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ เพราะมีกลุ่มคนสามสี่คนเต้นขวางอยู่... ร่างเล็กที่เพรียวบางดูเร่าเร้าอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งได้เหงื่อซึ่งพราวจากการเคลื่อนไหวชโลมใบหน้ายิ่งทำให้ดูเซ็กซี่เล็กๆ.. เรียวปากบางที่ชมพูอิ่มน่าสัมผัส สะโพกเนียนที่เคลื่อนไหวตามจังหวะเสียงเพลง ..ยิ่งสติที่ไม่อาจคงครองเตลิดไปขนาดนี้ยิ่งทำให้นนท์สนุกจนลืมฟ้าลืมตะวัน..


มือกร้านของใครบางคนวางจดลงบนเนินสะโพกแน่นอย่างจงใจ ...แต่นนท์ก็ไม่ได้ว่ากล่าวปล่อยให้คนที่เต้นข้างกายทำไปอย่างที่ต้องการ ...



“ พี่สะใภ้แกโดนลวนลามแล้ว...” ต่อร้องอย่างตกใจ ...รีบชี้นำสายตาของแฟนสาวให้หันมองไปทิศที่นนท์ยืนอยู่.. แต่สองคนจะทำอะไรได้ล่ะ ในเมื่อชายสามสี่คนที่เต้นดักหน้าดักหลัง ท่าทางจะรู้กันกับคนตัวสูงที่กำลังเต้นอยู่ข้างๆนนท์...


“ มาคนเดียวเหรอครับ...” เสียงนุ่มหล่อโน้มเข้าใกล้แล้วถามออกไปกับนนท์ที่กำลังเต้นอยู่...
“ เปล่า..” นนท์ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะขยับเข้าใกล้อีกคน เพราะเสียงเพลงที่ดังทำให้ฟังเสียงที่อีกคนพูดไม่ถนัดสักเท่าไหร่ ...


“ ว้า..เสียดายจัง ถ้ามาคนเดียวผมจะได้อาสาไปส่งคุณที่บ้านได้..” สายตาเจ้าเล่ห์ดูพราวระยับยามพูดกับคนหน้าสวยที่มีเหงื่อทาทับ ...

“ ถึงมากับคนอื่น แต่ถ้านนท์อยากให้คุณไปส่งก็เป็นไปได้อยู่แล้ว..” นนท์ยิ้มยั่วเบาๆ..ก่อนจะคล้องแขนเรียวไปโอบรอคอคนสูงกว่าไว้ .. ร่างกายอันนุ่มนวล กลิ่นหอมที่ผสมกลิ่นเหงื่อ.. ไหนจะวงหน้าขาวๆสวยๆ ดูจะทำให้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่หมายจะตะครุบเหยื่อดูตื่นเต้นไม่น้อย ..

“ ตัวคุณหอมจัง..”


“ เหรอ..นนท์ไม่ยักจะรู้เลย...” นนท์ยกคิ้วถามอย่างไม่สนใจอะไร



“ชื่อนนท์เหรอครับ ... ผมเคนนะ... ยินดีที่ได้รู้จัก...คนอะไรชื่อสวย แถมหน้ายังสวยอีก...” แค่คำพูดคำจาที่ออกมาก็บอกความช่ำชองเชี่ยวชาญของคนตัวสูงได้ดีไม่น้อย ... ถ้านนท์ไม่มีคนที่รักอยู่แล้วมีหวังต้องตกหลุมรักพ่อคนนี้ไปอีกคนแน่ๆ...



“ นนท์...” เสียงห้าวแข็งของใครบางคนทำให้ เจ้าร่างบางที่นึกสนุกอยากยั่วจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ต้องหันไปมองอย่างสงสัย .. และสิ่งที่พบคือว่าที่เจ้าบ่าวของเขา... ต้นในชุดทำงานที่หลุดลุ่ยเพราะรีบจัด..สีหน้าสีตาก็ชุ่มเหงื่อ อาการเร่งรีบแสดงออกอย่างชัดเจน ..


.
“ พี่ต้น..” นนท์เปรยเบาๆ.. แต่พอเห็นหน้าอีกฝ่ายก็กลับเมินแล้วหันไปสนใจคนที่เขาโอบลำคออยู่ ..อาการเมินเฉยไม่สนใจทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวถึงกับเดือดจัด ..เดินแหวกผู้คนเข้ามากระชากร่างที่กำลังนัวเนียกับใครคนอื่น



ท่ามกลางคนที่เบียดเสียด...แต่ต้นก็ดึงร่างของนนท์ให้ก้าวเข้ามาอยู่ในอ้อมอกเขาได้สำเร็จ ..เคนที่ยืนอยู่ใกล้ถึงกับหน้าขึ้นสีที่โดนกระชากคนที่หมายจะตะครุบไปต่อหน้าต่อตา


“ คุณทำอย่างนี้ได้อย่างไง ..คุณคนนี้เขากำลังคุยกับผมอยู่นะ...” เคนอ้างสิทธิ์ แต่ต้นก็กลับไม่สนใจอะไร ตอนนี้จ้องมองเจ้าเด็กขี้งอนที่อยู่ในอ้อมอกมากกว่า


“ ถ้าจะงอนจะโกรธพี่...ให้กลับบ้านก่อนแล้วจะยอมทุกอย่าง” ต้นบอกด้วยเสียงจริงจัง ..แววตาที่นิ่งงันทำให้นนท์ต้องยอมหยุดดิ้นและอยู่ในอ้อมกอดนั้นอย่างสงบ...

“ นี่คุณ..ยังคุยไม่รู้เรื่องเลย อย่ามาทำนิสัยเลวๆที่นี่นะ..” เคนตะโกนใส่อย่างไม่พอใจ ที่ต้นยังนิ่งและตั้งท่าจะพานนท์เดินออกไปโดยไม่สนคำทัดทานใดๆจากเขาเลย ..


“ ขอโทษนะครับ..แต่พอดีคนที่คุณกำลังจะยุ่ง เขาเป็นคนของผม...ในฐานะผู้ปกครอง ผมคงยอมไม่ได้ที่จะเห็นคนของตัวเองไปใกล้ชิดกับคนอื่นมากเกินไป..” ต้นตอบกลับอย่างใจเย็น และสุภาพ ด้วยภาวะที่เคยบีบคั้นมากต่อมากครั้ง ทำให้เขารู้จักใช้เหตุใช้ผลมากกว่าอารมณ์ ..และครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้จะไม่พอใจที่คนรักของเขาไปโอบกอดกับคนอื่น แต่เขาต้องยอมหยุดนิ่งก่อน..

“ กลับบ้านได้แล้ว..”


changasa@hotmail.com

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ค&#
«ตอบ #169 เมื่อ28-07-2009 21:28:47 »

 :z13:จิ้มก่อน ได้เปรียบ งิงิ จะแต่งงานกันแล้ว แต่มีปัญหากานอีก  เฮ้ออออ :เฮ้อ:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2009 21:36:25 โดย changasa@hotmai »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ค&#
« ตอบ #169 เมื่อ: 28-07-2009 21:28:47 »





LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
“ กลับบ้านได้แล้ว..”


ต้นโอบร่างที่บอบบางของว่าที่เจ้าสาวเดินออกมาจากแวดวงด้วยความใจเย็น ตอนนี้นนท์กำลังขุ่นหากเขายังร้อนเรื่องราวมันก็คงลุกลามไปใหญ่โต ... กิ่งและต่อที่ยืนมองเหตุการณ์รีบวิ่งเข้าไปสมทบตรงหน้าร้านเพื่อถามไถ่...

“ เรากลับกับคู่หมั้นเราล่ะกัน...พี่จะจัดการเอง...” ต้นบอก...พร้อมทั้งดึงร่างที่ยืนนิ่งไม่ยอมพูดยอมจาอะไรกับเขาให้เดินตามกลับไปที่รถ.. กิ่งได้แต่ส่ายหน้าให้อย่างปลงๆ.. แล้วหันไปมองแฟนหนุ่มที่แสดงสีหน้ากังวลไม่แพ้กัน



“ ปกติ..ป๋ามันไม่ค่อยงอนอย่างนี้นี่หว่า ..พี่แกต้องทำอะไรแน่เลยวะกิ่ง...” ต่อเสนอความคิดเห็นหลังจากที่ต้นพานนท์เดินห่างออกไปได้สักระยะ ...



“ เห็นด้วย ... ส่วนใหญ่นนท์มันอดทนเป็นเลิศ ขนาดรอพี่ต้นมาตั้งสองสามปียังอดทนได้ แต่เรื่องที่เกิดมันต้องไม่ใช่เล็กๆแน่ ... พี่ชายฉันก็เหลือเกินบ้างานจนลืมแฟน นี่ถ้าแกเป็นอย่างนี้นะไอ้ต่อ ฉันฆ่าแกแน่รับรองได้กลายเป็นศพ...” เสียงถอนใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นอย่างเหนื่อยหนัก แล้วคนผมยาวก็หันไปพูดกับต่อต่อแถมยังคาดโทษจน คนฉายาคิงคองถึงกับหน้าถอดสี..รายนี้ฤทธิ์แรงไม่แพ้กันเลย ..

.
“ รู้แล้วๆ.. กลับบ้านกัน..” ต่อดึงร่างที่ชี้นิ้วคาดโทษเขาเข้ามากอด แล้วเดินพากันไปยังมอเตอร์ไซค์คันเดิมที่ใช้ในการสัญจรไปมา ..กิ่งเองก็เรียนจบแล้ว ..หลังจากงานของพี่ชายก็จะถึงคิวเจ้าหล่อนกับแฟนหนุ่ม มันดีที่สุดแล้วสำหรับการเริ่มต้น เมื่อรักของทั้งสองมีความเข้าใจกัน มีความผูกพัน ..


แต่ใช่สิ..กิ่งลืมอะไรไปหรือเปล่า ..

...
..” ฮัลโหล ..แม่คะ...เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ตอนนี้พายุกำลังพาดผ่านบริเวณบ้าน กรุณาอยู่ในห้องห้ามออกมาเด็ดขาดนะคะ ..เพราะความรุนแรงของพายุอาจถึงขั้นถูกเนื้อต้องตัวลงโทษ..” หญิงสาวผมยาวกดโทรศัพท์ส่งรหัสพิศวงให้มารดาที่นั่งรอลูกๆหลานๆอยู่ตรงโซฟาห้องรับแขก



“ อะไร..อ๋อ..รับทราบ ว่าแต่ร้ายแรงมากเหรอ” ทีแรกที่ได้ยินประมุขบ้านวรโชติก็ถึงเอ๋อ แต่เมื่อฟังไปจนครบก็เริ่มจับทางและเข้าใจในสิ่งที่กิ่งพูด


“ น่าจะมาก..พี่ต้นหึงเว่อร์..”



“ จริงเหรอ..งั้นแม่รีบเข้าห้องนอนดีกว่า เดี๋ยวขัดจังหวะ...” คุณแก้วยิ้มรับแล้วรีบลุกขึ้นปิดโทรทัศน์ สาวเท้าเดินกลับเข้าห้องตัวเองไปอย่างสบายใจ ..เอาน่า .. ทะเลาะกันบ้างก็น่าจะดี.. เพราะกว่าจะดีต้องสรรหาวิธีมากมายมาง้องอน ..



ฝ่ายกิ่งก็บอกแฟนหนุ่มให้ขับรถกลับคอนโดฯของเขาไปเลย ..เพราะคืนนี้ไม่อยากจะขัดจังหวะพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้หน้าสวย ...ต่อพยักหน้ารับอย่างยินดี..แต่เขาเองก็ยังรักษาพรมแดนระหว่างทั้งสอง แม้จะหมั้นกันแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยคิดล่วงเกิน รอคอยเวลาที่เหมาะสมมันคงจะดีที่สุด...



ตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาภายในรถ..นนท์ก็นั่งนิ่งไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลยสักอย่าง ..จนต้นชักกังวลเพราะเขาไม่ชอบกิริยาที่เป็นอยู่เลย ..มันทำให้อึดอัดและทรมานไม่น้อย เขาอยากรู้ว่านนท์เป็นอะไร ทำไมถึงได้งอนเขามากมายขนาดนี้.. พยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ...



จนมาถึงบ้าน..นนท์ก็เปิดประตูลงแล้วเดินกระทืบเท้าตึงตังขึ้นห้องไปโดยไม่รอว่าที่สามีของตนเลยเล็กน้อย .. ต้นรีบปิดประตูบ้านลงกลอนแล้ววิ่งตามขึ้นไปอย่างไม่รอจังหวะ...



คิดทุกวิธีทางที่จะทำให้นนท์ยอมปริปาก แต่อีกคนก็ใจแข็งเกินไปสุดท้ายเลยต้องงัดวิธีเก่าขึ้นมาใช้... ร่างสูงเดินก้าวเข้ามาในห้องของเขาอย่างช่างใจ ..ยิ่งเห็นคนตัวบางไม่พูดไม่กล่าวเดินคว้าผ้าเช็ดตัวจะเข้าห้องน้ำหนีต้นเลยต้องหยุดร่างนั้นไว้ด้วยอ้อมกอด



“ จะไม่พูดกับพี่จริงๆเหรอคุณหนู..” ต้นถามเสียงอ่อนหยั่งเชิง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการเชิดหน้าที่หันมองไปทางอื่น .มันดูน่าหมั่นไส้จนชายหนุ่มนึกอย่างแกล้ง...เมื่อนนท์ไม่พูด ..ไม่บอก..เขาก็จะหาคำตอบจากร่างกายอีกฝ่ายแทน


“ ไม่พูดกับพี่ใช่ไหม..” ต้นขู่เบาๆ.. พร้อมริมฝีปากที่จดลงบนต้นคอขาว..ลิ้นเรียวลากไล่จากสันด้านบนมาตามแนวลำคอจนนนท์ขนลุกเกรียว ..พยายามยกมือขึ้นยันอกแกร่งให้ออกห่าง แต่ก็ทำได้ยากเพราะเขาสู้แรงพี่ต้นไม่ได้เลย


“ ปล่อยนนท์นะ...”



“ ไม่...กล้าดียังไงไปให้ผู้ชายคนอื่นแตะเนื้อตัว...กล้าดียังไงที่ไปใกล้ชิดกับคนอื่นแบบนั้น..” ต้นบอกเสียงเย็น จนนนท์แทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง ...ความว่างเปล่าในโทนเสียง ความนิ่งงันในดวงตามันน่ากลัวจนยากจะพูดจะเอ่ยสิ่งใดออกมา



.. เมื่อความเย็นนุ่มของลิ้นเรียวเลื่อนสัมผัสยอดอกสีสวย ..มันก็ทำให้นนท์ถึงกับสั่นเทาด้วยความหวั่น .. ทั้งหวั่นในสิ่งที่ใกล้จะเกิด ทั้งหวั่นในอารมณ์ที่จะพรึงเพลิดเตลิดไป...



“ ตอบพี่สิ...ว่างอนอะไร..” ต้นเอ่ยเสียงกระเส่า ..แล้วย่อตัวลงนั่งต่อหน้านนท์..มือแกร่งเอื้อมปลดกระดุมนั้นออกก่อนจะลงลิ้นไล่วนตรงเนื้อท้องแบนอย่างหยอกเย้า .. เจ้าของร่างที่โรยแรงเริ่มตั้งตัวไม่อยู่ยกมือขึ้นผลักศีรษะของพี่ต้นออกอย่างยากเย็น ..แม้จะพยายามมากมายแค่ไหนแต่เขาก็ไม่อาจทำมันได้สำเร็จ ..



“ เอาหัวออกไปนะ..อื้อ...พี่ต้น..ไอ้บ้า...” นนท์ครางเสียงรัว..เพราะลิ้นที่สัมผัสตรงหน้าท้องมันร้ายจนยากจะห้ามอารมณ์...ต้นไม่สนใจคำปราม..ดึงร่างที่โรยแรงจนล้มลงมานั่งตรงหน้าเขา...ชายหนุ่มวางร่างของนนท์ให้พิงผนังห้องด้านหลังอย่างอ่อนโยน แล้วก้มลงมอบสัมผัสที่ร้อนเร่าอีกครั้ง.


.
“ พี่ขอไม่ทนแล้วนะคุณหนู...” ต้นจ้องตาที่ปรืออ่อนของคนรักเล็กน้อย ..ปล่อยให้อารมณ์รักอยู่เหนือความรู้สึกทุกอย่าง ..มือหนาโน้มเข้าใกล้แล้วสัมผัสลงบนส่วนเร่าร้อนของนนท์อย่างจงใจ ..ทันทีที่โดนสัมผัสร่างบางก็สะดุ้งเฮือกเพราะเป็นครั้งแรกที่โดนคนอื่นแตะมัน..



“ อย่ากลัวเลยนะ...พี่จะค่อยๆทำ.” ต้นโน้มริมฝีปากเข้าใกล้นนท์แล้วจดลงบนใบหู..เลื่อนไล่ลิ้นเรียวามแนวคางอย่างใจเย็น..ค่อยๆปลุกเร้าให้นนท์ต้องการเขามากขึ้นแล้วมากขึ้น ...บางทีหากเขากับนนท์ได้ลองเดินผ่านจุดนี้ไป..นนท์อาจเข้าใจเขามากขึ้นก็ได้...



การเริ่มต้นในขั้นแรกจบลงเมื่อสองกายไร้สิ่งใดปกปิด..เรือนกายแกร่งของคนสูงกว่าดูจะคร้ามสีออกแทนตัดกับอีกฝ่ายที่ขาวผ่องราวกับมีแสงสะท้อนออกจากผิว... มันแนบชิดใกล้กันจนนนท์เริ่มหอบสั่น ..เพราะรับรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะก้าวผ่านมันคือด่านสัมผัสของการมีชีวิตคู่...


“ อื้อ...น....” นนท์สั่นสะท้านเมื่อเจ้าตัวการแทรกผ่านด่านพรมแดนของสัมพันธภาพ ...ต้นค่อยๆเคลื่อนมันเข้าไปด้วยความยากลำบากของอารมณ์..ดวงตาจับจ้องไปตรงหน้านวลของอีกคนที่เริ่มหายใจถี่หอบ ...เขาเลื่อนมือมาประคองใบหน้าที่เริ่มนองด้วยเหงื่อพราย ..น้ำตาเล็กน้อยเริ่มซับซึมตรงหางตาเรียวอย่างฝืนกลั้น


“ คุณหนู..”



“..อื้อ..” นนท์ลืมตาขึ้นมองคนที่ใกล้เขาทั้งร่างกายและหัวใจ ..เวลานี้นนท์ยอมให้ต้นได้พาเขาไปในสถานที่ที่แสนหวาดหวั่น ..เขาเชื่อมั่นว่ามือแกร่งจะไม่ปล่อยให้เขาต้องเดินไปเพียงลำพังแน่นอน .


..
“ โกรธอะไรพี่หือ... บอกพี่สิ.... ถ้าไม่พูดพี่ก็ไม่มีวันรู้หรอกนะ..” น้ำเสียงปลอบประโลม ดังขึ้นราวกับพูดกับเจ้าเด็กตัวน้อยๆ.. ดวงตาอ่อนใสมันบอกชัดว่าพี่ต้นแคร์ความรู้สึกของนนท์มากแค่ไหน ..



“ พี่ต้นใจร้าย...ฮือ..” ยามนึกถึงเรื่องที่ผ่านมามันก็ทำให้นนท์ลืมความเจ็บปวดทางร่างกาย กลับกลายเป็นความเจ็บปวดทางใจรื้นขึ้นมาเต็มหนัก จนทะลักออกเป็นสายน้ำตา



“ ร้องไห้ทำไม..บอกพี่สิว่าไอ้พี่ต้นมันทำอะไรคุณหนู..พี่จะไปจัดการมันให้..” ต้นถึงกับชะงักเมื่อเห็นคุณหนูของเขาร้องไห้ออกมา มือที่ประคองเอื้อมปาดมันเบาๆ..แล้วเอ่ยถามสำทับความอยากรู้ออกไปอีกหนึ่งครั้ง


“ พี่ต้นไม่รักนนท์เลยใช่ไหม...”




“ ใครบอก...พี่ต้นมันรักคุณหนูจะตาย ใครหน้าไหนมาบอกนี่...เดี๋ยวพี่จะเล่นงานมัน...” ต้นยิ้มให้เบาบาง เอ่ยบอกชัดเจนถึงความรู้สึกภายในใจของเขา ..


“ ก็..ฮือๆ..ก็พี่ต้นไม่สนใจนนท์นี่...พี่ต้นให้นนท์ไปรอที่ร้านตั้งนาน..พี่ต้นให้นนท์ ฮือ..ๆ เป็นคนบ้าไปนั่งรอที่ร้านตัดชุดแต่งงานคนเดียว ..นนท์เกลียดพี่ต้นแล้ว...” นนท์ทะลักหยาดน้ำตา พร้อมกำปั้นเรียวๆที่ทุบลงบนอกหนั่นหนาของคนรักอย่างระบายอารมณ์.. ต้นเบิกตาขึ้นมองอย่างนึกได้ ..เหตุผลแท้จริงที่ทำให้เขาโดนงอนคือการผิดนัดของเขานี่เอง ..



ต้นรีบเคลียร์งานเพราะอยากมีเวลาว่างกับนนท์มากๆ จนหลงลืมสิ่งสำคัญ ..




วันนี้เป็นวันลองชุด.

..แต่เขากลับปล่อยให้นนท์รอเก้อเพียงคนเดียว



..มันน่านักนะ.. ทั้งที่การแต่งงานคือสิ่งสำคัญ ..ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องทำเป็นคู่สิ... หากทำเดี่ยวมันจะเรียกว่างานแต่งงานได้เหรอ...



“ อย่าร้องนะคุณหนู...พี่ต้นมันแย่มากเลย... แต่ที่พี่ต้นมันลืมก็เพราะมันอยากอยู่คุณหนูนานๆรู้ไหม. ..พี่ต้นมันพยายามเคลียร์งานทั้งหมดให้เสร็จภายในวันนี้ ก็เพื่ออีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากวันนี้มันจะได้มีเวลาว่างจัดการเรื่องต่างๆพร้อมเราไงล่ะ..” ต้นอธิบายความจริงออกไป..


“ พี่ต้นพูดจริงเหรอ..” นนท์ลืมตาขึ้นมองภายในน้ำใสๆที่เริ่มคลอสั่น..แต่ครั้งนี้มันไม่ได้ออกมาจากความเสียใจ กลับกลายเป็นความตื้นตันที่รู้ว่าต้นพยายามเคลียร์งานหนักๆให้จบไปเพื่อได้มีเวลาว่างอยู่กับนนท์มากๆ...



“ จริงสิ...” ต้นยิ้มรับ...แล้วเริ่มขยับร่างที่เชื่อมต่อด้วยฐานอารมณ์ที่เต็มแน่นทั้งกระบวน .. มันเริ่มต้นเคลื่อนไปมาพร้อมความรู้สึกใหม่ในร่างของนนท์... จากความเจ็บที่คืบคลานก็แปรประสานซ่านลงในรูขุมขน ..มือเรียววางลงบนไหล่แน่นอย่างยึดเกาะ เพราะแรงของนนท์ชักจะหมดลงเรื่อยๆ ..ยิ่งต้นเคลื่อนมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งครางสั่นมากขึ้นเท่านั้น ..




ความรักที่นำทางคงจะดีที่สุดสำหรับคนสองคน ..แต่นั้นก็ต้องหมายถึงความมีเหตุมีผลมาคานรับ ..รักมิอาจนำเพียงหนึ่ง ยังต้องคงสติเพื่อช่วยประคับประครองให้มันเดินต่อไปได้...


ครั้งแรกของสัมผัส..



แม้จะไม่อ่อนหวานและโรแมนติก..แต่มันก็กลับทำให้สองคนเข้าใจกันมากขึ้นกว่าเก่า มันคงมีความรัก มันคงมีความสุข ..เพราะเมื่อใดที่ใจเบิกบาน สิ่งรอบข้างก็จะพลอยยิ้มรับกับเราไปด้วย ..


“ เป็นไงบ้าง..ยังเจ็บหรือเปล่า..” เสียงอ่อนโยนเอ่ยถามคนข้างกายอย่างห่วงใย ...



“ ไม่แล้วล่ะ..มันแปลกๆดี นนท์เพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด..” นนท์ส่ายหน้าไปมาดุ๊กดิ๊กดูน่ารักหน้าชัง ผมที่ส่ายไปมาตามแรงสั่นปะลงบนหน้าคนรักเล็กน้อย ...แต่ต้นก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับส่งยิ้มให้ด้วยความสุขที่เหลือบพราวอยู่ในใจ ..


“ ก็ดีแล้ว..วันหลังพี่จะได้ไม่ต้องเกร็ง..”



“ ไอ้พี่ต้นลามก...ให้นนท์ไปศึกษาหน่อยไม่ได้หรือไง นนท์จะได้เตรียมตัวถูกว่าต้องทำยังไงบ้าง..นนท์กลัวว่ามันจะไม่..คือมันทำให้พี่ไม่พอใจ...” นนท์ค้อนเล็กๆ ..เอ่ยบอกอีกหนึ่งสิ่งที่เขากลัวด้วยท่าทีอายๆ หน้าปลั่งเริ่มแดงเพราะเลือดที่สูบฉีดทั่วทั้งร่าง ...



“ ไม่ต้องหรอก..พี่จะสอนให้เอง...” ต้นยิ้มรับแล้วพลิกกายที่ชุ่มเหงื่อขึ้นคร่อมร่างของนนท์อีกครั้งอย่างเร็ว ... คนตัวสูงเสนอตัวเป็นอาจารย์สอนวิชา (บนเตียง) อย่างเต็มกำลัง ... ขืนใกล้กล้าต้นได้ฆ่าให้ตายเป็นศพแน่ กล้าดียังไม่ยุ่งกับน้องนนท์ของเขา



“ พี่ต้นลามก...”



“ ใครบอกว่าลามก..อยากรู้อะไรก็ถามพี่สิ..” นิ้วของคนตัวสูงยกขึ้นบีบจมูกชื้นเหงื่อของร่างด้านใต้เบาๆ..ยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้แล้วประกบกอดกับอีกร่างด้วยความเสน่หา .. การเคลื่อนไหวเริ่มต้นอีกครั้งด้วยความเข้าใจและสัมผัสที่มากขึ้น



นนท์จำต้องตกอยู่ในสภาพลูกศิษย์หน้าสวย ที่ถูกสอนบทเรียนโน้นนี่มากมาย จนร่างกายเหนื่อยอ่อนและสลบไปในรอบสุดท้ายของบทเรียน .. ต้นจ้องมองคนน่ารักด้วยแววตาขำๆ..




“สลบไปเลยเหรอคุณหนูของพี่...” ต้นขันเล็กๆในท่าทีนั้น.. ก่อนจะขยับกายจังหวะสุดท้ายสาดส่งความรักที่มากมายเข้าไปในกายที่เขาครอบครอง .


..จากนั้นก็ล้มลงทับอีกร่างเบาๆ.. ประคองกอดให้ขึ้นมาชิดอกเล็กน้อยก่อนจะพริ้มตาหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนมิแพ้กัน


..วันนี้เขาเล่นสอนกระบวนการแห่งความรักตั้งหลายบทมันเลยออกแรงมากไปหน่อย ...โชคดีนะที่เขาเลือกทำงานวันนี้จนเสร็จ ไม่งั้นพรุ่งนี้คงได้ละจากร่างที่แสนยั่วยวนไปแน่นอน ...
..
. ..
..


เฮ้อ...จบไปอีกตอนแล้วนะค่ะ สำหรับตอนนี้ลงไปเขินไปเลย ขนาดว่าอ่านไม่รู้กี่รอบแล้วนะเนี๊ยะ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :jul1: :jul1: และแล้ว   :-[ :-[

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
อ่านแล้วเขินเหมือนกัน

หวานซะ

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
เขินนะเนี่ย อิอิ

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
แอร๊กกกก

เขินโฮกกกกกกก  :z2:

gboy

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พี่ต้นผู้ช่ำชอง 555

ว่าแต่ผิดนัดไปลองชุดนี่น๊า พี่ต้นเอ้ย
นนท์ม่งอลก็ให้มันรู้ไปจิ่

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน ความลับของคุณหนู

..
. ..
..
พรุ่งนี้จะเป็นวันแต่งงานที่คนบ้านวรโชติรอคอย .


.คุณนันตีตั๋วบินตรงจากอเมริกาเพื่อมาร่วมงานเลี้ยงในคืนพรุ่งนี้โดยเฉพาะ.. สถานที่จัดเลี้ยงเป็นร้านอาหารสุดหรูใจกลางกรุงเทพฯ


แต่มันก็เป็นแค่การกินเลี้ยงธรรมดาในสายตาของคนทั่วไป.. จะพิเศษก็แค่จัดให้คนภายในรู้ว่าทั้งสองกำลังกลายเป็นทองแผ่นเดียวกัน ด้วยเพราะไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมากมาย วันนี้พวกผู้ใหญ่เลยออกไปซื้อของข้างนอกกัน



“ ได้ๆ.โอเคขอบคุณมากแล้วจะไปหานะ..” คนตัวบางรีบกดตัดสายทันทีที่เหลือบเห็นว่าที่สามีของตนเดินมา ..สายตาหลุกหลิกที่แสดงออกทำให้พี่ต้นเริ่มสังเกตเห็นท่าทาง..


“ เป็นอะไรไปหรือเปล่าคุณหนู..” พี่ต้นเอ่ยทักหยั่งความคิดของอีกคน ..




“ เปล้า..นนท์แค่ตื่นเต้น..เอ้อ..เดี๋ยวนนท์ไปข้างนอกนะ..” เสียงสูงที่ตอบรับทำให้ต้นชักเอะใจ ..เพราะวันนี้ดูคุณหนูของเขาจะแปลกไปอย่างมาก.. ปกติจะกล้าสบตา ตอบคำถามอย่างฉะฉานแต่ทำไมวันนี้ถึงได้มีอาการแปลกๆอย่างนี้ล่ะ...



“ จะไปไหน..” ต้นเอ่ยถามอย่างสงสัย..เขาอุตส่าห์เคลียร์งานจนมีวันว่างหลายวันติดต่อกัน แล้วนนท์จะออกไปไหนเหรอนี่



“ อ๋อคือ..คือ..เอ่อ..นนท์จะไปซื้อของ..” นนท์ชะงักเล็กน้อยราวกับเด็กๆที่ทำความผิด..แล้วรีบคว้ากระเป๋าเป้ใบโปรดเดินสาวเท้าออกจากห้องไปโดยทันที...




“ จะทำอะไรอีกนี่คุณหนู..” ต้นสบถกับตัวเองเบาๆ.. ยื่นครุ่นคิดอยู่เพียงครู่ก็คว้ากระเป๋าสตางค์เดินตามออกไปห่างๆ... ชายหนุ่มรอจนนนท์ขับรถออกไปได้สักระยะก็ขับรถของเขาตามออกไป.. เขามีสิทธิ์รู้ไม่ใช่เหรอว่าว่าที่เจ้าสาวของเขาจะไปไหน ..




พี่ต้นพยายามรักษาระยะห่างไม่ให้ไกลจากรถของนนท์มากนัก.. แต่จะให้ใกล้เกินไปก็คงสังเกตได้ง่าย..


เขาต้องรู้ให้ได้ว่านนท์กำลังจะไปที่ไหน..



เขาขับตามมาได้สักครึ่งชั่วโมงรถของนนท์ก็เริ่มชะลอความเร็ว แล้วตีกลับยูเทิร์นด้านหน้า... ชายหนุ่มรีบขับตามอย่างไม่รอให้เสียโอกาส ..สายตาคู่เดิมมองไปยังรถคันหน้าที่ห่างออกไปหลายสิบเมตรอย่างไม่คลาดสายตา เวลานี้มันกำลังเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถคอนโดแห่งหนึ่ง...


“ มาทำอะไรที่นี่นะ..” ต้นเปรยกับตัวเองอย่างสงสัย..แต่เท้าของเขาที่กำลังจะเดินตามก็กลับชะงักเมื่อเห็นใครบางคนเดินออกมารับนนท์ด้วยรอยยิ้มสุดกว้าง..



“ ไอ้นั่นนี่..” กำปั้นลุ่นหนักทุบลงบนพวงมาลัยรถอย่างเสียความรู้สึก.. หากตรงนั้นเป็นผู้ชายคนอื่นต้นอาจไม่เสียอารมณ์มากเท่านี้... แต่ที่เขาเห็นคือคนเดียวกับในผับคร่าวก่อน ..คนที่นนท์คล้องคอแล้วทำท่าราวกับจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ..



รถคันใหญ่หลบออกจากคอนโดฯไปด้วยใจที่สับสน..เวลานี้เขาโกรธ หน้ามืด แถมยังหึงเสียจนอยากจะระเบิดคนที่รักให้เป็นเสี่ยงๆ.. รอยยิ้มแสนกว้างที่ส่งกลับไปให้ผู้ชายคนนั้นไม่ต่างอะไรจากบาดแผลลึกที่กรีดลงในใจเขาไปเรื่อยๆ...


“ สวัสดีพี่เคน..” คนหน้าสวยยกมือไหว้ชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้า ... แล้วเดินกันเข้าไปภายในคอนโดฯสุดหรูของชายหนุ่ม ...ห้องของเคนอยู่ชั้นบนสุดเป็นชั้นที่ราคาแพงมากเพราะวิวด้านหลังติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา..( present สุดๆ Ivy River จับจองได้นะจ้า...เฮ้อ..) ยามค่ำคืนจึงเปรียบเหมือนสวรรค์ดีๆนี่เอง




“ มาแล้วเหรอพี่นนท์..” คนหน้าคุ้นอีกคนเดินออกมาเปิดประตูให้พร้อมทั้งยิ้มทักทาย ... แล้วทั้งสามก็เดินกลับเข้าไปภายในห้องสุดกว้างที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ล้ำสมัย แนวโล่งตา ..



“ ว่าไงตกลงเรื่องที่พี่ให้ช่วยไงบ้างอ่ะโดม..” นนท์หันไปให้ความสนใจกับรุ่นน้องข้างบ้าน ที่เวลานี้กำลังยิ้มแป้นแล้นส่งให้นนท์อย่างสุดแสน ..



“ นี่หนังสือนะ.. แล้วนี่ซีดีลองดูแล้วกัน โดมเอาที่มันง่ายๆมาให้ไม่รู้ว่าจะยังไงบ้าง ..” โดมยื่นถุงพลาสติกสีฟ้าใสที่บรรจุหนังสืออยู่สองสามเล่มกับซีดีอีกสามสี่แผ่น... นนท์ยื่นมือไปรับมาด้วยรอยยิ้มสุดกว้าง... รู้สึกดีใจยังกับได้ทองงั้นแหละ..



“ นี่ขนาดต้องลงทุนศึกษาเลยเหรอ..” เจ้าของห้องคิ้วเข้มเอ่ยถามอย่างงงๆ ในพฤติกรรมของคนหน้าสวย ตอนได้รู้จากโดมว่านนท์ต้องการความช่วยเหลือถึงกับหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง ไม่นึกเลยว่าคนหน้าสวยจะไร้ประสบการณ์ชีวิตขนาดนี้..


“ ใครจะไปโชกโชนเหมือนพี่ล่ะ..” โดมได้ทีค้อนเข้าให้..จนคนที่นั่งข้างกายถึงกับสะดุ้งหันหน้าไปยิ้มแป้นแล้นอ้อนอีกฝ่ายอย่างกับเด็กๆ ..ศีรษะทุยๆวางลงถูตรงซอกคอเจ้าเด็กข้างบ้านของนนท์ไปมา จนคนมองต้องหัวเราะขำอย่างห้ามไม่ได้...



“ แล้วโดมบอกน้าเดือนหรือยังนี่..” นนท์มองทั้งคู่อย่างหนักใจแทน ..ใช่ว่าทุกคู่จะโชคดีเช่นเขากับพี่ต้น ..เมื่อโลกแห่งความจริง การรักเพศเดียวกันยังเป็นเรื่องที่ถูกมองว่าผิด ทั้งที่ความจริงรักมันก็คือรัก..ใช่ว่ารักแบบชายหญิงจะจีรังยั่งยืนกว่ารักเพศเดียวกัน ...



“ ใกล้แล้วล่ะ..” โดมบอกไปอย่างกลัวๆ.. แม้ว่าเขากับเคนจะรู้จักกันได้เพียงอาทิตย์เดียว แต่บางสิ่งบางอย่างจากทั้งสองคนทำให้รู้ว่าอีกคนข้างกายคือคนที่ใช่ ..เพราะบางครั้งเราก็ไม่สามารถกำหนดได้หรอกว่าโชคชะตาจะพาให้พบกันตอนไหน ..



เคนยังจำได้ดีถึงเรื่องราวเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ..ตอนที่เขาขับรถไปหาน้องหน้าหวานในหมู่บ้าน..เพราะเคนจำได้ว่าต้นเคยลงนิตยสารฉบับหนึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ เลยออกหาที่อยู่จนได้มาในที่สุด ..แต่วันนั้นคงเป็นคราวเคราะห์ล่ะมั้งด้วยความดีใจมากที่จะได้เจอน้องหน้าสวย ..เลยขับรถไปหาทั้งที่ไม่รู้เส้นทาง วนซอยโน้น เลี้ยวซอยนี้อยู่เป็นชม.จนลืมดูเกน้ำมัน..




...สุดท้ายเลยต้องลงจากรถออกเดิน...



‘มีอะไรให้ช่วยไหมพี่...’ เด็กหนุ่มร่างบางแต่ไม่ได้บางเทียบเท่าน้องหน้าหวาน ..จอดจักรยานที่ปั่นผ่านมาแล้วถามอย่างมีน้ำใจ ...



‘ อ๋อ.คือพี่มาหาคนรู้จักครับแต่งงๆ...ขับรถไปมาน้ำมันก็หมด.’ เคนตอบไปพลางยกมือขึ้นเกาหัวแก้เขิน ปกติเขาไม่ใช่พวกกล้าวัน... ความกล้ามันมักปรากฏเฉพาะกลางคืน ... ได้เจอเด็กหนุ่มตรงหน้า
เลยชักเขิน เพราะความน่ารักน่าชังแทบจะวิ่งตามนนท์ได้..




‘ แล้วพี่จะไปบ้านไหนล่ะ เผื่อผมรู้จัก..’



‘ พี่จะไปบ้านวรโชติครับ..’ เคนตอบไปอย่างเก้ๆ กังๆ .พยายามวางเสียงให้เป็นปกติแต่ก็ทำได้ยาก




‘บ้านพี่ต้นเหรอ..งั้นขึ้นมาเลยเดี๋ยวผมไปส่งเอง ..บ้านผมอยู่ติดกับบ้านพี่ต้นเลย..แต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้มีใครอยู่บ้านหรือเปล่า’ โดมตอบเบาะด้านหลังตัวเองหนึ่งทีเรียกให้เคนขึ้นมานั่งซ้อนพร้อมทั้งเปรยบอกอย่างเป็นมิตร




คนตัวสูงชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็นั่งลงซ้อน ..คิดว่าโดมคงทานน้ำหนักเขาไหวนะ...


แม้ช่วงแรกที่ออกตัวจะเซตุปัดตุเป๋ไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ไปได้.. โดมปั่นไปเรื่อยๆด้วยความเร็วพอประมาณ แต่ระหว่างนั้นก็เริ่มมีเค้าฝนปรากฏ




“ เดี๋ยวเข้าบ้านผมก่อนล่ะกัน...ท่าทางพี่ต้นยังไม่กลับบ้าน..” โดมเสนอ เมื่อดวงตาเหลือบเห็นบ้านวรโชติไม่มีรถจอดอยู่สักคันเดียว ..และเป็นจังหวะที่ฝนสาดเทลงมาทันที..ชายหนุ่มรีบปั่นให้เร็วขึ้น.แต่สายฝนก็ชะล้างเทราวกับฟ้ารั่วจนสองคนเปียกปอนกันอย่างห้ามไม่ได้...



‘ โห่ฝนบ้าเอ๊ย...’ โดมสบถอย่างเซ็ง แล้วเดินไปหาเสื้อผ้าให้เคนเปลี่ยน ... จะเพราะอะไรก็ไม่รู้... อาจฝน อาจฟ้า หรืออาจจะเป็นบางสิ่งบางอย่าง ..ในจังหวะที่เคนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นั้นสายตาสองคู่ก็ประสานกันอย่างบังเอิญ เกิดความรู้สึกวูบๆวาบๆ..ยิ่งเคนได้รู้ว่าต้นกับนนท์จะแต่งงานกันเลยยิ่งวูบวาบเข้าไปใหญ่ สุดท้ายตอนเคนมาเยี่ยมนนท์เมื่อสามวันก่อนก็ทำให้ถึงกับงงที่ โดมตกลงเป็นแฟนกับคนตัวสูง ..



( สปาร์คกันยังไงไปจิ้นกันเองเน้อ..ฮ่าๆ..)


หลังจากได้อุปกรณ์ศึกษากลวิธีเรียบร้อย ..เจ้าคนหน้าสวยก็รีบขอตัวกลับบ้านไปฝึกวิชาโดยไว.. รถพี่ต้นยังคงจอดอยู่ที่เก่าโดยนนท์ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายได้ตามเขาออกไปตั้งแต่สี่ชั่วโมงก่อน .


.
นนท์เดินปลีกกายขึ้นไปบนห้องเดิมของเขา ... ที่ตอนนี้ใช้เก็บข้าวของและเสื้อผ้า... ปกตินนท์ก็ไม่ค่อยเข้ามาในห้องนี้สักเท่าไหร่ แต่วันนี้มีเรื่องด่วนสำคัญเลยต้องเข้ามา ..



มือเรียวกดเปิดเครื่องเล่น VCD โดยทันทีพร้อมทั้งวางแผ่นหนังที่ได้มาจากโดมและเคนอย่างไม่รอช้า..เพียงสามสี่วินาทีต่อภาพในจอก็ปรากฏสิ่งที่นนท์ต้องการเรียนรู้.. คนตัวบางเอื้อมมือหยิบผ้าห่มด้านหลังโดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครบางคนกำลังยืนจ้องเขาอยู่... นนท์ได้ผ้าห่มมาไว้ในมือก็ยกขึ้นคลุมอย่างรวดเร็ว ..


“ ไหนบอกว่ามีทฤษฏีนี่ไอ้โดมบ้า...มาถึงก็อ่าโจ๊ะๆกันเลย..” นนท์สบถอย่างเคืองๆ..โดยไม่รู้เลยว่าคนด้านหลังกำลังรอบอมยิ้มอย่างคลายกังวล ...




“ เอ่อ...” นนท์คว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้ตัวมากดต่อสายถึงใครบางคนทันทีที่ภาพเริ่มเลื่อนมาถึงบทสวาที่รุนแรงมากขึ้น ..ตอนนี้อารมณ์ไม่ได้กระเจิดกระเจิงสักนิด.. นนท์ยังสงสัยตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเวลามองผู้ชายคนอื่นเขาถึงไม่รู้สึกวูบวาบ ..เหมือนยามที่ได้เห็นเรือนกายที่แข็งแกร่งด้วยกล้ามเนื้อของพี่ต้น


“ โดมๆ...”


“ มีอะไรครับ...” โดมถามกลับมาอย่างฉงน


..
“ นี่..พี่ถามหน่อยสิปกตินี่โดมอยู่ข้างบนหรือว่าข้างล่างอ่ะ...” นนท์ถามไปอย่างใสซื่อ..แต่กลับทำให้คนข้างหลังเกือบหลุดหัวเราะ ดีนะที่ยกมือขึ้นอุดเสียงได้ทันไม่งั้นนนท์คงรู้แล้วล่ะว่าต้นกำลังมองเขาอยู่...



“ ก็พี่เคนชอบให้โดมอยู่ข้างล่าง ...” โดมตอบไปอย่างไม่มีกั๊ก..( อะไรฟะนี่น้องโดม ..รู้จักเขาแค่อาทิตย์เดียวแล้วไปยอมเหรอนี่...พี่เคนไวไฟจริงๆ..)



“ นี่ๆ..ถ้าพี่จะเปลี่ยนไปอยู่ข้างบน โดมว่าพี่ต้นจะยอมไหม..” นนท์เองก็ไม่ปิดบังอะไร ..ตั้งแต่เขาโทรฯไปปรึกษาเจ้าเด็กข้างบ้านหลังรู้ว่าโดมเป็นแฟนกับเคน ..โดมก็เหมือนศิราณีประจำตัวของนนท์โดยปริยาย ..



“ ไม่รู้สิ..พี่นนท์ต้องถามพี่ต้นเอง..”



“ โห..พี่อยากอยู่ข้างบนบ้างอ่ะ” นนท์งอแงราวกับเด็ก ... นี่ถ้าไม่ติดว่ายังต้องทำหน้าโหดแกล้งนนท์ที่ออกไปนอกบ้าน ..พี่ต้นคงกระโดดเข้าไปคว้าร่างว่าที่ภรรยาของเขาเข้ามากอดแล้วล่ะ...


“ โดมว่าจะบนจะล่างถ้ามีความสุขมันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ.”



“ จริงของโดม... แต่พี่ไม่เห็นหนังที่โดมให้มันจะสอนอะไรเลย ..เจอหน้ากับปุ๊บสปาเดเฮ้กันปั๊บ..อะไรนี่ ดูแล้วจะเป็นลม..” นนท์บ่นไปสายตาก็ยังจับจ้องการเคลื่อนไหวไว้ทุกเม็ดทุกหน่วย ...


“ ก็มันอย่างนี้แหละ..ก็พี่ดูไป แล้วค่อยๆศึกษาไปแล้วกัน..เดี๋ยวโดมต้องวางแล้วนะพี่เคนเรียกแล้ว..” โดมตอบรับพร้อมทั้งขอตัวจากพี่ชายข้างบ้าน .. นนท์จำใจต้องวางสายแล้วหันกลับไปหยิบหนังสือตรงชั้นปลายเท้า... หน้าปกของมันสามารถทำให้พี่ต้นยิ้มร่าได้อีกรอบ ..

ท่าทางว่าที่เจ้าสาวของเขาคงเตรียมข้อมูลไว้รับศึกแน่นอน ..

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
อ๋อ ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
เขิน

อ่านแล้วอมยิ้มอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด