~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH  (อ่าน 91198 ครั้ง)

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
« เมื่อ06-05-2009 09:34:36 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

สวัสดีค่ะ... ได้ตามอ่านเรื่องของคนอื่นมาเยอะแล้ว เลยอยากจะโพสบ้าง
เป็นนิยายนะค่ะเขียนโดย"น้องมีร์" เนื้อหามันน่ารักดีเลยอยากมาแบ่งปั้นให้คนอื่นได้อ่านบ้างค่ะ
โดยมีการเปลี่ยนชื่อตัวละครเล็กน้อยเพื่อความเหมาะสมค่ะ
น้องเค้าเขียนจบแล้ว จะทยอยลงให้นะค่ะ  ฝากฟิคเรื่องนี้ด้วยนะค่ะ


ขอยืนยันว่านิยายเรื่องนี้ได้รับอนุญาติจากผู้แต่งแล้วค่ะ

ตอนที่ 1

รักคือบางสิ่งที่ยากจะเข้าใจ คือความมหัศจรรย์ที่เข้ามาในชีวิต เมื่อได้รักจะได้รู้ถึงคุณค่าและความหมายของการมีลมหายใจ ...

คุณเชื่อในพรหมลิขิตหรือเปล่า..


เชื่อไม่เชื่อไม่รู้ล่ะ..แต่วันนี้บางสิ่งบางอย่างกำลังเกิดขึ้นในชีวิตอันแสนสดใสของใครบางคน ...

ต้น ยืนมองทะเลเบื้องหน้าด้วยความสับสนว้าวุ่นใจ ตอนนี้เหมือนข้างในมันกำลังจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ ความทุกข์ไหลมารวมกันที่เดียว เขาเจ็บหนักถึงขนาดร่ำว่าอยากตาย ยิ่งได้ฤทธิ์ของมารร้ายอย่างแอลกอฮอล์ที่โหมดื่มเข้าไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนยิ่งทำให้สติเขาเตลิด ภาพรอบกายหลากสีหลายแสง จนเขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ ฤทธิ์เหล้าและความเสียใจกำลังถาโถมเข้ามาอย่างหนักจนไม่สามารถควบคุมประสาทการรับรู้ของเขาไว้ได้

เท้าของชายหนุ่มสืบไปเบื้องหน้าเรื่อยๆ โดยไม่สนอะไรเลย ยิ่งเดินก็ยิ่งรุกล้ำเข้าสู่แผ่นน้ำ ท้องฟ้ามีเสียงหลัวระรัวลั่น ราวกับจะร้องห้ามไม่ให้ชายหนุ่มเดินต่อ แต่สติที่ขาดหายยากยิ่งจะกู้กลับคืน เขาหารู้หรอกว่าตอนนี้น้ำกำลังสูงเกือบถึงอกเขาแล้ว

นนท์ หยุดยืนตั้งแต่แรกที่เห็นเงาคนไหวๆ ในแผ่นน้ำก็นึกสังหรณ์ใจ ยามค่ำๆมืดๆเช่นนี้ใครกันล่ะจะมาเล่นน้ำทะเล ในใจก็พลอยคิดหวาดกลัวไปว่าภาพที่เห็นคือวิญญาณ ความตกใจระคนเสียวสันหลังวิ่งไหลไปมาทั้งร่าง อยากจะก้าวขาวิ่งออกไป แต่ก็ทำไม่ได้ ... มันเหมือนบีบบังคับให้คนร่างเพรียวลมต้องมองภาพของใครคนนั้นต่อไป แต่แล้วทุกความกลัวที่เคยเกาะกินหัวใจก็ถูกกระชากดึง เพราะภาพคนตรงหน้าที่เริ่มสำลักน้ำขาดอากาศหายใจ ..นั้นมันคนนี่หว่า

ร่างบางของคนเห็นเหตุการณ์กระโจนลงน้ำอย่างไม่รอช้า ทุกวินาทีที่เสียไปคือลมหายใจที่ลดน้อยลงทุกขณะ ชายหนุ่มเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายจากด้านหลังใช้แขนเรียวเล็กล็อคคอเขาไว้ ดีนะที่ยังพอจะจำบทเรียนสุขศึกษาชั้นป.ห้าได้ไม่เช่นนั้นไม่อยากคิดเลยว่าจะเป็นยังไง ..นนท์ใช้แรงที่มีทั้งหมดพาร่างนั้นขึ้นมาบนฝั่งอย่างทุลักทะเล ดีที่มีแรงหนุนจากน้ำทะเลเลยทำให้น้ำหนักค่อนข้างถ่ายเทไปได้มาก...

ชายหนุ่มผลักร่างของคนเกือบตายลงบนพื้นทรายข้างหน้า ส่วนเขาก็นั่งลงข้างๆอย่างเหนื่อยอ่อน ..โธ่ ..วันนี้เล่นบทพระเอก จนชุดที่ใส่มาเปียกปอนจนหมด ไหนจะแอฟโฟ่อีกล่ะ..ถูกน้ำคลอจนลีบน่าเกลียดเชียว ..


“ รูปร่างหน้าตาก็ดี การแต่งตัวก็โอเคทำไมคิดสั้นได้นะ ” เสียงพึมพำของคนหัวเคยฟู เหมือนเป็นตัวปลุกให้อีกคนพอจะมีสติเล็กๆขึ้นบ้าง ร่างนั้นสำลักน้ำออกมาเล็กน้อยก่อนจะพล่ามในบางสิ่งที่ทำให้นัทแทบอยากฉีกอกเขา


“ จะยุ่งทำไม คนเขาจะตายแล้วมายุ่งทำไม” เสียงเขาบอกชัดว่าฤทธิ์เหล้ายังครอบงำความคิดทั้งหมดไว้ สติจะพูดจะจาก็น้อยนิด


“ ไอ้บ้า ฉันอุตส่าห์ลงไปช่วยทำไมถึงพูดเช่นนี้” อารมณ์ของฮีโร่หมาดๆขาดผึงสายตามองจ้องอย่างเหลืออด นนท์ผลักร่างของคนที่นอนทอดกายข้างๆด้วยความไม่พอใจ ชายหนุ่มหันมองนนท์เล็กน้อยแล้วจับกายบางที่นั่งบ่นลงมานอนข้าง คนเกือบตายพลิกร่างของเขาขึ้นคร่อมนนท์ไว้ จ้องมองอย่างดีใจ


“ แพท ...แพท..กลับมาหาเราแล้วเหรอ” ชายหนุ่มเรียกเสียงเว้าวอน หรือเพราะชื่อนี้ที่ทำให้ชายหนุ่มขาดสติจนคิดฆ่าตัวตาย ภาพต้องหน้าเบลอมัวจนทำให้ชายหนุ่มเข้าใจไปว่าคนช่วยชีวิตแฟนสาวที่เพิ่งบอกเลิกเขาเมื่อชั่วโมงก่อน


“ ฉันไม่ใช่แพทของแกนะ…” นนท์บอกเสียงขุ่น จนเขาชะงักไปเล็กน้อยฉายแววเศร้าจับจ้องมายังร่างที่นอนติดพื้นทราย


มือที่ตั้งกำเป็นรูปหมายจะตีทุบให้อีกกายได้สติจำต้องลดลง เพราะสายตาแสนเศร้าที่ส่งกลับมา..ดวงตาคู่กลม หากมันร่าเริงคงน่ามองมากกว่านี้..


ในความงุนงงของโชคชะตา..ต้นโน้มหน้าลงหาอีกฝ่ายจบปากของทั้งสองชิดติดกัน..นนท์โกรธจัดที่ถูกกระทำเช่นนั้น รวบรวมแรงทั้งหมดผลักคนที่คร่อมอยู่ให้ล้มลง


“ ไอ้บ้า ฉันไม่ใช่แพทของแกนะ” คนตัวเล็กแผดเสียง พร้อมมือที่ฟาดออกไปเตือนสติ แม้จะรู้ว่าเขากำลังเศร้าแต่นนท์ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะนึกถึงเขาแล้วล่ะเมื่อถูกทำเช่นนี้ แรงที่ตบลงบนหน้าพอจะเรียกสติบางส่วนของชายหนุ่มให้กลับคืนมา เขาเริ่มมองหน้านนท์อย่างพิเคราะห์


“ เธอไม่ใช่แพทนี่”


“ ก็ใช่นะสิไอ้บ้า ฉันอุตส่าห์ลงทุนว่ายน้ำไปช่วยแต่ดูสิว่ามันคุ้มไหม คนบ้าอะไรนะเป็นผู้ชายเสียเปล่าทำไมขี้ใจน้อยอย่างกะผู้หญิง เคยคิดบ้างไหมว่าพ่อแม่จะรู้สึกยังไง ทำอะไรไม่มีสมอง” พูดจบก็ตบเขาไปอีกครั้ง


“ นี่สำหรับพ่อและแม่ของแก” ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอย่างไม่เข้าใจ นนท์มองตอบอย่างไม่กลัวเกรง คนหน้าหวานเสียพ่อไปตั้งแต่เด็ก ย่อมรู้ว่าการเสียคนที่เรารักไปมันทรมานมากแค่ไหน เขากล้าดียังไงที่จะทำร้ายตัวเองเช่นนี้



“ ฉันหวังว่า คงไม่คิดสั้นอีกจำไว้ชีวิตของเรามีอีกยาว อย่าคิดอะไรสั้นๆด้วยเรื่องเล็กน้อย” คนตัวบางตั้งท่าจะบอกลา นนท์ช่วยเขาได้มากที่สุดก็แค่นี้ ที่เหลือเขาต้องคิดเองแล้ว


“ เดี๋ยว” ชายหนุ่มดึงมือของนนท์ไว้


“ ทำไม” ตาคู่เรียวมองกลับอย่างสงสัย คนถูกตบยื่นมือใหญ่มาปัดไรแอฟโฟ่ที่ตกลงมาปรกหน้าขาวอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเขาต่างจากเมื่อครู่สิ้นเชิง เหมือนมันกำลังบอกอะไรบางอย่างกับนนท์


“ จะทำอะไร..” เจ้าของหน้าหวานถามเสียงอ่อนเพราะท่าทางของเขาเปลี่ยนไป แล้วคนที่นั่งตรงข้ามก็ถาเข้ามาใกล้นนท์อีกครั้งแล้วก้มลงจุมพิตเบาๆ ครั้งนี้มันนุ่มนวลและอ่อนหวานจนนนท์สัมผัสได้


“ ขอบคุณ” ปากที่ถอนออกขยับอีกครั้งเพื่อบอกคำนี้กับคนช่วยชีวิต นนท์ผลักร่างของเขาออกอย่างแรงแล้วรีบวิ่งจากไปด้วยความรู้สึกสับสน ... ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งชั่วโมงต้นยังมีความสุขที่ได้มาร่วมงานส่งท้ายอำลาของนักศึกษาที่จบการศึกษาทุกคนต่างยิ้มแย้มและมีความสุขอย่างมาก วันนี้เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะขอแฟนสาว แพทตี้ แต่งงาน
-
-
-
-
“ ได้ข่าวว่า เอกมันขอยัยจุ๋มแต่งงานแล้วว่ะ” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวขึ้น ประเด็นนี้กลายเป็นที่ฮือฮาอย่างมาก ไม่นึกว่าเพื่อนที่เรียนกันมาจะชิงแต่งงานไปก่อน คนที่มีความตั้งใจเลยเริ่มรู้สึกกล้าๆกลัวๆ ใจลนลานไปหมดจนไม่ได้ยินสิ่งที่เพื่อนเอ่ยถาม


“ เป็นไรไปว่ะ ต้น” เพื่อนอีกคนเข้ามาเขย่าร่างเรียกสติให้ชายหนุ่ม


“ อะไรเหรอ” เขาถามเสียงหลง เมื่อทุกสายตาจับจ้องมายังเขาเพียงผู้เดียว จีรนันท์แฟนสาวจึงเฉลยให้เขาหายสงสัย


“ เมื่อกี้นิลเขาถามว่าถ้าไม่ใช้แหวนจะใช้อะไรขอแต่งงาน” เสียงของเธอทำให้ใจเขาสั่นระรัวไปหมด ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกุมกล่องใส่สร้อยในกระเป๋ากางเกง


“ ต้นเหรอ......คงเป็นสร้อยมั้งดูดีเหมือนมีพันธะ” ชายหนุ่มแสร้งตอบติดตลก เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกแท้จริงในตอนนี้


“ จริงอย่างต้นมันว่า แสดงพันธะมีโซ่ล่ามคอ” คนอื่นต่างสนับสนุนความคิดของชายหนุ่ม หารู้ไม่ว่าเขาตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด กว่าจะปลีกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนได้ก็แทบแย่


“ เรามีอะไรจะบอก” ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน จนต่างฝ่ายต่างมองอย่างขันๆไม่นึกว่าทั้งสองจะใจตรงกันขนาดนี้ แต่มีบางสิ่งที่ต่าง แววตาของจีรนันท์ไม่ได้ฉายวาวแช่มชื่นเช่นเขาเลยสักนิด เธอกำลังมีเรื่องบางอย่างปิดบังเขาอยู่ วันนี้คือวันส่งท้ายเธอจึงอยากจะบอกเขา


“ งั้นแพทบอกก่อน” ชายหนุ่มเปิดโอกาส


“ ไม่ให้ต้นบอกก่อน” หญิงสาวเกี่ยงงอนเธอไม่กล้าจริงๆที่จะบอกเขาก่อน เพราะมันยากนักที่จะเอื้อนเอ่ยคำรำพันที่ทำร้ายใจอีกฝ่าย ชายหนุ่มจ้องมองอย่างสงสัยในที่สุดก็ให้บอกพร้อมๆกัน


“ หนี่ง สอง สาม” ชายหนุ่มบอกให้สัญญาณ


“ แต่งงานกันนะ/ เราเลิกกันเถอะ” สองประโยคออกจากปากคนสองคน แต่ความรู้สึกต่างขั้วกันสุดๆ ต่างคนต่างตะลึงกับสิ่งที่ได้ฟัง แพทเกิดความละอายขึ้นมาในทันที เธอทำร้ายเขาเข้าจนได้เธอบอกเลิกในวันที่เขาแสดงความจริงใจต่อเธอ


“ แพทต้องไปเมืองนอกเพื่อช่วยงานคุณพ่อ” หญิงสาวบอกเป็นประโยคส่งท้ายก่อนเดินจากไป เธอไม่อยากทนเห็นหน้าที่แสนเจ็บปวดของชายหนุ่มอีกแล้ว มันคงรบกวนใจเธอไปตลอดชีวิตแน่นอน


ภาพของคนรักที่ถูกเธอทำร้าย เหมือนเธอกำลังผลักเขาให้ตกลงไปในเหวลึก เหวที่ยากจะปีนกลับขึ้นมา
เหมือนมือของเธอหยิบใจเขาติดไปด้วย ร่างที่ยืนอยู่รู้สึกราวถูกเหวี่ยงออกไปในอวกาศไร้

น้ำหนัก ไร้ความรู้สึกลอยไปมาด้วยกระแสของสุญญากาศ ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งเช่นนั้นอยู่หลายนาที สุดท้ายความบอบช้ำเจ็บปวดก็ระบายออกด้วยการดื่มเหล้า เขาดื่มหนักจนทุกคนแปลกใจเพราะต้อลไม่ใช่พวกคอทองแดง ขาเมาสักหน่อย แต่วันนี้เขากลับดื่มเอาดื่มเอาราวกับเหล้าในแก้วคือน้ำเปล่า …..



เขาออกเดินไปเรื่อยๆ จนมาหยุดตรงทะเลข้างๆรีสอร์ต ในความคิดสับสนไปหมด
“ ทำไมวะ ทำไม” เขาตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง หัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่ปั้นมาหลายปีจบลงด้วยเพราะเหตุผลง่ายๆของแฟนสาว ...แพทตี้...
-
-
-
-
นนท์เดินกลับออกมาด้วยความเจ็บใจ ...สวรรค์ นะสวรรค์ ทำไมต้องให้น้อง เดย์ ดราวิโก ..เฮ้ย ไม่ใช่ น้องนนท์แอฟโฟ่ว์แมน เจอเรื่องอย่างนี้ด้วยล่ะ ...

มันเหมือนฟ้าแกล้ง สวรรค์สาป ถูกคนไม่รู้จักขโมยจูบแรกไป

แถมคนจูบยังเป็นผู้ชาย

“ ไอ้บ้าหน้ากบอย่าให้ฉันเจอแกอีกนะ..ฉันจะ...จูบแกคืน ..เฮ้ย บ้าๆ ...ฉันจะเตะแกต่างหากไอ้ทุเรศสิ้นคิด กล้าดียังไงมาขโมยจูบแรกแสนสำคัญของฉันไป ไม่ยอม..ๆ” นนท์รำพันอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ทำไมโชคชะตาถึงได้กลั่นแกล้งเขามากมายอย่างนี้ล่ะ...ฮือ ..อารมณ์ไม่ต่างจากนารินหลังจากเสียความบริสุทธิ์แรกให้กับคาวี
โธ่ ชีวิตฉัน..


“ เป็นอะไรไป นนนี่..” เสียงหวานใสจากใครบางคนดังขึ้น สลัดนนท์ให้ออกจากห้วงอารมณ์ฟุ้งซ่าน นนท์หันกลับไปมองหญิงสาวผมยาวดำสยายในชุดสีขาวอ่อน ...นานๆกิ่งจะแต่งตัวสวยขนาดนี้..ดูๆไปก็น่ารักเหมือนกัน แต่ก็ติดที่ตรงยัยคนผมยาวปากร้ายยิ่งกว่าอะไร ขืนนัทจับทำแฟนได้กลายเป็นเรื่อง..โธ่พ่อคุณแอฟโฟ่วจะจับเขาทำแฟน ถามเขาหรือยังว่าจะเอาตัวหรือเปล่า ...


“ เปล่าไม่มีอะไร แค่มาเดินหน้าตาดีริมหาดเท่านั้นเอง..” ความมั่นใจของพ่อหนุ่มดูจะเกินร้อย( ไปหรือเปล่า) เล่นพูดยืดอกเสียเต็มกระบวน ..ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม เชียว ..


“ แล้วเป็นอะไรหรือเปล่านี่” กิ่งส่ายหน้าให้กับความทะเล้นของเพื่อนเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถาม


“ อะไรเหรอ” นนท์ทำหน้าเหรอเข้าใส่


“ ดูตัวแกสิ ...แอฟโฟ่ว์ทรงใหม่เหรอย่ะ..ปรกเสียขนาดนั้น แล้วชุดก็เปียกปอน ทำอย่างกับไปฟัดกับใครกลางทะเลมางั้นแหละ...”


“ บ้าแกเหรอ ฉันจะไปฟัดใครกลางทะเล หน้าตาอย่างนี้ต้องชาเลอตัน ห้าดาวเท่านั้น ไม่มีทาง outdoor ริมหาดอย่างนี้หรอก มันไม่ได้อารมณ์..”


“ กล้าพูด...!!!! “


“ แล้วทำไม ก็คนมันมั่นใจนี่หว่า ไปดีกว่าไม่อยากคุยกับแกแล้ว คุยไปก็เข้าเนื้อฉันทุกอย่าง อารมณ์เสีย เบื่อคนเกือบสวย...” นนท์รีบหาทางชิ่ง ก่อนที่กิ่งจะได้สวนกลับ ...หญิงสาวได้แต่ยืนชี้นิ้วตามไป ผู้ชายอะไรปากร้ายเสียไม่มี มาว่ากิ่งว่าเกือบสวยได้ยังไง ไม่ย้อมไม่ยอม...


“ อย่าหนีนะไอ้ฟูจัง” คนสวยในชุดราตรีรีบวิ่งตามเพื่อนหนุ่มหน้าหวานแต่หัวแสนฟูทันที แต่วิ่งไปได้พักเดียวก็ต้องเลิกตาม เพราะนนท์นั้นวิ่งไวยังกับนักแข่งมาราธอน ..


“ เป็นอะไรไปกิ่ง..”


“ อ้าวไอ้ต่อ..”


“ เรียกแฟนแกอย่างนี้เหรอไอ้ลิง...” คนหน้าเหมือนคิงคองเอ่ยตอกกลับไป นนท์ กิ่ง และต่อ รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมต้น ดูจะสนิทสนมกลมเกลียวกันอย่างมาก โดยเฉพาะ คู่เพื่อนสนิทที่เพิ่งชิดใกล้แปรสถานะมาเป็นคนรู้ใจอย่างต่อและกิ่ง ...


“ อ้าวจะให้เรียกยังไงไอ้คิงคอง..”


“ เอ่อ..”


“ อย่ามาทำตูดลิงใส่ฉัน..รีบไปจับไอ้ฟูจังมาให้ฉันก่อน..”


“ อะไรเล่นเป็นเด็กๆอีกแล้ว...นนท์นี่นะ..เมื่อไหร่จะเปลี่ยนตัวเองเสียที..เฮ้ย...” ต่อส่ายหน้าเล็กน้อย ออกอาการหนักใจกับเพื่อนสนิทอีกคนของเขา


“ ทำไมวะ”


“ ก็ดูสิ...ผมแอฟโฟว์ฟูแนว แต่แต่งตัวหวานเว่อร์ มันเข้ากับบุคลิกไหม” ต่อเอ่ยเสียงลากยาน ..ก็จริงของเขา นนท์ทำตัวเป็นเด็กแน้วแนว แต่การแต่งตัวหลุดโลกมาก..ถึงมากที่สุด เสื้อเชิ้ตสีหวาน ..กางเกงขาเดปลายหวานเย็น โธ่ ไม่รู้เหมือนกันว่าแนวไหน แต่ความมั่นใจในตัวเองเป็นที่หนึ่ง..


คุณหนูนนท์หรือนายชญานนท์ ศิลปการ ทายาทเพียงคนเดียวของคุณนันทภัค ศิลปการ ...เฮ้อ...
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2010 11:40:48 โดย THIP »

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 1
«ตอบ #1 เมื่อ06-05-2009 16:00:58 »

แบบนี้ต้องบุพเพอาละวาดแล้วเนี่ย  :laugh:

อยากเห็น แอฟโฟว์ เวลาโดนน้ำฟีบๆๆ นึกภาพไม่ออกเลย

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 2
«ตอบ #2 เมื่อ06-05-2009 22:11:48 »

dahlia    คนโพสยังอยากเห็นเลย น้องมีร์ไม่มีรูปมาให้ จินตนาการไปก่อนละกัน หุ หุ


ตอน 2

สตรีวัยกลางคนที่อายุล่วงเข้าเลขห้าเห็นจะได้ เดินออกมาจากห้องบุตรชายด้วยความไม่สบอารมณ์ เช้านี้นางกะจะสดชื่นแจ่มใสกับวันใหม่เสียหน่อย ตอนแรกก็คิดจะตักบาตรเป็นสิริมงคลแต่พอได้รับรู้เรื่องบุตรชายคนโต ใจก็ขุ่นมัวจะทำบุญทำทานก็คงไม่เหมาะ เพราะใจไม่เป็นกุศลแล้ว


“ เป็นอะไรไปแม่ ทำหน้าบึ้งเชียว” บุตรสาวคนเล็กเดินลงมาติดๆ ก็เห็นท่าทางของคุณแก้วก็ออกปากถาม โดยปกตินางไม่ใช่พวกทำหน้าแบกโลกอมทุกข์อย่างนี้


“ น้องกิ่งตื่นแล้วเหรอลูก..ดูพี่เราสิ” คุณแก้วเริ่มเปรยอย่างอ่อนใจ ดวงตาที่ทอบอกชัดว่านางทั้งไม่พอใจระคนกังวล ผสมปนเปไปจนแยกไม่ได้


“ ทำไมเหรอคะ” กิ่งเดินเข้ามานั่งตรงข้ามมารดาแล้วถามอย่างสงสัย พี่ชายของเจ้าหล่อนไปทำอะไรผิดมาเหรอ คุณแก้วถึงได้แสดงอาการเช่นนี้


“ ก็ไปเมาแอ๋ที่ริมหาดนะสิ ดีนะที่เพื่อนเขาออกไปตามจนเจอ นี่ถ้าโดนน้ำซัดหายไปแม่จะทำยังไง” แม้คำที่นางใช้ดูจะประชดประชันไปสักหน่อยแต่กระแสสั่นในรอยเสียงบอกได้ดีว่านางเป็นห่วงลูกชายแค่ไหน คนเป็นแม่ร้อยทั้งร้อยก็รักก็ห่วงลูกทั้งนั้น


“ พี่ต้นเขาก็กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอคะ แม่อย่าเป็นกังวลเลยนะคิดมากตีนกาจะขึ้นเปล่า เดี๋ยวคอลลอเจนหลอดใหม่ที่เพิ่งซื้อมาจะใช้ไม่ได้ผลนะ” เพราะไม่อยากให้มารดาต้องจมอยู่กับความทุกข์ใจ หญิงสาวจึงรีบพูดเปลี่ยนประเด็นยกเหตุผลความสวยความงามมาอ้าง จนคนฟังต้องตกใจ นางรีบยกมือขึ้นทาบใบหน้าปรับอารมณ์ให้สงบ


“ พี่ต้นนะพี่ต้น ถ้าแม่ตีนกาขึ้นจะไปคิดบัญชีกับเขา ไอ้ลูกหน้ากบกล้าดียังไงมาทำให้ คนสวยอย่างแม่เครียด..รับไม่ได้” ฟังจากน้ำเสียงของนางก็ทำให้รู้ว่าความขุ่นมัวในใจได้หายออกไปแล้ว สรรพนามที่นางใช้เรียกลูกชายคนโตไม่ต่างจากที่กิ่งใช้เลยสักน้อย


“ แล้วเรื่องมหาวิทยาลัยล่ะ จะประกาศผลวันไหนแม่ลุ้นจนใจจะหายอยู่แล้ว” นางเปลี่ยนเรื่องทันทีที่ความกังวลลดหายไป เรื่องต่อไปคือเรื่องของลูกสาวคนเล็ก


“ อีกไม่นานหรอกค่ะ” ไม่นานหลังจากนั้นตัวการที่ทำให้มารดาต้องเป็นกังวลก็เดินลงมาด้วยอาการมึนๆ แต่ก็ดีขึ้นเยอะเขาเดินมานั่งเก้าอี้ใกล้ๆน้องสาว


“ วันนี้มีอะไรกินบ้างนะ”


“ เออใช่พี่ต้น..เรียนจบแล้วเมื่อไรจะมีหลานให้แม่หา ..อย่าปล่อยให้คนแก่รอนานนะ...”


“ แฟนผมเพิ่งบอกเลิกไปเมื่อวาน จะเอาใครมาอุ้มหลานให้แม่ละครับ..” คำพูดเย็นชาแต่ดูไม่ประสาอะไรกลับทำให้สองแม่ลูกต้องจ้องมองกันอย่างอึ้งๆ ตามแล้วพ่อลูกคนนี้ ปกติต้องตอกกลับมาด้วยเสียงร่าเริง แต่เช้านี้ เจ้าองค์ไหนลงประทับนี่ เย็นชาชะมัด ..


“ เออ..พูดเรื่องงานก็ได้ ตกลงพี่ต้นรับช่วงต่องานที่สำนักพิมพ์ใช่ไหมจ้า..”


“ ครับ..”
-
-
-
-
หลังจากจบการศึกษาต้นได้รับช่วงต่อสำนักพิมพ์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่พ่อและแม่สร้างขึ้นมาเมื่อสิบกว่าปีก่อน ครั้นเมื่อคุณชายชาติเสียชีวิตไป คุณแก้วจึงต้องรับหน้าที่บริหารทุกอย่างเอง กว่าสำนักพิมพ์จะก่อร่างสร้างตัวจนมั่นคงก็ใช้ความพยายามไม่น้อย เมื่อต้นเรียนจบนางจึงยกทุกอย่างให้เขาจัดการ


“ ตึกตรงข้ามของสำนักพิมพ์ มีคอนโดห้องหนึ่งที่แม่ซื้อไว้ถ้าวันไหนต้องอยู่ดึกก็พักที่นั่นนะ ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา” คุณแก้วที่นั่งจัดสูทตัวใหม่ให้ลูกชายเอ่ยขึ้น


“ เหรอครับ”


“ ไว้อาทิตย์หน้าแม่จะไปจัดการ เรื่องของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ให้ แล้วอย่าลืมล่ะว่าการเป็นเจ้านายคนอื่นต้องรู้จักการวางตัว อย่าอ่อนจนดูไร้สามารถ และอย่าแข็งจนดูกระด้าง” คำพร่ำสอนทุกคำนางบอกด้วยความรู้สึกและประสบการณ์ที่ผ่านมา


“ ครับแม่ แม่บอกผมเป็นครั้งที่สิบแล้วนะ” ชายหนุ่มรับสูทไปจากมือคุณแก้ว ก่อนจะเดินออกจากบ้าน ภาพของเขาในตอนนี้ไม่ต่างจากคุณชายชาติ วรโชติ เลยสักนิด ดูกระตือรือร้น แข็งขันและมั่นใจ ลูกของนางกำลังโตเป็นผู้ใหญ่ กำลังออกไปเผชิญความเป็นจริงของสังคม

แม้สำนักพิมพ์ธุรกิจของครอบครัวจะสร้างรายได้ค่อนข้างมากในแต่ละปี แต่บ้านวรโชติยังติดชีวิตที่เรียบง่ายและธรรมดา บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่นางซื้อไว้ตั้งแต่สิบกว่าปีก่อน และอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ตัวบ้านไม่ได้ใหญ่โตฟู่ฟ่า มีห้องสำหรับสมาชิกแต่ละคนในครอบครัวสามห้อง

และมีห้องนอนสำรองไว้เผื่อรับแขกอีกห้องหนึ่ง แต่ละสัปดาห์จะจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดสองครั้ง ส่วนงานบ้านที่เหลือก็จะช่วยกัน นางเชื่อว่าหากเลี้ยงลูกให้สุขสบายตั้งแต่เด็ก ต่อไปหากพวกเขาได้เจอความยากลำบากก็จะทนไม่ได้ และปรับตัวไม่ได้ ....


หลังจากลูกชายคนโตมีงานมีการทำเป็นหลักแหล่ง ลูกสาวคนเล็กอย่างกิ่งก็นำความยินดีมาสู่ที่บ้านอีกครั้ง เมื่อเธอสามารถสอบเข้าคณะที่ใฝ่ฝันได้สำเร็จ พร้อมเพื่อนสนิททั้งสอง


“ ในที่สุดคนหน้าตาดีก็ทำสำเร็จ ไม่นึกเลยว่าชีวิตของแบยองจุนสุดหล่ออย่างฉัน จะประสบความสำเร็จอย่างนี้” คำของชายหนุ่มเด็กแนว แต่กลับบ้าซี่รี่ย์เกาหลีขั้นหนักเอ่ยขึ้น จนเพื่อนสนิทอีกสองคนต้องหันมองเป็นตาเดียว


“ แบยองจุน ! กล้ามากนะ ..ดีเจเดย์...” และเป็นเจ้าลิงน้อยที่เอ่ยกัด ..


“ ดูแฟนแกดิไอ้ต่อ..ชิชะ..หน้าตาอย่างฉันต้องป๋าแบเท่านั้นคนอื่นไม่ได้..”


“ ก็ไม่เห็นว่าไอ้ลิงของฉันจะพูดผิดตรงไหนนี่ พี่เดย์ ดราวิโก” ต่อรับคำ พร้อมทั้งสำทับเรียกนนท์เช่นเดียวกับที่แฟนสาวปูทางไว้ก่อนหน้า ...


“ ตั้งแต่สารภาพรักกันนี่...ลืมหัวฉันไปเลยใช่ไหมไอ้คิงคองอเมซอน ..จำไม่ได้ใช่ไหมว่าใครที่มันแบกหัวฟูๆ ดราวิโกไปช่วยวางแผนให้แกสารภาพไอ้ลิงตรงหน้าแกได้สำเร็จ ลืมบุญคุณฉันแล้วใช่ไหมไอ้คิงคองอกตัญญูไม่รู้คุณคน..” ได้ทีเลยสวดยับสามกัณฑ์ติดต่อ


“ ขอโทษครับพี่แบ ...ผมขอโทษ ...” โธ่..ต่อเหรอจะกล้าลืมความดีความชอบที่นนท์มีต่อเขา ถ้าไม่ได้นนท์ ต่อคงกลายเป็นคิงคองอกแตกตาย ที่แอบรักกิ่งมากว่าหกปีเต็ม ..ทั้งหมดที่สำเร็จลุล่วงเพราะนนท์ช่วยเหลือ


“ ต่อแล้ว...พูดอย่างนี้สิ”


“ เอ่อ..ถือว่าเป็นวันของแกนะไอ้นนท์ ..ฉันว่าเราไปกินไอติมกันดีกว่าไหม อยากหาอะไรเย็นๆกระแทกปากเล่นๆ จากนั้นก็ไปดูหนังด้วยดีกว่า วันนี้มีเรื่องใหม่เข้านี่หน่า..” กิ่งจำต้องยอมเป็นเบ้ตามแฟนหนุ่ม ..เจ้าหล่อนเองก็แอบขอบคุณนนท์เหมือนกันที่ช่วยให้ต่อมาสารภาพหล่อนได้...กิ่งไม่ได้ต่างอะไรจากต่อเลย การแอบรักเพื่อนสนิท ..หากโชคดีคือการรักกันอย่างมั่นคง แต่โชคร้ายอาจเสียเพื่อนไปตลอดชีวิต


“ ครับผม..ไปกินไอติมกัน ..งั้นสเวนเซนล่ะกัน..อยู่ตรงหัวมุมนั่นไง” นนท์เสนอพร้อมลุกขึ้นจากโต๊ะนำไปยังร้านไอศกรีมตรงมุมของชั้นสาม ..ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งชุมนุมของเหล่าวัยรุ่นมากมาย ..

มีร้านอาหาร สำนักงาน รวมถึงร้านต่างๆซึ่งรวมอุปกรณ์ไว้ครบครัน


“ Earthquake Banana split super sundae รวมรส.”


“ ไอ้ฟูจัง...นี่แกจะถล่มสเวนเซนใช่ไหมสั่งอะไรของแกมากมายขนาดนั้น...” กิ่งถึงกับบ่น แค่รายการที่สั่งออกไป ก็ยาวจนแทบหมดลมหายใจ แล้วจะกินกันหมดไหมนี่


“ โธ่..กินๆไปเถอะยังไงก็มีเงินจ่ายอยู่แล้ว..วันนี้เป็นวันดีนะโว้ยพวกเราสามคนอุตส่าห์สอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันได้ต้องฉลองสิวะ...”


“ เอ่อ..ลืมไปว่ามากับคุณหนูตระกูลดัง...” คิงคองหน้าหยกแสร้งประชดเล็กๆ.. ศิลปการ ..เจ้าของธุรกิจรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา แต่ละปีมีเงินหมุนเวียนมากกว่าหมื่นล้าน ...


“ ไอติมมาแล้ว..” ไอศกรีมถ้วยใหญ่ ย้ำ ใหญ่จนน่าจะเรียกว่าถาดมากกว่าถ้วยถูกวางลงตรงหน้าทั้งสาม โต๊ะอื่นมีอันหันมองตามๆกัน อะไรจะเว่อร์ขนาดนี้..เหมาสเวนเซนส์เลยไหม ...


“ การเรียนอีกสี่ปีขอให้ทุกคนมีความสุขกันมากๆ” นนท์เอ่ยขึ้นด้วยเสียงร่าเริง พลางเบิกพิธีปักช้อนเรียวลงตักไอศกรีมสีสวยเข้าปากอย่างรวดเร็ว สองเพื่อนสนิททำตามอย่างขันๆ ..ดูๆไป มันก็น่ารักดี..ความสัมพันธ์ของทั้งสามนับจากนี้จะแนบแน่นมากกว่าเดิม แม้นนท์จะต้องเรียนแยกคณะจากสองเพื่อน เพราะคุณภาพของสมองที่ด้อยกว่ามาก...


ตั้งแต่ม.1 – ม 6 นนท์ก็ครองตำแหน่งห้องบ๊วยทุกปี ส่วนสองเพื่อนสนิทก็เรียนห้องเกรดเอ ตลอด ..
ต่อและกิ่งสอบได้คณะรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ส่วนนนท์สอบได้คณะการตลาด ..แต่เอาเถอะยังไงก็อยู่ที่เดียวกัน ...


ทานมาได้สักพัก ...กิ่งก็ขอตัวไปห้องน้ำ ทิ้งให้สองหนุ่มนั่งกันตามลำพัง


“ แกยังไม่เล่าเลยว่างานพรอมวันนั้น แกกับไอ้ลิงได้เต้นรำต่อกันไหมวะ”


“ ไม่บอกมันเป็นความลับโว้ย ..เรื่องอย่างนี้มันรู้กันสองคน ขืนไอ้กิ่งรู้ว่าฉันปริปากมันได้กระโดดงับหูขาดแน่นอนไม่ต้องสงสัย..” ต่อเอ่ยปัด ไม่ยอมบอก


“ นี่แหนะไอ้คิงคอง..” ไอศกรีมสีสดถูกปาดลงบนหน้าหยกขาวใส ...


“ ไอ้บ้า..” สงครามขนาดย่อมระหว่างทั้งสองเกิดขึ้น ..


“ เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ทำอะไรไม่เกรงใจสถานที่เลย” ชายหนุ่มในสูทสีเข้มกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ จนคนยืนข้างๆต้องหยุดมอง


“ ช่างเขาเถอะคุณต้นโลกเราเปลี่ยนไปจากเดิมไกลหลายขุมแล้วนะ ” หญิงสาวร่างอวบผมดัดลอนสีเหลือบแดงกล่าวขึ้น ปากสีหวานเผยความมีเสน่ห์ เย้ายวน ดวงหน้าของเธอดูกระจ่างจัดว่าดูดีไม่น้อย ยิ่งได้ชุดทำงานเรียบหรู บุคลิกผู้หญิงทำงานของเธอยิ่งโดดเด่นเฉิดฉาย


“ เข้าไปข้างในเถอะ เรานัดลูกค้าไว้นะ” นุ่นกล่าวเตือน ชายหนุ่มจึงได้สติแล้วเดินเข้าไปในร้านอาหารอย่างสงบ ในใจยังนึกภาพของสองคนที่เห็นหน้าร้าน เหมือนเขาคุ้นเคยกับพ่อผมแอฟโฟ่ว์อย่างบอกไม่ถูก ภาพของใครบางคนที่ฝ้ามัว ใครกันนะ...


“ เป็นอะไรไปคุณต้น” หญิงสาวเขย่าแขนเขาเล็กน้อย


“ เปล่าหรอก” เขาปฏิเสธไปเพราะไม่อยากให้เธอรู้ว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ หญิงสาวผู้จัดการฝ่ายโฆษณา เดินนำเข้าไปที่โต๊ะอาหาร นุ่นเป็นเพื่อนกับเขาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง พอจบก็ลองสมัครเข้าสำนักพิมพ์ที่คุณแก้วบริหารอยู่ เธอไม่เคยรู้เลยสักนิดว่าบ้านของเขามีธุรกิจสิ่งพิมพ์เครือใหญ่เช่นนี้ แม้จะไม่สนิทกันสักเท่าไหร่แต่เพราะการงานที่ต้องเจอะหน้ากันทุกวัน ทั้งสองจึงได้เริ่มคุ้นชินกันมากขึ้น


“ นี่คุณเพ็ญนภา เจ้าของแอด (Ads)โฆษณาที่สนใจติดต่อกับเรา” ผู้จัดการสาวผายมือแนะนำอีกฝ่ายให้เขารู้จัก ชายหนุ่มค้อมศีรษะเล็กน้อย..


ด้ายบางๆที่เชื่อมระหว่างคนสองคนเริ่มทำหน้าที่ของมันตามลิขิตแห่งพรหมแล้ว
จุดเริ่มต้นของบางสิ่งบางอย่างยากนักที่ใครจะอธิบาย ยากนักที่จะแจกแจงความถูกต้องเหมาะสม ฟ้าอาจนำพาคนเรามาเจอะเจอ แต่ไม่สามารถบังคับให้รักกัน ...


สงครามที่ร้านไอศกรีมระหว่างเพื่อนสนิทสองคนยังไม่จบ ..


“ เฮ้ย..” นนท์ร้องลั่นเมื่ออยู่ๆ ไอศกรีมชาเขียวก้อนใหญ่กระเด็นมาแหมะอยู่บนผมทรงฟู..


“ ไอ้คิงคองแกตาย...” นนท์ร้องจ๊าก....กับสิ่งที่เกิด เศษเสี้ยวที่ละลายเหนอะผมไหลย้อยมาตามทางสร้างความขบขันให้หลายคนในโต๊ะ


“ เฮ้ยทำไรกันวะ...ฟูจังทำไมแกเป็นอย่างนี้...” กิ่งที่เข้ามาห้ามถึงกับขำ แต่ก็ช่วยพานนท์ไปจัดแจงล้างเนื้อล้างตัวที่ห้องน้ำ...( ไอ้คิงคองหน้าหยกมันสมควรพาไปไม่ใช่เหรอ..) คนเข้าห้องน้ำถึงกับหน้าเหวอเมื่อเห็นกิ่งเข้ามายืนกำกับภายในห้องน้ำนั้น ..
-
-
-
-
ความรัก ความฝันและมิตรภาพระหว่างทั้งสามกำลังจะแนบแน่นเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเกินใจใครจะคาด...


เวลาในเทอมแรกผ่านไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความมั่นใจและนิสัยเฮฮานนท์กลายเป็นที่รักของเพื่อนๆแทบทุกคน ..โธ่พี่เดย์ ดราวิโกมาเองใครล่ะจะไม่รัก โดยเฉพาะการแต่งตัวที่ไม่เคยกริ่งฝนเกรงฟ้า ...ทำไปได้นะคนเรา


แต่จะให้เป็นที่รักยังไง หัวสมองอันล่าช้า ( อุ๊ว้าย มันแค่ในฟิคนะ เรื่องจริงนนนี่ของหนูเธอออกจะ จีนีอัส) ทำให้ผลคะแนนที่ปรากฏอยู่ในมือขณะนี้ ..ออกมา...


“ ตายแล้ว ..ลูกนนท์ได้ B มาด้วย ที่รักของแม่ทำไมเก่งอย่างนี้ล่ะลูก แม่ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าลูกของแม่จะได้ B โอ้สวรรค์มาโปรด..” เสียงแหลมหวานของหญิงวัยกลางคนร่างโปร่งเอ่ยขึ้น


“ ประโยคของแม่ฟังดูดีนะครับ แต่นนท์รู้สึกเหมือนแม่หลอกด่านนท์ว่าโง่เลยอ่ะ..ได้ b มาหนึ่งตัวที่เหลือ แมวบวก กะหมาพลัสนี่นะ...” พ่อคนหัวฟูที่ยิ้มแย้มตลอดคำของมารดามีอันสะดุดกึกก็อีตรง ..ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะได้เกรดดีๆมาก่อน ..โธ่แม่นันทำไมถึงทำกับนนท์อย่างนี้ล่ะครับ คุณแม่


“ เออ แล้วน้องกิ่งกับต่อละเป็นไงบ้าง ..” มารดาหน้าสวยเบี่ยงประเด็น เพราะไม่อยากตอกย้ำสถานะความช่ำชองของสมองอันน้อยนิด...


“ ไม่ต้องพูดถึงหรอกแม่ สองคนนั้นเขาลูกชายลูกสาว เซอร์ ไอแซค เอดิสัน เฉิน..ไม่ a ก็ต้อง b+ อัจฉริยะข้ามวันข้ามคืนขนาดนั้น...” นนท์เอ่ยขึ้น มันก็จริงอย่างเขาว่านั่นแหละสองเพื่อนสนิท...เก่งเว่อร์


“ คือลูกคะ...แม่ว่าชื่อที่ลูกพูดมันแปลกๆนะค้า ลูกหมายถึง เซอร์ ไอแซค นิวตัน ทอมัส อันวาร์เอดิสัน .ใช่ไหม ถ้าจำไม่ผิด เอดิฉัน เฉินนี่มัน...เอ่อ...ไม่พูดดีกว่าค่ะ เดี๋ยวแม่เจอข้อหาหมิ่นประมาท. ...แต่แม่ว่า..เอ่อ..เขาหล่อนะคะ แม่ยังมีคอลเลคชั่นเขาเลย ..” นางพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน ตายแล้วคุณนันนี่คุณเผยไต๋ขนาดนี้เลยเหรอ ...ที่แท้ที่นอนดึกๆเพราะแอบไปโหลดบิทเอดิสัน เฉินใช่ไหม...


“ เอ่อ..นนท์เบื่อแล้วแม่ ขอตัวไปข้างนอกดีกว่า อยากไปชอปให้หายเครียด ไปนะแม่..” คนหัวฟูเอ่ยขึ้นพร้อมร่างที่เดินลิ่วๆออกจากบ้าน แม่สาวใช้สองคนรีบวิ่งตาม ..วางรองเท้าผ้าใบเพ้นส์สีเขียวฟ้า ..กับกระเป๋าย่ามสะพายแนวผ้าบังสกุลเก่าเอามาใช้ใหม่ ..


“ ไปไหนครับคุณหนู..” พ่อฟูจังเดินก้าวเข้ามาในรถ..คนขับก็เอ่ยขึ้น ดู ...ดูการแต่งตัวของพ่อเจ้าพระคุณรุนช่องนี่สิ...ไม่เข้ากับ เมซิเดส เบนซ์คันหรูเลยสักนิด...แน้ว แนว นั่งเบนซ์ จะบ้าตาย ...เพี้ยนกว่านี้มีอีกไหม...


ศิลปการ...ชื่อนี้ใครบ้างจะกล้าไม่รู้จัก เจ้าของธุรกิจหมื่นล้านในสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในธุรกิจรายใหญ่ที่ทำให้ GNP ของประเทศแตะระดับอยู่ในแนวสูง...


กว่าจะได้ฤกษ์กลับก็ล่วงเลยเข้าสู่เวลาเย็น ชายหนุ่มผมฟูชุดสีหวานชมพูแจ๋...เดินก้าวเข้ามาอย่างสุขใจ ...ชีวิตดูจะมีความสุข ความสบาย น้อยครั้งที่จะเห็นนนท์ปริวิตก จิตแฟบ ...คุณนันถึงกับอ้าปากอึ้งเมื่อเห็นคนขับรถสูงวัย โงนข้าง เงนข้างเพราะถุงข้าวของที่เพิ่งชอปมาจากพารากอน ...ตายแล้วพ่อคุณ...
แน้วแนว เดินพารากอน จะบ้าตาย เขาให้คุณเขาเหรอคุณนนท์ฟู..


แต่เวลานี้คุณนันไม่มีกะจิตกะใจมาขำกับท่าทีเงิ่นงกของลุงคนขับหรอก..กำลังตกใจกับการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟื่อยของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนต่างหากล่ะ..


“ นี่จะเหมามาเปิดร้านเลยเหรอนี่”


“ นนท์ก็กะจะเปิดเหมือนกัน ..แต่เกรงใจแม่...แค่นี้อณูขนหน้าแข้งของแม่ไม่หลุดหรอกครับ นนท์ซื้อมาแค่ไม่กี่หมื่นเอง แม่จะบ่นไปทำไม..” คำตอบหน้าตาย ทำให้มารดาถึงกับเครียด ทำยังไงกับไอ้ลูกชายแสนเอาแต่ใจ แถมยังมั่นใจ ( ผิดๆ) ในตัวเองดีนะ...


“ นนท์ไปนอนดีกว่า...ใช้เงินแล้ว อดรีนา วิลเลี่ยมหลั่งดี..” พูดจบก็เดินอาดๆขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง โดยมีลุงคนขับเดินงกๆ ตามไป

แต่นนท์ค่ะ..นนท์กำลังจะบอกว่า อดรีนาลีนใช่ไหม...แล้วไอ้ที่พูดนี่หมายถึง ..ซาเรน่า วิลเลี่ยมใช่ไหม..พ่อคุณ ...จะพูดแต่ละที ต้องยกดิกชั่นนารี ฉบับแปลยังไงไม่ให้งงมากำกับ ....


“ เหนื่อยใจจริงๆ ไอ้ลูกคนนี้ พรุ่งนี้แกเจอดีแน่...รู้จักฉันน้อยเกินไปแล้ว ...ฉันนะอดีตตัวแม่บ้านเอเอฟคลาสการแสดงเชียวนะ..จะไปเป็นดาวโดดเด่นบนฟากฟ้า จะไปไขว่คว้าเอามาดังใจหวัง...” หญิงวัยกลางคนลุกขึ้นชูมือ สวมบทบาทหนึ่งในนักล่าฝันที่นางกำลังคลั่งไคล้ในชีซั่นล่าสุด...

เป็นเอามากทั้งแม่ทั้งลูก...ได้อีกๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2009 01:03:02 โดย LoveNineTeen »

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 2
«ตอบ #3 เมื่อ07-05-2009 00:10:13 »

คุงแม่คุงลูกคู่นี้ สุดยอดจริงๆๆ นับถือๆ

คนโพสต์ แปะได้ยาวสะใจมากเลย   :pig4:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 3
«ตอบ #4 เมื่อ07-05-2009 00:14:25 »

โฮ โฮ โฮ แอบเศร้า ทำไมไม่เมนต์กันเลย ไม่ชอบหรอค่ะ

ตอนแรกๆมันจะเรียบๆแต่ต่อไปสนุกนะค่ะ ชอบไม่ชอบเข้ามาบอกกันบ้างเน้อ


ตอนที่ 3

คิงคองหน้าหยก...ลืมตาขึ้นเพราะแสงแรกที่สาดก้าวเข้ามา ปลุกให้เขาต้องตื่นจากการหลับใหล..เขาเดินไปจัดการตัวเองอย่างไม่เร่งรีบ. ..ตอนออกจากห้องก็มีอันต้องชะงัก เมื่อเห็นร่างบางของคนผมยาวนอนหลับอุตุอยู่บนโซฟาหน้าทีวี

“ ลิงจ๋า...ตื่นได้แล้วมาทำอะไรแต่เช้านี่...” ต่อเอ่ยเรียก แต่กิ่งยังงัวเงียไม่ยอมตื่น พลางยกมือปาดน้ำลายที่ยืดออก ..ภาพพจน์คิดจะรักษากันบ้างไหม...

“ อย่ากวนดิวะ..”

“ รีบตื่นโว้ย..”

“ ไม่..” กิ่งตอบเสียงยานคาง แต่เสียงดังได้ไม่เท่าไหร่ก็มีหนึ่งเสียงร้องต่อขึ้นมาทันที..ก็ตอนนี้ร่างบางถูกเท้าแกร่งของใครบางคนดันให้หล่นตกเก้าอี้ไปแล้วนะสิ..( อิแฟนคู่นี้ SM ชัดๆ..)

“ ไอ้คิงคอง...แกกล้าถีบฉันเหรอ..”

“ แล้วทำไมไม่กล้าวะ..แกบอกเองว่าวันนี้จะมาตอนสายๆ แต่นี้มาตั้งแต่เช้าจะบ้าตายไม่เกรงใจเจ้าของห้องเลยหรือยังไง เห็นที่นี่เป็นโรงแรมสาธารณะเหรอจะมาก็มาจะไปก็ไป ห้องฉันเป็นห้องส่วนตัวนะโว้ยไม่ใช่ที่ที่ใครจะเข้าออกง่ายๆ...” คำบ่นยาวเหยียดดังขึ้น เพิ่มระดับความโกรธ..ไอ้ต่อนะไอ้ต่อ แกเล่นแรงไปแล้ว

“ เออ..แล้วฉันเป็นใคร..”

“ ก็แฟนฉันไง ประสาทเหรอ ..สมองเสื่อมใช่ไหม” ต่อตอบอีกครั้ง หารู้เลยว่าการแสร้งแกล้งเย้าแฟนสาวจะทำให้ชะตาร้ายตกมากลับเขา เพราะทันทีที่เขาพูดจบประโยค แม่คนตัวบางก็กระโดดมายืนจังก้าบนโซฟา พลางฟาดมือเรียวไปหลังศีรษะ พ่อคนมุกมากจนหัวหัน

“ ทำไรวะ..เจ็บนะโว้ย..”

“ เหรอ...รู้งี้ฉันไม่มาก็ดี มาถึงก็เจอพวกผีเจาะปากร่ายยาว แกล้งแล้ว แกล้งอีก นี่โดนแค่มือยังเบาะๆ ถ้ายังกล้าแหยม เจอเท้าแน่ไอ้คิงคอง..”

“ ครับผม..ผมขอโทษ..” เห็นสายตาขึงขังก็อดจะสำนึกผิดไม่ได้ แต่จังหวะที่แฟนสาวเผลอ ก็แอบคว้าร่างนั้นมากอดไว้..พลางกดแต้มริมฝีปากบนแก้มเนียนอย่างแกล้งๆ..

“ กล้าดียังไงตบหัวว่าที่สามี..รอให้จบปีสี่ก่อนเถอะ..แกได้นอนร้างอยู่เตียงแน่ ว่าที่ภรรยา..” ต่อเอ่ยขึ้นหลังหอมจบรีบแจ้นหนีเข้าไปในห้องนอนทันที...เขารู้ดีว่าขีดความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองควรอยู่ตรงไหน ..ต่อจะรอเมื่อทุกอย่างเข้าที่ รอให้มันถูกต้อง ขอแค่ทุกวันได้อยู๋ด้วยกันก็พอใจแล้ว

“ ไอ้คิงคองบ้า...หอมมาได้....หน้าเปียกหมดแล้ว..ฟีลไม่ต่างจากโดน น้องหมาเลียหน้าเลย” กิ่งยิ้มเขินกับตัวเอง พูดกลบเกลื่อน.....
( เป็นอันว่าป่วงกันทุกคู่ จะมีก็แค่พี่ต้นหน้ายุ่งเท่านั้นแหละที่นิ่งสุดแล้ว...)



เช้าวันนี้บ้านศิลปการดำเนินไปอย่างปกติ คุณหนูของบ้านลงมาทานข้าวสาย เกือบเที่ยงเพราะเมื่อคืนดูโทรทัศน์ดึกไปหน่อย คุณนันทภัคเหลือบมองลูกชายเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปทานอาหารเที่ยงต่อ

“ อรุณสวัสดิ์ครับ” ชายหนุ่มหัวฟูในชุดนอนลายโดเรมอน..กล่าวทัก พร้อมทั้งเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ คุณนันทภัควางหนังสือพิมพ์ในมือลง แล้วมองลูกชายสุดที่รักตรงๆ

“ นี่มันสิบเอ็ดครึ่งแล้ว เขาไม่เรียกว่าอรุณสวัสดิ์หรอกนะ” นางบอกเสียงเข้ม แต่พ่อคนตื่นสายก็ยังตีหน้าตายบอกกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ อะไรแม่..ถ้าไม่พูดว่าอรุณสวัสดิ์ งั้นเปลี่ยนเป็นสวัสดีตอนสายๆใกล้เที่ยงก็ได้ครับ”

“ ช่างเถอะ...” นางตัดบทแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ในมือขึ้นมาอ่านต่อ พูดไปก็เท่านั้นรู้ทั้งรู้ว่า พ่อลูกชายนั้นหลบหลีกเก่งแค่ไหน ..

“ คุณคะ มีโทรศัพท์มาจากอเมริกาค่ะ” นงคราญแม่บ้านร่างอวบรีบบอกเสียงนุ่ม คุณนันจึงได้เดินไปรับโทรศัพท์ที่อยู่ใกล้ๆด้วยตัวเอง

“ ใครโทรฯมานะ” นางเปรยเล็กน้อยก่อนจะยกหูขึ้น เวลาเพียงไม่นานหลังจากนั้น ..ฟูจังที่นั่งทานอาหารอยู่ก็ได้ยินเสียงเอะอะจากแม่บ้านนงคราญ

“ คุณนันเป็นลมค่ะ” เสียงสั่นบอกไม่ค่อยได้ศัพท์สักเท่าไหร่ แต่ความดังก็ดึงให้คนนั่งทานอาหารต้องลุกมาดู และต้องตกใจอย่างมากเมื่อเห็นว่ามารดาเป็นลมล้มพับไป ชายหนุ่มรีบโทรฯตามรถพยาบาลอย่างเร่งรีบ กลัวว่ามารดาจะเป็นอะไรไป...


ณ ..โรงพยาบาล...


“ อาการไม่น่าเป็นห่วงอะไรนะครับ คนไข้แค่เป็นลมไปเฉยๆ ให้นอนพักสักหน่อยก็หายดีแล้วล่ะครับ” นายแพทย์เจ้าของไข้ช่วยคลายความกังวลให้กับคนที่เฝ้ารออยู่ข้างๆเตียง

“ ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ”

“ ไม่เป็นไรครับ” หลังจากนายแพทย์เดินออกไป คนหัวฟูชุดโดเรมอนก็เดินมาหยุดข้างเตียงที่มารดานอนหลับอยู่..หน้าของนางดูซีดจนนนท์รู้สึกหวั่น ..เขาเฝ้ารออยู่จนคุณนันฟื้นคืนสติ .
.
“ แม่ๆ เป็นไงบ้างนนท์ตกใจแทบแย่นึกว่าแม่จะเป็นอะไรไปเสียอีก”

“ ไม่เป็นไรหรอก แต่..” ท้ายประโยครอยน้ำตาก็รื้อมาคลอเต็มหน่วย น้ำที่ไหลมาคลอมีมากจนนางกลั้นไม่ไหวต้องปล่อยให้ไหลออกมาเป็นสาย

“ มีอะไรเหรอ ทำไมแม่ต้องร้องไห้ด้วยเกิดอะไรขึ้นเหรอ” นนท์รีบถาม เกิดมาไม่เคยเห็นคุณนันทภัคร้องไห้เลยสักครั้ง ...เรื่องที่ได้ทราบจากโทรศัพท์คงร้ายแรงไม่น้อย

“ เรากำลังจะหมดสิ้นทุกอย่าง” ยากนักที่คำจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้ นางใช้ความพยายามเท่าที่มีรวบรวบคำพูดออกมา

“ แม่หมายถึงอะไร”

“ คนที่อเมริกาโทรมาบอกว่า บริษัทของเราถูกโกงและกำลังจะถูกฟ้องล้มละลายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้” ในที่สุดความจริงก็หลุดออกจากปากนางจนได้ อะไรกันนี่บริษัทที่ถือว่ามีความมั่นคงอย่างมาก กำลังจะถูกฟ้องล้มละลายเหรอ ใครฟังก็คงต้องตกใจตามๆกัน

“ อะไรนะแม่” มือที่กุมอยู่ปล่อยลงทันที เหมือนมีอะไรแข็งๆฟาดลงมาที่ตัวนนท์อย่างแรง รวดเร็วและหนักหน่วงเกินกว่าจะรับได้ ชีวิตอันแสนสุขบนกองเงินกองทองกำลังโรยราไปอย่างรวดเร็ว ...


หลังจากวันนั้นคุณนันทภัคก็ออกจากโรงพยาบาลเพื่อมาพักฟื้นที่บ้าน อีกไม่นานบ้านหลังนี้จะไม่ใช่ของศิลปการอีกแล้ว

...ความกังวลมากมายตกอยู่กับกายคนวัยกลางคน

.. ที่สำคัญคนของบริษัทที่อเมริกาก็เร่งวันเร่งคืนให้คุณนันทภัคเดินทางไปเพื่อจัดการปัญหาทุกอย่าง เจ้าของบริษัทต้องรับผิดชอบในทุกอย่างที่เกิดขึ้น ยากนักที่จะเลี่ยงพ้น

ในที่สุดประมุขของบ้านก็คิดออก นางได้ติดต่อไปยังบ้านของเพื่อนสนิทเพื่อฝากฝังลูกชายสุดที่รักไว้

“ นนท์ไม่ยอม ทำไมแม่ไม่ให้นนท์ไปอเมริกาด้วยล่ะ มีปัญหาเราก็ต้องเผชิญด้วยกันสิแม่คิดเหรอว่านนท์จะสบายใจเหรอที่เห็นแม่ต้องไปรับผิดชอบเพียงคนเดียว”

“ ฟังแม่นะนนท์ ตอนนี้ลูกสามารถเข้ามหาวิทยาลัยในฝันได้แล้ว อีกอย่างก็กำลังจะเปิดสองเทอมแล้วลูกต้องอยู่ที่นี่เพื่อเรียนให้จบ คนไม่มีความรู้ไม่มีวันประสบความสำเร็จหรอกนะ” นางกล่อมลูกชายต่อ

“ แต่....”

“ ที่แม่ให้เราไปอยู่บ้านน้าแก้วเพราะน้าแก้วสนิทกับแม่มาก อีกอย่างน้องกิ่งกับลูกก็สนิทกันไม่ใช่เหรอ ให้ลูกไปอยู่ที่นั่นแม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องที่เหลือแม่จัดการเอง” คนเป็นแม่ให้เหตุผล

“ แต่...”

“ เชื่อแม่สิ ทุกอย่างมันต้องผ่านไปได้ ลูกไปอยู่บ้านน้าแก้วแล้ว ลูกเองก็ต้องรู้จักปรับตัวนะ อะไรที่ทำเองได้ก็ทำ จะทำตัวเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วบ้านเราไม่ได้มีเงินเช่นเมื่อก่อนแล้ว” คิดไปเสียงของนางก็เริ่มเศร้าลง จนคนฟังก็พลอยเสียใจไปด้วยสองแม่ลูกนั่งเช็ดน้ำตาให้กันและกัน

อีกไม่กี่วันข้างหน้าคุณนันทภัคก็ต้องเดินทางไปอเมริกาเพื่อจัดการปัญหาทุกอย่างที่ค้างคาผลจะแพ้หรือชนะนางก็พร้อมจะยอมรับ
.

.ในที่สุดวันที่นนท์กลัวก็เดินทางมาถึง..


“ ฉันต้องฝากนนท์ด้วยนะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดเธอก็ดุก็เตือนได้เลยไม่ต้องเกรงใจล่ะ” นางกำลังฝากฝังลูกชายไว้ ยิ่งพูดคนเป็นแม่ก็เหมือนจะเสียใจไม่น้อย

“ โธ่ เธอกับฉันรู้จักกันมากี่ปีแล้วลูกของเธอก็เหมือนลูกของฉันนั่นแหละ แล้วดูสินนท์ออกจะน่ารักขนาดนี้มีหรือฉันจะไม่รัก อีกอย่างสมัยก่อนนนท์ก็มานอนกับน้องกิ่งตั้งหลายครั้ง ฉันยังแอบเสียใจเลยตอนที่เธอย้ายบ้านอยู่เลย” ภาพเก่าสมัยวันวานกลับย้อนเข้ามาในความทรงจำของทั้งสอง ( แต่แม่แก้วจ้า ..ที่บอกว่านนนี่ออกจะน่ารัก หนูแอบเห็นแม่กัดฟันอยู่นะจ้า..)

“ น้านันไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ อยู่ที่นี่ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ดีเสียอีกหนูจะได้มีเพื่อนไปมหาวิทยาลัยพร้อมกัน เวลามีอะไรก็จะได้ปรึกษากัน” กิ่งบอกเสียงใส วันนี้ขอสลัดมาดผู้หญิงปากร้ายออกไปสักหน่อย...เธอดีใจไม่น้อยที่เพื่อนสนิทจะได้มาอยู่บ้านหลังเดียวกัน

“ นนท์รู้สึกใจหายยังไงบอกไม่ถูก แม่ต้องสัญญานะว่าจะโทรหานนท์ทุกอาทิตย์”

“ จ้ะลูกเองก็ต้องดูแลตัวเองด้วย” นางยกมือขึ้นลูบศีรษะฟูอย่างยากลำบาก ... กิ่งที่นั่งมองอยู่พลอยซาบซึ้งไปด้วย ใครจะนึกล่ะว่าวันหนึ่งเพื่อนสนิทของเธอต้องมาเผชิญชะตากรรมที่ยากจะรับได้เช่นนี้ เป็นใครก็คงทำใจได้ลำบาก ยิ่งต้องจากคนที่ตัวเองรักยิ่งทำใจได้ยากกว่าเดิมหลายเท่านัก

“ ...คุณครับใกล้เวลาแล้วนะ” เสียงคนขับรถเดินเข้ามาเตือน

“ งั้นฉันไปก่อนนะ ดูแลตัวเองนะนนท์” มารดายกมือขึ้นลูบศีรษะนนท์เป็นครั้งสุดท้าย การอำลาครั้งนี้ก็เพื่อแก้ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่รู้อีกนานแค่ไหนที่มารดาจะได้กลับมาเมืองไทยอีก

“ แม่เดินทางดีๆนะ นนท์อยู่ที่นี่แม่ไม่ต้องเป็นห่วง” ยากนักที่จะกลั้นน้ำตาไว้ได้ การจากลาดูหดหู่แสนเศร้าเกินกว่าที่นนท์จะทนไหว เขื่อนน้ำที่กักเก็บไหลแล้วไหลอีกจนมารดาชักจะหวั่น แต่สุดท้ายก็ตัดใจเดินจากไปนับจากนี้นนท์ต้องรู้จักดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง นางไม่อาจอยู่เคียงข้างลูกชายสุดที่รักได้ตลอดเวลาหรอก ในที่สุดรถคันนั้นก็ลับหายไปจากบ้านวรโชติ ..


“ อย่าเศร้าไปเลยนนนี่คุง มานี่สิน้าจะพาไปดูห้องนอน” คุณแก้วเดินเข้ามากุมมือสมาชิกใหม่ของบ้าน อยากให้นนท์ได้ผ่อนโศกลงบ้าง ถึงอย่างไรก็ต้องรับความเป็นจริงให้ได้

“ ใช่แล้วเราไปบนห้องกันดีกว่า ฉันกับแม่อุตส่าห์ไปซื้อของตกแต่งมาให้แกเยอะแยะเลยไม่รู้ว่าแกจะชอบไหมนะ” กิ่งรับอาสาเข้ามาปลอบอีกแรง

“ ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มรับเพียงสั้น เดินขึ้นไปชั้นสองของบ้านพร้อมสองแม่ลูก...ห้องขนาดพอเหมาะผนังสี่ด้านถูกทาด้วยสีหวานเย็นสีโปรดของนนท์ ตรงหัวเตียงมีเจ้าสติชยิงฟันขาว กับโดเรมอนตัวใหญ่ว่าเรียงกันอยู่...

“สวยมากๆเลย นนท์ชอบจังเลยครับ” ชายหนุ่มถึงกับยืนตะลึง ทุกอย่างรอบตัวในตอนนี้เหมือนกับนนท์เดินหลุดมาอีกโลก คล้ายๆความฝันก็ไม่ปานแต่ทุกอย่างสามารถจับต้อง รู้สึกและสัมผัสได้ แน้วแนว ..นับวันจะแปลกไปทุกที เดาทางหนูฟูจังเธอไม่ออกเลย ..

“ เดี๋ยวอาบน้ำเสียก่อนนะแล้วลงไปทำอาหารเย็นกัน วันนี้พี่ต้นต้องตื่นเต้นแน่นอนเลยที่บ้านเรามีสมาชิกใหม่เข้ามา” คุณแก้วบอกเสียงใสเหมือนนางได้ลูกแสนน่ารักเพิ่มมาอีกคน คนเป็นประมุขของบ้านจึงค่อนข้างเห่อนนท์ไม่น้อย

“ ครับ” นนท์รับคำ แล้วจัดแจงเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้ นับจากวันนี้งานทุกอย่างเขาต้องทำเองทั้งหมด ไม่มีคุณนงคราญมาคอยทำอาหาร ไม่มีแม่บ้านมาคอยปัดกวาด

สิบห้านาทีถัดมา...

“ ลงมาแล้วเหรอ” กิ่ง...ที่กำลังจัดการกับโต๊ะอาหารอยู่กับคุณแก้วเอ่ยทักทาย คนที่เพิ่งเดินลงมาด้วยใบหน้าราบเรียบ

“ ไม่ลงจะเห็นเหรอ..”

“ เอ้า ไอ้นี่เลิกเศร้าได้ก็แขวะฉันเลยนะไอ้ฟูบ้า...”

“ เรียกผิดเรียกใหม่ได้นะครับคุณลิงน้อย..เรื่องหน้าหยก.นี่จะเอาไง..” นนท์ถือไพ่เหนือกว่าอีกแล้ว เรื่องพ่อคิงคองหน้าหยก ดูจากรูปการน้าแก้วคงยังไม่รู้ กิ่งหนอกิ่งไม่รู้เสียแล้วว่ากำลังเล่นกับใคร...

“ จ้า..เพื่อนรัก..พี่แบยองจุน..” กิ่งรีบเปลี่ยนสีหน้าโดยไว แม้แต่คุณแก้วที่ยืนอยู่ข้างๆยังงงๆกับการกระทำนั้น ..แต่ดูไปดูมาสองคนสนิทกันนางก็สบายใจ ...จะว่าไปถ้าให้กิ่งเป็นแฟนกับลูกชายเพื่อนสนิทอย่างนนท์ก็น่าจะดี...

“ งั้นน้องกิ่งกับนนท์..ไปช่วยกันยกอาหารในครัวหน่อยนะ...เดี๋ยวน้าจัดการตรงนี้เอง..” หญิงวัยกลางคนเริ่มเปิดโอกาส...หุหุ..

“ เอ่อ...ในครัวมีแกงจืดแค่อย่างเดียว แกช่วยไปเอาหน่อยนะ..ฉันขอเข้าห้องน้ำก่อน” ขณะที่เดินไปด้วยกันกิ่งก็เอ่ยขึ้น ..โธ่..คุณกิ่งค่ะ..ลืมไปแล้วว่ากิ่งนะลูกคุณแก้ว ...แผนแค่นี้มีหรือที่หญิงสาวจะไม่รู้รีบเฟดตัวเองออกจากสถานการณ์จงใจของมารดาโดยทันที..

“ อืม..” นนท์พยักหน้ารับ...ส่วนกิ่งก็เดินรุดกลับไปที่โต๊ะอาหารไม่ได้ไปห้องน้ำอย่างที่อ้าง ...

“ สวัสดีครับแม่..น้องกิ่ง..” ชายหนุ่มตัวสูงที่เพิ่งกลับจากทำงานเดินก้าวเข้ามาในบ้านอย่างสงสัย..ตั้งแต่รับหน้าที่บริหารสำนักพิมพ์..ต้นก็กลับบ้านมาแค่อาทิตย์ละสามวัน..คือศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ส่วนวันที่เหลือจะพักอยู่ตรงคอนโดฯ ฝั่งตรงข้ามกับสำนักพิมพ์..

“ วันนี้ทำอาหารเสียเยอะแยะจะเลี้ยงรับขวัญใครเหรอ” ชายหนุ่มออกปากถาม เพราะวันนี้ทุกอย่างดูละลานตาไปเสียหมด ปกติจะมีอาหารแค่สองสามอย่างเพราะที่บ้านมีกันอยู่แค่สามคน แต่ดูวันนี้สิมีรายการอาหารเพิ่มขึ้นมาตั้งหลายอย่างแหน่ะ

“ ก็ลูกน้าพันไงล่ะ” คนเป็นแม่ตอบไปก็ทำงานในมือไป ชายหนุ่มเดินมาใกล้ๆมารดาแล้วพาดเสื้อสูทตัวเก่งกับพนักเก้าอี้ใกล้ตัว

“ ที่แม่บอกว่าเขามีปัญหาเรื่องถูกโกงนะเหรอ” เขารับรู้มาพอควรเกี่ยวกับเรื่องปัญหาคดีความที่กำลังจะฟ้องร้องกัน คดีใหญ่แต่ก็น่าแปลกที่ข่าวสังคมไม่ยักกะลงหรือเรื่องนี้ยังปกปิดเป็นความลับอยู่ รอจนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุดถึงจะประกาศให้คนอื่นได้รับรู้กัน

“ ใช่จ้ะ เออว่าแต่นนท์เข้าไปนานแล้วนะลูกเข้าไปดูน้องหน่อยเป็นอะไรไปหรือเปล่าก็ไม่รู้” มารดากล่าวขึ้นเสียงเรียบ

“ ครับ” เขารับอย่างว่าง่ายพร้อมทั้งตรงดิ่งเข้าไปในครัวอย่างรวดเร็ว เร็วจนไม่ทันสังเกตว่าชายหนุ่มอีกคนเดินออกมาแล้ว สองคนชนเข้าอย่างจังถ้วยน้ำแกงในมือของนนท์ร่วงหล่นลงทันทีจนน้ำแกงร้อนๆกระเด็นใส่ทั้งสอง ชายหนุ่มมีสีหน้าบึ้งตึงทันทีกลับจากทำงานเหนื่อย แต่กลับมาเจอเรื่องอย่างนี้

“ นี่...” นนท์ที่ตั้งท่าจะว่ากลับ หรุบตานิ่ง ภาพเมื่อหลายเดือนก่อนผุดพรายกลางห้วงความคิด อะไรกัน..คนตรงหน้ามันคือ..คน...

‘ นี่ไอ้บ้าที่อยากจะฆ่าตัวตายคนนั้นนี่’ ฟูเยอะ..ลอบคิดในใจ ตอนนี้เหมือนโลกทั้งใบถูกเขาเขย่าให้ไหวเอนอีกครั้ง พรหมลิขิตนำทั้งสองให้มาเดินในเส้นทางสายเดียวกันแล้ว แต่กระนั้นเรื่องราวคงไม่ง่ายดายนักหรอก.. นนท์ยังกระดากกับการกระทำของเขาอยู่ คนที่ขโมยจูบแรกของนนท์ไป..


“ มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ” คุณแก้วที่ได้ยินเสียงเอะอะเดินมาตามต้นเสียง และพบทั้งสองคนยืนจ้องหน้ากันโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ กิ่งที่ตามมาสมทบกับมารดาถึงกับแปลกใจในท่าทางของทั้งสองคน ชายหนุ่มเหมือนคลับคล้ายคลับคลากับอีกฝ่าย แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก…

“ มีอะไรเหรอ” มารดาถามย้ำ

“ ก็ไอ้เด็กซุ่มซ่ามคนนี้นะสิ เดินมายังไงไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือชนผมเข้าจนถ้วยน้ำแกงตกแตก สงสัยผมจะบังตาหมดเลยมองอะไรไม่เห็น..” ชายหนุ่มที่ได้สติชิงตอบอย่างเสียอารมณ์ นนท์ถึงกับมองเขาตาขึงเขาเองไม่ใช่เหรอที่พรวดพราดเดินเข้ามาในครัวจนชนนนท์เข้า และกล้าดียังไงมาวิจารณ์ แอฟโฟ่ว์อันน่าภูมิใจของนนท์.. แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะทวีไปมากกว่านี้คุณแก้วก็สังเกตเห็นบางอย่างเข้า..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2009 01:12:46 โดย LoveNineTeen »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 3
«ตอบ #5 เมื่อ01-07-2009 19:51:03 »

หุหุ เพิ่งเห็นเรื่องของคนแต่งคนนี้ อิอิ เย้  :z2: :z2:

nune

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 3
«ตอบ #6 เมื่อ02-07-2009 10:24:07 »

ชอบเรื่องของน้องคนแต่งคนนี้เหมือนกัน รออ่านต่ออยู่นะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 3
«ตอบ #7 เมื่อ02-07-2009 20:58:10 »

เราเพิ่งเห็นเหมือนกัน หุหุ
ชอบอ่ะ ๆๆๆๆ

เหมือนว่า .. แม่นนท์จะแกล้งลูกชายตัวเองป่ะเนี่ยยย

รอตอนต่อไปน๊าา  :L2:

ออฟไลน์ Turn_righT

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 492
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 3
«ตอบ #8 เมื่อ03-07-2009 00:19:03 »

สังเกตเห็นอารายอ่า...อยากรู้ๆ  :oni2:

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 3
«ตอบ #9 เมื่อ03-07-2009 14:05:55 »

ลองเดาๆดู เรื่องถุกโกงนี่คงไม่ชัวร์ว่าโดนจริงๆนัก
แต่จะดัดนิสัยลูกชายรึป่าว  :z1: เดาไปเองซะละ
แต่อาจจะมีปัญหาจริงๆก็ได้เนาะ  :serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 3
« ตอบ #9 เมื่อ: 03-07-2009 14:05:55 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 4
«ตอบ #10 เมื่อ07-07-2009 02:24:40 »

ตอน 4

“ นั่นนนท์ไม่เจ็บเหรอลูก ขาถูกน้ำแกงกระเด็นใส่ดูสิแดงไปทั้งแถบเลย” นางชี้ให้เห็นถึงบาดแผลที่เกิดขึ้น แปลกนะที่นนท์ไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักน้อย

อาจเพราะหนังหนา ..เฮ้ยไม่ใช่ ...อาจเพราะเพราะความคิดเก่าๆที่ย้อนกลับมาสะกดความรู้สึกทุกอย่างของนนท์ไว้หมด

“ไปใส่ยาเถอะ เดี๋ยวฉันไปเอามาให้” เพื่อนสาวรีบวิ่งแจ้นไปเอายาบรรเทาความเจ็บปวดที่อยู่ในตู้ยาใกล้ๆมาทันที ส่วนคุณแก้วก็เข้ามาพยุงคนหัวฟู..ให้เดินไปนั่งพักที่เก้าอี้ แต่ระหว่างทางผมของพ่อคนหน้าหวานแว่นหนาเขียวฟ้าก็เกี่ยวเข้ากับแจกันข้างๆจนแทบตกแตก ..ดีที่คุณแก้วคว้าเอาไว้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้น..เฮ้อ..


“ ขอโทษครับ” นนท์บอกสั้นๆ ดวงตาก็ยังลอบชำเลืองอีกฝ่ายอยู่เป็นระยะ คนที่เพิ่งกลับมาบ้านไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมาก แต่หน้าเขายังคงบึ้งอยู่ไม่คลาย


“ ลูกสองคนนี่นะ ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ แม่นึกว่าโตแล้วจะเลิกทะเลาะกันเสียอีก” นางที่กำลังทายาให้นนท์เปรยขึ้นเล็กน้อย สองคนที่นั่งหันหลังให้กันต้องหันขวับมองคุณแก้วเป็นตาเดียว

“ ทะเลาะกันแม่หมายถึงอะไร” ต้นชิงถามก่อน เขากับเด็กฟูเดรวิโกร เคยเจอกันด้วยเหรอนี่ มารดาวางหลอดยาลงแล้วลุกขึ้นนั่งใกล้ๆ

“ ก็เมื่อก่อนนนท์มาเล่นบ้านเราออกบ่อย ลูกจำนนนี่ไม่ได้เหรอ...เมื่อก่อนลูกกับนนนี่ก็ทะเลาะกันทุกครั้งเลยสิให้ตาย ลูกนะชอบไปดึงผมน้องจนต้องตีกันตลอด” ความสุขครั้งวันวานไหลกลับมาในความคิดของผู้เล่า สองคนที่นั่งฟังเริ่มนึกขึ้นได้เป็นลำดับ


“ ที่แท้นิสัยซุ่มซ่ามเจ้าอารมณ์ของไอ้เด็กนี่ก็ยังไม่หมดไปนี่เอง” เขามองนนท์อย่างหมั่นไส้ สมัยเด็กใครจะไม่รู้บ้างว่าสองคนนี่เขาทะเลาะกันหนักแค่ไหน ทุกครั้งที่มาเล่นที่บ้านวรโชติ นนท์หรือนนนี่ที่คุณแก้วเรียกในสมัยนั้นต้องร้องไห้กลับไปทุกครั้ง ส่วนต้นเองก็ต้องได้แผลไม่มากก็น้อย


“ กล้าดียังไงมาว่านนท์” คนหัวฟูปั้นหน้าใส่ ไม่พอใจที่ต้นว่าเขาเช่นนั้น ภาพของเด็กผู้ชายตัวโตที่ชอบดึงผมนนท์เล่นลอยเข้ามาวนเวียน


“ แล้วนี่อะไร” ชายหนุ่มมองนนท์อย่างเยาะเย้ยและยกมือข้างหนึ่งเปิดผมที่ตกลงมาปรกหน้าเพื่อให้ อีกฝ่ายได้เห็นอะไรบางอย่าง

“ แผลนี่ไม่ใช่นายเหรอที่ฟาด” ต้นยกเอาเรื่องเก่าที่ยังจดจำได้ดีทุกฉากทุกตอน ..ไอ้เด็กแสบ


“ นนท์”. คนตัวเล็กกว่าหมดปัญญาจะต่อกร จึงได้แต่นั่งนิ่งไม่นึกเลยว่าคนที่ช่วยเหลือไว้เมื่อครั้งก่อนจะเป็นคู่แค้นกับเขามาตั้งแต่เด็ก และยังเป็นชายหนุ่มที่นนท์ต้องร่วมชายคาไปอีกนาน...ร่วมไปอย่างไม่มีกำหนด


“ แม่เพิ่งว่าทั้งสองคนอยู่หยกๆ ทะเลาะกันอีกแล้วมากินข้าวกันเถอะ” กิ่งที่นั่งมองอยู่นานตัดสินใจห้ามทัพระหว่างพี่ชายและเพื่อนสนิท


“ ใช่แล้วเร็วๆเข้าเดี๋ยวจะเย็นหมดหรอก” คุณแก้วก็เห็นด้วย เพราะรู้ดีว่าหากปล่อยให้ทั้งสองต่อปากต่อคำกันอีก ศึกน้ำลายครั้งนี้คงสร้างบทสนทนาแสนยาวเหยียดที่ยากจะจบสิ้นได้


ค่ำคืนแรกของการเข้ามาอยู่ในบ้านวรโชติ ...


สมาชิกใหม่ยังคงคิดถึงมารดาจับใจด้วยเพราะไม่เคยห่างกันเลย ความใกล้ชิดที่มีมากปลุกน้ำตาที่ทับถมใจให้ไหลหลุดออกมาเป็นสาย ไม่ว่าเขาจะพลิกตัวไปท่าไหนๆ ก็ยังไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้สักที ชายหนุ่มจึงเลือกจะเดินออกไปนั่งเล่นสนามหน้าบ้าน

ความคิดของเขาลอยไปไกลถึงคนที่อยู่อีกฟากฝั่งท้องฟ้า ความสับสนปนเปเข้ามาจนยากจะแยกแยะ ( ช่วงนี้โหมดฮาลดนิดหน่อย เอาเศร้าให้ฟูจังของมีร์บ้าง)


“ มาทำอะไร น้องติช” เสียงของคนที่บึ้งตึงใส่นนท์เมื่อตอนเย็นดังขึ้นใกล้ๆ เขาเองก็รู้สึกนอนไม่หลับไม่ต่างจากนนท์นักหรอก


เพราะภาพเก่าในวัยเด็กของทั้งสองเข้ามาในความคิดทับซ้อนกันเรื่อยๆ ความวุ่นวายของภาพเหล่านั้นทำให้เขาข่มตาลงไม่ได้เสียที ตอนที่เดินลงมาข้างล่างก็เห็นเงาคนไหวๆจึงได้เดินตามมาและถึงได้รู้ว่าเป็นนนท์

“ อะไร” นนท์หันมองเล็กน้อย น้องติชเหรอนนท์ไม่ได้ยินใครเรียกเช่นนี้มานานเหลือเกินแล้ว ใช่สินะ น้องสติชสมัยก่อนเขาชอบล้อนนท์ด้วยชื่อนี้ตลอด เพราะนนท์ยิงฟันทีไม่ต่างอะไรจากตัวสติช ..

“ มานั่งทำอะไรตรงนี้ หรือจะมาล่อเสือล่อตะเข้” ชายหนุ่มเริ่มถามเสียงกวนๆ เขานั่งลงใกล้อีกฝ่ายที่นั่งเหม่อลอย และแล้วความคิดหนึ่งของเขาก็ผุดขึ้น

“ จำได้แล้ว ที่แท้นายก็คือ...” ชายหนุ่มหน้าหวานแต่หัวฟูเริ่มมีท่าทางอึกอัก หรือเขาจะรู้แล้วว่านนท์คือคนที่ช่วยเขาในวันนั้น และเป็นคนที่โดนเขาจูบถึงสองครั้ง

“ ...”

“ คนที่ไปนั่งกินไอศกรีมกับแฟน แถมยังแตะหน้ากันไปมา เด็กวัยรุ่นสมัยนี้หนอทำไมถึงได้ไวไวเช่นนี้ แถมแฟนยังเป็นผู้ชายอีก” นนท์ถึงกับโล่งอกที่รู้ว่าสิ่งที่เขาจำได้ไม่ใช่เรื่องเมื่อหลายเดือนก่อน แต่เดี๋ยวสิ ไวไว นี้เขากำลังกระทบนนท์อย่างนั้นเหรอ และยังมามองว่าไอ้คิงคองหน้าหยกมันเป็นคิงให้นนท์...โน ...โน ..อย่างนั้นถ้าจะเป็นต้อง คิงเองเรื่องอะไรให้ให้คิงคองมาเป็นคิง

..ชิชะ..เดี๋ยวสิ ที่คิดไปถึงไหนแล้ว..ผู้ชาย โว้ย ผู้ชาย ..


“ ว่าอะไรนะ ไวไวน่าเกลียด...นนท์กับต่อไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย เขาเป็นเพื่อนสนิทแถมยังสนิทกับกิ่งด้วย” นนท์รีบแก้ตัวเป็นพัลวัน

เขาเลือกใช้ชื่อเล่นแทนตัวเองเพราะเห็นเขาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง

ความคุ้นเคยสมัยเด็กเหมือนถูกปลุกขึ้นในใจของทั้งสอง

จะว่าไปถ้าไม่ทะเลาะกันทั้งสองก็เล่นกันได้อย่างสนุกสนาน

วันที่คุณนันทภัคต้องย้ายบ้าน ต้นเองยังแอบร้องไห้ที่ต้องเสียคนทะเลาะไปด้วยเลย ..


“ ช่างเถอะ พี่ไปนอนดีกว่าขืนอยู่ต่อนายได้ทำอะไรให้พี่เดือดร้อนอีก นั่งตรงนี้นานๆระวังนกจะทำรังนะ..ทรงยิ่งได้อยู่ ” ชายหนุ่มบอกเสียงราบ ก็ตอนเด็กๆเขามักเป็นอันตรายทุกครั้งที่อยู่ใกล้นนท์ แต่อะไรก่อนไปยังมีแขวะ ผู้ชายคนนี้ ปากร้ายจริงๆ..

“ ไปเถอะใครอยากให้อยู่ใกล้ล่ะ” นนท์กลืนคำที่จะพูดต่อไปเพียงเท่านั้น ชะตาหนอชะตาทำไมต้องพาให้เขาเดินมาเจอต้นอีกครั้งนะ แค่เสียจูบครั้งแรกไปกับใครที่ไม่รู้ก็แย่เกินแย่ นี่ยังจะมีหน้าพานนท์มาใกล้ชิดกับเจ้าของรอยจูบคนนั้นอีก สวรรค์จะแกล้งนนท์ไปถึงไหนกันนะ…


กว่าจะกลับขึ้นห้องก็ดึกเอาการ ร่างกายที่เริ่มอ่อนล่าผลักไสคนหน้าหวานจากสติ ภวังค์แห่งการหลับใหลเริ่มต้นทำงานตามหน้าที่ของมัน


เช้าวันนี้คือวันสุดท้ายก่อนจะเปิดเทอมสอง วันนี้นนท์ต้องจัดการกับเสื้อผ้าและชุดนักศึกษาที่จะใส่ในวันพรุ่งนี้ ทั้งซักทั้งรีดเขาต้องทำเองทั้งหมด แต่กว่านนท์จะตื่นได้ก็สายจนสองแม่ลูกออกไปทำธุระข้างนอกกันแล้ว ทั้งบ้านจึงเหลือนนท์กับพี่ต้นหน้ายุ่งเท่านั้น

เอาล่ะคราวนี้แล้วนนท์จะทำยังไงล่ะจะถามว่าซักผ้ายังไงก็ไม่กล้า ถ้ากิ่งอยู่ก็คงดีไม่น้อย ชายหนุ่มตัดสินใจละความคิดทุกอย่างออก ยังไงก็ต้องเติมแรงก่อน... เขาเดินลงมาข้างล่างก็ไม่พบใครเลยสักคน สงสัยพี่ต้นหน้าบู้เองก็คงออกไปข้างนอกเช่นกัน


“ อย่างนี้ก็ดี ไม่ต้องมาทนปั้นหน้าอยู่” เขาบ่นกับตัวเองเบาๆ เดินตรงไปในครัวอย่างเร่งรีบ เดินไปมาสักพักก็เจอขนมปังแผ่นที่ประกบคู่ไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว วางไว้บนโต๊ะ

“ สวรรค์มาโปรดฉันจริงๆ” ชายหนุ่มอุทานออกมาอย่างแสนดีใจ แม้วัตถุดิบจะมีอยู่เต็มตู้เย็น แต่เพราะความเป็นคุณหนูเรื่องการทำอาหารจึงเป็นอะไรที่เขาสอบตก ต่อให้มีทุกอย่างพร้อมครันแต่เขาก็ไม่มีปัญญาจะทำได้เองหรอก คิดไปแล้วก็นึกถึงแม่บ้านนงคราญไม่น้อยจะกินอะไรก็บอกไป คุณนงคราญผู้แสนใจดีก็จะทำให้กินไปเสียทุกอย่าง

“ พี่ต่างหากล่ะที่มาโปรด” เสียงของอีกคนเดินเข้ามา ขนมปังในมือหล่นลงบนโต๊ะทันทีก็เขาเล่นเข้ามาอย่างนี้นนท์จะไม่ตกใจได้อย่างไร


“ เสียของหมด” ชายหนุ่มยื่นมือไปเก็บขนมปังบนโต๊ะแล้วยื่นให้กับอีกฝ่าย


“ ผลการวิจัยบอกมาแล้ว ว่าของที่หล่นพื้นไม่ถึงห้าวินาทีพยาธิที่แฝงตัวอยู่จะไม่สามารถเกาะติดขึ้นมาได้ อีกอย่างโต๊ะก็สะอาดไม่น่าจะมีอะไร..” ชายหนุ่มบอกหน้าตาเฉย พร้อมทั้งวางขนมปังในมือของนนท์


“จะบ้าเหรอ สถาบันไหนที่รับรองเกิดมายังไม่เคยได้ยิน” นนท์วางกลับลงในจาน ชายหนุ่มที่ยืนใกล้ไม่อยากจะใส่ใจมากนักเขาคว้าอันที่ คนหัวฟูวางลงแล้วเดินออกไปหน้าตาเฉย

และแล้วเวลาที่นนท์แสนจะลำบากใจก็เดินทางมาถึง แม้จะเป็นการซักด้วยเครื่องแต่คนอย่างนนท์เหรอจะทำเป็น ..เกิดมาไม่เคยทำมาก่อน กว่าจะจับผ้ายัดเข้าตัวถังได้หมดก็เล่นเอาเสียแรงไปเยอะ จากนั้นเขาก็เปิดน้ำเข้าแต่น้ำก็ไหลออกทางช่องด้านล่างจนคนรอชักท้อใจ


“ อะไรกันนักนะ ทำไมซักผ้าถึงได้ยากอย่างนี้” ชายหนุ่มนั่งลงบนพื้นซีเมนต์ลานซักข้างบ้านอย่างท้อใจ แต่อีกไม่กี่วินาทีต่อมาในใจของเขาก็ร้องเรียกให้ลองใหม่


ชายหนุ่มลองผิดลองถูกดูอีกครั้งและคราวนี้ก็ได้ผลเมื่อนัทสามารถหมุนปิดปุ่มปล่อยน้ำได้สำเร็จ แต่อุปสรรคของมือใหม่ก็ยังไม่จบสิ้น


ก็คนเพิ่งหัดซักดันตักผงซักฟอกจากกล่อง ช้อนแล้วช้อน


ก็เข้าว่ายิ่งเยอะเสื้อผ้ายิ่งสะอาด โดยลืมคำนึงถึงความเหมาะสมกับปริมาณของผ้า เครื่องซักผ้าทำงานไปได้เล็กน้อยพ่อดราวิโกก็พบกับอุปสรรคครั้งใหญ่อีกครั้ง


เพราะผงซักฟอกที่ใส่มีจำนวนมากไปทำให้ฟองที่เกิดไหลทะลักจนท่วมออกมานองพื้นที่


มือใหม่หมดทางจะแก้ไข เขาพยายามจะหยุดเครื่องซักผ้าก็ทำไม่ได้ ความลนลานและสับสนไหลวนในร่างจนทำอะไรไม่ถูก เดินไปเดินมาจนลื่นล้มเพราะฟองผงซักฟอกที่นองเต็มพื้น แถมฟองขาวยังละเองเต็มผมหนาๆ...โธ่...น่าสงสาร


“ อะไรนี่ ทำไมซักผ้ามันถึงได้ยากได้เย็นขนาดนี้” นนท์ขว้างแปรงในมือทิ้งด้วยความท้อแท้ ชีวิตที่เดินบนถนนสายกลีบดอกไม้ บัดนี้ต้องลงมาเดินบนถนนพื้นปูนซีเมนต์ธรรมดา นนท์จึงยากจะปรับตัวแค่ด่านแรกเขาก็สะดุดล้มลงเสียแล้ว ต่อไปนนท์จะเดินไหวเหรอ …


“ นี่คุณหนู..นายจะซักบ้านหรือยังไงทำไมฟองถึงออกมาเยอะขนาดนี้ล่ะ” ชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องนั่งเล่น เดินตามเสียงโวยวายของอีกฝ่ายออกมา และต้องตกใจเมื่อเห็นฟองผงซักฟอกท่วมเต็มทั้งหลังบ้าน ที่สำคัญตอนนี้พ่อคนหัดซักยังนั่งจมอยู่ในกองฟองนั้นด้วย


“น...” คนผิดพลาดไม่พูดอะไร ได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจไม่นึกไม่ฝันว่าวันนี้เขาต้องเดินมาพบกับความลำบากที่ยากเย็นแสนสาหัส ทั้งที่ความเป็นจริงเรื่องซักผ้าอาจเป็นของกล้วยๆสำหรับคนทั่วไป

“ ลุกขึ้นสิ” ชายหนุ่มบอกเสียงราบ รู้ดีว่าไม่ควรว่าอะไรนนท์ในตอนนี้ แล้วต้นก็เดินไปหยุดเครื่องซักผ้าอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มดึงสายยางที่ต่อกับเครื่องซักเพื่อเปิดน้ำไล่ฟองที่เกิดขึ้น กว่าจะจัดการเจ้าฟองกองมหึมาได้สำเร็จก็กินเวลาไปกว่าครึ่งค่อนชั่วโมง


“ แค่ซักผ้ายังแทบบ้าขนาดนี้ ถ้าเจอเรื่องหนักๆจะทำยังไง”ชายหนุ่มที่เข้ามาจัดการปัญหาบอกเสียงนุ่ม นนท์ได้แต่นิ่งในใจสับสนไปหมด ตอนนี่ต้นกำลังจับสายยางล้างตัวให้กับคนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่..โธ่..ขืนไม่ล้างผงซักฟอกได้กัดกันพอดี ที่สำคัญถ้าไม่ล้างเจ้าแอฟโฟ่วที่แสนภูมิใจคงกระด้างกว่าเดิมเยอะ..


“ มือเป็นอะไรไปหรือเปล่า คุณหนู” คงจะกลายอีกสรรพนามที่ต้นจะเรียกนนท์อีก..ไม่ใครเรียกคุณหนูคงไม่ได้ ซักผ้ายังไม่เป็นเลย

ต้นเดินเข้ามาใกล้ก็เหลือบเห็นรอยที่มือจึงได้เอ่ยถามอย่างทันควัน นนท์ยกมือขึ้นดูก็เพิ่งรู้ว่ามีแผลเกิดขึ้น


“ไม่รู้สิ ตอนนนท์กวาดฟองพวกนั้นก็รู้สึกแสบบอกไม่ถูก” เขาบอกไปตามที่ประสบมา คุณหนูอย่างนนท์คงไม่แปลกที่มือไม้จะไวต่อสารแปลกปลอมอย่างผงซักฟอก


“ คงโดนผงซักฟอกกัดเข้าแล้ว ไปล้างมือเสียไปเดี๋ยวไปใส่ยาเสียด้วย” หลังจัดการเรื่องราวทุกอย่างได้เรียบร้อยเขาก็ตั้งท่าจะเดินกลับเข้าไป แต่นนท์ก็รั้งเสื้อของเขาไว้


“ มีอะไรอีกล่ะ”


“ ช่วยนนท์หน่อยสิ นนท์ยังซักผ้าไม่เสร็จเลย” นนท์ชี้ไปยังผ้าที่ยังกองอยู่ในเครื่องซัก พร้อมมอบรอยยิ้มแสนเจื่อนๆเอาใจคนถุกขอให้ช่วย .. ต้นได้แต่ถอนใจอย่างปลงๆ แต่ก็เดินไปช่วยตามที่นนท์ขอ

“ ทีหน้าทีหลังก็หัดอ่านบนกล่องผงซักฟอกมันบ้าง เขาบอกอยู่แล้วว่าต้องใส่เท่าไหร่ไม่ใช่โหมเทลงไปอย่างนี้” เขาหยิบสายยางมาต่อเข้ากับเครื่องอีกครั้ง เพื่อล้างผ้าใหม่และเริ่มกระบวนการทั้งหมดด้วยความชำนาญ นนท์มองเขาอย่างแสนทึ่ง ไม่นึกหรอกว่าผู้ชายบ้านนี้จะทำงานบ้านได้


“ ขืนใส่เยอะอย่างที่ทำ บ้านพี่ได้เปลี่ยนจากสำนักพิมพ์ไปเป็นโรงงานผลิตผงซักฟอกแน่” คำค่อนขอดดูไม่จริงจังสักเท่าไหร่ แต่คนฟังก็ได้แต่เก็บความรู้สึกไว้ภายใน เพราะขณะนี้นนท์กำลังขอให้เขาช่วยจะทำอะไรก็ต้องระวัง

“ หวังว่าคงตากเป็นนะ” เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินกลับไปใช้วันว่างที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดต่อในบ้าน

“ โธ่ ดูถูกนนท์เกินไปรึเปล่า ตากผ้านะไม่ใช่ซัก” นนท์แอบพึมพำหลังร่างของเขาลับไป วันนี้แม้จะเป็นวันที่เจออุปสรรคจนนนท์คิดจะท้อแท้แล้วยอมแพ้ แต่ต้นก็เดินเข้ามาช่วย แม้สีหน้าและแววตาจะบอกนนท์ว่าต้นไม่อยากยุ่ง แต่การกระทำที่ต้นแสดงออกมามันทำให้นนท์ซาบซึ้งไม่น้อย


กว่าสองแม่ลูกบ้านวรโชติจะกลับก็ปาเข้าเกือบหัวค่ำ งานทุกอย่างที่นนท์ต้องทำจึงต้องเดินเข้าออกห้องนั่งเล่นไม่หยุดหย่อน เพราะตัวช่วยของอดีตคุณหนูมีแค่ต้นคนเดียวเท่านั้นจะไม่ถามก็ไม่ได้ เพราะนนท์ทำไม่เป็นจริงๆ


“ เอามานี่” ชายหนุ่มยื่นมือเพื่อขอเสื้อนักศึกษามาจากมือ นนท์มองอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ยอมส่งให้เขาอย่างว่าง่าย ตอนนี้เขาจะบอกอะไรนนท์ก็ยอมทำทั้งหมดแล้ว เหนื่อยเหลือเกินแค่วันเดียวนนท์ยังเหนื่อยขนาดนี้ แล้วชีวิตที่เหลือล่ะจะเป็นยังไง


“ ถ้านายไม่อยากให้มันช้าล่ะ ก็รีดปกกับแขนก่อน จากนั้นก็ค่อยๆรีดไปทีละด้าน” อาจารย์จำเป็นสาธิตด้วยความอ่อนใจ ตอนแรกก็รู้สึกเบื่อๆเหมือนกันแต่พอได้เห็นสายตาเว้าวอนขอความช่วยเหลือก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าช่วย


“ ว้าวพี่นี่เก่งจังเลยนะ” นนท์ตบมือร่า มองเขาที่รีดผ้ากลับไปกลับมาอย่างชำนาญไม่เท่าไหร่ เสื้อที่นนท์ใช้ความพยายามมาตลอดชั่วโมงก็เรียบสมใจ


“ ตัวต่อไปนายลองบ้าง” เขาเลื่อนกายเพื่อให้นนท์มานั่งแทนที่ ทดสอบสิ่งที่เขาสอนไปเมื่อครู่ คนหัวฟูลุกมานั่งอย่างกระฉับกระเฉง อย่างน้อยนนท์ก็พอรู้แล้วว่าต้องทำยังไง แม้ท่าทางจะค่อนข้างขัดๆเขินๆและรีดได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่อาจารย์ข้างกายก็ช่วยบอกปรับโน้นนี่ ผลงานที่ออกมาจะไม่เรียบกริบเหมือนต้นฉบับ แต่ก็พอทำเนาใส่เข้าไปได้


“ ทำอะไรกันอยู่จ๊ะ” คุณแก้วที่แอบมองอยู่นานส่งเสียงทักทาย ต้นที่นั่งใกล้จึงรีบขยับออกทันที ต่างจากอีกฝ่ายที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับชุดนักศึกษาตัวสุดท้าย

“ นนท์กำลังรีดชุดไปมหาวิทยาลัยพรุ่งนี้ครับ กว่าจะได้ก็แทบแย่ดีนะที่พี่ต้นมาช่วย ไม่งั้นพรุ่งนี้นนท์คงไม่ได้ไปเรียนแน่นอน” พ่อคนมั่นใจในตัวเองเล่าไปเสียงใส เวลานี้นนท์ดูเด็กและอ่อนเดียงสาไม่น้อย ..ดูต่างจากสิ่งภายนอกที่แสดงออกมา ..


“ เหรองั้นน้าขึ้นไปข้างบนก่อนนะ รีดเสร็จแล้วก็ถอนปลั๊กเก็บให้เรียบร้อยนะจ๊ะ” นางรีบปลีกตัวออกทันที นานแล้วสินะตั้งแต่ต้นเมาที่ริมหาด..ต้นเปลี่ยนไปเป็นคนเย็นชา ไม่ค่อยสนใจกับอะไร แต่วันนี้กลับยื่นมือเข้าช่วยนนท์..อืม..บางทีการที่นนท์ก้าวเข้ามาในบ้านวรโชติหลังนี้ อาจทำให้ความสุขปรากฏขึ้นอีกครั้งก็ได้..


**********************

เช้าที่ทุกคนรอคอยก็เดินทางถึง วันเปิดเรียนวันแรกของเทอมสองได้เริ่มต้นขึ้น และวันนี้นนท์ก็ต้องพบเจอกับประสบการณ์ครั้งใหม่ในชีวิต ประสบการณ์ที่เขาไม่เคยเจอะเจอมาเลยตลอดสิบแปดปีที่ผ่านมา


“ เป็นอะไรหรือเปล่าแก” เพื่อนสนิทที่ยืนใกล้ๆถามขึ้น สีหน้าของนนท์ในเวลานี้ไม่สู้ดีนัก อาจเพราะอากาศที่ค่อนข้างร้อน ไม่ก็เพราะคนในรถประจำทางที่ยัดเยียดเบียดเสียดกันมากเกิน


แถมเจ้าแอฟโฟ่วแสนโตก็ดันหลังคารถเมล์ได้ดีชะมัด ทุกอย่างรุมเร้ามากเกินกว่าที่ชายหนุ่มจะปรับตัวได้ทัน กว่ารถจะจอดป้ายหน้ามหาวิทยาลัยนนท์ก็แทบแย่ ทั้งโยกทั้งโยนจนเวียนหัวไปหมด


“ ขึ้นรถเมล์ครั้งแรกก็อย่างนี้แหละ ต่อไปก็ชินเอง” เพื่อนสาวกล่าวปลอบใจ พร้อมทั้งยื่นกระดาษเช็ดหน้าให้เขา


“ เฮ้ย..” นนท์ร้องขึ้นในขณะที่กำลังจะลงจากรถ..ก็เจ้าผมทรงโตดันติดกับบางสิ่งบางอย่างตรงประตู กิ่งต้องรีบวิ่งขึ้นมาอีกครั้ง


“ พี่อย่าเพิ่งออกแป๊บหนึ่ง..” เจ้าหล่อนตะโกนเสียงห้าวจนคนขับที่เริ่มอารมณ์เสีย เพราะจอดนานเกินไปต้องชะงัก เจอลูกสาวมาเฟียหรือเปล่านี่..


“ เบาๆสิวะไอ้ลิง..เจ็บนะโว้ย” นนท์โวยเมื่อมือบางกระชากผมที่ติดกับตัวรถออกอย่างแรง แต่นั่นก็ทำให้นนท์หลุดพ้นจากพันธนาการที่ก่อเกิด กว่าจะลงมาได้ก็เหนื่อยเอาการ


“ ฉันแทบบ้า ทำไมคนถึงได้เยอะขนาดนี้” นนท์บ่นเสียงอ่อนแล้วโลกทั้งใบของเขาก็หมุนวนอย่างเร็ว เร็วจนกิ่งที่อยู่ใกล้ๆแยกร่างเป็นหลายคน ในสมองชายหนุ่มตอนนี้มึนตึ๊บไปหมด ราวฟ้าถล่มดินทลายใส่ และลมหายใจก็เริ่มติดขัดสติการรับรู้ของพ่อคนมั่นใจในตัวเองสู้งสูง ก็หยุดไปในวินาทีนี้

***

“ เป็นอะไรหรือเปล่านี่ ไปทำอะไรกันมาถึงได้เป็นอย่างนี้ล่ะ” ต่อที่รู้เรื่องจึงรีบรุดมาเยี่ยมเพื่อนทันที ตอนเกิดเรื่องกิ่งทำอะไรไม่ถูกไม่มีสติ โชคยังดีที่คนแถวนั้นช่วยกันเรียกรถพยาบาลให้ทุกอย่างจึงเรียบร้อย คุณแก้วที่อยู่บ้านเองก็ยังไม่รู้เรื่องอะไร หญิงสาวยังไม่อยากบอกมารดาเพราะกลัวนางจะเป็นห่วง เธอเลือกจะโทรหาต่อกับต้นแทน


“ รถเมล์นรกนะสิ วันนี้คนขึ้นเยอะเป็นพิเศษสงสัยจะขึ้นมาต้อนรับนนท์มันที่ขึ้นรถเมล์วันแรกมั้ง” แม่คนผมยาวบอกเสียงอ่อนๆ ไม่นึกเลยว่าคุณหนูนนท์จะเป็นลมล้มฟุบไปเพราะการนั่งรถประจำทางครั้งแรก



หลังจากต่อมาถึงไม่นานอีกหนึ่งคนก็มา..


“ เป็นไงบ้าง” พี่ชายของบ้านวรโชติเปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว เพราะต้องให้ผู้ปกครองมาลงชื่อเกี่ยวกับการรักษา เธอจึงให้พี่ชายมารับหน้าแทนเพราะถึงอย่างไรเขาก็มีวุฒิภาวะที่น่าเชื่อถือ


“ หมอบอกไม่เป็นไรมากแล้วล่ะคะ” หญิงสาวบอกอาการให้เขาฟัง บัดนี้สายตาของเขาเหลือบเห็นชายหนุ่มอีกคนในห้องก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นคนเดียวกับที่ไปทานไอศกรีมกับคนไข้เมื่อวันก่อน


“ ใช่ต่อแกเอาใบลาที่ฉันขอมาให้หรือเปล่า” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยสรรพนามที่คุ้นเคย เรื่องที่
นนท์บอกเขาเมื่อวันก่อนคงเป็นจริง ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ใกล้ๆ แท้จริงคือหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิท เขาตีความผิดไปเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น


“ เอานี่ อาจารย์ยังออกปากถามเลยว่าทำไมคนขยันอย่างแกถึงได้ขาดคาบแรกของวันได้” ชายหนุ่มหยิบกระดาษจากซองพลาสติกส่งให้

“ เหรอ” หญิงสาวเหลือบมอง


“ พี่ต้นตอนบ่ายว่างหรือเปล่าคะ ตอนบ่ายหนูยังมีเรียนอีกสองคาบถ้ายังไงฝากดูแลนนท์ด้วยนะ” น้องสาวถามเสียงนุ่ม พูดเองเออเองไปเสียทุกอย่าง จนคนถูกถามไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธท้ายที่สุดก็จำต้องยอมตกกระไดพลอยโจนที่น้องสาววางไว้


“ งั้นหนูกับต่อไปก่อนนะ” น้องสาวคนสวยในตอนนี้รีบเร่งออกจากห้องไปทันที เอาเถอะ..ชิชะ..นึกว่าเธอรู้ไม่ทันเหรอว่าคุณแก้วจะจับนนท์กับเธอให้เป็นแฟนกัน เธอมีต่ออยู่แล้วนะไม่อยากจะนอกใจ ผลักนนท์ให้ต้นล่ะกัน ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็ตามที.

..ยังไงเธอก็รอด.. เชียร์เพื่อนสนิทให้ได้เลื่อนขั้นเป็นว่าที่พี่สะใภ้ พลางย้อนนึกไปถึงเรื่องเมื่อวานที่เพิ่งได้รู้จากมารดา

‘ จริงเหรอคะแม่ เรื่องที่บอกว่าบริษัทคุณน้านันถูกฟ้องร้องเป็นแค่แผนที่แม่กับน้าวางไว้’ ลูกสาวคนสวยมีทีท่าตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินความลับจากปากของคุณแก้ว

‘ ก็จริงนะสิ น้าของน้องกิ่งเยี่ยมไหมล่ะร้องไห้ได้เป็นถังๆ ร้องจนนนนี่จับไม่ได้เลยว่ากำลังโดนหลอก น้านันเขาอยากให้นนท์ได้โตเป็นผู้ใหญ่ แม่เองก็เห็นว่าดีบ้านเรามันเงียบมานานแล้ว การที่มีคนร่าเริงอย่างนนท์เข้ามาอาจทำให้ทุกอย่างดีขึ้นกว่าเดิม กิ่งไม่เห็นพี่ต้นเหรอ..บ่อยเสียที่ไหนล่ะที่จะยื่นมือช่วยเหลือคนอื่น ’ มารดาฉายแววเจ้าเล่ห์ผ่านดวงตาคู่งาม เห็นด้วยกับความคิดของมารดา


‘อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะ’


‘ แม่กับน้านันนี่เจ้าเล่ห์จังเลยนะ’ หญิงสาวเอ่ยออก


‘ เดี๋ยวแม่ตีตายเลยลูกคนนี้ อย่างแม่กับยัยนันเขาเรียกว่าอัจฉริยะข้ามวันข้ามคืนต่างหากล่ะ..’ นางยิ้มรับอย่างภาคภูมิใจ วรโชตินับจากนี้จะไม่เงียบเหงาอีกต่อไป ..


กงล้อชะตาของทั้งสองถูกร้อยรัดมาตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้ลมจะพัดพาให้ห่างหายแต่เส้นใยบางๆก็จะคอยกระตุกให้กลับคืนมาชิดใกล้ หรือหากไม่มีเส้นบางๆที่ร้อยรัดไว้ก็ยังมีคุณแก้วและคุณนันที่จะชักนำทั้งสองให้กลับมาเดินด้วยกัน แต่สองแม่คงไม่รู้ว่าการกระทำนี่อาจทำให้ความรักครั้งใหม่ก่อตัว


LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 4
«ตอบ #11 เมื่อ07-07-2009 02:30:16 »

มาแล้ว..มาแล้ว...

มาลงต่อให้แล้วนะค่ะ หลังจากที่หายไปนาน

ที่หายไปไม่มีอะไรหรอกแค่ขี้เกียจ55555(แฉตัวเองได้อีก)

จะไม่หายแล้วเค้าสัญญา จะเอามาลงให้ทุกวันเลยค่ะ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 4
«ตอบ #12 เมื่อ07-07-2009 07:37:29 »

สัญญาแล้วนา มาทุกวันด้วยละ :z2:  :z2: :z2:


ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 4
«ตอบ #13 เมื่อ07-07-2009 08:49:10 »

พึ่งเห็นคร้า เข้ามาอ่าน+ เข้ามารอ มาอัพเยอะๆๆด้วยนะคร้า อย่าลืม o13

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 4
«ตอบ #14 เมื่อ07-07-2009 09:18:25 »

เป็นความคิดที่ชั่งน่าภูมิใจมากๆเลย  o22

ออฟไลน์ ASSASSIN

  • หรือว่า..ความรัก
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1551
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 4
«ตอบ #15 เมื่อ07-07-2009 09:24:11 »

อิอิ  นนนี่ น่ารัก   :m1:

มาต่อเร็วๆน้า  ชอบๆๆ :m11:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 4
«ตอบ #16 เมื่อ07-07-2009 23:11:03 »

ตอน 5

คนหน้าใสที่หมดสติไปเริ่มรู้สึกตัว คนป่วยค่อยๆเปิดตาออกรับแสง แต่เพราะไฟในห้องจ้าเกินไปทำให้คนเพิ่งตื่นต้องหรี่ตากะพริบอยู่หลายครั้งกว่าจะชินกับภาพรอบตัว


“ ตื่นแล้วเหรอคุณหนู” คำทักทายแรกของวันออกจากปากของคนเฝ้าไข้จำเป็น จะไม่ให้เรียกนนท์คุณหนูได้ยังไง แค่โดยสารรถประจำทางวันแรกก็เป็นลมล้มเดี๊ยงไปขนาดนี้


“ นนท์เป็นอะไรไปนี่ ทำไมถึงมานอนที่นี่ได้ล่ะจำได้ว่าตอนเช้าขึ้นรถเมล์ไปมหาวิทยาลัยกับกิ่งแล้วนี่หน่า” คนเพิ่งฟื้นเหมือนจะจำได้เฉพาะเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะเป็นลม


“ แล้วทำไมไม่จำด้วยล่ะ ว่านายเป็นลมล้มอยู่หน้าป้ายรถเมล์” เขากระแหนะกระแหนเสียงเบาบาง แค่ประชดเพียงน้อยเขาเองก็ไม่ได้ขุ่นข้องมากนักหรอกที่ต้องมานั่งเฝ้า แต่เพราะเห็นท่าทางไม่รู้เนื้อรู้ตัวของคนป่วยทำให้นึกหมั่นไส้ขึ้นมาในบัดดล


“ นนท์เป็นลมไปเหรอ แล้วกิ่งล่ะ” ปลายเสียงลดต่ำเล็กน้อย ตายแล้วนี่เป็นลมไปจริงๆเหรอนี่
น่าอายจริงๆเลย แล้วยังเป็นลมหน้าป้ายรถประจำทางที่มีคนแสนพลุกพล่าน คิดแล้วก็ขายหน้า…


“ หายดีแล้วใช่ไหม จะได้กลับบ้านกันเสียที” ได้ยินนนท์พูดซักถามเจื้อยแจ้วทำให้รู้ว่าไม่เป็นอะไรมากแล้ว นี่ก็เย็นย่ำควรกลับบ้านได้เสียที


“ ค่ะ ว่าแต่พี่ไม่ไปทำงานเหรอ” ชายหนุ่มผมฟูเห็นคนใส่เชิ้ตนั่งหน้ามุ่ยก็อดถามไปไม่ได้ คนถูกถามเหลือบมองเพียงเล็กน้อยก่อนจะจับศีรษะของนนท์หันไปมองข้างนอกหน้าต่างอย่างลำบาก..โธ่ก็ฟูจังมันขวางอยู่นี่นะ


“ นี่มันเย็นจนจะค่ำแล้วคุณหนู” เขาให้ความกระจ่างแก่นนท์ ไม่ใช่เพราะคนชอบแนวนี่หรอกเหรอ ต้นถึงต้องมานั่งเฝ้าไม่ได้ทำงานทำการเช่นนี้

“ คือ...”

“ กลับได้แล้ว” เขาไม่พูดอะไรต่อ ความรู้สึกผิดผุดขึ้นในส่วนหนึ่งของใจคนป่วย แต่นนท์ก็จำต้องเก็บบังความจริงไว้ นี่นนท์จะเป็นตัวซวยของเขาไปถึงไหนนะ






“ ปื๊นๆ” เสียงแตรรถของคนที่เพิ่งกลับดังขึ้น ตอนที่กิ่งกลับจากมหาวิทยาลัยและเล่าให้ฟังว่านนท์ไม่สบาย คุณแก้วก็นึกห่วงอย่างมากก็ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรไป แต่พ่อรู้ว่าต้นยอมนั่งเฝ้าก็กลับเกิดความฉงน และแปลกใจ สายสัมพันธ์ในวัยเด็กอาจทำให้ต้นรู้สึกเอ็นดูนนท์ก็เป็นได้ ..

น้องสาวคนเล็กของบ้านรีบวิ่งไปเปิดประตูรั้วอย่างรวดเร็ว

“ เป็นไงบ้างนนท์” ทันทีที่นนท์ลงจากรถกิ่งก็เอ่ยถาม เดินก้าวเข้าไปคล้องแขนเพื่อนอย่างเป็นห่วง ส่วนคุณแก้วเองก็เดินมารออยู่ตรงโถงหน้าบ้านด้วยเช่นกัน

“ ฉันเป็นลมนะโว้ยไม่ได้เป็นโรคร้าย เสียงแกดูหม่นๆยังกับฉันใกล้ตายงั้นแหละ” คำตอบที่แสนฉะฉานทำให้กิ่งได้คลายกังวล นนท์คงไม่ได้เป็นอะไรหนักหนาอย่างปากว่า ..

“ เป็นไงบ้างนนนี่ ได้ยินข่าวน้าแทบจะลมจับเลยนะ เป็นไงบ้างลูกหายดีหรือยังล่ะ” ฝ่ายคุณแก้วก็เอ่ยถามเป็นคนที่สอง รู้สึกห่วงใยอีกฝ่ายจริงๆ..กลัวว่าจะเป็นอะไรไป


“ นนท์ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยน้าแก้ว เพราะนนท์ไม่เคยขึ้นรถเมล์มาก่อนเลยไม่ชินเท่านั้นเองน้าแก้วไม่ต้องเป็นห่วงนะ นนท์หายดีแล้วล่ะ” น้องลูกหมีสติชของต้นเดินมาใกล้คุณแก้วแล้วโอบกอด ไว้หลวมๆ.. ทั้งน่ารัก ทั้งขี้อ้อนอย่างนี้มีหรือที่คุณแก้วจะไม่รักไม่หลง


“ โธ่แต่น้าก็ยังไม่วางใจอยู่ดีนะ พี่ต้นอาทิตย์นี้ลูกมานอนที่บ้านทั้งอาทิตย์เลยนะไปส่งน้องหน่อย แม่ไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นวันนี้เกิดขึ้นอีกขืนเป็นล้มลมพับตอนน้องกิ่งไม่อยู่ด้วย ยายนันคงมาโทษแม่ว่าดูแลหลานไม่ดีแน่นอนเลย” และแล้วประมุขบ้านวรโชติก็เปรยออกมาด้วยน้ำเสียงเชิงขอร้อง


“ โธ่แม่แล้วต่อไป ผมไม่ต้องไปส่งตลอดเลยเหรอ” ดูเหมือนเขาจะมองเห็นความลำบากที่เดินเข้ามาเยือนแล้ว คำปฏิเสธดังขึ้นแม้จะกึ่งเสียงเท่านั้น...เขาเองแม้จะวางเฉยและเย็นชาแต่ก็ไม่อยากจะขัดใจแม่ แถมครั้งนี้คุณแก้วลงทุนใช้เสียงอ้อนวอนเขาเหรอจะกล้าบอกปัดไปตรงๆ


“ อาทิตย์เดียวเท่านั้นแหละ ที่เหลือแม่จัดการเองอย่าให้แม่รู้นะว่าแอบทิ้งน้องแม่ไม่ปล่อยเราแน่ น้านันอุตส่าห์วางใจฝากนนนี่ไว้ ลูกเป็นพี่ก็ต้องดูแลน้องสิถ้าไม่ติดที่แม่ไม่สะดวกแม่ก็คงไม่รบกวนลูกหรอก” ปลายๆประโยคเหมือนจะเปรยกับตัวเอง รำพันอย่างน้อยใจที่ต้องรบกวนลูกชายให้ลำบาก คนฟังมีเหรอจะกล้าง้างปากพูดค้านอีก ต้องจำยอมในที่สุด


“ ครับ” เขารับเพียงเท่านั้น เดินกลับขึ้นห้องไปอย่างเหนื่อยอ่อน นนท์เองก็รีบขอตัวขึ้นห้องตามหลังเขาไปติดๆ


“รอนนท์หน่อยสิ” ชายหนุ่มร่างโปร่งใช้เสียงปกติเรียกอีกฝ่ายไว้ เพราะไม่อยากให้คนข้างล่างได้ยินเมื่อเขาชะลอฝีเท้า นนท์ก็ลดระดับเสียงลงมาอีกหน่อย


“ ถ้าพี่ไม่ว่างนนท์ก็ไม่ได้ว่าอะไร พี่ให้นนท์ไปลงที่รถไฟฟ้าก็ได้นะเพราะนั่งรถไปแค่แปบเดียวก็ถึงแล้ว” นนท์ที่เก็บความกังวลมาตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลบอกเขาเสียงค่อย


“ นายคิดเหรอว่าแม่จะไม่รู้ ขืนแม่จับได้พี่ได้โดนเคาะกะโหลกแน่...” คำของเขาบอกชัดว่าไม่ยอมทำตามที่นนท์เสนอหรอก คนอย่างนนท์นะเหรอต่อให้ไปส่งที่หน้ารถไฟฟ้าและคิดหรือว่าจะไปมหาวิทยาลัยได้อย่างราบรื่น รถไฟฟ้าบางทีนนท์เองก็ยังไม่เคยขึ้นด้วยซ้ำ เผลอๆอาจคลื่นเหียนเวียนหัวเพราะความเร็วของรถ มีหวังได้เป็นลมไปอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นคนที่ซวยคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเขา

“ แต่...”

“ ไม่ต้องพูดแล้ว แค่ไปส่งไม่ได้ลำบากอะไรสักหน่อยก็แค่เปลี่ยนจากตื่นเจ็ดโมงไปเป็นตีห้า ถึงบ้านปกติไม่เกินหกโมงเย็นก็เลยไปเป็นสองทุ่มเท่านั้นเอง...” นนท์ได้ฟังถึงกับอึ้งกิมกี่ ต้นประโยคฟังดูดีมีน้ำใจ แต่ส่วนต่อท้ายนะสิ ใครได้ฟังแล้วไม่รู้สึกอยากตบคนพูดให้มันรู้ไป


“ ใช่สิ..นนท์มันไม่ดีขึ้นรถเมล์ก็เป็นลม ซักผ้าก็ทำให้ฟองท่วมบ้านใส่ผงซักฟอกไปเป็นกิโล รีดผ้าก็ไม่เป็นต้องลำบากกวนพี่ตลอด..” น้ำเสียงน้อยใจที่ดังขึ้นทำให้ต้นชะงักเล็กน้อย ไม่นึกว่าการพูดไม่ไว้หน้าของเขาจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจ

“คือพี่..”

“ นนท์รู้ตัวว่าไม่ดี นนท์มันโง่ สมองช้า หัวขี้เลื่อย นนท์มันเสียไปทุกอย่าง ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง นนท์มันแย่นนท์แพ้ ป. 4 ฮ่าๆ55+” น้ำเสียงที่เศร้าสร้อยตวัดหางเปลี่ยนเป็นตลก ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะกลบเกลื่อนออกมาจนต้นต้องงง ..นนท์เดินกลับห้องไปอย่างสบายใจที่ทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นไก่ตาแตกไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ความหมายที่นนท์สื่อ


“ อะไรของนายนี่ แล้วมันเกี่ยวกับป.4 ตรงไหนวะ”ต้นส่ายหน้าให้กับพฤติกรรมรั่วๆของคนหัวฟูแล้วเดินกลับเข้าห้องของตัวเองไป..



เช้าวันนี้นนท์ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตั้งแต่ตีห้า เพราะคำลอยๆของใครคนนั้นเข้ามากระแทกใจอย่างจัง คนบ้าอะไรพูดได้หน้าตาเฉย นนท์จะไม่ยอมให้เขาว่าเป็นครั้งที่สองหรอก

“ คอยดูนะพี่ต้องหน้าหงาย นนท์ไม่ยอมสายหรอกคิดจะดูถูกคนอย่างแบยองจุนสุดหล่อเหรอ...ไม่รู้เสียแล้วว่าเฮียนี่ระดับไหน” นนท์กำชับผ้าเช็ดตัวที่พาดคล้องคอไว้ ถึงอย่างไรก็ต้องสู้กับเขาสักตั้ง คนอย่างน้องสติชแสนฟูตั้งใจแล้วมีเหรอจะไม่ทุ่มเท


“ เอ๊ะ....” นนท์ที่กำลังเดินจากปีกซ้ายของชั้นสองไปยังห้องน้ำที่อยู่ทางปีกขวา จำต้องผ่านห้องของชายหนุ่มที่ตั้งอยู่ก่อน แสงไฟที่ลอดออกมาจากช่องเล็กๆข้างล่างประตูสร้างความประหลาดใจให้ ชายหนุ่มอย่างมาก หรือสิ่งที่ต้นพูดเมื่อวานจะเป็นเรื่องจริง เพราะนนท์เหรอนี่เขาถึงต้องฉีกตาตื่นแต่รุ่งสางเช่นนี้ นนท์ตัดสินใจเพียงครู่ก็เคาะประตูดู


“ เชิญครับ” เจ้าของห้องอนุญาตแล้ว ชายหนุ่มจึงได้เปิดประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว แม้เขาจะยังใส่ชุดลำลองเสื้อยืดกางเกงขาสั้น แต่นนท์ก็สังเกตเห็นเรือนผมที่เปียกน้ำใบหน้าของเขาสดชื่นมากกว่าคนที่เพิ่งตื่น ทำให้แน่ใจว่าเขาคงเพิ่งเสร็จจากอาบน้ำแน่นอน


“ มีอะไรรึเปล่าคุณหนู..” คำทักทายแรกของวันทำให้นนท์ถึงกับค้อน นี่จะค่อนขอดกันตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นจากฟ้าเลยเหรอ


“ ที่พี่บอกนนท์ว่าต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าไม่นึกว่าเป็นเรื่องจริง” นนท์บอกสิ่งที่ตนคิดออกไปให้เขารับรู้ แต่ฟังจากน้ำเสียง คนคิ้วเข้มก็ดูออกว่านนท์ไม่ค่อยกล้าจะพูดมากนัก


“ ว่าแต่นายเถอะ ตื่นมาทำไมตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่” ชายหนุ่มหันมามองอีกฝ่ายที่ยืนค้างอยู่หน้าประตู คราวนี้แหละที่เขาเพิ่งสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง พ่อคนเพิ่งตื่นที่มีใจตั้งมั่นจะเอาชนะเขา อยู่ในสภาพที่แทบจะดูไม่ได้ ผมที่ปกติจะถูกฟูฟ่อง อาจมีน้องติชสีฟ้าติดไว้เล็ก กลับลู่ยับเพราะการนอน แถมบางส่วนยังตกปรกหน้า เสียทรงโฟว์สุดเซลฟ์จริงๆ เห็นแล้วต้นก็อดขำไม่ได้


“ หัวเราะอะไร” นนท์ร้อนตัวขึ้นทันควันเพราะจากแววตาของเขา มันบอกนนท์ว่าเขากำลังหัวเราะเยาะอยู่ คนสภาพแย่ไม่รู้ตัวหรอกว่าตอนนี้นนท์ดูโทรมมากแค่ไหน


“ เปล่า..” เขาหยุดหัวเราะเพียงครู่แต่ก็อดใจไว้ไม่ได้จริง นนท์เริ่มคาดคั้นจนเขาต้องลากอีกคนมายืนหน้ากระจก

“ แล้วไงอ่ะ..”

“ นี่ไม่กลัวตัวเองบ้างเหรอ..” ต้นมองอย่างงงๆ ไอ้เด็กหัวฟูทำไมมีความมั่นใจในตัวเองมากขนาดนี้ล่ะ ขนาดสภาพแย่ยังกล้าบอกกลับหน้าตาเฉย

“ เซลฟ์ ไปอาบน้ำดีกว่า” นนท์เชิดหน้าใส่แล้วเดินออกไปอย่างมั่นใจ พ่อติชเอ่ย สมแล้วที่ได้ฉายาว่าติชติสแตก หนูกล้ามาก หนูกล้ามาก นับถือๆ...



แต่ใครจะรู้ว่าทันที่เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำก็ถึงกับหน้าชา รีบตบหน้าตัวเองเรียกสติแทบไม่ทัน ทั้งที่ไม่เคยแคร์อะไร ทั้งที่เคยมั่นใจในความเป็นตัวเอง

แต่ทำไมเพราะเสียงหัวเราะนั้นถึงทำให้นนท์ใจสั่นจนไม่กล้ายืนต่อล่ะ เสียงที่บอกไปเป็นประโยคสุดท้ายหากฟังให้ดี จะจับกระแสสั่นบางๆได้

หรือเพราะต้นเป็นคนนั้น คนที่เคยขโมยจูบแรกของนนท์ไป มันเลยทำให้ใจนนท์สั่นไหว

..แต่อะไรกัน แค่เพียงจูบครั้งสองครั้งจะมีอิทธิพลมากเพียงนี้เชียวเหรอ..

กว่าพ่อลูกหมีติชติสแตกจะลงมาจากห้องก็หมุนซ้ายหมุนขวาหน้ากระจกอยู่นาน เพราะไม่อยากกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนเย็นชาคนนั้นอีกครั้ง นนท์ไม่ยอมพลาดซ้ำสองหรอกถึงแม้จะบอกตัวเองว่าไม่ยอมพลาด แต่นนท์คงลืมไปแล้วว่า เรื่องแรกที่เขาตั้งปณิธานว่าจะตื่นเช้าและจะไม่ไปสายบัดนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่นนท์ลืมออกจากใจเสียสนิท


“ กี่โมงแล้วคุณหนู..” ชายหนุ่มที่รออยู่นานตัดสินใจขึ้นมาเรียกนนท์ถึงห้อง ฟูจังหน้าหวานถึงกับสลดเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเดินตกหลุมอีกครั้งหนึ่งแล้ว



“ คือ..” นนท์เปิดประตูรับเขาด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ เวลานี้ใครล่ะจะกล้ายิ้มแฉ่งต้อนรับเขา ถึงจะมั่นใจก็ตามที แต่อ่านะ..รู้ตัวว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลา ต้นเดินนำนนท์ลงไปโดยไม่ได้ว่าอะไรสักน้อย มันยิ่งทำให้นนท์รู้สึกกังวลมากขึ้นกว่าเดิม นี่แหละนะเขา รู้สึกอะไรก็ไม่ค่อยยอมแสดงมันออกมา แต่พอไอ้แน้วแนวกลับกล้าเอา กล้าเอา พ่อติชของฉัน ..จะมีแววพิชิตใจพี่โระได้ไหมนี่



สองคนที่เดินลงมารวมทั้งคุณแก้วคงไม่รู้ว่าแม่น้องสาวมีแผนผลักติชให้พี่ชายตัวเอง เลยแสร้งเดินไปนั่งจองหลักอยู่เบาะหลัง กางเอกสารตั้งมากตั้งมายจนเต็มพื้นที่ นนท์จำต้องนั่งหน้าโดยปริยาย ..

แผนของเจ้าหล่อนยังไม่จบหลังจากรอบเช้าผ่านไป รอบเย็นต้องเสิร์ฟต่อ


“ อยู่ไหนแล้วแก”


“ เอ่อ ฟูจ๋าเย็นนี้ฉันมีธุระต้องทำรายงานวะ แกกลับบ้านกับพี่ต้นดีๆนะ โทษทีที่กลับด้วยไม่ได้ ยังไงก็ดูแลตัวเองดีล่ะแก” กิ่งร่ายยาวเสร็จสรรพ จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว


“ อะไรวะ มีรายงานแล้วเหรอ เปิดเทอมแค่สองวันเองนะโว้ย”


“ เออๆ แกกลับดีๆนะ” กิ่งรีบตัดสายก่อนจะส่อพิรุธใดๆออกมา จากนั้นหล่อนก็เดินย้อนกลับไปทางเดินเพื่อไปหาแฟนที่นั่งรออยู่ตรงม้าหินอ่อนที่ประจำ

“ เอาไม่กลับบ้านทีเหรอแก”


“ เออ..” กิ่งหน้างอเล็กๆ โธ่ ! ตกลงกิ่งเป็นแฟนมันแล้วใช่ไหมนี่ ดูท่าทางมันไม่ดีใจอะไรเลย จะพูดหวานๆใส่ก็ไม่เค้ยไม่เคย ผู้ชายคนนี้โรแมนติกน่ะรู้จักไหม..


“ ฉันไปแวะห้องแกก่อนนะไอ้คิงคอง ...”


“ ไปสิ” ต่อยิ้มรับเบาๆแล้วเดินนำออกไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล ความรักที่ตั้งบนพื้นฐานของกรอบอันดีงาม จะมีสักกี่คู่กันที่ทำได้อย่างพวกเขาทั้งสอง แม้จะใกล้กันมากมายจนแทบจะแนบชิด แต่ระยะห่างระหว่างความสัมพันธ์ทางกายยังมากที่สุดแค่เพียงการจูบกัน ทั้งต่อ และกิ่งล้วนรู้ดีว่าหน้าที่ในตอนนี้คือเรียน ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันหลังเรียนจบ


ไม่นานทั้งสองก็ถึงห้องของต่อ..สองร่างล้มลงบนโซฟาตัวเดิมอย่างอ่อนแรง



“ แล้วน้องกิ่งล่ะ” หลังจากรถแล่นออกมาได้สักระยะชายหนุ่มก็เอ่ยปากถาม คนหัวฟูแน้วแนวที่กำลังอ่านหนังสือกอสซิปดาราอยู่ใกล้ๆ ตอบไปโดยไม่ได้ละสายตาจากหนังสือสีสันฉูดฉาดนั้นเลย


“ เห็นว่าต้องทำรายงาน น่าจะอยู่ดึกสงสัยงานจะหนักจริงๆดูเสียงกิ่งรีบๆยังไงบอกไม่ถูก” มือน้อยพลิกหนังสืออ่านไปอย่างออกรส ต้นได้แต่มองอย่างขัดตา ในนาทีหนึ่งเขาก็ตัดสินใจดึงหนังสือมาจากมือของนนท์ไปเสีย


“ นนท์ยังอ่านไม่จบเลยนะ ถ้าพี่อยากอ่านก็รอให้คนซื้อเขาอ่านจบก่อนสิ” นนท์ยื่นมือจะเอาหนังสือคืน แต่ชายหนุ่มก็ปามันไปทางเบาะด้านหลัง เจ้าของหนังสือจึงเอี้ยวตัวไปหยิบแต่ก็โดนเขาผลักให้กลับไปนั่งที่


“ อ่านหนังสือในรถมันทำให้สายตาเสียรู้ไหม โตจนป่านนี้แล้วยังไม่มีความคิดอีก..” เสียงของเขาดูสบายๆไม่ได้เคร่งเครียด จึงทำให้ประโยคที่พูดดูนุ่มนวลน่าฟัง


“ โธ่ นนท์เป็นคนอ่านนะไม่ใช่พี่อ่านสักหน่อย ต่อให้ตานนท์เสียก็ตาของนนท์นะ” พ่อคนปากกล้ายังคงเถียงเสียงใส ก็ถูกของนนท์นะ เขาเป็นคนอ่านต่อให้สายตาเสียแต่ก็เป็นตาของเขาไม่ใช่ของพี่ต้นสักหน่อย

“ ดูแล้วมันขัดตา ทำยังกับเด็กๆไร้ความคิด”


“ พี่มาหาว่านนท์ไร้ความคิดได้ยังไง อย่างน้อยนนท์ก็สอบเข้าการตลาดมหาวิทยาลัยเดียวกันกับกิ่งได้ ใครๆก็รู้ว่าคณะนี้ไม่ใช่เข้าง่ายๆนะ ...” ได้ทีก็รีบอวดความภูมิใจ


“ เข้ามาด้วยคะแนนลำดับสุดท้ายนี่นะ แถมคนก่อนหน้านายคะแนนยังห่างกับนายตั้งเจ็ดเปอร์เซน เพราะโชคเข้าข้างทำให้ไม่มีคนกล้าเสี่ยง นายเลยโชคดีต่างหากล่ะ” ข้อมูลจากปากพี่กบหน้ายุ่งทำให้นนท์หันขวับมองเขาตาโต


“ โธ่ ถึงๆ ....ยังไงนนท์ก็สอบติดล่ะน่า” เขาอึกอักไปเพียงครู่ แต่ก็ยังดึงดันนนท์อุตส่าห์ภูมิใจมาตลอดเวลาหลายเดือน วันนี้มาถูกต้นทลายความภูมิใจนั้นลงหมดสิ้นคนฟังจะยอมง่ายๆคงมิมีทาง


“ ก็จริงของนาย เข้ามาได้แล้วก็ช่างมันเถอะ” เขาเหมือนยอมรามือไปโดยง่าย ง่ายจนนนท์ไม่คิดฝันเมื่ออีกฝ่ายยอมอ่อนนนท์เองจึงต้องเงียบปากไปด้วย


ด้วยภาวะเร่งรีบของคนเลิกงานในตอนเย็น ต่างคนก็อยากจะกลับที่พักของตนให้เร็วที่สุด ถนนทุกสายมีรถรามากมายและดูเหมือนจะหนาแน่นกว่าวันไหนๆ กว่าที่สองคนจะกลับถึงบ้านก็สองทุ่มกว่าแล้ว คุณแก้วนั่งรอทานอาหารกับทุกคนโดยนั่งอ่านนิตยสารฆ่าเวลาไปพลางๆ


“ สวัสดีครับแม่” ชายหนุ่มกล่าวทักทายแล้ววางกระเป๋าเอกสารไว้ข้างตัว ใครจะเชื่อล่ะนับวันเขาดูจะเหมือนนักธุรกิจใหญ่ไปทุกที มาดของเขาไม่เหมือนผู้บริหารสำนักพิมพ์เลยสักนิด ชายหนุ่มอีกคนเดินมาใกล้ๆคุณแก้วแล้วนั่งลงเร็วไว เขารีบจ้วงข้าวในจานเข้าปากอย่างรวดเร็ว เพราะรถที่ติดกว่าชั่วโมงทำให้คนหิวจัดได้ทีระบายเข้ากับอาหารข้างหน้า


“ อร่อยจังเลยครับ วันนี้อร่อยกว่าทุกๆวันเลยนะ” นนท์ที่มีข้าวเต็มปากบอกอย่างมีความสุข โธ่ พ่อคนหิวท้องกิ่วทำท่าทำทางจนคุณแก้วต้องลอบยิ้มอยู่หลายที


“ ไม่ต้องรีบหรอก” นางบอกเสียงนุ่มส่งแก้วน้ำให้หลานชายนอกไส้ ว่าที่สะใภ้ที่กิ่งวางตัวไว้ด้วยแผนการอันแยบยล แต่จะว่าไปลูกสาวคนเล็กก็น่าจะกลับมาได้แล้วนะ

หลังทานอาหารเสร็จคุณแก้วก็นั่งรอลูกสาวคนเล็กต่อ..

“ น้าแก้วเป็นอะไรไปครับ นนท์เห็นเดินไปมาตั้งหลายรอบแล้วนะหรือว่าเป็นการบริหารหุ่นรูปแบบใหม่ เดินไปเดินมาเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน” คนที่นั่งดูโทรทัศน์เปรยขึ้นกับตัวเองเล็กน้อย ก็พักหลังมานี้คุณแก้วนับวันดูจะสวยขึ้นๆ แถมหน้าตายังเด็กลงอีกนนท์เลยไปเข้าใจไปอย่างที่คิด


“ นนนี่น้องกิ่งบอกหรือเปล่าว่าจะกลับกี่โมง น้าโทรฯหาตั้งหลายครั้งแล้วนะแต่ไม่มีคนรับสาย” นางที่เดินไปเดินมาถามขึ้นด้วยเสียงที่สุดกังวล ดวงตาของคนเป็นแม่มีแววระส่ำมิเสถียรจนทำให้นนท์เริ่มกลัวใจ เขานั่งนิ่งเพียงครู่ก่อนจะตอบไปด้วยเหตุผลที่ทำให้นางคลายกังวล


“ กิ่งบอกจะอยู่ทำรายงาน เห็นบอกว่ารายงานยุ่งมากบางทีอาจจะนอนหอของน้ำหวานก็ได้นะครับ กิ่งบอกว่าจะโทรฯหาน้าแก้วเอง นี่น้าแก้วยังไม่ได้รับโทรศัพท์เหรอ” นนท์แสร้งสร้างชื่อของใครก็ไม่รู้ให้เดินไปตามบทที่ดูเหมาะสม


“เหรอ..” เมื่อได้รู้ที่มาที่ไปนางเลยวางใจยอมขึ้นไปนอน ส่วนอีกคนก็นั่งดูโทรทัศน์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นกลับไปบ้าง


นนท์ครุ่นคิดอย่างสงสัย พยายามโทรฯติดต่อกิ่งหลายครั้งแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบกลับ ระหว่างที่เดินขึ้นใจก็ลอยไปไกลไม่ทันระวังตอนขึ้นบันได คนที่เดินสวนลงมาถูกนนท์ชนเข้าอย่างจัง คนโดนชนไม่เป็นอะไรเลยสักนิดเพราะเขาออกจะแข็งแรงล่ำสัน ต่างจากน้องลูกหมีสติชผิดศีลตัวบางร่างเล็กจึงเซไปด้านหลัง ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีคว้าตัวนนท์ไว้ด้วยสัญชาตญาณ


“ เฮ้ย” นนท์ร้องเสียงหลงเพราะเข้าใจว่าร่างของเขาต้องหล่นลงไปข้างล่างแน่นอน ไม่อยากคิดภาพเลยตกลงไปข้างล่างคงต้องระบมไปทั้งตัวแน่นอน แอฟโฟ่ว์อาจยุบตัวไม่ฟูฟ่องอย่างต้องการ ความคิดของเขามาหยุดลงเมื่อคนที่ช่วยเขาไว้กลับถูกร่างของนนท์ทับเทไป ทำให้ชายหนุ่มหงายหลังลงนอนพื้นเช่นกัน โชคยังดีที่ด้านหลังของเขาอีกไม่กี่ขั้นก็จะถึงพื้นชั้นสองแล้ว ขืนตกไปทางด้านหลังของนนท์นี่สิท่าจะแย่



“ ลุกขึ้นรึได้ยัง คุณหนู” เสียงเขาผลักนนท์ให้หลุดออกจากภวังค์ความหวาดหวั่น พ่อหัวฟูปรือตาไปมากะพริบมันถี่แล้วถี่อีก ภาพที่เขาคิดไว้มันควรจะตกลงไปนอนพะงาบๆที่ด้านล่างไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมกลับไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนเลย แถมหน้าของใครที่จูบนนท์ยังลอยเข้ามาใกล้ๆจนเขาแทบหยุดหายใจ


“ คือ..พี่มาตรงนี้ได้ยังไง” ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าถามไปทั้งที่ยังทับร่างของเขาอยู่


“ นายลุกก่อนสิคุณหนู ตัวหนักยังกะช้างนี่ถ้าพี่กระดูกหักไปนะ จะให้หมอหักของนายมาใส่คืนให้
คอยดูสิ” ชายหนุ่มบอกเสียงราบเรียบ เอาอีกแล้ว...ทุกครั้งไม่ว่าเขาจะรู้สึกยังไง น้ำเสียงและสีหน้าก็เย็นเฉียบไม่แสดงอารมณ์ร้อนหนาวใดๆออกมา


“ โธ่” นนท์ฝืนใจทำเสียงร่า ค่อยๆยันพื้นบันไดใกล้ๆเพื่อลุกขึ้นนั่ง คนโดนทับเหมือนถูกปลดปล่อยออกจากพันธนาการ เขารีบยันตัวขึ้นนั่งข้างนนท์ ทันที


“ เรื่องซุ่มซ่ามนี่...นายสมควรได้ถ้วยรางวัลจริงๆเลยนะ เป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ใครก็คงเลียนแบบไม่ได้ จะแก้ยังไงก็คงไม่หาย บางทีมันอาจแทรกซึมเข้าไปในสารพันธุกรรมนายแล้วก็ได้นะ หรือไม่ก็อาจลามขึ้นสมองต้องตกอยู่ในภาวะโรคซุ่มซ่ามซินโดรมตลอดชีวิตเลยก็เป็นได้” ประโยคก่อนที่เขาจะลุกเดินไป คนฟังแอบหน้าชาไม่น้อย แต่สักพักความรู้สึกเคืองก็หายห่างไป เพราะนนท์ยังมีเรื่องสำคัญของกิ่งให้คิดอีกนะสิ เพื่อนตัวดีของเขา ไปนอนไปค้างที่ไหนก็ไม่คิดจะบอกกันบ้างเลย โทรศัพท์หาก็ไม่รับ …


“ กิ่งนะกิ่งไปไหนนะ” ชายหนุ่มเดินพึมพำกลับเข้าห้องตัวเองไปใจก็คิดฟุ้งไปต่างๆนานา คิดจนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัว



นนท์เพิ่งมารู้ตอนไปมหาวิทยาลัยว่ากิ่งดันหลับคาอกต่อเมื่อวานนี้...ขืนคุณแก้วรู้นนท์ได้โดนฉีกอกแน่..โธ่ เล่นบอกว่าน้ำหวานเหรอ ดูหน้าเจ้าคิงคองสิมันหวานตรงไหน ..


“ นี่ถ้าไม่อยากได้ชุดไปมหาวิทยาลัยแกก็ไม่คิดจะโทรฯมาเลยใช่ไหม ไอ้ลิง อุตส่าห์ห่วงว่าจะเป็นอะไรที่แท้ไปให้คิงคองมันซบนี่เอง” นนท์รัวฉะรวดเร็วตามประสา ..เรื่องไวต้องยกให้เขาล่ะ เป็นที่หนึ่งใครจะแย่งหามีทาง


“ โธ่พี่แบจ๋า กิ่งผิดไปแล้ว ใครจะรู้ล่ะว่าเผลอหลับไป แต่ที่แกพูดมันผิดใครว่าฉันจะให้มันซบ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายนะ...ฉันต่างหากที่ซบมัน..”


“ ไอ้นี่..ไม่สำนึกเลยนะแกฉันกำลังประชดแกอยู่โว้ย..”


“ เออๆ รู้แล้วน่า เอาชุดมาให้ด้วยนะ แล้วแกบอกแม่ว่าไงวะนนท์” กิ่งบอกไป พลางนึกกังวลถึงเรื่องมารดา กลัวว่านางจะเป็นห่วง ..

“ บอกว่าไปนอนหอเพื่อนชื่อน้ำหวานว่ะ..”

“ น้ำหวานไหนวะ”

“ ช่างน้ำหวานมันเถอะ พระอินทร์เข้าฝันฉันให้ยกชื่อมาพอใจหรือยัง ชวนฉันคุยมากๆระวังถ้าพี่แกมาบ่นฉัน..ฉันจะเขกหัวให้เละเลยไอ้ลิง” นนท์เริ่มบ่นอู้อี้ พลางเหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะก็ต้องเร่งให้เร็วกว่าเดิม เมื่อวานก็สายไปทีหนึ่งแล้ว

“ เออ ขอบใจแกมากนะ”


“ คุณหนูกี่โมงแล้ว” เสียงของพี่ต้นดังขึ้นข้างนอกทำให้นนท์ต้องรีบวางโทรศัพท์ลง และแล้วพี่ต้นก็ต้องมาเรียกนนท์เป็นวันที่สอง ความตั้งใจจะไม่สายเหมือนจะมีอุปสรรคกั้นขวางแทบทุกวันเลยสิ เอาเถอะๆพรุ่งนี้นนท์จะเอาใหม่รับรองไม่สายแน่นอน ไม่เชื่อหรอกว่าอีกสามวันที่เหลือนนท์จะสายอีก

...คนผมฟูกระชับยามบังสุกุลใบใหญ่ขึ้นคล้องแขนแล้วเปิดประตูเดินตามต้นโดยไม่ยอมเสียเวลาเลยสักนิด แต่ก่อนลงบันไดก็แอบแวบไปหยิบชุดนักศึกษาของกิ่งยัดในกระเป๋า แล้วเดินตามพี่ต้นไป

“ เย็นนี้จะให้พี่ไปรับกี่โมงล่ะ”


“ แล้วแต่สะดวกเถอะขอรับ...” เหมือนนนท์จะประชดกลายๆแต่ต้นก็ไม่ได้ถือสาอะไรตอบกลับไปจนคนนั่งเบาะข้างๆแทบล้มหงาย

“ งั้นสองทุ่มไหวไหม วันนี้พี่มีประชุมเย็นกว่าประชุมจะเลิกก็คงทุ่มกว่า ...ถึงมหาวิทยาลัยของนายก็ราวๆสองทุ่มนั้นแหละ” น้ำเสียงของเขาไม่ได้มีแววหยอกเย้าเลยสักนิด ก็นนท์เปิดโอกาสมาขนาดนี้แล้วเขาก็เลยบอกไปตามความจริง

“ นี่พี่พูดจริงหรือพูดเล่นครับ”

“ จริงๆ วันนี้มีประชุมกองบก.ที่สำนักพิมพ์ ต้นฉบับเดือนนี้ยังสรุปไม่ได้เลยบางทีประชุมอาจยืดยาวไปจนค่ำก็เป็นได้” ฟังแล้วก็น่าเวียนหัวไม่น้อย นนท์มองไปมองไปมาก็ตัดสินใจบอกเขาเสียงใสตัดความกังวลให้เขาโดยทันที
“ ไว้ตอนเย็นให้นนท์กลับแท็กซี่กับกิ่งล่ะกันนะ นั่งแท็กซี่วันเดียวคงไม่เป็นไรหรอก พี่ประชุมไปเถอะนะ” นนท์บอกอย่างจริงใจ ก็คนหน้าสวยไม่อยากให้เขาห่วงหน้าพะวงหลังจริงๆนี่


“ ก็ดี” แต่พอได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย นนท์ก็แอบหน้าบึ้งเล็กน้อย ช่างเป็นชายหนุ่มที่น่าตบจริงๆ พูดไม่มีเยื่อใยอะไรเลยสักนิด แทนที่จะพูดขอบใจสักนิดก็ไม่มี

‘ คนบ้าอะไรนี่ จริงๆพี่ควรจะพูดคำอื่นมากกว่านะ ต่อให้แสร้งพูดก็ยังดี... นี่รับหน้าตาเฉยเลย ก็ดีเหรอ พูดเหมือนนนท์เป็นภาระเลยนะ .....เฮ้อว่าไปนนท์ก็เป็นภาระเขาจริงๆนี่’ ความฟุ้งซ่านภายในหัวตีกันไปมาจน นนท์ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ารถเคลื่อนมาจอดหน้ามหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว


“ คุณหนู” เขาเรียกย้ำเป็นครั้งที่สาม เพราะมือที่ลอบยื่นไปดึงหูประกอบเสียงเรียกจึงทำให้ นนท์รู้สึกตัว หันมองอย่างงงๆ


“ ดึงหูนนท์ทำไม”


“ ก็พี่อยากจะดูหูนายหน่อย ว่าทำไมเรียกตั้งสองครั้งแล้วยังนั่งเฉย สงสัยจะหูตึงไปแล้วอายุอานามยังไม่เท่าไหร่เลย... พี่เรียกตั้งนานแล้วนะทำไมไม่ขานเสียทีล่ะ”

“ แล้วจะเรียกนนท์ทำไมล่ะ”

“ เปิดตาหน่อยครับคุณหนู ถึงมหาวิทยาลัยแล้วนะ” เขาจับหัวนัทหมุนไปมองข้างๆ คนเพิ่งรู้ตัวหันกลับมามองด้วยรอยยิ้มกระดากใจ ยกมือไหว้ลาแล้วรีบลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยไก่ต่อหน้าเขาตัวโตอีกแล้ว

เมื่อร่างของนนท์ลับไปชายหนุ่มจึงยิ้มออกมาบางๆ …

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2009 01:29:21 โดย LoveNineTeen »

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 5
«ตอบ #17 เมื่อ08-07-2009 00:56:35 »

พี่ชายตัวดีก็เย็นชามากเลย  :sad4:
ส่วนนู่ติชก็อินโน ไปถึงไหนไม่รู้
โอ๊ยย อ่านละมาต่อด่วนเดะเคลียด

nune

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 5
«ตอบ #18 เมื่อ08-07-2009 01:05:43 »

กอด  :กอด1: คนเขียนและคนโพส
คอเดียวกันแน่นอนค่ะ  ^^
ขอบคุณนะคะ สำหรับเรื่องสนุกๆ ชอบนนนี่ ต้น ต่อและกิ่งมากๆๆ  :pig4:

(ตอบกลับแล้วนะคะ ไม่รู้มันไปหรือเปล่า แบบว่ายังใช้ไม่ค่อยเป็นอะ - -)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2009 03:15:10 โดย nune »

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 5
«ตอบ #19 เมื่อ08-07-2009 02:10:39 »

^
^
^
จิ้ม...ขอจิ้มคนคอเดียวสักหน่อย55555(พวกเดียวกันหรือเปล่าเนี๊ย)

เช็ค pm. ด้วยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 5
« ตอบ #19 เมื่อ: 08-07-2009 02:10:39 »





LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 6
«ตอบ #20 เมื่อ08-07-2009 03:13:02 »

ตอน 6

หลังจากวันนั้นต้นก็รับหน้าที่มารับมาส่งนนท์ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ ก่อนที่ปลายสัปดาห์รถยนต์คันใหม่จะปรากฏขึ้นที่บ้าน ..นนท์ดีใจมาก แต่กลับรู้สึกไม่สบายใจพ่วงมาด้วย นนท์ยังคงคิดว่าที่บ้านประสบปัญหาทางการเงินเลยไม่อยากให้มารดาต้องใช้จ่ายให้กับเขามากนัก..


นับจากวันนั้นนนท์กับกิ่งก็ไปมหาวิทยาลัยพร้อมกัน ...ส่วนเรื่องของนนท์กับพี่ต้นก็ยังเหมือนเดิมเจอหน้ากันที่ไรได้ปะทะฝีปากกัน ประจำ


เวลาในบ้านหลังใหม่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม้กระนั้นสมาชิกใหม่ก็ยังไม่คลายเศร้าคลายความคิดถึงจากมารดาที่อยู่ห่างไกล แม้นางจะโทรฯมาหาลูกชายสุดที่รักทุกสัปดาห์

แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความว้าเหว่และเศร้าใจของนนท์เจือจางลงได้ ความรักที่มีนับวันจะเพิ่มเติมเต็มจนล้นออก นนท์ได้แต่ลอบถอนใจบางๆ แม้เดี๋ยวนี้เขาไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่แล้ว แต่เขายังติดนิสัยนั้นมาจนถึงทุกวันนี้เวลาสามเดือนผ่านไปเร็วอย่างที่นนท์ไม่คาดฝัน

นี่เขาอยู่ในบ้านวรโชติครบสามเดือนแล้วเหรอนี่



ใช่สิ การเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งของเขาใกล้จะจบแล้วเหมือนกัน แสงของฟ้าเริ่มเหลือบไรที่ปลายขอบห่างไกล ความสว่างแม้จะไม่โรยลงให้กระจ่างทั้งบริเวณ แต่แสงวันใหม่ก็พอสาดให้ฟ้าไม่มืดมิด ชายหนุ่มถอดรองเท้าแตะที่สวมอยู่ออกแล้วยกเท้าวางไปบนพื้นหญ้าที่ชุ่มด้วยน้ำค้าง ก้าวของเขายังเดินหน้าไปเรื่อยๆราวกับจะซึมซับความสดชื่นสดใสของบรรยากาศรอบกายให้มากที่สุด อยากจะสลัดความเหนื่อยล้าออกไปให้หมดแต่ไม่ว่าจะพยายามเช่นไร หัวใจของนนท์ก็ยังไม่ยินยอมอยู่ดี

....ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนสูดอากาศยามรุ่งสางตรงระเบียงหน้าห้องของเขาเหลือบมองทุกอากัปกิริยาของน้องลูกหมีสติช แววตาของพี่ต้นแอบวูบไหวไปกับภาพนั้น เขาเองยังไม่รู้หรอกว่าทั้งหมดเป็นแผนการของมารดาอัจฉริยะข้ามวันข้ามคืนของทั้งสอง ความสงสารเข้ามาจับขั้วหัวใจ ชะตาของนนท์ช่างน่าเศร้า


“ คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกมิวสิควิดิโอหรือ” เสียงของคนอยู่ชั้นสองดังเข้ามากระทบโสตประสาทของชายหนุ่มที่กำลังดื่มด่ำรสธรรมชาติ เขาหันมองต้นเสียง


“ ตื่นเช้าเหมือนกันนี่...” ประโยคต่อมาเอ่ยออก จับจ้องไปยังชายผมฟูในชุดโดเรมอนสีฟ้า ..


“ คงอย่างนั้น นนท์รู้สึกไม่ค่อยง่วงสักเท่าไหร่ก็เลยตื่นมาเดินเล่น” นนท์แย้มปากออกยิ้มเพียงน้อย เพื่อบังบดความกังวล พยายามจะร่าเริงต่อหน้าทุกคน


“ อย่างนั้นก็ดีแล้ว ตื่นเช้าจะได้มาสูดอากาศบริสุทธิ์” เขาบอกกลับไป รอยยิ้มที่เขาเห็นในยามนี้แม้จะเบิกบานแช่มชื่น แต่แววตาของน้องสติช คุณหนูของเขาไม่ได้ยิ้มตามไปเลย แม้จะยืนอยู่ห่างจากนนท์ แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าดวงตาของอีกคนกำลังร่ำไห้ร้องหาบางอย่างที่ขาดหายไป



“ นนท์กลับเข้าบ้านไปหาอะไรกินดีกว่า..” คนชุดสีฟ้ากลับไปสวมรองเท้าที่ถอดทิ้งไว้ แล้วรีบเดินเข้าในตัวบ้าน เมื่อพ้นจากสายตาของอีกคนน้ำตาก็ไหลเร็วออกเป็นสาย มือน้อยๆยื่นขึ้นปัดออกไล่ความอ่อนแอ


“ ตื่นแต่เช้าเลยนะนนนี่” คุณแก้วที่กำลังขึ้นโต๊ะกล่าวทักทาย วันนี้นางตื่นเร็วกว่าปกติเช่นกัน
ทำไมต้องเร่งรีบทำอาหารตั้งแต่เช้าเช่นนี้


“ วันนี้มีอะไรพิเศษหรือครับ น้าแก้วถึงได้ตื่นมาทำอาหารแต่เช้า”

“ วันนี้น้าจะออกไปธุระสักหน่อย เลยทำอาหารเตรียมไว้ก่อน ถ้าพี่ต้นกับน้องกิ่งลงมาก็บอกด้วยนะว่าน้าไปธุระ..” คนจัดการข้าวของน้ำเสียงกระหืดกระหอบ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นราวกับสัญญาณเตือนให้นางต้องเร่งมือให้เร็วกว่านี้

“ดูน้าแก้วรีบๆนะครับ”

“ใช่แล้วเพื่อนน้าโทรฯมาตามแล้ว” นางยังเหมือนพะว้าพะวง เพราะอาหารยังทำไม่เสร็จเลยแต่เสียงโทรศัพท์ก็โทรฯตามจิกไม่เลิก สุดท้ายเลยต้องไหว้วานให้นนท์จัดการต่อ

“ น้าต้องไปแล้วจริงๆ เหลือแกงส้มอีกแค่อย่างเดียวแล้วนนท์ดูให้น้าหน่อยนะ รอให้มันเดือดก็เรียบร้อยแล้ว” เพราะเห็นว่าอาหารที่เหลือแค่รออย่างเดียวเลยวางใจไหว้วานเขา ชายหนุ่มที่ยืนใกล้ก็รับคำอย่างรวดเร็วเพราะเห็นว่ามันไม่ได้ยุ่งยากอะไร

“ ครับน้าแก้วรีบไปเถอะ”


“จ้ะ ไว้ตอนเย็นๆน้าจะซื้อขนมมาฝากนะน้าไปก่อนล่ะ อย่าลืมให้น้องกิ่งไปทำธุระให้น้าด้วยล่ะ” ท้ายประโยคยังมีอีกคำสั่งเพิ่มขึ้นแล้วคุณแก้วก็รีบคว้ากระเป๋าใบงามออกจากบ้านไปทันที


“ แกงส้มเหรอ” เขาเดินพึมพำเข้าไปในครัว กลิ่นหอมเผ็ดร้อนของแกงที่กำลังตั้งไฟลอยมาเตะจมูก ชายหนุ่มยกฝาหม้อเปิดออกดูก็เห็นว่ายังไม่ทีท่าจะเดือด

เขาเลยเดินกลับไปทำอย่างอื่น ทำไปทำมาก็เริ่มจะลืมตอนกลับเข้ามาในครัวอีกครั้งก็ตกใจจนบ้านแทบแตก เพราะตอนนี้แกงส้มเดือดจนแห้งหมดหม้อ เริ่มมีไฟลุกขึ้นความร้อนและควันไฟพร่าสติของนนท์ไปหมด เขารีบเอาหม้ออีกใบไปรองน้ำจากก๊อกแล้วเทใส่หม้อแกงส้มอย่างเร่งรีบ ในที่สุดก็จัดการผ่านพ้นแต่กว่าจะทำได้คนผมฟูที่หน้าหมองเพราะเขม่าที่ลอยขึ้นมาติดเสียแรงตกใจไปหลายแคลอรี่ ....

“ ทำอะไรนี่ควันฟุ้งออกไปถึงข้างนอกเลย” ชายหนุ่มที่เดินตามกลิ่นไหม้และควันไฟถามขึ้น แม้จะไม่เห็นต้นเพลิงแล้วก็ตาม แต่กลิ่นยังลอยอบอวลไปทั้งห้อง เขาเหลือบมองไปยังตัวการที่ยืนทำหน้าไม่ถูก นนท์พยายามจะเอาตัวบังหม้อแกงส้มที่เละเทะแต่ก็ปิดอีกฝ่ายไม่ได้ ชายหนุ่มร่างหนั่นเดินมาแหวกร่างบางของนนท์ให้หมุนไปอีกทาง


“ นี่อะไร..” เขาหยิบทัพพีมาคนในหม้อที่แทบจะดูไม่ได้ นนท์ยิ้มให้แสนจางจะบอกยังไงล่ะ
แต่สุดท้ายเขาก็วางเสียงปกติตอบหน้าตาย

“ แกงส้มไง พี่ไม่มีตาหรือ”

“ แกงส้มอะไรน้ำใสยังกับน้ำล้างจานอย่างนี้ แล้วดูสิยังมีกลิ่นไหม้เหมือนกับประชุมเพลิง” เขาประชดเสียงเรียบมอง นนท์อย่างอดไม่ได้ที่จะติ


“ ก็ใครจะรู้ล่ะ นนท์แค่ไปเก็บของแป๊บเดี๋ยวเท่านั้น กลับมาก็เห็นมันเดือดจนแทบจะหมดหม้อแล้ว” นนท์พยายามแก้ตัว


“ โธ่แล้วใครสอนนายให้ใช้น้ำดับไฟอย่างนี้ล่ะ จริงๆมันก็พอจะกินได้อีกแต่โดนนายเล่นสงกรานต์อย่างนี้ก็ต้องเททิ้ง” มือใหญ่ยกหม้อที่ถูกละเลงด้วยน้ำไปเททิ้งใกล้ๆ

“ ทำอะไรกันคะ เสียงดังไปถึงห้องกิ่งเลย” สมาชิกอีกคนของบ้านเดินลงมาสมทบ แต่ดูๆไปคงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอนหญิงสาวจึงได้นิ่งแล้วเดินไปนั่งรอข้างนอก



ด้วยเพราะตอนเช้าทำให้สองคนพี่น้องอดทานแกงส้มฝีมือคุณแก้ว นนท์เลยเข้าครัวเป็นลูกมือกิ่งที่ได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากมารดาเต็มๆ แม้จะไม่ได้ทำอาหารอร่อยมากนักแต่ก็พอทำเนา ไม่ใช่เล่นๆ จะมาดูถูกไม่ได้หรอก


“ ไข่เจียวนี่ต้องใส่ตอนน้ำมันร้อนๆจะได้ฟูสวยแล้วไม่อมน้ำมัน” คนบอกยกชามที่ใส่ไข่จะเทใส่กระทะแต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ



“ งั้นฝากหน่อยนะ พอเหลืองก็พลิกไปอีกด้านแล้วก็ตักขึ้นได้เลย” กิ่งเดินซ้ำรอยมารดาเข้าจนได้ วางใจไม่ถูกคนเสียแล้ว หญิงสาวสั่งเสร็จก็เดินออกไปรับโทรศัพท์ปล่อยนนท์ไว้คนเดียว เพราะแม้แต่ตะหลิวยังไม่เคยจับแล้วคิดเหรอว่าสภาพของสิ่งที่กิ่งวางใจจะออกมาดูได้


พี่ชายคนโตของบ้านเดินเข้ามาอย่างปกติ เขาไม่เอะใจเลยสักนิดว่ากำลังจะเจอเข้ากับอะไร ชายหนุ่มวางสูทตัวเก่งพาดลงที่พนักเก้าอี้เช่นทุกทีที่ทำ จากนั้นคุณแก้วก็กลับถึงมาบ้านติดๆ สองคนแม่ลูกกำลังนั่งรอที่โต๊ะอาหาร เพราะรู้กันว่าหากวันไหนมารดาไม่อยู่น้องสาวคนเล็กก็จะเข้าครัวทำอาหารแทน


อาหารถูกทยอยมาวางราวสักสามสี่อย่างเมื่อถึงจานสุดท้ายสองแม่ลูกก็ถึงกับอึ้ง


“ นี่มันอะไร อย่าบอกนะว่าฝีมือนายอีกแล้ว” แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่แววตาที่มองมามั่นใจมาก
ว่ามันต้องเป็นผลงานจากความสามารถของนนท์


“ ก็นนท์ทำไม่เป็นนี่ กิ่งมันออกไปโทรศัพท์จะให้นนท์ทำยังไงล่ะ” คนผิดพลาดตอบดื้อๆ



“ โธ่พี่ต้น ทอดไข่ครั้งแรกแล้วได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเยี่ยมแล้วนะ น้องกิ่งเห็นด้วยกับแม่ไหม ใครๆก็เป็นกันได้ทั้งนั้น” นางยกมือลูบแขนตัวเองเบาๆพยายามจะหาคำที่เหมาะสมมาเข้าข้างหลานนอกไส้



“ ค่ะแม่” ดูเหมือนแม่ลูกสาวจะไม่ค่อยจะเต็มใจร่วมมือ เพราะหลักฐานก็ชี้มูลความผิดอยู่เห็นๆ
พี่ต้นยกช้อนในจานขึ้นเขี่ยไข่เจียวที่เกรียมเสียยิ่งกว่าเกรียม ต้องพูดว่าเกรียมเสมอทั้งชิ้นเลย


“ นี่มันไข่เจียวแน่เหรอ ให้ตายเถอะ”


“ โธ่พี่ไม่เคยได้ยินเหรอ อย่าดูแต่รูปลักษณ์ภายนอกสิบางทีกินแล้วมันอาจอร่อยก็ได้นะ ถึงนนท์จะทอดแต่น้องกิ่งเป็นคนปรุง รับรองได้หายห่วง”


“ นายยังคิดว่ามันกินได้อีกเหรอ”


“ นนท์...” เขาจนคำพูด จะพูดได้ยังไงล่ะ เห็นๆกันอยู่สภาพมันควรจะทิ้งลงถังขยะตั้งแต่ควันลุกโขมงก่อนหน้านี้แล้วต่างหาก


“ เลิกเถียงกันเถอะนะ ยังมีอย่างอื่นอีกนี่เถียงกันอยู่ได้ ลูกก็เป็นพี่โตแล้วนะ ไปถือสาอะไรกับความผิดเล็กๆน้อยๆของน้องล่ะ” คุณแก้วรับหน้าที่เป็นคนเจรจาหย่าศึก เพราะหากปล่อยไว้นานกว่านี้กรุงศรีฯคงต้องแตกแน่นอน แม้จะสงบลงแต่ในใจนนท์ก็ยังคงมาดมั่น ยังไงพรุ่งนี้นนท์ต้องแก้ตัวให้สำเร็จไม่มีทางจะปล่อยให้เขามาว่านนท์อย่างนี้ได้อีก ไม่มีวันอีกแล้วที่เขาจะว่านนท์ได้



แม้จะตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ยอมถูกคนหน้าบึ้งด่าซ้ำ แต่เพราะนนท์ไม่เคยทำงานบ้านเองเลยตั้งแต่เด็กเรื่องทำอาหารจึงเป็นหมวดงานที่คนหัวฟูสอบตกอีกเหมือนเคย แม้จะมีคุณแก้วคอยแนะคอยชี้แต่ผลงานที่ออกมาก็ห่างไกลจากต้นตำรับหลายสิบกิโลเมตร


“ ไม่เป็นไรหรอกนนนี่ ครั้งต่อไปเชื่อน้าสิต้องดีกว่านี้แน่นอน...” อาจารย์จำเป็นปลอบใจศิษย์ที่ยืนหน้าเศร้าเพราะผลงานที่ออกมาไม่ค่อยน่าอภิรมย์ชมชื่นนัก



“ ครับ” แม้จะรู้ว่าคำปลอบนั้นเป็นเพียงการปลอบให้คลายเศร้า แต่ชายหนุ่มก็ยังอดเสียใจไม่ได้อยู่ดีอีกอย่างเขาอาจต้องรับฟังคำวิจารณ์เสียๆหายๆจาก เจ้าพี่ต้นจอมบึ้งอีกก็เป็นได้.. ต้นนั้นไม่ใช่พวกสนใจความรู้สึกของคนอื่นเสียด้วย ไม่รู้เขาจะว่าอะไรหนักๆหรือเปล่า


“ ครั้งแรกก็เป็นอย่างนี้แหละ คนเราก็ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆจะทำปุ๊บอร่อยปั๊บ อย่างนั้นร้านอาหารก็ไม่ต้องมีแล้วล่ะ เพราะใครๆก็ทำได้อร่อยเหมือนกันจะเสียเงินออกไปซื้อข้างนอกทำไมล่ะ เอาเถอะแล้วเราค่อยมาฝึกกันใหม่...” นางวางมือลูบบ่าหลานชายตัวเล็ก ..หวังให้เขาเลิกกังวล



วันนี้ต้นกลับบ้านมาด้วยความเครียดที่รุมเร้ามาจากที่ทำงาน ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้านชายหนุ่มพยายามปรับอารมณ์และวางความเครียดทั้งหมด เดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าวางเฉย เขาพยายามแยกเรื่องส่วนตัวกับงานไว้อย่างชัดเจน เพราะทันทีที่เอาความเครียดเรื่องงานกลับมาบ้าน คนอื่นๆก็จะพลอยไม่สบายใจไปด้วย

“ สวัสดีครับแม่...” ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ประจำของเขา เหมือนทุกคนจะมีสีหน้าไม่ปกติ จนเขาเองสังเกตเห็น


“ มีอะไรกันเหรอ”

“ เปล่าหรอก” มารดาเป็นคนตอบ ยังกลัวๆอยู่ไม่หายเพราะนางรู้ดีว่า ตั้งแต่ที่เขาเริ่มเข้าทำงานที่บริษัท เหมือนลูกชายของนางจะกลายเป็นคนละคน ปกติต้นเป็นพวกขี้เล่นและร่าเริง แต่พักหลังมานี้เขาเปลี่ยนเป็นวางเฉยและไม่ค่อยสนใจคนรอบข้างสักเท่าไหร่ เหตุผลแท้จริงที่นางไม่รู้คือความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในวันเลี้ยงอำลาต่างหากล่ะ ปมที่กลายเป็นมีดปาดใจ


....เป็นแผลที่ฝังอยู่ และไม่มีวันที่แผลนั้นจะหายสนิท
ความเจ็บปวดผลักเขาให้หลุดออกจากโลกแห่งความร่าเริง นางกังวลจนเลิกกังวลมานานแล้ว เพราะจะว่าไปนี่ก็ใกล้จะครบหนึ่งปีที่พ่อลูกชายของนางเปลี่ยนไป มันคงกลายเป็นความเคยชินเสียแล้ว



“ ทานข้าวเถอะ” คนเป็นแม่ละสายตาจากใบหน้าของลูกชายแล้วหันไปยกฝาชีออก ชายหนุ่มมองตามอย่างสงสัย แต่พอได้เห็นก็เข้าใจถึงสีหน้าผิดปกติของทุกคน



“ นี่....”



“ ก็วันนี้น้องเขาอยากลองเข้าครัวดูใหม่ แม้มันจะออกมาไม่สวยแต่ก็อร่อยดีนะ” นางยกช้อนในมือตักทานเป็นตัวอย่าง แม้ปากจะบอกว่ารสชาติไม่เลวแต่รสที่ลิ้มได้ไม่ได้บอกนางอย่างนั้นเลย



“ แม่ แม่ทานเข้าไปได้ยังไงนี่” ชายหนุ่มที่ตักตามถึงกับต้องรีบดื่มน้ำตามหลายฮึก ไล่ความเค็มของหมูทอดกระเทียมพริกไทย ที่น่าจะเรียกว่าหมูคลุกบ่อเกลือทอดกระเทียมพริกไทยมากกว่า


“ ทำไมพี่ต้องโอเวอร์อย่างนี้ล่ะ...มันไม่แย่ขนาดนั้นสักหน่อย” เจ้าของผลงานหน้างอ แล้วตักมันเข้าปากบ้างและอาการของนนท์ก็ไม่ได้ต่างจากเขาเลยแม้แต่น้อย


“ นั้นสิพี่ต้นกิน กับข้าวเยอะหน่อยมันก็หายเค็มแล้ว” แรงเชียร์ของคนที่สองทำเป็นแบบอย่างให้ดู เพราะเธอแอบชิมไอ้หมูทอดข้างหน้าแล้วตั้งแต่ต้น จึงรู้วิธีหลบหลีกอย่างเหมาะสม


“ แล้วนี่อะไร แกงจืดหรือน้ำเปล่า”


“ โธ่” คนหัวฟูจ๋อยพูดไม่ออกสักคำ เพราะยิ่งนานเข้าอาหารทุกอย่างของเขาก็ถูกติไปหมด บางทีไม่ควรจะเรียกว่าอาหารด้วยซ้ำกระมัง เป็นแค่ของที่เกือบจะทานได้เท่านั้น



“ ผมขึ้นห้องก่อนนะ กินไม่ลง” ต้นวางช้อนลงแล้วเดินออกไป โดยไม่แคร์จิตใจคนทำอาหารเลยว่าจะรู้สึกอย่างไร ก็นี่แหละเขา.


...เป็นคนอย่างนี้แหละ จะทำอะไรก็ทำโดยไม่คิดถึงใจคนอื่น



“ อย่าไปถือสาพี่เขาเลยนะ ของอย่างนี้เราหัดกันได้” ประมุขของบ้านปลอบใจ แต่ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นนท์เสียความรู้สึกไปแล้ว แม้จะไม่พอใจกับการกระทำของอีกฝ่าย แต่นนท์ก็รู้ดีว่าเพราะฝีมือทำอาหารแสนห่วยของเขาเองถึงทำให้ต้นเดินขึ้นห้องไปโดยไม่ทานอะไรเลย



“ น้าแก้วช่วยต้มมาม่าให้นนท์หน่อยนะ เดี๋ยวนนท์จะไปตามเขาลงมา ถึงยังไงกลับมาบ้านเหนื่อยๆเขาก็ต้องโมโหเป็นธรรมดา นนท์ไม่ถือคนหิวหรอก” ชายหนุ่มพยายามจะรับผิดชอบแต่น้ำเสียงที่สองแม่ลูกจับได้ก็รู้ดีว่ามันช่างเศร้าเกินบรรยาย



“ จ้ะ” นางรับคำ จากนั้นตัวต้นเหตุเรื่องราวทั้งหมดก็เดินขึ้นไปตามต้นทันที ฝีเท้าที่ย่ำลงทุกก้าวพยายามจะวางน้ำหนักให้ปกติ นึกไปแล้วก็โกรธตัวเองไม่หาย นนท์เองนี่แหละที่ทำให้อีกฝ่ายโมโหและทำร้ายความรู้สึกของนนท์เอง ชายหนุ่มมาหยุดอยู่หน้าห้องของคู่กรณีครู่หนึ่งรวบรวมสติสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ แล้วเคาะประตูเรียกเจ้าของห้อง


“ ครับ” เขาขานรับ เดินมาเปิดประตูในเวลาต่อมา


“ มีอะไรอีกล่ะ” น้ำเสียงเนือยๆทำให้นนท์ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาอีก ช่างเถอะวันนี้นนท์จะยกให้ถือเพราะทั้งหมดเป็นความรับผิดของนนท์เพียงผู้เดียว


“น้าแก้วให้นนท์มาตามพี่ไปกินข้าว..” คนตัวเล็กยกประมุขของบ้านมาเป็นข้ออ้าง


“ ให้กลับไปกินไอ้ของพวกนั้นนะเหรอ จ้างพี่สิบล้านก็ไม่ยอมลงไปหรอก พรุ่งนี้ยังมีประชุมแต่เช้าอีกขืนกินเข้าไปได้ท้องเสียแน่” ชายหนุ่มบอกปฏิเสธซึ่งหน้า


“ น้าแก้วต้มมาม่าให้แล้ว ไม่ได้ให้พี่ไปกินของเดิมสักหน่อย”


“ เชอะ อย่าคิดว่าพี่จะหลงกลอีกต่อให้ต้มมาม่าจริง พี่ว่านายก็ต้องใส่โน้นใส่นี่ผิดซองอีกจนได้ สู้อยู่เฉยๆทนหิวไปดีกว่า” คนบ้าอะไรพูดจาไม่หัดเกรงใจคนอื่นเลย คนที่ใช้ความอดทนมานานถึงกับหน้าชา
คนอะไรนี่...เก่งนักเรื่องทำร้ายใจคนอื่น นี่แหละนะแฟนเก่าของเขาถึงได้ไม่ยอมแต่งงาน นี่แหละนะสมควรแล้วที่เขาต้องอกหัก

“ นนท์ไม่ได้โง่ขนาดนั้นสักหน่อย”



“ ไม่ได้โง่อย่างนั้นเหรอ คงใช่...พี่ว่านนท์นี่คงแรงกว่านั้นแน่นอน คนอะไรทำงานไม่เป็นสักอย่างตอนซักผ้าก็ฟองกองแทบท่วมบ้าน แค่ทอดไข่ยังไหม้จนเป็นเตาตะโก หรือจะแกงส้มที่แค่แม่ให้เฝ้ากลับปล่อยให้เดือดจนหม้อแทบทะลุ” เขาจ้องหน้านนท์กลับไม่เกรงสายตาที่มองมาอย่างไม่พอใจเลย



“ สักวันนนท์ก็ต้องทำได้สิ”


“ ต่อให้เป็นจริง แต่ก็คงเหมือนไอ้หมูทอดวันนี้นั้นแหละ ได้ทำ...ไม่ใช่ทำได้”



“ คนบ้านิสัยไม่ดี นนท์ทำผิดแค่ครั้งสองครั้งอย่าเหมารวมว่านนท์ต้องทำผิดไปตลอดชีวิตสิ อย่าดูถูกความสามารถของคนอื่นนักเลย...” ชายหนุ่มทลายเขื่อนแห่งความอดทนลง ขืนปล่อยให้เขาพูดต่อ นนท์คงประสาทเสีย

... แต่คนที่ยืนตรงข้ามก็ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกราง่ายๆ…

“ ก็มันเป็นความจริง คนเรามันต้องยอมรับสภาพของตัวเองสิ อย่างนายนะไม่มีวันหรอกพนันได้เลย” ดูเขาจะปรามาสเธอมากเกินไปแล้ว


“ ถ้านนท์ทำได้ล่ะ”


“ ไม่มีทาง..”

“ นนท์ถามว่าถ้านนท์ทำได้ล่ะ.”


“ ถ้าทำได้พี่ยอมให้ตบหน้าสองทีเลยเอา แต่พนันกันได้เลยอย่างนายไม่มีวันหรอก...พี่จะคอยดูความพ่ายแพ้ของนายแล้วกันนะ” ดูสิดูคนบ้าอะไรนี่ดูถูกคนเก่งจนน่ายกถ้วย

“ พี่คอยดูนะ ภายในหนึ่งปีต่อจากนี้พี่ต้องตะลึง นนท์จะกลายเป็นคนใหม่แล้วก็เตรียมหน้าของพี่ให้ดีๆล่ะ วันนั้นมาถึงนนท์จะตบให้ปากฉีกเลยให้สมกับปากเสียๆ ชอบทำร้ายจิตใจคนอื่น” ไม่รู้เสียแล้วว่ากำลังเล่นกับใครอยู่ แม่น้องสติชติสแตกน่ะหากคิดจะทำอะไรแล้วต่อให้อุปสรรคมากมายแค่ไหนก็ขวางเขาไม่ได้หรอก เห็นทีต้นคงต้องเตรียมหน้าไว้อย่างที่นนท์ว่า



ทางฝ่ายสองสาวต่างวัยเห็นว่านนท์ขึ้นไปนานมากแล้ว ก็เกรงว่าสองคนข้างบนจะทะเลาะกันอีก ไว้ใจได้ที่ไหนล่ะ สมัยเด็กๆทะเลาะกันแทบเป็นแทบตาย


“ แม่ว่าจะนานไปแล้วนะ”


“ กิ่งก็ว่า ดูสิค่ะรอจนมาม่าพองเต็มชามจนแทบกินไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่านนท์กับพี่ต้นกำลังทะเลาะกันอยู่นะ” กิ่งไม่อยากเดาเลย


“ แม่ก็กลัว...เราขึ้นไปดูกันดีกว่า ขืนทะเลาะกันจริงได้มองหน้ากันไม่ติดแน่นอน” เพราะคุณแก้วรู้ดีว่าหากทั้งสองกลับไปเป็นเช่นวันวาน แผนการปรับนนท์ให้กลายเป็นคนใหม่จะถูกทำลายไปด้วย ไม่มีวันยอมหรอก สองแม่ลูกเลยร่วมแรงขึ้นไปตามสมาชิกใหม่ของบ้าน


“ พี่จะคอยดู แต่เอาเถอะไม่อยากเถียงแล้ว บอกคุณแม่ด้วยล่ะกันว่าพี่ไม่หิวแล้ว” ชายหนุ่มยอมรามือไปจะคอยดูสิว่า คนหัวฟูจะทำได้อย่างที่อวดอ้างสรรพคุณไว้หรือเปล่า



‘ คนนิสัยไม่ดี ไม่รู้จักนนท์เสียแล้วคอยดูนะพี่ต้องหน้าหงายแน่ฉันรับรอง’ คนยืนใกล้แอบเข่นเขี้ยวในใจ จะพูดออกมาก็ไม่กล้าหรอก

“ มายืนค้อนพี่ทำไม”



“ คนนิสัยไม่ดี...นนท์ไปดีกว่าไม่พูดด้วยแล้ว” ชายหนุ่มร่างเล็กตัดทอนความคิดในใจเหลือแค่ประโยคแรกที่ถ่ายทอดออกมาให้เขาได้ยิน ชายหนุ่มเลิกคิ้วหนามองเด็กขี้งอนที่กำลังเอี้ยวตัวกลับไปชั้นล่าง

แต่ไม่ทันไรเลย คนปากกล้าที่บอกว่าจะเปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่ก็เกิดสะดุดขาตัวเอง ร่างนั้นเซถลาเสียศูนย์ถ่วง มือใหญ่ที่อยู่ใกล้รีบคว้าร่างของอีกคนไว้อย่างทันควัน แต่เพราะแรงที่กระชากร่างของคนหัวฟูมีมากกว่าเขาก็แทบจะต้านแรงไปไหว จำต้องก้าวตามแรงนั้นไประยะหนึ่ง


โชคยังดีที่มีราวบันไดช่วยชีวิต หลังของคนปากเก่งมีราวบันไดมารองรับจึงทำให้แรงที่ดึงสองคนให้ไปข้างหน้าหยุดลง แต่เพราะความกะทันหันของการหยุด คนที่ไม่มีราวบันไดมาค้ำด้านหลังจึงได้เซไปข้างหน้าไม่หยุด ร่างของเขาเขาประชิดร่างของนนท์อย่างห้ามไม่ได้

สองคนแนบชิดกันยิ่งกว่าอะไร ตอนนี้หน้าของคนตัวเล็กซบลงกับอกแข็งแรงของคนนิสัยไม่ดีเข้าแล้ว กลิ่นหอมอ่อนๆจากเขาลอยมาแตะจมูกพ่อร่างบาง เหมือนทั้งสองถูกโลกผลักไสออกจากกาลเวลา ตอนนี้ทุกอย่างดูฟุ้งและลอยลิ่ว ร่างเหมือนเบาบางพร้อมจะถูกสายลมพัดไปทุกทาง



“ เป็นอะไรหรือเปล่า...” เสียงนุ่มนวลเอ่ยถามเพื่อตัดความฟุ้งซ่านให้หลุดออกไป นนท์เลิกลั่กไม่น้อยไม่รู้จะทำยังไง แต่หน้าของเขาก็ยังคงซบอยู่กลางอกอีกฝ่ายไม่คลาย



“ ทำอะไรกันนี่.” เสียงของเขาในทีแรกดูจะไม่มีผลเท่าเสียงนี้ สองหนุ่มหันไปมองทางต้นเสียงแล้วต้องผละออกจากกันโดยอัตโนมัติ โธ่ก็คุณแก้วและลูกสาวคนสวยมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้

“ อย่าบอกนะว่าพี่ต้นกับนนท์” กิ่งพยายามชี้นำความคิดของมารดาให้มองเห็นตามไปอย่างที่เธอคิด คนตัวสูงถึงกับร้อนตัวบอกปัด ( เจ้าเล่ห์จริง ยัยผู้หญิงคนนี้..ฮ่าๆ)


“ อย่าคิดอะไรบ้าๆนะน้องกิ่งพี่กับน้องบ๊องติชติสไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นสักหน่อยมันเป็นอุบัติเหตุชัดๆอย่าคิดอะไรเลยเถิดไปนะ” ปกติหากเขาไม่ได้ทำก็จะตอบไปด้วยความฉะฉาน แต่วันนี้มารดาจับกระแสเสียงได้ว่าเขามีความอึกอักและไม่ชัดถ้อยชัดคำสักเท่าไหร่


“ ลูกชอบนนท์เหรอ”


“ แม่ / น้าแก้ว” สองเสียงจากคู่กรณีดังขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่ต้นจะชิงพูดก่อน


“ บ้า ผมเป็นผู้ชายนะแม่...ผมจะไปชอบไอ้เด็กไร้สาระคนนี้ได้ยังไง”


“ นี่มาว่านนท์อย่างนี้ได้ยังไง...นนท์ไร้สาระตรงไหน” นนท์เหลืออด ตีไหล่อีกฝ่ายแรงๆทีหนึ่ง ถามอย่างไม่เข้าใจ นนท์ไร้สาระตรงไหน…


“ ก็ไอ้ลูกหมีสติชสติแตกไง... ไอ้ความซุ่มซ่ามคุณสมบัติไม่เข้าขั้นสักอย่างเดียว คิดเหรอว่าผู้ชายคนไหนจะชอบ ถ้าให้พี่เดาตั้งแต่เกิดมานายก็คงไม่เคยมีแฟนละสิ” การคาดเดาของเขาเป็นความจริง แต่นนท์ก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี


“ ทำไมพี่พูดอย่างนี้ล่ะ คอยดูนะนนท์ต้องทำให้พี่ชอบนนท์ให้ได้ ดูถูกกันดีนักคนอะไรนิสัยไม่ดีเลยจริงๆ ต่อให้นนท์ไม่เคยมีแฟนแล้วจะทำไมล่ะ คอยดูนนท์จะทำให้พี่กลายเป็นเกย์..ไอ้หน้ากบใจดำ..” ชายหนุ่มประกาศก้องออกมาแล้ว ปฏิบัติการกำลังจะเริ่มต้นเพื่อเปลี่ยนความคิดของเขาให้จงได้ แต่นนท์ลืมไปหรือเปล่าว่านนท์นี่เป็นผู้ชายนะจ้า........................


“ ไม่มีวัน”


“ ดูถูกเกินไปแล้ว ทุกคนเป็นพยานให้นนท์นะถ้านนท์ทำให้พี่ต้นชอบนนท์ไม่ได้ นนท์ยอมรำแก้บนหน้าอนุสาวรีย์ชัยฯสิบเก้ารอบ” คิดไปได้ยังไงพ่อคนปากกล้า แต่ก็ช่างเถอะความคิดพันลึกพิสดารออกจากปากนนท์ก็คงไม่แปลกนักหรอก เฉพาะการแต่งตัวที่ต้องมีไอ้ลูกหมีสีฟ้าสติชสติแตกประดับตกแต่งก็บอกความพิลึกของนนท์ได้แล้ว ไหนจะทรงผมไม่กลัวฟ้ากลัวดินอีกล่ะ..เจ้าประคู้ณ


“ ...” นนท์เชิดหน้าใส่แล้วรีบวิ่งเข้าห้องของตัวเองทันที


“ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวขึ้นห้องเหมือนกัน” ชายหนุ่มรีบปลีกตัวไปเช่นกัน เพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาให้สองคนที่เหลือจับผิด เมื่อร่างของเขาลับเข้าไปในห้องแล้ว สองแม่ลูกก็หันมาปรึกษาแผนการกันต่อ


“ ตาย ! น้องนนนี่ของแม่...กล้ามากเลย...” เสียงหวานที่ดังออกมาอย่างดีใจทำให้กิ่งถึงกับงงในท่าทีของมารดา..


“ แม่คะ...นนท์เป็นผู้ชายนะคะ”


“ เป็นผู้ชายแล้วทำไมล่ะลูก...”


“ นี่แม่เชียร์นนท์ให้ได้กับพี่ต้นจริงเหรอ...............” กิ่งถึงกับเหวอแตก..ไม่นึกว่ามารดาของหล่อนเองก็จะไม่ธรรมดาเหมือนเพื่อนสนิทด้วย ..



“ แล้วทำไมล่ะ..ก็แม่รักนนท์ ชอบน้องนนท์นี่.แม่จะเชียร์มันผิดเหรอ อีกอย่างความรักมันไม่มีขอบเขตสักหน่อย ..ใครกำหนดกันว่า ผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงแล้วจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต...ชิชะ...นี่ใคร นี่ใคร..คุณแก้ว สองพันเก้านะจ้า..ลูกจ๋า...” ท่าทางการพูดทำให้แก้วอดจะยิ้มขันไม่ได้..มารดาของเธอท่าทางจะอยู่ใกล้กับนนท์มากเกินไป แต่หญิงสาวกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก...เพราะนั้นคือความสดใส...ตั้งแต่นนท์ก้าวเข้ามา คุณแก้วเองก็ดูร่าเริงขึ้น พูดเก่งขึ้น ...


“ แสดงว่าต่อจากนี้เราก็เชียร์นนท์...ใช่ไหมคะแม่”


“ ถูกต้อง.................” สิ้นเสียงของคนสูงวัยกว่า สองแม่ลูกก็ส่งเสียงหัวเราะกันคิกคัก..คอยดูเถอะ ปฏิการพิชิตใจ พี่Kero หน้ายุ่ง สนุกแน่..งานนี้.. รู้จัก Stitch หัวฟูน้อยไปเสียแล้ว ...ฮ่าๆ..


‘ในที่สุดแม่ก็เปลี่ยนเป็นแนวร่วมกับฉันจนได้ ขอโทษทีนะฟูจัง..ถ้าไม่ติดว่าฉันรักไอ้คิงคองมันก่อน ฉันคงไม่ขัดแม่ ยังไงแกเป็นพี่สะใภ้ฉันแทนละกันนะจ้า .’ กิ่งคิดเพียงลำพัง ในหัวก็นึกแผนการโน้นนี่ แต่อย่างแรกที่สมควรทำมากที่สุดคือ เจ้าผมทรงโตของพ่อคนมั่นใจในตัวเอง ..


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 6
«ตอบ #21 เมื่อ08-07-2009 06:32:15 »

หุหุ งานนี้กองเชียร์เพียบ  :z2: :z2:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 6
«ตอบ #22 เมื่อ08-07-2009 08:55:13 »

คุณแม่แก้วเยี่ยมจริงๆ น่ารักมาก :z2:

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 6
«ตอบ #23 เมื่อ08-07-2009 09:10:09 »

พี่ Kero Vs น้อง Stich  :z2:

สนับสนุนโดย เจ๊แก้ว 2009 & กิ่งรักคิงคอง

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 6
«ตอบ #24 เมื่อ08-07-2009 11:40:26 »

เอาล่ะซี่ ๆๆๆ
นนนี่สู้เค้าน๊า หุหุ

ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 6
«ตอบ #25 เมื่อ08-07-2009 18:15:32 »

 :z1: :z1: :z1:

นนนี่ ไฟต์ ไฟต์

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 6
«ตอบ #26 เมื่อ08-07-2009 21:27:16 »

อ่านเม้นแต่ละคนแล้วเชียร์ นนนี่ กันใหญ่เลย(คนโพสยังเชียร์เลย55555)

แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่างานนี้ไม่งาย ก็พี่ต้นออกจะเย็นชาซะขนาดนั้น

สงสัยกองเชียร์คงต้องลุ้นกันเหนือย 55555

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 7
«ตอบ #27 เมื่อ08-07-2009 22:14:40 »

มาลุ้นกันต่อเลยค่ะ


ตอน 7

เช้าวันนี้เป็นวันเสาร์ที่ชายหนุ่มหน้าคมต้องทำงาน แม้จะบอกว่าเป็นวันหยุดแต่เขาก็เลือกจะไปเคลียร์งานที่ค้างคาที่สำนักพิมพ์ในวันนี้ จะว่าไปวันว่างของเขาก็มีแค่วันเดียวในรอบสัปดาห์เท่านั้น เนื่องจากช่วงนี้เศรษฐกิจในประเทศค่อนข้างฝืดเคือง จึงทำให้ทุกบริษัทต้องปรับตัวให้ทันกับกระแสเพื่อให้เกิดความแข็งแกร่งในการฝ่าฟันอุปสรรค


ส่วนพ่อคนปากกล้า...วันนี้ก็ลงทุนตื่นแต่เช้าชวนเพื่อนสาวออกไปตลาดใกล้ๆหมู่บ้าน กิ่งถึงกับสงสัยหนัก ปกตินนท์ไม่ชอบไปตลาดเลยสักนิดเพราะกลิ่นที่คละคลุ้ง แถมน้ำที่ไหลเจิ่งในบางที่ทำให้เขาขยาดกับการไปจ่ายตลาดยิ่ง แต่วันนี้เกิดอะไรขึ้นมาชายหนุ่มผมฟูถึงได้ยอมมานะ

เมื่อเห็นไข่สองแผงที่พ่อคุณซื้อจากตลาด กิ่งก็ถึงกับอึ้งพูดไม่ออก...เพราะดูมันจะมากเกินไปกับบ้านที่มีคนอยู่แค่สี่คน

“ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าไข่เจียวกับไข่ดาวฉันจะทำไม่ได้..แกต้องช่วยฉันด้วยไอ้ลิง ..” ความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะลบคำปรามาสของเขาก่อเกิดในใจของนนท์


กิ่งนั่งมองเพื่อนอยู่ใกล้ๆด้วยความนับถือ แม้ไข่เจียวจะไหม้ไปแล้วหลายต่อหลายฟอง แต่นนท์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะล้มความตั้งใจเลย จากที่ไหม้เกรียมทั้งใบก็ค่อยๆดูดีขึ้นเป็นลำดับ จนในที่สุดสภาพมันก็ออกมาดูดีน่าทานเลยทีเดียว


“ ว้าว กิ่งมานี่เลยดูสิฉันทำได้แล้ว.” นนท์ส่งเสียงลั่นบ้านด้วยความดีใจ ผลงานที่เขาภาคภูมิใจแม้จะหมดเวลาไปเป็นชั่วโมงกับทอดไข่ให้ออกมาสวยแต่มันก็คุ้มค่าการรอคอย สัญญาณของชัยชนะกำลังเริ่มต้นขึ้นเงียบๆภายใต้พันธะสัญญาของคนสองคน


“ จริงด้วยรับรองพี่ต้นเห็นแล้วต้องอึ้งแน่นอน”



“ แกอย่าปากโป้งนะกิ่ง ให้ไอ้พี่หน้ากบเข้าใจว่าฉันทอดอันไหม้ๆนั่นแหละ ของอย่างนี้น่ะมันต้องรอวันตีแต้มทีเดียวมันถึงจะสะใจ” นนท์ร้องห้ามไว้ จริงอย่างที่เขาว่านั่นแหละให้ต้นอึ้งทีเดียวไปเลย การล่าเหยื่อก็ต้องปล่อยให้มันชะล่าใจไปก่อน พอมันไม่ระวังถึงค่อยกระโจมตะครุบ อย่างนั้นสิถึงจะมั่นใจได้ว่าเหยื่อจะไม่รอดมือไปไหน เสร็จแน่ไอ้พี่โระหน้ายุ่ง

..
“ งั้นก็ตามใจแกละกัน..”


การเริ่มต้นในวันนี้คือสัญญาณที่ดีกับการเปลี่ยนแปลง หลังจากวันนั้นนนท์ก็เริ่มปรับปรุงส่วนอื่นๆในชีวิตเปลี่ยนไปทุกด้าน

แม้จะมีอุปสรรคที่ทำให้เขาต้องท้อใจแต่ก็ยังดีที่มีกิ่งและคุณแก้วคอยให้กำลังใจ และพยุงเขาไปตลอดทางเวลาหนึ่งปีครึ่งในบ้านวรโชติผ่านไปเร็วจนน่าเหลือเชื่อ นับจากวันที่เกิดการท้าทายกัน...ทั้งสองคนก็ไม่พูดถึงเรื่องวันนั้นอีกเลย นนท์อยากให้เขาเข้าใจว่านนท์ลืมเรื่องวันนั้นไปแล้ว

อยากให้เข้าใจว่าอย่างนั้นจริงๆ ถึงจะเถียงกันบ่อยครั้ง แต่เวลาหนึ่งปีที่ผ่านมานี่ทำให้ทั้งสองสนิทกันมากขึ้น มากกว่าก่อนๆสามารถพูดคุยกันได้บ่อยครั้ง

“ กิ่ง พรุ่งนี้แกว่างไหม.”


“ ทำไมเหรอ”


“ฉันว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนลุค เพราะอย่างอื่นลงตัวหมดแล้ว คอยดูเถอะทันทีที่เปิดเทอมปีสามพี่ต้นต้องถอนคำพูดที่เคยดูถูกฉันไว้” เพราะเขาคือแรงบันดาลทำให้นนท์ยอมลงทุนเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง


“ เอาอย่างนั้นเลยเหรอ” กิ่งถึงกับอึ้งอีกครั้ง..หลังจากอึ้งแล้วอึ้งอีกในการเปลี่ยนแปลงของนนท์ ..


“ เมื่อวานฉันถามไอ้คิงคองว่าทำไม คนอย่างฉันถึงไม่มีคนชอบ แกรู้ไหมว่ามันบอกอะไรฉัน” คำถามของนนท์ดังขึ้น ฝ่ายกิ่งได้แต่มองอย่างใคร่รู้..


“ อะไรเหรอ”


“ นี่” คนผมฟูคลี่กระดาษที่พับยาวเป็นห่างว่าวลงให้กิ่งดู หญิงสาวมองอย่างแสนอึ้งนี่เจ้าคิงคองหน้าหยกเขียนข้อเสียของเพื่อนสนิทตรงหน้าได้มากขนาดนี้เลยเหรอ

“ ดูสิ” นนท์ยื่นให้


“ แต่นี่” พอพลิกอ่านดูดีๆ กระดาษที่พับยาวมีเพียงความว่างเปล่า ข้อความแท้จริงอยู่ในแผ่นสุดท้ายต่างหากล่ะ พ่อคนผิวขาวแค่อยากจะล้อเล่นกับน้องหมีสติชเท่านั้นเอง


“ ไอ้ลูกหมีของแก บวกผมทรงเว่อร์ แน้วแนวไร้สถานะของแก” กิ่งอ่านตามที่ต่อเขียนเอาไว้


“ นั่นสิดูมัน กล้ามาว่าน้องหมีของฉัน แต่เอาเถอะในเมื่อฉันตั้งใจแล้วยังไงฉันก็ยอมสละได้ คอยดูนะถ้าไม่มีคนมาจีบ ฉันไม่ยอมจริงๆ” ปมด้อยที่ถูกเขาหยันเมื่อปีก่อนยังลอยวนในห้วงคิด ดูความมุ่งมั่นของนนท์แล้วหญิงสาวอีกคนก็พร้อมจะสนับสนุนเต็มที่ ไอ้เรื่องแต่งตัวไม่ต้องห่วง คนสวยอย่างกิ่งถนัดอยู่แล้ว มีคลาส..น่าจะเป็นเรื่องสนุกมากกว่าที่ได้จับเพื่อนสนิทแปลงร่างที่ขัดหูขัดตามาหลายปีให้กลายเป็นคนใหม่ ที่ทุกคนต้องมอง เธอจะทำให้พ่อคนที่ถูกหาว่าไร้สาระเป็นดาวดวงเด่นของคณะให้จงได้


วันนี้สองเพื่อนสนิทรีบเร่งตื่นแต่เช้าจนประธานของบ้าน..ต้องแปลกใจ


“ เดี๋ยวเย็นนี้แม่จะรู้เองค่ะ แต่รับรองว่าทุกอย่างโอเคแน่นอน” กิ่งกะพริบตาใสหนึ่งครั้งก่อนบอกลามารดาที่ยังคงค้างคาความสงสัย

“ ทำอะไรพิเรนทร์ อีกหรือเปล่านะสองคนนี่” นางยืนพึมพำคนเดี๋ยวอีกครู่หนึ่ง ลูกชายคนโตก็เดินมาสมทบมองมารดาอย่างแปลกใจ ปกตินางไม่ใช่เหม่อชอบยืนเหม่อใจลอยเช่นนี้


“ เป็นอะไรไปแม่”


“ เอ้า พี่ต้นมาตั้งตอนไหนแม่ไม่เห็นรู้เลย”


“ ผมเรียกแม่ตั้งสองครั้งแล้วนะ แต่แม่ยังยืนเหม่อทำอย่างกับนางเอกมิวสิค ขอเตือนนะแม่ไม่ใช่สาวๆแล้วห้ามทำตัวเหมือนยัยน้องกิ่งที่ออกไปเที่ยวเล่น” เขาพูดทีเล่นทีจริงเรียกเสียงหัวเราะจากมารดาได้ไม่น้อย นางเดินโอบเอวลูกชายคนโตกลับเข้าไปในบ้าน นี่ก็ปีกว่าแล้วที่นนท์ก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้าน แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าจะหวั่นไหวหรือโอนเอนจิตใจไปทางนนท์เลย

คนลุ้นชักจะอ่อนใจอยู่หลายคราแต่เพราะพัฒนาการต่างๆที่ดีขึ้นจนน่าแปลกใจของสมาชิกใหม่ทำให้นางมีความหวังกลับคืน ความลับที่ทุกคนปิดไว้ไม่ให้เขารู้ ช่วงหนึ่งปีหลังมาต้นจะกลับบ้านเฉพาะศุกร์เสาร์อาทิตย์ ส่วนวันที่เหลือก็จะนอนค้างที่คอนโดมิเนียมใกล้ๆสำนักพิมพ์


นนท์จึงมีเวลาปรับปรุงตัวเองอยู่มาก แต่ก็ไม่เคยแสดงความสามารถออกมาให้เขาเห็น นนท์บอกว่ากลัวงูจะตื่น ตีงูต้องตีทีเดียวให้แดดิ้นจะตีแบบครึ่งๆกลางๆงูก็จะแว้งมากัดได้..ดูสิจะว่าไปขิงก็ร่าข่าก็แรงจริงๆ เพราะอีกฝ่ายนั้นปากร้ายเหลือเกิน ร้ายจนอาจจะมากกว่าผู้หญิงบางคนด้วยซ้ำ
กิ่งลากเพื่อนสนิทมาหยุดอยู่หน้าร้านตัดผมชื่อดังในห้างสรรพสินค้าที่แสนทันสมัยใจกลางเมือง นนท์มีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยถึงจะเตรียมใจมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ผมนี่เขาอุตส่าห์ไว้มาตั้งนาน แอฟโฟ่วลูกรัก ..ไม่นะ..ไม่ ..ทำใจไม่ได้โว้ย


“ ฉันบอกแล้วว่าจะให้เขาจัดทรงใหม่ให้ ผมแกตอนนี้ของแกมันเว่อร์ไป นึกถึงหน้าเฮียแบไว้ นนท์ ..นึกไว้เกาหลีเว้ย เกาหลี ..” กิ่งกอดแขนเพื่อนไว้แน่นพลางกล่าวคำนั้นซ้ำๆ

“เกาหลี..ๆ” นนท์กล่าวทวนสะกดจิตตัวเอง.. ( ฮ่าๆ..บ้าได้อีก)


“ ช่วยเปลี่ยนเพื่อนกิ่งให้ไปเลยนะคะ” ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามจำเป็น พูดบอกกับช่างทำผมที่เธอมักแวะเวียนมาใช้บริการประจำ


“ คือคุณน้องคะ ร้านพี่ไม่ได้รับทำอุปกรณ์เครื่องครัวนะคะ คงไม่ต้องการฝอนขัดหม้อ..” เจ้าของร้านเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบาๆ ทำให้คนสะกดจิตตัวเองหน้างอเล็กน้อย แต่เพราะแรงบีบที่ต้นแขนจากกิ่งทำให้เขาทวนคำนั่นกับตัวเองอีกครั้ง


“ เกาหลี..เกาหลี..เฮียแบโว้ย....โอ๊ย .เจ็บชิบ...( หาไม่เจอ)” นนท์ที่กำลังสะกดจิตตัวเองถึงกับสะดุ้งโหยง เพราะหวีที่สางลงบนเจ้าแอฟโฟ่ว์แสนภาคภูมิ..


“ ทนหน่อยนะคะคุณน้อง..” เจ้าของร้านบอก ก่อนจะลงมือเทน้ำยายืดผมชนิดเข้มข้นที่สุดในร้าน..ผสมในอ่างแก้วใบใหญ่..และเริ่มละเลงลงบนผมที่ชุ่มน้ำหมาดๆ.จัดการพิชิตแอฟโฟ่วแสนภาคภูมิ..กิ่งนั่งมองอย่างชื่นชม ..นนท์ยอมทำได้ทุกสิ่งจริงๆ..เธอเชื่อแล้ว


คนผมยาวนั่งพลิกนิตยสารเล่มแล้วเล่มเล่าเป็นการฆ่าเวลา จนเมื่อหนังสือเล่มที่สิบแปดปิดลงการรอคอยของเธอก็จบลงพร้อมกัน ช่างผมเดินนำออกมาก่อนพร้อมทั้งเรียกให้กิ่งเดินเข้ามาดูใกล้ๆ

ผมทรงใหม่ ....

ที่ผ่านการทำทรีตเมน ลงน้ำยายืด ..และทำสี.. อบโอโซน ( รู้สึกจะเคยไปทำที่เกศเกล้า..ผมสวยเชียว..โปรโมตหน่อยฮ่าๆ..) ดูสลวยพลิ้วไปมา ..ผมที่ดัดซอยจนเข้าทรงราวนักร้องเกาหลี ยิ่งใบหน้าที่แสนใสยิ่งรับกับผมทรงนี้..แถมสีแปซิฟิคแอสบลูอ่อน ( ไปเกศเกล้าแล้วรู้ว่ามันเป็นอะไร..ใครเขามีร์เห็นแนะนำทุกราย) ที่เปลี่ยนทำให้หน้าดูสว่าง..


LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 6
«ตอบ #28 เมื่อ08-07-2009 22:52:56 »

“ กรี้ด ..เพื่อนกิ่งค่ะ ๆ เป็นไงบ้างหล่อไหมคะ” กิ่งพูดเสียงใส ตอนแรกที่เห็นก็ตะลึงในความหล่อ ตายแล้วนนท์..ฉันเปลี่ยนใจทันหรือเปล่า ..เอาอิต่อยกให้พี่ต้นละกัน เดี๋ยวฉันมาควงแกแทน


“ เว่อร์แล้วไอ้ลิง ..รู้สึกแปลกๆวะ” นนท์บอกเสียงเข้ม พลางยืนมองตัวเองในกระจก ส่วนบนดูเข้าที่เข้าทาง แต่ส่วนล่างยังไม่ไหว เจ้าเสื้อแนวติดกระดุมคอ กับกางเกงสีหวานเย็น รองเท้าผ้าใบเน่าๆ..เปลี่ยนด่วน


“ เดี๋ยวต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย” กิ่งพึมพำ ก่อนจะควักเงินจ่ายค่าทำผมแสนแพง ( แพงมาก..ยืนยัน) และเดินนำนนท์ออกจากร้านทำผมโดยไว..ทั้งสองเดินกันไปตามร้านเสื้อผ้าแถวสยาม ไม่ได้ติดยี่ห้ออะไรมากมาย เลือกที่ถูกใจดูจะเข้าท่ากว่า


“ เสื้อผ้าที่มีอยู่ในตอนนี้โล๊ะทิ้งให้หมดเลยนะ ไอ้ของพวกนั้นต้องถึงเวลาบริจาคแล้วแหละ
ต่อไปนี้แกต้องจำไว้ให้ดี ชุดนอนถ้าจะเลือกเป็นเสื้อยืดกับกางเกงเล..หรือขาสั้นก็ได้ แต่อย่าเอาอิโดเรมอน บ๊องๆ หรือจะน้องติชติสแตกของแก .. ชุดทั่วไปควรจะมียีนส์สักหน่อย แต่ไม่ใช่ไอ้เน่าที่แกใส่อยู่ ถ้าให้ดีเสื้อก็น่าจะเป็นเชิ้ตขนาดพอดีตัว บางก็เป็นกางเกงสี่ส่วนผูกขา ฉันว่าแต่งมาดเด็กเกาหลี ญี่ปุ่นแกเหมาะมากเลยนะ.. รองเท้าก็เป็นผ้าใบสักคู่ แต่ไม่เอาแบบที่ใส่อยู่..สับสีกันจนน่าประหลาดจิต ..” กิ่งร่ายยาวถึงสิ่งที่ต้องเปลี่ยน ..พูดง่ายๆคือทุกอย่างในตัวนนท์ต้องเปลี่ยนหมด


“ ได้ทีก็บ่นเอา ๆ เลยนะไอ้ลิง”


“ โธ่ ฉันทำเพื่อแกเลยนะโว้ย ...” กิ่งยิงฟันขาวเมื่อรู้ว่าตนร่ายบ่นยาวเกินควร ..โธ่ๆ ...เธอก็อยากทำให้นนท์ดูดีก็เท่านั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรมากสักหน่อย


“ เฮ้อ.. เอาไงเอากัน” นนท์ยอมคล้อยตามความคิด เล่นซื้อแทบทุกร้านในสยาม แถมก่อนกลับยังไปตัดคอนเทคเลนส์สีอ่อนมาอีก .. เลยทำให้แรงหดหายไปหมด ความเหนื่อยล้าจากการไปช๊อปปิ้งในวันนี้ทำให้คนเปลี่ยนแปลงบุคลิก ถึงกับล้มหลับไปเมื่อหัวถึงหมอน นอนหลับทั้งที่ยังไม่หกโมงเย็น



กิ่งเรียกมารดามาดูข้าวของที่ซื้อมาอีกทั้งได้เห็นผมทรงใหม่ของว่าที่สะใภ้ก็ถึงกับตะลึง เพราะนนท์ดูดีขึ้นมากจริงๆ มากจนแม้แต่ผู้หญิงอย่างนางยังนึกชอบ กลางดึกของวันนั้นคนอ่อนแรงตื่นขึ้นเพราะเริ่มจะอิ่มกับการนอน ชายหนุ่มหันมองโดยรอบก็พบว่ามันเป็นเวลาเกือบตีสองแล้ว เขาลุกขึ้นยืนเพื่อเปิดดูรายงานที่จะส่งในวันจันทร์ พลางควานหาแว่นอันหนาขึ้นมาสวม..เพราะไม่อยากใส่คอนเทคเลนส์ให้วุ่นวาย เลยเลือกจะเอาเจ้าแว่นเน่าขึ้นมาประคองใบหน้าแทน


“ ตายแล้วเขียนไม่เสร็จเลย” นนท์โวยวายเสียงดัง แม้จะอิ่มจากการนอนแล้วก็ตามแต่อาหารง่วงงาวก็ยังตามรังควาญเขาไม่เลิก ชายหนุ่มเปิดประตูห้องลงไปชั้นล่างเพื่อหากาแฟมาดับความง่วง


“ใช่สิ พรุ่งนี้วันอาทิตย์นี่แล้วฉันจะถ่อรีบไปทำไมยังมีเวลาเหลืออีกตั้งหนึ่งวัน” เดินลงมาแล้วความคิดก็ผุดมา แต่ไหนๆก็อุตส่าห์เดินลงมานนนท์เลยหาอะไรดื่มสักหน่อย จากเครื่องดื่มที่ไล่ความง่วง เขาก็เปลี่ยนเป็นมองหาของที่ทำให้หลับสบายขึ้นแทน ช่างสับสนในตัวเองจริงๆ ดวงตาวาวโรจน์เหลือบเห็นชาสมุนไพรที่วางไว้บนชั้นก็หยิบมาอย่างมีหวัง



เขาจำได้ว่าคุณแก้วเป็นคนซื้อมาเมื่อวันก่อนบอกว่ามันจะช่วยทำให้หลับได้สบายขึ้น ของที่เขาไม่ใส่ใจในวันนั้นตอนนี้กำลังเป็นประโยชน์กับเขาเข้าแล้ว หลังจากอุ่นน้ำให้ร้อนในเตาไมโครเวฟ นนท์จึงเดินดุ่มกลับขึ้นห้องไปอย่างมีความสุข กลิ่นหอมของใบชาลอยมาแตะจมูกก็ทำให้รู้สึกโล่งไปหมด แต่ก่อนจะเข้าห้องนอนของตัวเองดวงตาของคนเปลี่ยนแปลงก็เหลือบเห็นแสงไฟที่ลอดมาจากใต้ประตูห้องของเขา


“ ยังไม่หลับเหรอ..” นนท์ตั้งท่าจะเคาะประตูเรียก แต่ก่อนที่มือจะแตะลงบนประตูก็นึกบางอย่างขึ้นได้ ..เขาเดินรี่กลับห้องไปแล้วหยิบบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา


“ อุตส่าห์ปิดบังตั้งนาน เชอะ..เกือบพลาดแล้วไม่ล่ะนนท์..” เขายิ้มให้กับตัวเองเบาๆ ก่อนจะหยิบวิคแอฟโฟ่ว์อุปกรณ์ตบตาขึ้นสวมทับศีรษะของตนแล้วเดินกลับไปยังหน้าห้องของต้น


..
“ ครับ”



“ ยังไม่หลับนี่หน่า” นนท์พึมพำกับตัวเองแล้วเปิดประตูเข้าไป ร่างของเขาเดินเข้ามาในห้องอย่างสงสัยว่าทำไมป่านนี้แล้วชายหนุ่มยังไม่หลับอีก เพราะช่วงหลังสนิทกันมากขึ้นทำให้ไม่ต้องเกรงใจกันมากเช่นแต่ก่อน


“ พี่ยังไม่หลับอีกเหรอนี่จะตีสองแล้วนะ” นนท์เดินมาหยุดนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆเตียงของเขา ชายหนุ่มที่กำลังนั่งเครียดหน้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุคเหลือบแลอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนสายตาของเขาจะกลับไปสนใจจอคอมพิวเตอร์ข้างหน้า คนหน้าสวยมองอย่างไม่ชอบใจนัก

“ มีงานมากเหรอ” นนท์ถามเสียงใส


“ใช่สิ” เขารับเพียงสั้นๆ


“ พรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์พี่จะรีบทำไปทำไมล่ะ ยังมีเวลาอีกตั้งหนึ่งวันมาคิดป่านนี้สมองก็คงไม่ลื่นหรอก” นนท์เสนอความคิด

“ แต่พี่นอนไม่หลับนี่”


“ งั้นเอานี่” แล้วเขาก็ยื่นแก้วชาสมุนไพรให้อีกฝ่าย ทีแรกกะจะเอามาใช้กับตัวเองแต่ดูท่าต้นน่าจะต้องการมันมากกว่าเขา คนหน้าเข้มยื่นมือมารับไปอย่างงงๆ


“ ดื่มสิจะได้หลับสบาย นนท์ไปนอนแล้ว” พ่อคนเปลี่ยนแปลงตัวเองยิ้มแล้วเดินจากไป เขาได้แต่มองตามร่างนั้นไปเล็กน้อย แล้วจึงหันกลับมามองแก้วชาในมือ กลิ่นหอมของมันราวกับจะหอบพาความเมื่อยล้าออกจากกายไป ชายหนุ่มสูดกลิ่นอีกเพียงครู่ก็ยกแก้วขึ้นดื่ม เพราะอุณหภูมิที่กำลังอุ่นบวกกลิ่นที่สร้างความผ่อนคลาย ทำให้คนบ้างานสามารถหลับตาลงได้ในเวลาต่อมา



และแล้ววันที่น้องสติชฟันขาวรอคอยก็เดินทางมาถึง วันแรกของการเปิดเรียนปีสามวันนี้นี่แหละที่ทุกคนจะได้รู้ว่า เขาจะไม่ใช่น้องลูกหมีสติชที่ชอบทำตัวเหมือนเด็กอีก วันนี้เขาดูโดดเด่นยังกับมีออร่าออกจากร่าง ...ชุดนักศึกษาที่พอดีกับตัว รับกับผมทรงใหม่สีอ่อนแสง.. ( หล่อย้ำคำเดียว..)


กิ่งวิ่งมาขลุกอยู่ในห้องของเพื่อนสนิทตั้งแต่เช้า


“ วันนี้แกหล่อมากเลย ..” หญิงสาวที่นั่งอยู่ทางด้านล่างเอ่ยชมไม่ขาดปาก ป๋าแบ... นี่แหละของแท้. ..ถ้าจะตั้งชื่อเกาหลีให้ก็ต้องยกฉายา ..นนท์น่ารุก...เฮ้ย..นนท์น่ารัก ..



“ ช่างเถอะ ฉันแค่อยากจะลบคำสบประมาทก็เท่านั้นไม่ได้หวังให้ใครคนอื่นมามองฉันสักหน่อย” นนท์บอกเหตุผลแท้จริงของการเปลี่ยนแปลงตัวเอง


“ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างเถอะ ...แต่รับรองวันนี้แกต้องโดดเด่นอย่างที่ไม่เคยมีใครคาดคิดแน่นอนฉันรับประกัน”


“ อืม” นนท์ตอบรับสั้นกระชับ แล้วมองเงาตัวเองในกระจก ดวงตาเรียวกระจ่างยังมีแววสงสัย คนในกระจกคือเขาจริงเหรอ เงานี้ดูดีจนนนท์ไม่อยากเชื่อว่า...เมื่อก่อนจะมีอีกคนซ่อนอยู่ในร่าง เขาหมุนไปมาอีกหนึ่งรอบเพื่อดูให้ชัดๆ


“ หล่อแล้ววะ ..ไปได้หรือยัง” กิ่งเดินเข้ามาเกาะแขนให้กำลังใจ แม้เธอจะทำให้นนท์ดูดีไปเสียทุกอย่าง แต่หากขาดสิ่งสำคัญอย่างความมั่นใจในตัวเอง ทุกอย่างที่ทำมาก็เท่ากับเสียเปล่า ความมั่นใจที่ออกมาจากภายในจะยิ่งทำให้เจ้าของร่างนั้นดูน่ามองน่าหลงใหล

แต่ดาบมีสองคมเช่นไรสิ่งอื่นก็ย่อมมีสองด้านเช่นนั้น หากมีมากเกินไปก็จะส่งผลเสียออกมาด้วย ทางที่ดีต้องวางอยู่ในความพอเหมาะพอควร 



“ ว้าวนนนี่หล่อมากเลยลูก หล่อจนน้าจำไม่ได้เลย” คุณแก้วที่นั่งรอชมผลงานจากลูกสาว ถึงกับตาค้างนี่แหละนะว่าที่สะใภ้ ยิ่งเห็นอย่างนี้ก็ยิ่งตอกย้ำความมั่นใจในความเหมาะสมเข้าไปอีก นางยิ้มจนแก้มแทบปริที่เห็นหลานนอกไส้หล่อได้ถึงขนาดนี้


“ นี่ก็สายแล้วกิ่งว่าเราต้องไปมหาวิทยาลัยกันแล้วล่ะ สวัสดีค่ะแม่” ลูกสาวคนเล็กยกมือไหว้มารดา ตามด้วยชายหนุ่มหน้าหวานอีกคนที่ทำตามเช่นกัน สองคนเดินออกจากบ้านไปพร้อมกัน... อย่างคำโบราณว่าไว้จริงๆ ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง

สองเพื่อนสนิทในเวลานี้จรัสแสงเฉิดฉายไม่ยิ่งหย่อน แต่นนท์อาจจะดูแรงกล้ากว่าหน่อยนึง เพราะการลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งนี้ทุกคนต้องให้ความสนใจเป็นแน่ สมัยก่อนตอนเขายังหัวฟูหิ้วไอ้น้องหมีสติชทุกคนก็รู้จักเขาดีในนาม ฟูจังสติกแตก


ในนาทีนี้ที่เขาละทิ้งภาพเก่าซึ่งคนเห็นจนชินตาเป็นชายหนุ่มหน้าสวยคนใหม่ที่ดีพร้อม รับรองไม่มีใครกล้าไม่รู้จักเขาแน่...


วันแรกผ่านไปในขณะที่ทุกคนยังคงสงสัยว่าหนุ่มหน้าสวยที่เดินผ่านไปคือใคร เขาเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างต่อเองยังจำนนท์เกือบไม่ได้ด้วย


“ ว้าวพาใครมาด้วยวะ กิ่ง”


“ คนหล่อไง” กิ่งตอบเสียงทีเล่น


“ ฉันเอง..ไอ้คิงคองอย่ามาทำตาเยิ้มอย่างนี้สยองว่ะ” นนท์เอ่ยขึ้นเสียงดุ ทลายฝันของต่อลงสิ้น โธ่..น้องหน้าสวย ..แต่ปากร้ายโคตร ..ต่อให้เป็นผู้ชายแต่ใครจะไม่อดหวั่นไหวบ้าง ก็เล่นสวยกว่าผู้หญิงเสียอีก..นนท์หนอนนท์..


“ พี่แบเอง ไม่นึกนะว่าจะลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองมากมายขนาดนี้ นับถือๆ ”



“ จริงของต่อ รับรองมีคนรุมจีบแกแน่..แต่เป้าหมายของแกน่าจะเป็นหนุ่มๆนะฉันว่า ..ดูแต่ละคนสิตาเยิ้มเชียว ไอ้ที่เห็นว่าแมนทั้งแท่งยังเหลียวมองเลย ฉันคิดผิดคิดถูกวะที่ช่วยแกล้งแปลงร่างจนเรตติ้งฉันตก..” กิ่งเอ่ยทีเล่น เมื่อเห็นผู้ชายในมหาวิทยาลัยต่างหยุดมองมาที่นนท์...



“ ช่างเถอะ ฉันไม่ได้สนใจอะไรสักหน่อย วันนี้ถือว่าเป็นคนใหม่ยังไงต้องฉลองโว้ย” คำว่าฉลองของคนอื่นอาจต้องไปกินร้านหรูๆหรือต้องมีอาหารรสเลิศแต่สำหรับเพื่อนสามคนในเวลานี้ แค่น้ำอัดลมในแก้วตรงหน้าของแต่ละคน ก็เพียงพอแล้วสำหรับฉลองการเริ่มต้นอันสวยงามของนนท์


แม้วันนี้จะไม่มีใครเข้ามาเลย แต่กิ่งมั่นใจว่าสายตาที่จับจ้องเพื่อนสนิทของเธอเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแล้ว พรุ่งนี้รับรอง...ต้องได้ผล





“ กลับมาแล้วเหรอจ๊ะสองคน” หญิงวัยกลางคนประมุขของบ้านถอดผ้ากันเปื้อนลายหวานออกแขวนไว้ที่ตะขอเกี่ยว แล้วเดินตรงมายังสาวสวยและหนุ่มหล่อ พร้อมทั้งยังยื่นมือไปคล้องแขนของพวกเขาเอาไว้


“ วันนี้น้าทำของอร่อยไว้เยอะเลย ฉลองให้ความสำเร็จของเรา” นางยิ้มเบิกบาน อย่างนี้สิถึงน่าจะเรียกว่าฉลองได้สมเกียรติ แม้จะไม่ใช่อาหารวิจิตรชั้นสูงแต่ที่วางอยู่บนโต๊ะในขณะนี้ แต่ทุกอย่างล้วนแต่น่าทานทั้งนั้น กลิ่นหอมจานแล้วจานเล่าช่างยั่วน้ำลายเสียจริง



“ ไปล้างมือกันก่อนนะ เดี๋ยวน้าตักข้าวไว้ให้” นักศึกษาทั้งสองทำตามอย่างว่าง่าย เดินตรงดิ่งเข้าครัวไปอย่างรวดเร็ว ดีนะที่วันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดีต้นไม่อยู่บ้าน ไม่เช่นนั้นความลับได้แตกแน่นอน เขาควรได้รู้เมื่อสุดสัปดาห์มาถึงเท่านั้น


“ น้องกิ่ง...ปลายอาทิตย์หน้าอย่าลืมนะที่นัดกับแม่ไว้” นางกล่าวขึ้นเมื่อลูกสาวเดินเข้ามานั่งประจำที่ของตนในโต๊ะอาหาร นนท์มองตามอย่างแปลกใจ นัดเหรอแล้วทำไมต้องนัดกันวันสุดสัปดาห์ด้วย วันศุกร์พี่ต้นจะกลับมานอนบ้านนี่...


“ ค่ะ กิ่งไม่ลืมหรอก” หญิงสาวลอบส่งสายตากะพริบหนึ่งทีให้มารดา แล้ววางหน้าให้เป็นปกติที่สุด นนท์ถามขึ้นอย่างแปลกใจ


“ น้าแก้วกับกิ่งจะไปไหนกันเหรอ”


“ อ๋อ..” นางอึกอักไปครู่หนึ่งเพราะไม่ได้เตรียมคำตอบไว้ จะบอกได้ยังไงล่ะว่านางกับแม่ลูกสาวคนสวยเตรียมแผนอะไรไว้ ขืนรู้นนท์คงได้ไม่ยอมแน่


“ ฉันกับแม่จะไปเยี่ยมญาติคุณพ่อน่ะ ตอนบ่ายๆก็คงกลับ” น้องกิ่งของแม่รับหน้าไว้อย่างทันท่วงที โธ่ขืนส่อพิรุธออกไปมากนนท์ได้จับทางได้หรอก ด้วยเพราะปณิธานที่จะลบความไร้สาระและไม่ได้เรื่องทุกอย่างออกไปจากชีวิต ชายหนุ่มจึงได้กลายเป็นคนใหม่ที่ช่างสังเกตสังกา แถมยังความรู้สึกไวขึ้นจนกิ่งไม่อยากเชื่อ นี่แหละน่าในเมื่อนนท์ตั้งใจอย่างมุ่งมั่นมันต้องสำเร็จ และความสำเร็จมันต้องพร้อมไปด้วยทุกด้านถึงจะเรียกว่าความสำเร็จที่แท้จริง


“ เหรอ” ชายหนุ่มไม่ติดใจในคำตอบของเพื่อน โธ่เล่นบอกว่าไปเยี่ยมญาติของบิดากิ่ง แล้วนนท์จะกล้าเสนอหน้าขอตามไปด้วยได้เหรอ แต่ก็ช่างเถอะถ้าไปเยี่ยมจริงๆพี่ต้นก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว วันเสาร์หน้าคงกลายเป็นวันแสนสุขของนนท์แน่นอน จะลองตื่นสายดูสักวันหลังจากห่างหายจากการนอนตื่นหลังตะวันมานับปี


“ ว่าไงยะหล่อน โทรฯมาตั้งแต่เช้าเลยนะฉันยังไม่ตื่นเลย” เสียงงัวเงียของคนปลายสายทำให้คุณแก้วเพิ่งตระหนักได้ว่าเวลาอีกฟากโลกต่างจากเวลาในตอนนี้ของเมืองไทย

“ โธ่ช่างเถอะ ฉันจะโทรฯมาบอกเธอเรื่องแผนต่อไป”


“ เหรอ...ว่าแต่ลูกชายฉันตอนนี้เป็นไงบ้างล่ะ” พอรู้ว่าจะคุยเรื่องปฏิบัติการต่อไปเสียงคุณนันก็เสียงใสอย่างประหลาดราวกับตื่นมาแล้วไม่ต่ำกว่าชั่วโมง


“ เธอกลับมาแล้วต้องประหลาดใจแน่นอน ตอนนี้น้องนนท์หล่อมาก..ยังกับนักร้องเกาหลีเลย แถมยังทำงานบ้านได้สารพัดเรื่องเรียนไม่ต้องพูดถึง น้องกิ่งบอกว่าลูกชายหล่อนน่ะได้ b+ มาตั้งสามตัวที่เหลือก็เป็น b หมด เป็นไงล่ะเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างเลย” นางรีบอวดสรรพคุณอย่างภาคภูมิ


“ จริงเหรอตายแล้ว ปกตินนนี่ไม่รั้งท้ายก็ต้องรับ d มาทานนี่ขนาดได้ b+เลยเหรอแถมยังได้เกรดสูงๆอีก ตายแล้วน่าภูมิใจจริงลูชายฉัน” คนเป็นแม่ตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก


“ สะใภ้ฉันก็ต้องเก่งอยู่แล้ว”


“ ตายนี่หล่อนพูดอะไร”


“ ก็ฉันจะจับน้องนนท์ให้กับพี่ต้นไงล่ะ ..คู่นี้เขายังไงๆกันอยู่นะ..แล้วเธอว่าไงนี่”


“ ตาย..ลูกชายฉันจะกลายเป็นสะใภ้บ้านหล่อนเหรอนี่..ขอทำใจสิบเก้าวินาที...กรี๊ด......ๆๆๆ” เสียงวือจากปลายสายดูจะตกใจไม่น้อย



“ เออ..ฉันเข้าใจเรื่องนี้อย่าง ใครรู้ก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา แต่ความรักมันไม่ได้แยกขาวแยกดำนี่ หรือหล่อนเป็นพวกโบราณคร่ำเคร่งอยู่แต่กับสิ่งเก่าๆ โลกเรามันเดินหน้าไปไหนต่อไห...”


“ พอเลยคุณหญิง..ฉันยังไม่พูดสักหน่อยว่าขัดขวาง อะไรของเธอนี่ เทศน์มาเสียยังกับภัณฑ์ยักษ์สิบสามกัณฑ์เลยนะ ยาวเหยียด..” คุณนันต้องรีบเบรกเพื่อนสนิทของตนไว้ก่อน


“ แล้วว่าไง”

“ ก็ไม่ว่าไง..ถ้าลูกฉันมีความสุขฉันก็พอใจแล้ว...” ปลายสายบอกเจตนาแท้จริงในอารมณ์ นางรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ขอแค่นนท์มีความสุขนางยอมทุกอย่าง ..ทั้งลูกชายบ้านวรโชติก็เป็นคนที่นางเห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออด คุณแก้วก็ยังเป็นเพื่อนสนิทของนางอีก..เลยไม่เป็นปัญหา


“ ตายแล้วหล่อน ข่าวน่ายินดี...ต้องฉลอง”


“ รอฉันละกัน..อีกไม่เท่าไหร่ฉันจะกลับไปเยี่ยมลูกสักหน่อย...” นางทิ้งท้ายก่อนสายจะตัดไป ..นานแล้วสินะที่ไม่ได้เจอลูกชาย ..นนนี่ของแม่...

เช้าวันนี้ยังคงผ่านไปเช่นเมื่อวาน ยังไม่มีใครเข้ามาหานนท์เลยแม้แต่คนเดียว จนคนหน้าสวยชักท้อใจหรือเขาจะไม่มีวันสลัดไอ้ปมด้อยออกไปได้เลยงั้นเหรอ

“ โธ่พี่แบคะ..อย่าคิดมากไปเลยนะ” กิ่งที่นั่งเป็นเพื่อนออกแรงปลอบ ..สองคนเดินเข้าห้องเรียนไปด้วยใจหดหู่ วันนี้หญิงสาวต่างคณะที่วิชาเรียนตรงกับนนท์ในส่วนพื้นฐานของภาษา


“ โชคดีนะที่ปีนี้ได้เรียนวิชานี้ด้วยกัน ฉันจะได้มีเพื่อนทำรายงาน” กิ่งเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้อง


“ แล้วแฟนแกทำไมไม่เรียนด้วยล่ะ ปกติตัวติดกันจะตาย จนใครๆในมหาวิทยาลัยเขารู้กันดี ที่ไหนมีแกก็ต้องมีพี่ต่ออยู่ด้วย”


“ อ๋อ..มันต้องลงเสริมวิชาภาคน่ะ ฉันก็เลยแอ้งแม้งดีนะที่มาเจอแก ว่าแต่ใครใช้ให้เรียกไอ้ต่อว่าพี่...ฉันหวงนะโว้ย” กิ่งอธิบายบอก แต่ยังแอบหยอดมุขกร่อยหวังให้นนท์ได้คลายกังวล

“ เอ๊ะ..”


“ มีอะไรเหรอ” หญิงสาวข้างกายมีทีท่าแปลกใจ เมื่อเห็นคนเพิ่งแปลงโฉมหยุดยืนนิ่งหน้าห้องกลิ่นหอมบางอย่างลอยเข้ามาแตะโสตประสาทของเธอเช่นกัน


“ กลิ่นอะไรนี่หอมจังเลยนะ” นัทเอ่ยขึ้น พลางกวาดสายตามองหาต้นต่อของกลิ่นแต่ก็ไม่เห็น มีเพียงกลุ่มนักศึกษาที่นั่งประจำที่กระจายกันไปตามแถวเก้าอี้ที่ลดหลั่นกันเป็นระดับเท่านั้น


“ช่างเถอะ” นนท์ไล่ความสงสัยออกไปแล้วกลับไปนั่งเก้าอี้แถวหน้าๆ เพื่อง่ายต่อการฟังอาจารย์อธิบาย ชายหนุ่มกลายเป็นคนขยันตั้งแต่วันที่ต้นสบประมาท ขยันจนอาจารย์ถึงกับแปลกใจเพราะผลสอบปลายภาคเทอมสองของปีหนึ่งนนท์ทำได้เกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ทุกวิชา


ติดที่ช่วงต้นเทอมนั้นแหละที่เขาทำได้ไม่ดีคะแนนเลยไปถ่วงดุลให้เกรดออกมาอยู่ได้แค่ช่วงระดับกลางๆเท่านั้น แต่พอปีสองผ่านเข้ามาก็ยิ่งเกิดความแปลกใจในหมู่อาจารย์มากขึ้น เขากลายเป็นหนึ่งในบรรดานักศึกษาที่เรียนดีชั่วพริบตา ทุกวิชาไม่มีตกแถมยังได้เกรดสูงลิบแม้จะไม่ใช่เกรด a ที่ทุกคนใฝ่ฝันแต่ในระดับที่เขาอยู่ก็ใช่จะด้อย


หมดคาบบ่าย สองคนเพื่อนสนิทก็ตั้งท่าจะกลับบ้าน แต่ก็ถูกบรรดานักศึกษาภายในห้องมาขวางไว้ หญิงสาวคนหนึ่งเดินไปปิดประตูห้องไว้กันไม่ให้นนท์และกิ่งเดินออกไป จากนั้นแต่ละคนก็รายล้อมเข้ามาพร้อมทั้งส่งเสียงบูมน้องหน้าสวย..



เพลงเชียร์ที่กลุ่มนักศึกษาชายแต่งไว้ให้นนท์โดยเฉพาะ


อะไรกันนี่ทุกอย่างเหมือนกำลังหมุนเขาให้หลุดออกจากวงโคจรของจักรวาลไปเสียอย่างนั้น หลังเสียงเพลงบูมจบลงนักศึกษาชายคนอื่นๆก็เริ่มเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งนำดอกไม้มาให้ใหญ่บ้างเล็กบ้าง ความตั้งใจของเขาในทีแรกไม่ได้คิดไว้ว่ามันจะมากมายขนาดนี้ ด้วยดอกไม้ที่มีมากจนต้องแบ่งไปให้กิ่งช่วยถือ ดีที่พี่ต่อหน้าหยกมาสมทบจึงได้ช่วยอีกแรง


สภาพของสามคนเพื่อนสนิทแทบดูไม่ได้ เพราะออกจะคลับคล้ายคนขายดอกไม้มากกว่านักศึกษาเสียอีก ต่อช่วยแบกช่อดอกไม้มาส่งให้ที่รถและขอตัวกลับไปตอนหลัง รถคันสวยแล่นเข้าจอดหน้าอาคารอย่างคุ้นเคย


“ หอบอะไรกันมานี่”



“ เปล่าหรอกค่ะแม่ก็แค่หนุ่มๆรุมให้ดอกไม้นนท์เท่านั้น..” กิ่งพูดไปเสียงปกติ แต่คนฟังกลับตื่นเต้นยกใหญ่จนต้องลุกขึ้นมาใกล้อย่างรวดเร็ว


“ ว้าวนนนี่ของน้าเสน่ห์เหลือร้ายจริงๆ” นางเข้าไปกอดร่างนั้นเล็กน้อยแล้วยิ้มให้อย่างพอใจ
“ จะดีไหมนี่น้าแก้ว..มีแต่ผู้ชายเอาดอกไม้มาให้นนท์นะครับ..”



“ ดีสิ..เสน่ห์แรง” นางยืนยัน ..



“ แล้วจะเอาไปไว้ไหนล่ะนี่”



“ เอาไปเก็บในห้องนั้นแหละจะได้มีกลิ่นหอมๆ สักสองสามวันแล้วค่อยเอาออก” นางเสนอ


“ก็ดีครับ” นนท์คิดตรงกับคุณแก้ว จากนั้นก็เอาดอกไม้ไปเก็บไว้ในห้องของตน ..บ้างก็แยกไปไว้ห้องคุณแก้ว กิ่ง ..สุดท้ายก็เอามาวางในห้องของพี่ต้นด้วย..นนท์ยิ้มเล็กน้อย..อยากเห็นหน้าคนเย็นชานักว่าจะเป็นยังไง..



วันต่อมาเหตุการณ์ยังคงเป็นไปเช่นเดิม นนท์ชักจะเริ่มเหนื่อยใจเข้าแล้ว โธ่ก็เล่นขนมาให้เขามากขนาดนี้จะเอาไปไว้ไหนได้ล่ะ แถมวันนี้กิ่งยังต้องอยู่เย็นที่คณะอีก นนท์เลยต้องขับรถกลับบ้านเพียงผู้เดียวระหว่างทางที่รถติดไฟแดงอยู่นั้น สายตาคูเรียวก็เหลือบเห็นคนในรถข้างๆทะเลาะกันอยู่ เหมือนฝ่ายหญิงกำลังจะหึงหวงชายหนุ่มคนขับ เห็นดังนั้นเขาก็หันไปมองเวลาที่รถติดไฟแดงตัวเลขด้านบนใกล้ๆสัญญาณไฟยังเหลืออยู่เกือบสองนาที


คนหน้าสวยจึงคิดวิธีระบายดอกไม้ คิดได้ดังนั้นก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวแล้วคว้าดอกไม้ช่อหนึ่งในมือ ดึงการ์ดที่ห้อยติดออกแล้วเดินตรงไปที่รถคันดังกล่าวทันที แม้จะไม่ได้เก็บดอกไม้ไว้แต่เขาก็เก็บการ์ดแทนความจริงใจที่พวกชายหนุ่มให้นนท์มา



ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 7
«ตอบ #29 เมื่อ08-07-2009 23:31:02 »

ยาวเชียว  :t3: :z2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด