พิมพ์หน้านี้ - ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: LoveNineTeen ที่ 06-05-2009 09:34:36

หัวข้อ: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 06-05-2009 09:34:36
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

สวัสดีค่ะ... ได้ตามอ่านเรื่องของคนอื่นมาเยอะแล้ว เลยอยากจะโพสบ้าง
เป็นนิยายนะค่ะเขียนโดย"น้องมีร์" เนื้อหามันน่ารักดีเลยอยากมาแบ่งปั้นให้คนอื่นได้อ่านบ้างค่ะ
โดยมีการเปลี่ยนชื่อตัวละครเล็กน้อยเพื่อความเหมาะสมค่ะ
น้องเค้าเขียนจบแล้ว จะทยอยลงให้นะค่ะ  ฝากฟิคเรื่องนี้ด้วยนะค่ะ

ขอยืนยันว่านิยายเรื่องนี้ได้รับอนุญาติจากผู้แต่งแล้วค่ะ

ตอนที่ 1

รักคือบางสิ่งที่ยากจะเข้าใจ คือความมหัศจรรย์ที่เข้ามาในชีวิต เมื่อได้รักจะได้รู้ถึงคุณค่าและความหมายของการมีลมหายใจ ...

คุณเชื่อในพรหมลิขิตหรือเปล่า..


เชื่อไม่เชื่อไม่รู้ล่ะ..แต่วันนี้บางสิ่งบางอย่างกำลังเกิดขึ้นในชีวิตอันแสนสดใสของใครบางคน ...

ต้น ยืนมองทะเลเบื้องหน้าด้วยความสับสนว้าวุ่นใจ ตอนนี้เหมือนข้างในมันกำลังจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ ความทุกข์ไหลมารวมกันที่เดียว เขาเจ็บหนักถึงขนาดร่ำว่าอยากตาย ยิ่งได้ฤทธิ์ของมารร้ายอย่างแอลกอฮอล์ที่โหมดื่มเข้าไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนยิ่งทำให้สติเขาเตลิด ภาพรอบกายหลากสีหลายแสง จนเขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ ฤทธิ์เหล้าและความเสียใจกำลังถาโถมเข้ามาอย่างหนักจนไม่สามารถควบคุมประสาทการรับรู้ของเขาไว้ได้

เท้าของชายหนุ่มสืบไปเบื้องหน้าเรื่อยๆ โดยไม่สนอะไรเลย ยิ่งเดินก็ยิ่งรุกล้ำเข้าสู่แผ่นน้ำ ท้องฟ้ามีเสียงหลัวระรัวลั่น ราวกับจะร้องห้ามไม่ให้ชายหนุ่มเดินต่อ แต่สติที่ขาดหายยากยิ่งจะกู้กลับคืน เขาหารู้หรอกว่าตอนนี้น้ำกำลังสูงเกือบถึงอกเขาแล้ว

นนท์ หยุดยืนตั้งแต่แรกที่เห็นเงาคนไหวๆ ในแผ่นน้ำก็นึกสังหรณ์ใจ ยามค่ำๆมืดๆเช่นนี้ใครกันล่ะจะมาเล่นน้ำทะเล ในใจก็พลอยคิดหวาดกลัวไปว่าภาพที่เห็นคือวิญญาณ ความตกใจระคนเสียวสันหลังวิ่งไหลไปมาทั้งร่าง อยากจะก้าวขาวิ่งออกไป แต่ก็ทำไม่ได้ ... มันเหมือนบีบบังคับให้คนร่างเพรียวลมต้องมองภาพของใครคนนั้นต่อไป แต่แล้วทุกความกลัวที่เคยเกาะกินหัวใจก็ถูกกระชากดึง เพราะภาพคนตรงหน้าที่เริ่มสำลักน้ำขาดอากาศหายใจ ..นั้นมันคนนี่หว่า

ร่างบางของคนเห็นเหตุการณ์กระโจนลงน้ำอย่างไม่รอช้า ทุกวินาทีที่เสียไปคือลมหายใจที่ลดน้อยลงทุกขณะ ชายหนุ่มเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายจากด้านหลังใช้แขนเรียวเล็กล็อคคอเขาไว้ ดีนะที่ยังพอจะจำบทเรียนสุขศึกษาชั้นป.ห้าได้ไม่เช่นนั้นไม่อยากคิดเลยว่าจะเป็นยังไง ..นนท์ใช้แรงที่มีทั้งหมดพาร่างนั้นขึ้นมาบนฝั่งอย่างทุลักทะเล ดีที่มีแรงหนุนจากน้ำทะเลเลยทำให้น้ำหนักค่อนข้างถ่ายเทไปได้มาก...

ชายหนุ่มผลักร่างของคนเกือบตายลงบนพื้นทรายข้างหน้า ส่วนเขาก็นั่งลงข้างๆอย่างเหนื่อยอ่อน ..โธ่ ..วันนี้เล่นบทพระเอก จนชุดที่ใส่มาเปียกปอนจนหมด ไหนจะแอฟโฟ่อีกล่ะ..ถูกน้ำคลอจนลีบน่าเกลียดเชียว ..


“ รูปร่างหน้าตาก็ดี การแต่งตัวก็โอเคทำไมคิดสั้นได้นะ ”  เสียงพึมพำของคนหัวเคยฟู เหมือนเป็นตัวปลุกให้อีกคนพอจะมีสติเล็กๆขึ้นบ้าง ร่างนั้นสำลักน้ำออกมาเล็กน้อยก่อนจะพล่ามในบางสิ่งที่ทำให้นัทแทบอยากฉีกอกเขา


“ จะยุ่งทำไม คนเขาจะตายแล้วมายุ่งทำไม” เสียงเขาบอกชัดว่าฤทธิ์เหล้ายังครอบงำความคิดทั้งหมดไว้ สติจะพูดจะจาก็น้อยนิด


“ ไอ้บ้า ฉันอุตส่าห์ลงไปช่วยทำไมถึงพูดเช่นนี้” อารมณ์ของฮีโร่หมาดๆขาดผึงสายตามองจ้องอย่างเหลืออด นนท์ผลักร่างของคนที่นอนทอดกายข้างๆด้วยความไม่พอใจ ชายหนุ่มหันมองนนท์เล็กน้อยแล้วจับกายบางที่นั่งบ่นลงมานอนข้าง คนเกือบตายพลิกร่างของเขาขึ้นคร่อมนนท์ไว้ จ้องมองอย่างดีใจ


“ แพท ...แพท..กลับมาหาเราแล้วเหรอ”  ชายหนุ่มเรียกเสียงเว้าวอน หรือเพราะชื่อนี้ที่ทำให้ชายหนุ่มขาดสติจนคิดฆ่าตัวตาย ภาพต้องหน้าเบลอมัวจนทำให้ชายหนุ่มเข้าใจไปว่าคนช่วยชีวิตแฟนสาวที่เพิ่งบอกเลิกเขาเมื่อชั่วโมงก่อน


“ ฉันไม่ใช่แพทของแกนะ…”  นนท์บอกเสียงขุ่น จนเขาชะงักไปเล็กน้อยฉายแววเศร้าจับจ้องมายังร่างที่นอนติดพื้นทราย


มือที่ตั้งกำเป็นรูปหมายจะตีทุบให้อีกกายได้สติจำต้องลดลง เพราะสายตาแสนเศร้าที่ส่งกลับมา..ดวงตาคู่กลม หากมันร่าเริงคงน่ามองมากกว่านี้..


ในความงุนงงของโชคชะตา..ต้นโน้มหน้าลงหาอีกฝ่ายจบปากของทั้งสองชิดติดกัน..นนท์โกรธจัดที่ถูกกระทำเช่นนั้น รวบรวมแรงทั้งหมดผลักคนที่คร่อมอยู่ให้ล้มลง


“ ไอ้บ้า ฉันไม่ใช่แพทของแกนะ” คนตัวเล็กแผดเสียง พร้อมมือที่ฟาดออกไปเตือนสติ แม้จะรู้ว่าเขากำลังเศร้าแต่นนท์ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะนึกถึงเขาแล้วล่ะเมื่อถูกทำเช่นนี้ แรงที่ตบลงบนหน้าพอจะเรียกสติบางส่วนของชายหนุ่มให้กลับคืนมา เขาเริ่มมองหน้านนท์อย่างพิเคราะห์


“ เธอไม่ใช่แพทนี่”  


“ ก็ใช่นะสิไอ้บ้า ฉันอุตส่าห์ลงทุนว่ายน้ำไปช่วยแต่ดูสิว่ามันคุ้มไหม คนบ้าอะไรนะเป็นผู้ชายเสียเปล่าทำไมขี้ใจน้อยอย่างกะผู้หญิง เคยคิดบ้างไหมว่าพ่อแม่จะรู้สึกยังไง ทำอะไรไม่มีสมอง” พูดจบก็ตบเขาไปอีกครั้ง


“ นี่สำหรับพ่อและแม่ของแก” ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอย่างไม่เข้าใจ นนท์มองตอบอย่างไม่กลัวเกรง คนหน้าหวานเสียพ่อไปตั้งแต่เด็ก ย่อมรู้ว่าการเสียคนที่เรารักไปมันทรมานมากแค่ไหน เขากล้าดียังไงที่จะทำร้ายตัวเองเช่นนี้



“ ฉันหวังว่า คงไม่คิดสั้นอีกจำไว้ชีวิตของเรามีอีกยาว อย่าคิดอะไรสั้นๆด้วยเรื่องเล็กน้อย” คนตัวบางตั้งท่าจะบอกลา นนท์ช่วยเขาได้มากที่สุดก็แค่นี้ ที่เหลือเขาต้องคิดเองแล้ว


“ เดี๋ยว” ชายหนุ่มดึงมือของนนท์ไว้


“ ทำไม” ตาคู่เรียวมองกลับอย่างสงสัย คนถูกตบยื่นมือใหญ่มาปัดไรแอฟโฟ่ที่ตกลงมาปรกหน้าขาวอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเขาต่างจากเมื่อครู่สิ้นเชิง เหมือนมันกำลังบอกอะไรบางอย่างกับนนท์


“ จะทำอะไร..”  เจ้าของหน้าหวานถามเสียงอ่อนเพราะท่าทางของเขาเปลี่ยนไป แล้วคนที่นั่งตรงข้ามก็ถาเข้ามาใกล้นนท์อีกครั้งแล้วก้มลงจุมพิตเบาๆ ครั้งนี้มันนุ่มนวลและอ่อนหวานจนนนท์สัมผัสได้


“ ขอบคุณ” ปากที่ถอนออกขยับอีกครั้งเพื่อบอกคำนี้กับคนช่วยชีวิต นนท์ผลักร่างของเขาออกอย่างแรงแล้วรีบวิ่งจากไปด้วยความรู้สึกสับสน ... ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งชั่วโมงต้นยังมีความสุขที่ได้มาร่วมงานส่งท้ายอำลาของนักศึกษาที่จบการศึกษาทุกคนต่างยิ้มแย้มและมีความสุขอย่างมาก วันนี้เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะขอแฟนสาว แพทตี้ แต่งงาน
-
-
-
-
“ ได้ข่าวว่า เอกมันขอยัยจุ๋มแต่งงานแล้วว่ะ” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวขึ้น ประเด็นนี้กลายเป็นที่ฮือฮาอย่างมาก ไม่นึกว่าเพื่อนที่เรียนกันมาจะชิงแต่งงานไปก่อน คนที่มีความตั้งใจเลยเริ่มรู้สึกกล้าๆกลัวๆ ใจลนลานไปหมดจนไม่ได้ยินสิ่งที่เพื่อนเอ่ยถาม


“ เป็นไรไปว่ะ ต้น” เพื่อนอีกคนเข้ามาเขย่าร่างเรียกสติให้ชายหนุ่ม


“ อะไรเหรอ” เขาถามเสียงหลง เมื่อทุกสายตาจับจ้องมายังเขาเพียงผู้เดียว จีรนันท์แฟนสาวจึงเฉลยให้เขาหายสงสัย


“ เมื่อกี้นิลเขาถามว่าถ้าไม่ใช้แหวนจะใช้อะไรขอแต่งงาน” เสียงของเธอทำให้ใจเขาสั่นระรัวไปหมด ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกุมกล่องใส่สร้อยในกระเป๋ากางเกง


“ ต้นเหรอ......คงเป็นสร้อยมั้งดูดีเหมือนมีพันธะ”  ชายหนุ่มแสร้งตอบติดตลก เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกแท้จริงในตอนนี้


“ จริงอย่างต้นมันว่า แสดงพันธะมีโซ่ล่ามคอ” คนอื่นต่างสนับสนุนความคิดของชายหนุ่ม หารู้ไม่ว่าเขาตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด กว่าจะปลีกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนได้ก็แทบแย่


“ เรามีอะไรจะบอก” ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน จนต่างฝ่ายต่างมองอย่างขันๆไม่นึกว่าทั้งสองจะใจตรงกันขนาดนี้ แต่มีบางสิ่งที่ต่าง แววตาของจีรนันท์ไม่ได้ฉายวาวแช่มชื่นเช่นเขาเลยสักนิด เธอกำลังมีเรื่องบางอย่างปิดบังเขาอยู่ วันนี้คือวันส่งท้ายเธอจึงอยากจะบอกเขา


“ งั้นแพทบอกก่อน” ชายหนุ่มเปิดโอกาส


“ ไม่ให้ต้นบอกก่อน” หญิงสาวเกี่ยงงอนเธอไม่กล้าจริงๆที่จะบอกเขาก่อน เพราะมันยากนักที่จะเอื้อนเอ่ยคำรำพันที่ทำร้ายใจอีกฝ่าย ชายหนุ่มจ้องมองอย่างสงสัยในที่สุดก็ให้บอกพร้อมๆกัน


“ หนี่ง สอง สาม” ชายหนุ่มบอกให้สัญญาณ


“ แต่งงานกันนะ/ เราเลิกกันเถอะ” สองประโยคออกจากปากคนสองคน แต่ความรู้สึกต่างขั้วกันสุดๆ ต่างคนต่างตะลึงกับสิ่งที่ได้ฟัง แพทเกิดความละอายขึ้นมาในทันที เธอทำร้ายเขาเข้าจนได้เธอบอกเลิกในวันที่เขาแสดงความจริงใจต่อเธอ


“ แพทต้องไปเมืองนอกเพื่อช่วยงานคุณพ่อ” หญิงสาวบอกเป็นประโยคส่งท้ายก่อนเดินจากไป เธอไม่อยากทนเห็นหน้าที่แสนเจ็บปวดของชายหนุ่มอีกแล้ว มันคงรบกวนใจเธอไปตลอดชีวิตแน่นอน


ภาพของคนรักที่ถูกเธอทำร้าย เหมือนเธอกำลังผลักเขาให้ตกลงไปในเหวลึก เหวที่ยากจะปีนกลับขึ้นมา
เหมือนมือของเธอหยิบใจเขาติดไปด้วย ร่างที่ยืนอยู่รู้สึกราวถูกเหวี่ยงออกไปในอวกาศไร้

น้ำหนัก ไร้ความรู้สึกลอยไปมาด้วยกระแสของสุญญากาศ ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งเช่นนั้นอยู่หลายนาที สุดท้ายความบอบช้ำเจ็บปวดก็ระบายออกด้วยการดื่มเหล้า เขาดื่มหนักจนทุกคนแปลกใจเพราะต้อลไม่ใช่พวกคอทองแดง ขาเมาสักหน่อย แต่วันนี้เขากลับดื่มเอาดื่มเอาราวกับเหล้าในแก้วคือน้ำเปล่า …..



เขาออกเดินไปเรื่อยๆ จนมาหยุดตรงทะเลข้างๆรีสอร์ต ในความคิดสับสนไปหมด
“ ทำไมวะ ทำไม” เขาตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง หัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่ปั้นมาหลายปีจบลงด้วยเพราะเหตุผลง่ายๆของแฟนสาว ...แพทตี้...
-
-
-
-
นนท์เดินกลับออกมาด้วยความเจ็บใจ ...สวรรค์ นะสวรรค์ ทำไมต้องให้น้อง เดย์ ดราวิโก ..เฮ้ย ไม่ใช่ น้องนนท์แอฟโฟ่ว์แมน เจอเรื่องอย่างนี้ด้วยล่ะ ...

มันเหมือนฟ้าแกล้ง สวรรค์สาป ถูกคนไม่รู้จักขโมยจูบแรกไป

แถมคนจูบยังเป็นผู้ชาย

“ ไอ้บ้าหน้ากบอย่าให้ฉันเจอแกอีกนะ..ฉันจะ...จูบแกคืน ..เฮ้ย บ้าๆ ...ฉันจะเตะแกต่างหากไอ้ทุเรศสิ้นคิด กล้าดียังไงมาขโมยจูบแรกแสนสำคัญของฉันไป ไม่ยอม..ๆ” นนท์รำพันอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ทำไมโชคชะตาถึงได้กลั่นแกล้งเขามากมายอย่างนี้ล่ะ...ฮือ ..อารมณ์ไม่ต่างจากนารินหลังจากเสียความบริสุทธิ์แรกให้กับคาวี
โธ่ ชีวิตฉัน..


“ เป็นอะไรไป นนนี่..” เสียงหวานใสจากใครบางคนดังขึ้น สลัดนนท์ให้ออกจากห้วงอารมณ์ฟุ้งซ่าน นนท์หันกลับไปมองหญิงสาวผมยาวดำสยายในชุดสีขาวอ่อน ...นานๆกิ่งจะแต่งตัวสวยขนาดนี้..ดูๆไปก็น่ารักเหมือนกัน แต่ก็ติดที่ตรงยัยคนผมยาวปากร้ายยิ่งกว่าอะไร ขืนนัทจับทำแฟนได้กลายเป็นเรื่อง..โธ่พ่อคุณแอฟโฟ่วจะจับเขาทำแฟน ถามเขาหรือยังว่าจะเอาตัวหรือเปล่า ...


“ เปล่าไม่มีอะไร แค่มาเดินหน้าตาดีริมหาดเท่านั้นเอง..”  ความมั่นใจของพ่อหนุ่มดูจะเกินร้อย( ไปหรือเปล่า) เล่นพูดยืดอกเสียเต็มกระบวน ..ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม เชียว ..


“ แล้วเป็นอะไรหรือเปล่านี่” กิ่งส่ายหน้าให้กับความทะเล้นของเพื่อนเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถาม


“ อะไรเหรอ” นนท์ทำหน้าเหรอเข้าใส่


“ ดูตัวแกสิ ...แอฟโฟ่ว์ทรงใหม่เหรอย่ะ..ปรกเสียขนาดนั้น แล้วชุดก็เปียกปอน ทำอย่างกับไปฟัดกับใครกลางทะเลมางั้นแหละ...”


“ บ้าแกเหรอ ฉันจะไปฟัดใครกลางทะเล หน้าตาอย่างนี้ต้องชาเลอตัน ห้าดาวเท่านั้น ไม่มีทาง outdoor ริมหาดอย่างนี้หรอก มันไม่ได้อารมณ์..”  


“ กล้าพูด...!!!! “


“ แล้วทำไม ก็คนมันมั่นใจนี่หว่า ไปดีกว่าไม่อยากคุยกับแกแล้ว คุยไปก็เข้าเนื้อฉันทุกอย่าง อารมณ์เสีย เบื่อคนเกือบสวย...” นนท์รีบหาทางชิ่ง ก่อนที่กิ่งจะได้สวนกลับ ...หญิงสาวได้แต่ยืนชี้นิ้วตามไป ผู้ชายอะไรปากร้ายเสียไม่มี มาว่ากิ่งว่าเกือบสวยได้ยังไง ไม่ย้อมไม่ยอม...


“ อย่าหนีนะไอ้ฟูจัง” คนสวยในชุดราตรีรีบวิ่งตามเพื่อนหนุ่มหน้าหวานแต่หัวแสนฟูทันที แต่วิ่งไปได้พักเดียวก็ต้องเลิกตาม เพราะนนท์นั้นวิ่งไวยังกับนักแข่งมาราธอน ..


“ เป็นอะไรไปกิ่ง..”


“ อ้าวไอ้ต่อ..”


“ เรียกแฟนแกอย่างนี้เหรอไอ้ลิง...” คนหน้าเหมือนคิงคองเอ่ยตอกกลับไป นนท์ กิ่ง และต่อ รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมต้น ดูจะสนิทสนมกลมเกลียวกันอย่างมาก โดยเฉพาะ คู่เพื่อนสนิทที่เพิ่งชิดใกล้แปรสถานะมาเป็นคนรู้ใจอย่างต่อและกิ่ง ...


“ อ้าวจะให้เรียกยังไงไอ้คิงคอง..”


“ เอ่อ..”


“ อย่ามาทำตูดลิงใส่ฉัน..รีบไปจับไอ้ฟูจังมาให้ฉันก่อน..”


“ อะไรเล่นเป็นเด็กๆอีกแล้ว...นนท์นี่นะ..เมื่อไหร่จะเปลี่ยนตัวเองเสียที..เฮ้ย...” ต่อส่ายหน้าเล็กน้อย ออกอาการหนักใจกับเพื่อนสนิทอีกคนของเขา


“ ทำไมวะ”


“ ก็ดูสิ...ผมแอฟโฟว์ฟูแนว แต่แต่งตัวหวานเว่อร์ มันเข้ากับบุคลิกไหม” ต่อเอ่ยเสียงลากยาน ..ก็จริงของเขา นนท์ทำตัวเป็นเด็กแน้วแนว แต่การแต่งตัวหลุดโลกมาก..ถึงมากที่สุด เสื้อเชิ้ตสีหวาน ..กางเกงขาเดปลายหวานเย็น โธ่ ไม่รู้เหมือนกันว่าแนวไหน แต่ความมั่นใจในตัวเองเป็นที่หนึ่ง..


คุณหนูนนท์หรือนายชญานนท์ ศิลปการ ทายาทเพียงคนเดียวของคุณนันทภัค ศิลปการ ...เฮ้อ...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 06-05-2009 16:00:58
แบบนี้ต้องบุพเพอาละวาดแล้วเนี่ย  :laugh:

อยากเห็น แอฟโฟว์ เวลาโดนน้ำฟีบๆๆ นึกภาพไม่ออกเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 06-05-2009 22:11:48
dahlia    คนโพสยังอยากเห็นเลย น้องมีร์ไม่มีรูปมาให้ จินตนาการไปก่อนละกัน หุ หุ


ตอน 2

สตรีวัยกลางคนที่อายุล่วงเข้าเลขห้าเห็นจะได้ เดินออกมาจากห้องบุตรชายด้วยความไม่สบอารมณ์ เช้านี้นางกะจะสดชื่นแจ่มใสกับวันใหม่เสียหน่อย ตอนแรกก็คิดจะตักบาตรเป็นสิริมงคลแต่พอได้รับรู้เรื่องบุตรชายคนโต ใจก็ขุ่นมัวจะทำบุญทำทานก็คงไม่เหมาะ เพราะใจไม่เป็นกุศลแล้ว


“ เป็นอะไรไปแม่ ทำหน้าบึ้งเชียว” บุตรสาวคนเล็กเดินลงมาติดๆ ก็เห็นท่าทางของคุณแก้วก็ออกปากถาม โดยปกตินางไม่ใช่พวกทำหน้าแบกโลกอมทุกข์อย่างนี้


“ น้องกิ่งตื่นแล้วเหรอลูก..ดูพี่เราสิ” คุณแก้วเริ่มเปรยอย่างอ่อนใจ ดวงตาที่ทอบอกชัดว่านางทั้งไม่พอใจระคนกังวล ผสมปนเปไปจนแยกไม่ได้


“ ทำไมเหรอคะ” กิ่งเดินเข้ามานั่งตรงข้ามมารดาแล้วถามอย่างสงสัย พี่ชายของเจ้าหล่อนไปทำอะไรผิดมาเหรอ คุณแก้วถึงได้แสดงอาการเช่นนี้


“ ก็ไปเมาแอ๋ที่ริมหาดนะสิ ดีนะที่เพื่อนเขาออกไปตามจนเจอ นี่ถ้าโดนน้ำซัดหายไปแม่จะทำยังไง” แม้คำที่นางใช้ดูจะประชดประชันไปสักหน่อยแต่กระแสสั่นในรอยเสียงบอกได้ดีว่านางเป็นห่วงลูกชายแค่ไหน คนเป็นแม่ร้อยทั้งร้อยก็รักก็ห่วงลูกทั้งนั้น


“ พี่ต้นเขาก็กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอคะ แม่อย่าเป็นกังวลเลยนะคิดมากตีนกาจะขึ้นเปล่า เดี๋ยวคอลลอเจนหลอดใหม่ที่เพิ่งซื้อมาจะใช้ไม่ได้ผลนะ” เพราะไม่อยากให้มารดาต้องจมอยู่กับความทุกข์ใจ หญิงสาวจึงรีบพูดเปลี่ยนประเด็นยกเหตุผลความสวยความงามมาอ้าง จนคนฟังต้องตกใจ นางรีบยกมือขึ้นทาบใบหน้าปรับอารมณ์ให้สงบ


“ พี่ต้นนะพี่ต้น ถ้าแม่ตีนกาขึ้นจะไปคิดบัญชีกับเขา ไอ้ลูกหน้ากบกล้าดียังไงมาทำให้ คนสวยอย่างแม่เครียด..รับไม่ได้” ฟังจากน้ำเสียงของนางก็ทำให้รู้ว่าความขุ่นมัวในใจได้หายออกไปแล้ว สรรพนามที่นางใช้เรียกลูกชายคนโตไม่ต่างจากที่กิ่งใช้เลยสักน้อย


“ แล้วเรื่องมหาวิทยาลัยล่ะ จะประกาศผลวันไหนแม่ลุ้นจนใจจะหายอยู่แล้ว” นางเปลี่ยนเรื่องทันทีที่ความกังวลลดหายไป เรื่องต่อไปคือเรื่องของลูกสาวคนเล็ก


“ อีกไม่นานหรอกค่ะ” ไม่นานหลังจากนั้นตัวการที่ทำให้มารดาต้องเป็นกังวลก็เดินลงมาด้วยอาการมึนๆ แต่ก็ดีขึ้นเยอะเขาเดินมานั่งเก้าอี้ใกล้ๆน้องสาว


“ วันนี้มีอะไรกินบ้างนะ”  


“ เออใช่พี่ต้น..เรียนจบแล้วเมื่อไรจะมีหลานให้แม่หา ..อย่าปล่อยให้คนแก่รอนานนะ...”


“ แฟนผมเพิ่งบอกเลิกไปเมื่อวาน จะเอาใครมาอุ้มหลานให้แม่ละครับ..” คำพูดเย็นชาแต่ดูไม่ประสาอะไรกลับทำให้สองแม่ลูกต้องจ้องมองกันอย่างอึ้งๆ ตามแล้วพ่อลูกคนนี้ ปกติต้องตอกกลับมาด้วยเสียงร่าเริง แต่เช้านี้ เจ้าองค์ไหนลงประทับนี่ เย็นชาชะมัด ..


“ เออ..พูดเรื่องงานก็ได้ ตกลงพี่ต้นรับช่วงต่องานที่สำนักพิมพ์ใช่ไหมจ้า..”


“ ครับ..”  
-
-
-
-
หลังจากจบการศึกษาต้นได้รับช่วงต่อสำนักพิมพ์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่พ่อและแม่สร้างขึ้นมาเมื่อสิบกว่าปีก่อน ครั้นเมื่อคุณชายชาติเสียชีวิตไป คุณแก้วจึงต้องรับหน้าที่บริหารทุกอย่างเอง กว่าสำนักพิมพ์จะก่อร่างสร้างตัวจนมั่นคงก็ใช้ความพยายามไม่น้อย เมื่อต้นเรียนจบนางจึงยกทุกอย่างให้เขาจัดการ


“ ตึกตรงข้ามของสำนักพิมพ์ มีคอนโดห้องหนึ่งที่แม่ซื้อไว้ถ้าวันไหนต้องอยู่ดึกก็พักที่นั่นนะ ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา” คุณแก้วที่นั่งจัดสูทตัวใหม่ให้ลูกชายเอ่ยขึ้น


“ เหรอครับ”  


“ ไว้อาทิตย์หน้าแม่จะไปจัดการ เรื่องของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ให้ แล้วอย่าลืมล่ะว่าการเป็นเจ้านายคนอื่นต้องรู้จักการวางตัว อย่าอ่อนจนดูไร้สามารถ และอย่าแข็งจนดูกระด้าง” คำพร่ำสอนทุกคำนางบอกด้วยความรู้สึกและประสบการณ์ที่ผ่านมา


“ ครับแม่ แม่บอกผมเป็นครั้งที่สิบแล้วนะ” ชายหนุ่มรับสูทไปจากมือคุณแก้ว ก่อนจะเดินออกจากบ้าน ภาพของเขาในตอนนี้ไม่ต่างจากคุณชายชาติ วรโชติ เลยสักนิด ดูกระตือรือร้น แข็งขันและมั่นใจ ลูกของนางกำลังโตเป็นผู้ใหญ่ กำลังออกไปเผชิญความเป็นจริงของสังคม

แม้สำนักพิมพ์ธุรกิจของครอบครัวจะสร้างรายได้ค่อนข้างมากในแต่ละปี แต่บ้านวรโชติยังติดชีวิตที่เรียบง่ายและธรรมดา บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่นางซื้อไว้ตั้งแต่สิบกว่าปีก่อน และอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ตัวบ้านไม่ได้ใหญ่โตฟู่ฟ่า มีห้องสำหรับสมาชิกแต่ละคนในครอบครัวสามห้อง

และมีห้องนอนสำรองไว้เผื่อรับแขกอีกห้องหนึ่ง แต่ละสัปดาห์จะจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดสองครั้ง ส่วนงานบ้านที่เหลือก็จะช่วยกัน นางเชื่อว่าหากเลี้ยงลูกให้สุขสบายตั้งแต่เด็ก ต่อไปหากพวกเขาได้เจอความยากลำบากก็จะทนไม่ได้ และปรับตัวไม่ได้ ....


หลังจากลูกชายคนโตมีงานมีการทำเป็นหลักแหล่ง ลูกสาวคนเล็กอย่างกิ่งก็นำความยินดีมาสู่ที่บ้านอีกครั้ง เมื่อเธอสามารถสอบเข้าคณะที่ใฝ่ฝันได้สำเร็จ พร้อมเพื่อนสนิททั้งสอง


“ ในที่สุดคนหน้าตาดีก็ทำสำเร็จ ไม่นึกเลยว่าชีวิตของแบยองจุนสุดหล่ออย่างฉัน จะประสบความสำเร็จอย่างนี้” คำของชายหนุ่มเด็กแนว แต่กลับบ้าซี่รี่ย์เกาหลีขั้นหนักเอ่ยขึ้น จนเพื่อนสนิทอีกสองคนต้องหันมองเป็นตาเดียว


“ แบยองจุน ! กล้ามากนะ ..ดีเจเดย์...” และเป็นเจ้าลิงน้อยที่เอ่ยกัด ..


“ ดูแฟนแกดิไอ้ต่อ..ชิชะ..หน้าตาอย่างฉันต้องป๋าแบเท่านั้นคนอื่นไม่ได้..”  


“ ก็ไม่เห็นว่าไอ้ลิงของฉันจะพูดผิดตรงไหนนี่ พี่เดย์ ดราวิโก” ต่อรับคำ พร้อมทั้งสำทับเรียกนนท์เช่นเดียวกับที่แฟนสาวปูทางไว้ก่อนหน้า ...


“ ตั้งแต่สารภาพรักกันนี่...ลืมหัวฉันไปเลยใช่ไหมไอ้คิงคองอเมซอน ..จำไม่ได้ใช่ไหมว่าใครที่มันแบกหัวฟูๆ ดราวิโกไปช่วยวางแผนให้แกสารภาพไอ้ลิงตรงหน้าแกได้สำเร็จ ลืมบุญคุณฉันแล้วใช่ไหมไอ้คิงคองอกตัญญูไม่รู้คุณคน..”  ได้ทีเลยสวดยับสามกัณฑ์ติดต่อ


“ ขอโทษครับพี่แบ ...ผมขอโทษ ...” โธ่..ต่อเหรอจะกล้าลืมความดีความชอบที่นนท์มีต่อเขา ถ้าไม่ได้นนท์ ต่อคงกลายเป็นคิงคองอกแตกตาย ที่แอบรักกิ่งมากว่าหกปีเต็ม ..ทั้งหมดที่สำเร็จลุล่วงเพราะนนท์ช่วยเหลือ


“ ต่อแล้ว...พูดอย่างนี้สิ”


“ เอ่อ..ถือว่าเป็นวันของแกนะไอ้นนท์ ..ฉันว่าเราไปกินไอติมกันดีกว่าไหม อยากหาอะไรเย็นๆกระแทกปากเล่นๆ จากนั้นก็ไปดูหนังด้วยดีกว่า วันนี้มีเรื่องใหม่เข้านี่หน่า..” กิ่งจำต้องยอมเป็นเบ้ตามแฟนหนุ่ม ..เจ้าหล่อนเองก็แอบขอบคุณนนท์เหมือนกันที่ช่วยให้ต่อมาสารภาพหล่อนได้...กิ่งไม่ได้ต่างอะไรจากต่อเลย การแอบรักเพื่อนสนิท ..หากโชคดีคือการรักกันอย่างมั่นคง แต่โชคร้ายอาจเสียเพื่อนไปตลอดชีวิต


“ ครับผม..ไปกินไอติมกัน ..งั้นสเวนเซนล่ะกัน..อยู่ตรงหัวมุมนั่นไง” นนท์เสนอพร้อมลุกขึ้นจากโต๊ะนำไปยังร้านไอศกรีมตรงมุมของชั้นสาม ..ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งชุมนุมของเหล่าวัยรุ่นมากมาย ..

มีร้านอาหาร สำนักงาน รวมถึงร้านต่างๆซึ่งรวมอุปกรณ์ไว้ครบครัน


“ Earthquake Banana split super sundae รวมรส.”  


“ ไอ้ฟูจัง...นี่แกจะถล่มสเวนเซนใช่ไหมสั่งอะไรของแกมากมายขนาดนั้น...” กิ่งถึงกับบ่น แค่รายการที่สั่งออกไป ก็ยาวจนแทบหมดลมหายใจ แล้วจะกินกันหมดไหมนี่


“ โธ่..กินๆไปเถอะยังไงก็มีเงินจ่ายอยู่แล้ว..วันนี้เป็นวันดีนะโว้ยพวกเราสามคนอุตส่าห์สอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันได้ต้องฉลองสิวะ...”  


“ เอ่อ..ลืมไปว่ามากับคุณหนูตระกูลดัง...” คิงคองหน้าหยกแสร้งประชดเล็กๆ.. ศิลปการ ..เจ้าของธุรกิจรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา แต่ละปีมีเงินหมุนเวียนมากกว่าหมื่นล้าน ...


“ ไอติมมาแล้ว..” ไอศกรีมถ้วยใหญ่ ย้ำ ใหญ่จนน่าจะเรียกว่าถาดมากกว่าถ้วยถูกวางลงตรงหน้าทั้งสาม โต๊ะอื่นมีอันหันมองตามๆกัน อะไรจะเว่อร์ขนาดนี้..เหมาสเวนเซนส์เลยไหม ...


“ การเรียนอีกสี่ปีขอให้ทุกคนมีความสุขกันมากๆ” นนท์เอ่ยขึ้นด้วยเสียงร่าเริง พลางเบิกพิธีปักช้อนเรียวลงตักไอศกรีมสีสวยเข้าปากอย่างรวดเร็ว สองเพื่อนสนิททำตามอย่างขันๆ ..ดูๆไป มันก็น่ารักดี..ความสัมพันธ์ของทั้งสามนับจากนี้จะแนบแน่นมากกว่าเดิม แม้นนท์จะต้องเรียนแยกคณะจากสองเพื่อน เพราะคุณภาพของสมองที่ด้อยกว่ามาก...


ตั้งแต่ม.1 – ม 6 นนท์ก็ครองตำแหน่งห้องบ๊วยทุกปี ส่วนสองเพื่อนสนิทก็เรียนห้องเกรดเอ ตลอด ..
ต่อและกิ่งสอบได้คณะรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ส่วนนนท์สอบได้คณะการตลาด ..แต่เอาเถอะยังไงก็อยู่ที่เดียวกัน ...


ทานมาได้สักพัก ...กิ่งก็ขอตัวไปห้องน้ำ ทิ้งให้สองหนุ่มนั่งกันตามลำพัง


“ แกยังไม่เล่าเลยว่างานพรอมวันนั้น แกกับไอ้ลิงได้เต้นรำต่อกันไหมวะ”  


“ ไม่บอกมันเป็นความลับโว้ย ..เรื่องอย่างนี้มันรู้กันสองคน ขืนไอ้กิ่งรู้ว่าฉันปริปากมันได้กระโดดงับหูขาดแน่นอนไม่ต้องสงสัย..” ต่อเอ่ยปัด ไม่ยอมบอก


“ นี่แหนะไอ้คิงคอง..”  ไอศกรีมสีสดถูกปาดลงบนหน้าหยกขาวใส ...


“ ไอ้บ้า..” สงครามขนาดย่อมระหว่างทั้งสองเกิดขึ้น ..


“ เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ทำอะไรไม่เกรงใจสถานที่เลย” ชายหนุ่มในสูทสีเข้มกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ จนคนยืนข้างๆต้องหยุดมอง


“ ช่างเขาเถอะคุณต้นโลกเราเปลี่ยนไปจากเดิมไกลหลายขุมแล้วนะ ” หญิงสาวร่างอวบผมดัดลอนสีเหลือบแดงกล่าวขึ้น ปากสีหวานเผยความมีเสน่ห์ เย้ายวน ดวงหน้าของเธอดูกระจ่างจัดว่าดูดีไม่น้อย ยิ่งได้ชุดทำงานเรียบหรู บุคลิกผู้หญิงทำงานของเธอยิ่งโดดเด่นเฉิดฉาย


“ เข้าไปข้างในเถอะ เรานัดลูกค้าไว้นะ” นุ่นกล่าวเตือน ชายหนุ่มจึงได้สติแล้วเดินเข้าไปในร้านอาหารอย่างสงบ ในใจยังนึกภาพของสองคนที่เห็นหน้าร้าน เหมือนเขาคุ้นเคยกับพ่อผมแอฟโฟ่ว์อย่างบอกไม่ถูก ภาพของใครบางคนที่ฝ้ามัว ใครกันนะ...


“ เป็นอะไรไปคุณต้น” หญิงสาวเขย่าแขนเขาเล็กน้อย


“ เปล่าหรอก” เขาปฏิเสธไปเพราะไม่อยากให้เธอรู้ว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ หญิงสาวผู้จัดการฝ่ายโฆษณา เดินนำเข้าไปที่โต๊ะอาหาร นุ่นเป็นเพื่อนกับเขาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง พอจบก็ลองสมัครเข้าสำนักพิมพ์ที่คุณแก้วบริหารอยู่ เธอไม่เคยรู้เลยสักนิดว่าบ้านของเขามีธุรกิจสิ่งพิมพ์เครือใหญ่เช่นนี้ แม้จะไม่สนิทกันสักเท่าไหร่แต่เพราะการงานที่ต้องเจอะหน้ากันทุกวัน ทั้งสองจึงได้เริ่มคุ้นชินกันมากขึ้น


“ นี่คุณเพ็ญนภา เจ้าของแอด (Ads)โฆษณาที่สนใจติดต่อกับเรา” ผู้จัดการสาวผายมือแนะนำอีกฝ่ายให้เขารู้จัก ชายหนุ่มค้อมศีรษะเล็กน้อย..


ด้ายบางๆที่เชื่อมระหว่างคนสองคนเริ่มทำหน้าที่ของมันตามลิขิตแห่งพรหมแล้ว
จุดเริ่มต้นของบางสิ่งบางอย่างยากนักที่ใครจะอธิบาย ยากนักที่จะแจกแจงความถูกต้องเหมาะสม ฟ้าอาจนำพาคนเรามาเจอะเจอ แต่ไม่สามารถบังคับให้รักกัน ...


สงครามที่ร้านไอศกรีมระหว่างเพื่อนสนิทสองคนยังไม่จบ ..


“ เฮ้ย..” นนท์ร้องลั่นเมื่ออยู่ๆ ไอศกรีมชาเขียวก้อนใหญ่กระเด็นมาแหมะอยู่บนผมทรงฟู..


“ ไอ้คิงคองแกตาย...” นนท์ร้องจ๊าก....กับสิ่งที่เกิด เศษเสี้ยวที่ละลายเหนอะผมไหลย้อยมาตามทางสร้างความขบขันให้หลายคนในโต๊ะ


“ เฮ้ยทำไรกันวะ...ฟูจังทำไมแกเป็นอย่างนี้...” กิ่งที่เข้ามาห้ามถึงกับขำ แต่ก็ช่วยพานนท์ไปจัดแจงล้างเนื้อล้างตัวที่ห้องน้ำ...( ไอ้คิงคองหน้าหยกมันสมควรพาไปไม่ใช่เหรอ..) คนเข้าห้องน้ำถึงกับหน้าเหวอเมื่อเห็นกิ่งเข้ามายืนกำกับภายในห้องน้ำนั้น ..
-
-
-
-
ความรัก ความฝันและมิตรภาพระหว่างทั้งสามกำลังจะแนบแน่นเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเกินใจใครจะคาด...


เวลาในเทอมแรกผ่านไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความมั่นใจและนิสัยเฮฮานนท์กลายเป็นที่รักของเพื่อนๆแทบทุกคน ..โธ่พี่เดย์ ดราวิโกมาเองใครล่ะจะไม่รัก โดยเฉพาะการแต่งตัวที่ไม่เคยกริ่งฝนเกรงฟ้า ...ทำไปได้นะคนเรา


แต่จะให้เป็นที่รักยังไง หัวสมองอันล่าช้า ( อุ๊ว้าย มันแค่ในฟิคนะ เรื่องจริงนนนี่ของหนูเธอออกจะ จีนีอัส) ทำให้ผลคะแนนที่ปรากฏอยู่ในมือขณะนี้ ..ออกมา...


“ ตายแล้ว ..ลูกนนท์ได้ B มาด้วย ที่รักของแม่ทำไมเก่งอย่างนี้ล่ะลูก แม่ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าลูกของแม่จะได้ B โอ้สวรรค์มาโปรด..” เสียงแหลมหวานของหญิงวัยกลางคนร่างโปร่งเอ่ยขึ้น


“ ประโยคของแม่ฟังดูดีนะครับ แต่นนท์รู้สึกเหมือนแม่หลอกด่านนท์ว่าโง่เลยอ่ะ..ได้ b มาหนึ่งตัวที่เหลือ แมวบวก กะหมาพลัสนี่นะ...” พ่อคนหัวฟูที่ยิ้มแย้มตลอดคำของมารดามีอันสะดุดกึกก็อีตรง ..ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะได้เกรดดีๆมาก่อน ..โธ่แม่นันทำไมถึงทำกับนนท์อย่างนี้ล่ะครับ คุณแม่


“ เออ แล้วน้องกิ่งกับต่อละเป็นไงบ้าง ..” มารดาหน้าสวยเบี่ยงประเด็น เพราะไม่อยากตอกย้ำสถานะความช่ำชองของสมองอันน้อยนิด...


“ ไม่ต้องพูดถึงหรอกแม่ สองคนนั้นเขาลูกชายลูกสาว เซอร์ ไอแซค เอดิสัน เฉิน..ไม่ a ก็ต้อง b+ อัจฉริยะข้ามวันข้ามคืนขนาดนั้น...”  นนท์เอ่ยขึ้น มันก็จริงอย่างเขาว่านั่นแหละสองเพื่อนสนิท...เก่งเว่อร์


“ คือลูกคะ...แม่ว่าชื่อที่ลูกพูดมันแปลกๆนะค้า ลูกหมายถึง เซอร์ ไอแซค นิวตัน ทอมัส อันวาร์เอดิสัน .ใช่ไหม ถ้าจำไม่ผิด เอดิฉัน เฉินนี่มัน...เอ่อ...ไม่พูดดีกว่าค่ะ เดี๋ยวแม่เจอข้อหาหมิ่นประมาท. ...แต่แม่ว่า..เอ่อ..เขาหล่อนะคะ แม่ยังมีคอลเลคชั่นเขาเลย ..” นางพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน ตายแล้วคุณนันนี่คุณเผยไต๋ขนาดนี้เลยเหรอ ...ที่แท้ที่นอนดึกๆเพราะแอบไปโหลดบิทเอดิสัน เฉินใช่ไหม...


“ เอ่อ..นนท์เบื่อแล้วแม่ ขอตัวไปข้างนอกดีกว่า อยากไปชอปให้หายเครียด ไปนะแม่..” คนหัวฟูเอ่ยขึ้นพร้อมร่างที่เดินลิ่วๆออกจากบ้าน แม่สาวใช้สองคนรีบวิ่งตาม ..วางรองเท้าผ้าใบเพ้นส์สีเขียวฟ้า ..กับกระเป๋าย่ามสะพายแนวผ้าบังสกุลเก่าเอามาใช้ใหม่ ..


“ ไปไหนครับคุณหนู..” พ่อฟูจังเดินก้าวเข้ามาในรถ..คนขับก็เอ่ยขึ้น ดู ...ดูการแต่งตัวของพ่อเจ้าพระคุณรุนช่องนี่สิ...ไม่เข้ากับ เมซิเดส เบนซ์คันหรูเลยสักนิด...แน้ว แนว นั่งเบนซ์ จะบ้าตาย ...เพี้ยนกว่านี้มีอีกไหม...


ศิลปการ...ชื่อนี้ใครบ้างจะกล้าไม่รู้จัก เจ้าของธุรกิจหมื่นล้านในสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในธุรกิจรายใหญ่ที่ทำให้ GNP ของประเทศแตะระดับอยู่ในแนวสูง...


กว่าจะได้ฤกษ์กลับก็ล่วงเลยเข้าสู่เวลาเย็น ชายหนุ่มผมฟูชุดสีหวานชมพูแจ๋...เดินก้าวเข้ามาอย่างสุขใจ ...ชีวิตดูจะมีความสุข ความสบาย น้อยครั้งที่จะเห็นนนท์ปริวิตก จิตแฟบ ...คุณนันถึงกับอ้าปากอึ้งเมื่อเห็นคนขับรถสูงวัย โงนข้าง เงนข้างเพราะถุงข้าวของที่เพิ่งชอปมาจากพารากอน ...ตายแล้วพ่อคุณ...
แน้วแนว เดินพารากอน จะบ้าตาย เขาให้คุณเขาเหรอคุณนนท์ฟู..


แต่เวลานี้คุณนันไม่มีกะจิตกะใจมาขำกับท่าทีเงิ่นงกของลุงคนขับหรอก..กำลังตกใจกับการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟื่อยของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนต่างหากล่ะ..


“ นี่จะเหมามาเปิดร้านเลยเหรอนี่”


“ นนท์ก็กะจะเปิดเหมือนกัน ..แต่เกรงใจแม่...แค่นี้อณูขนหน้าแข้งของแม่ไม่หลุดหรอกครับ นนท์ซื้อมาแค่ไม่กี่หมื่นเอง แม่จะบ่นไปทำไม..”  คำตอบหน้าตาย ทำให้มารดาถึงกับเครียด ทำยังไงกับไอ้ลูกชายแสนเอาแต่ใจ แถมยังมั่นใจ ( ผิดๆ) ในตัวเองดีนะ...


“ นนท์ไปนอนดีกว่า...ใช้เงินแล้ว อดรีนา วิลเลี่ยมหลั่งดี..” พูดจบก็เดินอาดๆขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง โดยมีลุงคนขับเดินงกๆ ตามไป

แต่นนท์ค่ะ..นนท์กำลังจะบอกว่า อดรีนาลีนใช่ไหม...แล้วไอ้ที่พูดนี่หมายถึง ..ซาเรน่า วิลเลี่ยมใช่ไหม..พ่อคุณ ...จะพูดแต่ละที ต้องยกดิกชั่นนารี ฉบับแปลยังไงไม่ให้งงมากำกับ ....


“ เหนื่อยใจจริงๆ ไอ้ลูกคนนี้ พรุ่งนี้แกเจอดีแน่...รู้จักฉันน้อยเกินไปแล้ว ...ฉันนะอดีตตัวแม่บ้านเอเอฟคลาสการแสดงเชียวนะ..จะไปเป็นดาวโดดเด่นบนฟากฟ้า จะไปไขว่คว้าเอามาดังใจหวัง...” หญิงวัยกลางคนลุกขึ้นชูมือ สวมบทบาทหนึ่งในนักล่าฝันที่นางกำลังคลั่งไคล้ในชีซั่นล่าสุด...

เป็นเอามากทั้งแม่ทั้งลูก...ได้อีกๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-05-2009 00:10:13
คุงแม่คุงลูกคู่นี้ สุดยอดจริงๆๆ นับถือๆ

คนโพสต์ แปะได้ยาวสะใจมากเลย   :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 07-05-2009 00:14:25
โฮ โฮ โฮ แอบเศร้า ทำไมไม่เมนต์กันเลย ไม่ชอบหรอค่ะ

ตอนแรกๆมันจะเรียบๆแต่ต่อไปสนุกนะค่ะ ชอบไม่ชอบเข้ามาบอกกันบ้างเน้อ


ตอนที่ 3

คิงคองหน้าหยก...ลืมตาขึ้นเพราะแสงแรกที่สาดก้าวเข้ามา ปลุกให้เขาต้องตื่นจากการหลับใหล..เขาเดินไปจัดการตัวเองอย่างไม่เร่งรีบ. ..ตอนออกจากห้องก็มีอันต้องชะงัก เมื่อเห็นร่างบางของคนผมยาวนอนหลับอุตุอยู่บนโซฟาหน้าทีวี

“ ลิงจ๋า...ตื่นได้แล้วมาทำอะไรแต่เช้านี่...” ต่อเอ่ยเรียก แต่กิ่งยังงัวเงียไม่ยอมตื่น พลางยกมือปาดน้ำลายที่ยืดออก ..ภาพพจน์คิดจะรักษากันบ้างไหม...

“ อย่ากวนดิวะ..”

“ รีบตื่นโว้ย..”

“ ไม่..” กิ่งตอบเสียงยานคาง แต่เสียงดังได้ไม่เท่าไหร่ก็มีหนึ่งเสียงร้องต่อขึ้นมาทันที..ก็ตอนนี้ร่างบางถูกเท้าแกร่งของใครบางคนดันให้หล่นตกเก้าอี้ไปแล้วนะสิ..( อิแฟนคู่นี้ SM ชัดๆ..)

“ ไอ้คิงคอง...แกกล้าถีบฉันเหรอ..”

“ แล้วทำไมไม่กล้าวะ..แกบอกเองว่าวันนี้จะมาตอนสายๆ แต่นี้มาตั้งแต่เช้าจะบ้าตายไม่เกรงใจเจ้าของห้องเลยหรือยังไง เห็นที่นี่เป็นโรงแรมสาธารณะเหรอจะมาก็มาจะไปก็ไป ห้องฉันเป็นห้องส่วนตัวนะโว้ยไม่ใช่ที่ที่ใครจะเข้าออกง่ายๆ...” คำบ่นยาวเหยียดดังขึ้น เพิ่มระดับความโกรธ..ไอ้ต่อนะไอ้ต่อ แกเล่นแรงไปแล้ว

“ เออ..แล้วฉันเป็นใคร..”

“ ก็แฟนฉันไง ประสาทเหรอ ..สมองเสื่อมใช่ไหม” ต่อตอบอีกครั้ง หารู้เลยว่าการแสร้งแกล้งเย้าแฟนสาวจะทำให้ชะตาร้ายตกมากลับเขา เพราะทันทีที่เขาพูดจบประโยค แม่คนตัวบางก็กระโดดมายืนจังก้าบนโซฟา พลางฟาดมือเรียวไปหลังศีรษะ พ่อคนมุกมากจนหัวหัน

“ ทำไรวะ..เจ็บนะโว้ย..”

“ เหรอ...รู้งี้ฉันไม่มาก็ดี มาถึงก็เจอพวกผีเจาะปากร่ายยาว แกล้งแล้ว แกล้งอีก นี่โดนแค่มือยังเบาะๆ ถ้ายังกล้าแหยม เจอเท้าแน่ไอ้คิงคอง..”

“ ครับผม..ผมขอโทษ..” เห็นสายตาขึงขังก็อดจะสำนึกผิดไม่ได้ แต่จังหวะที่แฟนสาวเผลอ ก็แอบคว้าร่างนั้นมากอดไว้..พลางกดแต้มริมฝีปากบนแก้มเนียนอย่างแกล้งๆ..

“ กล้าดียังไงตบหัวว่าที่สามี..รอให้จบปีสี่ก่อนเถอะ..แกได้นอนร้างอยู่เตียงแน่ ว่าที่ภรรยา..” ต่อเอ่ยขึ้นหลังหอมจบรีบแจ้นหนีเข้าไปในห้องนอนทันที...เขารู้ดีว่าขีดความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองควรอยู่ตรงไหน ..ต่อจะรอเมื่อทุกอย่างเข้าที่ รอให้มันถูกต้อง ขอแค่ทุกวันได้อยู๋ด้วยกันก็พอใจแล้ว

“ ไอ้คิงคองบ้า...หอมมาได้....หน้าเปียกหมดแล้ว..ฟีลไม่ต่างจากโดน น้องหมาเลียหน้าเลย” กิ่งยิ้มเขินกับตัวเอง พูดกลบเกลื่อน.....
( เป็นอันว่าป่วงกันทุกคู่ จะมีก็แค่พี่ต้นหน้ายุ่งเท่านั้นแหละที่นิ่งสุดแล้ว...)



เช้าวันนี้บ้านศิลปการดำเนินไปอย่างปกติ คุณหนูของบ้านลงมาทานข้าวสาย เกือบเที่ยงเพราะเมื่อคืนดูโทรทัศน์ดึกไปหน่อย คุณนันทภัคเหลือบมองลูกชายเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปทานอาหารเที่ยงต่อ

“ อรุณสวัสดิ์ครับ” ชายหนุ่มหัวฟูในชุดนอนลายโดเรมอน..กล่าวทัก พร้อมทั้งเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ คุณนันทภัควางหนังสือพิมพ์ในมือลง แล้วมองลูกชายสุดที่รักตรงๆ

“ นี่มันสิบเอ็ดครึ่งแล้ว เขาไม่เรียกว่าอรุณสวัสดิ์หรอกนะ” นางบอกเสียงเข้ม แต่พ่อคนตื่นสายก็ยังตีหน้าตายบอกกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ อะไรแม่..ถ้าไม่พูดว่าอรุณสวัสดิ์ งั้นเปลี่ยนเป็นสวัสดีตอนสายๆใกล้เที่ยงก็ได้ครับ”  

“ ช่างเถอะ...” นางตัดบทแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ในมือขึ้นมาอ่านต่อ พูดไปก็เท่านั้นรู้ทั้งรู้ว่า พ่อลูกชายนั้นหลบหลีกเก่งแค่ไหน ..

“ คุณคะ มีโทรศัพท์มาจากอเมริกาค่ะ” นงคราญแม่บ้านร่างอวบรีบบอกเสียงนุ่ม คุณนันจึงได้เดินไปรับโทรศัพท์ที่อยู่ใกล้ๆด้วยตัวเอง

“ ใครโทรฯมานะ” นางเปรยเล็กน้อยก่อนจะยกหูขึ้น เวลาเพียงไม่นานหลังจากนั้น ..ฟูจังที่นั่งทานอาหารอยู่ก็ได้ยินเสียงเอะอะจากแม่บ้านนงคราญ

“ คุณนันเป็นลมค่ะ” เสียงสั่นบอกไม่ค่อยได้ศัพท์สักเท่าไหร่ แต่ความดังก็ดึงให้คนนั่งทานอาหารต้องลุกมาดู และต้องตกใจอย่างมากเมื่อเห็นว่ามารดาเป็นลมล้มพับไป ชายหนุ่มรีบโทรฯตามรถพยาบาลอย่างเร่งรีบ กลัวว่ามารดาจะเป็นอะไรไป...


ณ ..โรงพยาบาล...


“ อาการไม่น่าเป็นห่วงอะไรนะครับ คนไข้แค่เป็นลมไปเฉยๆ ให้นอนพักสักหน่อยก็หายดีแล้วล่ะครับ” นายแพทย์เจ้าของไข้ช่วยคลายความกังวลให้กับคนที่เฝ้ารออยู่ข้างๆเตียง

“ ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ”

“ ไม่เป็นไรครับ” หลังจากนายแพทย์เดินออกไป คนหัวฟูชุดโดเรมอนก็เดินมาหยุดข้างเตียงที่มารดานอนหลับอยู่..หน้าของนางดูซีดจนนนท์รู้สึกหวั่น ..เขาเฝ้ารออยู่จนคุณนันฟื้นคืนสติ .
.
“ แม่ๆ เป็นไงบ้างนนท์ตกใจแทบแย่นึกว่าแม่จะเป็นอะไรไปเสียอีก”  

“ ไม่เป็นไรหรอก แต่..” ท้ายประโยครอยน้ำตาก็รื้อมาคลอเต็มหน่วย น้ำที่ไหลมาคลอมีมากจนนางกลั้นไม่ไหวต้องปล่อยให้ไหลออกมาเป็นสาย

“ มีอะไรเหรอ ทำไมแม่ต้องร้องไห้ด้วยเกิดอะไรขึ้นเหรอ” นนท์รีบถาม เกิดมาไม่เคยเห็นคุณนันทภัคร้องไห้เลยสักครั้ง ...เรื่องที่ได้ทราบจากโทรศัพท์คงร้ายแรงไม่น้อย

“ เรากำลังจะหมดสิ้นทุกอย่าง” ยากนักที่คำจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้ นางใช้ความพยายามเท่าที่มีรวบรวบคำพูดออกมา

“ แม่หมายถึงอะไร”

“ คนที่อเมริกาโทรมาบอกว่า บริษัทของเราถูกโกงและกำลังจะถูกฟ้องล้มละลายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้” ในที่สุดความจริงก็หลุดออกจากปากนางจนได้ อะไรกันนี่บริษัทที่ถือว่ามีความมั่นคงอย่างมาก กำลังจะถูกฟ้องล้มละลายเหรอ ใครฟังก็คงต้องตกใจตามๆกัน

“ อะไรนะแม่”  มือที่กุมอยู่ปล่อยลงทันที เหมือนมีอะไรแข็งๆฟาดลงมาที่ตัวนนท์อย่างแรง รวดเร็วและหนักหน่วงเกินกว่าจะรับได้ ชีวิตอันแสนสุขบนกองเงินกองทองกำลังโรยราไปอย่างรวดเร็ว ...


หลังจากวันนั้นคุณนันทภัคก็ออกจากโรงพยาบาลเพื่อมาพักฟื้นที่บ้าน อีกไม่นานบ้านหลังนี้จะไม่ใช่ของศิลปการอีกแล้ว

...ความกังวลมากมายตกอยู่กับกายคนวัยกลางคน

.. ที่สำคัญคนของบริษัทที่อเมริกาก็เร่งวันเร่งคืนให้คุณนันทภัคเดินทางไปเพื่อจัดการปัญหาทุกอย่าง เจ้าของบริษัทต้องรับผิดชอบในทุกอย่างที่เกิดขึ้น ยากนักที่จะเลี่ยงพ้น

ในที่สุดประมุขของบ้านก็คิดออก นางได้ติดต่อไปยังบ้านของเพื่อนสนิทเพื่อฝากฝังลูกชายสุดที่รักไว้

“ นนท์ไม่ยอม ทำไมแม่ไม่ให้นนท์ไปอเมริกาด้วยล่ะ มีปัญหาเราก็ต้องเผชิญด้วยกันสิแม่คิดเหรอว่านนท์จะสบายใจเหรอที่เห็นแม่ต้องไปรับผิดชอบเพียงคนเดียว”  

“ ฟังแม่นะนนท์ ตอนนี้ลูกสามารถเข้ามหาวิทยาลัยในฝันได้แล้ว อีกอย่างก็กำลังจะเปิดสองเทอมแล้วลูกต้องอยู่ที่นี่เพื่อเรียนให้จบ คนไม่มีความรู้ไม่มีวันประสบความสำเร็จหรอกนะ” นางกล่อมลูกชายต่อ

“ แต่....”  

“ ที่แม่ให้เราไปอยู่บ้านน้าแก้วเพราะน้าแก้วสนิทกับแม่มาก อีกอย่างน้องกิ่งกับลูกก็สนิทกันไม่ใช่เหรอ ให้ลูกไปอยู่ที่นั่นแม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องที่เหลือแม่จัดการเอง” คนเป็นแม่ให้เหตุผล

“ แต่...”  

“ เชื่อแม่สิ ทุกอย่างมันต้องผ่านไปได้ ลูกไปอยู่บ้านน้าแก้วแล้ว ลูกเองก็ต้องรู้จักปรับตัวนะ อะไรที่ทำเองได้ก็ทำ จะทำตัวเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วบ้านเราไม่ได้มีเงินเช่นเมื่อก่อนแล้ว” คิดไปเสียงของนางก็เริ่มเศร้าลง จนคนฟังก็พลอยเสียใจไปด้วยสองแม่ลูกนั่งเช็ดน้ำตาให้กันและกัน

อีกไม่กี่วันข้างหน้าคุณนันทภัคก็ต้องเดินทางไปอเมริกาเพื่อจัดการปัญหาทุกอย่างที่ค้างคาผลจะแพ้หรือชนะนางก็พร้อมจะยอมรับ
.

.ในที่สุดวันที่นนท์กลัวก็เดินทางมาถึง..


“ ฉันต้องฝากนนท์ด้วยนะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดเธอก็ดุก็เตือนได้เลยไม่ต้องเกรงใจล่ะ” นางกำลังฝากฝังลูกชายไว้ ยิ่งพูดคนเป็นแม่ก็เหมือนจะเสียใจไม่น้อย

“ โธ่ เธอกับฉันรู้จักกันมากี่ปีแล้วลูกของเธอก็เหมือนลูกของฉันนั่นแหละ แล้วดูสินนท์ออกจะน่ารักขนาดนี้มีหรือฉันจะไม่รัก อีกอย่างสมัยก่อนนนท์ก็มานอนกับน้องกิ่งตั้งหลายครั้ง ฉันยังแอบเสียใจเลยตอนที่เธอย้ายบ้านอยู่เลย” ภาพเก่าสมัยวันวานกลับย้อนเข้ามาในความทรงจำของทั้งสอง ( แต่แม่แก้วจ้า ..ที่บอกว่านนนี่ออกจะน่ารัก หนูแอบเห็นแม่กัดฟันอยู่นะจ้า..)

“ น้านันไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ อยู่ที่นี่ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ดีเสียอีกหนูจะได้มีเพื่อนไปมหาวิทยาลัยพร้อมกัน เวลามีอะไรก็จะได้ปรึกษากัน” กิ่งบอกเสียงใส วันนี้ขอสลัดมาดผู้หญิงปากร้ายออกไปสักหน่อย...เธอดีใจไม่น้อยที่เพื่อนสนิทจะได้มาอยู่บ้านหลังเดียวกัน

“ นนท์รู้สึกใจหายยังไงบอกไม่ถูก แม่ต้องสัญญานะว่าจะโทรหานนท์ทุกอาทิตย์”

“ จ้ะลูกเองก็ต้องดูแลตัวเองด้วย” นางยกมือขึ้นลูบศีรษะฟูอย่างยากลำบาก ... กิ่งที่นั่งมองอยู่พลอยซาบซึ้งไปด้วย ใครจะนึกล่ะว่าวันหนึ่งเพื่อนสนิทของเธอต้องมาเผชิญชะตากรรมที่ยากจะรับได้เช่นนี้ เป็นใครก็คงทำใจได้ลำบาก ยิ่งต้องจากคนที่ตัวเองรักยิ่งทำใจได้ยากกว่าเดิมหลายเท่านัก

“ ...คุณครับใกล้เวลาแล้วนะ” เสียงคนขับรถเดินเข้ามาเตือน

“ งั้นฉันไปก่อนนะ ดูแลตัวเองนะนนท์” มารดายกมือขึ้นลูบศีรษะนนท์เป็นครั้งสุดท้าย การอำลาครั้งนี้ก็เพื่อแก้ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่รู้อีกนานแค่ไหนที่มารดาจะได้กลับมาเมืองไทยอีก

“ แม่เดินทางดีๆนะ นนท์อยู่ที่นี่แม่ไม่ต้องเป็นห่วง” ยากนักที่จะกลั้นน้ำตาไว้ได้ การจากลาดูหดหู่แสนเศร้าเกินกว่าที่นนท์จะทนไหว เขื่อนน้ำที่กักเก็บไหลแล้วไหลอีกจนมารดาชักจะหวั่น แต่สุดท้ายก็ตัดใจเดินจากไปนับจากนี้นนท์ต้องรู้จักดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง นางไม่อาจอยู่เคียงข้างลูกชายสุดที่รักได้ตลอดเวลาหรอก ในที่สุดรถคันนั้นก็ลับหายไปจากบ้านวรโชติ ..


“ อย่าเศร้าไปเลยนนนี่คุง มานี่สิน้าจะพาไปดูห้องนอน” คุณแก้วเดินเข้ามากุมมือสมาชิกใหม่ของบ้าน อยากให้นนท์ได้ผ่อนโศกลงบ้าง ถึงอย่างไรก็ต้องรับความเป็นจริงให้ได้

“ ใช่แล้วเราไปบนห้องกันดีกว่า ฉันกับแม่อุตส่าห์ไปซื้อของตกแต่งมาให้แกเยอะแยะเลยไม่รู้ว่าแกจะชอบไหมนะ” กิ่งรับอาสาเข้ามาปลอบอีกแรง

“ ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มรับเพียงสั้น เดินขึ้นไปชั้นสองของบ้านพร้อมสองแม่ลูก...ห้องขนาดพอเหมาะผนังสี่ด้านถูกทาด้วยสีหวานเย็นสีโปรดของนนท์ ตรงหัวเตียงมีเจ้าสติชยิงฟันขาว กับโดเรมอนตัวใหญ่ว่าเรียงกันอยู่...

“สวยมากๆเลย นนท์ชอบจังเลยครับ” ชายหนุ่มถึงกับยืนตะลึง ทุกอย่างรอบตัวในตอนนี้เหมือนกับนนท์เดินหลุดมาอีกโลก คล้ายๆความฝันก็ไม่ปานแต่ทุกอย่างสามารถจับต้อง รู้สึกและสัมผัสได้ แน้วแนว ..นับวันจะแปลกไปทุกที เดาทางหนูฟูจังเธอไม่ออกเลย ..

“ เดี๋ยวอาบน้ำเสียก่อนนะแล้วลงไปทำอาหารเย็นกัน วันนี้พี่ต้นต้องตื่นเต้นแน่นอนเลยที่บ้านเรามีสมาชิกใหม่เข้ามา” คุณแก้วบอกเสียงใสเหมือนนางได้ลูกแสนน่ารักเพิ่มมาอีกคน คนเป็นประมุขของบ้านจึงค่อนข้างเห่อนนท์ไม่น้อย

“ ครับ” นนท์รับคำ แล้วจัดแจงเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้ นับจากวันนี้งานทุกอย่างเขาต้องทำเองทั้งหมด ไม่มีคุณนงคราญมาคอยทำอาหาร ไม่มีแม่บ้านมาคอยปัดกวาด

สิบห้านาทีถัดมา...

“ ลงมาแล้วเหรอ” กิ่ง...ที่กำลังจัดการกับโต๊ะอาหารอยู่กับคุณแก้วเอ่ยทักทาย คนที่เพิ่งเดินลงมาด้วยใบหน้าราบเรียบ

“ ไม่ลงจะเห็นเหรอ..”

“ เอ้า ไอ้นี่เลิกเศร้าได้ก็แขวะฉันเลยนะไอ้ฟูบ้า...”

“ เรียกผิดเรียกใหม่ได้นะครับคุณลิงน้อย..เรื่องหน้าหยก.นี่จะเอาไง..”  นนท์ถือไพ่เหนือกว่าอีกแล้ว เรื่องพ่อคิงคองหน้าหยก ดูจากรูปการน้าแก้วคงยังไม่รู้ กิ่งหนอกิ่งไม่รู้เสียแล้วว่ากำลังเล่นกับใคร...

“ จ้า..เพื่อนรัก..พี่แบยองจุน..” กิ่งรีบเปลี่ยนสีหน้าโดยไว แม้แต่คุณแก้วที่ยืนอยู่ข้างๆยังงงๆกับการกระทำนั้น ..แต่ดูไปดูมาสองคนสนิทกันนางก็สบายใจ ...จะว่าไปถ้าให้กิ่งเป็นแฟนกับลูกชายเพื่อนสนิทอย่างนนท์ก็น่าจะดี...

“ งั้นน้องกิ่งกับนนท์..ไปช่วยกันยกอาหารในครัวหน่อยนะ...เดี๋ยวน้าจัดการตรงนี้เอง..” หญิงวัยกลางคนเริ่มเปิดโอกาส...หุหุ..

“ เอ่อ...ในครัวมีแกงจืดแค่อย่างเดียว แกช่วยไปเอาหน่อยนะ..ฉันขอเข้าห้องน้ำก่อน” ขณะที่เดินไปด้วยกันกิ่งก็เอ่ยขึ้น ..โธ่..คุณกิ่งค่ะ..ลืมไปแล้วว่ากิ่งนะลูกคุณแก้ว ...แผนแค่นี้มีหรือที่หญิงสาวจะไม่รู้รีบเฟดตัวเองออกจากสถานการณ์จงใจของมารดาโดยทันที..

“ อืม..” นนท์พยักหน้ารับ...ส่วนกิ่งก็เดินรุดกลับไปที่โต๊ะอาหารไม่ได้ไปห้องน้ำอย่างที่อ้าง ...

“ สวัสดีครับแม่..น้องกิ่ง..” ชายหนุ่มตัวสูงที่เพิ่งกลับจากทำงานเดินก้าวเข้ามาในบ้านอย่างสงสัย..ตั้งแต่รับหน้าที่บริหารสำนักพิมพ์..ต้นก็กลับบ้านมาแค่อาทิตย์ละสามวัน..คือศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ส่วนวันที่เหลือจะพักอยู่ตรงคอนโดฯ ฝั่งตรงข้ามกับสำนักพิมพ์..

“ วันนี้ทำอาหารเสียเยอะแยะจะเลี้ยงรับขวัญใครเหรอ” ชายหนุ่มออกปากถาม เพราะวันนี้ทุกอย่างดูละลานตาไปเสียหมด ปกติจะมีอาหารแค่สองสามอย่างเพราะที่บ้านมีกันอยู่แค่สามคน แต่ดูวันนี้สิมีรายการอาหารเพิ่มขึ้นมาตั้งหลายอย่างแหน่ะ

“ ก็ลูกน้าพันไงล่ะ” คนเป็นแม่ตอบไปก็ทำงานในมือไป ชายหนุ่มเดินมาใกล้ๆมารดาแล้วพาดเสื้อสูทตัวเก่งกับพนักเก้าอี้ใกล้ตัว

“ ที่แม่บอกว่าเขามีปัญหาเรื่องถูกโกงนะเหรอ” เขารับรู้มาพอควรเกี่ยวกับเรื่องปัญหาคดีความที่กำลังจะฟ้องร้องกัน คดีใหญ่แต่ก็น่าแปลกที่ข่าวสังคมไม่ยักกะลงหรือเรื่องนี้ยังปกปิดเป็นความลับอยู่ รอจนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุดถึงจะประกาศให้คนอื่นได้รับรู้กัน

“ ใช่จ้ะ เออว่าแต่นนท์เข้าไปนานแล้วนะลูกเข้าไปดูน้องหน่อยเป็นอะไรไปหรือเปล่าก็ไม่รู้” มารดากล่าวขึ้นเสียงเรียบ

“ ครับ” เขารับอย่างว่าง่ายพร้อมทั้งตรงดิ่งเข้าไปในครัวอย่างรวดเร็ว เร็วจนไม่ทันสังเกตว่าชายหนุ่มอีกคนเดินออกมาแล้ว สองคนชนเข้าอย่างจังถ้วยน้ำแกงในมือของนนท์ร่วงหล่นลงทันทีจนน้ำแกงร้อนๆกระเด็นใส่ทั้งสอง ชายหนุ่มมีสีหน้าบึ้งตึงทันทีกลับจากทำงานเหนื่อย แต่กลับมาเจอเรื่องอย่างนี้

“ นี่...” นนท์ที่ตั้งท่าจะว่ากลับ หรุบตานิ่ง ภาพเมื่อหลายเดือนก่อนผุดพรายกลางห้วงความคิด อะไรกัน..คนตรงหน้ามันคือ..คน...

‘ นี่ไอ้บ้าที่อยากจะฆ่าตัวตายคนนั้นนี่’ ฟูเยอะ..ลอบคิดในใจ ตอนนี้เหมือนโลกทั้งใบถูกเขาเขย่าให้ไหวเอนอีกครั้ง พรหมลิขิตนำทั้งสองให้มาเดินในเส้นทางสายเดียวกันแล้ว แต่กระนั้นเรื่องราวคงไม่ง่ายดายนักหรอก.. นนท์ยังกระดากกับการกระทำของเขาอยู่ คนที่ขโมยจูบแรกของนนท์ไป..


“ มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ” คุณแก้วที่ได้ยินเสียงเอะอะเดินมาตามต้นเสียง และพบทั้งสองคนยืนจ้องหน้ากันโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ กิ่งที่ตามมาสมทบกับมารดาถึงกับแปลกใจในท่าทางของทั้งสองคน ชายหนุ่มเหมือนคลับคล้ายคลับคลากับอีกฝ่าย แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก…

“ มีอะไรเหรอ” มารดาถามย้ำ

“ ก็ไอ้เด็กซุ่มซ่ามคนนี้นะสิ เดินมายังไงไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือชนผมเข้าจนถ้วยน้ำแกงตกแตก สงสัยผมจะบังตาหมดเลยมองอะไรไม่เห็น..”  ชายหนุ่มที่ได้สติชิงตอบอย่างเสียอารมณ์ นนท์ถึงกับมองเขาตาขึงเขาเองไม่ใช่เหรอที่พรวดพราดเดินเข้ามาในครัวจนชนนนท์เข้า และกล้าดียังไงมาวิจารณ์ แอฟโฟ่ว์อันน่าภูมิใจของนนท์.. แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะทวีไปมากกว่านี้คุณแก้วก็สังเกตเห็นบางอย่างเข้า..
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 01-07-2009 19:51:03
หุหุ เพิ่งเห็นเรื่องของคนแต่งคนนี้ อิอิ เย้  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: nune ที่ 02-07-2009 10:24:07
ชอบเรื่องของน้องคนแต่งคนนี้เหมือนกัน รออ่านต่ออยู่นะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-07-2009 20:58:10
เราเพิ่งเห็นเหมือนกัน หุหุ
ชอบอ่ะ ๆๆๆๆ

เหมือนว่า .. แม่นนท์จะแกล้งลูกชายตัวเองป่ะเนี่ยยย

รอตอนต่อไปน๊าา  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Turn_righT ที่ 03-07-2009 00:19:03
สังเกตเห็นอารายอ่า...อยากรู้ๆ  :oni2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 03-07-2009 14:05:55
ลองเดาๆดู เรื่องถุกโกงนี่คงไม่ชัวร์ว่าโดนจริงๆนัก
แต่จะดัดนิสัยลูกชายรึป่าว  :z1: เดาไปเองซะละ
แต่อาจจะมีปัญหาจริงๆก็ได้เนาะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 07-07-2009 02:24:40
ตอน 4

“ นั่นนนท์ไม่เจ็บเหรอลูก ขาถูกน้ำแกงกระเด็นใส่ดูสิแดงไปทั้งแถบเลย” นางชี้ให้เห็นถึงบาดแผลที่เกิดขึ้น แปลกนะที่นนท์ไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักน้อย

อาจเพราะหนังหนา ..เฮ้ยไม่ใช่ ...อาจเพราะเพราะความคิดเก่าๆที่ย้อนกลับมาสะกดความรู้สึกทุกอย่างของนนท์ไว้หมด

“ไปใส่ยาเถอะ เดี๋ยวฉันไปเอามาให้” เพื่อนสาวรีบวิ่งแจ้นไปเอายาบรรเทาความเจ็บปวดที่อยู่ในตู้ยาใกล้ๆมาทันที ส่วนคุณแก้วก็เข้ามาพยุงคนหัวฟู..ให้เดินไปนั่งพักที่เก้าอี้ แต่ระหว่างทางผมของพ่อคนหน้าหวานแว่นหนาเขียวฟ้าก็เกี่ยวเข้ากับแจกันข้างๆจนแทบตกแตก ..ดีที่คุณแก้วคว้าเอาไว้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้น..เฮ้อ..


“ ขอโทษครับ” นนท์บอกสั้นๆ ดวงตาก็ยังลอบชำเลืองอีกฝ่ายอยู่เป็นระยะ คนที่เพิ่งกลับมาบ้านไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมาก แต่หน้าเขายังคงบึ้งอยู่ไม่คลาย


“ ลูกสองคนนี่นะ ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ แม่นึกว่าโตแล้วจะเลิกทะเลาะกันเสียอีก” นางที่กำลังทายาให้นนท์เปรยขึ้นเล็กน้อย สองคนที่นั่งหันหลังให้กันต้องหันขวับมองคุณแก้วเป็นตาเดียว

“ ทะเลาะกันแม่หมายถึงอะไร” ต้นชิงถามก่อน เขากับเด็กฟูเดรวิโกร เคยเจอกันด้วยเหรอนี่ มารดาวางหลอดยาลงแล้วลุกขึ้นนั่งใกล้ๆ

“ ก็เมื่อก่อนนนท์มาเล่นบ้านเราออกบ่อย ลูกจำนนนี่ไม่ได้เหรอ...เมื่อก่อนลูกกับนนนี่ก็ทะเลาะกันทุกครั้งเลยสิให้ตาย ลูกนะชอบไปดึงผมน้องจนต้องตีกันตลอด” ความสุขครั้งวันวานไหลกลับมาในความคิดของผู้เล่า สองคนที่นั่งฟังเริ่มนึกขึ้นได้เป็นลำดับ


“ ที่แท้นิสัยซุ่มซ่ามเจ้าอารมณ์ของไอ้เด็กนี่ก็ยังไม่หมดไปนี่เอง” เขามองนนท์อย่างหมั่นไส้ สมัยเด็กใครจะไม่รู้บ้างว่าสองคนนี่เขาทะเลาะกันหนักแค่ไหน ทุกครั้งที่มาเล่นที่บ้านวรโชติ นนท์หรือนนนี่ที่คุณแก้วเรียกในสมัยนั้นต้องร้องไห้กลับไปทุกครั้ง ส่วนต้นเองก็ต้องได้แผลไม่มากก็น้อย


“ กล้าดียังไงมาว่านนท์” คนหัวฟูปั้นหน้าใส่ ไม่พอใจที่ต้นว่าเขาเช่นนั้น ภาพของเด็กผู้ชายตัวโตที่ชอบดึงผมนนท์เล่นลอยเข้ามาวนเวียน


“ แล้วนี่อะไร” ชายหนุ่มมองนนท์อย่างเยาะเย้ยและยกมือข้างหนึ่งเปิดผมที่ตกลงมาปรกหน้าเพื่อให้ อีกฝ่ายได้เห็นอะไรบางอย่าง

“ แผลนี่ไม่ใช่นายเหรอที่ฟาด” ต้นยกเอาเรื่องเก่าที่ยังจดจำได้ดีทุกฉากทุกตอน ..ไอ้เด็กแสบ


“ นนท์”. คนตัวเล็กกว่าหมดปัญญาจะต่อกร จึงได้แต่นั่งนิ่งไม่นึกเลยว่าคนที่ช่วยเหลือไว้เมื่อครั้งก่อนจะเป็นคู่แค้นกับเขามาตั้งแต่เด็ก และยังเป็นชายหนุ่มที่นนท์ต้องร่วมชายคาไปอีกนาน...ร่วมไปอย่างไม่มีกำหนด


“ แม่เพิ่งว่าทั้งสองคนอยู่หยกๆ ทะเลาะกันอีกแล้วมากินข้าวกันเถอะ” กิ่งที่นั่งมองอยู่นานตัดสินใจห้ามทัพระหว่างพี่ชายและเพื่อนสนิท


“ ใช่แล้วเร็วๆเข้าเดี๋ยวจะเย็นหมดหรอก” คุณแก้วก็เห็นด้วย เพราะรู้ดีว่าหากปล่อยให้ทั้งสองต่อปากต่อคำกันอีก ศึกน้ำลายครั้งนี้คงสร้างบทสนทนาแสนยาวเหยียดที่ยากจะจบสิ้นได้


ค่ำคืนแรกของการเข้ามาอยู่ในบ้านวรโชติ ...


สมาชิกใหม่ยังคงคิดถึงมารดาจับใจด้วยเพราะไม่เคยห่างกันเลย ความใกล้ชิดที่มีมากปลุกน้ำตาที่ทับถมใจให้ไหลหลุดออกมาเป็นสาย ไม่ว่าเขาจะพลิกตัวไปท่าไหนๆ ก็ยังไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้สักที ชายหนุ่มจึงเลือกจะเดินออกไปนั่งเล่นสนามหน้าบ้าน

ความคิดของเขาลอยไปไกลถึงคนที่อยู่อีกฟากฝั่งท้องฟ้า ความสับสนปนเปเข้ามาจนยากจะแยกแยะ ( ช่วงนี้โหมดฮาลดนิดหน่อย เอาเศร้าให้ฟูจังของมีร์บ้าง)


“ มาทำอะไร น้องติช” เสียงของคนที่บึ้งตึงใส่นนท์เมื่อตอนเย็นดังขึ้นใกล้ๆ เขาเองก็รู้สึกนอนไม่หลับไม่ต่างจากนนท์นักหรอก


เพราะภาพเก่าในวัยเด็กของทั้งสองเข้ามาในความคิดทับซ้อนกันเรื่อยๆ ความวุ่นวายของภาพเหล่านั้นทำให้เขาข่มตาลงไม่ได้เสียที ตอนที่เดินลงมาข้างล่างก็เห็นเงาคนไหวๆจึงได้เดินตามมาและถึงได้รู้ว่าเป็นนนท์

“ อะไร” นนท์หันมองเล็กน้อย น้องติชเหรอนนท์ไม่ได้ยินใครเรียกเช่นนี้มานานเหลือเกินแล้ว ใช่สินะ น้องสติชสมัยก่อนเขาชอบล้อนนท์ด้วยชื่อนี้ตลอด เพราะนนท์ยิงฟันทีไม่ต่างอะไรจากตัวสติช ..

“ มานั่งทำอะไรตรงนี้ หรือจะมาล่อเสือล่อตะเข้” ชายหนุ่มเริ่มถามเสียงกวนๆ เขานั่งลงใกล้อีกฝ่ายที่นั่งเหม่อลอย และแล้วความคิดหนึ่งของเขาก็ผุดขึ้น

“ จำได้แล้ว ที่แท้นายก็คือ...” ชายหนุ่มหน้าหวานแต่หัวฟูเริ่มมีท่าทางอึกอัก หรือเขาจะรู้แล้วว่านนท์คือคนที่ช่วยเขาในวันนั้น และเป็นคนที่โดนเขาจูบถึงสองครั้ง

“ ...”

“ คนที่ไปนั่งกินไอศกรีมกับแฟน แถมยังแตะหน้ากันไปมา เด็กวัยรุ่นสมัยนี้หนอทำไมถึงได้ไวไวเช่นนี้ แถมแฟนยังเป็นผู้ชายอีก” นนท์ถึงกับโล่งอกที่รู้ว่าสิ่งที่เขาจำได้ไม่ใช่เรื่องเมื่อหลายเดือนก่อน แต่เดี๋ยวสิ ไวไว นี้เขากำลังกระทบนนท์อย่างนั้นเหรอ และยังมามองว่าไอ้คิงคองหน้าหยกมันเป็นคิงให้นนท์...โน ...โน ..อย่างนั้นถ้าจะเป็นต้อง คิงเองเรื่องอะไรให้ให้คิงคองมาเป็นคิง

..ชิชะ..เดี๋ยวสิ ที่คิดไปถึงไหนแล้ว..ผู้ชาย โว้ย ผู้ชาย ..


“ ว่าอะไรนะ ไวไวน่าเกลียด...นนท์กับต่อไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย เขาเป็นเพื่อนสนิทแถมยังสนิทกับกิ่งด้วย” นนท์รีบแก้ตัวเป็นพัลวัน

เขาเลือกใช้ชื่อเล่นแทนตัวเองเพราะเห็นเขาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง

ความคุ้นเคยสมัยเด็กเหมือนถูกปลุกขึ้นในใจของทั้งสอง

จะว่าไปถ้าไม่ทะเลาะกันทั้งสองก็เล่นกันได้อย่างสนุกสนาน

วันที่คุณนันทภัคต้องย้ายบ้าน ต้นเองยังแอบร้องไห้ที่ต้องเสียคนทะเลาะไปด้วยเลย ..


“ ช่างเถอะ พี่ไปนอนดีกว่าขืนอยู่ต่อนายได้ทำอะไรให้พี่เดือดร้อนอีก นั่งตรงนี้นานๆระวังนกจะทำรังนะ..ทรงยิ่งได้อยู่ ” ชายหนุ่มบอกเสียงราบ ก็ตอนเด็กๆเขามักเป็นอันตรายทุกครั้งที่อยู่ใกล้นนท์ แต่อะไรก่อนไปยังมีแขวะ ผู้ชายคนนี้ ปากร้ายจริงๆ..

“ ไปเถอะใครอยากให้อยู่ใกล้ล่ะ” นนท์กลืนคำที่จะพูดต่อไปเพียงเท่านั้น ชะตาหนอชะตาทำไมต้องพาให้เขาเดินมาเจอต้นอีกครั้งนะ แค่เสียจูบครั้งแรกไปกับใครที่ไม่รู้ก็แย่เกินแย่ นี่ยังจะมีหน้าพานนท์มาใกล้ชิดกับเจ้าของรอยจูบคนนั้นอีก สวรรค์จะแกล้งนนท์ไปถึงไหนกันนะ…


กว่าจะกลับขึ้นห้องก็ดึกเอาการ ร่างกายที่เริ่มอ่อนล่าผลักไสคนหน้าหวานจากสติ ภวังค์แห่งการหลับใหลเริ่มต้นทำงานตามหน้าที่ของมัน


เช้าวันนี้คือวันสุดท้ายก่อนจะเปิดเทอมสอง วันนี้นนท์ต้องจัดการกับเสื้อผ้าและชุดนักศึกษาที่จะใส่ในวันพรุ่งนี้ ทั้งซักทั้งรีดเขาต้องทำเองทั้งหมด แต่กว่านนท์จะตื่นได้ก็สายจนสองแม่ลูกออกไปทำธุระข้างนอกกันแล้ว ทั้งบ้านจึงเหลือนนท์กับพี่ต้นหน้ายุ่งเท่านั้น

เอาล่ะคราวนี้แล้วนนท์จะทำยังไงล่ะจะถามว่าซักผ้ายังไงก็ไม่กล้า ถ้ากิ่งอยู่ก็คงดีไม่น้อย ชายหนุ่มตัดสินใจละความคิดทุกอย่างออก ยังไงก็ต้องเติมแรงก่อน... เขาเดินลงมาข้างล่างก็ไม่พบใครเลยสักคน สงสัยพี่ต้นหน้าบู้เองก็คงออกไปข้างนอกเช่นกัน


“ อย่างนี้ก็ดี ไม่ต้องมาทนปั้นหน้าอยู่” เขาบ่นกับตัวเองเบาๆ เดินตรงไปในครัวอย่างเร่งรีบ เดินไปมาสักพักก็เจอขนมปังแผ่นที่ประกบคู่ไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว วางไว้บนโต๊ะ

“ สวรรค์มาโปรดฉันจริงๆ” ชายหนุ่มอุทานออกมาอย่างแสนดีใจ แม้วัตถุดิบจะมีอยู่เต็มตู้เย็น แต่เพราะความเป็นคุณหนูเรื่องการทำอาหารจึงเป็นอะไรที่เขาสอบตก ต่อให้มีทุกอย่างพร้อมครันแต่เขาก็ไม่มีปัญญาจะทำได้เองหรอก คิดไปแล้วก็นึกถึงแม่บ้านนงคราญไม่น้อยจะกินอะไรก็บอกไป คุณนงคราญผู้แสนใจดีก็จะทำให้กินไปเสียทุกอย่าง

“ พี่ต่างหากล่ะที่มาโปรด” เสียงของอีกคนเดินเข้ามา ขนมปังในมือหล่นลงบนโต๊ะทันทีก็เขาเล่นเข้ามาอย่างนี้นนท์จะไม่ตกใจได้อย่างไร


“ เสียของหมด” ชายหนุ่มยื่นมือไปเก็บขนมปังบนโต๊ะแล้วยื่นให้กับอีกฝ่าย


“ ผลการวิจัยบอกมาแล้ว ว่าของที่หล่นพื้นไม่ถึงห้าวินาทีพยาธิที่แฝงตัวอยู่จะไม่สามารถเกาะติดขึ้นมาได้ อีกอย่างโต๊ะก็สะอาดไม่น่าจะมีอะไร..” ชายหนุ่มบอกหน้าตาเฉย พร้อมทั้งวางขนมปังในมือของนนท์


“จะบ้าเหรอ สถาบันไหนที่รับรองเกิดมายังไม่เคยได้ยิน” นนท์วางกลับลงในจาน ชายหนุ่มที่ยืนใกล้ไม่อยากจะใส่ใจมากนักเขาคว้าอันที่ คนหัวฟูวางลงแล้วเดินออกไปหน้าตาเฉย

และแล้วเวลาที่นนท์แสนจะลำบากใจก็เดินทางมาถึง แม้จะเป็นการซักด้วยเครื่องแต่คนอย่างนนท์เหรอจะทำเป็น ..เกิดมาไม่เคยทำมาก่อน กว่าจะจับผ้ายัดเข้าตัวถังได้หมดก็เล่นเอาเสียแรงไปเยอะ จากนั้นเขาก็เปิดน้ำเข้าแต่น้ำก็ไหลออกทางช่องด้านล่างจนคนรอชักท้อใจ


“ อะไรกันนักนะ ทำไมซักผ้าถึงได้ยากอย่างนี้” ชายหนุ่มนั่งลงบนพื้นซีเมนต์ลานซักข้างบ้านอย่างท้อใจ แต่อีกไม่กี่วินาทีต่อมาในใจของเขาก็ร้องเรียกให้ลองใหม่


ชายหนุ่มลองผิดลองถูกดูอีกครั้งและคราวนี้ก็ได้ผลเมื่อนัทสามารถหมุนปิดปุ่มปล่อยน้ำได้สำเร็จ แต่อุปสรรคของมือใหม่ก็ยังไม่จบสิ้น


ก็คนเพิ่งหัดซักดันตักผงซักฟอกจากกล่อง ช้อนแล้วช้อน


ก็เข้าว่ายิ่งเยอะเสื้อผ้ายิ่งสะอาด โดยลืมคำนึงถึงความเหมาะสมกับปริมาณของผ้า เครื่องซักผ้าทำงานไปได้เล็กน้อยพ่อดราวิโกก็พบกับอุปสรรคครั้งใหญ่อีกครั้ง


เพราะผงซักฟอกที่ใส่มีจำนวนมากไปทำให้ฟองที่เกิดไหลทะลักจนท่วมออกมานองพื้นที่


มือใหม่หมดทางจะแก้ไข เขาพยายามจะหยุดเครื่องซักผ้าก็ทำไม่ได้ ความลนลานและสับสนไหลวนในร่างจนทำอะไรไม่ถูก เดินไปเดินมาจนลื่นล้มเพราะฟองผงซักฟอกที่นองเต็มพื้น แถมฟองขาวยังละเองเต็มผมหนาๆ...โธ่...น่าสงสาร


“ อะไรนี่ ทำไมซักผ้ามันถึงได้ยากได้เย็นขนาดนี้” นนท์ขว้างแปรงในมือทิ้งด้วยความท้อแท้ ชีวิตที่เดินบนถนนสายกลีบดอกไม้ บัดนี้ต้องลงมาเดินบนถนนพื้นปูนซีเมนต์ธรรมดา นนท์จึงยากจะปรับตัวแค่ด่านแรกเขาก็สะดุดล้มลงเสียแล้ว ต่อไปนนท์จะเดินไหวเหรอ …


“ นี่คุณหนู..นายจะซักบ้านหรือยังไงทำไมฟองถึงออกมาเยอะขนาดนี้ล่ะ” ชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องนั่งเล่น เดินตามเสียงโวยวายของอีกฝ่ายออกมา และต้องตกใจเมื่อเห็นฟองผงซักฟอกท่วมเต็มทั้งหลังบ้าน ที่สำคัญตอนนี้พ่อคนหัดซักยังนั่งจมอยู่ในกองฟองนั้นด้วย


“น...” คนผิดพลาดไม่พูดอะไร ได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจไม่นึกไม่ฝันว่าวันนี้เขาต้องเดินมาพบกับความลำบากที่ยากเย็นแสนสาหัส ทั้งที่ความเป็นจริงเรื่องซักผ้าอาจเป็นของกล้วยๆสำหรับคนทั่วไป

“ ลุกขึ้นสิ” ชายหนุ่มบอกเสียงราบ รู้ดีว่าไม่ควรว่าอะไรนนท์ในตอนนี้ แล้วต้นก็เดินไปหยุดเครื่องซักผ้าอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มดึงสายยางที่ต่อกับเครื่องซักเพื่อเปิดน้ำไล่ฟองที่เกิดขึ้น กว่าจะจัดการเจ้าฟองกองมหึมาได้สำเร็จก็กินเวลาไปกว่าครึ่งค่อนชั่วโมง


“ แค่ซักผ้ายังแทบบ้าขนาดนี้ ถ้าเจอเรื่องหนักๆจะทำยังไง”ชายหนุ่มที่เข้ามาจัดการปัญหาบอกเสียงนุ่ม นนท์ได้แต่นิ่งในใจสับสนไปหมด ตอนนี่ต้นกำลังจับสายยางล้างตัวให้กับคนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่..โธ่..ขืนไม่ล้างผงซักฟอกได้กัดกันพอดี ที่สำคัญถ้าไม่ล้างเจ้าแอฟโฟ่วที่แสนภูมิใจคงกระด้างกว่าเดิมเยอะ..


“ มือเป็นอะไรไปหรือเปล่า คุณหนู” คงจะกลายอีกสรรพนามที่ต้นจะเรียกนนท์อีก..ไม่ใครเรียกคุณหนูคงไม่ได้ ซักผ้ายังไม่เป็นเลย

ต้นเดินเข้ามาใกล้ก็เหลือบเห็นรอยที่มือจึงได้เอ่ยถามอย่างทันควัน นนท์ยกมือขึ้นดูก็เพิ่งรู้ว่ามีแผลเกิดขึ้น


“ไม่รู้สิ ตอนนนท์กวาดฟองพวกนั้นก็รู้สึกแสบบอกไม่ถูก” เขาบอกไปตามที่ประสบมา คุณหนูอย่างนนท์คงไม่แปลกที่มือไม้จะไวต่อสารแปลกปลอมอย่างผงซักฟอก


“ คงโดนผงซักฟอกกัดเข้าแล้ว ไปล้างมือเสียไปเดี๋ยวไปใส่ยาเสียด้วย” หลังจัดการเรื่องราวทุกอย่างได้เรียบร้อยเขาก็ตั้งท่าจะเดินกลับเข้าไป แต่นนท์ก็รั้งเสื้อของเขาไว้


“ มีอะไรอีกล่ะ”


“ ช่วยนนท์หน่อยสิ นนท์ยังซักผ้าไม่เสร็จเลย” นนท์ชี้ไปยังผ้าที่ยังกองอยู่ในเครื่องซัก พร้อมมอบรอยยิ้มแสนเจื่อนๆเอาใจคนถุกขอให้ช่วย .. ต้นได้แต่ถอนใจอย่างปลงๆ แต่ก็เดินไปช่วยตามที่นนท์ขอ

“ ทีหน้าทีหลังก็หัดอ่านบนกล่องผงซักฟอกมันบ้าง เขาบอกอยู่แล้วว่าต้องใส่เท่าไหร่ไม่ใช่โหมเทลงไปอย่างนี้” เขาหยิบสายยางมาต่อเข้ากับเครื่องอีกครั้ง เพื่อล้างผ้าใหม่และเริ่มกระบวนการทั้งหมดด้วยความชำนาญ นนท์มองเขาอย่างแสนทึ่ง ไม่นึกหรอกว่าผู้ชายบ้านนี้จะทำงานบ้านได้


“ ขืนใส่เยอะอย่างที่ทำ บ้านพี่ได้เปลี่ยนจากสำนักพิมพ์ไปเป็นโรงงานผลิตผงซักฟอกแน่” คำค่อนขอดดูไม่จริงจังสักเท่าไหร่ แต่คนฟังก็ได้แต่เก็บความรู้สึกไว้ภายใน เพราะขณะนี้นนท์กำลังขอให้เขาช่วยจะทำอะไรก็ต้องระวัง

“ หวังว่าคงตากเป็นนะ” เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินกลับไปใช้วันว่างที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดต่อในบ้าน

“ โธ่ ดูถูกนนท์เกินไปรึเปล่า ตากผ้านะไม่ใช่ซัก” นนท์แอบพึมพำหลังร่างของเขาลับไป วันนี้แม้จะเป็นวันที่เจออุปสรรคจนนนท์คิดจะท้อแท้แล้วยอมแพ้ แต่ต้นก็เดินเข้ามาช่วย แม้สีหน้าและแววตาจะบอกนนท์ว่าต้นไม่อยากยุ่ง แต่การกระทำที่ต้นแสดงออกมามันทำให้นนท์ซาบซึ้งไม่น้อย


กว่าสองแม่ลูกบ้านวรโชติจะกลับก็ปาเข้าเกือบหัวค่ำ งานทุกอย่างที่นนท์ต้องทำจึงต้องเดินเข้าออกห้องนั่งเล่นไม่หยุดหย่อน เพราะตัวช่วยของอดีตคุณหนูมีแค่ต้นคนเดียวเท่านั้นจะไม่ถามก็ไม่ได้ เพราะนนท์ทำไม่เป็นจริงๆ


“ เอามานี่” ชายหนุ่มยื่นมือเพื่อขอเสื้อนักศึกษามาจากมือ นนท์มองอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ยอมส่งให้เขาอย่างว่าง่าย ตอนนี้เขาจะบอกอะไรนนท์ก็ยอมทำทั้งหมดแล้ว เหนื่อยเหลือเกินแค่วันเดียวนนท์ยังเหนื่อยขนาดนี้ แล้วชีวิตที่เหลือล่ะจะเป็นยังไง


“ ถ้านายไม่อยากให้มันช้าล่ะ ก็รีดปกกับแขนก่อน จากนั้นก็ค่อยๆรีดไปทีละด้าน” อาจารย์จำเป็นสาธิตด้วยความอ่อนใจ ตอนแรกก็รู้สึกเบื่อๆเหมือนกันแต่พอได้เห็นสายตาเว้าวอนขอความช่วยเหลือก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าช่วย


“ ว้าวพี่นี่เก่งจังเลยนะ” นนท์ตบมือร่า มองเขาที่รีดผ้ากลับไปกลับมาอย่างชำนาญไม่เท่าไหร่ เสื้อที่นนท์ใช้ความพยายามมาตลอดชั่วโมงก็เรียบสมใจ


“ ตัวต่อไปนายลองบ้าง” เขาเลื่อนกายเพื่อให้นนท์มานั่งแทนที่ ทดสอบสิ่งที่เขาสอนไปเมื่อครู่ คนหัวฟูลุกมานั่งอย่างกระฉับกระเฉง อย่างน้อยนนท์ก็พอรู้แล้วว่าต้องทำยังไง แม้ท่าทางจะค่อนข้างขัดๆเขินๆและรีดได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่อาจารย์ข้างกายก็ช่วยบอกปรับโน้นนี่ ผลงานที่ออกมาจะไม่เรียบกริบเหมือนต้นฉบับ แต่ก็พอทำเนาใส่เข้าไปได้


“ ทำอะไรกันอยู่จ๊ะ” คุณแก้วที่แอบมองอยู่นานส่งเสียงทักทาย ต้นที่นั่งใกล้จึงรีบขยับออกทันที ต่างจากอีกฝ่ายที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับชุดนักศึกษาตัวสุดท้าย

“ นนท์กำลังรีดชุดไปมหาวิทยาลัยพรุ่งนี้ครับ กว่าจะได้ก็แทบแย่ดีนะที่พี่ต้นมาช่วย ไม่งั้นพรุ่งนี้นนท์คงไม่ได้ไปเรียนแน่นอน” พ่อคนมั่นใจในตัวเองเล่าไปเสียงใส เวลานี้นนท์ดูเด็กและอ่อนเดียงสาไม่น้อย ..ดูต่างจากสิ่งภายนอกที่แสดงออกมา ..


“ เหรองั้นน้าขึ้นไปข้างบนก่อนนะ รีดเสร็จแล้วก็ถอนปลั๊กเก็บให้เรียบร้อยนะจ๊ะ” นางรีบปลีกตัวออกทันที นานแล้วสินะตั้งแต่ต้นเมาที่ริมหาด..ต้นเปลี่ยนไปเป็นคนเย็นชา ไม่ค่อยสนใจกับอะไร แต่วันนี้กลับยื่นมือเข้าช่วยนนท์..อืม..บางทีการที่นนท์ก้าวเข้ามาในบ้านวรโชติหลังนี้ อาจทำให้ความสุขปรากฏขึ้นอีกครั้งก็ได้..


**********************

เช้าที่ทุกคนรอคอยก็เดินทางถึง วันเปิดเรียนวันแรกของเทอมสองได้เริ่มต้นขึ้น และวันนี้นนท์ก็ต้องพบเจอกับประสบการณ์ครั้งใหม่ในชีวิต ประสบการณ์ที่เขาไม่เคยเจอะเจอมาเลยตลอดสิบแปดปีที่ผ่านมา


“ เป็นอะไรหรือเปล่าแก” เพื่อนสนิทที่ยืนใกล้ๆถามขึ้น สีหน้าของนนท์ในเวลานี้ไม่สู้ดีนัก อาจเพราะอากาศที่ค่อนข้างร้อน ไม่ก็เพราะคนในรถประจำทางที่ยัดเยียดเบียดเสียดกันมากเกิน


แถมเจ้าแอฟโฟ่วแสนโตก็ดันหลังคารถเมล์ได้ดีชะมัด ทุกอย่างรุมเร้ามากเกินกว่าที่ชายหนุ่มจะปรับตัวได้ทัน กว่ารถจะจอดป้ายหน้ามหาวิทยาลัยนนท์ก็แทบแย่ ทั้งโยกทั้งโยนจนเวียนหัวไปหมด


“ ขึ้นรถเมล์ครั้งแรกก็อย่างนี้แหละ ต่อไปก็ชินเอง” เพื่อนสาวกล่าวปลอบใจ พร้อมทั้งยื่นกระดาษเช็ดหน้าให้เขา


“ เฮ้ย..” นนท์ร้องขึ้นในขณะที่กำลังจะลงจากรถ..ก็เจ้าผมทรงโตดันติดกับบางสิ่งบางอย่างตรงประตู กิ่งต้องรีบวิ่งขึ้นมาอีกครั้ง


“ พี่อย่าเพิ่งออกแป๊บหนึ่ง..” เจ้าหล่อนตะโกนเสียงห้าวจนคนขับที่เริ่มอารมณ์เสีย เพราะจอดนานเกินไปต้องชะงัก เจอลูกสาวมาเฟียหรือเปล่านี่..


“ เบาๆสิวะไอ้ลิง..เจ็บนะโว้ย” นนท์โวยเมื่อมือบางกระชากผมที่ติดกับตัวรถออกอย่างแรง แต่นั่นก็ทำให้นนท์หลุดพ้นจากพันธนาการที่ก่อเกิด กว่าจะลงมาได้ก็เหนื่อยเอาการ


“ ฉันแทบบ้า ทำไมคนถึงได้เยอะขนาดนี้” นนท์บ่นเสียงอ่อนแล้วโลกทั้งใบของเขาก็หมุนวนอย่างเร็ว เร็วจนกิ่งที่อยู่ใกล้ๆแยกร่างเป็นหลายคน ในสมองชายหนุ่มตอนนี้มึนตึ๊บไปหมด ราวฟ้าถล่มดินทลายใส่ และลมหายใจก็เริ่มติดขัดสติการรับรู้ของพ่อคนมั่นใจในตัวเองสู้งสูง ก็หยุดไปในวินาทีนี้

***

“ เป็นอะไรหรือเปล่านี่ ไปทำอะไรกันมาถึงได้เป็นอย่างนี้ล่ะ” ต่อที่รู้เรื่องจึงรีบรุดมาเยี่ยมเพื่อนทันที ตอนเกิดเรื่องกิ่งทำอะไรไม่ถูกไม่มีสติ โชคยังดีที่คนแถวนั้นช่วยกันเรียกรถพยาบาลให้ทุกอย่างจึงเรียบร้อย คุณแก้วที่อยู่บ้านเองก็ยังไม่รู้เรื่องอะไร หญิงสาวยังไม่อยากบอกมารดาเพราะกลัวนางจะเป็นห่วง เธอเลือกจะโทรหาต่อกับต้นแทน


“ รถเมล์นรกนะสิ วันนี้คนขึ้นเยอะเป็นพิเศษสงสัยจะขึ้นมาต้อนรับนนท์มันที่ขึ้นรถเมล์วันแรกมั้ง” แม่คนผมยาวบอกเสียงอ่อนๆ ไม่นึกเลยว่าคุณหนูนนท์จะเป็นลมล้มฟุบไปเพราะการนั่งรถประจำทางครั้งแรก



หลังจากต่อมาถึงไม่นานอีกหนึ่งคนก็มา..


“ เป็นไงบ้าง” พี่ชายของบ้านวรโชติเปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว เพราะต้องให้ผู้ปกครองมาลงชื่อเกี่ยวกับการรักษา เธอจึงให้พี่ชายมารับหน้าแทนเพราะถึงอย่างไรเขาก็มีวุฒิภาวะที่น่าเชื่อถือ


“ หมอบอกไม่เป็นไรมากแล้วล่ะคะ” หญิงสาวบอกอาการให้เขาฟัง บัดนี้สายตาของเขาเหลือบเห็นชายหนุ่มอีกคนในห้องก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นคนเดียวกับที่ไปทานไอศกรีมกับคนไข้เมื่อวันก่อน


“ ใช่ต่อแกเอาใบลาที่ฉันขอมาให้หรือเปล่า” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยสรรพนามที่คุ้นเคย เรื่องที่
นนท์บอกเขาเมื่อวันก่อนคงเป็นจริง ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ใกล้ๆ แท้จริงคือหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิท เขาตีความผิดไปเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น


“ เอานี่ อาจารย์ยังออกปากถามเลยว่าทำไมคนขยันอย่างแกถึงได้ขาดคาบแรกของวันได้” ชายหนุ่มหยิบกระดาษจากซองพลาสติกส่งให้

“ เหรอ” หญิงสาวเหลือบมอง


“ พี่ต้นตอนบ่ายว่างหรือเปล่าคะ ตอนบ่ายหนูยังมีเรียนอีกสองคาบถ้ายังไงฝากดูแลนนท์ด้วยนะ” น้องสาวถามเสียงนุ่ม พูดเองเออเองไปเสียทุกอย่าง จนคนถูกถามไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธท้ายที่สุดก็จำต้องยอมตกกระไดพลอยโจนที่น้องสาววางไว้


“ งั้นหนูกับต่อไปก่อนนะ” น้องสาวคนสวยในตอนนี้รีบเร่งออกจากห้องไปทันที เอาเถอะ..ชิชะ..นึกว่าเธอรู้ไม่ทันเหรอว่าคุณแก้วจะจับนนท์กับเธอให้เป็นแฟนกัน เธอมีต่ออยู่แล้วนะไม่อยากจะนอกใจ ผลักนนท์ให้ต้นล่ะกัน ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็ตามที.

..ยังไงเธอก็รอด.. เชียร์เพื่อนสนิทให้ได้เลื่อนขั้นเป็นว่าที่พี่สะใภ้ พลางย้อนนึกไปถึงเรื่องเมื่อวานที่เพิ่งได้รู้จากมารดา

‘ จริงเหรอคะแม่ เรื่องที่บอกว่าบริษัทคุณน้านันถูกฟ้องร้องเป็นแค่แผนที่แม่กับน้าวางไว้’ ลูกสาวคนสวยมีทีท่าตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินความลับจากปากของคุณแก้ว

‘ ก็จริงนะสิ น้าของน้องกิ่งเยี่ยมไหมล่ะร้องไห้ได้เป็นถังๆ ร้องจนนนนี่จับไม่ได้เลยว่ากำลังโดนหลอก น้านันเขาอยากให้นนท์ได้โตเป็นผู้ใหญ่ แม่เองก็เห็นว่าดีบ้านเรามันเงียบมานานแล้ว การที่มีคนร่าเริงอย่างนนท์เข้ามาอาจทำให้ทุกอย่างดีขึ้นกว่าเดิม กิ่งไม่เห็นพี่ต้นเหรอ..บ่อยเสียที่ไหนล่ะที่จะยื่นมือช่วยเหลือคนอื่น ’ มารดาฉายแววเจ้าเล่ห์ผ่านดวงตาคู่งาม เห็นด้วยกับความคิดของมารดา


‘อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะ’


‘ แม่กับน้านันนี่เจ้าเล่ห์จังเลยนะ’ หญิงสาวเอ่ยออก


‘ เดี๋ยวแม่ตีตายเลยลูกคนนี้ อย่างแม่กับยัยนันเขาเรียกว่าอัจฉริยะข้ามวันข้ามคืนต่างหากล่ะ..’ นางยิ้มรับอย่างภาคภูมิใจ วรโชตินับจากนี้จะไม่เงียบเหงาอีกต่อไป ..


กงล้อชะตาของทั้งสองถูกร้อยรัดมาตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้ลมจะพัดพาให้ห่างหายแต่เส้นใยบางๆก็จะคอยกระตุกให้กลับคืนมาชิดใกล้ หรือหากไม่มีเส้นบางๆที่ร้อยรัดไว้ก็ยังมีคุณแก้วและคุณนันที่จะชักนำทั้งสองให้กลับมาเดินด้วยกัน แต่สองแม่คงไม่รู้ว่าการกระทำนี่อาจทำให้ความรักครั้งใหม่ก่อตัว

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 07-07-2009 02:30:16
มาแล้ว..มาแล้ว...

มาลงต่อให้แล้วนะค่ะ หลังจากที่หายไปนาน

ที่หายไปไม่มีอะไรหรอกแค่ขี้เกียจ55555(แฉตัวเองได้อีก)

จะไม่หายแล้วเค้าสัญญา จะเอามาลงให้ทุกวันเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-07-2009 07:37:29
สัญญาแล้วนา มาทุกวันด้วยละ :z2:  :z2: :z2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 07-07-2009 08:49:10
พึ่งเห็นคร้า เข้ามาอ่าน+ เข้ามารอ มาอัพเยอะๆๆด้วยนะคร้า อย่าลืม o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 07-07-2009 09:18:25
เป็นความคิดที่ชั่งน่าภูมิใจมากๆเลย  o22
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: ASSASSIN ที่ 07-07-2009 09:24:11
อิอิ  นนนี่ น่ารัก   :m1:

มาต่อเร็วๆน้า  ชอบๆๆ :m11:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 07-07-2009 23:11:03
ตอน 5

คนหน้าใสที่หมดสติไปเริ่มรู้สึกตัว คนป่วยค่อยๆเปิดตาออกรับแสง แต่เพราะไฟในห้องจ้าเกินไปทำให้คนเพิ่งตื่นต้องหรี่ตากะพริบอยู่หลายครั้งกว่าจะชินกับภาพรอบตัว


“ ตื่นแล้วเหรอคุณหนู” คำทักทายแรกของวันออกจากปากของคนเฝ้าไข้จำเป็น จะไม่ให้เรียกนนท์คุณหนูได้ยังไง แค่โดยสารรถประจำทางวันแรกก็เป็นลมล้มเดี๊ยงไปขนาดนี้


“ นนท์เป็นอะไรไปนี่ ทำไมถึงมานอนที่นี่ได้ล่ะจำได้ว่าตอนเช้าขึ้นรถเมล์ไปมหาวิทยาลัยกับกิ่งแล้วนี่หน่า” คนเพิ่งฟื้นเหมือนจะจำได้เฉพาะเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะเป็นลม


“ แล้วทำไมไม่จำด้วยล่ะ ว่านายเป็นลมล้มอยู่หน้าป้ายรถเมล์” เขากระแหนะกระแหนเสียงเบาบาง แค่ประชดเพียงน้อยเขาเองก็ไม่ได้ขุ่นข้องมากนักหรอกที่ต้องมานั่งเฝ้า แต่เพราะเห็นท่าทางไม่รู้เนื้อรู้ตัวของคนป่วยทำให้นึกหมั่นไส้ขึ้นมาในบัดดล


“ นนท์เป็นลมไปเหรอ แล้วกิ่งล่ะ” ปลายเสียงลดต่ำเล็กน้อย ตายแล้วนี่เป็นลมไปจริงๆเหรอนี่
น่าอายจริงๆเลย แล้วยังเป็นลมหน้าป้ายรถประจำทางที่มีคนแสนพลุกพล่าน คิดแล้วก็ขายหน้า…


“ หายดีแล้วใช่ไหม จะได้กลับบ้านกันเสียที” ได้ยินนนท์พูดซักถามเจื้อยแจ้วทำให้รู้ว่าไม่เป็นอะไรมากแล้ว นี่ก็เย็นย่ำควรกลับบ้านได้เสียที


“ ค่ะ ว่าแต่พี่ไม่ไปทำงานเหรอ” ชายหนุ่มผมฟูเห็นคนใส่เชิ้ตนั่งหน้ามุ่ยก็อดถามไปไม่ได้ คนถูกถามเหลือบมองเพียงเล็กน้อยก่อนจะจับศีรษะของนนท์หันไปมองข้างนอกหน้าต่างอย่างลำบาก..โธ่ก็ฟูจังมันขวางอยู่นี่นะ


“ นี่มันเย็นจนจะค่ำแล้วคุณหนู” เขาให้ความกระจ่างแก่นนท์ ไม่ใช่เพราะคนชอบแนวนี่หรอกเหรอ ต้นถึงต้องมานั่งเฝ้าไม่ได้ทำงานทำการเช่นนี้

“ คือ...”

“ กลับได้แล้ว” เขาไม่พูดอะไรต่อ ความรู้สึกผิดผุดขึ้นในส่วนหนึ่งของใจคนป่วย แต่นนท์ก็จำต้องเก็บบังความจริงไว้ นี่นนท์จะเป็นตัวซวยของเขาไปถึงไหนนะ






“ ปื๊นๆ” เสียงแตรรถของคนที่เพิ่งกลับดังขึ้น ตอนที่กิ่งกลับจากมหาวิทยาลัยและเล่าให้ฟังว่านนท์ไม่สบาย คุณแก้วก็นึกห่วงอย่างมากก็ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรไป แต่พ่อรู้ว่าต้นยอมนั่งเฝ้าก็กลับเกิดความฉงน และแปลกใจ สายสัมพันธ์ในวัยเด็กอาจทำให้ต้นรู้สึกเอ็นดูนนท์ก็เป็นได้ ..

น้องสาวคนเล็กของบ้านรีบวิ่งไปเปิดประตูรั้วอย่างรวดเร็ว

“ เป็นไงบ้างนนท์” ทันทีที่นนท์ลงจากรถกิ่งก็เอ่ยถาม เดินก้าวเข้าไปคล้องแขนเพื่อนอย่างเป็นห่วง ส่วนคุณแก้วเองก็เดินมารออยู่ตรงโถงหน้าบ้านด้วยเช่นกัน

“ ฉันเป็นลมนะโว้ยไม่ได้เป็นโรคร้าย เสียงแกดูหม่นๆยังกับฉันใกล้ตายงั้นแหละ” คำตอบที่แสนฉะฉานทำให้กิ่งได้คลายกังวล นนท์คงไม่ได้เป็นอะไรหนักหนาอย่างปากว่า ..

“ เป็นไงบ้างนนนี่ ได้ยินข่าวน้าแทบจะลมจับเลยนะ เป็นไงบ้างลูกหายดีหรือยังล่ะ” ฝ่ายคุณแก้วก็เอ่ยถามเป็นคนที่สอง รู้สึกห่วงใยอีกฝ่ายจริงๆ..กลัวว่าจะเป็นอะไรไป


“ นนท์ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยน้าแก้ว เพราะนนท์ไม่เคยขึ้นรถเมล์มาก่อนเลยไม่ชินเท่านั้นเองน้าแก้วไม่ต้องเป็นห่วงนะ นนท์หายดีแล้วล่ะ” น้องลูกหมีสติชของต้นเดินมาใกล้คุณแก้วแล้วโอบกอด ไว้หลวมๆ.. ทั้งน่ารัก ทั้งขี้อ้อนอย่างนี้มีหรือที่คุณแก้วจะไม่รักไม่หลง


“ โธ่แต่น้าก็ยังไม่วางใจอยู่ดีนะ พี่ต้นอาทิตย์นี้ลูกมานอนที่บ้านทั้งอาทิตย์เลยนะไปส่งน้องหน่อย แม่ไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นวันนี้เกิดขึ้นอีกขืนเป็นล้มลมพับตอนน้องกิ่งไม่อยู่ด้วย ยายนันคงมาโทษแม่ว่าดูแลหลานไม่ดีแน่นอนเลย” และแล้วประมุขบ้านวรโชติก็เปรยออกมาด้วยน้ำเสียงเชิงขอร้อง


“ โธ่แม่แล้วต่อไป ผมไม่ต้องไปส่งตลอดเลยเหรอ” ดูเหมือนเขาจะมองเห็นความลำบากที่เดินเข้ามาเยือนแล้ว คำปฏิเสธดังขึ้นแม้จะกึ่งเสียงเท่านั้น...เขาเองแม้จะวางเฉยและเย็นชาแต่ก็ไม่อยากจะขัดใจแม่ แถมครั้งนี้คุณแก้วลงทุนใช้เสียงอ้อนวอนเขาเหรอจะกล้าบอกปัดไปตรงๆ


“ อาทิตย์เดียวเท่านั้นแหละ ที่เหลือแม่จัดการเองอย่าให้แม่รู้นะว่าแอบทิ้งน้องแม่ไม่ปล่อยเราแน่ น้านันอุตส่าห์วางใจฝากนนนี่ไว้ ลูกเป็นพี่ก็ต้องดูแลน้องสิถ้าไม่ติดที่แม่ไม่สะดวกแม่ก็คงไม่รบกวนลูกหรอก” ปลายๆประโยคเหมือนจะเปรยกับตัวเอง รำพันอย่างน้อยใจที่ต้องรบกวนลูกชายให้ลำบาก คนฟังมีเหรอจะกล้าง้างปากพูดค้านอีก ต้องจำยอมในที่สุด


“ ครับ” เขารับเพียงเท่านั้น เดินกลับขึ้นห้องไปอย่างเหนื่อยอ่อน นนท์เองก็รีบขอตัวขึ้นห้องตามหลังเขาไปติดๆ


“รอนนท์หน่อยสิ” ชายหนุ่มร่างโปร่งใช้เสียงปกติเรียกอีกฝ่ายไว้ เพราะไม่อยากให้คนข้างล่างได้ยินเมื่อเขาชะลอฝีเท้า นนท์ก็ลดระดับเสียงลงมาอีกหน่อย


“ ถ้าพี่ไม่ว่างนนท์ก็ไม่ได้ว่าอะไร พี่ให้นนท์ไปลงที่รถไฟฟ้าก็ได้นะเพราะนั่งรถไปแค่แปบเดียวก็ถึงแล้ว” นนท์ที่เก็บความกังวลมาตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลบอกเขาเสียงค่อย


“ นายคิดเหรอว่าแม่จะไม่รู้ ขืนแม่จับได้พี่ได้โดนเคาะกะโหลกแน่...” คำของเขาบอกชัดว่าไม่ยอมทำตามที่นนท์เสนอหรอก คนอย่างนนท์นะเหรอต่อให้ไปส่งที่หน้ารถไฟฟ้าและคิดหรือว่าจะไปมหาวิทยาลัยได้อย่างราบรื่น รถไฟฟ้าบางทีนนท์เองก็ยังไม่เคยขึ้นด้วยซ้ำ เผลอๆอาจคลื่นเหียนเวียนหัวเพราะความเร็วของรถ มีหวังได้เป็นลมไปอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นคนที่ซวยคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเขา

“ แต่...”

“ ไม่ต้องพูดแล้ว แค่ไปส่งไม่ได้ลำบากอะไรสักหน่อยก็แค่เปลี่ยนจากตื่นเจ็ดโมงไปเป็นตีห้า ถึงบ้านปกติไม่เกินหกโมงเย็นก็เลยไปเป็นสองทุ่มเท่านั้นเอง...” นนท์ได้ฟังถึงกับอึ้งกิมกี่ ต้นประโยคฟังดูดีมีน้ำใจ แต่ส่วนต่อท้ายนะสิ ใครได้ฟังแล้วไม่รู้สึกอยากตบคนพูดให้มันรู้ไป


“ ใช่สิ..นนท์มันไม่ดีขึ้นรถเมล์ก็เป็นลม ซักผ้าก็ทำให้ฟองท่วมบ้านใส่ผงซักฟอกไปเป็นกิโล รีดผ้าก็ไม่เป็นต้องลำบากกวนพี่ตลอด..” น้ำเสียงน้อยใจที่ดังขึ้นทำให้ต้นชะงักเล็กน้อย ไม่นึกว่าการพูดไม่ไว้หน้าของเขาจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจ

“คือพี่..”

“ นนท์รู้ตัวว่าไม่ดี นนท์มันโง่ สมองช้า หัวขี้เลื่อย นนท์มันเสียไปทุกอย่าง ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง นนท์มันแย่นนท์แพ้ ป. 4 ฮ่าๆ55+” น้ำเสียงที่เศร้าสร้อยตวัดหางเปลี่ยนเป็นตลก ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะกลบเกลื่อนออกมาจนต้นต้องงง ..นนท์เดินกลับห้องไปอย่างสบายใจที่ทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นไก่ตาแตกไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ความหมายที่นนท์สื่อ


“ อะไรของนายนี่ แล้วมันเกี่ยวกับป.4 ตรงไหนวะ”ต้นส่ายหน้าให้กับพฤติกรรมรั่วๆของคนหัวฟูแล้วเดินกลับเข้าห้องของตัวเองไป..



เช้าวันนี้นนท์ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตั้งแต่ตีห้า เพราะคำลอยๆของใครคนนั้นเข้ามากระแทกใจอย่างจัง คนบ้าอะไรพูดได้หน้าตาเฉย นนท์จะไม่ยอมให้เขาว่าเป็นครั้งที่สองหรอก

“ คอยดูนะพี่ต้องหน้าหงาย นนท์ไม่ยอมสายหรอกคิดจะดูถูกคนอย่างแบยองจุนสุดหล่อเหรอ...ไม่รู้เสียแล้วว่าเฮียนี่ระดับไหน” นนท์กำชับผ้าเช็ดตัวที่พาดคล้องคอไว้ ถึงอย่างไรก็ต้องสู้กับเขาสักตั้ง คนอย่างน้องสติชแสนฟูตั้งใจแล้วมีเหรอจะไม่ทุ่มเท


“ เอ๊ะ....” นนท์ที่กำลังเดินจากปีกซ้ายของชั้นสองไปยังห้องน้ำที่อยู่ทางปีกขวา จำต้องผ่านห้องของชายหนุ่มที่ตั้งอยู่ก่อน แสงไฟที่ลอดออกมาจากช่องเล็กๆข้างล่างประตูสร้างความประหลาดใจให้ ชายหนุ่มอย่างมาก หรือสิ่งที่ต้นพูดเมื่อวานจะเป็นเรื่องจริง เพราะนนท์เหรอนี่เขาถึงต้องฉีกตาตื่นแต่รุ่งสางเช่นนี้ นนท์ตัดสินใจเพียงครู่ก็เคาะประตูดู


“ เชิญครับ” เจ้าของห้องอนุญาตแล้ว ชายหนุ่มจึงได้เปิดประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว แม้เขาจะยังใส่ชุดลำลองเสื้อยืดกางเกงขาสั้น แต่นนท์ก็สังเกตเห็นเรือนผมที่เปียกน้ำใบหน้าของเขาสดชื่นมากกว่าคนที่เพิ่งตื่น ทำให้แน่ใจว่าเขาคงเพิ่งเสร็จจากอาบน้ำแน่นอน


“ มีอะไรรึเปล่าคุณหนู..” คำทักทายแรกของวันทำให้นนท์ถึงกับค้อน นี่จะค่อนขอดกันตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นจากฟ้าเลยเหรอ


“ ที่พี่บอกนนท์ว่าต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าไม่นึกว่าเป็นเรื่องจริง” นนท์บอกสิ่งที่ตนคิดออกไปให้เขารับรู้ แต่ฟังจากน้ำเสียง คนคิ้วเข้มก็ดูออกว่านนท์ไม่ค่อยกล้าจะพูดมากนัก


“ ว่าแต่นายเถอะ ตื่นมาทำไมตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่” ชายหนุ่มหันมามองอีกฝ่ายที่ยืนค้างอยู่หน้าประตู คราวนี้แหละที่เขาเพิ่งสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง พ่อคนเพิ่งตื่นที่มีใจตั้งมั่นจะเอาชนะเขา อยู่ในสภาพที่แทบจะดูไม่ได้ ผมที่ปกติจะถูกฟูฟ่อง อาจมีน้องติชสีฟ้าติดไว้เล็ก กลับลู่ยับเพราะการนอน แถมบางส่วนยังตกปรกหน้า เสียทรงโฟว์สุดเซลฟ์จริงๆ เห็นแล้วต้นก็อดขำไม่ได้


“ หัวเราะอะไร” นนท์ร้อนตัวขึ้นทันควันเพราะจากแววตาของเขา มันบอกนนท์ว่าเขากำลังหัวเราะเยาะอยู่ คนสภาพแย่ไม่รู้ตัวหรอกว่าตอนนี้นนท์ดูโทรมมากแค่ไหน


“ เปล่า..” เขาหยุดหัวเราะเพียงครู่แต่ก็อดใจไว้ไม่ได้จริง นนท์เริ่มคาดคั้นจนเขาต้องลากอีกคนมายืนหน้ากระจก

“ แล้วไงอ่ะ..”

“ นี่ไม่กลัวตัวเองบ้างเหรอ..” ต้นมองอย่างงงๆ ไอ้เด็กหัวฟูทำไมมีความมั่นใจในตัวเองมากขนาดนี้ล่ะ ขนาดสภาพแย่ยังกล้าบอกกลับหน้าตาเฉย

“ เซลฟ์ ไปอาบน้ำดีกว่า” นนท์เชิดหน้าใส่แล้วเดินออกไปอย่างมั่นใจ พ่อติชเอ่ย สมแล้วที่ได้ฉายาว่าติชติสแตก หนูกล้ามาก หนูกล้ามาก นับถือๆ...



แต่ใครจะรู้ว่าทันที่เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำก็ถึงกับหน้าชา รีบตบหน้าตัวเองเรียกสติแทบไม่ทัน ทั้งที่ไม่เคยแคร์อะไร ทั้งที่เคยมั่นใจในความเป็นตัวเอง

แต่ทำไมเพราะเสียงหัวเราะนั้นถึงทำให้นนท์ใจสั่นจนไม่กล้ายืนต่อล่ะ เสียงที่บอกไปเป็นประโยคสุดท้ายหากฟังให้ดี จะจับกระแสสั่นบางๆได้

หรือเพราะต้นเป็นคนนั้น คนที่เคยขโมยจูบแรกของนนท์ไป มันเลยทำให้ใจนนท์สั่นไหว

..แต่อะไรกัน แค่เพียงจูบครั้งสองครั้งจะมีอิทธิพลมากเพียงนี้เชียวเหรอ..

กว่าพ่อลูกหมีติชติสแตกจะลงมาจากห้องก็หมุนซ้ายหมุนขวาหน้ากระจกอยู่นาน เพราะไม่อยากกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนเย็นชาคนนั้นอีกครั้ง นนท์ไม่ยอมพลาดซ้ำสองหรอกถึงแม้จะบอกตัวเองว่าไม่ยอมพลาด แต่นนท์คงลืมไปแล้วว่า เรื่องแรกที่เขาตั้งปณิธานว่าจะตื่นเช้าและจะไม่ไปสายบัดนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่นนท์ลืมออกจากใจเสียสนิท


“ กี่โมงแล้วคุณหนู..” ชายหนุ่มที่รออยู่นานตัดสินใจขึ้นมาเรียกนนท์ถึงห้อง ฟูจังหน้าหวานถึงกับสลดเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเดินตกหลุมอีกครั้งหนึ่งแล้ว



“ คือ..” นนท์เปิดประตูรับเขาด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ เวลานี้ใครล่ะจะกล้ายิ้มแฉ่งต้อนรับเขา ถึงจะมั่นใจก็ตามที แต่อ่านะ..รู้ตัวว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลา ต้นเดินนำนนท์ลงไปโดยไม่ได้ว่าอะไรสักน้อย มันยิ่งทำให้นนท์รู้สึกกังวลมากขึ้นกว่าเดิม นี่แหละนะเขา รู้สึกอะไรก็ไม่ค่อยยอมแสดงมันออกมา แต่พอไอ้แน้วแนวกลับกล้าเอา กล้าเอา พ่อติชของฉัน ..จะมีแววพิชิตใจพี่โระได้ไหมนี่



สองคนที่เดินลงมารวมทั้งคุณแก้วคงไม่รู้ว่าแม่น้องสาวมีแผนผลักติชให้พี่ชายตัวเอง เลยแสร้งเดินไปนั่งจองหลักอยู่เบาะหลัง กางเอกสารตั้งมากตั้งมายจนเต็มพื้นที่ นนท์จำต้องนั่งหน้าโดยปริยาย ..

แผนของเจ้าหล่อนยังไม่จบหลังจากรอบเช้าผ่านไป รอบเย็นต้องเสิร์ฟต่อ


“ อยู่ไหนแล้วแก”


“ เอ่อ ฟูจ๋าเย็นนี้ฉันมีธุระต้องทำรายงานวะ แกกลับบ้านกับพี่ต้นดีๆนะ โทษทีที่กลับด้วยไม่ได้ ยังไงก็ดูแลตัวเองดีล่ะแก” กิ่งร่ายยาวเสร็จสรรพ จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว


“ อะไรวะ มีรายงานแล้วเหรอ เปิดเทอมแค่สองวันเองนะโว้ย”


“ เออๆ แกกลับดีๆนะ” กิ่งรีบตัดสายก่อนจะส่อพิรุธใดๆออกมา จากนั้นหล่อนก็เดินย้อนกลับไปทางเดินเพื่อไปหาแฟนที่นั่งรออยู่ตรงม้าหินอ่อนที่ประจำ

“ เอาไม่กลับบ้านทีเหรอแก”


“ เออ..” กิ่งหน้างอเล็กๆ โธ่ ! ตกลงกิ่งเป็นแฟนมันแล้วใช่ไหมนี่ ดูท่าทางมันไม่ดีใจอะไรเลย จะพูดหวานๆใส่ก็ไม่เค้ยไม่เคย ผู้ชายคนนี้โรแมนติกน่ะรู้จักไหม..


“ ฉันไปแวะห้องแกก่อนนะไอ้คิงคอง ...”


“ ไปสิ” ต่อยิ้มรับเบาๆแล้วเดินนำออกไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล ความรักที่ตั้งบนพื้นฐานของกรอบอันดีงาม จะมีสักกี่คู่กันที่ทำได้อย่างพวกเขาทั้งสอง แม้จะใกล้กันมากมายจนแทบจะแนบชิด แต่ระยะห่างระหว่างความสัมพันธ์ทางกายยังมากที่สุดแค่เพียงการจูบกัน ทั้งต่อ และกิ่งล้วนรู้ดีว่าหน้าที่ในตอนนี้คือเรียน ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันหลังเรียนจบ


ไม่นานทั้งสองก็ถึงห้องของต่อ..สองร่างล้มลงบนโซฟาตัวเดิมอย่างอ่อนแรง



“ แล้วน้องกิ่งล่ะ” หลังจากรถแล่นออกมาได้สักระยะชายหนุ่มก็เอ่ยปากถาม คนหัวฟูแน้วแนวที่กำลังอ่านหนังสือกอสซิปดาราอยู่ใกล้ๆ ตอบไปโดยไม่ได้ละสายตาจากหนังสือสีสันฉูดฉาดนั้นเลย


“ เห็นว่าต้องทำรายงาน น่าจะอยู่ดึกสงสัยงานจะหนักจริงๆดูเสียงกิ่งรีบๆยังไงบอกไม่ถูก” มือน้อยพลิกหนังสืออ่านไปอย่างออกรส ต้นได้แต่มองอย่างขัดตา ในนาทีหนึ่งเขาก็ตัดสินใจดึงหนังสือมาจากมือของนนท์ไปเสีย


“ นนท์ยังอ่านไม่จบเลยนะ ถ้าพี่อยากอ่านก็รอให้คนซื้อเขาอ่านจบก่อนสิ” นนท์ยื่นมือจะเอาหนังสือคืน แต่ชายหนุ่มก็ปามันไปทางเบาะด้านหลัง เจ้าของหนังสือจึงเอี้ยวตัวไปหยิบแต่ก็โดนเขาผลักให้กลับไปนั่งที่


“ อ่านหนังสือในรถมันทำให้สายตาเสียรู้ไหม โตจนป่านนี้แล้วยังไม่มีความคิดอีก..” เสียงของเขาดูสบายๆไม่ได้เคร่งเครียด จึงทำให้ประโยคที่พูดดูนุ่มนวลน่าฟัง


“ โธ่ นนท์เป็นคนอ่านนะไม่ใช่พี่อ่านสักหน่อย ต่อให้ตานนท์เสียก็ตาของนนท์นะ” พ่อคนปากกล้ายังคงเถียงเสียงใส ก็ถูกของนนท์นะ เขาเป็นคนอ่านต่อให้สายตาเสียแต่ก็เป็นตาของเขาไม่ใช่ของพี่ต้นสักหน่อย

“ ดูแล้วมันขัดตา ทำยังกับเด็กๆไร้ความคิด”


“ พี่มาหาว่านนท์ไร้ความคิดได้ยังไง อย่างน้อยนนท์ก็สอบเข้าการตลาดมหาวิทยาลัยเดียวกันกับกิ่งได้ ใครๆก็รู้ว่าคณะนี้ไม่ใช่เข้าง่ายๆนะ ...” ได้ทีก็รีบอวดความภูมิใจ


“ เข้ามาด้วยคะแนนลำดับสุดท้ายนี่นะ แถมคนก่อนหน้านายคะแนนยังห่างกับนายตั้งเจ็ดเปอร์เซน เพราะโชคเข้าข้างทำให้ไม่มีคนกล้าเสี่ยง นายเลยโชคดีต่างหากล่ะ” ข้อมูลจากปากพี่กบหน้ายุ่งทำให้นนท์หันขวับมองเขาตาโต


“ โธ่ ถึงๆ ....ยังไงนนท์ก็สอบติดล่ะน่า” เขาอึกอักไปเพียงครู่ แต่ก็ยังดึงดันนนท์อุตส่าห์ภูมิใจมาตลอดเวลาหลายเดือน วันนี้มาถูกต้นทลายความภูมิใจนั้นลงหมดสิ้นคนฟังจะยอมง่ายๆคงมิมีทาง


“ ก็จริงของนาย เข้ามาได้แล้วก็ช่างมันเถอะ” เขาเหมือนยอมรามือไปโดยง่าย ง่ายจนนนท์ไม่คิดฝันเมื่ออีกฝ่ายยอมอ่อนนนท์เองจึงต้องเงียบปากไปด้วย


ด้วยภาวะเร่งรีบของคนเลิกงานในตอนเย็น ต่างคนก็อยากจะกลับที่พักของตนให้เร็วที่สุด ถนนทุกสายมีรถรามากมายและดูเหมือนจะหนาแน่นกว่าวันไหนๆ กว่าที่สองคนจะกลับถึงบ้านก็สองทุ่มกว่าแล้ว คุณแก้วนั่งรอทานอาหารกับทุกคนโดยนั่งอ่านนิตยสารฆ่าเวลาไปพลางๆ


“ สวัสดีครับแม่” ชายหนุ่มกล่าวทักทายแล้ววางกระเป๋าเอกสารไว้ข้างตัว ใครจะเชื่อล่ะนับวันเขาดูจะเหมือนนักธุรกิจใหญ่ไปทุกที มาดของเขาไม่เหมือนผู้บริหารสำนักพิมพ์เลยสักนิด ชายหนุ่มอีกคนเดินมาใกล้ๆคุณแก้วแล้วนั่งลงเร็วไว เขารีบจ้วงข้าวในจานเข้าปากอย่างรวดเร็ว เพราะรถที่ติดกว่าชั่วโมงทำให้คนหิวจัดได้ทีระบายเข้ากับอาหารข้างหน้า


“ อร่อยจังเลยครับ วันนี้อร่อยกว่าทุกๆวันเลยนะ” นนท์ที่มีข้าวเต็มปากบอกอย่างมีความสุข โธ่ พ่อคนหิวท้องกิ่วทำท่าทำทางจนคุณแก้วต้องลอบยิ้มอยู่หลายที


“ ไม่ต้องรีบหรอก” นางบอกเสียงนุ่มส่งแก้วน้ำให้หลานชายนอกไส้ ว่าที่สะใภ้ที่กิ่งวางตัวไว้ด้วยแผนการอันแยบยล แต่จะว่าไปลูกสาวคนเล็กก็น่าจะกลับมาได้แล้วนะ

หลังทานอาหารเสร็จคุณแก้วก็นั่งรอลูกสาวคนเล็กต่อ..

“ น้าแก้วเป็นอะไรไปครับ นนท์เห็นเดินไปมาตั้งหลายรอบแล้วนะหรือว่าเป็นการบริหารหุ่นรูปแบบใหม่ เดินไปเดินมาเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน” คนที่นั่งดูโทรทัศน์เปรยขึ้นกับตัวเองเล็กน้อย ก็พักหลังมานี้คุณแก้วนับวันดูจะสวยขึ้นๆ แถมหน้าตายังเด็กลงอีกนนท์เลยไปเข้าใจไปอย่างที่คิด


“ นนนี่น้องกิ่งบอกหรือเปล่าว่าจะกลับกี่โมง น้าโทรฯหาตั้งหลายครั้งแล้วนะแต่ไม่มีคนรับสาย” นางที่เดินไปเดินมาถามขึ้นด้วยเสียงที่สุดกังวล ดวงตาของคนเป็นแม่มีแววระส่ำมิเสถียรจนทำให้นนท์เริ่มกลัวใจ เขานั่งนิ่งเพียงครู่ก่อนจะตอบไปด้วยเหตุผลที่ทำให้นางคลายกังวล


“ กิ่งบอกจะอยู่ทำรายงาน เห็นบอกว่ารายงานยุ่งมากบางทีอาจจะนอนหอของน้ำหวานก็ได้นะครับ กิ่งบอกว่าจะโทรฯหาน้าแก้วเอง นี่น้าแก้วยังไม่ได้รับโทรศัพท์เหรอ” นนท์แสร้งสร้างชื่อของใครก็ไม่รู้ให้เดินไปตามบทที่ดูเหมาะสม


“เหรอ..” เมื่อได้รู้ที่มาที่ไปนางเลยวางใจยอมขึ้นไปนอน ส่วนอีกคนก็นั่งดูโทรทัศน์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นกลับไปบ้าง


นนท์ครุ่นคิดอย่างสงสัย พยายามโทรฯติดต่อกิ่งหลายครั้งแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบกลับ ระหว่างที่เดินขึ้นใจก็ลอยไปไกลไม่ทันระวังตอนขึ้นบันได คนที่เดินสวนลงมาถูกนนท์ชนเข้าอย่างจัง คนโดนชนไม่เป็นอะไรเลยสักนิดเพราะเขาออกจะแข็งแรงล่ำสัน ต่างจากน้องลูกหมีสติชผิดศีลตัวบางร่างเล็กจึงเซไปด้านหลัง ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีคว้าตัวนนท์ไว้ด้วยสัญชาตญาณ


“ เฮ้ย” นนท์ร้องเสียงหลงเพราะเข้าใจว่าร่างของเขาต้องหล่นลงไปข้างล่างแน่นอน ไม่อยากคิดภาพเลยตกลงไปข้างล่างคงต้องระบมไปทั้งตัวแน่นอน แอฟโฟ่ว์อาจยุบตัวไม่ฟูฟ่องอย่างต้องการ ความคิดของเขามาหยุดลงเมื่อคนที่ช่วยเขาไว้กลับถูกร่างของนนท์ทับเทไป ทำให้ชายหนุ่มหงายหลังลงนอนพื้นเช่นกัน โชคยังดีที่ด้านหลังของเขาอีกไม่กี่ขั้นก็จะถึงพื้นชั้นสองแล้ว ขืนตกไปทางด้านหลังของนนท์นี่สิท่าจะแย่



“ ลุกขึ้นรึได้ยัง คุณหนู” เสียงเขาผลักนนท์ให้หลุดออกจากภวังค์ความหวาดหวั่น พ่อหัวฟูปรือตาไปมากะพริบมันถี่แล้วถี่อีก ภาพที่เขาคิดไว้มันควรจะตกลงไปนอนพะงาบๆที่ด้านล่างไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมกลับไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนเลย แถมหน้าของใครที่จูบนนท์ยังลอยเข้ามาใกล้ๆจนเขาแทบหยุดหายใจ


“ คือ..พี่มาตรงนี้ได้ยังไง” ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าถามไปทั้งที่ยังทับร่างของเขาอยู่


“ นายลุกก่อนสิคุณหนู ตัวหนักยังกะช้างนี่ถ้าพี่กระดูกหักไปนะ จะให้หมอหักของนายมาใส่คืนให้
คอยดูสิ” ชายหนุ่มบอกเสียงราบเรียบ เอาอีกแล้ว...ทุกครั้งไม่ว่าเขาจะรู้สึกยังไง น้ำเสียงและสีหน้าก็เย็นเฉียบไม่แสดงอารมณ์ร้อนหนาวใดๆออกมา


“ โธ่” นนท์ฝืนใจทำเสียงร่า ค่อยๆยันพื้นบันไดใกล้ๆเพื่อลุกขึ้นนั่ง คนโดนทับเหมือนถูกปลดปล่อยออกจากพันธนาการ เขารีบยันตัวขึ้นนั่งข้างนนท์ ทันที


“ เรื่องซุ่มซ่ามนี่...นายสมควรได้ถ้วยรางวัลจริงๆเลยนะ เป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ใครก็คงเลียนแบบไม่ได้ จะแก้ยังไงก็คงไม่หาย บางทีมันอาจแทรกซึมเข้าไปในสารพันธุกรรมนายแล้วก็ได้นะ หรือไม่ก็อาจลามขึ้นสมองต้องตกอยู่ในภาวะโรคซุ่มซ่ามซินโดรมตลอดชีวิตเลยก็เป็นได้” ประโยคก่อนที่เขาจะลุกเดินไป คนฟังแอบหน้าชาไม่น้อย แต่สักพักความรู้สึกเคืองก็หายห่างไป เพราะนนท์ยังมีเรื่องสำคัญของกิ่งให้คิดอีกนะสิ เพื่อนตัวดีของเขา ไปนอนไปค้างที่ไหนก็ไม่คิดจะบอกกันบ้างเลย โทรศัพท์หาก็ไม่รับ …


“ กิ่งนะกิ่งไปไหนนะ” ชายหนุ่มเดินพึมพำกลับเข้าห้องตัวเองไปใจก็คิดฟุ้งไปต่างๆนานา คิดจนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัว



นนท์เพิ่งมารู้ตอนไปมหาวิทยาลัยว่ากิ่งดันหลับคาอกต่อเมื่อวานนี้...ขืนคุณแก้วรู้นนท์ได้โดนฉีกอกแน่..โธ่ เล่นบอกว่าน้ำหวานเหรอ ดูหน้าเจ้าคิงคองสิมันหวานตรงไหน ..


“ นี่ถ้าไม่อยากได้ชุดไปมหาวิทยาลัยแกก็ไม่คิดจะโทรฯมาเลยใช่ไหม ไอ้ลิง อุตส่าห์ห่วงว่าจะเป็นอะไรที่แท้ไปให้คิงคองมันซบนี่เอง” นนท์รัวฉะรวดเร็วตามประสา ..เรื่องไวต้องยกให้เขาล่ะ เป็นที่หนึ่งใครจะแย่งหามีทาง


“ โธ่พี่แบจ๋า กิ่งผิดไปแล้ว ใครจะรู้ล่ะว่าเผลอหลับไป แต่ที่แกพูดมันผิดใครว่าฉันจะให้มันซบ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายนะ...ฉันต่างหากที่ซบมัน..”


“ ไอ้นี่..ไม่สำนึกเลยนะแกฉันกำลังประชดแกอยู่โว้ย..”


“ เออๆ รู้แล้วน่า เอาชุดมาให้ด้วยนะ แล้วแกบอกแม่ว่าไงวะนนท์” กิ่งบอกไป พลางนึกกังวลถึงเรื่องมารดา กลัวว่านางจะเป็นห่วง ..

“ บอกว่าไปนอนหอเพื่อนชื่อน้ำหวานว่ะ..”

“ น้ำหวานไหนวะ”

“ ช่างน้ำหวานมันเถอะ พระอินทร์เข้าฝันฉันให้ยกชื่อมาพอใจหรือยัง ชวนฉันคุยมากๆระวังถ้าพี่แกมาบ่นฉัน..ฉันจะเขกหัวให้เละเลยไอ้ลิง” นนท์เริ่มบ่นอู้อี้ พลางเหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะก็ต้องเร่งให้เร็วกว่าเดิม เมื่อวานก็สายไปทีหนึ่งแล้ว

“ เออ ขอบใจแกมากนะ”


“ คุณหนูกี่โมงแล้ว” เสียงของพี่ต้นดังขึ้นข้างนอกทำให้นนท์ต้องรีบวางโทรศัพท์ลง และแล้วพี่ต้นก็ต้องมาเรียกนนท์เป็นวันที่สอง ความตั้งใจจะไม่สายเหมือนจะมีอุปสรรคกั้นขวางแทบทุกวันเลยสิ เอาเถอะๆพรุ่งนี้นนท์จะเอาใหม่รับรองไม่สายแน่นอน ไม่เชื่อหรอกว่าอีกสามวันที่เหลือนนท์จะสายอีก

...คนผมฟูกระชับยามบังสุกุลใบใหญ่ขึ้นคล้องแขนแล้วเปิดประตูเดินตามต้นโดยไม่ยอมเสียเวลาเลยสักนิด แต่ก่อนลงบันไดก็แอบแวบไปหยิบชุดนักศึกษาของกิ่งยัดในกระเป๋า แล้วเดินตามพี่ต้นไป

“ เย็นนี้จะให้พี่ไปรับกี่โมงล่ะ”


“ แล้วแต่สะดวกเถอะขอรับ...” เหมือนนนท์จะประชดกลายๆแต่ต้นก็ไม่ได้ถือสาอะไรตอบกลับไปจนคนนั่งเบาะข้างๆแทบล้มหงาย

“ งั้นสองทุ่มไหวไหม วันนี้พี่มีประชุมเย็นกว่าประชุมจะเลิกก็คงทุ่มกว่า ...ถึงมหาวิทยาลัยของนายก็ราวๆสองทุ่มนั้นแหละ” น้ำเสียงของเขาไม่ได้มีแววหยอกเย้าเลยสักนิด ก็นนท์เปิดโอกาสมาขนาดนี้แล้วเขาก็เลยบอกไปตามความจริง

“ นี่พี่พูดจริงหรือพูดเล่นครับ”

“ จริงๆ วันนี้มีประชุมกองบก.ที่สำนักพิมพ์ ต้นฉบับเดือนนี้ยังสรุปไม่ได้เลยบางทีประชุมอาจยืดยาวไปจนค่ำก็เป็นได้” ฟังแล้วก็น่าเวียนหัวไม่น้อย นนท์มองไปมองไปมาก็ตัดสินใจบอกเขาเสียงใสตัดความกังวลให้เขาโดยทันที
“ ไว้ตอนเย็นให้นนท์กลับแท็กซี่กับกิ่งล่ะกันนะ นั่งแท็กซี่วันเดียวคงไม่เป็นไรหรอก พี่ประชุมไปเถอะนะ” นนท์บอกอย่างจริงใจ ก็คนหน้าสวยไม่อยากให้เขาห่วงหน้าพะวงหลังจริงๆนี่


“ ก็ดี” แต่พอได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย นนท์ก็แอบหน้าบึ้งเล็กน้อย ช่างเป็นชายหนุ่มที่น่าตบจริงๆ พูดไม่มีเยื่อใยอะไรเลยสักนิด แทนที่จะพูดขอบใจสักนิดก็ไม่มี

‘ คนบ้าอะไรนี่ จริงๆพี่ควรจะพูดคำอื่นมากกว่านะ ต่อให้แสร้งพูดก็ยังดี... นี่รับหน้าตาเฉยเลย ก็ดีเหรอ พูดเหมือนนนท์เป็นภาระเลยนะ .....เฮ้อว่าไปนนท์ก็เป็นภาระเขาจริงๆนี่’ ความฟุ้งซ่านภายในหัวตีกันไปมาจน นนท์ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ารถเคลื่อนมาจอดหน้ามหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว


“ คุณหนู” เขาเรียกย้ำเป็นครั้งที่สาม เพราะมือที่ลอบยื่นไปดึงหูประกอบเสียงเรียกจึงทำให้ นนท์รู้สึกตัว หันมองอย่างงงๆ


“ ดึงหูนนท์ทำไม”


“ ก็พี่อยากจะดูหูนายหน่อย ว่าทำไมเรียกตั้งสองครั้งแล้วยังนั่งเฉย สงสัยจะหูตึงไปแล้วอายุอานามยังไม่เท่าไหร่เลย... พี่เรียกตั้งนานแล้วนะทำไมไม่ขานเสียทีล่ะ”

“ แล้วจะเรียกนนท์ทำไมล่ะ”

“ เปิดตาหน่อยครับคุณหนู ถึงมหาวิทยาลัยแล้วนะ” เขาจับหัวนัทหมุนไปมองข้างๆ คนเพิ่งรู้ตัวหันกลับมามองด้วยรอยยิ้มกระดากใจ ยกมือไหว้ลาแล้วรีบลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยไก่ต่อหน้าเขาตัวโตอีกแล้ว

เมื่อร่างของนนท์ลับไปชายหนุ่มจึงยิ้มออกมาบางๆ …

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 08-07-2009 00:56:35
พี่ชายตัวดีก็เย็นชามากเลย  :sad4:
ส่วนนู่ติชก็อินโน ไปถึงไหนไม่รู้
โอ๊ยย อ่านละมาต่อด่วนเดะเคลียด
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: nune ที่ 08-07-2009 01:05:43
กอด  :กอด1: คนเขียนและคนโพส
คอเดียวกันแน่นอนค่ะ  ^^
ขอบคุณนะคะ สำหรับเรื่องสนุกๆ ชอบนนนี่ ต้น ต่อและกิ่งมากๆๆ  :pig4:

(ตอบกลับแล้วนะคะ ไม่รู้มันไปหรือเปล่า แบบว่ายังใช้ไม่ค่อยเป็นอะ - -)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 08-07-2009 02:10:39
^
^
^
จิ้ม...ขอจิ้มคนคอเดียวสักหน่อย55555(พวกเดียวกันหรือเปล่าเนี๊ย)

เช็ค pm. ด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 08-07-2009 03:13:02
ตอน 6

หลังจากวันนั้นต้นก็รับหน้าที่มารับมาส่งนนท์ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ ก่อนที่ปลายสัปดาห์รถยนต์คันใหม่จะปรากฏขึ้นที่บ้าน ..นนท์ดีใจมาก แต่กลับรู้สึกไม่สบายใจพ่วงมาด้วย นนท์ยังคงคิดว่าที่บ้านประสบปัญหาทางการเงินเลยไม่อยากให้มารดาต้องใช้จ่ายให้กับเขามากนัก..


นับจากวันนั้นนนท์กับกิ่งก็ไปมหาวิทยาลัยพร้อมกัน ...ส่วนเรื่องของนนท์กับพี่ต้นก็ยังเหมือนเดิมเจอหน้ากันที่ไรได้ปะทะฝีปากกัน ประจำ


เวลาในบ้านหลังใหม่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม้กระนั้นสมาชิกใหม่ก็ยังไม่คลายเศร้าคลายความคิดถึงจากมารดาที่อยู่ห่างไกล แม้นางจะโทรฯมาหาลูกชายสุดที่รักทุกสัปดาห์

แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความว้าเหว่และเศร้าใจของนนท์เจือจางลงได้ ความรักที่มีนับวันจะเพิ่มเติมเต็มจนล้นออก นนท์ได้แต่ลอบถอนใจบางๆ แม้เดี๋ยวนี้เขาไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่แล้ว แต่เขายังติดนิสัยนั้นมาจนถึงทุกวันนี้เวลาสามเดือนผ่านไปเร็วอย่างที่นนท์ไม่คาดฝัน

นี่เขาอยู่ในบ้านวรโชติครบสามเดือนแล้วเหรอนี่



ใช่สิ การเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งของเขาใกล้จะจบแล้วเหมือนกัน แสงของฟ้าเริ่มเหลือบไรที่ปลายขอบห่างไกล ความสว่างแม้จะไม่โรยลงให้กระจ่างทั้งบริเวณ แต่แสงวันใหม่ก็พอสาดให้ฟ้าไม่มืดมิด ชายหนุ่มถอดรองเท้าแตะที่สวมอยู่ออกแล้วยกเท้าวางไปบนพื้นหญ้าที่ชุ่มด้วยน้ำค้าง ก้าวของเขายังเดินหน้าไปเรื่อยๆราวกับจะซึมซับความสดชื่นสดใสของบรรยากาศรอบกายให้มากที่สุด อยากจะสลัดความเหนื่อยล้าออกไปให้หมดแต่ไม่ว่าจะพยายามเช่นไร หัวใจของนนท์ก็ยังไม่ยินยอมอยู่ดี

....ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนสูดอากาศยามรุ่งสางตรงระเบียงหน้าห้องของเขาเหลือบมองทุกอากัปกิริยาของน้องลูกหมีสติช แววตาของพี่ต้นแอบวูบไหวไปกับภาพนั้น เขาเองยังไม่รู้หรอกว่าทั้งหมดเป็นแผนการของมารดาอัจฉริยะข้ามวันข้ามคืนของทั้งสอง ความสงสารเข้ามาจับขั้วหัวใจ ชะตาของนนท์ช่างน่าเศร้า


“ คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกมิวสิควิดิโอหรือ” เสียงของคนอยู่ชั้นสองดังเข้ามากระทบโสตประสาทของชายหนุ่มที่กำลังดื่มด่ำรสธรรมชาติ เขาหันมองต้นเสียง


“ ตื่นเช้าเหมือนกันนี่...” ประโยคต่อมาเอ่ยออก จับจ้องไปยังชายผมฟูในชุดโดเรมอนสีฟ้า ..


“ คงอย่างนั้น นนท์รู้สึกไม่ค่อยง่วงสักเท่าไหร่ก็เลยตื่นมาเดินเล่น” นนท์แย้มปากออกยิ้มเพียงน้อย เพื่อบังบดความกังวล พยายามจะร่าเริงต่อหน้าทุกคน


“ อย่างนั้นก็ดีแล้ว ตื่นเช้าจะได้มาสูดอากาศบริสุทธิ์” เขาบอกกลับไป รอยยิ้มที่เขาเห็นในยามนี้แม้จะเบิกบานแช่มชื่น แต่แววตาของน้องสติช คุณหนูของเขาไม่ได้ยิ้มตามไปเลย แม้จะยืนอยู่ห่างจากนนท์ แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าดวงตาของอีกคนกำลังร่ำไห้ร้องหาบางอย่างที่ขาดหายไป



“ นนท์กลับเข้าบ้านไปหาอะไรกินดีกว่า..” คนชุดสีฟ้ากลับไปสวมรองเท้าที่ถอดทิ้งไว้ แล้วรีบเดินเข้าในตัวบ้าน เมื่อพ้นจากสายตาของอีกคนน้ำตาก็ไหลเร็วออกเป็นสาย มือน้อยๆยื่นขึ้นปัดออกไล่ความอ่อนแอ


“ ตื่นแต่เช้าเลยนะนนนี่” คุณแก้วที่กำลังขึ้นโต๊ะกล่าวทักทาย วันนี้นางตื่นเร็วกว่าปกติเช่นกัน
ทำไมต้องเร่งรีบทำอาหารตั้งแต่เช้าเช่นนี้


“ วันนี้มีอะไรพิเศษหรือครับ น้าแก้วถึงได้ตื่นมาทำอาหารแต่เช้า”

“ วันนี้น้าจะออกไปธุระสักหน่อย เลยทำอาหารเตรียมไว้ก่อน ถ้าพี่ต้นกับน้องกิ่งลงมาก็บอกด้วยนะว่าน้าไปธุระ..” คนจัดการข้าวของน้ำเสียงกระหืดกระหอบ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นราวกับสัญญาณเตือนให้นางต้องเร่งมือให้เร็วกว่านี้

“ดูน้าแก้วรีบๆนะครับ”

“ใช่แล้วเพื่อนน้าโทรฯมาตามแล้ว” นางยังเหมือนพะว้าพะวง เพราะอาหารยังทำไม่เสร็จเลยแต่เสียงโทรศัพท์ก็โทรฯตามจิกไม่เลิก สุดท้ายเลยต้องไหว้วานให้นนท์จัดการต่อ

“ น้าต้องไปแล้วจริงๆ เหลือแกงส้มอีกแค่อย่างเดียวแล้วนนท์ดูให้น้าหน่อยนะ รอให้มันเดือดก็เรียบร้อยแล้ว” เพราะเห็นว่าอาหารที่เหลือแค่รออย่างเดียวเลยวางใจไหว้วานเขา ชายหนุ่มที่ยืนใกล้ก็รับคำอย่างรวดเร็วเพราะเห็นว่ามันไม่ได้ยุ่งยากอะไร

“ ครับน้าแก้วรีบไปเถอะ”


“จ้ะ ไว้ตอนเย็นๆน้าจะซื้อขนมมาฝากนะน้าไปก่อนล่ะ อย่าลืมให้น้องกิ่งไปทำธุระให้น้าด้วยล่ะ” ท้ายประโยคยังมีอีกคำสั่งเพิ่มขึ้นแล้วคุณแก้วก็รีบคว้ากระเป๋าใบงามออกจากบ้านไปทันที


“ แกงส้มเหรอ” เขาเดินพึมพำเข้าไปในครัว กลิ่นหอมเผ็ดร้อนของแกงที่กำลังตั้งไฟลอยมาเตะจมูก ชายหนุ่มยกฝาหม้อเปิดออกดูก็เห็นว่ายังไม่ทีท่าจะเดือด

เขาเลยเดินกลับไปทำอย่างอื่น ทำไปทำมาก็เริ่มจะลืมตอนกลับเข้ามาในครัวอีกครั้งก็ตกใจจนบ้านแทบแตก เพราะตอนนี้แกงส้มเดือดจนแห้งหมดหม้อ เริ่มมีไฟลุกขึ้นความร้อนและควันไฟพร่าสติของนนท์ไปหมด เขารีบเอาหม้ออีกใบไปรองน้ำจากก๊อกแล้วเทใส่หม้อแกงส้มอย่างเร่งรีบ ในที่สุดก็จัดการผ่านพ้นแต่กว่าจะทำได้คนผมฟูที่หน้าหมองเพราะเขม่าที่ลอยขึ้นมาติดเสียแรงตกใจไปหลายแคลอรี่ ....

“ ทำอะไรนี่ควันฟุ้งออกไปถึงข้างนอกเลย” ชายหนุ่มที่เดินตามกลิ่นไหม้และควันไฟถามขึ้น แม้จะไม่เห็นต้นเพลิงแล้วก็ตาม แต่กลิ่นยังลอยอบอวลไปทั้งห้อง เขาเหลือบมองไปยังตัวการที่ยืนทำหน้าไม่ถูก นนท์พยายามจะเอาตัวบังหม้อแกงส้มที่เละเทะแต่ก็ปิดอีกฝ่ายไม่ได้ ชายหนุ่มร่างหนั่นเดินมาแหวกร่างบางของนนท์ให้หมุนไปอีกทาง


“ นี่อะไร..” เขาหยิบทัพพีมาคนในหม้อที่แทบจะดูไม่ได้ นนท์ยิ้มให้แสนจางจะบอกยังไงล่ะ
แต่สุดท้ายเขาก็วางเสียงปกติตอบหน้าตาย

“ แกงส้มไง พี่ไม่มีตาหรือ”

“ แกงส้มอะไรน้ำใสยังกับน้ำล้างจานอย่างนี้ แล้วดูสิยังมีกลิ่นไหม้เหมือนกับประชุมเพลิง” เขาประชดเสียงเรียบมอง นนท์อย่างอดไม่ได้ที่จะติ


“ ก็ใครจะรู้ล่ะ นนท์แค่ไปเก็บของแป๊บเดี๋ยวเท่านั้น กลับมาก็เห็นมันเดือดจนแทบจะหมดหม้อแล้ว” นนท์พยายามแก้ตัว


“ โธ่แล้วใครสอนนายให้ใช้น้ำดับไฟอย่างนี้ล่ะ จริงๆมันก็พอจะกินได้อีกแต่โดนนายเล่นสงกรานต์อย่างนี้ก็ต้องเททิ้ง” มือใหญ่ยกหม้อที่ถูกละเลงด้วยน้ำไปเททิ้งใกล้ๆ

“ ทำอะไรกันคะ เสียงดังไปถึงห้องกิ่งเลย” สมาชิกอีกคนของบ้านเดินลงมาสมทบ แต่ดูๆไปคงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอนหญิงสาวจึงได้นิ่งแล้วเดินไปนั่งรอข้างนอก



ด้วยเพราะตอนเช้าทำให้สองคนพี่น้องอดทานแกงส้มฝีมือคุณแก้ว นนท์เลยเข้าครัวเป็นลูกมือกิ่งที่ได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากมารดาเต็มๆ แม้จะไม่ได้ทำอาหารอร่อยมากนักแต่ก็พอทำเนา ไม่ใช่เล่นๆ จะมาดูถูกไม่ได้หรอก


“ ไข่เจียวนี่ต้องใส่ตอนน้ำมันร้อนๆจะได้ฟูสวยแล้วไม่อมน้ำมัน” คนบอกยกชามที่ใส่ไข่จะเทใส่กระทะแต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ



“ งั้นฝากหน่อยนะ พอเหลืองก็พลิกไปอีกด้านแล้วก็ตักขึ้นได้เลย” กิ่งเดินซ้ำรอยมารดาเข้าจนได้ วางใจไม่ถูกคนเสียแล้ว หญิงสาวสั่งเสร็จก็เดินออกไปรับโทรศัพท์ปล่อยนนท์ไว้คนเดียว เพราะแม้แต่ตะหลิวยังไม่เคยจับแล้วคิดเหรอว่าสภาพของสิ่งที่กิ่งวางใจจะออกมาดูได้


พี่ชายคนโตของบ้านเดินเข้ามาอย่างปกติ เขาไม่เอะใจเลยสักนิดว่ากำลังจะเจอเข้ากับอะไร ชายหนุ่มวางสูทตัวเก่งพาดลงที่พนักเก้าอี้เช่นทุกทีที่ทำ จากนั้นคุณแก้วก็กลับถึงมาบ้านติดๆ สองคนแม่ลูกกำลังนั่งรอที่โต๊ะอาหาร เพราะรู้กันว่าหากวันไหนมารดาไม่อยู่น้องสาวคนเล็กก็จะเข้าครัวทำอาหารแทน


อาหารถูกทยอยมาวางราวสักสามสี่อย่างเมื่อถึงจานสุดท้ายสองแม่ลูกก็ถึงกับอึ้ง


“ นี่มันอะไร อย่าบอกนะว่าฝีมือนายอีกแล้ว” แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่แววตาที่มองมามั่นใจมาก
ว่ามันต้องเป็นผลงานจากความสามารถของนนท์


“ ก็นนท์ทำไม่เป็นนี่ กิ่งมันออกไปโทรศัพท์จะให้นนท์ทำยังไงล่ะ” คนผิดพลาดตอบดื้อๆ



“ โธ่พี่ต้น ทอดไข่ครั้งแรกแล้วได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเยี่ยมแล้วนะ น้องกิ่งเห็นด้วยกับแม่ไหม ใครๆก็เป็นกันได้ทั้งนั้น” นางยกมือลูบแขนตัวเองเบาๆพยายามจะหาคำที่เหมาะสมมาเข้าข้างหลานนอกไส้



“ ค่ะแม่” ดูเหมือนแม่ลูกสาวจะไม่ค่อยจะเต็มใจร่วมมือ เพราะหลักฐานก็ชี้มูลความผิดอยู่เห็นๆ
พี่ต้นยกช้อนในจานขึ้นเขี่ยไข่เจียวที่เกรียมเสียยิ่งกว่าเกรียม ต้องพูดว่าเกรียมเสมอทั้งชิ้นเลย


“ นี่มันไข่เจียวแน่เหรอ ให้ตายเถอะ”


“ โธ่พี่ไม่เคยได้ยินเหรอ อย่าดูแต่รูปลักษณ์ภายนอกสิบางทีกินแล้วมันอาจอร่อยก็ได้นะ ถึงนนท์จะทอดแต่น้องกิ่งเป็นคนปรุง รับรองได้หายห่วง”


“ นายยังคิดว่ามันกินได้อีกเหรอ”


“ นนท์...” เขาจนคำพูด จะพูดได้ยังไงล่ะ เห็นๆกันอยู่สภาพมันควรจะทิ้งลงถังขยะตั้งแต่ควันลุกโขมงก่อนหน้านี้แล้วต่างหาก


“ เลิกเถียงกันเถอะนะ ยังมีอย่างอื่นอีกนี่เถียงกันอยู่ได้ ลูกก็เป็นพี่โตแล้วนะ ไปถือสาอะไรกับความผิดเล็กๆน้อยๆของน้องล่ะ” คุณแก้วรับหน้าที่เป็นคนเจรจาหย่าศึก เพราะหากปล่อยไว้นานกว่านี้กรุงศรีฯคงต้องแตกแน่นอน แม้จะสงบลงแต่ในใจนนท์ก็ยังคงมาดมั่น ยังไงพรุ่งนี้นนท์ต้องแก้ตัวให้สำเร็จไม่มีทางจะปล่อยให้เขามาว่านนท์อย่างนี้ได้อีก ไม่มีวันอีกแล้วที่เขาจะว่านนท์ได้



แม้จะตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ยอมถูกคนหน้าบึ้งด่าซ้ำ แต่เพราะนนท์ไม่เคยทำงานบ้านเองเลยตั้งแต่เด็กเรื่องทำอาหารจึงเป็นหมวดงานที่คนหัวฟูสอบตกอีกเหมือนเคย แม้จะมีคุณแก้วคอยแนะคอยชี้แต่ผลงานที่ออกมาก็ห่างไกลจากต้นตำรับหลายสิบกิโลเมตร


“ ไม่เป็นไรหรอกนนนี่ ครั้งต่อไปเชื่อน้าสิต้องดีกว่านี้แน่นอน...” อาจารย์จำเป็นปลอบใจศิษย์ที่ยืนหน้าเศร้าเพราะผลงานที่ออกมาไม่ค่อยน่าอภิรมย์ชมชื่นนัก



“ ครับ” แม้จะรู้ว่าคำปลอบนั้นเป็นเพียงการปลอบให้คลายเศร้า แต่ชายหนุ่มก็ยังอดเสียใจไม่ได้อยู่ดีอีกอย่างเขาอาจต้องรับฟังคำวิจารณ์เสียๆหายๆจาก เจ้าพี่ต้นจอมบึ้งอีกก็เป็นได้.. ต้นนั้นไม่ใช่พวกสนใจความรู้สึกของคนอื่นเสียด้วย ไม่รู้เขาจะว่าอะไรหนักๆหรือเปล่า


“ ครั้งแรกก็เป็นอย่างนี้แหละ คนเราก็ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆจะทำปุ๊บอร่อยปั๊บ อย่างนั้นร้านอาหารก็ไม่ต้องมีแล้วล่ะ เพราะใครๆก็ทำได้อร่อยเหมือนกันจะเสียเงินออกไปซื้อข้างนอกทำไมล่ะ เอาเถอะแล้วเราค่อยมาฝึกกันใหม่...” นางวางมือลูบบ่าหลานชายตัวเล็ก ..หวังให้เขาเลิกกังวล



วันนี้ต้นกลับบ้านมาด้วยความเครียดที่รุมเร้ามาจากที่ทำงาน ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้านชายหนุ่มพยายามปรับอารมณ์และวางความเครียดทั้งหมด เดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าวางเฉย เขาพยายามแยกเรื่องส่วนตัวกับงานไว้อย่างชัดเจน เพราะทันทีที่เอาความเครียดเรื่องงานกลับมาบ้าน คนอื่นๆก็จะพลอยไม่สบายใจไปด้วย

“ สวัสดีครับแม่...” ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ประจำของเขา เหมือนทุกคนจะมีสีหน้าไม่ปกติ จนเขาเองสังเกตเห็น


“ มีอะไรกันเหรอ”

“ เปล่าหรอก” มารดาเป็นคนตอบ ยังกลัวๆอยู่ไม่หายเพราะนางรู้ดีว่า ตั้งแต่ที่เขาเริ่มเข้าทำงานที่บริษัท เหมือนลูกชายของนางจะกลายเป็นคนละคน ปกติต้นเป็นพวกขี้เล่นและร่าเริง แต่พักหลังมานี้เขาเปลี่ยนเป็นวางเฉยและไม่ค่อยสนใจคนรอบข้างสักเท่าไหร่ เหตุผลแท้จริงที่นางไม่รู้คือความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในวันเลี้ยงอำลาต่างหากล่ะ ปมที่กลายเป็นมีดปาดใจ


....เป็นแผลที่ฝังอยู่ และไม่มีวันที่แผลนั้นจะหายสนิท
ความเจ็บปวดผลักเขาให้หลุดออกจากโลกแห่งความร่าเริง นางกังวลจนเลิกกังวลมานานแล้ว เพราะจะว่าไปนี่ก็ใกล้จะครบหนึ่งปีที่พ่อลูกชายของนางเปลี่ยนไป มันคงกลายเป็นความเคยชินเสียแล้ว



“ ทานข้าวเถอะ” คนเป็นแม่ละสายตาจากใบหน้าของลูกชายแล้วหันไปยกฝาชีออก ชายหนุ่มมองตามอย่างสงสัย แต่พอได้เห็นก็เข้าใจถึงสีหน้าผิดปกติของทุกคน



“ นี่....”



“ ก็วันนี้น้องเขาอยากลองเข้าครัวดูใหม่ แม้มันจะออกมาไม่สวยแต่ก็อร่อยดีนะ” นางยกช้อนในมือตักทานเป็นตัวอย่าง แม้ปากจะบอกว่ารสชาติไม่เลวแต่รสที่ลิ้มได้ไม่ได้บอกนางอย่างนั้นเลย



“ แม่ แม่ทานเข้าไปได้ยังไงนี่” ชายหนุ่มที่ตักตามถึงกับต้องรีบดื่มน้ำตามหลายฮึก ไล่ความเค็มของหมูทอดกระเทียมพริกไทย ที่น่าจะเรียกว่าหมูคลุกบ่อเกลือทอดกระเทียมพริกไทยมากกว่า


“ ทำไมพี่ต้องโอเวอร์อย่างนี้ล่ะ...มันไม่แย่ขนาดนั้นสักหน่อย” เจ้าของผลงานหน้างอ แล้วตักมันเข้าปากบ้างและอาการของนนท์ก็ไม่ได้ต่างจากเขาเลยแม้แต่น้อย


“ นั้นสิพี่ต้นกิน กับข้าวเยอะหน่อยมันก็หายเค็มแล้ว” แรงเชียร์ของคนที่สองทำเป็นแบบอย่างให้ดู เพราะเธอแอบชิมไอ้หมูทอดข้างหน้าแล้วตั้งแต่ต้น จึงรู้วิธีหลบหลีกอย่างเหมาะสม


“ แล้วนี่อะไร แกงจืดหรือน้ำเปล่า”


“ โธ่” คนหัวฟูจ๋อยพูดไม่ออกสักคำ เพราะยิ่งนานเข้าอาหารทุกอย่างของเขาก็ถูกติไปหมด บางทีไม่ควรจะเรียกว่าอาหารด้วยซ้ำกระมัง เป็นแค่ของที่เกือบจะทานได้เท่านั้น



“ ผมขึ้นห้องก่อนนะ กินไม่ลง” ต้นวางช้อนลงแล้วเดินออกไป โดยไม่แคร์จิตใจคนทำอาหารเลยว่าจะรู้สึกอย่างไร ก็นี่แหละเขา.


...เป็นคนอย่างนี้แหละ จะทำอะไรก็ทำโดยไม่คิดถึงใจคนอื่น



“ อย่าไปถือสาพี่เขาเลยนะ ของอย่างนี้เราหัดกันได้” ประมุขของบ้านปลอบใจ แต่ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นนท์เสียความรู้สึกไปแล้ว แม้จะไม่พอใจกับการกระทำของอีกฝ่าย แต่นนท์ก็รู้ดีว่าเพราะฝีมือทำอาหารแสนห่วยของเขาเองถึงทำให้ต้นเดินขึ้นห้องไปโดยไม่ทานอะไรเลย



“ น้าแก้วช่วยต้มมาม่าให้นนท์หน่อยนะ เดี๋ยวนนท์จะไปตามเขาลงมา ถึงยังไงกลับมาบ้านเหนื่อยๆเขาก็ต้องโมโหเป็นธรรมดา นนท์ไม่ถือคนหิวหรอก” ชายหนุ่มพยายามจะรับผิดชอบแต่น้ำเสียงที่สองแม่ลูกจับได้ก็รู้ดีว่ามันช่างเศร้าเกินบรรยาย



“ จ้ะ” นางรับคำ จากนั้นตัวต้นเหตุเรื่องราวทั้งหมดก็เดินขึ้นไปตามต้นทันที ฝีเท้าที่ย่ำลงทุกก้าวพยายามจะวางน้ำหนักให้ปกติ นึกไปแล้วก็โกรธตัวเองไม่หาย นนท์เองนี่แหละที่ทำให้อีกฝ่ายโมโหและทำร้ายความรู้สึกของนนท์เอง ชายหนุ่มมาหยุดอยู่หน้าห้องของคู่กรณีครู่หนึ่งรวบรวมสติสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ แล้วเคาะประตูเรียกเจ้าของห้อง


“ ครับ” เขาขานรับ เดินมาเปิดประตูในเวลาต่อมา


“ มีอะไรอีกล่ะ” น้ำเสียงเนือยๆทำให้นนท์ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาอีก ช่างเถอะวันนี้นนท์จะยกให้ถือเพราะทั้งหมดเป็นความรับผิดของนนท์เพียงผู้เดียว


“น้าแก้วให้นนท์มาตามพี่ไปกินข้าว..” คนตัวเล็กยกประมุขของบ้านมาเป็นข้ออ้าง


“ ให้กลับไปกินไอ้ของพวกนั้นนะเหรอ จ้างพี่สิบล้านก็ไม่ยอมลงไปหรอก พรุ่งนี้ยังมีประชุมแต่เช้าอีกขืนกินเข้าไปได้ท้องเสียแน่” ชายหนุ่มบอกปฏิเสธซึ่งหน้า


“ น้าแก้วต้มมาม่าให้แล้ว ไม่ได้ให้พี่ไปกินของเดิมสักหน่อย”


“ เชอะ อย่าคิดว่าพี่จะหลงกลอีกต่อให้ต้มมาม่าจริง พี่ว่านายก็ต้องใส่โน้นใส่นี่ผิดซองอีกจนได้ สู้อยู่เฉยๆทนหิวไปดีกว่า” คนบ้าอะไรพูดจาไม่หัดเกรงใจคนอื่นเลย คนที่ใช้ความอดทนมานานถึงกับหน้าชา
คนอะไรนี่...เก่งนักเรื่องทำร้ายใจคนอื่น นี่แหละนะแฟนเก่าของเขาถึงได้ไม่ยอมแต่งงาน นี่แหละนะสมควรแล้วที่เขาต้องอกหัก

“ นนท์ไม่ได้โง่ขนาดนั้นสักหน่อย”



“ ไม่ได้โง่อย่างนั้นเหรอ คงใช่...พี่ว่านนท์นี่คงแรงกว่านั้นแน่นอน คนอะไรทำงานไม่เป็นสักอย่างตอนซักผ้าก็ฟองกองแทบท่วมบ้าน แค่ทอดไข่ยังไหม้จนเป็นเตาตะโก หรือจะแกงส้มที่แค่แม่ให้เฝ้ากลับปล่อยให้เดือดจนหม้อแทบทะลุ” เขาจ้องหน้านนท์กลับไม่เกรงสายตาที่มองมาอย่างไม่พอใจเลย



“ สักวันนนท์ก็ต้องทำได้สิ”


“ ต่อให้เป็นจริง แต่ก็คงเหมือนไอ้หมูทอดวันนี้นั้นแหละ ได้ทำ...ไม่ใช่ทำได้”



“ คนบ้านิสัยไม่ดี นนท์ทำผิดแค่ครั้งสองครั้งอย่าเหมารวมว่านนท์ต้องทำผิดไปตลอดชีวิตสิ อย่าดูถูกความสามารถของคนอื่นนักเลย...” ชายหนุ่มทลายเขื่อนแห่งความอดทนลง ขืนปล่อยให้เขาพูดต่อ นนท์คงประสาทเสีย

... แต่คนที่ยืนตรงข้ามก็ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกราง่ายๆ…

“ ก็มันเป็นความจริง คนเรามันต้องยอมรับสภาพของตัวเองสิ อย่างนายนะไม่มีวันหรอกพนันได้เลย” ดูเขาจะปรามาสเธอมากเกินไปแล้ว


“ ถ้านนท์ทำได้ล่ะ”


“ ไม่มีทาง..”

“ นนท์ถามว่าถ้านนท์ทำได้ล่ะ.”


“ ถ้าทำได้พี่ยอมให้ตบหน้าสองทีเลยเอา แต่พนันกันได้เลยอย่างนายไม่มีวันหรอก...พี่จะคอยดูความพ่ายแพ้ของนายแล้วกันนะ” ดูสิดูคนบ้าอะไรนี่ดูถูกคนเก่งจนน่ายกถ้วย

“ พี่คอยดูนะ ภายในหนึ่งปีต่อจากนี้พี่ต้องตะลึง นนท์จะกลายเป็นคนใหม่แล้วก็เตรียมหน้าของพี่ให้ดีๆล่ะ วันนั้นมาถึงนนท์จะตบให้ปากฉีกเลยให้สมกับปากเสียๆ ชอบทำร้ายจิตใจคนอื่น” ไม่รู้เสียแล้วว่ากำลังเล่นกับใครอยู่ แม่น้องสติชติสแตกน่ะหากคิดจะทำอะไรแล้วต่อให้อุปสรรคมากมายแค่ไหนก็ขวางเขาไม่ได้หรอก เห็นทีต้นคงต้องเตรียมหน้าไว้อย่างที่นนท์ว่า



ทางฝ่ายสองสาวต่างวัยเห็นว่านนท์ขึ้นไปนานมากแล้ว ก็เกรงว่าสองคนข้างบนจะทะเลาะกันอีก ไว้ใจได้ที่ไหนล่ะ สมัยเด็กๆทะเลาะกันแทบเป็นแทบตาย


“ แม่ว่าจะนานไปแล้วนะ”


“ กิ่งก็ว่า ดูสิค่ะรอจนมาม่าพองเต็มชามจนแทบกินไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่านนท์กับพี่ต้นกำลังทะเลาะกันอยู่นะ” กิ่งไม่อยากเดาเลย


“ แม่ก็กลัว...เราขึ้นไปดูกันดีกว่า ขืนทะเลาะกันจริงได้มองหน้ากันไม่ติดแน่นอน” เพราะคุณแก้วรู้ดีว่าหากทั้งสองกลับไปเป็นเช่นวันวาน แผนการปรับนนท์ให้กลายเป็นคนใหม่จะถูกทำลายไปด้วย ไม่มีวันยอมหรอก สองแม่ลูกเลยร่วมแรงขึ้นไปตามสมาชิกใหม่ของบ้าน


“ พี่จะคอยดู แต่เอาเถอะไม่อยากเถียงแล้ว บอกคุณแม่ด้วยล่ะกันว่าพี่ไม่หิวแล้ว” ชายหนุ่มยอมรามือไปจะคอยดูสิว่า คนหัวฟูจะทำได้อย่างที่อวดอ้างสรรพคุณไว้หรือเปล่า



‘ คนนิสัยไม่ดี ไม่รู้จักนนท์เสียแล้วคอยดูนะพี่ต้องหน้าหงายแน่ฉันรับรอง’ คนยืนใกล้แอบเข่นเขี้ยวในใจ จะพูดออกมาก็ไม่กล้าหรอก

“ มายืนค้อนพี่ทำไม”



“ คนนิสัยไม่ดี...นนท์ไปดีกว่าไม่พูดด้วยแล้ว” ชายหนุ่มร่างเล็กตัดทอนความคิดในใจเหลือแค่ประโยคแรกที่ถ่ายทอดออกมาให้เขาได้ยิน ชายหนุ่มเลิกคิ้วหนามองเด็กขี้งอนที่กำลังเอี้ยวตัวกลับไปชั้นล่าง

แต่ไม่ทันไรเลย คนปากกล้าที่บอกว่าจะเปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่ก็เกิดสะดุดขาตัวเอง ร่างนั้นเซถลาเสียศูนย์ถ่วง มือใหญ่ที่อยู่ใกล้รีบคว้าร่างของอีกคนไว้อย่างทันควัน แต่เพราะแรงที่กระชากร่างของคนหัวฟูมีมากกว่าเขาก็แทบจะต้านแรงไปไหว จำต้องก้าวตามแรงนั้นไประยะหนึ่ง


โชคยังดีที่มีราวบันไดช่วยชีวิต หลังของคนปากเก่งมีราวบันไดมารองรับจึงทำให้แรงที่ดึงสองคนให้ไปข้างหน้าหยุดลง แต่เพราะความกะทันหันของการหยุด คนที่ไม่มีราวบันไดมาค้ำด้านหลังจึงได้เซไปข้างหน้าไม่หยุด ร่างของเขาเขาประชิดร่างของนนท์อย่างห้ามไม่ได้

สองคนแนบชิดกันยิ่งกว่าอะไร ตอนนี้หน้าของคนตัวเล็กซบลงกับอกแข็งแรงของคนนิสัยไม่ดีเข้าแล้ว กลิ่นหอมอ่อนๆจากเขาลอยมาแตะจมูกพ่อร่างบาง เหมือนทั้งสองถูกโลกผลักไสออกจากกาลเวลา ตอนนี้ทุกอย่างดูฟุ้งและลอยลิ่ว ร่างเหมือนเบาบางพร้อมจะถูกสายลมพัดไปทุกทาง



“ เป็นอะไรหรือเปล่า...” เสียงนุ่มนวลเอ่ยถามเพื่อตัดความฟุ้งซ่านให้หลุดออกไป นนท์เลิกลั่กไม่น้อยไม่รู้จะทำยังไง แต่หน้าของเขาก็ยังคงซบอยู่กลางอกอีกฝ่ายไม่คลาย



“ ทำอะไรกันนี่.” เสียงของเขาในทีแรกดูจะไม่มีผลเท่าเสียงนี้ สองหนุ่มหันไปมองทางต้นเสียงแล้วต้องผละออกจากกันโดยอัตโนมัติ โธ่ก็คุณแก้วและลูกสาวคนสวยมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้

“ อย่าบอกนะว่าพี่ต้นกับนนท์” กิ่งพยายามชี้นำความคิดของมารดาให้มองเห็นตามไปอย่างที่เธอคิด คนตัวสูงถึงกับร้อนตัวบอกปัด ( เจ้าเล่ห์จริง ยัยผู้หญิงคนนี้..ฮ่าๆ)


“ อย่าคิดอะไรบ้าๆนะน้องกิ่งพี่กับน้องบ๊องติชติสไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นสักหน่อยมันเป็นอุบัติเหตุชัดๆอย่าคิดอะไรเลยเถิดไปนะ” ปกติหากเขาไม่ได้ทำก็จะตอบไปด้วยความฉะฉาน แต่วันนี้มารดาจับกระแสเสียงได้ว่าเขามีความอึกอักและไม่ชัดถ้อยชัดคำสักเท่าไหร่


“ ลูกชอบนนท์เหรอ”


“ แม่ / น้าแก้ว” สองเสียงจากคู่กรณีดังขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่ต้นจะชิงพูดก่อน


“ บ้า ผมเป็นผู้ชายนะแม่...ผมจะไปชอบไอ้เด็กไร้สาระคนนี้ได้ยังไง”


“ นี่มาว่านนท์อย่างนี้ได้ยังไง...นนท์ไร้สาระตรงไหน” นนท์เหลืออด ตีไหล่อีกฝ่ายแรงๆทีหนึ่ง ถามอย่างไม่เข้าใจ นนท์ไร้สาระตรงไหน…


“ ก็ไอ้ลูกหมีสติชสติแตกไง... ไอ้ความซุ่มซ่ามคุณสมบัติไม่เข้าขั้นสักอย่างเดียว คิดเหรอว่าผู้ชายคนไหนจะชอบ ถ้าให้พี่เดาตั้งแต่เกิดมานายก็คงไม่เคยมีแฟนละสิ” การคาดเดาของเขาเป็นความจริง แต่นนท์ก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี


“ ทำไมพี่พูดอย่างนี้ล่ะ คอยดูนะนนท์ต้องทำให้พี่ชอบนนท์ให้ได้ ดูถูกกันดีนักคนอะไรนิสัยไม่ดีเลยจริงๆ ต่อให้นนท์ไม่เคยมีแฟนแล้วจะทำไมล่ะ คอยดูนนท์จะทำให้พี่กลายเป็นเกย์..ไอ้หน้ากบใจดำ..” ชายหนุ่มประกาศก้องออกมาแล้ว ปฏิบัติการกำลังจะเริ่มต้นเพื่อเปลี่ยนความคิดของเขาให้จงได้ แต่นนท์ลืมไปหรือเปล่าว่านนท์นี่เป็นผู้ชายนะจ้า........................


“ ไม่มีวัน”


“ ดูถูกเกินไปแล้ว ทุกคนเป็นพยานให้นนท์นะถ้านนท์ทำให้พี่ต้นชอบนนท์ไม่ได้ นนท์ยอมรำแก้บนหน้าอนุสาวรีย์ชัยฯสิบเก้ารอบ” คิดไปได้ยังไงพ่อคนปากกล้า แต่ก็ช่างเถอะความคิดพันลึกพิสดารออกจากปากนนท์ก็คงไม่แปลกนักหรอก เฉพาะการแต่งตัวที่ต้องมีไอ้ลูกหมีสีฟ้าสติชสติแตกประดับตกแต่งก็บอกความพิลึกของนนท์ได้แล้ว ไหนจะทรงผมไม่กลัวฟ้ากลัวดินอีกล่ะ..เจ้าประคู้ณ


“ ...” นนท์เชิดหน้าใส่แล้วรีบวิ่งเข้าห้องของตัวเองทันที


“ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวขึ้นห้องเหมือนกัน” ชายหนุ่มรีบปลีกตัวไปเช่นกัน เพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาให้สองคนที่เหลือจับผิด เมื่อร่างของเขาลับเข้าไปในห้องแล้ว สองแม่ลูกก็หันมาปรึกษาแผนการกันต่อ


“ ตาย ! น้องนนนี่ของแม่...กล้ามากเลย...” เสียงหวานที่ดังออกมาอย่างดีใจทำให้กิ่งถึงกับงงในท่าทีของมารดา..


“ แม่คะ...นนท์เป็นผู้ชายนะคะ”


“ เป็นผู้ชายแล้วทำไมล่ะลูก...”


“ นี่แม่เชียร์นนท์ให้ได้กับพี่ต้นจริงเหรอ...............” กิ่งถึงกับเหวอแตก..ไม่นึกว่ามารดาของหล่อนเองก็จะไม่ธรรมดาเหมือนเพื่อนสนิทด้วย ..



“ แล้วทำไมล่ะ..ก็แม่รักนนท์ ชอบน้องนนท์นี่.แม่จะเชียร์มันผิดเหรอ อีกอย่างความรักมันไม่มีขอบเขตสักหน่อย ..ใครกำหนดกันว่า ผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงแล้วจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต...ชิชะ...นี่ใคร นี่ใคร..คุณแก้ว สองพันเก้านะจ้า..ลูกจ๋า...” ท่าทางการพูดทำให้แก้วอดจะยิ้มขันไม่ได้..มารดาของเธอท่าทางจะอยู่ใกล้กับนนท์มากเกินไป แต่หญิงสาวกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก...เพราะนั้นคือความสดใส...ตั้งแต่นนท์ก้าวเข้ามา คุณแก้วเองก็ดูร่าเริงขึ้น พูดเก่งขึ้น ...


“ แสดงว่าต่อจากนี้เราก็เชียร์นนท์...ใช่ไหมคะแม่”


“ ถูกต้อง.................” สิ้นเสียงของคนสูงวัยกว่า สองแม่ลูกก็ส่งเสียงหัวเราะกันคิกคัก..คอยดูเถอะ ปฏิการพิชิตใจ พี่Kero หน้ายุ่ง สนุกแน่..งานนี้.. รู้จัก Stitch หัวฟูน้อยไปเสียแล้ว ...ฮ่าๆ..


‘ในที่สุดแม่ก็เปลี่ยนเป็นแนวร่วมกับฉันจนได้ ขอโทษทีนะฟูจัง..ถ้าไม่ติดว่าฉันรักไอ้คิงคองมันก่อน ฉันคงไม่ขัดแม่ ยังไงแกเป็นพี่สะใภ้ฉันแทนละกันนะจ้า .’ กิ่งคิดเพียงลำพัง ในหัวก็นึกแผนการโน้นนี่ แต่อย่างแรกที่สมควรทำมากที่สุดคือ เจ้าผมทรงโตของพ่อคนมั่นใจในตัวเอง ..

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-07-2009 06:32:15
หุหุ งานนี้กองเชียร์เพียบ  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 08-07-2009 08:55:13
คุณแม่แก้วเยี่ยมจริงๆ น่ารักมาก :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 08-07-2009 09:10:09
พี่ Kero Vs น้อง Stich  :z2:

สนับสนุนโดย เจ๊แก้ว 2009 & กิ่งรักคิงคอง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-07-2009 11:40:26
เอาล่ะซี่ ๆๆๆ
นนนี่สู้เค้าน๊า หุหุ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 08-07-2009 18:15:32
 :z1: :z1: :z1:

นนนี่ ไฟต์ ไฟต์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 08-07-2009 21:27:16
อ่านเม้นแต่ละคนแล้วเชียร์ นนนี่ กันใหญ่เลย(คนโพสยังเชียร์เลย55555)

แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่างานนี้ไม่งาย ก็พี่ต้นออกจะเย็นชาซะขนาดนั้น

สงสัยกองเชียร์คงต้องลุ้นกันเหนือย 55555
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 08-07-2009 22:14:40
มาลุ้นกันต่อเลยค่ะ


ตอน 7

เช้าวันนี้เป็นวันเสาร์ที่ชายหนุ่มหน้าคมต้องทำงาน แม้จะบอกว่าเป็นวันหยุดแต่เขาก็เลือกจะไปเคลียร์งานที่ค้างคาที่สำนักพิมพ์ในวันนี้ จะว่าไปวันว่างของเขาก็มีแค่วันเดียวในรอบสัปดาห์เท่านั้น เนื่องจากช่วงนี้เศรษฐกิจในประเทศค่อนข้างฝืดเคือง จึงทำให้ทุกบริษัทต้องปรับตัวให้ทันกับกระแสเพื่อให้เกิดความแข็งแกร่งในการฝ่าฟันอุปสรรค


ส่วนพ่อคนปากกล้า...วันนี้ก็ลงทุนตื่นแต่เช้าชวนเพื่อนสาวออกไปตลาดใกล้ๆหมู่บ้าน กิ่งถึงกับสงสัยหนัก ปกตินนท์ไม่ชอบไปตลาดเลยสักนิดเพราะกลิ่นที่คละคลุ้ง แถมน้ำที่ไหลเจิ่งในบางที่ทำให้เขาขยาดกับการไปจ่ายตลาดยิ่ง แต่วันนี้เกิดอะไรขึ้นมาชายหนุ่มผมฟูถึงได้ยอมมานะ

เมื่อเห็นไข่สองแผงที่พ่อคุณซื้อจากตลาด กิ่งก็ถึงกับอึ้งพูดไม่ออก...เพราะดูมันจะมากเกินไปกับบ้านที่มีคนอยู่แค่สี่คน

“ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าไข่เจียวกับไข่ดาวฉันจะทำไม่ได้..แกต้องช่วยฉันด้วยไอ้ลิง ..” ความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะลบคำปรามาสของเขาก่อเกิดในใจของนนท์


กิ่งนั่งมองเพื่อนอยู่ใกล้ๆด้วยความนับถือ แม้ไข่เจียวจะไหม้ไปแล้วหลายต่อหลายฟอง แต่นนท์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะล้มความตั้งใจเลย จากที่ไหม้เกรียมทั้งใบก็ค่อยๆดูดีขึ้นเป็นลำดับ จนในที่สุดสภาพมันก็ออกมาดูดีน่าทานเลยทีเดียว


“ ว้าว กิ่งมานี่เลยดูสิฉันทำได้แล้ว.” นนท์ส่งเสียงลั่นบ้านด้วยความดีใจ ผลงานที่เขาภาคภูมิใจแม้จะหมดเวลาไปเป็นชั่วโมงกับทอดไข่ให้ออกมาสวยแต่มันก็คุ้มค่าการรอคอย สัญญาณของชัยชนะกำลังเริ่มต้นขึ้นเงียบๆภายใต้พันธะสัญญาของคนสองคน


“ จริงด้วยรับรองพี่ต้นเห็นแล้วต้องอึ้งแน่นอน”



“ แกอย่าปากโป้งนะกิ่ง ให้ไอ้พี่หน้ากบเข้าใจว่าฉันทอดอันไหม้ๆนั่นแหละ ของอย่างนี้น่ะมันต้องรอวันตีแต้มทีเดียวมันถึงจะสะใจ” นนท์ร้องห้ามไว้ จริงอย่างที่เขาว่านั่นแหละให้ต้นอึ้งทีเดียวไปเลย การล่าเหยื่อก็ต้องปล่อยให้มันชะล่าใจไปก่อน พอมันไม่ระวังถึงค่อยกระโจมตะครุบ อย่างนั้นสิถึงจะมั่นใจได้ว่าเหยื่อจะไม่รอดมือไปไหน เสร็จแน่ไอ้พี่โระหน้ายุ่ง

..
“ งั้นก็ตามใจแกละกัน..”


การเริ่มต้นในวันนี้คือสัญญาณที่ดีกับการเปลี่ยนแปลง หลังจากวันนั้นนนท์ก็เริ่มปรับปรุงส่วนอื่นๆในชีวิตเปลี่ยนไปทุกด้าน

แม้จะมีอุปสรรคที่ทำให้เขาต้องท้อใจแต่ก็ยังดีที่มีกิ่งและคุณแก้วคอยให้กำลังใจ และพยุงเขาไปตลอดทางเวลาหนึ่งปีครึ่งในบ้านวรโชติผ่านไปเร็วจนน่าเหลือเชื่อ นับจากวันที่เกิดการท้าทายกัน...ทั้งสองคนก็ไม่พูดถึงเรื่องวันนั้นอีกเลย นนท์อยากให้เขาเข้าใจว่านนท์ลืมเรื่องวันนั้นไปแล้ว

อยากให้เข้าใจว่าอย่างนั้นจริงๆ ถึงจะเถียงกันบ่อยครั้ง แต่เวลาหนึ่งปีที่ผ่านมานี่ทำให้ทั้งสองสนิทกันมากขึ้น มากกว่าก่อนๆสามารถพูดคุยกันได้บ่อยครั้ง

“ กิ่ง พรุ่งนี้แกว่างไหม.”


“ ทำไมเหรอ”


“ฉันว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนลุค เพราะอย่างอื่นลงตัวหมดแล้ว คอยดูเถอะทันทีที่เปิดเทอมปีสามพี่ต้นต้องถอนคำพูดที่เคยดูถูกฉันไว้” เพราะเขาคือแรงบันดาลทำให้นนท์ยอมลงทุนเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง


“ เอาอย่างนั้นเลยเหรอ” กิ่งถึงกับอึ้งอีกครั้ง..หลังจากอึ้งแล้วอึ้งอีกในการเปลี่ยนแปลงของนนท์ ..


“ เมื่อวานฉันถามไอ้คิงคองว่าทำไม คนอย่างฉันถึงไม่มีคนชอบ แกรู้ไหมว่ามันบอกอะไรฉัน” คำถามของนนท์ดังขึ้น ฝ่ายกิ่งได้แต่มองอย่างใคร่รู้..


“ อะไรเหรอ”


“ นี่” คนผมฟูคลี่กระดาษที่พับยาวเป็นห่างว่าวลงให้กิ่งดู หญิงสาวมองอย่างแสนอึ้งนี่เจ้าคิงคองหน้าหยกเขียนข้อเสียของเพื่อนสนิทตรงหน้าได้มากขนาดนี้เลยเหรอ

“ ดูสิ” นนท์ยื่นให้


“ แต่นี่” พอพลิกอ่านดูดีๆ กระดาษที่พับยาวมีเพียงความว่างเปล่า ข้อความแท้จริงอยู่ในแผ่นสุดท้ายต่างหากล่ะ พ่อคนผิวขาวแค่อยากจะล้อเล่นกับน้องหมีสติชเท่านั้นเอง


“ ไอ้ลูกหมีของแก บวกผมทรงเว่อร์ แน้วแนวไร้สถานะของแก” กิ่งอ่านตามที่ต่อเขียนเอาไว้


“ นั่นสิดูมัน กล้ามาว่าน้องหมีของฉัน แต่เอาเถอะในเมื่อฉันตั้งใจแล้วยังไงฉันก็ยอมสละได้ คอยดูนะถ้าไม่มีคนมาจีบ ฉันไม่ยอมจริงๆ” ปมด้อยที่ถูกเขาหยันเมื่อปีก่อนยังลอยวนในห้วงคิด ดูความมุ่งมั่นของนนท์แล้วหญิงสาวอีกคนก็พร้อมจะสนับสนุนเต็มที่ ไอ้เรื่องแต่งตัวไม่ต้องห่วง คนสวยอย่างกิ่งถนัดอยู่แล้ว มีคลาส..น่าจะเป็นเรื่องสนุกมากกว่าที่ได้จับเพื่อนสนิทแปลงร่างที่ขัดหูขัดตามาหลายปีให้กลายเป็นคนใหม่ ที่ทุกคนต้องมอง เธอจะทำให้พ่อคนที่ถูกหาว่าไร้สาระเป็นดาวดวงเด่นของคณะให้จงได้


วันนี้สองเพื่อนสนิทรีบเร่งตื่นแต่เช้าจนประธานของบ้าน..ต้องแปลกใจ


“ เดี๋ยวเย็นนี้แม่จะรู้เองค่ะ แต่รับรองว่าทุกอย่างโอเคแน่นอน” กิ่งกะพริบตาใสหนึ่งครั้งก่อนบอกลามารดาที่ยังคงค้างคาความสงสัย

“ ทำอะไรพิเรนทร์ อีกหรือเปล่านะสองคนนี่” นางยืนพึมพำคนเดี๋ยวอีกครู่หนึ่ง ลูกชายคนโตก็เดินมาสมทบมองมารดาอย่างแปลกใจ ปกตินางไม่ใช่เหม่อชอบยืนเหม่อใจลอยเช่นนี้


“ เป็นอะไรไปแม่”


“ เอ้า พี่ต้นมาตั้งตอนไหนแม่ไม่เห็นรู้เลย”


“ ผมเรียกแม่ตั้งสองครั้งแล้วนะ แต่แม่ยังยืนเหม่อทำอย่างกับนางเอกมิวสิค ขอเตือนนะแม่ไม่ใช่สาวๆแล้วห้ามทำตัวเหมือนยัยน้องกิ่งที่ออกไปเที่ยวเล่น” เขาพูดทีเล่นทีจริงเรียกเสียงหัวเราะจากมารดาได้ไม่น้อย นางเดินโอบเอวลูกชายคนโตกลับเข้าไปในบ้าน นี่ก็ปีกว่าแล้วที่นนท์ก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้าน แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าจะหวั่นไหวหรือโอนเอนจิตใจไปทางนนท์เลย

คนลุ้นชักจะอ่อนใจอยู่หลายคราแต่เพราะพัฒนาการต่างๆที่ดีขึ้นจนน่าแปลกใจของสมาชิกใหม่ทำให้นางมีความหวังกลับคืน ความลับที่ทุกคนปิดไว้ไม่ให้เขารู้ ช่วงหนึ่งปีหลังมาต้นจะกลับบ้านเฉพาะศุกร์เสาร์อาทิตย์ ส่วนวันที่เหลือก็จะนอนค้างที่คอนโดมิเนียมใกล้ๆสำนักพิมพ์


นนท์จึงมีเวลาปรับปรุงตัวเองอยู่มาก แต่ก็ไม่เคยแสดงความสามารถออกมาให้เขาเห็น นนท์บอกว่ากลัวงูจะตื่น ตีงูต้องตีทีเดียวให้แดดิ้นจะตีแบบครึ่งๆกลางๆงูก็จะแว้งมากัดได้..ดูสิจะว่าไปขิงก็ร่าข่าก็แรงจริงๆ เพราะอีกฝ่ายนั้นปากร้ายเหลือเกิน ร้ายจนอาจจะมากกว่าผู้หญิงบางคนด้วยซ้ำ
กิ่งลากเพื่อนสนิทมาหยุดอยู่หน้าร้านตัดผมชื่อดังในห้างสรรพสินค้าที่แสนทันสมัยใจกลางเมือง นนท์มีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยถึงจะเตรียมใจมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ผมนี่เขาอุตส่าห์ไว้มาตั้งนาน แอฟโฟ่วลูกรัก ..ไม่นะ..ไม่ ..ทำใจไม่ได้โว้ย


“ ฉันบอกแล้วว่าจะให้เขาจัดทรงใหม่ให้ ผมแกตอนนี้ของแกมันเว่อร์ไป นึกถึงหน้าเฮียแบไว้ นนท์ ..นึกไว้เกาหลีเว้ย เกาหลี ..” กิ่งกอดแขนเพื่อนไว้แน่นพลางกล่าวคำนั้นซ้ำๆ

“เกาหลี..ๆ” นนท์กล่าวทวนสะกดจิตตัวเอง.. ( ฮ่าๆ..บ้าได้อีก)


“ ช่วยเปลี่ยนเพื่อนกิ่งให้ไปเลยนะคะ” ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามจำเป็น พูดบอกกับช่างทำผมที่เธอมักแวะเวียนมาใช้บริการประจำ


“ คือคุณน้องคะ ร้านพี่ไม่ได้รับทำอุปกรณ์เครื่องครัวนะคะ คงไม่ต้องการฝอนขัดหม้อ..” เจ้าของร้านเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบาๆ ทำให้คนสะกดจิตตัวเองหน้างอเล็กน้อย แต่เพราะแรงบีบที่ต้นแขนจากกิ่งทำให้เขาทวนคำนั่นกับตัวเองอีกครั้ง


“ เกาหลี..เกาหลี..เฮียแบโว้ย....โอ๊ย .เจ็บชิบ...( หาไม่เจอ)” นนท์ที่กำลังสะกดจิตตัวเองถึงกับสะดุ้งโหยง เพราะหวีที่สางลงบนเจ้าแอฟโฟ่ว์แสนภาคภูมิ..


“ ทนหน่อยนะคะคุณน้อง..” เจ้าของร้านบอก ก่อนจะลงมือเทน้ำยายืดผมชนิดเข้มข้นที่สุดในร้าน..ผสมในอ่างแก้วใบใหญ่..และเริ่มละเลงลงบนผมที่ชุ่มน้ำหมาดๆ.จัดการพิชิตแอฟโฟ่วแสนภาคภูมิ..กิ่งนั่งมองอย่างชื่นชม ..นนท์ยอมทำได้ทุกสิ่งจริงๆ..เธอเชื่อแล้ว


คนผมยาวนั่งพลิกนิตยสารเล่มแล้วเล่มเล่าเป็นการฆ่าเวลา จนเมื่อหนังสือเล่มที่สิบแปดปิดลงการรอคอยของเธอก็จบลงพร้อมกัน ช่างผมเดินนำออกมาก่อนพร้อมทั้งเรียกให้กิ่งเดินเข้ามาดูใกล้ๆ

ผมทรงใหม่ ....

ที่ผ่านการทำทรีตเมน ลงน้ำยายืด ..และทำสี.. อบโอโซน ( รู้สึกจะเคยไปทำที่เกศเกล้า..ผมสวยเชียว..โปรโมตหน่อยฮ่าๆ..) ดูสลวยพลิ้วไปมา ..ผมที่ดัดซอยจนเข้าทรงราวนักร้องเกาหลี ยิ่งใบหน้าที่แสนใสยิ่งรับกับผมทรงนี้..แถมสีแปซิฟิคแอสบลูอ่อน ( ไปเกศเกล้าแล้วรู้ว่ามันเป็นอะไร..ใครเขามีร์เห็นแนะนำทุกราย) ที่เปลี่ยนทำให้หน้าดูสว่าง..

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 08-07-2009 22:52:56
“ กรี้ด ..เพื่อนกิ่งค่ะ ๆ เป็นไงบ้างหล่อไหมคะ” กิ่งพูดเสียงใส ตอนแรกที่เห็นก็ตะลึงในความหล่อ ตายแล้วนนท์..ฉันเปลี่ยนใจทันหรือเปล่า ..เอาอิต่อยกให้พี่ต้นละกัน เดี๋ยวฉันมาควงแกแทน


“ เว่อร์แล้วไอ้ลิง ..รู้สึกแปลกๆวะ” นนท์บอกเสียงเข้ม พลางยืนมองตัวเองในกระจก ส่วนบนดูเข้าที่เข้าทาง แต่ส่วนล่างยังไม่ไหว เจ้าเสื้อแนวติดกระดุมคอ กับกางเกงสีหวานเย็น รองเท้าผ้าใบเน่าๆ..เปลี่ยนด่วน


“ เดี๋ยวต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย” กิ่งพึมพำ ก่อนจะควักเงินจ่ายค่าทำผมแสนแพง ( แพงมาก..ยืนยัน) และเดินนำนนท์ออกจากร้านทำผมโดยไว..ทั้งสองเดินกันไปตามร้านเสื้อผ้าแถวสยาม ไม่ได้ติดยี่ห้ออะไรมากมาย เลือกที่ถูกใจดูจะเข้าท่ากว่า


“ เสื้อผ้าที่มีอยู่ในตอนนี้โล๊ะทิ้งให้หมดเลยนะ ไอ้ของพวกนั้นต้องถึงเวลาบริจาคแล้วแหละ
ต่อไปนี้แกต้องจำไว้ให้ดี ชุดนอนถ้าจะเลือกเป็นเสื้อยืดกับกางเกงเล..หรือขาสั้นก็ได้ แต่อย่าเอาอิโดเรมอน บ๊องๆ หรือจะน้องติชติสแตกของแก .. ชุดทั่วไปควรจะมียีนส์สักหน่อย แต่ไม่ใช่ไอ้เน่าที่แกใส่อยู่ ถ้าให้ดีเสื้อก็น่าจะเป็นเชิ้ตขนาดพอดีตัว บางก็เป็นกางเกงสี่ส่วนผูกขา ฉันว่าแต่งมาดเด็กเกาหลี ญี่ปุ่นแกเหมาะมากเลยนะ.. รองเท้าก็เป็นผ้าใบสักคู่ แต่ไม่เอาแบบที่ใส่อยู่..สับสีกันจนน่าประหลาดจิต ..” กิ่งร่ายยาวถึงสิ่งที่ต้องเปลี่ยน ..พูดง่ายๆคือทุกอย่างในตัวนนท์ต้องเปลี่ยนหมด


“ ได้ทีก็บ่นเอา ๆ เลยนะไอ้ลิง”


“ โธ่ ฉันทำเพื่อแกเลยนะโว้ย ...” กิ่งยิงฟันขาวเมื่อรู้ว่าตนร่ายบ่นยาวเกินควร ..โธ่ๆ ...เธอก็อยากทำให้นนท์ดูดีก็เท่านั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรมากสักหน่อย


“ เฮ้อ.. เอาไงเอากัน” นนท์ยอมคล้อยตามความคิด เล่นซื้อแทบทุกร้านในสยาม แถมก่อนกลับยังไปตัดคอนเทคเลนส์สีอ่อนมาอีก .. เลยทำให้แรงหดหายไปหมด ความเหนื่อยล้าจากการไปช๊อปปิ้งในวันนี้ทำให้คนเปลี่ยนแปลงบุคลิก ถึงกับล้มหลับไปเมื่อหัวถึงหมอน นอนหลับทั้งที่ยังไม่หกโมงเย็น



กิ่งเรียกมารดามาดูข้าวของที่ซื้อมาอีกทั้งได้เห็นผมทรงใหม่ของว่าที่สะใภ้ก็ถึงกับตะลึง เพราะนนท์ดูดีขึ้นมากจริงๆ มากจนแม้แต่ผู้หญิงอย่างนางยังนึกชอบ กลางดึกของวันนั้นคนอ่อนแรงตื่นขึ้นเพราะเริ่มจะอิ่มกับการนอน ชายหนุ่มหันมองโดยรอบก็พบว่ามันเป็นเวลาเกือบตีสองแล้ว เขาลุกขึ้นยืนเพื่อเปิดดูรายงานที่จะส่งในวันจันทร์ พลางควานหาแว่นอันหนาขึ้นมาสวม..เพราะไม่อยากใส่คอนเทคเลนส์ให้วุ่นวาย เลยเลือกจะเอาเจ้าแว่นเน่าขึ้นมาประคองใบหน้าแทน


“ ตายแล้วเขียนไม่เสร็จเลย” นนท์โวยวายเสียงดัง แม้จะอิ่มจากการนอนแล้วก็ตามแต่อาหารง่วงงาวก็ยังตามรังควาญเขาไม่เลิก ชายหนุ่มเปิดประตูห้องลงไปชั้นล่างเพื่อหากาแฟมาดับความง่วง


“ใช่สิ พรุ่งนี้วันอาทิตย์นี่แล้วฉันจะถ่อรีบไปทำไมยังมีเวลาเหลืออีกตั้งหนึ่งวัน” เดินลงมาแล้วความคิดก็ผุดมา แต่ไหนๆก็อุตส่าห์เดินลงมานนนท์เลยหาอะไรดื่มสักหน่อย จากเครื่องดื่มที่ไล่ความง่วง เขาก็เปลี่ยนเป็นมองหาของที่ทำให้หลับสบายขึ้นแทน ช่างสับสนในตัวเองจริงๆ ดวงตาวาวโรจน์เหลือบเห็นชาสมุนไพรที่วางไว้บนชั้นก็หยิบมาอย่างมีหวัง



เขาจำได้ว่าคุณแก้วเป็นคนซื้อมาเมื่อวันก่อนบอกว่ามันจะช่วยทำให้หลับได้สบายขึ้น ของที่เขาไม่ใส่ใจในวันนั้นตอนนี้กำลังเป็นประโยชน์กับเขาเข้าแล้ว หลังจากอุ่นน้ำให้ร้อนในเตาไมโครเวฟ นนท์จึงเดินดุ่มกลับขึ้นห้องไปอย่างมีความสุข กลิ่นหอมของใบชาลอยมาแตะจมูกก็ทำให้รู้สึกโล่งไปหมด แต่ก่อนจะเข้าห้องนอนของตัวเองดวงตาของคนเปลี่ยนแปลงก็เหลือบเห็นแสงไฟที่ลอดมาจากใต้ประตูห้องของเขา


“ ยังไม่หลับเหรอ..” นนท์ตั้งท่าจะเคาะประตูเรียก แต่ก่อนที่มือจะแตะลงบนประตูก็นึกบางอย่างขึ้นได้ ..เขาเดินรี่กลับห้องไปแล้วหยิบบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา


“ อุตส่าห์ปิดบังตั้งนาน เชอะ..เกือบพลาดแล้วไม่ล่ะนนท์..” เขายิ้มให้กับตัวเองเบาๆ ก่อนจะหยิบวิคแอฟโฟ่ว์อุปกรณ์ตบตาขึ้นสวมทับศีรษะของตนแล้วเดินกลับไปยังหน้าห้องของต้น


..
“ ครับ”



“ ยังไม่หลับนี่หน่า” นนท์พึมพำกับตัวเองแล้วเปิดประตูเข้าไป ร่างของเขาเดินเข้ามาในห้องอย่างสงสัยว่าทำไมป่านนี้แล้วชายหนุ่มยังไม่หลับอีก เพราะช่วงหลังสนิทกันมากขึ้นทำให้ไม่ต้องเกรงใจกันมากเช่นแต่ก่อน


“ พี่ยังไม่หลับอีกเหรอนี่จะตีสองแล้วนะ” นนท์เดินมาหยุดนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆเตียงของเขา ชายหนุ่มที่กำลังนั่งเครียดหน้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุคเหลือบแลอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนสายตาของเขาจะกลับไปสนใจจอคอมพิวเตอร์ข้างหน้า คนหน้าสวยมองอย่างไม่ชอบใจนัก

“ มีงานมากเหรอ” นนท์ถามเสียงใส


“ใช่สิ” เขารับเพียงสั้นๆ


“ พรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์พี่จะรีบทำไปทำไมล่ะ ยังมีเวลาอีกตั้งหนึ่งวันมาคิดป่านนี้สมองก็คงไม่ลื่นหรอก” นนท์เสนอความคิด

“ แต่พี่นอนไม่หลับนี่”


“ งั้นเอานี่” แล้วเขาก็ยื่นแก้วชาสมุนไพรให้อีกฝ่าย ทีแรกกะจะเอามาใช้กับตัวเองแต่ดูท่าต้นน่าจะต้องการมันมากกว่าเขา คนหน้าเข้มยื่นมือมารับไปอย่างงงๆ


“ ดื่มสิจะได้หลับสบาย นนท์ไปนอนแล้ว” พ่อคนเปลี่ยนแปลงตัวเองยิ้มแล้วเดินจากไป เขาได้แต่มองตามร่างนั้นไปเล็กน้อย แล้วจึงหันกลับมามองแก้วชาในมือ กลิ่นหอมของมันราวกับจะหอบพาความเมื่อยล้าออกจากกายไป ชายหนุ่มสูดกลิ่นอีกเพียงครู่ก็ยกแก้วขึ้นดื่ม เพราะอุณหภูมิที่กำลังอุ่นบวกกลิ่นที่สร้างความผ่อนคลาย ทำให้คนบ้างานสามารถหลับตาลงได้ในเวลาต่อมา



และแล้ววันที่น้องสติชฟันขาวรอคอยก็เดินทางมาถึง วันแรกของการเปิดเรียนปีสามวันนี้นี่แหละที่ทุกคนจะได้รู้ว่า เขาจะไม่ใช่น้องลูกหมีสติชที่ชอบทำตัวเหมือนเด็กอีก วันนี้เขาดูโดดเด่นยังกับมีออร่าออกจากร่าง ...ชุดนักศึกษาที่พอดีกับตัว รับกับผมทรงใหม่สีอ่อนแสง.. ( หล่อย้ำคำเดียว..)


กิ่งวิ่งมาขลุกอยู่ในห้องของเพื่อนสนิทตั้งแต่เช้า


“ วันนี้แกหล่อมากเลย ..” หญิงสาวที่นั่งอยู่ทางด้านล่างเอ่ยชมไม่ขาดปาก ป๋าแบ... นี่แหละของแท้. ..ถ้าจะตั้งชื่อเกาหลีให้ก็ต้องยกฉายา ..นนท์น่ารุก...เฮ้ย..นนท์น่ารัก ..



“ ช่างเถอะ ฉันแค่อยากจะลบคำสบประมาทก็เท่านั้นไม่ได้หวังให้ใครคนอื่นมามองฉันสักหน่อย” นนท์บอกเหตุผลแท้จริงของการเปลี่ยนแปลงตัวเอง


“ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างเถอะ ...แต่รับรองวันนี้แกต้องโดดเด่นอย่างที่ไม่เคยมีใครคาดคิดแน่นอนฉันรับประกัน”


“ อืม” นนท์ตอบรับสั้นกระชับ แล้วมองเงาตัวเองในกระจก ดวงตาเรียวกระจ่างยังมีแววสงสัย คนในกระจกคือเขาจริงเหรอ เงานี้ดูดีจนนนท์ไม่อยากเชื่อว่า...เมื่อก่อนจะมีอีกคนซ่อนอยู่ในร่าง เขาหมุนไปมาอีกหนึ่งรอบเพื่อดูให้ชัดๆ


“ หล่อแล้ววะ ..ไปได้หรือยัง” กิ่งเดินเข้ามาเกาะแขนให้กำลังใจ แม้เธอจะทำให้นนท์ดูดีไปเสียทุกอย่าง แต่หากขาดสิ่งสำคัญอย่างความมั่นใจในตัวเอง ทุกอย่างที่ทำมาก็เท่ากับเสียเปล่า ความมั่นใจที่ออกมาจากภายในจะยิ่งทำให้เจ้าของร่างนั้นดูน่ามองน่าหลงใหล

แต่ดาบมีสองคมเช่นไรสิ่งอื่นก็ย่อมมีสองด้านเช่นนั้น หากมีมากเกินไปก็จะส่งผลเสียออกมาด้วย ทางที่ดีต้องวางอยู่ในความพอเหมาะพอควร 



“ ว้าวนนนี่หล่อมากเลยลูก หล่อจนน้าจำไม่ได้เลย” คุณแก้วที่นั่งรอชมผลงานจากลูกสาว ถึงกับตาค้างนี่แหละนะว่าที่สะใภ้ ยิ่งเห็นอย่างนี้ก็ยิ่งตอกย้ำความมั่นใจในความเหมาะสมเข้าไปอีก นางยิ้มจนแก้มแทบปริที่เห็นหลานนอกไส้หล่อได้ถึงขนาดนี้


“ นี่ก็สายแล้วกิ่งว่าเราต้องไปมหาวิทยาลัยกันแล้วล่ะ สวัสดีค่ะแม่” ลูกสาวคนเล็กยกมือไหว้มารดา ตามด้วยชายหนุ่มหน้าหวานอีกคนที่ทำตามเช่นกัน สองคนเดินออกจากบ้านไปพร้อมกัน... อย่างคำโบราณว่าไว้จริงๆ ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง

สองเพื่อนสนิทในเวลานี้จรัสแสงเฉิดฉายไม่ยิ่งหย่อน แต่นนท์อาจจะดูแรงกล้ากว่าหน่อยนึง เพราะการลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งนี้ทุกคนต้องให้ความสนใจเป็นแน่ สมัยก่อนตอนเขายังหัวฟูหิ้วไอ้น้องหมีสติชทุกคนก็รู้จักเขาดีในนาม ฟูจังสติกแตก


ในนาทีนี้ที่เขาละทิ้งภาพเก่าซึ่งคนเห็นจนชินตาเป็นชายหนุ่มหน้าสวยคนใหม่ที่ดีพร้อม รับรองไม่มีใครกล้าไม่รู้จักเขาแน่...


วันแรกผ่านไปในขณะที่ทุกคนยังคงสงสัยว่าหนุ่มหน้าสวยที่เดินผ่านไปคือใคร เขาเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างต่อเองยังจำนนท์เกือบไม่ได้ด้วย


“ ว้าวพาใครมาด้วยวะ กิ่ง”


“ คนหล่อไง” กิ่งตอบเสียงทีเล่น


“ ฉันเอง..ไอ้คิงคองอย่ามาทำตาเยิ้มอย่างนี้สยองว่ะ” นนท์เอ่ยขึ้นเสียงดุ ทลายฝันของต่อลงสิ้น โธ่..น้องหน้าสวย ..แต่ปากร้ายโคตร ..ต่อให้เป็นผู้ชายแต่ใครจะไม่อดหวั่นไหวบ้าง ก็เล่นสวยกว่าผู้หญิงเสียอีก..นนท์หนอนนท์..


“ พี่แบเอง ไม่นึกนะว่าจะลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองมากมายขนาดนี้ นับถือๆ ”



“ จริงของต่อ รับรองมีคนรุมจีบแกแน่..แต่เป้าหมายของแกน่าจะเป็นหนุ่มๆนะฉันว่า ..ดูแต่ละคนสิตาเยิ้มเชียว ไอ้ที่เห็นว่าแมนทั้งแท่งยังเหลียวมองเลย ฉันคิดผิดคิดถูกวะที่ช่วยแกล้งแปลงร่างจนเรตติ้งฉันตก..” กิ่งเอ่ยทีเล่น เมื่อเห็นผู้ชายในมหาวิทยาลัยต่างหยุดมองมาที่นนท์...



“ ช่างเถอะ ฉันไม่ได้สนใจอะไรสักหน่อย วันนี้ถือว่าเป็นคนใหม่ยังไงต้องฉลองโว้ย” คำว่าฉลองของคนอื่นอาจต้องไปกินร้านหรูๆหรือต้องมีอาหารรสเลิศแต่สำหรับเพื่อนสามคนในเวลานี้ แค่น้ำอัดลมในแก้วตรงหน้าของแต่ละคน ก็เพียงพอแล้วสำหรับฉลองการเริ่มต้นอันสวยงามของนนท์


แม้วันนี้จะไม่มีใครเข้ามาเลย แต่กิ่งมั่นใจว่าสายตาที่จับจ้องเพื่อนสนิทของเธอเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแล้ว พรุ่งนี้รับรอง...ต้องได้ผล





“ กลับมาแล้วเหรอจ๊ะสองคน” หญิงวัยกลางคนประมุขของบ้านถอดผ้ากันเปื้อนลายหวานออกแขวนไว้ที่ตะขอเกี่ยว แล้วเดินตรงมายังสาวสวยและหนุ่มหล่อ พร้อมทั้งยังยื่นมือไปคล้องแขนของพวกเขาเอาไว้


“ วันนี้น้าทำของอร่อยไว้เยอะเลย ฉลองให้ความสำเร็จของเรา” นางยิ้มเบิกบาน อย่างนี้สิถึงน่าจะเรียกว่าฉลองได้สมเกียรติ แม้จะไม่ใช่อาหารวิจิตรชั้นสูงแต่ที่วางอยู่บนโต๊ะในขณะนี้ แต่ทุกอย่างล้วนแต่น่าทานทั้งนั้น กลิ่นหอมจานแล้วจานเล่าช่างยั่วน้ำลายเสียจริง



“ ไปล้างมือกันก่อนนะ เดี๋ยวน้าตักข้าวไว้ให้” นักศึกษาทั้งสองทำตามอย่างว่าง่าย เดินตรงดิ่งเข้าครัวไปอย่างรวดเร็ว ดีนะที่วันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดีต้นไม่อยู่บ้าน ไม่เช่นนั้นความลับได้แตกแน่นอน เขาควรได้รู้เมื่อสุดสัปดาห์มาถึงเท่านั้น


“ น้องกิ่ง...ปลายอาทิตย์หน้าอย่าลืมนะที่นัดกับแม่ไว้” นางกล่าวขึ้นเมื่อลูกสาวเดินเข้ามานั่งประจำที่ของตนในโต๊ะอาหาร นนท์มองตามอย่างแปลกใจ นัดเหรอแล้วทำไมต้องนัดกันวันสุดสัปดาห์ด้วย วันศุกร์พี่ต้นจะกลับมานอนบ้านนี่...


“ ค่ะ กิ่งไม่ลืมหรอก” หญิงสาวลอบส่งสายตากะพริบหนึ่งทีให้มารดา แล้ววางหน้าให้เป็นปกติที่สุด นนท์ถามขึ้นอย่างแปลกใจ


“ น้าแก้วกับกิ่งจะไปไหนกันเหรอ”


“ อ๋อ..” นางอึกอักไปครู่หนึ่งเพราะไม่ได้เตรียมคำตอบไว้ จะบอกได้ยังไงล่ะว่านางกับแม่ลูกสาวคนสวยเตรียมแผนอะไรไว้ ขืนรู้นนท์คงได้ไม่ยอมแน่


“ ฉันกับแม่จะไปเยี่ยมญาติคุณพ่อน่ะ ตอนบ่ายๆก็คงกลับ” น้องกิ่งของแม่รับหน้าไว้อย่างทันท่วงที โธ่ขืนส่อพิรุธออกไปมากนนท์ได้จับทางได้หรอก ด้วยเพราะปณิธานที่จะลบความไร้สาระและไม่ได้เรื่องทุกอย่างออกไปจากชีวิต ชายหนุ่มจึงได้กลายเป็นคนใหม่ที่ช่างสังเกตสังกา แถมยังความรู้สึกไวขึ้นจนกิ่งไม่อยากเชื่อ นี่แหละน่าในเมื่อนนท์ตั้งใจอย่างมุ่งมั่นมันต้องสำเร็จ และความสำเร็จมันต้องพร้อมไปด้วยทุกด้านถึงจะเรียกว่าความสำเร็จที่แท้จริง


“ เหรอ” ชายหนุ่มไม่ติดใจในคำตอบของเพื่อน โธ่เล่นบอกว่าไปเยี่ยมญาติของบิดากิ่ง แล้วนนท์จะกล้าเสนอหน้าขอตามไปด้วยได้เหรอ แต่ก็ช่างเถอะถ้าไปเยี่ยมจริงๆพี่ต้นก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว วันเสาร์หน้าคงกลายเป็นวันแสนสุขของนนท์แน่นอน จะลองตื่นสายดูสักวันหลังจากห่างหายจากการนอนตื่นหลังตะวันมานับปี


“ ว่าไงยะหล่อน โทรฯมาตั้งแต่เช้าเลยนะฉันยังไม่ตื่นเลย” เสียงงัวเงียของคนปลายสายทำให้คุณแก้วเพิ่งตระหนักได้ว่าเวลาอีกฟากโลกต่างจากเวลาในตอนนี้ของเมืองไทย

“ โธ่ช่างเถอะ ฉันจะโทรฯมาบอกเธอเรื่องแผนต่อไป”


“ เหรอ...ว่าแต่ลูกชายฉันตอนนี้เป็นไงบ้างล่ะ” พอรู้ว่าจะคุยเรื่องปฏิบัติการต่อไปเสียงคุณนันก็เสียงใสอย่างประหลาดราวกับตื่นมาแล้วไม่ต่ำกว่าชั่วโมง


“ เธอกลับมาแล้วต้องประหลาดใจแน่นอน ตอนนี้น้องนนท์หล่อมาก..ยังกับนักร้องเกาหลีเลย แถมยังทำงานบ้านได้สารพัดเรื่องเรียนไม่ต้องพูดถึง น้องกิ่งบอกว่าลูกชายหล่อนน่ะได้ b+ มาตั้งสามตัวที่เหลือก็เป็น b หมด เป็นไงล่ะเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างเลย” นางรีบอวดสรรพคุณอย่างภาคภูมิ


“ จริงเหรอตายแล้ว ปกตินนนี่ไม่รั้งท้ายก็ต้องรับ d มาทานนี่ขนาดได้ b+เลยเหรอแถมยังได้เกรดสูงๆอีก ตายแล้วน่าภูมิใจจริงลูชายฉัน” คนเป็นแม่ตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก


“ สะใภ้ฉันก็ต้องเก่งอยู่แล้ว”


“ ตายนี่หล่อนพูดอะไร”


“ ก็ฉันจะจับน้องนนท์ให้กับพี่ต้นไงล่ะ ..คู่นี้เขายังไงๆกันอยู่นะ..แล้วเธอว่าไงนี่”


“ ตาย..ลูกชายฉันจะกลายเป็นสะใภ้บ้านหล่อนเหรอนี่..ขอทำใจสิบเก้าวินาที...กรี๊ด......ๆๆๆ” เสียงวือจากปลายสายดูจะตกใจไม่น้อย



“ เออ..ฉันเข้าใจเรื่องนี้อย่าง ใครรู้ก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา แต่ความรักมันไม่ได้แยกขาวแยกดำนี่ หรือหล่อนเป็นพวกโบราณคร่ำเคร่งอยู่แต่กับสิ่งเก่าๆ โลกเรามันเดินหน้าไปไหนต่อไห...”


“ พอเลยคุณหญิง..ฉันยังไม่พูดสักหน่อยว่าขัดขวาง อะไรของเธอนี่ เทศน์มาเสียยังกับภัณฑ์ยักษ์สิบสามกัณฑ์เลยนะ ยาวเหยียด..” คุณนันต้องรีบเบรกเพื่อนสนิทของตนไว้ก่อน


“ แล้วว่าไง”

“ ก็ไม่ว่าไง..ถ้าลูกฉันมีความสุขฉันก็พอใจแล้ว...” ปลายสายบอกเจตนาแท้จริงในอารมณ์ นางรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ขอแค่นนท์มีความสุขนางยอมทุกอย่าง ..ทั้งลูกชายบ้านวรโชติก็เป็นคนที่นางเห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออด คุณแก้วก็ยังเป็นเพื่อนสนิทของนางอีก..เลยไม่เป็นปัญหา


“ ตายแล้วหล่อน ข่าวน่ายินดี...ต้องฉลอง”


“ รอฉันละกัน..อีกไม่เท่าไหร่ฉันจะกลับไปเยี่ยมลูกสักหน่อย...” นางทิ้งท้ายก่อนสายจะตัดไป ..นานแล้วสินะที่ไม่ได้เจอลูกชาย ..นนนี่ของแม่...

เช้าวันนี้ยังคงผ่านไปเช่นเมื่อวาน ยังไม่มีใครเข้ามาหานนท์เลยแม้แต่คนเดียว จนคนหน้าสวยชักท้อใจหรือเขาจะไม่มีวันสลัดไอ้ปมด้อยออกไปได้เลยงั้นเหรอ

“ โธ่พี่แบคะ..อย่าคิดมากไปเลยนะ” กิ่งที่นั่งเป็นเพื่อนออกแรงปลอบ ..สองคนเดินเข้าห้องเรียนไปด้วยใจหดหู่ วันนี้หญิงสาวต่างคณะที่วิชาเรียนตรงกับนนท์ในส่วนพื้นฐานของภาษา


“ โชคดีนะที่ปีนี้ได้เรียนวิชานี้ด้วยกัน ฉันจะได้มีเพื่อนทำรายงาน” กิ่งเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้อง


“ แล้วแฟนแกทำไมไม่เรียนด้วยล่ะ ปกติตัวติดกันจะตาย จนใครๆในมหาวิทยาลัยเขารู้กันดี ที่ไหนมีแกก็ต้องมีพี่ต่ออยู่ด้วย”


“ อ๋อ..มันต้องลงเสริมวิชาภาคน่ะ ฉันก็เลยแอ้งแม้งดีนะที่มาเจอแก ว่าแต่ใครใช้ให้เรียกไอ้ต่อว่าพี่...ฉันหวงนะโว้ย” กิ่งอธิบายบอก แต่ยังแอบหยอดมุขกร่อยหวังให้นนท์ได้คลายกังวล

“ เอ๊ะ..”


“ มีอะไรเหรอ” หญิงสาวข้างกายมีทีท่าแปลกใจ เมื่อเห็นคนเพิ่งแปลงโฉมหยุดยืนนิ่งหน้าห้องกลิ่นหอมบางอย่างลอยเข้ามาแตะโสตประสาทของเธอเช่นกัน


“ กลิ่นอะไรนี่หอมจังเลยนะ” นัทเอ่ยขึ้น พลางกวาดสายตามองหาต้นต่อของกลิ่นแต่ก็ไม่เห็น มีเพียงกลุ่มนักศึกษาที่นั่งประจำที่กระจายกันไปตามแถวเก้าอี้ที่ลดหลั่นกันเป็นระดับเท่านั้น


“ช่างเถอะ” นนท์ไล่ความสงสัยออกไปแล้วกลับไปนั่งเก้าอี้แถวหน้าๆ เพื่อง่ายต่อการฟังอาจารย์อธิบาย ชายหนุ่มกลายเป็นคนขยันตั้งแต่วันที่ต้นสบประมาท ขยันจนอาจารย์ถึงกับแปลกใจเพราะผลสอบปลายภาคเทอมสองของปีหนึ่งนนท์ทำได้เกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ทุกวิชา


ติดที่ช่วงต้นเทอมนั้นแหละที่เขาทำได้ไม่ดีคะแนนเลยไปถ่วงดุลให้เกรดออกมาอยู่ได้แค่ช่วงระดับกลางๆเท่านั้น แต่พอปีสองผ่านเข้ามาก็ยิ่งเกิดความแปลกใจในหมู่อาจารย์มากขึ้น เขากลายเป็นหนึ่งในบรรดานักศึกษาที่เรียนดีชั่วพริบตา ทุกวิชาไม่มีตกแถมยังได้เกรดสูงลิบแม้จะไม่ใช่เกรด a ที่ทุกคนใฝ่ฝันแต่ในระดับที่เขาอยู่ก็ใช่จะด้อย


หมดคาบบ่าย สองคนเพื่อนสนิทก็ตั้งท่าจะกลับบ้าน แต่ก็ถูกบรรดานักศึกษาภายในห้องมาขวางไว้ หญิงสาวคนหนึ่งเดินไปปิดประตูห้องไว้กันไม่ให้นนท์และกิ่งเดินออกไป จากนั้นแต่ละคนก็รายล้อมเข้ามาพร้อมทั้งส่งเสียงบูมน้องหน้าสวย..



เพลงเชียร์ที่กลุ่มนักศึกษาชายแต่งไว้ให้นนท์โดยเฉพาะ


อะไรกันนี่ทุกอย่างเหมือนกำลังหมุนเขาให้หลุดออกจากวงโคจรของจักรวาลไปเสียอย่างนั้น หลังเสียงเพลงบูมจบลงนักศึกษาชายคนอื่นๆก็เริ่มเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งนำดอกไม้มาให้ใหญ่บ้างเล็กบ้าง ความตั้งใจของเขาในทีแรกไม่ได้คิดไว้ว่ามันจะมากมายขนาดนี้ ด้วยดอกไม้ที่มีมากจนต้องแบ่งไปให้กิ่งช่วยถือ ดีที่พี่ต่อหน้าหยกมาสมทบจึงได้ช่วยอีกแรง


สภาพของสามคนเพื่อนสนิทแทบดูไม่ได้ เพราะออกจะคลับคล้ายคนขายดอกไม้มากกว่านักศึกษาเสียอีก ต่อช่วยแบกช่อดอกไม้มาส่งให้ที่รถและขอตัวกลับไปตอนหลัง รถคันสวยแล่นเข้าจอดหน้าอาคารอย่างคุ้นเคย


“ หอบอะไรกันมานี่”



“ เปล่าหรอกค่ะแม่ก็แค่หนุ่มๆรุมให้ดอกไม้นนท์เท่านั้น..” กิ่งพูดไปเสียงปกติ แต่คนฟังกลับตื่นเต้นยกใหญ่จนต้องลุกขึ้นมาใกล้อย่างรวดเร็ว


“ ว้าวนนนี่ของน้าเสน่ห์เหลือร้ายจริงๆ” นางเข้าไปกอดร่างนั้นเล็กน้อยแล้วยิ้มให้อย่างพอใจ
“ จะดีไหมนี่น้าแก้ว..มีแต่ผู้ชายเอาดอกไม้มาให้นนท์นะครับ..”



“ ดีสิ..เสน่ห์แรง” นางยืนยัน ..



“ แล้วจะเอาไปไว้ไหนล่ะนี่”



“ เอาไปเก็บในห้องนั้นแหละจะได้มีกลิ่นหอมๆ สักสองสามวันแล้วค่อยเอาออก” นางเสนอ


“ก็ดีครับ” นนท์คิดตรงกับคุณแก้ว จากนั้นก็เอาดอกไม้ไปเก็บไว้ในห้องของตน ..บ้างก็แยกไปไว้ห้องคุณแก้ว กิ่ง ..สุดท้ายก็เอามาวางในห้องของพี่ต้นด้วย..นนท์ยิ้มเล็กน้อย..อยากเห็นหน้าคนเย็นชานักว่าจะเป็นยังไง..



วันต่อมาเหตุการณ์ยังคงเป็นไปเช่นเดิม นนท์ชักจะเริ่มเหนื่อยใจเข้าแล้ว โธ่ก็เล่นขนมาให้เขามากขนาดนี้จะเอาไปไว้ไหนได้ล่ะ แถมวันนี้กิ่งยังต้องอยู่เย็นที่คณะอีก นนท์เลยต้องขับรถกลับบ้านเพียงผู้เดียวระหว่างทางที่รถติดไฟแดงอยู่นั้น สายตาคูเรียวก็เหลือบเห็นคนในรถข้างๆทะเลาะกันอยู่ เหมือนฝ่ายหญิงกำลังจะหึงหวงชายหนุ่มคนขับ เห็นดังนั้นเขาก็หันไปมองเวลาที่รถติดไฟแดงตัวเลขด้านบนใกล้ๆสัญญาณไฟยังเหลืออยู่เกือบสองนาที


คนหน้าสวยจึงคิดวิธีระบายดอกไม้ คิดได้ดังนั้นก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวแล้วคว้าดอกไม้ช่อหนึ่งในมือ ดึงการ์ดที่ห้อยติดออกแล้วเดินตรงไปที่รถคันดังกล่าวทันที แม้จะไม่ได้เก็บดอกไม้ไว้แต่เขาก็เก็บการ์ดแทนความจริงใจที่พวกชายหนุ่มให้นนท์มา


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 08-07-2009 23:31:02
ยาวเชียว  :t3: :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-07-2009 23:45:21
 o13

นนท์น่าร๊ากกกก ๆๆ
อยากให้พี่ต้นเห็นเร็ว ๆๆ หุุห
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 09-07-2009 19:26:03
ลงทุนขนาดนี้ ต้นจะหนีไปไหนจ๊ะ  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 09-07-2009 21:12:37
ตอน 8

นนท์หยุดลงด้านข้างของรถซึ่งมีหญิงสาวนั่งหน้าบึ้งอยู่ เธอลดกระจกลงมองออกมาอย่างสงสัย


“ มีอะไรหรือเปล่า” แม้อารมณ์ขุ่นมัวจากการทะเลาะกัน แต่เมื่อมีคนอื่นก้าวเข้ามาเธอก็พยายามปรับเสียงให้เป็นปกติ


“ แฟนคุณเขาสั่งดอกไม้ไว้ให้ รับไปสิครับ” คนหน้าหวานยื่นช่อดอกลิลลี่สีขาวในมือให้เธอแล้วยิ้มให้ คนนั่งในรถดีใจจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ หันไปมองแฟนหนุ่มอย่างซึ้งใจเธอโผเข้ากอดเขาอย่างดีใจ


“ จะเซอร์ไพร์ส แนนก็ไม่บอกดอกไม้นี่สวยจังเลยนะ” หญิงสาวเริ่มเสียงคลอ ชายหนุ่มกอดตอบอย่างไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ นนท์จึงยิ้มให้แล้วพูดออกมาด้วยเสียงที่แสนเบาว่า

“ รักกันมากๆนะครับ” แม้เสียงที่ลอดออกมาจะเบามากแต่เพราะรูปปากที่เขากล่าวอย่างช้าๆทำให้ คนในรถอ่านได้และเข้าใจความหมาย ชายหนุ่มใช้รูปปากเป็นสัญลักษณ์ตอบนนท์กลับไป

“ขอบคุณมากครับ” คนร่างบางยิ้มให้เขาอีกครั้งแล้วเดินจากไปอย่างมีความสุข จากนั้นนนท์ก็เดินนำดอกไม้ไปให้คนอื่นๆบ้าง ทุกแยกไฟแดงที่รถติดนานๆ จะมีดอกไม้ไปให้คนอื่นๆเสมอ..( เล่นอย่างนี้เด็กขายมาลัยตรงงานนะคุณหนู .) ท้ายที่สุดก็เหลืออยู่เพียงไม่กี่ช่อเท่านั้นเอง


**
“ ทำอะไรวะ” ชายหนุ่มตาคมมองร่างของแฟนย่างสงสัย เพราะเหมือนตอนนี้กิ่งกำลังควานหาอะไรบางอย่างอยู่ เหมือนกำลังมองหาบางสิ่งที่อยู่ใกล้ยิ่งกว่าใกล้


“ ฉันกำลังจะดูว่าเส้นขนานมันจะบรรจบกันได้ไหม” หญิงสาวอยากพิสูจน์แต่เพราะต้องจับกระจกไว้หลายด้านทำให้มุมของมันประชิดกันมากเกินไปจนมองได้ยาก ชายหนุ่มนั่งลงตรงข้ามเธอแล้วยื่นมือไปช่วยจับ คราวนี้แหละเธอถึงได้สังเกตเห็นมันอย่างชัดเจน


“ใช่แล้วมันตัดกันจริงๆอย่างที่แม่ฉันบอก” เธอบอกอย่างดีใจ ...นี่แหละน่าที่มารดาบอกว่าต้องรู้จักใช้กลวิธีเข้าบ้าง มารดาและเธอกำลังรับบทเป็นกลโกงที่เข้าช่วยให้แผนการสำเร็จไงล่ะ หลังจากคลายความสงสัยจากหลักการหักเหและสะท้อนไปมาแล้ว เธอก็มีเรื่องใหม่มาให้หนักใจอีก



“ เป็นอะไรอีกวะ”


“ ก็เรื่องนนท์สิ ฉันว่าอย่างนี้ไม่ไหวแล้วว่ะขืนปล่อยไว้อีกแค่วันสองวัน บ้านฉันได้กลายเป็นสวนดอกไม้แน่นอน” เธอถอนใจอย่างแสนอ่อนล้า โธ่ใครจะนึกล่ะว่าเสน่ห์ของเพื่อนหนุ่มจะแรงติดลมบน จนแม้จะกระตุกสายป่านให้ร่วงลงมายังไม่แน่ใจเลยว่าลมจะดึงให้สายขาดหรือเปล่า


“ ก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุสิ” ชายหนุ่มเสนอ


“ แก้ไขเหรอ”


“ พวกนั้นเขามาจีบลิลา แล้วทำไมแกไม่ทำให้พวกเขาเข้ามาจีบไม่ได้ล่ะ หากทำได้อย่างนี้พวกเขาก็ไม่ต้องส่งดอกไม้แล้วล่ะ” ชายหนุ่มเสนอแต่ก็ยังไม่บอกเป็นรูปธรรมออกมา


“ ทำยังไงวะ ฟังแล้วชักงง” คนอยากรู้ชักหงุดหงิดฟังไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรอยู่ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนและเดินไปมาอย่างครุ่นคิด


“ ก็หาใครมาแสร้งทำเป็นแฟนมันดิว่ะ ง่ายจะตายไปถ้ารู้ว่าพ่อหนุ่มฮอตของเรามีแฟนแล้วใครจะกล้า ต่อให้กล้าก็คงน้อยรายลงเยอะ”


“จริงด้วยแกนี่ฉลาดจริงๆ ว่าแต่จะให้ใครมาทำเป็นแฟนนนท์ล่ะ” ปัญหาใหม่เข้ามาอีกแล้ว แม่คนช่างคิดนับวันสมองจะแตกแขนงเต็มจนไม่มีพื้นที่ให้เพิ่มแล้วล่ะมั้ง


“ ...” เขาชี้นิ้วมาที่ตัวเองแล้วยิ้มแฝงเล่ห์


“ ไอ้ต่อแกอยากโดนเท้าฉันมากใช่ไหม..”

“ ผมขอโทษครับ...ล้อเล่นน่า...ให้พี่แกดิง่ายจะตายโง่ทำไมเล่า” เห็นหน้ายักษ์ขมูขีทำให้ต้องถอดวิญญาณนอมินีทันที ...รีบเสนอ


“ จริงของแก..ฉลาดมาก..แฟนใครว่ะ” กิ่งยิ้มร่าพลางโผเข้าโอบร่างอีกฝ่ายเล็กน้อย.. ใช่สิต้องให้พี่ต้นเป็นไม้กันหมา ..เฮ้ย...ให้พี่ต้นนั่นแหละดีที่สุดแล้ว ใครอย่ามาแหยม..



วันต่อมาแม่คนผมยาวก็ได้ออกอุบายให้ นนท์นั่งแท็กซี่ไปมหาวิทยาลัยกับเธอ โดยยกข้ออ้างว่าน้ำมันรถหมดกะทันหันทำให้ใช้รถไม่ได้ แต่นนท์เองก็ยังแปลกใจไม่หายเพราะเมื่อวานตอนขับรถกลับมา เขาก็เหลือบดูแล้วนี่ว่ามันเหลือพอให้ขับได้สามสี่วัน แต่ไหนๆ กิ่งอุตส่าห์บอกหนักแน่นขนาดนี้ สงสัยเขาจะดูผิดมากกว่า


“ วันนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงอีกบ้างนะ สองวันมานี่ฉันถือดอกไม้จนกล้ามขึ้น ขืนเจออย่างนี้ทุกวันฉันได้กลายเป็นแรมโบ้หญิงเมืองไทยแน่ ” กิ่งชวนคุยออกจะบ่นเพียงปลายเสียงเท่านั้น



“ ใช่สิ...วันนี้ฉันคงต้องหลบอีกแล้ว” เสียงอีกคนออกจะเนือยไม่แพ้ โธ่ขนาดบอกแล้วว่าไม่ต้องเอามาให้เขาอีก แต่ก็ไม่มีใครฟัง คนที่เอามาให้เมื่อก่อน เมื่อวานยังอุตส่าห์หอบมาให้อีก บางคนถึงขนาดหอบมาให้มากกว่าเดิมเป็นสองเท่า คิดแล้วน่าปวดหัวมากกว่าภูมิใจนะนี่ ..ตกลงมันดีหรือแย่นี่ที่เปลี่ยนตัวเอง...


“ เอาเถอะเดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” กิ่งจับมือเพื่อนสนิทให้กำลังใจ จริงๆอยากจะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงมากกว่า วันนี้เธอจะจัดการทุกอย่างให้เองคิดแล้วก็ลอบยิ้มในที จากนั้นก็รีบปลีกตัวไปมุมอับคนอย่างรวดเร็ว หญิงสาวควักโทรศัพท์พกพาเครื่องบางเฉียบในมือขึ้นกดเบอร์พี่ชายสุดหล่อทันที


“ มีอะไรเหรอ” ชายหนุ่มทักทายด้วยคำถาม หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขที่พี่ชายรับสายรวดเร็วเช่นนี้ แล้วความสุขก็จำต้องสลัดออกไปก่อน เพราะจะแสดงพิรุธออกมาทางเขาก็ไม่ได้ หญิงสาวลูบไรผมที่ตกปรกหน้าของเธอเล็กน้อยก่อนจะปั้นเสียงให้เป็นปกติที่สุด สมควรแล้วจริงๆที่เป็นทายาทคุณแก้วการแสดงระดับรางวัลออสการ์จริงๆ


“ พี่ต้นเหรอคะเย็นนี้ว่างไหม” เธอเริ่มเข้าประเด็น


“ เย็นนี้เหรอน่าจะว่างนะ” ชายหนุ่มตอบกึ่งรับแต่ก็มีแนวโน้มว่าจะว่างมากกว่า หญิงสาวยิ้มอีกครั้งหลังจากได้ยินคำตอบ


“ วันนี้พี่ต้นช่วยกิ่งหน่อยนะคะ คือวันนี้กิ่งต้องอยู่เย็นที่มหาวิทยาลัยแต่จะปล่อยให้นนท์กลับบ้านคนเดียวก็ไม่วางใจ อีกอย่างวันนี้นนท์ก็ไม่ได้เอารถมาด้วย”


“ แต่..” ชายหนุ่มเริ่มลังเล


“ นะคะพี่ต้น อืมแต่ถ้าพี่ต้นไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวกิ่งไปส่งนนท์ก่อนแล้วค่อยกลับมามหาวิทยาลัยก็ได้ค่ะ” หญิงสาวชักมารยาไม้หนึ่งขึ้นมาใช้ โธ่รู้ทั้งรู้ว่าบ้านกับมหาวิทยาลัยใกล้กันสักที่ไหนล่ะ หากต้องปล่อยให้น้องสาวเทียวไปเทียวกลับจริง คงเสียเวลามากมาย ...ชายหนุ่มได้ถอนใจเฮือกใหญ่



“ ก็ได้” เขายอมรับปากในที่สุด และตรงตามแผนที่วางไว้ทุกอย่างตรงตามใจคนคิด ถ้าคุณแก้วรู้คงได้มีเรื่องให้ดีใจเพิ่มขึ้นแน่นอน ว่าที่สะใภ้แสนสวย( หล่อด้วย)ที่ผ่านการแปลงโฉมกำลังจะได้พบกับลูกชายครั้งแรก รับรองต้องประทับใจจนมองตาค้างไปเลย


เย็นวันนั้นเหตุการณ์ก็เดินไปเหมือนเช่นเมื่อสองวันก่อนหน้า กิ่งและนนท์ถูกห้อมล้อมด้วยเหล่านักศึกษาชายมากมายมีทั้งปีหนึ่งยันปีสี่ แต่ละคนใช่จะขี้ริ้วขี้เหล่ ขนาดเดือนเด่นของมหาวิทยาลัยยังส่งดอกไม้ให้เขาอเลย คิดดูสิใครจะเชื่อแค่ลูกหมีที่อยู่ติดกาย กับไอ้แอฟโฟ่ว์ กางเกงแน้วแนว เสื้อบ้านนอก ( รู้สึกมันไม่ใช่แค่แล้วนะ..มันต้องพูดว่าตั้งมากกว่า) มาตลอดจะบดบังรัศมีความน่ารักสดใสของเขาได้มากขนาดนี้เลยเหรอ


“ นนท์บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเอามาให้อีกแล้วนะ” แม้จะอึดอัดแต่ก็จำต้องรับ ถึงกระนั้นเขาก็ยังพูดเช่นเมื่อวาน รู้ดีอยู่กับใจว่าพูดไปก็เท่านั้น ฟังกันซะทีไหนแต่ละคนล่ะดื้อแพ่งได้ใจจริงๆ



“ รับไปเถอะ ดอกไม้สวยๆก็ต้องคู่กับคนน่ารักอย่างพี่นนท์สิ” โธ่พ่อนักศึกษาหนุ่มปีหนึ่งพูดคำ
หวานหยอดเข้าให้ไปหนึ่งมุก คนรับแม้จะไม่ค่อยเต็มใจรับสักเท่าไหร่ แต่ได้ยินคำชมซึ่งหน้าก็อดหน้าแดงวูบวาบไปไม่ได้


“ แล้วแฟนแกไม่ว่าเหรอนนท์” กิ่งเริ่มดำเนินแผนการ



“ แฟนเหรอ ?” นนท์หันมองเพื่อนสาวด้วยสายตาที่แสนประหลาด จะเล่นอะไรทำไมไม่นัดกันมาก่อนนะกิ่ง คนอ้าปากเหวอส่อพิรุธจนคนอื่นจับได้


“ อย่าโกหกให้ยากเลยพี่กิ่งผมเห็นพี่นนท์มาตั้งแต่ปีสองยังไม่มีวี่แววว่าจะมีแฟนสักหน่อย” เป็นไงล่ะถูกตอกกลับเข้าให้ ก็สมัยก่อนเขาเป็นสติชสติแตกไร้สาระ ใครๆก็เห็นนนท์เป็นประจำ...


“ จะรู้ดีเท่ากับฉันได้ยังไงยะ ฉันเป็นเพื่อนสนิทเขานะ” กิ่งตีสุ้มเสียงแว้ดใส่ จนรุ่นน้องต้องผงะแต่ยังไม่ยอมถอยทัพ คนอื่นๆยังคงยื่นดอกไม้ให้นนท์ต่อ จนเขาต้องขออนุญาตวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆก่อน ไม่อย่างนั้นแขนได้หักเป็นเสี่ยงๆแน่


เสียงโทรศัพท์ของกิ่งดังขึ้น พอเหลือบดูที่หน้าจอก็ทำให้คนเฝ้ารอเผยยิ้มอย่างดีใจ


ในที่สุดพ่ออัศวินขี่ม้าขาวก็ควบม้ามาถึงแล้ว


“ อยู่ไหนนี่น้องกิ่ง”


“ กิ่งอยู่หน้าตึกคณะการตลาด พี่ต้อลขับรถเข้ามาเลยนะ จะมีกลุ่มคนเยอะๆหน้าตึกตรงนั้นแหละ ยังไงกิ่งฝากนนท์ด้วยนะ” หญิงสาวรีบปิดการสนทนาอย่างรวดเร็ว มัดมือชกไปทั้งที่เขายังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวสักเท่าไหร่ กิ่งเดินเข้ามาใกล้เพื่อนสนิทที่ถูกรุมล้อมทั้งหน้าทั้งหลังแล้วกระซิบบางอย่างข้างหู


“ อัศวินขี่ม้าขาวกำลังมาช่วย ฉันไปก่อนนะ”

“ อัศวินอะไร”


“ เดี๋ยวแกก็รู้เองแหละ นนท์ฉันบอกได้คำเดี๋ยวว่าอัศวินของฉันหล่อมากรับรองได้ เขาต้องช่วยแกให้รอดพ้นจากพวกที่ตามจีบอยู่ได้แน่นอน” สุ้มเสียงแสนเจ้าเล่ห์จนนนท์ต้องเหลือบมองอย่างไม่วางใจ นี่กิ่งกำลังเล่นอะไรอีกนี่ แล้วแม่เพื่อนสนิทจอมวางแผนก็หายลับไปในกลีบเมฆ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 09-07-2009 21:30:29
ไม่ไหวแล้วคราบอยากอ่านต่อสุดๆ
อย่ามาทำให้ค้างแล้วต้องจิ้นเองซิ  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 09-07-2009 22:08:29
ชายหนุ่มขับรถมาเรื่อยๆก็เจอป้ายบอกทางไปคณะการตลาดที่อยู่ใกล้ๆ มองแต่ไกลก็เห็นนักศึกษาจำนวนมากกำลังรุมล้อมใครบางคน

“ มหาวิทยาลัยนี้มีดารามาเรียนด้วยเหรอ” ชายหนุ่มเปรยเบาๆ ใช่สิเมื่อครู่กิ่งบอกเองว่า น้องสติชสติแตกอยู่ในกลุ่มนั้น สงสัยจะเป็นพวกบ้าดาราล่ะมั้งถึงได้มาอยู่รวมในกลุ่มนี้ด้วย เขาเดินลงจากรถช้าๆ แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆกลุ่มคนตรงนั้น


สายตาพยายามสอดส่ายมองหาชายหนุ่มผมฟูที่ต้องมารับ แต่เพราะคนมากกันเกินไปทำให้เขาเริ่มถูกเบียดวงเข้าไปเรื่อยๆ จนแทบจะอยู่ตรงหน้าของนนท์แล้ว ( กรี๊ด...) แวบแรกที่เห็นในใจเขารู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าช่างหน้าหวานเสียจริง ใบหน้าเปล่งปลั่ง สวยกว่าผู้หญิง ร่างบาง..เพรียวลม ( ได้อีกๆ)



แวบที่สองเขาก็สบเขากับดวงตาคู่งามก็ระลึกได้ว่าดวงตาคู่นี้คือดวงตาซึ่งจับจ้องที่เขาตลอดเวลาหนึ่งปี ดวงตาที่มาดมั่นว่าสักวันจะทำให้เขารัก เหมือนคนอื่นรอบข้างไม่มีตัวตน โลกของเขาหมุนเร็วจนแทบจับความรู้สึกไม่ได้


ส่วนคนที่กำลังรับดอกไม้อยู่ก็ไม่ทันสังเกตว่าเขาถูกเบียดมายืนใกล้ตัวนนท์แล้ว ในจังหวะหนึ่งกลุ่มคนที่เพิ่งมาใหม่ก็เปลี่ยนให้วงข้างนนท์แคบลง ชายหนุ่มถูกแรงเบียดจนร่างไปชนเข้ากับอกกว้าง กลิ่นหอมอ่อนๆที่แสนคุ้นเคยลอยมาในความรู้สึก ผมนุ่มๆที่เพิ่งตัดมาไม่กี่วันของนนท์กระทบเข้ากับปลายจมูกของเขาพอดิบพอดี


‘ ไม่ใช่มั้งคงเป็นคนที่ใช้น้ำหอมกลิ่นเดียวกันมากกว่า’ นนท์ไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปแล้วหันไปก้มหน้าขอโทษคนที่ชน


“ ขอโทษครับ” นนท์เงยหน้าขึ้นก็เห็นเจ้าของน้ำหอมกลิ่นคุ้นเคยยืนหน้างออยู่ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีเลยต้องวางหน้าขรึมไว้ก่อน


“ พี่ต้นมาได้ไงนี่” นนท์ถามอย่างดีใจ อัศวินขี่ม้าขาวเหรอใช่สินี่คงเป็นสิ่งที่ กิ่งกระซิบไว้ก่อนจะหลบลี้หนีไปนั่นเอง อัศวินแสนเฉยชาผู้เคยผิดหวังในความรัก...



“ น้องกิ่งให้พี่มารับเรา เห็นบอกว่าไม่ได้พารถมา” ชายหนุ่มบอกประสงค์ นักศึกษาคนอื่นๆเลยแปลกใจที่นนท์ยิ้มให้เขาอย่างเปิดเผย (ตายแล้วพี่ต้น...ยังกล้าเย็นชาอีกนะ..อารมณ์เสีย)



“ งั้นก็กลับบ้านสิ เอาพี่ช่วยนนท์ถือหน่อยนะ” นนท์ยิ้มให้แล้วยกดอกไม้หลายสิบช่อใส่อ้อมแขนของเขา ส่วนตัวนนท์เองก็กลับไปรวบที่เหลือมาบ้างแล้วเดินแหวกฝูงชนเดินไปที่รถ คราวนี้ใครจะกล้าล่ะ กิ่งบอกแล้วว่านนท์มีแฟนทำไมไม่มีใครเชื่อกัน นี่แหละต้องให้เห็นกับตาตัวเองถึงจะเชื่อกัน


ชายหนุ่มแม้รู้สึกขัดๆเขินที่ถูกสายตาคนอื่นมองด้วยความอิจฉาแต่ก็ยังช่วยนนท์ขนดอกไม้อีกตั้งสองรอบ ไม่นึกว่านนท์จะมีเสน่ห์ขนาดนี้.....กว่าจะออกจากมหาวิทยาลัยมาได้ก็เย็นจัด แถมวันนี้รถติดเป็นพิเศษ คนร่างบางนึกได้ก็ทำเช่นเมื่อวานรีบดึงการ์ดออกแล้วเดินนำดอกไม้ไปมอบความสุขให้คนอื่นๆ


“ จะลงไปไหนน่ะ” ชายหนุ่มถาม


“ รถยังติดอีกตั้งสามนาที นนท์ลงไปยืดเส้นยืดสายหน่อยนะ” หลังจากดึงการ์ดออกจากดอกไม้ไปหลายช่อก็ถึงเวลาแจก หอบดอกไม้ช่อโตหลายช่อส่งให้รถคันแล้วคันเล่า หลายคนแปลกใจแต่เมื่อได้สูดกลิ่นและเห็นความงามในดอกไม้ที่เขาเอามาให้ก็นึกขอบคุณในใจ ภรรยาที่กำลังงอนๆสามีอยู่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง ไหนจะแม่ลูกที่ทะเลาะกันก็หายเคืองด้วยดอกไม้ของนนท์

เพราะเวลาที่เดินอยู่บนป้ายสัญญาณใกล้หมดเวลาไฟแดง เขาจึงต้องวิ่งกลับมานั่งในรถอย่างกระหืดกระหอบ แต่นนท์ก็มีความสุขที่ได้แบ่งปันรอยยิ้มแก่คนอื่นบนท้องถนน

“ คนให้เขาไม่โกรธแย่เหรอที่ทำอย่างนี้ คุณหนู ”


“ ไม่ล่ะมั้ง...พี่ไม่เห็นเหรอว่า แต่ละคนมีความสุขขนาดไหน ถ้าคนให้เขารู้ว่านนท์สามารถส่งต่อความสุขให้คนอื่นได้อีก พวกเขาคงดีใจมากกว่า” นนท์ปรายยิ้มเล็กน้อย สายตามองตรงไปข้างหน้าอย่างอ่อนล้า แล้วจึงปรับเอนเบาะที่นั่งให้ล้มลงไป ....เหนื่อยจริงๆแบกดอกไม้มาตั้งสามวัน หวังว่าพรุ่งนี้ปัญหาทุกอย่างคงจบนะ ไม่เช่นนั้นจากร่างบางได้กลายเป็นเดอะร็อคแน่นอน ก็เล่นแบกดอกไม้วันละหลายกิโลแถมใช่จะแบกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น


“ ...” ชายหนุ่มหน้าเหลือบมองอีกคนด้วยหางตา ใช่สิวันนี้นนท์ดูน่ารักจริงๆ แม้แต่เขายังอดหวั่นไหวไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละยังไงลูกแกะดำก็ต้องดำวันยังค่ำ ต่อให้ย้อมสีขาวทั้งตัวแต่ไม่นานเมื่อสีหลุดลอกแกะก็จะกลับไปดำอีกคราหนึ่ง


พี่ชายของบ้านที่เสร็จจากขนดอกไม้มาวางไว้ที่ระเบียงด้านล่างเดินกลับขึ้นห้องของตัวเองอย่างอ่อนล้า เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ต้องแปลกใจ กลิ่นหอมของดอกไม้ที่สดชื่นเข้ามาปะทะเต็มๆ ดวงตาของเขาไล่ไปมารอบห้องก็เห็นช่อดอกไม้วางอยู่เต็ม นึกแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย พ่อคนเจ้าเสน่ห์ดูท่า...เขาจะประมาทนนท์ไม่ได้แล้วจริงๆ บางทีสิ่งที่นนท์ประกาศก้องไว้เมื่อปีก่อนอาจทำได้จริง

เขาอาจตกหลุมรักคนเจ้าเสน่ห์เข้าอีกคน เหมือนนักศึกษาชายมากมายที่รายล้อมพ่อคนนั้นในวันนี้


“ ดูนายจะเปลี่ยนไปจริงๆ คุณหนู” เขาเปรยเล็กน้อยก่อนจะล้มตัวลงบนที่นอนหนานุ่ม สูดเอากลิ่นหอมของมวลดอกไม้ที่วางอยู่เต็มห้องเข้าไป


***

กิ่งที่แอบหลบหนีจากวงล้อมเมื่อตอนเย็นก็มาขลุกอยู่ในห้องแฟนหนุ่ม จนหลับไปอย่างครั้งก่อน ..แต่การหลับครั้งนี้ก็ถูกปลุกจากเสียงแผดของเจ้าโทรศัพท์เครื่องเล็ก ...


“ พี่แบเหรอ มีอะไรคนกำลังนอนหลับอย่างมีความสุข” กิ่งคว้าเจ้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากดรับอย่างแสนงัวเงีย

“ กิ่งแกอยู่ที่ไหนนี่ จะสามทุ่มแล้วนะยังไม่กลับอีก”

“ บอกแม่ให้หน่อยสิว่าฉันนอนบ้านเพื่อนนะ”


“ กับไอ้คิงคองอีกแล้วล่ะสิ” พ่อคนแสนรู้เดาได้ไม่ยาก นนท์ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เพราะเขาเองก็รู้ดีว่าเจ้าหน้าหยกนั้นรักกิ่งแค่ไหน ไม่มีวันที่จะเดินเลยความสัมพันธ์ในช่วงเวลาที่ยังไม่พร้อมเช่นนี้ กิ่งเองก็ไม่ใช่พวกผู้หญิงใจง่ายไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว เขาเลยวางใจ


“ เออใช่ .. ตอนแรกกะจะมานั่งเล่นสักหน่อยแต่ก็หลับไปจนได้..ว่าแต่วันนี้พ่ออัศวินของฉันเป็นยังไงบ้างล่ะ หล่อถูกใจแกไหม” กิ่งรับคำเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามเหตุการณ์ในตอนเย็นที่ผ่านมา


“ ก็โอเคนะ แต่อัศวินของแกชอบทำหน้าบึ้งใส่ฉันอยู่เรื่อย” ความใกล้ชิดในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาทำให้นนท์หวั่นไหวอย่างไม่รู้ตัว ในทีแรกก็หมายจะพิชิตใจอีกฝ่ายเพื่อลบคำสบประมาท แต่สุดท้ายนนท์ก็หลงรักเจ้าคมขรึมเข้มจนได้.

.รักจนกิ่งยังรับรู้ การพบเจอกันครั้งแรกในคืนไร้หวัง แม้จะสร้างความไม่พอใจต่อคนหน้าสวยอย่างมาก แต่เวลาหนึ่งปีมานี้มันทำให้นนท์ได้รับรู้และเข้าใจพี่ต้นมากขึ้น จูบแรกอันเป็นอคติจึงเป็นสิ่งที่เขาลืมไปเสียสนิทใจ


“ เหรอ ดีแล้วล่ะไว้วันหลังฉันจะเอาใหม่นะเอาให้น่ารักกว่านี้อีกดีไหม”


“พอแล้วแหละ แค่วันนี้ฉันก็สงสารเขาจะแย่ ช่วยฉันแบกดอกไม้จนแขนเกือบหัก หวังว่าพรุ่งนี้ทุกอย่างคงหายใจได้สะดวกนะ คงไม่มีดอกไม้มาอีก” นนท์ได้แต่ภาวนาในใจ


“ ฉันอุตส่าห์ลงทุนหลอกล่อพี่ต้นไปสมอ้างแล้ว คงล่าถอยกันไปเยอะแหละนะแต่ถ้าจะมีก็แสดงว่าพวกนั้นอึดสุดๆ สงสัยจะหลงเสน่ห์แกเข้ามากๆแล้ว พี่แบเอ๊ย”

“ อย่าพูดอย่างนั้นสิฉันล่ะเหนื่อยใจจริงๆนะ” นนท์ปราม

“ ไม่ต้องห่วงหรอกถ้าพวกนั้นยังไม่รามือ เดี๋ยวฉันขอให้พี่ต้นไปรับแกอีกสักอาทิตย์หนึ่งเลยดีไหม พวกนั้นจะได้เชื่อว่าแกมีแฟนแล้วจริงๆไม่ได้โกหกหรือสร้างฉากมาเพื่อหลอกลวง คนอย่างพวกอึดๆอย่างนั้นมันต้องเล่นกันยาวนานและรุนแรงจะได้รู้สึก” กิ่งเริ่มเสนอแผนการขจัดพวกคลั่งไคล้


“ ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก โธ่แค่วันนี้เขาไปรับฉัน ฉันยังเห็นหน้าเขางอจะตายไป ขืนแกบอกให้ไปรับฉันทั้งอาทิตย์เขาคงได้กระทืบฉันลงจากรถวันหนึ่งก็เป็นได้” แม้เขาจะไม่พูดอะไรตามนิสัยเย็นชาของเขา แต่หน้าเขาในบางมุมที่นนท์เห็นก็ใช่จะสบอารมณ์นัก


“ เหรอ ไม่ต้องห่วงหรอกฉันเชียร์แกเต็มที่อยู่แล้ว” กิ่งเสริมทัพกำลังใจ

“ อืม ว่าแต่ทีหลังจะเล่นมุกอะไรหัดบอกฉันบ้างก็ดีนะไอ้ลิง ฉันจะได้เตรียมตัวให้พร้อมไม่ใช่ว่ายิ้มเก้อปากเหวอเหมือนวันนี้อีก”


“ ได้อยู่แล้ว” ปากบอกไปว่าได้ แต่ก็แอบเอานิ้วมาขัดกัน ขืนบอกแผนการทั้งหมดนนท์ได้โวยบ้านแตก หากได้รู้ความจริงว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องโกหกที่ทุกคนรวมหัวกัน นนท์คงได้อาละวาดจนไม่มีใครห้ามได้แน่ แม้นิสัยคุณหนูจะหายไปจากเขาจนปลิดทิ้ง แต่ใครจะรู้ล่ะมันอาจจะมีเชื้อแฝงอยู่ก็ได้


รอตอนร่างกายและจิตใจอ่อนแอก็จะแผลงฤทธิ์ออกมาอีก คราวนี้แหละเชื้อคงกำเริบมากกว่าเดิมแน่ สมัยก่อนที่ว่าเป็นคุณหนูมีสักร้อยมาถึงตอนนี้คงต้องเอาอีกสักพันสักหมื่นคูณเข้าไปแน่นอน.....


“ ถ้าอย่างนั้นแค่นี้ก่อนนะไว้พรุ่งนี้ฉันจะเอาชุดนักศึกษาไปให้แล้วกัน” นนท์ยอมยื่นมือเข้าช่วยทุกอย่าง แม้จะไม่ได้เตรียมรับกับแผนที่กิ่งวางไว้ในวันนี้ แต่ทุกอย่างก็ออกมาดีและสมบูรณ์อย่างมาก เจ้าชายขี่ม้าขาว โธ่คำนี้ช่างดูคลาสสิกดูมีเสน่ห์เสียจริง



แม้วันนี้จะไม่มีคนมาส่งดอกไม้ให้นนท์มากมายเช่นทุกวัน แต่ก็ยังมีไม่ขาดสายเขายังต้องรับดอกไม้นับสิบช่อ แต่เอาเถอะก็ดีกว่ามีคนเกลียด..มีจำนวนไม่มากอย่างนี้สิเขาพอทำใจได้หน่อย
“ ถึงพี่จะมีแฟนแล้วแต่เราก็ภาวนาให้พี่เลิกกับแฟนเร็ว” ดูสิพูดออกมาได้ นักศึกษาชั้นปีหนึ่งที่รวมตัวกันเป็นชมรมรักนนท์เริ่มประกาศเปิดรับสมาชิกตั้งแต่เย็นวาน ยืนยันที่จะเป็นแฟนคลับของเขาต่อไปไม่ว่านนท์จะมีแฟนแล้วก็ตามที

“ ครับขอบคุณ” นนท์ยิ้มแสนเจื่อนสนองกลับไป.. นี่ถ้าเป็นแฟนกับพี่ต้นจริงคงได้เศร้าแน่นอนที่มีคนมาอวยพรให้เลิกกันเสียงหนักแน่นอย่างนี้


“ รับรองครับ แม้เราจะอ่อนกว่าพี่แต่ความรักไม่น้อยอยู่แล้ว” ตัวแทนของกลุ่มกล่าวขึ้นกับเขาเสียงนุ่มนวลมองตาเสียหวานเยิ้มจนน้ำตาลแทบเกาะตกผลึก

“ พี่ไปก่อนนะ” แล้วนนท์ก็รีบหอบดอกไม้ทั้งหมดเดินตรงไปที่รถ

“ เป็นไงคนเจ้าเสน่ห์” เสียงทักทายจากคนผมยาวทำให้นนท์อดหันไปดุไม่ได้..กิ่งนะกิ่งทำไมไม่ได้ช่วยถือดอกไม้บ้างเลย นั่งสบายใจเฉิบอยู่ในรถ แต่ก็ช่างเถอะ..เฮ้อ ยังไงวันนี้ก็ไม่ได้มากได้มายเหมือนวันก่อนๆ



บรรยากาศในห้องประชุมตอนนี้ถือว่าค่อนข้างเครียดไม่น้อย บรรณาธิการบริหารหนุ่มเจ้าของสำนักพิมพ์ถึงกับกุมศีรษะเพราะภาวะยอดขายตกต่ำ


“ ตอนนี้ทางบริษัทของเขาค่อนข้างประสบกับวิกฤติ ในช่วงนี้เศรษฐกิจขาลง อีกทั้งคู่แข่งของเราก็ผุดกันมาก เลยทำให้ยอดขายในตอนนี้ลดลงกว่าเดิมถึงยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์และดูเหมือนแนวโน้มจะลดลงมากขึ้นเรื่อยๆอีกทั้งรัฐบาลที่เพิ่งเข้ามาก็ยังไม่มีนโยบายเร่งด่วน ในการจัดการเกี่ยวกับธุรกิจเลย.


.ปัญหาน้ำมัน ราคาข้าว ตลอดจนเครื่องใช้อุปโภคบริโภค ทำให้ค่าเงินในมือน้อยลง ประชาชนเลยเลือกจะซื้อในสิ่งจำเป็นมากกว่า” นุ่นหรือวรนุชผู้จัดการฝ่ายโฆษณารับหน้าที่รายงานนอกจากตำแหน่งที่เธอรับอยู่ เธอก็ยังควบตำแหน่งดูแลยอดขายหนังสือด้วยด้วย


“ คู่แข่งตอนนี้ส่วนมากที่เด่นๆก็มีอยู่สักห้าหกสำนักพิมพ์ ตอนนี้เหมือนยอดขายกระจายๆกันไป เลยทำให้เราได้รับเงินน้อยกว่าเดิม เพราะภาวะฝืดเคืองเลยทำให้คนควักเงินจ่ายน้อยลง” ผู้จัดการฝ่ายการเงินคุณประชาแจงต่อจากคุณวรนุช


“ ดิฉันว่าทางที่ดีเราควรต้องหากลยุทธเปิดการตลาดดู ” คุณวรนุชเสนอต่อ แต่ต้นก็ยังนั่งนิ่งครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มเอ่ยปากในตอนท้ายๆของการประชุม


“ ผมว่ายังไงเรื่องนี้ก็ยังสรุปอะไรไม่ได้นัก รอดูยอดขายอีกสักสองสามปักษ์แล้วค่อยว่ากันอีกครั้ง” เขาตัดสินใจสรุปรายงานในวันนี้ หลังเลิกประชุมสมาชิกแต่ละคนก็เดินออกไปเรื่อยๆมีแต่คนร่างอวบน้อยๆเท่านั้นที่ยังอยู่เป็นเพื่อนเขา ชายหนุ่มกางมือสุดแขนแล้วทิ้งตัวลงไปยังเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ปลดปล่อยความอ่อนล้าออกไป ทันทีที่ยอดขายอีกสองปักษ์ออกมาคงมีผลแค่สองอย่างคือเสมอตัวหรือขาดทุนเท่านั้น….อุปสรรคใหญ่กำลังเข้ามาท้าทายเขาเต็มเหนี่ยว


“ ฉันว่าบางทีหากเหตุการณ์ยังเป็นอย่างนี้ เราควรเปลี่ยนไปออกเป็นรายเดือนที่กว่าไหม โอกาสเสี่ยงก็จะน้อยลงด้วย” หญิงสาวเสนอความคิด เพราะความเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแถมยังทำงานมาด้วยกันตั้งปีกว่าเลยทำให้เธอค่อนข้างวางตัวสบายๆเวลาอยู่กับเขา


“ แต่ผมคิดว่ามันไม่ดี your house my home ถูกตั้งเป็นหนังสือรายปักษ์ตั้งแต่เริ่มแรกหากเรามาเปลี่ยนตอนนี้กลุ่มผู้อ่านที่ตามเรามาสิบกว่าปีจะนึกยังไงล่ะ” สิ่งที่เขากังวลคือภาพของผู้อ่านที่ติดตานิตยสารตกแต่งบ้านของเขามานาน


“ เหรอ...อย่างนั้นก็อย่าเครียดเลยฉันว่าเราเลิกคิดเรื่องนี้ไปก่อนดีกว่า” หญิงสาวเสนอเพราะยิ่งคุยเขาก็ยิ่งจะเครียดมาขึ้นกว่าเดิม



“ อืม” เขาเห็นตามแล้วลุกขึ้นยืนอย่างฉับไหว ทั้งคู่เดินออกมาจากห้องประชุม แล้วก็ออกจากสำนักพิมพ์ไปทานอาหารด้วยกันที่ร้านใกล้ๆ เวลาในช่วงอาหารเย็นผ่านไปรวดเร็วตอนออกจากร้านหญิงสาวเอื้อมมือไปคว้ามือของมากุมไว้


“คุณอย่าคิดมากเลยนะ” หญิงสาวให้กำลังใจ


“ คือขอบคุณ” เขาตกใจไม่น้อยที่เธอคว้าแขนเขาไปคล้องด้วย แทนที่จะกุมมือเพียงอย่างเดียว เขาพยายามแกะมือของเธอออก


“ เป็นอะไรไปคะ”หญิงสาวถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นเขาพยายามดึงมือที่คล้องแขนเขาออก ชายหนุ่มก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วพูดความจริง


“ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าถูกตัวผมเลยนะ ผมไม่ค่อยชอบให้คนอื่นมาถูกตัวสักเท่าไหร่ ขอโทษด้วยนะถ้าไม่สุภาพ” ชายหนุ่มบอกเสียงราบเรียบไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจ แต่บอกไปอย่างบริสุทธิ์ใจ แล้วเขาก็เดินลับหายไปทางสะพานลอยทันที

สะพานลอยที่จะพาเขาไปอีกฝั่งของถนนเพื่อขึ้นไปยังคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่คนละฟากกับสำนักพิมพ์ วรนุชยืนมองอย่างเสียใจแม้จะได้ทำงานใกล้กัน คุยกันบ่อยครั้งแต่ก็ไม่มีวันที่จะได้เดินฝ่าความเย็นชาในตัวของเขาได้เลยสักครั้ง หญิงสาวยิ้มรับให้กับสิ่งที่เขาบอกเอาเถอะก็ใครสั่งให้เธอหลงรักพ่อคนเย็นชาคนนั้นเข้าล่ะ หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่เดินตรงไปที่รถของตัวเองซึ่งจอดไว้ไม่ห่างจากที่ยืนอยู่
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: nune ที่ 09-07-2009 22:12:45
ถ้าพี่ต้นเจอนนนี่เวอร์ชั่นใหม่ จะจำได้ไหมหนอ ตื่นเต้นๆอยากอ่านต่อง่า  :impress2:
ไม่ได้มาวันเดียว นิยายไปไวมากๆเลย ขอบคุณนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 09-07-2009 22:52:55
พี่ต้นเริ่มหลงไปซะแล้ว  :z2:
แต่นนท์ดันรักเข้าจริงแล้ว  o22 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 10-07-2009 20:04:21
หุหุ ใกล้ละ เดี๋ยวคงมีเฮ  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-07-2009 21:50:39
อยากได้ดอกไม้จากนนท์บ้าง ฮร่า ๆๆๆ :L2:
พี่ต้นไม่ต้องเครียดน๊า
กลับบ้านไปเห็นหน้านนท์ก็หายเครียดเองแหละ  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 11-07-2009 10:01:43
ตอน 9

บ้านวรโชติดูเหมือนกำลังมีใครเล่นตลกอยู่ เพราะวันนี้ลูกสาวคนเล็กกลับมานอนที่บ้านแต่ลูกชายคนโตก็ไปนอนที่คอนโดมิเนียมของตน แต่กระนั้นบ้านหลังนี้ก็ยังคึกครื้นได้ตลอดเวลา สองแม่ลูกนั่งคุยกันอย่างออกรสและประเด็นที่ทำให้ร่าเริงกันได้ขนาดนี้จะมีอะไรเสียอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่แผนการจับคู่ให้นนท์กับพี่ต้นโดยเฉพาะแผนอัศวินขี่ม้าขาววานนี้


“ เมื่อวานพวกที่มาจีบนนนี่ของแม่ถึงกับอึ้งไปเลยค่ะ กิ่งแอบดูอยู่ใกล้ๆนั้นนนท์นี่หน้าแดงแบบว่าบรรยายไม่ถูกเลย” กิ่งเล่าเหตุการณ์แสนลุ้นระทึกให้มารดาได้รับรู้


“จริงเหรอ ...เมื่อวานแม่แอบเห็นพี่ต้นช่วยนนนี่ขนดอกไม้เข้ามาในบ้านด้วย” มารดาเองก็มีความสุขยามได้พูดถึงสองคนที่ไม่รู้เรื่อง

“ว่าแต่พี่ต้นเป็นไงบ้างคะ นนท์อุตส่าห์ลงทุนแปลงร่างเสียหล่อเช้งขนาดนี้”


“ แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่แม่ว่ามีสิทธิ์ลุ้นก็แต่ก่อนเห็นนนท์เป็นเด็กตลอดเลยนี่ มาตอนนี้ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงคงหวั่นไหวบ้างไม่มากก็น้อยแหละ”


“ ถ้าเป็นอย่างที่แม่ว่าก็ดีนะ กิ่งกลัวจริงๆว่าภูเขาน้ำแข็งอย่างพี่ต้นนี่ไฟธรรมดาคงละลายลงไม่ได้” กิ่งยังคงเก็บความกลัวว่าแผนจะไม่สำเร็จไว้ในส่วนหนึ่งของความคิด


“ โธ่ มีแม่กับลูกร่วมมือกันจะเป็นไฟธรรมดาได้ไง”


“จริงสิคะ กิ่งรู้สึกว่าช่วงนี้พี่ต้นดูเครียดไปนะไม่รู้ว่างานที่สำนักพิมพ์จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ถัดจากเรื่องจับคู่ ลูกสาวคนเล็กก็เอ่ยอีกประเด็นขึ้นมา


“เหรอ แม่ไม่ยักกะรู้ไว้พรุ่งนี้แม่จะเข้าไปสำนักพิมพ์ดูก็แล้วกัน ลูกไม่ต้องเป็นห่วงนะ” มารดาบอกเสียงนุ่มนวล ก็ตั้งแต่วางมือจากงานที่ทำก็ไม่ได้กลับไปดูสักเท่าไหร่ ถือโอกาสนี้กลับไปเยี่ยมพนักงานบ้างก็น่าจะดี ใช้บารมีความรักปกครองคนจะได้ทำงานกับเราอย่างมีความสุข

ทำให้คนใต้ปกครองรักในงานที่ทำไม่ใช่หวังเพียงน้ำเงินที่ได้กลับไป ปรัชญาที่ได้รับมาจากคุณสามีผู้ล่วงลับนางยังจำได้ขึ้นใจ




วันต่อมาคุณแก้วก็เข้าไปที่สำนักพิมพ์ตั้งแต่เช้า และได้รับรู้ทราบความจริงจากพนักงานในบริษัทนางไม่นึกมาก่อนว่าลูกชายจะเก็บเรื่องหนักอึ้งนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียวไม่ยอมบอกให้นางได้รับรู้เลย



“ ทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้พี่ต้นถึงไม่บอกแม่ล่ะลูก” นางใช้ความเมตตาเข้าหาไม่ใช่เกรี้ยวกราดและไม่โทษว่ามันเป็นความผิดพลาดของลูกชาย


“ ผมก็แค่ไม่อยากให้แม่เป็นกังวล”


“ เรื่องอย่างนี้น่ะต้องบอกกันให้รู้นะลูก เราจะได้เตรียมตัวรับมือกันทัน วิกฤตไม่ใช่ว่าเพิ่งเกิดกับสำนักพิมพ์เราครั้งแรกเสียหน่อย สมัยก่อนตอนแม่เข้ามารับช่วงจากคุณพ่อใหม่ๆบริษัทก็ประสบปัญหารุมเร้ามาตั้งเยอะ แม่ไม่เชื่อหรอกว่าครั้งนี้จะผ่านไปไม่ได้” นางบอกอย่างมาดมั่น

“ แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนนะแม่ เพราะเรามีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาก แถมยอดขายยังตกแล้วตกอีกผมกลัวจริงว่า...” เขาไม่อยากพูดสิ่งที่จะทำให้มารดาสะเทือนใจ แต่สัจธรรมของโลกก็ย่อมเป็นจริงมิมีวันเท็จลวง


ทุกอย่างมีเกิดก็ต้องมีดับไป


“ อย่าห่วงไปเลยไม่มีวันที่เราจะต้องปิดบริษัทหรอก ต่อให้เราขาดทุน แต่เงินที่เราเก็บสะสมไว้ก็ยังมีอยู่มากเอามาจุนเจือก่อนก็ได้” ....


“ โธ่แม่เงินของเรามีสักกี่ล้านกันเชียว แค่ลงทุนวางแผนการตลาดใหม่ก็หมดงบไปเยอะแล้ว อย่างน้อยหากเราจะเปิดกลยุทธ์ใหม่ก็ต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่าห้าล้าน” ชายหนุ่มระบายสิ่งที่อัดอั้น แม้ทางบริษัทจะก่อตั้งมายาวนานและค่อนข้างน่าเชื่อถืออย่างมาก แต่ในสภาพเศรษฐกิจอย่างนี้คงยากที่จะขอกู้จากแหล่งเงินได้รวดเร็วทันเวลา



“ ไม่ต้องเป็นห่วงนะรับรองอาทิตย์หน้าแม่หาเงินห้าล้านให้ลูกได้แน่” นางรับปากอย่างมั่นใจ บ้านวรโชติจัดเป็นครอบครัวที่มีฐานะไม่น้อย แต่ทรัพย์สินส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในรูปของเงินสด เลยทำให้ยากที่จะหาเงินหลายล้านภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ชายหนุ่มยังมืดแปดด้านมองไม่เห็นทางเดินเลย

หลังจากออกมาจากสำนักพิมพ์แล้วคุณแก้วก็ต่อสายตรงถึงเพื่อนสนิทที่อยู่คนละฝั่งฟ้าทันที บัดนี้นางคงต้องเอ่ยปากเพื่อรักษาสำนักพิมพ์ไว้


“ สวัสดีจ้ะมีอะไรหรือเปล่าแม่คุณนี่มันห้าทุ่มกว่าแล้วนะ” ปลายสายถามเสียงใสหันมองความมืดนอกหน้าต่างที่พัก

“ นันฉันมีเรื่องจะรบกวนหล่อนหน่อย”


“ ดูเสียงเธอมันคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะ มีปัญหาอะไรร้ายแรงเหรอ” คุณนันจับน้ำเสียงของเพื่อนสนิทได้อย่างรวดเร็ว


“ ตอนนี้ทางสำนักพิมพ์กำลังมีปัญหาทางการเงินฉัน...”


“ ได้อยู่แล้วแค่นี้เอง เธอกับฉันก็รู้จักกันมาหลายสิบปีเรื่องแค่นี้สบายมาก” เศรษฐีนีวัยกลางคนรับปากไปทั้งที่ยังไม่ฟังให้จบเลยว่าคุณแก้วจะพูดอะไร


“ อะไรของหล่อนนี่ฉันยังพูดไม่ทันจบเลยนะ ...รับปากแล้ว นี่ถ้าฉันบอกให้หล่อนโอนมรดกทั้งหมดให้ฉัน หล่อนไม่แย่เหรอ...” นางอดยิ้มให้กับกระบอกโทรศัพท์ไม่ได้ นี่แหละน่าตัดสินใจเร็วพูดเร็วแต่ไม่เคยผิดพลาดนิสัยที่ติดตัวคุณนันมาตั้งแต่รู้จักกัน


“ เอาเถอะโอนให้เธอทั้งหมด แต่พอหลังจากนนท์แต่งงานกับลูกชายเธอแล้ว ยังไงฉันก็ได้กลับไม่เห็นจะซีเรียสอะไรเลย” คำตอบของคนห่างไกลสร้างรอยยิ้มให้คนฟังได้มากขึ้นกว่าเดิม


“ แต่นัน..”


“ โธ่สมัยก่อนเธอยืมเงินฉันซื้อขนมบ่อยจะตายคิดอะไรมากล่ะ”


“ แต่หล่อนสมัยนั้นมันยืมที่ละสองสามบาทนะ แต่ตอนนี้ที่ฉันกำลังจะขอยืมมันเข้าหลักล้านเชียวนะ” คุณแก้วพูดเพราะอยากให้อีกคนคิดให้จงดี


“จะเท่าไหร่ก็ไม่ได้ต่างกันสักหน่อย เวลาฉันมีปัญหาหล่อนก็ช่วยรับหน้าไว้ตั้งหลายครั้งไม่ต้องคิดมากเลยนะ”


“ขอบใจมาก” นี่แหละนะมิตรภาพที่มีอยู่ไม่ว่าอะไรก็ไม่เคยทำให้สองคนต้องแยกร้างห่างหาย ตัวเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่วัดความไว้วางใจที่มีให้ ...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 11-07-2009 10:21:43
แม้เวลาจะผ่านไปแล้วหนึ่งอาทิตย์ แต่ทุกวันต้องมีคนเอาดอกไม้มาให้นนท์อย่างน้อยสองช่อ จนมันกลายเป็นความเคยชินอย่างหนึ่งในกิจวัตรของนนท์ กลิ่นหอมของดอกไม้ที่นักศึกษาชายเอามาให้ ก่อนกลับบ้านถ้าไม่เห็นตัวคนก็จะมีดอกไม้มาวางไว้ที่กระจกหน้ารถแถมยังมีการ์ดลายสวยผูกห้อยติดมาด้วย “ ฉันนับถือความพยายามของพวกนี้จริงๆเลยนะ” กิ่งเดินมาหยิบช่อดอกไม้ที่วางไว้บนกระโปรงรถ แล้วเปรยขึ้นอย่างทึ่งๆ ในเสน่ห์ของเพื่อน



“ คงจะอย่างนั้นหรือฉันรับรักเขาดีไหม” ท่าทางครุ่นคิดและตริตรองทำให้กิ่งต้องตีแขนเพื่อนสนิทอย่างแรงหนึ่งที


“ โอ๊ย ทำอะไรของแกนี่ไอ้ลิง เดี๋ยวฉันก็เรียกบริวารจัดการหรอก..”



“ บ้าคิดอะไรอย่างนั้น ..ห้ามรับรักใครเด็ดขาดฉันจองแกเป็นพี่สะใภ้แล้วอย่าลืมสิ ขืนแกกล้าไปรับรักคนอื่นนะฉันเลิกคบแกแน่”



“ ก็ดูพี่ชายแกสิทำกับฉันไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยสักนิด ถึงแม้จะคุยกันได้มากขึ้นแต่ยังไงเขาคงไม่เปลี่ยนความคิดในการมองฉันหรอก” ลมหายใจถูกถอนออกอย่างเหนื่อยหน่าย ความพยายามของนนท์จะเสียเปล่าหรือไม่นะ


“ แต่พี่ชายฉันก็ไม่มีแฟนสักหน่อยนี่ ในบรรดาคนที่เข้ามาทั้งหมด แกนับว่าใกล้เขาที่สุดแล้วนะ อุตส่าห์สู้มาตั้งหนึ่งปีนี่แกจะยอมล้มง่ายๆเหรอ” กิ่งกล่าวให้กำลังใจ เพราะไม่อยากให้เพื่อนสนิทที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตล้มเลิกไปง่ายดาย


“ ใช่สิฉันจะล้มเลิกไม่ได้” นนท์ยิ้มให้ รับการต่อสู้ที่เพิ่งเดินมาได้ไม่เท่าไหร่ เขาจะแพ้ไม่ได้..


“ ต้องอย่างนี้สิ”


**

กลับมาบ้านสองคนก็ทานข้าวเย็นกันพร้อมเพรียง ก่อนที่คุณแก้วจะเดินเลี่ยงขึ้นห้องไปปล่อยให้สองเพื่อนสนิทอยู่กันตามลำพังภายในห้องนั่งเล่น


“ น้าแก้วเป็นอะไรเปล่าวะกิ่ง..ดูท่านแปลกๆไป”


“ ไม่รู้สิ..เดี๋ยวฉันลองไปถามแม่ละกัน” กิ่งส่ายหน้าอย่างไม่รู้ เสนอว่าตนจะไปถามมารดาเอง จากนั้นก็ลุกพาร่างเพรียวลมเลาะไปยังห้องของคุณแก้วโดยไว

“ แม่คะ หลับหรือยัง” หญิงสาวเคาะประตูบวกคำถาม


“ ยังจ้ะ” นางตอบ



“ งั้นกิ่งเข้าไปนะ” หญิงสาวบอกก่อนจะเปิดประตูเข้าไป เปิดมาก็เห็นมารดากำลังนั่งดูอะไรบางอย่างบนเตียงนอน ดูสีหน้าไม่ค่อยจะปกตินัก


“ มีอะไรหรือเปล่าคะแม่”


“ เปล่าหรอกที่บริษัทมีปัญหานิดหน่อย..” นางบอกปัด ไม่อยากเพิ่มความกังวลให้ลูกสาวอีกคน แต่เธอก็ดูออกว่ามารดากำลังปิดบังความจริงอยู่


“ แม่โกหกไม่เก่งเลยนะ”


“ ความจริงเพราะพิษเศรษฐกิจและคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นมากในตอนนี้เลยทำให้ยอดขายเราลดลง ต้องเร่งวางแผนการตลาดใหม่.” ในที่สุดก็ยอมเอ่ยปากบอกความจริง

“ แสดงว่าต้องใช้เงินเยอะสิคะ” กิ่งคาดเดา..


“ ใช่ ...แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรเรื่องเงินแล้วล่ะ น้านันเขายินดีจะให้เรายืมมาหมุนเวียนก่อน” นางยอมบอกความลับลำดับต่อมา


“ เหรอคะ แสดงว่าน้านันต้องไว้ใจแม่มากล่ะสิถึงได้ยอมให้ยืมเงินจำนวนเยอะขนาดนั้น”


“ อืม แต่เรื่องนี้ห้ามบอกให้ใครรู้เด็ดขาดเลยนะ เดี๋ยวสองคนนั้นจะสงสัยเราเอาได้” มารดาเอ่ยกำชับ เรื่องความรักที่จัดวางต้องอยู่เหนือทุกอย่างสิ


วันนี้คุณแก้วเข้าบริษัทมาตั้งแต่เช้าก็เพื่อมาหาลูกชายสุดที่รัก

“ นี่เงินห้าล้านบาทแม่โอนเข้าบัญชีของบริษัทแล้วนะ” นางยื่นใบรับฝากที่รับจากธนาคารให้ลูกชายซึ่งนั่งหน้าเครียดรับไป


“ นี่แม่พูดจริงเหรอ ตอนแรกผมนึกว่าแม่จะพูดเล่นเสียอีก” เขาไม่อยากเชื่อว่าเวลาหนึ่งสัปดาห์
มารดาจะสามารถหาเงินจำนวนมากได้ขนาดนี้


“ แม่บอกแล้วว่าบริษัทเราต้องผ่านพ้นไปให้ได้ แต่เงินนี่ต้องใช้อย่างระวังล่ะรอดูยอดขายอีกสักสามสี่ปักษ์หากมันยังไม่กระเตื้องถึงวางแผนการตลาดใหม่ บางทีเงินก็ไม่ใช่คำตอบของการทำให้ยอดขายของเราเพิ่มขึ้นหรอกนะ” มารดาใช้ประสบการณ์ยาวนานในการทำงานเตือนสติลูกชาย


“ครับแม่ผมจะอดทนรอดูยอดขายอีกสักสี่ปักษ์ เผื่อว่าจะจับทิศทางได้บ้างว่าควรวางแผนไปทางไหนดี” เขาเห็นด้วยกับความคิดของมารดา อย่างไรเสียนางก็อาบน้ำร้อนมาก่อน


“ ว่าแต่เงินมากมายขนาดนี้แม่เอามาจากไหนเหรอ” ชายหนุ่มอดที่จะถามถึงแหล่งเงินไม่ได้ นางยิ้มให้แต่ก็ไม่ยอมบอกความจริง


“ มีคนเขาอยากช่วยบริษัทของเรา แม่แค่ขอยืมมาหมุนเวียนก่อนเท่านั้น”


“ แสดงว่าเราก็ต้องรีบใช้เขาสิครับ”

“ไม่หรอกลูกจัดการงานของลูกไปได้อย่างสบายใจเลยไม่ต้องกังวล คนคนนี้เขาไม่รีบเร่งเพราะเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ เขาอยากให้บริษัทของเรารอด..”

“ ไม่น่าเชื่อนะครับว่าจะมีคนอย่างนี้ในโลก คนที่ช่วยเหลือคนอื่นแถมยังให้เรายืมเงินตั้งหลายล้านโดยไม่เร่งวันให้เราคืนอีก”ชายหนุ่มอดแปลกใจไม่ได้

“ จ้ะเขาเป็นคนดีจริง ใช่วันนี้ลูกรีบกลับบ้านหน่อยนะ”

“ ทำไมเหรอครับปกติวันศุกร์ผมก็กลับบ้านอยู่แล้ว ให้กลับเร็ววันนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่า” ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างสงสัย

“ เปล่าหรอกวันนี้แม่กับน้องกิ่งจะไปทำธุระสักหน่อยคงกลับบ้านดึกๆ พี่ต้นกลับไปอยู่เพื่อนน้องหน่อยนะ ให้เขาอยู่บ้านคนเดียวแม่ไม่ค่อยวางใจ” คำว่าน้องในที่นี่เขารู้ดีว่านางหมายถึงใคร

“ คือ..”

“ เอาเถอะนะ ดูแลน้องหน่อยถ้าไม่ติดธุระแม่คงไม่ปล่อยให้น้องเขาอยู่บ้านคนเดียวหรอก” นางรีบชิงบอกเพื่อปิดประเด็น


“ ก็ได้ครับแม่”ชายหนุ่มยอมรับปาก ไหนๆเรื่องที่เขากังวลมาตลอดสัปดาห์ก็ถูกมารดาขจัดออกให้แล้ววันนี้กลับบ้านเร็วหน่อยก็น่าจะดี


“ งั้นแม่ไปก่อนนะ” นางโบกมือเยี่ยงวัยรุ่น แล้วเดินโฉบออกจากสำนักพิมพ์อย่างปราดเปรียว
ใครจะเชื่อล่ะว่าหญิงวัยกลางคนที่เดินออกไปบัดนี้วัยล่วงเลยถึงเลขห้าแล้ว ยิ่งอายุเยอะนางยิ่งดูเด็กลงไอ้ผมทรงสั้นที่ไปตัดมาเมื่อปีก่อนก็ยังคงเหมือนเดิม พอมันเริ่มยาวนางก็ให้ช่างซอยออกให้สั้นเหมือนเดิม เพราะมีเพื่อนๆทักกันว่าทรงนี้ดูเด็กลงเยอะนางเลยติดใจตัดมาตลอด



ชายหนุ่มกลับมาบ้านเร็วตามคำสั่งของมารดา เขาเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นอาหารเตรียมไว้อย่างเรียบร้อยแล้วก็แปลกใจ เพราะมารดาบอกว่าจะไปทำธุระไม่ใช่เหรอแล้วใครทำอาหารล่ะ ชายหนุ่มเดินตามเสียงเข้าไปในครัวก็แทบไม่เชื่อสายตาว่าคนที่กำลังจับตะหลิวผัดผักอย่างคล่องแคล่ว จะเป็นคนเคยหัวฟู..คนที่เขาสบประมาทไว้เมื่อปีก่อน


เขาเดินมาหยุดที่ข้างหลังของนนท์โดยไม่ส่งเสียงทักทายเลยสักนิด อยากจะดูสิว่านนท์จะคล่องจริงอย่างที่เห็นหรือเปล่า สมัยนี้พวกสวยแต่รูปจูบไม่หอมก็มีเยอะจะตายไป ท่าทางคล่องแคล่วไม่ใช่เครื่องการันตีว่าอาหารจะอร่อยสักหน่อย


“ เฮ้ย” คนตัวบางภายใต้ผ้ากันเปื้อนลายลูกไม้ที่กำลังจะหันหลังไปหยิบจานซึ่งวางไว้ในชั้นข้างๆ ชนเข้ากับร่างของเขาอย่างจัง เพราะไม่รู้มาก่อนว่าชายหนุ่มจะมาหยุดยืนอยู่



นนท์เซไปคนละทางกับด้านที่ชนเพราะสิ่งที่ชนดูมั่นคงเหมือนพ่อยักษ์ปักหลั่น ร่างที่บางกว่าเลยต้องเซไปตามระเบียบ ชายหนุ่มเอื้อมคว้าร่างนั้นไม่ให้ล้มลงแล้วดึงร่างของนนท์เข้ามา ด้วยแรงที่มีมากเลยทำให้คนที่ถูกช่วยเหลือชนเข้ากับร่างเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้มีมือแข็งแรงโอบรับไว้ร่างเพรียวจึงไม่ล้มลงไปอีก หน้าหวานๆจมอยู่ที่อกของเขาเช่นเมื่อครั้งก่อนทุกอย่างเหมือนกับเหตุการณ์วันนั้นไม่มีผิด เหมือนกันมากแม้กระทั่งกลิ่นหอมจากชายหนุ่มก็ยังคงเป็นกลิ่นเดียวกัน



“ เป็นอะไรหรือเปล่า...ซุ่มซ่ามจริงๆ” ชายหนุ่มคลายมือออกปล่อยให้นนท์เป็นอิสระ นนท์ยังคงงงๆแต่ก็พยายามรวบรวมสติแล้วกลับไปตักผัดผักใส่จาน


“ มาไม่ให้สุ้มให้เสียงนนท์จะรู้ไหมล่ะ” พ่อครัวหน้าสวยค่อนขอดเขาเล็กน้อยไม่ได้จริงจัง


“ ก็ใครใช้ให้นายไม่หัดดูซ้ายดูขวาล่ะคุณหนู ชนพี่จนอกแทบหัก” ชายหนุ่มหมายถึงกระดูกหน้าอกไม่ใช่อกหักอย่างนั้น แต่ก็รู้ตัวว่าเขาพลาดปากไปแล้ว


“ หลีกสินนท์จะยกออกไปแล้ว”


“ เชิญคุณหนู” ชายหนุ่มผายมือแล้วหลีกทางให้นนท์เดินออกไปจากครัวโดยดี ร่างโปร่งเหลือบมองด้วยหางตาแล้วเดินออกไป ชายหนุ่มเดินตามหลังเขาไปติดๆ แล้วนั่งลงประจำที่ของตน


ชายหนุ่มยังลังเลที่จะทานอาหารฝีมือนนท์ดีหรือไม่ เคยรู้ฤทธิ์มาตั้งหลายครั้งแล้วว่าแทบจะต้องคายทิ้งทันทีที่ต้องลิ้น แต่สภาพวันนี้ดูดีจนไม่น่าเชื่อ ชายหนุ่มแข็งใจตักอาหารเข้าปาก...และความกังวลทั้งหมดก็คลายไป หากไม่เห็นกับตาคงไม่เชื่อหรอกว่านนท์ทำเองทั้งหมดนี้


“ อึ้งไปเลยละสิ” คนผมสีอ่อนบอกเสียงใส



“ คงจะอย่างนั้น” ชายหนุ่มรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย ช่างน่าหมั่นไส้เสียจริงคนบ้าอะไร รู้ทั้งรู้ว่าใกล้จะแพ้พนันแล้ว แต่ก็ยังวางหน้าปกติไม่รู้ร้อนหนาวคิดแล้วช่างน่า....


“ อย่าลืมสัญญาล่ะ” แล้วนนท์ก็รีบทวงถามทันที


“ สัญญาอะไร” ชายหนุ่มตักอาหารเข้าปากต่อ ถามออกไปโดยไม่มองหน้าอีกฝ่ายเลยสักนิด นนท์ถึงกับกำมือแน่นในท่าทางเมินเฉยของเขา


“ อย่าลืมล่ะนนท์ได้ตบหน้าพี่สองทีแน่ ทุกอย่างกำลังจะสำเร็จ...”


“ ขอให้จริงเถอะ” เขาไม่ได้กลัวคำขู่ของนนท์เลย เพราะเขายังไม่รู้หรอกว่าอดีตพ่อคนสมองขี้เลื่อยบัดนี้กลายเป็นนักศึกษาเรียนดีคนหนึ่งของคณะไปแล้ว


‘ คนบ้าไม่รู้จักสะทกสะท้านบ้างเลยนะ คอยดูนะนนท์จะตบหน้าพี่ให้แดงเป็นแถบๆไปเลย คอยดูสิว่าจะไปทำงานได้ไหม ให้รู้กันทั่วไปเรื่อยว่าโดนนนท์ตบ’ ความหมั่นไส้ที่มีต่อชายหนุ่มข้างกายเหมือนจะมากล้นพ้นทวีไปอีกระดับหนึ่งแล้ว เพราะท่าทางเฉยๆไม่แสดงอารมณ์นี่แหละบางทีก็ทำให้เขาดูยโสไม่เห็นหัวใคร นนท์เกลียดสายตาว่างเปล่าที่มักเห็นเขาทอดออกมาเสียจริง มันเป็นสายตาที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเขากำลังคิดอ่านอะไรอยู่

“ เป็นอะไรทำไมไม่กินล่ะ” เขาออกปากถามอย่างสงสัย เห็นท่ากำช้อนแน่นหนาแถมดวงตาดุจมีเพลิงแค้นลุกโชนก็รู้ดีว่านนท์คงหาทางแก้เผ็ดเขาอย่างแน่นอน

“ เปล่าหรอก” นนท์กัดฟันตอบ

“ แล้วแม่จะกลับกี่โมง รู้หรือเปล่า”

“ นนท์ไม่รู้หรอกแต่เห็นกิ่งบอกว่าบางทีอาจจะกลับดึกๆหน่อย นนท์สงสัยจริงๆว่าสองคนนั้นเขาเยี่ยมญาติทางฝ่ายพ่อพี่ไม่ใช่เหรอ ทำไมพี่ไม่ไปด้วยล่ะ” ชายร่างบางซักถาม


“ ญาติทางคุณพ่อเหรอ ..”ชายหนุ่มนิ่งงันใช้ความคิด เท่าที่จำได้ญาติทางฝั่งบิดาก็ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดกันหมดแล้ว แถมแต่ละจังหวัดก็อยู่ไกลครึ่งค่อนประเทศแล้วมารดาจะไปเยี่ยมใครนะ


“ ใช่เห็นบอกว่าสำคัญมากนนท์ก็ไม่รู้หรอก วันก่อนเห็นบอกว่าจะไปตอนวันเสาร์กัน อยู่มาเปลี่ยนเป็นวันนี้เฉยเลย” นนท์ยังเปรยต่ออย่างสงสัย แล้วเลิกสนใจในที่สุดหันไปทานข้าวต่อ

แต่แล้วสิ่งที่สองหนุ่มไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น .ฝนที่ไร้เค้าลางเทกระหน่ำอย่างหนัก !



ตกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยมากก่อน ทั้งที่ก่อนหน้านี้อากาศยังสดใสไร้เงาเมฆเงาฝนเลยสักนิด
ชายหนุ่มที่นึกขึ้นได้ว่าตากผ้าไว้หลังบ้านรีบวางช้อนในมือตรงดิ่งไปเก็บผ้าทันที ต้นเห็นดังนั้นเลยวิ่งไปช่วยอีกคนเก็บโชคยังดีที่มีกันสาดบังไว้เลยทำให้ผ้าไม่ค่อยเปียก


“ฝนบ้าจะตกก็ไม่ส่อเค้าให้รู้เลย จะได้เตรียมตัวเก็บไว้ก่อน ถ้านนท์นึกไม่ออกมีหวังผ้าไปเปียกกันไปทั้งราวแน่นอน” คนตาเรียวสบถบ่นฟ้าฝน หารู้หรอกว่ามันกำลังเป็นใจให้สองคนได้เข้าใกล้กันมากกว่าเดิม


“ มีอย่างที่ไหนพูดกับท้องฟ้าก็ได้ด้วย นายนี่อาการหนักเอาการจริงเลยนะ” ชายหนุ่มที่ยืนหลบฝนข้างๆยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ เพราะส่วนที่ยืนอยู่เป็นลานหลังบ้านไว้ซักล้างระยะทางค่อนข้างห่างจากตัวบ้านไม่น้อย ฝนก็ยังไม่มีเค้าจะหยุด

สองคนที่วิ่งมาเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้เลยต้องยืนหลบฝนภายใต้ลานซัก ที่มีกันสาดยื่นออกมาราวเมตรครึ่ง และดูเหมือนฝนจะยิ่งตกหนักมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก รอบๆข้างทั้งสองแทบมองไม่เห็นอะไรเลยเพราะความหนาแน่นของฝนที่ตกลงมามีมากนัก


“ ดูท่ามันจะไม่หยุดง่ายๆนะ” นนท์เอ่ยขึ้น เพราะชักเริ่มรู้สึกหนาวขึ้นมาแล้ว ทั้งลมทั้งฝน...พัดมาไม่หยุดบางส่วนก็สาดมาโดนทั้งสองปลายๆ แม้จะไม่ใช่ปริมาณมากแต่เพราะยืนอยู่นานเลยทำให้เสื้อผ้าเริ่มชื้น
“ หนาวเหรอ” ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นปากนนท์เริ่มสั่น


“ จะไม่หนาวได้ยังไงล่ะ ลมแรงขนาดนี้แถมยังโดนน้ำอีก” เขาตอบคนอายุมากกว่าไปทั้งที่ปากยังคงสั่น ตัวเริ่มเย็นไปทั้งหมด แม้จะเดินเข้าไปชิดติดผนังแล้วก็ตาม แต่ก็หลบไม่พ้นอยู่ดีมือที่กุมตะกร้าผ้าอยู่เริ่มสั่นตามไป


“ เอาตะกร้ามานี่” เขาบอกพร้อมทั้งดึงมันออกไปจากมือของนนท์


“ มือเย็นมากเลยนี่” เขาตกใจเมื่อมือของเขาได้สัมผัสกับมือคนถือตะกร้า ... เขาวางตะกร้าในมือลงแล้วหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ขึ้นมาคลุมร่างของนนท์ไว้


“ เป็นไงบ้าง...”


“ ขอบคุณครับ” นนท์บอกเสียงอ่อนยิ่งนานก็ยิ่งหนาว ชายหนุ่มมองอีกคนอย่างสงสารเลยเดินมายืนตรงหน้า แล้วดันร่างนั้นให้เข้ามาชิดกับเขา ( กรี๊ด.....พี่ต้นของหนู..)


“ ทำอะไร...” นนท์ไม่มีแรงแม้แต่จะพูดห้าม เขาดึงมือของคนตรงหน้าให้เข้ามากอดร่างของเขาภายใต้เสื้อสูท กดหน้าหวานๆให้จมลงกับอกแกร่งแล้วดึงสูทที่เขาใส่มาปิดหน้าของนนท์เอาไว้ มือแกร่งๆค่อยลูบหลังของคนตัวบางเบาๆเพื่อไล่ความหนาว ... ( โรแมนติกมาก..พี่ต้น..)



นี่แหละน่าสิ่งที่นนท์ยืนบ่นอยู่เมื่อกี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ดึงเขาให้ใกล้กับพี่ต้นมากขึ้นกว่าเดิม

...
“ดีขึ้นไหม..” เขาเองก็ไม่ค่อยกล้าจะพูดสักเท่าไหร่ ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงได้ทำอะไรอย่างนั้นลงไป คิดแล้วก็เขินตัวเองอยู่เหมือนกัน เหมือนว่าตอนนั้นสติพร่ามัวความรู้สึกเท่านั้นที่มีอำนาจ อำนาจที่สั่งให้เขาดึงร่างอีกคนเข้ามากอดไล่ความหนาว ส่งต่อความอบอุ่นที่มีให้นนท์ไป


“ ครับ” นนท์พยักหน้ารับ ในใจก็เต้นระรัวแทบล้นออกจากอก..ใกล้กันมากที่สุด กลิ่นหอมจากกายหนั่นหนาดูจะเป็นเอกลักษณ์ตราลงในทุกความรู้สึก..


“ ทีหน้าทีหลังก็เอาร่มมาวางไว้ตรงนี้สักคันดีกว่า เผื่อวันหลังฝนตกอีกจะได้กลับเข้าบ้านไปได้” เขาบอกเสียงอ่อน หารู้หรอกว่าตอนนี้ยังมีสายตาอีกสองคู่จับจ้องอย่างเป็นสุข

มารดากับลูกสาวสุดสวยหันมาตีมือกันอย่างดีใจ


“ สำเร็จ..” คุณแก้วที่แอบซุ่มอยู่บ้านข้างๆ บอกอย่างสุขใจ นางอุตส่าห์ไปขอร้องให้เพื่อนข้างบ้านช่วยอำนวยความสะดวกแถมยังดักซุ่มเพื่อปฏิบัติการตอนกลางคืน แต่เหตุการณ์ฟ้าฝนก็เป็นใจเสียก่อนเลยทำให้นางและลูกสาวได้เห็นภาพที่รอคอยมานาน


กว่าฝนจะยอมหยุดตกทั้งคู่ก็ต้องยืนรออยู่เกือบยี่สิบนาที สายฝนเริ่มขาดเม็ดลง..พาร่างของสองหนุ่มก้าวเข้าไปภายใน..ต้นเลือกผ้าขนหนูอีกผืนแล้วส่งให้กับคนหน้าหวาน ..


“ ขอบคุณครับ..”


“ รีบไปอาบน้ำเสียก่อนสิ เดี๋ยวจะเป็นไข้เอาได้หรอก และอย่าลืมเช็ดผมให้แห้งละเดี๋ยวปวดบวมได้ขึ้นตัวหรอก..” คำสั่งดูนุ่มนวลและอ่อนโยนกว่าทุกทีที่เขาเคยพูด นนท์ยิ้มรับแล้วรีบเดินขึ้นไปอาบน้ำตามคำสั่งของเขาทันที


คนร่างขาวเพ่งพิศตัวเองในกระจกห้องน้ำแล้วยิ้มให้ด้วยความสุข กลิ่นหอมในวันนี้มันใกล้และยาวนานกว่าทุกวัน เขาคงไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วตอนหลังที่ตัวนนท์สั่นไม่ใช่เพราะความหนาว แต่มันมาจากแรงสูบฉีดของเลือดภายในกายทั้งสิ้น หากฝนไม่ตกหนักจนกลบทุกสรรพเสียง เขาคงได้ยินเสียงหัวใจของนนท์ที่เต้นแรงไม่เป็นจังหวะเข้าแล้วล่ะ


“ วันนี้พี่น่ารักมากเลยนะ” นนท์เปรยกับตัวเองเสียงใส ..อกกว้างที่อิงแอบเมื่อไหร่กันหนา..แรงบีบภายในจะเปล่งเสียงเป็นชื่อของนนท์...แต่เขาก็ไม่กล้าจะหวังอะไรมาก มีหรือที่นนท์จะลืมใครคนนั้น ใครผู้ที่ทำให้ต้นเลือกจะจบชีวิตตัวเองริมทะเล ..


“ แพท” ชื่อนี้ยังคงจำตรึงติดในห้วงคิดของนนท์ไม่คลาย


“ ช่างเถอะอย่าคิดมากเลยนนท์ ยังไงนายก็ต้องสู้สิ ! จะมาคิดบั่นทอนความเชื่อมั่นของตัวเองได้ยังล่ะ” เขาส่ายศีรษะไปมาเติมกำลังใจให้ตัวเอง


เวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงค่ำ ฝนที่ดูท่าจะสงบลงไปเมื่อตอนเย็นกลับมาเทกระหน่ำอีกครั้ง แถมครั้งนี้ยังรุนแรงกว่าเก่าอีกด้วย

ฟ้าร้องโครมครามจนทำให้ร่างเพรียวลมไม่อาจข่มตาลงได้ ด้วยเพราะโรคกลัวผีที่มีมาตั้งแต่เด็กเลยทำให้เขาค่อนข้างกลัวขึ้นสมอง แถมบรรยากาศยังสุดสยองเป็นใจ .


..รอบกายๆในขณะนี้ เหมือนฉากหนึ่งของละครผีที่เคยดูเป๊ะเลย เขาเริ่มใจฟุ้งซ่านคิดโน้นคิดนี้ เสียงลมที่ลอดมาทางช่องหน้าต่างเป็นสิ่งที่กวนใจนนท์ที่สุด เขายังคงกล้าๆกลัวๆใจหนึ่งก็อยากจะเดินไปปิด แต่อีกใจก็เกรงว่าจะเห็นอะไรเข้าให้


“ เอาเถอะนนท์ ดีกว่านายต้องมานอนทนฟังอยู่อย่างนี้นะ” เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดก่อนจะพูดดังๆเพื่อเติมกำลังใจให้ตัวเอง.. ร่างบางลุกขึ้นเดินตรงไปที่หน้าต่างแต่ก็ยกมือข้างหนึ่งมาปิดตาไว้ พอให้มีระยะห่างของนิ้วสำหรับการมองเห็น แต่นนท์คิดเหรอว่าทำอย่างนี้แล้วจะหลบได้พ้น ตอนที่มือของเขายื่นไปปิดหน้าต่างก็เหลือบเห็นบางอย่างเข้าจนได้


“ อะไรน่ะ” เสียงพึมพำกับตัวเองดังขึ้นเพราะเห็นเงาบางอย่างวูบไหวไปมาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน
ทำให้ต้องเปิดตามองให้ถนัดขึ้น ภาพของร่างใครบางคนในชุดสีมัวลอยมาใกล้เขารวดเร็ว !! ...เท่านั้นแหละชายหนุ่มหน้าสวยก็วิ่งป่าราบ ร้องเสียงดังลั่นบ้าน หารู้ไม่ว่า...


“ สำเร็จ” ลูกสาวคนสวยที่ยืนชักรอกชั่วคราวซึ่งห้อยตุ๊กตาเด็กเล่นตัวใหญ่สวมชุดสีมัวทั้งตัว หันมายิ้มให้กับมารดาที่ช่วยกำกับทิศทางอยู่ข้างๆ นางอุตส่าห์สั่งคนให้มาผูกเชือกห้อยตั้งแต่ตอนสาย มาถึงหัวค่ำถึงได้ใช้และเหมือนจะสำเร็จด้วย จากนั้นนางก็ส่งกรรไกรให้ลูกสาวเพื่อเก็บหลักฐานทั้งหมด...ขืนนนท์รู้ว่าสองคนแม่ลูกแอบรวมหัวกันแกล้งเขา ชายหนุ่มคงได้โกรธแน่นอน


เพราะอยากได้นนท์เข้ามาร่วมใช้นามสกุลวรโชติมากสภาพสองคนแม่ลูกยามนี้จึงออกจะเละเทะน่าดู ฝนตกหนักแม้จะสร้างความหนาวสั่นและเปียกปอนแต่เพื่องานใหญ่ สองสาวต่างวัยไม่ย่อท้อ...เสร็จงานก็รีบหอบสังขารวิ่งข้ามรั้วเตี้ยไปยังบ้านข้างๆทันที
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 11-07-2009 10:36:18
เป็นสองแม่ลูกจอมวางแผนกันจริง ๆ เลยนะเนี่ย

ถ้าเกิดทำไปแล้วไม่ได้กันจริง ๆ

คงเสียใจแย่เลยเนอะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: kom-kamol ที่ 11-07-2009 10:41:32
อ่านแล้ว..ชอบมาก ขอบคุณนะครับสำหรับนิยายดีๆ  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 11-07-2009 11:40:14
แม่ลูกคู่นี้ไม่ไหวเลย สุดยอด  :z2:
แล้วตอนต่อไปจะมีฉาก นนท์ตกใจเข้าไปกอดพี่ต้น  :z3:

อ๊ากกก ละครไทย  :z10:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-07-2009 19:27:01
น้าแก้วกับกิ่งนี่เอาโล่ไปเลยดีกว่า  :m20:
แล้วแบบนี้นนท์จะพ้นจากการเป็นลูกสะใภ้บ้านนี้ได้ไง
 :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 11-07-2009 20:30:14
 :a5: อยากได้ลูกสะใภ้ขนาดนั้น  o22
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: nune ที่ 11-07-2009 20:48:35
แม่แก้ว น้องกิ่ง สมกับเป็นแม่ลูกกันจริงๆ จอมวางแผนทั้งคู่  o22
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 12-07-2009 11:23:40
จอมวางแผนจริงๆเลย 2 แม่ลูกคู่เนี้ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 12-07-2009 20:53:00
ส่วนใหญ่ในฟิคแต่ละเรื่อง จะมีแฟนคลับไม่นายเอกก้อพระเอกที่จะเยอะที่สุด

แต่ทำไมเรื่องนี้มีแต่แฟนคลับแม่แก้วกับกิ่งอ่ะ รู้นะคิดอะไรอยู่ 55555
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 12-07-2009 21:00:48
ส่วนใหญ่ในฟิคแต่ละเรื่อง จะมีแฟนคลับไม่นายเอกก้อพระเอกที่จะเยอะที่สุด

แต่ทำไมเรื่องนี้มีแต่แฟนคลับแม่แก้วกับกิ่งอ่ะ รู้นะคิดอะไรอยู่ 55555
ป๊าวววววว (ทำเสียงสูง) ไม่ได้คิด แต่ถ้ากลัวคนคิด จงเอาตอนที่ 10 มาซะนะ
 :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 12-07-2009 21:15:09
ตอน 10

นนท์วิ่งไปไม่มีจุดหมาย เห็นห้องกิ่งก็ตรงไปเคาะอย่างลืมตัว ทุกอย่างเหมือนพร่ามัวไปหมด พร่าจนลืมไปจริงๆว่ากิ่งไม่ได้อยู่บ้าน ก็มันเป็นเรื่องที่นนท์กลัวที่สุดนี่ จะให้มาวางท่ามีสตินนท์ทำไม่ได้หรอกจากนั้นก็วิ่งไปเคาะห้องคุณแก้วตามด้วยห้องของพี่ต้นตามลำดับ


เจ้าของห้องเดินมาเปิดประตู...


“ พี่ต้นดีใจจังเลย..” เมื่อเห็นว่ายังมีอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ใกล้ๆ .นนท์จึงดึใจอย่างมากโผกระโดดเข้ากอดเขาตัวสั่น ชายหนุ่มมองอย่างแปลกใจ รู้เพียงแต่น้องสติชข้างหน้ากำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่างอยู่ และมันคง

“มีอะไรใจเย็นๆ” เขาพยายามเรียกสติให้กับนนท์


“ ผีๆ นนท์เห็นผี” ภาพหุ่นห้อยไปมาท่ามกลางม่านฝน ทำให้เขาคิดได้อย่างเดียวว่าต้องไม่ใช่มนุษย์ เห็นเท่านั้นก็ไม่มีใจจะยืนดูต่อให้แน่ใจอีกแล้วแหละ ใครเห็นก็ต้องคิดอย่างคนขี้กลัวทั้งสิ้น ไม่มีทางคิดหรอกว่าจะมีใครกำลังเล่นตลกอยู่


“ ผีที่ไหนอะไรของนายนี่”

“ ผีจริงๆนนท์ไม่ได้โกหก” เขายืนยันหนักแน่น ว่าสิ่งที่ประสบมาไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เล่าไปน้ำตาก็ไหลไป เขาเลยพาคนหวาดกลัวไปนั่งพักที่เตียงใหญ่หวังให้ คนตัวบางได้คลายจากความกลัวที่เกาะกินอยู่ในขณะนี้

“ ตาฝาดหรือเปล่าคุณหนู”

“ ตาฝาดบ้าอะไรนนท์บอกแล้วว่านนท์เห็นจริงนะไม่โกหก นนท์เห็นมากับสองตาของนนท์เองเลย”


“ ผีก็ผีแล้วไงล่ะ หายกลัวหรือยัง” ชายหนุ่มเลิกต่อปากต่อคำ แล้วหันไปถามความรู้สึกในตอนนี้ของอีกคนข้างกาย ใครจะนึกล่ะว่านนท์ยังเป็นโรคกลัวผีจนถึงทุกวันนี้

“ ดีแล้ว”

“ งั้นก็กลับห้องได้แล้วพี่จะทำงานต่อแล้ว” ชายหนุ่มบอกเสียงราบ คนฟังถึงกับตาค้างที่เขาบอกให้นนท์กลับไปนอนในห้องที่เพิ่งเห็นภาพเหล่านั้นมา คนหน้าหวานส่ายหน้าไปมาแรงๆย้ำชัดว่าไม่กลับไปนอนในห้องนั้นแน่

“ แล้วจะเอาไง”

“ ให้นนท์นอนด้วยนะ นนท์ไม่ไหวจริงๆ ไว้พรุ่งนี้กิ่งกลับมาแล้วนนท์จะไปนอนกับเขา” ชายหนุ่มอ้อนวอนเสียงใส แถมยังยื่นมือไปเกาะแขนเขาไว้แน่นเอาเป็นว่าถ้าเขาไม่ยอม นนท์ก็ไม่ปล่อยเหมือนกัน เรื่องอะไรล่ะที่ต้องกลับไปนอนในห้องผีสิงห้องนั้นลำพัง ในบ้านมีเขาเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวยังไงนนท์ก็ขอพึ่งพิงเขาไปทั้งคืน

“ ตามใจ” เขายอมในที่สุดแล้วเดินไปหยิบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค กลับมาทำงานที่เตียงเช่นเมื่อครู่ นนท์ยิ้มอย่างดีใจ ในที่สุดที่พึ่งก็ยอมอ่อนให้เขา มีพี่ต้นอยู่ข้างๆเขาไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด ชายหนุ่มเอนหลังลงไปพิงกับขอบเตียงเล็กน้อย คิดแล้วก็ใจหายจริงๆ

ทำไมมันต้องมาเลือกหลอกวันที่บ้านทั้งหลังมีเพียงเขากับพี่ต้นด้วยล่ะ คิดไปก็เหลือบมองอีกฝ่ายทำงานไปด้วย


‘ พี่นี่ช่างบ้างานจริงๆเลยนะ ทำได้ทั้งวันทั้งคืนวันเสาร์ก็ยังทำอีกรับรองบริษัทต้องก้าวหน้าอย่างแน่นอนนนท์รับรองได้’ คำชื่นชมดังขึ้นในใจ ไม่กล้าจะส่งเสียงรบกวนเขาหรอก แค่นี้ก็ถือว่าเขายอมนนท์มามากพอแล้ว ดวงตาคู่เรียวค่อยๆพริ้มลงเรื่อยๆความหนักอึ้งเข้ามาถ่วงหน่วยตาให้หยุดนิ่งและหลับไปในที่สุด คนกึ่งเอนกึ่งนั่งค่อยๆล้มไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ศีรษะของคนหน้าสวยโอนไปชิดติดไหล่ของเขาที่กำลังนั่งทำงานอยู่ข้างๆ



“ ..” ชายหนุ่มนึกว่าคนข้างกายกำลังจะแกล้งเขาอีก เลยตั้งท่าจะดุแต่เมื่อเห็นว่าหลับไปเลยไม่ได้ว่าอะไร ชายหนุ่มวางคอมพิวเตอร์ในมือลงกับเตียง แล้วเลื่อนร่างของนนท์ให้นอนลงอย่างเบามือ เพราะไม่อยากให้ตื่นขึ้น


จากนั้นก็กลับไปสนใจงานในมือต่อ สายตาคมกริบเหลือบแลคนนอนหลับเป็นบางช่วง...

“ นายนี่นะ” เขาอดยิ้มกับเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนไม่ได้ หน้านนท์ดูตื่นมากจนน่าตกใจแถมเหงื่อออกมาแทบจะท่วมร่าง ...ถ้าไม่รู้สาเหตุจากปากมาก่อนเขาคงคิดว่า นนท์เพิ่งผ่านศึกวิ่งมาราธอนประจำปีมาแน่



“ ...” แสงไฟถูกหรี่ลงจนมืด ภายใต้ความเงียบมีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคน กลิ่นหอมอ่อนๆจากยาสระผมที่นนท์ใช้ลอยติดชิดจมูกของเขาราวกับจะฝังตรึงกลิ่นนี้ในทุกห้วงลมหายใจ


นนท์เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาทั้งที่ฟ้ายังไม่สว่าง อาจเพราะหนึ่งปีที่ผ่านมา แทบทุกวันเขาเธอตื่นเวลานี้เป็นประจำเลยติดเป็นนิสัย สามารถตื่นได้เองโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกให้ยุ่งยาก เขาลุกขึ้นนั่งอิงขอบเตียงอย่างงัวเงียดวงตายังคงหนักอึ้ง แม้จะนอนมาเต็มอิ่มแล้วก็ตามที


ต้นตื่นขึ้นอาบน้ำก่อนหน้านนท์ตื่นเล็กน้อย เสร็รสรรพชายหนุ่มเจ้าของห้องก็เดินเข้ามาในห้องอย่างปกติด้วยผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว เพราะคิดว่าอีกฝ่ายยังไม่ตื่นเลยไม่ได้ระวัง ต้นเดินตรงดิ่งไปเลือกเสื้อผ้าตรงตู้ใกล้ๆเตียงนอน โดยไม่เห็นว่านนท์ลุกขึ้นมาแล้ว

“เฮ้ย..” คนงัวเงียที่ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องเลยมองตามไป และเห็นชายหนุ่มที่เปลือยท่อนบนยืนเลือกเสื้อผ้าอยู่ใกล้ๆถึงกับร้อง เกิดมาเคยพบเคยเห็นเสียที่ไหนล่ะ ที่สำคัญเป็นพี่ต้น นนท์ยิ่งตกใจเป็นสองเท่า


“ พี่เข้ามาในห้องนนท์ได้ยังไง ไอ้คนลามกนนท์ไม่คิดมาก่อนเลยนะว่าพี่จะเป็นผู้ชายพรรค์นี้” ชายหนุ่มออกโรงโวยวายเสียงดัง เพราะอารามตกใจที่เห็นชายหนุ่มนุ่งผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวเข้ามา มือหนึ่งก็คว้าหมอนที่หนุนนอนเมื่อครู่ปาไปยังชายเจ้าของห้อง


“ ตั้งสติแล้วดูให้ดีเสียก่อนคุณหนู” เขาหยิบเสื้อยืดตัวเก่งมาสวมโดยไม่สะทกสะท้าน ยังคงแต่งตัวไปอย่างปกติก็นี่มันห้องของเขา จะทำอะไรก็ได้...นนท์นั้นแหละเป็นผู้รุกล้ำอาณาเขตเข้ามา แถมยังมาส่งเสียงโวยวายโหวกเหวก ถ้าคนอื่นเข้ามาเห็นตอนนี้จะคิดยังไงกัน...


“ ใช่สินะ นนท์ลืมไป” เขาเริ่มจะนึกขึ้นได้ ก็แสร้งสีหน้าสลด...


“ ทำไมช่วงนี้งานยุ่งมากนักเหรอ นนท์เห็นพี่เครียดหลายวันแล้วนะ” แล้วเขาก็เอ่ยปากถาม สงครามขนาดย่อมเมื่อครู่จบลง

“ ไม่หรอก” เขาบอกปัดเพราะไม่อยากอธิบายให้ยืดยาว ไหนๆก็มีแหล่งเงินทุนเข้ามาจุนเจือแล้ว
ปัญหาก็เท่ากับถูกแก้ไปเปราะหนึ่ง ที่เหลือคือการวางโครงสร้างการตลาดคร่าวๆเท่านั้น

“ อืมใช่ นนท์เพิ่งนึกได้ว่ามีอะไรให้พี่ดู”


“ อะไรล่ะ”


“ รอเดี๋ยวนะ” นนท์ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินกลับไปที่ห้องของตนอย่างเร่งรีบ เพราะรู้ว่าเช้าแล้วความกลัวเลยละหายไปบางส่วน ทำให้กล้าที่จะเดินเข้าไปหยิบของสำคัญบางอย่างที่จะอวดเขา นนท์ดึงแฟ้มสีฟ้าใสที่วางไว้บนโต๊ะแล้วเร่งฝีเท้าออกจากห้องไป ยังไงก็ยังมีอาการเสียวสันหลังอยู่ดี

“ อะไรล่ะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ รับซองแฟ้มสีฟ้าไปดู กระดาษสองแผ่นที่ทางมหาวิทยาลัยส่งมาให้เมื่อวันก่อน

“ ดูเอาเอง...แล้วอย่าลืมสัญญาล่ะ” นนท์ไม่ยอมบอกอยากให้เขาประจักษ์ด้วยตาของเขาเอง มันถึงจะสมควรกับการรอคอยอันยาวนานของนนท์

“ ...” เขาเงียบไปเพียงครู่ ไม่นึกว่ากระดาษในมือจะเป็นใบแสดงผลการเรียนที่ทางมหาวิทยาลัยออกให้ แล้วคนหน้าสวยก็ดึงมันจากมือของเขา แล้วชี้เกรดทั้งสองเทอมที่ผ่านมาให้เขาดู

“ เป็นไง...อึ้งไปเลยล่ะสิ” เสียงพูดอย่างกระหยิ่มใจดังขึ้น

“ เอาอยากตบก็เชิญ” ชายหนุ่มยอมแพ้โดยง่าย เมื่อนนท์พิสูจน์ให้เขาเห็นแล้วว่าสามารถเป็นหนึ่งในทุกด้านที่เขาเคยสบประมาทไว้ได้จริงอย่างที่ประกาศ เขาเลยยอมทำตามสัญญาและจะถอนคำที่เคยปรามาสไว้อีกด้วย


“ เอาไว้ก่อนเถอะ ตอนเย็นนนท์ค่อยทวงก็ได้...เดี๋ยวพี่ก็ต้องไปทำงานอีกขืนมีรอยแดงไป คนคงสงสัยแย่” ชายหนุ่มเก็บผลการเรียนลงแฟ้มแล้วเดินกลับห้องไปอย่างผู้กุมชัยชนะ ใครใช้ให้พี่ต้นท้ายทายเขาเองล่ะไม่รู้เสียแล้วว่ากำลังเล่นกับพ่อคนบ้าพลังอยู่




ต้นออกไปข้างนอกตั้งแต่ตอนเช้า..ปล่อยให้นนท์นั่งเล่นนอนเล่นอยู่ตามลำพัง..พอเริ่มตกเย็นคนตาเรียวก็ลุกขึ้นทำอาหารรออีกฝ่าย ..เสนอเมนูสารพัด..



“ ทำไมกลับบ้านช้าจริง..” นนท์เอ่ยขณะที่ถือตะหลิวเดินมาชะเง้อตรงประตูบ้าน..ผ้ากันเปื้อนลายลูกไม้ ตะหลิวในมือ..พร้อมใบหน้าบูดบึ้ง..


“ เฮ้ย..ทำตัวยังกับเป็นเมียพี่ต้นเลย..ไม่ๆ..บ้าไปแล้วเรา..” ชายหนุ่มส่ายหน้าตัวเองแรง ๆ พอนึกสภาพตัวเองในขณะนี้..ทำยังกับเป็นภรรยาของอีกฝ่าย .. นนท์กลับไปยกอาหารจากครัวมาขึ้นโต๊ะ .โดยเฉพาะไข่พะโล้ของโปรด..น่าแปลกที่อีกคนชอบกินแต่ไข่..แต่ไม่ชอบหมู..( ฮ่าๆ..)



นนท์อุตส่าห์ถามเคล็ดลับมาจากว่าที่แม่ยายเรียบร้อยแล้ว


รับรองต้องถูกปากพี่ต้นเป็นแน่..วันนี้นี่แหละนนท์จะทวงสัญญาจากเขาให้ครบทั้งต้นทั้งดอก หากไม่เพราะใจที่แอบโอนเอียงไปทางเขาจนมากเกินจะรั้งไว้



คนหน้าสวยคงคิดบัญชีกับเขาตั้งนานแล้วล่ะ ...เพราะเขาทำให้นนท์ที่แสนมั่นใจ(ในทางที่คิดว่าถูก แน้วแนว)กลับกลายเป็นคนใหม่.. แม้จะไม่เอะอะโวยวาย ต่อปากเร็วรวด แต่ยังไม่ลดละเลิกได้หรอก..



ดูก็เหมือนชะตาเล่นตลกกับนนท์ ในวันนั้น...วันที่ความมืดโรยตัวไปทั่ว เขาเลือกจะสู้กับความกลัวในใจลงไปช่วยพี่ต้นในทะเล ในวันนั้นเขากับพี่ต้นเหมือนเดินอยู่คนละโลก ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของกันและกัน แต่วันนี้ได้มาอยู่ร่วมชายคาหลังเดียวกันช่างน่าประหลาดใจเสียจริง

ใครบางคนคงลิขิตให้ทั้งเดินมาเจอกัน แต่ไม่รู้ว่าคนคนนั้นจะขีดให้ทั้งสองได้รักกันหรือเปล่านะ หรือนนท์ต้องสานต่อด้วยตัวเธอเอง


“ แม่ยังไม่กลับอีกเหรอ” คำทักทายแรกตั้งขึ้น พร้อมคมหน้าหล่อที่เดินเข้ามา..ชายหนุ่มถอดสูทสีเข้มวางพาดบนเก้าอี้ แล้วนั่งลงตรงข้ามอีกคนที่รอเขาอยู่นานแล้ว


“ ไม่รู้สิ นนท์โทรฯหาทั้งวันยังไม่ติดเลย หรือเพราะเมื่อวานฝนตกหนักเลยทำให้สัญญาณล่มล่ะ” คนหน้าสวยพูดไป ก็ลุกขึ้นตักข้าวใส่จานให้พี่ชายของบ้านไป..จากนั้นก็กลับมานั่งที่ของตน.. วันนี้เขาโทรฯหาสองแม่รู้เกือบร้อยครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งก็...ไม่มีสัญญาณตอบรับจากปลายสาย ..( แล้วแกที่พูดนี่เป็นใครโกหกชัดๆ..) นี่ถ้านนท์รู้ความจริงว่าสองแม่ลูกอยู่ห่างแค่รั้วบ้านกั้นคงอาละวาดบ้านแตก


“ อย่างนั้นเหรอ”



“ เออใช่อย่าบอกนะ.” นนท์พยักหน้ารับ..แต่ก่อนความคิดใดจะผ่านพ้น..หนึ่งความหวาดผวาก็ปรากฏ ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามมองหน้านนท์อย่างแปลกใจ พ่อคนนี้เป็นอะไรไปอีก อยู่ๆก็หน้าซีดอีกแล้ว


“ เป็นอะไรไปอีกล่ะ คุณหนู” มันกลายเป็นสรรพนามติดปากของเขาไปแล้วล่ะมั้ง คำติดปากที่เขามักใช้เรียกประชดนนท์ตอนเด็ก แต่ยามนี้ทุกครั้งที่คุยกัน เขาก็มักใช้ คุณหนู แทนตัวอีกฝ่ายมาตลอด


“ พี่”

“ อะไร”


“ คืนนี้นนท์ขอพึ่งใบบุญพี่อีกนะ ถ้ากิ่งไม่กลับมานนท์ไม่กล้ากลับไปนอนในห้องตัวเองแน่ นะพี่ต้นนะถือว่าสงเคราะห์ลูกนกลูกกาตัวน้อยๆด้วยนะ ” ในที่สุดก็ยอมบอกสิ่งที่ไม่ค่อยกล้าจะเอ่ยออกมา ถ้าคนอื่นมาได้ยินว่า คนเจ้าเสน่ห์อย่างนนท์ขอเข้าไปนอนในห้องต้น ..มีหวังได้ถลากันกระทืบชายหน้านิ่งแล้วล่ะ ..อิจฉาโชคดี แต่ไม่เคยรู้ตัวเลย..พี่ต้นเอ๊ย


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 12-07-2009 21:28:27
แอร๊ก รักตายเลย บอกให้มาต่อก็มา  :z1:
พี่ต้น กะ นนนี่ กิสส นอนกันอีก
2 แม่ลูกจอมแสบยังอาศัยเพื่อนบ้าน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 12-07-2009 21:50:50
“ ที่แท้ก็โรคกลัวผีขึ้นสมองนี่เอง” เขามองอย่างไม่ค่อยสนใจ


“ โธ่ก็นนท์กลัวนี่ พี่ไม่รู้หรอกว่าตอนเด็กๆนนท์เคยเจออะไรมา ภาพมันยังฝังติดตานนท์มาจนถึงทุกวันนี้เลยล่ะ เออใช่...วันนั้นนนท์ก็มานอนที่บ้านพี่นี่แหละ...”

“ ...” เขาเริ่มตั้งใจฟัง


“ ตายแล้ว...เพิ่งนึกออกนะนี่ จริงๆด้วย มันเป็นห้องเดียวกับที่นนท์นอนอยู่ปัจจุบันนี่” ความทรงจำที่ถูกกาลเวลาเก็บกั้นเผยออกมา พร้อมอาการสยองพองขนไปทั้งร่าง


“ อะไรของนายอีก ผีเผอมีที่ไหน”



“ นนท์เห็นจริงๆนะ ตอนเด็กๆ นนท์หลับอยู่บนเตียง แล้วก็มีใครไม่รู้มานั่งอยู่ข้างๆเตียง นั่งกอดเข่าแถมยังร้องไห้น่ากลัวมากเลย พอเข้าไปใกล้ก็เห็นที่เขานั่งมีน้ำอยู่เต็มไปหมด แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้น พี่รู้ไหมว่ามันหน้าเละมาก เป็นอะไรที่น่ากลัวจริงๆ มันต้องเป็นพี่ตัวเดียวกับเมื่อคืนแน่นอน” คนหน้าหวานเริ่มเล่าเสียงสั่น ความกลัวจับเข้าทุกอณูขุมขน


“ เหรอ” เขานิ่งงัน ภาพในสมัยเด็กๆลอยเข้ามาซ้อนทับภาพแล้วภาพเล่า และมาหยุดอยู่ตรงภาพที่เขาใส่ชุดดำสวมหน้ากากผี แถมยังรดน้ำให้ชุ่มไปทั้งตัวเข้าไปแกล้งเด็กน้อยเจ้าปัญหาถึงในห้องนอน ไม่อยากเชื่อว่าเขานี่เองจะเป็นสาเหตุที่ทำให้นนท์เป็นโรคกลัวผีมาจนถึงทุกวันนี้


“ พี่อยู่ที่นี่มันยี่สิบกว่าปีไม่เคยเจอบ้างเหรอ” ....เสียงซู่ซ่าที่ดังจากข้างนอก ปลุกทั้งสองให้รับรู้ว่าสายฝนเทลงมาอีกแล้ว เสียงฟ้าผ่าที่ครืนโครมอยู่นอกบ้านปลุกภาพเก่าลอยเข้ามา..แล้วอยู่ๆลมที่เกิดก็พัดมาแรงกระทบกับประตูส่งเสียงดัง…

“ ปัง”



“เฮ้ย” ชายหนุ่มตาเรียวกระโดดเข้าไปใกล้..แถมยังไปหยุดอยู่บนตักของอีกฝ่ายที่กำลังทำหน้าตกใจเพราะความเร็วแสงที่ไวกว่าสิ่งใดในโลก..นนท์หมดมาดคนเจ้าเสน่ห์ไปในนาทีนี้..


“ คุณหนูจะกลัวอีกนานไหม พี่หนักนะ..” ต้นสะกิดคนที่ทับเขาเบาๆ ก่อนจะเปรยออก ทำให้นนท์ก็ขยับลงไปนั่งเก้าอี้ข้างๆ..ดูความไวสิเมื่อครู่ยังนั่งตรงกันข้าม แต่แค่ประตูกระทบกันไม่ถึงสามวิ..นนท์ก็ปลีกสังขารไปอยู่บนร่างต้นได้อย่างอัศจรรย์..


“ ก็คนมันกลัวนี่..”

“ หืม..” ต้นพยักหน้ารับเล็กน้อย ในความคิดบังเกิดความขบขัน นึกอยากจะแกล้งอีกคนขึ้นมาจับใจ คืนนี้แหละเจอทีเด็ดเขาแน่


“ แค่ลมพัดจะตกใจอะไรนัก คุณหนู”



“ พี่ไม่คิดว่ามันเป็นสัญญาณบ้างเหรอ เราคุยเรื่องผีกันอยู่ดีๆ แล้วฝนก็ตกลงมาแถมยังปิดประตูเสียงดังอีก สงสัยมันจะรู้ว่านนท์กำลังนินทามันอยู่” ต้นถึงกับอึ้งในความช่างชักช่างโยง จินตนาการเป็นเลิศ


“ เอาเถอะ พี่ไปอาบน้ำก่อน” เขาแกะมือของนนท์ที่เกาะไว้ออก แต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอม เรื่องอะไรจะปล่อยให้เขาทิ้งนนท์ไว้คนเดียวล่ะ

“ ไม่นะ นนท์ไม่อยากอยู่คนเดียว”


“ จะตามพี่ไปอาบน้ำไหมล่ะ” เขายกไม้เด็ดมาขู่นึกว่าคนเกาะแขนจะยอมล่าถอย แต่กลับกลายเป็นว่าความกลัวที่ครอบงำจิตใจอยู่ ทำให้ต้องพยักหน้างกๆ


“ บ้าหรือเปล่านี่.. ”
“ ก็นนท์กลัวนี่ ดูสิทุกอย่างเหมือนเมื่อวานเลย นนท์ว่าเดี๋ยวมันต้องเหมือนเมื่อวานแน่นอน” เขาคาดการณ์ต่อ เมื่อวานฝนก็ตกอย่างนี้แหละแล้วเขาก็เห็น....



“ งั้นรีบเก็บอาหารเข้าตู้ก่อนแล้วขึ้นไปข้างบนด้วยกัน” เขายอมในลูกดื้อของ คนตรงหน้า..แล้วช่วยอีกฝ่ายเก็บจานเข้าไปไว้ในครัว


ทางฝ่ายที่ดักรออยู่บ้านข้างๆตอนนี้ก็กำลังจับตามองความเคลื่อนไหวของคนทั้งสอง


กิ่งถึงกับนับถือในความพยายามของมารดา ต่อให้เปียกให้ป่วย แต่เพื่อภารกิจส่งนนท์ถึงดวงดาวก็ยอมได้ทุกอย่าง ..นับถือๆ



“ นี่แม่นั่งดูมาสองชั่วโมงแล้วยังไม่เบื่ออีกเหรอ” กิ่งเปรยขึ้น ภาพที่อุตส่าห์ส่องกล้องดูอยู่ยังคงเห็นอะไรไม่ชัดเจน ฝนที่ตกลงมาก็ประดุจม่านชั้นดีกั้นทัศนวิสัยให้แย่ลง แต่คุณแก้วก็ยังอดทนนั่งเฝ้ามองอยู่มิคลาย


“ กะพริบตาหนึ่งทีอาจพลาดช็อตเด็ดไปก็ได้นะ” คติของนางปรากฏ


“ โธ่แม่..” หญิงสาวชักอ่อนใจ เดินไปล้มตัวลงที่โซฟาตัวใหญ่ เจ้าของบ้านซึ่งเป็นเพื่อนของคุณแก้วเดินถือถาดของว่างเข้ามาให้ แถมยังยิ้มแย้มเต็มใจสุดๆที่จะให้ความร่วมมือ

“ เป็นไงบ้างคะ คุณแก้ว”


“ ก็ยังไม่ถึงไหนเลยค่ะคุณเดือน แต่ฉันว่าคืนนี้น่าจะมีลุ้นมากกว่าเมื่อคืนนะ นนนี่กลัวผีมากกว่าที่ฉันคิดเสียอีก” นางหัวเราะคิดคักอย่างระรื่น มีคุณปานเดือนมานั่งเป็นเพื่อนคุยด้วยก็ยิ่งเพิ่มอรรถรสในการวางแผนให้มากขึ้นกว่าเดิม


“ น้าเดือนกับแม่นี่พอกันเลยนะ” หญิงสาวส่ายหน้าอย่างอ่อนใจทอดสายตาออกไปอีกทาง ก็เห็นชายหนุ่มหน้าใสวัยสักสิบแปดสิบเก้าเดินตรงเข้ามาทางหล่อน เขายิ้มกว้าง...


“ สวัสดีครับพี่กิ่ง น้าแก้ว” ชายหนุ่มยกมือไหว้ด้วยท่าทีกวนๆ แม้บุคลิกของเขาจะส่อว่ากวน แต่จริงๆแล้วเขาก็ค่อนข้างรู้จักวางตัวได้ดี


“ จ้ะ” นางรับไหว้แล้วหันกลับไปกระซิบกระซาบกับคุณปานเดือนต่อ ก็เรื่องกำลังเข้าตอนสนุกอยู่เลยจะขาดหายแค่เสี้ยววินาทีก็คงไม่ต่อเนื่อง


“ ฝนตกขนาดนี้กลับมายังไงล่ะนี่ โดม” หญิงสาวเอ่ยถาม แค่ชื่อที่เรียกก็บอกได้ชัดว่าเธอเองก็รู้จักกับเด็กหนุ่มคนนี้มานานพอควร


“ ผมเพิ่งกลับมากับแท็กซี่ครับ เพิ่งมาจากที่เรียนพิเศษครับ ปีนี้ก็ม.6 แล้ว ต้นปีหน้าก็ต้องแอดมิชชั่นเข้ามหาวิทยาลัย เลยต้องตั้งใจหน่อย” ชายหนุ่มเปรยอย่างหนักใจ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยถือเป็นงานหนักของเด็กมัธยมปลายแทบทุกคน ใครๆก็หวังอยากเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ แม้ในความเป็นจริงความรู้ที่ได้ไม่ค่อยจะต่างกันสักเท่าไหร่ แต่ค่านิยมและความเชื่อที่ติดฝังลงรากในใจคน ก็ปลูกความคิดให้เชื่อว่าคนมีความรู้ต้องสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังเท่านั้น



“ อย่าไปเครียดเลย เวลาที่เหลือก็เตรียมตัวให้ดีแล้วกัน คนที่มีความพยายามยังไงก็ต้องได้สิ่งที่ตัวเองต้องการอยู่แล้ว” ใช่สิคนพยายามเหมือนมารดาของเจ้าหล่อนนั่นแหละ พยายามมาปีกว่าแล้วที่จะจับคู่ให้ลูกชายกับหลานนอกไส้น้องสติชสีอ่อน


“ ครับ ก็พี่เก่งจะตายไปแต่ผมมันหัวทื่อนี่”


“ ไม่มีคำว่าทื่อหรือเก่งหรอกนะ มีแค่ไม่รู้กับรู้ ถ้าอยากเป็นคนมีความรู้ก็ต้องขยันเรียน การเรียนพิเศษอาจช่วยได้ก็จริง แต่เชื่อไหมว่าถ้าตั้งใจเรียนในห้องทุกอย่างก็สบายแล้ว” ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนให้คำแนะนำ


“ ครับผมจะจำไว้นะ ผมว่าเราไปหาอะไรกินในครัวดีกว่า รู้สึกว่าแม่กับน้าแก้วคงไม่อยากพูดกับเรานักหรอกนะ” ชายหนุ่มเสนอ เพราะเห็นว่าสองสาววัยกลางคนมีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงมาก


“ ก็ดีเหมือนกัน.” เธอเห็นด้วยอย่างมาก ตอนนี้อยากออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด นั่งทนมาตั้งสองชั่วโมงกว่าแล้ว



สรุปว่าต้นไม่ยอมให้เจ้าตาเรียวเข้าไปภายในห้องน้ำกับเขา..บ้าสิโตจนป่านนี้แล้วจะให้คนอื่นเข้ามาอาบด้วยนี่นะ..ประสาทหลอนตาย..สุดท้ายนนท์เลยต้องนั่งแอ้งแม้งรอต้นอยู่ภายในห้องของพี่ใหญ่ของบ้าน ..ในใจก็สั่นไปสั่นมา..เสียงลมพัดมาทีก็สะดุ้งที..นนท์เกลียดบรรยากาศอย่างนี้เป็นที่สุด..สวรรค์..มันดูไม่ต่างอะไรจากหนังสยองขวัญ ..ม่านฝนก็พร่าลงไม่มีแววจะหยุด.. ฟ้าก็ดันร้องแบบไม่ลืมหูลืมตา ..


นนท์เริ่มจินตนาการฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ เวลาที่นั่งรออีกฝ่ายอาบน้ำแม้ไม่นานสักเท่าไหร่แต่ในความรู้สึกมันช่างแสนทรมานมาก สุดท้ายความกลัวที่มีมากกว่าสิ่งใดก็ปลุกเขาให้ลุกขึ้นจากห้อง เดินไปตามพี่ต้นหน้าห้องน้ำ...


“ พี่ต้น..ๆ” มือเรียวรัวเคาะประตูห้องน้ำด้วยความหวาดหวั่น ตอนนี้นนท์เริ่มสติแตกอีกครั้งเพราะหูเริ่มแว่วเสียงก๊อกแก๊กตรงที่บันได เสียงกระทืบเท้าที่ดังใกล้เข้ามาจนนนท์แทบจะกลั้นลมหายใจ



ชายหนุ่มตัดสินใจเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปแต่ก็พบว่าประตูไม่ได้ล็อคแถมในห้องน้ำไม่มีพี่ต้นอยู่ ความว่างเปล่า โหวงเหวงเข้าแทนที่...และสิ่งสำคัญ เจ้าเสียงประหลาดมันกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้นนท์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ...

“ พี่ พี่ใช่ไหม” นนท์ทำใจดีสู้เสือออกปากเรียกอีกคนร่วมบ้าน แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา คนร่างบางในชุดนอนสีฟ้าอ่อนๆ ..รวบรวมความกล้าทั้งหมดภายในใจเดินออกมาดูข้างหน้าห้องน้ำ แต่ก็ไม่พบกับอะไรแล้วพี่ต้นของนนท์หายไปไหนกันนี่


“ พี่ต้น...” ชายหนุ่มร้องหาอีกครั้ง แต่ก็เป็นเช่นเดิม ขาของนนท์เริ่มสั่นจนเดินไปข้างหน้าไม่ไหว คราวนี้นี่แหละที่เขาเริ่มรู้สึกเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง มือของใครบางคนวางลงบนบ่าของเขาอย่างแผ่วเบา


“ พี่ใช่ไหม” นนท์ดีใจรีบหันหลังกลับเข้ากอดร่างของอีกฝ่ายไว้มั่น เอาเถอะยังไงนนท์ก็ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด ไม่ยอมขาดที่พึ่งไปอีกแน่นอน


“....”


“ เฮ้ย..” เมื่อดวงหน้าแสนใสเงยขึ้นก็พบกับบางสิ่งที่ทำให้ความตกใจแล่นวาบ ..คนที่ยืนอยู่ไม่ใช่ต้นแต่กลับเป็นชายชุดดำแถมหน้ายังเล๊ะ ที่พื้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ใช่แล้วนี่มัน


“ ..ผีตัวนั้น” นนท์ระลึกได้ว่านี่แหละคือผีตัวเดียวกับที่หลอกเขาเมื่อตอนเป็นเด็ก ผีที่ทำให้เป็นโรคกลัวขึ้นสมอง เสียงแหกปากดังลั่นบ้าน ..เขาหมายจะหนีจากจุดที่ยืนไปอย่างรวดเร็ว แต่แล้วมือข้างหนึ่งก็ดันถูกจับเอาไว้ได้เสียก่อน ..สติของนนท์เริ่มขาด


‘ ไม่ได้ๆ นนท์วิ่งไม่ไปเลย มันจับมือนนท์อยู่นี่ เป็นไงเป็นกันวะสู้สักตั้ง’ จากความกลัวและเสียงร้องกลายไปเป็นแรงฮึดสู้กับเจ้าผีกำมะลอสักตั้ง ชายหนุ่มหยุดดิ้นแล้วเปลี่ยนเป็นทุบตัวผีที่จับมือเขาไว้หลายครั้งจนมือนั้นเริ่มคลายออก นนท์ยกมือขึ้นป่ายปัด..จนฟาดหน้าเจ้าผีตัวนั้นไปหลาดฉาด..


“ โอ๊ย” เขาร้องเสียงดังไม่แพ้ เพราะมือของนนท์ตบลงหนักมากจริงๆ แต่ใครจะรู้ว่าต้นเสียงที่ดังทำให้ คนหน้าสวยต้องชะงักแล้วเริ่มจับสังเกต


‘ ผีบ้าอะไรนี่ร้องด้วย’


“ แกตาย” เขาชักเริ่มเรียกความกล้าออกมามากขึ้นกว่าเดิม ระรัวตีร่างของอีกฝ่ายไม่ยั้งมือ จนสุดท้ายผีร้ายต้องยอมเผยหน้าตาแท้จริงออกมา


“ หยุดตีได้แล้วพี่เจ็บ”


“ พี่ต้น...” นนท์ถึงกับตลึง เพราะจำเสียงที่พูดออกมาได้..นี่พี่ต้นแกล้งหลอกผีเหรอ.นนท์ไม่อยากจะเชื่อ


“ นี่พี่คือผีที่หลอกนนท์มาตั้งแต่เด็ก แถมยังแกล้งนนท์อีกเหรอไอ้บ้าๆ นนท์อุตส่าห์หลงกลัวมาตั้งนานที่แท้ก็เป็นพี่นี่เอง ” นนท์เริ่มโวยวายอย่างคุกรุ่น..ความกลัวที่บังเกิดในใจเกาะกินความกล้าหาญให้กร่อนกรอดไปเรื่อยๆ ใครจะรู้ว่าแท้จริงเป็นเพียงการแกล้งของคนตรงหน้า ..


“ ..”


“ ไอ้บ้า นนท์ไม่พูดด้วยแล้ว ไอ้พี่ต้นนิสัยไม่ดี..” ชายหนุ่มมองด้วยความไม่พอใจ ใช้คำพูดถากถางอย่างไม่เสียใจ..คนที่ทำให้เขาเป็นบ้าเป็นหลังได้มากขนาดนี้คือคนที่ยืนตรงหน้านนท์ คือคนที่ชอบวางหน้าว่างเปล่า

...ร่างเพรียววิ่งออกไปเพราะในใจเริ่มสับสนวุ่นวายอีกคราหนึ่งแล้ว



พี่ต้นของนู๋ทำอะไรออกไป  :serius2: นนนี่..งอลแล้ว 55555




หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 12-07-2009 22:03:52
ตกลงที่คุณแม่วางแผน

กลายเป็นว่าทำให้รู้ความจริงเรื่องเมื่อครั้งยังเด็กอีก

คราวนี้สงสัย

แทนที่จะคืบหน้า

จะกลายเป็นงอนกันไปซะล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-07-2009 22:51:21
เอ ๆๆ เอาไงละพี่ต้นคราวนี้
นนท์งอลแล้ว ๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: gboy ที่ 13-07-2009 00:25:34
 o13
สนุกมากค้าบ
จะตามต่อนะ
ชอบคุณแม่แก้ว และ คุณแม่ของ น้องสติช
ที่จะจับคู่ให้ลูกชายตัวเอง
555 ลงทุนจริงๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 13-07-2009 00:45:32
พี่ต้นก็ช่างแกล้งเนอะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 13-07-2009 03:22:10
แอร๊ก เคืองพี่ต้นละ งอลลลเว่ยยยย :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 13-07-2009 10:30:27
พี่ต้นใจร้าย

แกล้งน้องนนท์ที่น่ารักได้ลงคอ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 13-07-2009 20:04:28
หุหุ งอนเลย งอนเยอะๆ จะได้ยืด  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: nune ที่ 13-07-2009 20:57:56
พี่ต้นจะทำให้นนนี่หายกลัวผีรึป่าว ?? ว่าแต่แม่แก้วสงสัยจะเป็นสาววายรุ่นบุกเบิกแน่ๆ อดทนขนาดนี้  :m20:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 13-07-2009 22:12:30
ตอน 11

สิ่งที่เขาเคยเชื่อมาตลอดว่าเป็นความจริง แท้จริงคือความลวง....เพราะความนึกสนุกของไอ้คนที่แกล้งนนท์มาตั้งแต่เด็ก สมแล้วแหละที่เขาฝากแผลไว้ที่ร่างพี่ต้นมากมายหลายจุด ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกัน คนร่างหนั่นที่กระชากหน้ากากผีออกรีบวิ่งตามไป สองคนวิ่งไล่ลงบันไดจนเขาเกือบมาประชิดนนท์ได้ แต่เพราะเท้าที่เปียกอยู่เลยทำให้ร่างสูงเซถลาล้มลงไปกองที่พื้นก่อนที่นนท์จะล้มลงไปทับร่างของอีกฝ่าย


“ โอ๊ย”

“ พี่” นนท์ร้องอย่างตกใจไม่นึกว่าเขาจะล้มลงมาอย่างนี้.. ต้นใช้มือทั้งสองดันตัวนนท์ขึ้น ก่อนจะมาดันตัวเองดูบ้าง..ความรู้สึกปวดแล่นไปทั้งร่างแม้จะตกมาเพียงไม่กี่ขั้น แต่ก็สร้างความเจ็บปวดให้ไม่น้อย
คนหน้าหวานเข้ามาพยุงอีกฝ่ายให้ยืนขึ้นแต่เพราะเท้าที่ลื่นไหลลงมาเกิดพลิกเลยทำให้ชายหนุ่มยืนไม่ได้


“ เป็นไงบ้าง” นนท์ถามเสียงอ่อนตอนนี้ ไม่มีใจจะงอนเขาแล้วล่ะ

“ เจ็บสิถามได้” เขาตอบเสียงขุ่น มันเจ็บจริงๆ ทั้งร่าง ทั้งเท้าเจ็บไปหมด..นนท์รวบแรงที่มีพยุงร่างของเขาไปวางไว้ที่เก้าอี้โซฟาตัวยาวใกล้ๆ เพื่อจะได้ดูว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า


“ เจ็บมากเหรอ” นนท์ถามเสียงอ่อน พร้อมทั้งก้มลงจับข้อเท้าของชายหนุ่มเบาๆ แต่เพียงแค่แตะเขาก็รู้สึกเจ็บไปทั้งขา

“ โอ๊ย..”


“ พี่รอตรงนี้นะเดี๋ยวนนท์ไปเอายามือให้” ว่าแล้วก็วิ่งแจ้นขึ้นไปเอายาที่ห้องของตน คราวนี้ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น อาการของเขาสำคัญที่สุด นนท์ไม่รู้เลยว่าเรื่องของพี่ต้นสามารถทำให้เขาลืมแทบทุกอย่าง ลืมทุกความหวาดหวั่น ลืมทุกความกลัว.. เขาเดินลงมาจากห้องพร้อมยาทาและยาแก้ปวด แล้วเดินไปใกล้.

.
“ พี่กินยาไปก่อนนะ เดี๋ยวนนท์จะทายาอีกหลอดให้” เขายื่นกระปุกยาแก้ปวดพร้อมทั้งแก้วน้ำให้ชายหนุ่มหน้าคม จากนั้นก็ลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างๆต้น... นนท์เอื้อมแตะขาของอีกฝ่ายเบาๆ..ก่อนจะพามันมาวางไว้บนหน้าตัก..ง่ายต่อการทายา

“ ทำอะไรคุณหนู พี่ทาเองได้”


“ ไม่เป็นไรหรอก..” นนท์ส่ายหน้า พร้อมทั้งยังยืนยันในสิ่งที่คิด..เขาบีบยาทาบรรเท้าความเจ็บปวดลงบนหลังเท้าของต้นเบาๆจากนั้นก็ค่อยๆคลึงมันไปอย่างเบามือที่สุด


“ หายโกรธพี่แล้วเหรอ” คนแกล้งเป็นพี่ตัดสินใจถามออกมา


“ ช่างมันเถอะ” นนท์บอกปัดไม่อยากคิดมาก จะว่าไปเพราะเขาเองนี่แหละ ไร้สติจนได้เรื่องกลัวจนไม่แยกแยะความจริงความเท็จ กลัวไปเพราะใจมันสั่งให้กลัว


“ นนท์บอกแล้วว่าสักวันพี่ต้องรักนนท์ คอยดูสินนท์ต้องทำได้ถึงแม้ตอนนี้มันจะยังไม่ชัดเจน แต่นนท์รู้สึกว่าตัวเองนี่แย่จริงๆ” ระหว่างที่ทายาไป คนหน้าสวยเจ้าเส่นห์ก็พร่ำพูดไป ทำให้ต้นที่หลับตาปี๋เพราะความเจ็บที่บังเกิดต้องเปิดตาขึ้นมองพยาบาทจำเป็นอย่างสนใจ


“ แย่เรื่องอะไร”


“ ก็นนท์น่ะสิตอนแรกว่าจะทำให้พี่ชอบแล้วนนท์จะหักอกพี่เล่น แต่ตอนนี้เห็นทีนนท์จะทำไม่ได้แล้ว” พูดไปใบหน้าก็เริ่มแดงก่ำเพราะเลือดที่สูบฉีดมากมาย


“ ทำไมล่ะ” ต้นถามเสียงอ่อน


“ เพราะนนท์คิดว่า ...นนท์เผลอชอบพี่เข้าแล้วจริงๆนะสิ” นนท์ยอมเผยความรู้สึกให้เขารับรู้เอาเถอะถึงยังไงสักวันเขาก็ต้องรู้ อาจเพราะลมที่แรงจนใจสั่นไหว หรือจะเพราะฟ้าที่สั่นคลอนจนต้องหักเห..ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่มันก็ทำให้นนท์กล้าจะเปิดปาก.


“ ..นายนี่นะ เป็นฝ่ายบอกรักพี่ก่อนได้ยังไง..” ชายหนุ่มอึ้งไปในทีแรกที่ได้ยิน แต่ก็ยังวางมาดรอเวลาผ่านไปเพียงครู่ เขาแย้งไปด้วยเสียงไม่จริงจัง ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงเยอะ


“ โธ่ก็ไม่รู้สิ..อยู่ๆนนท์ก็อยากพูดออกมา” นนท์ส่ายหน้าเล็กน้อย แต่กลับปรากฏรอยยิ้มเปื้อนอยู่เต็ม..เขามีความสุขที่ได้อยู่ใกล้กับพี่ต้น ..ถึงแม้จะเจอความเย็นชา แต่อย่างน้อยพี่ต้นก็ทำอะไรหลายๆอย่างให้นนท์ต้องชะงักมอง...ดวงตาที่ว่างเปล่ายามอยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่เวลานี้กลับปรากฏความเอ็นดูอย่างมากมาย มากจนนนท์เองยังรับรู้..


ตอนกลับขึ้นห้องชายหนุ่มตัวเล็กก็เข้ามาพยุงคนตัวใหญ่.. เลยโดนอีกฝ่ายแกล้งเทน้ำหนักกดลงบนหัวบ่า แต่นนท์ก็กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบกลับมา ..ทุ่มเทแรงช่วยพาต้นกลับจนถึงห้องอย่างสำเร็จ ..



“ สี่ทุ่มแล้วเหรอนี่” นนท์เอ่ยอย่างตกใจไม่นึกว่าเวลาจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ ก่อนหน้านี้เขายังรู้สึกอยู่เลยว่าเวลามันเดินช้าแสนช้า


“ ช่วยหยิบคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะให้พี่หน่อยสิ” ชายหนุ่มขอความช่วยเหลือเพราะไม่สะดวกจะเดินลงจากเตียงไปหยิบ นนท์หันมามองเล็กน้อยก่อนจะเดินไปเอามาให้ตามประสงค์แล้วทิ้งตัวลงข้างๆเขา


“ พรุ่งนี้ก็น่าจะหายแล้ว” ชายหนุ่มหน้าสวยในชุดนอนสีฟ้า..เอ่ยขึ้นถึงอาการของคนข้างกาย
ดวงตาคู่เรียวเหลือบเห็นบางอย่างบนหน้าของพี่ชายวรโชติ.. มองมันอย่างเอะใจ


“ หน้าพี่ไปโดนอะไรมานี่” เขาขยับเข้าใกล้..วางมือเรียวบนหน้าคมเล็กน้อย..ต้นสะดุ้งเบาๆแต่ไม่ได้ปัดป่ายออก หันมองดวงตาคู่ใสที่กำลังจับจ้องหน้าของเขาในขณะนี้.. มันเป็นรอยแดงเหมือนถูก..


“ จำไม่ได้เหรอ อย่าทำเป็นความจำสั้นไปหน่อยเลยคุณหนู” เขาปรายตาแสร้งค่อนขอดนนท์เล็กน้อยจากนั้นจึงได้จับมือที่ประคองหน้าเขาไว้..มาทาบทับรอยแดงนั้น


“ เป็นไงจำได้หรือยัง..”

“ ก็ใครใช้ให้พี่แกล้งมาหลอกผีนนท์นี่ รู้ก็รู้ว่าคนเขากลัวจับใจยังจะแกล้งได้ลงคอ ช่างเถอะถือว่าเป็นตบในสัญญาไปล่ะกัน ยังไงนนท์ก็ได้กำไรอยู่แล้วได้ตบไปตั้งหลายที..”


“ พูดเหมือนอยากตบพี่อีกงั้นแหละ ..เอาจะตบก็ตบเลยดีกว่าพี่ไม่อยากมีรอยแดงอีกครั้ง แค่พรุ่งนี้ต้องออกไปข้างนอกก็อายแทบแย่แล้วขืนวันหลังมีอีก พี่คงมองหน้าใครไม่ติดแน่” เขาบอกอย่างเหนื่อยๆ รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเด็กอีกครั้งยามเข้าใกล้คนเจ้าเสน่ห์


“ นนท์ไม่ตบแล้วพอใจยัง..นนท์ไม่ได้ใจร้ายสักหน่อยนะ..ไว้พรุ่งนี้นนท์ช่วยแก้ให้ก็ได้รับรองพี่ออกจากบ้านได้แน่..” นนท์บอกเบาๆ..แต่มือของเขายังวางทาบบนใบหน้าที่ห่างไม่ถึงคืบ..


“ อืม..”


“ นนท์นอนดีกว่า..” นนท์ยิ้มให้เล็กน้อย ละมือกลับมาแล้วไถลตัวลงนอนลงข้างๆอีกฝ่ายที่กำลังเพ่งมองเจ้าโน้ตบุ๊คขนาดกะทัดรัด ..

“ พี่ยุ่งมากเหรอ..” อยู่ๆเขาก็ถาม..


“ ก็ใช่ได้..นอนเถอะ อย่ากวนพี่ล่ะ” ต้นบอกเบาๆ สายตายังจับจ้อง..ปล่อยให้นนท์ได้หลับลงอย่างอุ่นใจ ..แค่มีต้นใกล้ๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรนนท์ก็ไม่หวาดหวั่น..ขอแค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว

..
‘ ราตรีสวัสดิ์นะพี่ต้น..วันนี้พี่น่ารักมากเลยรู้ตัวหรือเปล่า’


‘หลับแล้วเหรอนี่เจ้าตัวยุ่ง ..ทำพี่สับสนในอารมณ์จริงๆเลยนะ..’

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 13-07-2009 22:30:07
สองความคิดที่ต่างไม่ได้พูดออกมา เก็บกักอยู่ภายใต้ความคิดของเจ้าของก็เพียงเท่านั้น ..มันเพียงพอแล้วสำหรับก้าวแรกที่ก้าวมาไกลเกือบโยชน์หมื่น..มันไกลกว่าที่คาด ..จากชะตาที่ห่างไกล จะคนไม่รู้จัก แต่กลับมาใกล้ชิด..



เช้าวันถัดมาก็เหมือนวันก่อนๆ เขาตื่นเร็วกว่านนท์อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยอีกฝ่ายถึงได้ตื่น นนท์ลุกขึ้นยืดเส้นสายเพื่อคลายความงัวเงียให้หมดไป


“ วันนี้พี่ต้องไปทำงานอีกเหรอ วันอาทิตย์นะ” นนท์เอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะเห็นเขากำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจก.. ดูเหมือนนนท์จะตื่นสายกว่าปกติ ในใจก็นึกสงสัยจริงๆว่าเขาทำงานสำนักพิมพ์หรือทำงานบริษัทกันแน่ นับวันเขายิ่งเหมือนนักธุรกิจเข้าไปทุกที


“ อืมวันนี้พี่มีลูกค้า” ชายหนุ่มตอบพลางมองดูหน้าตัวเองในกระจก พยายามปรับไทที่ผูกให้เข้าที่.. ดวงตาก็เหลือบเห็นรอยแดงที่ปรากฏจางๆเมื่อคืนแทนที่จะหาย แต่มันกลับยิ่งชัดเจนขึ้นจนเขาเริ่มลำบากใจ

“ พี่หายเจ็บขาแล้วเหรอ..”


“ ก็ยังเสียวแปลบๆ แต่ก็ไม่เท่าไหร่หรอก..” ต้นหันมามองคนเพิ่งตื่นที่ยื่นอยู่ใกล้ๆ.. มือก็ขยับไทไป จนสุดท้าย อีกฝ่ายก็ทนไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วย


“ นนท์ทำให้..” สั้น ง่าย รวดเร็ว..มือเรียววางลงแทนที่ก่อนจะจับไทที่เบี้ยวซ้ายให้เข้าที่..ต้นเหลือบมองคนใกล้ตัวอย่างประหลาด ไม่เคยใกล้ใครมากเท่านี้มากก่อน อบอุ่น ประหลาด...



“ เดี๋ยวนนท์ไปหาอะไรให้พี่ทานก่อนนะ..” เสร็จแล้วก็เอ่ยบอก ..เดินหายออกจากห้องพี่ชายคนโตไป เพื่อทำอาหารให้อีกฝ่ายได้ทาน ..ต้นเดินตามลงไปอย่างแปลกใจในท่าทีของนนท์..ทั้งที่เขาแกล้งนนท์ไว้มาก แต่กลับไม่ปรากฏความโกรธหลงเหลือในแววตาคู่นั้นเลย..



“ ไหนบอกว่าจะแก้ปัญหาให้พี่ แต่นี่พี่ยังไม่เห็นนายจะทำอะไรเลยนะ” ขณะที่รอนนท์ทำอาหารอยู่ ก็เอ่ยทวงสัญญาที่นนท์ให้ไว้.. ชายหนุ่มข้างกายหยุดตะหลิวเล็กน้อย ..ก่อนจะเหยาะซอสปรุงรสลงไป..


“ รับรองนนท์ไม่ทำให้พี่เสียหน้าหรอกนะ..ใครจะให้หน้าพี่ออกไปทั้งอย่างนี้ล่ะ..” นนท์กล่าว พร้อมทั้งยกมือข้างหนึ่งมาจิ้มแก้มของคนตัวสูงกว่าเบาๆ..แล้วกลับไปผัดข้าวในกะทะต่อ..ต้นมองอย่างงงๆ..ในสิ่งที่นนท์ทำ อ่อนโยน ง่ายดาย ..ไม่มากพิธี แต่กลับสะท้านลึกในความรู้สึก..หรือภูเขาน้ำแข็งที่ยากต่อสิ่งใดจะลามลน ..ต้องพ่ายแพ้ให้กับความน่าสดใสของคนตรงหน้า..


หลังมืออาหารผ่านไป..นนท์ก็จัดการละเลงหน้าพี่ชายของบ้านด้วยรองพื้นบางๆ.จากนั้นก็โป๊ะแป้งบัฟอีกระลอก รอยทีเกิดถูกลบไปอย่างน่ามหัศจรรย์ต้นจ้องมองตัวเองในกระจกอย่างไม่เชื่อสายตา..นนท์นี่นะ..รู้ไปหมดเลยเหรอยังไง

“ นายมีของพวกนี้ด้วยเหรอ..”



“ ใครบอกนนท์ไปแอบจิ๊กมาจากห้องกิ่งต่างหาก” นนท์ยิ้มให้เก็บข้าวของลงกระเป๋าของเพื่อนสาวจากนั้นก็เดินออกมาส่งอีกคนที่รถ..



“ พี่ไปนะ..” ต้นบอกเบาๆ..ไม่ค่อยชินกับการกระทำของตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ในใจก็บอกให้เขาพูดออกมา นนท์ยิ้มให้ด้วยความอ่อนโยน..ก่อนจะปล่อยให้ต้นออกรถไปทำงาน ..



ระหว่างทางคนหน้าคมก็คิดเรื่องราวต่างๆไปเรื่อย..นึกย้อนในทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเขากับนนท์..มันก็น่าแปลก..นับวันเขายิ่งเข้าใกล้อีกคนอย่างไม่สามารถหักห้าม ..มันจะมาจากส่วนไหน ..ทำไมนนท์ถึงได้เป็นเช่นนี้ล่ะ..


สัญญาที่หมายมาด แต่กลับถูกลบล้างเพราะแผนแกล้งของเขา..นนท์ไม่ถือสา แถมยังปล่อยให้ผ่านไป..ต้นคิดมาถึงตอนนี้ก็เผลอยยิ้มกับตัวเองอย่างไม่รู้สาเหตุ..

‘หรือนายจะชนะพนันพี่อีกข้อเข้าแล้ว..’ ต้นพึมพำกับตัวเองเบาๆ..พนันที่ว่าคงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก.. นนท์จะทำให้พี่หลงรัก.. หรือตอนนี้หลุมรักที่นนท์ขุดไว้จะดักพี่หน้ายุ่งได้สำเร็จแล้วล่ะ..หนทางข้างหน้าอีกยาวไกลไม่มีนิยามไหนตอบได้ดี เท่าเวลา ..


....

หลังจากสองคืนของแผนการผ่านไป สองแม่ลูกคนสวยก็ยอมกลับบ้านเสียที.. ทันทีที่เท้าเหยียบชายคาบ้าน คำถามระรัวก็ออกจากปากนนท์มากมาย ..ท่าทางของทั้งสองไม่เหมือนคนไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดเลยสักนิด ..


“ น้าแก้ว ..กิ่งงงงงง..” เสียงทักทายดังขึ้น ทำให้สองแม่ลูกอดจะสะดุ้งไม่ได้..



“ จ้ะ..”


“ น้าแก้วบอกนนท์ว่าจะกลับตอนดึกๆของวันศุกร์ไม่ใช่เหรอครับ แล้วทำไมถึงกลับกันมาป่านนี้ละ” นนท์เอ่ยทักอย่างสงสัย ดวงตาจ้องมองสองแม่ลูกอย่างจับผิด ..


“ ก็วันนั้นฝนมันตกหนัก จะกลับมาก็ไม่ได้แถมเมื่อวานฝนยังไม่หยุดรถของเรายางแตกจะเปลี่ยนก็ไม่ได้เลยต้องค้างบ้านอาน้องพิงต่ออีกคืน” คำเท็จถูกบอกออกมาอย่างรวดเร็ว

“ ดูสมบูรณ์ สมจริงสมจังแต่ไม่น่าเชื่อ” นนท์มองอย่างไม่เชื่อคำ ..อะไรจะประจวบเหมาะเคราะห์ซ้ำเสียขนาดนั้น .. นนท์นั่นไม่ได้โง่เหมือนเมื่อก่อน ...เฮ้ย ..ไม่ได้คิดอ่านช้าเหมือนเมื่อก่อน ..จนกิ่งที่ยืนอยู่ใกล้มารดาต้องรีบเสริมกำลังขัดตาทัพอย่างด่วน ก่อนจะพ่ายแพ้..

“ จริงๆอย่างที่แม่ว่านั้นแหละ ฉันนี่เหนื่อยแทบขาดใจเลยต้องเข็นรถที่ยางแตกกลางฝน จะบ้าตาย” หญิงสาวใส่ฉากรันทดให้กับคำโกหกอีก พร้อมทั้งใช้น้ำเสียงอิดโรยประกอบกันให้น่าเชื่อถือ

“ ก็ได้ครั้งนี้นนท์จะยอมเชื่อนะ แต่ถ้าครั้งต่อไปทิ้งนนท์ให้อยู่บ้านคนเดียวอีกนนท์ไม่ยอมจริงๆด้วย” คำซักไซ้ที่หมดไป ทำให้คุณต้นและลูกสาวถึงกับหายใจได้คล่องขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า



“ น้าแก้วกับกิ่งเพิ่งกลับมาคงเหนื่อยแย่ นนท์ทำอาหารไว้แล้วยังไงก็ทานกันหน่อยนะเดี๋ยวนนท์ไปหยิบจานมาให้” ชายหนุ่มไม่อยากจะคาดคั้นต่อ รู้กันดีว่าสองแม่ลูกเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ยากเสียยิ่งกว่ายากที่จะเปิดปาก สุดท้ายเลยเลิกล้มเดินเข้าไปในครัวแทน .



“ โธ่นึกว่าจะเสร็จเสียแล้ว” คุณแก้วลอบกระซิบกับลูกสาวคนเล็กเมื่อเห็นนนท์ลับเข้าไปในครัว.

.
“ ก็นั้นสิคะ หนูบอกแม่ตั้งหลายครั้งแล้วว่าเดี๋ยวนี้นนท์มันช่างสังเกตสังกา แถมยังฉลาดทันคนมากกว่าเดิมหลายเท่าจะโกหกอะไรต้องเตรียมไว้ให้ดี”


“ ก็นั่นสิ แต่อย่างนี้ถึงจะเหมาะกับการเป็นสะใภ้บ้านเราไม่ใช่เหรอ” นางเชื่อมโยงไปอีกเรื่องเข้าจนได้ สะใภ้ ช่างเรียกได้เต็มปากเต็มคำจริงๆ ..สะใภ้หน้าสวย..


“ กำลังนินทานนท์อยู่หรือเปล่า” เสียงที่พรวดดังขึ้นมากลางวง ทำให้สองแม่ลูกที่กำลังกระซิบกระซาบถึงกับผงะ หายใจแทบไม่ทั่วท้อง ..


“ เปล้า..” นางปฏิเสธเสียงสูงก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงที่ประจำ ..มีกิ่งไปนั่งใกล้ๆ ..นนท์วางจานกับโถข้าวไว้ข้างๆทั้งสองแล้วเดินกลับเข้าไปหยิบอาหารที่เหลือออกมา..


“ ตกใจหมด แกล้งอำกันอย่างนี้มีหวังวันไหนเราต้องเผลอบอกความลับเข้าให้สักวัน” คุณแก้วมองซ้ายมองขวาก่อนจะพูดออกมา


“ ค่ะแม่” สองคนยิ้มให้กันอย่างตื่นเต้น แผนการจับนนท์เป็นลูกสะใภ้ยังคงปฏิบัติการต่อไป.. วันเวลาเดินทางอีกระลอก

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: changasa@hotmail.com ที่ 13-07-2009 22:46:20
 :z13: จิ้มซ้าเลยยยยยยยยยยย

งิงิ แม่ลูกคู่นี้ น่าเอาไปอยู่ฝ่ายวางแผนของชาติเลยนะเนี่ย แต่ละแผน สุดๆเลย งิงิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 13-07-2009 22:50:05
555555555555555555555

สองแม่ลูกก็ยังคงวางแผนต่อ

แต่ถ้าไม่ได้สองแม่ลูก

อะไร ๆ มันก็คงไม่คืบหน้าเท่านี้หรอกเนอะ

 :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 13-07-2009 22:53:16
อ๊าาากก รักกัน รักกัน หึหึ

แล้วสองแม่ลูกเนี่ยแบบว่ายังคงคอนเซ็ปได้ดี แม้ช่วงหลังนนท์จะตามทันบ้างก็ตาม
แถได้แถไป แต่พักหลังเหมือนจะแถไม่เนียลละ  :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 13-07-2009 22:56:44
พี่ต้นกับนนท์น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 13-07-2009 23:27:08
ชอบ 2 แม่ลูกนี้จิงๆเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-07-2009 22:01:24
นนท์บอกไปแล้ว
เมื่อไหร่พี่ต้นจะบอกมั่งละคร๊าา
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 14-07-2009 22:52:10
changasa@hotmai  จิ้มเค้าทำม้ายยยมันเจ็บรู้ป่ะ แต่ชอบบบบบบบบบบบบ55555

menano  ถูกต้องแล้วคร้าบบบ ถ้าไม่ได้สองคนแม่ลูก น้องนนท์ต้องแย่แน่ๆ

pppp2023  55555ลองดูตามตัวสองแม่ลูกดูซิ แถซะจนเลือดซิบเลย

MaYa~Boy  ยังมีกุ๊กกิ๊กน่ารักอีกเยอะค่ะ

chatcha  แหม แหม ชอบแต่สองแม่ลูกหรอค่ะ ว้า..พระเอก นายเอก ตกกระป๋องซะแล้ว

lizzii  เฮ้อ...ถ้าจะรอให้พี่ต้นพูด คงจะอีกนาน...หรือเปล่า 55555


ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม เดี๋ยวจะลงตอนต่อไปให้นะค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 14-07-2009 23:22:58
ตอน 12 



..วันนี้เป็นวันสุดท้ายของวันทำงาน พี่ต้นจะกลับมายังบ้านวรโชติ ไม่รู้สินนท์รู้สึกมีความสุขมากอย่างบอกไม่ถูก การได้รอคอยคนเย็นชา ..เพราะยิ่งนานมากขึ้นเท่าไหร่หัวใจก็ยิ่งอยากใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นเท่านั้น ..


“ นี่ก็เย็นมากแล้วนะทำไมพี่ต้นยังไม่กลับมาอีก จะกลับช้าก็ไม่คิดจะโทรฯมาบอกแม่บ้างเลย ปล่อยให้รออย่างนี้ไม่ไหวเลยจริงๆ ไอ้ลูกคนนี้ ” ประมุขของบ้านชักร้อนใจเมื่อไม่เห็นเงาของลูกชายคนโตกลับมาที่บ้าน ปกติเวลานี้อีกคนจะมาถึงบ้านแล้ว ..


“ งานของพี่อาจจะยังไม่เสร็จมั้งคะแม่” กิ่งบอกไปเพื่อให้นางคลายกังวล หรือเพราะปัญหาที่รุมเร้าในตอนนี้เลยทำให้ชายหนุ่มกลับบ้านช้า


“ ใช่สิเรื่องยอดขายไม่กระเตื้องคงสร้างปัญหาให้พี่ต้นไม่น้อย” ด้วยเพราะเข้าใจว่าคนคิ้วเรียวยังอยู่ในครัว..กิ่งเลยเผลอหลุดพูดออกมา ทั้งที่ตกลงกันแล้วว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับนนท์ให้ต้องเป็นกังวล แต่สุดท้ายชะตาของพาให้เขาเข้ามาได้ยินมันจนได้ ..

“ ที่สำนักพิมพ์มีปัญหาเหรอครับน้าแก้ว ทำไมไม่มีใครบอกนัทเลยล่ะ..” ชายหนุ่มที่เดินถือถามอาหารออกมาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ดวงตาคู่วาวปรากฏรอยกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“ คือ..” ประมุขของบ้านสะดุ้งเล็กน้อย ..


“ บอกนนท์มาเถอะนะ ถ้ามีปัญหาก็น่าจะให้นนท์ได้รู้บ้างสิอย่าปิดเลยนะน้าแก้ว ปิดไปก็ไม่ช่วยให้เรื่องราวดีขึ้นหรอกนะ” นนท์วางถาดลงกลางโต๊ะ ยืนยันหนักแน่นในเรื่องราว เขาอยากจะรับรู้ปัญหาบ้างไม่ใช่ปิดบังกันอย่างนี้..


“ คือ ...” เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของนนท์...ประมุขวัยกลางคนจึงยอมเล่าเหตุการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสำนักพิมพ์ให้เขาฟัง โดยเลี่ยงเรื่องเจ้าของแหล่งเงินทุนที่เสนอความช่วยเหลือ เพราะยังไม่อยากให้นนท์ได้ระแคะระคาย เรื่องฟ้องล้มละลายของบริษัทที่อเมริกา


“ ครับ” เขาพยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่เกิด..ความไม่สบายใจปรากฏในห้วงความคิด หลังมืออาหารนนท์ก็ขอตัวขึ้นไปบนห้องของตน นั่งร่างข้อมูลต่างๆหวังว่าจะช่วยเหลืออีกคนได้บ้าง ตำราเล่มแล้วเล่มเล่าที่เขาได้เรียนในตลอดเวลาสองสามปีถูกปลุกขึ้นมาใช้จนหมด.. แต่แล้วความง่วงงุนและเมื่อยล้าก็แทรกซึมเข้าแทนที่ ร่างบางหลับใหลคาโต๊ะอย่างไม่รู้ตัว ..

กว่าที่เขาจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เกือบตีสอง ..แนวคิดที่ร่างไว้บนโต๊ะถูกเขาหยิบขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แต่ดวงตาก็ยังคงพร่าเพราะความง่วง คนหน้าเรียวเลยตัดสินใจเดินออกไปหากาแฟมาดื่มแก้ง่วงสักหน่อย
แต่ระหว่างทางที่เดินออกไปก็เหลือบเห็นแสงไฟ ซึ่งลอดผ่านช่องใต้ประตูห้องของพี่ต้นเช่นครั้งก่อน


“ ก๊อกๆ” มือบางเคาะลงบนบานประตูสองสามทีเพื่อขอเข้าไป เจ้าของห้องที่กำลังนั่งทำงานอยู่เดินละมาเปิดห้องด้วยความสงสัยว่าใครกัน ..ดึกป่านนี้แล้วยังไม่นอนอีก


“ ยังไม่นอนอีกเหรอ” พี่ต้นของนนท์เอ่ยทักทายเมื่อประตูเปิดออก..จากนั้นก็เดินกลับไปนั่งเอนกับเตียงนอนต่อ..ชายหนุ่มยื่นมือไปหยิบเจ้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คเครื่องสีดำขึ้นมาวางบนหน้าตักแล้วกดทำงานต่อ..นนท์มองดูภาพนั้นอย่างเหนื่อยใจ...มือเรียวหันไปดันประตูให้ปิดลง แล้วเดินไปนั่งใกล้ๆอีกฝ่ายบนเตียงหลังเดิม..



“ นนท์ได้ยินน้าแก้วกับกิ่งบอกว่าตอนนี้บริษัทกำลังมีปัญหา..” คนหน้าสวยที่หยุดอยู่ใกล้ๆ เอียงคอมองคนหน้าเคร่งเล็กน้อย พร้อมทั้งเอ่ยหยั่งเชิงความคิดของอีกฝ่าย


“ อืม” คนหนั่นหนาพยักหน้าเล็กน้อย แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่บนจอแอลซีดีด้านหน้า ..

“ พี่ให้นนท์ช่วยไหม”


“ ช่วยอะไรล่ะ ช่วยทำให้ยุ่งหรือยังไงคุณหนู พี่ว่านายกลับไปนอนดีกว่าเถอะดูหน้าตาสิแทบมองดูไม่ได้” ชายหนุ่มเผยรอยเยาะไปหนึ่งที ก็หน้านนท์ตอนนี้มันยับยู่ยี่ ยังมีรอยดินสอคาดอยู่ที่ข้างแก้มอยู่เลย เพราะตอนที่นั่งร่างแผนงานอยู่เกิดหลับไปคาโต๊ะ หน้าของเขาเลยมีรอยนั้นมาประดับ


“ พี่ต้น..” ได้ยินคำกล่าวทีเล่นของอีกคน นนท์ถึงกับแก้มป่อง อุตส่าห์หวังดีจะมาช่วย แต่ทำไมถึงได้ทำอย่างนี้ล่ะ ไอ้คนเย็นชาไม่มีหัวใจ..

“ เป็นอะไร มานั่งงอนพี่อยู่ทำไม..ถ้าง่วงก็ไปนอนไป” ท่าทีปั้นปึ่งเล็กๆ ทำให้เสือยิ้มยากถึงกับเปรยขันออกมา นานแล้วสินะที่เขาไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนี้..

“ ขอยืมคอมพิวเตอร์หน่อยสิ” นนท์ย่นจมูกโด่งเข้าใส่คนตาโตไปหนึ่งที ก่อนจะเอ่ยปาก


“...” เขาลังเล แต่ก็ยอมส่งให้อีกรับไป นิ้วเรียววางลงบนแพดลาก..ค่อยๆปิดหน้าต่างเว็บไซต์ต่างๆที่เขาเปิดทิ้งไว้ลงไปเรื่อย..ๆ แต่แล้วนิ้วเรียวก็ไปสะดุดเอาที่หน้าต่างเว็บหนึ่ง


“ นี่แน่ใจนะว่าบริษัทกำลังมีปัญหา พี่ยังมีกะจิตกะใจมาดูเว็บพวกนี้ด้วยเหรอ ไอ้คนลามก” นนท์หันมองอีกคนที่นั่งจ้องเขาอยู่ด้วยสายตาแสร้งชัง...ถ้าเป็นเมื่อก่อนหากเห็นอะไรอย่างนี้นนท์คงวิ่งไปไกลแล้วล่ะ แต่เวลานี้พ่อเด็กขี้เหร่ได้แปลงร่างเป็น เจ้าชายรูปงามแล้ว..


“ โธ่ พี่เป็นผู้ชายนี่ยิ่งเครียดๆก็ต้องหาอะไรผ่อนคลายหน่อย” เขาเอนหลังลงพิงขอบเตียงอย่างสบายใจ ตอบอีกคนหน้าตาย


“ ลามกสิไม่ว่า”

“ ผู้ชายที่ไหนเขาก็ดูกัน ถ้าพี่ไม่ดูสิไม่ว่าน่าแปลกเหรอ อย่าบอกว่านายไม่เคยดู..” ชายหนุ่มไม่ยอมแพ้ยังเถียงนนท์เช่นเดิม

“ เคยแต่นนท์ไม่ค่อยหรอก..มันแปลกๆ..ไม่พูดดีกว่า” ชีวิตเด็กแน้วแนวมาดคุณหนูของนนท์ที่ผ่านมา ยังมีอะไรอีกเยอะที่ไม่เคยได้สัมผัส ..

“ เครื่องพริ๊นต์อยู่ไหนครับ” คนตัวบางกว่าเปลี่ยนเรื่อง.โดยไวขืนยังเถียงกันต่อไปยาวกว่านี้แน่นอน

“ ที่โต๊ะทำงานนั้นไง” ชายหนุ่มชี้ไปยังที่ตั้ง จากนั้นอีกฝ่ายจึงกดเชื่อมสัญญาณบลูทูธเข้ากับเครื่องพริ้นต์กดสั่งพิมพ์งานออกไป..

นนท์ค่อนข้างมั่นใจในวิธีที่เขาร่างขึ้น .. เขาอยากให้ทุกอย่างผ่านไป เหตุผลสำคัญคืออยากให้พี่ต้นเลิกทำหน้าเครียดคิ้วผูกกันอย่างที่เป็นอยู่..


คนเสื้อฟ้าเดินไปหยิบกระดาษสองสามแผ่นที่สั่งพิมพ์ออกมา แล้วเดินกลับมานั่งใกล้ๆต้น มือเรียววางแผ่นกระดาษทั้งสี่ลงบนเตียง โดยเรียงลำดับ...

“ นนท์ถามหน่อยสิ..ถ้าพี่เป็นคนอ่านหนังสือพี่จะซื้อเล่มไหน..ไม่เข้าข้างตัวเองนะ..” ชายหนุ่มรีบบอกดักไว้ก่อน อยากให้ต้นได้ลองเลือกสิ่งที่เขากำลังเสนอ..

“ อาจจะเป็นหนึ่งในนี้ หน้าปกมันก็เหมือนๆกัน” ชายหนุ่มตอบไปตามที่เห็น

“ นั่นสิแล้วทำไมพี่ไม่นึกถึงจุดนี้บ้างล่ะ” ว่าที่นักการตลาดเริ่มขานไขข้อสงสัยของพี่ต้นให้หมดไป .บางเรื่องแค่รู้จักเปลี่ยนมุมมองก็จะเห็นเส้นชัยรออยู่.. ตลอดช่วงเย็นที่ผ่านมานนท์นั่งดูนิตยสารเก่าๆของสำนักพิมพ์ รวมไปถึงหนังสือของค่ายอื่นๆ จนพบข้อสังเกตนี้


“ แต่ your house my home อยู่คู่แผงหนังสือมากว่าสิบปีแล้วนะ ถ้าพี่เป็นคนซื้อเปอร์เซ็นต์ในการเลือกเล่มนี้ก็มีสูง” เจ้าของสำนักพิมพ์เริ่มหาข้อดี


“ ถูกต้องแต่พี่ก็อย่าลืมสิ ว่ายังมีค่ายอื่นๆเหมือนกันนะ เอาง่ายๆเลยนะเหมือนพี่เห็นกล่องกระดาษอยู่สี่ใบที่มีสีต่างกัน โอกาสที่คนจะเลือกสีที่ชอบก็มีมาก แต่ใครจะรู้ล่ะว่าสีที่คนนั้นชอบจะเป็นกล่องของเราหรือเปล่า คนชอบสีไหนก็จะเลือกสีนั้นถ้าในสี่กล่องนี้ไม่มีสีที่เขาชอบเขาก็จะไม่เลือกเลย”


“ เอาง่ายๆดีกว่าพี่ไม่เข้าใจ” ต้นเบิกตาเล็กน้อยมองอย่างไม่ค่อยเข้าใจ..


“ ถ้าพี่หาดอกไม้มาใส่ในกล่อง พี่คิดว่าคนเห็นเขาจะเลือกไหมล่ะ” นนท์อธิบายหลักการที่เขาคิดพร้อมเสนอภาพประกอบให้มองดูเป็นรูปเป็นร่างง่ายขึ้น

“ ก็ต้องเลือกสิแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด”


“ แม้ไม่ใช่ทั้งหมดแต่นนท์ว่าโอกาสก็จะมีมากกว่าตอนไม่มีดอกไม้ ครึ่งต่อครึ่งพี่เห็นด้วยไหม” นักศึกษาการตลาดเริ่มใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เป็นประโยชน์ นับว่าเรียนมาไม่เสียเปล่าสามารถเอามาใช้ได้ในสถานการณ์จริง

“ ก็จริงอย่างนายว่าแต่ หนังสือของเราเป็นแนวตกแต่งบ้านต่อให้หาบ้านที่ทรงแปลกประหลาด
แต่ก็ใช่จะโดนตาคนซื้อสักหน่อย” เขายังคำนึงถึงหลักความเป็นจริง

“ แล้วใครให้พี่ไปลงปกบ้านล่ะ” นนท์จ้องอีกฝ่ายตาใส..คอที่เอียงน้อยๆทำให้เขาดูน่ารักขึ้นจนทำให้อีกฝ่ายใจกระตุก..


“ แล้วจะให้ทำยังไง” ต้นพยายามรวมสมาธิของตัวเองกลับมา..ขมวดคิ้วหนาอย่างสงสัย.. เพราะยังมองไม่เห็นทางอยู่ดีว่านิตยสารแนวนี้จะฉีกออกจากกรอบเดิมๆได้อย่างไร

คนหน้าหวานเอื้อมมือมารวบกระดาษทั้งหมดมาไว้ในมือ..แล้วขยับไปนั่งใกล้ๆอีกคนที่ยังสงสัยอยู่..

“ ว่าไงล่ะ” ชายหนุ่มหันมองคนนั่งใกล้ ในใจตอนนี้กำลังสงสัยอย่างมาก ว่านนท์จะมีวิธีอะไรมาทำให้นิตยสารมียอดขายเพิ่มขึ้น

“ พี่ชอบดาราคนไหนเหรอ”

“ นี่คุณหนูพี่กำลังเครียดอยู่นะมาชวนคุยเรื่องไร้สาระได้ยังไง ไว้ค่อยคุยกันวันหลังล่ะกัน ตกลงมีทางออกยังไงกันแน่” เขาชักสีหน้าอย่างเหลืออด เครียดๆอยู่แต่กลับมาชวนคุยเรื่องดาราคนโปรด

“ ตอบนนท์มาก่อนสิ” คนร่างโปร่งยืนยันจะเอาคำตอบ

“ ทอมแฮงค์”

“ ว้าวดาราออสการ์เสียด้วย รสนิยมดีไม่น้อย นนท์เคยดูเรื่องที่เขาไปติดเกาะสนุกดีนะเล่นได้สมจริงมาก ผมเผ้านี่รุงรังจริงๆ” เสียงหัวเราะสดใสดังขึ้นเมื่อได้ยินชื่อดาราคนโปรดของพี่ต้น ..

“ คุณหนู” เสียงของเขาลอดไรฟันออกมาพร้อมจะขย้ำนนท์ในอีกไม่ช้า นนท์นี่ช่างยียวนกวนอารมณ์ได้มากมาย


“ เอาเถอะนนท์ไม่เล่นแล้วก็ได้ ดูสิทำหน้าเป็นยักษ์เชียว..” คนหน้าสวยจำต้องยอมแพ้ พลางยกมือไปดึงมุมปากของอีกคนเบาๆ..ต้นมองกลับมาแต่ก็ไม่ได้ปัดป่ายมือนั้นออก ..เพียงไม่นานคนหน้าสวยก็หันกลับไปสนใจกับจอคอมพิวเตอร์.


“ พี่ลองคิดดูสิว่าทำไมปกนิตยสารสี่ฉบับที่นนท์ให้ดูถึงเหมือนกันขนาดนี้ ใครเป็นคนบอกเหรอว่าหนังสือตกแต่งบ้านต้องมีแต่โซฟาสระว่ายน้ำหรือมุมสวยของบ้าน ทำไมไม่รู้จักเอาดอกไม้มาดึงดูดบ้างล่ะ” แนวคิดที่เริ่มต้นจากนักการตลาดเสนอขึ้น ...ด้วยความเป็นนักขาย ไม่ใช่นักพิมพ์..เลยทำให้นนท์เลือกจะกล้าใช้แนวคิดที่แปลกไปลงไป..ต้นมองอีกฝ่ายอย่างคิดตามใบหน้าไม่ได้ห่างไกลสักเท่าไหร่..


“ พี่ลองคิดสิสมมติพ่อทอมแฮงค์มาลงปกเป็นนายแบบ โดยไปถ่ายมุมสวยในบ้านของเขา พี่ว่าแฟนหนังของทอมแฮงค์จะซื้อหนังสือเล่มนี้ไหม” นนท์พูดขึ้นพลางหันมามองอีกฝ่ายที่นั่งใกล้..โดยไม่รู้ตัวเลยว่าร่างของทั้งสองแทบชิดกัน...ทันทีที่หันก็สัมผัสเอากับร่างแกร่งที่นั่งอยู่..แรงต้านที่เกิดทำให้ร่างของนนท์ต้องเซไปข้างหลังโดยมีต้นล้มลงมาทาบทับ... ( กรี๊ด...)


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 14-07-2009 23:40:52
สองสายตาสบกัน..ใกล้ ..กลิ่นหอม ความรู้สึก ทุกอย่างเป็นจริงจนแยกไม่ออกจากร่างกาย...
แล้วเป็นนนท์ที่ได้สติขึ้นก่อน..

“ พี่ต้น..”

“ อะไรเหรอ..” อีกคนยังคงไม่รู้ตัวว่ากำลังทับอีกฝ่ายอยู่..ใกล้..

“ นนท์หนัก..” สิ้นเสียงของคนด้านล่างต้นก็รีบผละออกอย่างได้สติ...ร่างบางเลยลุกขึ้นกลับมานั่งอย่างเดิม สองคนเลี่ยงจะพูดในสิ่งที่เกิดขึ้น...แต่ก็นั่นแหละเวลานี้สองกายได้ใกล้กันมากขึ้นกว่าเดิมอีกระดับ ..กลิ่มหอม สัมผัส และความอบอุ่น..

“ พี่ยังไม่ตอบนนท์เลยว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ” นนท์เลือกจะกลับเข้าไปสู่ประเด็นที่ค้างเอาไว้ พยายามไม่มองอีกคนที่นั่งใกล้ๆ ..

“ ก็น่าจะซื้อ”

“ ถือว่าถูก ทำไมไม่มีคนคิดจะเอาดารามาลงปกบ้างล่ะพี่รู้ไหมว่าทำไม....” เจ้าของทฤษฎีใหม่หยั่งเชิงความคิดเจ้าของสำนักพิมพ์หนุ่ม

“ ค่าตัว”

“ นนท์ได้ยินมาว่าการวางแผนการตลาดครั้งใหม่ต้องใช้เงินถึงห้าล้าน พี่ลองเชื่อนนท์สักครั้งไหม
นนท์คิดว่าเราใช้เงินไม่ถึงล้านด้วยซ้ำกับการลองปกใหม่ แม้ค่าตัวดาราจะแพงไปนิดแต่ก็แค่แสนสองแสน หากเรามีสตูดิโอเอง หรือติดต่อบ้านสวยๆก็ไม่มีปัญหา จะแพงหน่อยก็ค่าไฟค่ากล้อง แต่รวมๆกันหนึ่งวันก็ราวๆห้าแสน ลองทำอะไรใหม่ๆดูอาจจะดีก็ได้นะ” คนร่างเล็กกำลังผลักดันความคิดของตัวเองสู่สายตาแวดวงหนังสือ ความคิดที่ยากจะพบเจอในแผงหนังสือแต่งบ้านปัจจุบัน

“ แต่..”

“ พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินเลย ในช่วงนี้นนท์ว่าลงดาราที่กำลังมีผลงานหนังหรือละครดูสิ สกู๊ปในเราอาจมีบทสัมภาษณ์เขาด้วย

นนท์เชื่อว่าอย่างน้อยคนก็ต้องสนใจ ไม่ใช่ถามเรื่องบ้านของเขาอย่างเดียวแต่ต้องถามไปเรื่องอื่นๆเช่นผลงานที่มีอยู่ เรื่องใหม่ๆในชีวิตเขาอย่างนี้คนก็จะอยากอ่านอยากซื้อมากขึ้น และรับรองต้องได้ ads.เพิ่มขึ้นด้วย” นนท์เสนอหลักการตามความคิด


ในฐานะคนอ่านหนังสือดาราบ่อยๆ เขาเองก็อยากรู้เรื่องของดาราคนโปรด หนังสือแนวใหม่น่าจะเจาะกลุ่มตลาดได้ง่าย

“ เหรอ”


“ พี่ก็รู้ดีว่าพวก ads.หนัง ละครมันเงินเยอะขนาดไหน การที่เราเอานักแสดงมาลงก็เท่ากับช่วยโปรโมตหนังของเขาไปอีกทาง ช่วงนี้อยู่ในช่วงขาลงน้ำต้องพึ่งเรือเสือต้องพึ่งป่า”


“ ........” เขาครุ่นคิดตามไป


“ นนท์รู้ว่าพี่อาจกำลังหนักใจ ว่าการทำอย่างนี้เหมือนเป็นการหลอกขายให้กับคนซื้อมากกว่าจะวัดกันที่คุณภาพ แต่ตอนนี้ใครๆก็ต้องเอาตัวรอดไม่ใช่เหรอ แม้ตอนแรกมันอาจจะไม่ถูกนักแต่ถ้าพี่ลองคิดว่ามันเป็นการเปิดตลาดล่ะ เราอาจได้แฟนนักอ่านกลุ่มใหม่เพิ่มขึ้นนะ พี่ว่าไง” ความกังวลที่ต้นมี ..นึกเหรอว่านนท์จะอ่านไม่ออก ชายหนุ่มหันมองอีกฝ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้พยายามย้ำความมั่นใจให้อีกคน

“ อืมก็ได้พี่จะลองเชื่อดูสักครั้ง”


“ งั้นลองออกแบบปกเลยไหม นนท์อยากเห็นแล้วว่าทอมแฮงค์มาปรากฏอยู่บนปก your house my home แล้วจะไปยังไง คนต้องอยากอ่านมาขึ้นแน่” นนท์ยิ้มกว้างอย่างดีใจ ในที่สุดพี่ต้นก็ยอมทำตามที่เขาเสนอ.. เขาอยากให้พี่ต้นเลิกเครียดเสียที.. ในใจก็แอบลุ้นคนข้างๆอย่างมาก..ต้นเอื้อมมือไปเปิดโปรแกรมออกแบบ พร้อมทั้งเซิร์ซหาภาพของดาราคนโปรดมาประกอบกัน ..


‘ ความคิดของนายไม่เลวจริงๆ ใครจะเชื่อล่ะ ว่าคนสมองขี้เลื่อยในวันก่อนจะกลายเป็นคนแสนฉลาดเจ้าความคิดเจ้าแผนการขนาดนี้ เห็นทีพี่คงมองข้ามนายไปไม่ได้แล้ว’ เขาลอบคิดในใจออกจะชื่นชมในตัวอีกฝ่ายไม่น้อย มือแกร่งทำงานของตนไปเรื่อยๆจนเวลาล่วงเลย...

“ นี่พี่ทำเสร็จแล้ว” พี่ต้นบอกเสียงใส .ดูจะมีความสุขไม่น้อย ในที่สุดการออกแบบปกก็สำเร็จออกมาตามที่เขาคิด... เมื่อไม่มีเสียงใดตอบกลับมาทำให้เขาต้องหันไปมองคนข้างกาย


“ หลับแล้วเหรอนี่..” ต้นยิ้มให้กับคนน่ารักที่นอนนำหน้าเขาไปก่อนแล้ว มือใหญ่อดจะเอื้อมไปปัดไรผมที่ปรกหน้าคนหลับตาไม่ได้ แถมมันยังไล้ไปบนแก้มนวลอย่างแผ่วเบา


‘ เห็นทีพี่ได้แพ้พนันอีกข้อหนึ่งเข้าแล้ว วันนี้นายทำให้พี่หวั่นไหวได้มากจริงๆ’ ชายหนุ่มยอมรับกับใจของตัวเอง คำประกาศก้องของนนท์กำลังเดินทางไปสู่เส้นชัย เขากำลังกลายเป็นผู้แพ้ แต่นั่นจะสำคัญอะไรการแพ้ต้องยอมจากใจส่วนในของก้นบึ้งถึงจะเรียกได้ว่าผู้ชนะ กำชัยอย่างสมภาคภูมิ

***
เช้าวันถัดมาเจ้าของห้องก็รีบออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว...


“ พี่ต้นออกไปทำงานแล้วเหรอคะ พี่เขานี่ขยันจริงๆเลยนะวันเสาร์เป็นวันหยุด แต่เขาก็อุตส่าห์จัดเป็นวันทำงาน กิ่งเห็นแล้วทึ่งจริงๆ” กิ่งที่เพิ่งล้างหน้าล้างตาเสร็จเดินลงมาทักทายมารดาที่จัดจานอยู่ที่โต๊ะอาหาร พลางเอ่ยถึงพี่ชายจอมขยันของเจ้าหล่อน ..

“ ว่าแต่เราเถอะวันนี้ว่างไหมแม่จะชวนไปข้างนอกสักหน่อย”

“ ว่างสิคะช่วงนี้ยังไม่สอบกลางภาคกิ่งไปได้อยู่แล้ว แต่หวังว่าคงไม่ได้ไปนั่งถ้ำมองคนอื่นเหมือนอาทิตย์ที่แล้วนะ” เธอบอกกันไว้ก่อนเพราะเบื่อเหลือเกินกับการลุกๆนั่งๆเฝ้ามองอะไรที่มองไม่เห็น

“ จ้ะ” นางรับคำเสียงสูง

“ ว่าแต่นนท์ล่ะคะ หนูเดินไปหาเขาที่ห้องก็ไม่เจอที่นอนก็พับเก็บเรียบร้อยแล้ว” กิ่งรับคำพลางเอ่ยถามถึงเพื่อนสนิทว่าที่พี่สะใภ้ ..

“ ไม่เห็นนี่ แม่นึกว่ายังหลับอยู่เสียอีก..” มารดาปฏิเสธไปอย่างราบเรียบ แต่เพียงชั่วขณะสัมผัสบางอย่างของสองแม่ลูกก็แผ่รังสี สองตาหันมองอย่างช่างใจ ก่อนที่คนร่างเพรียวจากลากแขนมารดาขึ้นกลับไปบนชั้นสองของบ้าน ...

“ จะพาแม่ไปไหนน้องกิ่ง แม่ยังจัดจานไม่เสร็จเลยนะ” นางทักท้วงเพราะอยู่ๆกิ่งก็เข้ามาจับแขนแล้วลากขึ้นข้างบน

“ ไปหาว่าที่สะใภ้แม่ไง” เธอกระซิบเสียงแผ่ว แต่เพียงเท่านั้นคุณแก้วก็กระจ่างใจใช่สิขืนว่าที่สะใภ้หายไปนางคงยอมไม่ได้แน่นอน


“ นั่นมันห้องพี่เรานี่จะไปทำไมเหรอ” นางถามอย่างแปลกใจที่ลูกสาวคนเล็กพาตรงไปยังห้องนอนส่วนตัวของต้น


“ กิ่งแค่สงสัย” กิ่งบิดประตูเข้าไปใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ มารดาเริ่มจะมาลุ้นในช่วงจะเปิดประตูห้องนี่แหละ


“ นั่น” และแล้วก็จริงอย่างที่คนขี้สงสัยคิด ว่าที่พี่สะใภ้นอนอยู่ในห้องพี่ต้นจริงๆด้วย แถมยังขึ้นไปนอนบนเตียงของเขาเสียด้วย


“ชักสนุกแล้วสิคะแม่ระวังนะค่อยๆเข้าไป” กิ่งยิ้มกว้างให้มารดา เหมือนสิ่งที่รอคอยสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว แค่เห็นเท่านี้เจ้าของแผนการลวงโลกตัวการใหญ่ก็สุขใจอย่างบอกไม่ถูก ว่าที่สะใภ้นอนห้องเดียวกับลูกชายคนโตเมื่อคืนนี้ คิดแล้วก็จักกะจี้


“ เอ๊ะนี่อะไรคะ หนังสือของเรามีปกอย่างนี้ด้วยเหรอ” กิ่งสะดุดเข้ากับบางอย่างที่วางไว้บนโต๊ะ..สายตาของหล่อนจับจ้องพร้อมทั้งหยิบแผ่นกระดาษที่วางไว้ขึ้นมาดู ถึงกับเลิกคิ้วสงสัยยกใหญ่เพราะไม่คุ้นว่าสำนักพิมพ์ของครอบครัวจะลงปกดาราด้วย


“ เอามาให้แม่ดูสิ” มารดาที่ยืนอยู่ข้างๆยื่นมือไปรับแบบปกมาดูบ้าง ก็ถึงกับแปลกใจในรูปแบบปกที่น่าสนใจกว่าเดิมมาก กิ่งที่ยืนดูมารดาฉงนกับปกใหม่ก็เหลือบเห็นบางอย่างที่เขียนไว้ด้านหลังปกนั้น


“ แม่ลองพลิกกระดาษดูเร็ว กิ่งเห็นเหมือนมีตัวหนังสืออยู่ข้างหลัง” เจ้าหล่อนรีบร้องบอกอย่างสนใจ อยากรู้นักว่าข้อความด้านหลังเขียนว่าอย่างไร


“ ขอบใจมากคุณหนู แล้วพี่จะลองเสนอความคิดนี้ที่กองประชุมบก.ดูนะ ไว้ถ้าเป็นจริงแล้วพี่จะซื้อของมาฝากแล้วกัน ว่าแต่เมื่อคืนนายนอนดิ้นเกินไปแล้วนะทำพี่แทบตกเตียง ..........พี่ต้น”

คุณต้อมอ่านข้อความนั้นออกมาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่เพราะจำได้ว่ามันเป็นลายมือลูกชายคนโต เลยต้องเชื่อในที่สุด เห็นดังนั้นก็ดีใจกันยกใหญ่ แสดงว่าเมื่อคืนนนท์นอนอยู่ในห้องนี้จริงๆ


“ ไม่เสียแรงที่กิ่งยอมไปนั่งหลังขดหลังแข็งที่บ้านน้าเดือน ใครจะนึกล่ะว่าสองคนนี้จะแอบกุ๊กกิ๊กกันด้วย” แม่ลูกสาวพลอยคิดไปไกลเกินกว่าความเป็นจริงที่มีอยู่


“ ใช่แล้วแต่เรื่องอย่างนี้โบราณเขาบอกว่าอย่ากระโตกกระตากเดี๋ยวไก่จะตื่น เราต้องเงียบไว้ก่อนรอดูท่าทีสองคนนี้ไปก่อน” จอมวางแผนขั้นปรมาจารย์คิดต่อได้อย่างแยบยล

“ เรารีบออกไปก่อนดีกว่า ” มารดาฉุกคิดขึ้นได้ ก็รีบเกี่ยวแขนลูกสาวออกไปจากห้องทันที ขืนแสดงให้รู้ว่าทั้งสองเห็นชายหนุ่มนอนหลับในห้องของลูกชายคนโต นนท์คงไม่ยอมเข้าใกล้พี่ต้นอีกแน่


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 15-07-2009 00:29:53
โอ้วววว โดนใจใช่เลยตอนนี้ หุหุ
พี่ต้นเอ่ยยยย  :z1: แต่เรื่องหนังสือก้มีความจริงอยู่นอกจากคนที่สนใจเรื่องนั้นแล้ว
แต่มีคนสนใจดาราขึ้นอีกละ มันก็มีซื้อมากขึ้น พวกแฟนคลับก็ซื้อเพิ่มในส่วนของแฟนคลับ
นั้นแหละใช่เลย  :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: menano ที่ 15-07-2009 01:47:00
ก้าวหน้าไปอีกขึ้นแล้วเนอะ

ทีนี้พี่ต้นได้แพ้พนันหลุดลุ่ยแน่นอน

น้องนนนี่ชนะชัวร์แบบนี้น่ะ

55555555555555

สองแม่ลูกก็ติดตามผลทุกระยะเลยนะเนี่ย

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: pay-it-forward ที่ 15-07-2009 09:40:55
สองแม่ลูกนี่ได้ใจสุดๆเลย
ชอบจังเลย "ว่าที่สะใภ้"
 :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 15-07-2009 12:12:03
เราว่าเราเป็นแฟนคลับสองแม่ลูกนี้ดีกว่า

ชอบอะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-07-2009 19:56:17
ตอนหน้าขอหว๊าน หวาน ได้ป่ะ หุหุ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: tapee14 ที่ 15-07-2009 20:30:55
น่ารักจังอยากมีแม่สามีแบบนี้บ้างจังอะ ชอบมากเลยมาลงต่อเรื่อย ๆ นะค่ะ เป็นกำลังใจให้

 :L1:     :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 15-07-2009 20:45:59
 :z2: :z2: เต้นฉลองล่วงหน้า  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 15-07-2009 21:23:01
pppp2020  โดนใจจริงหรอ แสดงว่าชอบน้ำตาลละซิ หุ หุ

menano  พี่ต้นนะแพ้อยู่แล้ว แต่จะเก็กหน้าหน้าขรึมได้อีกนานแค่ไหน จะแสดงออกมาเมื่อไหร่ต้องติดตามค่ะ

pay-it-forward  เค้าก้อชอบแม่ลูกคู่นี้เหมือนกัน น่ารัก

lizzii  ความหวานน่ารักๆยังมาอีกเรื่อยๆ แต่ตอนไหนต้องติดตามค่ะ

tapee14  ว่าที่คุณแม่ดีเด่นเลยนะเนี๊ย

THIP  ฉลองอะไรหรอ เร็วไปม้ายยย 55555
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 15-07-2009 22:01:21
ตอน 13



การประชุมกองบรรณาธิการของนิตยสาร your house my home เปิดฉากขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดของสมาชิกทุกคน เพราะต่างรู้ดีว่าปัญหาเรื่องยอดขายเป็นปัญหาใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบต่อการอยู่รอดของบริษัท และถ้าบริษัทเดือดร้อนพนักงานอีกครึ่งร้อยก็ต้องประสบกับความลำบากด้วยเช่นกัน


“ ไม่ทราบว่าที่นัดกองประชุมด่วน มีเรื่องอะไรสำคัญหรือเปล่าคะคุณต้น” ผู้จัดการสาวฝ่ายโฆษณาเปิดประเด็นเพื่อให้ชายหนุ่มได้เสนอความคิดใหม่


“ ผมมีแนวทางใหม่ในการทำหนังสือปักษ์ต่อไป”



“ แต่ปักษ์ต่อไป เราปิดต้นฉบับไปแล้วนี่ครับคุณต้น” หนึ่งในกองบรรณาธิกาเอ่ยแย้งเมื่อได้ยินคำเสนอจากปากของเขา



“ ปิดไปแล้วก็จริงแต่เนื่องจากยอดขายที่ต่ำลงจนน่าใจหาย เราเลยต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตั้งแต่ปักษ์หน้าเป็นต้นไป นี่คือตัวอย่างปกใหม่ของนิตยสาร your house my home” เขากดเปิดเครื่องฉายภาพ แสงสว่างจากเครื่องเริ่มทำงานและปรากฏภาพแบบปกใหม่ที่แผ่นผ้าใบข้างๆกระดานสีขาว



“ เอ๊ะนี่” สายตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่แบบปกซึ่งไม่คุ้นตาเอาเสียเลย เพราะคราวนี้มีการตัดต่อภาพดารานักแสดงมาเป็นส่วนประกอบหนึ่งของปก เพื่อเรียกแรงดึงดูดจากผู้พบเห็น



“ พวกคุณว่าไงกับไอเดียชิ้นนี้ ผมว่ามันค่อนข้างจะใช้ได้ผลเลยทีเดียวเหมือนลูกกวาดล่อตาล่อใจเด็ก” เขาเริ่มอธิบายต่อเพื่อไม่ให้ขาดตอน


“ แต่มันค่อนข้างจะ..” คุณประชาผู้อาวุโสที่สุดมีท่าทางไม่ค่อยจะเห็นด้วย แต่ก็ไม่กล้าจะคัดค้านออกไปตรงๆ



“ การลงทุนค่อนข้างสูงเรื่องนี้ผมเข้าใจดี แต่ถ้าแลกกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นผมก็ว่ามันคุ้มนะ อีกอย่างผมจะเปิดสกู๊ปใหม่สักหน้าสองหน้าเพื่อสัมภาษณ์คนที่มาลงปก โดยการสัมภาษณ์ไม่ได้พูดคุยแค่เรื่องบ้านหรือมุมสวยๆที่ดาราเหล่านั้นชอบแต่เพียงอย่างเดียว เราจะทำให้เป็นแนวที่คนชื่นชอบดาราตามอ่านได้ด้วย แม้แรกๆอาจจะดูเป็นการหลอกขายแต่ถ้าคิดในแง่เป็นการลองเปิดตลาด เปิดรับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆผมว่ามันก็น่าจะได้ผล เมื่อเขาเหล่านั้นได้ลองอ่านนิตยสารของเราอาจชื่นชอบในสไตล์การนำเสนอในคอลัมน์อื่นๆก็ได้” เขาหยิบยกคำพูดของคนเจ้าหลักการที่กล่อมเขาจนอยู่หมัดมาอ้าง



“ ไอเดียนี้ไม่เลวเลยนะครับ น่าจะทำได้ดีอีกด้วย อีกอย่างมันก็เหมือนเป็นการลองเดินในเส้นทางใหม่ๆไม่จำเป็นต้องยึดติดกับกรอบเดิม เหมือนหนังสือที่มีอยู่ในท้องตลาดตอนนี้” เสียงสนับสนุนเสียงแรกดังขึ้น ตามต่อด้วยคำสนับสนุนอีกมากมาย ทุกคนต่างทึ่งในความสามารถของเขาโดยไม่รู้เลยว่าคนที่คิดแผนการตลาดใหม่คือใครคนที่เขาเคยมองว่าไร้สาระแสนปัญญานิ่ม ..



“ ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันว่าสรุปความคิดนี้นะครับ เดี๋ยวฝ่ายจัดพิมพ์ ออกแบบ และสกู๊ปรอพบผมก่อนนะ ส่วนคนอื่นๆเชิญได้ตามอัธยาศัยครับ” ไฟในตัวเริ่มลุกโชนโชติช่วงอีกครั้ง ปัญหาในตอนนี้ถูกขจัดออกไปได้ง่ายดาย ง่ายจนเขาไม่เคยนึกมาก่อนว่ามันจะออกไปเร็วอย่างนี้ ต้องขอบคุณคนหน้าหวานจริงๆ




วันเวลาผ่านไปสักระยะ มันเป็นช่วงการเดินทางมาเยี่ยมลูกชายคนเดียวของเศรษฐีนีแสนเจ้าเล่ห์ การกลับมาครั้งนี้นำความสุขมาสู่คนเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างมาก ครึ่งปีแล้วสินะที่ไม่ได้เจอมารดา คราวก่อนที่กลับมาเยี่ยมก็มาอยู่แค่สองวันยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะหายคิดถึง มารดาก็ต้องกลับไปจัดการธุระต่อที่สหรัฐอเมริกา



“ นี่แม่กลับมาจะอยู่สักกี่วันครับ อย่าบอกนนท์นะว่าอยู่แค่สองวันอีก” ลูกชายคนเก่งอดจะค่อนขอดไม่ได้ แต่มารดาที่ยังคงตะลึงในการเปลี่ยนไปของลูกชาย จึงไม่ได้ตั้งใจฟังสิ่งที่เขาถาม ..จนเมื่อมือเรียววางไปจับบ่าบางทั้งสองแล้วแสร้งเขย่าแกล้งมารดา ..หญิงวัยกลางคนจึงได้สติ..


“ อะไรนะ เมื่อกี้ลูกถามอะไรแม่เหรอ”


“ นนท์ถามว่าแม่กลับมาเมืองไทยคราวนี้ แม่กะจะอยู่สักกี่วัน” ชายหนุ่มทวนเสียงยานคาง แกล้งเย้ามารดาที่ทำหน้าเหรอ...

“ อ๋อสองวันจ้ะ”


“ อะไรนะ นนท์เพิ่งสังหรณ์ใจไปเมื่อครู่นี่เอง ทำไมแม่ถึงต้องรีบกลับอย่างนั้นล่ะอยู่กับนนท์อีกสักสามสี่วันไม่ได้เหรอครับ” ชายหนุ่มถึงกับผงะในคำตอบของคนเป็นแม่.. เร็วเกินไปหรือเปล่า เป็นไปอย่างที่สังหรณ์ไว้ทุกประการ ..



“ งานทางโน้นยังไม่เรียบร้อยสักเท่าไหร่ บริษัทเราเพิ่งตั้งตัวได้ใหม่รากฐานยังไม่แข็งแรงการที่แม่ทิ้งมาอย่างนี้ก็ถือว่าเป็นผู้บริหารที่ไม่ดีเลย เพราะห่วงลูกแม่เลยยอมกลับมาเยี่ยม” นางให้เหตุผลปนเท็จ




“ นี่ที่บริษัทยังไม่เรียบร้อยอีกเหรอ เอาเถอะครับนนท์จะยอมให้...ถึงยังไงเราก็สู้อุตส่าห์ทำให้บริษัทฟื้นคืนกลับมาได้ นนท์ไม่ยอมเอาตัวเองเป็นใหญ่จนทำให้ส่วนรวมต้องเสียหายหรอก” ความคิดที่ออกมาจากปากของลูกชายสุดที่รักทำให้คุณนันอดปลื้มปิติไม่ได้ พ่อน้องสติชหัวฟูของนางโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆแถมยังหล่อเหลายังกับพระเอกหนังเกาหลี... น่าหลงใหลตามคำชวนเชื่อของคุณแก้วทุกประการ



“ แล้วน้องกิ่งกับน้าแก้วไม่อยู่บ้านเหรอ” นางเหลียวซ้ายแลขวาก็ไม่เห็นเงาของใครสักคนเลยถามออกมาอย่างสงสัย ในความเป็นจริงคุณอก้วต้องอยู่ติดบ้านเพื่อรอคุยเรื่องลูกชายของทั้งสองถึงจะถูกต้อง แต่นี่ไม่เห็น หรือคุณแก้วจะมีแผนการอะไรแอบซ่อนไว้อีกหรือเปล่านะ



“ แม่เป็นอะไรไป ยิ้มเหมือนตัวร้ายในหนังเลยนะ” นนท์ที่นั่งจ้องมอง อดจะเอ่ยทักในท่าทีผิดปกติของมารดาไม่ได้.. ออสการ์มาเอง



“ เปล่าหรอกจ้ะ อย่างแม่ต้องเรียกว่านางเอก อย่าเรียกว่าตัวร้ายอีกนะไม่เหมาะสม ๆ อย่างแม่ต้องนางเอก” นางเอาจริตเข้ากลบเกลื่อน และมันก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะจากลูกชายตรงหน้าได้ไม่น้อย แถมความคาใจของนนท์ก็ลบหายไปพร้อมเสียงหัวเราะนั้นด้วย


“ เดี๋ยวแม่ขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ คืนนี้แม่ต้องนอนกับนนท์ที่นี่นะ อย่าไปนอนเลยที่โรงแรมเลย
นานๆแม่จะกลับมาสักทีนนท์อยากนอนคุยให้หายคิดถึง” เขาเข้าอ้อนมารดา พลางยกมือขึ้นคล้องแขนนุ่มเข้ามากอดอย่างสุดรัก..


“ จ้ะ”


“ แม่รีบอาบน้ำแล้วลงมานะ เดี๋ยวนนท์จะทำอาหารให้ทานรับรองแม่ต้องไม่เชื่อแน่ว่าลูกชายของแม่ทำอาหารเป็นด้วย” เขารีบอวดเหมือนเด็กๆ


“ จ้ะ ไว้แม่จะรีบลงมา” นางรับคำแล้วลากกระเป๋าเดินทางใบขนาดกลาง ขึ้นไปชั้นสองของบ้านอย่างคุ้นชิน ครั้งก่อนนางก็มานอนกับลูกชายหนึ่งคืนเลยจำเส้นทางได้แม่นยำ ฝ่ายนนท์ก็เดินเข้าไปในครัวเลือกหาวัตถุดิบภายในตู้เย็นเพื่อนำไปทำอาหาร


บัดนี้มันกลายเป็นหน้าที่หลักของเขาไปเสียแล้ว ทุกวันสุดสัปดาห์นนท์ต้องได้เข้าครัวเองเพราะเป็นวันว่างแถมยังได้ช่วยแบ่งเบาภาระเล็กๆน้อยๆคุณแก้วได้อีกแรง



“ นี่หล่อนอยู่ไหนกันหา ฉันมาถึงชั่วโมงนึงแล้วนะยังไม่เห็นใครสักคนนอกจากลูกชายของฉัน” คุณนันกรอกเสียงอย่างแผ่วเบา เพราะเกรงว่าลูกชายหน้าสวยจะได้ยินเข้า


“ ตอนนี้ฉันออกมาซื้อของนิดหน่อยอีกสักพักก็กลับบ้านแล้ว อย่าบอกนะว่าที่โทรฯมาเพราะคิดว่าฉันหลบมาเตรียมแผนอะไร” นางเดาใจเพื่อนสนิทได้ถูก


“ เปล่าสักหน่อย ฉันไม่ใช่พวกเจ้าแผนการอย่างหล่อนนี่”


“ ไม่ใช่เจ้าแผนการเหรอ แล้วใครล่ะย่ะที่โกหกลูกตัวเองว่าที่บ้านกำลังจะล้มละลาย ไม่รู้เลยนะว่าไอ้นกตัวไหนมันบอก” คุณแก้วอดจะแสร้งประชดไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับพี่ต้นที่กำลังเข็นรถเข็นมาทางมารดาเกิดได้ยินเข้าพอดี ชายหนุ่มหลบที่มุมผลไม้เพื่อฟังต่อ


“ โธ่ก็ตอนนั้นเหตุการณ์มันบังคับนี่”


“ ช่างเถอะ อย่าให้ลูกชายเธอรู้เป็นพอ การที่เขาเข้ามาในบ้านของฉันใช่จะไม่ดีสักหน่อย ที่บ้านเรามีชีวิตชีวามากขึ้นตั้งแต่นนท์เข้ามาอยู่”



“ พี่ต้นทำอะไรอยู่คะ” มือบางของกิ่งตบลงบนบ่าพี่ชายที่แอบฟังการสนทนาของมารดากับเพื่อนสนิทเบาๆ.. ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย แต่พยายามตีหน้าสนิทไม่กระโตกกระตาก.. แต่เพราะเสียงทักทายของลูกสาวคนเล็ก คุณแก้วเลยรู้ตัว และระวังมากขึ้น นางรีบปิดการสนทนานั้นอย่างเร็วที่สุด



“ ไว้ฉันจะกลับไปเม้าท์กับเธอที่บ้านนะ ตอนนี้ไม่สะดวกแล้ว” นางรีบบอกรวดเร็ว ปลายประโยคลดโทนลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ลูกชายได้ยิน



“ เอาพี่ต้น น้องกิ่งมานานแล้วเหรอจ้ะ เป็นไงที่แม่ให้ไปหยิบขนมไหว้พระจันทร์ไปหยิบหรือยัง” นางเอ่ยกลบเกลื่อนนี่แหละนะ แม้ใจจะสั่นตุ๊มๆต่อมๆแต่ก็ยังแกล้งใจดีสู้เสือทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เห็นทีนางคงได้รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมเป็นปีที่สองแน่นอน


“ นี่ค่ะแม่ แต่มันไม่มีไส้ถั่วนะกิ่งเลยเอาไส้ไข่เค็มมาแทน จะว่าไปบ้านเราไม่ใช่คนจีนสักหน่อยแต่เราก็ทานขนมไหว้พระจันทร์กันทุกปีเลยนะ”



“ เพราะคุณพ่อของลูกเขาชอบทานไงล่ะ แม่ก็เลยต้องทานเป็นเพื่อนตลอด ไหว้พระจันทร์ทุกครั้งพลอยนึกถึงเขาไปด้วย” ภาพวันวานยังฝังตรึง สดใสสวยงามและมีแต่วันดีๆทั้งนั้น



“ ค่ะแม่ กิ่งว่าเรารีบกลับกันดีกว่านะเดี๋ยวนนนี่ของแม่จะคอยนาน” หญิงสาวก้าวเข้ามาดึงมือมารดา ..ดึงนางให้หลุดจากความทรงจำที่อาจทำให้นางสะเทือนใจ แม้ทุกอย่างจะสวยงามน่าจดจำ แต่ทุกครั้งที่ระลึกความเศร้าช่วงที่คุณชายชาติเสียไปก็เข้ามาเกาะกินใจนางได้ชะงักงัน



“ จ้ะ”นางสลัดความคิดยอมเดินตามลูกสาวไป


ฝ่ายพี่ต้นยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องที่ได้ยินเมื่อครู่ เขาอยากพูดมันออกไป แต่ใจหนึ่งก็สั่งให้เขาเก็บมันไว้ในส่วนที่ลึกที่สุด เพราะถ้าเขาเผยความจริงให้นนท์รู้ ความร่าเริงสดใสของบ้านคงขาดหายไปอย่างแน่นอน นนท์คงไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่บ้านเขาต่อและเขาก็จะไม่ได้เจออีกฝ่ายอีก ...โธ่ ...พ่อคนไร้อารมณ์คงยังไม่รู้ตัวหรอกว่าใจเขาเองก็แอบให้ความสนใจนนท์เข้าแล้ว



หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 15-07-2009 22:43:10
อ๊ากกกกกกกกก โดนใจ 2 แม่ ตีกัน  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 15-07-2009 22:54:14
“ ไม่รู้ว่าวันนี้นนท์ของแม่จะทำอะไรให้กินกันอีกนะ แม่ว่าไหมช่วงสองเดือนมานี่เขาทำอาหารอร่อยขึ้นมาก มากจนบางทีแพงเผลอคิดว่า...” ท้ายคำก็ไม่กล้าพูดออกมา


“ ทำไมเหรอ เป็นอะไรไปหรือเปล่าลูกคนนี่อยู่ๆก็เกิดอาการใบ้กิน จะพูดอะไรก็พูดต่อสิจ๊ะ อย่าอ้ำๆอึ้งๆอย่างนี้ แม่ไม่ปลื้มนะหนู ..” นางเอ่ยทักอย่างสงสัยเพราะคำที่เหมือนจะพูดต่อ ถูกเธอกลืนเข้าไปจนนางต้องทักท้วงเพื่อฟังเนื้อความต่อ



“ คิดว่าแม่เป็นคนทำ จริงๆนะช่วงหลังมานี่แพงแอบคิดจริงๆว่าเขาทำเทียบแม่ได้เลย แม่คงไม่ว่ากิ่งนะที่ไปชมว่านนท์ทำอาหารอร่อยกว่าแม่”


“ โธ่ เรื่องแค่นี้เองคิดอะไรมาก แม่จะบอกว่าแม่เองก็คิดเหมือนอย่างที่ลูกว่าเหมือนกันนั่นแหละ ช่วงนี้สงสัยหัวใจจะสูบฉีดดีทุกอย่างเลยทำออกมาอร่อย” ...



“ กิ่งเห็นด้วยนะ” สองแม่ลูกกระซิบกระซาบหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนาน วันนี้ได้คุณนันขารั่วจอมวางแผนมาร่วมวงอีกคน มีหวังวันนี้ไม่มีอันหลับอันนอนกันแน่


“ พี่ต้นเป็นอะไรไปคะทำไมไม่ตามมาล่ะ” สองแม่ลูกที่เดินไปได้สักระยะ ก็รู้สึกโหวงๆเหมือนเดินกันแค่สองคน หญิงสาวเลยหันไปมองและพบว่าพี่ชายยังคงยืนนิ่งไม่ตามเธอมา



“ อ๋อ” เขารีบเข็นรถตามไปทันที ..จนมาสมทบ



***
สามแม่ลูกกลับมาบ้านก่อนที่คุณนันจะลงมาจากชั้นบน ต่างคนต่างช่วยกันถือข้าวของที่ซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าเมื่อครู่ คุณแก้ววางของทุกอย่างรวมกันไว้ที่โต๊ะใกล้ๆห้องครัว จากนั้นจึงได้เข้าไปช่วยว่าที่ลูกสะใภ้หน้าสวยหยิบจานและช้อนออกมาเตรียมที่โต๊ะอาหาร



“ น้องกิ่งไปเอาโถข้าวมาหน่อยสิ” นางที่กำลังจัดโต๊ะสั่งขึ้น



“ ค่ะแม่” หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่าย ตรงดิ่งเข้าไปในครัว ซึ่งตอนนี้พ่อครัวประจำวันสุดสัปดาห์กำลังทำอาหารอยู่อย่างคล่องแคล่ว


“ กลับมาแล้วเหรอกิ่ง” แม่ครัวเอ่ยทักทาย



“กลับมาแล้วสิป๋า ..ว่าแต่ตอนนี้แกกำลังทำอะไรอยู่เหรอ หอมมากเลยแถมหน้าตาน่าทานมากๆ สงสัยพี่ต้นคงได้...” คำที่จะพูดต่อถูกเสียงกระแอมของชายหนุ่มตัวสูงขัดขึ้น



“ จะนินทาอะไรพี่อีกน้องกิ่ง แม่ให้เรามาเอาโถข้าวไม่ใช่เหรอเข้ามาตั้งนานสองนานแล้วยังไม่ออกไปอีก” เขาเอ็ดเข้าให้ แม่น้องสาวเลยแสร้งงอนเล็กน้อยคว้าโถข้าวไปได้ก็เดินสะบัดออกไปนอกครัวทันที ชายหนุ่มเข้ามายืนแทนที่น้องสาวมองดูว่าอีกฝ่ายทำอาหารอะไรบ้าง



“ ยืนยิ้มอะไร” ระหว่างที่เอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำตาล ก็เหลือบเห็นเขายืนมองนนท์อยู่ด้วยรอยยิ้มขันๆ เลยทักขึ้นอย่างสงสัย นนท์เองก็ไม่ซุ่มซ่ามหรือทำอะไรน่าขายหน้านี่..


“เปล่าหรอก” เขาบอกปัดแต่ยังไม่หยุดยิ้ม คนตัวบางกว่าไม่ใคร่จะสนใจใส่น้ำตาลลงในจานผัดจากนั้นก็หรี่ไฟลงผัดต่ออีกสักพัก



“ พี่ช่วยหยิบจานให้นนท์หน่อยสิ” เมื่อทุกอย่างใกล้เสร็จสิ้น ..พ่อครัวหน้าสวยก็เอ่ยขอความช่วยเหลือเพราะเขายืนอยู่ใกล้กว่า ชายหนุ่มหันหลังไปหยิบมาส่งให้แล้วมองท่าทางคล่องแคล่วนั้นต่อ



ทางข้างนอกครัวคุณนันก็ลงมาจากชั้นบนแล้ว สองเพื่อนสนิทโผเข้ากอดเป็นการทักทายกัน นางยิ้มรับให้กันและกัน

“ นี่เธอยังไม่เปลี่ยนทรงผมอีกเหรอแก้ว แค่มีคนทักว่าหน้าเด็กลงนี่ตัดทรงนี้มาตลอดเลยสินะ” นางกล่าวอย่างรู้ทัน คนถูกแซวได้แต่นั่งยิ้มอย่างมีความสุขก็ผมทรงนี้ นำความภูมิใจมาสู่นางจริงๆนี่ ใครเห็นก็ต้องทัก ใครเห็นก็ต้องชม


“ ว่าแต่เธอเถอะมาคราวนี้จะกลับมากี่วันล่ะ”


“ สองวัน ฉันต้องไปประชุมผู้ถือหุ้นที่สิงคโปร์ต่อน่ะสิ เครือข่ายของเราได้เปิดเจรจาครั้งใหม่กับบริษัทในสิงคโปร์ฉันเลยได้โอกาสแวบมาเยี่ยมนนท์ที่นี่แหละ” คุณนันบอกเหตุผลแท้จริง


“ เบาๆหน่อยสิขืนนนนี่ของฉันรู้ว่ามีการร่วมทุนครั้งใหม่ คิดเหรอว่าเขาจะเชื่อว่าบริษัทมีปัญหา” คนขี้ระแวงระวังตัวทุกฝีก้าว ซึ่งมันก็น่าจะมีผลดีกับทุกฝ่ายเพราะนางยังเข้าใจว่าพี่ต้นไม่ได้ยินสิ่งที่นางหลุดพูดออกไป เลยวางใจไปได้เปราะหนึ่ง

“ จริงอย่างที่เธอว่านะ ว่าแต่ลูกชายวฉันอยู่ไหนล่ะนี่”



“ อยู่ในครัวน่ะ กำลังทำอาหารอยู่จะเข้าไปดูไหมล่ะ ฉันกำลังจะเข้าไปหยิบแก้วน้ำพอดีเลย” นางเอ่ยชวนซึ่งคุณนันก็รับปากเดินเข้าไปด้วยอย่างเต็มใจ



ระหว่างที่กำลังหยิบอาหารที่ตักใส่จานเรียบร้อยแล้วลงถาด ดวงตาคู่เรียวก็เหลือบเห็นที่เสื้อของคนตัวสูงมีสิ่งผิดปกติไป มือนุ่มเอื้อมมือไปแตะเพียงน้อยก่อนจะถามขึ้น



“ กระดุมของพี่หลุดนี่ ใส่ไปได้ยังไง วันนี้ก็ไปทำงานด้วยคนเขาไม่มองกันเหรอ” นนท์ทักตาใส..เพราะไม่อยากเชื่อว่าคนที่มักจะสมบูรณ์แบบทุกกระเบียดอย่างเขา จะละเลยเรื่องอย่างนี้ไปได้

“ วันนี้ยุ่งๆพี่เลยไม่ได้ดูช่างเถอะไว้พี่ว่างๆค่อยเย็บเอง”



“ ไว้ทานข้าวเสร็จพี่วางไว้นะ เดี๋ยวนนท์เย็บให้แค่นี้เอง สงสัยจะทำงานหนักมากจริงๆถึงได้ไม่สนใจอย่างนี้” คนหน้าสวยยิ้มให้เสนอความช่วยเหลือ



“ อืมช่วงนี้งานมันหนักจริงๆ เพราะปกใหม่เปลี่ยนไปแล้วได้สามฉบับตอนนี้กำลังรอผลรายงานยอดขายในรอบสองเดือน ไว้ถ้ามียอดขายเพิ่มขึ้นพี่จะซื้อของมาฝากแล้วกัน” ชายหนุ่มเอ่ยถึงสิ่งที่เขาเขียนรับปากนนท์ไว้หลังปก ในวันที่นักการตลาดหนุ่มหล่อยื่นข้อเสนอในการเปลี่ยนแปลงแนวทางของนิตยสาร



“ เหรอ ...แต่พี่อย่าเพิ่งซื้อล่ะให้นนท์คิดก่อนว่าอยากได้อะไรแล้วจะบอก”


“ มั่นใจจังเลยนะ ถ้ายอดไม่เข้าเป้าพี่จะมาเรียกเก็บกับนายแทน” เขาเอื้อมไปยกถาดอาหารแล้วเดินออกไปจากห้องครัวเป็นการหยุดบทสนทนา สองเพื่อนสนิทที่ยืนดูเหตุการณ์ต่างต้องรีบถอยกรูดทำเหมือนเพิ่งเดินมา


“ เอ้าพี่ต้นแล้วน้องนนท์ล่ะ” คุณนันเอ่ยทักโดยใช้คำแทนตัวเขา เช่นเดียวกับที่มารดาของต้นเรียก ชายหนุ่มที่ถือถาดอยู่ก้มศีรษะลงเล็กน้อย



“ สวัสดีครับน้านัน นนท์เขายังอยู่ในครัวอีก ผมไปที่โต๊ะอาหารก่อนนะ” ชายหนุ่มบอกเสร็จสรรพ ต่อหน้านนท์เขาไม่เคยเรียกชื่ออีกฝ่ายเลยสักครั้ง แต่ลับหลังก็เรียกได้สนิทใจ คุณนันและคุณแก้วรอดูจนแน่ใจว่าพี่ต้นเดินออกไปแล้วจริงๆ จึงได้หันมาซุบซิบกันต่อ..


“ เป็นไงล่ะ เชื่อฉันหรือยังฉันบอกแล้วว่ามีลุ้นมากขึ้นกว่าเดิมเป็นหลายเท่านะ” คุณแก้วพูดจาคิกคักแย้มยิ้มอย่างปรีดิ์เปรม ความหวังใกล้จะบรรลุผลแล้ว


“ แต่ฉันว่ายังไม่เหมือนคู่รักกัน เหมือนพี่น้องกันมากกว่า” หญิงที่สูงกว่าขัดขึ้น เพราะนางยังสัมผัสไม่ได้ถึงความรักที่แสดงออกมา อาจเพราะความใกล้ชิดที่ต้องเจอกันบ่อยครั้งเลยกลายเป็นความผูกพัน แต่คุณแก้วกลับไม่เห็นด้วยและตีแขนเพื่อนวัยเดียวกันเบาๆ


“ หล่อนนี่ มันเป็นสัญญาณที่ดีนะ ยังไงนนท์ก็ต้องอยู่บ้านนี่ไปอีกตั้งปีกว่า เวลาที่เหลือฉันมั่นใจว่าต้องพัฒนาความสัมพันธ์ไปอย่างก้าวกระโดด” นางมั่นใจย้ำความคิดนั้นอีกครั้ง มือนุ่มเอื้อมจับมือของเพื่อนสนิทไว้แน่น ..ยังไงต้องได้นนท์มาเป็นสะใภ้บ้านวรโชติแน่นอน นางมั่นใจ..


“ เธอคิดอย่างนั้นเหรอ เอาเถอะเอาไงเอากันอุตส่าห์สู้มาตั้งหลายยกแล้ว จะรอฟังผลที่ประกาศช้าหน่อยก็นับว่าคุ้ม ถ้าผลนั้นมันสร้างความสุขให้คนฟัง” คำของนางเศรษฐีนี ย่อมแสดงให้เห็นว่านางเองก็เตรียมใจกึ่งหนึ่งเผื่อไว้ เพราะสิ่งที่หวังอาจไม่ปรากฏเป็นรูปธรรมจับต้องได้ อาจไม่มีวันเดินทางมาถึง .


.
“ อย่าตัดทอนความเชื่อมั่นของตัวเองอย่างนั้นสิยัยนัน เชื่อฉันนะพี่ต้นเขาเป็นลูกฉัน ฉันเชื่อว่าเขาเองก็สนนนี่เหมือนกัน” นางมอบความเชื่อมั่น



“ อืม” ให้กาลเวลาเป็นเครื่องยืนยันคำของคุณแก้วก็แล้วกัน ผลสุดท้ายจะออกหัวหรือก้อยก็ไม่มีใครรู้ แต่หากผลออกมาไม่ตรงใจอาจทำให้ใครหลายคนต้องเศร้า โดยเฉพาะคนที่มีความเชื่อมั่นแรงกล้าอย่างประมุขบ้านวรโชติ...


“ เอ้าแม่ น้าแก้วมายืนทำอะไรกันตรงนี้ครับ ไม่ออกไปทานอาหารกันเหรอ นี่นนท์ก็ทำเสร็จแล้ว ไปทานกันดีกว่านะ” เสียงของชายหนุ่ม ..หนึ่งในหมากที่ถูกวางลงในแผนการทำลายความสับสนของสองเพื่อนสนิทลงไปได้ฉับพลัน ..



“ ไปกันสิจ๊ะ เดี๋ยวน้าไปหยิบแก้วน้ำในครัวก่อน นนท์กับแม่ไปที่โต๊ะได้เลย” คุณแก้วเอ่ยปากขอตัวไปหยิบแก้วน้ำภายในครัวก่อนเดินไปสมทบที่โต๊ะอาหาร


“ ครับ..ไปกันแม่ดูสิวันนี้นนท์ทำผัดคะน้าหมูกรอบของชอบของแม่ให้ด้วย แม่ต้องทานมากๆนะไม่ต้องกลัวจะทานไม่ได้หรอก ตอนนี้นนท์ได้รับการการันตีจากน้าแก้วแล้ว ต่อให้เรียนไม่จบก็ไม่ต้องกลัวอด เพราะยังไงก็มีวิชาทำอาหารติดตัวอยู่” ลูกชายหน้าใสรีบอวดพร้อมทั้งบอกให้มารดาดูอาหารที่เขาถืออยู่ ภายในใจคุณนันปลามปลื้มจนบรรยายออกมาได้ รู้สึกภูมิใจในตัวคนข้างกายอย่างมาก..

“ แม่จะทานเยอะๆเลย ทานให้หมดทุกอย่างที่ลูกทำ”


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 15-07-2009 23:57:38
พี่ต้นรู้ซะงั้นอ่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: nune ที่ 16-07-2009 01:58:51
ยาวจุใจเลยค่ะ  สองตอนหลังนี้น่ารักอ่ะ   o13
พี่ต้นรู้แล้วจะทำไงต่อนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 16-07-2009 19:38:42
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-07-2009 20:09:22
พี่ต้นรู้แบบนี้แล้วจะทำไงต่อน่ะ ๆๆ
บอกรักนนท์ไปเลยยยยย หุหุ
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 16-07-2009 21:39:10
ตอน 14

ม่านหมอกแห่งราตรีเดินทางมาเพียงครู่ ร่างของนนท์ก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของพี่ต้น.. มือเรียววางลงเคาะตรงบานประตู..

“ นนท์เอง...นนท์เข้าไปนะ” คนร่างบางในชุดนอนสีฟ้าอ่อนส่งเสียงให้เจ้าของห้องรับรู้.. ต้นที่นั่งทำงานอยู่เงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยอนุญาตให้อีกฝ่ายก้าวเข้ามาในอาณาเขตของเขา


“ ไหนเสื้อล่ะนนท์มาเอาเสื้อ เออใช่สิน้าแก้วบอกว่าช่วงนี้เห็นพี่ยุ่งๆ เลยจะช่วยซักผ้าให้ เดี๋ยวนนท์เอาตะกร้าผ้าไปเลยนะ พี่ทำงานไปไม่ต้องห่วง” คนหน้าสวยบอกเสร็จสรรพ ก็เดินตรงไปหยิบตะกร้าเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ปกติถ้าอยู่บ้านเขาก็จะกองไว้ซักทีเดียวในวันว่าง ส่วนถ้าอยู่คอนโดมิเนียมก็ส่งซักรีดตรงร้านใต้คอนโดฯ


“ อืม” ชายหนุ่มพยักหน้าดวงตายังจ้องหน้าจอไม่คลาย งานช่วงนี้รุมเร้าเขามากจริงๆ เพราะการเปลี่ยนแผนการตลาดใหม่เรื่องปก จึงทำให้เขาค่อนข้างวาดความหวังกับมันไว้มาก ผลกำลังจะรายงานมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และผลที่รายงานจะเป็นตัวตัดสินทิศทางของบริษัทต่อไปในอนาคต หากแผนการเปลี่ยนปกใช้ได้ผลก็จะวางโครงสร้างเพื่อพัฒนาต่อยอดความคิดให้ก้าวไกลกว่าเดิม เหมือนที่นนท์เคยบอกเมื่อวันก่อนนั่นแหละ เขาหวนคิดถึงวันนั้น


‘ ถ้าสมมติว่าปัญหาในตอนนี้แก้ได้แล้วจริงๆ พี่ก็อย่าชะล่าใจล่ะนะ’


‘ ทำไมเหรอ ไหนนายมั่นใจกับวิธีนี้มากไม่ใช่หรือไร หรือกลัวว่ามันจะไม่ได้ผลเลยบอกให้พี่เตรียมตัวรับปัญหาใหม่’ เขาบอกอย่างไม่เข้าใจ


‘ ใครว่าล่ะ เพราะนนท์มั่นใจต่างหากล่ะ นนท์เลยอยากบอกให้พี่เตรียมรับสถานการณ์ต่อไป รับรองว่าภายในครึ่งปีต้องมีนิตยสารอื่นปรับเปลี่ยนและเอาแนวความคิดของเราไปใช้ ก็เหมือนกับนิตยสารในสมัยก่อนๆนั่นแหละ เพราะเราไม่ระวังเลยทำให้คู่แข่งเพิ่มขึ้นมาราวกับดอกเห็ด แถมยอดขายจะดิ่งลงอีก การลงปกดารามาช่วยประกอบ นนท์ว่าคงใช้ได้ไม่นานอย่างมากก็ยื้อได้แค่หนึ่งปี จากนั้นเราต้องปรับเปลี่ยนอีกครั้งเพื่อให้เข้ายุค และต้องปรับไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหารูปแบบที่เหมาะกับยุคฝืดเคืองเช่นนี้..’


‘ ยังไงล่ะพี่ยังไม่เห็นทางเลย แค่นี้เราก็เดินมาไกลจากแบบเดิมค่อนข้างมากแล้วนะ ’


‘ นนท์ไม่ได้บอกให้เปลี่ยนไปอย่างนั้นสักหน่อย มันก็ต้องคงตัวตนของ your house my home ไว้เช่นเดิมนั้นแหละ แต่ลูกเล่นของปกอาจเปลี่ยนไปอีก จากที่เอาดารามาถ่ายคู่กับบ้านอย่างเดียว ก็อาจเอาดารานั้นมาใส่ชุดเหมือนถ่ายแฟชั่นออกแนวศิลปะหน่อย นนท์มั่นใจว่ายังไงใครก็ตามเราไม่ทันแน่ๆ คนเราต้องก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ น้าแก้วเคยบอกนนท์ว่าคนทำนิตยสารจะย่ำอยู่กับที่ไม่ได้ แต่การจะก้าวออกไปข้างหน้าก็อย่าก้าวเสียจนไกลเกินความสามารถ เพราะมันอาจทำให้สะดุดได้ง่ายๆ ต้องค่อยๆก้าวไปทีละก้าว เหมือนตอนนี้เราก้าวมาจากกรอบเดิมไปหนึ่งก้าวแล้ว ต่อไปเราก็ก้าวไปอีกอย่างที่นนท์บอก’ หลักการความคิดของคนคิ้วเรียวใช้ได้เลยทีเดียว มีหลักเหตุหลักผลประกอบกันจนทำให้เขาคิดคล้อยลอยตามไป


‘ ไว้รอผลที่จะออกมาก่อน แล้วพี่ค่อยคิดนะรอให้เราใช้แผนปกใหม่ไปสักครึ่งปีจากนั้นพี่จะลองเข้าที่ประชุมกองบรรณาธิกาดู ’


‘ ครับแล้วนนท์จะคอยดูโฉมใหม่ของนิตยสารอีกครั้งนะ นนท์เชื่อว่าพี่ต้องทำให้your house my home ก้าวไปได้ไกลอย่างที่วาดไว้แน่นอน ถึงตอนนั้นอย่าลืมแบ่งโบนัสให้นนท์ด้วยล่ะ ช่วงนี้นนท์เป็นคุณหนูตกอับเสียด้วย ’ คนหน้าสวยเย้าทีเล่นอยากให้ชายหนุ่มได้คลายความหนักอึ้งภายในใจ



“ ทำอะไรอยู่นนท์” มารดาที่เพิ่งอาบน้ำไปอีกรอบ เพราะความร้อนของอากาศเมืองไทยเดินกลับเข้ามาในห้องอย่างสงสัยที่เห็นลูกชายกำลังขะมักเขม้นทำงานบางอย่างอยู่


“ นนท์กำลังเย็บกระดุมเสื้ออยู่” คนหน้าหวานเงยหน้าเล็กน้อยตอบมารดา แล้วหันไปสอยเข็มขึ้นลงอย่างชำนาญ นางไม่อยากเชื่อเพราะแต่ก่อนแค่ฝนเข็มให้ลงรูยังต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง ภาพที่คล่องแคล่วรวดเร็วทำให้นางอดชื่นใจไม่น้อย

“ ยิ้มอะไรครับแม่”


“ เปล่าหรอก เดี๋ยวนี้นนท์ของแม่เปลี่ยนไปมากจริงๆ ทำอาหารก็อร่อย งานบ้านงานเรือนก็ดี แถมยังหล่อน่ารักขึ้นมากจนแม่จำไม่ได้ ไหนจะเรื่องผลการเรียนอีกล่ะดีขึ้นจนไม่อยากเชื่อว่า ลูกคนเก่าจหัวทึบจนแทบจะเรียกได้ว่าในสมองกลวงว่าง” คำกระทบกระเทียบแม้จะเอ่ยถึงชายหนุ่มหัวฟูในอดีต แต่นนท์ก็อดกระดากไม่ได้เพราะมันก็คือเขานั่นแหละ

“ แม่ก็พูดจนนนท์เสียเลยนะ”

“ ลูกชอบพี่ต้นเขาเหรอ” นางเอ่ยถามหยั่งเชิง นนท์ได้แต่ก้มหน้าทำงานในมือของตนต่อไม่กล้าจะพูดออกไปในความรู้สึกแท้จริงที่มีต่อเขา


“ ตอบแม่มาเถอะไม่ต้องเขิน แค่เห็นลูกนั่งเย็บกระดุมเสื้อให้เขา แถมยังยิ้มแย้มมีความสุขแม่ก็ดูออกแล้วว่าลูกชอบเขา แม่ก็แค่อยากจะย้ำความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น”


“...” นนท์ข่มใจตัวเองเล็กน้อย ก่อนพยักหน้ายอมรับความจริง



“ แต่ก็นั้นแหละ ต่อให้นนท์ชอบเขาแต่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ นนท์รู้สึกเหมือนตัวเองไขว่คว้าอยู่แค่ฝ่ายเดียวเท่านั้น อย่างดีเขาก็พูดคุยกับนนท์มากขึ้น แต่ความรู้สึกนนท์คิดว่าเขาคงเห็นนนท์ไม่ต่างจากน้องกิ่งหรอก”


นนท์เองก็ใช่ว่าจะมองไม่ออก.. เขาระบายความอัดอั้นออกมาเสียงแผ่ว ไม่ได้โกรธหรือเสียใจแต่มันดูราบๆนิ่งๆคล้ายกับชายหนุ่มหน้านิ่งเข้าไปทุกวัน นนท์ติดพฤติกรรมที่แสนจะไม่ชอบมาจนได้



“ โธ่ อย่าท้อสิลูกถ้าชอบเขาทำไมไม่ลองสู้อีกล่ะ ผลประกาศอาจไม่ใช่ลูกที่รับรางวัล แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะดีกว่าถ้าลูกได้ลงแข่งขัน” มารดามอบกำลังใจให้นนท์อีกแรง กลายเป็นสามเสียงที่ช่วยเชียร์ให้เขาพิชิตใจพี่ต้น


“ แต่นนท์รู้สึกเหมือนนนท์เป็นฝ่ายจีบเขาก่อนยังไงยังงั้นแหละ”


“ โธ่อย่าคิดมากเลย น้าแก้วบอกแม่ว่าพี่ต้นเขาไม่เคยคุยกับคนอื่นมากเท่าลูก แถมยังเลิกวางท่าพูดคุยล้อเล่นกับลูกมากกว่าคนไหนเลยนะ” มารดาให้กำลังใจต่อ


“ ก็อย่างที่นนท์บอกเขาคงเห็นนนท์เป็นแค่น้องชายนั่นแหละ นนท์ไม่อยากคิดหรอก แม่บอกว่าเขาพูดได้มากขึ้น ล้อเล่นมากขึ้นแล้วเหรอ ถ้าเทียบกับคนอื่นเขาคงอยู่ห่างไกลคำว่าคนธรรมดามาก”



“ แล้วใครให้นนท์เอาพี่เขาไปเทียบกับคนอื่นล่ะ ทำไมไม่เทียบกับตัวพี่เขาเอง จากเมื่อก่อนที่ชอบวางหน้าตาย วางหน้าไม่พอใจใส่ลูกเดี๋ยวนี้เขาก็หายแล้วไม่ใช่เหรอ” นางหยิบยกตัวอย่างจากที่ฟังคุณแก้วเล่ามาอีกทอด เพราะไม่อยากให้ลูกชายร่างอ่อนต้องถอดใจยอมแพ้

“ จริงสิ ทำไมนนท์ต้องเอาเขาไปเทียบกับคนอื่นด้วย นนท์ควรเทียบกับตัวเขาเองสิ จริงอย่างที่แม่ว่าถ้าเทียบกับเมื่อก่อน เขาดีกับนนท์ขึ้นมาก ใช่แล้วๆ” รอยยิ้มกว้างๆปรากฏจากพ่อสติชหน้าหวาน การจะวัดพฤติกรรมของใครสักคน บางทีการเอาไปเทียบกับคนอื่นอาจทำไม่ได้ คนเราไม่ได้เหมือนกันเสียหมด ..จะวัดก็ควรเริ่มจากตัวเขาเอง..หาใช่เทียบกับสิ่งอื่น


“ ต้องอย่างนี้สินนท์อย่าคิดบั่นทอนกำลังใจ เพราะใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ปลุกเราให้สู้ ต่อให้ล้มสักกี่ครั้งแม้ร่างกายจะบอกว่าไปต่อไม่ไหว แต่เชื่อไหมว่าถ้าใจเราสู้เราก็จะชนะได้เหมือนอย่างที่บ้านเราเผชิญมาไงล่ะ ต้องล้มจนไม่เหลืออะไร แต่ตอนนี้เราก็ค่อยๆยืนขึ้นได้อีกครั้ง” นางยกเอาความเท็จมาช่วยเสริมอีกแรง แม้จะไม่ใช่ความจริงแต่มันก็ดูเป็นรูปธรรมที่สุด

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 16-07-2009 21:45:47
สามทหารเสือช่วยกันหนุนน้องนนท์ใหญ่เลยนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 16-07-2009 21:55:25
การมาเยี่ยมเยียนลูกชายสุดที่รักของคุณนันจบสิ้นลง พร้อมทั้งความเศร้าที่เข้ามาเคลือบเร้นในใจน้องสติช.อีกครั้ง เขารู้สึกไม่ต่างจากครั้งก่อนๆที่ต้องจากมารดา แต่เพราะนนท์บอกเองว่าเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจึงควบคุมอารมณ์ได้มากขึ้นและไม่ร้องไห้เสียใจอีกแล้ว นนท์สัญญาไว้แล้วว่าจะเข้มแข็ง เขาต้องทำให้ได้ ยิ่งมารดาอยู่ห่างไกลจะได้วางใจและทำงานโดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง


“ เป็นอะไรไปคุณหนู” ชายหนุ่มที่เพิ่งกลับจากทำงานกล่าวทักทาย ปกติคงจะยากเสียหรอกที่เขาจะทำอย่างนี้กับคนอื่น นนท์เป็นคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้



“ กลับมาแล้วเหรอ วันนี้นนท์ทำไข่พะโล้ให้พี่ทานด้วยนะ ..นนท์สงสัยตั้งนานแล้วว่าพี่ชอบไข่พะโล้ แต่ทำไมไม่ชอบหมูพะโล้ละ” คนหน้าสวยไล่ความหม่นมองในดวงตาออกไป.แสร้งยิ้มและเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างว่องไว..


“ ..ไม่รู้สิ รังเกียจมั้ง..เอานี่” ต้นตอบเหมือนไม่ถูกชะตากับคำว่า ‘หมู’ สักเท่าไหร่ ..ตอนท้ายประโยคก็เอ่ยหนึ่งคำที่ทำให้นนท์ต้องงง และยิ่งงงเข้าไปใหญ่เมื่อมือแกร่งส่งบางสิ่งมาอย่างมาตรงหน้าของนนท์ .. มือบางยื่นออกไปกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กกว่ากลางฝ่ามืออย่างสงสัย..นนท์ค่อยๆประคองสิ่งของภายในขึ้นมาอย่างถนอม


“ ว้าวสวยจังเลย” นนท์จ้องอมงสร้อยเงินที่ขดตัวอยู่ภายในกล่องที่ถืออย่างพึงใจ .ว่าแต่เขาเอามันมาให้นนท์ทำไมล่ะหรือสิ่งที่ต้นกำลังจะบอก..คือ..



“ พี่ซื้อสร้อยให้นนท์ทำไมกัน หรือว่ายอดขายเพิ่มขึ้นใช่ไหม พี่กำลังจะบอกว่าแนวคิดของนนท์ได้ผลใช่ไหมรีบบอกมาสิ” นนท์ลุ้นเสียงใสเอื้อมไปดึงมืออีกฝ่ายมาจับอย่างสุดลุ้น..



“ ใช่ ได้ผลดีมาก ดีจนไม่อยากเชื่อยอดขายเราไต่ระดับขึ้นได้ถึงสิบสองเปอร์เซนต์และดูแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีก” เขานั่งลงพร้อมทั้งยื่นแฟ้มแจ้งยอดขายให้นนท์ดู มือเรียวรีบรับไปอ่านอย่างตื่นเต้น


“ ทำไมไม่ใส่ล่ะ นายชอบสติชไม่ใช่เหรอตอนขากลับ พี่เกิดไปเดินแถวๆสีลมมาก็เลยเหลือบเห็นสร้อยจี้คริสตัลสติชเลยซื้อมาฝาก” สงสัยเขาจะติดเชื้อโกหกมาจากมารดาเข้าแล้ว เขานะเหรอขับรถผ่านไปสีลม จริงๆจงใจไปต่างหากแถมสร้อยนี่ใช่จะมีขายทั่วไป เขาแอบไปสั่งทำมาให้นนท์โดยเฉพาะต่างหาก



“ ครับ” นนท์รับคำพร้อมทั้งใช้มือกวาดผมที่ยาวระคอออกเล็กน้อย ค่อยๆเอาสร้อยคาดไว้จากนั้นก็คลำหาตะขอเพื่อใส่ห่วงยึดสร้อยไว้


“ เป็นไงบ้าง สวยมากเลยนะขอบคุณมาก”



“ สวยดี พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ พรุ่งนี้วันเสาร์พี่ต้องไปประชุมเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการขายครั้งต่อไป” เขาละสายตาจากนนท์แล้วลุกขึ้นเดินออกไปอย่างเขินๆ ไม่รู้สิ..นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ทำอะไรอย่างนี้ให้ใคร อยู่ๆภายในก็เรียกร้องให้เขาทำ.. ฝ่ายนนท์ก็หันไปสนใจสร้อยคอที่เพิ่งได้มาพักใหญ๋ก่อนจะขึ้นไปข้างบน..


ก่อนจะนอนคนหน้าสวยก็แวะเอาเสื้อที่เอามาเย็บกระดุมให้เมื่ออาทิตย์ก่อนมาส่ง พร้อมทั้งนำเสื้อผ้าที่ทั้งซักทั้งรีดมาให้เขาอีกด้วย


“ เสื้อนี้นนท์เย็บกระดุมให้แล้ว แล้วนี่น้าแก้วฝากนนท์มาให้เพราะเห็นว่าช่วงนี้พี่ทำงานหนักน้าเขาเลยทั้งซักทั้งรีดมาให้เรียบร้อยเลย” เขายื่นเสื้อผ้าที่ถือมาให้ต้น


“ขอบใจ”



“นนท์ไปนอนก่อนนะ พี่เองก็อย่าหักโหมให้มากล่ะยังไงทุกปัญหาก็มีทางแก้อยู่แล้ว สู้เขาล่ะ” ร่างบางโปรยยิ้มให้กำลังใจ อย่างมากก็ทำให้เขาได้เท่านี้แค่ทำให้เขาสุขใจก็น่าจะเพียงพอในระดับหนึ่งแล้ว


“ อืม”



“...” นนท์เดินกลับไปที่ห้องนอนของตนอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก ในความคิดก็รำพันความรู้สึกนานาด้วยใจที่ไม่เป็นสุข


‘ คนบ้าขอบใจบ้าบออะไรนี้ คนเขาอุตส่าห์ทำดีให้ยังมาวางหน้าตายไม่รับรู้อีก คนอย่างพี่นะค่อยดูสิสักวันนนท์จะเลิกสนใจคอยดูนะคอยดู ’



“ เป็นอะไรไปหรือเปล่านนนี่ น้าเห็นเดินใจลอยมาตั้งนานแล้วนะหรือว่าทะเลาะอะไรกับพี่เขาอีกหรือ” คุณแก้วที่เดินตามหลังว่าที่สะใภ้มาตั้งแต่ออกจากห้องพี่ต้น ปลุกชายหนุ่มให้ตื่นจากห้วงคิด นนท์เลยหันไปยิ้มกลบเกลื่อน



“ เปล่าหรอกครับ นนท์แค่เพลียๆแถมช่วงนี้ก็ใกล้จะสอบปลายภาคเทอมแรกแล้ว นนท์คิดว่าต้องขยันมากกว่าเดิมเสียแล้ว ไม่อย่างนั้นเกรดตกได้ขายหน้าอีก” นนท์ยกเรื่องเรียนมาอ้าง



“ เหรอ น้าว่าไม่ต้องห่วงหรอกนนท์ทำได้อยู่แล้ว การเรียนมันก็เป็นแค่ปัจจัยหนึ่งในชีวิตคนบางคนความรู้ท่วมหัวท่วมตัวแต่สุดท้ายก็ล้มเหลวมามากต่อมาก ควรเอาอะไรที่พอเหมาะพอดีกับเราถึงจะสมควร มนุษย์ที่สมบูรณ์พร้อมไปทุกอย่างใช่จะเป็นมนุษย์ที่มีความสุขนะ” นางวางมือที่ผ่านร้อนหนาวลงบนบ่าของนนท์เบาๆ อยากให้รู้ว่าถึงนนท์จะไม่ใช่ผู้ชายที่เพียบพร้อม แต่นางก็ยินดีที่จะรับเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านวรโชติหลังนี้..ส่วนหนึ่งในนามสกุล ว่าที่ลูกสะใภ้..


“ ครับนนท์จะจำไว้นะ แต่นนท์ก็คิดว่าก็ควรจะทำทุกอย่างให้ดีทั้งหมดนั้นแหละ เราจะได้ไม่เสียใจกับอดีตที่ผ่านมาไงล่ะ นนท์ไม่อยากให้ตัวเองเหลวไหลสมองทึบเหมือนเมื่อก่อน ตอนนั้นนนท์เข้าใจว่าเพราะนนท์ไม่เก่งจริงๆเลยไม่พยายาม แต่พอได้ลองดูเข้าแล้วถึงรู้ว่าทั้งหมดเป็นเพียงความคิดของนนท์เท่านั้น”

“ ดีมากจ้ะ ต้องอย่างนี้สินอนเถอะ เดี๋ยวน้าก็ไปนอนแล้ว”

“ ราตรีสวัสดิ์ครับ” เขาจับมือของคุณแก้วเล็กน้อย เดินไปส่งที่หน้าประตูห้อง แววตาอาทรของนางมีไว้เพื่อทอแก่ทุกคนที่นางรัก และดวงตาคู่นี้ก็พร้อมทอเพื่อนนนี่ด้วยเช่นกัน

“ ขอบคุณนะครับ” นนท์กล่าวเสียงแผ่วเมื่อร่างของนางลับตาไป ..

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 16-07-2009 22:20:11
อ๊าาากกกก พี่ต้นสั่งทำเลยหรอ หึหึ
สร้อยคอน้อง สติชชี่  :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 16-07-2009 22:49:52
พี่ต้นก็นะ ชอบเค้าไม่แสดงออกให้มันเยอะๆ หน่อย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-07-2009 23:34:02
วิ๊ววว
ถึงกับสั่งทำสร้อยให้กันเลยหรอพี่ต้น
นั่นแน่ ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 16-07-2009 23:40:24
ตอน 15

ช่วงปิดเทอมของสามเพื่อนสนิทผ่านไปอย่างรวดเร็ว ..สิ่งที่นนท์รอคอยเดินมาถึงผลการเรียนที่ประกาศทำให้เขาคลายกังวลลงได้มาก เมื่อมันบ่งว่านนท์เรียนดีขึ้นมากกว่าเทอมที่แล้วเสียอีก

“ ว้าวนนท์เทอมนี้แกพุ่งอีกแล้วได้ a เพิ่มมาตั้งสองตัวแหนะรับรองอีกไม่นานแกต้องได้มาครบทั้งหกวิชาอย่างแน่นอน” กิ่งที่เห็นผลการเรียนของเพื่อนสนิทก็ตื่นเต้นแทน


“ อืมเอาเถอะ แค่ได้เท่านี้ก็น่าพอใจแล้วฉันไม่ได้หวังจะให้สมบูรณ์แบบไปหมดหรอก น้าแก้วบอกว่าทำในสิ่งที่กำลังพอดีจะเหมาะที่สุด และฉันก็คิดอย่างนั้น อีกอย่างที่ฉันได้ a มาสองตัวนั่นเพราะเป็นวิชาที่ฉันชอบฉันเลยตั้งใจกับมันมาก แต่ก็อย่างที่ว่า ฉันรู้สึกเหมือนช่วงนี้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ฉันเปลี่ยนไปแทบทุกอย่างจนเหมือนตัวตนของฉันมันถูกกลืนหายไปหมดแล้ว ฉันสับสนจริงๆเลยกิ่ง ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันหลอกตัวเองหรือเปล่า” แม้ความกังวลเรื่องผลการเรียนจะละลายหายไป แต่ความสับสนในความรู้สึกก็ถ่ายทอดออกมาด้วยรอยน้ำตา กิ่งไม่ได้นึกว่าเพื่อนสนิทข้างกายจะมีความรู้สึกอย่างนี้มาก่อน



“ เป็นอะไรไปนนท์ แกไม่ได้ละตัวตนไปไหนสักหน่อย แกก็ยังเป็นแกคนเดิมเป็นเพื่อนที่ฉันรักและเป็นที่รักของทุกคน รูปลักษณ์และคุณสมบัติภายนอกเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลง คนเราจะเปลี่ยนมันไม่ได้แปลกอะไรหรอก และที่สำคัญแกเปลี่ยนเพื่อปรับให้เข้ากับสิ่งรอบข้าง มั่นใจในตัวเองสิขอแค่ให้มีความสุขก็พอ อีกอย่างที่แกพูดว่าเปลี่ยนจนแกรู้สึกหนัก ถ้าอย่างนั้นก็ทำตัวให้สบายๆนะไม่ต้องคิดมากแล้วทุกวันนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแกสำหรับทุกคนแล้ว” กิ่งรวบมือของนนท์มากุมไว้


“ อย่างนั้นเหรอกิ่ง แต่ฉันรู้สึกเหมือน.....”



“ ทำอะไรอยู่สองคน เอ๊ะเป็นอะไรหรือเปล่านนท์ น้องกิ่งไปแกล้งอะไรนนท์หรือ” คุณแก้วที่หอบขนมร้อนๆที่เพิ่งอบเสร็จเข้ามาในห้องนั่งเล่น ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าที่สะใภ้กำลังร้องไห้อยู่


“ เปล่าหรอกครับ ไม่มีอะไร” นนท์เลื่อนมือป้ายน้ำตาออก ไม่อยากให้คุณแก้วต้องมาเป็นห่วงเป็นกังวลไปอีกคน


“ เหรอถ้าอย่างนั้นมากินขนมกันดีกว่านะ” ในเมื่อเขาบอกว่าไม่มีอะไรนางก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ให้
ชายหนุ่มต้องสะเทือนใจอีก


“ ว้าวขนมหน้าตาน่าทานจังเลยนะคะแม่” กิ่งร้องเสียงใสเอื้อมไปหยิบหนึ่งชิ้นมายัดใส่ปาก แต่เพราะไม่รู้ว่ามันร้อนเลยกำไปเต็มมือ



“ ว้ายทำไมร้อนอย่างนี้ล่ะคะแม่” เธอรีบปล่อยขนมออกจากมือร้องถามเสียงลั่นบ้าน ทั้งนนท์และคุณแก้วถึงกับปล่อยยิ้มในท่าทีเปิ่นๆของกิ่ง แค่เห็นนนท์ยิ้มได้เพื่อนอย่างเธอก็มีความสุขมากเกินพอแล้ว ..ขอให้นนท์มีความสุขแค่นี้ก็พอ




หลายวันต่อมา..ทุกอย่างก็เดินมาสู่เงื้อเงาของความปกติ วันนี้พี่ต้นจะกลับมาทานข้าวที่บ้าน นนท์เลยเข้าครัวเช่นทุกที...


“ ทำอะไรอยู่จ้ะนนท์กลิ่นหอมออกไปถึงข้างนอกบ้านเลย น้ากลับมาก็ได้กลิ่นดึงดูดใจเลยนะ” คุณต้นที่เพิ่งกลับมาจากการไปจับจ่ายนอกบ้านเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม


“ วันนี้นนท์กลับมาตั้งแต่บ่ายเพราะไม่มีเรียน อยู่บ้านเบื่อๆเลยไปเก็บผักที่ปลูกไว้ข้างรั้วพอดีน้าเดือนบ้านโน้นเขามาเห็นเลยชวนนนท์ไปนั่งเล่น นนท์เลยได้ลองหัดทำห่อหมกดู” เขารีบอวดผลงานที่ลองกลับมาทำเองที่บ้าน


“ คุณเดือนเหรอ”


“ใช่ครับ แต่เห็นว่ามีธุระด่วนต้องออกไปข้างนอก ฝากน้องโดมมาทานข้าวบ้านเราด้วย น้าแก้วไม่ว่าอะไรนะคือนนท์รับปากไปแล้ว”


“ จะว่าอะไรได้ล่ะ คุณเดือนกับบ้านเราก็สนิทกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตาโดมก็เห็นมาตั้งแต่ตัวกระเปี๊ยกเดียวว่าแต่ตาโดมอยู่ไหนล่ะ” นางบอกอย่างมีเมตตาเลยทำให้นนท์หายใจได้คล่องขึ้น


“ อยู่ในครัวครับกำลังช่วยหยิบห่อหมกออกจากเตา”


“ มาพอดีเลย” คุณแก้วเอ่ยทัก เด็กหนุ่มลูกชายของเพื่อนอีกคนของคุณแก้ว เขาเดินมาใกล้วางถาดอาหารลงแล้วยกมือไหว้นางอย่างสุภาพ ถ้าไม่ติดที่เขาอ่อนกว่าลูกสาวสุดรักถึงสองปีนางคงได้ลุ้นเพิ่มอีกคู่


“ สวัสดีครับน้าแก้ว วันนี้ขอมารบกวนหน่อยนะ” เด็กหนุ่มโปรยยิ้มดวงตาแสนคมคายช่างมีเสน่ห์ยามประกอบเข้ากับรอยยิ้มนั้น


“ จ้ะว่าแต่วันนี้เราไม่เรียนพิเศษเหรอ ปกติเห็นเราเหมาทุกสถาบันเลยเวลาว่างแทบจะไม่มี” เพราะเห็นพฤติกรรมและฟังจากคำบอกเล่าของคุณปานเดือนมานาน เลยรู้ว่าเขาตั้งความหวังกับการเข้ามหาวิทยาลัยไว้ค่อนข้างมาก


“ ช่วงนี้ว่างแล้วครับเพราะวันก่อนพี่กิ่งแนะนำให้รู้จักครูคนใหม่ เก่งมากเลยนะน้าแก้วสอนแค่เสาร์อาทิตย์วันละสองชั่วโมงผมก็รู้สึกเหมือนเข้าใจได้ดีขึ้น และอีกอย่างผมก็ลองขยันในชั้นเรียนอย่างที่พี่กิ่งบอกมันเลยเรียนสบายขึ้นไม่ต้องเครียดและกังวล”


“ ครูคนใหม่เหรอ น้องกิ่งแนะนำให้ด้วยน้าไม่เห็นจะรู้เลย” นางมีท่าทางใคร่รู้


“ เขาเป็นเพื่อนของพี่กิ่งไงครับชื่อครูต่อ เก่งมากอธิบายทีเดียวผมก็เข้าใจแล้ว” โดมรีบอวดเพราะเขาค่อนข้างทึ่งในตัวครูคนใหม่ของเขามาก ต่อมีวิธีการสอนที่ง่ายต่อการเรียนและเข้าใจ เขาไม่ได้เน้นเนื้อหาหรือความจำให้กับนักเรียน แต่เขาเน้นความเข้าใจและรู้จักนำไปปรับใช้ ทฤษฎีไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอ หากรู้จักนำเหตุผลมาสนับสนุนและพิสูจน์ออกมาได้ ทฤษฎีบางบทก็อาจตกไป โดมจำได้ดีว่ามีคำพูดหนึ่งที่ครูคนใหม่มักบอกเขาเป็นประจำ


‘ ไม่มีความตายตัวในหลักวิชา ข้อสอบไม่ได้ออกมาเหมือนกันทุกปี เราต้องรู้จักปรับซ้ายปรับขวาให้ทันเกม ถ้าทำได้เราก็จะเป็นผู้ชนะเอง ’


“ นนท์รู้จักไหมลูก น้ารู้สึกคุ้นๆชื่อบอกไม่ถูก” เหมือนนางจะหลงลืมเขาไปแล้ว ว่าเขาคือหนึ่งในเพื่อนสนิทของลูกสาวคนเล็กของบ้าน


“ เขาเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มนี่แหละครับ ..” นนท์พยักหน้าบอก ถ้าไม่เกรงใจคงบอกต่อไปแล้วว่าสนิทมาก..โดยเฉพาะกิ่ง..


“ เหรอน้าไม่ยักจะเคยเห็นหน้า..ว่าแต่เขาหน้าตาเป็นไงเหรอน้าลืมไปแล้ว”


“ ลองถามน้องโดมดูสิว่าหน้าตาเป็นยังไง” นนท์โยนกลองให้พ้นตัว เพราะไม่อยากพูดมากกลัวจะหลุดความลับของเขาออกไป โดมได้ทีก็รีบอวดสรรพคุณของครูคนใหม่ของเขาต่อ ภูมิใจนักที่จะนำเสนอครูคนนี้ให้คุณแก้วได้รู้จัก


“ จัดว่าหล่อมากเลยขนาดผมเป็นผู้ชายยังยอมรับเลยว่า ครูเขาหล่อจริงๆ เหมือนพระเอกหนังจีนหนังเกาหลีเลยน้าแก้ว”

“ ขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าเทียบกับพี่ต้นของน้าล่ะ”



“ คนละแบบนะ พี่ต้นเขานิ่งๆหน้าเข้มตาหวานให้เทียบผมบอกไม่ถูกหรอกครับ ลองถามพี่นนท์ดูสิรายนั้นน่าจะตัดสินได้” ถึงคราวที่นนท์ถูกโยนกลับมา กะทันหันกระชั้นชิดแทบรับไม่ทัน


“ ถามพี่นนท์ได้ไงคนนั้นใจเขาไม่เป็นกลาง ไว้วันหลังน้าจะลองถามน้องกิ่งดูก็แล้วกัน” ได้ฟังคำของนางถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องถึงสองรอบ เรื่องแรกก็เรื่องใจเขาลำเอียงนะสิ โดมจะคิดยังไง แล้วอีกเรื่องก็ของกิ่งนางรู้ได้ไงว่ากิ่งจะเที่ยงตรง



“ เสียงรถนี่ พี่ต้นคงกลับมาแล้วเดี๋ยวนนท์ไปเปิดประตูให้ก่อนนะ” นั้นไงลำเอียงไม่ลำเอียงก็เห็นกันอยู่ชัดๆ การได้เห็นหน้าเขาก็ทำให้มีแรงใจลุกขึ้นแก้ปัญหาที่รุมเร้าเข้ามา มันคงจะดีหากเขายอมแสดงความรู้สึกดีๆกับนนท์อีกสักหน่อย

“ เป็นไงน้าบอกแล้วว่าถามพี่นนท์เขาไม่ได้หรอก โดมดูเอาเองสิ”


“ พี่นนท์กับพี่ต้นเขาตกลงปลงใจกันแล้วเหรอครับ” เด็กหนุ่มถามตรงๆเพราะถ้าคำตอบคือไม่เขาพอจะมีหวังสักหน่อย ใครบ้างล่ะที่เห็นนนท์แล้วจะไม่ชอบ เรื่องอายุไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับความรัก


“ ใกล้ๆแล้วล่ะ”

“ ครับ” เด็กหนุ่มข้างบ้านนั่งเก็บข้อมูลไว้เพื่อเตรียมตัวลงสู้ศึกสักตั้ง ยังไงก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกันคำว่าใกล้ๆแสดงว่ายังไม่ใช่ อย่างไรเสียถ้าเขาไม่ยอมแพ้ ความหวังน่าจะปรากฏขึ้นบ้าง ....


“ ยิ้มอะไรคนเดียวเหรอโดม น้าเรียกตั้งสองครั้งแล้วไม่ตอบสักที กำลังคิดแย่งพี่นนท์ไปจากอกพี่ต้นหรือเปล่า” นางถามได้ตรงจุดแววตาที่เขาทอพอที่จะทำให้นางจับทางได้



“ เปล่าหรอกผมไม่คิดจะแย่งหรอก แต่ถ้าได้มาด้วยความเต็มใจน้าแก้วว่าผมไม่ได้นะ”


“ เด็กคนนี้ล้มเลิกความตั้งใจเลยนะตาโดม พี่นนท์เขาจองตำแหน่งสะใภ้น้าไว้แล้วห้ามคิดเลยเถิดเข้าใจไหม” เพราะความที่เห็นเขามาตั้งแต่เด็กนางจึงกล้าพูดตรงๆไม่อ้อมค้อม


“ โธ่น้าแก้ว...”


“ คุยอะไรกันครับ เสียงดังไปถึงข้างนอกเลยท่าทางจะพูดคุยกันสนุกนะ” นนท์เดินเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มตัวสูง เพราะเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนที่นนท์ซื้อให้ ต้นเลยดูมาดนุ่มน่าหลงใหลเพิ่มขึ้น เขาเหมาะกับการใส่สีหวานๆไม่น้อย แม้แต่มารดายังตกใจที่เห็นลูกชายกลับมาบ้านด้วยเสื้อสีแปลกตา



“ ว้าวพี่ต้นเสื้อสวยจังเลยลูก แม่ไม่เคยเห็นพี่ต้นใส่เสื้อสีอย่างนี้เลยนะ รู้ไหมว่ามันเหมาะกับลูกมากดูนุ่มขึ้นแถมยังมีเสน่ห์ ลูกน่าจะใส่อย่างนี้ตั้งนานแล้ว”นางลุกจากที่นั่งไปเพ่งพิศลูกชายรูปหล่อให้เต็มตา นนท์ยืนยิ้มอย่างแสนภาคภูมิ เพราะกว่าจะเกลี่ยกล่อมให้เขายอมใส่เสื้อตัวนี้ก็นานหลายวัน ในที่สุดเขาก็ยอมทำตามที่นนท์ต้องการ


“ สวัสดีครับพี่ต้น” โดมยกมือสวัสดี



“ อืมไปไงมาไงล่ะวันนี้ถึงได้มาทานข้าวที่นี่ได้” ต้นทักทายกลับ เขาเองก็รู้จักเด็กหนุ่มคนนี้มาพอๆกับทุกคนในบ้าน


“ วันนี้แม่ไปทำธุระพอดีพี่นนท์เขาไปนั่งเล่นบ้านผม แม่เลยฝากพี่เขาให้ช่วยพาผมมาทานข้าวด้วย” เด็กหนุ่มรีบบอกเสียงรัว อยากอวดนี่ว่านนท์เป็นคนพาเขาเข้ามาทานอาหารด้วย



“ เหรอ” ชายหนุ่มมองไม่แยแส บรรยากาศในโต๊ะอาหารดำเนินไปอย่างครึกครื้นเพราะโดมคอยชักชวนทุกคนให้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน มีเพียงต้นเท่านั้นที่ต้องแสร้งยิ้มแสร้งทำ เพราะไม่อยากให้คนอื่นได้รู้ว่าเขาไม่ค่อยพอใจกับท่าทางการเอาใจของโดม ที่มีต่อพ่อน้องสติชของเขา ทีแรกคุณแก้วก็ไม่ค่อยชอบใจนักแต่ก็อดคล้อยตามมุกตลกของเด็กหนุ่มมัธยมปลายไม่ได้....


หากได้ยัยน้องเล็กของบ้านอย่างกิ่งมาเข้าลูกคงได้สนุกกว่านี้...
แต่ใครจะรู้ละว่าตอนนี้เจ้าหล่อนกำลังเผชิญเหตุการณ์บางอย่าง ..


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 17-07-2009 00:01:17
ภาพเมื่อครู่มันคืออะไรล่ะ...ผู้หญิงคนนั้นคือใคร..กล้าดียังไงมาจับแขนต่อ แล้วดูเหมือนเขาจะไม่ปัดป้อง แถมยังยิ้มให้อีก ..น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมา ..จนเพื่อนทักขึ้น ..เสียงนั้นทำให้ต่อหันมามองแล้วต้องใจหาย รีบวิ่งตามหญิงสาวมาอย่างเร็ว

“ บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรจริงๆ..”


“ เลิกพูดเถอะ ฉันขออยู่เงียบๆ ค่อยคุยกัน” หญิงสาวข่มใจให้นิ่งงัน แล้วก้าวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ทางข้างหน้าดูจะเปลี่ยวไปสักหน่อยสำหรับผู้หญิงตัวลำพัง ต่อเลยเดินตามอย่างห่างๆ..รู้จักกิ่งมาหลายปี มีหรือจะไม่เข้าใจนิสัย ในตอนนี้เธออยากอยู่เงียบๆ เขาเลยไม่เข้าไปกวนได้แต่เดินตามอย่างไม่ลดละ.. มือแกร่งก็เอื้อมกดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทอีกคน ...



การมาทานอาหารในบ้านวรโชติในวันนี้ทำให้เด็กหนุ่มข้างบ้านมีความสุขไม่น้อย นนท์ทั้งใจดีแถมยังมีเสน่ห์ทุกอากัปกิริยา จนหัวใจเด็กอายุสิบแปดถึงกับสั่นรัวไม่เป็นจังหวะ ต้นได้แต่มองอย่างขัดเคืองแต่ก็พูดอะไรมากไปไม่ได้ เขาเดินสะบัดกลับขึ้นห้องของตัวเองไปอย่างไม่พอใจ ท่ามกลางความสงสัยของคุณแก้วและว่าที่ลูกสะใภ้ แม้จะแปลกใจในท่าทางของพ่อลูกชายคนโตแต่เพราะลูกสาวคนเล็กยังไม่กลับนางเลยเป็นห่วงและไม่กะจิตกะใจจะสงสัยในพฤติกรรมของต้น


“ น้องกิ่งเขาไปไหนของเขานะ ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับบ้านลูกคนนี้นะเดี๋ยวนี้ชักเหลวไหลใหญ่แล้ว จะกลับหรือไม่กลับก็ควรโทรฯมาบอกบ้างนะ ปล่อยให้รออย่างนี้จะรู้ไหมว่าแม่เป็นห่วงแค่ไหน” นิตยสารเล่มแล้วเล่มเล่าถูกพลิกไปมา นางแค่ดูผ่านๆฆ่าเวลาไปเท่านั้น



“ นนท์นี่แย่จังเลย ตอนเย็นกิ่งโทรฯมาบอกแล้วว่าจะไปทำธุระ บางทีอาจจะกลับดึกหน่อย
นนท์มัวแต่ยุ่งๆเลยลืมไปเลย น้าแก้วไม่ต้องเป็นห่วงนะ” ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ากิ่งไม่ได้บอกว่าจะกลับดึก แต่จำต้องโกหกไปเพื่อให้นางสบายใจ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ยอมกลับไปนอนแน่


“ เหรอ น้าก็หลงเป็นห่วงอยู่ตั้งนาน รู้อย่างนี้ค่อยสบายใจหน่อยว่าแต่หมู่นี้เหมือนกิ่งเขาเรียนหนักนะ กลับบ้านดึกก็หลายครั้งแล้ว บางทีก็ต้องไปค้างที่อื่นด้วย”


“ ใช่ครับ ช่วงนี้เราใกล้จะจบปีสามแล้วนี่ไม่นานก็จะมีการสอบ โดยเฉพาะคณะของกิ่งนี่ต้องเรียนหนักเป็นธรรมดา เห็นเขาบ่นว่ารายงานเยอะบานเบอะ แต่ละชิ้นค่อนข้างมีรายละเอียดและความซับซ้อนมาก” นนท์รีบสวมรอยให้นางคล้อยไปตามความคิดนั้น เขาไม่ได้โกหกสักหน่อยนะข้อนี้ ก็งานเยอะมากจริงๆ
แถมอาจารย์แต่ละวิชาก็สั่งงานเอาๆ อาจเพราะปีสามเป็นปีสุดท้ายของการเรียนด้านทฤษฎีเลยหนักที่สุด หลังจากนี้เมื่อขึ้นปีสี่ก็จะมีหนึ่งภาคเรียนให้นักศึกษาออกไปฝึกงานนอกสถานที่เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ เป็นแนวทางให้พวกเขาเหล่านั้นได้ปรับตัวให้เข้ากับคนทุกชั้นทุกระดับ แต่ถ้าเรียนปีสามไม่ผ่าน การฝึกงานก็จะเลื่อนไปตอนปีสี่เทอมสอง....


“ เหรอ สงสัยจะงานเยอะจริงอย่างที่นนท์ว่า ถ้าอย่างนั้นน้าไปนอนก่อนนะง่วงตั้งนานแล้ว” นางวางความห่วงใยลง เมื่อได้รับคำตอบที่น่าพอใจ ยอมเดินขึ้นห้องไปด้วยใจที่โล่งสบาย คนโกหกเลยต้องนั่งรอเพื่อนสนิทแต่เพียงลำพัง ในใจก็ภาวนาให้กิ่งรีบกลับมาสักที


“ ...ดี้ๆ..” เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างกายดังขึ้นเรียกนนท์ให้ตื่นจากความคิด มือนุ่มเอื้อมมือไปหยิบและกดดูเบอร์ที่โทรฯเข้า

“ ต่อนี่” นนท์พึมพำรีบกดรับ


“ มีอะไรหรือเปล่าต่อโทรฯ มาซะดึกเชียว ว่าแต่กิ่งอยู่ไหนแล้ว ตอนนี้น้าแก้วกำลังเป็นห่วงมาก
ขอฉันพูดกับกิ่งหน่อยสิ” นนท์รัวถาม รัวคิด รัวตอบจนเขาไม่มีช่องจะแทรกเลย


“ นนท์ฟังดีๆนะ มารับกิ่งหน่อยตอนนี้เรากับมันทะเลาะกันนิดหน่อย แต่อย่าให้น้าแก้วรู้ล่ะ” เสียงปลายสายบอกชัดถึงความเป็นห่วงที่อัดแน่นในใจ


“ ทะเลาะกันเหรอ ร้ายแรงมากหรือยังไง ถึงขนาดกิ่งจะกลับเอง ปกติแกกับมันต่อให้โกรธกันยังไงเดียวเดี๋ยวก็หายไม่ใช่เหรอ...” นนท์ถามอย่างสงสัย


“ เข้าใจผิดกันมากกว่า ..มันดันมาเห็นตอนฉันซ้อมละครของชมรม ..แต่ฉันยังไม่ได้บอกมันทีว่าได้แสดง ไอ้ลิงนั่นมันก็เลยเข้าใจผิด อธิบายยังไงก็ไม่เข้าใจ ..ฮ่วย..”


“ เอออย่าคิดมาก แล้วแกอยู่แถวไหน ..”


“ อืม..แถวมหาวิทยาลัยนั่นแหละ...ไว้แกใกล้ถึงแล้วโทรฯหาฉันอีกครั้งนะ..ขอบใจมากป๋าแบ..” ต่อบอกกลับมา ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน หากเขาเป็นกิ่งเขาก็อาจมีอาการไม่แตกต่าง ..เห็นแฟนตัวเองไปเกาะแกะกับผู้หญิงคนอื่น แถมยังยิ้มระรื่น..กิ่งหนอกิ่ง..ไม่รู้หรือยังไงว่าแค่คิด เจ้าหน้าหยกมันยังไม่กล้าเลย...


นนท์ตัดสายลงแล้วรีบวิ่งขึ้นไปหาต้นทันที



“ นนท์เข้าไปนะ” เขาเคาะประตูบอกพร้อมทั้งเปิดเข้าไป โดยไม่ฟังคำอนุญาตจากเจ้าของห้องก่อนต้นที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จกำลังจะเปลี่ยนชุด ถึงกับต้องวิ่งขึ้นที่นอนเอาผ้าห่มมาคลุมกายที่เปล่าเปลือยนั้น


“ เข้ามาอย่างนี้ได้ยังไง ดีนะที่พี่ยังหาที่กำบังทัน” ชายหนุ่มแทบใจหาย


“ โธ่ต่อให้เห็นนนท์ก็ไม่มีกะจิตกะใจมาคิดอกุศลหรอกนะ ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่าหลายเท่า
พี่รีบแต่งตัวเข้านะ นนท์จะรออยู่หน้าห้อง เดี๋ยวต้องออกไปทำธุระข้างนอกกัน” ชายหนุ่มรีบบอกเพราะกลัวว่าหากช้าไปมากกว่านี้ ต่ออาจคลายสายตาจากกิ่งก็เป็นได้


“ ธุระเหรอ ไปชวนไอ้เด็กโน้นไปพี่ไม่ว่างไม่อยากออกไปข้างนอกหรอก” คิดแล้วก็เกิดความไม่พอใจขึ้นมา ต้องประชดประชันให้เธอได้รู้


“ โธ่พี่อย่าขี้งอนนักสิ ยังไงนนท์ก็ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน โดมก็แค่เด็ก นนท์ไม่ได้คิดอะไรกับเขาสักหน่อยพี่รีบแต่งตัวเร็วๆเดี๋ยวจะไม่ทัน” เพราะรับรู้ได้ถึงกระแสบางอย่างยามกล่าวถึงเด็กข้างบ้าน นนท์เลยบอกกลับตอกย้ำความมั่นใจ ..โห..แต่เขาจะแสดงมากเกินหรือเปล่านี่...ต้นยังไม่เคยพูดอะไรออกมาสักครั้ง ..


“ แล้วจะไปไหน” ต้นดูจะเย็นลงอย่างน่าเหลือเชื่อ ทันทีที่ได้ยินคำว่าไม่เปลี่ยนใจ .

.
“ เถอะนะถ้าพี่ไม่รีบเดี๋ยวนนท์แต่งให้เอาไหม ไว้ถ้าจะงอนหรือนนท์ไปทำอะไรให้พี่ไม่พอใจก็ค่อยโกรธเถอะนะตอนนี้มีเรื่องสำคัญจริงๆ” น้ำเสียงที่หนักแน่นจริงจังทำให้ต้นเริ่มตระหนักว่าเขาคงมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบทำแน่นอน ต้นคงจะอิดออดไม่ไปกับเขาก็ไม่ได้


“ อืมออกไปสิ” ชายหนุ่มพยักหน้ายินยอม เอาเถอะในเมื่อนนท์บอกแล้วว่าค่อยโกรธค่อยงอนเขาก็จะลองเชื่อดูสักครั้ง เรื่องที่นนท์จะทำอาจเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญอย่างมาก


“ ครับ”


รถบ้านวรโชติออกมาจากรอบรั้วอย่างเงียบเชียบที่สุด เพราะนนท์ไม่ต้องการให้คุณแก้วได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับแม่ลูกสาวคนเล็ก รถที่แล่นออกไปตามถนนสายหลักแล่นไปอย่างคล่องตัว เพราะช่วงนี้ถนนค่อนข้างโล่งการจราจรไปมาได้สะดวก ไม่นานก็ถึงยังจุดที่นัดหมาย


“ ต่อเหรอ ฉันมาถึงแล้วนะว่าแต่พวกแกอยู่ไหนล่ะ วนหาตั้งสามรอบแล้วยังไม่เจอเลย” น้ำเสียงร้อนใจทำให้เขาต้องรีบตอบกลับมา


“ แกขับตรงมาหน่อยนะ ..ตอนนี้มันเดินผ่านห้างแถวสะพานสองแล้ว” ชายหนุ่มพยายามหาจุดที่สะดุดตาที่สุดในการบอกทางเขา


“ อืม..” นนท์วางสายลงแล้วหันไปบอกทางกับคนขับจำเป็น นนท์ยังไม่ยอมบอกเขาว่าออกมาทำธุระเรื่องอะไร แม้จะติดขัดข้องใจแต่ชายหนุ่มก็ไม่ซักไซ้ไล่เรียงตามประสา

“ พี่ขับตรงไปอีกนะ”


“ ครับคุณหนู” ชายหนุ่มรับทราบแถมยังโค้งศีรษะรับคำสั่ง ทำให้คนที่กำลังเครียดถึงกับยิ้มขันออกมา บ่อยสักที่ไหนล่ะที่เขาจะทำอะไรพรรค์นี้ รู้จักทำตลกให้คนอื่นดูก็เป็นด้วย

“ นั่นไงจอดตรงนี้แหละ” นนท์รีบบอกเมื่อเห็นสะพานสอง


“ นายจะไปไหนคุณหนูอยู่ๆก็ลงมาอย่างนี้”


“ ...” เขาไม่ได้รับคำตอบใดๆจากปากของนนท์ เพราะสายตาคู่สวยกำลังสอดส่ายมองหาเป้าหมายอยู่ไม่มีเวลามาตอบคำถามของเขาหรอก ไม่นานนนท์ก็เหลือบเห็นหลังของเพื่อนสาวคนสนิท ..ร่างเพรียวลมรีบวิ่งเข้าไปหาอย่างมั่นใจ



“ จะไปไหนรอพี่ด้วยสิ” ชายหนุ่มมองอากัปกิริยานั้นอย่างแสนฉงนแต่ก็ยอมวิ่งตามไป



“ กิ่งๆ” เขาเริ่มใช้เสียงเรียกเพราะชักจะวิ่งตามไปไม่ทัน กิ่งที่เดินใจลอยอยู่เหมือนถูกกระชากออกจากภวังค์อย่างแรง ฝีเท้าของเธอชะงักและสาวช้าลงเพื่อรอคนที่ส่งเสียงเรียก


“ กิ่งๆ” ในที่สุดนนท์ก็วิ่งมาทัดระดับเดียวกับเพื่อนสาว พ่อน้องสติชเดินมายืนข้างหน้าจ้องมองเพื่อนสาวอย่างสงสัย เพราะเข้าใจผิดกันแท้ๆ..กิ่งถึงได้อ่อนแอขนาดนี้.. ต้นเดินมาสมทบและกำลังจะดุที่เห็นน้องสาวมาเดินคนเดียวดึกๆดื่นๆอย่างนี้ แต่ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากกิ่งก็โผเข้ากอดเพื่อนที่ยืนขวางข้างหน้าอย่างรวดเร็ว น้ำตาที่เหือดไปกลับรื้อออกมามากยิ่งกว่าเดิม ไหลออกมาเป็นทางยาวจนนนท์และต้นใจไม่ดี เสียงสะอื้นดูหดหู่บอกไม่ถูก


ไม่มีเสียงใด ไม่มีการสนทนามีเพียงความเงียบเชียบ..นนท์พาเพื่อนกลับไปส่งที่ห้องอยู่พักใหญ่กว่ากิ่งจะหลับ นนท์ถึงได้วางใจและเดินออกมาจากห้องนั้น


ต้นนั่งรอจนวางใจในสถานการณ์



“ พรุ่งนี้ถ้ากิ่งตื่นมา พี่อย่าคาดคั้นอย่าถามเขาเรื่องนี้ได้ไหม แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วกับความเจ็บปวดขืนคนใกล้ตัวยังบีบคั้นบางทีเขาอาจทำอะไรที่เราไม่คิดกันก็ได้” เพราะความห่วงเพื่อนเลยขอร้องเขาตรงๆ


“ ช่างเถอะ” คำว่าช่างเถอะถือเป็นคำรับปาก ชายหนุ่มยิ่งเป็นประเภทตอบรับไม่เป็น เออออไม่คล่องเลยต้องตอบกลับไปด้วยคำว่า ช่างเถอะ

“ ครับ พี่ไปนอนเถอะขอบคุณสำหรับคืนนี้” นนท์เองก็เหนื่อยมากแล้วสำหรับค่ำคืนของการเข้าใจผิด ..ทั้งเจอพี่ต้นงอน ..ไหนจะกิ่งเข้าใจผิดกับเจ้าหน้าหยกอีก..พรุ่งนี้คงมีแต่สิ่งดีๆรอเขาอยู่ใช่ไหม.
.
“ อืม” เขาพยักหน้าเดินออกจากห้องนอนน้องสาวไป ในใจของต้นก็คิดเรื่องราวต่างๆนานา..น้องสาวเขาไม่เคยร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน ..เฮ้อ เหนื่อยใจ ...

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 17-07-2009 00:58:58
ตอน 16 

เช้าวันนี้เป็นเสาร์แรกที่นนท์เห็นว่าต้นไม่ไปทำงาน ความสงสัยก็เกิดขึ้นเสียเต็มประดา

แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถาม ตอนนี้เขาควรอยู่ใกล้เพื่อนที่บอบช้ำให้มากที่สุด แต่เพราะกิ่งยังไม่ตื่นชายหนุ่มเลยลงมาทำอาหารเช้าให้กับทุกคน วันนี้เขาเลือกทำแซนด์วิชเพราะง่ายและไม่ต้องใช้เวลามาก



“ ทำอะไรอยู่”


“ เฮ้ย” คนที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการทำอาหารถึงกับผวา เมื่อรู้ว่ามีใครอีกคนมายืนข้างกายอยู่แล้ว มาไวไปไวหรือเป็นพวกวิญญาณ เข้ามานนท์ไม่ได้ยินเสียงเลยlสักแอะเดียว


“ ขวัญอ่อนไปได้คุณหนู หรือนายยังไม่หายกลัวผีเหรอ” แล้วใครล่ะที่ทำให้นนท์เป็นโรคตกใจง่ายมาจนถึงทุกวันนี้ ช่างไม่สำนึกอะไรเลยนะพ่อตัวการ


“ บ้า ! เล่นอะไรอย่างนี้ นนท์กำลังทำแซนด์วิชอยู่ เอาสักชิ้นไหม” เขาเชื้อเชิญ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะไม่ถูกปาก นนท์ทำอะไรก็อร่อยไปหมดทุกอย่าง ไม่ต้องระแวดระวังก่อนทานเช่นแต่ก่อน

“ ก็ดีวันนี้ทำตัวให้ว่างล่ะ” เขาหยิบแซนวิชจากจานไปหนึ่งชิ้นแล้วบอกนนท์เสียงราบ แม้จะไม่ได้ตั้งใจฟังแต่ก็ได้ยินว่าเขาบอกให้นนท์อยู่บ้านอย่าไปไหน


“ ทำไมครับ”


“ วันนี้พี่อุตส่าห์ได้หยุดทั้งทีเลยคิดว่าอยู่บ้านคงน่าเบื่อ คิดจะพาทุกคนไปเที่ยวทะเลกันสักหน่อย กิ่งก็กำลังเป็นอย่างนี้การไปเที่ยวอาจทำให้สบายใจขึ้นได้” ชายหนุ่มบอกเหตุผล เพราะรู้ตัวดีว่าน้องสาวเสียใจมาก..


“ ว้าว ! มีความคิดอย่างนี้ก็เป็นด้วย ถ้าไม่ได้ฟังด้วยหูตัวเองนนท์ไม่เชื่อเลยนะ ว่าพี่คิดจะพาทุกคนไปเที่ยวทะเล” นนท์เย้าเสียงเริงร่า ใช่สิ...เขาเองก็ควรไปสูดเอาพลังงานบริสุทธิ์เข้ามาเติมเต็มกำลังใจบ้าง ชีวิตที่ผ่านมายังอาจเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งในหลายส่วน วันข้างหน้าเขาอาจเจอบททดสอบที่ยิ่งใหญ่และหนักหนา หากไม่รู้จักเติมเต็มพลังงานไว้บ้าง ถึงวันนั้นเขาอาจหมดแรงสู้


“ เป็นอะไรไปยืนเหม่อเชียว” พี่ต้นทักขึ้น


“ เปล่าหรอกนนท์แค่คิดถึงบรรยากาศทะเลเท่านั้น ตั้งแต่งานพรอมตอนม.6นนท์ก็ไม่ได้ไปอีกเลย คิดแล้วยังรู้สึกเสียดายอยู่เลย สามปีที่ผ่านมานี้นนท์เอาเวลาไปทำอะไรหมดนะถึงได้ไม่ไปเยี่ยมทะเลเลยสักครั้ง...”


“ งานพรอมงั้นเหรอ....” ความสงสัยเดินเข้ามาจุกในอก แต่เพราะคุณแก้วเดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อนทำให้เขาไม่ได้ถามอะไรต่อ


“ ทำอะไรอยู่จ๊ะ” นางทักทายเสียงสดใส นนท์หันไปแย้มยิ้มแล้วทักทายกลับ ส่วนต้นก็ทำตามบ้าง รอยยิ้มนั้นทำให้นางอดขันไม่ได้...ขอบคุณนนท์ ..ขอบคุณที่เขามา..ตั้งแต่ไปเมาแอ๋ริมหาด ต้นเคยร่าเริงเท่าช่วงนี้เหรอ..


“ วันนี้แม่อย่าไปไหนนะ ผมจะชวนไปเที่ยวทะเลกัน บ้านเราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันตั้งหลายปีแล้ว อีกอย่างผมจองโรงแรมไว้แล้วด้วย” คุณแก้วถึงกับตาค้างไม่คิดฝันว่าจะได้ยินคำนี้ออกจากปากลูกชายที่แสนเย็นชา เป็นครั้งแรกล่ะมั้งในรอบสามปีกว่า ที่เห็นเขาพูดด้วยแววตาสดใสไม่ขุ่นเคืองเช่นนี้

" เป็นอะไรไปครับแม่"

“ คือ..เปล่าหรอกดีเลยแม่จะได้ไปจัดเสื้อผ้า นานๆเราจะได้ออกไปเที่ยวด้วยกันสักที ว่าแต่กิ่งกลับมาหรือเปล่าล่ะ แม่ไม่ได้ยินเสียงเลย” เมื่อเอ่ยถึงกิ่งทั้งคู่ถึงกับยืนนิ่ง กลัวว่านางจะรู้ความจริงขึ้นมา นนท์รีบเอาจานไปไว้ที่อ่างล้าง


“ กลับมาแล้วครับ น้าแก้วไปเตรียมเสื้อผ้าก่อนเถอะเดี๋ยวนนท์ไปปลุกเขาให้ นนท์กำลังจะขึ้นไปข้างบนอยู่พอดี” นนท์รีบชิงบอกอยากดูให้แน่ใจว่ากิ่งพร้อมสำหรับวันนี้ ยังไงก็ต้องอธิบายให้แม่จอมขี้หึงเข้าใจเสียก่อน ..


“ เหรอ...ก็ดีเหมือนกัน น้าจะได้รีบไปเลือกชุด ทะเลๆ โอ้ทะเลแสนงาม...” บทเพลงที่ร้องกันในสมัยเด็กถูกขับขานจากปากสาววัยกลางคนอย่างสุขใจ


“ ครับ” นนท์ยิ้มรับแล้วรีบสาวเท้าขึ้นไปบนห้องกิ่งทันที

“ กิ่งๆ ตื่นได้แล้ว”

“ ใครวะ..คนจะนอน..” ได้ยินแค่คำตอบที่ลอดกลับมา ก็พอทำให้นนท์วางใจได้ระดับหนึ่ง อารมณ์ของแม่ขี้หึงคงวางได้ระดับหนึ่งแล้ว..

“ แฟนแกมั้ง..” ไม่พูดเปล่า..คนหน้าสวยก็ออกแรงที่เท้าดันร่างที่ขดใต้ผ้าห่มให้กลิ้งไปตามพื้นเตียงจนล้มลงกระทบพื้นหินอ่อนในที่สุด

“ ไอ้นนท์..แกจะฆ่าฉันหรือยังไง”

“ ลุกขึ้นได้แล้ว..เราจะไปเที่ยวทะเลกัน..”

“ ไม่ไป ไม่มีอารมณ์”

“ ยังงอนไอ้หน้าหยกอีกเหรอ...” นนท์เอ่ยขึ้นตรงประเด็น

“ บ้า..”


“ โอ๋ๆ น้องกิ่งของพี่..เข้าใจไอ้หน้าหยกผิดแล้วรู้ไหม. ..เมื่อคืนกว่าพี่จะได้นอน ก็โดนไอ้หน้าหยกเรียกคุยโทรศัพท์ตั้งสองชั่วโมง...บอกว่าแฟนมันขี้หึงเว่อร์ ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไอ้เราก็นึกนะว่าทำไมแฟนมันตาร้ายขนาดนั้น ..คนที่กอดแขนไอ้หน้าหยกเป็นถึงดาวคณะของปีล่าสุดคงไม่ชายตามาแลมันหรอก..” นนท์พึมพำบางสิ่งที่ทำให้ใบหน้าบูดเบี้ยวเริ่มกลับมายิ้มได้เมื่อรู้ความจริง


“ จริงอะ” กิ่งทะลึ่งตัวขึ้นบนที่นอนอย่างตื่นเต้น


“ จริงดิ...ไม่รู้ไอ้ลิงกังที่ไหนมันหึงลมหึงแล้ง..กะแค่เขาซ้อมบทละครก็ร้องไห้ตาแตก” นนท์ยั่วเพื่อนต่อด้วยความสุขเมื่อเห็นว่ากิ่งเริ่มเข้าใจ

“ไปทะเลดีกว่า ..” หญิงสาวลุกพรวดขึ้นทันทีทันใด จนนนท์ต้องแอบขำออกมา

“ แล้วไม่โทรฯไปบอกมันหน่อยเหรอว่าเข้าใจแล้ว...”


“ ปล่อยให้มันจิตตกไปสักสองวัน..ค่อยบอก..ฮ่ะๆ..ถึงจะแค่ซ้อมละครยังไงก็หึงโว้ย” หญิงสาวบอกเสียงร่า จ้องมองสภาพตัวเองในกระจกอย่างเวทนา ..ร้องไห้จนตาโปน..อืมๆ..ไอ้ต่อนะไอ้ต่อฉันหมดสวยหมดแล้ว ไอ้แฟนบ้า ไอ้หน้าคิงคอง

“ เฮ้อ..สบายใจแล้วยิ้มร่าเชียวนะแก..”


“ แน่นอนจ้า พี่สะใภ้..” หญิงสาวหันมายิงฟันกับคนหน้าหวาน ..สรรพนามที่ใช้เล่นเอานนท์ถึงกับหน้าแดงอย่างรวดเร็ว


“ ไอ้ลิงบ้า..ฉันไปจัดเสื้อผ้าดีกว่า..”

“ โห่ ตอนล้อฉันก็ล้อเอาๆ พอตัวเองทำเป็นอายไม่แฟร์นี่หว่า” หญิงสาวไล่หลังว่าไป แต่ก็แค่ขำๆ..เมื่อความสุขกลับคืน ทุกอย่างก็จะงดงามอีกครั้ง ...


ทีแรกที่ได้ยินว่าต้นจะพาไปเที่ยวทะเล คนฟังถึงกับตาค้างไม่ต่างจากมารดา คนอย่างต้นนี่เหรอคิดจะพาทุกคนไปทะเล ฟังแล้วอยากหัวเราะ แต่เพราะหน้าตาและน้ำเสียงที่จริงจังของคนมาบอกถ้อยความ ทำให้กิ่งยอมเชื่อดีเหมือนกัน หายไปต่างจังหวัดสักสองวันแกล้งไอ้คิงคองมันเล่น..หุหุ..



เท้าเปลือยวางลงบนผืนทรายที่เปียกชุ่มกระแสน้ำค่อยๆ คลื่นซัดมากระทบเท้าของหญิงสาวเรื่อยๆ ระลอกแล้วระลอกเล่า แดดอ่อนๆในยามบ่ายแก่ๆ ทำให้เธออยากใช้เวลาในการซึมซับความงามของท้องทะเล ให้นานกว่านี้ หลังจากมาถึงที่พักเมื่อตอนเที่ยงกิ่งก็แยกออกมาเดินเล่นเพียงลำพัง

“ คิดอะไรอยู่คนสวย” นัทที่เดินออกมาตามเพื่อนสนิท ให้กลับเข้าไปทานอาหารในบ้านกล่าวทักทายเสียงทีเล่น


“ เปล่าหรอกยืนคิดอะไรเล่นๆเท่านั้นล่ะ”


“ ฉันมาตามแกเข้าไปทานของว่างกัน เดี๋ยวพี่ต้นจะพาไปขับเรือเล่นแถวๆนี้ ไปนั่งชมวิวสักชั่วโมงก็กลับ” นนท์บอกรายการต่อจากนี้ เพื่อกระตุ้นต่อมอยากเที่ยวของคนที่กำลังยืนมองทิวทัศน์อยู่ สงสัยจะรู้สึกผิดที่ทำให้เจ้าคิงคองมันจิตตก...แต่ใครจะรู้ตอนนี้มันอาจกำลังเริงร่าอยู่ก็เป็นได้... นนท์นั่นโทรฯไปรายงานตั้งแต่เช้าแล้ว มีหรือที่รายนั้นจะจิตตก ..ไม่มีทางเสียหรอก..


“ เหรอ ก็น่าจะดีเหมือนกันเราเข้าไปในบ้านกันเถอะ” กิ่งรับคำ แล้วเดินตามเพื่อนสนิทเข้าไปภายในบ้านพักส่วนหนึ่งของรีสอร์ต .. ตัวบ้านแบ่งเป็นห้องนอนสองห้อง คงไม่ต้องบอกว่าใครจะนอนห้องไหน..คุณแก้วเธอจัดการเสร็จสรรพให้พี่ต้นไปนอนกับน้องสติช ส่วนนางก็นอนกับลูกสาวคนเล็ก.. ( เจ้าแผนการจริงๆคนบ้านนี้..


“ มากันแล้วเหรอ นนท์เข้าไปตามพี่ต้นหน่อยนะสงสัยจะยังไม่ตื่น น้องกิ่งมาช่วยแม่จัดจานดีกว่ามาเร็วลูก” หญิงวัยกลางคนในชุดยีนส์เปรี้ยวปรี๊ดเอ่ยบอก.. จานผลไม้และของหวานในมือกำลังถูกจัดแบ่งออกเป็นชามเล็กๆให้เท่ากับจำนวนสมาชิกของบ้าน .....


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 17-07-2009 01:00:49
นนท์เปิดประตูเข้ามาในห้องนอน ซึ่งคืนนี้จะเป็นที่พักของเขากับพี่ต้น..เอ้อมันก็ไม่น่าแปลกอะไรหรอกเขากับพี่ต้นนอนด้วยกันตั้งหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่อยู่ในสายตาของสองแม่ลูก( ใครจะรู้ หนูนนท์ แม่แก้วน้องกิ่งเขาเห็นหมดแล้ว..) เตียงหลังใหญ่ถูกชายอีกคนครอบครองอยู่ นนท์เห็นเขายังหลับอยู่เลยเดินไปจัดข้าวของเล็กๆน้อยๆพอเสร็จเลยมาปลุกเขาตามคำสั่ง


“ พี่ๆ ตื่นได้แล้ว” เสียงใสดังขึ้น.. แต่เขาก็เหมือนไม่ได้ยิน คนร่างบางเลยเดินเข้ามาใกล้นั่งลงที่ขอบเตียงใช้มือนุ่มนั้นเอื้อมไปเขย่าแขนเขาเบาๆ



“ พี่ๆ ตื่นได้แล้วทุกคนกำลังรอทานอาหารว่างอยู่อย่าขี้เซานักสิ” นนท์เพิ่งเห็นเขาเป็นอย่างนี้ครั้งแรก เขาบอกว่าวันนี้เป็นวันพักผ่อน เขาก็ทำจริงอย่างที่พูด นอนกลางวันนั้นเหรอตั้งแต่เข้าไปอยู่ในวรโชติ เขายังไม่เคยเห็นพี่ต้นใช้เวลาในตอนกลางวันเป็นเวลาหลับเลยสักครั้งเดียว



“ แพ...” ปากของชายหนุ่มเหมือนพร่ำบางอย่างซึ่งนนท์ไม่เข้าใจ เลยนั่งเพ่งเพื่อพยายามอ่านปากของเขา ด้วยเพราะความตั้งใจนั้นมีมากเลยทำให้ความระวังตัวเหือดหาย คนที่นอนอยู่ดึงมือของนนท์ลงไปใกล้จากนั้นก็พลิกกายเป็นฝ่ายทับร่างของเขาไว้..


“ พี่ๆ” นนท์ร้องเสียงหลง แต่เขาก็ไม่มีท่าทางจะลุกขึ้น แล้วคำร่ำชื่อของใครบางคนที่นนท์ยังจำติดหูมาจนถึงทุกวันนี้ก็เฉลยความจริงบางอย่าง



“ แพทๆ” ดวงตาที่ยังปิดอยู่หารู้หรอกว่า สิ่งที่เขาทำอยู่ไม่ได้จำเพาะอยู่แต่ในฝัน ตอนนี้เขากำลังลากนนท์เข้าไปเล่นเป็นหนึ่งในตัวละครนั้นด้วย ชายหนุ่มค่อยๆยื่นหน้ามาใกล้นนท์เรื่อยๆ จนปากของเขาเกือบชิดริมปากเรียวบาง ดีนะที่นนท์ไม่ปล่อยให้มันเลยเถิดไปกว่านี้



มือเรียวเอื้อมตวัดมาป้องปากของตนเอาไว้อย่างเร็ว ก่อนจะบรรจงฟาดมืออีกข้างไปบนหน้าหล่อๆของพี่ต้นจอมขรึม ดวงตาของชายหนุ่มค่อยๆเปิดออกและต้องตะลึงเมื่อเห็นดวงตาของใครอีกคน ใกล้เขามาก มากกว่าทุกครั้งทุกคราว เขายังคงเพ่งพิศเช่นนั้นไม่ละเพราะยังไม่รู้ตัวว่านี่คือความเป็นจริง


“ พี่ตื่นหรือยังนี่” นนท์พยายามเรียกสติเขาอีกครั้ง เพราะหากชายหนุ่มมีสติดีเขาคงไม่คิดจะทำอย่างนี้กับนนท์แน่นอน แม้เขาจะดูไร้อารมณ์ไม่สนใจใครๆ แต่เขาคงไม่ใช่พวกชอบฉวยโอกาสเอาประโยชน์ใส่ตัวเองหรอกนนท์เชื่ออย่างนั้น


ชายหนุ่มกะพริบตาถี่ขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของนนท์ที่ชัดเจน


“ มาทำอะไรตรงนี้นี่คุณหนู ” เขาเอื้อนถาม


“ พี่ลุกขึ้นก่อนสิ นนท์หายใจไม่ออกแล้วนะ” นนท์ใช้มือข้างหนึ่งสอดไปดันที่หน้าอกของเขา
เพื่อให้ชายหนุ่มได้รับรู้ว่าเขากำลังนอนทับร่างของนนท์อยู่


“ ...” เขากระโดดขึ้นโหยงไม่รู้ตัวหรอกว่าทำอะไรลงไปบ้าง คนถูกทับค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นนั่งหายใจถี่

จนแทบเรียกว่าไม่หยุดพัก ทั้งตัวที่หนักและใจที่เต้นแรงทำให้นนท์เหนื่อยมากพอตัว ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ไกลมองอย่างสงสัย



“ พี่ละเมอบ้าอะไรนี่ ทำเอานนท์แทบขาดใจเลยนะนี่” เขาบอกชี้ทางเพื่อให้พี่ต้นหายกังวลกับสิ่งที่ทำลงไป แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าที่ต้นทำเพราะคิดว่านนท์คือใครคนนั้น แพท..จีรนันท์คนที่ทำให้เขาเกือบตายเมื่อสามปีก่อน




“ น้าแก้วให้นนท์เข้ามาตามไปทานของว่าง ออกไปกันเถอะน้าแก้วคงรอแย่แล้ว” นนท์ยิ้มกลบเกลื่อนรีบลุกจากเตียงเดินออกไปโดยไม่สนเรื่องที่เกิด

ทิ้งให้ต้นมองร่างของเขาเดินจากไปจนลับตา นี่ต้นทำอะไรลงไปนะ ความฝันเมื่อสามปีที่แล้วผุดเข้ามาในความคิด เขากำลังกอดคนตัวนุ่มบางๆ.


.ซึ่งเขาคิดว่าคนคนนั้นคือแพทแถมยังจูบคนตัวนุ่มเข้าไปอีกตั้งสองครั้ง เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นนนท์หรือเขาจะทำเช่นเดียวกับที่เคยทำกับคนคนนั้น.


“ ช่างเถอะ” เขาไล่ความคิดออก เดินตรงไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินไปรวมกับคนอื่นๆที่โถงกลางบ้าน เพื่อร่วมทานอาหารว่างกัน



“ ทำไมออกมาช้าจังเลยล่ะพี่ต้น แม่กับทุกคนรอนานแล้วนะรีบๆทานเข้านะลูกเดี๋ยวจะเย็นไปกว่านี้แล้วจะเที่ยวกันไม่สนุก” นางรีบเข้ามาจับแขนลูกชายแล้วพาไปนั่งใกล้ๆสองเพื่อนสนิท.. จากนั้นก็ส่งชามของหวานให้บริการเต็มที่


“ ขอโทษทีครับ”



เป็นอันว่าสุดท้ายคุณแก้วก็ขอตัวอยู่ที่พักเพียงลำพัง นางให้เหตุผลว่าตนเมาเรือเลยไม่ต้องการจะไปด้วย ปล่อยให้หนุ่มๆสาวๆไปเที่ยวกันให้สนุกดีกว่า อีกอย่างถ้าไปก็อาจเป็นภาระทำให้เที่ยวไม่สนุก


กิ่งที่ได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญจากมารดา..ทำหน้าที่กามเทพเต็มสตรีม... การไปครั้งนี้ของเธอก็แค่ตบตา ..จริงๆเป็นลูกไม้หาโอกาสให้พี่ต้นกับนนท์ได้เข้าใกล้กันมากขึ้น


คุณแก้วเดินอย่างสบายใจมาตามชายหาด แถมยังโทรศัพท์ไปบอกแผนการกับตัวต้นเรื่องอีกคนด้วย สองสาวเพื่อนสนิทคุยกันอย่างออกรส



“ จริงเหรอเธอ แน่มากเลยนะบรรยากาศออกจะโรแมนติกขนาดนั้น ใครบ้างจะไม่คล้อยไป
ถ้าเป็นฉัน ฉันคงยอมพร้อมใจไปแล้วล่ะ พระอาทิตย์ตกท่ามกลางท้องน้ำฟังแล้วก็อยากไปบ้างจัง” คุณนันถึงกับออกอาการแย้มยิ้ม...จินตนาการภาพของลูกชายของตนกับต้นท่ามกลางบรรยากาศเป็นใจ



“ ใช่แล้ว ฉันส่งน้องกิ่งไปก็เพื่อไม่สองคนนั้นสงสัย ถ้ามีโอกาสก็ช่วยสร้างสถานการณ์ให้สองคนนั้นได้ปิ๊งๆกัน ฉันมั่นใจว่ากลับไปคราวนี้ทั้งสองคนต้องสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม” นางวาดฝันเสียไกล


“ ดีมากหล่อน เดี๋ยวฉันต้องไปทำงานก่อนนะ”


“ เดี๋ยวสิ ป่านนี้มันควรจะเป็นเวลาดึกไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอต้องทำงานอีกเหรอยังไง อย่าบอกนะว่าบ้างานจนหามรุ่งหามค่ำอย่างนี้” นางชักเป็นห่วงคนไกล


“ ไม่ใช่หรอกแค่ตรวจเอกสารนิดหน่อยเท่านั้นเอง เดี๋ยวฉันก็จะเข้านอนแล้วล่ะ” ปลายสายบอกเสียงนุ่มไม่อยากให้คนที่กำลังสบายใจอยู่ต้องเป็นห่วง


“ อย่างนั้นก็ดีแล้ว อย่าทำงานให้หนักมากล่ะเงินที่มีอยู่ก็ใช้จะไม่หมดแล้ว หัดหาความสุขใส่ตัวบ้างนะ ไม่ใช่ทำแต่งาน” เพราะความที่สนิทกันมานานเลยทำให้นางกล้าพูดตรงๆ จริงอย่างที่คุณแก้วว่านั่นแหละบางคนบ้างานมาทั้งชีวิตต้องการเก็บเงินไว้มากเพื่อความสุข แต่อนิจจาบางทีเขาก็ไปเร็วเกินกว่าจะรู้ตัว เงินที่มีซื้ออะไรไม่ได้เลย แม้แต่ชีวิตจะยื้อออกไปสักวันก็ยากยิ่ง ดังนั้นก็ต้องรู้จักหัดหาความสุข ความสดใสใส่ตัวเองบ้าง

“ ฉันรู้แล้วล่ะ”



คุณแก้วกดตัดสายแล้วเดินเดินยิ้มแป้นตรงไปยังร้านอาหารของรีสอร์ต เพื่อสั่งอาหารเตรียมไว้ให้ทั้งสาม แต่ความสบายใจของนางก็ต้องหยุดลงเมื่อได้ยินเจ้าหน้าที่คนหนึ่งใกล้ๆร้านอาหารกำลังวอบอกหน่วยยามฝั่งของรีสอร์ตให้ช่วยประกาศบางอย่าง


“ ตอนนี้ได้รับรายงานว่ากำลังมีพายุเข้ามา............” คำบอกสรรพคุณของพายุที่กำลังจะเข้ามายืดยาวเป็นหางว่าวแต่แค่ฟังเท่านั้นนางก็ชักใจหาย เพราะคนที่แล่นเรือออกไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนไม่รู้ ความวิตกเกิดขึ้นกลางใจ แล้วเพียงไม่กี่นาทีถัดมาเงื้อเงาของความแปรปรวนก็เกิดขึ้น.

. นางเข้าติดต่อกับเจ้าหน้าที่ยามฝั่งที่กำลังนั่งเฝ้าระวังภายในประภาคารบังคับการใกล้ๆกัน นางได้แต่นั่งลุ้นรอเวลาที่ฝนจะสงบเพื่อที่เรือของหน่วยจะได้ออกไปตามหาทั้งสามคน ในใจฟุ้งซ่านนานากลัวจริงๆว่าจะต้องเสียลูกและว่าที่สะใภ้ไป ยังดีที่มีแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดเข้ามานั่งปลอบให้กำลังใจ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 17-07-2009 02:52:53
ซวยเป็ดแต่ยังไงก็ต้องรอดเพราะน้องติชยังไม่ได้รักกับพี่นนท์เลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 17-07-2009 10:37:01
พี่ต้น นนท์  กิ่ง จาเป็นไงบ้างนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 17-07-2009 11:06:28
เดี๋ยวก็กลับมาเองแหละ จริงป่ะ เพราะยังไม่ได้เป็นแฟนกันเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 17-07-2009 19:18:06
ฟ้าฝนเป็นใจอ๊ะเปล่า  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-07-2009 01:22:44
พี่ต้นยังไม่ลืมแฟนเก่าอีกหรอเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 20-07-2009 23:08:11
มาแล้วคร๊าบบบ หลังจากที่หายไปหลายวัน อย่าโกรธเค้านะ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 20-07-2009 23:29:06
มาแล้วคร๊าบบบ หลังจากที่หายไปหลายวัน อย่าโกรธเค้านะ



อ๊าาากกกก คิดถึง มาถีบที เอ่ยไม่ใช่มากอด เอ่ยยยมาต่อดีกว่า  :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 20-07-2009 23:51:45
ตอน 17


ห่างออกไปในทะเลที่กำลังบ้าคลั่ง เพราะเงาฝนที่ก่อตัวอย่างรวดเร็ว คลื่นในทะเลที่มีกำลังแรงจนน่าใจหายเลยทำให้ต้นตัดสินใจหันหัวเรือขับเข้าไปที่เกาะแห่งหนึ่ง เพราะตรึกตรองดูแล้วว่าระยะทางที่จะขับกลับไปยังแผ่นดินใหญ่นั้นไกลกว่า หากเกิดพายุขึ้นตอนที่กำลังแล่นอยู่กลางทะเลก็เสร็จ


“ ดีนะที่ในเรือมีทุกอย่างพร้อมสรรพแถมยังมีเสบียงพร้อมพรัน ขนาดเต็นท์ผ้าใบก็ยังมี นนท์ไม่อยากเชื่อว่ารีสอร์ตเขาจะบริการดีเลิศขนาดนี้” นนท์ที่กำลังหยิบแซนด์วิชกัดทานกล่าวขึ้น แม้แต่ต้นก็เห็นเช่นเดียวกับเขาจะมีก็แต่กิ่งที่นั่งเงียบ สัมภาระที่เธอเตรียมมาจัดฉากสร้างความโรแมนติกได้ใช้ประโยชน์ก็คราวนี้ ตัวเต็นท์ที่ไม่ใหญ่นักแต่แข็งแรงพอตัว พวกเขาเลือกจะกางใต้หมู่ไม้เพื่อเวลาฝนตกและลมพัดต้นไม้จะเป็นปราการชะลอน้ำและลมได้ดี อันตรายก็จะได้น้อยลง


“ ว่าแต่ดูๆไปท่าทางพายุคงไม่หยุดง่ายๆหรอก อย่าบอกนะว่าเราต้องนอนติดแหง็กกันในเกาะนี้” อยู่ๆห้วงคิดก็ปรากฏภาพในละครที่เคยดู ฉากมันคล้ายๆกันมากพระนางต้องมาติดเกาะท่ามกลางพายุรุนแรง แถมคืนนั้นจะเป็นคืนที่สองตัวละครจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกระดับ แต่ที่ต่างก็ตรงที่มีกิ่งมาด้วยไม่เช่นนั้นพ่อน้องสติชคงได้อยู่ไม่เป็นสุขอย่างแน่นอน


“ คิดอะไรอยู่นนท์” กิ่งที่นั่งคั่นกลางระหว่างพี่ชายและเพื่อนสนิทกล่าวทัก เมื่อสังเกตว่าสีหน้าของนนท์มีแววแปลกไป


“ เปล่านี่ ฉันแค่คิดถึงแม่เท่านั้นเอง ใช่สิน้าแก้วคงเป็นห่วงเราแย่แล้วพายุเข้ามาอย่างนี้จะไปไหนก็ไม่ได้” นนท์กลบเกลื่อนความคิด โดยยกเอาประมุขบ้านวรโชติมาเป็นข้ออ้าง หลบเลี่ยงไม่ให้เขาที่นั่งมองนนท์อยู่ด้วยได้รับรู้ ขืนเขาอ่านใจนนท์ออกว่ากำลังคิดถึงฉากหวานซึ้งในละครเรื่องนั้นอยู่ รับรองเขาต้องมีเรื่องได้ล้อได้แกล้งนนท์อีก


“ ใช่แล้วแม่คงเป็นห่วงมากทำไงดีล่ะ กิ่งชักเป็นห่วงแม่แล้ว” ท้ายประโยคหันไปพูดกับพี่ชายที่กำลังเสยผมซึ่งเปียกฝนขึ้นเล็กน้อย


“ อย่าเพิ่งคิดมากเลย” เขาปลอบเสียงสั่นๆ


“ พี่เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมหน้าซีดอย่างนั้นล่ะ” นนท์มองตาม สังเกตเห็นอาการผิดปกติของพี่ต้นตั้งแต่กิ่งเริ่มคุยด้วยแล้ว..


“ เปล่าหรอก” ชายหนุ่มบอกปฏิเสธ แต่นนท์ไม่สู้ฟังเขยิบเข้ามานั่งใกล้ กิ่งที่ขวางอยู่เลยขยับให้เพื่อนได้เข้าใกล้พี่ชายของเธอมากกว่าเดิม เรื่องอย่างนี้กิ่งเต็มใจอยู่แล้ว แม้จะไม่ได้สร้างสถานการณ์โรแมนติกอย่างที่วางแผนกับมารดา


แต่บางทีธรรมชาติอาจสร้างสรรค์สิ่งสวยงามด้วยตัวของมันเอง ท่ามกลางความมืดมนของท้องฟ้า พายุที่โหมกระหน่ำแต่ต่ำลงมาภายใต้เต็นท์ผ้าใบหลังนี้ มือนุ่มของนนท์กำลังประคองหน้าเขาอย่างเป็นห่วง


“ ทำไมตัวร้อนอย่างนี้ล่ะ โดนฝนแค่นี้ถึงกับเป็นไข้เลยเหรอ” นนท์พูดราวกับเขาเป็นเด็กๆที่ไม่รู้จักระมัดระวังตัวเอง

“ พี่ไม่เป็นไรหรอก” เขาเงยหน้าขึ้นสบตานนท์เพียงน้อยก่อนจะบอกปัดไปเหมือนเมื่อครู่ คนอย่างต้นถ้าเจ็บก็จะปากแข็งว่าไม่เจ็บ หากจะล้มเขาก็อยากจะแอบนั่งเศร้าอยู่เพียงลำพัง ไม่ต้องการให้ใครมาพยุงให้ยืนขึ้น เขาจะเป็นผู้ลุกขึ้นด้วยขาทั้งสองเอง แม้จะเป็นปณิธานที่ค่อนข้างดีและน่ายกย่อง แต่มันก็อาจเป็นผลร้ายแรงทำให้เขาต้องเจ็บหนักกว่าเดิมได้เช่นกัน เหมือนครั้งก่อนที่เขาตัดสินใจคิดสั้นเพราะเขาไม่เคยระบายมันออกให้ใครรับรู้ เก็บไว้ลำพัง


เขาเลือกจะคิดสั้นเพราะเขาอยากจบเรื่องราวไปจริงๆไม่นึกหรอกว่าใครคนหนึ่งจะผ่านมาเห็น และยอมเอื้อมมือลงไปช่วยเขาถึงในทะเลที่ทั้งมืดและเย็น



“ ตัวร้อนอย่างนี้ยังจะบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก กิ่งส่งกระเป๋าให้ฉันหน่อยสิ” นนท์ไม่ยอมถอยง่ายๆ เห็นอยู่ชัดๆว่าเขาป่วย มือบางเอื้อมไปรับกระเป๋าที่เตรียมมาแต่แรก



“ เดี๋ยวกินยาซะก่อนนะ” ว่าแล้วก็หยิบยาบรรเทาไข้วางลงในมือใหญ่ ตอนแรกเขาก็เหมือนจะไม่ยอมรับแต่เพราะนนท์เอื้อมไปแบมือออกชายหนุ่มเลยต้องยอม บทนนท์จะดื้อก็ดื้อถึงใจ...


“ ยังไงฝนก็คงไม่เลิกตกง่ายๆแน่ หากต้องนอนกันที่นี่พี่ก็นอนพักเลยดีกว่านะไข้จะได้ไม่ขึ้น” นนท์สรุปเสร็จสรรพบอกสิ่งที่เขาต้องทำต่อจากนี้


“แต่พี่ยังไม่ง่วงนี่” เขาปฏิเสธ



“ ไม่ง่วงก็ต้องนอน ยังไงก็นอนลงไปก่อน...เอานี่” นนท์ตบลงบนตักตัวเองเบาๆ..ต้นได้แต่มองแต่ไม่กล้าลงไปหรอก เขาไม่ได้อยู่กับนนท์แค่สองคนนะ..


“ พี่..” นนท์บอกเสียงแข็ง ..และมันก็ทำให้กิ่งถึงกับงงในท่าทีที่ทั้งสองแสดงต่อกัน เพราะทันทีที่สิ้นเสียงต้นก็ยอมล้มตัวลงบนตักนุ่มของนนท์อย่างไม่รอช้า..


“ พี่ยังไม่ง่วง..”


“ นอนไปเถอะเดี๋ยวก็ง่วงเอง..” นนท์ยิ้มให้เบาๆ จัดแจงหยิบเสื้อคลุมตัวบางมาชุบน้ำพอหมาด แล้ววาดลงบนหน้าหล่อๆอย่างห่วงใย.. กิ่งเหมือนถูกความสัมพันธ์ระหว่างสองคนแบ่งแยกออกจากแนวปราการ ใครจะเชื่อละว่าพี่ต้นที่ดูเย็นชาไร้หัวใจ แต่กลับยอมอ่อนยอมโอนให้นนท์..



คุณแก้วที่นั่งเฝ้ารออยู่ผล็อยหลับไปเพราะเวลาล่วงเลยไปจนดึกมากแล้ว พายุยังไม่มีทีท่าจะสงบเวลาผ่านไปอีกเรื่อยๆจนแสงแรกของวันเริ่มแย้มสายออกมาให้รู้ให้เห็น


การมาเยือนของแสงตะวันมาพร้อมกับการจากไปของพายุท้องฟ้ายามนี้สว่างสดใสยิ่งกว่าครั้งไหน อากาศดีถึงดีมากไร้แววพายุหรือเงาฝน ราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้น คนที่หลับอยู่ถูกเลื่อนให้ล้มลงกับโซฟาพร้อมทั้งมีผ้าห่มผืนบาง ซึ่งแม่บ้านคนที่นั่งปลอบใจเมื่อคืนนำมาห่มให้


เพราะแม่บ้านคนนั้นก็มีลูกเช่นเดียวกับคุณแก้วเลยเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ อยากจะอาทรและเอื้อเฟื้อตามกำลังที่มี เพียงผ้าห่มผืนเดียวที่นำมาให้ก็ทำให้คุณแก้วซาบซึ้งมากแล้ว นางตื่นขึ้นพร้อมทั้งพับวางมันไว้อย่างเรียบร้อย ตอนนี้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆกำลังออกเรือไปตามหาผู้สูญหายทั้งสาม เหลือเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียวที่นั่งอยู่หน้าจอควบคุมสัญญาณ



“ เป็นไงบ้างคะเจอลูกๆดิฉันหรือยัง” แม้นางจะอายุมากกว่าแต่ก็กล่าวกับเขาอย่างเคารพ เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่ของที่นี่คือที่พึ่งเดียวที่มี นางพร้อมยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้ลูกกลับคืน คิดๆไปแล้วก็ไม่น่าวางแผนบ้าๆอย่างนั้นเลย แผนจะสำคัญอะไรล่ะถ้าต้องเสียทุกคนไป


“ ไม่ต้องห่วงนะครับคุณ ตอนนี้เราส่งเรือเร็วออกติดตามสามลำแล้วอีกสักสองชั่วโมงคงได้ทราบผล” เขาช่วยผ่อนความกังวลของนางได้ไปเปราะหนึ่ง


“ ขอบคุณมากนะคะ”



“ ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้วพายุเมื่อวาน ก็ใช่จะเป็นพายุที่หนักมากแค่ฝนฟ้ามันตกหนักเป็นพิเศษ อีกทั้งมันก็ใกล้ค่ำเลยทำให้ภาพของมันอาจน่ากลัวแต่จริงๆแล้วไม่ได้หนักหนาอะไร คุณไม่ต้องกังวลหรอกนะครับ” ชายหนุ่มอธิบายถึงปรากฏการณ์เมื่อคืนนี้ ช่วยส่งแรงใจไม่ให้นางท้อถอยและหมดแรงไป เรื่องร้ายๆไม่เกิดขึ้นกับนางแน่นอน


“ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ ได้ยินอย่างนี้ดิฉันก็วางใจ” แม้ปากจะบอกว่าวางใจ แต่จริงๆแล้วก็คงวางไม่ได้ทั้งหมดหรอก หัวอกคนเป็นแม่หากไม่เห็นว่าลูกปลอดภัยด้วยตาตัวเองยังไงก็ไม่ยอมเชื่อ

 

เช้าวันนี้..กิ่งตื่นเป็นคนแรก..ภาพที่เห็นทำให้อดจะยิ้มไม่ได้..น้องนนท์ของพี่ต้นที่เดิมทีให้คนป่วยได้หนุนนอนบนตักนุ่ม บัดนี้กำลังกลายเป็นซุกไซ้อยู่ในอ้อมอกแกร่ง ส่วนพี่ต้นก็พาดแขนตัวเองงอเข้าหนุนหัว..จะรักกันไปถึงไหน ..ก่อนกันกลมเลยนะสองคน...

นนท์รู้สึกตัวเป็นคนต่อมา สัมผัสได้ถึงลมหายใจของใครอีกคน เสียงหัวใจที่เต้นไม่ห่าง ทุกอย่างคือการใกล้ชิด และสัมผัสที่เป็นความจริงหาได้ลวงหลอก.. นนท์ผละออกเล็กน้อยแล้วค่อยๆเอาตัวของเขาออกเบาๆก่อนพี่ต้นจะตื่นขึ้นมามาก่อน ..มองซ้ายมองขวาก็เห็นกิ่งเดินเล่นอยู่ริมหาดที่ยังปรากฏเงาชื้นฝนฟ้าเมื่อคืนนี้..

“ ตื่นแล้วไม่ปลุกเลยนะไอ้ลิง..” นนท์เดินเข้ามาใกล้กับเพื่อนที่ยืนสูดอากาศบริสุทธิ์..


“ คนเขากำลังสวีทกัน..จะขัดลาภก็เกรงใจ ไม่อยากตกนรกนะจ้าน้องนนท์จ๋า..” หญิงสาวร่างบางเข้ามาคล้องแขนว่าที่พี่สะใภ้พลางย้อนกลับด้วยเสียงล้อ..


“ ไอ้ลิง..ล้อฉันเหรอ..”


“ เปล่าล้อค่ะพี่สะใภ้..กิ่งไม่ได้ล้อ..”พูดออกมาได้ว่าไม่ได้ล้อ ไอ้ที่ทำอยู่เขาเรียกอะไรนี่..สองเพื่อนสนิทยิ้มให้กันแล้วหยอกเย้าไปอย่างนั้น ..นนท์เดินกลับเข้าไปในเต้นดูอาการคนที่ยังนอนอยู่..แต่พอเข้ามาก็รู้ว่าต้นไม่ได้หลับแล้ว ..


“ เป็นอะไรไปหรือเปล่าพี่ต้น ทำไมไม่ลุกล่ะ..” นนท์นั่งลงข้างๆแล้วถามขึ้น..


“แค่ไม่อยากขัดจังหวะคนกำลังมีความสุข..” ต้นบอกเสียงแข็ง พลางลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว โรคงอนไร้สาเหตุปรากฏขึ้นอีกแล้ว ..นนท์ส่ายหน้าเบาๆก่อนจะโน้มกายของตัวเองเขากอดเจ้าของร่างหนั่น..ดีนะที่กิ่งยังอยู่ข้างนอกไม่อย่างนั้นคงได้ล้อเขาอีกแน่นอน



“ คิดอะไรอีกนี่..กิ่งกับนนท์เป็นเพื่อนกันนะ..อีกอย่างกื่งก็มีแฟนแล้วด้วย”

“ อะไรนะ..” จากความหงุดหงิดเปลี่ยนเป็นความสงสัย ..รีบผละแล้วหันมามองนนท์โดยไว ..คนหลุดปากถึงกับสะดุ้ง ในที่สุดก็หลุดออกไปอีกแล้ว ...

“ หายไข้แล้วเหรอ” นนท์เฉไฉ

“ คุณหนู ! “


“ก็ได้..มีแล้ว แต่ห้ามไปบอกกิ่งล่ะว่านนท์หลุดปากพูดออกไป” นนท์พยักหน้าให้อย่างเลี่ยงไม่ได้ พี่ต้นหนอพี่ต้น งอนเขาขนาดนี้แล้วยังไม่คิดจะแปรสถานภาพให้หน่อยเหรอ..มีหวังนนท์ได้ตามง้อจนเหนื่อยหน่ายแน่ พี่ต้นนะ...


“ แล้วตกลงหายไข้ยัง..” นนท์ถามตาใสพลางยกมือขึ้นแตะหน้าผากอีกคนที่นั่งตรงข้าม..


“ อืม.” เขาพยักหน้าเล็กน้อย รู้สึกปลอดโปร่งแล้วสบายใจอย่างเป็นที่สุด ตอนตื่นขึ้นมาก็หงุดหงิดงุ่นง่าย มองภาพน้องสาวกับนนท์หยอกเย้ากันไปมา ก็บังเกิดความไม่พอใจอย่างไร้สาเหตุ..( พ่อคนความรู้สึกช้า ได้อีกนะ ได้อีก..ช้าไปอีก..)


“ พี่ต้น ..นนท์..มาเร็วมีเรือมา..” เสียงของหญิงสาวนอกเต้นท์ปลุกให้ทั้งสองหลุดออกจากภวังค์ความคิด เรือจากทีมฝั่งเข้าเทียบตรงริมหาดและช่วยเหลือทั้งสามกลับคืนฝั่งอย่างรวดเร็ว ...โดยมีคนวัยกลางคนรอคอยอยู่ตรงท่าเรือบนแผ่นดินใหญ่...


คนที่นั่งลุ้นอยู่ถึงกับดีใจกระโดดอย่างลืมวัย คราวหน้าหากจะวางแผนนางจะไม่ใช้วิธีที่ต้องเสี่ยงอย่างนี้อีกแล้ว รู้ตัวดีว่าบทเรียนครั้งนี้สอนเรื่องมากมายให้ตระหนัก ทุกอย่างที่ทำแม้จะมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมแต่ควรเผื่อใจระวัง โอกาสผิดพลาดไม่ตรงตามแผนก็มีเยอะ


“ กลับมาปลอดภัยกันก็ดีแล้ว แม่เป็นห่วงจะแย่” นางกอดรับขวัญให้กับทุกๆคน แถมยังขอบคุณเจ้าหน้าที่กองเรือเสียยกใหญ่ร่ำๆว่าจะมาขอบคุณด้วยตัวเองอีกครั้ง


“ ค่ะแม่”


“ ว่าแต่เป็นไงบ้างล่ะลูกไปติดเกาะลำบากมากใช่ไหม ฝนก็ตกอย่างนั้นแล้วอยู่กันอย่างไรล่ะ แม่ยังเป็นห่วงไม่หายว่าจะต้องตากฝนกัน กลัวจะเป็นไข้เป็นหวัด” นางรำพันความกังวลในใจที่คิดฟุ้งซ่านตอนนั่งรออยู่ออกมา โดยลืมไปว่าในเรือนั้นนางได้แอบใส่อุปกรณ์สร้างสถานการณ์ไว้พร้อมพรัน สามารถอยู่ได้หลายวันแม้หน่วยออกตามหาจะตามไม่พบ


การเดินทางไปพักผ่อนครั้งนี้ถือว่าสร้างประสบการณ์ครั้งใหม่ให้กับทั้งสามชีวิต...



การกลับมาครั้งนี้...ต่อก็แกล้งงอนแฟนสาวยกใหญ่..ทั้งที่ตอนรู้เรื่องก็สบายใจยกใหญ่..ชายหนุ่มเดินหนีไม่พูดกับเธอตั้งแต่เช้าจนเย็น


..พอเลิกเรียนก็หนีกลับห้องไปก่อนจนกิ่งร้อนใจกลัวต่อจะโกรธจริงๆ..ตกเย็นของวันเลยรีบนั่งแท๊กซี่ตามแฟนหนุ่มกลับไปที่ห้องอย่างไม่รอช้า..เธอเองก็มีกุญแจห้องต่ออยู่แล้ว..


.เลยไขเข้าไปอย่างไม่รอช้า..มองสอดส่ายสักครู่ก็รู้ว่าแฟนหนุ่มนอนแผ่หราอยู่บนโซฟาตัวใหญ่...


“ โอ๊ย..”ต่อถึงกับร้องอย่างเจ็บปวด เมื่อท้องแกร่งถูกร่างของใครบางคนนั่งทับอย่างเต็มแรง กลิ่นหอมจากเรือนผมทำให้เขารับรู้ได้ทันทีว่าคนที่แกล้งเขาเป็นใคร...



“ มาทำไม..” ต่อรั้งตัวเองออกจากการนั่งทับอย่างไม่รอช้า พลางแกล้งเดินไปอีกทางของห้อง .


.
“ แกโกรธฉันจริงเหรอต่อ...” กิ่งชักใจไม่ดีกลัวว่าต่อจะโกรธเธอ ..หารู้เลยว่าทุกคำที่ออกมาทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างได้มากมายแค่ไหน ..เป็นไงล่ะ..จะแกล้งให้ต่อจิตตกสองสามวัน สุดท้ายตัวเองมาเจอแผนซ้อนเข้าไป..เอ้อ..


“ ฉันไม่กล้าโกรธแกหรอก..”ต่อบอกพลางจะก้าวไปข้างหน้า แต่ร่างแกร่งก็ถูกใครบางคนกระทบเข้ากอด ..มือเรียวเอื้อมสอดประสานไม่อยากให้คนในอ้อมกอดหายไป



“ ขอโทษ..” เสียงนั้นสั่นคลอจนต่อชักหวั่น ..นี่เขาทำให้กิ่งต้องร้องไห้อีกแล้วเหรอ..จากเดิมที่ใจยังกระหยิ่มยิ้มร่าก็แปรเปลี่ยนเป็นนิยามใหม่..ร่างสูงพลิกกลับมาเผชิญหน้าคนที่ยังกอดเขาแน่น..


“ อย่าร้องสิวะ” ต่อยิ้มเบาๆ..พลางเชยคางคนที่ซบอยู่ที่อกแน่นให้เงยขึ้น..

“ ก็แกโกรธฉันนี่..ขอโทษแล้วก็ไม่รับ” น้ำตายังทอสายออกมา


“ เออหายแล้ว..พอใจนะ..ห้ามร้องด้วย ..ฉันไม่ชอบเห็นแกร้องหรอก.” ต่อยิ้มให้พลางเลื่อนริมฝีปากบดเบียดลงบนใบหน้าปลั่งนวลเพียงครู่...



“ ไอ้บ้า..ฉันขอโทษแกแต่ไม่ได้บอกให้แกหอมแก้มนะโว้ย..” กิ่งหน้าแดงเพิ่มมากขึ้น ถึงกับต้องโวยแก้เก้อ แต่มันก็กลับทำให้ต่อมีรอยยิ้มออกมา..อย่างนี้สิ..ถึงสมกับเป็นกิ่ง

“ บอกแล้วตั้งหลายครั้งว่าไม่เค้ยไม่เคยนอกใจ แค่คิดยังกลัวเลย..คิดเหรอว่าทำจะกล้า”

“ก็ใครจะรู้วะ..คนมันหึงนี่หว่า..”


“ ดีจังที่ได้ยินคำนี้จากปาก..” ต่อรวบร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าเข้ามากอดอย่างสุดแน่น ..เขารักเธอจัง หญิงสาวที่เป็นคนข้างกาย คนที่ไม่เคยทิ้งเขาคนที่ทำให้ใจเขาเต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ใกล้...




หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 21-07-2009 00:02:02
อ๊าาากกกก คิดถึง มาถีบที เอ่ยไม่ใช่มากอด เอ่ยยยมาต่อดีกว่า  :z2:


กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลยทีเดียว 55555
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 21-07-2009 00:10:15
อ๊าาากกกก คิดถึง มาถีบที เอ่ยไม่ใช่มากอด เอ่ยยยมาต่อดีกว่า  :z2:


กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลยทีเดียว 55555

มีเรื่องจะบ่นหลังจากอ่านแล้ว มีที่ไหนให้พระเอกมาหนุนตัก มีแต่เอกป่วยไข้ขึ้น พระดูแลแล้วนอนหนุนตักพระ
โอ๊ยยย มาแปลกเว่ยยย  :z2: เด๋ว กิ่งกะแม่ ได้ไปลัลลากันอีกแน่นอนข้าวดีโครตๆ แล้วพี่ต้นก็หึงน้องสาวตัวเอง
กร๊าาาาก สะใจแอบ  o22
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: changasa@hotmail.com ที่ 21-07-2009 00:15:19
 :-[ งิงิ หวานทั่งคู่เยย ชอบๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-07-2009 00:44:01
พี่ต้นกันนนท์จะหวานกันไปไหนอ่า ๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 21-07-2009 01:28:10
ตอน 18

ทุกชีวิตดำเนินไปในรูปแบบของการเดินทาง..จนมาถึงปลายสุดของเทอมสองของการเป็นนักศึกษาปีสาม การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่จึงเกิดขึ้นอีกครั้ง.. ค่ำนี้กิ่งเข้าห้องเร็วเช่นคืนก่อนๆ ส่วนนนท์ก็กับสาละวนอยู่กับการรีดผ้าในห้อง คุณแก้วเลยไม่อยากเข้าไปรบกวน นางเลือกเดินเข้าไปคุยกับลูกชายคนโตในห้อง


“ ว่างหรือเปล่าพี่ต้น” นางส่งเสียงเอ่ยถามก่อนจะหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ใกล้ตัว ชายหนุ่มที่ยึดเตียงเป็นที่ทำงานเงยหน้าเล็กน้อยพยักหน้าให้มารดาพร้อมทั้งวางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คลง


“ มีอะไรหรือเปล่าครับแม่...”

“ เปล่าหรอกแม่รู้สึกเบื่อๆ..”


“ เหรอ เป็นอะไรไปหรือเปล่าแม่ ปกติเห็นแม่ร่าเริงจะตาย..” ต้นถามเสียงเย้ากับมารดา ..


“ อืมๆ ว่าแต่ได้ข่าวว่าคุณรินเลขาฯของลูกกำลังจะลาออกไปต่างประเทศกับสามีใช่ไหม” นางเปลี่ยนเรื่องกะทันหันเร็วจนเขาไม่ตั้งตัว ชายหนุ่มองมารดาอย่างแสนงง…


“ แม่ได้ยินข่าวมาจากคุณประชาเมื่อเช้านี้”


“ ครับผมเองก็กำลังรับสมัครเลขาฯ คนใหม่อยู่ แม่ไม่ต้องห่วงนะ”


“ ใครบอกว่าแม่ห่วงล่ะ แม่กำลังจะบอกให้รับเลขาฯคนใหม่ คนนี้แม่ภูมิใจเสนอ” เอาเข้าแล้วไหมล่ะ จะเป็นใครได้ล่ะนอกจากว่าที่สะใภ้สุดที่รัก


“ แม่อย่าบอกนะว่าจะให้.....”



“ ถูกต้องนะครับ ใครจะเหมาะเป็นเลขาฯหน้าห้องของลูกได้อีกนอกจากนนท์ แม่ไม่เห็นใครเหมาะเลยยิ่งพอคุณรินออกไปนะต้องมีแม่พวกสาวๆมาคว้าตำแหน่งนี้กันยกใหญ่ ขืนปล่อยไว้ลูกได้ถูกแม่พวกนั้นงาบไปแน่ แม่ไม่ยอมหรอกให้นนท์ไปเป็นหูเป็นตาซะหน่อย” นางยกเอาคำยอดนิยมในตอนนี้มาตอบรับ แม้เหตุผลจะอ้อมโลกไปสักหน่อย แต่ก็ฟังดูเข้าท่าขืนบอกไปว่าให้ นนท์ไปทำงานกับเขาเพื่อให้ทั้งสองมีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น ต้นคงไม่ยอม



“ แต่แม่ ...นนท์ยังเรียนไม่จบเลยนะจะไปทำงานกับผมได้ยังไงล่ะ ถ้าแม่ไม่ชอบเลขาฯสาวๆงั้นผมจะระบุในใบสมัครว่ารับคนมีสามีแล้วพอใจแม่ไหม”



“ ใครจะเชื่อแม่สาวๆสมัยนี้ละต่อให้มีสามีมีแฟน ยังแอบไปมีกิ๊กกันได้เลยแม่ไม่เชื่อเสียหรอก ที่ยอมให้คุณรินเป็นเลขาฯเพราะเธอเป็นคนเก่าแก่อยู่กับเรามาเป็นสิบปี” ฟังจากน้ำเสียงของนางบอกชัดว่าไม่ต้องการเลขานุการคนอื่นนอกจากว่าที่สะใภ้



“ แต่แม่...แล้วนนท์จะไปทำงานได้ยังไงล่ะ งานผมต้องทำเต็มเวลานะจะมาครึ่งๆกลางๆเดี๋ยวขอไปเรียนไม่ได้นะ” เขาเองก็ไม่ยอมแพ้


“ ตอนนี้นนท์ก็ปิดเทอมแล้ว สองเดือนนี้ยังไงก็ช่วยลูกทำงานได้เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจ่ายเงินเดือนแล้วจะไม่คุ้มนะ อีกอย่างเทอมหน้านนท์ก็ขึ้นปีสี่แล้วยังไงก็ต้องฝึกงาน สู้สานต่องานเลขาฯไปเรื่อยๆก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยก็ยืดเวลาได้ตั้งครึ่งปีแหนะ” นางวางแผนไว้เป็นขั้นเป็นตอนแล้วอธิบายออกมาอย่างฉับไว คนอย่างคุณแก้วจะมาจนแต้มง่ายดายคงเป็นเรื่องแสนตลก



“ งั้นก็แล้วแต่แม่นะ ว่าแต่บอกเขาแล้วเหรอ ยังไงไปวางกรอบชีวิตให้คนอื่นเขามากๆอย่างนี้ไม่ดีนะ” ได้ฟังคำของลูกชายก็ไม่ชอบใจนัก ก่อนออกจากห้องเขาไปเลยย่นจมูกใส่หนึ่งที ทำราวยังกับวัยรุ่นสยามเชียวนะคุณแก้ว.




ชายหนุ่มผมปรกคิ้วเล็กน้อย..วงหน้าที่โดดเด่น จมูกโด่งน่าสัมผัส กับริมฝีปากเรียวบางน่าแตะต้อง ..ดวงตาคู่ใสที่แลนทอประกาย ..ในชุดสีขาวอมชมพู..รับกับกางเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อน..กับกระเป๋าสะพายหลังใบพอเหมาะ..เดินตามต้นเข้าไปในบริษัทอย่างตื่นเต้น ..นนท์ได้รับสิทธิพิเศษจากคุณแก้วเจ้าของบริษัทให้แต่งตัวตามสบาย ..เพราะที่นี่เป็นสำนักพิมพ์ไม่ใช่บริษัท..


“ ทุกคนมาทางนี้หน่อย” ต้นส่งเสียงเรียกพนักงานและทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้ เข้ามารวมกันเป็นจุดเดียวเพื่อแนะนำให้รู้จักกับเลขานุการคนใหม่


“ ว้าวคุณต้นวันนี้พาใครมาด้วยน่ารักมากๆ มากที่สุดเท่าที่สายตาผมเคยเห็นมา” หนึ่งในพนักงานหนุ่มกล่าวชมเสียงใสดวงตาเพ่งพิศมองนนท์ไม่วาง ชมกันซึ่งหน้าอย่างนี้นนท์ถึงกับหน้าแดง แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือมั่นใจในตัวเองไม่คลาย


“ ผมก็เห็นด้วย น่ารักอย่างนี้มีแฟนหรือยังครับ” จากท่าทางของพนักงานหนุ่มๆที่ดูเป็นกันเองและพูดจาอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้นนท์เริ่มรับรู้ถึงความเรียบง่ายเหมือนบ้านของสำนักพิมพ์แห่งนี้ มันให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับชื่อหนังสือ your house my home จริงๆ


“ อย่าเพิ่งแทะโลมกันให้มาก นี่นนท์จะมาเป็นเลขาฯคนใหม่ของผม ส่วนนี่.....” ชายหนุ่มค่อยๆแนะนำชื่อเล่นของพนักงานให้คนตัวบางรู้จัก นนท์ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมแถมยังยิ้มหวานส่งให้กับทุกคนทั้งชายและหญิง จึงทำให้เขาเป็นที่ประทับใจของทุกคนได้ไม่ยาก จากนั้นพี่ต้นก็พานนท์ตรงไปที่โต๊ะทำงานหน้าห้องเขา


“ นี่โต๊ะทำงานของนายนะ วันนี้นุ่นและคุณประชาไม่อยู่ไว้พรุ่งนี้ พี่จะแนะนำให้รู้จักก็แล้วกัน
ยังไงลองอ่านๆเอกสารที่วางบนโต๊ะทำความเข้าใจไปก่อนนะ ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรมาก แต่ช่วงปิดต้นฉบับของแต่ละปักษ์อาจหนักหน่อย”


“ ครับเจ้านาย”


การทำงานในวันแรกของนนท์ดำเนินไปอย่างสะดวกปลอดภัย งานสนุกกว่าที่คิดแถมยังได้เจอหน้าเขาบ่อยขึ้นอีกด้วย แม้ในช่วงทำงานจะผ่านไปอย่างดี แต่พอนาฬิกาบอกเวลาเลิกงานนนท์ถึงกับตกใจที่พนักงานหนุ่มๆนับสิบเดินตรงมาที่โต๊ะทำงานของเขาในมือก็มีของกำนัลนานา ส่วนใหญ่เป็นดอกไม้ช่อโต ที่ดูจะไม่ซ้ำใครก็คือกระเช้าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพนี่แหละนนท์จำต้องยิ้มรับ



“ วันนี้น้องนนท์กลับยังไงเหรอครับ ถ้ายังไงให้ผมไปส่งดีไหม”


“ ผมว่าผมไปส่งที่กว่านะ รับรองส่งถึงบ้านปลอดภัยหายห่วง” อีกหนึ่งเสียงดังขึ้น ต่อจากนั้นก็มีเสียงชวนอีกมากจนชักจะเวียนหัว นานๆสำนักพิมพ์จะมีคนหน้าสวยน่าถนอม ..เข้ามาทำงาน พนักงานหนุ่มๆย่อมกระตือรือร้นกันเป็นธรรมดา ยิ่งคนที่สวยสะดุดตามีเสน่ห์แค่เพียงปรายยิ้ม ยิ่งทำให้ทุกคนอยากจะเข้ามาคบหาทำความรู้จัก



ต้นเปิดประตูห้องออกมาก็ต้องสงสัยเมื่อหน้าห้องของเขาเต็มไปด้วยพนักงานชายทั้งนั้น ตอนแรกยังนึกแปลกใจว่าพวกเขาจะมารวมกันทำไม แต่เพราะภาพในวันนี้ช่างเหมือนภาพเมื่อปีก่อนจริงๆ วันที่เขาไปรับนนท์ที่มหาวิทยาลัย วันแรกที่เห็นเขาในโฉมใหม่...



“ มาทำอะไรกันนี่ขยับหน่อยผมจะออกจากห้อง...” ทางที่พอจะเดินหลบกลุ่มคนก็มีให้เดิน แต่ก็เลือกที่จะส่งเสียงเพื่อระงับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตอนนี้


“ คุณต้น...” เมื่อเห็นว่าคนส่งเสียงคือเจ้านายใหญ่ที่สุดของสำนักพิมพ์จำต้องแหวกวงให้เขาเดิน ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะของนนท์ยืนมองอย่างไม่พอใจนัก.. หึงขึ้นตาอีกแล้ว( ยังกับเบาหวาน.)



“ กลับกันได้หรือยัง” เขาบอกเสียงราบ



“ ก็กลับสิ” นนท์รีบกุลีกุจอเก็บของลงกระเป๋ารีบยืนขึ้น อัศวินขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยเขาอีกคราแล้ว ขอให้พี่ต้นเป็นอัศวินคู่เขาไปตลอด เพียงเท่านี้ก็ไม่กลัวว่าจะเจออันตรายใดๆว จากนั้นนนท์ก็จัดการรวบดอกไม้ที่วางอยู่เต็มโต๊ะขึ้นมาถือแต่ก็หอบขึ้นไม่หมด ชายหนุ่มยื่นมือไปรับกองที่นนท์ถืออยู่ นนท์เลยหันไปหยิบอีกสามสี่ช่อที่เหลือ



“ นนท์ขอบคุณมากนะ แต่ทีหลังอย่าซื้อมาเลยนะเปลืองเงินกันเปล่านะ” นนท์บอกลาก่อนเดินจากไปพร้อมกับเขา ทิ้งให้สายตานับสิบคู่มองดูอย่างอิจฉาเล็กๆ



“ โธ่ที่แท้ก็เด็กคุณต้น”


“ เด็กแล้วไงนี่ ยังไม่ได้แต่งกันเสียหน่อย ยังไงก็ยังมีโอกาสกันอย่าเพิ่งท้อไม่เคยได้ยินเหรอตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ยังไงผมก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก” ปณิธานแรงกล้า แม้ลูกตื้อจะครองโลกแต่ใช่จะได้ครองใจของใครคนที่หมายปองเสียหน่อย



“ จริงอย่างที่ชินว่า ผมเห็นด้วยทุกประการ ศึกยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร” แนวโน้มของพวกเขาชักเอนไปทางเดียวกัน ไม่ยอมแพ้งั้นเหรอ สงสัยนนท์คนหน้าสวยว่าที่สะใภ้วรโชติคงต้องรับศึกหนักกว่าเดิมแน่นอน



ในช่วงนี้ต้นต้องกลับมานอนบ้านแทบทุกวันเพราะต้องพานนท์ไปทำงานด้วย คุณแก้วไม่วางใจให้นนท์ขับรถไปเอง รอให้ทำงานได้สักเดือนสองเดือนพอคุ้นเคยเส้นทางดี ถึงจะยอมให้ไปเอง ในความเป็นห่วงก็อยากให้ทั้งสองได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น


“ พี่ลืมไปได้ยังไงนี่ว่านายน่ะเสน่ห์แรง วันนี้ที่ทำงานพี่แทบลุกเป็นไฟเพราะพวกพนักงานหนุ่มๆตามจีบกันยกใหญ่ ระวังพวกสาวๆคนอื่นจะเคืองให้ล่ะ”


“ โธ่นนท์ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนะ อยู่ๆเขาก็เอาของมาให้นนท์จะทำยังไงล่ะ ไม่รับก็เสียมารยาทตายเลย แต่พอรับคนอื่นๆก็เอามาให้ด้วย” นนท์ถอนหายใจเฮือกยาวทิ้งตัวลงบนเบาะอย่างอ่อนแรง กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยอบอวลไปมา นนท์เลือกหยิบช่อหนึ่งขึ้นมาดู


“ ทำไมกำลังจะซาบซึ้งกับดอกไม้หรือยังไง”



“ เปล่าหรอกนนท์แค่คิดว่าทำไมดอกไม้ถึงใช้เป็นสัญลักษณ์ของความรักล่ะ ทำไมพอวาเลนไทน์ถึงมีแต่ดอกกุหลาบเกลื่อนเมือง ใช่สินนท์คิดอะไรออกแล้ว” อยู่ๆความคิดดีๆก็ผุดขึ้นจากการนั่งมองดอกไม้ สายตาของต้นเอนโอนมาทางนนท์อย่างสนใจ


“ คิดอะไรได้เหรอ”



“ ก็ปกหนังสือฉบับหน้าไงล่ะ ตอนนี้ยังไม่มีไอเดียไม่ใช่เหรอ” ที่แท้ก็กำลังคิดเรื่องงานให้เขาอยู่ เอาเถอะตั้งแต่ความคิดเมื่อครั้งก่อนก็ทำให้เขาเชื่อถือตัวนนท์มาก นนท์จะเสนอความคิดอะไรต่อจากนี้เขาก็พร้อมเปิดใจรับฟังไว้


“ ยังไงล่ะ”


“ นับตั้งแต่เราเปลี่ยนปกมาใช้นักแสดงลงปก เดือนนี้ก็เข้าเดือนที่เก้าแล้วใช่ไหมนัทว่าบางทีเราน่าจะลองใช้แนวใหม่ดูอีก พี่ยังจำได้ไหมที่นนท์บอกว่า น่าจะลองใช้นักแสดงมาเป็นแบบคล้ายๆการถ่ายแฟชั่นคู่กับมุมต่างๆของบ้าน”


“ จำได้ แต่พี่คิดว่าอย่างนั้นมันดูจะขายหนังสือดารามากกว่าหนังสือแต่งบ้านนะ” ชายหนุ่มออกความคิดเห็นบ้างในบางสิ่งที่เขาเห็นว่าไม่ดีก็พูดออกมาตรง


“ ถ้าจะให้ยอดขายไม่ชะงักเหมือนครั้งก่อนเราก็ต้องยอมเปลี่ยนนะ และอีกอย่างถ้าเราใช้ปกแบบพาโนราม่าใช้มุมกว้างถ่ายออกมามันน่าจะเน้นรายละเอียดของบ้านในมากขึ้นอีกอย่างก็มีดาราเป็นจุดขายเหมือนเดิมด้วย”



“ พาโนราม่าเหรอ ภาพมุมกว้างขนาดนั้นนายจะให้วางปกแนวนอนหรืออย่างไร” ชายหนุ่มที่นั่งคิดตามแม้ดวงตาจะมองตรงไปยังเส้นทางข้างหน้าแต่หูก็ยังฟังคำของนนท์อยู่


“ ใครบอกล่ะ นนท์จะให้ใช้ปกซ่อนต่างหากล่ะเพราะหากเราวางแนวนอนถึงจะได้มุมกว้างแต่ภาพก็เล็กจะให้รายละเอียดกับของที่เราอยากนำเสนอก็ทำได้ยาก หากใช้ปกซ่อนมันน่าจะดีกว่า...”



“ ปกซ่อนงั้นเหรอพี่ไม่เข้าใจยังไงล่ะ”


“ พี่เคยเห็นนิตยสารที่ปกยาวเป็นหางว่าวไหม แล้วเขาก็พับซ่อนไว้หลังหน้าแรกเพื่อให้ขนาดยังคงเท่าเดิมแต่ภาพใหญ่ขึ้นประมาณนั้น” นนท์เอาแนวคิดมาจากนิตยสารฉบับหนึ่ง มาปรับปรุงเพื่อให้เข้ากับนิตยสารแต่งบ้านของเขา


“ อย่างงั้นเหรอแต่ถ้าเราใช้ปกยาวมากเช่นนั้นมันจะไม่ดูยาวไปเหรอ”


“ นนท์ขอแค่ให้ได้เพียงทบเดียวเท่านั้นแหละ เอาให้ได้ภาพแนวกว้างอีกอย่างถ้าเราเพิ่มปกซ่อนใช่ไหมหน้าหลังของปกในเท่ากับเราได้หน้าลง s’เพิ่มมาอีกหน้าเลยนะพี่คิดว่าคุ้มไหมล่ะ” นี่แหละน่าพ่อหัวการตลาด ในเมื่อคิดจะลงทุนแล้วก็ย่อมคิดถึงผลได้เสียที่จะตามมาด้วย


“ นายนี่น่าจะเป็นครีเอทีฟของสำนักพิมพ์มากกว่าเลขาฯ นะไว้ถ้ายอดขายดีขึ้นจะซื้อของมาสมนาคุณ”


“ โธ่ครั้งที่แล้วนนท์บอกว่าจะเลือกของเอง แต่พี่ก็ชิงให้เสียก่อนถ้าครั้งนี้ได้ผลพี่อยากลืมล่ะว่านนท์จะเลือกเองนะ ...”


“ แล้วไม่ชอบของที่พี่ให้เหรอ...” ต้นหันมามองด้วยสายตากังวล..เกรงว่าคำตอบจะเป็นไม่..สร้อยเส้นนั้นเขาตั้งใจมอบให้นนท์มาก...


“ เปล่าหรอกแต่ที่พี่ให้มันแพงเกินไปนะ นนท์เคยไปเดินดูเห็นราคาไม่ใช่น้อยๆสร้อยแค่เส้นเดียวแต่ราคาออกจะแพง ไม่คุ้มทุนหรอกอีกอย่างพวกสร้อยคริสตัลอย่างนี้ง่ายต่อการเป็นรอยหรือตกแตก เวลาที่เพิ่มขึ้นก็ทำให้ของมีความสดน้อยลง การจะขายคืนก็ทำให้ได้เงินกลับมาน้อย อย่างนี้เขาเรียกว่าได้ไม่คุ้มเสีย” เจ้าของหลักการเปรยขึ้น

“ แล้วใครให้เอาไปขายล่ะ”


“ นนท์ก็แค่บอก นานๆพี่จะซื้อของให้สักทีนนท์ไม่ขายหรอก แต่ทีหลังถ้าได้เป็นสร้อยทองก็น่าจะดีกี่ยุคๆทองไม่เคยเสื่อมราคา คือของที่น่าเก็บที่สุด” มือบางเลื่อนไปคลำจี้คริสตัลรูปสติชไปมา


“ เอาเถอะไว้คราวหน้า พี่จะถามก่อนพอใจไหม”



“ พอใจอยู่แล้วเจ้านาย...” บางครั้งนนท์ก็เลือกจะรับคำด้วยคำว่าเจ้านาย เพื่อให้เขาได้ผ่อนจากความตึงเครียด การเข้ามาทำงานในสำนักพิมพ์ของนนท์ทำให้เขาสุขใจอย่างประหลาด ดีใจอย่างที่ตัวเขาเองไม่เคยนึกฝันว่าจะรู้สึกเช่นนี้


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 21-07-2009 02:07:43
ตอน 19 ...


วันถัดมานนท์เดินเข้ามาทำงานพร้อมชายหนุ่มอย่างสบายใจ เพราะคิดว่าพวกพนักงานชายในบริษัทจะเลิกตอแยแต่กลับผิดคาด เมื่อเช้านี้ทุกคนมายืนรอรับเขาที่โต๊ะเรียงแถวกันอย่างเรียบร้อย แต่ละคนมีดอกไม้เพียงหนึ่งดอกในมือ มาแปลกกว่าเมื่อวาน....

ช่วงพักก็มีมาเช่นเดิมดอกไม้ถูกมาวางไว้อีกแล้ว

ช่วงบ่ายก็เช่นกันจนนนท์ชักลำบากใจดอกไม้ที่ค่อยๆทยอยเอามาให้ สงสัยอยากเห็นหน้าสวยๆของนนท์มากขึ้นเลยทยอยส่งมาทีละดอกอย่างนี้ ต้นที่เดินไปมาสังเกตเห็นกองดอกไม้ที่ใหญ่ขึ้นก็เริ่มชักจะไม่พอใจ เขายังคงอดทนต่อมาจนอีกวัน แต่ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรดีขึ้น


“ ช่วยเรียกรปภ.หน้าสำนักพิมพ์ขึ้นมาหน่อยนะ” เขาต่อสายถึงพนักงานคนหนึ่งที่นั่งอยู่ชั้นล่างเพื่อให้ตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสำนักพิมพ์ เขาวางหูโทรศัพท์ลงอย่างหัวเสียในเมื่อความอดทนเดินทางมาถึงจุดสุดท้ายแล้ว เลยเลือกจะสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยช่วยเลื่อนโต๊ะของเลขาฯหน้าห้องเข้ามาในห้อง คราวนี้แหละใครกันจะกล้าเข้าห้องเขา ถือเป็นไม้กันชั้นเลิศ


“ พี่นี่หัวใสจริงๆเลยนะ ในที่สุดนนท์ก็หลุดพ้นมาได้ขืนอยู่ต่อไปเช่นนั้นเรื่อยๆนนท์ได้เป็นโรคแพ้เกสรดอกไม้แน่” นนท์ยิ้มร่าทอดตัวลงบนเก้าอี้โซฟาในห้องอย่างแสนสบาย


“ คงจะอย่างนั้นแหละ เดี๋ยววันนี้คุณนุ่นก็กลับมาแล้วพี่จะพานายไปแนะนำให้เขารู้จัก คุณนุ่นนี่เป็นเพื่อนพี่สมัยเรียน ตอนนี้เป็นผู้จัดการฝ่ายโฆษณาหากมีอะไรก็ปรึกษาได้ เขาเป็นคนใจดี”


“ เหรอ สงสัยจะสวยไม่เบานะเวลาพี่พูดถึงได้ตาใสแป๋วขนาดนั้น”


“ จะบ้าเหรอคิดอะไรปัญญาอ่อน กลับไปทำงานได้แล้ว” การย้ายโต๊ะทำงานของนนท์ทำให้พนักงานหนุ่มๆต่างใจห่อเหี่ยว ใครกันล่ะจะกล้าเคาะประตูห้องเจ้านายเข้าไปบอกว่าจะเอาดอกไม้ไปให้คนหน้าหวาน หากกล้าหาญเช่นนั้นคงได้ถูกไล่ออกจากเคหสถานอย่างแน่นอน


“ ครับ..เจ้านาย” ตอนบ่ายๆนุ่นก็เข้าบริษัท ต้นรับหน้าที่แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันจากนั้นต้นและน้องสติชสีฟ้าอ่อนก็กลับบ้านกันไป ท่ามกลางความสงสัยของนุ่น... แม้เวลาจะผ่านมาเป็นปีก็ตามแต่นุ่นก็ยังไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจจากเขาเลยแม้แต่น้อย เธอชอบคนเก่ง ทำงานเก่ง และเขาเข้าตาเธอทุกอย่าง


“ คุณนุ่นนี่สวยกว่าที่นนท์คิดนะ ดูเป็นผู้หญิงเก่งปราดเปรียวดี” นนท์เอ่ยปากชมเมื่อเข้ามานั่งในรถสักระยะหนึ่งแล้ว

“ คงอย่างนั้น” เขารับ



นนท์ทำงานที่สำนักพิมพ์ได้ครบหนึ่งเดือนก็ขอขับรถไปทำงานด้วยตัวเอง เขาคุ้นชินเส้นทางตลอดหนึ่งเดือนที่ไปมาแล้ว อีกอย่างก็ไม่อยากให้พี่ต้นต้องเทียวไปเทียวมาอย่างนี้ แม้จะไม่ว่าอะไรแต่บางทีนนท์ก็เห็นความเหนื่อยในแววตา หากพี่ต้นไม่ต้องกลับไปส่งเขาที่บ้านบ้าน พี่ต้นก็สามารถเดินกลับคอนโดมิเนียมพักผ่อนได้เลย


วันนี้ต้นได้นำเสนอแผนปกใหม่ที่นนท์เสนอ ทุกคนไม่อยากเชื่อว่านิตยสารจะมีรูปแบบแปลกไปอีกครั้งชายหนุ่มให้เหตุผลเช่นที่นนท์บอก หากเราไม่เดินไปข้างหน้าเราก็จะย่ำอยู่กับที่ไม่มีวันไปไหน เมื่อทุกคนก้าวไปกันหมดก็จะเหลือแต่เรายืนอยู่เพียงเดียวดายและไม่นานก็จะล้มลง นนท์นั่งยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อแผนการปกใหม่ของเขาได้รับการเห็นชอบจากทุกๆคนในที่ประชุม เวลาสิบเดือนที่ผ่านมาทำให้นิตยสาร your house my home สามารถขึ้นเป็นหนึ่งในห้าหนังสือขายดีประเภทรายปักษ์ เมื่อปลายปีที่ผ่านมาทุกคนต่างได้รับเงินโบนัสที่มากขึ้น จนมีความสุขกันถ้วนหน้า หากแผนการใหม่นี้สำเร็จปลายปีนี้คงมีภาพอย่างนั้นเกิดขึ้นแน่นอน


“ อาทิตย์หน้าจะมีประชุมอีกรอบหนึ่งเป็นการสรุปต้นฉบับและวางแผนออกแบบปกใหม่ซึ่งน่าจะประชุมกันจนถึงดึก อาทิตย์หน้ากลับไปก่อนเลยนะ”


“ แล้วทำไมไม่ให้นนท์อยู่ด้วยล่ะ”

“ ที่มีก็พวกครีเอทีฟและพวกออกแบบปกจะอยู่ไปทำไมล่ะ เตรียมร่างประชุมให้พี่ก็พอแล้วขืนกลับบ้านดึกๆแม่ได้เป็นห่วงอีก” น้ำเสียงของต้นเองนี่แหละที่เป็นห่วง..ทำมาเป็นอ้างคุณแก้ว..

“ อืมนึกว่าจะกีดกันนนท์เสียอีก อย่าให้รู้นะว่าพี่แอบเอางานมาอ้าง..เป็นอย่างนั้น นนท์จะฟ้องน้าแก้วให้ดู” นนท์ขู่ทีเล่นก่อนจะแย้มยิ้มออกมา


“ พี่ไม่ใช่คนอย่างนั้นสักหน่อย นี่ก็เย็นมากแล้วกลับบ้านได้แล้ว” เขาเดินไปหยิบกระเป๋าที่โต๊ะทำงานแล้วเดินนำออกไปทันที แม้นนท์จะขับรถมาทำงานเองแล้ว... แต่ทุกวันศุกร์คุณแก้วก็ให้ว่าที่สะใภ้นั่งรถมาพร้อมลูกชายคนโต เพราะตอนเย็นยังไงต้นก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้ว แต่เพราะต้องเทียวไปมาในเช้าวันศุกร์ชายหนุ่มเลยตัดสินใจกลับมานอนที่บ้านในวันพฤหัสบดีเพิ่มอีกหนึ่งวัน

“ รอนนท์ด้วยสิ” นนท์ร้องบอกพลางรีบวิ่งตามเขาออกไป ....



ด้วยเพราะภาวะที่เปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน ..อากาศเริ่มค่อนข้างแปรปรวน ..แม่น้องสาวคนเล็กของบ้านถูกสภาวะที่ผิดผันทำพิษเข้าจนได้.. ก็ดันเป็นไข้หวัดใหญ่เพราะอากาศเย็นมาเกินไป ร่างกายอ่อนแอ เชื้อโรคเลยเข้าสู่กระแสเลือด..เฮ้อ..เหนื่อยจิต ..การป่วยของกิ่งทำให้งานที่สำนักพิมพ์สะดุดเล็กน้อย ดูเหมือนช่วงนี้ต้นจะวุ่นๆอย่างมากเพราะต้องแบ่งภาคไปเยี่ยมน้องสาวที่ยังป่วยอยู่ แถมงานที่บริษัทก็มาสุมเป็นกอง ... แผนงานที่วางไว้ก็ต้องเลื่อนไปอย่างละนิดอย่างละน้อย เวลาแทบทุกวินาทีของเขามีค่านัก ...


“ วันนี้พี่น่าจะประชุมดึก นายไปเยี่ยมน้องกิ่งคนเดียวนะ ฝากบอกด้วยว่าพี่ติดธุระจริงๆ” ชายหนุ่มที่นั่งคิดอยู่นานจำต้องเลือกงานมาก่อนเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ต้องปิดต้นฉบับนิตยสาร หากจะเลื่อนไปอีกก็ผิดแผน กำหนดการต่างๆจะถูกเลื่อนอีกไม่ได้แล้ว


“ ครับ ช่วงนี้นนท์ไม่เห็นพี่ทานข้าวเที่ยงเลยนะ นนท์เลยทำมาให้ด้วยนะวันนี้” เพราะอาการของกิ่งทำให้เวลาของเขายุ่งจนสาละวนไปทุกอย่างจะปลีกตัวไปทานอาหารเที่ยงก็ไม่ได้ อาศัยเจ้ากาแฟแก้วโตกับขนมปังชิ้นบางประทังไปเท่านั้น


“ เหรอ วางไว้ก่อนสิ” ชายหนุ่มยังคงสนใจอยู่กับงานตรงหน้าเช่นเคย เมื่อเวลาจวนเจียนเร่งรีบชายหนุ่มจะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนที่ลนลานได้ง่ายและทำอะไรอย่างรีบๆเสมอ การทำเช่นนี้แทนที่จะทำให้งานเดินหน้าไปได้ไวมันกลับกลายเป็นตัวบั่นทอนเวลามากกว่า เพราะเมื่อไม่มีสมาธิต้องห่วงงานมากกว่าหนึ่งอย่าง ใจก็จะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำอะไรไม่ได้ดีไปสักอย่างต้องเสียเวลากลับมาแก้ใหม่อีก


“ เอามานี่” นนท์รวบงานที่เขาถือไว้มาวางกับโต๊ะ แล้วจึงวางกล่องข้าวลงตรงหน้า


“ ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรงแล้วยังไงก็ต้องทานข้าวสิ มาทำอย่างนี้จัดเวลาไม่ถูกเลยนะ แล้วอีกอย่างปัดไปอย่างนี้จะได้ทานเมื่อไหร่ล่ะ งานที่มีมากอยู่ข้างหน้าหากพะวงไปทุกอย่างก็จะไม่มีชิ้นไหนออกมาดีเลย อย่าเร่งรีบ ทานข้าวก่อน...” นนท์ให้เหตุผล แล้วดึงเขาให้ห่างออกจากโต๊ะทำงานไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกตัวโตที่อยู่ไม่ห่างจากโต๊ะเขา


“ เอาวันนี้นนท์ลองทำข้าวผัดดู อย่าเพิ่งดูถูกล่ะ มันไม่ใช่ข้าวผัดธรรมดานะ นนท์ใส่ผักสารพัดลงไปช่วยบำรุงสมองไงล่ะเห็นช่วงนี้พี่วุ่นๆเลยทำมาให้ทาน แม้งานจะเยอะแต่พี่ห้ามอดข้าวอีกรู้ไหม เวลาท้องว่างมันจะทำให้สมองคิดการไม่ออก แทนที่งานจะเสร็จเร็วก็กลายเป็นช้า..” กล่องข้าวที่นนท์เปิดออกมาเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่มีช่องใส่อาหารสองช่อง และมีข้าวทั้งสองข้าง สำหรับนัทและของเขา ข้างๆก็มีไข่ดาวไก่ทอดรวมทั้งซอสปรุงรสที่แยกใส่กระปุกเล็กไว้ด้วย


“ อืม” เขาพยักหน้ายอมเชื่อ แล้วตักข้าวในส่วนของเขาเข้าปากอย่างว่าง่าย แม้จะต้องยอมทำตามความต้องการของนนท์ในทีแรก แต่หลังๆเขาชักติดใจเพราะอาหารที่ทำมารสชาติดีไม่น้อย อีกอย่างก็อิ่มท้องกว่ากาแฟและขนมปังเป็นไหน ๆ ที่สำคัญคือไม่ต้องออกไปทานข้างนอกให้เสียเวลา ...


“ ไว้ถ้าพี่อยากทานอะไรก็บอกนนท์นะ” นนท์รวบกล่องข้าวที่ถูกจัดการจนเรียบลงถุง ปล่อยให้เขากลับไปทำงานต่อ ได้ ส่วนคนหน้าหวานก็เดินนำแก้วน้ำมาวางให้และกลับที่โต๊ะของตัวเอง เฝ้ามองเขาที่กำลังทำงานอยู่


หลังจาก ทานข้าวจนอิ่มดูเขาทำงานสบายขึ้นมาก สงสัยต่อมความรักที่นนท์ใส่ลงไปในอาหารคงเข้าไปกระตุ้นใจให้เขาทำงานได้อย่างฉับไวคล่องแคล่ว ชายหนุ่มค่อยๆจัดการงานไปทีละอย่างเช่นที่นนท์บอก และมันก็ดีจริงอย่างที่คนหน้าเรียวว่า งานที่ได้รับการสนใจทีละอย่างจะได้รับทุ่มเทสมาธิไปที่มันแม้ต้องใช้เวลาไตร่ตรองแต่ทำแค่รอบเดียวก็ผ่านไปได้ ไม่ต้องกลับมานั่งแก้ให้เสียเวลา


“ งานพี่เหลืออีกเยอะไหม...” นนท์เหลือบดูนาฬิกาก็พบว่าเวลานี้เลยเวลาเลิกงานไปเกือบชั่วโมงแล้ว ชายหนุ่มเงยหน้าเล็กน้อยตอบคำถามนั้น


“ ก็พอตัวแต่เดี๋ยวตอนหกโมงพี่ต้องไปประชุมแล้ว”

“ เหรอ..งั้นนนท์ไปก่อนนะ..” นนท์ปรายยิ้มส่งท้ายก่อนเดินจากไป ประชุมงั้นเหรอถ้าอย่างนั้นหลังจากเยี่ยมกิ่งเสร็จนนท์จะมาช่วยทำงานที่กองอยู่เต็มโต๊ะให้เสร็จเองไม่ต้องเป็นห่วง ....



ก่อนถึงโรงพยาบาลคนเจ้าเสน่ห์ก็แวะะซื้อผลไม้และของทานเล่นเล็กๆน้อยๆฝากคนไข้ คุณแก้วที่เฝ้าแม่ลูกสาวมาทั้งวันกำลังหลับอยู่บนเก้าอี้เอนยาวอย่างแสนอ่อนแรง

“ วันนี้พี่ต้นมาเยี่ยมไม่ได้นะ วันนี้เขามีประชุมงานเยอะไปหน่อยแกคงไม่โกรธนะ” นนทืเลื่อนมือไปจัดข้าวของลงตู้เย็น ..


“ ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่แกเถอะซื้ออะไรมามากมายพรุ่งนี้ฉันก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ซื้อมาราวกับฉันจะอยู่อีกสักสองสามเดือนอย่างนั้นแหละ”


“ โธ่ฉันก็ซื้อมาบำรุงแกนั่นแหละ อีกอย่างจะกลับก็หอบกลับไปก็ได้กลัวอะไรล่ะ..” พ่อสติชสีอ่อน..ยังจัดของลงตู้ต่อไม่สนคำหรอกของกิ่ง คนป่วยจะรู้อะไรของที่มีประโยชน์ต่อร่างกายควรจะใส่ปากทั้งนั้น เอาเถอะไหนๆก็ซื้อมาแล้วจะเอากลับบ้านด้วยทำไมจะไม่ได้ล่ะ


“ ฉันล่ะเชื่อแกจริงๆเลยนะ ว่าแต่แกไม่ต้องอยู่ช่วยพี่ต้นทำงานเหรอวันนี้..”


“ ไม่หรอก แต่ฉันกะว่าหลังจากเยี่ยมแกเสร็จจะไปช่วยเคลียร์งานให้เขา ช่วงนี้งานรัดตัวมากเลยเห็นทีฉันต้องจัดการตารางใหม่แล้วจะได้มีเวลาเหลือช่วยเขาได้”


“ งั้นแกก็รีบไปสิ ฉันไม่เป็นไรแล้ว”


“ แกทานของที่ฉันเอามาให้ก่อนสิไอ้ลิง... แล้วเดี๋ยวฉันจะไปขืนฉันยอมไปตอนนี้ ไอ้ลิงเกเรก็ไม่ยอมทานหรอก” เพราะคบกันมานานเลยรู้ดีว่ากับกิ่งต้องนั่งจ้องนั่งเฝ้าถึงจะหมดท่า ไว้ใจไม่ได้หรอกแม่คนนี้ให้นนท์ลับตาไปงั้นเหรอ คงต้องรีบเททิ้งลงถังขยะแน่


“ พอใจหรือยังฉันกินแอ๊ปเปิ้ลหมดจานแล้วนะ”


“ พอใจแล้ว แต่เดี๋ยวต้องทานส้มอีกสักผลสองผล ช่วงนี้แกเป็นไม่สบายอยู่..กินส้มแหละดีว่าแต่สามีไม่มาเยี่ยมเหรอ..” นนท์พานจะเอ่ยล้อ..ทำหน้าที่พี่สะใภ้ได้ดีขึ้นจริงๆพ่อคู้ณ


“ พูดบ้าอะไรแก..ไอ้นนท์..เดี๋ยวแม่ก็ได้ยินหรอก..”


“ ล้อเล่นน่า..ไปดีกว่าไม่อยากเถียงกับแกแล้ว” นนท์ยอมรามือง่ายดาย ..รถคู่ใจที่ใช้เป็นยานพาหนะมาร่วมสองปีกว่าจอดลงหน้าอาคารสองชั้นสำนักพิมพ์ นนท์เดินเข้าไปอย่างคุ้นเคยรวดเร็ว


แต่ต้องแปลกใจเมื่อทั้งอาคารกลับไม่มีใครอยู่สักคน เขาเลือกเดินไปยังห้องประชุมที่โดยปกติคือสถานที่สรุปผลยอดขายและปิดต้นฉบับแต่วันนี้กลับว่างเปล่าไม่มีใครสักคน


ชายหนุ่มเดินไปมาหลายต่อหลายห้องก็ไม่เจอใครสักคน จึงลงมาข้างล่างสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ในขณะที่กำลังจะเดินกลับขึ้นไปเอางานบนห้องของต้น สายตาของเขาก็เหลือบเห็นบางอย่างที่ถนนอีกฟากหนึ่ง


“ นั่นมัน...” นนท์คลับคล้ายชายร่างสูงสมส่วน ที่กำลังเดินเข้าไปในอาคารตรงข้ามสำนักพิมพ์พร้อมหญิงสาวอีกคนซึ่งเขาเองก็คุ้นเคย นนท์สาวเท้าเร็วขึ้นเลือกข้ามถนนตรงทางม้าลาย ยอมเสี่ยงเพื่อตามไปให้ทันหลังของทั้งสองคน โชคดีที่วันนี้รถไม่เยอะไม่อย่างนั้นนนท์อาจกลายเป็นผีเฝ้าถนนแล้วแน่นอน


“ พี่ต้นจริงๆด้วย...” ขณะที่วิ่งเข้ามาใกล้เขามากขึ้น ยิ่งทำให้แน่ใจชัดเจนว่าคนที่เห็นคือต้นนั่นเอง และเมื่อเห็นชื่อของอาคารก็เริ่มนึกขึ้นได้ คุณแก้วเคยบอกว่าต้นพักอยู่ที่คอนโดมิเนียมตรงข้ามสำนักพิมพ์ว่าแต่ต้นกับหญิงสาวคนนั้นมาทำอะไรกันที่นี่ล่ะ หรือว่า....


นนท์มาถึงตอนที่สองคนนั้นเดินเข้าลิฟต์ไปแล้ว...


มือเรียวรีบกดลิฟต์ตัวข้างๆขึ้นไปอย่างเร่งรีบ เพราะจำได้ว่าเลขห้องของชายหนุ่มคืออะไร เขาเลยซุ่มกดตามไปชั้นเดียวกับตัวเลขแรกของห้อง โดยปกติตัวเลขแรกคือตัวบอกชั้นส่วนอีกสองหรือสามตัวด้านหลังจะเป็นตัวบอกห้องที่เท่าไหร่ และการคาดคะเนของพ่อนักการตลาดค่อนข้างจะได้ผล เมื่อลิฟต์เปิดออกก็รีบสาวเท้าตามไปอย่างเร่งรีบ ...


“ เป็นอะไรหรือเปล่า...” และเป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่นุ่นเดินสะดุดพรมหน้าห้องของเขาเซถลาไปเล็กน้อย แต่เพราะรองเท้าที่ส้นสูงปรี๊ดเลยทำให้เท้าเธอเกิดพลิก ชายหนุ่มข้างกายเลยดึงร่างนั้นมาใกล้โดยสัญชาตญาณ ภาพจากมุมไกลที่นนท์ยืนอยู่เลยทำให้เห็นว่าทั้งสองกำลังกอดกัน หน้าของนนท์ชาวาบเหมือนถูกใครตบอย่างแรงหลายที ในใจของเขาเหมือนถูกทำร้าย

.. แถมหลังจากเห็นทั้งสองกอดกันยังเห็นเขาประคองร่างของเธอเดินเข้าห้องไปอีกด้วย นนท์เลยรู้สึกเจ็บเป็นสองเท่า น้ำตาของชายหนุ่มไม่ไหลออกมาสักหยด ได้แต่เดินกลับไปที่รถซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งด้วยใจที่ไร้เรี่ยวแรง ความตั้งใจที่จะมาช่วยแบ่งเบางานของเขาถูกภาพที่เห็นทำลายลงสิ้น นนท์เข้าใจไปว่าประชุมที่เขาบอกในวันนี้คือสิ่งโกหก หากไม่หวนกลับมาคงไม่ได้รู้ความจริงหรอกว่าเขาทำอย่างนี้กับนนท์ เขาพาหญิงสาวคนอื่นเข้าห้องส่วนตัวไป จะมีอะไรอีกล่ะนอกจาก...

วันต่อมาพ่อเลขาฯส่วนตัวไม่มาทำงาน....

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: changasa@hotmail.com ที่ 21-07-2009 11:37:12
จิ้มซ้า  :z13:   งิงิงิ

เศร้าเยย ทำงี้ได้ไงเนี่ยยยยยยยยย  :fire:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 21-07-2009 22:06:08
เจอ jackpot สุด
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 21-07-2009 22:34:02
นู๋นนนี่  :o12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 22-07-2009 00:14:58
ตอน 20

วันต่อมาพ่อเลขาฯส่วนตัวไม่มาทำงาน....

นนท์ทอดมือทอดกายอยู่บนเตียงของตัวเองอย่างแสนเหนื่อย ในหัวก็ปรากฏภาพความทรงจำต่างๆระหว่างเขากับพี่ต้น ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน.. อารมณ์ของนนท์ดูจะว่างเปล่า เจ็บปวด ทรมาน สับสนไปหมด แม้จะเจ็บยังไงแต่ก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยด. นนท์เลือกจะนอนเฉยๆภายในบ้านหลังเดิม


ต้นเริ่มแปลกใจเพราะคนอย่างน้องสติชไม่เคยมาสายไม่เคยขาด จะไปไหนก็โทรฯมารายงานเขาเสมอ คุณแก้วที่กลับมาบ้านพร้อมคนหายป่วยเลยอาสาเดินขึ้นไปดูนนท์ให้ที่ห้อง และเห็นสภาพที่แทบดูไม่ได้ของว่าที่สะใภ้ ..นนท์ไม่ต่างอะไรจากลูกสาวคนเล็กตอนป่วยเลยสักนิด.. แต่นนท์ดูจะหนักหน่อยก็ตรงที่คล้ายๆร่างไร้วิญญาณ เชื่องช้า และเย็นชา ...


“ นนท์เป็นอะไรไปหรือเปล่า น้ากลับมาตั้งนานแล้วไม่เห็นเลยนึกว่าไปทำงานเสียอีก ไม่สบายเหรอทำไมไม่ไปทำงานล่ะจ๊ะ..” นางทิ้งกายลงข้าง เลื่อนมือไปลูบหน้าของว่าที่สะใภ้เล็กน้อย


“ เปล่าหรอกครับ.. นนท์เหนื่อยๆอยากพักเท่านั้น” เขาตอบเสียงเลื่อนลอย

“ เป็นอะไรหรือเปล่าทะเลาะอะไรกับพี่ต้นหรือ บอกน้ามาเลยนะ หากพี่เขารังแกอะไรลูกก็บอกมาเลยน้าจะไปจัดการให้เอง.” เมื่อได้ยินชื่อต้นเข้า ใจที่เหือดแห้งไร้แรงกลับเริ่มถูกพายุในใจถาโถมเข้า เหมือนไฟที่กำลังรอจะปะทุเมื่อมีเชื้อเพลิงชั้นดียื่นเข้าหาก็พร้อมจะมอดไหม้ทุกอย่าง


“ คือ...” นนท์ไม่ตอบอะไร เพราะเหมือนมีก้อนบางอย่างมาขวางลำคอให้พูดออกมาไม่ได้ รู้สึกว่าแม้แต่หายใจก็ทำได้ลำบากนัก อารมณ์ของคนอกหักนะเหรอ ค รั้งแรกล่ะมั้งที่นนท์รู้สึก เพิ่งเข้าใจว่ามันทรมานจนรานร้าวไปทั้งกาย เหมือนทุกอณูของร่างพร้อมรับรู้กับความเสียใจที่เกิดขึ้น


“ ไม่เป็นไรนะ ไว้น้าจะบอกพี่ต้นเองว่านนท์ไม่สบายนอนพักให้สบายเถอะ” บางทีเวลาอาจช่วยทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าดีขึ้น คุณแก้วเลยเดินออกมาจากห้องปล่อยให้เขาลองทบทวนบางอย่างเพียงลำพัง คนอย่างนนท์ฝ่าฟันมาได้แทบจะทุกอย่าง แม้แต่การเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งสำคัญยังผ่านมาได้อย่างงดงามแล้วเรื่องเสียใจที่เจออยู่ นางก็เชื่อมั่นว่านนท์ต้องทำได้ พ้นจากประตูห้องของนนท์แล้วนางจึงรีบต่อสายถึงลูกชายอย่างเร่งด่วนบางทีสอบถามจากต้นอาจได้ข้อกระจ่าง

“ ว่าไงครับแม่ตกลงเขาจะไม่มาทำงานเหรอ”


“ ลูกไปทำอะไรน้องหรือเปล่า ตอนนี้น้องดูเศร้ามากเลยนะ พอแม่พูดถึงลูกก็ดูเหมือนนนท์จะยิ่งเศร้า วันนี้กลับมานอนบ้านด้วยแม่จะถามให้รู้เรื่อง...”

“ ผมเปล่าทำอะไรสักหน่อยนะแม่” เขารีบแก้ตัวเป็นพัลวัน ที่นิ่งไปก่อนหน้าก็เพราะยืนคิดทบทวนจนแน่ใจว่าไม่ได้ทำอะไรให้เจ้าน้องสติชของเขาเสียใจ เลยปฏิเสธออกไป


“ ช่างเถอะ วันนี้กลับมานอนที่บ้านแล้วกันมาคุยกันให้รู้เรื่อง แม่ไม่เคยเห็นนนท์เขาเป็นอย่างนี้เลยนะ ดูไร้ชีวิตชีวาสิ้นดี” เสร็จจากเรื่องกิ่งป่วยก็มีเรื่องของว่าที่สะใภ้ให้นางเครียดต่อ สงสัยบ้านวรโชติจะยังไม่สงบสุขในเร็ววันนี้แน่


“ ครับแม่แล้วผมจะรีบกลับ” เขายอมรับปากกลับบ้าน เมื่อวางสายจากมารดาแล้วก็เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของนนท์ ยังคงนั่งคิดต่อว่าเหตุผลอะไรกันนะที่ทำให้น้องสติชหน้าหวานไม่มาทำงาน คิดแล้วคิดอีกก็ยังไม่เข้าใจเขากับนนท์ยังพูดกันดีๆอยู่เลย แล้วทำไมวันนี้ถึงกลายเป็นอีกอย่างล่ะ ชายหนุ่มหยิบรูปที่วางไว้บนโต๊ะของนนท์ขึ้นมาจ้องมอง ตั้งคำถามกับรูปภาพนั้นอย่างสงสัย ...


“ งอนอะไรพี่อีกล่ะ ถึงได้ไม่มาทำงานอย่างนี้” เป็นครั้งแรกล่ะมั้งที่เขารู้สึกกังวลขึ้นมาจับใจ เพราะช่วงหลังมานี้เห็นหน้ากันแทบทุกวัน จนกลายเป็นความเคยชินการได้พูดได้คุยกันทุกวันทำให้สนิทสนมมากขึ้น มากจนเขาก็เริ่มหวั่นไหวและเริ่มเปิดใจให้นนท์เข้ามามากขึ้น วันนี้ที่นนท์ไม่ยอมมาทำงานเหตุผลต้องมาจากเขาอย่างแน่นอน...


เพราะความกังวลที่มีอยู่ในใจเขาจึงรีบสะสางให้เสร็จเร็วกว่าปกติ สี่โมงครึ่งก็ขับรถออกจากที่ทำงานถึงบ้านก็ราวหกโมงเย็น ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้านอย่างเร่งรีบแต่พอเห็นมารดาก็ชะลอฝีเท้าลง ไม่อยากให้นางจับได้ว่าเขารีบกลับบ้านมาเพื่อเจอสติชสีอ่อน..


“ กลับมาแล้วเหรอพี่ต้น” เสียงของคุณแก้วดังขึ้น และดังพอจะทำให้คนที่อยู่ในครัวได้ยิน
ในใจของเขาที่กำลังเก็บอารมณ์ต่างๆไว้อย่างมิดชิดเริ่มถูกกระทบกระเทือนอีกจนได้ วันนี้โดยปกติต้นจะไม่กลับมาค้างที่บ้านนี่ นนท์ถึงกับเต้นเร่าภายในร่างของตน เอาเถอะไหนๆก็ต้องเผชิญหน้ากันจะเร็วกว่าที่คิดสักหน่อยก็คงต้องสู้แล้วจะก้าว...ถอยไม่ได้


“ เป็นอะไรไปหรือเปล่านนท์” กิ่งที่เดินเข้ามายกอาหารทักขึ้น เมื่อเห็นท่าทีครุ่นคิดของนนท์ ใจลอยจนไม่รู้ว่าเพื่อนสาวมายืนข้างๆตั้งนานสองนานแล้ว



“ มาตอนไหนกิ่ง ไม่ให้สุ้มให้เสียงเลยนะมาอย่างนี้ฉันได้หัวใจวายแย่” นนท์แกล้งโวยวายกลบเกลื่อน แววตาวูบหวั่นเพียงน้อยสามารถหลบสายตาของกิ่งไปได้อย่างฉิวเฉียด


“ ฉันมาตั้งนานแล้วแถมยังเรียกแกแล้วนะ แกนั่นแหละเป็นอะไรไปอาการหนักนะ” อาการหนักงั้นเหรอ ตอนนี้กิ่งหายป่วยเลยพูดปร๋อล่ะสิ..ก็เมื่อวานตอนคุณแก้วไปทำธุระข้างนอก เจ้าแฟนหนุ่มก็แอบไปนั่งให้กำลังใจจนเต็มปรี่...


“ เหรอสงสัยฉันจะประสาทช้าไปเอง แกยกออกไปได้เลยนะเหลืออีกอย่างเดียวเดี๋ยวฉันตามออกไป” คำรับของนนท์ดูออกจะทะแม่งไปสักนิด แต่กิ่งก็ไม่ได้ติดใจสงสัยเดินถือถาดอาหารออกไปข้างนอกครัว


“ นนท์ล่ะน้องกิ่ง” มารดากล่าวถาม เมื่อเห็นลูกสาวของบ้านเดินออกมาเพียงลำพัง หญิงสาววางถาดลงแล้วค่อยวางอาหารลงทีละจาน พร้อมทั้งตอบข้อสงสัยของมารดาออกไป


“ นนท์ยังทำอาหารอยู่ค่ะ เหลืออีกแค่อย่างเดียวเดี๋ยวก็ตามออกมาแล้วล่ะ”



“ งั้นเหรอ งั้นพี่ต้นเข้าไปช่วยน้องหน่อยนะ ทำอาหารทั้งเหนื่อยทั้งร้อนเราไปช่วยน้องเขาถืออาหารออกมาแล้วกัน” คุณแก้วเปิดโอกาสให้พ่อลูกชายอย่างเต็มที่ ต้นเลื่อนกายออกจากเก้าอี้ที่นั่งแล้วเดินตรงไปในครัวทันที โอกาสมาถึงแล้วเขาก็ต้องรีบสักหน่อย แต่เหมือนว่ามันจะช้าเกินไป นนท์เดินถืออาหารออกมา


ในนาทีที่ร่างนั้นผ่านเขาออกไปชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่แผ่ออกจากอีกฝ่าย ปกติคนตัวเล็กต้องยิ้มแย้มทักทาย และต้องเป็นฝ่ายเข้าหาเขาตลอด


“ แน่แล้วนายต้องงอนพี่แน่นอน” ชายหนุ่มตอกย้ำกับตัวเองเบาๆ มั่นใจอย่างมากว่าตนคือสาเหตุของการเย็นชา สาเหตุที่ทำให้นนท์ไม่ไปทำงานในเช้าที่ผ่านมา


ความอึมครึมในโต๊ะอาหารเกิดจากคนช่างพูดช่างจาทั้งสองเงียบไป กิ่งที่เพิ่งป่วยแม้จะพูดได้ปร๋อแต่พอ นนท์เงียบเลยไม่รู้จะพูดอะไร บรรยากายเลยกร่อยเสียยิ่งกว่ากร่อย


หลังมื้ออาหารต้นกะจะหาเวลาคุยกับชายหนุ่มอีกคนให้รู้เรื่อง แต่นนท์กลับชิงขอตัวขึ้นไปนอนก่อน

สายตาทุกคู่ยังแปลกใจในท่าทีหมางเมินที่นนท์แสดงต่อเขา กิ่งเองก็เดินกลับขึ้นไปเพราะอยากถามอาการของเพื่อนบ้าง คบกันนั้นมาจนจะสิบปีแล้ว มีหรือจะดูไม่ออก.. หญิงสาวเดินก้าวเข้าไปภายในห้องของเพื่อนสนิทอย่างใคร่รู้..


ทางต้นที่นั่งอยู่ข้างล่างก็แทบอยู่ไม่ติดที่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มอย่างไรดี เห็นท่าทางร้อนรนของพ่อลูกชายทำให้นางพอมีความหวังขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยต้นก็ใช่จะไม่สนว่าที่สะใภ้ เขามีอาการแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบใจอาการเย็นชาของนนท์ที่มีต่อเขา


“ เป็นอะไรไปพี่ต้นนั่งไม่ติดที่เลยนะ มีงานยุ่งเหรอลูกหรือมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า มีปัญหาบอกแม่ได้นะ” แม้จะรู้ดีว่าคำถามของนางอ้อมโลกไปไกลถึงดาวอังคาร แต่ก็อยากทำเพื่อให้พ่อคนตัวสูงคายความจริงออกมาบ้าง

“ เปล่าหรอก..”


“ รู้ๆกันอยู่ว่าลูกกังวลอะไรอยู่ ต่อให้วางหน้าเฉยไม่พูดอะไรแต่แววตากับท่าทางของลูกน่ะ ปิดไม่มิดหรอกนะ”เอาเข้าแล้วไหมล่ะ นางเป็นฝ่ายรุกเองก็ได้ ผู้ชายอะไรปากแข็งจริงๆนั่งใจเย็นอยู่ได้นานสองนานช่างน่าหมั่นไส้จริงๆพ่อคนนี้

“ แม่ว่าอะไร”


“ อยากขึ้นข้างบนก็ขึ้นไปสิแม่ไม่ได้ห้ามอะไรสักหน่อย จะมานั่งจมกับคนแก่ทำไมล่ะ ลูกเป็นผู้ชายเล่นตัวมากๆเขาจะหาว่าเกินงามนะ หากทำผิดอะไรก็ควรเปิดใจคุยกันให้รู้เรื่องสิจะปล่อยให้คาราคาซังทำไม ” นางกล่าวชี้ทางให้ พลิกนิตยสารในมือ ไม่ได้ตั้งใจอ่านหรอกแค่ใช้เป็นอุปกรณ์ตบตา


“ งั้นผมไปนะ” เอาเถอะในเมื่อมารดาอุตส่าห์เปิดทางให้อีกรอบหนึ่งแล้ว จะนั่งจมอยู่บนโซฟากับนางก็ใช่เรื่อง พรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานอีกหากยังไม่รีบจบๆเรื่องไป สิ่งที่จะกระทบคือการทำงานนั่นแหละ จะให้เขาตอบคนอื่นอย่างไรล่ะ จะให้บอกว่าเลขาฯคนสวยงอนไม่ยอมมาทำงานเพราะโกรธกับเขานะเหรอ คงได้ขันกันทั้งสำนักพิมพ์แน่ ชายหนุ่มรุดเดินออกไปจากที่นั่ง....


กิ่งเดินเข้ามาภายในห้องสักพักถึงจะเอ่ยปากกล่าวอะไรออกไป คนหนึ่งนั่งอยู่ขอบเตียงส่วนอีกคนก็นอนแผ่ลงอย่างอ่อนแรง วันนี้นนท์เป็นฝ่ายล้มลงนอนอย่างอ่อนแรง..ผิดกับอีกคนที่นั่งมองเพื่อนด้วยความสงสัย..


“ แกจะเล่าให้ฉันฟังได้หรือยังไอ้ป๋าแบ.. ว่าทำไมวันนี้ถึงได้ทำท่าเหมือนกำลังเสียใจหนักหนา แถมยังทำท่าทางเย็นชาใส่พี่ต้นอีก..”



“ ฉันนอนคิดมาทั้งคืนแล้วนะ บางทีการวิ่งไล่บางสิ่งบางอย่างที่ยังเคลื่อนที่ไปข้างหน้า..อาจไม่มีจุดจบของเรื่องราว..อีกฝ่ายหนึ่งก็ดีแต่ไล่ โดยลืมมองไปว่าคนด้านหน้าไม่คิดจะหยุดรอ.. มันคงตลกเกินไปหากจะดึงดันวิ่งต่อ..” นนท์เปรยในบางคำที่บอกชัดว่าเขาเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยกับการต้องเดินตามใครบางคนที่ไร้หัวใจ


“ แกเป็นอะไรของแก.. ฉันห่วงแกรู้ไหม” กิ่งสะอึกในคำพูดของเพื่อนสนิท นนท์เคยเป็นอย่างนี้เสียที่ไหน ..


“ เมื่อวานฉันบอกว่าหลังจากเยี่ยมแกที่โรงพยาบาล ฉันจะกลับไปที่ทำงานเพื่อช่วยเคลียร์งานให้เขา แต่พอฉันไปถึงไม่เจอใครเลยสักคน...” ต้นที่กำลังเดินขึ้นมาชั้นบน ชะงักฝีเท้าเมื่อรู้ว่านนท์ไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียว เสียงที่นนท์พูดแม้จะไม่ดังนักแต่เขาก็พยายามยืนฟัง...


“ ที่โกรธพี่ต้นเพราะหาเขาไม่เจอเหรอ แต่เรื่องแค่นี้ฉันว่าคนอย่างแกคงไม่เอามาใส่ใจหรอก มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นใช่ไหม”


“ ฉันไม่เห็นใครสักคนทั้งที่เขาบอกฉันว่าต้องประชุม ฉันเลยลงไปชั้นล่างถามลุงยามหน้าสำนักพิมพ์ดูแต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรหรอก ดีนะที่ฉันเหลือบเห็นเขากับใครอีกคนที่ถนนอีกฟาก ไม่อย่างนั้นฉันคงเป็นเด็กน่าไม่อายที่ตามตื้อเขาต่อแน่” ความจริงค่อยๆถูกเผยให้กิ่งรู้เรื่อยๆ


“ แล้วยังไงล่ะ เขาอาจจะทำงานก็ได้นะ”



“ แต่ทำไมต้องบอกฉันว่าประชุมล่ะ ที่สำคัญฉันยังเห็นเขากอดกับผู้หญิงคนนั้น แถมยังประคองกันเข้าห้องที่คอนโดของเขาอีก แล้วแกจะให้ฉันทู่ซี้ไปทำไมล่ะ”


“ นี่พี่ชายฉันกล้าพาผู้หญิงเข้าห้องเลยเหรอ ตายแล้วๆฉันต้องฟ้องแม่แล้ว กล้าดียังไงพาผู้หญิงคนอื่นเข้าห้อง แกไม่ต้องกลัวนะฉันเชียร์แกสุดใจเรื่องนี้ให้แม่จัดการให้” กิ่งออกโรงเสริมทัพให้เพื่อนสนิทอย่างถึงพริกถึงขิง เอาเถอะในเมื่อเห็นปัญหาแล้วก็น่าจะแก้ไวกว่า


“ ช่างเถอะอย่าทำอย่างนั้นเลย ในเมื่อเขามีคนที่รักก็ควรให้เขามีไปสิ หากเขามีความสุข จะไปให้เขาต้องเสียใจทำไมล่ะ ฉันเหนื่อยแล้วไม่อยากวิ่งไล่ตาม” ฟังจากคำพูดของเพื่อนกิ่งก็รู้ดีว่า ชายหนุ่มข้างกายเริ่มถอดใจลงแล้ว ความรักหนอความรักช่างเล่นตลกกับคนเราเสียจริง ใครไม่เคยลองลิ้มจักไม่รู้หรอกว่ามันหอมหวานสักเพียงใด แต่วันที่ต้องพรากต้องจากรักไปวันนั้นจะรู้ว่ารักแสนหวาน จะป้อนความขมควบคู่มาด้วย และจะเข้าไปทำร้ายใจให้เป็นแผล

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 22-07-2009 00:38:10
ตอน 21


ต้นอดทนยืนฟังการสนทนาของสองเพื่อนสนิทด้วยใจจดจ่อ ไม่นึกเลยว่าการรักเขาสำหรับนนท์ไม่ใช่เรื่องง่าย หากกิ่งไม่ได้อยู่ในห้องของนนท์เวลานี้เขาคงเปิดประตูไปบอกความจริง และบอกให้นนท์คลายห่วงเรื่องที่กำลังเข้าใจผิดอยู่ แต่เอาเถอะเขาจะจัดการเรื่องราวให้จบในวันพรุ่งนี้ ได้รู้ความจริงถึงสาเหตุที่นนท์หมางเมินใส่ก็สบายใจ เมื่อรู้ปัญหาก็จะรู้ว่าควรแก้ตรงจุดไหน


เท้าที่กำลังจะสาวออกไปจากหน้าห้องนนท์ ชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงแว่วออกมาจากห้อง


“ อย่าตัดทอนกำลังใจอย่างนั้นสินนท์ แกพูดเหมือนการรักพี่ชายฉันทำให้แกเจ็บหนักมากนั้นแหละ เหตุการณ์เป็นยังไงแกก็ยังไม่รู้แน่ชัดอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนเลยนะ” กิ่งไม่อยากให้เพื่อนยอมแพ้ง่ายๆหรอกอุตส่าห์สู้กันมาแรมปี


“ แล้วสิ่งที่ฉันเห็นล่ะกิ่ง แกคิดว่ามันพอจะทำให้แกเข้าใจเรื่องราวได้มากหรือเปล่า หากไม่เพราะฉันเคยโดนเขา...” ลำเสียงขาดห้วงไปอีกครา แต่แค่เพียงประโยคเริ่มต้นก็ทำให้กิ่งได้เค้าสิ่งที่นนท์จะพูดต่อ แม้ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่การกระทำของพี่ชาย ต้องทำให้นนท์ฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้อย่างแน่นอน

“ เขาทำอะไรเธอหรือนนท์”

“ คือ..” ท่าทางอึกอักนี้ไม่สมกับเป็นนนท์เลย

“ บอกมาเถอะไหนๆก็เล่ามาถึงตอนนี้หากฉันรู้อาจพอช่วยอะไรได้บ้าง” เอาอีกแล้วแม่คนเก่ง เสริมทัพกันเข้าไป ถ้าได้คุณแก้วอีกแรงรับรองพ่อน้องสติชชนะขาด..


“ แกสัญญานะว่าห้ามบอกใครเด็ดขาดแม้แต่น้าแก้ว” นนท์ยื่นเงื่อนไขเพราะเรื่องที่เขาจะเล่าคือความลับครั้งแรกที่นนท์กับพี่ต้นได้เจอกัน การเจอที่แทบจะไม่มีใครเชื่อว่าโลกจะกลมได้มาก ขนาดพาทั้งสองโคจรกลับมาเจอกัน

“ ฉันสัญญา”

“ ความจริงที่ฉันตัดเขาไม่ขาด ตัดใจไม่ได้ก็เพราะเขาเคยจูบฉัน” คนที่ยืนฟังอยู่นอกห้องเงี่ยหูฟังใหญ่ จำได้ว่าเขากับนนท์ไม่เคยเลยเถิดไปไกลขนาดนั้น แม้ใจจะค้านสิ่งที่นนท์พูด แต่ก็อยากฟังต่อเผื่อเขาอาจจะทำลงไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้

“ อะไรนะแกกับพี่ต้นเคย.. มันก็ดีไม่ใช่เหรอแล้วทำไมแกต้องมานั่งเศร้าอย่างนี้ล่ะ คนที่จูบกันเขาก็ต้องรักกันสิ แล้วจะมาคิดมากให้มันได้อะไรกันล่ะ” กิ่งตื่นเต้นแทนที่ได้ยิน


“ เปล่าเลยเขาไม่ได้รักฉันสักหน่อย ความจริงฉันเจอเขาตั้งแต่ก่อนเข้ามาอยู่บ้านของแกหกเดือน หากแกยังจำได้วันนั้นเป็นวันงานพรอมของโรงเรียน เราไปจัดงานกันที่ทะเลจำได้ไหม..” ปลายเสียงเอ่ยถามทวนความจำของเพื่อน

“ จำได้สิ”

“ ถ้าแกจำได้วันนั้นตอนที่ฉันมาพบแกครั้งสุดท้าย สภาพของฉันดูไม่ได้เลยตัวทั้งเปียกทั้งเปื้อนทรายแกรู้ไหมว่าจริงๆแล้วฉันไปทำอะไรมา” คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เว้นช่วงเพียงหญิงสาวหายใจ ฝ่ายต้นก็เริ่มคิดตามไป



“ วันนั้นระหว่างที่ฉันกำลังเดินจะกลับไปที่ห้อง ฉันก็เหลือบเห็นเงาของคนกำลังเดินลงไปในทะเล ใจฉันหายวาบบอกไม่ถูกเลย ฉันต้องสู้กับความกลัวผีในใจ แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจวิ่งตามลงไป ไม่เท่าไหร่ฉันก็เห็นเขาเหมือนกำลังจะจมน้ำฉันเลยว่ายลงไปช่วย...”



“ แกอย่าบอกนะว่าเขาคนนั้นคือพี่ชายของฉัน” กิ่งไม่อยากเชื่อ หากไม่ออกมาจากปากเพื่อนสนิทอย่างนนท์ที่รู้จักกันมานานเธอไม่มีวันเชื่อหรอก



“ ใช่ ฉันเดาเอาเองนะว่าเขาคงอกหักเพราะทันทีที่ฉันช่วยเขามาถึงฝั่ง เขาก็กอดฉัน และก็...เขาเรียกฉันว่าแพทชื่อนี้ยังฝังในหัวฉันถึงทุกวันนี้” แน่แล้วคนที่เขาตามหามาตลอดเวลาหลายปีที่แท้อยู่ใกล้กันมาก คือคนที่คอยเคียงเขามาตลอด มือใหญ่ยกขึ้นสัมผัสริมฝีปากของตัวเองรู้สึกกระแสอุ่นๆ ของอีกคนที่ปากเขาทาบทับครั้งแรกคือการขาดสติ แต่ครั้งที่สองคือตั้งใจ


“ ฉันโกรธมากที่เขาทำอย่างนั้น แถมเมื่อรู้ว่าเขาคิดฆ่าตัวตายเพราะอกหัก ฉันยิ่งแค้นแทนพ่อแม่เขาเลยตบสั่งสอนไป แต่สิ่งที่ฉันได้กลับคือการจูบครั้งที่สอง เพราะไอ้จูบบ้าครั้งนี้นี่แหละ ที่ทำให้ฉันตัดเขาไม่ขาดเสียทีมันต่างจากครั้งแรกจนฉันแทบใจหาย ยิ่งได้เข้ามาอยู่ใกล้ๆเขา ยิ่งได้พูดคุยฉันเองก็เผลอใจไปจนหมด จนตอนนี้ฉันต้องเสียใจเมื่อรู้ความจริงว่าเขามีคนที่รักอยู่แล้ว...”

“ แล้วทำไมแกไม่ยอมบอกเรื่องนี้ให้พี่ต้นรู้ล่ะ”


“ อย่าบอกเขาเด็ดขาด ช่างมันเถอะเรื่องที่เป็นอดีตให้มันฝังไปกับฉันเพียงเท่านั้นก็พอ ฉันไม่ต้องการดึงดันเดินบนทางที่มันขรุขระอีกแล้ว จบจากการฝึกงานปีสี่ฉันกะจะไปอเมริกากับแม่”


“ นนท์ไม่ได้นะ นี่แกจะหนีพวกเราไปเหรอฉันไม่ยอมเด็ดขาด” กิ่งท้วงเสียงหลง ไม่เคยคิดหรอกว่าเพื่อนที่อยู่กับเธอมาหลายปีจะทิ้งร้างจากกันไป

“ เพราะฉันไม่มีเหตุผลจะอยู่ที่นี่ต่อแล้วนะสิ อีกอย่างฉันก็ควรไปช่วยแม่ฉันทำงาน หนึ่งปีที่ฉันหลอกตัวเองมันก็มากพอแล้ว หากฉันยังดึงดันต่อบางทีฉันอาจเสียใจมากกว่านี้”

“ หนึ่งปีอะไรฉันไม่เห็นเข้าใจ”


“ การกลับมาเยี่ยมฉันของแม่ เมื่อปีที่แล้วทำให้ฉันได้รู้ความจริงบางอย่าง ว่าบริษัทของแม่ฉันไม่ได้ถูกฟ้องล้มละลายอย่างที่บอก แถมกลับกันมันยิ่งดีวันดีคืน เพราะฉันห่วงแม่มากเลยโทรฯไปถามที่บริษัทและได้รู้ความจริงจากเลขาฯคนใหม่ของแม่ว่า แม่เดินทางมาเพื่อเซ็นสัญญาร่วมทุน” ความลับที่ทุกคนไม่คิดว่านนท์จะรู้เปิดเผยอย่างง่ายดาย เพราะเลขาฯสาวคนใหม่ที่มาแทนเลขาฯคนเก่าซึ่งลาคลอดอย่างกะทันหัน เลยทำให้คุณนันไม่ทันได้กำชับและวางแผน ความเลยแตกแต่ตอนนี้มีเพียงกิ่งเท่านั้นที่รู้

ไม่ใช่สิมีต้นด้วย ความจริงหลายอย่างในวันนี้ทำให้ชายหนุ่มเดินกลับห้องไปอย่างครุ่นคิด ในใจอยากพูดกับนนท์อย่างมาก



เอาเถอะในเมื่อรู้แล้วว่านนท์มีความสำคัญในหลายส่วนหลายตอน เขาจะเปิดใจให้มากขึ้นและทำดีให้อีกคนรู้สึกมากขึ้น หวังว่าสิ่งที่เขาทำต่อจากนี้จะหยุดความคิดที่จะไปอเมริกาของนนท์ได้


หนทางของรักต่อจากนี้จะเป็นสีสันเช่นไร วันพรุ่งนี้จะเป็นตัวขานไข


คุณแก้วจอมวางแผนจัดการจ้างคนสวน ที่มาทำงานทุกวันสุดสัปดาห์ เพื่อจัดการสูบน้ำมันจากรถนนท์ออกให้หมด เมื่อชายหนุ่มจะออกไปทำงานก็ทำให้ติดเครื่องไม่ได้ เพราะเมื่อวานไม่ได้ออกไปไหนเลยทำให้นนท์ไม่ได้ดูเกน้ำมันเลยคิดไปว่าน้ำมันคงหมด เข้าแผนของคุณแก้วไปอีกขั้น


“ เป็นอะไรเหรอนนท์ น้าเห็นเดินเข้าเดินออกเป็นอะไรหรือเปล่า” ในใจแอบยิ้มกระหยิ่ม แต่ปากก็ถามเสียงใส นี่แหละนะคุณแก้วเจ้าแผนการ จอมวางแผน

“ คือรถของนนท์น้ำมันหมดน่ะครับ”


“ อย่างงั้นเหรอ พี่ต้นมาพอดีเลยพี่ต้นวันนี้ให้นนท์ติดรถไปด้วยนะ รถของน้องน้ำมันหมด” พ่อลูกชายช่างเดินมาได้จังหวะ นางเลยรีบสวมรอยให้ลงล๊อคเล่นกันซึ่งหน้า


“ แต่น้าแก้ว”

“ มีอะไรหรือเปล่านนท์ทำงานที่เดียวกันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ หรือนนท์จะแวะไปทำธุระที่ไหนหรือเปล่าน้าจะให้พี่เขาแวะให้ก่อน” คำถามซื่อๆไม่น่าเชื่อว่านางจะคิดได้ เห็นหน้าคุณแก้วอย่างนั้นแล้ว
นนท์กล้าขัดก็คงแปลก จำต้องนั่งรถร่วมไปกับเขา แต่ตลอดทางก็ไม่ยอมหันมองเขาสักนิด เขาถามอะไรก็ตอบเพียงสั้นๆ

“ รอพี่ก่อนสิ” มาถึงที่ทำงานนนท์ก็รีบจ้ำอ้าวเดินเข้าบริษัทไม่รอเขาสักนิด ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าจนเดินมาทันกับอีกคน เมื่อพ้นประตูห้องทำงานเข้าไปพ่อเลขาฯหน้าสวย ก็วางข้าวของลงบนโต๊ะดูเอกสารที่วางอยู่ไม่สนใจเขา ทีแรกเขากะจะบอกความจริงทันทีที่เข้ามาในห้อง แต่เห็นท่างอนของนนท์เลยเปลี่ยนใจ ปล่อยให้งอนไปสักครึ่งวันแล้วค่อยบอก ดูๆไปเวลางอนนนท์ก็น่ารักไปอีกแบบ


“ นนท์เดี๋ยวช่วยโทรฯหาเลขาฯคุณนุ่น ด้วยบอกว่านัดทานข้าวสิบเอ็ดโมงอย่าลืมล่ะ” ชายหนุ่มสั่งยั่วอีกคน ดูสิว่านนท์จะอดกลั้นไปได้เท่าไหร่


“ ครับ” นนท์รับคำแล้วจัดการตามคำสั่งของเขา สายตาหวานเยิ้มที่ส่งมาช่างน่าหมั่นไส้ยิ่ง สงสัยจะส่งสายตานี้ไปถึงคุณนุ่นล่ะมั้ง ช่างเป็นผู้ชายที่ยั่วโทสะคนอื่นเก่งจริงๆ ต้นแทบไม่รู้ตัวสักนิด ว่าเขากลับคืนสู่ต้นคนเก่าที่แสนสดใสร่าเริงไปทุกวัน เพราะมีเจ้าน้องสติชหน้าหวานขี้งอนเข้ามาในชีวิต เขาถึงได้พบความสวยงามของโลกใบนี้อีกครั้ง


ชายหนุ่มแกล้งยั่วนนท์มาตลอดจนเวลาล่วงเลยเข้าตอนบ่าย เพราะเห็นนนท์ออกไปห้องน้ำนานแล้วเขาเลยชักสงสัยและตามไปดูในที่สุด



“ ไอ้บ้าคอยดูนะ” นนท์ยืนตัดพ้อเจ้านายจอมยั่วหน้ากระจก ตอนนี้ทำได้มากที่สุดก็แค่นี้แหละน้ำตาที่แอบไหลเหือดหายไปหมด แต่รอยแดงในตายังบอกร่องรอยการร้องไห้ให้เห็น


“ เป็นอะไรไป” เขามายืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือเพราะนนท์มัวแต่โมโหเลยไม่ทันสังเกตว่าเขามายืนจ้องมองนานแล้ว

เห็นนนท์ในตอนนี้ก็ตัดสินเลิกแกล้ง


“ เปล่า” นนท์ตอบสั้นเร็วและง่าย จากนั้นก็เดินออกจากห้องน้ำไป มือข้างหนึ่งของคนตัวสูงรั้งแขนนนท์ไว้ ไม่ว่าจะพยายามแกะยังไงก็แกะไม่ออก


“ ปล่อยนนท์นะ” คนร่างบางบอกเสียงค่อย เพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าทั้งสองกำลังมีเรื่องผิดใจกัน แต่เสียงนี้ไร้วี่แววจะได้ผล มือของเขายังเกาะกุมแขนเรียวไม่คลาย


“ ตามพี่มาทางนี้”

“ ปล่อย...นนท์ไม่ไป”


“บอกให้ตามมาไงล่ะ” มือของเขาจากที่จับก็กลายเป็นลาก นนท์จำต้องยอมให้เขาลากไปอย่างว่าง่าย ขืนใครเห็นว่าเจ้านายของสำนักพิมพ์ กำลังฉุดกระชากลากถูกกับนนท์อยู่คงดูไม่ดีแน่ สายตาคนที่มองจะคิดกันอย่างไรล่ะ นนท์คงมองหน้าใครไม่ได้ไปหลายวัน..


ชายหนุ่มเดินพาร่างเพรียวลมมาในห้องประชุมเล็ก ที่ตอนนี้เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายกำลังนั่งดูสกู๊ปที่กำลังจะจัดรวบรวม ซึ่งนุ่น สาวเก่งหัวหน้าฝ่ายโฆษณาก็อยู่ในที่นี้ด้วย


“ เอ้าคุณต้น” หนึ่งในพนักงานทักอย่างแปลกใจ ชายหนุ่มปล่อยแขน เจ้าเด็กขี้งอนจากนั้นก็เอ่ยบางสิ่งบางอย่างออกมา


“ พอดีแม่ของผมเขาสงสัยว่าสองวันก่อน ผมบอกว่าจะมีประชุมที่สำนักพิมพ์ แต่พอมาดูกลับไม่เห็นใครเลยสักคน แม่ผมเลยสงสัยว่าผมโกหกหรือเปล่าหรือผมแอบไปเกเรที่ไหน เลยให้นนท์มาถามใครพอจะทำให้แม่ผมหายสงสัยหน่อยได้ไหม” เชื้อในสายเลือดคงแรงไม่แพ้หยิบยกมารดามาอ้างหน้าตาเฉย ขืนบอกไปว่าเจ้าคนขี้งอนข้างกายเป็นคงสงสัย ..นนท์คงจะยืนอยู่ในห้องนี้ไม่ได้


“ ก็วันนั้นเราไปประชุมกันที่ห้องคุณต้นกันไงครับ คุณต้นไม่ได้บอกคุณแก้วเหรอ อย่างนั้นก็ฝากบอกนนท์ไปนะวันนั้นน่ะที่สำนักพิมพ์เกิดไฟดับได้ข่าวว่ากว่าไฟจะมาก็ราวสักทุ่มกว่า เราคงรอไม่ไหว เราเลยปรึกษากันและสุดท้ายก็ไปประชุมที่ห้องคุณต้นกันเพราะใกล้ที่สุด โชคดีนะที่ฟากโน้นใช้ไฟคนละสายกับสำนักพิมพ์ไม่อย่างนั้นคงต้องระเห็จกันไปไกลแน่” ทุกคำที่เอ่ยออกมาทำให้นนท์ที่ใจห่อเหี่ยวถึงกับเหวอ มองหน้าเขาอย่างตั้งคำถาม

“ นี่..”

“ เป็นไงล่ะพอใจหรือยัง” เขากระซิบเสียงแผ่ว ก่อนจะเดินออกไปจากห้องก็หันไปขอบคุณคนที่ไขข้อข้องใจให้นนท์จนหมดเปลือก

“ รอนนท์ก่อน” ร่างบางๆ ที่หลายคนใฝ่ฝันรีบเดินตามเขาออกไป ในใจมีสุขยิ่งกว่าถูกสลากรางวัลที่หนึ่ง ฟ้าที่ถล่มไปกลับสว่างไสวอีกครั้ง หลังม่านหมากจะมีฟ้าที่งดงามแสงสว่างจะฉายส่องอีกคราหนึ่งแล้ว นุ่น ลอบเดินตามออกไป เธอไม่อยากเชื่อว่าคนที่สงสัยจะเป็นคุณแก้ว


“ ว้าว ! ทำไมพี่ไม่บอกนนท์ตั้งแต่แรก” นนท์ดีใจโผกอดร่างสูงใหญ่อย่างลืมตัว หัวใจในตอนนี้พองโตบอกไม่ถูกช่างเป็นความรู้สึกที่น่ายินดี ใครจะนึกล่ะว่าเขายอมโกหกเอาคุณแก้วที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาอ้าง


“ ปล่อยพี่ได้แล้ว” มือของเขาขัดขืนเพียงน้อย แต่นนท์ก็ยังไม่ปล่อยแค่เห็นนนท์ยิ้มออกเขาก็มีความสุขแล้ว ไม่ชอบเลยจริงๆ..เวลานนท์ต้องร้องไห้ เสียใจ ..


“ ก็คนมันดีใจ” นนท์บอกโดยไม่ปิดบัง ชายหนุ่มจึงยอมให้อีกฝ่ายกอดอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขัดอีก เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็ยกมือโอบกลับ


“ พอใจหรือยังเดี๋ยวใครก็มาเห็นหรอก” คงไม่ทันแล้วกระมัง นุ่น ที่เดินตามมามองลอดช่องว่างของประตูเข้ามาในห้อง มองท่าทีของเขาอย่างแปลกใจน้อยครั้งนักที่จะเห็นเขายอมให้นนท์ได้ใกล้ชิด แถมยังมีรอยยิ้มเปื้อนเต็มหน้า


‘ ผมไม่ชอบให้คนอื่นมาแตะเนื้อต้องตัว ’ หญิงสาวหวนคิดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น แล้วนนท์ในความรู้สึกเขาล่ะ หรือนนท์ไม่ใช่คนอื่นเขาถึงยอมให้นนท์แตะเนื้อต้องตัวโดยไม่ว่ากล่าวอะไรสักคำ หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยแล้วเดินจากไปอย่างยอมรับ หลายปีที่เธอพยายามจะขย่มฐานผาให้ล้มลง แต่แล้วเธอก็ไม่สามารถทำมันได้สำเร็จ บางทีเจ้าของหรือคนที่ถูกเลือกต่างหากล่ะที่จะมีสิทธิ์จะทลายผาแกร่งให้แตกพังลงมา คนไม่ใช่ย่อมทำไม่สำเร็จ


“เอ๊ะ” นนท์คลายอ้อมกอดออกจากร่างของเขา สีหน้าดูเปลี่ยนไปจนเขาเกิดอาการสงสัย นนท์เป็นอะไรไปอีกหรือเปล่า หรือจะมีเรื่องใหม่ทำให้งอนเขาอีก...

“ เป็นอะไร งอนอะไรพี่อีก”


“ พี่เปลี่ยนน้ำหอมกลิ่นใหม่หรือ นนท์คุ้นๆนะว่าเคยได้กลิ่นนี้ที่ไหน ใช่แล้วคุณน่น วันก่อนนนท์ได้กลิ่นนี้จากคุณนุ่นนี่ตกลงว่ายังไงกัน” นนท์ทวนความทรงจำขึ้นมา กลิ่นหอมของกายที่เคยชินตอนนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นนนท์เลยนึกแปลกใจ

“ อ๋อพอดีขวดเก่าของพี่มันหมด คุณนุ่น เขาก็เลยซื้อมาฝากอย่าบอกล่ะว่าน้ำหอมก็ใช้ไม่ได้” ชายหนุ่มนึกทึ่งในการช่างสังเกตของคนตัวบาง


“ ใช่ ! ไว้ตอนเย็นนนท์จะไปซื้อให้ใหม่กลิ่นนี้ไม่เหมาะกับพี่หรอก มันร้อนเกินไปกลิ่นเดิมก็ดีแล้วหอมเย็นดีกลิ่นนี้ไม่เหมาะจริงๆนะ” นนท์วิเคราะห์กลิ่นเดิมที่ตรึงใจไม่คลาย หลายต่อหลายครั้งที่ได้ใกล้กันกลิ่นของเขายังเหมือนลอยอยู่ใกล้จมูก

“ ตามใจเถอะพี่ไปทำงานดีกว่าเย็นนี้ยังมีงานอีกตั้งมาก”

“ ...” นนท์แอบย่นจมูกตามหลัง ต้นก็ยังเป็นต้นวันยังค่ำทำดีกับเขาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็กลับไปบ้างานอีกแล้ว แถมยังวางหน้าตายเฉยเมยอีก เอาเถอะไหนๆวันนี้เขาก็ยอมให้นนท์ใกล้เขามากขึ้นแล้ว นนท์จะไม่ถือสาเขาอีกต่อไป หากเขาหน้าเฉยนนท์ก็จะยิ้มรับ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-07-2009 01:00:03
^

^

^

เย้ ๆๆๆ เข้าใจกันแล้ว หุหุ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 22-07-2009 01:01:33
ตอน 22

ด้วยความตั้งใจว่าจะไปซื้อน้ำหอมให้พี่ต้น นนท์เลยออกจากที่ทำงานตั้งแต่เย็นและบอกว่าวันนี้เขาจะกลับบ้านเอง แต่เดินทางไปซื้อของมาเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว ก็เพิ่งนึกได้ว่าลืมกระเป๋าเอกสารไว้ที่สำนักพิมพ์เลยกลับไปเอา แต่ฝนก็ดันเทลงมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทำให้คนร่างโปร่งติดอยู่ภายในตึกจะกลับก็ไม่ได้เพราะไม่ได้เตรียมร่มมา นนท์เลยเลือกนั่งทำงานบนโต๊ะเป็นการฆ่าเวลาไปในตัว และเหมือนจะทำงานเพลินไปหน่อยจนเวลาเลยล่วงเลยมามากต่อมาก ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ...


และเหมือนลิขิตของบางอย่างพกพาความสุขมาแก่สองร่าง..วันนี้ต้นเองก็ลืมเอกสารสำคัญไว้ที่โต๊ะทำงานเลยกลับมาเอาเช่นกัน ตอนแรกเขายังนึกสงสัยว่าใครกันนะมานั่งอยู่ในห้องของเขาเงียบๆ เพียงลำพังพอเดินเข้ามาก็หายสงสัย อาจเพราะชะตาลิขิตต้นถึงได้หวนกลับมาเอาของที่สำนักพิมพ์และได้มาเจอกับใครอีกคน

“ ทำอะไรอยู่”


“ เฮ้ย” นนท์ส่งเสียงโวยวายอย่างตกใจ ... เพราะดวงตากำลังจับจ้องอยู่ที่งานในมือ สมาธิเลยมุ่งตรงไปอย่างเดียว ไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติในห้อง ตอนต้นทักทายเลยตกใจไม่น้อย


“ ขวัญอ่อนจริงจริ๊งคุณหนู ทำอะไรอยู่ไหนบอกว่าจะกลับบ้านก่อนไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมย้อนกลับมาอีกล่ะ” เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของตน รื้อเอกสารที่ต้องการออกมาวางไว้บนโต๊ะ



“ นนท์ลืมของไว้เลยกลับมาเอา พอดีฝนตกเลยไปไหนไม่ได้นนท์จึงนั่งดูงานไปเรื่อยๆ อีกสักแป๊บก็เสร็จแล้ว วันจันทร์มาทำงานจะได้ไม่เครียด” เวลาทุกนาทีของนนท์ช่างมีค่าจริงๆ ผิดกับเจ้าฟูจังคนก่อนสิ้นดี...


“ อย่างนั้นเหรอ งั้นพี่รอแล้วกันจะได้กลับบ้านพร้อมกัน” ชายหนุ่มบอกเสร็จสรรพพร้อมทั้งเลื่อนเก้าอี้มานั่งใกล้ๆอีกคน.. มือหนึ่งก็หยิบงานออกมาเปิดอ่าน



“ ครับ” นนท์หันไปยิ้มให้แล้วกลับไปทำงานที่เหลืออีกไม่มากต่อให้เสร็จ ชายหนุ่มมองอีกคนอย่างสนใจแต่แล้วเขาก็เลิกนั่งรอ ร่างของเขาค่อยๆเอนลงบนเก้าอี้และหลับตาลง สงสัยนอนรอจะดีกว่า


เห็นท่านอนของชายหนุ่มก็อดขันไม่ได้ ผู้ชายที่ดูดีทุกเวลาแต่ตอนนี้ยามอยู่ตรงหน้านนท์ เขากล้าจะนอนหลับโดยไม่ขัดเขิน กล้าจะทำสิ่งที่ไม่เคยทำเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น มือเรียวเลื่อนไปปิดเอกสารที่จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว สายตาของนนท์ก็เลื่อนไปจับจ้องคนที่นอนอยู่บนเก้าอี้ข้างกาย



“ บางทีนนท์ก็รู้สึกเหนื่อยนะ ที่ต้องวิ่งตามอะไรที่ไม่รู้ว่าจุดหมายมันอยู่ตรงไหน มันเหนื่อยจริงๆกับการที่วิ่งไปโดยไม่รู้จุดจบ นนท์ต้องวิ่งกันถึงเมื่อไหร่ถึงจะไล่ตามพี่ทัน แต่ช่างเถอะอย่างน้อยตอนนี้ก็ดีหน่อยที่พี่ไม่ทำหน้าบึ้งหน้าตึงใส่นนท์แล้ว แม้จะไม่ใช่ตลอดเวลาแต่นนท์ก็หวังไว้ว่าสักวันจะทำให้พี่หยุดรอนนท์บ้าง” ถ้อยรำพันที่เก็บตันอยู่ในใจมาหลายปีดังขึ้นกับคนที่คิดว่าหลับอยู่


“ พูดจบหรือยัง กลับกันได้แล้ว” เขาลืมตาขึ้นเมื่อนนท์พูดจบ ส่วนนนท์ก็รีบเบือนหน้าไปทางอื่นเมื่อรู้ว่าเขาได้ยินทุกอย่างที่พูด



“ พี่ไม่ได้หลับนี่” นนท์ออกจะตกใจ


“ แล้วพี่บอกว่าหลับเหรอ กลับกันได้แล้วใช่ไหม” ขนาดได้ยินคนหน้าหวานพูดซึ่งหน้า ชายหนุ่มก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร่างสูงใหญ่เดินออกจากห้องไปช้าๆ


เขาจะหยุดรอให้นนท์เดินตาม จะวิ่งให้ช้าเพื่อให้นนท์ไม่ต้องเหนื่อยเกินไปกับการตามเขา และจะเลิกบึ้งใส่ในเวลาที่มากขึ้น


สองหนุ่มวิ่งฝ่าฝนไปยังรถที่จอดไว้หน้าสำนักพิมพ์อย่างว่องไว ระยะที่ห่างเพียงไม่เท่าไหร่ทำให้เสื้อผ้าโดนฝนแค่เล็กน้อย ฝนฟ้าในช่วงนี้ตกไม่มีวี่แววคนในเมืองที่เร่งรีบมักหลงลืมเรื่องการพกพาร่ม เพราะเกิดฝนไม่ตกร่มก็กลายเป็นของเกะกะ ทั้งสองก็เช่นกันไม่ต่างจากคนเมืองคนอื่น


“ รถเป็นอะไรไปหรือ” นนท์ถามขึ้น เพราะเหมือนการติดเครื่องของเขาจะกินเวลามากกว่าปกติ ชายหนุ่มหันมาบอกหน้าเสีย


“ สงสัยรถจะตากฝนนานเกินไปเลยทำให้เครื่องขัดข้อง พี่เองก็ไม่ได้เช็คสภาพรถมานานแล้วสงสัยจะออกฤทธิ์คราวนี้แหละ”


“ แล้วจะทำยังไงล่ะ ดึกอย่างนี้แถมฝนยังตกหนักแท็กซี่ก็ไม่วิ่งแล้ว เราจะกลับบ้านกันอย่างไร” นนท์ชักจะเป็นกังวลกลัวคนที่รออยู่ที่บ้านจะะเป็นห่วง

“ คืนนี้นอนคอนโดฯพี่ก่อน” ชายหนุ่มเสนอความคิด คนฟังถึงกับหน้าแดงขึ้นมาอย่างอัตโนมัติจะห้ามก็ทำไม่ได้ด้วย

“ เป็นอะไรอย่าบอกว่าเขินนะ ใช่ว่าเราไม่เคยนอนด้วยกันสักหน่อย” โธ่ ก็นั้นมันเพราะมีความกลัวส่วนตัวมาเป็นปัจจัยนี่ แล้วตอนนั้นก็อยู่ในบ้านด้วยจะว่าไปมันก็ไม่เหมือนกันเลย



“ ไปเถอะฝ่าฝนไปก่อน แล้วค่อยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าขืนอยู่อย่างนี้คงไม่ได้ออกจากรถแน่ อีกอย่างพี่ก็ง่วงแล้วพรุ่งนี้ยังมีงานแต่เช้าด้วย” ชายหนุ่มตัดบทแล้วเปิดประตูวิ่งนำไปรอที่ใต้สะพานลอย


“ คนบ้าวิ่งไปไม่รอนนท์เลย” คนตัวบางสาวสบถเล็กน้อย แต่ก็ยอมวิ่งตามเขาออกไปเมื่อนนท์ตามมาสมทบเขาก็กดล๊อคประตูอัตโนมัติจากรีโมตอันเล็กในมือ


“ ทนหน่อยนะ ตากฝนหน่อยเดี๋ยวก็ถึงแล้วดีนะที่คอนโดอยู่ใกล้แค่นี้เอง” ต้นบอกคนข้างกายอย่างเป็นห่วง ..เสื้อสีขาวที่แนบเนื้อเพราะความลู่น้ำทำให้ต้นต้องเบือนหน้าไปทางอื่น ..ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ..


เมื่อมาถึงในห้องชายหนุ่มก็รีบเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาคลุมร่างเล็กๆที่สั่นเทิ้มไว้ทันที ส่วนเขาก็หาผ้าขนหนูมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวเช่นกัน


นี่เป็นครั้งแรกที่นนท์ได้ก้าวเข้ามาในความเป็นส่วนตัวของเขา ครั้งแรกที่นนท์ได้รับรู้ถึงกลิ่นอายของชายหนุ่มใกล้กว่าทุกครั้งที่เคยสัมผัส

“ ไปอาบน้ำก่อนไปเร็วๆนะ อาบน้ำอุ่นกันไว้จะได้ไม่ป่วย” ชายหนุ่มยื่นผ้าขนหนูพร้อมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นของเขาส่งให้


“ ครับ” นนท์รับไปอย่างว่าง่าย ตอนนี้อยากอาบน้ำอุ่นที่สุด แม้จะได้ไออุ่นจากผ้าผืนหนาแต่มันคงไม่ดีเท่าการได้ลงแช่ในน้ำที่แสนอุ่นได้หรอก


“ อย่าช้าล่ะ ถ้าไม่อยากออกมาเห็นพี่หนาวตายก็รีบๆหน่อย” ต้นเอ่ยดักทางก่อน


“ ครับเจ้านาย..” นนท์รับคำแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำทันที ฝ่ายเขาเมื่อเห็นอีกฝ่ายลับตาไปก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง ...แต่...นนท์นึกขึ้นได้ว่าลืมครีมในกระเป๋าสะพาย ซึ่งตั้งอยู่บนเก้าอี้ที่นั่งเมื่อครู่เลยเดินกลับออกมา

“ เฮ้ย” เสียงร้องนั้นทำให้คนใส่กางเกงอยู่ถึงกับรีบนั่งลง เอาอีกแล้ว...ชอบมาตอนเขาโป๊อยู่เรื่อยนนท์เป็นอะไรนักหนานี่... ชอบทำให้ต้นใจหายใจคว่ำตลอดเวลาเลย..

“ เด็กบ้า มาไม่ให้สุ้มให้เสียง”


“ คือนนท์จะมาเอาของในกระเป๋า นนท์ไม่ได้ตั้งใจนะ ใครจะรู้ล่ะว่าพี่กำลังโป๊อยู่แล้วพี่แต่งตัวเสร็จยังล่ะ” เสียงของนนท์รีบรัวบอก กลัวเขาจะเข้าใจผิด


“ เสร็จแล้วจะมาเอาอะไรก็มาสิ” เขานั่งลงอย่างอ่อนใจ แต่เมื่อใจเขาโอนเอนลงให้อีกฝ่ายแล้ว
เขาก็พร้อมรับ การเข้ามาของคนตัวบางทำให้เขามีความสุขมากขึ้นเยอะ หากจะมีแฟนอย่างนนท์เขาก็พร้อมรับและยินดีอยู่แล้ว คนแรกที่เขาจูบ และเขาคือคนแรกที่จูบนนท์


คนหน้าหวานที่ฝาดปลั่งด้วยความอุ่นของสายน้ำรีบจัดการตัวเองอย่างเร่งรีบตามคำสั่งเขา แค่ได้กระแสน้ำอุ่นๆอาบทั่วร่างแค่นี้ก็สบายตัวแล้ว ไว้วันหลังค่อยนอนแช่ให้สบายใจวันนี้ให้เขาเข้ามาอาบก่อนดีกว่าจะหนาวตาย นนท์เดินก้าวเข้ามาภายในส่วนห้องนอนของพี่ต้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ..ตอนนี้เจ้าของห้องกำลังอาบน้ำคลายความหนาว นนท์เลยขึ้นมายึดครองเตียงนอนเสียก่อน..


“ ดึกป่านนี้แล้วยังนั่งทำอะไรอีก” ต้นในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเหมือนนนท์ เดินเข้ามาในห้องอย่างสงสัยนึกว่านนท์จะหลับแล้วเสียอีก


“ เปล่าหรอก” นนท์ตอบปัดไป พร้อมทั้งเสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบ ชายหนุ่มรีบหยิบมาเปิดดูเมื่อเห็นเป็นชื่อของกิ่งก็ยิ้มออก


“ ไงบ้างกิ่ง” นนท์เอ่ยถามอย่างห่วงใย ..รู้ดีว่าวันนี้ หญิงสาวแอบไปหาต่อ...ก็วันก่อนเล่นงอนกันอีกระลอก.. จนต่อจะไปสารภาพกับคุณแก้วเสียให้ได้ว่าคบกับกิ่งอยู่ ชายหนุ่มไม่ชอบเลยจริงๆ ทั้งที่เขาเองก็ให้เกียรติ ทั้งที่เขาเองก็จริงใจ ..จะแปลกอะไรหากคุณแก้วรู้ว่าลูกสาวคนเล็กมีแฟนแล้ว..


“ วันนี้ฉันไม่กลับบ้านนะแกช่วยบอกแม่ให้หน่อย ตอนนี้ฉันอยู่กับต่อมัน” ปลายสายค่อยๆกระซิบเพราะไม่อยากให้คนที่หลับอยู่ต้องตื่นขึ้น


“ ง้อแฟนแกสำเร็จแล้วเหรอ..” นนท์พูดเย้า..เพราะเคยหลุดปากเรื่องแฟนกิ่งไปหนึ่งครั้งแล้ว..เลยไม่ห่วงสักเท่าไหร่ เมื่อคนที่ล้มกายลงมานอนข้างๆ ชะโงกหน้าดูอย่างสงสัย..

“ เอ่อ..แต่ฉันต้องนอนเป็นเพื่อนมันนี่แหละ..”


“ นอนได้แล้วคุณหนู” ต้นชักเริ่มรำคาญ เพราะเขาเป็นคนนอนยากแค่ได้ยินเสียงเล็กๆน้อยๆมากวนใจก็ทำให้นอนไม่หลับแล้ว


“ อยู่กับพี่ต้นเหรอ...” กิ่งเอ่ยถามเสียงตื่นเต้น


“ เลิกล้อเลยแก..แค่นี้แหละ..” นนท์หน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะรีบปิดการสนทนาก่อนเพื่อนสาวจะรู้เรื่องไปมากกว่านี้...

“ ใช่สิ..” นนท์วางสายไปก็นึกอะไรได้..”


“ เรายังไม่เคยถ่ายรูปคู่กันสักรูปเลย พี่ลุกขึ้นมาหน่อยนนท์อยากถ่ายไว้” นิ้วเรียวเลื่อนกดเลือกโหมดถ่ายรูปจากโทรศัพท์ในมือ แต่คนที่เขาอยากถ่ายด้วยกลับนอนนิ่งไม่ยอมลุกขึ้นมา บางเรื่องที่นนท์เห็นว่าสำคัญแต่สำหรับพี่ต้นอาจมองว่าไร้สาระ

“ ไว้ค่อยถ่ายเถอะวันนี้พี่ง่วงแล้ว” เขาบอกปัด แต่ดวงตาก็ยังมองไปยังร่างบางที่นั่งหน้างออยู่.. นนท์หันมาย่นจมูกเล็กใส่ๆคนที่นอนข้างตนเล็กน้อย ..ทำไมต้องมาชอบคนเย็นชาพรรค์นี้ด้วยนี่..


“ พี่นี่ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย นนท์ไปชอบพี่ได้ยังไงนี่ไม่ถ่ายก็ไม่ต้องถ่ายนนท์ถ่ายคนเดียวก็ได้” คำตัดพ้อหาจริงจังสักเท่าไหร่ ออกจะเป็นแนวบ่นรำพึงรำพันมากกว่า นนท์เลิกสนใจคนข้างกายแล้วกลับไปมองโทรศัพท์ในมือเพื่อยกขึ้นจะถ่ายรูป

“ นนท์ไม่สนพี่แล้ว” นนท์บอกพร้อมทั้งกดปุ่ม และมันเป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มยอมทำตามความต้องการของนนท์และตัวเขาเอง ในเมื่อนนท์ยอมวิ่งตามเขามาตั้งหลายปี เขาเองควรตอบแทนความรักอีกฝ่ายบ้างสิ อีกอย่างยิ่งรู้ว่านนท์รักเขาจริงๆ ไม่ใช่ทำเพื่อลบล้างคำสบประมาทเมื่อสองปีก่อน ยิ่งทำให้เขาโอนอ่อนยอมมอบใจให้อีกคนมากขึ้น .

. ริมฝีปากของเขาวางลงบนแก้มนวลปรั่งอย่างแผ่วเบา นิ้วมือที่กดปุ่มถ่ายภาพวางลงในวินาทีเดียวกัน ตอนนี้นนท์ไม่สนใจรูปถ่ายแล้วล่ะ หันมองเขาอย่างแปลกใจมากกว่า หน้าของเขายังอยู่ที่เดิม ..นนท์เพิ่งรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าหน้าของเขาใกล้นนท์มากที่สุด หากไม่นับตอนที่โดนเขาจูบเมื่อครั้งนั้น ห่างกันเพียงน้อยจนปลายจมูกแทบชนกัน น่าแปลกที่ครั้งนี้เขาไม่หลบยังคงจ้องนนท์ตอบ ดวงตาคู่เรียวของนนท์มองอย่างไม่อยากเชื่อ


“ พอใจหรือยัง” รอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏ ครั้งแรกจริงๆที่เห็นมันน่ารักแกมร้ายอย่างบอกไม่ถูก เขากล้ามองนนท์ตอบไม่หลบเลี่ยง


“ คือ” ดวงตาพ่อคนเจื้อยแจ้วเจรหรุบต่ำ ใจพองโตมากกว่าครั้งไหนแถมเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกร่าง เขายังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ริมฝีปากของชายหนุ่มวางลงที่แก้มนนท์อีกครั้ง


“ นอนได้แล้ว” แล้วเขาก็ล้มลงนอน ปล่อยให้นนท์นั่งอึ้งไปกับการกระทำของเขา ใบหน้าเรียวรีเริ่มแดงก่ำเพราะความเขิน..ทำอะไรไม่ถูกเลยหันมามองโทรศัพท์ นนท์แก้เขินด้วยการยิ้มให้หน้าจอ


“ เอ๊ะ” เพิ่งสังเกตเห็นว่าเมื่อกี้ถ่ายติดภาพที่เขาเอาปากมาชนแก้มนนท์.. มือเรียวยื่นให้อีกคนดูบ้าง ผลงานที่ยิ่งใหญ่ครั้งแรกที่เขายอมทำอะไรอย่างนี้


“ อืม” เขามองผ่านแล้วหลับตาลง

“ นนท์ขอโทรศัพท์พี่หน่อย”


“ จะทำอะไรอีกคุณหนู...” สุ้มเสียงเขาไม่ได้รำคาญนนท์เลย ตอนนี้ไม่ว่านนท์อยากทำอะไรเขาก็พร้อมร่วมมือทำไปกับนนท์ทุกอย่าง มันก็น่าแปลกนนท์ก้าวเข้ามามีอิทธิพลต่อความนึกคิดของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเองก็ไม่รู้ แต่พอมานั่งทบทวน ภาพของอีกคนก็เริ่มเข้ามาในความคิดแทบจะทุกครั้ง ทุกความรู้สึกหรือลมหายใจเข้าออกรอยยิ้มการเอาใจใส่ หรือจะเวลาที่เธอย่นจมูกใส่เขา ...ทุกภาพของความรัก


“ เอามาเถอนะ”


“ อยู่ที่หัวเตียงนะ หยิบเอาเองล่ะพี่จะนอนแล้ว” คำนั้นที่ออกมาย่อมแสดงว่าเขาอนุญาตให้นนท์ใช้โทรศัพท์ของเขาแล้ว นนท์ยิ้มแป้นเอื้อมกายไปหยิบโทรศัพท์พกพาที่วางอยู่หัวเตียงข้างเขา ชายหนุ่มที่หลับตาอยู่เริ่มรู้สึกเหมือนเสื้อที่นนท์ใส่อยู่สัมผัสถูกหน้าของเขา กลิ่นหอมจากกายที่บอบบางลอยมาแตะไม่คลาย แม้นนท์จะกลับไปนั่งที่เดิม..แต่เขายังรู้สึกเหมือนกลิ่นนั้นไม่จางไป


“ วันนี้พี่น่ารักมากเลยนะ... นนท์รักพี่จัง..” นนท์ยิ้มให้กับคนที่หลับตา.. สมแล้วกับที่เป็นน้องสติช.. ทุกความรู้สึก ทุกอารมณ์แสดงออกมาชัดเจนไม่เคยปิดบัง..


“ บ่นอะไรอีกแล้ว..” ต้นพึมพำเบาๆ..พลิกมาที่คนที่นั่งอยู่พลางดึงร่างที่นั่งกดโทรศัพท์ให้ล้มลงนอนข้างกายเขา ความอบอุ่นที่ถ่ายทอด สัมผัสที่ปรากฏผูกพันสองหัวใจให้ใกล้กันมากขึ้น..

“ ไม่ได้บ่นสักหน่อย..”

“ งั้นก็เงียบสักทีสิ..พี่ง่วงแล้ว..”

“ ..” นนท์พยักหน้าเบาๆ ยอมตามใจอีกคน ..พลางยื้อกายเล็กน้อยเพื่อเอื้อมไปปิดไฟหัวเตียง ก่อนร่างทั้งสองจะเริ่มดำดิ่งสู่สัมผัสของความรัก...

‘พี่สัญญา...พี่จะไม่ทำให้นายต้องเสียใจอีกแล้ว..น้องสติชของพี่...’ ความคิดที่ปรากฏ ..ยืนยันความรู้สึกภายในอย่างชัดเจน ..จะให้ทำยังไง..การแสดงออกของต้นอาจจะดูน้อย อาจจะดูขรึม..หรือมากมายด้วยความเย็นชา ..แต่ที่เขาทำ..มันก็มากที่สุดเท่าที่คนเย็นชาคนหนึ่งจะทำให้คนที่เขารักได้แล้ว...

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 20+21+22
เริ่มหัวข้อโดย: gboy ที่ 22-07-2009 08:04:28
 :m11:
 :m1:
ดีใจแทนน้องนนท์

แล้วเราก็รอต่อไป :z2:
 :z2:
 :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 20+21+22
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 22-07-2009 15:21:45
ชอบอ่านเรื่องนี้ที่สุดเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 20+21+22
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 22-07-2009 16:42:39
พี่ต้นรักษาสัญญาด้วยนะ  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 20+21+22
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 22-07-2009 20:10:50
:mc4: :mc4: :mc4:  ในที่สุดก็สำเร็จ   :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 20+21+22
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-07-2009 22:48:16
 :o8: :o8:

ว๊าวววว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 20+21+22
เริ่มหัวข้อโดย: changasa@hotmail.com ที่ 23-07-2009 00:15:11
 :L1: กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆ รักกันแล้ววววววววว น่ารักจังเลย พี่ต้น น้องนนท์นี่ เริดๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 23-07-2009 21:33:07
ตอน 23 ..

เช้าวันถัดมา...ก็เป็นวันเสาร์นนท์เลยขอต้นกลับบ้าน..ส่วนชายหนุ่มก็ยังมีงานต้องสะสางเลยปล่อยให้น้องสติชของเขากลับบ้านคนเดียว เมื่อคืนถือเป็นช่วงเวลาที่นนท์มีความสุขมากไม่น้อย พี่ต้นที่มักจะเย็นชา ทำเหมือนไม่สนใจ แต่กลับแสดงอะไรๆ ออกมาชัดเจนพอสมควร ระหว่างที่ลงจากแท๊กซี่ก็ไม่ทันได้สังเกตว่าด้านหลังมีแท๊กซี่อีกคันมาจ่อจอด..


“ ยิ้มกว้างเลยนะแก...” เสียงทักทายของแม่ร่างเล็กที่ยิ้มกว้างไม่แพ้กันเอ่ยขึ้น ..


“ ว่าแต่ฉัน..แกล่ะไอ้ลิง ปากจะถึงรูหูแล้วนะ..” นนท์แก้เก้อด้วยปากตระไกร ที่ไม่เคยหายไปแม้วันเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน ..สองเพื่อนสนิทเดินมาใกล้กัน พลางหัวเราะอย่างรู้ทันในกันและกัน..


“ เป็นไงบ้างล่ะ..ดีกับไอ้คิงคองมันยัง..” นนท์ถามเป็นเชิง ..ดูจากรอยยิ้มมีหรือจะดูไม่ออกว่าดีหรือยังไม่ดี.. ก็เล่นกว้างเสียขนาด ยูเอ็ฟโอเข้าไปได้..


“ ก็เหรอ..แล้วเมื่อคืนไงบ้างล่ะ..อย่าบอกนะว่าโดนไอ้คิงคองมัน..”

“ บ้า..ฉันไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้นนะไอ้ป๋า... ขืนไอ้ต่อกล้าฉันฆ่ามันแน่...”


“ อืมๆ... เหรอ...แต่เห็นมันงอนทีไร แกจะเป็นจะตายทุกทีเลยไอ้ลิงน้อยของพี่..” นนท์ยิ้มกริ่มพลางคล้องคอเพื่อนที่สูงน้อยกว่าอย่างมีความสุข .. วันนี้มันวันเสาร์สุดสดใสของนนท์นี้...มีความสุขมากเกินไปหรือเปล่าพ่อน้องสติชของพี่ต้น ..


“ ดีแต่ล้อ..แกล่ะ..ทำไมถึงไปนอนกับพี่ต้นได้...” กิ่งไม่ยอมแพ้หันไปคาดคั้นกับเพื่อนบาง..


“ ไม่ได้มีอะไรสักหน่อย ...ฝนมันตกฉันเลยไปนอนก็เท่านั้น..” นนท์บอกไปไม่ได้โกหกสักหน่อยนะ แค่บอกไม่หมดเท่านั้นเอง

“ แล้วขีดความสัมพันธ์เป็นไงบ้าง พัฒนารึเปล่า”


“ ก็เหมือนเดิม. ขึ้นบ้านดีกว่าแก.” นนท์ยิ้มให้เบาๆ ..โอบร่างเพื่อนแสนสนิทเข้าบ้านไปอย่างมีความสุข น้องติชนะน้องติช ขืนไปทำอย่างนี้ต่อหน้าไอ้พี่ต้น ..ได้โดนหึงอีกหรอก ขนาดครั้งก่อนยังเกือบโดนเหวี่ยง ลืมไปแล้วหรือยังไง...



หลังจากอู้งานมาหลายวันเพราะพิษรัก วันนี้เจ้าหน้าหวานพ่อครัวประจำบ้านได้โอกาสกลับมาทำหน้าที่อย่างเต็มตัว โดยมีคุณแก้วคอยช่วยเป็นลูกมือ ตั้งแต่นนท์มารับหน้าที่นี้ไป นางก็เบาแรงลงเยอะแม้การทำอาหารจะเป็นงานที่นางรัก แต่เพราะภาระอื่นอีกมากมายเลยทำให้งานบ้านบางอย่างเหนื่อยเกินไปสำหรับคนวัยอย่างนาง


คุณแก้วที่เห็นว่างานในครัวใกล้จะเสร็จ เลยจัดการนำอาหารส่วนหนึ่งออกไปจัดไว้ข้างนอก และเป็นช่วงพอดีกับที่พ่อครัวหน้าสวย .. เกิดจะเข้าห้องน้ำเลยเรียกให้กิ่งช่วยมาดูอาหารให้หน่อย


เมื่อเพื่อนสาวมารับหน้าที่ นนท์จึงรีบจัดการไปทำธุระของเขา



คนที่กำลังคนแกงในหม้ออยู่เพลินๆ ตกใจจนเกือบทำทัพพีหล่นพื้น เพราะอยู่ๆเสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของนนท์ก็ดังขึ้น ตอนแรกเธอก็กะจะไม่รับ แต่สายตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างในจังหวะหนึ่ง




“ แม่ ๆ” เธอส่งเสียงเรียกลั่นบ้าน จนคุณแก้วที่กำลังจัดจานอยู่ถึงกับสะดุ้ง นึกว่ามีสัตว์ร้ายกล้ำกรายเข้ามาในครัว เลยรีบวิ่งมาตามต้นเสียง


“ มีอะไรแม่คุณ แม่นึกว่างูเงี้ยวเสียอีกร้องซะลั่นบ้านเลยนะเรา” นางเอ็ดเข้าให้เมื่อพบห้องครัวที่ว่างเปล่าไม่มีสัตว์ร้ายอย่างที่คิด ก็เสียงของแม่ลูกสาวดังเสียโอเว่อร์เกินมาตรฐานทั่วไป


“ แม่อย่าเพิ่งว่ากิ่งเลยดูนี้ซะก่อน” เธอรีบชี้ให้มารดาดู


“ ว้าย...” สองสาวยิ้มพร้อมเพรียง คนที่เอ็ดลูกว่าส่งเสียงโวยวายไม่สมเป็นกุลสตรีไทยเป็นฝ่ายส่งเสียงดังกว่ากิ่งเสียอีก ก็สิ่งที่เห็นมันทำให้ใจสองสาวต่างวัยเต้นแรงนี้



“ ตายแล้วนี่เขาไปถ่ายรูปกันตั้งแต่ตอนไหนกัน หอมแก้มกันด้วย” นางกล่าวขึ้น เพราะภาพแสดงสายเรียกเข้าคือภาพของคนหน้าหวานโดนต้นหอมแก้มอยู่


“ ไม่อยากเชื่อว่าพี่ต้นจะทำอย่างนี้ สงสัยภูเขาน้ำแข็งบ้านเราคงถูกนนท์ละลายลงได้จริงๆแล้วล่ะแม่” กิ่งเสริมทัพ น่าแปลกที่ต้นจะยอมถ่ายรูปอย่างนี้ อีกอย่างภาพนี้ก็ฟ้องชัดว่าทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์ไปไกลอีกระดับหนึ่งแล้ว


“ แม่...นนท์มาแล้ว” กิ่งส่งสัญญาณเมื่อเห็นเงาไหวๆนอกครัว สองแม่ลูกหันกลับที่หน้าเตาพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่เงียบลง


“ หอมน่าทานจังเลยนะ” นางพูดเสียงหวานกับแม่ลูกสาวเอาเถอะตอนนี้ออสการ์ก็ออสการ์เถอะ นางชิงได้ทุกถ้วยแน่นอนหากมีชื่อนางเสนอเข้าไป ก็เล่นเนียนจนขนาดนนท์ยังจับไม่ได้



“ มาแล้วเหรอนนท์” กิ่งทักขึ้นอย่างปกติ ทำเหมือนเพิ่งเห็นว่าเพื่อนสนิทเดินเข้ามาทั้งที่จริงๆแล้วเห็นตั้งแต่นนท์ยังไม่เข้ามาในครัว

“ อืม..เป็นไรไปหรือเปล่านี่ลิงน้อย..ท่าทางแปลกๆ ”


“เปล่าๆ.... เออใช่เมื่อกี้ใครโทรฯมาไม่รู้ ฉันกำลังช่วยแม่หยิบจานออกไปข้างนอกเดินเข้ามาก็วางสายไปแล้ว” แนบเนียนจริงๆทั้งสองแม่ลูก ลูกรับแม่ส่งชงกันได้อย่างกลมกล่อม นนท์เลิกคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูหมายเลขและต่อกลับไปทันที



“ เอ๊ะ” ฝ่ายต้นที่กำลังนั่งดูเอกสารอยู่ หันกลับมามองโทรศัพท์ที่ส่งเสียงร้องพลางจ้องมองหน้าจออย่างแปลกใจ ชื่อของสายที่โทรฯเข้าไม่มี แต่ปรากฏเป็นรูปขึ้นมาแทน สงสัยที่นนท์ขอโทรศัพท์เขาเมื่อคืนนี้คงจะจัดการใส่ภาพแสดงสายโทรเข้ามาอย่างนี้แน่นอน ช่างคิดได้จริงๆเลยนะเจ้าสติชสีอ่อน

..
“ มีอะไรหรือเปล่า” นนท์ส่งเสียงลอดปลายสาย...


“ พี่จะถามว่ารายงานที่เขียนเมื่อคืนนี้ ผลยอดรวมมันเท่ากับเท่าไหร่เหรอพี่หาตัวเลขไม่เจอ” ที่แท้ก็โทรฯมาเรื่องงาน แต่เอาเถอะได้ยินเสียงของเขาก็ดีใจแล้ว

“ นนท์เขียนไว้ในสมุดสีชมพู เล่มเล็กๆ พี่ลองดูบนโต๊ะนนท์นะจะเห็นว่ามันวางอยู่” นนท์บอกตำแหน่งสมุดที่จดรายละเอียดข้อมูลไว้ ฝ่ายสองแม่ลูกก็รีบปลีกตัวออกมาจากห้องครัวไปสนทนาเรื่องที่ได้ยินได้เห็น

“ เบอร์พี่ต้นจริงๆด้วย นนท์ไม่ยักกะบอกว่าโดนพี่ต้นจุ๊บๆ”


“ นั้นนะสิ แต่อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่นล่ะนะ รอดูกันไปเรื่อยๆอย่างนี้สิถึงจะสนุกชักลุ้นตามแล้ว สนุกกว่าละครตอนค่ำอีก ไม่นึกเลยว่าคนอย่างพี่ต้นจะกล้าหอมแก้มนนท์อย่างนี้” คุณแก้ววางตัวเนียนต่อไป..รอลุ้นผมการแข่งขันที่กำลังดำเนินอยู่..



ในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้นก็เป็นช่วงที่มหาวิทยาลัยเปิดภาคเรียนนนท์ทำเรื่องมาฝึกงานที่สำนักพิมพ์ของบ้านวรโชติได้อย่างรวดเร็ว เพราะเจ้าของบริษัทยอมลงชื่อให้ตั้งแต่ที่เขายื่นหนังสือมาให้ ไม่ใช่เพราะนนท์เป็นคนสนิทชิดใกล้เพียงอย่างเดียว ความสามารถที่ช่วยแบ่งเบาภาระของต้น ได้ดี ทำให้คุณแก้วไม่ลังเลที่จะลงชื่อยอมให้นนท์เข้ามาฝึกงาน แต่การลงชื่อยังต้องมีชื่อเจ้านายอีกคน เจ้านายที่จะควบคุมและพิจารณาการฝึกงานของเขาในเวลาหนึ่งภาคเรียนต่อจากนี้



“ โธ่น้าแก้วเห็นปุ๊บก็เซ็นให้ปั๊บ พี่จะแกล้งนนท์ใช่ไหมนนท์รอมาหนึ่งชั่วโมงแล้วนะ พี่ไม่ยอมเซ็นให้นนท์จริงเหรอ” นนท์บ่นกระเง้ากระงอด..นั่งหน้างอข้างๆเขา เห็นท่าทีร้อนใจของคนข้างกายก็แอบดีใจ ที่ได้แกล้งกวนประสาท เขายังจับจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ห่าง จนนนท์ชักจะหมดความอดทนทอดกายลงเอนบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน



“ เซ็นให้นนท์ได้หรือยัง หรือจะให้นนท์ไปสมัครที่บริษัทอื่นหา ใช่สินนท์รู้แล้วงั้นนนท์ไปฝึกงานที่บริษัทแม่ก็ได้ เล่นตัวดีนัก” นนท์ย่นจมูกเข้าใส่เจ้านายจอมกวน..( ตายแล้วพี่ต้น นับวันยิ่งน่ารัก..) พลางลุกขึ้นคว้าใบลงชื่อที่วางไว้หน้าโต๊ะของเขาขึ้น ฝึกงานที่บริษัทของคุณนันงั้นเหรอ ก็แสดงว่านนท์จะไปฝึกไกลถึงอเมริกานะสิและอย่างนี้ก็ต้องห่างกัน ...มือของเขาชิงตัดหน้าหยิบใบนั้นไปก่อน

นนท์มองอย่างขัดใจเขายังจะแกล้งอีกเหรอนี่


“ จะเอายังไงกันแน่นนท์เหนื่อยแล้วนะ”


“ แล้วใครบอกว่าพี่จะไม่เซ็น ทำงานอยู่ไม่เห็นหรือยังไงล่ะ” แต่นนท์ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่างานที่ยุ่งอยู่จะเจียดเวลาแค่สามวินาทีมาลงชื่อในใบอนุญาตรับฝึกงานของเขาไม่ได้เลยหรือไง

“ โธ่เซ็นให้นนท์ก่อนไม่ได้เหรอ”


“...” เขาละสายตาจากคอมพิวเตอร์ ตัดสินใจจรดปากกาลงนามในใบฝึกงานของน้องสติช ไหนๆก็รั้นมาได้ไกลถึงหนึ่งชั่วโมงจะรั้นต่อ ก็กลัวว่านนท์จะระเห็จไปอเมริกาจริงอย่างที่พูดขู่เขา


“ ก็แค่นี้เองไม่เห็นจะยากเลย” นนท์หยิบแผ่นกระดาษขาวนั้นมาดู กระดาษเพียงใบเดียวแต่มีผลต่อการจบการศึกษาของเขาเลยทีเดียว... ไม่น่าเชื่อเลยว่ากระดาษเพียงใบเดียวจะตัดสินอนาคตของคนเราบางคนได้เลย

“ สมใจแล้วสิ”

“ โธ่ก็พี่เล่นแกล้งนนท์ตั้งแต่เมื่อชั่วโมงก่อน นนท์ก็หมดกำลังใจพอดีสิ เห็นเซ็นให้แล้วถึงได้กำลังใจกลับมาบ้างแต่ก็เหนื่อยใจ กว่าพี่จะยอมเซ็นให้ ” นนท์ถอนใจหลังกล่าวจบ ชายหนุ่มละจากหน้าจออีกครั้งคราวนี้เขามองมายังนนท์ตรงๆ

“ มานี้สิ” ชายหนุ่มส่งเสียงบอก.. นนท์หันกลับไปมองคนคิ้วเข้มอย่างไม่เข้าใจนัก จะให้ไปไหนอ่ะ..นนท์ก็ยืนใกล้ต้นอยู่แล้วนี่.. จะให้ใกล้กว่าเดิมงั้นเหรอ..

“ ไปไหนครับ”


“ มานั่งนี้” เขาชี้ไปยังเก้าอี้ที่วางไว้ข้างๆ เมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาจะให้นนท์มานั่งตรงนั้น เลยยอมเดินไปนั่งอย่างว่าง่ายทำตามที่เขาบอก นนท์หนอช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในแววตาของต้น ที่มองเขาเปลี่ยนไปมาหลายครั้งแล้ว นนท์ไม่เคยรู้เลยว่าในดวงตาคู่กลมแอบรู้สึกบางอย่างกับนนท์เข้าแล้ว


“ มีอะไรเหรอ ให้นนท์มานั่งตรงนี้ทำไมล่ะ” นนท์ถามตาใส ดวงตาจ้องหน้าคนหน้าหล่อที่ชอบบึ้งๆ ตึงตลอดวันอย่างสงสัย

พี่ต้นจะให้นนท์นั่งตรงนี้ทำอะไร


“ แค่พี่แกล้งนิดหน่อยถึงกับกำลังใจหดหายเลยเหรอ” เขาขยับเก้าอี้ให้มาประจัญหน้ากับนนท์ตรงๆ คำถามที่ต้องการคำตอบถูกเขาเอ่ยออก

“ ก็ใช่นะสิ เวลาพี่แกล้งก็ชอบทำหน้านิ่งนนท์จะรู้ได้ยังไงล่ะว่าพี่รู้สึกยังไง จะแกล้งหรือกำลังทำงานจริงๆ นนท์แยกไม่ออกหรอกเห็นแล้วกำลังใจหายหมด ” นนท์บอกไปตามที่คิด


“ เหรอ” ชายหนุ่มปรายยิ้มเพียงน้อย แล้วเลื่อนกายเข้าหาอีกคนอย่างนุ่มนวล ริมฝีปากของเขาวางที่แก้มปลั่งอีกคราแล้ว ดวงตาคู่เดิมที่ชอบเบิกกว้างเมื่อเจอเข้าอย่างนี้ทำงานตามวิสัยของมัน เมื่อกี้เขายังแกล้งนนท์อยู่เลย แล้วมาทำหวานซึ่งหน้าแบบนี้นนท์ปรับอารมณ์ตามไม่ทันจริงๆ

“ เป็นไงบ้างกำลังใจกลับมาหรือยังล่ะ ถ้าวันไหนกำลังใจหมดอีกอย่าลืมบอกพี่บ้างล่ะ แล้วทีหลังก็อย่าเอาเรื่องไปอเมริกามาขู่อีกฟังแล้วกำลังใจหดหายเหมือนกัน” เขายอมปริปากถึงขนาดนี้มีหรือที่นนท์จะไม่ดีใจคนอย่างต้น ทำอะไรดีๆอย่างนี้ก็เป็นแฮะ ไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของเขา


“ ครับ.” นนท์พยักหน้ารับอย่างดีใจ พลางโผเข้ากอดอีกคนที่นั่งอยู่บนกอดอีกอย่างเร็ว..เก้าอี้ล้อเลื่อนที่นั่งอยู่ถึงกับเลื่อนไปด้านหลังจนชนผนัง..แต่ก็กลับไม่มีอะไรทำให้ทั้งสองแยกจากกันได้..พี่ต้นมองคนที่กอดร่างเขาอยู่พลางยกมือขึ้นโอบอีกร่างนั้นเบาๆ..

“ หนักไหมพี่ต้น..”


“ ตัวเล็กจะตาย..พี่หนักก็แปลกแล้ว..” ต้นยิ้มรับกับความสุขที่ปรากฏ กลิ่นหอมจากกายนุ่มๆ ของคนที่กอดเขา ดูจะตราตรึงไปทุกความรู้สึก.....พี่หลงรักเราเข้าแล้วใช่ไหม น้องสติชขี้อ้อน...


“ วันนี้นนท์ขอลานะ..ต้องเอาหนังสือไปยื่นคณบดีก่อน..” นนท์ผละออกเล็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองคนที่เขาก่อนเพื่อขออนุญาต..


“ อืม..” ต้นพยักหน้ารับ ..ปล่อยมือออกจากนนท์ให้อีกคนได้ไปทำธุระอย่างที่บอก เส้นทางข้างหน้านับจากนี้จะไม่ใช่ทางราบที่หนึ่งชีวิตวิ่งไปข้างหน้า อีกหนึ่งหัวใจวิ่งตามอยู่ข้างหลัง... ณ เวลานี้ ทั้งสองจะวิ่งไปด้วยกัน หากนนท์เหนื่อย..พี่ต้นจะชะลอฝีเท้า หากนนท์ล้า..เขาจะหยุดวิ่งเพื่อรอให้นนท์หายเหนื่อย...

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 23-07-2009 23:01:30
ตอน 24

วันนี้ที่บ้านวรโชติมีสมาชิกอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา แถมยังมีแขกมาร่วมโต๊ะอาหารเพิ่มอีกคน ด้วยเพราะคุณปานเดือนเพื่อนบ้านต้องไปทำธุระเร่งด่วนเช่นครั้งก่อน เลยฝากลูกชายมาทานข้าวที่บ้านคุณแก้วอีกครั้ง ซึ่งนางก็ยินดียิ่งที่ได้สมาชิกมาเพิ่ม


“ ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ต้องรบกวนคุณแก้วอีกแล้ว” น้ำเสียงเกรงใจของคุณปานเดือนลอดผ่านสายมา จนคุณแก้วเองก็จับกระแสนั้นได้


“ จะเกรงอกเกรงใจไปทำไมคะบ้านเราก็รู้จักกันมานาน ฉันเห็นตาโดมตั้งแต่เด็กเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง อีกอย่างฉันก็ไปรบกวนบ้านคุณตั้งหลายวันในครั้งก่อนคุณอย่าคิดมากเลยนะคะ ได้ตาโดมเพิ่มมาอีกคนบ้านจะได้ครึกครื้นไงคะ” นางปลดความวิตกของเพื่อนบ้านลงจนหมด


“ ขอบคุณมากนะคะ ไว้ฉันจะรีบกลับ” ไม่นานหลังจากที่มารดาโทรศัพท์นำร่อง โดมก็เดินทางถึงบ้านวรโชติด้วยสีหน้าแช่มชื่น วันนี้เขาเพิ่งได้รับข่าวดีเรื่องการเรียน บรรยากาศในโต๊ะอาหารดำเนินไปอย่างที่คุณแก้วคิดทุกประการ เพราะโดมสอบเข้าในมหาวิทยาลัยเดียวกับสองเพื่อนสนิทของบ้าน เลยทำให้ประเด็นนี้ถูกพูดกันไม่หยุดหย่อน


“ เก่งจริงๆเลยนะโดม ได้คณะวิทยาศาสตร์เหรอนี่ คณะนี้ได้ข่าวว่าสอบเข้ายากมากเลยนะ แต่ละปีรับแค่ไม่กี่สิบคน สอบได้อย่างนี้ถือว่าเก่งทีเดียว” กิ่งเอ่ยชมไม่ขาดปาก ร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนบ้านรุ่นน้องที่อายุห่างจากเธอราวสองปี


“ เพราะพี่กิ่งนั่นแหละ ครูต่อที่พี่กิ่งแนะนำให้มาสอนผมน่ะ เก่งมากเลยทีเดียวความดีทั้งหมดเห็นทีผมต้องยกให้ครูเขาแล้วล่ะ” คำชมของเขายกอ้างไปถึงพ่อหนุ่มหัวดี แฟนหนุ่มของหญิงสาวท่าทีของเธอหลุกหลิกเล็กน้อยแต่ก็ไม่รอดสายตานนท์ได้หรอก โดมรู้จักกับครูสอนพิเศษคนนี้ก็ยังเป็นบอกไปว่าเป็นเพื่อน..เฮ้อ...


“ ค่ะแม่” เธอจำต้องรับ


“ แม่ชักอยากเห็นหน้าเขาเสียแล้ว เออใช่แม่นึกออกแล้วเห็นตาโดมบอกว่าเขาหล่อยังกะพระเอกหนังจีนใช่ไหม ครั้งที่แล้วแม่ถามว่าระหว่างเขากับพี่ต้นของลูกใครหล่อกว่า ให้นนท์ตัดสินก็คงไม่ได้หรอกเพราะรายนั้นเขาลำเอียงเห็นๆ...” นนท์ถึงกับสะดุด ช้อนในมือหล่นลงกระทบจานเสียงดัง แล้วทำไมถึงมาลงที่นนท์อย่างนี้ล่ะ คนนั่งใกล้ส่งยิ้มแสนเจ้าเล่ห์มองมายังเจ้าน้องสติชข้างกาย มองท่าทีขัดเขินก็น่ารักไปอีกแบบ


“ ยิ้มอะไร ” นนท์ทักท้วงเสียงแผ่ว


“ เปล่ายิ้ม ” เห็นอยู่ชัดว่ายิ้มอยู่ แต่ยังมีหน้ามาตอบว่าไม่ได้ยิ้มอีกคิดแล้วน่าหมั่นไส้เขาจริงๆแต่เพราะยังมีอีกหลายคนร่วมโต๊ะอยู่เลยทำให้ต้องนั่งเฉย


การสนทนาเรื่องความหล่อเหลาของพ่อลูกชายคนโตกับเพื่อนสนิท ที่ชิดใกล้ของกิ่งสะดุดนิ่ง เมื่อนนท์ทำช้อนตกกระทบจานข้าว ทุกสายตามองมายังร่างบางไม่คลาย


นนท์ได้แต่ข่มความอายพยายามนั่งนิ่งไม่แสดงอาการอะไรมากกว่านี้ แต่รอยยิ้มที่ยังเปื้อนบนหน้าพี่ต้นเขายังยียวนกวนประสาทนนท์ไม่หาย ต้นเดี๋ยวนี้ชักกวนประสาทมากขึ้นนะ


แต่การกวนนี้ก็มาพร้อมกับการเปิดเผยความรู้สึก การกระทำที่สร้างรอยยิ้มและความอิ่มเอมให้กับนนท์ คิดไปแล้วก็พออภัยให้ได้ เพราะถึงอย่างไรสิ่งที่เขาทำดีๆให้ก็ย่อมมีความหมายมากกว่าอยู่แล้ว


“ หยุดยิ้มเดี๋ยวนี้นะ” นนท์บอกลอดไรฟัน แต่เขาก็ไม่ยอมทำตามง่ายๆหรอก การได้แกล้งเจ้าตัวเล็กแม้เล็กน้อยแต่ก็พอทำให้ชีวิตมีสีสัน นนท์นั่งอดทนอยู่นานจนสุดท้ายต้องแกล้งกระทืบเท้าเขา... ตอนนี้แหละรอยยิ้มถึงได้จาง หน้าของนนท์เปลี่ยนไปประดับด้วยรอยยิ้มแทนที่

นนท์ปรายตามองเขาอย่างผู้ชนะ เห็นท่าทางสนิทสนมของชายหนุ่มและว่าที่สะใภ้ที่เพิ่มมากขึ้น ก็ทำให้ทุกคนล้วนยินดี แม้ส่วนหนึ่งของใจเด็กหนุ่มข้างบ้านจะร้าวๆแต่ก็พร้อมยิ้มรับ ในเมื่อเขาเห็นว่านนท์เองก็มีความสุข เขาเลยอยากให้ความสุขยังคงอยู่ และเผื่อแผ่ไปสำหรับคนอื่น ..

“ ตกลงว่าไง... พี่ต้นกับเพื่อนน้องกิ่ง น้องกิ่งคิดว่าใครหล่อกว่าจ๊ะ” มารดาสลัดความคิดเกี่ยวกับคู่ของลูกชายคนโต มาถามคำถามจากแม่ลูกสาวคนเล็กต่อ


“ หนูไม่รู้หรอก หนูอิ่มแล้ว” เล่นหลบหลีกเสียเต็มประดา มีเพียงนนท์และต้นเท่านั้นที่รู้เหตุผล คนที่ทำให้กิ่งหวั่นไหวเสียใจ ต้นรู้จากปากนนท์หมดแล้ว



“ เป็นอะไรไปนะลูกคนนี้ กินข้าวยังกับแมวดมแล้วดูสิคำตอบก็ยังไม่ให้แม่เลย” นางกล่าวอย่างไม่ติดใจสักเท่าไหร่ แม้จะได้คำตอบแต่ในใจก็ต้องยกให้ลูกชายของตนหน้าตาดีที่สุดอยู่แล้ว คนเป็นแม่ที่ไหนบ้างจะบอกว่าลูกชายตนหน้าตาไม่เข้าขั้น ใจของแม่ย่อมลำเอียงเข้าหาลูกเสมอ


การมาทำงานที่สำนักพิมพ์ในช่วงนี้ค่อนข้างสบาย เพราะต้นเดือนที่ผ่านมาได้ระดมความคิดสรุปต้นฉบับหนังสือไปได้ถึงสี่ห้าปักษ์ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก กับการวางตารางงานที่นนท์เขียนให้
ตอนแรกเขาก็ไม่ได้สนอะไรนักหรอกเพราะดูเป็นเรื่องไร้สาระ แต่เพราะมีอีกคนคอยนั่งบอกข้างๆ เลยทำให้เขาต้องทำทุกอย่างให้เป็นเวลา โดยเฉพาะการทานข้าวกลางวันเป็นสิ่งที่นนท์ไม่ยอมให้เขาผัดผ่อนสักนาที นนท์เป็นห่วงเขามากเพราะแต่ก่อนชายหนุ่มก็เลือกเอาสะดวกโดยดื่มกาแฟกับขนมปัง เวลาทานข้าวกลายเป็นเวลางานไปปริยาย

“ พี่จะเอาอะไรไหมเดี๋ยวนนท์จะลงไปซื้อขนมข้างล่าง” นนท์เงยหน้าขึ้นถามชายหนุ่มที่ตรวจรายละเอียดผู้ลงโฆษณาที่นุ่นเพิ่งส่งมาให้


“ ไม่หรอกแต่นี่ไปซื้อขนมอีกแล้วเหรอ เลขาฯพี่นี่ไม่ไหวเลยนะ” เขาบ่นเพียงน้อยไม่ได้จริงจังอะไรมากกับคำพูดที่ออกมา


“ โธ่พี่ลืมไปแล้วเหรอว่าตอนนี้สำนักพิมพ์ของเราเพิ่มช่วงพักสิบนาทีให้ทั้งสองช่วง ตอนสายและตอนบ่ายฉะนั้นห้ามบ่นนะ นนท์ไม่ได้อู้สักหน่อยการเดินลงไปซื้อขนมถือเป็นการยืดเส้นยืดสายอย่างหนึ่ง พี่เองก็เหมือนกันตอนนี้เป็นตอนพักสิบนาทีนะ” เรื่องพักช่วงสั้นๆสิบนาทีเหรอ


...จะมาจากใครได้อีกล่ะถ้าไม่ใช่นนท์ความคิดจากช่วงที่เรียนประถม เหมือนจะนำมาปรับใช้กับองค์กรนี้ได้อย่างลงตัว เพราะการได้ไปผ่อนคลายบ้างในช่วงที่ต้องทำงานเครียดๆจะทำให้สมองคนเราปลอดโปร่งขึ้น งานที่ติดค้างอยู่ก็จะจัดการไปได้อย่างรวดเร็ว


ถือเป็นแนวคิดที่ดีไม่น้อย จากสำนักพิมพ์บ้านวรโชติ..ควรเปลี่ยนนามเป็นสำนักพิมพ์น้องสติชสีอ่อนจะเหมาะกว่า เพราะนนท์เหมือนจะยินดีเสนอความคิดทุกอย่างที่มีประโยชน์ต่อบริษัทและต่อเขาอย่างมีความสุข


“ ตามสบายครับคุณหนู” เขาอนุญาตเมื่อได้ฟังเหตุผล เอาเถอะไว้วันหลังเขาจะออกไปยืดเส้นยืดสายบ้าง ระหว่างที่เดินมาจากห้องเจ้านายใหญ่ของสำนักพิมพ์นนท์ก็เดินสวนกับหญิงสาวคนหนึ่ง กลิ่นหอมบางๆจากร่างนั้นแตะจมูกจนทำให้นนท์ต้องเหลียวดู หญิงสาวผมยาวประบ่าเสื้อผ้าหน้าผมทุกอย่างลงตัวไปหมดมีเสน่ห์ไม่น้อย นนท์เดินออกห่างมาได้สักระยะก็ต้องเดินกลับไปเพราะลืมกระเป๋าเงินไว้ที่โต๊ะ


“ กลับมาเร็วจริงนะไปซื้ออะไรมาบ้างล่ะ” ชายหนุ่มเข้าใจว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาคือนนท์
เลยทักขึ้น เพราะในสำนักพิมพ์นี้มี นนท์เพียงคนเดียวที่กล้าเข้ามาในห้องโดยไม่เคาะประตู คนเดียวที่เขายินยอมพร้อมใจให้ทำเช่นนั้น


“ ไม่ได้เร็วอะไรสักหน่อยนี้คะ แพท เพิ่งมาต่างหาก” ( ตาย..นังแพท...) เสียงคุ้นเคยที่แทบเลือนหายไปจากห้วงคิดปลุกเขาให้รู้ตัว หญิงสาวที่มาหาเขาคือคนที่ทิ้งเขาไปเมื่อสามปีที่แล้ว



“แพท ” ชายหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อพบว่าใครมา เธอยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิมนักแทบจะเรียกได้ว่าเหมือนเดิมทุกประการหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่มพร้อมโปรยยิ้มหวาน เธอยังมีเสน่ห์ไม่คลาย

“ ไม่เจอกันนานเลยนะต้น แพท คิดถึงต้นจะแย่ ” หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้แล้วมาหยุดอยู่ข้างๆเขา ชายหนุ่มชักทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่ได้เตรียมใจรับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ใครจะนึกล่ะว่าคนที่ทิ้งเขาไปหลายปีจะหวนกลับมาในยามที่ใจเขาหวั่นไหวและเปี่ยมสุขกับใครอีกคน


“ อย่าทำอย่างนี้เลยนะแพท ” ชายหนุ่มพยายามแกะมือที่เข้ามาโอบเอวเขาไว้ หากเป็นเมื่อก่อนเขายินดียิ่งจะให้เธอทำเช่นนี้ การจับมือหรือสัมผัสทางกายอย่างอื่นที่ไม่เลยเถิดเขาพร้อมจะยอมและสุขใจยิ่งหากเธอทำเช่นนั้น แต่ตอนนี้มันควรทำเหรอ...ใจของเขาร้างลาจากเธอ ไปตั้งแต่เขาจูบคนที่ช่วยชีวิตคนนั้นคนที่ช่วยเขาจากการคิดสั้นครั้งนั้น

“ ต้นเองก็ยังไม่มีใครไม่ใช่เหรอ จะเป็นไปได้ไหมที่เราจะมาเริ่มต้นกันใหม่” ดวงตาเว้าวอนทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกคำปฏิเสธติดอยู่ที่ริมฝีปากแต่ทำอย่างไรมันก็ไม่หลุดออกไปเสียที เธอคงรู้เรื่องเขาพอตัวถึงได้รู้ว่าเขายังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่รู้พอตัวใช่จะรู้ทั้งหมด...



“ คือ...”เขาอึกอักพูดไม่ออก

“ นะคะต้น” หญิงสาวยังคงออดอ้อน เหมือนสามปีที่ไม่เจอกันแพท จะผ่านโลกมาเยอะ เธอไม่ใช่พวกผู้หญิงจอมมารยาที่จะใช้ไม้ตายหญิงมาหลอกตาพวกผู้ชาย สิ่งที่เธอพูดย่อมออกมาจากห้วงคิดทั้งนั้น
การกลับมาครั้งนี้เพราะบิดาต้องย้ายกลับมาทำงานที่เมืองไทย ความสัมพันธ์ที่ทิ้งร้างไปเธอเลยอยากสานต่อเพราะรู้ดีว่าเขาต้องเสียใจมากแน่ๆ แต่เธอยังไม่รู้หรอกว่าเขาหมดใจจากเธอแล้ว


“ ใช่สิพี่อยากทานขนมอะไรยังไม่ตอบ...” คนที่เดินเข้ามาในห้องกล่าวถาม แต่คำพูดทั้งหมดของนนท์ก็จางหายเมื่อเห็นชายหนุ่มยืนกอดกับแม่สาวที่เดินสวนกับนนท์เมื่อครู่



“ ทำไมคนของต้นไม่มีมารยาทอย่างนี้ล่ะ” เพราะกำลังทำกิริยาที่ไม่เหมาะต่อการเปิดให้คนอื่นๆเห็นจีรนันท์จึงกล่าวดุคนเสียมารยาท



“ ขอโทษนนท์ไม่รู้ว่ามีแขก นนท์แค่มาเอากระเป๋าเงิน” นนท์ข่มใจแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าเงินที่โต๊ะแถมยังคว้าเจ้ากระเป๋าสะพายใบโตออกไปด้วย ต้นรับรู้ได้ทันทีว่าเจ้าน้องสติชของเขางอนเข้าแล้ว มีใครคนไหนจะยินดีบ้างล่ะ ถ้าเห็นคนที่ตัวเองรักกำลังกอดกับผู้หญิงคนอื่น


“ คนของต้นไม่ไหวเลยนะ”


“ ขอโทษนะ” ชายหนุ่มแกะมือของเธอออกโดยไว...แล้วนั่งลงอย่างหัวเสีย รู้ดีอยู่แก่ใจว่านนท์นะทิฐิแรงขนาดไหน ความเชื่อมั่นในใจมีอยู่เต็มร้อยหากเชื่อว่าเขามีผู้หญิงอื่นแล้ว


...ก็จะเชื่ออย่างนั้นปักใจ จนกว่าจะได้พิสูจน์ และที่สำคัญที่เขาหนักใจ คือผู้หญิงคนที่เข้ามาข้องเกี่ยวกับเขาในตอนนี้คือแฟนเก่าที่ทำให้เขาเป็นบ้าเป็นหลังไร้สติจนคิดฆ่าตัวตายเมื่อสามปีก่อน ภาษีทางลบในความคิดของนนท์ก็ยิ่งมากขึ้นด้วย…


“ เป็นอะไรไปหรือเปล่าต้น แค่เลขาฯทำให้ต้นหน้าเครียดอย่างนี้เลยเหรอ” จีรนันท์ถามอย่างเป็นห่วงตั้งแต่ผ่านมาเธอไม่เคยทำให้เขาเป็นอย่างนี้ได้เลยสักครั้งเดียว แค่เลขาฯเดินหนีออกไปเท่านี้แต่กลับทำให้เขาหวั่นไหวได้มาก แววตาที่วูบหวั่นทำให้จีรนันท์จับบางอย่างได้ในแววนั้น


“ ผมคงเริ่มต้นกับแพท ไม่ได้หรอกนะต้องขอโทษด้วย เขาไม่ใช่เป็นแค่เลขาฯ แต่เป็นทุกอย่างในชีวิต” ชายหนุ่มชักหวั่นมากขึ้น สายตาที่ไม่แสดงอะไรของนนท์ลอกแบบมาจากสายตาของเขาในอดีตชัดๆ สายตาที่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย ใบหน้าเรียบเฉยสิ่งที่นนท์เกลียดที่สุด แต่กลับแสดงออกมาได้แนบเนียนเยี่ยงต้นฉบับ เหมือนเขาได้มองเห็นเงาสะท้อน เหมือนเขาได้ไปอยู่ในมุมของนนท์ เขาชักเกลียดใบหน้าเรียบเฉยนั้นบ้างแล้ว


“ ขอโทษด้วยนะที่แพท เข้ามาทำให้ต้นเดือดร้อนอีกแล้ว เดี๋ยวแพท ไปอธิบายให้เขาเข้าใจก็ได้ไม่ต้องห่วงหรอก” เมื่อได้รับรู้ว่าต้นไม่ได้หลงเหลือใจให้แล้ว จีรนันท์ก็พร้อมยืดอกรับเธอไม่ใช่พวกหัวรั้น
ที่ต้องร้ายเช่นนางอิจฉาอยากได้อะไรต้องได้ หากจะเลือกเธอย่อมเลือกเป็นนางเอกอยู่แล้ว ( แมนย่ะหล่อน..จริงๆเอาแพทมาเป็นน้ำจิ้ม...เพราะแพทจะทำให้ตัวละครสองตัวมีพัฒนาการอีกระดับ..)


“ ไม่เป็นไรหรอกผมพูดกับเขาเอง” ชายหนุ่มตัดปัญหาด้วยการจะแก้ทุกอย่างเอง หากเป็นเขาไปเห็นนนท์กำลังกอดกับคนอื่นคงคลั่งไปแล้ว ความรักที่ก่อตัวกลางใจยากนักที่จะอธิบาย เวลาที่ผ่านมาหลายปีเขามีนนท์อยู่ข้างๆตลอด แม้จะยังพูดไม่ได้เต็มปากว่ารัก แต่ในใจนี้สิกลับซ่อนคำๆนี้ไว้รอวันที่อุปสรรคผ่านเข้ามาทดสอบมันจะเฉลยตัวของมันเอง

เหมือนมรสุมทดสอบใจกำลังทวีความรุนแรง เพราะแม้แต่คู่ของต่อก็ไม่รอดพ้นเช่นกัน สิ่งที่เขาหลงลืมไปแล้วหลายเดือนกำลังจะกลับมาทำให้ใจเขาหวาดหวั่นอีกครั้ง วันนี้ทั้งสองเลิกเรียนตั้งแต่ตอนเที่ยง กิ่งเลยมานั่งขลุกอยู่ในห้องของชายหนุ่ม ส่วนเขาก็ไปนอนพักผ่อนอยู่ในห้อง ระหว่างที่หญิงสาวเปิดโทรทัศน์ดูอยู่นั้นเธอก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู เลยเดินไปดูเมื่อมองลอดตาแมวดวงเล็กๆออกไปก็คลับคล้ายคลับคลาหญิงวัยกลางคนที่ยืนกดกริ่งเรียกหน้าห้อง คุณมินฑิตา... หญิงสาวเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องรีบวิ่งไปปลุกคนที่นอนอยู่ในห้องอย่างเร่งรีบ


“ ต่อ ตื่นๆ” เธอทั้งเขย่าทั้งเรียก แต่ชายหนุ่มก็เหมือนจะเหนื่อยเกินไป...จนเคลื่อนกายแต่ละทีก็กินเวลานานมาก หญิงสาวเลยต้องหยิบเอาแก้วน้ำข้างหัวเตียงมาราดใส่หน้าเขาอย่างเร่งร้อน

“ ทำอะไรของแกวะ” ได้ผลชะงักงัน ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งได้เร็วปร๋อ



“ ต่อแม่แกมาว่ะ รีบไปเปิดประตูเร็ว” น้ำเสียงเธอกระหืดกระหอบไม่น้อย ขืนมารดาของเขามาเห็นเธอในห้องเรื่องคงไม่จบง่ายๆแน่ บ้านของต่อเป็นตระกูลดังที่ใครๆ ก็รู้ถึงความมีหน้ามีตาในสังคม แม้จะให้อิสระในการใช้ชีวิตกับชายหนุ่ม แต่การกระทำทุกอย่างของเขาก็ต้องคำนึงถึงวงศ์ตระกูลเป็นหลัก


“ เหรอ ...แกเข้าไปหลบในห้องน้ำก่อนนะ ฉันไปรับหน้าเอง” ชายหนุ่มสั่งการ ส่วนตัวเขาก็รีบปรี่ไปเปิดประตู หญิงสาวก็ทำตามที่เขาบอกรีบหนีเข้าห้องน้ำไปหลบอย่างมิดชิด



“ ทำไมเปิดช้าจังลูก แม่กดเรียกตั้งนานแล้วนะ หรือว่าซ่อนผู้หญิงเอาไว้กำลังซ่อนตัวอยู่ใช่ไหม” คำทักทายของมารดาทำให้อีกสองคนหายใจไม่ทั่วท้องตามๆกัน โดยเฉพาะกิ่งที่กำลังลุ้นกลัวว่านางจับได้


“ เปล่าหรอกแม่ผมล้างหน้าอยู่” ชายหนุ่มบอกเสียงใส รีบเดินนำมารดามานั่งที่โซฟา อย่างน้อยก็ช่วยกักกันที่เดินไปมาของนางได้บ้าง เพราะหากเดินดูทั่วห้องอาจเห็นจุดผิดสังเกตเอาก็เป็นได้ ทางที่ดีควรกันไว้ก่อนดีกว่า

“ แม่มาหาผมมีอะไรสำคัญหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยถาม


“ แม่มานะเหรอก็มีเรื่องสำคัญจะมาบอกลูกนะสิ ตอนนี้ลูกยังไม่มีแฟนใช่ไหม จำเรื่องที่แม่บอกเมื่อปีที่แล้วได้ไหมตอนนี้แม่กำลังมาทวงสัญญาไงล่ะ” และแล้วนางก็เฉลยถึงเหตุผลการมาเยี่ยมลูกชายในครั้งนี้ ต่อลืมไปจริงๆ ถึงสิ่งที่มารดาเคยบอก..


“ โธ่ ! แม่ผมไม่อยากแต่งกับคนที่ไม่ได้รัก ทำไมต้องบังคับกันด้วยเดี๋ยวนี้มันยุคไหนพ.ศ.ไหนแล้ว อย่าเอาความคิดของผู้ใหญ่มาตัดสินชะตาของคนอื่นสิแม่” เขาเองก็ระลึกได้แล้วว่าเรื่องที่มารดาพูดถึงคือเรื่องอะไร การแต่งงานงั้นเหรอเขาไม่ยินยอมหรอก การที่คนจะแต่งงานกันและจะไปรักกันภายหลัง เขาคิดว่ามันมีแต่ในนิยายเท่านั้น เขารับไม่ได้จริงๆกับการตัดสินของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย แล้วสุดท้ายก็ให้เด็กๆเป็นคนรับชะตากรรมยุคนี้ทุกคนควรมีสิทธิ์ในการตัดสินไม่ใช่เหรอ



“ แม่ก็แค่อยากให้เราไปดูก่อน ทำไมต้องเอ่ยดักอย่างนั้นด้วยล่ะ อีกอย่างลูกกับเขาก็หมั้นกันไว้ตั้งแต่เด็ก โตขึ้นมาก็ควรไปทำความรู้จักกันบ้างสิ” นางเกลี่ยกล่อม


“ แล้วถ้าผมไม่ชอบยัยนั่นล่ะ”


“ อย่าเรียกน้องเขาว่ายัยนั่นสิไม่สุภาพเลยนะต่อ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ชอบ แต่แม่มั่นใจว่าหากลูกเห็นน้องต้องหลงรักเข้าแน่ แม่ยังแอบขับรถไปดูที่มหาวิทยาลัยอยู่เลย” นางชักแม่น้ำต่อ เพราะถึงอย่างไรนัดดูตัวที่กำลังจะเกิดต้องมีพ่อลูกชายไปตามนัด ไม่เช่นนั้นก็จะถูกถอนหงอกเอาได้



“ เอาอย่างนั้นนะแม่ ถ้าผมไม่ชอบเขาห้ามแม่บังคับเด็ดขาด” ชายหนุ่มมั่นใจว่าถึงอย่างไรเขาก็ไม่หวั่นไหวอยู่แล้ว ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะสวยเลิศเลอแค่ไหน ใจเขาจะไม่เปลี่ยนแปรจากเธอ เขาไม่ยอมให้สิ่งใดมาทำให้เขาต้องเลิกรักกิ่ง



“ ถ้าอย่างนั้นแม่กลับก่อนล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะโทรฯมาบอกเวลานัดแล้วห้ามสายเด็ดขาด เดี๋ยวผู้ใหญ่จะรอนานมันไม่ดีรู้ไหม” คุณตาปรายตาเพียงน้อยเดินคว้ากระเป๋าใบโตออกจากห้องลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไป


“ เอาเถอะ.... ห้ามไปสาย แต่ไม่ได้ห้ามแต่งตัวแย่ไปนี่ ! อยากรู้นะถ้ายัยนั่นเห็นว่าเราแต่งตัวไม่ดีไปร่วมโต๊ะจะทำท่ายังไง” แค่คิดก็ชักสนุกแล้วถือว่าไปเปิดหูเปิดตาสักครั้ง ให้คุณตาได้ตัดใจไปในการนัดครั้งนี้ที่ใกล้จะเกิด เขาต้องทำให้พวกผู้ใหญ่ล้มเลิกความตั้งใจจะคลุมถุงชนให้จงได้



“ ...” เขาหันกลับมาอย่างโล่งอกแต่ก็เห็นหญิงสาวผมยาวยืนจ้องมองเขานิ่งอยู่ แววตาของหล่อนนะเหรอไมได้วูบไหววาบหวั่นสักเท่าไหร่ มีเพียงแววสั่นน้อยๆแฝงไว้เท่านั้นเอง



“ ฉันกลับบ้านก่อนนะ” เธอขอตัว สิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้แม้รู้ว่ามันไม่มีความสำคัญต่อใจของเขาสักเท่าไหร่ แต่กับคุณตาย่อมคิดว่าเหมาะควรแล้วที่จะเลือกสะใภ้ให้ลูกชายตัวเอง



“ อย่าบอกนะว่างอนอีก” เขาถามตรงๆ ไม่อยากอ้อมค้อมให้มาก เพราะรู้ดีว่าการไม่พูดความจริงออกมาทำร้ายใจเราได้มากมายขนาดไหน หรือกว่าจะรู้อาจจะเสียเวลาที่มีความหมายมีค่าน่าจดจำไปหมดแล้ว เขาไม่อยากให้เธอเดินออกไปโดยยังมีเรื่องกระทบใจอยู่



“ แกเห็นฉันเป็นผู้หญิงอย่างนั้นเหรอเอะอะอะไรก็งอน ก็น้อยใจ ฉันไม่ใช่พวกนั้นสักหน่อยนะ” แค่ฟังเท่านี้ก็รู้แล้วว่างอน บอกเองว่าไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนั้นแต่ฟังจากน้ำเสียงสิจอมประชดประชันชั้นหนึ่ง


“ แล้วดูสิยังมาบอกว่าไม่ได้งอนอีก” เขายิ้มให้บางๆ


“ บอกแล้วไงว่าไม่ได้งอน แกหลีกเถอะฉันจะกลับบ้านแล้ว” หญิงสาวบอกปัดเป็นครั้งที่สอง แถมยังยกมือข้างหนึ่งมาดันร่างเขาให้หลีกทางไปด้วย งอนไม่งอนก็เห็นอยู่


“ นี่ ” เขายกมือขึ้นห้ามแรงของเธอ แล้วเปลี่ยนเป็นมากุมข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้แน่น กิ่งหนอกิ่งจากคนเข้มแข็งมีความสามารถรอบด้าน แต่เมื่อประสบพบกับความรักกลับกลายเป็นหญิงสาวเจ้าน้ำตา ขี้ใจน้อยแถมยังอ่อนแอจนน่าอ่อนใจ

“ จะหนีไปไหนล่ะ” เขาดึงมือของเธอให้มารวบเอวเขาไว้ ร่างบางนั้นจำต้องชิดร่างของเขาอย่างช่วยไม่ได้ ชายหนุ่มวางหน้าของเขาลงบนเรือนผมของคนขี้งอนไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากเขาสักคำในนาทีนี้เพียงสัมผัสที่เนิ่นนานและน่าหลงใหล ตรึงตราตรึงใจเธอไว้ให้เคียงข้างเขาตราบนานเท่านาน เขาอยากจะพิสูจน์ให้เห็นด้วยการกระทำมากกว่าคำพูด หากเขาจะรักใครอีกคงทำไม่ได้หรอก ความรักที่ดำเนินมาจากความผูกพัน มั่นคงเกินสิ่งใดจะทำลายลง..


“ อย่างอนให้มากนักสิ คนง้อเขาอ่อนใจไม่รู้หรือยังไง” มือที่กุมข้อมือเธอไว้เปลี่ยนมาโอบเธอตอบ โยกร่างนั้นไม่มาราวกับกำลังกล่อมเด็กยังไงยังงั้น

“ ฉันไม่ได้งอนสักหน่อย”

“ ปากแข็ง ! เห็นหน้าแกก็รู้แล้วว่างอนยังจะมาทำปากดีอีก ไอ้ลิง...” เขาจับโกหกแม่เด็กเลี้ยงแกะ เธอไม่มีทางปิดบังความรู้สึกเขาได้หรอก ต่อให้พยายามซ่อนเร้นไว้แต่ก็ไม่มีทางรอดสายตา ด้วยแววตาเชื่อมั่นที่จ้องลึกไปในตาของเธอ ทำให้กิ่งเกิดความเชื่อมั่นในความรักที่เขามี ..

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 23+24
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 23-07-2009 23:20:12
ยัยแพท แมนจริงๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 23+24
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 23-07-2009 23:34:35
สงสารนนท์จัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 23+24
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-07-2009 01:14:39
แพทนี่เชื่อใจได้ป่ะเนี่ย
ไม่ได้เป็นตัวร้ายแน่น๊า
เห้อ ๆๆ พี่ต้องรีบ ๆ ไปอธิบายให้นนท์ฟังซะเลย
แล้วคู่ต่อกะกิ่งนี่ งานเข้าาาา
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 23+24
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 24-07-2009 11:21:30
กลัวแพทร้ายจังอะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 23+24
เริ่มหัวข้อโดย: micaeal ที่ 24-07-2009 15:48:28
 :กอด1:


น่าร๊ากกกก  รออยู่เน้อ  พี่ต้นต้องรีบตามน้องติชไปไว ๆ เน้อ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 23+24
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 24-07-2009 22:39:54
 :serius2: ง้อโดยด่วน  :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 23+24
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 24-07-2009 22:58:01
ตอน 25

หลังจากเห็นภาพบาดตาบาดใจเป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้นนท์มั่นใจอย่างมากว่าไม่ได้เข้าใจผิดไปเช่นครั้งก่อน นนท์เห็นเต็มสองตาว่าหญิงสาวที่เดินสวนกับเขา.กอดพี่ต้นกลมดิก ใช่สินนท์ระลึกได้แล้วเขาเรียกหญิงสาวคนนั้นว่า แพท เธอคือคนเดียวกับที่ทำให้เขาคิดสั้น เป็นคนที่ยังฝังใจมาตลอดและคงจะเป็นคนเดียวกับที่กิ่งเคยบอก


‘ พี่ต้นเขาเคยบอกว่ามีคนที่รักอยู่แล้ว แต่ถามยังไงเขาก็ไม่ยอมบอกแต่บางทีอาจจะเป็นแค่เรื่องโกหกที่พี่ต้นสร้างขึ้นมาก็ได้มั้ง’ ถ้อยความครั้งเมื่อที่นนท์เข้ามาอยู่ในบ้านวรโชติได้ไม่เท่าไหร่ดังก้องในสมอง คิดแล้วมันเจ็บเสียยิ่งกว่าเจ็บ นนท์เดินเข้ามาในบ้านด้วยความเจ็บปวดและเพราะใจลอยเลยทำให้ลืมสังเกตว่ามีใครบางคนกลับมาเยี่ยมเขาในขณะนี้..

หลังจากนนท์กลับมาได้ไม่เท่าไหร่ต้นก็ตามกลับมา

“ แม่ นนท์คิดถึงแม่จังเลย” ชายหนุ่มโผเข้ากอดมารดาที่นานๆจะกลับมาเยี่ยมสักครั้งหนึ่ง อ้อมกอดของความรักคงไม่มีกอดไหนจะอบอุ่นใจเท่ากอดของคุณนันอีกแล้ว...


“ เป็นอะไรหรือเปล่านนท์ ร้องไห้เหรอลูกใครทำอะไรให้ลูกเสียใจบอกแม่มา” นางใจเสียเมื่อเห็นคนที่เพิ่งกลับเข้ามาบ้านมีน้ำตาไหลเป็นทาง ในใจของคนเป็นแม่ เหมือนมีใครเอาเข็มสักร้อยสักพันมาทิ่มแทงให้ต้องเจ็บปวด

“ คือ...” นนท์อึกอัก

“ มีอะไรก็บอกแม่มาสิลูก ไม่ต้องปิดบังหรอกนะหรือว่าพี่ต้นรังแกลูก น้าแก้วเขาบอกว่าเรากับพี่ต้นก็ดีกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ เขาทำอะไรให้ลูกเสียใจบอกแม่มา” นางเดาเข้าลู่ทางที่ถูกต้อง จะมีเรื่องอะไรสำคัญมากจนทำให้ร้องไห้ได้เท่าเรื่องของต้นไม่มี ครั้งก่อนที่ซึมไปเพราะเข้าใจผิดเรื่องนุ่น

คุณนันก็รู้เรื่องทุกอย่างจากปากของคุณแก้ว แม้ตอนนั้นประมุขบ้านวรโชติจะยังไม่รู้ว่าสาเหตุแท้จริงคืออะไร แต่ก็เดาได้ว่าต้องเกิดจากพ่อลูกชายตัวดีของนางแน่นอน

“ แม่จะกลับอเมริกาเมื่อไหร่”


“ ยังไม่ตอบคำถามแม่เลยนะ” นางท้วง

“ แม่จะกลับเมื่อไหร่” นนท์ถามซ้ำ

“ อีกสามวัน” นางยอมตอบคำถามของลูกชายก่อน เพราะเห็นท่าทีของเขาแล้วก็ไม่อยากจะยืดเยื้อให้มากตอนนี้นางอยากฟังความจริงมากที่สุด ไม่อยากเห็นนนท์ต้องทรมานอย่างนี้เลย ความรักหนอความรักสร้างพิษขมระทมใจอีกคราแล้ว

“ นนท์จะกลับด้วย” ชายหนุ่มบอกเสียงหนักแน่น...

“ ไม่ได้นะนนท์ ตอนนี้ลูกยังเรียนไม่จบเลยนะ อีกอย่างน้าแก้วก็บอกว่าลูกกำลังฝึกงานอยู่ไม่ใช่เหรออีกสองเดือนก็จะจบแล้ว ถ้าจบก็จะได้ทำงานที่บริษัทน้าแก้วต่อเลยไงลูก” นางยอมไม่ได้หรอกที่จะให้ลูกชายทิ้งการเรียนปีสุดท้ายไปอย่างนี้ และยอมไม่ได้ที่ลูกชายจะทิ้งทุกคนไป

“ นนท์จะไป เรื่องฝึกงานก็ช่างมันนนท์จะไปขอทำเรื่องยกเลิก แล้วจะขออาจารย์ให้อนุมัติการฝึกงานในเทอมหน้าแทน นนท์จะไปฝึกงานที่บริษัทแม่” คนร่างบางบอกถึงแผนการที่คิดไว้ เขากำลังเศร้าเลยอยากหนีปัญหาทุกอย่างไป

“ ไม่ได้นะทำอย่างนี้ไม่ได้ แม่ไม่เคยสอนให้ลูกไม่รับผิดชอบอย่างนี้ หน้าที่ก็ควรทำให้ดีสิอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้อนาคตเราต้องสั่นคลอน” นางเตือนสติ แต่เหมือนจะไม่ได้ผลกับนนท์ในยามนี้ ..เขามีปณิธานแน่วแน่เกินกว่านางจะห้ามได้

“ แต่แม่ยังโกหกนนท์เรื่องบริษัทได้เลย ตั้งสามปีที่แม่ปิดบังมาแม่จะโกหกนนท์ไปถึงไหน กับแค่นนท์ขอไปฝึกงานที่อเมริกาทำไมจะไม่ได้ล่ะ” นนท์ตัดสินยกไม้ตายขึ้นมาแย้ง.. เอาความลับที่เขาแอบรู้มาเป็นเงื่อนไข คุณนันได้แต่นั่งนิ่งพูดอะไรไม่ออกสักคำ


ทั้งสองคนที่สนทนาอยู่ ยังไม่รู้หรอกว่ายังมีใครอีกสองคนฟังอยู่ด้วยหนึ่งคือคุณแก้ว.. และอีกหนึ่งคือคนที่กลับบ้านหลังนนท์ไม่นาน ต้นยืนฟังอย่างปวดใจในเวลานี้เขากำลังจะเสียนนท์ไปงั้นเหรอ เขาเพิ่งตระหนักว่าชีวิตที่ขาดอีกคนคงเป็นชีวิตที่จืดชืดไร้สีสันเช่นเก่าก่อน โดยเฉพาะคุณแก้วกับกิ่งคงไม่ยอมพูดจากับเขาดีๆแน่

เพราะเขาคือต้นเหตุให้คนตัวบางจากทุกคนไป

ชีวิตที่ขาดเธอ...

“ ไม่ได้นะนนท์น้าไม่ยอม ลูกจะทิ้งไปอย่างนี้ไม่ได้” คุณแก้วที่แอบฟังอยู่นานตัดสินใจออกจากที่ซ่อน นางไม่อยากให้หลานชายนอกไส้ว่าที่สะใภ้ของบ้านจากไปจริงๆ

“ แต่นนท์ต้องไป” นนท์ยืนยัน

“ นี่ลูกจะทิ้งทุกคนไปให้ได้ใช่ไหม อย่าไปเลยนะนนท์อยู่กับน้ากับน้องกิ่งนะ” นางขอร้องเมื่อเห็นท่าทีมาดมั่นไม่เปลี่ยนใจของชายหนุ่มก็เริ่มหายใจไม่คล่อง ทุกอย่างติดขัดไปหมดเหมือนกำลังโดนพรากดวงใจไปยังไงยังงั้น นนท์กลายเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน...และจะเป็นตลอดไป

“ นนท์ขอโทษนะแต่นนท์..” ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ คนที่นั่งเกาะแขนเขาอยู่ก็เเป็นลมล้มไป
ตอนเห็นมารดาเป็นลมไปเขาเองก็ใจหายไม่น้อย แต่เพราะไม่อยากให้นนท์รู้ว่าเขาแอบฟังเรื่องทั้งหมดอยู่เลยจำต้องยืนนิ่งเฝ้ามองมารดาอยู่ห่างๆ สองคนแม่ลูกนั่งเฝ้าอาการคุณแก้วมาสักระยะหนึ่ง

มารดาก็บอกให้นนท์ออกไปได้เพราะนางจะเฝ้าเอง ชายหนุ่มยอมทำตามอย่างว่าง่ายเดินออกมาจากห้องคุณแก้วด้วยใจที่ยังไม่หายกังวล ระหว่างที่เดินออกมานั้นก็สวนเข้ากับชายคนหนึ่งที่ นนท์ต้องเจ็บ ..คนที่ทำให้นนท์เข้าใจผิด


ในตอนนี้นนท์ไม่มีอารมณ์อยากจะมองหน้าอีกฝ่ายหรอก ไม่อยากจะสัมผัสหรือแม้แต่คิดถึง แต่ระหว่างที่สวนกันกลิ่นหอมของเรือนกายนั้นก็ลอยมาแตะเช่นทุกครั้ง น้ำหอมที่นนท์อุตส่าห์ไปเลือกซื้อขวดใหม่มาให้เขาใช้มันทุกวันกลายเป็นของรัก ของติดกายเพราะมันเป็นของชิ้นแรกล่ะมั้งที่นนท์ให้เขา


“ เดี๋ยวสิ” เขาออกปากรั้งคนที่ทำท่าทีเมินเฉย

“ นนท์ง่วงขอตัวก่อน” นนท์เอ่ยปากปฏิเสธ...ไม่รอฟังคำตอบจากปากของอีกคน..พูดจบก็รีบสาวเท้าออกไปอย่างเร็ว แต่ชั่วขณะลมหายใจร่างของเขาก็ถูกตวัดมาอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นอย่างเร็ว..

“ จะไม่ฟังพี่พูดจริงๆเหรอ..” ต้นบอกเสียงเศร้า... มันไม่ต่างอะไรจากครั้งก่อน ไม่ต่างอะไรจากครั้งนั้นที่เขาเจ็บเจียนตาย..หากจะมีต่าง..ก็ตรงที่ครั้งนี้มันหนักแน่น..และยิ่งใหญ่กว่าครั้งก่อนหลายเท่านัก..


... นนท์ไม่อยากฟังคำแก้ตัวใด.ๆ..สลัดตัวออกจากร่างสูงอย่างแรง แล้วรีบวิ่งกลับเข้าห้องตัวเองไปไม่รอช้า... ต้นได้แต่มองตามอย่างใจหาย

.. เจ้าน้องสติชของเขาทิฐิร้อนขนาดไหนมีหรือจะไม่รู้.. เฮ้อ..แต่ทั้งหมดก็เป็นเพราะเขาเองไม่ใช่เหรอ... เป็นเพราะเขาไม่เคยยืนยันคำใดให้หนักแน่น ไม่เคยแสดงความรู้สึกลึกๆในใจออกไปให้อีก คนได้มั่นใจเลยสักครั้ง


ต้นเดินกลับไปทางเดิมเพื่อดูอาการมารดาของตนอย่างห่วงใย..


เมื่อเห็นต้นเข้ามาคุณนันเลยเดินออกไป เปิดโอกาสให้สองคนแม่ลูกอยู่กันตามลำพัง คุณแก้วที่รู้สึกตัวได้สักระยะหนึ่งแล้วพลิกไปอีกด้านไม่อยากมองหน้าพ่อลูกชายตัวดี ต้นเหตุของความคิดหนีไปอเมริกาของว่าที่สะใภ้

“ แม่” เขาเรียกนางอย่างอ่อนใจ เห็นท่าทีของนนท์ก็ร้อนรนจะแย่อยู่แล้วนี่มารดาจะมาบึ้งตึงไม่ยอมพูดจากับเขาอีกงั้นเหรอ ศึกประชิดทั้งหน้าทั้งหลังอย่างนี้ยากนักจะรับได้


“ ถ้ายังทำให้นนท์เปลี่ยนความคิดหนีไปอเมริกาไม่ได้ก็ไม่ต้องมาพูดกับแม่” นางประกาศก้อง นางยอมไม่ได้หรอกที่ว่าที่สะใภ้จะทิ้งทุกคนไป เกือบสามปีแล้วสินะที่นนท์คือรอยยิ้มของบ้าน คือความสดใสและคือความรักของทุกคน นางไม่ยอมเด็ดขาดเรื่องนี้ต้นต้องรับผิดชอบ


“ แม่...ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนะเขาเข้าใจผิดไปเอง” เขาพยายามจะอธิบายให้นางเข้าใจ อย่างน้อยถ้ามีนางกลับมาเป็นพวกคอยสนับสนุนเช่นเมื่อก่อน แผนการคืนดีกับคนขี้งอนคงดำเนินไปได้อย่างไม่ยากเย็น

“ ไม่รู้ ! จัดการเอาเองแล้วกัน แม่บอกแล้วถ้ายังทำให้นนท์เปลี่ยนใจไม่ได้ก็ไม่ต้องมาพูดกับแม่เข้าใจ?” ท้ายประโยคก็ส่งเสียงสูงแสดงความขัดเคือง

“ ก็ได้ๆ” ชายหนุ่มยอมรับปาก

-***


เรื่องราวต่างๆเหมือนจะยังไม่พร้อมให้ต้นได้ปรับความเข้าใจกับกับคนร่างบางเจ้าเสน่ห์..เมื่ออุปสรรคที่เข้ามาทดสอบครั้งนี้ใช่จะมีเพียงจีรนันท์เท่านั้น


สิ่งสำคัญที่กำลังจะกระทบกระเทือนใจต้นได้ดำเนินขึ้นในวันถัดมา นอกจากคุณนันที่กลับมาเยี่ยมลูกชายสุดที่รักแล้ว ยังมีใครอีกคนกลับมาเยี่ยมนนท์เช่นกัน


“ พี่วิน” ...ร่างบางยิ้มกว้างเมื่อพบว่าใครคือคนมาเยี่ยมเยียน ชายหนุ่มตรงหน้าอายุราวสักยี่สิบห้าหรือยี่สิบหก เขาสูงขาวคิ้วเข้มทรงเสน่ห์แถมเวลายิ้มยังดูน่าหลงใหล ใครๆต่างเรียกเขาในนามคนยิ้มสวย


“ เป็นไงบ้างไม่เจอกันซะนานเลย” ชายหนุ่มยิ้มตอบทักทายกับนนท์..อย่างเป็นกันเอง น้องสติชสีอ่อน..เขาเองก็รู้จักฉายานี้ของนนท์


แต่ตอนนี้ภาพเด็กไร้สาระคนนั้นเลือนหายไปหมดแล้ว นนท์กลายเป็นคนเจ้าเสน่ห์ที่หลายคนต้องหลงใหลและเพ้อพก.. ชายหนุ่มยังแปลกใจที่เห็นนนท์ในรูปลักษณ์ใหม่เช่นนี้


“ ก็สบายดีนนท์ไม่ได้ข่าวพี่วินนานแล้วนะ” คนร่างเพรียวบอกอย่างใคร่รู้ แต่ก่อนนนท์มักเจอเขาบ่อยๆโดยเฉพาะตอนที่ย้ายบ้านเมื่อสิบกว่าปีก่อน เพื่อนบ้านคนใหม่ของนนท์คือครอบครัวของเขานี้เอง



“ ตอนนี้พี่ได้ทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษน่ะ เราไม่เจอพี่ก็ไม่แปลกหรอก” รอยยิ้มของเขายังหวานจับใจไม่คลาย ไม่ว่ากี่ปี่ๆเขาก็ยังยิ้มสวยบวกกับดวงตารียาวนั้นยิ่งทำให้เสน่ห์ของเขาเพิ่มมากหลายเท่าตัว เคยมีใครบางคนบอกไว้ว่าเวลาเขายิ้มเหมือนโลกพร้อมจะยิ้มตาม แม้จะมีปัญหาร้อยพันก็จะหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเขาแย้มยิ้มออกมา นนท์ เองก็เห็นตามคำพูดนั้น

“ เหรอ ! สงสัยจะเรียนหนักแย่เลยนะ”


“ ได้ข่าวว่าเราใกล้จะเรียนจบแล้วนี่ ปีนี้ก็เป็นปีสุดท้ายแล้วไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มเองก็ได้ยินคุณนันพูดถึงพ่อลูกชายมาบ้างเลยคุยกันได้ง่ายมากขึ้น

“ ก็ใกล้แล้วล่ะแต่สงสัยคงต้องเลื่อนไปจบเทอมหน้ามั้ง นนท์จะไปฝึกงานที่บริษัทของแม่ในอเมริกา” นนท์บอกเขาเสียงใส ไม่มีแววขุ่นเคืองแต่อย่างใด

“ อย่างนั้นเหรอแต่ได้ข่าวว่าเราฝึกงานอยู่ที่นี่แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมต้องไปไกลถึงอเมริกาด้วยล่ะ” ชายหนุ่มแปลกใจเพราะจากการคุยกับมารดาของคนหน้าสวย ก็ทำให้ทราบถึงความเคลื่อนไหวของนนท์มาบ้าง

“ นนท์คิดถึงแม่ก็เลยไม่อยากอยู่ห่าง อีกอย่างตอนนี้แม่ก็ไม่ใช่สาวๆแล้วนะ นนท์ก็ควรดูแลท่านให้มาก” ชายหนุ่มใช้เหตุผลพื้นฐานทั่วไปยกมาอ้าง แต่คนอย่างวินฉลาดเกินไปที่จะเชื่อแววตาวูบไหว ในเพียงเสี้ยววินาทีทำให้เขาได้รู้ว่านนท์กำลังโกหก


“ เอาเถอะวันนี้ยังไงไปทานข้าวกับพี่สักมื้อนะชวนน้านันไว้แล้ว” ชายหนุ่มชวนนนท์ จริงๆน่าจะเรียกว่าชวนแกมบังคับมากกว่าล่ะ เพราะชวนมารดาของนนท์ไปแล้ว การที่นนท์จะไม่ไปก็กระไรอยู่ อีกอย่างสมัยก่อนวินก็เป็นเพื่อนเป็นพี่ของเขาจะปฏิเสธก็กระดากใจ


“ ก็ได้” ทั้งสองยังคงคุยกันไปเรื่อย ข้างในบ้านเองสองแม่ลูกจอมวางแผนก็กำลังนั่งพูดคุยถึงเรื่องราวสับสนที่กำลังเกิดอยู่ในตอนนี้

“ ดูสิมีพี่วินอดีตคนที่นนท์เคยชอบมาร่วมอีกคน เรื่องชักจะวุ่นวายมากเกินไปแล้วนะคะแม่ อีกอย่างหนูรู้แล้วว่าทำไมนนท์ถึงได้อยากหนีไปเมืองนอก” กิ่งพูดออกมาอย่างว้าวุ่นใจ ว่าที่พี่สะใภ้กับพี่ชายกับผิดใจกันจะทำอย่างไรล่ะนี่...เรื่องชักไม่ง่ายแล้ว

“ ทำไมเหรอลูกเมื่อวานพี่ต้นมาบอกว่าเขาไม่ได้เกี่ยวสักหน่อย นนท์เข้าใจผิดไปเอง” คุณแก้วเองก็อยากรู้ถึงสาเหตุการขุ่นใจครั้งนี้

“ ก็หนูได้ข่าวจากคนในสำนักพิมพ์ ว่ามีผู้หญิงสวยเลิศคนหนึ่งมาหาพี่ต้นถึงห้อง แล้วนนนี่ของเรานะก็เข้าไปเห็นหลังจากนั้นก็เดินออกมาไม่พูดไม่จากับใครเลย” หญิงสาวเล่าไปตามที่ได้รับรายงานจากพนักงานคนหนึ่งในสำนักพิมพ์ สายสืบอัจฉริยะที่เธอไหว้วานให้ดูความสัมพันธ์ระหว่างนนท์และพี่ชายตัวดีของเธอ

“ ตายแล้วผู้หญิงที่ไหนกัน กล้าหยามนนท์ถึงถิ่นเลยเหรออย่างนี้ยอมไม่ได้ต้องจัดการให้รู้สำนึก” ได้ฟังข้อมูลจากลูกสาวคนเล็กก็ทำให้เลือดขึ้นหน้า หญิงสาวคนไหนนะกล้าทำอย่างนี้...


“ อย่าเพิ่งเดือดร้อนใจไปเลยแม่ เรามาหาทางแก้กันดีกว่า” หญิงสาวเตือนสติเพราะเมื่ออารมณ์ขุ่นมัวไปก็จะทำให้ใจขุ่นตาม การคิดแผนต่อก็จะสะดุดและอาจทำให้ต้องสูญเสียว่าที่สะใภ้ไปก็เป็นได้


“ ใช่สิไม่ได้ต้องไม่เครียด ไม่อย่างนั้นจะจัดการแผนต่อไปไม่ได้” นางคล้อยตามคำของกิ่งยอมสงบลงโดยดี


“ เรื่องสำคัญตอนนี้คือพี่วินที่กำลังคุยกับนนท์นี่สิ แม่ก็เห็นแล้วว่าพี่เขาหล่อแค่ไหนพี่ต้นของเขาแทบสู้ไม่ได้เลยนะ เวลายิ้มนี่นะหนูแทบอยากจะโผเข้าหาเชียว คนอะไรทั้งหล่อทั้งยิ้มสวย เกิดมาเพิ่งเคยเห็นนี่แหละถ้าไม่ติดว่าหนูมี..” ตายแล้วหนูมี..นั้นเหรอหากฉุกคิดไม่ทันคงหลุดบอกไปแล้วว่ามีต่ออยู่ มารดาหันมองด้วยสายตาสงสัย

“ มีอะไรน้องกิ่ง..” นางชักประเด็นขึ้นมาถาม


“ เปล่าหรอกเรากำลังคุยกันเรื่องนนท์ไม่ใช่เหรอแม่” เธอเตือนสติอีกรอบ เตือนเพื่อให้เธอหลุดรอดจากข้อสงสัยของมารดาด้วย

“ ช่างเถอะให้พ้นเรื่องนนท์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” นางยอมลบประเด็นออกในที่สุด ปัญหาในตอนนี้ควรแก้ให้จบไปเป็นเรื่องๆน่าจะดีกว่า

“ แม่ๆพี่ต้นกำลังเดินมาแล้ว” กิ่งกระซิบบอกเสียงแผ่วเมื่อเห็นต้นที่เดินมาแต่ไกลๆ ในตอนนี้คุณแก้วเลยคิดแผนได้มาอย่างทันควัน นางหันไปส่งสายตาไปแก่ลูกสาวให้เล่นตามบทที่นางจะส่งต่อจากนี้ กิ่งรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ เลยกะพริบตาตอบเป็นสัญญาณการรับรู้

“ เป็นไงล่ะก็แม่บอกแล้วว่าให้รีบง้อเขา ตอนนี้แฟนเก่าเขากลับมาเห็นทีนนท์จะเสร็จพ่อรูปหล่อคนนั้นไปแน่ ขนาดแม่อายุปานนี้ยังหลงเสน่ห์พ่อคนนั้นเลย” กิ่งถึงกับอึ้งไม่นึกว่านางจะมาไม้นี้ แต่เพื่อความสมจริงสมจังหญิงสาวเลยต่อสานต่อบทสนทนาไป

“ ก็นั่นสิคะแม่ นนท์นะอุตส่าห์ทุ่มเทมาให้พี่ต้นตั้งสามปี แม้ตอนนี้จะดูว่าทั้งสองสนิทกันมากขึ้นแต่ยังไงก็ไม่เหมือนคนรักกันสักหน่อย นนท์อาจจะเหนื่อยแล้วก็ได้ล่ะมั้งที่ต้องละลายน้ำแข็งทั้งภูเขา” อุปมาไปเสียใหญ่โตจนออกคล้ายๆภาษาในวรรณคดีก็ไม่ปาน

“ อย่างนั้นสิ เป็นแม่ แม่ก็ทนไม่ไหวหรอกพี่เราน่ะใจแข็งยังกะหิน รู้กันทั้งบ้านมีแต่นนท์นี่แหละที่ใช้ความอดทนมาตลอด คิดแล้วก็เศร้านะถ้านนท์ไปจริงๆ” ในตอนท้ายนางใส่อารมณ์ความคิดไปเช่นนั้นจริงๆ นางไม่อยากเสียนนท์ไปเลย

“ แต่ถ้านนท์ตกลงปลงใจกับพี่คนนั้นจริงๆเราจะทำยังไงล่ะคะแม่”


“ ช่างเถอะในเมื่อทุกอย่างเกิดจากพี่ของเรา ต้องให้เขาแก้เองหากนนท์จะไปกับพ่อรูปหล่อคนนั้นคงเพราะทุกอย่างเป็นไปตามที่ชะตากำหนด” ดูสิพูดออกมาได้ชะตากำหนดยิ่งฟังเหมือนการสนทนาคล้ายๆบทลิเกยังไงยังงั้น

“ ...” กิ่งถึงกับปากเหวอเมื่อได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายจากมารดา


“ ไปแล้วค่ะแม่” หญิงสาวบอกขึ้น หลังจากเห็นต้นที่แอบฟังอยู่ไกลๆเดินหันหลังกลับออกไป ชายหนุ่มเดินออกไปที่สวน สายตาของเขาจ้องมองน้องสติชของเขาและชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างไม่ชอบใจนักความรู้สึกตอนที่นนท์เห็นเขากอดกับแพท..เจ็บปวดอย่างนี้นี่เอง เขาเพิ่งเข้าใจ !!

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 23+24
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 24-07-2009 23:08:08
ลงตอนต่อไปเลยได้มั๊ย  :call: :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 26
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 24-07-2009 23:40:30
ตอน 26 แตกหัก..แต่พี่ต้นน่ารักอ่ะ..


เย็นวันนั้นนนท์ออกไปทานอาหารกับมารดาและวินที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในแถบย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯและเป็นร้านเดียวกับที่ต้นพาแพทไป เขาจงใจพาหญิงสาวไปร้านนี้โดยเฉพาะ เพราะแอบได้ยินว่าวินชวนน้องสติชของเขาไปทานกันที่ไหน


“ นึกยังไงถึงพาแพทมาทานข้าวร้านนี้ล่ะคะ” หญิงสาวตรงหน้าเริ่มแปลกใจ เพราะเมื่อวานเขายังทำหน้าจะเป็นจะตายเมื่อเห็นเธออยู่เลย


“ นานๆจะกลับมาเมืองไทยผมเลยอยากเลี้ยงอาหารสักมื้อหนึ่ง” ชายหนุ่มให้เหตุผลซึ่งมันยังซ่อนความจริงอยู่ลึกๆ เขาอยากมาสังเกตการณ์บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร ของโต๊ะที่อยู่ไกลออกไปไม่เท่าไหร่มากกว่า

“ เหรอ...งั้นแพทสั่งไม่เกรงใจเลยนะ” หญิงสาวยิ้มให้พร้อมทั้งหยิบรายการอาหารขึ้นมาเปิดออกเลือก บริกรเดินมารับรายการอย่างรู้งาน ร้านอาหารแห่งนี้ดูต่างจากร้านทั่วๆไปบรรยากาศร่มรื่นน่านั่ง แถมยังมีน้ำพุเต้นระบำขนาดย่อมอยู่ใจกลางร้าน การตกแต่งออกแนวสบายๆให้ความรู้สึกเย็นสดชื่น

“ เชิญเลยครับตามสบายวันนี้ผมเลี้ยง” เขาบอก

“ ค่ะ” การทานอาหารในวันนี้เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมากนักหรอก สายตาคอยจับจ้องดูความเคลื่อนไหวของน้องสติชไม่วางตา แม้แต่แพทเองก็ยังรับรู้ได้ว่าเขาไม่ได้ใจอยู่กับเนื้อกับตัวเลย เขากำลังออกอาการหวงชายหนุ่มโต๊ะที่ห่างไปอย่างไม่รู้ตัว


“ เป็นอะไรไปหรือเปล่าต้น” หญิงสาวจำใจทักขึ้น เพราะแม้จะทานอาหารกันเสร็จหลายนาทีแล้วแต่เขายังไม่ยอมจ่ายตังค์ ไม่ยอมลุกขึ้นเหตุผลเพียงข้อเดียวนั้นเพราะโต๊ะของนนท์ยังทานกันไม่เสร็จ


“ เปล่าครับผมอยากจะนั่งพักสักแป๊บ” เขาหาข้อแก้ตัว...ไม่กี่นาทีถัดมาการทานอาหารของสามคนที่ถูกจับตามองมานับชั่วโมงก็จบลง


“ ไปกันเถอะครับ” เขาบอกขึ้น ทำให้แพทมองเขาอย่างแสนงงไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อกี้เขาบอกว่ายังอยากพักแต่ไหงกลายเป็นอยากกลับขึ้นมา แต่ไหนๆเขาก็บอกมาอย่างนี้แล้วจึงไม่อยากขัดใจเขา เมื่อวานที่ทำให้เขากับนนท์โกรธกันก็เสียใจจะแย่อยู่แล้ว เลยไม่อยากให้เขาต้องมีความรู้สึกไม่ดีกับเธออีก


“ ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยออก สายตาของเขายังจับจ้องใครอีกคนผู้อยู่ห่างไกลไม่คลาย วันนี้นนท์ดูน่ารักกว่าปกติมาก รอยยิ้มแจ่มใสที่ทำให้โลกงดงามกอรปกับรอยยิ้มของชายหนุ่ม คนที่ได้รับสมญาคนยิ้มหวานช่างเข้ากันจนน่าใจหาย ยิ่งเห็นนนท์อยู่ใกล้เขาคนนั้นเหมือนความร้อนรนในใจต้นก็จะเพิ่มมากขึ้น มากจนแทบเก็บอาการไม่อยู่


“ เดี๋ยวผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ” ชายหนุ่มบอกเพื่อหาโอกาสปลีกตัวไปสักพัก แพทไม่ได้คิดอะไรไปยืนรอเข้าอยู่หน้าร้านอาหาร เป็นจังหวะเดียวกันกับที่นนท์ขอตัวไปห้องน้ำเช่นกัน... ชายหนุ่มคงได้ตกทอดมรดกทางพันธุกรรมมาจากมารดาแน่ นับวันเขาจะเจ้าวางแผนไม่ต่างจากคุณแก้วและน้องสาวเขาเลย เจ้าวางแผนกันทั้งบ้าน ...


“ พี่” นนท์ที่กำลังเดินตรงมาถึงกับสะดุดอึกเมื่อตอนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ก็มีชายหนุ่มคนคุ้นเคยยืนดักรออยู่ สายตาเขานิ่งเฉยไม่แสดงอาการอะไร...ทำให้นนท์เลือกจะแสดงสายตาเช่นเดียวกันตอบกลับไป ตาต่อตาฟันต่อฟันอย่าคิดว่านนท์ตอบโต้ไม่ได้

“ เป็นไงล่ะ ทานข้าวคงอร่อยสินะ” แม้ตั้งใจมาดิบดีว่าจะพูดกับนนท์ดีๆ แต่เมื่อเอาเข้าจริงก็อดจะประชดประชันไม่ได้ ต้นนะต้นตอนนี้ควรทำอย่างไรยังไม่รู้อีก สมควรไหมล่ะที่คนตรงหน้าจะทอดทิ้งเขาไป หนีออกไปจากชีวิตเขาให้ไกล


“ อร่อยสินานๆจะได้มาทานของอร่อยอย่างนี้” นนท์ตอบกลับไม่สะทกสะท้าน

“ รักครั้งแรกคงจะฝังใจ ” และแล้วก็พลั้งปากทำร้ายจิตใจนนท์อีกแล้ว กี่ครั้งแล้วนะที่อยู่กับเขาแล้วต้องเสียใจ กี่ครั้งแล้วนะที่เขาทำให้นนท์เจ็บ

“ ก็คงอย่างนั้นใช่สิรักครั้งแรกของทุกคนย่อมฝังใจ พี่ก็ไม่ได้ต่างอะไรนี่รักครั้งแรกไม่มีวันลบล้างออกจากใจได้หรอกต่อให้เวลาผ่านไปนานสักแค่ไหน ” คำของเขาถูกอีกฝ่ายหยิบมาเป็นหอกย้อนทำร้ายเขาเอง ไม่ใช่เพราะรักครั้งก่อนของเขาเหรอที่ทำให้นนท์เสียใจอย่างนี้ คิดแล้วชักเศร้าน้ำตาที่พยายามแข็งใจไม่ให้มันไหลเริ่มจะกลั้นไม่อยู่

“ อย่าย้อนพี่นะ” เขาเองใช่จะไม่เจ็บปวดกับคำตอกกลับ มันทิ่มแทงจนใจแทบทะลักออกมาเป็นเสี่ยงๆ เจ็บปวดนักที่คนที่รักพูดจาทำร้ายจิตใจ


“ นนท์ไม่ได้ย้อนหลีกทางด้วยนนท์จะเข้าห้องน้ำ” นนท์ตั้งท่าเลิกพูด ต้องการจะจบปัญหาด้วยการเดินหนีเข้าห้องน้ำ แต่ต้นไม่ยอมที่จะให้นนท์เดินหลบง่ายๆ เขาต้องพูดจากับอีกฝ่ายให้รู้เรื่อง


“ นายกับเขาดูเหมาะกันดีนะ” เขาเลือกจะทำร้ายนนท์ต่อ แม้ใจจะบอกว่าให้พอแต่ปากก็พลั้งออกไปอย่างห้ามไม่ได้ คำว่าเหมาะงั้นเหรอมันร้ายนักสำหรับชายหนุ่ม... เขากำลังดึงวินที่ไม่รู้เรื่องอะไรมาเกี่ยวข้อง มาเป็นเครื่องมือทำให้นนท์ต้องเจ็บ


“ เหมาะงั้นเหรอ ฉันเหมาะกับพี่วินมากล่ะสิพี่ไม่รู้หรือว่าแกล้งโง่กันแน่..ว่านนท์คิดยังไง... นนท์เกลียดพี่เอาคืนไปนนท์ไม่ต้องการ” นนท์บอกอย่างเหลืออด น้ำตาในตอนนี้ไหลมาจนเขาชักใจเสีย ตั้งแต่เห็นนนท์มาไม่เคยเห็นคนร่างบางร้องไห้มากมายเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย


มือเรียวบางของคนตัวเล็กกระชากสร้อย ที่มีจี้น้องสติชคริสตัลสีฟ้าปาใส่เขาแล้ววิ่งออกไปอย่างปวดใจ แพทที่เข้ามาตามชายหนุ่มได้เห็นการสนทนาของทั้งสอง ตั้งแต่ต้นเธอเข้าใจแล้วล่ะว่าเขารักนนท์มากแค่ไหน แม้จะไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องเป็นอย่างนี้ แต่เธอก็เป็นตัวการหนึ่งของเรื่องราว เรื่องของความรักยากนักที่คนเราจะเข้าใจ ยากนักที่จะแก้ปัญหายามเกิดเรื่องสับสน


แพทก้มลงต่ำเพื่อเอื้อมมือไปเก็บสร้อยที่น้องสติชปาใส่เขา หญิงสาวดึงมือของต้นออกมาแล้ววางมันลงในมือเขาอย่างทะนุถนอม เวลาสามปีที่ผ่านมาใจของเขาสลัดเธอหลุดออกไปแล้วจริงๆ ไม่มีที่ว่างเหลือให้เธอแม้เพียงเสี้ยวของหัวใจ แต่เธอก็เข้าใจและเห็นควรเมื่อรู้ว่าเจ้าของคนใหม่คือนนท์


แต่เพราะบางทีสวรรค์ยังไม่โหดร้ายพอ...เพราะในระหว่างที่ต้นและแพทเดินออกมาจากร้านอาหารก็เกิดได้ยินความจริงบางอย่างเข้า ความจริงที่เขาเข้าใจคาดเคลื่อนไปเอง เขาอยากจะตีตัวเองแรงๆนักที่ทำให้นนท์ต้องร้องไห้


“ แล้วเราจะกลับอังกฤษวันไหนล่ะวิน” คุณนันที่นั่งอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปงามเจ้าของยิ้มพราวเสน่ห์เอ่ยถามขึ้น

“ ก็น่าจะเป็นอีกสามสี่วันข้างหน้าครับ แต่พรุ่งนี้ผมกะจะไปเยี่ยมพ่อสักหน่อย” ชายหนุ่มบอกแผนการที่กำหนดไว้


“ ใช่สิน้าไม่เจอคุณมรุตนานแล้วนะ การเป็นทูตที่พิวอาคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่น้าว่าก็ดีเหมือนกันที่ได้เจอคนเยอะแยะ แต่ก็นั่นแหละท่านคงเหนื่อยแย่ ” คำของนางบอกระยะเวลาที่รู้จักกับครอบครัวของเขาได้ดี แถมยังรู้ลึกไปว่าบิดาของเขาเป็นใครทำงานที่ไหนอีกด้วย


“ ไม่หรอกครับ”


“ ใช่สิเห็นเราบอกว่าจะแต่งงานใช่ไหม วันที่เท่าไหร่นะ” นางเอ่ยถามต่อ


“ น่าจะเป็นราวๆ ปลายปีครับผมต้องพิมพ์เรียนจบก่อน ไม่อยากจะเร่งร้อนอะไรน่ะ” คนยิ้มสวยเอ่ยชื่อเจ้าสาวที่ไม่ใช่ชื่อของนนท์ออกมา ต้นถึงกับโล่งใจยกใหญ่ที่รู้ว่าเขาเข้าใจเรื่องราวผิดไปทั้งหมด เมื่อรู้ว่าพลาดไปเขาเลยตั้งมั่นจะแก้ไข ต่อจากนี้เขาจะทำให้คนขี้งอนได้รู้ความจริงบ้างว่านนท์เองก็เข้าใจทุกอย่างผิดไปเช่นกัน รู้อย่างนี้แล้วเขาก็มีแรงจะรั้งอีกฝ่าย ต่อ

มีแรงจะยื้อความรักให้ดำรงต่อไปอย่างราบรื่นความรัก ความสุข ความหวังเขาจะนำมันกลับมาสู่บ้านวรโชติ..



นนท์ที่หนีกลับมาก่อนเก็บตัวเงียบในห้องของตัวเอง กว่ามารดาจะรู้ว่านนท์กลับแล้วก็นั่งรออยู่ในร้านอาหารกับคนยิ้มสวยนานสองนาน ต้นเข้ามาหลังจากการมาถึงของชายหนุ่ม..ไม่เท่าไหร่ ตอนนี้เขากำลังร้อนใจอย่างมากเพราะมะรืนก็ถึงวันที่นนท์จะหนีเขาไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีแผนจะรั้งอีกคนไว้เลยชายหนุ่มตัดสินเดินไปปรึกษาน้องสาวคนเดียวของเขาเพราะคิดว่าเธอน่าจะรู้วิธีง้อน้องสติชดี


“ คือพี่มีเรื่องจะพูดด้วย” ชายหนุ่มลังเลกว่าจะยอมเอื้อนเอ่ยออกมาก็ยากยิ่ง แต่ไหนๆเมื่อรักมันจุกอกจะทำยังไงได้ล่ะวางฟอร์มไปก็เท่านั้น เพราะหากนนท์จากไปสิ่งที่เขาทำจะเกิดประโยชน์งั้นเหรอ ในเวลานี้เขาไม่อยากจะชักช้าแม้เพียงนาทีเดียว

“ มีอะไรก็ว่ามาสิ” แม้จะรู้ว่าพี่ชายเข้ามาด้วยเรื่องของนนท์ แต่ก็อยากได้ยินจากปากเขาเอง คนอย่างต้นต้องหัดพูดให้มากกว่านี้


“ เรื่องนนท์” เขายอมบอกในที่สุด ความกล้าทั้งหมดรวบรวมเปล่งเป็นคำพูด กิ่งได้ฟังเช่นนั้นก็ยิ้มกว้าง เธอเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นะว่านนท์มีความสำคัญกับเขาถึงขนาดทำให้เขายอมเอ่ยปาก

“ เรื่องอะไรล่ะ” เธออยากจะแกล้งเขาสักนิด


“ อย่าทำอย่างนี้สิน้องกิ่ง รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องอะไรแล้วยังมาทำหน้าตายไม่รู้เรื่องราวอีก” เขาบอกออกมาบ้าง โธ่จะคาดคั้นเขาไปถึงไหนนะ แค่นี้เขาก็ใจสั่นจนแทบบอกไม่ถูกแล้ว ครั้งแรกล่ะมั้งที่ใจไม่เป็นของตัวเองอย่างนี้เขาเพิ่งรู้นะว่าความรักมีอิทธิพลต่อเขามากอย่างนี้

“ ...นนท์เขาออกจะเป็นที่รักของทุกคน ถ้าเขาไปกิ่งก็ไม่แปลกหรอกที่พี่จะรู้สึกหวิวๆไปบ้าง ...ใครอยู่ใกล้ก็ต้องรักต้องเอ็นดูนนท์ทั้งนั้น แต่หากเขาจะไปเราจะห้ามก็ไม่ได้”

“ คือ...”

“ กิ่งมานั่งคิดดูแล้วตั้งหลายรอบ เราไม่มีเหตุผลจะรั้งเขาไว้จริงๆ ...นนท์เขาชอบพี่มาตั้งนานจนตอนนี้อาจจะอ่อนใจแล้วล่ะมั้งเลยคิดอยากกลับอเมริกา พี่เองก็ไม่ชอบนนท์ไม่ใช่เหรอปล่อยให้เขาไปเถอะ พี่เองก็จะได้สบายใจไม่ต้องมีคนมากวนใจอีกไงล่ะ” กิ่งแกล้งยั่ว

“ ทำไมเราพูดอย่างนี้ล่ะ...”


“ พี่มาในห้องของกิ่งวันนี้เพราะอะไรกันแน่ เพราะพี่รู้สึกว่ากำลังจะขาดเลขาฯช่วยงานคนเก่งไปเลยเสียดาย หรือรู้สึกว่ากำลังจะขาดคนพูดเก่งไปเลยกลัวเหงาหู หรือรู้สึกว่ากำลังจะขาดพ่อครัวคนเก่งไปเลยกลัวจะอด..หรือรู้สึก...”

“ พี่กำลังรู้สึกจะขาดใจมากกว่า...ถ้าไม่เพราะพี่ชอบเขามากพี่คงไม่มายืนให้น้องกิ่งยั่วอย่างนี้หรอกนะ เรารู้ทั้งรู้ว่าพี่คิดอะไรอยู่ในใจยังจะแกล้งพี่อีก” ต้นจำต้องคายทั้งหมดออกไปอย่างเหลืออด


“ นี่พี่...” กิ่งอึ้งไปเล็กน้อย เพราะไม่คาดคิดว่าพี่ชายจะยอมเปิดปากพูดชัดเจนอย่างนี้ เพราะเขาชอบเจ้าสติชสีอ่อนมากเลยยอมทนให้กิ่งยั่วอย่างนี้งั้นเหรอ...ต้นไม่อยากเชื่อใจตัวเองว่าเขาจะพูดอะไรทำนองนี้ออกมาได้


“ เรื่องนี้มันง่ายนิดเดียว ก็พี่เคยบอกเขาไปตรงๆหรือเปล่าล่ะ พูดอย่างที่พี่พูดต่อหน้ากิ่งเมื่อกี้ หากไม่ยอมพูดรังแต่จะสร้างความเจ็บให้ทั้งสองฝ่าย พี่ต้องเลือกแล้วว่าจะยอมกล้าหาญบอกเขาหรือเปล่าแค่กิ่งถามแค่นี้พี่ยังอ้อมโลกได้แสนไกลเลย” หญิงสาวบอกแนวทางในการแก้ปัญหา


“ แต่เขาจะยอมฟังเหรอ” เมื่อได้ยินคำอธิบายรายละเอียดต่อจากนั้นเขาเลยอดแย้งออกมาไม่ได้ ในยามนี้แม้แต่หน้าของเขา นนท์ก็ยังไม่อยากเหลือบแล แล้วจะยืนฟังเขาพูดนานสองนานคงเป็นเรื่องที่ห่างไกลความเป็นจริงมาก


“ แล้วใครใช้ให้พี่ต้นบอกเขาอย่างเดียวล่ะ พี่น่าจะรู้นะว่าแบบว่า..คนเราเขามักจำความประทับในการจุ๊บๆครั้งแรก พี่ก็ได้เปรียบคนอื่นไปหลายขุม” หญิงสาวยกเรื่องราวในอดีตมาเป็นตัวช่วยให้แผนการคืนดีง่ายขึ้น แต่กิ่งก็เพิ่งมานึกออกที่หลังว่าเธอผิดสัญญาที่รับปากไว้กับเพื่อนสนิทไปแล้ว สัญญาที่จะไม่แพร่งพรายความลับที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ความลับในค่ำคืนที่สับสนท่ามกลางท้องทะเลและความมืดมิด


“ เราช่วยพี่ทำอะไรหน่อยสิ” เขาคิดตามไปกับเธอ พร้อมทั้งวางแผนได้คร่าวๆ เขาจะไม่ยอมให้นนท์ที่แสนรักคนนั้นจากไปแน่นอน ต้นจะชนะในการรบได้เช่นไรหากขาดนนท์ผู้ซึ่งผลักดันเดินเคียงเขามาตลอด เชือกชะตาที่ร้อยรัดทั้งสองเข้าด้วยกันกำลังรอการทดสอบจากฟ้า อุปสรรคครั้งใหญ่ต้นจะใช้ทั้งหมดของความรักเป็นตัวแก้ปัญหา


“ ได้อยู่แล้วพี่ต้นไม่ต้องเป็นห่วงนะ แต่กิ่งต้องขอบอกแม่ก่อนถ้าได้แม่มาช่วยอีกแรงทุกอย่างจะง่ายขึ้น” สองคนแม่ลูกทำงานเป็นทีมมาตลอด การจะสานต่อแผนการเพื่อช่วยให้ต้นง้อว่าที่สะใภ้ของบ้านให้สำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือจากมารดาเป็นสำคัญ เจ้าแผนการกันทั้งบ้าน ...


กิ่งขอเวลาในการช่วยคิดแผนกับมารดาหนึ่งคืนพรุ่งนี้เช้าจะจัดการเรื่องราวทุกอย่างให้เอง ตอนนี้เวลาของนนท์ในบ้านวรโชติเหลืออีกไม่เท่าไหร่แล้ว การทำงานของสองคนแม่ลูกต้องฉับไวและไม่รีรอ

“ เอาไงดีล่ะคะแม่”


“ จัดงานเลี้ยงอำลาให้ดีไหม แล้วก็สร้างสถานการณ์ให้พี่ต้นจัดการเอาเอง แต่เราต้องชวนคนมางานกันเยอะๆนนท์จะได้ไม่สงสัยบรรยากาศต่างๆจะได้สมจริงสมจังด้วย” คุณแก้วเสนอ


“ เอาอย่างนั้นก็ดีนะหนูเห็นด้วย ต้องชวนเพื่อนมาด้วยเห็นจะดี นนท์น่ะจะได้ไม่สงสัยอย่างที่แม่ว่า” เธอเองก็เห็นคล้อยตามความคิดแรกเริ่มของมารดา



“ เอาเถอะยังไงก็ต้องร่วมมือกันแล้ว พรุ่งนี้ตั้งแต่เช้าลูกก็โทรฯไปชวนคนมางานด้วยล่ะชวนคุณเดือน ตาโดม และก็คุณนุ่นที่ทำงานอยู่สำนักพิมพ์มาด้วยนะเอามาให้พร้อมกันหลายๆคนเลย ใช่เพื่อนลูกคนนั้นที่บอกว่าแนะนำให้เป็นครูของโดมน่ะก็พามาด้วยแม่อยากเห็นหน้า” ประโยคของนางลื่นไหลตลอดในความคิดของหญิงสาวจะมาสะดุดก็ตรงคำสั่งสุดท้ายนี่แหละ


“ คือเพื่อนหนูมันมีธุระน่ะค่ะน่าจะมาไม่ได้” เธอรีบบอกกันไว้แต่แรกเริ่ม ไม่อยากให้คุณแก้วได้ล่วงรู้ความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ของทั้งสองคน กลัวใจจริงๆว่าต่อจะทำอะไรประเจิดประเจ้อแล้วมารดามาพบเข้า เรื่องคงไม่จบง่ายๆแน่



“ เหรอ...งั้นไม่เป็นไร ใช่สิวันศุกร์นี้ทำตัวให้ว่างด้วยล่ะแม่จะไปทำธุระ อีกอย่างหากพี่ต้นง้อนนท์ได้สำเร็จก็ถือโอกาสนี้ให้ทั้งสองได้อยู่บ้านกันตามลำพังด้วย ..เพื่อจะได้..แบบว่าๆ ..” คิดแล้วก็ชักสนุก คนในวัยอย่างนางอยากได้อะไรมากกว่าเห็นลูกๆเป็นฝั่งเป็นฝาล่ะ เรื่องสำคัญสุดท้ายคือการได้เห็นลูกหลานแต่งงานใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ..จะมีรอยยิ้ม ความสดใส เข้ามาเติมเต็มทุกอณูที่ขาดหาย.

.พรุ่งนี้..แผนการจะเริ่มต้นขึ้น

“ วันศุกร์เหรอ ก็ได้ค่ะ” เธอรับคำจากนั้นก็ขอปลีกตัวไปนอนก่อน เพราะพรุ่งนี้เช้าคงต้องโทรศัพท์ไปบอกให้แขกมางานกันหน่อย

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 25+26
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 25-07-2009 00:20:33
พี่ต้นน่ารักจริง
แต่ก็น่าตี มาทำน้องสติชร้องไห้ได้งัยเนี่ยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 25+26
เริ่มหัวข้อโดย: Dangerous_patz ที่ 25-07-2009 03:40:22
อิอิ



ชอบเรื่องนี้ อ่า น่าร๊ากที่สู๊ดดดดดดดดดดดดดดด



มาต่อไวๆน้าค้าบบบบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 25+26
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 25-07-2009 07:05:53
หุหุ ลุ้นตอนคืนดี อิอิ  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 25+26
เริ่มหัวข้อโดย: gboy ที่ 25-07-2009 07:36:47
 :serius2:
อ้ากกกก
อยากรู้ว่าจะง้อกันยังใง

รีบมาต่อนะค้าบบบ
 o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 25+26
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 25-07-2009 11:04:40
ในที่สุดก็ยอมรับสักทีนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 25+26
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 25-07-2009 11:34:55
วันศุกร์กิ่งกับต่อ
ดูตัวกันเองใช่ปะ หึหึ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 25+26
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 25-07-2009 22:30:21
ตอน 27



“ ยืนทำอะไรกิ่งจ้องฉันนานแล้วนะ ..อย่าบอกนะโว้ยว่าเปลี่ยนใจมาชอบป๋าแล้วใช่ไหม..” นนท์แสร้งตีเสียงรื้นขึ้นมาเย้าเพื่อนที่จ้องตนอยู่ มือก็ยังติดกระดุมไปไม่ลดละ.. เวลานี้นนท์ดูหล่อมากจริงๆ..ผิวหน้าขาวใส อมชมพูน้อยๆ..รับกับชุดที่ใส่..

“ เออ..วันนี้แกหล่อจริงๆ..”


“ มาแปลกโว้ย...วันนี้ กินยาผิดหรือเปล่า ..หรือไอ้คิงคองลืมให้กินกล้วยเลยเพี้ยน..” นนท์อดจะกระเซ้าคืนไม่ได้.. จริงๆกิ่งวันนี้ก็ดูสวยใช่น้อย... แต่ติดที่เจ้าหล่อนยังหน้าตึงหน้าบึ้ง ตอนรู้ว่านนท์จะหนีไปอเมริกากิ่งก็โกรธมากที่เพื่อนทำอะไรไม่ปรึกษา แถมยังบอกว่าจะให้แฟนหนุ่มรุมโกรธนนท์อีก..แต่สุดท้ายก็ทำไม่ลง..


“ เดี๋ยวฉันลงไปก่อนนะ ไปช่วยแม่จัดอาหารที่สวนก่อนถ้าแกเสร็จแล้วก็ตามลงไปล่ะ” หญิงสาวบอกเสียงใสก่อนเดินออกจากห้องนนท์ไป สายตาของเธอหันกลับมาเหลือบแลเพื่อนหน้าสวยอีกครั้งแต่สุดท้ายก็ตัดใจเดินลงไปข้างล่าง

“ เป็นไงบ้างน้องกิ่งนนท์แต่งตัวเสร็จรึยัง” คุณแก้วเอ่ยถาม มือยังสาละวนกับการลงขนมใส่ถาดใบโตงานเลี้ยงในวันนี้จัดเป็นแบบบุปเฟ่ต์มีอาหารที่ทำเองสองอย่าง และอีกสองอย่างก็สั่งจากร้านประจำที่มักไปทานกันบ่อยๆ


“ ใกล้แล้วล่ะค่ะ สาคูน่าทานจังเลยนะ” หญิงสาวหันไปสนใจกับของทานเล่นที่มารดากำลังจัดอยู่ มือเรียวยื่นไปหยิบขนมชิ้นหนึ่งเข้าปากอย่างรวดเร็ว แม้จะหลุดลงคอไปแล้วแต่คุณแก้วก็ยังตามไปตีมือของคนชุดสีฟ้าได้ทัน

“ ทานเข้าไปได้ยังไงมือยังไม่ได้ล้างเลยนะน้องกิ่ง”


“ โธ่แม่หนูเพิ่งแต่งตัวเสร็จมือยังไม่ได้เปื้อนอะไรสักหน่อยนะ” กิ่งออกปากแย้ง จริงอย่างที่เธอว่านั้นแหละก็เพิ่งลงมาจากข้างบนจะมีความสกปรกติดมือมาได้ยังไงล่ะ

“ ก็เพิ่งแต่งเสร็จนั่นแหละตัวดี ไหนจะครีมเครื่องสำอางที่เราใช้ล่ะแต่ละอย่างมีสารเคมีทั้งนั้น” นางไม่คิดเช่นกิ่งตอบกลับไปอย่างที่รู้มา ก็นางเป็นคนในวงการหนังสือมาเสียนานนิตยสารต่างๆก็อ่านมาหมดทุกประเภท ...


“ เจ้าค่ะ ทีหลังหนูจะล้างมือก่อนทาน” หญิงสาวยอมคล้อยตามที่มารดากล่าว หลังจากนั้นไม่นานคนที่กิ่งโทรศัพท์ไปเชิญต่างทยอยมากัน เริ่มจากคุณนุ่น คุณแพท พี่วิน และน้องโดม..


“ เอ๊ะนั่นใครกันเหรอ” นางหมายถึงหญิงสาวร่างโปร่งในชุดสีขาวปลอดตลอดตัว..คนที่ดูจะโดดเด่นและมีความมั่นใจในตัวเอง..แฟนเก่าของต้น แพท

“ คนที่เดินมากับคุณนุ่นน่าจะเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้พี่ต้นกับนนท์เข้าใจผิดกัน” กิ่งตอบไป...


“ สวยก็จริง แต่กล้าดียังไงมาทำให้สะใภ้แม่เสียใจนี่..” คุณแก้วเอ่ยปากเล็กน้อย.. แล้วเชิดหน้าไม่อยากมองคนที่ทำให้ว่าที่สะใภ้ของนางมีความคิดจะหนีบ้านวรโชติไปไกลแสนไกล...
“””


แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปตักอาหารและมานั่งเรียงร่วมโต๊ะ เจ้าภาพของงานยังไม่ลงมาจากด้านบน..

“ น้องกิ่ง” .ต้นเห็นดังนั้นเลยส่งซิกเรียกน้องสาวให้ขยับมานั่งใกล้..ก่อนจะกระซิบพูดกันอย่างมีลับลมคมใน..จากนั้นต้นก็ค่อยๆเล่าแผนที่จะดำเนินการ


“ เอาอย่างนี้เลยเหรอพี่ต้นมันไม่แรงไปหน่อยหรือยังไง” กิ่งชักเริ่มไม่เห็นด้วยกับแผนการของพี่ชาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะคำยืนยันจากปากเขาหนักแน่นยิ่งว่าจะใช้แผนการที่คิด

“ เอาเถอะนะเอาอย่างนี้แหละรับรองว่าทุกอย่างต้องกลับสู่สภาพเดิมแน่” หลังจากคิดทบทวนเรื่องราวระหว่างทั้งสองมานานทั้งคืนชายหนุ่มก็ได้ความคิดหนึ่งขึ้นมารับมือนนท์


“ เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ แต่ถ้านนท์อาละวาดเพราะแผนบ้าๆของพี่หนูไม่รับรู้ด้วยนะ” กิ่งออกตัวไว้ก่อนเพราะคิดว่าแผนนี้ออกจากเสี่ยงไปสักหน่อย

“ พี่จะไม่ซัดทอดเราเลยสักนิด โอเคไหม” ชายหนุ่มรับปากให้สัญญา
“ เจ้าค่ะ” จากนั้นเขาก็แยกออกไปจากโต๊ะอาหาร ตามด้วยกิ่งที่ส่งสัญญาณให้มารดารู้ถึงแผนที่ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว

ก่อนที่นนท์จะลงมาจากห้อง คุณแก้วก็ได้อธิบายถึงเหตุการณ์ที่ใกล้จะเกิดขึ้นให้คุณนันได้รับรู้ก่อนแล้ว

ฝ่ายแพทที่ถือว่าเป็นตัวต้นเหตุของปัญหาอีกเรื่องหนึ่ง ก็ถือโอกาสที่ต้นเดินออกไปจากโต๊ะอาหารเข้าไปคุยกับนนท์ที่วางหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา


“ พี่มีอะไรจะคุยกับน้องนนท์หน่อย ขอเวลาสักห้านาทีได้ไหม” เพราะรู้ว่าทำให้ความสัมพันธ์ของแฟนเก่าและน้องสติชสีฟ้าอ่อนเกิดรอยแยก เธอเลยอยากช่วยผสานรอยนั้นบ้างแม้จะทำได้ไม่ดี แก้วที่ร้าวไม่ถึงกับหายเป็นปลิดทิ้งไม่ใสเช่นแต่ก่อน แต่เธอก็อยากจะลองลงมือทำ...มันดีกว่าปล่อยไว้เฉยๆ


“ ได้สิครับ” นนท์ชั่งใจเพียงครู่ก็ยอมรับปากออกไปคุยกับแพท ซึ่งที่ที่ใช้เปิดใจก็เป็นห้องโถงภายในตัวบ้าน..เวลานี้ใครๆต่างไปอยู่ที่สวนกันหมด ที่ตรงนี้จึงสงบกว่ามุมไหนๆในบ้าน..

“ มีอะไรสำคัญหรือเปล่าครับ” นนท์เอ่ยถามอย่างแปลกใจ


“ เรื่องวันก่อนที่เกิดขึ้น พี่คิดว่าน้องนนท์อาจจะเข้าใจอะไรผิด และที่สำคัญที่พี่ว่าน้องนนท์ไม่มีมารยาทต้องขอโทษจริงๆนะ” เธอตัดสินใจจัดการความคาใจเรื่องแรกด้วยการเอ่ยคำว่าขอโทษออกมา



“ เรื่องแค่นี้เองไม่ต้องคิดมากหรอกครับ เพราะนนท์ไม่รู้ว่าในห้องมีแขกการเปิดเข้าไปอย่างนั้นก็เสียมารยาทอยู่แล้วพี่ทำถูกแล้วแหละ” นนท์ยอมรับในจุดนี้ เขาพยายามเบี่ยงเบนประเด็นให้ออกห่างเรื่องความสัมพันธ์ที่มีต้นร่วมอยู่ในนั้น


“ คือพี่มีความจริงจะบอก คือ....” เธอชั่งใจในนาทีนี้ เพราะสีหน้าของนนท์ที่แช่มชื่นกำลังทำร้ายแพทอยู่อย่างมาก เธอเพิ่งรู้นะว่าชายหนุ่มตรงหน้าเก็บความรู้สึกแสนเป็นเลิศ..นึกแล้วก็เกลียดตัวเองจริงๆที่ทำให้ต้นต้องเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ มีอะไรเหรอครับ”


“ จริงๆแล้วต้นเขาเป็นคนเข้มแข็งน้อยครั้งที่เขาจะสับสนอย่างที่เป็น ความจริงพี่กับต้น...” หญิงสาวเกริ่นเรื่องเล็กน้อยก่อนจะหักเข้าประเด็น แต่ไม่ทันที่ความจริงจะออกจากปากหญิงสาวตัวต้นเรื่อง แม่คนเจ้าแผนการลำดับสองของบ้านวรโชติก็วิ่งเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาของทั้งสองไว้ สีหน้าของกิ่งในตอนนี้ตระหนกสุดขีด ลมหายใจก็กระหืดกระหอบไม่เป็นจังหวะ


“ นนท์ๆ” เธอส่งเสียงเรียกฟังแล้วไม่ค่อยได้ศัพท์สักเท่าไหร่นัก จนนนท์บอกให้หญิงสาวค่อยๆพูดถึงได้รู้ความ กิ่งเล่าเหตุการณ์ที่ตระเตรียมไว้กับพี่ชายมาอย่างดีออก


“ แกรีบไปที่สระว่ายน้ำหลังบ้านเร็วพี่ต้นเขา พี่ต้น” เธอบอกเพียงเท่านั้นนนท์ก็เหมือนจะรับรู้ได้ด้วยลางสังหรณ์บางอย่าง ร่างบางรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว


“ ต้นเขาเป็นอะไรเหรอ” แพทชักร้อนใจเมื่อได้ฟัง หลังจากดูว่านนท์วิ่งออกไปแล้วจริงๆกิ่งจึงพาหญิงสาวที่ยังไม่รู้เรื่องเดินไปรวมกับคนอื่นๆที่ด้านนอกบ้าน ตอนนี้ทุกคนเดินมาหลบอยู่มุมหนึ่งของสวนซึ่งยืนอยู่ตรงนั่นสามารถสังเกตการณ์ที่สระน้ำได้สุดสะดวก


เจ้าน้องสติชร่างบางวิ่งมายังสระอย่างร้อนใจ สิ่งที่เห็นในตอนนี้คือร่างของต้นที่กำลังเดินอยู่ในสระจากที่ตื้นไปหาที่ลึก ในใจของเขาชักหายวาบเพราะต้นไม่เหมือนคนที่กำลังเล่นน้ำเลยสักนิดภาพในอดีตเหมือนย้อนกลับมาในห้วงคิด
พี่ต้นกำลังคิดสั้น


ชายหนุ่มไม่อยากเชื่อว่าต้นจะทำสิ่งที่ไร้ความคิดเป็นครั้งที่สองในชีวิตของเขา ในตอนนั้นนนท์กล้าๆกลัวๆต้องสู้กับความขลาดในใจกว่าจะยอมลงไปช่วยเขาในทะเล แต่ตอนนี้นนท์ไม่คิดอะไรมากแล้วเพราะเขาในตอนนี้คือคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งในใจ ชายหนุ่มวิ่งไปทันกับระดับที่เขายืนจากนั้นก็กระโดดลงไปในสระน้ำที่เย็นยะเยือก


พ่อเจ้าแผนการหารู้หรอกว่าสวรรค์ใกล้จะลงโทษเขาแล้ว กล้าเอาความเป็นความตายมาเป็นเครื่องมือในการต่อรอง เพราะความเย็นของน้ำในยามค่ำคืนกอรปกับชายหนุ่มลงไปแช่ในสระนานสองนานแล้ว ในช่วงที่เดินถึงจุดที่ลึกแม้แต่เท้าก็แตะไม่ถึงขาของเขาก็เกิดเป็นตะคริวขึ้น ร่างของชายหนุ่มดิ้นไปมาใกล้จะจม ...
(สมน้ำหน้าดีไหมนี่อีพี่ต้น...)


ภาพที่เห็นทำให้ใจตัวน้อยถูกบีบเค้นอย่างรุนแรง


แม้นนท์จะวิ่งมาให้ทัดเทียมกับเขาก่อนที่จะกระโดดลงมาในน้ำ แต่ระยะจากขอบสระกับที่เขายืนอยู่ก็ใช่จะใกล้ชายหนุ่มที่กำลังจะจมอยู่ทุกขณะ ถูกมือบางรั้งไว้ตัวเขาที่ค่อนข้างหนักทำให้ร่างบางถึงกับเหนื่อยในการช่วยเขา


นนท์เลือกพาเขาไปแตะขอบสระก่อนจะค่อยขยับไปที่ตื้น อย่างน้อยร่างบางก็มีหลักยึดและพาเขาไปได้...เขาใช่จะตัวเล็กๆขืนหาญกล้าพาเขาไปที่ตื้นโดยไม่เกาะขอบสระ มีหวังนนท์ได้ถูกเขาลากจมหายไปเช่นครั้งก่อนแน่ เมื่อพ้นจากเขตอันตรายมาแล้วคนเกือบตายก็หอบรัวไม่นึกว่าสิ่งที่ใช้พิสูจน์จะร้ายแรงจนเกือบเอาชีวิตเขาไปแล้ว


“ ทำบ้าอะไรทำไมถึงได้คิดสั้นอีกแล้ว” นนท์ตวาดถามอย่างไม่เข้าใจ ชายหนุ่มไม่พอใจอย่างมากที่เขาทำเช่นนี้แม้ในใจจะหวาดหวั่นกลัวว่าจะเสียเขาไป แต่ความโกรธก็มีมากกว่าหลายเท่านักนนท์คือคนที่ช่วยชีวิตของเขาไว้คราวก่อนเขาไม่มีสิทธิทำร้ายตัวเองอีก


“ บ้าก็เพราะว่านายนั่นแหละ” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบมือยังลูบๆคลำๆที่ขาข้างที่เป็นตะคริวอยู่ไม่คลายเขาไม่นึกนี่ว่าน้ำในตอนกลางคืนจะเย็นเหลือร้ายเช่นนี้ หากนนท์มาช้าไปสักน้อยเขามีหวังได้บรรลุจุดประสงค์เมื่อหลายปีก่อนแน่


“ ช่างเถอะพี่ไม่เป็นไรแล้วก็ดีนนท์จะกลับ” นนท์ถึงกับอึ้งน้อย..แต่สุดท้ายก็ตัดใจจะปิดฉากการพูดคุยในที่ที่มีเพียงทั้งสองตามลำพังไว้เพียงเท่านี้ นนท์ไม่ไว้วางใจเขาอีกแล้วตั้งแต่เห็นภาพเขากับหญิงสาวคนรักเก่ากอดกันกลม แถมยังกอดกันในที่ทำงานไม่ไว้หน้านนท์เลยสักนิด


“ เดี๋ยวสิ” เขาเอื้อมไปคว้ามือเรียวบางของร่างเล็กเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้นนท์ขึ้นจากน้ำง่ายหรอก เขาอุตส่าห์ลงทุนทำทุกอย่างจนเรื่องเดินเข้ามาถึงนี่แล้วเขาจะไม่ยอมเสียโอกาสดีๆอีก



“ ปล่อยนะนนท์จะขึ้น” ร่างเล็กพยายามสะบัด..แขนออกจากเขาอย่างแรง แต่มือของชายหนุ่มก็ตามไปกุมไว้เช่นเดิม เขาใช้มืออีกข้างที่ว่างจับต้นแขนของนนท์ไว้แน่นคราวนี้จะทำอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุดแล้ว


“ อย่าดิ้นสิคุณหนู” เขาบอกเสียงราบ แต่หน้าของเขายามนี้แปลกไปมีรอยยิ้มบางๆปรากฏอยู่ช่างต่างจากเสียงที่ออกมาสิ้นดี นนท์รู้สึกแปลกใจไม่น้อยเพราะไม่เคยเจอเขาในรูปแบบนี้มาก่อน

“ จะทำอะไรนนท์” นนท์ถามเสียงแข็ง



“ พี่ไม่ได้คิดจะทำอะไรสักหน่อย แค่อยากขอเวลาสักสามสี่นาทีฟังความจริงจากปากพี่ก่อน หากนายจะทั้งไปอย่างนี้ ทิ้งไปโดยยังเข้าใจผิดอยู่พี่ไม่ยอม” คำพูดแบบนี้ออกจากปากเขางั้นเหรอ ไม่อยากเชื่อคำที่เอ่ยมีแววประชดน้อยกอรปเสียงอันจริงจังจริงใจ จนทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดนิ่งยอมมอบโอกาสที่เขาขอ การจะฟังเขาสักสองสามนาทีคงไม่ทำให้เสียหายอะไรหรอก


“ จะพูดอะไรก็ว่ามาสิ” นนท์อนุญาต


“ สิ่งที่นายเห็นวันนั้นนายกำลังเข้าใจผิด พี่กับแพทไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย” ชายหนุ่มบอกพร้อมแววตาเว้าวอนที่มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่เรียวบางของคนตรงหน้า.. นนท์พยายามหลบหลีกไม่สบตาเขาตรงๆ


“ ก็ช่างสิพี่จะกอดกับใครนนท์ไม่เห็นสนใจ ต่อให้มากกว่านั้นนนท์ก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้าม” ดูสิเจ้าคนปากแข็งปากบอกว่าไม่สน ตนไม่มีสิทธิ์แต่รอยประชดปรากฏชัดในกระแสเสียง



“ แล้วไหนบอกว่าไม่สนใจล่ะ” เขาเองก็ย่อมจับน้ำเสียงกึ่งน้อยใจประสานไม่พอใจนั้นได้



“ นนท์บอกแล้วว่าไม่สนใจ พี่มีเรื่องจะพูดเท่านี้ใช่ไหมนนท์จะขึ้นจากน้ำแล้ว” นนท์ตั้งท่าจะหนี เพราะชายหนุ่มเริ่มไล่นนท์เข้าจนมุม อารมณ์ในตอนนี้ไม่ว่าจะพยายามปิดบังเช่นไรแต่สำหรับพี่ต้นเขาสามารถรับรู้ได้หมด นนท์หันหลังกลับจะเดินขึ้นจากสระ



“ เดี๋ยวสิ” เขารีบก้าวเข้าไปหาอย่างรวดเร็วดึงร่างของอีกคนมากอดไว้ หลังของเจ้าร่างบางชนกับอกแกร่งของชายหนุ่มอย่างแรงสัมผัสเนิบนาบวาบหวามเข้าไปในกลางใจลึกๆ ..นนท์เริ่มชักนึกละอายนักที่วูบหนึ่งหลงใหลไปกับสัมผัสนี้ มือของเขาเลื่อนมือประสานด้านหน้าของตรงท้องแบบเป็นเชือกมนุษย์ขัดขวางการหลบหนี


“ ปล่อยนนท์สิ” ร่างเล็กที่ถูกกอดบอกเสียงขุ่น



“ ไม่ ! ถ้าไม่ยอมฟังพี่จะไม่ปล่อย” ชายหนุ่มยิ่งกอดแน่นขึ้นเมื่อนนท์ดิ้น สุดท้ายนนท์จำต้องสงบอยู่ภายใต้วงกอดแกร่งของชายตัวสูง ม่านฟ้าที่ประดับประดาด้วยแสงดาว ม่านน้ำไหวกระเพื่อมด้วยวงไหล ม่านใจของชายหนุ่มหน้าหวานใกล้จะไหวหวั่นเต็มที การกอดจากเขาทำให้นนท์หายใจไม่สะดวก เหมือนเลือดในร่างสูบฉีดแรงจนแทบทะลัก


“ พี่ต้นพูดอะไรกับนนท์นี่ไม่ค่อยได้ยินเลย” คุณแก้วที่ยืนแอบดูเหตุการณ์หน้าสุดเอ่ยอย่างขัดใจ แม้ที่ที่แอบซ่อนจะสามารถดูเรื่องราวที่เกิดได้อย่างชัดเจน แต่มันก็ไกลเกินกว่าทุกคนจะได้ยินถ้อยแถลงของทั้งสองคนที่อยู่ในสระน้ำได้ชัดเจน


“ โธ่แม่รอดูไปก่อนเถอะค่ะ” ลูกสาวคนสวยเอ่ยเตือนเพราะเสียงมารดาที่สบถออกมานั้นดังใช่เล่น ขืนนนท์รู้ว่าทุกคนร่วมมือกันจัดฉากให้ต้นได้แก้ข้อกังขาในใจน้องสติช...นนท์คงไม่ปล่อยทุกคนไว้แน่


“ จริงอย่างที่ลูกหล่อนว่า หล่อนนี่นะเสียงไม่เคยลดระดับลงเลยนะพูดทีนึงได้ยินไปสามบ้านเจ็ดบ้าน” คุณนันที่ยืนลุ้นข้างกายได้ทีขี่แพะไล่เพื่อนสนิท

“ โธ่รุมฉันจังเลยนะ” นางกล่าวเสียงค่อย วินและแพทที่แอบยืนจ้องมองโดยไม่พูดอะไรสักคำ ตอนนี้ในใจของทุกคนกำลังลุ้นให้นนท์และต้นคืนดีกันให้ได้


ต้นกระชับกอดให้แน่นขึ้นเพียงน้อยก้มลงแนบจมูกลงบนเรือนผมที่เปียกน้ำ กลิ่นแชมพูอ่อนๆที่คนตัวบางใช้ไม่เคยเปลี่ยนยี่ห้อเป็นกลิ่นที่เขาเองก็ฝังใจไม่คลาย ทุกครั้งที่เข้าใกล้ก็จะได้กลิ่นแชมพูมาก่อนอย่างอื่น การสัมผัสของต้นทำให้นนท์หน้าเริ่มแดง เขากอดนนท์มาเกือบนาทีโดยไม่พูดอะไรสักคำเลยและเหมือนเขาอยากจะทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ



“ ปล่อยนนท์ได้แล้วถ้าไม่มีอะไรจะพูด” ร่างเล็กตัดสินใจเปิดประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง อยากรู้นักว่าเขาจะพูดอะไรกันแน่ ต้นไม่ยอมปล่อยอย่างที่นนท์บอก เขาเริ่มปริปากบอกบางอย่างกับคนที่กอด



“ รู้ไหมว่าในชีวิตพี่เคยมีความรักมาทั้งหมดสี่ครั้ง ..ถ้าไม่นับรวมแม่กับน้องกิ่ง..” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่ว เหมือนเสียงโทนนี้จะทำให้ใจของนนท์เธอหวั่นไหวเป็นพิเศษเขาเพียงเกริ่นไม่เท่าไหร่ นนท์ก็รู้สีกเหมือนกระแสความอบอุ่นเข้ามาไหลเวียนในร่าง


“ คนแรกเธอคงรู้แล้วว่าเป็นแพทแต่อีกสามคนรู้ไหมว่าเป็นใคร” คำถามของเขาไมได้เจาะจงจะให้นนท์ตอบหรอก เพียงถามเกริ่นก่อนเข้าเรื่อง ...แต่นนท์ก็แอบค่อนขอดในใจ

‘ นนท์จะรู้ได้ไงล่ะรักคนเยอะจริงนะ ’


“ คนแรก เป็นครั้งแรกที่พี่เพิ่งเข้าใจว่าความรักมันเป็นยังไง เขาเป็นความรักในวัยเด็กตอนนั้นพี่ไม่รู้หรอกว่าทำไมเวลาเจอหน้าเด็กคนนั้นพี่ถึงได้ชอบแกล้งเขานัก การมีเขาข้างๆในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่พี่มีความสุขมากแม้ทุกครั้งที่ทะเลาะกันเด็กคนนั้นจะทำให้พี่บาดเจ็บหลายครั้งหลายคราว หากจะว่าไปทุกจุดในตัวพี่ที่มีแผลล้วนเกิดขึ้นเพราะฝีมือเด็กคนนั้น ตอนเขาจากไป นายรู้ไหมว่าพี่เสียใจแค่ไหนต้องแอบร้องไห้ในห้องอยู่เป็นวันๆกว่าจะยอมออกมา” ชายหนุ่มหยุดเพียงครู่เพื่อให้นนท์ได้คิดตาม ...



“ ส่วนคนที่สองคือใครคนหนึ่งที่พี่เห็นเขาเป็นตัววุ่นวายค่อยทำเรื่องมากมายให้พี่ต้องเหนื่อยใจแต่วันนี้ใครจะรู้ล่ะว่า คนคนนี้จะกลายเป็นคนที่ดีพร้อมไปทุกอย่าง จนพี่เองชักหวั่นไหวอีกครั้งหนึ่ง มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเหมือนกัน พี่สับสนมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เวลาอยู่กับคนคนนี้พี่ต้องทำอะไรที่ไม่เคยทำตั้งหลายอย่างจากชอบวางท่าชอบทำทีไม่สนใจอะไรพี่ต้องกลับมามองให้เต็มตา โดยเฉพาะตอนที่พี่กังวลมากที่สุดบริษัทของเรากำลังจะเดินไปถึงทางตัน คนคนนี้ก็เข้ามาช่วยพี่จนทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิมแถมมันยังดีวันดีคืนขึ้นอีก” นนท์เริ่มหวั่นไหวไปตามคำพูดนั้น ระลึกได้ดีว่าสองคนที่เขากล่าวมาไม่ใช่ใครอื่น น้ำตาที่คลอหน่วยเริ่มล้นออกมาข้างนอกจนเป็นสายเปื้อนยาว



“ ส่วนคนสุดท้ายนายอาจนึกไม่ถึงหรอกว่าจะเป็นเขาคนนี้ เขาเป็นคนที่พี่ไม่รู้จัก หน้าของเขาก็จำไม่ได้แต่เรื่องราวที่เกิดในคืนนั้นทำให้พี่ย้ำฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้ คนที่ลงไปช่วยพี่ที่กำลังคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย คนที่ถูกพี่จูบและตบพี่อย่างแรง คนที่ทำให้พี่มายืนอยู่ได้ถึงทุกวันนี้นายรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร...” ปลายประโยคเอ่ยเอื้อนเพื่อถาม มีหรือที่นนท์จะไม่รู้อดีตที่ฝังตรึงใจเหตุผลใหญ่ที่ผลักดันให้นนท์หลงรักพี่ต้น รอยจูบที่ยังฝังลึกไม่ยอมคลายออกไม่ว่าพยายามเท่าไหร่นนท์ก็ต้องพ่ายแพ้ทุกคราไป



“ นนท์ไม่รู้” ร่างเพรียวปากแข็งจนเขาต้องจับร่างนั้นหมุนมาประจัญกับเขา ดวงตาจริงใจมองลึกเข้าไปเพื่อถ่ายทอดความรักความผูกพันที่ดำรงอยู่ในใจอย่างแสนเงียบเฉียบ วันนี้เขาปริปากบอกนนท์ทุกอย่างเพราะนนท์คือคนสำคัญ คือคนที่ทำให้เขากล้าเดินทะลุกำแพงใจที่กั้นขวางมายาวนานหลายปี



“ ต้องให้พี่เตือนความจำก่อนใช่ไหมถึงจะรู้” คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบจบลง ด้วยการก้มลงครั้งแรกเขาวางริมฝีปากลงแนบชิดข้างแก้มของนนท์อย่างแผ่วเบา และอีกครั้งมันก็ประทับลงที่ริมฝีปากเรียวบางของนนท์ สัมผัสอันอ่อนหวานละมุนกว่าสิ่งใด ทลายทุกอย่างที่เป็นอุปสรรคในใจนนท์จนหมดสิ้น ตอนนี้เขาไร้แรงจะหนีจากพี่ต้นไปแล้ว ร่างบางอ่อนยวบเหมือนฟองน้ำที่พร้อมจะถูกแรงบีบไปทุกทาง นนท์รักเขาจริงๆ คนที่ทำให้นนท์เปลี่ยนจากเด็กไร้สาระเอาแต่สนุกและใช้เงินไปวันๆ กลายเป็นชายหนุ่มที่พร้อมทุกอย่าง ชายหนุ่มที่มีดวงตางดงาม ยามยิ้มนนท์ประดุจแสงสีสวยแต่งแต้มโลก



“ ว้ายจูบกันแล้ว” คุณแก้วร้องบอกอย่างแสนดีใจ ครั้งแรกล่ะมั้งที่นางเห็นต้นใกล้ชิดว่าที่สะใภ้เช่นนี้เขาไม่ใช่คนที่ยอมแสดงความรักออกมาง่ายๆ วันนี้นางเพิ่งรู้ว่าพ่อลูกชายของตนก็ไม่ต่างจากชายหนุ่มทั่วไปมีหัวใจมีเลือดเนื้อที่พร้อมจะรักพร้อมจะสัมผัส

“ เบาๆสิคะแม่” หญิงสาวข้างกายออกปากเตือนอีกครั้ง



“ ..” ฝ่ายคุณนันพูดไม่ออกสักคำ นางได้แต่ตื้นตันใครจะนึกล่ะว่าลูกชายหน้าสวย จะถูกพรหมลิขิตชักนำให้เดินไปเจอต้น ตั้งแต่ก่อนเข้ามาในบ้านวรโชติ...ต้องขอบใจกิ่งที่พาทุกคนมาแอบดูที่มุมใหม่ ซึ่งใกล้กว่าที่เดิมนักแม้จะไม่ได้ยินชัดเจนเต็มร้อยแต่ก็ฟังทุกถ้อยทุกตอนจากปากต้นได้ครบถ้วน

“ อย่าทิ้งพี่ไปได้ไหม..คุณหนู” เขาถามเสียงแผ่ว


“ นนท์” นนท์สะอึกงึก ...รู้สึกเต็มตื้นไปจนจะพูดจะกล่าวอะไรก็ทำได้ลำบาก... ไม่นึกเลยจริงๆ.. ไม่นึกเลยว่าพี่ต้นจะรักนนท์มากเช่นนี้. รักด้วยใจที่หนักแน่นและมั่นคง


“ บอกพี่สิว่าจะไม่หนีพี่ไป” เขาถามย้ำแต่ครั้งนี้น้ำเสียงของเขามีแววหวั่นซ่อนอยู่ นนท์รีบรับปากอย่างรวดเร็วไม่อยากทำให้คนที่รักต้องทรมานอีกแล้ว


“ นนท์ไม่ไปไหนก็ได้” นนท์ยอมรับปากในที่สุด ความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางการพิสูจน์นานัปการ
กี่ปีแล้วนะที่นนท์รักพี่ต้น..วันนี้ทำให้นนท์ได้รู้ว่า มันไม่เสียหายเลยที่ต้องใช้เวลานานสักนิดเพื่อทำให้รักมั่นคง คนที่ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะๆจะรักกันมากขึ้นทุกครั้งที่ฟันฝ่าอุปสรรคมาได้



“ งั้นทีหลังก็อย่าทิ้งของที่พี่ให้อีกนะ สร้อยนี้พี่อยากให้จริงๆ” ชายหนุ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสร้อยซึ่งมีจี้เจ้าสติชสีฟ้าอ่อนขึ้นมา..จากนั้นก็อ้อมมือไปทางด้านหลังของคนหน้าแดงเพื่อสวมสร้อยนี้คืนให้



“ นนท์ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งสักหน่อยแต่เพราะพี่นั่นแหละแกล้งยั่วนนท์ก่อนนี่ พี่วินเขามีคู่หมั้นอยู่แล้วพี่ไม่รู้หรือยังไง” เพราะเขานั่นแหละทุกอย่างเป็นเพราะความเข้าใจผิดที่มีต่อตัวนนท์และวิน เรื่องราวถึงได้บานปลายมาไกลเกินกว่าที่ทุกคนคาด

“ ช่างเถอะแค่ต่อไปนี้ใส่มันไว้ตลอดก็พอแล้ว”


“ ปล่อยนนท์ได้แล้วนนท์ชักจะหนาวแล้วนะน้ำเย็นจะตายไป” นนท์บอกให้คนที่กอดเขาไว้ปล่อยมือออก การแช่อยู่ในน้ำเย็นนานๆ พานจะทำให้ป่วยเป็นปวดบวมไปได้ทั้งสองคน

“ เดี๋ยวสิ”

“ อะไรอีก” นนท์เลิกคิ้วขึ้นมองเขาอย่างแปลกใจ ต้นมีอะไรจะพูดอีกงั้นเหรอเอาเถอะไหนๆก็เปียกแล้วจะอยู่ฟังอีกสักหน่อยคงไม่เป็นไร เพราะต่อให้หนาวสักแค่ไหนหากใจอบอุ่นอาบด้วยความรักที่เปี่ยมเต็มเพียงเท่านี้ก็แปรเป็นพลังให้นนท์สู้กับสิ่งรบกวนได้แล้ว


“ นี่” ชายหนุ่มยกนิ้วขึ้นชี้ที่ปากของตัวเอง

“ อะไรเหรอ” นนท์ทำหน้าเหรอ รู้อยู่กับใจว่าชายหนุ่มต้องการให้เขาทำอะไรแต่ก็แกล้งถามออกไปอย่างนั้นเอง ต้นนะต้นตอนนี้ไม่ต่างจากเด็กน้อยช่างอ้อนจะว่าไปนนท์ชอบเขาในแบบนี้ที่สุด การที่เขายอมทำอะไรน่ารักๆให้ ย่อมหมายถึงความรักที่เขามีให้อย่างเปี่ยมล้น

“ ก็นี่ไง” เขายังคงชี้ที่เดิม


“ ก็ได้ย่อตัวลงสิ” จะให้นนท์เขย่งสุดท้ายเท้าก็ยังไม่ถึงหรอก เขาออกจะสูงกว่านนท์อยู่หลายขุมคนอะไรทั้งสูงทั้งหล่อ

“ ...” ชายหนุ่มทำตามที่บอกย่อร่างลงเพียงน้อยเพื่อให้อีกฝ่ายได้เอื้อมถึง นนท์เขย่งปลายเท้าอีกครั้งยกมือสองจับแขนเขาไว้เป็นแรงส่ง วางปากลงสัมผัสปากหนาของเขาเพียงครู่เร็วและไวแม้จะรวดเกินกว่าที่คิด แต่นั่นก็มากพอแล้วที่จะทำให้ใจเขาแช่มชื่น สองคนเดินจูงมือกันเดินขึ้นจากสระบัดนี้หัวใจได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 25-07-2009 22:58:42
หวานซะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 25-07-2009 23:00:50
คนแอบดูเบาหวานขึ้นไปแล้ว
อ๊ากกกก

หวานจริงนะพี่ต้น
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 26-07-2009 01:21:24
พี่ต้นนี่สุดบยอดเลยอ่ะ

ชอบมากๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: Dangerous_patz ที่ 26-07-2009 03:16:13
ย๊ากกกกกก



หวานจัดดดดด




หมดตอมมมมม แว้ววว




อิจฉาาาาาาาาาา   :m31: :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 26-07-2009 06:09:02
ย๊าาาาาาาาาาาาาาาากกกก  :z2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: gboy ที่ 26-07-2009 06:32:41
มดวิ่งกันยั้วเยี้ย

เต้มบอร์ดเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 26-07-2009 07:31:45
 :-[ :-[ :-[  :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: gboy ที่ 26-07-2009 21:57:04
 :o8: :-[
 :o8: :-[
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 27-07-2009 00:10:31
ตอน 28

“ ในที่สุดก็ลงท้ายด้วยดีเห็นทีฉันต้องจัดการเรื่องงานแต่งของทั้งสองแล้วล่ะ” ประมุขบ้านวรโชติคิดได้เช่นนั้นก็ยิ้มเบิกบานในตอนนี้ของที่อยากได้มากที่สุดก็คือการได้เห็นลูกชายมีความสุข ..แถมยังได้สะใภ้เป็นลูกเพื่อนสนิทยิ่งทำให้นางสุขใจเข้าไปใหญ่..


“ หล่อนรีบเกินไปหรือเปล่าลูกชายฉันเพิ่งยิ่สิบเอ็ดปีนะ อีกอย่างสองคนนั้นก็ไม่ได้ไปไกลในขั้นที่จะแต่งงานกันสักหน่อย” คุณนันขัดขึ้น ทลายฝันของเพื่อนลงสิ้นเชิงจนนางต้องทำหน้าเหมือนถูกขัดใจไปจ้องมองเจ้าของคำพูด

“ น้านันกับแม่อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยดีกว่าไหม” การห้ามทัพระหว่างสองคนที่มีฝีมือการรบโชกโชนเป็นการยากยิ่งนักเพราะขิงก็ร่าข่าก็แรง แม้จะไม่ได้จริงจังอะไรแต่ยามที่ทั้งสองต่อล้อต่อเถียงกันนั้นพลอยจะทำให้คนข้างสนามต้องลุ้นกันหลายยก ลุ้นว่าใครจะพักขอยาดมยาหอมก่อนกัน


“ ช่างเถอะวันนี้ฉันจะยกให้หล่อนสักวัน ไหนๆว่าที่สะใภ้ของฉันก็คืนดีกับพี่ต้นแล้ว” แปลก ! ปกติคุณแก้วไม่ใช่พวกชอบยอมแพ้ง่ายดายเช่นนี้ หรือเพราะความสุขอย่างที่นางว่าเลยทำให้นางเปลี่ยนเป็นใจเย็นดุจนางฟ้า


สิ่งแน่นอนในโลกไม่มี..ภาษิตที่ตกทอดมานานปรากฏขึ้นในเช้าวันนี้

เพราะเงาสุขที่พาดผ่านเข้ามาได้ไม่ทันข้ามวัน เกิดต้องเจอการทดสอบบทสุดท้ายบทที่ทำให้หลายคู่ซึ่งรักกันแนบแน่นแตกหักแยกจนอาจจะกลายเป็นคนอื่น

อุปสรรคตัวดีที่ใครๆต่างหวาดหวั่นว่ามันจะเกิดขึ้นกับคู่ของตน คุณนันล้มตัวลงกับเก้าอี้ข้างกาย มือที่ปล่อยโทรศัพท์ลงนั้นแสดงความอ่อนยวบรวนเร น้องสติชของพี่ต้นซึ่งนั่งอยู่ใกล้นางที่สุดถามขึ้นอย่างเป็นห่วง นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นสีหน้าตระหนกบวกวิตกเช่นนี้นนท์กลัวจับใจอาจมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น


“ เป็นอะไรไปครับแม่มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ” น้ำเสียงของคนถามร้อนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ท่าทีอ้ำอึ้งของคุณนันอยู่ในสายตาของคนอื่นๆในบ้าน คุณแก้วที่รู้จักเพื่อนมายาวนานที่สุดรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าความหนักใจของเพื่อนไม่ใช่สิ่งที่ได้ฟังจากการรับโทรศัพท์เมื่อครู่ แต่...



“ คือไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ” นางกลบเกลื่อน แต่พฤติกรรมทุกอย่างก่อนหน้าทำให้เจ้าสติชสีอ่อนของนางจับได้ว่านางกำลังปิดบังความจริงบางอย่างกับนนท์ เขาไม่ชอบใจเอาเสียเลยเหตุไฉนต้องมีเรื่องปิดบังกันด้วย หากนางมีปัญหาอะไรก็ควรบอกเขาสิ


“ แม่อย่าโกหกนนท์ได้ไหม” คำว่าโกหกเข้าไปเสียดลึกในดวงใจของนาง ครั้งก่อนก็โกหกเรื่องบริษัทไปครั้งหนึ่งแล้ว การโกหกที่ยิ่งใหญ่และเปลี่ยนชีวิตของนนท์ไปสิ้นเชิง


“ คือ” นางยังอึดอัดที่จะพูด


“ แม่” คนหน้าหวานตีหน้าบึ้งเรียกนางสั้นๆ แต่เพราะแววหวั่นสั่นไหวที่ปรากฏในดวงตาของพ่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเลยทำให้นางจำต้องเปิดเผยสิ่งที่ไม่อยากพูดออกไป



“ สาขาย่อยของเราที่แคลิฟอร์เนียเกิดปัญหานิดหน่อย เพราะการเลือกตั้งที่ใกล้จะเกิดเลยทำให้เกิดขั้วการเมืองสองฝักสองฝ่าย นักลงทุนเลยชะลอเงินไว้ก่อนเพราะกลัวนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่จะส่งผลกระทบ แต่อีกแค่หกเจ็ดเดือนผลก็จะออกมาแล้วลูกไม่ต้องห่วงหรอก” นางอธิบายถึงสาเหตุการชะลอตัวทางการเงินของบริษัทลูกในรัฐดังกล่าว


“ แต่นนท์จำได้ว่าสาขาของเราในเมืองนั้น ทำเงินให้เดือนละหลายร้อยล้านดอลล่าร์หากสาขานี้เกิดปัญหา สาขาที่เหลือทั้งสี่ไม่เป็นอันล้มลงไปด้วยหรือ” นนท์เองก็มีความรู้เรื่องบริษัทธุรกิจของครอบครัวไม่น้อย ตั้งแต่เข้าเรียนวิชาการตลาดนนท์ก็สนใจเรื่องราวทุกอย่างไปเสียหมด จนเคยรื้อเอกสารเก่าที่แอบหยิบมาจากบ้านหลังเดิมขึ้นมาอ่านทำความเข้าใจ


“ ลูก” นางไม่อยากเชื่อว่านนท์จะรู้ บริษัทย่อยในแคลิฟอร์เนียคือหนึ่งในสองสาขาที่สร้างกำไรมากมายให้แก่เครือข่าย ส่วนอีกหนึ่งสาขานั้นตั้งอยู่นิวยอร์คมหานครชื่อก้องโลก



“ ถ้าอย่างนั้นนนท์จะไปอเมริกากับแม่ .. ไปพรุ่งนี้เลยนนท์จะโทรฯไปจองตั๋ว” ชายหนุ่มตัดสินใจเด็ดขาดแน่วแน่ ในนาทีนี้เขาควรเลือกครอบครัวบ้าง แม้วรโชติจะเปรียบเสมือนครอบครัวของนนท์ไปแล้วก็ตาม แต่ถึงอย่างไรแม่ก็ควรอยู่เหนือสิ่งอื่นใดสิ ตอนนี้ทางโน้นกำลังแย่ ...นนท์ไม่อยากให้แม่ต้องเผชิญปัญหาอยู่คนเดียว แม้เขาอาจช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่หากอยู่เป็นแรงใจใกล้ๆ...


ทุกอย่างคงกลับมาเหมือนเดิม..บางทีเราอาจไม่รู้หรอกว่าหากขยับเพียงน้อยวิกฤตที่ถาโถมเข้ามาจะเปลี่ยนร่างแปลงกายเป็นโอกาสแสนงามได้ แม้นนท์จะเคยเสนอความคิดให้สำนักพิมพ์ภควารอดจากภัยพิบัติ แต่พ่อสติชน้อยหลงลืมบางอย่างไป...ชะตาไม่ได้เอื้ออำนวยให้เป็นไปอย่างที่เราคาดไว้ทุกอย่าง ครั้งก่อนอาจโชคช่วยแผนของนนท์เลยโดนใจคนอ่าน แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่อย่างนั้น


“ ไม่ได้นะ” นางค้านทันที อีกสามคนที่นั่งอยู่ร่วมห้องจะนึกยังไงล่ะหากคุณนันพรากนนท์ไปจากพวกเขา บ้านวรโชติจะอยู่ได้เช่นไรหากขาดนนท์



“ ทุกคนเข้าใจนนท์นะถ้าทางโน้นเรียบร้อยนนท์จะรีบกลับมา” หันหันไปอ้อนวอนอีกสามคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน ความรู้สึกทุกคนย่อมสำคัญกับนนท์แต่บริษัทก็สำคัญมิผิดแผก ...


“ จ้ะน้าเข้าใจ” เพราะทุกคนต่างเงียบงันไม่ตอบคำถามนั้น คุณแก้วจำต้องเอ่ยปากออกเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มต้องไม่สบายใจเปล่าๆ น้องสติชต้องไปเพราะงานนี่ใครจะกล้าขัดได้ล่ะ แต่ถ้าไปเพราะจุดประสงค์ก่อนหน้าคือการหนีต้นคงไม่มีใครยอม

“ ขอบคุณครับ” คราวนี้นนท์จึงหันไปพูดกับมารดาต่อ คนอย่างนนท์ตั้งใจอะไรไว้แล้วก็จะทำให้ได้จนกว่าจะลุผลสำเร็จเขาจะไม่ยอมแพ้ เขาเชื่อว่าเขาต้องทำได้ ..เขามั่นใจ


“ งั้นก็ตามใจลูก” นางยอมในที่สุด นอกจากคุณแก้วและลูกสาวคนเล็กของบ้านแล้วอีกคนที่ร่วมอยู่ด้วยไม่ค่อยพอใจนักหรอกที่นนท์เลือกจะไปอย่างนี้ เขากับนนท์เพิ่งดีกันได้ไม่ทันข้ามคืนพรุ่งนี้ อีกฝ่ายก็ต้องจากเขาไปอีกแล้ว การฟื้นฟูบริษัทที่สร้างปัญหาต้องใช้เวลานานสักเท่าใดล่ะ เดือนสองเดือนหรือจะเป็นปีๆไม่มีใครสามารถตอบได้ เขาลุกเดินออกไปสีหน้าเรียบเฉย ทุกสายตาจับสัมผัสได้ว่าต้นเอาความเรียบเฉยและว่างเปล่ามาเป็นเกราะกำบังอีกคราหนึ่งแล้ว

“ นนท์ขอตัวก่อนนะ” เพราะเห็นเขาเดินออกไปอย่างนั้นจึงรีบเดินตามออกมา แต่หายังไงก็ไม่เจอเขาแล้ว นนท์เดินออกมาหน้าบ้านก็พบว่าชายหนุ่มขับรถออกไปข้างนอก ในใจระส่ำบอกไม่ถูก เขาเองเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ ความจริงนนท์น่าจะบอกพี่ต้นก่อนการตัดสินใจ การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้ชายหนุ่มเกิดความน้อยใจและคิดว่าตนไม่มีความสำคัญในใจของนนท์ คนอย่างต้นแม้จะแข็งเย็นเยียบแต่หากละลายก็จะรู้ว่าอ่อนยวบปรวนแปรมิต่างจากน้ำที่พร้อมจะเปลี่ยนรูปทรงตามภาชนะบรรจุ


นนท์ถอนใจอย่างอ่อนแรงเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อจัดการเก็บเสื้อผ้า การเดินทางไปครั้งนี้อาจกินเวลานานจนไม่มีใครกล้าคาดเดา ชายหนุ่มจึงต้องจัดเสื้อผ้ายกใหญ่จะเรียกว่าย้ายบ้านรอบสองก็น่าจะได้นนท์ไม่อยากไปซื้อใหม่ แม้จะรู้ว่าทางบ้านไม่ได้ล้มละลายอย่างที่คุณนันกล่าวอ้าง แต่หลังจากการเข้ามาอยู่ในชายคาบ้านหลังนี้เขาถึงได้รู้ว่าเงินมีค่ามากเพียงใด จะใช้ฟุ่มเฟือยอย่างแต่ก่อนเห็นว่าไม่สมควร

กิ่งเดินเข้ามานั่งหน้าโทรทัศน์เครื่องเดิมที่มักหลบมาดูภาพยนตร์ที่นี่ประจำ สีของโซฟาที่นั่งยังสดไม่จางบัดนี้ข้างกายเธอมีชายหนุ่มนั่งอยู่เคียงข้าง เพราะสีหน้าที่เหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มจำต้องทักอย่างแปลกใจ

“ มีอะไรหรือเปล่าวะ” แม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะพัฒนามาไกลกว่าความเป็นเพื่อน แต่การพูดการจาของทั้งสองก็ยังคงลักษณะเดิมไว้ไม่ผิดเปลี่ยน กิ่งบอกว่าเธอไม่อยากเปลี่ยนไปพูดค่ะขาเพราะมันไม่ชินพูดอย่างนี้กับเขามาเป็นสิบปีหากจะเปลี่ยนก็คงทำได้ลำบาก


“ ก็นนท์นะสิกำลังจะหนีพี่ต้นไปอีกแล้ว” กิ่งพูดเพียงแค่นั้น เลยทำให้ชายหนุ่มข้างกายเข้าใจผิดไปว่าทั้งสองคนยังไม่คืนดีกัน


“ นี่พี่แกง้อนนท์ไม่สำเร็จหรือวะ ทำไมนนท์ถึงต้องไปอเมริกาอีกล่ะ”


“ เปล่าหรอกสำเร็จแล้ว แถมเมื่อคืนยังจูจุ๊บกันด้วย แต่เพราะปัญหาของน้านันที่เกิดขึ้นกับบริษัทนนท์เลยอยากจะไปช่วยน้าเขาแก้ปัญหา” หญิงสาวบอกความจริง


“ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าห่วงนี่”

“ ทำไมจะไม่น่าห่วงล่ะ ปัญหาอาจต้องใช้เวลานานในการแก้ไข และที่สำคัญระยะทางนี่สิที่เป็นอุปสรรคไม่เคยได้ยินรักแท้แพ้ระยะทางเหรอวะ หลายต่อคู่ก็เลิกกันเพราะเรื่องนี้นี่แหละ” ด้วยประสบการณ์ที่พานพบมาในชีวิตทำให้หญิงสาวค่อนข้างกังวลกับระยะห่างที่ใกล้จะเกิดขึ้นกับสองคนที่เธอรัก


“ ไม่หรอกมั้งแกอย่าคิดในแง่ร้ายสิวะ” ชายหนุ่มให้กำลังใจ

“ แต่ฉันกลัวจริงๆ เห็นท่าทางของพี่ต้นแล้วน่าใจหายไม่น้อยสีหน้าเฉยๆไม่แสดงอารมณ์
ใครๆที่เห็นก็รู้ว่าเขากำลังเกิดความสับสนปนความไม่พอใจ”

“ ช่างเถอะว่าแต่พรุ่งนี้แกว่างหรือเปล่า” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องไปอย่างกะทันหัน ทำให้เธอแทบปรับอารมณ์ตามไม่ทัน

“ พรุ่งนี้เหรอน่าจะ...” เธอทำท่าครุ่นคิด


“ พรุ่งนี้วันศุกร์มีเรียนแค่ตอนเช้า คาบบ่ายก็ว่างแล้ว” ชายหนุ่มเสริม


“ วันศุกร์เหรอไม่ว่างว่ะ แม่ฉันชวนไปทำธุระทีแรกก็กะว่าจะให้พี่ต้นกับนนท์อยู่กันตามลำพัง แต่พรุ่งนี้นนท์ก็ไปแล้วไม่รู้สิ แม่ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าต้องไปทำธุระอีกไหม” หญิงสาวไม่แน่ใจ แต่บอกปัดไปก่อนเพราะนัดกับมารดาไว้แล้วไม่อยากเสียนัด


“ เฮ้ย” เขาเอนตัวลงแทบจะเรียกว่านอนลงไปก็ได้ ดูเขาเหนื่อยๆหลังจากได้ยินคำตอบจากปากหญิงสาว กิ่งขยับมาใกล้มองเขาอย่างสงสัย

“ เป็นอะไรหรือเปล่าวะ” หญิงสาวถามเสียงอ่อน

“ คือ” ชายหนุ่มดึงมือเธอมากุมไว้ พรมจูบลงอย่างแผ่วเบาต่อไม่ใช่พวกชายขี้อ้อนยามทำอย่างนี้หญิงสาวจึงใจเต้นไม่เป็นส่ำบอกไม่ถูกสิ มันเหมือนในกายวูบวาบไปหมด ดวงตาอ่อนโยนของเขามองทอดมายังเธอด้วยความรัก ...

หญิงสาวยกมืออีกข้างขึ้นมาวางบนหน้าของเขาเบาๆ เวลาที่อยู่ด้วยกันน้อยนักที่จะได้ทำอะไรหวานๆแบบนี้ สำหรับต่อหญิงสาวไม่จำเป็นต้องสร้างภาพหรือทำตัวเองให้อ่อนหวาน เธอเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นความรักที่ก่อเกิดในใจจึงทำให้มือที่เคยหนักหน่วงตีเขาแรงๆหลากครา กลายมาเป็นอ่อนโยนปลอบประโลมใบหน้าเขาอย่างแผ่วเบา


“ เป็นอะไรไป แล้วแกจะชวนฉันไปไหนเหรอถึงได้ถาม” หญิงสาวเอ่ยปากออกก่อน แววตาอ่อนโยนที่มองมายังเธอมีแววสั่นคลอนเพียงน้อยแต่เธอก็สังเกตเห็น


“ ..” เขาไม่พูดอะไรได้แต่ลุกขึ้นนั่งทัดกับเธอ มือของเขายังกุมมือของเธอไว้ไม่คลายราวกับอยากจะตอกย้ำสัมผัสว่าเป็นจริงมิใช่การหลอกลวง


“ อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ” แม้สายตาที่มองมาจะเป็นสายตาเร่าร้อนที่ลุกโชนด้วยความรัก แต่เธอก็ไม่ชอบนักมันยังไม่ถึงเวลา... เธอยังเป็นแค่นักศึกษาคงไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์อันแนบแน่นเกินงาม


“ ก็ฉันอยากมอง” เขาบอกเพียงเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเธอ ได้แต่มองอย่างที่ปากบอกเขาเองก็รู้ดีว่าหากล่วงเลยเขตปักปันดินแดน ความสัมพันธ์ที่ดำเนินอยู่อาจเกิดการสะดุด ทุกอย่างควรเริ่มเมื่อเขาและเธอพร้อมและมีภาวะความเป็นผู้ใหญ่เพียงพอ และที่สำคัญผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต้องรับรู้!

“ ...” ชายหนุ่มยืนมือมากชี้ที่ปากของตัวเอง

“ อะไร” หญิงสาวทำท่างงๆ คุ้นๆว่าเคยเห็นภาพนี้จากที่ไหนสักแห่ง ใช่สิมันเหมือนสิ่งที่ต้นขอให้น้องสติชของเขาทำเลย คิดได้ดังนั้นหน้าก็พานจะแดงสุกปรั่งยังกะลูกตำลึง

“ บ้า”


“ เถอะนะ ทำหน่อยนะฉันอยากรู้ว่าเป็นยังไง” ชายหนุ่มออดอ้อนเสียงไม่ต่างจากเด็ก ๆ คนนั่งใกล้มีหรือจะใจร้ายไม่ยอมทำตาม แต่ก็ชั่งใจอยู่พอควรก่อนจะทำลงไป

“ ก็..” เธอยกนิ้วขึ้นแตะที่ปากตัวเอง

“...” ไม่ทันไรต่อก็ประกบริมฝีปากเขาลงอย่างแผ่วบาง มันให้ความละมุนอ่อนโยนจนหญิงสาวแทบไม่รู้สึกกระดากใจ สิ่งที่ทำอยู่อาจดูไม่เหมาะในสายตาผู้ใหญ่ แต่สำหรับความรักมันเป็นเพียงสิ่งงดงามที่จรรโลงใจของคนมีรักก็เท่านั้น เขาถอนปากออกยิ้มให้บางๆ

“ ไม่รู้เหรอมันเป็นสัญลักษณ์ เวลาที่ใครก็ตามเอานิ้วมาแตะที่ปากของตัวเอง คนที่อยู่ตรงข้ามก็ต้องวางประกบลงไปมันมาจากหนังเรื่องหนึ่งที่กำลังจะเข้าโรงในไม่กี่วัน” ชายหนุ่มอธิบาย กิ่งเพิ่งเข้าใจบัดนี้เองว่าสิ่งที่พี่ชายทำหมายถึงอะไร

“ งั้นเหรอ” เธอยิ้มเพียงน้อย แต่เห็นเขาที่นั่งตรงข้ามยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองก็แปลกใจ ดวงตาเธอมองเขาอย่างแสนฉงน

“ ก็จูบแล้วไง”

“ ใครบอกล่ะนั่นฉันจูบแก แต่นี่แกต้องจูบฉัน” เขาบอกเสียงเรียบทำให้เธอต้องค้อนเป็นครั้งที่สอง คนอะไรเจ้าเล่ห์แสนกลนัก ทั้งที่จูบไปแล้วก็ยังบอกให้เธอเป็นฝ่ายต้องจูบเขาอีก


“ ขี้โกงนี่” หญิงสาวบอกอย่างขัดเคือง เพราะความขุ่นมัวที่เกิดเพียงบางเบาทำให้หญิงสาวลืมสัญลักษณ์นั้นอีกคราแล้ว นิ้วเรียวยกมือแตะที่ปากเพื่อลบรอยที่เขาเข้ามาจุมพิต สัญลักษณ์ของมันทำงานอีกครั้ง คราวนี้เขาเข้ามาพร้อมทั้งทำเช่นเดิมแต่มันแนบแน่นเนิบนาบจนแทบขาดใจ จูบของเขาไม่ได้ร้อนแรงที่การกระทำแต่มันสร้างความร้อนผ่าวในความรู้สึก หญิงสาวไม่ได้ปิดตาลงเพราะอยากมองหน้าเขาให้ชัด
ดวงตาสองคู่มองสบอย่างไม่ลดละใกล้เสียยิ่งกว่า

“ ไอ้ขี้โกง” หลังจากหลุดจากเขาได้ก็ผลักอกชายหนุ่มออกห่าง แต่ต่อหรือจะยอมผ่อนตามแรงของเธอเขายังแข็งขืนจะอยู่ใกล้แม้ปากจะไม่ได้สัมผัสกันแล้ว แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกว่าอกแกร่งไม่ได้ห่างจากร่างเธอเลยสักนิด

“ ฉันเคยบอกแกหรือยังว่าฉันรักแก...” เสียงแผ่วบางส่งคำถามที่หลุดจากปากชายหนุ่ม
ทำให้หญิงสาวต้องละมือลง เขาไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อนเธอเลยไม่ชิน

“ ไม่แน่ใจ ” เธอส่ายหน้าน้อยๆประกอบคำตอบ


“ ถ้าอย่างนั้นก็ฟังไว้อย่าลืมล่ะ” ชายหนุ่มปริปากเอ่ยคำรัก คำที่เก็บซ่อนมาเป็นเวลาหลายปีบัดนี้ได้หลุดออกมาแล้วทำให้เขาแสนโล่งใจ หนทางข้างหน้าอาจยาวไกลแสนคดเคี้ยวแต่เขาก็พาเธอไปด้วยกันอุปสรรคใหญ่เรื่องคู่หมั้นที่จะเจอตัวในวันพรุ่งนี้เขาจะขจัดมันให้จบสิ้นคอยดูเถอะ ในใจของต่อจะมีเพียงกิ่งเป็นผู้ครอบครองเท่านั้น ผู้หญิงคนอื่นไม่มีสิทธิ์จดชื่อลงในใจเขา ต่อให้คู่หมั้นที่มารดาหามาให้จะเลิศเลอขนาดไหนเขาก็ไม่สนใจ จะไม่หวั่นไหวเขาสาบาน !


“ ฉันรักแก” คำสั้นๆง่ายที่ออกมา ซึ้งไปถึงกลางใจน้ำตาที่ไหลมาเพียงเพื่อเอ่อน้อยๆแสดงความตื้นตันที่เกิดในใจของหญิงสาว กิ่งไม่เคยนึกฝันว่าเธอจะรักเขามากมายเช่นนี้ คำสั้นๆของเขาตอบแทนความรักของเธอได้มากมายจริงๆ


“ ฉันก็รักแกนะ” หญิงสาวตอบกลับเพื่อส่งความสุขให้อีกหัวใจได้ชุ่มชื้นไม่ต่างกัน สองคนกอดกันกลมนับจากนี้เกลียวสัมพันธ์จะไม่มีวันคลายออก ...



ตอนบ่ายนนท์และมารดาต้องเดินทางไปต่างประเทศ ทุกคนเลยมาส่งยกเว้นเขาเพียงผู้เดียว ตั้งแต่เมื่อวานนนท์ก็ไม่ได้เจอหน้าเขาอีก ไปหาเขาที่คอนโดมิเนียมก็ไม่พบพยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกต้นจะไปไหนได้นะ นนท์ได้แต่ถอดถอนใจวันนี้ที่ต้องเดินทางไกล... เขาก็ยังไม่มีกะจิตกะใจมาลาเลย จะปล่อยให้นนท์จากไปพร้อมความเจ็บปวดงั้นเหรอ ทั้งสองเพิ่งดีกันได้ไม่เท่าไหร่จะจากกันด้วยความหมองใจมันโหดร้ายเกินไปสำหรับน้องสติช มือเรียวบางยกคลำจี้ที่เขาให้ไว้แน่น ...ในใจก็ภาวนาให้เขามา

แต่ปาฏิหาริย์ที่รอก็ไม่มีจริง ต้นใจแข็งเกินไปที่จะมาส่ง ..ใครจะรู้ว่าตอนนี้ความเจ็บปวดกำลังทำร้ายต้นอยู่อย่างสาหัส

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 27-07-2009 00:23:37
พี่ต้นจ๋าาาาา

แงๆ  :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 27-07-2009 02:06:18
แล้วก็เดินทางมาถึงตอนจบเสียที

แต่ยังไม่ใช่ตอนจบสุดท้ายนะ แค่เป็นตอนจบของเนื้อหาหลักเท่านั้น

ยังมีตอนต่อไปอีกประมาณ 2-3 ตอน(ตอนพิเศษนั้นแหระ)

ไปอ่านกันต่อเลยค่ะ...


ตอน 29 ( จบ)


“ เครื่องใกล้จะออกแล้วเราเข้าไปข้างในเถอะ” มารดาเอ่ยเตือน สายตาของชายหนุ่ม..มองไปเรื่อยๆจนคุณแก้วที่มาส่งจำต้องเดินเข้ามาปลอบ


“ อย่าคิดมากเลยลูกพี่ต้นเขาไม่มาก็ไม่ต้องไปสนหรอก ไว้น้าจะบอกให้เขาโทรฯหาเราเองนะ” นางปลอบประโลม แต่แววตาที่แฝงรอยเศร้าก็ใช่จะหายเป็นปลิดทิ้งมันเพียงดีขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นเอง เขาใจร้ายมากที่ไม่มาส่งนนท์...


“ นั่นสิแกไม่ต้องห่วงหรอกแล้วฉันจะช่วย” กิ่งเข้ามาปลอบใจอีกแรง

“ ก่อนไปพี่มีอะไรจะบอก” นอกจากคนบ้านวรโชติยังมีหญิงสาวอีกคนที่มาส่งนนท์ด้วย แพทต้นเหตุของความสับสนแต่เป็นบททดสอบที่ทำให้นนท์ได้รู้ว่าพี่ต้นรักเขามากแค่ไหน..


“ อะไรครับ” นนท์มีท่าทางแปลกใจ คนอื่นๆก็เช่นกันไม่รู้หรอกว่าแพทจะบอกอะไร หญิงสาวในชุดเรียบง่ายสีขาวปลอดเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกคน พร้อมทั้งกระซิบบางอย่างซึ่งทำให้ดวงตาเศร้าสร้อยนั้นส่องประกายขึ้นมาทันที

“ จริงเหรอ” น้องสติชถามอย่างตื่นเต้น

“ จริงสิ ไว้น้องนนท์กลับมาถามต้นเองก็แล้วกันนะ” หญิงสาวยิ้มให้เป็นการลา สองแม่ลูกจำต้องไปได้เสียทีแล้ว เพราะประชาสัมพันธ์ประกาศเรียกขึ้นเครื่องเป็นครั้งสุดท้าย หากสายคงได้ตกเครื่องนั่งเฝ้าสนามบินใหม่ความภูมิใจของสยามประเทศตามคำเชื้อชวนของผู้สร้างแน่


“ ไปกันเถอะแม่” คราวนี้เป็นคนร่างบางที่เป็นฝ่ายเดินนำ ตอนนี้นนท์สบายใจมากขึ้นแล้วไม่หวาดหวั่นจะพยายามทำงานให้ดีที่สุดและเร็วที่สุดเพื่อกลับมาหาเขา คนที่นนท์รักคนที่มอบหัวใจ


จูบแรกที่พบเจอคือความผิด สร้างความหมองใจ จูบสองแม้จะแผ่วบาง อ่อนโยนแต่นนท์ก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดีที่คนแปลกหน้าไร้ความคิดจูบเขาอย่างนี้.


..แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของหัวใจ ที่ค่อยๆปั้นแต่งรักให้เป็นรูปเป็นร่าง เวลาในชายคาบ้านวรโชติผลักดันให้นนท์หลวมตัวรักเขา ถลำมากเข้าจนเจ็บ...แต่สุดท้ายนนท์ก็ได้รู้ว่านนท์ไม่เสียใจเลยที่ต้องเจ็บและต้องร้องไห้เพราะเขา ...รักที่ได้กลับคืนยิ่งใหญ่เกินสิ่งไหนจะคะคาน


ใช่สินนท์ลืมไปได้เช่นไร... ขึ้นมาบนเครื่องแล้วเพิ่งนึกได้ต้นจะไปไหนได้อีก นอกจากที่แรกที่ทั้งสองพบกัน


และมันจริงตามที่เขาคาดบัดนี้ชายหนุ่มยืนมองคลื่นกระทบฝั่งริมทะเลด้วยใจวาบหวั่นเครื่องบินที่บินผ่านเขาไปในขณะนี้เขาไม่รู้หรอกว่าจะไปไหนแต่มันก็พาใจเขาหอบติดไปด้วย นนท์จากเขาไปแล้วและคงอีกนานกว่าอีกฝ่ายจะกลับมา กลับมาคืนความรักและรอยยิ้มแก่เขา

และแล้วเวลาก็เดินทางถึงช่วงที่นัดไว้ มารดาของต่อฉลาดเกินจะเรียกเขาให้ไปเจอที่โต๊ะอาหารตอนเวลานัด นางรู้ดีว่าต่ออาจหาทางหลบหลีกหรือไม่ก็อาจแต่งตัวไม่เหมาะไปร่วมโต๊ะ คุณมิณฑิตาเข้ามาควบคุมการแต่งกายของพ่อลูกชายตั้งแต่บ่ายจากนั้นพอใกล้ๆเวลาก็พากันไปรออยู่ร้านที่นัดหมาย หน้าของต่อบึ้งเสียยิ่งกว่าบึ้ง


“ ทำหน้ายังกะจะตายให้ได้ อย่าทำหน้าบึ้งสิตาต่อ” มารดาเอ็ดเข้าให้ เพราะเห็นหน้าตาของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแล้วไม่สบอารมณ์เลย


“ ก็แม่เล่นบังคับอย่างนี้ใครจะยิ้มออกบ้างล่ะ สมัยนี้มันปีอะไรแล้วยังมีใจมาคลุมถุงชนกันอีกเหรอ” เขาถึงกับบ่นอุบก็มารดาเล่นคุมเขาแจ จะเดินออกไปเปลี่ยนชุดเละที่ตั้งใจจะใส่มาร่วมนัดวันนี้ก็ทำไม่ได้สองแม่ลูกร้ายพอกัน แต่เห็นวันนี้มารดาจะเหนือชั้นกว่าเขาขุมหนึ่ง


“ บอกแล้วไงว่าเห็นแล้วลูกต้องชอบ ลูกไม่รู้เหรอว่าน้องเขาน่ารักขนาดมีคนตามจีบตั้งเยอะตั้งแยะ ที่มหาวิทยาลัยไม่มีใครไม่รู้จัก น่ารักสดใสแถมยังสวยกว่าเด็กคนอื่นๆที่แม่เคยเห็น” มารดาบรรยายสรรพคุณว่าที่สะใภ้ที่นางหมายตัวไว้ต่อ คนอย่างคุณมิณฑิตาย่อมเลือกสิ่งที่ดีแก่ลูกชายเสมอ สิ่งที่นางเห็นว่าเหมาะสมแสดงว่ามันดีจริงๆนางถึงเลือก


“ แม่” เขาบอกอย่างอ่อนใจ เอาเถอะพูดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่านางดื้อเกินกว่าจะยอมฟังเขา แล้วเขาจะพิสูจน์ให้มารดาได้เห็นว่านางไม่มีทางเปลี่ยนความคิดเขาได้ ดวงตาของเขาเสมองไปข้างๆ ซึ่งเป็นสวนกลางร้านจัดเรียบง่ายแต่ให้บรรยากาศแสนเย็นตา ผ่อนคลายความกังวลไปได้บางส่วน


“ สวัสดีค่ะ” มารดาข้างๆเขาลุกขึ้นทักทายคนที่มาใหม่ ท่าทางไม่รับรู้ของเขาทำให้นางขัดใจนักจนต้องแอบหยิกหมับเข้าที่ต้นแขนไปหนึ่งที ชายหนุ่มจำต้องยืนตามนางแต่ดวงตาไม่สนใจหรอกว่าใครจะมาจะไป เขาบอกแล้วว่าไม่สนใจก็ไม่สนใจ

“ ขอโทษทีนะคะ ตาต่อของฉันนี่แย่จริงๆเลย แกไม่ค่อยไปร่วมงานที่เป็นพิธีรีตรองสักเท่าไหร่เลยไม่ค่อยรู้ว่าควรปฏิบัติตัวเช่นไร ดิฉันอยากให้ลูกได้ลองรู้โลกด้วยตัวเองเลยให้แกไปอยู่ตามลำพังนอกบ้านน่ะค่ะ” นางจำต้องหาข้อแก้ตัวที่เหมาะสมและมีความเป็นไปได้มาอ้างเป็นเกราะป้องกันลูกชายไว้

“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ลูกสาวดิฉันก็ใช่จะเรียบร้อยไปเสียทุกอย่าง สวัสดีพี่เขาสิจ๊ะ” ปลายประโยคเอ่ยกับลูกสาวคนสวยข้างกาย หญิงสาวในชุดสีขาวปลอดตรงแขนเข้ากุ๊นด้วยลูกไม้เป็นพุ่มเล็กๆ ผมยาวที่ดัดลอนเพียงเบาบางช่วยเสริมรับกับหน้าตาอ่อนหวานของเธอ ริมฝีปากเอ่ยออก

“ สวัสดีค่ะ” หญิงสาวก้มลงยกมือไหว้เขาตามคำสั่งของมารดา


“ รับไหว้น้องเขาสิ” นางต้องคอยเตือนอยู่ข้างเขาตลอดเวลา มือบางของมารดาตีลงที่ต้นแขนเขาแรงๆหนึ่งที ขัดใจตั้งแต่ทำหน้าบึ้งแล้วต่อหน้าแขกของนาง ยังกล้าทำกิริยาไม่เหมาะอีก ลูกคนนี่…

“ สวัสดี” เขาไม่อยากจะทำนักหรอกแต่ก็ต้องทำ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นเห็นคนที่ไหว้ถึงกับแปลกใจ หญิงสาวหันมองมารดาที่ยิ้มแสนเจื่อนทำใจดีสู้เสือ

“ แม่นี่อะไรกัน” หญิงสาวถามเสียงขุ่น


“ โธ่ก็...แหมไหนๆก็ไหนๆแล้ว เทอมหน้าฝึกงานเสร็จก็จะได้ตกลงปลงใจกันไงจ๊ะ” ลูกสาวคนสวยไม่เคยเฉลียวใจแม้แต่น้อย ขนาดพี่ชายของเธอนางยังโดนจับแผนวางตัวกับเพื่อนสนิทของเจ้าหล่อนได้เลย แล้วทำไมกิ่งจะรอดพ้นการจัดการของนางได้ล่ะ !

“ นี่อะไรกันแม่” ฝ่ายชายเองก็ถามอย่างแปลกใจ ใครจะนึกล่ะว่าต้นเหตุที่ทำให้เขากังวลมาหลายวัน จะเป็นคนคนเดียวกับคนที่เขารัก คนที่เขารักมาเนิ่นนานหลายปี


“ ก็แม่บอกแล้วไงว่าลูกต้องชอบ หรือว่าจะไม่แต่ง” เพราะรู้ความสัมพันธ์ที่พัฒนามาไกลเกินกว่าทุกคนจะคาดฝัน นางเลยสนับสนุนเต็มที่ให้ทั้งสองได้แต่งงานกัน การนัดดูตัวที่สร้างขึ้นก็เพื่อเฉลยเรื่องราวทั้งหมดให้ทั้งสองได้กระจ่างใจ


“ แต่งสิ แต่ทำไมแม่ถึงใช้ไม้นี้ด้วยล่ะ” เขาย่อมอยากจะแต่งอยู่แล้ว ใครบ้างล่ะจะปล่อยโอกาส
แต่ส่วนหนึ่งของจิตใจก็ยังรับไม่ทันอยู่ดี มารดาของทั้งสองร้ายเสียยิ่งกว่าร้าย หานึกหรอกว่าการวางตัวของทั้งสองถูกความสัมพันธ์ที่เรียกว่าเพื่อนเชื่อมโยงเอาไว้มานาน


“ เอาเถอะพาน้องไปเดินเล่นไป”


“ เดี๋ยวคะคุณน้า หนูขอคุยกับแม่ก่อน” กิ่งมีท่าจะไม่ยอมง่ายๆ หันไปจ้องคาดโทษเข้ากับมารดา บัดนี้นางตกอยู่ในฐานะจำเลยพูดมากเห็นจะไม่ควร


“ ทำไมแม่ทำกับหนูอย่างนี้ล่ะ นี่แม่วางแผนตั้งแต่ให้ไอ้ต่อมันเข้ามาเป็นเพื่อนหนูเลยใช่ไหม” หญิงสาวถามเสียงขุ่นส่วนหนึ่งก็ดีใจลึกๆที่รู้ว่าต่อไม่ต้องแต่งงานกับหญิงอื่น


“ แม่ไม่รู้สักหน่อยเพิ่งมารู้ก็ตอนที่พูดกันวันก่อน แม่เลยไปขอนนท์ดูรูป....เพราะหลังจากนั้นอีกวันแม่กับน้าตาก็เจอกัน น้าเขาเอารูปลูกชายมาให้ดูแม่ถึงรู้ว่าต่อเป็นคนที่หมั้นกับลูกตั้งแต่เด็กๆ” นางอธิบาย

“ แต่หนูก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี แล้วแม่รู้ได้ไงว่าหนูกับต่อไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันแล้ว” เธอถามต่อ เพราะท่าทางของสองมารดาแสดงว่ารู้เรื่องราวความสัมพันธ์ของเธอและเขาแล้ว

“ ก็..ก็นนท์บอกแม่”นางจำต้องบอกไปโธ่เอาเถอะ ว่าที่สะใภ้ของนางจากไกลไปอเมริกาแล้วกิ่งจะตามไปเอาเรื่องก็คงทำไม่ได้หรอก ความจริงอุตส่าห์เปิดเผยมาถึงตรงนี้แล้วหากจะเผยทั้งหมดก็คงไม่เสียหายอะไร


“ นนท์..” เธอบอกเสียงเข่นเขี้ยว จากนั้นกิ่งก็เดินฉับๆออกจากร้านไปทันทีใครจะนึกล่ะว่ามารดากับว่าที่พี่สะใภ้จะร้ายพอๆกับที่ตนและมารดาร่วมหัวกันเรื่องต้น จะว่าไปก็สมน้ำสมเนื้อกันทุกฝ่าย



“ ผมไปก่อนนะ ลานะคุณน้า” เขาบอกพร้อมยกมือไหว้ ตอนนี้ต้องรีบตามหญิงสาวออกไปให้เร็วที่สุดกิ่งน่ะยามอยู่กับเขาขี้แยแสนงอน ง่ายต่อการกระทบกระทั่งกลัวใจเธอจริงๆว่าจะทำอะไรไร้สติลงไปอีก


“ รอก่อนสิกิ่ง” ในที่สุดก็ตามมาทัน มือของเขาเอื้อมคว้าเธอไว้อย่างรวดเร็ว

“ ปล่อยนะ”

“ ไม่ปล่อยจะไปไหนทำไมต้องเดินหนีออกมาอย่างนี้ด้วยไม่ดีเลยนะไอ้ลิง...” เสียงเขานุ่มนวลไม่กระด้าง ต่อรู้ตัวว่าควรใช้น้ำเสียงโทนไหน และเขาควรวางอารมณ์เช่นไร ก่อนที่จะแสดงอะไรออกไปต้องทำให้กิ่งยอมรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ได้ก่อน


“ ฉันอยากอยู่คนเดียว” เธอหันมาทางเขาบอกเสียงราบ


“ ไม่ให้ไป แกจะไปไหนฉันจะไปด้วยสิ...อย่าทำอย่างนี้เลยนะ” เขาบอกเตือน ปลายเสียงตวัดเพียงน้อยเพื่อให้รู้ว่าเธอไม่ควรทำตามความไร้สติที่เข้ามาครอบงำอยู่

“ ก็ฉันสับสนนี่วันก่อนเพิ่งกังวลเรื่องที่แกจะไปดูตัว แต่วันนี้ก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าคนคนนั้นไม่ใช่ใครแต่เป็นฉันเอง ฉันไม่รู้จริงๆว่าควรรู้สึกยังไงดี” ความอัดอั้นระบายออก เธอไม่ได้ร้องไห้แต่เงาเสียงที่ทอดออกมีแววสะอื้นไห้แฝงอยู่บางๆ


“ อย่าคิดอะไรอีกเลยนะ....มีความสุขก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ” มือใหญ่ดึงร่างเธอมากอดไว้ กดศีรษะเธอให้แนบลงกับอกเขาเบาๆ คนที่เขารักกำลังสับสนกับทางที่จะเดิน การฝ่าฟันที่คิดว่ายากยิ่งสำหรับการก้าวผ่านบัดนี้ทุกอย่างเหมือนเปิดทางให้ทั้งสองเดินแล้ว หากยังลังเลหนทางอาจหายไปก็เป็นได้

“ ก็ฉัน..” ลูกแมวน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา ไม่นึกเลยว่าความอบอุ่นที่ส่งผ่านจากร่างสู่ร่างในขณะนี้จะทำให้อารมณ์เธอดีขึ้นอย่างเหลือประมาณ เขาสมกับเป็นคนที่เธอรักจริงๆรู้ว่าควรทำอะไรในเวลาไหน

“ ยอมแต่งกับฉันไหม” เขากระซิบที่ข้างหู

“ บ้า”

“ ฉันถามจริงๆอย่าตอบอย่างนั้นสิ” น้ำเสียงจริงจังทำให้หญิงสาว ถึงกับหน้าแดงเลือดในร่างไหลเวียนแรงไปหมด ใจเต้นระส่ำบอกไม่ถูกมันสร้างความตื่นเต้นให้เธอยิ่งกว่าคำรักที่เขาบอกเมื่อวานเสียอีก การจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต บางคนต้องปรับตัวกันนานกว่าจะเข้ากันได้ บางคู่ก็อาจเลิกรากันไปหลังจากได้ลองมาใช้ชีวิตด้วยกัน แต่สำหรับเขาและเธอนั้นแตกต่างสิบปีที่รู้จักกันกิ่งไม่จำเป็นต้องปรับเข้าหาเขาอีก ส่วนเขาก็เป็นอย่างที่เคยไม่ต้องเปลี่ยนแปลง

“ แต่งสิ” เธอตอบรับ เหมือนโลกทั้งใบของคนตัวสูงเบ่งบานด้วยมวลดอกไม้หลากพันธ์หลากสีสัน ทุกดอกหันมาทางพวกเขาเพื่อร่วมยินดีกับความสุขที่กำลังจะเกิดขึ้นความสุขที่จะได้เป็นหนึ่งเดียว


“ ...” นิ้วของเขายื่นมาแตะตรงริมฝีปากเล็กน้อย กิ่งรู้ดีถึงสัญลักษณ์อันแจ่มแจ้งคราวนี้เธอไม่รอช้าที่จะทำตามความต้องการของเขา เธอยื่นมือไปจับเอวทั้งสองข้างของเขาไว้ดึงตัวขึ้นพร้อมเขย่งสุดปลายเท้าวางปากบางทาบลงเพียงครู่เร็วและไว ดีนะที่เขาไม่สูงเท่าต้นไม่เช่นนั้นเธอคงสั่งให้เขาย่อร่างเช่นที่เพื่อนสนิทบอกให้พี่ชายทำแน่เลย มันไม่ควรนักหรอกที่จะแสดงความรักประเจิดประเจ้อเช่นนี้แต่ไหนๆวันนี้ก็เป็นวันที่เธอมีความสุข เธอจะยอมทำตามหัวใจสักครั้ง


สุดสัปดาห์กลายเป็นวันที่ต้นไม่อยากกลับมาบ้านมากที่สุด เวลาสามปีที่มีนนท์อยู่ในบ้านผ่านไปเร็วจนน่าใจหาย ทุกคนรู้สึกไม่ต่างกัน


นี่ก็ครบสองสัปดาห์ที่อีกฝ่ายจากไป ต้นเพิ่งยอมกลับมาค้างที่บ้านเป็นวันแรก ทุกมุมของบ้านหลังนี้มักมีภาพของใครคนนั้นเข้ามาแทรกอยู่เสมอ รอยยิ้มที่สดใสเกินกว่าผู้ใดจะเทียบได้ยังตรึงอยู่ในทุกอณูความรู้สึก แต่ความน้อยใจที่ผุดขึ้นในห้วงคิดก็ทำให้เขาทิฐิแรงเกินกว่าจะโทรศัพท์หาอีกคน


วันนี้เขาเข้ามาในห้องอย่างแปลกใจ หยิบเสื้อชุดใหม่ที่รีดเก็บไว้ในตู้มาใส่ตอนแรกก็ซุ่มหยิบอย่างไม่สนใจ แต่ดวงตาก็เหลือบไปเห็นเจ้าเสื้อสีชมพูที่นนท์ซื้อให้ ในใจสับสนยิ่งว่าควรทำเช่นไรแต่สุดท้ายก็คว้าเอามันมาใส่จนได้


“ ลงมาแล้วเหรอพี่ต้น” คุณแก้วที่นั่งรอกล่าวทักทายขึ้น อาหารเช้าวันนี้เป็นอะไรง่ายๆขนมปังกับไส้กรอก เพราะนนท์ไม่อยู่แล้วเลยไม่มีคนตื่นมาทำอาหารยุ่งยากแต่แสนอร่อยให้ทุกคนทานกัน

“ ครับ น้องกิ่งล่ะ” เขาเอ่ยถามถึงอีกคน


“ ออกไปข้างนอกกับแฟนเขาแล้วล่ะ ว่าแต่เราเถอะไม่ไปไหนเหรอ วันนี้วันอาทิตย์น่าจะออกไปข้างนอกบ้างไม่ต้องทนอุดอู้อยู่แต่ไหนบ้านเช่นนี้” ท่าทางของลูกชายที่กลับไปเป็นพวกเย็นชาไร้ความรู้สึกกัดกินใจของนางอีกคราหนึ่งแล้ว นนท์หยิบความสุขของทุกคนติดมือไปจริงๆ

“ เปล่าหรอกครับผมอยากพัก” เขาบอกเพียงสั้นๆ หันไปสนใจกับอาหารในจาน ส้อมในมือจิ้มๆวางๆทานเข้าไปก็น้อยแสนน้อย เห็นลูกชายสุดที่รักเป็นอย่างนี้ก็ไม่สบายใจเลยแต่จะพูดเรื่องว่าที่สะใภ้ เขาคงไม่ยอมฟังนางเลยเฉไปเรื่องอื่น


“ ลูกเปลี่ยนน้ำยาปรับผ้านุ่มใหม่เหรอ กลิ่นนี้แม่ไม่คุ้นเลย” เพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรดี เลยเอาสิ่งเรียบง่ายที่แปลกไปขึ้นมาถาม ชายหนุ่มข้างกายเลิกคิ้วเล็กน้อยหยุดคิดและก็พบว่ากลิ่นของมันแตกต่างจากกลิ่นเดิมจริงๆ

“ ใช่สิ แม่นี่ช่างสังเกตจังเลยนะ”


“ เอานี่เปลี่ยนน้ำยาใหม่ยังไม่รู้อีกเหรอนี่” นางถามอย่างแปลกใจ ทำให้ต้นถึงกับงงมารดาไม่รู้จริงๆเหรอว่า น้ำยาที่เปลี่ยนใหม่มาจากไหน

“ ก็แม่เป็นคนซักให้ผมไม่ใช่เหรอ”


“ บ้าแม่ไปซักให้ตอนไหน แม่จำได้ว่าตั้งแต่เราขึ้นมัธยมแม่ก็มอบหน้าที่เรื่องส่วนตัวให้ทำกันเองแล้วนะ นี่ก็สิบกว่าปีแล้วสิที่ไม่ได้แตะข้าวของลูกเลย” นางบอก

“ จริงเหรอแม่ แต่....” เขาเริ่มระลึก


“ ทำไมอย่าบอกนะว่ามีคนซักผ้ารีดผ้าให้เรา ไม่ใช่ว่าบ้านเรามีผีบ้านผีเรือนคอยทำงานให้ลูก” คุณแก้วแสร้งพูดเสียงโอเว่อร์ เพราะก่อนนนท์ไปก็เห็นอีกฝ่ายจับๆจ้องๆกับเสื้อผ้าต้นอยู่ ตอนนั้นนางคิดเพียงแต่ว่าคนตัวบางอาจอยากทำให้เขาก่อนไป ไม่นึกหรอกว่าจริงๆแล้วนนท์จะทำให้เขามาเป็นปีๆ

“ เปล่าหรอกแม่..”


“ แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะพี่ต้น..ใครเป็นคนบอกว่าแม่ซักผ้าให้ลูก” นางถามออกไปดวงตาที่มีรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลาจ้องมองเขาคาดคั้นเอาคำตอบจากปาก


“ ตั้งแต่ที่บริษัทเกิดเรื่องนั่นแหละ แล้วคนที่...คนที่ไปบอกผมก็คือนนท์” เขายอมบอกในที่สุด ในใจรู้สึกหนักอึ้งบอกไม่ถูก นี่อีกฝ่ายดีกับเขามากถึงเพียงนี้ตอนนนท์ไปเมืองนอกเขาจะไปส่งก็ไม่มี แถมยังให้คนที่เขารักหอบพาเอาความไม่สบายใจติดไปด้วย


“ ตายแล้วพี่ต้นน้องอุตส่าห์ทำดีให้เรามาเป็นปีๆ แล้วดูเราทำสิมันน่าตีไหมล่ะ ไม่รู้ว่านนท์จะเสียใจขนาดไหนนะ” นางตั้งใจพูดกระทบใจเขา ร่างของต้นเหมือนเลื่อนลอยเดินออกจากโต๊ะอาหารด้วยใจที่รู้สึกผิด ร่างของเขาเดินไปเรื่อยจนไม่ทันระวังและชนเข้ากับใครคนหนึ่ง

“ นนท์” ดวงตาเขาเบิกกว้างไม่อยากเชื่อว่านนท์จะยืนอยู่ตรงหน้า


“ เป็นอะไรไป ทำไมเดินเหม่ออย่างนี้ดีนะที่ไม่เผลอเดินไปทางสระน้ำ จะเดินไปไหนก็ระวังหน่อยสิ”คำพูดบวกรอยยิ้มมันเป็นของจริงทุกอย่าง เขาไม่ได้คิดไปเองเขาไม่ได้ฝันแต่นนท์ยืนอยู่จริงๆ


“ กลับมาได้ยังไง แล้วที่อเมริกาล่ะ”

“ ตอนแรกนนท์ก็คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่โต ที่ไหนได้เกิดจากความเข้าใจผิดกันความจริงไม่ได้มีการขาดทุนอะไรเลย นนท์กลับมาแล้วดีใจไหม” ร่างเพรียวบางแย้มยิ้มให้ แต่เหมือนเขาจะไม่กล้าสบตาเลยเลือกเดินออกไปนั่งที่ริมสระว่ายน้ำแทน คนที่เพิ่งกลับมาใหม่จำต้องสาวเท้าตามไปไม่ขาด


“ เป็นอะไรไป ทำไมไม่พูดกับนนท์ล่ะนนท์ทำอะไรให้พี่โกรธอีกเหรอ” คนหน้าหวานนั่งลงข้างๆเขาถามเสียงใสไม่เข้าใจจริงๆว่าเขาเป็นอะไร ความจริงเขาควรดีใจไม่ใช่เหรอที่ไม่ต้องจากกันอีกแล้ว


“ พี่รู้สึกไม่ดีเฉยๆรู้สึกทำไม่ดีกับเราไว้มาก” เหมือนนนท์จะเห็นแววตาที่สั่นวูบพร้อมมีน้ำหล่อมากกว่าปกติ เขากำลังรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆรู้สึกว่าเป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้เลย ขี้น้อยใจราวกับผู้หญิง

“ ไม่เห็นเป็นไรหรอก...พี่หมดกำลังใจเหรอ”


“..” เขาพยักหน้ารับ รอยยิ้มปรากฏเปื้อนบนหน้าของคนตัวเล็ก..นนท์เดินไปเลื่อนเก้าอี้มาใกล้เขาจนชิดจากนั้นก็ค่อยยกมือขึ้นจับบ่าเขาเบาๆ หน้าหวานโน้มเข้าไปหาอีกพร้อมทั้งวางปากลงข้างแก้มของเขาเบาบาง ชายหนุ่มไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะทำเช่นนี้

“ เมื่อก่อนพี่ยังเคยเติมกำลังใจให้นนท์อยู่บ่อยๆ ตอนนี้พี่ไม่สบายใจนนท์ก็ทำอย่างที่พี่ทำบ้าง” นนท์ยิ้มให้เขาหลังจากการเติมเต็มกำลังใจ

“ ไม่โกรธพี่เหรอ” เขาถาม


“ จะโกรธได้ยังไง ครั้งที่แล้วพี่ยังลงทุนวางแผนทำจนตัวเองเกือบเอาชีวิตไม่รอด นนท์โกรธพี่ไม่ลงหรอกนะ แม้ที่ผ่านมาจะถูกพี่แกล้งหลอกผี พี่ไม่สนใจและชอบสบประมาท แต่ทุกวันนี้นนท์มีความสุขแล้ว มีความสุขมากที่มีพี่อยู่ข้างๆ นนท์จะไปโกรธพี่ได้ยังไงล่ะ...” ทุกคำออกมาจากความรู้สึก


“ นี่นนท์ให้ ..ก่อนกลับมานนท์ไปหาซื้อมาคิดว่าน่าจะเหมาะกับพี่” ชายหนุ่มหน้าสวยชูสร้อยให้เขาดู รูปเกลียวที่ทับซ้อนกันให้ความหมายที่แตกต่างมากมาย แต่มันก็น่าจะเหมาะกับคนอย่างเขามากที่สุดแววตาที่ว่างเปล่าที่เคยมี แต่ภายในมันมีเรื่องมากมายฟุ้งกระจายอยู่ ...นนท์อยากเป็นเหมือนกรอบวงที่อยู่นอกเกลียวนั้น เพราะมันทำให้รู้สึกว่าเขาจะไม่กังวลใดๆอีกหากมีนนท์อยู่ข้างๆเขา


“ นนท์ใส่ให้นะ ก่อนไปพี่ไม่รู้หรอกว่านนท์กลัวพี่โกรธนนท์แค่ไหนที่ตัดสินใจไปโดยไม่ปรึกษาพี่ก่อน โชคดีนะที่พี่แพทบอกความหมายของสร้อยให้นนท์เข้าใจไม่เช่นนั้นนนท์คงเศร้าไปตลอดเวลาที่อยู่อเมริกาแน่” เสียงใสๆ ที่ดังขึ้นบอกขณะที่มือยังสาละวนกับการใส่สร้อยให้เขา


“ ความหมายอะไร” ชายหนุ่มเอ่ยถาม มองดวงหน้าของคนที่ใกล้เขาเสียยิ่งกว่าใกล้อดใจที่จะโน้มปากไปสัมผัสแก้มนวลที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้

“ พี่ก็..” นนท์ชะงักเล็กน้อย การสัมผัสของเขามันทำให้นนท์วูบวาบได้ทุกครั้งเสียจริง
เขาคือคนที่นนท์รักมาก มากที่สุดเท่าที่เคยผ่านมา ชายหนุ่มมั่นใจว่าจะรักเขาเช่นนี้ต่อไปไม่สิ้นสุด

“ ความหมายอะไรล่ะ” เขาถามเสียงแผ่วรอยยิ้มเริ่มประปรายบนหน้าเขา


“ ก็พี่แพทบอกนนท์ หากพี่จะขอใครสักคนแต่งงานพี่ก็จะใช้สร้อยเป็นตัวแทนของแหวน” ร่างบางบอกสิ่งที่ทำให้เขายิ้มได้ในวันนั้น


“ ก็คงอย่างนั้น แล้วรับข้อเสนอของพี่ไหมล่ะ” ชายหนุ่มได้โอกาสจึงถามต่อไหนๆ นนท์ก็เดินเข้ามาเองเขาเลยอยากจะพูดต่อให้เรื่องมันเดินหน้าไปไกลอีกขั้น

“ ไม่รู้สิให้นนท์คิดก่อนก็แล้วกัน...” ร่างเล็กตอบแบบเอียงอาย


“ อย่าคิดนานนักล่ะ เดี๋ยวแม่จะรอไม่ไหวปล่อยให้คนแก่ผิดหวังมันไม่ดีรู้ไหม” แม้จะเป็นคำพูดทีเล่นแต่มันก็ทำให้นนท์ร้อนได้ไปถึงขั้วหัวใจ

“ นนท์ไม่พูดกับพี่แล้วคนบ้า” ร่างบางลุกขึ้นหนี รีบวิ่งเข้าบ้านไปด้วยใจที่เป็นสุข ชายหนุ่มจึงรีบตามไปไม่ยอมให้อีกฝ่าย...หลุดรอด

ภายใต้วงกอดของเขา นนท์พร้อมที่จะทำทุกอย่าง พร้อมที่รักเขาด้วยใจทั้งหมด...เวลาที่ผ่านมาหลายปีพิสูจน์ให้นัทแน่ใจแล้วว่าเขาเป็นคนที่ใช่

ความรักครั้งก่อนทำใจของเขาให้เจ็บปวดรวดร้าวเกินกว่าจะหาคำใดมาบรรยายได้ แต่เพราะมันถึงทำให้เขาได้เจอกับนนท์ เจ้าเด็กมั่นใจในตัวเองอดีตแอฟโฟ่ว์หัวฟูที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่เลวร้ายให้ผ่านพ้น คนที่ทำให้เขาได้รู้ว่ารอยยิ้มอย่างจริงใจเป็นเช่นไร และนนท์ก็ทำให้เขาได้รู้ว่ารักสำคัญมากต่อคนเรา จึงไม่แปลกที่เขาจะรักนนท์...

ความรักถูกสร้างสรรค์ปั้นแต่งด้วยมือของใครไม่สำคัญ ขอเพียงรักที่ก่อมานั้นสำคัญต่อใจคนที่ได้รักก็เพียงพอ แม้พรุ่งนี้ทุกอย่างอาจเลวร้ายและลำบากแต่หากมีมือของใครอีกคนกุมกันไปเท่านี้ก็กล้าที่จะเดินหน้าไปเผชิญด้วยกันแล้ว ต่อให้เราต้องล้มแต่ก็รู้ว่าจะมีมือของใครที่รักคอยดึงเราขึ้นมา .....ปั้นรักประดับไว้กลางใจ มนุษย์ผู้ไร้รักมิต่างจากฟ้าไร้แสงดาว..

" ขอบคุณนะที่กลับมา...ไม่มีเราพี่รู้สึกไม่ดีเลยจริง"..เสียงกระซิบแผ่วข้างหูตอกย้ำความทรงจำ ความรัก และทุกความรู้สึกที่เคยมีให้กัน วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เวลาคือคำตอบที่ดีที่สุด...

" นนท์ก็รู้สึกไม่ต่างกัน..นนท์รักพี่นะ.."

" พี่ก็รัก.." ต้นมองอีกคนด้วยความรักก่อนจะก้มลงจุมพิตเบาบาง..การเริ่มต้นของทั้งสองปรากฏขึ้นแล้ว...


^____________TheEnd_____________^


ขอหยอดชื่อตอนพิเศษไว้สักหน่อย...ตอน เพราะความรัก...พี่ต้นแอบหื่น
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 28+29
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-07-2009 02:49:06
^

^

^

ในที่สุดก็ happy ending

รอตอนพิเศษคร่า  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 28+29
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 27-07-2009 03:44:01
ว่าแล้วตอนต่อไปต้องแอบหื่น  :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 28+29
เริ่มหัวข้อโดย: gboy ที่ 27-07-2009 08:12:30
 :serius2:
จบแล้ว
ขอตอนพิเศษอย่างด่วน

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 28+29
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 27-07-2009 13:44:50
ตอนพิเศษด่วนจ้า

รอไม่ไหวแล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 28+29
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 27-07-2009 14:15:40
มารอคิวอ่านตอนพิเศษนะคับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 28+29
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-07-2009 19:45:33
 :z2: :z2: :z2:

ขอตอนที่ต้นหื่น ด่วน อิอิ  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 28+29
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 27-07-2009 21:09:03
โฮะ โฮะ แต่ละคน ถ้ามันไม่หื่นอย่างที่ทุกคนคิด เค้าจะโดน :beat: ม้ายยย



ตอน เพราะความรัก..พี่ต้อลแอบหื่นว่ะ


แม่คนผมยาวที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงหนานุ่มของตนถึงกับสะดุ้ง..เมื่ออยู่ๆ เสียงเคาะประตูห้องของเจ้าหล่อนก็ดังขึ้น.. หากเป็นเวลาปกติหญิงสาวจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่มันตีสามแล้ว ..ใครกันนี่ที่มาปลุกหล่อนจากการหลับใหลแสนหวาน ..


กิ่งลากตัวเองออกจากเตียงด้วยความโทรมสุดฤทธิ์...


“ ใครนี่.. คนจะหลับจะนอนมาเคาะไม่คิดจะเกรง..” แม่สาวผมยาวที่กำลังเปิดปากหาววอดๆ มีอันต้องเงียบเสียงเมื่อพบสภาพของคนที่ยืนรออยู่หน้าประตูว่าแย่ไม่ต่างอะไร..


“ เป็นไรไปแก...หรือพี่ต้นแอบไปมีกิ๊ก..” กิ่งเอ่ยถามอย่างห่วงใย.. ไม่เห็นอาการนี่ของนนท์นานแล้วนะ...เฮ้อ..จะพูดไงดีล่ะ.. กิ่งทำอะไรไม่ถูกได้แต่เอื้อมมือไปจูงเพื่อนเข้ามาในห้อง ก่อนจะเอื้อมไปปิดประตูให้แน่นหนา... นนท์เดินมาหยุดอยู่ตรงขอบเตียงนุ่มๆ..โดยมีอีกคนนั่งข้าง..

“ เป็นไรหรือเปล่านนท์..”


“ เปล่าๆ..นอนไม่หลับว่ะ..พี่ต้นนะพี่ต้น..ไอ้บ้านิสัยไม่ดี ” คนหน้าสวยเปรยขึ้นอย่างเหนื่อยใจ แล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนด้านหลัง..


“ อะไรนี่..พูดอยู่คนเดียวไม่คิดจะเล่าบ้างหรือยังไง...” กิ่งขยับตามเพื่อน ..ไม่ปล่อยให้เรื่องคาราคาซังหรอก.. พ่อคนนี้..ได้ไงนี่..มายั่วให้อยาก(รู้) แล้วจากไปนี่นะ...


“ ถ้าฉันเล่า..แล้วห้ามพูดต่อนะแก..” นนท์พลิกกายเล็กน้อยเพื่อหันมามองเพื่อนที่จ้องเขาอยู่..


“ ..” หญิงสาวพยักหน้ารับ..


“ ก็พี่ต้นสิ ..ป่านนี้แล้วยังไม่นอนอีก มาเปิดหนังบ้าหนังบออะไรไม่รู้...ฉันนอนไม่หลับเลยต้องรีบมาหาแกนี่แหละ...” เพราะตั้งแต่ที่ดีกัน คุณแก้วก็จัดการย้ายของสะใภ้หน้าหวานเข้าไปอยู่กับพี่ต้นทันที.. วันธรรมดาจันทร์-พฤหัสก็ให้นนท์ไปค้างกับพี่ต้นที่คอนโดฯ .. ชีวิตของทั้งสองเลยถูกผูกติดโดยปริยาย..

“ หนังอะไร..รำคาญขนาดนั้นเลยเหรอ..”


“ ก็ไอ้พี่ต้นมันจะปล้ำฉัน...ฮือๆ.. พี่ต้นนะพี่ต้น..ไม่น่ายอมเข้าไปนอนห้องเดียวกันเลย..” นนท์บอกเสียงอ่อย.. จะหนังอะไรอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่ ..ประเภทปลุกอารมณ์พลุ่งพล่าน ...ก็นนท์ไม่ยอมมีอะไรกับอีกฝ่ายสักที เลยโดนรายนั้นเล่นเล่ห์เข้าให้...


“..ฮ่าๆ.นี่อะไรกันนี่..แกก็ยอมๆไปได้แล้วนนท์..คนรักกันยังไงก็ต้อง..แบบว่าๆ ..เดือนหน้าเราก็เรียนจบแล้ว แม่เปรยไว้ว่าจะจัดงานแต่งให้แกกับพี่ต้นเป็นเรื่องเป็นราว..” กิ่งถึงกับปล่อยขันเมื่อรู้สาเหตุที่ทำให้คนหน้าสวยแสนเก่ง เดินตึงตังหน้าโทรมมานอนร่วมห้องกับเธอเวลานี้..


“ แกก็เข้าข้างพี่ต้นสิ.. แล้วมาทำอะไรนี่ไม่อายกันเลย.. ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ต้นจะหื่นขนาดนี้..” นนท์ยังคงบ่นต่อ


“ ก็แกทำให้พี่ต้นกลับเป็นคนเก่าแล้วไง... สมัยก่อนพี่ต้นชอบแกล้งคนอื่นจะตายไป แถมยังร่าเริงยังกับอะไรดีจนมีเรื่องนั่นแหละถึงได้เป็นอย่างนี้..อีกอย่างฉันว่าพี่ต้นเองก็ต้องการแกเหมือนกัน เพราะไม่ใช่เช่นนั้นคงไม่กล้าทำอะไรอย่างนี้หรอก..” กิ่งคิดไปตามแบบของหล่อน ไม่ได้มองเรื่องนี้ว่าเสียหายอะไร..


“ โธ่..กิ่งยังไงฉันก็อายนี่ ..”


“ โธ่..น้องสติชยังไงแกก็ต้องชินได้แล้ว...ตอนนี้ที่พี่ต้นไม่กล้าทำอะไรมากก็เพราะยังไม่ได้แต่งงานกัน..แต่ถ้าเป็นอะไรกันเมื่อไหร่แกจะหนีก็ยากว่ะ..”


“ โห่..เพื่อนเลว ไม่คิดจะช่วยแล้วยังมาขู่อีก..ตกลงฉันต้องยอมใช่ไหมนี่...” นนท์นั่งปลง..ไม่ใช่นนท์จะไม่ต้องการ ไม่ใช่นนท์จะรังเกียจ ..แต่เขาไม่เคยมีประสบอย่างนี้ ไม่รู้ว่าควรเริ่มหนึ่งสองอย่างไร นนท์กลัวจริงๆว่าเกิดเผลอเดินเลยความสัมพันธ์ไปอีกขั้น ต้นจะไม่ประทับใจ แล้วพานจะเดินหนี..

“ทำใจเย็นๆไว้ แล้วกลับไปเถอะนะ.. เป็นพี่ต้นฉันคงน้อยใจแย่ที่แกออกมาอย่างนี้..” ร่างที่บางกว่าเอื้อมมาโอบอีกคนไว้อย่างให้กำลังใจ ..

“ กลับก็ได้..” นนท์ทะลึ่งตัวขึ้นอย่างขัดใจ .. รวบรวมความกล้าที่มีทั้งหมดเพื่อเผชิญหน้ากับคนที่รัก..ยังไงเขาก็ทนมาได้ตั้งหลายเรื่อง ..จะทนก้าวผ่านความไม่แน่นอนของความรักไปอีกหน่อยจะไม่ได้เชียวเหรอ..


นนท์เดินก้าวออกจากห้องของอีกคนไปด้วยใจหวิวๆ..แม้จะเตรียมใจมาดี แต่ยิ่งระยะใกล้ห้องของตนกับพี่ต้นมาเท่าไหร่ ใจก็หวิวมากขึ้นเท่านั้น..ร่างเพรียวมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องหลายวินาทีก่อนจะก้าวเข้าไปรับความจริง...


แต่ภายในห้องกลับแตกต่างจากเมื่อสิบนาทีก่อน..ไฟถูกดับหมดเหลือเพียงเสียงแอร์ที่ดังลอดแหวกอากาศ..พี่ต้นหลับอยู่บนเตียงหลังเดิมที่นนท์ใช้นอนมาหลายเดือน...


‘ถ้าเป็นพี่ต้นฉันคงน้อยใจแย่’ เสียงของเพื่อนสาวคนสนิทดังเข้ามาในโสตประสาท..มันดูหดหู่ไม่น้อยหากคนที่รักทำเหมือนรังเกียจเรา ทำเหมือนไม่ต้องการ ...ร่างของคนเจ้าเสน่ห์ล้มลงข้างๆคนตัวสูงเบาๆ เอื้อมหยิบหมอนข้างที่นนท์ใช้เป็นปราการระหว่างเขากับต้นมาร่วมหลายเดือนออก.. พร้อมร่างบางๆที่ขยับเข้าไปใกล้อีกคนที่นอนหันหลังให้

“ พี่ต้น...”

“..” ไม่มีเสียงใดตอบรับกลับมา...


“..พี่ต้นหลับหรือยัง ..ตอบนนท์หน่อยสิ..” นนท์วางมือของเขาบนหลังของอีกฝ่ายอย่างเศร้าใจ ..ตอนนี้อารมณ์มันสับสนปนเปกันไปหลายอย่าง ..พี่ต้นของเขางอนหรือยังไง.. แต่จะให้นนท์เริ่มเช่นไรล่ะ เขายังไม่กล้าอยู่ดีเรื่องอย่างนี้มันดูน่ากลัวในสายตานนท์ไม่น้อย..


“ พี่ต้นโกรธนนท์เหรอ..” เมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาใดๆจากอีกร่าง ..นนท์เลยลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินอ้อมไปหยุดอยู่ตรงหน้าของพี่ต้นพร้อมทั้งล้มลงด้านหน้าร่างที่หลับตาอยู่...

“ พี่ต้น..พูดกับนนท์หน่อยสิ..” นนท์บอกเสียงแผ่ว..เริ่มจะเศร้าใจกับท่าทีเมินเฉย..จนเสียงที่ลอดออกมาติดจะสะอื้นไม่น้อย...


“ ร้องทำไม..” ต้นถึงกับละทิฐิที่มี..เขาเคยบอกไว้แล้วว่าจะไม่ทำให้น้องสติชสีอ่อนของเขาต้องร้องไห้อีก แต่เวลานี้เขากลับละเมิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้..


“ ก็พี่ต้นไม่พูดกับนนท์นี่...” นนท์บอกเสียงสั่น..คว้าเอวหนั่นเป็นที่ยึดแล้วดึงตัวของเขาเองให้เขยิบเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของอีกคน ...


“ ก็เราไม่ยอมพี่นี่..” ต้นบอกเบาๆ..

“ ก็นนท์กลัวนี่...” นนท์บอกเสียงอ่อยน้ำตายังคงไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่...


“ ทุกอย่างมันก็ต้องมีครั้งแรกเสมอ..แต่เราไม่คิดแม้แต่จะเริ่ม..พี่เป็นผู้ชายนะ..พี่มีความต้องการ มีความรู้สึก จะให้พี่ห้ามตัวเองบ่อยๆได้ยังไง..ยิ่งเรามาอยู่ใกล้ๆแบบนี้อีก..” ต้นบอกไปอย่างที่เขาคิด..หลายเดือนที่เริ่มต้นเป็นแฟนกันอย่างจริงจัง..ทำได้มากที่สุดก็แค่จูบกัน... ทุกคู่ล้วนต้องก้าวผ่าน ล้วนต้องเริ่มต้น แต่สำหรับนนท์ยังไม่กล้าพอที่จะเดินผ่าน

“ พี่ต้นจะเบื่อไหมที่นนท์ไม่ยอม..พี่ต้นจะไปหาคนใหม่ไหม..”


“ บ้าเหรอ..พี่จะไปมีคนอื่นได้ยังไง.. ที่พี่ต้องการไม่ใช่แค่ร่างกายนะ..แต่พี่ต้องการหัวใจที่พร้อมจะไปกับพี่..พี่แค่อยากให้รู้ว่า เซ็กซ์ไม่ใช่การมีอะไรกันแล้วจบไป แต่มันหมายถึงความรักที่เกิดขึ้น..และที่ต้องการมันหมายถึงเราคนเดียว...” ใช่สินะ..รักต่างหากล่ะที่จะผูกใจของคนเราให้ใกล้กัน.. แต่รักก็อาจต้องใช้เซ็กซ์ตอกย้ำความมั่นใจให้มากขึ้น..


“ พี่ต้นรอได้ไหม..รอนนท์หน่อยนะ..ให้เราแต่งงานกันก่อนให้นนท์ทำใจอีกหน่อยนะพี่ต้นนะ..” นนท์เอ่ยขึ้นหลังจากได้ยินคำตอบของต้น ..แท้จริงมันไม่สำคัญว่าจะแต่งหรือไม่แต่ง แต่นนท์อยากจะขอเวลาที่จะคิดทบทวนเรื่องราว และทำใจยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น..

“ อย่าคิดมากเลย..นอนเถอะ..”

“ พี่ต้น..”

“ ครับ..” คนหลับตาตอบเสียงแผ่ว...


“ มันถูกขานนท์อ่ะ...” นนท์เอ่ยขึ้นถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังดุนดันตรงหน้าขาของคนร่างบาง...ทำให้ต้นปรายยิ้มเบาๆกับคนหน้าหวานที่นอนหน้าแดงอยู่..


“ ก็เจ้าของมันไม่ยอมช่วยนี่..”

“ ก็นนท์กลัวนี่หน่า...แล้วพี่ต้นไม่เอาลงเหรอ..” นนท์ตอบกลับไปด้วยเสียงตะกุกตะกัก..กำลังใช้ความกล้าทั้งหมดข่มความอายที่เกิดขึ้นในใจ..

“ ช่างเถอะ..เดี๋ยวก็หาย..”


“ นนท์..เอ่อ..นนท์...ใช..ใช้มือให้ไหม..” นนท์เสนออย่างแสนอาย ..แต่บางทีหากเริ่มก้าวแรก ก้าวสองสามที่ตามมาอาจจะไม่ยากเย็นอะไร...


“ อย่าเลย..” คำปฏิเสธที่แสนบาง แต่กลับทำให้นนท์สะท้อนลึกเข้าไปถึงข้างใน เขาช่างเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ..พี่ต้นยอมหักห้ามใจเพราะไม่อยากหักหาญน้ำใจของเขา ..แต่เขาก็กลับเข้าใจไปว่าพี่ต้นหมายแต่จะได้..มือบางเอื้อมลงไปข้างล่างแล้วสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างที่หนั่นหนาสู้มือ..

“ อย่าสิ..เอ่อ..คุณหนู เดี๋ยวพี่..เอ่อ..ก็ทนไม่ไหวหรอก..” ต้นถึงกับครางสั่นเมื่อมืออุ่นๆ แสนบอบบางกำลังเคลื่อนไหวอยู่บนส่วนต่างของเขา ...

“ นนท์รักพี่นะ.. “ นนท์ยิ้มให้เบาบาง ..แล้วเลื่อนหน้าเข้าไปสัมผัสแก้มสากๆของต้นอย่างสุดรัก..

“ อืม...อื้อ..” ต้นถึงกับสั่น..คว้าร่างของอีกคนมากอดไว้อย่างหักห้าม..แค่นี้ก็ถือว่ามากมายเกินกว่าที่คิดแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับความรัก.. มันคือจุดเริ่มต้นที่ดูไม่เลว... มันคือการเริ่มแรกของการสัมผัสที่มากกว่าจูบ...

“..มันร้อนมากเลย..” นนท์เอ่ยเสียงสั่น เมื่อสิ่งที่เขาใช้มือควบคุมจังหวะเริ่มเต่งหนั่น.. และเพิ่มอุณหภูมิขึ้นอย่างสุดจะห้าม..

“ พี่..อื้อ..พี่..” ต้นกอดร่างของนนท์แน่นกว่าเดิมก่อนที่จุดสุดท้ายของการเดินทางจะปรากฏ... ร่างหนั่นเกร็งสั่นเล็กน้อยก่อนจะปลดเปลื้องอารมณ์ที่นนท์มอบให้อย่างสุดตัว...

“ ขอบคุณ...” ต้นกระซิบข้างหูอีกคนเล็กน้อย...


“ นนท์ต้องขอโทษพี่มากกว่าที่ทำได้แค่นี้...” นนท์ตอบกลับ..

“ แค่นี้ก็มากพอแล้วล่ะคุณหนู...” ต้นยิ้มให้อย่างซาบซึ้ง..แล้วผละกายออกจากตัวของคนที่รักเพื่อจัดการกับที่นอนที่เลอะเพราะความร้อนแรง..นนท์เดินปลีกไปล้างมือในห้องน้ำด้านนอกด้วยรอยยิ้มไม่แตกต่าง ..ถ้าลองก็ทำได้นี่หน่า..

“ .”

55555 หื่นแบบเล็กๆน้อยๆของพี่ต้นน่ารักมั้ยค่ะ

คงจะสงสัยกันละซิว่าคุณหนูของเราจะเสร็จพี่ต้นมั้ย พี่ต้นจะต้องรออีนานมั้ย หึ หึ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน เพราะความรัก..พี่ต้นแอบหื่น
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-07-2009 21:34:50
เอ่อ  :a5: แค่นี้   :เฮ้อ: เรื่องเรทแรงสุดคงได้แค่นี้เนอะ ทำจาย ทำจาย  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน เพราะความรัก..พี่ต้นแอบหื่น
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 27-07-2009 21:39:20
ดูจาลิมิตความหื่นของคนเขียน (หรอ) คงอีกไม่นานนนนี่เสร็จต้นแน่   :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน เพราะความรัก..พี่ต้นแอบหื่น
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 27-07-2009 21:40:30
จามีตอนพิเศษอีกไหมคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน เพราะความรัก..พี่ต้นแอบหื่น
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-07-2009 21:45:21
 :laugh:

แอบขำอ่ะ ๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน เพราะความรัก..พี่ต้นแอบหื่น
เริ่มหัวข้อโดย: gboy ที่ 27-07-2009 21:57:41
 o22
พี่ต้นแอบหื่นจิงๆ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน เพราะความรัก..พี่ต้นแอบหื่น
เริ่มหัวข้อโดย: wiwanana ที่ 28-07-2009 17:57:51
อ่านรวดเดียวเลย

เรื่องนี้น่ารักมากมาย

รีบมาต่อตอนพิเศษเร็วๆน่ะคับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน เพราะความรัก..พี่ต้นแอบหื่น
เริ่มหัวข้อโดย: Dangerous_patz ที่ 28-07-2009 18:27:44
น่าร๊ากกกกก




มากมายยยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน เพราะความรัก..พี่ต้นแอบหื่น
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 28-07-2009 20:01:57
หุหุ อ่านรีที่ 161 แล้วไม่ต้องตกใจนะ แอดมินเขาไปแปะไว้ทุกทู้เลยจ้า

ไม่มีอะไรนะ แค่ประกาศให้รับทราบเฉยๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน เพราะความรัก..พี่ต้นแอบหื่น
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 28-07-2009 21:13:16
ตอน ความรักของเรา .. สละโสด 


“ ทำหน้าเป็นก้นไปได้ไอ้ลิง ไอ้คิงคอง ..ทำอย่างกับฉันจะฆ่าพวกแกงั้นแหละ แค่ชวนมาเที่ยวแค่นี้ทำไมต้องทำหน้าแย่ๆแบบนี้ด้วย มันเสียอารมณ์รู้ไหม...” นนท์โยนพวงกุญแจที่ติดกระเป๋าไปยังสองร่างที่มองเขาด้วยสายตาขุ่นๆ... แต่ชายหนุ่มไม่สนใจหรอกวันนี้เขาต้องสนุกให้เต็มที่สิ...

“ ขืนพี่ต้นรู้ ..ฉันได้โดนเนรเทศออกจากบ้านแน่ ไหนจะแม่อีก... ไอ้ป๋าแบนะป๋าแบทำอะไรไม่เคยนึกถึงจิตใจเพื่อนแกเลย ถ้าฉันถูกลงโทษแกจะมารับผิดชอบด้วยหรือไง..” กิ่งก่นบ่นอย่างเหนื่อยใจ เพราะรู้ว่าพูดไปนนท์ก็คงไม่ฟังหรอก...


“ โธ่..แค่วันเดียวฉันเคยมาที่แบบนี้หรือยังไง ขอลองสักครั้งเถอะวะ พอแต่งงานไปได้ถูกพี่ต้นคุมแน่ วันนี้ยังไงก็ต้องฉลอง...วันนี้โสด (ที่กำลังจะไม่โสด..) โว้ย..” นนท์บอกเสียงร่า แล้วยกเจ้าน้ำสีสวยโทนฟ้ากระแทกเข้าปากอย่างสนุกสนาน ..จังหวะดนตรีที่เริ่มมันทำให้อารมณ์เริ่มครึกครื้นมากยิ่งขึ้น



“ บ้าไปแล้ว..ว่าที่พี่สะใภ้แก.. ดูสิดู รับรองพี่แกได้ฉีกอกแน่กิ่งเอ๊ย..” แฟนหนุ่มหน้าหยกส่ายหน้าอย่างอ่อนใจไม่แพ้หญิงสาว แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ก็พ่อหน้าหวานเขายืนยันหนักแน่นว่าวันนี้เขาโสด


“ ทำไงได้วันนี้พี่ต้นเลิกงานดึก... เอ๋ฉันนึกออกแล้ว...” กิ่งเปรยเบาๆ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออก ..เจ้าหล่อนร่างบางรีบขอตัวปลีกออกจากคนที่นั่งอยู่ทันที.. แต่ก็พยักหน้าส่งให้แฟนหนุ่มนั่งเฝ้า.. เพราะเวลานี้หลายสายตากำลังจับจ้องมาตรงคนตัวขาว .. ราวกับจะกลืนจะกินงั้นแหละ...


หญิงสาวเดินเลี่ยงออกมาตรงหน้าร้านที่ไฟส่องสว่าง ..แล้วกดเบอร์หาพี่ชายที่เร่งรีบปิดต้นฉบับให้ทันก่อนวันแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า...


“ อืม..มีอะไรเหรอ...” น้ำเสียงเนือยๆที่ลอดผ่านมา พอจะทำให้หญิงสาวได้รับรู้ว่าพี่ชายเองก็เหนื่อยไม่แพ้กัน แต่ก็นั่นแหละ..ขืนเป็นอย่างนี้มันจะไม่ดีน่ะสิ


“ พี่ต้น..รู้ไหมตอนนี้กิ่งกำลังอยู่ที่ไหน..”


“ พี่จะไปรู้ได้ยังไง ว่าน้องกิ่งอยู่ที่ไหน ...แล้วโทรฯมามีอะไรหรือเปล่า พี่กำลังจะปิดต้นฉบับแล้วนะถ้าไม่มีพี่ขอวางก่อนได้ไหม..” ได้ยินคำพูดเช่นนั้นก็ทำให้น้องสาวคนสวยถึงกับหงิก.. ถ้าต้นมาเห็นกับตาคงเห็นกิริยาของคนตรงหน้าแล้วแหละ


“ ถ้าพี่ต้นยังอยากแต่งงานอยู่ก็หยุดทำงานก่อน ..พรุ่งนี้วันเสาร์ยังไงพี่ก็มีเวลาเคลียร์งานทั้งวันนะ..” เธอส่งคำขู่ลอดไป เพื่อหวังให้พี่ชายทบทวนบางสิ่งบางอย่างได้บ้าง..สังหรณ์ใจไว้ตั้งแต่ตอนที่นนท์แอบชวนออกมาแล้วเชียว ปกติคนหน้าหวานไม่ค่อยจะชอบอะไรพรรค์นี้.. แทบจะเรียกว่านนท์ไม่เคยเข้ามาในสถานที่แบบนี้เลยสักครั้ง ..



“ พูดอะไรนี่.. แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้าสาวของพี่ด้วยล่ะ..” งานในมือที่ใกล้จะเสร็จถูกวางลงอย่างรวดเร็ว ..แต่คำถามที่ส่งมาพร้อมสรรพนามที่เลือกใช้แทนตัวนนท์นี่สิ ทำให้กิ่งถึงกับปล่อยยิ้ม ..พูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำ ...



“ พี่ต้น..กิ่งถามจริงพี่ต้นไปทำอะไรให้นนท์มันโกรธหรือเปล่านี่... รู้ไหมว่าตอนนี้มันชวนกิ่งมาเที่ยวผับ ..แล้วหนุ่มๆโต๊ะข้างๆ มองจนแทบจะทะลุแล้ว ขืนยังบ้างานรับรองเจ้าสาวของพี่ได้กลายเป็นของคนอื่นแน่นอน ...” กิ่งรวบรวมความคิด แล้วค่อยๆใช้สติถามพี่ชายไป..แต่ปลายประโยคก็อดจะกระทบคนบ้างานไม่ได้จริงๆ...



“ เอ่อ..นึกไม่ออก ว่าแต่อยู่ไหนพี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้... ห้ามให้ใครทำอะไรเจ้าสาวพี่เด็ดขาด...ขืนเป็นอะไรไป เราได้เจอคดีสมรู้ร่วมคิดแน่..พี่จะให้แม่ลงโทษด้วย..” พี่ชายตัวสูงคว้ากระเป๋าเงิน ..ก่อนจะเอื้อมกดปิดไฟแล้วเดินอาดๆออกจากห้องไปพร้อมคำขู่...หญิงสาวบอกชื่อสถานที่ไป แล้วกลับไปนั่งเป็นเพื่อนกับต่อเฝ้านนท์ไว้ไม่วางตา ...



“ จะไปไหนเหรอคะคุณต้น ..” หญิงสาวร่างอวบ หัวหน้าฝ่ายขายเดินก้าวเข้ามาพร้อมถุงที่บรรจุอาหารสำหรับมื้อค่ำเอ่ยปากถามคนเร่งร้อน


“ ผมขอโทษด้วยนะ... ฝากบอกคุณหนึ่งด้วย ..ว่าฉบับนี้ผมมอบให้คุณหนึ่งปิด...” ชายหนุ่มหยุดเล็กน้อย แต่ท่าทีของเขาก็บอกเธอได้ชัดเจนว่ากำลังเร่งรีบ ..


“ อ๋อคะ... เอ่อใช่สิค่ะดิฉันลืมไปว่าตอนเย็นน้องนนท์ฝากโน้ตไว้ให้..แต่ดิฉันดันลืมบอกเพราะแกส่งให้ตอนที่เราสวนกันในลิฟต์น่ะค่ะ..” หญิงสาวเอ่ยอย่างนึกขึ้นแล้ว ..แล้วเดินไปวางข้าวของที่ซื้อมาก่อนจะเปิดกระเป๋าคว้าเจ้ากระดาษโน้ตสีฟ้าขาวที่ปิดผนึกด้วยสติกเกอร์สติชสีฟ้าวิบวับไว้ด้านบน..
.
“ ขอบคุณครับ..” ชายหนุ่มรับมาอย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยลาหัวหน้าฝ่ายขายเดินออกจากชั้นทำงานอย่างรวดเร็ว มีเพียงสายตาของความอ้างว้างมองตามร่างนั้นจดสุดปลายทาง... ไม่ว่าจะนานแค่ไหนต้นก็ไม่เคยเห็นเธอในสายตา .. หญิงสาวจึงเลือกจะไม่ไขว่คว้าเพราะแค่เห็นคนที่รักมีความสุขก็เพียงพอแล้ว..


ระหว่างทางที่ขับรถไปยังผับดังย่านทองหล่อ... ต้นก็แกะเจ้าโน้ตแผ่นนั้นออกขณะที่รถติดไฟแดง ...


“ นนท์เกลียดพี่ต้นแล้ว...” ต้นอ่านไปตามตัวอักษรที่เรียงรายกันเป็นระเบียบ ..พลางนึกถึงหน้าคนที่เขารักอย่างสงสัย ..เขาไปทำอะไรไว้นี่นนท์ถึงได้โกรธเขา แถมยังหนีไปเที่ยวผับกับน้องสาวคนสวยอีก... คิดไปคิดมาก็ต้องหยุดคิดเพราะแตรด้านหลังบีบไล่เขาแล้ว...




“ งอนอะไรพี่อีกนี่คุณหนู...”



ภายในร้านเริ่มคลาคล่ำไปด้วยบรรดาขาเที่ยว ... ซึ่งมีมากหน้าหลายตา ..และดูเหมือนโต๊ะของนนท์จะได้รับความสนใจไม่น้อย .. ทั้งสาวสวยผมยาว หนุ่มหล่อกล้ามโต แล้วจะเป็นหนุ่มน้อยหน้าสวย ..


สำหรับหญิงสาวนั้นถูกรังสีพิฆาตของเจ้าคิงคองกลายพันธ์แผ่ซ่านจนหลายสายตาต้องล่าถอย

แต่สำหรับคนหน้าสวยไม่มีใครเคียงข้าง ..หลายๆคนก็หวังจะเข้าใกล้ ..

“ นี่แกเลิกดื่มได้แล้ว ...เมามากไปมันไม่ดีรู้ไหม ขืนพี่ต้นรู้ว่าแกเมาได้โกรธแน่นอน..” กิ่งเอ่ยเตือนอย่างห่วงใย จำต้องยกเอาชื่อของอีกคนมาเป็นข้ออ้าง ... ไม่นึกว่านนท์จะเป็นไปได้ขนาดนี้ หญิงสาวเองก็ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง เลยสรุปอะไรไม่ได้.. รู้แต่เพียงว่านนท์ต้องมีเรื่องไม่สบายใจแน่นอน ไอ้ข้ออ้างเรื่องสละโสดแล้วต้องฉลองคงเป็นเพียงสิ่งที่ยกมาเท่านั้น ...



“ ก็บอกแล้วว่าฉลอง..ไงเล่า..บ่นมากจริงไอ้ลิง... ดูแลแฟนแกหน่อยดิวะไอ้คิงคอง..” นนท์ส่ายหน้าที่แดงก่ำเพราะฤทธิ์เหล้า ..แค่เจอเพียวดริ้งค์เข้าไปแค่สองแก้วก็กริ่มๆแล้ว... นนท์เมินหน้าไปอีกทางแล้วเดินตรงดิ่งลงไปกลางฟลอร์ของร้าน ซึ่งมีคนที่กำลังยืนเต้นอยู่อย่างมากมาย ..


“ ซวยแล้วพี่สะใภ้ฉัน...” กิ่งสบถพร้อมทั้งทะลึ่งกายขึ้นยืนหวังจะฝ่าเข้าไปในดง (ตีน..เฮ้ย ..) ทีนแต่ก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ เพราะมีกลุ่มคนสามสี่คนเต้นขวางอยู่... ร่างเล็กที่เพรียวบางดูเร่าเร้าอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งได้เหงื่อซึ่งพราวจากการเคลื่อนไหวชโลมใบหน้ายิ่งทำให้ดูเซ็กซี่เล็กๆ.. เรียวปากบางที่ชมพูอิ่มน่าสัมผัส สะโพกเนียนที่เคลื่อนไหวตามจังหวะเสียงเพลง ..ยิ่งสติที่ไม่อาจคงครองเตลิดไปขนาดนี้ยิ่งทำให้นนท์สนุกจนลืมฟ้าลืมตะวัน..


มือกร้านของใครบางคนวางจดลงบนเนินสะโพกแน่นอย่างจงใจ ...แต่นนท์ก็ไม่ได้ว่ากล่าวปล่อยให้คนที่เต้นข้างกายทำไปอย่างที่ต้องการ ...



“ พี่สะใภ้แกโดนลวนลามแล้ว...” ต่อร้องอย่างตกใจ ...รีบชี้นำสายตาของแฟนสาวให้หันมองไปทิศที่นนท์ยืนอยู่.. แต่สองคนจะทำอะไรได้ล่ะ ในเมื่อชายสามสี่คนที่เต้นดักหน้าดักหลัง ท่าทางจะรู้กันกับคนตัวสูงที่กำลังเต้นอยู่ข้างๆนนท์...


“ มาคนเดียวเหรอครับ...” เสียงนุ่มหล่อโน้มเข้าใกล้แล้วถามออกไปกับนนท์ที่กำลังเต้นอยู่...
“ เปล่า..” นนท์ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะขยับเข้าใกล้อีกคน เพราะเสียงเพลงที่ดังทำให้ฟังเสียงที่อีกคนพูดไม่ถนัดสักเท่าไหร่ ...


“ ว้า..เสียดายจัง ถ้ามาคนเดียวผมจะได้อาสาไปส่งคุณที่บ้านได้..” สายตาเจ้าเล่ห์ดูพราวระยับยามพูดกับคนหน้าสวยที่มีเหงื่อทาทับ ...

“ ถึงมากับคนอื่น แต่ถ้านนท์อยากให้คุณไปส่งก็เป็นไปได้อยู่แล้ว..” นนท์ยิ้มยั่วเบาๆ..ก่อนจะคล้องแขนเรียวไปโอบรอคอคนสูงกว่าไว้ .. ร่างกายอันนุ่มนวล กลิ่นหอมที่ผสมกลิ่นเหงื่อ.. ไหนจะวงหน้าขาวๆสวยๆ ดูจะทำให้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่หมายจะตะครุบเหยื่อดูตื่นเต้นไม่น้อย ..

“ ตัวคุณหอมจัง..”


“ เหรอ..นนท์ไม่ยักจะรู้เลย...” นนท์ยกคิ้วถามอย่างไม่สนใจอะไร



“ชื่อนนท์เหรอครับ ... ผมเคนนะ... ยินดีที่ได้รู้จัก...คนอะไรชื่อสวย แถมหน้ายังสวยอีก...” แค่คำพูดคำจาที่ออกมาก็บอกความช่ำชองเชี่ยวชาญของคนตัวสูงได้ดีไม่น้อย ... ถ้านนท์ไม่มีคนที่รักอยู่แล้วมีหวังต้องตกหลุมรักพ่อคนนี้ไปอีกคนแน่ๆ...



“ นนท์...” เสียงห้าวแข็งของใครบางคนทำให้ เจ้าร่างบางที่นึกสนุกอยากยั่วจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ต้องหันไปมองอย่างสงสัย .. และสิ่งที่พบคือว่าที่เจ้าบ่าวของเขา... ต้นในชุดทำงานที่หลุดลุ่ยเพราะรีบจัด..สีหน้าสีตาก็ชุ่มเหงื่อ อาการเร่งรีบแสดงออกอย่างชัดเจน ..


.
“ พี่ต้น..” นนท์เปรยเบาๆ.. แต่พอเห็นหน้าอีกฝ่ายก็กลับเมินแล้วหันไปสนใจคนที่เขาโอบลำคออยู่ ..อาการเมินเฉยไม่สนใจทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวถึงกับเดือดจัด ..เดินแหวกผู้คนเข้ามากระชากร่างที่กำลังนัวเนียกับใครคนอื่น



ท่ามกลางคนที่เบียดเสียด...แต่ต้นก็ดึงร่างของนนท์ให้ก้าวเข้ามาอยู่ในอ้อมอกเขาได้สำเร็จ ..เคนที่ยืนอยู่ใกล้ถึงกับหน้าขึ้นสีที่โดนกระชากคนที่หมายจะตะครุบไปต่อหน้าต่อตา


“ คุณทำอย่างนี้ได้อย่างไง ..คุณคนนี้เขากำลังคุยกับผมอยู่นะ...” เคนอ้างสิทธิ์ แต่ต้นก็กลับไม่สนใจอะไร ตอนนี้จ้องมองเจ้าเด็กขี้งอนที่อยู่ในอ้อมอกมากกว่า


“ ถ้าจะงอนจะโกรธพี่...ให้กลับบ้านก่อนแล้วจะยอมทุกอย่าง” ต้นบอกด้วยเสียงจริงจัง ..แววตาที่นิ่งงันทำให้นนท์ต้องยอมหยุดดิ้นและอยู่ในอ้อมกอดนั้นอย่างสงบ...

“ นี่คุณ..ยังคุยไม่รู้เรื่องเลย อย่ามาทำนิสัยเลวๆที่นี่นะ..” เคนตะโกนใส่อย่างไม่พอใจ ที่ต้นยังนิ่งและตั้งท่าจะพานนท์เดินออกไปโดยไม่สนคำทัดทานใดๆจากเขาเลย ..


“ ขอโทษนะครับ..แต่พอดีคนที่คุณกำลังจะยุ่ง เขาเป็นคนของผม...ในฐานะผู้ปกครอง ผมคงยอมไม่ได้ที่จะเห็นคนของตัวเองไปใกล้ชิดกับคนอื่นมากเกินไป..” ต้นตอบกลับอย่างใจเย็น และสุภาพ ด้วยภาวะที่เคยบีบคั้นมากต่อมากครั้ง ทำให้เขารู้จักใช้เหตุใช้ผลมากกว่าอารมณ์ ..และครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้จะไม่พอใจที่คนรักของเขาไปโอบกอดกับคนอื่น แต่เขาต้องยอมหยุดนิ่งก่อน..

“ กลับบ้านได้แล้ว..”

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ค&#
เริ่มหัวข้อโดย: changasa@hotmail.com ที่ 28-07-2009 21:28:47
 :z13:จิ้มก่อน ได้เปรียบ งิงิ จะแต่งงานกันแล้ว แต่มีปัญหากานอีก  เฮ้ออออ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความรักของเรา ..สละโสด
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 28-07-2009 22:06:03
“ กลับบ้านได้แล้ว..”


ต้นโอบร่างที่บอบบางของว่าที่เจ้าสาวเดินออกมาจากแวดวงด้วยความใจเย็น ตอนนี้นนท์กำลังขุ่นหากเขายังร้อนเรื่องราวมันก็คงลุกลามไปใหญ่โต ... กิ่งและต่อที่ยืนมองเหตุการณ์รีบวิ่งเข้าไปสมทบตรงหน้าร้านเพื่อถามไถ่...

“ เรากลับกับคู่หมั้นเราล่ะกัน...พี่จะจัดการเอง...” ต้นบอก...พร้อมทั้งดึงร่างที่ยืนนิ่งไม่ยอมพูดยอมจาอะไรกับเขาให้เดินตามกลับไปที่รถ.. กิ่งได้แต่ส่ายหน้าให้อย่างปลงๆ.. แล้วหันไปมองแฟนหนุ่มที่แสดงสีหน้ากังวลไม่แพ้กัน



“ ปกติ..ป๋ามันไม่ค่อยงอนอย่างนี้นี่หว่า ..พี่แกต้องทำอะไรแน่เลยวะกิ่ง...” ต่อเสนอความคิดเห็นหลังจากที่ต้นพานนท์เดินห่างออกไปได้สักระยะ ...



“ เห็นด้วย ... ส่วนใหญ่นนท์มันอดทนเป็นเลิศ ขนาดรอพี่ต้นมาตั้งสองสามปียังอดทนได้ แต่เรื่องที่เกิดมันต้องไม่ใช่เล็กๆแน่ ... พี่ชายฉันก็เหลือเกินบ้างานจนลืมแฟน นี่ถ้าแกเป็นอย่างนี้นะไอ้ต่อ ฉันฆ่าแกแน่รับรองได้กลายเป็นศพ...” เสียงถอนใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นอย่างเหนื่อยหนัก แล้วคนผมยาวก็หันไปพูดกับต่อต่อแถมยังคาดโทษจน คนฉายาคิงคองถึงกับหน้าถอดสี..รายนี้ฤทธิ์แรงไม่แพ้กันเลย ..

.
“ รู้แล้วๆ.. กลับบ้านกัน..” ต่อดึงร่างที่ชี้นิ้วคาดโทษเขาเข้ามากอด แล้วเดินพากันไปยังมอเตอร์ไซค์คันเดิมที่ใช้ในการสัญจรไปมา ..กิ่งเองก็เรียนจบแล้ว ..หลังจากงานของพี่ชายก็จะถึงคิวเจ้าหล่อนกับแฟนหนุ่ม มันดีที่สุดแล้วสำหรับการเริ่มต้น เมื่อรักของทั้งสองมีความเข้าใจกัน มีความผูกพัน ..


แต่ใช่สิ..กิ่งลืมอะไรไปหรือเปล่า ..

...
..” ฮัลโหล ..แม่คะ...เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ตอนนี้พายุกำลังพาดผ่านบริเวณบ้าน กรุณาอยู่ในห้องห้ามออกมาเด็ดขาดนะคะ ..เพราะความรุนแรงของพายุอาจถึงขั้นถูกเนื้อต้องตัวลงโทษ..” หญิงสาวผมยาวกดโทรศัพท์ส่งรหัสพิศวงให้มารดาที่นั่งรอลูกๆหลานๆอยู่ตรงโซฟาห้องรับแขก



“ อะไร..อ๋อ..รับทราบ ว่าแต่ร้ายแรงมากเหรอ” ทีแรกที่ได้ยินประมุขบ้านวรโชติก็ถึงเอ๋อ แต่เมื่อฟังไปจนครบก็เริ่มจับทางและเข้าใจในสิ่งที่กิ่งพูด


“ น่าจะมาก..พี่ต้นหึงเว่อร์..”



“ จริงเหรอ..งั้นแม่รีบเข้าห้องนอนดีกว่า เดี๋ยวขัดจังหวะ...” คุณแก้วยิ้มรับแล้วรีบลุกขึ้นปิดโทรทัศน์ สาวเท้าเดินกลับเข้าห้องตัวเองไปอย่างสบายใจ ..เอาน่า .. ทะเลาะกันบ้างก็น่าจะดี.. เพราะกว่าจะดีต้องสรรหาวิธีมากมายมาง้องอน ..



ฝ่ายกิ่งก็บอกแฟนหนุ่มให้ขับรถกลับคอนโดฯของเขาไปเลย ..เพราะคืนนี้ไม่อยากจะขัดจังหวะพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้หน้าสวย ...ต่อพยักหน้ารับอย่างยินดี..แต่เขาเองก็ยังรักษาพรมแดนระหว่างทั้งสอง แม้จะหมั้นกันแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยคิดล่วงเกิน รอคอยเวลาที่เหมาะสมมันคงจะดีที่สุด...



ตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาภายในรถ..นนท์ก็นั่งนิ่งไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลยสักอย่าง ..จนต้นชักกังวลเพราะเขาไม่ชอบกิริยาที่เป็นอยู่เลย ..มันทำให้อึดอัดและทรมานไม่น้อย เขาอยากรู้ว่านนท์เป็นอะไร ทำไมถึงได้งอนเขามากมายขนาดนี้.. พยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ...



จนมาถึงบ้าน..นนท์ก็เปิดประตูลงแล้วเดินกระทืบเท้าตึงตังขึ้นห้องไปโดยไม่รอว่าที่สามีของตนเลยเล็กน้อย .. ต้นรีบปิดประตูบ้านลงกลอนแล้ววิ่งตามขึ้นไปอย่างไม่รอจังหวะ...



คิดทุกวิธีทางที่จะทำให้นนท์ยอมปริปาก แต่อีกคนก็ใจแข็งเกินไปสุดท้ายเลยต้องงัดวิธีเก่าขึ้นมาใช้... ร่างสูงเดินก้าวเข้ามาในห้องของเขาอย่างช่างใจ ..ยิ่งเห็นคนตัวบางไม่พูดไม่กล่าวเดินคว้าผ้าเช็ดตัวจะเข้าห้องน้ำหนีต้นเลยต้องหยุดร่างนั้นไว้ด้วยอ้อมกอด



“ จะไม่พูดกับพี่จริงๆเหรอคุณหนู..” ต้นถามเสียงอ่อนหยั่งเชิง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการเชิดหน้าที่หันมองไปทางอื่น .มันดูน่าหมั่นไส้จนชายหนุ่มนึกอย่างแกล้ง...เมื่อนนท์ไม่พูด ..ไม่บอก..เขาก็จะหาคำตอบจากร่างกายอีกฝ่ายแทน


“ ไม่พูดกับพี่ใช่ไหม..” ต้นขู่เบาๆ.. พร้อมริมฝีปากที่จดลงบนต้นคอขาว..ลิ้นเรียวลากไล่จากสันด้านบนมาตามแนวลำคอจนนนท์ขนลุกเกรียว ..พยายามยกมือขึ้นยันอกแกร่งให้ออกห่าง แต่ก็ทำได้ยากเพราะเขาสู้แรงพี่ต้นไม่ได้เลย


“ ปล่อยนนท์นะ...”



“ ไม่...กล้าดียังไงไปให้ผู้ชายคนอื่นแตะเนื้อตัว...กล้าดียังไงที่ไปใกล้ชิดกับคนอื่นแบบนั้น..” ต้นบอกเสียงเย็น จนนนท์แทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง ...ความว่างเปล่าในโทนเสียง ความนิ่งงันในดวงตามันน่ากลัวจนยากจะพูดจะเอ่ยสิ่งใดออกมา



.. เมื่อความเย็นนุ่มของลิ้นเรียวเลื่อนสัมผัสยอดอกสีสวย ..มันก็ทำให้นนท์ถึงกับสั่นเทาด้วยความหวั่น .. ทั้งหวั่นในสิ่งที่ใกล้จะเกิด ทั้งหวั่นในอารมณ์ที่จะพรึงเพลิดเตลิดไป...



“ ตอบพี่สิ...ว่างอนอะไร..” ต้นเอ่ยเสียงกระเส่า ..แล้วย่อตัวลงนั่งต่อหน้านนท์..มือแกร่งเอื้อมปลดกระดุมนั้นออกก่อนจะลงลิ้นไล่วนตรงเนื้อท้องแบนอย่างหยอกเย้า .. เจ้าของร่างที่โรยแรงเริ่มตั้งตัวไม่อยู่ยกมือขึ้นผลักศีรษะของพี่ต้นออกอย่างยากเย็น ..แม้จะพยายามมากมายแค่ไหนแต่เขาก็ไม่อาจทำมันได้สำเร็จ ..



“ เอาหัวออกไปนะ..อื้อ...พี่ต้น..ไอ้บ้า...” นนท์ครางเสียงรัว..เพราะลิ้นที่สัมผัสตรงหน้าท้องมันร้ายจนยากจะห้ามอารมณ์...ต้นไม่สนใจคำปราม..ดึงร่างที่โรยแรงจนล้มลงมานั่งตรงหน้าเขา...ชายหนุ่มวางร่างของนนท์ให้พิงผนังห้องด้านหลังอย่างอ่อนโยน แล้วก้มลงมอบสัมผัสที่ร้อนเร่าอีกครั้ง.


.
“ พี่ขอไม่ทนแล้วนะคุณหนู...” ต้นจ้องตาที่ปรืออ่อนของคนรักเล็กน้อย ..ปล่อยให้อารมณ์รักอยู่เหนือความรู้สึกทุกอย่าง ..มือหนาโน้มเข้าใกล้แล้วสัมผัสลงบนส่วนเร่าร้อนของนนท์อย่างจงใจ ..ทันทีที่โดนสัมผัสร่างบางก็สะดุ้งเฮือกเพราะเป็นครั้งแรกที่โดนคนอื่นแตะมัน..



“ อย่ากลัวเลยนะ...พี่จะค่อยๆทำ.” ต้นโน้มริมฝีปากเข้าใกล้นนท์แล้วจดลงบนใบหู..เลื่อนไล่ลิ้นเรียวามแนวคางอย่างใจเย็น..ค่อยๆปลุกเร้าให้นนท์ต้องการเขามากขึ้นแล้วมากขึ้น ...บางทีหากเขากับนนท์ได้ลองเดินผ่านจุดนี้ไป..นนท์อาจเข้าใจเขามากขึ้นก็ได้...



การเริ่มต้นในขั้นแรกจบลงเมื่อสองกายไร้สิ่งใดปกปิด..เรือนกายแกร่งของคนสูงกว่าดูจะคร้ามสีออกแทนตัดกับอีกฝ่ายที่ขาวผ่องราวกับมีแสงสะท้อนออกจากผิว... มันแนบชิดใกล้กันจนนนท์เริ่มหอบสั่น ..เพราะรับรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะก้าวผ่านมันคือด่านสัมผัสของการมีชีวิตคู่...


“ อื้อ...น....” นนท์สั่นสะท้านเมื่อเจ้าตัวการแทรกผ่านด่านพรมแดนของสัมพันธภาพ ...ต้นค่อยๆเคลื่อนมันเข้าไปด้วยความยากลำบากของอารมณ์..ดวงตาจับจ้องไปตรงหน้านวลของอีกคนที่เริ่มหายใจถี่หอบ ...เขาเลื่อนมือมาประคองใบหน้าที่เริ่มนองด้วยเหงื่อพราย ..น้ำตาเล็กน้อยเริ่มซับซึมตรงหางตาเรียวอย่างฝืนกลั้น


“ คุณหนู..”



“..อื้อ..” นนท์ลืมตาขึ้นมองคนที่ใกล้เขาทั้งร่างกายและหัวใจ ..เวลานี้นนท์ยอมให้ต้นได้พาเขาไปในสถานที่ที่แสนหวาดหวั่น ..เขาเชื่อมั่นว่ามือแกร่งจะไม่ปล่อยให้เขาต้องเดินไปเพียงลำพังแน่นอน .


..
“ โกรธอะไรพี่หือ... บอกพี่สิ.... ถ้าไม่พูดพี่ก็ไม่มีวันรู้หรอกนะ..” น้ำเสียงปลอบประโลม ดังขึ้นราวกับพูดกับเจ้าเด็กตัวน้อยๆ.. ดวงตาอ่อนใสมันบอกชัดว่าพี่ต้นแคร์ความรู้สึกของนนท์มากแค่ไหน ..



“ พี่ต้นใจร้าย...ฮือ..” ยามนึกถึงเรื่องที่ผ่านมามันก็ทำให้นนท์ลืมความเจ็บปวดทางร่างกาย กลับกลายเป็นความเจ็บปวดทางใจรื้นขึ้นมาเต็มหนัก จนทะลักออกเป็นสายน้ำตา



“ ร้องไห้ทำไม..บอกพี่สิว่าไอ้พี่ต้นมันทำอะไรคุณหนู..พี่จะไปจัดการมันให้..” ต้นถึงกับชะงักเมื่อเห็นคุณหนูของเขาร้องไห้ออกมา มือที่ประคองเอื้อมปาดมันเบาๆ..แล้วเอ่ยถามสำทับความอยากรู้ออกไปอีกหนึ่งครั้ง


“ พี่ต้นไม่รักนนท์เลยใช่ไหม...”




“ ใครบอก...พี่ต้นมันรักคุณหนูจะตาย ใครหน้าไหนมาบอกนี่...เดี๋ยวพี่จะเล่นงานมัน...” ต้นยิ้มให้เบาบาง เอ่ยบอกชัดเจนถึงความรู้สึกภายในใจของเขา ..


“ ก็..ฮือๆ..ก็พี่ต้นไม่สนใจนนท์นี่...พี่ต้นให้นนท์ไปรอที่ร้านตั้งนาน..พี่ต้นให้นนท์ ฮือ..ๆ เป็นคนบ้าไปนั่งรอที่ร้านตัดชุดแต่งงานคนเดียว ..นนท์เกลียดพี่ต้นแล้ว...” นนท์ทะลักหยาดน้ำตา พร้อมกำปั้นเรียวๆที่ทุบลงบนอกหนั่นหนาของคนรักอย่างระบายอารมณ์.. ต้นเบิกตาขึ้นมองอย่างนึกได้ ..เหตุผลแท้จริงที่ทำให้เขาโดนงอนคือการผิดนัดของเขานี่เอง ..



ต้นรีบเคลียร์งานเพราะอยากมีเวลาว่างกับนนท์มากๆ จนหลงลืมสิ่งสำคัญ ..




วันนี้เป็นวันลองชุด.

..แต่เขากลับปล่อยให้นนท์รอเก้อเพียงคนเดียว



..มันน่านักนะ.. ทั้งที่การแต่งงานคือสิ่งสำคัญ ..ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องทำเป็นคู่สิ... หากทำเดี่ยวมันจะเรียกว่างานแต่งงานได้เหรอ...



“ อย่าร้องนะคุณหนู...พี่ต้นมันแย่มากเลย... แต่ที่พี่ต้นมันลืมก็เพราะมันอยากอยู่คุณหนูนานๆรู้ไหม. ..พี่ต้นมันพยายามเคลียร์งานทั้งหมดให้เสร็จภายในวันนี้ ก็เพื่ออีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากวันนี้มันจะได้มีเวลาว่างจัดการเรื่องต่างๆพร้อมเราไงล่ะ..” ต้นอธิบายความจริงออกไป..


“ พี่ต้นพูดจริงเหรอ..” นนท์ลืมตาขึ้นมองภายในน้ำใสๆที่เริ่มคลอสั่น..แต่ครั้งนี้มันไม่ได้ออกมาจากความเสียใจ กลับกลายเป็นความตื้นตันที่รู้ว่าต้นพยายามเคลียร์งานหนักๆให้จบไปเพื่อได้มีเวลาว่างอยู่กับนนท์มากๆ...



“ จริงสิ...” ต้นยิ้มรับ...แล้วเริ่มขยับร่างที่เชื่อมต่อด้วยฐานอารมณ์ที่เต็มแน่นทั้งกระบวน .. มันเริ่มต้นเคลื่อนไปมาพร้อมความรู้สึกใหม่ในร่างของนนท์... จากความเจ็บที่คืบคลานก็แปรประสานซ่านลงในรูขุมขน ..มือเรียววางลงบนไหล่แน่นอย่างยึดเกาะ เพราะแรงของนนท์ชักจะหมดลงเรื่อยๆ ..ยิ่งต้นเคลื่อนมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งครางสั่นมากขึ้นเท่านั้น ..




ความรักที่นำทางคงจะดีที่สุดสำหรับคนสองคน ..แต่นั้นก็ต้องหมายถึงความมีเหตุมีผลมาคานรับ ..รักมิอาจนำเพียงหนึ่ง ยังต้องคงสติเพื่อช่วยประคับประครองให้มันเดินต่อไปได้...


ครั้งแรกของสัมผัส..



แม้จะไม่อ่อนหวานและโรแมนติก..แต่มันก็กลับทำให้สองคนเข้าใจกันมากขึ้นกว่าเก่า มันคงมีความรัก มันคงมีความสุข ..เพราะเมื่อใดที่ใจเบิกบาน สิ่งรอบข้างก็จะพลอยยิ้มรับกับเราไปด้วย ..


“ เป็นไงบ้าง..ยังเจ็บหรือเปล่า..” เสียงอ่อนโยนเอ่ยถามคนข้างกายอย่างห่วงใย ...



“ ไม่แล้วล่ะ..มันแปลกๆดี นนท์เพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด..” นนท์ส่ายหน้าไปมาดุ๊กดิ๊กดูน่ารักหน้าชัง ผมที่ส่ายไปมาตามแรงสั่นปะลงบนหน้าคนรักเล็กน้อย ...แต่ต้นก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับส่งยิ้มให้ด้วยความสุขที่เหลือบพราวอยู่ในใจ ..


“ ก็ดีแล้ว..วันหลังพี่จะได้ไม่ต้องเกร็ง..”



“ ไอ้พี่ต้นลามก...ให้นนท์ไปศึกษาหน่อยไม่ได้หรือไง นนท์จะได้เตรียมตัวถูกว่าต้องทำยังไงบ้าง..นนท์กลัวว่ามันจะไม่..คือมันทำให้พี่ไม่พอใจ...” นนท์ค้อนเล็กๆ ..เอ่ยบอกอีกหนึ่งสิ่งที่เขากลัวด้วยท่าทีอายๆ หน้าปลั่งเริ่มแดงเพราะเลือดที่สูบฉีดทั่วทั้งร่าง ...



“ ไม่ต้องหรอก..พี่จะสอนให้เอง...” ต้นยิ้มรับแล้วพลิกกายที่ชุ่มเหงื่อขึ้นคร่อมร่างของนนท์อีกครั้งอย่างเร็ว ... คนตัวสูงเสนอตัวเป็นอาจารย์สอนวิชา (บนเตียง) อย่างเต็มกำลัง ... ขืนใกล้กล้าต้นได้ฆ่าให้ตายเป็นศพแน่ กล้าดียังไม่ยุ่งกับน้องนนท์ของเขา



“ พี่ต้นลามก...”



“ ใครบอกว่าลามก..อยากรู้อะไรก็ถามพี่สิ..” นิ้วของคนตัวสูงยกขึ้นบีบจมูกชื้นเหงื่อของร่างด้านใต้เบาๆ..ยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้แล้วประกบกอดกับอีกร่างด้วยความเสน่หา .. การเคลื่อนไหวเริ่มต้นอีกครั้งด้วยความเข้าใจและสัมผัสที่มากขึ้น



นนท์จำต้องตกอยู่ในสภาพลูกศิษย์หน้าสวย ที่ถูกสอนบทเรียนโน้นนี่มากมาย จนร่างกายเหนื่อยอ่อนและสลบไปในรอบสุดท้ายของบทเรียน .. ต้นจ้องมองคนน่ารักด้วยแววตาขำๆ..




“สลบไปเลยเหรอคุณหนูของพี่...” ต้นขันเล็กๆในท่าทีนั้น.. ก่อนจะขยับกายจังหวะสุดท้ายสาดส่งความรักที่มากมายเข้าไปในกายที่เขาครอบครอง .


..จากนั้นก็ล้มลงทับอีกร่างเบาๆ.. ประคองกอดให้ขึ้นมาชิดอกเล็กน้อยก่อนจะพริ้มตาหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนมิแพ้กัน


..วันนี้เขาเล่นสอนกระบวนการแห่งความรักตั้งหลายบทมันเลยออกแรงมากไปหน่อย ...โชคดีนะที่เขาเลือกทำงานวันนี้จนเสร็จ ไม่งั้นพรุ่งนี้คงได้ละจากร่างที่แสนยั่วยวนไปแน่นอน ...
..
. ..
..


เฮ้อ...จบไปอีกตอนแล้วนะค่ะ สำหรับตอนนี้ลงไปเขินไปเลย ขนาดว่าอ่านไม่รู้กี่รอบแล้วนะเนี๊ยะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความรักของเรา ..สละโสด
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 28-07-2009 23:12:28
 :jul1: :jul1: และแล้ว   :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความรักของเรา ..สละโสด
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 28-07-2009 23:17:36
อ่านแล้วเขินเหมือนกัน

หวานซะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความรักของเรา ..สละโสด
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 29-07-2009 00:31:36
เขินนะเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความรักของเรา ..สละโสด
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 29-07-2009 02:28:17
แอร๊กกกก

เขินโฮกกกกกกก  :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความรักของเรา ..สละโสด
เริ่มหัวข้อโดย: gboy ที่ 29-07-2009 11:18:58
 :jul1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความรักของเรา ..สละโสด
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-07-2009 22:08:34
พี่ต้นผู้ช่ำชอง 555

ว่าแต่ผิดนัดไปลองชุดนี่น๊า พี่ต้นเอ้ย
นนท์ม่งอลก็ให้มันรู้ไปจิ่
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความรักของเรา ..สละโสด
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 29-07-2009 22:26:22
ตอน ความลับของคุณหนู

..
. ..
..
พรุ่งนี้จะเป็นวันแต่งงานที่คนบ้านวรโชติรอคอย .


.คุณนันตีตั๋วบินตรงจากอเมริกาเพื่อมาร่วมงานเลี้ยงในคืนพรุ่งนี้โดยเฉพาะ.. สถานที่จัดเลี้ยงเป็นร้านอาหารสุดหรูใจกลางกรุงเทพฯ


แต่มันก็เป็นแค่การกินเลี้ยงธรรมดาในสายตาของคนทั่วไป.. จะพิเศษก็แค่จัดให้คนภายในรู้ว่าทั้งสองกำลังกลายเป็นทองแผ่นเดียวกัน ด้วยเพราะไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมากมาย วันนี้พวกผู้ใหญ่เลยออกไปซื้อของข้างนอกกัน



“ ได้ๆ.โอเคขอบคุณมากแล้วจะไปหานะ..” คนตัวบางรีบกดตัดสายทันทีที่เหลือบเห็นว่าที่สามีของตนเดินมา ..สายตาหลุกหลิกที่แสดงออกทำให้พี่ต้นเริ่มสังเกตเห็นท่าทาง..


“ เป็นอะไรไปหรือเปล่าคุณหนู..” พี่ต้นเอ่ยทักหยั่งความคิดของอีกคน ..




“ เปล้า..นนท์แค่ตื่นเต้น..เอ้อ..เดี๋ยวนนท์ไปข้างนอกนะ..” เสียงสูงที่ตอบรับทำให้ต้นชักเอะใจ ..เพราะวันนี้ดูคุณหนูของเขาจะแปลกไปอย่างมาก.. ปกติจะกล้าสบตา ตอบคำถามอย่างฉะฉานแต่ทำไมวันนี้ถึงได้มีอาการแปลกๆอย่างนี้ล่ะ...



“ จะไปไหน..” ต้นเอ่ยถามอย่างสงสัย..เขาอุตส่าห์เคลียร์งานจนมีวันว่างหลายวันติดต่อกัน แล้วนนท์จะออกไปไหนเหรอนี่



“ อ๋อคือ..คือ..เอ่อ..นนท์จะไปซื้อของ..” นนท์ชะงักเล็กน้อยราวกับเด็กๆที่ทำความผิด..แล้วรีบคว้ากระเป๋าเป้ใบโปรดเดินสาวเท้าออกจากห้องไปโดยทันที...




“ จะทำอะไรอีกนี่คุณหนู..” ต้นสบถกับตัวเองเบาๆ.. ยื่นครุ่นคิดอยู่เพียงครู่ก็คว้ากระเป๋าสตางค์เดินตามออกไปห่างๆ... ชายหนุ่มรอจนนนท์ขับรถออกไปได้สักระยะก็ขับรถของเขาตามออกไป.. เขามีสิทธิ์รู้ไม่ใช่เหรอว่าว่าที่เจ้าสาวของเขาจะไปไหน ..




พี่ต้นพยายามรักษาระยะห่างไม่ให้ไกลจากรถของนนท์มากนัก.. แต่จะให้ใกล้เกินไปก็คงสังเกตได้ง่าย..


เขาต้องรู้ให้ได้ว่านนท์กำลังจะไปที่ไหน..



เขาขับตามมาได้สักครึ่งชั่วโมงรถของนนท์ก็เริ่มชะลอความเร็ว แล้วตีกลับยูเทิร์นด้านหน้า... ชายหนุ่มรีบขับตามอย่างไม่รอให้เสียโอกาส ..สายตาคู่เดิมมองไปยังรถคันหน้าที่ห่างออกไปหลายสิบเมตรอย่างไม่คลาดสายตา เวลานี้มันกำลังเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถคอนโดแห่งหนึ่ง...


“ มาทำอะไรที่นี่นะ..” ต้นเปรยกับตัวเองอย่างสงสัย..แต่เท้าของเขาที่กำลังจะเดินตามก็กลับชะงักเมื่อเห็นใครบางคนเดินออกมารับนนท์ด้วยรอยยิ้มสุดกว้าง..



“ ไอ้นั่นนี่..” กำปั้นลุ่นหนักทุบลงบนพวงมาลัยรถอย่างเสียความรู้สึก.. หากตรงนั้นเป็นผู้ชายคนอื่นต้นอาจไม่เสียอารมณ์มากเท่านี้... แต่ที่เขาเห็นคือคนเดียวกับในผับคร่าวก่อน ..คนที่นนท์คล้องคอแล้วทำท่าราวกับจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ..



รถคันใหญ่หลบออกจากคอนโดฯไปด้วยใจที่สับสน..เวลานี้เขาโกรธ หน้ามืด แถมยังหึงเสียจนอยากจะระเบิดคนที่รักให้เป็นเสี่ยงๆ.. รอยยิ้มแสนกว้างที่ส่งกลับไปให้ผู้ชายคนนั้นไม่ต่างอะไรจากบาดแผลลึกที่กรีดลงในใจเขาไปเรื่อยๆ...


“ สวัสดีพี่เคน..” คนหน้าสวยยกมือไหว้ชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้า ... แล้วเดินกันเข้าไปภายในคอนโดฯสุดหรูของชายหนุ่ม ...ห้องของเคนอยู่ชั้นบนสุดเป็นชั้นที่ราคาแพงมากเพราะวิวด้านหลังติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา..( present สุดๆ Ivy River จับจองได้นะจ้า...เฮ้อ..) ยามค่ำคืนจึงเปรียบเหมือนสวรรค์ดีๆนี่เอง




“ มาแล้วเหรอพี่นนท์..” คนหน้าคุ้นอีกคนเดินออกมาเปิดประตูให้พร้อมทั้งยิ้มทักทาย ... แล้วทั้งสามก็เดินกลับเข้าไปภายในห้องสุดกว้างที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ล้ำสมัย แนวโล่งตา ..



“ ว่าไงตกลงเรื่องที่พี่ให้ช่วยไงบ้างอ่ะโดม..” นนท์หันไปให้ความสนใจกับรุ่นน้องข้างบ้าน ที่เวลานี้กำลังยิ้มแป้นแล้นส่งให้นนท์อย่างสุดแสน ..



“ นี่หนังสือนะ.. แล้วนี่ซีดีลองดูแล้วกัน โดมเอาที่มันง่ายๆมาให้ไม่รู้ว่าจะยังไงบ้าง ..” โดมยื่นถุงพลาสติกสีฟ้าใสที่บรรจุหนังสืออยู่สองสามเล่มกับซีดีอีกสามสี่แผ่น... นนท์ยื่นมือไปรับมาด้วยรอยยิ้มสุดกว้าง... รู้สึกดีใจยังกับได้ทองงั้นแหละ..



“ นี่ขนาดต้องลงทุนศึกษาเลยเหรอ..” เจ้าของห้องคิ้วเข้มเอ่ยถามอย่างงงๆ ในพฤติกรรมของคนหน้าสวย ตอนได้รู้จากโดมว่านนท์ต้องการความช่วยเหลือถึงกับหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง ไม่นึกเลยว่าคนหน้าสวยจะไร้ประสบการณ์ชีวิตขนาดนี้..


“ ใครจะไปโชกโชนเหมือนพี่ล่ะ..” โดมได้ทีค้อนเข้าให้..จนคนที่นั่งข้างกายถึงกับสะดุ้งหันหน้าไปยิ้มแป้นแล้นอ้อนอีกฝ่ายอย่างกับเด็กๆ ..ศีรษะทุยๆวางลงถูตรงซอกคอเจ้าเด็กข้างบ้านของนนท์ไปมา จนคนมองต้องหัวเราะขำอย่างห้ามไม่ได้...



“ แล้วโดมบอกน้าเดือนหรือยังนี่..” นนท์มองทั้งคู่อย่างหนักใจแทน ..ใช่ว่าทุกคู่จะโชคดีเช่นเขากับพี่ต้น ..เมื่อโลกแห่งความจริง การรักเพศเดียวกันยังเป็นเรื่องที่ถูกมองว่าผิด ทั้งที่ความจริงรักมันก็คือรัก..ใช่ว่ารักแบบชายหญิงจะจีรังยั่งยืนกว่ารักเพศเดียวกัน ...



“ ใกล้แล้วล่ะ..” โดมบอกไปอย่างกลัวๆ.. แม้ว่าเขากับเคนจะรู้จักกันได้เพียงอาทิตย์เดียว แต่บางสิ่งบางอย่างจากทั้งสองคนทำให้รู้ว่าอีกคนข้างกายคือคนที่ใช่ ..เพราะบางครั้งเราก็ไม่สามารถกำหนดได้หรอกว่าโชคชะตาจะพาให้พบกันตอนไหน ..



เคนยังจำได้ดีถึงเรื่องราวเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ..ตอนที่เขาขับรถไปหาน้องหน้าหวานในหมู่บ้าน..เพราะเคนจำได้ว่าต้นเคยลงนิตยสารฉบับหนึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ เลยออกหาที่อยู่จนได้มาในที่สุด ..แต่วันนั้นคงเป็นคราวเคราะห์ล่ะมั้งด้วยความดีใจมากที่จะได้เจอน้องหน้าสวย ..เลยขับรถไปหาทั้งที่ไม่รู้เส้นทาง วนซอยโน้น เลี้ยวซอยนี้อยู่เป็นชม.จนลืมดูเกน้ำมัน..




...สุดท้ายเลยต้องลงจากรถออกเดิน...



‘มีอะไรให้ช่วยไหมพี่...’ เด็กหนุ่มร่างบางแต่ไม่ได้บางเทียบเท่าน้องหน้าหวาน ..จอดจักรยานที่ปั่นผ่านมาแล้วถามอย่างมีน้ำใจ ...



‘ อ๋อ.คือพี่มาหาคนรู้จักครับแต่งงๆ...ขับรถไปมาน้ำมันก็หมด.’ เคนตอบไปพลางยกมือขึ้นเกาหัวแก้เขิน ปกติเขาไม่ใช่พวกกล้าวัน... ความกล้ามันมักปรากฏเฉพาะกลางคืน ... ได้เจอเด็กหนุ่มตรงหน้า
เลยชักเขิน เพราะความน่ารักน่าชังแทบจะวิ่งตามนนท์ได้..




‘ แล้วพี่จะไปบ้านไหนล่ะ เผื่อผมรู้จัก..’



‘ พี่จะไปบ้านวรโชติครับ..’ เคนตอบไปอย่างเก้ๆ กังๆ .พยายามวางเสียงให้เป็นปกติแต่ก็ทำได้ยาก




‘บ้านพี่ต้นเหรอ..งั้นขึ้นมาเลยเดี๋ยวผมไปส่งเอง ..บ้านผมอยู่ติดกับบ้านพี่ต้นเลย..แต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้มีใครอยู่บ้านหรือเปล่า’ โดมตอบเบาะด้านหลังตัวเองหนึ่งทีเรียกให้เคนขึ้นมานั่งซ้อนพร้อมทั้งเปรยบอกอย่างเป็นมิตร




คนตัวสูงชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็นั่งลงซ้อน ..คิดว่าโดมคงทานน้ำหนักเขาไหวนะ...


แม้ช่วงแรกที่ออกตัวจะเซตุปัดตุเป๋ไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ไปได้.. โดมปั่นไปเรื่อยๆด้วยความเร็วพอประมาณ แต่ระหว่างนั้นก็เริ่มมีเค้าฝนปรากฏ




“ เดี๋ยวเข้าบ้านผมก่อนล่ะกัน...ท่าทางพี่ต้นยังไม่กลับบ้าน..” โดมเสนอ เมื่อดวงตาเหลือบเห็นบ้านวรโชติไม่มีรถจอดอยู่สักคันเดียว ..และเป็นจังหวะที่ฝนสาดเทลงมาทันที..ชายหนุ่มรีบปั่นให้เร็วขึ้น.แต่สายฝนก็ชะล้างเทราวกับฟ้ารั่วจนสองคนเปียกปอนกันอย่างห้ามไม่ได้...



‘ โห่ฝนบ้าเอ๊ย...’ โดมสบถอย่างเซ็ง แล้วเดินไปหาเสื้อผ้าให้เคนเปลี่ยน ... จะเพราะอะไรก็ไม่รู้... อาจฝน อาจฟ้า หรืออาจจะเป็นบางสิ่งบางอย่าง ..ในจังหวะที่เคนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นั้นสายตาสองคู่ก็ประสานกันอย่างบังเอิญ เกิดความรู้สึกวูบๆวาบๆ..ยิ่งเคนได้รู้ว่าต้นกับนนท์จะแต่งงานกันเลยยิ่งวูบวาบเข้าไปใหญ่ สุดท้ายตอนเคนมาเยี่ยมนนท์เมื่อสามวันก่อนก็ทำให้ถึงกับงงที่ โดมตกลงเป็นแฟนกับคนตัวสูง ..



( สปาร์คกันยังไงไปจิ้นกันเองเน้อ..ฮ่าๆ..)


หลังจากได้อุปกรณ์ศึกษากลวิธีเรียบร้อย ..เจ้าคนหน้าสวยก็รีบขอตัวกลับบ้านไปฝึกวิชาโดยไว.. รถพี่ต้นยังคงจอดอยู่ที่เก่าโดยนนท์ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายได้ตามเขาออกไปตั้งแต่สี่ชั่วโมงก่อน .


.
นนท์เดินปลีกกายขึ้นไปบนห้องเดิมของเขา ... ที่ตอนนี้ใช้เก็บข้าวของและเสื้อผ้า... ปกตินนท์ก็ไม่ค่อยเข้ามาในห้องนี้สักเท่าไหร่ แต่วันนี้มีเรื่องด่วนสำคัญเลยต้องเข้ามา ..



มือเรียวกดเปิดเครื่องเล่น VCD โดยทันทีพร้อมทั้งวางแผ่นหนังที่ได้มาจากโดมและเคนอย่างไม่รอช้า..เพียงสามสี่วินาทีต่อภาพในจอก็ปรากฏสิ่งที่นนท์ต้องการเรียนรู้.. คนตัวบางเอื้อมมือหยิบผ้าห่มด้านหลังโดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครบางคนกำลังยืนจ้องเขาอยู่... นนท์ได้ผ้าห่มมาไว้ในมือก็ยกขึ้นคลุมอย่างรวดเร็ว ..


“ ไหนบอกว่ามีทฤษฏีนี่ไอ้โดมบ้า...มาถึงก็อ่าโจ๊ะๆกันเลย..” นนท์สบถอย่างเคืองๆ..โดยไม่รู้เลยว่าคนด้านหลังกำลังรอบอมยิ้มอย่างคลายกังวล ...




“ เอ่อ...” นนท์คว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้ตัวมากดต่อสายถึงใครบางคนทันทีที่ภาพเริ่มเลื่อนมาถึงบทสวาที่รุนแรงมากขึ้น ..ตอนนี้อารมณ์ไม่ได้กระเจิดกระเจิงสักนิด.. นนท์ยังสงสัยตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเวลามองผู้ชายคนอื่นเขาถึงไม่รู้สึกวูบวาบ ..เหมือนยามที่ได้เห็นเรือนกายที่แข็งแกร่งด้วยกล้ามเนื้อของพี่ต้น


“ โดมๆ...”


“ มีอะไรครับ...” โดมถามกลับมาอย่างฉงน


..
“ นี่..พี่ถามหน่อยสิปกตินี่โดมอยู่ข้างบนหรือว่าข้างล่างอ่ะ...” นนท์ถามไปอย่างใสซื่อ..แต่กลับทำให้คนข้างหลังเกือบหลุดหัวเราะ ดีนะที่ยกมือขึ้นอุดเสียงได้ทันไม่งั้นนนท์คงรู้แล้วล่ะว่าต้นกำลังมองเขาอยู่...



“ ก็พี่เคนชอบให้โดมอยู่ข้างล่าง ...” โดมตอบไปอย่างไม่มีกั๊ก..( อะไรฟะนี่น้องโดม ..รู้จักเขาแค่อาทิตย์เดียวแล้วไปยอมเหรอนี่...พี่เคนไวไฟจริงๆ..)



“ นี่ๆ..ถ้าพี่จะเปลี่ยนไปอยู่ข้างบน โดมว่าพี่ต้นจะยอมไหม..” นนท์เองก็ไม่ปิดบังอะไร ..ตั้งแต่เขาโทรฯไปปรึกษาเจ้าเด็กข้างบ้านหลังรู้ว่าโดมเป็นแฟนกับเคน ..โดมก็เหมือนศิราณีประจำตัวของนนท์โดยปริยาย ..



“ ไม่รู้สิ..พี่นนท์ต้องถามพี่ต้นเอง..”



“ โห..พี่อยากอยู่ข้างบนบ้างอ่ะ” นนท์งอแงราวกับเด็ก ... นี่ถ้าไม่ติดว่ายังต้องทำหน้าโหดแกล้งนนท์ที่ออกไปนอกบ้าน ..พี่ต้นคงกระโดดเข้าไปคว้าร่างว่าที่ภรรยาของเขาเข้ามากอดแล้วล่ะ...


“ โดมว่าจะบนจะล่างถ้ามีความสุขมันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ.”



“ จริงของโดม... แต่พี่ไม่เห็นหนังที่โดมให้มันจะสอนอะไรเลย ..เจอหน้ากับปุ๊บสปาเดเฮ้กันปั๊บ..อะไรนี่ ดูแล้วจะเป็นลม..” นนท์บ่นไปสายตาก็ยังจับจ้องการเคลื่อนไหวไว้ทุกเม็ดทุกหน่วย ...


“ ก็มันอย่างนี้แหละ..ก็พี่ดูไป แล้วค่อยๆศึกษาไปแล้วกัน..เดี๋ยวโดมต้องวางแล้วนะพี่เคนเรียกแล้ว..” โดมตอบรับพร้อมทั้งขอตัวจากพี่ชายข้างบ้าน .. นนท์จำใจต้องวางสายแล้วหันกลับไปหยิบหนังสือตรงชั้นปลายเท้า... หน้าปกของมันสามารถทำให้พี่ต้นยิ้มร่าได้อีกรอบ ..

ท่าทางว่าที่เจ้าสาวของเขาคงเตรียมข้อมูลไว้รับศึกแน่นอน ..
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 29-07-2009 22:55:20
อ๋อ ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 29-07-2009 22:56:01
เขิน

อ่านแล้วอมยิ้มอะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 29-07-2009 22:59:57
งี้ไม่ไหวอะ  :m25:

ตอนพิเศษมันทำให้เขินทุกตอนเลยน  :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 29-07-2009 23:05:15
“ อะไรนี่ไอ้โดมบ้า..ทิ้งกันเลยยังไม่ทันรู้เรื่องอะไรเลย..” นนท์อ่านหนังสือไปก็บ่นไป...รู้สึกเหมือนถูกทิ้งกลางทางยังไงยังงั้น ..


“ ทำอะไรอยู่...”


“ เฮ้ย..” นนท์ถึงกับสะดุ้ง..หันกลับไปมองคนที่ยืนจ้องด้วยสายตาเขม็งจนนนท์ชักหวั่น..รีบยกกายขึ้นบังจอทีวีที่กำลังฉายภาพวาบหวามทันที..ส่วนหนังสือในมือก็โยนไปไว้ด้านหลังหวังจะปิดบัง...



“ มีอะไรซ่อนอยู่ข้างหลัง..”พี่ต้นยังคงวางเสียงเข้มเพื่อไม่ให้นนท์ได้รู้ว่าเขาเข้ามาตั้งแต่แรกเริ่มแล้วแหละ แถมยังประสาทแทบตายนึกว่าน้องนนท์ของเขาจะมีชู้ ที่ไหนได้...ไปหาวิชามาศึกษาเพิ่มกระบวนยุทธนี่เองมันน่าให้รางวัลนักนะ..


“ เปล่า...พี่ต้นเข้ามาในห้องนนท์ได้ยังไงไม่มีมารยาท..” นนท์รีบบอกปัดแล้วหันไปเล่นงานกับอีกฝ่าย



“ พี่เป็นสามีเรานะ ...ทำไมจะไม่มีสิทธิ์เข้ามาในห้องของเมียตัวเอง...” คำตอบของพี่ต้นทำให้คุณหนูของบ้านถึงกับหน้าแดงก่ำ ในใจก็นึกย้อนไปนึกภาพในจอทีวี..ชิชะ.. เป็นเมียงั้นเหรอวันนี้แหละนนท์จะอยู่ข้างบนแทนที่พี่ต้นเอง ...



“ ไอ้พี่ต้นหื่น..”



“ เหรอ..แล้วไอ้ที่เราดูอยู่มันไม่หื่นเลยนะคุณหนู..” พี่ต้นตอกกลับอย่างทันควัน จนนนท์เริ่มแก้ลำไม่ถูกหลักฐานมันคามือคาไม้ขนาดนี้.. แล้วจะดิ้นหลุดเหรอ...



“ ก็...ก็...ก็นนท์แค่อยากรู้มันผิดด้วยหรือไง..” นนท์เถียงต่อข้างๆคูๆ แม้รู้ทั้งรู้ว่าอาจจะพ่ายแพ้ในตอนปลายสุดของการสนทนา แต่คนอย่างนนท์ไม่มีวันยอมตั้งแต่ยังไม่เริ่มหรอก...



“ ก็พี่บอกแล้วไงว่าจะสอนให้ ..ทำไมถึงต้องมาดูเองด้วยล่ะ..” ในประโยคล่าสุดทำให้นนท์ถึงกับสะอึกได้ไม่น้อย แม้เสียงของพี่ต้นจะเข้มเหมือนเดิม...แต่นนท์ก็สังเกตเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ที่ทอประกายออกมา มันบอกชัดว่าความพรั่นกลัวที่เขากำลังจะศึกษาใกล้จะเกิดขึ้นในเวลาอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า..



“ ก็..ก็นนท์อยากรู้นี่ว่าทำไมนนท์ต้องอยู่ข้างล่างตลอด..” เมื่อมาถึงคราวคับขัน เจ้าคนหน้าสวยเลยไม่ทันระวังตัวหลุดพูดไปจนหมด แล้วไม่รู้หรอกว่าสามีของตนมันเจ้าเล่ห์ใช่น้อย แม้ภายนอกจะดูเย็นชาและแข็งกระด้างไปสักหน่อย แต่พี่ต้นก็เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวไม่ใช่น้อยๆ


“ แล้วทำไมหรือเราอยากเปลี่ยน..” พี่ต้นยื่นข้อเสนอ..


“ ก็ใช่สิ..” นนท์พยักหน้าหงึกๆ ..เจ้ากระต่ายน้อยตาใสๆ หารู้เลยว่าตัวเองกำลังจะเดินตกหลุมพรางของสามีจิ้งจอก.. คนตัวสูงเดินไปหยิบป้ายแขวนไปคล้องตรงลูกบิดประตูห้องแล้วปิดไว้อย่างแน่นหนา
TN PRIVATE . เป็นที่รู้กันของบ้านว่ามันมีความหมายว่าอะไร...


พี่ต้นเดินกลับเข้ามาในห้องแล้วเดินไปนั่งลงบนเตียงนุ่มๆ..พร้อมทั้งยกมือกวักเรียกให้คุณหนูของเขาเข้ามาหา .. ด้วยความอยากรู้วิชากับสถานะใหม่ที่กำลังจะลองเลยทำให้นนท์ไม่รู้ตัวเลยสักนิด.. เวลานี้ความเขินอายมันหายไปอยู่ในหลืบไหนไม่มีใครทราบ ...คนตัวบางเอื้อมไปปิดโทรทัศน์ไว้แล้วรีบกระโดดขึ้นเตียงไปนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าพี่ต้น ..

“ แน่ใจนะว่าอยากอยู่ข้างบน..” คิ้วหนาๆ เลิกขึ้นอย่างตั้งคำถาม

“ ..” นนท์พยักหน้าให้...ทันทีที่เขาเงยกลับมาริมฝีปากหนาก็ถาเข้ามากดปากเรียวบางของเขาเอาไว้..ร่างของนนท์ล้มลงไปทางด้านหลังโดยมีร่างของพี่ต้นทาบทับกลับมา...


“ ไหนบอกให้นนท์อยู่บนไง..” หลังจากที่พี่ต้นผละริมฝีปากออก นนท์ก็รีบท้วงติงทันที...


“ เดี๋ยวได้อยู่แน่ ..พี่ไม่โกหกหรอก..” ต้นยิ้มให้อย่างแสนเจ้าเล่ห์พลางกดริมฝีปากลงบนซอกคอขาวๆอย่างปลุกเร้าอารมณ์ ..คนตกหลุมพรางเริ่มสั่นเมื่อลิ้นเรียวสัมผัสลงบนต้นคอขาว ...กระดุมเสื้อที่ใส่ค่อยๆถูกปลดออกอย่างช้าๆ โดยที่นนท์เองไม่รู้ตัวเลยสักนิด...จนเมื่ออกขาวหวามถูกประทับตราความเป็นเจ้าของนนท์ถึงรู้ตัว...



“ อ่า...พี่ต้น..” นนท์ครางเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างทุลักทุเล เพราะเสียงเส่าที่ประสานสอดลอดเข้าไปไปผสมดูจะถูกกระตุ้นให้ดังขึ้นเรื่อยๆ จนร่างกายแทบหมดแรง ...มือแกร่งหนั่นของคนตัวหนาเริ่มลงมือปฏิการลอกคราบอีกคนไปเรื่อยๆ ด้วยความใจเย็น .. ขณะหลอกล่อก็ปลุกอารมณืของนนท์ให้เร่าร้อนมากขึ้นจนแทบลุกเป็นไฟ..


เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง...นิ้วเรียวยาวก็ล้วงล้ำเข้าไปในน่านน้ำอธิปไตยของอีกฝ่ายอย่างฉวยโอกาส นนท์จะร้องค้านก็ทำได้ยากเพราะเวลานี้ริมฝีปากสวยใสกำลังถูกครอบครองอย่างหนักหน่วง จนเพลิดเพลินไปกับการส่งสัญญาณแห่งรักที่พี่ต้นมอบให้


ความตึงหนั่นเริ่มแทรกกายเข้าไปในขณะที่นนท์เผลอ...คนตัวบางยกมือขึ้นทุบอกอีกฝ่ายทันทีที่รู้ตัว ..ฝ่ายพี่ต้นก็จำต้องถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย ..



“ อื้..อ่า พี่ต้น...ไหนบอกให้นนท์อยู่บน..อ่าไง..” คนหน้าสวยท้วงเสียงสูง ..มันไม่ยุติธรรมเลยนะสำหรับเขา ไหนพี่ต้นรับปากแล้วว่าจะให้นนท์อยู่บน..แล้วนี่อะไรล่ะโกหกกันชัดๆ...




“ ใจเย็นๆสิ..พี่เคยโกหกเราเหรอ..” คนเจ้าเล่ห์ยิ้มพราว..พร้อมทั้งยื่นมือไปสอดใต้รักแร้ของอีกฝ่ายเพื่อกระชับอุ้งมือลงบนไหล่บางแล้วยกให้นนท์ลุกขึ้นมาด้วยแรงที่มี...กำลังที่มากกว่าทำให้อีกคนลุกขึ้นตามมาอย่างง่ายดายพี่ต้นวางกายของตนเอนไปอิงกับหมอนที่ทัดวางไว้ด้านหลัง ...พร้อมทั้งกระสับสะโพกบางที่จดลึกกับร่างกายจนไร้ช่องว่างเล็กน้อย ..




“ เอาสิ..พี่ให้เราอยู่ข้างบนแล้ว...” พี่ต้นยิ้มกริ่มให้กับคนเสียรู้...



“ อื้อ..ไอ้พี่ต้นขี้โกง ..นนท์ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะอยู่ข้างบนแบบนี้ ...” นนท์ชักหน้างอเมื่อรู้ว่าตนโดนตลบหลัง แต่ก่อนที่ทักท้วงทวงสิทธิ์ของตนกลับคืนมา ..มือหนาก็กระชับบนสะโพกมนอย่างรู้งานแล้วเคลื่อนไหวให้มันขึ้นลงตามใจปรารถนา... กลิ่นเหงื่อที่เริ่มถาโถม ชโลมสองกายที่ใกล้ชิดจนแทบแปรเปลี่ยนเป็นหนึ่งเดียว


ลมหายใจร้อนที่กระสับกระเส่าใกล้กัน ไม่ต่างอะไรจากไฟที่โหมลุก..


“ ขยับสิ..” พี่ต้นบอกทางพร้อมส่งส่ายตาให้คนรักควบคุมการเดินทางด้วยตัวเอง ...มันคงจะดีกว่าหากคุณหนูของเขาได้ลองคุมเกมเองบ้าง แม้จะเป็นฝ่ายรองรับแต่อย่างน้อยก็ได้นำทางในด้านร่างกายและจิตใจ



“ ...” คนหน้าสวยเหลือบตามองอีกฝ่ายอย่างปลงๆ ..แล้วบรรจงเคลื่อนไหวปรนเปรอความแข็งแกร่งที่เสียดทานอยู่ภายในกาย .. เซ็กซ์คือเครื่องหมายของพันธะ... แต่พันธะใดๆก็คงไม่ยิ่งใหญ่เท่าพันธะที่ใช้ใจผูดรัด มันคงจะดีที่สุด ..หากรักนำทางทุกความคิดและสติที่ประคับประคองไปจนสุดปลายฝัน



แรงที่กระสับลงดูจะแผ่วลงเรื่อยๆจนพี่ต้นสังเกตเห็น ..นี่เป็นครั้งแรกของนนท์(ที่ได้อยู่ข้างบน555)จึงไม่แปลกหรอกที่คนหน้าหวานจะเสียเหงื่อเสียแรงไปมาก... เมื่อตอนท้ายๆของจังหวะพี่ต้นก็ลงมือจัดการเคลื่อนไหวเอง ..ผ่อนกายให้นนท์ได้รู้สึกสบายขึ้น. ..แม้กระนั้นคนอยากอยู่ข้างบนก็ไม่ได้เปลี่ยนตำแหน่งไปไหน ยังคงถูกจัดทางจัดทางไว้เช่นนั้น ..




“ อ่า..พี่ต้น..” มือเรียวเอื้อมโอบลำคอแกร่งไว้อย่างระบายความซ่านที่แผ่ไปทั่ว..ริมฝีปากชมพูอ่อนจดลงบนเนินปากของอีกฝ่ายอย่างถ่ายทอดความรัก... เมื่อลิ้นนุ่มแทรกผ่านชั้นแรกเข้าไปสัมผัสกับความสากของลิ้นคนรักอารมณ์ของทั้งสองก็ยิ่งทะยานไปไกลมากกว่าเดิม .. แรงรักถูกเพิ่มด้วยที่สุดของอารมณ์.. มันสะท้านไหวจนมือที่โอบรับลำคอแปรเปลี่ยนเป็นกดปลายเล็บลงอย่างลืมตัว. ..พี่ต้นเองก็เลิกสนทุกอย่างมีเพียงความรักที่อยากจะถ่ายทอดให้คนตัวบางได้รับรู้ ..



เพียงไม่นานจังหวะสุดท้ายของเกมรักบทนี้ก็จบลง ..พร้อมร่างบางแบบที่แนบชิดกับอกแกร่งชุ่มเหงื่ออย่างอ่อนแรง ...



“ เป็นไง..ชอบไหมได้อยู่ข้างบนสมใจ..” ชายหนุ่มเอ่ยเย้าเพียงน้อย...

“ พี่ต้นขี้โกง..” นนท์ยันมือนุ่มลงบนอกชุ่มเหงื่อเบาๆ ..แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนรักของตนอย่างค้อนจัด นนท์อยากอยู่ข้างบนหมายถึงอยากรับบทของพี่ต้น ไม่ใช่เปลี่ยนมานั่งแท่นแบบนั้นสักหน่อย ..

.
“ เป็นอะไรไปครับ..คุณว่าที่เจ้าสาว..” ต้นยิ้มให้กับอีกฝ่ายที่งอนเขาด้วยรอยยิ้ม.. ยกมือหนาหนั่นขึ้นประคองวงหน้านวลปลั่งอย่างสุดรัก.. คนที่คอยอยู่ข้างเขามาตลอดเวลา คนที่ทำให้เขาหลงรักได้หลายต่อหลายครั้ง มันเป็นความพิเศษที่ชีวิตนี้คงหาจากที่ไหนไม่ได้แล้วล่ะ..



“ พี่ต้น”


“ หืม ?” ชายหนุ่มช้อนตาขึ้นมองว่าที่เจ้าสาวที่นิ่งไป...



“ พี่ต้นว่าเราจะรักกันไปนานแค่ไหนเหรอ. ..ไม่ใช่นนท์ไม่มั่นใจในตัวพี่ต้นนะ แต่นนท์กลัวว่าบางทีสิ่งที่เราต้องการมันอาจไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด ..ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้มันอาจมีอะไรเปลี่ยนไป” สิ่งที่นนท์มองคือการเดินไปข้างหน้า นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ทั้งสองจะเปรียบเหมือนคนคนเดียวกัน ...


“ พี่ว่าเราอย่ากลัวอะไรเลย... หลายปีที่เราอยู่ข้างกันมามันก็พอจะพิสูจน์อะไรได้แล้วว่า เราสองคนจะเดินไปจนกว่าใครคนหนึ่งจะตายจากกันไป ...บางทีการที่เราได้เจอกันมันอาจเป็นความต้องการของใครบางคน ไม่เช่นนั้นคืนที่พี่คิดสั้น เราคงไม่ไปเจอพี่และช่วยพี่ไว้หรอก... หรือจะเป็นตอนเด็ก ..มาจนตอนโต ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนมีใครบางคนขีดไว้ทั้งนั้น..” ใช่สินะ.. ลิขิตของทั้งสองใช่จะเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว แต่มันหลายต่อหลายครั้ง


ชายหนุ่มไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะเขารู้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้เราก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว เขาเพียงขอให้ความรักยืนอยู่ข้างกายของเขาตลอดไป เพียงแค่นี้มันก็ยิ่งใหญ่มากพอให้ลมหายใจเดินหน้าต่อไปได้แล้ว



“ อืม..” นนท์พยักหน้าให้อย่างเห็นด้วยขอบคุณพี่ต้นที่ยืนอยู่ข้างๆ ขอบคุณความรักที่โปรยปรายสำหรับทุกชีวิต ..เวลานี้นนท์รับรู้ได้ถึงความสุขที่มากมาย


“ ซึ้งพอแล้ว..ต่ออีกสักรอบแล้วกัน” อารมณ์ซึ้งขาดผึงเมื่อคนตัวใหญ่พลิกร่างที่นั่งอยู่บนกายของเขาลงไปด้านหลัง และเริ่มต้นเกมรักบทใหม่สำหรับวันนี้...

“ ไอ้หื่น..” นนท์สบถอย่างท้วงติง แต่เพียงสิ้นคำริมฝีปากของเขาก็ถูกครอบครองเป็นเจ้าของจนห้ามไม่ได้.. นี่แหละนะความรัก ขอแค่มีความสุข ขอแค่เข้าใจกัน .. รักก็ไม่ต้องการอะไรมากแล้วล่ะ...

ชีวิตคนเกิดมาทั้งที่..ขอแค่ได้พบเจอคำว่ารักมันก็คุ้มค่าแล้ว

แม้รักไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่ง แต่มันก็เป็นจุดมุ่งหมายของหลายสิ่งหลายอย่าง ..อย่ารักเพื่อเพียงต้องการได้รักกลับมา เพราะตราบใดที่รักและหวังผลตอบแทน ..สิ่งที่ได้รับกลับมาก็เป็นเพียงรักตามมารยาท หาใช่รักที่ปลูกขึ้นจากความจริงใจ ..

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 30-07-2009 00:22:11
ก๊อกๆ...เสียงรัวเคาะหน้าประตูดังอยู่หลายนาที กว่าที่ภายในห้องจะเกิดการเคลื่อนไหว...พี่ต้นขยับกายเปลือยเปล่าของเขาอย่างเมื่อยล้า ..คว้าเอาเสื้อ เอากางเกงที่ถูกถอดออกเมื่อตอนเล่นเกมสลับบนสลับล่างกับนนท์ขึ้นมาสวมลวกๆ.. พอให้เดินออกไปรับหน้าคนที่กำลังรัวประตูอย่างบ้าคลั่ง...


“ ครับๆ...ใครนี่แขวนป้ายไว้ไม่เห็นรึยังไง...” ต้นบ่นเสียงอิดออด เมื่อถูกปลุกขึ้นมาจากการพักผ่อน กิจกรรมที่ประชันฝีมือกันดูจะเรียกเหงื่อ เรียกความเมื่อยล้าให้ร่างกายได้ดีชะงัก...


“ พี่ต้นทำอะไรอยู่..นนนี่ด้วย นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วพ่อคุณ วันนี้มันวันอะไรลืมแล้วหรือยังไง บ่าวสาวต้องลุกขึ้นมาใส่บาตรตั้งแต่เช้านะ นี่มันเจ็ดโมงแล้ว ขืนแม่รอให้สายกว่านี้เราได้พลาดใส่บาตรกันพอดี..” มารดาร่างบางที่ยืนบ่นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนชอตเดียวรัวหมดแม็กซ์ ถึงกับกระหืดกระหอบหลังจากสาดกระสุนโอวาทจบ



“ อะไรแม่..อย่ามาอำเลย เจ็ดโมงเช้าแล้วเหรอ..” ต้นเริ่มงงๆ ..เพราะเมื่อวานเขากับนนท์ก็เริ่มเล่นเกมรักหักสวาทกันตอนบ่ายๆของวัน ต่อให้หลับไปจริงคงไม่ตื่นมาเช้าโด่ขนาดนี้หรอกมั้ง...


“ อำอะไรไอ้คุณลูกชาย ..แหกตาดูนาฬิกาหน่อยพ่อคุณให้เวลาสิบห้านาทีนะ ปลุกนนนี่ด้วยอย่าสาย เดี๋ยวพระจะกลับวัดกันหมดหรอก..” นางยกมือนุ่มๆดึงหูเจ้าลูกชายคนโตเล็กน้อย ให้เหลือบสายตาไปยังนาฬิกาแขวนผนังตรงปลายทางเดิน ..ซึ่งมันก็ตรงกับเวลาที่นางบอกไว้จริงๆ




“ ครับ.ๆ..” เขาพยักหน้ารับอย่างงงๆในตัวเอง แล้วเดินกลับเข้าไปภายในห้องที่มีคนรักนอนหลับอยู่ ..เอ่อ จะว่าไปที่ตื่นตอนนี้คงไม่ได้ห่างไกลจากความเป็นไปได้หรอก ก็เขาเล่นให้น้องนนท์อยู่บน อยู่ล่างเปลี่ยนไปมาตั้งหลายครั้ง จะไม่ให้หมดแรงข้าวต้มสลบเหมือดอย่างนี้ได้เหรอ ..โดยเฉพาะว่าที่เจ้าสาวที่หลับเป็นตาย ขนาดคุณแก้วส่งเสียงร้อยสิบเก้าเดซิเบลอยู่หน้าห้อง นนท์ยังไม่รู้สึกตัวเลย ..



“ คุณหนู..” ร่างสูงล้มลงบนเตียงนุ่มอย่างเร็ว ยกมือขึ้นบีบปลายจมูกคนที่หลับอยู่พร้อมทั้งเรียกชื่อเพื่อปลุกให้อีกคนได้ตื่นขึ้นเสียที



“ ไม่เอา...อย่าแกล้งนนท์สิ...” นนท์ยกมือขึ้นปัด พลางกล่าวเสียงอู้อี้..ไม่รับรู้การปลุกของอีกคน ..



“ นับหนึ่งถึงสามถ้าไม่ลุก..จะปล้ำอีกร..” ไม่ทันจะพูดจบ คนงัวเงียเสียแรงก็ทะลึ่งตัวขึ้นนั่งอย่างเร็ว ดวงตาคู่มัวหันไปมองคนรักอย่างเคืองๆ...




“ ไอ้พี่ต้นบ้า...” นนท์ตะโกนใส่เล็กน้อย แล้วกระตุกผ้าห่มที่คลุมกายขึ้นห่อตัว ..อีกฝ่ากก็นึกสนุกอยากแกล้ง แอบใช้เท้าเหยียบปลายผ้าห่มเอาไว้.. นนท์เวลานี้แขนขาก็แทบจะหมดแรง ไหนจะสะโพกที่ครากเคลื่อนเมื่อตอนเดินไปข้างหน้าแล้วถูกกระตุก เลยเซมาทางด้านหลังอย่างห้ามไม่ได้


“ โอ๊ย..” นนท์ร้องขึ้นทันทีเมื่อร่างของเขาล้มกลับมากระทบคนด้านหลัง..พี่ต้นรีบสอดมือไปโอบว่าที่เจ้าสาวของเขาอย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยโอกาสให้เสียไป...



“ จะรีบไปไนครับ ..ให้พี่ไปอาบด้วยสิ..” ต้นกระซิบแผ่วๆตรงข้างหู และจงใจใช้ปลายลิ้นเล็มเลียตรงติ่งนุ่มๆอย่างหยอกเย้า



“ ไม่เอาแล้วนะพี่ต้น..นนท์เดินไม่ไหวแล้ว...” นนท์ร้องท้วงอย่างถือสิทธิ์... ใครจะนึกล่ะว่าคนที่ดูขรึมๆ บ้างานอย่างพี่ต้นเวลาคึก..จะบ้าคลั่งยังกับวัวกระทิง... ห้ามยังไงก็คงไม่เลิกนนท์คงต้องติดปฏักปักกระทิงไว้ในห้องสักอันแล้วล่ะ ไว้เวลากระทิงพยศไม่เชื่อฟังจะได้จัดการให้อยู่หมัด..



“ รู้แล้วนะ.. แม่ให้เวลาแค่สิบห้านาทีขืนพี่ทำได้โดนเผ่นกบาลแน่นอน ..” ต้นบอกอย่างรู้งาน ..แล้วรวบร่างที่เขากอดขึ้นอุ้มอย่างเร็ว ..เดินตรงดิ่งออกจากห้องไปยังห้องน้ำตรงปีกขวาของบ้าน ..(จำได้หรือเปล่าว่าบ้านนี้ไม่ไมห้องน้ำในห้องส่วนตัว)



“ ตาย..ๆ ทำอะไรน่ะพี่ต้น บัดสี..” เสียงใสแหวกอากาศของแม่น้องสาวลิงน้อยดังขึ้น ทำให้นนท์ที่อยู่ในอ้อมอกของพี่ชายของบ้านถึงกับหน้าแดง ...แต่ก็สกัดกั้นไว้ยังไงเขาก็เหนือว่าแม่ลิงน้อยของบ้านวันยังค่ำ



“ อยากโดนแฉเหรอไอ้ลิง ...”



“ ไอ้...ๆ” กิ่งที่ยิ้มรื่นถูกกระชากโหมดอารมณ์ทันที.. จากที่ยิ้มแย้มแกล้งแซวก็กลายเป็นร้อนตัวเต้นพล่าน ยังไงนนท์ก็รู้เรื่องของเธอหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องระหว่างต่อกับเจ้าหล่อน ..



“ ไอ้ๆอะไร พูดให้ดีนะ..” นนท์ยิ้มยิ่งกว่าเก่าที่ได้แหย่น้องของสามี..( กรี๊ด..)


“ ไอ้ๆ หน้าตาดี..ไอ้หล่อ..ไอ้เพอร์เฟค...ไอ้ ไอ้...ไอ้เมียพี่ต้น..” กิ่งสรรหาสารพัดคำเยินยอมาปลุกเร้าให้เพื่อนวางใจ ..แต่ตอนท้ายก็แอบตลบอย่างแรงจนคนถูกแซว และว่าที่สามีคนแซวหน้าแดงไปตามๆกัน ระเบิดถูกปล่อยทิ้งพร้อมร่างที่หายไป...คนตัวสูงโน้มหน้าลงประทับริมฝีปากบนหน้าผากเนียนเบาๆ


พี่ต้นพาร่างของนนท์เดินต่อไปเพื่อรีบจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เร็วที่สุด.. วันนี้เป็นวันดีระหว่างทั้งสองคน ถือเป็นวันเริ่มต้นของชีวิตคู่... วิถีชาวพุทธเรายังไงก็เกี่ยวข้องกับหลักคำสอนและศาสนา การได้ตักบาตรร่วมกันถือเป็นบุญอย่างหนึ่ง ที่สำคัญมันทำให้คนตักรู้สึกอิ่มเอมและสุขใจอย่างที่ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้...



อีกสิบนาทีต่อมาทั้งสองคนก็ลงมาในสภาพพร้อมใช้งาน ..( ยังกับเครื่องใช้ไฟฟ้า..)




“ เป็นอะไรไปหรือเปล่านนท์ทำไมเดินแปลกล่ะลูก..” คุณนันที่เพิ่งจัดสำรับเป็นถุงๆ วางลงในถาดเดินเข้ามาถามอาการของลูกชายอย่างสงสัย .. นางที่เพิ่งกลับมาไม่ได้เคยเห็นอาการชัดเจนเท่ากับคุณแก้วกับกิ่งที่เคยเห็นมาบ้าง ซึ่งเริ่มตั้งแต่อาทิตย์ก่อน



“ ไปพูดอย่างนั้นได้ไงหล่อน..นนนี่อายแย่..” คุณแก้วเอ่ยปากปราม พลางหัวร่อต่อกระซิกกับลูกสาวคนสวยอย่างรู้เท่าทันกัน .. สายตาพิศวาศหันกลับไปมองเพื่อนรุ่นเดียวกันอย่างหาคำตอบ ..



‘จริงเหรอหล่อน ..’


‘ร้อยเปอร์เซนต์’ คุณแก้วส่งสายตาตอบกลับไป



‘ ตายแล้ว ..ลูกชายของฉัน.. ไม่ไหวที่จะเคลียร์’ แววตาทอรื้นประกายส่งตอบเป็นจังหวะ จนกิ่งที่อยู่ตรงกลางต้องออกปากห้ามก่อน การส่งกระแสจิตของเพื่อนรุ่นเดียวกันจะไกลไปถึงโลกพระจันทร์



“ น้านันกับแม่..ขืนยังส่งพลังจิตติดต่อกัน ..พระคงหมดแล้วล่ะคะ..”




“ ใช่ๆ.. แม่ทำอะไรอยู่นี่รีบๆดีกว่านะเดี๋ยวพระจะไปกันหมด..” นนท์รีบเดินเข้ามาอย่างเร็ว พยายามเบี่ยงประเด็นให้ออกห่างตัวเองมากที่สุด แต่ใครจะรู้ล่ะว่ามันอาจเข้าใกล้กว่าเดิมต่างหากล่ะ...


“ ได้ทีหลบเลยนะ..” คนเป็นแม่บ่นเบาๆ.. แล้วช่วยกันประคองถาดอาหารเก้าชุดสำหรับสองสามีภรรยา และอีกเก้าชุดสำหรับสามคน กิ่ง คุณนัน และ คุณแก้ว ...




ต้นเดินคว้าโต๊ะที่สามารถพับได้ตัวกลางเก่ากลางใหม่ออกตามพวกผู้ใหญ่ โดยมีนนท์ถือถังกลมที่เรียงขวดน้ำดื่มที่ใช้ถวายพระอีกสักครู่ตามออกไป ส่วนกิ่งก็รับหน้าที่ถือถาดช่อดอกไม้ ..ช่างเป็นภาพที่อบอุ่นและน่ารักแก่คนพบเห็น ..



เจ้าเด็กข้างบ้านอย่างโดมเผยยิ้มกว้าง ...เมื่อวานกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เย็นจัด แถมเคนยังมานอนที่บ้านเขาอีก ดีนะที่อ้างไปว่าให้เคนมาสอนเกี่ยวกับวิชาเขียนโปรแกรม ทั้งที่จริงๆ ภาควิชาที่โดมเรียนไม่ได้มีวิชานี้บรรจุอยู่เลย .. เอานะ เขาเชื่อว่าสักวันเขาจะสามารถบอกความจริงกับแม่ได้ คุณปานเดือนเองก็หัวสมัยใหม่ไม่น้อย ..


“ สวัสดีครับทุกคน ..ผมมาทันหรือเปล่า..” เสียงห้าวที่ดังมาจากหน้าประตูบ้านวรโชติเรียกความสนใจให้กับทุกคนได้ดีไม่น้อย ชายหนุ่มร่างหนั่นที่เดินลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์หันเก่งก้าวเข้ามาอย่างมุ่งมั่นพร้อมทั้งยกมือขึ้นสวัสดี คุณนัน คุณแก้ว และพี่ต้น ...


“ นี่ไง ..คู่หมั้นของลูกสาวฉัน..” คุณแก้วได้ทีแนะนำยกใหญ่...


“ แม่...” ส่วนคนถูกเอ่ยถึงก็ร้อนตัวจนหน้าเริ่มแดง .. ดีที่พระเริ่มทยอยเดินบิณฑบาตเลยทำให้ประเด็นตกไป.. นนท์และต้นในฐานะเจ้าภาพของวันยืนอยู่ด้านหน้าสุดสำหรับใส่อาหาร น้ำดื่ม และดอกไม้ตามวิถีพุทธ..


“ ช่วยกันนะลูก.. ต่อก็มายืนข้างน้องกิ่งมาอีกไม่เท่าไหร่ก็จะแต่งงานกันแล้วตักบาตรรับขวัญพร้อมกันเลยนะ..” คุณแก้วกวักมือเรียกว่าที่ลูกเขยให้เข้ามาใกล้ ..อีกฝ่ายก็ไม่ขัดข้องยิ้มแป้นส่งให้คู่หมั้นคนสวย ...


นนท์เหลือบตามองพี่ต้นที่ยืนยิ้มบางๆให้เขาอย่างอุ่นใจ มือของทั้งสองวางลงบนทัพพี่ตักข้าวอย่างนุ่มนวล ..


‘ยังไงนนท์ก็ต้องอยู่ข้างบนให้ได้...ใช่สิต้องวางมืออยู่เหนือพี่ต้น ..’ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ..มาถึงทีอับจนได้ด้วยอะไรก็เอาวะ ..อย่างน้อยก็ได้อยู่ข้างบน



‘คิดอะไรอยู่นี่คุณหนู’ แรงที่สั่นเล็กๆทำให้พี่ต้นพอจะเดาได้ว่านนท์กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่แน่นอน ... แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนตำแหน่ง เพราะหากนนท์อยากอยู่ข้างบนเขาก็ยินดี...เพราะจะว่าไปมันก็สนุกดีเหมือนกัน เมื่อวานเขายังเปิดโอกาสให้นนท์ตั้งสองรอบแหนะ...


ส่วนคู่ต่อกับกิ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครจะวางมืออยู่ด้านบน .. คิงคองยักษ์เล่นแสดงท่าทีนอบน้อมต่อแฟนสาวเสียขนาดนั้น.. แต่ก็ผิดคาดเมื่อกิ่งใช้มืออีกข้างของต่อให้เลื่อนตำแหน่งมากุมมือเธอไว้...มันอาจเป็นอะไรเล็กๆน้อยๆ แต่นี่ก็คือเครื่องหมายของความรัก...



..ยอมได้เพื่อคนที่รัก..


กับข้าว ชุดแล้วชุดเล่าถูกจัดวางลงในบาตรพระที่เดินมาบิณฑบาตอย่างเรียบร้อยจนเมื่อใส่ครบทุกรูปทั้งหมดก็นั่งลงรับพรจากพระทั้งเก้ารูป เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ร่างกายและจิตใจ...


อายุ วรรณฺโณ สุขขํ พลํ


..พร้อมบูรณ์ ด้วยอายุ ฐานะ ความสุข และ พละกำลัง ..



“ เดี๋ยวกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล และจุดธูปบอกคุณพ่อ คุณลุง( พ่อของนนท์) สักหน่อยนะวันนี้เป็นวันดีถือว่าเราสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้วจริงๆ...” คุณแก้วเดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวลมีเมตตา ..นางเชื่อว่านางตัดสินใจไม่ผิด หากแม้สามีของนางยังมีชีวิตอยู่ก็คงเห็นด้วยกับการแต่งงานที่เกิด

รักจะมีความหมายอะไรหากไร้ซึ่งความสุข


ที่สำคัญรักต้องมาจากความเข้าใจ มีพื้นฐานมาจากกันและกัน

รักไม่ใช่เรื่องของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง รักไม่ใช่เรื่องของการได้ หรือรับเพียงอย่างเดียว

น้ำเย็นๆที่ไหลชโลมปลายนิ้วเรียวของคนหน้าสวยและคนร่างหนั่น ..ไหลลู่ลงไปในอ่างแก้วพร้อมบทสวดกรวดน้ำแผ่ส่วนกุศล ...ธูปหนึ่งดอก เทียนหนึ่งเล่มถูกปักลงตรงโคนต้นลีลาวดีใหญ่อย่างมั่นคง ...นนท์ยกอ่างแก้วที่รองน้ำจนปริ่มค่อยเทลงผืนดินอย่างไม่เร่งร้อน ...

... เช่นเดียวกับคู่ของต่อและกิ่งที่ทำไม่แตกต่างกัน ...
..รัก..
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: changasa@hotmail.com ที่ 30-07-2009 00:23:49
 o13  แต่งกันแล้ว เย้ ๆๆๆๆๆๆ  :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-07-2009 00:41:27
 :o8: :o8:

นนท์น่ารักจริง ๆ เล้ย
ไปหาวิธี..มาด้วย 55
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 30-07-2009 00:53:41
งานวันนี้เป็นงานเลี้ยงเล็กที่เชิญแต่คนใกล้ชิดที่สนิทกันจริงๆ...สวนด้านหน้าของบ้านถูกเนรมิตขึ้นเป็นงานเลี้ยงด้วยความร่วมมือของทุกคน .



.วันนี้คุณนัน คุณแก้ว และแม่น้องเล็กของบ้านลงมือทำเองแทบทุกอย่าง นนท์จะช่วยก็ถูกห้ามไว้เสียก่อน วันนี้เป็นวันของนนท์กับพี่ต้น ทุกคนเลยอยากให้สองคนมีความสุขที่สุดให้ไปเตรียมตัวกันตั้งแต่บ่ายแล้วล่ะ




แต่ที่ไหนได้แทนที่จะได้เตรียมตัว แต่พี่ต้นกลับเริ่มวิชาเรียนบทใหม่ให้ว่าที่ภรรยาของตนอีกบทเสียงั้น

“ พอได้แล้วพี่ต้น นนท์เหนื่อยล้วนะ..” คนตัวเล็กที่ร่างกายปรากฏรอยแดงไปแทบทุกส่วนของอกและหลังยันมือไปประทับบนอกหนาที่คร้ามสั่นลงมาทาบทับอีกครั้ง ..



“ บ่ายสามเองคุณหนูอีกสักครั้งนะ..” แววตาเจ้าชู้ส่งมาอีกครั้งของวัน ... ถ้ารู้ว่าไอ้พี่ต้นมันเป็นเสือซ่อนลาย ผู้ชายซ่อนหื่นอย่างนี้นนท์คงไม่หลวมตัวรักแต่นอน แต่ทำไงได้ล่ะเขาถอยหลังไม่ได้แล้ว



“ พี่ต้น..” นนท์ฝืนแรงที่ส่งมาแล้วยกมือไปประคองใบหน้าที่ก้มต่ำหมายจะปรนเปรอ แรงรักบนอกของเขาเช่นทุกทีไว้...



“ หืม..” พี่ต้นหยุดโน้มลงแล้วเงยขึ้นมองคนรักของตนอย่างสงสัย



“ ทำไมพี่ต้นหื่นอย่างนี้อ่ะ..” นนท์ถามด้วยเสียงกระปอดกระแปด ไม่ใช่เขาไม่ชอบเวลาที่พี่ต้นสัมผัสแต่เขาก็อยากรู้บ้างว่าคนที่ทาบทับไม่เหนื่อยบ้างหรือยังไง เห็นซัดเอาๆ แถมยังสอนโน้นนี้อีกตั้งมากมาย



“ พี่ก็ต้องรีบสอนให้เรารู้ทุกอย่างสิคุณหนู...ขืนอยากรู้อะไรอีกได้ไปหาให้คนอื่นสอนพี่ก็แย่สิ..” พี่ต้นตอบด้วยทีเล่นมากกว่าจริงจัง ..



“ ไม่เอาอะพี่ต้น...เดี๋ยวคืนนี้พี่ต้นก็ทำอีกให้นนท์พักบ้างดิ...อะไรนี่เอาเปรียบกันอย่างเดียวเลย ถ้าพี่ต้นไม่หยุดนนท์จะหนีไปนอนที่อื่นจริงๆด้วย..” เจ้าคนหน้าหวานที่หน้าร้อนแดงก่ำเพราะอุณหภูมิ และการเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วงของสองกายเอ่ยขู่


“ นี่ขู่พี่เหรอ..”




“ นนท์ไม่ได้ขู่...”

“ ก็ได้ๆ... กล้าขู่พี่คืนนี้ไม่ต้องนอน” พี่ต้นยอมถอนร่างออกจากอีกฝ่ายที่นอนหอบราวกับรอดพ้นชีวิตจากพิบัติภัย ..แล้วมือใหญ่ก็เอื้อมมารั้งร่างของนนท์ให้ลุกขึ้นมาข้างๆ...


“ ทำไรอะพี่ต้นไหนบอกว่าไม่ทำแล้วไง..” นนท์เงยหน้าขึ้นมองคนรักด้วยความสงสัย



“ พี่ยังค้างคาอยู่เลย ..กอดพี่ไว้หน่อยสิ..” ไม่ต้องพูดนนท์ก็รู้ว่าหมายถึงอะไร ..ไอ้จอมหื่นน้อยของพี่ต้นมันจะดี๊ด๊าดึ๋งดั๋งอยู่เลย ตอนนี้พี่ต้นก็อาศัยน้องอุ้ง(มือ)ของตัวเองปรนเปรอมันไม่ก่อน ขืนทำต่อกับคุณหนูของเขาคืนนี้ได้อดแน่นอน ...



“ กอดอย่างเดี๋ยวนะพี่ต้น..” นนท์ตั้งข้อเสนอไม่อยากหลวมตัวโดนพี่ต้นหลอกอีก...


“ อืม...” พี่ต้นพยักหน้าให้อย่างรวดเร็ว นนท์จึงตัดสินโผกอดร่างนั้นไว้อย่างไม่อิดออด จังหวะมือที่เคลื่อนไหวเริ่มสอดประสานกับลมหายใจและไอเหงื่อออกมา ...มือบางของคนที่กอดพี่ต้นไว้ลูบไล้ไปมาบนแผ่นอกหนาเพราะอยากให้อีกคนได้รู้สึกสุขสมจนสุดปลายทาง..



“ อื้อ...คุณหนู...พี่ไม่ไหวแล้ว...อ่า..” เสียงครางจากปากอิ่มของคนตัวสูงดังขึ้น พร้อมร่างที่เริ่มสั่นเป็นสัญญาณของการเดินทางขั้นสุดท้าย และในชั่วจังหวะต่อมาความอัดอั้นที่พรั่นกายไว้ก็ถูกทลายออกด้วยแรงปรารถนาที่สองกายส่งถึงกัน ..




“ หื่นจริงๆเลยพี่ต้น” นนท์ย่นจมูกเข้าใส่คนข้างกาย หลังจากพี่ต้นเสร็จจากกิจกรรมบันเทิงชั้นสูงของอารมณ์ คนตัวสูงเลยคว้าร่างที่แอบค้อนเขาเข้ามาฟัดอย่างหมั่นเขี้ยว ...สองร่างแกล้งกันไป แกล้งกันมาจนไถลตกเตียงมาตามๆกัน ..



“ โอ๊ย..” สองคนร้องอย่างพร้อมพรันราวกับนัดหมาย ...แม้พื้นเตียงจะไม่สูงสักเท่าไหร่ แต่ตกลงมาเร็วอย่างนี้ก็ทำให้ระบมไม่น้อย โดยเฉพาะคนหน้าสวยที่เจ็บเพิ่มขึ้นจากเดิมที่สะโพกครากเคลื่อน ก็โดนซ้ำแผลเก่าจนเจ็บจี๊ดขึ้นมา


“ เป็นยังไงบ้างคุณหนู...” คนก่อเหตุรีบเข้ามาพยุงร่าง ที่ล้มลงข้างอย่างห่วงใย



“ ถามได้ ..นนท์ก็เจ็บสิ..” นนท์แหวเข้าใส่อย่างอารมณ์บูด แต่ก็ยอมให้อีกคนแตะเนื้อต้องตัวพี่ต้นใช้แรงที่มีดึงร่างของนนท์ให้ลอยขึ้นไปนอนบนเตียงเช่นก่อนหน้า ...




“ นอนเถอะพี่ไม่กวนแล้ว...เย็นๆจะมาปลุก..” มือแกร่งเลื่อนผ้าห่มผืนหนาขึ้นคลุมร่างเปลือยของคนรักเอาไว้ ก้มลงประทับริมฝีปากบนหน้าผากชื้นเหงื่ออย่างสุดรักก่อนจะประโลมปลอบให้อีกคนได้พักผ่อน เขาผิดเองแหละที่แกล้งนนท์มากเกินไป ทั้งที่เวลาของทั้งสองคนยังมีมากต่อมาก ...


นนท์พริ้มตาลงอย่างวางใจ


เขายังพอมีเวลาให้นอนพักผ่อนอีกหลายชม.พอดู




เมื่อใกล้จะถึงเวลางานว่าที่เจ้าบ่าวก็เดินกลับเข้ามาในห้องของตนเพื่อปลุก ว่าที่เจ้าสาวให้ตื่นขึ้นจากนิทรา ริมฝีปากอิ่มหยุ่นวางลงประกบกับของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา แต่แค่สัมผัสก็ทำให้นนท์รู้สึกตัวได้


“ ตื่นได้แล้วเจ้าสาว ...แขกมากันหลายคนแล้ว..”


“ กี่โมงแล้วอ่ะพี่ต้น..” นนท์เปิดตาขึ้นมองคนรักของตนอย่างงัวเงีย ร่างกายที่ได้พักผ่อนถูกแทนที่ด้วยความสดใสที่เพิ่มมากขึ้น เขาค่อยๆยันกายของตนขึ้นนั่งพิงหลังกับพนักเตียง




“ หกโมงแล้ว ..เดี๋ยวอีกครึ่งชม.งานจะเริ่ม..” พี่ต้นตอบกลับด้วยเสียงสดใส พร้อมทั้งยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงปรกใบหน้านวลให้เข้าที่เข้าทาง ดวงตาที่ทอดมองนนท์ในเวลานี้เต็มไปด้วยความรักความเอ็นดู อยากจะปกป้องคนตรงหน้าไปตลอดเส้นทางชีวิต



“ ทำไมเพิ่งปลุกล่ะ...เดี๋ยวนนท์ก็ไม่ทันพอดี..”

“ ไม่ต้องรีบหรอก..พี่เห็นเรายังเหนื่อยอยู่เลยให้นอนต่อสักหน่อย” ต้นยิ้มให้เล็กน้อยๆ ขันในท่าทีปริวิตกที่นนท์แสดงออกมา ก็อย่างว่าคุณหนูของเขาต้องเตรียมพร้อม ต้องศึกษาจนแน่ใจ ขนาดวิชาเพศศึกษายังลงทุนขอความช่วยเหลือจากโดมและเคนเลย นับประสาอะไรกับเรื่องนี้


“ พี่ต้นหยิบผ้าเช็ดตัวให้นนท์หน่อยสิ..”



“ อายอะไร ..พี่ก็เห็นหมดแล้ว...” ต้นเย้าต่อไม่ยอมขยับไปหยิบผ้าเช็ดทีพับวางอยู่ในตู้มาให้คนที่นั่งอยู่ ส่วนนนท์เลยตีหน้างอเข้าใส่อย่างหมั่นไส้


“ นนท์ไม่ได้หน้าหนาอย่างพี่ต้นนี่ ...เดินไปมาไม่อายอ่ะ..”



“ เดี๋ยวเถอะไอ้ตัวเล็ก....ว่าพี่หน้าหนาเหรอคืนนี้ไม่ต้องนอนกันเลย ...พี่จะหน้าหนาแกล้งเราทั้งคืนเลยคอยดู...” พี่ต้นยกมือหนั่นวางลงบีบปลายจมูกคนตรงหน้าอย่างเอ็นดูก่อนจะสำทับขู่ถึงศึกที่จะเกิดขึ้นในค่ำคืนแรกของการเป็นสามีภรรยา


“ นึกว่านนท์กลัวเหรอ...” นนท์ยกคิ้วขึ้นท้าทายอย่างแกล้งๆ


“ แน่ใจนะ..”


“ ไม่แน่..”


“ เอ้า..สรุปว่ากลัวไหมนี่..” ต้นเลิกคิ้วมองอีกคนอย่างแปลกใจ


“ กลัวไง...ก็พี่ต้นชอบแกล้งนนท์ตั้งหลายครั้ง บอกแล้วว่าเหนื่อยๆ ก็ไม่ยอมหยุด” นนท์บอกด้วยหน้าสลด แถมเสียงยังลดแผ่วจนติดหวั่นๆ ...



“ กลัวอะไรพี่ไม่ใช่ยักษ์สักหน่อย... โอเคพี่สัญญาว่าคืนนี้จะค่อยๆทำ จะค่อยๆแกล้ง ไม่หักโหมเหมือนวันที่ผ่านมา โอเคไหม..” ว่าที่สามีเจ้าเล่ห์ยกข้อเสนอใหม่ปลอบใจให้ คนหน้าสวยได้คลายกังวล ยังไงเขากับนนท์ก็ต้องอยู่ไปอีกนาน ยังมีเวลาให้ถ่ายทอดความรักให้แก่กันและกันอีกมากโข ...



“ แน่ใจนะ...”


“..” คนหน้าคมเข้มพยักอย่างเอาใจ..


“ งั้นถ้าพี่ต้นผิดสัญญา นนท์จะหนีไปนอนกับแม่...” นนท์ตั้งข้อเสนออย่างเด็ดขาด แต่เจ้าลูกแกะน้อยจะทันเกมอะไร คืนนี้พี่ต้นก็ต้องทำตามสัญญาอยู่แล้ว แต่พรุ่งนี้ทั้งสองไปฮันนีมูนกันทางเหนือของประเทศ คอยดูสิว่านนท์จะหนีไปนอนกับใครได้ ยิ่งกลัวผีอยู่อย่างนั้น...



“ อืม..” ต้นพยักหน้าให้อย่างไม่มีขัดขืน





“ พี่ต้นน่ารักที่สุดเลย..” และเป็นคนตัวบางที่ยิ้มกว้างแล้วถาตัวมากอดว่าที่สามีของตนไว้ ..มือเรียวยาววางลงคล้องศีรษะของอีกคนอย่างเอาใจ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้พี่ต้นเล็กน้อย ก่อนจะจูบลงตรงปลายจมูกโด่งๆเบาๆ หนึ่งที




“ อาบน้ำได้แล้วคุณหนูเดี๋ยวจะสายกว่านี้..” พี่ต้นเอ่ยเตือนแล้วหอมแก้มนุ่มๆของนนท์ไปหนึ่งครั้ง จากนั้นก็อุ้มพาคนตัวบางให้ลุกจากเตียงเช่นเมื่อตอนเช้า ...ร่างสูงพาคนน่ารักของเขาไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกอย่างไม่มีท่าทีเหนื่อยอ่อน ..( เอาแรงมาจากไหนนี้ พี่ต้น..)



“ นี่พี่ต้น..แม่ให้ขึ้นมาตามน้องตั้งนานแล้วทำไมเพิ่งออกจากห้องล่ะ..” คุณแก้วที่คิดจะขึ้นมาเร่งลูกชายและว่าที่สะใภ้หยุดกึกตรงหัวบันได เมื่อเห็นพี่ต้นอุ้มนนท์ที่ห่อผ้าห่มผืนใหญ่เดินออกมาจากห้อง ...



“ ก็ลูกสะใภ้ของแม่นั่นสิ มัวแต่ตั้งข้อแม้โน้นนี่..” พี่ต้นตอบกลับไปเสียงราบ




“ อย่ามัวแต่เล่นอะไรกันในห้องน้ำอีกล่ะ หกโมงครึ่งแม่ต้องเห็นเราสองคนลงไปพร้อมข้างนะ โอเคไหม จะทำอะไรก็รู้เวล่ำเวลาบ้างพี่ต้น ..คืนนี้ยังอีกยาวไกล” คนเป็นแม่บ่นเบาๆ และแอบปล่อยระเบิดลูกใหญ่ทิ้งท้ายเอาไว้ นี่แหละนะ...ทั้งกิ่ง ทั้งคุณแก้ว ล้วนแพรวพราววาวเล่ห์ไม่แตกต่าง ...ไม่แปลกใจเลยจริงๆที่ทำไมพี่ต้นถึงเจ้าเล่ห์อย่างกับหมาจิ้งจอก...



“ ครับแม่..” พี่ต้นลากเสียงยานคาง และอุ้มพาคุณหนูของเขาเดินตรงไปยังห้องน้ำ.. ฝ่ายคุณแก้วก็รีบเดินกลับลงมาชั้นล่างตรงที่แม่ลูกสาวและว่าที่ลูกเขยยืนอยู่


“ เป็นไงบ้าง ถ่ายไว้ได้ไหม..” นางเอ่ยถามอย่างสุดลุ้น ..


“ แม่คะฝีมือระดับทีมชาติอย่างกิ่งมีหรือจะไม่ได้...” แม่ลูกสาวคนสวยยื่นกล้องถ่ายรูปดิจิตอล ที่แอบชักภาพพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ที่ยืนอยู่ด้านเมื่อครู่ไว้ได้อย่างทันควัน ...




“ สุดยอด..ลูกสาวแม่เก่งที่สุดเลย..” นางยิ้มแป้นให้กับนางจอแสดงผล พร้อมทั้งยื่นมือนุ่มๆไปจับแก้มลูกสาวอย่างชื่นชม ..สามคนเดินออกจากบริเวณนั้นออกไปตรงส่วนนอกของบ้าน ซึ่งใช้เป็นที่จัดงานในวันนี้ ตรงส่วนทางเข้าประดับด้วยดอกไม้หลายชนิดโดยเฉพาะดอกกุหลาบนานาสี ที่สมัยก่อนนนท์ต้องแบกกลับมาบ้านทุกวัน ถัดเข้ามาส่วนในก็เป็นโต๊ะทานอาหารตัวยาวต่อกันสองตัว นับๆจากจำนวนที่นั่งก็มีราวๆสิบกว่าคน ทั้งหมดล้วนเป็นคนใกล้ชิดและสนิทสนมกัน ...



ตอนนี้ในงานก็มีแขกมากันใช่ได้ ประกอบไปด้วย คุณปานเดือน โดม เคน คุณนุ่น แพท วินที่บินตรงกลับมาร่วมงานโดยเฉพาะ แล้วยังมี คุณมิณฑิตามารดาของต่อ คุณนัน และคนที่ทำงานอีกสองสามคน


“ เป็นอะไร ตื่นเต้นเหรอ..” พี่ต้นเหลือบมองว่าที่เจ้าสาวของตนที่ยืนอยู่หน้ากระจกอยู่นาน วันนี้ชุดที่นนท์ใส่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวมีลายพาดตรงเป็นเส้นสีฟ้าอ่อน กับกางเกงสี่ส่วนสีเดียวกัน ... ส่วนพี่ต้นก็ไม่แตกต่างอะไรมากจะมีส่วนต่างก็ตรงลาดพาดตรงเป็นสีเขียวอ่อน ...



“ แล้วพี่ต้นไม่ตื่นเต้นเหรอ..” นนท์พยักหน้าผ่านกระจกพร้อมทั้งจ้องมองทะลุไปยังคนที่ยื่นอยู่ข้างหลัง พี่ต้นค่อยๆก้าวเท้ามาใกล้แล้วช้อนกอดจากทางด้านหลังจนอกหนั่นแน่นเบียดชิดหลังนุ่มๆของนนท์ มือแกร่งเอื้อมมาประสานกันตรงด้านหน้าแล้วโยกโอบคนตัวบางราวกับจะปลอบประโลม ...



“ อย่าคิดมากเลยคุณหนู...”

“ พี่ต้น...!” เสียงของนนท์ดูแผ่วไปจนต้นสังเกตได้



“ เป็นอะไรไปคุณหนู เสียงดูกังวลมากเลยนะ ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าเราบอกพี่ได้นะ...” คนตัวสูงจดริมฝีปากลงบนลำคอคนที่รักอย่างอ่อนโยน มันเป็นเพียงการปลอบโยนหาใช่โหยหาเช่นที่ผ่านมา


“ พี่ต้นรักนนท์มากไหม..”


“ ไม่รู้สิ...พี่รู้แต่ว่าครั้งก่อนตอนที่เราเข้าใจผิดคิดว่าพี่กับแพทยังมีอะไรกันอยุ่ พี่รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เหมือนจะขาดใจงั้นแหละ..” ครั้งนั้นเขายังจำได้ดี เขายังจำได้...มันเป็นครั้งที่ทะเลาะกันรุนแรงที่สุด รุนแรงจนเขารู้สึกสบสนจนทำอะไรไม่ถูกเลย



“ นนท์รักพี่นะ..” มือบางเอื้อมสัมผัสสร้อยคอสติชคริสตัลที่แขวนอยู่อย่างรำลึกได้... พันธะตัวแทนของความรักและการแต่งงานในสายตาของต้น บัดนี้มันยังประดับอยู่บนเรือนคอระหงของนนท์ไม่ห่าง


“ รู้แล้วครับ...ถ้าไม่รักคงไม่ยอมพี่ขนาดนี้หรอก..” ต้นยิ้มเย้ามองคนในกระจกแล้วโยกให้เคลื่อนไปมาเร็วขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะเดินจูงเจ้าสาวของเขาออกจากห้องไปเพื่อพบกับแขกทุกคนด้านล่าง



ก้าวแรกของการเป็นสามีภรรยา


ก้าวแรกของความรัก
... เริ่มต้นขึ้นแล้ว ...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 30-07-2009 01:26:30
วันนี้คุณหนูของพี่ต้นดูโดดเด่นไม่ใช่น้อย ..ผิวที่ขาวอมชมพูดูจะปลั่งขึ้นเพราะแสงไฟที่ตามอยู่สองข้างทาง มันดูระเรื่อแดงจนน่าสัมผัสและจับจอง แต่คงมีเพียงคนตัวสูงหน้าหล่อที่กุมมือบางเพียงคนเดียวกระมังที่ได้สัมผัสความน่ารัก น่าครอบครองครั้งนี้...



“ มาแล้วเหรอลูกมาเร็วๆเข้า ถึงเวลาทานอาหารแล้ว” คุณแก้วยิ้มกว้างเมื่อเห็นลูกชายคนโต กับว่าที่สะใภ้ที่นางหมายมั่นปั้นมือเดินลงมา หญิงวัยกลางคนยกมือขึ้นเรียกสองคนให้รีบเดินเข้ามาอย่างไม่รอช้า

ทั้งพี่ต้นและนนท์เดินก้าวเข้ามาภายในวงอาหารแล้วนั่งลงข้างๆกัน



วันนี้เป็นวันสำคัญของทั้งสอง คุณนัน คุณแก้ว และกิ่งเลยลงครัวทำอาหารพิเศษให้โดยเฉพาะ ไข่พะโล้ของโปรดของพี่ต้น ที่ต้องเน้นไม่ใส่เนื้อหมู หรือจะเป็นบะหมี่ผัดของคนหน้าสวยที่ชอบกินเป็นชีวิตจิตใจ นอกจากนี้ยังมีอาหารอีกหลายอย่างรายล้อมรอบโต๊ะ..


งานเริ่มขึ้นด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏในทุกตัวคน



แต่แล้วอยู่ๆ ไฟในงานก็ดับพรึ่บ



“ เกิดอะไรขึ้นนี่.. ฉันเพิ่งจ่ายค่าไฟเมื่อวานนี้นะ” คุณแก้วโวยวายตามประสา แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะไปตามทางเดินเพื่อคลำหา เทียนที่วางอยู่ตรงโต๊ะวางเครื่องดื่ม เดิมทีนางหวังจะใช้จุดสร้างบรรยากาศให้กับสองสามีภรรยา แต่กลับต้องนำมาใช้ในเวลานี้..



..พรึ่บ..



ในระหว่างที่คุณแก้วดึงความสนใจของทุกคนไปนั้น กิ่งกับต่อก็ช่วยกันลัดไปอีกทางเพื่อดึงแผ่นผ้าใบที่แอบติดไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นลงมา พร้อมแสงไฟจากเครื่องโปรเจคเตอร์ขนาดเล็กส่องกระทบผืนผ้าสีแมทาลิค



ภาพที่แสดงอยู่บนแผ่นผ้าใบทำให้นนท์กับพี่ต้นหันมองกันอย่างงงๆ แล้วเหลือบไปมองคนรอบกายเพื่อหาตัวการ แต่บัดนี้คุณแก้ว กิ่ง และต่อหลบอยู่ตรงมุมด้านหลังโต๊ะอาหาร มองดูผลงานของพวกตนอย่างมีความสุข ..


ภาพแรกที่ฉายคือภาพที่กิ่งแอบไปจิ๊กมาจากโทรศัพท์ของคุณหนูหน้าหวาน

ภาพแรกที่พี่ต้นกับนนท์ถ่ายด้วยกัน ในคืนที่ฝนตกหนักและเป็นคืนแรกที่พี่ต้นเผยความรู้สึกบางอย่างในใจออกมา มันเรียกความร้อนให้ไหลลื่นขึ้นมาคลอหน้าของทั้งสองได้ดีนัก ..

.
“ ใครถ่ายภาพนี่..” ส่วนต่อมาเป็นภาพเคลื่อนไหวที่มีแต่ภาพ ไม่ได้ยินเสียงเพราะระยะห่างค่อนข้างไกลไปหน่อย ตัวการของเรื่องเลยเปิดเพลงใส่เข้าไปแทน... ภาพในวันที่พี่ต้นทำแผนจะฆ่าตัวตายอีกครั้ง ใครจะล่ะว่าตอนนั้นแม่สาวร่างบางของบ้าน จะแอบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นบันทึกตอนที่พี่ต้นทำแผนง้อนนท์ไว้ .. แม้ภาพจะไม่คมชัดเทียบเท่ากล้องเฉพาะ แต่มันก็เรียกรอยยิ้ม และ ความเขินอายจะคู่บ่าวสาวได้ดีนัก..


ภาพต่อมาเริ่มฉายเรื่อยๆ ..จนพี่ต้นกับนนท์เริ่มชิน



และเมื่อภาพสุดท้ายตัดฉับก็ทำให้น้องสาวคนเล็กของบ้านถึงกับหน้าแดงก่ำขึ้นแทน .. เอาแล้วไหมล่ะ เธอน่าจะระแวงตั้งแต่ต้น แม่เธอนะจอมวางแผนยิ่งกว่าอะไรดี นนท์กับพี่ต้นโดนไปแล้วมีเหรอที่หล่อนจะไม่โดนบ้าง



“ แม่...แม่ทำอะไรหนูนี่..” กิ่งหันไปค้อนมารดา แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าบัดนี้คุณแก้ววิ่งรี่ไปนั่งอยู่ข้างคุณนันแล้ว ...


“ เขินอะไรเล่า เดี๋ยวก็แต่งงานกันแล้ว..” และเป็นแฟนหนุ่มที่เอ่ยปลอบ เมื่อภาพที่ปรากฏคือภาพในวันก่อนตอนที่ กิ่งและต่อรู้ความจริงว่าเป็นคู่หมั้นกัน ในตอนที่ต่อวิ่งตามหญิงสาวออกมา ทั้งสองไม่รู้เลยว่า คุณมิณฑิตากับคุณแก้วแอบวิ่งตามมาดูลูกๆ แถมยังอัดวิดีโอไว้อีกต่างหาก



งานนี้เลยโดนกันถ้วนทั่ว



เรียกเสียงหัวเราะได้ดีพอตัว


“ แม่นะแม่... รู้จักกิ่งน้อยไปแล้ว” หญิงสาวยืนเค้นเขี้ยวอยู่ครู่เดียว ก็กดรีโมตคุมโปรเจคเตอร์ในมือไปยังเฟรมสุดท้ายของแผ่นที่เล่นอยู่...



ตัวการใหญ่...อักษรสีแดงปรากฏเด่นหราอยู่หน้าจอพร้อมภาพของคุณแก้วในตอนที่ขึ้นมาเรียก พี่ต้นกับนนท์ตอนเย็น



“ เป็นไงบ้าง ถ่ายไว้ได้ไหม..” เสียงตื่นเต้นที่ดังลอดออกมา พอจะเป็นหลักฐานชั้นดีว่างานนี้คุณแก้วมีเอี่ยวเต็มๆ ...ทุกสายตาหันไปมองนางเป็นตาเดียว ส่วนคุณแก้วเองก็ต้องหันมองลูกสาวที่แอบตลบหลัง ..


“ น้องกิ่งนะน้องกิ่ง...”



“ ก็แม่แกล้งกิ่งก่อน..” หญิงสาวยิ้มประจบตอบกลับอย่างไม่กลัวเกรง ..เสียงหัวเราะ ความสุข และรอยยิ้มมีมาเพื่อทุกคน และ ทุกชีวิตที่รู้คุณค่าของมัน ..


“ เชอะ ครั้งนี้แม่ยกให้ แต่งานแต่งเรากับน้องต่อรับรองของขวัญเด็ดกว่างานนี้แน่ ..ไม่รู้เหรอว่านี่น่ะ ตัวแม่เชียวนะ...” นางยิ้มเยาะ พร้อมทั้งยกนิ้วขึ้นชี้ตัวเอง ทำให้เพื่อนสนิทวัยเดียวกันถึงกับขันท่าทีของคุณแก้ว เวลานี้ทุกคนล้วนยิ้มแย้ม ล้วนมีความสุข โดยเฉพาะคู่บ่าวสาวที่มีความสุขเป็นทวี เมื่อคนรอบข้างสนุกสนานเช่นนี้



.. ฟ้าที่เริ่มมืดบ่งเวลาที่เดินทางไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ..


มันคงถึงเวลาแล้วล่ะสิ เวลาของความรักแท้จริง ..



แต่งานนี้พี่ต้นต้องเจอด่านประตูเงิน ประตูทอง แถมประตูทองแดง อีกชั้น ..ทำยังกับกีฬาโอลิมปิคงั้นแหละ... เฮ้อ....



“จะพานนท์ไปไหน..” เสียงนี่หาใช่เสียงจากเจ้าตัวที่ถูกว่านดึงตัวขึ้นไปด้านบนของห้อง มันมาจากว่าที่สามีที่กำลังจะเป็นสามีโดยสมบูรณ์ต่างหาก ..


“ อย่าใจร้อนสิต้น ..งานนี้ต้องผ่านประตูเงินของพวกเราก่อน..” แพท และนุ่นที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งหยิบ เข็มขัดเงินที่คุณแก้วเตรียมไว้ให้ตั้งแต่ก่อนเริ่มถูกดึงเป็นด่านแรกสำหรับ เจ้าบ่าวรูปงามที่หมายจะขึ้นไปประตูบนสุดเพื่อเจ้าสาวของเขา


“ โหอะไรกันนี่...สองคนนี้ต้นไม่ได้เอาเงินลงมานะ ....” คนหน้าหล่อยิ้มเจื่อนๆ ตอบด้วยสีหน้างอนๆ จนสองสาวต้องเผล่ยิ้มให้กันและกัน ..


“ นี่ค่าผ่านทาง .. ถือว่าหยวนๆแล้วนะ..” แพทยิ้มกว้างแล้วชี้ที่แก้มตัวเองเป็นสัญลักษณ์ ..



“ ขืนทำได้โดนตบตาย..” พี่ต้นยอมรู้ดีว่าสิ่งที่สองสาวชี้หมายถึงอะไร แต่ใครจะรู้ล่ะว่าหากเขาทำจริงๆว่าที่เจ้าสาวของเขาอาจงอนตุ๊บป่อง และไล่เขาไม่ให้เข้าห้องก็เป็นได้..



“ งั้นเชิญเจ้าค่ะ.. แต่อย่าลืมไม่ได้ผ่านฟรี พรุ่งนี้ขวัญถุงคนละหมื่นนะคุณต้น..” แม่สาวเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย หัวหน้าฝ่ายการตลาดคนเก่งของสำนักพิมพ์ยิ้มให้พร้อมยื่นข้อเสนอ ..



“ ครับๆ..” พี่ต้นพยักรับอย่างรวดเร็ว เป็นอันว่าด้านแรกสามารถผ่านไปได้...



ด่านที่สองเป็นประตูทองที่เพื่อนๆ ที่ทำงานของพี่ต้นมาขวางให้.. ด่านนี้สามารถผ่านได้ง่ายกว่าด่านแรกเพราะ พี่ต้นยื่นประกาศิตหนึ่งข้อประตูทองก็หย่อนเปิดทันที..



“ เปิดไวปลายปี โบนัสอื้อ..” ดูๆ เจ้าเล่ห์ได้อีกพ่อคนนี้ สมแล้วล่ะที่เป็นลูกชายของคุณแก้ว บ้านนี้เขาหัวไวกันทั้งบ้าน ..ช่างวางแผน ช่างเจรจา ...


มาถึงด่านสุดท้ายเจ้าบ่าวหน้าคมก็ถึงกับงงแตกอีกครั้งติดๆ..



“ อะไรนี่แม่...” พี่ต้นเอ่ยถามเสียงคว้าง เมื่อปลายทางตอนนี้มี สองด่านขึงอยู่ แต่มันก็ปิดคนละทาง ..ด้านหนึ่งไปทางห้องของเขา ส่วนอีกด้านก็ไปทางห้องเก่าของนนท์ที่เคยอยู่ งานนี้เล่นเอาเจ้าบ่าวมึนตึบ .. โดนเล่นเข้าแล้ว ..


“ ก็ประตูทองแดง กับประตูทองเหลืองไง รีบเลือกเร็วๆ แม่เมื่อยแล้วนะ .. แต่ถ้าเลือกผิดคืนนี้ไม่ได้เจอนนนี่ไม่เกี่ยวกับแม่นะ..” คุณแก้วยิ้มเผล่เจ้าเล่ห์ส่งให้ลูกชาย ..เอาล่ะงานนี้จะทำยังไงดี.. ด้านขวาเป็นประตูทองเหลืองที่กิ่งกับต่อถืออยู่ ส่วนด้านซ้ายก็เป็นมารดาของเขากับคุณนัน ..
‘ถ้าพลาด..ทางแม่ก็ออกมายังทัน ยังไงน้องกิ่งกับต่อก็มีความลับเยอะ แกล้งขู่ว่าจะปูดออกมาคงได้’ พี่ต้นยืนใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เผยยิ้มกว้างแล้วหันไปทางมารดาของเขา และมารดาของว่าที่ภรรยา แสดงความต้องการเลือกประตูทองแดง ..

“ คิดดีแล้วเหรอพี่ต้น..ประตูทองแดงมันชื่อคล้ายๆ กระทะทองแดงนะ” ไซโคลกันสุดฤทธิ์ งานนี้คุณแก้วได้ลูกคู่อย่างเพื่อนสนิทอย่างคุณนันเลยยิ่งทำให้สนุกมากขึ้น



“ ถึงตกนรกแต่ได้อยู่กับนนท์ก็โอเค...”



“ น้ำเน่าๆสุด ลูกชายใครยะนี่..” คุณแก้วยิ้มขันกับคำพูดสุดเสี่ยวของลูกชายคนโต ปกติเคยเห็นพี่ต้นในมาดนี้เหรอ เจ้าเล่ห์ จอมวางแผน แถมยังร่าเริงเป็นที่สุด ขอบคุณจริงๆที่ส่งนนท์เข้ามาภายในบ้านหลังนี้ ขอบคุณที่ทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้น ..


“ แม่ไม่เคยได้ยินเหรอ..ถึงจะน้ำเน่าแต่ก็เห็นเงาจันทร์..” มุกต่อมาเล่นเอ่นพวกประตูที่ขวางแรกถึงกับขันเวลานี้เจ้านายมาดนุ่ม สุขุม และเคร่งครัดกลับแสดงท่าที น่ารัก น่าชัง ..นี่แหละนะความรักสามารถเอาชนะทุกอย่างได้จริงๆ แม้กระทั่งผาน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่และเยือกเย็นที่สุด ก็สามารถทลายจนสลายกลายเป็นไออากาศได้




“ รีบๆเข้าพี่ต้น..ขืนนานกว่านี้น้าได้สำลักน้ำเน่าตายเสียก่อน..” คุณนันบอกด้วยเสียงขันที่ลอดประสาน



“ แล้วน้านันกับแม่จะให้ ผมทำอะไรล่ะ..”


“ เต้นให้แม่ดูหน่อย..”


“ หา..” พ่อหน้าหล่อถึงกับเลิกคิ้วอย่างตกใจ ..โอ้ .. เกิดมาไม่เคยเลยนะนี่ ชายหนุ่มถึงกับคิดหนักเพราะด่านนี้มันหินไม่ใช่น้อย แม่ของเขาเองก็รู้ว่าลูกชายง่อยพวกเต้นๆอะไรอย่างนี้..



“ แม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอ ผมเต้นไม่เป็น” พี่ต้นถึงกับโอดครวญทันทีที่เจอโจทย์สุดหิน ต้องต่อรองเอาเสียหน่อยไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เข้าหอกันพอดี...


“ มีต่อรองด้วยเหรอนี่..” กิ่งค่อนขอดทีเล่น ..


“ นี่น้องกิ่ง ... ถ้าไม่อยากโดนแฉก็เงียบปากไปก่อนนะ ถ้าช่วยคุณแม่เล่นงานพี่รับรองถึงคิวเรา จะโดนหนักไม่ใช่เล่น..” พี่ชายหน้าหล่อหันขวับไปยังน้องสาวคนสวยที่ยืนแซวอยู่ด้านหลัง


“ งั้นพี่ต้นก็มาทางกิ่งเร็วๆ ค่ะ ทางนั้นมันเป็นกลลวง..” แม่สาวผมยาวฉีกยิ้มประจบพร้อมรีบเดินไปคล้องแขนพี่ชายที่ยืนอยู่หน้าคุณแก้ว และคุณนัน ...



“ น้องกิ่ง..เสียแผนหมดยัยลูกคนนี้...” คุณแก้วถึงหน้าถอดสี.. อุตส่าห์จะได้แกล้งพี่ต้นแต่ยัยเด็กกินปูนร้อนท้องกลับยอมเฉลยอย่างรวดเร็ว งานนี้เลยหมดสนุกกันเห็นๆ...


“ ดีมากน้องกิ่งที่รัก... พี่จะช่วยรับมือกับคุณแม่เอง..” ต้นคล้องแขนไปตรงบ่าของน้องสาว แล้วประกาศกล้าหันไปท้าทายมารดาที่ยืนหมั่นไส้อยู่...งานนี้น้องเล็กของบ้านเลยยิ่งร่วมมือกับพี่ชาย เอาชนะแผนการของมารดา ..



“ ไอ้สองพี่น้องนี่...คิดเหรอว่าจะชนะแม่ได้..ลืมไปแล้วเหรอว่าแม่เป็นใคร แม่นี่...” คุณแก้วยิ้มกว้างแล้วพูดตอบกลับพร้อมทั้งชี้นิ้วมาที่ตนเอง แต่ก่อนจะได้พูดคำสุดท้ายจบ ทุกคนในเหตุการณ์ก็ร่วมกันตอบอย่างพร้อมเพรียงเป็นเสียงเดียวกัน



“ ตัวแม่ !” สิ้นเสียงก็มีเสียงหัวเราะปรากฏออกมาอย่างมากมาย ด่านสุดท้ายของพี่ต้นจึงผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ..พร้อมคุณแก้ว กิ่ง คุณนัน และ ต่อที่เดินเข้าไปร่วมส่งตัวเจ้าบ่าวให้กับเจ้าสาวภายในห้องนอนห้องเดิม ..



“ ตื่นเต้นหรือเรา..” ชายหนุ่มตัวสูงที่นั่งอยู่บนโซฟาใกล้ๆ อีกคนเอ่ยขึ้นอย่างห่วงใย ..


“ ก็บ้าง..เดี๋ยวตอนที่พี่วินแต่งงานก็จะรู้เองล่ะ..” นนท์ตอบตาใสอย่างตื่นเต้น


“ ทำเป็นแซวพี่ไปได้ เดี๋ยวเถอะจะอึ้งพูดไม่ออก” คนเป็นพี่เอ่ยเย้าคนตัวบาง ยกมือขึ้นโอบไหล่บางเบาๆ โยกไปมาหวังจะให้ความตื่นเต้นของนนท์ละลายหายไป..



“ ฮะแฮ่ม ..ตีท้ายครัวคนอื่นเหรอคุณพี่วิน..” เสียงเข้มของเจ้าบ่าวหน้าหล่อดังขึ้น อดจะทำให้คนอื่นๆ ยิ้มขันในท่าทีแสดงความเป็นเจ้าของไม่ได้...



“ หวงเกินไปไหมพี่ต้น..” คุณแก้วเอ่ยท้วงเล็กๆ ..ก่อนที่จะเดินมาจูงลูกสะใภ้ของตนเข้ามาใกล้.. เจ้าบ่าวตัวสูงเดินฉับๆ มาจับมือของนนท์ต่อจากมารดา แล้วก้าวมานั่งคุกเข่ารับพรจากคุณแก้ว และคุณนันที่นั่งอยู่บนขอบเตียง ..



“ เป็นสามีภรรยากันแล้วก็ต้องรักกัน เข้าใจกันนะ ..แม่ไม่ได้หวังให้เราสองคนรักกันมากที่สุดในโลก แต่หวังให้เรารักกัน และใช้ชีวิตคู่กันไปด้วยความเข้าใจมากกว่า..” คุณนันยกมือนุ่มวางบนศีรษะลูกชาย และลูกเขยพร้อมทั้งให้พรอย่างเมตตา



“ ส่วนแม่เหรอ..ไม่ได้หวังอะไรมากหรอกแค่กำไรปลายปีสัก 50 % เครื่องเพชรสักสิบชุด แล้วทองสัก 20 บาทแค่นี้แหละชิลๆ..” มารดาสุดเปรี้ยวเอ่ยให้พรที่ทำให้สองคนที่นั่งรับพรต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างอึ้งๆ..



“ โธ่ล้อเล่นนะ.. รักกันนานๆก็พอแล้วล่ะ...เพราะทั้งสองรักกันเลยทำให้บ้านเรามีรอยยิ้มมีความสุข” นางยอมเฉลยและให้พรตามที่คิด นางไม่เคยต้องการอะไรจากการรักกันของทั้งสองคน ..



“ ขอบคุณครับแม่..” ทั้งสองรับพรจากผู้ใหญ่อย่างเปี่ยมสุข .. เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยกันแล้วคนอื่นๆ จึงค่อยๆทยอยออกจากห้องไปจนหมด ... นนท์ในชุดสีขาวลายพาดสีฟ้าอ่อนนั่งลงบนขอบเตียงที่มีกลีบกุหลาบปูเป็นรูปหัวใจด้านหลัง ..


“ คุณหนู..” คนตัวสูงนั่งลงด้านข้างๆ อีกคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้า .. แม้มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เริ่มต้นความร้อนระอุในกาย แต่มันเป็นครั้งแรกภายในนิยามของ ‘คู่ชีวิต ’



“ เริ่มเลยไหม..” แค่คำแรกของเจ้าบ่าวหน้าหล่อก็ทำให้นนท์ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี..รีบทะลึ่งตัวออกห่างอย่างรวดเร็ว


“ พี่ต้น หื่นขึ้นอีกแล้วเหรอ..” นนท์เอ่ยถามเสียงเง้างอดพลางเหลือบมองคนรักอย่างไม่ไหวใจนัก. ..




“ โธ่ ..คืนแรกก็ต้องเป็นพิธีหน่อยสิ..” คนตัวสูงตอบข้างๆ คูๆ แล้วรีบคว้าร่างบางที่ยืนห่างออกไปมาใกล้พร้อมทั้งทิ้งร่างเล็กให้หล่นลงไปด้านหลังบนเตียงนุ่ม ตามด้วยร่างสูงของเขาอย่างรวดเร็ว ...



“ พี่ต้น..” นนท์จะทักท้วงแต่ก็ไม่สำเร็จเมื่อปากของเขาถูกสัมผัสครอบครองไว้เสียก่อน ..เสื้อสีขาวบดเบียดไปกับกลีบกุหลาบด้านหลังจนเปื้อนเป็นวง .. กายสองกายค่อยๆ เคลื่อนไหวและปลดเปลื้องพันธนาการที่กั้นขวางร่างของทั้งสองให้แตกต่าง .. ยามเมื่อทุกอย่างแปรเปลี่ยนสองกายก็เสียดกันด้วยไออุ่นที่พร้อมจะมอบ


เจ้าสาวหน้าสวยเริ่มหอบครางเพราะแรงกระทั้นที่ส่งผ่านร่างกาย


แรงรักที่ปรารถนาเคลื่อนไหวด้วยหัวใจที่นำทาง ..

.
“ พี่รักเรานะ..” นั่นคือคำสุดท้ายหลังการเคลื่อนไหวกระทั้นเข้าจนปลดปล่อยความรักในร่างกายของอีกคน มันเพียงพอแล้วสำหรับความต้องการ เมื่อเหงื่อชุ่มเริ่มไหลหยดร่างกายนวลบางก็ถูกปรับตำแหน่งให้ขึ้นคุมเกมแต่เพียงฝ่ายเดียว ..



รักอันเกิดจากความเข้าใจเป็นรักที่ยิ่งใหญ่มากกว่าสิ่งใดจะกั้นขวาง ..



มือบางที่ประกบคล้องตรงลำคอแกร่งประสานกันเบาๆ ก่อนจะก้มประกบริมฝีปากลงบนต้นคอของอีกฝ่ายอย่างชวนฝัน ...



“ โอ๊ย..” นนท์ถึงกับสะดุ้ง เมื่อสามีของตนแกล้งกระแทกกายเข้ามาอย่างแรงจนคนที่นั่งอยู่ด้านบน ต้องยกกำปั้นที่ขึ้นทุบอกหนาอย่างเคืองๆ. .แต่เพียงไม่นานก็แปรเปลี่ยนมาเป็นความซ่านสะท้านกายที่มอบผ่านกันและกัน


“ พอได้แล้วพี่ต้น..นนท์เหนื่อยแล้วนะ..” นนท์ทุบอกหนั่นให้หยุดการโลมเล้าที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง แล้วรีบยกผ้าห่มที่เปื้อนกลีบกุหลาบขึ้นพันตัวเพื่อหนีจากเหตุครั่นคร้ามตรงหน้า..



“ อะไรคุณหนู สองครั้งเองนะ..” คนตัวโตชะโงกกายเข้าไกลแล้วกระเง้ากระงอดร้องสิทธิ์ของตน ..


“ ถ้ามีครั้งที่สามต้องให้นนท์เข้าไปในตัวพี่ต้นแทน...” นนท์ตั้งข้อเสนอที่ทำให้สามีหน้าหล่อถึงกับผงะ แต่ก็นั่นแหละนะ มันกลับทำให้พี่ต้นยิ้มได้เล็กๆ ..


“ เอาสิ..”


“ จริงอ่ะพี่ต้น..” นนท์ทะลึ่งกายออกจากผ้าห่มอย่างเร็ว เอ่ยถามด้วยแววตาชุ่มชื้น ..


“ แต่ต้องหลังจากที่พี่จัดการเราก่อนนะ..” คนหลงกลถูกผลักลงบนเตียงอีกครั้ง แล้วตวัดผ้าที่ห่อกายออกอย่างรวดเร็ว ..

“ คุณจะเปลี่ยนสถานะ ..เร็วไปหรือเปล่าครับคุณหนู” พี่ต้นหัวเราะในลำคอด้วยความเจ้าเล่ห์ และก้มลงมอบสัมผัสอ่อนหวานให้อย่างอ่อนโยน ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ เพราะมันเนิบนาบและค่อยเป็นค่อยไปจนนนท์เคลิ้มฝันด้วยแรงรักที่มีอยู่เป็นทุนเดิม การเคลื่อนไหวในครั้งใหม่จึงได้รับความร่วมมือจากคุณหนูผู้น่ารักไปเต็มๆ ...


‘คิดเหรอพี่ต้น ..ว่านนท์จะเปลี่ยนสถานะไม่ได้’ คนที่หลับตาพริ้มรับแรงกระแทกที่ส่งเข้ามา คิดแผนการได้ก็ลอยยกยิ้มอย่างเหนือชั้นกว่าปล่อยให้ตายใจไปก่อน สักวันพี่ต้นต้องได้รับบทเรียน ..หึหึ...

จุดเริ่มต้นของรักในการเป็นคู่ชีวิตเริ่มต้นขึ้นแล้วจริงๆ..


นับจากนี้ความรักที่บ่มกันมา..ได้เริ่มผลิบานเป็นรักที่แสนสวยงาม ..นับจากนี้อาจมีอุปสรรคอีก
มายมายแผ่วผ่านเข้ามา แต่ทั้งสองก็เชื่อว่าวันนั้นจะไม่อาจทำให้ทั้งสองต้องแยกห่าง ..



ภายใต้เงาความสุขของทั้งสองคู่ คนที่เพิ่งแต่งงานกันได้สองเดือนก็มีความสุขไม่ต่างกัน กิ่งในขณะนี้กำลังแย้มยิ้มด้วยความรัก ต่อมีความหมายต่อเธอมากจริงๆ เขาเติมเต็มทุกอย่างในใจของเธอจนเต็ม เวลาที่ผ่านมาสิบปี ยืนยันให้เธอได้ตระหนักว่าเขารักเธอจริงๆ เมื่อสองเดือนก่อนหญิงสาวเลยตัดสินใจรับปาก จะแต่งงานกับเขา เธอและต่อควรเริ่มสร้างความสุขให้ตัวเองได้สักทีแล้ว



“ อย่ามองฉันแบบนั้นนะไอ้ลามก” หญิงสาวทักขึ้นเสียงสูง ก็ต่อเล่นจ้องเธออย่างนี้ตั้งแต่เดินเข้าห้องมาหญิงสาวยังไม่ชินกับสายตาเว้าวอนที่แฝงไฟรักเลยเอะอะ



“ โธ่ แต่งงานกันแล้วทำไมต้องอายอีกวะ” ไม่ว่าจะแต่งหรือไม่แต่ง แต่คำแทนตัวของทั้งสองไม่เคยเปลี่ยนทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่ต่างไปเลย



“ โธ่ ยังไงฉันก็ไม่ชอบสายตาของแกอยู่ดี” หญิงสาวบอกกลับ คว้าหมอนข้างกายมาเป็นหลักยึด แต่ความจริงมันมีเพื่อให้เธออุ่นใจเท่านั้น หากเขาจะทำอะไรจริงๆหมอนใบแค่นี้กั้นอะไรไม่ได้หรอก



“ เอาออกฉันจะ..” เขาคืบคลานเข้ามาใกล้ จนเธอต้องถอยกรูดไปติดผนังอีกด้านหนึ่งของห้อง มือยังกำหมอนไว้แน่น ยามที่เขาเข้ามาใกล้ก็ฟาดงวงฟาดงาใส่



“ อะไรวะ” เขามองอย่างขัดใจ นั่งลงใกล้ๆเธอแต่ก็หันหลังให้ พูดๆไปก็ชักจะงอนเธอเข้าบ้างแล้ว เวลาเขางอนก็น่ารักไปอีกแบบ หญิงสาวไม่อยากเชื่อหรอกว่าต่อจะงอนได้น่ารักขนาดนี้



“ เป็นไรวะ” หญิงสาวถามขึ้น


“ ก็อยากมีลูกนี่ แต่แกเล่นไม่ยอมบ่อยๆอย่างนี้จะมีไหมหา นี่ก็สองเดือนแล้วยังไม่ท้องเลย อยากมีลูกๆ ” ชายหนุ่มบอกเสียงโอด เขาพูดเหมือนเด็กๆที่อยากได้ของเล่น ดูๆไปก็น่าขันเข้าให้


“ โธ่ ก็ช่วงนี้ฉันงานยุ่งนี่” เธอแก้ตัว


“ ไม่รู้แหละยังไงก็อยากมีลูกๆ” สามีหน้าใสมองหน้าเธออย่างเว้าวอน เห็นแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้จนหญิงสาวต้องออกปากถามออกไป


“ อยากมีจริงๆเหรอ”



“ ก็อยากมีสิวะ คิดดูในบ้านมีเด็กร้องมีความสุขจะตายไป” คนอยากเป็นพ่อ วาดฝันความสุขไว้ดวงตาของเขาทอสิ่งที่พูดออกมาจริงๆ ทอออกมาให้เธอได้เห็น



“ งั้นก็ได้” เธอยอมรับปาก ต่อหันขวับมาทางเธอกระโดดเข้าหาภรรยาสุดที่รักทันที ชายหนุ่มรีบถอดเสื้อออกอย่างรวดเร็ว เพียงเท่านั้นก็ทำให้เธอหน้าแดงวาบต่อให้แต่งงานกันแล้ว แต่เธอก็มักใจเต้นทุกทีที่เห็นร่างแกร่งของเขาเข้าหาเธออย่างสุดรัก ริมฝีปากวางลงที่ซอกคอนวลนุ่มแสนทะนุถนอม



“ เดี๋ยวสิฉันถามอะไรแกหน่อย” หญิงสาวใช้มือทั้งสองดึงหน้าของเขาให้ออกมามองหน้าเธอ ชายหนุ่มยอมหยุด สบตาเธอด้วยความรัก ดวงตาของเขาฉายแววของความสุขมากกว่าเธอเสียอีก สงสัยเขาคงอยากได้เด็กตัวเล็กๆเข้ามาวิ่งเล่นในบ้านจริงๆ



“ บอกให้เรียกที่รักๆ เซ็งจริงๆผู้หญิงอะไรวะไม่รู้จักอ่อนหวานเอาเสียเลยไอ้ลิงน้อย”


“ แล้วแกล่ะบอกให้ฉันเรียกว่าที่รัก แต่ยังจะมาพูดว่ะโว้ยใส่ไอ้คิงคองทุเรศ” หญิงสาวตอกกลับมองหน้าเขาอย่างแสร้งชัง จมูกงามย่นใส่เขาเพียงน้อย




“ จะถามอะไรวะ” เป็นไงล่ะ เธอพูดยังไม่ทันขาดคำหลุดคำรับออกมาอีกแล้ว



“ ทำไมแกถึงรักฉันล่ะ ฉันยังไม่รู้เลย” หญิงสาวถามขึ้น ชายหนุ่มครุ่นคิดจนต้องห่างออกมาจากเธอเล็กน้อย ชายหนุ่มที่นั่งเปือยท่อนบนโชว์ความล่ำสันมองเธออย่างพินิจพิจารณา ภรรยาสาวของเขายังคงไม่เลิกใส่ชุดนอนแบบเก่าๆ ยังติดความน่ารักแบบเด็กๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เธอถามเขาว่าทำไมรักเธอต่างหากล่ะ


“ ไม่รู้สิบอกไม่ได้ มารู้ตัวอีกทีก็รักเข้ามากแล้ว” ชายหนุ่มบอก


“ ตอบไม่ได้เรื่องเลย คำตอบไม่โรแมนติก”


“ ต้องอย่างนี้สิโรแมนติก” เขาเข้าใกล้เธออีกครั้ง ดึงผ้าห่มผืนหนาที่ให้ไออุ่นแกสองกายขึ้นคลุม ภายใต้ผ้าห่มผืนนี้ร่างสองร่างแนบชิดกว่าครั้งใด ความรักดำเนินไปในรูปแบบของมัน อีกไม่นานความหวังของต่ออาจจะสำเร็จ เสียงเด็กงั้นเหรอ ฟ้าคงยอมประทานมาให้ประดับบ้านหลังนี้แน่ บ้านที่กำลังจะเต็มไปด้วยความสุขของการเป็นครอบครัว แต่ละคู่มีหนทางของมัน ปั้นรักประดับแผ่นฟ้า...ประดับไว้กลางใจ จะมีสิ่งใดงดงามและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกันเท่ากับความรักหามีไม่ ลิขิตรักฉบับวุ่นวายก็กลับกลายเป็นหอมหวานสำหรับทุกคนที่มีความรัก...ขอให้รักจงเจริญ


จบแล้วจ้า ของจริง...

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-07-2009 02:28:24
^

^

^

จิ้มม ๆๆ จบแล้วจริงอ่ะ ๆๆๆ
อ่านตอนพิเศษไปก็ยิ้มไป แบบว่า
บ้านนี้น่ารักจริงวุ้ย 55

พี่ต้นอ่ะ นนท์ช้ำหมดแล้ว  :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: gboy ที่ 30-07-2009 11:26:34
 :jul1:
รักเด็ก 19
คราบ
 :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 30-07-2009 19:56:33
หุหุ จบแล้ว  :-[ :-[

สนุกมากมาย รออ่านเรื่องต่อไปค่ะ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 30-07-2009 22:22:24
จบแล้วจ้าสำหรับเรื่องนี้ ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เข้ามาเม้นให้

อาจมีหลายคนสงสัย หรือไม่พอใจ ที่เค้านำนิยายเก่ามารีไรท์ใหม่ จะแจ้งให้ทราบถึงเหตุผลที่นำมาลงที่นี่เพราะโดยส่วนตัวแล้วชื่นชอบฝีมือการแต่งนิยายของน้องมีร์มาก เลยอยากจะนำมาให้คนอื่นๆได้อ่านร่วมกัน ไม่มีเหตุผลอื่นแอบแฝงจริงๆค่ะ ถ้าทำให้ใครไม่พอใจต้องขอโทษด้วยนะค่ะ และขอยืนยันอีกครั้งว่า ได้รับอนุญาติจากน้องมีร์เรียบร้อยแล้วค่ะ

ส่วนเรื่องต่อไปที่จะนำมาลง คิดว่าจะลงเรื่อง "รอยแค้นแสนรัก" ใครที่ที่ยังไม่เคยอ่านอย่าลืมมาติดตามนะ(สนุกมากกก) ส่วนใครที่เคยอ่านแล้วยังติดใจอยู่ก็เข้ามาอ่านกันอีกนะ

ขอบคุณทุกๆท่านมากคร๊าบบบ :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 30-07-2009 22:54:07
จบแล้ว รักแล้วแหะๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 30-07-2009 22:56:00
รออ่านแน่นอนค่า

จบซึ้งมากๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: gboy ที่ 31-07-2009 10:24:10
 o13
สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: หอยทาก ที่ 31-07-2009 18:08:55
รัชนีแจ่มจรัสจริงๆ
ข้าน้อยซูฮก เอิ้กๆ
 :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: Pikky ที่ 01-08-2009 21:18:18
 o13  เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกมากๆๆ เลยค่ะ

เดี๋ยวจาเข้ามาตามอ่านเรื่องใหม่น้าคร้า

สู้ๆๆ เอามาลงเร็วๆๆน้า :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-08-2009 02:18:18
อ่านรวดเดียวตั้งแต่สี่ทุ่มยันตีสอง

กว่าจะจบ

อิอิ

น่ารักมากๆ

หวานมากๆ

น่าอิจฉามากๆ

หุหุ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 02-08-2009 19:01:13
เรื่องนี้น่ารักมากๆเลยค่ะ  อ่านไปยิ้มไป  บางตอน น้ำตาไหลเลยอะ  ขอบคุณคนแต่ง แล้วก็นโพสมากนะค่ะ ชอบจริงๆ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: lalala123 ที่ 14-08-2009 20:36:00
หนุกมาก ๆ เลยค่ะ
 :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 31-08-2009 08:01:09
อ่านจบแล้วววว น่ารักดีครับ

อย่างต้นนี่เป็นตัวอย่างได้ดีเลย สำหรับที่เค้าบอกว่า คนเงียบๆขรึมๆน่ะหื่นตัวพ่อเลย  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 02-09-2009 05:37:07
อ่าน ฟ้า (แค้นหรือรัก) จบแล้ว
ติดใจฝีมือคุณมีร์
ตามมาอ่่านเรื่องนี้อีกเรื่องค่ะ
สนุกจริงๆ
บวก 1 แต้ม ขอบคุณทั้งคนเขียนและคนโพสต์เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰ ที่ 31-12-2009 15:52:56
รักกัน...งอลกัน...โกดกัน...คิดถึงกัน...และที่ขาดม่ะดั้ย....หื่นนน..กัน
ครบรส...โน  ...เครื่องปรุง....แซ่บค่ะ...

ครอบครัวสุขสันต์จิงบ้านนิ....ขอบคุณมากมายค่ะ สำหรับเรื่องราวดีดีที่แบ่งปัน....สุขสันตืวันปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: pimkihae ที่ 02-01-2010 12:02:00
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ
สนุกมากๆๆเลย
พี่ต้นหื่นได้โล่ห์มากก
แหม่มม ปกติออกจะเงียบขรึมนะค่ะ
ไม่นึกว่าจะหื่นได้ขนาดนี้ อิอิ
น้องนนท์ก้อเก่งมากเลย
เปลี่ยนตัวเองใหม่หมด
แรกๆก้อเพื่อเอาชนะ ลบคำสบประมาท
แต่ก้อดันไปตกหลุมรักพี่ต้นซะเอง
ขอบคุณคนแต่งมากๆนะค่ะ
ที่แต่งเรื่องน่ารักๆๆสนุกๆๆให้อ่าน   :pig4:

Happy New Year ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: the_pooh9 ที่ 03-01-2010 00:51:28
น่ารักนะ น้องสติซสีอ่อนเนี่ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: Chanta ที่ 03-01-2010 23:49:37
อ่านรวดเดียวจบ...

เรียกเลือดได้เลย....ง :m25: :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: Chanta ที่ 04-01-2010 00:03:09
จะตามไปอ่านอีกเรื่องน้า....

จะหื่นเหมือนเรื่องนี้มั้ยน้า...
 :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 04-01-2010 23:44:51
สนุกดีค่ะ  น่ารักทั้งเรื่องเลย  มีฮาเป็นระยะๆ  ชอบๆ:L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 05-01-2010 04:00:13
จะกับมาอ่านต่อ

สนุกดี

น่ารัก

 :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 03-02-2010 19:39:22
 :laugh: :pigha2:thank..... :z13:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: chatori ที่ 09-02-2010 10:51:32
 :-[

this couple is sooo cute >w<
thankyu for such a sweet story na ka~
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: Dorumi ที่ 10-02-2010 20:05:48
 :o8: :o8:
ขอบคุณมากเลยจ๊ะ
น้องนนท์น่ารักมากเลย
อ่านไปยิ้มไปตฃอดเลย
ส่วนพี่ต้นก็นะ ได้อีกเยอะ อิอิ
รออ่านเรื่องต่อไปนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 14-02-2010 11:02:54
ชอบอ่ะ น่ารักดี  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: HappyMelon ที่ 15-02-2010 23:30:10
อ่านจบรวดเดียว น่ารักมากเลยค่ะ
น้องนนนี่ น่ารัก มากเลยอ่ะ ดูเหมาะกะพี่ต้นอย่างมาก
ชอบความพยายามของน้องนนท์มากค่ะ
แสดงให้เห็นว่า ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นจริงๆ
ต้องขอบคุณพี่ต้นนะคะ น้องนนท์เค้าถึงเปลี่ยนตัวเองได้ดีมากขนาดนี้  :laugh:
แล้วกว่าจะรักกันได้นี่ ทำเอาคนเชียร์ถึงกับเหนื่อยเลยทีเดียว
แอบสงสารน้องนนท์  :monkeysad: คิดว่าน้องเค้าจะถอดใจซะแล้ว
เกือบจะเชียร์ไปหาคนอื่นแล้วนะพี่ต้น ถ้าช้ากว่านี้
ชอบฉากที่หอมแก้มน้องตอนถ่ายรูปอ่ะ น่าร๊ากกกกกก  :impress2: :impress2:
สุดท้ายก็ได้แต่งงานกัน ดีใจเป็นที่สุดค่ะ ต้ัองขอบคุณคุณแม่ๆทั้งสอง และน้องกิ่ง ด้วยเนอะ
อ้อ ขอบคุณน้องโดม ที่เป็นที่ปรึกษาด้าน... ให้นนท์เค้า ฮ่าๆ
อยากอ่านตอนพิเศษอีก เหอๆ เหมือนจะไม่ทันแล้วเนอะ ตามไปอ่านเรื่องต่อไปดีกว่า
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่ะ  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 15-02-2010 23:34:13
พี่ต้นน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :sad4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 13-03-2010 11:01:09
บ้านนี้น่ารักมากค่ะ  ทั้งแม่ๆทั้งสอง และกิ่งด้วย เชียร์กันเต็มที่เลยเชียว  :m3:

ไอล่ะชอบความพยายามของนนท์จังค่ะ ความพยามยามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นจริงๆ  o13

พี่ต้นนี่โชคดีจังเลยนะ ห้ามทำให้นนท์เสียใจเด็ดขาด o18   หึหึ~ยอมอยู่ล่างซะมั่งก็ได้ หื่นนัก(ล้อเล่นนะ)  :laugh:



 :pig4:   :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: CrazyBoY ที่ 27-03-2010 09:58:35
น่ารักดีนะครับ
อ่านแล้วสนุกมากเลย
ขอบคุณครับ หายเหงาไปเยอะ^____^

 :L2: :L1: :L2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอน ความลับของคุณหนู
เริ่มหัวข้อโดย: ptyunjae ที่ 28-03-2010 19:41:35
ยังอ่านไม่จบแต่ว่ามาแปะโป้งไว้ก่อน
น่ารักจังนายเอกเรื่องนี้ :L2:
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 31-10-2010 01:57:21
นนนี่น่ารัก
พี่ต้นน่า Love
+1
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 12-11-2010 10:41:12
คิดถึงเรื่องนี้ ^^  :z2:
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: pupuzaa ที่ 13-11-2010 20:56:26
อ่านแล้วสนุกดีค่ะ

เรื่องนี้น่ารักมากๆด้วย

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 14-11-2010 14:01:39
เพิ่งอ่านจบค่ะ
สนุกดี :L2:
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: ku_nan_jung ที่ 23-04-2011 03:14:19
น่ารักอ่ะ
เพิ่งอ่านจบ อ่านหน้าแรกเกือบเป็นอาทิตย์
อ่านจบแล้ว มีความสุขมากอ่ะ
เนื้อเรื่องน่ารักมาก สนุกสุดๆ

ชอบอ่ะ อยากอ่านเรื่องต่อไปจัง
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 09-09-2011 05:19:38
ขอบคุณครับสำหรับนิยายดีๆๆ

น่ารักมากกกก   หวานสุดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 10-09-2011 05:52:05
สนุกมากเลยๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: tookta ที่ 10-09-2011 11:38:51
ขอบคุณมากมายจ้า
น้องนนท์ น่ารักน่าหยิกจริงๆเชียว
แถมกล้าเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ขนาดนั้น
เพื่อพิสูจน์กับสิ่งที่ท้าทายตนเอง
สิ่งสำคัญคือ การยอมรับความจริงว่า "รัก" ก็พูดตรงๆ ^^

เรื่องนี้ครบรสจ้า หวาน ฮา เศร้า ซึ้ง เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 10-09-2011 20:43:38
เรื่องนี้สนุกดีค่ะ กุ๊กกิ๊กๆ น่ารักดี

จริงๆเราไม่มีปัญหาอะไรกับการเอานิยายเก่ามาลงใหม่นะ ถ้าขออนุญาตเจ้าของเรื่องถูกต้องแล้ว

แต่อยากให้คนลงละเอียดกว่านี้อีกนิดนึงน่ะค่ะ รู้สึกว่ายังมีจุดที่แก้ชื่อไม่หมดอยู่หลายที่เลย

ทั้ง นัท ต้อล แพง ถ้าแก้ไขได้หมดนี่ก็จะดีมากๆค่ะ

ขอบคุณที่เอาเรื่องสนุกๆมาลงให้อ่านกันนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: azure™ ที่ 11-09-2011 21:51:04
เรื่องนี้น่ารักมากๆเลยครับ อ่านไปเขินไป อ๊ายย คุณแม่ๆนี้ ตัวแม่ของแท้เลยทีเดียว 555

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: Dongmin ที่ 12-09-2011 13:33:12
สนุกมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 11-05-2012 23:05:26
แต่งได้น่ารักมากๆคะ
ทำไมพี่ต้นหื่นจัง อิอิ
แต่ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: shizuruviola ที่ 13-05-2012 00:38:55
สนุกมากครับ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 14-05-2012 07:15:04
อ่านไปยิ้มไป น่ารักกันจริงๆ ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ ให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 14-05-2012 14:50:44
รักกัน งอลกัน ง้อกัน
น่ารักมากมาย :L1:
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: maykiz ที่ 14-05-2012 21:49:57
น่ารักมากๆเลย ขอบคุณมากนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: shogun chai ที่ 16-05-2012 10:43:50
น่ารักมากกกกกกกกกก  :-[
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 24-05-2012 01:49:26
อ่านจบแล้วววววววว
เยอะมากๆ ชอบๆ

พี่ต้นนี่หื่นได้ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-05-2012 14:06:48
พี่ค้นหื่นอะ ฮ่าๆ
จากดูเงียบๆไม่น่าเชื่อเลยว่าจะหื่นได้ขนาดนี้
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 16-08-2012 22:43:04
น่ารักค่ะ ขอบคุณค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: dekthuem ที่ 18-09-2012 22:33:49
น่ารักทั้งสองคู่เลย^^
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-12-2012 09:25:54
ถึงจะนานแล้ว เคยอ่านแล้ว แต่ก็ยังต้องกลับมาอ่านอีก ชอบมากๆ เลยครับ
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 31-12-2012 13:35:07
สนุกมากๆเลย
พี่ต้นหื่นมาก
ชอบแกล้งน้องนนท์
ชอบคุณแก้วมาก
เก่งสมกับเป็นตัวแม่จริงๆเลย
อยากอ่านคู่ของโดมกับเคนจัง
ไม่รู้ว่าคุณมีร์จะแต่งรึป่าว
จะรออ่านเรื่องต่อไปที่นำมาลงนะ
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: nino ที่ 02-01-2013 02:26:51
สวัสดีปีใหม่ครับ

อยากบอกคนเขียนว่า...ยินดีที่ได้อ่านเรื่องนี้ต้นปีใหม่ครับ...สุดยอดดดดดดดดดดดดดด o13
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: archaeoloable ที่ 02-01-2013 21:47:02
น่ารักแม่แก้วนี่สูดยอดดด
หัวข้อ: Re: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 20-03-2024 20:03:43
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)